บทที่ 6
ดวงดาวกับเมืองใต้สมุทร
จากที่สลบไปตรงหน้าบ้านพักบัดนี้มาริโน่ก็ได้รู้ตัวแล้วว่าเขาโดน ลัก พา ตัว!! แต่แล้วความคิดก็เปลี่ยนไปหลังจากได้ลืมตาขึ้น
‘ที่นี่คือที่ไหน’
เขาตื่นขึ้นมาเขาก็พบว่าเขาได้อยู่ในน้ำเสียแล้ว และที่นี่ยังเป็นเหมือนห้องนอนที่มีทุกอย่างเหมือนห้องนอนปกติอีกด้วย เสียอย่างเดียวเตียงแข็งชะมัด ว่าแล้วมาริโน่ก็หันมองเตียงว่าทำไมถึงได้แข็งนักเขาก็พบว่าเตียงนี่มันทำจากเปลือกหอยที่มีสีเหมือนไข่มุกมีความเหลือบสีชมพูแล้วฟ้าอ่อนๆ
‘บ้า บ้าไปแล้วที่แบบนี้มันมีจริงที่ไหนกัน หรือตอนหลับไปสมองเขากระทบกระเทือน หรือเขาตายไปแล้ว’
สติแตกไปสักพักเข้าก็รู้สึกคุ้นชินขึ้นมาเสียอย่างนั้น ทั้งที่ที่เขาอยู่ในตอนนี้ยังเหมือนกับในความฝันเสียอีก
‘ที่นี่มันมีอยู่จริงด้วยหรอ’ แต่ความสงสัยก็ยังไม่หมดไป
‘หรือเรายังฝันอยู่’
มาริโน่ไม่ได้เสียเวลากับความคิดนั้นนานคิ้วของเขาก็ขมวดขึ้นเนื่องจากมีผู้ชาย 2 คนเดินเข้ามาหาเขา มัน 2 คนที่เดินมาหาเขาที่หน้าบ้านพักเลยนั่นแหละ
“ท่านมาลารินฟื้นแล้ว รู้สึกอย่างไรบ้างท่าน” ผู้ชายคนแรกกล่าว
เขาไม่ได้ตอบคำถามแต่ก็ยังทำหน้างุนงงทั้งยังมองทั้ง 2 คนไปมา ได้แต่คิดในใจว่า ‘2 คนนี้พูดเรื่องอะไรกัน ทั้งยังสรรพนามข้าข้าเจ้าเจ้านั่นอีก เหมือนผู้ชายผมบรอนด์คนนั้นเลย’ ที่มาริโน่ไม่ได้สงสัยสรรพนามแปลกๆ ที่เกิดขึ้นหน้าบ้านพัก เพราะในตอนแรกเพราะยังตกใจอยู่ว่าคนเรานี้บุกมาหาเขาทำไม
“เจ้านี่ก็ไม่มีมารยาทเลยนะเราควรจะแนะนำตัวก่อนสิ อย่าลืมจำอะไรไม่ได้”
“ข้าก็ลืมไป โปรดอภัยให้ข้าด้วย ข้ามีนามว่าซาน” ซานพูดพร้อมกับโค้งหัวให้
“และข้าคือซีล” ว่าจบก็โค้งหัวลงเช่นเดียวกับซาน
“พวกคุณเป็นใคร จับเรามาทำไม แล้วที่นี่คือที่ไหน หรือเราตายไปแล้วที่นี่คือสวรรค์หรอ ตายใช่ตายแล้ว ข้าตายแล้วหรอ ฮืออ ข้าจะตายได้ยังไงข้ายังไม่รู้ผลการแข่งเลย ข้ายังอยากได้รางวัลที่ 1 อยู่เลยนะ” หลังจากพรั่งพรูความในใจออกมาหมดพร้อมกับน้ำตาที่กำลังไหล
ซีลและซานก็ตกใจไม่คิดว่าเขาจะสติแตกได้ขนาดนี้
“ใจเย็นก่อนท่าน ท่านยังไม่ได้ ที่นี่คือใต้สมุทร”
“ฮะ ฮึก ใต้สมุทรหรอ อย่ามาหลอกเรามันจะมีจริงได้ยังไง ฮึก”
“ท่านตั้งสติก่อนนะท่านมาลาริน”
“แล้วนี่อีกรู้จักอีกชื่อหนึ่งของเราได้ยังไงกันชื่อนี้มีแต่แม่ของเราเท่านั้นที่รู้นะ”
“เรื่องนี้มันอธิบายยากแต่เอาเป็นว่าพวกข้ารู้แล้วกัน”
“พวกข้าจะค่อยๆ ตอบคำถามที่ท่านถามละกัน”
“อย่างแรกคือพวกเราเป็นองครักษ์ของท่านไค”
“ท่านไคนี่เป็นใคร”
“เป็นราชาของใต้สมุทรแห่งนี้”
เขาพยักหน้า
“อย่างที่สองคือท่านยังไม่ตาย” ซีลกล่าว
“อย่างสุดท้ายคือท่านไม่ต้องเสียใจเรื่องรางวัลเพราะข้าในคนไปสืบท่านได้รางวัลที่ 1 ซึ่งเพื่อนของท่านเป็นคนไปรับรางวัลมาแล้ว”
“เราได้ที่ 1 หรอ เย้ๆ” มาริโน่ถามขึ้นพร้อมกับที่ซีลและซานต่างพยักหน้า
“แล้วพาเรามาที่นี่ทำไม”
“คือท่านเป็นคนรักของท่านไค”
“ห้ะ เดี๋ยวก่อนนะ คนรักตอนไหนเราไม่เห็นรู้เลย”
“ท่านเป็นคนรักของท่านไคก่อนหน้าตอนที่ท่านใครยังอยู่ในช่วงวัยรุ่น แต่พอเมื่อ 50 กว่าปีที่แล้ว ท่านหายตัวไป”
“เดี๋ยวๆๆๆ 50 ปี ฮ่าๆ พวกคุณเล่นตลกหรอ เราเพิ่งอายุ 25แล้ว 80ปี ที่แล้วแสดงว่าท่านไคอะไรนั่นไม่กลายเป็นตาลุง หรือคุณตาแก่ๆ แล้วหรอ”
“ชาวเราที่ใต้สมุทรจะมีช่วงอายุที่ไม่เหมือนคนบนบกสักเท่าไหร่นัก เราเข้าสู่วัยรุ่นตอนอายุ 30 และวัยผู้ใหญ่ตอนอายุ 70 ส่วนวัยชราเราก็ตอนอายุเข้าปีที่ 100 ซึ่งถ้าเทียบกับคนบนตอนนี้ท่านไคคงจะเพิ่งอายุ 35 เพียงเท่านั้น”
“โอเค เราเข้าใจอายุของพวกคุณแต่ที่เราไม่เข้าใจคือมันจะเป็นไปได้ยังไงเราเพิ่ง 25 คุณเข้าใจไหม”
“เรื่องนี้เดี๋ยวท่านไคคงจะมาคุยกับท่านเอง แต่ตอนนี้เชิญท่านเปลี่ยนเสื้อผ้าเสียก่อนเถอะ” ซานพูดพร้อมกับหันไปหาซีล
“นี่คือชุดของท่าน” ซีลจึงยื่นชุดมาให้กับเข้า
เขาที่เปิดชุดออกมามอง
“แน่ใจนะว่าเอามาถูกชุด นี่มันชุดผู้หญิงไม่ใช่หรอ”
“มันเป็นชุดของท่านเอง”
มาริโน่ทำหน้าไม่เชื่อ
จะให้เชื่อได้ยังไง ชุดนี้เป็นชุดที่มีแขนยาวขายาวสีขาวประกาย แต่มันเป็นชุดที่โชว์หน้าท้องไงล่ะ ถึงเขาจะไม่มีซิกแพคแล้วก็หน้าท้องแบบเหมือนผู้หญิงแต่เขายังเป็นผู้ชายจะให้มาใส่แบบนี้ได้ยังไง
“ใส่ชุดนี้เถอะท่านถ้าไม่พอใจเดี๋ยวข้ามีผ้าคลุมให้” ซีลพูดขึ้นก่อนที่เขาจะบ่นไปมากกว่านี้
“เดี๋ยวพวกข้าไปรอด้านนอกท่านเปลี่ยนเสร็จแล้วก็เดินออกไปหาพวกข้าแล้วกัน พวกข้าจะพาไปหาท่านไค”
ได้ยินดังนั้นเขาก็ยอมจำนน เดินไปเปลี่ยนชุดพอออกมาก็เห็นมีผ้าคลุมว่าอยู่บนเตียงเรียบร้อย เขาจึงไปหยิบมันมาใส่แล้วก็พบว่ามันเป็นผ้าคลุมที่ด้านหน้าไม่มีกระดุมหรืออะไรที่จะยึดผ้าทั้งสองข้างได้เล่น เท่ากับว่ายังไงคนอื่นก็จะมองเห็นท้องของเขาอยู่ดี
“ใส่ๆ ไปก็ได้ ก็ยังดีมีคลุมหน่อยเดี๋ยวค่อยๆ คอยปิดเอาแล้วกัน” มาริโน่ได้แต่บ่นกับตัวเองแล้วก็เดินไปทางประตู
“เชิญด้านนี้เลยท่าน ท่านไครอท่านอยู่แล้ว”
เมื่อเขาเข้ามายังห้องที่ ทั้งสองคนพามาเขาก็พบกับแท่นที่เหมือนเป็นบัลลังก์ตั้งอยู่ด้านหน้า พร้อมกับผู้ชายผมบลอนด์ที่ยืนหันหลังให้เขาอยู่สักพักเหมือนคนคนนั้นจะรู้แล้วค่อยๆ หันหน้ามาหาเขา
“เอ่อ คุณคือ” มาริโน่เว้นจังหวะให้อีกฝ่ายตอบ
“ข้าคือไค” อ่อท่านไคอะไรนั่น ยังดีที่ยังไม่แก
“แล้วจับเรามาทำไม เห็น 2 คนนั้นบอกว่าให้มาถามท่าน”
“เพราะว่าเจ้าคือคนรักของเราไงมาลาริน”
“คุณรู้ได้ไงว่าเรากับคนรักของคุณเป็นคนเดียวกัน”
“สัญชาตญาณน่ะ ใต้สมุทรแห่งนี้ถ้าได้ผูกพันกันแล้วคนทั้งคู่จะมีจิตสัมผัสถึงวิญญาณอีกฝ่ายได้ แล้วข้าก็สัมผัสได้ว่ามาลารินคือเจ้า”
“ผูกพัน ผูกพันแบบไหน คงไม่ใช่..”
“ผูกพันก็ทำรักกันนั่นแหละ” มาริโน่ได้แต่อึ้งตาโต
“ละ ละ แล้วทำไมเราถึงจำไม่ได้ล่ะ อย่ามาอำเราไปหน่อยเลย”
“ข้าก็หาคำตอบเรื่องนี้อยู่เหมือนกัน”
“แล้วเราต้องอยู่ที่นี่ไปอีกนานเท่าไหร่”
“เอาเป็นว่าอยู่กับข้าสักพัก ถ้าเจ้ายังจำอะไรไม่ได้ข้าก็จะปล่อยเจ้าไป” ไคที่ยอมจำนนเพราะถ้าสุดท้ายมาลารินของเขาจำอะไรไม่ได้เลยเขาก็ไม่อยากที่จะกักขังไว้
มาริโน่เห็นสายตาที่ดูเศร้าของไคก็เกิดรู้สึกเจ็บอย่างไม่รู้สาเหตุ
“เจ้าคงจะหิว เดี๋ยวข้าให้ซีลพาเจ้าไปหาอะไรกิน”
เหมือนมีพลังจิตเพราะไม่กี่วิที่ไคเพิ่งจะพูดจบประโยคซีลก็เดินเข้ามาพร้อมพามาริโน่ไปยังห้องอาหาร
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
[ไค]
ตัวเขาได้แต่ทอดสายตาไปยังมาลารินคนรักของเขาที่กำลังเดินออกไป
ตลอดเวลาที่มาลารินหายไป เขาก็เอาแต่คิดถึงแต่เรื่องเก่าๆ ที่ ทั้งเขาและมาลาริน
‘ข้ารักเจ้าไค ข้าจะแต่งงานกับเจ้าเอง’
‘เจ้าอยากมีลูกกี่คนข้าน่ะอยากมีสัก 3 คน ข้าชอบเด็ก ๆ ที่สุดเลย’
‘วันนี้ข้าทำของโปรดมาให้เจ้า เจ้าลองชิมดูสิว่ารสชาติเหมือนท่านแม่ของเจ้าทำหรือไม่’
บทสนทนาที่มาลารินชอบมาชวนเขาคุยเวลาที่เขาเครียด เขาจำมันได้ขึ้นใจเสมอมา
มาลารินหายไปก่อนวันที่พวกเขาจะได้แต่งกัน เขาได้แต่แปลกใจที่เป็นแบบนั้นเพราะทั้งเขาและมาลารินต่างก็รอการแต่งงานนั้นมานานหลายปี ในวันนั้นเขาต้องไปออกตรวจตามแนวปะการังเพราะตอนนั้นยังไม่ได้ขึ้นเป็นราชาแต่พอกลับมาก็พบว่ามาลารินหายไปแล้ว ช่วงแรกของการจากไปเขาแทบไม่เป็นอันทำอะไรจนสักพักถึงได้ดีขึ้น
“มันต้องมีวิธีที่ทำให้เจ้าจำข้าได้สิ” ไคได้แต่นั่งเครียด จากปกติที่เครียดเนื่องจากหามาลารินไม่พบ ครั้งนี้เขาต้องมานั่งเครียดที่จะหาวิธีใดให้คนรักจำเขาได้สักที
เครียดได้ไม่นานไคก็ได้แผนการใหม่ที่จะใช้กับคนรักของเขา
“ก่อนจะหมดเวลาที่ข้ากำหนดข้าขอลองสักครั้ง ลองทำให้เจ้ารักข้าเหมือนครั้งก่อน ถ้ามันยังไม่เป็นอย่างที่ข้าหวังวันนั้นข้าก็จะปล่อยเจ้าไปเอง”
เมื่อคิดได้ดังนั้นเขาก็รีบเดินตามไปยังห้องอาหารทันที
.
.
.
.
.
.
.
.
.
เมื่อมาถึงห้องอาหารซีลก็พาไปนั่งยังโต๊ะอาหารด้านหนึ่งพร้อมกับอาหารที่วางไว้แล้ว
“มีแต่ของชอบเราทั้งนั้นเลย นายรู้ได้ไง” ในขณะที่ซีลกำลังจะตอบไคก็เปิดประตูเขามา
“เจ้าเป็นคนรักของข้า ข้าก็ต้องรู้อยู่แล้วสิ”
มาริโน่ที่รู้สึกหน้าร้อนขึ้น จึงรีบเปลี่ยนเรื่อง
“เรากินได้เลยใช่ไหม”
มาริโน่ที่ได้คำตอบเป็นการพยักหน้า ก็ลงมือจัดการกับอาหารบนโต๊ะจนหมด ก่อนจะนึกได้ว่าปกติเขาชอบกินผลไม้ตามหลังด้วยจึงหันอยากจะหันไปถามไค แต่เขาก็ต้องชะงัก
“กินข้าวเสร็จแล้วเจ้าต้องกินผลไม้ใช่ไหมล่ะ ข้ามีลูกพีชมาให้เจ้าด้วย” พูดพร้อมหยิบลูกพีชที่เตรียมมายื่นมาให้เขา
เขาได้แต่หยิบมันมาแล้วนั่งกินเงียบๆ แต่อยู่ดี ๆ ไคก็พูดขึ้น
“มาลารินเจ้าจำไม่ได้ก็ไม่เป็นไรข้าจะทำให้เจ้ารักข้าอีกครั้งเอง
“…”
“…”
ทั้งมาริโน่และซีลได้แต่ทำตาโตกับคำพูดที่ออกมาจากปากไค
“แล้วเจ้าน่ะไปทำงานของเจ้าไป ซีลเดี๋ยวข้าดูเขาเอง” ได้ทีไคก็ไล่ลูกน้องออกไป
ท่ามกลางสายตาอ้อนวอนของมาริโน่เพราะเขาไม่อยากอยู่กับไคแค่ 2 คน เขาต้องโดนหยอดอีกหลายรอบแน่นอน
.
.
.
.
.
.
.
ด้านของซีลที่เดินออกจากห้องอาหารด้วยอาการล่องลอย
“เฮ้ ซีลนี่เจ้าเป็นอะไรเนี่ย”
“เมื่อกี้ท่านไคบอกว่าจะจีบท่านมาริโน่”
“ห้ะ!”
ซีลหันไปพยักหน้าให้กับซาน
วันนี้ทั้งวันผู้คนตามทางเดินต่างพบเห็นชาย 2 คนเดินอย่างล่องลอยคล้ายมีแต่วิญญาณ
ไม่ให้ตกใจได้ยังไงก่อนหน้าที่ท่านไคไม่เคยจีบใครเลยน่ะสิ ที่ตอนนั้นมารักกับท่านมาลารินด้วยก็แพราะท่านมาลารินชอบท่านไคอยู่แล้วนั่นแหละ ท่านไคของพวกเขาน่ะอย่างกับท่อนไม้ ที่อยู่ดี ๆ วันหนึ่งก็เดินไปบอกว่ารักท่านมาลารินเลยแบบไม่มีปี่มีขลุ่ย หลังจากเป็นแฟนกันก็ไม่เคยเห็นทำอะไรหวานๆ ให้กับท่านมาลารินเลยเนี่ยสิ แล้วอย่างนี้เจ้านายของพวกเขาจะจีบท่านมาลารินคนนี้ติดหรอ
#ตี๋ของเฮีย
************************************
เค้าจะรุกจีบแล้วนะคะ ตอนหน้าอาจจะรวบรัดไปหน่อยรอติดตามกันได้เลย
ขอบคุณทุกคนที่ติดตามเรานะคะ
ENJOY READING