☁▧☀▧☁ คิด(ไม่)ถึง .. คะนึง(ไม่)หา ☁▨☀▨☁ ๑๘/๖/๖๔ ‡ บทที่ ๓๕ {จบ} หน้า ๑๔
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ☁▧☀▧☁ คิด(ไม่)ถึง .. คะนึง(ไม่)หา ☁▨☀▨☁ ๑๘/๖/๖๔ ‡ บทที่ ๓๕ {จบ} หน้า ๑๔  (อ่าน 35108 ครั้ง)

ออฟไลน์ Keane

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 247
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +192/-0

ออฟไลน์ nightsza

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2035
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +61/-1
สงสารทั้งคู่เลย อย่าบอกนะว่าหาญกับคุณตรีคือคนๆเดียวกัน?

ออฟไลน์ :นางสาวผอบ:

  • ความเคลื่อนไหวในเงามืด
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 189
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +649/-4
บทที่ ๗

เสียงร้องไห้เงียบไปแล้วแต่แรงสะอื้นยังคงอยู่ ณิชไม่ได้ร้องไห้หนักขนาดนี้มานานมากแล้ว จำได้ว่าครั้งล่าสุดที่ร้องไห้ก็ตอนแม่เสีย ตอนนั้นเขาแอบร้องไห้อยู่ในห้องคนเดียว ไม่มีใครกอดปลอบประโลมอย่างตอนนี้ด้วยซ้ำ

หากถามว่าทำไมเขาถึงได้เสียใจกับเรื่องของไอ้หาญนัก เขาก็ไม่สามารถตอบตัวเองได้ ทั้งที่เป็นเพียงแค่ความฝัน ไอ้หาญคือใครก็ไม่รู้ และคุณปราณคือใครก็ไม่รู้ แต่เขากลับรู้สึกไปกับตัวคนทั้งสองได้

“ผมฝันร้าย ขอโทษด้วย คุณคงตกใจ” ณิชผละจากอ้อมกอดอุ่นพร้อมแก้มแดงระเรื่อ เพราะตนไม่เคยแสดงอาการแบบนี้กับใคร ยิ่งกับคนไม่สนิทด้วยแล้วยิ่งแล้วใหญ่ ผู้ชายตัวโตๆ สองคนนั่งกอดกันกลม โดยที่คนหนึ่งร้องไห้สะอึกสะอื้นเหมือนหญิงสาว หากใครมาเห็นคงได้หัวเราะให้

ความอบอุ่นเพียงชั่วครู่หายไปแล้ว แม้จะรู้สึกเสียดายไปสักหน่อย เพราะอกกว้างนี้ให้ความอบอุ่นแบบที่เขาไม่ได้สัมผัสมานานแล้ว แต่ก็ต้องจำยอมปล่อยไป ณิชไม่กล้าสบตาเมื่อออกห่างจากอีกฝ่าย จีรัชญ์ปล่อยให้คนที่ใบหน้าเลอะไปด้วยคราบน้ำตาได้หลบไปเช็ด ท่าทางอีกฝ่ายพอได้สติก็เคอะเขินเขาอยู่ไม่น้อยเลยทีเดียว

“ผมเข้ามาอยู่ในห้องคุณได้ยังไง เท่าที่จำได้คือผมยืนอยู่หน้าห้องคุณ” ณิชเอ่ยถามหลังนึกขึ้นได้ว่าภาพสุดท้ายก่อนจะวูบไปคือยืนอยู่หน้าห้องของจีรัชญ์

“คุณเป็นลมไปคงเพราะไข้เล่นงาน ผมเลยพาคุณเข้ามาในห้อง”

“อ๋อ ให้คนอื่นช่วยกันแบกเข้ามาสินะครับ ผมตัวใหญ่” ณิชต่อประโยคก่อนจะยิ้มแหย รู้สึกเกรงใจที่ตนทำคนอื่นวุ่นวายแบบนี้

“ผมอุ้มคุณเข้ามา...คนเดียว” จีรัชญ์ตอบแค่นั้นก่อนจะลุกไป เขายกถาดอาหารที่เพิ่งไปเอามาเมื่อครู่มาให้ณิช พร้อมยาลดไข้ที่เตรียมไว้พร้อมน้ำอุ่นหนึ่งแก้ว

ณิชอึ้งไปกับคำตอบของอีกฝ่าย ล่าสุดที่เขาวัดส่วนสูงตัวเองตอนตรวจร่างกายประจำปีของบริษัทคือ 182 เซนติเมตร น้ำหนักจัดว่าอยู่ในเกณฑ์ปกติติดว่าผอมไปสักนิดแต่ก็ไม่ได้เก้งก้างเลย เพราะฉะนั้นคนที่จะอุ้มผู้ชายน้ำหนักตัวกว่า 70 กิโลกรัมได้ต้องไม่ใช่คนธรรมดาแล้ว

จีรัชญ์เป็นยักษ์อย่างที่เขาคิดจริงๆ นั่นแหละ รูปร่างสูงใหญ่กำยำอีกทั้งยังแข็งแรง อยากเห็นต้นตระกูลจริงๆ ว่าสืบเผ่าพันธุ์มาจากที่ไหน ทำไมถึงได้แข็งแรงขนาดนี้ ณิชเอ่ยเย้าในใจกับตัวเองจนหลุดยิ้มขำ จีรัชญ์ยืนมองคนที่เดี๋ยวก็ขมวดคิ้ว เดี๋ยวก็ยิ้มและเปลี่ยนไปเป็นหัวเราะ

“ข้าวต้มบ้านผมมีอะไรให้คุณน่าขำ”

“เอ่อ...” ณิชถึงกับไปไม่ถูกเพราะไม่รู้จะบอกอย่างไรว่าตนกำลังนินทาอีกฝ่ายนั่นแหละ เขาจึงยิ้มแหยกลับไปให้เป็นคำตอบก่อนจะลงจากเตียงมานั่งที่โต๊ะเพื่อจะได้ทานข้าวเสียที

ตอนนี้เป็นเวลาสามทุ่มแล้ว เขากำลังนั่งกินข้าวต้มหมูสับที่จีรัชญ์ยกมาให้ โดยเจ้าของห้องก็กลับไปนั่งทำงานตามเดิม สิ่งที่เป็นของล้ำสมัยที่สุดในห้องนี้เห็นทีจะเป็นแลปท็อปยี่ห้อผลไม้ ซึ่งจีรัชญ์กำลังเตรียมการสอนให้กับเด็กนักศึกษาอยู่

ภายในห้องแห่งนี้มีเพียงเสียงพัดลมเพดานให้ได้ยินเบาๆ และเสียงธรรมชาติจากภายนอกที่ลอดผ่านบานมุ้งลวดเข้ามาเท่านั้น เป็นความเงียบสงบยามค่ำคืนของต่างจังหวัดโดยแท้จริง ณิชนั่งอยู่ข้างหน้าต่าง ผลสืบเนื่องมาจากฝนที่เทกระหน่ำไปเมื่อช่วงกลางวันทำให้มีลมพัดเบาๆ พอให้รู้สึกว่าอากาศคืนนี้คงจะหนาวเย็นดังเช่นเคย กลิ่นหอมอ่อนๆ ของดอกพุดน้ำบุษย์ยังคงทำให้เขาผ่อนคลายได้เสมอ

ณิชใช้เวลาระหว่างละเลียดทานข้าวต้มนี้มองสำรวจไปรอบห้องของจีรัชญ์อย่างละเอียดอีกครั้ง รูปถ่ายสักรูปที่ใส่กรอบไว้ไม่มีให้เห็นเลย เรียกได้ว่าไม่มีอะไรบ่งบอกถึงตัวตนของผู้ชายคนนี้ แม้แต่ใบปริญญาสักใบก็ไม่มี ณิชลอบมองเสี้ยวหน้าเจ้าของวังปริพัตร หากคนที่อยู่ในฝันเขาคือหาญที่เป็นบรรพบุรุษของจีรัชญ์ ถ้าเช่นนั้นหาญต้องการจะบอกอะไรเขา

“คุณจีรัชญ์” ณิชลองเรียกอีกฝ่ายดู เพราะความเงียบของห้องนี้แม้ไม่ได้อึดอัดแต่ก็ติดจะเงียบไปสักหน่อย หยิบยกเรื่องราวมาพูดคุยกันคงดีกว่า

“ครับ” จีรัชญ์ขานรับก่อนจะเงยหน้าขึ้นจากกองหนังสือและงานที่ทำอยู่ เขาหันมองคนที่กำลังนั่งกินข้าวต้มอยู่ที่ริมหน้าต่าง ใบหน้าที่ซีดเซียวก่อนหน้านี้ดีขึ้นบ้างแล้ว สื่อว่าเจ้าตัวคงไม่เป็นลมล้มพับไปอีกรอบแน่ๆ

“คุณเคยเชื่อเรื่องความฝันไหม”

จีรัชญ์เผลอสูดหายใจผิดจังหวะทันทีเมื่อได้ยินณิชถามจบ เขาไม่รู้เลยว่าณิชจะมาไม้ไหน หรือเหตุการณ์ระหว่างเขาทั้งสองจะเป็นไปอย่างไร เขารู้เพียงแต่จุดจบของมันเท่านั้น จุดจบที่ไม่เคยสวยงาม

“คุณฝันอะไรล่ะ” เขาเลี่ยงตอบด้วยการถามกลับ

“ผมอยู่กับความฝันแปลกๆ มาร่วมเดือนแล้ว ฝันถึงเรื่องราวของคนสองคนที่ผมไม่รู้ว่าเขาคือใคร ตอนแรกผมก็ไม่ได้คิดอะไรแต่มันชักบ่อยขึ้น และเมื่อกี๊...ผมรู้สึกเจ็บปวดกับเหตุการณ์ในฝันนั้นราวกับตัวเองอยู่กับพวกเขาด้วย”

ณิชพูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบ แต่เมื่อนึกไปถึงเรื่องราวในฝันแล้วสีหน้าก็สลดลง หากจะพูดให้ถูกคือเขาอยู่กับความฝันย้อนอดีตแบบนี้มาหลายปีแล้ว แต่ปีนี้เขาฝันติดต่อกันแทบทุกคืน ซึ่งมันไม่ใช่เรื่องปกติอย่างที่มิ้งบอก จากที่ไม่ใส่ใจในตอนแรกแต่ค่อยๆ ผูกพันกับเรื่องราวในความฝันมากยิ่งขึ้น จนความฝันครั้งล่าสุดและรอยแผลเป็นของจีรัชญ์เป็นตัวกระตุ้นว่าเขาไม่ควรนิ่งนอนใจได้แล้ว

“ผมฝันเห็นคนหน้าคล้ายคุณ มันแปลกไหมล่ะ ตอนแรกผมคิดว่าเพราะเจอหน้าคุณเลยหลอนไปเอง แต่นับวันมันยิ่งชัดขึ้น” สายลมวูบหนึ่งพัดเข้ามาหอบเอากลิ่นพุดน้ำบุษย์มาให้ได้ผ่อนคลายอีกครั้ง ณิชหลับตาสูดกลิ่นหอมนี้ไปพักหนึ่ง ใบหน้ามีรอยยิ้มอ่อนๆ แต้มไว้ จีรัชญ์นั่งมองคนที่เผลอหลับตาพริ้ม หัวใจเขาปวดหนึบจนเจ็บไปทั่วอก แต่กระนั้นก็ยังยิ้มตามรอยยิ้มสวยนี้

“ผมฝันเห็นบ้านเรือนไทยแบบในภาพวาดของคุณ แต่ก็นะ...บ้านเรือนไทยไหนๆ ก็เหมือนกัน” ณิชพูดก่อนจะยิ้มขำ “แต่ที่ทำผมสงสัยคือคนในฝันที่หน้าคล้ายคุณ ป้าแจ่มบอกว่าคุณหน้าเหมือนบรรพบุรุษชื่อท่านหาญ เป็นชื่อเดียวกับคนที่อยู่ในฝันของผมเลย คือ...ผมก็ไม่ได้จำสิ่งที่อยู่ในฝันแม่นนักหรอก แต่มันก็เห็นว่าคล้ายนะ ผมคิดว่าบางทีหากมีคนที่ไม่มีชีวิตแล้วมาเข้าฝัน อาจหมายความว่าเขากำลังต้องการความช่วยเหลือ”

“คุณต้องการจะพูดอะไร” จีรัชญ์ถาม เขาเห็นว่าณิชดูจะพูดกับตัวเองมากกว่าจะพูดกับเขา

“ผมอยากทราบว่าคุณพอจะมีรูปถ่ายของท่านไหม ผมไม่อยากคิดว่าตัวเองบ้าไปคนเดียว” ณิชไม่อ้อมค้อมอีกต่อไป

คราวนี้จีรัชญ์เงียบไปนาน เขากำลังชั่งใจว่าจะตอบอีกฝ่ายไปว่าอย่างไรดี เรื่องรูปถ่ายเขาจำได้ว่าเผลอทำตกให้ป้าแจ่มเห็นเมื่อนานมาแล้ว เพราะตอนนั้นกำลังหาหนังสือเพื่อจะเอาข้อมูลไปประกอบการสอนพอดี และป้าแจ่มเข้ามาจัดห้องให้ หญิงชราบอกว่าเขาหน้าเหมือนบรรพบุรุษ ซึ่งเธอก็เดาเอาเองว่านั่นคือทวดที่เป็นบรรพบุรุษของเขาเอง เพราะรูปถ่ายที่ได้เห็นเก่าจนซีดเหลือง อีกทั้งเป็นขาวดำดูก็รู้ว่าไม่ใช่รูปถ่ายสมัยนี้แน่ๆ และที่ป้าแจ่มมั่นใจว่านั่นคือบรรพบุรุษของเขาเพราะใบหน้าที่ละม้ายคล้ายคลึงกัน

“แล้วทำไมคุณไม่ถามคนในฝันของคุณเองว่าเขาเป็นใคร และต้องการอะไรจากคุณ” จีรัชญ์ย้อนถามกลับ หากณิชค่อนข้างแน่ใจว่าเรื่องที่ตัวเองฝันว่าเป็นอดีตของใครสักคน ทำไมถึงไม่ถามไปเลยว่าฝ่ายนั้นต้องการอะไร

“ผมถามไม่ได้” ณิชเงียบไปก่อนจะหลบสายตา

เนื่องจากเรื่องราวในฝันที่ดำเนินไปเป็นเหมือนเหตุการณ์ที่เคยเกิดขึ้นแล้วทั้งหมด และสิ่งหนึ่งที่เขาเพิ่งรู้ตอนตื่นนี้ก็คือความรู้สึกที่เหมือนกับตัวเองเข้าไปอยู่ในฝัน ไม่ใช่เป็นบุคคลที่สามที่ยืนมองเรื่องราวต่างๆ แต่มันรู้สึกราวกับเขาคือคุณปราณเสียเอง ตอนตกน้ำใจเขากลัวจนไขว่คว้าไปทั่วเพราะไม่มีหลักยึดเกาะ รู้สึกถึงก้านบัวที่โรมรันพันเท้าจนก้านมันบาดเข้าให้ แต่ชั่ววินาทีที่ไอ้หาญช่วยคุณปราณไว้ได้ตัวเขารู้สึกดีใจเป็นอย่างมาก ยังรับรู้ถึงแรงกอดรัดจากตัวอีกฝ่ายที่บ่งบอกว่าไอ้หาญมันจะไม่ปล่อยให้คุณปราณเป็นอะไรไปอย่างแน่นอน

เหตุการณ์มันเหมือนกับวันนั้น วันที่เขาตกลงไปในสระบัวที่นี่แล้วจีรัชญ์เข้ามาช่วย แวบแรกที่เขานึกได้มันเหมือนวินาทีนั้นไม่มีผิด

“ทำไม” น้ำเสียงจีรัชญ์เข้มขึ้นมาเล็กน้อย สายตาคมดุจ้องเขม็งรอคำตอบ เขาลุ้นว่าณิชจะจำเรื่องราวของคนได้ในฝันได้ แต่ไม่ใช่แค่จำได้แค่ที่ฝันเห็น แต่จำเรื่องราวได้ทั้งหมดเหมือนที่เขาจำได้ไม่เคยลืม

“คุณห้ามด่าว่าผมบ้านะ” ณิชบอกพร้อมสบตาของอีกฝ่ายที่เหมือนกับคนคิดอะไรอยู่ ซึ่งฝ่ายนั้นไม่มีหลบสายตาเขาเลย

“ผมคิดว่าตัวเองคือคนในฝัน”

“คุณคือคนชื่อหาญน่ะเหรอ ชื่อนี้คุณละเมอออกมาเมื่อกี๊”

“ไม่ใช่ ไม่ใช่หาญแต่เป็น...คุณปราณ คุณปราณลูกท่านออกญาศรีรัตนกร”

พรึบ!

ไฟดับทันทีที่ณิชพูดจบ ชายหนุ่มเมืองกรุงสะดุ้งตกใจหันไปมองรอบๆ โดยที่ไม่รู้เลยว่าคนที่ตนกำลังพูดด้วยตอนนี้เจ็บปวดทรมานราวกับโดนของร้อนทาบหลัง จีรัชญ์กัดฟันข่มความเจ็บนี้ไว้จนเกร็งไปทั้งร่าง เส้นเอ็นที่คอปูดนูนบ่งบอกถึงความอดทนที่กำลังจะใกล้ถึงขีดสุด

พรึบ!

ไฟติดขึ้นมาอีกครั้ง ซึ่งนับว่าเป็นโชคดีที่ดับไปไม่นาน จีรัชญ์นั่งในท่าปกติราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น ณิชหันกลับมามองคนที่นั่งอยู่ตรงโต๊ะทำงาน ฝ่ายนั้นยังคงเงียบเหมือนเดิม ไม่ได้บอกว่าเขาเป็นบ้าแต่อย่างใด แต่ก็ไม่รู้ว่ามีความคิดเห็นเช่นไรกับสิ่งที่เขาบอกไป

ทั้งห้องตกอยู่ในความเงียบ สายลมพัดผ่านความเย็นเข้ามาจนณิชขนลุกเกรียว ฟ้าแลบจากที่ไกลๆ ส่องแสงสว่างวาบบนท้องฟ้าสีดำสนิท ดูท่าคืนนี้ฝนจะตกซ้ำอีกครั้ง

“คุณรีบกินข้าวให้เสร็จแล้วทานยาให้เรียบร้อยเถอะ เป็นไข้อยู่ก็ควรพักผ่อนให้มาก” จีรัชญ์พูดตัดบทราวกับเรื่องที่ณิชพูดเมื่อครู่ไม่มีผลต่อเขา อีกฝ่ายที่โดนเจ้าของห้องไล่กลายๆ ยอมล่าถอย เพราะอาการคัดจมูกและมึนหัวกำเริบอีกแล้ว เขากินข้าวต้มต่ออีก 2-3 คำก็วางช้อนและกินยา ก่อนจะขอตัวกลับห้องตัวเองโดยมีสายตาจีรัชญ์มองตามเท่านั้น

หลังจากประตูปิดสนิทจีรัชญ์ลุกไปปิดล็อกกลอนให้เรียบร้อย เพื่อให้มั่นใจว่าจะไม่มีใครแอบเข้ามาในห้องเขากลางดึก ก่อนจะทรุดตัวนั่งที่เตียงพร้อมสีหน้าเหยเกเพราะความเจ็บปวด แผ่นหลังที่เต็มไปด้วยรอยแผลเป็นบัดนี้มีเลือดซึมออกมาตามรอยแผล เขาถอดเสื้อทิ้งเพื่อไม่ให้มันเลอะเลือด นั่งรอสักพักความเจ็บปวดก็ค่อยๆ เบาบางลงจนหายไปในที่สุด ทิ้งไว้แค่รอยเลือดซึมเท่านั้นเขาจึงต้องเข้าไปอาบน้ำอีกรอบ

‘จะฝืนตัวเองไปไย ปล่อยไปมันก็ไม่มีอะไรดีขึ้น’ แว่วเสียงลอยเข้ามาให้ได้ยินอีกครั้ง มาพร้อมกับลมดังเช่นเดิม ในน้ำเสียงแฝงไปด้วยความห่วงใย

จีรัชญ์หัวเราะในลำคอทั้งที่ไม่ได้รู้สึกขำเลยสักนิด เขารู้สึกสมเพชชะตาชีวิตของตนเองมากกว่าที่ต้องมาพบเจอเรื่องราวแบบนี้

:::::::::::::

วันรุ่งขึ้นจีรัชญ์ลงมาทานมื้อเช้าตามปกติ ณิชและมิ้งก็เช่นกัน เพียงแต่ณิชดูจะป่วยหนักกว่าเดิมเพราะเสียงอู้อี้และการเผลอเอามือเท้าหัวบนโต๊ะอาหาร ดูท่ายาที่กินไปเมื่อคืนจะไม่ได้ช่วยอะไรมากนักแลยมีอาการแย่ลงกว่าเดิม

“วันนี้ถ้าคุณไม่ไหวก็พักก่อน เดี๋ยวผมจะคุมช่างเอง”

“ไม่เป็นไรครับ ผมไหว”

“ผมไม่เพิ่มเบี้ยขยันให้คุณหรอกนะ” ชายหนุ่มพูดพร้อมปรายตามองคนป่วย แต่ณิชไม่สนใจยังคงกินมื้อเช้าของตัวเองต่อไป แต่ก็คงจะหยุดกินในไม่ช้านี้เพราะไม่มีความรู้สึกอยากอาหารเลยสักนิด

“คุณตรีไม่ต้องห่วงหรอกค่ะ พี่ณิชถึกจะตายไม่เป็นอะไรง่ายๆ หรอก เรื่องหวัดแค่นี้จิ๊บๆ ว่าแต่เรื่องเมื่อวานคุณตรีจะไม่แจ้งตำรวจเหรอคะ” อดถามถึงเรื่องนี้ไม่ได้ ถ้าเป็นเธอคงจะไปหาตำรวจก่อนเป็นอันดับแรก จะเอาไอ้คนพวกนั้นเข้าคุกให้หมด

“คงจะไปวันนี้ครับ คุณณิช...คุณต้องไปกับผมด้วยนะ” จีรัชญ์หันไปมองณิช อีกฝ่ายพยักหน้ารับเบาๆ ก่อนจะตักข้าวต้มกุ๊ยกินคู่กับเต้าหู้ยี้ที่มีส่วนผสมของเต้าเจี้ยวและผักกาดดอง

ช่วงกลางวันสุทินก็มาพร้อมรถยกที่จะเอารถของจีรัชญ์ไปซ่อม เขากับณิชติดรถสุทินไปแจ้งความโดยไม่ลืมถ่ายรูปรถไปด้วย เมื่อเสร็จธุระที่สถานีตำรวจเสร็จสุทินต้องรีบไปทำงานต่อ จีรัชญ์จึงต้องเรียกแท็กซี่กลับกับณิชสองคน



ออฟไลน์ :นางสาวผอบ:

  • ความเคลื่อนไหวในเงามืด
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 189
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +649/-4


สายฝนโปรยปรายลงมาอีกครั้ง ตกกระทบบานหน้าต่างของรถแท็กซี่เม็ดใหญ่ก่อนจะกลายเป็นห่าฝนในที่สุด ณิชกอดตัวเองเมื่อรู้สึกถึงความหนาวเย็น เนื่องจากข้างนอกอากาศเย็นอยู่แล้วพอได้แอร์ในรถแท็กซี่เลยยิ่งหนาวมากกว่าเดิม

“ไปหาหมอสักหน่อยไหม อาการคุณดูแย่ลง” จีรัชญ์พูดด้วยความเป็นห่วงเมื่อเห็นว่าใบหน้าเรียวของอีกฝ่ายซีดเซียวลงกว่าเดิม ปากอิ่มนั้นแดงจัดเพราะพิษไข้เล่นงาน ท่าทางดูเพลียจนแทบจะหลับเสียด้วยซ้ำ แต่เจ้าตัวก็ยังฝืนเปลือกตาเอาไว้

“เดี๋ยวกลับไปกินยาซ้ำก็คงดีขึ้นแล้วครับ ไม่ต้องไปหาหรอก”

“แต่หน้าคุณซีดมาก” จีรัชญ์อดห่วงไม่ได้ ณิชทำเพียงยิ้มให้บางๆ จีรัชญ์ถือวิสาสะยกมือขึ้นแตะหน้าผากอีกฝ่ายเพื่อวัดอุณหภูมิ ปรากฏว่าณิชตัวร้อนจัดจนเขาไม่อาจวางใจได้ ชายหนุ่มจึงสั่งให้แท็กซี่พาไปยังคลินิกสักแห่งเพื่อให้หมอตรวจดูอาการณิชสักหน่อย ดีกว่าปล่อยให้นอนซมแล้วเป็นไข้สูง ถึงตอนนั้นเขาคงช่วยอะไรไม่ได้มากนอกจากหามส่งโรงพยาบาล

แต่เขาก็ไม่อยากให้ณิชเป็นถึงขั้นนั้น ทางที่ดีอย่าให้คนคนนี้เป็นอะไรไปเลยดีกว่า

“ผมไม่เป็นอะไรจริงๆ ครับ กลับกันเถอะครับ” ณิชยังคงรั้นไม่ยอมลงจากรถเพื่อจะได้ไม่ต้องเข้าไปหาหมอ จีรัชญ์ถอนหายใจกับความดื้อรั้นนี้จนอยากใช้กำลังกับอีกฝ่าย

“เกิดคุณช็อกขึ้นมางานที่บ้านของผมก็ไม่เสร็จ ล่าช้าออกไปอีก คุณจะทำยังไง” ณิชเงียบไปเมื่อจีรัชญ์เอางานที่ณิชรักขึ้นมาอ้าง เขายอมพยักหน้าบอกไปก็ไปก่อนจีรัชญ์จะลงไปก่อน ยืมร่มของคนขับแท็กซี่มาใช้ เขาบอกให้จอดรถรอก่อนและเปิดมอเตอร์ไว้เลย เพราะเดี๋ยวเสร็จจากนี้จะได้ไปส่งพวกเขาที่วังปริพัตรต่อ

จีรัชญ์โอบอีกฝ่ายเข้ามาแนบตัว เพราะร่มมีขนาดกลางไม่ใหญ่นัก การจะกางให้ผู้ชายสองคนอยู่ภายใต้ร่มคันเดียวกันจึงทุลักทุเลพอสมควร ยิ่งณิชไม่สบายด้วยแล้วไม่ควรจะถูกฝนเป็นอย่างยิ่ง จีรัชญ์จึงยิ่งกระชับกอดมากยิ่งขึ้น

หนุ่มเมืองกรุงแก้มขึ้นสีเมื่อความใกล้ชิดที่แนบแน่นทำเขาหวั่นไหว จีรัชญ์กอดเขาไว้หลังจากปิดประตูรถก่อนจะพาเดินเข้าไปในคลินิก เมื่ออีกฝ่ายปล่อยแล้วเขาจึงได้รับรู้อุณหภูมิที่แท้จริงของคลินิกในทันที มันหนาวจนต้องกอดตัวเอง

จีรัชญ์พาณิชไปแจ้งชื่อและตอบประวัติกับเจ้าหน้าที่หน้าห้อง จากนั้นก็นั่งรอเรียกเข้าห้องตรวจ ชายหนุ่มนั่งรอด้วยความใจเย็น ส่วนณิชนั้นนั่งตัวสั่นเพราะความหนาวอยู่ใกล้กัน

“เดี๋ยวผมมา” จีรัชญ์หันมาบอกก่อนจะลุกเดินออกจากคลินิกไป ก่อนไปไม่ลืมกำชับกับเจ้าหน้าที่สาวด้วยว่าฝากดูแลณิชด้วยเพราะอีกฝ่ายเป็นไข้สูง

หลังจากจีรัชญ์ออกไปไม่นานณิชก็โดนเรียกเข้าห้องตรวจ ใช้เวลาในการซักถามอาการและให้คุณหมอตรวจไม่นานก็พบว่าเขาเป็นไข้หวัด อาจเกิดจากการพักผ่อนไม่เพียงพอรวมไปถึงอากาศที่แปรปรวนนี้ร่วมด้วย ส่วนคนที่ขอตัวออกไปก่อนกลับมาอีกครั้งพร้อมกับเสื้อแขนยาวลายทางหลายตัว

“ผมหาซื้อเสื้อหนาๆ แบบเสื้อกันหนาวไม่ได้ คุณใส่เสื้อแขนยาวพวกนี้ซ้อนหลายตัวไปก่อนจะช่วยบรรเทาความหนาวได้ ผมซื้อมาตัวใหญ่คุณใส่ได้แน่นอน” ความห่วงใยของเจ้าของวังปริพัตรคนปัจจุบันทำณิชตื้นตันใจ มันเป็นการกระทำที่ไม่เล็กน้อยเลยสำหรับเขา การที่อีกฝ่ายทำแบบนี้ให้มันแสดงถึงความเอาใจใส่ที่หาได้ยากมากสำหรับคนที่เพิ่งรู้จักกัน ณิชเผลอยิ้มออกมาไม่รู้ตัวก่อนจะรับเสื้อแขนยาวลายทางและอีกหลายลายมาใส่ จนท้ายสุดตัวเขาดูอวบอ้วนขึ้นมาในทันที

“ขอบคุณครับ” ณิชกล่าวขอบคุณ ยิ่งนานวันเขายิ่งรู้สึกว่าจีรัชญ์ค่อยๆ เปิดใจให้เขาทีละน้อย จากที่มึนตึงใส่ในช่วงแรกเพราะความรู้สึกแรกที่อีกฝ่ายมีให้เขาไม่ค่อยดีเท่าไหร่นัก แต่พักหลังมานี้จีรัชญ์ดีกับเขามาก

พวกเขากลับมาถึงวังปริพัตรในเวลาต่อมา จีรัชญ์จ่ายเงินค่าแท็กซี่ให้เรียบร้อยและบอกณิชว่าอย่าเพิ่งลงก่อน เขาจะอ้อมไปอีกฝั่งของประตูพาเจ้าตัวออกมาเอง และเมื่อเข้าไปในตัวคฤหาสน์ได้ป้าแจ่มที่รอท่าอยู่แล้วกุลีกุจอมาหา ถามไถ่ขึ้นทันทีว่าณิชเป็นอะไรทำไมต้องใส่เสื้อเสียหลายชั้น

“พอดีอาการไข้ผมกำเริบครับ คุณจีรัชญ์เลยไปหาซื้อเสื้อมาใส่แก้หนาว” เมื่อทุกคนได้ฟังจึงแยกย้าย คนป่วยที่ดื้อดึงจะไปดูงานกับช่างก่อนทำให้จีรัชญ์ปรามไม่ได้ เขาจึงต้องตามไปดูงานด้วย

ตอนนี้งานในส่วนของห้องแรกดำเนินไปกว่า 30 % แล้ว ถือว่าเร็วพอสมควร จีรัชญ์ยืนคุยกับช่างแต่หางตาก็ยังพะวงหาคนที่กำลังยืนคุยกับมิ้งอยู่ เมื่อคุยกับช่างจรูญเสร็จจีรัชญ์ก็ตรงเข้าไปหาชายร่างสูงโปร่งที่ยังคงใส่เสื้อแขนยาวที่เขาซื้อให้อยู่

“หมดเวลาของคุณแล้ว ขึ้นไปพักเถอะ ตรงนี้คุณมิ้งกับผมจะจัดการต่อเอง” เพราะเขาได้ยินหญิงสาวออกปากไล่ให้รุ่นพี่ของเธอไปพักแล้ว แต่ณิชยังคงดื้อดึงที่จะทำงานเขาจึงต้องออกโรงแทน ณิชทำหน้าเสียดายก่อนจะเดินขึ้นห้องตัวเองไป

ตกเย็นจีรัชญ์ถามหาณิชกับป้าแจ่มเพราะหลังจากคุมงานได้ราวๆ ชั่วโมงเขาก็ขึ้นมาทำงานตัวเองต่อ ปล่อยให้มิ้งทำหน้าที่ของเธอต่อไป

“คุณณิชยังไม่ออกมาจากห้องเลยค่ะ เมื่อสองชั่วโมงก่อนป้าไปเคาะห้องถามอาการแล้วคุณณิชบอกว่าจะขอนอนสักหน่อยค่ะ” ป้าแจ่มบอกพร้อมกับหยิบแก้วกระเบื้องที่เข้าชุดกันกับจานรองออกไป เธอเปลี่ยนจากกาแฟมาเป็นชาให้จีรัชญ์แทนเพราะเกรงว่าหากดื่มกาแฟตอนนี้ ตอนกลางคืนจะข่มตานอนไม่หลับ

จีรัชญ์ลุกขึ้นยืดเส้นยืดสายเล็กน้อยพอให้กระดูกลั่น ก่อนจะเดินออกจากห้องทำงานไปห้องของณิช เคาะประตูสองสามครั้งอีกฝ่ายก็ไม่ตอบ ลองหมุนลูกบิดดูปรากฏว่าไม่ได้ล็อก เขาเปิดประตูเข้าไปเห็นคนป่วยนอนซมอยู่บนเตียง เสื้อแขนยาวสามตัวที่เขาซื้อให้ถอดพาดอยู่บนเก้าอี้ตรงโต๊ะทำงาน บนโต๊ะมีเอกสารแบบแปลนและสมุดจดของเจ้าตัววางระเกะระกะ สื่อให้รู้ว่าตอนที่เขาสั่งอีกฝ่ายให้ขึ้นมาพักณิชไม่ได้พักจริงอย่างที่คิด จะมาหลับก็คงตอนที่ป้าแจ่มเคาะประตูเรียกนั่นแหละ

“หาญ...”

เสียงเรียกชื่อแผ่วเบาจากริมฝีปากอิ่มที่แดงจัด ลูกตาภายใต้เปลือกตาที่ปิดสนิทขยับไปมาเร็วๆ จีรัชญ์เดินเข้าไปดูตรงข้างเตียงก่อนจะทรุดนั่งลง มองคนที่กำลังหลับและคงฝันถึงคนชื่อหาญอยู่ ท่าทางคนป่วยดูลุกลี้ลุกลนจนเขาต้องจับมือไว้

“หาญ...”

เป็นอีกครั้งที่ได้ยินจากปากนี้ จีรัชญ์กุมมือร้อนของอีกฝ่ายไว้แล้วลูบเบาๆ เป็นการปลอบประโลม แต่เมื่อรู้สึกว่าตัวคนป่วยยังคงร้อนอยู่เขาจึงผละออกไปเอาผ้าชุบน้ำเพื่อมาเช็ดตัวให้

เขาถอดเสื้อของณิชออก ผ้าห่มที่เจ้าตัวห่มบรรเทาความหนาวถูกตวัดออกไป เขาค่อยๆ ไล่เช็ดตัวแบบย้อนขนขึ้นไปเพื่อระบายความร้อนออกจากตัวณิชให้มากที่สุด เสียงพึมพำของคนไข้ฟังไม่ได้ศัพท์ ณิชพยายามยื้อตัวหนีเมื่อรู้สึกหนาวจนสั่นแต่เขาก็ยังคงทำต่อไป

ก๊อกๆๆ

“อ้าว! คุณตรีอยู่ที่นี่เหรอคะ” มิ้งเอ่ยถามด้วยความตกใจเมื่อเห็นจีรัชญ์เปิดประตูห้องของณิช เธอมองผ่านไปยังรุ่นพี่ของตนที่นอนซมอยู่บนเตียงไม่ได้สติ ก่อนจะเดินไปวางถาดอาหารบนพื้นที่ว่างบนโต๊ะอาหาร

“ถึงว่าทำไมไม่เจอคุณตรีที่โต๊ะอาหาร แล้วนี่พี่ณิชเป็นยังไงบ้างคะ” หญิงสาวถามแล้วเดินเข้าไปดูณิชใกล้ๆ แตะๆ คลำๆ ไปบนแขนของอีกฝ่ายเพื่อดูอุณหภูมิ แต่เห็นว่าอุ่นๆ ไม่ร้อนนักจึงวางใจ

“ผมเพิ่งเช็ดตัวให้ แต่ผมไม่มีที่วัดไข้เลยไม่รู้ว่าตอนนี้ในร่างกายเขาอุณหภูมิเท่าไหร่ แต่ก็ดีขึ้นกว่าเมื่อกี๊มากครับ”

“ขอบคุณคุณตรีมากนะคะที่มาช่วยดูแลพี่ณิช เมื่อกี๊หนูกินข้าวอยู่ว่าจะขึ้นมาดูหลังกินข้าวเสร็จ” มิ้งพูดอย่างรู้สึกผิดที่ทิ้งพี่ชายที่สนิทนอนซมเป็นไข้อยู่คนเดียว

“ไม่เป็นไรครับ นี่ได้เวลายาตอนเย็นแล้ว ปลุกเขาให้ตื่นมาทานข้าวทานยาเถอะครับ”

มิ้งปลุกให้ณิชขึ้นมากินข้าว ครั้งนี้ไม่ใช่ข้าวต้มแต่เป็นข้าวสวยกับแกงจืดหมูสับใส่สาหร่าย เอาน้ำซุปแกงจืดราดลงบนข้าวให้เลนสักหน่อยก็พอกินได้ไม่ฝืดคอคนป่วยนัก มิ้งอาสาป้อนให้ซึ่งณิชปฏิเสธบอกว่ายังพอมีแรงกินเองได้ ส่วนจีรัชญ์ก็ออกไปทานมื้อเย็นของตัวเองแล้ว

หลังจากกินข้าวกินยาเสร็จณิชก็หลับไปอีกครั้ง เมื่อดูแน่ใจแล้วว่ารุ่นพี่ของตนไม่เป็นอะไรแล้วมิ้งจึงกลับห้อง แต่ไม่ได้ล็อกประตูห้องไว้เพราะคิดว่าเดี๋ยวจะมาดูอาการณิชก่อนเข้านอน เธอชอบนอนดึกอยู่แล้วแวะเข้ามาดูอาการของคนป่วยได้สบายๆ

นาฬิกาตั้งพื้นแบบโบราณตีบอกเวลาสามทุ่มแล้ว จีรัชญ์ที่หลังจากทานมื้อเย็นเสร็จก็ขลุกตัวอยู่ในห้องทำงานต่อจนรู้สึกล้าไปหมดจึงพักงานไว้ เขาลุกขึ้นแล้วเดินออกจากห้องไป ไม่ลืมปิดประตูห้องทำงานให้เรียบร้อยด้วย แต่ก่อนจะเข้าห้องนอนของตนเองเขากลับเดินไปทางห้องของณิชก่อน เป็นห่วงอีกคนที่ไม่รู้ป่านนี้อาการจะดีขึ้นหรือยัง

แอด

จีรัชญ์เปิดประตูเข้าไปช้าๆ เพราะกลัวว่าเสียงดังจะทำให้คนที่ควรพักผ่อนตื่น แสงไฟจากหัวเตียงที่คาดว่ามิ้งเปิดไว้ให้ มันกำลังส่องแสงสว่างพอให้เห็นว่าคนที่อยู่บนเตียงกำลังหลับอยู่ จีรัชญ์เดินผ่านไปทางหน้าต่าง ข้างนอกมีฝนตกโปรยปรายลงมาแต่ไม่หนักอย่างเช่นเมื่อกลางวัน ม่านพลิ้วไหวตามแรงลมดังเช่นเคย แม้จะมีมุ้งลวดกันพวกยุงและแมลงหรือสัตว์มีพิษต่างๆ แต่แรงลมก็ยังลอดเข้ามาได้อยู่ดี

“นั่นหาญเหรอ”

เสียงทักจากทางด้านหลังทำให้จีรัชญ์ต้องหันกลับไปมองคนที่นอนอยู่บนเตียง ใจเขาเต้นรัวในอกแทบหลุดกระโจนออกมาข้างนอก ก่อนประโยคต่อมาจะทำให้เขาตัวชาวาบไปทั้งร่าง

“หาญ...ข้าหนาวเหลือเกิน”

จีรัชญ์สาวเท้าเข้าไปใกล้ ณิชกำลังกึ่งหลับกึ่งตื่น แต่ดูท่าจะละเมอมากกว่าจะเห็นเขาเป็นใครคนนั้นที่ตนพูดชื่อออกมา แต่จังหวะที่เขากำลังจะจากไปอีกฝ่ายกลับคว้ามือเขาไว้ได้ แรงดึงรั้งไม่ได้มากไปกว่าแรงจับแต่กลับหยุดเท้าให้เขายืนอยู่กับที่ ความอุ่นของฝ่ามือทำให้เขาเผลอจับกระชับมือเรียวไว้ ก่อนจะหย่อนกายสูงใหญ่ของตนนั่งลงบนเตียง

ณิชปรือตามองคนที่ตัวเองเห็นในสายตาพร่าเบลอ เหมือนไอ้หาญของคุณปราณไม่มีผิด ใบหน้าที่เขาได้เห็นในฝันกลับมาอยู่ตรงหน้าราวกับหลุดออกมาจากความฝันของเขาได้ จนเผลอคิดไปว่าตนเองคือคุณปราณผู้ที่ได้ครองใจไอ้หาญคนซื่อคนนี้

“นอนเถอะ คุณต้องพักเยอะๆ” จีรัชญ์ลูบหัวปลอบอีกฝ่ายให้หลับลงอีกครั้ง จะได้ไม่ละเมอเพ้อไปให้เขาใจสั่นอีก แต่อีกฝ่ายกลับเอียงหน้าเข้าหาฝ่ามือใหญ่ที่หยาบกร้าน หลับตาพริ้มแล้วขยับเอาแก้มถูกับฝ่ามือเขาเบาๆ เหมือนออดอ้อน

“หนาว...กอดหน่อยได้ไหม” ดูเหมือนณิชจะละเมอไปไกล ยิ่งท่าทางของอีกฝ่ายที่ดูไม่เหมือนตอนปกติยิ่งทำให้จีรัชญ์หนักใจกับสิ่งที่เป็นอยู่ แม้สมองจะสั่งการมากแค่ไหนว่าอย่าเข้าใกล้ณิชเกินความจำเป็น แต่ท้ายสุดเขาก็แพ้ท่าทางออดอ้อนเสียทุกทีไป

จีรัชญ์ขยับขึ้นไปนั่งเอนหลังพิงหัวเตียง เพียงเท่านี้ณิชก็หันมาซุกที่ตัวเขา หลับตาพริ้มเข้าสู่ห้วงนิทราไปอีกครั้งด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม อาการหนาวที่อีกฝ่ายร้องบอกถูกบรรเทาด้วยอ้อมกอดจากเขา จีรัชญ์ก้มมองหน้าคนป่วยที่ตอนนี้ดีขึ้นสักหน่อยแล้ว อาการตัวร้อนก็คงที่ไม่ได้ร้อนจัดอย่างก่อนหน้านี้

ดวงตาคมสวยบัดนี้เอ่อคลอยามนึกถึงเรื่องราวที่ผ่านมา ไม่ใช่ไม่รัก แต่เพราะต้องห้ามใจไม่ให้รักมันจึงทรมานกว่าเป็นไหนๆ ยิ่งได้พบเจอ ได้อยู่ใกล้ ยิ่งต้องห้ามใจเพราะไม่อยากเจ็บปวดอีกแล้ว แต่เพราะโชคชะตาเล่นตลกทำให้ทุกอย่างต้องเป็นแบบนี้ คนสองคนที่ออกห่างกันได้แต่ใจกลับผูกกัน คนหนึ่งรอคอยแต่อีกคนกลับจางหายไปพร้อมถ้อยคำรัก

เขาลูบหัวณิชเบาๆ เป็นการกล่อมให้อีกฝ่ายนอนฝันดี แต่เพราะความโหยหาที่ถูกเก็บกดมานานเหลือเกิน หลายคำห้ามที่พร่ำสะกดจิตตัวเองมาเสมอมันกำลังถูกใจเขาปัดทิ้งออกไป ยิ่งใกล้ชิดความห่วงหายิ่งชัดเจน

จีรัชญ์ข่มน้ำตาที่เต็มตื้นขอบตา บอกตัวเองว่าให้รีบกลับห้อง ควรปล่อยให้ณิชนอนหลับต่อไป และบอกให้หญิงสาวรุ่นน้องของณิชมาดูแลเองจะดีกว่า แต่สุดท้ายแทนที่เขาจะลุกจากเตียงไปอย่างที่สมองคิดไว้ กลับกลายเป็นจรดปลายจมูกโด่งของตนเองลงบนหน้าผากมน ตามความต้องการจากส่วนลึกในจิตใจเสียอย่างนั้น ถึงแม้จะเป็นเพียงแค่การแตะแผ่วเบาก็ตาม

ไม่ว่าอย่างไรก็ยังไม่ใช่ตอนนี้... ไม่ใช่ตอนที่ณิชเรียกเขาว่าหาญยามละเมอเพราะพิษไข้ เขาจะรอวันที่ณิชรู้เรื่องราวทั้งหมดและเรียกเขาว่าหาญในยามที่มีสติครบถ้วนสมบูรณ์ ไม่ใช่ถ้อยคำพึมพำที่คิดว่าตนเองคือคนอื่นในฝัน

วันนั้นเขาพร้อมจะตอบทุกคำถามที่อีกฝ่ายต้องการรู้ เขาจะบอกเล่าเรื่องราวที่ผ่านมาอีกครั้ง ถึงแม้ว่าชาตินี้...เขาไม่คิดว่าตนเองจะได้เคียงคู่กับณิชก็ตาม

เพราะในความทรงจำของเขา ไม่มีครั้งไหนที่ไอ้หาญจะครองรักกับคุณปราณจนหมดสิ้นลมหายใจ





โปรดติดตามตอนต่อไป

ออฟไลน์ evanescence_69

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 194
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-3

ออฟไลน์ anterosz

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 807
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +112/-1
น่าสงสารทั้งสองคน

ออฟไลน์ แก่ เหี่ยว เคี้ยวยาก

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 174
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
อย่าให้ใครต้องผิดหวังอีกเลย

ออฟไลน์ nightsza

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2035
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +61/-1
อย่าให้ชาตินี้ต้องแยกจากกันอีกเลย

ออฟไลน์ blove

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1423
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +124/-0
อีกกี่วันนะ ยิ่งวันใกล้เสร็จเข้ามา ก็ยิ่งฝันเข้าใกล้ความเป็นจริงแล้ว จะระลึกได้วันสุดท้ายก่อนจากไปไหม ให้เคลียร์กันในชาตินี้เถอะ ยังคงรอตามต่อไปเพราะอะไรถึงได้กลายมาเป็นแบบนี้  :hao5: ทั้งรักทั้งโหยหาแต่ว่าก็ต้องห้ามใจ แมะเจ็บปวดจริง ทำตามใจเถอะจะได้โล่งๆนะคุณตรีหาญ อย่างที่ใครบางคนบอก  :katai2-1:  :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ Ginny Jinny

  • ความเป็นจริงมันวุ่นวาย ก็ขอให้ใจมันสบายๆในความฝัน
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2115
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-4

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ Noname_memi

  • 7 or never, 7 or nothing
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1324
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +18/-1

ออฟไลน์ :นางสาวผอบ:

  • ความเคลื่อนไหวในเงามืด
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 189
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +649/-4
บทที่ ๘


ผ่านไปหลายวันแล้วหลังจากหวายหวดลงหลังไอ้หาญ แผลที่เคยสดเลือดซิบบัดนี้แห้งสนิท หลงเหลือไว้เพียงร่องรอยของความเจ็บปวด และความผิดที่ถือเป็นชนักติดหลัง

โชคยังดีที่ท่านออกญาฯ ไม่เฆี่ยนมันจนหลังขาดอย่างที่คิด ความโกรธเคืองของท่านที่มีต่อไอ้บ่าวทาสคนนี้มีไม่น้อย สมกับความผิดที่มันทำให้ท่านและคุณหญิงราตรีตกอกตกใจ หัวใจหลุดหายไปหลายนาที หากคิดย้อนกลับไปใครบ้างจะไม่โกรธที่บุตรหัวแก้วหัวแหวนตกน้ำตกท่าทั้งที่ว่ายน้ำไม่แข็ง ทุกคนต่างในเรือนรู้ดีว่าสิ่งแรกที่ไม่ควรกระทำคือการทำให้คุณปราณตกน้ำ

“กินน้ำกินท่าเสียก่อนเถิดจ่ะพี่หาญ ทำงานทั้งวันไม่พักเยี่ยงนี้แผลจะหายได้เยี่ยงไร” เสียงหวานของผ่องไม่ได้ทำให้ไอ้หาญหยุดมือที่กำลังลงขวานจามขอนไม้เพื่อทำฟืนแต่อย่างใด ซ้ำยังเงียบใส่ทำเป็นไม่ได้ยินเสียอย่างนั้น

มันไม่เห็นหน้าคุณปราณเลยตั้งแต่วันนั้น ท่านออกญาฯ ออกคำสั่งเด็ดขาดเป็นการลงโทษลูกรักว่าห้ามไปเที่ยวที่ใดอีก อีกทั้งยังสั่งความมากับไอ้มั่นว่าห้ามให้ไอ้หาญไปยุ่มย่ามแถวชานเรือน ให้มันทำงานอยู่แถวเรือนทาสอย่าได้เสนอหน้าไปให้เห็น จนกว่าจะมีคำสั่งใหม่นั่นแหละไอ้หาญถึงจะได้ไปเห็นหน้าคุณปราณยอดดวงใจของมันอีกครั้ง

ผ่องยอมล่าถอยเมื่อเห็นว่าการคะยั้นคะยอของมันไม่เป็นผล ไม่ว่าอย่างไรไอ้หาญก็ยังคงรั้นทำงานต่อไปเงียบๆ ไม่พูดไม่จากับใคร หากจะมีตอบบ้างเมื่อไอ้มั่นเกลอรักถามไถ่ ไม่ก็ยายอาบที่คอยมาดูแผลที่หลังให้

คุณนวลจันทร์มาหาคุณปราณแทบจะวันเว้นวันเห็นจะได้ ไอ้หาญได้ฟังความเป็นไปจากไอ้มั่นที่คอยบอกกล่าวให้ฟัง ไอ้เกลอมันไม่รู้ดอกว่าเขากับคุณปราณเป็นอะไรกัน แต่คงสังเกตได้จากสายตาละห้อยยามไอ้หาญเมียงมองไปทางเรือนใหญ่ มันนึกเห็นใจเพื่อนรักที่ต้องโดนเฆี่ยนหลังลายแบบนั้นจึงคอยบอกเล่าเรื่องราวของคุณปราณให้ฟังบ้าง

“วันนี้คุณนวลจันทร์เธอมาหาคุณปราณอีกแล้วว่ะ กูว่ามิช้านี้เป็นแน่แท้ที่เราจะได้มีงานใหญ่ เรือนหอก็เสร็จแล้วแต่คงยังไม่ได้ฤกษ์หมั้นหมาย” ไอ้มั่นนั่งเปิบข้าวพลางพูดให้ฟัง ปลาแห้งที่มันหยิบขึ้นมากัดแล้วเคี้ยวกินถูกตากจนแห้ง เอาไปทอดจนกรอบเคี้ยวก้างยังได้

“แต่คุณนวลจันทร์เธอสวยจริงว่ะ คุณปราณก็ดูสง่าสมกับลูกท่านออกญาฯ วันพรุ่งเห็นบอกว่าจะไปไหว้พระกันด้วย มีงานก่อพระเจดีย์ทรายด้วย” ไอ้มั่นยังคงพูดต่อ ส่วนไอ้หาญยังคงทำตัวเป็นผู้ฟังที่ดีเสมอเช่นเดิม

มันอยากติดตามยอดดวงใจมันไปด้วย แต่เพราะคำสั่งไม่ให้เข้าใกล้คุณปราณของท่านออกญาฯ เป็นประกาศิต มันมิอาจฝืนได้ จึงได้แค่ถอดถอนใจโหยหาอีกฝ่ายไปอีกหนึ่งวันเพียงเท่านั้น

วันรุ่งขึ้นไอ้มั่นตื่นแต่เช้ามืดเช่นทุกวัน เนื่องด้วยมันมีงานที่ต้องทำนั่นคือขนน้ำไปให้คุณปราณใช้อาบ ไอ้หาญอยู่คอยช่วยไอ้เกลอด้วยการตักน้ำไว้ให้ ฝากความห่วงหาไปกับน้ำเย็นสะอาดที่ตักขึ้นมาจากในคลอง

“ไอ้หาญๆ กูมีข่าวดีมาให้มึงเว้ย มึงจะออกจากเรือนไปเที่ยวงานวัดก็ได้แล้วนะ ท่านออกญาฯ ไม่อยู่ไปว่าราชการที่ต่างเมือง กว่าจะกลับก็อีกหลายวัน มึงไม่ต้องกังวลเรื่องท่านออกญาฯ จะจับมึงเฆี่ยนอีกแล้ว” ไอ้มั่นวิ่งกระหืดกระหอบเอาข่าวดีมาแจ้ง ไอ้หาญหยุดมือที่กำลังใช้เสียมขุดหลุมเพื่อลงต้นไม้ในทันที

แววตาที่เคยไร้ชีวิตชีวามาหลายวันเป็นประกาย เมื่อพอมีหวังว่าตนเองอาจจะได้ติดตามคุณปราณไปเที่ยวงานวัดด้วย

บนเรือนใหญ่เมื่อได้ยินว่าคุณปราณจะไปเที่ยวงานที่วัดก็จัดเตรียมของกันใหญ่ ยายอาบสั่งบ่าวไพร่เสียงดัง ส่วนคุณหญิงราตรียิ้มหน้าชื่นเมื่อรู้ว่าบุตรชายกำลังจะพาหญิงสาวที่หมายมั่นปั้นมือไว้ให้ครองคู่กันไปเที่ยว นานๆ จะมีสักครั้งที่คุณปราณจะเอ่ยปากขอคุณหญิงราตรีเอง และครั้งนี้ก็นับว่าเป็นหนึ่งในนั้น

“ไอ้มั่นมันหายหัวไปไหน ไยจึงไม่มาช่วยคุณปราณแต่งตัวให้เรียบร้อย”

“ไม่ต้องดอกยายอาบ ข้าหาใช่หญิงงามที่ต้องแต่งองค์ทรงเครื่องอยู่ค่อนวันจึงจะออกจากเรือนได้” คุณปราณเอ่ยบอกพลางมัดปมผ้านุ่งให้เรียบร้อย เตรียมจับจีบผ้าเพื่อนุ่งเป็นโจงกระเบน

“มิได้ดอกเจ้าค่ะ เห็นรึไม่เจ้าคะว่ามันดูเก้กังเสียเหลือเกิน มาค่ะๆ ประเดี๋ยวบ่าวจะนุ่งโจงกระเบนให้” คนแก่ขันอาสาเมื่อเห็นเจ้านายร่างบางจะนุ่งผ้าเองแต่ไม่ถนัดนัก

“มาแล้วขอรับ มาแล้วๆ”

“เอ้า! ไอ้มั่น! ไยมาเอาป่านนี้ ไม่รู้รึว่าคุณปราณต้องแต่งตัว”

“รู้จ้ารู้ มาๆ ประเดี๋ยวข้าทำต่อเอง ยายอาบจะไปไหนก็ไปเถอะ” ไอ้มั่นคลานเข่าเข้าไปใกล้เจ้านายของมัน คว้าผ้าเนื้อดีจากยายอาบมาถือในมือเสียเอง บ่าวหญิงชราทำหน้าง้อง้ำก่อนจะหันมายิ้มโชว์ฟันดำให้คุณปราณเสียหนึ่งที จากนั้นก็ออกจากห้องไป

คุณปราณเห็นว่ายายอาบออกไปแล้วจึงหันมาถามไอ้มั่นถึงสิ่งที่ตนฝากไปบอกไอ้หาญ ไอ้บ่าวซื่อสัตย์พยักหน้าบอกว่าแจ้งให้เกลอมันทราบเรียบร้อยแล้ว คุณปราณได้ฟังจึงยกยิ้ม คิดไว้ว่าหากแต่งตัวเสร็จจะออกไปคุยกับคุณหญิงแม่สักหน่อย เรื่องขอไอ้หาญให้ตามไปรับใช้ด้วย

“ไอ้หาญมันดีใจหรือไม่” เขาถามถึงท่าทางของฝ่ายนั้น เพราะอยากรู้ว่าไอ้หาญมันจะโกรธเขาไหม ที่เขาไม่สามารถปกป้องมันจากแรงหวายของเจ้าคุณพ่อได้

“ไม่ถึงกับหน้าบานเป็นจานเชิง แต่ก็พอมีชีวิตชีวากว่าก่อนหน้านี้ขอรับ”

คุณปราณยิ้มกริ่มเมื่อได้ฟัง และพอแต่งตัวเสร็จก็รีบออกจากห้องตรงไปยังเรือนกลางเพื่อพูดคุยกับมารดาเสีย

“คุณหญิงแม่ขอรับ”

“เสร็จแล้วรึพ่อปราณ” หญิงวัยกลางคนเอ่ยถามลูกชาย ใบหน้าสวยตามวัยแย้มยิ้มยามเห็นลูกชายคลานเข่าเข้ามาหา

“คุณหญิงแม่ขอรับ ลูกมีเรื่องจะเรียนขอจากคุณหญิงแม่ได้ไหมขอรับ” ท่าทางออดอ้อนของคุณปราณน่าดูไม่หยอก น้ำเสียงพูดจาน่าฟังจนยายอาบนั่งยิ้มไปตามๆ กัน

“มีอันใดรึ”

“ลูกจะขอให้ไอ้หาญตามลูกไปด้วยได้หรือไม่ขอรับ ลูกเรียนคุณหญิงแม่แล้วว่าเรื่องตกน้ำไอ้หาญไม่ผิดอันใดเลย และการลงโทษของเจ้าคุณพ่อก็น่าจะสิ้นสุดได้แล้ว ลูกสงสารมันขอรับ” คุณหญิงราตรีถึงกับถอนหายใจเมื่อได้ฟังลูกชายพูดจบ

เพราะเหตุนี้กระมังถึงได้มาขอจะพาแม่หนูนวลจันทร์ไปเที่ยวงานวัด ยิ่งช่วงนี้มีงานใหญ่จึงขันอาสาเอง แท้จริงแล้วความต้องการจริงๆ ของเจ้าตัวก็หนีไม่พ้นเรื่องขออิสระให้ไอ้บ่าวคนนั้น

“ลูกนี่นะ คิดวางแผนมาอย่างดีแล้วใช่หรือไม่ หึ! เอาเถอะ นี่ก็ผ่านมาหลายวันแล้วแม่จะยอมปล่อยไปบ้างก็แล้วกัน” คุณหญิงราตรีกล่าวอย่างจำยอมใจ เพราะเอ็นดูท่าทางออดอ้อนราวเด็กน้อยขอน้ำตาลปั้นเธอจึงยอมให้

คุณปราณยิ้มหวานให้ผู้เป็นแม่ ก่อนจะกราบลาเพื่อจะได้ไปรับแม่นวลจันทร์ที่เรือนท่านออกญาณรงค์ภักดี และจะได้ไปชมงานที่วัดแถวคุ้งน้ำถัดออกไปจากนี้ไม่ไกล โดยไม่ลืมกำชับไอ้มั่นว่าให้ไปบอกไอ้หาญเรื่องมันได้รับอนุญาตให้ตามติดเขาไปแล้วด้วย

ทันทีที่รู้ว่าคุณปราณขออนุญาตคุณหญิงราตรีให้มันติดตามคุณเขาไปด้วย ไอ้หาญก็รีบล้างเนื้อล้างตัวให้สะอาดสะอ้าน ผลัดเปลี่ยนผ้าผืนใหม่ที่ซักตากไว้จนหอมแดด เมื่อสำรวจตัวเองในเงาสะท้อนในโอ่งน้ำว่าดูดีแล้ว มันจึงรีบไปรอที่ท่าน้ำ จัดเตรียมเรือไว้สองลำตามคำบอกกล่าวของไอ้มั่น

“ให้ไอ้คมกับไอ้มั่นพายเรือไปกับลูกเถิด แม่ไม่ใคร่วางใจคนอื่น” คุณหญิงราตรีพูดพลางส่งสายตาข่มไอ้หาญไว้ อย่าได้คิดว่าเธอจะยอมให้ลูกชายตนเองต้องตกน้ำเป็นครั้งที่สองเลย

“ได้ขอรับ” คุณปราณยอม เพราะเห็นว่าแค่การให้ไอ้หาญติดตามไปด้วยก็ถือเป็นพระคุณมากแล้ว อย่าได้ขัดมารดาให้ได้เรื่องอีกเลย

เมื่อลงเรือเสร็จไอ้มั่นกับไอ้คมก็พายเรือออกจากท่าน้ำเพื่อมุ่งสู่เรือนคุณนวลจันทร์ โดยมีไอ้หาญพายเรือตามไปอีกลำเว้นระยะห่างแต่พอดี

เมื่อมาถึงท่าน้ำเรือนท่านออกญาณรงค์ภักดีไอ้บ่าวทั้งสามก็มิได้ตามนายพวกมันขึ้นไปด้วย ไอ้หาญกับไอ้มั่นนั่งรอที่ท่าน้ำ ส่วนไอ้คมแยกออกไปคุยกับบ่าวในเรือนที่มันพอจะรู้จักอยู่บ้างตอนไปชนไก่ ตอนนี้เป็นเวลาบ่าย กว่าจะไปถึงวัดก็คงแดดร่มลมตกพอให้ได้เที่ยวชมมหรสพได้พอดี

“คุณปราณเขาเอ็นดูมึงมากนะไอ้หาญ กูล่ะสงสัยจริงๆ ว่ามึงไปทำอีกท่าไหนคุณเขาถึงเมตตามึงได้เยี่ยงนั้น” ไอ้มั่นชวนคุยเมื่อเห็นว่าการนั่งรอคุณปราณติดจะน่าเบื่อไปสักนิด คงเพราะท่านออกญาฯ พาคุยติดลมบนเสียกระมัง

ไอ้หาญไม่ตอบทำเพียงแต่ยิ้ม หากในใจกลับนึกไปว่าสิ่งที่ทำให้คุณปราณเมตตามันได้ขนาดนี้เพราะการเสพสมยามชมบัว อีกทั้งความรู้สึกของคนทั้งสองที่ตรงกันมีหรือที่คุณปราณจะไม่เอ็นดูมันมากกว่าไอ้มั่น

พวกมันสองคนนั่งคุยกันไปอีกพักใหญ่ แม้จะติดว่าไอ้มั่นพูดเสียส่วนใหญ่แต่ก็มีการตอบรับอืออาจากไอ้หาญบ้าง พวกมันเห็นคุณปราณกับคุณนวลจันทร์เดินเคียงกันมาที่ท่าน้ำ โดยมีไอ้คมเดินตามเจ้านายมาติดๆ ท่าทางของมันดูขัดหูขัดตาไอ้หาญเป็นอย่างยิ่ง แต่จะออกอาการว่าหึงหวงคุณปราณก็กระไรอยู่ เพราะขนาดไอ้มั่นบ่าวคนสนิทยังไม่ว่าอะไร มันเป็นเพียงบ่าวผู้ติดตามเพียงหางตาหรือจะแสดงออกกระไรได้

คุณนวลจันทร์หญิงสาวงามคู่หมายของคุณปราณงามหยดจนแทบละสายตาไม่ได้ ผมดำขลับยาวสลวยโดนแปรงมาอย่างดียาวถึงกลางหลัง เครื่องประดับที่ใส่มาทั้งกำไลมือและสร้อยสังวาลย์ล้วนเป็นทองทั้งสิ้น สื่อให้รู้ว่าฐานะของหญิงสาวหาใช่คนธรรมดา อีกทั้งกิริยาชดช้อยและรอยยิ้มหวานตรึงใจทำให้สะดุดผู้คนได้มาก

ไอ้หาญเห็นคนทั้งคู่นั่งเคียงกันบนเรือ ส่วนบ่าวผู้หญิงของเจ้าหล่อนมานั่งกับเขาเพราะเรือเต็มแล้ว คุณนวลจันทร์ลอบมองและยิ้มให้คุณปราณอยู่บ่อยครั้ง ท่าทีเอียงอายของเจ้าหล่อนดูมีจริตแต่ไม่น่าเกลียด ซึ่งนั่นทำใจไอ้หาญห่อเหี่ยว มันไม่มีอันใดเทียบสาวงามที่ท่านออกญาฯ และคุณหญิงราตรีหมายมั่นไว้ให้ลูกชายหัวแก้วหัวแหวนได้เลย รู้ว่าตนไม่มีทางสู้ แต่จะขออยู่ในมุมลับคอยปรนนิบัติคุณปราณแบบนี้ต่อไปได้หรือไม่

คณะเดินทางของคุณปราณมาถึงวัดก็ตอนแดดร่มแล้ว ในวัดจัดงานเสียใหญ่โตเพราะเป็นงานขึ้นปีใหม่ที่จะมีปีละหน หญิงชายมากหน้าหลายตา ลูกขุนน้ำขุนนางต่างๆ พากันมาเที่ยวชมมหรสพกันให้หนาตา ไอ้หาญเดินตามคนทั้งคู่ต่อหลังจากไอ้คม ไอ้มั่น และบ่าวของคุณนวลจันทร์ เห็นเสี้ยวหน้าของยอดดวงใจห่างออกไปหลายวา แต่เพียงเท่านี้ก็ดีแล้ว อย่างน้อยมันก็คลายความคิดถึงที่ไม่ได้เห็นกันมาหลายคืนไปได้บ้าง

“โอ๊ย!” เสียงคุณปราณร้องขึ้นขณะรอคุณนวลจันทร์เลือกดูกำไลข้อมือ ลูกเด็กเล็กแดงวิ่งพล่านในงานจนชนเข้ากับหนุ่มร่างบางจนเซ ไอ้หาญทำท่าจะเข้าไปช่วย แต่ไอ้คมถึงตัวเสียก่อนจึงโอบประคองเจ้านายหุ่นเพรียวเอาไว้ได้

“เป็นกระไรไหมขอรับ เจ็บตรงไหนไหมขอรับ” ไอ้คมถามด้วยความเป็นห่วงเป็นใย คุณปราณเพียงบอกปัดว่าไม่เป็นไรก่อนจะกลับมายืนในท่าเดิม แต่หางตาเขาเห็นว่าใบหน้าที่เคยเรียบนิ่งของไอ้หาญเปลี่ยนเป็นหน้าถมึงทึงเสียยกใหญ่ คงเพราะแขนแข็งแรงที่รองรับร่างเขาไม่ใช่ของมันแต่เป็นของชายอื่น ไอ้บ่าวซื่อจึงเกิดอาการหึงหวง

ผู้คนในวัดล้นหลาม เดินเบียดเสียดกันในบางช่วงบางตอน จนท้ายสุดคุณปราณก็ถือโอกาสที่คนชลมุนกันอยู่หน้าโรงมหรสพฉุดรั้งมือไอ้หาญแล้วลากมันออกจากที่ตรงนั้น โดยไม่ให้ใครก็ตามได้รู้ตัวว่าเขากับไอ้บ่าวซื่อได้พาออกจากวงมาแล้ว

ไอ้หาญเดินตามเจ้าของมือเรียวนุ่มที่จับกระชับมือกร้านของมันอยู่ตอนนี้ คนทั้งคู่มาหยุดอยู่หลังเจดีย์องค์หนึ่งตรงที่ปลอดคน แสงจากไต้ส่องมาไม่ถึงทำให้ไม่เป็นจุดสนใจ คุณปราณมองซ้ายแลขวา เมื่อไม่เห็นใครจึงโผเข้ากอดชายร่างใหญ่เต็มรัก พร้อมน้ำตาที่ปริ่มจนไหลอาบแก้มนวล ไอ้หาญตกใจไม่น้อยที่โดนจู่โจมแบบนี้ แต่ก็ตอบรับกอดนี้ด้วยความหวงแหน ก้มลงดมกลุ่มผมหอมที่ถูกแปรงหวีใส่ขี้ผึ้งมาอย่างดี

“ข้าขออภัยกับสิ่งที่เอ็งต้องเจอ ฮึก...ข้าผิดเอง ข้าทำให้เอ็งต้องเจ็บตัว” เสียงสะอื้นปนเสียงพูดดังอู้อี้ชิดอกแกร่ง ไอ้หาญลอบยิ้มที่คนตัวเล็กกล่าวขอโทษมัน หากแท้จริงแล้วมันไม่เคยถือโทษโกรธคุณปราณเลยแม้แต่นิด

“หาได้ไม่ขอรับ บ่าวมิเคยโกรธเคืองเลย คุณปราณอย่าได้โทษตัวเองเยี่ยงนี้อีก ผิวหนังบ่าวหนาโดยหวายแค่นี้มีหรือจะเจ็บจนตาย” ไอ้บ่าวซื่อปลอบยอดดวงใจของมันพร้อมยิ้มอ่อน ถือวิสาสะเช็ดน้ำตาที่เปรอะแก้มใสอย่างเบามือ คุณปราณหลับตาพริ้มรับไออุ่นจากมีหยาบกร้านด้วยใจรัก

วันนั้นเขาไม่ได้รับรู้ข่าวของไอ้หาญอีก รู้เพียงแค่ว่าเจ้าคุณพ่อไม่ปล่อยมันไว้ในความผิดครั้งนี้ โดนเฆี่ยนไปหลายทีก่อนจะยอมปล่อยตัว ทั้งที่พร่ำบอกพร่ำแย้งไปแล้วว่าคนที่ผิดจริงคือตน หาใช่ไอ้บ่าวซื่อไม่ แต่เจ้าคุณพ่อกับคุณหญิงแม่กลับไม่เชื่อคำ บอกว่าอย่างไรก็ต้องทำให้มันเป็นบทเรียน ไอ้พวกบ่าวคนอื่นจะได้ตระหนักถึงข้อนี้ด้วยว่าชีวิตเขาสำคัญกว่าสิ่งอื่นใดทั้งหมดในเรือน

“แต่ไอ้มั่นบอกเอ็งนอนซมอยู่สามวัน ข้าไม่ได้ไปดูเอ็งเลยด้วยเพราะเจ้าคุณพ่อไม่ให้ลงจากเรือน เพื่อเป็นการลงโทษที่ข้าทำให้ตัวเองต้องตกอยู่ในอันตราย” คุณปราณพูดเสียงอ่อน ก่อนจะหันตัวไอ้หาญเพื่อดูแผ่นหลังกว้างของมัน เห็นรอยแผลที่ตกสะเก็ดแล้วหลายขีดหลายเส้น ตามความยาวของไม้หวายที่หวดตีลงบนแผ่นเนื้อนี้ พอได้เห็นน้ำตาก็พาลจะไหลอีกครา

“แค่เพียงคุณปราณมีใจห่วง แค่นี้บ่าวก็ลืมความเจ็บจนสิ้นแล้วขอรับ” คำหวานยังพร่ำกระซิบบอกไม่หยุด หากที่ตรงมีแสงจากคบไต้ส่องก็คงจะเห็นปรางนวลขึ้นสีระเรื่อ ไอ้หาญจูบไปบนหน้าผากมนด้วยใจรักเต็มอก ไม่ได้พบหน้า ไม่ได้ใกล้ชิดกอดก่ายกันหลายวันแล้ว ครั้งนี้พอได้เชยชิดมีหรือมันจะไม่ตักตวงให้สมกับความคิดถึง

คุณปราณไม่ขัดขืน ปล่อยให้คนที่ครอบครองหัวใจตนได้กอดจูบได้ตามใจ กลีบปากนุ่มโดนกดจูบซ้ำๆ หลายครั้งจนไอ้หาญคิดว่าปากเล็กคนจะช้ำแล้วเป็นแน่ แต่กระนั้นความต้องการของมันก็ยังไม่สิ้นสุด ฝังจมูกโด่งไปตามแก้มนิ่มอีกหลายฟอด ลำคอเล็กที่โผล่พ้นคอเสื้อก็โดนจูบซับไม่เว้นที่ว่าง

“อ๊ะ...อื้อ...หาญ...” เสียงครางเครือเรียกชื่อคนที่กำลังเสพกายบางอย่างตะกรุมตะกรามราวกับคนห้ามใจตนเองไม่ได้ คุณปราณงอตัวเมื่อส่วนนั้นของตนบัดนี้มันตื่นสู้มือเพราะโดนอีกฝ่ายกระตุ้น กลิ่นสาบชายหนุ่มหุ่นกำยำเป็นตัวเร้าอารมณ์ที่ห่างหายไปหลายวันได้เป็นอย่างดี แต่หากจะให้มาสนองอารมณ์ความต้องการกันตรงนี้ก็ดูจะไม่งามนัก

“บ่าวขออภัยขอรับ คุณปราณเจ็บตรงไหนไหมขอรับ”

“ม...ไม่ๆ แค่...คืนนี้...คืนนี้เอ็งไปหาข้าที่ห้องเหมือนเดิมได้หรือไม่ ข้าอยาก...” คำพูดแผ่วเบาหยุดไปแต่สายตาก็ยังสื่อสิ่งที่อยู่ในใจออกมาจนหมด แก่นกายแข็งขืนใต้ผ้านุ่งโจงกระเบนสีน้ำตาลตุ่นของไอ้หาญกระตุกสู้มือ เมื่อคนที่พูดกำทักทายมันอยู่อย่างย้ำความข้างต้น

“ขอรับ ได้ขอรับ” ไอ้บ่าวซื่อตอบรับเสียงกระเส่า

“งั้นขอจูบอีกสักคราทิ้งท้ายไว้ก่อนได้หรือไม่ ข้ากระหายอยากให้เอ็งได้กอดก่ายอยู่ทุกคืนวัน” เสียงกระซิบพอให้ได้ยินไม่ได้ดังไปกว่าเสียงหรีดหริ่งเรไร แม้คนทั้งสองจะรู้ว่านี่คือในเขตวัด การกระทำอันใดควรสำรวม แต่เพราะความโหยหาของคนทั้งสองไม่อาจห้ามใจไว้ได้ เพราะหากยังกักเก็บต่อไปคาดว่ามันคงระเบิดคาอกเข้าสักวัน

ฝั่งไอ้มั่นเห็นว่าเจ้านายหายไปจึงออกตามหากับไอ้คม ส่วนคุณนวลจันทร์ก็ให้นั่งรออยู่กับบ่าวของเธอไปก่อน แต่ยังไม่ทันจะได้ออกไปหาให้ทั่วคุณปราณก็เดินถือน้ำตาปั้นกลับมาพร้อมไอ้หาญที่เดินตาม ชายหนุ่มร่างบางยื่นของหวานที่ปั้นเป็นรูปนกให้หญิงสาว อีกฝ่ายรับพร้อมแก้มขึ้นสีระเรื่อ เธอเอียงอายหันไปหาบ่าวที่ยิ้มให้อยู่ก่อนแล้ว ก่อนจะรับมาด้วยท่าทางขวยเขิน

“ขอบพระคุณเจ้าค่ะ” เสียงหวานตอบกลับมารับน้ำใจที่อีกฝ่ายมอบให้



ออฟไลน์ :นางสาวผอบ:

  • ความเคลื่อนไหวในเงามืด
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 189
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +649/-4


จากนั้นคนทั้งคู่ก็เดินไปที่ลานทราย บ่าวชายทั้งสามไปขนทรายมาให้คนทั้งคู่ได้ก่อเจดีย์ทรายด้วยกัน ไอ้หาญมองภาพนั้นด้วยใจที่ปวดหนึบ แม้ก่อนหน้านี้เพียงไม่ทันเคี้ยวหมากแหลกมันยังได้กอดจูบยอดดวงใจ แต่ตอนนี้คุณปราณกลับได้สร้างบุญร่วมกับคุณนวลจันทร์เสียอย่างนั้น

“ไอ้หาญ เอ็งช่วยเอาทรายมาให้ข้าสักหน่อย เอามาตรงนี้ ใกล้ๆ ข้านี่” คุณปราณหันมาสั่งไอ้หาญตัวใหญ่ที่ยืนอยู่ไม่ไกล ก่อนจะละมือจากกองทรายกองแรกที่ก่อร่วมกับคุณนวลจันทร์ หันมาสนใจทรายกองที่สองที่ไอ้หาญเอามาให้ คุณปราณกอบทรายขึ้นมาพร้อมมือใหญ่ อาศัยตอนที่คุณนวลจันทร์เธอกำลังสนุกกับการปักดอกไม้บนกองทราย เพื่อที่เขาจะได้ทำบุญร่วมกับคนที่ตนพึงใจด้วย

“มือเอ็งใหญ่ กอบทรายได้มากกว่าข้า ข้าขออาศัยมือเอ็งสักหน่อยก็แล้วกัน” ไอ้หาญลอบยิ้มเข้าใจในทันทีว่าอีกฝ่ายหมายถึงอะไร ทรายกองเล็กขนาดอาจไม่เท่าของคุณนวลจันทร์ แต่กลับเต็มไปด้วยความรู้สึกของคนสองคนที่ใจตรงกัน ดอกดาวเรืองถูกบิกลีบออกแล้วโรยไปทั่ว ส่วนบางดอกก็นำมาปักไว้โดยรอบพอให้สวยงามไม่ขี้เหร่นัก

ในค่ำคืนนั้นหลังจากกลับมาจากวัด ไอ้หาญนั่งรอเวลาที่มันจะได้ปีนขึ้นต้นกันเกราไปหายอดดวงใจของมันอีกครั้ง มันแหงนหน้ามองจันทร์ที่ส่องแสงอยู่ไกลๆ มันไม่รู้ว่าก่อนนี้ดวงจันทร์ดวงนี้เคยสวยมาก่อนหรือไม่ แต่วันนี้มันกลับรู้สึกแสงสว่างบนท้องฟ้าดวงใหญ่สวยงามกว่าทุกวัน พร้อมใจเบิกบานที่ไม่อาจกักเก็บความสุขได้จนต้องระบายยิ้มอยู่คนเดียว

“เจดีย์ทรายกองใหญ่หรือจะสู้ทรายกองเล็กที่เอ็งกับข้าก่อร่วมกัน อย่าได้น้อยใจในวาสนาและความต่างชนชั้นกันเลย เอ็งรู้ไว้เพียงแค่ว่าข้ารักเอ็งมากกว่าใครแค่นี้ก็พอแล้ว ไอ้หาญผัวข้า”

คุณปราณกระซิบบอกคนที่ตนกำลังนอนเอนพิงอกอยู่ หลังจากเสร็จสมกันไปรอบที่เท่าไหร่ของคืนนี้ก็ไม่อาจนับ ร่างเปลือยเปล่าของคนทั้งสองกกกอดกันไม่ห่าง มือใหญ่สีผิวเข้มของมันอยู่ในมือขาวเรียว หนุ่มร่างบางยกมันขึ้นมาจุมพิตอย่างรักใคร่

เขาไม่เคยรังเกียจสัมผัสจากไอ้บ่าวซื่อคนนี้เลยสักครั้ง แม้มันจะบอกอยู่เสมอว่าตัวมันสกปรก คราบไคลบางครั้งก็มีติดตัวให้ได้ละอาย แต่สำหรับเขาแล้วจิตใจที่บริสุทธิ์และภักดีต่อเขาต่างหากที่สำคัญ ไอ้หาญเจียมตัวเสมอไม่เคยตีตนเสมอเขา อยู่ต่อหน้าคนอื่นมันทำตัวเหมือนดั่งเงาไม้ใหญ่ ปกป้องคุ้มครองเขาไว้แต่ไม่แสดงตัวให้คนอื่นได้ระแคะระคายสงสัย

ครั้นเวลาสอดใส่เข้ามาในตัวเขา แค่เพียงเขาร้องหลุดออกไปแค่ปลายเสียง มันก็รีบหยุดทุกการกระทำเพราะกลัวเขาเจ็บ ความทะนุถนอมของไอ้บ่าวซื่อที่มีต่อเขาประหนึ่งมารดาอุ้มชูบุตรในอุทร

“บ่าวไม่คิดว่าคุณปราณจะก่อเจดีย์ทรายร่วมกันเลยขอรับ บ่าวไม่รู้จะตอบแทนคุณปราณอย่างไรให้สมกับความเมตตาที่คุณปราณมีให้”

“มิต้องดอก ข้ามิได้อยากได้อันใดจากเอ็งเลย ขอเพียงเราสองคนรักกันแบบนี้ต่อไปก็พอแล้ว หรือไม่...หากชาติหน้าฉันใดได้พบเจอกัน ก็ขอให้ได้ครองรักกันแบบไม่ต้องปิดบังเช่นชาตินี้เท่านั้นพอ” คุณปราณพูดเจื้อยแจ้วต่อไป หารู้ไม่ว่าสิ่งที่ตนพูดนั้นตรงกับใจไอ้หาญที่อธิษฐานต่อหน้าองค์พระปฏิมาองค์ใหญ่ในคืนนี้

::::::::::::

คุณปราณหลับอยู่เมื่อไอ้หาญตื่นขึ้นมาในเวลาเดิม ตอนนี้ได้เวลาที่มันจะต้องกลับเรือนทาสเสียแล้ว ไอ้บ่าวซื่อเอาผ้าแพรห่มให้คุณปราณคลายหนาวในยามที่ไม่มีอกอุ่นของมันคอยประคองกอด เสียงอืออาอย่างคนละเมอของหนุ่มร่างบางทำใบหน้าคมคายลอบยิ้ม กดจูบไปบนกระหม่อมก่อนจะลงจากเตียง ปีนออกทางหน้าต่างและไต่ไปตามกิ่งไม้ใหญ่ ก่อนจะกระโดดลงยืนบนพื้น โดยหารู้ไม่ว่ามีใครคนหนึ่งลอบมองการกระทำมันอยู่ด้วยความสงสัย

“มึงขึ้นไปทำอันใดบนห้องคุณปราณรึ” ไอ้มั่นหลบออกมาจากมุมมืดถามไอ้เพื่อนเกลอ มันลุกมาเข้าห้องน้ำและกำลังจะกลับขึ้นไปนอนเฝ้าคุณปราณที่หน้าห้องต่อ แต่ดันเห็นสิ่งที่ไม่ควรเสียก่อน

ครั้งนี้เป็นครั้งที่สองที่มันเห็นไอ้หาญปีนลงมาจากห้องคุณปราณ อีกทั้งการกระทำของคนทั้งสองที่วัดตอนก่อเจดีย์ทรายก็ไม่หลุดรอดพ้นจากสายตามันไปได้ ใครๆ ในที่นี่ก็รู้กันหมดว่าการก่อเจดีย์ทรายเหมือนเป็นการสร้างบุญอย่างหนึ่ง ได้ทำร่วมกับใครก็เหมือนได้ทำบุญร่วมกับคนนั้น บ่าวอย่างพวกมันหรือจะมีสิทธิ์ไปเทียบเคียงเจ้านาย แต่สายตาที่คนทั้งสองกันมันลึกซึ้งเสียจนปิดไม่มิด เห็นทีความเมตตาที่คุณปราณมีต่อไอ้หาญจะไม่ใช่เรื่องธรรมดาเสียแล้วกระมัง

ไอ้หาญเงียบไปไม่ได้ตอบในทันที สายตาของไอ้เพื่อนเกลอไม่ละไปจากใบหน้ามันแม้แต่น้อยเพื่อรอฟังคำตอบ ไอ้หาญได้แต่อึกอักเพราะมันไม่รู้จะตอบเช่นไร ยิ่งไอ้มั่นเดินเข้ามาใกล้จมูกดมไปตามร่างกายสูงใหญ่ของมัน เช่นนั้นยิ่งจำนนต่อหลักฐาน เพราะกลิ่นน้ำอบน้ำปรุงที่คุณปราณใช้อยู่ทุกเมื่อเชื่อวันจนหอมติดกาย ทำให้กลิ่นติดมาบนผิวของมันด้วย

“ถ้ากูพูดอันใดไป มึงจะเอาเรื่องนี้ไปบอกใครหรือไม่” ไอ้หาญถามเสียงเข้ม ในเมื่อไม่สามารถหลบหลีกได้อีกต่อไป มันก็ต้องจำยอมที่ต้องสารภาพความจริงไป

“มันอยู่ที่ว่าสิ่งที่มึงพูดเป็นเช่นไร และมึงจะไว้ใจกูหรือไม่” ไอ้มั่นไม่ตอบแต่ถามกลับ ท่าทีของคนช่างพูดแปรเปลี่ยนเป็นเครียดขึง ไม่มีแววล้อเล่นหลงเหลืออยู่อีกเลย

คนทั้งคู่เดินไปทางท่าน้ำที่พวกบ่าวใช้อาบกัน ตอนนี้ยังไม่ใช่เวลาที่พวกบ่าวจะมาใช้พื้นที่พวกมันจึงมีเวลาได้พูดคุยเรื่องนี้

“กูรักคุณปราณ”

เพียงคำเดียวที่เอื้อนเอ่ยก็สามารถอธิบายทุกสิ่งที่ไอ้มั่นเห็นและอยากรู้ไปจนหมด ตอนแรกที่มันคิดไว้ก็ไม่ต่างจากนี้ แต่พอได้ยินจากปากไอ้คนซื่อก็ทำมันตกใจไม่น้อย

ชีวิตนี้ไอ้หาญเคยชายตาแลผู้ใดไม่ แม้แต่อีผ่องที่ทอดสะพานให้มันถึงท่าน้ำมันยังไม่สนใจ แต่บัดนี้มันกล้าพูดได้เต็มปากว่าคนที่มันมอบใจให้คือบุตรของท่านออกญาฯ เจ้านายของพวกมัน

ไอ้หาญเล่าต่ออีกเพียงเล็กน้อยว่ามันกับคุณปราณรักกัน ตอนแรกมันคิดว่าหลงรักเจ้านายอยู่เพียงฝ่ายเดียว หากแท้จริงแล้วคุณปราณก็รักมันเช่นเดียวกัน ไอ้มั่นถอนหายใจทิ้งเป็นสิบรอบเพราะยังตกใจกับสิ่งที่ได้ยิน คิดไปหลายตลบว่าคนอย่างไอ้หาญนี่หรือจะรักใคร

แต่เมื่อนึกย้อนกลับไป และตรองทุกอย่างดูให้ดี ก็ต้องยอมรับว่าไอ้เกลอคนนี้คงปักใจรักเจ้านายของมันจริงๆ สายตาของไอ้หาญยามมองคุณปราณมีแต่ความห่วงหา ใบหน้าที่เรียบเฉยไร้อารมณ์ของมันผิดกับดวงตาคมที่มักซุกซ่อนความลับไว้ข้างใน และวันนี้มันก็ได้เห็นแววตาไอ้หาญที่หวานหยดยามมองคุณปราณที่ประคองมือใหญ่ของมันอยู่

“เห้อ...มึงนี่นะ” ไอ้มั่นพูดไม่ออก จากที่เป็นคนช่างจ้อจนโดนกระด้งฟาดปากไปหลายครั้ง บัดนี้กลับมีแต่ความเงียบงันและเสียงถอนหายใจ เพราะมันรู้ดีว่าสิ่งที่ไอ้หาญกำลังเผชิญมันจะมีแต่ความเจ็บปวด แม้นมีความสุขแต่ก็มิอาจสุขได้ตลอด

“มึงจะเอาเรื่องนี้ไปเรียนท่านออกญาฯ ไหม” ไอ้หาญหันมาถาม ใจมันกล้ายอมรับผลหากท่านออกญาฯ จะรู้เรื่องของมันกับคุณปราณ แต่ติดที่ว่ากลัวว่าคุณปราณจะโดนลงโทษที่เอาตัวมาเกลือกกลั้วกับคนอย่างมันเสียมากกว่า

“มึงเห็นกูเป็นคนอย่างนั้นรึ ถึงกูจะพูดมากแต่ใช่ว่าเรื่องนี้กูจะไม่รู้ว่าเป็นเรื่องต้องห้าม แต่กูอยากเตือนมึงสักอย่าง ถ้าขืนมึงยังทำตัวอยู่แบบนี้สักวันไอ้อีคนอื่นๆ มันก็ต้องรู้ ดูสิ...กูมาเจอมึงที่หน้าต่างห้องคุณปราณถึงสองครั้งสองครา มึงไม่คิดหรือว่าคนอื่นก็อาจมาพบเจอได้เหมือนกัน”

“ขอบใจมึงจริงๆ ว่ะ ต่อไปกูจะพยายามและระวังให้มากกว่านี้”

“แล้วนี่ที่มึงขึ้นไปทำกระไรมที่ห้องคุณปราณ” ไอ้มั่นถามหน้าซื่อ แต่แววตาของไอ้หาญที่ตอบกลับมาทำเอาไอ้บ่าวช่างจ้อยันตีนถีบเกลอรักดังโครม “ไอ้ห่า! มึงนี่นะ! กินบนเรือนขี้รดบนหลังคาแล้วไหมล่ะไอ้เวร”

ไอ้มั่นสบถไปตามเรื่องตามราว เหตุไฉนใดเลยไอ้หาญถึงปิดเรื่องนี้กับมันได้เป็นเดือนๆ กว่าจะรู้ความสัมพันธ์ของคนทั้งสองก็เลยเถิดกันไปถึงไหนต่อไหนแล้ว ในเมื่อไอ้เกลอมันมีความรักครั้งแรกและเป็นรักต้องห้าม ไอ้มั่นคนนี้ก็คงได้แค่เอาใจช่วยขอให้มันรอดพ้นจากท่านออกญาฯ ก็แล้วกัน

--##--##--##--##--##--##--

หลังจากที่นอนป่วยอยู่สองวันเต็มๆ ณิชก็กลับมาทำงานได้ดังเดิมแล้ว ก่อนหน้านี้ช่วงที่ยังป่วยอยู่เขาจะลงมาช่วยงานมิ้ง แต่ก็โดนเจ้าของวังสั่งห้ามไว้ว่าให้เขารักษาตัวให้หายก่อน ห้ามลงมายุ่งกับงานเด็ดขาด ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของมิ้งจัดการไปก่อน

จนมาวันนี้งานรุดคืบหน้าไปพอสมควรแล้ว การตกแต่งห้องแรกกำลังจะเสร็จ เหลือเพียงแค่เฟอร์นิเจอร์ที่เข้าชุดกัน และการจัดวางของให้เข้าที่ รวมไปถึงทีมช่างเก็บรายละเอียดก็จะเป็นอันเสร็จ และจะเริ่มงานในส่วนของห้องต่อไปได้เลย

มื้อเที่ยงวันนี้ในช่วงกลางวันมี ‘ข้าวยำ’ อาหารทางใต้ที่คุ้นเคยชื่อกันดี ‘น้ำบูดู’ ที่ใช้เป็นน้ำราดโดนเคี่ยวจนข้นส่งกลิ่นหอม และมีรสชาติปนหวานนิดหน่อย รวมไปถึงความเค็มที่พอดี เมื่อราดลงบนข้าวสวยร้อนๆ ที่มีเครื่องข้าวยำจำพวกกุ้งแห้งป่น มะพร้าวคั่ว รวมไปถึงผักสดหั่นซอย ไม่ว่าจะเป็นตะไคร้ ถั่วฝักยาว ใบชะพลู ดอกดาหลา คลุกเคล้าทุกอย่างให้เข้ากัน ก่อนจะตัดรสชาติเค็มออกหวานด้วยมะม่วงเบาซอยเป็นเส้นเล็กๆ รสชาติเปรี้ยวจะทำให้ข้าวยำอร่อยกลมกล่อมมากยิ่งขึ้น

“ครั้งแรกในชีวิตที่หนูกินผักเยอะขนาดนี้” มิ้งสารภาพออกมาจากใจจริง มื้อนี้เหล่าทีมช่างจรูญ มิ้งและณิชร่วมโต๊ะทานอาหารด้วยกัน เนื่องจากกลิ่นของน้ำบูดูที่คนภาคใต้เรียกว่า ‘น้ำเคย’ :7j’ ป้าแจ่มเคี่ยวเมื่อช่วงสายส่งกลิ่นหอมจากโรงครัวลอยมาให้ได้กลิ่นถึงตัวคฤหาสน์ ทำให้ทุกคนต่างพร้อมใจกันอยู่รอทานอาหารมื้อนี้

พวกผักต่างๆ ก็หาเอาจากในสวนของจีรัชญ์นี่แหละ ป้าแจ่มเอามาซอยเหลือเพียงเส้นเล็กๆ บางๆ จัดแยกเป็นอย่างๆ ในถาดเคลือบลายดอก ใครใคร่อยากกินผักเยอะก็หยิบใส่จานตามสบาย ใครใคร่ผักน้อยก็หยิบไปแต่พอดี กลายเป็นมื้อนี้ทั้งทีมสถาปนิกและทีมช่างต่างอิ่มหนำสำราญกันไปกับเมนูอาหารบ้านๆ ง่ายๆ นี้

จีรัชญ์กลับมาถึงบ้านอีกครั้งในช่วงบ่ายแก่ๆ หลังจากสอนหนังสือที่มหา’ ลัยเสร็จ เดินเข้าไปส่วนที่ณิชทำงานอยู่ก็เห็นเจ้าตัวกำลังเคลื่อนย้ายโต๊ะไม้จัดเข้าที่ ห้องนั่งเล่นที่ออกแนวสมัยใหม่แต่ก็ยังคงความเก่าไว้บ้าง ดูลงตัวอย่างที่ณิชออกแบบมาเสนอนั่นแหละ

ส่วนคนอื่นๆ เขาไม่รู้ว่าหายไปไหน ทำไมมีแต่ณิชอยู่ในห้องนี้ก็ไม่รู้ได้ เขาจึงเดินเข้าไปตรวจงานเงียบๆ บางจุดยังเก็บไม่เรียบร้อยดี คงต้องรอช่างจรูญเก็บงานให้หมดก่อน ถ้าตรวจอีกครั้งแล้วพบก็ต้องสั่งให้ทำใหม่

“โอ๊ย!” หนุ่มร่างบางขยี้ตาเมื่อรู้สึกเหมือนมีอะไรบางอย่างเข้าตา จีรัชญ์เดินเข้าไปใกล้อย่างเงียบเชียบ ก่อนจะเอ่ยเบาๆ

“ให้ผมดูให้ไหม”

“เห้ย! อ้อ! คุณจีรัชญ์ ไม่เป็นไรครับ ผมคิดว่าเดี๋ยวมันก็ออก” ณิชที่ตอนแรกตกใจ แต่เมื่อฝืนหรี่ตาขึ้นมองก็พบว่าเป็นเจ้าของบ้านที่ยืนอยู่เขาจึงยิ้มให้ ก่อนนี้มิ้งเล่าให้ฟังแล้วว่าตอนไข้ขึ้นจีรัชญ์มาช่วยเช็ดตัวให้ด้วย เขาเอ่ยขอบคุณไปหลายหนแล้วก็จริง แต่ก็รู้สึกถือเป็นบุญคุณที่อีกฝ่ายสร้างไว้และเขาต้องทดแทนให้สักวัน

“ยิ่งคุณขยี้มันจะยิ่งเคืองตา” จีรัชญเตือนเมื่ออีกฝ่ายไม่ยอมให้เขาดูง่ายๆ

“แค่นี้เองครับ นี่ไง...ไม่รู้สึกเคืองแล้ว” ณิชตอบพร้อมยิ้มกว้าง อยากผูกมิตรและสนิทสนมกับอีกฝ่ายให้มากกว่านี้ ยิ่งรู้สึกว่าคนที่อยู่ในฝันคือบรรพบุรุษของจีรัชญ์ แม้เจ้าตัวจะยังไม่ตอบรับ แต่เขาก็รู้สึกผูกพันกับไอ้หาญมากกว่าที่คิดเสียอีก หากวันใดรู้แจ่มแจ้งว่าไอ้หาญต้องการสิ่งใด เขาจะเก็บมาบอกจีรัชญ์เป็นคนแรกเลย

“ผมซื้อเต้าฮวยนมสดมาฝาก พอดีนักศึกษาเขาทำขายผมเลยช่วยอุดหนุน คุณลองทานดูนะ” ชายหนุ่มยื่นถุงขนมที่ว่ามาตรงหน้า เต้าฮวยนมสดในถ้วยพลาสติกสองถ้วยปิดฝาสนิทดูน่าทาน

“คุณจีรัชญ์ไม่ทานเหรอครับ”

“ผมไม่ค่อยชอบของหวานสักเท่าไหร่ แต่คุณชอบ” จีรัชญ์ตอบพร้อมรอยยิ้มบาง

“อ่า...ใช่ครับ ผมชอบกินขนม ขอบคุณนะครับ คุณรู้ใจผมดีจัง” ณิชรับของที่ว่ามาพลางพึมพำเบาๆ ใบหน้าเปื้อนยิ้ม คนพูดไม่ได้ใส่ใจคำว่า ‘คุณชอบ’ ของอีกฝ่ายที่กล่าวขึ้นราวกับคนที่รู้ดีว่าณิชเป็นอย่างไร จีรัชญ์เห็นท่าทางหนุ่มเมืองกรุงดีใจเหมือนเด็กได้ของสุดโปรดแล้วอดเอ็นดูไม่ได้

ณิชแกะถ้วยเต้าฮวยนมสดแล้วตักกินต่อหน้าคนให้ทันที รสชาติหวานไม่มากกำลังดีจนเขาต้องตักเข้าปากอีกคำ เมื่อเห็นจีรัชญ์มองตนอยู่เขาจึงหยุดมือ

“หรือคุณจะชิมดูไหม เกิดลูกศิษย์คุณถามว่ารสชาติเป็นอย่างไรคุณจะได้ตอบถูก” ณิชไม่พูดเปล่า เขาหยิบช้อนพลาสติกอันเล็กที่แถมมาด้วยตักเนื้อเต้าฮวยขึ้นจ่อปากคนตัวใหญ่

จีรัชญ์ที่ตอนแรกจะปฏิเสธ แต่เมื่อได้เห็นแววตาและรอยยิ้มหวานก็ทำให้ใจอ่อนอยู่ร่ำไป ชายหนุ่มจับมือเรียวไว้แล้วงับเนื้อเต้าฮวยนิ่มๆ เข้าปากไม่มีอิดออด

หากถามถึงความหวานที่ได้ เขาไม่แน่ใจว่าสิ่งที่ตนลิ้มรสนี้มาจากเนื้อเต้าฮวย หรือรอยยิ้มของคนตรงหน้ากันแน่

“เป็นไงครับ”

“หวานกำลังดี” และจะดีกว่านี้ ถ้าความหวานนี้ไม่ซ่อนความขมขื่นมาด้วย

ณิชยิ้มกว้าง ระหว่างนั้นมิ้งกับช่างจรูญเข้ามาพอดีเขาจึงหันไปคุยเรื่องงานต่อ ช่างจรูญบอกว่าเหลือเก็บงานในห้องนี้อีกนิดหน่อยก็เสร็จแล้ว และจะให้ลูกน้องขัดถูกให้สะอาด จากนั้นจะเริ่มห้องโซนต่อไปเลย

ตกดึกณิชนั่งทำงานอยู่ในห้องเช่นเดิม อาการเมื่อยขบเริ่มเล่มงานจนต้องลุกขึ้นบิดขี้เกียจและเดินบ้างเพื่อไม่ให้เป็นออฟฟิศซินโดรม เขาส่งงานของลูกค้าให้พี่โอ๋แล้ว แต่ยังไม่หมดเหลืออีกรายหนึ่งก็เป็นอันเสร็จ แต่พี่โอ๋กลับบ่นเขาถึงเรื่องที่เกิดขึ้นว่าอย่าได้นิ่งนอนใจ ถ้ามาบ้านป่าเมืองเถื่อนก็ต้องระวังตัวให้มาก แม้เขาจะบอกว่าจีรัชญ์โดนหนักกว่าก็เถอะ ส่วนตัวเขาไม่เป็นอะไรเลยแค่เป็นหวัดเพราะโดนฝนเท่านั้น

ก๊อกๆๆ

“ยังไม่นอนอีกเหรอครับคุณจีรัชญ์” ณิชที่ลงไปชงไมโลมาจากชั้นล่าง เมื่อเดินผ่านห้องของเจ้าของบ้านที่เปิดแง้มอยู่จึงเคาะและทักทายดู อีกฝ่ายเงยหน้าขึ้นจากจอคอมพิวเตอร์เมื่อเห็นว่าคนมาเยือนคือใครเขาจึงยิ้มให้บางๆ

ยิ่งอยากออกห่าง แต่อีกฝ่ายดูจะอยากเข้าหาเขามากกว่าเดิม รั้นเสียจริงเจ้าโชคชะตา









โปรดติดตามตอนต่อไป

พระเอกของเรื่องชื่อ หาญ > ... > จีรัชญ์(ตรี)

นายเอกของเรื่องชื่อ คุณปราณ > ... > ปราณันต์(ณิช)

ขอบคุณที่เข้ามาอ่านค่ะ

ออฟไลน์ แก่ เหี่ยว เคี้ยวยาก

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 174
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
ตอนแรกจะปฏิเสธ แต่เมื่อได้เห็นแววตาและรอยยิ้มหวานก็ทำให้ใจอ่อนอยู่ร่ำไป ชายหนุ่มจับมือเรียวไว้แล้วงับเนื้อเต้าฮวยนิ่มๆ เข้าปากไม่มีอิดออด หากถามถึงความหวานที่ได้ เขาไม่แน่ใจว่าสิ่งที่ตนลิ้มรสนี้มาจากเนื้อเต้าฮวย หรือรอยยิ้มของคนตรงหน้ากันแน่


ชอบ

ออฟไลน์ nightsza

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2035
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +61/-1
หวานมากกก รู้ใจกันขนาดนี้

ออฟไลน์ Ginny Jinny

  • ความเป็นจริงมันวุ่นวาย ก็ขอให้ใจมันสบายๆในความฝัน
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2115
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-4
มันปวดใจยังไงไม่รู้

ออฟไลน์ blove

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1423
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +124/-0
วุ้ยยยยคุณตรีเขาริ่มเทคณิชแล้วเว้ย มีซื้อของหวานมาฝงมาฝากเพราะเห็นว่าเขาชอบ  :-[ ไอ้มั่นก็รู้ไปอีกคนแล้ว อุบะ!! จะลักลอบเจอกันยังไงให้เนียนอะไอ้หาญผัวข้า 5555 ปมต่างๆก็รอต่อไป ระยะนี้เหมือนคุณตรีจะห้ามใจยังไงไหว ณิชรุกหาอยู่แบบนี้  :o8: 555 ขอบคุณนะคะที่มาต่อ รอตอนหน้าจ้า  :pig4: :pig4: :L1: :L1:

ออฟไลน์ cavalli

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5378
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +195/-19

ออฟไลน์ :นางสาวผอบ:

  • ความเคลื่อนไหวในเงามืด
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 189
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +649/-4
บทที่ ๙ (ครึ่งแรก)

“ยังไม่นอนอีกเหรอครับคุณจีรัชญ์” เสียงทักพร้อมเจ้าตัวที่เยี่ยมหน้าเข้ามาในห้อง ณิชยิ้มเมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายเงยหน้าจากกองหนังสือมองมาที่เขา

“ยังครับ คุณก็ยังไม่นอนเหรอครับ” จีรัชญ์ลุกมาเปิดประตูให้อีกฝ่ายได้เดินเข้ามาข้างใน ไหนๆ ณิชก็เคยเข้ามาแล้ว จากที่คิดว่าจะไม่ให้อีกฝ่ายได้เข้ามายุ่มย่ามกับชีวิตส่วนตัว แต่ก็ยากจะห้ามเหลือเกิน ฉะนั้นจะเข้ามาอีกครั้งจะเป็นอะไรไป อย่างไรเสียเจ้าตัวก็คงจำเรื่องราวในฝันไม่ได้หรอกหากไม่ได้นอนหลับน่ะ

“คุณทำงานดึกนะครับ เป็นอาจารย์มหา’ ลัยงานเยอะเหมือนกันนะเนี่ย ดูหนังสือที่กองสิ” ณิชบุ้ยใบ้ไปตามกองหนังสือที่เปิดกางอยู่บนโต๊ะ

“สอนเกี่ยวกับกฎหมายเลยต้องเตรียมข้อมูลเยอะสักหน่อยครับ” จีรัชญ์ตอบเสียงเรียบ นี่คงเป็นครั้งแรกที่จีรัชญ์พูดเรื่องเกี่ยวกับตัวเองออกมาโดยที่ไม่ต้องถามก่อน

ณิชถือว่านี่เป็นสัญญาณที่ดีที่เขากับจีรัชญ์เข้ากันได้ ไม่ได้มึนตึงใส่เขาเหมือนอย่างก่อนหน้านี้ ไหนจะเต้าฮวยนมสดนั้นอีก เขาโดนมิ้งแซวด้วยสายตาเรื่องที่ป้อนเต้าฮวยให้อีกฝ่ายกินถึงปาก ทั้งที่จริงตอนนั้นไม่ได้คิดอะไร แต่พอโดนแซวแบบนี้ก็เขินอยู่เหมือนกัน

“ผมเห็นในห้องทำงานของคุณมีหนังสือเยอะมาก คุณชอบอ่านหนังสือแนวไหนเหรอครับ” ณิชชวนคุยระหว่างรอให้ไมโลในแก้วอุ่น

“ผมไม่เจาะจงประเภทหนังสือ คิดแค่ว่าอ่านหนังสือได้แล้วก็อยากลองอ่านสิ่งใหม่ๆ ดู” คำพูดเป็นนัยๆ ของจีรัชญ์ทำให้ณิชขมวดคิ้ว

“คุณพูดราวกับคนอ่านหนังสือไม่ออก แต่เพิ่งมาหัดอ่านได้ไม่นาน”

“ผมเคยอ่านหนังสือไม่ออก” จีรัชญ์ตอบกลับเสียงเรียบ หากแต่หัวใจเต้นหนักหน่วงยามคิดถึงอดีต เพราะการอ่านหนังสือไม่ออกนี่แหละทำให้เขากัดฟันทน ทนเพื่อจะรู้ให้ได้ว่าข้อความตัวอักษรบนกระดาษนั้นเขียนว่าอะไร และพอได้อ่านเขาถึงได้พยายามหาอ่านสิ่งอื่นมากลบสิ่งแรกที่ได้อ่านในชีวิตไป

“ถ้าคุณหมายถึงตอนเกิดมาแล้วอ่านหนังสือไม่ออกใช่ไหม อันนั้นผมไม่เถียง เพราะผมก็อ่านไม่ได้เหมือนกัน กำลังแหกปากร้องอยู่ ฮ่าๆ” ณิชกลัวบรรยากาศดีๆ นี้จะเสียไปจึงกลบเกลื่อนเป็นมุกตลกเสีย

“หืม คุณเขียนกับปากกาขนนกเป็นด้วยเหรอ” ณิชเปลี่ยนเรื่องเร็วจนจีรัชญ์เกือบตามไม่ทัน คนซุกซนที่มีสายตาชอบสอดส่องเดินเข้ามาใกล้ ณิชเห็นว่าปากกาขนนกเสียบอยู่ในแท่นของมัน ข้างกันมีกระดาษที่ถูกเขียนภาษาอังกฤษเป็นตัวเขียน ตัวอักษรติดกันเป็นพืด น้ำหนักมือลงหนักเบาต่างกัน ดูราวกับเจ้าของภาษามาเขียนให้ดูเอง

“ก็พอได้”

“ไม่พอได้แล้วครับ เขียนสวยมาก สอนผมบ้างสิ ผมเขียนตัวอักษรภาษาอังกฤษแบบตัวเขียนไม่เป็นเลย”

ณิชร้องขอก่อนจะจิบไมโลอุ่นไปนิดหน่อยแล้ววางแก้วลงบนโต๊ะ จีรัชญ์ลอบถอนหายใจกับคนที่ทำตัวสบายกับเขาเสียเหลือเกิน หารู้ไม่ว่าจิตใจเขาตอนนี้เต้นแกว่งไม่เป็นจังหวะ เดี๋ยวช้าเดี๋ยวเร็วจนคิดว่าอาจจะเป็นโรคหัวใจเข้าสักวัน

หนุ่มเมืองกรุงถือวิสาสะยกเก้าอี้ตัวใหญ่มานั่งข้างเจ้าของห้อง เพราะอีกฝ่ายละมือจากงานพอดีเขาจึงยิ้มกว้างพร้อมทำตัวเป็นนักเรียนให้อีกฝ่ายสอน จีรัชญ์จำยอมไม่ปฏิเสธเพราะรอยยิ้มหวานนั้น ท่าทางน่าเอ็นดูราวกับนักเรียนตัวน้อยๆ ที่อยากได้ความรู้จริงๆ

ปากกาขนนกแท่งสวยถูกจุ่มลงไปในของเหลวข้นเพื่อเติมหมึกสีดำ ปลายปากกาจรดลงบนกระดาษ ก่อนจีรัชญ์จะเริ่มเขียนตัวอักษรภาษาอังกฤษแบบตัวเขียนให้ณิชดูทีละตัว อีกฝ่ายสนใจไม่น้อย กายบางค่อยๆ ขยับโน้มเข้าหาจนอกแทบชิดศอกคนตัวโต ลมหายใจอุ่นรดรินบนไหล่กว้าง จีรัชญ์ลอบมองเสี้ยวหน้าของอีกฝ่ายอย่างเผลอไผล ความใกล้ชิดนี้ที่เคยได้รับ เคยได้สัมผัส และเขาเคยโหยหา บัดนี้มันกลับอยู่ใกล้เพียงปลายนิ้วแตะ

“ขนาดเขียนกับปากกาธรรมดาผมว่ายังยากเลย แต่คุณ...” ณิชพูดไปตาก็มองกระดาษไป แต่เพราะเห็นว่าจีรัชญ์ไม่ลงมือเขียนต่อสักทีจึงหันมามอง เขาได้สบตากับคนที่จ้องตนอยู่ก่อนแล้ว แววตาของจีรัชญ์ที่ต้องแสงนวลของโคมไฟบนโต๊ะ บัดนี้เปล่งประกายกว่าแต่ก่อน มันดูมีชีวิตชีวาไม่ได้ดูเหมือนกับคนไร้ชีวิตอย่างก่อนหน้านี้ แต่แล้วทุกอย่างที่อ่านได้ทางสายตาก็แปรเปลี่ยนกลับไปเป็นเฉยชาเช่นเดิม

“ฝึกบ่อยๆ คุณก็จะเขียนได้แบบนี้”

“งั้นให้ผมลองหน่อยสิ” ณิชเขยิบเข้าไปใกล้อีกนิด เอากระดาษมาวางตรงหน้าตนแล้วรับปากกาขนนกจากมือใหญ่มาจุ่มหมึก แต่เพราะเขายังไม่รู้น้ำหนักของสิ่งนี้หมึกจึงหยดเลอะเปรอะกระดาษไปหลายจุด พอลองลากเส้นเขียนดูก็ไม่ได้เส้นสวยและบางอย่างใจคิด ทำเอาใบหน้าหวานติดจะบึ้งตึงไปเพราะไม่ได้ดั่งใจ

“จุ่มหมึกแล้วต้องรอให้มันหยดเสร็จก่อน จากนั้นก็ค่อยเอามาเขียน” ชายหนุ่มเจ้าของปากกาขนนกกล่าวเสียงนุ่มอย่างคนใจเย็น เห็นหน้างอง้ำแล้วสงสารจึงสอนจับปากกาให้

“ค่อยๆ เขียนไม่ต้องรีบ” วงแขนอบอุ่นโอบไหล่บางไว้ มือใหญ่ประคองมือเรียวที่จับปากกาขนนกอยู่ให้ขยับตามแรงนำพาของเขา

การลากเส้นเป็นไปอย่างค่อยเป็นค่อยไป เน้นหนักเบาต่างจังหวะกัน ตัวอักษรยังเขียนตัวใหญ่อยู่เพื่อให้ณิชคุ้นชินกับพยัญชนะ จากนั้นค่อยไล่ระดับลงให้เล็กสักหน่อย

“ตัว a ไปตัว b เขียนไปแบบไม่ต้องยกปากกา ใช่...แบบนั้นแหละ” แม้จะปล่อยมือให้อีกฝ่ายได้ลองเขียนเอง แต่แขนแกร่งก็ยังโอบไว้ไม่ห่าง กลุ่มผมที่ตัดแต่งทรงตามสมัยส่งกลิ่นหอม จีรัชญ์เผลอสูดดมอยู่บ่อยครั้ง โดยเจ้าตัวไม่รู้เลยว่าบนใบหน้าเรียบเฉยของตนที่แสร้งทำ ตอนนี้มีรอยยิ้มบางประดับบนใบหน้าเสียแล้ว

“อ่ะ! มือเลอะ” ณิชยกสันมือดูปรากฏว่าสันมือเขาเต็มไปด้วยคราบดำที่เกิดจากการลากมือไปบนกระดาษ จีรัชญ์หัวเราะขำในลำคอเบาๆ กับท่าทางราวหนูตกใจ เขาหยิบทิชชูบนโต๊ะส่งให้ณิชเช็ด

“ถ้าอยากเขียนได้คุณต้องลองหัดบ่อยๆ การหัดเขียนแบบนี้มันช่วยเรื่องสมาธิได้ด้วยนะ” เขาบอกคนที่กำลังถูสันมือตัวเอง แต่คราบหมึกก็ไม่ได้ออกมากนักหรอก ต้องไปล้างสบู่ถึงจะออก

“แล้วคุณเขียนภาษาไทยได้ไหม ลองเขียนให้ผมดูหน่อยสิ ผมอยากเห็นลายมือคุณ” ไม่พูดเปล่าคนร่างบางยังดันกระดาษคืนกลับให้เจ้าของ พร้อมทั้งปากกาขนนกและขวดหมึก ก่อนจะยกไมโลที่ตอนนี้เย็นชืดเสียแล้วขึ้นดื่มรวดเดียวหมด จีรัชญ์ส่ายหน้าเบาๆ กับท่าทางของณิชที่เผลอแสดงออกมาเด็กกว่าอายุจริงของเจ้าตัว

“คุณไม่ง่วงรึไง”

“ยังครับ ปกติถ้าอยู่กรุงเทพฯ ผมนอนดึกกว่านี้ บางคืนถ้างานรีบก็โต้รุ่งจนเช้าเลย

แน่ล่ะ ตาใสแป๋วเป็นนกเค้าแมวขนาดนี้คงง่วงง่ายอยู่หรอก

“เอ่อ...คุณจีรัชญ์ง่วงแล้วเหรอครับ”

“เปล่า ผมแค่สงสัยเท่านั้น แต่ถ้าคุณบอกว่ายังไม่ง่วงผมก็จะเขียนให้ดู” พูดจบเขาก็เริ่มเขียนให้ณิชดูอีกครั้ง

ปราณันต์

ชื่อจริงของณิชโดยลายมือหวัดๆ ของจีรัชญ์ เจ้าของชื่อได้มองก็ยิ้มกว้าง ชื่อจริงที่เขาไม่คิดอยากให้คนสนิทเรียกซ้ำสอง แต่พอกลายมาเป็นตัวอักษรที่เขียนด้วยลายมือของจีรัชญ์เขากลับดีใจที่ได้เห็นมัน

“ลายมือคุณเหมือนคนสมัยก่อนเลย สวยมากๆ ครับ” ณิชเอ่ยชมเปาะทันที มันทั้งสวยงาม เป็นระเบียบ แม้ไม่มีเส้นบรรทัดคอยกำกับ ตัวอักษรกลับเรียงราวกับมีเส้นบรรทัดล่องหน

“เขียนอีกได้ไหมครับ นะครับ...ผมอยากเห็นอีก” ณิชเปลี่ยนจากการร้องขอเป็นการอ้อนวอน จีรัชญ์มองใบหน้าหวานนิ่ง เพียงเสี้ยววิผ่านไปเขาก็เริ่มเขียนอีกครั้ง แต่ครั้งนี้เป็นกลอนสั้นๆ ให้อีกฝ่ายได้อ่านเท่านั้น

คิดคะนึงถึงเจ้าดวงใจพี่

สุดรำพึงถึงคนดีนี้หนักหนา

แต่เพราะกรรมมิอาจรักต้องจากลา

สุดไขว่คว้าจำใจจากต้องพรากกัน

ถ้อยคำที่เรียงร้อยออกมาจากความรู้สึกเป็นบทกลอน เขาไม่รู้ว่าคนที่ได้อ่านตอนนี้รู้สึกเช่นไร แต่ตัวเขาแล้วมันแทนได้เพียงความรู้สึกเดียวคือ...ความคิดถึง

รอยยิ้มหวาน เสียงหัวเราะเบาๆ ยามได้ฟังสิ่งที่ถูกใจ มือเรียวที่หุ้มด้วยผิวขาวนุ่มมือ เขาโหยหาทุกสิ่งที่เคยได้รับ ตอนเริ่มรักทุกอย่างช่างหวานชื่นความสุขแทบล้นอก แต่เพราะรักเช่นเดียวกัน เมื่อเวลาผ่านล่วงเลยไป ใครเลยจะรู้ว่าความทุกข์ระทมแสนสาหัสที่ได้รับไม่มีที่สิ้นสุดนี้ จะทำให้เขาทรมานเจียนตาย

“คิดถึงเขาเหรอครับ”

ณิชหลุดถามอย่างลืมตัวเมื่อเห็นอาการของอีกฝ่าย แต่เพราะนั่งใกล้กันจึงได้ยินชัดเจน เขาเงยหน้ามองคนตัวใหญ่เมื่อได้อ่านกลอนบทนี้จบ แววตาเศร้าของจีรัชญ์ปิดไม่มิดในคราวนี้ เขาจับความรู้สึกของอีกฝ่ายได้ชัดเจน จนมั่นใจว่าจีรัชญ์คงเขียนถึงใครสักคน

ภายในห้องนอนใหญ่เงียบจนได้ยินเสียงพัดลมเพดานที่กำลังทำงานอยู่ แม้แต่เสียงแมลงข้างนอกก็ยังได้ยินถึงข้างใน เพราะไม่มีใครเอ่ยอะไรออกมา มีเพียงสายตาสองคู่ที่สอดประสานมองกันเท่านั้น ราวกับต่างฝ่ายต่างสื่อสารกันทางความรู้สึกมากกว่าจะพูดออกมาเป็นถ้อยคำ

คนหนึ่งค้นหาคำตอบสิ่งที่ตนสงสัย อีกคนปกปิดไว้สุดใจไม่อยากให้ใครได้รู้ ณิชเผลอยกมือขึ้นประคองแก้มของคนตรงหน้าไว้ เพราะดวงตาเศร้าที่เอ่อคลอด้วยหยาดน้ำใสมากกว่าปกติทำเขาปวดหนึบในอก เขาไม่รู้ว่าจีรัชญ์เจ็บปวดด้วยเรื่องอะไร แต่ที่เขารับรู้ได้มันคงสาหัสจนเขาอยากจะเยียวยาความรู้สึกเศร้านี้ให้

ชายหนุ่มร่างสูงใหญ่หลับตาเอียงหน้าเข้าหามืออุ่น เพื่อซึมซับสัมผัสที่อีกฝ่ายเผื่อแผ่มาให้ แค่ได้สบตากำแพงที่สร้างไว้ก็สั่นคลอนแทบพังทลายลงทุกที

“ทุกลมหายใจ” น้ำเสียงทุ้มนุ่มพูดเหมือนพึมพำกับตนเอง

“ทำไมไม่บอกเขาล่ะครับ” ณิชถามอีกครั้ง

เสียงเบาราวกำลังตกอยู่ในภวังค์ ใครคนนั้นของจีรัชญ์คือใคร คุณแขไขเหรอ หรือใครอื่นที่อยู่เบื้องลึกในหัวใจของชายหนุ่มผู้เย็นชาคนนี้

แต่ที่ชัดเจนคือความรู้สึกของเขาที่อิจฉาใครคนนั้นเหลือเกิน เขาจะรับรู้ไหมว่ามีใครคนหนึ่งคิดถึงเขาปานจะขาดใจอยู่ตรงนี้

“ผมได้แค่คิด...แต่มันคงไปไม่ถึงเขา” จีรัชญ์ตอบเสียงเศร้า แต่เสียงที่ว่าเศร้ายังไม่เท่าดวงตาที่แสดงออกมาในตอนนี้

“ทำไม”

“เพราะความคิดนี้ถึงมีแค่ผมคนเดียวที่รับรู้”

ไม่ว่าจะเมื่อก่อน ตอนนี้ หรือในอนาคต ก็มีแค่เขาคนเดียวที่รู้ทุกความรู้สึก





โปรดติดตามส่วนต่อไป

ขอบคุณที่เข้ามาอ่านค่ะ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 26-07-2020 08:30:32 โดย :นางสาวผอบ: »

ออฟไลน์ cavalli

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5378
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +195/-19

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ anterosz

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 807
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +112/-1

ออฟไลน์ Ginny Jinny

  • ความเป็นจริงมันวุ่นวาย ก็ขอให้ใจมันสบายๆในความฝัน
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2115
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-4
อีกนานไหมที่ทุกอย่างจะดีขึ้น

ออฟไลน์ แก่ เหี่ยว เคี้ยวยาก

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 174
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
ในภพชาตินี้ ขออย่าให้มีความผิดหวังเกิดขึ้นอีกเลย

ออฟไลน์ blove

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1423
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +124/-0
หวานปนขม มันเศร้า งื้ออออ  :mew2:

ออฟไลน์ :นางสาวผอบ:

  • ความเคลื่อนไหวในเงามืด
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 189
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +649/-4
บทที่ ๙ ครึ่งหลัง


“พี่ณิช พี่โอ๋บอกว่าอย่าลืมงานลูกค้าด้วยนะ ลูกค้าโทรมาเร่งบอกจะเอาภายในอาทิตย์หน้า” มิ้งบอกคนที่กำลังเหม่อ เธอชะโงกหน้าเข้าไปดูณิชใกล้ๆ แต่อีกฝ่ายไม่แม้แต่จะตกใจหรือขยับออกอย่างปกติ

“พี่ณิช พี่... เห้ย! พี่ณิช!”

“เห้ย! ตกใจหมดไอ้มิ้ง! เรียกทำไมเสียงดัง” ณิชเซเกือบล้มเพราะหญิงสาวผลักเขา

“ก็พี่เหม่ออ่ะ หนูคุยด้วยตั้งนานแต่พี่เอาแต่ยืนเหม่ออยู่นั่นแหละ เป็นอะไรรึเปล่า ไข้กลับเหรอ” มิ้งโบกมือหน้าณิช ฝ่ายรุ่นน้องขมวดคิ้วมุ่นสงสัยไม่น้อยว่ารุ่นพี่เธอเป็นอะไร ดูใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัวตั้งแต่เช้าแล้ว

“เปล่า ไม่มีอะไร ไปทำงานต่อเถอะไป”

“อย่าลืมส่งงานลูกค้าให้พี่โอ๋นะ และดูท่าพี่จะมีข่าวดีด้วย”

“อะไร”

“ลูกค้าสั่งแก้งาน ฮ่าๆๆ” พูดจบมิ้งก็ทิ้งไว้แค่เสียงหัวเราะก่อนจะวิ่งจากไป ณิชถอนหายใจอย่างเซ็งๆ

สาเหตุอาการเหม่อลอยของเขาก็ไม่ใช่ใครอื่น เจ้าของวังปริพัตรนี่แหละที่ทำให้เขาว้าวุ่นใจอยู่แทบทุกวัน เพราะตั้งแต่คืนนั้นที่เขาได้พูดคุยกับจีรัชญ์ ให้อีกฝ่ายสอนเขียนหนังสือกับปากกาขนนก จนมาจบที่ได้เห็นความอ่อนไหวของอีกฝ่าย จีรัชญ์ก็แทบจะหลบหน้าหลบตาไม่ให้เขาเห็นหน้าอีกเลย

จนวันนี้เกือบอาทิตย์เห็นจะได้ที่อีกฝ่ายบ่ายเบี่ยงที่จะเข้าใกล้เขา ยิ่งเวลาอยู่กันสองคนจีรัชญ์จะปลีกตัวออกห่างเขาไปทันที ทำทีว่าติดธุระบ้างล่ะ ไม่ว่างคุยให้คุยกับคุณหมีไม่ก็คุณสุทิน เขาหงุดหงิดจนเลิกหงุดหงิดไปแล้วอีกฝ่ายก็ยังไม่มีทีท่าว่าจะเข้าใกล้กัน

“ป้าแจ่ม ผมถามอะไรหน่อยสิครับ” ณิชเดินมาหาแม่บ้านใหญ่ตรงเรือนครัว ป้าแจ่มกำลังทำสะเดาน้ำปลาหวานอยู่หันมายิ้มให้ กวักมือให้เขาเข้าไปหา ณิชจึงนั่งลงบนแคร่ข้างหญิงสูงวัยทันที

“มีอะไรเหรอครับคุณณิช”

“คุณจีรัชญ์เขาเคยเกลียดใครไหมครับ แบบไม่ชอบใจใครประมาณนี้” อดรนทนไม่ไหวจึงต้องถามหาคำตอบจากคนที่อยู่บ้านหลังนี้มานาน อีกฝ่ายหัวเราะทันทีเมื่อได้ฟัง

“ทำไมถามแบบนี้ล่ะคะ หรือว่าคุณณิชไปทำอะไรให้คุณตรีโกรธ” ป้าแจ่มหันมาถามใบหน้ายังมีรอยยิ้มเปื้อนอยู่ ด้วยความเอ็นดูแขกของบ้านที่มาอยู่ได้ร่วมเดือนแล้ว แต่ดูเหมือนจะเข้ากับเจ้านายของเธอไม่ได้สักเท่าไหร่ บางครั้งคนทั้งสองก็เหมือนพร้อมจะเข้าหากัน แต่หลังๆ ก็ออกห่างกันอีกแล้ว

“ก็คุณตรีของป้าแจ่มเขาหลบหน้าผม ผมก็ไม่เข้าใจว่าตัวเองทำอะไรผิดไปเขาถึงไม่คุยด้วย” ณิชว่าสีหน้าครุ่นคิด ก่อนจะบึ้งตึงเมื่อคิดว่าตนไม่จำเป็นต้องเข้าหาจีรัชญ์ขนาดนี้เลย หากเจ้าตัวไม่อยากคุยกับเขาก็สั่งงานผ่านรุ่นน้องเขาก็แล้วกัน

“ถามคุณเขาตรงๆ เลยสิคะ ป้าว่าคุณตรีเขาไม่ได้อะไรหรอก แต่คุณณิชคิดมากไปเองมากกว่า”

“แล้วผมจะคุยกับเขาได้ยังไงล่ะครับ อยู่บนโต๊ะอาหารเขาก็เอาแต่กินข้าวลูกเดียว พอจะถามก็โน่น...รีบขึ้นรถคุณหมีไปแล้ว” ชายหนุ่มตอบพลางหยิบถั่วทอดที่คลุกเกลือไว้แล้วมากิน

“คุณตรีเธอชอบขลุกตัวอยู่ในห้องทำงานค่ะ ถ้าคุณณิชเข้าไปในห้องนั้นป้ารับรองว่าคุณเขาหนีไปไหนไม่ได้แน่นอน”

เพราะคำแนะนำของป้าแจ่มที่ตอนแรกคิดว่าจะไม่ใส่ใจ แต่ท้ายสุดเขาก็เข้ามายังห้องทำงานของจีรัชญ์จนได้ โดยให้ป้าแจ่มเป็นคนเปิดห้องให้ ณิชเดินสำรวจข้าวของภายในที่ส่วนใหญ่เป็นไม้ ทั้งชั้นวางหนังสือที่ติดกับฝาผนัง โต๊ะ เก้าอี้ ทุกอย่างถูกตกแต่งกลิ่นอายเดียวกับห้องนอนของจีรัชญ์ ภาพวาดบ้านเรือนไทยถูกเจ้าของเอาใส่กรอบใหม่ และแขวนไว้มุมหนึ่งของห้องนี้แล้ว

“สวัสดีครับคุณอนันต์” ณิชเอยทักเจ้าของปลายพู่กันที่บรรจงสร้างรูปนี้ขึ้นมา แม้ฝ่ายนั้นจะไม่อยู่แล้วก็ตาม แต่เขาก็ขอบคุณที่ทำให้เขารู้สึกผูกพันกับรูปนี้ ใบหน้าหวานระบายยิ้มหน่อยๆ ก่อนจะละสายตาจากรูปมาเป็นชั้นวางหนังสือสูงเลยหัวเขาแทน

มันจริงอย่างที่จีรัชญ์ว่าที่ตนอ่านหนังสือได้หมด ไม่มีเน้นหนักประเภทไหนเป็นพิเศษ เพราะเท่าที่เขาเห็นตอนนี้มีทุกแนว ตั้งแต่ปรัชญา การเมือง เศรษฐกิจ การ์ตูน ขนาดหนังสือขายหัวเราะก็ยังมี คู่สร้างคู่สมที่เขาเลิกผลิตไปแล้วก็มีให้เห็น นิยายไม่ว่าจะเขย่าขวัญสั่นประสาท สืบสวน-สอบสวน หรือนิยายอีโรติกก็จัดวางเรียงเป็นระเบียบ

ณิชลองหยิบหนังสือมาเล่มหนึ่ง สภาพเก่าจนกระดาษซีดเหลือง เป็นหนังสือบันทึกอะไรสักอย่างเขียนด้วยลายมือ แต่เขายังไม่ทันได้เปิดอ่านลมหอบใหญ่ก็พัดเข้ามาจนตาหยี ม่านหน้าต่างที่เปิดไว้ เพื่อให้แสงสว่างของธรรมชาติสาดเข้ามาพลิ้วไหวอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะค่อยๆ เบาลง ขณะเดียวกันก็มีกระดาษตกลงกระทบหลังเท้าจนต้องหยิบขึ้นมาดู มันเป็นกระดาษที่เก่ามากแล้ว เปราะบางเสียจนเขาต้องประคองมันขึ้นมา แต่ดูท่าเจ้าของจะรักษาไว้อย่างดีภายในหนังสือบันทึกเล่มนี้




ถึง หัวใจของปราณ

ข้ารู้ว่าเอ็งอ่านหนังสือไม่ออก แต่นี่คือทางเดียวที่ข้าจะสื่อสารกับเอ็งได้ เจ้าคุณพ่อขังข้าไว้ข้าจึงฝากจดหมายนี้มากับไอ้มั่น

ข้าขออภัยกับสิ่งที่เกิดขึ้น ข้าเห็นแก่ตัวจึงทำให้เอ็งต้องโดนลงทัณฑ์ ข้าเสียใจแต่ก็มิอาจไปไถ่โทษให้เอ็งได้อย่างใจอยาก หากเอ็งจะถือโทษโกรธเคืองข้าก็มิผิด แต่สิ่งหนึ่งที่เอ็งโปรดรู้ไว้คือคำรักที่ข้าให้เอ็งมิเคยปดเลย

เพราะความกลัวทำให้ข้าขลาดเขลา และความรู้ผิดทำให้ข้ามิอาจมีชีวิตอยู่ได้ ข้าขอชดใช้ความรู้สึกผิดนี้ด้วยชีวิตที่มี ขอเอ็งจงอย่าถือโทษว่าเป็นความผิดของตน อย่าคิดว่าเพราะเราต่างชนชั้นกันจึงทำให้คู่กันไม่ได้ เพราะไม่ว่าอย่างไรหัวใจของข้ามันเป็นของเอ็งเสมอ ต่อให้เอ็งต้อยต่ำเท่าชั้นดินก็ยังเป็นที่รักของข้า

ข้าหวังว่า หากวันใดที่เอ็งอ่านสิ่งที่ข้าเขียนได้ วันนั้นเอ็งจะให้อภัยในสิ่งที่ข้าทำกับเอ็งไว้

รัก

จาก สายลมของหาญ




ทันทีที่อ่านเนื้อความในกระดาษแผ่นนี้จบชายหนุ่มร่างบางก็ทรุดลงไปกองบนพื้น มือเย็นปลายเท้าชารู้สึกคล้ายจะเป็นลม ตอนนี้ณิชรู้สึกเหมือนตัวเองโดนทุบหัวจนมึนไปหมด ไอ้หาญกับคุณปราณในความฝันของเขามีชีวิตจริงๆ แม้แต่ไอ้มั่นเพื่อนของไอ้หาญก็ด้วย หัวเขาปวดร้าวแทบระเบิดก่อนสติทุกอย่างจะดับวูบลง มีเพียงสายลมเอื่อยๆ พัดผ่านเข้ามาให้คนที่สลบไสลไม่ร้อนนัก


--##--##--##--##--##--##--


“ไอ้มั่นมันรู้เรื่องของบ่าวกับคุณปราณแล้วนะขอรับ” ไอ้หาญบอกยอดดวงใจของมัน ซึ่งตอนนี้คุณปราณนอนหนุนตักมันอยู่ใต้ต้นไทร ต้นไม่ใหญ่แผ่กิ่งก้านให้ความร่มรื่นไม่น้อย ดวงหน้าหวานมองไอ้หาญนิ่งก่อนจะพูดขึ้นบ้าง

“แล้วมันว่าอย่างไร จะเอาไปบอกใครหรือไม่”

“ไอ้มั่นมิใช่คนเช่นนั้นดอกขอรับ มันจะช่วยบ่าวเก็บเรื่องนี้ไว้”

“ก็ดี มิเช่นนั้นข้าจะกุดหัวมัน”

คุณปราณพูดเสียงดุ แต่ไอ้หาญรู้ดีว่ายอดดวงใจมันหรือจะฆ่าใครได้ แม้แต่จับดาบยังมือสั่นแทบยกไม่ขึ้น มันจับมือของอีกฝ่ายของมาจูบซับเบาๆ ไล่จากหลังมือลามไปยังแขน ผิวนุ่มที่หอมน้ำอบน้ำปรุงทำให้มันสูดดมได้ไม่เคยเบื่อ ปลายนิ้วเรียวแตะแต้มที่กลีบปากของไอ้หาญพร้อมรอยยิ้มของเจ้าตัว บนนิ้วนางข้างซ้ายมีแหวนดอกไม้ที่ไอ้หาญเอาดอกหญ้ามาถักร้อยให้สวมอยู่

มันเป็นบ่าว ไม่มีทรัพย์สินหรือเงินทองใดติดตัวดอก ของที่มีติดตัวก็หาใช่ของมีราคาไม่ มันจึงทำแหวนดอกไม้ขึ้นมา ในคราแรกไม่กล้าให้คนรับ แต่คุณปราณแอบเห็นเสียก่อนจึงเอาไปใส่ และกล่าวว่าแหวนนี้เป็นของตนเสียแล้ว ไอ้หาญจึงได้แค่ยิ้มเขิน และคิดไว้ในใจว่ามันจะพยายามทำงานหาเบี้ยมาไถ่ตัวเอง แม้อยู่เรือนท่านออกญาฯ จะสุขสบายกว่าเรือนอื่น เพราะไม่ต้องโดนเจ้านายข่มเหงรังแก แต่จะให้มันติดอยู่กับชีวิตทาสตลอดชีวิตก็ไม่ได้ มิเช่นนั้นก็คงต้องหลบๆ ซ่อนๆ แอบรักคุณปราณไปเช่นนี้

ทั้งคู่ใช้เวลาอยู่ริมสระบัวอีกเพียงชั่วครู่ก็กลับเรือน มาถึงท่าน้ำก็ทันเห็นไอ้มั่นหน้าตื่นชะเง้อคอยืดยาวอยู่ริมท่า มันโบกมือไหวๆ เรียกให้เขารีบพายเข้าไปหา คุณปราณเห็นท่าทางอยู่ไม่สุขของมันจึงเอ่ยถาม

“มีเหตุอันใดรึไอ้มั่น เอ็งดูลุกลี้ลุกลนราวคนโดนจับได้ว่ากระทำผิด หรือพอรู้ความลับของข้าจึงได้มีท่าทีเช่นนี้” คุณปราณเสียงเข้มขึ้นทันควันเมื่อขึ้นท่ามาได้ ไอ้มั่นรีบส่ายหัวโบกมือพัลวัน

“มิได้ขอรับ ถึงบ่าวจะรู้เรื่องของคุณปราณแต่บ่าวก็มิอาจปากสว่างดอกขอรับ ที่บ่าวร้อนรนเช่นนี้เพราะมีข่าวจากบนเรือนว่าท่านออกญาฯ จะกลับมาถึงเรือนเย็นนี้ขอรับ บ่าวกลัวท่านออกญาฯ จะพบเห็นคุณปราณอยู่กับไอ้หาญจึงจะมาเตือนขอรับ” ไอ้มั่นรีบเตือนนายมันด้วยความหวังดี เพราะความซื่อสัตย์และความรักเพื่อนของมันทำให้ต้องรีบคาบข่าวมาบอก เมื่อครู่ยายอาบร้องแรกแหกกระเชอไปทั้งครัวว่าให้ทำสำรับให้ท่านออกญาฯ โดยมีคุณหญิงราตรีลงครัวด้วยตนเอง ใช้ฝีมือปลายจวักต้อนรับสามีที่ไปว่าราชการที่หัวเมืองกลับเรือน

“ขอบใจเอ็งมากที่มาบอก หาญ...ไว้มีเรื่องอันใดข้าจะสั่งความไปกับไอ้มั่น จากนี้เอ็งก็หลบเจ้าคุณพ่อของข้าไปก่อนหนา”

คุณปราณหันไปสั่งไอ้บ่าวซื่อ ไอ้หาญรับคำพร้อมมอบรอยยิ้มหวานให้ยอดดวงใจ ไอ้มั่นมองเพื่อนตนที่ก่อนหน้านี้มีอยู่หน้าเดียว พอเห็นไอ้หาญยิ้มแล้วก็ขนลุกแปลกๆ ไอ้หาญมองคุณปราณที่หายขึ้นเรือนไปจนลับสายตา ก่อนจะโดนไอ้มั่นยันโครมจนเอวยอกด้วยความหมั่นไส้

“เพลาๆ หน่อยสิโว้ย กูนั่งอยู่ตรงนี้ทั้งคน กูรู้เรื่องของมึง แต่ใช่มึงจะแสดงออกได้นะเว้ย คนอื่นเขาก็มีตามีหูเช่นกัน จะส่งสายตาหรือกระทำอันใดก็ระวังหน่อย” ไอ้มั่นเตือน

ไอ้หาญไม่เถียงกลับและไม่ได้ถือโทษโกรธเคืองเพื่อนรักของตน ไอ้หาญแยกกลับเรือนทาสไปทำหน้าที่ของมันต่อ ส่วนไอ้มั่นก็ตามขึ้นไปปรนนิบัติคุณปราณดั่งเช่นทุกวัน จากนั้นไอ้บ่าวซื่อก็แทบไม่ได้พบหน้าคุณปราณในยามกลางวันเลย คงจะมีบ้างที่ได้แค่แอบเมียงๆ มองๆ แต่มิกล้าเข้าไปใกล้ เพราะท่านออกญาฯ จะคอยเรียกบุตรชายไปพูดคุยอยู่เสมอ

ท่านออกญาฯ สั่งให้พวกบ่าวไพร่ชายทั้งหลาย ผลัดเปลี่ยนเวรยามกันเฝ้าเรือน เพราะก่อนหน้านี้หละหลวมเรื่องพวกนี้ไปบ้าง จึงกลับมาเคร่งครัดเรื่องพวกนี้เสียหน่อย และเพราะเหตุนี้ทำให้ไอ้หาญไม่สามารถไปหาคุณปราณในยามค่ำคืนได้อย่างใจคิด

จวบจนวันหนึ่งที่คุณปราณอดรนทนไม่ไหว สั่งความมากับไอ้มั่นว่าให้ไอ้หาญไปรอตนที่กอดอกเฟื่องฟ้า ซึ่งขึ้นแผ่กิ่งก้านเลื้อยพันไปมาจนเกิดเป็นกอขนาดใหญ่ ห่างออกไปจากเรือนท่านออกญาฯ สองคุ้งน้ำ ซึ่งตรงนั้นเป็นทางคลองที่หากเลี้ยงขวาไปจะเดินทางไปวัด แต่เลี้ยวซ้ายจะผ่านไปยังสระบัวที่พวกเขามักไปกัน

ดอกพุดน้ำบุษย์ถูกห่อมาบนผ้าเช็ดหน้าสีขาว ไอ้มั่นยื่นให้ไอ้เกลอรักพร้อมถ้อยคำของเจ้านายที่ฝากมา ไอ้บ่าวผิวคล้ำจากแดดเหงื่อไหลโทรมกายที่กำลังผ่าฟืนวางพร้าลง มันยิ้มทันทีเมื่อได้เห็นของที่คุณปราณฝากมา

“คืนนี้หนา มึงอย่าลืมล่ะ”

ไอ้มั่นส่งสารตามที่เจ้านายสั่งมาเสร็จก็รีบวิ่งกลับไปที่เรือนใหญ่ เพื่อไม่ให้คนของท่านออกญาฯ ได้เห็นว่ามันแอบเอาผ้าเช็ดหน้าของคุณปราณมาให้ไอ้เกลอ เพราะตั้งแต่วันที่ไอ้หาญพาคุณปราณไปตกน้ำวันนั้น ก็โดนหมายหัวจากท่านออกญาฯ ว่าอย่าได้เข้าไปใกล้เรือนใหญ่อีก เรื่องการจะไปชมบัวก็อย่าหวังว่าจะได้ไป คุณปราณโดนสั่งห้ามเด็ดขาดไม่ให้ไปที่สระบัว

ทางด้านไอ้หาญที่รอเวลาตกเย็นจวบจนค่ำ มันอาบน้ำอาบท่าล้างเนื้อตัวให้สะอาด จากนั้นก็เดินลัดเลาะไปตามทางเพื่อไปพบคุณปราณอย่างที่ได้นัดกันไว้ เดินมาได้ระยะเวลาหนึ่งก็เห็นหลังไอ้มั่น พร้อมกับชายหนุ่มร่างบางที่ยืนอยู่ โดยมีแสงจากตะเกียงของไอ้มั่นให้ความสว่าง

“บ่าวจะรออยู่แถวนี้นะขอรับ” ไอ้มั่นกล่าวเมื่อเห็นว่าเพื่อนรักตนมาแล้ว ก่อนจะหลบไปนั่งตบยุ่งตรงริมคลองเฝ้าเรือไว้ นึกตกใจตนเองไม่น้อยที่อยู่ๆ มันก็ได้มาเป็นคนดูต้นทางให้คุณปราณกับไอ้หาญ ทั้งที่ก่อนหน้านี้หูหนวกตาบอดกับความสัมพันธ์ของสองคนนี้อยู่เสียนานสองนาน

คุณปราณปดบิดาไปว่าตนจะให้ไอ้มั่นพายเรือพาไปชมจันทร์สักหน่อย ตอนแรกท่านออกญาฯ ก็เอ็ด มิใคร่เห็นด้วยกับคำขอบุตรชายนัก แต่เพราะเห็นว่าไอ้มั่นคอยดูแลบุตรของตนมาตั้งแต่ยังเล็ก จึงพอวางใจได้บ้าง แต่ก็กำชับว่าให้กลับมาโดยไว มิให้ไปนาน

ฟอดดด

เมื่อหลบเข้ามายังหลังต้นเฟื่องฟ้ากอใหญ่ ไอ้หาญก็กอดเอวบางแล้วหอมแก้มนิ่มเสียเต็มปอด คุณปราณเอียงแก้มเอียงคอให้ไอ้บ่าวซื่อได้เชยชม กอดรัดให้หายคิดถึงอยู่เสียนานจึงจะได้พูดกัน

“บ่าวคิดถึงคุณปราณเหลือเกินขอรับ คุณปราณนอนหลับหรือไม่ บ่าวนอนไม่หลับเลยเมื่อไม่มีคุณปราณให้กอด”

คำหวานจากไอ้บ่าวซื่อทำคุณปราณยิ้มกริ่ม ยิ่งเห็นมันคลั่งรักในตัวเขายิ่งทำให้สุขจนล้นอก ไม่คิดจริงๆ ว่าเมื่อได้รักกับไอ้หาญแล้ว มันจะเผยสิ่งที่อยู่ในใจมากถึงเพียงนี้ จากคนซื่อๆ เงียบๆ ไม่พูดจากับใครนัก แต่เมื่ออยู่กับเขาเพียงสองคน คำพูดคำจาช่างหวานล้ำ อีกทั้งสายตาวาววับที่มองก็ดูหลงใหลเขาจนปิดไม่มิด

“ข้าก็มิใคร่จะหลับได้ดอก ตอนกลางคืนปวดเมื่อยเนื้อตัวก็อาศัยให้ไอ้คมมัน...อุ๊บส์”

คุณปราณอยากลองดีกับความหึงหวงนี้ จึงเย้าแหย่ไปทั้งที่รู้ว่าไอ้หาญจะมีอาการเช่นไร กลีบปากนุ่มถูกประกบปิด ด้วยแรงอารมณ์ไม่ชอบใจที่ได้ฟังยอดดวงใจพูดถึงใครอื่น ยิ่งคิดไปว่าคนอื่นได้แตะต้องคนของมัน ไอ้หาญยิ่งลงแรงดูดเม้มริมฝีปากสวยจนมันบวมเจ่อ คุณปราณทุบอกเปลือยที่มีแต่มัดกล้ามของไอ้บ่าวซื่อเพื่อให้มันปล่อย เพราะตนเริ่มหายใจไม่ทัน

ทั้งสองกอดก่ายกันพอให้คลายความคิดถึงที่ไม่ได้เจอหน้ากันเลยร่วมสองอาทิตย์ ก่อนจะแยกกันกลับเมื่อคุณปราณเห็นแก่เวลาอันควรแล้ว ไอ้หาญเดินลัดเลาะริมคลองกลับไป เช่นเดียวกับคุณปราณที่นั่งเรือโดยมีไอ้มั่นเป็นคนพาย

หลังจากวันนั้นก็มีการลอบพบกันอีกหลายครา ท่านออกญาฯ ไม่ได้ระแคะระคายสงสัยอันใด เพราะคุณปราณมักมีข้ออ้างมากมายที่จะออกไปข้างนอก ไม่ว่าเช้า กลางวัน หรือตอนมืดค่ำแล้วก็ตาม

จวบจนวันหนึ่ง ในช่วงสายของวันหลังจากท่านออกญาฯ ออกไปว่าราชการ คุณปราณก็ส่งสารมาหาไอ้หาญเช่นเดิม วันนี้เขาอยากจะนัดเจอมันสักหน่อย เพราะวันก่อนได้สั่งทำแหวนทองขึ้นมาวงหนึ่ง คิดว่าจะเอามาให้มันเก็บไว้ แม้รู้อยู่เต็มอกว่ามันคงไม่มีวันใส่แต่เขาก็อยากจะให้ เป็นของแทนใจเหมือนผ้าเช็ดหน้าผืนนั้น กับดอกพุดน้ำบุษย์ที่มันเก็บไว้จนดอกแห้งกรอบ โดยมีไอ้มั่นทำหน้าที่เป็นคนดูต้นทางเช่นเดิม

ไอ้มั่นปล่อยให้คนทั้งคู่ได้มีเวลาอยู่ด้วยกัน นึกสงสารไอ้หาญจับใจที่มีความรักแสนลำบากเช่นนี้ มันถอนหายใจเมื่อคนทั้งคู่หายเข้าไปในกอเฟื่องฟ้ายามสายของวัน ส่วนมันได้อ้อยมากินเลยแทะของหวานนี้เล่นใกล้ริมคลองเช่นเดิม

“บ่าวรับไว้ไม่ได้ดอกขอรับ มันมีราคา หากบ่าวคนอื่นเห็นคงไม่ดีนัก มันจะสงสัยเอาได้ว่าบ่าวเอามาจากไหน” ไอ้หาญบอกยอดดวงใจของมัน แม้ในใจจะพองฟูคับอกกับสิ่งที่คุณปราณทำให้ แต่มันก็ต้องปฏิเสธไปเพราะบ่าวอย่างมันหรือจะคู่ควรกับของมีราคาเช่นนี้

“แต่ข้าอยากให้ เหตุใดเอ็งชอบปฏิเสธข้าอยู่เรื่อยกัน” หน้าหวานงอง้ำลงเล็กน้อยอย่างคนอยากให้อีกฝ่ายง้องอน แหวนวงนี้ราคาไม่กี่สิบ เศษเบี้ยที่เขาพกเสียด้วยซ้ำ แต่ไอ้บ่าวซื่อปฏิเสธราวกับมันคือทองคำหนักหลายชั่ง

ไอ้หาญรั้งร่างบางของคุณปราณเข้ามากอด จูบกลุ่มผมและหน้าผากของอีกฝ่ายอย่างทะนุถนอม แหวนวงสวยที่อยู่ในมือคุณปราณถูกมันหยิบขึ้นมาดู ก่อนจะจูบลงไปที่แหวนวงนั้นแล้วเอามาเหน็บไว้ที่ชายพก

“บ่าวคงใส่ให้ใครเห็นไม่ได้ แต่จะเก็บไว้ให้ดีที่สุด เพื่อว่ายามใดที่คิดถึงคุณปราณจะได้หยิบมันขึ้นมาดูนะขอรับ” คุณปราณยิ้มหวาน ปรางทั้งสองข้างขึ้นสีระเรื่อด้วยความเขินอาย เพราะสายตาของไอ้หาญที่มองมาแปลเป็นอย่างอื่นไปไม่ได้นอกจากรักเขาสุดหัวใจ

ใบหน้าคนทั้งสองค่อยๆ เคลื่อนเข้าหากัน จุมพิตหวานที่สุดที่ไอ้หาญอยากมอบให้ยอดดวงใจของมันประทับลงบนกลีบปากนุ่ม ขยับหยอกล้อเล่นกับความนุ่มนวลที่ได้ลิ้มลองไม่รู้เบื่อ มือไอ้หาญปลดเปลื้องเสื้อผ้าออกทีละนิด คุณปราณที่รู้ว่าต่อจากนี้จะเกิดอะไรขึ้นก็ให้ความร่วมมือ นวดเฟ้นส่วนกลางกายของไอ้หาญไม่วางมือ จากที่มันนุ่มหยุ่นก็แปรเปลี่ยนเป็นแข็งขืน

ฝั่งไอ้มั่นที่นอนพอได้กินของหวานและลมเย็นๆ พัดผ่านทำให้เคลิ้มหลับ มันจึงเดินไปหาต้นกล้วยแถวนี้เพื่อตัดใบตองมาปูนอน โดยหารู้ไม่ว่าคลองอีกฝ่ายมีเรือของท่านออกญาฯ ลอยลำมา และฝ่ายนั้นก็เห็นเรือของที่เรือนจอดอยู่ริมฝั่ง อดสงสัยไม่ได้ว่าเหตุใดเรือของที่เรือนจึงได้มาจอดอยู่เช่นนี้

เมื่อสั่งไอ้ขำให้พายไปจอดเทียบฝั่งแล้วจึงได้ยินเสียงพูดคุยกระวิบกระซาบกัน แว่วเสียงแรกที่ได้ยินคุ้นหูราวกับเสียงบุตรชาย เพื่อคลายความสงสัยจึงเดินเข้าไปใกล้ ชายสูงวัยผู้มีอำนาจสูงสุดในเรือนค่อยๆ ย่องเดินไปที่กอเฟื่องฟ้า ซึ่งมันขึ้นเสียจนรกสายตา หากไม่เพ่งมองคงไม่รู้ว่าข้างในมีคนอยู่

“อ๊ะ...อ๊ะ...หาญ...ซี้ด...”

ชื่อของไอ้บ่าวที่เคยทำเขาขุ่นเคืองใจถูกเอ่ยให้ได้ยิน จนเก็บความสงสัยไว้ไม่ได้ว่าเหตุใดมันจึงออกมานอกบริเวณเขตเรือน แทนที่จะอยู่ทำงานในทีที่ตนสั่ง

เสียงครางเครือเบาๆ สื่อให้รู้ถึงความเสียวซ่าน คิดเป็นอย่างอื่นไปไม่ได้ว่า มันคงไปเอาลูกสาวบ้านไหนฉุดมาเพื่อทำเรื่องบัดสีตอนกลางวันแสกๆ แบบนี้ และนั่นย่อมยอมไม่ได้ จะให้บ่าวไพร่เรือนออกญาฯ ศรีรัตนกรเป็นขี้ปากผู้อื่นว่าท่านออกญาฯ ไม่ดูแลบ่าวในเรือน ปล่อยให้มาทำเรื่องอุจาดตาแบบนี้ได้อย่างไร

“ไอ้หาญ! มึงทำ...พ่อปราณ!!”

ราวกับเสียงฟ้าผ่าลงกลางกระหม่อม แรงขยับโยกกายของไอ้หาญหยุดชะงัก จากนั้นก็โดนตีนของเจ้านายยันโครมเข้าที่แผ่นหลังเพื่อให้ตัวหลุดออกจากบุตรชายตน

ภาพที่ได้เห็นทำท่านออกญาฯ ถึงกับหน้ามืดลมแทบจับ หัวใจของผู้เป็นพ่อปวดหนึบเจ็บในอกเมื่อเห็นถึงความวิปลาสของบุตรชายตนเอง ใจสั่นไหวยิ่งกว่าเจอโจรที่หัวเมือง เหตุใดลูกชายถึงได้ที่มานอนให้ไอ้บ่าวชั้นต่ำสอดแก่นกายเข้าไปในตัวแล้วขยับโยกเสียดสี สนองความกำหนัดพร้อมเสียงครางสุขสม หัวอกคนเป็นพ่อราวกับโดนย่ำยีจนมิอาจทำสิ่งอื่นใด นอกเสียจากเอาไม้ตะพดในมือฟาดไปบนตัวไอ้ทาสชั่ว

“เจ้าคุณพ่อ! อย่าขอรับ อย่าทำมันขอรับ!” คุณปราณรีบใส่เสื้อผ้าอย่างลวกๆ คลานเข้ามากอดขาบิดาตนที่มีแต่แรงโทสะไว้ ความกลัวเข้าเกาะกุมจิตใจ เมื่อความผิดครั้งนี้โดนจับได้คาหนังคาเขา สิ่งที่แอบทำมาตลอดหลายเดือนปิดไม่มิดอีกต่อไป

“กลับไปคุยกันที่เรือน ใครขัดขืนกูจะบั่นคอเสียให้สิ้น!!”

คำประกาศิตของท่านออกญาฯ ทำให้คนทั้งสองไม่กล้าหือ ไอ้หาญนุ่งผ้าเรียบร้อยก็เดินตามไป คุณปราณโดนบิดาลากถูลู่ถูกังให้นั่งเรือไปกับตน โดยมีไอ้คมที่ทำหน้าที่ฝีพายให้ท่านออกญาฯ ในวันนี้จอดเรือรอท่าอยู่แล้ว

จากปกติสองพ่อลูกก็มิได้มีท่าทีอ่อนโยนต่อกันอยู่แล้ว พอมีแรงโทสะเข้ามาจึงทำให้ดูน่ากลัวยิ่งกว่าเดิม คุณปราณลงเรือตามบิดาไป สายตาก็หันมองไอ้หาญที่โดนไอ้ขำจับตัวไว้

ไอ้มั่นที่ได้ยินเสียงเอะอะจึงแอบอยู่หลังต้นกล้วย พอเห็นว่าไอ้เกลอเกิดเรื่องก็อยู่ไม่ติด ทิ้งใบตองที่ตัดได้รีบวิ่งกลับเรือน เพื่อไปให้ทันท่านออกญาฯ ที่เรือนเสีย ไม่คิดเลยว่าแค่คลาดสายตาไป ท่านออกญาฯ จะโผล่มาเอาเรื่องทั้งคุณปราณและไอ้หาญได้

เมื่อมาถึงเรือนท่าทีท่านออกญาฯ ที่รุนแรงราวพายุพัดทำให้บ่าวในเรือนไม่กล้าสู้หน้า เสียงตวาดกร้าวไล่บ่าวไพร่ที่ทำงานอยู่บนเรือนลงไปให้หมด คุณหญิงราตรีที่ได้ยินเสียงเอะอะโวยวายของสามีจึงรีบรุดออกมาดู ไอ้มั่นหอบจากแรงวิ่งมา ทันเห็นว่าลุงขำลากไอ้หาญขึ้นไปบนเรือนใหญ่แล้ว บ่าวไพร่ทุกคนโดนไล่ลงมาทั้งหมด ใจมันได้แต่ภาวนาขอให้โทษที่ไอ้เกลอได้รับอย่าถึงโทษโดนบั่นคอเลยเถิด

ตึง!!

“ว้าย!! คุณพี่! อย่าทำกับลูกแบบนี้สิเจ้าค่ะ พ่อปราณเจ็บไหมพ่อ”

แรงเหวี่ยงของชายสูงวัยที่อดีตเคยรบทัพจับศึกมาทำให้ร่างบางของคุณปราณปลิวตามแรง ล้มตึงลงที่เรือนกลางซึ่งกำลังจะเปลี่ยนเป็นที่ตัดสินโทษของนักโทษทั้งสามต่อจากนี้ คนเป็นแม่ปรี่เข้าไปหาลูกชายที่ใส่เสื้อผ้าไม่เรียบร้อยนัก มันหลุดลุ่ยดูไม่งามดังเช่นปกติที่ลูกชายเธอมักแต่งตัวเรียบร้อยตั้งแต่หัวจรดเท้า

“เกิดเหตุอันใดขึ้นหรือเจ้าคะคุณพี่ ไยต้องกระทำรุนแรงเยี่ยงนี้” คุณหญิงราตรีหันมาถามไถ่สามีที่ตอนนี้สีหน้าเครียดขมึง ตาดุลุกวาวไปด้วยโทสะที่ยากจะยั้งได้ ปรายตามองไอ้บ่าวที่คุ้นหน้ากันดี ซึ่งโดนลากขึ้นมาเช่นเดียวกัน มันหมอบกราบอยู่ไม่ไกลกัน ท่าทางไอ้หาญยังคงเงียบแต่เธอเห็นว่ามันลอบมองลูกชายเธอตลอดเวลา

“เป็นถึงลูกกู! กล้าทำเรื่องอัปรีย์ไม่อายฟ้าดิน! บอกมาสิพ่อปราณ ว่าที่ได้ไปนอนเอนกายให้ไอ้บ่าวมันย่ำยีเป็นเพราะเจ้าเต็มใจ หรือโดนไอ้ชาติชั่วนี่ล่อลวงไป!”

โกรธจนมือสั่น แต่ก็ต้องสะกดอารมณ์ยั้งมือยั้งเท้าไว้ไม่ให้ประเคนให้ไอ้คนที่กล้ามาย่ำยีหัวใจตน เพราะอยากถามหาความจริงเสียก่อนว่าเป็นเพราะลูกตนชั่วเอง หรือเพราะใครอื่นพาบุตรชายเขาเสียคน ฝั่งคุณหญิงราตรีเมื่อได้ฟังก็ลมจับ จนยายอาบบ่าวคนสนิทที่ยังอยู่บนเรือนต้องรีบหายาดมยาหอมมาให้นายหญิง

“จ...เจ้า...เจ้าคุณพ่อ”

คุณปราณหวาดกลัวผู้เป็นบิดาตัวสั่น เสียงตวาดกร้าวมีพลังจนข่มความกล้าที่มีอยู่น้อยนิดในตัวไปจนหมดสิ้น เขาไม่เคยเห็นเจ้าคุณพ่อน่ากลัวเช่นนี้ ตั้งแต่เล็กจนโตก็มิเคยโดนเอ็ดโดนว่าจนถึงขั้นขึ้นมึงกู ครั้งนี้คงสุดทนหากเขามิใช่บุตรคงโดนเฆี่ยนหลังขาดไปเสียแล้ว

“ตอบข้ามา!!” ออกญาศรีรัตนกรตวาดลั่นเรือน

ไอ้หาญมองยอดดวงใจของมันที่น้ำตาคลอจนไหลลงอาบแก้มเพราะความกลัว มันจะคลานเข้าไปหาก็ไม่ได้เพราะโดนลุงขำจับกดไว้เสียก่อน

“ลูก...ลูก...” คุณปราณเหลือบมองหน้าไอ้บ่าวซื่อที่โดนกดหัวจนหน้าแนบไปกับพื้นเรือน ไอ้หาญดิ้นเพื่อจะเข้ามาหามัน

“ลูกโดนลวงไปขอรับ”

เพราะความกลัวทำให้คุณปราณพูดปดออกไป ใจจริงมันก็อยากให้คุณปราณตอบไปเช่นนั้น มันไม่ถือโทษโกรธคุณปราณที่เอาตัวรอดจากความกลัว เพราะอย่างไรเสียบ่าวอย่างมันก็มิได้มีค่าพอให้เอาชีวิตเข้าแลก

“เยี่ยงนั้นรึไอ้หาญ! มึงลวงลูกกูไปรึ!!” ท่านออกญาฯ หันมาถามไอ้บ่าวชั่ว ฝ่าเท้ายันให้มันหงายหลังและเหยียบอกใช้ไม้ตะพดชี้หน้า ไอ้หาญเหลือบมองยอดดวงใจของมันที่ไม่แม้แต่จะหันมองมา ก่อนจะตอบออกไป

“ขอรับ บ่าวลวงคุณปราณไปเองขอรับ”

เพียงเท่านี้ แรงประเคนทั้งมือและเท้าก็ลงใส่ตัวไอ้หาญไม่ยั้ง ออกญาศรีรัตนกรหยิบจับอะไรได้ก็ทุ่มใส่ไอ้บ่าวชั่วไม่ยั้งมือ ไม่สนว่ามันจะหัวแตก เลือดตกยางออกมากเพียงใด


--##--##--##--##--##--##--


“ณิช คุณณิช คุณเป็นอะไร คุณณิช”

แรงตบที่ใบหน้าเบาๆ เพื่อเรียกคนที่มานอนสลบอยู่ในห้องทำงาน จีรัชญ์ที่เพิ่งกลับมาจากทำงานเข้ามาในห้อง เห็นหนุ่มร่างบางนอนกองอยู่บนพื้นจึงอุ้มขึ้นมานอนบนเก้าอี้เอนตัวยาว แต่ปลุกเรียกเท่าไหร่อีกฝ่ายก็ไม่มีทีท่าว่าจะตื่น

“หาญ...หาญ” เป็นอีกครั้งที่ณิชพึมพำชื่อนี้ขึ้นมา ก่อนเปลือกตาจะค่อยๆ ลืมขึ้นสบตาคนที่นั่งอยู่ข้างกัน จีรัชญ์มองอีกฝ่ายที่มองเขาราวกับไม่เคยเจอกันมาก่อน

“คุณตื่นสักที ผมคิดว่าคุณเป็นลมจนไม่ฟื้นเสียอีก เกือบจะหามส่งโรงพยาบาลแล้ว” จีรัชญ์บอก ทำท่าจะลุกขึ้นแต่ณิชกลับชุดข้อมือเขาไว้เสียก่อน มือเรียวจับไว้มั่น ก่อนน้ำตาของอีกฝ่ายจะไหลลงอาบแก้ม

“อึก...ฮึก...”

แล้วเสียงสะอื้นก็ค่อยๆ หลุดรอดออกมาจากปาก แล้วณิชก็ปล่อยโฮเสียงดังอย่างกลั้นไม่ได้ เขาลุกขึ้นกอดจีรัชญ์ไว้แน่น ความเสียใจที่ถาโถมเข้าใส่จนไม่อาจพูดออกมาเป็นคำได้




โปรดติดตามตอนต่อไป
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 26-07-2020 08:30:02 โดย :นางสาวผอบ: »

ออฟไลน์ แก่ เหี่ยว เคี้ยวยาก

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 174
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0

ออฟไลน์ cavalli

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5378
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +195/-19

ออฟไลน์ blove

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1423
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +124/-0
คุณปราณขี้ขลาดมากค่ะ แม้จะรู้สึกว่าถูกหักหลัง แต่ก็ยังรักอยู่ดี ทั้งรักทั้งโกรธเพราะงั้นชาตินี้ณิชต้องชดใช้ให้ไอ้หาญด้วยการสู้ต่ออุปสรรครักและปกป้องรักต่อคุณตรีนะ  :katai2-1:

ออฟไลน์ nightsza

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2035
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +61/-1
ไม่น่าพูดแบบนั้นเลย ตกใจมากสินะ

ออฟไลน์ pepperpro

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 99
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-1
ณิช รู้เรื่องทั้งหมดแล้วสินะ

สุดท้ายเขาจะได้รักกันใช่ไหมครับ ลุ้นจังเลย

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด