ห ล ง [Omegaverse] l 11: ลูกไม้ใต้ต้น l 19/2/2020
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ห ล ง [Omegaverse] l 11: ลูกไม้ใต้ต้น l 19/2/2020  (อ่าน 4116 ครั้ง)

ออฟไลน์ อัญญอหญิง ชันนอหนู

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 12
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ

สรุปข้อสำคัญดังนี้



1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท, หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย, ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้งสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกเล้าฯ ในเรื่องการเมือง เชื้อชาติ  เผ่าพันธุ์  ศาสนา และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงการตั้งชื่อเรื่องด้วยคำหยาบ คำไม่สุภาพ  ล่อแหลม และชี้เป้าให้เล้าฯ ถูกเพ่งเล็ง จากทางราชการ

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่นี่หรือที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อขออนุญาตเจ้าของเรื่องก่อนนะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าตัวไม่ยินยอม

5.ขอให้นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียว ถ้าเป็นเรื่องจริงก็ให้บอกว่าเรื่องจริง ถ้าเป็นเรื่องแต่งให้บอกว่าเรื่องแต่ง  ให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตามเพราะมีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

6. การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insearch qoute  ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมฯทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ

8.เมื่อนิยายจบแล้วให้แก้ไขหัวกระทู้ต่อท้ายว่าจบแล้ว


เวปไซต์แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่างประเทศ
การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม


กรุณาอ่านเพิ่มเติมที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0




ห ล ง [Omegaverse]

มะแมเคยคิดว่าในโลกนี้ไม่มีของสักอย่างเดียวที่เป็นของของเขาเพียงคนเดียว

ไม่ว่าจะครอบครัวของป้าที่เขามาพึ่งใบบุญ คนรักของเขาที่มีภรรยาและลูกอยู่แล้ว

จนกระทั่งวันหนึ่งมีผู้ชายหนึ่งคนที่มั่นหน้าซะเหลือเกินว่าลูกในท้องเขาเป็นลูกตัวเองแน่ๆ ทั้งที่พลาดมีอะไรกันได้แค่คืนเดียวก้าวเข้ามา

"คุณเป็นบ้าเหรอ!"

 

สวัสดีค่า แวะมาเปิดนิยายเรื่องแรกของเราเลย เป็นฟีลกู้ดนะคะ ไม่ดราม่า แต่ฟีลกู้ดของเราอาจไม่เท่ากันค่ะ แหะๆ

ฝากเนื้อฝากตัวและฝากนิยายด้วยนะคะ

#คุณคิหลงน้อง
Share This Topic To FaceBook
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 19-02-2020 10:12:57 โดย อัญญอหญิง ชันนอหนู »

ออฟไลน์ อัญญอหญิง ชันนอหนู

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 12
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
Re: ห ล ง [Omegaverse]
«ตอบ #1 เมื่อ13-01-2020 10:39:39 »

1: หลงใหล

ทั้งที่เป็นเวลาเพียงหกโมงนิดๆ ของฤดูหนาวที่อุณหภูมิยังไม่เริ่มเย็นแต่อย่างใด พระอาทิตย์กลับตกไวซะเหลือเกิน ท้องฟ้าตอนนี้กำลังเปลี่ยนเป็นสีส้มแดง โรงยิมเล็กที่อยู่ชั้นล่างของอาคารเรียนที่เด็กๆ ต่างเรียกกันจนติดปากว่าตึกสามแทบไม่เหลือคนแล้ว อาจจะเป็นเพราะโรงยิมชั้นหนึ่งนี้ไม่ได้มีอุปกรณ์กีฬาอะไรเลย นอกจากเบาะยิมนาสติกที่ปูจนเกือบเต็มพื้นที่เพื่อใช้สอนยูโดและม้วนหน้าม้วนหลังเท่านั้น แถมยังติดกับห้องพักครูวิชาพละ เด็กนักเรียนถึงไม่เลือกที่นี่เป็นที่นั่งจับกลุ่มมั่วสุมกันเลือกเรียนด้วย

บรรยากาศรอบตัวแทบจะเงียบสนิท มีแค่เสียงนกที่ทำรังอยู่ในบริเวณโรงเรียนดังมาจากไกลๆ เท่านั้น มะแมนั่งคนเดียวบนที่นั่งข้างทางที่เด็กนักเรียนส่วนมากใช้วางกระเป๋ากันหน้าห้องเรียน ตัวบางเอนพิงกับเสาอาคาร ขาสองข้างแกว่งไปมาเบาๆ ตอนนี้ไม่เหลือใครสักคนแล้วแถวๆ นี้ ตาเรียวจ้องตัวเลขสี่หลักบนหน้าจอโทรศัพท์ที่นอกจากจะตกรุ่นแล้วยังถูกทำตกไม่รู้กี่ครั้งต่อกี่ครั้งจนหน้าจอร้าวตัวเครื่องถลอก

“ไหนบอกว่าหกโมงไงครู” ปากอิ่มงึมงำกับตัวเอง วันนี้เขาเลือกเรียนตอนสี่โมงครึ่ง ออกไปซื้อลูกชิ้นทอดกับน้ำปั่นจากหน้าโรงเรียนมานั่งกินในโรงอาหาร แล้วก็มานั่งจุ้มปุ๊กรอครูตรงนี้ตั้งแต่ยังมีคนเดินไปมาพลุกพล่านจนตอนนี้กลายเป็นโรงเรียนร้างซะแล้ว คนที่เป็นฝ่ายนัดเสียดิบดีก็ยังไม่เดินออกมาจากห้องพักเสียที

แมนั่งนับครูพละที่เดินออกจากประตูกระจกบานเลื่อนได้คนแล้วคนเล่า แต่ไม่มีใครทักเขาหรอกนะ เพราะภาพลักษณ์เหมือนเด็กเกเรหลังห้องที่ทั้งผมยาวผิดระเบียบ แต่งตัวไม่เรียบร้อย ท่าทางไม่เป็นมิตร แล้วยังพูดจาห้วนๆ ไม่ค่อยมีหางเสียงกับผู้ใหญ่ นอกจากเพื่อนนักเรียนด้วยกันที่หลบแล้ว ครูหลายๆ คนโดยเฉพาะครูฝึกสอนสาวๆ ก็ยังพากันเลี่ยง ทั้งๆ ที่คะแนนสอบของเขาไม่ใช่แค่ไม่ขี้เหร่ เรียกได้ว่าอยู่ในเกณฑ์ดี และบางครั้งก็ดีกว่าเด็กหน้าห้องด้วยซ้ำไป

..แต่ก็แค่คะแนนสอบเท่านั้นล่ะนะ เพราะพอเอามารวมกับที่โดนหักคะแนนความประพฤติกับที่ลืมส่งการบ้านบ่อยๆ แล้ว เกรดเฉลี่ยก็เรียกได้ว่าแค่พอผ่านเท่านั้น

“หรือว่าครูลืมไปแล้ววะแม่ง” ฟันขาวกัดลงบนริมฝีปากล่าง เท้าที่แกว่งไปมาเบาๆ เมื่อครู่กระทืบย้ำๆ ลงกับพื้นกระเบื้องแล้วเตะเข้าที่เสาข้างๆ ตัวอย่างหงุดหงิด “รู้อย่างงี้ไม่น่าลางานเลยว่ะ เสียดายต..”

“ครูตรวจการบ้านน้องปีหนึ่งเพลินจนลืมเวลาไปสิบนาทีแค่นี้ ต้องโมโหจนทำร้ายทรัพย์สินโรงเรียนเลยเหรอ รามิล”

มะแมสะดุ้ง หันข้างไปมองต้นเสียงจนคอแทบเคล็ด และพบว่าคนที่เพิ่งถูกเขาบ่นงึมงำยืนห่างไปไม่เกินสามเมตร คงได้ยินประโยคเมื่อกี้ชัดแจ๋ว

“ค.. ครูเจษ มาไม่ให้สุ้มให้เสียงเนอะ” หัวเราะแห้งพร้อมกับยิ้มแหยๆ ที่ดูแห้งยิ่งกว่าเสียงหัวเราะเสียอีก

“ให้สัญญาณก็คงไม่เห็นเด็กแสบหน้าซีดหรอกใช่ไหมล่ะ” นอกจากจะไม่โกรธแล้วยังหัวเราะชอบใจ ครูเจษตบไหล่แมสองทีเป็นสัญญาณให้ลุกขึ้น “มานั่งหงอยอะไรตรงนี้ เข้าไปข้างในเลย ให้เร็ว”

เด็กตัวบางลุกขึ้น พอยืนเทียบกันแล้วถึงแมจะไม่ได้ตัวเล็กอะไรมากมายแต่ตัวหนาๆ ของครูหนุ่มวัยสี่สิบนิดๆ ก็ทำเอาเขาดูตัวเล็กไปอีกหน่อย ครูเจษเป็นครูสอนวิชาพละและสุขศึกษา จริงๆ แล้วเขาไม่รู้หรอกว่าครูอายุเท่าไหร่กันแน่ แต่ได้ยินเพื่อนๆ คุยกันว่าประมาณนี้ แต่คงเพราะยังออกกำลังกายสม่ำเสมออย่างน้อยก็ตอนสาธิตให้นักเรียนดูในคาบ ครูเลยไม่ได้อ้วนลงพุงอย่างครูวิชาอื่น มองๆ ดูแล้วก็เหมือนคนอายุสามสิบปลายๆ ซะมากกว่า

“ได้ข่าวว่าวิชาอื่นก็ได้คะแนนดีนี่ แต่ดันมาสอบตกทดสอบสมรรถภาพวิชาพละเนี่ยนะ รามิล” หนุ่มใหญ่พูดเจือเสียงหัวเราะ “รู้ถึงไหนอายถึงนั่นเลยนะ”

“ครูก็..” เขาทำเสียงสะบัดแถมยังเบะปากใส่ครูอีก

“อะไรฮึ ครูดูคะแนนแล้วอย่างอื่นก็ไม่แย่เท่าไหร่ จะช่วยปัดคะแนนให้ผ่านๆ ไปก็ได้ แต่คะแนนความยืดหยุ่นนี่เกินจะเยียวยาจริงๆ นะรามิล ก่อนจะสอบใหม่คงต้องฝึกก่อนแล้วมั้ง”

มะแมพยักหน้าหงึกหงัก เออออไปกับที่ครูพูดทั้งหมด

..ช่วยปัดคะแนนก็ดี ไม่งั้นชาตินี้คงไม่ผ่านหรอก ขี้เกียจจะวิ่งรอบสนามสามรอบแล้ว..

“ไป วอร์มอัพก่อนสักหน่อย แล้วค่อยลองเอามือแตะปลายเท้า ครูจะช่วยดูให้”

แมวางกระเป๋านักเรียนไว้ข้างเบาะ ถอดถุงเท้าวางแปะไว้บนกระเป๋าเป้อีกทีก่อนจะก้าวเท้าขึ้นไปเหยียบเบาะยิมนาสติก

“จะยืดกล้ามเนื้อทั้งๆ เสื้อนักเรียนเนี่ยนะ”

แมเลิกคิ้ว มองหน้าครูเป็นเชิงถามว่าแล้วจะให้ทำอย่างไร ในเมื่อเขาไม่ได้พกเสื้อมาเปลี่ยนสักตัว

“เอาเสื้อยูโดใส่ไปก่อน เปลี่ยนตรงนี้แหละไม่ต้องไปไหน”

คนตัวบางทำหน้าเหรอหรา เถียงไปว่ายังไงกลับไปก็ต้องซักเสื้ออยู่แล้ว แต่ครูเจษก็ยังยืนยันว่าให้เปลี่ยนเสื้ออยู่ดี

แมขยับตัวยุกยิก ยกมือขึ้นลูบคออย่างประหม่านิดๆ ถึงจะเป็นผู้ชายด้วยกัน แต่จะให้เปลี่ยนเสื้อต่อหน้าครูมันก็เขินหน่อยๆ เขายืนหันด้านข้างให้ครูเจษ นิ้วมือเรียวปลดกระดุมเสื้อนักเรียนที่ละเม็ดจากบนลงล่าง อุตส่าห์เก๊กหน้าว่าไม่ได้อายเอาไว้นิ่ง แต่ริ้วแดงๆ ก็พาดผ่านแก้มตอนที่นึกขึ้นได้ว่าวันนี้ไม่ได้ใส่เสื้อกล้ามไว้ด้านในเนี่ยแหละ เสียอาการชะมัด

คนตัวผอมถอดเสื้อขาวออกจากตัว ขยำเป็นก้อนๆ โยนไปบนกระเป๋านักเรียนที่วางอยู่นอกเบาะแล้วคว้าเอาเสื้อคลุมยูโดจากมือครูมาสวม ผูกผ้ารอบเอวอย่างลวกๆ

“ผอมขนาดนี้ ลมพัดจะปลิวไหมเนี่ยรามิล” คำแซวจากครูยิ่งทำเขาอายไปใหญ่ “ครูต้องจับตรวจพยาธิหน่อยแล้วมั้ง เลี้ยงไว้เต็มท้องรึเปล่าตัวถึงได้ไม่โตสักที”

“ครูพูดมากอ่ะ” แมค้อนใส่วงใหญ่ เพราะสนิทกับครูเจษพอสมควรเลยกล้าพูดไปอย่างนั้น

“เดี๋ยวเถอะ ไอ้ตัวแสบ” ครูโยกหัวเขาเหมือนมันเขี้ยวมากกว่าจะโกรธ “เอ้า! สะบัดมือสะบัดเท้าเลย ทำเหมือนที่ครูให้ทำก่อนเริ่มเรียนนั่นแหละ”

มะแมขยับตัวตามคำสั่ง ส่วนครูเจษนั้นถอยหลังไปยืนกอดอกมองเขาเงียบๆ ตาคมจ้องตัวผอมบางจนแทบทะลุยิ่งทำให้เขาประหม่าขึ้นเป็นเท่าตัว ไม่ใช่ว่าปกติครูไม่ชอบจ้องเขาหรอกนะ ทุกครั้ง ถึงจะไม่มีใครสังเกตแต่แมก็รู้สึกตัวว่าครูชอบแอบมองเขาในชั้นเรียน แถมยังชอบมาจับเนื้อต้องตัวถ้ามีโอกาสอีกต่างหาก พอได้อยู่ด้วยกันแค่สองคนโดยไม่มีเพื่อนร่วมชั้นคนอื่นๆ อย่างนี้แล้ว บรรยากาศมันแปลกๆ อย่างไรไม่รู้

จริงๆ แล้วเขาก็แอบปลื้มครูเจษอยู่บ้างเหมือนกัน เพราะเป็นโอเมก้า การจะรักหรือชอบผู้ชายด้วยกันก็ไม่ใช่เรื่องแปลกประหลาดอะไร แต่ไม่รู้ว่าทำไมเหมือนกันเพื่อนชายวัยรุ่นราวคราวเดียวกันถึงไม่สามารถทำให้ใจเต้นได้เหมือนตอนถูกสายตาของคุณครูวัยสี่สิบเศษจ้องในตอนนี้

ครูเจษไม่ได้หล่อเหลามากมายจนเป็นที่สะดุดตาอะไรหรอก ก็เป็นแค่ครูเบต้าธรรมดาๆ คนหนึ่งที่หน้าตาไม่ได้แย่รูปร่างหนา ถึงจะไม่ได้หุ่นดีถึงขนาดมีกล้ามหน้าท้องเป็นลอน แต่กล้ามแขนครูเจษใต้เสื้อโปโลแขนสั้นก็แน่นจนแมอยากลองสัมผัสดูสักครั้ง มันจะต่างจากแขนผอมๆ ของตัวเองรึเปล่านะ นอกจากนั้นแล้วก็คือสายตาเจ้าชู้ที่ชอบส่งมาให้จนเด็กอย่างเขาหวั่นไหว

..ครูจะแต่งงานรึยังนะ? ..

แก้มเนียนสีน้ำผึ้งขึ้นสีแดงอีกครั้ง เมื่อรู้ตัวว่าเมื่อกี้เผลอคิดอะไรออกไป

“ก้มไปอีก” มืออุ่นร้อนแตะลงกลางหลังตอนนี้แมก้มตัวลงพยายามเหยียดแขนเอาปลายนิ้วแตะเท้าตัวเอง ครูออกแรงกดเบาๆ “ถ้าเจ็บก็ร้องนะ”

แรงดันจากมือครูเจษทำให้แมรู้สึกตึงนิดหน่อย พอกดลงมามากไปก็เริ่มจะรู้สึกเจ็บขึ้นมา สงสัยจะตัวแข็งเป็นคนแก่อย่างที่ครูว่าไว้จริงๆ

“อ๊ะ! อื้อ..” หลุดเสียงร้องเบาๆ ออกมาประท้วงว่ากดแรงเกินไปแล้วนะ

ลมหายใจร้อนๆ เป่ารดผ่านปลอกคอที่พาดทับบนท้ายทอยมะแม ขนอ่อนตรงลำคอเขาลุกซู่ ครูเจษจะใกล้เกินไปแล้ว “ร้องซะเซ็กซี่เชียว” แรงที่กดลงบนหลังผ่อนลง แต่เสียงทุ้มที่ถ้าป้าเขาได้ยินต้องบอกว่าเหมือนพระเอกละครสมัยป้ายังสาวๆ กลับกระซิบใกล้จนแทบชิดใบหูซ้าย

ตัวผอมสั่นระริกตอนที่มือใหญ่ของครูเจษแตะลงเบาๆ บนผิวหน้าอกตรงส่วนสาบเสื้อแหวกเห็นเนื้อผิวเนียนสีคาราเมลอ่อน ตาเรียวหลับแน่นแต่ร่างกายกลับไม่ขยับหนี สถานการณ์ตอนนี้ไม่ปลอดภัยเลยสำหรับเด็กอายุสิบหก หัวใจแมเต้นแรงจนเหมือนจะหลุดจากอกแล้ว กลัวก็กลัวแต่ก็อยากลองด้วยเช่นกัน

“ตรงนี้มันร้อนนะ เข้าไปนั่งในห้องพักครูไหม” ผิวเนื้อเปลือยถูกเคล้นจนขึ้นรอยจางๆ “ครูคนอื่นกลับหมดแล้ว แล้วแมไม่ต้องสอบใหม่ครูจะให้คะแนนเต็ม ดีไหม”

เอาคะแนนสอบมาหลอก เหมือนเด็กที่ถูกล่อด้วยขนมหวาน..

แต่ไม่ใช่คะแนนสอบหรอกที่ทำให้เขาเดินตามครูเข้าไปในห้องที่มุมหนึ่งของยิมอย่างว่าง่าย มันเป็นความอยากรู้อยากลองของวัยรุ่นล้วนๆ ประตูบานเลื่อนถูกกดล็อกตามหลังในทันที

ช่วงเย็นย่ำของวันหนึ่งในฤดูหนาว ในห้องพักครูวิชาพละแคบๆ แมที่อายุแค่สิบหกได้รู้รสชาติของเซ็กส์เป็นครั้งแรกกับครูที่แก่กว่าแม่ตัวเอง







“แม น่ารักมาก” ครูเจษจูบซับคราบน้ำตาที่เปื้อนแก้มแม “ครูรักแมนะ แต่ครูขออะไรได้ไหม อย่าบอกใครเรื่องนี้นะ กับเพื่อนสนิทก็ไม่ได้ แมคงไม่อยากให้ครูถูกไล่ออกใช่ไหม ถ้าใครรู้เรื่องของเรา”

มะแมปรือตามองผู้ชายตรงหน้า ภาพมันพร่าไปหมด

“เป็นความลับของเราแค่สองคนไง” ครูเจษยิ้ม จูบริมฝีปากอิ่ม ใช้คำหวานหลอกล่อเด็กน้อย

“..ครับ.. แมจะไม่บอกใคร” แขนเรียวโอบคอครูหนุ่มให้โน้มใบหน้าลงมาอีกครั้ง ตอนนั้นสมองแมยังตื้อๆ เขาคิดแค่ว่าถ้าจบปวช.ชั้นปีที่สามก็คงได้คบกับครูเจษแบบเปิดเผย แค่รอเวลาจนกว่าฐานะของนักเรียนและอาจารย์จะสิ้นสุดเท่านั้น

ในตอนที่รู้ความจริงว่าเรื่องของเราสองคนไม่มีทางพัฒนาไปได้ไกลกว่าตรงนี้ ความสัมพันธ์ของเราสองคนไม่มีทางถูกเปิดเผย เขาไม่มีวันจะได้เดินจับมือครูในที่สาธารณะ เพราะครูเจษแต่งงานกับภรรยามากว่าสิบปีแล้ว แถมยังมีพยานรักเป็นลูกสาวอายุเจ็ดขวบถึงสองคน

ตอนนั้นแมก็เดินทางผิดไปไกลเกินกว่าจะหันหลังกลับแล้ว

เวลาเกือบปีที่เขามีความสัมพันธ์ที่ต้องคอยหลบๆ ซ่อนๆ จากสายตาชาวบ้านกับครูเจษ แมค่อยๆ รู้ได้เองว่าไม่ว่าอย่างไรก็ตามครอบครัวของครูมาก่อนเขาเสมอ วันธรรมดาครูจะมีเวลาให้เขาแค่ช่วงเย็นหลังครูทุกคนในห้องพักกลับบ้านแล้วและไม่เกินหนึ่งทุ่ม เพราะครูเจษต้องรีบกลับบ้านไปทานข้าวกับภรรยาและลูกๆ ส่วนวันเสาร์อาทิตย์เป็นเวลาของครอบครัว เขาไม่ควรโทรศัพท์หรือส่งข้อความใดๆ ถ้าไม่สำคัญจริงๆ







เสียงครางต่ำดังชิดหูพร้อมกับลมหายใจร้อนๆ เจษฎาโถมตัวทับเด็กน้อยใต้ร่างเมื่อเสร็จสม มะแมบีบแขนล่ำของคนตรงหน้าเป็นการประท้วง ครูเจษถึงฝั่งแล้ว แต่ว่าเขายัง!

“ครู..” ขาเรียวขยับเสียดสีกับสีข้างของคนแก่กว่า ยั่วยวน “อื้อ.. ขยับต่อสิ แมยังไม่เสร็จอ่..”

ยังไม่ทันพูดจบดี ครูเจษก็ขัดขึ้นมาเสียก่อน “แป๊บนะแม”

เจษฎาถอนกายออกจากเด็กตรงหน้า มือขวาเขารูดถุงยางทิ้งลงถังขยะที่เตรียมจะเอาไปทิ้งหลังเลิกงานเพื่อทำลายหลักฐาน ส่วนมือข้างซ้ายก็คว้าโทรศัพท์ที่กำลังสั่นครืดๆ บนโต๊ะทำงานขึ้นมาแนบหู ทำสัญญาณมือให้แมรู้ว่าอย่าส่งเสียงอะไรเด็ดขาดแล้วจึงกดรับสาย

“ว่าไงคะลูก...” ทั้งๆ ที่เพิ่งทำเรื่องอย่างว่ากับลูกศิษย์ไป เจษฎากลับรับโทรศัพท์จากลูกสาวได้เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น

แมถอนหายใจเสียงฟึดฟัด นิ้วเรียวกระตุกชายเสื้อเชิ้ตของครูเจษเรียกร้องความสนใจ

“ป๊ะป๋ากำลังเก็บของเลยค่ะ หม่าม้าทำอะไรให้กินคะเย็นนี้ ใช่ของโปรด….”

เขาไม่มีอารมณ์จะฟังว่าครูเจษพูดอะไรต่อ ตัวผอมบางขยับลุกขึ้นท่าทางกระฟัดกระเฟียด ครูเสร็จไปแล้วอย่างนี้ แถมลูกสาวยังโทรมาอีก นั่นแปลว่าเขาคงต้องอารมณ์ค้างไปจนถึงบ้าน เพราะครูเจษต้องรีบกลับไปหาครอบครัว มะแมรูดกางเกงชั้นในที่ม้วนอยู่ตรงข้อเท้าขึ้นมาใส่ คว้ากางเกงนักเรียนที่ถูกถอดเหวี่ยงไปอยู่บนกองชีทการเรียนการสอนวิชาสุขศึกษาขึ้นสวม ติดกระดุมเสื้อลวกๆ หยิบเอากระเป๋านักเรียนที่วางบนพื้นพิงโซฟาขึ้นสะพาย แล้วจ้ำเท้าออกจากห้องพักครูพละอย่างหัวเสีย ไม่ลืมที่จะกระแทกประตูปิดดังๆ ให้ครูรู้ว่าเขาไม่พอใจ

ไม่ใช่ว่าไม่รู้ว่าที่ทำอยู่ตอนนี้มันไม่ใช่เรื่องดี ก็รู้สึกแย่ทุกครั้งที่ได้ยินเสียงลูกสาวครูจากโทรศัพท์ และนับครั้งไม่ถ้วนที่อยากจะจบความสัมพันธ์ผิดๆ ของเราสองคน แต่ได้ยินครูบอกว่ารักทีไร เด็กโง่อย่างเขาก็ถูกหลอกให้จมอยู่กับความรักปลอมๆ นี่ต่อไปทุกที




**********************************



แมรูก ;_; อยากทุบหัวครูเจษให้แบะ

เรื่องนี้ได้แรงบันดาลใจเพลง Teacher's pet - Melanie Martinez บวกกับความฝันอีกนิดหน่อยค่ะ 555

ติชมกันได้นะคะ ขอบคุณทุกคนที่หลงเข้ามาอ่านค่า ฝากเอ็นดูน้องมะแมกันเยอะๆ นะคะ

ออฟไลน์ t152_rakjai

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 305
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +21/-0
Re: ห ล ง [Omegaverse] l 1: หลงใหล l 13/1/2020
«ตอบ #2 เมื่อ13-01-2020 11:45:27 »

รอนะคะ :mew1: :mew1: :mew1:

ออฟไลน์ Ac118

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 609
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +106/-0
Re: ห ล ง [Omegaverse] l 1: หลงใหล l 13/1/2020
«ตอบ #3 เมื่อ13-01-2020 12:25:31 »

คำโปรย น่าสนใจมากๆ รอตอนต่อไปนะคะ

ครูเจษ...เลวววว

ออฟไลน์ smmikie

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 362
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +39/-1
Re: ห ล ง [Omegaverse] l 1: หลงใหล l 13/1/2020
«ตอบ #4 เมื่อ13-01-2020 18:31:32 »

เอ้าาาาาาา อาจาน!!!

ออฟไลน์ G-NaF

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 820
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +55/-1
Re: ห ล ง [Omegaverse] l 1: หลงใหล l 13/1/2020
«ตอบ #5 เมื่อ14-01-2020 02:13:42 »

บาปมากแมเอ้ยย ครูแม่งก็เลว

ออฟไลน์ อัญญอหญิง ชันนอหนู

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 12
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
Re: ห ล ง [Omegaverse] l 2: ฮีท! l 14/1/2020
«ตอบ #6 เมื่อ14-01-2020 10:51:56 »

2: ฮีท!

“แน่ใจนะแมว่าจะไม่ไปเที่ยวกับป้า ลางานซักสามวันพี่ที่ร้านเขาไม่ไล่ออกหรอกมั้ง”

แมกรอกตา เป็นรอบที่ห้าของวันนี้แล้วตั้งแต่ตื่นเช้ามาที่ป้าถามเขาย้ำๆ มาจะไม่ไปงานทำบุญขึ้นบ้านใหม่ของญาติที่ต่างจังหวัดช่วงวันหยุดยาวสามวันติดด้วยกันจริงๆ ใช่ไหม และเขาก็ปฏิเสธไปเหมือนเดิมทุกครั้ง

“ไม่ไปจริงๆ ป้า” ยกกระเป๋าใบสุดท้ายยัดเข้าหลังรถเก๋งคันเก่า แขนเรียวดุนหลังหญิงวัยกลางคนร่างอวบให้ขึ้นรถไวๆ “ไปได้แล้วป้าออกสายก็ไปถึงสายนะ แมอยู่บ้านคนเดียวได้น่าสัญญาจะไม่พาโจรมายกเค้าแน่ๆ”

ป้าเกียงมองเขาตาเขียว ฟาดมือลงกลางหลังดังปั่ก

“เดี๋ยวเถอะ เด็กคนนี้นี่! ” มะแมหัวเราะเสียงดังตาหยีเมื่อยั่วโมโหป้าได้ ถึงป้าจะมือหนักจนรู้สึกเหมือนจะช้ำในแต่ก็คุ้มค่า

คุณเกียงปิดประตูรถฝั่งคนนั่งดึงเข็มขัดนิรภัยมาคาดตัวแล้วกดปุ่มลดกระจกลงครึ่งบาน ห้ามใจไม่ได้ต้องสั่งเสียหลานตัวดีเป็นรอบสุดท้ายก่อนออกเดินทาง “ล็อกบ้านดีๆ ล็อกรั้วด้วยล่ะอย่าลืม ต้องกลับมานอนบ้านทุกคืนแล้วก็ห้ามพาใครมานอนที่บ้านด้วยเข้าใจไหม เพื่อนก็ไม่ได้”

“รับทราบแล้วครับ ล็อกบ้านล็อกรั้ว ห้ามไปนอนไหน ห้ามพาใครมานอนนี่” ได้แต่คิดในใจว่าทำไมคำสั่งมันยาวขึ้นเรื่อยๆ เมื่อกี้ยังมีแค่ให้ล็อกประตูอยู่เลยไม่ใช่หรือยังไงแต่มะแมก็รับคำขันแข็ง แล้วหันไปพูดกับผู้หญิงอีกคนที่นั่งอยู่หลังพวงมาลัย “เจ๊ออกรถเลย ขืนอยู่ต่ออีกสองนาทีสงสัยป้าได้ห้ามแมออกนอกบ้านตลอดสามวันแน่ๆ ”

ป้าเกียงยื่นมือออกนอกตัวรถหมายจะฟาดไหล่เขาอีกสักรอบ แต่ร่างโปร่งไหวตัวทันกระโดดหลบพ้นจากรัศมี มะแมฉีกยิ้มกว้างโบกมือหย็อยๆ ตามรถสีดำที่เคลื่อนตัวออกไปให้ทั้งพี่เมย์และป้าเกียง จนรถเลี้ยวออกจากซอยบ้านเขาก็หยุด

แมถอยหลังเข้าบ้าน ล็อกทั้งประตูรั้วเหล็กดัดที่ขึ้นสนิมไปแล้วครึ่งและประตูบ้านตามที่ป้ากำชับ ตาตี่มองนาฬิกาแขวนผนังที่เพิ่งบอกเวลาเจ็ดนาฬิกากว่าๆ

ตอนนี้เป็นเดือนตุลาคม ช่วงปิดเทอมเป็นเวลาที่แมจะได้กอบโกยเงินจากการทำงานพิเศษ เขาจะเปลี่ยนกะงานพาร์ทไทม์ที่ร้านกาแฟมาทำตั้งแต่เวลาสิบเอ็ดโมงไปจนถึงสามทุ่มของทุกวัน แทนการเข้าแค่บางวันเฉพาะช่วงเย็นจนถึงเวลาปิดร้านในตอนเปิดเทอม เท่ากับว่าเก็บเงินได้มากกว่าเดิมอีกเท่านึง เขาอยากเรียนต่อด้านการทำอาหารโดยเฉพาะขนมในระดับมหาวิทยาลัยแต่ก็ไม่อยากรบกวนให้ป้าส่งเรียนอีกจึงวางแผนเอาไว้ว่าจะกู้เรียน แล้วเอาเงินที่เก็บได้จากการทำงานตั้งแต่ปวช.ชั้นปีที่หนึ่งใช้กินอยู่รวมไปถึงเวลาฉุกเฉินด้วย

แม่ของมะแมเสียตั้งแต่เขาอยู่ชั้นมัธยมปีที่สามเพราะโรคมะเร็งเต้านมที่กว่าจะตรวจพบก็ไปถึงขั้นที่สามแล้ว แม่ไม่ได้เข้ารับคีโมเพราะไม่อยากหยุดขายของที่เป็นงานประจำหารายได้เข้าครอบครัวทำให้แม่จากไปไวมาก ป้าเกียงพี่สาวคนโตของแม่เป็นคนรับเขามาเลี้ยงต่อตั้งแต่นั้นมาเพราะทนดูไม่ได้ที่ไม่มีญาติพี่น้องสักคนยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือเด็กอายุแค่สิบสี่ปี ส่วนพ่อนั้นแมไม่เคยได้เห็นหน้า แม่เคยเล่าให้ฟังแค่ว่าเป็นลูกคนมีฐานะในจังหวัดบ้านเกิดที่เขาไม่อยากรับผิดชอบ

ส่วนป้าเกียงมีลูกสาวหนึ่งคนคือเจ๊เมย์ ลุงนั้นตายไปตั้งแต่เขายังไม่ย้ายเข้ามาอยู่บ้านนี้ด้วยซ้ำ แมย้ายเข้ามากรุงเทพได้เกือบสี่ปีแล้ว เป็นสี่ปีที่ความเป็นอยู่ถือว่าดีกว่าที่ต่างจังหวัดมากเพราะป้าเป็นพนักงานบริษัทเอกชนที่มีรายได้แน่นอนในขณะที่แม่ของเขาเป็นแม่ค้าขายน้ำเต้าหู้ในตลาด

แต่ถ้าจะให้พูดตามจริงแล้วป้ากับเจ๊ก็ไม่ใช่ว่าจะรักอะไรตัวเขามากมาย ไม่ได้เกลียดแต่ก็ไม่ได้รัก แค่เลี้ยงเพราะว่ารู้สึกสงสารก็เท่านั้น

บ้านเงียบสนิทไม่มีเสียงทีวีที่ป้าชอบเปิดข่าวและละครทั้งวันหยุด แมไม่มีอะไรจะทำ ยังเหลือเวลาอีกตั้งหลายชั่วโมงกว่าจะเริ่มงาน

คนตัวผอมหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นกดเข้าแอปพลิเคชันไลน์ ไถหน้าจอไปสองทีก็เจอหน้าแชทของครูเจษที่ร้างมากว่าอาทิตย์

แมเพิ่งปิดเทอมได้สามวันแต่เขาไม่เจอครูมาเป็นอาทิตย์แล้ว ครั้งสุดท้ายคือก่อนสอบที่พวกเขามีเซ็กส์กันในห้องพักครูพละห้องเดิม

..คิดถึงครูจัง..

นิ้วเรียวกดตัวอักษรส่งไปตามที่ใจคิด



Maemaemae: คิดถึงครูอะ

Maemaemae: ครูตรวจข้อสอบเสร็จยัง?

Maemaemae: ให้แมไปช่วยมะ วันจันทร์หน้าไรงี้ อยากเจอครูด้วยอะ

ส่งสติ๊กเกอร์รูปแมวกอดหัวใจไปด้วย



มันขึ้นว่าอ่านแล้วแทบจะในทันที แต่พอมะแมนั่งมองหน้าแชทไลน์สลับกับเล่นไอจีอยู่เกือบยี่สิบนาทีกลับไม่มีข้อความตอบกลับมาจากครูแม้แต่ประโยคเดียว

ถอนหายใจยาว จริงๆ ก็รู้อยู่แก่ใจ ครูเจษเคยบอกไว้แล้วว่าวันเสาร์อาทิตย์ห้ามส่งข้อความหาเพราะเป็นเวลาสำหรับครอบครัวของครู

สงสัยตอนนี้ครูคงกินข้าวเช้าพร้อมหน้ากับภรรยาและลูกสาวสองคนอยู่ล่ะมั้ง

สุดท้ายแล้วเขาก็ตัดสินใจว่าจะขึ้นไปนอนต่อสักสองชั่วโมงถึงค่อยตื่นไปทำงาน









‘Something with Sugar’ เป็นคาเฟ่ขนาดกลางๆ ที่มีจำนวนโต๊ะทั้งในและนอกร้านมีสิบสองตัว ตัวร้านตกแต่งสไตล์วิคตอเรียนเน้นสีขาวแซมด้วยฟ้าและเหลืองตั้งอยู่ถัดจากปากซอยติดกับถนนใหญ่เข้ามาหน่อย

ที่นี่เน้นขายเบเกอรี่โดยเฉพาะซิกเนเจอร์ดิชอย่างสตรอเบอรี่ชอร์ตเค้กมากกว่ากาแฟ มีพี่แจนเป็นเจ้าของร้านครึ่งหนึ่งรวมไปถึงควบทั้งตำแหน่งผู้จัดการร้านและปาติซิเย่คนหนึ่งด้วย

มะแมทำงานที่นี่มาประมาณครึ่งปี ก่อนหน้านี้เขาเป็นเด็กเสิร์ฟอยู่ร้านกาแฟเล็กๆ แถวบ้านตั้งแต่ที่ย้ายเข้ามาอยู่กับป้าได้ใหม่ๆ จนร้านเจ๊งนั่นแหละ

ร่างบางชอบทำงานที่นี่ก็ตรงที่นอกจากจะเป็นเด็กเสิร์ฟแล้ว บางครั้งที่ลูกค้าในร้านน้อยพี่แจนจะยอมให้เขาไปช่วยทำขนมในครัวด้วย ตอนแรกๆ เขาน่ะแค่ขนมปังปิ้งยังทำไหม้จนดำไปครึ่งชิ้น แต่ตอนนี้ทำอะไรเป็นเพิ่มขึ้นเยอะแยะเลย แถมตอนฝึกงานเมื่อเทอมก่อนพี่แจนก็รับให้เขาฝึกที่นี่ด้วย

แมเพิ่งเก็บจานจากโต๊ะมาเก็บที่เคาน์เตอร์ตอนที่พี่แจนโผล่หน้าออกมาจากประตูห้องครัว เธอมองไปรอบๆ ร้านพอเห็นว่าลูกค้าน้อยก็กวักมือเรียกเขาให้เดินไปใกล้

“แถ่แด๊ม! พี่ลองทำเมนูใหม่ แมมาช่วยชิมหน่อยถ้าปรับสูตรเสร็จแล้วพี่ว่าจะขายเป็นเมนูช่วงคริสต์มาสต์” สาววัยสามสิบเศษแต่หน้าเด็กเหมือนเพิ่งเรียนจบหมาดๆ ยื่นจานเค้กในมือให้เขา

“พี่แจนรีบไปป้ะนี่เพิ่งเดือนตุลาคม ที่ต้องคิดตอนนี้มันต้องเมนูสำหรับวันฮัลโลวีนรึเปล่าอะ”

“ก็ฉันไม่อินฮัลโลวีน เอาเมนูเก่าๆ ปีก่อนมาขายนั่นแหละขี้เกียจคิด บ่นมากนักจะกินหรือไม่กินถ้าไม่กินก็เอาคืนมา ชั้นเอาไปให้น้องเก้ากินก็ได้ย่ะ” เจ้าของร้านคนสวยหวีดใส่แต่ยั้งเสียงไว้เพราะยังมีลูกค้าอยู่ในร้าน มือดึงจานกระเบื้องในมือแมที่มีชิ้นเค้กเลเยอร์สลับสีแดงเขียวทาครีมสีขาวเข้ากับเทศกาลที่ยังมาไม่ถึงแต่มะแมไม่ยอมปล่อย อ้อยเข้าปากช้างแล้วเรื่องอะไรจะคืน

“หื้อ กินสิกิน ไอ้เก้ามันกินเค้กหรูเป็นที่ไหน นู่นเลยต้องแพนเค้กรถเข็นถุงละยี่สิบ ถ้าให้มันลองก็เสียของเปล่าๆ ต้องให้ผมนี่” ว่าแล้วก็ตัดเค้กในมือเข้าปากคำโต เคี้ยวไปสองคำมะแมก็ทำตาโตหน้าซึ้งเหมือนที่ในการ์ตูนทำอาหารเขาทำกันบ่อยๆ “อร่… โอ๊ย! ”

เสียงม้วนกระดาษฟาดเข้าหัวทุยๆ ของมะแมดังเผียะ คนที่กำลังเคลิบเคลิ้มกับรสชาติในปากหันขวับไปมองคนทำที่ไม่ใช่ใครที่ไหน คนที่เขาเพิ่งพาดพิงไปเมื่อกี้นี้เอง

“นินทากูเหรอไอ้ดำ เค้กแพงกูก็กินเป็นแค่ตังค์ในกระเป๋าไม่เอื้อให้กินบ่อยๆ เฉยๆ เว้ย” ไอ้เก้าอาศัยจังหวะชุลมุนหยิบเค้กที่เหลืออยู่ในมือเขาเข้าปากไปทั้งชิ้น

“เขาเรียกว่าผิวแทนไอ้สัตว์ เห้ย! เค้กกู” แมโวยวาย หันไปทำหน้างอฟ้องพี่แจน “พี่แจนดูมันดิ มันแย่งของผมอะ เค้กของผม”

“ทะเลาะกันเรื่องของกินนี่อายุกี่ขวบกันแน่พวกแก” พี่แจนถอนใจ “ในครัวมีอีกเป็นปอนด์เลยไม่ต้องแย่งกัน ปิดร้านแล้วค่อยมากินหรือจะแบ่งใส่กล่องกลับบ้านก็ตามสบายเลย”

เก้าแลบลิ้นใส่เขาแปลความหมายได้ว่า ‘ว้าย! พี่แจนไม่ช่วยว่ะ’

“ลูกค้าลุกแล้วเก้าไปเก็บโต๊ะ แมไปกลับป้ายให้พี่ทีสิเหมือนตอนสองทุ่มพี่ลืม”

มะแมเปิดประตูส่งลูกค้าสาวสองคนออกจากร้าน เขายิ้มให้พร้อมกับก้มหัวขอบคุณพวกเธอแล้วค่อยพลิกป้ายหน้าร้านจาก Open ให้เป็นคำว่า Close มองออกไปนอกร้านตอนนี้มืดแล้วมีแค่ไฟจากเสาไฟฟ้าและจากร้านค้าแถวๆ นี้ที่คอยส่องให้เห็นทาง ได้ยินเสียงรถวิ่งบนถนนใหญ่ดังมาถึงในร้าน แต่ในซอยนี้ไม่ค่อยมีรถขับผ่านแล้วคงเพราะเป็นซอยตัน

อยู่ๆ ก็รู้สึกอึดอัดข้างในอกขึ้นมาเฉยๆ แมยกมือขึ้นกดๆ ที่กลางหน้าอกหน้านิ่วคิ้วขมวด

“เป็นไรวะ” เก้าเดินมาหยุดอยู่ด้านหลัง เขายักไหล่ตอบว่าเปล่า “กูกลับและมึง ขอพี่แจนกลับเร็วมีนัดดูหนังรอบดึกกับเพื่อนว่ะ”

พอไอ้เก้าตัวดีชิ่งทั้งร้านก็เหลือแค่เขากับพี่แจนที่ต้องปิดร้านและนับเงิน มะแมไม่ถนัดเรื่องตัวเลขเคยไปช่วยนับสามรอบได้เลขไม่ตรงกันสักรอบจนพี่แจนถอดใจ

กว่าแมจะเช็ดโต๊ะยกเก้าอี้ในร้านเสร็จก็เป็นเวลาเกือบสี่ทุ่มแล้ว เก้าอี้ที่นี่หนักเป็นบ้า เรียกได้ว่ายกทีต้องเดินเซ

“ขอบคุณน้องแมมากจ้า รีบกลับบ้านได้แล้วดึกแล้วแถวบ้านเราอันตรายไม่ใช่เหรอ”

“แล้วพี่แจนอ่ะ”

“เดี๋ยวคุณคิเข้ามาอ่ะพี่รอเจอมันก่อน น้องแมทำที่นี่มาครึ่งปีแล้วยังไม่เคยเจอคิเลยนี่” คุณคิที่ว่าคือหุ้นส่วนอีกคนของ Something with Sugar แมไม่เคยเห็นหน้าอีกคนอย่างที่พี่แจนว่าจริงๆ เคยได้ยินพี่แจนพูดว่าเขาดูแลร้านที่อื่นด้วยเลยไม่ค่อยได้เข้ามาบ่อยๆ หรือพอเข้ามาก็เป็นวันที่แมไม่อยู่ตลอดก็ไม่รู้

แต่เขาไม่สนใจหรอกเรื่องหุ้นส่วนเรื่องการบริหาร เงินเดือนออกตรงทุกเดือนหรือเปล่านั่นแหละเรื่องที่เขาสนใจ

“พี่เอาเค้กใส่กล่องให้แล้วนะ แกอย่าลืมหยิบกลับบ้านล่ะวางไว้ตรงนี้นะจ๊ะ”

แมยิ้มเผล่รีบวิ่งเข้าห้องล็อกเกอร์เล็กๆ หลังร้านถอดชุดยูนิฟอร์มพนักงานเสิร์ฟออกเปลี่ยนเป็นชุดไปรเวทที่ใส่มาจากบ้านแทนแล้วค่อยมาหยิบถุงใส่กล่องเค้กขึ้นมาดมฟุดฟิด

..หอมจัง กินตอนกลับบ้านชิ้นหนึ่ง แล้วอีกชิ้นเก็บไว้กินพรุ่งนี้เช้าดีกว่า..

“งั้นผมกลับแล้วนะพี่แจน สวัสดีครับ”

“จ้า ดีจ้า กลับบ้านดีๆ นะ” พี่แจนเงยหน้าจากเครื่องคิดเงินขึ้นมาโบกมือบ๊ายบาย

ไอร้อนจากด้านนอกตีหน้าแมทันทีที่ก้าวออกจากร้านที่มีเครื่องปรับอากาศเย็นสบาย จริงๆ อากาศวันนี้ก็ร้อนอบอ้าวตั้งแต่เช้าแล้วแต่ไม่นึกว่าดึกขนาดนี้แล้วจะยังร้อนอยู่อย่างนี้

จากคาเฟ่ถึงบ้านแมใช้เวลาไม่ถึงยี่สิบนาที นั่งรถเมล์ที่ป้ายหน้าปากซอยตรงนี้แค่ห้าป้ายเท่านั้น แต่ใช้เวลานานหน่อยก็ตอนที่ต้องเดินจากป้ายรถเมล์เข้าซอยบ้านนี่แหละ บางทีก็นานกว่านั้นไปอีกถ้ารถเมล์ขาดระยะ

แถวบ้านแมสภาพแวดล้อมไม่ค่อยดี ตอนมาทำงานที่นี่ใหม่ๆ เขาเคยโดนวิ่งราวกระเป๋าตตอนเดินเข้าซอยบ้านอยู่ครั้งหนึ่ง หลังจากนั้นพี่แจนก็ไม่ค่อยยอมให้เขากลับบ้านดึกอีก เรียกได้ว่าสองทุ่มก็ไล่กลับบ้านแล้ว วันนี้แทบจะเรียกได้ว่าวันที่กลับดึกที่สุดในรอบหลายเดือนเลย

..อ่ะ! เจ็บหน้าอกอีกแล้ว..

มะแมนิ่วหน้า รู้สึกแปลกๆ ข้างในตัว มันอธิบายไม่ถูก ถึงจะบอกว่าเจ็บแต่มันเหมือนกับมีอะไรร้อนๆ แล่นไปทั่วมากกว่า เหมือนกับ…

เหมือนกับ.. ตอนฮีทครั้งแรกเมื่อหลายเดือนก่อน!

“อ..ไอ้บ้าเอ๊ย! จังหวะโคตรแย่”

เขาหอบหายใจถี่ขยุ้มเสื้อบนตัวจนยับย่น แมอยากกลับเข้าไปในคาเฟ่ อย่างน้อยพี่แจนก็เป็นเบต้าเพศหญิง แต่ตอนนี้ขามันไม่มีแรงเลย

มะแมไม่ได้พกยายาระงับฮีทไว้กับตัวเพราะชะล่าใจเห็นว่าตั้งแต่เกิดฮีทครั้งแรกเมื่อเกือบปีก่อนแล้วเขาก็ไม่เคยฮีทอีกเลย

“ฮื่อ ทำไงดีวะ..”









รถเอสยูวีสีดำถอยหลังเข้าจอดในลานจอดรถโล่งไร้คนถัดจากคาเฟ่สีขาวไปไม่กี่บล็อกเวลานี้มีรถไม่ถึงสิบคันเท่านั้นที่จอดอยู่ คิรากรดับเครื่องปลดเข็มขัดนิรภัย แต่ร่างสูงยังนั่งนิ่งไม่ขยับลงจากรถ

เป็นเวลาเกือบสามเดือนแล้วทุกครั้งที่แวะเข้ามาที่ร้านคิรากรต้องนั่งนิ่งๆ ในห้องโดยสารมืดๆ อย่างน้อยก็สักสามนาที ตาคมกวาดมองไปทั่วๆ ลานกว้างจนกว่าเขาจะพอใจว่าไม่มีใครที่กำลังตามหาอยู่แถวนี้

ไม่เห็นคนที่มองหาเห็นก็แต่เจ้าแมวส้มขนกระเซิงที่เมื่อสามเดือนก่อนยังเป็นลูกแมวตัวกระจิ๋ววิ่งย่องตัดผ่านหน้ารถคันใหญ่ของเขาไปทางตรอกทิ้งขยะที่ห่างออกไปแค่นิดเดียว

คิรากรปลดกระดุมเม็ดบนของเสื้อเชิ้ตสีกรมลงพับแขนเสื้อยาวขึ้นมาเหนือศอกทั้งสองข้าง หยิบโทรศัพท์กับซองเอกสารที่เตรียมมาให้เพื่อนมาถือในมือข้างซ้าย มือขวาเขาเปิดประตูรถด้านคนขับ

กลิ่นหอมเหมือนเลม่อนลอยมาตามลมเบาๆ ของคืนเดือนตุลาคม

ขนอ่อนที่หลังคอคิรากรลุกชัน

..ให้ตาย! มีโอเมก้าฮีทอยู่แถวนี้เนี่ยนะ..

เขาเกือบจะทำเป็นไม่สนใจเดินหนีหรือไม่ก็ขับรถออกไปจากตรงนี้อยู่แล้ว แต่ไม่รู้เพราะอะไรที่คนร่างสูงตัดสินใจหยิบผ้าปิดปากชนิดหนาที่พอจะกรองกลิ่นได้เล็กน้อยออกมาสวมแล้วจึงก้าวลงจากตัวรถมองไปรอบๆ ตัว

ถึงแม้ว่าแถวนี้จะค่อนข้างปลอดภัยแต่เขารู้ว่าถัดออกไปไม่กี่ซอยมีบาร์เปิดอยู่หลายร้าน ที่จอดรถตรงนี้เป็นหนึ่งในที่ที่เหล่าคนเที่ยวกลางคืนเลือกมาจอดรถทิ้งไว้ คิรากรเป็นอัลฟ่าที่สามารถควบคุมสัญชาติญาณตัวเองได้ค่อนข้างดีไม่ได้ถูกปลุกเร้าอย่างง่ายดายด้วยฟีโรโมนของโอเมก้า แต่พวกที่เมามายมาจากร้านเหล้านั้นคงไม่ใช่

ร่างสูงได้ยินเสียงร้องของเจ้าแมวส้มดังไม่หยุดจากแถวๆ ถังขยะใบใหญ่ เสียงมันดังแปลกๆ เหมือนกำลังกลัวหรือกังวลบางอย่างอยู่ ขายาวในกางเกงสแล็คจึงก้าวตามเสียงนั้นไป

ที่ด้านหลังถังขยะใบใหญ่สามใบที่ตั้งหันหน้าเข้าหากันในซอกเล็กๆ ติดกับลานจอดรถนั่น เจ้าเหมียวกำลังร้องแง้วๆ ใส่ร่างผอมที่สั่นระริกและขดตัวจนเกือบเป็นก้อน คนคนนั้นก้มหน้าติดชิดกับหัวเข่าทำให้คิรากรมองเห็นแค่ผมสั้นสีน้ำตาลอ่อนเกือบทอง

“คุณไหวไหม มียารึเปล่า” เขาไม่กล้าแตะตัวคนตรงหน้า เลยทำได้แค่ยืนอยู่ไม่ใกล้แต่ก็ไม่ไกล

หัวกลมๆ นั่นส่ายไปมาจนผมปลิว ร่างสูงก้าวขาเข้าไปใกล้อีกหนึ่งก้าวโน้มตัวลงไปใกล้อีกนิด กลิ่นเลมอนหอมจัดจนคิรากรมึนหัวไปหมด

“ช่… อือ..ที” อีกฝ่ายเสียงงึมงำในลำคอเขาฟังไม่ถนัด

“อะไรนะ” คิรากรถามย้ำ

“ช่วย.. ช่วยผมที”

อยู่ๆ คนที่ตัวสั่นอยู่บนพื้นคอนกรีตก็เงยหน้าขึ้นมา ตาเรียวฉ่ำน้ำเป็นสีทองสว่างเป็นประกายในความมืด แค่เสี้ยววิที่สบตากัน หัวใจคิรากรก็กระตุกวูบ ความร้อนแล่นพล่านตั้งแต่หัวจรดเท้า

ทั้งๆ ที่มั่นใจว่าสามารถควบคุมตัวเองได้แท้ๆ แต่คิรากรก็ดันรัทตอบสนองอีกฝ่ายเต็มๆ




*****************************************





อิพี่อุตส่าห์มั่นหน้าว่าเอาอยู่ ตบะแตกเฉย วงวารเค้านะคะ

ตอนหน้าเค้าจะได้โบ๊ะบ๊ะกันนะคะ แต่พี่เป็นผู้ชายอบอุ่นกินพืชคงไม่ทำอะไรน้องรุนแรงหรอกเนอะ

ออฟไลน์ Chompoo reangkarn

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1089
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-0
Re: ห ล ง [Omegaverse] l 2: ฮีท! l 14/1/2020
«ตอบ #7 เมื่อ14-01-2020 14:47:18 »

 :L2: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ อัญญอหญิง ชันนอหนู

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 12
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
3: อัลฟ่าแปลกหน้า

ตาคมวาววับมองร่างเล็กบนพื้นตรงหน้าราวกับเห็นเหยื่อ ทิ้งคราบของผู้ชายที่ดูสุขุมเมื่อครู่ไปหมดสิ้น สัญชาตญาณดิบบอกให้คิรากรเมทกับโอเมก้าคนนี้ในทันทีแต่อย่างน้อยสติที่เหลืออยู่น้อยนิดก็ยังบอกเขาว่าที่ตรงนี้มันไม่เหมาะ

มือใหญ่ดึงแขนคนตรงหน้าขึ้นยืน ตัวผอมๆ นั่นโซเซไปมาเหมือนกับว่าจะยืนไม่ไหวถ้าหากไม่มีแรงของเขาช่วยพยุง คิรากรใช้มืออีกข้างหนึ่งปิดจมูกทับผ้าปิดปากที่สวมอยู่อีกรอบเมื่อโอเมก้าเข้ามาใกล้กว่าเดิม กลิ่นเลม่อนหอมๆ นั่นตลบไปทั่วบริเวณกลบแม้แต่กลิ่นกองขยะด้านหลังที่สูงเป็นกองพะเนิน หอมจนเวียนหัวชวนให้หน้ามืดอยากทำอะไรรุนแรงตั้งแต่ตอนนี้เลย

เขากึ่งดึงกึ่งพยุงตัวอีกคนให้เดินไปที่รถของตัวเองที่จอดอยู่ไม่ไกล เมื่อถึงที่หมายคิรากรก็ถามย้ำอีกฝ่ายอีกครั้งหนึ่งถึงความต้องการ

“รู้ใช่ไหมว่าช่วยหมายถึงอะไร” เสียงคิรากรทุ้มต่ำและแหบพร่า กระซิบใกล้ๆ ใบหูนิ่ม โอเมก้านั่นหดคอหนีแต่สักพักก็เงยหน้ามองเขาตาปรือปรอย

“รู้.. รู้สิ” คำตอบกระท่อนกระแท่น แต่ก็ถือว่าอีกฝ่ายยังพอมีสติตอบคำถามรู้เรื่อง เพราะฉะนั้นเขาจะถือได้ว่าเรื่องที่เกิดขึ้นต่อไปจากนี้ไม่ใช่การขืนใจ “แต่เจ็บ เจ็บจังเลย ช่วยหน่อยนะ ช่วย..”

ไม่ต้องรอให้อีกคนพูดจนจบ เขาปลดล็อกประตูรถฝั่งข้างคนขับดันตัวผอมบางนั่นเข้าไปนั่งดึงเข็มขัดนิรภัยรัดให้เรียบร้อยด้วย แม้ว่าคอนโดเขาจะอยู่ห่างออกไปไม่ถึงสิบนาทีแต่คนอย่างเขาก็คิดถึงความปลอดภัยเป็นอันดับหนึ่ง

ร่างสูงยังไม่ก้าวขึ้นรถ เขาล้วงโทรศัพท์มือถือขึ้นมากดโทรหาใครบางคนที่รับสายแทบจะทันที คิรากรไม่เปิดโอกาสให้อีกฝ่ายได้พูดก่อน “ฉันติดธุระด่วนนิดหน่อยคงไม่ได้เข้าไปแล้ว”

ปลายสายโวยวายที่ถูกผิดนัด ก่อนจะถามเสียงเป็นห่วงเป็นใยว่าเกิดอะไรขึ้นรึเปล่า ซึ่งเขาตัดสินใจที่จะโกหกออกไป “เปล่า.. อืม แล้วเจอกัน จะมาวันไหนจะบอกอีกที”

เคลียร์ธุระไปได้หนึ่งเรื่อง ทีนี้ก็เหลือแค่เจ้าตัวปัญหาที่นั่งบิดตัวไปมาบนเบาะด้านซ้ายเท่านั้น

จะให้จัดการบนรถตอนนี้เลยก็ย่อมได้ แต่พอดีคิรากรเป็นคนเรื่องมาก และเขาไม่ชอบทำอะไรในที่แคบอย่างบนรถ โดยเฉพาะรถที่จอดในลานจอดรถโล่งๆ นอกบ้านอย่างนี้

“ห้องฉันอยู่เลยห้างxxxไปหน่อย ทนหน่อยแล้วกันนะ”







ระยะจากลานจอดรถใกล้ๆ คาเฟ่ที่รามิลทำงานทุกวันกับคอนโดมิเนียมที่อยู่ไม่ไกลจากห้างสรรพสินค้าชื่อดังไม่ถึงสองกิโลเมตรด้วยซ้ำ แต่สำหรับเขาในตอนนี้มันกลับรู้สึกไกลราวกับขับรถจากกรุงเทพไปกาญจนบุรีอย่างไรอย่างนั้น

มะแมพยายามบรรเทาอาการเจ็บและร้อนผ่าวในตัวด้วยการสัมผัสร่างกายใต้ร่มผ้าของตัวเอง เขาขยับไม่ค่อยถนัดเพราะร่างสูงข้างๆ ล็อกตัวเขาไว้ด้วยเข็มขัดนิรภัยรถยนต์ มือเรียวสองข้างตั้งใจจะดึงกางเกงวอร์มขายาวที่สวมอยู่ลงแต่ก็ถูกห้าม

คนตัวผอมส่งเสียงอื้อประท้วงในลำคอ ตวาดกลับน้ำตาคลอเบ้า “อย่ามาห้ามนะ! ”

กลายเป็นศึกยื้อยุดกางเกงวอร์มกันโดยที่อีกฝ่ายใช้มือเพียงข้างเดียวที่ว่างจากการจับพวงมาลัยรถก็สามารถรวบข้อมือเขาไว้ด้วยกันทั้งสองข้างได้ “ถ้าเธอทำบนรถ ฉันไม่รับประกันว่าจะไม่ขับไปเสยเกาะกลางถนนหรอกนะ”

..ดุเป็นบ้า! ..

ถึงในใจเขามันจะรู้สึกยาวนานเป็นชั่วโมง แต่รถเอสยูวีก็จอดสนิทในที่จอดรถของคอนโดมิเนียมโดยใช้เวลาไม่ถึงสิบนาทีจริงอย่างที่อีกฝ่ายบอก

ถูกคนที่ไม่รู้จักชื่อดึงแขนให้ออกจากมายืนนอกตัวรถ ในตอนแรกเหมือนกับอีกฝ่ายจะดึงให้เขาก้าวตามไปแต่ก็เหมือนไม่ทันใจ เพราะสุดท้ายคนตัวสูงก็ตัดสินใจอุ้มเขาขึ้นในท่าเจ้าสาวแทน เสื้อสูทแจ็คเก็ตตัวใหญ่ถูกคลุมลงบนหัวตอนที่ทั้งสองคนก้าวเข้าไปในส่วนล็อบบี้ของคอนโดมิเนียม

บนลิฟต์โดยสารมีเพียงแค่พวกเขาสองคน ยิ่งถูกอุ้มไว้แนบอกอย่างนี้ มะแมยิ่งร้อนยิ่งทรมาน มือข้างหนึ่งปัดป่ายไปบนอกแกร่งพยายามปลดกระดุมเสื้อเชิ้ตออกให้ได้แต่ก็มือสั่นเกินกว่าจะทำสำเร็จ

คนตัวสูงไม่ได้ดุอะไรอีกแล้วเพราะเอาแต่กดจมูกลงบนกลุ่มผมสีน้ำตาลอ่อนสูดกลิ่นหวานๆ เข้าลึกเต็มปอด ไล้จมูกโด่งจากเส้นผมไปตามขมับและใบหูเล็ก ฟันคมงับเข้าที่ติ่งหูมะแมเหมือนมันเขี้ยว

มะแมรู้สึกว่าสติเขาไม่อยู่กับเนื้อกับตัว ภาพรอบๆ ตัวเบลอไปหมด เขารู้สึกตัวบ้างไม่รู้สึกบ้างแต่ความเจ็บในตัวไม่ได้หายไปเลย ร่างผอมมารู้สึกตัวอีกทีก็ตอนที่หลังตัวเองแตะลงกับเตียงนุ่มๆ

ตอนนี้กางเกงวอร์มขายาวที่เพิ่งถูกยื้อแย่งกันบนรถเมื่อครู่โดนอีกฝ่ายรูดดึงออกไปแล้ว ทั้งตัวมะแมเหลือแค่เสื้อยืดสีขาวตัวโคร่งที่ยาวพอปิดกางเกงชั้นในขาสั้นได้หมิ่นเหม่

ร่างบางปรือตามองอัลฟ่าตัวใหญ่ที่กำลังยืนเข่าคร่อมร่างเขาอยู่ ห้องนี้ไม่ได้เปิดไฟซักดวงมีแค่แสงไฟจากด้านนอกที่ลอดผ่านรอยแยกผ้าม่านเข้ามาแค่เล็กน้อยมะแมเลยมองไม่เห็นหน้าอีกคนในความมืด เห็นก็แต่ตาสีทองที่เป็นประกายเกือบจะเรืองแสง

คนด้านบนดึงเสื้อมะแมออกทางหัว ผมเขาเลยยุ่งกระเซอะกระเซิงไปหมด ใบหน้าที่มองเห็นไม่ชัดเพราะม่านน้ำตาและความมืดก้มลงมาใกล้จนจมูกโด่งชิดกับจมูกปลายรั้นของแม ลมหายใจร้อนๆ ปะทะหน้ายิ่งทำให้ร้อนไปกว่าเดิม มือใหญ่ยกขึ้นปัดและสางเส้นผมออกจากวงหน้าแดงก่ำก่อนที่จะลดลงไปเคล้นคลึงต้นขาทั้งสองข้าง จับมันให้แยกออกจากกันในท่วงท่าน่าอาย

ถึงตอนนี้อารมณ์อยากจะพลุ่งพล่านแต่มะแมก็อดอายไม่ได้ บวกกับสัญชาตญาณขัดขืนก่อนการเมทของโอเมก้าที่ตีเข้ามา ร่างบางดิ้นขลุกขลักใต้ร่างกายใหญ่ที่เป็นเหมือนกรงล้อมพยายามดึงชั้นในขาสั้นที่กำลังจะถูกอีกคนถอดออกเอาไว้สุดแรง

มือแข็งแรงรวบแขนสองข้างของแมไว้เหนือหัวง่ายๆ โดยไม่ต้องใช้กำลังรุนแรงเลยด้วยซ้ำ เหมือนกับเมื่อครู่บนรถไม่มีผิด ฝ่ามือร้อนอีกข้างหนึ่งดันขาทั้งคู่ของเขาให้ยกขึ้นสูงจนเข่าชิดหน้าอกแบนราบแล้วจึงรูดชั้นในสีดำเสื้อผ้าชิ้นสุดท้ายบนตัวเขาเขวี้ยงออกไปอย่างไม่สนใจทิศทาง กลายเป็นว่าท่านี้มันน่าอายเสียยิ่งกว่าเมื่อครู่ด้วยซ้ำ

จากท่านี้ตาคมมองเห็นทุกส่วนของร่างกายแม ทุกส่วนแม้แต่ส่วนลับที่ไม่เคยให้ใครเห็นนอกจากครู น่าอายแต่ช่องทางด้านหลังกลับแฉะชื้นขับน้ำหล่อลื่นออกมายิ่งกว่าเดิมจนล้นเอ่อหยดลงผ้าปูที่นอนสีเข้มจนเห็นเป็นรอยเปื้อนชัดเจนราวกับตอบสนองสายตาของอัลฟ่าตรงหน้า

ริมฝีปากอิ่มถูกบดจูบรุนแรงราวกับว่าอีกฝ่ายตั้งใจจะสูบวิญญาณเขาออกไปอย่างไรอย่างนั้น คนด้านบนบีบกรามเขาไม่แรงจนเกินไปแต่ก็ไม่เบาบังคับให้แมอ้าปากรับเรียวลิ้นที่เข้ามา นี่ไม่ใช่จูบแรกแต่เป็นครั้งแรกที่ร่างบางสำลักเพราะหายใจไม่ทัน น้ำลายใสๆ ไหลเลอะตั้งแต่มุมปากไหลผ่านปลายคางไปถึงต้นคอเรียว แมหอบหายใจทางปากเหมือนคนจะจมน้ำทันทีที่เจ้าของห้องถอนหน้าออกไปเป็นเวลาสั้นๆ ก่อนจะบดปากลงมาใหม่อีกครั้ง และอีกครั้ง

โอเมก้าตัวผอมพยายามถีบขาหนีจากการเกาะกุมแต่ไม่เป็นผล ขนาดร่างกายของอีกคนทั้งใหญ่และแข็งแรงเกินไปที่เขาจะสู้ไหว สุดท้ายความรู้สึกที่ต้องขัดขืนข้างในก็แผ่วลงไปเองเมื่อยอมรับได้แล้วว่าอัลฟ่าตนนี้แข็งแกร่งเพียงพอที่จะเป็นคู่ผสมพันธุ์

“หมดแรงแล้วรึไง” เสียงถามของคนอยู่เหนือกว่าทั้งร่างกายและบทบาท

“เงียบไปเลย ทำเงียบๆ ไม่เป็นเหรอ”

ทั้งๆ ที่ฮีทอยู่แต่ก็ยังไม่ยอมหยุดปากเสีย

“ชื่ออะไร” ปากถามแต่นิ้วชี้กดสอดเข้ามาที่ช่องทางด้านหลัง มันไม่ได้ฝืดแน่นกับนิ้วเพียงนิ้วเดียวเพราะนี่ไม่ใช่ครั้งแรกไหนจะน้ำลื่นๆ นั่นอีก

“...” แมเม้มปากแน่น ตาดื้อจ้องตาอีกคนในความมืดสลัว

“ไม่บอกเหรอ” นิ้วถูกเพิ่มเป็นสองและสาม ปลายนิ้วสากกดไปทั่วผนังนุ่มข้างในพยายามหาจุดที่อ่อนไหวและก็เจอในที่สุด

“อื้อ! อ๊ะ..”

สะโพกเล็กขยับยกตามจังหวะที่อีกฝ่ายกระทำ ตาเรียวตี่ของมะแมฉ่ำไปด้วยน้ำตาและความอยากมองแล้วดูเชื้อเชิญ ครั้งนี้เป็นเขาเองที่ขยับแยกขาออกจากกันเปิดทางให้อีกคนเต็มที่ “เข้ามาเลย อ๊ะ ตอนนี้เลย ไม่รอแล้ว”

ทันทีที่จบคำเชิญชวนร่างผอมบางของแมก็โดนจับพลิกเหมือนเป็นตุ๊กตา เขาถูกจัดท่าให้คุกเข่าสองข้างใบหน้าอยู่ต่ำแก้มนิ่มแนบกับผ้าปูเตียงในขณะที่สะโพกยกสูง

“อ๊า! จุกอ่..” เสียงร้องครางกระท่อนกระแท่นดังขึ้นทันทีที่แก่นกายแข็งชำแรกผ่านช่องทางอ่อนนุ่มและชื้นแฉะครั้งเดียวจนสุดทาง

ไปถึงจุดที่ครูไม่เคยไปถึง ซึ่งมันแน่นอนอยู่แล้วร่างกายของเบต้าจะสู้กับอัลฟ่าได้อย่างไรกัน

คนแปลกหน้าหอบหายใจและครางต่ำอย่างพึงพอใจ

มือเรียวตีลงบนเตียงเพื่อประท้วงแต่เมื่ออีกฝ่ายไม่ฟัง และยังคงขยับสะโพกสอบตอกกระแทกกระทั้นเข้ามาอย่างหนักหน่วงต่อเนื่อง มันรุนแรงมากเสียจนเขาได้ยินเสียงลามกของเนื้อที่กระทบเนื้อไปทั่วห้อง แรงเสียจนแมรู้สึกว่าตัวเองไถลไปมาบนเตียง

ไม่นานความจุกเมื่อครู่ก็เปลี่ยนเป็นเสียวซ่านและมือมะแมก็เปลี่ยนเป็นขยุ้มผ้าปูที่นอนจนยับย่นแทน ภายในห้องกว้างตอนนี้มีแต่เสียงหอบหายใจของคนสองคน

มะแมรู้สึกว่าตัวเองกำลังจะเสร็จสม ช่องทางนิ่มเริ่มบีบรัดพอๆ กับร่างกายที่กระตุกเฮือก ในตอนที่แก่นกายเล็กสีน้ำผึ้งปล่อยของเหลวสีขาวออกมาทั้งๆ ที่ไม่ได้แตะต้อง เขาก็เจ็บที่หลังคอเจ็บมากเสียจนร้องไม่ออก ปากเล็กเพียงแค่อ้าค้างไว้แต่ไม่มีเสียงร้องอะไรออกมา

“ขอโทษ” เสียงแหบพร่ากระซิบชิดใบหู

มะแมเพิ่งได้สติรู้ตัวว่าเกิดอะไรขึ้นก็ตอนที่ปลอกคอหนังที่สวมใส่ตลอดตกลงกับเตียง

..ไอ้บ้านี่! มันกัดปลอกคอเขาจนขาด! ..

ก็จริงอยู่ที่ปลอกคอของเขาเป็นแค่ปลอกคอหนังเกรดต่ำราคาถูกๆ ไม่ได้แข็งแรงพรีเมี่ยมหรือทำจากโลหะราคาแพงอย่างของพวกโอเมก้าที่มีฐานะร่ำรวยเขาใช้กัน แต่ก็ไม่นึกว่าแค่อัลฟ่านี่กัดแล้วมันจะขาดไหมวะ

สมองของมะแมกำลังเบลอกับการโดนจับคู่โดยไม่ได้คาดคิด แต่แล้วเขาก็รู้สึกถึงอะไรแปลกที่ช่องทางด้านหลัง

“อะ.. อะไรอะ” ความรู้สึกแปลกๆ มันตึงแน่นไปหมดแถมเจ็บนิดๆ ด้วย อย่าบอกนะว่า..

“ขอโทษ” มือใหญ่ลูบผมเหมือนรู้สึกผิด จูบซับเลือดที่รอยแผลสดใหม่ที่หลังคอเหมือนปลอบประโลม

“ไอ้บ้า! ไอ้เวร! น็อททำบ้าอะไร อ๊ะ..ออกไปเลยนะ..เว้ย เอาออกไปสิ! อ๊า! เจ็บนะ เจ็บ! ”

“มันเอาออกไม่ได้ อ่า.. เธอก็รู้”

ร่างสูงใหญ่กดตรึงเขาไว้ทุกทาง แขนแกร่งกอดรัดลำตัวในขณะที่ขาสองข้างก็ถูกกดเอาไว้เช่นเดียวกัน มะแมขยับหนีไม่ได้เลยทำได้มากที่สุดก็แค่เอื้อมมือไปจิกทึ้งผมและหน้าของอีกคนที่ซุกอยู่บนหัวเขาสุดแรงเท่านั้น ร่างบางในตอนนี้ทั้งโมโหทั้งโกรธ รู้ก็แค่ว่าถ้าเขาเจ็บมันก็ต้องเจ็บด้วยเหมือนกัน

รู้สึกได้เลยว่านอกจากความตึงเจ็บที่ส่วนนั้นแล้ว มีของเหลวจำนวนมากถูกปล่อยเข้ามาไม่หยุดและไม่มีทีท่าว่าจะหยุดง่ายๆ มันมากเสียจนแมรู้สึกแน่นในท้องไปหมด

เป็นเวลากว่าสิบนาทีการน็อทที่ยาวนานถึงสิ้นสุดลง

เมื่อร่างกายที่ถูกยึดเอาไว้ถูกปล่อยลง มะแมก็ฟุบคว่ำลงกับเตียงกว้างตาหลับพริ้มสูดหายใจเต็มปอดรู้สึกขอบคุณอะไรสักอย่างที่ทุกอย่างมันจบแล้ว ตอนนี้เขาปวดไปทั่วทั้งตัวไม่ใช่แค่สะโพกแต่แขนก็ล้าขาก็ยังสั่น เซ็กส์ของครูเจษฐ์ในระยะเวลาเกือบหนึ่งปีที่ผ่านมานี้เทียบไม่ได้แม้แต่ขี้เล็บด้วยซ้ำ

ตาเรียวตี่ลืมโพลงขึ้นแทบจะในทันทีที่ก้นนุ่มนิ่มถูกสัมผัสด้วยมือใหญ่ร้อน อัลฟ่านั่นแหวกขาสองข้างเขาออกจากกันแค่เล็กน้อยเท่านั้นของเหลวภายในตัวก็ไหลย้อนออกมาตามทาง มะแมอยากจะพลิกตัวกลับไปมองว่าเกิดอะไรขึ้นแต่ก็ขยับตัวไม่ไหวแล้ว

อีกฝ่ายแตะส่วนปลายที่ยังแข็งขืนเข้าที่ช่องทางแดงก่ำ ถูเอาน้ำรักที่ไหลเปื้อนไปทั่วบริเวณนั้นแล้วสอดกายเข้ามาอีกครั้งหนึ่ง “อีกรอบนะ สัญญาว่าครั้งนี้จะไม่น็อท”

...ตอนนี้มันไม่เกี่ยวกับน็อทไม่น็อทแล้วไหมวะ! แม่งเอ๊ย! กูจะบ้าตาย..

“ไม่เอาแล้ว ฮือ ปล่อยกูไปเหอะ ปล๊อย! ”

ไม่นานเสียงโหยหวนก็เปลี่ยนเป็นครางอืออา

“ซี้ด อ๊ะ บ..เบาหน่อย ลึก อ๊า! เสียว”









ฟ้ายังไม่สว่างดีตอนที่รามิลได้สติจากค่ำคืนที่ยาวนาน สิ่งแรกที่เห็นตอนลืมตาตื่นคือใบหน้าของอีกคนบนหมอนใบข้างๆ

จะไม่หลอกตัวเองหรอกนะว่าอีกฝ่ายหน้าตาไม่ดี ถ้าป้าเกียงมาเห็นอาจจะบอกเลยก็ได้ว่า ‘หล่อวัวตายควายล้ม’ ริมฝีปากอิ่มเหยียดยิ้มสะใจตอนเห็นรอยแดงจากเล็บของเขาพาดผ่านแถวๆ ขมับขวาของอัลฟ่านี่ลึกจนได้เลือด

นอกจากจะเมื่อยเนื้อเมื่อยตัวไปหมดแล้วหัวเขาก็เจ็บ มือเรียวยกขึ้นจับกลางกระหม่อมรู้สึกได้เลยว่ามันโนนิดๆ พอนึกถึงสาเหตุของอาหารเจ็บตัวแล้วมะแมก็หน้าแดงก่ำด้วยทั้งอายทั้งโกรธ

ทั้งๆ ที่ร้องบอกจนเสียงแหบเสียงแห้งแล้วว่าให้เบาหน่อยแต่อัลฟ่าตรงหน้าก็ไม่ฟังสักนิดโถมกายตอกร่างเข้ามาเน้นๆ ทุกครั้ง ยิ่งตอนที่เขาถูกจับตัวพลิกกลับมาประชันหน้ากัน แรงกระแทกจากอีกคนทำเอาตัวเขาไถลไปจนหัวชนกับขอบเตียงดังปั่กหลายต่อหลายครั้ง แต่ละครั้งก็ใช่ว่าจะเบาที่ไหน

“อดอยากปากแห้งมาจากไหนวะ” คนปากไวอดพึมพำกับตัวเองไม่ได้ตอนที่ดึงตัวเองให้ลุกจากที่นอนนุ่มตามเก็บชิ้นส่วนเสื้อผ้าที่ตกกระจัดกระจายตามข้างเตียงหลังใหญ่

แค่ขยับขาเดินนิดเดียวของเหลวที่ยังคั่งค้างอยู่ข้างในตัวก็ไหลเยิ้มตามขา มะแมเลือกหยิบเสื้อเชิ้ตเนื้อดีราคาท่าทางจะแพงของอีกคนที่ตกอยู่ปลายเตียงขึ้นมาเช็ดขาที่เปื้อนน้ำสีขาว ถือซะว่าเป็นการเอาคืนเล็กๆ น้อยๆ ก็แล้วกัน

ร่างบางงับประตูอย่างเงียบเสียงที่สุดในชีวิตของคนที่ทำอะไรก็เสียงดังโครมครามไปหมด เมื่อคืนจำอะไรไม่ได้เลยเพิ่งจะเห็นก็ตอนนี้ว่าห้องที่นอนมาค่อนคืนนั้นกว้างพอสมควร ทั้งๆ ที่เป็นคอนโดมิเนียมแต่ห้องนอนที่เพิ่งเดินออกมากลับกว้างกว่าห้องนอนของเขาเองที่บ้านป้าเกียงเสียอีก แมหยุดยืนหน้ากระจกเงาบานใหญ่ความสูงเท่าผนังห้องใกล้ๆ ประตูห้องชุดเห็นเงาสะท้อนของตัวเองแล้วตาโต

สภาพตอนนี้เรียกว่าดูไม่ได้เลย ผมสั้นย้อมสีอ่อนทั้งชี้ฟูและกระเซอะกระเซิง ตาตี่แดงก่ำเพราะร้องไห้ติดกันเป็นเวลานาน ปากอิ่มก็บวมเจ่อ ไม่ต้องพูดถึงแผลโดนกัดที่หลังคอเลย ถึงแมจะมองไม่เห็นแต่ตอนเอานิ้วไปแตะก็สัมผัสถึงคราบเลือดแห้งๆ ที่ติดอยู่ได้

คีย์การ์ดและกุญแจที่ถูกเจ้าของห้องวางทิ้งไว้บนโต๊ะข้างประตูถูกรามิลฉวยหยิบมาใช้กดลิฟต์ไปยังชั้นล็อบบี้ แล้วฝากของทั้งสองอย่างไว้ที่พนักงานต้อนรับก่อนจะจ้ำอ้าวออกจากที่นี่ตั้งแต่ยังไม่ทันจะหกโมง

..ลาขาดแล้วโว้ย! ..



..อ่า.. แต่วันนี้สงสัยต้องลางานด้วยว่ะ สะโพกครากแถมยังเดินขาถ่างแบบนี้ ไอ้เก้าแซวตายห่า..





********************************





กี้สสส พี่คิเป็นผู้ชายกินพืชที่เยแรงจนหัวน้องโขกเตียงปั่กๆ แล้วเรื่องขับรถพี่ Safe Driving แต่พี่ดันลืม Safe Sex ไม่ได้มั๊ยยย 555

เป็นฉากจึ้กๆ ฉากแรกในรอบเกือบสิบปีเลยค่ะ จริงๆเราอยากอยากให้มันพรกว่านี้แต่สุดความสามารถแล้วจริงๆ

ฝากติชม+เป็นกำลังใจให้น้องแมที่เดินขาถ่างกันด้วยนะคะ 5555

ออฟไลน์ smmikie

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 362
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +39/-1
ก๊กกกกกกกกกกก ทำแบบนี้ ฉันยิ่งขาดใจ อ๊กกกกกกก

รออ่รตอนต้อไปจ้า

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ sailom_orn

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1054
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +16/-1
 :hao6: o13 :pighaun:

ออฟไลน์ อัญญอหญิง ชันนอหนู

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 12
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
Re: ห ล ง [Omegaverse] l 4: สองขีด l 21/1/2020
«ตอบ #11 เมื่อ21-01-2020 09:34:11 »

4: สองขีด

“ไม่ได้กินมาม่าทุกมื้อจริงๆ ป้า แมก็ซื้อข้าวแกงก็เป็นไหมล่ะ”

วันนี้ป้าเกียงโทรมาตรวจความเรียบร้อยตั้งแต่เช้า มะแมเอียงหัวหนีบโทรศัพท์มือถือเครื่องเล็กไว้ระหว่างไหล่กับหูขวา มือสองข้างง่วนกับการแกะหนังยางรัดถุงข้าวแกงที่ซื้อมาแช่ตู้เย็นไว้ตั้งแต่เมื่อวานตอนเย็น

“ข้าวในเซเว่นก็อย่ากินบ่อยล่ะ”

“อาหารแช่แข็งกินไม่เกินอาทิตย์ละสามมื้อ เนี่ยแมกำลังจะอุ่นแกงส้มปลาไข่หน่อไม้นานๆ ทีป้าศรีจะทำมาขาย” ป้าศรีรัดหนังยางแน่นจังวะ แกะไม่ออกสักที

“ดี เดี๋ยวฉันไปทำงานละ อย่าลืมกวาดบ้านถูบ้านล่ะ ถ้าฉันกลับไปเห็นบ้านรกจนจำไม่ได้จะฟาดให้ตูดลายเลยโตเป็นหนุ่มแล้วก็ไม่แคร์นะยะ”

คุณเกียงวางสายไปแล้ว แต่เขายังแกะถุงแกงส้มปลาไข่นี่ไม่ได้สักที

ตอนนี้บ้านป้าเกียงโดนเขายึดครองแค่คนเดียว เพราะป้าขอย้ายสาขาไปทำงานในโรงงานที่จังหวัดชลบุรี เห็นบ่นมานานว่าเบื่อแล้วกรุงเทพอยากจะย้ายกลับไปอยู่บ้านเกิดตอนแก่ตอนนี้คุณเกียงเลยเช่าคอนโดราคาไม่แพงแถวๆ นิคมอยู่กับเจ๊เมย์ที่ก็ย้ายตามแม่ไปด้วย บ้านที่กรุงเทพนี้ถูกประกาศขายแต่ยังไม่มีใครติดต่อขอซื้อเขาเลยขออยู่ไปก่อนจนกว่าจะจบชั้นปีสาม โชคดีที่ป้ายังใจดีออกค่าน้ำค่าไฟแถมค่าข้าวให้อยู่ไม่งั้นคงกินแกลบ

มะแมเปิดหากรรไกรมาตัดหนังยางจากลิ้นชักในห้องครัว เทแกงส้มในถุงลงชามพลาสติกแล้วยัดเข้าไปอุ่นในไมโครเวฟ

..เอ๊ะ..เอาชามพลาสติกเข้าเวฟ จะเป็นมะเร็งไหมวะ ช่างเหอะ! ..

ครบสองนาทีไมโครเวฟร้องติ๊งเขาก็หยิบชามใส่แกงส้มร้อนๆ ควันฉุยขึ้นมาดมกลิ่นเรียกน้ำย่อย

แทนที่จะกลิ่นหอมน่ากินแบบที่คิดเอาไว้ กลิ่นที่ได้กลับเหม็นจนมะแมเวียนหัวคลื่นไส้ มือเรียวรีบวางกระแทกของในมือลงกับเคาน์เตอร์ครัวจนน้ำแกงร้อนกระฉอกลวกมือ ขาเรียวจ้ำเข้าห้องน้ำแทบไม่ทัน

น้ำเต้าหู้ที่เพิ่งตกถึงท้องไปไม่ถึงสิบห้านาทีก่อนออกมากองในโถชักโครกจนหมดไส้หมดพุง ไม่มีอะไรให้อ้วกออกมาแล้วนอกจากน้ำย่อยใสๆ มะแมหมดแรงกอดชักโครกถ้าเขาขาวกว่านี้ก็คงจะเรียกได้ว่าหน้าซีดเป็นกระดาษ

ร่างบางเดินโซเซออกมาจากห้องน้ำใต้บันได หยิบชามแกงส้มในครัวขึ้นมาดมอีกครั้งเพื่อความแน่ใจ

..เหม็นจนจะอ้วกเหมือนเดิม สงสัยจะบูดว่ะ ป้าศรีแม่งเดี๋ยวนี้หลอกลวงผู้บริโภคแล้วเหรอวะ..

มะแมนิ่วหน้าเสียดายของดีที่นานๆ จะได้กิน เทน้ำสีส้มๆ ทิ้งลงในอ่างล้างจานส่วนผักกับปลาเขาแยกใส่ไว้ในถุงขยะเตรียมหิ้วออกไปทิ้งก่อนไปโรงเรียน

อวสานอาหารเช้าของจริงเลยทีนี้ พอป้าเกียงไม่อยู่ก็ไม่มีคนซื้อของกินมาตุนไว้ที่บ้าน ตู้เย็นตอนนี้เลยว่างเปล่ามีแค่น้ำเปล่าน้ำแข็งแล้วนมถั่วเหลืองแช่อยู่สามอย่างเท่านั้น

มะแมหยิบเอาไวตามิลค์กล่องสุดท้ายขึ้นมาเจาะดื่มแทนข้าวเช้าที่เพิ่งไหลลงท่อไป

“อนาถจังวะกู”







มะแมชักไม่แน่ใจว่าที่อาเจียนออกมาเมื่อเช้าเป็นเพราะอาหารบูดหรือว่าเขากำลังไม่สบาย เพราะตั้งแต่คาบแรกจนตอนนี้ใกล้จะหมดเวลาคาบสุดท้ายของวัน สิ่งที่ครูพูดหรือสอนไม่ทะลุเข้าหัวเขาสักนิด แค่เหม็นแกงบูดไม่น่าจะเพลียจนเรียนไม่รู้เรื่องขนาดนี้ไม่ใช่หรือไง

ร่างบางเอียงหน้าซบลงกับแขนสองข้างตาหรี่มองออกไปนอกหน้าต่าง จากตรงนี้ถ้าเพ่งดูดีๆ จะเห็นหลังคาบ้านป้าเกียงด้วย เพราะอยู่ใกล้บ้านมากๆ อย่างนี้ป้าก็เลยให้เขาเข้าเรียนที่นี่หลังจากที่ย้ายมา จริงๆ ก็มีโรงเรียนมัธยมธรรมดาอีกที่หนึ่งอยู่ใกล้ๆ เหมือนกันหรอก แต่ที่ตอนนั้นเลือกเรียนต่อสายพาณิชย์ก็เพราะคิดว่าถ้าเรียนจบสามปีจะสามารถทำงานได้เลย แล้วกลายเป็นว่าตอนนี้เขาอยากเรียนต่อในมหาวิทยาลัยแล้วสิ

ข้อศอกของเพื่อนที่นั่งข้างๆ กันกระแทกกับข้อศอกแมเป็นสัญญาณเตือนให้ยกหัวขึ้นจากโต๊ะ

“รามิลข้อที่สิบเอ็ดตอบอะไร” อาจารย์หญิงวัยกลางคนที่คงสังเกตเห็นว่ามีนักเรียนหนึ่งคนไม่สนใจในบทเรียนมานานเรียกให้เขาลุกขึ้นตอบคำถาม

แน่นอนว่าเขาตอบไม่ได้หรอก ครูหมายถึงหน้าไหนยังไม่รู้เลยด้วยซ้ำ โชคดีที่เพื่อนคนเดิมข้างๆ แอบเลื่อนคำตอบในหนังสือของตัวเองมาให้เขาได้ลอกไปตอบครูที่ยืนรออยู่หน้าห้องเรียน

“นั่งลงได้ ทีหลังอย่าหลับในห้องล่ะ ตั้งใจเรียนหน่อย” เสียงครูสาวออกจะติดสะบัดนิดๆ ไม่แปลกหรอก เพราะปกติก็ไม่ค่อยมีครูชอบพวกเด็กหลังห้องอย่างเขาอยู่แล้ว แถมยังเป็นเด็กหลังห้องที่เหม่อมาทั้งคาบอีกต่างหาก

“เป็นไรอะ” เพียว เพื่อนที่แมไม่แน่ใจว่าจะเรียกได้ว่าสนิทรึเปล่าถามหลังจากเขานั่งลง

เพราะจำนวนโอเมก้ามีอยู่น้อยกว่าเพศอื่นๆ อย่างในห้องนี้ก็มีแค่เขากับเพียวเพียงสองคนเท่านั้น และเพราะถูกมองว่าเป็นพวกตัวปัญหาพวกเบต้าก็ไม่นิยมที่จะมาคบหาอย่างสนิทชิดเชื้อกับพวกเขาเท่าไหร่ อัลฟ่ายิ่งไม่ต้องพูดถึงเลย โอเมก้าสองคนในห้องเลยถูกบังคับให้ต้องเป็นเพื่อนร่วมหัวจมท้ายกันไปกลายๆ

“ไม่ค่อยสบายว่ะ” เพื่อนตัวขาวมองเขาแล้วเลิกคิ้วแต่ก็ไม่ได้ถามอะไรต่อ เป็นมะแมเองที่อธิบายอาการของตัวเอง “เวียนหัวจะอ้วก เมื่อเช้ากูอ้วกไปรอบหนึ่งแล้วด้วย”

“อ้อ...กินยาด้วยล่ะ”

เสียงออดหมดคาบดังขึ้น แปลว่าการเรียนในวันนี้จบลงแล้ว

“กลับบ้านเลยไหม”

มะแมส่ายหัวยกกระเป๋าเป้ขึ้นสะพายบนไหล่ข้างเดียว จริงๆ ก็อยากกลับบ้านไปนอนพักอยู่หรอก แต่ว่าเมื่อตอนกลางวันครูเจษส่งข้อความมาว่าจะมาหาหลังเลิกเรียน “ยังอ่ะ กลับก่อนเลย”

เพียวอ้าปากเหมือนจะพูดอะไรสักอย่างแต่สุดท้ายก็เปลี่ยนใจ “อ่า.. งั้นเจอกัน”

“อื้อ เจอกัน” เขาโบกมือให้เพื่อน “พรุ่งนี้อย่าลืมเอาไม้แบตมาคืนกูด้วยล่ะ”

“เออ! ”

มะแมมองเพื่อนเดินออกจากห้องเรียนบนชั้นหกนี่ทีละคนจนเหลือแค่เขาเพียงคนเดียวเท่านั้น นิ้วเรียวพิมพ์ส่งข้อความหาครูเจษ



Maemaemae: อยู่ 564 นะครู เพื่อนกลับหมดแล้ว



ไม่นานครูก็ตอบกลับมา



Jessada: เดี๋ยวไปนะ



บางครั้งที่ห้องพักครูไม่ว่างเพราะมีครูคนอื่นนั่งตรวจงานกันยันค่ำเขากับครูมักจะนัดเจอกันในห้องเรียนแทน เลือกห้องเรียนชั้นหกของตึกเรียนที่อยู่หลังสุดโรงเรียนที่ไม่ค่อยมีใครเดินผ่านนี่แหละ

แมจับปลอกคอโอเมก้าอันใหม่ที่ซื้อมาใส่แทนอันเดิมที่ขาดไปในเหตุการณ์เมื่อเกือบสองเดือนก่อน ความจริงแล้วโอเมก้าที่ถูกบอนด์ไม่มีความจำเป็นต้องใส่ปลอกคอ แต่เขาไม่อยากให้ใครเห็นรอยกัดที่หลังคอโดยเฉพาะครูเจษ

เขาไม่เคยเจออัลฟ่าคนนั้นอีกซึ่งก็ถือเป็นเรื่องดี แต่ที่ไม่ดีก็คือเขานอนกับครูเจษไม่ได้ ครั้งแรกที่ครูพยายามเข้ามามันเจ็บข้างในท้องไปหมด หลังจากนั้นแมเลยพยายามหลบเลี่ยงที่จะมีอะไรกับครูให้มากที่สุดด้วยการใช้มือหรือปากทำให้แทนแล้วอ้างไปเรื่อยว่าไม่สบายหรือไม่ก็วันนี้ไม่มีอารมณ์จะทำเรื่องอย่างว่า

แต่ว่าเขาก็ยังชอบครูเจษมากๆ อยู่ดี ถึงจะทำเรื่องอย่างนั้นด้วยกันไม่ได้ ถึงครูจะอายุแก่กว่าแม่ มีลูกมีเมียแล้ว แต่ก็เลิกชอบไม่ได้ ถึงรู้ทั้งรู้ว่าจริงๆ แล้วครูไม่ได้รักหรือสนใจเขามากกว่าครอบครัวของตัวเองแท้ๆ แต่ก็ยังเลิกชอบไม่ได้

..แล้วจะทำยังไงต่อไปดีวะ..

ร่างบางกัดเล็บหน้าเครียดไม่รู้จะเอายังไงกับชีวิตตอนนี้ดี แค่สองเดือนแต่ชีวิตเขามีเรื่องเต็มไปหมดไม่ต้องพูดถึงเรื่องอ่านหนังสือสอบเข้ามหาวิทยาลัยเลย เพราะแทบไม่ได้แตะด้วยซ้ำ ทั้งๆ ที่การเรียนต่อมหาวิทยาลัยเป็นความฝันอย่างหนึ่งของมะแมแท้ๆ

เสียงเปิดและล็อกประตูเรียกมะแมออกจากภวังค์

“อ๊ะ ครู มาเร็วจัง” ปากอิ่มยิ้มกว้างให้หนุ่มใหญ่ที่เพิ่งมาถึง

ครูเจษยิ้มหล่อให้ลูกศิษย์คนโปรดยิ่งกว่าโปรด ให้พูดตามจริงแล้วรามิลไม่ใช่เด็กคนเดียวที่ได้อยู่ในความสัมพันธ์แบบนี้กับเขาหรอก เจษฎาชอบเด็กผู้ชายวัยมัธยมปลายเขามีนักเรียนคนโปรดมาหลายต่อหลายรุ่น แต่เด็กคนนี้จัดว่าเด็ดที่สุดก็ว่าได้

“คิดถึงครูจังเลย” ร่างผอมอ้อนออเซาะก้าวเข้าไปใกล้ครูกว่าเดิมแล้วไล้นิ้วมือไปบนอกกว้างใส่เสื้อโปโล “สอบแบตอาทิตย์ก่อนแมได้เต็มด้วยจำได้ไหม สงสัยโค้ชจะดี แล้วโค้ชจำได้ไหมนะว่าบอกว่าจะให้รางวัลแมถ้าสอบผ่าน”

“ได้เต็มเพราะครูแอบปัดคะแนนให้รึเปล่าหืม” มะแมฟังแล้วมุ่ยหน้า

“ไม่ใช่ซะหน่อย แมตีได้ทุกลูกไม่มีตกเลย ครูจะมาแอบปัดคะแนนได้ยังไง” ประท้วงเสียงเขียว

เจษฎาหัวเราะเสียงต่ำรั้งหัวมะแมให้เข้ามาใกล้พร้อมถามเสียงเซ็กซี่ “แล้วแมอยากได้รางวัลอะไรล่ะ”

“แมอยากได้...” หัวทุยซบลงบนไหล่หนาของหนุ่มใหญ่กำลังคิดหาของรางวัลเล็กๆ น้อยๆ ที่อยากได้เป็นรางวัลสำหรับคะแนนสอบแบตกลางภาคที่ทำได้ดี แต่กลิ่นโคโลญจน์ครูเจษกลับดึงความสนใจไปหมด จมูกรั้นดมฟุดฟิดแล้วเบ้หน้า

“อยาก.. อุ๊บ! ” คนตัวผอมยกมือขึ้นปิดปากดันตัวออกจากร่างสูงใหญ่ของเจษฎา แมจ้ำเท้าวิ่งตรงไปยังห้องน้ำทันทีที่ปลดล็อกประตูห้องเรียนเสร็จ

อาเจียนรอบที่สองของวันทำเอามะแมหมดแรงจนทิ้งตัวลงกับพื้นห้องน้ำไม่สนใจว่ามันจะสกปรกแค่ไหน แต่เขายืนไม่ไหวแล้วจริงๆ

ครูเจษที่วิ่งตามมาเดินเข้ามาดึงให้เขาลุกขึ้นไปล้างหน้าล้างตาเมื่อเห็นว่าเขาน่าจะหยุดอาเจียนแล้ว แต่พอครูเข้ามาใกล้เขาก็เวียนหัวอีกจนต้องผลักครูให้ออกไปยืนห่างๆ

“แมเหม็นโคโลญจน์ครูอะ ครูอย่าเข้ามาใกล้ๆ ดิ เดี๋ยวแมอ้วกอีกรอบ” มะแมรองน้ำจากก๊อกขึ้นบ้วนปากและลูบหน้าล้างไปถึงขาที่เปื้อนเพราะลงไปนั่งกับพื้นเมื่อครู่ด้วย หันไปมองอีกทีก็เห็นครูหนุ่มใหญ่ทำหน้าตาเคร่งเครียด

“ครูใช้โคโลญจน์นี้มาเป็นปีแล้วนะ แมไม่เห็นเคยบอกว่าเหม็น”

“ก็วันนี้เหม็นอะ สงสัยแมไม่สบายเมื่อเช้าก็อ้วกไปแล้วทีหนึ่ง” พอเขาเล่าถึงเรื่องแกงส้มบูดครูเจษยิ่งทำหน้าเครียดไปใหญ่

“เหมือนแพ้ท้องเลยนะแม” เจษฎาหลุดปากพูดความคิดในหัวออกไป เพียงแค่นั้นก็มีแต่ความเงียบในห้องน้ำแคบๆ ทั้งเขาและลูกศิษย์ได้แต่มองหน้ากันไม่มีใครพูดอะไรออกมา

ร่างบางหน้าซีดเหมือนหาเสียงของตัวเองไม่เจอไปชั่วขณะ

..ท้องเหรอ..

..บ้าน่า ถึงจะไม่ได้ใส่ถุงยางทุกครั้งแต่เบต้าก็มีโอกาสติดน้อยมากไม่ใช่หรือไง..

สุดท้ายแล้วก็เป็นมะแมที่เป็นฝ่ายฝืนหัวเราะแห้งๆ ให้กับคำทักของคุณครู “บ้าเหรอครู แมน่าจะเป็นกรดไหลย้อนมั้ง ก็ช่วงนี้เครียดๆ เรื่องสอบเข้า”

“คนเป็นกรดไหลย้อนเขาไม่เหม็นน้ำหอมกันหรอกนะแม” เสียงค้านเกือบจะเป็นตวาด ไม่ใช่แค่มะแมที่กลัว เจษฎาก็กลัวไม่แพ้กันถ้าลูกศิษย์คนนี้ท้องขึ้นมา

“ก็บอกว่าไม่ใช่ก็คือไม่ใช่ไงเล่า!” พอถูกยัดเยียดเข้ามากๆ เขาก็ขึ้นเสียงกลับไปบ้าง

“แมอย่าลืมนะว่าครูมีครอบครัวอยู่แล้ว ถ้าไม่ท้องก็ดี แต่ถ้าท้องขึ้นมาครูไม่..” ถึงจะมั่นใจว่าตัวเองไม่ท้องแต่คำพูดเหมือนจะปัดความรับผิดชอบทำเอาร่างบางโกรธจนหน้าแดง

“บอกว่าไม่ท้องก็คือไม่ท้องสิ เดี๋ยวแมกลับบ้านไปซื้อที่ตรวจเลยแล้วถ้าไม่ท้องครูอย่าลืมมาขอโทษแมล่ะ” รามิลผลักอกครูเจษให้พ้นทาง เดินกระฟัดกระเฟียดกลับไปเก็บของในห้องเรียน

คอยดูเถอะ เขาจะเอาที่ตรวจครรภ์ขีดเดียวมาฟาดหน้าครูให้รู้แล้วรู้รอดไปเลย แล้วครูต้องขอโทษที่ปากเสียใส่เขาแบบนี้







ตาตี่มองที่ตรวจครรภ์ในมือนิ่ง

มะแมคว้าเอากล่องมาอ่านวิธีใช้อีกครั้งจนละเอียด แล้วก็อ่านซ้ำอีกรอบจนแน่ใจว่าไม่มีขั้นตอนไหนที่เขาทำผิดพลาดไป

ไม่ผิดเลย เขาทำตามข้อแนะนำการใช้งานถูกต้องครบถ้วนทุกประการ แล้วทำไมแท่งพลาสติกสีขาวในมือถึงขึ้นสีแดงสองขีดจางๆ อย่างนี้ล่ะ

..ทำไงดี..

ความรู้สึกแรกของแมก็คือกลัว เขากลัวไปหมดกลัวไปทุกเรื่อง กลัวป้ารู้กลัวการอุ้มท้องกลัวไม่ได้เรียนต่อ และกลัวที่สุดก็คือกลัวจะเป็นเหมือนแม่ แม่ก็ท้องตอนเรียนเหมือนกันสุดท้ายแล้วแม่เลยไม่ได้เรียนหนังสือต่อไม่ได้ทำงานดีๆ สบายๆ เพราะต้องเลี้ยงเขา

มือเรียวหยิบโทรศัพท์มาถ่ายรูปที่ตรวจครรภ์ในมือส่งไปให้ครูเจษทางไลน์ ถึงจะเพิ่งทะเลาะกันมาแต่ตอนนี้มะแมไม่รู้จะไปพึ่งใครแล้ว

แมปาแท่งพลาสติกในมือใส่ผนังห้องน้ำ ทรุดตัวลงนั่งร้องไห้โฮพิงกำแพงอีกด้านหนึ่งปล่อยให้ความคิดในหัวแล่นไปเรื่อยๆ เขาห้ามให้ตัวเองหยุดคิดไปไกลไม่ได้เลย

แรงสั่นของโทรศัพท์มือถือในมือเรียกสติคนที่กำลังร้องไห้หนักให้กลับมา คนโทรมาไม่ใช่ใคร ก็ครูเจษนั่นแหละ

แมรับโทรสาย ยังไม่ทันจะได้พูดอะไรอีกฝ่ายก็สวนมาเสียก่อน “ไม่ใช่ลูกครูแน่ๆ ครูเป็นเบต้าแมก็รู้”

ฟังแล้วมะแมก็อยากกรี้ดอัดใส่สายมันตอนนี้เลย อยากทำอะไรก็ได้ให้ครูรู้ว่าเขาโกรธ เขาโมโห เขาผิดหวัง

“เบต้าก็มีโอกาสทำให้ท้องไม่ใช่เหรอครู ครูจะมาปัดความรับผิดชอบอย่างนี้ไม่ได้นะเว้ย!” ร่างผอมแผดเสียงใส่โทรศัพท์ขาเรียวยกขึ้นถีบชักโครกตรงหน้าระบายความอัดอั้นในใจ

“แมฟังนะ มันเป็นลูกครูไม่ได้ ถ้าเมียครูรู้ล่ะ แล้วครูก็ใส่ถุงยางแทบทุกครั้งเลยนะ แล้ว..”

ร่างบางยกมือขึ้นปิดปากกลั้นเสียงสะอื้นเมื่อฟังคำพูดจากคนที่คิดมาตลอดว่าเป็นคนรัก เขาปล่อยให้อีกฝ่ายพล่ามไปเรื่อยๆ หมดคำจะพูดแล้ว

“..แมแน่ใจเหรอว่านอนกับครูคนเดียว”

คำกล่าวหาจากครูเจษทำเอาเขาเลือดขึ้นหน้า “ครูหมายความว่าไง! ก็ใช่ไง! แมนอนกับครูคนเดีย...”

เสียงตะโกนตอบด้วยอารมณ์ชะงักไปเมื่อแมนึกขึ้นได้ถึงเรื่องคืนนั้นเมื่อไม่กี่เดือนก่อน

“อะไรแม มีใช่ไหมล่ะ อย่าคิดว่าครูไม่รู้นะเรื่องรอยกัดที่คอน่ะ อัลฟ่าใช่ไหม เป็นลูกไอ้นั่นแน่ๆ ” เจษฎาสรุปเข้าข้างตัวเองเพียงเท่านี้เรื่องนี้ก็ไม่ใช่ปัญหาของเขาแล้ว “แมก็ไปเคลียร์กับไอ้นั่นซะ แค่นี้ก่อนนะ ครูต้องไปกินข้าวกับลูกแล้ว”

ครูเจษวางสายไปแล้ว เหลือแค่มะแมที่นั่งมองหน้าจอแตกๆ ของโทรศัพท์ในมือนานเกือบห้านาทีกว่าที่ร่างบางจะขยับมือทำอะไรบางอย่าง

..ให้ไปเคลียร์กับอัลฟ่าอย่างงั้นเหรอ ฝันไปเถอะ! แม้แต่ชื่อมันแมยังไม่รู้ด้วยซ้ำ..

มะแมเปิดห้องแชทระหว่างเขากับครูเจษในโปรแกรมไลน์ ไล่แคปหน้าจอทุกๆ บทสนทนาทุกอย่างย้อนไปให้นานที่สุดเท่าที่จะมีบันทึกไว้ ยิ่งอ่านบทสนทนาเก่าๆ ก็ยิ่งน้ำตาไหล พรุ่งนี้เขาจะไปคุยกับครูเจษอีกครั้ง ส่วนแชทพวกนี้เขาจะเก็บไว้เป็นหลักฐานถึงความสัมพันธ์ลับๆ ของเขาและครู ถ้าหากว่าชีวิตเขาจะพังเขาก็จะให้ครูพังไปด้วยกันนี่แหละ





*******************************



สงสารน้อง แต่อย่าไปยอมครูมันลูก จะพังต้องพังด้วยกัน

แมเป็นเด็กหลงเหมือนชื่อเรื่องเลยนะคะ แบบแม่เสียป้าก็เป็นคนไม่อ่อนโยนไม่เข้าใจเด็ก

พอเจอครูเจษที่หลอกเด็กเก่งๆ ก็เลยรักฝังใจ

ตอนนี้นอกจากจะเครียดแล้วคุณคิก็ไม่มีบทเลยค่ะ ค่าตัวแพงมากๆ 5555

ขอบคุณทุกคนที่ติดตามอ่านและคอมเม้นท์กันนะคะ ดีใจมากๆ เลย ยังยืนยันว่าเป็น feel good นะคะเรื่องนี้ เชื่อเราเถอะ 5555

ออฟไลน์ Chompoo reangkarn

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1089
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-0
Re: ห ล ง [Omegaverse] l 4: สองขีด l 21/1/2020
«ตอบ #12 เมื่อ21-01-2020 12:44:32 »

 :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ smmikie

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 362
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +39/-1
Re: ห ล ง [Omegaverse] l 4: สองขีด l 21/1/2020
«ตอบ #13 เมื่อ22-01-2020 10:14:53 »

ป๊าดดดดดดดด อาจาน แหงแบบนี้อ่ะ ตอนแรกก้ยังพอรับได้ที่กุกกิ๊กกีบนร. แต่มีนร.มาหลายรุ่นแล้วด้วย ชิชิ

แมเอาให้พังไปทั้งคู่เลยลูก ถ้ามันจะพังอ่ะ

ออฟไลน์ sailom_orn

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1054
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +16/-1
Re: ห ล ง [Omegaverse] l 4: สองขีด l 21/1/2020
«ตอบ #14 เมื่อ22-01-2020 11:48:59 »

 :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ อัญญอหญิง ชันนอหนู

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 12
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
Re: ห ล ง [Omegaverse] l 5: หลงทาง l 22/1/2020
«ตอบ #15 เมื่อ22-01-2020 16:57:42 »

5: หลงทาง

มะแมนอนไม่หลับทั้งคืน พยายามนอนจนตีสองก็เลิกพยายามแล้วลุกขึ้นมานั่งอ่านหนังสือสอบเข้าแทน อ่านรู้เรื่องบ้างไม่รู้เรื่องบ้างแต่ก็ถือว่าดีกว่านอนลืมตาอยู่เฉยๆ สรุปว่าเมื่อคืนเขาได้ชีทสรุปข้อสอบภาษาอังกฤษมาสามเรื่องพร้อมกับใต้ตาดำเป็นหมีแพนด้าแถมยังบวมเพราะร้องไห้หนักอีกต่างหาก

วันนี้ร่างโปร่งเตรียมตัวจะมาคุยกับครูหนุ่มให้รู้เรื่องอีกครั้ง เพราะตามตารางเรียนแล้ววันนี้จะมีคาบพละที่มีครูเจษเป็นผู้สอน ถึงแม้จะไม่รู้ก็เถอะว่าการคุยให้รู้เรื่องที่ว่านี้คืออะไร ข้อสรุปแบบไหนที่ตัวเองอยากได้สำหรับปัญหาในตอนนี้

แต่กลับกลายเป็นว่าเขาโดนครูเจษหลบหน้าเข้าเต็มๆ เพราะเมื่อถึงเวลาคาบพละ กลับกลายเป็นอาจารย์อีกคนหนึ่งที่มาเข้าสอนแทนพร้อมทั้งบอกว่าวันนี้ครูเจษลาป่วยเนื่องจากไม่สบายกะทันหัน

..ตอแหล! ..

“อ่านหนังสือดึกเหรอ” ผลจากการไม่ได้นอนมาทั้งคืนเพิ่งมาแสดงให้เห็นก็ตอนคาบว่างช่วงบ่าย เพียวเอาสันสมุดเคาะหัวแมที่หลับซุกหน้ากับแขนให้ตื่นมาคุยเป็นเพื่อน ถึงแม้จะง่วงแต่ความจริงแล้วเขายังไม่หลับหรอก ก็แค่ไม่อยากสู้หน้าใครเลยซะมากกว่า

ตาเรียวหรี่ขึ้นมองหน้าตาน่ารักน่าหมั่นไส้ของเพื่อนโต๊ะติดกัน “เสือก”

เพียวคว่ำปากให้คำตอบของเขาและนั่นทำให้คนที่เครียดมาทั้งคืนยิ้มออกมาได้บ้าง “โรคจิตเหรอ คนอุตส่าห์เป็นห่วงนะ”

“จริงเหรอ ให้พูดอีกที” มะแมเลิกคิ้ว ยกมือขึ้นเท้าคาง

“ก็ขี้เสือกนิดๆ ก็ได้ แต่ก็เป็นห่วงด้วยไง” สุดท้ายก็ยอมแพ้ ยอมรับก็ได้ “สรุปว่าเป็นไรอะ”

ร่างบางส่ายหัวให้เพื่อนสนิท ปกติแล้วเขากับเพียวพูดมากพอๆ กัน อยู่ด้วยกันก็เรียกได้ว่าแย่งกันพูดไม่มีคนฟัง แต่พอช่วงนี้มีเรื่องเครียดหลายๆ อย่างแล้วก็เหมือนว่าเขาจะร่าเริงน้อยลงจนเพื่อนสังเกตได้

“เปล่านี่ อ่านหนังสือดึก” มะแมโกหก

ไม่รู้ว่าจะเล่าให้เพื่อนฟังได้ยังไง จะให้บอกว่าตัวเองแอบคบกับอาจารย์วิชาพลศึกษามาตั้งแต่ชั้นปีที่หนึ่ง แถมเพิ่งไปมีวันไนท์สแตนด์กับผู้ชายที่ไหนไม่รู้เมื่อปิดเทอมที่ผ่านมาแล้วตอนนี้ก็กำลังเครียดหัวจะแตกเพราะไม่รู้ว่าลูกในท้องเป็นลูกใครกันแน่ แถมครูยังทำท่าจะไม่รับผิดชอบแน่ๆ อีกต่างหากงั้นเหรอ

“อ้อ..เหรอ” เพียวลากเสียงเออออ แต่หน้าตาไม่เชื่อคำโกหกเขาสักนิดเดียว

“อื้อ ไม่เครียดเหรอจะสอบไม่กี่เดือนหน้าแล้วนะ” มะแมบ่นเพิ่ม เติมความน่าเชื่อเข้าไปอีกหน่อย

“ช่วงนี้มึงไม่ค่อยสบายด้วยนี่ เมื่อวานก็อ้วกใช่ไหม อย่าหักโหมมากล่ะ” เด็กหนุ่มฉีกยิ้มแหยพยักหน้าหงึกหงักรับคำเพื่อน

“ไม่อยู่แล้วน่า”

“ไม่ใช่ว่าแพ้ท้องกับครูเจษหรอกใช่ไหม” เพียวเขยิบเข้ามากระซิบเสียงเบาข้างหูทำเอาแมยิ้มค้าง ตาตี่เหลือกมองเพื่อนอย่างไม่เชื่อหูตัวเอง “ไม่ได้ตั้งใจแอบฟังนะ แต่ก็เห็นมาหลายครั้งแล้วล่ะ คราวหลังก็ระวังตัวหน่อยล่ะ ถ้ายังมีคราวหลังอะนะ”

เพียวพูดหน้าตาเฉยเหมือนกับพูดเรื่องดินฟ้าอากาศอะไรอย่างนั้น

นอกจากจะช็อกที่เพื่อนรู้ว่าตัวเองท้องแล้วยังตกใจที่เพียวรับรู้เรื่องความสัมพันธ์ที่ควรเป็นเรื่องลับๆ ระหว่างเขากับครูสองคนมาตั้งนานแล้วอีก

“..รู้นานแล้วเหรอ”

“ก็สักพัก” เพียวยักไหล่หยิบเอาการบ้านเลขที่ต้องส่งคาบต่อไปของเขาไปลอกหน้าตาเฉย “จริงๆ กูไม่อยากว่าอะไรมึงหรอกนะเพราะเรื่องของใครเรื่องของมัน แต่ว่า..เลิกเหอะ”

ฟังคำพูดของเพื่อนแล้วคนตัวผอมก็สะอึกเพราะเป็นเรื่องที่รู้ดีแก่ใจมานานแล้วแต่ว่าทำไม่ได้สักที สงสัยว่าจะได้เลิกจริงๆ ก็ตอนนี้ล่ะ

“ตรงนี้ทำยังไงอะ ไม่เห็นเข้าใจเลย” คนกำลังเครียด แต่อยู่ๆ เพื่อนตัวดีก็หักอารมณ์ด้วยการถามวิธีทำการบ้านในมือแทนซะงั้น มะแมก้มเอาหัวโขกโต๊ะนักเรียนทีหนึ่ง เหนื่อยใจกับเพียวจริงๆ

“ไม่! ไหนๆ มึงก็รู้เรื่องแล้วมึงต้องฟังกูระบายก่อน” แมกระชากกระดาษในมือเพียวคืนมาแล้วยัดลงเก๊ะใต้โต๊ะ

“อะไรวะ” เพียวประท้วงแต่พอแมมีการบ้านเป็นตัวประกันก็ต้องยอมตามใจเพื่อน

“คือว่ากูไม่แน่ใจว่าท้องกับครูรึเปล่า” นิ้วเรียวขูดรอยลิควิดบนโต๊ะว่าเสียงเบาหวิว

“ฮะ! ” คนที่ทำหน้านิ่งเหมือนไม่มีอะไรแปลกมาตั้งแต่เมื่อกี้หลุดอุทานเสียงดังจนเพื่อนข้างหน้าหันหลังกลับมามองว่าเกิดอะไรขึ้น รามิลยิ้มแหยส่ายหน้าตอบไปว่าไม่มีอะไรทั้งนั้นแหละ

พอเพื่อนหันกลับไป ร่างโปร่งก็มองหน้าเพียวตาปริบๆ เพื่อนเขายื่นหน้ามาจนชิดกระซิบลอดไรฟันเสียงเบา “แล้วถ้าไม่ท้องกับครูเจษจะท้องกับใคร ครูพลเหรอ! โอ๊ย! ”

“ครูพลจะเกษียณปีหน้าแถมหลานครูเป็นรุ่นน้องเราปีเดียว มึงจะบ้าเหรอ”

“ก็นึกว่ามึงชอบแบบมะเขือเหี่ยวๆ ครูเจษไม่เห็นจะหล่อเลยถ้าเป็นครูฝึกสอนวิชาคอมฯ ปีนี้จะไม่ว่าเลย” มะแมฟังเพียวว่าครูสุดรักสุดเกลียดแล้วก็ตีเพื่อนไปอีกที

“อย่าว่าครู” อดปกป้องไม่ได้เลย

“ล้อเล่นน่ะ อีกคนคืออัลฟ่าเจ้าของรอยกัดใช่ไหม เป็นใครล่ะ”

มือเรียวยกขึ้นจับรอยแผลใต้ปลอกคอหนังแถบกว้างแทบจะทันทีพอคิดถึงอัลฟ่าคนนั้น “อันนี้ก็รู้เหรอ”

“ได้กลิ่นอัลฟ่าจากตัวมึงน่ะ โอเมก้ากับอัลฟ่าคนอื่นก็ได้กลิ่นนะ” เพียวจิ้มนิ้วที่หน้าผากใสของมะแมหนึ่งทีแรงๆ จนหน้าแทบหงาย “วันหลังตอนเรียนสุขศึกษาน่ะก็ตั้งใจฟังครูเจษบ้างนะ ไม่ใช่จ้องหน้าจ้องเป้าเขาอย่างเดียวถึงโง่อ่ะ”

“เพียว! ” มะแมหน้าแดง แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าเป็นเรื่องจริง

“เล่าต่อสิ”

“ก็ไม่รู้ว่าเป็นใคร ตอนนั้นบังเอิญฮีทนอกบ้านเจอกันก็เลยได้กันแค่นั้น” ละเรื่องน็อทเอาไว้ในใจแค่นี้เขาก็อายเพื่อนจะตายอยู่แล้ว

“อือฮึ แล้วเอาไงต่อ”

ร่างบางส่ายหัวดิ๊กๆ “ไม่รู้”

“งั้นก็จบ เอาการบ้านมาให้ลอกต่อได้แล้วอีกสิบนาทีต้องส่งแล้วเนี่ย”

แมยื่นการบ้านคณิตที่เก็บไว้ใต้โต๊ะให้เพื่อน เพียวรับกระดาษนั่นไปลอกต่อเหมือนเมื่อกี้ไม่ได้คุยกันเรื่องคอขาดบาดตายสักนิด เพียวก็เป็นอย่างนี้ตลอด เรียกว่ายังไงดีล่ะ ช่างแม่งทุกอย่างล่ะมั้ง

เขาตั้งใจว่าจะนอนต่ออีกสักหน่อยจนกว่าครูคาบต่อไปจะเข้าห้องมา จุ่มหัวลงบนโต๊ะเรียบร้อยแล้วด้วยซ้ำตอนที่ได้ยินเสียงเพียวพูดลอยๆ เข้าหูมา

“เอาออกไหมล่ะ ยาขายเต็มเน็ตไปหมด”







ที่ห้องนอนรามิลตอนนี้มีที่ตรวจครรภ์สี่อันสามชนิดกองกันอยู่บนโต๊ะอ่านหนังสือ เขาซื้อมาตรวจปัสสาวะซ้ำๆ และผลลัพธ์สองขีดสีแดงก็ขึ้นมาตอกย้ำความจริงทุกทีไป

คำพูดของเพื่อนวนเวียนในหัวมะแมไปมาตั้งแต่บ่ายของวันนั้นจนตอนนี้ก็สามวันแล้วที่ร่างบางเสิร์ชหาข้อมูลการทำแท้งของโอเมก้าเพศชายอ่านจากอินเทอร์เน็ต จนตอนนี้เรียกได้ว่าปราดเปรื่องเหลือก็แค่ขั้นตอนลงมือทำจริงนี่แหละ

เขาไม่แน่ใจว่าตอนนี้อายุครรภ์ของตัวเองคือกี่สัปดาห์แล้ว แต่ถ้าให้นับจากครั้งสุดท้ายที่มีอะไรกับครูหรือไม่ก็อัลฟ่าคนนั้นก็คงไม่เกินเจ็ดสัปดาห์ ในเว็บไซต์บอกว่าอายุครรภ์น้อยแบบนี้สามารถทำแท้งได้โดยไม่มีอันตรายมากนักโดยการใช้ยาที่ขัดขวางการทำงานของฮอร์โมนที่จำเป็นต่อการตั้งครรภ์ทำให้เยื่อบุที่ผนังมดลูกบางลงจนไข่ไม่สามารถเกาะและเจริญเติบโตต่อไปได้

..ฟังดูก็ไม่ค่อยน่ากลัวเท่าไหร่..มั้ง..

“ไหนบอกว่าวันนี้พี่ที่ร้านขอให้ไปช่วยไม่ใช่เหรอ” เพียวยื่นหน้าเข้ามาถามเขาที่กำลังหมุนปากกาในมือนั่งจ้องงานคู่ตรงหน้านิ่ง “กลับก่อนเลยก็ได้ เดี๋ยวกูทำต่อเองเหลืออีกนิดเดียว”

“เอางั้นเหรอ” เพียพยักหน้าแย่งกระดาษในมือเขาไปเขียนเอง วันนี้พนักงานเสิร์ฟลาป่วยคนหนึ่งพี่แจนเลยโทรมาขอแรงให้เขาไปช่วยทำงานหน่อยเพราะปกติแล้ววันอังคารคือวันหยุดงานของเขา “งั้นไปล่ะ”

แมเก็บปากกากวาดเอาของต่างๆ นานาบนโต๊ะเรียนลงกระเป๋าเป้สีดำที่มีตราโรงเรียน ลุกขึ้นโบกมือลาเพื่อน

ร้าน Something with Sugar อยู่ในย่านการค้าใกล้ๆ รถไฟฟ้าไม่ไกลจากโรงเรียนเท่าไหร่นั่งรถเมล์ก็แค่ไม่กี่ป้าย หรือถ้าวันไหนแมงกหรือว่างจัดอยากจะเดินเท้าไปก็ยังได้แค่จะลิ้นห้อยหน่อยๆ

แน่นอนว่าวันนี้เขาไม่มีอารมณ์จะเดิน แถมเลิกเรียนช้าแบบนี้แค่นั่งรถเมล์ไปก็น่าจะไม่ทันเวลาเข้างานอยู่แล้ว

ตาเรียวมองหน้าเว็บในจอโทรศัพท์มือถือตลอดเวลาที่นั่งบนรถเมล์พัดลม ฟันขาวขบริมฝีปากอิ่มหน้าเครียด แมเก็บมือถือลงกระเป๋ากางเกงตอนถึงป้ายที่จะลงแล้วก็หยิบขึ้นมาจ้องใหม่เมื่อลงจากรถแล้วเรียบร้อย

..ยาแบบกินเม็ดละหนึ่งพันสองร้อยบาทแล้วต้องใช้แบบสอดร่วมด้วยเหรอ ได้กินแกลบแน่เดือนนี้..

..สั่งเลยดีไหมนะ..

ขาเรียวก้าวไปตามทางเดินที่คุ้นเคยตาก็จ้องเนื้อหาบนหน้าจอ แมยกมือซ้ายขึ้นมากัดเล็บตามนิสัยที่ชอบทำเป็นประจำเวลาเครียดหรือใช้ความคิด

ร่างบางเหลือบตามองรั้วไม้เลื้อยของคาเฟ่แวบหนึ่ง เลี้ยวซ้ายเข้าประตูรั้วของร้านข้างหน้านี้ก็จะถึงแล้ว แต่เขาก็ยังไม่กล้าตัดสินใจสักที

ผลั่ก!

“เชี่ย เอ๊ย! ขอโทษครับ” หลุดคำหยาบตามนิสัยออกไปแล้วตอนที่เดินชนกับใครสักคนที่ตัวใหญ่อย่างกับกำแพงโดยไม่คาดคิด มะแมไม่ได้ล้มหน้าทิ่มแต่อย่างใดแต่โทรศัพท์ในมือร่วงไถลหน้าจอไปไกลกับพื้นหินหน้าร้าน พอนึกขึ้นได้ว่าอาจจะเดินชนลูกค้าเขาถึงได้รีบขอโทษตามไป

“ไม่เป็นไรครับ ผมยืนขวางทางเอง” มะแมเงยหน้าขึ้นมองคู่กรณีที่ดูจะไม่ได้ติดใจเอาเรื่องอะไร

ตอนนั้นแหละที่รู้ว่าตาแทบถลนออกจากเบ้าเป็นอย่างไร มะแมไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตาตี่ๆ ของตัวจะเบิกกว้างได้ขนาดนี้

ผู้ชายผิวขาวรูปร่างสูงใหญ่หน้าตาหล่อจัดในชุดเสื้อเชิ้ตสีเข้มพับแขนกับกางเกงสแล็คขายาว แต่งตัวแทบไม่ต่างจากวันเกิดเหตุเมื่อเกือบสองเดือนก่อนเลยถ้าจำไม่ผิด ร่างสูงไม่ได้มองหน้าเขาแต่ก้มตัวลงไปเก็บโทรศัพท์ใกล้พังเต็มทีของมะแมขึ้นมาให้แทน

“ขอบ.. ขอบคุณ”

มะแมผงกหัวขอบคุณอีกฝ่ายรับของมาถือเอาไว้ สองคนยืนมองหน้ากันหน้าประตูร้านไม่มีใครพูดอะไร

ปากอิ่มเม้มแน่น ปกติแล้วมะแมจำหน้าคนไม่เก่ง ถ้าคนตรงหน้าจะหน้าตาดีโดดเด่นน้อยกว่านี้อีกมากๆ หน่อยเขาก็คงจำไม่ได้หรอก โชคร้ายที่มันไม่เป็นแบบนั้น

แต่เหมือนอีกคนจะจำเขาไม่ได้รึเปล่านะ ก็ไม่เห็นจะตกใจหรือพูดอะไรเลยนี่นา หรือว่ามีวันไนท์สแตนด์บ่อยจนถือเป็นเรื่องปกติไปแล้วกันแน่

“คิ! แกจะยืนขวางหน้าร้านทำไมเดินเข้ามาสิยะ” พี่แจนตะโกนมาจากในร้านเรียกให้สายตาสองคู่หันไปสนใจที่ต้นเสียงแทน “อ้าว น้องแมมาแล้วเหรอ”

“อ..อื้อ”

แจนเดินมาเปิดประตูกระจกหน้าร้าน “ไปเปลี่ยนชุดเร็ว เอ๊ะ! น้องแมไม่เคยเจอคิใช่ไหม”

มะแมพยักหน้าให้เจ้านายสาว รู้สึกเหงื่อแตกพลั่กๆ ทั้งๆ ที่แอร์เย็นๆ จากในร้านลอดผ่านประตูออกมาแท้ๆ

“นี่พี่คริษฐ์นะหรือจะเรียกพี่คิแบบพี่ก็ได้ใช่ไหมคิ” สาวหมวยถามหาคำเออออจากเพื่อนแล้วหันมาคุยกับเขาต่อ “หุ้นส่วนพี่เองจ้า ส่วนคินี่น้องแมที่ชั้นเคยเล่าให้แกฟังไงจำได้ไหม น้องน่ารักอย่างที่บอกเลยเนอะ”

มะแมไม่รู้ว่าพี่แจนจะเอาเขาไปนินทาอะไรให้คุณหุ้นส่วนฟัง รู้แค่ว่าตอนนี้เขาหน้ามืดเหมือนจะเป็นลม คุณคริษฐ์มองหน้าเขาแล้วยิ้มบางๆ ให้ก็ดูเป็นผู้ชายอบอุ่นแสนดีอยู่หรอกแต่เหมือนตาเป็นประกายแปลกๆ อย่างไรไม่รู้

“พี่แจนเค้กที่อบจะไหม้แล้ว” เสียงไอ้เก้าโหวกเหวกมาจากครัวทำเอาพี่แจนหน้าตาตื่นวิ่งผลุบกลับเข้าไปหลังร้านปล่อยให้เขากับคุณคริษฐ์ยืนกันอยู่ที่เดิมตรงประตูหน้าร้าน

ในเมื่อดูท่าว่าคุณเขาจะจำอะไรไม่ได้จริงๆ เพราะเรื่องคืนนั้นก็ผ่านมาตั้งนานแล้ว มะแมก็จะปล่อยผ่านไปเหมือนกัน ถึงครูจะไม่รับผิดชอบแต่ร่างบางก็ไม่ได้อยากให้คนแปลกหน้าที่เพิ่งรู้จักชื่อเมื่อกี้นี้มารับผิดชอบเหมือนกัน ดีไม่ดีจะโดนด่าด้วยก็อีกฝ่ายจำเขาไม่ได้นี่นา

..เดี๋ยวซื้อยาแล้วเรื่องก็จะจบใช่ไหมล่ะ..

“งั้นผมขอตัว” มือเรียวจับลูกบิดประตูเตรียมชิ่ง แล้วก็เกือบจะสำเร็จอยู่แล้วถ้าอีกฝ่ายไม่พูดออกมา

“เดี๋ยวก่อน” หัวใจมะแมเต้นตึกตัก อีกไรอีกวะ

คนตัวผอมกลืนน้ำลายอึกใหญ่แต่ยังทำใจแข็งมองหน้าคิรากรเหมือนไม่มีไม่รู้ไม่เห็นอะไรทั้งนั้น

“เธอน่ะ..” จะพูดอะไรก็รีบๆ พูดจะได้ไหม ทำไมต้องค่อยๆ เค้นมาทีละด้วย มะแมแอบชักสีหน้าในใจแต่ความจริงที่ทำได้ก็คือแค่เลิกคิ้วเป็นเชิงถามว่าอะไรครับ

“......”

“..ท้องเหรอ”




*************************





คุณคิมาแล้ว กรี้สส ใครก็ได้จุดพลุทีค่าาา ทีนี้หนีไม่รอดแล้วนะยัยน้อง

ตอนนี้สั้นตก QC ไปหน่อย ขอโทษด้วยนะคะ หลังจากนี้ก็ไม่ค่อยมาม่าแล้วนะคะ (มั้ง 5555) มาคอยดูพี่เขาตะล่อมน้องกัน

เม้ามอยสกรีมในทวิตติด #คุณคิหลงน้อง กันนะคะ

ออฟไลน์ smmikie

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 362
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +39/-1
Re: ห ล ง [Omegaverse] l 5: หลงทาง l 22/1/2020
«ตอบ #16 เมื่อ22-01-2020 22:42:06 »

เจอกันอีกแล้ววววว เจอครั้งนี้คิดว่าคิต้องจำได้แน่ๆ ไม่งั้นคงไม่ถาม

เอาแล้วๆๆ รอๆๆ

ออฟไลน์ Hnggnh

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 15
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
Re: ห ล ง [Omegaverse] l 5: หลงทาง l 22/1/2020
«ตอบ #17 เมื่อ23-01-2020 00:17:45 »

จบแบบนี้คือค้างมากกกกกก ชอบมากเลยค่ะสนุกมากกกก

ออฟไลน์ sailom_orn

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1054
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +16/-1
Re: ห ล ง [Omegaverse] l 5: หลงทาง l 22/1/2020
«ตอบ #18 เมื่อ23-01-2020 03:05:13 »

 :pig4: เจอพ่อของลูกแล้วน้าหนูแม

ออฟไลน์ อัญญอหญิง ชันนอหนู

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 12
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
ุ6: ความลับไม่มีในโลก

มะแมมือไม้อ่อนแทบจะทำโทรศัพท์ในมือร่วงอีกรอบ ตาเรียวมองหน้าผู้ชายตัวสูงข้างหน้าแล้วมองพื้นแล้วมองหน้าเขาอีกรอบแล้วก็หันไปมองเถากุหลาบที่ข้างรั้ว เลิ่กลั่กไปหมดแล้ว

..มีญาณทิพย์ด้วยเหรอวะ! ..

..ใจเย็นมึง ใจเย็นก่อน..

เตือนตัวเองในใจแล้วมะแมก็พรูลมหายใจเรียกขวัญกำลังใจกลับมาอีกครั้ง “ฮะ! ป..เปล่า จะบ้าเหรอ! ” ทำเสียงสูงหน้าตาแปลกใจไม่คาดคิดมาก่อนเลยว่าจะถูกทักเรื่องไร้สาระแบบนี้ อย่างนี้จะดูสมจริงรึยังนะ

“ฉันเห็นในโทรศัพท์” คิรากรชี้มาที่โทรศัพท์มือถือในมือเขา “ถ้าไม่ท้องจะหายาขับเลือดไปเพื่ออะไรไม่ทราบ กินเล่นๆ เหรอ”

“แล้วกินเล่นๆ ไม่ได้เหรอ” กะว่าจะขายขำคลี่คลายสถานการณ์สักหน่อยแต่เหมือนคุณเขาจะไม่เล่นด้วยเลย มะแมเลยขำแห้งพยักหัวหงึกๆ “อ้อ.. ไม่ได้เนอะ”

สู้หน้าด้วยไม่ไหวแล้วมะแมก็คิดว่าจะหนีมันซะเลย แต่ร่างสูงไหวตัวทันดึงคอเสื้อนักเรียนเขาเอาไว้ได้ สภาพตอนนี้เลยไม่ต่างกับลูกแมวโดนหิ้วคอสักเท่าไหร่

“จะไปไหนเรายังคุยกันไม่จบ” คิรากรถามเสียงเข้มแล้วเปิดประตูร้านเข้าไปพูดกับไอ้เก้าที่ยืนแอบมองโต้งๆ อยู่หลังตู้แช่เค้ก “ฝากบอกแจนทีว่าขอยืมเด็กเสิร์ฟแป๊บหนึ่ง”

มะแมพยายามส่งสัญญาณขอความช่วยเหลือจากเพื่อนด้วยจากการขยิบตาจนหน้าเบี้ยว แต่ไอ้เก้าก็หาได้สนใจไม่แถมยังรับคำคุณหุ้นส่วนร้านซะขันแข็งเชียวว่าตามสบายเลย

ร่างบางโดนลากถูลู่ถูกังมาถึงสวนข้างร้านที่ปลอดคน ความจริงคุณคริษฐ์ก็ไม่ได้ใช้กำลังรุนแรงกับมะแมหรอก เป็นเขาเองแหละที่ขืนขาเอาไว้สุดแรง

อัลฟ่าร่างสูงปล่อยคอเสื้อเขาแล้วแต่ยังยืนกอดอกขวางทางไม่ให้แมได้หนี “ให้พูดอีกรอบ”

“... แฟน! ”คนจะไม่พูดความจริงซะอย่างก็หาทางไหลไปจนได้นั่นแหละ

“ผู้หญิง” คิ้วเข้มเลิกขึ้นพร้อมกับปลายเสียงสูงเป็นคำถาม แมพยักหน้าตอบจนหัวแทบหลุด

“ใช่ ผู้หญิง”

“อ้อ..เหรอ”

“...” เงียบอย่างนี้แปลว่าเชื่อใช่ไหม แปลว่าเขาไปเปลี่ยนชุดทำงานได้แล้วใช่ไหมล่ะ

“ขอดูรูปแฟนเธอหน่อยสิ”

มะแมอ้าปากค้างมองหน้าหล่อจัดของคนตรงหน้า

..หน้าตาก็ไม่น่าจะเป็นคนขี้เสือกนี่หว่า..

รูปเพื่อนผู้หญิงคนหนึ่งในห้องที่เคยถ่ายคู่กันในชุดไทยเมื่องานวันลอยกระทงที่โรงเรียนจัดเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมาถูกใช้เป็นเครื่องมือในการเล่าเรื่องโกหกครั้งนี้

“น่ารักดีนะ ดูเรียบร้อยไม่น่าจะท้องในวัยเรียนเลย” แมคิ้วกระตุกเหมือนโดนด่ากระทบอย่างไรไม่รู้ “คบกันนานแล้วเหรอ”

“ก็เกือบปี”

“แล้วท้องได้กี่เดือนแล้วล่ะ” คิรากรส่งโทรศัพท์คืน “ซักเดือนกว่าๆ รึเปล่า”

“คุณนี่ถามมากจัง ไม่ถามด้วยเลยล่ะว่าผมทำกับแฟนท่าไหนถึงได้ท้อง” คนปากไวยั้งไม่อยู่กวนประสาทกลับไปจนได้ แต่คิรากรไม่ถือสาแถมยังแสยะยิ้มให้อีกต่างหาก

“นั่นสิ..ใช่ทำจากข้างหลังแล้วน็อทรึเปล่านะถึงท้อง”

เด็กหนุ่มหน้าแดงแปร๊ดต่อปากต่อคำด้วยไม่ไหวแล้ว เพราะเหมือนยิ่งพูดจะยิ่งเข้าตัว ขอเปลี่ยนกลยุทธ์เป็นดื้อเงียบไม่หือไม่อือแทน

ร่างสูงถามซักไซ้ต่อแต่พอเห็นว่าเขาไม่ยอมตอบอะไรก็หยุดมองหน้าเหมือนคาดโทษ จะยอมแพ้แล้วสินะ

“สรุปว่าเธอยืนยันว่าเธอไม่ได้ท้อง”

“อือฮึ” โกหกเก่งขนาดนี้ยังไงก็ต้องเชื่อแล้ว

เป็นอีกครั้งที่แมโดนลากไปมาตามใจอีกฝ่าย คิรากรจับแขนเขาเดินนำมาส่งที่หน้าเคาน์เตอร์คิดเงินในร้าน คุณหุ้นส่วนจับแขนซ้ายเขายื่นไปให้ไอ้เก้าที่ยืนทำหน้างงไม่ต่างกันเท่าไหร่จับไว้แล้วฝากฝังก่อนจะผลุนผลันออกจากคาเฟ่ไป

“ฝากเฝ้าไว้หน่อยอย่าปล่อยให้หนีกลับบ้านล่ะ เดี๋ยวฉันมา”







ไอ้เก้าถามเซ้าซี้ว่าเขาไปเหยียบหางอะไรคุณคริษฐ์รึเปล่าตั้งแต่ที่เขาเข้าไปเปลี่ยนเสื้อนักเรียนเป็นยูนิฟอร์มของร้าน จนตอนนี้เสิร์ฟอาหารให้ลูกค้าไปแล้วสามโต๊ะมันก็ยังไม่หยุดถาม

“หรือว่ามึงไปจีบเด็กเขา เอ๊ะ แต่มึงไม่ชอบผู้หญิงนี่นา แต่คุณคิก็อาจจะชอบผู้ชายก็ได้แต่ว่าเด็กเขาน่าจะเป็นแบบสวยๆ ไม่ใช่สเปคมึงเลยนี่” มะแมกลอกตาเมื่อฟังข้อสันนิษฐานที่ร้อยจากปากเพื่อน พอเขาไม่เฉลยมันก็เดาเองเป็นตุเป็นตะตั้งแต่ขโมยของมาจนถึงแย่งผู้ชายกันแล้ว

“ปัญญาอ่อน” ด่าไปที แต่ฝันไปเถอะว่าคนอย่างมันจะสลด

แมทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น เขาไม่รู้หรอกว่าคิรากรออกไปไหนแล้วจะกลับเข้ามาอีกจริงหรือเปล่า ร่างบางทำงานเสิร์ฟเครื่องดื่มและของหวานตามปกติแต่ในใจก็ตุ้มๆ ต่อมๆ ไม่รู้ว่าอีกฝ่ายจะมาไม้ไหนอีกต่อจากนี้

เก้าทำเสียงขัดอกขัดใจเมื่อความพยายามเกือบยี่สิบนาทีไม่สำเร็จผล เขาส่ายหัวระอาแล้วพยักพเยิดหน้าไปที่ลูกค้าโต๊ะสี่ที่กำลังยกมือขอสั่งอาหารเพิ่มเป็นเชิงให้เพื่อนเป็นไปรับออเดอร์

มีเสียงกระดิ่งเหนือประตูร้านดังบ่งบอกว่าคงมีลูกค้าอีกคนเดินเข้าร้านมา แต่รามิลไม่สนใจจะมองเพราะโต๊ะสี่ที่ไอ้เก้าเดินไปรับออเดอร์อยู่ใกล้ประตู คิดเอาเองว่าเดี๋ยวมันคงจัดการเอง

คนกำลังอู้งานอยู่หน้าอ้างล้างจานสะดุ้งโหยงเมื่ออยู่ๆ คิรากรก็พุ่งเข้ามายืนหน้านิ่งข้างตัวไม่บอกไม่กล่าว มือใหญ่กระแทกแก้วพลาสติกแบบใช้แล้วทิ้งลงกับเคาน์เตอร์หินอ่อนที่อยู่ติดกัน

“ไปฉี่ใส่แก้วให้หน่อย” กระซิบเสียงเบาไม่ให้พี่บาร์เทนเดอร์ที่ยืนชงกาแฟอยู่ห่างออกไปอีกหน่อยได้ยิน

“ฮะ!” รู้สึกเหมือนหูจะฝาด เมื่อกี้คนคนนี้ให้เขาทำอะไรนะ

“ฉี่-ใส่-แก้ว-ให้-หน่อย”

มะแมอ้าปากหวอ พอคนตัวใหญ่ทำท่าจะพูดซ้ำอีกรอบเขาก็ยกมือไปปิดปากอีกฝ่ายแทบไม่ทันไม่อยากได้ยินซ้ำอีกเป็นรอบที่สามเพราะมันแสลงหู

“คุณจะบ้าเหรอ! อยู่ๆ มาบังคับให้ฉี่ใส่แก้ว ประสาทป้ะเนี่ย ผมไม่ปวดแล้วผมก็ไม่ฉี่ด้วยเอาแก้วกลับไปเลย” ไม่น่าเชื่อว่าคนหน้าตาดีจะสติไม่ดีแบบนี้

“ฉันไม่ได้บ้าแต่ฉันจะตรวจฉี่เธอว่าเธอไม่ได้ท้องจริงๆ อย่างที่เล่ามา” มะแมขนลุกซู่เมื่อเห็นรอยยิ้มของอัลฟ่า ที่หายไปเกือบครึ่งชั่วโมงเมื่อกี้คือออกไปหาซื้อของมาพิสูจน์คำโกหกเขางั้นเหรอ “ยังไม่ปวดก็ไม่เป็นไรฉันนั่งรอได้ไม่รีบ”

งั้นก็นั่งรอให้รากงอกไปเลย มะแมตั้งใจแล้วว่าวันนี้จะอั้นฉี่ไปปล่อยที่บ้าน

“ขอนมสดเย็นสามแก้วด้วย” คิรากรหันไปสั่งเครื่องดื่มก่อนจะผละออกไปนั่งโต๊ะที่มุมหนึ่งของร้าน คนตัวผอมเห็นว่ามีโน้ตบุ๊กวางตั้งเอาไว้ก่อนหน้าแล้ว คงจะนั่งทำงานที่โต๊ะนั่นก่อนจะเจอกับเขาที่หน้าร้าน

คู่กรณีถอยออกไปได้ไม่นาน ไอ้เก้าที่เพิ่งรับออเดอร์เสร็จก็เดินเข้ากระแซะเขาต่อ “เมื่อกี้คุณคิเขาว่าไรวะ”

“พี่แจน เก้ามันอู้ไม่เอาของไปเสิร์ฟให้ลูกค้าเอาแต่ชวนผมคุย” พี่แจนที่เพิ่งโผล่หน้ามาจากครัวหลังร้านถูกเขาใช้เพื่อสลัดไอ้เพื่อนน่ารำคาญออกไปไกลๆ เจ้าของร้านสาวฟังความข้างเดียวแล้วก็ถลึงตาใส่เก้า

“ไปเลยเก้า อู้เหรอ ไหนลูกค้าสั่งอะไรเอามาดูซิ”

โยนขี้ให้เพื่อนแล้วมะแมก็กลับมายืนล้างแก้วล้างจานไปเรื่อยๆ จนหมดอ่างพี่แจนถึงเรียกเขาให้ยกนมสดเย็นของคุณคริษฐ์ไปเสิร์ฟที่โต๊ะ

มือเรียวยกแก้วใส่นมวางลงบนโต๊ะไม้ทีละแก้วจนครบไม่ยอมมองหน้าเจ้าของโต๊ะ ตั้งใจว่าจะเดินหนีออกมาทันทีเลยแต่โดนขัดเสียก่อน

“ของเธอทั้งสามแก้วนั่นแหละฉันเลี้ยง กินให้หมดนะเสียดายของ” สายตานั่นเหมือนจะแปลความได้ว่า ‘เอาสิ จะไม่ฉี่ราดก็ลองดู’ แถมยังหันไปสำทับกับพี่แจนที่เดินตามมาดูอีกด้วย “น้ำนี่สั่งให้น้องนะ ฉันเห็นน้องปากแห้งเหมือนไม่ได้กินน้ำเป็นห่วงว่าเดี๋ยวจะไม่สบาย แกช่วยเตือนน้องให้กินให้หมดทีสิ”

มะแมอ้าปากพะงาบๆ พี่แจนคนขี้เป็นห่วงลูกน้องก็ตกหลุมเข้าเต็มเปา “อ้าวเหรอ ได้ๆ แต่สามแก้วมันจะไม่เยอะไปหน่อยเหรอแก”

พี่แจนยกแก้วนมสองแก้วขึ้นใส่ถาดเสิร์ฟเหมือนเดิมแล้วยังยึดถาดไปถือเองอีกด้วย นมอีกแก้วถูกยัดเยียดใส่มือเขาแถมยังสั่งให้แมดูดให้ดูก่อนเลยครึ่งแก้วอีก

ตั้งแต่หกโมงกว่าจนถึงทุ่มครึ่ง น้ำสามแก้วหมดไปแล้วสองเพราะพี่แจนขยันเดินมาสั่งให้เขากินน้ำเยอะๆ จิบเข้าไปอีก ตอนนี้มะแมเลยยืนลุกลี้ลุกลนอยู่ไม่สุขขาสองข้างหนีบเข้าหากันอยากจะเข้าห้องน้ำไม่ไหวแล้ว อีกหนึ่งชั่วโมงจะเลิกงานระหว่างฉี่ราดกับเป็นนิ่วอะไรจะมาก่อนกัน

“เป็นไรของมึงอ่ะยืนย่ำเท้าอยู่ได้ ปวดฉี่ก็ไปฉี่ดิ”

คนหูทิพย์พอได้ยินคำฉี่ปุ๊บก็ลุกพรึ่บเดินไปรอที่ห้องน้ำพร้อมกล่องในมือ แมถึงกับค้อนเพื่อนตาเหลือกเขาอุตส่าห์ยืนอั้นอยู่เงียบๆ แล้วเชียว

“น้องแมไปเข้าห้องน้ำก่อนก็ได้ ตอนนี้ลูกค้าไม่เยอะ”

มะแมไม่อยากจะไปแต่ก็ทนไม่ไหวแล้วจริง ขาสับเร็วๆ ตรงไปที่ห้องน้ำชายเจอกับคิรากรที่ยืนพิงผนังรออยู่ก่อนแล้ว

คิรากรยื่นแก้วพลาสติกใบเดิมให้เขา แถมขู่อีกว่า “ถ้าตุกติกฉันจะเป็นคนจับเล็งให้ตรงปากแก้ว”

..โรคจิต! ..

ในเมื่อที่หนีไม่ได้อีกแมก็ยอมแพ้ จริงๆ ก็คือเขาฉี่จะราดแล้วจะให้ฉี่ใส่แก้วใส่ขวดหรือฉี่ลงพงหญ้าข้างทางก็ได้หมดไม่เกี่ยงแล้ว

ยังดีที่ร่างสูงยอมหันหน้าเข้ากำแพงไม่ได้จ้องมองเขาทำธุระส่วนตัว ร่างบางหน้ามุ่ยยื่นแก้วพลาสติกที่มีของเหลวด้านในให้คนที่รอรับ

คิรากรจุ่มแท่งพลาสติกหน้าตาคุ้นเคยลงไปในถ้วย ไม่ต้องรอให้ผลขึ้นร่างบางก็รู้แล้วว่ามันจะเป็นอย่างไร เพราะเขานั่งมองขีดสีแดงสองอันบนที่ตรวจสี่อันที่บ้านก่อนนอนทุกคืนจนแทบจะเก็บไปฝันอยู่แล้ว

เด็กหนุ่มเหลือบตาขึ้นมองหน้าตาฮึ่มฮั่มของคนอายุมากกว่าแบบหวาดๆ ตอนที่ครูเจษรู้ครูยังโกรธแทบตายแล้วกับคนที่เพิ่งรู้จักกันยังไม่ทันถึงครึ่งวันดีอย่างนี้เขาจะไม่โดนบีบคอเลยเหรอ

“ก่อนคุณจะด่าคุณฟังผมก่อนนะ” ขอชิงแก้ตัวก่อนก็แล้วกัน “หนึ่ง ผมไม่ได้วางแผนจะท้องแล้วจับคุณนะ สอง ผมไม่รู้จักคุณมาก่อนเลยไม่รู้ด้วยว่าคุณรวยอะ แล้ว… แล้ว...โอ๊ย! ”

“ฉันยังไม่ได้ว่าสักคำ อย่าเพิ่งตีโพยตีพายได้ไหม” โดนเขกหัวกับดุไปทีหนึ่งคนที่กำลังอารมณ์อ่อนไหวเพราะเครียดจัดมาหลายวันก็น้ำตาร่วงแหมะ

“ก็..ก็… ฮือ เดี๋ยวคุณก็ด่า อึก! แล้ว.. แล้วผมก็อาจจะไม่ได้ท้องกับคุณด้วย” ตอนแรกก็แค่น้ำตาไหลเฉยๆ แต่พอยิ่งพูดก็ยิ่งไปกันใหญ่

คิรากรตกใจที่อยู่ๆ เด็กตรงหน้าก็ร้องไห้โฮเป็นเขื่อนแตก แต่ประโยคที่เด็กนี่พูดมาทำให้เขาคิดหนักจนต้องถามต่อ “หมายถึงแฟนเหรอ”

ถ้าเกิดรามิลมีแฟนอยู่แล้ว แล้วการที่เขาบังคับขืนใจอีกฝ่ายให้บอนด์กับตนไปคราวนั้นไปทำลายความสัมพันธ์ของร่างบางรึเปล่านะ

แมทรุดตัวลงนั่งยองๆ กับพื้นห้องน้ำซุกหน้าลงกับเข่าสองข้างของตัวเองส่ายหัวจนผมกระจาย พอได้พูดออกมาแค่นิดเดียวก็เหมือนหยุดเล่าต่อไปไม่ได้

“ไม่ใช่แฟน ฮึก เป็นครูสอนพละที่โรงเรียน” มะแมสูดน้ำมูกดังฟืดทำท่าจะยกแขนเสื้อขึ้นเช็ดน้ำมูกแต่คริษฐ์ชิงยืนทิชชูไปให้ได้ทันเวลา “พอเขารู้ก็โกรธบอกว่าจะไม่รับผิดชอบเพราะเดี๋ยวเมียรู้แล้วก็หลบหน้าผมอะ ฮือออ”

พอเห็นว่าคิรากรไม่ตอบอะไร แมก็ยิ่งเอาใหญ่

“ไอ้ครูเจษบ้า! ผม ฮึก ชอบครูมากเลยนะ ทำไมทำกันแบบนี้วะ!”

ร่างสูงไม่แน่ใจว่าควรพูดอะไรดีหรือเปล่า สุดท้ายก็ตัดสินใจลงไปนั่งข้างๆ เป็นฝ่ายฟังเงียบๆ แทน

“ตอนเอากันทำไมไม่บอกก่อนวะว่ามีเมียแล้ว ฮือ เวรเอ๊ย!”

ตาคมจ้องหน้าบู้บี้ของเด็กข้างๆ มือใหญ่ก็คอยดึงทิชชูส่งให้รามิลเช็ดน้ำมูกน้ำตาเรื่อยๆ คนรับเอามันไปสั่งหนึ่งครั้งแล้วขยำเป็นก้อนก่อนจะปาไปอีกทางเหมือนระบายอารมณ์ ไม่ถึงสิบนาทีเด็กที่ร้องไห้ขี้มูกโป่งไปด่าคนชื่อเจษไปก็ผล็อยหลับทั้งๆ ที่มือยังกำกระดาษแน่น







ตอนที่ลืมตาตื่นขึ้นมามะแมก็ไม่ได้อยู่ในห้องน้ำชายของร้านแล้วแต่กำลังนอนขดตัวเป็นกุ้งอยู่บนโซฟาผ้าตัวยาวในห้องทำงานของพี่แจนแทน

ในห้องเล็กๆ ไม่มีวี่แววเจ้าของห้อง จะมีก็แต่เพื่อนเจ้าของห้องที่ยึดโต๊ะทำงานไปใช้นั่งอ่านอะไรสักอย่างเงียบๆ ในสมาร์ตโฟนยี่ห้อหรูและหันมามองเขาทันทีขยับตัว

“..หิว..น้ำ” เสียงที่พูดออกไปแหบจนเจ้าตัวยังตกใจ ปกติพูดเป็นต่อยหอยทั้งวันไม่เห็นเป็นอะไร ร้องไห้แค่นี้ถึงกับเสียงหายเลยเหรอวะ

พอได้ยินอย่างนั้นร่างสูงก็เปิดประตูห้องหายออกไปแป๊บหนึ่งและกลับมาพร้อมกับน้ำเปล่าหนึ่งแก้วในมือ มะแมได้ยินเสียงของพี่แจนดังมาจากข้างนอกเหมือนว่าเธอจะโดนเพื่อนห้ามไม่ให้เข้ามาในห้อง

“ระวังลวกปากนะ” แมเบ้หน้าเมื่อรู้ว่าน้ำในแก้วเป็นน้ำอุ่นที่เขาไม่ชอบกิน คนถือมาให้เหมือนจะรู้เลยอธิบาย “ก็เห็นมีน้ำมูกเลยให้กินน้ำอุ่นดีกว่า”

“แต่ว่าอยากกินเป๊ปซี่..”

เห็นตาดุๆ แล้วก็กลืนคำขอลงคอดีกว่า เดี๋ยวกลับบ้านไปซื้อกินเองก็ได้

คิรากรรอให้เด็กหนุ่มจิบน้ำจนพร่องไปครึ่งแก้ว

“เดี๋ยววันเสาร์หน้าเราไปหาหมอกัน”

คนตัวผอมฟังแล้วตาโต “ไปหาหมอทำแท้งเหรอ” แล้วก็โดนอัลฟ่าเขกหัวไปอีกหนึ่งที

“หาหมอฝากท้องสิ” คิรากรแก้

“ไม่เอา! ถ้าเกิดจริงๆ แล้วผมท้องกับครูไม่ใช่กับคุณล่ะ” มะแมแย้งแต่คนฟังยักไหล่ไม่สนใจสักนิด

“เกี่ยวกันตรงไหนท้องก็ต้องไปฝากท้องไม่ใช่เหรอ แต่ถ้าถามล่ะก็.. มั่นใจมากๆ ร้อยเปอร์เซ็นต์”

คนฟังอ้าปากเตรียมจะเถียงอีกแต่ก็ไม่ทันเมื่อคิรากรมัดมือชกแย่งแก้วน้ำในมือเขาไปตั้งบนโต๊ะแล้วยัดโทรศัพท์ตัวเองมาให้ถือแทน

“ขอเบอร์หน่อย” ไม่รู้ว่าเป็นเพราะถูกพูดดีๆ ด้วยหรือยังไง เด็กหัวฟูบนโซฟาถึงไม่เล่นตัวยอมกดเบอร์ตัวเองให้ง่ายๆ ซะอย่างนั้น มะแมหยิบโทรศัพท์ในกระเป๋ากางเกงขึ้นมาดูหมายเลขที่โทรเข้ามาจากคนตรงหน้า “เมมเบอร์ไว้ด้วย”

“รู้แล้ว..” ร่างบางจิ้มหน้าจอแต่อยู่ๆ ก็ชะงัก เงยหน้าขึ้นมองคิรากรตาแป๋ว “ว่าแต่คุณชื่ออะไรนะ เมื่อกี้ตอนพี่แจนบอกผมตกใจมากเลยไม่ทันได้ฟังอะ”

คนโตกว่ายิ้มค้างไปครู่ก่อนจะหลุดขำแห้งๆ สงสัยจะไม่คาดคิดว่าเขาจะเอ๋อได้ขนาดนี้

"คริษฐ์แต่เมมว่าพี่คิก็ได้ แล้วก็ไม่ต้องเรียกคุณก็ได้เรียกพี่แบบที่เรียกแจนนั่นแหละ" มือใหญ่ยื่นมาลูบผมยุ่งๆ ของเด็กบนโซฟาให้เป็นทรงแล้วดึงแขนอีกคนให้ลุกขึ้น "ดึกแล้วกลับบ้านได้แล้ว เดี๋ยวพี่ไปส่ง"


********************************



เขียนไปเขียนมาก็รู้สึกว่าตอนนี้วนเวียนอยู่กับฉี่

พี่ไม่ร้องไห้นะคะ น้องแค่ลืมชื่อเอง 5555555555

คุณคิเขาก็จะเป็นสายมัดมือชกแบบละมุนๆ ที่ชิงบอกให้เรียกพี่ก่อนก็คือกลัวน้องเรียกลุงแน่ๆ

เวิร์สของเราคือโอเมก้าชายก็ยังทำผู้หญิงเบต้ากับโอเมก้าท้องได้นะคะแต่โอกาสน้อยมากๆ แล้วก็ท้องเองก็ได้ด้วย

เม้ามอยอย่าลืมติด #พี่คิหลงน้อง กันนะคะ ขอบคุณนักอ่านทุกคนเลยค่า

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ smmikie

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 362
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +39/-1
แม แกมันน่ารักว่ะ!!!!

ออฟไลน์ sailom_orn

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1054
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +16/-1
 :pig4: :pig4: พี่คิน่ารัก

ออฟไลน์ อัญญอหญิง ชันนอหนู

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 12
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
Re: ห ล ง [Omegaverse] l 7: สัญญา l 24/1/2020
«ตอบ #22 เมื่อ24-01-2020 15:49:52 »

7: สัญญา

“ครูกุ๊กไม่ชอบหน้าแมแน่ๆ เลยอ่ะ” ร่างโปร่งโพล่งออกไปจากอารมณ์ที่ยังคุกรุ่น หน้าตาน่ารักบู้บี้จนครูเจษที่ตรวจงานอยู่แล้วหันมามองยังหัวเราะขำ “ไม่ตลกนะ! ครูรู้ไหมว่าวันนี้เขาพูดว่ายังไง”

“ว่ายังไง” เจษฎาถามแต่ตากลับมามองงานในมือ

คนตัวบางเล่าถึงเหตุการณ์ที่เพิ่งเกิดสดๆ ร้อนๆ เมื่อคาบสุดท้ายอย่างใส่อารมณ์ “..พอคะแนนออกแล้วแมได้เยอะ นางก็หาว่าแมลอกไอ้แว่นรึเปล่า ถุยมาก ก็ไอ้แว่นป้ะที่ส่องกระดาษคำตอบแมจนคอยื่น”

“อ่าฮะ แล้วแมทำไง”

“ก็พูดไปว่าข้อสอบครูกากเองเปล่าแล้วทำหน้ากวนตีนๆ ใส่เลยโดนด่าหูชาเลย” หนุ่มใหญ่ฟังคำตอบของลูกศิษย์แล้วขำเสียงดัง

“ไอ้ตัวแสบ” ครูเจษวางปากกาในมือมาหยิกแก้มรามิลเบาๆ อย่างมันเขี้ยว “ก่อนหน้านี้เขาอาจจะเฉยๆ แต่ตอนนี้น่ะไม่ชอบหน้าแมแล้วแน่ๆ ”

“ก็ช่วยไม่ได้อะ” แมยักไหล่เบะปาก

“ไหนบอกว่าปกติเพื่อนกับครูก็ไม่ค่อยชอบเราอยู่แล้ว แล้วจะสนใจทำไมล่ะครั้งนี้”

จริงอย่างที่ครูเจษว่า ไม่เคยมีใครมาพูดตรงๆ ต่อหน้าหรอกว่าไม่ชอบขี้หน้าเขา แต่ก็ใช่ว่าจะไม่เคยแอบได้ยิน ถึงจะหน้าตาน่ารักแต่ท่าทางเหมือนพวกอันธพาลทำให้ไม่ค่อยมีใครอยากยุ่งกับมะแม

“ก็..”

ไม่รอให้เจ้าตัวเฉลย เจษฎาเป็นคนพูดต่อเสียเอง “ฆ่าได้หยามไม่ได้เหรอ งั้นต้องเอาคะแนนสอบกลางภาคเต็มไปให้ครูกุ๊กเห็นว่ากำลังเล่นกับใครแล้วไหม”

คนฟังพยักหน้าเห็นด้วย เพราะอย่างนี้เขาถึงชอบมาเล่าเรื่องต่างๆ ให้ครูฟัง เพราะถ้าเล่าให้ป้าเกียงฟัง นอกจากป้าจะไม่สนใจจะฟังแล้ว บางทียังโดนว่ากลับมาอีกต่างหากว่าครูถูก ส่วนเขานั้นผิดเสมอ

เจษฎาเป็นที่ปรึกษาที่ดี ไม่ได้ด่าว่าแต่ก็ไม่ได้เห็นด้วยยกหางมะแมไปหมดเสียทุกอย่าง ที่สำคัญคือไม่ขัดอารมณ์เขาเหมือนป้าหรือเจ๊

“แต่ว่าไม่ใช่ครูทุกคนไม่ชอบแมหรอกนะ” แมเลิกคิ้วเงยหน้ามองคนที่อยู่อีกฝั่งของโต๊ะตามไม่ทันว่าครูกำลังพูดถึงอะไรอยู่ “ก็ครูชอบแมจะตายไป”

ใบหน้าครูเจษก้มลงมาใกล้ ริมฝีปากแนบลงกับริมฝีปากอิ่มนุ่มนิ่มของแม เสียงจูบกันของอาจารย์และลูกศิษย์ดังเบาๆ ในห้องห้องเดิม










นานมากแล้วที่รามิลไม่เคยฝัน น่าตลกที่ฝันครั้งล่าสุดเมื่อเช้าตรู่ที่ผ่านมานี้คือฝันถึงเรื่องของเขาและครูเจษเมื่อเกือบปีก่อน อดีตแสนหวานแต่ตอนนี้กลับขมจนทำให้ปวดหัวคลื่นไส้แค่นึกถึง

อาจจะไม่เกี่ยวหรอก เขาน่าจะตื่นมาแล้วแพ้ท้องอยากอ้วกมากกว่า แต่อยากพาลซะอย่างใครจะทำไม

แมรู้จักกับเจษฎาครั้งแรกเมื่อตอนชั้นปีที่หนึ่ง ตอนนั้นเขาเพิ่งย้ายเข้ามาอยู่กรุงเทพยังปรับตัวกับโรงเรียนใหม่ เพื่อนใหม่แล้วก็ครอบครัวใหม่ไม่ได้ ยังไม่สนิทกับเพียวเลยด้วยซ้ำ

ครูเจษเป็นครูคนโปรดของนักเรียนเกือบทุกคนเพราะไม่ดุแล้วยังชอบปล่อยมุกตลกเวลาสอน แมนึกหน้าเพื่อนๆ ไม่ออกว่าจะเป็นอย่างไรถ้ารู้เบื้องหลังว่าครูที่ทุกคนคิดว่าเป็นคนดีคั่วกับนักเรียนชายที่อายุยังไม่บรรลุนิติภาวะมาตั้งแต่อายุสิบหกปี

เทอมหนึ่งของชั้นปีที่หนึ่งวิชาพลศึกษาของโรงเรียนเลือกสอนบาสเกตบอล เด็กไม่เก่งกีฬาอย่างเขาที่ถูกเรียกไปช่วยงานแทนการสอบซ่อมทุกครั้งที่สอบปฏิบัติตกเลยสนิทกับครูไปโดยปริยาย

เกือบได้เวลาเข้าแถวเคารพธงชาติตอนเช้าแล้ว แต่มะแมยังไม่ไปไหนไกลจากห้องน้ำ น้ำท่าก็ยังไม่อาบข้าวเช้าไม่ต้องพูดถึงเลยได้แต่ทรุดตัวนั่งอยู่ข้างชักโครกที่เพิ่งกลายเป็นที่ประจำเกือบทุกเช้ามาตั้งแต่อาทิตย์ก่อน

..อ้วกจนไม่มีอะไรให้ออกแล้ว เหลือก็แค่เครื่องในนั่นแหละที่ยังไม่ไหลออกมา..

โทรศัพท์ที่วางไว้บนขอบอ่างล้างหน้าสั่นครืดๆ แมที่กำลังซบหัวกับเข่าสองข้างเงยหน้าขึ้นมือเรียวเอื้อมไปหยิบมันลงมาดู



Krist: ทำไมไม่ตอบ

Krist: เป็นอะไรรึเปล่า



อีกฝ่ายหมายถึงข้อความที่ส่งมาเมื่อเช้าถามว่าวันนี้แพ้ท้องรึเปล่าซึ่งแมไม่ทันได้ตอบเพราะรีบมาอาเจียนเสียก่อน

คืนของวันที่เจอกันอีกครั้งหน้าร้าน Something with Sugar คิรากรขับรถมาส่งเขาเกือบถึงบ้าน ที่เกือบก็เพราะซอยบ้านเขาแคบจัดแถมยังมีรถจอดขวางทางเต็มไปหมด อีกคนเลยทำได้แค่จอดรถไว้หน้าปากซอยแล้วเดินเข้ามาส่งแทน แน่นอนว่าแมไม่ได้เชิญอีกคนเข้ามานั่งกินน้ำในบ้านแต่อย่างใดวันนั้นเขาไม่มีอารมณ์จะสนทนาด้วย หลังจากวันนั้นคุณหุ้นส่วนร้านก็ขยับส่งข้อความผ่านไลน์มาทุกวันถามไถ่สารทุกข์สุกดิบ แต่ไม่เคยได้เจอหน้ากันอีกและคิดว่าคงจะไม่โผล่หน้ามาจนถึงวันนัดนั่นแหละ

ถ้าถามว่าทำไมแมถึงไม่คิดจะซื้อยามากินอีก คำตอบก็คือคิดแหละแต่คิรากรตัวใหญ่เป็นยักษ์แถมดุเป็นบ้า ในเมื่ออีกฝ่ายยืนยันคำขาดว่าห้ามทำอีกถ้ารู้ล่ะก็เจอดีแน่เขาก็จำต้องยอมตามน้ำไปก่อน รอให้เผลอก่อนเถอะ

..ก็ไม่ได้กลัวหรอกนะ แต่มือนั่นหักคอเขาได้เลยนะเว้ย! ..

ร่างบางโทรหาเพื่อนเพื่อบอกว่าวันนี้เขาคงไปโรงเรียนไม่ไหว ตั้งใจเมินข้อความของคิรากร

“ฮัลโหลเพียว” เสียงที่พูดออกไปดูเพลียจนเพื่อนทัก

“เป็นไร”

“ไม่สบายอะไปเรียนไม่ไหวนะวันนี้ ฝากบอกครูด้วย”

“ได้ๆ ไม่ได้เป็นไรมากใช่ไหม” เพียวถามน้ำเสียงดูเป็นห่วงหน่อยๆ

“ไม่เป็นไร แค่นี้นะขอบใจมาก” เลือกตอบไม่ให้เพื่อนกังวลออกไป

ตอนที่วางสายจากเพียว โทรศัพท์เขาก็สั่นอีกครั้งหนึ่งเป็นข้อความจากคนคนเดิม



Krist: ข้าวเช้ากินอะไร อย่าลืมกินล่ะ



พอเห็นข้อความที่ส่งมาคนที่กำลังหมดแรงกลับกลายเป็นว่าโมโหจัด มะแมโทรออกหาคิรากรซึ่งอีกฝ่ายก็รับแทบจะทันที

ไม่รอให้อีกฝ่ายได้พูดอะไรเพราะคนตัวบางชิงโวยวายใส่เสียก่อน “ทำไมต้องสั่งด้วย! ”

“ฮะ.. ยังไม่ได้สั่งเลย” คิรากรงงไปหมด เขาแค่กลัวว่าร่างโปร่งจะรีบไปเรียนจนลืมกินข้าวเช้าก็เท่านั้น

“ยังไม่กิน! กินไม่ได้กินอะไรไม่ได้เลยปวดหัวอ้วกจนไส้จะไหลออกทางปากแล้วเนี่ย หิวข้าวอะหิวมากๆ กับข้าวที่ซื้อมาเมื่อวานก็กินไม่ได้จะออกไปซื้อข้าวก็ไม่มีแรง” แมระบาย ตอนนี้เขาโมโหหิว “ทำไมมันทรมานงี้อะ แล้วต้องเป็นอย่างนี้ไปถึงเก้าเดือนเลยเหรอ ไม่ไปฝากท้องแล้วได้ไหมวันเสาร์นี้ เปลี่ยนเป็นพาไปคลินิกทำแท้งแทนดีกว่า”

ถ้าอยู่ตรงหน้าคิรากรสาบานเลยว่าจะเขกหัวเด็กนี่สักที ให้ความคิดที่เอะอะก็จะเอาเด็กออกทุกทีนี่กระเด็นออกจากหัวเล็กๆ นั่นซะที

“ฝันไปเลยเรื่องนั้น” เขาเปลี่ยนเรื่อง “วันนี้แพ้หนักมากจนกินอะไรไม่ได้เลยเหรอ แล้วตอนนี้อยู่โรงเรียนรึยัง”

“ยัง ยังอยู่ในห้องน้ำอยู่เลย” มะแมสูดน้ำมูกตอบเสียงเบาลงเมื่ออีกฝ่ายพูดดีๆ ด้วย

“งั้นวันนี้ไม่ไปโรงเรียน” คริษฐ์ถาม

“อือ หมดแรงไม่ไปแม่ง”

คนโตกว่าจุ๊ปาก “พูดไม่เพราะ ในบ้านมีนมไหมพอกินได้รึเปล่า ไปเอามากินรองท้องไปก่อน แค่นี้ก่อนนะ”

ไม่รู้ว่ารีบอะไรถึงได้รีบวางสายไปแล้วไม่รอคำตอบของเขาก่อนด้วย

นั่งนิ่งอยู่อีกสักพักเด็กตัวบางก็ลุกขึ้นล้างหน้าล้างตาแปรงฟัน เดินสะโหลสะเหลจากห้องนอนชั้นสองของบ้านลงมาเปิดหานมกล่องในตู้เย็น โชคดีที่หลังจากเหตุการณ์แกงส้มวันนั้นเขาได้ซื้อนมและขนมนิดหน่อยมาแช่เก็บไว้ในตู้เย็นแล้ว

มะแมเจาะนมพร่องมันเนยดื่มทรุดลงนั่งบนโซฟาหนังตัวเก่าในห้องนั่งเล่นเปิดเรื่องเล่าเช้านี้ดูข่าวเซ็งๆ อีกมือหนึ่งที่ว่างจากถือกล่องนมไถมือถือในมือไปเรื่อย อดไม่ได้ที่จะกดเข้าไปดูหน้าแชทของครูเจษที่ร้างมากว่าอาทิตย์แล้ว ข้อความสุดท้ายคือรูปที่เขาส่งไป

เสียงอ่านข่าวเบาๆ จากโทรทัศน์บวกกับอากาศเย็นๆ ของเช้าฤดูหนาวทำเอาหนังตาหย่อน เผลอแป๊บเดียวร่างโปร่งก็ผล็อยหลับทั้งๆ ที่มือยังกำโทรศัพท์







แรงสั่นของของในมือปลุกให้มะแมตื่น เขาไม่รู้ว่าตัวเองเผลอหลับไปนานเท่าไหร่ ตอนแรกตั้งใจว่าจะงีบแค่แป๊บเดียวแล้วจะออกไปซื้อข้าวในร้านสะดวกซื้อปากซอยมากินแท้ๆ

แมกดรับสายในมืออัตโนมัติไม่ได้มองชื่อคนโทรเข้าด้วยซ้ำ ตาตี่ยังปิดสนิท พูดออกไปเสียงอู้อี้ “ฮัลโหล”

“ออกมาเปิดประตูให้หน่อย” เสียงใครอะไม่ค่อยคุ้นเลย

“ใครอะ” ถามเสียงงัวเงียไปตามที่ใจคิด

“..แกร๊บฟู้ดมั้ง”

“ไม่ได้สั่ง” แมเถียงทั้งที่ยังหลับตา

“ประชดไง พี่เองคริษฐ์ ซื้อของกินมาให้จะเอาไหม” พอพูดถึงของกินแล้วคนฟังก็ลืมตาโพลง ตอนแรกก็ไม่ได้หิวเท่าไหร่หรอก แต่พอได้ยินคำว่าของกินท้องมันก็ร้องเลย

“เอา! พี่รอแป๊บผมเพิ่งตื่นอะ” ตอนแรกที่เรียกพี่มันก็กระดากปากนิดหน่อย แต่พอเรียกมาหลายๆ วันตอนนี้แมก็ชินปากไปแล้ว

“ไม่ต้องรีบลุกเดี๋ยวเวียนหัวอ้วกแตกอีกหรอก” ปลายสายเอ็ดเหมือนมีตาทิพย์ว่าเขาเพิ่งจะเด้งหัวตะเกียกตะกายขึ้นจากโซฟา

มะแมบอกเปล่าเสียงสูง ขาเรียววิ่งตึกตักบนพื้นพรมน้ำมันไปหน้าประตูบ้านแอบมองลอดหน้าต่างบานเกล็ดฝุ่นเขรอะเพราะเขาขี้เกียจทำความสะอาดออกไปนอกรั้วบ้านว่ามีคนยืนอยู่จริงๆ ใช่ไหม ไม่ใช่ว่าโดนหลอกให้ดีใจเก้อ พอเห็นผมดำๆ ของอีกคนที่สูงเลยรั้วบ้านป้าเกียงมาหน่อยปากอิ่มก็คลี่ยิ้มกว้างแก้มแทบปริ

คำพูดแรกของคิรากรคือการดุเด็กที่วิ่งหน้าบานมาเปิดประตูให้ “บอกว่าอย่าวิ่งไง”

หลานเจ้าของบ้านดึงเอาถุงพลาสติกหลายใบในมือข้างซ้ายคริษฐ์ไปแย่งถือแล้วเงยหน้ามองตาเขาตาปริบๆ “ก็เราหิว.. ยังไม่ได้กินอะไรเลยนอกจากนมกล่องเดียว”

คิรากรเดินตามเด็กข้างหน้าเข้าบ้านไม้ครึ่งปูนสองชั้นขนาดเล็กแบบที่ว่ามองจากประตูหน้าบ้านเข้าไปก็เห็นจนครบทั้งชั้นหนึ่งแล้ว

“ไม่มีคนอยู่บ้านเหรอ” ร่างสูงถามเมื่อเห็นว่าบ้านเงียบสนิทตั้งแต่ครั้งก่อนที่เขามาส่งแล้ว

“อื้อ ป้ากับพี่ย้ายไปอยู่ต่างจังหวัด เราอยู่คนเดียว” เด็กตัวบางพยักหน้าแล้วเปลี่ยนเรื่องมาสนใจอาหารที่คิรากรซื้อมาเต็มสองมือ พอเป็นเรื่องกินจะยอมญาติดีด้วยก็ได้ “ซื้อไรมาเยอะแยะ ที่วางสายใส่คือไปซื้อข้าวให้เราเหรอ”

“อืม..” มือใหญ่หยิบของแต่ละอย่างขึ้นมาวางบนโต๊ะทานข้าวพร้อมอธิบาย “พี่ไม่แน่ใจว่าเรากินอะไรได้บ้าง มีส้มตำเผื่อเราอยากกินอะไรเผ็ดๆ อันนี้สเต๊กเผื่ออยากกินเนื้อ นี่ข้าวผัดแซลมอนเห็นเขาบอกว่ามีประโยชน์ มีโยเกิร์ตแล้วก็มะม่วงด้วยพี่เสิร์ชหาแล้วเจอว่าผลไม้เปรี้ยวๆ จะทำให้หายคลื่นไส้ ส่วนขนมพวกนี้พี่ซื้อมาให้เก็บไว้กินวันอื่นห้ามกินตอนนี้”

คนตัวเล็กตาโตเท่าที่จะโตได้ วิ่งผลุบเข้าไปในห้องครัวไม่ฟังเสียงค้านของแขกแล้วกลับมาพร้อมกับจานชามเต็มไม้เต็มมือวางลงบนโต๊ะไม้

ตาคมมองเด็กตรงหน้าแกะอาหารในกล่องในถุงเทลงจานจิ้มกับข้าวอย่างละนิดอย่างละหน่อยเข้าปากเคี้ยวตุ้ยๆ หน้าตาดูมีความสุข ทีนี้คิรากรก็ได้รู้แล้วว่าถ้ามีของกินคงล่อหลอกเจ้าเด็กนี่ได้ไม่ยาก กินไปก็ชมไปว่าอันนู้นอร่อยอันนี้อร่อย คนซื้อมาฟังแล้วต้องเม้มปากกลั้นยิ้มแทบไม่ทัน

“เรื่องทำแท้งน่ะ..”

คนกำลังสูดเส้นมะละกอเข้าปากหันหน้าขวับมามองคิรากร แมรีบเคี้ยวอาหารในปากลงท้องละล่ำละลักถามกลับ “เปลี่ยนใจแล้วเหรอ วันนี้เลยไหมเราว่างนะ”

“ไม่เปลี่ยน” คนฟังหน้าตึงถอนหายใจเสียงดังเสริมคำปฏิเสธ “จะถามว่าทำไมถึงอยากทำล่ะ”

“ก็..” รามิลตักข้าวผัดคำโตเข้าปากเคี้ยวแก้มตุ่ยไม่ยอมตอบในทันที แต่ร่างสูงที่นั่งมองจากอีกฝั่งของโต๊ะทานข้าวก็รอฟังไม่เร่งรัด “เรายังเรียนไม่จบ”

คนโตกว่าทำหน้าเหมือนเพิ่งนึกอะไรออกแล้วถามว่าเขากำลังเรียนชั้นอะไรอยู่กันแน่ พอได้คำตอบแล้วก็นั่งกุมขมับหน้าเครียดซะอย่างนั้น ทำไมอะ ไม่เห็นเข้าใจเลย

“อายุสิบเจ็ด..” คิรากรครางกับตัวเองเสียงเบา เหมือนจะเห็นคุกตารางเปิดประตูเชิญให้เขาเข้าไปอยู่ตรงหน้า

“อื้อ”

“แล้วทำไมผมยาวแล้วตอนนั้นก็ย้อมผมใส่ต่างหูด้วย” หมายถึงเมื่อเกือบสองเดือนก่อน

“ก็ตอนนั้นปิดเทอมอะไม่เคยย้อมผมตอนปิดเทอมเหรอ แล้วเราเรียนพาณิชย์อ่ะไว้ผมยาวได้นิดนึงไม่ได้เรียนรด.ด้วยแหละ” ความจริงผมเขาก็ไม่ได้ยาวหรอก แต่ไม่ใช่ทรงนักเรียนแน่ๆ มะแมเมินท่าทางคนที่ทำเหมือนกับเพิ่งได้รับรู้ความลับของจักรวาลมาอธิบายต่อในเรื่องที่ถูกถามไว้ “ก็นั่นแหละเรายังเรียนไม่จบ แล้วก็อยากเรียนต่อด้วย อยากเรียนทำอาหารอะเราอยากเป็นปาติซิเย่แบบพี่แจน”

“อืม แล้วจะจบปีสามเมื่อไหร่ เข้ามหา’ลัยเดือนไหน”

“ประมาณปลายมกราไม่ก็ต้นกุมภาปีหน้า มหา’ลัยก็เปิดเดือนกลางเดือนสิงหามั้ง” คิรากรนับเดือนตามที่เด็กบอก คาดเดาไว้ก่อนว่าตอนนี้อายุครรภ์ประมาณเดือนกว่ากว่าจะถึงสิงหาคมปีหน้าก็เกินเก้าเดือนแล้ว “กว่าจะเปิดเทอมก็คลอดแล้ว ตอนนี้ก็เรียนไปก่อนอีกสองสามเดือนเองก็จบแล้ว ไม่เห็นมีอะไรต้องเป็นห่วง”

“มันไม่ใช่ว่าคลอดเสร็จแล้วก็จบไหมล่ะ แล้วถ้าเราไปเรียนใครจะเลี้ยงเด็ก”

“พี่ไง” ตอบอย่างมั่นใจแต่พอเจอสายตาเต็มไปด้วยคำถามจากแม ร่างสูงก็ยกมือขึ้นจับคอประหม่า “ยังเลี้ยงไม่เป็นหรอกแต่ว่ามีแม่กับป้าแม่บ้านที่บ้านสอนให้ได้ แล้วพี่อุ้มไปเลี้ยงที่ทำงานก็ได้พนักงานไม่ว่าหรอก”

“แต่ว่า..”

คนขยันพูดคำว่าแต่ทำท่าจะขัดต่อ แต่คิรากรไม่ยอม “ถ้าล้มเลิกความคิด พี่จะช่วยจ่ายค่าเทอมตอนเรียนมหา’ลัยสี่ปีแล้วจะให้ฝากงานให้หลังเรียนจบจะได้เป็นปาตีซิเย่อย่างที่อยาก ให้เลือกระหว่างโรงแรม xxx กับร้านพี่ทองหล่อ”

ตอนแรกก็เกือบจะโมโหที่อีกคนไม่ยอมฟังเหตุผล แต่พอฟังข้อเสนอแล้วแมก็ตาลุกวาว ลูกก็เลี้ยงให้ แถมยังจะส่งเรียนกับฝากงานให้หลังเรียนจบด้วยเหรอ อะไรจะดีขนาดนั้น

ฟันขาวขบริมฝีปากอิ่มอย่างใช้ความคิดแต่มือกับปากยังกินไม่หยุด

“ว่าไง”

“ขอกินก่อนได้ไหม” ยังคิดไม่ออกท้องยังไม่อิ่มเลย

พอได้รับคำอนุญาตว่าตามสบาย ร่างบางก็ไม่เกรงใจรีบจ้วงจนต้องเตือนให้ช้าลงหน่อยไม่มีใครแย่งกิน กลัวว่าอาหารพวกนี้จะไปกองในคอห่านด้วยอีกมื้อ ท่าทางมะแมจะหิวจริงอย่างที่ว่าเพราะอาหารที่คริษฐ์ตั้งใจซื้อมาให้เผื่อเลือกโดนจัดการเรียบเรียกได้ว่าเกลี้ยงแทบเลียจาน เขาชักสงสัยว่าตัวผอมๆ นั่นเอาสารอาหารไปเก็บไว้ที่ไหนหมด

จบของคาวก็ตบท้ายด้วยผลไม้ มือเรียวจิ้มมะม่วงดิบกับพริกเกลือในถุงเข้าปากแล้วส่งเสียงซี้ดซ้าดกับความเปรี้ยวสะใจ

“ซี้ด.. อ่า อร่อย” ตาที่ตี่อยู่แล้วยิ่งหยีกว่าเดิมพอกินของเปรี้ยว ปกติเขาไม่ชอบกินมะม่วงด้วยซ้ำทำไมวันนี้มันอร่อยจังวะ

คิรากรแย่งผลไม้ในมือแมมากินบ้างเรียกความสนใจ "สรุปว่า.."

ปากอิ่มเม้มเข้าหากันอย่างคนใช้ความคิด "แล้วถ้าตรวจดีเอ็นเอแล้วไม่ใช่ลูกพี่ล่ะ"

"ข้อตกลงทุกอย่างเหมือนเดิม เราบอกเองนี่ว่ายังไงครูก็คงไม่รับผิดชอบก็เอามาให้พี่เลี้ยงแค่นั้นเอง"

หมายความว่าแค่มะแมอุ้มท้องต่อไปอีกแปดเดือนไม่ว่าเด็กในท้องเขาจะเป็นสายเลือดของใครก็ตามหลังจากคลอดแล้วทุกอย่างจะจบอย่างนั้นเหรอ เขาจะได้กลับไปเรียนต่ออย่างที่ฝันไว้ ส่วนเด็กคิรากรก็จะรับไป เราไม่ต้องมีอะไรข้องเกี่ยวกันอีกแบบในละครหลังข่าวที่ป้าเกียงชอบดูน่ะเหรอ

สุดท้ายรามิลก็ตัดสินใจพยักหน้า "ดีลก็ได้.. แต่ว่าเราต้องได้สัญญาเป็นลายลักษณ์อักษรด้วย ห้ามโกงห้ามเบี้ยว"

"หัวหมอเหรอ ตอนนี้ไม่มีหรอกนะ เกี่ยวก้อยสัญญาแทนได้ไหม"

คริษฐ์ชูนิ้วก้อยยื่นไปตรงหน้าเด็กหนุ่มที่เบ้หน้ากับคำพูดเขา "เล่นอะไรเป็นเด็กสามขวบ"

"แปลว่าไม่เกี่ยว"

"..เกี่ยวไว้ก่อนก็ได้ แล้วพี่ต้องทำสัญญามาให้เราเซ็นทีหลังด้วยล่ะอย่าลืม"

"เด็กดี"

นิ้วเรียวยื่นออกไปเกี่ยวกับนิ้วก้อยของคิรากร คนที่ปกติแล้วโดนกล่าวหาว่าเป็นเด็กเกเรมาเกือบทั้งชีวิตหน้าแดงจนถึงหูกับคำพูดของคนอายุมากกว่า







"พี่เล่าเรื่องเราให้ที่บ้านฟังแล้วเหรอ! " มะแมถามหน้าตาตื่น ไม่อยากจะเชื่อว่าคิรากรจะกล้าเล่าให้ครอบครัวฟังเร็วขนาดนี้ สำหรับเขาแล้วแค่คิดถึงหน้าป้าเกียงกับไม้เรียวในมือก็กลัวจนปากสั่นพูดอะไรไม่ออกแล้ว

"อืม เขาก็ตกใจที่อยู่ๆ จะมีหลาน ถามนู่นถามนี่แต่พี่ก็ยังไม่ได้เล่าอะไรให้เขาฟังมาก" ร่างสูงเล่า ยกมือขึ้นกุมขมับเมื่อพูดถึงประโยคต่อไป"แต่เรื่องที่เราอายุสิบเจ็ดนี่สิ พี่ไม่รู้จะบอกแม่ยังไงดี"

บอกคุณเคทยังไงดีนะว่าลูกสะใภ้ที่เขาหามาให้น่ะ อายุเท่าหลานคนโตของแม่เลย






*************************







มีส่งเสียให้เรียนแถมฝากงานให้ขนาดนี้ ต้องยอมเป็นเด็กป๋าเขาแล้วมั๊ยอ่ะเรา แต่ว่าหนูเข้าใจผิดไปไกลเลยนะลูก ;_;

ส่วนคุณคิ ใครก็ได้ส่งยาดมให้พี่เขาทีค่ะ เกียมเงินไว้ประกันตัวอิพี่แล้วนะ

ออฟไลน์ sailom_orn

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1054
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +16/-1
Re: ห ล ง [Omegaverse] l 7: สัญญา l 24/1/2020
«ตอบ #23 เมื่อ25-01-2020 04:52:32 »

 :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ Chompoo reangkarn

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1089
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-0
Re: ห ล ง [Omegaverse] l 7: สัญญา l 24/1/2020
«ตอบ #24 เมื่อ25-01-2020 12:28:43 »

 :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ darinsaya

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 592
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-1
Re: ห ล ง [Omegaverse] l 7: สัญญา l 24/1/2020
«ตอบ #25 เมื่อ25-01-2020 17:25:25 »

 :katai5:   สนุกกกกกกก

ออฟไลน์ อัญญอหญิง ชันนอหนู

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 12
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
8: อัลตร้าซาวน์ ไข่ดาว บุฟเฟ่ต์​

วันนี้เป็นวันเสาร์ ปกติแล้วเด็กนักเรียนที่ต้องตื่นเช้าทุกวันจันทร์ถึงศุกร์อย่างเขาจะถือโอกาสเล่นเกมจนดึกดื่นแล้วก็ตื่นสายโด่ง แต่เสาร์นี้กลายเป็นว่าร่างโปร่งต้องตื่นมานั่งสัปหงกหน้าชามซีเรียลตั้งแต่ยังไม่แปดโมงดี เพราะคุณคิรากรน่ะสิดันนัดมารับเขาไปฝากครรภ์ตั้งแต่เช้า

แปดโมงครึ่งออดหน้าบ้านก็ดังเหมือนตั้งนาฬิกาเอาไว้อย่างไงอย่างนั้น มะแมที่ยังแปรงฟันไม่เสร็จวิ่งมาเปิดประตูรั้วบ้านให้คนที่ขับรถมารับถึงบ้านทั้งๆ ที่ฟองยาสีฟันยังเต็มปาก

ตั้งแต่ที่เกี่ยวก้อยทำสัญญากันไปเมื่อครั้งก่อน เรื่องหาซื้อยาขับเลือดก็ตกกระป๋องไปเลยสำหรับมะแม ไม่มีการเสิร์ชหาเว็บขายอีกต่อไป

..ก็นะ กลิ่นเงินค่าเทอมมันหอมมาก..

พอมีผู้ใหญ่มานั่งรอกดดันในบ้าน รามิลก็รีบจนเบลอขนาดตอนจะล็อกประตูออกจากบ้านถึงเพิ่งรู้ตัวว่าลืมหยิบโทรศัพท์ไปด้วยต้องกลับเข้าบ้านไปเอาอีกรอบ

ครั้งก่อนๆ ที่เคยนั่งรถเอสยูวีของคิรากรเขาไม่ค่อยจะมีสติอยู่กับเนื้อกับตัวสักเท่าไหร่ ครั้งนี้แมถึงเพิ่งรู้ว่ารถของชายหนุ่มใหญ่กว่ารถเก๋งของป้าเกียงโข แอร์ก็เย็นสดชื่นกว่ารถป้าที่ชอบลืมเปลี่ยนน้ำยาแอร์ด้วย ถ้าทำงานมีเงินเยอะๆ เขาก็อยากจะมีรถคันใหญ่ๆ แบบนี้บ้าง

..แต่ก่อนอื่นก็ต้องขับให้เป็นก่อน

มะแมไม่แน่ใจว่าทำไมคนขับรถถึงต้องพาเขามาฝากท้องไกลถึงขนาดนี้ด้วย จากวิวสองข้างทางที่คุ้นเคยพอนานไปก็เปลี่ยนเป็นถนนชื่อแปลกๆ ที่เขาไม่เคยเห็นมาก่อน ก็แค่ฝากท้องฝากโรงพยาบาลเล็กๆ ปากซอยถนนใหญ่แถวบ้านก็น่าจะได้ไม่ใช่เหรอ

“ง่วงก็นอน” คิรากรดันหัวกลมของเด็กข้างตัวที่โยกขึ้นลงเหมือนอยู่ในคอนเสิร์ตร็อกบังกระจกมองข้างไปหลายทีเพราะเจ้าตัวฝืนถ่างตาไม่ยอมหลับดีๆ ให้พิงกับเบาะ “ไม่ได้จะพาไปขาย เมื่อคืนนอนดึกเหรอ”

“อือ..” พอหัวถึงพนักพิง มะแมก็ขยับตัวหามุมที่นอนสบายซุกหน้ากับเข็มขัดนิรภัยที่พาดตัว

“ทำอะไรถึงนอนดึก อ่านหนังสือสอบ”

“ม่าย.. เล่น อือ.. เกม” ข้อความสุดท้ายก่อนคนที่เมื่อคืนลงแรงค์เพลินถึงตีสามจะหนีไปเข้าเฝ้าพระอินทร์

 

 

 

“ไม่เห็นต้องอัลตร้าซาวน์เลยพี่อ่ะ อย่าเว่อได้ป้ะมันยังไม่เห็นอะไรหรอก ใช่ไหมหมอ” มะแมโวยวายพร้อมกับหาพรรคพวกเมื่อได้ยินร่างสูงบอกว่าจะให้หมออัลตร้าซาวน์ท้องเขาไปด้วยเลยหลังจากที่การตรวจสุขภาพทั่วๆ ไปเสร็จสิ้น

“เอ่อ.. จริงๆ แล้วถ้าคุณพ่ออยากอัลตร้าซาวน์ไว้ก็ไม่เสียหายนะครับ เพราะคุณแม่เป็นโอเมก้าชายเลยนับอายุครรภ์จากประจำเดือนครั้งสุดท้ายไม่ได้ ถ้าอัลตร้าซาวน์จะได้ทราบน่ะครับ รวมไปถึงตรวจดูสภาพความสมบูรณ์ของ Bridge ด้วย” แพทย์สูตินรีเวชวัยกลางคนยิ้มพลางอธิบายให้มะแมฟัง

คิรากรได้ยินอย่างนั้นก็ยักคิ้วให้เด็กข้างๆ อย่างเป็นต่อ

“เชิญคุณแม่เปลี่ยนชุดเลยครับ”

เปลี่ยนทำไม อัลตร้าซาวน์ไม่ใช่แค่เปิดพุงให้หมอเอาเครื่องไถไปไถมาหรอกเหรอ มะแมขมวดคิ้วทำหน้ายุ่งจนคุณหมอต้องอธิบายต่อ “จะตรวจ Bridge ต้องอัลตร้าซาวน์จากทางด้านหลังครับ”

“ฮะ! ”

ได้ยินแค่นั้นปากคนฟังก็อ้าค้าง หมายความว่าเขาจะต้อง.. จะต้องให้หมอเห็นตรงนั้น แล้วก็เอาเครื่องใส่เข้าไปในนั้นด้วยเหรอ

เดินออกมาจากห้องเปลี่ยนชุดด้วยท่าทางหมดอาลัยตายอยาก ตอนขึ้นเตียงเหมือนกับขึ้นเครื่องประหารชัดๆ มะแมอายทั้งหมอทั้งคิรากรจนหน้าแดงเถือกไปหมด โชคดีที่ร่างสูงไม่ได้สนใจจะไปมองครึ่งล่างที่อยู่ใต้ผ้าคลุมของเขา

มะแมย่อคอตอนที่หมอสอดเครื่องมือเข้าไปในร่างกาย รู้สึกตื่นเต้นจนต้องคว้าแขนเสื้อคนข้างๆ ดึงไว้เป็นที่ยึดเหนี่ยวจิตใจ สักพักก็คุณหมอชี้ให้เขาและคิรากรดูภาพที่ปรากฏบนหน้าจอ เด็กหนุ่มขมวดคิ้วเมื่อเห็นว่าหน้าจอมีแต่สีดำๆ เทาๆ ดูไม่เห็นรู้เรื่องว่าจะให้โฟกัสที่ตรงไหนกันแน่

คนอาวุโสที่สุดในห้องชี้นิ้วให้เห็นจุดสีดำเล็กๆ ที่มีสีขาวอยู่ด้านในดูเหมือนไข่ดาวในสายตาแม “ตรงนี้เป็นหัวใจของเด็กกำลังเต้นอยู่เห็นไหมครับ”

จุดที่ว่านั้นเต้นตุบๆ ตามที่คุณหมอบอก หมอชี้ที่กราฟเหมือนคลื่นเสียงด้านล่างแล้วอธิบายต่อ “ส่วนตรงนี้เป็นกราฟคลื่นหัวใจเด็กนะครับ คุณแม่กับคุณพ่อฟังได้ทางหูฟังเลยครับ”

เสียงตึกตักๆ กับภาพจุดขาวๆ ที่เต้นดุ๊บๆ ทำเอาแมปั้นหน้าไม่ถูก ตาเรียวเหลือบมองคิรากรที่จดจ้องกับภาพในจอจนแทบจะสิงเข้าไปอยู่แล้ว ร่างสูงไม่ได้ยิ้มกว้างแต่ก็ดูออกว่าตื่นเต้นดีใจ

แล้วเขาล่ะ ต้องดีใจรึเปล่า ที่หัวใจเต้นแรงแข่งกับเสียงที่ได้ยินอยู่ตอนนี้แปลว่าตื่นเต้นอยู่รึเปล่านะ

“วัดจากขนาดตัวอ่อนแล้วอายุครรภ์ประมาณเจ็ดสัปดาห์แล้วนะครับ”

เกือบสองเดือนแล้วเหรอ ไอ้เจ้าก้อนกลมๆ นี่อยู่กับเขามาเกือบสองเดือนแล้วเหรอเนี่ย รามิลนิ่วหน้าเมื่อรู้สึกว่าขอบตาและปลายจมูกมันร้อนผ่าวชอบกล

“เป็นอะไร กลัวเหรอ” มือใหญ่ขยี้ผมเด็กบนเตียงที่ทำหน้าตาแปลกๆ

“เปล่า”

“เดี๋ยวหมอจะปริ๊นท์ภาพหัวใจให้คุณพ่อกับคุณแม่นะครับ ต่อไปหมอจะขอตรวจหา Bridge” หมอขยับเครื่องไปมาอีกเล็กน้อย พอภาพบนจอเปลี่ยนไปมะแมก็กลับมองไม่รู้เรื่องเหมือนเดิม

“โดยปกติแล้วโอเมก้าชายจะมีส่วนที่เรียกว่า Bridge นะครับ” เสียงนุ่มอธิบายไปพลาง “Bridge หมายถึงทางเชื่อมระหว่างมดลูกกับส่วนด้านหลังของโอเมก้าชายเป็นเหมือนกับช่องคลอด ถ้าคนที่มีช่องทางส่วนนี้สมบูรณ์ดีจะสามารถคลอดเด็กได้ด้วยวิธีธรรมชาติ ส่วนคนที่ Bridge มีขนาดเล็กมากๆ จนไม่สามารถใช้ในการคลอดเด็กได้ก็จะต้องใช้การผ่าคลอดเข้ามาช่วยแทนนะครับ เป็นโชคดีของคุณแม่นะครับดูสิตรงนี้คือ Bridge สภาพสมบูรณ์ดีครับ”

คุณหมอชี้ให้ดูภาพบนจออีกครั้ง แต่ครั้งนี้เขาดูไม่รู้เรื่องได้แต่พยักหน้าเออออไปอย่างนั้น

“แต่ก็ต้องมาลุ้นอีกครั้งตอนใกล้คลอดนะครับว่าเด็กจะตัวใหญ่รึเปล่า เพราะถ้าใหญ่มากหมอก็จะแนะนำให้ผ่าคลอดจะดีกว่า”

หมอถอนเครื่องมือออกจากตัวแมแล้วพูดถึงข้อควรระวังอีกหลายอย่างในช่วงไตรมาสแรกของการตั้งครรภ์ ร่างโปร่งฟังบ้างไม่ฟังบ้างเพราะยังเบลอกับความรู้สึกของตัวเอง เอาไว้คอยถามคิรากรทีหลังก็ได้เพราะคุณพ่อมือใหม่นั้นตั้งใจฟังจบแทบจะหยิบสมุดขึ้นมาจดเล็คเชอร์อยู่แล้ว

จบเรื่องในห้องตรวจมะแมก็ได้กระดาษใบยาวที่มีรูปภาพหัวใจไข่ดาวจากผลอัลตร้าซาวน์สามรูปติดมือออกมาด้วย

“พี่เอาไปไหมเห็นจ้องจนแทบจะมุดเข้าไปในจอ” หมายถึงรูปภาพในมือ

“เราจะไม่เก็บไว้เหรอ” ปากเหมือนจะปฏิเสธ แต่ดูท่าทางแล้วอยากได้มากชัดๆ

“พี่เก็บไว้ก่อนก็ได้” ถ้าคลอดแล้วเขาค่อยขอมาเป็นของดูต่างหน้าก็ได้มั้ง

มะแมกางสมุดเล่มสีชมพูที่คุณหมอให้มาอ่านฆ่าเวลาระหว่างรอคิวจ่ายเงิน สะดุดกับชื่อของคิรากรในนั้น

ถ้าวันนั้นพี่แจนไม่เรียกเขาให้เข้าไปช่วยงาน ชีวิตตอนนี้คงต่างกันจากหน้ามือเป็นหลังเท้า และไอ้ก้อนไข่ดาวก็คงไม่อยู่ในท้องเขาแล้ว

“หิวรึยัง” คนตัวสูงที่นั่งอยู่ข้างๆ ถาม

“ยัง” รามิลเม้มปากอิ่ม เหลือบตามองคิรากรที่จ้องหน้าเขาอยู่ก่อนแล้ว “ถ้า.. ถ้าจริงๆ แล้วเขาไม่ใช่ลูกพี่ พี่จะรักเขาไหมอะ”

“.. รักสิ” คนอายุมากกว่ายืนยันพร้อมมือใหญ่ยื่นมาบีบจมูกเด็กขี้คิดมาก รอยยิ้มอบอุ่นจนร้อนจนคนมองต้องสะบัดหน้าหนีส่งเสียงประท้วง เมินบรรยากาศโรแมนติกที่คิรากรพยายามสร้างเสียสนิท

นั่งอ่านสมุดในมือรอต่อไปอีกไม่ถึงสิบนาทีชื่อรามิลก็ถูกเรียกให้ลุกไปชำระเงิน พนักงานหญิงในชุดขาวยิ้มพร้อมแสดงความยินดีกับคุณแม่มือใหม่ยื่นใบเสร็จค่าฝากครรภ์ให้เขา พอมองดูตัวเลขสี่หลักที่ท้ายกระดาษแล้วปากอิ่มก็อ้าหวอ รีบล้วงเอากระเป๋าสตางค์ตัวเองมานับแบงก์ข้างใน เมื่อเช้าก็ลืมเอาเงินมาเผื่อไปเสียสนิท แล้วใครใช้ให้คิรากรเลือกโรงพยาบาลเอกชนราคาแพงหูฉี่ขนาดนี้กัน

..มีอยู่สามร้อย..

เสียงหัวเราะเบาๆ บนหัวเรียกสายตาเด็กที่กำลังตกใจกับค่าใช้จ่ายในการฝากครรภ์ให้เงยหน้าขึ้นมอง คิรากรดึงใบเสร็จในมือเขาออกไปก่อนจะยื่นแบงก์สีเทาหลายใบให้คุณพี่คนสวย

“ที่บอกว่าอัลฟ่าเก่งกว่าเบต้าทุกเรื่องน่ะรวมไปถึงเรื่องนั้นด้วยรู้ไหม” เอ่ยเสียงเบาชิดใบหูให้ได้ยินกันแค่สองคนเท่านั้นว่าแต่ทำไมต้องทำเสียงแหบเซ็กซี่ด้วยวะ มันจั๊กจี้หูชะมัด

“...”

“เพราะฉะนั้นต่อให้เราถามอีกล้านรอบพี่ก็จะบอกว่าพี่มั่นใจว่าลูกพี่แน่ๆ พี่จ่ายเองครับ”

 

 

 

แผนที่วางเอาไว้ว่าจะไปทำงานที่ร้านหลังจากเสร็จธุระที่โรงพยาบาลในช่วงเช้าถูกพับเก็บไปเมื่อการตรวจใช้เวลานานกว่าที่คิดไว้มาก และแทนที่คิรากรจะขับรถพาเขากลับไปส่งบ้านกลับกลายเป็นว่าร่างสูงเลี้ยวรถเข้าจอดในห้างสรรพสินค้าข้างคอนโดมิเนียมที่มะแมจำได้ว่าเคยมานอนค้างอยู่ค่อนคืน ชวนเขาไปเดินดูหนังสือสำหรับคุณพ่อคุณแม่มือใหม่แทน

“ลาให้แล้ว” คริษฐ์ตอบคำท้วงแมที่ว่ายังไม่ได้ลางานกับพี่แจนเลย มือใหญ่ยื่นหนังสือให้เด็กข้างๆ พิจารณาต่อ “เล่มนี้ดีไหม”

มะแมรับมาเปิดอ่านแล้วส่ายหน้าก็หนังสือเล่มที่ยื่นมาให้มันเป็นภาษาอังกฤษทั้งเล่ม แถมศัพท์ยังยากเกินกว่าเด็กอายุแค่สิบเจ็ดอย่างเขาจะเข้าใจได้หมด “เอาแบบที่อ่านง่ายๆ มีรูปเยอะๆ ” หยิบหนังสือปกแข็งสีสันสดใสแถมยังมีรูปการ์ตูนมาแทน

“เล่มนั้นก็ดูเข้าใจง่ายดี น่ารักด้วย” คิรากรรวบทั้งสองเล่มมาถือเอง “แต่เล่มนี้ละเอียดดีพี่เอาไว้อ่านเองแล้วเดี๋ยวแปลให้ฟัง”

สรุปแล้วกว่าจะได้ออกจากร้านหนังสือ คิรากรก็มีหนังสือในอ้อมแขนเพิ่มอีกสามเล่ม หมดค่าเสียหายไปอีกมากโข แถมเด็กที่มาด้วยก็หิวก็ท้องร้องโครกครากประท้วง

“อยากกินอะไร” ร่างสูงมองมะแมที่ลูบท้องแบนราบใต้เสื้อยืดลายกราฟฟิคแบบที่เด็กวัยรุ่นชายชอบใส่กันป้อยๆ ถ้าไม่มีผลตรวจมายืนยันคงไม่เชื่อว่าคนคนนี้จะท้องได้เกือบสองเดือนแล้วจริงๆ

แมมองร้านอาหารญี่ปุ่นเกาหลีฝรั่งที่เปิดเรียงรายแล้วกลืนน้ำลายดังเอื้อก แต่กลับถามคนโตกว่าไปว่า “พี่กินฟู้ดคอร์ทเป็นไหมอ่ะ”

“เป็นสิ แต่ที่มองร้านพวกนั้นตาละห้อยนี่คืออะไร” คิรากรเย้า

“เรามีอยู่สามร้อยอะ” กะพริบตาปริบๆ ขอความเห็นใจเงินในกระเป๋าถ้าจะต้องหารค่าข้าว เมื่อกี้ที่จ่ายค่าฝากครรภ์กับค่าหนังสือให้คงเพราะเด็กในท้อง แต่เรื่องปากท้องเขาไม่น่าจะเกี่ยวกันใช่ไหม

“ก็พี่เลี้ยงไง” มือใหญ่ดึงแขนแมให้เดินตาม “กินชาบูแล้วกันเด็กรุ่นเธอน่าจะชอบ”

รีบก้าวตามเลยอย่างนี้ เลี้ยงชาบูหัวละหกร้อยอย่างนี้ใครจะไม่ชอบบ้าง

..อิ่มจัง ตังค์อยู่ครบ วู้! ..

 

 

 

“จะถามตั้งนานแล้ว..” คิรากรวางตะเกียบในมือเท้าคางมองแมที่เพลิดเพลินกับการคีบเนื้อขึ้นจากหม้ออยู่อีกฝั่งของโต๊ะอาหาร

สูดเส้นอุด้งยาวในชามเข้าปากรวดเดียวแล้วซดน้ำซุปร้อนๆ ตบท้ายก่อนจะตอบคำถามของเจ้าภาพ “ว่า”

ตาคมมองกองจานพะเนินสูงเท่าหัวเด็กตรงหน้าพนักงานเสิร์ฟจะมาเก็บทีต้องแบ่งเดินสองรอบ “กินเป็นยัดนุ่น เอาไปเก็บไว้ตรงไหนตัวก็แค่เนี้ย”

“แหะ พี่ถามเหมือนครูเจษเลย ครูก็ชอบบอกว่า.. อะ! ” คนลืมตัวเผลอพาดพิงถึงบุคคลที่สามหยุดปากเมื่อนึกขึ้นได้ ตะเกียบในมือถูกยกขึ้นมากัดไม่รู้ว่าคิรากรจะรำคาญรึเปล่าถ้าพูดถึงครูเจษบ่อยๆ หรือจะว่ารึเปล่าว่าเขาเป็นเด็กไม่ดีตัดใจจากสามีชาวบ้านไม่ได้สักที “ขอโทษ เราเผลออะ”

“เล่าเรื่องที่บ้านให้ฟังหน่อยสิ” กลายเป็นว่าอีกคนเมินหน้าตาสำนึกผิดของเขาซะงั้นแถมยังคีบเนื้อมาใส่ในถ้วยเพิ่มให้อีก

“ที่บ้านเราเหรอ” เกริ่นก่อนจะส่งชิ้นเบคอนเข้าปากเคี้ยวหยับๆ จนหมดแล้วค่อยตอบคำถาม “ก็...เราอยู่กับป้าแล้วก็ลูกพี่ลูกน้องคนหนึ่ง แต่ตอนนี้อยู่คนเดียวแล้วเพราะป้าย้ายไปอยู่ชลบุรี บ้านก็กำลังประกาศขายอยู่”

“แล้วถ้าป้าขายบ้านแล้วจะไปอยู่ไหน”

“ก็ไปอยู่หอ” แมคีบลูกชิ้นในหม้อต้มใส่ชามของคริษฐ์บ้าง “อันนี้อร่อย พี่ลองๆ ”

“อืม อร่อย ไม่กลับไปอยู่กับพ่อแม่เหรอ” เขาเข้าใจว่ามะแมคงมาอาศัยกับป้าชั่วคราวเพื่อเรียนในตัวเมือง

“ไม่มีให้กลับอะ แม่เราเสียแล้ว ส่วนพ่อเราไม่มี” เด็กตัวผอมตอบหน้าตาเฉยแต่คนฟังสะอึก

“ขอโทษ ไม่รู้ว่า..”

“ไม่เป็นไร แม่เราเสียไปสามสี่ปีแล้ว เขาก็มีเราตอนยังเรียนไม่จบเหมือนกันประมาณสิบเก้ายี่สิบมั้งแล้วก็ไม่ได้เรียนต่อจนจบอะ แม่ทำงานหาเงินมาเลี้ยงเราหนักมากแต่ก็ได้เงินนิดเดียวเองมันลำบากอะเราไม่อยากให้ตัวเองเป็นแบบนั้นก็เลยมีความคิดอยากจะเอาออก” รามิลเหลือบมองสีหน้าคนตรงหน้าแล้วก็รีบปฏิเสธพัลวัน “แต่ตอนนี้ไม่คิดแล้วนะดีลแล้วค่าเทอมสี่ปี แฮ่”

“อือฮึ ดีมาก แล้วทำไมอยากเป็นปาตีซิเย่ล่ะ”

“ทำงานที่คาเฟ่แล้วพี่แจนชอบแบ่งขนมให้กิน พี่แจนเวลาทำขนมแล้วดูโคตรมีความสุขเลยพอพี่เขาสอนทำเมนูง่ายๆ ก็ชอบอยากทำได้อีกเยอะๆ แล้วทำไมเราโดนถามอยู่คนเดียวล่ะ”

“ให้พี่เล่าบ้างเหรอ” คิรากรยิ้มขำคนที่พยักหน้าจนหัวโยก “ก็ที่บ้านมีแม่กับป้าแม่บ้านแล้วก็แมวสามตัว”

“มีแมวด้วยเหรอ เราโคตรชอบแมว พี่มีรูปให้ดูป้ะ ชื่อไรมั่งอะ” พอพูดถึงแมวคนเป็นทาสแมวก็ตื่นเต้นใหญ่

รูปแมวสองตัวนอนกอดกันส่วนอีกตัวหนึ่งนั่งอยู่ไกลๆ ถูกส่งมาให้ดู แมซูมรูปดูหน้าแมวทีละตัวตาเป็นประกาย "เป็นแมวของแม่น่ะ ตัวสีดำขาวอ้วนๆ ชื่อโอริโอ้ ตัวขนยาวเป็นเมนคูนชื่อบิสกิต แล้วก็วิเชียรมาศชื่อคุณนาย”

“น่ารัก! เราอยากเลี้ยงแมวแต่ว่าป้าแพ้ขนแมวอะก็เลยอดแล้วก็ไม่มีตังค์จะเลี้ยงด้วย”

สมาร์ตโฟนของคิรากรโดนยึดไปให้เด็กทาสแมวเลื่อนดูรูปแมวของคุณเคทไปมาไม่มีท่าว่าจะเบื่อ มืออีกข้างหนึ่งถือโทรศัพท์มืออีกข้างก็ยังคีบอาหารเข้าปากรัวๆ โชคดีสำหรับเขาที่ร้านนี้เป็นบุฟเฟ่ต์แต่คงเป็นโชคร้ายของร้านที่เขาพาเด็กนี้มากิน

"เล่าเรื่องที่บ้านพี่ต่อสิ"

"อืม.. ก็พ่อพี่เสียแล้วตั้งแต่พี่เด็กๆ เหมือนกัน แม่พี่เป็นซิงเกิ้ลมัมเลี้ยงลูกไปด้วยเปิดร้านขนมไปด้วย เป็นผู้หญิงเก่งแหละแล้วก็ดุมากด้วย" เขาเว้นจังหวะมองหน้าเด็กที่ยังจ้องจอโทรศัพท์ในมือแต่ดูก็รู้ว่าตั้งใจฟัง "แต่พี่ว่าเขาจะชอบเรานะ แต่คงไม่ใช่ตอนแรกเพราะเขาชอบคนเรียบร้อย แต่เราน่ะดูเกเรมาก"

มะแมเบะปากใส่คิรากรที่หัวเราะขำ

“ลูกคลอดออกมาต้องอ้วนแน่ๆ " ร่างสูงว่า

“หื้อ ก็คนมันหิวเมื่อเช้ากินไปนิดเดียวเอง” คนโดนแซวอ้อมๆ ว่ากินเป็นยัดนุ่นหูแดง “แล้ว.. พี่ชอบเด็กผู้หญิงหรือเด็กผู้ชายมากกว่า”

“อืม ยังไงก็ได้” เลือกไปทำไม แค่มีผู้หญิงคนผู้ชายอีกสักคนซะก็สิ้นเรื่อง

มะแมมองคนที่แสยะยิ้มเหมือนคิดอะไรแปลกๆ กับตัวเองงงๆ “อ้อ..แต่ถ้าเป็นอัลฟ่าหรือเบต้าก็คงจะดี”

“เป็นโอเมก้าก็ได้ เพราะถ้าเป็นโอเมก้าก็คงน่ารักเหมือนเรา”

โทรศัพท์มือถือของคิรากรโดนปากลับมาตกลงบนตักพอดี คนเขวี้ยงหน้าแดงถึงใบหูจนเห็นได้ชัดทั้งๆ ที่ผิวสีคาราเมล “บ.. บ้า! ”

 

 

******************************

 

 

ตอนนี้เบาๆ ให้คุณคิเขาได้หยอดเล็กหยอดน้อย

ส่วนตอนหน้าครูเจษคัมแบ็ค นางกลัวโดนลืมว่าเป็นตัวหลักเหมือนกัน อยากให้ทุกคนเตรียมหินมาเขวี้ยงหัวครูกันนะคะ



#คุณคิหลงน้อง


ออฟไลน์ piakunaa

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 106
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +38/-0

ออฟไลน์ อัญญอหญิง ชันนอหนู

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 12
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
9: การกลับมาของเจษฎา
[/b]


วันจันทร์มาถึง รามิลตื่นนอนเวลาปกติ แพ้ท้องจนอ้วกในห้องน้ำเป็นปกติ มาโรงเรียนเหมือนกับปกติ แต่สิ่งที่ไม่ปกติคือไอ้เพียวที่ปกติแล้วไม่เคยจะโผล่หัวมาทันเข้าแถวเคารพธงชาติวันนี้กลับมาถึงโรงเรียนเช้ากว่าเขาเสียอีก ผิดปกติสุดๆ

เด็กตาตี่หรี่ตามองหน้าเพื่อนที่ทำตัวแปลกประหลาดตั้งแต่เช้า

..มองจากดวงจันทร์ยังดูออกเลยว่าอยากเสือก..

“เพื่อนแม เราซื้อน้ำเต้าหู้มาฝาก ร้านนี้อร่อยม๊ากมาก เจ้มจ้นสุดๆ ” เพียวยื่นน้ำเต้าหู้ใส่แก้วพลาสติกจากโรงอาหารให้กับเขา ที่หายหัวไปทันทีหลังเข้าแถวเสร็จก็คือวิ่งไปเอาแก้วมานี่เอง

เพียวเขยิบเข้ามากระซิบประโยคต่อไปเบาๆ กลัวว่าเพื่อนคนอื่นจะได้ยิน “เขาว่าดีกับคุณแม่ด้วย นี่คือเพื่อนใส่ใจ”

แมดันหน้าน่ารักของเพื่อนออกไปไกลๆ คว้าแก้วน้ำเต้าหู้มาดูดรวดเดียวจนน้ำแห้ง เทเครื่องเข้าปากเคี้ยวจนแก้มป่อง “ดูไม่ออกเลยว่าอยากรู้เรื่องวันเสาร์”

“อุ๊ย! เพื่อนแมเก่งจัง” เพียวยกมือขึ้นปิดปากท่าทางสะดีดสะดิ้ง “รู้แล้วก็รีบๆ บอกมาสิ อย่ามาเล่นตัว คิดว่าง้อเหรอ”

“แล้วไม่ง้อเหรอ”

“ง้อจ้า แฮ่” ยกมือขึ้นบีบนวดไหล่เอาใจเพื่อนไปอีก

เรื่องของคุณคริษฐ์ถูกแมเล่าให้เพื่อนสนิทฟังตั้งแต่สามวันแรกหลังจากที่ได้เจอกันโดยบังเอิญ ตอนแรกก็กะเอาไว้ว่าจะเก็บไว้เป็นความลับวักพักหนึ่งนั่นแหละ แต่เพียวดันมาเห็นแจ้งเตือนข้อความไลน์บนหน้าจอที่คิรากรส่งเข้ามาพอดี ชื่อคนส่งที่ไม่คุ้นหูแถมยังเป็นบทสนทนานุ่มๆ แบบที่คุณเขาชอบพูดชอบพิมพ์ มะแมเลยโดนเพื่อนซักเสียจนขาวสะอาด

หลังจากนั้นเพียวก็ถามเขาเรื่องของคิรากรบ่อยๆ แถมยังดูชอบอีกฝ่ายเสียจนออกนอกหน้า

“ไหนอ่ะรูปหลานกู ไหนบอกว่าทำอัลตร้าซาวน์ด้วย” เพียวกวักมือขอดูรูปยิกๆ

“มีแต่รูปที่ถ่ายมาอะกูให้พี่เขาเก็บรูปไป ตอนนี้ยังเป็นก้อนเหมือนไข่ดาวอยู่เลย” แมว่าพลางหยิบมือถือขึ้นมาเปิดรูปที่แอบถ่ายเอาไว้ให้เพื่อนสนิทดู แอบทำน้ำเสียงอวดหน่อยๆ โดยไม่รู้ตัว

“งุ้ย เหมือนไข่ดาวจริงด้วยว่ะ” เพียวขำกับคำอธิบายของเพื่อนก่อนจะกระแซะตัวเข้าไปใกล้กว่าเดิม ชนไหล่กับไหล่ของอีกฝ่าย “แล้ว… คุณพ่อของหลานล่ะเป็นยังไงบ้าง”

..แหนะ..

แต่มะแมไม่ใช่คนชอบมีลับลมคมในกับเพื่อนถ้าไม่ใช่เรื่องที่บอกไม่ได้จริงๆ มีแค่เรื่องของครูเรื่องเดียวเท่านั้นแหละที่ปิดไม่ให้เพียวรู้มาได้ตั้งนาน “เขาก็ดูดีใจอะดีใจแบบเพี้ยนๆ ยังไม่รู้เลยว่าลูกตัวเองจริงเปล่า แล้วก็ใจดีด้วยเลี้ยงบุฟเฟ่ต์กูตั้งหัวละหกร้อย แถมยังซื้อหนังสือคู่มือคนท้องมาให้อ่านด้วย”

“บุฟฟเฟ่ต์หกร้อยลาภปากจังวะมึง เขาน่าจะอยากมีลูกป้ะ”

“ก็ดูรักเด็กนะตอนอยู่ในร้านมีเด็กอยู่โต๊ะข้างๆ ก็ชอบหันไปยิ้มให้”

“คนนี้กูเชียร์! เป็นหุ้นส่วนคาเฟ่กูขอโมเมว่ารวย รักเด็ก อยากมีครอบครัว สายเปย์อีก ดีกว่านี้ไม่มีแล้วไหมวะ”

“ติดตรงเขาไม่ได้จะเอากูไง” แมขำแห้งกับคำเชียร์สุดตัวของเพื่อน

“เอ๊ะ ยังไง กูงง”

มะแมยักไหล่

“เอ่อ… แม เพียว ช่วยกรอกแบบสอบถามให้หน่อยสิ” ถือว่าจบศึกเมื่อหัวหน้าห้องเดินเข้ามา เพียวไม่มีโอกาสได้ไล่บี้ถามเขาต่อ

รามิลละสายตาจากหน้าเพื่อนไปมองหน้าพลอย หัวหน้าห้องเบต้าหญิงที่ยืนยิ้มอยู่ข้างโต๊ะ เธอสะดุ้งนิดหน่อยตอนที่สบตากับเขาแต่ยังฝืนให้ยิ้มประดับบนหน้า

พลอยเป็นคนที่แมคิดว่าประหลาด เป็นเด็กผู้หญิงตัวเล็กเหมือนเด็กชั้นมัธยมตอนต้นสวมแว่นกลมอันใหญ่บังหน้าไปครึ่งหนึ่ง แล้วยังชอบมาชวนเขากับเพียวคุยด้วยทั้งๆ ที่ก็ดูออกว่ากลัวอยู่ชัดๆ

“เอามาสิ” หยิบกระดาษมาจากมือพลอยมา ส่งต่อให้เพียวหนึ่งแผ่นส่วนของตัวเองก็ยกขึ้นอ่าน “อะไรอะ แบบสอบถามเส้นทางอนาคต..”

“แมอยากเรียนต่อเชฟใช่ไหมเราจำได้” เขาคงเคยเล่าไปสักวันที่เธอมานั่งคุยด้วยล่ะมั้งเธอถึงรู้

เด็กผิวเข้มจ้องกระดาษตรงหน้าหน้าเครียด ก็จริงอยู่ที่เขาสัญญาปากเปล่ากับคิรากรไปแล้วว่าค่าเทอมสี่ปีแลกกับเอาเด็กในท้องไว้ ตอนแรกก็ไม่ได้รู้สึกอะไรหรอกที่จะต้องยกลูกตัวเองให้คนอื่นไปดูแล แต่พอเห็นภาพหัวใจเล็กๆ ที่เต้นตอนอัลตร้าซาวน์แล้วมันก็รู้สึกโหวงๆ อย่างไรไม่รู้

“อื้อ” ฉีกยิ้มแข็งๆ ให้ไปเธอก็ยิ้มตอบกลับแล้วเดินไปแจกนักเรียนโต๊ะอื่นต่อ

เพียวมองดูเพื่อนที่ทำเครื่องหมายกากบาทในช่องต้องการศึกษาต่อในระดับอุดมศึกษาแล้วอดถามไม่ได้ “คลอดแล้วจะเรียนต่อเลยเหรอ แล้วลูกอ่ะ”

แมเมินคำถามเพื่อนสนิททำเป็นเหมือนว่าใจจดจ่อกับเอกสารในมือจนไม่ได้ยิน

ถึงจะบอกว่าไม่ชอบมีลับลมคมในกับเพียว แต่เขายังไม่พร้อมจะบอกเพื่อนเรื่องนี้ อย่างน้อยก็ไม่ใช่เร็วๆ นี้

 

 

 

“มึง กูไปฉี่แป๊บ” มะแมใช้ศอกสะกิดเพื่อนข้างตัวก่อนจะลุกขึ้นยกมือขออนุญาตครูที่กำลังสอนอยู่ออกไปเข้าห้องน้ำ

ตอนที่เดินมาจนถึงห้องน้ำชายชั้นสองก็ต้องร้องอ้าวเพราะป้ายที่แขวนว่าห้องน้ำเสีย

แมเกาหัวแกรกๆ ตอนนี้เขาเรียนอยู่ชั้นบนสุดของตึกที่มีสามชั้น ถัดลงไปหนึ่งชั้นเป็นห้องน้ำครู นั่นหมายความว่าตัวเลือกสุดท้ายก็คือห้องน้ำชั้นหนึ่งที่อยู่หลังโรงยิมอาคารสาม สถานที่ในความทรงจำ

ถึงจะไม่ค่อยอยากผ่านแถวนั้นคนเดียวแล้ว แต่ว่าคิดอีกทีคงไม่บังเอิญเจอครูเจษหรอก ในเมื่อที่ตั้งแต่สองอาทิตย์ก่อนอีกฝ่ายยังหลบหน้าหลบตาเขาจะเป็นจะตาย คาบพละของอาทิตย์ก่อนก็ยังไม่เข้าสอนปล่อยเป็นคาบว่างด้วยซ้ำไป

น่าตลกดีที่ครูเจษทำเหมือนกับว่ากลัวเด็กอายุสิบเจ็ดคนหนึ่งอย่างเขาขนาดนี้

ทำธุระส่วนตัวเสร็จร่างโปร่งก็รีบล้างมือ ไม่ใช่เพราะว่าต้องการรีบกลับขึ้นไปเรียนต่อแต่เป็นเพราะกลิ่นไม่พึงประสงค์ของห้องน้ำหลังตึกนี้มันเกินจะเยียวยาต่างหาก

“แม”

เสียงทุ้มเรียกให้ได้ยินเบาๆ จากทางด้านหลังมองผ่านกระจกเงาตรงหน้าเขาเห็นครูเจษกำลังยืนอยู่นอกห้องน้ำห่างไปไม่มาก

ตอนมาไม่เจอเป็นต้องเจอตอนกลับทุกทีสิน่า พอตอนอยากเจอกลับไม่เคยได้เจอ แต่ตอนไม่อยากเห็นหน้าอย่างนี้จะโผล่มาทำไมกัน

แมไม่อยากยอมรับ แต่ว่าความจริงแล้วเขายังรู้สึกกับครูอยู่ ถึงแม้ว่าช่วงนี้จะน้อยลงจนเหมือนน้ำในทะเลที่คลื่นลมสงบเพราะมีเรื่องอื่นมารบกวนความสนใจ แต่การได้เจอหน้ากันตอนนี้มันก็เหมือนกับมีคลื่นยักษ์เข้าซัดยิ่งทำให้ตัดใจได้ลำบาก

“...” มะแมไม่ตอบกลับเสียงเรียกชื่อตัวเอง เขาปิดก๊อกน้ำที่อ่างล้างมือหันหน้าไปเผชิญกับเจษฎา

“เมื่อกี้ครูเห็นหลังไวๆ จากในห้องพักครูเลยเดินตามมา” ครูหนุ่มใหญ่พูดเหมือนไม่เคยมีเรื่องราวอะไรเกิดขึ้นทั้งนั้น

รามิลนิ่วหน้า “ตอนนี้อยากคุยกับแมแล้วเหรอ”

“โถ่.. แม” เจษฎาครางเสียงอ่อน “แล้วเป็นยังไงบ้าง”

ถึงครูเจษจะไม่ได้ระบุชัดเจนว่าหมายถึงอะไรที่เป็นอย่างไรบ้าง แต่สายตาที่จับจ้องมาที่หน้าท้องทำให้มะแมยกมือขึ้นกุมท้องในทันทีเหมือนกับเป็นสัญชาตญาณปกป้องลูกของโอเมก้า

"ครูคิดถึงแมจัง ไม่เจอกันตั้งสองอาทิตย์ได้ไหม"

"...." คำว่าคิดถึงจากครูทำเอาคนฟังต้องตาร้อนผ่าว

“ครูมาคิดๆ ดูแล้วครูก็ทำไม่ถูกเองแหละ” เจษฎาก้าวเข้ามาจับต้นแขนเรียวเอาไว้ แต่เด็กหนุ่มสะบัดไหล่ออกจากการเกาะกุม “ครูขอโทษนะ เรามาช่วยกันหาทางออกดีไหม”

ร่างบางทำเสียงขึ้นจมูก คำพูดของครูน่าตลก “ยังไง”

“ครูหาคลินิกที่หนึ่งไว้ แล้วเดี๋ยวครูให้เงินแมไปเอาออกไง” ครูพละยิ้ม พยายามโน้มน้าวเด็กตรงหน้าให้คล้อยตามความคิดของตัวเอง “มันไม่น่ากลัวหรอก แมจะได้ไม่ต้องลำบากแล้วเราก็มาเริ่มต้นกันใหม่”

ขาเรียวก้าวถอยออกห่างจากร่างหนาเมื่อได้ยินคำพูดที่หลุดจากปากอีกฝ่าย

เขาไม่คิดมาก่อนว่าครูจะพูดแบบนี้ ถึงเมื่ออาทิตย์ก่อนเขายังมีความคิดแบบเดียวกันนี้ถึงขนาดเสิร์ชหาซื้อยาจากในอินเทอร์เน็ต แต่ว่ากับครูเจษที่มีลูกสาวฝาแฝดสองคนกับภรรยา คนที่เขาคิดว่ารักครอบครัวมากๆ แบบนั้นกลับบอกให้เขาเอาเด็กในท้องที่อาจจะเป็นลูกของตัวเองก็ได้ออกได้หน้าตาเฉยอย่างนี้

ไม่อยากจะเชื่อหูตัวเองเลย

ถ้าไม่อยากรับผิดชอบแล้วก็ปล่อยเขาไปสิ ไม่มายุ่งเกี่ยวกันอีกยังจะดูดีซะกว่า

“ไม่!”

“แมคิดดูดีๆ ก่อนได้ไหม”

“คิดแล้ว!” ขึ้นเสียงใส่ทั้งๆ ที่เสียงสั่น ร่างโปร่งสูดจมูกก่อนจะพูดต่อไป “ครูจำอัลฟ่าคนที่ครูกล่าวหาได้ไหม แมเพิ่งเจอเขาแล้วเขาบอกว่าจะรับผิดชอบเอง ทีนี้ครูก็ไม่ต้องห่วงแล้วแค่ไม่ต้องมายุ่งกันอีกก็พอ”

เหมือนจะเป็นทางออกที่ดี แต่ไม่ดีพอสำหรับเจษฎา จริงอย่างที่มะแมเคยว่าถึงเบต้าจะมีโอกาสน้อยมากแต่มันก็ยังมี บางครั้งเขาเองก็ไม่ได้ใช้ถุงยางอนามัยกับเด็กตรงหน้า ถ้าหากเด็กเกิดออกมาแล้วกลายเป็นลูกเขาเองล่ะก็มันอาจกลายเป็นงูที่ขว้างไม่พ้นคอกลับมาฉกเขาอีกได้

เรื่องของเขากับมะแมจะให้ภรรยารู้ไม่ได้เด็ดขาด

เพื่อให้แน่ใจว่าจะไม่เกิดเหตุการณ์แบบนั้นแน่ในอนาคต เจษฎาต้องการให้แมทำแท้งเท่านั้น

“แมแน่ใจได้ยังไงว่าไอ้นั่นจะไม่หลอกแม” เจษฎาเกลี้ยกล่อมร่างบาง “ถ้ามันเกิดเปลี่ยนใจไม่รับผิดชอบขึ้นมาแล้วแมจะทำยังไงต่อ ตอนนั้นแมก็จะเป็นเหมือนแม่แมที่เคยเล่าให้ครูฟังนะ”

"..."

"ถ้ามันทิ้งแมแล้วใครจะดูแลแมกับลูกล่ะ ถ้าแมต้องออกจากโรงเรียนไปทำงานหาเงินแล้วใครจะดูแลลูกให้แมล่ะ แมคิดให้ดีนะ" เจษฎาย้ำความกลัวของเด็กหนุ่มได้ตรงจุด ขยี้ซ้ำๆ ที่ตรงนั้นจนน้ำตาคนฟังร่วงเผาะ

“...”

“เชื่อครูนะทำแท้งแล้วทุกอย่างจะเป็นเหมือนเดิม"

มะแมยืนฟังเจษฎาทั้งสะอื้น

"แล้วเราสองคนจะกลับมาเป็นเหมือนเดิมไง ครูรักแมน….”

ไม่รอให้ครูเจษได้พูดคำว่ารักปลอมๆ นั่นจนจบประโยค ร่างบางโกรธจนเลือดขึ้นหน้า เขาไม่รู้ว่าเมื่อก่อนเคยหลงรักคนแบบนี้จนหัวปักหัวปำขนาดนั้นไปได้อย่างไร

มือเรียวคว้าเอาขวดพลาสติกใส่สบู่เหลวที่วางอยู่ข้างอ่างล้างหน้าขว้างใส่หน้าคุณครูหนุ่มใหญ่ที่ไม่ทันได้ตั้งตัว

"โอ๊ย! แม ครูเจ็บนะ! " ร่างบางอาศัยจังหวะที่ครูร้องโอดโอยว่าทำอะไรน่ะวิ่งหนีออกจากห้องน้าหลังอาคารสาม

ห้องเรียนไม่ใช่ที่ที่เขาอยากไปในตอนนี้ มะแมทิ้งตัวลงบนเก้าอี้ริมสนามที่ปลอดคนและไกลจากอาคารสามพอสมควร นั่งปาดน้ำตาที่หยดแหมะๆ เพราะความโกรธสุดขีด ไม่สนใจด้วยว่าเด็กนักเรียนที่เดินผ่านไปผ่านมาตรงนี้จะสงสัยหรือเปล่าว่าเขาเป็นบ้าอะไรถึงมานั่งร้องไห้คนเดียวตรงนี้

คำพูดที่ครูบอกทำให้แมคิดมาก มันก็จริงอย่างที่ครูว่าเขาจะเชื่อใจคิรากรได้อย่างไรในเมื่อที่เราเพิ่งรู้จักกันได้แค่สองอาทิตย์เท่านั้นเอง

โทรศัพท์มือถือเครื่องเก่าในกระเป๋ากางเกงถูกหยิบขึ้นมาเพื่อเข้าแอปพลิเคชันสีเขียว ช่องแชทของเขากับคิรากรยังอยู่ที่ตำแหน่งบนสุดเพราะอีกฝ่ายเพิ่งทักมาเมื่อเช้านี้เพื่อถามไถ่อาการในวันนี้

 

Maemaemae: พี่

Maemaemae: พี่จะไม่ผิดสัญญาแน่ๆ นะ

 

รอไม่ถึงห้านาทีข้อความที่เขาส่งไปก็ขึ้นว่าอ่านแล้ว คิรากรพิมพ์ตอบกลับมาในทันที

 

Krist: หือ?

Krist: ไม่ผิดครับ

Krist: เป็นอะไร มีใครพูดอะไรมารึเปล่า

 

เหมือนโดนน้ำเย็นๆ มาสาดดับไฟที่ลุกบนหัวรามิล คนอ่านข้อความอารมณ์เย็นลงไปนิดหน่อยแต่ก็ยังโมโหอยู่ดี

 

Maemaemae: พี่ห้ามโกหกเรานะ ไม่งั้นเราจะแช่งพี่เช้าเย็นทุกวัน

Maemaemae: แช่งพร้อมกับที่แช่งครูแม่ง พูดจริงๆ นะ

Maemaemae: ก็เมื่อกี้เราเจอครูเจษอะ

Krist: แล้วเขาว่าอะไรเราครับ

 

นิ้วเรียวจิ้มหน้าจอพิมพ์เล่าเรื่องตั้งแต่ต้นจนจบให้อีกฝ่ายฟัง แมเป็นคนที่ยิ่งโกรธยิ่งพิมพ์ไว ไวเสียจนคิรากรตอบกลับไม่ทันได้แต่อ่านเงียบๆ เท่านั้น

 

Krist: อย่าไปฟังเขา

Krist: โอริโอ้บอกว่าอย่าโมโห



 

รูปแมวขาวดำตัวอ้วนกลมที่คิรากรส่งมา ทำเอาคนที่กำลังเดือดใจอ่อนยวบแต่ปากยังแข็ง

 

Maemaemae: เราเปล่าโมโห เราแค่เล่าให้ฟังเฉยๆ เหอะ

 

เด็กทาสแมวแอบกดเซฟรูปภาพที่ร่างสูงส่งมาให้เงียบๆ ได้ระบายจนสบายใจแล้วก็กลับไปเข้าห้องเรียนต่อได้แล้ว

"ไปฉี่หรือไปแบกหินแบกปูนสร้างห้องน้ำวะมึง สภาพดูไม่ได้" พอโผล่หน้าเข้าห้องมาเพียวก็ทักเขาที่หนีหายไปจนหมดคาบเรียน แถมกลับมายังตาแดงอีกต่างหาก

วิชาต่อไปถูกปล่อยเป็นคาบว่าง เป็นเรื่องธรรมดาของเด็กนักเรียนชั้นปีสามเทอมสองที่ใกล้ถึงเวลาสอบเข้ามหาวิทยาลัย ฝึกงานก็จบไปแล้วเมื่อเทอมก่อน ครูวิชาต่างๆ ก็แทบไม่เหลืออะไรจะสอนเด็กแล้วนอกจากปล่อยเป็นคาบว่างลูกศิษย์ได้มีเวลาอ่านหนังสือเตรียมสอบเข้ากัน เพื่อนคนอื่นๆ พากันแยกย้ายไปตามสนามโรงเรียน โรงอาหาร หรือห้องสมุด เหลือก็แต่เพียวที่นั่งรอเขากลับมาเนี่ยแหละ

"ไปเจอครูเจษ" คำตอบของแมทำเอาเพื่อนตาเหลือกเมื่อได้ฟัง

"ฮะ! ได้ไง แล้วเขาทำอะไรมึงรึเปล่า" เพียวจับตัวเพื่อนหมุนๆ ดูสภาพว่าครบสามสิบสองหรือเปล่า

"เปล่ามึง แต่เขาปากหมาแล้วก็เหี้ยมากจนกูตัดใจได้แล้วตั้งแต่วันนี้เลย" มะแมเล่าเรื่องที่เพิ่งเจอมาในห้องน้ำให้เพียวฟัง

"โห เหี้ยจริงจัง ไม่น่าเชื่อเลยว่ะ เมื่อก่อนกูอุตส่าห์คิดว่าเขาเป็นครูที่โคตรดี" เพียวเป็นเดือดเป็นร้อนแทนเพื่อนสนิทคนเดียว ทำท่าเหมือนว่าอยากจะซัดหน้าครูซักตั้งทั้งๆ ที่ดูจากขนาดตัวแล้วครูคงรู้สึกเหมือนโดนลูกหมาชิวาว่าวิ่งชนเท่านั้น

กลายเป็นแมต้องมาปลอบให้เพื่อนสนิทใจเย็นลงแทนได้ยังไงเนี่ย

โทรศัพท์ที่วางลงบนโต๊ะนักเรียนไม้สั่นหนึ่งครั้งเป็นสัญญาณเตือนว่ามีข้อความเข้า มะแมมือไวไม่ทันเพื่อนที่นั่งหันหน้าเข้าหามือถือเครื่องนั้นพอดี เพียวชิงหยิบโทรศัพท์ตรงหน้าขึ้นอ่านแจ้งเตือนข้อความไลน์ที่ขึ้นมาบนหน้าจอ

"ไลน์จากคุณพี่คริษฐ์ว่ะเขาบอกว่า ถ้ายังไม่หายโมโหคืนนี้มาเล่นกับโอริโอ้ที่ห้องพี่ไหม" เพียวอ่านออกเสียง ไม่วายจะหันหน้ามาถามมะแมที่ฟังแล้วยกมือขึ้นปิดหน้าปิดตาหลบหน้าเพื่อนใหญ่

"กูไม่เก็ทอะ โอริโอ้นี่อะไรวะมึง"

"ไม่บอกว้อย! "

 

 

****************************

น้องแมขี้ฟ้องมากๆ เอ็นดูววว แล้วคุณคิก็คือหลอกเด็ก จะชวนน้องไปดูแมวอุ่นที่ห้องหรอ!
ส่วนครูเจษนั้น เชิญด่ากันให้เต็มที่เลยค่ะ 5555

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 05-02-2020 12:47:01 โดย อัญญอหญิง ชันนอหนู »

ออฟไลน์ fc_fic

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2590
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +84/-7

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด