ห ล ง [Omegaverse] l 11: ลูกไม้ใต้ต้น l 19/2/2020
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ห ล ง [Omegaverse] l 11: ลูกไม้ใต้ต้น l 19/2/2020  (อ่าน 4115 ครั้ง)

ออฟไลน์ Chompoo reangkarn

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1089
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-0

ออฟไลน์ อัญญอหญิง ชันนอหนู

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 12
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
10: คริสต์มาสแรกของน้อง

Krist: พรุ่งนี้เก้าโมง เช้าไปไหมครับ

Maemaemae: เช้าไปปปป

Maemaemae: ขอเราตื่นสายหน่อย

Maemaemae: เที่ยงได้ไหมๆ

Krist: โอเคครับ เจอกัน

Maemaemae: เค

…..

…..

…..

มะแมขบริมฝีปากอิ่มมองบทสนทนาหน้าจอ ลังเลใจอยู่นานว่าจะกดส่งดีหรือไม่ส่งดีกับข้อความที่พิมพ์ๆ ลบๆ อยู่นานสองนาน

สุดท้ายก็กลั้นใจกดส่งไปแล้วรีบออกจากช่องแชท มือเรียวโยนโทรศัพท์ออกห่างจากตัวเหมือนของร้อน ยกหมอนขึ้นปิดหน้าปิดตาไม่กล้าจะหยิบของที่เพิ่งทิ้งไปกลับมาดูจนหลับไปทั้งอย่างนั้น



Maemaemae: ฝันดี







เมื่อเช้าเขาเกือบลืมไปแล้วว่าก่อนนอนส่งข้อความอะไรไป จนกระทั่งเห็นแจ้งเตือนข้อความจากคิรากรบนจอโทรศัพท์ตอนที่หยิบมือถือมาเล่นระหว่างกินข้าวเช้านั่นแหละ

อีกฝ่ายส่งมาว่า ‘ฝันดีเหมือนกันครับ’

เมื่อคืนจำไม่เห็นได้เลยว่าฝันอะไรรึเปล่า เสียดายที่มาเห็นข้อความเอาตอนเช้า ไม่งั้นอาจจะได้ฝันดีตามที่อีกฝ่ายบอกจริงๆ ก็ได้

จริงๆ แล้ววันนี้เขาควรจะต้องไปช่วยงานพี่แจนที่ร้าน เพราะช่วงวันคริสต์มาสอย่างนี้ที่คาเฟ่มีเมนูพิเศษสำหรับเทศกาล ลูกค้าก็เลยคึกคักแวะเวียนมาที่ร้านกันมากกว่าปกติ แต่เมื่อวานคุณคิรากรกลับส่งข้อความมาขอให้ไปช่วยงานที่ห้องแทนแถมยังบอกอีกว่าขอลางานให้เรียบร้อยแล้ว

ตั้งแต่ที่รู้จักกันก็เหมือนกับเขาจะได้สิทธิพิเศษในที่ทำงานอย่างไรอย่างนั้น เพราะคุณหุ้นส่วนเล่นอนุมัติให้ลาหยุดบ่อยเหลือเกิน โชคดีที่พี่แจนใจดีจึงไม่ได้ว่าอะไร แต่เขาคิดว่าบางทีพี่แจนอาจจะต้องหาพนักงานเพิ่มอีกสักคนถ้าคิรากรยังชอบชวนเขาโดดงานแบบนี้อยู่เรื่อยๆ

ไม่รู้ด้วยว่างานที่ให้ไปช่วยคืออะไร เพราะอีกฝ่ายไม่ยอมบอกแค่บอกว่าไม่ยากเขาทำได้อยู่แล้วแค่นั้นเอง

“แล้วสรุปว่าตื่นกี่โมง” ร่างสูงถามตอนเขากำลังจะรัดเข็มขัดนิรภัยหลังจากขึ้นมานั่งบนรถอีกฝ่ายเรียบร้อยแล้ว คิรากรมาสายไปหน่อยวันนี้เพราะรถติดหนักแถวคอนโด ทำเอาเด็กที่นั่งรอชะเง้อคอยจากในบ้านจนคอแทบยืด

“สิบ” มะแมชูนิ้วมือครบทั้งสองข้างประกอบคำตอบ หน้าตาสดใสเพราะได้นอนตื่นสายตามที่หวังไว้

“แสดงว่าเมื่อเช้าไม่ตื่นมาอ้วก ดีขึ้นแล้วเหรอ” คิรากรส่งแก้วกาแฟแบรนด์ดังที่แวะซื้อระหว่างทางไปให้น้ำด้านในเป็นช็อกโกเลตแฟรบปูชิโน่ที่เขาสั่งแบบสุ่มๆ มาคิดว่าเด็กนี่น่าจะชอบ และก็คงชอบจริงเมื่อคนยื่นมือมารับทำตาโตกับลาภปากแต่เช้า แต่มือใหญ่ยังไม่ยอมปล่อยแก้วให้อีกฝ่ายเอาไปดูดดีๆ “ขอบคุณด้วย”

“ง่า ขอบคุณ” ร่างบางเกาแก้มแก้เก้อ ปกติแล้วไม่ค่อยได้พูดอะไรดีๆ มีมารยาทกับเขาสักเท่าไหร่ ยิ่งเวลาต้องพูดเพราะๆ ก็ยิ่งเขินเพราะคนแถวบ้านเขาโดยเฉพาะพวกเด็กๆ ไม่มีใครพูดกัน เลยกลายเป็นว่าติดการพูดจาไม่มีหางเสียงจนเป็นนิสัยไปแล้ว “สรุปว่าวันนี้พี่จะใช้งานอะไรเรา”

“ไปช่วยแต่งต้นคริสต์มาสที่ห้อง” คำตอบของคนที่กำลังหมุนพวงมาลัยออกตัวรถทำเอาแมร้อง

“ฮะ ปกติเขาแต่งกันตั้งแต่ก่อนวันคริสต์มาสไม่ใช่เหรอ”

“ก็พอใจจะแต่งวันนี้” คิรากรยักไหล่ ก็เขาพอใจอย่างนี้ ใครจะว่าอะไรได้

ไม่เห็นจะเคยรู้เลยว่าคิรากรเป็นคนเอาแต่ใจตัวเอง

ตอนเปิดประตูห้องคอนโดมิเนียมของคริษฐ์เข้าไป ร่างโปร่งถึงกับต้องอ้าปากหวอด้วยความตกใจกับต้นคริสต์มาสสูงสองเมตรครึ่งที่ตั้งตระหง่านอยู่กลางห้องนั่งเล่นเห็นได้ชัดเจนจากประตู

ห้องที่เคยมาเยือนครั้งหนึ่งเมื่อเกือบสี่เดือนก่อนเต็มไปด้วยของตกแต่งเข้ากับเทศกาล มะแมคิดว่าดูๆ ไปแล้วจะเล่นใหญ่กว่าที่คาเฟ่ด้วยซ้ำไป ตามผนังห้องมีประดับไฟกะพริบสีวอร์มเต็มไปหมด ถ้าให้พูดจริงๆ ก็คือมะแมคิดว่าทั้งห้องนี้ตกแต่งเสร็จหมดแล้วเหลือก็แต่ต้นไม้สีเขียวกลางห้องนั่นแหละที่ยังไม่มีของประดับแขวน ไหนจะเสียงเพลงคริสต์มาสเปิดคลอเบาๆ สร้างบรรยากาศนี่อีกล่ะ

..มันจะไม่ดูแปลกๆ ไปหน่อยเหรอ..

แมหันไปมองหน้าคิรากร เลิกคิ้วหรี่ตาเรียวมองเจ้าของห้องอย่างสงสัย

คนถูกสายตาคาดคั้นรีบคายความจริง “ก็เราเคยเล่าให้พี่ฟังว่ายังไม่เคยฉลองคริสต์มาสกับที่บ้านเลยสักครั้ง” ร่างสูงหมายถึงวันนั้นที่พวกเขานั่งดูหนังเรื่อง Home Alone ภาคแรกที่โทรทัศน์นำมาฉายย้อนหลังก่อนช่วงคริสต์มาสในบ้านป้าเกียงแล้วมะแมเล่าออกมาลอยๆ “พี่ก็ไม่ได้ตั้งต้นคริสต์มาสมานานแล้ว คิดว่าถ้าชวนเรามาช่วยน่าจะชอบ”

“ชอบ! ” รู้ได้ยังไง เก่งอะไรขนาดนี้

คนที่สาละวนตกแต่งห้องนั่งเล่นมาค่อนคืนกัดกรามกลั้นยิ้มพอเห็นเด็กตรงหน้ายิ้มหน้าบานตาหยีเป็นขีดจนมองไม่เห็นทั้งตาดำและตาขาว

“โอริโอ้ก็อยู่ด้วยนะ” เจ้าของห้องที่เดินหายเข้าไปในห้องนอนที่เปิดประตูอ้าไว้กว้างก้าวกลับออกมาพร้อมแมวตัวอ้วนลายสีขาวดำในอ้อมแขน มะแมรู้สึกว่าตัวเองจะเซอไพรส์ไปมากกว่านี้ไม่ได้อีกแล้ว

มือเรียวรีบวางของประดับต้นคริสต์มาสในมือลงทันที ถลาเข้าไปจ้องเจ้าแมวอ้วนที่พอถูกปล่อยลงบนโซฟาผ้าก็แผ่ตัวลงนอนหงายท่าประจำทันที

ช่วงหลังมานี้ร่างสูงเหมือนจะรู้ว่าเขาชอบเลยขยันส่งรูปแมวของตัวเองมาให้บ่อยๆ เรียกได้ว่าแทบจะวันละรูป และเจ้าโอริโอ้ก็เป็นตัวโปรดของมะแม

พอได้มาเจอตัวจริงแล้วน่ารักกว่าในรูปมากๆ จนทาสแมวแทบจะละลาย

“เราจับได้ไหมๆ ” ปากขอไปอย่างนั้น แต่นิ้วแตะลงไปลูบหัวเจ้าเหมียวเรียบร้อยแล้ว

คิรากรส่งขนมแมวเลียให้เขาได้ผูกมิตรกับเจ้าแมวลายวัวตรงหน้าตามสบาย ส่วนตัวเองขอตัวเดินเข้าไปทำอะไรสักอย่างในพื้นที่ส่วนห้องครัวที่ถัดออกไป

สรุปได้ว่างานประดับต้นคริสต์มาสเป็นหมันไป เพราะคนที่โดนชวนมาช่วยเอาแต่สนใจเล่นกับแมวจนใกล้จะบ่ายแก่มะแมก็สนิทกับโอริโอ้จนอุ้มมานอนบนตักได้แล้ว

กลิ่นหอมๆ จากห้องครัวทำให้เด็กหนุ่มช้อนตัวแมวบนตักขึ้นมาอุ้มเหมือนอุ้มเด็กเดินเข้าไปดูใกล้ๆ กว่าคิรากรกำลังทำอะไรกันอยู่แน่

“ไหนบอกว่าอยากแต่งต้นคริสต์มาส” คริษฐ์ดึงถาดคุกกี้ออกจากเตาอบหันไปมองต้นคริสต์มาสกลางห้องที่ยังเขียวโพลนไร้ของประดับ “ต้นคริสต์มาสพี่เป็นหมันเหรอพอเจอแมว”

คนโดนแซวหัวเราะแหะแก้เขิน “ทำอะไรอะ”

“ของว่างครับ แต่ยังไม่ได้บีบครีมแต่งหน้าเลย อยากลองทำไหม” ร่างสูงหมายถึงคุกกี้ขนมปังขิงหน้าตาโล้นๆ ที่เพิ่งเอาออกมาร้อนๆ จากเตาอบ

“อยาก ทำไงอะ” แน่นอนอยู่แล้วว่าคำตอบของเด็กที่อยากเรียนต่อเชฟย่อมเป็นอยาก ตาเรียวไล่มองขนมหลายชนิดที่จัดไว้ในจานอยู่แล้ว “ไม่คิดว่าพี่จะทำขนมเองเป็นด้วย เข้าใจว่าแค่ลงเงินกับพี่แจนเฉยๆ พวกนี้พี่ก็ทำเองหมดเลยเหรอ”

คิรากรฟังแล้วก็หัวเราะ เคาะหัวเจ้าตัวดีที่บังอาจดูถูกเขาไปหนึ่งที “เป็นสิ แต่ในจานนั่นพี่ไม่ได้ทำเองหรอก ฝีมือแม่พี่น่ะ”

คนอายุมากกว่าหยิบถุงบีบครีมมาสาธิตให้รามิลดูวิธีการแต่งหน้าคุกกี้ปากก็เล่าเรื่องคุณเคทไปด้วย “แม่พี่ชอบทำขนม ร้านที่พี่ดูแลอยู่ส่วนหนึ่งก็เป็นร้านที่แม่เป็นเจ้าของมาก่อนสมัยสาวๆ เขาสอนพี่ทำขนมทำอาหารตั้งแต่เด็กๆ ยังไม่เข้าประถมเลยมั้ง ก็เลยทำเป็นน่ะ”

“แม่เราขายน้ำเต้าหู้เราไม่เห็นจะทำน้ำเต้าหู้เป็นเลย เคยแต่ไปช่วยมัดถุง” มะแมเล่าเรื่องของตัวเองบ้างแล้วหัวเราะ มือปล่อยโอริโอ้ที่นอนนิ่งให้เขาอุ้มได้ตั้งนานสองนานลงกับพื้นห้อง รับถุงบีบครีมมาลองทำบ้างได้ตุ๊กตาขนมปังขิงหน้าเปื้อนหน่อยๆ มาหนึ่งตัว

“ถ้างั้นพี่สอนเราทำขนมบ้างสิ อยากทำอะไรแอดว๊านซ์ๆ เป็นมั่งอะ ที่ร้านพี่แจนก็ยุ่งเราไม่ค่อยอยากกวน”

“แล้วตอนนี้ทำอะไรได้มั่งล่ะ”

“ส่วนมากเราเป็นลูกมือพี่แจนผสมแป้งนวดแป้งแล้วก็อบคุกกี้ง่ายๆ เองได้ แต่พวกเค้กยังไม่เคยลองทำเองเลย บ้านเราไม่มีเตาอบด้วยแหละ”

“วันนี้วัตถุดิบไม่พอแล้วล่ะพี่ไม่ได้ซื้อมาเผื่อ” ที่ไหนล่ะ อย่าให้เด็กนี่เปิดตู้วางของเหนือหัวเชียวจะได้เห็นว่ามีถุงแป้งอัดอยู่เป็นสิบ “วันหลังมาห้องพี่อีกสิ เดี๋ยวสอนให้”

..ถ้าสอนวันนี้เลย ก็ไม่มีข้ออ้างหลอกเด็กมาที่ห้องคราวหน้าอีกน่ะสิ..

เด็กไม่รู้ตัวว่าโดนหลอกมองคนพี่ตาเป็นประกาย “อาทิตย์หน้าเลยไหม”





กว่าต้นคริสต์มาสจะเสร็จก็เป็นเวลาเกือบสามทุ่ม ที่ใช้เวลานานขนาดนี้ก็เป็นเพราะคิรากรขยันเอากิจกรรมนู่นนี่มาให้แขกได้ทำซะเหลือเกิน ตั้งแต่เล่นกับแมว ทำขนม ทำอาหารเย็น กว่าจะได้มาช่วยกันประดับประดาลูกบอลและลูกสนชุบสีทองก็ปาเข้าไปตอนเย็นนู่นแล้ว

สองคนช่วยกันพันไฟหิ่งห้อยรอบต้นสนปลอมเสร็จเป็นส่วนสุดท้าย พอปิดไฟในห้องนั่งเล่นแล้วเปิดไฟกะพริบวิบวับรอบๆ ห้องแล้วห้องพักคอนโดมิเนียมในกรุงเทพก็สวยซะจนดูเหมือนอยู่ต่างประเทศ เหมือนภาพงานคริสต์มาสในบ้านที่ดูในหนังเลย

ไหล่บางของคนที่กำลังยืนชื่นชมผลงานครึ่งหนึ่งของตัวเองถูกสะกิด มะแมหันหลังมาก็เห็นคิรากรถือกล่องของขวัญห่อกระดาษสีแดงผูกโบขาวในมือ

“อะไร ของเราเหรอ” เด็กหนุ่มทำหน้าเหลอหลาชี้นิ้วเข้าหาตัวเอง

“อืม แกะเลยไหม”

คนรับกล่องไปทำอะไรไม่ถูก เขย่าของในมือเบาๆ ฟังเสียงของด้านในปากอิ่มเอาแต่บ่นกระปอดกระแปดแต่ก็หุบยิ้มไม่ได้เช่นกัน “ได้ไงอะ! ทำไมพี่ไม่บอกเราก่อน เราไม่ได้ซื้ออะไรมาให้พี่เลย แปะโป้งไว้ก่อนนะ เดี๋ยวเงินเดือนออกเราซื้อให้เป็นของขวัญปีใหม่แล้วกัน”

“จะรอนะครับ”

“เราจะถ่ายรูปกล่องไว้ก่อนอะ ของขวัญคริสต์มาสชิ้นแรกในชีวิตเราเลยนะเว้ย” ตื่นเต้นจนหลุดคำหยาบและโดนคริษฐ์ดีดหน้าผากไปหนึ่งที แต่ที่บอกว่าของขวัญชิ้นแรกน่ะคือเรื่องจริงเพราะขนาดงานจับฉลากของขวัญวันคริสต์มาสปีใหม่ที่โรงเรียนจับเขายังไม่เคยดวงดีจะได้อะไรกับคนอื่นเขาเลย “ยืมมือถือพี่หน่อยกล้องเรากากอะถ่ายไม่สวย”

คิรากรยิ้มขำแต่ส่งโทรศัพท์ให้เด็กตรงหน้าไปโดยดี พอถ่ายรูปเสร็จมะแมก็เริ่มลงมือแกะกระดาษห่อ “กระดาษห่อมันสวยจังวะพี่ เรามือหนักอะแกะแล้วต้องขาดแน่ๆ เลย” พูดไม่ทันขาดคำก็มีเสียงแควก คนทำขาดร้องเสียดาย เห็นแล้วมันน่าซื้อกระดาษห่อสวยๆ ให้ซักรีม

ด้านในห่อกระดาษสีแดงเป็นกล่องกระดาษแบนๆ รูปร่างสี่เหลี่ยมผืนผ้าสีน้ำตาลอ่อนหนึ่งใบ ข้างในนั้นเป็นผ้ากันเปื้อนสำหรับใส่ทำอาหารลายแมวที่ปักชื่อของรามิลด้วยด้ายสีทองตรงอกด้านซ้ายกับช็อกโกแลตจากต่างประเทศหลายๆ ยี่ห้อรวมกันอย่างละนิดอย่างละหน่อย คนรับมองของในกล่องสลับกับเงยหน้ามองคนให้สองสามทีน้ำตาซึม

“ชอบไหม คราวหลังมาให้พี่สอนทำขนมที่ห้องก็เอาผ้ากันเปื้อนมาด้วยนะ” ร่างสูงยิ้ม อบอุ่นกว่าไฟวอร์มในห้องเสียอีก

“อื้อ! ชอบมากๆ ขอบคุณนะ..ครับ” รามิลวางของลงบนโซฟาข้างตัวยกมือขึ้นไหว้ขอบคุณคนโตกว่า

“ไม่เป็นไรครับ”

ไฟในห้องถูกเปิดกลับมาสว่างเหมือนเดิม ตอนนั้นเองที่รามิลสังเกตเห็นกีตาร์โปร่งที่วางพิงผนังอยู่ไม่ใกล้ไม่ไกล “พี่เล่นกีตาร์ด้วยเหรอ”

“อ้อ ครับ ทำไมล่ะเราก็เล่นหรือว่าอยากเล่นบ้าง”

“ไม่อะ เราเล่นฉิ่งยังคร่อมจังหวะเลย ให้พี่สอนน่าจะลำบากเปล่าๆ แต่อยากฟังอะเล่นให้ฟังหน่อยสิ” คนฟังหลุดขำกับความสามารถทางดนตรีของมะแม ยอมเดินไปหยิบกีตาร์มานั่งบนโซฟาตามคำขอแต่โดยดี “ไม่เอาเพลงคริสต์มาสนะ วันนี้เราฟังเพลย์ลิสต์คริสต์มาสของพี่วนไปสิบรอบแล้ว” หมายถึงเพลงที่คิรากรเอามาเปิดวนสร้างบรรยากาศให้เข้ากับเทศกาลในห้อง

คนโดนขัดนิ่งไปครู่ไม่รู้จะเล่นเพลงอะไรให้เด็กนี่ฟังถึงจะเหมาะดี ห้องนั่งเล่นกว้างเงียบสนิทจนกระทั่งมือใหญ่เริ่มดีดสายกีตาร์ในมือเป็นจังหวะเพลง



..I won't lie to you..

..I know he's just not right for you..



ตาคมของคิรากรมองหน้ารามิลที่จ้องดูอยู่เขม็งก่อนจะฮัมท่อนต่อไปออกมาพร้อมกับดีดกีตาร์ไปด้วย



..And you can tell me if I'm off..

..But I see it on your face..

..When you say that he's the one that you want..

..And you're spending all your time..

..In this wrong situation..

..And anytime you want it to stop..



ร่างสูงไม่แน่ใจว่าเด็กที่นั่งอยู่ลูบพุงโอริโอ้อยู่อีกฝั่งหนึ่งของโซฟาจะเข้าใจความหมายของเพลงนี้ที่เขาอยากสื่อออกไปหรือเปล่า



..I know I can treat you better..than he can..

..And any ‘boy’ like you deserves a gentleman..

..Tell me why are we wasting time..

..On all your wasted cryin'..

..When you should be with me instead..

..I know I can treat you better..

..Better than he can..



มะแมหยุดมือเรียวที่กำลังลูบท้องแมวของเจ้าของห้องที่นอนแผ่อยู่ใกล้ๆ มองหน้าคนที่กำลังฮัมเพลงเบาๆ กับเสียงกีตาร์ไม่วางตาได้แค่แป๊บเดียวก็ต้องหลบ นิ้วเรียวจิกชายเสื้อตัวเองอย่างทำอะไรไม่ถูก ใครสั่งให้ร้องเพลงนี้กัน

นึกไปถึงคำพูดของเพื่อนว่าคิรากรทั้งรวย หน้าตาดี และรักเด็ก หาดีกว่านี้คงไม่มีอีกแล้ว ตอนนี้เขาคงต้องขอเพิ่มคุณสมบัติให้ร่างสูงอีกสองข้อว่าเล่นดนตรีได้ ร้องเพลงก็เป็น

“...Just know that you don't have to do this alone. Promise, I'll never let you down…. เห้ย! ร้องไห้ทำไม” คนตั้งใจจะร้องเพลงจีบเด็กตกใจรีบวางกีตาร์ในมือลงทันทีที่เห็นมะแมยกมือขึ้นปาดน้ำตา

“พี่ร้องเพลงเพราะอะ ฮึก แล้ว..แล้วเพลงโดนใจมากเลย” รามิลสูดน้ำมูก “ถ้ามีผู้ชายมาร้องเพลงงี้ให้เรานะ ต้องดีใจมากๆ เขินมากๆ แน่”

คิ้วเข้มขมวดเข้าหากันเมื่อฟังคำพูดของแม คิรากรไม่เข้าใจ “พี่ก็ผู้ชาย”

“ก็เขินนิดนึงแต่มันไม่เหมือนกันอะ ฮือออ”

มือใหญ่ของคนฟังยกขึ้นกุมขมับกับคำตอบเด็กชาย ตั้งแต่รู้จักกับเด็กนี่เหมือนคิรากรจะแก่เร็วขึ้นไปอีกสามปี ไม่เคยจะตามความคิดคนตรงหน้าทันเลยจริงๆ

..ทำขนาดนี้แล้วยังไม่เหมือน แล้วต้องทำยังไงให้มันเหมือนกันเล่า! ..

"ดึกแล้วพี่ง่วงแล้วคงขับรถกลับไปส่งไม่ไหว คืนนี้นอนที่นี่แล้วกัน" คำพูดของร่างสูงทำเอาเด็กที่กำลังซึ้งกับเพลงหยุดร้องไห้โฮกะทันหัน

"ต..แต่เรานั่งรถเมล์กลับเองก็ได้ แล้ว.. แล้ว.." แมกลืนคำว่าเคยกลับเองมาแล้วลงคอเมื่อมันทำให้ยิ่งนึกไปถึงเรื่องคืนนั้น

"มันอันตราย นอนที่นี่แหละ เดี๋ยวพี่ไปหาแปรงสีฟันกับชุดนอนมาให้ เล่นกับโอริโอ้ไปก่อน" คิรากรมัดมือชกแล้วลุกขึ้นเดินหนี รอบนี้เขาซ่อนคีย์การ์ดไว้เป็นอย่างดีไม่มีทางที่จะตื่นมาแล้วอีกฝ่ายหายไปในกลีบเมฆอีกแน่

..แล้วทีนี้..คืนนี้จะใช้แผนไหนต่ออีกดีล่ะ..







“อะไรของลูกน่ะ อยู่ๆ ก็โทรมาบอกให้แม่อบขนมคริสต์มาสไว้ให้หน่อย แล้วยังจะเอาโอริโอ้ไปคอนโดด้วยอีก” เคทลินร้องถามลูกชายที่อยู่ๆ ก็ขับรถกลับมาบ้านเป็นรอบที่สองของวัน หลังจากรอบแรกมาเอาขนมที่เธออบไว้ให้แล้วยังกลับมาอีกครั้งตอนดึกเพื่ออุ้มแมวตัวหนึ่งของเธอติดมือไปด้วย

“ขอยืมโอริโอ้หน่อยนะครับแม่ เดี๋ยวผมเอามาคืนวันพรุ่งนี้” เขาเลือกโอริโอ้เพาะเจ้าแมวอ้วนชินคน และเชื่องที่สุด ถ้าเป็นคุณนายล่ะก็มีหวังเด็กนั่นตัวลายแน่

“แล้วเมื่อไหร่จะพาลูกสะใภ้มาให้แม่เจอ” สาวลูกครึ่งวัยกลางคนแต่ยังสวยสะพรั่งกอดอกมองลูกชายคนเดียวที่อยู่ๆ เมื่อเดือนก่อนก็มาสารภาพว่ากำลังจะมีหลานมาให้อุ้ม

“เร็วๆ นี้แหละครับแม่ ผมไปแล้วนะครับ รักแม่ครับ” ร่างสูงก้มลงหอมแก้มคุณเคทก่อนจะหิ้วกรงแมวขึ้นรถขับกลับคอนโด

เพราะคำว่าฝันดีที่อีกฝ่ายส่งมาแท้ๆ เลย คิรากรถึงกับต้องขับรถกว่าสิบกิโลเมตรกลับมาบ้านแม่อีกรอบกลางดึก เพราะมะแมน่ารักมากจนเขาอยากให้แผนฉลองคริสต์มาสครั้งแรกของน้องมีความสุขมากๆ เลยต้องใช้เจ้าแมวอ้วนนี่เป็นตัวช่วยอีกอย่างหนึ่ง เด็กนั่นต้องยิ้มแก้มแตกแน่ถ้าได้เห็นโอริโอ้ในห้องเขาวันพรุ่งนี้




*******************



อยากเขียนฉากพระเอกร้องเพลงจีบนายเอกมานานแล้ว ฝันเป็นจริง 555 Treat You Better - Shawn Mendes เป็นเพลงที่เหมาะกับร้องจีบน้องแมที่สุดเลยค่ะ

ใครจะดีกว่าคุณคิไม่มีอีกแล้วนะน้องแม เสียอย่างเดียวคืออิพี่มันแอบจินตนาการภาพน้องใส่ผ้ากันเปื้อนตัวเดียวนี่แหละ
ตอนนี้ก็วงวารพี่อีกแล้วค่ะ ทุ่มสุดตัวขนาดนี้แล้วน้องยังไม่เข้าใจว่าพี่อยากเปงผัว ไม่ได้อยากเป็นแค่พี่ 5555555

ออฟไลน์ อัญญอหญิง ชันนอหนู

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 12
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
Re: ห ล ง [Omegaverse] l 11: ลูกไม้ใต้ต้น l 19/2/2020
«ตอบ #32 เมื่อ19-02-2020 10:09:42 »

11: ลูกไม้ใต้ต้น

“พี่เปลี่ยนใจกลับบ้านไหม จะนอนได้จริงๆ อะ” มะแมถามย้ำทั้งๆ ที่หอบหมอนกับผ้าห่มมาแล้วเต็มไม้เต็มมือ

“แล้วทำไมจะนอนไม่ได้ล่ะ” คิรากรถามเด็กขี้กังวลริมฝีปากติดรอยยิ้มบางๆ เอนตัวพิงกำแพงข้างเตียงเดี่ยวหลังเล็กของเจ้าของห้อง บ้านป้าเกียงว่าเล็กแล้ว ห้องของมะแมยิ่งเล็กไปใหญ่ยิ่งมีคนตัวโตเป็นยักษ์เข้ามานั่งยิ่งดูแคบลงไปอีกถนัดตา

เพราะคริษฐ์ติดงานด่วนในคืนวันที่สามสิบเอ็ดกว่าจะคุยงานกับซัพพลายเออร์เสร็จสิ้นก็เป็นเวลาดึกดื่นไปแล้ว ในเมื่อไม่ได้ใช้เวลาส่งท้ายปีใหม่กับเด็กน้อยอย่างที่ตั้งใจเอาไว้แต่แรก เขาเลยหอบเสื้อผ้าใส่กระเป๋าเป้มากดกริ่งหน้าบ้านป้าของมะแมตอนหัวค่ำเพื่อฉลองคืนปีใหม่ด้วยกันที่นี่ทันทีที่เคลียร์งานทุกอย่างเรียบร้อย

จะเรียกว่าฉลองก็คงเกินจริงไปหน่อย ก็เพียงแค่สั่งอาหารมากินกันสองคน แล้วก็ยืนกรานกับรามิลว่าคืนนี้เขาจะไม่กลับไปนอนที่ห้องตัวเอง เพราะอยากใช้เวลาอยู่กับหลานเจ้าของบ้านนานๆ เหมือนกับวันคริสต์มาสที่ผ่านมาไม่นานนี้ที่เขาหลอกให้อีกฝ่ายไปนอนค้างที่คอนโดมิเนียมนั่นแหละ

คืนที่เพิ่งผ่านมานั้นไม่มีเหตุการณ์อะไรแบบคืนแรกของเขาและมะแม ซึ่งคิรากรก็ไม่ได้คาดหวังถึงอะไรอย่างนั้น คืนนี้ก็เช่นกันเขาแค่ติดใจการตื่นขึ้นมาแล้วเห็นน้องที่หลับตาพริ้มอยู่ใกล้ๆ กันก็เท่านั้น

“ห้องเราไม่มีแอร์นะพี่ ห้องน้ำก็ไม่มีเครื่องทำน้ำอุ่นด้วยนะ” หมอนที่ใหม่และสะอาดที่สุดในบ้านหนึ่งใบถูกโยนไปที่ข้างตัวคิรากร มะแมทิ้งผ้านวมในมือลงกับพื้นไม้ข้างเตียงเตรียมจะลงมือปูที่นอนในแขกที่ดึงดันว่าจะไม่กลับห้องตัวเองแล้ววันนี้ “พี่ต้องนอนพื้นด้วยนะเตียงเรามันนอนได้คนเดียวอ่ะ หรือพี่จะไปนอนโซฟาข้างล่าง แต่ข้างล่างยุงเยอะนะ”

“จริงๆ พี่ว่าเรานอนเบียดกันก็พอได้อยู่นะ” มือใหญ่ตบเตียงที่นั่งอยู่ หยิบหมอนข้างตัวขึ้นวางบนตัก

ตาคมสังเกตเห็นชิ้นผ้าคุ้นตาแปลกๆ ที่ซุกซ่อนอยู่ใต้หมอนลายโดราเอมอนของเจ้าของห้อง พอดึงมันติดมือออกมาก็พบว่าเป็นชุดนอนท่อนบนไซส์ใหญ่ที่ถ้าจำไม่ผิดแล้วเป็นของเขาเอง แต่มาอยู่ที่นี่ได้ยังไงกัน

“แมครับ นี่เสื้อพี่รึเปล่า” คิรากรยกของในมือให้เด็กตัวผอมที่สาละวนกับการปูผ้าให้เขานอนบนพื้นห้อง มะแมเงยหน้าขึ้นมองตามคำเรียกก่อนจะร้องเสียงหลง

“เห้ย! ชิบหาย ลืมเก็บ” ตกใจจนหลุดสบถออกไป ก่อนจะตบปากตัวเองเบาๆ เมื่อเห็นตาดุของคนพี่ที่จ้องมา

“เสื้อพี่ใช่ไหมเนี่ย” มะแมจำใจพยักหน้าเมื่อหลักฐานนั้นคามืออีกฝ่ายเต็มๆ “ขโมยของพี่เหรอ”

ร่างบางเม้มปากเป็นเส้นตรงยกมือขึ้นเกาคอตอบเสียงเบา “เราเปล่าขโมยนะ”

“แค่หยิบมาจากตะกร้าแต่ไม่บอกพี่” คิรากรดักคอน้อง

“ง่า.. พี่ก็พูดเว่อร์ไป เรียกว่ายืมมาแป๊บนึงเดี๋ยวก็จะเอาไปคืนแล้วดีกว่า”

“แล้วยืมมาทำไมครับ”

“ก็..ก็…”

“ก็..” คิ้วเข้มเลิกขึ้นรอคำตอบจากปากอิ่ม

“ก็มันหอมอ่ะ! เราดมแล้วนอนหลับสบายมากๆ เลย แต่พอนานๆ ไปมันไม่ค่อยหอมแล้วอะ เราคืนให้แล้วขอแลกกับตัวที่พี่จะใส่วันนี้ได้ไหมอ่ะ แต่หลังจากพี่ใส่แล้วนะ”

คำตอบน่าเอ็นดูนั่นทำเอาคนฟังหัวใจพองฟู คิรากรกัดกรามกลั้นยิ้มแน่น อยากจะขนเอาเสื้อที่ห้องมาให้เด็กตรงหน้านี่ซักสองตะกร้าให้ดมให้พอใจไปเลย

“ได้สิ”

มะแมมองหน้าคนตัวโตงุนงง “อ่าว.. ให้จริงเหรอ พี่จะไม่ด่าเราเหรอว่าแบบโรคจิตจังไรงี้”

“โรคจิตตรงไหน น่ารักจะตาย” มือใหญ่ลูบหัวแมที่นั่งอยู่ข้างเตียง “ได้อ่านหนังสือที่ซื้อมารึยัง”

เด็กหนุ่มส่ายหน้า ไม่เห็นเข้าใจว่ามันเกี่ยวกับเรื่องนี้ตรงไหน “เขาบอกว่าโอเมก้าที่ท้องจะสร้างรังจากผ้า ตุ๊กตา แล้วก็ของที่มีกลิ่นของคู่เพราะจะทำให้สบายใจ นี่เราคงจะริ่มสร้างรังแล้วมั้งถึงขโมยเสื้อพี่มาเนี่ย”

“ยืม! ” มะแมค้าน

“ยืมครับยืม” คิรากรหลุดขำกับเจ้าตัวดีที่ยังยืนยันว่ายืมเสื้อเขามาจริงๆ “เดี๋ยวพี่เอามาให้ยืมอีกเยอะๆ เลยดีไหม”

“อืม”

ร่างสูงโน้มตัวลงไปใกล้คนด้านล่าง ดึงตัวบางขึ้นมานั่งข้างๆ กันบนเตียงหลังเล็ก “ไม่ต้องปูผ้าแล้ว ไหนๆ ก็ดมกลิ่นพี่แล้วนอนหลับง่ายมานอนเตียงด้วยกันนี่แหละ”

เด็กผิวแทนทำท่าจะเถียงแต่พอนั่งใกล้ๆ กันแล้วก็ได้กลิ่นหอมๆ จากตัวอัลฟ่าหนุ่มจริงอย่างที่ว่า เขาเลื่อนหน้าเข้าไปใกล้อีกหน่อยและอีกหน่อยจนแทบชิด สูดจมูกฟุดฟิดแถวไหล่กว้าง “ก็ได้ เพราะช่วงนี้เรานอนไม่ค่อยหลับหรอกนะ” ดึงหน้าออกเพราะกลัวจะเสียฟอร์ม “พี่ไปอาบน้ำได้แล้ว ผ้าเช็ดตัวใหม่อยู่ใต้อ่างล้างหน้า ไม่มีแปรงสีฟันให้นะ พี่เอามาเองเปล่า”

คิรากรหยิบแปรงสีฟันจากกระเป๋าเป้มาโชว์ก่อนจะปลีกตัวเดินไปเข้าห้องน้ำตามทางที่เขาบอกไว้ แต่ถึงไม่บอกก็คงไม่หลงหรอก เพราะบ้านมันเล็กแค่นี้เอง

มะแมเอาเท้าเขี่ยผ้าปูบนพื้นที่เป็นหมันไม่มีคนอยากใช้งานไปมา ยกโทรศัพท์ขึ้นส่งข้อความหาเพื่อนที่ตอนแรกนัดกันไว้ว่าจะไปเที่ยวรับปีใหม่กันตั้งแต่เช้าของวันพรุ่งนี้

 

Maemaemae: มึงจะด่ากูมั๊ย

Maemaemae: ถ้ากูจะขอเทพรุ่งนี้อะ

pureticha: อ่าว เลว

Maemaemae: ฟังก่อนดิ

Maemaemae: พี่คิมานอนค้างอะ ไม่สะดวกแล้ว

pureticha: เลวคูณสอง นอกจากเทนัดกูยังต้องอวดผัวให้ฟังด้วยเหรอ อิมะแม๊!

Maemaemae: ไม่ใช่ผัว!

pureticha: เชื่อจ้า แค่ได้กันทีเดียวเนาะ ไม่เรียกผัวหรอก ถ้าได้สองทีเรียกผัวได้ยังอะ

Maemaemae: สัส ไม่คุยด้วยแล้วโว้ย

 

พอเถียงเพื่อนไม่ได้เขาก็ใช้คำหยาบคายเข้าสู้ ก่อนจะหนีออกจากช่องสนทนาของเพียว

นอกจากตัวเลขในกรอบเขียวที่เตือนว่ามีข้อความเข้ามาจากเพียวแล้ว ก็ยังมีแชทกลุ่มของชั้นเรียน แล้วก็แชทของครูเจษที่เพิ่งเด้งเข้ามาอีกด้วย

แมกัดปากเผลอกำโทรศัพท์ในมือแน่นขึ้น ตั้งแต่วันนั้นที่เจอกันครูก็ไม่ยอมหยุดระรานเขาเลย คอยส่งข้อความมาหา เขาไม่ได้คิดจะบล็อกเมื่อมันเป็นแค่ตัวอักษรที่ทำอะไรมากกว่านั้นไม่ได้ แค่อ่านแต่ไม่ตอบข้อความกลับไปก็จบ แต่พอเป็นอย่างนั้นครูเลยพยายามหาเวลาให้ได้อยู่ด้วยกันสองต่อสองหลังจากคาบเรียนพลศึกษาให้ได้ซึ่งเขาก็ได้เพียวช่วยไว้ได้ทุกครั้ง

สาเหตุที่ทำให้ช่วงนี้เด็กชายนอนไม่ค่อยหลับไม่ใช่ใครที่ไหนไกลเลยนอกจากเจษฎา

 

Jessada: ถ้าแมไม่กล้าไปคลินิกคนเดียวครูหาซื้อยาให้ก็ได้นะ แล้วให้ไปส่งที่บ้านแมไง

 

เรื่องใหญ่โตอย่างทำแท้งครูยังให้เขาไปคนเดียว ทุเรศชะมัด

มะแมล็อกหน้าจอปาโทรศัพท์ลงบนผ้านวมบนพื้นข้างเตียงไม่เบาแต่ก็ไม่แรงนัก มันกระดอนบนผ้าหนึ่งครั้งก่อนจะไถลหน้าจอไปกับพื้นไม้ของห้อง และเป็นเวลาเดียวกันกับที่คิรากรเปิดประตูห้องกลับเข้ามาพอดี ร่างสูงเลิกคิ้วกับการกระทำแปลกๆ ของเด็กที่นั่งขัดสมาธิบนเตียง

“เป็นอะไรรึเปล่า”

“เปล่า เราอยากทดสอบความนุ่มเบาะที่เราปูว่ามันจะเด้งรึเปล่า ไม่ค่อยเด้งอะ” สีข้างถลอกไปหมดแล้ว

“นึกว่าจะอยากได้โทรศัพท์ใหม่ พี่จะได้พาไปซื้อพรุ่งนี้เลย”

“พูดเหมือนเรามีตังค์ซื้อแหละ” มะแมเบ้ปาก

“ซื้อให้ด้วยสิ ใครบอกจะให้ซื้อเองครับ” อย่างน้อยแค่เปลี่ยนจอก็ยังดี เห็นสภาพมือถือสภาพสมบุกสมบันของน้องแล้วเขาทึ่งทุกที

คนฟังยิ่งเบ้ปากหนักกว่าเดิม คันปากยุบยิบอยากจะถามว่ารวยมากนักเหรอ แต่ก็ยั้งปากไว้ได้ก่อนเพราะคิดว่าอีกฝ่ายคงไม่สะทกสะท้านแล้วตอบตรงๆ ว่ารวยมากแน่ๆ

คนอายุมากกว่าสาวเท้าเข้ามายืนประชิดจนจมูกเขาแทบจะชนกับหน้าท้องอีกฝ่าย “หอมรึยัง” หมายถึงที่เพิ่งอาบน้ำมา

มะแมพยักหน้าหงึกหงักสูดกลิ่นสบู่อ่อนๆ ที่จริงๆ แล้วก็เป็นกลิ่นเดียวกับที่เขาเพิ่งใช้อาบไปตอนที่พี่อาสาจะล้างจานชามที่ใช้ทานมื้อเย็นให้ แต่ทำไมกลิ่นที่ติดตัวคิรากรถึงหอมและดมแล้วรู้สึกสบายใจกว่าอย่างบอกไม่ถูกก็ไม่รู้

คริษฐ์รั้งหัวกลมเข้ามาใกล้จนจมูกรั้นจมกับเสื้อนอน หัวเราะที่เด็กน้อยทำเป็นโวยวายแต่กลับไม่ยอมดึงหน้าออกซะอย่างนั้น “แล้วง่วงรึยังครับ”

“อือ ง่วงแล้ว"

ร่างสูงผละออกไปกดปิดไฟที่สวิตซ์ใกล้ประตูห้อง พอไฟดับเหลือเพียงแค่แสงจากไฟถนนที่ส่องผ่านเข้ามาทางหน้าต่างพอจะให้เห็นเงาลางๆ ของอีกคนเดินเข้ามาทิ้งตัวบนเตียงแคบและดึงให้เขาลงไปนอนเบียดข้างๆ กัน

เตียงแคบกว่าที่คิด หรือคิรากรตัวใหญ่กว่าที่คิดก็ไม่รู้ หัวเขาเกยอยู่บนของแข็งๆ ที่ไม่น่าใช่หมอนแต่เป็นแขนขวาของอีกคน ไม่มีที่พอให้ผู้ชายสองคนนอนหงายสบายๆ จึงกลายเป็นว่าทั้งสองคนต้องนอนตะแคงหันหน้าเข้าหากันในความมืดสลัว เมื่อตาปรับเข้ากับแสงที่น้อยลงได้ เขาถึงเห็นว่าหน้าของพี่ใกล้กันแค่คืบเท่านั้นเอง

..เหมือน..นอนกอดกันเลย..

มะแมหลับตาปี๋หลบสายตาคมของคนที่อยู่ห่างออกไปเพียงนิดเดียว กลิ่นหอมเย็นสบายจากตัวอีกฝ่ายทำให้เด็กน้อยนอนหลับฝันดีทั้งคืน

 

 

 

เสียงสั่นครืดๆ ของโทรศัพท์มือถือที่ตกอยู่ข้างเตียงดังปลุกเด็กในอ้อมแขนคิรากรให้ลืมตาตื่นขึ้นมา ร่างสูงลอบถอนหายใจด้วยความเสียดาย ทั้งๆ ที่เขาคิดว่าอยากจะนอนมองหน้าเด็กนี่ให้นานกว่านี้อีกสักหน่อยแท้ๆ

มะแมส่งเสียงอืออาในคอ ยกมือขึ้นขยี้ตาสองข้างแรงจนร่างสูงต้องดึงมือห้ามไว้เพราะกลัวว่าเส้นเลือดฝอยในตาจะแตกเอา ร่างบางลุกขึ้นนั่งขยี้เส้นผมสีน้ำตาลเข้มที่ยุ่งเป็นรังนกก่อนจะปีนข้ามตัวเขาลงไปหยิบโทรศัพท์บนพื้นห้องขึ้นดูสายเรียกเข้าที่เพิ่งวางไป

หน้าจอมือถือขึ้นแจ้งเตือนว่าสายที่ไม่ได้รับเมื่อครู่คือป้าเกียง คิ้วบางขมวดเข้าหากันนิดหน่อยเมื่อเดาไม่ถูกว่าป้าจะโทรเข้ามาทำไม โทรมาสวัสดีปีใหม่ในเช้าตรู่ของวันที่สองมกราคมก็คงไม่น่าใช่

"ฮัลโหล" มะแมกรอกเสียงทักทายเมื่ออีกฝ่ายรับสายที่เขาโทรกลับไปอย่างรวดเร็ว "มีไรอะป้า"

"เสียงอู้อี้แบบนี้ เพิ่งตื่นล่ะสิ เด็กสมัยนี้นอนกินบ้านกินเมืองจริงจริ๊ง" ทันทีที่รับสายคำแรกที่คุณเกียงทักทายก็คือคำบ่นตามนิสัยคนเป็นป้า

"ก็นอนตื่นเช้าทุกวันที่ไปเรียนอ่ะ วันหยุดแมขอตื่นสายหน่อยไม่ได้เหรอ" เด็กชายเถียงป้า

"ได้ย่ะแต่ไม่ใช่วันนี้ นี่ฉันอยู่หน้าบ้านลืมเอากุญแจรั้วมาด้วย มาเปิดประตูให้ที เร็วๆ ล่ะ" ปลายสายไม่รอคำตอบจากหลานชายวางสายไปในทันที

สมองคนเพิ่งตื่นนอนยังประมวลผลคำพูดของป้าเกียงไม่ทัน มะแมถือโทรศัพท์แนบหูค้างไว้อีกหลายวินาทีกว่าที่จะตีความหมายประโยคที่ป้าพูดก่อนที่จะวางไปได้

"ชิบหายแล้ว..." ตาเรียวมองหน้าปัญหาชิ้นใหญ่ที่กึ่งนั่งกึ่งนอนอยู่บนเตียงของตัวเองไม่ได้รู้เรื่องรู้ราวเลยว่าพายุเจ๊เกียงกำลังจะเข้าแล้ว

"ทำไมครับ"

"ป้าเรา.. อยู่หน้าบ้าน ชิบหายแล้วพี่! ทำไงดีอะทำไงดี" มะแมเขย่าแขนคนพี่แต่เป็นตัวเองแทนที่หัวสั่นหัวคลอน ตกใจจนทำอะไรไม่ถูกแล้ว "พี่ไปซ่อนในตู้เสื้อผ้าได้ไหมอะ เดี๋ยวป้ากลับค่อยออกมา นะๆ "

"มะแม พี่ไม่ใช่ชู้ไหม" คิรากรขมวดคิ้วกับความคิดเด็กหนุ่มแต่ก็อดขำออกมาเบาๆ ไม่ได้ ที่แน่ๆ คือเขาจะไม่เข้าไปแอบในตู้เสื้อผ้าหรือใต้เตียงน้องแน่ๆ

"แล้วพี่จะให้ทำไงอะ พี่จะหนีไปทางหลังบ้านไหมปีนรั้วไปอะ" ไม่ยอมซ่อนในตู้เขาก็หาทางหนีใหม่มาให้

"ไม่ใช่แล้ว" มือใหญ่เคาะเหม่งไอ้ตัวแสบที่ตื่นตกใจเป็นกระต่ายตื่นตูมให้ใจเย็นลง "พี่ก็ไปไหว้ป้าเรา สวัสดีปีใหม่แนะนำตัวฝากเนื้อฝากตัวไป แค่นี้เอง"

"พี่ไม่เข้าใจ ป้ามือหนักมากถ้าตบเราเราคอเคล็ดแน่ๆ ป้าดุด้วยนะป้าเคยด่าแม่ค้าในตลาดจนแม่ค้ายังต้องยกมือไหว้ยอมแพ้" มะแมบรรยายสรรพคุณคุณป้าตัวเองให้คิรากรฟัง แค่คิดถึงก็ขนหัวลุกแล้ว

คนฟังหัวเราะเสียงทุ้ม ลุกขึ้นยืนพร้อมฉุดเด็กชายที่นั่งหมดอาลัยตายอยากบนพื้นไม้ให้ลุกขึ้นมาพร้อมกัน

"แต่พี่โตแล้ว คุณป้าคงไม่ตีก้นพี่หรอกเพราะฉะนั้นพี่รอด" รามิลฟังแล้วขมวดคิ้วหน้ายุ่งกับคำล้อเล่นของคนอายุมากกว่า "มะแมไปเปิดประตูนะครับเดี๋ยวพี่ไปล้างหน้าแปรงฟันแล้วนั่งรอในห้องนั่งเล่น พี่อยู่ด้วยทั้งคนคุณป้าไม่ตีเราหรอก"

 

 

 

"กว่าจะเสด็จมาเปิดประตูได้นะยะ" คุณเกียงบ่นหลานชายตัวแสบ มือสองข้างเธอหอบของฝากจากชลบุรีมาพะรุงพะรัง "แล้วทำไมยืนไกลฉันขนาดนั้นฮะ! ป้ามาหาทั้งคน ของฝากจะเอาไหม"

"อ..เอา" เขาคว้าถุงใส่กระบอกข้าวหลามหนองมนมาถือไว้เองแต่ยังไม่ยอมเดินไปใกล้ๆ ป้า "ป้า.. คือ.. แมแบบว่า.. เอ่อ.."

"แล้วนี่ติดอ่างทำไมฮะ เจ้าแม! "

คนไม่โดนดุต่อหน้ามานานเป็นเดือนสะดุ้งนิดหน่อย ไหล่เล็กๆ ห่อลง ก่อนพูดเสียงอ้อมแอ้มออกไปกับป้าเกียง "คือแมมีเรื่องจะสารภาพ.."

หญิงวัยกลางคนเห็นสีหน้าจริงจังแถมยังกลืนไม่เข้าคายไม่ออกของหลานแล้วก็หยุดบ่น "สารภาพว่า"

มือเรียวดันหลังคนเป็นป้าให้เดินเข้าบ้านไปโดยยังไม่ยอมพูดอะไรต่อ จนถึงประตูบานไม้หน้าบ้านก็หยุด มะแมสูดลมหายใจเข้าปอดลึก

..ไม่บอกตอนนี้ วันหน้าป้าก็ต้องรู้อยู่ดี หนีไม่ได้หรอก..

"เมื่อคืนเอ่อ.. เพื่อนแมมานอนด้วยอะ ตอนนี้อยู่ในบ้าน" แต่ขอปิดต่ออีกสักนิดก็แล้วกัน ไปเปิดตอนอยู่กับพี่ดีกว่าอย่างน้อยถ้าป้าจะตีก็ยังหลบหลังพี่ได้ "เขารอไหว้ป้าอยู่อะ ป้าเข้าไปสิ"

คุณนายเกียงจ้องหน้ามะแมนิ่งราวกับจะจับผิด เธอชี้หน้าคาดโทษเด็กหนุ่มที่พาใครไม่รู้มาค้างบ้านเธอโดยไม่ได้ขออนุญาตก่อน แต่ไม่ได้ด่าว่าอะไรออกไป

เธอกับรามิลไม่ได้สนิทกัน หลานชายมาอยู่กับเธอก็ตอนที่โตมากแล้ว และเธอก็รู้ว่าความเป็นคนเสียงดังขี้บ่นไม่ได้อ่อนโยนหรือมีเวลาใส่ใจครอบครัวเหมือนอย่างที่แม่คนอื่นๆ เขาเป็นกัน แม้แต่กับลูกสาวแท้ๆ ของตัวเองอย่างเมย์ก็ตาม มะแมเลยไม่ค่อยจะเล่าเรื่องเพื่อนเรื่องที่โรงเรียนหรือเรื่องใดๆ ก็ตามให้เธอฟังมากนัก เรียกว่าแทบไม่เคยเล่าเลยก็ว่าได้

คุณเกียงรู้ดีว่าตัวเองไม่ใช่ความสบายใจของหลาน เธอไม่สามารถคอมฟอร์ตโซนของอีกฝ่ายแทนน้องสาวตัวเองที่เสียไปแล้วได้

หญิงวัยกลางคนละสายตาจากหลานชาย พรูลมหายใจก่อนจะบิดลูกบิดประตูบ้านเข้าไป

ภาพผู้ชายหน้าตาหล่อเหลารูปร่างสูงใหญ่และท่าทางมีภูมิฐานในชุดนอนที่แค่มองก็รู้ว่าเนื้อผ้าดีและราคาแพงนั่งอยู่บนโซฟาหนังเก่าๆ ในห้องรับแขกทำเอาคุณเกียงหวั่นใจ เหมือนภาพซ้อนทับกับพ่อของเจ้าแมไม่มีผิด ถึงแม้ว่าฝ่ายนั้นจะไม่เคยมาแนะนำตัวหรือพูดคุยกับบ้านของเธอ แต่เพราะเป็นคนใหญ่คนโตลูกชายคนเดียวของเจ้าของตลาดสดในแถบหมู่บ้าน เธอจึงเคยเห็นหน้าค่าตาผ่านๆ อยู่บ้าง

"สวัสดีครับเอ่อ.. คุณเกียงจะให้ผมเรียกว่าอะไรดีครับ" คิรากรลุกขึ้นยืนยกมือไหว้คนอายุมากกกว่า ถึงแม้ว่าคุณเกียงจะดูรุ่นราวคราวเดียวกับคุณเคท แต่เพราะเขาอายุมากกว่ามะแมมากพอสมควรจึงไม่แน่ใจว่าอีกฝ่ายจะให้เขาเรียกตัวเองด้วยคำว่าอะไรดี

"สวัสดีจ้ะ เรียกป้าแบบไอ้แมมันเรียกก็ได้" รับไหว้เสียงแข็งนิดๆ แต่ก็ยังปรานีให้อีกคนเรียกว่าป้าได้

"ครับคุณป้า" คิรากรนั่งลงเมื่อเกียงนั่งลงบนโซฟาอีกฝั่งหนึ่งและผลักมะแมให้ลงไปนั่งตรงกลางระหว่างเธอและเขา "ขอโทษด้วยนะครับ ผมไม่รู้ว่าคุณป้าจะมาเลยไม่ได้เตรียมซื้อของมาสวัสดีปีใหม่ เอาไว้คราวหน้านะครับ"

"ไม่เป็นไรหรอกคุณ เอ้า! แมแนะนำเขาให้ฉันหน่อยสิยะ ชื่อเสียงเรียงนามอะไร"

คนที่โดนลากเข้าบทสนทนาโดยที่ยังไม่ได้เตรียมใจสะดุ้งเฮือก หันซ้ายมองหน้าป้าที หันขวามองหน้าร่างสูงอีกที "เอ่อ.. เอ่อ.. นี่พี่คริษฐ์ เป็น..เป็น.. เพื่อนแมเองป้า"

หญิงร่างอวบหรี่ตาเรียวแบบคนเชื้อสายจีนมองมือใหญ่ของคุณคริษฐ์ที่เอื้อมมากุมมือเล็กของหลานตัวเองเอาไว้เหมือนให้กำลังใจกันแอบๆ กับอีแค่เรื่องแนะนำตัวแค่นี้เนี่ยนะ

..เพื่อนจ้ะเพื่อน อีแก่คนนี้ไม่ได้โง่นะยะ! ..

คุณเกียงมองหน้าหลานที่อ้าปากพะงาบๆ คล้ายจะพูดอะไรสักอย่างแต่ก็ไม่หลุดออกมาสักที พอเห็นมืออีกข้างของหลานชายวัยรุ่นที่ยกขึ้นวางในท่ากุมหน้าท้องแล้วหัวใจเธอก็ไหววูบ

เป็นคุณเกียงเสียเองที่พูดถามออกไปก่อน "กี่เดือนแล้วล่ะ" ถามแล้วก็ถอนหายใจยาว

แค่ฟังคำถามน้ำตารามิลก็แทบร่วง เขาละล่ำละลักจะตอบแต่ก็เหมือนหาเสียงตัวเองไม่เจอจนถูกคิรากรชิงรับหน้าไปเสียก่อน "ประมาณสิบสองสัปดาห์แล้วครับ"

ทั้งที่คิดว่าจะทำใจได้ แต่คุณนายเกียงก็ยังรู้สึกเหมือนตัวเองจะเป็นลม เธอค้นเอาพิมเสนน้ำจากกระเป๋าถือขึ้นมาสูดเข้าปอดเฮือกใหญ่

"ผมขอโทษที่ไม่ได้เข้าตามตรอกออกตามประตูล่วงเกินน้องโดยไม่ได้ป้องกัน แต่ผมจะรับผิดชอบน้องกับลูกแน่ๆ เรื่องนี้คุณป้าไม่ต้องกังวลนะครับ" คิรากรไม่สนใจแรงกระตุกที่ชายเสื้อจากเด็กข้างๆ ตัวที่เหมือนอยากจะประท้วง

มะแมกระตุกชายเสื้อพี่ยิกๆ เขาไม่กล้าขัดแต่ก็ทำตาเหลือกกับคำพูดของคิรากรเพราะเมื่อตอนที่ตกลงกันมันเป็นการรับผิดชอบแค่เด็กในท้องเท่านั้น ถ้าเกิดบอกป้าไปอย่างนี้ แล้วอีกหกเดือนกลายเป็นความสัมพันธ์แบบไม่รู้จักฉันไม่รู้จักเธออย่างที่ตัวเองเข้าใจ ตอนนั้นจะบอกป้าว่ายังไงเล่า

พอเด็กชายเห็นว่าป้าตัวเองเงียบแทนที่จะโวยวายกับคำตอบที่ได้เขาถึงกล้าหันไปมองหน้าป้าตรงๆ

"ป้า... แมขอโทษ" มองตาได้แค่แป๊บเดียวก็ต้องหลบ "สุดท้ายแล้วแมก็เป็นเหมือนแม่ ป้าโกรธแมมากเลยใช่ไหม ทำไมป้าไม่ด่าแมอะ แมทำให้ป้าผิดหวังใช่ไหม"

เด็กชายสะอื้นเบาๆ สลับกับพร่ำคำว่าขอโทษซ้ำๆ โดยไม่กล้าเงยหน้าขึ้นมองหน้าคนเป็นป้าแม้แต่นิดเดียว

"ลูกไม้หล่นไม่ไกลต้นเลยจริงๆ "

แค่คำเดียวจากปากคุณนายเกียง เด็กหนุ่มก็กลั้นสะอื้นต่อไปไม่ไหวปล่อยน้ำตาไหลทะลักทะลายราวเขื่อนแตกกับคำพูดของญาติผู้ใหญ่ที่เหลืออยู่เพียงคนเดียว

นั่นสินะ เขาคงเป็นลูกไม้ที่หล่นมันเสียใต้ต้น แม่เคยทำให้ป้าเสียใจอย่างไรเมื่อสิบเจ็ดปีก่อน ตอนนี้เขาก็ทำให้ป้าเสียใจแบบนั้นไม่ต่างกันเลย

คุณเกียงมองหลานชายตัวบางที่ร้องไห้โฮกับชายหนุ่มหน้าตาดีข้างๆ ที่คอยลูบหัวลูบหลังเจ้าแมปลอบแล้วถอนหายใจยาวเสียงดัง "เฮ้อ! ฉันยังไม่ได้ด่าสักคำ ตีความไปถึงไหนแล้วยะเจ้าแมเอ๊ย! ก็เหมือนแม่จริงๆ นี่จะให้ฉันพูดยังไงได้ หน้าก็เหมือนนี่ก็ยังมาเหมือนอีก" คุณเกียงตีเผียะเข้าไปทีแขนผอมหนึ่งทีเรียกสติ

"โอ๊ย! ฮือออ แมเจ็บนะป้า" ไอ้ตัวดีเบะปากถอยหนีจากวงสวิงของหล่อนจนกลายเป็นว่าไปเบียดกับคุณคริษฐ์ที่นั่งอยู่ด้านหลังแทน แถมยังซุกหน้ากับไหล่เขาเหมือนหาคนช่วยอีก

"คุณป้าอย่าตีน้องเลยนะครับ ตีผมแทนก็ได้" ป้าเกียงทำเสียงจิ๊จ๊ะขัดใจ ไอ้หนุ่มนี่ก็อีกคนปกป้องกันดีจริงๆ เห็นอนาคตลางๆ แล้วว่าหลานหล่อนได้ถูกตามใจจนเสียผู้เสียคนแน่คราวนี้

"ฉันตีให้หยุดร้อง เงียบเดี๋ยวนี้เลยไอ้แมแล้วฟัง"

“เงียบ ฮึก! แล้ว”

“อย่ามาทำหน้างอแบบนั้นนะ เดี๋ยวฉันจะฟาดให้อีกสักทีไหม” คุณเกียงชี้หน้าเด็กชาย

ห้องรับแขกเล็กๆ มีแต่ความเงียบเมื่อคนทั้งสามไม่มีใครพูดอะไรออกมาสักคำ คิรากรกับมะแมนั่งเงียบรอฟังว่าคุณเกียงจะพูดอะไร

หญิงวัยใกล้หกสิบปีสูดหายใจเอากลิ่นเย็นๆ ของพิมเสนน้ำในมืออีกหนึ่งเฮือกก่อนจะเริ่มต้นพูด “สามเดือนแล้วสินะ ตอนที่รู้เรื่องยัยก้อยนั่นท้องโย้แล้วนะ ปิดคนทั้งบ้านมาได้ตั้งนานเก่งจริงๆ ให้ตายสิ! ” ก้อยคือน้องสาวของเธอ แม่ของมะแม

“...”

“รู้ไหมว่าแกโชคดีกว่าแม่ตรงไหน” ป้าถามเขา แต่เขาส่ายหน้า “ตรงที่พี่เขารับผิดชอบลูกแกไง พ่อแกน่ะโผล่หน้าหรือส่งเงินมาซักแดงยังไม่เคยมี”

ถึงแม้ท้ายประโยคป้าจะด่าพ่อด้วยความเคียดแค้นไม่หาย แต่ต้นประโยคกลับทำให้มะแมใจชื้นขึ้นมาหน่อย

..นั่นสินะ อย่างน้อยพี่ก็ดีกว่าพ่อเขาแน่ๆ ..

“ฉันก็คงทำอะไรไม่ได้ ไม่มีสิทธิ์ไปด่าว่าแกหรอกนะเพราะฉันก็ไม่ได้เลี้ยงแกมาดีเด่อะไรเหมือนกัน” สามปีที่รับมาอยู่ด้วยกัน เธอมีเวลาให้เด็กคนนี้น้อยมากจริงๆ เพราะเคยชินกับยัยเมย์ที่เรียนจบแล้วจึงมักเผลอคิดว่าหลานชายคนนี้ก็คงไม่ได้ต้องการการดูแลมากมายเหมือนกัน “โตแล้วนะเจ้าแมจะเป็นแม่คนแล้วนะ เลิกทำตัวบ้าๆ บอๆ ได้แล้ว ทำอะไรอย่าคิดถึงแต่ตัวเองคิดถึงเด็กในท้องด้วย ฉันเชื่อว่าชีวิตแกจะไม่เป็นแบบแม่หรอก แต่ถ้ามีอะไรก็กลับมาหาฉันได้ตลอดนะรู้ใช่ไหม หลานทั้งคนป้าไม่ทิ้งหรอกนะ”

“อื้อ รู้แล้ว”

คุณเกียงลุกเข้าไปนั่งใกล้ๆ ตาตี่มองหน้าคิรากรที่นั่งถัดออกไปอีกหน่อยในขณะที่ยกมือขึ้นลูบหัวหลานชายที่เห็นมาตั้งแต่ตัวเท่าเมี่ยงแต่วันนี้กลับโตเร็วจนเธอไม่ทันได้ทำใจ “ป้าฝากแมด้วยนะคุณ” เมื่อคิรากรรับคำเธอก็หันมาคุยกับหลานต่อ “ชีวิตมันไม่แย่หรอกไอ้แมถ้ามีคนข้างๆ น่ะ”

เกียงคงเป็นให้ไม่ได้ทั้งความสบายใจ และคนข้างกาย

คงได้แต่หวังว่าคิรากรจะสามารถเป็นคนๆ นั้นที่หลานชายเธอต้องการมาตลอดได้

 


**************************

 

 

ไม่เคยเขียนหนึ่งตอนยาวเท่านี้เลยค่ะ ;_; รู้สึกเลยเถิดมากๆ

ป้าเกียงไฟเขียวแล้วว โล่งไปหนึ่งเปราะเนอะ แต่เหลืออีกหลายเปราะเลย 55555555

ตอนหน้าเตรียมทิชชู่กันด้วยนะคะ เอามาทำอะไรดีระหว่าง A. เช็ดนั้มตา หรือ B. เช็ดกำเดา ทายซิๆ

ขอบคุณทุกคนที่ติดตามอ่าน รักน้าา <3

#คุณคิหลงน้อง


ออฟไลน์ Chompoo reangkarn

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1089
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-0
Re: ห ล ง [Omegaverse] l 11: ลูกไม้ใต้ต้น l 19/2/2020
«ตอบ #33 เมื่อ20-02-2020 15:17:02 »

 :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ sailom_orn

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1054
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +16/-1
Re: ห ล ง [Omegaverse] l 11: ลูกไม้ใต้ต้น l 19/2/2020
«ตอบ #34 เมื่อ21-02-2020 03:24:15 »

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ mystery Y

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7677
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +585/-12
Re: ห ล ง [Omegaverse] l 11: ลูกไม้ใต้ต้น l 19/2/2020
«ตอบ #35 เมื่อ22-02-2020 09:28:10 »

ติดตามจ้า~

ออฟไลน์ smmikie

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 362
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +39/-1
Re: ห ล ง [Omegaverse] l 11: ลูกไม้ใต้ต้น l 19/2/2020
«ตอบ #36 เมื่อ29-03-2020 01:27:03 »

หายไปเลยยยย

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด