ตอนที่ 8
Night and the ‘Star’
[ภาม]
แสงแดดที่แผดเผาลงมาบนพื้นถนน มันทำให้ผมรู้สึกร้อนๆสุดไปเลย เพราะว่ารถบริการนักศึกษาของมหาลัย คันที่ผมต้องการจะขึ้นไปเสียที ผมจึงตัดสินใจใช้สองขาสองเท้าเดินไปนี่แหละ!
ในการเดินทางไปคณะแพทย์ ถึงแม้ว่ามันจะค่อนข้างไกลจากจุดที่ผมรอรถมากทีเดียวแต่มันก็สามารถเดินถึงกันได้ คิดเสียว่าเป็นการออกกำลังกายไปในตัวละกัน (ดีเลิศ!)
หลังจากที่ผมเดินไปสักพัก มันทำให้ผมรู้ว่า สิ่งที่ผมคิด… มันผิด!!!
‘โครตไกลเลย!!’ผมไม่น่าโง่เลย น่าจะยอมรอรถแต่โดยดีดีกว่า รถของมหาลัยที่เป็นสายที่ผมรอขึ้นในตอนแรก ตอนนี้วิ่งขับผ่านหน้าผมไปสองสามคันแล้ว และ ผมไม่สามารถเรียกรถจากตรงนี้ได้ เพราะตรงที่ผมยืนอยู่ มันยังไม่ถึงป้ายรถ!
ผมบ่นกระปอดกระแปดคนเดียวตลอดทาง จนสุดท้ายผมก็มาถึงคณะในที่สุด ตอนนี้ผมขอหาที่นั่งพักก่อนก็แล้วกัน… ผมนั่งลงที่โต๊ะนั่งใต้ตึกเรียนของคณะพร้อมกับใช้มือพัดไปมา เมื่อเริ่มหายเหนื่อย ผมก็หยิบมือถือมาขึ้นมาเล่นตามความเคยชิน ผมก็เห็นไลน์ของเนียร์ที่ส่งมาเมื่อราวๆสิบนาทีที่แล้ว
Near not farมึงงงงง
วันนี้ปีสามไม่มีเรียนบ่ายนะ
พี่ไนท์ก็กลับถึงหอแล้วด้วย
‘ไอ้สXดดดดด!’ผมอุตส่าห์เดินมาตั้งไกล (T*T) รู้แบบนี้ผมน่าจะเช็คไลน์ก่อนที่จะเดินมาถึงที่นี่ ไม่สิ! ทำไมเนียร์ไม่โทรหาโผมมมมม แค่ไลน์มาอย่างเดียว ผมก็อาจจะไม่เห็นก็ได้นี่ (แง) เฮ้อ… ช่างมันเถอะ คิดว่าออกกำลังกายชดเชยชานมไข่มุกที่กินแทบทุกวันก็แล้วกัน แต่ตอนนี้ผมรีบกลับหอก่อนดีกว่า
โชคดีที่ตึกคณะแพทย์ อยู่ใกล้ๆกับที่ตั้งของวินมอเตอร์ไซด์พอดี ผมจึงรีบนั่งซิ่งกลับหอทันที (ไม่เดินแล้ว! แพงหน่อยก็ยอม!) ทำให้ผมมาถึงหอพักของผมในเวลาชั่วอึดใจเดียว
ผมมุ่งตรงไปห้องของพี่ไนท์ ในใจมีแต่ความเด็ดเดี่ยว วันนี้แหละ! ผมจะไม่ยอมจบเหมือนวันนั้นหรอกนะ
‘ก๊อก ก๊อก ก๊อก’ผมคิดว่าพี่ไนท์น่าจะอยู่ห้องตลอดอยู่แล้ว เพราะปกติพี่เขาจะชอบอ่านหนังสือที่ห้องตัวเองมากกว่าการที่ไปอ่านตามร้านกาแฟหรือห้องสมุดแบบคนอื่นๆ (ไอ้เนียร์บอกมา)
หลังจากผมเคาะประตูห้องได้ไม่นานนัก พี่ไนท์ก็เปิดประตูออกมาเจอผม ทันทีที่พี่เขาเห็นผมก็ชะงักเล็กน้อยแต่ก็ไม่ได้แสดงสีหน้าอะไรออกมาเป็นพิเศษ มีเพียงสีหน้าเรียบเฉยเหมือนน้ำแข็งเหมือนทุกครั้ง พี่เขานิ่งอยู่สักพักก่อนจะพึมพำชื่อผมออกมา
“ภาม…”
“ผมขอคุยด้วยหน่อยได้ไหมพี่?” ผมฉีกยิ้มกว้าง ไม่เปิดโอกาสให้พี่พูดตัดบทหรืออะไรก่อนหรอก!
พี่ไนท์ดูลังเลเล็กน้อย แต่สุดท้ายก็ให้ผมเข้าไปในห้อง เลื่อนเก้าอี้มาให้ผมนั่ง ส่วนพี่กลับไนท์ยืนนิ่ง สองมือปล่อยข้างลำตัว เหมือนกับว่าทำตัวไม่ถูกเมื่ออยู่ต่อหน้าผมอย่างไรอย่างนั้น
คนตรงหน้ามองหน้าผมเป็นสัญญาณให้รู้ว่า รอฟังสิ่งที่ผมจะพูดอยู่…
“พี่ไนท์… ผมไม่ยอมตัดใจเรื่องพี่หรอกนะ” ผมพูดออกไปแบบตรงๆ ไม่อ้อมค้อม เพื่อสังเกตปฏิกริยาของพี่ไนท์
“ภาม… พี่บอกแล้วใช่ไหม? ว่าพี่…”
“ผมรู้เรื่องทั้งหมดแล้วนะ มันไม่ใช่ความผิดของพี่หรอก” ผมรีบพูดแทรกขึ้นมา ประโยคธรรมดานี้ดูรุนแรงต่ออารมณ์ของพี่ไนท์เหลือเกิน สีหน้าของพี่เขาเปลี่ยนไปอย่างเห็นได้ชัด ดูเหมือนคิดอะไรบางอย่างอยู่
“แต่พี่…”
“พี่ไม่จำเป็นต้องจมอยู่กับอดีตของตัวเองนะ”
“………”
“พลังของพี่ ถ้ามันทำให้พี่เห็นอนาคตที่แย่ๆอีก พี่ก็แค่ระวังไม่ให้มันเกิดเท่านั้นเอง”
พูดถึงตรงนี้ พี่ไนท์ก็แสดงสีหน้าที่ผม… ไม่เคยเห็นมาก่อน… แววตาขุ่นเคืองและความไม่พอใจเผยออกมาให้ผมเห็นอย่างชัดเจน
“ถ้าไม่รู้อะไร ก็อย่าพูดออกมา!! ไม่ต้องมาบอกว่าเข้าใจ!!” พี่ไนท์ตะคอกใส่ผม
“ผมก็พยายามทำความเข้าใจพี่อยู่นี่ไง แต่ถ้าสุดท้ายแล้วพี่ไม่ยอมบอกผม ไม่สิ… บอกใครก็ตาม ว่าพี่กำลังคิดหรือกำลังกังวลอะไรอยู่ ก็ไม่มีใครรู้หรอกนะพี่!”
“ภาม! พอแค่นี้เถอะ!” พี่ไนท์ส่ายหน้า
“ผมก็แค่อยากให้พี่กลับมาเป็นคนเดิม คนที่ยิ้มแย้ม ดูสดใสตลอดเวลาเหมือนตอนนั้น”
“…………”
“เป็นพี่ชายที่แสนดีคนนั้น…”
“พอเถอะ…”
“พี่ทำตัวห่างเหินกับคนอื่น แม้แต่กับน้องตัวเอง… ผมก็ไม่โง่นะพี่ ถึงไอ้เนียร์จะไม่บอกผมก็เถอะ แต่ลึกๆแล้วมันคงเสียใจไม่น้อยทีเดียวที่พี่ชายเพียงคนเดียวกลายเป็นแบบนี้”
“ภาม…”
“ผมพูดตรงๆเลยนะ ทุกครั้งที่ผมเจอพี่ที่กลายเป็นคนเก็บตัว เหมือนเป็นทุกข์ตลอดเวลา… ผมรู้สึกแย่ว่ะ รู้สึกแย่ที่ผมไม่สามารถช่วยอะไรพี่ได้สักอย่างเลย แม้แต่… เข้าใจว่าพี่เป็นอะไร ผมยังไม่รู้เลย… จนกระทั่งเนียร์มาบอกผม”
พี่ไนท์ค่อยๆเดินไปนั่งปลายเตียง ไม่สบตาผม
“ต่อให้สุดท้ายแล้วผมกับพี่ไปด้วยกันไม่ได้จริงๆ ก็ไม่เป็นไร ผมแค่อยากให้พี่เปิดใจกับสิ่งใหม่ๆ และเลิกจมอยู่กับอดีตสักที”
ผมย้ายไปนั่งข้างๆพี่ไนท์ที่ปลายเตียง พี่เขาก้มหน้าอยู่ ทำให้ผมไม่เห็นสีหน้าอีกฝ่าย
“พี่คิดจริงๆเหรอว่า คนที่พี่รักอยากเห็นพี่เป็นแบบนี้น่ะ ที่เอาแต่โทษตัวเอง ไม่ยอมก้าวเดินต่อไปข้างหน้าสักทีน่ะ”
“พอนี้เถอะ…” พี่ไนท์พูดด้วยน้ำเสียงดูอ่อนลงมาก
“พี่เขาก็ต้องอยากเห็นพี่มีความสุขมากกว่าอยู่แล้ว”
คนข้างๆ ตัวผมนิ่งเงียบไปพักใหญ่จนผมคิดว่าควรจะพูดอะไรต่อดีไหม? แต่พี่เขาก็พูดขึ้นมาเองเสียก่อน
“พี่รู้… แต่พี่ยังกลัวอยู่…”
พี่ไนท์งยหน้ามาพูดกับผม น้ำตาเอ่อล้นที่ตาทั้งสองข้าง ผมไม่เคยเห็นพี่ไนท์ในมุมที่อ่อนแอขนาดนี้มาก่อน ถึงจะเคยเห็นแววตาเศร้าหมองบางครั้งก็เถอะ แต่เรื่องร้องไห้นี่… ไม่เคยแน่นอน
“กลัวว่ามันจะซ้ำรอยแบบเดิม…”
“………”
ผมเขยิบตัวไปใกล้พี่เขามากกว่าเดิม ก่อนที่จะค่อยๆโอบกอดพี่เขาไว้จากทางด้านข้าง
“ไม่เป็นไรนะ พี่ไม่ได้อยู่ตัวคนเดียว ผมกับเนียร์ยังอยู่ตรงนี้เสมอ…”
“………”
“ไม่ต้องห่วงนะพี่ ทุกอย่างจะต้องไปได้สวย…”
“ขอบคุณนะ…”
ทุกอย่างตกอยู่ในความเงียบ… จนกระทั่งพี่ไนท์พูดออกมา แววตาฉายถึงความมุ่งมั่นแลตัดสินใจแล้ว
“แต่พี่… ขอโทษด้วยนะ ตอนนี้พี่ยังไม่พร้อมจริงๆ ภามกลับไปเถอะ”
“พี่ไนท์!!”
‘ไม่ไหวจริงๆเหรอเนี่ย…’
ผมพูดในสิ่งที่ตั้งใจจะบอกไปหมดแล้ว ความรู้สึกของผมยังส่งไปไม่ถึงพี่เขาอย่างนั้นเหรอ? หรือนี่คือสิ่งที่พี่ไนท์ตั้งใจแล้วจริงๆ ถ้าเป็นแบบนั้นผมก็ ‘ยัง’ เปลี่ยนความคิดของคนตรงนี้ไม่ได้จริงๆ
พี่ไนท์ลุกไปเปิดประตูห้องให้ผม เป็นการบอกว่าให้ออกจากห้องนี้ไปได้แล้ว… ผมรู้สึกเจ็บนิดๆ ตั้งแต่รู้จักกับพี่เขามา ผมเพิ่งจะโดนไล่ทางอ้อมๆขนาดนี้เป็นครั้งแรก
ผมต้องจำใจเดินผ่านประตูนั้นออกไป…
“ผมอยากให้พี่ไนท์คิดดีๆ ทบทวนถึงสิ่งที่ผมอยากจะสื่ออีกสักรอบนะ” เมื่อพ้นประตูไป… ผมหันไปบอกคำพูดกับพี่เขา
ดูเหมือนว่าแม้แต่ประโยคสุดท้ายก็ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงความคิดของพี่ชายคนนี้ได้… พี่ไนท์ปิดประตูใส่หน้าผม ก่อนที่ผมจะได้ยินเสียงล็อกกลอนประตูห้อง…
‘ไม่สำเร็จสินะ…’
จริงสิ… ขนาดเนียร์ที่เป็นน้องชายแท้ๆ ยังไม่สามารถพูดให้พี่เขายอมรับยอมเข้าใจได้เลยนี่… นับประสาอะไรกับคนนอกอย่างผม…
ผมรู้สึกอัดอึดและเศร้าใจปนเปกันไปหมด ผมไม่ต้องการให้พี่ไนท์มาสนใจผมก็ได้ ผมขอแค่พี่เขาเลิกโทษตัวเอง อยากเห็นพี่ชายคนเดิมที่ยิ้มง่ายและอบอุ่นคนนั้น…
ผมจะไม่มีโอกาสได้เห็นรอยยิ้มแบบนั้นอีกแล้วเหรอ…?
[ไนท์]
วันนี้ผมร้องไห้…
นานแค่ไหนแล้วนะที่ไม่มีน้ำตาไหลเอ่อล้นมาจากดวงตาทั้งสองของผม
ใช่แล้ว… คงจะตั้งแต่สมัยเหตุการณ์ในครั้งนั้น…
ผมร้องไห้เป็นบ้าเป็นหลังอยู่นานหลายสัปดาห์ บางทีอาจะหลายเดือนเสียด้วยซ้ำ จนกระทั่งตอนนี้… น้ำตาของผมเหือดแห้งไปหมดแล้ว เหลือไว้แต่เพียงความรู้สึกผิดและความเสียใจอยู่ในอกซึ่งมันก็ไม่ได้เลือนหายไปตามเวลาที่ผ่านไปเลย ตรงกันข้าม ความรู้สึกหวาดกลัวพลังของตัวเองกลับมากขึ้นเรื่อยๆ กลัวว่าผมจะต้องเห็นคนรอบข้างต้องจากไปอีก…
‘แบบนี้ดีแล้วสินะ…’
ผมจมอยู่กับความคิดของตัวเองนานเท่าไรไม่รู้ แต่ผมรู้สึกตัวอีกทีข้างนอกก็ค่ำเสียแล้ว…
ผมยืนพาดแขนวางบนราวระเบียง เงยหน้ามองท้องฟ้ายามค่ำคืน วันนี้เป็นวันที่ฟ้าเปิด ไม่มีก้อนเมฆบดบังทิวทัศน์อันงดงามนี้เลยสักนิด อย่างที่ผมเคยบอกไป ผมชอบดวงดาว… ชอบมากสุดเลย
ท้องฟ้าคืนนี้… ดวงดาวต่างก็ระยิบระยับเปล่งประกายทั่วฟ้าราวกับอยากจะบอกผมเป็นนัยๆอะไรบางอย่าง
ผมควรจะทำอย่างไรดีนะ?
ความรู้สึกผิดยังคงไม่เลือนรางหายไปไหน ตอนนี้กลับไม่ใช่แค่เหตุการณ์ในอดีตเพียงเท่านั้น แต่ผมรู้สึกไม่ดีเลยที่พูดแบบนั้นกับภามออกไป รวมทั้ง… ท่าทีของผมที่มีต่อเนียร์ น้องชายแท้ๆด้วย
มันคงเป็นความจริง… เนียร์น่าจะรู้สึกเหงาไม่น้อย เพราะครอบครัวของผม พ่อก็เสียไปแล้ว ส่วนแม่ก็ต้องเดินทางไปทำงานต่างประเทศบ่อยๆ คนในครอบครัวที่ใกล้ชิดที่สุดอย่างผม… กลับมีท่าทีที่เย็นชาต่อเขา
ผมใช้ความคิดอยู่กับตัวเองอยู่นานพอสมควร จนกระทั่งมีเสียงที่เข้ามารบกวนสมาธิของผม
‘ก๊อก ก๊อก’ผมเดินไปเปิดประตูห้องอีกครั้ง
“เนียร์…”
คนที่มาหาในครั้งนี้คือน้องชายของผมเอง หรือว่า… จะภามจะเล่าเรื่องที่คุยเมื่อครู่ให้ฟังกันนะ? จะมาพูดโน้มน้าวผมอีกคนงั้นเหรอ?
“พี่ไนท์ พอดีวันนี้ผมไปร้านคาเฟ่ที่นึงมา ของหวานที่นั้นอร่อยสุดๆ ผมก็เลยซื้อมาฝากน่ะ” เนียร์ฉีกยิ้ม ก่อนจะยื่นถุงหิ้วเค้กของร้านที่ว่านั่นให้ผม
“อ่อ… ขอบคุณนะ” ผมรับมาถือไว้ในมือ
“งั้น… ผมไปก่อนนะ”
ไม่พูดอะไรแล้วเหรอ? ผมรู้นิสัยน้องชายของผมดี เขาเป็นคนติดภามมากจนผมนึกว่าพวกเขาสองคนเป็นแฟนกันเสียอีก แต่เพราะภามเข้าหาผม ผมจึงพอรู้ว่าน้องชายของผมกับภามไม่ได้คบกัน แค่เป็นเพื่อนสนิทกันมากเท่านั้นเอง เหมือนผมกับไอ้นัท…
เพราะแบบนั้น… ถ้าเนียร์ซื้อมาฝากผม มีหรือ… ที่จะไม่ฝากภามด้วย ดังนั้นทั้งสองคนก็น่าจะเจอกันเมื่อครู่แล้วแท้ๆ ถึงภามจะไม่เล่าอะไรให้ฟังเลย แต่เนียร์ก็น่าจะพอสังเกตเห็นนี่
ผมก้มลงมองเค้กในมืออีกครั้ง…
ถึงผมจะเป็นพี่ชายที่ไม่เคยดูแลหรือเอาใจใส่น้องเลยสักนิด แต่น้องชายของผมกลับเป็นฝ่ายดูแลเอาใจใส่ความรู้สึกของผมเองเสียแบบนั้น
“เนียร์…”
“หือ…?”
ผมดึงน้องชายเพียงคนเดียวของผมมากอดไว้ อีกฝ่ายนิ่งไปแล้ว…
“พะ… พี่ไนท์” เนียร์กระซิบข้างหูของผม น้ำเสียงดูตกใจ
“พี่ขอโทษนะ พี่ไม่เคยทำตัวเป็นพี่ที่ดีเลย…”
“…………”
เนียร์ค่อยๆเลื่อนมือมากอดผม
“ไม่เห็นเป็นไรเลย ผมเข้าใจพี่นะ ยังไงพี่ก็เป็นพี่ชายของผมนี่นา”
คำพูดนั้นเหมือนยิ่งตอกย้ำผม ว่าผมทำตัวแย่แค่ไหน…
คนในอ้อมกอดค่อยๆดันตัวผมออกไปช้าๆ รอยยิ้มบนหน้าของน้องชายผม เหมือนกับอยากจะบอกผมว่า…
“อย่าให้พลังของตัวพี่เองเป็นตัวตัดสินชีวิตต่อจากนี้ไปของพี่สิ… อนาคตของพี่น่ะ มันต้องไม่จบแบบนี้”
เนียร์ค่อยๆพูดออกมา สิ่งตรงกับใจของผมที่กำลังคิดอยู่อย่างประจวบเหมาะ
“ผมไม่รู้หรอกนะว่าก่อนหน้านี้ พี่คุยอะไรกับไอ้ภามบ้าง แต่สิ่งที่ผมอยากจะบอกมีแค่นี้ ผมไปก่อนนะ อ้อ! อย่าลืมกินเค้กด้วยนะ อุตส่าห์ซื้อมาให้”
และแล้ว… น้องชายของผมก็เดินกลับห้องของตัวเองไป
ที่สำคัญคือ…
ตอนนี้…
ผมตัดสินใจได้แล้ว
[ภาม]
ไม่ไหวจริงๆสินะ…
ผมกลับมาห้องตัวเองมาได้สักพัก ตอนนี้ผมกำลังนอนอยู่บนเตียงกำลังคิดถึงสิ่งที่ผมพูดกับพี่ไนท์ก่อนหน้านี้ มีอะไรที่ผมไม่ควรพูดออกไปรึเปล่านะ? หรือที่ผม ‘เผลอ’ กอดไปมันจะดีรึเปล่านะ? (จริงๆก็ไม่ได้เผลอหรอก)
ระหว่างที่ผมกำลังใช้ความคิดอยู่นั้นเอง…
‘โครกกก~’ท้องผมร้องขึ้น ตอนหยิบมือถือมาดูเวลาบนหน้าจอ ตอนนี้ราวๆสามทุ่มกว่าแล้ว… โชคดีที่ไอ้เนียร์เพิ่งจะแวะมาหาที่ห้องเมื่อราวๆไม่กี่นาทีก่อน แถมยังมีเค้กติดไม้ติดมือมาฝากด้วย รู้ใจจริงๆ
ผมเดินไปหยิบเค้กในถุงที่วางไว้บนโต๊ะมาดู มันเป็นเค้กช็อกโกแลตทรงสามเหลี่ยม ด้านบนมีเชอรี่ประดับลูกนึงด้วย เมื่อเปิดฝากล่องพลาสติกใสออก ผมก็ใช้ช้อนตักกินไปคำนึงทันที
อร่อย…
ผมตักกินอีกคำนึงก่อนจะค่อยๆวางช้อนลง มันอร่อยตามที่ไอ้เนียร์มันโม้ไว้จริงๆนั่นแหละ แต่ว่า… ทำไมผมรู้สึกกินไม่ลงกันนะ? ทั้งๆที่รู้สึกหิวขนาดนี้
“เฮ้อ……”
เป็นเพราะผมยังคิดไม่ตกเรื่องพี่ไนท์อยู่รึเปล่า?
ผมนั่งพิงเก้าอี้ เงยหน้ามองเพดาน ผมควรจะทำยังไงต่อดี? ปล่อยไว้แบบนี้งั้นเหรอ? หรือตามตื้อพี่เขาอีก… สุดท้ายผลลัพธ์ก็คงออกมาแบบเดิมนั่นแหละ ถ้าพี่เขาไม่เปิดใจยอมรับ…
‘Line!’ ผมเอื้อมมือไปหยิบมือถือที่วางไว้ข้างๆ เค้กขึ้นมาดู
ข้อความแจ้งเตือนจาก…
พี่ไนท์!!!
ผมเด้งตัวขึ้นมาทันที ก่อนจะลนลานรีบเข้าไลน์ไปเช็คข้อความที่พี่เขาส่งมาให้
Nightพรุ่งนี้บ่ายว่างไหม?
จะชวนไปดูดาวกัน
ภ่าม ภาม ภ้ามมมมว่างครับ!!
พรุ่งนี้เจอกันนะพี่!
Night งั้นเจอกันที่หอก่อนนะ
เดี๋ยวพี่จะขับรถไป
ภ่าม ภาม ภ้ามมมมรับแซ่บ!!
‘โว้ยยยยย แง~’
ลมอะไรพัดมากันล่ะเนี่ย? ทำไมอยู่ดีๆพี่ไนท์ถึงชวนผมไปเที่ยวเฉยเลย หรือว่า… ทำใจกับอดีตและยอมเปิดใจรับสิ่งใหม่ๆได้แล้ว (>3<)
หวังว่าคงจะไม่ชวนผมไปสนุกแล้วพูดปฎิเสธผมอย่างไร้เยื่อใยแบบคราวก่อนนะ…
‘โอ้ยยย อารมณ์ดีโว้ย’
เมื่อผมรู้สึกโล่งอกโล่งใจไปส่วนหนึ่งที่พี่เขาโอเคขึ้น (?) สักที ท้องของผมก็เริ่มส่งเสียงร้องโครกครากอีกรอบขึ้นมา
จริงสิ! ไปหาพี่ไนท์ตอนนี้เลยดีกว่า! เอาเค้ก (ที่กินนิดนึงแล้ว) ไปด้วยละกัน รสชาติแบบนี้ไม่หวานเกินไปน่าจะถูกใจพี่เขาบ้างแหละ
ผมรีบเก็บเค้กที่ยังวางตั้งไว้บนโต๊ะใส่กล่องตามเดิม
‘Line!!’Nightปล.
ไม่ต้องรีบมาหาวันนี้หรอกนะ
เจอกันพรุ่งนี้
ส่วนเค้ก พี่ได้จากเนียร์แล้ว
โอ้… ว้าว……
พี่ไนท์อ่านใจผมได้เหมือนกับไอ้เนียร์ใช่ไหมเนี่ย รู้ดี! ถ้าพี่เขาทักไลน์มาห้ามช้ากว่านี้อีกเพียงนาทีเดียว ผมคงไปยืนหน้าห้องพี่เขาเรียบร้อยแล้ว แหะๆ
ในเมื่อไลน์มาบอกแบบนั้น…
ผมยอมๆไปละกัน เดี๋ยวจะกลายเป็นรบกวนเวลาของพี่คนนี้เกินไปด้วย
งั้นผมกินเค้กต่อไม่รอแล้วนะ~
‘ง่ำ ง่ำ’ผมกินเค้กพร้อมกับฮัมเพลงไปมาอย่างอารมณ์ดี รู้สึกว่ารสชาติอร่อยกว่าตอนแรกที่ชิมเสียด้วย
ว่าแต่…? ทำไมถึงชวนผมไปดูดาวตั้งแต่บ่ายกันนะ…
แล้วจะเห็นดวงดาวตอนกลางวันแสกๆได้ยังไงกัน?
วันรุ่งขึ้น…
“ยินดีด้วยนะ ได้ข่าวแว่วๆว่าพี่ไนท์ชวนมึงไปเที่ยวแล้วนี่ หึๆ” เนียร์แสยะยิ้มใส่ผม มันไปรู้ว่าจากไหน…
“มึงรู้ได้ไง พี่ไนท์เป็นคนบอกมึงเหรอ!?”
ไอ้เนียร์แตะไหล่ผมเบาๆ ก่อนจะหัวเราะออกมา
“เพื่อนครับ… มึงลืมอะไรไปรึเปล่า?”
“เออใช่! มึงอ่านใจกะ… อื้อ!!”
ขณะที่กำลังพูดๆอยู่ ปากของผมก็โดนอุดด้วยมือของเพื่อนสนิทผมเอง มันทำเสียงชู่… เออเนอะ ผมพูดเสียงดังเกินไปหน่อย คนรอบข้างก็ได้ยินหมดสิ
“กูขอโทษ แหะๆ”
เพราะความที่ผมมึนๆเบลอๆ ชอบหลุดปากบ่อยๆ นี่จึงไม่ใช่ครั้งแรกที่ผมโดนมือเนียนๆของมันปิดปาก จนผมสามารถรับรู้ได้ด้วยตัวเองเลยว่า ถ้าไอ้เนียร์ทำแบบนี้หมายถึงว่าผมหลุดปากพูดเรื่องพลังของมันออกมาในขณะที่รอบๆมีคนอื่นอยู่
“มึงนี่นะ… เผลอบ่อยไปแล้ว”
“เออๆ โทษที แล้วมึงจะไปด้วยป่ะ”
“หา!? ไปทำซากอะไร!”
“เอ้า! ทำไมอ่ะ”
“เพื่อนกูจะได้มีโอกาสทำคะแนนสองต่อสองกันขนาดนี้แล้ว กูจะเข้าไปขัดมึงทำไมล่ะ?”
“ไอ้เนียร์…”
“อีกอย่าง… พี่ไนท์ไม่ได้ชวนกูนะ แค่ไลน์มาบอกว่า ‘ไว้รอบหน้านะ’ ตอนแรกกูก็งงว่าหมายถึงอะไร แต่พอเจอมึง กูก็เข้าใจหมดแล้ว หึๆ”
“………”
แบบนี้ก็หมายความว่า
พี่ไนท์อยากไปเที่ยวกับคนแค่สองต่อสองงั้นเหรอ!?
ตอนแรกผมเข้าใจว่า พี่เขาชวนเนียร์ไปด้วย แบบไปกันสามคนอะไรแบบนี้ พอกลายเป็นว่าพี่เขาชวนผมไปคนเดียวแบบนี้แล้ว…
มันทำให้ผมแอบรู้สึกดีใจนิดๆนะ
ตกลงว่า… ผมชอบผู้ชายเหรอ? หรือว่าจะเป็นแบบที่ไอ้เนียร์เคยบอกไว้จริงๆ แสดงว่าที่ผ่านๆมา ผมแค่ไล่จีบผู้หญิงไปทั่วตามนิสัยปกติที่ผู้ชายเขาทำกัน แต่จริงๆผมชอบผู้ชาย?
ก็ไม่น่านะ…
หลังจากที่โดนพี่ไนท์ปฎิเสธตอนนั้น ผมก็รู้แค่ว่า ผมรู้สึกกับพี่ไนท์เป็นพิเศษมากกว่าอีกหลายๆคนเท่านั้นเอง
เอาเถอะ! ถ้าคนมันจะใช่ เดี๋ยวเวลาก็พิสูจน์ให้เองแหละ!
“ตกลงพี่จะไปดูดาวตอนกลางวันแสกๆแบบนี้น่ะเหรอ?”
ตอนนี้ผมกำลังนั่งอยู่ในรถยนต์ที่พี่ไนท์กำลังขับไปอยู่ หลังจากที่ขับไปได้สักพัก ความสงสัยในใจของผมตั้งแต่เมื่อวานก็ทำให้ผมอดถามไม่ได้จริงๆ
ผมนั่งรอฟังคำตอบอย่างใจจดใจจ่อ แต่พี่เขากลับหัวเราะออกมา
“หึ… หึๆ”
“พี่ไนท์ ขำอะไรอ่ะ!” คำถามของผมแปลกขนาดนั้นเลยเหรอ
“โอเค พี่บอกไม่เคลียร์เอง ที่เราจะไปกันคือท้องฟ้าจำลองน่ะ”
“อ๋อออ”
โอเค! ผมหายโง่แล้ว ก็นั่นน่ะสิ ใครเขาจะดูดาวของจริงกันตอนแดดจ้าขนาดนี้เนอะ แต่เพราะความโง่ของผม มันทำให้พี่ไนท์หัวเราะและยิ้มออกมาได้ ก็ถือว่าคุ้มแล้ว
ผมคิดถึงรอยยิ้มนี้จัง…
สายตาของผมไปสะดุดเข้ากับเครื่องประดับบริเวณคอของพี่เขา ถ้ามองผ่านๆก็คงจะไม่เห็นเพราะว่าปกของเสื้อนักศึกษาแทบจะบังไว้ทั้งหมด
“สร้อยพี่สวยดีนะ”
“มีคนให้มาน่ะ”
“ใครเหรอพี่?” ผมแกล้งทำเป็นไม่รู้
“ก็เป็นคนที่พูดมาก กินเยอะ ซื่อจนบื้อ แถมยังยุ่งเรื่องคนอื่นอีก…”
นี่หลอกด่าผมใช่ไหมเนี่ย… ไม่สิ! นี่มันด่าตรงๆแล้ว! (T^T)
“แต่ก็… เป็นคนที่น่ารักและเอาใจใส่คนอื่น”
‘หืม!?’
พี่ไนท์ชมผมเหรอ? บอกว่าผมน่ารักแถมยังเอาใจใส่คนอื่นอีก ทั้งรอยยิ้มบนหน้าของพี่เขา ทั้งบรรยากาศที่แสนอบอุ่น มันทำให้ผมคิดถึงวันเก่าๆ ตอนที่พวกผมสามคนรวมไอ้เนียร์ด้วย เฮฮากันตามประสาพี่น้องในสมัยนั้นจริงๆ
พวกผมใช้เวลาไม่นานนักก็มาถึงสถานที่ที่เป็นจุดหมาย พี่ไนท์เดินนำทางผมอย่างชิวๆ เหมือนกับว่าจำทางได้อย่างไรอย่างงั้น ไม่ใช่แค่นั้น… เหมือนพี่เจ้าหน้าที่ที่ดูแลที่แห่งนี้ก็ดูจะรู้จักพี่ไนท์เสียด้วย
“พี่เคยมาที่นี่เหรอ?”
“ไม่ค่อยบ่อยนักหรอก ประมาณเดือนละครั้งหรือสองครั้งได้”
“เดือนละครั้ง!!”
“เมื่อก่อน… มาแทบจะทุกอาทิตย์เลยนะ” พี่ไนท์พูดเสริมขึ้น คงจะเห็นว่าผมเหวอไปแล้วนั่นเอง
ผมพอจะเคยได้ยินจากเนียร์มาบ้างว่า พี่ชายที่พาผมมาคนนี้ ‘ชอบ’ ดวงดาวแบมากๆๆๆๆ แต่ผมรู้สึกว่าถ้าจะขนาดนี้แล้ว ไม่น่าจะแค่ชอบแล้วล่ะ น่าจะเรียกว่า ‘หลงใหล’ แล้วมากกว่า…
“ไอ้เนียร์รู้บ้างไหมเนี่ยว่าพี่มาบ่อยขนาดนี้”
“ไม่น่าจะรู้หรอก คนอื่นๆมาแค่ครั้งหรือสองครั้งก็เริ่มเบื่อกันแล้ว เพราะงั้น พี่ถึงมาที่นี่คนเดียว”
‘ถูกต้องครับคุณพี่… มาบ่อยจนเจ้าหน้าที่จำหน้าได้นี่… ผมยอมเลย’
พอพูดถึงตรงนี้ สีหน้าของพี่ไนท์ก็ดูหม่นหมองลงราวกับว่าจะบอกอ้อมๆว่า รู้สึกเหงาที่ต้องมาคนเดียวรึเปล่านะ?
“งั้นต่อไป พี่ก็มากับผมไง!”
“เอ๊ะ!?”
“พี่จะได้ไม่ต้องมาคนเดียวแบบเหงาๆ”
“มาไม่กี่รอบ เดี๋ยวภามก็เบื่อแล้วล่ะ”
“ไม่มีทางหรอก! แค่มีพี่อยู่ข้างๆ ก็ไม่เบื่อแล้ว!”
บวกหนึ่งคะแนน!!
มั้ง…
ไม่ก็โดนลบคะแนนเพราะว่าวิธีจีบแบบนี้มันเก่าเกินไป…
“เหรอ…”
คำตอบของผมทำให้พี่ไนท์ยิ้มน้อยๆ ผิดคาดกับที่ผมคิดเอาไว้ ถึงคนตรงหน้าผมตอนนี้จะยังดูเย็นชาเป็นภูเขาน้ำแข็งอยู่ก็เถอะ แต่ผมก็สัมผัสได้ถึงความอบอุ่นในใจของพี่เขามากขึ้นจากก่อนหน้า
อย่างน้อยๆ ก็เริ่มกลับมาเป็นคนเดิมทีละนิดๆล่ะนะ
“พี่ๆ ไปตรงไหนกันต่อดีอ่ะ”
“ไปโดมที่มีการจัดแสดงกัน ใกล้เวลาที่จะเริ่มรอบนี้แล้ว”
ผมเอนเบาะพนักพิงอย่างผ่อนคลาย ให้ความรู้สึกคล้ายๆเก้าอี้ดูหนังเลยแฮะ… ส่วนพี่ไนท์ก็นั่งลงข้างๆผม ยิ่งเหมือนกับพวกผมสองคนมาเข้าโรงภาพยนตร์ด้วยกันเลยนะเนี่ย!
ไม่นานนัก ไฟภายในห้องค่อยๆมืดลง ก่อนจะฉายภาพจอขนาดใหญ่ด้านบน และเริ่มการบรรยาย
การบรรยายของวิทยากรค่อยๆดำเนินไปเรื่อยๆ
ผมค่อยๆเคลิ้มไปกับการดูดาวและนอน (?) ฟังไปเรื่อยๆ วันนี้เป็นครั้งแรกที่ผมได้มาท้องฟ้าจำลองแห่งนี้ แม้แต่จะแหงนหน้ามองท้องฟ้าเพื่อดูดาวจริงๆก็ยังไม่เคยเลย อาจจะเป็นเพราะผมไม่ค่อยอินกับธรรมชาติเท่าไรด้วยแหละ ถ้าไอ้เนียร์อยู่ที่นี่ด้วยคงจะตวาดใส่ผมไปแล้วว่า ‘ก็มึงเอาแต่คิดถึงเรื่องกิน!’ อะไรประมาณนี้แน่นอนเลย
‘ดวงดาวก็สวยดีเหมือนกันนะ…’จะว่าไปแล้ว… เมื่อผมมองดวงดาวที่อยู่ท่ามกลางท้องฟ้าดำมืดแบบนี้ ผมรู้สึกคิดถึงใครบางคน รู้สึกมองเห็นถึงใบหน้าของคนๆนึง
ผมค่อยๆหันไปหาพี่ไนท์
ตอนนี้พี่เขาดูผ่อนคลายและมีความสุขเหลือเกิน เหมือนกับว่าได้ปลดปล่อยตัวเองเมื่ออยู่ท่ามกลางสถานที่แห่งนี้ ถึงแม้ว่า… ดวงตาทั้งคู่ของเขาจะเผยความเศร้าบางอย่างไว้ก็ตามเถอะ
“………… ไนท์……”
“หือ? ว่าไงนะพี่”
พี่ไนท์พึมพำอะไรบางอย่าง เหมือนจะพูดชื่อตัวเองหรืออะไรสักอย่างนี่แหละ แต่เพราะพี่เขาพูดเสียงเบามากจนผมไม่ได้ยินทั้งประโยค
“ไม่มีอะไรหรอก”
คนที่นั่งข้างๆ หันมายิ้มให้ผมก่อนจะหันกลับไปชมการบรรยายต่อ
ใช่แล้ว…
ชื่อ ‘ไนท์’ ของพี่เขามาจากคำว่า Night ที่ต้องการจะสื่อถึง ราตรียามค่ำคืนที่เต็มไปด้วยหมู่ดาว ซึ่งตรงกับภาพตรงหน้านี้ที่พวกผมกำลังเห็นมากๆ แต่ผมกลับรู้สึกว่าพี่ไนท์คือส่วนที่เป็นท้องฟ้าสีดำมืดสนิท เหมือนกับตัวตนของพี่เขาที่ดูเงียบๆ แฝงความเศร้า แต่ก็ดูลึกลับน่าค้นหา
ถ้าอย่างนั้น… ผมจะสามารถเป็น ‘ดวงดาว’ ที่สว่างไสว นำพาความสุขมาให้พี่เขาได้ไหมนะ?
#NightAndThe’Star’ #Starlight
********************************
- ช่วงพูดคุยเฮฮา – หลังจากแอบเศร้านิดๆ กับคู่นี้มาสองสามตอน แต่ตอนนี้เริ่มจะไปได้ด้วยดีกันแล้วนะครับบบ
ส่วนคู่หลักของเรานั้น ก็ไปได้ด้วยดีอยู่แล้วววว
ล่ะมั้งนะ………
ลงชื่อ Nzsquare