(จบแล้วค่ะ)...ใจรัก... | ตอนที่ 10 จบ | 19/07/2020
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: (จบแล้วค่ะ)...ใจรัก... | ตอนที่ 10 จบ | 19/07/2020  (อ่าน 5850 ครั้ง)

ออฟไลน์ YiiM

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 60
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +13/-0
***************************************************************************************
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ


ติดตามกฎเพิ่มเติมที่กระทู้นี้บ่อยๆ เมื่อมีการแก้ไขกฎจะแก้ไขที่กระทู้นี้นะครับ
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0

ประกาศทั่วไปติดตามอัพเดทกันที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.0

ประกาศ กฎที่อื่นมีไว้แหก แต่ห้ามมาแหกที่นี่

1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิ์ส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด
การสนใจและชื่นชอบนิยายและเรื่องเล่าของคนในเรื่องควรมีขอบเขตที่จะไม่สร้างความเดือดร้อนให้เจ้าของเรื่อง เช่นเดียวกับเป็ดที่ตอนนี้ถูกรังควานตามหาตัวจากคนด้านต่างๆ จนตัดสินใจไม่เล่าเรื่องต่อ.........เนื่องจากบางเรื่องเป็นเรื่องเล่า.....................บางคนไม่ได้เปิดเผยตัวตน  เขาพอใจจะมีความสุขในที่เล็กๆแห่งนี้โดยไม่ได้ตั้งใจให้คนภายนอกได้รับรู้เรื่องราวแล้วนำไปพูดต่อ   เพราะปฎิเสธไม่ได้ว่าสังคมไม่ได้ยอมรับพวกเราสักเท่าไหร่

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรูปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ
หมิ่นประมาท,
หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง
หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสต์กระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์
และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด
การกระทำเช่นนั้นอาจทำให้คุณแบนทันที และถาวร . หมายเลข IP ของทุกโพสต์จะถูกบันทึกเพื่อใช้เป็นหลักฐาน
ในความเป็นจริงเป็นไปได้ยากมากที่จะให้แต่ละคนมีความคิดเห็นตรงกันทั้งหมด   คนเรามากมายต่างความคิดต่างความเห็น เติบโตมาภายใต้ภาวะแวดล้อมต่างกันการแสดงความคิดเห็นที่แตกต่าง   จึงควรทำเพื่อให้เกิดความเข้าใจกัน แบ่งปันประสบการณ์และมิตรภาพเพื่ออาจเป็นประโยชน์ในการใช้ชีวิต  และไม่ว่าจะอย่างไรก็ควรเคารพในความคิดเห็นที่แตกต่างของบุคคลอื่นช่วยกันสร้างให้บอร์ดนี้มีแต่ความรักนะครับ   

เรื่องบางเรื่องอาจจะเป็นทั้งเรื่องแต่งหรือเรื่องเล่าใดๆก็ขอให้ระลึกเสมอว่า  อ่านเพื่อความบันเทิงและเก็บประสบการณ์ชีวิตที่คุณไม่ต้องไปเจอความเจ็บปวดเล่านั้นเองเพื่อเป็นข้อเตือนใจ สอนใจในการตัดสินใจใช้ชีวิต   จึงไม่ต้องพยายามสืบหาว่าเรื่องจริงหรือเรื่องแต่งส่วนการพูดคุยนั้น   ก็ประมาณอย่าทำให้กระทู้กลายพันธุ์ห้ามเอาเรื่องส่วนตัวมาปรึกษาพูดคุยกันโดยที่ไม่เกี่ยวพันกับเรื่องในกระทู้นิยาย  ถ้าจะวิจารณ์หรือแสดงความคิดเห็นทุกคนมีสิทธิแต่ขอให้ไปตั้งกระทู้ที่บอร์ดอื่นที่ไม่ใช่ที่นี่นะครับ

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพสต์ หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อเจ้าของเรื่องเท่าที่จะทำได้หรือแจ้งมายังบอร์ดนี้ก่อนนะครับ  เนื่องจากเจ้าของเรื่องบางครั้งไม่ต้องการให้คนที่ไม่ได้ชื่นชอบนิยายชายรักชายเข้ามารับรู้  ลิขสิทธิ์ทั้งหมดเป็นของเจ้าของคนที่ทำขึ้นและเว็บแห่งนี้นะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล์ บอกเมล์ แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอมให้ส่งหรือติดต่อกันทางพีเอ็มจะปลอดภัยกว่าแล้วเมื่อมีการติดต่อสื่อสารกันให้พึงระวังถึงความปลอดภัย ความไม่น่าไว้ใจของผุ้คนทุกคนแม้จะมีชื่อเสียงในบอร์ดเป็นเรื่องส่วนตัวของแต่ละคนไป เพื่อลดความขัดแย้งภายในเล้า จึงไม่สนับสนุนให้มีการจีบกันในบอร์ดนะครับ

5.ห้ามจั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียวให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตาม
เพราะแม้จะเป็นเรื่องที่เขียนจากเรื่องจริง เมื่อนำมาพิมพ์เป็นเรื่องผ่านตัวอักษร ย่อมเลี่ยงไม่ได้ที่จะมีการเพิ่มเติมเพื่อให้เกิดสีสันในเนื้อเรื่อง ทางเล้าถือว่านั่นคือการเพิ่มเติมเนื้อเรื่อง จึงไม่อนุญาตให้จั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” แต่สามารถแจ้งว่าเป็น “นิยายที่อ้างอิงมาจากชีวิตจริง” ได้  มีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

6.การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสต์นิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insert quote ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ

8.Administrator และ moderator ของ forum นี้ มีสิทธิ์อ่าน, ลบ หรือแก้ไขทุกข้อความ. และ administrator, moderator หรือ webmaster ไม่สามารถรับผิดชอบต่อข้อความที่คุณได้แสดงความคิดเห็น (ยกเว้นว่าพวกเขาจะเป็นผู้โพสต์เอง).

9.คุณยินยอมให้ข้อมูลทุกอย่างของคุณถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูล. ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกเปิดเผยต่อผู้อื่นโดยไม่ได้รับการยินยอมจากคุณ .Webmaster, administrator และ moderator ไม่สามารถรับผิดชอบต่อการถูกเจาะข้อมูล แล้วนำไปสร้างความเดือดร้อนต่างๆ

10.ห้ามลงประกาศลิงค์โปรโมทเวป  โฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ลงได้เฉพาะในห้องซื้อขาย ในเมื่อแนะนำเวปอื่นที่บอร์ดเรา ก็ช่วยแนะนำบอร์ดเราโดยลงลิงค์บอร์ดเรา เว็บ http://www.thaiboyslove.com  ในบอร์ดที่ท่านแนะนำมาให้เราด้วย  เมื่อจำเป็นต้องแนะนำลิงค์ให้ส่งลิงค์กันทาง personal message หรือพีเอ็มแทนนะครับจะสะดวกกว่า ส่วนในกรณีอยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนๆได้อ่านจริงๆนั้นพยายามลงให้ห้องซื้อขายซะ หรือถ้าม้อดเดอเรเตอร์จะพิจารณาเป็นกรณีๆไป ถ้ารู้สึกว่าไม่ได้โปรโมทเว็บ แต่อยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนด้วยใจจริงจะให้กระทู้นั้นคงอยู่ต่อไป

11.บอร์ดนิยายที่โพสต์จนจบแล้วมีไว้สำหรับนิยายที่โพสต์ในบอร์ด boy's love จนจบแล้วเท่านั้น จึงจะถูกย้ายมาเก็บไว้ที่นี่ หาอ่านนิยายที่จบแล้ว หรือคนเขียนไม่ได้เขียนต่อ แต่โดยนัยแล้วถือว่าพล็อตเรื่องโดยรวมสมควรแก่การจบแล้ว หากนักเขียนท่านใดได้พิมพ์เล่มกับสำนักพิมพ์ ต้องการลบเรื่องบางส่วนออก โดยเฉพาะไคลแม๊ก หรือตอนจบที่สำคัญ ให้แจ้ง moderator ย้ายนิยายของท่านสู่ห้องนิยายไม่จบ เพื่อที่หากระยะเวลาเกินหกเดือนแล้ว เราจะได้ทำการลบทิ้ง หรือท่านจะลบนิยายดังกล่าวทิ้งเสียก็ได้ เนื่องจากบอร์ดนี้เก็บเฉพาะนิยายที่จบแล้ว

บอร์ดนิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบไว้สำหรับ
นิยายที่คนเขียนไม่ได้มาต่อนาน หายไปโดยไม่มีเหตุผลสมควร ไม่ได้แจ้งไว้หรือแจ้งแล้วก็ไม่มาต่อ 3 เดือน จะย้ายมาเก็บในนี้เมื่อครบหกเดือนจะทำการลบทิ้ง ส่วนเรื่องไหนที่จะต่อก็ต่อในนี้จนกว่าจะจบ แล้วถึงจะทำการย้ายไปสู่บอร์ดนิยายจบแล้วต่อไป

12.ห้ามนำเรื่องพิพาทต่างๆมาเคลียร์กันในบอร์ด

13.ผู้โพสต์นิยาย และเขียนนิยายกรุณาโพสต์ให้จบ ตรวจสอบคำผิดก่อนนำมาลงด้วยครับ

14.ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน  ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ

15. การนำรูปภาพ บทความ ฯลฯ มาลงในเว็บบอร์ด  ควรจะให้เครดิตกับ...
(1) ผู้ที่เป็นต้นตอเจ้าของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ
(2) เว็บไซต์ต้นตอที่อ้างอิงถึง
....ในกรณีที่เป็นบทความที่ถูกอ้างอิงต่อมาจากเวปไซต์อื่นๆ
- ถ้ามีแหล่งต้นตอของเจ้าของบทความ  ให้โพสต์ชื่อเจ้าของต้นตอของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ  พร้อมทั้งเว็บไซต์ที่อ้างอิง
  (กรณีนี้จะโพสต์อ้างอิงชื่อผู้โพสต์หรือเว็บไซต์ที่เรานำมาหรือไม่ก็ได้ แต่ควรมั่นใจว่าชื่อต้นตอของที่มาถูกต้อง)
- ถ้าไม่สามารถหาชื่อต้นตอของรูปภาพหรือเว็บไซต์ที่นำมาได้ ควรอ้างอิงชื่อผู้โพสต์และเว็บไซต์จากแหล่งที่เรานำมาเสมอ
- ควรขออนุญาติเจ้าของภาพหรือเจ้าของบทความก่อนนำมาโพสต์ค่ะ(ถ้าเป็นไปได้) ยกเว้นพวกเว็บไซต์สาธารณะ เช่น  หนังสือพิมพ์ออนไลน์ ฯลฯ ที่เปิดให้คนทั่วไปได้อ่านเป็นสาธารณะ ก็นำมาโพสต์ได้ แต่ให้อ้างอิงเจ้าของชื่อและแหล่งที่มาค่ะ
- ไม่ควรดัดแปลงหรือแก้ไขเครดิตที่ติดมากับรูปหรือบทความก่อนนำมาโพสต์
- ถ้าเป็น FW mail  ก็บอกไปเลยว่าเอามาจาก FW mail

16.นิยายเรื่องไหนที่คิดว่าเมื่อมีการรวมเล่มขายแล้วจะลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออก กรุณาอย่าเอามาลงที่นี่ หรือสำหรับผู้ที่ขอนิยายจากนักเขียนอื่นมาลง ต้องมั่นใจว่าเรื่องนั้นจะไม่มีการลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออกเมื่อมีการรวมเล่มขาย อนึ่ง เล้าไม่ได้ห้ามให้มีการรวมเล่มแต่อย่างใด สามารถรวมเล่มขายกันได้ แต่อยากให้เคารพกฎของเล้าด้วย เล้าเปิดโอกาสให้ทุกคน จะทำมาหากิน หรืออะไรก็ตามแต่ขอความร่วมมือด้วย เผื่อที่ทุกคนจะได้อยู่อย่างมีความสุข

17.ห้ามแจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน  ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง  นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฎการซื้อขายของเล้าก่อน ด้วยนะคะ)
ว่าด้วยเรื่องการจะรวมเล่มนิยายขายในเล้า จะต้องมี ID ซื้อขายก่อน ถึงจะสามารถประกาศ ..แจ้งข่าว.. ที่บนหัวกระทู้ของนิยายได้ ในกรณีที่ รวมเล่มกับ สนพ. ที่มี  ID ซื้อขายของเล้าแล้ว นักเขียนก็สามารถใช้ หมายเลข  ID ของ สนพ. ลงแจ้งในหน้าที่มีเนื้อหารายละเอียดการสั่งจองนิยายได้

18.ใครจะโพสต์เรื่องสั้นให้มาโพสต์ที่บอร์ดเรื่องสั้น ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที  ส่วนเรื่องสั้นที่จบแล้วให้แก้ไขโพสต์แรก และต่อท้ายว่าจบแล้วจะได้ไม่ถูกลบทิ้งและจะเก็บไว้ที่บอร์ดเรื่องสั้นไม่ย้ายไปไหน   เช่นเดียวกับนิยายทุกเรื่องเมื่อจบให้แก้ไขโพสต์แรก และต่อท้ายว่าจบแล้ว จะได้ย้ายเข้าสู่บอร์ดนิยายจบแล้ว ไม่เช่นนั้นม๊อดอาจเข้าใจว่าไม่มาต่อนิยายนานเกินจะโดนลบทิ้งครับ

เอาข้อสำคัญก่อนนะครับเด่วอื่นๆจะทำมาเพิ่มครับเอิ้กๆหุหุ
admin
thaiboyslove.com.......................................                                                           

วันที่ 3 ธ.ค. 2551วันที่ 16 ก.ย. 2554 ได้เพิ่มกฎ ข้อที่ 7
วันที่ 21 ต.ค.2556 ได้ปรับปรุงกฎทั้งหมดเพื่อให้แก้ไข และติดตามได้ง่าย
วันที่ 11 พ.ย. 2557 เพิ่มเติมการลงเรื่องสั้นและการแจ้งว่านิยายจบแล้ว
วันที่ 4 ธ.ค. 2557 เพิ่มบอร์ดเรื่องสั้นจึงปรับปรุงกฎข้อ 18 เกี่ยวกับเรื่องสั้น และ เพิ่มเติมส่วนขยายของกฎข้อ 17



เว็บไซต์แห่งนี้เป็นเว็บไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฎหมายภายในและระหว่างประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเว็บไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเว็บไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเว็บไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม

*****************************************************************************************
Share This Topic To FaceBook
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 19-07-2020 12:33:11 โดย YiiM »

ออฟไลน์ YiiM

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 60
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +13/-0
Re: ...ใจรัก... | Intro | 05/02/2020
«ตอบ #1 เมื่อ05-02-2020 10:54:48 »



Intro
ชายผู้มากับสายลม


"ไง" เสียงทักทายที่ไม่เป็นทางการแต่เต็มไปด้วยความน่ายำเกรง ดังขึ้นข้างหน้าผม

"..."

"กลัวฉันเหรอ" เสียงชายแก่ตรงหน้าดังขึ้นอีก ผมที่นั่งขดตัวอยู่ข้างถังขยะถึงกับสั่น น่ากลัว สัญชาตญาณของผมบอกว่าผู้ชายตรงหน้าของผม..เขาน่ากลัว น้ำเสียงกดต่ำที่ทรงพลัง ตาเรียวคมที่ฉายแววของผู้ที่ทรงอำนาจ ปากกระจับที่รอบๆ เต็มไปด้วยหนวดเครา การแต่งตัวที่ดูภูมิฐานเหมือนพวกคนรวย ยิ่งเขามีผู้ติดตามมาด้วย บ่งบอกได้เลยว่าชายแก่ตรงหน้าของผมคนนี้ไม่ธรรมดาแน่ๆ

"อย่า..." ผมส่งเสียงอันสั่นเทาออกไป บดเบียดตัวเองเข้ากับถังขยะเพื่อหนีมือที่ยื่นเข้ามาหา ถึงถังขยะด้านข้างจะดูสกปรกและส่งกลิ่นเหม็นแค่ไหน แต่มันก็ทำให้ผมรู้สึกอุ่นใจมากกว่าจะยื่นมือออกไปหาเขา

"ทำไม? ทั้งๆ ที่เมื่อกี้ฉันเห็นเธอสู้กับผู้ใหญ่ตั้งสามคนอย่างไม่เกรงกลัวอะไรเลย แต่กับฉันที่เป็นคนแก่ เธอจะกลัวอะไรขนาดนั้น หืม? " เสียงชายตรงหน้าพูดออกมายืดยาว แต่ก็ไม่ได้ทำให้ผมหายกลัวเขาได้เลย ผมแทบใช้แรงทั้งหมดที่มีเพื่อแย่งสร้อยเส้นสำคัญกลับคืนมาจากไอ้พวกกุ๊ยตัวโต

เป็นเรื่องจริงที่ผมสู้กับผู้ใหญ่สามคนอย่างไม่เกรงกลัว แต่ไม่ได้แปลว่าผมจะสู้หรือจัดการคนพวกนั้นได้ ผมทำเพียงแค่ยื้อยุดฉุดกระชากสิ่งของของผมคืน ไม่ว่าจะโดนตบ โดนต่อยหรือเตะสักกี่ครั้ง ผมก็ทำได้เพียงกำมือให้แน่น รู้แค่ไม่อยากปล่อยมือออกจากสร้อยคอเส้นนั้น ผมไม่แน่ใจด้วยซ้ำว่าเมื่อกี้เกิดอะไรขึ้นบ้าง เพราะมันเร็วจนผมตั้งตัวไม่ทัน รู้แค่ว่าชายตรงหน้าแค่พยักหน้า ไม่ถึงสามวินาทีด้วยซ้ำ ไอ้กุ๊ยตัวโตที่รุมผมถึงกับล้มตัวลงไปแทบจะพร้อมกันเลย

"อย่าเข้ามานะ!" ผมบอกออกไปเสียงดัง น้ำตาก็ไหลนองหน้าจนแทบมองใบหน้าใครไม่ชัดแล้ว

ผมนั่งขดตัวจนชิดติดกับกำแพง 'ทำไม' คำๆ นี้ดังเข้ามาในหัวของผม

ทำไมถึงต้องเป็นผมที่ต้องอยู่ตัวคนเดียว

ทำไมทุกคนที่อยู่รอบตัวผมจะต้องจากไป

ทำไมผมถึงต้องตกมาอยู่ในสภาพแบบนี้

ทำไม! ทำไม! ทำไม!

พอผมเริ่มจะเปิดใจให้ใครสักคน ทุกคนกลับหักหลังให้ผมหมด ไอ้กุ๊ยพวกนั้นไม่ใช่ครั้งแรกเลยที่ทำแบบนี้ ทุกคนที่เข้ามาหาผมก็มีแต่หวังผลประโยชน์จากผมทั้งนั้น ถึงผมจะเป็นเด็ก ถึงผมจะไม่ได้เรียนหนังสือ แต่ผมก็รู้เรื่องและเคยได้รับการสั่งสอนมา

เรื่องโกหก ลักขโมย รับส่งยาและอีกสารพัดที่เป็นสิ่งผิดกฎหมาย ผมก็ทำมาหมดแล้ว

ทำ...ทั้งๆที่ไม่ได้อยากทำ

ทำ...ทั้งๆ ที่รู้ว่ามันเป็นสิ่งที่ผิด

แต่ทุกคนใช่ว่าจะมีทางเลือก ถ้าผมไม่ทำผมก็จะไม่มีข้าวกิน ทุกคนก็จะมองเลยผ่านผมไป ทำเหมือนผมเป็นธาตุอากาศ เหมือนผมไม่มีตัวตนอยู่ตรงนั้น หลายคนมองว่าผมเป็นเด็กเลว มองว่าผมไม่มีอนาคต แต่ทำไมคนเหล่านั้นถึงเอาแต่มองและด่าว่า แล้วก็ดูถูก โดยที่ไม่มีใครคิดจะยื่นมือเข้ามาช่วย

ผมไม่มีใคร นอกจากความหวัง ผมหวังมาตลอดและยังคงหวังอยู่ มันต้องมีสิ ต้องมีสักคนแน่ๆ คนที่จะพาผมออกไปจากจุดๆ นี้ ผมคอยแต่ให้ความหวังตัวเองและบอกซ้ำๆ ว่า...ตอนนี้มันยังไม่ถึงเวลาของเราเท่านั้นเอง

"โอเค ฉันจะไม่เข้าใกล้เธอ" ชายแก่ตรงหน้าบอก เขาชักมือกลับแล้วยืดตัวตรงเต็มความสูง มันดูสง่าและน่าเกรงขามยิ่งนัก ผมได้แต่นั่งมองการกระทำของเขา แปลกมาก ปกติเขาจะต้องตื๊อผมสิ ผมรู้ว่าเขาต้องการอะไร ก็แค่อยากได้ผมไปเป็นกระสอบทรายเท่านั้นแหละ คนรวยๆ มักเป็นอย่างนี้ ผมเจอกับตัวมาแล้วไม่ต่ำกว่าสองครั้ง ผมยอมทนให้เขาซ้อมเพื่อแลกกับข้าวสองมื้อต่อวัน กับที่พักอาศัยที่แทบจะไม่ต่างอะไรกับบ้านหมาเลย ผมยอมทนมือทนตีนพวกเขา แต่สุดท้ายพอเบื่อก็ไล่ผมออกแล้วหาเด็กคนใหม่มาซ้อมแทน และมันจะเป็นแบบนี้ต่อไปเรื่อยๆ ภาพเก่าๆ ไหลเวียนเข้ามาในหัว เจ็บแต่ก็ยอมทน เสียใจแต่ก็ทำอะไรไม่ได้ โดนด่า โดนหัวเราะเยาะสารพัด ว่าโง่บ้างล่ะ ไม่มีศักดิ์ศรีบ้างล่ะ ถูกมองด้วยสายตารังเกียจ เหมือนตัวเองเป็นสิ่งที่น่าขยะแขยง จนหลายครั้ง ผมก็นึกเกลียดตัวเองขึ้นมาจริงๆ ทำไมต้องเกิดมาเป็นแบบนี้ ทำไมไม่เป็นผมที่ตายๆ ไปซะ

"ฟินิกซ์ จัดการแทนฉันที" เสียงของชายแก่ดังขึ้นอีก เป็นเสียงที่เฉียบคมกว่าเมื่อกี้ ไม่มีความอ่อนโยนในน้ำเสียง ไม่มีแม้แต่การมองหน้ากับคนที่เขาพูดด้วยซ้ำ

ฟิ่ววว~~~~~~

"ครับ" เสียงตอบรับดังขึ้น ไม่แน่ใจว่าเพราะผมร้องไห้หนักเกินไปหรือเปล่า เพราะก่อนหน้านี้ผมไม่เห็นชายคนนี้เลย มีสายลมพัดผ่านเบาๆ แล้วเหมือนกับเขาก็โผล่มายืนข้างๆ ชายแก่เท่านั้นเอง

"มากับฉัน แล้วจะไม่มีคนกล้าทำอะไรเธออีก" ชายแก่พูดออกมา เขาเชิดหน้าขึ้นอย่างสง่าแล้วขยับโค้ทที่ใส่อยู่ให้เข้าที่ ก่อนจะหันหลังเดินจากไป รวมถึงลูกน้องคนอื่นๆ ที่ตามมาทั้งหมดด้วย จะยกเว้นก็แต่คนที่ตอบรับเมื่อกี้เท่านั้นที่ยังยืนอยู่ที่เดิม

เหลือเพียงชายอีกคนที่ยืนอยู่ตรงหน้าของผม เขาดูน่ากลัวไม่ต่างจากชายแก่คนเมื่อกี้ เขาดูลึกลับ เส้นผมหยักศกที่ยาวลงมาปิดไปเกินกว่าครึ่งหน้า บวกกับการแต่งตัวด้วยชุดสีดำทั้งเสื้อและกางเกง ไม่มีรอยยิ้มใดๆ ปรากฏบนใบหน้านั้น นั่นยิ่งทำให้ผมไม่สามารถคาดเดาความต้องการของเขาได้เลยจากใบหน้าที่เรียบนิ่งจนน่ากลัว

ฮึก!

เสียงของผมดังขึ้น ยอมรับว่าสะดุ้งจนรู้ตัวเลยว่าตัวเองผวาแค่ไหน อยู่ๆ ชายคนนั้นก็ยื่นมือมาจับที่แขนของผม ทำให้ผมทรุดตัวนั่งลงกอดเข่าแน่น ตัวผมเองเอาแต่ก้มหน้าก้มตาจนตอนนี้มองเห็นเพียงแค่รองเท้าคู่สีดำเงาที่อีกฝ่ายใส่อยู่ มือก็กำสร้อยเส้นสำคัญไว้ด้วย จะอัดผมก็ได้ขอแค่อย่าเอาสร้อยเส้นนี้ไปก็พอ

"จะทำอะไรก็ทำ! " ผมพูดเสียงแข็งและไม่เงยหน้าขึ้นเลย รับรู้แค่ว่า รองเท้าสีดำเงาคู่สวยหยุดนิ่งอยู่ตรงหน้าของผมเฉยๆ อีกไม่นานแน่ๆ มือของเขาจะฟาดลงมาที่ลำตัวของผม ผมได้แต่นั่งรอรับชะตาอย่างเลี่ยงไม่ได้ ถ้าไม่โดนอัด ก็โดนกระทืบชัวร์เลย

"ไปอยู่ด้วยกันนะ"

“ไม่”

“ทำไมล่ะ”

“เพราะสักวัน ถ้าพวกคุณเบื่อ พวกคุณจะทิ้งผม”

“...”

“ฉันไม่รู้หรอกนะ ว่านายเจออะไรมาบ้าง แต่ฉันสัญญา ว่าจะไม่ทิ้งนายไปไหน”

“โกหก” ผมพูดออกไปเสียงแผ่วเบา ความทรงจำที่เคยถูกทิ้งยังคงวนเวียนอยู่ ไม่ว่าจะด้วยความตั้งใจหรือไม่ตั้งใจ แต่ทุกคนก็จากผมไปทั้งหมด

“ไม่ได้โกหก” ใช่ แววตาคนตรงหน้าแน่วแน่จนยากจะเชื่อเหลือเกิน ที่พูดออกมามันจริงใช่ไหม ผมเชื่อได้ใช่ไหม เขาจะไม่เป็นอย่างทุกคนที่ผ่านมาแน่ๆ ใช่ไหม

“ถ้าอย่างนั้น สัญญามาก่อนสิ สัญญาว่าจะอยู่ด้วยกัน สัญญามาว่าคุณจะไม่ทิ้งผม”

“อืม สัญญา ^^”

"ฮะ..ฮึก..ฮื่อ~~" เสียงของผมร้องออกมาดังจนสามารถเรียกได้เลยว่าปล่อยโฮ

"ลูกผู้ชาย...เขาไม่ร้องไห้ ไม่เคยมีใครบอกหรือไง" เขาพูดขำๆ มือก็ยกขึ้นมาลูบศีรษะของผมไม่หยุด

"ฮื่อ..ฮะ..ฮะ..ฮื่อ~~"

"แต่ถ้ามันรู้สึกแย่ขนาดนั้น ก็ร้องออกมาเถอะ น้ำตาไม่ได้หมายความว่าเราอ่อนแอเสมอไป อดทนมาเยอะ เจอแต่เรื่องแย่ๆ มาเยอะสินะ ร้องออกมาเถอะ หลังจากนี้ไม่ต้องอดกลั้นอะไรทั้งนั้น ^^" ยิ่งเขาพูด ผมยิ่งร้องไห้ออกมาหนัก ทั้งที่ไม่ได้ตั้งใจจะร้องออกมาเลย แต่การกระทำของเขา คำพูดของเขา มันทำให้ผมเกินจะทนรับไหว

ไม่ใช่ไม่เคย แต่มันนานแค่ไหนแล้วก็ไม่รู้ ผมเองก็จำไม่ได้ที่อยู่ๆ ก็มีคนมาลูบหัวและกอดปลอบแบบนี้ ผมเงยหน้าขึ้นไปมอง ทั้งการกระทำ ทั้งคำพูด หน้าตาและสีหน้าก็ด้วย เขาแสดงให้เห็นว่าเขาพูดออกมาจริงๆ ไม่ใช่เสแสร้งแกล้งทำ

"ชื่ออะไร" คำถามแรกที่ผมพูดออกไปหลังจากที่เขานั่งกอดปลอบผมอยู่นาน

"ฟินิกซ์" เขาตอบกลับมา

"อืม"

"จะไม่บอกชื่อกันหรือไง" พอผมแค่ตอบรับและพยักหน้าเล็กน้อยโดยที่ไม่คิดจะบอกชื่อตัวเองออกไป เขาก็ถามกลับมาทันทีเลย

"..."

"ไม่อยากบอกกันจริงๆ เหรอ" ฟิสิกส์ถามผมอีกครั้ง ครั้งนี้เขาใช้มือทั้งสองข้างประคองใบหน้าของผมขึ้นมาให้สบตากับเขาโดยตรง

"ชุน" ผมบอกเสียงเบา

"ห๊ะ"

"หยาง ชุน" ผมพูดออกไปด้วยเสียงที่ดังขึ้น

"เป็นชื่อที่ดีนะ ^^" เขาชมออกมา

ท่ามกลางแสงไฟที่มืดสลัวๆ แรงลมที่พัดโชยผ่านเข้ามา ทำให้ผมเห็นใบหน้าหวานที่ซ้อนอยู่ภายใต้เส้นผม รอยยิ้มหวานที่อ่อนโยน จมูกได้รูปเป็นสัน ดวงตาเล็กเรียวที่มีเสน่ห์ ทุกสิ่งทุกอย่างตรงหน้าทำให้ผมเหมือนโดนต้องมนต์สะกดจนไม่อาจละสายตาไปทางไหนได้

"ไปเถอะ ผมจะดูแลชุนเอง" เขาพูดออกมา ก่อนจะเลื่อนมือที่ประคองใบหน้าของผมออกแล้วขยับไปจับที่มือของผมแทน

"ฟินิกซ์" ผมเอ่ยเรียกเสียงเบา

"หืม"

"ฟิสิกส์" ผมเรียกซ้ำอีกครั้งทั้งๆ ที่เขาตอบรับคำเรียกของผมไปแล้ว

"ว่าไง" เขาตอบรับอีกรอบ ครั้งนี้ผมส่ายหน้า เขาจะว่าผมบ้าหรือเปล่านะ ตัวเองเป็นคนเรียกเขาเองแท้ๆ แต่กลับไม่พูดออกไป ผมแค่อยากเช็กว่า ภาพตรงหน้าไม่ใช่ความฝันหรือว่าผมแค่มโนขึ้นมาเอง ทั้งเสียงที่ตอบกลับ ทั้งแรงบีบที่มือ ผู้ชายตรงหน้ามีตัวตนอยู่จริงสินะ เป็นครั้งแรกเลยที่ผมรู้สึกและเข้าใจในความหมายของคำว่า โชคดี

โชคดีที่ได้เจอ ขอบคุณพระเจ้าหรืออะไรก็ตามที่ส่งเขามาเพื่อให้เจอกับผม ขอบคุณ ขอบคุณจริงๆ


:mew2: :mew2: :mew2:

ออฟไลน์ tasteurr

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 573
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +18/-0
Re: ...ใจรัก... | Intro | 05/02/2020
«ตอบ #2 เมื่อ05-02-2020 12:59:07 »

คิดตามค่ะ :L2:

 :pig4:

ออฟไลน์ JUST_M

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 495
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-0
Re: ...ใจรัก... | Intro | 05/02/2020
«ตอบ #3 เมื่อ05-02-2020 17:17:41 »

สงสารน้อง

ออฟไลน์ kawisara

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1586
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +119/-7
Re: ...ใจรัก... | Intro | 05/02/2020
«ตอบ #4 เมื่อ05-02-2020 18:50:31 »

โอ๋ชุนคนเก่ง


หนูได้ชีวิตใหม่แล้วนะ

ออฟไลน์ YiiM

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 60
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +13/-0
ตอนที่ 1 คุณในความฝัน


https://youtu.be/TXvkIboHbBk


ชุน พาร์ท



ฟิ้ววว~~ ปึก!

เสียงลูกดอกแหวกอากาศก่อนจะพุ่งตรงไปโดนยังเป้าที่คนปาได้เล็งเอาไว้อย่างแม่นยำ ลูกดอกกว่าสิบอัน ถูกปาไปยังจุดหมายเดิมๆ ทำเอาเป้านิ่งเป็นรูจนแทบทะลุ บางดอกถึงกับหัวบิ่นไปเลย เพราะผลจากการปาซ้ำๆ หลายๆ ที ตลอดหลายเดือนที่ผ่านมา

ปึก! ฟิ้ววว~~ ปึก!

แม้จะตั้งใจปาแค่ไหน ตั้งสมาธิเพียงใด แต่จิตใจของคนปาไม่สามารถสงบลงได้เลย ในหัวสมองของเขา เฝ้าแต่คิดถึงใครสักคนอยู่ตลอดเวลา แม้เวลาจะผ่านมาได้ปีกว่าแล้ว

เมี้ยววว~ เมี้ยววว~

“หิวเหรอ” ตั้งคำถาม ที่ไม่มีวันเข้าใจคำตอบ

แมวขนปุย ตัวอ้วนกลมได้แต่ส่งเสียงร้องและคอยคลอเคลียอยู่ไม่ห่าง จนกว่าตัวมันเองจะได้ในสิ่งที่ต้องการ ทาสแมวจำเป็นอย่างเขา จึงต้องลุกไปหาถุงอาหาร เพื่อมาเติมในจานข้าวให้กับมัน

โฮ่งๆ …โฮ่งๆ …

ให้อาหารแมวตัวอ้วนกลมยังไม่ทันเสร็จ ตัวเขาต้องหันไปหาสุนัขอีกตัวที่เลี้ยงเอาไว้ ฉุดคิดถึงคนที่คะยั้นคะยอให้ซื้อมา กะเอาไว้ให้เอามาเป็นเพื่อนยามเหงา แต่ดูตอนนี้สิ ไม่รู้ว่าจะเรียกว่าอะไรดี ความวุ่นวายเล็กๆ ในแต่ละวันเหรอ

“กินให้หมดนะ” พูดกึ่งออกคำสั่ง ถึงดูเหมือนแมวจอมหยิ่งจะไม่สนใจคำพูด แต่ก็กินอาหารในจานจนเรียบทุกที ตัวเขาเองรู้ว่า ถ้าเกิดแมวกินเยอะ จนอ้วนเกินไปมันจะไม่ดี แต่ก็ไม่กล้าให้อาหารมันน้อยอย่างที่ควรเป็นอยู่ดี

โฮ่งๆ โฮ่งๆ

เสียงเรียกที่ดังขึ้นเรื่อยๆ เพื่อเรียกร้องความสนใจ ดึงดูดให้เขาเดินเข้าไปหาได้แต่โดยดี สุนัขพันธุ์ดุ รูปร่างสูงใหญ่ กำลังส่ายหางไปมาอย่างดีใจ มันไม่ได้หิว เพียงแต่อย่างให้ผู้เป็นนายเล่นด้วยก็เท่านั้น

“ไปที่สนาม” ออกคำสั่งเพียงประโยคสั้นๆ เจ้าสุนัขก็โถมตัวไปข้างหน้า ก่อนจะออกแรงจากกล้ามเนื้อขาทั้งสี่ เพื่อทะยานไปข้างหน้า วิ่งนำลิ่วไกลสุดลูกหูลูกตา

“สีเงิน รับนะ” ตะโกนไปไกลสุดเสียง ก่อนจะขว้างลูกบอลกลมๆ ออกไปสุดวงแขน

“แฮ่กๆ” เสียงหอบเหนื่อยของคนขว้าง บ่งบอกว่าเขาได้ขว้างลูกบอลไปหลายต่อหลายครั้ง จนกล้ามแขนเริ่มอ่อนล้า

“วันนี้พอแล้ว ฉันเหนื่อยแล้ว กลับเข้าบ้านกันเถอะ” ไม่พูดเปล่า นั่งลงลูบหัวสุนัขตัวเก่งอย่างเยินย่อ ก่อนจะใช้สายโซ่คล้องคอ เพื่อไม่ให้มันวิ่งหนีไปไหน

“คุณชุนคะ เข้าไปอาบน้ำก่อนเถอะค่ะ” เสียงบอกของหญิงสาวที่ค่อนข้างมีอายุดังขึ้น ทันทีที่ตัวเขาเข้าไปในบ้าน

“ครับ ฝากสีเงินด้วย” กล่าวบอกแล้วส่งสายจูงไปให้

ป้าจัน ป้าที่เขาจ้างมาให้ดูแลทุกสิ่งอย่างในบ้านหลังนี้ เธอทำหน้าที่ได้ดี ไม่มีขาดตกบกพร่อง ทั้งเรื่องอาหารการกินและความสะอาดทุกๆ ส่วน ด้วยความที่บ้านหลังนี้ ไม่ถึงกับใหญ่โตมาก จึงมีเพียงป้าจันที่ค่อยดูแลเท่านั้น ถ้าเรื่องสวนเรื่องช่าง ก็คงไม่พ้นตัวเขาเองที่เป็นคนลงมือทำ

รีบอาบน้ำแต่งตัว เพราะจวนจะถึงเวลานัดแล้ว เวลาแห่งการท่องเที่ยวยามราตรีเฉกเช่นทุกค่ำคืนนั่นเอง

“จะออกไปอีกแล้วเหรอคะ”

“ครับ ป้าจันไม่ต้องรอนะครับ ผมคงกลับมาดึก”

“ค่ะ ระวังตัวนะคะ ป้าเป็นห่วง” ถึงจะรู้จักกันได้เพียงไม่นาน แต่ป้าจันก็เป็นห่วงและเอ็นดูเด็กตรงหน้าไม่น้อย รู้ทั้งรู้ว่าออกไปทำอะไร แต่ก็ไม่อาจห้ามได้ เพราะไม่ใช่หน้าที่ เธอเป็นเพียงลูกจ้างคนหนึ่ง จึงได้แต่ภาวนาให้อย่าได้เกิดอันตรายแก่เด็กคนนี้

“ครับ” รับคำสั้นๆ เรื่องตายไม่ใช่เรื่องน่ากลัวสำหรับคนอย่างเขาอยู่แล้ว ดีซะอีก จะได้ไปเจอคนรอบข้าง คนที่ทิ้งเขาไปก่อน และเหลือไว้เพียงความทรงจำเท่านั้น



***********





“มาแล้วๆ”

“ไหนๆ”

“คันนั้นไง รถคันสีดำนั่นน่ะ”

เสียงซุบซิบที่ไม่ได้เบาเลยของคนรอบข้าง ตั้งแต่เขาขับรถมาจอดที่นี่เมื่อ 5 นาทีที่แล้ว ยังคงมีเสียงซุบซิบมากมาย บางคนชี้ไม้ชี้มือ บางคนทำเพียงเหลือบตามอง

ที่นี่ ณ สนามแข่งรถ ที่เที่ยวยามราตรีที่เขามักจะมาอยู่บ่อยๆ ในช่วงเวลาไม่กี่เดือนมานี้ ที่นี่มีทุกอย่าง ไม่ว่าจะเป็นการพนัน อบายมุข ผู้หญิง หรือแม้แต่ของเถื่อน เป็นแหล่งมั่วสุมชั้นดีของเด็กย่านนี้เลย

“เอ็งมาแล้วเหรอ จะลงแข่งเลยไหม” เสียงทักทายจากเจ้าของสนาม ด้วยความที่เป็นผู้ชนะมานับครั้งไม่ถ้วน จึงไม่แปลกที่จะเข้ามาทักด้วยตัวเอง เจ้าของสนามถึงกับถือเบียร์ติดมือมาให้เขาด้วย

“ว่างรอบไหน” ถามออกไปพร้อมกับรับกระป๋องเบียร์มากระดกจนหมด

“รอบนี้กับรอบหน้า แล้วกว่าจะว่างอีกทีก็อีก 5 รอบนู่น เอ็งจะลงชื่อรอบไหนล่ะ”

“รอบนี้และรอบหน้าด้วย เรื่องเงิน โอนเข้าบัญชีเหมือนเดิม ผมจะไปรอที่จุดสตาร์ท”

“ได้ แข่งให้ชนะล่ะ” เจ้าของสนามพูดไปแบบนั้นเอง เหมือนเป็นคำพูดที่ชินติดปาก ตั้งแต่หลายเดือนก่อนแล้ว ไม่ว่าชุนจะลงรอบไหน จะแข่งกับใคร ตัวเขาไม่ต้องลุ้นให้เสียวสันหลังเลย เขาสามารถไว้ใจในตัวเด็กคนนี้ได้ เพราะไม่เคยแข่งแพ้เลยสักครั้ง ถึงกับคิดไปว่า มีคนอัจฉริยะขนาดนี้อยู่ด้วยเหรอ คนที่ขับรถแข่งเก่งจนเหมือนซิ่งท้านรก ไม่กลัวแม้แต่ความตายตรงหน้า หากเป็นตัวเขาหรือใครคนอื่น คงได้ตายไปหลายต่อหลายครั้งแล้วเป็นแน่ เล่นขับแทบจะไม่แตะเบรกเลย คนแบบนี้ ต้องใจกล้าขนาดไหนกันนะ

“3...2...1...Let’ s go!”

ปี๊ดดด~~

เสียงนกหวีดดังเพื่อเป็นสัญญาณในการออกตัว หลังจากรอคอยไม่กี่นาที รอบแรกของการแข่งวันนี้ก็ได้เริ่มต้นขึ้น ของรางวัลคือเงินสดหลายแสนบาท อาจรวมไปถึงอย่างอื่นด้วย แล้วแต่ตกลงกันก่อนการแข่งขัน แต่คนอย่างชุน ไม่ได้ต้องการหรือคาดหวังอะไรเป็นพิเศษอยู่แล้ว เขาแค่อยากเย้ยหยันยมทูตก็เท่านั้น เพราะท่าน....ชอบเอาคนรัก คนรอบข้างของเขาไป หากแน่จริง ทำไมไม่เอาเขาไปด้วยอีกคนกันเล่า

WIN!

ป้ายไฟชูส่องสว่างให้เห็น เป็นอีกครั้งที่เขาชนะโดยไม่ได้รู้สึกอะไรเลย ไม่ใช่ว่าไม่ท้าทาย เพียงแต่จิตใจของเขา มันไม่มีความกลัวหลงเหลืออยู่ก็เท่านั้น และการแข่งรอบสองของเขา ก็ไม่ต้องสงสัยเลยว่าใครเป็นผู้ชนะ เสียงเฮดังลั่นสนั่นทั่วทั้งสองข้างของสนาม แต่คนขับไม่ได้อยู่นานพอที่จะให้ใครมาร่วมแสดงความยินดี เขาขับเลยออกจากสนามไปบนท้องถนน เส้นทางอันยาวไกลไม่มีที่สิ้นสุด ปลายเส้นทางคือบ้านที่เขาพักอาศัยอยู่ หากไม่ติดว่าพรุ่งนี้ เขาต้องย้ายไปอยู่หอ เขาคงจะไปที่ไหนสักแห่งต่อเป็นแน่แท้

ถึงจะกลับมาบ้านเร็วกว่าทุกครั้ง แต่เขาก็ไม่ได้ตั้งใจกลับมาเพื่อนอนรอเวลาให้ถึงพรุ่งนี้ เขาเพียงกลับมายังห้องของตัวเอง นั่งลงที่ระเบียงพร้อมกับกระป๋องเบียร์มากมายที่กองอยู่ กระป๋องแล้วกระป๋องเล่าที่เขายกดื่ม แต่ก็ไม่สามารถทำลายโซนประสาทของเขาไม่ให้คิดถึงใครคนหนึ่งได้เลย

เขามองทอดยาวออกไปยังนอกหน้าต่าง ท้องฟ้าที่มืดสนิท รายล้อมไปด้วยหมู่ดาวประกายระยิบระยับ ลมเย็นๆ พัดผ่าน เหมือนกับฝนจะตกในไม่ช้า

“ดูสิ ขนาดท้องฟ้ายังเศร้าไปกับผมเลย” เสียงพูดแผ่วเบาของเขาเอ่ยขึ้น สายตายังคงล่องลอยออกไป ปล่อยผ่านความคิดให้เป็นอิสระ แล้วกลับมาหวนคิดถึงอดีตซ้ำไปซ้ำมา

ครืด...ครืด...

เสียงโทรศัพท์ของเขาสั่น เป็นข้อความแจ้งเตือนเงินเข้า เป็นเจ้าของสนามแข่งรถที่โอนมา รอบนี้ดูเหมือนเจ้าของสนามจะได้เยอะ เพราะเงินที่โอนเข้ามามันมากกว่าทุกครั้ง มองตัวเลขของเงินแล้วก็วางโทรศัพท์ไว้ที่เดิม เพราะเงินไม่ใช่ทุกสิ่งทุกอย่างสำหรับเขา สิ่งที่เขาโหยหาไม่ใช่สิ่งนี้ ถึงเมื่อก่อน มันจะใช่ก็ตาม

ลุกขึ้นยืนสุดตัว แล้วก้าวเท้าไปข้างหน้า ปีนระเบียบเพื่อขึ้นไปยืน ก่อนจะก้มลงไปมองด้านล่าง ก็ดูสูงเหมือนกัน ถ้าตกลงไปจะเป็นอะไรไหมนะ ได้แต่คิดและรับลมอยู่อย่างนั้น จนสายลมอ่อนๆ ในตอนแรกค่อยๆ แรงขึ้นพร้อมกับสายฝนที่โปรยปราย

‘หยุดนะ’ เสียงที่คอยเตือนเขาทุกครั้งที่คิดจะทำอะไรแบบนี้ เหมือนหูแว่ว แต่ก็ชัดเจนจนน่าขนลุก

ความตายไม่ใช่จุดประสงค์ของเขาในตอนนี้ ไม่ใช่สิ่งแรกและสิ่งสุดท้ายที่คิดถึงในแต่ละวัน แต่ก็ไม่ขัดหากจะต้องสิ้นลมหายใจไป หลายต่อหลายครั้งที่เขาคิดน้อย ทำอะไรที่เสี่ยงอันตราย แต่สุดท้ายก็จบลงด้วยการตัดใจจากความคิดบ้าๆ และไม่เข้าท่า วันนี้ก็เช่นกัน เขาปีนลงจากระเบียงแล้วกลับเข้าห้องเหมือนกับเมื่อกี้ไม่มีอะไรเกิดขึ้น

ความคิดที่ไม่สามารถหยุดเองได้ ณ ตอนนี้ได้หยุดลงแล้ว สายตาที่เคยทอดมองไปยังที่ที่ไกลแสนไกลได้หยุดและมืดลงแล้ว ความง่วงที่คืบคลานเข้ามาพร้อมกับความอ่อนล้าตลอดวันที่ผ่านมา เขาไม่เคยได้นอนเร็วเลย เขาไม่เคยได้หยุดคิดเลย ขนาดเวลานอน ความฝันของเขา ยังคงทำให้เขาคิดทุกครั้ง ถึงจะแย่บ้าง ดีบ้าง แต่ก็เป็นสิ่งเดียวที่เขาควบคุมไม่ได้ และจะไม่นอน ก็ไม่ได้

‘ชุน’

‘ครับ’

‘ขอโทษนะ’

‘คุณก็เป็นซะแบบนี้’

‘ขอโทษที่ผิดสัญญา’

‘...’

‘ขอโทษที่ทำให้ต้องอยู่คนเดียวอีกครั้ง’

‘...’

‘ขอโทษนะ’

‘พอแล้ว ฟินิกซ์ขอโทษมาเยอะแล้ว’

‘ก็ผมทำได้แค่นี้’

‘พรุ่งนี้เราจะเจอกันไหม ฟินิกซ์จะมาหาผมอีกไหม’

‘ไม่รู้สิ’

‘วันนี้ไม่อยากตื่นเลย’

‘ไม่ได้นะ นายมีสิ่งที่ต้องทำ’

‘ผมอยากอยู่กับคุณ’

‘นั่นก็ไม่ได้เช่นกัน’

‘คุณไม่เคยมีตัวเลือกที่ดีให้ผม’

‘นั่นเป็นสิ่งผิดพลาดเพียงอย่างเดียวที่ผมอยากย้อนเวลากลับไปแก้ไข’

‘ไปหาไม่ได้เหรอ’

‘ไม่ได้’

‘คุณอยู่ในที่ที่ดีใช่ไหม’

‘อืม ผมไม่ได้ไปไหน ผมยังคงอยู่ตรงนี้เสมอ’

‘ที่ตรงนี้เป็นของคุณ หัวใจดวงนี้เป็นของคุณ’

‘ชุน^^’

‘ผมชอบรอยยิ้มของฟินิกซ์’

‘ผมเรียก ก็อย่าเพิ่งเปลี่ยนเรื่อง’

‘ก็คุณจะพูดจาไร้สาระ’

‘ไม่ไร้สาระเลยสักนิด ยังไงสักวันก็ต้องมาถึง’

‘ไม่ ไม่เอา ไม่อยากฟัง’

‘นายจะต้องเจอรักที่ดี^^’

‘นอกจากคุณ ผมไม่ต้องการใคร’

‘เปิดใจซะชุน ผมเป็นอดีต นายต้องเดินไปข้างหน้าได้แล้ว’

‘ไม่เอา ผมจะไม่ทิ้งคุณ’

‘นั่นหมายถึงผมหรือเปล่า คนที่ทิ้งน่ะ’

‘อย่าพูดแบบนี้อีก’

‘รักนายนะ แต่อย่าให้ความรักของผมคอยฉุดรั้งอีกเลย ผมอยู่ทางนี้ ผมสบายดี ผมจะคอยเฝ้ามอง ถึงจะดูแลเหมือนเมื่อก่อนไม่ได้แล้ว แต่ก็จะเป็นกำลังใจให้’

‘ผมก็รักคุณ ฟินิกซ์’

‘ผมต้องไปแล้ว’

‘จะไปไหน ไม่เอา อย่าเพิ่งไป’

‘ไม่ได้ ผมอยู่นานกว่านี้ไม่ได้’

‘ถ้าอย่างนั้น พาผมไปด้วยสิ ผมอยากไปกับคุณ’

‘ไม่ได้ มันยังไม่ถึงเวลา’

‘แล้วเมื่อไหร่ล่ะ เมื่อไหร่จะถึงเวลา’

‘ไม่รู้ ตัวผมเองก็ไม่อาจบอกได้ แต่จงมีชีวิตอยู่ต่อไปเถอะนะ อย่าทำแบบเมื่อกี้อีก’

‘การไม่มีคุณอยู่ด้วย มันแย่มากนะ ทำไมต้องทรมานกันขนาดนี้ ทำไมต้องเป็นผมที่มีชีวิตอยู่ต่อ ทำไมผมถึงไปหาคุณไม่ได้ ฮึก...’

‘ทุกอย่างมันมีวัฏจักรของมัน เมื่อถึงเวลานั้น นายจะรู้เอง ว่าทำไมนายถึงต้องมีชีวิตอยู่^^’

‘ไม่ อย่าไป ไม่เอา ฟินิกซ์ ไม่ๆๆๆ ไม่นะ’ ถึงจะเรียกหาจนสุดเสียง ถึงจะวิ่งตามจนสุดกำลัง แต่ก็ไปไม่ถึง ตามไม่ทัน

‘ฉันต้องไปจริงๆ แล้ว เราจะเจอกันอีกแน่ สักวันหนึ่ง...’ เขาพูดด้วยรอยยิ้มที่ผมชอบ แล้วเขาก็หายไปแล้ว เขาหายไปอีกแล้ว

“ฮื่อออ...ฮึก...ฮื่ออออ...” ผมร้องไห้ในฝันแม้แต่ลืมตาตื่นมาก็ยังร้อง ผมไม่สามารถหยุดร้องได้เลย น้ำตาของลูกผู้ชาย น้ำตาแห่งความอาลัยอาวรณ์ เป็นฝันที่ไม่อาจลืมได้ เพราะเป็นครั้งแรกที่ฟินิกซ์บอกว่าต้องไปแล้ว ถึงจะฝันถึงบ่อยแค่ไหน แต่ไม่มีครั้งไหนเลยที่นานขนาดนี้ ความกังวลยังไม่หาย ความรู้สึกนี้มันคืออะไรกันแน่นะ ทั้งคำพูดและรอยยิ้มก่อนที่ฟินิกซ์จะหายไปด้วย

นั่งคิดยังไงก็คิดไม่ออก จนท้องฟ้าสีดำกลายเป็นสีฟ้าในช่วงเช้ามืด แสงแดดค่อยๆ สาดส่องเข้ามาจากหน้าต่าง ที่ทำได้ตอนนี้คือลุกขึ้นไปล้างหน้าเพื่อไม่ให้ตัวเองฟุ้งซ่าน

ก๊อก ก๊อก ก๊อก

“คุณชุนคะ”

“ครับ”

“เช้าแล้วนะคะ”

“ผมตื่นแล้วครับ”

“อ่อค่ะ เมื่อคืนเห็นว่านอนดึกป้าเลยมาปลุก ป้าทำข้าวเช้าไว้ให้แล้วนะคะ”

“ขอบคุณครับ เดี๋ยวผมลงไป” ตอบรับป้าจันก่อนจะเดินออกจากห้องน้ำ ชีวิตหลังจากที่เป็นอิสระ ไม่มีการผูกมัดจากสิ่งใดๆ เพิ่งเริ่มขึ้น ผมกำลังจะเป็นนักศึกษาปีหนึ่ง อย่างที่ไม่เคยคิดมาก่อน จุดเริ่มต้นของชีวิตของผมกำลังจะเริ่มใหม่อีกครั้ง ซึ่งครั้งนี้ ผมขอให้เป็นครั้งสุดท้ายแล้ว

ผมไม่เคยคิดมีชีวิตอยู่ตั้งแต่เขาจากไป แต่ผมก็ตายไม่ได้ ความจริงแล้วผมมีสิ่งที่อยากทำอยู่ และกำลังจะได้ทำมัน ชีวิตของผมยังคงดำเนินต่อไป ถึงแม้จะไร้ชีวิตชีวาไปบ้าง แต่มันก็ดีกว่าไม่มีแรงจูงใจอะไรเลย อย่างน้อยฟินิกซ์ก็ทำให้ผมคิดอยากจะทำสิ่งนี้ล่ะนะ

:hao5: :hao5: :hao5:

ออฟไลน์ kawisara

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1586
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +119/-7
สงสารชุน


ฟินิกส์ตายจากชุนไปแล้วเหรอ


ฟินิกส์กลับมาก่อนนนน

ออฟไลน์ miikii

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1725
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-1
เกิดอะไรขึ้น  :hao5:

ออฟไลน์ tasteurr

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 573
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +18/-0
ก่อนหน้านี้เกิดอะไรขึ้น เรายังไม่ทันได้รู้จักกับฟินิกส์เลย

 :pig4:

ออฟไลน์ YiiM

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 60
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +13/-0
ตอนที่ 2 ความรักคืออะไร



มาวิน พาร์ท


ไม่มีใครบังคับให้ใครรักใครได้หรอก แม้แต่หัวใจของผมเอง ก็ไม่สามารถบังคับใจตัวเอง...ให้ไม่รักได้


ความรัก คืออะไรกันแน่ ตัวผมเองก็ยังไม่เข้าใจเลย ผมไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเริ่มจากตอนไหน เกิดขึ้นได้ยังไง รูปร่างหน้าตาเป็นแบบไหน แต่พอรู้ตัวอีกที ก็รักมันไปซะแล้ว และดูเหมือน...ผมจะขาดมันไม่ได้ซะด้วย

ใครคิดว่าคนเก่ง...จะเก่งไปซะทุกอย่าง ใช่ว่าเก่งมาตลอดทั้งชีวิต จะฉลาดไปหมดทุกเรื่องซะเมื่อไหร่ ตัวผมเองก็เรียนจบตั้งสูง ถึงจะใช้ชีวิตมาเพียง 20 กว่าปีเท่านั้นเอง แต่ก็ประสบความสำเร็จจนหลายๆ คนอิจฉา ผมมีหน้าตาที่ดี มีความรู้ ความสามารถ ฐานะทางบ้านไม่ต้องพูดถึง อาจจะไม่ใช่อภิมหาเศรษฐี แต่ก็มีกินมีใช้ไม่ได้ลำบากอะไร

อาจเพราะแบบนี้ด้วยล่ะมั้ง ผมถึงเริ่มเอื่อยเฉื่อย อะไรที่อยากทำ ก็ทำจนหมดแล้ว ผมเรียนจบจนเป็นดอกเตอร์ แต่ก็มาเรียนเพิ่มด้านกฎหมายอีก เวลาในชีวิตที่เหลือช่วงเด็กของผม มันยังมีอีกเยอะ ผมเปิดคลินิกของตัวเอง ซึ่งนั่นก็ใช้งบเยอะพอสมควร เพราะคลินิกของผมค่อนข้างใหญ่ มีห้องสำหรับพักฟื้นถึง 2 ห้อง ไหนจะห้องตรวจและห้องนอนสำหรับพยาบาลกะดึกอีก แต่ก็นั่นแหละ ผมไม่ได้จะอวดคลินิกหรือความเก่งของตัวเองหรอกนะ แต่เพราะคลินิกนี้นี่แหละ ที่ทำให้ผมได้เจอกับเด็กนั่น

...หยาง ชุน...

เด็กคณะแพทยศาสตร์ หน้าตาดี สูง หล่อ ถึงจะมองแล้วรู้เลยว่ามีเชื้อสายจีน แต่ก็ดูดีสุดๆ ผมไม่คิดด้วยซ้ำ ว่าคนจีนจะสูงได้ขนาดนี้ แถมรอยสักที่หลังและแขน ยังทำให้ดูเท่ขึ้นไปอีกเป็นกองเลย

“ชุน”

“หืม”

“มีเรียนเช้าไม่ใช่หรือไง” ผมบอกคนขี้เซา ความจริงแล้วผมกับชุนอายุไม่ได้ต่างกันเลย แรกๆ ที่ยังไม่ได้รู้จัก ชุนเอาแต่เรียกผมว่าคุณหมอๆ มันน่ารำคาญ ผมเลยเผลอบอกชื่อไป หลังจากนั้นก็เลยกลายเป็นเรียนพี่วิน ด้วยความสัมพันธ์ที่เลยเถิดมาจนตอนนี้ ทำให้บางครั้งชุนก็เรียกชื่อของผมเฉยๆ ตั้งแต่ตอนไหนก็ไม่รู้ รู้อีกที ก็ชินกับการขานรับจากอีกคนไปซะแล้ว

“วิน”

“ว่า”

“ตอนเย็นผมไปรับนะ”

“อืม” ตอบรับก่อนที่อีกคนจะเดินออกจากห้องไป

ชุนเป็นคนที่ค่อนข้างเย็นชา บางทีก็น่ากลัว แต่พอออกไปเจอผู้คน บางทีเด็กนั่นก็ร่าเริง มีทะเล้นบ้าง อ้อนบ้าง จนผมไม่รู้แล้ว ว่าชุนอารมณ์ไหนกันแน่ ที่เป็นตัวตนของเขาจริงๆ

พวกเราไม่ได้คบกันจากความรัก ไม่มีการตามจีบ ไม่มีคำพูดหวานๆ ก็แค่มีอารมณ์ แล้วก็มีอะไรกัน ซึ่งเรื่องเซ็กส์ เราเข้ากันได้ดีมาก มากจนเลยเถิดมาถึงตอนนี้ ก็น่าจะ 2 ปีแล้วล่ะนะ

Thu...Thu...Thu...

(ว่าไง)

“มารับหน่อย”

(ไปไหน)

“รถถัง”

(อีกแล้วเหรอ แล้วแฟนเด็กมึงล่ะ)

“อยากให้มึงไปส่ง เดี๋ยวปักหมุดที่อยู่ให้”

ผมบอกแค่นั้นแล้วกดวางสาย คนที่ผมโทรหาคือ ลาวา เพื่อนของผมเอง ที่ต้องโทรไป เพราะผมไม่มีรถ ไม่มีใบขับขี่ ส่วนไอ้วามันมีทั้งหมด และมันเป็นคนขับรถที่ดี เพราะเหตุนี้ผมเลยชอบที่มีมันเป็นคนขับรถให้

หลังจากส่งที่อยู่ไปให้ รอไม่นานไอ้วาก็มารับ เนื่องจากผมมานอนโรงแรม แต่ก็นะ จะทำอะไรกันทั้งที บ้านผมก็ไม่ได้ ถึงจะไม่มีใครอยู่ แต่ผมก็ไม่คิดจะพาเขาไป ส่วนชุนเองก็อยู่หอ แถมยังเป็นหอในมหาลัยอีก ซึ่งก็หมายความว่าไม่ได้ เรามีความสัมพันธ์ลึกซึ้งเพียงทางกาย แต่ทางใจ ผมไม่สามารถรับรู้ได้เลยว่าอีกคนคิดอะไรอยู่ เขาไม่เคยพูด ผมเองก็ไม่คิดจะพูดเหมือนกัน

“ทำไมมาอยู่ที่โรงแรมวะ”

“อยากมา”

“ทีมาโรงแรมมาเองได้ เสือกกลับเองไม่ได้นะ” ไอ้วาเอาแต่พูดบ่น แต่ก็เห็นมันมารับผมทุกที มันเป็นพวกชอบถาม หรือเรียกง่ายๆ ว่าชอบเสือก ขอแค่ตอบๆ มันไป มันก็โอเคแล้ว

ไอ้วามาส่งผมหาไอ้รถถัง เต่าของเพื่อนอีกคนในกลุ่ม ผมไม่ใช่พวกรักสัตว์อะไรหรอกนะ แต่ก็ถูกใจเจ้าเต่าตัวนี้เอามากๆ มันเป็นเต่าบกตัวเล็ก เดินช้าๆ กินช้าๆ บางทีก็หลับไปทั้งๆ ที่มีอาหารอยู่ในปาก ซึ่งนั่นมันก็ดูตลกดี การได้จ้องมองมันแล้วผมรู้สึกสบายใจ แต่ก็ไม่รู้ทำไม ไอ้โซ่เจ้าของมันถึงได้หวงมันกับผมนัก

“จะเข้าไปยังไง”

“ปีนรั้ว”

“เนี่ย เดี๋ยวตำรวจก็แห่มาอีกหรอก”

“ช่างเถอะ ขอบใจ” ผมตัดบท ลงจากรถแล้วปีนขึ้นรั้ว บอกตามตรงว่าชินแล้ว ถ้าไอ้โซ่ไม่ติดกล้องวงจรปิดเพิ่ม ผมก็รู้มุมหลบเข้าบ้านมันได้อย่างไม่ต้องระแวงว่ามันจะเห็นผมจากกล้องตัวไหน แต่ที่ยากก็คงเป็นสายตาจากสัตว์ของมันนั่นแหละ ไอ้โซ่เป็นพวกชอบสัตว์ มันเลี้ยงสัตว์เลื้อยคลานและสัตว์น้ำหลายต่อหลายชนิดเอาไว้ แถมยังเป็นสัตว์หายากทั้งนั้น

แกร๊ก

ผมเปิดประตูเข้าห้องไอ้โซ่ ไม่รู้ว่ามันไปไหน แต่เสียงเพลงที่เปิดกล่อมทิ้งไว้ บ่งบอกได้อย่างชัดเจนว่ามันอยู่ในบ้าน ผมค่อยๆ ย่องเข้าไปแล้วเลื่อนเก้าอี้คอมของมันมาที่โต๊ะข้างๆ เพื่อจะได้เอาไปนั่งมองไอ้รถถังถนัดๆ ก็มันน่ารักซะขนาดนี้

ไอ้รถถังถูกเลี้ยงเอาไว้ในตู้กระจกอย่างดี ด้านในตู้ถูกจัดไว้ให้ดูเป็นธรรมชาติที่สุด ผมนั่งมองมันค่อยๆ ก้าวช้าๆ ค่อยๆ ขยับทีละนิด มันสวยนะครับ ทั้งลวดลายบนกระดองที่เป็นเอกลักษณ์ ไหนจะท่าทางหดคอของมันอีก ให้นั่งมองเป็นวันๆ ยังได้เลย

“เหี้ยยยย ไอ้วิน กูตกใจหมด เข้ามาได้ไงวะ”

“ปีนรั้ว”

“กูยอมมึงจริงๆ กินไหม” ไอ้โซ่บอก มันยื่นเยลลี่ในมือมาให้ ผมรับมากินแต่โดยดี เพราะมีแต่ของอร่อยๆ ทั้งนั้น

“วันนี้รถถังเป็นอะไร”

“ทำไม”

“มันอยู่ในกระดองมาเป็นชั่วโมงแล้ว” ผมถาม เพราะก่อนหน้านี้มันเดินก็จริง แต่ไม่นานมันก็นิ่งไปเลย

“นี่มึงมาถึงบ้านกูนานเท่าไหร่แล้วเนี่ย”

“สักพัก” ผมตอบไป เพราะไม่แน่ใจเหมือนกัน

“กูควรดีใจสินะ ที่มีมึงเป็นเพื่อน ไอ้เหี้ย เพิ่งเคยดีใจที่บ้านมึงมีฐานะก็วันนี้ ถ้ามึงเป็นโจรนะ ป่านนี้ข้าวของคงหมดบ้านกูแล้วมั้ง” ไอ้โซ่บ่นพร้อมกับกุมขมับ ผมก็ไม่ได้คิดจะขโมยอะไรนิ ถึงจะมีลักพาตัวไอ้รถถังกลับบ้านบ้างก็เถอะ แต่ผมก็เอาไปเลี้ยงให้ไหม ไม่ได้เอาไปทำอะไรไม่ดีเลยจริงๆ นะ ในเมื่อขอซื้อก็ไม่ให้ ขอเลยก็เอาแต่โวยวาย จะขอมาเจอก็ลีลา ผมถึงต้องแอบมาแบบนี้ไง

ผมนั่งมองไอ้รถถังนานจนเวลาร่วงเลยมาถึงช่วงเย็น ไอ้โซ่ขับรถมาส่งผมที่คลินิก เพราะวันนี้ผมเข้ามาเอาของและเช็กเอกสารและประวัติคนไข้นิดหน่อย ระหว่างนั้นก็นั่งอ่านหนังสือด้านกฎหมายไปด้วย

“วิน...วิน”

“อืมมม”

“ตื่นสิครับ ผมมารับไปหาอะไรทาน”

“กี่โมงแล้ว”

“3 ทุ่ม”

“มาช้านะ”

“ผมติดเรียน วินหิวเหรอ หรือยังง่วงอยู่”

“ทั้งสองอย่าง”

“วินจะกินไปหลับไปไม่ได้หรอกนะ”

“นั่นสิ” ชุนพูด ทำให้ผมเริ่มขยับตัวลุก

ชุนชอบพูดเหมือนกับเป็นห่วง เขามารับผมไปหาอะไรทานเป็นประจำ ถึงจะไม่ค่อยว่าง แต่ก็ยังมา เราคุยกันในหลายๆ เรื่อง แต่สถานะความสัมพันธ์กลับไม่เคยเปลี่ยน เขาไม่เคยพูดถึง ถึงผมจะถาม ถึงจะอยากรู้มากแค่ไหน ว่าสถานะของเราตกลงมันยังไงกันแน่

ตลอดเวลากว่า 2 ปี ผมเหมือนกับรู้จักชุนมากขึ้น แต่มันก็ยังไม่มากพอที่จะให้ชุนพูดอะไรในใจออกมา เขาเหมือนกับมีเรื่องในใจ มีเรื่องปิดบังที่ไม่ยอมบอก หลายๆ ครั้งก็ชอบนั่งเหม่อเหมือนกับคิดอะไรอยู่ เขาสร้างกำแพงที่ผมมองไม่เห็น และชอบบ่ายเบี่ยงเรื่องที่ถาม ทำให้ผมไม่เข้าใจชุนเลย

“ชุน”

“ครับ?”

“ทำไมถึงอยากเป็นหมอล่ะ” ผมถาม เพราะอยากหาเรื่องคุย ผมไม่ใช่คนพูดมาก ไม่ใช่คนที่อยากรู้เรื่องของคนอื่นด้วย แต่กับชุนมันไม่ใช่ อะไรที่เป็นเขาผมอยากรู้ ยิ่งอยู่ด้วยก็ยิ่งอย่างรู้เรื่องราวของอีกคนมากๆ กำแพงที่เขาสร้าง บางครั้งผมก็สามารถปีนขึ้นไปได้ แต่ไม่สามารถผ่านเข้าไปถึงอีกฝั่ง มันเหมือนมีประตูอีกบานปิดล็อกเอาไว้ หากเขาไม่คิดจะเปิด ผมคงได้แต่ยืนรออยู่อย่างนั้น ผมไม่รู้ว่าควรพูดเรื่องอะไร ควรจะถามอะไร เพราะบางครั้ง ถ้าเขาไม่คิดจะบอก เขาก็มักจะเบี่ยงเบนหรือเปลี่ยนประเด็นไปทันที

“ถ้าอย่างนั้น ผมถามวินได้ไหม ทำไมวินถึงเป็นหมอล่ะ”

“...” คำถามนี้ทำให้ผมเม้นปากเข้าหากันแน่น คำตอบของผม อาจทำให้ใครต่อใครหมั่นไส้ แต่นี่คือเรื่องจริงที่สุดแล้ว

“เพราะความสามารถ” คำตอบจากใจจริง ผมไม่ได้ชอบรักษาคน แต่เพราะผมเก่งพอที่จะเรียนรู้เรื่องนี้ ก็เลยเรียน

“เหรอ สำหรับผม...เพราะอยากช่วยชีวิตคน”

“อืม” นั่นสิ มันก็สมเหตุสมผลแล้วล่ะ

“แล้วทำไมตอนนี้ถึงมาเรียนกฎหมายล่ะ”

“ก็แค่คิดว่าอยากเรียนและทำได้ล่ะมั้ง”

“วินเก่งมากเลยสินะ”

“ไม่รู้สิ”

“งั้นเหรอ” ชุนบอกแล้วอยู่ๆ ก็ทำหน้าเศร้า

“ก็ถ้าตั้งใจก็ไม่มีอะไรยากไปหรอก” ผมบอก ไม่รู้ว่าทำไม แต่พอเห็นสีหน้าของอีกคน ก็อยากพูดปลอบ อยากดึงเข้ามากอดแน่นๆ

“ถ้าอย่างนั้น วินคิดว่าในอนาคต จะมียารักษาโรคที่ไม่มีวันหายได้ไหม หรือมีเครื่องชุบชีวิตคนตายให้ลุกขึ้นมามีชีวิตได้อีก วินคิดว่าจะเป็นไปได้ไหม”

“ก็ถ้าอีกร้อยปี คงเป็นไปได้ล่ะมั้ง” ผมตอบกลับไป ทำให้รอยยิ้มน้อยๆ ของอีกคนหายไปด้วย แต่ผมก็ตอบตามจริง ผมไม่รู้ว่าจะมีอะไรเป็นไปได้บ้าง บางสิ่งอาจเกิดขึ้นได้ในเร็วๆ นี้ แต่บางสิ่ง หากผ่านไปแล้วอีกร้อยปี ก็อาจจะยังไม่เกิดขึ้นมาก็เป็นได้

:hao4: :hao4: :hao4:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ YiiM

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 60
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +13/-0
ตอนที่ 3 เรื่องเล่า...ของเด็กชายที่ถูกทิ้ง


ชีวิตของผมยังคนดำเนินเรื่อยมา ไม่ทุกข์ ไม่สุข ไม่มีเรื่องเดือดร้อนอะไร และก็ไม่มีเรื่องน่าตื่นเต้นอะไรเลยด้วย มันดูเรื่อยเปื่อยซะจนน่าเบื่อ

"ไอ้วิน"

"ว่า"

"ช่วงนี้เป็นอะไรมากหรือเปล่า ดูเนือยๆ ไปนะ"

"ก็ไม่นิ" ผมตอบกลับไป ทั้งที่ตัวเองก็ไม่ได้เป็นปกติอะไร ความจริงก็รู้สึกรำคาญใจนิดๆ ด้วย ไอ้คำถามและสีหน้าของชุน ยังคงติดตาและกวนใจของผมอยู่

"มีปัญหากับชุนเหรอ"

"เปล่า"

"ถ้าอย่างนั้นทำไม..."

"คาบนี้โดดนะ" ผมบอกก่อนจะลุกขึ้น รู้ว่าไอ้วาเป็นห่วง แต่ผมไม่มีอารมณ์จะตอบ ผมโดดบ่อย แต่เพราะเรียนดี จึงไม่มีปัญหา บางครั้งเพียงแค่เข้าเช็กชื่อแล้วเดินออกเลยก็มี การเรียนในห้องเรียน บางทีมันก็น่าเบื่อเกินไป อาจารย์บางคนก็สอนไม่ต่างกับที่ต้องอ่านเองในหนังสือ บางท่านก็สอนงงกว่าในหนังสือซะอีก ผมจึงเลือกที่จะอ่านเองและทำความเข้าใจด้วยตัวเองมากกว่ามานั่งฟัง

RRRRRR

ผมโทรหาชุน ไม่รู้ว่าเขาเรียนอยู่หรือเปล่า แค่รู้สึกว่าอยากเจอ อยากเห็นหน้า ผมไม่รู้ว่าตัวเองเป็นอะไร ยิ่งนานวันเข้า เด็กนั่นก็ยิ่งเข้ามามีอิทธิพลในชีวิต เมื่อนานมาแล้ว เขาเคยบอกว่าผมเหมือนใครคนหนึ่ง แต่ไม่เคยพูดถึงใครคนนั้นเลย

(มีอะไรหรือเปล่าวิน)

"อยู่ไหน"

(ผมอยู่หอ)

"มาหาหน่อย"

(วินอยู่ไหน)

"คณะ"

(เรียนเสร็จแล้วเหรอ)

"อยากให้มา"

(ครับ เดี๋ยวผมไป)

ผมบอกอีกคนอย่างเอาแต่ใจ แต่เขาไม่เคยเลยที่จะปฏิเสธ ไม่เคยเลยที่จะไม่ทำตามคำขอของผม พอมานั่งคิดแบบนี้แล้ว ผมก็เห็นแต่ข้อดีของชุนมากมายเต็มไปหมด ตลอดเวลาที่ผ่านมา ชุนดีกับผมมากจริงๆ

"วิน ผมมาแล้ว"

"อืม วันนี้ว่างใช่ไหม"

"ก็ว่างครับ"

"ถ้าอย่างนั้นไปบางแสนกัน"

"ครับ...หืม บางแสน"

"อืม บ้านพักของแม่น่ะ ไปกัน"

"พรุ่งนี้ผมมีเรียน"

"จะพากลับมาตอนเช้า"

"ถ้าอย่างนั้นก็ได้ ผมไม่ขัดหรอกครับ" ชุนบอกแล้วยกยิ้ม

ความจริงแล้วผมแทบจะไม่รู้จักอะไรเกี่ยวกับตัวของชุนเลย แต่ที่ผมสัมผัสได้คือ เขาเป็นคนมีฐานะ มีรถขับ และน่าจะฉลาดในระดับหนึ่ง

"วินเป็นอะไรหรือเปล่า"

"ก็เปล่า"

"แต่คิ้วขมวดเหมือนกับสงสัยมากเลยนะ มีอะไรคุยกับผมได้นะ"

"เดี๋ยวให้ถึงก่อน ได้คุยแน่" ผมบอก ชุนหันมาเลิกคิ้วเชิงสงสัย แต่ก็ไม่ได้ถามอะไร เขาหันไปสนใจกับการขับรถต่อ การเดินทางวันนี้ ผมจะต้องได้รู้จักเขามากขึ้น สักนิดก็ยังดี


**********



ใช้เวลากว่า 2 ชั่วโมงกว่าจะถึงที่พัก ที่นี่เป็นบ้านพักส่วนตัวที่อยู่บนเขา มองยาวไปจะเห็นน้ำทะเลใสเชื่อมกับท้องฟ้าสีฟ้า ถึงแสงแดดจะจ้าแต่บรรยายกาศรอบๆ ร่มรื่นใช้ได้เลย อาจเพราะมีต้นไม้เยอะ

"สวยนะครับ"

"อืม เข้าไปด้านในกัน" ผมบอกแล้วเดินนำเข้าบ้าน

เมื่อก่อนที่นี่เป็นที่พักสำหรับให้เช่า แต่แม่ของผมชอบเลยซื้อเก็บไว้ ทุกครั้งที่ท่านมีเรื่องไม่สบายใจก็มักจะแอบมาที่นี่คนเดียวอยู่เสมอ

"อยากอาบน้ำก่อนไหม"

"ไม่ครับ"

"หิวหรือเปล่า"

"กินวินได้ไหม" ชุนถามพร้อมกับยิ้มมุมปากแบบร้ายๆ ใบหน้าของเขาตอนนี้เปลี่ยนเป็นเสือหิวที่พร้อมจะขย่ำกว้างน้อยอย่างผม แต่ก็นะ ผมใช่ว่าจะไม่พร้อมซะเมื่อไหร่

ผมเดินเข้าหาชุนพร้อมกับถอดเสื้อให้เขา ชุนเองก็ถอดเสื้อให้ผมเช่นกัน ยิ่งได้ใกล้เด็กคนนี้มากเท่าไหร่ ผมยิ่งรู้สึกร้อนรุ่มมากเท่านั้น ด้วยความที่เขาไม่เคยมาที่นี่ ผมเลยเป็นฝ่ายพาเขาเดินมายังห้องนอน

ไม่ว่าริมฝีปากของเขาจะแตะลงที่ตรงไหนบนร่างกาย ก็ทำให้ผมรู้สึกดีไปหมด ปลายนิ้วร้อนของเขามักทำตามใจชอบ เขาทั้งดื้อและซุกซน หยอกล้อให้อารมณ์ของผมขึ้นสูง ไต่จนขึ้นจุดสุดยอดแล้วทิ้งดิ่งให้ผมทรมานด้วยการหยุด

"ร้องขอผมสิ"

"ชุน"

"ชอบใช่ไหมล่ะครับ"

"อืม ทำต่อสิ" ผมพูดด้วยน้ำเสียงอ้อนวอน ถึงจะเป็นเซ็กส์ที่โหดร้ายไปในบางครั้ง แต่ผมก็ยอมรับว่าชอบจนทำเรื่องน่าอาย

เสียงจากการสอดใส่ทำให้ผมรู้สึกเขิน ผมครางร้องจนสุดเสียง ความเสียวแล่นไปทุกส่วนของร่างกาย หลายต่อหลายท่าที่เราปรับเปลี่ยนเพื่อการสอดใส่ เขารู้ทุกจุดทุกมุมที่ผมชอบ เสียงเหนื่อยหอบของเราดังไปทั่วทั้งห้อง เหงื่อไหลรินทั่วใบหน้า ความสุขสมจากการทำรักกับเขา ยังคงทำให้ผมมีความสุขทุกครั้งที่ได้สัมผัส

"อืม เร็วอีก" ผมบอกอีกคนที่กระแทกแกนกลางเข้ามา มันทั้งลึกและเสียวไปพร้อมๆ กัน ทำเอาผมแทบขาดใจตายได้เลย

"อ่าาา" เสียงของชุนร้องออกมา ตัวของเรากระตุกไปพร้อมๆ กัน เขาขยับอีก สอง สามทีก่อนที่จะล้มตัวลงมานอนทับผม

ตอนนี้มีเพียงเสียงแอร์และเสียงหอบหายใจของเราทั้งสองที่ดังอยู่ ตัวผมเองก็หมดแรงเกินกว่าจะขยับไปไหน ชุนเห็นแบบนั้นเลยเป็นฝ่ายอุ้มผมเดินไปล้างตัวในห้องน้ำ

"นั่งรอก่อนนะครับ" เขาบอกแล้ววางตัวผมลงในอ่าง พร้อมกับเปิดน้ำอุ่นให้ ถึงแม้ยากที่จะขยับตัว แต่พอผิวกายได้รับน้ำอุ่นแล้ว กลับรู้สึกดีขึ้นมาก

"แสบ" ผมพูดออกมาเบาๆ แต่อีกคนดูเหมือนจะได้ยิน

"กอดคอผมสิ" ชุนย่อตัวลงนั่งข้างอ่าง แล้วผมก็กอดคอตามที่เขาบอก

"เจ็บหน่อยนะ" ชุนบอกแล้วค่อยๆ ใช้นิ้วล้วงเข้ามาที่ช่องทางด้านหลังของผม ผมกัดปากตัวเองด้วยความเผลอตัว เพราะมันเจ็บมากจริงๆ มันเสียดไปหมดเลย ป่านนี้คงจะบวมแล้วล่ะมั้ง

ถึงผมจะเคยมีอะไรกับชุนแล้ว แต่ก็ใช่ว่าจะบ่อยนัก บางครั้งมาอยู่ด้วยกันก็ไม่ได้ทำอะไรกันเลยนอกซะจากที่เขาถามเรื่องเรียนและศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับตำราแพทย์

หลังจากที่ชุนล้างช่องทางด้านหลังให้เสร็จ เขาก็เอาน้ำลูบๆ ตัวของผมด้วย ก่อนที่จะอุ้มขึ้นจากน้ำแล้วพาไปใส่เสื้อ ความจริงมันไม่ควรจะเป็นหนักขนาดนี้เพราะนี่ไม่ใช่ครั้งแรก แต่คงเพราะว่าไม่มีตัวช่วยในการหล่อลื่น ช่องทางด้านหลังของผมจึงฝืดกว่าปกติกับการต้องรับแรงสอดใส่ของชุน เลยทำให้มันทั้งบวมและปวดไปทั้งตัว

"มานอนนี่สิ" ผมบอกคนที่เพิ่งแต่งตัวเสร็จ เพราะหลังจากที่ชุนแต่งตัวให้ผมแล้ว เขาก็เข้าห้องน้ำไปอาบน้ำต่อ

"ยังเจ็บอยู่ไหม"

"ไม่ขยับก็ไม่เจ็บ" ผมบอก ชุนจึงเป็นฝ่ายที่ขยับเข้ามาใกล้ผมเอง

"ถามอะไรอย่างสิ"

"ครับ? "

"ทำไมถึงดีกับกูนักล่ะ เพราะกูเหมือนกับใครอีกคนมากเหรอ เหมือนมากเลยใช่ไหม" ความอยากรู้ที่เก็บเงียบมานาน ผมไม่เคยถามเขาเลยจากที่เคยได้ยินมาเมื่อตอนนั้น เขาก็ไม่เคยพูดถึงอีก หากปล่อยให้เป็นแบบนี้ต่อไป ก็คงไม่มีอะไรดีขึ้น

"..."

"เล่าเรื่องของเขาให้ฟังบ้างได้ไหม" ผมถาม จากเด็กที่หน้าตาทะเล้นๆ แปรเปลี่ยนเป็นเงียบขรึม ดวงตาใสกลับกลายเป็นว่างเปล่าและเศร้าสร้อยอย่างเห็นได้ชัด ชุนไม่มองหน้าของผมเลย เขาเอาแต่นิ่งเงียบ

"ผมไม่อยากพูดถึง"

"อยากรู้...จริงๆๆ นะ" ผมไม่เคยเป็นแบบนี้ ผมเป็นพวกไม่สนใจอะไรทั้งนั้น จะเรียกว่าเห็นแก่ตัวก็ว่าได้ แต่กับครั้งนี้มันไม่ใช่ ใครกันที่ทำให้ชุนเศร้าได้ขนาดนี้ ยิ่งคิดผมก็ยิ่งอยากรู้ และผมต้องรู้ให้ได้

"ยังไม่ใช่ตอนนี้"

"เพราะรูปที่อยู่ในกระเป๋าเงินใช่ไหม"

"คุณแอบดูเหรอ! " ชุนพูดใส่ผมเสียงดังด้วยน้ำเสียงแข็งกร้าว

"เปล่า กูก็แค่เห็นตอนมึงวางไว้บนโต๊ะ กระเป๋ามันเปิดอ้าไว้" ผมบอกตามตรง

"อย่าแตะต้องของๆ ผม" ชุนบอกแล้วกำคอของผมแน่น

“แค่กๆ” ผมไอออกมา เพราะแรงบีบไม่ใช่เล่นๆ เลย

“ผมขอโทษ”

"ทำไมล่ะ ทำไมถึงเป็นแบบนี้" มือของชุนคลายออกหลังจากที่เขามองหน้าผม ดวงตายังคงดุร้ายเหมือนเดิม แต่ท่าทีก็อ่อนลงมากแล้ว

"เพราะวินไม่เคยสูญเสียคนสำคัญไปยังไงล่ะ คนที่เป็นดั่งชีวิต จิตวิญญาณ เป็นทุกสิ่งอย่าง เป็นเหมือนกับอวัยวะส่วนที่ 33 ของร่างกาย เป็น...โธ่โว้ย" ชุนพูดออกมาแล้วทึ้งศีรษะตัวเอง ผมเห็นน้ำตาของเขาไหลออกมา แค่นี้ผมก็พอจะเข้าใจได้แล้ว ว่าชุนรักคนๆ นั้นมากแค่ไหน

เราทั้งสองต่างคนต่างเงียบ และตอนนี้นี่เองที่ผมได้รู้ว่า ความจริงแล้วผมชอบชุนมากแค่ไหน ยิ่งได้ยินก็ยิ่งเจ็บปวด ยิ่งเห็นเขาเสียใจเพราะใครคนอื่นก็ยิ่งรู้สึกแย่ไปด้วย ผมไม่เคยรักใคร ผมเลยไม่รู้ว่มันเป็นยังไง แต่เพราะความเจ็บปวดในหัวใจนี้ มันแปลได้อย่างเดียวเลย

“คบกับกูไหม” ผมตัดสินใจพูดออกไป มันนานมากแล้วนะที่เรารู้จักกัน มันไม่ใช่ว่าแค่ผมกับเขา ตลอดเวลาที่ผ่านมา เพื่อนของเราต่างก็รับรู้เรื่องนี้ เพื่อนๆ ของผมต่างก็พากันชอบมันไม่ต่างกับเพื่อนของมันที่ดีกับผมเช่นกัน ทุกคนต่างมองว่าเราทั้งสองเป็นแฟนกัน ชุนดีกับผมมาก แม้ตอนอยู่ต่อหน้าคนอื่นๆ

“อย่าดีกว่าครับ เป็นแบบนี้ก็ดีแล้ว”

"รักเขามากเลยสินะ" ผมถาม ชุนไม่ตอบแต่เขาพยักหน้ารับ ผมทำเพียงกอดปลอบเพราะไม่รู้เรื่องราวทั้งหมด การที่ชุนเสียใจ ตัวผมเองก็เสียใจ ถ้าจะอยู่กันไปแบบนี้ ผมก็ไม่ได้อะไรหรอกนะ แต่ผมก็อยากรู้เรื่องของเขา อยากให้ชุนเปิดใจให้ผมมากกว่า อีกสักนิดก็ยังดี

"ถ้ารักเขามาก ทำไมไม่ง้อเขาล่ะ" ผมพูดออกไปถึงแม้จะเจ็บปวดใจมากก็ตาม

"ผมทำแล้ว"

"ไม่สำเร็จเหรอ"

"ไม่เคยสำเร็จเลย เขาไม่ยอมให้ผมไปหา ใบหน้ายิ้มแย้มที่แสดงถึงความใจดีของเขา พูดแต่คำพูดโหดร้ายกับผม จะไปแล้วบ้างล่ะ ห้ามไม่ให้ตามไปบ้างล่ะ ผมทำเท่าที่ทำได้แล้ว" ทำพูดของชุนเหมือนมีดปลายแหลมที่กรีดลงบนหัวใจของผมช้าๆ ไม่ถึงกับตาย แต่ก็เจ็บมากไม่แพ้กัน

"ให้ช่วยไหม"

"วินช่วยผมไม่ได้หรอก"

"กูยังไม่ลองเลย" ถึงผมจะพูดไปแบบนั้น แต่ในใจของผมโคตรจะเจ็บเลย

"...หึ ขอบคุณ"

"เรื่อง"

"ที่บอกจะช่วย"

"แสดงว่าจะให้ช่วยใช่ไหม"

"เปล่า เพราะไม่มีใครสามารถช่วยได้"

"เขามีคนอื่นแล้วเหรอ"

"ไม่ใช่"

"ถ้าอย่างนั้น เลิกกันยังไง" ผมถาม เพราะถ้าเลิกกัน มันต้องมีปัญหาอะไรแน่ๆ

"เปล่า"

"ไม่ได้เลิก? "

"อืม ไม่ได้เลิก ไม่เคยคิดจะเลิกด้วย” คำพูดของชุนครั้งนี้ เหมือนกับเข็มอาบยาพิษ ยิ่งได้ยินก็ยิ่งรู้สึกเจ็บไปทั่วทั้งหน้าอก ใบหน้าของผมชาจนไม่รู้สึกอะไรเลย

“แล้วทำไม”

“เขาจากไป ด้วยโรคที่ไม่สามารถรักษาได้" ชุนบอก นั่นไม่ใช่เรื่องที่ดีเลย ทั้งกับเขา และกับผม

ผมไม่อยากโทษคนรักของชุนที่จากไปแล้ว แต่ก็นั่นแหละ คนคนนั้นเห็นแก่ตัวมาก เขาได้รับความรักทั้งหมดของคนที่ผมรัก แต่คนคนนั้นกลับไม่สามารถดูแลคนรักของผมได้ ผมไม่รู้ด้วยซ้ำว่าพวกเขาเคยรักกันมากแค่ไหน แต่การตายจากไปแล้วของคนคนนั้น ได้เอาหัวใจของคนที่ผมรักไปด้วย

ดูสิ ผมกลายเป็นคนขี้อิจฉาไปแล้ว ความรักนี่มันก็ตลกดีนะ

ตลก...แต่กลับขำไม่ออก

เสียใจ...แต่กลับไม่สามารถร้องไห้ได้

สิ่งที่แย่กว่าการที่อีกคนยังลืมรักเก่าไม่ได้คือ การที่เขาไม่เคยคิดที่จะลืม แค่นี้ผมก็รู้แล้วว่าตัวผมเองไม่สามารถทำอะไรได้ ผมไม่สามารถพูดให้เขาลืมคนคนนั้นได้ด้วยซ้ำ ผมไม่สามารถชนะคนเก่าในใจเขาได้เลย หากเลิกกันไปไม่ว่าเพราะอะไร มันก็ไม่ยากที่จะทำให้ชุนลืม แต่การตายจากไปมันเป็นโจทย์ที่ยากสำหรับผมมากไปหรือเปล่า เหมือนกับได้รับสมการที่ไม่สามารถแก้ได้มาเลย

"อยากเล่าให้ฟังไหม"

"..."

"ถ้าไม่พร้อมก็ไม่เป็นไร"

"ครั้งหนึ่ง ผมเคยเป็นเด็กถูกทิ้ง..." ทั้งๆ ที่คิดว่าคงไม่ แต่สุดท้ายชุนก็พูดออกมา เขานิ่งเงียบอยู่นาน ผมเองก็ไม่คิดจะคาดคั้นอะไร ผมไม่รู้ด้วยซ้ำ ว่าตัวเองคิดถูกหรือเปล่ากับการที่ถามเขาในวันนี้ ทั้งๆ ที่สองปีมานี่ การอยู่ด้วยกันแบบนี้ก็ดีอยู่แล้ว นี่คงเป็นผลลัพธ์ที่ผมเริ่มเห็นแก่ตัวมากขึ้นล่ะมั้ง

วินาทีที่ชุนเริ่มเล่า ผมได้เห็นรอยยิ้มน้อยๆ ผมจึงได้แต่บอกตัวเองว่า ‘แย่หน่อยนะ’ เพราะท่าทีของเขา มันดูเหมือนกับความทรงจำนั้น มันดีมากๆ ชุนเริ่มเล่าเรื่องของเขากับผู้ชายคนนั้น คนที่เขารักมาก และคนๆ นั้นก็รักเขามากเช่นกัน


:mew2: :mew2: ตอนต่อไปจะเป็นเรื่องของชุนตอนก่อนหน้านี้นะคะ แล้วมารู้จักกับฟินิกซ์กันค่ะ :mew2: :mew2:

ออฟไลน์ kawisara

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1586
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +119/-7
วิน นี่เรื่องก่อนๆขื่อคินหรือเปล่า


แก๊งส์ของลาวาโซ่สวยธัน


มีเพื่อนชื่อคินนะที่ขื่นชอบเต่ารถถัง


ของน้องโซ่อ่ะ แล้ว วินคือใคร หืมมมมม


ชุนถึงเวลาเปิดใจแล้วน๊าาาาาาา

ออฟไลน์ YiiM

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 60
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +13/-0
ตอนที่ 3.1 เรื่องเล่าของชุน


3 ปีก่อนหน้านี้

"ฟินิกซ์"

"อืมมม"

"ตื่นเถอะ ปกติคุณไม่ขี้เซาขนาดนี้นิ" ผมปลุกคนรักที่อยู่ในอ้อมแขนให้ลุกขึ้น ช่วงหลังมานี่เขามักจะนอนเร็วและมักจะตื่นสายจากเวลาปกติเสมอๆ นอกจากจะมีภารกิจสำคัญจริงๆ นั่นแหละ เขาถึงจะรีบตื่นขึ้นมาอาบน้ำแต่งตัวแล้วออกไปรอ

"นายตื่นนานแล้วเหรอ"

"ครับ ผมมีภารกิจช่วงบ่าย ป๊าให้ไปรับคุณเบลซที่สนามบิน"

"โอเค งั้นเดี๋ยววันนี้จะทำอาหารไว้รอช่วงค่ำละกัน"

"แน่ใจนะครับ เดี๋ยวป๊าก็ให้งานมาอีก ผมว่าผมคงกลับมาไม่เจอคุณอีกแน่ๆ "

"หึ นายนี่ชอบคิดไปก่อนเสมอเลยนะ"

"ก็มันเป็นแบบนั้นตลอดไม่ใช่เหรอครับ" ผมบอกพร้อมกับทำหน้าเอือมๆ ไม่ใช่ว่าไม่อยากทำงานให้ป๊า แต่บ่อยครั้งป๊าก็ใช้งานฟินิกซ์มากไป ผมรู้ว่าเขาเก่ง เขาเป็นถึงมือขวาของป๊า แต่ผมก็ยังอยากให้ฟินิกซ์มีเวลาพักมากกว่านี้

"พูดมากไปแล้ว นายก็มีงานต้องทำไม่ใช่หรือไง" ฟินิกซ์ขึ้นเสียง เขาไม่ชอบที่ผมทำเหมือนหงุดหงิดเวลาที่เขาต้องไปทำงานให้ป๊า

"โอเค ไม่ต้องพูดเรื่องงานกันแล้ว แต่ผมขอกอดคุณอีกหน่อยละกันนะ" ผมร้องขอ

"กอดเฉยๆ ไหมล่ะ นายรู้ตัวไหมว่าตัวเองแรงเยอะขนาดไหน"

"ผมทำคุณเจ็บเหรอ" ถาม…พร้อมกับใช้มือลูบไปตรงด้านหลังของอีกฝ่าย

"ไม่ แต่ถ้านายทำอีก มันจะเจ็บ" เขาบอกพร้อมกับกัดริมฝีปากบางของตัวเอง ทั้งๆ ที่กำลังปฏิเสธ แต่เขาจะรู้ตัวไหม ว่ากำลังทำหน้ายั่วยวนผมอยู่

"ไม่ได้จริงๆ เหรอครับ" ผมถาม แต่ก็แค่ถาม ไม่ได้หวังคำตอบจากอีกฝ่ายอยู่แล้ว ผมดื้อ ผมเห็นแก่ตัว อะไรที่เป็นเรื่องเกี่ยวกับเขา ตัวของเขา ผมจะเอาแต่ใจตัวเองหมดนั่นแหละ ก็เขาเป็นของผมนิ

"อืมมมม" เสียงคำรามในลำคอของคนตรงหน้าดังออกมา ฟินิกซ์ไม่ได้ห้าม แถมเขายังให้ความร่วมมืออย่างดีอีกด้วย มันดี…ทั้งสำหรับเขาและผม น้อยครั้งนักที่เขาจะขืนและไม่ยอมให้ผมทำเพราะนั่นแปลว่าเขากำลังเหนื่อยอยู่จริงๆ

"อ่า เอาเข้ามาเลย ไม่ต้องเตรียมแล้ว" ฟินิกซ์บอกแล้วจับมือของผมออก ปกติผมจะใช้นิ้วนำร่องให้เขาก่อน แต่เพราะเมื่อคืนเราก็พึ่งทำไป มันทำให้ช่องทางหลังของเขาตอนนี้ ไม่ได้แน่นเหมือนปกติ
สวบ!

ในเมื่อไม่ต้องรออะไร ผมก็จับแท่นร้อนของตัวเองไปจ่อที่ช่องทางสีสวย ก่อนจะค่อยๆ ดันเข้าไปจนสุด แรงตอดรัดและความร้อนของอีกฝ่าย ทำให้ผมเสียวสุดๆ ไปเลย

"ยะ…อย่าพึ่งขยับ...อื่อออ~" เขาร้องบอก ใบหน้าสวยที่ปกติจะมีเส้นผมมาบดบัง ตอนนี้ได้เชิดขึ้น เส้นผมที่ไว้ยาวมาถึงบ่า ค่อยๆ สยายไปด้านหลัง แรงกระเพื่อมจากการหายใจทำให้ผมเห็นกล้ามหน้าท้องที่เป็นลอนสวย จุกนมสองด้านที่เด่นหราอยู่ตรงหน้า กำลังดึงดูดสายตาของผมอยู่จนต้องก้มลงไปดูด ไล่เลียจุกเล็กทั้งสองด้านผลัดกันไปมา

ผมรอจนอีกฝ่ายพร้อมถึงจะขยับ บทรักแต่ละครั้งของเรา ผมมักจะทำจนกว่าตัวเองจะพอใจ หลายครั้งที่ฟินิกซ์บอกให้หยุดและพอก่อน แต่ผมก็ไม่ค่อยจะอยากหยุดสักเท่าไหร่ เลยมักจะเลยเถิดและไม่เคยจบที่รอบหรือสองรอบเลย แต่ละครั้งผมมักจะใช้เวลาที่ยาวนาน หลายครั้งเลยที่อีกฝ่ายเผลอหลับไปก่อน

ไม่ใช่ว่าผมมักมากหรือเซ็กส์จัดอะไร แต่เพราะว่า แต่ละครั้งกว่าเราจะเจอกัน มันนานถึงนานมาก เร็วสุดคือ 1 สัปดาห์ แต่อย่างช้าเลยก็จะประมาณครึ่งปี เพราะภารกิจที่ฟินิกซ์ได้รับแต่ละครั้ง จะอยู่ในระดับที่ยากและน้อยคนนักที่จะได้รับมัน

ปึ่ก! ปึ่ก! ปึ่ก! ปึ่ก! ปึ่ก!

เสียงเนื้อกระทบกันดังจนผมสามารถได้ยินอย่างชัดเจน บางจังหวะช้า บางจังหวะเร็ว แล้วแต่ความเสียวที่ผมพอใจจะมอบให้ ผมอยากทำให้เขารู้สึกดี ผมชอบที่อีกฝ่ายครางเสียวและเรียกชื่อของผม

"อืมม~...ชุน...เร็วอีก...อ่าาา~...ซีดดด~" ถ้าไม่ใช่เวลาแบบนี้ ก็ต้องฉะเพราะเวลาที่ผมอ้อนหรือร้องขอเท่านั้น ที่เขาจะเรียกชื่อของผมออกมา ไม่ใช่แค่คำว่า ‘นาย’

กับฟินิกซ์ ผมก็ไม่เคยเรียกเขาว่าพี่เลยสักครั้ง เราอายุห่างกันเป็น 10 ปี แต่ผมก็ไม่สน คำว่า 'คุณ ' ผมเรียกเพราะให้เกียรติ เขาเป็นคนที่ดูแลผมมาตั้งแต่เด็ก เราไม่ใช่แค่สนิทกัน แต่เขาเป็นทุกอย่างสำหรับผม เป็นเพื่อนที่ค่อยให้คำปรึกษา เป็นพี่ที่คอยชี้แนะ เป็นอาจารย์ที่คอยสอนในเรื่องต่างๆ เป็นครอบครัวที่อบอุ่นและคอยดูแลผม อีกทั้งยังเป็นคนรักที่ทำให้ชีวิตนี้ของผม แลดูมีคุณค่ามากกว่าแต่ก่อน จนผมรู้ได้เลยว่าผมไม่สามารถขาดเขาไปได้

สวบ! สวบ! สวบ! สวบ! สวบ!

"แฮ่กๆ ...ไม่ไหว...อ๊า~...จะออก...อืมมมมม~" ฟินิกซ์บอก ผมก็เร่งตัวเองไปด้วย ผมชอบที่ได้เคลื่อนไหวภายในตัวของอีกฝ่ายเร็วๆ ความร้อน การเสียดสี มันตอกย้ำว่าเขาเป็นของผม เป็นคนรักของผมเพียงคนเดียว

"ซู๊ดดด~...จะแล้วครับ...อืมมมม~...ซีดดด~...อ่าาา~" ผมบอกพร้อมกับสปีดที่ไม่ตกลงเลย เสียงร้องของอีกฝ่ายและลมหายใจเข้าออก ผมรู้ว่าเขาเสียว เพราะผมเองก็ด้วย

เรารู้สึกดีทุกครั้งที่เสร็จพร้อมกัน ผมเห็นอีกฝ่ายตัวกระตุกพร้อมกับน้ำรักที่พุ่งเลอะหน้าท้องของตัวเอง เขาใช้มือข้างหนึ่งชักรูดแกนกายของตัวเองเพื่อรีดน้ำออก มืออีกข้างก็กำผ้าปูเตียงแน่น เป็นภาพที่ทำเอาความเสียวจากปลายแท่นร้อนของผมแล่นสู่ท้องน้อยจนรู้สึกโหวงเหวงไปเลย น้ำรักของผมค่อยๆ ฉีดเข้าสู่ร่างของอีกฝ่ายช้าๆ

จากที่นอนหอบอยู่ เขาก็ใช้มือข้างหนึ่งลูบไปที่ท้องน้อยของตัวเองและใช้มืออีกข้างหนึ่งดันมาที่หน้าท้องของผม จากที่ขยับช้าลง ตอนนี้ผมได้หยุดขยับแล้ว ผมค่อยๆ หมอบตัวลงไปนอนทับบนตัวของเขา

"อืมมม~ อย่าพึ่งเอาออกนะ" ฟินิกซ์บอก

"ครับ" ผมตอบรับแล้วนอนกอดอีกฝ่ายพักใหญ่ๆ

เมื่อหายเหนื่อย เราต่างฝ่ายต่างลุกขึ้นไปอาบน้ำชำระร่างกายของตัวเอง ถ้าไม่ใช่ทำเขาจนหลับ ฟินิกซ์ก็มักจะทำอะไรด้วยตัวเอง เหมือนครั้งนี้ที่เขาจะทำความสะอาดร่างกายของตัวเองด้วยตัวของเขาเอง

กว่าจะอาบน้ำแต่งตัวเสร็จก็เป็นเวลาเที่ยงกว่าแล้ว อีกไม่กี่นาที ผมจะต้องขับรถออกไปที่สนามบินไม่งั้นผมคงจะสายแน่

"เครื่องลงกี่โมง" ฟินิกซ์ถามทันทีที่เดินออกมาจากห้องของตัวเอง

"บ่ายครึ่ง" ผมบอก มันทันแน่ ถ้ารถไม่ติดจนเกินไป

"รีบออกไป อย่าให้คุณเบลซต้องรอนาน"

"ผมรู้หรอกน่า ก็กำลังแต่งตัวอยู่นี่ไง" ผมบอก เพราะกำลังใส่ถุงเท้า เหลือแค่ใส่รองเท้าก็เป็นอันเสร็จ

"แล้วใครไปด้วย เอวา พันไมล์หรือหมื่นลี้"

"ผมไปคนเดียว เพราะเดม่อนจะมากับคุณเบลซ" ผมบอก

ทุกคนที่เอ่ยชื่อมาก็เป็นเหมือนกันกับผม เป็นคนที่ป๊าเจอแล้วพามาเลี้ยง เรามีกันหลายสิบคน ซึ่งจะแบ่งออกเป็นกลุ่มย่อยๆ กลุ่มที่ผมอยู่จะมีด้วยกัน 5 คน แต่ละคนก็จะมีความถนัดแตกต่างกันไป เราถูกเลี้ยงมาเหมือนนักฆ่าหรือจะเรียกให้สวยหรูก็คงเป็นบอดี้การ์ด ต้องฝึกฝน ต้องต่อสู้ มีทั้งเลื่อนขั้นและแย่งชิง มันเหมือนเป็นสิ่งไม่ดีและน่ากลัว เพราะสถานการณ์จริง ถ้าต้องฆ่า ก็คือฆ่า ทุกคนจะถูกฝึกจิตใจให้เข้มแข็ง นอกจากการต่อสู้แล้ว ด้านการเรียนของพวกเรา ก็ต้องเป็นเลิศด้วย ซึ่งนั่นก็เป็นการดีสำหรับพวกเราในอนาคตภายภาคหน้าอยู่แล้ว

"งั้นก็ดี รีบไปรีบกลับล่ะ" ฟินิกซ์บอกแล้วเดินมาส่งผมที่หน้าประตู

ที่ๆ ผมอาศัยอยู่ คือบ้านพักที่ป๊าสร้างขึ้นมา แต่ละหลังจะมี 10-15 ห้อง ซึ่งจะถือว่าอยู่ห้องใครห้องมันได้สบายๆ โดยที่ไม่ต้องแชร์ห้องกับใคร ห้องของผมก็จะติดกับห้องของฟินิกซ์นั่นแหละ เพราะกลุ่มของฟินิกซ์ถือเป็นพี่เลี้ยงดูแลกลุ่มของผมอยู่ พวกเราเลยได้อยู่บ้านหลังเดียวกัน เวลาจะคุย จะปรึกษา จะได้ง่ายต่อการติดต่อด้วย

"ผมไปแล้วนะ หวังว่ากลับมาจะเจอคุณรออยู่ล่ะ" ผมบอกแล้วเดินออกมาที่รถ ฟินิกซ์ทำเพียงส่งยิ้มบางๆ มาให้ ผมรู้ว่าเขาไม่กล้ารับปาก เพราะการที่ป๊าจะเรียกใช้ มันเป็นสิ่งที่เขาไม่ต้องการจะปฏิเสธ จริงๆ มันก็พวกเราทุกคนนั่นแหละ ไม่มีใครอยากจะปฏิเสธหรอก
ผมขับรถคันหรูของฟินิกซ์ออกมา มันเป็นของขวัญตอนผมอายุ 15 ปี มันเป็นของขวัญชิ้นใหญ่ที่สุดเท่าที่ผมเคยได้รับมาในชีวิต นอกจากให้ เขายังสอนผมขับมันอีกด้วย

Thu…Thu…Thu…

ระหว่างที่ขับรถอยู่ สายเรียกเข้าของผมก็ดังขึ้น

"มีอะไร" ผมถาม เพราะคนที่โทรมาคือเอวา เธอเป็นผู้หญิงคนเดียวในกลุ่มของผม ชีวิตของเธอไม่ได้น่าอภิรมย์พอๆ กับผมหรืออาจจะมากกว่า เธอเป็นผู้หญิงคนเดียวที่อายุรุ่นราวคราวเดียวกันกับผม แต่เธอเข้ามาทีหลังจากผมหลายเดือน ในกลุ่มของพวกเรานั้น เราจะรู้ประวัติของกันและกันดี เอวาเธอน่าส่งสารเพราะถ้าไม่ได้ป๊าช่วยเอาไว้ เธอคงจะถูกขายตามซ่องและกลายเป็นเด็กที่ถูกขายบริการให้เสี่ยแก่ๆ มากมาย

ก่อนหน้านั้น เธอก็ถูกพ่อทุบตีเป็นประจำ พ่อ...ที่เป็นชาวต่างชาติ เอวาจึงเป็นลูกครึ่ง แม่ของเธอไม่สามารถช่วยอะไรเธอได้เลย เพราะถ้าเข้ามาช่วย ก็จะถูกซ้อมไปด้วยเหมือนกัน แถมเอวายังโดนล่ามโซ่ขังเอาไว้แต่ในบ้าน ไม่เคยได้เห็นเดือนเห็นตะวันตั้งแต่เด็กเป็นเวลายาวนานนับปีอีกด้วย

เธอน่าสงสาร เพราะเธอเป็นผู้หญิง แต่เอวากลับไม่ชอบให้ใครทำสายตาหรือท่าทางแบบนั้น แบบที่สงสารเธอ เธอมักจะทำตัวเข้มแข็ง เป็นผู้นำ เป็นที่ปรึกษา ด้วยความที่ไม่ชอบอดีตของตนเอง เอวาจึงคิดเสมอว่าต้องทำปัจจุบันให้ดีที่สุด เธอจึงเป็นคนเก่ง เธอตั้งใจเรียน ในชั้นเรียนไม่ว่าจะวิชาต่างๆ หรือการต่อสู้ ไม่มีผู้หญิงคนไหนเก่งกาจเทียบเท่าเธออีกแล้ว เธอมักจะเป็นที่หนึ่งทุกๆ ด้าน และนั่นคือสิ่งที่เธอภูมิใจ

RRRRRR

สายเรียกเข้า จากเบอร์นอกประเทศ ไม่ต้องบอกก็รู้ ว่าใครโทรมา

(ตอนนี้ฉันอยู่ปารีส นายอยากได้อะไรหรือเปล่า)

“นั่นเธอไปทำงานไม่ใช่หรือไง”

(ก็ใช่ ป๊าให้ฉันสะกดรอยตามลูกชายเสี่ยกวิน แต่มันก็ง่ายเกินไป เวลาว่างมันเยอะนิ)

“แต่เธอก็ควรตั้งใจและไม่ประมาทนะเอวา” ผมบอกด้วยความเป็นห่วง

(ก็งานนี้ได้เงินเยอะนิ ถ้าไม่อยากได้อะไร ฉันวางแล้วนะ เดี๋ยวจะโทรไปหาหมื่นลี้กับพันไมล์แทน)

“ดูแลตัวเองด้วยแล้วกัน” ผมบอกก่อนที่เอวาจะวางสายไป จริงๆ เธอไม่ต้องโทรมาถามก็ได้ ยังไงก็มักจะมีของฝากมาตลอดอยู่แล้ว
และดูเหมือนงานนี้ที่เอวาทำมันคงจะง่ายจริงๆ นั่นแหละ บางงานที่เราทำก็ไม่จำเป็นจะต้องฆ่าใครเสมอไป บางงานยาก ได้เงินน้อยก็มี แต่ก็คุ้มกับที่ทำไปเสมอนั่นแหละ เพียงแต่มีบางงานที่ทำง่ายๆ และได้เงินเยอะกว่าก็เท่านั้นเอง

ซึ่งมันก็แล้วแต่ป๊าจะมอบให้ด้วย บางงานก็ต้องไปกันทั้งกลุ่ม บางงานก็แยกย้ายกันไป แล้วแต่ใครจะรับ ส่วนเงินก็จะได้พิเศษแตกต่างกันไปแล้วแต่ผู้ว่าจ้าง ซึ่งจะไม่รวมกับเงินเดือนที่พวกผมได้เป็นประจำทุกเดือนอยู่แล้วนะ

ผมขับรถเข้ามาที่สนามบิน รถไม่ติดและถนนว่างกว่าที่ผมคิด เลยทำให้มีเวลาเหลืออีกเยอะ จอดรถเสร็จก็เดินลงไปหาที่นั่งรอ ดีที่ในนี้มีร้านกาแฟและอาหารเยอะ เมื่อเช้าก็ไม่ได้กินอะไรมา จึงเป็นเรื่องดีที่ผมมีเวลาหาอะไรใส่ท้อง

เดินเลือกนิดหน่อยแล้วยกมานั่งกินรอเวลา คุณเบลซคือลูกชายคนเล็กของป๊า เป็นเด็กตัวเล็กหน้าตาน่ารัก ผมเคยเจอครั้งหนึ่งเมื่อ 4 ปีก่อน เพราะป๊าต้องบินด่วน เนื่องจากคุณเบลซต้องเข้าผ่าตัดฉุกเฉินเกี่ยวกับการเปลี่ยนหัวใจ ตอนนั้นผมยังเด็กก็ยังไม่ค่อยเข้าใจสักเท่าไหร่ รู้เพียงแต่คุณเบลซร่างกายไม่ค่อยแข็งแรงก็เท่านั้น

“นาย ใช่ชื่อชุนหรือเปล่า” หลังจากนั่งอยู่นานพอสมควรก็ยังไม่เห็นมีใครมาสักคน อยู่ๆ ก็มีเด็กฝรั่งเดินเข้ามาทักผมซะงั้น

“ใช่” ผมตอบออกไป

“สวัสดี ผมชื่อเดม่อน ตอนนี้คุณหนูเข้าห้องน้ำอยู่” ทั้งๆ ที่เป็นเด็กฝรั่งแถมยังเป็นผู้ชาย แต่มีหน้าตาที่สวยจนผมอึ้งไปเหมือนกัน บ่อยครั้งที่ผมได้ยินชื่อนี้จากฟินิกซ์ แต่นี่เป็นครั้งแรกเลยที่ผมเจอตัวเป็นๆ

เดม่อนเป็นลูกชายของคุณกมลซึ่งเคยเป็นมือขวาของป๊าเมื่อนานมาแล้ว แต่ตอนนี้เขาปลดเกษียณไปแล้ว เพราะแต่งงานกับภรรยาคนต่างชาติเลยย้ายไปอยู่ที่อื่น แต่พอมีลูกเห็นว่าส่งมาฝึกที่นี้และให้เป็นเพื่อนกับลูกชายป๊าจะได้คอยดูแลกันและกันด้วย ประวัติของเดม่อนจึงไม่เหมือนกับพวกผม

“ดูเหมือนคุณหนูจะไม่สบาย ยังไงรบกวนเอารถมารอที่ด้านหน้าเลยได้ไหม”

“ครับ เดี๋ยวผมไปเตรียมรถมาให้” ผมบอกแล้วรีบเดินกลับไปที่รถ ก่อนจะมารอตรงประตูทางออก ไม่นานทั้งคู่ก็เดินออกมา โดยมีเดม่อนเดินนำมาก่อน คุณเบลซที่ผมไม่ได้เห็นนานหลังจาก 4 ปีก่อน ตอนนี้ก็โตขึ้นมานิดหน่อย แต่โครงหน้ายังเหมือนเดิม และเป็นผู้ชายตัวเล็กเหมือนเดิม

ผมเดินไปโค้งคำนับให้ทีหนึ่ง คุณเบลซก็พยักหน้ารับแล้วเปิดประตูเข้าไปนั่งหลังรถ ถ้าจำไม่ผิดดูเหมือนเขาจะอ่อนกว่าผม 3 ปีและดูเหมือนเดม่อนก็ด้วย

ผมเดินไปช่วยเดม่อนยกกระเป๋าแล้วไปนั่งประจำที่คนขับ เดม่อนก็เดินมานั่งข้างๆ ผม คุณเบลซที่เข้านั่งก่อน แต่อยู่ด้านหลังตอนนี้ได้หลับไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

“คงจะเหนื่อยเพราะเดินทาง”

“ครับ”

“พูดธรรมดากับผมก็ได้ ผมอ่อนกว่าพี่อีก”

“อืม แล้วจะให้ไปส่งที่ไหน” ในเมื่อบอกให้ผมพูดธรรมดา ผมก็พูด ผมเป็นคนง่ายๆ อะไรก็ได้อยู่แล้ว

“ไปที่คุณท่านอยู่นั่นแหละครับ ผมคงนอนกับคุณหนู” พอเดม่อนบอก ผมเลยขับรถตรงไปที่บ้านของป๊าเลย

จากสนามบินไปทางบ้านใช้เวลาเท่ากับที่ผมมานั่นแหละเพราะที่พักของผม อยู่เยื้องจากบ้านป๊านิดหน่อย ทางเข้าบ้านจะเป็นประตูเหล็ก ยามจะคอยมองจากกล้องวงจรปิด ซึ่งรถของผมสามารถผ่านไปได้ตั้งแต่อยู่ต้นซอยแล้ว เพราะเรามีกล้องตั้งแต่ตรงนั้นมาเลย ด้านในกว่าจะถึงตัวบ้านก็เต็มไปด้วยสนามหญ้า ผมขับไปตรงหน้าบ้านจะได้เอาของไปลงก่อน

“พาคุณเบลซไปพักก่อนเถอะ เดี๋ยวผมยกของลงเอง”

“ขอบคุณนะครับ” เดม่อนบอกแล้วอ้อมไปที่ด้านหลัง เพื่อพาคุณเบลซเข้าไปพัก ป๊าคงจะรออยู่สวนด้านหลัง

“อ้าว! มาแล้วหรอ ผมช่วย” เสียงของพันไมล์ดังมาจากด้านหลัง

“มาทำอะไรกัน” ผมถาม

“คุยงาน เดี๋ยวกูจะบินไปอินเดียกับพันไมล์สักอาทิตย์นะ” ไอ้หมื่นลี้เป็นคนตอบ ถึงมันจะอายุ 16 ปี ส่วนผม 17 ปี แต่ถ้านับเดือนแล้ว ผมแก่กว่ามันแค่ 3 เดือนเท่านั้นเอง เวลาอยู่ด้วยกันเลยมักคุยสบายๆ ได้

“งานอะไรวะ”

“ทวงของ ยังไม่แน่ใจว่าอะไร เดี๋ยวผู้ว่าจ้างจะมาคุยงานอีกที”

“เออก็ดี พวกมึงว่างกันเป็นเดือนแล้วนิ”

“ใช่ ไอ้ไมล์มันให้กูมาคุยกับป๊าเพื่อหางานเนี่ย มันอยากจะซื้อของที่อยากได้เลยอยากได้เงิน”

“เออ ยังไงก็ระวังตัวกันด้วยแล้วกัน” ผมบอก เพราะคงไม่ใช่งานง่ายๆ ถึงพวกเราจะฝึกกันมาดี แต่มันก็เสี่ยงและอันตรายอยู่ดี พันไมล์เองก็พึ่งได้ออกงานจริงโดยไม่มีพี่เลี้ยงก็ปีนี้เอง เพราะพวกผมจะได้รับงานกันตั้งแต่อายุ 15 ปี แต่จะมีพี่เลี้ยงคอยดูแลงานด้วย เขาจะคอยบอกและสอน แรกๆ ก็จะได้งานที่ง่ายๆ ก่อน ถ้าพี่เลี้ยงประเมินแล้วถือว่าผ่าน ระดับความยากที่มากขึ้นก็จะตามมา

สำหรับหมื่นลี้และพันไมล์ พื้นเพความหลังก็ไม่ค่อยต่างกับผมสักเท่าไหร่ พวกเขาเป็นพี่น้องพ่อแม่เดียวกัน ซึ่งมีอายุห่างกันเพียงปีเดียว แต่ด้วยความยากจนและพ่อแม่ที่มีลูกเยอะทำให้ทั้งสองต้องลักเล็กขโมยน้อย ด้วยความที่ทั้งคู่ยังเป็นเพียงเด็กเล็ก เวลาโดนจับได้ผู้ใหญ่จึงไม่ติดใจเอาความ พ่อแม่ของทั้งคู่ก็ออกหาเงินโดยการนั่งขอทานตามที่ต่างๆ จริงๆ ทั้งคู่ยังมีน้องเล็กอีกสองคนที่อายุห่างออกไปอีก 2 และ 3 ปี การที่มีสมาชิกเยอะทำให้อาหารการกินเป็นเรื่องที่ลำบาก พ่อและแม่ของทั้งคู่เลยคิดแผนให้เด็กๆ เดินเข้าไปขวางหน้ารถเพื่อจะได้เรียกค่าไถ่ได้มากๆ โดยครั้งสุดท้ายที่ทำ ไม่รู้ว่าผมควรจะเรียกว่าโชคดีหรือโชคร้ายของทั้งคู่กันแน่ เพราะการวิ่งเข้าไปขวางหน้ารถนั้น ทำให้พันไมล์ต้องประสบอุบัติเหตุจนขาหัก พ่อแม่ของทั้งคู่จึงได้เรียกค่าเสียหาย ซึ่งตอนนั้นก็ได้มาหลายแสน และเป็นครั้งแรกที่พวกเขาพาพันไมล์ไปส่งโรงพยาบาล

พันไมล์ถูกหามเข้าห้องไอซียู โดยมีพ่อ แม่และหมื่นลี้นั่งรออยู่หน้าห้อง

‘หมื่นลี้ ลูกรอดูพันไมล์อยู่ตรงนี้นะ เดี๋ยวพ่อกับแม่จะกลับไปรับน้องก่อน’

‘เอ่อ…แต่’ เด็กน้อยอยากจะบอกเหลือเกินว่ากลัวจับใจ และอยากจะห้ามไม่ให้ไป

‘นี่จ่ะ เอาเงินนี่เก็บไว้นะ เผื่อหิวตอนที่แม่ไม่อยู่’

‘ฮึก…ระ…รีบกลับมานะฮะ’ เด็กน้อยพูดด้วยน้ำเสียงแผ่วเบาปนสะอื้น

‘จ่ะ แล้วแม่จะรีบกลับมารับนะ…ไปเร็วพ่อ’ และนั่นเป็นครั้งสุดท้ายที่หมื่นลี้ได้เห็นหน้าพ่อและแม่ของเขา

เงินเพียงไม่ถึงร้อยบาทที่แม่ทิ้งไว้ให้เขา ประโยคสุดท้ายที่ฟังจากผู้เป็นแม่ยังคงติดหูอยู่ เขานั่งรอน้องชายอยู่อย่างนั้นจนเด็กน้อยออกมาจากห้องด้านใน ถึงจะทำแผลเสร็จแล้ว แต่ทั้งคู่ก็ไม่มีเงินมากพอที่จะสามารถจ่ายค่ารักษาพยาบาลได้ ที่หน้าประตู ทางเดิน เด็กน้อยทั้งสองได้แต่เฝ้าคอยและนั่งรอ มีเพียงความหวังอันเล็กน้อยและเงินในมืออีกนิดหน่อยเท่านั้น

ยิ่งเวลานาน ทั้งคู่ยิ่งมีความกลัว น้ำตาที่ไหลออกมาถึงจะไม่มีเสียงสะอื้น แววตาที่มองไปยังประตู มีผู้คนมากมายเดินผ่าน แต่ก็ไม่ใช่ผู้ที่เป็นพ่อและแม่ของเด็กทั้งสอง รอแล้วรอเล่า จนสุดท้าย หมื่นลี้ได้ตัดสินใจพาน้องหนีออกมาจากโรงพยาบาลแห่งนั้น เพราะไม่มีเงินจ่าย มันไม่ใช่เรื่องยากที่จะเดาไม่ได้ว่าตนเองและน้องถูกทิ้ง มันไม่ใช่ครั้งแรก ทั้งคู่เคยโดนเอาไปปล่อยไว้ที่อื่นหลายครั้งแล้ว เพียงแต่สามารถกลับมาบ้านตนเองได้ก็เท่านั้นเอง แต่ครั้งนี้มันไม่เหมือนเดิม เพราะที่ที่พาไป เป็นที่ๆ ทั้งคู่ไม่คุ้นเคย หรือจะเรียกได้ว่าไม่เคยเห็นมาก่อนเลยด้วยซ้ำ ดีที่วันนั้นทั้งคู่ได้เจอป๊า และป๊าได้รับมาเลี้ยง

"เสร็จนี่มึงจะไปไหนต่อ"

"เดี๋ยวไปรายงานตัวกับป๊าก่อน แล้วจะกลับไปหาฟินิกซ์"

"อ้าว พี่ฟินิกซ์กลับมาแล้วเหรอครับ" พันไมล์ถาม

"ใช่ ถ้ายังไม่ไปไหนก็คงทำอาหารว่างรออยู่อะนะ"

"จริงดิ งั้นกูกลับไปกินกับข้าวฝีมือพี่ฟินิกซ์ดีกว่า"

"เออ แต่รอกูก่อนนะ เดี๋ยวกูไปรายงานตัวกับป๊าก่อน" ผมบอกแล้วรีบวิ่งไปสวนหลังบ้าน ปล่อยให้สองพี่น้องยกกระเป๋าขึ้นไปเก็บ อยากจะรีบไปหาฟินิกซ์อยู่เหมือนกัน ถึงใจหนึ่งจะกลัวว่าอีกฝ่ายจะหนีไปทำงานที่อื่นก่อนก็เถอะ ผมทำได้เพียงแต่ภาวนา ว่ากลับไปขอให้เจอเขา อย่างน้อยๆ ผมก็อยากจะให้เขาพักและอยู่กับผมต่ออีกสักหน่อยล่ะนะ

:mew2: :mew2: :mew2:

ออฟไลน์ kawisara

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1586
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +119/-7
เป็นครอบครัวที่ใหญ่โต




และอบอุ่นตามอรรถภาพ


ถือว่าป๋าเลี้ยงคนได้



เก่งและแกร่ง



ใช้งานได้คุ้มดี

ออฟไลน์ AkuaPink

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2033
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +59/-1

ออฟไลน์ YiiM

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 60
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +13/-0
ตอนที่ 3.2 ฟินิกซ์...ชายผู้เป็นที่รัก

ความสุขของผมคือการที่มีฟินิกซ์ข้างกาย ถึงแม้คำว่าข้างกายนี้ ไม่ได้หมายความว่าได้อยู่ด้วยกันตลอดก็เถอะ

"ได้ข่าวว่าเอวากลับมาแล้ว"

"ทำไมกลับมาเร็วล่ะครับ วันก่อนยังทำงานอยู่ฝรั่งเศสอยู่เลย เห็นว่าตามสืบเรื่องของใครสักคนอยู่"

"ไม่แน่ใจเหมือนกัน นายไม่ได้คุยกันเลยเหรอ"

"ผมอยู่กับคุณตลอด จะไปคุยตอนไหนล่ะครับ"

"อ่า จริงสินะ" ฟินิกซ์พยักหน้ารับแล้วหันไปจิบกาแฟต่อ

ผมรู้สึกแปลกมากที่ป๊าให้ฟินิกซ์พักนานขนาดนี้ ปกติถึงแม้จะไม่มีงานอะไรก็เห็นเรียกตัวไปตลอด แต่มันก็ดีสำหรับผมกับเขาแล้วล่ะ ถ้าฟินิกซ์อยู่ ผมก็ไม่รับงานหรอก จะได้อยู่ด้วยกันตลอด ตัวฟินิกซ์เองก็จะได้พักด้วย

"ชุน นายคิดเรื่องเรียนต่อเอาไว้บ้างหรือเปล่า"

"ผมยังเรียนไม่จบมัธยมปลายเลยนะ" ผมบอก ถึงจะเป็นโฮมสคูล แต่ผมก็เรียนอย่างตั้งใจนะ

"แต่ก็ต้องคิดไว้บ้าง เดี๋ยวนี้ยิ่งจบสูง ก็ยิ่งได้เปรียบ"

"อ่า แล้วมีอะไรที่เข้ากับผมบ้างนะ" ผมทำท่าคิด จริงๆ ผมว่าตัวเองฉลาดพอดูเลยนะ ผมชอบอ่านหนังสือ และสามารถจำหลายๆ อย่างได้ในเวลาอันรวดเร็ว

"เป็นสถาปนิกไหม นายวาดรูปเก่งนิ"

"ก็ถ้าฟินิกซ์อยากให้เป็น ผมเป็นก็ได้นะ"

"อย่าบ้าน่า เอาที่ตัวเองชอบและถนัดสิ ค่อยๆ คิดไป ฉันไม่อยากให้นายมาทำงานแบบนี้ตลอดหรอกนะ"

"ฟินิกซ์ยังทำได้เลย"

"ฝีมือมันต่างกันน่า"

"อ่อ จะบอกว่าตัวเองเก่งกว่าว่างั้น" ผมพูดบอกออกไป ถึงเขาไม่ชมตัวเอง ผมก็เห็นว่ามีแต่คนชมเขาอยู่แล้ว

ผมหยุดสนใจฟินิกซ์แล้วหันมาขว้างมีดสั้นแทน อีกไม่กี่สัปดาห์จะมีสอบแล้ว อะไรที่ผมไม่ถนัด ผมก็อยากจะฝึกเอาไว้มากๆ ถ้าคะแนนออกมาดี ผมอาจจะได้ทำงานร่วมกับฟินิกซ์ แล้วเราจะได้ไม่ต้องห่างกันนานๆ ถึงจะได้แค่บางงาน แต่มันก็คงดีกว่าไม่เจอกันเลย

นอกจากการต่อสู้วัดระดับแล้ว ก็ไม่เคยเห็นฝีมือฟินิกซ์ที่อื่นเลย จริงๆ ก็ไม่ใช่แค่ฟินิกซ์ คนอื่นๆ ที่ไม่ได้อยู่กลุ่มเดียวกัน ผมก็ไม่รู้เหมือนกัน เพราะเราต่างคนต่างฝึก เพราะฉะนั้น ถ้าถึงเวลาวัดระดับทีไร หลายๆ คนจึงมีความพัฒนาและฝีมือที่คาดไม่ถึงตลอด

"ยกมือขึ้นสูงไป บอกกี่ครั้งแล้วว่าให้เกร็งข้อมือ ไม่งั้นตอนที่ขว้างมีดออกไป ปลายมันจะสะบัด" ฟินิกซ์ที่หันมาเห็นเข้าพอดีบอกออกมา

"ก็มันเกร็งยากนี่ครับ" ผมบอก จริงๆ ฟินิกซ์เก่งเรื่องนี้อยู่มากนะ ไม่ว่าจะมีดสั้น ดาวกระจาย ต่อสู้ระยะใกล้ หรือแม้แต่พวกปืน ผมสามารถพูดได้เลยว่าฟินิกซ์ไม่มีที่ติในเรื่องการต่อสู้

"มานี่มา" ฟินิกซ์เรียกผมให้เดินไปหา

"ใช่สิ ก็พี่เก่งนิ"

"จับแบบนี้ ตรงปลายมีดนะ นายจับกลางเกินไป มันทำให้ทรงตัวยาก ตอนขว้างก็งอข้อมือลงหน่อย ไม่ต้องกางแขนออกกว้างสิ แบบนั้นแหละ" ฟินิกซ์บอก แล้วจัดท่าให้ผม

"ตรงนี้อยู่ไกลกว่า เล็งดีๆ ให้สูงกว่าเป้านิดหน่อยแล้วออกแรงเลย"

ปั่ก

เสียงมีดกระทบกับเป้า ผมเห็นได้เลยว่าปลายมีดพุ่งตรงไปแบบไม่ส่ายเลย มันดีกว่าตอนที่ผมขว้างตอนแรกซะอีก

หลังจากนั้น ผมก็ซ้อมต่ออีกสักหน่อย ผมอยากให้มือตัวเองคงที่กว่านี้ ถึงจะโดนเป้าทุกครั้ง แต่ก็ยังไม่ตรงตามจุดที่ตั้งไว้

"เราออกไปหาอะไรกินข้างนอกบ้านบ้างดีไหม"

"ก็ดีสิครับ" ผมตอบรับกลับไป พวกเราไม่ค่อยมีเวลาว่างกันสักเท่าไหร่ ก่อนหน้าที่ฟินิกซ์จะกลับมา ผมก็พึ่งรับงานมาเอง เป็นงานที่ได้เงินดีด้วย

"งั้นอยากไปกินร้านไหนล่ะ"

"รอบนี้ผมเลี้ยงนะครับ"

"แต่..."

"ไม่มีแต่อะไรทั้งนั้น ห้ามคุณปฏิเสธเด็ดขาด" ผมบอกพร้อมกับยื่นคำขาด

ดีที่ฟินิกซ์ตกลง ผมชอบเวลาที่ได้ดูแลเขา ไม่ใช่ให้เขามาดูแลผมอย่างเดียว กว่าเราจะออกไปก็คงเป็นมื้อเย็นนู่นแหละ ระหว่างนี้ ผมเลยให้เขาฝึกการต่อสู้ระยะไกลให้

เราขับรถออกมากินที่ร้านประจำ บรรยากาศดีจนไม่อยากเปลี่ยนไปร้านอื่นเลย ผมชอบที่มีดนตรีสด ส่วนฟินิกซ์ชอบตรงที่มีเบียร์สด อาหารที่นี่รสชาติดีด้วย

"อยากดื่มไหม"

"ตอนคุณไม่อยู่ ผมก็ดื่มเถอะ"

"เป็นเด็กเป็นเล็ก ห้ามดื่มนะ"

"เมื่อกี้คุณยังชวนผมดื่มอยู่เลย"

"ก็อยู่กับผู้ใหญ่ ดื่มได้ ฉันไม่ห้าม" ฟินิกซ์บอก คำพูดคำจาของเขา ทำเอาผมอยากจะตีเขาแรงๆ ทำไมถึงชอบมองว่าผมเป็นเด็กเรื่อยเลยนะ

"ผมโตแล้วนะ" ผมเถียงพร้อมกับรับแก้วจากมืออีกคนมา

"ไม่ควรดื่มก็คือไม่ควร ถึงเวลา นายจะดื่มเท่าไหร่ก็ได้"

"ครับๆ ผมไม่เถียงคุณหรอก" ตอบรับพร้อมกับดื่มเบียร์หมดแก้ว ทำเอาฟินิกซ์จ้องมองผมดุๆ เลย

"ให้จิบนิดๆ ไม่ใช่ยกดื่มรวดเดียวหมด"

"อย่าดุสิครับ ผมไม่ชอบที่คุณดุผมหรอกนะ ถ้าดุมากๆ คนที่โดนทำโทษ จะเป็นคุณนะ" ผมบอกอย่างได้เปรียบ

"นายนี่นะ" ฟินิกซ์หมดคำจะพูด เขายกแก้วเบียร์ขึ้นดื่มต่อเพื่อดื่มด่ำกับบรรยากาศ ท้องฟ้าตอนกลางคืน หมู่ดาวที่กระจายเต็มทั่วทั้งผืนฟ้า ดวงจันทร์กลมสวย วันนี้ช่างเป็นวันดีที่น่าจำจดอีกวันสินะ

"วันนี้ไม่กลับบ้านนะ"

"แล้วเราจะไปไหนกันล่ะครับ"

"พักรีสอร์ตใกล้ๆ นี่แหละ"

"คุณคิดยังไงเนี่ย ปกติไม่เคยชวนออกไปนอนนอกบ้าน ผมดีใจนะ"

"…เปลี่ยนบรรยากาศไง" ฟินิกซ์นิ่งเงียบไปชั่วครู่ ก่อนจะยกยิ้มนิดๆ แล้วบอกออกมา หัวใจที่เคยอยากให้หยุดเต้นหลายต่อหลายครั้ง ตอนนี้กลับเต้นรั่วจนแทบจะเรียกได้ว่าทำงานหนักเลยล่ะ เป็นเพราะเขาแท้ๆ เพราะฟินิกซ์เนี่ยแหละ เขาเป็นดั่งหัวใจของผม คอยสูบฉีดเลือดในกายไปเลี้ยงส่วนต่างๆ ทำให้ชีวิตนี้ของผมน่าอยู่ขึ้นมาเลย

"ซี๊ดดด…เบา…ชุน…เบาหน่อย" คนใต้ล่างอวดครวญ หลังจากที่ให้ผมรักมาหลายต่อหลายรอบ ไม่ใช่เพราะบรรยากาศใหม่ๆ ที่ทำให้ผมคึกขนาดนี้ แต่เพราะเป็นเขา เป็นฟินิกซ์คนดี ผมถึงไม่อยากหยุดง่ายๆ ถึงแม้น้ำในตัวผมจะเสียไปมากแล้วก็เถอะ

"ก็คุณรัดผมแน่นขนาดนี้ ผมจะทนได้ยังไงล่ะครับ" ผมบอกและไม่คิดแม้จะหยุดแรงกระแทกคนใต้ล่างเลย ทำเอาอีกฝากใช้แรกเฮือกสุดท้าย พลิกให้ผมไปอยู่ใต้ล่างแทน

"แฮ่กๆ " เสียงหอบหายใจด้วยความเหนื่อยล้า เหงื่อไหลหยดย้อยตามไรเส้นผม เนื้อตัวที่แดงเถือก ทำให้ผมได้แต่นอนแน่นิ่ง สายตาดุดันที่น้อยครั้งนักจะได้เห็น

"คุณ…" ผมเรียกอีกฝ่ายเสียงเบา

"นอนไปเฉยๆ นั่นแหละ เดี๋ยวฉันทำเอง" ว่าแล้วฟินิกซ์ก็เชิดหน้าขึ้น ฟันหน้าสีขาวที่เรียงตัวสวย ตอนนี้กำลังกัดริมฝีปากล่างจนเกิดรอยแดง ฟินิกซ์ค่อยๆ ยกตัวขึ้น ก่อนจะทิ้งตัวเองลงมาเกือบสุด หน้าท้องที่กระเพื่อม สีหน้าแสดงออกถึงความเสียวอย่างเห็นได้ชัด

"คุณไม่ต้อง เดี๋ยวผมทำเอง" ผมบอกอย่างนั้น ก่อนจะล็อกเอวของฟินิกซ์ไว้ แล้วเป็นคนกระแทกสวนขึ้นไปเอง

ปึ่ก! ปึ่ก! ปึ่ก! ปึ่ก! ปึ่ก!

"อ่ะ…อ๊ะ…อ่าาา…" เสียงร้องหวานหู ความเสียวแล่นตั้งแต่โคนจรดปลาย ผมผ่อนแรงลงหลังจากปล่อยน้ำขาวขุ่นในตัวของอีกคน

ปึก!

เสียงทุบอกดังแรงจนผมต้องยกมือขึ้นมากุม การที่ฟินิกซ์ลงมือแบบนี้ เขาไม่ได้ตีเล่นๆ แรงทุบจากข้อมือคือทำผมเจ็บจริงๆ

"แฮ่กๆ " เสียงหอบหายใจที่ทำให้รับรู้ว่าอีกคนเหนื่อยเหมือนกับวิ่งรอบสนามมาไม่ต่ำกว่า 3 รอบ ก่อนที่จะล้มตัวฟุบลงมาทาบทับบนตัวของผม

"ไหวไหมครับ" ผมถาม อีกคนส่ายหน้าเป็นการตอบ นานแล้วที่ไม่ได้เห็นฟินิกซ์เหนื่อยหอบขนาดนี้ ผมคงจะทำเกินไปจริงๆ สินะ

"ขอโทษครับ" ผมบอกอย่างสำนึกผิด ค่อยๆ ถอดแท่งรักของตัวเองออก แล้วอุ้มอีกคนไปล้างเนื้อล้างตัวในห้องน้ำ

น้อยครั้งนักที่ผมจะได้ทำแบบนี้ เมื่อล้างตัวเสร็จ ผมก็อุ้มฟินิกซ์กลับมานอนบนเตียง หน้าตาซีดเซียวจนผมอดเป็นห่วงไม่ได้ จากที่สวมเพียงบ็อกเซอร์ให้ ผมจึงหยิบเสื้อผ้ามาสวมใส่ให้ด้วย หลี่แอร์ให้ไม่หนาวจนเกินไป ก่อนจะห่มผ้าทับให้กับเขา

ในความมืดที่ไม่ต้องอยู่ตัวคนเดียว ทำให้ผมไม่กลัวอะไรทั้งนั้น โอบกอดพร้อมกับกระชับอ้อมแขนให้แน่นขึ้น พร้อมกับได้รับอ้อมกอดที่อบอุ่นกลับมา ขอบคุณที่มอบรอยยิ้มให้กับเด็กน้อยที่ไร้หัวนอนปลายเท้าคนนี้ หากไม่มีเขา ผมคงไม่รู้จักกับคนว่าความสุขอย่างแน่นอน

…สุขกาย

…สุขใจ

…สุขสบาย

หากผมจะขอพรอีกสักข้อกับพระเจ้า ของให้ผมได้อยู่กับเขาตลอดไป ท่านจะตอบรับคำขอของคนอย่างผมไหมนะ



************



RRRRRR

เสียงโทรศัพท์คุ้นหูดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง อาจเพราะช่วงนี้ฟินิกซ์อยู่ในช่วงพัก ซึ่งเป็นคำสั่งจากป๊า ทำให้ตัวเขาไม่อยากจะรับโทรศัพท์จากผู้ได้สักเท่าไหร่ ที่สำคัญ เขาอยากจะใช้เวลากับคนสำคัญให้มากที่สุดด้วย

"ว่าไงดราก้อน" ถึงจะไม่อยากรับ แต่สายที่โทรเข้ามา เป็นหนึ่งในคนสำคัญในชีวิต ผู้ซึ่งมีหน้าตาเหมือนกับเขาอย่างกับแกละ จึงไม่คิดที่จะเลี่ยงจากสายนี้

(โทรหาเป็นสิบสาย ทำไมเพิ่งรับ)

"เพิ่งสายที่สามเอง"

(เออนั่นแหละ ป๊าเรียกหา วันนี้เข้ามาหาท่านด้วย)

"แต่ป๊าบอกให้กูพัก"

(อย่าถามเยอะ กูก็ไม่รู้เรื่อง อยากรู้ก็เข้ามาหาป๊าเอง แค่นี้นะ กูต้องไปทำธุระต่อ)

"อืม" สิ้นเสียงแฝดพี่ แฝดน้องผู้มีนามว่าดราก้อนก็วางสายไป ด้วยความที่ทั้งคู่ถูกรับเลี้ยงมานาน ฝึกด้วยกันมาตั้งแต่แรก ทั้งความเก่งและความรู้ จึงไม่ต่างกันสักเท่าไหร่ นอกจากความถนัดเท่านั้น ที่แตกต่างกันจนน่าแปลกใจ

ฟินิกซ์เหลือบตาไปมองเด็กน้อยของเขาที่หลับสนิทอยู่ข้างกาย เขาไม่รู้ว่าตัวเองควรทำอย่างไรดี ในเมื่อสมองอันชาญฉลาดไม่สอดคล้องกับหัวใจ นอกจากความผิดพลาดที่ตนเกิดมา จึงทำให้แม่เสียชีวิต เขาก็คิดไม่ออกเลย ว่าเขาเคยทำอะไรพลาดอีกไหม

จนมาถึงเรื่องนี้ ความผิดพลาด ความด่างพร้อยในชีวิต เรื่องแบบนี้ไม่ควรเกิดขึ้น ไม่ว่าทั้งเขา หรือใครอื่น ตอนนี้ทุกอย่างในชีวิต ได้ผิดแผนไปหมด ฟินิกซ์ทำได้เพียงแต่อยากหยุดเวลา ทั้งๆ ที่เขาอยากจะก้าวต่อไป

เด็กน้อยที่เขาเลี้ยงดูมาอย่างดี ทั้งทะนุถนอม ตามใจสารพัด เพียงเพื่อให้ได้เห็นรอยยิ้มเล็กๆ ฟินิกซ์ใช้เวลาเป็นปี เพื่อที่จะสนิทกับชุน เด็กน้อยผู้ปิดกั้นตัวเองจากคนรอบข้าง เขาเฝ้าดูการเติบโตของชุนไปอย่างช้าๆ แต่ไฉนเวลาช่างผ่านไปเร็วจนเด็กน้อยในตอนนั้น กลายเป็นเด็กยักษ์ตัวสูงใหญ่ในตอนนี้

ความสนิทของทั้งคู่มีมากขึ้นเรื่อยๆ จากคนแปลกหน้า กลายเป็นคนรู้จัก จากคนรู้จักเลื่อนขั้นขึ้นเป็นคนสนิท จนตัวเขาเองก็จำไม่ได้แล้ว ว่าทั้งคู่ได้กลายมาเป็นคนรักกันได้ยังไง มันเริ่มจากตรงไหนกันนะ หากว่ารู้อนาคต เขาคงจะหยุดยั้งตัวเองไว้ ไม่ปล่อยตัวปล่อยใจไปแบบนี้หรอก

"จ้องนานๆ ผมคิดเงินนะคุณ"

"ตื่นแล้วเหรอ"

"ครับ"

"อยากกินอะไรไหม"

"เมื่อกี้ใครโทรมา"

"ดราก้อน"

"…"

"ป๊าเรียกไปพบน่ะ" ไม่ต้องเงียบ ไม่ต้องทำหน้าสงสัย ยังไงฟินิกซ์ก็ไม่คิดจะปิดบังอยู่แล้ว ว่าตนเองโดนตามตัวก่อนกำหนด

"ไหนบอกได้พักยาวไง"

"ก็คิดไว้แบบนั้นเหมือนกัน ฉันบอกป๊าไปแล้วนะ"

"ผมไม่ยอม เดี๋ยวผมจะไปด้วย ไปคุยกับป๊าให้รู้เรื่อง"

"ไม่เอาน่า นายจะตื่นมาแล้วอารมณ์เสียแบบนี้แต่เช้าไม่ได้นะ"

"ผมอยากตื่นมาเจอคุณในทุกๆ เช้า"

"ถ้าฉันไม่อยู่ นายอยู่ได้ใช่ไหม" พูดออกไปก็สังเกตสีหน้าอีกคนไปด้วย

"คุณไม่อยู่บ่อยเกินไป ผมชักจะอยู่ไม่ได้แล้วนะ ตกลงเรื่องงานใช่ไหม"

"ไม่แน่ใจ"

"ผมรู้สึกไม่ดีเลย ถ้าเป็นเรื่องงาน ให้คนอื่นไปแทนได้ไหม ถ้าคุณไปรอบนี้ ผมรู้สึกเหมือนจะไม่เจอคุณอีกนาน"

"คงยาก"

"ผมอยากอยู่กับคุณต่อ"

"แค่ป๊าเรียกหา อาจจะไม่ได้มีงานอะไรก็ได้"

"ไม่มีงานก็ไม่ควรเรียกไหมล่ะ"

"อย่างอแงสิ" ฟินิกซ์พูดเสียงนุ่ม ถ้าหากห่างกันครั้งนี้ ตัวเขาเองก็ไม่แน่ใจ ว่าจะได้กลับมาเจอกันอีกไหม

"ไปอาบน้ำแต่งตัวไป"

"ผมไปด้วยนะ ผมจะขับรถไปส่ง ห้ามหนีไปก่อนเด็ดขาด" ชุนเน้นย้ำหนักหนา กลัวเหลือเกินว่าออกมาจะมีเพียงอาหารตั้งรอเอาไว้ แต่ไม่เจอหน้าคนทำเหมือนทุกครั้ง

"อืม สัญญาเลย"

"คุณไม่เคยรักษาสัญญา"

"ครั้งนี้พูดจริง"

"ผมเชื่อคุณ" ชุนพูดออกไป ไม่ว่าจะกี่คำสัญญา ถึงแม้ว่าจะไม่จริง แต่เขาก็เชื่อฟินิกซ์ เชื่อทุกครั้ง ทุกคำพูดอย่างสนิทใจ

ชุนอาบน้ำตามปกติ เขาใจเย็นทุกครั้งเมื่อได้ยินคำสัญญาที่ไม่อาจเป็นจริง ไม่จำเป็นต้องเร่งรีบ หากว่าฟินิกซ์จะไป ไม่ว่าอะไรก็ยั้งเขาไว้ไม่ได้ ชุนทำได้มากที่สุดคือรอ รอคอยการกลับมาอีกครั้งของคนรัก ถึงจะไม่รู้ว่าตนต้องใช้เวลากี่วัน กี่สัปดาห์ก็เถอะ

หลังจากแต่งตัวเสร็จ ชุนเข้ามายังห้องครัวที่มีกลิ่นอาหารหอมฟุ้ง แต่สิ่งที่ทำให้แปลกใจคือ การได้ยินเสียงเหมือนคนหั่นอะไรด้านใน หรือจะเป็นเอวากันนะ

"คุณยังไม่ไป"

"ก็รอให้นายมาขับรถให้"

"รอ? "

"ก็สัญญาไว้แล้วไง"

"แต่คุณ…" ชุนไม่กล้าพูดต่อ ว่าอีกคนไม่เคยรักษาสัญญา ทำเพียงเงียบแล้วกลืนประโยคต่อไปลงคอ ก่อนจะมีรอยยิ้มกว้างปรากฏขึ้นที่ใบหน้าหล่อเหลา

"ดีใจขนาดนั้นเชียว"

"ครับ" ชุนตอบรับพร้อมเดินเข้าไปใกล้อีกคน ถ้าไม่ติดว่าฟินิกซ์ถือมีดอยู่ คงจะเข้าไปกอดแน่นๆ หอมแก้มซ้ายขวาหลายๆ ที หรืออาจจะทำมากกว่านั้น แค่จะจินตนาการภาพในหัว มันก็ไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะคนแก่กว่ารู้ความคิดทุกอย่าง จึงทำสายตาดุใส่ ทำเอาชุนยิ้มแก้มปริแล้วตักข้าวทานอย่างเงียบๆ แทน กลัวว่ามื้อนี้จะเป็นมื้อสุดท้ายของเดือนนี้ หรือมือสุดท้ายของอีก 3-4 เดือนข้างหน้า เขาต้องกินให้มาก ต้องตักตุงเอาไว้ให้มากที่สุด เท่าที่ความรู้สึกยินดีที่จะรับไว้ได้

:hao7: :hao7: :hao7:

ออฟไลน์ kawisara

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1586
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +119/-7
ป๋าเรียก


ไปพบเรื่องอะไร


หรือว่าเป็นงานใหญ่


ที่ทำให้ฟินิกตายยย

ออฟไลน์ YiiM

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 60
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +13/-0
ตอนที่่ 3.2 ออกเที่ยว


   ผมขับรถมาส่งฟินิกซ์ที่บ้านป๊า จริงๆ เดินมาก็ได้ เพราะไม่ใช่ว่าไกล เพียงแต่อยากขับรถเล่น และหาข้ออ้างให้อีกคนรอก็เท่านั้นเอง แอบเสียใจเหมือนกันนะ ผมอุตส่าห์คิดว่าจะได้อยู่กับฟินิกซ์อีกสักหน่อย หากว่าเป็นงานสำคัญ ผมคงทำอะไรไม่ได้ จะเอางานมาทำแทนหรือเข้าไปช่วยยังไม่ได้เลย เพราะผมไม่ได้เก่งมากพอ

   "รอที่นี่หรือจะไปด้วย"

   "ป๊าอนุญาตไหมถ้าผมจะเข้าไปด้วย"

   "มาสิ มาเถอะ" ฟินิกซ์พูดพร้อมกับส่งมือมาให้ผมจับ ก่อนจะพากันเดินเข้าไปหาป๊าที่ห้องทำงาน

   ก๊อก ก๊อก ก๊อก

   เสียงฟินิกซ์เคาะประตู ก่อนที่จะมีคนเดินมาเปิด ผมไม่ค่อยสนิทกับพี่ไวท์สักเท่าไหร่ เลยได้แต่พยักหน้าให้เขาเป็นการทักทาย

   "ป๊าล่ะ"

   "อยู่ด้านใน"

   "ให้ชุนเข้าไปด้วย" ไม่ใช่ประโยคขอร้อง ไม่ใช่ประโยคบอกเล่า ฟินิกซ์พูดขึ้นมาเฉยๆ แต่น้ำเสียงหนักแน่นจนเหมือนจะเป็นคำสั่ง เนื่องจากพี่ไวท์ใช้แขนกั้นไว้ไม่ให้ผมผ่านไป

   "สวัสดีครับ" ทั้งผมและฟินิกซ์ยกมือไหว้ป๊า ดูเหมือนกองเอกสารจะเยอะขึ้นทุกวันๆ แทบจะเต็มโต๊ะทำงานอยู่แล้ว

   "พาชุนมาด้วยเหรอ"

   "ครับ ไม่ทราบว่าที่ป๊าตามผมมามีธุระด่วนอะไรหรือเปล่าครับ"

   "แค่ฉันอยากจะเจอหน้า ต้องมีธุระแล้วหรือไง"

   "เปล่าครับ" ฟินิกซ์ยืนตัวตรงก้มหน้า หากเป็นเรื่องงาน พวกผมต้องทำตัวตามหน้าที่ แต่ดูเหมือนป๊าจะไม่ได้จะใช้งานอะไรฟินิกซ์นะ

   "เอาเถอะ นั่งลงก่อนสิ"

   "ขอบคุณครับ"

   "ชุนรู้เรื่องนั้นไหม"

   "ไม่ครับ…มันไม่ได้สำคัญอะไร"

   "ไม่สำคัญแน่เหรอ" ป๊าถาม ผมได้แต่นั่งสงสัย ส่วนฟินิกซ์นิ่งเงียบไม่ตอบอะไร

   "เอาล่ะ จริงๆ ที่ให้มา เพราะฉันจะให้นายพักยาว งานส่วนที่เหลือฉันจะให้ไวท์กับดราก้อนจัดการแทน นายก็ไปพักให้สบายใจเถอะ แล้วก็เอกสารนี่ ฉันจัดการไว้ให้นายหมดแล้ว"

   "แล้วเรื่องที่ผมขอ…"

   "แน่นอนว่าได้ ชุนยังไม่ได้เริ่มงานจริงจัง มีเพียงไม่กี่งานที่ยังทำไม่สำเร็จ ส่วนที่ทำสำเร็จแล้วก็ปล่อยผ่านไปได้เลย หากนายไม่อยากให้ชุนเข้ามาเกี่ยวข้อง ฉันรับปากว่าจะไม่ดึงเข้ามาแน่นอน"

   "ขอบคุณครับ"

   "อืม นายไปได้ หากต้องการอะไร ให้โทรเข้ามาบอกฉันโดนตรง"

   "ครับ แล้วเรื่องคุณเบลซ"

   "ฉันจะให้เขาเรียนต่อที่นี่ จะมีเอวาค่อยดูแล ฉันบอกแล้วไงว่านายไม่ต้องห่วงอะไรทั้งนั้น"

   "ครับ" ฟินิกซ์รับครับ แล้วพาผมเดินออกมา

   น่าแปลกใจที่ป๊ายอมปล่อยให้ฟินิกซ์หยุดยาวขนาดนี้ ถึงจะไม่ได้กำหนดเวลา แต่คำว่าหยุดยาว ก็คงจะยาวจริงๆ แล้วไหนเรื่องที่พวกเขาคุยกันอีก หรือฟินิกซ์ทำงานอะไรพลาดไปหรือเปล่านะ

   "คุณทำงานพลาดเหรอ" ผมถามออกไป มือฟินิกซ์ที่จับผมอยู่นั้น ถูกปล่อยออกทันที

   "ใช้สมองส่วนไหนคิด"

   "เอ้า แล้วทำไมป๊าถึงให้คุณหยุดนานจังล่ะ"

   "ฉันเหนื่อย เลยขอป๊าหยุดพัก แล้วก็อยากอยู่กับนายด้วย"

   "พูดจริงพูดเล่นเนี่ย คุณพูดแบบนี้ ผมดีใจนะ"

   "แล้วฉันจะโกหกนายเพื่อ? "

   "นั่นสินะ" ฟินิกซ์คงไม่โกหกผมหรอก ได้หยุดยาวแบบนี้ ผมควรชวนเขาไปเที่ยวดีไหมนะ

   "ไปเที่ยวกันไหม"

   "หืม 0.0"

   "ตกใจอะไร ดูหน้านายสิ หึ"

   "คุณพูดสิ่งที่อยู่ในใจผมออกมา"

   "งั้นเหรอ งั้นไปพรุ่งนี้เลยแล้วกัน" ทำไมทุกอย่างมันเร็วแบบนี้นะ ผมเคยขอเวลาเขาตั้งหลายต่อหลายครั้ง คำพูดที่ได้ยินมักจะเป็น ‘ครั้งหน้านะ’ หรือไม่ก็ ‘เอาไว้ก่อน ฉันติดงาน’ พอได้ยินแบบนี้ ใจผมชื้นขึ้นอย่างบอกไม่ถูกเลย

   ฟินิกซ์บอกให้ผมเอาเสื้อผ้าไปเยอะๆ เพราะคงไปกันหลายอาทิตย์ นานแล้วที่ตัวเขาเองไม่ได้เที่ยวแบบนี้ ไม่ว่าอะไรที่ดลใจให้เขาคิดอยากไปเที่ยว ผมอยากจะขอขอบคุณอย่างสุดซึ้งเลย

   ******************

   ฮาวาย~ ที่เที่ยวที่ฟินิกซ์เลือกในการพักผ่อนครั้งนี้ มันดีจริงเพราะเขาจองที่พักสุดหรูติดชายหาดเอาไว้ อาการที่นี่ร้อนแต่ก็ไม่ต่างอะไรกับที่ไทยมาก ผู้คนนอนอาบแดดกันเป็นเรื่องปกติ นักท่องเที่ยวหลายสิบชีวิตเดินเที่ยวกันเป็นกลุ่ม ผมชอบกลิ่นไอทะเลแบบนี้จัง

   "Coconut juice."

   "Thank you."

   ผมรับน้ำมะพร้าวจากพนักงานสาวสวยหุ่นแซ่บที่ดูท่าแล้วคงเป็นลูกครึ่งเอเชียในตาฟ้า ผมดำเงาพวกกับผิวสีน้ำตาลทำให้เธอดูเซ็กซี่จนไม่สามารถละสายตาได้

   ฟิ้ววว~ ปัก!

   "อ่ะ...เล่นแรงไปนะคุณ"

   "ตานายจะถล่นแล้ว" ไพ่คิงที่มีลวดลายสละสลวยถูกเขี้ยวมาปักที่ลูกมะพร้าวลูกที่ผมกำลังดื่มอยู่พอดิบพอดี หากฟินิกซ์พลาดไปสักเล็กน้อย เชื่อเถอะว่าใบหน้าของผมจะต้องมีบาดแผลแน่ๆ เพราะความคมของมีดที่ติดอยู่ปลายไพ่ หากคนขว้างมาจับไม่ดี ก็อาจจะโดนบาดเองได้

   ไม่บ่อยนักที่ฟินิกซ์จะนำไพ่ออกมา เพราะไม่มีใครรู้สัญลักณ์ของไพ่นี้ นอกจากคนในและผู้มีอิทธิพลด้านมืด ถึงฟินิกซ์จะเป็นมือขวาของป๊า แต่ก็พ่วงตำแหน่ง คิง อีกด้วย ซึ่งเป็นตำแหน่งรองจาก เอซ ลูกชายคนโตของป๊า

   "ขว้างไพ่มาทำไมล่ะครับ"

   "นายต้องขอบคุณฉันนะ ที่ไม่ขว้างมีดออกไป ไม่งั้นคงทะลุคอหอยนายไปแล้ว"

   "คุณไม่ใจร้ายขนาดนั้นหรอก"

   "ลองดูไหม ลองจ้องผู้หญิงคนอื่นแบบเมื่อกี้อีกสิ จะได้รู้ว่าฉันจะยังใจดีอยู่ไหม"

   "โอ้โห ไม่กล้าแล้วล่ะครับ" ผมบอกปฏิเสธ คนแก่มีความหึงด้วยแฮะ ผมได้แต่ยิ้มกริ่มก่อนจะส่งมะพร้าวอีกลูกไปให้กับเขา และเขาก็รับไปดื่มแต่โดยดี

   หนึ่งอาทิตย์ผ่านไปไว้จนหน้าตกใจ นี่สินะที่เขาเรียกว่า ความสุขมักผ่านไปไว้เสมอ แต่กับผมคงใช้ตอนนี้ไม่ได้ เพราะถึงจะได้เวลากลับบ้าน แต่ฟินิกซ์ก็ยังจะอยู่กับผมต่ออยู่ดี

   "นั่นยาอะไรครับ" ผมถามฟินิกซ์หลังจากที่เก็บกระเป๋าเสร็จแล้ว

   "ก็ยาบำรุง"

   "แก่ถึงขนาดต้องบำรุงแล้วเหรอครับ" ผมพูดหยอกล้อ ถึงผมและฟินิกซ์จะอายุต่างกันมาก แต่เรื่องนั้นไม่ใช่ประเด็กสำคัญเลย คนที่อายุย่างเข้า 35 แต่กลับหน้าเด็กอ่อนวัย แถมยังออกกำลังกายเป็นประจำ ทำให้ดูไม่ออกเลย

   "เพราะนายยังเด็กมากไง ฉันถึงต้องกินยาบำรุงตัวเองเอาไว้"

   "ถ้าอย่างนั้นก็ไม่ต้องกินครับ คุณกินเยอะไปแล้ว"

   "หึ แค่นี้เอง" ฟินิกซ์พูดยิ้มๆ แล้วเก็บยาเข้ากระเป๋า

   "ถ้าอย่างนั้น กินผมดีกว่าไหม"

   "จะบ้าเหรอ เมื่อคืนนายก็ทำเยอะไปแล้วนะ"

   "นั่นมันส่วนของเมื่อคืนนิครับ ไม่ใช่เช้าวันนี้"

   "พอเลย เดี๋ยวก็ตกเครื่อง"

   "ว้า อดเลย"

   "ไม่ต้องมีทำสีหน้า ฉันไม่ใจอ่อนหรอกนะ ว่าแต่นายเถอะ เก็บของครบแล้วใช่ไหม"

   "ครบแล้วครับ"

   "ไม่ลืมอะไรแน่นะ"

   "ไม่แน่นอนครับ"

   "ถ้าอย่างนั้นก็กลับกันเถอะ"

   ผมยิ้มรับ เพราะอยากตักตวงช่วงเวลาที่อยู่กับอีกคนให้มากที่สุด ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่ที่เขาจะต้องไปทำงานอีก กลัวว่าตื่นมาแล้วจะเจอที่นอนโล่งๆ กลัวว่าอาบน้ำอยู่ ออกมาจะเจอแต่ห้องครัวที่ว่างเปล่า การละสายตาจากเขา ทำให้ผมกลัวไปหมด เพราะการต้องรอคอยเขาแต่ละครั้ง มันทรมานมากเลยนะ

:hao5: :hao5: :hao5:

ออฟไลน์ YiiM

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 60
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +13/-0
ตอนที่ 3.4 คนสำคัญ


ใช้เวลาเดินทางหลายชั่วโมง กว่าจะกลับมาถึงบ้าน ทั้งผมทั้งฟินิกซ์ต่างก็เจ็ตแล็คจนต้องนอนพักกันเลยทีเดียว เวลาผ่านไปเป็นวันกว่าผมจะฟื้น แต่ดูเหมือนฟินิกซ์จะอาการแย่กว่าผมมาก เพราะตัวของเขาขาวซีดจนเหมือนไม่มีเลือดหล่อเลี้ยง ผมทำเพียงแค่ดูแลอย่างใกล้ชิด เพราะเจ้าตัวไม่ยอมไปโรงพยาบาล จะเรียกหมอมาดูก็ไม่ยอม เพราะบอกว่าไม่ได้เป็นอะไรมาก

"ผมไม่เคยเห็นคุณเป็นแบบนี้"

"ก็เพราะไม่ค่อยป่วยไง พอมีไข้ทีหนึ่งก็เลยเป็นหนัก"

"ตกลงคุณป่วยใช่ไหม"

"ก็รู้สึกเหมือนมีไข้นั่นแหละ นอนพักสักหน่อยก็คงดีขึ้น"

"แต่หน้าคุณซีดมาก"

"นายคิดมากไปเอง" นั่นสิ หรือผมจะคิดมากไป เพราะไม่เคยเห็นฟินิกซ์ป่วยเลยสักครั้ง ผมเดินไปหยิบผ้าเช็ดตัวผืนเล็กก่อนจะชุบน้ำเพื่อเอาไปเช็ดตัวในคนที่นอนซมติดที่นอน เป็นความรู้สึกแปลกใหม่อย่างบอกไม่ถูก เพราะผมไม่เคยได้ดูแลใคร จะมีก็แต่ฟินิกซ์นั่นแหละ ที่คอยดูแลผม

"ดีขึ้นไหมครับ"

"อืม ขอบใจนะ"

"คุณนอนเถอะ เดี๋ยวผมไปทำข้าวต้มให้กิน" บอกไปแบบนั้น แต่ผมก็ทำอาหารไม่เก่งเอาซะเลย ถึงแม้จะเปิดดูวิธีการทำและดูตามไปในแต่ละขั้นตอนแล้ว ของจริงกลับไม่เหมือนอย่างในคลิปวิดีโอเลยสักนิด

"ทำไมถึงเค็มแบบนี้วะ" ได้แต่บ่นกับตัวเอง ไม่ว่าจะปรุงยังไง รสชาติของความเค็มก็ล้ำหน้าออกมาอย่างชัดเจน

"ทำอะไรน่ะ" และแล้วก็เหมือนได้ยินเสียงจากสวรรค์ หากแต่คนพูดนั้นไม่ใช่นางฟ้า แต่เป็นเพื่อนของผมนั่นเอง

"เอวา ทำข้าวต้มให้หน่อย"

"มาถึงเมื่อไหร่ แล้วคิดยังไงถึงอยากกินเนี่ย"

"กลับมาเมื่อวาน วันนี้พี่ฟินิกซ์ป่วย" ผมบอก

"เหรอ ไหนมาชิมสิ...อี๋ ทำไมเค็มแบบนี้ล่ะ"

"ไม่รู้สิ ทำใหม่ให้หน่อยนะ เดี๋ยวไปดูฟินิกซ์ก่อน"

"อืมๆ ไปเถอะ"

ผมเดินกลับเข้ามาดูฟินิกซ์ ดูเหมือนอาการของเขาจะดีขึ้น เพราะก่อนเช็ดตัว เหงื่อของเขาไหลออกเยอะมาก แต่ตอนนี้สีหน้าดูดีขึ้น แถมแก้มยังมีเลือดฝาดให้เห็นแล้วด้วย

ผมไม่อยากกวนคนหลับ เลยเดินออกมาด้านนอก เอวากำลังทำข้าวต้มให้ เมื่อกี้ก็เหมือนเห็นหมื่นลี้แว๊ปๆ ไม่ได้ทักเพราะดูเหมือนจะรีบๆ เข้าห้อง

"อ้าวชุน กลับมาแล้วเหรอครับ"

"อืม ไปไหนกันมา"

"เพิ่งกลับมาจากทำภารกิจ ผมขอไปนอนก่อนนะ" พันไมล์บอก ท่าทางดูอิดโรยมาก ผมจึงไม่เซ้าซี้ต่อ หลีกทางให้คนที่เหมือนจะหลับทั้งๆ ที่เดินอยู่ได้กลับเข้าห้องของตัวเองไป

"ชุนๆๆ "

"ว่าไง"

"ข้าวต้มได้แล้ว มาเอาไปสิ" เสียงเอวาดังมาจากในครัว ทำให้ผมต้องรีบเดินเข้าไปดู

"ไม่ได้ใส่อะไรแปลกๆ เข้าไปใช่ไหม"

"จะบ้าเหรอ นี่ของพี่ฟินิกซ์นะ จะให้ใส่อะไรลงไปกันเล่า...อ่ะ"

“อะไร”

“ชิมไง”

"ไม่เป็นไร" ผมบอกก่อนจะยกถ้วยข้าวต้มเข้าห้อง ถึงเอวาจะทำอาหารได้ แต่ก็ไม่ได้แปลว่าอร่อยหรอกนะ ที่สำคัญคือเธอชอบใส่อะไรแปลกๆ ลงไปในอาหารด้วย ทำให้ผมเริ่มระแวง แต่ถึงอย่างนั้น ก็ตักชิมก่อนที่จะป้อนให้ฟินิกซ์อยู่ดี

"แย่งข้าวคนป่วยเหรอ" เสียงของฟินิกซ์เอ่ยทัก

"ลองชิมดูก่อน เดี๋ยวเอวาจะใส่ยาพิษลงมา"

"ไม่ได้ทำเองเหรอ"

"กลัวคุณจะเป็นโรคไตไปซะก่อน เลยให้เอวาช่วยทำให้"

"ฮ่าๆๆ "

"ไม่ตลกนะฟินิกซ์ ลุกขึ้นมากินเร็ว"

"เพิ่งเคยเห็นนายในโหมดนี้นะชุน"

"เพราะคุณไม่เคยป่วยให้ผมเห็นยังไงล่ะ"

"นั่นก็จริง" อีกคนบอกแล้วขยับลุกขึ้นนั่ง เขาทานไปเยอะ ถึงจะไม่หมดก็เถอะ

"นอนพักนะครับ เดี๋ยวผมเอาจานไปเก็บก่อน" ผมบอกแล้วเอาจานไปเก็บ นั่งกินข้าวในส่วนของตัวเองด้วย เพราะจะได้ไปนั่งเฝ้าฟินิกซ์ยาวๆ

ด้วยความที่ไม่เคยเห็นเขาป่วย ทำเอาผมกังวลไปหมด หลังจากที่ผมกินข้าวเสร็จก็เดินไปเช็กตารางงานของตัวเองที่ลงไว้ในไอแพด เพราะจำได้ว่าใกล้จะถึงวันแล้ว เป็นงานที่คอยรักษาความปลอดภัยเพชรที่มีราคาสูง กับงานเป็นบอดี้การ์ดให้กับคุณเบลซ

หลังจากที่เปิดตารางงานของตัวเองดูผมก็ต้องขมวดคิด เพราะช่องที่เคยเป็นชื่อของผมกลับกลายเป็นของคนอื่นไปแล้ว แถมยังงานเก่าที่ผมทำค้างไว้ด้วย เป็นงานต่อเนื่องที่ผมทำอยู่ตลอดตั้งแต่ได้รับมอบหมายมาแรกๆ คืองานบอดี้การ์ดลูกชายของแก้งมาเฟียของประเทศจีน
"เอวา...เอวา! " ผมเรียกชื่อเธอเสียงดัง

"อะไรชุน"

"งานของฉัน"

"ทำไม"

"งานของฉันถูกเปลี่ยนชื่อออก"

"ฉันไม่รู้เหตุผล เพราะป๊าเป็นคนจัดการ นายต้องไปถามป๊าเอาเอง"

"ฝากดูฟินิกซ์ด้วย"

"ได้" หลังจากฝากฟินิกซ์ไว้กับเอวา ผมจึงไปหาป๊าที่บ้าน ผมคิดว่าตัวเองไม่ได้ทำหน้าที่ขาดตกบกพร่องอะไร ทำไมถึงต้องตัดผมออกออกด้วย

"ชุน"

"สวัสดีครับพี่ดราก้อน" ผมยกมือไหว้พี่ดราก้อน พี่ดราก้อนเป็นน้องชายของฟินิกซ์ และมีฝีมือดีไม่ต่างกัน

"จะไปไหน"

"ป๊าล่ะครับ"

"ไปต่างประเทศกับเบลซ"

"แล้วจะกลับมาเมื่อไหร่ครับ"

"นายมีอะไรก็ว่ามาเลย"

"งานที่ผมลงไว้ถูกตัดชื่อออก"

"ฉันเป็นคนจัดการเอง"

"ทำไมครับ"

"เพราะคุณเบลซไปกับป๊าแล้ว เลยมีคนคุ้มครองแทน ส่วนงานรักษาความปลอดภัยเพชรฉันให้เด็กใหม่ไปแทน เพราะเป็นงานที่งานที่สุดสำหรับเด็กใหม่ที่เพิ่งได้ออกงานเป็นงานแรก"

"เราไม่มีนโยบายตัดงานกันนะครับ แล้วงานเก่าของผมก็ถูกถอนชื่อออกด้วย"

"ป๊าน่าจะมีงานใหม่ที่ใหญ่กว่าให้นายทำในไม่ช้า ท่านเลยอยากให้นายออมแรงเอาไว้"

"แต่ว่า..."

"ช่วงนี้ฟินิกซ์ไม่สบาย นายก็ดูแลมันสิ จะอยากรีบทำงานไปทำไม"

"พี่รู้ได้ไง" ผมถามพี่ดราก้อน เพราะเรื่องที่ฟินิกซ์ป่วย ไม่น่าจะมีคนรู้ได้ พวกผมลงเครื่องมายังไม่ทันถึงวันเลยด้วยซ้ำ

"ฟินิกซ์เป็นพี่ของฉันนะ เผื่อนายลืม มันเป็นคนส่งข้อความมาบอกฉันเอง"

"ครับ ถ้ายังไงมีงานอะไรพี่ก็บอกผมด้วยแล้วกัน ผมต้องกินต้องใช้นะ" ผมบอก แต่ก็ไม่ได้หงุดหงิดอะไรมาก ก็พอเข้าใจที่พี่ดราก้อนบอกอยู่ มันอาจจะเป็นทางที่ดีแล้วจริงๆ ก็ได้ ไม่อย่างนั้นคงไม่ตัดชื่อของผมออกหรอก พอคิดได้แบบนั้นผมเลยขอตัวกลับบ้านเพื่อมาดูฟินิกซ์ต่อ





++++



"คุณเป็นไงบ้าง" ผมถามเพราะเมื่อคืนฟินิกซ์เพ้อเพราะพิษไข้ทั้งคืน โชคดีแค่ไหนที่ไม่ได้ป่วยตอนที่ต้องทำงานนะ ผมไม่นานพาเขาบินไปไกลเลย

"พอได้นอนแล้วก็รู้สึกดีขึ้นเยอะเลย"

"ดีแล้ว จะนอนต่อหรือจะลุกเลยครับ" ผมถาม เขาอาจจะหิวก็ได้ ถ้าจะนอนต่อผมจะได้ไปอุ่นซุปให้เขาก่อนที่จะหลับไปอีกรอบ

"ไม่นอนแล้วล่ะ เป็นห่วงฉันมากเลยสินะ"

"ห่วงสิครับ"

"ถ้าฉันตายไปนายจะอยู่ได้ใช่ไหม"

"คุณพูดอะไร"

"ฮ่าๆๆ ฉันเห็นนายหน้าเสียตอนที่เห็นว่าฉันป่วย เลยอยากหยอกเล่นน่ะ"

"ผมไม่ตลก อย่าพูดอะไรแบบนี้อีก"

"อย่าจริงจังไปสิ คนเราเกิดมาก็ต้องตายนะ"

"ฟินิกซ์ คุณสัญญาแล้วนะ" ผมบอกเตือนอีกคน เขาบอกแล้วว่าเขาจะอยู่กับผม เขาบอกแล้วว่าเขาจะไม่ทิ้งผมเหมือนกับคนอื่นๆ เขาสัญญากับผมไว้แล้ว ไม่ว่าจะเพราะเหตุใด เขาก็ไม่มีสิทธิ์ทิ้งผมไป แม้แต่ความตายก็จะแยกเขาจากผมไม่ได้

"อย่าทำหน้าน่ากลัวแบบนั้นสิ ฉันแค่พูดเล่นเอง"

"ผมไม่ชอบ"

"โอเค ฉันเข้าใจแล้ว ฉันไปอาบน้ำก่อนนะ" ฟินิกซ์บอกแล้วลุกขึ้นเดินไปห้องน้ำ ส่วนผมเดินออกมานั่งหน้าบ้าน
ตอนนี้ก็เป็นช่วงเย็นมากแล้ว ผมเฝ้าไข้ให้ฟินิกซ์ตลอดเพราะอาการไม่ค่อยดี แต่พอเช้ามาก็ดีขึ้นจนผมโล่งใจเลย

"กลิ่นบุหรี่"

"ของพันไมล์"

"หมอนั่นต้องโดนหมื่นลี้ตีแน่ๆ "

"โดนแล้ว หน้าแข้งแดงเลย"

"ฮ่าๆ พอนึกภาพออก"

"ผมห้ามแล้วนะ ทั้งตอนที่พันไมล์สูบและตอนที่หมื่นลี้จะตี"

"ฉันรู้ นายต้องห้ามอยู่แล้วล่ะ เพราะนายเป็นคนแบบนั้นนิ" เขาบอก เขารู้ว่าผมไม่ชอบให้คนในบ้านทะเลาะกัน

"ผมเป็นเด็กดี" ผมพูดติดตลก

"ชุน"

"ครับ"

"นายมีอะไรที่ชอบไหม"

"คุณไง"

"ไม่ใช่สิ ฉันหมายถึง...ความฝันที่อยากทำ หรือสิ่งที่อยากเป็น อะไรก็ได้"

"ผมเหรอ...อยากใช้ชีวิตวัยรุ่นแบบคนปกติธรรมดา"

"ทำไม"

"ก็เพราะว่ามันไม่มีทางเป็นไปได้ เลยอยากลองทำดู เมื่อก่อนผมอิจฉาคนที่ได้ไปโรงเรียน ได้เล่นกับเพื่อน ได้กินอาหารดีๆ แต่ในความเป็นจริงตอนนี้ ผมมีสิ่งพวกนี้หมดแล้ว" ผมบอกออกไป ถึงแม้มันจะไม่เป็นไปตามธรรมชาติอย่างที่ควรจะเป็น แต่มันก็ไม่ได้แย่เลย ชีวิตทุกวันนี้ มันดีขึ้นเพราะป๊า เพราะฟินิกซ์จริงๆ

"เหรอ ต้องสนุกแน่ๆ เลยใช่ไหม ชีวิตวัยรุ่นเนี่ย"

"ไม่รู้สิ ถามทำไมครับ"

"ไม่มีอะไรหรอก ฉันก็หาเรื่องคุยไปอย่างนั้นเอง"

"แล้วคุณล่ะ คุณมีความฝันไหม"

"ฉันก็ต้องมีอยู่แล้ว"

"อะไร"

"อยู่กับนายไปนานๆ ไง" ฟินิกซ์พูดแล้วยิ้มจนเห็นฟันหน้าเรียงตัวสวย

"ที่ถามเพราะอยากตอบแบบนี้หรือเปล่า ผมดีใจนะ"

"จำเอาไว้แล้วกัน ว่าความฝันของฉันคืออะไร"

"ผมไม่ลืมหรอก ตอนนี้พี่ก็ทำความฝันสำเร็จแล้วนะ"

"หืม"

"ก็พี่ได้อยู่กับผมแล้วนิครับ"

"นั่นสินะ เหลือแต่ความฝันของนายแล้วสินะ"

"ไปกินข้าวกันเถอะ คุณน่าจะหิวแล้ว"

"รู้ใจตลอด"

"นี่ผมนะ" ผมบอกแล้วเดินนำฟินิกซ์ ผมเวลานี้ ผมชอบที่เราอยู่ด้วยกัน มันคงดีถ้าได้อยู่ด้วยกันแบบนี้ไปเรื่อยๆ

:o8: :o8: :o8:

ออฟไลน์ AkuaPink

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2033
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +59/-1
 :pig4:
 :3123:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: ...ใจรัก... | ตอนที่ 3.4 คนสำคัญ | 01/03/2020
« ตอบ #19 เมื่อ: 24-04-2020 18:35:07 »





ออฟไลน์ YiiM

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 60
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +13/-0
Re: ...ใจรัก... | ตอนที่ 3.5 ลาจาก | 22/06/2020
«ตอบ #20 เมื่อ22-06-2020 15:12:15 »

ตอนที่ 3.5 ลาจาก


เวลาผ่านมาร่วมเดือนที่ผมกับฟินิกซ์อยู่ด้วยกัน เราได้ไปทำอะไรที่ไม่เคยทำ ได้กินอาหารที่ไม่เคยกิน มีรูปถ่ายมากมายที่เป็นกิจกรรมร่วมกัน ผมไม่คิดเลยว่ามันจะสนุกขนาดนี้ ถึงบางอย่างจะเคยทำแล้ว แต่พอได้มาทำกับฟินิกซ์ มันรู้สึกดีอย่างไม่น่าเชื่อ อย่างเช่นวันนี้ ที่เราตกลงว่าจะมาสวนสัตว์กัน

“คุณ ดูยีราฟ” ผมบอกแล้วชี้ไปที่ยีราฟตัวเล็กแต่คอยาว ผมเพิ่งเคยเห็นยีราฟตัวจริงครั้งแรก มีเขาเล็กๆ ดูน่ารักดี

“น่ารักเนอะ ถ่ายรูปไหม”

“ครับ” ผมบอกแล้วจับอีกคนมายืนข้างๆ เพราะตั้งแต่มาถึงมีแต่เขาที่ถ่ายรูปให้กับผม ผมรอจังหวะที่ยีราฟยื่นคอมาถึงกดถ่าย ยิ่งดูแล้วยิ่งน่ารักมากจริงๆ

ผมเริ่มชอบสวนสัตว์มากขึ้นเรื่อยๆ เมื่อได้เจอสัตว์ต่างๆ มากมาย พวกมันน่ารักมากจริงๆ ทั้งเสือ หมี ฮิปโป ช้าง ม้า แพะ และอีกมากมาย มันน่าตื่นเต้นเพราะส่วนมากผมเพิ่งเคยเห็น ไม่ว่าอะไรก็ถือว่าเป็นครั้งแรกเกือบหมด ไม่ว่าจะขี่ช้าง ให้นมแพะ หรือแม้แต่จับงูที่มีขนาดตัวยาวมากๆ สถานที่ต่อไปผมกำลังจะไป พิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำที่อยู่ไม่ไกลจากที่นี่มากนัก

“หิวหรือยัง”

“ครับ อยากกินอะไรเย็นๆ ด้วย”

“ถ้าอย่างนั้นแวะเข้าห้างแล้วกัน” ฟินิกซ์บอกแล้วขับตรงไปยังห้างเล็กๆ ที่ตั้งอยู่ไม่ใกล้มาก แต่ต้องขับเลยพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำไปอีก ฟินิกซ์เลือกที่จะกินอาหารตามสั่ง ส่วนผมเลือกก๋วยเตี๋ยวในมื้อนี้

หลังจากกินข้าวเสร็จฟินิกซ์ก็พาเดินมานั่งที่ร้านไอศกรีม ผมสั่งไปสองถ้วยในขณะที่ฟินิกซ์ไม่กิน

“ไม่กินเหรอครับ”

“ไม่ล่ะ นายกินเถอะ” ผมพยักหน้ารับ ปกติก็ไม่ใช่คนที่ชอบกินของเย็นแต่อากาศวันนี้ร้อนมาก หน้าผากของฟินิกซ์ก็แดงอย่างเห็นได้ชัด

หลังจากที่ผมกินเสร็จ ฟินิกซ์ก็พามาที่พิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำต่อ ทางเข้าไม่ได้ลึกอย่างที่คิด ค่อนข้างจะอยู่ติดถนนใหญ่เลยด้วยซ้ำ เพียงแต่ต้องขับรถวนเข้าไปลึกเพื่อหาที่จอดรถ

ผมกับฟินิกซ์เดินเข้ามาด้านใน โชคดีที่วันนี้จะมีการแสดงของแมวน้ำกับปลาโลมาด้วย ดูเหมือนจะไม่ได้แสดงทุกวันอย่างที่คิดไว้

"คนเยอะน่าดูเลย"

"นั่นสิครับ" ผมบอกแล้วเดินผ่านอุโมงค์ที่เต็มไปด้วยผู้คน มีปลาตัวใหญ่หลากหลายชนิดว่ายผ่านตัวพวกเรา

"กระเบน"

"ตัวเบ้อเร่อเลย"

"นั่นฉลาม"

"พวกมันอยู่ด้วยกันได้ด้วยเหรอครับ"

"ก็คงเป็นบางชนิดนั่นแหละ"

"ไปดูเต่ากันเถอะครับ" ผมบอกแล้วพาฟินิกซ์เดินไป

ตั้งแต่ดูสัตว์ต่างๆ ในวันนี้ ดูเหมือนเขาจะชอบเต่ามากที่สุด เพราะแววตาของเขาที่มองไปยังเต่า ดูพิเศษกว่าสัตว์ตัวอื่นๆ

"ชอบเหรอครับ"

"เต่าเป็นสัตว์ที่น่าอัศจรรย์นะ พวกมันสามารถมีชีวิตอยู่ได้ตั้งหลายร้อยปี มีกระดองที่แข็ง ถึงจะเชื่องช้า แต่ก็อยู่ได้ทั้งบนบกและใต้น้ำ"

"นั่นสินะครับ"

"น่าอิจฉานะ ถ้าอยู่ได้ขนาดนั้น คงสามารถทำสิ่งที่อยากทำได้อีกเยอะแยะเลย"

"พี่อยากทำอะไรล่ะ"

"ฉันเหรอ ตอนนี้คงจะต้องทำในสิ่งที่นายอยากทำให้ได้นั่นแหละนะ"

"ผมไม่ได้อย่างทำอะไรสักหน่อย" ผมบอกออกไป แค่ได้อยู่กับฟินิกซ์ นั่นก็คือความสุขของผมแล้ว
หลังจากดูเต่าอยู่นาน พวกเราก็เดินมายังโซนที่เขาจัดเอาไว้แสดงแมวน้ำ ซึ่งแต่ละตัวก็ทำตามครูฝึกได้ดี

"ชุน"

"ครับ ทำไมพี่หน้าแดงแบบนี้ล่ะ"

"ฉันปวดหัว"

"ถ้าอย่างนั้นก็กลับกันเถอะครับ" การแสดงยังไม่จบ แต่ฟินิกซ์หน้าซีดมาก หน้าผากของเขาก็แดงมากเช่นกัน ทำให้ผมต้องเดินประคองเขาออกมา

ฟุบ

"ฟินิกซ์ ฟินิกซ์" ผมเรียกฟินิกซ์หลายครั้ง แต่เขากลับไม่ได้สติแล้ว ผมรีบอุ้มเขาขึ้นรถ เพื่อที่จะพามายังโรงพยาบาล
เสียงพยาบาลและรถเข็นอุปกรณ์ต่างๆ เข้าออกห้องของฟินิกซ์ตลอด ผมโทรบอกคนอื่นๆ เรียบร้อยแล้ว อีกไม่นานก็คงจะตามมา

"ชุน พี่ฟินิกซ์เป็นยังไงบ้าง"

"ไม่รู้ ยังไม่ออกมาเลย" คนแรกที่มาถึงคือเอวา เธอวิ่งนำมาก่อน ตามด้วยพันไมล์และหมื่นลี้

ตอนนี้คือยังไม่รู้อาการอะไรทั้งสิ้น ได้แต่นั่งภาวนาอยู่ด้านนอก ทั้งๆ ที่อาจจะเป็นแค่ลมแดด แต่ความวุ่นวายของพยาบาลที่เดินเข้าออก ทำให้ผมคิดว่าเป็นเพียงแค่นั้นไม่ได้เลย

"เป็นยังไงบ้างครับ" ผมพุ่งตัวไปหาหมอคนแรกหลังจากที่เขาเปิดประตูออกมา

"อากาศดีขึ้นแล้วครับ แต่หมอตั้งให้พักฟื้นที่โรงพยาบาลรอดูอาการก่อน"

"เขาเป็นอะไร" ผมถาม แต่หมอกลับมองผมด้วยสายตาที่เหมือนกับไม่เข้าใจ

"ชุน คือว่านะ..."

"อะไร" ผมถามเอวาที่เดินเข้ามาตบบ่า ก่อนที่เธอจะเริ่มเล่าเรื่องทั้งหมดออกมา

ทั้งๆ ที่ทุกคนรู้ รู้ทั้งหมดเลย มีเพียงแค่ผมเท่านั้น เขาปิดบังแค่ผมเท่านั้น ผมเพิ่งมาเข้าใจก็วันนี้นี่เอง ทำไมฟินิกซ์ถึงพักร้อนนานทั้งๆ ที่เป็นคนสนิทของป๊า ขนาดตัวผมเองก็ด้วยเหมือนกัน ทุกอย่างมันดูดีไปหมด เงินก็ถูกโอนมาเข้าบัญชีของผมตั้งเยอะ และยังมีอีกหลายๆ อย่างที่มันไม่เคยสอดคล้องกันจนมาวันนี้

"ตั้งแต่เมื่อไหร่"

"เกือบสามเดือน ก่อนที่พี่ฟินิกซ์จะรับงานสุดท้าย" เอวาบอก ฟินิกซ์รู้ตัวมาสักพักแล้ว แต่เขาก็ยังทำงานอยู่ ถึงจะเป็นงานสุดท้ายก่อนที่จะหยุดมาอยู่กับผมก็เถอะ

"แล้วพวกนายรู้เมื่อไหร่"

"วันที่พี่ฟินิกซ์กลับมา" เขาบอกทุกคนเลย แต่กลับไม่ยอมบอกกับผมเนี่ยนะ

"ทำไมวะ ทำไมเขาถึงไม่บอกฉัน" ผมนั่งลงแล้วร้องไห้

"เขาทำเพื่อนายนะ ที่เขาไม่บอกก็เพราะไม่อยากให้นายเป็นห่วง" หมื่นลี้เดินเข้ามาบอก ตัวผมไม่ได้ตอบอะไรกลับไป มันทั้งจุก ทั้งเจ็บ ผมคิดอะไรไม่ออกแล้วด้วยซ้ำ





+++++



"พี่ ทำไมถึงไม่บอกผมล่ะ" ผมถาม หลังจากที่เขาออกจากโรงพยาบาล

ก่อนหน้านี้ผมโมโหมากก็จริง แต่ผมก็ใจเย็นลงมากแล้ว ผมไม่อยากอารมณ์เสียใส่เขา เพราะมันไม่ใช่สิ่งที่เขาอยากจะเป็น

"เพราะถ้าบอกเร็วกว่านี้ ก่อนหน้านี้นายจะเสียใจ"

"แล้วบอกทีหลังผมไม่เสียใจกว่าเหรอ"

"ไม่หรอก เพราะเวลาก่อนหน้านี้ ฉันมีความสุขมาก การที่ได้อยู่กับนาย ได้ทำอะไรร่วมกัน มันดีมากจริงๆ "

"แล้วมาพูดอะไรตอนนี้ ผมไม่เคยเห็นพี่มาหาหมอสักครั้ง"

"เพราะหาไปมันก็ไม่ได้ผลยังไงล่ะ โรคที่ฉันเป็นมันรักษาไม่หายหรอกนะ มีแต่แย่กับแย่ นายก็เห็น"

"แล้วผมจะทำยังไง ถ้าไม่มีคุณ ผมจะอยู่ยังไง"

"นายอยู่ได้อยู่แล้ว นายเก่งจะตาย" ฟินิกซ์บอกด้วยรอยยิ้มที่เขาชอบยิ้มให้กับผม

"ผมไม่ได้เก่งขนาดนั้น คุณก็รู้"

"เก่งสิ นายบอกว่านายมีความฝันใช่ไหม" เขาพูดออกมา ทำให้ผมหยุดคิด ก่อนที่จะนึกถึงสิ่งที่เขาเคยถาม

"มันก็แค่ความฝันที่เป็นได้เพียงแค่ฝัน ไม่มีวันเป็นจริง"

"ไม่หรอก ฉันจะทำให้ฝันของนายเป็นจริง" ฟินิกซ์แล้วเดินเข้ามากอด ผมเองก็กอดตอบ ผมคิดอะไรไม่ออกเลย ผมอยากช่วยฟินิกซ์ ตลอดเวลาที่อยู่โรงพยาบาล ผมเฝ้าแต่ถามคุณหมอถึงวิธีการรักษา แต่ไม่มีใครที่มีคำตอบให้กับผม

"มันไม่ควรเป็นแบบนี้" ผมบอกอีกคนเสียงเบา

"เราจะไม่เป็นไร มาใช้เวลาที่เหลือให้คุ้มกันเถอะ" ใบหน้าซีดเซียวเอื่อนเอ่ย ผมได้แต่พยักหน้าทั้งๆ ที่ใจจะขาดอยู่แล้ว

แต่ละวันผ่านไปด้วยดี เราไม่มีทางรู้ได้เลยว่าฟินิกซ์จะจากไปตอนไหน ผมเองก็ได้แต่เฝ้ามองและดูแลเขาโดยที่ตัวเองทำอะไรมากกว่านี้ไม่ได้

"ฟินิกซ์ ป๊ามา"

"อืม ฉันขอคุยกับป๊าตามลำพังได้ไหม"

"ครับ" ผมตอบรับแล้วออกจากห้อง ปล่อยให้ฟินิกซ์ได้คุยกับป๊า ท่านมาเยี่ยมบ้าง อาทิตย์ละครั้งถึงสองครั้ง ถึงจะมีงานเยอะแค่ไหน แต่ก็ยอมปลีกตัวมา

"อ่ะ"

"ขอบใจ" หมื่นลี้ยื่นกระป๋องโค้กมาให้ ก่อนจะนั่งลงข้างๆ

"เป็นไงบ้าง ฉันเพิ่งกลับมาจากภารกิจ"

"ก็ดี ฟินิกซ์อาการไม่ทรงตัว แต่ก็ไม่ได้ทรุดหนัก"

"อืม แล้วนายจะทำยังไงต่อ"

"ก็ดูแลไปแบบนี้แหละ" ผมตอบไป หมื่นลี้ก็ตบบ่าของผมมา

"เดี๋ยวทุกอย่างก็ดี"

"อืม"

หมื่นลี้นั่งอยู่กับผมจนป๊าเดินออกมา ท่านส่งยิ้มมาให้ผมก่อนที่จะพูดขึ้น

"ขอบใจที่เป็นความสุข ความหวังและความรักให้กับฟินิกซ์ ฉันดีใจนะที่นายตามมาในตอนนั้น"

"ครับ"

"ฝากฟินิกซ์ด้วย"

"ครับ" ผมได้แต่ตอบรับ ภายใต้ใบหน้าเข้มขึงของเขา ผมเห็นนะ ดวงตาแดงก่ำที่ผ่านการร้องไห้มา ผมรู้ว่าท่านรักฟินิกซ์มากไม่ต่างกับลูกของท่านเอง

หมื่นลี้เป็นคนเดินไปส่งป๊า ผมเลยเดินกลับเข้าห้องมาหาฟินิกซ์ เขาส่งยิ้มมาให้ เราต่างคนต่างเงียบไม่ได้พูดอะไรกันจนฟินิกซ์หลับไป

ผมใช้เวลาอยู่กับฟินิกซ์มานานอีกหลายเดือน เราไปเที่ยวด้วยกัน กินอาหารอร่อยๆ ด้วยกัน ทำเหมือนกับเป็นวันสุดท้ายของชีวิต มีความสุขด้วยกันจนถึงวันนี้ วันที่ฟินิกซ์ต้องนอนอยู่กับเตียงพร้อมกับสายน้ำเกลือระโยงระยาง ใบหน้าซีดเซียวเหมือนกับไม่มีเลือด ลำตัวผอมบางลงอย่างเห็นได้ชัด

"อย่าเศร้าไปเลย ทุกคนเกิดมาก็ต้องตาย"

"ผมยังไม่พร้อม" ผมไม่พร้อมที่จะเสียเขาไป ผมไม่พร้อมที่จะเสียคนที่รักมากไปกว่านี้ได้แล้ว

"สัญญากับฉันว่านายจะมีชีวิตต่อ ห้ามทำอะไรที่เสี่ยงอันตราย ห้ามคิดจะตามฉันไป"

"ทำไมล่ะ"

"สัญญามา"

"ครับ ผมสัญญา"

"ดีมาก" นี่เป็นคำพูดสุดท้าย และรอยยิ้มสุดท้ายก่อนที่ฟินิกซ์จะจากไปตลอดกาล

ไม่มีอีกแล้วคนที่อยู่เคียงข้าง

ไม่มีอีกแล้วคนที่เป็นกำลังใจ

ไม่มีอีกแล้วคนที่จะยิ้มให้ด้วยรอยยิ้มอบอุ่น

ไม่มีอีกแล้วคนที่อยากจะรัก...พอกันที...ไม่เอาอีกแล้ว

หลังจากฟินิกซ์จากไป ทางพี่ดราก้อนไม่ต้องการให้เผา เลยต้องนำมาฝังเอาไว้ ทุกคนแต่งกายด้วยชุดสีดำสุภาพ ยืนรายล้อมเพื่อไว้อาลัยเป็นครั้งสุดท้าย

"จะพูดอะไรไหม"

"ไม่ ผมบอกทุกอย่างกับฟินิกซ์ไปหมดแล้ว" พอผมบอก ทุกคนก็ช่วยกันกลบหลุม

...ลาก่อนความรักของผม

...ลาก่อนฟินิกซ์

ผมได้แต่บอกลาในใจ และไม่ยอมขยับไปไหนถึงแม้หลายๆ คนจะทยอยกลับกันไปแล้ว

"เขาไปดีแล้ว" เอวาพูดพร้อมกับจับแขนของผม ผมได้แต่พยักหน้า

"นี่เป็นเอกสารทั้งหมดที่นายจำเป็นต้องใช้"

"อะไรครับ"

"นายเป็นอิสระแล้ว"

"แต่..."

"นี่เป็นคำขอสุดท้ายที่ฟินิกซ์ขอเอาไว้ ฉันไม่ได้ทิ้งนาย คนอื่นๆ ก็ไม่ได้ทิ้ง นายสามารถกลับมาที่นี่ได้ สามารถติดต่อคนอื่นๆ ได้ แต่นายจะไม่ได้รับภารกิจ เพราะฟินิกซ์ไม่อยากให้นายเป็นอันตราย จงไปทำตามฝันที่อยากทำเถอะ จงมีชีวิตต่อที่ดี ฟินิกซ์ก็อยากให้เป็นแบบนั้น"

"ครับ ขอบคุณ...ขอบคุณสำหรับทุกอย่าง ขอบคุณสำหรับความช่วยเหลือ ขอบคุณที่ให้ความรู้ ความรักและชีวิต ผมจะไม่มีวันลืมบุญคุณนี้เลย" ผมบอกแล้วรับเอกสารมา

ในซองนี้มีทุกอย่าง ใบสมัครเข้าเรียนต่อมหาลัย ใบจบการศึกษาช่วงมัธยมปลาย บัตรประชาชน ใบเกิด และที่ดินที่เคยเป็นของป๊า ซึ่งอยู่ในเมือง มีสมุดเงินฝากซึ่งเงินทั้งหมดนี้ รวมเงินที่ฟินิกซ์ทำงานมาและเก็บเอาไว้ กับเงินที่ผมทำงานมาได้เอง บัตรเครดิตและเอกสารอีกหลายๆ อย่างที่ผมอาจจะจำเป็นต้องใช้ในอนาคต มีแม้แต่เอกสารปลอมแปลงเรื่องพ่อแม่

"ของขวัญจากพวกฉัน" เอวาบอกแล้วยื่นกุญแจรถมาให้ พวกเขารวมเงินกันซื้อรถคันหรูให้ผม

"ไม่จำเป็นต้องให้ก็ได้"

“เอาไปใช้เถอะ ถ้ามีปัญหาอะไร นายยังติดต่อมาหาฉันได้เหมือนเดิม”

“อืม ขอบใจ”

“โชคดีนะ” พันไมล์บอกแล้วเดินมากอดผม

“แล้วเจอกันในสักวันหนึ่ง”

“แล้วเจอกัน” ทุกคนบอกกับผม เป็นครั้งแรกที่ผมมีจุดหมายที่จะทำอย่างจริงจัง ความจริงแล้วใครจะออกมามีชีวิตของตัวเองก็ได้ป๊าไม่เคยห้าม เพียงแต่ทุกคนเต็มใจที่จะอยู่ต่อ อยู่ช่วยงานป๊า เพราะป๊าเป็นคนให้ชีวิตใหม่กับพวกเรา ตัวผมเองก็ไม่คิดว่าจะต้องปลีกตัวออกมาเร็วขนาดนี้ แต่ผมจะต้องมีชีวิตต่อไป และต้องใช้ชีวิตในส่วนของฟินิกซ์ด้วย ผมสัญญาว่าจะใช้ชีวิตนี้ให้คุ้ม ให้สมกับที่พวกเขาเลี้ยงดูมาอย่างดี...



https://youtu.be/m5UKkFFIeUk






ออฟไลน์ psychological

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 253
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +41/-0
Re: ...ใจรัก... | ตอนที่ 3.5 ลาจาก | 22/06/2020
«ตอบ #21 เมื่อ22-06-2020 15:28:22 »

 :pig4:

ออฟไลน์ AkuaPink

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2033
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +59/-1
Re: ...ใจรัก... | ตอนที่ 3.5 ลาจาก | 22/06/2020
«ตอบ #22 เมื่อ22-06-2020 18:38:44 »

 :pig4:
 :กอด1:

ออฟไลน์ YiiM

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 60
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +13/-0
Re: ...ใจรัก... | ตอนที่ 4 | 29/06/2020
«ตอบ #23 เมื่อ29-06-2020 13:01:40 »

ตอนที่ 4 คนพิเศษ

"วินเชื่อไหมว่ามันไม่ง่ายเลย การที่ต้องออกมาอยู่ตัวคนเดียว ต้องคิดถึงคนที่จากไป ผมอยากตายวันละหลายๆ ครั้ง แต่ก็ไม่สามารถทำได้" ชุนเล่าเรื่องของฟินิกซ์ ชายคนที่เขารักให้กับผมฟัง พวกเขาอยู่ด้วยกันมามากกว่าครึ่งชีวิตของชุนด้วยซ้ำ ชายคนนั้นมาในเวลาที่ชุนต้องการพอดี เขาผูกพันด้วยหัวใจที่แท้จริง

"วินเหมือนกับเขามาก ตอนที่รู้ว่าวินชอบเต่าเหมือนกันกับเขา ผมตกใจมากเลยนะ" ชุนบอกแล้วใช้มือปัดเส้มผมของผมที่ปรกหน้าปรกตาออกให้

"ที่ชอบกู เพราะแค่กูเหมือนเขาเหรอ"

"..." ความเงียบของชุนเป็นคำตอบอย่างดี

จากที่ได้ฟังมา ความรักของพวกเขาไม่มีอะไรที่สามารถแทรกกลางได้เลย ถ้าฟินิกซ์ไม่ได้ตายจากไป คนอย่างผมคงไม่มีทางเข้าไปอยู่ในสายตาของชุนได้เลย แล้วแบบนี้ผมควรทำยังไง ต้องทำยังไงถึงจะได้หัวใจของชุนมาเป็นของผม ผมไม่อยากคิดด้วยซ้ำ ว่าผมควรทำยังไงให้ชุนลืมคนรักเก่าที่ตายจากไป เพราะถ้าเป็นผม ผมก็ไม่อยากลืมคนที่ตัวเองรักหรอก

"แล้วไม่อยากเปิดใจบ้างหรือไง"

"ไม่รู้สิครับ ผมไม่เคยคิดเรื่องนั้น" ชุนบอกออกมา แล้วเขามีผมเป็นตัวอะไรในตอนนี้กันล่ะ ที่ระบายเหรอ หรือต้องการให้ผมสอนความรู้ที่ตัวเองมีกับเขา เพราะถ้าเป็นอย่างนั้น ถ้าถึงวันที่เขาไม่ต้องการผมแล้ว ผมควรทำยังไงล่ะ

“วิน”

“หืม”

“คุณสามารถไปจากผมได้ทุกเมื่อเลยนะ”

“หมายความว่ายังไง”

“ผมรู้ว่าผมเห็นแก่ตัว ผมวางสถานะที่คุณอยากได้ให้กับคุณไม่ได้ เพราะฉะนั้น คุณจะไปจากผมก็ได้นะ” ชุนบอกออกมาด้วยแววตาเศร้า สีหน้าของเขา รอยยิ้มน้อยๆ นั้น ไม่เหมือนกับลมปากที่พูดออกมาเลย

“กูจะไม่ไปไหน”

“อย่าพูดแบบนั้น” ชุนบอกแล้วยกมือปิดปากของผมไว้ จริงสิ ถึงผมอยากพูดออกไปว่าผมจะไม่ไปไหน ผมจะอยู่ตรงนี้ แต่อีกคนก็คงไม่อยากฟัง เพราะนั่นจะเป็นการให้สัญญาแบบหนึ่ง แบบที่คนรักเก่าของเขาทำ ซึ่งคนคนนั้นรักษาไว้ไม่ได้

“อยู่ไปแบบนี้จนกว่าคุณจะเบื่อก็พอ” ชุนบอกแล้วมองออกไปยังท้องฟ้านอกหน้าต่าง ที่ผมพูดไปไม่ได้แปลว่าผมจะรักษาสัญญาไม่ได้นิ ผมกับเขาคนนนั้น เราไม่เหมือนกันหรอกนะ ไม่เหมือนสักนิด...ผมได้แต่แย้งในใจ

“แล้วถ้ากูไปจริงล่ะ”

“ก็ขอให้คุณโชคดี แต่รู้ไว้นะ ว่าคุณคือคนพิเศษสำหรับผม” ชุนบอก คนขี้โกง เขาก็เป็นแบบนี้ทุกที เวลามีคนมาคุยกับผม เขาไม่เคยห้าม แต่เขาจะอยู่ตรงนั้นด้วย เวลาผมต้องไปกับใคร ไม่ว่าเรื่องงานหรือเรื่องส่วนตัว อีกฝ่ายจะมีทีท่าว่าชอบผมมากแค่ไหน เขาก็ไม่เคยรั้ง แต่ก็ตามส่องผมอยู่ตลอด และที่สำคัญเขาไม่เคยบอกรัก แต่ก็มักทำตัวเหมือนแฟน เขาแทกแคร์ผมดีในทุกๆ เรื่อง คอยตามใจ ใส่ใจ และทำตามคำขอของผมตลอด

ผมจ้องหน้าอีกคนไม่ว่างตา ผมจับโกหกคนไม่เก่ง เล่นจ้องตาก็ไม่เก่ง แต่สิ่งที่ชุนพูดเมื่อกี้ ผมรู้ว่าเขาไม่ได้โกหก การที่เขาวางสถานะให้ผมเป็นคนพิเศษ มันคือเรื่องจริง แต่ว่า...สถานะนี้น่ะ มันดีแล้วหรือเปล่านะ

"แล้ววินไม่ตกใจเรื่องอดีตของผมบ้างเหรอ ผมไม่ใช่คนดีเลยนะ"

"นั่นก็แค่อดีต มันคือสิ่งที่ต้องทำ สำหรับกูแล้ว ไม่มีอะไรแปลกทั้งนั้นแหละ ลำไส้ หัวใจ สมองของคน กูก็เห็นมาแล้ว"

"หึ วินเปรียบเทียบได้ตลกดี"

"ถ้ากูเป็นรอยยิ้มให้ได้ ก็ดีสิ" ผมพูดออกไปแค่นั้น ทั้งๆ ที่จริงผมไม่ใช่คนพูดมากด้วยซ้ำ ชุนเอาแต่เงียบแล้วหอมหัวผมมาแทน การไม่ตอบของอีกคนเป็นคำตอบที่ดีและเจ็บมากโดยไม่ต้องเสียแรงอะไรเลย


+++++++



"เป็นอะไรวะ"

"เปล่า"

"แล้วมึงมานั่งดื่มเหล้าเนี่ยนะ"

"ก็อยากดื่ม"

"ทะเลาะกับไอ้ชุนเหรอ" ไอ้วาถาม ผมส่ายหน้าเพราะมันไม่ใช่การทะเลาะ เป็นผมที่แส่หาเรื่องเองชัดๆ จริงๆ แล้ว ถ้าไม่รู้ อาจดีกว่าก็ได้

ผมดื่มเหล้ามากกว่าที่เคยดื่ม ผมรู้สึกเศร้ามากกว่าที่เคยเป็น แต่หัวใจกับสมองไม่ยักจะลืมเรื่องที่ชุนเล่าได้เลย ทุกคำพูด ทุกแววตา การกระทำทุกอย่างบ่งบอกว่าเขายังไม่ลืม

"ไอ้วา"

"อะไร"

"ถ้าไอ้ลิเคียวมีคนอื่น มึงจะทำยังไง"

"ก็ไม่ทำยังไง ก็แค่ไม่เอามันไง"

"ทำใจได้เหรอ"

"ไม่ได้หรอก ถึงยอมโง่อยู่ทุกวันนี้ไง"

"มันเป็นคนดีนะ" ผมบอกออกไปตามจริง ก็เคยได้ข่าวอยู่หรอกว่าลิเคียวเป็นคนเจ้าชู้มาก แต่พอมันมาคบกับไอ้วา ผมได้รู้จักมัน ผมก็ไม่เห็นว่าไอ้ลิเคียวเป็นอย่างที่ข่าวเขาลือกัน แต่นั่นไม่ใช่ประเด็น เพราะไอ้วารู้จักไอ้ลิเคียวมาก่อนอยู่แล้ว เลยรู้นิสัยของกันและกันเป็นอย่างดี

"มันก็มีข้อดี และมีข้อเสีย ทุกวันนี้ถึงมันจะไม่ได้อะไรกับใคร แต่ก็มักจะมีคนมายุ่งกับมันเองจนกูปวดหัว"

"เรื่องธรรมดาของคนหน้าตาดี"

"ก็คงงั้น" ไอ้วาพยักหน้าเห็นด้วยอย่างไม่ขัด ไอ้ลิเคียวเป็นคนหน้าตาดีจริง ผมยังยอมรับเลย

"ไอ้ลิเคียวมีคนในอดีตบ้างไหม คนในใจน่ะ"

"คนในอดีตน่ะมี แต่คนในใจมันอะ...กู"

"หึ มั่นหน้ามาก"

"ถ้าเป็นคนอื่นพูดกูจะไม่รู้สึกอะไรเลยนะ แต่พอเป็นมึงพูดแล้วรู้สึกเจ็บๆ ว่ะ"

“แต่อย่างน้อยมึงก็เป็นคนที่มันรัก”

“อย่าบอกนะว่าไอ้ชุนมีคนอื่น มันดูรักมึงจะตาย”

“ก็แค่ดูเหมือนรักเท่านั้นแหละ”

“ตกลงมันมีคนอื่น?”

“กูต่างหากที่เป็นคนอื่น” ผมบอกแล้วยกเหล้าดื่มจนหมดแก้ว

“ถ้ามันมีแฟนอยู่แล้ว มันมาทำแบบนี้กับมึงทำไมวะ” ไอ้ลาวาพูดขึ้นพร้อมกับยกเหล้าขึ้นดื่มด้วย

"เพราะกูเหมือนกับคนๆ นั่นมากล่ะมั้ง"

“เหมือนมากก็แค่ข้ออ้าง ความจริงแล้วมันคงไม่ได้รักคนนั้นมากหรอก เพราะถ้ารักมาก มันคงไม่นอกใจเขาแบบที่มันทำอยู่แบบนี้”

“มันไม่ได้นอกใจ แต่คนที่มันรัก ตายจากมันไปแล้ว” ผมบอกออกไป เขาคนนั้นตายไปแล้วก็จริง แต่คงจะตายไปแต่ตัว เพราะหัวใจ ยังคงยึดติดไว้กับชุนอยู่ ทุกๆ ลมหายใจ ทุกความคิด ชุนยังคงมีแต่เขา

เกิดความเงียบระหว่างผมกับไอ้วา มันเงียบเพราะคงจะช่วยแก้ปัญหาไม่ได้ พวกเราไม่เคยเจอประสบการณ์แบบนี้ มันจึงยากที่จะเข้าใจในความรู้สึกของชุน

“มึงดื่มเยอะไปแล้วนะไอ้วิน”

“กูไม่เป็นไร”

“มึงเป็น คอมึงตั้งไม่ตรงแล้ว”

“กูโอเค”

“แต่ที่กูเห็นมันไม่ใช่ว่ะ” ไอ้วาบอกแล้วเดินหายไปสักพัก ก่อนจะเดินกลับมาพร้อมกับไอ้ลิเคียวแฟนของมัน

“อ้วน กูว่าเพื่อนมึงอาการหนัก”

“กูก็ว่างั้น เอาไงดีล่ะ”

“ไอ้วิน มึงยังมีสติอยู่ไหม” ไอ้ลิเคียวถาม

“กูไม่ได้ดื่มมากขนาดนั้น”

"อยากให้กูช่วยยังไง อยากฟังความเห็นกู หรืออยากให้กูพากลับ" ไอ้ลิเคียวถามออกมาโดยตรง ผมกับมันไม่ได้สนิทกันมากนัก เวลาที่ไอ้วามีปัญหา หากเรื่องเกิดเพราะมัน ผมก็ไม่ได้สนับสนุนให้พวกมันคบกันต่อ เพียงแต่เท่าที่ดูและได้รู้จัก ไอ้ลิเคียวก็ดูรักไอ้วาดี

"ลองพูดมาสิ" ผมบอกแล้วเอนตัวพิงกำแพงด้านหลัง

"เท่าที่ฟังจากอ้วนบอก ไอ้ชุนมันก็แค่ฝังใจกับคนรักเก่าไม่ใช่เหรอ"

"มันไม่ใช่แค่ฝังใจ แต่มันยังรัก ยังคิดถึง"

"คนๆ นั้นก็แค่อดีต เป็นความทรงจำที่ดีไปแล้ว ส่วนมึงคือปัจจุบัน จะไปใส่ใจทำไม ไอ้ชุนก็ดูรักมึงดี"

"มันเคยบอกมึงเหรอว่ารักกู"

"ไม่เคย แต่มันก็แสดงให้เห็นชัดเจนอยู่นะ"

"คงงั้น" ผมบอกไป เพราะไม่รู้ว่าจะพูดยังไง อย่างที่ไอ้ลิเคียวพูด มันก็เรื่องจริงที่ชุนทั้งใส่ใจ ทั้งดูแล เขาไม่เคยขัดอะไรผม บอกให้มาหาก็มา ชวนไปเที่ยวบ้าง ถึงเวลาส่วนมากพวกเราจะเจอกันที่คลินิกก็เถอะ แต่นั่นก็เป็นเพราะงาน นอกเวลางานก็ไปหาอะไรกินกันบ่อยๆ แล้วจะไม่ให้ผมเผลอใจไปได้ยังไง จะไม่ให้ผมรู้สึกก็คงยาก

"ไงพี่ แอบพาวินมาดื่มแล้วไม่ชวนผมเลยนะ"

"รู้ได้ไงว่าอยู่นี่"

"ผมเก่ง" ชุนพูดแล้วนั่งลงข้างๆ ผมหันไปมองทางไอ้วากับไอ้ลิเคียว พวกมันยักไหล่แล้วส่ายหัวเหมือนกับจะบอกว่าไม่ได้เป็นคนโทรตามมันมา

"ดื่มอะไรไหม"

"ไม่ล่ะ แต่วินดื่มเยอะไป ต้องกลับได้แล้วนะครับ"

"ยังไม่อยากกลับเลย"

"ถ้าอย่างนั้นอยู่ต่อก็ได้ แต่ไม่ต้องดื่มแล้วนะ"

"อยู่ต่อแต่ไม่ดื่ม จะให้อยู่ทำไม"

"แล้วจะกลับไหมล่ะครับ"

"กลับไปไหนล่ะ บ้านกูเหรอ"

"บ้านผม" ชุนบอกแล้วดึงตัวผมขึ้น รู้สึกว่าตัวเองเมามากก็ตอนนี้นี่แหละ เพราะแทบจะไม่มีแรงยืนเลย ถ้าชุนไม่ได้พยุงไว้ ผมคงล้มลงไปกองกับพื้นแน่ๆ

“ผมพาวินกลับก่อนนะ ค่าเหล้าทั้งหมดลงบัญชีผมไว้เลย” ชุนหันไปบอกไอ้ลิเคียวแล้วพาผมออกมา

"ถึงแล้วครับ" ชุนบอก แต่ผมรู้สึกเบลอเกินกว่าจะขยับตัวตามที่สมองสั่ง

"ไม่ไหวเลยนะวิน" ชุนพูดออกมาอีกครั้งก่อนที่จะเป็นฝ่ายเดินมาอุ้มผมลงจากรถ ผมไม่สงสัยเลยว่าทำไมชุนถึงแข็งแรงมากขนาดนี้ ทั้งท่อนแขนและหน้าท้องที่มีกล้ามอยู่ทุกสัดส่วน รวมถึงร่างสูงที่ดูมีศักยภาพมากกว่าคนปกติด้วย

"ไปไหน"

"เข้าห้องสิครับ" ชุนบอกก่อนที่จะพาผมเข้าบ้านไป เป็นบ้านที่ผมไม่เคยเห็นมาก่อน ได้ยินเสียงชุนพูดอะไรสักอย่างด้วย แต่หัวสมองของผมไม่รับเลย ผมจับเรื่องราวและคำพูดไม่ได้ รู้สึกมึนมาก แต่ก็ไม่ได้หมดสติหรืออยากหลับอะไร สายตาของผมยังคงเห็นทุกๆ ที่ในแต่ละก้าวที่ชุนเดินผ่าน แต่มันก็หมุนๆ จนรู้สึกอยากอ้วก

"วินจะอ้วกตอนนี้ไม่ได้นะ ทนอีกนิดก็ถึงแล้ว" ได้ยินแบบนั้น แต่ก็อยากอ้วกอยู่ดี ผมได้ยินเสียงหมาเห่าและเสียงบ่นของชุน ก่อนที่ตัวเองจะอ้วกออกมาแล้วหมดสติไปในที่สุด



++++++



เป็นเช้าที่แย่ที่สุด ทั้งแฮงค์ ทั้งเหม็น ลืมตาตื่นแล้ว แต่ก็ยากที่จะลุก รู้สึกเหมือนมีอะไรหนักๆ ทับอยู่บนตัวด้วย

"สีเงิน ลงมาได้แล้ว"

"โฮ่งๆ "

"ชู่ววว เสียงดังเดี๋ยวเขาจะตื่นนะ"

"อืมมม หนัก"

"สีเงินลงมานี่...วินตื่นแล้วใช่ไหม"

"อืม ปวดหัว"

"ก็น่าอยู่นะครับ ดื่มเยอะไปเท่าไหร่ล่ะครับ เมื่อคืนถึงได้อ้วกไปตั้งหลายรอบ"

"ไม่รู้สิ อยากอาบน้ำ" ผมบอกแล้วลุกขึ้นนั่ง เพิ่งสั่งเกตเห็นหมาตัวใหญ่ที่นั่งอยู่ข้างชุน

"เจ้านี่เหรอครับ ชื่อสีเงิน เป็นหมาของผมเอง" ชุนพูดขึ้นเพราะเห็นผมมองไปที่หมาตัวนั้น

"ตัวใหญ่จัง"

“เป็นพันธุ์ของมันน่ะครับ เซต์เบอร์นาร์ด"

"นายไม่เห็นเคยบอกว่าชอบสัตว์"

"ก็ไม่ถึงกับชอบ แต่อยู่กับพวกมันแล้วสบายใจดีครับ พวกมันทำให้รู้สึกว่ามีอะไรที่ยังต้องรับผิดชอบ ช่วยให้รู้สึกมีแรงกระตุ้นในการจะทำอะไรขึ้นเยอะ"

"รวมถึงมีชีวิตอยู่ต่อด้วยไหม"

"...ไปอาบน้ำเถอะครับ วินตัวเหม็นจนสีเงินอยากจะคลุกตัวอยู่ด้วยแล้วนะ" เขาไม่เคยปฏิเสธเลย หลายๆ เรื่องจริงที่ผมพูดออกไป เหมือนกับย้อนกลับมาทำลายความรู้สึกของตัวเองทุกครั้ง

ผมเลิกถามคำถามที่รู้คำตอบ เดินตามชุนมายังห้องน้ำที่อยู่นอกห้อง ระหว่างทางก็มองสำรวจไปด้วย ที่นี่คงเป็นบ้านของชุนเอง นี่เป็นครั้งแรกเลยนะที่เขายอมพามา

ผมนอนแช่อ่างอาบน้ำเพราะชุนเปิดเอาไว้ให้ก่อนแล้ว เสื้อผ้าก็เตรียมไว้ให้เรียบร้อย ในบ้านหลังนี้ค่อนข้างโล่ง ไม่ได้มีเฟอร์นิเจอร์อะไรมากมายนัก

เมี้ยว~~ เมี้ยว~~

ผมตกใจกับเสียงแมวที่อยู่ๆ ก็ร้องขึ้นมา มองซ้าย มองขวาก็ไม่เห็น จนเหลือบมองไปยังหลังตู้ชั้นเก็บของที่อยู่สูงขึ้นไปอีก

แมวสีขาวที่มีตาสีเขียว มันกำลังจ้องมาที่ผมพร้อมกับร้องไม่ยอมหยุด ผมค่อยๆ ลุกขึ้นแล้วเปิดฝักบัวเพื่อล้างตัวอีกที ขยับร่างกายช้าๆ พร้อมทั้งมองที่แมวตัวนั้นเป็นระยะ รู้สึกเหมือนกับถูกจ้องมองทุกการกระทำเลย

"จะไม่กระโจนลงมาใช่ไหม" ผมถามแมวตัวนั้น มันหยุดร้องตั้งแต่ผมลุกขึ้นมาจากอ่าง

ผมขยับมาอีกมุมเพื่อแต่งตัว แต่ก็ยังแอบหวั่นๆ กับแมวตัวนี้อยู่

"อาบน้ำเสร็จแล้วเหรอครับ" ชุนถามหลังจากผมเปิดประตูออกมา

"ใช่ มีแมวอยู่ด้วย"

"แมว! ...ตาสีเขียวหรือเปล่าครับ ผมหาเขาไม่เจอ ปกติจะนอนหลับในอ่างอาบน้ำ"

"ตาสีเขียวดุๆ มันอยู่บนหลังตู้"

"เขาไม่ได้ดุครับ หน้าตาเป็นแบบนั้นเอง"

"มันร้องด้วย"

"วินแย่งที่นอนของเขานิครับ ผมเอาน้ำใส่ไว้ตั้งแต่เช้า เขาเลยไม่ได้นอนเล่นในอ่างอย่างที่ทำประจำ"

"ทำไมต้องนอนในนั้น"

"ไม่รู้สิครับ ทุกครั้งที่กรีนอายหายไป ผมจะไปเจอเขานอนอยู่ในอ่างตลอด"

"อืม กูปล่อยน้ำออกให้แล้ว ถ้าอ่างแห้งมันคงจะลงมานอน" ผมบอก

หลังจากที่คุยเรื่องแมวของชุนเสร็จ เขาก็พาผมมาที่ห้องนั่นเล่น เช้านี้มีอาหารเต็มโต๊ะ ซึ่งไม่น่าใช่ฝีมือของชุนแน่

"ป้าที่ดูแลบ้านทำให้ครับ กินเลยนะ ผมเพิ่งอุ่น ยังร้อนๆ "

"กินหรือยัง"

"เรียบร้อยแล้วครับ"

"อืม" ผมรับคำโดยเข้าใจ เพราะนี้ก็สายมากแล้ว ชุนจะไม่รอกินก็ไม่แปลก

"ทำไมถึงอยู่หอล่ะ ในเมื่อมีบ้านอยู่แล้วนิ"

"ผมอยู่ในโลกมืดมานาน ที่นี่ไม่ใช่ที่ปลอดภัยร้อยเปอร์เซ็นต์ การอยู่หอในมหาลัยจะช่วยให้ผมอยู่อย่างมีสมาธิมากขึ้น"

"แล้วอยู่ที่นี่มันอันตรายมากเหรอ"

"ผมไม่รู้ แต่ก็คงไม่มาก ประวัติด้านมืดของผมถูกลบไปแล้วก็จริง แต่มันก็ไม่ทั้งหมด"

"เด็กที่เป็นแบบนายมีเยอะไหม" ผมถามด้วยความอยากรู้ เขาบอกว่าคนที่รับเลี้ยงเขา ก็รับเลี้ยงเด็กคนอื่นๆ ด้วย เป็นเด็กที่มีปัญหากับครอบครัว รวมทั้งเด็กกำพร้าอีกด้วย

"เท่าที่รู้ก็เยอะครับ ที่นั่นจะมีการจัดลำดับความเก่ง เพื่อทดสอบว่าใครสามารถรับงานจริงได้บ้าง"

"แล้วถ้าเกิดมีคนที่ไม่เก่งการต่อสู้ล่ะ"

"คนเราต้องมีด้านที่เก่ง ถ้าไม่เก่งต่อสู้ ก็คงต้องฉลาด อาจจะเก่งคอม เก่งภาษา เก่งคณิต เก่งยิงปืน เก่งการซ่อนตัว ขโมย หรือไม่ก็การปรุงยา มีทั้งยารักษาและยาพิษ หรือไม่ก็เก่งด้านจิตวิทยา การพูดโน้มน้าว"

"เหรอ แล้วนายกลัวบ้างไหม มันฟังดูไม่น่าใช่เรื่องสนุกเลยนะ"

"สำหรับผม การอยู่ที่นั่นไม่น่ากลัวเท่ากับโลกภายนอกหรอกครับ สิ่งที่ผมกับคนอื่นๆ ต้องเจอก่อนที่จะมาเจอป๊า มันน่ากลัวกว่าเยอะ การที่อยู่ในสังคมที่มองเราเหมือนหมูเหมือนหมา เหมือนกับคนไร้ค่า ไม่มีคนรัก ไม่มีคนปกป้อง มันแย่มากนะครับ" ผมมองเข้าไปในดวงตาที่ฉายแววความเศร้าออกมา ดูเหมือนชุนจะมีอดีตที่ไม่ดีนัก ผมไม่เคยถามถึงอดีตของเขา เพราะเขาเล่าแค่ช่วงที่อยู่กับฟินิกซ์ คนรักของเขา ก่อนหน้าที่จะเจอฟินิกซ์ ผมไม่รู้เลยว่าเขาต้องเจอกับอะไรมาบ้าง แต่มันคงโหดร้ายน่าดู ผมดึงอีกคนเข้ามากอด ผมทำอะไรให้เขาไม่ได้ นอกจากอ้อมกอดนี้ ผมก็ไม่มีอะไรเลย

"กูอยู่ตรงนี้" ผมบอกอีกคนให้รู้ ถึงจะไม่ได้คบ ถึงจะไม่ได้เป็นแฟน หากว่าชุนสบายใจกับสถานะนี้ ผมก็คงต้องอยู่แบบนี้ต่อไป

"พี่เป็นคนพิเศษสำหรับผมนะ" ชุนบอก มันก็ดี อย่างน้อยก็คงดีกว่าคนอื่นๆ ที่เข้ามาในชีวิต เพราะแบบนี้สินะ เขาถึงยอมเล่าเรื่องของตัวเองให้ผมฟัง

"อืม" ผมตอบได้เพียงเท่านี้ เพราะสถานะที่ชุนมอบให้ คือเป็นห่วงได้ เที่ยวด้วยกันได้ กินข้าวด้วยกันได้ มีอะไรกันได้ แต่ไม่สามารถบอกรักได้ ผมไม่แน่ใจด้วยซ้ำ ว่าถ้ามีคนเข้ามาแทรกกลาง ผมจะสามารถหึงเขาได้ไหม หากเขาเจอคนที่เขาชอบมากกว่าผม ผมจะยังสามารถรั้งเขาด้วยอะไรได้บ้าง



+++



โชคชะตาเหมือนกับเล่นตลก การอยู่ด้วยกันกับชุน มันคือช่วงเวลาที่ดี ผมมีความสุข ถึงช่วงหลังๆ จะเจอกันน้อยลง เพราะชุนเรียนหนักขึ้น เขาตั้งใจกับการเรียนมาก ผมเองก็ไม่อยากขวางในสิ่งที่เขาทำ ผมเคยผ่านจุดนั้นมาแล้ว เลยรู้ดีว่ามันยากมากแค่ไหน

"ชุนคะ เจียเอาเอกสารมาให้ค่ะ"

"ขอบคุณ เจียทานอะไรหรือยัง"

"ยังเลยค่ะ เจียเพิ่งเสร็จงาน เจียขอร่วมโต๊ะด้วยได้ไหมคะ"

"เชิญครับ" ผมเป็นคนพูดเพราะเธอมองมาทางผม ทุกครั้งที่ผมอยู่ด้วย หากผมไม่ตอบรับ ชุนก็จะไม่ตอบรับเด็ดขาด พักหลังๆ มานี่ ชุนสนิทกับคนชื่อเจียเพราะต้องศึกษางานร่วมกัน

"เดี๋ยวผมไปซื้อน้ำให้" ชุนบอกแล้วเดินไป

วันนี้เรามากินข้าวที่โรงอาหาร ผมแยกจากเพื่อนๆ มาเพราะอยากนั่งกับชุน นอกจากไอ้วาแล้ว ผมยังมีเพื่อนคนอื่นๆ อีกคือไอ้โซ่ เจ้าของไอ้รถถัง ไอ้ธันหนุ่มรูปหล่อและหญิงสาวคนเดียวประจำกลุ่มคือไอ้ข้าวสวย ที่สวยมาก แต่ก็ปากร้ายมากเช่นกัน พวกมันบางทีก็ชอบแซวแรง ผมเลยไม่ค่อยอยากให้ชุนร่วมกลุ่มสักเท่าไหร่

"พี่วิน"

"ครับ"

"เจียถามอะไรหน่อยสิคะ"

"ว่า"

"ชุนเขามีแฟนไหมอะคะ" เจียถามผมด้วยท่าทีขะเขิน

"เรื่องนี้พี่ว่าเราถามชุนเองดีกว่านะ"

"ถามแล้วค่ะ แต่เขาไม่ยอมบอก เจียพูดจริงๆ นะพี่วิน เจียโคตรชอบชุนเลยอะ"

"เรื่องนั้นเจียคงต้องบอกชุน ไม่ใช่พี่"

"เจียรู้ค่ะ แต่เจียกลัวว่าบอกไปแล้วชุนจะมีแฟนอยู่ก่อน เวลานั่งเรียนบางทีเขาก็ชอบเหม่อ ชุนทำให้เจียรู้สึกว่าเขามีคนรักอยู่แล้ว แต่ก็ไม่เคยพามาให้เห็น ไม่เคยพูดถึง เจียเลยลองถามพี่วินดูเพราะพี่วินสนิทกับชุน เผื่อพี่วินจะรู้อะไร"

"ถึงรู้พี่ก็บอกเจียไม่ได้หรอก มันไม่ใช่เรื่องของพี่" ผมบอกออกไป เรื่องของชุน ถ้าเขาไม่เป็นคนพูด ผมก็ไม่มีสิทธิ์พูดเรื่องอะไรของเขาให้คนอื่นรู้

"พี่วินใจร้ายอะ แต่เจียไม่ยอมแพ้หรอกนะ" เจียพูดด้วยรอยยิ้มน่ารัก เธอยิ้มให้ผมอย่างปกติ จนผมรู้สึกผิดไปเลย ที่ไม่บอก อาจเพราะผมหวง การได้รับรู้เรื่องของชุน ทำให้ผมรู้สึกพิเศษกว่าคนอื่นๆ เพราะคงเป็นคนเดียวที่ชุนยอมเปิดใจบอก ผมจึงไม่อยากให้ใครรู้เรื่องนี้ด้วย ถึงจะเป็นอดีตที่ทำให้คนฟังอย่างผมเจ็บปวดก็เถอะ แต่ผมจะรับไว้เอง

"วิน นี่น้ำ แล้วก็นี่ของเจีย เราเลี้ยงที่เธอเอาเอกสารมาให้"

"ขอบใจนะ เดี๋ยวเลิกเรียนเจียจะติวให้อีกทีเหมือนทุกครั้ง เจอกันที่เดิมโอเคไหม"

"อืม" ชุนพยักหน้าแล้วหันมามองผม ผมเองก็มองชุนเช่นกัน ผมไม่รู้ว่าชุนมีติวกับเจีย รู้แค่ว่าเรียนหนักและเรียนเพิ่ม ทำให้ชุนมาคลินิกช้า ซึ่งผมไม่ได้เข้มงวดมากนักเหมือนในตอนแรก การที่เขามาดูงานที่คลินิกของผม ก็ช่วยดูแลคนไข้ได้มาก ถึงผมจะไม่ได้ให้เขารับเคสที่อาการหนัก แต่เขาก็ตั้งใจมาฟังและศึกษาเรียนรู้อย่างดี

"กูไปก่อนนะ"

"ยังไม่ถึงเวลาเรียนไม่ใช่เหรอ"

"นัดกับไอ้วาไว้ ต้องไปติวกฎหมายให้มัน"

"อืม แล้วเจอกันครับ" ชุนพูดบอก ส่วนผมไม่ได้ตอบรับ ไม่ชอบใจเรื่องที่รู้ว่าเจียติวให้ชุน ผมอยากบอกไปว่าตัวผมเองก็ติวให้เขาได้ ผมสามารถสอนเขาได้มากกว่าเจียเสียอีก แต่ผมไม่สามารถโวยวายอะไรได้ ผมเดินจากมาเงียบๆ เรื่องของเจียผมไม่มีสิทธิ์พูดอะไร เพราะรู้ว่าเจียคงเป็นได้แค่เพื่อน ขนาดผม ยังสู้คนในใจที่จากไปแล้วของชุนไม่ได้เลย

อยากรู้นะ ว่าฟินิกซ์เป็นคนแบบไหน อยากเห็นหน้าชัดๆ เพราะรูปในกระเป๋าของชุนแทบไม่เห็นอะไรเลย นอกจากผมที่ปิดไปเกือบครึ่งหน้า กับผิวขาวซีด เขาเป็นคนแบบไหนนะ คนที่เอาชนะใจชุนไปได้ คงจะเป็นคนเก่งพอตัวอย่างที่ชุนเล่านั่นแหละ เพราะคนอย่างผม ทั้งๆ ที่เชื่อมั่นมาตลอดว่าตัวเองเก่ง ผมฉลาดมากและเรียนรู้ได้ไว ไอคิวของผมถ้าทุกคนรู้ยังต้องตกใจ ทุกๆ ครั้งที่ผมลงแข่งขัน ผมไม่เคยแพ้เลยสักครั้ง ไม่ว่าจะภาคทฤษฎีหรือภาคปฏิบัติ ที่บ้าน ไม่ว่าจะถ้วยรางวัลหรือเหรียญทอง ผมมีไม่ต่ำกว่าร้อยที่ประดับตกแต่งอยู่บนฝาบ้าน แต่ครั้งนี้ผมกลับรู้สึกไม่ต่างอะไรเลยกับคนปกติธรรมดา

กับเรื่องความรัก...ทำให้ผมกลายเป็นคนแพ้ได้จริงๆ

ออฟไลน์ YiiM

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 60
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +13/-0
Re: ...ใจรัก... | ตอนที่ 5 รอ | 01/07/2020
«ตอบ #24 เมื่อ01-07-2020 17:09:40 »

ตอนที่ 5 รอ


หลังจากเมื่อวานที่ไอ้วาโทรมาคุยกับผม เพราะเห็นว่าช่วงหลังๆ ผมหง่อยมากเกินไป มันก็ทำให้ผมตัดสินใจได้ ว่าจะฉุดให้ชุนออกมาจากอดีต ไอ้วาบอกผมว่า มันไม่สำคัญเลยว่าชุนจะรักใคร เพราะผมที่เป็นคนปัจจุบันยังไงก็ต้องสำคัญไม่ต่างอยู่แล้ว

เพราะคำพูดของไอ้วา มันทำให้ผมฮึ่กเหิมขึ้นมา ถึงแม้จะไม่มาก แต่ใจของผมก็บอกให้ผมต้องสู้แล้วล่ะ

"วิน วันนี้ตอนเย็นไปหาอะไรอร่อยๆ กินกันไหม"

"เอาสิ เลิกเรียนกี่โมงล่ะ"

"วันนี้ 5 โมง เดี๋ยวผมไปรับ"

"กูคงอยู่ที่คลินิก"

"มีนัดกับคนไข้เหรอ"

"เปล่า เข้าไปตรวจตามปกตินั่นแหละ เลิกเรียนก็มารับแล้วกัน"

"โอเคครับ" ชุนรับคำแล้วนั่งกินข้าวต่อ วันนี้ผมมาหาอะไรกินนอกมหาลัย ชุนเองก็ดูผ่อนคลายมากด้วย เพราะก่อนหน้านี้มีสอบบ่อย แทบจะทุกอาทิตย์เลย ระหว่างนี้ผมก็แอบโทรไปจองร้านอาหารที่เคยไปเพียงสองครั้ง เพราะร้านคนเยอะแถมยังราคาแพงอีกด้วย

ชุนมาส่งผมที่คลินิก วันนี้คิดว่าจะไม่มีอะไร แต่ก็มีคนไข้เข้ามาให้ตรวจเรื่อยๆ แทบไม่ได้พักเลย ล่าสุดที่ดูคิวยังเหลืออีก 5 คน

"พักก่อนไหมคะคุณหมอ"

"ไม่เป็นไรครับ คิวต่อไปเลย" ผมบอกพี่พยาบาลเพื่อตรวจคนไข้รายต่อไป

ผมไม่อยากจะบอก ว่าวันนี้ผมจองร้านอาหารหรูเอาไว้ด้วย นานๆ ทีก็อยากให้อีกคนกินของดีๆ บ้าง ผมไม่ค่อยตามใจชุนสักเท่าไหร่อยู่แล้ว แต่วันนี้จะละเว้นให้แล้วกัน

หลังจากตรวจคนไข้รายสุดท้ายเสร็จ ผมก็ออกมานอกห้องตรวจ ได้ยินเสียงฟ้าร้องมาสักพักแล้ว ดูเหมือนว่าฝนจะตกในไม่ช้า ด้านหน้าคลินิกเป็นกระจกใส สามารถเห็นรถที่วิ่งผ่านไปมาได้ และดูเหมือนรถจะติดมากเช่นกัน

มองดูเวลา นี่ก็ 5 โมงเกือบ 6 โมงแล้ว แต่ชุนก็ยังไม่มา มองดูโทรศัพท์ก็ไม่มีสักสาย ไม่มีแม้แต่ข้อความ คงจะกำลังรีบมาอยู่นั่นแหละ

"คุณหมอจะไปตลาดกับพวกเราไหมคะ รันมีร่ม"

"ไม่เป็นไรครับ คุณรันไปเถอะ" ผมบอก เธอเป็นพยาบาลที่นี่ได้ 2 เดือนแล้ว ทำงานดี มีความตั้งใจและตรงต่อเวลา เธอมาแทนพี่นกที่ลาออกไปเนื่องจากปัญหาส่วนตัว พี่นกเองก็ทำงานดี เธออยู่กับผมมาตั้งแต่ผมเปิดคลินิกแรกๆ

"ถ้าอย่างนั้น รันไปนะคะ เดี๋ยวซื้อขนมมาฝาก"

"ไม่เป็นไรครับ เดี๋ยวผมจะกลับแล้ว" ผมบอกก่อนเธอจะยิ้มและพยักหน้าเข้าใจ คลินิกที่นี่เปิด 24 ชั่วโมง นอกจากผม ยังมีหุ้นส่วนอีกคนที่เป็นคุณหมอ เขาอายุมากกว่าผมหลายปี พวกเรารู้จักกันตอนที่ผมไปศึกษางานวิจัยที่โรงพยาบาลแห่งหนึ่ง เขามีทัศนคติที่ดี ผมเลยดึงเขามาเป็นหุ้นส่วนที่คลินิกนี้ด้วย

ผมออกมานั่งรอชุนที่ด้านหน้าคลินิก ตอนนี้ฝนเริ่มตกลงมาบ้างแล้ว ท้องฟ้าก็เริ่มเปลี่ยนสีจนกลายเป็นสีดำมืดสนิท

"ว้าย คุณหมอคะ ทำไมยังนั่งอยู่ตรงนี้ล่ะคะ เปียกหมดแล้วนะ" คุณรันร้องออกมาอย่างตกใจ เธอเดินกลับมาจากตลาดแล้ว มือข้างหนึ่งถือถุงมากมาย ส่วนอีกข้างกางร่มสีสวยเพื่อไม่ให้ตัวเองเปียก

"ผมไม่เป็นไร"

"เข้าไปนั่งข้างในเถอะค่ะ เดี๋ยวก็ป่วยกันพอดี" คุณรันบอกแล้วลากผมเข้ามานั่งด้านใน ผมก็แค่เปียกจากฝนที่สาดเข้ามานิดหน่อยเท่านั้นเอง

"นี่ค่ะ เช็ดผมให้แห้งก่อนนะคะ" คุณรันเดินเอาผ้าเช็ดผมมาให้ ผมก็รับมาแต่โดยดี

"รันคิดว่าคุณหมอกลับไปแล้วนะคะ ถ้าเพื่อนคุณหมอยังไม่มารับ ให้รันไปส่งไหมคะ เดี๋ยวให้ไหมอยู่เฝ้าคนเดียวก่อน"

"ไม่เป็นไรครับ เดี๋ยวเพื่อนผมก็มารับแล้ว" ผมบอกแล้วยังคงนั่งรอต่อไป ลองโทรหาดูแล้วก็ปิดเครื่อง ผมจึงไม่มีวิธีติดต่อชุนนอกจากนั่งรออยู่อย่างนั้น

"คุณหมดคะ รันว่าไปกับรันเถอะ รอจนรันออกเวรแล้วนะคะ นี่ก็มืดมากแล้วด้วย" คุณรันบอก เธอเก็บของหมดแล้วเพื่อเตรียมตัวกลับบ้าน นี่ผมนั่งรอนานขนาดนี้เลยเหรอ ความจริงผมควรซื้อรถสักคัน หาเวลาไปทำใบขับขี่ จะได้ไม่ต้องรอนานแบบนี้ดีหรือเปล่านะ

ผมมองไปยังด้านนอก ฝนตกหนักกว่าเดิมอีก ท้องฟ้าก็มืดมากด้วย ที่สำคัญ บ้านคุณรันไปคนละทางกับบ้านผม ผมจึงไม่อยากรบกวนเธอ

"ไม่เป็นไรหรอกครับ ขอบคุณนะครับ" ผมยังคงตอบแบบเดิม คุณรันพยักหน้าเข้าใจแล้วเดินออกไป

ผมตัดสินใจนั่งแท็กซี่กลับมายังบ้านแทน ฝากบอกพยาบาลกะถัดไปแล้วว่าถ้าชุนมาให้บอกว่าผมกลับบ้านแล้ว การที่ติดต่ออีกคนไม่ได้ ผมก็อดเป็นห่วงไม่ได้ แต่ก็ไม่สามารถทำอะไรได้ ผมไม่ได้ไปหาชุนที่บ้าน เพราะคิดว่าถ้าเขาอยู่บ้านเขาก็คงติดต่อกลับมาแล้ว ชุนไม่เคยหายเงียบไปเฉยๆ แบบนี้ บางทีเขาอาจจะติดธุระสำคัญอยู่ก็เป็นได้ ผมไม่ลืมที่จะโทรไปยกเลิกร้านหรู ถึงแม้จะมัดจำเงินไปกว่าครึ่ง แต่ก็นั่นแหละ ถ้าจะให้ไปนั่งกินคนเดียวผมก็ไม่เอาหรอก





++++++++++++



ผมหลับตั้งแต่กลับมาถึงจนถึงตอนนี้ รู้สึกหิวน้ำเลยตื่นขึ้นมากลางดึก มองดูเวลาก็ตี 3 กว่าแล้ว ภายใต้หน้าจอโทรศัพท์ที่ผมตั้งเป็นรูปพื้นสีทั่วไป มันไม่มีอะไรเลย ทั้งสายเรียกเข้าและข้อความ ไม่มีจากใครทั้งนั้น ผมวางโทรศัพท์ไว้ที่เดิม ไม่คิดที่จะติดต่อไปก่อน และไม่คิดที่จะเดินไปหาน้ำดื่มด้วยถึงแม้จะรู้สึกว่าคอแห้งมากกว่าเดิม

ความรู้สึกที่ได้รักไปแล้ว แต่กลับทำอะไรไม่ได้ แบบไม่ได้เลยจริงๆ นั้น มันแย่แบบนี้นี่เองสินะ

ผมล้มตัวลงนอน ถึงจะไม่รู้สึกง่วงแล้ว แต่ก็พยายามข่มตาตัวเองให้หลับ อย่างน้อยก็เพื่อไม่ให้ตัวเองคิดฟุ้งซ่านกว่านี้

ผมตื่นขึ้นมาในเช้าที่โคตรจะไม่สดใส เดินงัวเงียไปยังห้องน้ำเพื่ออาบน้ำ อาจเพราะเมื่อคืนตื่นขึ้นแล้วนอนแทบไม่หลับ ทำให้เช้านี้รู้สึกปวดหัวมากเป็นพิเศษ แต่ก็ไม่สามารถหยุดเรียนได้ เพราะนัดติวให้ไอ้วาไว้แล้ว หากเบี้ยวนัดมันเข้า คงบ่นหูฉีกแน่ๆ

"กินอะไรมาหรือยังวะ"

"ยัง"

"หิวไหม กูกำลังจะเดินไปซื้อน้ำ"

"เอากาแฟมาแล้วกัน" ผมบอกไอ้วา มันเป็นคนมารับผมที่บ้านเมื่อเช้า เรามีติวกันที่ใต้ตึกวันนี้ ไอ้สวยกับไอ้โซ่ก็จะตามมาติวด้วย ส่วนไอ้ธันไปส่งแฟนมันที่ตึกเรียนก่อน ค่อยตามมาสมทบอีกที

"อ่ะ เมื่อคืนไม่ได้นอนหรือไงวะ หนักเลยดิ" ไอ้วาบอกพร้อมกับท่าทางแซว ผมได้แต่ส่ายหัวแล้วยกกาแฟขึ้นดื่ม

"หยิบหนังสือขึ้นมา" ผมพูดแค่นั้น ไอ้วาก็รีบนั่งและทำตามที่บอกทันที ผมจริงจังทุกครั้งที่มีติว เพราะอยากช่วยให้เพื่อนๆ สอบผ่าน ยิ่งกับไอ้วาด้วยยิ่งแล้วใหม่ การที่จะอธิบายให้มันเข้าใจนั้นไม่ใช่เรื่องง่ายสำหรับผมเลย

"เข้าใจไหม"

"เข้าใจ"

"เข้าใจว่า...! " ผมถาม ไอ้วาทำหน้าเลิ่กลั่ก

"กะ...กูเข้าใจจริงๆ มึง..." มันบอกแล้วเริ่มอธิบายสิ่งที่ผมถามมันไป ซึ่งคำตอบที่ได้ ถึงแม้จะตะกุกตะกักไปสักนิด แต่นั่นก็แปลว่ามันเข้าใจจริงๆ

"เข้าใจก็ตอบกูมา ทำเหมือนกับกูจะฆ่ามึงอย่างนั้นแหละ" ผมบอกก่อนจะเปลี่ยนหัวข้อถัดไป ไอ้วาทำหน้าเลิ่กลั่ก มันเหมือนกับไม่รู้จะพูดอะไร

"มาแล้วโว้ย พวกกูมาแล้ว"

"โอ้ย กว่าจะมานะพวกมึง"

"ก็ไอ้โซ่นี่สิ ไปรับกูช้า"

"เดี๋ยวนะครับคุณผู้หญิง ก็มึงไม่ใช่เหรอที่ลืมนั่นลืมนี่จนกูต้องวนรถกลับไปกลับมา"

"จิ๊ พูดมาก ว่าแต่ติวกันถึงไหนแล้ววะ"

"หน้าที่ 138 แล้ว" มีเพียงไอ้วาที่ตอบกลับไป ผมเพียงมองพวกมันคุยกัน

"กูซื้อหมูปิ้งมาด้วย กินไหม" ไอ้สวยถามพร้อมกับยื่นถุงหมูปิ้งมาทางผม ผมส่ายหน้าก่อนที่ไอ้วาจะแย่งถุงจากมือไอ้สวยไป

"เห้ยๆๆ กูซื้อให้ไอ้วิน มึงหยุดเลยนะ"

"ก็มันไม่กิน เดี๋ยวกูกินเอง"

"มันไม่กิน ไม่ได้แปลว่ามึงกินได้ เอามานี่" ไอ้สวยว่าแล้วคว้าถุงหมูปิ้งกลับไป

"ขี้หวงจังวะ"

"ของมึงถุงนี้" ไอ้โซ่บอกแล้วยื่นถุงน้ำเต้าหู้มาให้ไอ้วาแทน

"อี๋ ไม่เอาอ่ะ"

"แฝดมึงฝากมา ไม่แดกก็แล้วแต่" ไอ้สวยว่าพร้อมกับเดินมานั่งแทรกระหว่างผมกับไอ้วา ทำให้ไอ้วาต้องขยับออกไป ไอ้โซ่ที่ยืนอยู่ก็เดินอ้อมมานั่งอีกข้างของผม

"กูจะเริ่มติวแล้วนะ" ผมบอกหลังจากที่พวกมันกินเสร็จ

‘มึงๆ ทำไมวันนี้ไอ้วินมันดุจังวะ’

‘ก่อนมึงมาคือกูโดนจัดหนักไปแล้ว’

‘มันดูอารมณ์ไม่ดีนะ ทะเลาะกับแฟนเด็กมันหรือเปล่าวะ’

‘กูจะไปรู้ได้ไง’

‘มึงถามมันสิ’

‘จะบ้าเหรอ มึงอยากรู้มึงก็ถามมันเองสิ’

‘มึงไม่กล้าเหรอ’

‘แล้วมึงคิดว่ากูกล้าหรือไงเล่า’

"เหมือนพวกมึงจะเข้าใจกันดีแล้ว กูหยุดติวแค่นี้แล้วกัน" ผมบอกหลังจากได้ยินไอ้วาและไอ้สวยซุบซิบกันอยู่นาน ในเมื่อไม่ตั้งใจฟังที่ผมอธิบาย ก็คงต้องหยุดติวกันแค่นี้

"เฮ้ยๆ ได้ไงอ่ะ กูยังงงอยู่เลย" ไอ้โซ่ท้วง

"นั่นสิ มึงยังติวให้พวกกูไม่ถึงครึ่งชั่วโมงเลยนะ" ไอ้สวยว่าเสริม

"ก็เห็นมึงคุยกัน ก็นึกว่าเข้าใจแล้วเลยไม่ฟัง"

"ก็แค่ถามตรงที่สงสัยกันเอง"

"มึงพูดเหมือนที่ซุบซิบกันเมื่อกี้ กูนั่งอยู่ไกลอ่ะ"

"แหะๆ ก็วันนี้มึงดูดุนิ ติวต่ออีกนิดสิ นะนะ"

"ความสวยของมึงไม่ได้ผลกับกู"

"ถ้าอย่างนั้น..."

"เอาไอ้รถถังให้กูสิ เผื่อกูจะเปลี่ยนใจ" ผมพูดสวนขึ้นก่อนที่ไอ้โซ่จะเสนอ มันชะงักไปนิดแล้วก็หน้าบึ้งทันที

"ล้อเล่น พักสักครู่แล้วกัน" ผมบอก พวกมันทั้งสามคนถึงกับถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก ก่อนที่จะแยกย้ายกันไปรีแลค

"วิน" เสียงหวานดังขึ้น นี่ต้องไม่ใช่เสียงไอ้สวยแน่นอน

"ว่าไงฮิต" ผมถามเพื่อนร่วมชั้นที่เรียนด้วยกันตั้งแต่ปี1 ถึงจะอยู่คนละกลุ่มแต่ผมก็จำเขาได้ เพราะเคยทำงานอยู่กลุ่มเดียวกันบ้างบางครั้ง

"เมื่อกี้เห็นติวกันอยู่ ว่าจะมานั่งติวด้วยสักหน่อย"

"อ๋อ พักน่ะ พวกนั้นเลยไปเข้าห้องน้ำกัน"

"เหรอ ถ้าไม่เป็นการรบกวนมากไป เพิ่มผมเข้าไปอีกคนด้วยได้ไหม"

"ก็ได้อยู่หรอก แต่นายก็เก่งอยู่แล้วนิ"

"มันก็ยังมีจุดที่ผมไม่เข้าใจอยู่บ้าง"

"ถ้าอย่างนั้น..."

"วิน! " เสียงเข้มเรียกผมดังขึ้น เสียงที่ผมอยากได้ยินมาตั้งแต่เมื่อวาน แต่ผมกลับเพิ่งมาได้ยินเอาวันนี้ ผมรับรู้เลยว่าคนด้านหลังคือใครโดยไม่ต้องหันไป

"ชุนเหรอ"

"ครับ ผมมีเรื่องจะคุยด้วย"

"อืม นั่นสินะ" ผมตอบรับแล้วหันไปมองหน้าอีกคน

"ไปคุยกันด้านนั้นไหม" ชุนบอกแล้วชี้ไปยังมุมตึก ผมทำเพียงพยักหน้าแล้วหันไปบอกกับฮิต

"เดี๋ยวมานะ" ฮิตพยักหน้ารับ

"ใครครับ" ประโยคแรกที่ชุนถามผม

"เพื่อนน่ะ" ผมบอกก่อนจะมองผ่านหลังชุนไปเพื่อมองไปทางฮิต

"ไม่ต้องมองเขาครับ" ผมได้แต่เลิกคิวขึ้น ก่อนที่จะถามอีกคนกลับ

"มีอะไรหรือเปล่า"

"จะมาขอโทษเรื่องเมื่อวานน่ะครับ พอดีติวกับเจียนานไปหน่อย ผมลืมดูเวลา"

"ก็น่าจะโทรมาบอกกูไหม! "

"รอนานเลยเหรอ ผมขอโทษ ก็ว่าจะโทรหาอยู่แต่แบตหมด"

"กลับห้องแล้วไม่ชาร์จแบตเลยหรือไง"

"มันดึกมากแล้ว ผมไม่อยากกวน" คำพูดของอีกคนทำเอาผมกัดฟันตัวเองแน่น ผมโกรธ และโกรธมากขึ้นเลยๆ ผมไม่รู้ว่าไอ้สถานะคนพิเศษที่มันตั้งให้ผมนั้น ผมมีสิทธิ์แค่ไหนที่จะโวยออกมา

"ดึกขนาดไหน ติวกันขนาดไม่กลับบ้านกลับช่องกันเลยว่างั้น"

"กลับครับ แต่ที่ดึกมากเพราะผมไปส่งเจียที่หอด้วย" อีกคนบอกออกมา เขาสารภาพเหมือนกับเรื่องนี้ไม่มีอะไรและใช่ มันไม่มีอะไร ก็แค่คนสองคนติวหนังสือกันถึงดึก ผู้ชายต้องไปส่งผู้หญิงกลับห้องเพราะมันอันตราย ก็แค่นั้น...แค่นั้นเหรอวะ นอกจากโว้ยในใจ ผมสามารถทำเหี้ยอะไรได้บ้างวะ แม่งเอ้ยยยย

ผมข่มอารมณ์ตัวเองและหายใจเข้าลึกๆ หากผมโวยออกมา ผมก็ไม่รู้ว่าผลลัพธ์จะออกมาเป็นยังไง ชุนอาจผลักไสผมออกจากชีวิตเขาเลยไหม เพราะตลอดเวลาที่ผ่านมา เราไม่เคยทะเลาะกันเลย ผมกลัวว่ามันจะเป็นเรื่องใหญ่ และผมคงรับไม่ได้ในตอนนี้ หากว่าพรุ่งนี้ผมและชุนจะกลายเป็นคนอื่นไกลกันจริงๆ

ผมไม่เคยเป็นแบบนี้ สูญเสียการเป็นตัวเอง ห้ามอารมณ์ไม่ค่อยอยู่ คาดหวังกับคนอื่น รู้สึกอุ่นใจเมื่อมีใครสักคนอยู่ด้วย ชุนทำให้ทุกวันของผมค่อยๆ มีสีสัน มันสนุกขึ้นกว่าเมื่อก่อน ผมชอบในทุกๆ เช้าของตัวเองมากขึ้น มันดีที่จะตื่นขึ้นมาแล้วมีใครสักคนโทรหา มีคนคอยห่วงใย หรือแม้แต่มีใครสักคนอยู่ข้างๆ ซึ่งนั่นก็คือชุน

ผมไม่ใช่คนโชคดีนักหรอกนะ ใครๆ ก็มีปมในอดีตทั้งนั้น ถึงผมจะมีพ่อ มีแม่ แต่ก็ไม่ใช่ครอบครัวสุขสันต์อย่างที่ใครๆ คิด ผมต้องแยกจากพวกท่านตั้งแต่ยังเด็ก ต้องใช้ชีวิตต่างเมืองต่างแดนตั้งแต่ยังไม่สิบขวบด้วยซ้ำ ทุกๆ อย่างก็ต้องทำด้วยตัวเอง มันทำให้ผมกลายเป็นคนเก็บตัว ผมชอบที่จะอยู่คนเดียวและไม่เคยคิดที่จะพึ่งพาใคร จนกระทั่งมาเจอชุน

เขาทำให้ทุกๆ วันของผมโคตรจะดีอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน ผมก็ไม่รู้จะพูดยังไง แต่คงเรียกได้ว่านั่นคือความรักแหละนะ

"ขอโทษนะครับ กว่าจะขับกลับมาถึงหอ มันก็ตีหนึ่งกว่าแล้ว คิดว่าวินคงหลับไปแล้วเลยไม่อยากกวน"

"ความจริงมึงส่งข้อความได้นะ"

"เอ่อ..."

"ช่างเถอะ กูแค่บอกไว้ เพราะคนรอมันเป็นห่วง" ผมพูดแค่นั้นก่อนที่จะหันหน้าหนี

"โกรธมากเลยสินะครับ..." ชุนยังพูดไม่ทันจน ก็มีสายโทรเข้าจากใครสักคน เขาหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดูแต่ไม่ได้กดรับ

"ผมต้องไปแล้วเพราะมีควิซ เดียวตอนเย็นโทรหานะครับ ขอโทษ จุ๊บ" ก่อนจะวิ่งไป ชุนหันมาหอมที่หน้าผากของผมด้วย

หลังจากชุนเดินไป ผมก็ยังคงยืนอยู่ตรงนั้นไม่ได้ขยับไปไหน ขาของผมก้าวไม่ออก เขาก็เป็นแบบนี้ทุกที ผิดก็ขอโทษ ทำเหมือนห่วง ทำเหมือนใส่ใจ จนผมโกรธอะไรเขาไม่ได้เลย

"มายืนทำอะไรตรงนี้"

"เปล่า"

"ไอ้ฮิตบอกว่ามีเด็กแพทย์มาหามึง ไอ้ชุนเหรอ"

"อืม"

"แล้วยังไง มันชวนไปกินข้าว? "

"เปล่า"

"ทะเลาะกัน? "

"ก็เปล่า"

"ดูมึงทำหน้าเข้าสิ"

"ช่างเถอะ ไอ้ธันมาหรือยัง"

"มาแล้ว มันพาแฟนมันมาด้วย"

"แล้วไอ้สวยล่ะ"

"ก็จิกกันจนกูออกมานี่แหละ"

"งั้นรีบไปเถอะ เดี๋ยวก็ตบกันอีกหรอก" ผมบอกแล้วผลักไอ้วาให้เดินไป ไอ้สวยเพื่อนของผมกับแฟนไอ้ธันไม่ค่อยถูกกันเท่าไหร่ ไม่ว่าเวลาจะผ่านมานานแค่ไหน ทั้งสองคนก็ยังจิกกัน แขวะกันไม่เลิก

"เธอ หิวน้ำไหม"

"ไม่อ่ะ เธอหิวเหรอ เดี๋ยวไปซื้อให้นะ"

"งั้นไปด้วยกัน"

"ไม่ติวหรือไง มึงมายังไม่ถึง 10 นาทีเลยนะ" ไอ้สวยพูดขัดบทสนทนาของคู่รักที่นั่งอยู่ฝั่งด้านหน้าของผม

"ก็จะไปซื้อน้ำให้ไง ไอ้วินก็พูดจนเสียงแหบมันยังต้องอธิบายอีกเยอะเลยเพราะกูไม่เข้าใจ" ไอ้ธันบอกแล้วพาแฟนมันเดินเลี่ยงไป

"มึงก็หยุดแขวะเขาสักทีไหม" ไอ้วาพูดบอก

"ก็กูไม่ชอบ มันก็รู้ แล้วยังจะพามาอีก"

"ก็พวกเขาเป็นแฟนกัน นี่มึงยังไม่ตัดใจหรือไง"

"เปล่า กูเลิกคิดเรื่องไอ้ธันแล้ว แต่กูไม่ชอบแฟนมัน แล้วทำไมมึงถึงชอบล่ะ มันเป็นเพื่อนกับแฟนเก่าแฟนมึงนะ"

"เป็นเพื่อนก็คือคนละคน กับกู เขาก็ดี มึงก็ลดๆ อคติลงนิดหนึ่งไหมไอ้สวย"

"ไม่! " ไอ้สวยพูดขัด ทำเอาพวกผมส่ายหน้าเพราะทำอะไรไม่ได้ ความจริงไอ้สวยมันไม่ใช่คนไม่ดี แฟนของไอ้ธันก็ใช่ว่าจะไม่ดี เพราะก็ดีทั้งคู่ แต่ดีคนละแบบ พวกผมเลยไม่ได้เข้าข้างใครเป็นพิเศษ

"กูจะติวต่อแล้วนะ" ผมพูดบอก ทุกคนก็พยักหน้าเข้าใจ





+++++++







"พอเถอะไอ้วิน กูไหว้ล่ะ"

"นั่นสิ หิวข้าวแล้วด้วย" ไอ้วากับไอ้โซ่อวดครวญ ทำให้ผมต้องหยุดการอธิบายเพียงเท่านี้

"ตามทันใช่ไหม"

"อืม ทันอยู่นะ นายนี่เก่งจริงๆ เลยนะ"

"ไม่หรอก"

"ขอบใจสำหรับวันนี้"

"ไม่เป็นไร"

"แล้วพวกนายจะไปไหนกันต่อ"

"คงไปหาอะไรกินแถวนี้"

"ถ้าอย่างนั้น ฉันเลี้ยงไหม"

"เลี้ยงพวกกูด้วยป่ะ"

"เรื่อง? " ผมหันไปถามไอ้โซ่

"เอ้า นี่กูเพื่อนมึงนะ"

"ฮ่าๆๆ ได้ๆ เลี้ยงหมดทุกคนนี่แหละ"

"แต่ว่า..."

"ไม่เป็นไรหรอก ถือว่าวันนี้ผมมากวนการติวแล้วกัน"

"แต่ไม่เห็นว่าต้องเลี้ยงพวกมันเลย"

"ไม่เป็นไรน่า"

"เขาก็บอกว่าไม่เป็นไร มึงอ่ะคิดมาก ไอ้ฮิตบ้านมันรวยจะตาย"

"แต่มึงก็รวยนะไอ้โซ่"

"นั่นเงินหญิงแม่ กูมันคนจนโว้ย" ไอ้โซ่บอกแล้วทำหน้าจ๋อย ผมว่าฐานะทางบ้านไอ้โซ่น่ะ ไม่ธรรมดาเลย ถือว่ารวยจัดเลยล่ะ จากสัตว์ที่มันเลี้ยง ไหนจะบ้านหลังใหญ่ กล้องวงจรปิดไม่ต่ำกว่า 10 ตัว แถมยังมียามเฝ้าตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมงด้วย

"ถ้าอย่างนั้นก็ไปกินที่โรงอาหารแล้วกัน"

"ของฟรี ไม่ขัดจ้าาา" ไอ้สวยเสริม

"ถ้างั้นก็ไป" ผมบอกแล้วพวกเราก็เก็บข้าวของเพื่อย้ายมานั่งที่โรงอาหาร นี่คือช่วงเวลาบ่ายกว่าๆ แล้ว คนเลยไม่เยอะเหมือนช่วงเที่ยงๆ แต่ก็มีนักศึกษาเดินเข้าออกตลอด

"เฮ้ยๆ นั่นเด็กวิศวฯที่เคยจีบมึงนิ" ไอ้ธันชี้ไปยังกลุ่มเด็กวิศวฯกลุ่มหนึ่งที่เคยจีบไอ้สวย

"เออว่ะ รีบเดินเลยมึง" ได้สวยบอก พวกเราเลยรีบเดินมายังมุมด้านในของโรงอาหาร ที่รีบเดินเข้ามาไม่ใช่เพราะมีปัญหาอะไรกับเด็กวิศวฯนั่นนะครับ เพราะเด็กนั่นตอนจีบไอ้สวยไม่ติดก็ไม่ได้อะไร ยังคงทักทายกันเป็นปกติ แต่เพราะความสวยของไอ้สวยนี่สิ ที่มักเป็นปัญหา มันสวยแบบสวยจริงๆ ตาโต จมูกโด่ง ผิวขาว ตัวเล็กๆ แต่ไม่ได้ดูเตี้ยอะไร จะพูดให้ถูกก็เหมือนตุ๊กตาเดินได้นั่นแหละ พวกผมเลยไม่ค่อยมาโรงอาหารสักเท่าไหร่ เพราะมันไม่สวยตัว

"พี่ครับ คือว่าเพื่อนผมขอ..."

"ไม่ให้"

"อ่า ครับ" พวกผมยังไม่ทันได้นั่งด้วยซ้ำ ก็มีมาแล้วหนึ่งราย ฝ่ายนั้นยังพูดไม่ทันจบประโยคด้วยซ้ำ ไอ้สวยก็ตัดบททันที

"รีบกิน รีบไป" ผมบอก แล้วรีบจดรายการอาหารของแต่ละคนก่อนที่จะแยกมาสั่งอาหารที่ร้านอาหารตามสั่ง โดยมีฮิตเดินตามมาจ่ายเงินด้วย

"ความจริงไม่ต้องเลี้ยงพวกนั้นก็ได้นะ"

"ไม่เป็นไรหรอกน่า คราวหลังนายจะได้ติวให้อีก ที่นายอธิบาย จำง่ายกว่าอาจารย์เยอะเลย"

"ก็พูดเว่อร์ไป"

"จริงๆ นะ"

"วิน"

"อ้าวชุน เพิ่งมากินข้าวเหรอ" ผมถาม

"เปล่าครับ ผมลงมาซื้อน้ำ" ชุนบอกแล้วยกขวดน้ำโชว์

"อ่อ"

"นั่น" วินพูดแล้วชี้มาทางฮิต

"กูติวให้เขา เขาเลยพามาเลี้ยง" ผมบอก ก่อนจะถูกชุนลากออกมาจากแถว

"โกรธอะไร" ผมถาม

"ไม่โกรธครับ แค่ไม่ชอบ"

"ไม่ชอบอะไร"

"มัน" ชุนบอกแล้วชี้ไปยังฮิตที่เข้าแถวรออาหาร

"ก็เพื่อนกัน"

"ผมรู้ แต่ก็ไม่ชอบอยู่ดี"

"อย่าบอกว่าหึง" ผมพูดด้วยท่าทีนิ่งๆ อีกคนก็นิ่งไม่แพ้กัน

"พี่ไม่เข้าใจ สายตาของมันเหมือนพวกไม่หวังดี" นี่ผมคาดหวังคำตอบอะไรจากอีกคนอยู่นะ

"คิดมาก"

"ห่างๆ ไว้ก็ดีนะครับ"

"อืม รู้แล้ว" ผมตอบรับ ชุนยังคงมองฮิตไม่วางตา ในเมื่อเขาไม่ได้บอกว่าหึง ผมก็ไม่อยากดีใจเก้อ เพราะชุนอาจจะไม่ได้รู้สึกหึงจริงๆ แต่เขาดูไม่ชอบฮิตมากจริงๆ เราคุยต่ออีกไม่กี่ประโยค ก่อนที่เจียจะเดินมาเรียกชุนให้กลับไป

"ผมไปก่อน ทานข้าวให้อร่อยนะครับ"

"อืม ตั้งใจเรียน" ผมบอกแค่นั้นแล้วเดินกลับมายังแถว





++++



หลังจากทานข้าวเสร็จ พวกผมก็มานั่งคุยกันใต้ตึกเพื่อรอเวลาเข้าเรียน ไอ้ธันไปส่งแฟนมันที่คณะ เพราะจีก็มีเรียนเหมือนกัน ฮิตกลับไปหาเพื่อนกลุ่มของเขาแล้ว ไอ้วาแว๊ปออกไปหาแฟนมันตั้งแต่ที่ออกจากโรงอาหาร ตอนนี้เลยมีผม ไอ้สวยและไอ้โซ่ ที่นั่งคุยกันอยู่

"ก็ว่าจะซื้อเพิ่ม"

"เท่าที่มีมึงยังไม่พออีกเหรอ"

"ก็กูชอบของกู"

"ครั้งนี้จะซื้ออะไร"

"แมงมุม"

"อี๋"

"อี๋อะไร น่ารักจะตาย"

"มึงจะตายเพราะสัตว์ที่มึงเลี้ยงเข้าสักวัน"

"ก็น่าจะทีหลังมึงอยู่นะ"

"พอๆ เลิกเถียงกันได้แล้ว" ผมห้ามศึกระหว่างไอ้สวยกับไอ้โซ่ เถียงกันได้เถียงกันดี แต่ก็ตัวติดกันตลอด ไอ้สวยถึงจะร้องอี๋ แต่มันก็ชอบไปนอนค้างบ้านไอ้โซ่อยู่บ่อยๆ โดยที่ไม่คิดเลยว่าอีกคนเป็นผู้ชาย

"ว่าแต่ว่า ถ้าเลิกเรียนยังจะติวอีกไหมอ่ะ" ไอ้สวยถามผม

"ไม่แล้ว"

"ดี เพราะวันนี้หัวกูก็ไม่รับอะไรแล้ว" ไอ้สวยพูดพร้อมกับทึ้งหัวตัวเอง

"งั้นไปเที่ยวกันไหม"

"ที่ไหน"

"ร้านแฟนไอ้วา"

"กี่ทุ่ม"

"สามละกัน"

"ดีล"

"เออ ดีล"

"กูขอผ่าน" ผมพูดขึ้น

"โว๊ะ อะไรวะ นานๆ ทีนะ"

"นานๆ ถี่สิไม่ว่า" ผมบอก วันก่อนพวกมันก็เพิ่งไปกันมาเอง

"ไม่ไปจริงเหรอวะ"

"ไม่ล่ะ" ผมบอกก่อนที่จะซุกหน้าลงกับโต๊ะ พวกมันก็ไม่เลาหลืออะไรผมต่อ เป็นอันว่าเข้าใจตรงกัน เพราะถ้าผมบอกว่าไม่แล้วนั้น ก็แปลว่าไม่จริงๆ





+++++++++







"อ้าววิน มารอผมเหรอ" หลังเลิกเรียน ผมก็มานั่งรอชุนที่คณะของเขา เพราะเพื่อนๆ ของผมต่างคนต่างแยกย้าย ไอ้สวยไปกับไอ้โซ่ ไอ้วาไปรอที่ร้านแฟนของมัน ส่วนไอ้ธันไปคุยกับจี เพราะงานนี้ไอ้สวยยื่นคำขาดบอกว่าไม่ให้ใครเอาแฟนไป

"อืม"

"นานไหม อาจารย์เพิ่งปล่อยน่ะ คุณน่าจะโทรมาบอกผมก่อน"

"ไม่เป็นไร กูรอได้"

"งั้นไปกัน อยากกินอะไร"

"ซูชิสายพานไหม"

"เอาที่วินชอบสิ"

"งั้นก็ซูชิสายพานแล้วกัน" ผมบอก ทำให้อีกคนยิ้มจนตาปิด เพราะผมรู้ว่าเขาน่ะชอบ

"ชุน! "

"อ้าวเจีย ว่าไง"

"พอดีไม่เข้าใจที่อาจารย์พูดเมื่อกี้นิดหน่อยน่ะ พอจะว่างอธิบายให้หน่อยได้ไหม" หลังจากเจียพูดจบ ชุนก็หันมามองที่ผม ซึ่งผมก็ไม่ได้แสดงความคิดเห็นอะไร

"ไม่นานหรอกน่า ช่วยหน่อยสิ"

"แต่ว่า..." ชุนยังไม่ทันได้พูดหรือบอกปัด เจียก็หันมาถามผม

"จะไปไหนกันเหรอคะพี่วิน รีบหรือเปล่า"

"ไปเถอะชุน กูรอแถวนี้แล้วกัน" ผมเลี่ยงที่จะตอบเจีย แต่หันไปบอกชุนแทน ซึ่งคำพูดของผมทำเอาหญิงสาวยิ้มแก้มปริทั้งๆ ที่ไม่ได้หันไปตอบคำถามเธอเลยด้วยซ้ำ

"ครับ งั้นรอแป๊บหนึ่งนะ"

"อืม" ผมขยับถอยออกมานั่งด้านนอก นั่งมองนกมองไม้เพราะไม่รู้จะทำอะไร ผมเคยบ้าเรียนเกี่ยวกับแพทย์มาแล้ว เลยเข้าใจว่ามันก็ยากนั่นแหละ แต่ว่าที่บอกว่าไม่นานหรอกนะ การนั่งรอเฉยๆ ชั่วโมงครึ่ง มันคือไม่นานใช่ไหมนะ


ออฟไลน์ AkuaPink

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2033
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +59/-1
Re: ...ใจรัก... | ตอนที่ 5 รอ | 01/07/2020
«ตอบ #25 เมื่อ01-07-2020 23:41:24 »

 :pig4:
 :3123:

ออฟไลน์ YiiM

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 60
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +13/-0
ตอนที่ 6

"วิน"

"..."

"วิน"

"อ้าว"

"ไม่ต้องมาอ้าวเลย ผมเรียกตั้งหลายครั้ง"

"โทษที กูไม่ได้ยิน"

"คุณมาทำอะไรที่นี่"

"กู...เอ่อ" ผมมองไปรอบๆ เมื่อ 10 นาทีก่อนผมยังอยู่ตึกคณะตัวเองอยู่เลย ทำไมรอบๆ ตอนนี้ถึงกลายเป็นคณะแพทย์ได้ล่ะ

"คิดถึงเหรอ"

"แล้วไม่เรียนหรือไง"

"ออกมาเข้าห้องน้ำ หันมาเห็นคุณเลยเดินมาหา"

"งั้นเหรอ"

"วินเป็นอะไรช่วงนี้ถามคำตอบคำ ดูคุณไม่ค่อยร่าเริงเลยนะ"

"เปล่า" ผมบอกปัด

"ว่าแต่..."

"หืม"

"วินหลบหน้าผมเหรอ" ชุนถามขึ้นหลังจากอาทิตย์นี้เราเพิ่งได้คุยกัน อาทิตย์ที่แล้วพวกผมก็เจอกันรวมๆ แล้วไม่ถึงชั่วโมงด้วยซ้ำในแต่ละครั้ง

"กูเปล่า"

"โกหก"

"ทำไมไม่เชื่อ"

"สีหน้าตอนคุณพูดไง เรารู้จักกันมานานเท่าไหร่ ทำไมผมจะไม่รู้" ชุนบอก แถมยังจ้องมองหน้าของผมอย่างไม่ละสายตา

ผมไม่ได้หลบหน้าเขาจริงๆ แต่ด้วยเวลาเรียนของผม และเวลาเรียนของชุนที่ต่างมากด้วยกันทั้งคู่ ทำให้เราไม่มีเวลาเจอกันเลย ถึงมี...ผมก็มันจะเห็นเจียอยู่ด้วยในทุกๆ ที เรื่องนี้ทำให้ผมลำบากใจมาก

ผมเข้าใจภาษาที่พวกเขาคุยกัน ผมรู้เรื่องทั้งหมด เพราะผมเคยเรียนมาแล้ว แต่ไม่สามารถแทรกกลางหรือแสดงความคิดเห็นได้เลย ทำได้เพียงแค่มองดูพวกเขาพูดคุยปรึกษาหารือกัน

ความจริงชุนเป็นคนเก่งนะ เขาเหมือนแก้วใสที่มีน้ำอยู่บ้างแล้ว และพร้อมที่จะรับอะไรเพิ่มลงไปได้อีก จนบางครั้งผมก็อยากจะบีบแก้วใบนั้นให้ร้าว แต่นั่นก็คงไม่ดี

"คิดมาก กูก็เป็นแบบนี้"

"งั้นยิ้มสิ" ชุนบอกแล้วก้มหน้าเข้ามาใกล้กับหน้าของผม ใบหน้าหล่อฉีกยิ้มจนตาปิด

"หึ ไม่ใช่คนบ้านะ อยู่ๆ จะให้ยิ้ม"

"แต่คุณยิ้มอยู่"

"กูเปล่า"

"เนี่ย เห็นๆ เลย" ชุนบอกแล้วจิ้มมาที่แก้มของผม

"คิดถึงหน้านุ่มๆ นี่จัง"

"..."

"คิดถึงกลิ่นหอมๆ นี่ด้วย"

"..." ผมได้แต่ยืนนิ่ง เหมือนกับถูกต้องมนต์จากคำพูดของอีกคน

"พากลับห้องตอนนี้เลยได้ไหม"

"ได้ก็บ้าแล้ว ไม่ต้องมาหื่นใส่กูเลย"

"หรือคุณไม่อยาก"

"อย่าน่าชุน มึงสนคนที่เดินผ่านไปผ่านมาด้วย" ผมบอก แต่ก็ไม่ได้ปัดป้องจริงจังอะไร

"ชุนคะ"

"...เจีย"

"เห็นออกมานาน อาจารย์เริ่มสอนแล้วนะคะ"

"เดี๋ยวผมไป"

"แต่ว่าอาจารย์บอกข้อสอบบางส่วนแล้วนะ"

"ผมบอกว่าเดี๋ยวผมไป" ชุนหันไปพูดเสียงเข้ม อีกคนหน้าจ๋อยไปเลย แต่ก็ยังยืนรอชุนอยู่

"งั้นกูไปนะ" ผมบอก

"เดี๋ยวสิครับ"

"เจียขอโทษนะคะถ้าทำให้รำคาญ แต่อาจารย์บอกว่าจะล็อกห้องถ้าใครมาสาย"

"มึงไปเถอะ"

"ก็บอกว่าเดี๋ยวไงล่ะครับ" ชุนบอกแล้วหยิบเม็ดอมออกมาจากกระเป๋าแล้วยื่นให้ผม ไม่ได้สนใจหญิงสาวที่ยืนอยู่ถัดไปเลย

“อะไร”

“ชดเชยที่เดี๋ยวนี้ไม่ค่อยได้พาไปกินข้าว” ชุนบอก ผมก้มลงมองลูกอมในมือก่อนจะเก็บเข้ากระเป๋า

"รีบไปเถอะ เจียอุตส่าห์มาตาม กูก็จะไปแล้วเหมือนกัน" ผมบอกไปแบบนั้นเอง ความจริงก็แค่อยากให้ชุนรั้งผมเอาไว้ อยากให้เขาบอกให้ผมอยู่ต่อ เพราะถ้าให้รอ ผมก็คงจะรอจริงๆ

"แล้ววินจะไปไหน" ชุนถาม แต่ผมยังไม่ได้ตอบ เจียก็วิ่งมาฉุดแขนชุนให้รีบไป เขาไม่ได้ขัดขืน แต่ก็มองมาทางผมเพื่อหาคำตอบ ผมทำเพียงยืนยิ้มให้เขาบางๆ แล้วไม่ได้ตอบอะไรกลับไป อีกคนจึงยิ้มบางๆ ส่งมาให้ ก่อนจะเดินลับสายตากลับไปยังห้องเรียน



+++++++



"เลิกเรียนแล้วมึงจะไปไหน"

"ไม่รู้"

"ไม่เข้าคลินิกเหรอวันนี้"

"ไม่"

"ไปกับกูไหม"

"ไม่"

"แล้วมึงจะนั่งซึมยิ่งกว่าส้วมอยู่หน้าตึกเนี่ยนะ"

"ช่างกูเถอะ"

"จะช่างได้ไงวะ" ไอ้วาถามแล้วมันก็นั่งลงข้างๆ ผม ในเมื่อไม่รู้จะไปไหน ผมเลยยังนั่งอยู่หน้าตึกคณะถึงแม้ว่าตอนนี้จะเย็นมากแล้ว

"แล้วไม่ไปหาไอ้ลิเคียวหรือไง"

"อยู่นั่งเป็นเพื่อนมึงก่อน"

"อยู่เสือกก่อนว่างั้น"

"แหม เห็นกูเป็นคนยังไง สารถีอย่างกูก็รอมึงสั่งอยู่ไหม ว่าอยากให้ไปส่งที่ไหนหรือเปล่า ไอ้ชุนมันยังเรียนอยู่ไม่ใช่เหรอเวลานี้น่ะ"

"อืม แต่มึงกลับไปก่อนก็ได้" ผมบอกแล้วฟุบหน้าลงกับโต๊ะจนเวลาล่วงเลยไป ก็ไม่รู้ว่านานเท่าไหร่ เพราะเงยหน้าขึ้นมาผมยังเห็นไอ้วานั่งอยู่ข้างๆ โดยที่มันนั่งเล่นเกมอยู่เงียบๆ

"ยังไม่กลับอีกเหรอ"

"กว่าจะตื่นนะมึง ไปล้างหน้าไหม"

"ไม่"

"แล้วจะกลับได้หรือยัง" ไอ้วาถาม ผมมองดูเวลานี่ก็ 6 โมงกว่าแล้ว

"อืม" ผมรับคำแล้วลุกขึ้นยืน เดินตามไอ้วาไปที่รถของมัน



++++





"ไอ้วา" หลังจากขึ้นมานั่งบนรถแล้ว ผมก็เอนเบาะลงนิดหน่อยแล้วหลับตาลงก่อนจะเรียกอีกคน

"อะไร"

"ระหว่างคนรักเก่าที่ไม่ลืม กับคนใหม่ที่จะเขามาแทรกกลาง มึงว่าอันไหนน่ากลัวกว่ากัน"

"พอเป็นเรื่องของไอ้ชุน มึงพูดประโยคยาวๆ เป็นด้วยสินะ"

"ตอบ"

"ก็น่ากลัวหมดแหละ เรื่องคนเก่ายังไม่เคลียร์ ไอ้ชุนมันมีคนใหม่นอกจากมึงแล้วเหรอ"

"เปล่า"

"แล้วยังไงวะ"

"ช่างเถอะ มึงก็ออกรถได้แล้ว" ผมบอกปัดๆ เพราะมันยังไม่สตาร์ทรถเลยด้วยซ้ำ

"ช่างได้ไง มึงทำให้กูอยากเสือกขนาดนี้และมึงจะมาเบรกกูเนี่ยนะ"

"ชุนไม่ได้มีใครใหม่หรอก"

"แล้วมันยังไงล่ะ อย่าบอกนะว่าเป็นเรื่องปกติของคนหน้าตาดีที่มีคนเข้ามาจีบ"

"ประมาณนั้น"

"ถ้าอย่างนั้นไม่ต้องคิดมากเลย ไอ้ชุนมันไม่สนใจใครหรอก"

"มึงรู้ได้ไง"

"ก็...ดูออกอ่ะ ว่าแต่ใครวะที่มาจีบไอ้ชุน"

"เพื่อนในเซคมันแหละมั้ง"

"ผู้หญิง? "

"อืม"

"สวยไหมวะ"

"ก็สวย"

"ผมสั้นๆ ป่ะ"

"เออ"

"ตัวเล็กๆ ผอมๆ ? "

"มึงรู้? "

"ก็นั่นน่ะ ใช่คนนั้นไหม" ไอ้วาชี้ไปยังมุมตึกที่ชุนกำลังเดินมาทางผม พร้อมกับเจียที่อยู่ข้างๆ เขา ผมค่อนข้างแปลกใจที่เขารู้ว่าผมยังอยู่ที่คณะ เวลานี้ถ้าผมไม่อยู่ที่บ้าน ก็ต้องเป็นคลินิก หรืออาจจะที่ไหนสักแห่ง เพราะผมเลิกเรียนตั้งนานแล้วนี่นา

"มึงบอกมันเหรอว่าเราอยู่นี่"

"บ้า กูยังไม่ได้คุยกับมันเลยเถอะ มึงนั่นแหละไม่ใช่ว่านั่งรอมันเหรอ"

"เปล่า"

"แล้วจะเอาไง มันเดินมาแล้ว จะกลับกับมันไหม"

"รอกูก่อน" ผมบอกแล้วเดินลงมา อีกคนทำสีหน้าเครียดอย่างเห็นได้ชัด

"รู้ได้ไงว่าอยู่ที่นี่"

"แล้วทำไมยังไม่กลับ โทรหาก็ไม่รับ รู้ไหมว่าผมเป็นห่วงแค่ไหน" ชุนไม่พูดเปล่า เขากอดผมแน่ รับรู้ถึงมือใหญ่ที่สั่นเทา ไม่รู้ว่าเขากังวลมากไป หรือกำลังโกรธอยู่กันแน่

"โทษที กูเผลอหลับไป แล้วตกลงรู้ได้ไงว่ากูอยู่นี่"

"นี่ผมนะ จะไม่รู้ได้ไง"

"เอ่อ...ชุนนี่สนิทกับพี่วินจังเลยนะคะ"

"คนอยากมีส่วนร่วมอะเนอะ"

"ไอ้วา" ผมรีบเบรกไอ้วาก่อนเลย เพราะมันเดินตามผมลงมาด้วย

"กูหมายถึงตัวเอง กูว่าจะเดินมาถามไอ้ชุน มาทั้งทีทำไมพา ‘เพื่อน’ คนสวยมาด้วยเนี่ย" ไอ้วาเน้นคำว่าเพื่อนชัดเจน เป็นผมคงหน้าตึงอยู่นะ

"พอดีเลิกค่ำอ่ะค่ะ เลยขอติดรถออกมาด้วย"

"พึ่งเลิกเรียนเหรอ"

"อืม อาจารย์เพิ่งบอกข้อสอบเสร็จน่ะ พี่จะกลับเลยไหม"

"ก็ว่าจะกลับแล้ว จะไปส่งเจียที่ไหน"

"เจีย จะให้ผมไปส่งที่ไหน"

"หอเจียเลยค่ะ ถัดจากซอยสามไปนิดหนึ่ง ชุนน่าจะจำได้นะ เคยไปส่งเจียแล้วนิ ไม่รบกวนไปใช่ไหมอ่ะ" เจียถามพร้อมกับยิ้มหวาน

"พอดีเลย กูว่าจะไปร้านไอ้ลิเคียว ผ่านทางนั้นพอดี กูไปส่งได้นะ" ผมหันไปมองหน้าไอ้วาทันที ร้านไอ้ลิเคียวเนี่ยนะไปทางนั้น มันคนละเส้นทางเลยด้วยซ้ำไป

"เอ่อ..."

"นั่นสิ ยังไงฝากเจียไปกับพี่วาด้วยนะครับ"

"แต่ว่า..."

"เจียไปกับพี่วาได้เลยนะ ปลอดภัยหายห่วงเรารับประกัน" ทั้งชุน ทั้งไอ้วาพูดบอก ทำเอาเจียหน้าเสียไปนิด เธอไม่ทันได้ขัดอะไรด้วยซ้ำ ไอ้วาก็เดินไปทำท่าเชิญให้ขึ้นรถแล้ว

"แต่เจียไม่รู้จักคุณพี่วาเขานะคะ"

"เดี๋ยวทำความรู้จักกันในรถก็ได้ครับ"

"นั่นไง เขาไม่จีบเจียหรอกเชื่อเรา ไม่งั้นผัวพี่มันเอาตายแน่"

"ปากดีนะไอ้ชุน" ไอ้วาพูดออกมากวนๆ พร้อมกับชี้หน้าชุนด้วย

"ผมพูดจริง รถผมก็นั่งได้แค่สองคนด้วย เจียคงไม่สะดวกเกาะหลังคารถหรอกเนอะ" คำพูดของชุนรอบนี้ ไม่ได้ทำให้เจียหน้าตึงคนเดียว แม้แต่ผมกับไอ้วาก็มองหน้ากันพร้อมบรรยากาศตึงๆ ด้วย

"นั่นสิ ยังไงฝากเจียไปกับพี่วาด้วยนะครับ"

"ก็ได้ค่ะ" เจียหน้าเสียมากจริง เธอไม่มีอะไรจะพูดต่อเลยเดินไปทางรถไอ้วา

"พูดแรงมากเลยนะ"

"ผมว่าผมชัดเจนในระดับหนึ่งนะ แล้วพี่ไม่รำคาญเธอเหรอ เห็นชอบคนหน้าเหม็นเบื่อเวลาเจอกัน"

"กูเปล่า"

"พี่ทำ"

"ตอนไหน"

"ตลอดแหละครับ" ผมถลึงตาใส่อีกคน แต่ชุนกลับหัวเราะกับสิ่งที่เขาพูดเมื่อกี้ ผมว่าผมก็วางตัวดีอยู่นะ

"นั่น ยิ้มแบบนี้แปลว่าอะไรครับ"

"กูไม่ได้ยิ้มสักหน่อย"

"ยิ้มเถอะ ยิ้มอยู่เนี่ย พี่จะพูดอะไรดูหน้าตัวเองด้วย"

"กูเปล่า :) "

"ผมพูดถูกใจล่ะสิ"

"จะกลับได้หรือยัง"

"แน่ะ เปลี่ยนเรื่อง ผมว่าพี่ต้องให้รางวัลผมแล้วนะ"

"กับคนชอบเบี้ยวนัดน่ะ จะหวังรางวัลอะไร"

"ไว้ค่อยบอกนะครับ ตอนนี้ไปนั่งรถเล่นกันเถอะ"

"ไม่หิวเหรอ"

"ก็ถ้าเจอร้านไหนอยากกินค่อยแวะ"

"ถ้าอย่างนั้นก็ได้" ผมบอกแล้วเดินไปนั่งบนรถหรูของชุน ความจริงแล้วชุนมีรถอยู่ 3 คัน ทั้งๆ ที่เขาใช้รถอยู่คนเดียว จนบางครั้งผมก็ให้ไอ้วาขับรถให้ เนื่องจากชุนเอารถมาไว้ที่บ้านผมคันหนึ่ง แต่ผมไม่ชอบขับเองเท่าไหร่

"ขับออกมาไกลไปไหม"

"ก็เรื่อยๆ นั่นแหละครับ หิวแล้วเหรอ"

"นิดหน่อย"

"งั้นแวะร้านข้างหน้าแล้วกัน" ชุนบอก ถนนข้างทางมีร้านที่เปิดยามค่ำคืนอยู่เต็มไปหมด กลิ่นหอมๆ ของน้ำก๋วยเตี๋ยวชวนเรียกน้ำย่อย ไหนจะข้าวตามสั่งอีก

"ผมว่าวินน่าจะหิวมากนะ"

"มีแต่ร้านน่านั่ง กลิ่นก็หอม กินอะไรดี"

"วินอยากกินอะไรล่ะ"

"ก๋วยเตี๋ยวไหม"

"ได้ครับ เดี๋ยวผมสั่งข้าวร้านข้างๆ เพิ่มด้วย วินเอาไหม"

"ไม่ มึงสั่งเถอะ เดี๋ยวกูจองโต๊ะรอ" ผมเดินไปสั่งก๋วยเตี๋ยวของตัวเอง รวมถึงของชุนด้วย ระยะเวลา 2 ปีที่รู้จักกันมา ผมคิดว่าผมรู้จักกับชุนระดับหนึ่งแล้ว แต่ความจริงคือไม่ใช่เลย ผมเหมือนรู้เพียงแค่สิ่งที่ชุนอยากให้รู้เท่านั้นเอง อย่างชีวิตประจำวัน ของกินหรือของใช้ต่างๆ ผมรู้หมดว่าเขาใช้อะไร ชอบกินอะไร แต่กับอดีต อะไรที่เคยเกิดขึ้นก่อนที่เราจะเจอกัน ผมกลับไม่รู้เลย

"น้ำครับ" ชุนบอกแล้ววางน้ำที่เพิ่งซื้อมาลงพร้อมกับจานข้าวที่เขาสั่งมา คงไม่ใช่ผมที่หิว ชุนเองก็คงไม่ต่าง เขาสั่งข้าวเพิ่มด้วยซ้ำ

"เพิ่งเคยมาแถวนี้ ครึกครื้นเหมือนกันนะครับ"

"อืม ของขายเยอะ คนเดินเที่ยวก็เยอะ"

"ไว้มากันอีกนะ เห็นเขาบอกว่าช่วงวันเสาร์มีถนนคนเดินด้วย"

"ใครบอก"

"ป้าร้านข้าวสิครับ" ผมพยักหน้ารับ

"วันนี้ผมค้างด้วยนะ"

"ไม่กลับหอเหรอ" ผมถาม เพราะความจริงแล้วชุนนอนหอใน

"ไม่ครับ ขี้เกียจขับวนไปวนมา"

"อืม" ผมพยักหน้ารับ เพราะผมเองก็ไม่ได้อยากให้เขาขับรถกลับไปคนเดียว นานแล้วเหมือนกันนะ ที่เราไม่ได้นอนกอดกัน



++++





"อืมมม เจ็บ"

"ทนอีกนิดนะครับ ซี๊ดดดด"

"มึงทำแรงนะชุน"

จุ๊บ

อีกคนจูบปิดปาก เขาเหมือนเสือหิวที่อยากจะกลืนกินผมเขาไปทั้งตัว อาจเพราะเราไม่มีเวลาให้กันในเรื่องนี้มานานมากแล้วก็ได้ ในเมื่อเขาก็เรียนหนัก ส่วนผมก็งานยุ่งไม่แพ้กัน

"อืมมม...ฮึ่ก...ฮึ่ก...ฮึ่ก..."

"โอ้ยยยย...ซี๊ดดดด....โคตรดีเลยวิน" แรงกระแทกของเขาทำให้ผมตัวสั่นคลอน เขาทำให้คืนนี้ของผมเป็นคืนที่ร้อนแรงจนยากจะบรรยาย

ไฟที่สลัวๆ ในตอนนี้ ทำให้ผมเห็นท่อนแขนกำยำที่เต็มไปด้วยรอยสัก หน้าท้องซิกแพคที่แน่นไปด้วยกล้ามท้องแข็งๆ ที่ยิ่งมองก็ยิ่งน่าดึงดูด

ผมจิกเล็บไปที่ไหล่ของชุนเมื่อรู้สึกเหมือนใกล้จะเสร็จ ความเสียวแผ่ซ่านจากภายในร้าวไปทั่วทั้งแผ่นหลัง เสียงหอบหายใจของเราทั้งคู่ดังขึ้นแทบจะเป็นจังหวะเดียวกัน ช่องทางด้านหลังของผมรับรู้ได้ถึงสิ่งแปลกปลอมที่เคลื่อนย้ายเข้าออกเร็วๆ ไม่ยอมหยุด ยิ่งแรงตอดของผมก็ยิ่งทำให้อีกคนซอยถี่ๆ เสียงที่เซ็กซี่ของเขาดังอยู่ข้างหูผม จนในที่สุดตัวผมที่ทนไม่ไหวก็ได้เสร็จสมล่วงหน้าไปก่อน รู้สึกเลยว่าตัวเองสั่นและตัวกระตุกแรกมากแค่ไหน อีกคนยังคงสอดใส่เข้าออกไม่หยุด ผมทำได้เพียงแต่ร้องครางและส่ายหน้าไปมา มันเสียวจนผมแทบขาดใจ ผมแตะถึงฝั่งฝันหลายต่อหลายครั้งจนดำเนินมายังครั้งสุดท้ายนี้ ทำเอาเราทั้งสองหอบเหนื่อย และท้ายที่สุดคำภาวนาของผมก็เป็นจริง อีกคนสุขสมและหยุดเคลื่อนกายผมตัวผมแล้ว หากว่านานกว่านี้อีกสักนิด การที่ผมจะขาดใจตายคงไม่ใช่เรื่องแปลกเลย

"พอ...พอแล้วนะ กูไม่ไหว"

"ถ้าไหวก็แปลก แฮ่กๆ "

จุ๊บ

ชุนบอก เสียงหอบของเขายังคงดัง อีกคนทาบทับอยู่บนตัวของผม เขาจุ๊บเบาๆ ที่ข้างแก้ม ก่อนจะยันตัวขึ้นเหนือผมเล็กน้อย

เส้นผมที่เปียกเหงื่อของเขา การหายใจแรงๆ ส่งผลให้กล้ามอกและกล้ามหน้าท้องขยับ ยิ่งผมมองผ่านไฟสลัวๆ แล้ว มันยิ่งดูดึงดูดจนผมยากจะถอนตัว ชุนเป็นผู้ชายที่เซ็กซี่มากโดยที่ไม่ต้องทำอะไรเลย เขาขยับตัวเล็กน้อยเพื่อไม่ให้โดนผม ก่อนที่จะอุ้มผมไปจัดการชำระร่างกายในห้องน้ำ ไม่ลืมที่จะเปลี่ยนผ้าปูที่นอนใหม่ให้ด้วย

"ชุน"

"ครับ"

"มึงมีความสุขไหม"

"มีสิครับ"

"เหรอ อยู่กับกูก็มีความสุขดีใช่ไหม"

"วินเป็นอะไร"

"เปล่า กูแค่อยากรู้"

"มีอะไรหรือเปล่า"

"ไม่หรอก"

"คุณกำลังคิดมากอะไร บอกผมมาสิ" ชุนถามแล้วกระชับอ้อมกอด

"กูมีสิทธิ์ถามเหรอ"

"แล้วทำไมจะไม่มีล่ะ"

"มึง ยังรักเขาอยู่ไหม"

"ใคร"

"มึงก็รู้ว่ากูหมายถึงใคร"

"ฟินิกซ์น่ะเหรอ"

"อืม"

"บางครั้ง การไม่รู้อะไรเลยอาจดีกว่านะวิน" ชุนพูดออกมา ก่อนจะคลายอ้อมกอดแล้วพลิกตัวนอนหงาย ผมทำได้เพียงกัดริมฝีปากของตัวเอง เป็นคำตอบที่ไม่ต้องตอบตรงคำถามเลยแต่ก็รับรู้ได้ แล้วทำไมผมยังดึงดันจะฟังนะ

"กูก็แค่ถามเฉยๆ "

"..."

"..." เราต่างคนต่างเงียบ ตัวผมเองไม่รู้จะพูดอะไร เหมือนกับทำลายบรรยากาศก่อนหน้านี้ไปผม ชุนเองก็จมอยู่ในความคิด หรือไม่ เขาก็คงหลับไปแล้ว

"ขอโทษนะครับ" เสียงเบาของชุนพูดขึ้นท่ามกลางความมืด ผมเลยได้แต่เงียบและทำเหมือนกับว่าตัวเองหลับไปแล้ว

"..."

"ผมรักเขามากจริงๆ " สิ้นเสียงของชุน น้ำตาของผมก็ไหลออกมาโดยอัตโนมัติ

นี่สินะ ที่เขาพูดกันว่า คนเราชอบทดสอบความสำคัญ เพื่อตอกย้ำว่าตัวเอง...ไม่สำคัญ

ออฟไลน์ YiiM

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 60
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +13/-0
ตอนที่ 7 ชายผู้อ่อนโยน


สายลมโชยท่ามกลางหุบเขา แสงจากพระอาทิตย์สาดส่องทำให้บรรยากาศแถวนี้ร่มรื่นน่าอยู่มาก ผมเพิ่งเดินมาจากบ้านพักหลังหนึ่ง ซึ่งเปิดประตูออกมาจะเห็นภูเขาสูงตั้งอยู่หลายต่อหลายลูก

‘สวัสดี มาวิน’

‘เรารู้จักกันเหรอ’ ผมถามชายแปลกหน้า

‘ไม่ เราเพิ่งเคยคุยกันครั้งแรก’

‘แล้วคุณเป็นใคร’

‘ผมเคยอาศัยอยู่แถวนี้น่ะ’

‘…’ ผมคิดว่าผมไม่รู้จักเขานะ แล้วก็คิดว่าไม่เคยเห็นเขามาก่อนด้วย เสื้อผ้าสีดำสนิท ผมยาวหยักศกระต้นคอ ผิวขาวซีด ถึงจะดูผอม แต่ก็ดูแข็งแรงมาก ผมพยายามจะเดินไปมองหน้าเขาใกล้ๆ แต่เดินยังไงก็เดินไม่ถึง ได้เห็นแต่เพียงด้านหลังของเขาเท่านั้น

‘ชอบที่นี่ไหม’

‘อืม ก็สวยดี’

‘แค่สวยเหรอ ที่นี่ดีมากเลยนะ คุณดูบรรยากาศสิ มองดูรอบๆ ที่นี่อุดมสมบูรณ์ไปด้วยอาหาร ผลไม้ ผู้คนก็ใจดี ลุงข้างบ้านชอบเอาผักที่เขาปลูกมาให้ด้วยนะ สะอาด ปลอดภัยจากยาฆ่าแมลงด้วย’

‘…’

‘ข้างบ้านมีจักรยานด้วยนะ มันอาจจะเก่าไปสักหน่อย แต่นายสามารถปั่นไปซื้อของที่ร้านสะดวกซื้อที่ไม่ไกลจากตรงนี้ได้ ถึงจะดูเหมือนกับเป็นหมู่บ้านเล็กๆ แต่ก็มีโรงเรียน โรงพยาบาล และมีมินิมาร์ทด้วยนะ นั่งลงสิ’ เขาพูดบอกผม แล้วชักชวนให้นั่งลงตรงพื้นหญ้าที่ห่างออกมาจากตัวบ้านประมาณ 100 เมตร ที่ตรงนี้ไม่ต่างจากจุดชมวิว สามารถมองเห็นพระอาทิตย์ที่กำลังสาดส่องมาได้

ฟิ้ว~~~

สายลมปะทะกับใบหน้าของผม บางส่วนพัดผ่านลำตัวของผมไป อดยอมรับไม่ได้ว่าที่นี่บรรยากาศดีจริงๆ อย่างที่เขาพูด

‘ต้องการอะไร’ หลังจากฟังเขาพูดพร่ำอยู่นาน ผมก็ตัดสินใจพูดออกไป

ตอนนี้เขานั่งอยู่ด้านข้างของผม ทำให้ผมสามารถเห็นหน้าด้านข้างของเขาได้ชัดเจน แต่นั่นก็ไม่สามารถทำให้ผมรู้ได้เลยว่าเขาเป็นใคร

‘เปล่า ผมแค่มาทักทาย อยากรู้จักคุณสักครั้งก่อนจะไป’

‘ไปไหน’

‘ที่ที่ไกลแสนไกล’ เขากล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงที่ฟังดูเศร้า ทำไมผมถึงรู้สึกไม่ดีนักนะที่ได้ยินแบบนี้ ก็ไม่รู้หรอกนะว่าเขาเป็นใคร แต่การได้อยู่ใกล้ๆ ข้างๆ เขาแบบนี้ ผมกลับรู้สึกถึงความอบอุ่น และรู้สึกปลอดภัยอย่างน่าแปลกใจ

‘คุณเป็นใครกันแน่’

‘ฟินิกซ์ นั่นคือชื่อของฉัน’

‘คนรักของชุนเหรอ’

‘นายก็ด้วย’ เขาบอก ผมไม่อาจตอบรับ หรือปฏิเสธได้ เพราะผมก็ไม่รู้ว่าจริงๆ แล้ว ชุนรักผมบ้างหรือเปล่า

‘ขอบคุณนะที่ดีต่อชุน ช่วยอยู่กับเขาไปนานๆ ได้ไหม’

‘ผมตอบไม่ได้หรอก บางอย่างมันก็ไม่ได้ขึ้นอยู่กับผมไปซะหมด’ ผมตอบกลับ หากชุนไม่ได้ต้องการผมในฐานะคนรัก สักวันหนึ่งผมก็คงต้องเฟดตัวเองออกมา ถึงจะไม่ได้อยากออกมาก็เถอะ

‘เขารักคุณ’

‘เขายังรักคุณอยู่เลย’

‘มันคือความผูกพัน ผมเป็นความทรงจำดีๆ อย่างเดียวในวัยเด็กของเขาน่ะ ผมไม่อาจพูดได้ว่าเขาจะลืมผม แต่ตอนนี้ เขาไม่สามารถมีผมอีกแล้ว’

‘…’

‘ซึ่งผมดีใจนะ ที่ตอนนี้เขามีคุณ’ ฟินิกซ์บอก เป็นครั้งแรกเลยตั้งแต่นั่งอยู่ตรงนี้ที่เขาหันมาทางผม เขาพูดด้วยรอยยิ้มหวาน ดวงตาสวยนั่นก็ยิ้มอยู่ด้วย ผมไม่แปลกใจเลยว่าทำไมชุนถึงบอกว่าผมเหมือนกับฟินิกซ์ เพราะถ้ามองเผินๆ เราสองคนก็คล้ายๆ กันจริงๆ นั่นแหละ

‘ผมพูดจากใจ’

‘ผมเชื่อ’ ผมบอก แล้วเขาก็เล่าเรื่องต่างๆ ของชุนในวัยเด็กให้กับผมฟัง

ผมเข้าใจแล้วว่าทำไมชุนถึงรักฟินิกซ์มากมายขนาดนี้ เขาเป็นคนจิตใจดีและเก่งมากๆ เขาดูอ่อนโยนและซื่อสัตย์ ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมถึงเป็นที่รักของหลายๆ คน เพราะนอกจากชุน เด็กคนอื่นๆ ที่เติบโตมากับชุน ก็ดูเหมือนจะรักเขามากเช่นกัน

‘ขอบคุณนะที่นั่งฟังผมพูด ถึงเวลาที่ผมต้องไปจริงๆ แล้วล่ะ’

‘ต้องไปแล้วเหรอ’

‘อืม สำหรับตอนนี้ ผมต้องไปแล้ว’

‘ผมดีใจที่ได้คุยกับคุณนะ’

‘ผมก็เช่นกัน ฝากดูแลชุนนับจากนี้ไปด้วยนะ ผมไม่สามารถทำอะไรอย่างที่หวังไว้กับเขาได้แล้ว ผมรักษาสัญญาไว้ไม่ได้ ยังมีอีกหลายสิ่งที่ชุนอยากทำ ผมหวังว่าคุณจะเป็นคนนั้น คนที่อยู่ข้างๆ เขา อาจจะดูเป็นการเห็นแก่ตัวไปสักนิดที่อยู่ๆ ก็มาแล้วเอาแต่พูดเอาแต่ใจ แต่ผมเชื่อนะ ว่าเขารักคุณ และคุณจะทำให้เขามีความสุขได้อย่างแน่นอน’

‘ผมก็หวังให้เป็นแบบนั้น’

ผมบอกก่อนที่ฟินิกซ์จะยิ้มมาให้ผมด้วยสายตาอ่อนโยนอีกครั้งก่อนที่เขาจะค่อยๆ หายไป

ผมพูดจริงๆ นะ ว่าผมดีใจที่ได้เจอกับฟินิกซ์ เขาดูเป็นคนดีและไม่ได้น่ากลัวอย่างที่คิดไว้ สิ่งที่เขาพูดกับผมวันนี้ ผมจะทำให้เต็มที่ ถึงแม้ในที่สุดแล้ว มันอาจจะไม่เป็นดั่งที่หวัง แต่ผมก็จะทำ ผมจะทำลายกำแพงในหัวใจของชุน แล้วจะเข้าไปอยู่ในนั้นให้ได้





+++++



ชุน พาร์ท



"อืมมมมม ทำอะไร"

"หอมแก้มคุณ"

"หยุดน่า ฮ่าๆๆๆ พอแล้วๆ "

"ผมทำคุณตื่นเหรอ"

"เปล่า...ชุน"

"ครับ"

"กูฝัน"

"ผมก็ฝัน"

"ไม่ กูหมายถึง กูฝันถึงเขา"

"ใคร"

"ฟินิกซ์" ทั้งๆ ที่ผมเล่าเรื่องฟินิกซ์ให้วินฟังเพียงเล็กน้อย ไม่ได้บอกด้วยซ้ำว่าฟินิกซ์รูปร่างหน้าตายังไง ไม่เคยให้ดูรูปด้วยซ้ำ แล้ววินจะรู้ได้ยังไง ว่าในฝันนั้นคือฟินิกซ์ของผมจริงๆ ไม่ใช่ว่ามโนเอาแล้วมาบอกผมแบบนี้

"ผมไม่น่าเล่าเรื่องฟินิกซ์ให้คุณฟังเลย"

"ทำไม"

"เพราะคุณเก็บไปฝัน และคุณเปลี่ยนไป" ผมบอกไปตามตรง

"ยังไง"

"ก็หลายสิ่งอยู่"

"ตรงไหน กูก็เป็นกูเหมือนปกติ"

"คุณดูเอาแต่ใจน้อยลง"

"แล้วมันไม่ดีเหรอ"

"ดูขี้อ้อนมากขึ้น"

"เปล่าสักหน่อย"

"แล้วก็ชอบทำหน้าเศร้าเวลาที่มองมาทางผม" ผมบอกอีกคนที่นอนอยู่ข้างๆ ทุกๆ อย่างอาจดีกว่านี้ถ้าเขาไม่รับรู้เรื่องของฟินิกซ์ ผู้ชายที่ตายไปพร้อมกับหัวใจของผม

มันยากที่ผมจะรักใครได้อีก แต่ผมก็ยอมรับว่าวินพิเศษสำหรับผมมาก ผมก็ไม่รู้ว่าอะไรดลใจให้เราเจอกัน แต่ผมพูดได้เลยว่ามันดี ดีจนบางครั้งผมก็ไม่อาจยอมรับได้

“มึงฟังกูได้ไหม ฟังสิ่งที่กูกำลังจะพูดต่อจากนี้”

“ผมฟังอยู่”

“กูไม่ได้อยากแทนที่ใคร แต่ต่อจากนี้ ให้กูดูแลมึงไม่ได้เหรอ กูจะทำทุกอย่างเท่าที่คนรักคนหนึ่งจะทำได้ กูอาจจะไม่เก่งเหมือนเขา อาจจะไม่ดีกับมึงเท่าเขา แต่มึงจะลองเปิดใจหน่อยไม่ได้เหรอ”

"คุณยอมได้เหรอที่ผมยังมีใครอีกคนอยู่ในใจ"

"แต่มึงมีเขาแค่คนเดียวตลอดไปไม่ได้ ตอนนี้เขาอยู่เคียงข้างมึงไม่ได้ด้วยซ้ำ"

“วินรู้ตัวไหมว่าคุณกำลังพูดอะไร คุณไม่เข้าใจ เขาจากไปเพื่อให้ผมไม่ลืม”

“ไม่เป็นไรชุน มึงไม่ต้องลืมเขา เขาเป็นอดีต อดีตที่สวยหรู อดีตที่ทำให้มึงมีทุกวันนี้ได้ มันเป็นเรื่องน่ายินดี”

“แน่ใจเหรอที่พูดออกมา”

“กูแน่ใจ อดีตเป็นอะไรที่แก้ไขไม่ได้ ถ้ามันสวยงามสำหรับมึง ก็จำเขาไว้ กูอิจฉาเขา ที่เขามีผลต่อจิตใจมึงขนาดนี้ แต่เขาคงเสียใจไปพร้อมกับความยินดีที่มึงมีกูคอยดูแล เพราะตัวเขาทำหน้าที่นี้ไม่ได้แล้ว”

“มันไม่ง่ายอย่างที่คุณคิดหรอกนะ”

“กูขอโทษที่กำลังเห็นแก่ตัวและกดดันมึง กูอาจจะกำลังคิดเข้าข้างตัวเองจากความฝันที่เพิ่งเกิดขึ้น แต่กูขอถามอะไรหน่อยสิ"

"ครับ"

"มึงคิดจะรักคนอื่นบ้างไหม กูหมายถึงใครก็ได้ ที่ไม่ใช่คนในอดีตของมึงน่ะ"

"ตอบยาก"

"งั้นกูตอบให้ไหม"

"ผมรักใครไม่ได้ คุณไม่เข้าใจเหรอ" ก่อนที่วินจะพูดอะไรออกมา ผมก็รีบพูดแทรกออกมาก่อน เพราะสิ่งที่เขากำลังจะพูดนั้น มันอาจจะเป็นเรื่องจริงที่ผมไม่อยากได้ยินก็เป็นได้

"มึงรักกูได้ชุน ไม่ใช่เพราะกูเหมือนเขา แต่รักที่กูเป็นกู"

"คุณพูดง่าย"

"ความจริงแล้วมึงแค่กลัวจะรักกู แล้วลืมคนเก่าไปเท่านั้นเอง แต่มันไม่ใช่หรอกนะ คนเรามันไม่เหมือนกัน มึงดูกูดีๆ สิ ไม่ต้องลืมก็ได้ เก็บเขาไว้เป็นความทรงจำดีๆ ในอดีต ส่วนกูให้เป็นความทรงจำดีๆ ในปัจจุบันไม่ได้เหรอ”

“...”

“กูไม่ได้เกลียดเขาหรอกนะ คนดีที่อยู่ในใจมึงน่ะ แถมยังอยากจะขอบคุณเขาด้วยซ้ำ ถ้าเขาดีกับมึงมาก มึงก็ไม่ต้องลืมเขาหรอก เพียงแต่ต่อจากนี้ จดจำกูในฐานะคนรัก คนที่เป็นปัจจุบัน กูสัญญาว่าจะทำให้ดีที่สุด กูขอมากไปเหรอ” คำพูดของวินที่บอกออกมานั้น ทำให้ผมไปต่อไม่เป็นเลย ผมทำได้เพียงแต่เงียบและทบทวนทุกสิ่ง มันอาจจะจริงที่ผมจมอยู่กับอดีตมากไป แต่ผมจะมีความสุขกับคนอื่นได้ยังไง ผมทำให้ฟินิกซ์รู้สึกเหงาและกลายเป็นคนที่ถูกลืมไม่ได้หรอก



+++++++



วิน พาร์ท



คำพูดที่ผมพูดออกไปเมื่อเช้า ไม่ได้รับการตอบรับจากอีกคนเลย เราทั้งสองคนต่างคนต่างเงียบ มันดีแล้วจริงๆ ใช่ไหมที่ผมฝืนพูดออกไปแบบนั้น ท้ังๆ ที่เคยคิดว่าจะอยู่ในสถานะอะไรก็ได้แล้วแท้ๆ

ขีดจำกัดของผมมันไม่ได้สิ้นสุดแค่นั้นหรอกนะ ผมรู้ตัวว่าผมรักชุน และถ้าให้คิดเขาข้างตัวเอง ผมก็คิดว่าชุนเองก็รักผมเช่นกัน ผมหวังนะ หวังไว้อย่างยิ่งว่าจะจับมืออีกคนแล้วก้าวข้ามอุปสรรคไปด้วยกัน แต่กว่าจะถึงวันนั้น ผมต้องทำให้เขายื่นมือมาหาผมซะก่อน อย่างน้อยก็ช่วยยื่นมือมาเพื่อฉุดรั้งผมไว้เพื่อให้ผมยังมีแรงก้าวต่อไปก็ยังดี

"แดกครับเพื่อน นั่งดมแบบนั้นไม่อิ่มหรอกนะ"

"อิ่มแล้ว"

"ตลกละ มึงยังไม่แตะช้อนด้วยซ้ำ สั่งมานั่งดมเฉยๆ หรือไง"

"ไม่หิว"

"ไม่หิวแล้วมึงสั่งมาเพื่อ? "

"กินไหม" ผมเลิกสนใจเสียงบ่นของไอ้วาแล้วหันไปหาไอ้โซ่ที่กำลังกินข้าวเหมือนกับตายอดตายอยาก

"มึงกินสิ ของมึงนะ"

"กูให้" ผมบอกแล้วดันจานข้าวไปทานไอ้โซ่ มันไม่ได้ปฏิเสธแต่ก็หันไปมองทางไอ้วาที่กำลังมองผมด้วยความโมโห

"โมโหอะไร" ผมถาม

"มึงน่ะสิ เป็นเหี้ยอะไร"

"ไอ้วา มึงใจเย็นดิวะ"

"มึงจะให้กูใจเย็นได้ไง มึงคิดดูนะไอ้โซ่ วันก่อนผัวมาหาถึงนี่ แหกหน้าสาวสวยจนเขาหน้าตึงไปเลย แล้วดูวันนี้ เป็นห่าไรไม่รู้ข้าวปลาไม่กิน นั่งเรียนก็เหม่อลอยตลอด"

"ก็ให้ชีวิตมันมีดราม่าบ้าง"

"มึงไม่ห่วงมัน? "

"ก็ห่วง แต่มึงก็รู้ว่าคนอย่างไอ้วินมันไม่ยอมพูดหรอก ถ้าปัญหามันหนักจริง มันคงบอกเราแล้ว"

"กูไม่หิวจริงๆ " ผมบอกออกไป เพราะไม่อยากให้พวกมันเป็นห่วง

"สวัสดีครับ"

"ไอ้ชุน! "

"โอ้โหหหห ผมมาผิดจังหวะหรือเปล่าครับ"

"ก็ถ้ามึงช้ากว่านี้ กูระเบิดลงแน่"

"แล้วพี่วาเป็นอะไรล่ะครับ พี่ลิเคียวนอกใจเหรอ"

"นอกใจกับผีน่ะสิ มึงอย่าทำกูเขว ไอ้ห่า"

"อ่าว ผมไม่ได้แย่งผัวพี่นะ"

"กวนตีน มึงดูหน้ามันสิ มึงทำอะไรมัน"

"ผมเหรอ ผมจะทำอะไรได้ล่ะ"

"ถ้าไม่ใช่มึง มันจะเศร้าอย่างกับปลาตากแห้งอย่างนี้เหรอ" ไอ้วาว่า ชุนเองก็หันมามองทางผมแล้วถามขึ้น

"เป็นอะไรครับ"

"เปล่า"

"มันไม่แดกข้าว" ไอ้วาหันไปตอบ ปากเปราะจริงๆ มัน

"ไม่หิวเหรอครับ"

"อืม"

"กินหน่อยสิครับ เดี๋ยวเรียนไม่รู้เรื่องนะ"

"ไม่อยากกินอะไรเลย"

"เดี๋ยวผมไปซื้อให้นะครับ" ชุนบอกแล้วเดินไปต่อแถวซื้อข้าวให้ มันทำเหมือนกับไม่ได้ยินที่ผมพูดว่าไม่อยากกิน

ผมนั่งรออยู่เฉยๆ ไอ้วายังคงนั่งกินส่วนของมันต่อ ส่วนไอ้โซ่เริ่มกินข้าวในจานที่ผมยกให้มันบ้างแล้ว ไอ้ธันกับไอ้สวยเพิ่งเดินมาถึงแล้วนั่งลงฝั่งตรงข้ามกับผม

"นี่ครับ กินซะนะ"

"บังคับ? "

"หรืออยากให้ป้อน" ชุนพูดทีเล่นทีจริง แต่ผมคิดว่าเขาคงทำจริงนั่นแหละ ผมเลยส่ายหัว เพื่อนๆ ของผมมองกันอย่างแซวๆ มีแต่ไอ้วานั่นแหละที่มองเหมือนกับสงสัยอะไรอยู่

ระหว่างนั่งกินข้าว ผมกับชุนสบตากันบ้างบางครั้ง แล้วเขาก็ยิ้มมาให้ เราพูดคุยกันปกติ เขาทำเหมือนกับว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้นก่อนหน้านี้ ผมเกลียดบรรยากาศแบบนี้ เราต่างก็รู้ว่าอะไรเป็นอะไร แต่ก็ต้องทำเหมือนกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น


ออฟไลน์ YiiM

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 60
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +13/-0
Re: ...ใจรัก... | ตอนที่ 8 ศัตรู | 14/07/2020
«ตอบ #28 เมื่อ14-07-2020 09:15:33 »

ตอนที่ 8 ศัตรู

ชุน พาร์ท

เหมือนเดิม ทุกอย่างยังคงเหมือนเดิม ผมไปรับไปส่งวินในวันที่ว่าง พาเขาไปกินข้าวและซื้อของ ผมเลือกที่จะไม่ตอบคำถามเขาในวันนั้น และทำเหมือนกับไม่เคยได้ยินมาก่อน

คนเราก็มีทั้งด้านดีและไม่ดี แต่ด้านเห็นแก่ตัวน่าจะมีกันทุกคน ตัวผมเองก็เช่นกัน ผมไม่ใช่คนดีนัก ความจริงก็ไม่ดีมาตั้งแต่แรก ตั้งแต่ก่อนจะรู้จักกับวินด้วยซ้ำ เพราะไม่คิดว่าตัวเองจะถลำลึกมาไกลขนาดนี้ สิ่งที่วินพูดมา มันยากที่จะยอมรับได้ ผมเฝ้าปฏิเสธทุกความรู้สึกที่เกิดขึ้น แต่ช่วงเวลาสองปีมานี้ มันไม่ง่ายเลย

วินไม่ใช่คนเรื่องมาก เขาไม่เคยเรียกร้องอะไร อาจมีเอาแต่ใจบ้าง แต่ผมก็ยอมตามใจเขา เพราะมันไม่ใช่เรื่องใหญ่จนเกินไป ที่เข้าหาเขาตอนนั้น ยอมรับว่าอีกคนเหมือนกับฟินิกซ์ แต่นั่นเป็นส่วนหนึ่งเท่านั้น ความจริงคือผมอยากได้ความรู้จากเขา เขาเก่งนะ เก่งในแบบของตัวเอง ผมไม่ค่อยอยากจะยอมรับเท่าไหร่ เพราะนอกจากฟินิกซ์แล้ว ผมก็คิดว่าไม่มีใครเก่งเกินฟินิกซ์ได้อีก แต่กับวิน เขาเก่งคนละแบบ ด้านชีวิตประจำวันของเขา มันธรรมดามากซะจนไม่คิดว่าคนเก่งๆ จะมีเวลาเอื่อยเฉื่อยกับตัวเองมากขนาดนี้ เขาดูเข้าใจอะไรง่ายๆ เคยเห็นอ่านหนังสือทำความเข้าใจเองแล้วอธิบายให้ผมฟัง ทั้งๆ ที่ไม่เคยรู้มาก่อน มันน่าทึ่งมากจริงๆ

"วันนี้อยากกินอะไรครับ"

"อะไรก็ได้"

"อะไรก็ได้ไม่มี วินเลือกมาเลย วันนี้ผมจะตามใจคุณทั้งวัน"

"งั้นไปกินซาชิมิกันไหม"

"เอาสิครับ"

"ตามใจจริงด้วย ปกติมึงไม่ชอบไม่ใช่เหรอ"

"ก็บอกแล้วไงครับว่าจะตามใจ ผมไม่ชอบอะไรดิบๆ ก็จริง แต่ก็พอกินได้" ผมบอกแล้วพาวินไปยังร้านที่พวกเราเคยมา ที่นี่บรรยากาศดี เจ้าของร้านก็ใจดีด้วย

วินไม่ใช่คนที่เรื่องมากในการกิน เขากินง่ายอยู่ง่าย และดูเป็นคนขี้เหงา ผมไม่เคยเห็นครอบครัวของเขา ไม่เคยเห็นเขาพูดถึงและดูเหมือนเขาจะไม่อยากพูดถึงด้วย ผมเลยไม่เคยถาม ผมรู้แค่ว่าเขาเคยเรียนที่ต่างประเทศตั้งแต่เด็กเลยไม่มีเพื่อนสนิทที่นี่เลยนอกจากกลุ่มเพื่อนมหาลัยที่คบกันอยู่ตอนนี้

"อ้าวชุน สวัสดีค่ะพี่วิน" เจียเดินเข้ามาทักผม ก็ไม่คิดว่าจะเจอเธอที่นี่

"มาคนเดียวเหรอ" ผมถาม

"ใช่ เพื่อนๆ เทเราเฉยเลย ไม่คิดว่าจะเจอชุนที่นี่นะ" โกหก ผมมองออก จังหวะการหายใจของเธอเปลี่ยนไปเล็กน้อย คิ้วที่ขมวดและโก่งเข้าหากัน และการพูดของเธอดูเร็วกว่าปกติ

"ขอนั่งด้วยคนได้ไหม" เธอถามและรอคำตอบจากผม ผมรู้ว่าวินกำลังไม่พอใจ เขาไม่ได้แสดงออกชัดเจน แต่ผมรู้ เขาเงียบนิ่งและคงกำลังกัดฟันแน่น สีหน้าเรียบเฉยนั่นไม่ได้แปลว่าดี เพราะถ้าดีเขาคงยิ้มรับแล้ว

"โทษทีนะ เดี๋ยวมีเพื่อนตามมาอีกน่ะ เราคงไม่สะดวก" ผมบอกกลับไป ผมรู้และมองออกมาเธอคิดยังไงกับผม ไม่ว่าจะในห้องเรียนหรือเจอกัน เธอแสดงออกอย่างชัดเจน เธอเป็นคนสวยและมั่นใจในตัวเอง เธอเก่งและเป็นคนมีน้ำใจ แต่ผมก็แสดงจุดยืนชัดเจนแล้ว ว่าผมไม่ได้คิดอะไรกับเธอ ผมรู้ว่าผมอาจดูร้ายกาจไปนัก ทั้งคำพูดและการแสดงออก แต่ก็นะ ผมไม่ได้ขอให้เธอมายุ่งด้วยสักหน่อย ขอบเขตของคำว่าเพื่อนน่ะ ผมมีให้นะ แต่ถ้ามากกว่านั้น ผมคงให้ไม่ได้

"อ่า เสียดายจัง งั้นไม่เป็นไรค่ะ เจียไม่รบกวนแล้ว"

"ครับ" ผมตอบรับ เธอหน้าเสียมากจริงๆ และผมก็ไม่ได้อยากให้เป็นแบบนี้นักหรอก

"ใครจะตามมาเหรอ" หลังจากนั่งเงียบอยู่นานวินก็ถามขึ้น

"จะใครล่ะครับ ก็ต้องไม่มีอยู่แล้ว"

"ร้ายกาจนักนะ"

"เลิกเขี่ยไปมาแล้วกินได้แล้วนะครับ" ผมบอกอีกคน ผมรู้ว่าเขากำลังคิดอะไร แต่มันคงดีกว่าถ้าผมจะไม่พูดออกไป

"มึงเอาอีกไหม กูเหมือนจะกินไม่หมด"

"ก็รู้ว่าไม่ชอบเหมือนกัน แต่ก็ยังจะอยากมากินนะครับ"

"ก็ไม่คิดว่าจะมาจริง"

"เอ้า ก็ต้องพามาอยู่แล้วสิครับ ถ้ากินไม่หมดก็ไม่ต้องฝืน แต่คุณกินไปนิดเดียวเองนะ"

"อยากกินอย่างอื่น" วินพูดออกมาในที่สุด ปกติเขาก็กินได้ ตัวผมเองก็กินได้ ความอร่อยของซาชิมิก็ไม่ได้น้อยลดกว่าแต่ก่อน ทุกอย่างดูน่าทานและสดมาก แต่วันนี้พวกเรากินกันไปน้อยมาก

"ไปครับ รอบนี้เอาที่อยากกินนะ" ผมบอกวิน เขาพยักหน้า อย่างน้อยก็สีหน้าดูดีมากกว่าตอนที่มาถึงแรกๆ

ผมขับรถพาวินมาร้านที่เขาอยากกิน เขาบอกว่าเป็นร้านอาหารที่เพิ่งเปิดใหม่ เห็นวินบอกว่าพี่วาแนะนำมาเพราะเขามากินวันก่อนกับพี่ลิเคียว บอกว่าอร่อยมากต้องมากินให้ได้ ถึงจะอยู่ไกลไปสักนิดและทางเข้าค่อนข้างซับซ้อน แต่ก็มาถึงแล้วล่ะ เป็นร้านอาหารที่บรรยากาศดีมาก รอบๆ เต็มไปด้วยต้นไม้ ทำให้ดูเป็นธรรมชาติ

"สวัสดีค่ะ กี่ท่านคะ"

"สองครับ"

"เชิญทางนี้ค่ะ" พนักงานพาเราไปนั่งยังโต๊ะที่เตรียมเอาไว้สำหรับสองคน เป็นโต๊ะไม้ที่ประดับไปด้วยกระจกใส่ ด้านในโต๊ะตบแต่งด้วยหินและดอกไม้ต่างๆ

"รับอะไรดีคะ" พนักงานถามหลังจากยื่นเมนูมาให้

"เอา..." เขาก็ส่งสายตาเหมือนกับจะถามผมว่าจะกินอะไร

"สั่งเลยครับ อยากกินอะไรก็สั่งเลย" ผมบอก หลังจากวินมองเมนูตรงหน้า

"หมูผัดเปรี้ยวหวาน ผัดหอยลาย ฉู่ฉี่ปลาทู คั่วกลิ่งหมู ต้มผักกาดดอง ข้าวเปล่าสอง น้ำแข็ง 1 ถัง โค้กขวดเล็กแล้วก็โซดา 1 ขวดครับ" ถึงจะมากันสองคน แต่ที่เขาสั่งก็ไม่ได้ดูเยอะเกินไป น่าจะพอๆ กับที่เราสองคนจะกิน ถ้าหากจานไม่ใหญ่อ่านะ ผมไม่ได้ขัดและเห็นด้วยกับสิ่งที่วินสั่ง ในเมนูที่ผมดูความจริงมีอีกหลายอย่างที่น่ากิน แถมนั่งๆ อยู่ก็ได้กลิ่นอาหารจากโต๊ะข้างๆ ด้วย ยอมรับเลยว่าหอมมาก

"ชอบที่นี่ไหม"

"ครับ บรรยากาศดี แต่ดูเหมือนคนจะเยอะนะครับ" ผมบอกแล้วมองไปรอบๆ ขนาดเป็นวันธรรมดา คนยังเดินเข้าออกร้านไม่หยุดเลย ดีที่มีโต๊ะเยอะมากพอจะบริการลูกค้า

"เรียนเป็นไงบ้าน" วินถาม

"ก็ดีครับ เพราะผมมีติวเตอร์ดีเลยนะ"

"อืม มีอะไรสงสัยก็ถามกูได้"

"แล้ววินล่ะ เรียนยากไหม"

"ถ้าเตรียมตัวก่อนเข้าเรียนก็ไม่คิดว่ายากเท่าไหร่ แต่ยิ่งเรียนก็ยิ่งรู้สึกว่าไม่เหมือนอย่างที่คิด"

"ทำไมล่ะครับ อยากซิ่วเหรอ คุณพูดเหมือนเพื่อนๆ ของผมก่อนที่พวกมันจะซิ่วออกไปเลย"

"ไม่รู้สิ ใจหนึ่งก็อยากซิ่วนะ แต่ถ้าไม่เรียนแล้ว กูก็ไม่รู้ว่าจะทำอะไรอีก นอกจากเข้าคลินิกกับมาเรียนแล้ว มันก็ไม่มีอะไรที่กูอยากทำช่วงนี้เลย"

"แล้วที่ทำอยู่ เหนื่อยไหมครับ ผมไม่ค่อยเห็นคุณพักเลย เวลานอนก็น้อย"

"ตอนกูเรียนหมอนอนน้อยกว่านี้อีก มันก็ไม่ถึงกับเหนื่อยหรอก เวลาว่างกูก็มี มึงแค่ไม่รู้"

"อ่า นั่นสินะครับ เวลาเรียนเราไม่ตรงกันสักหน่อย แถมผมยังเลิกดึกอีกด้วย" ผมบอกออกไป เพราะบางวันถ้าไม่เลิกดึกก็อยู่ติวกับเพื่อนถึงดึกเลย แต่ถึงอย่างนั้น ถ้าผมเลิกเรียนแล้วโทรถามวินว่าอยู่ไหน ถ้าเขาไม่อยู่คลินิก เขาก็มักจะอยู่บ้านตลอดเลย

"งั้นวินเล่าให้ฟังหน่อยสิ เวลาว่างคุณทำอะไร" ผมถาม ความจริงก็ไม่เคยถามเขาเลย ผมพยายามแล้วที่จะไม่ใส่ใจวินมากเป็นพิเศษ แต่พอเวลาได้อยู่กันสองคน ผมกลับชอบที่จะได้ฟังอีกคนพูด

เพื่อนๆ ของเขามักบอกว่าวินเป็นคนพูดน้อย แต่สำหรับผม ผมคิดว่าเขาก็พูดปกตินะ เพียงแค่ถ้าไม่ถาม เขาก็ไม่ตอบเท่านั้นเอง เขาไม่ใช่คนที่เป็นฝ่ายบอกอะไรก่อน แต่ก็ถามเขา ก็ใช่ว่าเขาจะไม่พูดนะ

ระหว่างที่วินเล่า อาหารก็มาเสิร์ฟพอดี รสชาติใช้ได้จริงๆ ด้วย ทั้งกลิ่นหอมและอร่อยถูกปาก ผมเพิ่งรู้ว่าวันว่างๆ ของวิน ส่วนมากจะไปหาเพื่อนของเขาซะมาก ถ้าไม่ไปหาพี่วาที่ร้านพี่ลิเคียว เขาก็จะไปหมกตัวอยู่ในห้องของพี่โซ่เพื่อนของเขาเพื่อนั่งดูเต่า

"วันๆ ของกูก็มีแค่นี้แหละ"

"นั่งดูเต่าก็หมดไปวันๆ แล้วสินะครับ"

"อืม มันเป็นสิ่งมีชีวิตที่น่าเหลือเชื่อ ถึงจะไม่มีใครปกป้อง แต่มันก็มีกระดองที่แข็งแกร่ง เวลามองมันกิน มันดูน่ารักดีนะ"

"พี่เหมือนเขาจริงๆ ด้วย" ผมเผลอพูดออกไป ทำเอาคนตรงหน้าชะงักไปเลย ผมพูด เพราะความคิดของวินคล้ายๆ กับฟินิกซ์ ผมยังจำได้ดีวันที่ไปพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำกับฟินิกซ์ ไม่มีตอนไหนเลยที่ผมจะลืมเขาไปได้

"ชุน"

"..."

"ชุน! "

"ครับ"

"มึงเหม่อนะ คิดอะไรอยู่"

"เปล่าครับ อาหารอร่อยนะครับ สั่งของหวานเพิ่มไหมครับ" ผมถาม เรากินข้าวกันหมดแทบไม่เหลือเลย ผมเห็นในเมนูมีของหวานด้วย น่าสั่งมาลอง

"เอาสิ น้องครับ น้อง" วินหันไปเรียกพนักงาน

"คะ"

"สั่งของหวานหน่อยครับ ผมเอาครองแครงอัญชันน้ำกะทิ แล้วมึงล่ะ"

"ผมเอาบัวลอยมันม่วงฟักทองครับ"

"สองอย่างนะคะ"

"ครับ" ผมบอก รอไม่นานเลยของหวานก็มาเสิร์ฟ และผมก็รู้สึกว่าคิดไม่ผิดจริงๆ ที่สั่งมา มันทั้งหอมหวาน นุ่มลิ้น เข้มข้นมากแต่ก็ไม่หวานจนเกินไป

"อิ่มแล้วใช่ไหม"

"ครับ"

"งั้นกูเลี้ยงเอง" วินบอกก่อนที่จะลุกไปจ่ายเงิน ส่วนผมเดินออกมารอหน้าร้าน เห็นเด็กๆ ถือดาบของเล่นแล้วเล่นฟันดาบกัน มันทำให้ผมนึกถึงช่วงเวลาเด็กๆ ตอนนั้นผมไม่ยอมพูดกับใครเลยนอกจากฟินิกซ์ เวลาซ้อมต่อสู้ก็มีแค่ฟินิกซ์เท่านั้นที่คอยสอนผม ในขณะที่คนอื่นๆ ที่อายุรุ่นราวคราวเดียวกันจับคู่ต่อสู้แล้วให้พี่เลี้ยงคอยสอน

"ชุน"

"..."

"ชุน"

"..."

"ยิ้มขนาดนั้น คิดถึงฟินิกซ์อยู่สินะ"

"ทำไมคุณเอาแต่พูดถึงฟินิกซ์"

“ก็เปล่า ก็กูเรียกมึงแล้วมึงไม่ตอบ เหม่อตลอดเลยนะ”

“ไม่ต้องพูดถึงฟินิกซ์แล้วนะครับ พี่อย่าเป็นแบบนี้เลย”

"ทำไม กูเป็นยังไง กูพูดผิดเหรอ เพราะเขาอยู่ในความทรงจำของมึงไง เขาเหมือนอยู่กับมึงทุกลมหายใจ ขนาดกูอยู่ใกล้ๆ อยู่ข้างๆ ยังสำคัญไม่เท่ากับเขาเลย"

"นี่เราจะพูดเรื่องนี้กันจริงๆ เหรอ" ผมถาม ในความเป็นจริงแล้วมันมีอะไรมากกว่านั้น

"ก็มึงดูตัวเองสิ"

"ผมก็เป็นของผมแบบนี้"

"แต่ช่วงนี้มึงเป็นบ่อย กูไม่ได้ห้ามที่มึงคิดถึงเขา แต่มึงก็ช่วยคิดถึงกูบ้างได้ไหม"

"ผมก็อยู่กับพี่ตลอด"

"กูชักรู้สึกไม่ชอบใจแล้วสิ ที่กูต้องเหมือนเขาคนนั้นขนาดนี้ กูรู้สึกเริ่มไม่เป็นตัวเอง เริ่มเกลียดสิ่งที่ตัวเองเป็นจนกูไม่รู้แล้วว่ากูควรทำตัวยังไง หรือกูจะเปลี่ยนตัวเองยังไงดี มึงลองบอกกูสิ บอกกูหน่อยว่ากูต้องทำยังไง ต้องทำยังไงมึงถึงจะรักกูบ้าง"

"ผม...ผมขอโทษ" ผมไม่อาจพูดคำต้องห้ามออกมาได้ ความจริงแล้วตัววินเองก็ทำผมสับสนและหลายต่อหลายครั้งที่ไม่เป็นตัวเอง เราคบกันไม่ได้ แต่ผมก็ทิ้งเขาไม่ได้ ตัววินเองก็ไปจากผมไม่ได้เช่นกัน เราทั้งสองเริ่มผูกพันกันมากขึ้น มันก็นานมากแล้วที่พวกเราเริ่มอยู่ด้วยกัน ไปไหนมาไหนด้วยกัน และไม่ต้องมีข้ออ้างในการเข้าหากัน

"มึงก็เป็นแต่แบบนี้"

"คุณจะเดินไปไหน"

"กูว่าเราแยกกันกลับเถอะ"

"ก็แค่ขึ้นรถไปด้วยกัน"

"กูอยากอยู่คนเดียว"

"วินจะกลับบ้านใช่ไหม"

"..."

"คุณกลับบ้านแล้วกัน เอารถผมไป เดี๋ยววันนี้ผมจะไปนอนหอ" ไม่มีเสียงตอบรับจากวิน เขาเดินมาแล้วหยิบกุญแจจากมือของผมไป บรรยากาศของเรามันตึงๆ มาสักพักแล้ว ก็รู้ดีว่าสักวันหนึ่งความอดทนของวินจะสิ้นสุด ไม่มีใครยอมได้หรอก เขาไม่ใช่ตัวสำรองสำหรับผม แต่ก็ไม่สามารถเป็นตัวจริงได้ด้วย

ผมยืมมองวินเดินไปยังรถ เขานั่งอยู่ในนั้นนานมาก ตัวผมเองก็ไม่ได้ขยับไปไหน ไม่ได้คิดจะเดินไปหารถ ไม่แม้แต่จะเดิมตามอีกคนไป ได้ยินเสียงวินสตาร์ทรถ เขาค่อยๆ ขับถอยหลังออกมา และด้วยสัญชาตญาณ ผมก็เหลือบไปเห็นสิ่งผิดปกติบางอย่าง

ปัง

เสียงปืนดังขึ้น ผมรีบวิ่งไปยังรถของวินที่จอดสนิท แล้วขึ้นไปยังฝั่งข้างคนขับ

"วินเป็นอะไรไหม"

"นั่นเสียงอะไร ยางรถแตกเหรอ"

"ไม่ใช่ นั่นเสียงปืน"

"ห๊ะ"

ปัง ปัง ปัง

ผมยังไม่ทันได้อธิบาย เสียงปืนก็ดังขึ้นอีกหลายนัด ทำให้วินต้องรีบขับรถออกจากที่ตรงนี้ ผมหันไปมองที่ด้านหลัง เห็นรถของพวกมันขับตามมาด้วย ก็ไม่รู้หรอกนะว่าพวกไหน แต่ที่แน่ๆ คงเป็นศัตรูของป๊า ผมคลำหาปืนที่ใต้เบาะนั่งและเปิดเก๊ะเพื่อหยิบกระสุนปืน ไม่ลืมเช็กให้ดีก่อนขึ้นลำ

ปัง ปัง ปัง

"หมอบลงครับ" ผมกดศีรษะของวินลง เขายังคงขับรถอยู่แต่มันก็ส่ายไปมาจนน่ากลัว ผมเปิดกระจกรถแล้วเอี้ยวตัวไปข้างหลังเพื่อยิงสวนกลับไป

ปัง ปัง ปัง ปัง ปัง

ผมเห็นหน้าพวกมันไม่ชัด แต่แน่ใจว่ายิงโดนคนที่นั่งข้างคนขับ ดูเหมือนจะยังมีเหลืออีกสองคนนะ ผมกดปุ่มสีแดงบนนาฬิกา เป็นปุ่มขอความช่วยเหลือจากกลุ่มที่ผมเคยอยู่ หากโชคดีมีใครอยู่แถวนี้ เขาอาจจะมาช่วยผมได้

"ขยับมานั่งฝั่งนี้" ผมบอกแล้วสลับต่ำแหน่งกับวิน ดูเหมือนว่าวินจะไม่ได้ขับรถเก่งมากนัก ถึงจะขับเร็วแต่ก็คงหนีพวกนั้นไม่พ้น

"ต่อสายถึงคนที่ชื่อเอวาทีครับ" ผมบอกแล้วส่งโทรศัพท์ให้วิน มองพวกที่ตามมาผ่านกระจกด้านหลัง พวกมันยังขับจี้ท้ายรถของผมไม่ห่างเลย

ปัง ปัง ปัง

เสียงปืนจากด้านหลังดังขึ้น ผมหักรถเลี้ยวหนีแล้ว แต่พวกมันยังคงตามมาได้ ด้วยความที่ไม่คุ้นทาง ผมเลยพยายามขับหนีและหาถนนเส้นที่คุ้นเคยให้เร็วที่สุด

"ยังไม่ติดอีกเหรอครับ" ผมถามวินที่นั่งเงียบ

"ยังเลย" เขาตอบกลับมา แต่สีหน้าของเขาแปลกใจ ผมมองสำรวจจนกระทั่งเห็นว่าอีกคนเลือดออก

"คุณโดนยิงนิ" ผมพูดออกไป วินเอามือกดบาดแผลเอาไว้ แต่เลือดก็ยังคงไหลออกมาไม่หยุด เขาไม่ได้ร้องหรือบอกอะไรผม ดูเหมือนงานนี้ผมต้องทำอะไรสักอย่าง

ผมมองดูตึกร้างเพื่อนำรถเข้าไปจอด ยิงคนน้อยยิ่งจัดการง่ายและลดปัญหาลงเวลาที่ต้องเคลียร์พื้นที่ หากยังรอความช่วยเหลือหรือพยายามขับหนีให้พ้น ผมก็ไม่รู้ว่าอีกนานเท่าไหร่ สีหน้าขอบวินตอนนี้ก็ซีดลงเรื่อยๆ แล้วด้วย

"น่าจะไม่ใช่จุดสำคัญ" วินบอกออกมา ถึงจะไม่ใช่จุดสำคัญแต่เขาเสียเลือดเยอะนั่นคือเรื่องจริง โชคดีที่ด้านหน้ามีตึกร้างอยู่ผมเลยเลี้ยวรถเข้าไปแล้วจอดแอบหลังพุ่มไม้

"คุณอยู่ตรงนี้นะ"

"มึงจะไปไหน"

"รอตรงนี้ แป๊บเดียว" ผมบอกแล้วค่อยๆ เปิดประตู ผมก้าวลงมาจากรถของตัวเองแล้วมองดูรถที่ขับตามเข้ามา ผมไม่แน่ใจว่าเป็นพวกไหน เพราะพวกมันใส่เสื้อแขนยาวปกปิดรอยสัก

ตอนนี้ผมเหลือกระสุนอีกไม่กี่นัด อย่างน้อยก็ต้องสอยหนึ่งในสองคนนั้นให้ได้ก่อน ผมเดินอ้อมไปด้านหลังของพวกมัน ก่อนที่จะเล็งปืนไปยังคนด้านหลัง

ปัง

เสียงปืนดังขึ้นมาก่อนที่ผมจะลั่นไกล เพราะไอ้คนแรกที่เดินน้ำมันหันมาเห็นผม ผมได้แต่เอี้ยวตัวหลบกระสุนนัดต่อๆ ไป ก่อนที่จะหาจังหวะเล็งไปที่มันอีกรอบแล้วลั่นไกล

ปัง ปัง ปัง แกรก แกรก แกรก

กระสุนของผมหมด แต่โชคยังดีที่โดนมันคนหนึ่งล้มไป ส่วนอีกคนวิ่งไปหลบอยู่หลังเสา ผมหยิบมีดพกของตัวเองออกมาแล้วค่อยๆ ย่องไปทางหลังเสานั้น แต่มันเงียบมากจนผมไม่รู้สึกถึงตัวคนเลย

"โอ้ย" เสียงคุ้นหูดังขึ้น ทำให้ผมหันไปมอง มันกำลังจับวินเอาไว้พร้อมกับเล็งปืนไปทางเขา

"หยุดๆ มึงต้องการอะไร"

"บอกข้อมูลที่แกรู้มาให้ผม"

"ข้อมูลอะไร"

"อย่าคิดว่าพวกกูไม่รู้นะ ทั้งมึง ทั้งไอ้สุชาติแล้วก็ลูกๆ ของมันทำอะไรไว้" ไอ้คนที่จ่อปืนไปยังวินมันพูดถึงป๊าของผม แค่นี้ก็รู้ความหมายและที่มาแล้ว

"มึงคิดว่ามึงจะรอดไปได้เหรอ"

"แสดงว่ามึงไม่รู้สินะ ว่าเกิดอะไรขึ้น ที่แน่ๆ มึงไม่ใช่ศพแรกจากพวกกูแน่"

ปัง ปัง

"ชุน ชุน" เสียงของวินเรียกผม เขาร้องไห้สะอื้นจนเห็นได้ชัด ผมทรุดตัวลงจนหัวเข่ากระแทกกับพื้น แต่ก็พยายามใช้มือยันตัวเองขึ้น นัดแรกผมหลบทัน แต่นัดที่สองโดนเข้าเต็มๆ มันยิงมาทางผมโดยที่ผมไม่ทันตั้งตัวก่อนจะจ่อปืนไปยังทางวินเช่นเดิม นี่ไม่ใช่ในหนังที่จะมีคนมาช่วยทันหรือพวกผมจะปลอดภัยง่ายๆ ผมเป็นห่วงวินจับใจ เขาไม่ควรจะมาเจออะไรแบบนี้ ทั้งๆ ที่ผมเพียงแค่คิดเท่านั้น คิดว่าจะพูดกับวินตรงๆ แล้ว แต่ก็เกิดเรื่องขึ้นก่อนจนได้

"ถ้ามึงยอมบอกข้อมูลสำคัญหรือโกดังเก็บของของไอ้สุชาติ กูจะยอมปล่อยมึงไปก็ได้นะ" มันพูดออกมา ปืนที่จ่อที่ขมับของวินก็พร้อมจะเหนี่ยวไกลทุกเวลา

"หึ มึงคงตัดสินใจยากสินะ"

ปัง

มันยิงมาที่ผมอีกนัด ทำให้ผมทรุดลงนั่งแต่ก็ยังไม่ล้มลงกับพื้น ความเจ็บครั้งนี้แล่นแปลบจนผมต้องกัดฟันแน่น

"ชุน...ฮึก...ฮึก...ชุน..." ผมเห็นวินพยายามสะบัดตัวออก แต่อีกคนจับไว้แน่น เขาร้องไห้หนักมาก สายตาของวินสั่นไหวอย่างเห็นได้ชัด แต่ผมพูดออกไปไม่ได้ ถึงผมจะรู้ แต่ผมก็ไม่มีทางพูดเรื่องป๊าเด็ดขาด

"วิน ผมขอโทษ" ผมได้แต่พูดคำขอโทษ รู้ว่ามันคงยิงพวกผมแน่

"ฮึก...ฮื่อออ...กูรักมึงนะชุน กูรักมึง" วินพูดออกมาทั้งน้ำตา เขาเหมือนจะไม่ไหว ใบหน้าซีดเซียวอย่างเห็นได้ชัด

"หึ ใช่สินะ ถ้าปากแข็งมากนัก กูก็จะสงเคราะห์ให้มึงได้ตายใกล้ๆ กัน" มันพูดแล้วผลักวินมาทางผม เขาเซเล็กน้อยแต่ก็วิ่งมาหาผม ภาพตรงหน้ายังคงติดตาของผมและทุกๆ สิ่งรอบตัวก็เกิดขึ้นเร็วมาก

ปัง ปัง ปัง

ปังปังปัง ปังปังปัง

เสียงปืนดังขึ้นสนั่น ผมไม่ได้สนใจมองรอบๆ แล้ว เห็นเพียงวินที่ล้มลงตรงหน้าของผม เขาหน้าซีดกว่าเดิมมาก ผมค่อยๆ ขยับเข้าไปหา ก่อนจะย้อนตัวอีกคนขึ้นมา วินยังคงมองผมอยู่ เขาสำลักเลือกเล็กน้อยเหมือนกับพยายามจะพูดอะไรออกมาแต่ก็พูดไม่ออก

"อย่าเพิ่งหลับนะ คุณจะต้องไม่เป็นอะไร" ผมบอกแล้วลูบแก้มใส วินหายใจรวยริน เขาเลิกสะอื้นแล้ว แต่น้ำตายังคงไหลไม่หยุด ผมรู้สึกว่าตัวเขาสั่นเล็กน้อย

"ชุน..."

"อย่าเพิ่งพูดนะวิน" ผมบอกกับวิน เขาพยักหน้าเล็กน้อย ใบหน้าที่เต็มไปด้วยคาบเหงื่อและเลือดค่อยๆ ยกยิ้มขึ้นเล็กน้อย เป็นรอยยิ้มที่ผมใจไม่ดีเลย

ปัง

เสียงปืนนัดสุดท้ายที่ผมได้ยิน ก่อนที่จะล้มตัวลงกับพื้นอย่างจัง ครั้งนี้มันเจ็บมากกว่าครั้งไหนๆ และทำให้ผมรู้สึกหายใจลำบาก แขนข้างที่ยันพื้นในตอนแรกก็ดูเหมือนหักเป็นที่เรียบร้อย ก่อนที่สติของผมจะเลือนหายไป ผมคิดว่าผมเห็นใครสักคนที่คุ้นเคย คงเป็นใครสักคนที่มาช่วยผม ผมรู้สึกหมดห่วงและโล่งใจ แล้วสติของผมก็ดับวูบไปเหมือนกับปิดสวิตช์


ออฟไลน์ YiiM

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 60
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +13/-0
ตอนที่ 9 สัญญา...ว่าจะไม่ลืม


ชุน พาร์ท

ผมคงเกิดมาพร้อมกับคำสาป คำสาปที่ไม่มีวันลบล้าง เพราะไม่ว่าจะเป็นใครก็ตามที่อยู่รอบตัวของผม ครอบครัว คนรัก หรือแม้แต่เพื่อน พวกเขามักจะมีอันเป็นไป

ทำไมนะ...ทำไม...

ทุกๆ วันยังคงเป็นเหมือนเดิม ทั้งๆ ที่ก็ผ่านมานานมากแล้ว ไหนบอกเวลาจะช่วงเยียวยาทุกสิ่ง หรือมันยังไม่นานมากพอ เพราะผมไม่สามารถลืมคุณได้เลย

แล้วตอนนี้คุณอยู่ที่ไหน ทำไมคุณถึงหายไปนาน รู้ไหมว่าผมทรมานมากแค่ไหน ผมคิดถึงคุณเหลือเกิน

...ฟินิกซ์...

‘ชุน’

‘ฟินิกซ์ ใช่คุณจริงๆ ด้วย หายไปไหนมา ครั้งนี้คุณใจร้ายมากจริงๆ นะ’

‘ทำไมยังไม่ลืม’

‘...’

‘ทำไมยังจดจำ’

‘...’

‘ฉันขอโทษ ฉันทำร้ายนายใช่ไหม’

‘เปล่า ไม่ใช่’

‘อย่าเป็นแบบนี้อีกเลยนะ’

‘ผมคิดถึงคุณ’

‘ฉันก็คิดถึงนาย’

‘แล้วเมื่อไหร่เราจะได้เจอกันอีก’

‘ฉันบอกนายแล้วว่ายังไม่ใช่ตอนนี้’ แล้วผมยังต้องรออีกนานแค่ไหน คำถามที่ได้แต่ถามในใจ แม้แต่ในความฝันของผม ผมยังไม่กล้าที่จะพูดออกไปเลย

‘แล้วคุณ...คุณสบายดีไหม’

‘ทำไมจะไม่สบายล่ะ’

‘ผมก็สบายดี’

‘อย่าโกหก นายก็รู้ว่าฉันรู้’

‘ฮ่าๆๆ นั่นสินะ ผมไม่เคยโกหกคุณได้เลย’

‘เหนื่อยไหม’

‘อืม’

‘รักเขาหรือยัง’

‘ใคร’

‘นายรู้ว่าฉันหมายถึงใคร’

‘ผมจะรักใครได้ ผมมีแค่คุณ’

‘นายปิดกั้นตัวเองมากไป หรือว่าเขาคนนั้นยังไม่ดีพอ’

‘...ก็ดี’

‘แล้วรักไหม’

‘ผมไม่รู้’

‘จะไม่เล่าเหรอ’

‘ผมไม่รู้ว่าจะเริ่มยังไง’

‘ชื่อล่ะ บอกชื่อมาก่อนสิ’

‘วิน เขาชื่อมาวิน’

‘เจอกันได้ยังไง’

‘จากความบังเอิญ ตอนแรกน่ะ ผมตกใจมากเลยนะ ผมคิดว่าดราก้อนมาตามผม แต่พอได้มองชัดแล้วกลับไม่ใช่ เพราะเขาเหมือนคุณมากกว่าดราก้อน เหมือนจนผมคิดว่าคุณกลับมาหาผมแล้ว’

‘จะเป็นแบบนั้นไปได้ไง’

‘ก็นั่นน่ะสิ แต่พอยิ่งได้รู้จัก ผมก็ยิ่งคิดถึงคุณ เขาเหมือนคุณมาก เขาชอบเต่า พูดน้อย และเก่งในหลายๆ อย่าง เขาเหมือนคุณมากจนผมแยกไม่ออกเลยล่ะ’

‘นั่น มันแปลว่าดีหรือเปล่า’

‘ผมก็ไม่รู้ แต่นั่นยิ่งทำให้ผมไม่ลืมคุณ’

‘นายมันน่าตี ทำแบบนี้เขาจะเสียใจนะ’

‘ผมรู้ ผมเห็นแก่ตัว แต่ผมก็บอกเขาไปแล้วว่าเขาสามารถไปจากผมได้’

‘แบบนั้นเขาก็ยิ่งน่าสงสารน่ะสิ เขารักนายไม่ใช่เหรอ’

‘อืม คงงั้น’

‘ชุน แล้วนายล่ะ’

‘บอกแล้วไง ว่าไม่รู้ ผมกลัวว่าผมจะรักเขา เพราะเขาเหมือนคุณ ผมกลัวว่า...ว่า...’ ผมพูดไม่ออก รู้สึกแน่นไปทั่วทั้งอก มันจุกจนไม่สามารถแม้แต่กลืนน้ำลายตัวเองได้ ผมไม่เคยบอกใครนอกจากฟินิกซ์ มีแค่เขาเท่านั้นที่รู้เรื่องทุกอย่างที่เกี่ยวกับผม แม้แต่เรื่องคำสาปด้วย

‘นายรู้ตัวนายเอง แค่นายยังไม่ยอมรับ’

‘แล้วจะให้ผมยอมรับได้ไง อีกแล้วนะฟินิกซ์ มันกำลังเกิดขึ้นอีกแล้ว’

‘ไม่ใช่สักหน่อย ทุกอย่างมันไม่ได้เกิดขึ้นเพราะนาย ทุกคนที่เกิดมา ยังไงก็ต้องเจ็บ ต้องตายเป็นธรรมดา’

‘ไม่จริง ถ้าไม่ใช่เพราะผม คุณอาจจะ...’

‘ฉันทำไม คิดว่าถ้าฉันไม่เจอนาย โรคที่ฉันเป็นจะรักษาหายหรือไง ตลกน่า’

‘แต่ถ้าไม่เจอผม คุณอาจจะไม่เป็นโรคอะไรเลยด้วยซ้ำ’

‘มองมาที่ฉัน แล้วตั้งสติดีๆ หายใจเข้าลึกๆ โอเคแล้วใช่ไหม’

‘ครับ’

‘ฟังนะชุน ไม่ว่าจะเรื่องครอบครัวของนาย เพื่อนวัยเด็ก หมาที่เคยเลี้ยง หรือแม้แต่ฉัน ทุกคนมีกรรมเป็นของตัวเอง นายไม่ได้เอาปืนไปจ่อใคร นายไม่ได้ปักมีดลงบนอกใครด้วยซ้ำ เมื่อถึงเวลา เมื่อสิ้นวาระ ทุกคนก็ต้องตาย แม้แต่นายเองก็ด้วย เพราะฉะนั้นอย่าโทษตัวเอง นายไม่ได้ต้องคำสาป ไม่มีใครตายเพราะนาย เชื่อฉันสิ’

‘...คุณรู้จักผมดีเกินไป’ ผมเงียบเหมือนกับตั้งสติได้แล้ว เขาเป็นคนเดียวที่ทำให้ผมใจเย็นลง มันอาจฟังดูแปลก แต่ผมเชื่อทุกคำพูดของฟินิกซ์ เชื่อแบบสนิทใจเลย เพราะฟินิกซ์ไม่เคยโกหกผม เขาดีกับผมมากจริงๆ

‘นายรักเขาได้นะ’

‘แล้วคุณล่ะ’

‘ฉันก็ยังอยู่ตรงนี้ ที่เดิม’

‘ผมกลัวคุณเหงา ฮึก ฟินิกซ์ ผมควรทำยังไงดี’

‘นายน่ะคิดมากไปแล้วนะ ร้องไห้เป็นเด็กเลย’

‘ผมกลัวคุณเสียใจ’

‘ความสุขของฉันคือการเห็นนายมีความสุข’

‘ถ้าผมรักเขา มันจะดีแล้วเหรอ’

‘ถ้าเขาดี ก็รักเขาให้มากๆ แล้วมีความสุขได้แล้ว’

‘ผมรักคุณ’

‘ฉันรู้ ฉันก็รักนาย’ เราสวมกอดกัน เป็นครั้งแรกตั้งแต่ที่เคยฝันถึงฟินิกซ์ ที่เขายอมให้ผมกอดเขา มันน่ากลัวนิดหน่อย เพราะเขาทำให้ผมรู้สึกว่าเขาจะหายไปจริงๆ แล้ว

‘จะไปแล้วเหรอ’ ผมถาม

‘อืม นายก็ควรกลับไปยังที่ของนายได้แล้ว’

‘ขอบคุณนะฟินิกซ์ ขอบคุณสำหรับทุกอย่าง’

‘หึ เด็กขี้แยในตอนนั้น โตขึ้นขนาดนี้แล้วสินะ’ ฟินิกซ์พูดออกมาด้วยรอยยิ้มที่สดใส คิดถึงเหลือเกิน รอยยิ้มของคนดีของผม ถึงเวลาแล้วสินะ ที่ผมควรปล่อยเขาไปสักที ไม่ใช่เขาหรอก ที่ควรจะปล่อยผมไป เพียงแต่เพราะผมยังคงเป็นแบบนี้ ยังอาลัยอาวรณ์ เขาถึงยังมีห่วง ห่วงที่ผมรั้งเขาไว้ไม่ให้ไปไหนได้ แต่ตอนนี้ผมคงต้องทำตัวเสียใหม่จริงๆ แล้ว

‘แล้วเราจะได้เจอกันอีกใช่ไหม’ ผมถามฟินิกซ์

‘อืม ในสักวันหนึ่ง:) ’ เขาพยักหน้าพร้อมกับยิ้มรับ ก่อนจะค่อยๆ หายไปทีละนิดพร้อมกับสายลม

ขอบคุณสำหรับทุกอย่างจากใจจริง ถึงแม้แค่คำว่าขอบคุณมันจะไม่พอสำหรับสิ่งที่คุณเคยทำให้ผมก็เถอะ แต่คำนี้ผมพูดออกมาจากใจ สัญญานะ...ว่าผมจะไม่ลืมคุณเลย ฟินิกซ์ ชายรูปงามที่เป็นรักแรกในความทรงจำของผม


++++




ผมตื่นขึ้นมาในที่ที่แปลกตา เพดานสีขาว พื้นห้องสีขาว สายน้ำเกลือที่ติดอยู่กับแขนห้อยระโยงระยาง

"ชุนๆ "

"อืมมมม"

"เรียกหมอที" ผมได้ยินเสียงของคนหลายคน แต่ที่ได้ยินชัดสุดคงจะเป็นเสียงของวิน เสียงเขาฟังดูวิตกกังวล ทั้งๆ ที่ควรจะเป็นผมมากกว่า ภาพความจำสุดท้ายยังคงติดตา ภาพที่อีกคนโดนยิงและเสียเลือดมาก

"วิน~~"

"อยู่นี่ กูอยู่นี่ อย่าเพียงขยับนะ มึงเจ็บอยู่"

"คุณเป็นไงบ้าง"

"กูไม่เป็นไร มึงนั่นแหละ ฮึก มึงน่ะ"

"ไม่ร้องสิคุณ"

"เออๆ กูไม่ได้ร้อง กูเปล่าร้องนะ" ถึงเขาจะพูดมาแบบนั้น แต่น้ำเสียงกับน้ำตาของเขา มันไม่ได้โกหกตามเลย ผมไม่ได้พูดอะไรออกไปอีก รู้สึกคอแห้งและยังขยับตัวไม่ได้ เวลาผ่านไปไม่นานก็ได้ยินเสียงคนเข้ามาเพิ่งคงจะเป็นหมอและพยาบาล เพราะใส่ชุดสีขาว หลังจากนั้นผมก็ไม่รับรู้อะไรอีกเลย



+++++++++



"ทำไมยังไม่ตื่นอีกวะ"

"มึงก็ใจเย็น หมอให้ยานอนหลับไปนะ"

"แต่มันก็หลายชั่วโมงแล้ว"

"นั่งลงแล้วใจเย็นๆ โอเคไหม หายใจเข้าลึกๆ หรือนอนไปเลยก็ได้" ผมสลึมสะลือตื่นขึ้น มันไม่ได้แย่เหมือนครั้งแรง สิ่งที่ได้ยินก็รู้สึกตลกจนอยากจะยิ้มออกมาด้วยซ้ำ ผมคงนอนหลับไปนานมาก วินถึงดูเป็นห่วงผมขนาดนี้ ทั้งๆ ที่ผมก็ไม่ได้ทำตัวดีกับเขาสักเท่าไหร่ แถมล่าสุดก็ยังไม่ได้ให้คำตอบเขาเลย แต่เขาก็ยังอยู่ข้างผมเสมอ

"มันตื่นแล้ว" เสียงของพี่วาดังขึ้น ทำเอาอีกคนที่นั่งอยู่บนโซฟารีบลุกขึ้นเดินมาดู

"เป็นไงบ้าง ขยับตัวได้ไหม"

"เจ็บครับ แล้วคุณเป็นไงบ้าน"

"กูสบายดีจนวิ่งได้แล้ว"

"เว่อร์ตลอดมึงน่ะ หมอบอกให้นั่งก็เดินไม่หยุด เปลี่ยนผ้าพันแผลสามรอบแล้วนะ พยายามดุจนกูไม่กล้ามองหน้าเขาแล้ว"

"ไอ้วา มึงก็พูดเกินไป"

"เอ้า กูพูดจริงนะเนี่ย"

"เงียบไป"

"โอ้โห สายตานี้ กูเงียบเลยครับ" พี่วาบอกแล้วนั่งลง ทำท่ารูดซิปปากด้วย

"ดุพี่วาตลอด"

"ก็มันพูดเว่อร์"

"คุณน่ะดื้อ"

"ก็แค่เป็นห่วง"

"ครับๆ ขอโทษที่ทำให้เป็นห่วงนะ" ผมบอกวิน เขาพยักหน้าก่อนจะจับมาที่ใบหน้าของผม ผมรู้ว่าเขาเป็นห่วงผมมาก เพราะผมเองก็เป็นห่วงเขาไม่ต่างกัน

"ตอนที่มึงยังไม่ฟื้น เพื่อนมึงมาเยี่ยมด้วย"

"...? "

"พวกพันไมล์ หมื่นลี้ เอวาแล้วก็มีอีกสองสามคน กูจำชื่อไม่ได้"

"พวกนั้นมาเหรอ"

"อืม เห็นบอกมีเรื่องจะคุยกับมึงด้วย"

"ครับ" ผมพยักหน้ารับรู้ จำได้ว่าก่อนที่ตัวผมจะสลบไป ผมคิดว่าผมเห็นพี่ดราก้อนกับเอวานะ แต่ก็ไม่คิดว่าจะเป็นพวกนั้นจริงๆ เพราะตั้งแต่ที่ผมออกมา ก็ไม่เคยติดต่อใครเลยแม้แต่เอวาที่ผมสนิทด้วย

ก๊อก ก๊อก ก๊อก

เสียงเคาะประตูดังขึ้น ก่อนที่จะตามมาด้วยชายชุดดำอีกหลายคนที่เดินเรียงแถวกันเข้ามา หลายคนคือคนที่ผมคุ้นหน้า แต่ก็มีอีกสองคนที่ผมคิดว่าตัวเองไม่รู้จัก ส่วนผู้หญิงคนเดียวที่เดินรั้งท้ายเข้ามาก็คือเอวา เธอใส่ชุดสีแดงสดรัดรูปพร้อมกับแต่งหน้าจัดอย่างไม่เป็นธรรมชาติ

"ตื่นแล้วเหรอพ่อหนุ่ม หลับไปเกือบสามวันเลยนะ" เอวาเป็นคนแรกที่ทักขึ้น

"อ่อนหัดลงเยอะเลยนะ เจอไปแค่นี้ถึงกับต้องนอนโรงพยาบาล"

"พี่ดราก้อนก็พูดเกินไป พวกมันเล่นผมทีเผลอเถอะ"

"พวกกูออกไปก่อนนะ" วินพูดขึ้น ผมมองไปทางเอวา เธอส่งสายตาเหมือนกับต้องการความเป็นส่วนตัว ผมเลยพยักหน้ารับ ก็ไม่รู้ว่าเหตุเกิดจากอะไร ผมไม่อยากลากวินเข้ามายุ่งด้วย

"พร้อมจะฟังหรือยัง" เอวาถาม พร้อมกับเดินมาปรับเตียงของผมให้อยู่ในท่านั่ง หลังจากวินและพี่วาเดินออกไป พันไมล์ก็เดินไปล็อกห้องทันที

"ครับ" ผมตอบรับและตั้งใจฟังเรื่องราวทั้งหมด

ผลของความผิดพลาดเรื่องนี้เกิดจากเด็กใหม่หนึ่งในสองคนที่เดินเข้ามาด้วย ผมไม่ได้ตั้งใจฟังเท่าไหร่ว่าพวกนั้นชื่ออะไร แต่เพราะความสะเพร่าที่ไม่เคยเป็นมาก่อน ทำให้ข้อมูลของสมาชิกหลายคนรั่วไหลไปถึงศัตรู พวกนั้นคิดจะกำจัดทุกคนในแก้ง ถึงแม้จะเป็นพวกที่ออกมาแล้วอย่างผมก็เถอะ ดูเหมือนจะมีหลายคนด้วยที่ถูกเก็บไปแล้ว แต่ก็ยังมีอีกหลายคนที่ถูกช่วยไว้ทัน แล้วผมโชคดีที่อยู่ในจำนวนคนที่รอด

"โชคดีนะที่ฉันกับพี่ดราก้อนมาช่วยไว้ทัน ไม่งั้นกลายเป็นศพไร้ญาติไปแล้ว"

"ขอบคุณนะ"

"ก็คิดอยู่แล้วว่าไม่ได้เช็คเมลที่ส่งมาให้" พันไมล์บอก ซึ่งนั่นมันก็จริง ตั้งแต่ผมออกมา ผมก็ไม่เคยเข้าล็อกอินหรือดูข้อมูลต่างๆ ที่เราเคยใช้ติดต่อกันเลย ผมเปลี่ยนเมล เปลี่ยนโทรศัพท์ ตัดช่องทางติดต่อเพื่อไม่ให้ใครรู้ที่อยู่ของผมได้ แต่ก็ไม่แปลกใจหรอกที่ทุกคนรู้ว่าผมอยู่ที่นี่ เพราะทุกคนรู้จักหน้าจริงของผมหมดแล้ว จะว่าไป วันนี้หมื่นลี้ก็มาด้วยใบหน้าที่ต่างไปจากเดิมนิดหน่อยด้วย

"เมคอัพฝีมือพันไมล์ ยังไม่ได้เรื่องเหมือนเดิมเลย" หมื่นลี้พูดขึ้น เหมือนกับรู้ความคิดของผม ซึ่งผมก็พยักหน้าเห็นด้วยอย่างยิ่ง

"ป๊าโอนเงินเข้าบัญชีแล้วนะ"

"ทำไม"

"ชดเชยน่ะ รับไปเถอะ ป๊าเป็นห่วงมากนะ"

"ผมเข้าใจ" ผมบอกพี่ดราก้อน เราพูดคุยกันอยู่นานจนหมอเข้ามาถามอาการของผม หมอบอกผมฟื้นตัวเร็วเพราะถ้าหากเป็นคนอื่นคงเป็นอาทิตย์กว่าจะฟื้น เท่าที่ฟังคือผมยังต้องนอนโรงพยาบาลต่ออีกหนึ่งคืนเพื่อรอดูอาการ หากพรุ่งนี้ไม่มีอะไรก็สามารถกลับบ้านได้ตามปกติ

"กลับก่อนนะ ต้องไปทำงานต่อ" เสียงเข้มของพี่ดราก้อนพูดขึ้น

"ครับ ขอบคุณมากที่ช่วยผมไว้" ผมบอก เด็กสองคนที่มาด้วยก็ขอโทษผมยกใหญ่เกี่ยวกับปัญหาที่เกิด ซึ่งผมไม่ได้ติดใจเอาความอะไร เพราะโทษที่พวกนั้นต้องโดน มันก็มากเกินพอแล้ว

"แล้วจะกลับกันเลยไหม" ผมถามทั้งสามคนที่ยังนั่งอยู่

"เป็นยังไงบ้าง" หมื่นลี้ไม่ได้ตอบคำถามผม เขาถามคำถามกลับมาแทน

"ก็เจ็บน่ะสิ"

"ไม่ใช่ กูหมายถึงช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา มึงเป็นยังไงบ้าง"

"ก็ดี แรกๆ ก็เขวไปเหมือนกัน มึงเข้าใจป่ะ คือตื่นมาแล้วทุกอย่างมันไม่เหมือนเดิม ไม่มีอะไรเหมือนเดิมเลยสักอย่างอ่ะ" ผมบอกออกไป ช่วงแรกที่แยกตัวออกมา ผมจมปรักอยู่กับอดีตจนไม่สามารถทำอะไรได้ ทุกๆ วันผ่านไปเหมือนกับไม่มีจุดหมาย มันต่างไปจากเดิมอย่างเห็นได้ชัด ทั้งผู้คนรอบข้าง สิ่งแวดล้อมต่างๆ ผมไม่ต้องตื่นเช้ามาฝึก ไม่ต้องรอรับคำสั่ง ไม่ต้องวัดฝีมือ เหมือนกับกิจวัติประจำวันมันเปลี่ยนไปหมด

"นายโอเคแล้วใช่ไหม" เอวาถาม เธอรู้ว่าตอนนั้นผมรู้สึกแย่มาก มันนบอบช้ำไปทั้งหัวใจเลยก็ว่าได้

"อืม ดีขึ้นเยอะ"

"คนนั้นน่ะ แฟนใช่ไหมครับ" พันไมล์ถามขึ้น ดูเหมือนทั้งสามคนคงอยากจะรู้คำตอบของข้อนี้มากที่สุด

"ใช่ ใช่ไหม" เอวาถามต่อ

"..." ผมเงียบไม่ได้ตอบอะไรกลับไป ไม่ใช่ว่าไม่อยากบอก แต่ความสัมพันธ์ของผมกับวินตอนนี้ มันซับซ้อนเกินจะพูดออกมาได้

"ถึงมันจะเป็นช่วงเวลา 2-3 ปี แต่มันก็นานมากแล้วนะ มากเกินพอกับความทรมานของคนคนหนึ่งจะรับไหว ทุกคนเป็นห่วงนายนะชุน ปลดล็อกตัวเองแล้วมีความสุขเถอะ ฉันเชื่อว่าพี่ฟินิกซ์ก็หวังให้เป็นแบบนั้น" เอวาบอก ผมเข้าใจนะ เข้าใจในสิ่งที่เธอพูด ผมรู้ว่าเธอและคนอื่นๆ ยังคงเป็นห่วงผม ผมรู้ว่าทุกๆ ปี พวกมันยังคงไปหาฟินิกซ์ที่หน้าหลุมศพ ถึงพวกเราจะไม่เคยเจอกันเลย แต่ผมก็รู้ว่าทุกคนมาเยี่ยมฟินิกซ์แน่ๆ

แอร๊กกกก~~~

เสียงประตูห้องเปิดออก ไม่มีการเคาะประตูก่อนใดๆ ทุกสายตาจับจ้องไปยังคนที่ถือน้ำเกลือเดินเข้ามา เขาชะงักค้างไปเลย ก่อนที่จะปิดประตูแล้วเงียบไป

ก๊อก ก๊อก ก๊อก

เสียงเคาะประตูดังขึ้น ก็คงจะเป็นเขานั่นแหละนะ

"ขอโทษครับที่เมื่อกี้ผมไม่ได้เคาะประตู คิดว่ากลับไปกันหมดแล้ว" วินบอก เขายังคงยืนอยู่ตรงที่ประตู

"นี่ก็เย็นแล้ว พวกเรากลับกันเถอะ" เอวาบอกหลังจากที่เห็นว่าวินไม่ยอมเดินเข้ามา

"นั่นสิ พวกกูกลับก่อนนะ"

"อืม ขอบใจที่มาเยี่ยม"

"พรุ่งนี้พวกฉันคงไม่ได้มา แต่ถ้าโทรหาก็รับด้วยล่ะ ไม่ใช่หายไปแบบนี้อีก"

"รู้แล้วน่า" ผมบอกเอวา รู้ว่าเป็นห่วง ถึงผมจะไม่ได้ติดต่อไป แต่ผมไม่เคยไม่คิดถึงทุกคนเลย ผมยังคงเป็นห่วงและภาวนาให้ทุกคนปลอดภัยอยู่ตลอด

ผมมองทุกคนเดินออกไป วินเองก็ปิดประตูให้แล้วถึงจะเดินมานั่งลงที่เก้าอี้ข้างๆ เตียง เขาเงียบอย่างผิดปกติ สายตาที่มองมามีแต่คำถาม

"อยากรู้อะไรก็ถามมาครับ"

"หิวไหม" วินถามเสียงเบา ใบหน้าขาวซีดกับดวงตาใสซื่อของเขา ทำให้ผมยิ้มออกมา ก็รู้แหละว่าที่อยากถามคงไม่ใช่เรื่องนี้ แต่เขาก็เลี่ยงที่จะถามสิ่งที่อยากรู้

"ไม่ครับ ผมกินแล้ว วินล่ะ กินอะไรหรือยัง"

"อืม"

"โกหกอีกแล้ว" ผมบอก ทำไมวินถึงชอบโกหกจังนะ ก็รู้อยู่ว่าปิดบังคนอย่างผมไม่ได้ เทคนิคการสังเกตที่ได้เรียนรู้มาของผม มันขึ้นสูงมากนะ แค่จ้องมองใบหน้าของอีกคนผมก็รู้แล้ว ว่าจริงๆ แล้วอีกคนรู้สึกยังไง

"กินขนมปังก่อนสิครับ" ผมบอก วินก็เชื่อฟังนะ ถึงจะทำหน้าบูดมากก็ตาม

"หลับเหรอ" วินถาม

"เปล่าครับ แค่พักสายตา วิน คุณเจ็บมากไหม"

"ไม่หรอก มันก็แค่ถากๆ มึงนั่นแหละที่โดนเต็มๆ "

"ผมโอเคขึ้นแล้ว ขอโทษนะครับกับเรื่องที่เกิดขึ้น พี่ไม่ควรมาเจออะไรแบบนี้"

"พวกนั้นเป็นใคร"

"ศัตรูของป๊า แต่ไม่ต้องห่วงนะครับ มันจะไม่เกิดขึ้นอีกแล้ว" ผมบอก

"มึงพูดแบบนี้หมายความว่ายังไง" ผมมองไปยังวินที่แววตาสั่น นี่เขาคิดไปถึงไหนกันนะ

"ผมหมายถึงพวกมันจะไม่มากราดยิงเราอีกแล้วครับ เพื่อนๆ ของผมที่มาวันนี้กำลังจัดการ"

"มึงพูดเหมือนกับจะทิ้งกูไป"

"คุณน่ะคิดมาก"

"กูกลัวนะชุน"

"ครับ ผมรู้"

"ไม่ มึงไม่เข้าใจ กูไม่ได้กลัวตาย แต่กูกลัวสูญเสียมึงไป ภาพที่พวกนั้นจ่อปืนไปที่มึงแล้วลั่นไกล มันยังติดตากูอยู่เลย" วินพูดด้วยน้ำเสียงสั่นเครื่อ ผมได้แต่ยืนมือไปลูบหน้าของอีกคนแล้วเช็ดน้ำตาให้ เพราะยังขยับตัวมากไม่ได้

"กูกลัวยิ่งกว่ามึงไม่รักกูอีก ต่อจากนี้กูจะไม่คาดคั้นมึงแล้ว มึงจะรักหรือไม่รักกูก็ช่างเถอะ แต่มึงอย่าจากกูไปไหนได้ไหม"

"ไม่ต้องคาดคั้นอะไรจากผมหรอกครับ"

"อืม กูไม่ทำ"

"เป็นแฟนกับผมนะ"

"อืมเป็น...ห่ะ อะไรนะ"

"ฮ่าๆๆๆ คุณคิดช้าได้ไง"

"มะ...มึงพูดว่าไงนะ ฮึก...ฮึก"

"เป็นแฟนกันนะครับ"

"มึงโดนยิง...ฮื่ออออ...แล้วสมองกลับเหรอ" วินพูดออกมาพร้อมกับเสียงสะอึกสะอื้น

"เปล่าสักหน่อย ผมรักคุณ"

"เพิ่ง...เพิ่งรู้ตัวเหรอ ฮึก"

"เปล่าครับ รู้นานแล้ว แต่เพิ่งยอมรับ ขอโทษนะครับสำหรับที่ผ่านมา คุณก็เงียบได้แล้วนะ ไม่ต้องร้องไห้แล้ว" ผมบอกออกไป ผมควรปล่อยตัวเองแล้วเลิกจมอยู่กับอดีต สำหรับฟินิกซ์ ผมก็ยังรักเขาเหมือนเดิมไม่มีลดน้อยลง แต่กับวิน ผมรักเขาเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ ฟินิกซ์จะยังคงอยู่ในความทรงจำดีๆ ของผม จนกว่าจะถึงสักวันหนึ่ง ที่เราได้เจอกันอีกครั้ง ส่วนกับวิน เราจะค่อยๆ เรียนรู้ซึ่งกันและกัน ความจริงแล้ว ผมคงยอมรับนานแล้วล่ะ ไม่งั้นคงไม่ยอมเล่าเรื่องอดีตของตัวเองกับเขาหรอก แต่ผมแค่ปากแข็ง และกลัวจะลืมความรักที่เคยมีให้ฟินิกซ์ เลยไม่ยอมรับสักทีอย่างที่วินเคยพูดไปจริงๆ นั่นแหละ และที่สำคัญ

"มึงแม่งบ้า ฮื่ออออออ" วินบอกแล้วร้องไห้หนักเลย

"คุณงอแงนะ" ผมบอก วินเหมือนกับเด็กที่กำลังงอแงจริงๆ ดูน่ารักจนผมอยากจะจับเขามากอดแรงๆ แต่ในความเป็นจริงคือผมได้แต่ลูบศีรษะของเขาเท่านั้น

"ไว้หายดี เราไปเดทกันนะ" ผมเอ่ยชวนหลังจากอีกคนเลิกร้องไห้

"อืม :) " วินพยักหน้าพร้อมกับเช็ดน้ำตาที่ยังไหลอยู่นิดหน่อยออกจากใบหน้า เรายิ้มให้กันและต่างก็รู้สึกสบายใจอย่างบอกไม่ถูก การยอมรับความจริงได้มันไม่ใช่เรื่องยากอย่างที่คิด อาจเพราะอีกคนคือวินด้วยล่ะมั้ง มันเลยง่ายสำหรับผม อย่างน้อยๆ เลยผมก็อยากจะขอบคุณเขาที่เข้าใจผม และไม่บังคับให้ผมต้องลืมคนที่ดีกับผมมาทั้งชีวิตอย่างฟินิกซ์


+++++


"ออกจากโรงพยาบาลแล้วนะ"

(ดีขึ้นแล้วใช่ไหม)

"อืม วิ่งได้แล้วล่ะ ว่าแต่ทำไมป๊าโอนเงินเข้าบัญชีเยอะจัง"

(ก็ต้องวิ่งได้ไหมล่ะ ขานายไม่ได้บาดเจ็บนิ ส่วนเรื่องเงินฉันจะไปรู้เหรอ คนอื่นๆ ก็ได้ไม่ต่างจากนายหรอก)

"เหรอ แล้วพันไมล์กับหมื่นลี้เป็นไงบ้าง"

(พวกนั้นก็สบายดีเหมือนเดิมนั่นแหละ มีเวลาว่างมากเกินแล้วก็เก่งขึ้นจนเป็นครูฝึกแล้ว)

"ก็ดีแล้ว เธอก็อย่าโหมงานมากไปล่ะ"

(สบายๆ เถอะ เดี๋ยวหลังจากงานนี้ฉันก็ต้องไปดูแลคุณเบลซต่อแล้ว)

"ทำไม"

(ก็นายออกไป นอกจากไดม่อนแล้วป๊าไม่ไว้ใจใคร ฉันเลยอาสาไปแทน ยังไงตอนเขาเล็กๆ ฉันก็เคยไปดูแลมาก่อน)

"ก็จริง สุขภาพของคุณเบลซเป็นยังไงบ้าง"

(หลังจากผ่าตัดครั้งล่าสุดก็ดีขึ้นมาก หัวใจน่าจะเข้ากับร่างกายของเขานะ)

"แล้วฉันจะอธิษฐานให้เขาด้วย" ผมบอกไป คุณเบลซเป็นลูกคนเล็กของป๊า เขาหน้าตาน่ารักถึงจะดื้อไปบ้าง ผมไม่ได้สนิทกับคุณเบลซมากแต่ก็เคยเจอกันก่อนที่ฟินิกซ์จะตาย

(ฉันดีใจนะที่นายโทรมา)

"ถ้าไม่โทร เธอคงได้มาลอบสังหารฉันเข้าสักวัน แล้วตอนนี้เธออยู่ที่ไหน"

(อียิปต์น่ะสิ มาตามหาอัญมณีให้ลูกค้า)

"ทำไมชอบรับงานไกลๆ แล้วมีใครไปกับเธอบ้างไหม"

(อย่างฉันก็ต้องฉายเดี่ยวไหม จะเอาใครมาให้เกะกะทำไม)

"ก็รู้ว่าเธอเก่งนะเอวา แต่ระวังตัวด้วย"

(ฉันรู้หรอกน่า อยากได้อะไรเป็นของฝากไหมล่ะ)

"ไม่ต้อง แค่เธอปลอดภัยก็พอแล้ว"

(โอเค งั้นแค่นี้แหละ โทรข้ามประเทศมันเปลือง)

“ฉันเป็นคนโทรไป”

(ก็เหมือนกันแหละ บาย) เอวาบอกแล้วกดวางสายไป ชอบบ่นว่าเปลืองแต่ก็ชอบโทรถามผมทุกครั้งตั้งแต่เมื่อก่อนแล้ว นี่เป็นครั้งแรกในรอบหลายปีที่เธอโทรมา เพราะอยากรู้อาการของผม ซึ่งผมก็ออกจากโรงยาบาลมาได้อาทิตย์หนึ่งแล้ว เลยหายดีขึ้นมาก


 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด