คุนคุน ชาแนล #คุนแฟง| EP. 46| 04.07.2020 ❤️❤️ (End)
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: คุนคุน ชาแนล #คุนแฟง| EP. 46| 04.07.2020 ❤️❤️ (End)  (อ่าน 12660 ครั้ง)

ออฟไลน์ Ppeachmm

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 56
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +21/-0
---ตอนที่ 31---

แฟง's part

"แฟง ไปแ*กข้าวกัน หิว วันนี้คนไข้เยอะชิบหาย" นาทีที่เพิ่งเดินออกมาจากลิฟต์เอ่ยขึ้น พรางเอาแขนพาดไหล่ผมที่ยืนอ่านข้อมูลคนไข้ที่มาใหม่เมื่อเช้านี้จากแฟ้มข้อมูงที่พยาบาลยื่นให้ที่หน้าเคาน์เตอร์อยู่

"มึงไปก่อนเดี๋ยวตามไป" ผมยังคงอ่านข้อมูลคนไข้รายนี้ต่อไปอีกสักพัก ก่อนจะปิดแฟ้มข้อมูลคนไข้แล้วยื่นคืนให้พยาบาลคนเดิม

"ทำไมไม่ไปพร้อมกัน ให้กูรอก็ได้นะ เพื่อนรัก"

"หื่อ ไม่ต้อง มึงไปก่อนเลย" ผมเดินออกมาจากเคาน์เตอร์พยาบาลโดยมีนาทีเดินเอาแขนพาดไหล่ผมเดินมาข้างๆกัน เรามีส่วนสูงใกล้เคียงกันเพราะฉะนั้นการที่มันโอบไหล่ผมแล้วเดินไปแบบนี้จึงเป็นสิ่งที่ทำได้ไม่ยาก แล้วมันก็ชอบทำด้วย ไม่รู้เป็นไรชอบเอาแขนมาพาดไหล่ผม บางทีก็นึกสงสัยว่ามันเมื่อยไม่รู้จะเอาแขนไปวางที่ไหนรึเปล่า

"แหนะ มีพิรุจวะ" นาทียื่นหน้ามาใกล้ๆ แถมยังจ้องตาผมเหมือนจะจับผิดอะไรผมสักอย่าง

"พิรุจพ่องงง รีบไสหัวไปไกลๆ" ผมผลักหัวมันออกไปไกลๆ

"กูไม่ไป จะยืนจับผิดคนอยู่ตรงนี้แหละ"

"กวนตีน"

"เรื่องของกู หน้ามึงโคตรมีซัมติงอะ"

"ซัมติงบ้างพ่องง ไหนบอกหิว ก็ไปหาอะไรแ*กสิวะ จะมายืนเกาะกูเป็นปลิงดูดเลือดอยู่ทำไม รำคาญ" ผมจับมือมันที่พาดไหล่อยู่ออก ก่อนจะเดินจ้ำอ้าวออกไปทางประตูหน้าโรงพยาบาล ผมยืนอยู่ตรงนั้นสักพักเมื่อไม่เห็นนาทีเดินตามมาก็คิดว่ามันปลีกตัวไปหาอะไรกินที่โรงอาหารแล้ว

"หึ กูรู้แล้วว่ามึงยืนทำหล่ออะไรอยู่ตรงนี้" แต่จู่ๆมันก็โผล่มายืนช้อนหลังผมแล้วกระซิบเบาๆ

"อะไรของมึงเนี่ย" เชี่ยยย กูตกใจหมด เสียงแม่งหลอนสัส แล้วแม่งไม่รู้เป็นห่าอะไรต้องทำเสียงแหบๆเบา โคตรจะขนลุก

"โน่นไง มาโน่นแล้ว ที่แท้ก็มีปิ่นโตภัตตาคารจีนสั่งตรงจากปักกิ่งมาส่งนี่หว่า"  มันใช้ปากยื่นๆของมันชี้ไปทางถนนหน้าโรงพยาบาลที่มีคนตัวเล็กถือปิ่นโตสีขาวลายมารีกำลังเดินมาหาผม วันนี้คุนคุนในชุดเสื้อเชิ้ตสีฟ้าอ่อนตัวใหญ่กับกางเกงขาสั้นเหนือเข่าสีครีมอ่อนดูน่ารักสดใสยิ่งกว่าทุกวัน

"ยุ่ง" เสือกทุกวินาทีจริงๆ เปลี่ยนชื่อเถอะ จากนาที เป็นวินาที โคตรจะเข้ากับหน้าตาสอดรู้สอดเห็นของมันตอนนี้ชิบหาย

"พี่แฟงคร้าบบบ รอนานมั้ยเอ่ย อ้าวพี่นาทีสวัสดีครับผม" คนตัวเล็กยกมือขึ้นไหว้นาทีทันทีที่เดินมาหยุดยืนด้านหน้าผม

"ไม่ต้องไหว้ๆ ไม่อยากแก่ วันหลังเดินมากอดเฉยๆเป็นพิธีพอ มาๆมากอดกันหน่อย" ว่ายังไม่ทันจบประโยคดี ไอ้คนที่พูดปาวๆเมื่อครู่ว่าเป็นเพื่อนรักผมก็โผลจะเข้าไปกอดคุนคุนที่ยกมือไหว้ค้างไว้อยู่

"เอ่อ..."

"กอดพ่องงง ไปไกลๆตีนกู เกะกะน่ารำคาญ" ผมรีบยื่นมือเข้าไปดึงคอเสื้อกาวน์นาทีไว้ก่อนที่มันจะเข้าประชิดตัวคุนคุน

"โอ้ย อะไรวะ แตะนิดแตะหน่อยไม่ได้เลยนะคนนี้เนี่ย" สงสัยจะดึงแรงไปหน่อย อีกฝ่ายเซถอนหลังไปเกือบชนเสาข้างๆ

"หิวแล้วไปกินข้าวกันดีกว่า วันนี้มีอะไรมากิน" นาทีโวยวายเป็นวรรคเป็นเวรแต่ผมก็ไม่ได้หันไปสนใจมัน เดินเข้าไปโอบเอวคุนคุรแล้วเดินออกมาจากตรงนั้น เป้าหมายของเราวันนี้คือเก้าอี้ในสวนหย่อมข้างโรงพยาบาลเนี่ยแหละ ตรงนั้นบรรยากาศดี ไม่อุดอู้ เจ้าหน้าที่โรงพยาบาลหลายคนก็มานั่งทานอาหารกลางวันกันตรงนี้เหมือนกัน

"วันนี้คุนมีสลัดแซลม่อน กับปลาหิมะย่างเกลือมาให้พีาแฟงครับ แล้วก็มีผลไม้ กับ..." คนตัวเล็กแกะปิ่นโตลายมารีออก ก่อนจะสาธยายอาหารด้านในที่ล้วนน่าตาน่าทานทั้งนั้น ผมท้าวคางนั่งมองหน้าคนตัวเล็กที่ขยับปากสีแดงระเรื่ออธิบายเมนูนี้ทีเมนูโน้นที สามวันมานี้ผมไม่แตะข้าวโรงพยาบาลอีกเลยครับ มื้อเช้าคุนคุนก็ทำใส่กล่องทาให้ ส่วนมื้อกลางวันก็เอาใส่ปิ่นโตมานั่งทานด้วยกันที่โรงพยาบาล อาหารคุนคุนอร่อยกว่าของโรงพยาบาลเยอะ แถมยังได้กินข้าวกับไอ้หน้าจิ้มลิ้มทุกเที่ยงอีก เพื่อนๆในโรงพยาบาลนี่อิจฉาผมกันทั้งนั้น ทำไงได้ละก็แฟนเรามันแม่ศรีเรือนนี่เนอะ

"มึงจะตามติดกูเป็นขี้อีกนานมั้ยนาที" แต่โมเมนต์สีชมพูวิ้งๆก็หายวับไปกับตาเมื่อเพื่อนรักหน้ามึนหน้าหนาเหมือนโบกปูนซีเมนต์ไว้สิบชั้นมานั่งหน้าสลอนร่วมโต๊ะกับผมซะงั้น

"ก็กูหิว" ยังหน้าด้านตอบมาได้ดูมัน

"มึงหิวก็ไปหาอะไรกินที่โรงอาหารโน่น"

"ไม่ กูจะกินปลาหิมะ!" นาทีไม่นั่งเฉย หยิบปิ่นโตปลาหิมะของผมไปวางตรงหน้ามันอีก หน้าด้านไม่มีใครเกิน

"กูไม่ให้กิน! จะไปไหนก็ไป ไปแ*กข้าวกับเพื่อนใหม่มึงโน่น นั่นไงมันลงมาจากตึกแล้ว" ผมแย่งปิ่นโตปลาหิมะมาจากมัน เหลือบไปเห็นธันวากำลังเดินลงมาจากตึกพอดีเลยเสนอให้มันไปกินข้าวด้วยกัน ช่วงนี้ธันวามันมากินข้าวกับพวกผมบ่อยครับ เพราะเพื่อนในกลุ่มมันได้ไปขึ้นวอร์ดแผนกฉุกเฉินเลยกินอาหารไม่ค่อยเป็นเวลา ต่างจากพวกเราที่ได้วอร์ดอายุรกรรมเลยโชคดีนิดหน่อย แต่ความโชคดีนี้อยู่ได้ไม่นานหรอกเพราะอีกไม่กี่เดือนก็ต้องสลับกันไปวอร์ดอื่นอยู่ดี

"ไม่ๆ วันนี้เบื่อขี้หน้ามัน เบื่อโรงอาหารโรงพยาบาล เบื่ออาหารโรงพยาบาล อยากกินอาหารของน้องคุนคนน่ารัก พี่กินด้วยนะคร้าบบบ" พอผมแย่งปลาหิมะมาจากมัน มันก็เอื้อมมือไปลากปิ่นโตสลัดแซลม่อนมาแทน

"ไม่" แต่มีหรือที่ผมจะยอม คุนคุนทำมาให้ผมนะโว้ย ผมแย่งคืนแม่งเลย กลายเป็นสงครามแย่งปิ่นโตไปในทันที

"เฮ้ย ไรวะ ขัดขวางหรอมึงอะ ไม่ทำงี้ดิเพื่อนรัก"

"นาทีไปเล่นไกลๆ" ผมวางปิ่นโตในมือลง ก่อนจะมองหน้ามันด้วยสายตาที่บอกว่าไม่เล่นด้วยแล้ว มึงจะไปไหนก็ไป อย่ามากวนตีนกู! เราสองคนจ้องหน้ากันได้สักพัก คุนคุนก็เอ่ยขึ้นมา คงกลัวว่าเราจะฆ่ากันด้วยสายตาตายไปก่อนจะได้กินอาหารมื้อนี้ที่ตั้งใจเตรียมมาให้

"เอ่อ พี่นาทีครับ คือคุนไม่ได้ทำมาเผื่ออะครับ" คนตัวเล็กเอ่ยออกมาเสียงเบาด้วยความรู้สึกผิดที่ไม่ได้ทำมาเผื่อส่วนเกินอย่างนาที

"ได้ยินรึยัง ไสหัวไป กูจะไปนั่งแ*กข้าวกับที่รักกู"

"แหมๆๆ เต็มปากเต็มคำเลยนะตัวเอง แล้วเค้าอะ ลืมเค้าแล้วอ่ออออ" มันยังไม่ไปอีกนะ ไล่ขนาดนี้แล้ว แถมยังมีหน้ามาทำท่าเล่นหูเล่นตากับผมอีก เอ๊ะไอ้นี่!

"ฮ่าๆๆๆ" คุนคุนเห็นแบบนั้นก็หัวเราะออกมา

"กวนส้นตีน ไปไกลๆ" แต่ผมไม่อยากเล่นด้วยไงตอนนี้ เสียเวลาแ*กข้าว เสียเวลาจู๋จี๋กับที่รักกู!

"หรือถ้าพี่นาทีอยากทานงั้นทานส่วนของคุนก็ได้ครับ" อ้าว ไอ้คุนนี่ก็ใจดีเข้าไปอีก โอ้ยน้อ!

"เชี่ย น้ำใจงามสุดๆ"

"ซึ้งมั้ย ถ้าซึ้งก็บีบน้ำตาออกมา กูจะแบ่งเศษผักให้สักสองสามใบ"

"ส่วนเพื่อนแฟงก็เ*ยสุดๆ หิวเว้ย ไปชวนไอ้ธันหาไรอร่อยๆแ*กนอกมหาลัยดีกว่า เชิญมึงจู๋จี๋กับที่รักของมึงตามสบาย พี่ไปแล้วน้องถั่วงอก" ว่าแล้วมันก็ลูกขึ้นปัดตูดสองสามทีแล้วก็เดินไปหาเพื่อนคนใหม่ของมันที่ยืนอยู่หน้าอาคาร มันคงนัดกันไว้แล้วแหละ แต่ตั้งใจมากวนตีนผมฆ่าเวลารอธันวาเท่านั้นเอง เป็นเพื่อนกันมานานทำไมจะไม่รู้นิสัยของมัน

"เออ รีบๆไปรำคาญ"

"คร้าบผม" ไอ้ตัวเล็กยิ้มแก้มปริ โบกไม้โบกมือให้นาทีที่เดินห่างออกไป

"ยิ้มให้มันทำไมห้ามยิ้ม เก็บปากเดี๋ยวนี้เลย"

"ยิ้มไม่ได้หรอครับ เพื่อนพี่แฟงตลกนิครับ"

"ห้ามยิ้ม กูหวง" จบมั้ย?!!

พอมารผจญจากไป โลกสีชมพูของเราก็สงบสุขอีกครั้ง เราใช้เวลาในการทานอาหารไม่นาน ตัวผมเป็นคนกินเร็วอยู่แล้ว ด้วยการเป็นจะหมอนั้นเวลาเป็นสิ่งสำคัญจะมาเอ้อระเหยลอยชายแ*กข้าวเคี้ยวข้าวทีละเม็ดมันทำไม่ได้ไง เลยติดนิสัยกินเร็วมาตั้งแต่เข้าปีหนึ่ง ส่วนคุนเองด้วยมีพื้นฐานเป็นคนจีนอยู่แล้ว กินเร็วเหมือนกันถึงสปีดการกินจะไม่เร็วเท่าความเร็วแสงเหมือนผม แต่ก็จัดได้ว่าเร็วกว่าคนทั่วไปอยู่ประมาณหนึ่ง

"เออ อาทิตย์หน้่วันหยุดยาว ทางสโมสรนักศึกษาแพทย์จะไปออกค่ายช่วยเหลือชุมชนที่เชียงใหม่นะ ไปห้าวัน" ผมเอ่ยขึ้นทันทีที่ทานอาหารเสร็จ

"นานจัง" คนตัวเล็กที่กำลังเก็บปิ่นโตซ้อนทับกันอยู่หันหน้ามามองผมด้วยสายตาละห้อยทันที

"ไม่ต้องทำหน้าหงอย" แม่งเอ้ย ทำหน้าแบบนี้ทีไร ใจกูอ่อนปวกเปียกทุกที

"ก็คุนคิดถึง"

"ก็เดี๋ยวคอลหาก็ได้"

"ไปด้วยสิ" คนตัวเล็กวางปิ่นโตลง ก่อนจะนั่งท้าวคางแล้วหันหน้ามาทำตาปริบๆเชิงอ้อนส่งให้ผม

"อยากไปหรอ" ผมเลยถามออกไป

"อะฮะ" อีกฝ่ายรีบทำตาโตกระพริบตาปริบๆ เหมือนแมวเวลาอยากกินขนมยังไงยังงั้น

"ไปไม่ได้ มันร้อน แดดแรง" ด้วยค่ายอาสาที่ผมจะไปนั้นนอกจากจะไปบริจาคสิ่งของพวกเครื่องดนตรีกับอุปกรณ์กีฬา แต่ต้องไปทำนุบำรุงอาคารเรียนตากแดดตากฝนห้าวันด้วย เพราะยอดเงินบริจาคที่ได้มานั้นเกินเป้าที่ตั้งไปเยอะมาก จากที่ตั้งยอดบริจาคไว้ที่สองแสน ผลตอบรับคลิปวีดีโอนั้นท่วมท้น ทำให้มียอดบริจาคเข้ามาเกือบแปดแสน ผมเห็นยอดละงงเลยครับ นี่มันยิ่งกว่ายอดกฐินวัดแถวบ้านอีกนะ หรือผมจะลาออกจากเรียนหมอแล้วไปเป็นนักร้องดีวะ เงินดีชิบหาย

"คุนทาครีมกันแดดได้ เอ่อ ใส่หมวกด้วยก็ได้" ดูเหมือนอีกคนจะไม่ยอมง่ายๆ ขนาดครีมกันแดดที่ไม่ชอบทายังเสนอตัวว่าจะทาซะด้วย

"หึๆ อยากไปขนาดนั้นเชียว"

"ก็อยู่คอนโดคนเดียวคุนเหงา ยังไม่เปิดเทอมด้วยสองแฝดก็ออกไปเที่ยวตลอด ไม่มีเพื่อนเล่นเลย" ฟังเหตุผลแล้วก็อดสงสารไม่ได้ ช่วงนี้สองแฝดแม่งก็เดินสายออกนอกคอนโดเป็นว่าเล่นจริงๆนัานแหละ อยู่ไม่ติดคอนโดเลยสักวัน ไอ้ทัพนั้นพอรู้อยู่ว่ามันไปถ่ายแบบ ถ่าย MV อะไรของมัน แต่ไอ้ขุนนี่สิ เลิกกับแฟนมาได้สักพักแล้วยังไม่มีข่าวว่าจีบใครสักหน่อยแล้วแม่งออกไปไหนทุกวันวะ ทีเมื่อก่อนตอนกูจีบคุนใหม่ๆนี่มาคอยเคาะห้องกูเช้า กลางวัน เย็น เลยนะมึง

"ไปไม่ได้หรอก อาจารย์จุไรรัตน์ไม่ให้คนนอกไปด้วย" ผมตอบไปตามตรง แม้ใจจริงจะวางแผนไว้แต่แรกแล้วว่าจะเอาคุนคุนไปด้วย แต่พอไปคุยกับอาจารย์จุไรรัตน์ที่ปรึกษาสโมฯ แกกลับไม่อนุญาตให้ผู้ไม่เกี่ยวข้องไปด้วย คือก็เข้าใจแกแหละ เพราะแกต้องรับผิดของชีวิตนักศึกษาร่วมกว่ายี่สิบชีวิต ถ้าเกิดอะไรขึ้นมามันจะมีปัญญาภายหลังนะสิ

"พี่ถามแล้วหรอ" อีกฝ่ายหน้าหงอยกับคำตอบที่ได้รับจากผมทันทีอย่างเห็นได้ชัด

"อืม ถามแล้วตั้งแต่เมื่อวาน ตอนแรกก็ว่าจะพาไปด้วยแหละ กูว่ากูก็คงคิดถึงมึงเหมือนกัน"

"พี่แฟงน่ารักที่สุด ทานฝรั่งนี่เยอะๆครับ คุนปลอกมาใหม่ๆ หวานกรอบมากครับ" คุณเป็นคนพูดง่ายและมีเหตุผลเสมอ พอรู้ว่าไปไม่ได้จริงๆก็ไม่ได้เซ้าซี้ แต่ก็ยังทำหน้าหงอยเป็นลูกแมวหิวขนมอยู่เหมือนเดิม

"อือ กรอบดี หวานด้วย ไม่ทำหน้าหงอยแบบนั้นสิ เดี๋ยวเลิกแล้วพาไปกินขนม"

"ก็ได้ครับ"

คนหน้าหงอยมีสีหน้าดีขึ้นเล็กน้อย สฃสัยอยากไปด้วยมากมากขนาดเอาขนมมาล่อยังไม่ดีใจเลย เห็นแล้วก็สงสารจับใจ อดไม่ได้ที่จะดึงคนตัวเล็กเข้ามากอด เราคุยกันอีกสักพักผมก็ต้องเข้าเรียนคลาสบ่ายแล้ว ส่วนคุนคุนก็ขับรถผมกลับคอนโด ตั้งแต่กลับมาจากปักกิ่งคุนคุนก็ทำหน้าที่เป็นสารถีให้ผมครับ มาส่งตอนเช้า มาทานมื้อกลางวันด้วยกันที่โรงพยาบาล ส่วนตอนเย็นก็ขับรถมารับ เจ้าตัวบอกว่าปาป๊าเพิ่งสอนขับรถมาเลยอยากฝึกขับรถให้เก่งขึ้น ผมก็เป็นพวกตามใจไง อยากทำไรก็ทำเลย แล้วอีกอย่างคอนโดเราก็อยู่ใกล้มหาวิทยาลัยด้วยเลยไม่ต้องห่วงมากนัก ถนนแถวนี้ก็ไม่มีพวกขับรถเร็วด้วย ถือว่าสบายใจไปเปราะหนึ่ง
.
.
.
.
.
.

วันนี้เป็นวันที่ผมต้องเดินทางไปเชียงใหม่กับทางมหาวิทยาลัยครับ อาจารย์นัดให้มารวมตัวกันตอนแปดโมงที่หน้าคณะแพทยศาสตร์

"นักศึกษานำกระเป๋ามาไว้ใต้ท้องรถได้เลยคะ อีกสิบนาทีเราจะเดินทางกันแล้ว" อาจารย์โยธินหัวหน้าภาควิชาตะโกนบอกนักศึกษาที่เพิ่งมาถึง ซึ่งนั่นรวมถึงผมที่ยืนอยู่ข้างรถSLK ของตัวเองด้วย

"ต้องไปแล้ว" ผมหยิบกระเป๋าเป้ใบใหญ่ออกมาจากรถ

"พี่แฟง" คนตัวเล็กเอ่ยขึ้นเมื่อผมหันหลังทำท่าจะเดินไปที่รถบัส

"อะไร" ผมหันกลับมาตามเสียง เห็นคนที่นั่งอยู่ฝั่งคนขับเดินตามผมมาติดๆ

"คอลหาคุนทุกวันได้มั้ยครับ"

"ต้องทำแบบนั้นอยู่แล้ว แล้วพี่ไม่อยู่ก็ดูแลตัวเองดีๆ ห้ามไปซนที่ไหนรู้มั้ย" ผมยกมือขึ้นไปขยี้หัวฟูๆของคุนคุนทันทีที่อีกคนเดินเข้ามาใกล้

"โอเคครับ" คนตัวเล็กตอบรับด้วยน้ำเสียงที่เบากว่าทุกที ฟังดูก็รู้ว่าเจ้าตัวเริ่มจะงอแงแล้ว แต่คงจะพยายามเก็บอาการอยู่ พอตอบรับผมเสร็จก็รีบหันหลังจะเดินกลับรถทันที

"คุน" ผมรีบเรียกอีกคนไว้ทันที

"ครับ" อีกฝ่ายตอบรับเสียงอ่อยทั้งๆที่ไม่หันหน้ามาหาผมด้วยซ้ำ อีหรอบนี้คือน้ำตาซึมอยู่แน่ๆ โถเด็กน้อยเอ้ย

"มากอดก่อน"

"..."

"ห้าวันเอง ไม่งอแง" ผมเดินเข้าไปใกล้จับตัวอีกคนหันหน้าเข้ามาซุกอกก่อนจะดึงตัวเข้ามากอดไว้แน่นๆ โชคดีที่ตรงนี้มีต้นไม่ใหญ่สองสามต้นกั้นไว้ทำให้คนในรถมองไม่เห็นว่าเรากอดกันอยู่

"จะไม่งอแงได้ไง ในเมื่อพี่แฟงทำให้คุนติดพี่แฟงจนขาดไม่ได้เแบบนี้" นั่นไง บอกแล้วว่ากำลังงอแงอยู่แน่ๆ ฟังเสียงก็รู้แล้วเนี่ย

"หืม? ติดจนขาดไม่ได้ขนาดนั้นเลยหรอ"

"ก็ใช่นะสิ คนขี้โกง" น้ำตาซึมแหงๆ รู้สึกเย็นๆหน้าอกขึ้นมาทันที

"งั้นกลับมาจะให้กอดสามวันสามคืนไม่ลุกออกจากเตียงเลยดีมั้ย" ผมรีบกอดอีกคนแน่นขึ้นแล้วก็หอมลงไปบนหัวอีกสองสามที

"ห้ามคืนคำนะ"

"พี่เคยโกหกคุนรึไง เด็กดื้อ"

"ไปได้แล้วครับ คนในรถรอแล้ว" คุนคุนยกมือขึ้นมาปาดน้ำตาก่อนจะเอ่ยออกมาเสียงอู้อี้

"จะให้ไปก็ปล่อยก่อนมั้ย เล่นกอดแน่นแบบนี้จะไปได้ไง ไม่งอแงนะ เป็นเด็กดีด้วย" ปากก็บอกให้ผมรีบไป แต่แจนที่โอบรอบเอวนี่แน่นกว่ากอดตอนแรกๆอีกนะ ผมจับหน้าอีกคนเงยขึ้นก่อนก้มลงไปจูบริมฝีปากแดงระเรื่อนั้นเบาๆอย่างอ่อนโยน

"อื้อ"

"ต้องไปแล้ว ไม่งอแง ถึงแล้วจะโทรหา"

"คร้าบบ"
.
.
.
.
.
.

#คุนแฟง

by ppeachmm

ออฟไลน์ AkuaPink

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2033
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +59/-1

ออฟไลน์ OoniceoO

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 975
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +35/-2
มีคนหลงเมียครับ มีคนหลงผัวครับ

ออฟไลน์ p_phai

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2302
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +154/-6

ออฟไลน์ Ppeachmm

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 56
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +21/-0
--- ตอนที่ 32 ---


แฟง's part

ผมเดินทางมาถึงโรงเรียนม่อนเคียงดาววิทยาได้สองวันแล้วครับ ไม่รู้ว่าเราเลือกมากันผิดฤดูรึเปล่าแดดถึงได้ร้อนจ้าแสบกระบานขนาดนี้ แดดเดือนมิถุนายนนี่มันแผดเผาแสบผิวขนาดนี้เลยหรอเนี่ย แต่แดดไม่ใช่อุปสรรคเดียวที่ชาวค่ายอย่างเราเผชิญครับ อีกอุปสรรคหนึ่งคือที่นี่ไม่มีสัญญาณโทรศัพท์ และไม่ต้องพูดถึงสัญญาณอินเตอร์เน็ตนะครับไม่เคยมีตั้งแต่เหยียบมาบนเขาลูกนี้เลยก็ว่าได้ จะโทรหาคุนคุนทั้งทีต้องถ่อขึ้นมาบนยอดดอยแถวเสาสัญญาณโทรศัพท์ข้างอ่างเก็บน้ำ แล้วระยะทางใช่ใกล้ๆที่ไหน วันแรกเดินขึ้นมานี่ลมแทบจับ ลูกสาวผู้ใหญ่บ้านบอกให้ลัดเลาะมาตามคูน้ำหนึ่งกิโลก็จะถึงเสารับสัญญาณ เชี่ยหนึ่งกิโลแม้วชัดๆ เดินมาเกือบครึ่งชั่วโมงกว่าจะถึงเสารับสัญญาณโทรศัพท์ร้างๆหนึ่งเสา ถ้ามากลางคืนนี่คงจะไม่ได้กลับลงไปคงตายเป็นศพอยู่แถวทางลงนั่นแหละ ทางแม่งโคตรแคบโคตรชัน ถ้าฝนตกนี่คือลื่นชิบหายวายป่วง วันที่สองค่อยฉลาดขึ้นมาหน่อย ขอยืมมอไซค์ผู้ใหญ่บ้านขึ้นมา เชี่ย ใช้เวลาไม่ถึงสิบนาที ตัดภาพไปเมื่อวานขาแทบเป็นอัมพาต ทางขึ้นโคตรชัน กูเดินมาได้ไงวะเมื่อวาน ยอมใจตัวเองสุดๆ

วันนี้งานทาสีเสร็จเร็วกว่าตารางที่วางไว้ พากเราจึงมีเวลาพักผ่อนเพิ่มอีกสองชั่วโมงกว่าจะถึงเวลามื้อค่ำ พออาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าล้างตัวที่เต็มไปด้วยสีออกจนหมดแล้ว จุดหมายต่อไปของผมคือบ้านผู้ใหญ่บ้านทีี่มีน้องเบลล่าลูกสาวหน้าขาวปากแดงของเฮียผู้ใหญ่นั่งรอแทะโลมผมอยู่ก่อนแล้ว ก็อยากจะยืมมอไซค์เค้าก็ต้องปล่อยให้น้องเค้าแทะโลมเล็กๆน้อยเป็นค่าเช่ามอไซค์ไป กว่าจะได้มอไซค์มาใช้แขนผมนี่แทบถลอก เบลล่าทั้งลูบทั้งถูอย่างกับจะขอหวย โอ้ย! แขนคนนะเว้ยไม่ใช่ต้นไทร!

"จะไปไหน" นาทีเอ่ยถามผมทันทีที่ผมจูงรถมอไซค์าีแดงคันเก่าๆออกมาจากโรงจอดรถข้างบ้านเฮียผู้ใหญ่บ้าน ตัวมันเองก็อาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้ามาเสร็จสรรพ

"ไปโทรศัพท์"

"กูไปด้วยดิ"

"เออๆ ขึ้นมา จับดีๆนะมึง เสือกหล่นขึ้นมากลางทางกูไม่ลงไปเก็บนะเว้ย" ผมพูดดักไว้ก่อน เพราะถ้ามันหล่นจากมอไซค์จริงๆผมคงตามไปเก็บมันไม่ไหวอย่างที่พูด เพราะทางขึ้นไปจุดรับสัญญาณนั้นเป็นทางค่อนข้างชัน ถ้าหล่นลงมาบอกไว้เลยว่าจุดหมายมึงคือตีนดอย กลิ้งจนสมองไหลออกมาไม่รู้ตัวเลยละ

"เออ รู้แล้ว"

เราสองคนใช้เวลาในการขึ้นดอยมาไม่ถึงสิบนาทีเพราะตอนนี้ผมเริ่มชำนาญเส้นทางแล้ว รู้แม้กระทั่งว่าหลุมอุกกาบาตอยู่ตรงไหนบ้าง แม่ง ไม่ได้แอ้มกูหรอกไอ้หลุมเวร พอมาถึงก็ต่างคนต่างแยกย้ายไปหามุมใครมุมมัน ใช้เวลาไม่นานต่างคนต่างทำธุระขอตัวเองเสร็จก็มาเจอกันที่มอไซค์คันเก่าๆสีแดงที่จอดพิงไว้ข้างเสาสัญญาณร้างคันเดิม

"แถวนี้มีสัญญาณก็ไม่บอกกันเลยนะมึง" นาทีเก็บโทรศัพท์ใส่กระเป๋าก่อนหยิบบุหรี่ออกมาจุด

"กูจะบอกมึงแล้ว แต่มึงดันถูกแมลงวันหัวสีเขียวลากตัวไปก่อน" เมื่อวานก่อนที่ผมจะขึ้นมาตรงนี้ผมก็เดินตามหานาทีมันอยู่สักพัก พอเห็นมันยืนคุยกับป้าแม่ครัวอยู่ก็ว่าจะเดินไปชวนมันขึ้นมาบนนี้ด้วยกัน แต่มันดันโดนสาวในหมู่บ้านที่ย้อมผมสีเขียวทั้งหัวชื่ออะไรสักอย่างจำไม่ได้ ลากไปที่ไหนก็ไม่รู้ ผมเลยฉายเดี่ยวมาบนนี้คนเดียว ขืนรอมันคงได้มืดกันพอดี

"น้องแอปเปิ้ล ลูกป้าแม่ครัว"

"เออนั่นแหละ เห็นน้องมันเกาะแข้งเกาะขามึงอยู่นั่นไม่ยอมปล่อยกูเลยขี้เกียจรอ บนดอยยังเสน่ห์แรงเลยนะมึง สมแล้วไอ้เดือนแพทย์ น่าภูมิใจจิงจี้งงง"

"ว่าแต่กู มึงก็เหมือนกันแหละ ลูกสาวผู้ใหญ่บ้านก็เกาะติดมึงยังกะขี้ติดตูด แม่เบลล่าปากแดง"

"เออ พอกันแหละวะ คนมันหล่อให้ทำไงได้"

"หรออออ แล้วนี่โทรคุยกับน้องถั่วงอกเสร็จแล้วหรอ"

"ป่าว คุนไม่รับสาย เลยส่งข้อความไป แล้วมึงละ"

"คุยกับมายด์เวย์เรียบร้อยแล้ว ตอนนี้มีแมวมาเลี้ยงที่ห้องเลยไม่เหงาเวลากูไม่อยู่ แล้วตอนนี้ก็ขึ้นคลีนิกเหมือนกันเลยยุ่งพอๆกัน" มายด์เวย์เรียนทันตะครับ พอขึ้นปีสี่ก็ขึ้นคลีนิคเหมือนกันโรงพยาบาลเดียวกันกับพสกผมนี่แหละแต่คนละตึกกัน

"อือ ก็ดีแล้ว แล้วพี่ปีออกจากโรงพยาบาลแล้วหรอ" เพิ่งนึกได้ว่าพี่ชายมันประสบอุบัติเหตุรถชนเมื่ออาทิตย์ก่อน เลยเอ่ยถามออกไป กะว่าพอจบค่ายจะแวะไปเยี่ยมพี่มันซะหน่อย ได้ยินข่าวว่าพักนักตัวอยู่ที่โรงพยาบาลในตัวเมืองเชียงใหม่นี่แหละ อย่างที่เคยบอกแหละครับว่ามันกับผมรู้จักกันมาแล้วก็เรียนด้วยกันมาแต่เด็ก มันเกิดและโตที่เชียงใหม่เหมือนกับผมนี่แหละครับ ครอบครัวมันก็เป็นชาวเชียงใหม่แท้ๆนี่แหละ

"หมอให้กลับบ้านแล้วตั้งแต่วันก่อน"

"แล้วคู่กรณีละ"

"เจ็บพอกัน แต่อีกฝ่ายหมอยังให้รักษาตัวในโรงพยาบาลต่อ"

"อ้าวหรอ แต่พี่ปีไม่เป็นไรมากก็ดีแล้ว"

"อือ แค่กระดูกแขนเคลื่อนเฉยๆ ใส่เฝือกอ่อนไว้"

"กลับมั้ย เดี๋ยวมืดจะลงดอยลำบาก"

"อือ ไปดิ" นาทีทิ้งบุหรี่ที่สูบไปเพียงครึ่งมวลลงพื้นก่อนจะใช้เท้าขยี้เพื่อดับไฟ

"พรุ่งนี้มึงจะมากับกูอีกมั้ย"

"มาดิ เรียกกูด้วย"

"เออๆ เจอกันหน้าบ้านผู้ใหญ่ตอนห้าโมงนะ ห้ามเลทนะเว้ย กูเบื่อเวลาน้องเบลล่าลูบแขนกู"

"เชี่ยยย นี่มึงเอาตัวเข้าแลกเพื่อมอไซค์คันเดียวหรอวะ คนจริงสัสสส" มันหันหน้ามายิ้มเยาะผม

"หรือมึงจะทำแทนกูมั้ยพรุ่งนี้"

"ไม่อะ มึงจัดการเหอะ น้องเบลล่าชอบมึงไม่ใช่กู" มันตบไหล่ผมแปะๆ ก่อนจะหัวเราะในลำคอ

"จะกลับมั้ย จะกลับก็ขึ้นมา ไม่งั้นกูปล่อยมึงแห้งเหี่ยวอยู่บนนี้แน่ๆสัสที" ผมขึ้นคร่อมมอไซค์ก่อนจะหันมาเรียกไอ้ทีที่ยืนมองนกมองไม้อยู่

เราใช้เวลาสักพักกว่าจะลงมาจากดอยได้ ขาลงใช้เวลานานกว่าขาขึ้นเพราะต้องขับช้าๆเนื่องจากทางค่อนข้างชัน

"พี่แฟง มาทานข้าวในบ้านเบลล่าก่อนมั้ยคะ" เสียงแหลมของเจ้าของมอไซค์เอ่ยขึ้นทันทีที่ผมดับเครื่องมอไซค์ที่หน้าบ้านผู้ใหญ่บ้าน ส่วนไอ้นาทีนั้นมันกระโดดลงจากมอไซค์ตั้งแต่เห็นน้องเบลล่านั่งรอผมที่หน้าบ้านแล้ว ไอ้เพื่อนรักหน้าเ*ย ไม่คิดจะช่วยกูสักนิดเลยนะมึง

"คงไม่ได้หรอกเบลล่า พี่ต้องไปทานอาหารกับเพื่อนๆที่ศาลาโรงเรียนนะ ขอบคุณนะ พี่ต้องไปแล้วเพื่อนรอ" ผมรีบปฏิเสธไป ก่อนจะชี้ไปทางนาทีที่ยืนรออยู่ใต้ต้นไม้ใหญ่ไม่ห่างจากบ้านผู้ใหญ่มากนัก

"เสียดายจัง เอาไว้วันหลังเนาะ"

"ได้ๆ งั้นพี่ไปก่อนนะ ไปสายเดี๋ยวอาจารย์ดุเอา"

"ได้คะ แต่ว่าไม่มีค่าใช้มอไซค์ให้เบลล่าหน่อยหรอคะ" เธอดึงแขนผมไว้ก่อนที่ผมจะได้ขยับตัวไปไหน เชี่ยเอ้ย อุตส่าห์ทำเนียนลืมไปแล้วเชียว

"อ่า  ครับ งั้นเชิญตามสบายเลย"

"พี่แฟงน่ารักที่สุดดดด" พูดจบเธอก็ดึงหน้าผมลงไปจุ๊บแก้มสากๆของผมไปหนึ่งที พอเสร็จสิ้นค่าเช่ามอไซค์ผมก็รีบกึ่งเดินกึ่งวิ่งออกมาจากตรงนั้นทันที ไอ้นาทียืนยิ้มผมอย่างล้อๆรออยู่ก่อนแล้ว

"ค่าใช้มอไซค์แม่งโคตรแพงเลยวะ"

"เหยียบไว้เลยนะมึง"

"ลงทุนสัส"

"พรุ่งนี้มึงเป็นคนจ่ายนะ กูแม่งไม่ไหวแล้ววะ สาวๆที่นี่แม่งโคตรไวไฟ"

"จริง" มันพยักหน้าหงึกๆเป็นเชิงเห็นด้วย มันคงหัวอกเดียวกับผมแหละ เพราะจากที่เห็นน้องแมลงวันหัวเขียวเกาะแข้งขามันวันก่อนก็พอจะเดาได้ว่าคงมีชะตากรรมเดียวกับผมแน่ๆ

เราสองคนเดินเข้ามาในศาลาที่ตอนนี้ถูกเปลี่ยนเป็นที่ทานอาหารสำหรับนักศึกษา20คน กับอาจารย์อีก 3 คน เพื่อนคนอื่นๆเริ่มทะยอยเข้ามาในศาลานี้กันหลังจากที่ผมกับนาทีเดินเข้ามาไม่นาน ผู้ร่วมทริปนี้เป็นสมาชิกสโมสรนักศึกษา 15 คน ส่วนผม นาที กับธันวานั้นเป็นตัวเสริมที่ถูกเรียกให้มาด้วยเพราะเราสามคนมีส่วนช่วยในการหาเงินบริจาคครั้งนี้ ส่วนอีกสองคนที่เหลือคือ ลูกสาวสองคนของผู้บริจาครายใหญ่ที่ใช้เส้นในการมาค่ายครั้งนี้ด้วยแม้เจ้าตัวจะไม่ใช่สมาชิกสโมสร พอรู้ว่ามีคนนอกมาด้วยผมก็แอบเซ็งนิดหน่อย แม่งเอ้ยถ้ารู้ว่าบริจาคเยอะแล้วได้มาออกค่ายแบบนี้ ผมให้นิรันดร์บริจาคแล้วอุ้มคุนคุนมาด้วยก็ดีหรอก

"แฟงคะ" เสียงใสที่ฟังทีไรก็แสบแก้วหูทุกทีดังขึ้นทันทีที่ผมเดินเข้ามาในศาลา

"อือ ว่าไงมิน"

"มานั่งข้างมินสิคะ มินจองที่ไว้ให้แฟงแล้ว" เธอเดินมาคล้องแขนผมไว้ กึ่งลากกึ่งจูงผมไปนั่งโต๊ะเดียวกับเธอและเพื่อนๆ ผู้หญิงคนนี้ชื่อมินตรา ไม่ใช่สมาชิกสโมสรครับ เป็นหนึ่งในสองคนที่ใช้เส้นเข้ามาร่วมทริปครั้งนี้ เธอเป็นหนึ่งในบรรดาคนเคยถูกผมควงครับ เราเคยควงกันตอนปีหนึ่งอยู่ประมาณหนึ่งอาทิตย์ แต่ผมรำคาญเสียงแหลมๆของเธอเลยไม่ได้สานต่อ ส่วนเธอก็เปลี่ยนไปควงเดือนคณะวิศวะแทน ได้ยินข่าวว่าเปลี่ยนคนคบไปหลายคนแล้วเหมือนกัน

"ไม่เป็นไรผมจะไปนั่งกันพี่ยูตรงโน้น" ผมจับมือเธอออกจากแขนผมก่อนจะผละตัวเดินไปที่โต๊ะอีกตัวที่มีพี่ยู ธันวา แล้วก็นาทีนั่งรออยู่แล้ว แต่ดูเหมือนอีกฝ่ายจะไม่ยอมเลิกรา เดินตามผมมาติดๆ

"งั้นมินนั่งด้วยคนได้มั้ยคะ"

"ไม่น่าจะได้นะมิน ที่เต็มแล้ว" ผมมองเก้าอี้ตัวยาวสองฝั่งที่มีที่ว่างสำหรับผมแค่คนเดียว แต่จริงๆถ้าเบียดกันก็พอจะนั่งได้อีกคนเพราะมินตราเองก็ตัวบางร่างน้อย แต่ด้วยที่ผมไม่อยากยุ่งกับเธอเท่าไหร่จึงตอบปัดไป

"มินนั่งเบียดกับแฟงได้นะคะ"แต่ดูเหมือนอีกคนจะไม่ได้คิดแบบนั้น เธอมาทำตัวใกล้ชิดกับผมตั้งแต่รถบัสล้อหมุนออกจากกรุงเทพฯแล้ว สงสัยอยากจะรีเทิร์น เล่นแสดงออกแบบออกนอกหน้าขนาดนั้น

"อย่าเลยมิน คุณไปนั่งกับเพื่อนๆตรงโน้นเถอะ นั่งสบายๆจะได้ไม่ต้องมานั่งเบียดอยู่ตรงนี้"

"ไม่เอาอะ มินจะนั่งกับแฟง" คนบางคนพูดภาษาคนไม่ค่อยเข้าใจ ผมละทนนิสัยแบบนี้ไม่ได้ที่สุด นี่คงตั้งใจมาค่ายนี้เพื่ออยากจะรื้อฟื้นอดีตกับผมแน่ๆ เพรสะตั้งแต่มาถึงทั้งมินตราทั้งน้องสาวไม่ได้ช่วยทำอะไรเป็นชิ้นเป็นอันเลยสักนิด เห็นทีไรก็นั่งอยู่ในร่มตลอด ออกมาเจอแดดนิดหน่อยก็บ่นร้อน ถ้ามาออกค่ายอาสาแล้วทำแบบนี้ อย่ามาเลยดีกว่านะ

"นักศึกษาทุกคนคะ วันเย็นนี้เรามีผู้บริจาครายใหญ่ของเราให้เกียรติมาร่วมทานมื้อค่ำกับเรานะคะ" อาจารย์จุไรรัตน์ที่เดินเข้ามาศาลาเอ่ยขึ้น ข้างๆเจ้จูมีคนสองคนยืนอยู่ซึ่งมันทำให้ผมถึงกับหยุดบทสนทนาที่กำลังต่อปากต่อคำกับมินตราลงทันที คนหนึ่งคือคนที่ผมเห็นหน้ามาตั้งแต่ลืมตาดูโลก ส่วนอีกคนที่คนที่ถ่อสังขารขึ้นไปค้นหาสัญญาณโทรศัพท์เมื่อชั่วโมงที่แล้ว มิน่าละ ถึงไม่รับสาย

"อาจารย์ขอแนะนำให้รู้จักคุณนิรันดร์คะ ท่านเป็นผู้ใหญ่ใจดีที่ให้การสนับสนุนค่ายของเราในครั้งนี้ อุปกรณ์กีฬาทั้งหมดคุณนิรันดร์เป็นคนจัดหามาให้คะ รวมถึงเงินบริจาคบางส่วนด้วย"

"ไม่รู้ว่ามีโต๊ะไหนว่าให้ผู้สนับสนุนของเรานั่งบ้างมั้ยคะ โต๊ะด้านหลังขางลภัสว่างสักสองที่มั้ยเอ่ย" เจ้จูเอ่ยขึ้นพรางเดินนำนิรันดร์มาที่โต๊ะที่พวกผมนั่งอยู่

"เอ่อ ว่างครับ" ผมรีบตอบไปในทันทีโดยไม่สนใจอีกคนที่มายืนจองที่อยากจะนั่งร่วมโต๊ะกับผมใจจะขาด

"แฟง!" เธอระเบิดเสียงออกมาทันทีที่ผมตอบไปแบบนั้น แถมยังสะบัดตูดสะบัดหน้าเดินกระทืบเท้ากลับไปยังโต๊ะเพื่อนๆเธออย่างไม่ยินยอมนัก แต่เพราะสู้สายตาที่เจ้จูส่งมาไม่ไหวจึงยอมกลับที่ของตัวเองไปแต่โดยดี

"สวัสดีครับ" พี่ยู ธันวา กับนาที ต่างยกมือขึ้นไหว้นิรันดร์

"สวัสดีเด็กๆ ขอนั่งด้วยคนนะ"

"ได้ครับ เชิญเลยครับเดี๋ยวผมหยิบเก้าอี้ตรงโน้นมาเสริมให้" พี่ยูที่นั่งอยู่ข้างผมลุกขึ้นก่อนจะสละที่ตัวเอง แล้วเดินไปยกเก้าอี้พลาสติกมาเพิ่มสองตัว

"มาทำไมเนี่ยนิรันดร์"

"พาลูกรักคนใหม่มาเที่ยวดอย" นิรันดร์หยิบเก้าอี้มาจากพี่ยูก่อนจะทิ้งตัวลง ส่วนอาจารย์จุไรรัตน์ก็เดินไปสมทบกับกลุ่มอาจารย์ที่นั่งอยู่ฝั่งซ้ายของศาลาเป็นที่เรียบร้อย

"แล้วลูกคนใหม่ของนิรันดร์เนี่ยมาได้ไงครับ"

"นั่งเครื่องบิน แล้วก็รถยนต์มาครับผม"

"พร๊วดดด ฮ่าๆๆๆ" สามสี่คนที่นั่งร่วมโต๊ะอาหารอยู่หัวเราะออกมาทันที ส่วนธันวาที่กำลังยกแก้วน้ำขึ้นดื่มถึงกับสำลักน้ำออกมาในทันทีที่ลูกรักคนใหม่ของนิรันดร์ตอบออกมา

"เชี่ยยย แม่งได้วะ กูชอบ" พี่ยูถึงกับเคาะช้อนกับโต๊ะด้วยความพอใจ

"น่ารักเ*ยๆๆ" ส่วนธันวานี่มองคุนคุนตาเยิ้มเลยนะมึง เดี๋ยวกูจกตาแตกเลย ไอ้สัส!

"น้องคู้นนนน" อันนี้เสียงแปดหลอดของไอ้ทีมัน ไม่แหกปากอย่างเดียว เอามือตีอกชกลมเหมือนพอใจในคำตอบสุดๆ ทั้งๆที่คนพูดยังทำหน้างงอยู่เลยว่าตัวเองพูดอะไรผิดไปหรอ

ผมไม่สนใจเสียงนกเสียงกาที่ดังขึ้นมาดึงคนตัวเล็กที่ยืนอยู่ด้านหลังนิรันดร์มานั่งข้างๆผมทันที

"แสบนักนะคุน" ผมยกมือขึ้นมาดึงแก้มสองข้างของเด็กแก้มยุ้ยอย่างหมั่นเขี้ยว

"แสบแล้วรักมั้ยละครับ"

"แง่ววววว/ วี้ดวี่ววว/ หูยยยย" หมาสามตัวบนโต๊ะเห่าหอนกันไม่หยุดเมื่อคุนคุนโพล่งประโยคนั้นออกมา จนคนในศาลากหันมามองโต๊ะเรากันหมด ตอนนี้ผมไม่นับถือมันละไอ้พี่ยู กวนตีนเหมือนลูกพี่ลูกน้องพี่มันไม่มีผิด ดูทำท่าเข้าเอามือป้องปาก ตะโกนแหกปากอยู่นั่นแหละ ไม่เหลือแล้วมาดประธานชมรมสุดหล่อของคณะแพทย์ผู้เงียบขรึม

"เออ โคตรรัก"
.

.
.
.
.

#คุนแฟง

by ppeachmm







ออฟไลน์ AkuaPink

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2033
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +59/-1

ออฟไลน์ p_phai

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2302
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +154/-6

ออฟไลน์ OoniceoO

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 975
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +35/-2
รักด้วยได้มั้ยคู่นี้ เขิลอะ งี้สิใช้พ่อสามีให้เป็นประโยชน์

ออฟไลน์ Ppeachmm

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 56
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +21/-0
---ตอนที่ 33---


คุนคุน's part

หนึ่งวันก่อนหน้านั้น

วันนี้หลังจากไปส่งพี่แฟงขึ้นรถบัสเพื่อไปออกค่ายอาสาพัฒนาของทางมหาวิทยาลัยแล้ว ผมก็แวะซื้อน่องไก่ที่ซุปเปอร์ด้านล่างคอนโดไว้ให้อันอันลูกเลิฟ เพราะในตู้เย็นเหลือไม่กี่น่องแล้ง อันอันกินแก่งมากต้องซื้อเข้าไปให้อาทิตย์ละสองครั้งแหนะ ซื้อตอนนี้แหละดีแล้วเพราะถ้าเกิดอันอันหิวระหว่างวันขึ้นมาจะได้ไม่ต้องลงมาซื้อให้เสียเวลา ช่วงเช้าหมดไปกับการอาบน้ำประแป้งให้อันอันตัวหอมฉุย กว่าจะจัดการอาบน้ำให้เรียบร้อยก็ถูกข่วนไปหลายรอยเลย คอยดูนะปาป๊าจะห้องพี่แฟงว่าอันอันข่วน! ส่วนช่วงบ่ายวางแผนไว้ว่าจะลองทำแอปเปิ้ลครัมเบิ้ลดูเห็นพี่มายด์เวย์บอกว่าอยากทาน คุนเลยลองไปหาสูตรหวานน้อยมาจากในอินเตอร์เน็ตดู หน้าตาออกมาน่าทานทีเดียวเชียว กดถ่ายรูปขนมหน้าตาน่ากินส่งไปให้พี่มายด์เวย์ ไม่ถึงห้านาทีเสียงเคาะประตูหน้าห้องก็ดังขึ้น

ก๊อก ก๊อก ก๊อก

"น้องคุน" พี่มายด์เวย์ในชุดนักศึกษาเต็มยศยืนอยู่หน้าประตูพร้อมกับแมวสก๊อตทิชโฟลสีขาวตัวจ้ำม่ำในอ้อมแขน แมวตัวใหม่ของพี่มายด์เวย์เธอครับน้องคุณเป็นคนแนะนำฟาร์มนี้เอง

"คร้าบผม ตามกลิ่นขนมมาใช่มั้ยเนี่ย" ผมเปิดประตูให้กว้าง

"ใช่แล้ว แล้วก็พามายสกายมาเล่นกับอันอันด้วย"

เมี้ยว!

"เข้ามาเลยครับ แล้ววันนี้ไม่ขึ้นคลีนิคหรอครับ"

"ไปมาแล้วตอนเช้าจ้ะ ส่วนตอนบ่ายคนไข้ที่นัดไว้แคลเซิล เลยมีเวลาว่าง อู้วหู กลิ่นขนมหอมมาก" พอเข้ามาในห้องมาย์สกายก็กระโดดออกจากอ้อมแขนเจ้าของแสนสวยทันที แล้วเดินส่ายตูดไปนอนเล่นกับอันอันที่หน้าทีวี สองตัวนี้สนิทกับครับมาเล่นด้วยกันบ่อยๆ

"แล้วก็อร่อยมากด้วยคร้าบบบ คุนขอคอนเฟิร์ม" พี่คนสวยเดินมาที่เคาน์เตอร์ครัวหน้าเตาอบ ก้มหน้าลงมาสูดกลิ่นชินเนม่อนหอมๆจากถาดพายหน้าตาน่าทาน

"ไม่เชื่อคะ ต้องชิมก่อนถึงจะคอนเฟิร์มได้" พอเธอพูดแบบนั้นผมก็เปิดลิ้นชักตู้หยิบจานเล็กกับส้อมออกมา พร้อมกับตัดแอปเปิ้ลครัมเบิ้ลใส่จานแล้วยื่นให้พี่สาวคนสวยที่ยื่นมือออกมารอรับอยู่แล้ว

"อื้มมม อร่อยจริงๆด้วย" น้องคุนบอกแล้วไงว่ามันอร่อย!

"ใช่มั้ยละครับ"

"สุดๆ อือ แล้วนี่คณะคุนจะเปิดเทอมรึยัง หรือเรียนออนไลน์ไปอีกหนึ่งเทอม" เราเดินมานั่งคุยกันที่โต๊ะอาหาร

"เปิดครับ อาทิตย์หน้าคุนต้องไปเรียนแล้ว" หยุดมานานจนลืมไปเลยว่าตัวเองยังเป็นนักศึกษาอยู่

"ก็ดีเหมือนกัน เรียนออนไลน์ไม่ไหวอะ อาจารย์สอนอะไรไม่เข้าหัวเลย ตามองแต่ของกินในไอจีอย่างเดียว"

"หืออ เป็นเหมือนคุนเลย ไม่ค่อยสนใจอาจารย์พูดเท่าไหร่หรอก ดูรูปบิงซู ฮันนี่โทสต์อย่างเดียว" ผมขำออกมา เพราะนึกภาพออกเลย ผมก็เป็นแบบพี่มายด์เวย์เป๊ะๆ

"พอกันเลย นี่ๆ เคยไปร้านนี้ยัง อยู่หลัง ม. อร่อยมาก เป็นคาเฟ่แมวด้วย" เธอยื่นโทรศัพท์มาให้ผมดู ในหน้าจอมีรูปร้านขนมหวานแนววินเทจแต่งด้วยโทรสีชมพูขาวน่ารักน่าไปอุดหนุนมากๆ

"ยังเลยครับ พรุ่งนี้เราไปกันมั้ยครับพี่มายด์เวย์"

"พรุ่งนี้ไม่ดีพี่ขึ้นคลีนิคทั้งวัน เอาเป็นวันเสาร์มั้ย"

"วันเสาร์พี่แฟงกลับมาแล้ว สงสัยจะไม่ได้" ว้า รู้สึกเสียดายจังที่ไม่ได้ไปทานขนมอร่อยๆ ดูท่าพี่มายด์เวย์นี่คงเป็นสายขนมเหมือนน้องคุนแน่ๆ ผมรู้สึกดีใจจนบอกไม่ถูกที่ได้เพื่อนสายขนมที่ไฝ่ฝันมานาน สองแฝดอะชวนก็ไปด้วยอยู่หรอกแต่ไม่เห็นกินอะไรเลยสั่งมาแต่กาแฟอย่างเดียว ส่วนพี่แฟงของผมนี่ไม่ต้องพูดถึงเลยครับเจ้านั้นนะเป็นศัตรูกับร้านขนมทั่วราชอาณาจักรเลยก็ว่าได้ ถ้าไม่อยากจะเอาใจคุนหรืออยากจะง้อคุนนะไม่เคยพาไปหรอก นอกจากไม่พาไปนะยังห้ามไม่ให้คุนกินขนมด้วย เฮ้อ บ่นถึงแล้วก็คิดถึงเหมือนกันแฮะไม่รู้ว่าป่านนี้จะทำอะไรอยู่บนเขาสูงๆนั่นกันน้าาาา คิดถึงน้องคุนบ้างรึเปล่าก็ไม่รู้

"อะไรกันพ่อคนนี้ กักตัวแฟนอยู่แต่ในห้องรึไง" พี่มายด์เวย์คนสวยทำตาโตขึ้นมาเหมือนคนตื่นเต้นกับอะไรสักอย่าง หรือว่าผมพูดอะไรผิดไป ก็ไม่มีนี่นา ก็พี่แฟงเป็นแบบนั้นจริงๆนี่ วันหยุดทีไรกักตัวคุนอยู่ในห้องไม่ให้ไปไหนตลอด บ่นว่าอยากอยู่ด้วยกันทั้งวันบ้างละ บ่นว่าวันธรรมดาตังเองเรียนกับตรวจคนไข้เหนื่อยอยากพักผ่อนนอนตักน้องคุนอยู่ในห้องบ้างละ



"แหะๆๆ ไม่ต้องเขินๆๆ เข้าใจ นาทีก็เป็นแบบนี้เหมือนกัน"

"ขี้หวงเนอะ" อ่าาาา ที่แท้พี่นาทีก็คงเป็นเหมือนกันกับพี่แฟงแน่ๆ

"อู้ย อย่าให้เซด สุดๆไปเลย แต่แฟงนี่มาแปลก พี่ไม่เคยเห็นจะหวงใครแบบนี้มาก่อนเลยนะ แฟนคนก่อนๆก็ไม่ค่อยจะดูสนใจกันเท่าไหร่ เหมือนเลี้ยงแฟนแบบบุฟเฟต์อะ"

"งง" อะไรคือเลี้ยงแบบบุฟเฟ่ต์ งงครับผม

"ก็แบบ อยากทำไรทำ อยากไปไหนไป ไม่สนใจตาม ไม่สนใจโทรหา อยากมาหาก็มา ไรงี้"

"อ้อ  แล้วพี่แฟงมีแฟนเยอะมั้ยครับ"

"ก็ไม่เยอะนะถ้าเป็นแฟนอะ แต่ถ้าคนควงนี่เปลี่ยน ปีละสามสี่คน"

"ห๊ะ?" อะไรือเปลี่ยนคนควงปีละสามสี่คน นั่นมันเปลี่ยนสามเดือนคนลนนะนั่น นี่น้องคุนควรจะหึงย้อนหลังรึเปล่าเนี่ย!

ครืด ครืด

"ขอคุยโทรศัพท์แป๊บนะครับ" ผมหยิบโทรศัพท์ในกระเป๋ากางเกงขึ้นมาดูพอเห็นว่าเป็นพี่รันก็เลยขออนุญาตพี่มายเวย์ก่อนกลัวจะเสียมารยาทนะครับ

"ตามสบายเลยจ้าาา" พี่คนสวยดูจะไม่ถือสาเท่าไหร่ ตั้งใจตักครัมเบิ้ลของน้องคุนเข้าปากช้าๆ แถมยังถ่ายรูปลงไอจีอีก สงสัยจะติดใจขนมน้องคุนซะแล้ว

"ครับพี่รัน"

(ทำไรอยู่เรา)

"ทานแอปเปิ้ลครัมเบิ้ลกับพี่มายด์เวย์อยู่ครับ"

(หรอ นี่แล้วทำไมไม่ไปค่ายกับไอ้แฟงมัน)

"พอดีอาจารย์เค้าไม่ให้คนนอกไปนะครับ"

(ก็งอแงมันหน่อย มันก็จับเรายัดเข้ากระเป๋าไปด้วยแล้วละ วันหลังต้องอ้อนมันเยอะๆหน่อย มันแพ้คนอ้อน)

"คุนทำแล้ว แต่พี่แฟงก็ยังไม่ให้ไป"

(หรอ งั้นสองสามวันนี้ว่างรึเปล่า มีธุระอะไรสำคัญต้องไปทำมั้ย)

"อื่มมม ไม่มีนะครับ"

(งั้นมาเที่ยวเชียงใหม่มั้ย พี่จะพาขึ้นดอย)

"ไปคร้าบบบ"

(พรุ่งนี้บินมาเลยนะ พี่จะไปรอที่สนามบิน)

"โอเค้!" ผมวางโทรศัพท์ลงบนโต๊ะทานอาหาร ยิ้มกว้าง แทบจะกระโดดโลดเต้นอย่างตรฃนั้นด้วยซ้ำถ้าพี่สาวคนสวยไม่นั่งอยู่ตรงนี้ ก็น้องคุนตื่นเต้น น้องคุนไม่เคยไปเชียงใหม่นี่นา แค่คิดก็น่าสนุกแล้ว เย้ๆๆๆ คุนจะไปภูเขา คุนจะไปน้ำตก คุนจะไปขี่ช้าง เย้เย้~~~


"ดีใจอะไรนักหนาอะเรา" พี่สาวคนสวยคงจะเห็นท่าทางดีใจของคุนถึงได้ถามออกมา

"คุนจะไปเชียงใหม่!"

"อ้าวหรอ ไปเมื่อไหร่ละ" อีกฝ่ายทำตาโตเล็กน้อย

"พรุ่งนี้เช้าครับ"

"แล้วอันอันละ"

"อืม นั่นสิ ทำไงดีน้า" อันอันต้องเสียใจแน่ๆเลยถ้ารู้ว่าปาป๊าสุดที่รักคิดถึงแต่เรื่องไปเที่ยวจนลืมเจ้าตัวไป แต่จะทำอย่างไงกับอันอันดีน้า สองแฝดก็ไม่ค่อยอยู่คอนโดด้วยช่วงนี้ หรือจะเอาไปเชียงใหม่ด้วยดี ไปได้รึเปล่าน้าาา ต้องเช็คกับสายการบินดูก่อน

"เดี๋ยวพี่ดูให้ก็ได้นะ" เสียงของพี่มายด์เวย์เหมือนเทพเจ้ากวนอูมาโปรดน้องคุนแท้ๆ ถ้าเป็นพี่สาวคนสวยน้องคุนไว้ใจได้แน่ๆ!

"จะดีหรอครับ"

"ดีสิ แต่ขากลับต้องซื้อใส่อั่ว แคปหมูกับน้ำพริกหนุ่มมาฝากพี่ด้วย"

"มันคืออะไรอะ" ได้เสมอแหละครับ แต่ว่าไอ้อั่วๆ นั่นคืออะไรอะ น้องคุนงง

"ไปถามคนในตลาดก็รู้เองละจ้ะ"

"โอเค้! น้าพิหนุ่ม กะ แค้ปหมู! ตามนั้น!"

"อ้าวแล้วจะไปไหนนั่นนะ"

"ไปเก็บกระเป๋าครับผม! คุนจะไปเที่ยวเชียงใหม่ เย้เย เย้เย" พอดีลของฝากกันเสร็จแล้วน้องคุนก็รีบวิ่งเข้าไปในห้องนอนเพื่อเก็บเสื้อผ้าทันที คุนจะไปเชียงหม่ายยยยย ดีใจๆๆๆๆ

ปัจจุบัน

"กินเป็นมั้ย" พี่แฟงที่นั่งอยู่ข้างๆผมถามขึ้นทันทีที่ผมตักหมูสับสีดำๆเข้าปาก หน้าตาเขาดูเป็นห่วงผมมาก อยากบอกว่าน้องคุนเป็นคนกินง่ายเหอะ กินได้หมดแหละแค่อย่าเผ็ดมากพอ น้องคุนไหว!

"รสชาติแปลกๆ แต่ก็อร่อยดีครับ มันคืออะไรหรอครับ" ผมรีบตอบกลับไปทันที รสชาติเหมือนลาบอีสานแต่มีกลิ่นอะไรสักอย่างแปลกๆเตะจมูกเจือปนมา  คงจะเป็นสมุนไพรพื้นบ้านของคนแถวนี้ รสชาติโดยรวมก็โอเคแปลกใหม่ดีครับ

"ลาบหมูใส่เลือดนะ"

พร๊วด

อาการคำเมื่อกี้ที่ยังถูกเคี้ยวอยู่ในปากถูกพ่นออกมาทันที โชคดีที่พี่นาทีที่นั่งอยู่ตรงข้างกับผมเบี่ยงตัวหลบทัน ไม่งั้นละก็น้องคุนนึกสภาพพี่นาทีสุดหล่อไม่ออกเลยจริงๆ

"ละ เลือด หรอครับ"

"อือ เลอะหมดแล้ว มานี่กูเช็ดให้ มันสุกแล้วกินได้ ไม่ใช่เลือดสด ลาบคั่วอาหารพื้นเมืองทางเหนือนะ" คนในโต๊ะต่างขำกับท่าทางของผมกันหมด พี่แฟงเองก็ขำไปกับคนอื่นด้วยก่อนเอื้อมมือไปหยิบทิชชู่มาเช็ดปากเช็ดคางให้ ก่อนเอ่ยเสียงเรียบอธิบายเพิ่มเติมตามสไตล์เจ้าตัว

"แน่นะครับ" ค่อยยังชั่วหน่อย กำลังจะงอนพี่แฟงอยู่เลยว่าเอาอะไรพิเรนให้คุนกินเนี่ย

"แน่สิ นี่ไงกินให้ดู มึงไม่ต้องกินแล้วของแปลกๆ กินนี่ละกันง่ายสุด" เจ้าตัวกลัวว่าผมจะไม่เชื่อว่าลาบเลือดคั่วจานนั้นทุกคนกินได้เลยตักมาใส่ข้าวแล้วหม่ำๆให้ดู พี่เขาดูชินกับอาหารที่นี่เหลือเกิน จริงๆน้องคุนก็เกือบกินได้แล้วเหอะถ้าพี่แฟงไม่บอกมาก่อนว่ามันเป็นเลือดอะ พอเจ้าตัวทานคำนั้นเรียกร้อยก็เอื้อมมือไปตักอาหารธรรมดาๆที่กินกันเป็นทุกคนมาใส่จานข้าวของผม

"ไข่เจียว?"

"ใช่ไข่เจียวผัดหวาน เค็มไปนิด แต่ก็พอแ*กได้" ผมตักไข่เจียวที่พี่แฟงตักให้เข้าปาก อาหารของที่นี่รสชาติหนักไปทางเค็มเสียส่วนมาก ต้องทานกับข้าวเปล่าเนอะๆหน่อยจะได้ลดความเค็มลงมาได้บ้าง ตั้งแต่เจอลายพิสดารเข้าไป ผมเลยเลือกที่จะไม่ลองเมนูหน้าตาแปลกไปบนโต๊ะอีกเลย แล้วเจ้าไข่เจียวฟูๆเลยกลายเป็นเมนูเด่นของมื้อนี้ไปโดยปริยาย น้องคุนขอถอนคำพูดเรื่องที่ตัวเองเป็นคนกินง่ายออกละกันนะครับ เจออาหารที่นี่เข้าไปขอถอยไปตั้งหลักสักประเดี๋ยว

"แล้วนี่จะกลับกันเลยหรือนอนนี่" พี่แฟงหันไปถามพี่รันที่นั่งตักแกงผักอะไรสักอย่างเข้าปาก พี่รันดูจะชื่นชอบอาหารของที่นี่มาก ดูเชี่ยวชาญไปเสียหมด แถมยังอธิบายให้พี่ๆที่นั่งอยู่ในโต๊ะฟังด้วยว่าเมนูไหนชื่ออะไรแล้วใช้วัตถุดิบอะไรบ้าง โดยรวมแล้วอาหารของคนเหนือมักใช้สมุนไพรพื้นบ้านชื่อแปลกๆที่คุนไม่คุนหูเลยสักนิด

"อะไรวะ พวกกูเพิ่งมาถึงมึงก็จะไล่ให้กลับเลยรึไง" พี่รันตอบเหมือนจะหาเรื่องคนฟังหน่อยๆ แต่ผมชินแล้วครับ นี่มันคือลักษณะการพูดจาโต้ตอบของคนบ้านนี้เขาละ เหมือนจะหาเรื่องกันอยู่ตลอดเวลา พี่ยูกับพี่ธันวาที่ไม่เคยสัมผัสกับพี่รันถึงกับอ้าปากค้างทันทีที่พี่รันถามแบบนั้นออกมา

"เปล่าซะหน่อย นิรันดร์ก็พูดไป" คนถูกถามกลับก็ดูจะไม่ได้สนใจคำถามเชิงหาเรื่องของผู้เป็นพ่อเสียด้วยซ้ำ ดูจากการตักอาหารในจานตัวเองเข้าปาก แถมยังตักมาวางไว้ที่จานผมไม่หยุดก็รู้

"อะไรวะ กลัวกูกับลูกรักคนใหม่ของกูมาขัดจังหวะนัวเนียสาวของมึงรึไง" พี่รันนี่ก็ชอบแกล้งหาเรื่องพี่แฟงตลอดเวลาเลย บางทีน้องคุนก็อยากจะตีแขนพี่รันหนักๆสักที เนี่ย ชอบแกล้งคนรักของน้องคุนจังเลย!

