คนเดียว...เดียวดาย (END)
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: คนเดียว...เดียวดาย (END)  (อ่าน 8251 ครั้ง)

ออฟไลน์ Morake

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 53
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-0
Re: คนเดียว...เดียวดาย
«ตอบ #30 เมื่อ16-05-2020 10:03:19 »

 :กอด1:

ออฟไลน์ yuzhou62ppap

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 36
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-0




Ch.18 ฐานทัพลับหรือฐานทัพเรา




"เป็นไรมึงนั่งทำหน้าเป็นหมาหงอยเลย" ผมหันไปมองโฟล์คกับวิวที่เดินเข้ามาหาตรงม้าหินหน้าคณะก่อนจะส่ายหัวให้กับคำถามนั้น



"ไปเรียนกันเถอะครับ" ผมลุกขึ้นหยิบกระเป๋าเดินเข้าไปหาเพื่อนทั้งสองคนแล้วออกเดินนำขึ้นตึกเรียน ระหว่างที่กำลังเดินขึ้นชั้นสอง แขนผมโดนคนๆหนึ่งดึงไว้เลยหันกลับไปมองเห็นเป็นพี่เบนซ์ผมก็เลยยกมือไหว้



"สวัสดีครับพี่เบนซ์" โฟล์คกับวิวที่ไม่ได้รู้จักอะไรอีกฝ่ายก็ยกมือไหว้ตามผมเป็นมารยาท



"เฮ้ย หวัดดี ไม่คิดเลยว่าจะบังเอิญเจอที่มอ" พี่เบนซ์ยิ้มให้อย่างใจดี ผมเลยยิ้มตอบอีกฝ่ายไปงั้น ก่อนจะค้อมตัวนิดหน่อยเป็นเชิงขอตัว



"เดี๋ยวผมกับเพื่อนไปเรียนก่อนนะครับ" พี่เบนซ์พยักหน้ายิ้มให้อีกที ผมเลยเดินขึ้นห้องเรียนต่อ ไม่นึกเลยว่าพอรู้จักกันแล้วจะเจอกันง่ายๆแบบนี้เลย นี่ผมไม่ได้เอาตัวเองไปอยู่ใกล้ๆเขานะ พี่เขามาเอง เพราะฉะนั้นที่รับปากพี่สินไว้ไม่ถือว่าผิดคำ



"ใครวะมึง?"



"พี่เบนซ์ รู้จักกันที่ทำงาน" โฟล์คกับวิวพยักหน้ารับแต่ก็ไม่ได้ถามอะไรต่อ พวกเราเดินขึ้นอาคารเรียนเข้ามาในห้องก็เห็นเพื่อนร่วมเซคนั่งกันอยู่ก่อนแล้วสองสามคน



"วันนี้มึงเอาอะไรมาให้พวกกูกิน" ผมเดินไปนั่งที่ประจำกำลังจะหยิบสมุดเลคเชอร์ออกมาก็นึกขึ้นได้ จริงด้วย เมื่อเช้าทำแซนด์วิชแฮมไข่เพราะของใกล้จะหมดอายุเลยทำไว้เยอะมาก ต้องลืมไว้บนรถพี่สินแน่ๆเลย วันนี้พี่เป้ออกไปทำงานแต่เช้าผมเลยได้มากับพี่สินแทน



"ขอโทษครับ วันนี้ไม่มีอ้ะ"



"อะไรวะ นี่อุตส่าห์ไม่ซื้อข้าวเหนียวหมูปิ้งหน้ามอเพื่อมึงเลยนะ" ผมก้มหน้าอย่างรู้สึกผิด ผมไม่ได้ทำมาให้พวกเขาทุกวันอะไรขนาดนั้นหรอกครับ แต่ว่าในหนึ่งอาทิตย์อย่างน้อยก็ต้องมีสามวันแหละที่หอบมาให้ อาทิตย์นี้ผมยังไม่ได้เอามาเผื่อวิวกับโฟล์คเลย



"เห้ย มึง พวกกูแหย่เล่น อย่าทำหน้างั้นดิ" โฟล์คพูดพลางจับไหล่ผมผลักเบาๆ



"ผมรู้สึกผิดนี่ครับ"



"มึงต้องรู้สึกผิดอะไรเนี่ย เงินพวกกูก็ไม่จ่ายสักแดง" ผมหันไปมองหน้าเพื่อนๆแล้วยิ่งรู้สึกเศร้าใจที่ทั้งสองคนไม่ได้กินข้าวเช้าเพราะคิดว่าผมจะเอามาให้ ผมเลยเลือกจะบอกความรู้สึกออกไปตรงๆ



"มันรู้สึกเหมือนเราเลี้ยงน้องหมาแล้วลืมให้ข้าวเขาน่ะครับ น่าสงสาร" ผมกล่าวเสียงเศร้าเล่าความรู้สึกของตัวเองให้เพื่อนๆฟัง ผัวะ!



"โอ๊ย เจ็บนะครับ" ผมลูบหัวตัวเองบริเวณที่โดนตบป้อยๆ ทำไมชอบทำร้ายร่างกายผมกันจังคนพวกนี้



"มึงว่าพวกกูเป็นหมาหรอ" ผมส่ายหน้าหวือ ผมได้ไปว่าเขาสองคนเป็นน้องหมาตอนไหนกัน หมาน่ารักๆ นิสัยดีกว่าพวกเขาเยอะ



"ผมยังไม่ได้พูดเลยนะครับ"



"กูล่ะเบื่อเวลามึงตอบหน้าซื่อๆเนี่ยแหละ ไม่รู้กวนตีนหรือซื่อจริง ห่า" วิวกับโฟล์คทิ้งตัวนั่งลงข้างผมก่อนจะดูนาฬิกาข้อมือ



"มีเวลาเหลืออยู่นะ มึงเอาไง ไปหาไรกินก่อนมั้ย ยังไงอาจารย์ก็เข้าเลท" เรื่องนี้จริงครับ แต่ก่อนผมมาก่อนเวลานานกว่าทุกวันนี้อีก อาจารย์ก็ยังเข้าห้องหลังคลาสเริ่มไปแล้วตั้ง 15 หรือ 20 นาทีตลอดด้วยข้ออ้างรถติด



"ผมไปด้วย" วิวกับโฟล์คพยักหน้า ผมทิ้งกระเป๋าไว้ในห้อง แล้วเอาพวกของมีค่าติดตัวมาด้วยอย่างกระเป๋าเงินกับโทรศัพท์ 



"นั่งไหนดีวะ" วิวกับโฟล์คหยุดอยู่ทางเข้าโรงอาหารคณะ อาจจะเพราะว่าใกล้ถึงเวลาเรียนแล้วนักศึกษาเลยรีบมากินข้าวก่อนเข้าเรียนกัน จากตอนแรกคิดว่าคนจะไม่เยอะกลายเป็นว่ามองไปทางไหนก็แทบไม่มีโต๊ะว่างเลย



"พี่ปอนด์!!" ผมหันหน้าไปตามเสียงเรียกเห็นนัทลุกขึ้นโบกมือไหวๆทางขวามือเลยเดินเข้าไปหาเพราะโต๊ะที่นัทนั่งยังมีที่ว่างอยู่



"นั่งนี่ก็ได้พี่ เฮ้ย พวกมึงขยับให้พี่กูนั่งหน่อย" นัทยกมือไหว้พวกผมแล้วเจ้าตัวก็ดันๆเพื่อนตัวเองไปอีกทางให้ผมนั่งข้างๆ ส่วนเพื่อนผมนั่งอยู่ฝั่งตรงข้าม



"ผมมากินข้าวที่คณะพี่ตั้งหลายครั้งไม่เคยเจอ ไม่คิดว่าวันนี้จะฟลุคแฮะ"



"ไม่ค่อยลงมากินที่โรงอาหารอ้ะ ถนัดทำเอง" ผมตอบอีกฝ่ายพลางนั่งลงตรงที่ว่างด้วย



"ทำอาหารเป็นด้วยหรอ เก่งอ้ะพี่ จ้างทำมาให้ทุกวันได้ป้ะเนี่ย ผมตื่นสายตลอดหาไรกินก่อนเข้าเรียนไม่ค่อยทัน" อืม ก็ดีนะ ไหนๆก็ไม่ได้ทำพาร์ทไทม์แล้ว หาเงินทางนี้ก็น่าสนใจ



"เดี๋ยวขอเก็บไปคิดก่อนละกัน เพราะว่าก็ทำอะไรได้ไม่ค่อยเยอะหรอก" นัทฉีกยิ้มแฉ่งทันทีที่ผมพูดจบ



"ไอ้ปอนด์กูฝากของแป๊บ จะไปซื้อข้าว" ผมพยักหน้าให้เพื่อนก่อนจะนั่งคุยเล่นกับเพื่อนๆของนัทไปด้วย ทุกคนนิสัยดีกันมาก แต่ดูเวลาแล้วจะไม่รีบไปเรียนกันหน่อยหรอ



"แล้วนี่พี่ปอนด์เลิกเรียนกี่โมงครับ"



"เที่ยงตรงเลย บ่ายไม่มีเรียนแล้ว"



"ผมก็เลิกเที่ยง ดีเลย บ่ายว่างมั้ยพี่ ว่าจะชวนไปลองร้านเปิดใหม่หน้ามอ" 



"คือยังไงครับเพื่อนนัท ที่นั่งหัวโด่อยู่นี่ก็เพื่อนมั้ยครับ ไม่คิดจะชวนเพื่อนฝูงเนาะ ชวนพี่เขาก่อนเนาะ" ผมหันไปมองเพื่อนนัทที่นั่งอยู่ข้างๆอีกคน คำพูดเหมือนจะไม่พอใจนะครับ แต่ทุกคนพากันยิ้มๆ ไม่ได้ดูน้อยใจอะไร



"เออ เพื่อนมึงพูดขนาดนี้แล้วก็ไปกับเพื่อนมึงนะ" พี่สินที่เดินมาจากไหนไม่รู้มายืนอยู่ข้างหลังผมแถมเอามือมาแปะหน้าผากผมแล้วดันให้หัวพิงท้องตัวเองด้วย น้องๆที่เหลือบนโต๊ะพากันยกมือไหว้พี่สินระนาว น่าจะเพราะเป็นรุ่นน้องในคณะเลยรู้จักพี่สินกันหมด



"มึงลืมนี่ไว้ในรถ" พี่สินวางถุงผ้าที่ผมใส่แซนด์วิชแฮมไข่มาตรงหน้าผม



"ขอบคุณครับ" ผมเงยหน้าไปยิ้มขอบคุณให้เจ้าตัวเพราะพี่สินยังยืนอยู่



"ขี้ลืม" ผมยกมือขึ้นจับหน้าผากที่ถูกพี่สินมือดีดีดดังเปี๊ยะ



"เจ็บ"



"ก็ดีดให้เจ็บ" ผมทำหน้าไม่พอใจ พี่สินขยับมายืนตรงหัวโต๊ะแทนแล้วเท้าแขนสองข้างลงกับโต๊ะ



"งอแงอะไร ตอนเที่ยงนี้รออยู่ที่โต๊ะม้าหินหน้าคณะเดี๋ยวกูพาไปกินข้าว" ผมพยักหน้ารับรู้แล้วรวบถุงผ้าเข้าหาตัวเอง



"อ้าวพี่สินหวัดดีพี่" พี่สินหันไปรับไหว้โฟล์คกับวิว



"พวกมึงมาก็ดี กูฝากมันด้วย เลิกเรียนแล้วเฝ้าไว้เลย เดี๋ยวกูมารับตรงที่ประจำ" โฟล์คตะเบ๊ะรับแข็งขันในขณะที่วิวแค่หรี่ตาล้อเลียนพี่สินเล็กน้อย



"อ้าวพี่สิน ผมชวนพี่ปอนด์ก่อนนะ" นัทที่นั่งเงียบอยู่นานโวยวายท้วงขึ้นมา พวกเพื่อนๆน้องที่เหลือพากันดึงๆไว้ เพราะนัททำท่าจะลุกขึ้น



"มึงชวนก่อนแต่กูจองตัวมันไว้ก่อนมึงนานละ ไม่ต้องเสือกมาโวยวาย รีบกินข้าวรีบไปเรียนได้แล้วพวกมึงอ้ะ เดี๋ยวกูฟ้องอาจารย์แม่ว่าพวกมึงเข้าเรียนสายเพราะตั้งใจมาเต๊าะเด็กคณะอื่น" เสียงโอดครวญดังขึ้นพร้อมกันทั้งกลุ่มก่อนน้องๆจะพากันลุกเอาจานไปคืนร้านอาหารทีละคนแล้วกลับมาเอากระเป๋าท่าทางกวนอารมณ์



"ผมไปละนะครับพี่ปอนด์ วันนี้ดวงไม่ค่อยดี ไว้วันหลังผมมาเต๊าะใหม่ จุ๊บๆ พี่สินเผลอแล้วเจอกันครับ" นัทหันมาส่งจูบให้ผมก่อนจะเดินทำหน้าทะเล้นวิ่งหนีไป เพราะพี่สินทำท่าจะเข้าไปเตะ



"รำคาญมึงว่ะ" พี่สินทิ้งตัวลงนั่งข้างผมแล้วผลักหัวแรงๆ



"ผมทำอะไรผิดอีกล่ะ" พี่สินไม่ตอบพลางนั่งเล่นโทรศัพท์



"แล้วนี่พี่ไม่เข้าเรียนหรอครับ" ผมหันไปถามคนที่นั่งลอยหน้าลอยตาข้างๆตัวไม่ยอมกลับไปคณะตัวเองตามน้องๆ



"รอมึงขึ้นห้องก่อน"



"เดี๋ยวอาจารย์ก็ว่าหรอกครับ" พี่สินวางโทรศัพท์คว่ำหน้าลงกับโต๊ะแล้วหันตัวเองมาหาผม



"ทำไม ห่วงกูหรอ" ผมเหรอหรามองพี่สินที่นั่งเท้าคางกระหยิ่มยิ้มย่องใส่



"ใครห่วง แค่บอกเฉยๆเองครับ"



"ง่วงนอนอ้ะ ขอไปนอนฐานทัพลับมึงได้มะ" ผมขมวดคิ้วใส่เขาทันที พ่อแม่ส่งมาเรียนไม่ใช่ส่งมานอน ผมล่ะไม่เข้าใจจริงๆเลยว่าเขาเรียนมาจนถึงปีสี่ได้ยังไง



"ไม่อนุญาตครับ"



"กูง่วงกูจะไปนอน"



"ไปเรียนครับ จะมานอนอะไรล่ะ"



"ไม่มีเรียน"



"อ้าว..." ผมอ้าปากค้าง ไม่มีเรียนแล้วทำไมมามอแต่เช้าล่ะ



"กูมีเรียนบ่าย แต่ต้องตื่นเช้ามาส่งมึงนี่ไง มึงจะใจร้ายไม่ให้กูนอนพักหน่อยหรอ" พี่สินว่าเสียงอ้อนๆ ผมเคยได้ยินเจ้าตัวอ้อนคุณแม่อยู่ แต่ไม่เคยโดนเอง ผมว่าผมไม่ชอบเลย ใจมันสั่น



"..." ผมหันหน้าหนีสายตาที่พี่สินมองมาก็ไปป๊ะเข้ากับสายตาเพื่อนสองคนที่อยู่ตรงหน้าที่หรี่ตามองพลางยิ้มแซว



"ไม่กินข้าวหรือไงครับ" โฟล์คกับวิวพากันก้มหน้าก้มตากินข้าวต่อแต่ก็ยังไม่หยุดยิ้มล้อเลียนผม



"เขินก็บอกไม่ต้องพาลเพื่อนก็ได้" ผมหันไปมองพี่สินตาแทบถลน ยังจะยิ้มล้อเลียนอีก เหนื่อยแล้วนะใจมันเต้นแรงกว่าเดิมอีก 



"จะ...จะไปนอนใช่มั้ย ไปเลยครับ" ผมลุกขึ้นยืนแล้วเดินหนีพี่สินขึ้นตึกเรียน รู้สึกหน้าร้อนจนแทบไหม้ ทำไมพักหลังมานี้ใจผมมันเต้นผิดจังหวะบ่อยจังเลย เต้นแรงขึ้นด้วย เหนื่อยจนมือไม้เปลี้ยไปหมดแล้ว แถมทุกครั้งก็มักจะเกิดหลังจากเจอพี่สินด้วย



*******************



"เร็วๆเลยเชลดอน มึงอย่าลีลา กูจะพาไปส่งห้องหอ" มือผมที่กำลังเก็บของเข้ากระเป๋าอยู่ชะงักกึกหันไปมองหน้าเพื่อนแล้วเม้มปาก



"เฮ้ยยยยย ไอ้ปอนด์มันเขินอ้ะมึง ไม่น่าเชื่อว่าชีวิตกูจะได้เห็นโมเม้นท์นี้" โฟล์คทำท่าทางเว่อร์เขย่าคอเสื้อวิวให้หันมามองผม อาการคนอกหักจะลงแดงตายนั่นมันหายไปไหนแล้วนะ ผมล่ะคิดถึงจริงๆโฟล์คคนที่เงียบสงบปากสงบคำ



"จะกินมั้ยครับแซนด์วิชเนี่ย" ผมเอาแซนด์วิชที่ตัวเองทำมาขู่ เผื่อว่าโฟล์คจะสงบปากสงบคำบ้าง



"เขินแล้วพาลเพื่อนอย่างที่พี่สินว่าจริงๆด้วยนะเนี่ย" ผมเม้มปากเถียงอะไรสองคนนี้ไม่ได้ ตลอดคาบเรียนทั้งคู่ก็เอาแต่ส่งสายตาล้อเลียนบ้าง แซวบ้างจนผมเรียนแทบไม่รู้เรื่อง



"ไม่คุยด้วยแล้วครับ เอ้านี่เอาไปกินกันให้หมดเลย" ผมยื่นแซนด์วิชให้เพื่อนทั้งสองคน แต่ว่าก็แอบเก็บไว้ชิ้นหนึ่งเผื่อใครบางคนตื่นขึ้นมาแล้วหิว จะได้กินรองท้อง



"ใช่หรอ ให้หมดจริงหรอ เหมือนเห็นแอบจิ๊กไว้อันหนึ่ง จะเอาไปให้ใครมั้ยน้า" วิวที่เดินตามมาเอาแขนโอบรอบคอผมพลางส่งเสียงล้อเลียนไม่เลิก ผมก็เดินไปเงียบๆ เพราะถ้าเราร้อนลนเพื่อนก็จะยิ่งแกล้งสนุก เหลือก็แต่



"เฮ้ยยย หน้าแดงว่ะ น่ารักกก" ครับ สีหน้านี่ล่ะที่เก็บไม่มิด ไอ้อาการร้อนๆที่พาดผ่านแก้มนี่ล่ะครับที่ทำให้เพื่อนๆยังมีเรื่องล้อผมอยู่



"แล้วฐานทัพลับนี่ยังไง"



"ก็ไม่ยังไงครับ แค่ห้องว่างๆที่ผมขอสโมฯไว้ทำงาน"



"แล้วทำไมพี่สินถึงเอาไปเป็นที่ซุกหัวนอนได้อ้ะ" ผมนึกๆดู ก็สถานที่นั้นเป็นที่ๆเราเจอกันครั้งแรกด้วย และผมก็ไม่รู้ว่าพี่สินไปนอนอยู่นั่นได้ไง



"ไม่รู้เหมือนกัน ครั้งแรกที่เจอกัน พี่สินก็นอนอยู่ในห้องนั้นแล้ว" วิวกับโฟล์คหันไปมองหน้ากันแล้วส่งยิ้มแบบที่รับรู้กันอยู่สองคน จนโฟล์คเดินเข้ามากอดคอผมอีกข้างไว้แล้วกระซิบข้างหู



"งั้นก็ไม่ใช่ฐานทัพลับแล้ว นี่มันฐานทัพเรา" โฟล์คพูดจบก็หัวเราะลั่นอย่างคนอารมณ์ดีที่ทำผมหน้าแดงได้ ผมอยากจะเลิกเขินนะ แต่ไม่รู้ทำไมเหมือนกันมันทำไม่ได้อ้ะ



"อ้ะๆ ไม่แกล้งละ ไปรอพี่สินของมึงกันดีกว่า" พี่สินไม่ใช่ของผมสักหน่อย เขาก็คือเขาเป็นเจ้าของตัวเองไปสิ วิวกับโฟล์คนี่พูดมั่วไปเรื่อย แล้วทำไมผมต้องเขินไม่เลิกด้วยล่ะ!



**********************



"ไง ชอบป้ะ" ผมมองไปรอบๆร้านก่อนจะพยักหน้าเบาๆ พี่สินพาผมมาลองอาหารร้านใหม่ที่เปิดหน้ามอ ร้านที่นัทชวนผมนั่นแหละ



"ชอบครับ"



"โห บอกกูตรงๆงี้ กูเขินเลย" ผมเม้มปากมองหน้าคนเสแสร้งเขินอย่างหมั่นไส้



"หมายถึงชอบร้านต่างหาก" พี่สินหัวเราะขำยื่นมือมาขยี้ผมเบาๆ แล้วเรียกพนักงานมาสั่งอาหาร เราสั่งจานหลักกันไปสองสามอย่าง ของหวานอีกคนละอย่าง แล้วก็น้ำปั่น แต่พี่สินสั่งกาแฟ



"กินกาแฟตอนนี้ ตอนกลางคืนก็นอนไม่หลับหรอกครับ" พี่สินยักไหล่อย่างไม่สนใจเล็กน้อย ก่อนจะหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาถ่ายรูปผมที่นั่งหน้าเหวออยู่



"ลบเลยครับ หน้าผมเหวอมากอ้ะ"



"ไม่ น่ารักจะตาย" พี่สินว่าพลางก้มหน้าก้มตาพิมพ์ยุกยิกๆ ในขณะที่ผมใจเต้นอีกแล้ว คนๆนี้มันน่าทุบจริงๆเลย หืม? ผมหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเพราะมีแจ้งเตือนในไอจี พอปลดล็อคหน้าจอก็เตือนรัวๆๆ จนผมตกใจ Man of sin tag you in photo? พอเห็นรูปกับแคปชั่นผมรีบเงยหน้าไปมองคนตรงข้ามทันที ก็หน้าเหวอๆนี่มันรูปที่พี่สินถ่ายผมอ้ะ แล้วไอ้ที่เด้งแจ้งเตือนก็คือคนที่ฟอลโล่พี่เขานั่นแหละมากดหัวใจให้ แล้วไหนจะแคปชั่นว่า 'ชอบเหมือนกัน' นี่อีก ฮือออ กะไม่ให้หัวใจผมได้พักผ่อนเลยสินะ

























*************************



เรา: น้องปอนด์พี่ก็ชอบน้องเหมือนกัน

สิน: เสือก

อืม เค



tbc.














ออฟไลน์ AkuaPink

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2033
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +59/-1
Re: คนเดียว...เดียวดาย
«ตอบ #32 เมื่อ16-05-2020 20:35:26 »

 :pig4:
 :katai2-1:

ออฟไลน์ yuzhou62ppap

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 36
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-0
Re: คนเดียว...เดียวดาย**Ch. 19
«ตอบ #33 เมื่อ23-05-2020 16:04:06 »



Ch. 19 ในฐานะคนขับรถส่วนตัวก็ได้



"พี่เป้กำหนดวันเดินทางวันไหน" ผมหยุดมือที่กำลังล้างจานอยู่แล้วเงี่ยหูฟังพี่สินกับพี่เป้คุยกัน บอกตรงๆว่าใจกระตุกแปลกๆ



"อีกสี่วัน" พี่เป้พูดเบาๆ แต่เพราะว่าทั้งห้องมันเงียบอยู่แล้วผมก็เลยพลอยได้ยินไปด้วย สี่วัน เร็วจังนะ



"แล้วพี่บอกพี่...พี่ๆ เพื่อนๆ หมดยังอ้ะว่าจะเดินทางแล้ว เขาจะได้ไปส่งกัน" ผมล้างจานต่อไม่ได้สนใจประโยคต่อไปที่ทั้งคู่คุยกัน แล้วเมื่อไหร่พี่เป้จะกลับมา ผมได้แต่คิดในใจ ยังไม่ไปเลย แต่ผมอยากให้กลับมาแล้ว ในหัวคือตีกันไปหมดอยากให้ไปนะเพื่อนความก้าวหน้าทางการงานที่ดี แต่ผมคงคิดถึงพี่เป้มากเหมือนกัน



"ปอนด์ ปอนด์ ปอนด์!!"



"อ้ะ!" ผมสะดุ้งสุดตัวจนจานที่อยู่ในมือร่วงลงไปในซิงค์ได้ยินเสียงแตกเพราะกระทบกับจานใบอื่น พี่สินที่อยู่ใกล้ตัวผมมากกว่าเดินเข้ามาดึงมือผมออก



"ระวัง เอาน้ำออกจากซิงค์ก่อน มีแต่ฟองแบบนี้ ควานไปเกิดบาดมือขึ้นมามึงทำไง" พี่สินว่าดุๆแล้วดึงสายโซ่สต็อปเปอร์อ่างล้างจานให้น้ำมันไหลออก



"ลืมคิดครับ" 



"ขี้ลืมเก่งมึงอ้ะ" ผมยิ้มแหยนิดๆ ก่อนจะเดินไปเอาถังขยะมีใส่จานที่แตก



"เอามานี่ มึงล้างมือไปนั่งนู่นไป เดี๋ยวกูทำเอง" พี่สินคว้าถังขยะไปจากมือผม บอกดีๆก็ได้ จะเกรี้ยวกราดทำไมเนี่ย เปิดน้ำล้างมือตัวเองเสร็จผมก็มานั่งกับพี่เป้แทน 



"ไงเรา ใจลอยอะไร พี่เรียกตั้งหลายครั้ง" ผมส่ายหัวยิ้มตอบพี่เป้ แล้วเราก็นั่งมองหน้ากันเงียบๆ จนพี่เป้ทนไม่ไหวเองเลยเอ่ยขึ้นมา



"ปอนด์...กำหนดวันเดินทางพี่มาแล้วนะ" ผมยิ้มพยักหน้ารับ



"อีกสี่วันต่อจากนี้" พี่เป้พูดเบาลงกว่าเดิมเป็นเท่าตัว ผมรู้ว่าเขาคงเป็นห่วงผมมาก ผมเลยยิ้มให้เหมือนเดิมพูดอะไรไม่ออก มันจุกๆลำคอไปหมด



"ไม่ต้องไปส่งพี่ก็ได้ วันนั้นมีเรียนหนิ" ผมส่ายหน้า ยังไงก็จะไป



"ไม่เอา จะไปส่ง"



"พี่หยุดยาวเลยจนวันเดินทาง เราอยากไปไหนมั้ย?" ผมส่ายหน้าอีกครั้ง พี่เป้ยิ้มตอบแล้วยื่นมือมาลูบหัวเบาๆ



"อยากไปไหนก็บอกรู้มั้ย พี่จะพาไป" ผมพยักหน้ารับอีกครั้ง แล้วทำทีหันไปมองพี่สิน จะรอดมั้ยนั่น แน่ใจนะว่าล้างจานไม่ได้อาบน้ำสระผม ทำไมน้ำมันกระเด็นเลอะเทอะจนผมเปียกขนาดนั้น



"เอ่อ พี่สินครับ เดี๋ยวผมทำเองก็ได้นะ"



"ไม่ต้อง กูทำได้" ทำได้ก็ทำได้ครับ -_-



"สิน มึงจะล้างจานหรือสระผมมึงเลือกสักอย่างมั้ย" พี่เป้พูดได้ตรงใจผมมากเลยครับ ข้อดีของการเป็นคนอาวุโสกว่ามันอย่างนี้นี่เอง พี่สินมัดถุงที่ใส่เศษจานแล้วเดินกระทืบเท้าตึงตังด้วยท่าทางกระฟัดกระเฟียด น้อยใจหรอนั่น? 



"พี่สินครับคือ..." ผมพยายามจะเรียกเจ้าตัวที่เดินลิ่วๆไปทางประตูห้องแต่พี่สินไม่ฟัง เดินออกไปซะแล้วคาดว่าน่าจะเอาเศษแก้วไปทิ้งนั่นแหละ จริงๆเอาไว้ในถังขยะก่อนแล้วค่อยรอไปทิ้งทีเดียวพร้อมกับขยะอื่นก็ได้ หรือไม่ก็...ถอดผ้ากันเปื้อนลายหมีพูห์ก่อนสักนิดถ้าจะออกไปเจอผู้คนเถอะครับ



****************************



ผมนอนกอดหมอนอิงอยู่บนโซฟาขณะที่ตาก็ดูทีวีไปด้วย พี่เป้นั่งเล่นโทรศัพท์อยู่โซฟาอีกตัว ส่วนพี่สินนอนดูทีวีแหมะอยู่บนพรมข้างโซฟาที่ผมนอนอยู่นี่แหละครับ



"พรุ่งนี้มึงมีเรียนป้ะ"



"ไม่มีครับ" ผมตอบพี่สิน เจ้าตัวไม่ได้ละสายตามาจากทีวีด้วยซ้ำตอนที่คุยกับผม



"แต่กูมี" 



"ครับ" ผมตอบแค่นั้นแล้วไม่ได้สนใจอะไรอีก เพราะไม่รู้จุดประสงค์ของบทสนทนานี้ พี่เป้ก็ดูจะงงเหมือนกัน เขาเหลือบตามองพี่สินหยุดพิมพ์แชทเพราะรอว่าพี่สินจะพูดอะไรต่อ แต่จนแล้วจนรอดพี่สินก็ยังไม่พูด



"ไหนคือพ้อยท์หลักของประโยคเมื่อกี๊วะสิน กูงง" พี่เป้ถามออกมาอย่างคาใจ ผมก็ไม่รู้ว่าพี่เป้จะคาใจทำไมนักหนาพี่สินคุยกับผมต่างหากไม่ใช่เขา



"ก็แค่บอก"



"บอกเพื่อ?" อันนี้ก็พี่เป้ครับ ผมยังคงใบ้สนิท



"ยุ่งอะไรเนี่ย"



"ก็กูอยากรู้ มึงจะบอกน้องกูทำไมว่ามึงมีเรียนพรุ่งนี้ แล้วมึงจะอยากรู้ทำไมว่าน้องกูมีเรียนหรือไม่มีเรียน" พี่เป้หรี่ตาถามพี่สินด้วยท่าทางที่ไม่ค่อยไว้วางใจเท่าไหร่



"อยู่มอเดียวกัน ก็ถามเผื่อมันมีเรียนจะได้ไปพร้อมกันไง พี่ระแวงอะไรเนี่ย"



"มึงมันไว้ใจไม่ได้แบบพี่มึงนั่นแหละ" ผมยกหัวขึ้นมองไปทางพี่เป้อย่างงุนงง นี่พี่เป้รู้จักพี่เสือด้วยหรอ



"พี่เป้รู้จักพี่เสือด้วยหรอครับ?"



"รู้จักดีเลยล่ะ" พี่สินพูดออกมาเบาๆในขณะที่พี่เป้ยังอึกอักๆ



"อืม ก็เพื่อนตั้งแต่มหาลัย" ผมพยักหน้ารับรู้ อย่างนี้นี่เอง พี่เป้เป็นเพื่อนกับพี่เสือก็เลยรู้จักพี่สินที่เป็นน้องชาย งั้นที่เคยไปนอนบ้านก็คือไปนอนบ้านพี่เสือซึ่งอยู่บ้านเดียวกับพี่สิน ผมคิดได้ถึงตอนนี้ก็รู้สึกอับอายที่ตอนนั้นมีอาการไม่พอใจที่เขารู้จักกันมาก่อนโดยที่ผมไม่รู้เรื่อง



"เป็นอะไรเรากัดหมอนทำไมเนี่ย" ผมผงะเอาหมอนอิงออกจากปากตอนที่พี่เป้ทัก พี่เป้ส่ายหัวเล็กน้อย จะว่าผมไม่โตอีกล่ะสิ



"พี่ยังไม่ได้พูดอะไรเลยนะ ทำไมหน้างอแบบนั้นห๊ะ" พี่เป้ยื่นมือมาผลักหัวผมเบาๆ ถึงไม่พูดออกมาผมก็รู้หรอกว่าเขาต้องคิดในใจแน่ๆ



"แล้วนี่เราหยุดวันไหน?"



"หยุดพรุ่งนี้ครับ สองวันติด"



"งั้นไปเที่ยวกันมั้ยไหนๆก็หยุดแล้ว เราไม่ได้ไปทะเลกันนานแล้วนะ" ผมนิ่งคิด ครั้งสุดท้ายที่เราไปทะเลด้วยกันมันเมื่อไหร่นะ ผมก็จำไม่ได้



"ไปครับ งั้นปอนด์ไปเก็บกระเป๋าเลยนะ" ผมลุกขึ้นด้วยความกระตือรือร้น ก็นี่มันจะสี่ทุ่มแล้ว รีบเก็บกระเป๋ารีบเข้านอนพรุ่งนี้จะได้ตื่นเดินทางกันแต่เช้า



"ออกสายๆก็ได้ พรุ่งนี้ค่อยเก็บ"



"ไม่เอาครับ อยากออกแต่เช้าจะได้อยู่นานเพิ่มขึ้นอีกหน่อย" พี่เป้หัวเราะอารมณ์ดีพร้อมกับลุกขึ้นยืนกอดไหล่ผมลากกันมาเก็บกระเป๋า



"อ้าวปอนด์ พรุ่งนี้กูติดเรียนคาบเช้านะ ไปตอนบ่ายๆเลย" พี่สินที่นอนอยู่ผุดลุกนั่งมองมาทางพวกเราสองพี่น้อง



"ก็เรื่องของมึงดิ กูจะพาน้องกูไปทะเล ไม่ได้บอกว่าจะพามึงไปหนิ มึงก็ไปเรียนนั่นแหละถูกแล้ว" ผมพยักหน้ารับเห็นด้วยกับพี่เป้ทุกประการ พี่สินจะโวยวายทำไม ตัวเองมีเรียนก็ไปเรียนสิ ผมเดินเข้าห้องไปหยิบกระเป๋าเป้ใบโตแล้วเลือกเสื้อผ้าสองสามชุดที่จะเอาไปทะเลด้วย พี่เป้ก็เข้าห้องตัวเองไปเก็บกระเป๋าเช่นกัน หรือจะชวนพวกโฟล์คไปด้วยดีนะ ไปหลายๆคนสนุกดี



"ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่เลยนะ" ผมเงยหน้าจากการพับเสื้อเชิ้ตตัวนอกสีฟ้าอ่อนของตัวเองมองหน้าพี่สินยิ้มๆ ก็ต้องยิ้มสิในเมื่อคนมีความสุข จะให้ร้องไห้หรือไง พี่สินนี่ก็ประหลาด



"ครับ ไม่ได้ไปเที่ยวกับพี่เป้นานแล้ว"



"อ่าฮะ" ผมฮัมเพลงเรื่อยเปื่อยแล้วก็เก็บของใช้ต่อ พี่สินก็ไม่ได้พูดอะไร เจ้าตัวเดินมาหยิบเสื้อผ้าตัวเองสองสามตัวจากตู้เสื้อผ้าแล้วเอามานั่งพับข้างๆผม



"พี่สินจะไปไหนครับ"



"ทะเล"



"ห๊ะ?" ผมหันไปมองพี่สินที่นั่งพับเสื้อผ้าต่อไม่สนผมที่นั่งหน้าเหวอต้องการคำตอบ



"กูจะไปด้วยไง"



"แล้วพี่สินไม่เรียนหรอครับ"



"จะโดด" พอพูดถึงตรงนี้พี่สินเหมือนนึกอะไรได้หยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดโทรออก



"เออ ไอ้รัน พรุ่งนี้กูโดดนะ..." เดี๋ยวนะ นี่จริงจังใช่มั้ยเนี่ย โดดเรียนไปทะเลกับผมเนี่ยนะ?



"บอกอาจารย์เลื่อนพรีเซ้นท์ไปดิ กูจะไปทะเล...เหี้ย เอฟเลยหรอ แต่กูอยากไปทะเลอ่ะ" พี่สินโวยวายดังขึ้นเรื่อยๆ เพราะดูเหมือนจะไม่ได้ดั่งใจ



"แม่ง..." พี่สินหงุดหงิดวางสายแล้วขว้างโทรศัพท์ไปบนเตียง ผมเอื้อมมือไปลูบหลังเขาเบาๆให้อารมณ์เย็นลง



"ไม่เป็นไรนะครับ ไว้ครั้งหน้านะ"



"ไม่ มึงรอไปตอนบ่ายพร้อมกู ถ้าพี่เป้รอไม่ได้ก็ให้ไปก่อน" หืม? ยังไงนะ



"แต่ทริปนี้เป็นทริปผมเที่ยวกับพี่เป้นะครับ"



"งั้นพี่เป้ก็ต้องรอ" พี่สินพูดอย่างคนเอาแต่ใจแล้วเก็บของต่อ สักพักก็เหมือนนึกอะไรได้อีก รีบคว้าโทรศัพท์แล้วเดินออกจากห้องไป ผมนี่นั่งมึนกับความแปรปรวนทางอารมณ์ของเขาจริงๆ



*************************



สุดท้ายแล้วแพลนการเดินทางแต่เช้าตรู่ของผมก็ถูกเลื่อนมาตอนบ่ายจริงๆครับ แถมเพื่อนร่วมทริปก็มีมาเพิ่มอีกตั้งสามคน ครับ วิวกับโฟล์คที่ผมตั้งใจจะชวนตั้งแต่เมื่อคืน ไม่รู้พี่สินไปนัดแนะกับเพื่อนผมสองคนตอนไหน หลังเตรียมของเสร็จผมก็โทรถามเพื่อนทั้งสองคนว่าจะไปเที่ยวทะเลด้วยกันมั้ย สองคนนั้นกลับบอกว่ากำลังจะเก็บเสื้อผ้า ส่วนอีกคนพี่ชายพี่สินครับ เจ้าตัวขับรถมารับผมกับพี่เป้ตอนเที่ยงกว่าๆ เป็นรถอินโนว่าเจ็ดที่นั่งคันใหญ่แถมมีพี่สินกับเพื่อนๆผมนั่งจองที่นั่งกันเรียบร้อย



"จะแวะกินอะไรก่อนหรือรอไปกินที่จุดพักรถเลย" พี่เสือที่นั่งที่คนขับถามแต่ตายังคงมองถนนอยู่ตอนนี้เราออกมาจากกรุงเทพได้สักพักแล้ว คาดว่าใช่เวลาไม่ถึงสองชั่วโมงก็ถึงที่หมาย



"เดี๋ยวรอแวะจุดพักก็ได้พี่" พี่สินที่นั่งข้างๆคนขับตอบแทนพวกผม วิวกับโฟล์คนั่งด้านหลังสองคน ส่วนผมกับพี่เป้นั่งถัดจากคนขับ ซึ่งตอนนี้พี่เป้หลับคอพับคออ่อนไปแล้ว รายนี้น่ะชอบนอนเวลาเดินทางมากกว่านอนบนเตียงนิ่งเสียอีก



"ปอนด์ล่ะหิวหรือยัง?" พี่เสือมองกระจกหลังทางผมนิดหนึ่ง ผมเลยส่ายหัวให้เป็นคำตอบ เอาจริงๆผมก็ยังไม่หิวเท่าไหร่แต่ไม่รู้ว่าเพื่อนๆจะหิวกันหรือยัง ผมเลยก้มหยิบถุงผ้าที่ตัวเองทำแซนด์วิชขึ้นมาเผื่อทุกคน ก่อนจะยื่นให้เพื่อนที่นั่งข้างหลังคนละชิ้น



"กินรองท้องกันไปก่อนนะครับ เดี๋ยวค่อยแวะทีเดียว" 



"ไม่ต้องห่วงพวกกูก็มีเสบียง แต่ขอแซนด์วิชมึงด้วยก็ดีอยากกิน" วิวยัดถุงขนมที่ซื้อมาจากเซเว่นลงกระเป๋าตามเดิม ผมยื่นไปให้พี่สินสองชิ้น เผื่อให้พี่เสือด้วยเลย พี่สินรับไปแล้วลงมือกินทันที ส่วนอีกชิ้นก็วางไว้เฉยๆบนตัก



"แกะให้กูด้วย" พี่เสือเหล่ตามอพี่สินที่นั่งกินแซนด์วิชลอยหน้าลอยตาแล้วคงหมั่นไส้เลยยื่นมือข้างหนึ่งไปผลักหัวพี่สินจนกระแทกกระจกเบาๆ



"ไอ้พี่เหี้ย กูเจ็บ" 



"กูทำให้เจ็บ มึงนี่มันไร้ประโยชน์จริงๆ ทริปต้องเลื่อนมาบ่ายเพราะต้องรอมึงเรียนเสร็จ รถกูก็ต้องมาขับให้นั่ง นี่ยังมานั่งกินแซนด์วิชหน้าระรื่นอีก ถามจริง มึงมาทำไมเนี่ย ไอ้ตัวถ่วง"



"ก็เดี๋ยวค่อยเปลี่ยนกัน รอไอ้ปอนด์นอนก่อน" หืม? พี่เสือก็คงจะงงเหมือนผมนี่แหละครับ สังเกตได้จากหัวคิ้วที่เลิกขึ้นข้างหนึ่ง



"กูไม่เก็ทแกทเชื่อมโยงนี้" อย่าว่าแต่พี่เสือเลยครับ ผมก็ไม่เข้าใจประโยคที่พี่สินพูด เกี่ยวอะไรกับผมนอน



"กูขับนิ่มกว่า" ห๊ะ? อะไรของพี่สินเขา



"คือมึงจะบอกว่า รอปอนด์มันนอนมึงจะขอขับเพราะอยากให้น้องมันนอนนิ่มๆ?" พี่สินไม่พูดอะไรก้มหน้าก้มตากินแซนด์วิชที่มือตัวเองต่อ ผมเลยแกะแร็ปออกจากชิ้นที่ตักตัวเองแล้วยื่นไปป้อนให้พี่เสือ แต่พี่สินก็แย่งไปทำแทน



"มึงไม่ต้อง กินของมึงไป" พี่สินโยนชิ้นบนตักตัวเองที่ผมให้พี่เสือในตอนแรกกลับมาให้ ผมพยักหน้ารับแล้วแกะกินรองท้องทันที



"เหอะ กูรู้แล้วว่ามึงมาทำไม" พี่เสือที่นั่งมองการกระทำของเราสองคนเงียบๆ ส่งเสียงขึ้นจมูกแล้วเอ่ยขึ้นมาดึงความสนใจผมไปจากแซนด์วิชปูอัดเนื้อแน่น



"มาเป็นคนขับรถส่วนตัวให้ไอ้น้องปอนด์นี่เอง" -////- เหมือนผมได้ยินเสียงเนื้อหมูที่เอาไปวางบนกระทะร้อนๆอ้ะ แต่ไม่ใช่หมูหรอกครับ มันเป็นหน้าผมเองนี่แหละ ที่ร้อนจนลามไปที่ใบหู ฮือ แค่พี่สินคนเดียวอาการผมก็แย่แล้ว นี่แพ็คคู่มาทำผมเขินทั้งพี่ทั้งน้องเลยหรอ ใจร้ายกันเกินไปแล้ว



























*********************

tbc.





เรา: น้องปอนด์ครับ พี่ก็ขับรถนิ่มนะ

สิน: เคยขับๆรถอยู่แล้วเหยียบตะปูเรือใบมั้ย?

เรา: อ่า ไม่เต๊าะก็ได้จ้า




















ออฟไลน์ yuzhou62ppap

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 36
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-0

Ch.20 ทะเลก็มีชีวิต




 




 

 

"ทะเลก็มีชีวิต"

 

"ชีวิต!!!" ผมที่สะลึมสะลืออยู่ถึงกับสะดุ้งโหยงกับการประสานเสียงที่เรียกได้ว่าหลงโน๊ตกันสุดๆของเพื่อนรักสองคน

 

"ทะเลก็มีหัวใจ"

 

"หั้วจายยยยยย!!!" พี่เป้ที่นอนอยู่ข้างๆผมทนไม่ไหวจนต้องปาขวดพลาสติกเปล่าใส่ตัวคนร้องนำ ครับ พี่เสือนั่นเอง ไม่รู้พี่แกคึกอะไร สงสัยคงเพราะสลับที่กับพี่สินแล้ว แอเนอร์จี้มาเต็มดูครึ้กครื้นเสียเต็มประดา ขนาดโดนขวดน้ำขว้างใส่ยังหันมายิ้มลอยหน้าลอยตาไม่เลิก

 

"หุบปากกูจะนอน!" พี่เป้ว่าหน้างอแล้วทำท่าจะนอนต่อ แต่ยังไม่ทันได้นอนสมใจพี่เสือก็ตะโกนขึ้นมาอีก

 

"ไปเที่ยวทะเลกันมั้ย"

 

"ไป!!!" ถามจริงนะ พี่เสือจ้างเพื่อนผมมากี่บาทครับ เผื่อผมสู้ราคาไหวจะจ้างให้เงียบปากกันบ้าง

 

"ไอ้เสือเงียบ!" เท่านั้นแหละครับ ไม่ใช่เงียบนะ หัวเราะเสียงดังมากจนพี่เป้ละความพยายามจะนอนต่อมานั่งจ้องหน้าเหมือนจะกินเลือดกินเนื้อแล้ว

 

"มึงจะเอาแต่นอนทั้งๆที่มาเที่ยวทะเลไม่ได้ ถ้าจะนอนมึงก็กลับไปนอนบ้าน" ผมหน้าเหวอชี้มือเข้าหาตัวเองเป็นเชิงถามพี่เสือว่า ด่าผมหรอ?

 

"ไม่ใช่มึง เห้อ กูล่ะเพลียมึงสองคนพี่น้อง" พี่เสือส่ายหัวระอา แล้วหันกลับไปมองถนนตามเดิม ยังไม่วายส่ายหัวเหนื่อยหน่ายผมกับพี่เป้ด้วย

 

"อย่าไปสนใจมันเลย พี่ขอแซนด์วิชหน่อยดิ หิว" ผมพยักหน้ารับแล้วหยิบแซนด์วิชยื่นให้พี่เป้

 

"นิ่งเป็นหลับ ขยับเป็นแดก" อันนี้พี่เสือด่าพี่เป้แน่นอนครับ ผมรู้ ผมเรียนมาแล้ว

 

"เสือก" พี่เสือยิ้มมุมปากไม่พูดอะไรต่อ สงสัยเหนื่อยจะแหย่พวกผมแล้ว

 

"ปอนด์อยากเข้าห้องน้ำมั้ย" พี่สินที่ขับรถอยู่มองกระจกหลังมานิดหนึ่งแล้วถามผมเบาๆ

 

"ไม่ครับ" แล้วพี่เขาก็เงียบขับรถต่อ

 

"แหม อยู่กันตั้งหลายคนถามแค่ไอ้ปอนด์คนเดียว งี้ถ้าผมปวดฉี่ผมทำไงล่ะพี่" ผมอยากจะเอาของกินยัดปากเพื่อนตัวเองให้สงบปากสงบคำไป จะได้จบๆ ถ้าจะพูดขึ้นมาแล้วทำผมหน้าร้อนขนาดนี้น่ะ

 

"เหนื่อยหน่อยนะไม่ได้ชื่อปอนด์ก็งี้แหละ" พี่เสือตอบโฟล์คแทนพี่สิน แต่หน้าคือหันมายิ้มกรุ้มกริ่มใส่ผมแทน

 

"มึงก็บอกสิ หรือจะฉี่ใส่ขวดกูก็ไม่ห้าม" พี่สินตอบบ้าง แต่โฟล์คกับวิวไม่ได้ไม่พอใจอะไร เพราะเข้าใจว่าพี่สินแค่พูดเล่น

 

"โห สองมาตรฐานชัดๆ"

 

"อืม ไม่ได้ชื่อปอนด์ก็เหนื่อยหน่อยนะ" พี่สินลอกคำตอบจากพี่เสือพูดกับเพื่อนผมอีกครั้ง

 

"โอ๊ยยยยยยยย/ฮิ้ววววววววววว" โฟล์คกับวิวพากันประสานเสียงเหมือนควาย...ช่างเถอะครับ เอาเป็นว่ามันไม่รื่นหูแล้วก็ไม่เป็นผลดีกับจิตใจผมด้วย

 

"นี่สินมันจีบน้องกูหรือเปล่าวะเสือ?" พี่เป้ที่นั่งเงียบฟังบทสนทนาทั้งหมดตั้งแต่เริ่มถามพี่เสือ ทั้งคันรถเงียบกริบ จะมีก็แต่พี่สินที่หัวเราะจนตัวสั่นตัวโยน

 

"กูนึกว่ามึงจะโทรมาถามกูหลังไปออสฯแล้วซะอีก ความรู้สึกช้าจังวะเป้" แล้วพี่เสือก็หัวเราะไปอีกครึ่งนาที พี่เป้หันมามองหน้าผมอ้าปากค้างพะงาบๆ เหมือนปลาขาดน้ำแล้วชี้ผมกับพี่สินสลับไปมา

 

"นี่ไปสปาร์คกันตั้งแต่เมื่อไหร่วะ!? ไม่ๆๆ กูไม่อนุญาต กูไม่ให้จีบ!!" ผมรีบตะครุบปากพี่เป้ทันทีที่เขาตะโกนขึ้นมาดังลั่นหลังจากได้สติ ฮือออ อายนะ

 

"ผมจีบน้องพี่ไม่ได้จีบพี่สักหน่อย ทำไมต้องรอให้อนุญาตด้วย"

 

"อื้อ!!!" ขนาดโดนปิดปากยังไม่เลิกความพยายามที่จะโวยวายอีก เฮ้อ พี่เป้นะพี่เป้

 

"โฮ่ย กูแทบขาดใจ ปอนด์จะปิดปากพี่ทำไมเนี่ย!"

 

"เสียงดัง"

 

"ไม่ต้องมาทำเสียงดุพี่เลย บอกมาเดี๋ยวนี้ เรารู้หรือเปล่าว่ามันจีบเราอยู่?" ผมพยักหน้ารับอย่างกล้าๆกลัวๆ เอาจริงๆ ผมก็เหลือพี่เป้คนเดียวนี่แหละที่เป็นผู้ปกครอง ถ้าพี่เป้ไม่ให้พี่สินจีบผมต่อ ผมก็คงขัดไม่ได้...แล้วทำไมผมต้องมากังวลเรื่องนี้ด้วยล่ะเนี่ย

 

"ทำไมไม่บอกมันไปว่าเราไม่ชอบมัน?" ผมนิ่ง ก็ผมไม่ได้ไม่ชอบพี่สิน แต่ก็ไม่รู้ระดับความชอบของตัวเองว่าขั้นไหน

 

"แล้วมึงจะเสือกอะไรกับน้องมัน เรื่องตัวเองเอาให้รอดก่อนมั้ย จะไปออสฯนี่เตรียมพร้อมหรือยัง เดี๋ยวก็ลืมนู่นลืมนี่ กูไม่บินเอาไปให้นะ" พี่เป้หันขวับไปมองพี่เสือตาขวาง

 

"ทำไม? ทำไมบินเอาไปให้กูไม่ได้ มึงกกใครไว้ นี่มึงรอมาตลอดใช่มั้ยให้กูไปไกลๆ เพื่อจะได้ไปหากิ๊กน่ะ!" พี่เป้พ่นออกมายาวเหยียดแล้วเหมือนลืมตัวว่าตัวเองเผลอพูดอะไรออกมา จึงรีบปิดปากตัวเองฉับ

 

"ว้าย โป๊ะอีกแล้ว" พี่สินนั่งกลั้นยิ้มส่งสายตาล้อเลียนมาให้พี่เป้ที่นั่งอยู่เบาะหลัง ผมหันไปมองหน้าพี่เป้เพื่อให้อธิบายคำพูดเมื่อสักครู่

 

"คือ...คือว่า...พี่..."

 

"จะอึกอักอีกนานมั้ยก็บอกน้องมันไปดิว่ากูกับมึงไม่ได้เป็นแค่เพื่อนกัน" ผมหันไปมองพี่สิน แล้วก็สลับมองหน้าพี่เป้อีกรอบ

 

"เป็นเพื่อนสนิทไง ไม่ใช่แค่เพื่อนกัน" พี่เป้โพล่งขึ้นมาเสียงดัง

 

"ถุย พี่เป้ หลอกเด็กอนุบาลยังไม่เชื่อเลย เป็นแฟนกันก็บอกปอนด์มันไปดิ กั๊กอยู่ได้ มันโตแล้วนะ" พี่เป้หันไปขว้างซองถุงขนมเปล่าใส่วิวที่พูดขึ้นมากลางปล้อง เดี๋ยวนะ พี่เสือกับพี่เป้ เป็นแฟนกัน? ที่คุณแม่บอกว่าลูกชายคนโตพาแฟนเข้าบ้านก็คือพี่เป้?

 

"อ่า" ผมครางเสียงแผ่วเมื่อปะติดปะต่อเรื่องทั้งหมดได้ พี่เป้ที่มีท่าทางลุกลี้ลุกลนเหมือนกำลังรอให้ผมพูดอะไรสักอย่าง แต่บางที่ก็หลบสายตาเหมือนไม่แน่ใจ

 

"ก็ดีแล้วนี่ครับ คุณแม่ก็ดูรับได้" ผมพูดไปตามที่คิด พี่เป้อ้าปากหน้าเหวอ ในขณะที่คนที่เหลือพากันหัวเราะเสียงดัง

 

"น้อง...ไม่โกรธ?" เอาจริงๆก็แค่ตกใจนิดหน่อย แต่พี่จะคบใครมันก็ไม่ใช่เรื่องของผมไง อายุอานามก็ขนาดนี้แล้ว

 

"โกรธอะไรล่ะครับ พี่จะคบกับใครมันก็เป็นสิทธิของพี่ ปอนด์ไม่เข้าไปยุ่งหรอกครับ ขอให้คบกับคนดีๆก็พอ" ประโยคหลังผมพึมพำกับตัวเองซะมากกว่า แต่มั่นใจว่าพี่เป้น่าจะได้ยิน เพราะเจ้าตัวเล่นกอดผมแน่นแถมแอบหอมหัวไปหลายทีด้วย ผมไม่ได้สระผมนะเมื่อคืน

 

"เอ้า เลิกกอดกันได้แล้ว ถึงแล้ว" พี่เสือหันมาส่ายหน้าอ่อนใจกับผมสองคนพี่น้องแล้วเปิดกระจกคุยกับพนักงานที่มายืนต้อนรับให้ขนของไปที่บ้านพักระหว่างที่เราเช็คอินเลย

 

"โห เช่าเป็นหลังเลยหรอครับ" ผมได้ยินพี่เสือพูดกับพนักงานว่าเอาหลังที่ใกล้กับทะเลที่สุดด้วย

 

"อืม ก็มากันหลายคน เป็นหลังน่าจะคุ้มกว่า" พี่สินหันมาตอบผมพลางหยิบหมวกแก๊ปของเจ้าตัวมาสวมให้เมื่อเห็นผมหยีตาเพราะแดดแรง นี่ก็ขยันจีบผมเหลือเกิน ใจผมเองก็ขยันทำงานเกินไปแล้ว

 

"แต่ไม่ต้องห่วงนะ มีห้องแยกกันเลย ห้องละ 2 คน อยากทำไรก็ตามสบายเลย ห้องเก็บเสียง" พี่สินหันไปตอบพี่เสือ พลางกอดคอดึงผมเข้าไปใกล้

 

"แยกๆ ไม่ได้มาโดนน้องกูเลย กูหวง" พี่เป้เดินมาแยกเราสองคนออกจากกันแล้วกอดผมไว้ทั้งตัวเหมือนโอ๋เด็กตัวน้อยๆ

 

"มึงอ้ะมานี่เลย อย่าไปยุ่งกับเขา ไป พากูไปเช็คอิน" แล้วก็ตามมาด้วยเสียงโวยวายของพี่เป้ลั่นไปตลอดทางเดินไปทางส่วนหน้าของแผนกต้อนรับ

 

"ร้อนมากมั้ย" พี่สินเดินเข้ามาใกล้ผม แล้วขยับไปทางฝั่งที่แดดตกกระทบเพื่อจะบังแดดให้ เนื่องจากตัวพี่เขาสูงกว่าผมเยอะอยู่

 

"ไม่เท่าไหร่ครับ"

 

"แล้วทำไมหน้าแดงจัง แดงยันหูเลย ถ้าไม่ใช่เพราะแดด นี่เพราะกูมั้ย" ผมก้มหน้างุดหลบสายตาคนเจ้าชู้รีบเดินตามพี่เสือกับพี่เป้ให้ทัน ไม่ไหวแล้ว ใจจะวายแล้วนอกจากเวลานั่งรถที่ขับเร็วๆก็มีพี่สินนี่แหละ ที่ทำผมใจเต้นแรงขนาดนี้ได้ไม่หยุดหย่อนเลย

 

"ฮิ้วววววววววววว"

 

"ร้อนมากมั้ย"

 

"ไม่เท่าไหร่ครับ ฮิ้ววววววววววว" วิวกับโฟล์คที่เดินตามหลังผมมาส่งเสียงล้อเลียนให้ผมได้อายขึ้นไปอีก

 

"ไม่รอด เพื่อนกูไม่รอดแน่ๆจ้า"

 

"เรียบร้อยตระกูลนี้ทั้งพี่ทั้งน้องเลยโว้ย" แล้วก็อีกต่างๆนานา ที่สองคนนี้จะยกขึ้นมาแซวผมได้ ทริปนี้ต้องเป็นทริปที่เหนื่อยมากแน่ๆเลยครับ นี่คิดถูกคิดผิดที่ชวนสองคนนี้มาเนี่ย

 

***********************************

 

"กูจะนอนกับน้องกู" พี่เป้ยืนกอดอกไม่ยอมให้พี่สินเข้าห้องนอน พวกเราทั้งหกคนตกลงกันแล้วว่า พี่เสือนอนกับพี่เป้ วิวกับโฟล์ค ผมกับพี่สิน คู่วิวกับโฟล์คนั้นไม่มีปัญหาอะไร เพื่อนรักของผมทั้งสองคนกระโจนเข้าห้องตัวเองไปพักผ่อนเรียบร้อย เนื่องจากเดินทางมาไกลเลยเพลีย เจ้าตัวว่างั้นนะ แต่ดูเหมือนจะมีคนหนึ่งที่ไม่โอเค นั่นก็คือพี่ชายของผมเอง

 

"แล้วกูล่ะ?" พี่เสือชี้นิ้วเข้าหาตัวเองทำหน้าไม่พอใจ

 

"มึงก็นอนกับน้องมึง น้องใครน้องมัน"

 

"เป้ นี่มันทริปสุดท้ายในไทยของมึงกับกูนะ"

 

"ไม่ใช่มึงกับกูสักหน่อย ตั้งแต่เริ่มกูก็ตั้งใจมากับน้องกูสองคน มึงนั่นแหละเสือกตามมาเอง" พี่เสือขมวดคิ้วไม่พอใจมองพี่เป้แต่ไม่พูดอะไรแล้วเดินเปิดประตูเข้าห้องตัวเองไปเลย แถมปิดดังปั้งจนผมสะดุ้งด้วย

 

"เรื่องนี้ผมไม่เกี่ยวนะครับ เชิญเคลียร์กันเอง" พี่สินว่าพลางเดินตามพี่ชายตัวเองไป ส่วนพี่เป้หลังจากพูดไปแล้วก็มาทำหน้าหมาหงอยสำนึกผิดที่ตัวเองพูดไป

 

"แลกมั้ย ตอนนี้ยังทันนะ" ผมหันไปมองหน้าพี่ชายตัวเองที่ยืนทำตาละห้อยอยู่หน้าห้อง

 

"ไม่ พี่จะนอนกับน้อง มันจะอะไรนักหนาวะ ไม่ได้แยกกันอยู่สักหน่อย แค่แยกกันนอนคนละห้องเอง บ้านก็หลังเดียวกันเปิดประตูมาก็เจอแล้ว" แน่ะ ยังจะมาบ่นหงุงหงิงอีก ผมนั่งเก็บของไปฟังพี่เป้บ่นนู่นนี่ไปจนเสียงเงียบพอหันกลับไปดูพี่เป้ก็นอนหลับไปแล้ว ไม่แน่ใจว่าแค่หลับตาเพราะเพลียหรือหลับไปจริงๆกันแน่ ผมหยิบกล้องตัวเองมาเช็คนู่นนี่สักพักก่อนจะเดินออกมานอกห้องโดยเขียนโน๊ตเอาไว้ว่าจะออกไปเดินเล่นหน้าบ้าน

 

"จะไปไหน" พี่สินที่ยั่งอยู่ตรงโซฟาอยู่ก่อนแล้วหันมาถามผม

 

"ว่าจะออกไปเดินเล่นครับ"

 

"แดดแรง ทำไมไม่รอเย็นๆก่อน"

 

"ว่าจะออกไปถ่ายรูปเล่นครับ"

 

"งั้นรอแป๊บ ขอเข้าไปเอาครีมกันแดดก่อน" ผมพยักหน้ารับ สรุปคือพี่เขาจะไปด้วยกันกับผมใช่มั้ยนะ สักพักพี่สินก็เดินออกมาจากห้องนอนพร้อมกับสเปรย์กันแดดขวดใหญ่

 

"ยื่นแขนมานี่" ผมมองพี่เขางงๆ แล้วยื่นแขนไปตรงหน้า พี่สินฉีดสเปรย์ที่ต้นแขนผมไล่ไปจนปลายมือแล้วทำท่านั่งลงจะฉีดที่ขาให้ด้วย

 

"เอ่อ เดี๋ยวผมฉีดเองครับ"

 

"เฉยๆ" แล้วพี่เขาก็จัดการนั่งยองๆกับพื้นแล้วฉีดสเปรย์ให้ผมเหมือนเดิมก่อนจะเอามือตบๆตรงหลังเท้าให้ครีมซึมเข้าผิวด้วย

 

"เรียบร้อย แล้วหมวกที่ให้เมื่อกี๊อยู่ไหน"

 

"ในห้องครับ"

 

"ไปเอามาด้วย มันร้อน" ผมพยักหน้ารับ

 

"แล้วพี่สินไม่ทากันแดดหรือครับ"

 

"กูทาไปแล้ว" อ่า ผมพยักหน้าแล้วเดินเข้าห้องไปเอาหมวกแก๊ปที่พี่สินให้มา

 

"พร้อมแล้วครับ" พี่สินพยักหน้ารับก่อนจะเดินนำผมออกไปหน้าบ้าน แดดแรงมาก พี่สินก็เลยเดินเอาตัวบังให้ผมเหมือนเดิม

 

"ขยับไปด้านใน เดินเลียบต้นมะพร้าวไป" ผมทำตามที่พี่สินบอก เราสองคนเดินห่างจากตัวบ้านมาพอสมควรเห็นร้านหมวกสานข้างทางพี่สินรีบเดินเข้าไปทันที เจ้าตัวน่าจะร้อนจัดดูได้จากสีผิวที่แขนเริ่มไหม้

 

"เอาใบนี้ครับ เท่าไหร่ครับ" ผมแอบถ่ายรูปพี่เขาที่นั่งคุยกับแม่ค้าที่ข้างทาง หวังว่าพี่เขาคงไม่หวงรูปนะ พี่สินเลือกหมวกสานใบโตใบหนึ่งจ่ายเงินกับแม่ค้าแล้วเดินเข้ามาหาผมเร็วๆ

 

"เอ้า" จากนั้นจัดการถอดหมวกแก๊ปที่ผมสวมอยู่ไปใส่หัวตัวเองแล้ววางหมวกสานลงมาที่หัวผมแทน

 

"ใบนี้มันใหญ่ กันแดดได้มากกว่า ใส่ไว้ หน้าไหม้หมดแล้ว" ผมยิ้มรับความใส่ใจที่พี่สินมอบให้ ได้แต่คิดว่าถ้ามันเป็นแบบนี้ไปตลอดก็คงจะดี ถ้าเป็นคนนี้ผมก็น่าจะวางใจให้เขาดูแลได้

 

 

 

 

 

 

 

 

 

*******************

tbc.

 

แม่ค้า: หล่อจังเลยนะ มีแฟนหรือยังวะ **หันไปเห็นอิพี่ใส่หมวกให้น้อง** น่ารักจังเลย ดูแลน้องชายด้วย เป็นพี่ชายที่แสนดี

เรา: **สะกิดแม่ค้า** มองจากนอกโลกยังรู้เลยว่าแฟนกัน เอาอะไรมาพี่น้องคะ!!

 

ขอโทษค่ะ หายไปนานเลย เรามีเรื่องให้คิดนิดหน่อย แต่ตอนนี้ช่างแม่งหมดแล้ว น่าจะมีเวลาเหลือเฟือในการกลับมาแต่งและอัพแล้วล่ะค่ะ ใครที่ตกงานมากอดคอเป็นเพื่อนกันค่ะ เราก็เพิ่งโดนที่ทำงานเลิกจ้างมาจนกว่าโควิดจะหายไปและนักท่องเที่ยวจะกลับเข้าประเทศล่ะนะ ยังไงทุกคนก็สู้ๆนะ ผ่านไปครึ่งปีแล้วเหมือนชีวิตไม่ได้อะไรเลย อิโควิดดดดด!!!!
 :z6: :z6: :z6: :z6: :z6: :z6:

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 06-06-2020 15:02:04 โดย yuzhou62ppap »

ออฟไลน์ AkuaPink

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2033
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +59/-1
Re: คนเดียว...เดียวดาย
«ตอบ #35 เมื่อ05-06-2020 21:10:57 »

 :กอด1:
 :pig4:

ออฟไลน์ yuzhou62ppap

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 36
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-0



Ch.21 ดูดาวไม่สวยเท่าดูเธอ






 

 

"เล่นนานไปแล้วมั้งปอนด์" ผมหันไปมองพี่เป้ที่นั่งเล่นตรงผ้าใบริมหาดจิบน้ำมะพร้าวสบายใจเฉิบกับพี่เสือสองคน สองคนนี้เขาดีกันแล้วครับ ไม่รู้ไปง้อกันยังไง ผมกลับถึงบ้านพักก็เห็นนั่งป้อนข้าวกันอยู่ในห้องครัวแล้ว

 

"ขออีกสิบนาทีครับ" ผมตะโกนกลับไป นานๆมาทีขอเล่นให้เปื่อยหน่อยเถอะครับ ผมไม่ได้มาทะเลนานมากแล้วด้วยตัวพี่เป้เองไม่ค่อยมีเวลาว่าง ผมเองก็ติดทำงานพาร์ทไทม์ แถมรอบนี้มากับเพื่อนๆด้วย

 

"ปอนด์มึงมาช่วยกูเลย" วิวที่เพิ่งโผล่หัวจากน้ำมากวักมือเรียกให้ผมไปช่วยตัวเองที่โดนโฟล์ครัดคออยู่ สองคนนี้เล่นกันโหดมากครับ จับกดกันไปมาอยู่นั่น บอกว่ามาถึงทะเลแล้วก็ต้องได้ชิมน้ำทะเล ตัวผมเองก็กินไปหลายอึกแล้วเหมือนกันเพราะสองคนนี้จับกดน้ำนั่นแหละครับ ถ้าไม่โดนพี่สินทุบกันไปคนละที ป่านนี้ผมคงกลายเป็นผีทะเล หมายถึง ผีที่เฝ้าทะเลน่ะครับ

 

"ปอนด์หิวยัง"

 

"ยังครับ พี่สินหิวแล้วหรอ?"

 

"อืม อยากกินกุ้ง" พี่สินทำหน้าอ้อน..อ้อนผมนะครับ อ้อนจริงๆ ไม่ใช่อ้อนตีนแบบที่พวกเพื่อนๆชอบพูดกัน

 

"งั้นเดี๋ยวขอไปล้างตัวก่อนละกันครับ" ผมขึ้นจากน้ำเดินไปหาพี่สินที่นั่งปูเสื่อบนทรายรอผมกับเพื่อนเล่นน้ำกันมาได้ชั่วโมงกว่าแล้ว ผมชวนเขาลงมาเล่นด้วยกันก็กลัวผมเสียทรงเดี๋ยวไม่หล่ออะไรของเขาไม่รู้ หล่อไปเพื่อใคร

 

"แหม พี่สิน พอพี่ชายเขารับรู้ก็รุกเต็มที่เลยนะ น้องอยู่ตรงนี้อีกสองคนไม่มีหรอกความห่วงใย" วิวแซวพี่สินทันทีที่เดินมาถึงบริเวณเสื่อ

 

"เก็บปากไว้กินกุ้งมั้ยพวกมึงสองคนน่ะ"

 

"อ้าว พี่สิน ผมไม่เกี่ยวนะ" โฟล์คเอานิ้วชี้เข้าหาหน้าตัวเองก่อนปฏิเสธพัลวันว่าไม่ขอหารในเรื่องนี้

 

"เพื่อนกูจริงป้ะเนี่ย" แล้วสองคนนั้นก็ทะเลาะกันเป็นเด็กๆเหมือนเคยแหละครับ จากที่ตอนแรกเดินขึ้นมาจากทะเล ตอนนี้ก็วิ่งไล่กันลงทะเลไปอีกรอบ

 

"อ้ะ ผ้าขนหนู รีบไปล้างตัวไปเดี๋ยวไม่สบาย" ผมพยักหน้าพลางรับผ้าขนหนูเดินเข้าบ้านไปอาบน้ำ ส่วนพี่สินก็ตามมารอที่ห้องนั่งเล่นด้วย

 

"เดี๋ยวพี่สินรอแป๊บหนึ่งนะครับ ผมวิ่งผ่านน้ำสิบนาที" พี่สินหัวเราะในลำคอแล้วยื่นมือมาขยี้หัวผมเบาๆ

 

"อืม"

 

********************************

 

"ไอ้เสือนั่นของกู อันนั้นก็ของกู มึงวางเลย แม่ง" ผมนั่งมองพี่ชายตัวเองแย่งกุ้งย่างกับพี่เสือแล้วก็ได้แต่สงสัย นี่เขาสองคนคบกันจริงๆใช่มั้ย ถ้าไม่บอกผมก็ดูไม่ออกเลย เหมือนเพื่อนกันมากกว่าที่จะเป็นคนรัก พี่เสือเองก็ชอบกวนนู่นนี่ให้พี่เป้โมโหเล่นๆ แต่ถึงแม้จะดูกวนโมโหแกล้งนู่นแกล้งนี่แต่ก็เอาใจใส่พี่เป้ดี ถ้าพี่เป้มีความสุขก็ดีแล้วแหละ

 

"มองอะไร กินไป" ผมหันไปยิ้มขอบคุณพี่สินที่แกะกุ้งตัวโตมาวางไว้ให้บนจาน

 

"ขอบคุณครับ"

 

"โห บุญตาว่ะ ไอ้สินแกะกุ้งให้คนอื่น ทำเป็นด้วยหรอมึงอ้ะ นึกว่าเป็นแต่งอมืองอเท้าเป็นคุณชายให้คนอื่นทำให้" พี่เป้ที่เลิกตีกับพี่เสือแล้วหันมาแขวะพี่สินที่เอาแต่นั่งแกะกุ้งแกะปูให้ผม ไหนบอกว่าหิว ตัวเองกินไปแค่นิดเดียวที่เหลือมากองอยู่บนจานผมหมด

 

"ไม่ใช่น้องพี่ผมก็ไม่ทำหรอก"

 

"ฮิ้ววววววววววววว"

 

"มันเอาว่ะไอ้คนนี้" ครับ ฮิ้วนั่นเพื่อนผมเอง ส่วนประโยคนี้พี่เสือพูดพลางยักคิ้วให้น้องชายตัวเอง ยังจะมีหน้ามาภูมิใจอีกพี่น้องคู่นี้

 

"พอแล้วครับพี่สิน กินเองบ้างเถอะ" ผมตักเนื้อกุ้งไปวางบนจานที่ว่างเปล่าของพี่สินบ้าง

 

"ปากดี กูไม่อนุญาตให้คบกันหรอก อย่ามาทำดีใจไป" พี่เป้พูดแล้วกัดเนื้อปูเข้าปากคำใหญ่

 

"อ้าว ทำไมล่ะครับ ถ้าความรู้สึกตรงกันจะคบกันก็ไม่เห็นแปลก" ผมถามพี่เป้ออกไปอย่างพาซื่อ ทีเขาคบกับพี่เสือยังไม่เห็นต้องมาขออนุญาตจากผมเลย แล้วทำไมผมกับพี่สินถึงต้องรอให้เขาอนุญาตก่อนจะคบกันด้วย

 

"น้อง ก็ปอนด์ยังไม่โต ไอ้สินมันไว้ใจไม่ได้ เชื่อพี่ มันจะดูแลน้องไปได้สักกี่น้ำ"

 

"ไม่เห็นเกี่ยวเลยครับ ทำไมพี่สินต้องมาคอยดูแลปอนด์ด้วย ปอนด์ดูแลตัวเองได้ อีกอย่างคนเราจะคบกัน ก็ต้องดูแลกันทั้งสองฝ่าย จะให้ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งดูแลอยู่ฝ่ายเดียวไม่ได้" พี่เป้อ้าปากค้างจนแมลงวันแทบบินเข้าปาก ผมพูดผิดตรงไหน ก็ถูกแล้วนี่

 

"เป็นไงพี่เสือ น้องสะใภ้คนนี้ผ่านมั้ย" วิวทำท่าจับไมค์ยื่นไปทางพี่เสือที่นั่งยิ้มกริ่มอยู่

 

"ผ่านตั้งแต่เป็นน้องเมียกูแล้ว"

 

"ฮิ้ววววววววววววววววววววววววววว"

 

"พอๆๆๆ นี่ตกลงน้องคบกับสินมันแล้วหรอ"

 

"ยังครับ"

 

"งั้นน้องก็อย่าเพิ่งด่วนตัดสินใจ ไม่แน่ พอโตไปน้องอาจจะชอบคนอื่นก็ได้"

 

"อ้าวพี่เป้" พี่สินปาเปลือกกุ้งที่ตัวเองแกะไปทางพี่เป้

 

"ทำไมพูดแมวๆงี้อ่ะพี่ ปอนด์มันต้องชอบผมดิ"

 

"มึงอย่ามามั่นหน้า น้องกูอาจจะแค่หลงผิดไปก็ได้"

 

"เหมือนที่พี่หลงผิดอ้ะหรอ"

 

"ไอ้สิน อย่าลากครอบครัวกูไปเกี่ยว" ผมหันไปมองหน้าคนพูดที่ยังนั่งนิ่งเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ผมฮิ้วในใจนี่ไม่ผิดใช่มั้ย พี่เสือนี่เห็นเงียบๆ พอพูดอะไรออกมาทีแอทแทคตายเป็นแถบๆเลยนะครับ ผมนั่งกลั้นยิ้มมองพี่เป้ที่หน้าดำหน้าแดงอ้าปากพะงาบๆ หยุดเถียงพี่สินไปเลย ส่วนวิวกับโฟล์คครั้งนี้ถือว่าทำดีครับเพราะสองคนนี้ทำหน้าที่แซวแทนผมไปแล้ว ครอบครัวหรอ คำนี้ไม่เลวเลยจริงๆ

 

*************************

 

"เป้ นั่งตรงๆ" พี่เสือจับหัวพี่เป้ออกจากไหล่ตัวเอง พี่ชายผมนี่คออ่อนจริงๆเลย เอ๊ะ หรือว่าโดนมอมกันแน่ ดูจากจำนวนกระป๋องเบียร์ตรงหน้าพี่เป้แล้วเทียบกับคนที่เหลือเยอะกว่าตั้งสองเท่า

 

"พวกมึงนั่งกินกันต่อเถอะ กูพาเป้มันไปนอนละ"

 

"โอเคพี่ ละพี่จะกลับมาป้ะ" พี่เสือแบกพี่เป้ขึ้นหลังด้วยท่าทางชำนาญก่อนจะส่ายหัวให้พวกผมทั้งหมด

 

"ไม่ละว่ะ พวกมึงกินเสร็จก็เก็บของดับไฟดีๆล่ะ" ผมพยักหน้ารับแล้วลุกขึ้นยืนเก็บพวกจานที่วางเกะกะตรงที่พี่เป้พี่เสือเมื่อสักครู่ให้เรียงกันเป็นที่

 

"ง่วงยัง" พี่สินที่นั่งอยู่ข้างๆหันมาถามผมบ้าง

 

"ยังครับ เย็นดีด้วย"

 

"ฉีดสเปรย์กันยุงเพิ่มมั้ย กูเห็นยุงบินวนๆมึงหลายตัวแล้ว"

 

"โอ๊ยยยยยยยยยยย เบื่อคนรักกันว่ะ" พี่สินหยิบเปลือกกุ้งใกล้ๆมือปาไปที่โฟล์คกับวิวที่นั่งดื่มกันอยู่อีกทางรอผมเก็บศพ สองคนนี้ก็หัวเราะไม่เลิกเส้นตื้นไปหมด ปกติก็รั่วอยู่แล้ว นี่เมาอีก แถมดื่มขนาดนั้นเชื่อเถอะครับ ไม่พ้นผมกับพี่สินนี่ล่ะที่ต้องลากเข้าบ้าน พี่สินส่ายหัวเบาๆ ก่อนจะเดินเข้าบ้านไป น่าจะไปหยิบสเปรย์กันยุงมาให้ผมนั่นแหละ

 

"เชลดอนเพื่อนรักกูถามจริงมึงกับพี่สินนี่ยังไม่คบกันอีกหรอ?" ผมที่โดนวิวลุกขึ้นมาลากไปนั่งใกล้ๆสอบสวนทันทีที่ก้นสัมผัสเก้าอี้

 

"จะบ้าหรอยังไม่ได้คบ"

 

"แล้วทำไมยังไม่คบอีก?"

 

"ก็..." ผมลากเสียงเพราะหาคำตอบไม่ได้ ในขณะที่เพื่อนสองคนก็ขยับหน้าเข้ามาใกล้มากขึ้นอย่างตั้งใจฟัง เรื่องผมนี่มันน่าใส่ใจขนาดนั้นเลยนะ

 

"พี่เขายังไม่ได้ขอ" ผมก้มหน้างุด

 

"มึงก็ขอก่อนเลยดิ มึงก็ชอบพี่เขาใช่มั้ยกูรู้นะ" วิวกอดอกหรี่ตามองผมอย่างจับผิด

 

"ก็ชอบ..." โฟล์คตบตักตัวเองดังปั้กจนผมเจ็บแทน

 

"เนี่ย ชอบกันแล้วก็คบๆไปเลย" ผมส่ายหน้าหวือ

 

"ไม่เอา มันเร็วเกินไป พี่เขาเพิ่งบอกว่าจีบเองจะให้คบแล้วหรอ ผมไม่เคยคิดถึงเรื่องพวกนี้ด้วยเลยทำตัวไม่ถูก อีกอย่างผมก็ยังไม่แน่ใจหรอกว่าผมชอบเขาแบบที่เขาชอบผมหรือเปล่า" นี่คือความจริงอีกข้อครับ ผมยังไม่แน่ใจในตัวเองเท่าไหร่ว่าตัวเองพร้อมที่จะคบใครจริงจัง ผมไม่เคยมีความรู้สึกชอบใครมาก่อน ไม่เคยคบใครมาก่อน ชีวิตผมมีแค่พี่เป้ เรียน งานพิเศษ หาทางยืนให้ได้ด้วยตัวเองโดยไม่ต้องพึ่งพี่ชายมากนัก เลยไม่เคยมีเวลามาคิดเรื่องพวกนี้

 

"จากนี้ก็คิดซะสิ" ผมสะดุ้งสุดตัวหันไปมองพี่สินที่ยืนถือสเปรย์กันยุงอยู่ข้างหลังตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้

 

"กูมีเวลาให้มึงคิดได้เต็มที่ มึงพร้อมเมื่อไหร่ก็บอกกู กูจะขอมึงคบอย่างเป็นเรื่องเป็นราว" ผมอ้าปากค้างมองคนที่พูดเรื่องแบบนี้ออกมาได้อย่างหน้าตาเฉย หันกลับมามองเพื่อนตัวเองที่เป็นคนจุดประเด็นขึ้นมาก็เนียนไม่มองทำราวกับก่อนหน้าไม่ได้ยินอะไรที่พี่สินพูด แต่มุมปากที่ขยับขึ้นนั่นก็ทำให้ผมรู้แล้วว่าเพื่อนผมสองคนได้ยินทุกประโยคนั่นแหละ

 

"ฮ้าววววว ง่วงจังวะ โฟล์คไปนอนกันมึง ปอนด์กูฝากเก็บด้วยนะ เดี๋ยวพวกเบียร์ที่เหลือกูเอาไปเก็บกันเอง ไปนอนละ ฝันดี บายพี่สิน" แล้วเพื่อนตัวดีสองคนก็พากันหอบกระป๋องเบียร์ที่เหลือหนีผมเข้าบ้านไปเลย ทิ้งให้ผมอยู่กับพี่สินสองคนหลังจากสถานการณ์นั้นอ้ะนะ เกินไปแล้ว

 

"เป็นอะไร เขินหรือไง" พี่สินเดินมาใกล้พลางจับแขนผมไปสเปรย์ให้ รู้แล้วยังจะมายิ้มล้อเลียนกันอีก

 

"ยุงกัดเต็มไปหมดเลย รีบเก็บของแล้วเข้าไปในบ้านไป" 

 

"ขอดูดาวก่อนไม่ได้หรอครับ" ผมช้อนตามองสบกับคนตรงหน้าที่ยืนฉีดสเปรย์ให้ผมทั่วแขนขาจนตัวเหนอะไปหมด พี่สินพยักหน้ารับวางขวดสเปรย์ลงบนมือผมก่อนจะยื่นแขนมาตรงหน้า

 

"ฉีดให้มั่ง" แค่ฉีดสเปรย์เองจะใจเต้นทำไมละปอนด์ พี่สินยิ้มขำผมที่รีบฉีดสเปรย์รอบตัวพี่เขาแบบลวกๆ

 

"แค่เนี้ย?"

 

"ครับ" ผมวางสเปรย์กันยุงลงบนมือพี่สินแล้วหันไปเก็บของบนโต๊ะที่เละเทะอยู่ พี่สินก็ลงมือช่วยเก็บด้วยอีกแรงจนเสร็จ ผมเอาถุงขยะไปทิ้ง ส่วนพี่สินถือพวกจานชามที่เปื้อนเข้าไปไว้ในครัว ผมกลับมาอีกทีก็เห็นพี่สินนั่งรออยู่บนเสื่อพร้อมหมอนผ้าห่มก่อนแล้ว

 

"พี่สินไปนอนก่อนได้เลยนะครับ"

 

"ไม่เอา จะดูดาวเป็นเพื่อนมึง มานอนนี่ดิมาเอาหมอนกับผ้าห่มมาให้แล้ว" ผมยิ้มเดินเข้าไปทิ้งตัวนอนลงบนเสื่อผืนใหญ่ข้างๆที่พี่สินนั่งอยู่ พี่สินเอาผ้าห่มมาห่มให้ผม แล้วล้มตัวลงนอนข้างๆ แถมยังเบียดเบียนหมอนกับผ้าห่มที่บอกว่าเอามาให้ผมอีก

 

"ทำไมไม่เอาหมอนกับผ้าห่มมาให้ตัวเองด้วยล่ะครับ"

 

"ก็ถ้าเอามาก็ไม่ได้แบบนี้ดิ" พี่สินว่าพลางขยับตัวเข้ามาใกล้ผมมากขึ้นอีกจนหัวชนกัน

 

"ใกล้ไปมั้ยครับ"

 

"ก็ตั้งใจ"

 

"ขี้โกง" ผมพึมพำเบาๆแต่ก็ไม่ได้ขยับหนีแต่อย่างไร นอนเบียดกันมันก็คลายหนาวดี

 

"คืนนี้มึงคงต้องนอนกับกูแล้วล่ะ" หืม ผมหันไปมองหน้าคนข้างๆที่ยังคงมองท้องฟ้าอยู่

 

"ทำไมครับ?"

 

"พี่เสือมันนอนกับพี่เป้อ้ะดิ เข้าบ้านไปเมื่อกี๊มันล็อคห้องแล้ว แถมเจอกระเป๋ากูวางไว้ในห้องมึงอีก" 

 

"เดี๋ยวผมนอนห้องรับแขกก็ได้ครับ"

 

"ไม่ต้อง นอนกับกูนั่นแหละ มึงอึดอัดหรอ?" พี่สินหันมาถามหน้าจริงจังจนผมกลัวเขาเข้าใจผิดเลยรีบตอบออกไป

 

"เปล่าครับ กลัวพี่จะอึดอัดมากกว่า" ผมมองดาวไปเรื่อยเปื่อยไม่กล้าหันไปสบตากับพี่สิน

 

"ปอนด์มึงลืมอะไรหรือเปล่า" หืม? ลืม? ลืมอะไร สงสัยหน้าผมคงแสดงออกอย่างขัดเจนมากๆว่าอยากรู้คำตอบ พี่สินเลิกดูดาวแล้วเปลี่ยนท่านอนเป็นตะแคงข้างเข้าหาผมแทน จมูกเฉียดแก้มผมไปแค่นิดเดียวเอง

 

"กูชอบมึงนะ กูจะอึดอัดได้ไง ถ้าได้นอนกับคนที่ตัวเองชอบ" ช่วยผมด้วยทุกคน ใจมันเต้นแรงไปหมดเลย หน้าผมต้องแดงแหงๆ

 

"ดูดาวไปครับ จะมานอนมองหน้าผมทำไมเล่า" ผมดันหน้าพี่สินให้หันไปทางท้องฟ้าแทนเพื่อกลบเกลื่อนความเขินอายที่คงแสดงออกทางสีหน้าตัวเองไปแล้วเรียบร้อย

 

"ดาวก็สวยนะ แต่อยากดูมึงมากกว่า สวยเพลินตากว่าเยอะเลย" โอเค ตาย ตายไปเลย ผมเนี่ย TTOTT

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

********************

tbc.

 

เรา: ดาวก็สวยนะ แต่พี่ชอบน้องปอนด์มากกว่า พี่ชอบคนน่ารัก

สิน: น่ารักมากมั้ย

เรา: มากกกกกกกกกก

สิน: **ยิ้มเย็น**

เรา: **4 x 100**

 

 

มาดึกมากเลยยยยยยยยยยย ไปนอนแล้วจ้า ฝันดีนะทุกคน

 

 

 

 

 

 

 





ออฟไลน์ psychological

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 253
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +41/-0
Re: คนเดียว...เดียวดาย
«ตอบ #37 เมื่อ08-06-2020 23:29:47 »

 :pig4:

ออฟไลน์ yuzhou62ppap

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 36
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-0


Ch. 22 พาน้องเข้าบ้าน



เวลาแห่งความสุขมักจะผ่านไปเร็วเสมอดูท่าว่าจะจริงครับ เพราะได้หยุดแค่สองวันพี่เป้เลยกลัวกระทบกับการไปเรียนของผมพรุ่งนี้เราเลยเช็คเอาท์ออกจากรีสอร์ทตั้งแต่เก้าโมงเพื่อจะได้มีเวลาให้ผมได้เก็บภาพความทรงจำของเราด้วย



"เป็นไรหน้าหงอยเลย" พี่สินเดินเข้ามาหาผมที่ยืนเช็ครูปทุกๆคนในมุมเผลออยู่ริมทะเล



"ไม่ได้หงอยครับ"



"หน้าหงอยเป็นหมาโดนเจ้านายทิ้งขนาดนี้ยังจะเถียงอีก" แน่ะ ว่าผมไม่พอยังจะยื่นมือมาบีบปากอีก



"ร้านนี้บรรยากาศดีจังครับ มีทางเดินลงหาดเลย พี่สินรู้จักได้ยังไงครับ?"



"เคยมากับที่บ้าน นี่ร้านประจำเลย พี่มึงก็เคยมาช่วงมหาลัย แต่หลังจากนั้นก็ไม่ได้มาอีกเลย นานมากแล้ว"



"อ่อ" ผมพยักหน้ารับ งั้นแสดงว่าหลังจากนั้นตลอดเวลาที่อยู่กับผมพี่เป้ก็ไม่ได้มาอีกเลยสินะ เพราะต้องคอยดูแลก้อนภาระอย่างผม ถ้าเพียงตอนนั้น ผมไปกับพ่อแม่ก็คงดีสินะ เพราะอย่างน้อยๆ เขาก็คงยังมีเวลามาเที่ยวกับพี่เสือ ได้มีความสุขกับครอบครัวเขา เหมือนผมได้ขโมยเวลาชีวิตทั้งหมดของพี่ชายมาเพื่อมาดูแลเด็กที่ช่วยเหลือตัวเองยังไม่ได้ในตอนนั้น



"คิดมากอะไรอีกล่ะ คิ้วขมวดเลย ไม่ต้องเถียงด้วยว่าไม่ได้คิดอะไร หน้าอย่างมึงอย่าคิดว่าจะโกหกกูได้นะ" นี่ก็รู้เก่งจังเลยมีพรายกระซิบหรือไง



"คิดอะไรเรื่อยเปื่อยครับ"



"เรื่อยเปื่อยของมึงน่ะคืออะไร มึงบอกกูได้ทุกเรื่อง กูพร้อมฟัง" ผมนิ่งไปนิด ใจหนึ่งก็อยากจะเล่าให้คนอื่นฟังบ้าง แต่อีกใจมันก็รู้ว่าถึงเล่าไปก็ไม่มีใครช่วยอะไรได้อยู่ดี มีแต่ผมต้องยืนให้ได้ด้วยตัวเองให้เร็วที่สุด เพื่อไม่ให้เป็นภาระไปมากกว่านี้



"ปอนด์"



"ไม่มีอะไรหรอกครับ" ผมยิ้มให้พี่สินเพื่อไม่ให้เขาสงสัยอะไรอีก ผมยังไม่พร้อม ถ้าบอกไปแล้วคงจะโดนว่าไร้สาระ ผมยังเด็กแหงๆ ผู้ใหญ่ทุกคนก็เอาแต่พร่ำบอกผมแบบนี้แหละ



"งั้นก็เลิกทำหน้าหมาหงอยแบบนี้สักที ไปที่โต๊ะได้แล้วอาหารน่าจะมาแล้ว เดี๋ยวเพื่อนก็แย่งกินหมด ตัวยิ่งผอมๆอยู่" ผมพยักหน้าเดินตามพี่สินกลับไปที่โต๊ะอาหารก็เห็นพนักงานทยอยมาเสิร์ฟแล้วจริงๆ



"ปอนด์มานั่งนี่ เสือมึงไปนั่งฝั่งนู้นไป" พี่เป้กวักมือเรียกยิกๆให้ผมไปนั่งข้างเจ้าตัวแต่พี่สินเร็วกว่าลากแขนผมไปนั่งฝั่งตรงข้าม



"พี่จะทำให้มันยุ่งยากทำไมเนี่ย โต๊ะมันก็แค่นี้ ไม่ได้นั่งคนละโต๊ะสักหน่อย" พี่สินนั่งลงรินน้ำใส่แก้วก่อนจะยื่นให้ผม



"ก็กูอยากนั่งกับน้องกู"



"นี่ก็นั่งด้วยกัน กินเข้าไป" พี่เสือจัดการปิดปากพี่เป้ด้วยไข่เจียวกุ้งสับ เพราะอาหารเต็มปากพี่เป้ก็เลยทำตากะหลับกะเหลือกอยู่คนเดียวส่วนปากก็เคี้ยวตุ้ยๆ ผมได้แต่ยิ้มส่งไปให้เผื่อจะช่วยให้พี่เป้อารมณ์ดีขึ้นบ้าง 



"พี่เป้พี่เสือกินเยอะๆ" ผมตักผัดผงกะหรี่ปูที่อยู่ฝั่งผมใส่จานคนตรงข้ามทั้งสองคนพลางยิ้มให้อย่างเอาใจ ทริปนี้ฟรีทุกอย่างครับ พี่เสือพี่เป้ออกเองหมดต้องเอาใจเขาหน่อย



"อ้าว แล้วกูอ้ะ" เฮ้อ เป็นเด็กหรือไงจานก็อยู่ตรงหน้าตัวเองยังจะงอแงอีก ผมดันจานไปให้พี่สินแล้วนั่งกินข้าวต่อไม่สนใจเจ้าตัวที่งุ้งงิ้งๆอยู่ข้างหู



"ตักให้แค่นี้ก็ไม่ได้" นี่จะไม่หยุดบ่นจริงๆใช่มั้ยเนี่ย ผมยื่นมือไปตักเปลือกผัดเผ็ดหอยลายก่อนจะวางลงบนจานข้าวสวยพี่สินเพื่อให้หยุดพูดได้แล้ว



"นี่ กินเข้าไปครับ" วิวกับโฟล์คปิดปากกลั้นหัวเราะหน้าดำหน้าแดง



"ฮ่าๆๆๆ กินเข้าไปดิสิน ชอบไม่ใช่หรอหอยอ้ะ" ส่วนพี่เป้อ้าปากดังลั่นจนพี่เสือต้องเอื้อมมือไปปิดปากให้เพราะกลัวเศษกับข้าวจะกระเด็นใส่จานอื่นๆ



"กินดีๆ" พี่เสือยื่นทิชชูเช็ดริมฝีปากให้พี่ชายผม เราสบตากันครู่หนึ่ง พี่เป้ก็เลือกจะหลบสายตาไป เอ่อ พี่เป้น่าจะเขินแรงมากดูจากแก้มที่ขึ้นสีจนลามไปถึงหูแล้ว



"เช็ดเองได้ มึงกินไป" พี่เสือหัวเราะในลำคอแล้วกินข้าวต่อ ร้ายเหมือนกันนะเนี่ย ทำพี่เป้ผู้หน้าด้านให้อายได้ ไม่ใช่คำด่านะครับ นี่คำชม พี่ชายผมเป็นคนกล้าแสดงออกมากๆ ตั้งแต่เด็กๆแล้ว ต่างกับผมคนละขั้วเลย เวลามีงานโรงเรียนทีขาดพี่ชายผมไม่ได้เลย จนพวกอาจารย์แทบไม่เชื่อแล้วว่าผมสองคนเป็นพี่น้องกัน



"ปอนด์มึงกินนี่" พี่สินตักกุ้งแผ่นทอดกรอบมาวางบนจานให้ ผมค้อมหัวขอบคุณเล็กน้อยก่อนตักเข้าปาก โห อร่อยมากเลย



"อร่อยใช่มั้ย งั้นวันหลังเรามากินกันอีกมั้ย?" ผมพยักหน้ารับรัวๆ ยิ้มตาหยี



"น้อยๆหน่อย นั่งอยู่ตรงนี้หลายคนทำไมชวนอยู่แค่คนเดียวอ้ะพี่" โฟล์คที่นั่งเงียบนานไม่ได้ดูเหมือนจะคันปากจนต้องพูดแซวผมกับพี่สิน



"มึงยังไม่เข็ดหรอ ต้องให้กูบอกว่าไงถึงจะเข้าใจว่ามึงไม่ได้สำคัญเท่าปอนด์"



"โอ๊ยยยยยย เจ็บตรงนี่ที่หัวใจ เรามันก็แค่น้องอ้ะเนาะ วิวช่วยกูด้วยยยยย" แล้วโฟล์คก็เล่นใหญ่ด้วยการเอาหัวตัวเองไปซบไหล่วิวที่นั่งอยู่ข้างๆ



"อย่ากวน กูจะกิน" แล้วก็จบด้วยการโดนผลักหัวหน้าแทบทิ่มเพราะไปรบกวนการกินข้าวของวิวเข้า อยากจะหยิบกล้องขึ้นมาถ่ายจัง ผมยิ้มกับตัวเองก่อนจะนั่งทานข้าวต่อ พอทานเสร็จพวกเราก็แวะซื้อของฝากไปฝากคนที่กรุงเทพฯ ตัวผมน่ะมีคนให้ฝากไม่กี่คนหรอกครับ พี่กุ้งยามคอนโดผมนั่นแหละ แต่ดูท่าพี่สินจะเยอะอยู่พอควรดูได้จากการที่เจ้าตัวเข็นรถเข็นแทนที่จะถือตระกร้าใบเล็กๆแบบผม



"พี่สินผมไปจ่ายเงินก่อนนะครับ"



"อย่าเพิ่งเดี๋ยวไปพร้อมกัน มาช่วยกูเลือกของฝากหน่อย" ผมพยักหน้ารับแล้วเดินไปวางตระกร้าตัวเองในรถเข็นพี่สินก่อนจะเดินนำหยิบของลงบนรถเข็น ขณะที่กำลังเลือกของกันอยู่ก็มีผู้หญิงสองคนท่าทางเขินอายเดินเข้ามาหาเราทั้งคู่



"พี่คะ พี่ชื่ออะไรหรอคะ?" ผมชี้หน้าตัวเอง สองสาวข้างหน้ากลับส่ายหน้าแล้วชี้ไปที่พี่สิน ผมเลยหันไปมองตาม พี่สินไม่ตอบอะไรแถมมองมาทางผมอยู่ตลอดเวลา ขนาดผมทำสัญญาณก็แล้วว่าให้หันไปตอบเขา พี่แกก็ยังนิ่ง



"เอ่อ พี่..."



"ตัวเล็กครับหยิบถุงนั้นมาด้วยพวกไอ้รันชอบกิน เอาไซส์ใหญ่เลย" ห๊ะ ตัวเล็ก? ตัวเล็กไหน? 



"ยืนนิ่งทำไมครับ น้องหยิบให้พี่หน่อย เมื่อคืนน้องใช้งานพี่ปวดไปทั้งตัวเลย ตัวก็เล็กแค่นี้แต่ทำไมหนักจัง" ผมชี้หน้าตัวเอง ผมตัวหนักขนาดนั้นเลยหรอเมื่อคืนไม่ต้องอุ้มก็ได้หนิ ปลุกก็ตื่นแล้วทีงี้ทำมาบ่น ผมพยักหน้ารับแล้วหยิบถุงขนมที่พี่สินชี้ก่อนหน้านี้ใส่ลงรถเข็นแล้วค้อมตัวผ่านหน้าผู้หญิงสองคนที่ยืนหน้าเจื่อนรอคำตอบอยู่ พอพี่สินไม่สนใจเธอสองคนก็เลิกตื๊อแล้วถอยทัพไปเอง



"น่ารำคาญจริงๆ" 



"ผมหรอครับ?"



"ไม่ใช่มึงกูหมายถึงสองคนนั้น มานี่มา" พี่สินลากผมไปกอดแขนข้างหนึ่ง แล้วใช้แขนอีกข้างเข็นรถไปด้วย มันเดินลำบากมั้ยล่ะเนี่ย



"ทำงี้ก็ไม่มีใครกล้าเข้ามาหาละ ทั้งมึงทั้งกู จบ" 



"ใครจะกล้าเข้าหาผมครับ"



"ไม่รู้กันไว้ก่อน กูหวง" อ่า ทำไมพูดตรงกันทั้งพี่ทั้งน้องเลยนะ ผมอยากจะเดินหนีมากๆเลย ถ้าไม่ติดว่ามือพี่สินล็อคแขนผมไว้ล่ะก็ แล้วก็เป็นอย่างที่พี่สินพูดจริงๆครับตั้งแต่นั้นก็ไม่มีใครกล้าเดินเข้ามาทักเราอีกเลย จะมีก็แต่สายตาที่มองมาเพิ่มขึ้นอย่างผิดปกติเพราะผู้ชายสองคนเดินกอดแขนกัน นี่มันดีแล้วใช่มั้ยเนี่ย



******************************



"เสือเมื่อไหร่มึงจะกลับบ้าน" พี่เป้ที่นอนแหมะอยู่บนโซฟายาวหันไปถามพี่เสือที่นั่งอยู่อีกด้าน พวกเรากลับมาถึงคอนโดแล้วเรียบร้อยครับ แวะส่งวิวกับโฟล์คเสร็จผมก็นึกว่าพี่เสือจะแวะส่งผมกับพี่เป้แล้วกลับเลย แต่ไม่ครับ เจ้าตัวเดินตามขึ้นมาถึงห้องเปิดทีวีดู เดินเปิดตู้เย็นกินน้ำเหมือนเป็นบ้านตัวเองเฉยเลย



"มึงไปด้วยมั้ยล่ะ"



"ไม่ กูจะเก็บเสื้อผ้า อีกแค่สองวันเอง"



"มึงเก็บของหมดแล้วกูเห็นเหลืออยู่ไม่กี่ตัว"



"กูอยากนอนกับน้องกู"



"งั้นอีกครึ่งชั่วโมง"



"มึงครึ่งชั่วโมงมาจนจะทุ่มนึงแล้วเนี่ย ไปๆ กลับไปได้ละ เอาสินกลับไปด้วยกูจะขอบใจมาก"



"อ้าว เกี่ยวอะไรกับผมล่ะพี่เป้ ผมนอนนี่" พี่เป้กลอกตามองสองคนพี่น้องที่ไล่ยังไงก็ไม่ยอมกลับบ้านกลับช่องตัวเอง เหมือนไล่จนขี้เกียจจะไล่แล้วพี่เป้เลยหยิบผ้าขนหนูเดินเข้าห้องน้ำไปอาบน้ำซะเลย



"ปอนด์ พรุ่งนี้มึงมีเรียนใช่ป้ะ" ผมพยักหน้ารับพี่เสือที่เบาเสียงทีวีแล้วหันมาคุยกับผม



"งั้นมึงไปนอนบ้านกูแล้วพรุ่งนี้ออกไปมอพร้อมไอ้สิน" ผมทำหน้างง ทำไมผมต้องไปนอนบ้านพี่เสือด้วย เหมือนพี่เสือเข้าใจเลยอธิบายมาเสียยาวยืด



"ไอ้เป้มันจะไปต่างประเทศอยู่แล้ว มันยังไม่ได้ไปง้อแม่กูเลย แม่งอนมันอยู่นะเรื่องจะย้ายไปแล้วเพิ่งมาบอก นี่กูก็โทรเข้าไปบอกแม่แล้วว่าจะพามันเข้าไปเย็นนี้ มึงช่วยกูหน่อยนะ ถ้ามึงไปนอนด้วย เป้มันต้องไปแน่นอน" ผมชั่งใจเล็กน้อย จะว่าไปวันนั้นก็เหมือนคุณแม่บ่นๆอยู่เหมือนกันว่างอนพี่เป้เรื่องนี้



"ตกลงครับ งั้นเดี๋ยวผมไปเอาชุดนักศึกษาก่อน" ผมพยักหน้ารับแล้วเดินเข้าห้องไปเอาชุดนักศึกษาพับเก็บลงกระเป๋าเป้ใบที่เอาไปเที่ยวนั่นแหละ



"ปอนด์น้องไปอาบน้ำได้แล้ว แล้วทำไมไม่รื้อเสื้อผ้าในกระเป๋าไปเก็บ" พี่เป้เดินเข้ามาจะหยิบกระเป๋าผมไปจัดการให้ แต่ผมดึงเอาไว้



"อันนี้เป็นชุดที่จะเอาไปนอนบ้านพี่เสือครับ" ผมบอกแล้วหยิบกระเป๋าหลบไปอีกทาง พี่เป้มองหน้าผมขมวดคิ้วแน่นก่อนจะหันไปมองพี่เสือที่นั่งยิ้มอยู่ก่อนแล้ว



"มึงจะเล่นงี้ใช่มั้ย"



"แม่คิดถึงมึง" พี่เป้เงียบแล้วเดินตึงตังเข้าห้องไปเลย ผมหันหน้าไปหาพี่สินเป็นเชิงถาม พี่สินก็ได้แต่ยักไหล่ไม่รู้กลับมา



"ไม่ต้องคิดมาก มึงไปอาบน้ำเถอะ" พี่เสือลุกขึ้นยีหัวผมเบาๆก่อนจะเดินเข้าห้องตามพี่เป้ไป



"ไปอาบน้ำดิ หรือจะให้กูเข้าไปอาบด้วยเลย" ผมรีบลุกพรวดเดินเข้าห้องน้ำทันทีที่พี่สินเตรียมท่าจะลุกเข้าไปอาบน้ำพร้อมผม เห้อ พี่น้องคู่นี้นี่กวนโมโหเก่งทั้งคู่จริงๆ



*****************************



"กินเยอะๆเลยนะลูก" คุณแม่พี่สินก็ยังคงเป็นผู้ใหญ่ใจดีทุกครั้งที่เจอ ท่านตักกับข้าวให้ทั้งผมและพี่เป้แถมยิ้มให้อย่างใจดี



"ขอบคุณครับ" ผมกับพี่เป้ค้อมหัวให้คุณแม่เล็กน้อย เรื่องที่คุณแม่งอนเหมือนพี่เสือจะโกหกเพราะทันทีที่มาถึงบ้านคุณแม่ก็วิ่งมากอดพี่เป้ทันที ไม่เห็นเหมือนคนไม่พอใจอะไรเลยสักนิด



"น้องปอนด์อยู่ปีสองแล้วใช่มั้ย เห็นแม่เขาเล่าให้พ่อฟัง"



"ครับ" ผมหันไปตอบคุณพ่อที่นั่งอยู่ทางหัวโต๊ะ



"พ่อฝากๆดูเจ้าสินหน่อยนะ จะจบอยู่แล้วยังไม่ได้เรื่องได้ราวเลย"



"โห่ พ่อ ทำไมมาเผากันให้น้องฟังแบบนี้ล่ะ" พี่สินว่าพลางทำหน้ากระเง้ากระงอด



"ก็แกมันไม่เป็นโล้เป็นพาย ปีสี่แล้วยังเอ้อระเหยอยู่ มาฝึกงานที่บริษัทซะ"



"ไม่เอาหรอก ผมจะไปฝึกบริษัทอื่น" พี่สินลอยหน้าลอยตาตอบคุณพ่อแล้วกินข้าวต่อไม่รู้ร้อนรู้หนาว



"ดูมันนะน้องปอนด์ เหนื่อยหน่อยนะ ลูกชายพ่อมันเป็นอย่างนี้ ทำยังไงก็เปลี่ยนมันไม่ได้ อย่าเพิ่งท้อจนเลิกกับมันล่ะ"



"คือคุณพ่อครับ น้องปอนด์ไม่ได้คบกับสินนะครับ" พี่เป้ว่าขึ้นมากลางปล้อง ก่อนจะหันมามองหน้าผม



"ใช่มั้ย น้องบอกไม่ได้คบกันหนิ" ผมพยักหน้ารับพี่เป้ นี่แหละที่ผมอยากจะบอกคุณแม่พี่สินตั้งแต่วันที่เจอกันวันแรก ผมไม่ได้หลอกลวงอะไรนะครับ แต่ท่านไม่ยอมฟังผมเลย แถมพี่สินก็เอาแต่ขัดจังหวะอยู่เรื่อย



"ยังไม่ได้คบแต่เดี๋ยวก็ได้คบครับ พ่อครับแม่ครับ ผมจีบปอนด์อยู่ครับ ยังไงก็จะเอามาเป็นลูกสะใภ้พ่อกับแม่ให้ได้" พี่สินพูดขึ้นมาด้วยความมั่นใจจนพี่เป้หันไปอ้าปากเหวอใส่



"มันต้องอย่างนี้ลูกพ่อ ชอบก็ต้องบอกให้เขารู้ไปเลย เดินหน้าเต็มที่ พ่อสนับสนุน ค่าสินสอดอยากได้เท่าไหร่ เป้คุยกับแม่เขาได้เลยนะ" เมื่อกี๊คุณพ่อยังบอกว่าพี่สินไม่ได้เรื่องได้ราวอยู่เลยไม่ใช่หรอครับ ทำไมตอนนี้ลูกพ่อแล้วล่ะ



"หรือจะแต่งพร้อมกันเลยก็ได้นะลูก" แม่หันมาบอกผมแล้วก็เผื่อแผ่ไปทางพี่เป้พี่เสือจนสำลักข้าวกันยกใหญ่ โอย ผมจะเป็นลม ก็รู้นะว่าพ่อแม่พี่สินไม่คิดมากเกี่ยวกับลูกจะรักใคร แต่ก็ไม่คิดว่ามันจะขนาดนี้



"คุณแม่อย่าล้อเล่นอย่างนี้สิครับ" พี่เป้วางแก้วน้ำลงแล้วลูบหน้าอกตัวเองเป็นการใหญ่



"เปล่านะจ๊ะ ใครว่าแม่ล้อเล่นล่ะ แม่เอาจริงนะ" คุณแม่พูดแล้วยิ้มให้อย่างใจดีไม่มีทีเล่นเช่นเมื่อสักครู่ มีแต่ทีจริงล้วนๆ ผมหันไปมองหน้าพี่เป้ช้าๆ ก่อนจะหันกลับมายิ้มแหยให้ผู้ใหญ่ทั้งสองท่าน



"เอ้าทานข้าวกันก่อนลูก เรื่องฤกษ์เดี๋ยวค่อยว่ากัน" คุณพ่อครับ ถ้าจะช่วยอย่างนี้ อย่าช่วยกันเลยครับ



















***************

tbc.

สิน: ยังไงก็ไมรอดหรอก อย่าคิดหนีเลย

เรา: อยากเคียงคู่ก็ทำตัวให้มันดีๆ เดี๋ยวไม่ยกลูกให้นะ

สิน: ว่าอะไรนะ?

เรา: เปล่าจ้า ไม่ได้พูดอะไรเลยยยยยยยย





ขอบคุณที่เข้ามาอ่านน้องปอนด์กันนะคะ :) ไปนอนก่อน ฝันดีทุกคนค่ะ













ออฟไลน์ AkuaPink

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2033
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +59/-1
Re: คนเดียว...เดียวดาย
«ตอบ #39 เมื่อ11-06-2020 21:39:58 »

 :pig4:
 :katai2-1:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: คนเดียว...เดียวดาย
« ตอบ #39 เมื่อ: 11-06-2020 21:39:58 »
ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ psychological

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 253
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +41/-0
Re: คนเดียว...เดียวดาย
«ตอบ #40 เมื่อ11-06-2020 21:45:03 »

 :pig4:

ออฟไลน์ yuzhou62ppap

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 36
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-0


Ch. 23 จากลาแค่ไม่นาน




"ทำไมยังไม่ไปเรียนอีกล่ะเรา" ผมหันไปส่ายหัวน้อยให้พี่เป้ที่เปิดประตูเข้าห้องมาอย่างแผ่วเบา ตั้งแต่วันที่มาค้างบ้านพี่สินก็ผ่านไปสองคืนแล้ว เมื่อวานผมก็ไปกลับมหาลัยพร้อมพี่สินเลย ส่วนวันนี้ผมลาหยุด แจ้งกับทางอาจารย์ไว้แล้วตั้งแต่เมื่อวาน ท่านก็เข้าใจ



"วันนี้หยุดครับ"



"พี่จำได้ว่ามีเรียน" พี่เป้หรี่ตาทำหน้าดุใส่ ผมหัวเราะในลำคอเล็กน้อย ทำตัวเป็นผู้ปกครองจนหยดสุดท้ายเลยจริงๆ



"ลากับอาจารย์แล้วครับไม่ต้องห่วง"



"ไม่กระทบอะไรแน่นะ"



"ไม่ครับ" พี่เป้พยักหน้าแล้วเดินมานั่งข้างๆผม



"แล้วทำไมตื่นแต่เช้าเลยเรา" พี่เป้โยกหัวผมเบาๆพลางบิดตัวขี้เกียจอ้าปากหาวไปด้วย



"ถ้าไม่ตื่นแต่เช้าจะรู้หรอครับว่ามีคนหนีไปนอนที่อื่น" พี่เป้หน้าแดงเรื่อหลังจากผมแซวพลางยิ้มล้อเลียน จริงๆแล้วคุณแม่ให้คนจัดห้องพักแขกให้ผมกับพี่เป้นอนด้วยกัน คืนแรกพี่ชายคนดีก็นอนอยู่กับผมเนี่ยแหละครับ แต่เมื่อคืนตกดึกมาเขาย่องออกจากห้องผมไปเพราะพี่เสือมาเคาะประตูเรียก พี่เป้คงคิดว่าผมหลับแล้ว แต่เพราะความแปลกที่แล้วก็รู้ว่าวันนี้พี่เป้จะไปออสฯแล้ว ผมเลยนอนไม่หลับ



"พี่ออกไปเดินเล่นมาเถอะ"



"เดินเล่นอะไรตั้งแต่ตีหนึ่งล่ะครับ" พี่เป้เถียงต่อไม่ได้เลยแก้เขินด้วยการขยี้หัวผมแรงๆแล้วเดินเข้าห้องน้ำไป



"รีบลงไปทานข้าวล่ะครับ เดี๋ยวต้องไปเอากระเป๋าที่ห้องอีก" ผมทิ้งท้ายแล้วเดินลงไปชั้นล่าง จุดหมายคือห้องครัว ตั้งใจว่าจะทำแซนด์วิชง่ายๆสำหรับมื้อเช้านี้



"อ้าว น้องปอนด์มาพอดีเลยลูก" ผมยกมือไหว้คุณแม่อย่างลืมตัว



"ไหว้อะไรกันได้ทุกวันล่ะลูก" คุณแม่หัวเราะอย่างอารมณ์ดี ผมจึงยิ้มรับพลางเดินเข้าไปดูพวกของสดที่ถูกเตรียมไว้เรียบร้อยแล้ว



"คุณแม่ตื่นเช้าจังครับ"



"เวลาปกติแม่น่ะลูก เราเถอะทำไมตื่นแต่เช้าเลย ไม่เหมือนเจ้าลูกชายแม่ สองรายนั้นถ้าตะวันส่องไม่ถึงก้นก็ไม่ตื่นหรอก" คุณแม่เอามือป้องปากกระซิบกระซาบนินทาลูกชายตัวเองกับผม ทั้งๆที่ต่อให้พูดไปพี่เสือกับพี่สินก็ไม่ได้ยินหรอกครับ เพราะยังไม่มีใครตื่นเลย



"ผมกะว่าจะมาทำแซนด์วิชรองท้องตอนเช้าให้น่ะครับ" คุณแม่ยื่นมือมาลูบหัวผมเบาๆ



"เด็กดี วันนี้เป้มีไฟล์ตอนหัวค่ำใช่มั้ยลูก งั้นเราออกไปหาอะไรทานกันมื้อเที่ยงดีมั้ย ถือว่าเป็นเลี้ยงส่งให้พี่เป้ของหนูด้วย"



"รบกวนเกินไปแล้วครับ เดี๋ยวผมไปหาอะไรทานกันข้างนอกก็ได้ครับ"



"ไม่รบกวนเลยลูก เดี๋ยวแม่โทรไปสั่งผู้จัดการร้านให้ปิดร้านอาหารเลย จะได้มีแค่พวกเรา แต่ตอนนี้เรามาช่วยแม่ทำอาหารเช้าก่อนมา" ผมหน้าเหวอทันทีที่คุณแม่พูดจบ ถึงขั้นต้องปิดร้านกันเลยหรอ แต่จะพูดอะไรก็ไม่ได้เพราะคุณแม่เขาจะเลี้ยงพี่เป้ รอให้พี่เป้มาพูดเองดีกว่า กลายเป็นว่าแซนด์วิชง่ายๆเป็นอันต้องพับเก็บไปแล้วทำข้าวต้มกุ้งแทน



"แล้วอย่างนี้ตอนพี่เป้ไปออสเตรเลีย น้องปอนด์ก็อยู่ที่คอนโดกับพี่สินใช่มั้ยลูก" ผมพยักหน้ารับ



"ใช่ครับ"



"แล้วไปไงมาไงถึงได้ย้ายมาอยู่ด้วยกันล่ะลูก"



"พี่เป้หาคนมาอยู่เป็นเพื่อนผมระหว่างที่ไปทำงานแล้วพอดีกับผมรู้จักพี่สินน่ะครับ พี่สินกำลังหาที่อยู่ใหม่เหมือนกัน เพราะว่าที่ห้องพี่สิน คุณผีดุมาก" ผมกระซิบประโยคหลังกับคุณแม่



"คุณผีหรอลูก?" แม่พี่สินทำหน้าแปลกใจเล็กน้อยแล้วถามผมกลับ



"ครับ พี่สินบอกว่ามีซิกเซ้นส์ พวกผีเลยขอบมาขอส่วนบุญ นี่พี่สินก็เล่าให้ฟังว่าที่ห้องชอบมีผีผู้หญิงมาร้องไห้หน้าห้องตะโกนเรียกบ่อยๆ จนไม่เป็นอันหลับอันนอนเลยนะครับ" แม่พยักหน้ารับที่ผมเล่าให้ฟังแล้วหรี่ตานิดหน่อย



"แล้วยังไงต่อลูก"



"คือพี่สินบอกว่าผมมีวิญญาณตามครับ เป็นเจ้ากรรมนายเวรตั้งแต่ชาติปางก่อนนู้น แต่ถ้าอยู่กับพี่สิน ผีจะไม่กล้าเข้ามายุ่มย่ามเพราะพี่สินดวงแข็งมาก"



"แล้วน้องปอนด์ก็เลยชวนพี่เขาย้ายไปอยู่ด้วยกัน?"



"ใช่ครับ ผมน่ะชอบเรื่องลี้ลับมากเลยนะครับ แต่ก็กลัวด้วยเหมือนกัน ถ้ามีพี่สินอยู่ด้วยจะได้อุ่นใจ"



"เจ้าเล่ห์ใหญ่แล้วเจ้าลูกคนนี้" คุณแม่พึมพำเบาๆจนผมต้องถามซ้ำอีกครั้งว่าท่านพูดอะไร



"อะไรนะครับ?"



"เปล่าจ้ะ แม่บอกว่ามีคนดูแลก็ดี" ผมพยักหน้ารับแล้วมองหม้อต้มที่น้ำเริ่มเดือด



"ใส่กุ้งได้เลยมั้ยครับ" คุณแม่พยักหน้ายิ้มรับเบาๆ ผมเลยหยิบกุ้งที่ถูกแกะไว้แล้วอย่างสวยงามใส่ลงหม้อทีละตัว



"เดี๋ยวแม่ขอไปปลุกลูกชายแม่ก่อนนะลูก มีเรื่องต้องคุยกันยาวเลย" ผมพยักหน้ารับแล้วหันกลับมาใส่กุ้งลงหม้อต่อ ด้วยน้ำที่เดือดอยู่แล้ว ใส่กุ้งลงไปแค่แป๊บเดียวก็ขึ้นสีส้มสวยน่ากินผมปิดเตาก่อนจะปิดฝาหม้อให้คงความอุ่นร้อนไว้ ขึ้นไปตามพี่เป้ดีกว่า ป่านนี้น่าจะแต่งตัวเสร็จแล้ว



***********************



"คุณแม่ครับ เดี๋ยวผมหาอะไรทานข้างนอกก็ได้ครับ เพราะยังไงก็ตั้งใจจะไปเอากระเป๋าที่คอนโดด้วยอยู่แล้ว"



"แต่แม่สั่งปิดร้านอาหารช่วงเที่ยงไปแล้ว ไม่รู้ล่ะ เรื่องกระเป๋าเดี๋ยวแม่ให้คนขับรถไปขนมาไว้ที่บ้าน วันนี้เป้ต้องไปช็อปกับแม่แล้วก็ทานข้าวเที่ยงกันเลย พ่อเขาก็จะมาด้วย" ตอนนี้ผมนั่งฟังผู้ใหญ่สองคนหาข้อตกลงกันเรื่องอาหารมื้อเที่ยง ทั้งๆที่เพิ่งจะพ้นมื้อเช้าไปได้ไม่ถึงชั่วโมงดีเลย เรื่องมีอยู่ว่าหลังจากกินข้าวเช้าเสร็จพี่เป้ก็ชวนผมขึ้นมาเก็บของบนห้องเตรียมกลับไปเก็บของที่คอนโดกัน แต่ว่าคุณแม่ไม่อนุญาตให้ไปไหนทั้งนั้น ท่านบอกว่าวันนี้ทำการจองตัวผมสองคนไว้เรียบร้อยแล้วจนกว่าจะถึงเวลาไฟล์ทพี่เป้ตอนเย็น พอพูดมาถึงแพลนกลางวันที่จะเลี้ยงส่งพี่เป้ด้วยการปิดทั้งร้านอาหารเลี้ยงก็เกิดเกรงใจแล้วก็บอกปฏิเสธคุณแม่อย่างที่ผมทำไปแล้วนั่นแหละครับ แต่มีหรือจะสำเร็จ



"วันนี้เสือก็หยุดงานสักวันแล้วขับรถให้แม่นะลูกสินด้วยนะ" คุณแม่หันไปหากำลังเสริมที่นั่งสบายอารมณ์ดูหนังไม่สนใจเลยว่าแฟนตัวเองกับแม่จะตีกันอยู่แล้ว



"ได้ครับ/ครับแม่" พี่เสือกับพี่สินตอบขึ้นพร้อมกันก่อนจะหันกลับไปดูหนังรอบเช้าต่อ



"เสือ!" พี่เป้ขึ้นเสียงเรียกพี่เสือทันทีที่อีกฝ่ายตอบตกลงง่ายๆ



"ไม่เป็นไรหรอกน่า แค่นี้ขนหน้าแข้งแม่กูไม่ร่วงหรอก" คูณแม่ตีไหล่พี่เสือไปหนึ่งทีเบาๆก่อนจะมองค้อน



"แม่ไม่มีขนหน้าแข้งย่ะ"



"ครับๆ คุณนาย เลิกมองค้อนได้แล้วครับ เดี๋ยวก็ปวดตา" พี่เสือว่าพลางขยับเข้าไปกอดเอวคุณแม่อย่างเอาใจ



"คุณแม่ครับ..."



"ไม่ต้องเลยน้องเป้ พูดอีกทีแม่งอนนะจ๊ะ ไปๆ เด็กๆไปเตรียมตัวได้แล้ว อีกยี่สิบนาทีเจอกัน แม่ก็จะไปเปลี่ยนเสื้อผ้าเหมือนกัน" ว่าแล้วคุณแม่ก็ลุกขึ้นเดินหนีขึ้นห้องไปเลยโดยไม่สนใจคำท้วงของพี่เป้สักนิด



"ไม่ต้องคิดมากหรอกน่า ชินๆได้แล้ว ดีจะตายแม่กูรักมึงมากนะ"



"กูรู้แต่บางทีมันมากไป กูเกรงใจ"



"เกรงใจทำไม แม่กูก็เหมือนแม่มึงอ้ะ ทำไมหรือมึงจะไปแต่งกับคนอื่น" พี่เป้ทุบหลังพี่เสือที่ชอบกวนโมโหเสียงดังอั้กไปทีหนึ่งแก้เขิน



"พูดอะไรของมึงกูไปเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้ว" พี่เป้รีบวิ่งหนีขึ้นห้องไปอีกคน พี่เสือหันมายิ้มกับผมก่อนจะนินทาพี่เป้



"คนอะไรเขินรุนแรงจริง เนอะ" แล้วพี่เสือก็เดินหัวเราะตามขึ้นไปบนห้อง ผมยิ้มรับคำพูดนั้น ดีจริงๆนะ ที่พี่เป้มีความสุข ขอให้เขามีความสุขแบบนี้ไปนานๆเลย พี่เป้ได้คนดีๆแบบพี่เสือดูแล คุณพ่อคุณแม่ก็น่ารัก ดีแล้วจริงๆ



"นั่งยิ้มอะไรอยู่คนเดียว เป็นบ้าหรอ" ผมลืมคนกวนโมโหอันดับหนึ่งของบ้านนี้ไปได้ยังไงเนี่ย พอหันไปมองพี่สินเขาก็นั่งมองผมอยู่ก่อนแล้ว



"ไม่ไปเปลี่ยนเสื้อผ้าหรอครับ"



"ไม่ล่ะ จะชุดไหนกูก็หล่อ" โห ความมั่นหน้านี้



"เหมือนมึงไง ชุดอะไรก็น่ารักไปหมด เพราะงั้นไม่ต้องเปลี่ยนหรอก มานั่งดูหนังกับกูนี่" แล้วพี่สินก็กระชากแขนผมไปนั่งข้างๆเจ้าตัวพลางโอบไหล่ผมไว้ด้วย หรือจริงๆแล้วบ้านนี้เขาเลี้ยงลูกมาด้วยหลักสูตรขี้เต๊าะกันครับ ทั้งพี่ทั้งน้องเลย ทำไมเก่งเรื่องทำให้คนเขินได้ขนาดนี้นะ



***************************



"เอายาแก้เมาเครื่องมาแล้วใช่มั้ย ยาแก้แพ้อากาศล่ะ อันนี้เอาขึ้นไปเคี้ยวเล่น เขาว่าเคี้ยวหมากฝรั่งช่วยลดอาการเมาได้" ผมยื่นหมากฝรั่งมินต์ที่ซื้อมาจากเซเว่นให้พี่เป้ อ้อ มีลูกอมด้วย จังหวะที่กำลังก้มลงไปค้นในถุงผ้าตัวเองพี่เป้ก็ทักขึ้นมาก่อน



"ปอนด์พอก่อน พี่เอามาหมดแล้วนี่ไง เราจัดให้พี่เองนะ ถ้าจะลืมก็ต้องเป็นเราสิที่ลืม" พี่เป้ชูกระเป๋าใบเล็กที่ผมจัดไว้ให้ ผมหยักหน้ารับเล็กน้อย



"เป็นอะไรเรา ตื่นเต้นแทนหรือไง" พี่เป้ยิ้มกว้างล้อเลียนผม ทุกคนพากันมาส่งพี่เป้หมด ตอนนี้มีผมคุณแม่ พี่เสือ พี่สิน ส่วนคุณพ่อมาไม่ได้เลยร่ำลากันตั้งแต่ที่ร้านอาหารพี่เสือเมื่อตอนเที่ยงไปแล้ว เหลือวิวกับโฟล์คอีกสองคน เห็นบอกกำลังรีบมาใกล้จะถึงแล้วอีกสถานีเดียว ไม่รู้จะทันหรือเปล่า



"เป็นห่วง" พี่เป้หุบยิ้มลงช้าๆ แล้วขยับเข้ามานั่งข้างๆผมแทน พี่เสือนี่มองตาขวางเลย ก่อนจะยื่นซองจดหมายให้ซองหนึ่ง



"อ้ะ อันนี้พี่ให้ ใช้ไปเลยนะ ไม่ต้องเก็บไว้ให้เชื้อราขึ้นล่ะ" ผมขมวดคิ้วแกะซองดูเห็นบัตรเครดิตหนึ่งใบ บนบัตรสลักเป็นชื่อนามสกุลผม



"ไม่เอา พี่เป้เก็บไว้ใช้เหอะ" ผมยื่นซองกลับไปให้พี่เป้ แต่เจ้าตัวกอดอกไม่ยอมแบมือมารับซองไป



"พี่จะใช้ได้ไงมันเป็นของเรา" ผมทำหน้ายู่ใส่พี่ชายตัวเองก่อนจะพึมพำขอบคุณเบาๆแล้วเก็บบัตรใส่กระเป๋า



"สิ้นเปลือง"



"เปลืองอะไร รอเราทำงานได้ค่อยใช้คืนพี่ไง"



"ถึงเวลานั้นถ้าไม่เอาปอนด์จะทุบให้" พี่เป้หัวเราะเสียงดังแล้วขยี้หัวผมแรงๆ ประจวบเหมาะกับวิวและโฟล์คที่วิ่งหน้าตั้งมาทางพวกเราพอดี



"แฮ่กๆ คิดว่าจะมาไม่ทันซะแล้ว"



"ค่อยๆพูดก็ได้ เหลืออีกตั้งสิบนาที" ผมดูนาฬิกาข้อมือตัวเองแล้วบอกเพื่อนที่ตอนนี้ยืนหอบแฮ่กเอามือเท้าเข่าตัวเองทั้งคู่ก่อนจะรู้สึกตัวได้ว่าตรงนี้ไม่ได้มีแค่พวกเรา วิวกับโฟล์คหันไปไหว้พี่เสือพี่สินแล้วก็ไหว้คุณแม่ด้วย



"พี่เป้อ้ะให้" โฟล์คยื่นห่อของขวัญขนาดสี่เหลี่ยมเล็กๆให้พี่เป้ ผมไม่ได้ซื้ออะไรให้เลยแฮะ



"ละมึงอ้ะไม่มีหรอ" พี่เป้หันไปถามหาของขวัญจากวิว



"ก็นั่นแหละหารกับโฟล์คมัน" ผมน่าจะซื้ออะไรให้พี่เป้บ้าง ผมก็ลืมนึกถึงไปเลย



"คิดอะไรอยู่ ไม่ต้องคิดว่าจะซื้ออะไรให้พี่เลยนะเรา" พี่เป้พูดออกมาอย่างรู้ทัน



"คิดมาก ปอนด์ให้พี่เยอะแล้วนะ"



"ยังไม่ได้ให้อะไรเลย"



"จะให้ไล่รายการมั้ย ทั้งอาหารเช้า อาหารเย็น ทำงานบ้านให้ทุกอย่างนี่ยังไม่ให้อะไรอีกหรอ" ผมยู่ปากใส่



"ก็มันไม่เหมือนกัน"



"ไม่เหมือนยังไง พี่ได้รับมาเยอะแล้ว ไม่ต้องคิดมากเข้าใจที่พูดมั้ย" ผมพยักหน้ารับ



"ตั้งใจเรียนด้วย รีบๆเรียนให้จบ เดี๋ยวพี่ก็กลับมา ไม่ต้องงอแง อย่าดื้อให้มาก แล้วก็ไม่ต้องไปหางานพิเศษทำแล้วนะเราอ้ะ" พี่เป้ร่ายยาวพลางลูบหัวผมไปด้วยเบาๆ



"สิน พี่ฝากน้องชายพี่ด้วยนะ" พี่เป้หันไปบอกพี่สินที่นั่งอยู่อีกฝั่งนึ่งกับคุณแม่ พี่สินพยักหน้ารับเบาๆ



"แค่ดูอย่างเดียวมืออย่าต้อง"



"อันนี้ไม่สัญญา" พี่สินยักคิ้วกลับมาให้พี่เป้โมโหเล่น จนวินาทีสุดท้ายจะญาติดีกันไม่ได้เลยสินะสองคนนี้



"เดี๋ยวเถอะ คุณแม่ผมต้องรบกวนฝากดูด้วยนะครับ"



"ได้เลยจ้ะ เดี๋ยวแม่จัดการเจ้าสินให้ เจ้าเสือก็ด้วย ถ้านอกลู่นอกทางเมื่อไหร่ แม่โทรรายงานน้องเป้ทันที"



"โหย ขอบคุณครับ" พี่เป้รีบเดินเข้าไปกอดคุณแม่อย่างเอาอกเอาใจ



"อ้าวแม่ ไหงงั้นล่ะ ผมลูกแม่นะ" พี่เสือกับพี่สินพูดแทบจะพร้อมกันขึ้นมาทันที



"อยากให้แม่รักก็หัดทำตัวดีๆซะบ้างเราสองคนน่ะ" พี่เป้แล่บลิ้นใส่สองพี่น้องทีหนึ่งก่อนจะลุกขึ้นยืนสะพายกระเป๋าเป้เป็นเชิงเตรียมพร้อม ผมลุกขึ้นตามแล้วลากกระเป๋าเสื้อผ้าใบเล็กไปให้ ส่วนพวกกระเป๋าใบโตๆ โหลดขึ้นเครื่องไปหมดแล้ว



"ใกล้ถึงเวลาแล้ว ถ้ายังไงผมไปก่อนนะครับคุณแม่" พี่เป้หันไปไหว้คุณแม่ จากนั้นก็โบกมือลาเพื่อนๆผม พี่สิน ส่วนพี่เสือเดินเข้ามากอดแฟนตัวเอง แล้วก็ เอ่อ...จูบ ครับ กลางสนามบินเลย พี่สินยื่นมือมาปิดตาผมไว้ไม่ให้ดู



"เป็นเด็กเป็นเล็กห้ามมอง สองคนนี่ก็เหลือเกิน คนเยอะแยะ หน้าไม่อาย" พี่สินบอกผมก่อนจะหันไปตวาดพี่ชายตัวเอง ผมจับมือพี่สินออก อยากจะเถียงว่าผมโตแล้วเถอะ เคยเห็นคนเขาจูบกันมาแล้วด้วย



"ไหนมากอดที" พี่เป้เดินเข้ามากอดผมแน่นๆผมยกมือกอดตอบในใจคิดแต่ว่าห้ามร้อง ร้องไห้ไม่ได้เด็ดขาดเดี๋ยวพี่เป้จะยิ่งเป็นห่วง



"เดินทางปลอดภัยนะครับ" ผมบอกพี่เป้หลังจากผละออก พี่เป้ยิ้มก่อนจะจับกระเป๋าลากของตัวเองเดินเข้าไปในเกท ผมยกมือโบกให้พี่ชายตัวเองเป็นครั้งสุดท้าย พี่เป้ก็ทำเช่นกัน เราต่างยิ้มให้กันเป็นการส่งท้าย ไม่มีน้ำตาสักหยดกับการจากลาครั้งนี้ เพราะเราทุกคนต่างรู้ดี ว่าเราแค่จากลากันแค่ไม่นานเท่านั้น เพื่อรอวันกลับมาพบกันใหม่























****************************



เป้: *นั่งน้ำตาไหลตรงที่นั่งริมหน้าต่าง* โฮ ไหนใครบอกว่าไม่มีน้ำตา ไม่ไปแล้วได้มั้ยออสฯ คิดถึงปอนด์แล้ว



โรคติดน้องของพี่ชายที่ไม่มีวันรักษาหาย -_-











« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 13-06-2020 21:54:23 โดย yuzhou62ppap »

ออฟไลน์ mab

  • ชื่อ mab ไม่ได้ชื่อ map
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 710
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +80/-0
Re: คนเดียว...เดียวดาย
«ตอบ #42 เมื่อ13-06-2020 19:47:14 »

พี่สิน พี่เสือ พี่เป้ ทั้ง 3 นิสัยกวนทีนพอๆ กันเลย 55555
น้องปอนด์ต้องฝึกนิสัยกวนทีนแบบนี้ไว้บ้างแล้วนะ  :laugh:

ออฟไลน์ psychological

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 253
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +41/-0
Re: คนเดียว...เดียวดาย
«ตอบ #43 เมื่อ13-06-2020 20:45:07 »

 :pig4:

ออฟไลน์ yuzhou62ppap

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 36
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-0

 
Ch.24 น้องปอนด์ผู้ล่อได้ด้วยของกิน


 

"ปอนด์เห็นบ็อกเซอร์แดงพี่ป้ะ"

 

"อยู่ลิ้นชักล่างสุดซ้ายมือครับ" ผมตะโกนกลับไปตอบพี่สิน เราอยู่ร่วมกันมาได้อาทิตย์กว่าแล้ว พี่สินก็ยังคงทำตัวได้เหมือนเดิมอย่างคงเส้นคงวา จะมีเพิ่มเติมก็คือพี่เขาจีบผมถี่ขึ้นนั่นแหละครับ เต๊าะเช้าเต๊าะเย็น การมีพี่สินอยู่ด้วยในทุกวันทำให้ผมไม่คิดถึงพี่เป้มากนัก เพราะว่ากิจวัตรประจำวันเหมือนเดิมทุกอย่าง เปลี่ยนแค่คนที่อยู่ร่วมกันเท่านั้น ผมเคยทำงานบ้านยังไงก็ทำอย่างนั้น พี่สินย้ายของเข้าไปไว้ที่ห้องพี่เป้หมดแล้ว ผมก็กลับเข้าไปนอนห้องตัวเองเหมือนเดิม ถึงแม้ว่าจะมีบ่อยครั้งที่ผมตื่นเช้ามาอยู่บนเตียงพี่เป้ก็เถอะ

 

"ทำอะไรอยู่" พี่สินเดินออกมาชะโงกหน้ามองตรงระเบียงด้วยความมั่นใจกับบ็อกเซอร์สีแดงสดที่เจ้าตัวใส่เพียงแค่ตัวเดียว เรื่องนี้เป็นปัญหาที่ค่อนข้างหนักใจมากๆสำหรับผม คือพี่สินไม่ชอบใส่เสื้อผ้าให้เรียบร้อย พี่เขาชอบเดินถอดเสื้อโชว์เป็นเรื่องปกติ แต่ที่ไม่ปกติเลยก็คือใจผมนี่แหละครับ ไม่เคยชินสักทีกับการแต่งตัวกึ่งโป๊ของเขา

 

"รดน้ำต้นไม้ครับ" ผมหลบสายตาหันกลับมามองต้นไม้ให้เจริญหูเจริญตาตัวเอง บ็อกเซอร์แต่ละตัวของพี่เขาก็บางแสนบาง บางอีกนิดก็บางเท่าใจผมแล้วครับ

 

"หิวข้าว" อีกหนึ่งอย่างที่เราต้องทำร่วมกันตลอดก็คือพี่สินชอบกินข้าวพร้อมกัน ผมเคยไม่รออยู่ครั้งหนึ่งงอนผมไปตั้งชั่วโมงกว่า

 

"แป๊บหนึ่งนะครับ จะเสร็จแล้ว ผมทำข้าวผัดวางไว้ เดี๋ยวกินรองท้องไปก่อนแล้วตอนเที่ยงค่อยไปหาอะไรกิน" พี่สินพยักหน้ารับเดินมานั่งขัดสมาธิข้างๆเอาหัวพิงไหล่ผมไม่ยอมไปไหน วันนี้ผมกับพี่สินหยุดทั้งคู่ครับ ทุกวันนี้เราไปเรียนด้วยกันตลอด จริงๆแล้ว พี่สินมีเรียนน้อยกว่าผมมาก แต่ก็ยังคงตื่นไปส่งผมได้ทุกวัน ต่อให้บอกว่าผมบอกว่าจะไปเองก็ไม่ยอม มีครั้งหนึ่งผมตั้งใจจะแอบไปมหาลัยเอง เลยทำทุกอย่างให้เงียบที่สุดเท่าที่จะทำได้ เสื้อผ้าก็เอาเข้าไปเปลี่ยนในห้องน้ำ แต่พอออกจากห้องน้ำใจผมแทบหล่นไปอยู่ที่ตาตุ่มเพราะพี่สินเล่นยืนกอดอกมองด้วยสีหน้าเอาเรื่อง สุดท้ายก็จบที่พี่สินไปส่งผมเหมือนเดิม แถมไม่ยอมเข้าไปล้างหน้าด้วยนะเพราะกลัวว่าผมจะหนีไปมอก่อน

 

"แล้วนี่พี่สินไม่ไปทำโปรเจคหรอครับ" พี่สินลงซัมเมอร์ทุกเทอมทำให้เทอมนี้เขามีเรียนแค่อาทิตย์ละไม่กี่วิชา แต่ว่าเป็นวิชาที่หนักพอสมควร เพราะต้องทำโปรเจคจบด้วย แล้วก็ต้องหาที่สมัครงานไปพร้อมๆกัน ผมเห็นเพื่อนพี่สินทุกคนวิ่งวุ่นหัวปั่น จะมีก็แต่พี่สินนี่แหละที่ยังชิลๆอยู่ ไม่รู้ร้อนรู้หนาว สงสัยว่าจะได้ฝึกที่บริษัทคุณพ่อตัวเองก็เพราะขี้เกียจนี่แหละ

 

"ไป แต่ขี้เกียจมาก" พี่สินลากเสียงยานคางบ่งบอกว่าตัวเองขี้เกียจจริงๆ ผมวางฝักบัวไว้ที่ตั้งของมัน ก่อนจะดันหัวพี่สินออกแล้วลุกขึ้นยืน

 

"ไปครับ ลุกขึ้นไปกินข้าวได้แล้ว" ผมยื่นสงมือไปให้พี่สินจับแต่ด้วยความที่เขาตัวหนักไปหรือเพราะผมยืนไม่มั่นคงเองก็ไม่รู้กลายเป็นว่าจากที่จะช่วยฉุดให้พี่สินลุก กลับเป็นผมเองที่ล้มลงไปนั่งแหมะอยู่บนตักเขา

 

"ขอโทษครับ" ผมรีบเอ่ยขอโทษและพยายามยันตัวเองลุกขึ้นแต่พี่สินเอื้อมมือมารั้งเอวไว้ก่อน

 

"ไม่อยากกินข้าวแล้วกินมึงก่อนได้มั้ย" พี่สินเอาหน้าถูกับไหล่ผมแล้วพูดอู้อี้ไม่เป็นภาษาจนผมฟังไม่รู้เรื่อง

 

"นี่เอาน้ำมูกมาเช็ดเสื้อผมป้ะเนี่ย ปล่อยได้แล้วครับ" พอพี่สินคลายมือที่กอดอยู่รอบเอวเล็กน้อยผมก็พยายามลุกขึ้นอีกครั้งคราวนี้ผมลุกขึ้นได้ง่ายๆเพราะพี่สินไม่แกล้งอะไรอีก

 

"มึงนี่ดับอารมณ์กูตลอดเลยนะ"

 

"อะไรนะครับ" ผมยื่นมือให้พี่สินจับอีกครั้ง คราวนี้เจ้าตัวหน้ามุ่ยส่ายหัวแล้วจับมือผมพยุงตัวลุกขึ้นยืนตรงได้สำเร็จ

 

"เปล่า ไปกินข้าวกัน"

 

"โอเคครับ" พี่สินเดินกอดคอผมเข้าห้องอย่างอารมณ์ดี ดูได้จากที่ฮัมเพลงตลอดทางเดินมาที่ครัวนี่แหละครับ ผีเข้าผีออกจริงๆเลยคนนี้

 

**********************

 

"แล้ววันนี้มึงจะไปไหนป้ะ" พี่สินถามผมหลังจากเรากินข้าวกันเสร็จแล้ว

 

"ไม่ครับ ผมกะจะทำความสะอาดห้องสักหน่อย" จริงๆห้องก็ไม่ได้รกเท่าไหร่หรอกครับ แต่ผมตั้งใจจะเก็บนานแล้ว แต่ไม่ค่อยมีเวลา วันนี้หยุดพอดีเลยตั้งใจจะเก็บของครั้งใหญ่สักหน่อย

 

"งั้นดีเลยวันนี้ไปทำโปรเจคกับกู"

 

"ครับ?" ทำไมผมต้องไปด้วยล่ะ

 

"ไปทำโปรเจคเป็นเพื่อนกูหน่อย เอยกลับมาทำความสะอาด ห้องไม่ได้รกอะไรเดี๋ยวกูช่วย"

 

"ไม่เอาครับ" ให้พี่สินช่วยหรอ ผมขอทำคนเดียวดีกว่า พี่สินเคยพยายามจะช่วยผมทำความสะอาดอยู่ครั้งหนึ่ง พินาศมากครับ เพราะพี่เขาเล่นทำอะไรไม่เป็นเลย แถมยังเพิ่มงานให้ผมอีก

 

"ไปด้วยกันหน่อย วันนี้ต้องไปเซอร์เวย์ร้านขนม กูไม่ถนัดของหวาน" โปรเจ็คต์อะไรทำไมมีเซอร์เวย์ขนมด้วยล่ะ

 

"ต้องหาข้อมูลเกี่ยวกับธุรกิจร้านขนมเนี่ยแหละ ไม่รู้ใครเลือกหัวข้อ กูล่ะอยากจะฟาดจริงๆ" ผมพยักหน้ารับ

 

"เอาผมไปด้วยแล้วจะมีประโยชน์อะไรล่ะครับ"

 

"เอาไปชิมกับถ่ายรูปไงเดี๋ยวพวกกูออกเงินเอง มึงแค่ชิมแล้วเก็บรูปให้ก็พอ มึงชอบไม่ใช่หรอ"

 

"พี่รู้ได้ไงว่าผมชอบขนมหวาน" ผมตาวาวทันทีที่ได้ยิน

 

"เปล่า กูไม่ได้รู้ว่ามึงชอบขนมหวาน กูรู้ว่ามึงชอบถ่ายรูปกับกิน" ผมแอบเบะปากใส่พี่สินไปหนึ่งทีด้วยความหมั่นไส้ เขามองไม่เห็นหรอกครับผมยืนหันหลังล้างจานให้เขาอยู่

 

"ตกลงไปไม่ไป?"

 

"ไปก็ได้ครับ แล้วจะไปกี่โมง" ผมล้างจานใบสุดท้ายคว่ำจัดการล้างมือตัวเองเรียบร้อยแล้วหันไปเช็ดมือกับผ้าที่แขวนไว้ข้างๆซิงค์

 

"เดี๋ยวกูโทรถามพวกมันอีกที"

 

"มีคนอื่นไปด้วยหรอครับ"

 

"อืม พวกเพื่อนๆกูนั่นแหละ" ผมพยักหน้ารับ ส่วนพี่สินเดินหยิบโทรศัพท์ตัวเองเข้าห้องนอนไปแล้วเรียบร้อยน่าจะไปนัดแนะสถานที่และเวลากับเพื่อนๆเขานั่นแหละ ผมเลยหยิบผ้าขนหนูเดินเข้าห้องน้ำจัดการตัวเองเพื่อไม่ให้เสียเวลา

 

********************

 

พี่สินพาผมมาที่ห้างที่วัยรุ่นชอบมากันเห็นพี่สินบอกว่าแถวนี้คาเฟ่เยอะมากๆ เรานัดกันตรงทางเข้าหน้าห้างเพื่อความสะดวกในการหากัน แถมนั่งบีทีเอสมาลงก็เจอเลย แต่พี่สินก็เลือกที่จะขับรถมาอยู่ดีแหละครับเพราะว่าร้อน ผมลองเซิร์ชดูในแมพแล้ว คาเฟ่ร้านขนมต่างๆในย่านนี้เยอะจริงๆครับ แถมเราสามารถเดินได้ด้วย ผมตั้งใจว่าจะเดินไล่กินเอาเพราะยังไงก็สามารถเดินถึงกันได้อยู่แล้ว

 

"สวัสดีครับพี่ๆ" ผมยกมือไหว้เพื่อนๆพี่สินทุกคน มากันครบเลย กลุ่มพี่สินนี่ดีจังเลยนะครับ สามัคคีกันดีไม่ทิ้งให้เป็นภาระเพื่อนคนใดคนหนึ่ง

 

"กูบอกว่าไม่ต้องมากันไง" อ้าว ผมหันไปมองหน้าพี่สินงงๆ

 

"หมายถึง ไม่ต้องมากันทุกคนก็ได้"

 

"พวกกูอยากมาช่วยมึงไง งานกลุ่มก็ต้องช่วยๆกันดิ จะปล่อยให้เพื่อลำบากคนเดียวได้ไงวะ" ผมยิ้มให้พี่ๆตรงหน้า นิสัยดีกันจังเลย

 

"พี่สินนี่โชคดีจังนะครับ มีเพื่อนๆน่ารัก" อ้าว พูดผมอะไรตลกหรอ ก็ไม่นะ ทำไมทุกคนขำกันเอาเป็นเอาตายขนาดนี้ล่ะ

 

"ใช่ครับ พวกพี่น่ารักกันทุกคน นิสัยก็ดีกว่าไอ้สินเยอะ ถ้าน้องปอนด์เบื่อมันเมื่อไหร่บอกพวกพี่ได้เลยนะครับ พวกพี่ก็อยากจะหารูมเมทใหม่กันพอดี" พี่เชเดินมากอดไหล่ผมแล้วทำท่าเหมือนกระซิบแต่ระดับเสียงก็คือได้ยินกันทุกคนแหละครับไม่รู้จะป้องปากทำไม

 

"ไอ้เชเลิกเสือกสักที จะทำมั้ยงานถ้าไม่ทำกูจะได้พามันกลับ"

 

"ใจร้อนๆ ทำจ้า เริ่มร้านไหนก่อนดีอ้ะ"

 

"กูเตรียมมาแล้วอ้ะ เดินตามแมพนี่เลย" พี่รันยื่นกระดาษแมพคร่าวๆยี่สิบห้าร้านพร้อมภาพประกอบของแต่ละร้านมากลางวง

 

"โห แต่ละร้าน คือถ้าเรายกโขยงกันไปแบบนี้เขาจะคิดว่าเราไปปล้นมั้ยวะ" พี่เต็มชะโงกดูแค่แว้บเดียวแล้วพูดขำๆ

 

"เห้ย กูอยากไปร้านนี้ สาวเมดน่ารัก" พี่เชชี้ที่ร้านของหวานร้านหนึ่งที่มีภาพประกอบเป็นผู้หญิงน่ารักๆ สองคนแต่งตัวคอสเพลย์เป็นเมด

 

"กูขอผ่าน" พี่มาร์คที่ยืนเงียบที่สุดในกลุ่มบอกก่อนจะถอยหลังไปก้าวหนึ่ง

 

"กูด้วย" พี่สินพูดพลางมองมาทางผม

 

"มึงก็ไม่ต้องไป" อ้าว เศร้าเลย ผมอยากได้รูปสาวๆแต่งเมดนะ น่ารักจะตาย

 

"งั้นตัดร้านนี้ทิ้ง" พี่โอ๊ตเห็นด้วยทันที

 

"เห้ย ร้านนี้คือซิกเนเจอร์เลยนะ กูมาเพราะร้านนี้เลย" พี่รันว่าเสียงกระเง้ากระงอดแล้วกระทืบเท้ากับที่เบาๆ สาบานเลยว่าผมไม่เคยชอบท่าทางแบบนี้มาก่อนในชีวิต แต่พอพี่รันทำแล้วดูน่ารักยังไงไม่รู้ ด้วยเพราะเขาตัวเล็กที่สุดในกลุ่มล่ะมั้ง แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังสูงกว่าผมอยู่ดี

 

"งั้นแยกกันไป" พี่สินตัดสินใจออกมาทันทีเมื่อเริ่มจะหาข้อสรุปไม่ได้

 

"แยกไปไม่ได้ดิวะ เราต้องให้น้องปอนด์ถ่ายรูปไง" พี่โอ๊ตขัดขึ้นมา

 

"มึงอยากไปมั้ย?" พี่สินหันมาถามผม หน้าที่ตัดสินใจเลยตกมาอยู่ที่ผม พี่ๆทุกคนก็มองมาเป็นตาเดียว จริงๆ ผมอยากไปนะ แต่เหมือนพี่สินไม่อยากไปเท่าไหร่ ผมเริ่มคิดหาทางออกใจจริงก็ไม่อยากจะยืนอยู่ตรงนี้นานเท่าไหร่นัก ไม่รู้ว่าผมคิดไปเองหรือเปล่า แต่เริ่มมีคนให้ความสนใจกับกลุ่มผมเยอะพอสมควรแล้ว บ้างก็หยุดยืนมอง ยกมือถือขึ้นมาถ่ายรูปหรือหันไปพูดคุยกับเพื่อนตัวเอง ก็ตรงที่เรายืนมันก็หน้าห้างเลยนี่ครับ คนผ่านไปผ่านมาก็ต้องมองเป็นธรรมดา

 

"เอางี้ดีกว่ามั้ยครับ เราเริ่มไล่กินจากร้านแรกก่อน ทีนี้ถ้าเกิดว่าข้อมูลมันมากพอแล้ว เราก็ตัดช้อยส์ร้านนี้ออก เพราะว่าที่พี่รันใส่ๆมา คงไม่ได้จะกินหมดทั้ง 25 ร้านหรอกใช่มั้ยครับ" ผมหันไปถามความเห็นจากพี่รันซึ่งเป็นคนหาข้อมูลร้านขนมทั้งหมด

 

"อืม ก็จริงของน้องปอนด์ ยังไงร้านนี้ก็เอาไว้หลังๆอยู่แล้วเพราะมันไกลกว่าเพื่อน งั้นเราเริ่มร้านแรกกันก่อนเลยดีกว่า ป้ะ" พี่รันพูดขึ้นอย่างร่าเริงแล้วเดินมาจูงมือผมให้เดินตามลิ่วๆทันทีโดยไม่สนใจเพื่อนๆที่เหลือ

 

"มึงปล่อยมือน้องเลย!!!" เสียงพี่สินตะโกนไล่หลังมา นี่ผมคิดถูกหรือคิดผิดที่มาช่วยงานเขาวันนี้เนี่ย ลางสังหรณ์มันบอกว่าวันนี้ผมต้องเหนื่อยแหงๆเลย

 

**************************

 

"น้องปอนด์ชิมนี่สิ อร่อยมากเลย"

 

"อันนี้ดีกว่าครับ พี่สั่งมาไซส์ใหญ่สุดให้ปอนด์เลย"

 

"ปอนด์ชอบช็อคโกแลตหรอครับ เอาช็อกโก้ปั่นด้วยมั้ยเดี๋ยวพี่สั่งให้"

 

"เอ่อ...พอก่อนครับ" เหมือนตอนไปกินปิ้งย่างเด๊ะนั่นแหละครับ ทุกคนเอาแต่สั่งให้ผมไม่ยอมกินกันเลย พี่สินนอกจากจะไม่ช่วยแล้วยังยื่นจานบราวนี่ชิ้นเล็กมาให้ผมอีก

 

"กินด้วยกันสิครับ ผมกินคนเดียวไม่หมดหรอก" ผมยกกล้องขึ้นมาถ่ายขนมแต่ละจานที่พี่ๆสั่งมาแล้วเช็ครูป พอเสร็จแล้วก็ลงมือกินอย่างละคำ เดี๋ยวจะอิ่มซะก่อน

 

"จานนี้เต็มสิบให้แปดครับ จริงๆอร่อยทุกอย่างเลย แต่ว่าเหมือนแป้งจะร่วนๆหน่อย"

 

"จริงหรอครับ ไหนน้องป้อนพี่หน่อย อ้า~" ผมตักบราวนี่เป็นคำเล็กๆก่อนจะยื่นไปตรงหน้าพี่เชแต่โดนพี่สินตัดหน้าด้วยการยัดช็อคบอลใส่เข้าไปในปากพี่เชที่อ้ารออยู่ก่อนแล้ว

 

"แดกเข้าไปมึงอ้ะอย่าเยอะ เอ้า ช้อน มือมีตักเอง"

 

"แอ้ง อ๋วงอัง" (แม่ง หวงจัง)

 

"อะไรนะครับ?" พี่เชยิ้มให้ก่อนจะส่ายหน้าจนผมปลิว

 

"แล้วนี่น้องปอนด์อยู่กับสินมันเจอผีบ้างมั้ยครับ เช่น ผีผ้าห่ม ผีทะเล" พี่เต็มหันมาถามผม ผมส่ายหัวเป็นคำตอบเพราะในปากเต็มไปด้วยขนมที่ตักกินเมื่อสักครู่

 

"เงียบไปเลยมึง เดี๋ยวไก่ตื่น" พี่สินผลักหัวพี่เต็มเบาๆ

 

"อร่อยมั้ย" พี่สินหันมาถามผมที่นั่งตักขนมเข้าปากเคี้ยวไม่ทันจะหมดดีเลยยื่นแก้วมอคค่าให้ผม ผมยิ้มขอบคุณแล้วรับมาลองดูดไปอึกหนึ่งเพื่อช่วยให้กลืนขนมได้ง่ายๆ ก่อนจะยื่นคืน

 

"อร่อยดีครับ"

 

"อร่อยก็กินเยอะๆ" ผมยิ้มให้พี่สินอีกครั้งก่อนจะตักขนมกินต่อ

 

"เช้ดดดด จูบทางอ้อม" พี่รันแซวขึ้นมาเสียงดังจนโต๊ะข้างๆหันมามอง ส่วนผมได้แต่ก้มหน้างุดเพราะเขินสายตาพวกพี่ๆที่มองมาอย่างล้อเลียน พี่สินก็ดันไปยักคิ้วให้อย่างภูมิใจในตัวเองอีก แทนที่จะช่วยกัน ผมว่าแล้วว่าวันนี้ต้องไม่ผ่านไปง่ายๆแน่นอน อย่างน้อยๆ เรื่องที่พี่สินจีบผมอยู่ พวกเพื่อนๆเขาต้องรู้แล้วแน่เลย คงโดนแซวไปทั้งวันแหงๆ เฮ้ออออออออออ

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

***********************

tbc.

 

เรา: น้องปอนด์ พี่อยากกินขนมจังน้า~ อ้าาาาาา~~~~

สิน: กินตีนมั้ย?

เรา: ท่ดจ้า

 

มาอัพให้แล้วค่ะแล้วก็เอาบรรยากาศเขาค้อมาฝาก ช่วงนี้เที่ยวบ่อยแต่ก็หอบโน๊ตบุ๊คมาแต่งนิยายด้วย ขอบคุณทุกคนที่เข้ามาอ่านนะคะ จะพยายามอัพบ่อยๆนะคะ ถ้าไม่ติดเที่ยวจนลืม



 

 

 

 


ออฟไลน์ AkuaPink

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2033
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +59/-1
Re: คนเดียว...เดียวดาย
«ตอบ #45 เมื่อ16-06-2020 22:54:30 »

 :3123:
 :pig4:

ออฟไลน์ mab

  • ชื่อ mab ไม่ได้ชื่อ map
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 710
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +80/-0
Re: คนเดียว...เดียวดาย
«ตอบ #46 เมื่อ16-06-2020 23:23:01 »

อ่านจบละหิวเลย  :katai5:

พี่สินเมื่อไหร่จะจีบน้องติดละพี่
แต่เห็นใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันอย่างกับคบกันแล้วเลย :hao6:

ออฟไลน์ psychological

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 253
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +41/-0
Re: คนเดียว...เดียวดาย
«ตอบ #47 เมื่อ16-06-2020 23:35:59 »

 :pig4:

ออฟไลน์ GBlk

  • ขอให้สรรพสัตว์จงมีความสุข
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1432
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +82/-43
Re: คนเดียว...เดียวดาย
«ตอบ #48 เมื่อ17-06-2020 12:29:16 »

ติดตาม

ออฟไลน์ yuzhou62ppap

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 36
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-0


Ch.25 เธอเป็นแฟนฉันแล้ว






 

 

"มึง รู้สึกแปลกๆกันมั้ย" วิวกับโฟล์คขยับเข้ามาประชิดตัวผมคนละฝั่งแล้วเกาะแขนไว้แน่น เรานั่งอ่านหนังสือในห้องสมุดมาได้พักใหญ่แล้ว จริงๆวันนี้ผมเลิกเร็วกว่าพี่สินสองชั่วโมง แต่เพราะความเอาแต่ใจของพี่สินที่จะให้ผมรอกลับพร้อมกันทำให้ผมต้องมานั่งฆ่าเวลาที่นี่ เพราะพี่เขามีให้แค่สองตัวเลือกคือเข้าไปนั่งเรียนกับเขา หรือมารอที่นี่ ส่วนโฟล์คกับวิวไม่รีบไปไหน เลยมานั่งเป็นเพื่อนผม

 

"เออ กูก็รู้สึก เหมือนตั้งแต่เข้าหอสมุดมากลุ่มผู้หญิงกลุ่มนั้นมองพวกเราแปลกๆป้ะวะ" โฟล์คพูดขึ้นมาอีกคน ผมจึงลองมองไปรอบๆดูแต่ก็โดนวิวจับหัวหันกลับมา

 

"มึงอย่าหันไปมองดิ เดี๋ยวเขารู้ว่าเรามอง" รู้ก็รู้ไปสิ

 

"ถ้าเขามองเราอยู่จริง เขาก็ควรจะละอายใจสิ ที่มามองพวกเราแปลกๆแล้วโดนจับได้ เราไม่ได้ทำอะไรผิดสักหน่อยครับ" ผมตอบกลับไปอย่าไม่ใส่ใจ มันเป็นเรื่องจริงผมใช้ชีวิตของผมไปตามปกติ พวกเขามาใส่ใจผมเองทำไมผมต้องมานั่งระแวงด้วยล่ะ

 

"กูลืมรูดซิปหรือเปล่าวะ" วิวก้มมองเป้ากางเกงตัวเองเมื่อเห็นมันรูดอยู่ก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก

 

"แล้วสาวๆเขามองอะไรวะ" 

 

"เดี๋ยวผมไปถามให้ครับ"

 

"เห้ย เดี๋ยวๆๆ มึงใจเย็น" โฟล์คดึงผมนั่งลงที่เดิมแล้วยื่นโทรศัพท์ให้ดู

 

"กูรู้แล้วทำไม" ผมรับโทรศัพท์ที่โฟล์คยื่นมาให้ มันเป็นรูปผมกับพี่สินที่ร้านขนมที่เราไปด้วยกัน คือจริงๆแล้วเราไปกันทั้งกลุ่มแต่นี่เขาจงใจถ่ายแค่ผมกับพี่สิน แล้วช็อตที่ถ่ายก็เป็นตอนที่พี่สินเช็ดปากให้ผมพอดีโดยแคปชั่นก็ใส่ข้อมูลผมเอาไว้ อย่างนี้มันเข้าข่ายรุกล้ำสิทธิส่วนบุคคลมั้ย

 

"ผมจะดำเนินคดีให้ถึงที่สุด"

 

"เดี๋ยวๆ เชลดอนกูงง มึงจะดำเนินคดีอะไร อยู่ดีๆ มึงหัวร้อนอะไรเนี่ย"

 

"เขาเอารูปผมมาลงโดยไม่รับอนุญาตแถมลงข้อมูลส่วนตัวผมไว้ด้วย"

 

"ไหนวะ" วิวยื่นหน้าเข้ามาอ่านแคปชั่นบนหน้าจอโทรศัพท์

 

"มีคนแอบเห็นพี่สินควงเด็กใหม่ไปกินขนมกันที่ห้างจ้า ใครที่คิดว่าเป็นสาวคณะไหนเตรียมตัวเซอร์ไพร์สได้เลย เพราะครั้งนี้พี่สินเปลี่ยนสไตล์มากันเลย น้องปอนด์นิเทศน์ปีสอง หน้าตาน่ารักน่าชัง ใครไหวไปก่อนเลย ส่วนชีวิตสาววายของแอดมิน ตอนนี้คือคอมพลีทแน้ว" วิวยื่นโทรศัพท์กลับมาให้ผมคืน

 

"ก็ไม่เห็นมีอะไรนี่หว่า แค่น้องปอนด์ปีสองนิเทศน์เอง"

 

"เออ รูปที่ถ่ายก็สวยด้วยนะ" โฟล์คว่า ผมก้มหน้าลงดูรูปอีกครั้ง อืม ก็สวยแหละ

 

"มึงก็อย่าไปคิดเยอะ เขาก็ไม่ได้เอามาลงด่าอะไร ออกจะชอบมึงกับพี่สินด้วยซ้ำ ปล่อยๆไปเหอะ" ผมไล่อ่านคอมเม้นท์มีทั้งดีและไม่ดี อาจจะเพราะจำนวนที่คนแชร์และไลค์โพสนี้ ทำให้คอมเม้นท์มีหลายร้อย และผมก็ไม่มีเวลาพอจะมานั่งอ่านทุกคอมเม้นท์เลยได้แต่อ่านพวกท็อปคอมเม้นท์เอา บางคอมเม้นท์ก็พิมพ์แค่ หวีดดดดดดดดด ซึ่งผมก็ไม่รู้หรอกว่ามันดีหรือไม่ดียังไง

 

"แต่ผมว่า..."

 

"เออ เลิกว่า อ่านๆหนังสือของมึงไปเนี่ย เดี๋ยวพี่สินก็เลิกเรียนแล้ว" ผมพยักหน้าเปิดหนังสือที่ตัวเองอ่านค้างไว้ เราสามคนนั่งอ่านหนังสือกันไปสักพักก็มีเสียงผู้หญิงดังขึ้นข้างๆ

 

"ขอโทษนะคะ" ผมหันไปตามแรงสะกิดที่หัวไหล่เบาๆ ผู้หญิงกลุ่มเมื่อสักครู่ที่มองผมอยู่เดินเข้ามาหาสองคนพลางยิ้มให้แบบขัดๆเขินๆ

 

"น้องปอนด์ใช่มั้ยคะ?"

 

"ใช่ครับ" ผมพยักหน้ารับให้ผู้หญิงสองคนที่ยืนเขินผมอยู่ 

 

"คือพี่จะขอถ่ายรูปคู่ด้วยได้มั้ยคะ" ผมชี้นิ้วเข้าหาตัวเองงงๆ ถ่ายรูปคู่กับผมเนี่ยนะ

 

"เอ่อ ผมหรอครับ"

 

"ใช่ค่ะ คือพี่เป็นแฟนคลับสินปอนด์นะคะ อยากจะขอถ่ายรูปกับน้องเอาไปลงในกลุ่มได้มั้ยคะ?" กลุ่ม?

 

"กลุ่มอะไรหรอครับ?"

 

"อ๋อ ไม่ใช่กลุ่มไม่ดีอะไรหรอกค่ะน้อง แค่กลุ่มแฟนคลับเล็กๆ มีจำนวนสมาชิกแค่ไม่กี่คน" 

 

"ชื่อกลุ่มอะไรหรอครับพี่?" โฟล์คหยิบโทรศัพท์ตัวเองคืนไปแล้วเข้าไปตรงช่องค้นหาในเฟส

 

"SinPond FC จ้ะ" โฟล์คพิมพ์เข้าไปตามที่พี่เขาบอกก่อนจะร้องโหออกมาเบาๆ

 

"โห กลุ่มไม่เล็กแล้วมั้งครับ สมาชิกห้าร้อยกว่าคนขนาดนี้"

 

"แหะๆ แต่ไว้ใจได้ เราแค่เอาไว้หวีดกันเล็กๆ หล่อเลี้ยงหัวใจไม่มีอะไรไม่ดีเลย แอดมินก็คัดกรองคนเฉพาะที่เป็นแฟนคลับจริงๆ" ผมยื่นหน้าเข้าไปดูเห็นเป็นชื่อกลุ่มตามที่พี่เขาบอกเห็นสมาชิกห้าร้อยกว่าคนในนั้นก็ตกใจจริงๆ 

 

"เอ่อ แล้วน้องปอนด์จะถ่ายรูปกับพี่ได้มั้ยคะ?"

 

"ได้ครับพี่ถ่ายเลย มาๆ ผมถ่ายให้" วิวตอบรับแทนผมพลางลุกขึ้นไปขอโทรศัพท์พี่ผู้หญิงคนข้างหน้าแล้วดันพี่ๆเข้ามานั่งข้างๆผมแทน

 

"ยิ้มดิมึง ชีส" ผมฉีกยิ้มให้กล้องแบบงงๆตามที่เพื่อนบอก มันเป็นปฏิกิริยาอัตโนมัติครับ

 

"สองนิ้วด้วย" ผมเลิกคิ้วเป็นเชิงถามว่าต้องทำด้วยหรอ

 

"เออน่ะ สองนิ้วๆนะ หนึ่ง สอง" 

 

"ขอบคุณมากเลยนะคะน้องปอนด์" ผมพยักหน้ารับมองพี่ๆที่เดินไปเช็ครูปที่วิวถ่ายให้ก่อนจะเดินกลับไปทางกลุ่มตัวเองด้วยความดีใจ

 

"อยู่ๆก็มีเพื่อนเป็นเซเลบว่ะ" โฟล์คตบไหล่ผมพลางแซวแบบขำๆ

 

"มันจะดีหรอครับ ถ้าให้ถ่ายหนึ่งคน เดี๋ยวก็มีมาอีกเรื่อยๆ"

 

"ไม่เห็นเป็นไรเลย คนที่เข้ามาขอถ่ายเขาก็ชอบมึง ดีซะอีกมีคนชอบ ถ้ามีคนเกลียดก็ว่าไปอย่าง" ผมพยักหน้ารับปล่อยวางตามที่วิวบอก มันคงไม่เป็นอะไรหรอกมั้ง

 

***************************

 

"กลับบ้านกัน" ผมเงยหน้ามองพี่สินที่เดินเข้ามาตรงที่ผมนั่งอยู่ตอนไหนไม่รู้

 

"เรียนเสร็จแล้วหรอครับ?" พี่สินนั่งลงข้างๆวางหนังสือเล่มหนาที่ตัวเองเอามาแล้วทิ้งตัวหมอบกับโต๊ะหนังสือหันหน้ามามองผม

 

"ก็ต้องเสร็จแล้วดิ ไม่งั้นจะมารับมึงได้ไง" จริงด้วย แล้วทำไมผมต้องถามโง่ๆเนี่ย

 

"หิวยังอ้ะ หาอะไรกินก่อนกลับมั้ย?" ผมส่ายหน้าให้เบาๆ จริงๆแล้วก็ยังไม่หิวเท่าไหร่ครับ

 

"มีของสดอยู่ในตู้เย็นครับ เดี๋ยวผมทำกับข้าวให้" พี่สินพยักหน้ารับแล้วหยิบกระเป๋าเป้ผมไปสะพายแทน

 

"โอเค เอาหมูทอดด้วยนะ" ผมยิ้มรับแล้วพยักหน้าให้ พี่สินเป็นคนอยู่ง่ายกินง่ายกว่าที่คิดครับ คืออาหารที่เขาชอบก็บ้านๆ แต่แค่ค่อนข้างระแวงอาหารข้างทางที่ดูไม่ถูกสุขลักษณะ คุณแม่เล่าให้ฟังว่าตอนเด็กๆพี่สินท้องเสียบ่อยมากเพราะกินอาหารข้างทาง ก็เลยขยาดนิดหนึ่งแต่ถ้าต้องกินก็กินได้ไม่มีปัญหาอะไร อ่อ อีกเรื่องพี่สินชื่อเต็มๆว่าออมสินครับน่ารักมาก คุณแม่คิดว่าตัวเองต้องได้ลูกสาวแน่ๆเลยตั้งชื่อเตรียมไว้ก่อน พอออกมาเป็นลูกชายคุณแม่เสียดายมากก็เลยดื้อเรียกพี่สินว่าออมสินตามที่คิดไว้ แต่พอพี่สินโตขึ้นมาหน่อยพี่สินก็เขินๆชื่อตัวเอง เลยบอกเพื่อนทุกคนให้เรียกตัวเองแค่สินพอ ผมว่าออมสินน่ารักดีออก พี่ออมสิน

 

"รู้สึกเหมือนเป็นส่วนเกินจังเลย นั่งอยู่ตรงนี้อีกสองคน ทำไมสร้างโลกคุยกันงุ้งงิ้งๆ งี้อ้ะ ทักน้องบ้างก็ได้นะครับพี่สิน" พี่สินหันไปพยักหน้าให้โฟล์คกับวิวที่นั่งอยู่ด้วย

 

"พวกมึงกลับเลยป้ะเนี่ย ให้กูแวะส่งมั้ย"

 

"ผมขับรถมาพี่ไม่รบกวนเวลาสวีทหรอก" ผมฟาดมือใส่ไหล่โฟล์คไปทีหนึ่ง ชอบพูดอะไรมั่วซั่ว ใครเขาสวีทกัน

 

"โอ๊ย เขินละทำร้ายร่างกายเก่งว่ะ" ผมยกหนังสือในมือจะฟาดให้อีกทีแต่โฟล์คลุกขึ้นไปหลบหลังพี่สินอย่างรวดเร็ว

 

"งั้นพวกผมไปก่อนดีกว่าพี่เดี๋ยวจะพิการเอา เพื่อนผมมันเขินรุนแรง" โฟล์ครีบวิ่งหนีไปอย่างไวหลังจากพูดจบ วิวก็หันมาโบกมือบายบายผมสองคนก่อนจะรีบตามโฟล์คไป

 

"เลิกเขินแล้วเอาหนังสือไปเก็บไป หิวข้าวแล้ว" ผมพยักหน้าลุกเดินเอาหนังสือไปเก็บเข้าชั้นตรงที่ตัวเองไปหยิบมา แต่ระหว่างทางที่เดินไปชนเข้ากับใครอีกคนที่กำลังเดินสวนมา

 

"โอ๊ะ ขอโทษครับ" ผมก้มลงเก็บหนังสือที่ร่วงลงพื้นทั้งของผมและของเขาก่อนจะยื่นคืนให้ หญิงสาวตรงหน้าเห็นผมก็ส่งสายตาไม่เป็นมิตรให้ทันที สงสัยจะไม่พอใจที่โดนชนจนล้ม

 

"เดินประสาอะไรไม่ดูตาม้าตาเรือ" อีกฝ่ายกระชากหนังสือตัวเองกลับไปปัดหน้าปกเบาๆ ผมยิ้มแหยเป็นเชิงขอโทษอีกครั้ง

 

"วันหลังหัดเดินดูทางซะมั่งนะ ถ้าหนังสือเราเสียหายขึ้นมาจะรับผิดชอบยังไง" 

 

"ผมต้องขอโทษจริงๆนะครับ ผมไม่ได้ตั้งใจ"

 

"นี่ขนาดไม่ได้ตั้งใจนะ ยังชนซะกระเด็นขนาดนี้ ถ้าเกิดฉันล้มหัวฟาดโดนชั้นวางหัวแตกจะทำยังไง" ผู้หญิงคนตรงหน้าเริ่มใส่อารมณ์และขึ้นเสียงจนผมตกใจ ไม่คิดว่าจะกลายเป็นเรื่องใหญ่อะไรขนาดนั้น

 

"เอ่อ...คือ..."

 

"มีอะไรหรือเปล่า" ผมหันไปมองพี่สินที่เดินตามมาคงคิดว่าผมมานานเลยเดินมาดู

 

"โอ๊ย" ผมหันกลับไปมองผู้หญิงคนที่ผมชน อยู่ๆเธอก็ร้องพร้อมกับจับแขนข้างหนึ่งของตัวเองไว้ด้วยท่าทางเจ็บปวด

 

"เป็นอะไรหรือเปล่าครับ" ผมตรงเข้าไปดูอาการ เมื่อกี๊เราก็ไม่ได้ชนกันแรงขนาดนั้นนะ อีกอย่างมันก็ผ่านมาสักพักแล้วมันไม่ช้าไปหรอสำหรับความรู้สึกเจ็บ

 

"สงสัยตอนล้มเมื่อกี๊จะชนเข้ากับชั้นหนังสือน่ะค่ะ แต่ไม่เป็นไรนะคะเดี๋ยวมิ้วเอาหนังสือไปเก็บเอง" คุณมิ้วที่โดนผมชนค้อมศีรษะน้อยๆจะเดินผ่านไปแต่ว่ากลับกะเผลกขาเหมือนจะล้ม ผมจะเข้าไปรับเจ้าตัวแต่ว่าพี่สินถึงตัวเร็วกว่าเลยเป็นคนที่พยุงเขาไว้ ผมขมวดคิ้วแน่น เมื่อกี๊เขายังกระชากหนังสือจากมือผมไปอยู่เลย ดูท่าทางไม่ได้เจ็บอะไรด้วยซ้ำ แถมยืนตั้งท่าจะเอาเรื่องผมอีกทำไมตอนนี้มาเจ็บขาได้

 

"ไหวมั้ยครับ" ผมส่งเสียงถามออกไป คุณมิ้วปรายตามามองทางผมเล็กน้อยแล้วหันไปขอบคุณพี่สิน

 

"ขอบคุณมากนะคะพี่สิน ขามิ้วน่าจะพลิกด้วยน่ะค่ะ ยังไงมิ้วรบกวนคุณปอนด์ถือหนังสือไปคืนที่ให้หน่อยได้มั้ยคะ มิ้วน่าจะเดินไปไม่ไหว" ผมพยักหน้ารับหนังสือจากมือเขา

 

"มึงมาพยุงเขาดีกว่าเดี๋ยวกูเอาหนังสือไปเก็บให้" พี่สินว่าพลางปล่อยมือจากไหล่คุณมิ้วแล้วจะมาเอาหนังสือจากผมไปแทน

 

"โอ๊ย" 

 

"ไม่เป็นไรครับ เดี๋ยวยังไงพี่สินพาคุณมิ้วเขาไปนั่งก่อนละกันครับ เดี๋ยวผมเอาหนังสือไปไว้ที่เอง" ผมสรุปเองเสร็จสรรพแล้วรีบเดินแยกตัวออกมา ถึงผมจะโง่ขนาดไหนแต่ทำขนาดนี้ใครจะไม่เข้าใจจุดประสงค์ล่ะครับ ก็คงจะอีกหนึ่งในแฟนคลับพี่สินเขานั่นแหละ แต่ก่อนฮอตยังไงก็ฮอตอย่างนั้นจริงๆคนเข้าหาเยอะแยะไปหมด

 

************************

 

"ขอบคุณพี่สินมากเลยนะคะที่มาส่ง ไม่คิดเลยว่าจะกลับทางเดียวกัน" คุณมิ้วที่นั่งอยู่เบาะหลังยื่นหน้ามาขอบคุณพลางยิ้มให้อย่างน่ารัก

 

"ไม่เป็นไรครับ ยังไงก็ทางผ่าน" พี่สินตอบอย่างไม่ใส่ใจนัก ส่วนผมเองก็ไม่รู้จะพูดอะไรก็เลยเลือกที่จะเงียบดีกว่า

 

"ถ้ายังไงมิ้วขอช่องทางการติดต่อไว้ได้มั้ยคะ อยากจะเลี้ยงขอบคุณจริงๆ ที่อุตส่าห์มาส่งมิ้ว"

 

"ไม่เป็นไรครับ คุณโอเคแล้วก็รีบขึ้นห้องไปพักผ่อนเถอะครับ"

 

"เรียกมิ้วเฉยๆก็ได้ค่ะ แต่มิ้วอยากจะเลี้ยงขอบคุณพี่สินจริงๆนะคะที่มาเป็นธุระให้"

 

"แค่คำขอบคุณก็พอครับ อีกอย่างที่คุณมิ้วต้องเจ็บตัวก็เพราะแฟนผมด้วย ผมต้องขอโทษแทนน้องปอนด์ด้วยนะ น้องสายตาสั้นน่ะครับแล้วยังไม่ชอบใส่แว่นด้วยก็เลยไปชนคุณมิ้วเข้า ซุ่มซ่ามตลอดเลยนะเรา เอ้า ขอโทษคุณมิ้วเขาด้วย" พี่สินยื่นมือมาขยี้หัวผมที่หน้าเหวอเบาๆแล้วยิ้มหวานให้ผมจนขนลุก

 

"ขอโทษครับ"

 

"มะ..ไม่เป็นไรค่ะ  ถ้ายังไงมิ้วขอตัวก่อนนะคะ แล้วก็ขอบคุณอีกครั้งด้วยค่ะ" คุณมิ้วรีบเปิดประตูลงจากรถไปทันที แถมรีบเดินจ้ำอ้าวไปอีก ไม่เจ็บขาแล้วหรอ แปลกคน

 

"มึงนี่นะเมื่อไหร่จะทันคนสักทีวะ" พี่สินถอนหายใจเบาๆแล้วออกรถ

 

"ผมไม่ได้ซื่อขนาดนั้นสักหน่อย"

 

"มึงดูไม่ออกหรอว่าเขามาอ่อยกูเนี่ย" พี่สินขึ้นเสียงถามผมออกมาอย่างไม่รู้ตัว

 

"ดูออกครับ แต่ผมไม่ได้มีสิทธิจะไปห้ามอะไรเขานี่ครับ" ผมตอบกลับไปอย่างไม่สบอารมณ์บ้าง

 

"กูยกให้"

 

"อะไรครับ" ผมถามกลับงงๆ อยู่ๆมายกอะไรให้ผม

 

"สิทธิไงกูยกให้"

 

"สิทธิอะไรของพี่?"

 

"สิทธิของแฟน มึงหวงกูได้ ห่วงกูได้ มึงเป็นแฟนกูแล้ว เหลือแค่เมื่อไหร่กูจะเป็นแฟนมึงแค่นั้นแหละ" ผมเม้มปากพยายามไม่หลุดยิ้มออกมาแต่ก็ห้ามได้ยากจริงๆครับ

 

"จะยิ้มก็ยิ้มกูชอบให้มึงยิ้ม แล้วก็ไม่ต้องคิดจะให้ใครเข้ามาหากูเพื่อลองใจนะ กูชอบมึงกูจีบมึงอยู่ มึงไม่มีทางเลือกหรอกไม่ว่าช้าหรือเร็วยังไงกูก็ต้องเป็นแฟนมึง" พี่สินพูดจบก็ขับรถต่อเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นเหมือนเรื่องที่พูดเป็นเรื่องปกติ แต่ที่ไม่ปกติก็คือใจกับปากผมเนี่ยแหละ จะยิ้มอะไรนักหนาเล่า บอกให้หุบยิ้มไงปอนด์!

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

*******************

tbc.

 

มาอัพแล้ว ขอโทษนะคะ ความห้าวของเราคือเที่ยวหนักมากห้าวันสี่คืนเลย พอกลับจากเที่ยวคือไม่สบายเลย ต้องให้น้ำเกลือกันเลยทีเดียว แล้วข้อมือก็ซ้นอีกพิมพ์มาเรื่อยๆหลายวันแล้วแต่มันปวดเลยพิมพ์ได้แค่แป๊บๆต่อวันต้องพันผ้าเอาไว้ แทนคำขอโทษ เอาบรรยากาศวิวสวยๆมาฝากค่ะ อยากจะพาทุกคนมาเที่ยวด้วยกันให้หมดเลย

 





CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ AkuaPink

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2033
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +59/-1
Re: คนเดียว...เดียวดาย
«ตอบ #50 เมื่อ26-06-2020 00:16:37 »

 :3123:
 :katai2-1:

ออฟไลน์ yuzhou62ppap

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 36
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-0


Ch.26 กลัวความเร็ว








 

"ปอนด์วันนี้เย็นมึงว่างป้ะ" ผมละสายตาจากโปรเจคเตอร์ที่อาจารย์สอนอยู่หันไปหาวิวกับโฟล์ค

 

"ว่างครับ"

 

"พี่รหัสกูให้มาชวนไปกินเลี้ยงงานวันเกิดเขา" ร้อยวันพันปี พี่ปลาพี่รหัสของโฟล์คไม่เคยจะชวนผมไปกินเลี้ยงหรืออะไรทำนองนี้เลย โฟล์คเองก็บอกว่าปกติเขากับพี่รหัสตัวเองก็ไม่ได้สนิทชิดเชื้ออะไร พวกผมก็เป็นพวกที่ไม่ค่อยสุงสิงกับกลุ่มไหนอยู่แล้ว เลยคิดว่าเพราะความติสท์ของเด็กคณะนี้ล่ะมั้งเลยทำให้แต่ละคนเลือกจะเกาะกลุ่มตัวเอง ถึงจะรู้จักกัน แต่ก็ไม่ได้ถึงกับสนิท ส่วนตัวผมไม่มีพี่รหัสด้วยสายขาดครับเพราะพี่ซิ่วไปมออื่น งานที่ได้ส่วนใหญ่ก็คือเพื่อนพี่รหัสนั่นแหละครับ เขาฝากฝังผมไว้ก่อนจะซิ่วไป

 

"แปลกๆป้ะวะ ปกติไม่เห็นจะสนใจเราเลย" วิวตั้งข้อสังเกตเหมือนผมเป๊ะ ผมพยักหน้ารับเบาๆ ผมแทบไม่เคยคุยกับพี่เขาเลยด้วยซ้ำนอกจากตอนที่เขาเรียกให้ไปช่วยถ่ายภาพพวกเบื้องหลังงานอะไรประมาณนั้น

 

"กูก็แปลกใจเหมือนกันแหละ แต่ทำไงได้อ้ะ กูก็ไม่อยากไปคนเดียวป้ะวะ" โฟล์คว่าพลางหยิบมือถือขึ้นมาส่งให้ผมกับวิวอ่าน

 

"เนี่ย แถมพี่เขายังย้ำมาอีกว่าให้พาพวกมึงสองคนไปให้ได้ด้วย" ผมอ่านจบแล้วมองหน้าเพื่อนตัวเองพลางขมวดคิ้ว อืม แปลกแฮะ

 

"มีใครไปบ้างวะ"วิวยื่นโทรศัพท์คืนให้โฟล์ค

 

"ก็มีพวกพี่ๆปีสามกลุ่มเขากับพวกรุ่นพี่ต่างคณะอีก"

 

"งั้นเราไม่ไปคงไม่เป็นไรมั้งครับ คนก็ไปเยอะแล้ว"

 

"แต่เขาเน้นมาเลยนะว่าให้กูลากพวกมึงไปให้ได้" โฟล์คว่าพลางทำหน้าลำบากใจ

 

"ถ้างั้นเราแค่แวะเอาของขวัญไปให้แล้วกลับดีมั้ยวะ?" วิวเสนอความคิดเห็นซึ่งผมเห็นด้วยอย่างยิ่ง

 

"ผมว่าก็ดีนะ แค่แวะไปทักทายแล้วขอตัวกลับ บอกว่าเราติดธุระน่าจะไม่น่าเกลียดเท่าไหร่มั้งครับ" 

 

"งั้นเราสามคนรวมเงินกันซื้อของขวัญดีๆให้เขาไปเลยดีมั้ยมึง" ผมพยักหน้าเห็นด้วย เพราะถ้าให้แยกกันซื้อผมคงไม่พ้นต้นไม้สักต้น หรือตุ๊กตาสักตัวแน่ๆ ปกติผู้หญิงเขาชอบของขวัญอะไรกันนะ

 

"มึงก็โทรไปบอกพี่สินด้วยล่ะ เดี๋ยวพี่เขามารับเก้อ" ผมพยักหน้าแล้วหยิบโทรศัพท์มาส่งไลน์บอกพี่สินว่าวันนี้ไม่ต้องมารับเพราะจะกลับประมาณหัวค่ำหน่อย พี่สินอ่านข้อความอย่างรวดเร็วแล้วโทรกลับมาทันที ผมรีบกดตัดสายแล้วปิดเสียงก่อนที่จะโดนอาจารย์ไล่ออกจากห้อง

 

"พี่สินหรอวะ?" ผมพยักหน้าตอบรับวิวแล้วรีบเก็บโทรศัพท์เข้ากระเป๋ากางเกง รับรู้ถึงอาการสั่นของโทรศัพท์ตัวเองไม่หยุด

 

"กูว่ามึงรับเถอะ ไม่งั้นไม่เลิกโทรแน่ๆ"ผมพยักหน้ารับก่อนจะขออนุญาตอาจารย์ไปเข้าห้องน้ำ พอเดินออกมาจากห้องได้ก็รีบรับสายพี่สินทันที ดูจากที่ไม่ได้รับมาสามสายแล้วเตรียมตัวหูชาได้เลยครับ

 

("ทำไมรับช้า") นั่นไง เสียงมาคุมากเลยครับ

 

"ผมเรียนอยู่ครับ"

 

("เรียนอยู่แล้วไลน์มาหากูได้ไง แถมไลน์มาว่าจะกลับดึกคือ?")

 

"ไม่ได้กลับดึกครับ กลับหัวค่ำ จะไปทำธุระ"

 

("ดึกหรือหัวค่ำก็เหมือนกันอ้ะ ธุระอะไรกูพาไปได้")

 

"ผมจะไปงานวันเกิดรุ่นพี่น่ะครับ"

 

("รุ่นพี่ที่ไหน?")

 

"ที่คณะนี่แหละครับ"

 

("มึงกวนตีนกูหรอปอนด์") อ้าว

 

"เปล่าครับ รุ่นพี่ที่คณะจริงๆ"

 

(ที่กูอยากรู้คือ เขาเป็นใคร?")

 

"เป็นรุ่นพี่ผมไงครับ" ผมตอบอย่างพาซื่อ พี่สินจะถามคำถามเดิมๆไปเพื่ออะไร ผมก็บอกไปแต่ต้นแล้วว่าเป็นรุ่นพี่ที่คณะ

 

("เฮ้อ กูหมายถึงรุ่นพี่มึงน่ะ ชื่ออะไร?") อ๋อ อยากรู้ชื่อก็ถามชื่อสิ ถามว่าเป็นใครอยู่ได้

 

"พี่ปลาครับ เป็นพี่รหัสของโฟล์ค"

 

("แสดงว่าไอ้โฟล์คไปด้วย?") พี่สินเสียงอ่อนลงมานิดหนึ่งตอนที่ผมบอกว่าโฟล์คก็ไปกับผม

 

"ครับ วิวก็ไปครับ" 

 

("เออ แค่นี้") แล้วพี่สินก็ตัดสายไปเลยครับ อะไรของเขานะ อารมณ์ยังกับพายุนึกจะโทรมาก็โทรมา นึกจะวางก็ตัดสายดื้อเลย เห้อ

 

"ครับพี่...ครับ" จังหวะที่ผมกำลังจะเดินกลับห้องเรียนก็เห็นโฟล์คเดินคุยโทรศัพท์มาทางนี้พอดี ผมเลยเดินเข้าไปหาเจ้าตัว โฟล์คทำท่าเอานิ้วชี้แตะไปที่ปากเป็นเชิงให้ผมเงียบ ผมพยักหน้ารับแล้วยืนอยู่เป็นเพื่อนจะได้กลับเข้าห้องเรียนพร้อมกัน

 

"ไว้ใจผมได้ครับ ผมจะดูแลมันเป็นอย่างดี ไม่ให้ห่างตัวเลยครับพี่...ครับ...เหล้าไม่มีเฉียดกรายเข้าใกล้มันแน่นอนครับ...ครับพี่...ได้ครับ ถ้าถึงผมจะโทรรายงานครับ ครับ สวัสดีครับ" โฟล์คตัดสายทิ้งพลางหันมาถอนหายใจใส่ผมด้วยใบหน้าเหนื่อยหน่าย

 

"นี่เพื่อนกูกำลังจะผัวหรือมีพ่อวะ?" หืม?

 

"ใครครับ วิวหรอ?" 

 

"กวนตีนตาใสจริงๆเลยมึงก็รู้ว่ากูหมายถึงมึงนั่นแหละ พี่สินนี่หวงมึงเกินหน้าเกินตาไปหน่อยมั้ย พี่เป้ก็คนหนึ่งแล้ว นี่ต้องมาคอยตอบคำถามพี่สินเพิ่มอีก" โฟล์คบ่นหงุงหงิงก่อนจะกอดคอผมเดินเข้าคลาส

 

**************************

 

"แฮปปี้เบิร์ธเดย์นะครับพี่ปลา" ผมยิ้มให้พี่รหัสคนสวยของโฟล์คพี่ปลาฉีกยิ้มกว้างทันทีที่เห็นพวกผมก่อนจะขอบคุณสำหรับของขวัญที่พวกเราซื้อมาให้

 

"จริงๆ ไม่น่าลำบากกันนะ แค่มาร่วมงานพี่ก็ดีใจแล้ว" พวกผมยิ้มรับแห้งๆไม่รู้จะพูดอะไร รู้สึกกระอักกระอ่วนนิดหน่อย พี่ปลายิ้มให้อีกทีก่อนจะกวักมือเรียกเพื่อนตัวเองจากอีกฝั่งหนึ่ง

 

"เบนซ์ๆ ทางนี้" ผมหันไปมองคนที่เข้ามาใหม่ในวงสนทนาเราก่อนจะยกมือไหว้ พี่เบนซ์หันมายิ้มให้ผมก่อนจะหันไปยื่นกล่องของขวัญให้เพื่อนตัวเอง

 

"เอ้า ของขวัญแฮปปี้เบิร์ธเดย์นะปลา"

 

"ขอบใจนะ เออเบนซ์นี่ไงน้องรหัสเรากับเพื่อนๆที่เราเคยเล่าให้ฟัง"

 

"อืม เรารู้จักน้องแล้ว"

 

"อ้าวหรอ งั้นคุยกันไปก่อนนะเราไปหาเพื่อนตรงนู้นก่อน" พี่เบนซ์พยักหน้ารับ

 

"เป็นไงเราไม่ได้เจอกันนานเลย"

 

"สบายดีครับ พี่เบนซ์ล่ะ" ผมตอบแล้วถามกลับเป็นมารยาท

 

"ก็ดี พี่ๆเขาบ่นคิดถึงเรากันใหญ่เลย พี่ก็คิดถึง ว่างๆก็แวะไปบ้างนะ"

 

"ได้ครับ" 

 

"หิวมั้ยเดี๋ยวพี่ไปตักขนมมาให้"

 

"ยังไม่หิวครับ พี่เบนซ์ไปทานก่อนได้เลย"

 

"ไม่อ้ะ พี่อยู่เป็นเพื่อนปอนด์ดีกว่า" พี่เบนซ์ยิ้มแล้วเลื่อนเก้าอี้ใกล้ๆออกให้ผมนั่ง

 

"ไม่รบกวนพี่ขนาดนั้นหรอกครับ เดี๋ยวผมอยู่เป็นเพื่อนมันเอง พี่ไปหาเพื่อนพี่เถอะครับ" วิวเดินมานั่งตรงเก้าอี้ตัวนั้นแล้วตบเก้าอี้ตัวข้างๆบังคับทางสายตาให้ผมนั่งลง ซ้ำโฟล์คยังเดินไปนั่งขนาบอีกข้าง พี่เบนซ์ขมวดคิ้วมองเพื่อนๆ ผมอย่างไม่ค่อยพอใจเท่าไหร่ แต่พูดอะไรไม่ได้ ผมยิ้มแหยๆให้ พี่เบนซ์จึงรีบเปลี่ยนสีหน้ายิ้มแย้มให้ผม

 

"งั้นเดี๋ยวพี่ไปเอาน้ำมาให้ปอนด์ดีกว่าเนอะ" พี่เบนซ์พูดจบก็เดินออกไปทางซุ้มน้ำเลยทันที

 

"กูว่าแล้วว่ามันต้องมีอะไรไม่งั้นพี่สินไม่โทรมาย้ำกูหลายๆรอบหรอกว่าให้ตัวติดมึงไว้" วิวขยับเก้าอี้เข้ามาใกล้ผมก่อนจะกระซิบให้ได้ยินกันแค่สามคน

 

"อ้าว มึงก็ด้วยหรอวะ นี่พี่สินก็โทรบอกให้กูดูแลไอ้ปอนด์ให้ดี" โฟล์คพูดขึ้นมาอีกคน

 

"เออ เข้าใจเลยว่าทำไมพี่มันหวง ดูสายตาแม่งมองไอ้ปอนด์ดิ" ผมหันไปมองทางซุ้มน้ำที่พี่เบนซ์เดินไปเมื่อสักครู่เห็นเขายืนคุยกับเพื่อนอยู่พอหันมาสบสายตาผมก็ยิ้มให้ ผมยิ้มตอบก่อนจะหันมาคุยกับเพื่อนๆ

 

"ไม่มีอะไรหรอกครับ พี่สินระแวงมากไป"

 

"ไม่มีกับผีสิ มึงห้ามห่างพวกกูเลยนะ เดี๋ยวอีกสักครึ่งชั่วโมงกูจะพามึงกลับ" ผมพยักหน้าให้โฟล์คก่อนพวกเราทั้งสามคนจะเงียบเมื่อพี่เบนซ์เดินเข้ามากับเพื่อนเขาอีกสองสามคน

 

"น้องปอนด์เพื่อนพี่ขอมานั่งด้วย สะดวกมั้ยครับ" ผมพยักหน้ารับเชิญให้พวกเขาที่อุตส่าห์ถือน้ำดื่มเข้ามาให้

 

"นี่พี่จอย พี่ทิว พี่ตุ๊กตาครับ ส่วนนี่น้องวิว น้องโฟล์ค แล้วก็น้องปอนด์" ผมยกมือไหว้พวกพี่ๆที่มาใหม่

 

"พี่ขอนั่งด้วยนะเด็กๆ ที่อื่นมันเต็มแล้ว" พี่ตุ๊กตาพูดขึ้นอย่างเกรงใจ

 

"ยินดีเลยครับพี่" โฟล์คระริกระรี้เข้าไปบริการเลื่อนเก้าอี้ให้สาวสวยตรงหน้าแถมยังเปลี่ยนไปนั่งข้างพี่เขาเรียบร้อยแล้ว ทั้งๆที่เมื่อกี๊ยังห้ามให้ผมห่างจากเขาอยู่เลยแต่ตอนนี้คือโฟล์คไม่สนใจผมไปแล้วครับ นั่งคยกับสาวๆสนุกสนานเชียว

 

"น้องปอนด์ใช่มั้ย? เห็นเบนซ์มันพูดให้ฟังหลายครั้งแล้วว่ามีน้องที่ทำงานเรียนที่เดียวกัน ยินดีที่ได้รู้จักนะครับ"

 

"เช่นกันครับ" ผมยิ้มตอบพี่ทิว พี่เบนซ์ยื่นน้ำสีสันสดใสให้ผมพลางยิ้มให้อย่างเป็นมิตร

 

"ขอบคุณครับ" ผมยิ้มรับก่อนจะหยิบแก้วมาวางไว้ข้างหน้า

 

"น้องปอนด์มานานหรือยังครับ แล้วกลับยังไงให้พี่ไปส่งมั้ย?" ผมที่กำลังจะอ้าปากตอบจำต้องหุบปากลงเมื่อวิวเพื่อนผมโพล่งตอบขึ้นมาแทน

 

"เพิ่งมาถึง แต่คิดว่ากำลังจะกลับแล้ว ขับรถกันมาเองไม่รบกวนพี่หรอกครับ" พี่เบนซ์หันไปมองหน้าวิวอย่างไม่พอใจในขณะที่วิวเองก็มองพี่เบนซ์อย่างไม่เป็นมิตรเช่นกัน พี่ทิวหัวเราะขึ้นเพื่อทำลายบรรยากาศที่กำลังมาคุสุดๆ ระหว่างพี่เบนซ์กับวิว

 

"เออ น้องวิวนี่น้องรหัสไอ้พีทมันป้ะเหมือนพี่จะคุ้นๆ" พี่ทิวถามขึ้นวิวทำหน้าฉงนเล็กน้อยก่อนจะตอบ

 

"ใช่ครับ"

 

"เห็นพี่รหัสเราบ่นหาอยู่นะหาตัวยากนี่เรา" วิวยิ้มแหยๆ 

 

"เรียนยุ่งๆน่ะครับ พวกพี่ๆเองก็ใช่ย่อย แทบไม่เห็นหน้าเห็นตา" เจ้าตัวตอบหงุงหงิงๆ ก่อนจะจิบน้ำที่พี่ทิวเอามาให้ จากนั้นก็คุยติดลมกันไปอีกคู่ แถมชวนกันเดินไปตักอาหารที่ซุ้มแล้วหายไปเลย ผมหันไปทางโฟล์คก็เห็นเจ้าตัวเริ่มกรึ่มๆ ยกแก้วชนกับพี่สาวที่เริ่มมาเพิ่มเยอะขึ้นตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้จนผมแทบมองไม่เห็นโฟล์คที่อยู่กลางวง ไหนบอกอยู่แค่ครึ่งชั่วโมงจะกลับไง นี่เลยมาชั่วโมงครึ่งแล้วนะ

 

"เบื่อหรอเรา" ผมยิ้มน้อยๆให้พี่เบนซ์ก่อนจะพยักหน้าเบาๆ

 

"นิดหน่อยครับ คือผมไม่ค่อยชอบงานสังสรรค์อะไรแบบนี้" พี่เบนซ์พยักหน้ารับก่อนจะชูกุญแจรถมาตรงหน้า

 

"พี่ไปส่งบ้านมั้ย?" ผมลังเลใจนิดหน่อย อยากกลับก็อยาก แต่ก็ไม่กล้ากลับกับพี่เขาสองคนเพื่อนตัวดีก็ไม่มีทีท่าอยากจะกลับเลย

 

"คือ..."

 

"ไม่ต้องเกรงใจหรอก พี่สงสารดูทำหน้าเข้า ฮ่าๆๆ" พี่เบนซ์หัวเราะอย่างอารมณ์ดี ผมพยักหน้าเบาๆก่อนจะพูด

 

"ถ้ายังไงต้องรบกวนด้วยนะครับ" พี่เบนซ์ยิ้มรับก่อนจะหันไปบอกเพื่อนเขาที่นั่งอยู่บริเวณนั้น

 

"ป้ะ"

 

"ครับ"

 

**********************************

 

"รถพี่รกหน่อยนะ" ผมเข้ามานั่งข้างคนขับก่อนจะมองไปรอบๆ ไม่รกเลยสักนิด ออกจะเป็นระเบียบเกินไปด้วยซ้ำ สู้รถพี่สินไม่ได้ คันนั้นนะ รองเท้าอยู่คนละทางเลย

 

"ไม่เป็นไรครับ รบกวนพี่สินด้วยนะครับ"

 

"...." ผมหันไปมองพี่เบนซ์ที่ไม่ยอมออกรถสักทีอย่างแปลกใจ พี่เบนซ์ก็ขมวดคิ้วมองหน้าผมอยู่เหมือนกัน

 

"มีอะไรหรือเปล่าครับ?"

 

"เมื่อกี๊ปอนด์เรียกพี่ว่าสิน" ผมตกใจจนเผลอยกมือตบปากตัวเอง ปกติผมเคยชินกับการนั่งรถไปไหนมาไหนกับพี่สินตลอด

 

"ขอโทษครับ มันชิน..." พี่เบนซ์ยิ้มให้ก่อนจะออกตัว ทั้งคันรถเงียบกริบผมไม่กล้าพูดอะไรอีกเพราะกลัวจะเรียกผิด พอออกมาได้สักพักก็มีเสียงเรียกเข้ามือถือผมจนผมสะดุ้ง พี่สินโทรมาทำไมตอนนี้?

 

"ครับ"

 

("มึงอยู่ไหน ไอ้วิวบอกว่าพอกลับไปที่โต๊ะแล้วไม่เจอมึง")

 

"ผมกำลังกลับแล้วครับ"

 

("กลับกับใคร?") เสียงพี่สินห้วนสั้นจนผมใจหาย

 

"พี่เบนซ์ครับ"

 

"..." พี่สินเงียบจนผมไม่ได้ยินเสียงลมหายใจด้วยซ้ำ

 

"พี่สิน?"

 

("ลงจากรถเดี๋ยวนี้")

 

"ครับ?"

 

("กูบอกมึงแล้วใช่มั้ยว่าอย่ายุ่งกับเหี้ยนั่น!!") ผมตกใจจนยกโทรศัพท์ออกจากหู พี่เบนซ์หันมามองพลางขมวดคิ้วเล็กน้อยคาดว่าเขาก็ได้ยินเหมือนกัน

 

"เอ่อ...ตอนนี้ออกมาได้สักพักแล้วน่ะครับ เดี๋ยวใกล้ถึงแล้วผมบอกนะครับ" ผมพยายามประนีประนอมกับพี่สินดีๆเมื่อพี่เขาเริ่มใส่อารมณ์มากขึ้น แถมยังตะคอกจนเสียงลอดลำโพงอีก

 

("กูบอกให้ลงจากรถเดี๋ยวนี้ มึงพูดไม่รู้เรื่องหรอปอนด์ กูบอกมึงว่าไง กูไม่ให้มึงอยู่ใกล้ๆมันมึงจำได้บ้างมั้ย หรือมึงชอบมัน!") ผมขมวดคิ้วเล็กน้อยทำไมถึงไม่มีเหตุผลได้ขนาดนี้นะ

 

"ปอนด์เอามานี่พี่คุยให้ครับ" ปกติผมไม่ชอบหรอกนะที่จะให้ใครมาจับของส่วนตัวแต่ตอนนี้ผมไม่ไหวจะคุยกับพี่สินจริงๆ

 

"กูขับออกมาไกลแล้วมึงจะอะไรนักหนา เดี๋ยวใกล้ถึงน้องโทรบอกมึงไม่ได้ฟังหรอวะ?...มึงสิเหี้ย...มีเหตุผลหน่อยได้มั้ย?...ถ้ากูปล่อยน้องลงตรงนี้แล้วน้องมันจะกลับยังไง...กว่ามึงจะมาถึงน้องไม่โดนลากเข้าข้างทางไปแล้วหรือไง?" ผมนั่งเงียบฟังพี่เบนซ์คุยกับพี่สินไป ไม่ได้อยากจะจับใจความอะไรมากมายเลยหันหน้าออกนอกรถดีกว่า

 

"ไอ้สัตว์!!!!" พี่เบนซ์ตะโกนด่าเสียงดังก่อนจะกดตัดสายแล้วยื่นโทรศัพท์คืนให้ผม จากนั้นก็เร่งความเร็วขึ้นเรื่อยๆจนผมกลัว

 

"พี่เบนซ์ครับ ช้าๆหน่อยครับ" ผมจับเบลท์ที่คาดตัวเองไว้แน่นเสียงที่เปล่งออกไปก็เบาหวิว นอกจากพี่เบนซ์จะไม่ได้ยินแล้วยังคงเพิ่มความเร็วขึ้นจนผมมวนท้องมองรอบข้างไม่ชัดเจนอย่างที่เคย ทุกอย่างที่กินเข้าไปทั้งวันมากระจุกกันอยู่ที่คอ

 

"พี่เบ...เบนซ์" ผมส่งเสียงออกไปอย่างยากลำบากทั้งแน่นหน้าอก หายใจติดขัดและพยายามที่จะไม่อ้วกออกมาทั้งๆที่มันจะไม่ไหวแล้ว สุดท้ายผมก็ไม่ไหวปล่อยให้อาหารที่จุกอยู่ที่ลำคอออกมาสู่ภายนอก

 

"เฮ้ย ปอนด์!!! ปอนด์เป็นอะไร!!!!" ผมรู้สึกเหมือนรถจอดนิ่งสักทีแต่รอบๆข้างยังคงลายตาไม่ชัดเหมือนเดิมเพราะสติที่ใกล้จะดับวูบแต่ก่อนที่จะหมดสติไปผมได้ยินเสียงโทรศัพท์ตัวเองจากที่ไกลๆ แต่น่าเสียดายที่ผมไม่มีแรงพอจะรับมันแล้ว

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

*********************

tbc.

 

เรา: โอ๋ๆนะน้องปอนด์ ไหนใครมันชอบตะคอกหนู แม่จะตีหัวมัน

น้องปอนด์: **ปรายตาไปทางพี่สิน**

สิน: มองอะไร!!!

เรา: เปล่าจ้า  ไม่มีอะไรเลย **อุ้มน้องเข้าเอวหนี** **เราไม่สู้คน**

  :katai5: :katai5: :katai5: :katai5: :katai5: :katai5: :katai5: :katai5:

 

 

 

 

 

 



ออฟไลน์ GBlk

  • ขอให้สรรพสัตว์จงมีความสุข
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1432
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +82/-43
Re: คนเดียว...เดียวดาย
«ตอบ #52 เมื่อ29-06-2020 19:15:39 »

เบนซ์ ศพไม่สวยแน่นอน

ออฟไลน์ yuzhou62ppap

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 36
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-0


Ch.27 ไม่เก่งเรื่องดูแล แต่รักเธอไม่แพ้ใคร




 
 ​




 

ผมลืมตาตื่นรู้สึกตัวอีกทีก็พบว่าตัวเองมาอยู่ที่โรงพยาบาลแล้ว สังเกตจากชุดที่เปลี่ยนไปเป็นชุดของโรงพยาบาลแห่งหนึ่ง ปวดหัวเหมือนจะระเบิดเลย

 

"ปอนด์ ปอนด์เป็นไงบ้าง ได้ยินพี่มั้ย?" ผมหันไปมองตามเสียงหรี่ตาฝ่าความจ้าของแสงไฟเห็นพี่สินยืนอยู่ข้างเตียงด้วยท่าทีลุกลี้ลุกลน

 

"กินน้ำก่อนนะ" พี่สินเทน้ำเปล่าใส่แก้วให้ผมพร้อมประคองตัวผมให้ลุกนั่ง

 

"นี่ ค่อยๆดื่ม" ผมรับแก้วน้ำมาดื่มแก้กระหาย ลำคอยังรู้สึกได้ถึงรสชาติแปร่งๆของอาเจียนที่ตัวเองปล่อยออกมาก่อนจะสติหายไป

 

"เป็นยังไงบ้าง" ผมยื่นแก้วน้ำให้พี่สินเอาไปเก็บไว้ตามเดิมก่อนจะเอ่ยเสียงตอบ แต่เสียงผมกลับแหบพิกล

 

"ปวดหัวนิดหน่อยครับ"

 

"ให้พี่ตามหมอมั้ย แล้วหิวหรือเปล่าอยากกินอะไรมั้ยพี่จะไปบอกพยาบาล" ผมส่ายหัวพลางหลับตาทิ้งตัวลงนอนเหมือนเดิม ผมจะปวดหัวกว่าเดิมเพราะพี่สินเนี่ยแหละครับ

 

"แล้วนี่ปอนด์มาอยู่ที่นี่ได้ไงครับ"

 

"ไอ้เบนซ์มันพาเรามาส่งโรงพยาบาล"

 

"แล้วพี่เบนซ์ล่ะครับ"

 

"ทำไม? คิดถึงมันหรือไง" พี่สินถามด้วยน้ำเสียงกระชากห้วนและแสดงความไม่พอใจออกมาทางสีหน้าท่าทาง

 

"ไม่ใช่อย่างนั้นครับ ผมแค่ถาม" ผมตอบเสียงอ่อย จริงๆก็แทบไม่มีเสียงอยู่แล้วมาเจอพี่สินอารมณ์เสียใส่อีก ผมยิ่งไม่มีแรงจะพูดเลย

 

"มันกลับไปแล้ว รู้ตัวมั้ยว่าสลบไปตั้งเกือบ10ชั่วโมง นี่ถ้าไม่ตื่นกูว่าจะวนรอบเมรุขึ้นเผาละนะ" ผมเบะปากใส่ ใจร้ายจริงๆเลย

 

"ไม่ต้องมาเบะปากใส่เลยกูบอกแล้วว่าให้กูพาไปไม่เชื่อแล้วเป็นไง เพื่อนมึงนี่ก็ไว้ใจไม่ได้สักคน กูต้องทำไงวะปอนด์ ต้องผูกข้อมือมึงติดไว้กับกูเลยมั้ยมึงถึงจะปลอดภัย" พี่สินว่ายาวออกมาจนผมรู้สึกผิด เดี๋ยวนะ แล้วนี่ผมผิดอะไร ใครจะอยากให้เหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นกันเล่า

 

"ทำไมกลายเป็นผมผิดไปได้ล่ะครับ?" ผมหลุบตามองต่ำพึมพำเรียกร้องความยุติธรรมให้ตัวเองอย่างไม่เต็มเสียงนัก เพราะจับสัญญาณความไม่พอใจของพี่สินได้อยู่

 

"มึงผิดนั่นแหละถูกแล้ว โทษฐานที่ทำกูเป็นห่วงจนนอนไม่ได้เนี่ย" ผมหันไปมองตาพี่สินที่มองกลับมาเช่นกัน ขอบตาคล้ำเป็นหมีแพนด้าเลย

 

"ขอโทษครับ" 

 

"ช่างมันเถอะ จะโทษมึงคนเดียวก็ไม่ได้หรอก ต้องโทษไอ้เหี้ยเบนซ์ ไอ้เบนซ์คนเดียวเลย กูบอกมึงแล้วว่าอย่าไปยุ่งกับมัน" พี่สินว่าเสียงเครียด พอเป็นเรื่องเกี่ยวกับพี่เบนซ์ทีไร ดูเหมือนพี่สินจะควบคุมอารมณ์ตัวเองไม่ได้สักที

 

"คือ..."

 

"อะไร?"

 

"ผมถามได้มั้ยครับว่าทำไม พี่เบนซ์กับพี่สินไม่ถูกกันหรอครับ"

 

"เกลียดเลยล่ะ" ผมขมวดคิ้วหลังจากที่ได้ยินคำตอบ

 

"จริงๆ มันนั่นแหละที่เกลียดกูอยู่ตอนนี้กูไม่ได้อะไรแล้ว เรื่องไร้สาระผ่านมาตั้งนานแล้ว"

 

"เรื่องอะไรหรอครับ?" พี่สินชะงักไปนิดก่อนจะหลบสายตาผมแล้วถอนหายใจ

 

"ไม่ต้องบอกก็ได้ครับ ผมแค่ถามเฉยๆ" พี่สินดึงเก้าอี้มานั่งข้างเตียงแล้วหายใจเข้าแรงๆครั้งหนึ่ง

 

"เล่าได้แต่กูขออย่าง มึงฟังให้จบอย่าเพิ่งตัดสินกูได้มั้ยวะ?" ผมพยักหน้ารับตั้งใจฟังในสิ่งที่พี่สินกำลังจะพูด

 

"มึงก็รู้ใช่มั้ยว่าแต่ก่อนกูค่อนข้างเจ้าชู้..." พี่สินพูดอย่างระมัดระวังแล้วมองดูปฏิกิริยาผมก่อนจะพูดต่อ

 

"ก็นั่นแหละแต่ตอนนี้กูเลิกแล้วนะ มีมึงคนเดียวเลยสาบาน" ผมมองหน้าพี่สินประมาณว่ามันเกี่ยวกับที่จะเล่ายังไง มัวแต่ลีลาแก้ตัวอยู่อย่างนี้จะเล่าจบมั้ย

 

"กำลังจะเล่าต่อนี่ไง มึงอย่ามองแรงดิใจกูฝ่อ" ยังอีก

 

"ก็กูเคยไปจีบน้องคนหนึ่งแต่ว่าน้องเขาดันจริงจัง อย่ามองกูแบบนั้นดิเดี๋ยวกูเล่าไม่ออก...กูไม่ได้จริงจังอะไรอ้ะ ตอนนั้นยังไม่เจอมึงเลยด้วยกูเพิ่งขึ้นปีสองใหม่ๆก็แบบมั่นใจตัวเองพอสมควรเลย แต่พอควงได้ประมาณสองอาทิตย์กูก็เริ่มเบื่อ" ผมขมวดคิ้วเมื่อพี่สินเล่าถึงตรงนี้ อย่างนี้ถ้าเราคบกันถึงสองอาทิตย์เขาก็จะเบื่อผมใช่มั้ย

 

"อย่าคิดว่ากูจะเบื่อมึงล่ะ ถ้ากูเบื่อมึงกูเบื่อไปนานแล้วไม่ตามตอแยจนได้มาอยู่กับมึงอย่างนี้หรอก" ทีอย่างนี้ล่ะแก้ตัวเร็วเลย

 

"กูก็เลยบอกเลิกน้องไป แต่น้องไม่ยอมจบ ส่วนกูตอนนั้นมันก็หมดความสนใจน้องแล้วก็เลยเดินหน้าจีบคนอื่น พอน้องรู้น้องก็ตามมาอาละวาดที่ห้องกู กูก็เลยแจ้งตำรวจเพราะมันค่อนข้างคุกคามหนักแล้ว น้องเล่นปั๊มกุญแจห้องกูบางทีเข้าห้องไปนอนรออยู่บนเตียง บางวันก็ทำกับข้าวไว้รอกูกลับทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น มันน่าขนลุกนี่หว่า" พี่สินเล่าพลางทำท่าขนลุกไปด้วย

 

"แล้วเผอิญว่าน้องคนนั้นเป็นน้องสาวไอ้เบนซ์มัน กูกับมันก็เลยมีปัญหากัน" ผมพยักหน้ารับ

 

"เป็นผม ผมก็เกลียดครับ"

 

"เออ ก็รู้สึกผิดอยู่นี่ไง ตั้งใจจะเป็นคนดีแล้วด้วย" ผมหรี่ตาอย่างไม่เชื่อนัก

 

"แล้วตอนนี้น้องเขาอยู่ที่ไหนหรอครับ"

 

"ได้ข่าวว่าน้องย้ายไปอยู่ต่างประเทศกับพ่อแม่ เพราะต้องรักษาอาการทางจิตด้วย กูก็ไม่ค่อยรู้อะไรมาก แต่ก็เข้าใจแหละว่าตัวเองก็คงเป็นต้นเหตุให้น้องเป็นแบบนั้น"

 

"มันก็แน่แหละครับ เขารักพี่อย่างจริงใจ มีอย่างที่ไหนไปคบเขาเล่นๆแล้วทิ้งกัน"

 

"ใครจะไปรู้วะว่าจะจริงจังขนาดนั้น"

 

"ยังจะเถียงอีก" ผมส่ายหัวระอากับความไม่รู้จักโตของพี่สิน

 

"ขอโทษจ้า"

 

"ไม่ใช่ผมหรอกครับที่พี่ต้องขอโทษ ฝั่งพี่เบนซ์ต่างหากที่พี่ต้องขอโทษ" 

 

"กูขอโทษเรื่องนั้นไปแล้วแต่มันผูกใจเจ็บ จนมาทำมึงเจ็บอยู่นี่ไง ทำกู กูไม่ว่า มาทำมึงกูไม่ยอม" ผมขมวดคิ้วอย่างไม่เข้าใจ

 

"พี่เบนซ์ไม่ได้ทำอะไรผมครับ"

 

"ไม่ได้ทำได้ไง ไม่งั้นมึงจะมานอนอยู่โรงพยาบาลแบบนี้หรอ รู้งี้น่าจะต่อยไปอีกสองสามหมัด" ผมขมวดคิ้วหลังจากจับใจความประโยคหลังๆที่พี่สินพึมพำได้

 

"พี่สินทำอะไรนะครับ"

 

"เปล่าหนิ"

 

"เมื่อกี๊ผมได้ยินว่าน่าจะต่อยไปอีกสองสามหมัด?" พี่สินอึกอักไม่ยอมพูดผมหรี่ตาเค้นให้พี่สินตอบคำถามทางสายตาจนเจ้าตัวทนไม่ไหวในที่สุดก็หลุดโพล่งออกมา

 

"ก็มันทำมึงอ้ะ กูไม่พอใจมาก ดีแค่ไหนแล้วกูต่อยมันไปแค่ไม่กี่หมัด ไม่ได้กระทืบซ้ำอีก"

 

"แล้วไปทำเขาทำไมครับ เขาไม่รู้เรื่องสักหน่อย อาการนี้มันเป็นที่ผมเองไม่มีใครผิดทั้งนั้น มันก็แค่อาการที่แก้ไม่หาย ผมเป็นของผมเอง" พี่สินถอยหายใจหนักพลางขยี้ผมจนไม่เป็นทรง

 

"มึงบอกกูได้มั้ย ว่าทำไมมึงถึงเป็นแบบนี้" ผมเงียบไปอึดใจแต่ผมก็ยังไม่พร้อมจะบอกใครจริงๆ

 

"หรือต้องให้กูโทรไปถามพี่เป้"

 

"ห้ามเลยนะครับ" เพราะพี่เป้ไม่รู้เรื่องด้วย และผมไม่อยากให้เขาเป็นกังวลกับผมไปมากกว่านี้ พี่เป้และเพื่อนๆรู้แค่ว่าผมไม่ชอบให้ขับรถเร็วๆแค่นั้นก็พอแล้ว

 

"ปอนด์...กูเป็นห่วงมึงนะ มากกว่านี้กูช็อคตายได้เลยนะ เป็นกูไม่ได้หรอที่มึงไว้ใจเล่าให้ฟังทุกเรื่อง" แล้วทำไมต้องมาทำหน้าหมาหงอยใส่ผมด้วยล่ะเนี่ย เฮ้อ

 

"ผมไม่ได้เป็นอะไรขนาดนั้นหรอกครับ แค่หลีกเลี่ยงการใช้รถเร็วๆพวกนี้ก็พอแล้ว"

 

"มึงกลัวความเร็ว?" ผมหันไปมองตาพี่สินก่อนจะพยักหน้ายอมรับเบาๆ

 

"ครับ แต่ไม่ได้มีผลกับชีวิตประจำวันอะไรมากขนาดนั้น"

 

"ไอ้ที่มึงเป็นลมจนมานอนโรง'บาล นี่คือไม่ได้มีผลอีกหรอวะ?"

 

"ก็ปกติผมกลับกับพี่สิน กลับกับโฟล์ค ไม่ก็พวกรถสาธารณะนี่ครับ มันก็ไม่เห็นเป็นไร"

 

"แล้วมึงไม่อยากหายหรอ?" พี่สินถามด้วยน้ำเสียงจริงจัง

 

"สาเหตุที่มึงขับรถไม่ได้ก็เพราะอย่างนี้ด้วยใช่มั้ย?"

 

"ไม่ใช่ขับไม่ได้ครับ แค่ไม่เห็นความจำเป็น" ผมกลัวรถยนต์มากๆ เพราะพ่อแม่ผมประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์ ทุกอย่างยังคงติดอยู่ในหัว ผมไม่เคยลืมมันได้เลย ผมจดจำได้ทุกรายละเอียด ทุกเรื่องราวก่อนที่ท่านจะจากไป ก่อนที่ผมกับพี่เป้จะเหลืออยู่แค่สองคนพี่น้อง ตอนที่พ่อกับแม่มีปากเสียงกันจนกระทั่งแม่ลงมือทำร้ายพ่อ พ่อเร่งความเร็วรถขึ้นจนเสียการควบคุม และปะทะเข้ากับรถอีกคันที่สวนมาก่อนจะหักลงข้างทางชนกับต้นไม้ใหญ่ น้ำตามันไหลเองโดยเพราะผมเผลอไปนึกถึงสิ่งที่พยายามจะปกปิดเอาไว้ ผมก็แค่คนอ่อนแอคนหนึ่งที่ปกปิดบาดแผลตัวเองแล้วทำเป็นเข้มแข็งไม่ให้ใครรู้โดยการพยายามทำตัวเองให้ยุ่งอยู่ตลอดเวลา พี่สินลูบหัวผมเบาๆ ก่อนจะลดระดับเสียงให้อ่อนลงมา

 

"บอกได้มั้ยว่าทำไมมึงถึงกลัว" ผมเงียบ แค่นึกถึงวันนั้น วันที่ตัวเองนอนจมกองเลือดในซากรถยนต์ข้างหน้ามีพ่อกับแม่ที่นิ่งไร้สติอยู่ผมก็รู้สึกหายใจไม่ออกและสั่นจนยากที่จะควบคุมแล้ว

 

"ปอนด์ ปอนด์! เป็นอะไร!!!" ผมจับมือพี่สินแน่นๆ พี่สินก็จับตัวผมกอดไว้พลางลูบหัวปลอบและกระซิบข้างหูเบาๆ

 

"ไม่เป็นไรนะ ไม่ร้อง ไม่ต้องบอกก็ได้" ผมเอื้อมมือไปกอดแผ่นหลังของเขาไว้ก่อนจะซุกหน้ากับอกเขาร้องไห้ออกมาอย่างไม่อาย ตั้งแต่พ่อแม่เกิดอุบัติเหตุผมก็ไม่เคยร้องไห้หนักขนาดนี้อีกเลย มันแย่มาก ทำไมต้องเป็นผมที่รับรู้ทุกอย่าง ทำไมเขาไม่เอาผมไปด้วยเลยตั้งแต่แรก ถ้าเป็นอย่างนั้นพี่เป้จะสุขสบายกว่านี้มั้ย ผมก็คงไม่ต้องมาทรมาณแบบนี้ทุกครั้งที่เจอสถานการณ์แบบนี้จนเป็นภาระให้คนอื่นไปหมด ถ้าเพียงแต่ว่า...

 

"ปอนด์ ปอนด์ครับ พี่อยู่ตรงนี้ อยู่กับปอนด์ตรงนี้ ไม่เป็นไรแล้วนะ" เสียงพี่สินที่ปลอบประโลมอยู่ข้างๆหู ทำให้ผมอุ่นใจ ผมรู้สึกปลอดภัยที่ได้อยู่ในอ้อมกอดนี้ รู้สึกว่าเขาสามารถปกป้องผมได้จริงๆ ไม่ว่ามันจะเป็นเพราะผมกำลังอ่อนแออยู่หรืออะไรก็ตาม แต่เขาก็เป็นคนที่เข้ามาได้ถูกที่ถูกเวลาจริงๆ

 

"ไม่เป็นไรนะ" คำที่อ่อนโยนที่สุดที่ผมเคยได้จากคนๆนี้ก็คงเป็นคำนี้แหละ เขากระชับกอดผมไม่คลายหายไปไหน พี่สินพร่ำบอกคำนี้อย่างอ่อนโยนอีกเป็นสิบๆ ครั้งจนเหมือนว่าเสียงมันเริ่มห่างไกลไปเรื่อยๆทุกที เหมือนกับผมที่สติกำลังดำดิ่งจมลงสู่ความมืดเข้าไปในทุกขณะ แต่นี่คงเป็นความมืดที่อบอุ่นที่สุดเท่าที่ผมเคยหลับฝันมา

 

 

*********************************

 

 

"คุณโฟล์คกับคุณวิวซื้อมาเยี่ยมผมหรือซื้อมากินเองกันแน่ครับ" ผมหันไปมองเพื่อนตัวดีสองคนที่นั่งปอกผลไม้กินดูทีวีอยู่ตรงโซฟาอย่างสบายใจเฉิบ สองคนนี้มาเยี่ยมผมแต่เช้าแล้วเฝ้าผมแทนพี่สินที่กลับไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าด้วย แถมก่อนไปยังโดนพี่สินเอ็ดจนหน้าเสียเลย ถ้าผมไม่ขอพี่สินไว้นี่สองคนนี้คงร้องไห้ไปแล้วมั้ง

 

"ซื้อมาให้มึงนั่นแหละ แต่เห็นมึงมีหมดแล้วหนิ สงสารพี่สินคงเอามาประเคนทุกอย่างที่อยากกิน" วิวว่าอย่างประชดประชัน ทีอย่างนี้ทำมาเก่ง ไม่เหมือนกับตอนที่เดินเข้ามาขอโทษผมเป็นลูกแมวขี้อ้อนตัวเล็กๆเลยสักนิด

 

"แล้วนี่มึงอาการเป็นไงบ้างวะ เมื่อคืนพี่สินนี่โมโหใหญ่ โทรมาด่ากูจนแทบสร่าง พอมาถึงโรง'บาลเห็นพี่เขากำลังจัดการพี่เบนซ์เลย กูล่ะเจ็บแทนพี่เบนซ์ฉิบหาย" โฟล์คกดเบาเสียงทีวีพูดพลางทำหน้าตาโอเว่อร์จนผมเห็นภาพ

 

"ดีขึ้นแล้วครับ บ่ายนี้ก็กลับบ้านได้แล้ว"

 

"แล้วมึงเป็นอะไรวะ?" ผมเงียบก่อนจะหาข้ออ้างดีๆให้เพื่อนทั้งสองคน

 

"หอบกำเริบน่ะครับ หายใจไม่ออกจนหมดสติไป" โฟล์คพยักหน้ารับไม่ได้เซ้าซี้อะไรต่อ สักพักพี่สินก็กลับมาพร้อมกับกระเป๋าเป้ใบเล็กก่อนจะเอาเสื้อผ้าตัวใหม่ของผมออกมายื่นให้

 

"เอ้า เอาไปเปลี่ยน ตัวเก่าเอากลับไปทำความสะอาดที่บ้าน เลอะอ้วกมึงหมด" ผมยิ้มรับก่อนจะลุกขึ้นเพื่อเดินเข้าห้องน้ำไปเปลี่ยนชุด

 

"พี่สินไม่คิดจะเปลี่ยนเสื้อผ้าให้มันหน่อยหรือไง พี่นี่ดูแลใครไม่เป็นจริงๆนะ ไอ้ปอนด์มันเพิ่งจะหายดีเกิดมันเป็นลมเป็นแล้งตอนเปลี่ยนชุดขึ้นมาจะทำยังไง" วิวพูดขึ้นพลางยิ้มอย่างมีเลศนัยมาให้ผม ผมรีบยกเสื้อผ้าในมือกระชับเข้าอ้อมอกตัวเองทันที บ้าสิใครจะปล่อยให้พี่สินเปลี่ยนเสื้อผ้าให้เล่า ไม่เอาหรอก พี่สินยิ้มหึในลำคอทีหนึ่งก่อนจะหันไปหาคุณวิวแล้วพูดว่า

 

"ถึงกูจะไม่เก่งเรื่องดูแล แต่เรื่องรักมันกูไม่แพ้ใครนะ กูมั่นใจข้อนี้มากๆ"

 

"ฮิ้วววววววววววววววว" ผมรีบเดินหนีสายตาหวานเชื่อมที่พี่สินส่งมาเข้าห้องน้ำล็อคประตูทันที ขืนอยู่นานกว่านี้ผมได้ละลายลงไปกองกับพื้นแน่ๆ แต่ขนาดว่าหนีเข้ามาอยู่ในห้องน้ำแล้ว เพื่อนๆสองคนยังไม่เลิกส่งเสียงแซวผมอีก มันน่าจับไปรับจ้างโห่หน้างานบวชนัก คนพวกนี้!!!

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

************************

tbc.

 

เรา: น้องปอนด์ พี่ก็อยากไปรับจ้างโห่หน้างาน

ปอนด์: เอาสิครับ เอาโฟล์คกับวิวไปด้วยเลย ไปโห่หน้างานบวชทั้งสามคนเลย

เรา: พี่รับงานเดียวจ้ะ

ปอนด์: งานอะไรครับ

เรา: งานแต่งหนู โห่วววววว ฮิ้ววววววววว

 

  :impress2: :impress2: :impress2: :-[






ออฟไลน์ yuzhou62ppap

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 36
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-0



Ch. 28 ให้มันเป็นสีชมพู






 

 

"กินเยอะๆนะลูกแม่ทำมาให้เพียบเลย อันนี้บำรุงร่างกายจะได้หายป่วยเร็วๆ วันหลังน้องปอนด์อยากกินอะไรบอกแม่ได้เลยนะ เดี๋ยวแม่ทำมาไว้ให้" ผมยิ้มรับค้อมหัวขอบคุณคุณแม่พี่สินก่อนจะหันไปถลึงตาใส่คนข้างตัวที่โทรไปบอกคุณแม่จนเดือดร้อนท่านต้องหาของบำรุงมาให้ผม

 

"ไม่ต้องไปว่าพี่เขาหรอกลูก เขาทำถูกแล้วที่รายงานแม่ อยู่กันสองคนแบบนี้คงดูแลกันได้ไม่ทั่วถึงนี่พ่อเขากะจะให้ย้ายเข้าไปอยู่ที่บ้านใหญ่ด้วยกันเลยนะ แต่แม่ห้ามไว้เพราะว่าพวกหนูคงอยากได้ความเป็นส่วนตัว" ผมยิ้มแห้งทันทีที่คุณแม่พูดถึงเรื่องเข้าไปอยู่ที่บ้านด้วย

 

"มึงอ้ะดื้อ"

 

"สิน แม่บอกให้เรียกน้องว่าไง"

 

"ปอนด์อ้ะดื้อ" พี่สินทำหน้าหงอยเมื่อโดนคุณแม่ดุเข้าให้

 

"หัดไว้ให้ชิน ถ้าสินเรียกปอนด์ว่ามึงหรือแทนตัวเองว่ากูเมื่อไหร่น้องปอนด์โทรหาคุณแม่เลยนะลูก แล้วตอนนี้คือดีขึ้นแล้วใช่มั้ย" 

 

"ผมไม่เป็นไรมากแล้วครับ แค่เป็นหวัดนิดหน่อย จริงๆก็หายแล้วนะครับ ตอนนี้แข็งแรงมากๆเลย" ผมยิ้มเอาใจคุณแม่ที่พยายามยัดเยียดตักอาหารบำรุงมาไว้ที่จานผม

 

"ถึงยังไงก็ต้องบำรุงไว้ก่อนลูก ครั้งนี้ยังดีนะที่ส่งโรงพยาบาลทันแล้วเราไปทำยังไงถึงได้หอบกำเริบล่ะลูก" ผมชะงักเล็กน้อยเพราะไม่คิดว่าคุณแม่จะถามสาเหตุเลยไม่ได้คิดไว้ก่อนล่วงหน้า

 

"แม่ครับ แม่กินนี่ดีกว่านะครับ อันนี้อร่อยมากเลย" พี่สินเบี่ยงเบนความสนใจคุณแม่ไปที่อาหารแทน ผมหันไปยิ้มขอบคุณก่อนจะตักอาหารในจานกิน เห็นแล้วก็อยากจะถอนหายใจเลยวันนี้ผมจะกินหมดมั้ยเนี่ย

 

*************************

 

"ว่างๆก็พาน้องไปหาพ่อกับแม่บ้างนะออมสิน พ่อกับแม่เหงามาก ลูกๆไม่คิดจะไปเยี่ยมกันเลย"

 

"แล้วพี่เสือล่ะแม่ รายนั้นไม่กลับบ้านบ้างหรือไง?"

 

"รายนั้นน่ะหรอ ย้ายไปอยู่ออสเตรเลียแล้วมั้ง บินทุกอาทิตย์เลย" แม่บ่นกระปอดกระแปดไปเรื่อยตามประสาก่อนจะเก็บกระเป๋าเตรียมตัวกลับ

 

"งั้นแม่กลับก่อนนะ เราก็เข้าไปดูบัญชีที่ร้านบ้างล่ะ" พี่สินพยักหน้ารับ ผมลุกเดินตามคุณแม่ไปที่หน้าประตูก่อนจะเดินไปเปิดประตูให้

 

"ไม่ต้องไปส่งหรอกลูก สินด้วยอยู่ดูน้องนั่นแหละหน้ายังซีดๆอยู่เลย อย่าลืมกินยาด้วยนะลูก แม่กลับแล้วบายๆจ้า" ผมแทบยกมือไหว้ไม่ทัน มาไวไปไวจริงๆเลย

 

"เป็นไงบ้าง ดีขึ้นบ้างยัง"

 

"ไม่ได้เป็นอะไรสักหน่อยครับ พี่สินไปบอกคุณแม่ว่าผมเข้าโรงพยาบาลทำไมล่ะครับ เลยวุ่นวายกันไปหมดเลย" พี่สินเดินตามผมเข้ามาที่ห้องนั่งเล่นแล้วทิ้งตัวลงนั่งข้างๆ

 

"ก็ปอนด์ดื้อจะไปเรียนให้ได้อ้ะ ถ้าไม่บอกแม่มึง เอ้ย...ปอนด์จะยอมหยุดพักสักวันมั้ยดื้อ" ผมหันไปค้อนตาใส่คนชอบหาข้ออ้างแก้ตัวเรื่อยเปื่อย พี่สินทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้

 

"งั้นวันนี้ทำอะไรกันดีอ้ะ ไหนๆก็หยุดแล้ว" 

 

"พี่สินมีเรียนบ่ายไม่ใช่หรอครับ?" ผมหันไปหรี่ตาใส่คนข้างๆ

 

"ก็แม่บอกให้อยู่ดูแลปอนด์ไง" ผมว่าพี่สินเอาอาการป่วยของผมมาเป็นข้ออ้างในการโดดเรียนแล้วล่ะ

 

"ไม่ต้องเลยครับ ไปเรียนเลย"

 

"แล้วปอนด์รู้ได้ไงว่าพี่มีเรียนบ่าย?" ผมทำเฉไฉเล่นมือถือเปิดนู่นนี่ไปเรื่อย ใครจะบอกล่ะว่าผมแอบถามพี่รันมา ตอนนี้กลายเป็นว่าพี่สินมองผมอย่างเค้นหาคำตอบและดูท่าจะไม่ปล่อยไปง่ายๆด้วย

 

"แดดดีจังเลยนะครับไปปั่นผ้าดีกว่า"

 

"เดี๋ยว มานี่เลยไม่ต้องหนี ผ้าเดี๋ยวค่อยปั่นก็ได้" พี่สินดึงผมจนแทบจะหงายหลังกลับไปนั่งโซฟาตามเดิมแถมยังไม่ยอมปล่อยมือออกจากข้อมือผมด้วย

 

"รู้ได้ไงว่าพี่มีเรียนตอนบ่าย?"

 

"ก็..."

 

"ก็?"

 

"ผมเห็นตารางเรียนพี่ในสมุดไงครับ"

 

"พี่ไม่เคยปริ๊นท์ตาราง มันอยู่ในมือถือ...เดี๋ยวนะ นี่แอบเช็คมือถือพี่หรอ ปอนด์รู้ได้ไงว่าพี่ตั้งรหัสเข้าเป็นวันเกิดปอนด์" พี่สินโพล่งขึ้นมาอย่างตกใจผมเองก็เช่นกัน เดี๋ยวนะ รหัสเข้ามือถือพี่สิน เป็นวันเกิดผมหรอ?

 

"..."

 

"เชี่ย นี่ขนาดแอบเช็คมือถือกันแอบคิดไรกับพี่ป่าวเนี่ย กลัวพี่มีชู้หรอ" พอผมไม่ตอบพี่สินก็ยิ่งคิดเองเออเองไปใหญ่ว่าผมเช็คมือถือเจ้าตัวจริงๆ แถมยังมาทำหน้ากะลิ้มกะเหลี่ยใส่อีก ผมรีบผลักหน้าพี่สินออกไปให้ห่างตัวแล้วรีบลุกขึ้นไปยืนข้างหลังโซฟา

 

"มีชู้อะไรกันล่ะครับไม่ได้เป็นอะไรกันสักหน่อย" ผมรีบหยิบโทรศัพท์ที่เปิดหน้าแชทระหว่างผมกับพี่รันไว้มาแอบไว้ข้างหลังตัวเองทันที

 

"ไม่ได้เป็นอะไรได้ไง มึงเป็นแฟนกูอ้ะ เช็คไปเถอะ เช็คไปก็ไม่เจออะไร กูเคลียร์ตัวเองหมดแล้ว" พี่สินพูดด้วยความมั่นใจก่อนจะหันไปเปิดทีวีดูอย่างอารมณ์ดี ผมผู้ซึ่งพูดอะไรไม่ออกก็ได้แต่ยืนกลั้นยิ้มอยู่ตรงนี้ ทำไมชอบทำอะไรให้เขินเรื่อยเปื่อยจริง

 

"มองทำไมชอบกูหรอมองจัง" ผมสะดุ้งทำตัวไม่ถูกเพราะพี่สินพูดทั้งๆที่สายตายังคงมองทีวีอยู่

 

"เปล่ามองสักหน่อย! จะฟ้องคุณแม่ พูดมึงกูกับผม" ผมเดินหนีเข้าห้องตัวเองแล้วโดดขึ้นเตียงหนีไปฟาดงวงฟาดงากับตุ๊กตาตัวเองแทน

 

"ไม่ต้องหนีหรอก หนีไปก็ไม่หายเขิน เปลี่ยนเสื้อผ้าจะพาไปเดต" เสียงพี่สินตะโกนมาจากหน้าประตูแล้วก็เงียบไป คนเขาชวนเดตกันอย่างนี้หรือไงเล่า

 

********************************

 

พี่สินพาผมมาไกลจนเกือบถึงฝั่งธนเพียงเพราะว่าเข้าไปอ่านในบล็อคหนึ่งมาว่าสถานที่เดตสุดฮิตของวัยรุ่นติดอันดับต้นๆคือเอเชียทีค ทั้งๆที่ผมบอกแล้วบอกอีกว่าจริงๆเราไปแถวๆคอนโดเราก็ได้ แถมไม่ต้องทนรถติดนานขนาดนี้ด้วย

 

"ถึงสักที" พี่สินบ่นเบาๆขณะกำลังจอดรถ ผมเอื้อมไปหยิบกระเป๋าเป้กับกล้องตัวโปรดก่อนลงจากรถอย่างรวดเร็ว จริงๆผมก็อยากมานานแล้วนะครับแต่ไม่ค่อยได้มีเวลาไปไหนมาไหน

 

"พี่สินครับ ปอนด์อยากไปตรงชิงช้าสวรรค์" ผมหันไปบอกพี่สินอย่างกระตือรือร้น เพราะว่ารถติดมากๆ กว่าเราจะมาถึงกันก็เย็นแล้ว แดดไม่ค่อยมีเท่าไหร่ ซึ่งนั่นถือเป็นเรื่องดีมากๆ เดี๋ยวพี่สินบ่นร้อนแล้วงอแงพาผมกลับทำยังไงล่ะ

 

"ไปดิ" พี่สินพูดแล้วยิ้มน้อยยิ้มใหญ่เดินล้วงกระเป๋าตามผมเรื่อยๆ แต่ผมรู้สึกเขาเดินช้าไปไม่ทันใจเลยหันกลับไปจูงมือเจ้าตัวลากไปทางชิงช้าสวรรค์ทันที

 

"ช้าๆก็ได้ มันไม่เดินหนีไปไหนหรอก" พี่สินพูดจบก็หัวเราะขำเบาๆผมหันกลับไปมองเจ้าตัวก็ยักคิ้วให้แล้วมองไปที่มือเราที่กุมกันอยู่ ผมรีบปล่อยเหมือนมือแตะโดนของร้อน แต่ที่ร้อนไม่ใช่มือผมหรอกครับ มันร้อนที่หน้าแทน

 

"จับต่อก็ได้นะให้ยืม" ผมหันหน้าหนีพี่สินแล้วทำทีเป็นถ่ายนู่นนี่ตามรายทาง มีร้านค้าขายของเยอะแยะไปหมด ผมเดินเข้าไปดูร้านไฟประดับข้างทางร้านหนึ่งแบบสวยมากๆ มีเยอะแยะไปหมด

 

"อยากได้มั้ย?" ผมหันไปส่ายหัวให้พี่สินก่อนจะออกจากร้านถ้าถือไปตอนนี้คงเกะกะน่าดู

 

"เอาไว้ก่อนครับ เดี๋ยวค่อยกลับมาซื้อ" ผมปักหมุดร้านไฟประดับร้านนี้ไว้ขากลับต้องแวะมาซื้อให้ได้ มันเป็นรูปฮาโลวีนกลมๆครอบไฟไว้น่ารักมากเลย พี่สินไม่ได้ตอบอะไรก่อนจะเดินตามผมมาเรื่อยๆจนถึงริมแม่น้ำเจ้าพระยา

 

"อ้าว ไหนว่าจะไปชิงช้าสวรรค์?"

 

"เดี๋ยวก่อนครับ ขอเก็บภาพข้างล่างก่อนเดี๋ยวค่อยไป" ผมตอบก่อนจะเก็บภาพแม่น้ำเจ้าพระยาที่สะท้อนแสงอาทิตย์ยามเย็น มีเป็ดเหลืองตัวใหญ่ตั้งไว้ด้วย ผมเก็บภาพจนพอใจแล้วหันกลับไปหาพี่สินแต่ไม่เห็นเขาอยู่ตรงที่เดิม จะเดินตามหาก็กลัวจะคลาดกันเลยยืนรอเฉยๆสักพักพี่สินก็กลับมา

 

"โทษทีไปห้องน้ำมา เห็นถ่ายรูปอยู่เลยไม่ได้บอก" ผมพยักหน้ารับ

 

"แล้วนี่ถ่ายเสร็จแล้วหรอ?"

 

"ครับ"

 

"งั้นไปชิงช้าสวรรค์เลยมั้ย?"

 

"ไปครับ" ผมรีบรับคำทันทีแล้วเดินไปทางขึ้น คนต่อแถวไม่เยอะมากเท่าไหร่เราได้ขึ้นเร็ว ค่าขึ้นก็คนละ 300 บาท พี่สินจัดการจ่ายให้ผมเรียบร้อยก่อนที่ผมจะควักเงินซะอีก

 

"ผมจ่ายเองก็ได้ครับ"

 

"ไม่ต้อง ก็บอกแล้วไงจะพามาเดต เอ้า ขึ้นไปได้แล้ว" ผมรีบขึ้นมานั่งบนกระเช้า พี่สินก็ตามเช่นกันแต่เจ้าตัวไปยอมไปนั่งอีกฝั่งดันมานั่งข้างเดียวกับผมเฉยเลย

 

"ทำไมไม่นั่งฝั่งนู้นล่ะครับ แบบนี้มันก็เอียงสิ"

 

"ไม่เอา นั่งด้วยพี่กลัวความสูง" พี่สินตอบแล้วเอื้อมมือมาโอบเอวผมไว้ทั้งสองข้าง ผมขมวดคิ้ว

 

"จริงๆนะ" อย่างพี่สินเนี่ยนะกลัวความสูง? ไม่พูดเปล่ายังเอียงหัวมาซบไหล่ผมอีกข้างด้วย จะไม่เชื่อก็เพราะอย่างนี้นั่นแหละครับ

 

"พี่สินนั่งดีๆ สิครับ ปอนด์จะถ่ายรูป" พี่สินขยับเพียงเล็กน้อยซึ่งมันไม่ได้ช่วยอะไรเลย ผมเลยหันไปเตรียมจะจัดการกับคนที่มือซนยุกยิกลูบเอวผมไม่เลิกแต่ไม่รู้ว่าเพราะพี่สินนั่งมองผมอยู่แล้วหรือเงยหน้าขึ้นมาพร้อมกันเลยกลายเป็นว่าภาพตรงหน้าผมเบลอไม่ชัดเจนเพราะว่าหน้าพี่สินที่อยู่ใกล้มากจนจมูกเราสองคนชนกัน

 

"จุ๊บ" ผมรีบดึงหน้าตัวเองออกทันทีเมื่อได้สติหลังจากโดนขโมยจุ๊บไปหน้าตาเฉย ระหว่างเราสองคนมีแต่ความเงียบปกคลุม ผมเองก็ไม่กล้าพูดอะไรออกไปเหมือนหากล่องเสียงของตัวเองไม่เจอ มันไม่ได้รู้สึกแย่ รู้สึกดีกว่าที่คิดด้วยซ้ำ ไม่รู้ว่าเพราะวิวตรงหน้าที่ทำบรรยากาศพาไป หรืออาจจะเป็นรอยแดงที่พาดผ่านหน้าของคนข้างๆที่ปิดไม่มิดนั้นที่ทำให้ผมรู้ว่าเขาเองก็เขินเหมือนกัน อย่างนี้ผมก็ไม่เสียเปรียบอยู่ฝ่ายเดียวแล้วใช่มั้ย? พี่สินยิ้มแบบแปลกๆให้เหมือนทำตัวไม่ถูกก่อนจะขยับไปนั่งดีๆ แล้วหันหน้าออกไปอีกทาง ผมเลยหันไปอีกด้านหนึ่งแล้วถ่ายวิวตรงหน้าแทนเพื่อลดอัตราการเต้นของหัวใจที่เหมือนจะหลุดออกมาจากอกให้ได้นี้

 

*************************

 

"พี่สินครับ" ผมเรียกอีกฝ่ายที่นั่งนิ่งมองหน้ากันไม่ยอมพูดอะไร หลังจากลงมาจากชิงช้าสวรรค์แล้วเราสองคนก็เดินงงๆมาตรงริมน้ำอีกรอบแล้วนั่งดูวิวเรื่อยเปื่อย แต่เหมือนจะนั่งใจลอยกันนานไปจนพระอาทิตย์ลับขอบฟ้าไปแล้ว

 

"ห๊ะ" พี่สินสะดุ้งก่อนจะกระแอมเล็กน้อย

 

"ว่าไง"

 

"มืดแล้วนะครับ เรากลับกันเลยมั้ย?" พี่สินหันไปรอบๆก่อนจะพยักหน้าลุกขึ้น

 

"เดี๋ยวพาไปอีกที่หนึ่ง"

 

"ที่ไหนหรอครับ?"

 

"ถึงแล้วเดี๋ยวก็รู้เองแหละ" เราเดินกลับมาทางเดิมที่จอดรถไว้ ผมแวะซื้อไฟประดับที่ตัวเองหมายตามาแล้วเรียบร้อย พี่สินออกรถโดยไม่ได้พูดอะไรอีก ผมมองตามป้ายข้างทางเห็นเส้นที่พี่สินกำลังเลี้ยวไปคือสาทรใต้ รถติดมากจนพี่สินเผลอหลุดสบถคำหยาบออกมาเลยทีเดียว ก่อนเจ้าตัวจะกดโทรศัพท์โทรออกไปไหนสักที่ บอกว่าเราจะไปเลทนิดหนึ่ง กว่าจะฝ่ารถติดมาจนถึงที่หมายได้ก็เล่นไปเกือบชั่วโมงเลยครับ ระยะทางไม่ได้ไกลเลยด้วยซ้ำ ประมาทไม่ได้เลยจริงๆ

 

"ป้ะ" พี่สินเปิดประตูรถก่อนจะก้าวเดินนำไปก่อน พอมาถึงเค้าท์เตอร์พี่สินก็แจ้งชื่อกับพนักงานให้พาเราขึ้นมาด้านบน

 

"เดี๋ยวกินข้าวที่นี่ก่อนแล้วเดี๋ยวค่อยขึ้นไปข้างบนกัน" ผมพยักหน้ารับพลางมองไปรอบๆอย่างตื่นเต้น ทุกอย่างดูหรูหราไปหมดแม้กระทั่งลิฟต์เลยครับ ตัวเลขที่วิ่งบอกเลขชั้นเลื่อนไปย่างรวดเร็วจนผมหูอื้อ พอมาถึงชั้น 76 พนักงานก็กดเปิดลิฟต์พลางผายมือให้อย่างอ่อนน้อม ผมค้อมหัวให้เล็กน้อยก่อนเดินตามพี่สินออกไปเจอพนักงานอีกคนมาพาไปนั่งบริเวณริมกระจกที่มองวิวออกไปอย่างสุดลูกหูลูกตา

 

"ชอบมั้ย" ผมหันไปพยักหน้าให้แต่ก็ยังรู้สึกไม่สบายใจอยู่ดี

 

"มันไม่แพงไปหรอครับ?" 

 

"เดตแรกทั้งที แค่นี้พี่จ่ายได้"

 

"แต่มันมากไปมั้ยครับ เราไปกินกันธรรมดาๆก็ได้ ที่ไหนก็ได้เหมือนกัน" พี่สินถอนหายใจก่อนจะเอื้อมมือมาขยี้หัวผมเบาๆ

 

"รอบหน้าแล้วกัน จะพาพี่ไปกินชายสี่หมีเกี๊ยวพี่ก็ไม่ว่าแต่ครั้งนี้พี่ขอก่อนได้มั้ยครับ?" ผมไม่ชอบเวลาพี่สินพูดเพราะๆแล้วทำตาเชื่อมๆแบบนี้เลยให้ตายแล้วผมจะปฏิเสธยังไง ผมพยักหน้ารับอย่างว่าง่าย สักพักบริกรก็เดินมาเสิร์ฟอาหารให้โดยที่ผมยังไม่ได้สั่งด้วยซ้ำ

 

"พี่โทรมาสั่งไว้แล้ว" หรือที่บอกว่าหายไปเข้าน้ำนั่น?

 

"อืม ตอนไปเข้าห้องน้ำนั่นแหละ" เหมือนอ่านความคิดผมได้ พี่สินรีบบอกออกมาทันที เจ้าเล่ห์นักคนนี้ เราสองคนนั่งกินดื่มกันจนอิ่มท้องพี่สินเรียกเช็คบิลก่อนจะพาผมเดินขึ้นไปส่วนที่เป็นสกายวอล์คผมมองไปรอบๆอย่างตื่นตา ด้านบนสามารถมองวิวได้ 360 องศา แถมมีบริเวณพื้นกระจกที่ให้คนขึ้นไปเดินถ่ายรูปได้ด้วย แค่เห็นผมก็เสียวท้องวูบแล้วแต่มันก็สวยมากอย่างบรรยายไม่ถูกเลย พี่สินเดินกลับมาหาผมแล้วยื่นถุงสีน้ำเงินให้หนึ่งใบ

 

"ต้องเปลี่ยนรองเท้า" ผมพยักหน้าก่อนจะถอดรองเท้าตัวเองไว้มุมหนึ่งแล้วเอาถุงเท้าสีน้ำเงินคู่หนึ่งมาใส่แทนก่อนจะเอาของสำคัญต่างๆเข้าไปในเป้แล้ววางไว้ข้างรองเท้าตัวเอง ผมยืนทำใจระหว่างบันไดกับกระจกใสที่มองลงไปเห็นตึกรามต่างๆมากมาย

 

"ให้ช่วยมั้ย" พี่สินเดินเข้ามาใกล้ก่อนจะจับเอวผมเบาๆจนสะดุ้ง นาทีนี้ไม่ปฏิเสธครับอยากเดินลงไป แต่ก็กลัวมากผมเลยพยักหน้าจับมือพี่สินไว้แล้วก้าวลงไปบริเวณพื้นกระจกเบาๆ พอลงมาได้ทั้งสองขาแล้วก็รู้สึกโล่งแต่ก็ยังรู้สึกเสียวท้องวูบแปลกๆอยู่ดีครับ ตึกที่เห็นข้างล่างดูเล็กจนไม่น่าเชื่อว่าจะสูงเสียดฟ้าตอนที่เราอยู่ข้างล่างนั่น เสียดายที่เขาไม่ให้เอาอุปกรณ์ถ่ายรูปลงมาด้วย ลงมาได้แค่ตัวเปล่าเท่านั้น เห็นนักท่องเที่ยวบางคนลงไปนอนกับพื้นก้มหน้าไปดูข้างล่างอย่างใจกล้าผมก็อยากจะทำบ้างแต่พี่สินไม่ยอมปล่อยมือผมแล้วบอกให้นิ่งๆ

 

"อ้ะ ไปได้" พอพี่สินปล่อยมือผมก็รีบเดินไปยังฝั่งที่ไม่มีคนแล้วทำการนอนมองลงไปข้างล่างทันที ก่อนจะรีบกวักมือเรียกพี่สินให้มาด้วยกัน พี่สินยิ้มให้ก่อนจะส่ายหน้านั่งมองผมอยู่ตรงนั้น ผมไม่ใส่ใจก่อนจะนอนมองลงไปอีกครั้ง ถ้าถามว่าเดตครั้งนี้ผมให้คะแนนเท่าไหร่ มีร้อยผมก็ให้เต็มร้อยเลยครับ

 

 

******************************

 

 

Side story

Man of sin just made a post

 




Man_of_Sin : 1st date with you <3 <3 <3

 

 

 

 

 

 

 

 

************************

tbc.

 

มาอัพแน้ววววววววว ไปฝึกวาดจิบิต่อก่อนครับเดี๋ยวรอบหน้าจะเอาจิบิน้องปอนด์ในมโนเรามาให้ดู 

 

 

 



ออฟไลน์ mab

  • ชื่อ mab ไม่ได้ชื่อ map
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 710
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +80/-0
Re: คนเดียว...เดียวดาย
«ตอบ #55 เมื่อ05-07-2020 21:53:56 »

พี่เบนซ์ที่ทำท่าเหมือนจีบปอนด์นั้น จริงๆ แล้วต้องการจะจีบน้องจริงๆ หรือว่าต้องการจะแก้แค้นพี่สินกันแน่นะ ถ้าทำเพื่อแก้แค้นพี่สิน ขอให้พี่เบนซ์เลิกคิดทำซะ สงสารน้อง เพราะน้องไม่ได้รู้เรื่องอะไีรด้วยเลย ถ้าอยากแก้แค้นพี่สินก็จีบพี่สินเลยสิ เอาให้พี่สินหลงรักแล้วถีบหัวส่งไปเลย 55555555

เดตแรกของพี่สินกับน้องมันละมุนดีจังเลย อยากให้พี่สินแสดงความรักความอบอุ่นกับน้องแบบนี้ให้ตลอด พูดกับน้องให้เพราะๆ อย่าใช้อารมณ์ออกคำสั่งเวลาต้องการให้น้องทำอะไร แบบนั้นยิ่งทำให้น้องอยากจะขัดคำสั่งเอาน้าาาาา นี่น้องก็เป็นแฟนพี่สินแล้ว เหลือแต่พี่สินอะแหละจะเป็นแฟนน้องได้ตอนไหน ยังไงก็เอาใจช่วยพี่สินให้น้องยอมรับพี่สินเป็นแฟน และยอมเปิดใจบอกเรื่องที่น้องกลัวความเร็วให้พี่สินรู้ไวๆ นะ จะได้รักษากันให้หายซะที สงสารน้อง

ปล. ขอบคุณที่มาต่อนะคะ ตามอ่านอยู่น้าาา :mew1:

ออฟไลน์ yuzhou62ppap

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 36
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-0



Ch.29 Couple day VS ครับเพื่อนเดย์







 

"มึง กูอยากกินหมูกะทะ" วิวที่นั่งอยู่ข้างๆผม ถอนหายใจอีกรอบก่อนจะนั่งตัวตรงท่าทางขึงขังมากขึ้นอีกเท่าตัวก่อนจะพูดเน้นทุกคำว่า

 

"วันนี้กูต้องได้กินหมูกะทะ" อาจารย์หน้าห้องหันมามองทางพวกผมคิดว่าวิวน่าจะพูดเสียงดังเกินไปหน่อยเพื่อนร่วมเซคบางคนก็หันมามองแล้วเอาไปหัวเราะกันเบาๆ แต่วิวไม่มีท่าทีสนใจสายตาใครทั้งสิ้น เจ้าตัวขมวดคิ้วแล้วยื่นหน้าเข้ามาใกล้ผม สงสัยผมน่าจะแสดงท่าทางลำบากใจอย่างโจ่งแจ้งเกินไปหน่อย

 

"ทำหน้าแบบนี้มึงไม่ว่างอีกแล้วใช่มั้ยห๊ะ" ผมพยักหน้าให้อย่างรู้สึกผิด ผมกับพี่สินเราตกลงกันแล้วว่าจะพยายามทำความรู้จักกันให้มากขึ้นโดยการพาอีกฝ่ายไปรู้จักแอคทิวิตี้ที่เราต่างคนต่างชอบทำ เพื่อไม่ให้ต้องมีใครคนใดคนหนึ่งเสียสละสิ่งที่ตัวเองชอบเพียงเพื่อจะก้าวเข้าไปในโลกของอีกฝ่าย ก็สู้เอาโลกสองใบมารวมกันไปเลย จะได้รู้ด้วยว่าสิ่งไหนที่เราชอบ เขาไม่ชอบ เป็นการปรับจูนหาตรงกลางระหว่างกันเพื่อให้อยู่ร่วมกันได้ ทั้งในฐานะเพื่อนร่วมห้อง แล้วก็...นั่นแหละ

 

"มึงจะเกินไปแล้ว พี่สินนี่ก็ทำตัวเป็นไอ้หนุ่มคลั่งรักไปได้ แค่ทุกวันนี้ก็อยู่ด้วยกันตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมงแล้วมั้ยวะ" วิวบ่นเสียงกระปอดกระแปดแถมมองค้อนจนผมปวดตาแทน

 

"ไม่ขนาดนั้นสักหน่อยครับ ผมก็อยากไปนะ แต่ตกลงกันไว้แล้ว..." ผมนิ่งคิดสักพักก่อนจะหาทางออกที่โอเคกับทั้งสองฝ่าย

 

"งั้นผมชวนพี่สินไปด้วยได้มั้ยครับ" ผมหันไปขอความเห็นจากวิวกับโฟล์ค วิวทำท่าดีใจพยักหน้ารัวๆแถมยิ้มแป้นจนเกินเรื่อง

 

"ดีๆๆๆ เอาพี่สินมาด้วยเลย ถ้าเขาอยากได้ใจมึงเขาก็ต้องเข้ากับเพื่อนมึงได้ก่อน" โฟล์คโบกหัววิวไปทีหนึ่งด้วยความหมั่นไส้ เพราะเจ้าตัวดูจะคึกมากเกินเหตุจนไม่เบาเสียงพูดเลย

 

"ก็เข้ากันดีเป็นปี่เป็นขลุ่ยอยู่แล้วไม่ใช่หรอครับ" ผมแซววิวไปตามประสา เข้ากันกว่านี้ไม่มีแล้วล่ะครับ

 

"เออ มึงทักไปชวนเลย เดี๋ยวช้ากว่านี้พ่อท่านจะกริ้วอีก" ผมหัวเราะเบาๆก่อนจะรีบส่งข้อความหาพี่สินเพื่อนัดกันไปกินหมูกะทะเย็นนี้ พี่สินกดอ่านก่อนจะเงียบหายไปสักพักแล้วตอบกลับมาแค่คำว่าได้คำเดียว ผมไม่ได้ใส่ใจอะไรก่อนจะเก็บโทรศัพท์เข้ากระเป๋าตามเดิมก่อนจะตั้งใจเรียนจนจบคลาส

 

"หมูกะทะๆๆ" วิวฮึมฮัมไม่เป็นเพลงอย่างอารมณ์ดีขณะกำลังเก็บของ ขออนุญาตใช้คำว่ากวาดของทุกอย่างบนโต๊ะลงกระเป๋าดีกว่าครับ ผมหยิบโทรศัพท์มาอ่านข้อความที่พี่สินเป็นคนส่งมาเมื่อห้านาทีก่อนบอกว่าเจ้าตัวเลิกแล้วกำลังจะมาที่คณะ ผมหันไปบอกเพื่อนๆก่อนจะพากันเดินลงไปที่ใต้ถุนตึกเพื่อนนั่งรอพี่สินมาถึงก่อน นั่งไปสักพักไม่ถึงสิบห้านาทีรถพี่สินก็มาจอดตรงบริเวณหน้าคณะพร้อมกับสองสามคนข้างหลังที่มาจอดตาม

 

"เอ่อ พี่สินคือ..." ผมยืนมองหน้าพี่ๆทุกคนก่อนจะหันมาส่งสายตาถามพี่สินที่ยืนอยู่ข้างหน้า

 

"เพื่อนพี่มันอยากตามไปกินด้วยทางปอนด์สะดวกกันหรือเปล่า ถ้าไม่สะดวกไม่เป็นไรนะเดี๋ยวพี่ไล่มันกลับเอง ไม่ต้องลำบากใจ เอ้า พวกมึงกลับกันได้แล้วน้องๆเขาลำบากใจกันเนี่ย" พี่สินทำหน้ารำคาญใจพลางหันไปโบกมือไล่เพื่อนๆตัวเองในขณะที่เพื่อนๆเขายืนยิ้มแฉ่งแถมยังโบกมือมาให้ผมด้วย พี่รันรีบเดินเข้ามากอดคอผมเขย่าเบาๆก่อนพูด

 

"คิดถึงน้องปอนด์จัง พี่อยากไปกินหมูกะทะด้วย น้องปอนด์อนุญาตได้มั้ย?" ผมยิ้มแห้งๆก่อนจะหันไปถามความเห็นเพื่อนตัวเอง เพราะต้นเรื่องที่อยากจะกินหมูกะทะวันนี้คือวิวไม่ใช่ผม

 

"ไปกันหมดนี่เลยก็ได้ครับ" วิวหันไปบอกพวกพี่ๆแทนผม ทุกคนยิ้มรับอย่างดีใจ เอ่อ ยกเว้นไว้คนหนึ่งนะครับ

 

"ปอนด์ไปรถพี่ดีกว่าพี่ขับนุ่มมาก" พี่รันพูดพลางออกแรงลากผมไปทางรถเจ้าตัว

 

"ไม่ต้องเสือกเลยไอ้รัน มือน่ะก็ปล่อยได้แล้ว ปอนด์มานี่" พี่สินเดินมาดึงมือพี่รันออกจากคอผมก่อนจะลากผมไปทางรถตัวเอง พี่รันส่งเสียงไม่พอใจเล็กน้อยแต่ก็กลับไปขึ้นรถตัวเองตามเดิม ผมเปิดประตูฝั่งข้างคนขับขึ้นนั่งคาดเข็มขัดเรียบร้อย พี่สินปิดประตูแรงพลางถอนหายใจ

 

"ขอโทษทีนะ ตอนแรกตั้งใจกะจะพาปอนด์ไปคาเฟ่ที่ปอนด์บอกกันสองคนต่อด้วย กลายเป็นมากันทั้งฝูงเลย" ผมหัวเราะไม่ได้คิดมากอะไร

 

"มากันเยอะๆก็สนุกดีออกครับ"

 

"ก็อยากอยู่กับปอนด์แค่สองคน" พี่สินว่าพลางขยี้หัวผมเบาๆอย่างเอ็นดู

 

"ไม่เห็นเป็นไรเลยครับ นี่ก็ถือเป็นการเรียนรู้อีกฝ่ายได้เหมือนกันนะ พี่สินเข้ากับเพื่อนของปอนด์ได้ ปอนด์ก็เข้ากับพี่ๆได้ ดีจะตาย" พี่สินยิ้มบางก่อนจะเปลี่ยนเป็นเจ้าเล่ห์แล้วทำเสียงเล็กเสียงน้อย

 

"อยากเข้ากับเพื่อนแฟนได้ก็ไม่บอก จะได้พามาเจอกันบ่อยๆ" ผมอ้าปากจะเถียงแต่เถียงไม่ออกเลยปล่อยเบลอไป พี่สินฮัมเพลงอย่างอารมณ์ดีมาตลอดทางจนน่าหมั่นไส้ แต่ก็ดีแล้วล่ะครับ เพราะเวลาพี่สินอารมณ์ดีพี่สินน่ารัก แต่อย่าเอาไปบอกเขาเชียวนะครับเดี๋ยวได้ใจ

 

"เหมือนเรามาถล่มร้านเขาเลยว่ะ" พี่เชที่เดินตามมาพูดเบาๆแล้วหัวเราะในลำคอ

 

"จะว่างั้นก็ไม่ผิดหรอกครับ เดี๋ยวพี่เชเห็นวิวกินพี่เชก็จะรู้เอง"

 

"ไอ้เชลดอนมึงนินทาอะไรกู กูได้ยินนะ" วิวที่เดินตามห่างออกไปตะโกนขึ้นไม่อายคนอื่น

 

"ถ้าได้ยินแล้วจะถามทำไมล่ะครับว่านินทาอะไร" ผมตะโกนกลับอย่างไม่ยอมแพ้ พวกพี่ๆก็พากันหัวเราะผมรีบเดินไปให้พี่สินเป็นที่กำบังเมื่อเห็นวิวรีบสับเท้าตามมา แต่โชคดีที่โฟล์ครั้งตัวไว้ก่อน

 

"เลิกตีกันเป็นเด็กๆได้แล้ว" โฟล์คว่าก่อนจะล็อคคอวิวเข้าหาตัวเอง

 

"พวกน้องนี่น่ารักกันดีนะ" พี่โอ๊ตพูดพลางหัวเราะ ขนาดที่พี่มาร์คที่นิ่งยังหลุดยิ้มเลย

 

"ปอนด์นั่งนี่เดี๋ยวพี่ไปตักให้" พวกเราเลือกที่นั่งริมสุดของร้านซึ่งเป็นตัวใหญ่แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังต้องต่อโต๊ะเพราะหอบกันมาตั้งเก้าคน

 

"ไม่เอาครับ ปอนด์ไปตักด้วย"

 

"เอ้าๆ สวีทกันอยู่นั่นแหละ ไปกันทั้งหมดนี่แหละ ไอ้มาร์คมึงเฝ้าโต๊ะนะ" พี่เต็มพูดขึ้นเสียงดังก่อนจะหันไปบอกพี่มาร์คซึ่งนั่งพยักหน้าเล่นโทรศัพท์ไม่หือไม่อือ

 

"ปอนด์ชอบกินอะไร" พี่รันเดินถือจานกับที่คีบมาทางผมก่อนจะแทรกระหว่างผมกับพี่สินที่ยืนชิดกัน

 

"ผมกินอะไรก็ได้ครับพี่รัน แต่ที่ชอบๆเลยก็กุ้ง แต่ขี้เกียจแกะ" ผมยิ้มแห้งให้พี่รันที่ยืนพยักหน้าอย่างแข็งขัน

 

"งั้นเดี๋ยวพี่ตักกุ้งไปให้เยอะๆดีกว่า กุ้งตัวใหญ่ๆ" แล้วเจ้าตัวก็เดินลิ่วไปโซนของทะเลทันที

 

"ปอนด์.../น้องปอนด์" จังหวะที่พี่สินกำลังจะเดินเข้ามาหาผมอีกรอบ พี่เชก็เดินตัดหน้าเข้ามาหาผมก่อน

 

"น้องปอนด์กินน้ำอะไรครับ เดี๋ยวพี่กดไปเผื่อ"

 

"โค้กก็ได้ครับพี่เช ขอบคุณนะครับ" ผมหันไปยิ้มขอบคุณ พี่เชยิ้มกว้างรับก่อนจะเดินไปโซนเครื่องดื่ม

 

"น้องปอนด์ครับ เดี๋ยวพี่ว่าจะไปตักพวกของทอด น้องปอนด์เอาอะไรมั้ย" พอพี่เชเดินออกไปพี่โอ๊ตก็ตรงเข้ามาทันที

 

"เอาเฟรนช์ฟรายก็ได้ครับ"

 

"ได้เลยครับ" พี่โอ๊ตเดินออกไปแล้วพี่สินที่เดินตามผมมาต้อยๆตอนแรกตอนนี้ยืนกอดอกหน้ามุ่ยเลยครับ

 

"เป็นอะไรครับ" ผมหันไปยิ้มให้กับหน้าบูดๆของเจ้าตัว พี่สินถอนหายใจก่อนจะเดินเข้ามาหาผมแล้วยื่นจานเปล่ามาให้ผมวางเนื้อหมูหมักพริกไทยดำที่คีบมา

 

"เบื่อพวกมันอ้ะ น้องปอนด์ครับ น้องปอนด์ชอบอันไหน น้องปอนด์..." พี่สินดัดเสียงเล็กเสียงน้อยนินทาเพื่อนตัวเองแล้วเบะปาก

 

"พี่ๆเขาแกล้งพี่สินเล่นนั่นแหละครับ" ผมส่ายหัวให้พี่สินโหมดเด็กน้อยก่อนจะคีบหมูหมักพริกไทยดำของโปรดให้เยอะๆ

 

"เลิกหน้าบูดได้แล้วครับ ป้ะ เดี๋ยวปอนด์ย่างหมูให้" ผมดันหลังพี่สินกลับไปทางโต๊ะ พอไปถึงจานหมูที่ผมตักมาสามจานดูน้อยไปเลยเมื่อเทียบกับที่ทุกคนตักมากองไว้บนโต๊ะ โดยมีพี่มาร์คนั่งปิ้งอยู่คนเดียวสามเตา

 

"โห จะกินหมดมั้ยครับเนี่ย"

 

"เดี๋ยวก็หมด" พี่มาร์คว่าพลางเอากุ้งที่ตัวเองปิ้งเสร็จแล้วมาไว้ที่จานผม พอเห็นผมเอาหมูลงเตาของตัวเองพี่มาร์คก็กลับไปดูอีกสองเตา สักพักทุกคนก็กลับมานั่งที่กันหมด 

 

"น้องปอนด์ให้พี่แกะกุ้งให้มั้ยครับ?" พี่เต็มพูดเสียงเล็กเสียงน้อยที่ดูก็รู้ว่าจงใจจะแกล้งพี่สินเท่านั้น

 

"ไม่ต้องเสือก แดกไป" พี่สินว่าพลางปาผักบุ้งใส่ปากเพื่อนตัวเอง คนที่เหลือก็พากันหัวเราะเสียงดัง มื้อนี้เป็นมื้อที่ผมชอบมากๆ พี่ๆทุกคนเข้ากับเพื่อนผมได้เป็นอย่างดีทั้งวงไม่มีช่วงที่เงียบเลย ต่างคนต่างหยิบยกเรื่องนู้นเรื่องนี้ขึ้นมาพูด ซึ่งผมก็ชอบที่จะฟังนะ

 

"แล้วเนี่ยน้องปอนด์รู้มั้ย พี่ไม่เคยเห็นไอ้สินมันเป็นแบบนี้มาก่อนเลยนะ เหมือนคนไม่เคยมีความรักไปได้" พี่เชพูดพลางหันมาหลิ่วตาใส่เพื่อนตัวเอง

 

"อันนี่จริง แม่งอย่างหงอ พี่ชวนไปกินเหล้าก็กลัวน้องปอนด์รอ ชวนไปไหนก็บอกนัดกับน้องปอนด์ไว้ เช้าถึงเย็นถึงขนาดนี้ ถึงขั้นไหนกันแล้วครับถามจริง?" พี่เต็มว่าเสริม ทีนี้ทั้งวงจากที่ตอนแรกเฮฮากลายเป็นเงียบกริบแล้วมองมาทางผมกับพี่สินเป็นตาเดียว

 

"เอ่อ...คือ" ผมลังเลที่จะตอบจะให้บอกว่าไงดี ผมเป็นแฟนพี่สินแต่พี่สินยังไม่เป็นแฟนผม แบบนี้ได้มั้ยนะ

 

"เป็นอะไรพวกมึงจะเสือกทำไม แดกๆไป อย่าถามมาก" พี่สินว่าพลางโบกมือปัดๆ อย่างรำคาญเพื่อนตัวเอง ทุกคนพากันโอดครวญเล็กน้อยแล้วก็ล่าถอยไปแต่ที่ผมสัมผัสได้อีกอย่างคือบรรยากาศมันเปลี่ยนไป พี่สินไม่พูดอะไรกับผมอีก เขาเอาแต่แกะกุ้งให้แล้วก็ปิ้งหมูไปเงียบๆ ในขณะที่กับคนอื่นๆก็ยังคุยเล่นปกติ

 

"แฟนครับ" ผมพูดคำเดียวแล้วก็ไม่ได้พูดอะไรอีก กินกุ้งที่กองพะเนินอยู่บนจานตัวเอง คราวนี้ทั้งวงเงียบอีกครั้ง ทุกคนชะงักมือตัวเองพลางมองมาที่ผม ผมก็กินต่อไม่ได้สนใจอะไร

 

"อะไรนะเชลดอน มึงว่าไงนะ" เป็นโฟล์คที่ได้สติคนแรกแล้วถามผม

 

"แฟนไงครับ ผมกับพี่สินเป็นแฟนกัน เมื่อกี๊พี่เต็มถาม" พอผมตอบไปทุกคนก็เงียบไปอึดใจก่อนจะตะโกนเฮลั่นร้านจนคนอื่นหันมามองแต่ก็ไม่มีใครว่าอะไร พี่ๆที่นั่งใกล้ก็พากันตบหลังตบไหล่พี่สินอย่างแสดงความยินดี มียกแก้วชนประหนึ่งทีมที่ตัวเองเชียร์ได้เวิลด์คัพ

 

"ซุ่มหรอวะไอ้เสือ ดูๆกันอยู่ นี่ดูกันยังไงน้องเขาตอบเต็มปากเต็มคำขนาดนี้ว่าแฟนวะ" พี่สินยิ้มหน้าบานยังไม่พูดอะไรทั้งยังไม่หลบมือเพื่อนที่กระหน่ำทุบหลังคนละสองสามตุ้บด้วย แต่จากสายตาพี่สินที่มองมา มันเต็มไปด้วยความขอบคุณและปลื้มปีติ ผมยิ้มกลับให้เขาผมก็อยากขอบคุณเขาเหมือนกันที่เข้ามาในชีวิตของผม เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตผมอย่างสมบูรณ์

 

***********************

 

พี่สินพาผมมานั่งร้านเคเฟ่ที่ผมเล็งไว้อย่างที่สัญญาหลังจากแยกกับเพื่อนๆพี่ๆ ที่ร้านหมูกะทะแล้ว บรรยากาศร้านน่ารักมาก ผมมองจากข้างนอกก็อยากแวะเข้ามาตั้งหลายครั้งหลายครา แต่ไม่ได้เข้ามาสักที

 

"ปอนด์เอาอะไรพี่สั่งให้"

 

"เอาชากุหลาบครับ" พี่สินหันไปสั่งกับพนักงาน ผมเดินดูรอบๆร้านอย่างสนใจ มีรูปคนที่เคยมาเป็นโพลารอยด์ห้อยไว้เต็มไปหมด แล้วก็มีพวกของแฮนด์เมดขายด้วย

 

"อ้าวทำไมสั่งเหมือนกันเลยครับ" ผมหันไปเห็นพี่สินที่ยกน้ำสีชมพูสวยสองแก้วมาเหมือนกันเด๊ะก่อนจะวางลงโต๊ะใกล้ๆผม ผมเดินไปนั่งลงแล้วลองชิมดู อร่อยมากเลย

 

"พี่คิดไม่ออก" พี่สินว่างพลางเดินกลับไปที่เคาท์เตอร์อีกครั้ง คราวนี้พี่สินกลับมากับกล้องโพลารอยด์ตัวเล็กสีฟ้าน่ารักแล้วยื่นมาให้ผม

 

"เอามาทำไมครับ?"

 

"เขาบอกว่าที่นี่ให้ใช้รูปเราแทนบัตรสมาชิก สมัครฟรีนะ มีสะสมแต้มด้วยถ้ากินครบสิบแก้วฟรีเมนูอะไรก็ได้หนึ่งร้อยบาท" ผมยิ้มอย่างสนใจ ยกกล้องขึ้นมาพยายามถ่ายรูปพี่สินแต่เจ้าตัวยื่นมือมาจับไว้ก่อนแล้วลุกมานั่งข้างๆผม พี่สินหยิบกล้องไปถือเองแล้วเซลฟี่เราทั้งสองคนผมยิ้มให้กล้องเต็มที่ในขณะที่พี่สินแค่ยิ้มน้อยๆหล่อๆสไตล์เขานั่นแหละครับ พอรูปที่ถ่ายปริ๊นท์ออกมาผมรีบหยิบออกมาสะบัดๆแบบที่คนอื่นชอบทำกัน ถึงมันจะไม่ช่วยอะไรก็ตามที

 

"ไหนเอามาดูหน่อย" พี่สินหยิบรูปไปจากผมแล้วยิ้มเต็มแก้มก่อนจะยกมือถือขึ้นมาถ่ายเก็บไว้แล้วยื่นรูปคืนผม

 

"รูปนี้เราต้องทิ้งไว้ที่ร้านหรอครับ?" พี่สินก้มหน้ากดโทรศัพท์ยุกยิกแล้วพยักหน้าให้ผมโดยไม่ได้เงยหน้าขึ้นมามอง พอเสร็จก็คว่ำโทรศัพท์ไว้แล้วนั่งดื่มชาของตัวเองไป ผมหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดูเพราะมีคนโทรเข้า เป็นพี่เป้นี่เอง ผมรีบรับวิดิโอคอลจากพี่ชายตัวเองที่อยู่ต่างแดน ตอนนี้ที่ไทยก็หนึ่งทุ่มแล้ว ออสเตรเลียนี่ก็ดึกแล้วสิ

 

"พี่เป้~" พอเห็นสัญญาณภาพเป็นพี่เป้นอนมุดผ้าห่มอยู่ฝั่งตรงข้ามผมก็โบกมือทักทายอย่างดีใจ

 

("ปอนด์มันยังไงบอกพี่มาเดี๋ยวนี้!!") พี่เป้ตะโกนลั่นใส่จนผมสะดุ้ง

 

"อะไรครับพี่เป้" ผมถามกลับอย่างสับสน

 

("ที่สินมันโพสต์รูปคู่กับเราแล้วตั้งแคปชั่นว่า คุณแฟน หมายความว่ายังไง?!") ผมหันไปมองหน้าพี่สิน เจ้าตัวก็คงจะได้ยินเหมือนกันถึงได้ส่งยิ้มแหยๆมาให้

 

"ให้พี่คุยให้มั้ย?" ผมส่ายหน้าถอนหายใจกับพี่ชายตัวเองที่ทำเหมือนมันเป็นเรื่องใหญ่

 

"ก็ตามนั้นแหละครับ ปอนด์กับพี่สินตกลงเป็นแฟนกันแล้ว"

 

("น้อง น้องคิดดีแล้วหรอ? คิดใหม่ได้นะ") พี่เป้ว่าเสียงกระเง้ากระงอด

 

("เป้ หยิบกางเกงในให้กูที") เอ๊ะ? ผมได้ยินเสียงพี่เสือแว่วๆมาจากที่ไกลๆเมื่อกี๊ และมั่นใจว่าพี่สินก็ได้ยินเช่นกันจึงอ้อมมายืนหลังผม

 

"นั่นเสียงพี่เสือหรอพี่เป้" พี่สินถามออกไปแทน พี่ชายผมทำหน้าเลิ่กลั่กมองไปทางอื่นก่อนจะรีบหันมากระซิบกับกล้อง

 

("เดี๋ยวค่อยคุยกันนะปอนด์ คิดถึงน้องนะ จุฟๆ บาย") พี่เป้ว่าอย่างเร่งรีบแล้วกดวางสายไปเลย อะไรของเขากันนะนึกจะมาก็มานึกจะไปก็ไป แต่เมื่อกี๊พี่เสือพูดอะไรกางเกงๆมั้ยนะ ผมได้ยินไม่ค่อยชัดเลย

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

***********************

เรา: **ปิดหูน้อง** ไม่เอาไม่ฟังนะลูก

 

มาอัพแล้วค่ะ ขอบคุณทุกคนที่เข้ามาอ่านมากๆเลยนะคะ ไม่คิดว่าจะมีคนอ่านด้วยซ้ำขอบคุณมากๆนะคะ อ่านทุกคอมเม้นท์ รู้สึกขอบคุณมากๆ แล้วก็ตามสัญญาค่ะจิบิน้องปอนด์ในมโน เราเพิ่งฝึกวาดอาจไม่สวยแต่ก็ตั้งใจมากๆ แล้วเจอกันใหม่ตอนหน้าพร้อมจิบิพี่สินนะคะ บายๆ


 

 



ออฟไลน์ mab

  • ชื่อ mab ไม่ได้ชื่อ map
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 710
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +80/-0
Re: คนเดียว...เดียวดาย
«ตอบ #57 เมื่อ08-07-2020 21:03:07 »

กรี๊ดดดดด ในที่สุดน้องปอนด์ก็ตกลงปลงใจรับพี่สินเป็นแฟน ชอบรรยากาศเพื่อนๆ ของพี่สินมากๆ เลยแกล้งเพื่อนได้ตลกน่ารักมากๆ อ่านไปขำไป แซวจนน้องยอมเป็นแฟนพี่สินมันจนได้ มันเป็นแผนใช่มั้ยละ  o13 o13

ขำพี่เป้เลิ่กลั่กเพราะน้องกับพี่สินได้ยินเสียงพี่เสือขอกางเกงใน 55555 นี่สรุปพี่เสือบินไปอยู่กับเมียที่โน้นเลยเหรอ สุดๆ จริงๆ พี่เสือ  :hao6:

ปล.รูปนุ้งปอนด์น่ารักมากๆ เลยค่ะ  :mew1:

ออฟไลน์ AkuaPink

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2033
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +59/-1
Re: คนเดียว...เดียวดาย
«ตอบ #58 เมื่อ09-07-2020 20:41:08 »

 :katai2-1:
 :3123:

ออฟไลน์ yuzhou62ppap

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 36
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-0



Ch. 30 เข้าใจกับผิดใจ






 




 

 

"น้องปอนด์คะ ขอถ่ายรูปด้วยหน่อยได้มั้ยคะ?" 

 

"น้องปอนด์พี่ขอถ่ายรูปหน่อยค่ะ"

 

"น้องปอนด์พี่เอาขมมาฝากค่ะ" และอีกสารพัด ผมยิ้มรับขนม คือโดนแบบนี้มาเป็นอาทิตย์แล้ว ก็ตั้งแต่ที่พี่สินลงรูปว่าผมคือแฟนเขา กลุ่มแฟนคลับก็ดูเหมือนจะเข้าหาผมเยอะขึ้นเรื่อยๆ คนที่เข้ามาดีๆต่อหน้ากันก็มีเยอะ แต่ก็มีคนที่แอบตามแอบถ่ายจนชีวิตส่วนตัวแทบไม่มี ผมไม่ใช่เซเลปนะแต่ก็เป็นเพราะผมเองด้วยส่วนหนึ่งที่ปฏิเสธใครไม่เป็น พี่สินบอกว่าเดี๋ยวคนก็เลิกบ้ากันไปเอง ที่ตอนนี้ยังเข้ามาก็เพราะเห่อกระแสแรกๆเท่านั้น 

 

"มีมึงเป็นเพื่อนนี่มันลาภปากจริงๆเลยเว้ยเชลดอน" วิวหันมาหยิกแก้มผมสองข้างแล้วส่ายเบาๆ ส่วนโฟล์คคุ้ยขนมในถุงที่คนเอามาให้ผมอยู่

 

"นี่มึงรู้มั้ยตั้งแต่มึงกับพี่สินเป็นแฟนกันนี่คนเข้ามาหามึงโคตรเยอะ จากแต่ก่อนนี่โนวันเลยนะครับตอนนี้เดินไปทางไหนคนก็มอง"

 

"..." ผมถอยหายใจเหนื่อยหน่ายไม่รู้จะตอบอะไร ความฮอตของพี่สินเป็นพิษจริงๆ ถามว่าผมมีความสุขมั้ย จริงๆตั้งแต่ก่อนเป็นแฟนกันผมก็มีความสุขอยู่แล้วแหละครับ ทุกวันนี้มันก็มีแต่มันเหมือนจะสุขก็สุขไม่เต็มที่ วันก่อนพี่สินให้ผมไปหาที่แคนทีนคณะผมนี่โดนเขม่นจนพรุนเลยคือถ้าเขาเดินมาตบได้คงทำแล้วล่ะครับ ตอนนี้ผมเลยไม่กล้าไปหาพี่สินที่คณะอีกเลย เอาตรงๆ เริ่มไม่กล้าอยู่กับพี่สินที่มอด้วยซ้ำ

 

"ปอนด์พี่สินทักมาถามกูว่าทำไมมึงไม่อ่านไลน์เขา" ผมหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดูจริงๆก็ไม่ได้ไม่อยากตอบหรอกครับ แต่ว่ามัวแต่รับมือพวกแฟนคลับพีเขานั่นแหละ

 

"วิวก็เห็นว่าผมเพิ่งมีเวลาจับมือถือ"

 

"เออกูบอกพี่มันให้แล้วอย่าลืมไปตอบมันล่ะ เดี๋ยวจะคลั่งเอา อากาศยิ่งร้อนๆอยู่" ผมหัวเราะเล็กน้อยก่อนจะพิมพ์ตอบพี่สิน ที่ทิ้งข้อความไว้ตั้งแต่ช่วงเช้าแล้ว

 

"พี่มันว่าไงวะ" โฟล์คนั่งแกะขนมหลายๆถุงกองไว้แล้วนั่งกินวนๆไปทุกถุง

 

"เย็นนี้พี่สินไม่ว่างน่ะครับติดทำโปรเจ็คเลยจะให้ผมกลับก่อน"

 

"งั้นเดี๋ยวกูไปส่ง"

 

"ไม่เป็นไรครับเดี๋ยวผมนั่งรถเมล์กลับได้" โฟล์คพยักหน้ารับก่อนจะนั่งกินขนมต่อ

 

"งั้นมึงจะกลับเลยป้ะ ยังไงก็ไม่มีเรียนคาบบ่ายอ้ะ" วิวเงยหน้าจากโทรศัพท์มาคุยกับผม

 

"ว่าจะกลับเลยครับ อยากกลับไปทำความสะอาดห้องด้วย"

 

"งั้นเดี๋ยวกูส่งตรงป้ายรถเมล์"โฟล์คยัดๆถุงขนมที่กินหมดแล้วลงถุงใหญ่เพื่อเอาไปทิ้งแล้วโยนกุญแจรถให้วิว

 

"มึงขับนะ กูขี้เกียจ" วิวรับมาแล้วเดินกอดคอผมนำไปทางลานจอดรถที่จอดอยู่ด้านหน้าอาคาร

 

"เออเชลดอนเมื่อวานกูบังเอิญเจอพี่เบนซ์เขาถามถึงมึงอยู่นะ เขาบอกอยากขอโทษเรื่องนั้นอ้ะ เขาไม่รู้จริงๆ ว่ามึงจะหอบกำเริบ" ผมชะงักเล็กน้อย จะว่าไปตั้งแต่เกิดเรื่องผมก็ไม่เจอพี่เบนซ์อีกเลยไม่ใช่ว่าผมหลบหน้าเขาหรืออะไรนะครับ แต่ว่ามันไม่เจอกันจริงๆ

 

"หรอครับ งั้นเดี๋ยวผมรบกวนคุณวิวแวะส่งผมตรงเซเว่นที่ผมเคยทำพาร์ทไทม์ได้มั้ยครับ?"

 

"อ่า ได้ดิ มึงจะไปหาพี่เขาหรอ?" ผมพยักหน้ารับ

 

"ครับ อยากจะไปขอโทษเขาด้วยที่วันนั้นพี่สินทำรุนแรง"

 

"มึงนี่น้า" โฟล์คไม่พูดอะไรต่อแล้วนั่งกินขนมไปเงียบๆส่วนวิวก็ไม่ได้แสดงความคิดเห็นออกมา พอถึงที่หมายผมก็โบกมือลาเพื่อนทั้งสองของตัวเอง โฟล์คยื่นถุงขนมที่ยังไม่ได้แกะกินมาให้ ผมเดินเข้าไปในเซเว่นที่ตัวเองเคยทำงานอยู่มีพนักงานบางคนที่ไม่เคยเห็นหน้าคาดว่าน่าจะมาใหม่ ผมมองหาพี่ๆที่เคยทำงานร่วมกันรอบๆร้าน ก่อนจะเจออยู่ตรงบริเวณตู้แช่น้ำ

 

"พี่ๆสวัสดีครับ"

 

"น้องปอนด์!!!" พี่น้ำวิ่งมาหาผมเป็นคนแรกแถมจับมือเขย่าแสดงความดีใจที่ได้เจอจนผมหัวสั่นหัวคลอน

 

"เป็นไงกันบ้างครับ สบายดีกันมั้ย"

 

"สบายดีมันก็สบายดีแหละจ้ะ แต่คิดถึงน้องปอนด์จังเลย ไปไงมาไงจ๊ะเนี่ย"

 

"ผ่านมาน่ะครับเลยเอาขนมมาฝาก"

 

"น้องปอนด์ลืมอะไรไปหรือเปล่าที่นี่เซเว่นนะจ๊ะ ขนมเต็มไปหมดเลย" ผมนึกได้ก่อนจะหัวเราะแห้งๆใส่

 

"วันหลังไม่ต้องมีอะไรติดไม้ติดมือมาหรอกจ้ะ แค่น้องปอนด์มาหาก็ดีใจแล้ว" พี่น้ำว่าอย่างอารมณ์ดี ผมพยายามมองหาพี่เบนซ์แต่ไม่เจอเจ้าตัวเลย สุดท้ายก็เลยต้องถามจนได้

 

"แล้วนี่พี่เบนซ์ไม่มาหรอครับ?"

 

"รายนั้นลาออกไปแล้วล่ะจ้ะ เห็นบอกพ่อแม่บินกลับมาจากต่างประเทศแล้วเรียกให้กลับไปนอนบ้านเลยไม่สะดวกทำพาร์ทไทม์แล้ว" ผมพยักหน้ารับก่อนจะเปลี่ยนเรื่อง

 

"แล้วนี่ถึงเวลาพี่น้ำพักยังครับเนี่ย จะได้ไปหาอะไรกินกัน"

 

"อีกสิบนาทีจ้ะ น้องปอนด์รอพี่ได้มั้ย" ผมพยักหน้ารับ

 

"โอเค งั้นน้องปอนด์ไปรอพี่ที่โต๊ะม้าหินข้างนอกเดี๋ยวพี่พักแล้วไปหา มีเรื่องจะคุยด้วยเยอะแยะเลย" ผมหัวเราะให้พี่น้ำคนขี้เม้าท์ ก่อนจะเดินออกไปนั่งรอด้านนอกเพียงไม่นานพี่น้ำก็ออกมา

 

"ป้ะ น้องปอนด์พี่หิวแล้ว" ผมกับพี่น้ำเดินเลาะเข้าซอยน้อยๆข้างเซเว่นไปร้านส้มตำเจ้าประจำที่พวกผมเคยมากินกันบ่อย เดินไม่ถึงห้านาทีก็ถึงแล้ว วันนี้คนแน่นขนัดเป็นพิเศษอาจจนะเพราะเป็นเวลาพักของพนักงานออฟฟิศแถวนี้พอดี แถมยังเด็กมหาลัยผมอีกจนผมกับพี่น้ำไม่มีที่นั่งเลยต้องยืนรอ

 

"น้องปอนด์ พี่น้ำ ทางนี้ครับ" ผมหันไปหาเสียงเรียกเห็นพี่เบนซ์ที่มากับกลุ่มเพื่อนๆเขานั่งอยู่ด้านในของร้าน ก่อนจะเดินเข้าไปหา

 

"สวัสดีครับพี่เบนซ์ สวัสดีครับพี่ๆ" ผมหันไปไหว้เพื่อนพี่เขาอีกสองคน ไม่ใช่ใครที่ไหนหรอกครับ พี่ทิวกับพี่ปลาพี่รหัสของโฟล์คนั่นแหละ

 

"ไม่คิดว่าจะบังเอิญเจอที่นี่ พี่ไปหาปอนด์ที่คณะหลายครั้งแล้วแต่เข้าไม่ถึงตัวสักทีเลย" พี่เบนซ์พูดพลางเลื่อนเก้าอี้ข้างๆตัวให้ผมนั่ง พี่น้ำก็ตามมานั่งอีกข้างหนึ่ง

 

"พวกมึงนี่พี่น้ำ พี่ที่ทำงานพาร์ทไทม์กู" พี่ทิวกับพี่ปลายกมือไหว้พี่น้ำแล้วชวนคุยอย่างเป็นกันเอง

 

"หลังจากนี้ปอนด์ว่างมั้ย?" พี่เบนซ์เริ่มบทสนทนาอย่างเกร็งๆ เหมือนยังรู้สึกผิดอยู่กับเรื่องที่ผ่านมาดูได้จากที่เขาพยายามหลบตาผม

 

"ว่างครับ ปอนด์ก็มีเรื่องจะคุยกับพี่เบนซ์พอดี"

 

"จริงเหรอ งั้นตอนนี้เราสั่งอาหารก่อนละกัน" พี่เบนซ์ตอบรับด้วยความดีใจก่อนจะยื่นเมนูอาหารให้ผม พี่น้ำสั่งไปสองสามอย่างที่เราชอบกินกันประจำ ส่วนพวกพี่เบนซ์นั้นสั่งไปก่อนแล้ว

 

"แล้วนี่ปอนด์ไม่มีเรียนแล้วหรอวันนี้ เข้ามอพร้อมพี่มั้ย พี่มีเรียนบ่ายสอง"

 

"ผมไม่มีเรียนแล้วครับ กะว่ากินข้าวเสร็จแล้วจะกลับบ้านเลย"

 

"งั้นพี่ไปส่งมั้ย?" ผมหันไปมองหน้าพี่เบนซ์ บอกตามตรงยังรู้สึกขยาดอยู่เลยครับ

 

"สัญญาครั้งนี้พี่จะขับช้าๆ ให้พี่ไปส่งนะ"

 

"ไม่เป็นไรดีกว่าครับ พี่เบนซ์มีเรียนต่อ เดี๋ยวผมกลับเองได้ ยังไงคุยกันเสร็จแล้วแยกย้ายดีกว่า" ผมตัดบทก่อนจะหันไปร่วมบทสนทนากับพวกพี่ๆแทน เพราะไม่อยากให้พี่เบนซ์หาข้ออ้างอะไรเพื่อที่จะไปส่งผมอีก มื้ออาหารเป็นไปอย่างเร่งรีบ เพราะพี่น้ำต้องรีบกลับไปทำงานทำให้เราไม่ได้คุยอะไรกันมาก ส่วนพี่ทิวกับพี่น้ำขอตัวเข้ามอไปก่อน จะเหลือก็แค่ผมกับพี่เบนซ์

 

"เดี๋ยวเราไปคุยกันที่รถพี่ดีกว่า ตรงนี้เสียงดัง ร้อนด้วย พี่จอดไว้ใกล้ๆนี่เอง" พี่เบนซ์เดินนำผมไปยังรถที่ตัวเองจอดไว้ก่อนจะสตาร์ทแล้วเปิดแอร์ให้ ผมนั่งเงียบด้วยความอึดอัดใจ จริงๆก็ไม่ค่อยอยากจะขึ้นมาเท่าไหร่แต่ไม่อยากยืดเวลาคุยไปนานกว่านี้

 

"คือว่า เรื่องที่พี่สินทำร้ายร่างกายพี่เบนซ์ปอนด์ต้องขอโทษแทนเขาด้วยนะครับ" พี่เบนซ์ขมวดคิ้วก่อนจะผ่อนลมหายใจ

 

"เรื่องนี้พี่ต้องเป็นคนขอโทษเราต่างหาก พี่ไม่รู้มาก่อนว่าเราจะเป็นอย่างนั้น พี่ขอโทษนะ" ผมพยักหน้ารับก่อนจะเงียบอีกครั้ง

 

"แล้วนี่ปอนด์คบกับสินแล้วหรอ" ผมพยักหน้า พี่เบนซ์มีท่าทีตึงเครียดขึ้นเหมือนกำลังไตร่ตรองบางอย่างอยู่ในหัว

 

"จริงๆ พี่ก็ไม่ได้มีสิทธิ์ที่จะเข้าไปยุ่งในความสัมพันธ์ของใครนะ แต่พี่อยากให้ปอนด์คิดใหม่อีกทีเรื่องที่จะคบกับมัน พี่เป็นห่วงเราจริงๆนะ มันไม่ใช่คนดีอย่างที่ปอนด์คิด พี่ไม่อยากให้คนที่พี่ชอบต้องเสียใจ" ผมหันไปมองสีหน้าจริงจังของพี่เบนซ์ก่อนจะคลี่ยิ้มบางให้

 

"เรื่องเขาไม่ใช่คนดีผมรู้ครับ"

 

"ถ้ารู้อยู่แล้ว ปอนด์ยังจะคบมันอีกหรอ?"

 

"ครับ ถึงพี่สินจะไม่ใช่คนดีร้อยเปอร์เซ็นต์ แต่เขาก็ปฏิบัติตัวกับผมดีมาก แค่นี้มันก็พอแล้วครับ" พี่เบนซ์มีท่าทีหนักใจขึ้นก่อนจะผ่อนหายใจออกยาวๆ

 

"พี่เป็นห่วงปอนด์นะ ปอนด์ยิ่งซื่อๆอยู่จะไปตามมันทันได้ไง" 

 

"ไม่ต้องห่วงหรอกครับ ปอนด์โตแล้ว อีกอย่างถ้าถึงเวลาพี่เขาเกิดเลิกรักปอนด์ไปเจอคนใหม่ที่ดีกว่า ปอนด์ก็จัดการกับตัวเองได้ครับ ขอบคุณพี่เบนซ์มากๆที่เป็นห่วงปอนด์ขนาดนี้" ผมพูดตัดบทและพยายามหาคำที่สุภาพที่สุดเพื่อรักษาน้ำใจคนตรงหน้า ความเป็นห่วงผมก็ขอบคุณที่มีให้ แต่เรื่องความรู้สึกผมคงรับไว้ไม่ได้ ผมกับพี่สินมีสถานะต่อกันแล้วการให้คนอื่นเข้ามายุ่งกับความสัมพันธ์ของเราไม่ใช่เรื่องที่ควรทำ

 

"ถ้าปอนด์แน่ใจแล้วจริงๆ พี่ก็ขอให้มีความสุขมากๆ แต่จำไว้เลยนะว่าถ้ามันทำปอนด์เจ็บ พี่ไม่เอามันไว้แน่" พี่เบนซ์พูดอย่างอาฆาตมาดร้าย ผมยื่นมือไปลูบแขนพี่เบนซ์บเบาๆเผื่อจะบรรเทาความรู้สึกในใจเกี่ยวกับเรื่องน้องสาวเขาได้

 

"ผมรู้สาเหตุที่พี่เบนซ์เกลียดพี่สินครับ แล้วก็ขอบคุณมากๆที่เป็นเดือดเป็นร้อนแทน แต่เรื่องของผม ผมขอจัดการเองดีกว่าครับ" พี่เบนซ์มองหน้าผมก่อนจะถอนหายใจยอมแพ้ในที่สุด

 

"โอเคครับ พี่ยอมแล้ว แต่ยังไงพี่ก็ต้องขอโทษปอนด์เรื่องที่พี่เป็นต้นเหตุทำให้ปอนด์เข้าโรงพยาบาล ปอนด์จะสะดวกมั้ยถ้าพี่อยากจะเลี้ยงขนมไถ่โทษ"

 

"เรื่องนี้ผมไม่ได้โกรธอะไรครับพี่เบนซ์ไม่ต้องไถ่โทษอะไร เอาเป็นว่าเราคุยกันเข้าใจแล้วนะครับ งั้นผมขอตัวกลับก่อนเลยดีกว่า"

 

"เฮ้อ ปอนด์เล่นปิดพี่ทุกทางแบบนี้ พี่ไม่มีหวังแล้วใช่มั้ยเนี่ย" ผมยิ้มให้พี่เบนซ์

 

"ถ้าในฐานะพี่น้องร่วมมหาลัยผมโอเคครับ แต่ถ้ามีอย่างอื่นแอบแฝง อันนี้ผมขอไม่รับ" ก่อนจะยกมือไหว้ลาพี่เบนซ์

 

"โห ปอนด์คนซื่อหายไปไหนเนี่ย งี้พี่คงไม่ต้องห่วงแล้วมั้ง" ผมปิดประตูรถเบาๆก่อนจะเดินกลับไปทางป้ายรถเมล์ที่อยู่ไม่ไกลแต่ไม่รู้ว่ารู้สึกไปเองหรือเปล่าว่ามีคนมองผมตั้งแต่ที่ร้านแล้วนะ ผมหันไปมองรอบๆก็ไม่พบสิ่งผิดสังเกตอะไร สงสัยผมจะคิดไปเองจริงๆนั่นแหละ กลับบ้านไปทำความสะอาดดีกว่าดองเสื้อผ้าไว้หลายวันแล้ววันนี้แดดก็เหมาะกับการตากผ้าจริงๆ พอผมลงป้ายหน้าคอนโดตัวเองได้ไม่ถึงสิบนาทีพี่สินก็โทรเข้ามราวกับนกรู้

 

"ฮัลโหลครับพี่...."

 

("มึงอยู่ไหน?") พี่สินถามเสียงเข้มจนผมจับสัมผัสได้ว่าเขาต้องกำลังอารมณ์ไม่ดีอยู่แน่ๆ

 

"เพิ่งถึงคอนโดครับ กำลังขึ้นห้อง"

 

("ทำไมเพิ่งถึง") 

 

"แวะไปกินข้าวกับพี่ที่ทำงานพาร์ทไทม์มาครับ"

 

("ขอความจริง") ผมขมวดคิ้วเมื่อพี่สินถามเสียงห้วนกระชากเหมือนหาเรื่องกัน

 

"พี่สินไปสงบสติอารมณ์ก่อนมั้ยครับ ปอนด์ไม่อยากทะเลาะด้วยนะ"

 

("คุยกับกูนี่มันเสียเวลาชีวิตมึงมากเลยหรอ มากินข้าวกับกูที่คณะไม่ได้แต่มึงไปกินกับไอเบนซ์ได้ ทำอย่างนี้มึงหมายความว่าไงวะปอนด์!") พี่สินตะคอกผ่านโทรศัพท์มาจนผมสะดุ้งทำกุญแจที่กำลังจะไขประตูเข้าห้องร่วง

 

("เงียบทำไมวะ ตอบมาดิ มึงไปหามันมาใช่มั้ย?")

 

"พี่สินใจเย็นๆก่อนครับ พี่สินไปรู้มาจากไหน?"

 

("กูรู้จากไหนมันไม่สำคัญหรอก สำคัญคือมึงไปหามันมาจริงๆใช่มั้ยปอนด์") พี่สินพูดพลางหายใจฟึดฟัดจนผมได้แต่กลัวว่าเขาจะโกรธจนไม่ยอมฟังกัน ปลายสายมีเสียงเพื่อนๆเขารวมอยู่ด้วยคาดว่าน่าจะเป็นพี่รันที่กำลังบอกให้พี่สินใจเย็นๆ

 

"ครับ ปอนด์ตั้งใจไปหาพี่เบนซ์มา แต่ว่า...พี่สิน พี่สินครับ! พี่สิน!!!" พี่สินตัดสายผมไปแล้ว ผมพยายามโทรกลับหาแต่เจ้าตัวก็ตัดสายทิ้ง พอโทรหนักๆเข้าก็ปิดเครื่องหนีไปเลย ผมไม่รู้จะทำยังไงเลยได้แต่รอพี่สินกลับมาคุยกันที่ห้อง ไลน์ไปหาพี่รันแล้วแต่พี่รันบอกว่าพี่สินยังไม่อยากคุยตอนนี้ รอให้ใจเย็นก่อนแล้วค่อยคุยกัน แล้วผมต้องเย็นไปถึงเมื่อไหร่ คบกันได้แค่ไม่นานก็มีปัญหาเลยหรอ ทำไมพี่สินไม่เรียนรู้บ้างเลยว่าการใจร้อนมันไม่ได้ช่วยให้อะไรดีขึ้น ผมก็เหนื่อยเป็นเหมือนกันนะ

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

**************

tbc.

 

แฮ่ ตัดจบแบบ....ขอโทษจ้าาาาาาา อิพี่สินนี่มันน่ามอหอ อยากจะอุ้มน้องหนีไม่ยกให้จริงๆแล้วนะ มาช้าหน่อยนะ เราเป็นประสาทค่ะช่วงนี้อารมณ์สวิงมา ตั้งสมาธิไม่ค่อยได้ ขอบคุณที่อ่านนะคะ บายๆ 

 

ปล. จิบิพี่สินที่ลองวาดดูค่าาาา

 




 

 



 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด