ตอนที่ 9 สัญญา...ว่าจะไม่ลืม
ชุน พาร์ท
ผมคงเกิดมาพร้อมกับคำสาป คำสาปที่ไม่มีวันลบล้าง เพราะไม่ว่าจะเป็นใครก็ตามที่อยู่รอบตัวของผม ครอบครัว คนรัก หรือแม้แต่เพื่อน พวกเขามักจะมีอันเป็นไป
ทำไมนะ...ทำไม...
ทุกๆ วันยังคงเป็นเหมือนเดิม ทั้งๆ ที่ก็ผ่านมานานมากแล้ว ไหนบอกเวลาจะช่วงเยียวยาทุกสิ่ง หรือมันยังไม่นานมากพอ เพราะผมไม่สามารถลืมคุณได้เลย
แล้วตอนนี้คุณอยู่ที่ไหน ทำไมคุณถึงหายไปนาน รู้ไหมว่าผมทรมานมากแค่ไหน ผมคิดถึงคุณเหลือเกิน
...ฟินิกซ์...
‘ชุน’
‘ฟินิกซ์ ใช่คุณจริงๆ ด้วย หายไปไหนมา ครั้งนี้คุณใจร้ายมากจริงๆ นะ’
‘ทำไมยังไม่ลืม’
‘...’
‘ทำไมยังจดจำ’
‘...’
‘ฉันขอโทษ ฉันทำร้ายนายใช่ไหม’
‘เปล่า ไม่ใช่’
‘อย่าเป็นแบบนี้อีกเลยนะ’
‘ผมคิดถึงคุณ’
‘ฉันก็คิดถึงนาย’
‘แล้วเมื่อไหร่เราจะได้เจอกันอีก’
‘ฉันบอกนายแล้วว่ายังไม่ใช่ตอนนี้’ แล้วผมยังต้องรออีกนานแค่ไหน คำถามที่ได้แต่ถามในใจ แม้แต่ในความฝันของผม ผมยังไม่กล้าที่จะพูดออกไปเลย
‘แล้วคุณ...คุณสบายดีไหม’
‘ทำไมจะไม่สบายล่ะ’
‘ผมก็สบายดี’
‘อย่าโกหก นายก็รู้ว่าฉันรู้’
‘ฮ่าๆๆ นั่นสินะ ผมไม่เคยโกหกคุณได้เลย’
‘เหนื่อยไหม’
‘อืม’
‘รักเขาหรือยัง’
‘ใคร’
‘นายรู้ว่าฉันหมายถึงใคร’
‘ผมจะรักใครได้ ผมมีแค่คุณ’
‘นายปิดกั้นตัวเองมากไป หรือว่าเขาคนนั้นยังไม่ดีพอ’
‘...ก็ดี’
‘แล้วรักไหม’
‘ผมไม่รู้’
‘จะไม่เล่าเหรอ’
‘ผมไม่รู้ว่าจะเริ่มยังไง’
‘ชื่อล่ะ บอกชื่อมาก่อนสิ’
‘วิน เขาชื่อมาวิน’
‘เจอกันได้ยังไง’
‘จากความบังเอิญ ตอนแรกน่ะ ผมตกใจมากเลยนะ ผมคิดว่าดราก้อนมาตามผม แต่พอได้มองชัดแล้วกลับไม่ใช่ เพราะเขาเหมือนคุณมากกว่าดราก้อน เหมือนจนผมคิดว่าคุณกลับมาหาผมแล้ว’
‘จะเป็นแบบนั้นไปได้ไง’
‘ก็นั่นน่ะสิ แต่พอยิ่งได้รู้จัก ผมก็ยิ่งคิดถึงคุณ เขาเหมือนคุณมาก เขาชอบเต่า พูดน้อย และเก่งในหลายๆ อย่าง เขาเหมือนคุณมากจนผมแยกไม่ออกเลยล่ะ’
‘นั่น มันแปลว่าดีหรือเปล่า’
‘ผมก็ไม่รู้ แต่นั่นยิ่งทำให้ผมไม่ลืมคุณ’
‘นายมันน่าตี ทำแบบนี้เขาจะเสียใจนะ’
‘ผมรู้ ผมเห็นแก่ตัว แต่ผมก็บอกเขาไปแล้วว่าเขาสามารถไปจากผมได้’
‘แบบนั้นเขาก็ยิ่งน่าสงสารน่ะสิ เขารักนายไม่ใช่เหรอ’
‘อืม คงงั้น’
‘ชุน แล้วนายล่ะ’
‘บอกแล้วไง ว่าไม่รู้ ผมกลัวว่าผมจะรักเขา เพราะเขาเหมือนคุณ ผมกลัวว่า...ว่า...’ ผมพูดไม่ออก รู้สึกแน่นไปทั่วทั้งอก มันจุกจนไม่สามารถแม้แต่กลืนน้ำลายตัวเองได้ ผมไม่เคยบอกใครนอกจากฟินิกซ์ มีแค่เขาเท่านั้นที่รู้เรื่องทุกอย่างที่เกี่ยวกับผม แม้แต่เรื่องคำสาปด้วย
‘นายรู้ตัวนายเอง แค่นายยังไม่ยอมรับ’
‘แล้วจะให้ผมยอมรับได้ไง อีกแล้วนะฟินิกซ์ มันกำลังเกิดขึ้นอีกแล้ว’
‘ไม่ใช่สักหน่อย ทุกอย่างมันไม่ได้เกิดขึ้นเพราะนาย ทุกคนที่เกิดมา ยังไงก็ต้องเจ็บ ต้องตายเป็นธรรมดา’
‘ไม่จริง ถ้าไม่ใช่เพราะผม คุณอาจจะ...’
‘ฉันทำไม คิดว่าถ้าฉันไม่เจอนาย โรคที่ฉันเป็นจะรักษาหายหรือไง ตลกน่า’
‘แต่ถ้าไม่เจอผม คุณอาจจะไม่เป็นโรคอะไรเลยด้วยซ้ำ’
‘มองมาที่ฉัน แล้วตั้งสติดีๆ หายใจเข้าลึกๆ โอเคแล้วใช่ไหม’
‘ครับ’
‘ฟังนะชุน ไม่ว่าจะเรื่องครอบครัวของนาย เพื่อนวัยเด็ก หมาที่เคยเลี้ยง หรือแม้แต่ฉัน ทุกคนมีกรรมเป็นของตัวเอง นายไม่ได้เอาปืนไปจ่อใคร นายไม่ได้ปักมีดลงบนอกใครด้วยซ้ำ เมื่อถึงเวลา เมื่อสิ้นวาระ ทุกคนก็ต้องตาย แม้แต่นายเองก็ด้วย เพราะฉะนั้นอย่าโทษตัวเอง นายไม่ได้ต้องคำสาป ไม่มีใครตายเพราะนาย เชื่อฉันสิ’
‘...คุณรู้จักผมดีเกินไป’ ผมเงียบเหมือนกับตั้งสติได้แล้ว เขาเป็นคนเดียวที่ทำให้ผมใจเย็นลง มันอาจฟังดูแปลก แต่ผมเชื่อทุกคำพูดของฟินิกซ์ เชื่อแบบสนิทใจเลย เพราะฟินิกซ์ไม่เคยโกหกผม เขาดีกับผมมากจริงๆ
‘นายรักเขาได้นะ’
‘แล้วคุณล่ะ’
‘ฉันก็ยังอยู่ตรงนี้ ที่เดิม’
‘ผมกลัวคุณเหงา ฮึก ฟินิกซ์ ผมควรทำยังไงดี’
‘นายน่ะคิดมากไปแล้วนะ ร้องไห้เป็นเด็กเลย’
‘ผมกลัวคุณเสียใจ’
‘ความสุขของฉันคือการเห็นนายมีความสุข’
‘ถ้าผมรักเขา มันจะดีแล้วเหรอ’
‘ถ้าเขาดี ก็รักเขาให้มากๆ แล้วมีความสุขได้แล้ว’
‘ผมรักคุณ’
‘ฉันรู้ ฉันก็รักนาย’ เราสวมกอดกัน เป็นครั้งแรกตั้งแต่ที่เคยฝันถึงฟินิกซ์ ที่เขายอมให้ผมกอดเขา มันน่ากลัวนิดหน่อย เพราะเขาทำให้ผมรู้สึกว่าเขาจะหายไปจริงๆ แล้ว
‘จะไปแล้วเหรอ’ ผมถาม
‘อืม นายก็ควรกลับไปยังที่ของนายได้แล้ว’
‘ขอบคุณนะฟินิกซ์ ขอบคุณสำหรับทุกอย่าง’
‘หึ เด็กขี้แยในตอนนั้น โตขึ้นขนาดนี้แล้วสินะ’ ฟินิกซ์พูดออกมาด้วยรอยยิ้มที่สดใส คิดถึงเหลือเกิน รอยยิ้มของคนดีของผม ถึงเวลาแล้วสินะ ที่ผมควรปล่อยเขาไปสักที ไม่ใช่เขาหรอก ที่ควรจะปล่อยผมไป เพียงแต่เพราะผมยังคงเป็นแบบนี้ ยังอาลัยอาวรณ์ เขาถึงยังมีห่วง ห่วงที่ผมรั้งเขาไว้ไม่ให้ไปไหนได้ แต่ตอนนี้ผมคงต้องทำตัวเสียใหม่จริงๆ แล้ว
‘แล้วเราจะได้เจอกันอีกใช่ไหม’ ผมถามฟินิกซ์
‘อืม ในสักวันหนึ่ง:) ’ เขาพยักหน้าพร้อมกับยิ้มรับ ก่อนจะค่อยๆ หายไปทีละนิดพร้อมกับสายลม
ขอบคุณสำหรับทุกอย่างจากใจจริง ถึงแม้แค่คำว่าขอบคุณมันจะไม่พอสำหรับสิ่งที่คุณเคยทำให้ผมก็เถอะ แต่คำนี้ผมพูดออกมาจากใจ สัญญานะ...ว่าผมจะไม่ลืมคุณเลย ฟินิกซ์ ชายรูปงามที่เป็นรักแรกในความทรงจำของผม
++++
ผมตื่นขึ้นมาในที่ที่แปลกตา เพดานสีขาว พื้นห้องสีขาว สายน้ำเกลือที่ติดอยู่กับแขนห้อยระโยงระยาง
"ชุนๆ "
"อืมมมม"
"เรียกหมอที" ผมได้ยินเสียงของคนหลายคน แต่ที่ได้ยินชัดสุดคงจะเป็นเสียงของวิน เสียงเขาฟังดูวิตกกังวล ทั้งๆ ที่ควรจะเป็นผมมากกว่า ภาพความจำสุดท้ายยังคงติดตา ภาพที่อีกคนโดนยิงและเสียเลือดมาก
"วิน~~"
"อยู่นี่ กูอยู่นี่ อย่าเพียงขยับนะ มึงเจ็บอยู่"
"คุณเป็นไงบ้าง"
"กูไม่เป็นไร มึงนั่นแหละ ฮึก มึงน่ะ"
"ไม่ร้องสิคุณ"
"เออๆ กูไม่ได้ร้อง กูเปล่าร้องนะ" ถึงเขาจะพูดมาแบบนั้น แต่น้ำเสียงกับน้ำตาของเขา มันไม่ได้โกหกตามเลย ผมไม่ได้พูดอะไรออกไปอีก รู้สึกคอแห้งและยังขยับตัวไม่ได้ เวลาผ่านไปไม่นานก็ได้ยินเสียงคนเข้ามาเพิ่งคงจะเป็นหมอและพยาบาล เพราะใส่ชุดสีขาว หลังจากนั้นผมก็ไม่รับรู้อะไรอีกเลย
+++++++++
"ทำไมยังไม่ตื่นอีกวะ"
"มึงก็ใจเย็น หมอให้ยานอนหลับไปนะ"
"แต่มันก็หลายชั่วโมงแล้ว"
"นั่งลงแล้วใจเย็นๆ โอเคไหม หายใจเข้าลึกๆ หรือนอนไปเลยก็ได้" ผมสลึมสะลือตื่นขึ้น มันไม่ได้แย่เหมือนครั้งแรง สิ่งที่ได้ยินก็รู้สึกตลกจนอยากจะยิ้มออกมาด้วยซ้ำ ผมคงนอนหลับไปนานมาก วินถึงดูเป็นห่วงผมขนาดนี้ ทั้งๆ ที่ผมก็ไม่ได้ทำตัวดีกับเขาสักเท่าไหร่ แถมล่าสุดก็ยังไม่ได้ให้คำตอบเขาเลย แต่เขาก็ยังอยู่ข้างผมเสมอ
"มันตื่นแล้ว" เสียงของพี่วาดังขึ้น ทำเอาอีกคนที่นั่งอยู่บนโซฟารีบลุกขึ้นเดินมาดู
"เป็นไงบ้าง ขยับตัวได้ไหม"
"เจ็บครับ แล้วคุณเป็นไงบ้าน"
"กูสบายดีจนวิ่งได้แล้ว"
"เว่อร์ตลอดมึงน่ะ หมอบอกให้นั่งก็เดินไม่หยุด เปลี่ยนผ้าพันแผลสามรอบแล้วนะ พยายามดุจนกูไม่กล้ามองหน้าเขาแล้ว"
"ไอ้วา มึงก็พูดเกินไป"
"เอ้า กูพูดจริงนะเนี่ย"
"เงียบไป"
"โอ้โห สายตานี้ กูเงียบเลยครับ" พี่วาบอกแล้วนั่งลง ทำท่ารูดซิปปากด้วย
"ดุพี่วาตลอด"
"ก็มันพูดเว่อร์"
"คุณน่ะดื้อ"
"ก็แค่เป็นห่วง"
"ครับๆ ขอโทษที่ทำให้เป็นห่วงนะ" ผมบอกวิน เขาพยักหน้าก่อนจะจับมาที่ใบหน้าของผม ผมรู้ว่าเขาเป็นห่วงผมมาก เพราะผมเองก็เป็นห่วงเขาไม่ต่างกัน
"ตอนที่มึงยังไม่ฟื้น เพื่อนมึงมาเยี่ยมด้วย"
"...? "
"พวกพันไมล์ หมื่นลี้ เอวาแล้วก็มีอีกสองสามคน กูจำชื่อไม่ได้"
"พวกนั้นมาเหรอ"
"อืม เห็นบอกมีเรื่องจะคุยกับมึงด้วย"
"ครับ" ผมพยักหน้ารับรู้ จำได้ว่าก่อนที่ตัวผมจะสลบไป ผมคิดว่าผมเห็นพี่ดราก้อนกับเอวานะ แต่ก็ไม่คิดว่าจะเป็นพวกนั้นจริงๆ เพราะตั้งแต่ที่ผมออกมา ก็ไม่เคยติดต่อใครเลยแม้แต่เอวาที่ผมสนิทด้วย
ก๊อก ก๊อก ก๊อก
เสียงเคาะประตูดังขึ้น ก่อนที่จะตามมาด้วยชายชุดดำอีกหลายคนที่เดินเรียงแถวกันเข้ามา หลายคนคือคนที่ผมคุ้นหน้า แต่ก็มีอีกสองคนที่ผมคิดว่าตัวเองไม่รู้จัก ส่วนผู้หญิงคนเดียวที่เดินรั้งท้ายเข้ามาก็คือเอวา เธอใส่ชุดสีแดงสดรัดรูปพร้อมกับแต่งหน้าจัดอย่างไม่เป็นธรรมชาติ
"ตื่นแล้วเหรอพ่อหนุ่ม หลับไปเกือบสามวันเลยนะ" เอวาเป็นคนแรกที่ทักขึ้น
"อ่อนหัดลงเยอะเลยนะ เจอไปแค่นี้ถึงกับต้องนอนโรงพยาบาล"
"พี่ดราก้อนก็พูดเกินไป พวกมันเล่นผมทีเผลอเถอะ"
"พวกกูออกไปก่อนนะ" วินพูดขึ้น ผมมองไปทางเอวา เธอส่งสายตาเหมือนกับต้องการความเป็นส่วนตัว ผมเลยพยักหน้ารับ ก็ไม่รู้ว่าเหตุเกิดจากอะไร ผมไม่อยากลากวินเข้ามายุ่งด้วย
"พร้อมจะฟังหรือยัง" เอวาถาม พร้อมกับเดินมาปรับเตียงของผมให้อยู่ในท่านั่ง หลังจากวินและพี่วาเดินออกไป พันไมล์ก็เดินไปล็อกห้องทันที
"ครับ" ผมตอบรับและตั้งใจฟังเรื่องราวทั้งหมด
ผลของความผิดพลาดเรื่องนี้เกิดจากเด็กใหม่หนึ่งในสองคนที่เดินเข้ามาด้วย ผมไม่ได้ตั้งใจฟังเท่าไหร่ว่าพวกนั้นชื่ออะไร แต่เพราะความสะเพร่าที่ไม่เคยเป็นมาก่อน ทำให้ข้อมูลของสมาชิกหลายคนรั่วไหลไปถึงศัตรู พวกนั้นคิดจะกำจัดทุกคนในแก้ง ถึงแม้จะเป็นพวกที่ออกมาแล้วอย่างผมก็เถอะ ดูเหมือนจะมีหลายคนด้วยที่ถูกเก็บไปแล้ว แต่ก็ยังมีอีกหลายคนที่ถูกช่วยไว้ทัน แล้วผมโชคดีที่อยู่ในจำนวนคนที่รอด
"โชคดีนะที่ฉันกับพี่ดราก้อนมาช่วยไว้ทัน ไม่งั้นกลายเป็นศพไร้ญาติไปแล้ว"
"ขอบคุณนะ"
"ก็คิดอยู่แล้วว่าไม่ได้เช็คเมลที่ส่งมาให้" พันไมล์บอก ซึ่งนั่นมันก็จริง ตั้งแต่ผมออกมา ผมก็ไม่เคยเข้าล็อกอินหรือดูข้อมูลต่างๆ ที่เราเคยใช้ติดต่อกันเลย ผมเปลี่ยนเมล เปลี่ยนโทรศัพท์ ตัดช่องทางติดต่อเพื่อไม่ให้ใครรู้ที่อยู่ของผมได้ แต่ก็ไม่แปลกใจหรอกที่ทุกคนรู้ว่าผมอยู่ที่นี่ เพราะทุกคนรู้จักหน้าจริงของผมหมดแล้ว จะว่าไป วันนี้หมื่นลี้ก็มาด้วยใบหน้าที่ต่างไปจากเดิมนิดหน่อยด้วย
"เมคอัพฝีมือพันไมล์ ยังไม่ได้เรื่องเหมือนเดิมเลย" หมื่นลี้พูดขึ้น เหมือนกับรู้ความคิดของผม ซึ่งผมก็พยักหน้าเห็นด้วยอย่างยิ่ง
"ป๊าโอนเงินเข้าบัญชีแล้วนะ"
"ทำไม"
"ชดเชยน่ะ รับไปเถอะ ป๊าเป็นห่วงมากนะ"
"ผมเข้าใจ" ผมบอกพี่ดราก้อน เราพูดคุยกันอยู่นานจนหมอเข้ามาถามอาการของผม หมอบอกผมฟื้นตัวเร็วเพราะถ้าหากเป็นคนอื่นคงเป็นอาทิตย์กว่าจะฟื้น เท่าที่ฟังคือผมยังต้องนอนโรงพยาบาลต่ออีกหนึ่งคืนเพื่อรอดูอาการ หากพรุ่งนี้ไม่มีอะไรก็สามารถกลับบ้านได้ตามปกติ
"กลับก่อนนะ ต้องไปทำงานต่อ" เสียงเข้มของพี่ดราก้อนพูดขึ้น
"ครับ ขอบคุณมากที่ช่วยผมไว้" ผมบอก เด็กสองคนที่มาด้วยก็ขอโทษผมยกใหญ่เกี่ยวกับปัญหาที่เกิด ซึ่งผมไม่ได้ติดใจเอาความอะไร เพราะโทษที่พวกนั้นต้องโดน มันก็มากเกินพอแล้ว
"แล้วจะกลับกันเลยไหม" ผมถามทั้งสามคนที่ยังนั่งอยู่
"เป็นยังไงบ้าง" หมื่นลี้ไม่ได้ตอบคำถามผม เขาถามคำถามกลับมาแทน
"ก็เจ็บน่ะสิ"
"ไม่ใช่ กูหมายถึงช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา มึงเป็นยังไงบ้าง"
"ก็ดี แรกๆ ก็เขวไปเหมือนกัน มึงเข้าใจป่ะ คือตื่นมาแล้วทุกอย่างมันไม่เหมือนเดิม ไม่มีอะไรเหมือนเดิมเลยสักอย่างอ่ะ" ผมบอกออกไป ช่วงแรกที่แยกตัวออกมา ผมจมปรักอยู่กับอดีตจนไม่สามารถทำอะไรได้ ทุกๆ วันผ่านไปเหมือนกับไม่มีจุดหมาย มันต่างไปจากเดิมอย่างเห็นได้ชัด ทั้งผู้คนรอบข้าง สิ่งแวดล้อมต่างๆ ผมไม่ต้องตื่นเช้ามาฝึก ไม่ต้องรอรับคำสั่ง ไม่ต้องวัดฝีมือ เหมือนกับกิจวัติประจำวันมันเปลี่ยนไปหมด
"นายโอเคแล้วใช่ไหม" เอวาถาม เธอรู้ว่าตอนนั้นผมรู้สึกแย่มาก มันนบอบช้ำไปทั้งหัวใจเลยก็ว่าได้
"อืม ดีขึ้นเยอะ"
"คนนั้นน่ะ แฟนใช่ไหมครับ" พันไมล์ถามขึ้น ดูเหมือนทั้งสามคนคงอยากจะรู้คำตอบของข้อนี้มากที่สุด
"ใช่ ใช่ไหม" เอวาถามต่อ
"..." ผมเงียบไม่ได้ตอบอะไรกลับไป ไม่ใช่ว่าไม่อยากบอก แต่ความสัมพันธ์ของผมกับวินตอนนี้ มันซับซ้อนเกินจะพูดออกมาได้
"ถึงมันจะเป็นช่วงเวลา 2-3 ปี แต่มันก็นานมากแล้วนะ มากเกินพอกับความทรมานของคนคนหนึ่งจะรับไหว ทุกคนเป็นห่วงนายนะชุน ปลดล็อกตัวเองแล้วมีความสุขเถอะ ฉันเชื่อว่าพี่ฟินิกซ์ก็หวังให้เป็นแบบนั้น" เอวาบอก ผมเข้าใจนะ เข้าใจในสิ่งที่เธอพูด ผมรู้ว่าเธอและคนอื่นๆ ยังคงเป็นห่วงผม ผมรู้ว่าทุกๆ ปี พวกมันยังคงไปหาฟินิกซ์ที่หน้าหลุมศพ ถึงพวกเราจะไม่เคยเจอกันเลย แต่ผมก็รู้ว่าทุกคนมาเยี่ยมฟินิกซ์แน่ๆ
แอร๊กกกก~~~
เสียงประตูห้องเปิดออก ไม่มีการเคาะประตูก่อนใดๆ ทุกสายตาจับจ้องไปยังคนที่ถือน้ำเกลือเดินเข้ามา เขาชะงักค้างไปเลย ก่อนที่จะปิดประตูแล้วเงียบไป
ก๊อก ก๊อก ก๊อก
เสียงเคาะประตูดังขึ้น ก็คงจะเป็นเขานั่นแหละนะ
"ขอโทษครับที่เมื่อกี้ผมไม่ได้เคาะประตู คิดว่ากลับไปกันหมดแล้ว" วินบอก เขายังคงยืนอยู่ตรงที่ประตู
"นี่ก็เย็นแล้ว พวกเรากลับกันเถอะ" เอวาบอกหลังจากที่เห็นว่าวินไม่ยอมเดินเข้ามา
"นั่นสิ พวกกูกลับก่อนนะ"
"อืม ขอบใจที่มาเยี่ยม"
"พรุ่งนี้พวกฉันคงไม่ได้มา แต่ถ้าโทรหาก็รับด้วยล่ะ ไม่ใช่หายไปแบบนี้อีก"
"รู้แล้วน่า" ผมบอกเอวา รู้ว่าเป็นห่วง ถึงผมจะไม่ได้ติดต่อไป แต่ผมไม่เคยไม่คิดถึงทุกคนเลย ผมยังคงเป็นห่วงและภาวนาให้ทุกคนปลอดภัยอยู่ตลอด
ผมมองทุกคนเดินออกไป วินเองก็ปิดประตูให้แล้วถึงจะเดินมานั่งลงที่เก้าอี้ข้างๆ เตียง เขาเงียบอย่างผิดปกติ สายตาที่มองมามีแต่คำถาม
"อยากรู้อะไรก็ถามมาครับ"
"หิวไหม" วินถามเสียงเบา ใบหน้าขาวซีดกับดวงตาใสซื่อของเขา ทำให้ผมยิ้มออกมา ก็รู้แหละว่าที่อยากถามคงไม่ใช่เรื่องนี้ แต่เขาก็เลี่ยงที่จะถามสิ่งที่อยากรู้
"ไม่ครับ ผมกินแล้ว วินล่ะ กินอะไรหรือยัง"
"อืม"
"โกหกอีกแล้ว" ผมบอก ทำไมวินถึงชอบโกหกจังนะ ก็รู้อยู่ว่าปิดบังคนอย่างผมไม่ได้ เทคนิคการสังเกตที่ได้เรียนรู้มาของผม มันขึ้นสูงมากนะ แค่จ้องมองใบหน้าของอีกคนผมก็รู้แล้ว ว่าจริงๆ แล้วอีกคนรู้สึกยังไง
"กินขนมปังก่อนสิครับ" ผมบอก วินก็เชื่อฟังนะ ถึงจะทำหน้าบูดมากก็ตาม
"หลับเหรอ" วินถาม
"เปล่าครับ แค่พักสายตา วิน คุณเจ็บมากไหม"
"ไม่หรอก มันก็แค่ถากๆ มึงนั่นแหละที่โดนเต็มๆ "
"ผมโอเคขึ้นแล้ว ขอโทษนะครับกับเรื่องที่เกิดขึ้น พี่ไม่ควรมาเจออะไรแบบนี้"
"พวกนั้นเป็นใคร"
"ศัตรูของป๊า แต่ไม่ต้องห่วงนะครับ มันจะไม่เกิดขึ้นอีกแล้ว" ผมบอก
"มึงพูดแบบนี้หมายความว่ายังไง" ผมมองไปยังวินที่แววตาสั่น นี่เขาคิดไปถึงไหนกันนะ
"ผมหมายถึงพวกมันจะไม่มากราดยิงเราอีกแล้วครับ เพื่อนๆ ของผมที่มาวันนี้กำลังจัดการ"
"มึงพูดเหมือนกับจะทิ้งกูไป"
"คุณน่ะคิดมาก"
"กูกลัวนะชุน"
"ครับ ผมรู้"
"ไม่ มึงไม่เข้าใจ กูไม่ได้กลัวตาย แต่กูกลัวสูญเสียมึงไป ภาพที่พวกนั้นจ่อปืนไปที่มึงแล้วลั่นไกล มันยังติดตากูอยู่เลย" วินพูดด้วยน้ำเสียงสั่นเครื่อ ผมได้แต่ยืนมือไปลูบหน้าของอีกคนแล้วเช็ดน้ำตาให้ เพราะยังขยับตัวมากไม่ได้
"กูกลัวยิ่งกว่ามึงไม่รักกูอีก ต่อจากนี้กูจะไม่คาดคั้นมึงแล้ว มึงจะรักหรือไม่รักกูก็ช่างเถอะ แต่มึงอย่าจากกูไปไหนได้ไหม"
"ไม่ต้องคาดคั้นอะไรจากผมหรอกครับ"
"อืม กูไม่ทำ"
"เป็นแฟนกับผมนะ"
"อืมเป็น...ห่ะ อะไรนะ"
"ฮ่าๆๆๆ คุณคิดช้าได้ไง"
"มะ...มึงพูดว่าไงนะ ฮึก...ฮึก"
"เป็นแฟนกันนะครับ"
"มึงโดนยิง...ฮื่ออออ...แล้วสมองกลับเหรอ" วินพูดออกมาพร้อมกับเสียงสะอึกสะอื้น
"เปล่าสักหน่อย ผมรักคุณ"
"เพิ่ง...เพิ่งรู้ตัวเหรอ ฮึก"
"เปล่าครับ รู้นานแล้ว แต่เพิ่งยอมรับ ขอโทษนะครับสำหรับที่ผ่านมา คุณก็เงียบได้แล้วนะ ไม่ต้องร้องไห้แล้ว" ผมบอกออกไป ผมควรปล่อยตัวเองแล้วเลิกจมอยู่กับอดีต สำหรับฟินิกซ์ ผมก็ยังรักเขาเหมือนเดิมไม่มีลดน้อยลง แต่กับวิน ผมรักเขาเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ ฟินิกซ์จะยังคงอยู่ในความทรงจำดีๆ ของผม จนกว่าจะถึงสักวันหนึ่ง ที่เราได้เจอกันอีกครั้ง ส่วนกับวิน เราจะค่อยๆ เรียนรู้ซึ่งกันและกัน ความจริงแล้ว ผมคงยอมรับนานแล้วล่ะ ไม่งั้นคงไม่ยอมเล่าเรื่องอดีตของตัวเองกับเขาหรอก แต่ผมแค่ปากแข็ง และกลัวจะลืมความรักที่เคยมีให้ฟินิกซ์ เลยไม่ยอมรับสักทีอย่างที่วินเคยพูดไปจริงๆ นั่นแหละ และที่สำคัญ
"มึงแม่งบ้า ฮื่ออออออ" วินบอกแล้วร้องไห้หนักเลย
"คุณงอแงนะ" ผมบอก วินเหมือนกับเด็กที่กำลังงอแงจริงๆ ดูน่ารักจนผมอยากจะจับเขามากอดแรงๆ แต่ในความเป็นจริงคือผมได้แต่ลูบศีรษะของเขาเท่านั้น
"ไว้หายดี เราไปเดทกันนะ" ผมเอ่ยชวนหลังจากอีกคนเลิกร้องไห้
"อืม
" วินพยักหน้าพร้อมกับเช็ดน้ำตาที่ยังไหลอยู่นิดหน่อยออกจากใบหน้า เรายิ้มให้กันและต่างก็รู้สึกสบายใจอย่างบอกไม่ถูก การยอมรับความจริงได้มันไม่ใช่เรื่องยากอย่างที่คิด อาจเพราะอีกคนคือวินด้วยล่ะมั้ง มันเลยง่ายสำหรับผม อย่างน้อยๆ เลยผมก็อยากจะขอบคุณเขาที่เข้าใจผม และไม่บังคับให้ผมต้องลืมคนที่ดีกับผมมาทั้งชีวิตอย่างฟินิกซ์
+++++
"ออกจากโรงพยาบาลแล้วนะ"
(ดีขึ้นแล้วใช่ไหม)
"อืม วิ่งได้แล้วล่ะ ว่าแต่ทำไมป๊าโอนเงินเข้าบัญชีเยอะจัง"
(ก็ต้องวิ่งได้ไหมล่ะ ขานายไม่ได้บาดเจ็บนิ ส่วนเรื่องเงินฉันจะไปรู้เหรอ คนอื่นๆ ก็ได้ไม่ต่างจากนายหรอก)
"เหรอ แล้วพันไมล์กับหมื่นลี้เป็นไงบ้าง"
(พวกนั้นก็สบายดีเหมือนเดิมนั่นแหละ มีเวลาว่างมากเกินแล้วก็เก่งขึ้นจนเป็นครูฝึกแล้ว)
"ก็ดีแล้ว เธอก็อย่าโหมงานมากไปล่ะ"
(สบายๆ เถอะ เดี๋ยวหลังจากงานนี้ฉันก็ต้องไปดูแลคุณเบลซต่อแล้ว)
"ทำไม"
(ก็นายออกไป นอกจากไดม่อนแล้วป๊าไม่ไว้ใจใคร ฉันเลยอาสาไปแทน ยังไงตอนเขาเล็กๆ ฉันก็เคยไปดูแลมาก่อน)
"ก็จริง สุขภาพของคุณเบลซเป็นยังไงบ้าง"
(หลังจากผ่าตัดครั้งล่าสุดก็ดีขึ้นมาก หัวใจน่าจะเข้ากับร่างกายของเขานะ)
"แล้วฉันจะอธิษฐานให้เขาด้วย" ผมบอกไป คุณเบลซเป็นลูกคนเล็กของป๊า เขาหน้าตาน่ารักถึงจะดื้อไปบ้าง ผมไม่ได้สนิทกับคุณเบลซมากแต่ก็เคยเจอกันก่อนที่ฟินิกซ์จะตาย
(ฉันดีใจนะที่นายโทรมา)
"ถ้าไม่โทร เธอคงได้มาลอบสังหารฉันเข้าสักวัน แล้วตอนนี้เธออยู่ที่ไหน"
(อียิปต์น่ะสิ มาตามหาอัญมณีให้ลูกค้า)
"ทำไมชอบรับงานไกลๆ แล้วมีใครไปกับเธอบ้างไหม"
(อย่างฉันก็ต้องฉายเดี่ยวไหม จะเอาใครมาให้เกะกะทำไม)
"ก็รู้ว่าเธอเก่งนะเอวา แต่ระวังตัวด้วย"
(ฉันรู้หรอกน่า อยากได้อะไรเป็นของฝากไหมล่ะ)
"ไม่ต้อง แค่เธอปลอดภัยก็พอแล้ว"
(โอเค งั้นแค่นี้แหละ โทรข้ามประเทศมันเปลือง)
“ฉันเป็นคนโทรไป”
(ก็เหมือนกันแหละ บาย) เอวาบอกแล้วกดวางสายไป ชอบบ่นว่าเปลืองแต่ก็ชอบโทรถามผมทุกครั้งตั้งแต่เมื่อก่อนแล้ว นี่เป็นครั้งแรกในรอบหลายปีที่เธอโทรมา เพราะอยากรู้อาการของผม ซึ่งผมก็ออกจากโรงยาบาลมาได้อาทิตย์หนึ่งแล้ว เลยหายดีขึ้นมาก