"ใช่ที่ไหนเล่า คุนไม่ต้องไปฟัง" พี่แฟงวางช้องส้มลงเอามือสองข้างมาปิดหูผมไว้

"แต่คุนได้ยิน" แต่ตัวเองคงลืมไปว่า ตัวเองปิดหูคุนหลังจากที่พี่รันพูดจบนะครับพี่แฟง คุนได้ยินหมดแล้ว!

"งั้นก็อย่าไปเชื่อนิรันดร์มากนัก"

"แต่คุนเห็นว่าผู้หญิงโต๊ะนั้นมาเกาะแกะพี่แฟงจริงๆนะครับเมื่อกี้" ใช่ คุณเห็นจริงๆ ผู้หญิงคนนั้นมาเกาะแขนพี่แฟงตอนที่คุนกับพี่รันเดินตามอาจารย์คนที่หน้าดุๆเข้ามาในศาลา แถมตอนนี้ผู้หญิงคนนั้นยังคอยมองคุนเหมือนเสือจะขย้ำคุนอยู่ตลอดเวลาอย่างนั้นแหละ อู้ยย น่าตาน่ากลัวชะมัดเลย

"เป็นไงลูกรักกู มันได้มั้ย หูตาไวชิบหาย หึๆ" พี่รันหัวเราะชอบใจคำตอบของผมเป็นอย่างมาก

"นิรันดร์อย่าไปเซี่ยม"

"พ่อมึงเซี่ยมที่ไหนพวกกูก็เห็นอยู่ว่ามินตรามาเกาะแกะมึงจริงๆ เนอะไอ้ธัน มึงก็เห็นใช่?" อันนี้พี่นาทีเป็นคนพูดขึ้นมาหลังจากที่นั่งฟังสองพ่อลูกสนทนากันอยู่นาน พรางเอาศอกสะกิดพี่ธันวาที่นั่งอยู่ข้างกัน ส่วนพี่ธันวาก็ครางตอบรับในลำคออย่างขอไปที

"ไม่พูดก็ไม่มีใครหาว่ามึงเป็นใบ้ไอ้สัสที" กลายเป็นสงคราวปะทะคารมย่อมไปบนโต๊ะอาหารขึ้นมาซะงั้น เพราะต่างคนต่างไม่มีใครยอมใคร พี่รันก็แกล้งลูกตัวเองไม่หยุด พีาแฟงก็ตีมึนหน้าตาย ทั้งที่เพื่อนคนอื่นบนโต๊ะต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่าผู้หญิงคนนั้นตั้งใจเข้าหาพี่แฟงกันทั้งนั้น แหมๆๆๆ เสน่ห์แรงจังเลยนะครับคุณลภัส

"พี่รันเรานอนบนนี้ได้มั้ยครับ" ผมตัดสินใจพูดออกไป ทำเสียงออดอ้อนพี่รันที่นั่งอยู่ไม่ไกล

"ได้สิ" พี่รันตอบรับกลับมาทันที จริงๆเราสองคนก็เตรียมเสื้อผ้ามาแต่แรกแล้วแหละครับ เพราะพี่รันบอกว่าเผื่อเปลี่ยนใจอยากเปลี่ยนบรรยากาศนอนบนดอยดูอากาศน่าจะดีเลยให้ผมเตรียมเสื้อผ้ามาเผื่อ

"นอนไม่สะดวกหรอก ที่นอนก็แข็ง เดี๋ยวไม่สบายตัว" แต่ดูเหมือนว่าคนข้างผมจะไม่เห็นด้วยกับการอยู่ต่อของผมในครั้งนี้นะสิครับ เอ๋ๆๆๆ มีพิรุธอะไรรึเปล่า หรือพี่แฟงมีซัมติงกับผู้หญิงที่ชื่อมินตราจริงๆเนี่ย น้องคุนไม่ยอมนะ!

"คืนเดียวเองคุนนอนได้" ที่นอนแข็งหรือจะสู้ความดื้อของคุน

"เออ ใช่แค่คืนเดียวจะเป็นไรวะ ให้มันปวดไปเลยตัวอะ เดี๋ยวกูพาคุนไปนวดเอง" ดูเหมือนพี่รันเองจะเข้าข้างคุนสุดขีด มีแอบยักคิ้วให้ด้วย ชอบพี่รันที่สุด นอกจากหล่อแล้วยังใจดีอีก พี่รันพูดถูกครับ ถ้าเมื่อยก็แค่ไปนวดเอง ง่ายจะตาย คุนชอบนวดสปา สบายตัวเบาหวิวเลย

"นวดแบบนิรันดร์อะนะ ไม่ต้องพาคุนไปเลยน่าเกลียด" นีาเขาพวกเรื่องอะไรกันนะ นวดๆๆ นาวดอะไรหรอ ทำไมต้อฃน่าเกลียดด้วย หรือไม่อยากให้คนไม่รู้จักมานวดให้คุนกันแน่นะ

"งั้นพี่แฟงก็นวดให้คุน"

พร๊วดดดดด!!!

พี่ๆคนอื่นๆสำลักน้ำที่กำลังดื่มเข้าไปทันทีที่คุนพูดแบบนั้นออกมา อ้าว งงนะครับ ก็ในเมื่อพี่แฟงไม่ให้คุนไปนวดที่ร้าน พี่แฟงก็ต้องนวดให้คุนเองถูกแล้วไม่ใช่หรอ เอ๋ น้องคุนพูดผิดตรงไหนหว่าาาา

"อ้าวทำไมทำหน้าแบบนั้นกันละครับ หรือว่านวดให้คุนแบบนั้นไม่ได้" แต่ละคนทำหน้าตาแปลกๆกัน มีแอบยิ้ม แอบขำกันด้วย นี่ทุกคนเป็นอะไรกันไปหมดแล้วเนี่ย

"พอเลยหยุดขำเลยนะพวกมึง พี่ด้วย นิรันดร์ด้วยตัวดีโยงไม่เข้าเรื่อง"

"อะ พี่แฟงจะพาคุนไปไหนครับ" พี่แฟงชี้หน้าทุกคนก่อนจะเอามือมาดึงแขนคุนให้ลุกออกมาจากโต๊ะทานอาหาร

"ไปนวด" ฮะ? คุนงงแล้วนะครับ ทำไมต้องนวดตอนนี้ทั้งๆที่คุนยังไม่ปวดหลังเลยสักนิด

"เชี่ยยย แม่งเอาจริงวะ" พี่ธันเอ่ยขึ้นจัดเป็นคนแรก

"เบาๆนะเว้ย กลางป่ากลางเขา" ตามด้วยพี่ยูที่ยิ้มกรุ้มกริ่มมีเลศนัยอะไรบางอย่าง

"เชรดดด" พี่นาทีก็อีกคน นี่ทุกคนเป็นอะไรกันไปหมด

"พี่แฟง แต่คุนยังกินข้าวไม่อิ่มเลยนะครับ" ผมรีบร้องออกมาทันทีที่ถูกพาตัวออกมาจากศาลา คุนยังกินข้าวไม่อิ่มเลยนะครับ กินให้เสร็จก่อนค่อยนวดไม่ได้รึไงครับเนี่ย

"กินแค่นั้นก็พอแล้ว จะกินอะไรเยอะ"

"แต่คุนกินไปแค่สามคำเองนะ"

"อือ พอแล้ว เดี๋ยวจุก ตามมานี่เลย" อีกคนดูไม่สนใจฟังคำประท้วงของผมเลยสักนิด เดินนำหน้าแล้วจูงมือผมให้เดินตามตัวเองไป

"คุนไม่นวดนะ ยังไม่เมื่อยเลย" คุนยังไม่เมื่อยเสียหน่อยจะนวดทำไม คุนหิวอะพี่แฟง คุนหิวเข้าใจมั้ย เสียดายไข่เจียวในจานด้วย ฮือๆๆ

"นวดแบบกูอะไม่เป็นไรหรอก ไม่เมื่อยก็นวดได้" คนเอาแต่ใจที่สุดเลยคุณนภัสเนี่ย

.
.
.
.
.

"พี่แฟงทำอะไรเนี่ย!"

"อย่าเสียงดัง จะแหกปากทำไม"

"ไม่เอานะคุนไม่ทำแบบนี้"

"ไม่ทำไรเกินเลยหรอกน่า"

"ล้วงมือเข้ามาในกางเกงนี่ยังไม่เกินเลยอีกหรอครับ!"

"ชู้ววว ไม่เอาอย่าเสียงดังที่รัก"

"อื้อออ อื้ออออ"
.
.
.
.

#คุนแฟง

by ppeachmm




ออฟไลน์ p_phai

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2302
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +154/-6

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ Ppeachmm

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 56
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +21/-0
---ตอนที่ 34---


คุนคุน's part

สรุปเมื่อคืนถูกรังแกไปโดยคนที่อ้างว่าคิดถึงผมมากมาย อะๆๆ อย่าคิดลึกขนาดนั้นครับ ที่ว่าถูกรังแกก็แค่ถูกลวนลามภายนอกเฉยๆไม่ได้เกินเลยไปไกลถึงขนาดกู่ไม่กลับแบบนั้น จริงๆถ้าพี่แฟงไม่ถูกคุนกัดหูเสียก่อนเรื่องมันอาจจะเกินเลยไปมากกว่านั้นก็ได้ เจ้าตัวเลยงอนผมจนถึงตอนนี้ แต่ถึงงอนยังไงเมื่อคืนพี่เขาก็นอนกอดผมทั้งคืน โชคดีครับที่ทุกคนทีี่มาเข้าค่ายนี้ได้นอนในห้องกันไม่ใช่ห้องรวมเป็นสิบๆคน แต่เป็นห้องเล็กที่นอนกันสี่คน เมื่อคืนผมเลยต้องไปนอนเบียดบนฟูกเดียวกันกับพี่แฟงในห้องที่มีพี่นาที พี่ธันวา แล้วก็พี่ยูอยู่ด้วย ส่วนพี่รันนั้นทางอาจารย์เขาจัดให้นอนห้องแยกต่างหากคนเดียว ถึงห้องจะเล็กแต่เราห้าคนนอนด้วยกันก็ไม่ได้แออัดขนาดนั้น จัดว่านอนสบายด้วยซ้ำ จริงๆปูฟูกเพิ่มอีกอันได้สบายๆเลย แต่เด็กโข่งก็งอแงจะให้ผมนอนบนฟูกเดียวกันจนได้ โดยไม่สนใจเสียงโวยวายของเพื่อนร่วมห้องที่กระหน่ำกราดใส่เลยสักนิด

'ไปกอดกันตรงมุมโน้นเลยอย่ามาอยู่ใกล้กูไอ้สัสแฟง'

'ห้ามทำอะไรกันนะเว้ย ห้องมันแคบกูหูดี'

'มึงจะกอดกันเงียบๆได้มั้ย จะจู๋จี๋กันทำเพื่อ'

'เห็นใจคนโสดด้วยครับคุณลภัส'

กว่าจะได้นอนก็น่าจะดึกพอสมควร ก็พี่ๆคนอื่นๆเล่นแซวเราสองคนไม่หยุด คนตัวโตไม่สนใจคำแซวเลยสักนิดตีหน้ามีกอดหอมผมตลอดเงลา ส่วนผมก็เขินวนไปสิครับ

ผมนั่งมองผู้ชายตัวโตตอกตะปูเพื่อซ่อมหน้าต่างอาคารสำหรับเด็กอนุบาลให้กับโรงเรียนอยู่ ไม่เคยเห็นพี่แฟงมุมนี้เลยครับ ตัวเปียกชุ่มไปด้วยเหงือเกือบครึ่งตัวในเสื้อยืดสีเทากับหมวกทรวงเบสบอลสีขาว ยืนถือค้อนกับไม้ในมือ ดูจริงจังเอามากๆ แลดูเป็นช่างไม้สุดๆ นี่ถ้าพี่เขายังไว้ผมยาวกับไว้เคราอยู่บอกได้เลยครับว่าเหมือนช่างไม้มาเองเลยนะเนี่ย

"หมอแฟง ดื่มน้ำกระเจี้ยบเย็นๆหน่อยจ้า เบลล่าเอามาจากบ้าน เย็นชื่นใจมาก"

"แฟงคะดื่มน้ำแดงแฟนต้าของมินดีกว่า อร่อยซาบซ่ากว่าน้ำกระเจี๊ยบบ้านๆเยอะ"

"ของแต่งสีแต่งกลิ่นหรือจะดีสู้ของธรรมชาติได้"

"ของบ้านๆ มันจะจี้ดถึงใจได้ยังไงกันคะคุณชาวดอย"

"อ้ายยยย"

"อะไรๆๆ จะทำไม"

และแล้วภาพเคลื่อนไหวที่ผมคิดว่าดูแล้วบันเทิงสายตาก็ถูกรบกวนด้วยละครหลังข่าวที่มีตัวอิจฉาสองคนมาตบตีแย่งพระเอกกัน โอ้โห ละครน้ำเน่าสุดๆ เสน่ห์แรงจริงนะพ่อคู้น มีสาวๆเอาน้ำมาประเคนให้ แถมยังเอาผ้าเช็ดหน้าสีสวยๆมาซับเหงื่อให้อีก และเจ้าตัวก็ยังดูพอใจกับการบริการทั่วถึงแบบนั้นจริงๆ

"นี่ เอาน้ำไปให้พี่เขาหน่อยสิ แดดร้อนคงหิวน้ำ" พี่รันเดินมาพร้อมกับขวดน้ำเปล่าเย็นๆในมือ

"ไม่เอาดีกว่าครับ ให้สาวๆสองคนนั้นปรนนิบัติไปละกัน" ผมรีบปฏิเสธไปด้วยไม่อยากไปแก่งแย่งชิงดีชิงเด่นกับใคร เพราะรู้สึกว่ามันดูไร้สาระ

"ได้ไง คนของเราต้องแสดงความเป็นเจ้าของสิ" แต่พี่รันดูเหมือนจะไม่ชอบใจคำตอบของผมเท่าไหร่ เขายังยัดขวดน้ำเย็นไนั้นมาไว้ในมือผม แล้วก็ผลักผมให้เดินไปในทิศทางที่คนตัวสูงยืนอยู่อีก

"จะดีหรอครับ"

"ไปเหอะน่า เชื่อพี่"

"ก็ได้ครับ"

"ขอบใจนะเบลล่า ขอบใจเธอด้วยมิน แต่เผอิญชอบดื่มน้ำเปล่ามากกว่า คุนเอาน้ำมาให้พี่ใช่มั้ย มาป้อนพี่หน่อยมือพี่เปื้อน" พี่แฟงพูดขึ้นทันทีที่ผมเดินมาใกล้ เจ้าตัววางค้อนกับไม้ในมือลงก่อนจะอ้าปากรับน้ำจากมือผมที่เอียงขวดให้เขาได้ดื่มได้สะดวกๆ

"ชื่นใจจัง ออกมาจากร่มทำไมไม่ใส่หมวก เอาของพี่ไปใส่ก่อน" พี่แฟงขมวดคิ้วเมื่อเห็นว่าผมเดินออกมาตัวเปล่า ก่อนจะถอดหมวกบนหัวตัวเองมาสวมให้ผมในทันที

"ขอบคุณครับ"

"ทากันแดดรึยังเดี๋ยวผิวก็เสียหมด" มือหนายื่นมาลูบแขนผมเบาๆ เหมือนจะเช็คดูว่ามันลื่นเพราะทากันแดดมารึยัง

"ทาเรียบร้อยตั้งแต่เช้าแล้วครับ"

"เค งั้นไปนั่งรออยู่ในร่มกับนิรันดร์ไป ตรงนี้มันร้อน พี่เป็นห่วง หน้าแดงหมดแล้ว เป็นไข้แดดขึ้นมาแล้วจะแย่เอา" พี่แฟงยื่นมือมาจับหมวกให้ขยับเข้าที่อีกครั้ง ก่อนจะจับแกมผมที่คงจะแดงระเรื่อเพราะความร้อนจาดแดดที่แผดเผาบอดไปมาอยู่สักพัก พรางผลักหลังผมเบาๆให้เดินกลับไปยังใต้อาคารที่มีพี่รันนั่งคอยอยู่

สองสาวคงจะทนกับภาพบาดตาไม่ไหว รีบสะบัดตูดเดินหายไปคนละทิศคนละทาง ขวดน้ำแดงถูกโยนทิ้งไว้กับพื้น พร้อมกับขันน้ำกระเจี๊ยบที่ถูกวางไว้ตรงขอบหน้าต่างอย่างไม่ใยดี

"เสน่ห์แรงจังเลยนะครับ" ผมรีบหันไปแซวพี่แฟงทันทีที่ผู้หญิงสองคนนั้นหายไปจากจอเรดาร์

"ทำด๊า คนมันหล่อ" คนที่บริหารเสน่ห์อยู่เมื่อครู่ตอบกลับมาด้วยท่าทางที่ชวนให้ถูกหยอดจมูกสุดๆ คนอะไรจะต้องมีความมั่นใจในเบ้าหน้าตัวเองเบอร์นั้น โอเคแหละ รู้ว่าหล่อ แต่ถ่อมตัวบ้างก็ได้ แล้วแค่มาออกค่าอาสาก็ไม่เห็นต้องแต่งตัวหล่อดูดีขนาดนี้เลยนี่นา

"อย่าให้เห็นนะว่าเล่นด้วยกับผู้หญิงพวกนั้นนะ" ผมหันมาจ้องหน้าคาดโทษคนที่ยืนจับหมวกสีขาวบนหัวผมก่อนจะพูดเน้นย้ำทุกคำในประโยคนั้นออกมาช้าๆ

"จะทำไม" อีกฝ่ายทำตาโตขึ้นมาทันที เหมือนจะกลัว ที่ถูกผมคาดโทษ ถ้าไม่ติดรอยยิ้มตรงมุมปากของพี่แฟงผมคงเชื่อว่าพี่เขาคงกลัวผมจริงๆ

"อยากรู้ก็ลองทำดูสิครับ" โอเค อยากรู้ก็ลองทำดูสิครับคุณลภัส! ผมเดินออกไปทันที ปล่อยให้อีกคนยืนยืนยกยิ้มกวนๆอยู่ที่เดิม เห็นน้องคุนเป็นคนง่ายๆไม่อะไรมากแบบนี้ แต่กับเรื่องบางเรื่องน้องคุนไม่ใช่คนใจดีนะบอกไว้ก่อน

.
.
.
.

"นี่นาย มาคุยกันหน่อยสิ" เสียงแหลมแสบแก้วหูดังขึ้นข้างหลังผมในขณะที่ผมยืนล้างมืออยู่ข้างอาคารเรียนที่อยู่ห่างจากศาลาหลบร้อนมาไม่ไกลนัก

"นาย เรียกไม่ได้ยินรึไง หูหนวกหรอ"

"เรียกผมหรอครับ" ผมหันไปตามเสียงเรียก พยายามมองซ้ายมองขวาดูว่ามีใครอยู่ตรงนี้อีก เธอคงเรียกผมแหละ แต่พอดีผมๆไม่ได้ชื่อนายไงเลยไม่ได้หัน

"ใช่สิ ถ้าไม่ใช่นายจะให้เรียกใครยะ ก็เห็นอยู่ว่ามีนายยืนอยู่ตรงนี้คนเดียว" พี่มินตราเดินเข้ามาใกล้พร้อมกับเอามือเท้าสะเอว น้ำเสียงเธอดูไม่พอใจสุดๆ ส่วนที่ยืนอยู่ด้านหลังก็ดูท่าทางหาเรื่องพอๆกัน

"นี่ชื่อคุน ไม่ใช่นายนะ" ผมชี้มือเข้าหาตัวเอง พร้อมเอ่ยบอกเธอว่าผมอะ ชื่อคุน ไม่ใช่ นาย ซะหน่อย ไปได้ยินมาจากไหนกันว่าน้องคุนชื่อนายอะ งงใจ

"ต๊ายยย กวนชั้นรึไง" อ้าว ไหงเป็นงั้นไป

"คุนเปล่า"

"ก็ได้ จะเล่นแบบนี้ใช่มั้ย ไม่คงไม่คุยมันแล้ว ตบเลยละกัน" ยังพูดไม่ทันจบประโยคเธอก็พุ่งเข้ามาหาผมง้างมือเหวี่ยงสุดแรงทันทีเลยครับ ส่วนผมก็รีบเบี่ยงตัวหลบ แล้วก็ร้องออกไปด้วยความแปลกใจปนตกใจหน่อยๆ

"นี่พี่มิน จะทำอะไรนะ"

"ว้าย แกกล้าหลบชั้นหรอ อ้ายยย เจ็บ ไอ้เด็กเวร" อ้าว ก็ตัวเองพุ่งมาใส่เค้า จะให้เค้ายืนเฉยรึไง ตลกแล้วนะครับเนี่ย พี่มินที่พุงชนที่ล้างมือที่ก่อขึ้นมาเป็นปูนลุกขึ้นยืนเต็มความสูง หน้าตาที่เคยดูสะสวยตอนนี้ถูกแทนที่ด้วยความเกรี้ยวกราดเต็มรูปแบบ

 "มานี่เลยนะ แฟงนะเป็นคนรักของชั้นมาก่อน แกมาทีหลังไม่มีสิทธิ์มาแย่งเค้าไป" อ้อ ที่แท้ก็มาแสดงความเป็นเจ้าของนี่เอง

"อ้าว ก็พี่จะเข้ามาทำร้ายคุน จะให้คุนยืนอยู่เฉยๆรึไง"

"ปากดีนักนะแก มาแตร์จับมัน พี่จะตบมัน อ่อยแฟงดีนัก ชอบยุ่งกับของคนอื่นนักใช่มั้ย ฮะ?!" เธอพูดขึ้นเสียงแหลม ส่วนผู้หญิงอีกคนที่มาด่วยกันก็เข้ามาจับแขนทั้งสองข้างของผมไว้ ด้วยส่วนสูงที่ไม่ต่างกันนักจากการที่สั้งสองคนใส่รองเท้าผ้าใบเพิ่มความสูงทำให้มาแตร์ล๊อคแขนทั้งสองข้างของผมไว้ได้อย่างง่ายดาย ทั้งยังบีบรัดข้อมือทั้งสองข้างผมไว้อย่างแรงอีก ผู้หญิงอะไรแรงเยอะชะมัด ทำอย่างกับผมเป็นผู้ร้ายอย่างนั้นแหละ เจ็บข้อมือไปหมดแล้วเนี่ย ส่วนพี่มินตราก็ยืนออกคำสั่งอยู่นั้น ก็รีบสาวเท้าเข้ามาพร้อมง้างมือข้างขวาของเธอขึ้นเหวี่ยงสุดแรง

ป๊าบ!

"ว้าย พี่มินตบหน้ามาร์ทำไมเนี่ย" มือที่ตั้งใจเหวี่ยงมาที่ใบหน้าขอผมถูกสัมผัสเข้ากับใบหน้าคนที่ล๊อคแขนสองข้างผมเต็มๆ เพราะผมเบี่ยงหน้าหลบ

"พี่ไม่ได้ตั้งใจ ไอ้เด็กนี่มันเบี่ยงหน้าลบมือพี่ จับมันดีๆมาแตร์ พี่หมั่นใส้มันจริงๆ ทำท่าไร้เดียงสาให้แฟงเทคแคร์อยู่นั่นแหละ" คนที่ถูกตบร้องโวยวายออกมาเสียงดังก่อนจะปล่อยแขนสองข้างของผมออกจากการจับกุม ส่วนพี่มินตราที่สะบัดแขนสุดแรงเกิดหน้าเสียขึ้นมาทันทีทีีใ่าฝ่ามืออรหันต์ของเธอพลาดเป้าอย่างไม่น่าให้อภัยแบบนั้น สองสาวยืนทะเลาะกันอยู่อย่างนั้นสักพัก

"ทำอะไรกัน"

"แฟงคะ แฟง แฟงมาพอดีเลย ไอ้เด็กนี่มันรังแกมินกับน้อง" อะไรกัน นี่บีบน้ำตาหรอ พี่มินตรานี่ยิ่งกว่านักแสดงในละครหลังข่าวอีกนะเนี่ย เมี้ยกี้ยังกรี้ดๆใส่หูผมอยู่เลย ทำไมตอนนี้ทำตัวอ่อนแอวิ่งเข้าไปเกาะแขนพี่แฟงไว้แบบนั้นละ

"หือ?"

"ดูสิคะเข้ามินถลอกเลย ส่วนบนหน้ามาแตร์ก็มีรอยฝ่ามือด้วย" ผมก้มลงไปมองเข้าพี่มินตราที่มีเลือดไหลซึมออกมา อ้าว นี่เป็นแผลตอนไหนกัน ผมยังไม่ได้ทำอะไรเลยนะครับ หรือว่าตอนที่ล้มลงไปโดนอ่างล้างมือ

"..."

"เจ็บจังเลยคะแฟง แฟงต้องเอาคืนให้มินนะคะ มาทำร้ายกันแบบนี้มินไม่ยอมจริงๆด้วย" สองสาวฟ้องพี่แฟงใหญ่เลยครับว่าตัวเองเจ็บตรงนั้นทีตรงนี้ที ส่วนพี่แฟงเองก็มองแผลของหญิงสาวสลับไปมา ผมมองละครฉากน้ำเน่าตรงหน้าไปพรางส่ายหัวไปด้วย ถ้าพีาแฟงเชื่อสองคนนี้ขึ้นมาบอกไว้เลยว่าคุนจะไม่พูดกับพี่แฟงอีกเลยตลอดชีวิตคอยดู

"ใช่ทำร้ายกันแบบนี้ ไม่ควรปล่อยไว้" อ้าว นี่พี่แฟงเชื่อสองคนนี้งั้นหรอ ทำไมทำแบบนี้ น้องคุนผิดหวังนะครับ ใจมันเจ็บแปล๊บขึ้นมาทันทีที่พี่แฟงพูดแบบนั้นออกมา

"จัดการเลยคะแฟง จัดการให้มินเลย" สองสาวดูท่าจะพอใจ ดูสิ ยิ้มเยาะเย้ยผมใหญ่ ไม่ชอบเลยที่ต้องมาอยู่ในสถาณการณ์ไร้สาระแบบนี้ ผมหันหลังจะเดินออกไปจากตรงนั้น ไม่แก้ตัว ไม่ขอโทษ ไม่อะไรทั้งใน ใครอยากคิดอะไรก็คิดไป ใครอยากเชื่ออะไรก็เชื่อไปเถอะ

"ผมว่าผมต้องจัดการพวกคุณมากกว่าที่มาทำให้ข้อมือแฟนผมเป็นรอยแดงเถือกขนาดนี้" แต่พอผมก้วเดินไปเพียงสามก้าว พี่แฟงก็เดินมายกข้อมือผมขึ้นมาพร้อมกับพูดประโยคที่ผมไม่คิดว่าจะได้ยินออกไป

"แฟง!"

"เจ็บตรงไหนอีกรึเปล่า" ผู้ชายที่ยืนข้างผมคนนี้เอามือโอบเอวผมไว้แล้วดึงตัวเข้ามาใกล้ ก่อนจะจับผมหมุน 360° เพื่อดูว่าผมมีรอยฟกช้ำตรงไหนเพิ่มเติมอีกหรือเปล่า และนั่นทำให้ผมที่เศร้าไปสองนาทีกลับมายิ้มได้เหมือนเดิม พี่แฟงไม่เคยทำให้คุณผิดหวังจริงๆเลยนะครับ

"ไม่ครับ"

"ภายนอกเสื้อผ้าไม่มีรอย แล้วข้างในละมีรึเปล่า"

"ไม่มีครับ"

"แน่นะ"

"อื้อ แน่สิ"

พี่แฟงจังคางผมเลยขึ้นก่อนจะถามย้ำให้แน่ใจว่าผมไม่ได้เป็นอะไรจริงๆ เขาคงเป็นห่วงผมพอดู เพราะดูจากสีหน้าท่าทางแล้วดูไม่สบอารมณ์พอสมควร พูดตามตรงเลยนะครับ แม้พี่แฟงจะพูดจาห่ามๆหยาบคายตลอดเวลา แต่ผมยังไม่เคยเห็นพี่แฟงดูหงุดหงิดขนาดนี้มาก่อนถ้าไม่นับรวมเรื่องพี่ศักนะครับ

"นี่แฟงเป็นเกย์ตั้งแต่เมื่อไหร่"
อ้าว สองคนนี้ยังอยู่อีกหรอเนี่ย นึกว่าวิ่งหนีไปแล้วเสียอีก
พี่มินตราพูดขึ้น ไม่รู้ว่าผมรู้สึกไปเองรึเปล่า แต่ยิ่งฟังเสียงเธอทีไร เหมือนมันแสบแก้วหูทุกที


"ใครบอกว่าผมเป็นเกย์" พี่แฟงถามไปเหมือนคนไม่ค่อยสนใจนักเพราะมัวแต่จับข้อมือผมมาลูบรอยแดงๆอยู่นั่นแหละ คือตอนแรกน้องคุนไม่ได้เจ็บหรอกนะ มาเริ่มเจ็บตอนพี่แฟงลูบนี่แหละครับ

"ก็แฟงบอกว่าเป็นแฟนกันมัน มันเป็นผู้ชายนะ แฟงชอบผู้ชายตั้งแต่เมื่อไหร่ แฟงต้องชอบผู้หญิงสิ!" อ้าว แล้วพี่มินตราเป็นไรอีกละครับเนี่ย ตะโกนซะหูแทบชา เป็นผู้หญิงที่ไม่น่าเอามาเป็นเพื่อนจริงๆเลยเธอคนนี้เนี่ย

"ผมไม่ได้ชอบผู้ชาย แต่ผมชอบคุน และมันก็เป็นเรื่องส่วนตัวของผม ส่วนคุณสองคนถ้าผมเห็นว่ายังมาวุ่นวายกับคนของผมอีก อย่าหาว่าผมไม่เตือน" อุ้ย เขินอะ ผมชอบคำตอบนี้นะ เพราะผมเองก็ไม่เคยชอบผู้ชาย ไม่คิดชอบผู้ชายคนไหนเลยด้วยซ้ำ แต่ผมดันชอบพี่แฟง ถ้าหากถามว่าในอนาคตถ้าเราเลิกกันผมจะไปคบผู้ชายคนอื่นอีกมั้ย คงตอบได้เลยว่าไม่ แปลกดีเหมือนกันนะครับ ความรักมันเข้าใจยากชะมัด

"คุนไปกัน" พอพูดจบ พี่แฟงก็โอบเอวผมแล้วพาเดินออกมาจากตรงนั้นทันที

"เอ่อ ครับ"

ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นหลังจากนั้น ผมไม่ได้หันไปดู พี่แฟงก็เหมือนกัน แต่ผมได้ยินเสียงผู้หญิงร้องไห้แล้วก็กรี้ดเสียงดัง ทำให้มีใครหลายคนวิ่งมาแถวนี้เพื่อมาดูว่าเกิดอะไรขึ้น ผมจะหันหลังไปดูแต่ก็ถูกคนที่โอบเอวผมห้ามไว้ก่อน

.
.
.
.


"แดงมากเลย เจ็บรึเปล่า" เราสองคนเข้ามานั่งในซุ้มพยาบาลที่ทางค่ายจัดเตรียมไว้สำหรับใครที่ไม่สบาย พี่แฟงที่กำลังหยิบยาที่เป็นเหมือนเจลใสๆมานวดที่ข้อมือผมเบาๆ ไม่น่าเชื่อนะครับว่าผู้ชายตัวโตดูบึกบึนอย่างพี่แฟงเนี่ยเวลาทำหน้าที่หมอแล้วโคตรจะอ่อนโยน มือนิ่มมากเลยครับ นวดข้อมือคุนนี่คุนยังไม่รู้สึกเลยด้วยซ้ำ

"ตอนแรกก็เจ็บ แต่ตอนนี้ไม่เจ็บแล้วครับ"

"ทายากันไว้ดีกว่า เดี๋ยวมันจะช้ำกว่าเดิม" เขาหยิบยาอีกหลอดมาบีบใส่นิ้วแล้วบรรจงทามันลงข้อมือที่แดงเถือกเป็นรอยนิ้วทั้งห้านิ้วเบาๆ ผมมองข้อมือตัวเองแล้วก็ยังสงสัยอยู่เลยว่ามันแดงขนาดนี้เลยหรอ ทำไมไม่ได้รู้สึกเจ็บอะไรเลยสักนิด

"โอเค"

"ไม่มีตรงไหนที่มีแผลอีกจริงๆใช่มั้ย"

"ไม่มีครับ"

"ทำไมไม่สู้ ปล่อยให้สองคนนั้นมาทำแบบนั้นได้ไง" มือหนายื่นมาขยี้หัวผมที่ถูกถอดหมวกออกแล้ว ไม่เพียงเท่านั้น พี่แฟงยังดึงเก้าอี้ผมเข้ามาใกล้อีกต่างหาก นี่น้องคุนตัวเบาขนาดนั้นเลยรึไง ถึงขนาดที่พี่แฟงใช้มือข้างเดียวดึงเก้าอี้ที่คุนนั่งอยู่ให้เคลื่อนได้เนี่ย

"ก็ผมเป็นผู้ชาย ผู้ชายจะทำร้ายผู้หญิงได้ยังไงครับ" ผมตอบไปตามจริง แม้จะเรียนการต่อสู้มาแต่เด็ก แต่กับผู้หญิงเราก็ไม่ควรจะใช้กำลังด้วย แล้วอีกอย่าง สองคนนั้นก็ยังไม่ได้ทำอะไรที่มันเรียกว่าทำร้่ยร่างกายคุนด้วยซ้ำ เพราะถ้าเกิดทำขึ้นมา คุนคงไม่ยอมอยู่เฉยๆเหมือนเมื่อครู่หรอก

"ก็ไม่ต้องถึงขั้นทำร้าย แค่ไม่ต้องปล่อยให้ผู้หญิงพวกนั้นมารังแกแบบนี้" พี่แฟงก้มหน้่าลงมา ดวงตาเราสองคนอยู่ในระดับเดียวกัน แววตาพี่แฟงดูจริงจังมาก

"คุนก็กำลังจะตอบโต้อยู่พอดี แต่พี่แฟงเข้ามาก่อน"

"เฮ้อ วันหลังก็ตอบโต้ไปเลยจะรอทำไม"

"ก็รอฟังว่าสาวๆในคลังพี่แฟงจะคายความลับอะไรออกมาบ้างไงครับ" ผมรู้ว่าพี่แฟงเป็นห่วง แต่ผมจัดการได้จริงๆนะ ที่ปล่อยให้มันเป็นไปแบบนั้นเพราะอยากรู้เหมือนกันว่าพี่มินตราเคยมีความสัมพันธ์อะไรกับพี่แฟงถึงได้ออกตัวแรงเบอร์นั้น

"ความลับอะไรไม่มีหรอก อยากรู้อะไรก็ถามกูมาตามตรง กูไม่คิดจะมีความลับกับมึงอยู่แล้ว แล้วตอนนี้กูก็มีแค่มึงไม่ได้มีใคร ตรงนี้แสบมั้ย" เราอยู่จักกันมาหลายเดือน พี่แฟงไม่ได้โกหกอะไรคุนเลย ยกเว้นเรื่องคอนโด ถามอะไรไปเขาก็ตอบหมดไม่เคยปิดบัง ขนาดเรื่องที่ตัวเองเคยชอบพี่มายด์เวย์เขายังบอกผมเลย ขนาดพี่นาทียังไม่รู้เลยนะเรื่องนี้ขอบอก

"ไม่แสบครับ"

"มีรอยเล็บ" เขาจับไปที่คอของผมแล้วบีบเจลใสๆหลอดแรกมาทา

"อ้าวหรอ ไม่เห็นรู้สึกเลยครับ" ตอนแรกไม่รู้สึกแสบเลยครับสารภาพตรงนี้ แต่พอโดนยาเข้าหน่อยแสบขึ้นมาเลยนะครับคุณแผล!

"มีรอยเล็บสองรอย"

 "จะว่าไปสาวๆที่หลงเสน่ห์พี่นี่เยอะเหมือนกันนะครับ"

"ก็บอกแล้วว่ากูอะหล่อมาก"

"ชักจะหล่อเกินไปซะแล้วสิ หรือคุนจะยอมแพ้ดี"

"เฮ้ย ไม่เอาดิ มึงจะยอมแพ้ทำไม" แค่ผมแกล้งพูดว่าจะยอมแพ้เข้าหน่อย พี่แฟงก็คิ้วผูกโบว์ขึ้นมาทันที แถมยังมีสีหน้าจริงจังขึ้นมากว่าเดิมหลายเท่าตัว พูดตรงนี้เลยนะครับ ว่าน้องคุนไม่ยอมแพ้ใครหรอก ถ้าเป็นอะไรที่คุนรักคุนจะสู้เพื่อถนอมมันเอาไว้ และบอกไว้ตรงนี้เลยว่าคุณเป็นคนหวงของที่สุด!

"ก็สาวๆพี่เยอะเกิน คุนเหนื่อยตามเก็บกวาด" ผมแกล้งทำหน้าสิ้นหวังให้อีกฝ่ายตกใจเล่น ตอนนี้ยังไม่เหนื่อยหรอกครับ กำลังสนุกพอดีเลยแหละ เวลาเห็นสาวๆของพี่แฟงมาเหวี่ยงวีนใส่แบบนี้ มันดูตลกดีครับ เหมือนดูละครน้ำเน่าแบบไลฟ์สดเลย แต่ถ้ามันมากขึ้นกว่านี้คุนคงตลกไม่ออกแน่ๆครับ

"มึงไม่ต้องทำอะไรทั้งนั้นแหละ แค่มึงอยู่เฉยๆมึงก็ชนะคนพวกนั้นแล้ว เพราะกูรักมึง กูไม่ได้รักคนอื่น" อ้าว แทนที่จะได้แกล้งเขา ตัวเองกลับโดนซะเอง เขินเลยทีนี้ ชอบอะ แค่อยู่เฉยๆคุนก็ชนะแล้ว ฟังแล้วใจบ่อดี! พูดไม่พอยังก้มหน้าลงมาหอมหน้าผากคุนอีก พี่แฟงนี่น้าาา ชอบทำให้หัวใจคุนเต้นแรงตลอดเลย ไม่ไหวไม่ไหว สักวันคุนจะต้องเป็นโรคหัวใจแน่ๆ ขอน้องคุนลงไปนอนตายแป๊บนะครับ

"คะ ครับ"
.
.
.
.
.

#คุนแฟง

by ppeachmm

ออฟไลน์ p_phai

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2302
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +154/-6

ออฟไลน์ psychological

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 253
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +41/-0

ออฟไลน์ Ppeachmm

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 56
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +21/-0
---ตอนที่ 35---

หลังทำการปฐมพยาบาลข้อมือทั้งสองข้างกับต้นคอรอยเล็บข่วนเสร็จเราก็เดินกลับไปที่ศาลาพักที่พี่รันนั่งรออยู่ก่อนแล้ว

"คุน" แต่พี่แฟงก็เรียกผมเอาไว้ก่อนที่ผมจะเดินเข้าไปข้างใน

"หือ?"

"อยู่ต่ออีกคืนสิ มีมึงนอนกอดแล้วอุ่นสบาย อากาศกลางคืนมันหนาวมึงก็รู้นี่นา"

"อื้อ แต่คุนต้องถามพี่รันก่อนครับ ไม่รู้ว่าพี่รันมีธุระต้องรีบกลับรึเปล่า" ไม่ใช่ไม่อยากอยู่นะครับแต่คุนเอาเสื้อผ้ามาแค่ชุดเดียว แล้วก็เกรงใจพ่อพี่แฟงด้วย ท่านน่าจะต้องกลับไปทำงานเหมือนกัน

"ก็ให้นิรันดร์กลับไปก่อน อีกสองวันค่อยให้คนมารับก็ได้"

"แล้วอาจารย์จะไม่ว่าหรอครับ"

"ไม่ว่าหรอก เจ้จูเป็นเพื่อนกับนิรันดร์ เดี๋ยวกูจัดการเอง"

"อื้อ เอางั้นก็ได้ครับ"

"อย่าเพิ่งไป มาให้กอดก่อน"

"ไม่เอา เดี๋ยวมีคนเห็น"

"เค้าก็เห็นกันจนเบื่อแล้วมั้ย มานี่"

.
.
.
.
.

พอเข้ามาในศาลาพี่แฟงก็เดินตรงเข้าไปคุยกับพี่รันและอาจารย์จุไรรัตน์ที่นั่งอยู่กันอยู่ก่อนหน้านั้นทันที ส่วนคุนนั้นเดินไปที่ส่วนด้านหลังของศาลาเห็นพี่ๆกำลังนั่งตัดกระดาษกันอยู่เลยเดินเข้าไปช่วย พี่ๆบอกว่ากำลังทำว่าวไว้ให้เด็กไปในหมู่บ้านเล่นกันในช่วงเย็น มีกระดาษสีสันหลากตาเต็มไปหมด เพราะคุนไม่มีอะไรทำอยู่แล้วเลยอาสาเป็นคนทากาวเอากระดาษแปะใส่โครงไม้ที่ดัดขึ้นมาเป็นรูปว่าวหน้าตาสวยงาม แต่จู่ๆก็มีเสียงโวยวายดังแสบแก้วหูดังขึ้นมาตรงส่วนที่อาจารย์ตุไรรัตน์กับพี่รันอยู่ ทำให้พวกเราสามสี่คนที่นั่งประกอบว่าวอยู่ต้องหันไปดูที่ต้นเสียง

"อาจารย์จะทำแบบนี้ไม่ได้นะคะ จะให้คนนอกมายุ่งวุ่นวายกับค่ายเราได้ยังไงกัน" เสียงพี่มินตราครับ เธอแผดเสียงอยู่ จากที่ไม่มีใครสนใจตอนนี้คนในศาลาหันมามองเธอเป็นตาเดียว เก่งจังเลยนะครับที่ชอบทำตัวเป็นจุดสนใจเนี่ย ไม่เจ้าใตเหมือนกันว่าคนที่อายุขนาดนี้บวกกับมีการศึกษาแบบเธอทำไมถึงชอบแสดงกิริยาเกรี้ยวกราดให้คนอื่นเห็นตลอดเวลา ไม่รู้ว่าโตมาภายใต้การเลี้ยงดูแบบไหนกัน

"ใครกันที่เธอว่าเป็นคนนอกหรอมินตรา" อาจารย์จุไรรัตน์ที่กำลังจัดการกับกองเอกสารอยู่ถึงกับเอ่ยเสียงแข็งขึ้นมาทันที ปกติอาจารย์เป็นคนดุอยู่แล้วนะครับจากที่พี่แฟงเคยเล่าให้ฟัง พอเริ่มทำเสียงเย็นชาแบบนี้ ผมนี่รู้สึกเสียวสันหลังวาบเลยละครับ แต่คนต้นเรื่องกลับไม่รู้สึกสะทกสะท้านอะไรเลย

"ก็ไอ้เด็กหน้าขาวนั่นไงละคะอาจารย์ จะให้อยู่ต่อจนจบค่ายไม่ได้นะคะมินไม่ยอม" แถมยังชี้นิ้วมาที่ผมที่นั่งอยู่ตรงนี้ด้วย อ้าว แล้วน้องคุนเกี่ยวอะไรด้วย พอรู้ว่าตัวเองเป็นประเด็นในบทสนทนาก็ตั้งใจฟังจึ้นมาทันทีเลยละครับ ส่วนพี่ๆที่นั่งอยู่ด้วยกันก็ยอกเบาๆว่าไม่ต้องไปสนใจเพราะพี่มินตราขี้โวยวายแบบนี้ตลอด ลํกนักการเมืองที่พ่อตามใจก็แบบนี้แหละ น้องคุนเลยถึงบาวอ้อยึ้นมาเลยละครับ พ่อแม่ตามใจมากเลยเป็นแบบนี้สินะ พ่อแม่รังแกฉันแท้ๆเลย

"ทำไมเด็กคนนั้นถึงจะอยู่ไม่ได้เธอช่วยบอกอาจารย์ทีสิ"

"ก็อาจารย์บอกเองว่าห้ามให้คนนอกมาร่วมเข้าค่ายนี้"

"เธอเองก็เป็นคนนอก" อาจารย์จุไรรัตน์พูดข้อเท็จจริงออกมา จะพูดไปตามตรงเธอก็เป็นคนนอกคณะจริงๆแหละครับเพราะพี่นาทีบอกว่าเธออยู่คณะบัญชีไม่ใข่นักศึกษาคณะแพทย์เหมือนคนอื่นๆ

"แต่พ่อมินเป็นบริจาครายใหญ่นะคะ"

"แล้วยังไง" ดูเหมือนขีดความอดทนของอาจารย์ใดล้จะหมดลงเต็มที

"ก็เพราะพ่อมินบริจาคเงินให้โครงการนี้ตั้งหนึ่งแสนมินก็ต้องมีสิทธิ์มาร่วมค่ายนี้สิคะ"

"ถ้าบริจาคเงินแล้วมีสิทธิ์อยู่ช่วยค่ายอาสาครั้งนี้ ถ้างั้นคุนของผมก็มีสิทธิ์อยู่ในค่ายนี้เหมือนกันสินะ" เสียงของพี่รันดังขึ้นขัดจังหวะมินตราที่กำลังแหวใส่อาจารย์จุไรรัตน์อยู่ พี่รันที่นั่งนิ่งมาตั้งแต่แรกลุกขึ้นยืนเต็มความสูงพรางบิดไหล่เหมือนคนบิดขี้เกียจเวลาที่นั่งท่าเดิมนานนาน ก่อนจะเดินเข้าไปหาพี่มินตราที่ตอนนี้ทำหน้าเหรอหราอยู่ ผมไม่เข้าใจพี่มินตราเลยจริงๆ ทำไมต้องแสดงท่าทางเสียมารยาทกับผู้ใหญ่แบบนั้นด้วย

"นิรันดร์" พี่แฟงที่ยืนอยู่ข้างพี่รันเดินตามมาทันทีก่อนจะถูกพี่รันรั้งไว้ เหมือนบอกว่าเรื่องนี้เขาจะจัดการเองพี่แฟงอย่าเข้ามายุ่ง

"ใช่รึเปล่าจุไรรัตน์" แต่พอเดินมาหยุดตรงหน้าพี่มินตราพี่รันก็หันไปถามอาจารย์จุไรรัตน์

"ตามนั้น"

"เพราะผมบริจาคให้ค่ายนี้สามแสน คนของผมก็มีสิทธิ์อยู่ในค่ายนี้เหมือนกันใช่มั้ยครับอาจารย์จุไรรัตน์"

"ใช่"

"ห๊ะ ว่ายังไงนะ บริจาคสามแสน?" ดูเหมือนพี่มินตราจะตกใจกับข้อมูลใหม่ที่ได้รับน่าดู ผมเองก็ยังตกใจเลยครับที่พ่อพี่แฟงบริจาคให้กับสโมสรนักศึกษาแพทย์มากมายขนาดนั้น ไม่แปลกใจเลยที่อาจารย์ให้การต้อนรับพี่รันเป็นอย่างดี

"ใช่ เธอฟังไม่ผิดหรอก คุณนิรันดร์บริจาคให้เราสามแสน เป็นผู้บริจาครายใหญ่เลยแหละ แล้วก็เลิกคิดสักทีนะว่าคุณพ่อของเธอเป็นผู้บริจครายใหญ่ เพราะคุณนิรันดร์เค้าบริจาคมากกว่าและที่สำคัญคือไม่ทำตัววุ่นวายด้วย เชิญคุณนิรันดร์กับน้องคุนตามสบายเลยนะคะ จะอยู่กี่วันก็ได้เอาที่สะดวกเลยคะ ไม่ต้องสนใจเสียงนกเสียงกา" อาจารย์เอ่ยแล้วหันมายิ้มให้พี่รันก่อนจะหยิบเอกสารที่วางไว้บนโต๊ะแล้วเดินออกไปโดยไม่สนใจเสียงโวยวายตามหลังของพี่มินตรา

"อาจารย์!" พี่มินตราหวีดเสียงดังลั่นก่อนจะเงียบลงเมื่อพี่รันหันไปมองหน้า สำหรับผมพี่รันดูเป็นคนใจเย็นและใจดีตลอดเวลาตอนนี้กลับดูไม่สบอารมณ์อย่างเห็นได้ชัด พี่มินตรานี่เก่งมากเลยนะเนี่ยที่ทำให้พี่รันหงุดหงิดได้ขนาดนี้

"อะไรกันนิรันดร์ ทำไมบริจาคเยอะขนาดนั้น" อ้าว นี่พี่แฟงก็ไม่รู้เรื่องหรอเนี่ย

"อ้าว  มีปากก็ร้องไป ส่วนกูมีตังค์ก็เปย์ไปก็แค่นั้น กูเป็นพวกโอนเก่งมึงก็รู้ กูพอใจจะเปย์ให้ลูกกูที่ร้องเต้นวิบวับ ใส่เพชรเม็ดเป้งไม่ได้รึไง"  พี่รันละสายตาจากพี่มินตราก่อนจะหันมายิ้มให้ลูกชายตัวเอง และเหมือนเขานึกอะไรสนุกขึ้นมาได้ สีหน้าหงุดหงิดฉายแววสนุกสนานขึ้นมาทันที อ้าว ทำไมเปลี่ยนอารมณ์ง่ายแบบนั้นละครับเนี่ย

"นิรันดร์!"

"เพชรผมวิบ วิบ วิบ เพลงผม hit hit hit ~~~~"

คนลูกร้องห้าม ส่วนคนพ่อก็ยิ่งร้องดังขึ้น

อืม....

อ้อ เข้าใจละครับ ที่แท้ก็พอใจในการแสดงของลูกชายสุดที่รักนี่เอง สงสัยพี่รันจะเป็นหนึ่งในผู้ชมที่มียอดวิวสูงสุดใกล้เคียงกับผม นอกจากจะร้องท่อนที่พี่แฟวร้องได้แล้ว ยังเต้นได้อีกต่างหาก ดูสิครับพลิ้วเชียว นี่สี่สิบกว่าจริงๆหรอเนี่ย ให้ตายเถอะไม่น่าเชื่อเลยจริงๆ แล้วดูนะครับส่วนในหมู่บ้านนี่เอาจ้ำกับขนมมาฝากพี่รันตั้งแต่เช้าแล้ว ตอนนี้กลายเป็นแดดดี้หนุ่มที่เป็นที่หมายปองของสาวๆกลางดอยนี้ไปเสียแล้ว

"หยุดร้องได้แล้ว" แต่รู้สึกว่าคนที่อยู่ในคลิปจะดูไม่ค่อยสบอารมณ์เท่าไหร่นัก ดูทำหน้าเข้าสิครับ คิ้วผูกโบว์พร้อมบวกชัดๆ แต่พี่แฟงจะทำแบบนั้นไม่ได้นะ นั่นพ่อนะพี่!

"เออๆ หยุดก็หยุด กูไปนั่งดูคลิปกับคุณก็ได้ มึงแม่งไม่เข้าใจกูเลย กูไปเที่ยวกับลูกคนใหม่ของกูดีกว่า คุนไปเดินเล่นในหมู่บ้านกัน ไปเร็วผู้ใหญ่บ้านบอกท้ายหมู่บ้านมีไร่ชาสวยเชียว แดดหมดแล้วไม่ร้อนแล้ว ปะไปกัน"

"เอ่อ ครับผม" ผมหันไปหาพี่ๆที่นั่งทำว่าวอยู่ด้วยกันเป็นเชิงถามว่าผมไปได้มั่ยเพราะตอนนี้เรายังทำว่าวกันไม่เสร็จเลยครับแต่พี่ๆก็บอกว่าให้ผมไปได้เพราะเหลืออีกไม่กี่ชิ้นก็เสร็จแล้ว ผมเลยลุกขึ้นปัดเศษฝุ่นออกจากกางเกงก่อนจะเดินมาหาพี่รันที่ยืนอยู่ข้างพี่มินตราที่ยืนมองน้องคุนตาเขียวปั๊ด ก่อนหันไปถามพี่แฟงด้วยสายตาว่าผมไปได้มั้ย อีกฝ่ายก็พยักหน้ากลับมาบอกว่าไปได้

"ส่วนเธอ อย่าให้เห็นว่าเข้ามาวุ่นวายกับคุนอีก ไม่งั้นอย่าหาว่าผู้ใหญ่รังแกเด็กละกัน แล้วก็จำไว้ด้วยว่าคุนนะลูกสะใภ้ผม ถ้าไม่ใช่คนนี้ผมก็ไม่เอา"

"พี่รัน" พี่รันโอบไหล่ผมไว้ ก่อนจะพาผมเดินออกไปจากตรงนั้น ส่วนพี่มินตราก็ยืนอ้าปากค้างอยู่ตรงนั้นไม่ยอมขยับไปไหน อู้ยย แต่ที่พี่รันพูดเมื่อกี้นี่น้องคุนเขินนะครับ แอบเหลือบไปมองหน้าพี่แฟงนิดหน่อย ฝ่ายนั้นยกยิ้มอย่างชอบใจเลยละ

"ไปกันคุน ไปละแฟง เดี๋ยวค่ำๆพามาส่ง ไม่ต้องทำตาละห้อย ห่างนิดห่างหน่อยไม่ได้เลยนะมึง"

"รู้ดี"

พี่แฟงบ่นพึมพำอะไรสักอย่างในลำคอผมได้ยินไม่ค่อยถนัดนักเพราะพี่รันลากผมออกมาจากศาลาแล้ว พอหันกลับไปเจ้าตัวก็ไม่ได้อยู่ในศาลาแต่กลับออกมายืนอยู่ข้างนอกศาลากับพี่มินตราแล้วก็มาแตร์ ไม่รู้ว่าคุยอะไรกันแต่พี่แฟงหน้านิ่งมาก

พี่รันพาผมขับรถมาท้ายหมู่บ้าน ที่นี่มีไร่ชาขนาดกว้างสุดลูกหูลูกตาเรียงรายอยู่เต็มภูเขาเลย พี่รันบอกว่านี่เป็นไร่ชาแบบขั้นบันได้ อืม เหมือนขึ้นบันไดจริงๆนั้นแหละครับ มีการปลูกลดหลั่นกันตามความชันของภูเขาสีเขียวสุดลูกหูลูกตาสวยงามมากเลยครับ แถมยังมีลำธารเล็กๆที้สามารถลงไปเล่นน้ำได้อีกต่างหาก ตอนนี้เป็นช่วงเย็นแล้วแสงแดดที่แผดเผาช่วงกลางวันหนีกลับบ้านไม่หมดแล้วครับ เราเดินเข้าไปในไร่ชากันส่วนพี่รันก็พูดคุยกับชาวไร่ไปด้วย พี่รันมีความรู้เรื่องใบชาพอสมควรเลยครับ ชาวไร่อธิบายอะไรมาก็เข้าใจหมดต่างจากน้องคุนที่ยืนงงกลางดงชาสารพัดสายพันธุ์ เราใช้เวลาไปชั่วโมงกว่าๆในการเที่ยวชมไร่ชา ชาวไร่ก็ใจดีมากเลยครับนำชาอุ่นๆจากใบชาในไร่มาต้มให้เราชิมด้วย ส่วนพี่รันก็ยังอุดหนุนใบชาของชาวบ้านกลับไปฝากเพื่อนๆหลายถุงเลยทีเดียว

คืนนี้พี่รันไม่ได้อยู่ทานข้าวกับพวกเราครับ เขาขอตัวกลับก่อนแล้วจะมารับอีกทีสองวันข้างหน้าเพราะต้องเข้าไปดูแลโรงแรมที่จะมีแขกสำคัญมาเข้าพักในวันพรุ่งนี้ อยู่ที่นี่ไม่ค่อยสะดวกมากนักเพราะไม่ค่อยมีสัญญาณมือถือ ส่วนคุนเองพี่รันบอกว่าถ้าอยากอยู่ต่อก็อยู่ได้ไม่ต้องห่วง คุนเลยเลือกที่จะอยู่ต่อครับ พี่รันเลยโทรบอกให้คนเอาเสื้อผ้ามาให้คุนเพิ่ม พอส่งพี่รันกลับผมก็ไปช่วยพี่ๆกับชาวบ้านในครัวครับ เพราะคุนทำอย่างอื่นไม่ถนัดกลัวจะไปเกะกะคนอื่นเขา

"คุน" ผมที่กำลังเล่นกับเจ้าเหมียวสีดำเงยหน้าขึ้นมามองผู้ชายตัวสูงใหญ่ที่ยืนอยู่ด้านหลังตัวเอง คือหบังจากทำอาหารเสร็จคุนก็ไปอาบน้ำครับ แต่ด้้วนที่นี่เป็นห้องน้ำรวมแยกชายหญิงพี่แฟงเลยสั่งห้ามให้คุนมาอาบคนเดียวต้องรอให้พี่แฟงมาด้วยทุกครั้ง แล้วเราก็เพิ่งอาบน้ำแต่งตัวกันเสร็จตอนนี้กำลังจะเดินกันไปที่ลานกิจกรรมด้านล่างครับ วันนี้ชาวบ้านจัดงานเลี้ยงให้พี่ๆค่ายอาสา เลยจะมีอาหารและการแสดงด้วย ฟังแล้วน่าสนุกมากเลย คุนนี่คือตื่นเต้นตั้งแต่ตอนอาบน้ำแล้ว เร่งพีาแฟงแล้วเร่งอีกให้รีบอาบน้ำเพราะคุนอยากลงมาลานกิจกรรมจะแย่ แต่อีกฝ่ายกลับไม่เข้าใจคุนเลยสักนิดเล่นแกล้งคุนตอนอาบน้ำอยู่นั่นแหละ กว่าจะอาบเสร็จปาไปเกือบสี่สิบนาที

"เฮียธัน"

"มานั่งทำไรตรงนี้เดี๋ยวยุงกัดพอดี"

"อ้อ คุนกำลังจะเดินไปลานกิจกรรมครับ แต่เห็นน้องแมวสีดำตัวนี้น่ารักดีเลยเดินตามมา"

"แล้วนี่ไอ้แฟงไปไหนถึงปล่อยเราไว้คนเดียว"

"โน่นครับ คุยกับพี่สาวสวยที่เป็นฝ่ายสวัสดิการอยู่"ทคุนชี้ไปทางใต้ต้นไม่ที่ไม่ไกลจากตรงนี้มากนัก พอดีตอนเดินมาพี่คนสวยจอคุยอะไรบางอย่างกับพี่แฟงครับ คุนเลยปลีกตัวออกมารออยู่ตรงนี้เผื่อว่าพี่เค้าจะคุยธุระอะไรกันคุนไม่อยากรบกวน

"ปล่อยมันคุยไป เราเดินไปลานกิจกรรมกับเฮีย จะมานั่งให้ยุงกัดทำไม ลุกขึ้นมานี่ มืดก็มืด" แต่คุนทายากันยุงมาแล้วนะครับเฮียธัน

"แต่ว่า พี่แฟง..." บอกให้คุนรออยู่ตรงนี้ห้ามไปไหนนี่นา

"เดี๋ยวมันคุยเสร็จก็เดินตามมา ลุกเร็ว"

"เอ่อ ก็ได้ครับ" พอหันไปมองก็เห็นว่าพี่แฟงกำลังคุยอะไรบางอย่างที่ดูค่อนข้างซีเรียสกันอยู่ คุนเดินไปก่อนก็ไม่น่าจะมีปัญหาหรอกมั้ง

"อ้าว รีบเดินสิจะยืนตาละห้อยอีกนานมั้ย ถ้าอยากเล่นแมวก็อุ้มไปด้วย"

"เอาไปได้จริงๆหรอครับ"

"เออ อุ้มมาเหอะน่า ปะไปเร็ว"

"โอเคคร้าบผม" ผมก้มลงไปอุ้มเจ้าแมวเหมียวสีดำขึ้นมาแนบอก ก่อนที่เฮียธันจะพาดแขนลงมาโอบรอบไหล่คุนไว้แล้วรั้งให้เดินไปพร้อมกัน แต่เราเดินออกมาจากตรงนั้นได้ไม่นานเท่าไหร่เสียงเรียกของพี่แฟงก็ดังตามหลังมา


"คุน จะไปไหน"

"พี่แฟง"

"กูจะพาน้องไปลานกิจกรรม เห็นนั่งให้ยุงหามอยู่คนเดียวตรงโน้น"

"ยุงกัดหรอ" พี่แฟงเดินตามมาทันเราสองคนก่อนจะยกแขนทั้งสองข้างของผมขึ้นมาสำรวจดู

"อือออ น่าจะยังไม่กัดนะครับ ไม่เห็นมีตรงไหนคัน"

"แล้วต้องรอให้กัดก่อนรึไง"

"ปล่อยมือจากคุนได้แล้ว จะโอบไหล่กันอีกนานมั้ย คุนมานี่ ส่วนมึงจะไปไหนก็ไป"

"ครับผม" ผมเบี่ยงตัวออกจากแขนเฮียธันทันทีที่เห็นสีหน้าพี่แฟงตอนนี้ อู้ววว หน้านิ่งเชียว โกรธอะไรน้องคุนน้าาาา

"ไม่ต้อง คุนไปกับเฮียนี่แหละ คนมาทีหลังก็เดินตามมาเอาเองละกัน" แต่ยังไม่ทันทีผมจะเบี่ยงตัวออกจากวงแขนของเฮียธัน เฮียก็ดึงผมกลับไป อ้าว ดึงทำไมอะ น้องคุนจะไปหาพี่แฟง!

"สัสธัน มึงจะปล่อยไม่ปล่อย" โอเค เข้าใจละ เฮียธันจะแกล้งพี่แฟงนี่เอง คุนได้ยินนะเสียงหัวเราะหึๆในลำคอเนี่ย นิสัยไม่ดีเลยนะครับเฮียธัน!

"ไม่" นั่นไง ขี้แกล้งตลอด

"ที่มึงโอบไหล่นั้นแฟนกูมึงรู้ใช่มั้ย!" เอาละครับ พี่แฟงขึ้นเสียงแล้วตอนนี้ แต่เฮียธันยังทำหน้านิ่งเฉยอยู่อีก

"แล้วไงครับสัสแฟง"

"มึงกวนตีนกูใช่มั้ย"

"ป๊าววว"

"มึง!"

"พี่แฟงครับ เฮียธันครับ เลิกแกล้งพี่แฟงสักทีนะครับ"

"เฮ้ย เฮียไม่ได้แกล้งซะหน่อย แค่จะพาน้องชายไปลานกิจกรรมเท่านั้นเอง" แหนะ ยังมีหน้ามาทำท่าไม่รู้ไม่ชี้อีก คุณรู้นะว่าเฮียกำลังทำอะไรนะ

"งั้นก็เอาแขนออกก่อนดีมั้ยครับ"

"เออๆ เอาออกก็ได้วะ สงสารหมาที่มันยืนน้ำลายย้อยเป็นหมาบ้าหรอกนะ" หมาบ้าที่ไหนละครับ ระเบิดปรมาณูกำลังจะลงเลยต่างหาก

"หมาบ้าพ่องงงง" นั่นไง เห็นมั้ยละ

"แล้วเจอกันที่ลานนะน้องรัก จุ้บ" เฮียธันเอาแขนที่โอบรอบไหล่คุนออกก่อนจะก้มลงมาหอมหัวน้องคุน แล้วก็หันหลังสาวเท้าลงไปยังลานกิจกรรมทันที

"ไอ้เ*ยธัน มึงมาหอมหัวเมียกูทำไม กูจะเอาเลือดหัวมึงออก ไอ้สัสหมา ไอ้เลว หัว*วย"

"โอ้ยด่าเจ็บจี้ดเลยเว้ยเห้ย"

"คุน มึงจะยืนเฉยๆให้มันหอมทำไม" อ้าว มาลงกันคุนทำไมเนี่ย!

"อ้าว ไม่ได้หรอครับ"

"ได้ที่ไหนกันเล่า! คุนมึงเป็นแฟนกูนะจะให้คนอื่นมาทำแบบนี้ไม่ได้ กูไม่ยอมนะเว้ย ครั้งเดียวก็ไม่ได้" ดุจังเลยพี่แฟงเนี่ย

"แต่เฮียธันหอมคุนหลายครั้งแล้วนะครับ"

"ฮะ? มึงว่าไงนะ หนอยไอ้เ*ยธัน วันนี้มึงคงได้ตายอยู่บนม่อนเคียงดาวนี่แล้วแหละ กูจะเอาตีนลูบหน้ามึงสักครึ่งโหลลลล" แล้วพี่แฟงก็วิ่งตามเฮียธันไปทันที ปล่อยให้น้องคุนยืนงงอยู่คนเดียว

.
.
.
.
.

"ทำไมไม่บอกมันไปว่าคุนเป็นน้องเฮีย" เฮียธันที่นั่งจับจมูกตัวเองบ่นอุบ จะอะไรซะอีกครับ ก็สองคนนั้นลากกันไปฟัดใต้ต้นไม้นะสิครับ เฮียธันนี่นะหาเรื่องจริงๆเลย กว่าจะห้ามได้แทบแย่ คือพี่แฟงไม่รู้ไงครับว่าเฮียธันอะเป็นลูกของป้าแก้วพี่สาวของหมาม๊า แต่เฮียธันนี่รู้อยู่เต็มอกยังไปแหย่อีกน่าตีจริงๆ

"ก็พี่แฟงไม่เคยถามคุนนี่ครับ"

"เนี่ย เห็นมั้ยหมาบ้าเข้าสิงมัน ดูหน้าเฮียนี่ ถ้าจมูกเคลื่อนแล้วหมดหล่อเฮียจะให้คุนรับผิดชอบ" เฮียธันโดนต่อยหน้าไปครับ แก้มนี่ช้ำเชียว แต่สงสัยชอบ ยังหัวเราะไม่หยุด นี่น้องคุนมีพี่ชายเป็นพวกชอบความรุนแรงหรอเนี่ยต้องรีบบอกหมาม๊าซะแล้ว

"หุบปากมึงเลย แล้วก็เอามืออกจากหัวแฟนกูด้วย เป็นญาติกันก็ห้ามจับตัวกูไม่โอเค" ส่วนพี่แฟงก็เละพอกัน ขอบปากแตกเลือดซึมออกมายังไม่หยุดเลย นี่ก็ใจร้อนเกินเบอร์ไปนะครับ สรุปคือพอกันทั้งคู่

"ไม่โอเคก็เรื่องของมึง กูสะดวกใจจะจับหัวน้องกู มันหนักหัวมึงรึไง"

"ไม่หนักหัวหรอก แต่หนักตีน จะเอาตีนลูบหน้าอีกสักแผลมั้ย" ผมรีบจับแขนพี่แฟงที่ทำท่าจะเหวี่ยงขาขวาไปหาเฮียธันทันที โอ้ย ขาพี่แฟงนี่ก็ยาวจริง ยื่นไปนิดเดียวเกือบถึงหน้าเฮียธันแล้วเนี่ย

"พอๆเลยครับ ทั้งคู่นั่นแหละ แหย่กันเป็นเด็กไปได้ พี่แฟงก็อย่าขยับสิครับ คุนทาแผลให้ไม่ได้เลย"

"ต่อไปห้ามให้มันจับตัวเข้าใจมั้ยคุน"

"แต่ว่า...."

"เฮ้ย นั่นน้องกูนะโว้ย กูจับของกูมาแต่เด็ก อาบน้ำด้วยกันมาตั้งแต่จำความไม่ได้"

"ไอ้เ*ย คุนเคยอาบน้ำกับมันด้วยหรอ"

"โอ้ย" ขอร้องคำว่าสมน้ำหน้าดังๆละกันนะครับเฮียธัน ชอบหาเรื่องตลอดเลย นี่ก็โดนพี่แฟงขว้างอะไรสักอย่างไปใส่หัว

"ใช่ที่ไหนละครับ เฮียธันก็ไปแหย่พี่แฟงอีกแล้ว แบบนี้ไม่น่ารักเลยนะ คุนจะโทรฟ้องหม่าม๊าให้บอกคุณป้า"

"เฮ้ยๆ คุนคุน อย่าๆ พี่ขี้เกียจฟังแม่บ่น เออๆ ไม่แหย่มันละไอ้หมีควายเนี่ย" ต้องให้เล่นท่าไม้ตายตลอดเลยนะครับ

"สัสธัน มึงกลัวแม่หรอวะ ว้ายย ไอ้ลูกแหง่"

"เชี่ยยแฟง อยากกินตีนกูใช่มั้ยมึง หะ?!"

"กลัวตายละ"

อืม ยกที่สองเริ่มอีกแล้วครับ คุนว่าคุนไปดูเด็กๆทำการแสดงตรงโน้นดีกว่า เบื่อเด็กโข่งสองคนนี้แย่แล้ว เฮ้อ!


#คุนแฟง

by ppeachmm



ออฟไลน์ p_phai

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2302
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +154/-6

ออฟไลน์ Ppeachmm

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 56
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +21/-0
---ตอนที่ 36---


คุน's part

"ไงเรา คล้ำขึ้นนะเนี่ย" พี่รันถามขึ้นทันทีที่ผมพาตัวเองเข้ามาอยู่ในรถสัญชาติยุโรปสีดำแอร์เย็นฉ่ำ ค่ายอาสาผ่านพ้นไปได้ด้วยดีครับ คนอื่นๆนั่งรถบัสกลับกรุงเทพกันเลยหลังทานอาหารกลางวันเสร็จ ส่วนผมกับพี่แฟงตอนนี้เรากำลังเดินทางไปเชียงใหม่ พี่รันอาสาจะพาไปทัวร์เมืองเชียงใหม่สองวันแล้วค่อยนั่งเครื่องกับกรุงเทพเย็นวันอาทิตย์ พี่แฟงมีเข้าวอร์ดเช้า ส่วนผมก็เปิดเรียนวันแรก ตื่นเต้นเหมือนกันครับน้องคุนจะขึ้นปีสองแล้วกก็จะมีรุ่นน้องแล้วด้วย จะเป็นพี่คุนคนหล่อแล้วเนี่ย อิอิ

"วิ่งตากแดดไงนิรันดร์ บอกให้อยู่แต่ในศาลาก็ไม่ฟัง ดื้อจนน่าตี" พี่แฟงได้ทีฟ้องพี่รันใหญ่เชียวนะ เดี๋ยวเถอะเป็นเด็กขี้ฟ้องหรอเรา คล้ำขึ้นนิดเดียวเอง แมนๆไง ทีตัวเองคล้ำขึ้นตั้งเยอะน้องคุนยังไม่เห็นบ่นอะไรเลย

"ก็คุนอยากช่วยนี่นา สนุกดีออก ดีกว่านั่งอยู่ในศาลาเฉยๆ มันดูไม่มีประโยชน์เท่าไหร่เลยครับ" ตามนั้นแหละครับ พี่แฟงอะให้คุนนั่งอยู่แต่ในศาลาน่าเบื่อจะตาย คุนเลยแอบไปช่วยเฮียธันทาสีบ้าง ช่วยพี่นาทีกับพี่แฟงตรวจสุขภาพเด็กๆด้วย เห็นมั้ยละทำตัวมีประโยชน์จะตาย

"อืม แล้วเป็นไง ทำตัวมีประโยชน์แล้วได้แผลมาด้วยเนี่ย" แฮะ จริงอย่าที่พี่แฟงพูดแหละครับ ได้แผลมาหลายแผลเลย ทั้งแผลตรงข้อศอกตอนลื่นน้ำล้างหลังคา แล้วก็แผลตรงหัวเข่าตอนที่ช่วยเด็กตัวเล็กลงมาจากต้นไม้ ก็น้องเค้าปีนขึ้นไปบนต้นไม้แล้วลงมาเองไม่ได้ คุนเดินผ่านไปพอดีเลยอุ้มลงมาแล้วพลาดอีท่าไหนไม่รู้สะดุดกิ่งไม้ล้มลงบนพื้นได้แผลถลอกเล็กๆมาหนึ่งแผล ส่วนน้องคนนั้นไม่เป็นอะไรเลยเพราะหล่นลงมาทับตัวคุนเต็มๆเลย จุกสิครับ!

"งือๆๆ วันนี้พี่รันจะพาคุนไปเที่ยวไหนน้าาาาา" ไม่ได้การละ ถ้าขืนยังคุยเรื่องนี้อยู่สฃสัยได้โดนพี่แฟงบ่นจนถึงตัวเมืองเชียงใหม่แน่ๆ คุนต้องทำเรื่องที่ปาป๊าถนัดที่สุดซะแล้ว เห็นป๊าทำบ่อยๆตอนม๊าบ่น เชื่อสิว่ามันต้องได้ผลแน่ๆ

"อย่าเปลี่ยนเรื่อง" คนตัวโตที่นั่งอยู่เบาะข้างคนขับด้านหน้าหันมาทำตาดุใส่น้องคุนอะ

เทคนิคเปลี่ยนเรื่องของปาป๊าท่าจะไม่ได้ผลกับพี่แฟงแฮะ งั้นสงสัยต้องใช้ท่าไม้ตาย

"แงๆๆ พี่รันช่วยคุนด้วยคร้าบบบ"

"มึงอย่าบ่นเป็นคนแก่นัก รำคาญ คุนอยากไปไหน ตีนเขามีปางช้างด้วย สนใจมั้ย ขี้ช้าง ล่องแพมั้ย" โป๊ะเชะ! มิชชั่นคอมพลีท!

"ไปโลดดดด" อะไรก็ได้ครับตอนนี้ คุนทำหมดแหละ ตั้งใจมาเที่ยวนี่นา คุนนี่ยกมือขึ้นสูงด้วยความดีใจเลยละครับ ยิ้มกว้าง ยื่นหน้าไประหว่างเบาะทำหน้าดุกดิกไปมาด้วยความดีใจ

"เชี่ยยยย"

"แฟงกูขอเหอะคนนี้"

"นิรันดร์!"

.
.
.
.
.

ฟุบ!

น้องคุนวิ่งเข้ามาในห้องนอนก็รีบทิ้งตัวลงบนเตียงทันที คุนเหนื่อยยยยย

"อาบน้ำก่อนสิอย่าเพิ่งขึ้นเตียงตัวสกปรกมาทั้งวัน"

"คุนไม่ไหวแล้วครับ เหนื่อยมากกกกก ของีบสิบนาที" เหนื่อยจริงๆครับ ขนาดแรงจะพูดยังไม่มี พี่รันจัดเต็มมาก ทั้งพาขี่ช้าง ล่องแพ เล่นฟอร์มูล่าม้ง เที่ยวสวนพฤกษศาสตร์ แบตเตอรี่ที่คุนเติมมาเมื่อเช้าหมดเกลี้ยงไม่เหลือซักเปอร์เซ็นต์เดียว

"ไม่เอาลุกเลย ที่นอนเปื้อนหมด" พี่แฟงคงจะเดินมายืนข้างเตียง ก่อนผมจะรู้สึกว่าเตียงยุบลงไปแล้วแขนผมก็ถูกยื้อให้ลุกขึ้นจากเตียง ไม่เอา คุนไม่ลุก!

"งือๆๆๆ" ม่ายยยย คุนจะนอนนนนน

"เค งั้นก็ไม่ต้องลุก" หือ? ทำไมพูดง่ายจัง

"..."

"เดี๋ยวพี่อุ้มไปห้องน้ำเอง"

ฟุบ!

"ไม่ๆๆๆ ไม่เอา อื้อออ พี่แฟง ปล่อยๆๆๆๆ" คนตัวโตอุ้มคุนขึ้นมาจากเตียง คุนมองหาอะไรที่พอจะคว้าดึงไว้ได้ก็ไม่มีเลย หัวเตียงก็อยู่ไกลเกินไป อื้อออ ไม่ไปอาบน้ำจะนอน! ทำไงดี อ้อ ดิ้นแม่งเลย นี่ไง ดิ้นๆๆๆๆ

"ไหนบอกเหนื่อย ดิ้นแรงขนาดนี้เนี่ยนะเหนื่อย" พอดิ้นเยอะเข้าพีาแฟงก็เอาขาน้องคุนมาเกี่ยวเอวไว้กลัวตก

"ปล่อยๆๆๆ คุนไปอาบเองได้ ลงๆๆ" ผมดิ้นไปมาในอ้อมแขนของพี่แฟง แต่อีกฝ่ายก็ไม่ยอมปล่อยผมลงง่ายๆ ผมถึงจนาดทุบหลังเขาแล้วก็ยังไม่ยอมปล่อยผมลงสักที

"อย่าหวังว่าจะได้อาบเอง หนูเลือกเองนะน้องคุนคุน"

"พี่แฟง อื้อออ งือๆๆๆๆ" เสียงแบบนี้อีกแล้ว ไม่เอาๆๆๆ คุนไม่อยากได้ยินน้ำเสียงแบบแหบพร่าของพี่แฟงตอนนี้ น้องคุนเหนื่อย น้องคุนไม่พร้อม ไม่อาวววว

ร่างหนาวางผมลงบนเคาน์เตอร์ล้างหน้าก่อนจะถอดเสื้อยืดโอเวอร์ไซส์สีฟ้าของผมออกแล้วประกบปากหนาลงมาบดขยี้ปากของผม ไม่นานก็ส่งลิ้นร้อนเข้ามาโลมเลียในโพรงปากส่งเสียงเปียกเฉะน่าอายขึ้นกลางห้องน้ำ เห็นมั้ยละ ทำเสียงแหบทุ้มต่ำที่ไรภาพต้องได้ตัดเข้าโคมไฟตลอดสิท่า ถ้าคุณเคยเมาคุณก็จะเข้าใจเลยนะครับว่ามันถลำลึกแค่ไหน แล้วจูบพี่แฟงมันยิ่งมอมเมาอยู่ด้วย จูบทีไรน้องคุนย้วยทุกที เรี่ยวแรงหายไปไหนหมดไม่รู้

"ตัวคุนเหม็น" ผมเอ่ยขึ้นเมื่อปากหยักหนาผละออกเพื่อให้ผมได้โดยอากาศหายใจ

"หืม? เหม็นที่ไหน" คนตัวหนาก้มลงมาวางจมูกไว้ตรงซอกคอ ไซร้จมูกโด่งคมสันนั้นไปมาตามซอกคอผมช้าๆ ลมหายใจร้อนๆรดต้นคอลามขึ้นมาถึงใบหู

"ไม่เอา เหงื่อออกทั้งวัน" ผมเอามือดันหน้าอกคนตัวหนาให้ออกไปทันที แต่ไม่ว่าจะผลักยังไงคนตรงหน้าก็ไม่ขยับเสียสักนิด โอ้ย! นีาผลักสุดแรงแล้วนะเนี่ย

"อย่าขัดใจ บอกไม่เหม็นก็ไม่เหม็นสิ" ร่างหนาจัดการปลดเสื้อผ้าของตัวเองออกจนหมด ก่อนจะวกมาจัดการกับกางเกงขาสั้นของผมในเวลาต่อมา พี่แฟงดึงตัวผมเข้ามาแนบชิดอกแกร่งของตัวเองก่อนจะก้มลงมาประกบปากผมอีกครั้ง แล้วยกมือผมที่วางเท้าเคาน์เตอร์อยู่ขึ้นมาคล้องคอเขา ทำให้ด้านล่างเขาเราแนบชิดกันนิ่งขึ้นจนผมสัมผัสได้ถึงบางส่วนที่พร้อมรับอยู่ก่อนแล้ว

"อื้อ พี่แฟง" พี่แฟงคุกเข่าลงบนพื้นแกรนิตสีขาวในห้องน้ำก่อนจะดันตัวผมให้ชิดกระจกส่องหน้าที่อยู่ด้านหลัง

"แหกขาออก" คำสั่งที่น่าอายหลุดออกจากปากคนร่างหนา ไม่ใช่ว่าไม่เคยได้ยิน แต่ไม่ว่าจะได้ยินเท่าไหร่ก็ยังทำให้หน้าร้อนผ่าวขึ้นมาทุกที ขาสองข้างของผมถูกจับให้อ้าออกกว้างก่อนที่ส่วนล่างของผมจะถูกครอบครองด้วยโพรงปากอุ่นร้อน แล้วอารมณ์วูบหวามก็กลืนกินสติสัมปชัญญะที่มีอยู่น้อยนิดไปจนหมด เสียงหยาบโลนดังขึ้นจากการครอบครองแก่นกายด้วยปากร้อน มันเสียวซ่านจนผมต้องขยุ้มหัวคนร่างหนาอย่างแรงในขณะที่คนด้านล่างนั้นขยับจังหวะเข้าออกอย่างคนเชี่ยวชาญ ไม่นานเสียงครางด้วยความสุขสมก็ดังออกมาจากปากผมในเวลาเดียวกันนั้นสายน้ำสีขาวก็พวยพุ่งออกมาใส่คนตัวโต

"หวาน" คนตัวหนายืนขึ้นเต็มความสูงเช็ดคราบที่เลอะตามขอบปากก่อนจะยกยิ้มอย่างคนเจ้าเล่ห์ ที่ผมมองกี่ทีก็เหมือนตกอยู่ในภวังค์ทุกครั้ง เขามีเสน่ห์มากในทุกท่วงท่าขยับเขยื้อน เวลาที่เจ้าตัวชอบบอกว่าตัวเองหล่อนักหล่อหนานั้นจริงซะยิ่งกว่าจริงขอคอนเฟิร์มเลยครับ

"หวานที่ไหนกัน คาวเหอะ..." ผมเอ่ยท้วงออกไปทันที ก็เคยชิมเหมือนกันนี่นาทำไมจะไม่รู้ว่ารสชาติเป็นแบบไหน

"อ๊ะ จะทำอะไรครับ" คนตัวหนาอุ้มร่างผมลอยขึ้นสูงจากเคาน์เตอร์อ่างหน้าก่อนจะพาออกมาจากห้องน้ำที่เราเพิ่งเข้าไปกันไม่ถึงสิบนาทีเลยด้วยซ้ำ

"ไปที่เตียง พี่ชอบเตียงมากกว่า เวลาคุนร้องเสียงจะได้ไม่ดังออกไปข้างนอก ในห้องน้ำมีหน้าต่างระบายอากาศเสียงมันลอดออกไป"

"หะ?" แล้วทำไมไม่บอกตั้งแต่ตอนแรก เมื่อกี้ร้องไปตั้งเท่าไหร่แล้ว พี่แฟง!ได้ยินทั้งบ้านแล้วมั้ยเนี่ย!

.
.
.
.
.

"นึกว่าจะไม่แ*กข้าวกันซะละ" พี่รันที่นั่งอยู่ที่โต๊ะอาหารเอ่ยขึ้นทันทีที่ผมกับพี่แฟงเดินลงบันไดมา จริงๆเราควรจะลงมาตั้งแต่ครึ่งชั่วโมงที่แล้วแล้วละครับ แต่ก็ เอ่อ ...นั่นแหละ เลยลงมาช้า

"กินดินิรันดร์หิวจะแยก" พี่แฟงดึงข้อมือผมให้นั่งลงข้างกัน ส่วนพี่รันนั้นนั่งอีกฝั่งหนึ่งที่ตรงข้ามกับเรา โต๊ะทานอาหารของบ้านพี่รันยาวมากมีที่นั่งสิบสองที่แหนะ โห ทำไมต้องมีโต๊ะใหญ่ขนาดนี้นะ ทั้งๆที่บ้านนี้ก็มีพี่รันอยู่คนเดียว ถึงแม้ลูกๆมากับครบหน้าก็รวมเป็นสี่ที่เอง สงสัยจัง

"กูก็นึกว่ากินกันจนอิ่มแล้ว" อื้อหือ พอได้ยินประโยคนั้นเท่านั้นแหละไอ้ความสงสัยเรื่องโต๊ะอาหารละลายหายไปในคราใด พี่รัน!!!! ก้นที่กำลังจะหย่นลงบนเก้าอี้ชะงักทันที

!!!!!

"เฮ้ยคุน ไม่ต้องทำหน้าตกใจขนาดนั้น พูดเล่น แซวขำๆเฉยๆ" พี่รันรีบโบกมือไปมาทันทีที่เห็นท่าทางของผม

"นั่งลงคุน" ส่วนพี่แฟงก็มีสีหน้าเรียบนิ่งเหมือนเดิม คนนี้ก็เงียบเกิ้น นี่ไม่ได้ยินพี่รันแซวรึไงหะ?

มือหนาเอื้อมมาดึงชายเสื้อผมให้รีบนั่งลง คงจะเห็นผมค้างอยู่ท่านั้นนานเกินไป

"โห สั่งไรมาเยอะแยะเนี่ย" พี่แฟงเอ่ยขึ้นเมื่อกวาดสายตามองไปเห็นอาหารมากมายละลานตาอยู่บนโต๊ะอาหารร่วมสิบกว่สเมนู หน้าตาแปลกตาทั้งนั้นเลย

"ก็ร้านโปรดมึงทั้งนั้น นานๆกลับมาที คุนลองกินนี่ดู ต้มไก่บ้านใบมะขาม" พี่รันยกมือเรียกให้แม่บ้านตักข้าวสวยร้อนๆใส่ในจานทุกคน ส่วนพีาแฟงก็ตักไก่หนึ่งชิ้นมาราดไว้บนข้าวสวยหอมๆในจานผมทันที

"ขอบคุณครับ" ผมหันไปยิ้มให้พี่รันก่อนจะตักไก่ชิ้นนั้นเข้าปาก อื้อหือ อร่อยจังเลยครับผม

"เยอะเกิน กินกันสามคนจะหมดถึงครึ่งมั้ยเนี่ย" จริงครับ อันนี้คุณเห็นด้วย อาหารเยอะมากกกก เหมือนจัดงานเลี้ยงย่อมๆเลยก็ว่าได้ เชื่อเหอะว่าถ้าเรียกแฝดทัพแฝดขุนมาทานยังทานไม่หมดเลยครับ

"ใครบอกว่ากินกันสามคน เดี๋ยวมีคนมาร่วมวงด้วย นั่นไงมาแล้ว" พี่รันยังพูดไม่จบประโยคเลยด้วยซ้ำ ก็มีผู้หญิงวัยกลางคนหน้าตาสะสวยแต่งตัวทันสมัยเดินเข้ามาในบ้าน ผมสั้นข้างยาวข้างของเธอลับกันหน้าเรียวของเธอมากมาย แถมการแต่งตัวยังดูเรียบหรูปนเปรี้ยวอีกต่างหาก เอาจริงๆคือผมละสายตาจากเธอไม่ได้เลย

"แม่มาได้ไง" หือ??

"ไงเรา นี่คำทักทายแม่หรอ แล้วนี่ใครจ้ะหน้าตาน่ารักเชียว เด็กใหม่พี่รันหรอคะ" แขกคนสวยยิ้มกว้างให้ผม ถึงเธอจะดูเป็นสาวทันสมัย แต่ทั้งแววตาทั้งรอยยิ้มกลับดูใจดีและอบอุ่นเหลือเกิน

!!!

"ใช่ เดาเก่งนี่" พี่รานนนนนนน อย่าล้อเล่นแบบนี้

"ใช่ที่ไหนละแม่!" พี่แฟง ต้องสู้นะครับ คุนเชียร์พี่แฟงนะ!

"เอ่อ สวัสดีครับ"

"สวัสดีดีจ้ะ หนูน้อย"

"พี่รันเข้าใจหานะคะ น้องหน้าตาจิ้มลิ้มน่ารักเชียว คนนี้พริ้งให้ผ่านคะ"

"อือ"

"แม่! ก็บอกว่าไม่ใช่ไงเล่า"

"อะๆๆๆ ไม่เล่นแล้วก็ได้ ดูสิลูกชายแม่หน้าเครียดเชียว โกรธแม่หรอคะลูกแฟง"

"..." พี่แฟงหน้ามุ่ยเลยครับ สงสัยจะโกรธจริง แต่คนหย่อนระเบิดไว้เนี่ยนั่งตักอาหารเข้าปากหน้าตาเฉย

"พี่รัน ลูกพี่รันงอนพริ้งคะ"

"ช่างมัน พริ้งทานข้าวเถอะมาเหนื่อยๆ พี่สั่งตำขนุนมาให้ด้วย" พี่รันเอื้อมมือไปตักสิ่งที่เรียกว่าตำขนุนมาใส่จานให้คุณแม่พี่แฟง ก่อนที่เธอจะตักอาหารคำนั้นเข้าปาก เอาจริงๆนะครับ หน้าตาอาหารจานนั้นไม่ค่อยน่ากินเท่าไหร่เลย คุนว่าต้องไม่อร่อยแน่ๆ ฟันธง!

"อื้อ อร่อย" อ้าว อร่อยเฉย อาหารของเชียงใหม่นี่ตัดสินความอร่อยจากหน้าตาภายนอกไม่ได้จริงๆ

"ร้านเดิมที่พริ้งชอบนั่นแหละ"

"แล้วก็บอกว่าสั่งอาหารมาให้ผม ดูเมนูซิ ของโปรดแม่ทั้งนั้น คุนลองกินใส้อั่วดู น่าจะกินง่าย เจ้านี้อร่อย เป็นไง" แล้วไอ้สิ่งที่หน้าตาคล้ายใส้กรอกอีสานก็ถูกตักมาไว้ในจานผม อันนี้ก็หน้าตาไม่ค่อยน่ากินเท่าไหล่ สีเข้มไปนิด

"อร่อยครับ" แต่ว่า อื้อหือ อร่อยอะ เอาอีก!

"ชื่อคุนหรอหนูน้อย เป็นไรกับลูกแฟงละ" คุณแม่พี่แฟงที่ตอนนี้กำลังนั่งเท้าคางส่งยิ้มมาให้ผมอยู่เอ่ยถามขึ้น

"เมียไอ้แฟงมัน" ลูกดอกยาสลบลูกที่สามล้านแปดพุ่งออกมาจากพี่รันอีกแล้ววว

พร้วด!..
น้ำมี่กำลังจิบอยู่นั้นพุ่งออกมาจากปากทันที

แค๊กๆๆๆ

แถมน้องคุนยังสำลักน้ำอีก อู้ย ขึ้นสมองมั่ยเนี่ย

"เอาน้ำให้น้องลูกแฟง พี่รันก็ไปแกล้งหนูน้อย ดูสิสำลักจนน้ำหูน้ำตาไหลหมดแล้ว"

"แฟนก็พอมั้ยนิรันดร์"

"อ้าว กูก็ไม่ได้พูดเกินจริงนี่หว่า เมื่อตอนเย็นก็ยังเห็นฮึ่มฮ่ำๆกันดังลงมาถึงชั้นล่างขนาดนั้น"

แค๊กๆๆๆ

"พอๆเลยคะ พี่รันก็พูดอะไรก็ไม่รู้"

"แม่ก็ปรามพ่อบ้างเหอะ เย็บไปเลยก็ได้ปากแบบนั้นอะ ดื่มน้ำอีกมั้ยคุน" พี่แฟงเทน้ำจากขวดลงในแก้วที่ผมเพิ่งดื่มหมดไป ก่อนจะเอื้อมมือมาลูบแผ่นหลังผมเบาๆ

"พะ พะ พอแล้วครับ"

"หยอกๆหรอกน่า กินข้าวกันต่อเถอะ ทานข้าวคุนพี่ไม่แกล้งละ" หยอกแรงไปมั้ยครับคุณพี่รัน!

"แล้วนี่มาเชียงใหม่กันได้ไปเที่ยวไหนแล้วรึยัง"

"ไปเที่ยวมาแล้วครับ ไป...." หลังจากนั้นผมก็เล่าให้คุณแม่พี่แฟงฟังว่าวันนี้เราไปเที่ยวที่ไหนมาบ้าง ท่านก็เสริมว่าเคยไปเหมือนกัน แต่ไม่ค่อยชอบขี่ช้างเท่าไหร่เพราะมันโคลงเครงเกินไป แต่คุนโอเคมันโคลงเคลงดีคุนชอบ

"พรุ่งนี้มีโปรแกรมรึยัง ถ้ายังแม่จะพาไปเที่ยวไร่เพื่อนแม่มี่แม่ริม" ฟังดูน่าสนใจดีเหมือนกันนะครับืกำลังจะอ้าปากรับข้อเสนอคุณแม่อยู่เลย แต่กลับโดนพี่รันพูดแทรกขึ้นมาก่อนด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่งที่นานๆทีจะได้ยินสักครั้ง

"ไร่ใคร ถ้าไอ้จุมพลผมไม่ให้ไป" ทำไมมันฟังดูเย็นหลังยังไงไม่รู้ พอหันไปมองหน้าพี่แฟง ฝ่ายนั้นก็ไดเแต่กระซิบกลับมาบอกว่าอย่าไปสนใจให่กินๆต่อไป

"ใช่คะไร่พี่พล เดี๋ยวเราไปเที่ยวไร่เมล่อนกันเนอะน้องคุน" โอเค คุณแม่บังไม่เลิกทริปไร่เมล่อน

"พริ้ง" อื้มมม ส่วนพี่รันก็เสียงเย็นขึ้นเย็นขึ้น พี่แฟงงงงพาผมออกไปจากตรงนี้เถอะนะ

"มีแฟนน่ารักแบบนี้ วันหลังเอาไปปล่อยให้วิ่งเล่นที่บ้านแม่บ้างสิคะลูกแฟง"

"พริ้ง"

"กลับกรุงเทพฯแล้วไปเที่ยวแวะหาแม่บ้างนะ อยู่บ้านเฉยๆแม่เหงา"

"พริ้ง"

"แฟง ตักไก่นึ่งให้น้องสิลูก"

"ครับ"

"พริ้ง คุณได้ยินที่ผมพูดบ้างรึเปล่า!" โอเค บรรยากาศบนโต๊ะอาหารกลายเป็นขั้วโลกเหนือไปแล้วครับเอเวอรี่บอดี้!

"ได้ยินคะ เห็นมั้ยว่าแกล้งคนอื่นมันไม่สนุกหรอกนะ เลิกแกล้งเด็กๆได้แล้ว แล้วก็พรุ่งนี้เราไปเที่ยววัดกันเนอะน้องคุน ไร่ไม่ต้องไปหรอก อากาศร้อนแม่ไม่ค่อยชอบ"

อิหยังวะ!
.
.
.
.

#คุนแฟง

by ppeachmm



ออฟไลน์ AkuaPink

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2033
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +59/-1

ออฟไลน์ p_phai

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2302
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +154/-6

ออฟไลน์ Ppeachmm

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 56
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +21/-0
---ตอนที่ 37---

แฟง's part

"อื้ออ" ผมร้องเสียงอู้อี้ในลำคอเมื่อรู้สึกว่าคนตัวเล็กที่อยู่ในอ้อมแขนขยับตัวไปมาได้สักพักใหญ่ๆแล้ว

"ตื่นเถอะครับพี่แฟงสายแล้ว" เสียงหวานของคนในอ้อมกอดดังลอดออกมาจากอ้อมอกผมนั้นแผ่วเบา แต่ผมก็ยังไม่ยอมลืมตาขึ้นมา รู้แหละว่าเช้าแล้ว แต่ยังไม่อยากลุกตอนนี้ไง ขอนอนกอดร่างนิ่มๆในอ้อมอกอีกสักนิดก็ยังดี

"ไม่เอา จะนอน"

"แต่คุนหิว" หึ นึกว่าอะไร ที่แท้ก็ตื่นเพราะหิวนี่เอง

"ยังไม่อิ่มอีกหรอ เพิ่งกินไปเองตอนฟ้าสาง"

"พี่แฟงคร้าบบบ มันคนละอย่างกันมั้ย คุนหิวข้าว" ดูทำเสียงเข้า งอแงงุ้งงิ้งน่าจับฟัดจริงๆ ไม่ใช่ว่าเมื่อคืนผมไม่ได้จับอีกคนฟัดนะครับ โดนฟัดไปสองสามรอบพอหอมปากหอมคอจะได้นอนหลับสบายไง

"ขอครึ่งชั่วโมง"

"ครึ่งชั่วโมงมาสามครั้งแล้วนะ" อ้าว ผมพูดไปแล้วหรอวะ ไม่เห็นรู้เรื่องเลย

"เอาน่า ขอนอนเตียงนิ่มๆหน่อย นอนฟูกมาห้าคืน ปวดหลังชิบหาย" อย่างที่พูดแหละครับ ตอนไปค่ายอาสานั้นผมไม่ได้นอนเตียง ได้นอนฟูกแบนๆเท่านั้นเอง แต่ก็ยังดีกว่านอนพื้นแหละครับ นอนคืนสองคืนแรกก็ไม่ได้รู้สึกอะไรหรอก แต่พอขึ้นคืนที่สามนี่สิครับ ปวดตั้งแต่ต้นคอยันน่อง ไม่รู้เพราะฟูกหรือเพราะไปช่วยซ่อมแซมอาคารเรียนกันแน่ แต่ไม่ว่าด้วยอะไรก็ขอไม่บ่นนะครับ ทำความดีมาเมื่อยนิดๆหน่อยๆถือว่าโอเคแลกกับความอิ่มอกอิ่มใจที่ได้รับจากการช่วยเหลือคนอื่น คนได้รับมีความสุข คนให้ก็อิ่มอกอิ่มใจตามไป

"โอเค ครึ่งชั่วโมงสุดท้ายแล้วนะ ห้ามต่อเวลาด้วย ไม่ให้แล้ว ทดเวลาบาดเจ็บก็ไม่ได้ด้วย" หึ คำพูดคำจามันน่ารักตลอดแหละคนนี้อะ ตั้งแต่ชวนดูบอลนี่รู้จักคำศัพท์ใหม่ๆขึ้นมาเยอะละไอ้ตัวนุ่มนิ่มเนี่ย

"ได้ๆ ไม่ต่อ ไม่ทด"

"งั้นคุนไปอาบน้ำรอละกัน" มือบางที่เคยโอบเอวผมไว้ เลื่อนมาดันหน้าอกของผมออก

"ไม่เอา อยู่ให้พี่กอดก่อนสิครับน้องคุน ค่อยอาบน้ำพร้อมกัน" แต่ยิ่งดันผมก็ยิ่งเพิ่มแรงกอดให้มากขึ้นไปอีก

"อื้อ ไม่เอาหรอก ขืนอาบพร้อมพี่แฟงคุนคงได้กินข้าวอีกทีตอนเย็นเลย" นั่นไง บอกแล้วว่ารู้ดี ฉลาดเป็นกรดเลยคนนี้เนี่ย

"แสนรู้" เหมือนหมาขนสีขาวๆฟูๆ วิ่งสั่นหางดุ๊กดิ๊ก

"คุนไม่ใช่หมาน้าาาา" รู้อีก

"นี่แหละหมา น่ารักดุ้กดิ้ก น่าย่ำยีที่สุด" ทำเสียงง๊อกแง็งอยู่ในอกไม่หยุดสักที ผมเลยเอานิ้วไปจิ้มที่เอวที่ไร้กล้ามเนื้อของอีกคนทันที

"อื้อ อย่าจี้เอว จั้กจี้ อ้ายยย ม่ายยเอาาา พะ พี่แฟงงงง" อีกฝ่ายจั๊กจี้จนน้ำหูน้ำตาไหลออกทางหางตา ร้องลั่นห้องไม่ยอมหยุด เอวคือจุดยุทธศาสตร์ของเด็กชายคุนคุนครับ โดนทีไรดิ้นพล่านทุกที บ้าจี้เป็นที่สุด

"เดี๋ยวนี้หัดเสียงดังโวยวายหรอ หืมมมม"

"ม่ายเอา ไม่จั้กจี้ อะๆๆๆ " ยิ่งร้อง ผมก็ยิ่งจิ้ม

"เรียกพี่หวานๆก่อนแล้วจะปล่อย" ผมเลื่อนหน้าตัวเองเข้าไปชิดใบหูขาวระเรื่อของอีคน

"อะๆๆ พะ พี่แฟง" แต่เมื่อพูดไปแล้วอีกฝากทำตีมึนตอบสิ่งที่ผมยังไม่ค่อยพอใจออกมาให้ได้ยิน ก็ต้องขยับนิ้วต่อไปสิครับ เอาให้จั๊กจี้จนไม่มีเสียงร้องออกมาเลยละกัน

"ไม่เอาแบบนี้" นิ้วทั้งสิบก็ขยับต่อไป ส่วนผมก็กระซิบข้างใบหูของอีกฝ่ายต่อไปเรื่อยๆ

"อะ เอาแบบไหนนน"

"แบบเมื่อคืน ขอเสียงหวานๆอ้อนๆด้วย" นึกไปถึงเมื่อคืนก็ยิ่งอยากจับฟัด เชี่ย แม่งเอ๊ย น่ารักเท่าจักรวาลแล้วมึงเนี่ย

"อื้อ ทะ ที่รักครับ"

"!!!"

เชี่ยยยย โคตรมีผลต่อหัวใจกูเลย แม่ง มันเหมือนหมดแรงอะ เวลาคุนคุนเรียกว่าที่รักเนี่ย มันสุดอะ!

"อ้าว นิ่งเฉย เป็นไรไปครับเนี่ย ช็อกไปเลยหรอ"

"อือ ตาย ตายตาหลับ" ผมหยุดนิ้วทั้งสิบทันทีก่อนจะเอื้อมมือไปดึงคนตัวเล็กเข้ามากอดไว้ในอ้อมอก แล้วก้มหน้าลงไปหอมขมับของอีกคนทันที

"พูดอะไรเนี่ย"

"เชี่ยยย กูโคตรหลงมึงเลยวะคุน กูต้องไปเลิกที่ไหนวะเนี่ย" ชาตินี้กูจะไปไหนรอดวะเนี่ย กูโดนยาเสน่ห์แน่ๆ ยาเสน่ห์จากนอกจักรวาล

"ลองไปหาที่เลิกดูสิครับ คุนจะจัดการพี่แฟงให้หลาบจำเลย" อื้อหือ ดูทำเสียงเข้า เดี๋ยวนี้เด็กมันเข้าใจภาษาไทยขึ่นเยอะ พูดอะไรไปก็เข้าใจเก่งแล้ว ไม่ต้องคอยพูดช้าเหมือนแต่ก่อน แล้วเวลาแซวเนี่ยคุนคุนเค้ามีเคืองนะขอบอก ทำเสียงฟึดฟัดฉุนเฉียว เด็กมันหวงวะ

"น่ากลัวชิบหาย ปากเล็กไปเวลาพูดออกมานี่คิดว่ามันน่ากลัว?" คนตัวเล็กเบะปากเต็มที่เลย โอ้โห โคตรกลัว

"ไม่หรอ?"

"โคตร"

"น่ากลัวโคตร?"

"หื่อ ห่างไกลคำว่าน่ากลัวโคตรๆมากกว่า โอ๊ะๆๆ โอ้ยยย โอ้ยยย คุน โอ้ยยย" เนี่ยไง บอกแล้วว่าเดี๋ยวนี้มันฉุนเฉียว มีกดผมคล่ำหน้าลงบนเตียงแล้วก็ขึ้นมานั่งทัยตรงสะโพก แถมยังเอาแขนสองข้างผมไปไขว้หลังแล้วกดไว้อีก เชี่ย แม่งโคตรเจ็บ นี่สินะมีเมียที่รู้วิชาการต่อสู้มันเสียเปรียบตรงนี้นี่เอง เพราะวันดีคือนดีถ้าไม่พอใจเราขึ้นมาเราก็จะถูกจับกดแบบนี้แหละครับ

"ยอมรึยัง"

"ยะ ยะ ยอมๆๆ ยอมแล้วๆๆ หลังหักแล้วเนี่ย" โอ้ย ทับหลังกู สะโพกกู

"ก็จะทำให้หักไง" ดูเด็กมันพูด ทำเสียงแข็งอีกนะ รู้แล้วจ้าว่าโกรธพี่อะนังหนู!

"โอ้ยๆ หลังหัก สะโพกหักแล้วจะใช้งานยังไง" ทำเสียงดุไม่พอ ยังกดน้ำหนักตัวลงมาบนเอวกูอีก ตายๆๆ เจ็บชิบหาย เมื่อคืนใช้งานหนักไปหลายชั่วโมง เช้ามายังถูกเมียซ้อมอีก เอวกูพิการซ้ำซ้อนแน่ๆ!

"ใช้ทำอะไร?"

"ก็ใช้ทำแบบนี้ไง" หึ! ไม่ได้แอ้มพี่หรอกน้อง หลอกให้ตายใจไปงั้นแหละ พอเด็กมันเผลอเราก็สวนกลับดิครับ

"อื้อ พี่แฟงงงง ปล่อย" จับกดแม่งเลย คนที่ได้ขึ้นชื่อว่าผัวอย่างเราๆ มันต้องถนัดอยู่แล้วไอ้เรื่องจับกดเนี่ย

"ก็จะทำให้ดูไงว่าสะโพกใช้ทำอะไร"

"อื้อ อะ พะ พี่แฟง คุนรู้แล้ว ปะ ปล่อยนะ คุนไม่ไหวแล้ว พอๆ เหนื่อย" คนตัวเล็กที่ถูกกดหลังทาบลงบนเตียง โดยมีผมแทรกตัวตรงหว่างขา ถูกจับแยกขาเรียวทั้งสองข้างออกมาเกี่ยวไว้ตรงเอวสอบของผม ก่อนแขนเล็กที่สองข้างจะถูกจับขึงไว้บนศรีษะ ยังไม่พอแค่นั้นคนอย่างนายลภัสต้องสาธิตให้เด็กมันดูเสียหน่อย สอนมันหน่อยว่าสะโพกอะมีไว้ทำอะไร ทำไงอะหรอครับ ก็ขยับสิครับ!

"อะไร คุนคนแมนๆ ต่อปากต่อคำเมื่อกี้หายไปไหนแล้ววะ เรียกมาหน่อยซิ" พอผมขยับถี่ขึ้นหน่อยก็หน้าแดงขึ้นมาซะงั้น แถมยังไม่กล้ามองหน้าผมอีก เป็นแบบนี้ประจำแหละคุนคุนเนี่ย

"อื้อ พะ พี่แฟง ที่รักครับ ที่รักของน้องคุน"

!!!!!

เชี่ย

ถูกคุนคุนเล่นเป็นรอบที่สองของเช้านี้ อ่อนเปลี้ยเพลียแรงขึ้นมาทันที แล้วก็ต้อฃยอมไปอาบน้ำแต่โดนดี แต่คนอย่าผมไม่ยอมอาบคนเดียวหรอกครับ มีเมียก็ต้องกลับกับเมียมั้ยยยยย
.
.
.
.
.

"กว่าจะลงมาได้นะคะเด็กๆ" เสียงแม่ที่นั่งดูทีวีอยู่ตรงโซฟาดังขึ้นทันทีที่ผมจูงมือคุนคุนลงมาจากบันได

"แงๆ ขอโทษคร้าบคุณแม่"

"คุนมันช้าอะแม่"

"คุนหรอช้า พี่แฟงนั่นแหละ ที่..." เด็กมันไม่ยอมให้กล่าวโทษง่ายไปเลยครับเดี๋ยวนี้ มันหันมาจ้องตาแล้วถลึงตาใส่ โถๆๆๆ ตาเล็กๆ ชั้นเดียวของมึงเนี่ยนะจะเอามาสู้ตาโตๆของกูได้ เมียจ๋าาา

"มึงนั่นแหละ...เสร็จช้า" ผมไม่ปล่อยให้อีกคนได้พูดอะไรต่อ ก้มลงกระซิบเบาๆข้างหูคุนคุนทันที

"พี่แฟง!" เนี่ย เขินทีไร มือหนักตีนหนักตลอด ตบมาได้นะแขนกูเนี่ย แต่แม่งไม่เจ็บเท่าไหร่หรอกชินแล้ว

"ไม่ทะเลาะกันนะเด็กๆ มาทานข้าวเร็วจะได้ไปไหว้พระเก้าวัดกัน เก้าโมงกว่าแล้ว"

"โอเคคร้าบผม" ผมจูงมือคุณคุณมานั่งลงที่โต๊ะทานอาหาร ไม่นานแม่บ้านก็ตักข้าวต้มหอมกรุ่นมาใส่ชามให้เราสองคน

"แล้วนิรันดร์อะแม่" ผมถามขึ้นเมื่อไม่เห็นร่างของผู้เป็นพ่อในส่วนใดของบ้าน ทั้งๆที่เมื่อคืนก็คุยกันว่าจะไปไหว้พระด้วยกัน

"ออกไปแต่เช้าแล้ว เห็นบอกจะเข้าไปดูที่ดินที่จะซื้อทำรีสอร์ทที่แม่ริมนะ รู้สึกจะมีปัญหาอะไรสักอย่าง"

"อ้อ สงสัยตกลงราคาไม่ลงตัว เห็นบ่นว่ามีคนมาปั่นราคาหลายเจ้าทำให้ราคาที่ดินสูงขึ้น" เดือนที่แล้วนิรันดร์ก็เคยบ่นให้ฟังครับว่าที่ตรงแม่ริมที่อยากได้มาทำรีสอร์ทนั้นสวยมาก มีลำธารสายเล็กๆตัดผ่านด้วย แต่เห็นบอกว่ามีผู้มีอิทธิพลของภาคเหนือนั้นก็ต้องการที่ดินผืนนั้นเหมือนกัน เลยมาเสนอราคาตัดหน้า แต่ด้วยที่นิรันดร์อยากได้ที่ตรงนั้นมากก็เลยเสนอราคาที่สูงขึ้นให้กับเจ้าของที่ดิน แต่ด้วยต่างฝ่ายต่างเสนอราคาแข่งกันทำให้การซื้อขายครั้งนี้ไม่สำเร็จสักที

"ก็ไม่ต้องซื้อสิ ชอบเอาตัวเข้าไปมีปัญหาแบบนี้ตลอด" แม่บ่นเสียงเบา แต่ผมดันได้ยินทุกคำ ผมเคยบอกใช่มั้ยครับว่าพ่อแม่เลิกกันทั้งๆที่ไม่ได้ทะเลาะอะไรกัน แล้วอีกฝ่ายต่างก็ไม่ได้มีใครใหม่ แต่ผมคิดว่าแม่นั้นคงจะไม่ค่อยชอบใจกับการที่นิรันดร์ชอบเอาตัวเองเข้าไปมีปัญหาในการทำธุรกิจตลอดเวลา บ้างก็ไปขัดขาคนใหญ่คนโตบ้างละ บ้างก็ไปลงทุนในกิจการที่ไม่ควร แม่เคยบอกไปหลายครั้งแล้วว่าไม่อยากให้ทำแบบนั้น แต่นิรันดร์นั้นก็เป็นคนดื้ออีกคนหนึ่งแหละครับ คิดว่าตัวเองเป็นคนมีอิทธิพลในพื้นที่พอสมควร ทั้งมีเพื่อนเป็นตำรวจ นายทหารชั้นผู้ใหญ่ และเหล่าเพื่อนๆที่ลงทุนในธุรกิจร่วมกันอีก และนั่นคงเป็นหนึ่งในสาเหตุของการแยกทางของพ่อแม่ผมแหละ

"ก็เป็นแบบนี้มานานแล้วไม่ใช่รึไง ถ้าใช้ชีวิตธรรมดาก็ไม่ใช่นิรันดร์สิแม่" ผมพูดไปตามที่เห็น เพราะพ่อเป็นคนที่คิดทำโร่นทำนี่ตบอดเวลา ไม่เคยอยู่นิ่ง บางครั้งผมก็คิดเหมือนกันนะว่าไอ้สมบัติกับธุรกิจแปดพันอย่างที่มีอยู่นี่มันก็มีกินมีใช้สบายยันสิบชั่วโคตรแล้วทำไมจะต้องต่อยอดไปอีกให้เหนื่อย แต่นิรันดร์ก็บอกมาคำเดียวสั้นๆว่า เสือก

โอเค กูไม่เสือกก็ได้วะ! งั้นผลาญเงินเล่นไปวันๆแล้วกัน!

"อืม ก็คงงั้น น้องคุนทานเยอะๆนะลูก ข้าวต้มหมูสับนี่เมนูเด็ดของป้าเกื้อเลยนะ ลูกแฟงติดใจตั้งแต่เด็กจนโต" ป้าเกื้อนี่คือแม่บ้านผมครับ ป้าแกเลี้ยงทั้งเฮียเกอร์ ทั้งผม แล้วก็มาจบที่นิวเยียร์นี่แหละ เรียกได้ว่าลูกบ้านนี้ผ่านมือป้าเกื้อมาหมดทุกคน เหมือนแม่อีกคนหนึ่งเลยแหละครับ

"ใช่ อร่อยมาก กินที่ไหนก็ไม่อร่อยเท่าฝีมือป้าเกื้อ คุนไปถามสูตรมาดิ แล้วทำให้กินหน่อย" บางครั้งคิดถึงข้าวต้มรสมือป้าเกื้อก็อยากจะตีตั๋วมาเชียงใหม่มันเดี๋ยวนั้น แต่มันทำไม่ได้ไง ก็ต้องแ*กโจ้กหน้าโรงพยายาลไป แต่ตอนนี้มีเมียแล้ว อ้อนให้เมียตะเล็กตะน้อยทำให้ดีกว่าาาา

"คร้าบผม อื้อ อร่อยจริงๆด้วย เดี๋ยวกลับไปจะลองทำให้ทานนะครับ" ไอ้ตัวเล็กตักข้าวต้มควันหอมฉุยขึ้นมาชิมไปหนึ่งคำก็ทำตาโตขึ้นมาเชียว

"พี่แฟงไม่ทานหรอครับ"

"ตอบไลน์เพื่อนอยู่เดี๋ยวกิน มือยังไม่ว่าง"

"คุนป้อนให้มั้ย"

"เอาดิ" พูดจบอีกฝ่ายก็ตักข้าวต้มในชามตัวเองขึ้นมาเป่าสองสามทีก่อนจัยื่นช้อนมาตรงหน้าผม ผมรีบอ้าปากงับช้อนทันที ไม่ใช่สนใจมือถืออะไรขนาดนั้นหรอก แต่รู้ไงว่าเวลาทำแบบนี้แล้วอีกคนจะป้อนให้ ก็เลยชอบทำ

"อะๆๆ รีบกินได้แล้ว อย่ามาสวีทกันแถวนี้ เห็นใจคนโสดบ้าง"

"ก็เลิกทำตัวเป็นคนโสดสะทีสิแม่"

"ก็แก่แล้วใครจะมาจีบละ"

"อู้ย แก่ที่ไหนกันครับ คุนเห็นครั้งแรกนึกว่าเป็นพี่สาวพี่แฟงซะอีก คุณแม่ยังสาว แล้วก็สวยมากเลยรู้มั้ยครับเนี่ย"

"อยากได้อะไรคุณเดี๋ยวแม่เซ็นโอนให้เลย คอนโดมั้ย หรือรถ?" คุณพริ่งพราวรีบกดปิดรีโมททีวีแล้วเดินมานั่งร่วมโต๊ะอาหารทันที ดูหน้าก็รู้ว่าถูกใจคำชมจากปากเด็กน้อยของผมอย่างแรง ดูสิขนาดเสนอว่าจะโอนบ้านโอนรถให้นี่คือเกินไปมั้ย ไอ้คุนก็ปากหวานเกิ้นนน

"คุนเอารถดีกว่าครับ คอนโดมีแล้ว" แหนะ เดี๋ยวนี้มันมีตบมุกครับ เก่งเกินไปแล้วนะเรา น้องคุนซื่อๆของกูเดี๋ยวนี้เชี่ยวเกินไปละ อยู่กับไอ้สองแฝดมากไปจนกร้านโลกแล้วเนี่ย แต่เอ๊ะ หรือว่าติดมาจากผมวะ?

"ฮะๆๆ น่ารักอะเรา มิน่าละพี่รันพูดถึงไม่หยุดปาก"

"คุยกันบ่อยรึไงแม่ นิรันดร์ถึงพูดถึงคุนคุนของผมให้ฟังเนี่ย"ืผมเอ่ยแซวทันที เอาจริงๆ คือตั้งแต่ทั้งสองเลิกกัน ผมก็เรียนอยู่ที่เชียงใหม่ไง อยู่กับนิรันดร์ตลอด แม่ก็ย้ายกลับไปอยู่กรุ่งเทพแต่ก็โทรมาหาบ่อยๆ หรือไม่ก็ขึ้นมาเชียงใหม่เดือนละครั้งสองครั้ง นิรันดร์ไม่เคยมีใครใหม่เลย แม้จะมีผู้หญิงค่อนเชียงใหม่เสรอตัวให้ หรือไม่ก็เอาตัวเองใส่พานมาถวายให้ถึงที่นิรันดร์ก็ไม่ได้สนใจจะเอาใครมาแทนแม่สักคน แล้วไอ้ที่ผมชอบล้อว่าเปย์สาวหนักๆอะ ก็แค่เรื่องขำๆเฉยๆ อย่างนิรันดร์อะ หน้าตาโคตรดี แถมหน้ายังดูอ่อนกว่าอายุเป็นไหนๆ ไม่ต้องไปเปย์ใครหรอก แค่กระดิกนิ้วก็มีคนวิ่งแจ้นเข้าหาแล้ว แต่ผมรู้แหละว่าพ่อก็อยากกลับไปคืนดีกับแม่จะตาย ที่เทียวไปกรุงเทพนั่นก็ไปหาแม่แหละ แต่อ้างว่ามาหาลูกบ้างละ มาทำธุระบ้างละ ปากแข็งไปเถอะ เวลามีคนมีจีบแม่ก็โทรมาหาผมให้วิ่งแจ้นไปเฝ้ายามให้ตลอด นิวเยียร์นี่ก็ตัวดีคอยรายงานความเคลื่อนไหวตลอด 24 ชั่วโมง

"ก็ไม่บ่อยหรอก"

"ไม่บ่อยคือยังไง เดือนละสี่ห้าครั้งงี้หรอ"

"สองครั้ง"

"นิรันดร์โทรหาเดือนละสองครั้งเองหรอ" เฮ้ย รู้สึกผิดหวังวะ นึกว่านิรันดร์จะตามติดแม่มากกว่านี้ซะอีก โถ่เอ้ย แล้วอย่างงี้เมื่อไหร่จะกลับมาคืนดีกันละวะ

"วันละสองครั้ง"

!!!

ถุย! วันละสองครั้ง นี่โทรคุยกันมากกว่าผมกับคุนอีกนะเนี่ย ผมยังไม่ค่อยโทรหาคุนเลย ส่งไลน์เอา ผ่าม!

"นั่นไงถึงบอกว่าเลิกทำตัวโสดสักที"

"ก็บอกพ่อเราเลิกสนใจแต่งานบ้างสิ" อ้อ.....

"โจทย์ยากแฮะ แต่ที่ไม่เข้าใจคือ ยังรักกันอยู่แล้วเลิกกันทำไมวะ"

"ไว้โตกว่านี้ลูกก็จะเข้าใจเอง บางครั้งความรักอย่างเดียวมันไม่เพียงพอที่จะใช้ชีวิตคู่ร่วมกันได้หรอกนะ มันต้องมีส่วนประกอบอย่างอื่นด้วย"

"เช่น?"

"อย่างเช่น เซ็กส์"

!!!

"เฮ้ย คือไร นิรันดร์ตายด้านหรอแม่" เชี่ยยยย ประเด็นนี้โคตรพีค นิรันดร์ตายด้าน เหลือเชื่อสุดๆ

"ใช่ที่ไหนเล่า แม่ก็พูดไปงั้นแหละ รู้ไว้แค่ว่าความรักอย่างเดียวมันอยู่กันไม่ยืดก็พอ อิ่มยังเด็กๆ เดี๋ยวแดดร้อนนะ" อ้าววว หลงเชื่อไปแล้วนะเนี่ย ก็ว่าอยู่อย่างนิรันดร์อะนะ ไม่น่าใช่ แม่นะแม่ อำมาได้ ดูคนอำสิ หัวเราะมีความสุขสุดๆ ผมได้แต่ส่ายหน้าไปมา พอโยงเข้าเรื่องพวกนี้ทีไรแม่ก็ทำเฉไฉเนียนพาออกไปเรื่องอื่นตลอด

.
.
.
.

#คุนแฟง

by ppeachmm

Talk: มีรีดถามมาเรื่องความสัมพันธ์ของพ่อแม่หมอแฟงคะ ไรท์ขอชี้แจงนิดนึงเพราะต่อจากตอนนี้คุณแม่อาจจะหายไปแล้ว ค่าตัวนางแพ๊งงงแพงงง

ทั้งสองหย่ากันหลายปีแล้วคะ แยกกันอยู่ คุณนิรันดร์อยู่เชียงใหม่ ส่วนคุณพริ้งย้ายกลับไปกรุงเทพกับครอบครัวตัวเองซึ่งก็คือคุณตาคุณยายของหมอแฟง ต่างฝ่ายต่างไม่ได้มีครอบครัวใหม่ เพราะจริงๆก็ยังรักกันอยู่ ส่วนเหตุผลที่หย่านั้น ก็เป็นเรื่องของอะไรหลายๆอย่างในความสัมพันธ์ที่มันไม่ลงตัวทั้งเรื่องงานของคุณนิรันดร์ที่คุณพริ้งเธอคะยั้นคะยอให้เพลาๆลงบ้าง ทั้งเรื่องเอาตัวเองเข้าไปเสี่ยงอันตรายบ่อยๆ แล้วอีกอย่างคือตอนที่เลิกกันลูกๆก็โตกันหมดแล้ว แต่สรุปคือเลิกกันด้วยดีแต่ก็ยังคงเหลือความรักและความรู้สึกดีๆให้กันเหมือนเดิม คุณนิรันดร์เองก็ยังส่งลูกๆตามติดชีวิตเมียเก่าไม่ห่าง บางครั้งก็ยังตามหึงตามไปจัดการคนที่เข้ามาขายขนมจีบให้คุณพริ้งอยู่เรื่อยๆ ทำไงได้คะ ก็คุณพริ้งเธอยังสวยยังสาวขนาดนั้น ส่วนลูกๆไม่เคยคิดว่าพ่อแม่เลิกกันสักคน แค่เอาใบหย่ามาประดับฝาบ้านแค่นั้น เพราะพ่อแม่ก็ยังคุยกันเทียวไปหากันอยู่บ่อยๆ อารมณ์เหมือนแม่งอนพ่อแล้วหนีมากรุงเทพเป็นปีๆเท่านั้นเอง








ออฟไลน์ p_phai

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2302
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +154/-6

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ OoniceoO

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 975
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +35/-2
เก็บไว้อ่านนานๆทีให้จุใจก็ยังไม่จุใจซักที

ออฟไลน์ Ppeachmm

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 56
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +21/-0
---ตอนที่ 38---


แฟง's part

เราเดินสายไหว้พระกันตั้งแต่ออกจากบ้านจนตอนนี้มาจบที่วัดที่เก้า วัดสุดท้ายของวันนี้ซึ่งตั้งอยู่บนเขานอกเมืองเชียงใหม่ เป็นวัดเก่าแก่ทั้งกำแพงวัด อุโบสถ และเจดีย์ล้วนแล้วแต่สร้างจากอิฐมอญสีแดง เพราะข้ามผ่านกาลเวลามานานพอสมควรเราจึงได้เห็นร่องรอยอารยธรรมซากปรักหักพังตามส่วนต่างๆของวัดอยู่หลายจุด มีต้นไม้ใหญ่ขึ้นกลางวัดและรอบนอกวัดมากมาว ให้อารมณ์เหมือนอยู่ในสวนหิมพานต์ยังไงอย่างงั้น เจ้าตัวเล็กที่ไม่เคยเห็นอะไรแบบนี้ก็ดูตื่นเต้นกับบรรยากาศรอบวัดเอามากๆ ทั้งยังขอให้ผมถ่ายรูปให้อีกมากมาย บางรูปก็ถ่ายเซลฟี่เอง มีถ่ายกับผมบ้างถ่ายกับแม่บ้าง แต่ถ้าให้นับจริงๆ รูปคุณพริ้งพราวในมือถือคุนคุนคงเกือบร้อยแล้วตอนนี้ พอถ่ายรูปเสร็จทั้งสองก็เข้าไปในศาลาเสี่ยงเซียมซีที่คุณพริ้งเธอบอกนักหนาว่าคำทำนายนั้นแม่นมากอยากให้ผมเสี่ยงดวงดู แต่เรื่องดวงอะไรพวกนี้ผมไม่ค่อยเชื่อเท่าไหร่เลยปฏิเสธไปแล้วก็ส่งตัวแทนเป็นเจ้าตัวเล็กที่เดินดุ้กดิกตามแม่เข้าไปในศาลาแต่โดยดี

แต๊ก แต๊ก แต๊ก

แกร๊ก


"คุน หนูได้เลขไรคะ"

"คุน อ่านไม่ออกครับ"

"ไหนแม่ขอดูหน่อย อ้อ มันเป็นเลขไทยนี่เอง อันนี้หมายเลข 7"

"อ้อ ครับ"

"เดี๋ยวไปดูคำทำนายกันจ้ะ"

"หมายเลขเจ็ด อยู่ตรง....นี้ อะ นี่ของคุนลูก เอาไปให้พี่เค้าแปลให้นะ เดี๋ยวแม่เข้าไปรับน้ำมนต์กับหลวงพ่อก่อน รออยู่แถวนี้นะเด็กๆ อย่าไปไหนไกล" พอแม่พูดเสร็จก็หันมาบอกผมที่ยืนรออยู่ใต้ต้นไม่นอกศาลา ก่อนเจ้าตัวจะเดินเข้าไปในกุฎิเจ้าอาวาสที่ตั้งอยู่ติดกัน

"อ้อ ครับ"

"ไหน ได้อะไรมา ดีมั้ย"

"นี่ครับ" คำทำนายใบสีน้ำตาลอ่อนถูกยื่นมาให้ผมตรงหน้าพร้อมกับสีหน้าคนถือที่ดูงุนงงเหลือเกิน

"ทำไมทำหน้างงงวยแบบนั้นละ"

"คือคุนอ่านไม่เข้าใจเลย"

"ไหนมาดูซิ เดี๋ยวจะอ่านให้ฟัง" ผมยื่นมือไปหยิบกระดาษแผ่นนั้นมาแล้วอ่านออกเสียงให้เสียงดังพอที่ทำให้เราสองคนได้ยิน พยายามไม่ให้ดังจนเกินไปกลัวจะไปรบกวนคนอื่นๆภายในวัด


"ทำนายเซียมซีใบที่ ๗
ใบที่เจ็ด ยอดดี เป็นศรีสุข
ร่วมสนุก เพื่อนบ้าน วงศ์วานพร้อม
แต่มีกรรม มาบัง รั้งพะยอม
จงเตรียมพร้อม น้อมทำบุญ สุนทรทาน

ทั้งคู่ครอง เป็นคนดี อย่างที่สุด
สามเดือนผุด เป็นเนื้อคู่ ร่วมอาศัย
หากพบแล้ว ได้เห็น เป็นบุญใจ
พูดกับใคร ก็อ่อนน้อม พร้อมไมตรี

ถามหาสุขภาพ ไม่ดี ดังที่คิด
เพราะยังติด ขัดข้อง ไม่ต้องหมาย
โปรดระวัง ภยัน อันตราย
ระวังกาย ให้มั่น ทุกวันเอยฯ";

คำทำนาย ไม่ค่อยดีเท่าไหร่...

"ไม่เข้าใจเลยสักนิด แปลเป็นภาษาไทยให้ด้วยสิครับ" อืม ยิ่งอ่านยิ่งงละสิ มาเป็นกลอนขนาดนั้น ผมยื่นมือไปลูบหัวอีกคนก่อนจะตอบออกไปเบาๆ ส่วนอีกคนดึงกระดาษในมือผมออกไปอ่าน ทำท่าอ่านเหมือนรู้เรื่องทั้งๆที่ไม่รู้อะไรสักอย่าง ไอ้ตัวน่ารักเอ้ยยย

"สรุปว่าดีก็แล้วกัน"

"ดียังไงหรอ"

"ในนี้บอกว่าจะเจอแฟนดี เป็นเนื้อคู่" ผมเลือกบอกแต่สิ่งที่ดี ส่วนคำทำนายส่วนไม่ดีขอละไว้ละกัน มันก็แค่คำทำนายไม่ได้มีอะไรมากไปกว่านั้นเสียหน่อย

"มั่วแล้ว" คนตัวเล็กเงยหน้าขึ้นมองผมเหมือนกับไม่เชื่อสิ่งที่พูด แถมยังทำปากแบะๆ น่าดึงปากออกมากัดจริงๆเลย แต่นี่คือวัดไงครับ ต้องสำรวมมั้ย แล้วที่กำลังคิดในใจนี่บาปมั้ยวะ?

"จริงๆ ไม่ได้โกหก แม่ออกมาแล้ว ไปเหอะ กลับกัน" ผมใช้ฝ่ามือหนาขยี้หัวอีกคน ในจังหวะเดียวกันกับที่เห็นแม่เดินออกมาจากกุฎิเจ้าอาวาสพอดี

"อะ โอเค"

"ไงจ้ะหนุ่มๆ รอกันนานมั้ย กลับกันเถอะ บ่ายแก่แล้วเดี๋ยวต้องขับรถเข้าเมืองอีก นี่แม่ได้น้ำมนต์มาด้วย เดี๋ยวเอาไปดื่มที่บ้านกันนะคะน้องคุน"

"คร้าบผม เอ่อ คุณแม่ได้เซียมซีหมายเลขอะไรหรอครับ"

"ได้เหมือนน้องคุนเลยลูก"

หือ? ผมหันไปมองแม่ทันทีที่ได้ยินแบบนั้น ได้เลขเหมือนกันก็แสดงว่าได้คำทำนายที่ไม่ดีนะสิ

"ว้าว จริงหรอครับ งั้นบอกหน่อยสิครับว่าแปลว่าอะไร พี่แฟงแปลให้ฟังสั้นเชียวทั้งๆที่ในนั้นเขียนไว้ยาวเหยียด"

"แล้วพี่เค้าบอกว่าอะไรละคะ"

"บอกว่าจะเจอแฟนดี เป็นเนื้อคู่กัน"

"อืม ก็ถูกต้องนี่คะ"

"แล้วอย่างอื่นละครับ ที่เหลืออะ อันที่ยาวๆอะครับ"

"ที่เหลือก็ไม่ต้องรู้หรอก ไม่ค่อยสำคัญ เอามานี่ ต้องเอาไปเผา เอาใบของแม่ด้วยครับ" ผมรีบตัดบทไปทันทีก่อนจะยื่นมือไปหยิบกระดาษคำทำนายออกจากมือคุน และขอใบที่อยู่ในมือแม่มาด้วย แม่เคยบอกว่าถ้าเราได้คำทำนายที่ไม่ดีควรจะเผามันทิ้งในวัดเลยสิ่งไม่ดีจะได้ไม่ต้องติดตัวเราออกไปด้วย

"อ้าว ทำไมต้องเผาละครับ"

"อ่านเสร็จแล้วก็ต้องเผา ห้ามเอากลับ"

"อย่างนั้นหรอครับคุณแม่"

"เอ่อ ใช่จ้ะ ต้องเผา นี่ของแม่คะลูกแฟง"

ผมหยิบกระดาษมาจากแม่ก่อนจะเดินไปที่กระถางตะเกียงแล้วเผากระดาษสองใบในมือทิ้งทันที พรางคิดภาวนาไปด้วยว่าอย่าให้สิ่งไม่ดีในกระดาษใบนี้เกิดขึ้นกับคนที่ผมรักทั้งสองคนด้วยเถิด

"เสร็จละไปกัน นิรันดร์รอทานข้าวอยู่ที่ร้านกาสะลอง"

"โอเค ไปกันจ้ะเด็กๆ"

.
.
.
.
.
.

"สั่งของหวานเพิ่มมั้ยเด็กๆ" แม่เอ่ยถามขึ้นเมื่อเราทุกคนต่างนั่งลูบท้องหลังจากสว่ปามมือเย็นจนเกลี้ยงโต๊ะ ยิ่งเจ้าตัวนุ่มนิ่มที่นั่งข้างๆผมนี่ยิ่งอิ้มแปล้ กินกุ้งทอดกระเทียมไปเกือบครึ่งจานคนเดียว ของโปรดเขาแหละกุ้งเนี่ย ดีหน่อยที่วันนี้ผมไม่ต้องแกะเปลือกให้เพราะทางร้านแกะมาให้เรียบร้อยแล้ว

"คุนไม่ไหวแล้วครับ อื่มมากกกก" ดูเหมือนอีกคนคงจะไม่ไม่ไหวเหมือนที่พูดจริงๆแหละครับ เพราะตั้งแต่รู้จักคุนคุนมาไม่เห็นคุณคุณปฏิเสธของหวานเลยสักครั้ง

"แน่ใจนะ ไม่ใช่ร้องอยากกินขนมกลางดึกนะ" นิรันดร์รีบถามดักคอไว้ นี่ก็รู้ดีเหมือนไปอยู่ใต้เตียงบ้านผมอย่างนั้นแหละ ก็เจ้าตัวเล็กนี่ชอบงอแงร้องอยากกินอะไรหวานๆตอนดึกๆตลอด ถ้าอยู่คอนโดก็แอบย่องออกมากินคุ้กกี้ คิดว่าผมไม่รู้เรื่องทั้งๆที่ตอนกลับเข้ามานอนยังมีเศษคุกกี้ติดริมขอบปากอยู่เลย เด็กหนอเด็ก

"แฮะๆๆ"

"ปล่อยให้ร้องไป เดี๋ยวหลับก็เลิกร้องเอง" คือถ้าคุนคุนงอแงอยากกินของหวานตอนที่ผมยังไม่หลับผมก็จะไม่ให้กินหรอกครับ แต่จะบังคับให้นอนหลับเสียมากกว่า

"พี่แฟงอะ" แหนะ ทำปากแบะอีกละ

"อะไร ก็พูดความจริง"

"ข้าวเหนียวมะม่วงที่นี่อร่อยนะน้องคุน"

"จริงหรอครับ"

"เจ้าเด็ดเลยละคะ"

"เอ่ออ คุน.."

"พอแล้วไม่ต้องกิน"

"แง"

"อร่อยจริงๆนะ"

"แม่!"

"โอเคๆ งั้นกลับกันเลยมั้ยจ้ะ"

"คร้าบผม"

นิรันดร์ลุกขึ้นไปยืนรอรถอยู่ที่หน้าร้านกับแม่ เราแยกกันไปคนละคันเพราะกะไว้ว่าจะพาคุนขับรถเที่ยวชมเมืองเชียงใหม่ตอนกลางคืนเสียหน่อย ส่วนผมกับคุนคุนเดินออกมาทีหลังเพราะเจ้าตัวเล็กเสียดายน้ำเก็กฮวยในแก้วเลยกระดกขึ้นมาซัดจนหมด วันนี้นิรันดร์เอารถตู้มาครับ คงไม่อยากขับเองเพราะต้องไปดูที่ดินนอกเมืองที่อยู่ค่อนข้างไกลอยู่เลยให้พี่ชัยคนขับรถของที่บ้านมาขับรถให้ทั้งวัน ปกติถ้าไปไหนในตัวเมืองนิรันดร์ก็ขับรถไปเองตลอดไม่ค่อยให้พี่ชัยขับให้เท่าไหร่ นอกจากจะไปจ่างจังหวัด หรืองานสังสรรค์อะไรที่ต้องดื่มแอลกอฮอล์

"พี่แฟง พี่รันลืมโทรศัพท์ครับ งั้นเดี๋ยวคุนวิ่งเอาไปให้ก่อนนะครับ" คุณคุณหันไปเห็นโทรศัพท์เครื่องสีดำก่อนหยิบมันขึ้นมาให้ผมดู และมันก็เป็นโทรศัพท์พ่อผมจริงๆนั่นแหละ ผมจึงพยักหน้าเป็นเชิงอนุญาตให้อีกฝ่ายเอามือถือไปคืนพ่อผมที่ยืนรอรถอยู่หน้าร้าน ส่วนผมก็เตรียมตัวจะออกไปด้านข้างร้านเพราะรถผมจอดไว้ตรงนั้นพอดี

"เค เดี๋ยวกูไปเอารถมา แล้วก็รออยู่ด้านหน้าเลยนะเดี๋ยวไปรับ"

"ได้ครับ"

ปัง!

ปัง!

ปัง!

!!!

เสียงอะไรบางอย่างดังขึ้นสามครั้งติดต่อกันที่หน้าร้านตามมาด้วยเสียงกรีดร้อง ผมที่เคยได้ยินเสียงแบบนี้มาแล้วรู้ทันทีว่ามันคือเสียงปืน มือที่กำลังจะเปิดประตูรถชะงักไปในทันที ก่อนจะรีบวิ่งไปที่ต้นเสียง ซึ่งก็คือหน้าร้านอาหาร ภาวนาในใจว่าเสียงปืนสามนัดเมื่อครู่นั้นไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับคนที่ผมรักทั้งสามคน เพราะตั้งแต่ออกมาจากวัดบนเขานั้นตาขวาผมก็กระตุกตลอดเลย

"กรี้ดดดดดด"

"แม่! นิรันดร์!"

แม่ยืนอยู่หน้าร้านพยุงนิรันดร์ที่มีเลือดไหลลงมาตามแขนอยู่ ส่วนคนตัวเล็กของผมนอนอยู่ที่พื้น แค่เห็นแบบนั้นใจผมก็หล่นวูบไปอยู่ตาตุ่มเลย

"คุน!! เกินอะไรขึ้น" ผมพุ่งเข้าไปหาคนตัวเล็กที่นอนอยู่ตรงพื้น ที่ตอนนี้มีเลือดไหลออกมาเลอะพื้นเป็นจำนวนมาก ผมมองดูตรงหน้าอกด้านขวาที่มีเลือดเปื้อนเป็นดวงเลอะเสื้อยืดโอเวอร์ไซส์สีขาวที่ผมจำได้ว่าเราซื้อมาคู่กันตอนไปเดินห้างแถวๆมหาลัยในครั้งที่ทำคลิปล่อไอ้พี่ชัยโรคจิต ผมรีบถอดเสื้อเชิ้ตแขนสั้นสีขาวที่สวมทับเสื้อยืดสีดำออกมาพร้อมกดมันลงไปที่แผลเพื่อห้ามเลือดที่ไหลออกมาไม่ขาดสาย

"ไอ้คนชุดดำขี่มอไซค์คันเมื่อกี้มันยิงมาที่กู แล้วคุนวิ่งเข้ามาพอดี เลยโดนไปเต็มๆ" นิรันดร์พูดขึ้น ก่อนจะนั่งลงมาดูคุนคุนกับผม

"แล้วนิรันดร์กับแม่ละ"

"กูหลบทันเลยโดนแค่ถากๆ ส่วนแม่ไม่เป็นไร" ผมมองดูแขนพ่อที่มีเลือดไหลออกมา ดูจากปริมาณเลือดแล้วกระสุนคงจะแค่ถากๆอย่างที่นิรันดร์ว่าจริงๆนั่นแหละ ส่วนแม่ก็มีสีหน้าตกใจปนกังวลอย่างมาก แต่คุนของผมนี่สิ คงโดนกระสุนเข้าเต็มๆ

"แล้วอีกนัดละ" ผมถามออกไปเพราะจำได้ว่าได้ยีนเสียงลั่นไกลปืนสามครั้ง

"มันยิงขึ้นฟ้า" โชคดีที่ไอ้พวกนั้นมันไม่ยิงนัดที่สามมาใส่ใครสักคนตรงนี้

"คุน คุน!" ผมเอื้อมมืออีกข้างที่ไม่ได้กดแผลไว้ไปปัดผมที่ปิดหน้าคนตัวเล็กออก ตอนนี้ตรงกรอบหน้าขาวเล็กนั้นมีเหงือซึมออกมาอย่างเห็นได้ชัด

"พี่แฟง คุนเจ็บ" มือบางยกขึ้นมากุมมือผมไว้แล้วบีบเบาๆหลายที มือบางมีแต่เหงื่อเปียกไปหมด บ่งบอกให้รู้ว่าอีกคนคงกลัวแค่ไหน ส่วนตาก็จ้องผมไม่ละไปไหนราวกับว่าไม่อยากให้ผมห่างไปไหนเลยในตอนนี้

"ไม่เป็นไร พี่อยู่นี่ ไม่ร้องนะ เดี๋ยวรีบพาไปหาหมอ กลัวมั้ย" อีกฝ่ายส่ายหน้าเบาๆผมรีบบีบมืออีกคนตอบทันที ก่อนจะก้มลงไปหอมหน้าผากอีกคนให้กำลังใจ รู้แหละว่าเจ็บ ผมเองก็เคยโดน น้ำใสๆไหลออกมาจากหางตาทั้งสองข้างของร่างเล็กที่ไร้เสียงสะอื้นใดๆให้ผมได้ยิน ขนาดเจ็บยังไม่ร้องออกมาเลย ตัวเล็กของพี่ เลือดออกเนอะขนาดนี้ถ้าเรีนกรถพยาบาลอีกคนคงทนรอไม่ไหว ถึงแม้จะห้ามเลือดรอก็ตาม

"นิรันดร์อุ้มคุนขึ้นหลังผม ผมจะพาคุนไปที่รถ"

"รถของมึงอะนะ ไม่ต้องเลย ไปรถกู ชัยเอารถมาโน่นพอดี ชัยช่วยแฟงอุ้มคุนขึ้นรถตู้"

"ครับคุณรัน" พี่ชัยที่เพิ่งลงมาจากรถทำหน้าตกใจในสิ่งที่เห็น แต่ก็เรีนกสติกลับมาทัน แล้วมาช่วยผมพยุงคุนขึ้นรถตู้ ก่อนที่พ่อ แม่ และผมจะตามขึ้นไปหลังจากนั้น

"รถมึงจอดไว้นี่แหละ เดี๋ยวพรุ่งนี้ให้ชัยมาเอา ชัยพาไปโรงบาลที่ใกล้ที่สุด"

"ครับ"

"คุน เจ็บมั้ย เดี๋ยวก็ถึงโรงพยาบาลแล้ว อีกแป๊บเดียว เลือดออกเยอะเลย ไม่ต้องกลัวนะ พี่พันแผลห้ามเลือดให้แล้ว" ผมกล่าวส่วนมือก็กุมมือบางของคนตัวเล็กที่ตอนนี้มีเหงื่อปกคลุมเต็มนี้ มือที่เปียกชื้นไปด้วยเหวื่อเริ่มลดอุณหภูมิลงจนรู้สึกเย็น  ดึงคนตัวเล็กเข้ามาชิดในอ้อมอกที่เปลือยเปล่าเพราะเสื้อนืดตัวสีดำที่ใส่มาตั้งแต่เช้าถูกฉีกไปพันแผลห้ามเลือดให้คนในอ้อมอกแล้ว

"พี่แฟง" คนตัวเล็กเอ่ยเสียงเบา ริมฝีปากที่เคยแดงระเรื่อซีดลงอย่างเห็นได้ชัด

"คุน อย่าหลับนะ ห้ามหลับ คุน!"

"พี่แฟง คุนง่วง อือออ" ตาชั้นเดียวที่มักยิ้มเป็นสระอิปิดลงหลายต่อหลายครั้ง แต่เจ้าตัวก็พยายามที่จะบังคับให้ตัวเองรู้สึกตัวตลอดเวลา

"คุนคุน คุนกับพี่ คุน พี่ชัยขับเร็วกว่านี้หน่อยสิพี่ เมียผมจะตายห่าแล้วเนี่ย!"

"นี่ก็ 130 แล้วนะ ขับเร็วกว่านี้ก็ตายห่ากันทั้งคันนี่แหละ ชัยออกเส้นซุปเปอร์ไฮเวย์เลย"

"ครับ"

"เลือดพ่อก็ออกเยอะนะ พันแผลไว้ก่อน ห้ามเลือด" ผมหนิบเสื้ออีกครึ่งตัวขึ้นมาก่อนจะยื่นมันไปให้แม่ที่นั่งกุมมือพ่ออยู่ที่เบาะหลัง แม่ผมก็พอทำแผลได้ครับ แม่บอกตอนหนุ่มๆนิรันดร์ชอบเจ็บตัวกลับมาบ้านประตำ แล้วแม่ก็ต้องเป็นใ่ายทายากับทำแผลให้ตลอด ทำจนเก่งเลยแหละแม่เล่าให้ฟัง

"ไม่ต้องแผลแค่นี้ กระจอก มึงดูคุนไปเถอะ"

"พี่แฟง คุนเจ็บ" เชี่ยเอ้ย แค่อรกฝ่ายเอ่ยออกมาว่าเจ็บเบาๆ ทำไมผมเหมือนเจ็บจี้ดไปทั้งร่างกายแบบนี้วะ แล้วทำไมผมถึงไม่อยู่ตรงนั้นด้วย ถ้าผมอยู่ป่านนี้คนตัวเล็กในอ้อมกอดคงไม่เป็นแบบนี้ ทำไมมึงต้องไปเอารถด้วยวะไอ้เ*ยแฟง!!

"ไม่เจ็บนะ พี่กอดแล้ว ไม่เจ็บแล้ว เดี๋ยวก็ถึงโรงพยาบาล อดทนหน่อยนะคนเก่งของพี่" ผมกอดคนตัวเล็กไปน้ำตาก็ไหลออกมาจากหางตาไปด้วย เกิดมายังไม่เคยร้องไห้สักครั้ง ทำไมครั้งนี้มันเจ็บจี้ดในใจจนน้ำตาไหลออกมาเองแบบนร้วะ เชี่ยยย มึงจะมาอ่อนแอให้คุนคุนดูตอนนี้ไม่ได้นะเว้ย!

"ไม่ร้อง นะ ครับ" มือบางยกขึ้นมาปาดน้ำตาออกจากหางตาให้ผม พรางส่งยิ้มที่ผมคุ้นเคยมาให้

 "ไอ้พวกนั้นมันเป็นใครนิรันดร์ เอาเลือดหัวมันมาชดใช้ให้เมียผมเดี๋ยวนี้เลย!" มึงเป็นใครกูจะเอาให้ตายเลยคอยดู!

"ใจเย็นนะคะลูกแฟง อย่าเสียงดังคะลูกเดี๋ยวน้องตกใจ"

"กูให้คนไปตามล่ามันละ เดี๋ยวคงได้เรื่อง คงเป็นพวกมือปืนรับจ้างโง่ๆ"

"ถ้าคุณเป็นอะไรไปนะ ผมจะเอามันตายทั้งโคตรเลยคอยดู"

"ใจเย็นๆลูกแฟง น้องไม่เป็นอะไรหรอกเชื่อแม่"

"คุนคุน! ทำไมหัวมีเลือดด้วยวะ! เชี่ยเอ้ย"
.
.
.
.


#คุนแฟง

by ppeachmm





ออฟไลน์ fc_fic

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2598
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +84/-7

ออฟไลน์ psychological

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 253
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +41/-0

ออฟไลน์ Ppeachmm

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 56
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +21/-0
---ตอนที่ 39---

คุน's part

ผมลืมตาขึ้นมากลางดึก ในห้องมืดสนิทมีเพียงแสงไฟจากห้องน้ำและแสงไฟจากถนนสาดส่องเข้ามา แต่ทว่าแค่เพียงแสงน้อยนิดที่สาดส่องภายในห้องก็ยังพอให้ผมรับรู้ได้ว่าตัวผมอยู่ในห้องที่ไม่คุ้นเคย โคมไฟบนเพดานยังเป็นแบบยาวที่ไม่เคยเห็นในห้องนอนห้องไหนมาก่อน เมื่อมองไปรอบๆก็ยิ่งรู้สึกถึงความแปลกใหม่ แถมกลิ่นที่อบอวลอยู่ในห้องนี้ยังมีกลิ่นที่ผมไม่ค่อยชอบด้วย กลิ่นน้ำยาฆ่าเชื้อที่มักได้กลิ่นตามโรงพยาบาล กลิ่นนี้ทำให้รู้สึกปวดหัวขึ้นมาทันที พอจะยกมือขึ้นมาจับขมับต้นเหตุของความเจ็บก็ถึงได้รู้ว่ามือผมนั้นถูกใครบางคนจับกุมไว้หลวมๆ จึงใช้สายตาเพ่งมองเงาดำๆของใครบางคนที่ฟุบหลับอยู่ข้างเตียง แถมตามแขนของผมยังมีสายอะไรบางอย่างระโยงระยางเต็มไปหมด นี่ผมอยู่ที่โรงพยาบาลจริงๆนะหรอ

"อื้ออ" ผมพยายามขยับตัวแต่กลับรู้สึกว่าร่างกายตัวเองหนักราวกับแบกก้อนหินนับร้อยไว้บนตัว รู้สึกปวดหัวตุบตุบ ตามตัวยังรู้สึกเมื่อยไปหมด ตามมาด้วยความรู้สึกเหมือนคอแห้งผากราวกับไม่ได้ดื่มน้ำมาหนึ่งอาทิตย์ก็ไม่เชิง

คนที่นอนกุมมือผมอยู่ที่ข้างเตียงยังไม่ขยับไปไหน แม้กลิ่นเฉพาะของโรงพยาบาลจะแรงเสียงจนกลบกลิ่นอื่นๆมิด แต่กลิ่นเฉพาะกายของคนที่นอนฟุบอยู่ตรงนี้ยังคงโชยกลิ่นอ่อนๆมากระทบจมูกผมให้รับรู้ได้ว่าเขาเป็นใคร ผมเริ่มจับต้นชนปลายเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นที่ร้านอาหาร ในรถ และความเจ็บที่เข้าครอบงำที่อกด้านขวา จำได้ว่าครั้งสุดท้ายที่มีสติคือตอนที่พี่แฟงกอดผมไว้ในรถแล้วหลังจากนั้นภาพก็ตัดไป มารู้ตัวอีกทีก็ตอนที่ลืมตาขึ้นมาเมื่อไม่กี่นาทีที่แล้วนี้เอง

"คุน ตื่นแล้วหรอ" พี่แฟงลืมตาขึ้นมาก่อนจะลุกขึ้นมานั่งเต็มความสูง เขาเอ่ยถามขึ้นทันทีที่รู้สึกว่ามือผมขยับบีบมือเขาไว้ด้วยน้ำเสียงงัวเงียของเจ้าตัวเวลาเพิ่งตื่นนอน

"อื้ออ" ผมเปล่งเสียงออกไปตามปกติ แต่เสียงที่เล็ดลอดออกมานั้นกลับเบามากแถมยังแหบพร่าอีกต่างหาก เสียงผมหายไปไหนหมดเนี่ย

"เจ็บตรงไหนมั้ย" เขาเอ่ยถามเสียงเบาก่อนจะเอื้อมมือสากมาลูบข้างๆแก้มผมเบาๆ ราวกับกลัวว่ามันจะบุบสลาย พี่แฟงชอบจับแก้มผมบ่อยๆ แต่ทุกครั้งที่เขาจับเขาจะหยิกมันด้วยความหมั่นเขี้ยว ไม่เคยมีครั้งไหนที่เขาสัมผัสผมเบามือเท่าครั้งนี้มาก่อน

ผมพยักหน้าก่อนจะเอ่ยตอบไปว่ารู้สึกปวดตัวและปวดหัว เขาบอกว่าอย่าเพิ่งพูดอะไรตอนนี้ก็ได้ เพราะเหมือนผมจะไม่ค่อยมีเสียงเท่าไหร่

"นะ น้ำ" ผมพยักหน้าพร้อมกับเอ่ยออกไปอีกครั้งว่าผมหิวน้ำ เขารับลุกขึ้นเทน้ำจากเหยือกที่วางอยู่หัวเตียงลงในแก้ว ก่อนจะหยิบหลอดในลิ้นชักออกมาแกะใส่เข้าไปในแก้ว แล้วปรับเตียงผมให้สูงขึ้นเล็กน้อยเพื่อให้ดื่มน้ำได้สะดวก

"นอนหลับนานเกินไปแล้วเรา พี่เป็นห่วงแทบแย่รู้มั้ย" เขาเอาแก้วไปวางไว้ที่ชั้นข้างหัวเตียงก่อนจะกลับมานั่งลงบนเก้าอี้ข้างเตียงตัวเดิม เอามือมาลูบหัวผมเบาๆ ก่อนจะกดจมูกลงไปตรงซอกคอผม หลังจากนั้นผมก็รู้สึกว่าร่างกายผมสั่นไหวแถมตรงซอกคอยังรู้สึกเหมือนมีอะไรบางอย่างเย็นๆหยดลงคอผมสองสามหยด

"หลับไปนานขนาดนั้นไม่คิดถึงพี่บ้างรึไงคุน" เสียงอู้อี้ติดแหบดังลอดออกมาจากซอกคอของผม อีกฝ่ายยังเอาหน้าจมไว้ตรงนั้น แม้เสียงที่ถูกเปล่องออกมาจะขาดๆหายๆไปบ้าง แต่ผมก็จับใจความได้ทุกคำ และรับรู้ได้ถึงความเป็นห่วงที่แฝงอยู่ภายใต้เสียงนั้น เขาไม่ได้พูดอะไรต่อ แล้วก็ไม่ได้ละจมูกออกไปจากซอกคอผม ส่วนผมนั้นก็ไม่ได้ตอบอะไรทำได้เพียงพยักหน้าสองสามทีก่อนจะเอื้อมมืออีกข้างที่ไม่มีสายน้ำเกลือขึ้นมาวาบบนแผ่นหลังหนาของผู้ชายคนนี้

พี่แฟงร้องไห้

ผมรับรู้ได้จากน้ำเสียงที่เปล่องออกมานั้น และจากการสั่นไหวของหัวไหล่หนา แต่ทว่าเขาก็ยังกอดผมไว้แบบนั้นไม่ขยับไปไหนราวกลับกลัวว่าผมจะหลุดหายไปไม่กลับมาหาเขาอีก เขาคงคิดว่าผมจะหายไป เพราะผมจำเสียงหวีดร้องสุดท้ายของเขาบนรถได้ มันคล้ายกับเขาไม่อยากจะเสียผมไปมากแค่ไหน

ผมไม่รู้ว่าตัวเองหลับไปอีกตอนไหน หรือหลับไปอีกนานเท่าไหร่ ลืมตามาอีกครั้งภายในห้องก็สว่างสไวแถมคนที่นอนกอดผมไว้นั้นก็ไม่อยู่ตรงนี้แล้วด้วย มืออุ่นที่เคยกุมมือผมไว้ก่อนผมจะหลับมันหายไปเหลือไว้เพียงความรู้สึกอุ่นๆที่ยังค้างไว้บนฝ่ามือ

"ไอ้คุน ตื่นแล้วหรอ"

"คุนคุน เป็นไง"

ผมพยายามโฟกัสคนที่ลุกขึ้นจากโซฟาที่กำลังเดินมาทางผมสองคน สงสัยจะพักสายตานานไปหน่อยถึงต้องใช้เวลาในการโฟกัสภาพเคลื่อนไหวสักพัก

"ทัพ ขุน" เมื่อสายตาเริ่มปรับแสงได้ บวกกับตาที่เริ่มปรับจุดโฟกัสสายตาได้ ถึงได้เห็นว่าสองคนที่ยืนอยู่ข้างเตียงเป็นเพื่อนฝาแฝดของผมนั่นเอง

"หลับฝันหวานน้ำลายยืดไปหลายวันเลยนะมึง" ขุนพลเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงขี้เล่นประจำตัว นี่ผมหลับไปหลายวันขนาดนั้นเลยหรอ ทำไมถึงรู้สึกว่าตัวเองเพิ่งหลับไปเมื่อเช้าตรู่นี่เอง ผมกวาดสายตาไปมองในห้อง ไม่มีคนที่ผมอยากเจอ มีเพียงสองพี่น้องฝาแฝดที่อยู่ตรงนี้ กับใครอีกคนที่ผมไม่รู้จักนั่งอยู่ที่โซฟา

"ตื่นขึ้นมาก็มองหาแฟนเลยนะเรา เพื่อนต้องน้อยใจมั้ยเนี่ย" กองทัพเอ่ย พรางทำหน้าล้อเลียน

"ไอ้พี่มันออกไปคุยกับหมอ เดี๋ยวก็เข้ามา" ขุนพลเอ่ย ในขณะเดียวกันกับที่ประตูห้องเปิดออก

"นั่นไง พูดถึงก็มาเลย ตายยากชิบหาย" ขุนพลบ่นพึมพำ ส่วนประโยคหลังนั้นทำเพียงพึมพำมันในลำคอเบาๆ แต่ก็ดังพอให้คนอื่นในห้องได้ยิน

"นินทาอะไรกูไอ้เชี่ยขุน อ้าว คุนตื่นแล้วหรอ เป็นไงบ้าง เจ็บตรงไหนรึเปล่า หิวน้ำมั้ย ปวดหัวมั้ย" ผมส่ายหน้าเมื่ออีกคนยิงคำถามใส่ผมรัวๆ ก่อนอีกฝ่ายจะลากเก้าอี้มาวางข้างเตียงแล้วนั่งลง

"โหพี่ ถามอะไรเยอะแยะขนาดนั้น มันจะฟังทันรึเปล่าเถอะ ดูหน้ามันดิ เอ๋อไปแล้วแน่ๆเลยผมว่า" ขุนนะขุน ถ้าผมไม่ป่วยนอนอยู่บนเตียงแบบนี้ผมจะสิ่งไปตีแขนเลยนะ มาว่าเราเอ๋อได้ไงเนี่ย

"ไอ้ห่านี่ เอ๋อพ่องงง ปากมึงหรอนั่นนะ เดี๋ยวกูให้ไอ้ธันจัดการปิดปากมึงซะเลย" ผมรีบหันไปยิ้มขอบคุณคนตัวสูงที่นั่งจับมือผมอยู่ข้างเตียงทันทีที่จัดการขุนพลปากพล่อยให้ เอ...ว่าแต่ เกี่ยวอะไรกับเฮียธันอะ? แล้วพอพี่แฟงพูดถึงพี่ธันนะ ขุนพลหน้าซีดลงอย่างเห็นได้ชัด มันแปลกๆแฮะ สองคนนี้

"เฮ้ย เกี่ยวไรกันวะ" ขุนพลเหวเสียงดัง แถมยังทำเสียงจิ๊จ๊ะในลำคอคล้ายไม่พอใจอะไรสักอย่าง ส่วนพี่แฟงก็เอามือกุมผมไว้ ผมไม่ได้ตอบอะไรกลับไปทำเพียงแค่บีบมือหนาตอบเขาเท่านั้น

"จะจ้องกันให้ท้องเลยใช่มั้ยเนี่ย ผมขอตัวไปซื้ออะไรกินด้านล่างหน่อยละกัน อยู่แล้วรู้สึกเป็นส่วนเกินวะ ไอ้ขุนไป เธอลงไปข้างล่างกัน" กองทัพเอ่ยก่อนจะลากตัวขุนพลออกมาจากข้างเตียง แล้วเดินเลยไปจูงมือผู้ชายตัวขาวๆที่นั่งอยู่บนโซฟานั้นออกไปข้างนอกห้อง ทันทีที่เสียงปิดประตูดังขึ้น พี่แฟงก็ก้มลงมาประกบปากผมทันที ครั้งนี้เขาไม่รุกล้ำเข้ามาในโพรงปากเหมือนที่ทำเป็นประจำ ทำเพียงแค่ลิ้มเลียขอบปากล่างบนสลับไปมาอยู่สักพัก เสียงคำรามของคนตัวหนาดังขึ้นสองสามครั้งก่อนที่เจ้าตัวจะผละออกจากปากผม

"ไปเที่ยวเล่นในฝันจนไม่อยากกลับมาแล้วใช่มั้ย" มือหนาเอื้อมมาเช็ดน้ำตรงริมฝีปากผมเบาๆก่อนจะเอ่ยขึ้นพร้อมรอยยิ้มอันอบอุ่นที่ผมคุ้นเคย

"คุนป่าว"

"หลับไปนานมาก นึกว่าหนีไปหาตี้จวินหัวขาวซะแล้ว"

"..." ผมหัวเราะออกมาในลำคอกับประโยคนั้นของอีกคน ผมชอบที่เขาจำตัวละครในซีรีย์ที่ผมชอบดูได้ ผมชอบที่เขาจำรายละเอียดอะไรหลายๆอย่างเกี่ยวกับเรื่องต่างๆรอบตัวผม ทั้งจากสิ่งที่ผมเล่าให้ฟังหรือจากสิ่งที่เขาสังเกตุเอง มันคือความใส่ใจที่เขามอบให้ผมตั้งแต่ครั้งๆแรกๆที่เราเจอกัน และนั่นทำให้ผมประทับใจในตัวผู้ชายคนนี้จนเลยเถิดมาเป็นความรักเหมือนในตอนนี้

เมื่อได้ยินเสียงหัวเราะของผม ตัวเขาเองก็หัวเราะออกมาเช่นเดียวกัน ผมไม่ได้พูดอะไรอีกได้แต่นั่งฟังเขาเล่าเรื่องโน่นนี่ตอนที่ผมหลับไปให้ฟัง ครั้งแรกผมหลับไปสองวันเต็มๆ แล้วก็ตื่นขึ้นมากลางดึงเจอคนตัวหนานอนกุมมือแล้วเราก็หลับไปพร้อมกันในคืนนั้น ส่วนครั้งที่สองผมหลับไปวันกว่าๆ เพิ่งจะตื่นขึ้นมาเนี่ยแหละ จริงเราทั้งคู่ควรจะกลับกรุงเทพฯแล้วตั้งแต่เมื่อสามวันก่อน ผมเองก็ต้องไปเรียนเพราะมหาวิทยาลัยเปิดแล้ว ส่วนพี่แฟงก็ต้องขึ้นคลีนิคที่โรงพยาบาลเหมือนกัน แต่พี่รันจัดการเรื่องลากับทางมหาวิทยาลัยให้เราทั้งสองคนเรียบร้อยแล้ว ของผมเนื่องจากต้องรักษาตัวในโรงพยาบาลทางพี่รันเลยทำเรื่องลาให้หนึ่งเดือน ส่วนของพี่แฟงเขาต้องกลับไปเรียนแล้วอาทิตย์หน้า เฮียธันรู้เรื่องทุกอย่างแต่ดีที่เขาไม่ได้โทรบอกป๊ากับม๊าไม่งั้นคงเป็นเรื่องใหญ่ ก่อนผมออกจากโรงพยาบาลหนึ่งวันก็โทรมาโวยวายเสียงดังใส่พี่แฟง แล้วก็ขอคุยกับผมบอกว่าขอโทษทีีมาเยี่ยมไม่ได้เพราะต้องขึ้นคลีนิคทุกวันแถมยังต้องเข้าเวรตอนกลางคืนอีกต่างหาก ส่วนผมก็ตอบกลับไปว่าไม่ต้องเป็นห่วงเพราะผมดีขึ้นมาแล้วค่อยมาเยี่ยมผมตอนกลับถึงกรุงเทพฯก็ได้ แล้วก็ยังไม่ลืมที่จะเอ่ยขอบคุณเฮียธันที่ไม่ได้บอกเรื่องนี้มห้ป๊ากับม๊ารจเพราะผมอยากจะเป็นฝ่ายบอกทั้งคู่เองมากกว่า

ส่วนเรื่องเหตุการณ์ที่ร้านอาหาร พี่แฟงเล่าให้ฟังว่าคนที่ยังนั้นเป็นมือปืนรับจ้างที่ถูกเสี่ยกำธรคนที่ต้องการซื้อที่ดินที่แม่ริมแข่งกับนิรันดร์นั้นจ้างมา แต่เกิดความผิดพลาดขึ้นเพราะตอนแรกมือปืนตั้งใจจะยิ่งขู่เท่านั้นแต่บังเอิญผมเข้ามาในวิธีกระสุนพอดีเลยได้รับลูกปืนไปเต็มๆ โชคดีที่มันไม่ได้โดนอวัยวะสำคัญเสียหาย ใช้เวลารักษาตัวอีกอาทิตย์กว่าๆก็คงกลับไปใช้ชีวิตประจำวันได้ตามปกติ ด้วยเพราะแผลที่ถูกยิงเป็นไหล่ขวาด้วยเลยไม่ส่งผลกระทบกับคนถนัดซ้ายอย่างผม

แม้เสี่ยกำธรจะต้องการแค่มาข่มขู่ให้พี่รันถอนตัวจากการซื้อที่ดินผืนนั้นแต่เรื่องมันบานปลายจนผมได้รับบาดเจ็บขนาดนี้ ทั้งพี่รันและพี่แฟงต่างไม่ยอมความเรื่องจึงถึงตำรวจชั้นผู้ใหญ่ที่พี่รันสนิทสนมด้วยเป็นการส่วนตัว ฟังจากที่พี่แฟงเล่าก็พอเข้าใจว่ามีการดำเนินคดีตามกฎหมายจนถึงที่สุด แต่ผมได้ยินสองแฝดคุนกันได้ยินว่าจู่ๆธุรกิจบางอย่างของเสี่ยกำธรก็เกิดปัญหาขึ้นจนต้องประกาศขายกิจการโรงงานและอสังหาริมทรัพย์ด้วยซ้ำ คิดว่าสองพ่อลูกคงไม่ได้ต้องการแค่ให้อีกฝ่ายถูกดำเนินคดีทางกฎหมายเท่านั้นแน่ๆ

ผมกลับมาอยู่กรุงเทพได้สามวันแล้วครับ แต่ไม่ได้กลับคอนโดนะ ตอนนี้ผมมาอาศัยอยู่กับคุณแม่พริ้ง ไม่ใช่แค่ผมคนเดียว แต่ทั้งผม ทั้งพี่แฟง แล้วก็อันอันด้วย เราย้ายมาอยู่ที่นี่ชั่วคราว พี่แฟงอยากให้มีคนอยู่เป็นเพื่อนผมในตอนที่ตัวเองต้องไปโรงพยาบาลและตอนนี้เขาย้ายขึ้นคลีนิคแผนกฉุกเฉินแล้วต้องมีการเข้าเวรกลางคืนด้วย เลยไม่อยากปล่อยผมไว้คนเดียว แม้ผมจะเอ่ยปากบอกว่าผมโอเคผมอยู่ได้แต่อีกฝ่ายก็ไม่ยอมฟังเลยต้องย้ายสัมมโนครัวมาอยู่ที่บ้านคุณแม่พริ้งเนี่ยแหละ

"น้องคุน หิวรึยังคะ" เสียงหวานของคุณแม่พริ้งดังขึ้นทำให้ผมที่นั่งมองอันอันวิ่งเล่นอยู่ในห้องหลังบ้านผ้านกระจกใสที่กั้นระหว่างห้องนั่งเล่นกับห้องหลังบ้านหันไปมองเธอในทันที เพราะนิวเยียร์แพ้ขนสัตว์อันอันเลยเข้ามาวิ่งเล่นในบ้านไม่ได้ แต่โชคดีหน่อยที่พื้นที่บริเวณบ้านของคุณแม่พริ้งกว้างขวางมากทำให้อันอันมีที่สิ่งเล่นอย่างสบายใจ นิวเยียร์เองก็ชอบมานั่งดูอันอันผ่านกระจกแบบนี้ แม้ตัวเองจะรักสัตว์แต่ก็รู้สึกเสียดายที่เข้าใกล้ไม่ได้ด้วยอาการแพ้ขนสัตว์ที่มีมาแต่กำเนิด ทำได้เพียงนั่งมองแล้วก็ซื้อขนมกับของเล่นมาให้ผมแทบทุกวันเลย

"ยังเลยครับ" ผมเอ่ยตอบไปแม้ตอนนี้จะรู้สึกเริ่มหิวขึ้นมาเล็กน้อยก็ตาม

"รอลูกแฟงหรอลูก" คุณแม่ยิ้มให้ผมเล็กน้อยเพราะรู้ทัน ถ้าวันไหนที่พี่แฟงไม่เข้าเวรผมก็จะรอเขากลับมาทานมื้อค่ำด้วยทุกครั้ง เหมือนอย่างวันนี้ แต่วันนี้อีกฝ่ายคงจะถึงบ้านค่ำเพราะด้านนอกฝนตกหนักมาก

"ครับ"

"ตอนนี้ฝนตก รถคงติดน่าดู หนูมาทานอะไรรองท้องก่อนดีมั้ยคะ" คุณแม่เดินไปนั่งที่โต๊ะอาหารกับนิวเยียร์ก่อนจะหันมาเรียกผมอีกครั้ง ปกติทั้งสองคนก็รอทานอาหารพร้อมพี่แฟงแหละครับแต่เพราะวันนี้ทั้งสองตั้งใจว่าจะออกไปดูหนังทานอาหารข้าฃนอกกัน แต่พอเห็นอาหารที่ผมทำก็เลยเปลี่ยนใจทานอาหารที่บ้านก่อนแล้วค่อยออก

"เอ่อ ไม่เป็นไรครับ คุนยังไม่ค่อยหิว คุณแม่กับนิวเยียร์ทานกันตามสบายเลยครับ"

"แม่คะ คนเค้ามีแฟนก็ต้องรอทานพร้อมแฟนสิคะ คนโสดอย่างเราก็นั่งเหงามองหน้ากันไปแบบนี้แหละคะ" นิวเยียร์ชอบแซวผมแบบนี้ตลอดเลย ตอนแรกก็เขินๆนะแต่ตอนนี้เริ่มชินซะแล้ว

"คะลูก งั้นสาวโสดสองคนขอทานข้าวก่อนละกันนะลูกคุน"

"แฮะ" ผมยิ้มเขินๆกลับไปไม่ได้ตอบอะไร เพราะว่าไม่รู้ว่าจะต้องตอบว่าอะไรด้วยแหละครับ

"ทำอะไรกัน รุมแฟนผมหรอ" เสียงประตูหน้าบ้านเปิดออกพร้อมกับเสียงหนาของคนที่ผมคุ้นเคย

"น้องเปล่านะ" นิวเยียร์ยกมือขึ้นเหนือหัวสองข้างทันทีเหมือนผู้ร้ายมอบตัวกับตำรวจยังไงยังงั้น

"แม่ก็ด้วย" ส่วนคุณแม่เองก็ทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้ตักอาหารเข้าปากหน้าตาเฉย


"โดนรุมใช่มั้ยคุน มีอะไรบอกพี่ได้เลยนะไม่ต้องกลัว"

อยากจะร้องตะโกนออกไปเสียงดังว่าสองคนนี้นะชอบแซวผมมม แต่สิ่งที่ร่างกายทำตอนนี้กลับเป็นเพียงการส่ายหัวไปมาเท่านั้น อ้าววว คุณไม่ใช่เด็กขี้ฟ้องไงครับ

"โหหหห อะไรกันคะพี่แฟงมาถึงก็ใส่ร้ายแม่กับร้องเลย"

"นั่นสิ แม่ควรจะน้อยใจดีมั้ยคะลูก"

"ดีคะคุณแม่ มีลูกชายก็แบบนี้แหละคะ สนใจแฟนมากกว่าเรา ฮือๆๆๆ" นิวเยียร์เอามือสองข้างเลื่อนมาปิดหน้าแล้วทำเสียงเหมือนคนร้องไห้เบาๆ นิวเยียร์เป็นคนตลกครับ ตลกมากเลยด้วย ผมที่เพิ่งเจอเธอไม่กี่ครั้งเรากัยคุยกันได้อย่างไม่เกร็งเลยด้วยซ้ำ เธอเข้ากับคนง่ายมาก

"ปลอมมากเลยนิวเยียร์" ดูเหมือนคนตัวสูงจะรู้ทันว่าน้องสาวตัวเองแกล้งร้อวไห้ เขาส่ายหัวสามสี่ทีก่อนจะวางกระเป๋าสตางค์กับกุญแจรถไว้ที่โต๊ะหน้าทีวีแล้วนั่งลงที่ประตูกระจกข้างผม

"แม่คะ พี่ว่าหนู แม่ต้องช่วยนิวเยียร์นะคะ" ดูเหมือนนักแสดงบทร้องไห้จะไม่ยอมแพ้ ร้องเรียกขอความช่วยเหลือจากฝ่ายสมทบทันที แต่ฝ่ายสมทบอย่างคุณแม่พริ้งนี่นอกจากจะไม่ยื่นมือเข้ามาช่วยแล้วยังนั่งหัวเราะสองพี่น้องที่ชี้ไม้ชี้มือใส่กันไม่ยอมเลิกรา คนพี่ก็ไม่ยอม คนน้องก็สู้

"พี่แฟง ไม่ได้มีใครทำอะไรคุนซะหน่อย อย่าแกล้งน้องสิครับ" จนผมต้องพูดปราม

"โอเคครับน้องคุนนนน" พอผมปรามเสร็จคนที่นั่งใกล้กันก็ขยับเข้ามากอดจนผมล้มลงไปนอนอยู่ที่พื้นเลยด้วยซ้ำ อื้อออ กอดแรงไปมั้ยเนี่ยคุณลภัส!

"ไปรักกันไกลๆเลยพี่แฟงงง น้องจะเป็นตากุ้งยิงแล้วเนี่ย เนอะคุนแม่เนอะ"

"ไม่เอา รักกันตรงนี้แหละลูก แม่ชอบดู อิอิ วันก่อนแม่เห็นมากกว่านี้อีกคะลูก"

!!!!
.
.
.
.
.

#คุนแฟง

by ppeachmm





ออฟไลน์ p_phai

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2302
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +154/-6

ออฟไลน์ Ppeachmm

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 56
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +21/-0
---ตอนที่ 40---

แฟง's part

สองอาทิตย์หลังจากนั้นผมกับคุนก็ย้ายสัมมะโนครัวกลับมาคอนโด ส่วนคุนก็เริ่มกลับไปเรียนได้สามวันแล้ว แผลที่ถูกยิงก็หายเร็วเกินคาดหมอยังชมเลยว่าเชื่อฟังหมอดีมากมีวินัยสุดๆ อยากจะยกมือบอกหมอเหลือเกินว่าผมดูแลเองงงงง แล้วแผลนั้นยังทิ้งรอยแผลเป็นไว้ไม่ใหญ่มากด้วย ส่วนแผลตรงท้ายทอยที่ได้มาจากตอนถูกยิงแล้วล้มลงโดนหินก็ไม่ได้ใหญ่มากจนถึงขั้นต้องเย็บเลยไม่ต้องห่วงอีกเหมือนกัน แม้จะยังมีอาหารขัดๆตรงหัวไหล่ขวาเวลายกแขนสูงๆอยู่บ้าง แต่โดยรวมก็ถือว่าหายสนิทแล้ว ผมเลยปล่อยให้อีกฝ่ายไปเรียนหนังสือได้โดยไม่ต้องห่วง

"คุน อาบน้ำเสร็จยัง" ผมที่ลุกขึ้นมานั่งอยู่ขอบเตียงร้องถามคนตัวเล็กที่อยู่ในห้องน้ำ เห็นเข้าไปตั้งนานแล้วไม่ออกมาสักทีเลยร้องเรียกกลัวว่าอีกฝ่ายจะลื่นล้มในห้องน้ำ เพราะเสียงน้ำไหลจากฝักบัวหยุดไปได้สักพักแล้ว

"เสร็จแล้วครับ พี่แฟงตื่นมาทำไมเนี่ย เพิ่งนอนเองไม่ใช่หรอ" ไม่นานอีกฝ่ายก็เปิดประตูห้องน้ำออกมา คุนคุนในชุดเสื้อกล้ามสีขาวหลวมๆกับกางเกงบอกเซอร์สีดำมันดูตัดกับผิวจนอยากจับมาฟัดให้จมคาเตียง ตอนกลับมาจากค่ายแรกๆยังดูคล้ำแดดอยู่เลย ผ่านมาไม่กี่อาทิตย์ทำไมมันขาวเร็วจังวะ ของผมนี่ยังดำเหมือนเดิมไม่ขยับไปไหน น้องมันขาวจนผมเนี่ยตาพร่าไปหมด หรือว่าแดดส่องเข้ามาวะ เชี่ยยย ขาวเชี่ยยยๆๆๆ ขาวจนต้องกวักมือเรียกคนตัวเล็กที่ยืนเช็ดผมอยู่หน้าห้องน้ำให้เข้ามาใกล้

"มีเรียนกี่โมง" เอ่ยถามออกไปเมื่ออีกฝ่ายเดินมาหยุดตรงหน้า อดไม่ได้ที่จะดึงอีกฝ่ายให้ลงมานั่งบนตัก ก่อนจะจัดขาเล็กสองข้างให้เกี่ยวเอวผมไว้ แล้วดึงผ้าเช็ดผมออกจากมือคนตัวเล็กมาไว้ในมือ ผมชอบเช็ดผมให้เขา เขาชอบเช็ดผมให้ผม เราชอบเช็ดผมให้กัน อิจฉาละสิ?

"เก้าโมงครับ"

"เดี๋ยวพี่ไปส่ง รีบแต่งตัวสิ เดี๋ยวก็สายหรอก รถติดนะวันนี้ฝนตกด้วย" ข้างนอกฝนตกหนักครับ ตกตั้งแต่ผมขับออกมาจากโรงพยาบาลตอนตีหนึ่งนิดๆ จนป่านนี้แปดโมงแล้วยังไม่เลิกตกเลย ไม่รู้ในซอยน้ำท่วมรึเปล่า เพราะถ้าท่วมคงแย่เลย รถคงติดยาวไปจนถึงถนนใหญ่ และนั่นหมายึงการจราจรในซอยนี้จะกลายเป็นอัมพาตในทันที แค่คิดก็สยอง อ้อ ผมเลิกใช้กูมึงกับน้องแล้วนะครับ รู้สึกว่าตัวเองกยาบคายกับคนทั้งโลกได้แต่ไม่ควรหยาบคายกับเด็กน่ารักคนนี้ ยิ่งพออีกคนนอนหลับไปหลายคืนที่โรงพยาบาลก็ยิ่งรู้สึกอยากจะทำดีกัยคนคนนี้ให้มากที่สุด ในเมื่อผมรักคุนขนาดนี้ การจะเปลี่ยนตัวเองเพื่อคนที่เรารักมันก็ไม่ได้เหนือบ่ากว่าแรงเราด้วย แม้ตอนที่เปลี่ยนสรรพนามแรกจะไม่ค่อยชิน แต่พอพูดบ่อยๆก็ชินไปเองแหละครับ แล้วอีกฝ่ายก็ชอบให้ผมพูดเพราะๆด้วย

"ไม่ต้องๆๆ พี่แฟงนอนต่อเลยเพิ่งออกเวรมาตอนตีหนึ่งกว่าๆเองไม่ใช่หรอครับ คุนไปเองได้"

"นอนพอแล้ว" เมื่อคืนผมเข้าเวรถึงเที่ยงคืนครับ ตอนมาถึงห้อง อาบน้ำเสร็จ หัวถึงหมอนดึงคนตัวเล็กที่ไม่รู้เรื่องรู้ราวอะไรหลับสนิทเหมือนกสวิทเซฟพลังงานเข้ามากอดไว้ก็หลับเลย ตื่นมาอีกทีก็ตอนที่ได้ยินเสียงน้ำในห้องน้ำไหล นอนมาห้าชั่วโมงกว่าๆแล้ว นี่ก็มากพอแล้วละเด็กน้อยเอ๋ย

"ดื้อจัง นอนน้อยไม่ดีต่อสุขภาพนะครับว่าที่คุณหมอ"

ดูทำท่าสิ น่ารักชิบหาย ไอ้ตัวเล็กยกนิ้วชี้ขึ้นมาส่ายไปมาก่อนจะเอียงหัวไปด้ายซ้าย ส่งสายตาปริบๆมาให้ เคยเห็นแมวนั่งแล้วเอียงคอขอขนมมั้ยครับ นั่นแหละท่าเดียวกับเป๊ะ

"ว่าที่คุณหมอคนนี้อยากไปส่งแฟนไปเรียนไม่ได้รึไงครับ"

"จะไปส่งจริงๆอะ?"

"จริงสิ แต่ถ้ายังนั่งอยู่ในท่านี้คงไม่ได้ไปเรียนกันพอดี"

"พี่แฟงอะ แต่เช้าเลยนะ" คนตัวเล็กกำมือขึ้นก่อนจะทุบมันลงบนอกผมที่ไม่ได้สวมเสื้อ แถมยังทำหน้างอๆอีก เดี๋ยวนี้พูดอะไรไปรู้ทันหมดแหละ ตอนนี้กลายเป็นคุนคุนรุ่นแอดวานซ์ไปซะแล้ว ไอ้เด็กหัวช้าเมื่อก่อนไม่รู้หายไปไหน นอกจากทุบอกผมแล้วยังขยับตัวไปมาจะลงออกจากตักผมเอาเสียให้ได้ แต่มีหรอที่ผมจะปล่อยไปง่ายๆ

"นี่ได้ตลอดเวลานะ บอกเลย"

"พอเลย เอามือตัวเองออกไปเลย คุนจะไปแต่งตัว" คนตัวเล็กดึงมือผมที่ล้วงเข้าไปในเสื้อกล้ามตัวเองออก แต่ผมก็ไม่ยอมไง ยิ่งดึงออกผมก็ยิ่งล้วงเข้าไปลึกกว่าเดิม จนอีกคนทำหน้างอแงเหมือนจะร้องไห้นั่นแหละถึงได้ยอมเอามือออก

"โอเคๆๆๆ แล้ววันนี้เลิกกี่โมง" ผมปล่อยมือจากคนตัวเล็กให้เขาไปแต่งตัว เพราะเหลือบดูนาฬิกาตรงผนังแล้วถ้ายังมัวโอ้เอ้อยู่แบบนี้คงไม่ได้ไปเรียนแน่ๆ

"ห้าโมงครับ" คุนคุรที่เดินเข้าไปใส่ชุดนักศึกษาในห้อฝน้ำโผล่หัวออกมาตอบ ส่วนผมก็ลุกขึ้นจากเตียงเดินเข้าไปแปรงฟันในห้องน้ำเมื่ออีกคนแต่งตัวเสร็จเรียบร้อยแล้ว คุนไม่ชอบให้ผมดูเวลาที่เจ้าตัวแต่งตัวใส่เสื้อผ้า ไม่รู้เหมือนกันว่าจะอายทำไม ก็เคยเห็นมาหมดแล้วป่าววะ ช่างเหอะ เค้าบอกไม่ให้ดูก็คือไม่ให้ดูแหละ อย่าไปขัด เดี๋ยวเมียงอนอดอีก ไม่ได้นะเว้ย ถ้าเป็นแบบนั้นนี่เรื่องยาวเลยนะ ไม่ไหวๆๆๆ

"เดี๋ยวพี่ไปรับ เรียนตึกไหนก็ไลน์มาบอกละกัน" หลังแปรงฟันล้างหน้าเสร็จผมก็เดินออกมาหยิบเสื้อยืดสีดำไม่มีลายออกมาใส่ กางเกงก็ใส่กางเกงนอนตัวเดิมนี่แหละไม่ต้องเปลี่ยน แค่ขับไปส่งไม่ได้ลงไปไหนสักหน่อย แต่ถึงต้องออกจากรถชุดนี้ก็พอไปวัดไปวาได้ คนหน้าตาดีใส่อะไรก็ดูดีป่าววะ หราาาาาา!!!

"ครับ"
.
.
.
.

5 โมงเย็น

ฝนยังไม่หยุดตกตั้งแต่เมื่อเช้า แล้วตอนนี้น้ำในซอยเริ่มท่วมแล้วครับ จากที่คุยกันไว้เมื่อเช้าว่าจะพาคนตัวเล็กไปกินราดหน้าทะเลร้านดังหลังมหาวิทยาลัยเลยต้องยกเลิกไปเพราะคงเดินฝ่าน้ำขังไปไม่ไหว ทั้งสกปรก ทั้งเชื้อโรค ดูไม่ค่อยมีสุขอนามัยเท่าไหร่ขอผ่านครับ เมื่อแผนดินเนอร์ร้านด้านนอกต้องตกไป ผมเลยคิดว่าจะกลับไปทำอะไรทานที่ห้องกัน

"รอนานมั้ยครับ" เมื่อเห็นคนตัวเล็กเดินลงมาจากบันไดเโดยมีสองแฝดขนาบข้างซ้ายขวา ผมก็รีบเปิดประตูลงจากรถ กางร่ม แล้วสาวเท้าไปหาอีกคนทันที อีกฝ่ายเอ่ยขึ้นเมื่อเห็นผมเดินกางร่มเข้าไปใต้อาคารเรียน

"ไม่นาน เพิ่งมาได้ไม่ถึงสิบนาที" ผมเอ่ยตอบก่อนจะยื่นมือไปหยิบกระเป๋าที่คนตัวเล็กสัพายไว้มาถือให้

"ลมอะไรหอบมาวะพี่ ตึกแพทย์อยู่อีกฝั่งไม่ใช่รึไง" ขุนพลที่ก้มเก็บสมุดเข้ากระเป๋าเอ่ยเสียงดังก่อนจะเดินมาตบไหล่ผมสองสามที ไอ้นี่มันปีนเกลียวครับ ไม่รู้มันเคยรู้รึเปล่าว่าผมอะเป็นรุ่นพี่มันสองปี ยิ่งตอนนี้ถูกไอ้ธันฉีดยาไป ความกวนตีนเพิ่มขึ้นเป็นสองเท่า

"ลมคิดถึงเมีย พอใจมั้ยกับคำตอบ" ผมหันไปมองหน้ามันก่อนจะเอ่ยตอบไป โอเค มึงอยากได้ยินแบบนี้กูก็จัดให้

"พี่แฟง!" อู้ยยย เมียไม่ปลื้มกับคำตอบครับ ทำตาเขียวปั้ด ส่วนไอ้คนถามก็ทำหน้ากวนตีน กลอกตาไปมา

"อ้าว ก็มันอยากได้ยินแบบนั้น ก็สงเคราะห์มันเฉยๆ" ก่อนที่อีกคนจะไม่ปลื้มกับผมไปมากกว่านี้ ผมรีบยื่นมือไปจับแก้มอีกคนเบาๆ จับแก้มทีไรหายงอนทุกที เชื่อเหอะทำบ่อย

"แม่งเอาวะ หลงขั้นไหนวะเนี่ย ถ่อจากตึกแพทย์ฝั่งหลังมหาลัยมาถึงด้านหน้ามหาวิทยาลัยแบบนี้" มหาลัยเราค่อนข้างใหญ่ครับ คณะผมกับคณะคุนคุนนี่อยู่คนละทิศคนละทางเลย ถ้านับเป็นระยะทางก็เกือบๆ ห้ากิโลเห็นจะได้คิดดูละกันว่ารักหลฃเมียแค่ไหน ผมไม่เคยคิดอยากมาแถวนี้หรอก เพราะมันไกล แล้วคอนโดผมก็อยู่แถวคณะผมด้วย ถ้าไม่ติดว่าเมียเรียนที่นี่อย่าหวังเลยว่าจะมา

"ขั้นไหนก็เรื่องของกู ว่าแต่มึงเถอะ ไปทำอีท่าไหนให้เพื่อนกูหลงมึงได้ขนาดนี้"

"พูดบ้าอะไรของพี่วะ ไปดีกว่า หิวข้าว ทัพ กลับกัน กูหิว เร็วๆ" เนี่ยพอมันสู้ไม่ได้ก็หนีตลอด แซวกูจัง พอกูแซวกลับละหน้าซีดเป็นไก่ต้ม โถ่เอ้ย ไอ้ขุนคนไม่จริง!

"อะไรวะ ทำไมรีบกลับไหนบอกจะไปเล่นบาสก่อน" กองทัพที่ยืนคุยกับใครสักคนอยู่ตรงบันไดเดินมา ก่อนจะเอ่ยปากโวยวายใส่ฝาแฝดที่ตอนนี้ทำหน้าบอกบุญไม่รับอยู่ มันเขินแหละดูออก

"ไม่เล่นแล้ว หิวเว้ย ไปๆ คุนไปแล้วนะ เจอกันพรุ่งนี้ ไปแล้วไอ้พี่" ไอ้ขุนที่หน้างอนเป็นตูดหมึกหันหลังให้พวกเราก่อนจะยกมือขึ้นมาโบกลาก เชี่ยยย ตัวใหญ่อย่างกับหมีควายทำหน้างอนเป็นน้อนไปได้ มันเข้ากันมั้ยวะ

"เค เจอกันนะขุน บายทัพ"

"เออ"

"เออ เจอกันเว้ย"

สองแฝดรีบวิ่งตากฝนไปลานจอดรถที่อยู่ข้างอาคารเรียน ตอนนี้ฝนไม่ได้ตกหนักมาก แค่ยังตกปรอยๆให้คนเดินตากฝนเป็นหวัดเล่นเฉยๆ ผมมองตามแผ่นหลังสองคนนั้นไปก็นึกขำในใจ

"ชอบไปแกล้งขุน" คนตัวเล็กที่ยืนอยู่ข้างกันเอื้อมมือมาหยิกแขนผมเบาๆ

"โอ้ย ก็มันปากดี" ผมจับมือคุนคุนไว้ก่อนจะกางร่มที่ถือไว้ออก ไม่รอช้าจูงมืออีกคนออกมาจากอาคารมุ่งหน้าไปที่รถที่จอดอยู่ห่างออกไปไม่ไกลมากทันที

"วันนี้คงไปกินราดหน้าทะเลไม่ได้แล้วใช่มั้ยครับ" อีกฝ่ายถามขึ้นทันทีผมเอนตัวไปคาดเข็มขัดนิรภัยภัยให้

"ใช่ น้ำท่วมในซอย"

"งั้นเราไดเอ็ตกันดีมั้ยครับ"

"ไม่ต้องเลย อาทิตย์หน้าป๊ากับม๊าก็จะมาแล้ว เดี๋ยวก็หาว่าพี่ดูแลลูกเค้าไม่ดีหรอก ห้ามเลยนะไอ้ความคิดจะไดเอ็ดเนี่ย" ใช่ครับ ป๊ากับม๊าคุนจะมาเยี่ยม ท่านรู้เรื่องที่คุณถูกยิงแล้วเมื่ออาทิตย์ก่อน ผมก็โดนม๊าคุณดุไปยกใหญ่ ส่วนป๊าไม่ได้พูดอะไรตอบเพียงว่าอาทิตย์หน้าจะมาจัดการด้วยตัวเอง นั่นแหละครับ ช่วงนี้เลยต้องขุนคนตัวเล็กหน่อยเดี๋ยวพ่อแม่น้องห่ว่าผมเลี้ยงลูกเค้าไม่ดี

"ก็พี่แฟงชอบว่าคุนอ้วน"

"ก็พูดเล่นมั้ย" ผมหัวเราะในลำคอให้กับประโยคที่คนน่ารักพูดออกมา ใช่ครับ ผมชอบแกล้งพูดว่าคุนคุนนะอ้วนบ่อยๆ ทั้งที่เจ้าตัวนะห่างไกลคำว่าอ้วนหลายขุม

"พี่แฟงชอบว่าแก้มคุนย้อย" นั่นไง มาอีกดอก ทำหน้างอนใส่อีก

"มันไม่ได้ย้อย มันแค่เยอะ" จนผมต้องเอื้อมมือไปหยิกแก้มย้อยๆนั้นอย่างหมั่นเขี้ยว

"แล้วก็ชอบว่าพุงคุนใหญ่"

"ใหญที่ไหนแค่นุ่มนิ่ม" ใช่ครับ มันไม่ใหญ่เลย จับทีไรก็นิ่มติดมือตลอด คนอะไรไร้ซึ่งกล้ามเนื้อ ยังกะผู้หญิงตัวเล็กๆ

"แต่พูดแบบนั้นทุกวันเลยยะครับ สรุปคือคุนอ้วนหรือไม่อ้วนกันแน่" อ้าว ไหงพูดเองงอนเองวะ

"แค่บ่นเล่นเฉยๆน่า ไม่อ้วนหรอก นุ่มนิ่มน่ารัก นี่ๆ ทำอะไรกินกันมั้ย วันนี้เหนื่อยรึเปล่า ถ้าเหนื่อยเดี๋ยวพี่ทำเอง" ผมตัดสินใจเปลี่ยนเรื่องทันทีเลยครับ เพราะถ้าขืนยังอยู่ประเด็นเดิมมีหวังได้ทะเลาะกันตลอดทางแน่

"ไม่ๆ ไม่เหนื่อย แต่ช่วงนี้คิดเมนูไม่ออกเลยครับ" นั่นไงเห็นมั้ย เปลี่ยนเรื่องปุ๊บ ยิ้มปั๊บ เหมือนกดสวิตช์เปลี่ยนช่อง พอช่องเก่าเริ่มดราม่าเราต้องกดเปลี่ยนไปช่องอื่นทันทีเลยครับ เดี๋ยวน้ำตานองหน้าาาา

"งั้นเดี๋ยวพี่ทำเอง" จริงๆผมตั้งใจไว้แต่แรกแล้วว่าจะทำอาหารเองสำหรับมื้อค่ำ ก็อุตส่าห์เปลี่ยนเวรได้ทั้งที ของทำหน้าที่แฟนที่ดีสักวันหน่อยละกัน

"แล้วคุนหมอไม่ต้องเข้าเวรหรอครับคืนนี้" คุณเคยรู้สึกมั้ยว่าคำเดียวกัน พอคนอื่นพูดมันโคตรจะธรรมดา แต่พอเป็นคนที่คุณรักพูดเนี่ยแม่งโคตรจะพิเศษชิบหายวายป่วง คนเรียกผมว่าหมอทั้งโรงพยาบาลผมไม่รู้สึกว่ามันพิเศษตรงไหน แต่พอคุนคุนพูดเนี่ย แม่ง ฟังแล้วเหมือนตัวลอยเฉยเลย อย่างงี้ก็ได้หรอวะหมอแฟงงงฝฝ

"ไม่ๆ แลกเวรกับเพื่อนนะ เข้าอีกทีพรุ่งนี้เช้า"

"จริงหรอครับ!" ดูสิครับ เด็กน้อยของผมดีใจจนออกนอกหน้า โผลเข้ามากอดผมเต็มแรง ดีนะที่รถจอดติดอยู่ในซอย ไม่งั้นคงได้หักพวงมาลัยชนเสาไฟห้าตายห่ากันทั้งคู่ไปแล้ว เมียกูก็พุ่งมาเต็มความแรงไม่มียั้งไว้เล้ยยย

"เฮ้ย ต้องตกใจอะไรเบอร์นั้น"

"ก็ดีใจได้อยู่กับพี่แฟงนี่นา นึกว่าต้องนอนคนเดียวซะแล้ว" ดูทำท่าเข้า ยิ้มจนแก้มจะปริ ลักยิ้มตรงแก้มขึ้นชัดแจ๋วมองจากดาวพลูโตยังเห็นเลยให้ตายเหอะ น่ารักชิบหาย โอ้ยยย กูหลงเมีย!


สรุปเย็นนี้ผมกับคุนทำอาหารกันคนละอย่างครับ ผมทำสเต็กปลาแซลมอน ส่วนคุนทำสลัดเต้าหู้ซอสญี่ปุ่น ทานอาหารกันไม่ถึงครึ่งชั่วโมงก็ช่วยกันล้างช่วยกันเก็บ แล้วก็มานอนเล่นกันต่อที่หน้าทีวีเหมือนเคย

"คุน เบื่อมั้ย" ผมเอ่ยถามขึ้นก่อนจะดึงคนตัวเล็กลงมานอนหนุนตักบนโซฟา หลังจากที่อีกคนเลือกหนังสำหรับดูคืนนี้ได้แล้ว คืนนี้คุนเลือกหนังเกาหลีครับ ผมไม่เคยเห็นมาก่อน แต่ดูจากชื่อเรื่องแล้วคงจะเป็นหนังรักไม่ก็หนังเศร้าเทือกนั้น เอาจริงนะ ตั้งแต่เกิดมานี่ยังไม่เคยดูหนังรักมาก่อนเลยด้วยซ้ำ และก็ไม่คิดอยากดูด้วย แต่ตั้งแต่ย้ายมาอยู่ห้องไอ้ตัวเล็กนี่คือดูบ่อยมากเพราะอีกคนชอบดู ดูไปยิ้มไป ร้องไห้ไป เหมือนเป็นไบโพล่าร์ จนตอนนี้ผมกลายเป็นคนเสพติดหนังรักไปแล้ว

"เบื่ออะไรอะ" คนบนตักช้อยตาขึ้นมามองผมตาปริบๆ ทำหน้างงๆ คล้ายไม่เข้าใจว่าผมถามอะไร

"ก็มีแฟนเป็นว่าที่หมอ ไม่ค่อยมีเวลาไง ไหนจะเรียนหนัก ไหนจะต้องเข้าเวรอีก" ที่ถามเพราะเห็นเพื่อนๆในรุ่นหลายคนมาบ่นกันว่าเลิกกับแฟนเพราะแฟนบ่นว่าไม่มีเวลาให้ ทั้งๆที่บางคู่คบกันมาตั้งแต่สมัยม.ปลายด้วยซ้ำ

"ไม่เบื่อนะครับ"

"พอขึ้นปีห้า ปีหก พี่จะมีเวลาน้อยกว่านี้อีกนะรู้มั้ย"

"เพิ่งรู้ตอนที่พี่บอกนี่ละครับ" อีกฝ่ายทำหน้าครุ่นคิดก่อนจะตอบออกมา คำตอบก็สมเป็นคุนคุนของผมจริงๆ

"แล้วก็อาจจะไม่ได้กลับห้องบ่อยๆ"

"..."

"ไม่ได้กินข้าวด้วยกันด้วย"

"งั้นคุนไปกินข้าวที่โรงพยาบาลกับพี่แฟงก็ได้"

"แล้วก็อาจจะเหนื่อยจนต้องนอนหอพักนักศึกษาแพทย์ในโรงพยาบาล คงขับรถไม่ไหว"

"ถ้าพี่แฟงเหนื่อย คุนขับรถไปรับได้รึเปล่า"

"ถ้าพี่ออกเวรดึกๆละ"

"คุนก็ไปรับไงใกล้แค่นี้เอง"

"แล้วถ้าพี่ต้องนอนในหอพัก คุณนอนคนเดียวได้มั้ย"

"คุนแอบย่องไปในหอพักพี่ได้รึเปล่า"

"หึๆๆๆ ไม่รู้เหมือนกัน" ชอบคำตอบที่ตอบออกมาเป็นประโยคคำถามจริงๆเลย

"ต่อไปเราอาจจะไม่มีเวลามาทานข้าวกันข้างนอกแบบนี้บ่อยๆแล้ว" อันนี้คือความจริงครับ พอขึ้นปีสูงๆ ทุกคนต้องใช้ชีวิตในโรงพยาบาลเกือบ 24 ชั่วโมงด้วยซ้ำ ไม่มีเวลาออกมาดูเดือนดูตะวันข้างนอกหรอก อีกฝ่ายเงียบไป ส่วนผมก็ไม่ได้พูดอะไร แม้สายตาจะจ้องหน้าจอทีวี 65" แต่สมองคิดเรื่องที่พูดอยู่วนไปมา จนเสียงหวานที่คุ้นเคยดึงผมออกจากห้วงความคิด

"พี่แฟงครับ"

"หือ ว่าไง"

"ที่พี่แฟงพูดมาทั้งหมดหมายความว่ายังไงหรอครับ พี่แฟงอยากบอกอะไรคุน"

"ไม่มีอะไร แค่บอกไว้ว่าต่อไปคุนจะต้องเจอกับอะไรบ้าง ถ้ารับไม่ไหว แล้วคุนอยากจะไปตอนนี้ พี่...ก็คงไม่ว่า" ผมพูดออกไปตามที่ใจคิด เข้าใจว่าความสัมพันธ์ของเราสองคนนั้นมันเกิดขึ้นไม่นาน แล้วผมก็ไม่รู้ว่ามันจะเกิดอะไรขึ้นบ้างในอนาคต แต่ที่พูดออกไปทั้งหมดก่อนหน้านั้นไม่ได้มีเจตนาไม่ดีเลย แค่อยากให้อีกฝ่ายรับรู้ไว้ว่าอีกหน่อยจะต้องเจอกับอะไรบ้าง ถ้าเขาไม่โอเคกับอนาคตแบบนั้น ผมก็ไม่ควรรั้งเค้าไว้ใช่รึเปล่า อย่างน้อยคุนก็ควรมีสิทธิ์ได้เลือก ไม่ใช่ให้ผมปล่อยเลยตามเลยไปจนมันไปถึงทางตันเหมือนคู่ของเพื่อนผมคนอื่นๆ เพราะถ้าเป็นแบบนั้นมันคงจะไม่ดีกับอีกฝ่ายแน่ๆ

"พี่แฟงพูดแบบนี้ทำไมครับ อยากให้เราเลิกกันหรอ"
.
.
.
.
.

#คุนแฟง

by ppeachmm

อ้าววววๆๆๆ ไหงจบเศร้าแบบนี้ละ อย่าเพิ่งดักตีหัวไรท์นะทุกคน มันต้องมีบ้างอารมณ์แบบนี้อะ จะรักกันตลอดไม่ได้!!


ออฟไลน์ OoniceoO

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 975
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +35/-2
มีตบนะบอกเลยคุณๆงอลเลยลูก

ออฟไลน์ p_phai

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2302
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +154/-6

ออฟไลน์ Ppeachmm

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 56
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +21/-0
วันนี้งดอัพหนึ่งวันนะคะ :)

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด