Taek(love)...สายดำหน้าใสกับนายคนดัง ตอนที่9. แชร์ 19/06/63
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: Taek(love)...สายดำหน้าใสกับนายคนดัง ตอนที่9. แชร์ 19/06/63  (อ่าน 5117 ครั้ง)

ออฟไลน์ อาบตะวัน

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 10
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-0
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ


ติดตามกฎเพิ่มเติมที่กระทู้นี้บ่อยๆ เมื่อมีการแก้ไขกฎจะแก้ไขที่กระทู้นี้นะครับ
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0

ประกาศทั่วไปติดตามอัพเดทกันที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.0

ประกาศ กฎที่อื่นมีไว้แหก แต่ห้ามมาแหกที่นี่

1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิ์ส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด
การสนใจและชื่นชอบนิยายและเรื่องเล่าของคนในเรื่องควรมีขอบเขตที่จะไม่สร้างความเดือดร้อนให้เจ้าของเรื่อง เช่นเดียวกับเป็ดที่ตอนนี้ถูกรังควานตามหาตัวจากคนด้านต่างๆ จนตัดสินใจไม่เล่าเรื่องต่อ.........เนื่องจากบางเรื่องเป็นเรื่องเล่า.....................บางคนไม่ได้เปิดเผยตัวตน  เขาพอใจจะมีความสุขในที่เล็กๆแห่งนี้โดยไม่ได้ตั้งใจให้คนภายนอกได้รับรู้เรื่องราวแล้วนำไปพูดต่อ   เพราะปฎิเสธไม่ได้ว่าสังคมไม่ได้ยอมรับพวกเราสักเท่าไหร่

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรูปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ
หมิ่นประมาท,
หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง
หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสต์กระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์
และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด
การกระทำเช่นนั้นอาจทำให้คุณแบนทันที และถาวร . หมายเลข IP ของทุกโพสต์จะถูกบันทึกเพื่อใช้เป็นหลักฐาน
ในความเป็นจริงเป็นไปได้ยากมากที่จะให้แต่ละคนมีความคิดเห็นตรงกันทั้งหมด   คนเรามากมายต่างความคิดต่างความเห็น เติบโตมาภายใต้ภาวะแวดล้อมต่างกันการแสดงความคิดเห็นที่แตกต่าง   จึงควรทำเพื่อให้เกิดความเข้าใจกัน แบ่งปันประสบการณ์และมิตรภาพเพื่ออาจเป็นประโยชน์ในการใช้ชีวิต  และไม่ว่าจะอย่างไรก็ควรเคารพในความคิดเห็นที่แตกต่างของบุคคลอื่นช่วยกันสร้างให้บอร์ดนี้มีแต่ความรักนะครับ   

เรื่องบางเรื่องอาจจะเป็นทั้งเรื่องแต่งหรือเรื่องเล่าใดๆก็ขอให้ระลึกเสมอว่า  อ่านเพื่อความบันเทิงและเก็บประสบการณ์ชีวิตที่คุณไม่ต้องไปเจอความเจ็บปวดเล่านั้นเองเพื่อเป็นข้อเตือนใจ สอนใจในการตัดสินใจใช้ชีวิต   จึงไม่ต้องพยายามสืบหาว่าเรื่องจริงหรือเรื่องแต่งส่วนการพูดคุยนั้น   ก็ประมาณอย่าทำให้กระทู้กลายพันธุ์ห้ามเอาเรื่องส่วนตัวมาปรึกษาพูดคุยกันโดยที่ไม่เกี่ยวพันกับเรื่องในกระทู้นิยาย  ถ้าจะวิจารณ์หรือแสดงความคิดเห็นทุกคนมีสิทธิแต่ขอให้ไปตั้งกระทู้ที่บอร์ดอื่นที่ไม่ใช่ที่นี่นะครับ

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพสต์ หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อเจ้าของเรื่องเท่าที่จะทำได้หรือแจ้งมายังบอร์ดนี้ก่อนนะครับ  เนื่องจากเจ้าของเรื่องบางครั้งไม่ต้องการให้คนที่ไม่ได้ชื่นชอบนิยายชายรักชายเข้ามารับรู้  ลิขสิทธิ์ทั้งหมดเป็นของเจ้าของคนที่ทำขึ้นและเว็บแห่งนี้นะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล์ บอกเมล์ แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอมให้ส่งหรือติดต่อกันทางพีเอ็มจะปลอดภัยกว่าแล้วเมื่อมีการติดต่อสื่อสารกันให้พึงระวังถึงความปลอดภัย ความไม่น่าไว้ใจของผุ้คนทุกคนแม้จะมีชื่อเสียงในบอร์ดเป็นเรื่องส่วนตัวของแต่ละคนไป เพื่อลดความขัดแย้งภายในเล้า จึงไม่สนับสนุนให้มีการจีบกันในบอร์ดนะครับ

5.ห้ามจั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียวให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตาม
เพราะแม้จะเป็นเรื่องที่เขียนจากเรื่องจริง เมื่อนำมาพิมพ์เป็นเรื่องผ่านตัวอักษร ย่อมเลี่ยงไม่ได้ที่จะมีการเพิ่มเติมเพื่อให้เกิดสีสันในเนื้อเรื่อง ทางเล้าถือว่านั่นคือการเพิ่มเติมเนื้อเรื่อง จึงไม่อนุญาตให้จั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” แต่สามารถแจ้งว่าเป็น “นิยายที่อ้างอิงมาจากชีวิตจริง” ได้  มีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

6.การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสต์นิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insert quote ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ

8.Administrator และ moderator ของ forum นี้ มีสิทธิ์อ่าน, ลบ หรือแก้ไขทุกข้อความ. และ administrator, moderator หรือ webmaster ไม่สามารถรับผิดชอบต่อข้อความที่คุณได้แสดงความคิดเห็น (ยกเว้นว่าพวกเขาจะเป็นผู้โพสต์เอง).

9.คุณยินยอมให้ข้อมูลทุกอย่างของคุณถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูล. ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกเปิดเผยต่อผู้อื่นโดยไม่ได้รับการยินยอมจากคุณ .Webmaster, administrator และ moderator ไม่สามารถรับผิดชอบต่อการถูกเจาะข้อมูล แล้วนำไปสร้างความเดือดร้อนต่างๆ

10.ห้ามลงประกาศลิงค์โปรโมทเวป  โฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ลงได้เฉพาะในห้องซื้อขาย ในเมื่อแนะนำเวปอื่นที่บอร์ดเรา ก็ช่วยแนะนำบอร์ดเราโดยลงลิงค์บอร์ดเรา เว็บ http://www.thaiboyslove.com  ในบอร์ดที่ท่านแนะนำมาให้เราด้วย  เมื่อจำเป็นต้องแนะนำลิงค์ให้ส่งลิงค์กันทาง personal message หรือพีเอ็มแทนนะครับจะสะดวกกว่า ส่วนในกรณีอยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนๆได้อ่านจริงๆนั้นพยายามลงให้ห้องซื้อขายซะ หรือถ้าม้อดเดอเรเตอร์จะพิจารณาเป็นกรณีๆไป ถ้ารู้สึกว่าไม่ได้โปรโมทเว็บ แต่อยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนด้วยใจจริงจะให้กระทู้นั้นคงอยู่ต่อไป

11.บอร์ดนิยายที่โพสต์จนจบแล้วมีไว้สำหรับนิยายที่โพสต์ในบอร์ด boy's love จนจบแล้วเท่านั้น จึงจะถูกย้ายมาเก็บไว้ที่นี่ หาอ่านนิยายที่จบแล้ว หรือคนเขียนไม่ได้เขียนต่อ แต่โดยนัยแล้วถือว่าพล็อตเรื่องโดยรวมสมควรแก่การจบแล้ว หากนักเขียนท่านใดได้พิมพ์เล่มกับสำนักพิมพ์ ต้องการลบเรื่องบางส่วนออก โดยเฉพาะไคลแม๊ก หรือตอนจบที่สำคัญ ให้แจ้ง moderator ย้ายนิยายของท่านสู่ห้องนิยายไม่จบ เพื่อที่หากระยะเวลาเกินหกเดือนแล้ว เราจะได้ทำการลบทิ้ง หรือท่านจะลบนิยายดังกล่าวทิ้งเสียก็ได้ เนื่องจากบอร์ดนี้เก็บเฉพาะนิยายที่จบแล้ว

บอร์ดนิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบไว้สำหรับ
นิยายที่คนเขียนไม่ได้มาต่อนาน หายไปโดยไม่มีเหตุผลสมควร ไม่ได้แจ้งไว้หรือแจ้งแล้วก็ไม่มาต่อ 3 เดือน จะย้ายมาเก็บในนี้เมื่อครบหกเดือนจะทำการลบทิ้ง ส่วนเรื่องไหนที่จะต่อก็ต่อในนี้จนกว่าจะจบ แล้วถึงจะทำการย้ายไปสู่บอร์ดนิยายจบแล้วต่อไป

12.ห้ามนำเรื่องพิพาทต่างๆมาเคลียร์กันในบอร์ด

13.ผู้โพสต์นิยาย และเขียนนิยายกรุณาโพสต์ให้จบ ตรวจสอบคำผิดก่อนนำมาลงด้วยครับ

14.ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน  ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ

15. การนำรูปภาพ บทความ ฯลฯ มาลงในเว็บบอร์ด  ควรจะให้เครดิตกับ... 
(1) ผู้ที่เป็นต้นตอเจ้าของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ
(2) เว็บไซต์ต้นตอที่อ้างอิงถึง
....ในกรณีที่เป็นบทความที่ถูกอ้างอิงต่อมาจากเวปไซต์อื่นๆ
- ถ้ามีแหล่งต้นตอของเจ้าของบทความ  ให้โพสต์ชื่อเจ้าของต้นตอของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ  พร้อมทั้งเว็บไซต์ที่อ้างอิง 
  (กรณีนี้จะโพสต์อ้างอิงชื่อผู้โพสต์หรือเว็บไซต์ที่เรานำมาหรือไม่ก็ได้ แต่ควรมั่นใจว่าชื่อต้นตอของที่มาถูกต้อง)
- ถ้าไม่สามารถหาชื่อต้นตอของรูปภาพหรือเว็บไซต์ที่นำมาได้ ควรอ้างอิงชื่อผู้โพสต์และเว็บไซต์จากแหล่งที่เรานำมาเสมอ
- ควรขออนุญาติเจ้าของภาพหรือเจ้าของบทความก่อนนำมาโพสต์ค่ะ(ถ้าเป็นไปได้) ยกเว้นพวกเว็บไซต์สาธารณะ เช่น  หนังสือพิมพ์ออนไลน์ ฯลฯ ที่เปิดให้คนทั่วไปได้อ่านเป็นสาธารณะ ก็นำมาโพสต์ได้ แต่ให้อ้างอิงเจ้าของชื่อและแหล่งที่มาค่ะ
- ไม่ควรดัดแปลงหรือแก้ไขเครดิตที่ติดมากับรูปหรือบทความก่อนนำมาโพสต์
- ถ้าเป็น FW mail  ก็บอกไปเลยว่าเอามาจาก FW mail

16.นิยายเรื่องไหนที่คิดว่าเมื่อมีการรวมเล่มขายแล้วจะลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออก กรุณาอย่าเอามาลงที่นี่ หรือสำหรับผู้ที่ขอนิยายจากนักเขียนอื่นมาลง ต้องมั่นใจว่าเรื่องนั้นจะไม่มีการลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออกเมื่อมีการรวมเล่มขาย อนึ่ง เล้าไม่ได้ห้ามให้มีการรวมเล่มแต่อย่างใด สามารถรวมเล่มขายกันได้ แต่อยากให้เคารพกฎของเล้าด้วย เล้าเปิดโอกาสให้ทุกคน จะทำมาหากิน หรืออะไรก็ตามแต่ขอความร่วมมือด้วย เผื่อที่ทุกคนจะได้อยู่อย่างมีความสุข

17.ห้ามแจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน  ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง  นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฎการซื้อขายของเล้าก่อน ด้วยนะคะ)
ว่าด้วยเรื่องการจะรวมเล่มนิยายขายในเล้า จะต้องมี ID ซื้อขายก่อน ถึงจะสามารถประกาศ ..แจ้งข่าว.. ที่บนหัวกระทู้ของนิยายได้ ในกรณีที่ รวมเล่มกับ สนพ. ที่มี  ID ซื้อขายของเล้าแล้ว นักเขียนก็สามารถใช้ หมายเลข  ID ของ สนพ. ลงแจ้งในหน้าที่มีเนื้อหารายละเอียดการสั่งจองนิยายได้

18.ใครจะโพสต์เรื่องสั้นให้มาโพสต์ที่บอร์ดเรื่องสั้น ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที  ส่วนเรื่องสั้นที่จบแล้วให้แก้ไขโพสต์แรก และต่อท้ายว่าจบแล้วจะได้ไม่ถูกลบทิ้งและจะเก็บไว้ที่บอร์ดเรื่องสั้นไม่ย้ายไปไหน   เช่นเดียวกับนิยายทุกเรื่องเมื่อจบให้แก้ไขโพสต์แรก และต่อท้ายว่าจบแล้ว จะได้ย้ายเข้าสู่บอร์ดนิยายจบแล้ว ไม่เช่นนั้นม๊อดอาจเข้าใจว่าไม่มาต่อนิยายนานเกินจะโดนลบทิ้งครับ

เอาข้อสำคัญก่อนนะครับเด่วอื่นๆจะทำมาเพิ่มครับเอิ้กๆหุหุ
admin
thaiboyslove.com.......................................                                                           

วันที่ 3 ธ.ค. 2551วันที่ 16 ก.ย. 2554 ได้เพิ่มกฎ ข้อที่ 7
วันที่ 21 ต.ค.2556 ได้ปรับปรุงกฎทั้งหมดเพื่อให้แก้ไข และติดตามได้ง่าย
วันที่ 11 พ.ย. 2557 เพิ่มเติมการลงเรื่องสั้นและการแจ้งว่านิยายจบแล้ว
วันที่ 4 ธ.ค. 2557 เพิ่มบอร์ดเรื่องสั้นจึงปรับปรุงกฎข้อ 18 เกี่ยวกับเรื่องสั้น และ เพิ่มเติมส่วนขยายของกฎข้อ 17



เว็บไซต์แห่งนี้เป็นเว็บไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฎหมายภายในและระหว่างประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเว็บไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเว็บไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเว็บไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม

 
Share This Topic To FaceBook
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 19-06-2020 03:04:44 โดย อาบตะวัน »

ออฟไลน์ อาบตะวัน

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 10
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-0
ตอนที่1.มันถูกกำหนดไว้แล้ว

คนเราจะสามารถรู้สึกดีกับใครเพียงเพราะสบตาได้หรือเปล่า...

ผมชื่อ“ยู”อายุสิบเก้าปีตอนนี้กำลังเรียนอยู่มหาลัยชั้นปีที่หนึ่งคณะวิทยาศาสตร์การกีฬาที่เรียนด้านนี้ก็ตรงตัวเลยเพราะผมมีความชอบทางด้านกีฬามากและกีฬาที่ผมชอบที่สุดก็คือเทควันโดผมจริงจังกับมันจนถึงขั้นจะเอามันเป็นอาชีพแต่เพราะเกิดอุบัติเหตุเลยทำให้ต้องหยุดเล่นไปเป็นปีจนท้อไม่อยากเล่นแล้ว แต่พอคิดย้อนกลับไปช่วงเวลาที่มีความสุขเวลาเล่นมันก็ทำให้ฮึดสู้กลับมาเล่นมันอีกครั้งถึงจะไม่สามารถเอาดีทางด้านนี้เหมือนที่ฝันไว้ได้แล้วแต่อย่างว่ารักไปแล้วจะเปลี่ยนใจคงไม่ได้ผมเลยเลือกที่จะเล่นมันต่อไม่ได้เพื่อแข่งกับใครแต่เพื่อแข่งกับตัวเอง

ถ้าไม่มีธุระสำคัญจริงๆผมจะมาซ้อมที่ยิมทุกเย็นและถึงบางครั้งจะเป็นวันหยุดไม่มีซ้อมผมก็มาทำความสะอาดหรือคุยเล่นกับโค้ชทำนั้นทำนี่ไปเรื่อยเพราะผมชอบเวลาได้อยู่กับสถานที่และผู้คนที่มีความชอบเหมือนกันกับผมและวันนี้ก็เป็นอีกวันที่ผมมาซ้อมผมไม่มีรถถ้าไม่พ่อมารับก็กลับเองแต่ส่วนมากจะกลับเองซ้อมเสร็จก็เดินจากยิมไปขึ้นรถเมล์ที่ถนนใหญ่ถ้าวันไหนดึกจริงๆพ่อก็จะมารับไม่ก็เรียกแท็กซี่แต่วันนี้เพราะมีธุระต้องไปต่อผมเลยเลิกซ้อมเร็วกว่าปกติแล้วเดินไปขึ้นรถเมล์ที่ถนนใหญ่เหมือนทุกครั้ง

แต่วันนี้...มันไม่เหมือนทุกวันเพราะความอยากรู้อยากเห็นของผมมันเลยทำให้ชีวิตผมต้องเจอกับเรื่องที่ไม่คาดคิดมาก่อนและผมคิดว่าผมจะจำเรื่องนี้ไปจนวันตาย

(เมื่อไรมึงจะมาห๊ะไอ้ยู)
“เออกำลังไป”
(วันเกิดเพื่อนทั้งทีแทนที่จะหยุดซ้อมสักวัน)
“เลิกบ่นเถอะน๊ากูก็กำละ...”
โครม!
เสียงเหมือนอะไรพังลงดังจนผมต้องหยุดพูดแล้วหันไปมอง
พลั่ก!
ผลัวะ!
และเสียงที่ดังมาอย่างต่อเนื่องทำให้ขาก้าวไปตามมันด้วยความอยากรู้
(กูให้เวลามึงครึ่งชั่วโมงไม่งั้นกูจะไปรับเอง)
(ไอ้ยูมึงฟังกูอยู่ไหมเนี่ย)
ผลัวะ!
(ยู)
(ไอ้ยู)
“เดี๋ยวกูโทรกลับนะมิค”
ผมยกโทรศัพท์ที่มีเสียงกรนด่าดังออกมาเรื่อยๆขึ้นแนบหูแล้วพูดออกไปตายังมองไปยังจุดที่ได้ยินเสียงไม่ลดละก่อนจะเก็บโทรศัพท์ลงกระเป๋ากางเกงแล้วก้าวลงจากถนนไปในซอยเล็กๆตรงนั้นที่ไม่เคยเดินเข้าไปเลยตั้งแต่มาซ้อมอยู่ที่ยิมนี้เป็นปียิ่งเดินเข้าไปใกล้เสียงก็ยิ่งชัดขึ้น
เคร้ง!
เหล็กในมือถูกทิ้งลงพร้อมกับคนที่ลงไปนอนกับพื้นสิ่งที่กำลังเห็นทำเอาผมตกใจจนต้องถอยไปหลบหลังถังขยะแถวนั้นผมหายใจแรงจนอกกระเพื่อมด้วยความตกใจกับสิ่งที่เห็นตั้งสติอยู่ครู่หนึ่งถึงหันกลับไปดูใหม่ภาพตรงหน้าตอนนี้คือผู้ชายสามคนกำลังรุมทำร้ายคนอยู่
“จับมันขึ้นมา!”
สองในสามจับคนที่นอนอยู่ขึ้นนั่งคุกเข่าตรงหน้าคนสั่งแสงไฟสีส้มที่ส่องไปกระทบหน้าคนที่ถูกจับให้นั่งทำเอาผมตาลุกโพลงด้วยความตกใจกว่าเดิมเพราะใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยเลือดจนแทบไม่เห็นหน้าตาที่แท้จริง
“หล่อนักหรอมึง”
เพียะ!
“เด่นนักใช่ไหม”
เพียะ!
พูดคำตบคำแรงจนคนถูกกระทำทรงตัวไม่อยู่แต่ก็ถูกคนที่จับไว้สองคนดึงขึ้นมาใหม่คนที่ยืนอยู่ด้านหน้าก้มหน้าลงไปใกล้คนที่ถูกจับแล้วยื่นมือไปบีบหน้าเปื้อนเลือดนั้นจนต้องกลัวตามในความเหี้ยมโหดที่ได้เห็น
“ถ้าหน้าหล่อๆของมึงมันไม่มีแล้วดูสิว่าใครหน้าไหนมันยังจะชอบอยู่ไหม”
มีดพกถูกชูขึ้นมาแล้วเอาไปทาบกับหน้าจนผมเห็นแล้วยังเสียวตาม
“มีปัญญาทำแค่นี้หรอวะ”
เสียงจากคนถูกจับดังขึ้นทำให้ทุกคนเงียบแม้กระทั่งผมด้วย
“ไอ้พวกขี้ขลาด”
“จะตายอยู่แล้วยังปากดีอีกนะมึง!”
คนที่ยืนจับมีดอยู่พูดเสียงดังแล้วขยับมีดเข้าไปใกล้หน้าอีกแต่คนถูกจับกลับสู้หน้าไม่ถอย
“ฝากไปบอกมันด้วย..ว่าต่อให้กูตาย..ยังไง..มันก็แพ้กูอยู่ดี”
“มึง!”
คนถูกจับล้มลงไปนอนกับพื้นทันทีเมื่อถูกเตะเข้าอย่างจังที่หน้าสิ่งที่เห็นทำเอาผมสะดุ้งด้วยความตกใจและไม่รู้ว่าผมตกใจดังไปหรือเปล่าเพราะคนที่กำลังนอนหายใจรวยรินอยู่หันหน้ามาทางนี้จนผมและเขาสบตากันดวงตาผมสั่นระริกมองเขาที่มองมาที่ผมแบบไม่กระพริบตาทำไม...ทำไมผมถึงรู้สึกคุ้นเหมือนเคยถูกมองด้วยสายตาคู่นั้นมาก่อนเสียงเตะต่อยดังขึ้นอีกครั้งมันน่ากลัวจนทำเอาผมผงะจนต้องถดแล้วลุกขึ้นเพื่อจะหนีแต่สิ่งที่กำลังเกิดขึ้นตรงหน้าทำเอาผมตาลุกโพลงตัวแข็งทื่อจนลืมหายใจ

มีดถูกแทงลงไปที่ท้องคนที่นอนอยู่ ใบหน้าบูดเบี้ยวที่เต็มไปด้วยความเจ็บปวดนั้นยังคงมองมาที่ผมจนผม รู้สึกได้ถึงความเจ็บนั้น ผมถดตัวหนีด้วยความกลัว เขาเอื้อมมือสั่นๆของตัวเองมาทางผมประหนึ่งกำลังบอกว่าช่วยเขาด้วย ผมมองภาพตรงหน้าด้วยสายตาสั่นไหวขยับหนีไปหลบหลังถังขยะอีกครั้ง

มันไม่มีใครหรอกที่จะอยากเอาชีวิตตัวเองไปเสี่ยงกับเรื่องที่ไม่ใช่เรื่องของตัวเอง ถึงผมจะเป็นนักเทควันโดแต่นี้มันไม่ใช่ในสนามแข่งมันคือชีวิตจริงมันไม่ใช่ในหนังที่คนเก่งจะชนะคนร้ายความดีความชั่วมันวัดกันตรงนี้แหละจะเข้าไปช่วยหรือหนีไปแล้วลืมสิ่งที่เห็นซะ

ผมนั่งตัวสั่นกุมมือตัวเองคิด ถึงจะหนีไปแต่ผมจะไม่มีวันหนีมันพ้นผมไม่มีวันทิ้งความจริงได้ว่าผมเห็นคนกำลังจะตายแล้วไม่ช่วยและทุกครั้งที่เดินกลับบ้านทางนี้สายตาคู่นั้นและสถานที่ตรงนี้มันจะคอยตามหลอกหลอนผมตลอดไป

ผมหลับตาตัดสินใจแน่วแน่แล้วหันกลับไปอีกครั้งและเหมือนว่าโชคช่วยเพราะเหมือนว่าสามคนนั้นกำลังจะไปผมเลยเตรียมพร้อมเมื่อเห็นว่าไปแล้วจริงๆผมจึงลุกออกจากที่กำบังแล้ววิ่งตรงเข้าไปหาคนที่นอนอยู่ทันทีเข้าไปใกล้แล้วถึงรับรู้ว่าของจริงมันน่ากลัวกว่าที่แอบมองอยู่ขนาดไหนเขายังคงมองมาที่ผมด้วยสายตาริบหรี่ผมถอดหมวกฮู้ดเสื้อแขนยาวที่ใส่มาตลอดออกจากหัวแล้วนั่งลงข้างๆไม่รู้จะต้องทำยังไงเลยยื่นมือไปกดแผลที่ท้องไว้ก่อน
“คุณ”
ทำได้แค่เรียกเบาๆสลับกับเงยหน้าขึ้นมองไปด้วยเพราะกลัวว่าพวกนั้นจะกลับมา
“อดทนไว้ก่อนนะ”
ผมพูดพร้อมกับตีหน้าเรียกสติไปด้วยเมื่อเห็นว่าคนตรงหน้ากำลังจะหลับปากพูดตาก็มองด้วยความระแวงไปด้วยผมพยุงตัวเขาขึ้นแต่เขาก็ล้มลงไปนอนอีกถึงจะไม่ได้ร้องออกมาแต่จากสีหน้าก็รู้ว่าเจ็บปวดแค่ไหน
“เราต้องไปจากที่นี่นะเดี๋ยวพวกนั้นกลับมา”
ผมพูดด้วยสีหน้าร้อนรนมองคนตรงหน้าให้พยายามสู้ไปด้วยกันไม่งั้นตายกันหมดแน่เขามองหน้าผมแล้วพยายามลุกผมเลยออกแรงพยุงให้เขาลุกขึ้นอีกครั้งผมเอาแขนข้างหนึ่งของเขาพาดบ่าแล้วมองซ้ายมองขวาคิดว่าจะเอายังไงจนตัดสินใจว่าจะกลับไปทางถนนที่มาผมเลยพยุงเขาเดินไปอย่างทุลักทุเลแต่เดินไปได้ไม่กี่ก้าวเสียงคนเดินก็ทำให้ต้องหยุดแล้วหันหลังกลับไปมองหรือว่าพวกนั้นจะกลับมา ผมกลืนน้ำลายลงคอคิดหาทางเอาตัวรอดหันไปมองทางอีกนิดเดียวก็จะออกจากซอยถึงถนนแล้วแต่ถ้าเดินต่อคงไม่ทันถึงแน่เสียงก็เข้ามาใกล้เรื่อยๆสายตาดันหันไปเห็นซอกเล็กๆแถวนั้นเร็วกว่าความคิดผมเลยพยุงเขาเข้าไปหลบในซอกนั้น เพราะมันแคบและเล็กมากผมเลยต้องพยุงเขาไว้ในท่ายืนหันหน้าเข้าหากันแล้วอยู่ให้เงียบที่สุดเท่าที่จะทำได้
“มันหายไปแล้วพี่”
เสียงพูดในระยะเผาขนทำให้ต้องกัดปากตัวเองแน่นเพราะกลัวเสียงจะหลุดออกไปแต่ตัวเริ่มสั่นด้วยความกลัว
“มันจะหายไปได้ยังไงวะโดนแทงไปขนาดนั้น!”
คนในอ้อมแขนเริ่มขยับและส่งเสียงออกมาจนผมตาโตมองจนต้องปล่อยมือข้างหนึ่งที่พยุงขึ้นมาปิดปากคนตรงหน้าไว้ก้มมองเลือดที่ท้องที่ไหลลงพื้นติ๋งๆแล้วเงยหน้ามองคนตรงหน้าผมกับเขาสบตากันและสื่อผ่านสายตาขอให้เขาเงียบและเหมือนเขาจะเข้าใจเพราะเสียงเงียบลงผมหันไปมองทางด้วยความกลัวได้แต่ภาวนาพ่อแม่ช่วยด้วย
“ทำไงดีพี่ถ้ามันรอดไปเราตายแน่”
“เลิกพูดมากแล้วไปตามหามันถ้าหาไม่เจอพวกมึงได้ตายสมใจแน่ไป!”
เสียงตะโกนดังจนผมสะดุ้งเสียงฝีเท้าวิ่งดังไปทั่วบริเวณและเงียบไปในที่สุดผมนิ่งคิดถ้าออกไปตอนนี้ก็เสี่ยงตายแต่ถ้าอยู่ต่อก็ตายเหมือนกันหันมองคนตรงหน้าที่อาการแย่ลงเรื่อยๆแล้วต้องรีบตัดสินใจเป็นไงเป็นกัน ผมพยุงเขาออกจากซอกหันมองทางเมื่อไม่เห็นใครจึงพยายามใช้แรงที่มีอยู่พาเขาไปให้ถึงถนนเร็วที่สุดเท่าที่จะเร็วได้ผมพาเขาออกจากซอยมาถึงถนนได้ในที่สุดจะเดินต่อคนในอ้อมแขนก็ร่วงลงไปนอนกับพื้นจนผมต้องนั่งลงไปดูด้วยความตกใจ
“คุณ!”
ผมตะโกนเรียกเสียงดังจนคนถูกเรียกลืมตาขึ้นมองสะลึมสะลือผมเลยพูดออกไปอีกครั้งด้วยสีหน้าและน้ำเสียงร้อนรน
“อดทนหน่อยเราต้องไปจากที่นี่เดี๋ยวพวกนั้นกลับมา”
พูดพร้อมกับมองหน้าเขาที่มองผมได้แปปเดียวก็หลับไปจนผมต้องร้องเรียกด้วยความตกใจอีกรอบ
“คุณ!”
“เฮ้ยจะตายไม่ได้นะเว้ย!”
ผมตะโกนแล้วตบหน้าหวังเรียกสติแต่ก็ไม่เป็นผลผมเลยก้มหน้าลงไปแนบกับหน้าอกดูเมื่อได้ยินว่ายังหายใจอยู่เลยเงยหน้าขึ้นมาแล้วมองหาช่องทางด้วยความร้อนรนจากตรงนี้ระยะทางไปถนนใหญ่กับกลับไปยิมก็ไกลพอๆกันผมตั้งสติแล้วพยายามใช้มือที่เหลือมือเดียวหยิบโทรศัพท์ออกมากดโทรออก
“รับสักทีสิวะ”
ผมบ่นพึมพำคนเดียวด้วยความร้อนใจหันไปดูคนที่นอนอยู่เป็นพักๆเมื่อปลายสายรับแล้วก็รีบพูดออกไปอย่างไม่รีรอ
“หนึ่งหกหกเก้าใช่ไหมครับ มีคนบาดเจ็บอาการสาหัสตอนนี้อยู่ที่ถนนสายนอกแถวๆโรงยิมเทควันโดแบนิมช่วยรีบมาด้วยครับอาการเขาแย่แล้ว ช่วยรีบมาด้วยครับ”
ผมกดวางสายเก็บโทรศัพท์ลงกระเป๋ากางเกงแล้วหันไปพูดกับคนที่นอนอยู่
“รออีกแปปเดียวนะคุณรถพยาบาลกำลังมา”
พูดแล้วได้แต่หันไปมองทางรออย่างมีความหวังเพราะมือกดแผลที่ท้องไว้อยู่เลยรับรู้ได้ถึงแรงหายใจยุบขึ้นลงที่ท้องที่เริ่มอ่อนลงจนผมต้องหันกลับมามองคนที่นอนอยู่ ลมหายใจอ่อนลงเรื่อยๆเลือดก็ไหลผ่านง่ามมือผมลงนองพื้นถนนเต็มไปหมดผมขมวดคิ้วแล้วหันไปมองทางรออย่างร้อนใจทั้งกลัวคนตายทั้งกลัวพวกนั้นจะกลับมา
“แม่งเอ้ยทำไมชีวิตกูต้องมาเจออะไรแบบนี้ด้วยวะมาสักทีสิวะมาสักที!”
หน้าผมเริ่มเบ้จนจะร้องไห้ต่อให้เป็นผู้ชายอกสามศอกแต่เจอแบบนี้ก็ไม่ไหวเหมือนกันสิ่งที่เจอตอนนี้มันทำให้ผมกลัวจนตัวสั่นมองคนที่นอนอยู่ด้วยสายตาสั่นไหวถึงจะไม่รู้จักกันแต่ก็ห้ามตายนะผมช่วยคุณมาขนาดนี้แล้วต้องรอดนะเว้ยช่วยสู้ต่ออีกนิดได้ไหมอีกนิดเดียวเท่านั้นขอร้องเสียงรถพยาบาลดังมาแต่ไกลผมหันไปมองแล้วยิ้มออกมาด้วยความดีใจหันกลับมามองคนที่นอนอยู่
“รอดแล้วคุณอดทนอีกนิดเดียวนะเว้ย”
พูดไปทั้งที่ไม่รู้ว่าคนนอนอยู่จะได้ยินไหมผมหันไปมองทางอีกครั้งแสงสว่างของไฟรถที่ส่องมาเข้ามาใกล้เรื่อยๆแต่ละวินาทีที่รอให้มันมาถึงมันบีบหัวใจเหลือเกิน

รถถูกจอดลงตรงหน้าพร้อมกับไฟที่ส่องเข้าหน้าอย่างจังแต่ผมกลับไม่หลบตาหนีไฟนั้นเลยเพราะผมรอมันด้วยความหวังมาตลอด ประตูท้ายรถถูกเปิดออกมีคนวิ่งลงมาอย่างรวดเร็วเขาคือพยาบาลกับบุรุษพยาบาลที่ลงมาพร้อมกับเตียงและกระเป๋าปฐมพยาบาลและตามด้วยคนขับที่ลงมาสมทบ พยาบาลหญิงคนนั้นตรงเข้ามานั่งลงข้างๆผมเมื่อรู้ว่าคนที่ผมโอบอุ้มมาตลอดกำลังจะปลอดภัยผมเลยปล่อยมือที่กดแผลไว้แล้วถอยออกห่างทั้งที่ยังไม่ลุกขึ้น ผมนั่งมองสิ่งที่ทุกคนกำลังทำกับคนที่นอนอยู่ด้วยความรู้สึกที่บอกไม่ถูกหน้ากากช่วยหายใจถูกสวมลงบนหน้าแผลถูกแทนที่ด้วยผ้าก๊อซบุรุษพยาบาลสองคนช่วยกันหามคนที่นอนอยู่ขึ้นเตียงผมลุกขึ้นแล้วเดินตามไปยังท้ายรถพยาบาลมองบุรุษพยาบาลและพยาบาลที่กำลังช่วยกันเอาเตียงขึ้นรถผมละสายตาจากภาพตรงหน้าแล้วหันไปพูดกับบุรุษพยาบาลที่ขับรถ
“ฝากเขาด้วยนะครับกระเป๋าเงินคงจะตามญาติเขาได้”
เสียงผมเบาจนแทบไม่ได้ยินเพราะสิ่งที่เจอมันทำผมเหนื่อยจนแทบหมดแรง บุรุษพยาบาลพยักหน้ารับรู้ผมจึงหันกลับไปมองที่เตียงอีกครั้งแต่ก่อนที่ประตูจะปิดลงไม่รู้ว่าผมเหนื่อยจนตาฝาดหรือเปล่าที่เห็นว่าคนบนเตียงกำลังมามองที่ผมด้วยสายตาเหมือนตอนที่ผมวิ่งเข้าไปหาเขาเราสบตากันอยู่อย่างนั้นจนประตูรถปิดลง

ผมยืนมองรถที่วิ่งไปพร้อมเสียงและไฟที่ห่างออกไปเรื่อยๆด้วยความรู้สึกที่บอกไม่ถูก ไม่รู้ว่าผมเป็นคนเดียวหรือเปล่าที่ไม่ว่าเมื่อไหร่ก็ตามที่ได้ยินเสียงแบบนี้ไม่ว่ารถคันนั้นจะไปรับใครผมก็จะขอให้คนที่รถจะไปรับปลอดภัยเสมอ ผมก้มมองมือตัวเองที่เปื้อนไปด้วยเลือดด้วยความรู้สึกหลากหลายสิ่งที่ได้เจอวันนี้มันทำให้ผมรู้ซึ้งถึงการอยากมีชีวิตอยู่มันทำให้ผมเห็นคุณค่าของชีวิตมากขึ้น เพราะเราไม่รู้ได้เลยว่าจะเกิดอะไรขึ้นตอนไหนวันที่เราคิดว่ามันเหมือนกับทุกวันมันอาจจะเป็นวันสุดท้ายของเราก็ได้

แต่ไม่ว่ายังไงวันนี้ก็ยังไม่ใช่วันสุดท้ายของคุณ...ขอให้คุณปลอดภัยนะ


« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 20-05-2020 15:11:41 โดย อาบตะวัน »

ออฟไลน์ อาบตะวัน

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 10
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-0
ตอนที่2. ห๊ะ..อะไรนะ

“แล้วมึงก็เข้าไปช่วยเขาทั้งที่ไม่รู้จักเนี่ยนะ!”
คนตรงหน้าตาโตมองผมด้วยสีหน้าขุ่นเคืองผมมองแล้วตอบกลับไปแบบไม่รู้สึกอะไร
“เออ”
“ไอ้เชี่ยยู มึงคิดว่าตัวเองเป็นกัปตันอเมริกันหรอ!”
ผมหลบสายตาไอ้มิคเพื่อนสนิทของผมที่กำลังทำท่าเหมือนจะกินหัวผมซะให้ได้งับข้าวในช้อนที่ตักค้างไว้เคี้ยวแล้วถึงพูด
“ตอนแรกกูก็แค่อยากรู้ว่าเสียงอะไรเลยเดินไปดูแต่พอเห็นแล้วใครมันจะหนีลงวะแม่งน่าสงสาร”
ไอ้มิคมันยกมือขึ้นขยี้ผมตัวเองจนยุ่งแล้วหันมาพูดต่อ
“แต่มึงควรจะนึกสงสารตัวเองก่อนที่ไปเจออะไรแบบนั้นไม่ใช่สงสารใครก็ไม่รู้ที่ไม่รู้จักกูเข้าใจว่าถ้าไม่ช่วยมันก็จะเหี้ยเกินไปแต่การที่มึงเข้าตัวเองไปเสี่ยงแบบนั้นมันไม่โอเคอย่างน้อยก็หลบออกมาก่อนแล้วโทรแจ้งตำรวจก็ได้”
“ก็ตอนนั้นมันคิดไม่ทันนี่หว่ายิ่งเห็น...”
ผมหยุดเมื่อนึกถึงสิ่งที่กำลังจะพูดออกไป เพราะสายตาคู่นั้นที่มองมาด้วยความหวังมองมาด้วยความรู้สึกที่ผมเองก็บอกไม่ถูกรู้แค่ว่าจะหนีไปแล้วทิ้งเจ้าของสายตาคู่นั้นไว้ตรงนั้นไม่ได้
“เห็นอะไร”
“เออช่างเหอะน๊า”
ผมผลักหน้าไอ้คนส่อรู้ตรงหน้าออกห่างแล้วก้มลงตักข้าวเข้าปากต่อ
“กูรู้ว่ามึงเป็นนักเทควันโดแต่มึงจะเอามันไปทำอะไรเสี่ยงตายแบบนั้นไม่ได้มันไม่ใช่สนามแข่งนะเว้ยเกือบเหลือแต่ชื่อแล้วไหมสัส”
“เออน๊าเรื่องมันก็ผ่านมาแล้วกูก็ปลอดภัยดีนี่ไง”
ไอ้มิคมันมองหน้าผมแบบเอือมระอาสุดๆก่อนจะนั่งลงข้างๆผมแต่พอมาคิดตามที่มันพูดผมก็สงสัยตัวเองเหมือนกันว่าตอนนั้นคิดอะไรอยู่ทำไมถึงไม่รีบหนีออกมาแล้วแจ้งตำรวจอย่างที่มิคมันว่า แต่นึกถึงเหตุการณ์เมื่อวานแล้วก็แทบไม่อยากจะเชื่อว่าผมผ่านเรื่องน่ากลัวแบบนั้นมาได้ยังไงแม่งอย่างกับในหนัง
“แล้วคนที่มึงช่วยเป็นไงบ้างวะ”
ไอ้ภูเพื่อนสนิทอีกคนของผมที่นั่งเงียบอยู่นานพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงปกติภูมันไม่ใช่คนเล่นใหญ่เหมือนไอ้มิคเอาง่ายๆมันมีความเป็นผู้ใหญ่สุดในกลุ่มละ
“อาการหนักอยู่ว่ะเอาจริงกูก็ไม่รู้เหมือนกันว่าจะรอดไหม”
พูดแล้วก็อดคิดไม่ได้ว่าเป็นยังไงบ้างปลอดภัยดีหรืออะไรก็ไม่รู้เสี่ยงตายเข้าไปช่วยขนาดนั้นก็อยากรู้ผลเหมือนกันว่าจะเป็นยังไงความคิดในหัวของผมหายไปเมื่อถูกไอ้ภูยื่นมือมาตบไหล่
“อย่างกับในหนังเลยว่ะกูแม่งคงบ้าอย่างที่ไอ้มิคมันว่าจริงๆ”
ผมพูดแล้วแสยะยิ้มให้กับความบ้าบิ่นของตัวเอง
“เพิ่งรู้ตัวหรอสัสสงสารเขาไปทั่วบางทีมันอาจจะเป็นพวกวัยรุ่นที่ชอบมีเรื่องกันก็ได้”
คำพูดของไอ้มิคทำให้ผมคิดตามหรือจะเป็นพวกวัยรุ่นที่ชอบมีเรื่องกันจริงๆแต่ถึงอย่างนั้นก็เถอะไม่ว่าใครก็ไม่สมควรบาดเจ็บทั้งนั้นแต่ช่างเถอะเรื่องมันผ่านมาแล้วถือว่าเอาไว้เป็นบทเรียนให้ตัวเองแล้วกันว่าจะทำอะไรให้คิดให้มากกว่านี้
“กลับไปเรียนได้แล้วพวกมึงอะกูจะรีบกินแล้วไปเรียนเหมือนกัน”
ผมหันไปพูดกับมันสองคนแล้วตักข้าวในจานขึ้นกินแต่ก็เคี้ยวอยู่นานกลืนไม่ลงสักทีจนต้องยกแก้วน้ำขึ้นมาดูดบอกตามตรงกินไม่ค่อยลงเห็นมือตัวเองแล้วนึกถึงเลือดที่เปื้อนมือเมื่อวานยังจำกลิ่นเลือดที่คลุ้งติดตัวไปถึงบ้านได้อยู่เลย
“งั้นเจอกันที่ร้านนะไปไอ้มิค”
“ไรวะยังคุยไม่รู้เรื่องเลย”
เสียงบ่นงุกงิกของไอ้มิคห่างออกไปเรื่อยๆเพราะถูกไอ้ภูลากคอไปผมมองตามพวกมันแล้วได้แต่ส่ายหัวยิ้มเราสามคนเป็นเพื่อนสนิทกันตั้งแต่สมัยมัธยมแต่พอเข้ามหาลัยทุกคนต่างก็ต้องมีทางของตัวเอง ผมชอบกีฬาเลยเข้าวิทย์กีฬา ส่วนไอ้ภูมันก็เข้าเศรษฐศาสตร์ตามความต้องการของพ่อมัน ไอ้มิคมันเข้าสถาปัตย์เห็นมันเป็นคนเล่นใหญ่แบบนี้แต่มันมีความสามารถเรื่องการวาดรูปการออกแบบมากนะแต่ถึงจะอยู่กันคนละคณะพวกผมก็ไปมาหาสู่กันแทบจะทุกครั้งที่มีเรียนเรียกว่าพร้อมที่คณะไหนเจอกันที่คณะนั้น

พวกผมมาที่ร้านเดิมที่นัดกันมาฉลองเมื่อวานแต่ผมไม่ได้มาและทำให้วันเกิดไอ้มิคมันล้มวันนี้เลยมาใหม่วันนี้มากันแค่สามคนไม่มีเพื่อนคนอื่นมาด้วยเพราะอยากฉลองกันแค่สามคนฉลองง่ายๆแค่สั่งเหล้ามากินนั่งคุยกันไปเรื่อยตามประสาเพื่อน
“กูไปเข้าห้องน้ำแปปนะ”
ผมหันไปบอกมันสองคนไอ้ภูเป็นคนหันมาพยักหน้าส่วนไอ้มิคไม่ได้สนใจที่ผมพูดหรอกเพราะตามันกำลังสนใจน้องเสื้อขาวโต๊ะข้างๆอยู่ผมเดินออกมาจากโต๊ะแล้วตรงไปที่ห้องน้ำอย่างที่บอก
“ต๊ายจริงหรอคะคุณพี่”
“จริงสิย๊ะเขาบอกว่าโดดแทงอาการปางตายเลยละฉันแอบได้ยินพี่ไก่คุยโทรศัพท์ว่ากันว่าคนในค่ายเดียวกันนั้นแหละที่เป็นคนทำ”
ทั้งที่กำลังจะออกไปเพราะทำธุระเสร็จแล้วแต่เสียงพูดด้านนอกก็ทำให้ผมหยุดมือที่กำลังจะเปิดประตูลงแล้วเงียบฟังสิ่งที่ได้ยินเพราะคำในประโยคมันทำให้ผมรู้สึกคุ้น
“คุณพระงั้นที่มีข่าวว่าคนในค่ายไม่ถูกกันก็เรื่องจริงนะสิแต่เดี๊ยนไม่คิดว่าจะเล่นกันถึงตายแล้วเกิดเรื่องขนาดนี้ทำไมไม่เห็นมีข่าวออกมาเลยละคะคุณพี่”
“ก็เพราะค่ายเขาสั่งปิดข่าวนะสิถ้ารู้ว่าข่าวมาจากไหนเขาตามฟ้องสามชั่วโคตรแน่แกอิส้มหวานรู้แล้วก็เหยียบให้มิดเลยนะไม่งั้นทั้งแกและฉันตายแน่”
“ไม่ต้องห่วงค่ะคุณพี่เดี๊ยนจะเหยียบให้มิดเลย”
เสียงพูดเงียบไปพร้อมเสียงเหมือนออกไปแล้วผมเลยเปิดประตูออกมา

คนถูกแทงอาการปางตายหรอ...มันทำให้นึกถึงเรื่องเมื่อวานขึ้นมาเลย แต่คงจะไม่ใช่เรื่องเดียวกันหรอก

ผมเลิกคิดแล้วเดินไปล้างมือที่อ่างก่อนจะออกจากห้องน้ำไปกลับมาถึงโต๊ะนั่งกันได้สักพักเมื่อถึงเวลาที่เหมาะสมผมกับไอ้ภูก็ส่งสัญญาณให้ทางร้านพนักงานถือเค้กที่สั่งไว้มาที่โต๊ะไอ้ภูเป็นคนเดินไปรับต่อทางร้านเปิดเพลงแฮปปี้เบิดเดย์ให้ทั้งร้านเลยพากันร้องด้วยไอ้เจ้าของวันเกิดยิ้มจนหน้าบานแล้วหันมากอดคอผมสองคนที่ยืนยิ้มมองมันอยู่
“สุขสันต์วันเกิดไอ้เพื่อนยากที่ยากกับกูไปซะทุกเรื่องขอให้มึงมีความสุขและอยู่ทะเลาะกับพวกกูไปนานๆ”
ผมพูดก่อนแล้วตามด้วยไอ้ภู
“ต่อไปนี้ก็ขอให้เป็นผู้เป็นคนให้มากขึ้นอยู่เป็นสิ่งไม่ดีในชีวิตพวกกูต่อไปนานๆ”
ไอ้มิคมันหลับตาอธิษฐานครู่หนึ่งแล้วลืมตามาเป่าเทียนทั้งร้านเลยปรบมือให้
“ขอบใจพวกมึงมากเว้ยกูโคตรรักพวกมึงเลย”
มันว่าแล้วหันมากอดคอผมสองคนแรงๆจนเค้กในมือไอ้ภูแทบร่วง
“สัสมิคปล่อย!”
พอมันปล่อยคอพวกผมเป็นอิสระก็ได้แต่มองหน้ากันหัวเราะทำซึ้งกับพวกผมไม่ได้นานหรอกเพราะแม่งถือเค้กไปให้น้องเสื้อขาวโต๊ะข้างๆเรียบร้อยทิ้งให้ผมกับไอ้ภูนั่งกินกันอยู่ที่โต๊ะสองคนผมมองเพื่อนตัวเองที่กำลังจีบสาวแล้วได้แต่นั่งยิ้มส่ายหัวให้มันเรื่องผู้หญิงนี้ที่หนึ่งจริงๆ

นั่งกันไปเรื่อยจนเกือบเที่ยงคืนถึงได้ฤกษ์กลับไอ้เจ้าของวันเกิดไม่รู้จีบสาวอีท่าไหนถึงได้โดนสาวมอมได้ตอนแรกมันว่าจะไปส่งผมแต่ดูจากสภาพนอกจากจะไม่ได้ไปส่งแล้วยังต้องเป็นคนไปส่งมันอีกจริงๆบ้านผมอยู่ไม่ไกลจากร้านนี้เลยไม่ต้องกังวลอะไรไอ้ภูมันก็ไม่ได้เมามากมันเลยอาสาไปส่งไอ้มิคเองเพราะคอนโดมันสองคนใกล้กันภูมันอยากให้ผมรีบกลับไปพักผ่อนเพราะก็เหนื่อยจากการซ้อมมาแล้วเหมือนกันผมเลยตกลง

กว่าจะลากไอ้ตัวปัญหาขึ้นแท็กซี่ได้ก็เกือบฆ่ากันตายรำลามันสองคนให้กลับกันดีๆยืนรอจนพวกมันไปผมถึงหันกลับมาเดินด้วยอาการมึนๆเอาจริงก็ดื่มไปไม่ใช่น้อยเดินมาสักพักตาก็มองไปเห็นเซเว่นเลยคิดอยากหาอะไรมาแก้แฮงค์เลยเดินเข้าไปเมื่อได้ของที่ต้องการแล้วก็เดินมาคิดเงินระหว่างรอพนักงานก็มองดูของตรงเคาน์เตอร์คิดเงินรอไปด้วยจนไปเจอเข้ากับสิ่งที่ทำให้ผมตกใจจนต้องหยิบขึ้นมาดูชัดๆ

นี่มัน..มัน...

“ทั้งหมดสองร้อยยี่สิบห้าบาทค่ะ”
“คุณลูกค้าคะ คุณลูกค้า”
ผมสะดุ้งแล้วหันไปมองตามเสียงก็เจอกับสายตาพนักงานที่กำลังมองมาเลยรีบตอบกลับไป
“ครับ”
“ทั้งหมด สอง ร้อย ยี่ สิบ ห้า บาทค่ะ”
เธอพูดทวนช้าๆมองมาที่ผมด้วยสีหน้าสงสัยผมเลยพยักหน้าแล้วรีบวางของในมือลงหยิบเงินในกระเป๋าจ่ายไปแต่สายตาก็ยังไม่ละความสนใจจากของที่วางลงไปเมื่อกี้
“สนใจไหมคะปฎิทินค่ายเลิฟสตูดิโอแบบตั้งหนึ่งร้อยแบบแขวนสองร้อย”
พนักงานคนเดิมยื่นตัวจากด้านในเคาน์เตอร์มาพูดด้วยน้ำเสียงพราวพรีเซนต์จนผมต้องหันไปมอง
“ซื้อไปรับรองไม่ผิดหวังค่ะนอกจากจะมีปฎิทินไว้ดูแล้วยังมีรูปดาราหล่อๆสวยๆให้ดูทุกเดือนอีกต่างหากคุ้มเกินคุ้ม”
เธอพูดต่อพร้อมกับยื่นมือมาจับปฎิทินหน้าที่เปิดไว้ไปหน้าต่อไปเพื่อพรีเซนต์
“ว่าไงนะครับดาราหรอ!”
ผมถามออกไปเสียงดังจนเธอตกใจและไม่ใช่แค่เธอคนในเซเว่นก็พากันมองมาที่ผมเป็นตาเดียว
“ใช่ค่ะ”
เมื่อได้คำตอบก็ถึงกับต้องถลึงตาโตจนเกือบหายเมาผมหยิบปฎิทินตรงหน้าขึ้นมาแล้วเปิดกลับไปหน้าที่เห็นครั้งแรกเมื่อเจอแล้วจึงหันมันกลับไปให้เธอดู
“คนๆนี้เป็นดาราหรอครับ!”
“ใช่ค่ะฉันชอบคนนี้ที่สุดในค่ายเลยสหภาพ”
เธอพูดพร้อมกับยิ้มหน้าพริ้มอย่างมีความสุขแล้วหันมาพูดกับผมใหม่
“ตอนนี้กำลังมีซีรี่ย์ที่เอาทุกคนในค่ายมาแสดงด้วยกันด้วยนะคะกำลังดังเลยที่สำคัญสหภาพหล่อมาก”
ผมได้แต่ยืนช็อคอึ้งทึ่งแดกกับสิ่งที่ได้ยินหันไปคว้าถุงแล้วรีบเดินออกมาแล้วหยุดอยู่ตรงหน้าเซเว่นปะติดปะต่อเรื่องราวทั้งหมด

สรุป..ไอ้คนที่ผมช่วยไว้แม่งเป็นดาราหรอ ถ้างั้นเรื่องที่ได้ยินในห้องน้ำร้านเหล้าเมื่อกี้ก็คือเรื่องเดียวกันนะสิหรืออะไร!

ตลอดทางกลับมาบ้านเชื่อไหมว่าเรื่องไอ้ดารานั้นยังตามหลอกหลอนไม่จบไม่สิ้นถึงจะไม่ใช่เรื่องของตัวเองแต่ก็อดคิดไม่ได้ว่าเป็นถึงดาราทำไมถึงถูกทำขนาดนั้น แล้วที่ได้ยินในห้องน้ำที่ว่าคนที่ทำคือคนในค่ายเดียวกันละอยู่ด้วยกันทำไมถึงทำกันแบบนั้น

ผมเอนตัวลงนอนกับเตียงมองเพดานคิดไม่ตกกับเรื่องนี้คิดว่าช่วยแล้วจะจบแต่ยังมีเรื่องให้คิดหลังช่วยอีกไม่น่าเข้าไปยุ่งตั้งแต่แรกอย่างที่ไอ้มิคมันบอกเลยจริงๆผมพลิกตัวเอาหน้ามุดลงกับที่นอนแล้วหยิบหมอนขึ้นมาปิดหัวไม่อยากรับรู้อะไรแล้วทั้งนั้น



ออฟไลน์ AkuaPink

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2033
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +59/-1

ออฟไลน์ อาบตะวัน

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 10
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-0
ตอนที่3. ระแวง

“เตะ เฉียงหมุน ดี แทงดี”
“ตวัดถีบหลังเออ แรงอีก ถีบ เออดี”
“มองเป้าไม่ต้องไปแข่งกับเพื่อนสูงได้แค่ไหนเอาแค่นั้นค่อยๆเป็นค่อยๆไป”
ใครที่มาเป็นศิษย์ที่ยิมแบนิมแห่งนี้จะต้องคุ้นชินกับประโยคพวกนี้เพราะมันเป็นคำพูดติดปากของโค้ชที่ใช้สอนพวกเราโค้ชไม่ค่อยใช้ศัพท์ทางการแต่เน้นใช้คำที่ลูกศิษย์เข้าใจได้ในทันทีโค้ชผมเก่งมากนะเทควันโดสายดำดั้งเจ็ดเลยละไม่ใช่เก่งแค่เทควันโดแต่ภาษาไทยก็เช่นกันโค้ชเป็นคนเกาหลีที่มาอยู่ไทยได้เกือบยี่สิบปีแล้วเรียกได้ว่าพูดไทยชัดกว่าเกาหลีแล้วเลยละ
“แรงอีก”
ผมเพิ่มกำลังยกฝ่าเท้าเตะเข้าไปที่เป้าเตะที่โค้ชกำลังถืออยู่สองมือสลับขึ้นลงแต่พอจะเตะอีกครั้งเป้าเตะกลับถูกย้ายที่มาตีหัวแทนจนผมต้องยกมือขึ้นจับหัวด้วยความเจ็บ
“สติหน่อยไอ้ยู”
โค้ชหยุดมองผมแล้วว่าด้วยใบหน้าตำหนิผมเลยโค้งหัวกล่าวขอโทษไป
“ขอโทษครับโค้ช”
“ไปพักก่อนไป”
ผมมองโค้ชที่เดินจากไปแล้วหันกลับมาถอนหายใจก่อนจะเดินไปนั่งแล้วยกเท้าขึ้นมาถอดผ้าพันออก ช่วงนี้ผมสติไม่ค่อยอยู่กับเนื้อกับตัวเหมือนที่โค้ชบอกจริงๆไม่รู้เพราะอะไรเหมือนกันวันนี้ไม่มีเรียนผมเลยมาซ้อมตั้งแต่เช้ามองดูนาฬิกาบนผนังยิมก็เกือบจะสี่โมงเย็นแล้วอยู่ต่อก็ไม่มีสติซ้อมวันนี้ควรพอแค่นี้ก่อนดีกว่า ผมลุกขึ้นเก็บข้าวของกะว่าจะไปล้างหน้าล้างตาให้ตื่นก่อนกลับซักหน่อย
“อ้าวกลับแล้วหรอไอ้ยู”
มาร์คเพื่อนที่ยิมเดินเข้ามาถามขณะที่ผมกำลังเดินเช็ดหน้าเช็ดตาออกมาจากห้องน้ำ
“อืมวันนี้สมองตื้อๆวะ”
“อ้าวเออๆไว้เจอกัน”
ผมกับมันยกมือลากันตามประสาผู้ชายแล้วหันกลับมาเดินต่อ
“วันที่มีคนถูกทำร้ายตรงซอยแถวนี้มีใครที่นี่ทราบเรื่องบ้างไหมคะ”
สิ่งที่ได้ยินโดยบังเอิญทำให้ผมหยุดเท้าลงแล้วหันไปมองตามเสียงสิ่งที่เห็นคือโค้ชกำลังยืนคุยกับใครก็ไม่รู้สองคน ผมรีบเอาตัวเข้าแอบกับผนังเพื่อแอบฟังเขามาสองคนเป็นผู้ชายทั้งคู่แต่ดูจากการแต่งกายเสื้อผ้าหน้าผมแล้วคงไม่ใช่ชายแท้
“ไม่มีเด็กคนไหนพูดเรื่องนี้นะครับคงไม่มีใครรู้ผมก็เพิ่งรู้ตอนที่ตำรวจมาตรวจสถานที่เกิดเหตุตอนเช้าของอีกวัน”
โค้ชพูดสองคนนั้นเลยหันไปพยักหน้าให้กันทำไมถึงมีคนมาถามเรื่องนี้ทั้งที่มันผ่านมาเกือบสองอาทิตย์แล้วแต่น่าจะไม่มีใครรู้ว่าผมอยู่ในเหตุการณ์นอกจากสามคนที่มากับรถพยาบาลแต่ผมก็ไม่ได้ให้ข้อมูลของตัวเองแล้วผมก็ไม่ได้เล่าให้ใครฟังเลยนอกจากไอ้ภูกับไอ้มิคหรือว่า...ไอ้ดารานั้นมันจะเป็นคนบอกเพราะมันต้องจำหน้าผมได้แน่ๆ
“ทำไมถึงมาถามเรื่องนี้ที่นี่ละครับมีอะไรหรือเปล่า”
คำพูดของโค้ชทำให้ผมหันกลับไปอีกครั้งเพราะมันเป็นสิ่งที่ผมก็อยากรู้เหมือนกัน
“พวกเรารู้มาว่ามีคนๆหนึ่งอยู่ในเหตุการณ์วันนั้นแล้วก็ตามหารอบๆนี้มาหมดแล้วจนเหลือแค่ที่นี่”
ใจผมเต้นไม่เป็นจังหวะกลัวความจริงจะหลุดออกไปว่าผมคือคนที่อยู่ในเหตุการณ์วันนั้น ที่ผมเงียบไม่แสดงตัวก็เพราะไม่อยากให้มีปัญหามากมายตามมาผมขี้เกียจคอยตอบคำถามยิ่งคนที่ช่วยเป็นถึงดาราด้วยยิ่งแล้วใหญ่
“ผมเป็นคนดูแลที่นี่ไม่ว่าจะมีเรื่องอะไรเกิดขึ้นเด็กในยิมจะบอกผมตลอดตัวผมเองยังไม่รู้เรื่องเด็กๆคงไม่มีใครรู้เรื่องหรอกครับ”
ผมแอบฟังถึงแค่ตรงนี้แล้วถอยหลังเดินออกมาทันทียกหมวกฮู้ดของเสื้อแขนยาวที่ชอบใส่มาซ้อมขึ้นใส่เพื่อหวังปิดปังใบหน้าเพราะกลัวสองคนนั้นเห็นเขาจะรู้หรือไม่รู้ก็ป้องกันไว้ก่อนผมเร่งฝีเท้าเพื่อจะออกจากยิมให้เร็วที่สุดแต่ยังไม่ทันจะได้ออกพ้นกำแพงยิมฮู้ดก็ถูกดึงลงจากหัวจนผมต้องหันกลับไปมองแต่พอหันกลับไปแล้วเห็นว่าใครเป็นคนดึงก็ทำเอาผมตกใจจนแทบช็อค

ผมเบิกตามองคนตรงหน้าด้วยความอึ้งและไม่ใช่แค่ผมที่ตกใจเพราะคนตรงหน้าก็เหมือนจะตกใจเช่นกันเราจ้องหน้ากันค้างอยู่แบบนั้นโดยที่ไม่มีใครพูดอะไรออกมา
“สหภาพ”
เสียงเรียกทำให้ผมได้สติหันไปดูก็เห็นสองคนที่คุยกับโค้ชกำลังเดินมาทางนี้ผมเลยรีบหันกลับไปเดินต่อโดยที่ไม่ลืมยกฮู้ดขึ้นมาใส่ใหม่
“ใครหรอ”
“ไม่มีอะไร”
เสียงพูดคุยด้านหลังทำให้ผมรีบเร่งฝีเท้าให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้พอออกพ้นกำแพงยิมมาได้ก็หลบเข้าพิงกำแพงยิมแล้วปล่อยลมหายใจออกมาแรงจนอกกระเพื่อมทำไมไอ้ดาราที่ผมช่วยถึงมาอยู่ที่นี่สองคนที่คุยกับโค้ชเรื่องคืนนั้นอีกเพราะไอ้คนนั้นเป็นดาราผมเลยไม่แสดงตัวเพราะกลัวปัญหาจะตามมาแต่นี่เจ้าตัวแม่งมาเองเลยมันเกิดอะไรขึ้นกันแน่
“ห๊ะว่าไงนะไอ้คนที่มึงช่วยเป็นดารา!”
ผมลุกขึ้นยกมือปิดปากไอ้มิคแทบไม่ทันมองรอบๆร้านดูว่าใครได้ยินหรือเปล่าแล้วกดมันให้นั่งลงเหมือนเดิมออกมาจากยิมผมก็นัดเจอพวกมันสองคนเลยเพราะไม่รู้จะทำยังไง
“มึงจะเสียงดังทำแป๊ะอะไรวะ”
ผมกระซิบหน้าบูดหน้าเบี้ยวมองหน้ามันด้วยความเคืองไอ้มิคมันหันไปมองรอบๆเหมือนผมแล้วเหมือนมันจะเข้าใจเลยยอมอยู่นิ่งๆ
“แล้วยังไงต่อวะ”
ไอ้ภูถามผมเลยหันไปหามันแล้วพูดด้วยสีหน้าเคร่งเครียด
“วันนี้มีคนไปตามหาว่าใครอยู่ในเหตุการณ์วันนั้นแต่ที่พีคคือเขารู้จักกับไอ้ดาราที่กูช่วยด้วย”
“แสดงว่าไอ้ดาราที่มึงช่วยมันต้องเป็นคนให้คนตามหามึงแน่”
“มันจะตามหากูไปทำไมวะ”
ผมถามด้วยสีหน้ากังวลกลัวว่าจะมีเรื่องอะไรตามมาตอนนี้ระแวงไปหมดทั้งที่ทำความดีแท้ๆทำไมต้องมาเครียดเหมือนทำความผิดด้วย
“มีสองทางไม่ตอบแทนก็ต้องการปิดปาก”
คำพูดของไอ้ภูทำเอาผมตาโตมองมัน
“มึงบอกว่าไอ้คนนั้นเป็นดาราไม่ใช่หรอแล้วตั้งแต่เกิดเรื่องก็ยังไม่เห็นมีข่าวดาราถูกทำร้ายเลยแสดงว่าเขาปิดข่าวและการที่จะปิดข่าวก็คือการที่ไม่อยากให้ใครรู้แต่มึงเป็นคนรู้เห็นเหตุการณ์ทั้งหมดเขาเลยต้องการจะปิดปากมึงเพื่อไม่ให้ข่าวรั่วออกไป”
พอฟังที่ไอ้ภูมันพูดเรื่องที่ได้ยินในห้องน้ำวันเกิดไอ้มิคก็แวบเข้ามาในหัวเพราะที่ได้ยินก็มีประโยคเกี่ยวกับการปิดปากด้วย
“จะถึงขั้นฆ่าปิดปากไหมวะ”
ภูมันยื่นมือไปตบหัวไอ้มิคส่วนผมได้แต่คิดเรื่องนี้จนไม่สนใจอะไรแล้ว
“แต่กูก็อยู่เงียบๆแล้วนี่ไงไม่มีข่าวออกไปก็แสดงว่ากูไม่ได้พูดอะไรแค่นี้ก็ควรจะเข้าใจแล้วไหมวะ”
“แม่งอาจจะกลัวว่ามึงจะขายข่าวให้ใครสักวันหรือเปล่าเลยกันไว้ก่อน”
คำพูดมีประโยชน์ของไอ้มิคทำให้ผมคิดตามสมองตอนนี้คิดมากฟุ้งซ่านไปหมดแล้วรับทุกเรื่องที่คิดว่าจะเป็นไปได้จนต้องเบ้หน้าอย่างขัดใจกับสิ่งที่กำลังเจอ
“แม่งเอ้ย!”
ผมตะโกนให้กับชีวิตบัดซบแล้วทุบหัวลงกับโต๊ะแรงๆสองสามทีแล้ววางหัวลงกับโต๊ะหันคอไปข้างๆทั้งที่ยังแนบกับโต๊ะอยู่อย่างหมดอาลัยกับชีวิต
“มันเป็นอะไรของมันวะ”
“เออมันกำลังเครียดปล่อยมันไป”
ไม่น่าเข้าไปยุ่งตั้งแต่แรกเลยอยู่ดีไม่ว่าดีแท้ๆโอลิมปิกยังไม่ทันได้ไปก็จะโดนฆ่าปิดปากซะแล้วกู

ตลอดอาทิตย์ชีวิตผมแทบจะอยู่ไม่สุขจะทำอะไรก็ระแวงไปหมดยิ่งมามหาลัยยิ่งไปกันใหญ่กลัวจนจะเป็นบ้าจะไม่มาเรียนก็ไม่ใช่เรื่องเดินไปก็ระแวงไปแรงสะกิดที่แขนทำให้สัญชาตญาณเลือดนักเทควันโดของผมพุ่งพล่านจนผมจับแขนปริศนาบิดจากทางด้านหลังแล้วทุ่มเจ้าของมันลงกับพื้นอย่างจังแต่เมื่อหันกลับไปดูแล้วเห็นว่าเป็นใครก็ต้องร้องเชี่ยในใจ
“ไอ้พิว!”
“เออกูเองโอ้ย!”
ผมรีบเข้าไปพยุงเพื่อนร่วมคณะที่นอนร้องครวญครางอยู่ที่พื้นขึ้นมาแล้วรีบกล่าวขอโทษด้วยสีหน้ารู้สึกผิด
“กูขอโทษกูไม่รู้ว่าเป็นมึง”
พิวมันมองหน้าผมเคืองๆพร้อมกับยื่นมือไปจับเอวตัวเองดูจากหน้าตาคงเจ็บไม่ใช่น้อยก็ผมทุ่มไปซะเต็มแรง
“เลือดเทควันโดสายดำมันแรงนักหรือไงสะกิดนิดเดียวทุ่มกูซะแทบหลังหักเลยสัสนิ”
ผมมองหน้ามันที่กำลังบูดเบี้ยวอย่างรู้สึกผิดแล้วยื่นมือไปเตะไหล่มันเบาๆ
“โทษทีว่ะช่วงนี้กูมีเรื่องให้ต้องระวังตัวนิดหน่อยใครมาเข้าใกล้เลยต้องป้องกันตัว”
พิวมันมองผมตาโตแล้วขยับตัวออกห่างจนมือผมที่จับไหล่มันอยู่ร่วงลงมันช้อนตาขึ้นมองผมจนผมต้องมองมันกลับอย่างสงสัย
“แล้วมึงเป็นไรเนี่ยใส่หมวกปิดหน้าปิดตาทำไม”
พอถูกท้วงผมเลยยื่นมือไปขยับหมวกแก๊ปสีดำบนหัวให้เข้าทีเหมือนเดิมลืมไปเลยว่าใส่มาผมพลักหน้าไอ้คนตรงหน้าที่กำลังช้อนตามองผมด้วยสีหน้าสงสัยออกห่าง
“แดดร้อนกูกลัวหน้าดำ”
พูดแค่นั้นผมก็เดินหนีมาเลยเสียงไอ้พิวตะโกนตามหลังมาให้ผมรอแต่ผมก็ไม่ได้ทำตามเพราะตอนนี้อยากถึงคณะให้เร็วที่สุด

หนึ่งวันของพวกเราชาววิทย์กีฬาถึงชื่อจะดูไม่อะไรแต่ก็ไม่ได้สบายๆนะผมอยู่ปีหนึ่งแต่ละวันก็เรียนกีฬาเอาเป็นเอาตายสมกับชื่อคณะแต่ละวันก็เรียนไม่เหมือนกันใครมีกีฬาที่ชอบก็เจาะจงได้แต่ก็ต้องเรียนกีฬาอื่นไปด้วยวันนี้ที่เรียนก็บาสสองชั่วโมงกรีฑาสองชั่วโมงพักกินข้าวบ่ายก็ฟุตบอลสองชั่วโมงวอลเลย์สองชั่วโมงปิดท้ายด้วยเรียนภาษาอังกฤษหนึ่งชั่วโมงแต่ที่ไม่มีไม่ได้คือวิชาปฐมพยาบาลที่พลัดกันเป็นคนป่วยเองนั้นแหละชุดนักศึกษาหล่อๆไม่ค่อยจะได้ใส่เหมือนคณะอื่นหรอกวันๆใส่แต่ชุดวอร์ม

ผมเข้าไปล้างหน้าล้างตาในห้องน้ำแบบที่ชอบทำทุกครั้งเวลาเรียนเสร็จแล้วเปลี่ยนเสื้อผ้าที่ค่อนข้างจะเหม็นไปด้วยเหงื่อมาเป็นเสื้อผ้าชุดใหม่ก่อนจะเดินออกมาโดยที่ยังมีเสื้อตัวเก่าพาดบ่าอยู่
“ไอ้ยู”
เสียงเรียกและตัวการวิ่งเข้ามาแต่ดูเหมือนจะไม่กล้าเข้ามาประชิดตัวผมทันทีผมหันไปมองไอ้คนข้างๆที่เก้ๆกังๆว่าจะยื่นมือมาหาผมไหมสุดท้ายมันก็ยื่นมือมากอดคอผมจนได้
“วันนี้มึงไปซ้อมป้ะ”
พิวมันเอียงคอถามผมแววตาเป็นประกาย
“ไม่ว่ะช่วงนี้กูไม่มีกะจิตกะใจซ้อมไปโค้ชก็ด่าตายห่าอยู่ดีเลยหยุดก่อนทำไมวะ”
ผมหันไปถามไอ้คนข้างๆที่กำลังกอดคอผมอยู่มันไม่ตอบแต่ลากผมให้เดินตาม
“พอดีสัสๆงั้นไม่งานกัน”
ผมรั้งมันไว้แล้วถามออกไปด้วยความสงสัย
“เดี๋ยวๆงานอะไร”
พิวมันปล่อยมือจากคอผมแล้วถามด้วยสีหน้าจริงจัง
“นี่มึงไม่รู้หรอว่ามหาลัยเขามีงานตลาดนัดนักศึกษาอะ”
“ไม่อะ”
“มึงรู้อะไรบ้างเนี่ยไม่ไปงานนี้ถือว่าพลาดมากนะเว้ยสาวๆเพียบเดี๋ยวกูพามึงไปดูเอง”
มันพูดจบก็ยื่นมือมาลากคอผมให้เดินตามอีกรอบแต่ผมรีบรั้งไว้แล้วแกะมือมันออกจากคอ
“กูไม่ไปมึงไปเหอะ”
พูดแค่นั้นผมก็หันหลังเดินหนีออกมาเลยไม่ได้กำลังซ่อนตัวจะไปที่คนเยอะๆไม่ได้เกิดคนของไอ้ดารานั้นมาเจอจะทำยังไง
“กูไม่ไปคนเดียวแน่ๆมึงต้องไปกับกู”
ไอ้พิวมันไม่พูดเปล่าแม่งยื่นมือมากอดคอผมจากทางด้านหลังแล้วลากให้ผมเดินตามอีกรอบ
“ปล่อยกูไอ้พิวกูไปไม่ได้ปล่อยกู!”
ผมได้แต่แหกปากร้องให้มันปล่อยแต่ก็ไม่เป็นผลแม่งกอดคอผมลากแบบถอยหลังอย่างนั้นจนผมแทบจะหายใจไม่ออก



ออฟไลน์ AkuaPink

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2033
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +59/-1

ออฟไลน์ cavalli

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5378
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +195/-19

ออฟไลน์ อาบตะวัน

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 10
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-0
ตอนที่4. โปรดอย่าเข้าใจผิดไป

ผมมองบรรยากาศตรงหน้าแล้วได้แต่ยืนนิ่งกลืนน้ำลายหนืดๆลงคอส่วนไอ้ตัวข้างๆก็กระดี๊กระด๊าเหมือนได้มาสวรรค์แต่ตัวกูเนี่ยไม่กล้าขยับไปไหนเลยเมื่อนึกอะไรได้เลยรีบเปิดกระเป๋าเป้แล้วหยิบหมวกมาใส่แบบต่ำที่สุดเท่าที่จะต่ำได้เพื่อหวังให้มันช่วยปกปิดใบหน้า
“ไปเร็วมึงต้องไปร้านน้ำคณะบัญชีก่อนเลย”
ไอ้เพื่อนเวรมันพูดด้วยสีหน้ามีความสุขสุดๆลากคอผมให้เดินตามมันส่วนผมจะทำอะไรได้นอกจากก้มหน้าให้ต่ำที่สุดเท่าที่จะต่ำได้พร้อมกับขยับหมวกบนหัวตลอดทางคนก็เยอะยิ่งกว่ามดขนาดเย็นแล้วยังร้อนอยู่เลยไม่ใช่ทางสุดๆให้มาเองจ้างล้านหนึ่งก็ไม่มา
“เชี่ยหมดยังวะนั้น!”
ลากผมมาถึงกลางงานเสร็จแม่งก็ทิ้งผมไปหาร้านน้ำคณะบัญชีอะไรของมันส่วนผมได้แต่มองตามแล้วส่ายหัวแล้วหันไปดูของรอบๆแทนเอาจริงกลิ่นอาหารก็เรียกความสนใจได้ไม่น้อยผมมันสายกินอยู่แล้ววันนี้หลังจากข้าวเที่ยงก็ยังไม่ได้กินอะไรอีกเลยไอ้พิวก็ปล่อยมันไปหาอะไรกินฆ่าเวลาดีกว่าผมตรงไปที่ร้านของโปรดที่สุดในชีวิตนั้นก็คือลูกชิ้นปิ้งอยากกินไม่อยากกินก็สั่งไปเกือบเจ็ดสิบบาทอะได้มาก็ไม่รอช้าหยิบลูกชิ้นหมูของโปรดขึ้นมากินก่อนเลยกัดไปแค่ลูกเดียวก็ต้องยิ้มออกมาถึงจะเป็นนักศึกษาทำก็อร่อยใช้ได้เลยผมเดินดูงานพร้อมกับกินไปด้วยแบบเพลินๆจนไปหยุดอยู่ที่เวทีที่คนกำลังมุงอยู่ก็อย่างที่รู้ๆว่าผมเป็นคนอยากรู้อยากเห็นขนาดไหนมีหรอที่จะพลาดผมแหวกฝูงชนเข้าไปด้านในเพื่อดูว่าเขามีอะไรกันปากก็เคี้ยวไปด้วยไม่หยุด
“เอาละค่ะถึงเวลาที่ทุกคนรอคอยกันแล้วหรือยังไม่พร้อม”
“พร้อมแล้ว!”
เสียงตอบกลับพิธีกรบนเวทีของคนข้างล่างดังจนทำเอาหูแทบดับถึงกับต้องหันมองรอบตัวด้วยสีหน้าแปลกใจแล้วหันกลับไปมองบนเวที
“เสียงดังพร้อมเพียงขนาดนี้คงจะพร้อมจริงๆงั้นเพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลาขอเสียงตอนรับคนที่จะมาพูดคุยกับเราคนต่อไปสหภาพคร้า”

สหภาพหรอ

(คนๆนี้เป็นดาราหรอครับ)

(ใช่ค่ะฉันชอบคนนี้ที่สุดในค่ายเลยสหภาพ)

(สหภาพ)

(ใครหรอ)

(ไม่มีอะไร)

ผมเบิกตาโพลงเมื่อความทรงจำเกี่ยวกับชื่อนี้เด้งขึ้นมาเงยหน้าขึ้นไปมองตามเมื่อเสียงปรบมือดังขึ้นแล้วก็เป็นอย่างที่คิดเพราะคนที่เพิ่งเดินออกมาคือคนที่ผมกำลังคิดอยู่จริงๆด้วย

มัน..มาได้ยังไงละ..แล้วทำไมถึงใส่ชุดนักศึกษามอนี้อย่าบอกนะว่า...

“เรียกว่าฮอตจริงๆสำหรับหนุ่มหล่อคนนี้เสียงกรี๊ดดังไปถึงสนามหลวงกันเลยทีเดียวเข้าเรื่องกันเลยดีกว่าเป็นยังไงบ้างคะปีหนึ่งเรียนหนักไหม”

เชี่ย!

ถึงกับต้องอุทานในใจแล้วอ้าปากค้างมองบนเวทีนิ่งไม่ขยับเป็นไปได้ไงไอ้ดารานั้นเรียนอยู่ที่นี่ได้ไงนี่มันเรื่องบ้าอะไรกัน!
“สนุกมากครับถึงผมจะต้องทำงานด้วยแต่ก็มีเพื่อนร่วมคณะและอาจารย์ที่คอยช่วยเหลือตลอดเรียกว่าโชคดีมากๆที่ดะ...”
ไม้ลูกชิ้นในมือผมร่วงลงพื้นทันทีที่คนบนเวทีหันมาสบสายตากับผมและดูเหมือนว่าคนบนนั้นก็ตกใจเหมือนกันเราจ้องหน้ากันค้างอยู่อย่างนั้นเหมือนว่าตอนนี้ตรงนี้มีแค่ผมกับเขา
“สหภาพคะ”
“น้องสหภาพ”
เสียงจากไมทำให้คนบนนั้นละสายตาไปจากผมส่วนผมพอรู้ตัวก็รีบดึงหมวกบนหัวให้ลงมาปิดหน้าแล้วรีบหันหลังเดินออกมาจากตรงนั้นโดยเร็วตลอดทางที่เดินออกมาก็หันกลับไปดูข้างหลังด้วยตลอดว่ามีใครตามมาหรือเปล่า

ไอ้ดารานั้นมันเห็นผมแล้วมันคงรู้แล้วว่าผมเรียนอยู่ที่นี่มันต้องให้พวกของมันตามมาปิดปากผมแน่ผมหยิบโทรศัพท์ออกมาโทรหาไอ้ภูด้วยความกังวลระหว่างรอสายก็หันไปมองข้างหลังด้วยความกลัวไปด้วยพอปลายสายรับผมก็รีบพูดออกไปด้วยน้ำเสียงร้อนรน
“มึงไอ้ดารานั้นมันเรียนอยู่ที่นี่แล้วเมื่อกี้กูก็เพิ่งเจอเฮ้ย!”
ผมร้องด้วยความตกใจเมื่อจู่ๆโทรศัพท์ในมือที่กำลังคุยก็ถูกดึงไปแต่เมื่อหันมาเจอว่าเป็นใครก็ต้องตกใจจนต้องถอยหลังหนี
“ไอ้ดารา!”
“ว่าไงนะไอ้ดารา”
คนตรงหน้าขมวดคิ้วทวนคำผมด้วยสีหน้าข้องใจผมยื่นมือไปกระชากโทรศัพท์ของผมในมือมันกลับมาแล้วรีบหันหลังเดินหนีออกมาให้เร็วที่สุดอยู่ไม่ได้ๆมันจะต้องมาฆ่าปิดปากผมแน่ๆต้องหนีๆให้เร็วที่สุดผมกำลังจะวิ่งแต่ก็ต้องหยุดเมื่อหมวกบนหัวถูกดึงไปจนต้องหันกลับไป
“เอาของกูคืนมา”
“คุยกันให้รู้เรื่องก่อน”
“กูไม่มีอะไรจะคุยกับมึง”
“แต่กูมี”
ผมมองหน้าไอ้คนตรงหน้าด้วยสายตาไม่สบอารมณ์เมื่อเห็นว่ามันก็ดูจริงจังผมเลยได้โอกาสพูดออกไป
“ถ้ามึงต้องการที่จะปิดปากกูเพราะกลัวว่ากูจะเอาเรื่องคืนนั้นไปบอกใครมึงสบายใจได้เลยกูสัญญาว่ากูจะไม่พูด”
“ปิดปาก”
ไอ้ดารามันขมวดคิ้วมองผมแล้วหันหน้าหนีแปปหนึ่งพร้อมกับยกมือขึ้นเกาคิ้วตัวเองก่อนจะหันกลับมาหาผมใหม่
“อย่าบอกนะว่ามึงคิดว่าที่กูตามมึงเพราะต้องการปิดปาก”
“แล้วไม่ใช่หรือไง”
“ดูหนังมากเกินไปหรือเปล่า”
หน้าตาเยาะเย้ยของมันทำให้ผมต้องถามกลับด้วยน้ำเสียงและสีหน้าไม่พอใจ
“ถ้าไม่ใช่แล้วมึงตามกูทำไม!”
“กูอยากขอบคุณ”
ประโยคที่สวนกลับแบบทันควันทำเอาผมเงียบไปต่อไม่ถูกทั้งผมและมันต่างยืนมองหน้ากันอย่างไม่มีใครพูดอะไรต่อ
“สหภาพไปกันเถอะมีคนตามมาถ่ายรูป”
เสียงปริศนาถูกแทรกเข้ามาหันไปมองก็เจอเข้ากับหนึ่งในสองคนที่ไปตามหาผมที่ยิมวันนั้นผมหันกลับมาก็ยังเจอสายตาของไอ้ดาราที่ยังคงมองมาที่ผมอยู่มันยืนมองผมนิ่งไม่ตื่นเต้นหรือรู้สึกอะไรไปกับคนที่มาตามมันด้วยสีหน้ากังวลเลยจนเขาต้องดึงแขนมันเรียกอีกรอบ
“สหภาพ”
ผมมองมันที่ถูกคนมาใหม่ดึงแขนจะลากให้เดินตามแต่มันก็ยังคงยืนมองผมนิ่งๆไม่ยอมขยับเหมือนเดิมจนคนมาใหม่ปล่อยมือจากแขนมันแล้วพูดกับมันด้วยสีหน้าเคร่งเครียด
“พี่ว่าเราคุยกันรู้เรื่องแล้วนะภาพแกกำลังเกินลิมิตที่เราคุยกันไว้ถ้ายังไม่เชื่อฟังกันอีกพี่จะไม่ให้แกขออะไรเกี่ยวกับเรื่องนี้อีก”
คราวนี้มันหันไปหาคนที่ยืนหน้าเคร่งใส่มันอยู่ข้างๆแล้วจ้องหน้ากันอย่างไม่มีใครยอมใครผมได้แต่ยืนมองว่าสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นตอนนนี้มันคืออะไร
“คิดถึงผลที่จะตามมาด้วย”
คนมาใหม่พูดอีกครั้งไอ้ดารามันหันมาสบตากับผมที่ยืนอึ้งอยู่แล้วก็ยอมให้คนๆนั้นลากไปในที่สุดแต่ถึงจะถูกลากไปสายตามันก็ยังคงไม่ละไปจากผมที่ยืนมองมันถูกลากห่างออกไปเรื่อยๆแบบไม่เข้าใจเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นผมได้แต่มองตามอย่างพูดอะไรไม่ออกสมองตอนนี้ไม่สามารถจับต้นชนปลายอะไรได้เลยแต่แล้วสติก็กลับมาเมื่อถูกชนเข้าที่ด้านหลังอย่างจัง
“ใครเป็นคนเห็นว่าสหภาพมาทางนี้”
“เราเป็นคนเห็น”
“แล้วไหนละสหภาพไม่เห็นมีเลย”
“แต่เราเห็นว่าสหภาพมาทางนี้จริงๆนะ”
“งั้นไปหาทางนั้นกัน”
กลุ่มคนห้าหกคนที่ซึ่งมีทั้งกล้องและโทรศัพท์ในมือแทบจะทุกคนยืนพูดกันอยู่ครู่หนึ่งแล้ววิ่งผ่านหน้าผมไปส่วนผมได้แต่มองตามด้วยอารมณ์น้อยเนื้อต่ำใจ

เพราะไม่ใช่คนดังแบบคนที่พวกเขาตามหาใช่ไหมถึงไม่สนใจขนาดชนแล้วไม่ขอโทษสักคำ


ออฟไลน์ nightsza

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2035
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +61/-1

ออฟไลน์ cavalli

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5378
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +195/-19

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ AkuaPink

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2033
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +59/-1

ออฟไลน์ อาบตะวัน

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 10
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-0
ตอนที่5. ของมันมีเจ้าของ

“ถ่ายๆเอาฉันก่อน”
“ขยับหน่อยโอเคยิ้มนะ”
“ไปรอที่คณะดีกว่าเผื่อวันนี้สหภาพเข้าคณะ”
คนเรามันจะบ้าขนาดกอดสแตนดี้ถ่ายรูปได้ขนาดนี้เลยหรอวะ ผมมองสองสาวที่จับมือกันวิ่งผ่านหน้าผมไปแล้วหันกลับมามองสแตนดี้ขนาดเท่าตัวจริงที่ถูกพวกเธอกอดรัดฟัดเหวี่ยงเมื่อครู่เห็นแล้วได้แต่แสยะปากมองบนมหาลัยนี่ก็ฉลาดหาทำเอาพ่อดาราใหญ่มาโปรโมทว่าเรียนที่นี่แล้วดีอย่างนั้นดีอย่างนี้ขายฝันจริงๆได้แต่ส่ายหัวให้กับสแตนดี้ตรงหน้าแล้วยกไอติมแบบดูดในมือขึ้นมาดูดต่อ
“ผมไปนะโค้ช”
“เออกลับดีๆ”
ผมยกมือไหว้โค้ชที่ตะโกนตอบมาแต่ไกลแล้วคว้ากระเป๋าขึ้นสะพายตอนนี้ก็สองทุ่มจะครึ่งแล้ววันนี้ซ้อมหนักหน่อยเพราะไม่ได้ซ้อมมาสามสี่วันเพราะช่วงนั้นมัวแต่คิดเรื่องไอ้ดารานั้นพอมารู้ว่าจริงๆแล้วมันไม่ได้ต้องการจะปิดปากก็เลยคลายกังวลจนมีกะจิตกะใจมาซ้อมและเพราะวันนี้ใช้พลังงานไปเยอะสายกินอย่างผมเลยต้องการอาหารตกถึงท้องก่อนจะเข้าบ้านเลยแวะกินบะหมี่เกี๊ยวเจ๊รวยหน้าหมู่บ้านเจ้าประจำที่กินมาตั้งแต่เด็กสักหน่อย
“พิเศษหมูเกี๊ยวหนึ่งครับเจ๊”
คนที่ได้ยินอาจจะงงแต่สำหรับผมกับเจ๊มันคือโค้ชลับที่แค่มองตาก็รู้ใจ
“แปปนั่งเลยๆ”
เจ๊แกหันมาโบกตระกร้อลวกเส้นในมือให้ผมเลยเข้าไปนั่งเกือบในสุดของร้านที่เป็นที่ประจำของผมเวลามากินส่วนเรื่องน้ำไม่ต้องบริการหรอกผมจัดการเองทุกครั้งให้เจ๊แกเอาเวลาไปดูแลลูกค้าคนอื่นดีกว่า
“หายหน้าหายตาเลยนะเอ็ง”
“ช่วงนี้ยุ่งๆนะเจ๊แต่นึกถึงก็มาเลยนะเนี่ย”
ผมส่งยิ้มหวานให้แล้วรับชามบะหมี่มาเจ๊แกยิ้มแล้วส่ายหน้าให้ผม
“เจ้าบทเจ้ากลอนเหลือเกินสาวๆติดตรึมละมั่งเอ็งนะ”
อยากจะตอบกลับไปว่ามีมาติดก็ดีสิครับเจ๊ปรุงไปก็ยิ้มเย้ยชีวิตตัวเองไปเกิดมาหน้าตาก็ไม่ได้ขี้ริ้วขี้เหร่ทำไมถึงไม่มีแฟนกับเขาก็สงสัยตัวเองเหมือนกันสงสัยคงจะเกิดมาแกแล้วตายไปเฉยๆก่อนจะกินผมจะซดน้ำซุปก่อนทุกครั้งกินกี่ทีก็อร่อยเหมือนเดิมจริงๆกินไปด้วยดูทีวีบนผนังที่เจ๊แกเปิดไว้ไปด้วย

(นาทีนี้คงไม่มีใครไม่รู้จักหนุ่มหน้าใสว่าที่แฟนแห่งชาติคนใหม่อย่างหนุ่มสหภาพที่กำลังโด่งดังไปทั่วบ้านทั่วเมืองเรียกได้ว่าไปทางไหนก็จะเห็นหน้าหล่อๆของหนุ่มคนนี้ปรากฎอยู่แทบจะทุกที่กันเลยทีเดียว)

ผมสำลักทันทีที่ได้ยินชื่อนี้เงยหน้าขึ้นมองทีวีทั้งที่ยังมีบะหมี่เส้นยาวยืดคาอยู่ในปากรูปที่ปรากฏอยู่ในทีวีตอนนี้ทำเอาผมเบ้ปากอย่างเสียอารมณ์แม่งจะตามหลอกหลอนไปถึงไหนวะที่ๆมีความสุขที่สุดยังตามมาเลย

(วันนี้มีคนไปเจอหนุ่มสหภาพที่สนามมวยที่เจ้าตัวชอบไปด้วยละค่ะเรียกได้ว่าแต้มบุญเยอะจริงๆถึงจะเป็นวันสบายๆง่ายๆแต่สำหรับหนุ่มคนนี้ไม่ว่าจะใส่อะไรก็ดูดีไปซะหมดวันนี้หนุ่มสหภาพมาในชุดสบายๆเสื้อยืดกางเกงยีนต์รองเท้าแตะหูคีบและเสริมความเท่ด้วยหมวกแก๊ปสีดำเพิ่มความหล่อได้ซะจนใครเห็นก็ต้องเหลียวหลังมองกันเลยทีเดียววันนี้กอสซิปทีวีเลยเอาภาพความหล่อของหนุ่มสหภาพมาฝากเหล่าบรรดาแฟนคลับค่ะ)

ผมเพ่งตามองรูปที่เหมือนแอบถ่ายไกลๆแต่ละกิริยาบทในทีวีให้ชัดๆเมื่อดูดีๆแล้วก็ต้องขมวดคิ้วด้วยความตกใจหมวกบนหัวไอ้ดารานั้นมันหมวกผมที่มันดึงไปวันนั้นนิเอาไปใส่เฉยได้ไงมันเป็นของๆผมนะเป็นถึงดาราเงินก็น่าจะมีเยอะมาเอาของคนอื่นไปใช้แบบนี้ได้ไงวะ

กลับบ้านมาก็คิดเรื่องไอ้ดารานั้นไม่ตกจะทำยังไงดีอยากได้หมวกคืนนั้นมันหมวกลูกรักเลยนะมีเงินก็ซื้อไม่ได้เพราะมันมีลายเซ็นของคิมยังนักเทควันโดทีมชาติเกาหลีที่ผมให้เขาเซ็นต์ใส่หมวกให้ตอนที่ไปดูเขาแข่งที่เกาหลีอยู่ด้วย
“โว้ยยยยไอ้สัสแม่ง!”
ผมตะโกนแล้วดิ้นอยู่คนเดียวบนเตียงกลิ้งไปกลิ้งมาอย่างไม่รู้จะทำยังไงแต่ถ้าไม่ไปขอคืนแล้วจะได้คืนได้ยังไงนอนมองเพดานอยู่สักพักก็คิดอะไรออกจนต้องเด้งขึ้นมานั่งถ้าไม่อยากเจอหน้ามันก็ลองติดต่อมันไปทางอื่นก็ได้นิมีทางเดียวที่จะติดต่อไอ้ดารานั้นได้โดยที่ไม่มีใครรู้แล้วก็ไม่ต้องไปเจอหน้ามันก็คือไอจี

คิดแค่นั้นผมก็คว้าโทรศัพท์มาไม่รู้ไอจีมันก็เลยต้องค้นหาในเน็ตแต่แค่ค้นหาชื่อมันในกูเกิลก็เจอเลยประวัติมันมีแทบจะละเอียดได้มาแล้วก็คิดชั่งใจอยู่นานว่าจะเอาดีไหมแต่ถ้าไม่ทำก็ไม่ได้ของคืนผมถอนหายใจเรียกสติแล้วกดเข้าแอปพลิเคชันรูปกล้องที่มีอยู่ในเครื่องผมมีแต่ไม่ค่อยได้เล่นรูปตัวเองก็ไม่เคยลงจะลงแต่รูปอะไรก็ไม่รู้บ้าบอตามประสาคนติดตามก็มีอยู่แค่สองพันต้นๆที่แทบจะมีแต่คนรู้จักผมพิมพ์ชื่อที่จำมาลงในช่องค้นหาเมื่อมันขึ้นมาก็จิ้มเข้าไป

sahaphap
2.4ล้าน
ผู้ติดตาม

โห...คนติดตามเป็นล้านเลยหรอวะเอาซะไม่กล้าทักเลยทักไปแม่งจะตอบไอจีโนเนมแบบกูไหมเนี่ย

ผมลดโทรศัพท์ลงแล้วได้แต่ขมวดคิ้วคิดแต่ถ้าไม่ทำก็ไม่ได้คืนลายเซ็นคิมยังเลยนะมึงไอ้ยูเอาวะเป็นไงเป็นกัน!

ผมกดเข้าไปตรงข้อความไดเรกคิดว่าจะเริ่มยังไงพิมพ์ลบๆอยู่นานจนคิดได้ว่าเอาอะไรที่ง่ายๆแล้วเข้าใจเลยดีกว่าจะได้ไม่ต้องคุยกับมันนาน

you_u
(ขอหมวกคืนด้วย)

ผมพิมพ์ไปแค่นั้นแล้วรอให้มันตอบกลับมาแต่รอแล้วรอเล่ามันก็ไม่ตอบจนผมต้องพิมพ์ไปอีกครั้ง

you_u
(ไอ้ดารากูขอหมวกกูคืน!)

ขนาดพิมพ์คำไม่สุภาพไปแม่งยังไม่ตอบเลยอย่าว่าแต่ตอบเลยมันไม่อ่านข้อความผมด้วยซ้ำ
“แม่งเอ้ยคิดว่าตัวเองเป็นดาราเลยไม่ตอบคนธรรมดาแบบกูสินะกูไม่น่าช่วยมึงไว้เลยไม่รู้จักสำนึกบุญคุณ!”
ผมตะโกนใส่โทรศัพท์แล้วโยนมันลงบนเตียงก่อนจะทิ้งตัวลงนอนอีกครั้งและเพราะวันนี้ใช้ชีวิตโคตรจะคุ้มทั้งเรียนทั้งไปซ้อมแวะไปกินบะหมี่อีกกว่าจะกลับมาถึงบ้านก็เกือบจะสี่ทุ่มเหนื่อยจนตาจะหลับรอไอ้ดารามันตอบข้อความจนเผลอหลับไปตอนไหนก็ไม่รู้ตื่นมาอีกทีก็เกือบตีสองใจจริงอยากนอนต่อแต่ก็รับกลิ่นตัวไม่ได้เลยจำใจลุกขึ้นไปอาบน้ำแบบสะลึมสะลือแล้วกลับมาทิ้งตัวลงนอนต่อครีมหรออย่าหวังว่าจะได้ทาซื้อมาประดับโต๊ะเฉยๆ
“แม่ยูไปแล้วนะ”
ผมตะโกนบอกแม่ที่กำลังวุ่นอยู่ในครัวแล้วยกช้อนเข้าปากอีกคำแบบรีบๆทั้งที่ลุกเตรียมจะไปแล้ว
“ทำไมรีบจังเพิ่งกินเอง”
“ยูสายแล้ว”
ตะโกนตอบไปอีกรอบแล้วนั่งลงใส่รองเท้ารีบๆวันนี้มีสอบว่ายน้ำตอนเก้าโมงต้องรีบไปวอมร่างกาย

สรุปผลออกมาก็ไม่ได้แย่แต่ก็ไม่ได้ดีแต่สำหรับผมที่ไม่มีความสามารถเรื่องการว่ายน้ำก็ถือว่าโอเคแล้ว
“กูสอบเสร็จแล้วมึงอะเออๆแล้วไอ้มิคละเคเดี๋ยวกูไปรอ”
ผมกดวางสายจากไอ้ภูไม่ได้เจอมันสองคนนานวันนี้เลยนัดเจอกันไม่ได้ไปไหนไกลหรอกก็ร้านข้าวในมอนี้แหละเพราะต่างคนต่างยุ่งเจียดเวลามาหากันได้ก็ดีเท่าไรแล้วผมเก็บโทรศัพท์ลงกระเป๋ากางเกงแล้วเดินขยี้ผมที่เปียกจากการสอบไปด้วยแต่พอเงยหน้าขึ้นมองทางตาก็เสือกมองไปเห็นไอ้คนที่ผมโคตรจะอยากต่อยแม่งสักหมัดกำลังเดินเข้าไปในร้านกาแฟยี่ห้อหรูสีเขียวในมอพอเห็นหน้าความโกรธที่แม่งไม่ยอมตอบข้อความก็พุ่งปรี๊ดแล้วสมองก็สั่งการให้ขาเดินไปแบบไม่รีรอ

เปิดประตูเข้าไปในร้านก็เจอเข้ากับเสียงฮือฮาของคนในร้านที่กำลังแตกตื่นกับพ่อดาราใหญ่ที่ยืนสั่งกาแฟอยู่ที่เคาน์เตอร์ผมมองปฏิกิริยาคนพวกนั้นแล้วได้แต่เบ้หน้าพากันชอบมันขนาดนี้รู้ไหมว่ามันเป็นคนขี้โมยของคนอื่นผมเดินเข้าไปใกล้แล้วพูดออกไปด้วยน้ำเสียงขุ่นเคืองสีหน้าพร้อมบวกเต็มที่
“นี่ไอ้ดารา”
ไอ้คนถูกเรียกหันหน้ามาด้วยสายตาที่ผมเองก็แปลไม่ถูกและไม่รู้เป็นเหี้ยอะไรเวลาถูกมันมองหน้านิ่งๆแบบนี้ทีไรแม่งโคตรจะทำตัวไม่ถูกเลยทั้งตอนเจอมันที่ยิมตอนมันดึงหมวกจากหัวแล้วก็ตอนนี้จะพูดอะไรแม่งก็ลืมหมดผมสะบัดหัวไล่ความคิดแล้วเชิ่ดหน้าใส่ให้ดูเหนือไว้ก่อน
“ถ้าไม่อยากให้คนในร้านรับรู้ความเลวร้ายของมึงก็คุยกับกูให้รู้เรื่องเดี๋ยวนี้”
ผมกระซิบแล้วมองหน้ามันว่าจะเอายังไงแต่แม่งกลับหน้านิ่งเหมือนไม่สะทกสะท้านกับสิ่งที่ผมพูดไปเลย
“กูก็อยากจะคุยกับมึงเหมือนกัน”
และนี่คือประโยคแรกที่ออกจากปากมันหลังจากที่ปล่อยให้ผมยืนพูดคนเดียวอยู่นานผมมองตามมันที่เดินไปนั่งที่โต๊ะมุมสุดของร้านคิดชั่งใจอยู่ครู่หนึ่งถึงตามมันไปกาแฟถูกยกมาเสริฟ์ตรงหน้ามันและก่อนที่พนักงานกำลังจะไปมันก็เรียกไว้ก่อน
“ขอเค้กแครอทแล้วก็ไอซ์เลม่อนสำหรับนำกลับบ้านด้วยนะครับ”
พนักงานพยักหน้ารับออเดอร์แล้วเดินออกไปผมมองดูแล้วได้แต่ถอนหายใจจะมาไม้ไหนอีกอย่ามาหาเรื่องถ่วงเวลาหน่อยเลยเถอะ
“เข้าเรื่องได้หรือยัง”
ไอ้คนฝั่งตรงข้ามหันกลับมาสบตาผมนิ่งๆผมเลยพูดออกไปด้วยสีหน้าจริงจัง
“กูขอหมวกกูคืนด้วยทำไมถึงเอาของคนอื่นไปใช้แบบนั้นวะตัวเองก็เป็นถึงดาราก็น่าจะมีเงินซื้อ”
ประโยคที่พูดมันเป็นประโยคชื่นชมหรอวะทำไมไอ้คนตรงหน้ามันถึงเอาแต่กอดอกมองต่ำแล้วแสยะยิ้มมุมปากแบบนั้น
“มึงเข้าใจที่กูพูดไหมไอ้ดารา!”
“กูก็ไม่รู้ว่าทำไมถึงเอามันมาใส่เห็นแล้วรู้สึกดีมั่ง”
ผมขมวดคิ้วอย่างไม่เข้าใจกับที่แม่งพูดรู้สึกดีที่ได้ของฟรีอย่างงั้นหรอเหอะกวนตีน
“เอามาคืนกูเดี๋ยวนี้”
“อยากได้คืนขนาดนั้นเลยหรือไง”
“ก็มันของๆกูๆจะเอาคืนมันผิดตรงไหนอย่ามาเล่นลิ้นกูยังไม่ได้พูดเรื่องที่มึงไม่ตอบข้อความกูเลยนะคิดว่าตัวเองเป็นดาราสินะถึงไม่ตอบคนธรรมดา”
“กลับไปดูดีๆก่อนไป”
มันว่าแค่นั้นแล้วลุกจากเก้าอี้จนผมต้องมองตามด้วยความไม่เข้าใจจนต้องพูดออกไป
“เฮ้ยยังคุยไม่รู้เรื่องเลยหมวกกูอะ”
“เฮ้ยไอ้ดารา!”
ผมตะโกนตามหลังเสียงดังอย่างไม่แคร์คนในร้านแม่งก็ไม่หันมาสนใจเลยจนผมได้แต่กัดฟันกรอดๆด้วยความโมโหแต่พอกลับมาคิดที่มันพูดว่าให้กลับไปดูดีๆแล้วมันคืออะไรวะพยายามคิดว่าเรื่องอะไรจนเอะใจหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดูแล้วก็ต้องตกใจเมื่อเห็นอะไรในข้อความไดเรกไอจี

sahaphap
(ไม่คิดว่าจะถึงขนาดทักมา อยากได้คืนขนาดนั้นเลย)

(อยากได้คืนก็มาเอา)

(เฮ้ย)

(ทำไมเงียบ?)

(กูเพิ่งถ่ายละครเสร็จไม่ได้จับโทรศัพท์เลยไม่เห็นที่มึงทักมาเพิ่งมาเห็นเมื่อกี้)

(ไม่ได้จงใจไม่ตอบมึงนะ)

(มึง)

(เดี๋ยวกูคืนให้เจอกันที่ไหน)

(?)

มันตอบมาแล้วแต่ผมไม่ได้เปิดอ่านเองแต่ไม่เห็นผมตอบก็ควรหยุดส่งไหมวะนี่อะไรคุยคนเดียวอยู่ได้ยาวเหยียดช่วยไม่ได้ก็เวลาที่รอให้ตอบไม่ตอบเองใครมันจะไปรอเห็นแจ้งเตือนแต่ก็ไม่คิดว่าเป็นมันก็ใจมันเชื่อว่าแม่งจะไม่ตอบไปแล้ว

ผมลุกจากเก้าอี้เพื่อที่จะออกจากร้านบ้างแต่ยังไม่ทันที่จะได้เดินออกจากโต๊ะก็ถูกเรียกไว้ซะก่อน
“เดี๋ยวก่อนค่ะ”
ได้แต่หันไปมองแบบงงๆแต่ก็ตอบรับออกไป
“ครับ”
“คนที่นั่งด้วยเมื่อครู่ฝากไว้ให้ค่ะ”
เธอยื่นถุงในมือมาให้ผมมองของตรงหน้าอยู่ครู่หนึ่งแล้วเงยหน้าไปถามใหม่เพื่อความแน่ใจ
“ให้ผมหรอครับ”
“ค่ะตอนไปคิดเงินเขาบอกให้เอาให้ก่อนคุณออกจากร้าน”
ผมขมวดคิ้วอย่างไม่เข้าใจแต่ก็ยื่นมือไปรับถุงมาเมื่อเปิดดูก็พบเข้ากับเค้กชิ้นหนึ่ง
“ไอซ์เลม่อนเพิ่มน้ำผึ้งเพิ่งใส่น้ำแข็งค่ะ”
แก้วน้ำในมือถูกส่งมาผมเลยยื่นมือไปรับแบบงงๆอีกเช่นกันแล้วมองตามพนักงานที่เดินจากไป

นี่มันเหมือนกับที่ไอ้ดารามันสั่งเลยนิมันสั่งให้ผมหรอ

ถึงจะไม่อยากรับของๆมันก็เถอะแต่เสียดายของแพงจะตายห่าเอาเข้าจริงว่ายน้ำมาเหนื่อยๆได้กินน้ำมะนาวเย็นๆแบบนี้ก็สดชื่นดีเหมือนกันนะถ้าเป็นกาแฟคงกินไม่ลงไอ้ดารานี่มันคิดถูกได้ไง




ออฟไลน์ cavalli

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5378
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +195/-19

ออฟไลน์ AkuaPink

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2033
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +59/-1

ออฟไลน์ nightsza

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2035
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +61/-1
แน่ะ อยากใส่เพราะแบบนั้นจริงๆเร้อ

ออฟไลน์ p_phai

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2302
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +154/-6

ออฟไลน์ อาบตะวัน

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 10
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-0

ตอนที่6. แค่มีอยู่ก็ไม่กลัวอะไร

สิ่งหนึ่งที่ประเทศไทยไม่เป็นสองรองใครเลยก็คือแดดร้อนจนต้องร้องขอชีวิตแล้วชะตาฟ้าลิขิตให้ต้องมาเรียนกีฑาตอนนี้อีกจะบ้าตายผมนะแค่คิดในใจแต่ไอ้คนข้างๆเนี่ยพูดออกมาเลย
“ร้อนจนจะบ้าตายอยู่แล้วใครแม่งคิดให้เรียนวิ่งตอนเที่ยงแบบนี้วะ”
ไอ้พิวมันเอามือเท้าเข่าบ่นหน้ามุ่ยตอนนี้ผมกับมันกำลังแอบอู้อยู่ข้างสนามเพราะไปต่อไม่ไหวแล้วจริงๆ
“บ่นๆ”
เสียงมาพร้อมกับสมุดที่ถูกม้วนแล้วตีลงบนหัวผมกับมันคนละโป๊กจนต้องหันไปมอง
“พวกมึงเป็นผู้ชายภาษาอะไรแค่นี้ทำเป็นบ่นคนอื่นเขายังทำได้ไปอีกคนละสองรอบ”
“โห่จารย์”
“ยังอีก”
สมุดในมือถูกง้างขึ้นอีกรอบจนผมต้องวิ่งลงสนามไปก่อนแล้วตามด้วยเสียงไอ้พิวที่ตะโกนตามมาว่าผมไม่คอยมันไม่รู้ว่าจารย์แกจะเทรนพวกผมไปเป็นทีมชาติหรือไงเอาซะจนไม่มีแรงจะเดินหมดเวลาแล้วถึงกับต้องทิ้งตัวลงนอนกับพื้นสนามลุกไปทำอะไรต่อตอนนี้ไม่ได้จริงๆเลยนอนพักสักแปปแล้วหยิบโทรศัพท์ออกมากดดูไปเรื่อย

sahaphap
(จะเอาคืนไหมหมวกนะ)

ผมมองข้อความไดเรกไอจีที่เด้งมาพอดีพอกดเข้าไปอ่านก็ถึงกับลุกขึ้นนั่งแล้วพิมพ์ตอบกลับไปแบบไม่ต้องคิด

you_u
(เอาดิคืนมาได้แล้ว)

sahaphap
(มาเอา)

You_u
(จะให้ไปเอาที่ไหนบอกมา)

sahaphap
(พรุ่งนี้เดี๋ยวทักไปบอกอีกทีว่าจะเจอที่ไหนเขาเรียกแล้วกูไปถ่ายงานก่อนถ่ายเสร็จเย็นๆเลย)

อ่านแล้วได้แต่ถอนหายใจอย่างขัดใจจะยืดเยื้อทำไมบอกก็จบแล้วว่าจะให้ไปเจอที่ไหนรอวันรอเวลาทำเพื่อแล้วเป็นอะไรมาบอกทำไมว่าจะไปทำอะไรทำอย่างกับคนเป็นแฟนกัน

!!

แล้วกูเป็นเชี่ยไรเนี่ยคิดเรื่องทุเรศๆแบบนี้ได้ไงผมส่ายหัวไล่ความคิดบ้าๆแล้วลุกขึ้นเก็บของชีวิตก็วนลูปอยู่แค่นี้มาเรียนเย็นก็ไปซ้อมเทควันโดซ้อมจนดึกแล้วกลับบ้านกินข้าวกับพ่อแม่กินเสร็จอาบน้ำแล้วนอนดูเน็ตฟิกเช้าก็ตื่นไปเรียนใหม่ทำอยู่แค่นี้แต่พรุ่งนี้ดีหน่อยที่เป็นวันอาทิตย์ไม่ต้องไปเรียนแล้วก็ไม่ต้องไปซ้อมกะว่าจะนอนทั้งวันเลย

เสียงข่วนที่ประตูทำให้ต้องลืมตาตื่นไม่ใช่ใครที่ไหนหรอกเสียงไอ้ตัวแสบประจำบ้านที่ต้องมาข่วนประตูห้องนอนทุกเช้าให้เปิดประตูให้มันเข้าไปผมลุกขึ้นนั่งจูลสมองแปปหนึ่งถึงคลานลงจากเตียงตรงไปที่ประตูเปิดออกไปก็เจอเข้ากับไอ้ตัวการที่กำลังนั่งจ้องหน้าผมอยู่ตรงหน้าประตูผมนั่งลงขยี้หน้ามันด้วยความหมั่นเขี้ยวแล้วอุ้มขึ้นมาไว้ในอก
“ว่าไงแต่เช้าเลยนะเอ็ง”
ผมอุ้มมันเข้ามาในห้องแล้วนอนเล่นกับมันไปเรื่อยโคม่ามันเป็นแมวบ้านๆทั่วไปนี่แหละได้มาตอนผมประสบอุบัติเหตุตอนนี้อยู่ดีกินดีเป็นลูกคนที่สองของบ้านเลยอ้วนจนแทบจะอุ้มไม่ขึ้นการแจ้งเตือนจากโทรศัพท์ทำให้ผมต้องหันไปสนใจแล้วหยิบมันขึ้นมาดู

sahaphap
(เจอกันที่สยามสิบโมง)

“เชี่ย!”
ได้แต่อุทานด้วยความตกใจลืมไปเลยว่าวันนี้นัดคืนหมวกหันไปมองนาฬิกาบนหัวเตียงแล้วก็ต้องตกใจรอบสองเพราะแม่งจะเก้าโมงแล้วมันคิดบ้าอะไรของมันถึงได้มาบอกเอาจวนตัวแบบนี้แต่ไม่ว่ายังไงก็จะพลาดไม่ได้เดี๋ยวไอ้ดารามันมีลูกเล่นอะไรอีกบ้านผมกับสยามก็ไม่ใช่ใกล้ๆคิดแล้วก็ลุกขึ้นคว้าผ้าเช็ดตัวแล้ววิ่งเข้าห้องน้ำทันที

มาถึงได้เฉียดฉิวโคตรๆไอ้ดารามันนัดเจอที่ร้านกาแฟเสียเวลาเดินหาอีกตั้งนานกว่าจะเจอยืนมองป้ายหน้าร้านพอแน่ใจว่าใช่ก็เดินเข้าไปมองหาอยู่แปปหนึ่งจนไปเจอเข้ากับคนที่นั่งหันหลังอยู่คิดว่าใช่เลยเดินเข้าไปซึ่งก็ใช่จริงๆแต่พอเข้าไปใกล้ๆถึงรู้ว่าแม่งโคตรจะดูดีเลยรูปร่างผิวพรรณทรงผมเสื้อผ้าที่ใส่แม้กระทั่งมือที่กำลังยื่นไปหยิบแก้วกาแฟมากินแม่งยังดูดีเลยแบบนี้สินะถึงเป็นดาราได้

ผมกรอกตามองบนอย่างหมั่นไส้หรือกำลังอิจฉาก็ไม่รู้เดินไปนั่งลงฝั่งตรงข้ามไม่รู้ว่าเพิ่งเห็นผมหรือไงถึงได้รีบวางแก้วกาแฟในมือลงแล้วหันมามองไม่พูดพร่ำทำเพลงผมยื่นมือไปแบตรงหน้าคนฝั่งตรงข้ามมันเลิกคิ้วมองผมเหมือนไม่เข้าใจจนผมต้องพูดออกไป
“หมวกกูคืนมาได้แล้ว”
“มาถึงก็จะเอาเลยว่างั้น”
“ก็นัดมาเอาหมวกถ้าไม่ให้กูเอาหมวกแล้วมึงจะให้กูทำอะไร”
ผมพูดสีหน้าเอาเรื่องแต่เชื่อไหมไม่ว่าจะกี่ครั้งที่ผมว่ามันก็จะยิ้มมุมปากเหมือนว่าผมชมไม่ได้ด่าทุกครั้งเลย
“อย่ามาลูกเล่นไอ้ดาราเอาคืนมา”
มันเลิกคิ้วพยักหน้าแบบกวนๆแล้วหันไปหยิบของข้างตัวมายื่นให้ผมหลี่ตามองหน้ามันแล้วยื่นมือไปรับแต่ยังไม่ทันที่จะได้มามือที่ยื่นหมวกมาให้ก็ชะงักไปไอ้ดารามันหันไปมองมุมหนึ่งของร้านค้างๆแล้วหันกลับมาก้มๆหน้าผมเลยหันไปดูบ้างสิ่งที่เห็นคือโต๊ะมุมนั้นของร้านกำลังมองมาทางนี้พร้อมกับโทรศัพท์ในมือเห็นแค่นั้นก็เข้าใจว่าไอ้คนตรงหน้ามันก้มหน้าทำไมผมถอนหายใจแล้วรับหมวกที่มันยื่นให้มาไว้ในมือหันด้านหน้าหมวกมาทางตัวเองแล้วใส่มันลงบนหัวไอ้คนตรงหน้าคนถูกใส่เงยหน้ามามองผมเลยยื่นมือไปขยับหมวกให้ลงมาปิดหน้ามันอีกนิดไอ้ดารามันมองผมยิ้มๆผมเห็นแล้วได้แต่แสยะปากใส่
“กูให้ยืมใส่แค่ตรงนี้ออกจากร้านมึงต้องคืนกู”
มันไปโดนตัวไหนมาวะถึงได้นั่งยิ้มอยู่ได้หน้าผมที่คุยกับมันก็ไม่ได้เป็นมิตรเท่าไรนะมันเข้าใจอะไรผิดหรือเปล่า
“มึงแม่งเป็นพาราสำหรับกูจริงๆ”
“พาราอะไรของมึง”
ผมขมวดคิ้วถามแต่ไอ้คนตรงหน้าแม่งก็ไม่ตอบยิ้มทำหน้าเหนือกว่าอยู่นั้นแหละ
“วันนี้มึงว่างไหม”
“ทำไม”
“ถาม”
“ถ้าไม่ต้องมาเอาหมวกกับมึงป่านนี้กูคงนอนตีโป่งดูเน็ตฟิกสบายใจอยู่บ้านละ”
พูดแล้วก็เซ็งวันหยุดทั้งทีถ้าไม่ใช่เพราะลายเซ็นพี่คิมยังของกูนะอย่าหวังว่ากูจะมาเลย
“งั้นไหนๆก็ไม่ได้ทำอะไรอยู่แล้ววันนี้อยู่เที่ยวเล่นกับกูนะ”
“แล้วทำไมกูต้องอยู่กับมึง”
“เอาน๊า”
ได้แต่มองหน้าหล่อๆของมันที่มองมาด้วยสีหน้าเจ้าเล่ห์แล้วถอนหายใจหันหน้าหนีแล้วหันกลับมามันก็ยังมองอยู่เลยหันไปมองแม่งชัดๆเลย
“ตกลงนะ”
ยังไม่ละความพยายามผมจ้องหน้าไอ้พ่อดาราใหญ่ตรงหน้าแล้วยอมใจในความตื้อของมันเอาก็เอาทำให้เสร็จๆจะได้รีบกลับยังไงหลังจากเจอครั้งนี้ก็ไม่มีอะไรให้ต้องมาเจอกันอีกแล้วแหละกลับบ้านไปตอนนี้ก็หมดอารมณ์นอนแล้ว
“ไม่มีที่ไปแล้วหรอถามจริง”
ผมหันไปถามไอ้คนข้างๆที่กำลังตั้งหน้าตั้งตามองจอหนังมันหันมาแล้วหยิบป๊อปคอร์นยัดใส่ปากผมจนผมต้องถลึงตาใส่
“เขาห้ามพูดตอนหนังจะฉายไม่รู้หรอ”
มันพูดเบาๆแค่นั้นแล้วหันกลับไปมองหนังบนจอต่อพอผมจะพูดมันก็ยกแก้วน้ำมาจ่อปากไม่ยอมดูดแม่งก็ถลึงตาใส่คืนจนผมได้แต่มองหน้ามันด้วยความโมโหอยู่ฝ่ายเดียวตอนแรกไม่ค่อยจะมีอารมณ์ร่วมเท่าไรแต่ก็ดูมาได้ครึ่งเรื่องแล้วหันมองไอ้คนข้างๆที่กำลังดูอย่างตั้งใจมันยื่นมือมาควานๆเหมือนจะหยิบแก้วน้ำผมเห็นแล้วนึกอะไรได้เลยหยิบแก้วน้ำหนีจนมันคงจะคิดว่าทำไมจับไม่โดนสักทีเลยหันมามองพอหันมาเจอว่าผมจับแก้วน้ำดูดอยู่ด้วยสีหน้าล้อเลียนมันเลยกระตุกยิ้มแล้วยื่นมือมาพยักหน้าผมจนผงะแล้วดึงแก้วน้ำจากปากผมไปตีกันไปตีกันมาอยู่แบบนั้นจนหนังจบดูหนังเสร็จคิดว่าจะได้หมวกคืนแล้วกลับที่ไหนได้มันดันลากไปนู่นไปนี่เหมือนคนเพิ่งเคยเข้ากรุงผมอยู่กับมันตั้งแต่สิบโมงจนตอนนี้สามทุ่มกว่าก็ยังไม่ได้กลับบ้านสุดท้ายมันพามาจบที่ไหนรู้ไหม...สะพานพุทธ
“นั่งลง”
มันเงยหน้ามาพูดกับผมที่ยืนอยู่แล้วตบลงข้างๆตัวผมยืนมองไปรอบๆอยู่ครู่หนึ่งถึงยอมนั่งลงคิดอะไรของมันถึงพามานั่งบนสะพานกลางคืนแบบนี้มันเอาเบียร์ที่ซื้อมาจากร้านค้าแถวๆนี้มาเปิดแล้วยกขึ้นกระดกอึกใหญ่หันมาเปิดอีกกระป๋องยื่นให้ผม
“มึงบ้าปะเนี่ยไปซื้อเหล้าแล้วมานั่งกินแบบนี้เดี๋ยวใครเขาก็มาเห็นแล้วเอาไปลงข่าวหรอก”
ผมขมวดคิ้วว่าแม่งเป็นดาราภาษาอะไรไม่รู้จักระวังตัวเองขนาดผมด่ามันยังหันมายิ้มมุมปากให้ผมเฉยไอ้นี่มันบ้าจริงๆนะด่าทีไรยิ้มตอบทุกที
“ไม่ต้องห่วงหรอกร้านที่ไปซื้อเขาสนิทกับกูตั้งแต่สมัยเรียนแล้ว”
มันว่าแล้วยกเบียร์ขึ้นกระดกอีกผมได้แต่มองไอ้คนไม่รู้ทุกข์รู้ร้อนข้างๆอย่างหมดคำจะพูดถอดหมวกที่ใส่อยู่ไปใส่ให้มันแทนมันเงยหน้ามามองผมยิ้มๆจนผมต้องหันหน้าหนีแล้วบ่นกับตัวเอง
“กูจะได้คืนไหมหมวกเนี่ย”
ผมยกกระป๋องเบียร์ขึ้นกระดกบ้างหวังจะเท่แบบมันแต่พอตกถึงคอเท่านั้นแหละหน้าบูดหน้าเบี้ยวยกแขนขึ้นเช็ดปากแทบไม่ทัน
“ขมจะตายห่าของไม่อร่อยละบ่นแต่กับไอ้นี่พากันกินได้”
เสียงหัวเราะจากคนข้างๆทำให้ต้องหันไปมองมันรู้สึกเหมือนโดนเยาะเย้ยจนต้องถลึงตาใส่แต่ไอ้คนที่ผมทำใส่มันหาได้สะทกสะท้านไม่มองผมนิ่งๆจนผมต้องมองกลับ
“มึงชอบที่นี่ไหม”
มันถามเสียงเรียบสีหน้าจริงจังจนผมต้องจ้องหน้ามันนิ่งเช่นกัน
“กูถามจริงๆ”
ผมไม่ตอบทันทีแต่หันไปมองรอบๆแทนเอาเข้าจริงตอนมันพามาก็แอบกลัวที่นี่อยู่เหมือนกันรถก็วิ่งอยู่ไม่ไกลตัวถึงจะมีที่กั้นก็เถอะแล้วก็ถึงจะมีคนมาเดินเล่นเหมือนกันแต่ก็เปลี่ยวอยู่ดีมืดด้วยยิ่งมองลงไปข้างล่างแล้วเห็นน้ำยิ่งกลัวว่าจะตกลงไปแต่ถ้าลองเปิดใจให้มันจริงๆที่นี่เป็นที่ๆดีที่หนึ่งเลยเงียบสงบมีเวลาให้อยู่กับตัวเองลมก็เย็นได้เห็นวิวแสงสีของกรุงเทพด้วย
“ชอบ”
รอยยิ้มปรากฏบนหน้าหล่อๆของมันยิ้มที่ไม่ใช่ยิ้มมุมปากยิ้มที่ไม่ใช่ยิ้มแบบไม่เต็มที่แต่เป็นยิ้มที่แฝงไปด้วยอะไรบางอย่างที่ผมก็ไม่สามารถรู้ความหมายของมันได้มันเป็นยิ้มที่เห็นเป็นครั้งแรกตั้งแต่เจอมัน
“กูดีใจที่มึงชอบมันเหมือนกับกูเพราะที่นี่มันเป็นที่ๆกูชอบที่สุด”
มันมองหน้าผมนิ่งๆแบบนี้อีกแล้วแบบที่ผมโดนแล้วจะทำอะไรไม่ถูกหรือว่ามันรู้ว่าทำแบบนี้แล้วผมจะเงียบ
“สมัยเรียนเลิกแล้วกูชอบไม่ยอมกลับบ้านกูชอบแอบไปซื้อเบียร์ร้านป้าติ๋มมานั่งกินที่นี่คนเดียวป้าแกด่ากูทุกครั้งที่ไปซื้อแต่แกคงกลัวว่ากูจะไปซื้อที่อื่นแล้วเขาจะเอาไปบอกโรงเรียนกูแกเลยยอมขายให้แต่ให้โควต้าแค่อาทิตย์ละกระป๋องแล้วย้ำกูว่าถ้าจะกินต้องไปซื้อกับแกเท่านั้นห้ามไปซื้อที่อื่น”
ไอ้คนข้างๆมันนั่งมองกระป๋องเบียร์ในมือแล้วยิ้มออกมาในขณะที่พูดไปด้วย
“มึงติดเหล้าตั้งแต่เด็กเลยหรอ”
มันกระตุกยิ้มแล้วละสายตาจากกระป๋องเบียร์ในมือหันมามองผมที่มองมันอยู่ก่อนแล้ว
“ป้าแกเป็นห่วงมึงถึงได้ทำแบบนั้นมึงก็ควรห่วงชีวิตตัวเองให้ได้เท่าป้าแกบ้าง”
ผมยื่นมือไปดึงกระป๋องเบียร์ในมือมันมากระดกแบบกล้ำกลืนจนหมดกระป๋องยกแขนขึ้นเช็ดปากแล้วหันไปหามัน
“มึงควรนึกถึงจุดที่มึงอยู่ที่ของมึงมันเป็นที่สว่างจะมาทำอะไรแบบนี้ไม่ได้สักวันก็ต้องมีคนรู้ไม่ใช่แค่เรื่องนี้แต่เรื่องชีวิตของมึงด้วยกูรู้มาว่าคนที่ทำร้ายมึงก็อยู่ในค่ายนั้นมึงควรมีความคิดให้มากกว่านี้เพื่อเอาตัวรอด”
ผมพูดเสียงดังยาวเหยียดให้แม่งเข้าใจสักทีแต่แทนที่มันจะตอบอะไรบ้างกลับนั่งเฉยจนผมต้องขมวดคิ้วมองมันอย่างสงสัยว่าแม่งเข้าใจที่ผมพูดหรือเปล่า
“มึงเป็นพาราของกูจริงๆ”
“พาราอะไรของมึงอีกมึงหมายถึงอะไรกันแน่”
“เป็นทุกอย่างให้กูตั้งแต่คืนนั้นจนถึงตอนนี้ช่วยชีวิตกูไม่พอยังคอยเป็นห่วงกลัวโน่นกลัวนี่แทนกูเหมือนยาพาราที่รักษาได้ทุกโรคกูจะไม่มีวันตายถ้ามีมึงอยู่”
อารมณ์พุ่งพล่านเมื่อกี้หายไปแทบจะทันทีที่ได้ยินสิ่งที่มันพูดผมนิ่งมองหน้ามันๆก็นิ่งมองหน้าผมเช่นกัน
“ชีวิตกูมันน่าเบื่อจนกูไม่อยากตื่นไปทำอะไรวันนั้นถึงมึงจะหนีไปไม่ช่วยกูก็ไม่เสียใจเพราะกูก็อยากนอนไม่ตื่นอยู่แล้วแต่มึงกลับเสี่ยงชีวิตเข้าไปช่วยกูทั้งที่ไม่รู้จักมันทำให้กูเห็นคุณค่าของชีวิตมากขึ้นขนาดมึงเป็นใครก็ไม่รู้ยังอยากให้กูมีชีวิตอยู่ต่อแล้วทำไมกูถึงไม่รักชีวิตตัวเอง”
ผมมองหน้ามันที่กำลังมองไปข้างหน้าด้วยแววตาเศร้าๆมันถอดหมวกออกจากหัวทำให้ผมของมันปลิวไปตามลมเย็นๆในตอนนี้จนปิดหน้าหล่อๆของมันไปเกือบครึ่ง
“กูไม่จำเป็นต้องใส่มันหรอก...มีพาราของกูอยู่ตรงนี้ทั้งคน”
มันหันมายิ้มให้ผมแต่ครั้งนี้ไม่ได้เป็นสีหน้าเศร้าแต่เป็นสีหน้าที่เปื้อนไปด้วยรอยยิ้ม
“วันนี้เป็นวันหยุดกูในรอบกี่เดือนก็ไม่รู้กูอยากมีเพื่อนมาทำอะไรที่อยากทำเลยเอาเรื่องหมวกมาล่อมึงวันนี้กูมีความสุขมากมันทำให้กูนึกถึงสมัยเรียนตอนที่ยังไม่เข้าวงการตอนที่ยังมีชีวิตเป็นของตัวเองมึงรู้ไหมกูได้มาดูหนังในรอบกี่ปีก็ไม่รู้”
มันยิ้มส่งมาให้ผมมองหน้ามันแล้วหันไปมองข้างหน้าแบบยิ้มๆ
“แล้วมึงรู้ไหมนี่เป็นการดูหนังในโรงครั้งแรกของกูเหมือนกัน”
เสียงหัวเราะเบาๆเกิดขึ้นระหว่างผมกับมันไม่เคยคิดเหมือนกันว่าจะได้เล่าเรื่องนี้ให้ใครฟังคิดแล้วก็ตลกตัวเองผมหันกลับไปหาไอ้คนข้างๆอีกครั้งแล้วจ้องหน้ากับมันที่จ้องผมอยู่เช่นกัน

ไม่คิดเลยว่ามันที่เป็นดาราดังจะไว้ใจเล่าเรื่องของมันให้ผมที่เป็นใครก็ไม่รู้ฟังเพิ่งรู้ว่าชีวิตที่ดีพร้อมทุกอย่างแบบมันจะมีเรื่องราวหลายอย่างซ่อนไว้ขนาดนี้ถึงจะไม่ได้รู้จักมันดีแต่แค่นี้ผมก็รับรู้ความรู้สึกที่มันกำลังซ่อนไว้ว่ามันมีมากขนาดไหน
“กูชื่อสหภาพ”
คำพูดถูกส่งมาพร้อมรอยยิ้มผมมองหน้ามันแล้วยิ้มตอบกลับไป
“กูชื่อยู”
แฟนคลับของมันจะรู้ไหมว่าคนที่กำลังพากันคลั่งไคล้กับบทบาทนิ่งๆในทีวีเวลามันยิ้มแบบตอนนี้มันดูดีกว่าตอนทำหน้านิ่งในทีวีขนาดไหน



ออฟไลน์ nut2557

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 112
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-0

ออฟไลน์ cavalli

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5378
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +195/-19

ออฟไลน์ p_phai

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2302
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +154/-6

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ psychological

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 253
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +41/-0

ออฟไลน์ nightsza

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2035
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +61/-1

ออฟไลน์ อาบตะวัน

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 10
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-0
ตอนที่7.ความอดทนมันมีขีดจำกัด

“นายแกล้งเราหรอ”
“นายทำเราก่อน”
กำลังซ้อมอยู่ดีๆเสียงก็ดังมาจนต้องหันไปมองพอเห็นว่ากำลังเกิดอะไรขึ้นก็ต้องส่งเสียงปรามออกไปก่อน
“เฮ้ยๆ”
แล้วเดินเข้าไปแยกเด็กสองคนที่กำลังทะเลาะกันให้แยกออกจากกัน
“เป็นอะไรทะเลาะกันทำไม”
“แบงค์เตะผมแรง”
“แต่เตอร์เตะผมแรงก่อนถูกแขนผมด้วย”
ดูแล้วไม่ยอมกันทั้งคู่เลยต้องนั่งยองๆคุยอย่างใจเย็น
“เตอร์ทำไมถึงเตะแบงค์เขาแรงไหนบอกพี่สิ”
เด็กหนุ่มอายุเก้าขวบผู้ถูกถามหน้ามุ่ยแล้วตอบออกมา
“ผมไม่ได้ตั้งใจไม่คิดว่ามันจะแรง”
เมื่อได้คำตอบผมจึงหันไปหาอีกคนรุ่นราวคราวเดียวกันที่ยืนหน้ามุ่ยอยู่เช่นกัน
“แล้วแบงค์ละทำไมถึงเตะเตอร์แรง”
“ก็ผมคิดว่าเตอร์แกล้งผมเลยทำคืน”
เมื่อรู้เรื่องราวทั้งหมดผมเลยจับไหล่เด็กทั้งสองมาเผชิญหน้ากัน
“เตอร์ถึงจะไม่ได้ตั้งใจแต่ทำให้เพื่อนเจ็บก็ควรขอโทษเพื่อนนะ”
เด็กหนุ่มเจ้าของชื่อมองหน้าผมแล้วหันไปมองคู่กรณีของตัวเอง
“เราขอโทษเราไม่ได้ตั้งใจ”
“เพื่อนขอโทษแล้วควรทำยังไงแบงค์”
อีกคนก็หันมามองหน้าผมก่อนเช่นกันแล้วถึงหันไปหาเพื่อนตรงหน้า
“เราก็ขอโทษเราไม่รู้ว่าเตอร์ไม่ได้ตั้งใจเลยทำแบบนั้นเราดีกันนะ”
เด็กทั้งสองยื่นมือมาเกี่ยวก้อยกันเห็นแล้วถึงกลับต้องยิ้มออกมา
“กีฬามันมีพลาดเป็นเรื่องธรรมดาและมันก็ไม่ได้มีไว้ให้แข่งขันอย่างเดียวแต่มันมีไว้ให้เรามีเพื่อนด้วยและสิ่งที่เราต้องมีคือน้ำใจนักกีฬารู้ไหม”
“ครับ”
สองคนพยักหน้าตอบผมเลยลุกขึ้นยืนแล้วยื่นมือไปจับหัวทั้งสองคน
“กลับไปซ้อมต่อได้แล้วถ้าโค้ชมาเห็นว่าทะเลาะกันรู้ใช่ไหมว่าจะเป็นยังไง”
เด็กทั้งสองพยักหน้าหงึกๆแล้วรีบวิ่งกลับไปซ้อมต่อเพราะทุกคนที่นี่รู้ดีว่าโค้ชไม่ชอบให้มีเรื่องทะเลาะกันแล้วบทลงโทษก็ทำเอาเสี่ยวสันหลังเลยละเมื่อเห็นว่าไม่มีอะไรแล้วผมเลยกลับไปซ้อมต่อ

เวลาล่วงเลยมาถึงสามทุ่มกว่าแล้วเด็กๆพ่อแม่มารับกลับหมดแล้วส่วนคนโตๆก็เริ่มทยอยกลับแล้วเช่นกัน
“ยังไม่กลับหรอวะ”
เสียงจากทางด้านหลังทำให้ต้องหยุดแล้วหันไปดูเป็นมาร์คเพื่อนในยิมที่เดินเข้ามาทัก
“อีกนิดว่ะ”
“เออๆกูกลับละอย่าหนักเกินไปนะมึง”
ผมพยักหน้าแล้วโบกมือลาหันกลับมาซ้อมต่อยังไม่อยากกลับๆไปก็ไม่มีอะไรทำแต่การที่หักโหมมากเกินไปก็ไม่ดีเพราะมันอาจจะทำให้ร่างกายรับไม่ไหวแล้วก็จะเจ็บตัวอย่างตอนนี้
“เชี่ยเอ้ย!”
ผมร้องออกมาเต็มเสียงเมื่อล้มลงอย่างจังจากการทำท่าเตะตวัดหลังจุกจนลุกไม่ขึ้นจนต้องนอนแผ่อย่างหมดแรงไหนๆก็ลุกไม่ขึ้นอยู่แล้วก็ถือโอกาสหลับตาพักไปเลยแต่พอลืมตาขึ้นแล้วหันคอไปด้านข้างก็ต้องตกใจเมื่อเจอเข้ากับคนที่ยืนอยู่นอกพื้นเบาะซ้อมจนต้องดันตัวลุกขึ้นนั่งผมตาโตมองคนที่ยืนมือล้วงกระเป๋ากางเกงกับอีกข้างถือสูทสีดำอึ้งๆ
“มึงมาทำอะไรที่นี่”
คนถูกถามไม่ตอบเอาแต่จ้องหน้าผมนิ่งจนผมเห็นแล้วต้องลุกขึ้นยืนแล้วเดินเข้าไปหาแต่ขนาดเดินเข้าไปใกล้ก็ยังไม่ขยับจนต้องเรียกอีกรอบ
“มึง”
คราวนี้สะดุ้งแล้วกระพริบตาแต่หันหน้ามาสบตากับผมที่ยืนมองอยู่แปปเดียวก็หันหนีพร้อมกับยกมือขึ้นป้องปากไอสองสามทีผมได้แต่มองการกระทำของคนตรงหน้าอย่างไม่เข้าใจจนเจ้าตัวมันหันมาพูดกับผมแบบไม่มองหน้า
“กูมาดูที่เกิดเหตุ”
ผมพยักหน้าเข้าใจแต่ก็ยังไม่เคลียร์จนต้องหันกลับไปถามใหม่
“แล้ว”
พ่อดาราใหญ่มันหันหน้ามาแต่แปปเดียวก็หันหนีผมได้แต่หันมองตามรอคำตอบ
“ก็นั้นแหละเลยผ่านมาเลิกถามได้แล้ว”
มันยกมือข้างที่ถือสูทอยู่ขึ้นโบกปัดๆแล้วเดินออกไปนั่งที่เก้าอี้นอกพื้นเบาะซ้อมผมได้แต่ขมวดคิ้วมองตามอย่างไม่เข้าใจก่อนจะเดินออกไปตามมันแต่พอนั่งลงข้างๆปั๊ปมันก็หันหน้าไปปิดปากไอปุ๊ปผมมองมันตั้งแต่หัวจรดเท้าแล้วถึงกับต้องถามออกไป
“นี่อย่าบอกนะว่ามึงใส่ชุดนี้มาดูที่เกิดเหตุ”
“กูไปงานมายังไม่ได้เปลี่ยน”
ผมพยักหน้าเข้าใจแต่ก็อดขำไม่ได้ถ้าจริงนี้ตลกมากนะก็ดูชุดที่มันใส่ตอนนี้สิเชิ้ตขาวผูกไทดำไม่พอยังเซ็ตผมขึ้นแบบเปียกๆซะอย่างกับนักร้องเกาหลีอีกถ้ามันแต่งชุดนี้มาดูที่เกิดเหตุจริงๆแม่งอย่างเว่อนะแต่ตลกอยู่ไม่ได้นานก็ต้องเปลี่ยนมาจริงจังแล้วหันไปถาม
“แล้วทำไมอยู่ดีๆถึงมาดูที่เกิดเหตุวะเรื่องมันก็ผ่านมาตั้งนานแล้วหรือว่ามีอะไร”
“เปล่าไม่มีอะไรหรอก”
“มึงมองอะไรวะ”
ผมถามออกไปด้วยความอยากรู้เพราะตั้งแต่นั่งมาไอ้คนข้างๆมันเอาแต่มองด้านข้างไม่หันมาคุยกับผมดีๆสักที
“กูก็มองอะไรของกูไปเรื่อย”
คำตอบของมันทำให้ผมต้องขมวดคิ้วสงสัยอยากรู้จนต้องเอื้อมตัวไปใกล้ๆเพื่อมองแต่ไอ้คนข้างๆมันกลับหันหน้ามากระทันหันจนหน้าผมกับมันห่างกันไม่ถึงคืบทุกอย่างหยุดนิ่งอยู่แค่นั้นผมกับมันจ้องหน้ากันค้างอยู่แบบนั้นคนฝั่งตรงข้ามมันละสายตาจากหน้าผมแล้วมองลงต่ำแวบเดียวก่อนที่จะลุกขึ้นยืนแบบพรวดพราดจนผมยังต้องตกใจมันยกมือขึ้นส่ายเนคไทที่คอไปมาจนมันลดความเคร่งลงก่อนจะปลดกระดุมออกสองเม็ดผมได้แต่นั่งมองการกระทำของมันอย่างไม่เข้าใจ
“เป็นไรวะ”
“เปล่า”
มันตอบแต่ไม่ยอมหันมามองหน้าจนผมต้องลุกขึ้นเดินเข้าไปใกล้มันแล้วถามด้วยน้ำเสียงไม่พอใจนิดๆ
“เปล่าอะไรของมึงก็เห็นอยู่ว่าตั้งแต่มามึงแม่งไม่ยอมหันหน้ามาคุยกับกูดีๆเลยมึงเป็นอะไรของมึงกันแน่ไอ้สหภาพ”
“กูต้องกลับแล้วมีงาน”
“เฮ้ยคุยกันให้รู้เรื่องก่อนดิ”
ผมกระชากแขนมันไว้แต่พอหันหน้าไปก็ต้องแปลกใจกับสีหน้าของมันจนต้องปล่อยมือพอผมปล่อยมันก็ยกมือขึ้นจับแขนตัวเองด้วยสีหน้าแปลกๆจนผมต้องถามออกไป
“เป็นอะไร”
“เปล่า”
มันปฏิเสธแต่มือยังจับแขนตัวเองผมมองสีหน้าแปลกๆของมันแล้วเดินเข้าไปหายื่นมือไปดึงแขนมันมาตอนแรกมันไม่ยอมแต่ผมก็ไม่ยอมเหมือนกันดึงมาจนได้ผมแกะกระดุมเสื้อตรงข้อมือเลิกขึ้นแล้วก็ต้องตกใจกับสิ่งที่ได้เห็น
“สหภาพทำไมมึงเป็นแบบนี้”
ผมถามเสียงอ่อนเพราะแขนมันเต็มไปด้วยรอยช้ำจนเป็นสีม่วงมันดึงแขนตัวเองกลับไปแล้วดึงเสื้อลงมาปิด
“กูถ่ายละครแล้วผิดคิวไม่มีอะไรหรอก”
“เป็นขนาดนี้จะไม่มีอะไรได้ไงยิมกูมียาเดี๋ยวกูทาให้แปป”
“ไม่เป็นไร”
มันแกะมือผมออกจากแขนมันแล้วหันไปเดินผมเดินตามไปคว้าแขนมันไว้อีกครั้งแล้วลากให้เดินตาม
“มา”
“ไม่ต้องเดี๋ยวกูกลับไปทำเอง”
มันรั้งไว้และพยายามจะแกะมือผมออกจากแขนมันแต่ผมก็ไม่ยอมดึงมันให้เดินตาม
“กูทำให้ไม่ต้องเกรงใจ”
ต่างคนต่างไม่ยอมยื้อยุดฉุดกระชากกันจนล้มลงไปกับพื้นโดยที่ผมอยู่ล่างโดนตัวมันค่อมไว้คนอยู่ด้านบนมันกำลังจากลุกขึ้นแต่ผมไม่ยอมยื่นมือไปจับเนคไทแล้วดึงให้ตัวมันล้มลงมาอีกครั้งมันยื่นมือมาจับข้อมือผมที่จับเนคไทมันอยู่จะดึงออกแต่ผมไม่ยอมยื่นมืออีกข้างไปดึงคอเสื้อให้ตัวมันโน้มมาหามันเงยหน้ามามองผมเลยได้โอกาสดึงเนคไทมันลงอีกจนตัวมันโน้มลงมาแนบกับอกผมใกล้จนสัมผัสได้ถึงลมหายใจร้อนๆของกันและกันมันมองผมด้วยสีหน้าตื่นๆผมเลยฉวยโอกาสนี้ใช้วิชาเทควันโดเตะเข้าไปที่ข้างลำตัวจนมันเสียหลักผมเลยได้โอกาสพลิกมาเป็นฝ่ายขึ้นไปอยู่ด้านบนผมใช้ขาทั้งสองข้างทับแขนมันไว้ไม่ให้ขยับแต่มันก็ยังไม่ยอมหยุดจนต้องใช้แขนข้างหนึ่งกดตรงช่วงคอและอีกข้างจับเสื้อตรงช่วงไหล่กดไว้
“เลิกบ้าได้หรือยัง”
“ก็กูบอกว่าไม่ต้องไง”
มันพูดสีหน้าไม่พอใจผมเพิ่มแรงกดที่คอก้มหน้าเข้าไปใกล้แล้วพูดด้วยน้ำเสียงไม่พอใจเช่นกัน
“กับอีแค่ทายามันเป็นอะไรนักหนา”
ผมเงยตัวขึ้นแล้วปล่อยมือข้างที่จับเสื้อตรงไหล่มันไว้เลื่อนไปดึงแขนฝั่งที่เป็นปัญหาขึ้นมาเพื่อที่จะเลิกเสื้อดู
“อย่า..ถูกตัวกู”
คนข้างล่างมันพูดขึ้นมาจนผมต้องละสายตาจากแขนไปมองสีหน้ามันตอนนี้บอกไม่ถูกเลยว่ามันกำลังรู้สึกอะไรอยู่ผมกับมันจ้องตากันนิ่งมันหอบหายใจแรงจนอกกระเพื่อมเหงื่อเปียกไปทั่วหน้าจนไหลลงมาถึงคอผมมองแต่ไม่สนใจยื่นมือไปจับแขนมันอีกครั้งเพื่อเอามาดูแต่ยังไม่มันจะได้เลิกเสื้อไปถึงแผลก็ต้องผงะตกใจเมื่อคนข้างล่างมันดันตัวขึ้นแล้วพลิกผมให้กลับไปอยู่ด้านล่างผมจะยื่นมือไปจับคอเสื้อมันแต่ก็ไม่ทันเมื่อมันยื่นมือมาจับมือผมไว้ได้ก่อนมันจับแขนผมทั้งสองข้างไปตรึงไว้บนหัวแต่ถึงอย่างนั้นผมก็ยังไม่ยอมจะยกขาขึ้นเตะมันจากทางด้านหลังแต่ก็ทำไม่ได้เพราะมันออกแรงกดตรงช่วงอกที่ทับผมไว้จนผมหายใจไม่ออกมันก้มหน้าลงมาใกล้จนจมูกของมันสัมผัสกับปากผมจนผมต้องหยุดนิ่งและกลายเป็นผมที่เป็นฝ่ายหอบหายใจแรงเหมือนกับมัน
“ทำไมถึงไม่ฟังที่กูเตือน”
มันพูดเสียงเย็นเฉียบลมหายใจร้อนๆของมันรดมาที่ปากของผมที่กำลังเผยอหายใจ
“หรือว่าเห็นจุดอ่อนกูแล้วคิดจะทำให้กูบ้า”
ผมหันคอไปเผชิญหน้ากับมันที่กำลังมองลงมาที่ผมแล้วสบตากันค้างอยู่อย่างนั้นอย่างไม่มีใครยอมละสายตาไปจากกัน
“แล้วจุดอ่อนของมึงคืออะไร”
เสียงเบาหวิวถูกส่งออกจากลำคอเพราะไม่รู้ว่ามันกำลังพูดเรื่องอะไรคนข้างบนมันก้มหน้าลงมาอีกครั้งหลังจากที่เงยขึ้นไปแล้วมันก้มลงมาใกล้จนสัมผัสได้ถึงลมหายใจร้อนๆของมันที่รดลงมาบนหน้าผม
“ถ้าใส่ชุดนี้...อย่ามาเข้าใกล้กู”
เสียงนิ่งเรียบที่ได้ยินแล้วราวกับกำลังยืนอยู่ริมหน้าผาและเหงื่อจากปลายคางของมันที่หยดลงมาถูกคอของผมมันทำให้ผมรู้สึกหวิวไปทั้งตัว
“กูอดทนไม่ได้นานถ้าไม่ฟังที่กูเตือน...มึงจะเป็นคนลำบาก”
แขนที่ถูกตรึงไว้บนหัวถูกปล่อยคนข้างบนมันลุกออกจากตัวผมแล้วเดินจากไปแต่ผมยังคงนอนอยู่ที่เดิมสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อกี้มันคืออะไรทำไมสมองถึงเบลอแบบนี้ทำไมถึงหวิวไปทั้งตัวจนหายใจไม่ทันแล้วทำไมใจถึงเต้นแรงอย่างกับจะหลุดออกมาแบบนี้ความรู้สึกนี้มันคืออะไรมันทำอะไรกับผม



ออฟไลน์ nightsza

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2035
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +61/-1

ออฟไลน์ Shonteen

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 501
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-2
สนุกดีจ้าาา เขียนดีอะ

ออฟไลน์ AkuaPink

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2033
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +59/-1

ออฟไลน์ cavalli

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5378
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +195/-19

ออฟไลน์ อาบตะวัน

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 10
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-0
ตอนที่8. ครอบงำ

จากคืนนั้นจนถึงตอนนี้ผ่านมาเกือบอาทิตย์แล้วที่ผมกับไอ้สหภาพไม่ได้ติดต่อกันตัวผมไม่ได้อะไรนะแต่มันต่างหากที่อยู่ดีๆก็หายไปผมไม่กล้าทักไปหรอกเพราะมันก็ไม่ใช่คนธรรมดาที่นึกอยากจะทักไปคุยก็ทักไปได้กลัวมันคิดว่าผมอยากตีสนิทกับมันเพราะมันเป็นคนดังแล้วอีกอย่างทุกครั้งจะเป็นมันที่เป็นคนทักมาเองแต่ถึงอย่างนั้นก็ยังอยากคุยเรื่องคืนนั้นให้มันเคลียร์ๆว่าสิ่งที่มันพูดแล้วก็ทำกับผมคืนนั้นมันหมายความว่ายังไงกันแน่แต่พอนึกถึงหน้าเปียกเหงื่อกับจังหวะหอบหายใจแรงๆของมันคืนนั้นใจก็เต้นแรงจนต้องก้มเปิดก๊อกแล้วเอามือรองน้ำขึ้นสาดใส่หน้าตัวเองสองสามครั้งแล้วหยุดมองตัวเองผ่านกระจก
“ไอ้ยู”
แรงแตะที่ไหล่ทำให้ผมต้องสะดุ้งแล้วหันไปมองเมื่อเห็นว่าเป็นไอ้มาร์คก็ถึงกับต้องพ่นลมหายใจออกมา
“เป็นไรวะกูเห็นยืนเหม่อตั้งแต่เข้ามาแล้ว”
มันถามแล้วมองผมด้วยสีหน้าสงสัยเมื่อรู้ตัวว่าถูกจับพิรุธได้ผมเลยรีบทำตัวให้เป็นปกติด้วยการยิ้มเจื่อนๆออกไป
“กูก็คิดอะไรของกูไปเรื่อยเปื่อยไม่มีอะไรหรอก”
มาร์คมันพยักหน้าเหมือนจะไม่ติดใจในคำโกหกของผมแล้วกลับไปนั่งลงบนเก้าอี้ยกขาขึ้นมาแกะที่พันเท้าออกผมมองมันอยู่ครู่หนึ่งแล้วตัดสินใจเรียกชื่อมันออกไป
“มาร์ค”
“ว่า”
มันตอบแบบไม่เงยหน้าขึ้นมามองผมกัดปากชั่งใจอยู่ครู่หนึ่งแล้วเดินไปหยุดอยู่ตรงหน้ามัน
“มึงว่า...กูใส่ชุดนี้แล้วมันเป็นยังไงวะ”
คราวนี้มันเงยหน้าขึ้นมามองผมแต่พอถูกมองผมก็เพิ่งคิดได้ว่าไม่น่าถามออกไปทำตัวไม่ถูกจนต้องหลบสายตามันที่กำลังมองมา
“พูดใหม่อีกรอบดิมึงว่าไงนะ”
มาร์คมันขมวดคิ้วมองมาที่ผมด้วยสีหน้าข้องใจผมสบตามันกลับไหนๆก็ไหนๆแล้วเลยตัดสินใจพูดออกไปอีกรอบแบบละเอียดเพราะคำถามของผมเป็นใครก็ต้องแปลกใจ
“มึงว่ากูใส่ชุดเทควันโดแล้วมันเป็นยังไงมันดูสกปรกมันดูตลกหรือมันดูน่าเกียจ”
“ทำไมถามแบบนั้นวะในเมื่อมึงก็อยู่กับมันมาตั้งนานแล้ว”
“กูอยากรู้มึงตอบกูมาเหอะมึงคิดว่าไงทำไมถึงมีคนบอกกูว่าถ้าใส่ชุดนี้ห้ามไปเข้าใกล้เขา”
ผมพูดด้วยสีหน้าร้อนรนมาร์คมันไม่ตอบแต่กลับมองผมตั้งแต่หัวจรดเท้าแล้วเลื่อนสายตาขึ้นมาสบตากับผมก่อนที่จะพยักหน้าแล้วลุกขึ้นยืนเต็มตัว
“มึงอยากรู้จริงๆหรอ”
“เออ”
ผมเบ้หน้าใส่มันแล้วมองหน้ามันอย่างรอคำตอบมาร์คมันเดินเข้ามาใกล้ผมแล้วพูด
“ถึงกูจะไม่ใช่ผู้หญิงแต่บางทีที่กูมองมึงเวลาซ้อมกูก็มีคิดเหมือนกันนะว่าเวลามึงใส่ชุดเทควันโดแม่งปลุกอารมณ์ชิปหายใส่หลวมๆเวลาเหงื่อออกแล้วไหลลงไปที่อกขาวๆของมึงแล้วยิ่งเวลาผมมึงเปียกแบบตอนนี้ด้วยละก็หึยเห็นแล้วขนลุก”
ผมได้แต่อึ้งกับสิ่งที่ได้ยินยืนนิ่งให้มาร์คมันเดินวนรอบตัวด้วยสีหน้าสำรวจ
“แต่เสียดายเซ็กซี่น้อยกว่าน้องส้มโอแฟนใหม่กูไปหน่อย”
“เชี่ยมาร์ค!”
ผมหันไปตะโกนใส่เมื่อมันพูดแล้วยื่นมือมาจับผมเปียกๆของผมด้วยสีหน้ารังเกียจจนผมต้องหันหลังเดินหนีออกมาแม่งไม่ได้ช่วยอะไรเลยถามไปก็ตอบบ้าบออะไรก็ไม่รู้ไม่เคลียร์สักอย่างเสียเวลาจริงๆ
“คนที่ห้ามไม่ให้มึงใส่ชุดนี้แล้วไปเข้าใกล้กูบอกได้เลยว่ามีอยู่อย่างเดียว”
เสียงที่ตะโกนตามหลังมาทำให้ผมต้องหยุดเท้าลงแล้วหันกลับไปมองเจ้าของเสียงที่กำลังนั่งก้มหน้าแกะที่พันเท้าออกจากที่ทำค้างไว้ตอนแรก
“กลัวจะอดใจไม่ไหวเพราะมึงกับชุดเทควันโดสีขาวแม่งน่าจับกดแรงๆไอ้ตายคาเตียง”
คำพูดของไอ้มาร์คทำให้ผมถึงกับต้องตาโตมองมันและได้แต่ยืนนิ่งไม่ขยับเพราะอึ้งกับสิ่งที่ได้ยิน
“ว่าแต่สาวที่ไหนมาพูดกับมึงแบบนั้นวะร้อนแรงชิปหายกูละอยากเห็นหน้าพามาแนะนำเพื่อนบ้างดิวะ”
มาร์คมันเงยหน้าขึ้นมามองผมด้วยสายตากรุ้มกริ่มผมมองหน้ามันแล้วหันหลังเดินออกมาจากห้องน้ำทันทีแต่ก็ไม่สามารถเดินไปไหนได้ไกลเพราะแข้งขามันอ่อนแรงจนต้องยืนพิงกับผนังห้องน้ำแล้วหอบหายใจแรงๆใจตอนนี้มันเต้นแรงจนแทบจะหลุดออกมาเต้นแรงขนาดที่มือไม้สั่นไปหมดความรู้สึกหวิวๆมันกลับมาอีกแล้วไอ้มาร์คมันต้องล้อผมเล่นแน่ๆใช่มันต้องแกล้งผมแน่ๆ

ไอ้สหภาพ...ไอ้ดารานั้น...มัน...มันจะมารู้สึกแบบนั้นกับผมได้ยังไงไม่มีทาง

ไม่น่าไปถามไอ้มาร์คมันเลยไม่ได้ช่วยให้หายคิดมากแล้วยังต้องมาคิดมากกว่าเดิมอีกทั้งที่พยายามบอกตัวเองว่ามันล้อเล่นแล้วก็เถอะก็ยังไม่เลิกคิดยิ่งเดินไปทางไหนก็เจอแต่หน้าไอ้ตัวการอยู่ทุกมุมของมหาลัยอีกประสาทจะแดกตายอยู่แล้ว
“แกดูสหภาพรูปนี้ดิเห็นแล้วคิดดีไม่ได้เลยอะเวลาเขาเตะบอลแล้วเหงื่อออกฉันละอยากเข้าไปดมเหงื่อใกล้ๆนึกถึงตอนอยู่บนเตียงคงเร้าร้อนน่าดูอร๊ายแค่คิดก็ขนลุกไปทั้งตัวแล้วอะ”
“แรงมากจ้าเพื่อนกู”
“หรือว่าแกไม่คิด”
“ผู้ชายอย่างนั้นใครมันจะไม่อยากได้บ้างละ”
บทสนทนาของโต๊ะข้างๆทำให้ผมถึงกับมือไม้สั่นแล้วหันไปมองเป็นผู้หญิงสองคนที่กำลังนั่งจิ้มโทรศัพท์ในมือด้วยสีหน้าเคลิบเคลิ้มผมยกเอสเปรสโซดับเบิ้ลช็อตในแก้วขึ้นกระดกทีเดียวหมดแก้วเพราะสิ่งที่ได้ยินมันทำให้ผมใจเต้นตึกตักๆรัวอยู่ในอกเมื่อนึกถึงน้ำเสียงสีหน้าและการกระทำในคืนนั้นของคนที่โต๊ะข้างๆกำลังพูดถึงผมลุกขึ้นหยิบของแล้วเดินออกมาจากโต๊ะทันทีเมื่อมาถึงประตูก็ยื่นมือออกไปจับที่เปิดประตูเปิดออกไปแต่ยังไม่ทันที่จะได้เดินออกก็ต้องตกใจจนต้องถอยหลังเมื่อเห็นว่าคนที่กำลังทำให้ผมว้าวุ่นอยู่ตอนนี้กำลังเดินตรงมาทางนี้คนในร้านเริ่มส่งเสียงฮือฮาเมื่อเห็นว่าใครกำลังมาแต่ผมได้แต่แข็งเป็นหินยืนกำที่เปิดประตูที่จับค้างไว้แน่น
“สหภาพมา”
คนในร้านเริ่มลุกจากที่ของตัวเองมาออตรงหน้าประตู
“ตัวจริงอย่างหล่ออะ”
“คอยถ่ายรูปๆ”
เสียงใครเป็นเสียงใครบ้างก็ไม่รู้เพราะทุกคนต่างแย่งกันพูดแล้วก็เบียดเพื่อที่จะได้เข้าไปใกล้ให้ได้มากที่สุดคนที่กำลังตกเป็นจุดสนใจเดินมาถึงหน้าประตูร้านในที่สุดผมไม่รู้จะทำยังไงจะเดินออกไปก็จะเผชิญหน้าจะกลับเข้าไปในร้านคนก็มุงจนไปไม่ได้เลยได้แต่จำใจก้มหน้าลงแล้วทำตัวให้ลีบที่สุดเพื่อหลีกทางให้คนมาใหม่เข้ามาแต่สิ่งที่กำลังเกิดขึ้นก็ทำให้ผมตกใจจนแทบจะลืมหายใจเมื่ออกของคนที่กำลังเข้ามากับอกของผมสัมผัสกันจนผมต้องเงยหน้าขึ้นมองแต่แค่เงยหน้าขึ้นไปก็ต้องนิ่งเหมือนถูกสาปเมื่อได้กลิ่นน้ำหอมที่ลอยมาเตะจมูกในระยะประชิดผมกับเจ้าของน้ำหอมสบตากันเพียงเสียววินาทีก่อนที่จะเดินผ่านกันไปจนอกของเราจะเลิกสัมผัสกันผมได้แต่ยืนนิ่งเหมือนถูกดูดวิญญาณไปอยู่อย่างนั้นจนเสียงของผู้คนในร้านเรียกสติผมกลับมา
“สหภาพขอถ่ายรูปด้วยได้ไหมคะ”
“เรียนที่นี้มาตั้งเทอมหนึ่งแล้วยังไม่เคยเห็นตัวจริงเลยไม่คิดว่าจะเจอที่นี่”
“งื้อตัวจริงหล่อกว่าในทีวีอีกอะ”
ผมกลืนน้ำลายหนืดๆลงคอกำที่เปิดประตูแน่นจนมือสั่นก่อนที่จะพาตัวเองออกจากร้านทำไมใจเต้นแรงเวลาคิดเรื่องมันอีกแล้วทำไมแค่สบตากับมันก็รู้สึกหวิวไปทั้งตัวจนเหมือนถูกมันสูดวิญญาณไปน้ำหอมของมันยังติดอยู่ที่จมูกมันทำให้นึกถึงคืนนั้นสูทสีดำน้ำเสียงการกระทำและเหงื่อของมันที่หยดลงมาถูกคอแล้วไหนจะเรื่องที่ไอ้มาร์คมันพูดอีกผมกำลังจะบ้าผมกำลังจะเป็นบ้าเพราะมันเพราะไอ้ดารานั้นมันทำอะไรกับผมกันแน่
“ไอ้ยูระวัง!”
เสียงตะโกนดังมาพร้อมกับผมที่ลงไปนอนกับพื้นและหลังจากนั้นสมองก็เบลอจนจำอะไรไม่ได้
“ไอ้ยูเฮ้ยไอ้ยู!”
“มันจะตายไหมจาร์ยทำไมตามันลอยๆแบบนี้อะ”
“อย่ามุงๆเอาผ้าเย็นมาเช็ดหน้าให้เพื่อนเร็ว”
สรุปใช้เวลาอยู่เกือบชั่วโมงกว่าจะกลับมาเป็นปกติได้ผมได้แต่นั่งตั้งสติอยู่ข้างสนามบาสโดยมีทิชชู่อุดรูจมูกทั้งสองข้างไว้เพราะเลือดกำเดามันไหลจากการถูกลูกบาสโยนใส่หน้าเต็มๆ
“เขาเรียกให้ระวังตั้งนานก็ไม่ฟังเป็นไงละมึงหน้าแหกเลยไหมละ”
ไอ้พิวมันนั่งลงข้างๆแล้วยื่นขวดน้ำมาให้ผมหันไปรับมาแล้วดึงทิชชู่ที่อุดจมูกอยู่ออก
“อย่าซ้ำเติมได้ไหมแค่นี้กูก็จะบ้าตายอยู่แล้ว”
“เป็นเชี่ยไรอีกอะ”
“กูพูดไปมึงก็ไม่เข้าใจหรอก”
ผมพูดแล้วลุกขึ้นยืนตั้งสติจนมั่นใจว่าทรงตัวได้ถึงก้าวขาเดินออกมาจากตรงนั้นไม่มีใครช่วยผมได้หรอกพูดออกไปเขาก็จะหาว่าแปลกประหลาดเอาซะเปล่าๆ
“อ้าวเฮ้ยแล้วรองเท้ามึงอะ”
“ถือมาให้ด้วย”
ผมตะโกนตอบกลับไปแบบไม่หันไปมองได้ยินแต่เสียงบ่นดังตามหลังมาแต่ก็ไม่ได้หันไปสนใจผมเดินเท้าเปล่าแบบค่อยๆก้าวที่ละก้าวออกจากสนามบาสเพราะยังมึนหัวอยู่แต่ยังไม่ทันที่จะได้ไปถึงไหนก็ต้องหยุดเมื่อได้กลิ่นน้ำหอมกลิ่นนั้นกลิ่นที่ทำให้ผมขนลุกไปทั้งตัวและเมื่อเงยหน้าขึ้นก็ต้องตกใจเมื่อได้รู้ว่ากลิ่นมันมาจากไหน
“เชี่ยยู”
เสียงของไอ้พิวดังมาแต่ไกลผมก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมถึงไม่หันไปสนใจเพื่อนแต่กลับยืนมองหน้ากับคนตรงหน้านิ่งอยู่อย่างนั้นคนตรงหน้ามันยื่นมือมาดึงแขนผมลากให้เดินตามและผมก็เหมือนโดนมนต์สะกดให้เดินตามไปง่ายๆ
“ไปไหนของมันแล้ววะเป็นขนาดนั้นยังเดินเร็วชิปหายแล้วเดินตีนเปล่าอีกนะไอ้นี่”
ทำไมผมถึงไม่ตะโกนบอกเพื่อนว่าอยู่ตรงนี้ทำไมถึงเอาแต่มองหน้ากับคนที่ลากผมมาซ่อนอยู่ซอกของอาคารอยู่อย่างนี้
“ไอ้ยู”
เสียงเรียกครั้งนี้เรียกความสนใจของผมไปได้กำลังจะอ้าปากตอบแต่ก็ไม่ทันเมื่อถูกคนตรงหน้ายื่นมือมาปิดปากไว้จนต้องหันกลับไปมองเจ้าของมือส่ายหน้าไปมาเหมือนบอกให้ผมเงียบแล้วผมก็ไม่รู้ตัวเองเหมือนกันว่าทำไมถึงยอมเงียบตามที่เขาบอกเสียงเงียบไปแต่ผมกับคนตรงหน้ายังคงจ้องหน้ากันในระยะประชิดไม่เลิกปากผมถูกปล่อยให้เป็นอิสระแต่เปลี่ยนไปเป็นมือแทนที่ถูกครอบงำผมถูกพาออกจากซอกแล้วลากให้เดินตามผมไม่รู้ว่าผมกำลังเป็นอะไรถึงยอมปล่อยให้ถูกลากไปแบบนั้นอย่างไม่ขัดขืนหรือถามอะไรสักคำผมรู้แค่ว่าผมต้องตามเขาไป



ออฟไลน์ nightsza

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2035
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +61/-1
ระวังนะยูๆๆ

ออฟไลน์ cavalli

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5378
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +195/-19

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด