บทที่ 21 มากกว่า
“น้องเฌอ พี่ฝากเอกสารนี้ไปให้ฝ่ายบัญชีหน่อยจ่ะ”
“ได้ครับ”
“เอออีกอย่างนึง พี่ฝากบอกพี่เจี๊ยบด้วยว่าอาทิตย์หน้าลงไซต์งาน ถ้าเขาจะเอาน้องเฌอไปด้วย ให้แจ้งพี่หน่อยนะคะ”
“โอเคครับ”
“จ่ะ ฝากด้วยนะ” ผมพยักหน้ารับคำพี่นวลก่อนจะเดินออกมาจากห้องธุรการแล้วมุ่งหน้าไปยังห้องของฝ่ายบัญชี
หัวหมุนจริงๆ เลยนะหลายวันมานี้
ผมเริ่มฝึกงานมาได้ประมาณ 3 อาทิตย์แล้วครับ ตอนนี้ปรับตัวกับสภาพแวดล้อมต่างๆ ได้พอสมควรแล้วล่ะ โชคดีของเฌอที่ได้เจอเพื่อนร่วมงานที่ดี พี่ๆ ในองค์กรใจดีกับผมมาก พี่เจี๊ยบที่เป็นพี่เลี้ยงฝึกงานผมก็สอนทุกอย่างเต็มที่ เดี๋ยวอาทิตย์หน้ามีไซต์งานสร้างสะพานที่เขาต้องไปตรวจ ถ้าเป็นไปได้ผมก็อาจจะได้ไปกับเขา คิดแล้วตื่นเต้นอยู่นะ ช่วงอาทิตย์นี้ผมทำแต่แก้แบบปรับโครงสร้าง ยังไม่มีโอกาสได้ลงดูงานจริงเลย
อยากออกไปผจญภัยนอกสำนักงานบ้างอะ
“พี่พีทครับ นี่เอกสารจากฝ่ายธุรการครับ” ผมส่งเอกสารให้หัวหน้าฝ่าย “พี่เจี๊ยบฝากบอกพี่พีทด้วยว่าคิดถึงครับ”
“งั้นพี่ฝากบอกมันด้วยละกันว่าสะเหล่อ”
“เฌอจะโดนฟาดหน้าเอาหน่า”
“ไว้มาฟ้องพี่หนิ เดี๋ยวพี่จัดการมันให้” มือเรียวส่งกล่องขนมมาให้ผม “พี่สาวพี่กลับมาจากญี่ปุ่นแล้วซื้อของฝากมาเยอะเลย เฌอแบ่งไปกินทีนะ”
“ขอบคุณนะครับ งั้นเดี๋ยวเฌอขอตัวก่อน”
“อื้ม ขอบใจสำหรับเอกสารนะ”
“ค้าบ” ผมยิ้มแป้นให้ก่อนจะเดินออกมาจากห้องของฝ่ายบัญชีแล้วกลับไปที่ฝ่ายช่างของตัวเอง
พี่พีทกับพี่เจี้ยบเป็นคู่ขวัญขององค์กรเลยนะครับ เขาก็เป็นแฟนกันนั่นแหละ เป็นคู่รักเพศเดียวกันคู่เดียวเลยมั้งเท่าที่เห็นน่ะ รองหัวหน้าฝ่ายช่างของผมชื่อว่าพี่ออย เธอก็เล่าให้ฟังว่าตอนที่พี่พีทกับพี่เจี๊ยบเปิดตัวว่าเป็นแฟนกันคือสาวๆ พากันอกหักระนาว แล้วตอนนั้นพี่ออยก็พูดติดตลกว่าดีแล้วที่มีผมมาฝึกงานที่นี่ พวกเธอจะได้มีที่ดามใจ ซึ่งผมก็ได้ยิ้มแห้งๆ แล้วบอกว่าตัวเองก็มีแฟนแล้วเหมือนกัน
สาวๆ ก็พากันอกหักอีกรอบ
ผมรู้ว่าพวกพี่ๆ ไม่ได้คิดซีเรียสจริงจังหรอกก็แค่แซวเล่นตามประสา พี่ในฝ่ายช่างเคยเจอหน้าสิบสามหมดแล้วนะครับเพราะตอนที่เพิ่งเข้ามาฝึกงาน พวกเขาพาไปเลี้ยงฉลองไง วันนั้นนังน้อนไปรับผม ตอนแรกพี่ออยถามว่านี่น้องชายเหรอ หล่อจังต่างๆ นานา แต่เจ้าเด็กยักษ์นั่นก็บอกกับทุกคนว่าเป็นแฟนผม แถมฝากฝังให้พี่ๆ ช่วยดูแลด้วย ฟีลพ่อมากกว่าฟีลแฟนอีก หลังจากวันนั้นผมก็โดนแซวอยู่บ่อยๆ เลยเรื่องสิบสาม
นังน้อนนี่มันน่านัก
“พี่เจี๊ยบครับ” ผมเดินมาหยุดอยู่ที่โต๊ะกลางของฝ่ายก่อนวางกล่องขนมไว้ “พี่พีทฝากมาบอกว่าสะเหล่อ”
“ถามจริง”
“จริง เฌอไม่โกหกพี่เจี๊ยบหรอก ไม่เชื่อไลน์ไปถามได้”
“หึ....ไอ้พีท เย็นนี้เจอแน่” เสียงเย็นเอ่ยคาดโทษก่อนจะเดินมาที่โต๊ะกลาง “อะไรอะ”
“ขนมครับ พี่พีทฝากมา เอ้อพี่เจี๊ยบ พี่นวลบอกว่าถ้าอาทิตย์หน้าจะเอาผมไปลงไซต์งานด้วย ให้แจ้งเขา”
“เอ็งอยากไปไหม”
ผมพยักหน้ารับ “อยากดิครับ อยากไปสมบุกสมบันบ้าง”
“ดี เดี๋ยวให้ไปช่วยเขาแบกปูน”
“จิ๊บๆ เฌอน่ะนะ ทำได้ตั้งแต่สากกะเบือยันเรือรบ” ผมยักคิ้วให้เขาทีนึง ร่างสูงก็เบ้ปากก่อนจะโขกหัวเบาๆ อย่างมันเขี้ยว
“เออ พี่จะคอยดูเอ็งละกัน แล้วที่บอกว่าจะลางานอะ ลาวันไหน ทำใบแจ้งยัง”
“ลาวันศุกร์ครับ ทำใบแจ้งส่งพี่ออยแล้ว” ผมเดินมาเก็บของที่โต๊ะ “เดี๋ยวจะถ่ายรูปมาอวดเยอะๆ พี่จะได้รู้ว่าแฟนเฌอหล่อขนาดไหน”
“ขี้ขิงว่ะ อย่าลืมลงเวลาออกนะ”
“ไม่ลืมๆ แล้ววันนี้พี่ทำโอฯ เหรอ”
“เปล่าหรอก เดี๋ยวเคลียร์เอกสารนิดหน่อยก็เสร็จแล้ว เอ็งก็กลับบ้านดีดีละกัน เจอกันวันจันทร์”
“ครับ งั้นเฌอไปก่อนนะพี่เจี๊ยบ” ผมยกมือไหว้พี่เจี๊ยบรวมถึงทุกคนในห้องฝ่ายช่าง “เฌอกลับก่อนครับพี่ๆ สวัสดีครับ”
“กลับดีดีจ้าน้องเฌอ”
ผมเดินออกมาจากห้องฝ่ายช่างก่อนจะลงมาด้านหลังซึ่งเป็นลานจอดรถ หมดไปอีกหนึ่งวันสำหรับการทำงาน วันนี้วันศุกร์ครับ เสาร์อาทิตย์เป็นวันหยุด ผมตกลงกับสิบสามว่าจะไปหาเขา ช่วงอาทิตย์นี้นังน้อนซ้อมคฑาหนักมาก แล้วต้องซ้อมเดินในสนามจริงด้วย ปกติตอนซ้อมควงคฑามันก็อยู่กับที่ไง แต่นี่ต้องเดินในระยะทางที่ไกลมาก ช่วงแรกๆ ก็งอแงอยู่เหมือนกันนะ เขามักจะบอกผมว่าถ้าพี่เฌออยู่ด้วยตรงนั้นนะ เขาจะไม่รู้สึกเหนื่อยขนาดนี้เลย
สงสารมากอะ
อยากขับรถไปหาถึงแม้จะ 50 กว่ากิโลฯ
ถ้าไปกลับก็ 100 กิโลฯ พอดี
ผมขับรถออกมาจากสำนักงานก่อนจะมุ่งหน้าเข้ากรุงเทพฯ เวลา 5 โมงครึ่งในวันศุกร์ ไม่แปลกเลยที่รถติด มันน่าเบื่ออยู่นะ รถจะติดแบบนี้ไปอีกสักกี่ปีอะ ช่างแม่ง หัวเสียไปก็ไม่ได้ช่วยให้รถติดน้อยลงหรอก ผมควรทำใจร่มๆ เข้าไว้ นานหน่อยสำหรับการเดินทางแต่จุดหมายที่จะไปก็คือไปหานังน้อนเพราะงั้นแค่นี้ก็คงไม่เท่าไหร่หรอกมั้ง
คิดถึงสิบสามจังเลย
อยากกอดแน่นๆ แล้วหอมหัวสักสามที
นังน้อนวิดิโอคอลมาหาผมทุกวันเลยนะตอนก่อนนอน บ่อยครั้งที่หลับคาคอลไปเลยเพราะความเพลีย ผมรู้ว่าเขาต้องอดทนมากแค่ไหน เอาจริงๆ ผมคิดว่าการที่เราอยู่ห่างกันแบบนี้มันก็มีข้อดีเหมือนกันนะ เป็นการฝึกความอดทนมากๆ และเวลาที่เราได้เจอกันมันก็ทำให้รู้สึกว่าเออ เราพยายามตั้งใจทำหน้าที่ของตัวเอง รับผิดชอบงานของตัวเองให้เสร็จแล้วมาเจอกัน มาใช้เวลาอยู่ด้วยกัน เหนื่อยสะสมจากงานมาทั้งอาทิตย์แล้วได้กอดแฟนตัวเองนี่โคตรรู้สึกดีเลย
ฮีลใจได้เยอะมากๆ
ครืดดดด....ครืดดดด ผมกดรับสายก่อนจะเสียบหูฟังไวเลส “ฮัลโหล”
(อยู่ไหนวะ)
“ขับรถอยู่กำลังจะไปหาสิบสามที่มอ ละมึงอะ โทรมามีไร”
(กูจะถามว่ากีฬาสีอะไปมอแน่ๆ ใช่ไหม กูจะได้ลาที่ทำงาน)
“เออ ไปแน่ มึงว่าไอ้แช่มจะมาไหมวะ”
(น่าจะนะ มันน่าจะมาหาไอ้หอม)
“อืม งั้นเดี๋ยวค่อยนัดกันอีกทีก็ได้”
(โอเค มึงขับรถเถอะ แค่นี้แหละ)
“เออ”
หลังจากใช้เวลานานมากในการเดินทางผมก็เลี้ยวรถเข้ามาในมหา’ลัยก่อนจะเอาไปจอดที่ตึกวิศวะฯ เห็นรุ่นน้องกำลังเตรียมงานกีฬาสีกันอย่างขะมักเขม้นก็นึกถึงปีตัวเอง นึกถึงบรรดาเพื่อนๆ ที่ตอนนี้แยกย้ายไปฝึกงานด้วย วุ่นวายสุดก็ไอ้แช่มครับ โทรมาหาทุกคืนบอกว่าเหงามาก วันดีคืนดีไปนั่งอยู่ชายทะเลคนเดียว นั่งวาดทรายแล้วก็บ่นคิดถึงน้องหอม คือถ้าคิดถึงน้องหอมมึงก็โทรหาน้องหอมไหมล่ะ
จะโทรหากูเพื่อ
ผมเดินออกจากตึกวิศวะฯ เพื่อมุ่งหน้าไปตึกแพทย์ฯ ตอนนี้ 6 โมงกว่าแล้ว ปกติสิบสามจะเลิกซ้อมตอน 2 ทุ่มครับ ไม่รู้ว่าตอนนี้จะได้พักบ้างรึยัง ผมเดินเข้ามาในโซนลานเกียร์ก็พบร่างสูงในชุดนักศึกษาที่มีผ้าคาดผมลายแบด แบดที่ผมซื้อให้คาดอยู่บนหัวด้วย สีหน้าเขาแสดงความเหนื่อยออกมาชัดเจน ด้านหน้ามีพี่ที่ฝึกซ้อมให้พูดอะไรอยู่ไม่รู้ สักแป๊บสิบสามก็เดินมานั่งที่เก้าอี้ คงเบรกแล้วล่ะมั้ง พอเห็นแบบนั้นผมจึงเดินไปหยุดตรงหน้าเขา
“ไงคุณ”
สิบสามเงยหน้ามองผม “....พี่เฌอ” มือเรียวรั้งเอวผมเข้าไปกอดเอาไว้ก่อนจะซบหน้าอยู่อย่างนั้น
“อะไรเนี่ยะหืม....”
“เหนื่อยมากเลยครับ ขออยู่แบบนี้สักพัก”
“ขนาดนั้นเลย” ผมหยิบพัดพับได้ในกระเป๋าคาดออกมาก่อนจะพัดให้นังน้อน “พี่เขาดุคุณเหรอ”
“เปล่าครับ ผมก็แค่เหนื่อย” เจ้าตัวเงยหน้าขึ้นมองผม “นึกว่าจะไม่มาซะแล้ว”
“มาสิ ก็บอกไว้ว่าจะมาหา” ผมหยิบทิชชู่ในกระเป๋ามาซับเหงื่อให้เขา “หิวไหม กินอะไรรึยัง”
“กินนมไปแล้วครับ พี่เฌอล่ะหิวไหม รอจนผมเลิกซ้อมได้ไหมหรือจะไปหาอะไรกินก่อน”
“รอได้ ผมยังไม่หิวหรอก”
“อื้มมมมม....คิดถึงพี่เฌอจังเลยครับ”
“ผมรู้แล้ว” ผมลูบหัวเด็กยักษ์เบาๆ
สิบสามนั่งกอดเอวผมอยู่อย่างนั้นโดยไม่สนใจใครทั้งสิ้น เขาไม่แคร์คนอื่นจะมองอยู่แล้ว ถือว่าเป็นเรื่องปกติ เจ้าตัวคงเหนื่อยจริงๆ นั่นแหละ ผมปล่อยให้เขากอดอยู่อย่างนั้นสักพัก พี่ที่ฝึกซ้อมก็เดินเข้ามาหาร่างสูง
“เดี๋ยววันนี้พอแค่นี้ก่อนก็ได้สิบสาม พี่มีธุระด่วนอะ พรุ่งนี้ก็เวลาเดิมนะ”
“ได้ครับ” หลังจากที่นังน้อนรับคำพี่เขาก็เดินไป น้องที่เป็นคฑากรเหมือนสิบสามเดินมาหยิบไม้คฑา คงเอาไปเก็บให้ล่ะมั้งเพราะสภาพของคุณคฑากรไม้หนึ่งคือป้อแป้มาก
“ไปหาอะไรกินกันเถอะ คุณเอารถมารึเปล่า”
“เปล่าครับ”
“ดี งั้นก็ไปรถผม ป่ะ”
ผมลากสิบสามออกมาจากลานเกียร์แล้วไปที่ลานจอดรถหลังตึกวิศวะฯ จัดแจงยัดเขาขึ้นรถ คือนังน้อนเหมือนมีแต่กายหยาบแต่วิญญาณไม่มีอะ นั่งนิ่งเหมือนไม่รับรู้อะไรทั้งนั้น ผมเอี้ยวตัวไปจะดึงเบลท์มาคาดให้เขา มันเป็นจังหวะเดียวกันที่ใบหน้าคมเลื่อนเข้ามาใกล้แล้วกดจูบลงมา มือเรียวล็อกคอผมเอาไว้ การจูบของร่างสูงมันไม่ใช่แค่ปากแตะปาก ไม่อ่อนโยนและไม่หยุดสักที
อื้ออออ....หายใจไม่ออก
“แฮ่ก....นังน้อน” ผมดันเขาออกพลางโกยอากาศเข้าปอด “เดี๋ยวจะโดนไม่ใช่น้อยเลยนะ จะฆ่าผมเหรอ”
สิบสามหอมแก้มผมอีกฟอดใหญ่ “ชื่นใจจังครับ”
“ปล่อยผมเลย” ผมพยายามแกะมือเขาที่โอบเอวตัวเองอยู่ “สิบสาม”
“จุ๊บผมก่อน”
“จุ๊บอะไรอีกเล่า เมื่อกี๊คุณจูบผมไปแล้วนะ”
“ไม่เกี่ยวกัน เมื่อกี๊ผมทำเอง อันนี้พี่ต้องเป็นฝ่ายทำให้สิ”
“ทำไมดื้อแบบนี้”
“ขอดื้อหน่อยไม่ได้เหรอครับ ผมเป็นเด็กดีมาทั้งอาทิตย์เลยนะ” เขาเอ่ยเสียงอ้อน “จะไม่ให้รางวัลหน่อยเหรอหืม....”
“ทำดีเพื่อหวังผลเหรอ”
“ทำดีเพื่อหวังพี่ต่างหาก” ใบหน้าคมเลื่อนเข้ามาใกล้ “ไม่จุ๊บผมก็ไม่ปล่อยนะ กอดกันอยู่ตรงนี้แหละ”
จุ๊บบบบ “ปล่อยเลย” พอบอกแบบนั้นสิบสามก็ยอมปล่อยผมออกแต่โดยดี ร้ายกาจจริงๆ ไอ้ที่ทำท่าเหมือนเหนื่อยมากๆ นั่นเป็นแผนการใช่ไหมห้ะ เดี๋ยวก่อน....ไว้เผลอเมื่อไหร่นะจะหยิกให้เนื้อเขียวเลย
ผมขับรถออกจากมหา’ลัยพลางเหลือบมองคนที่นั่งอยู่ข้างๆ สีหน้าดูอารมณ์ดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด แน่ล่ะ สูบพลังชีวิตผมไปจึ๋งนึงหนิ ไม่แปลกเลยที่จะดูสดใสขึ้น โมเม้นท์เมื่อกี๊โคตรหน้าร้อนเลยให้ตายเถอะ อยู่ดีดีเขาก็จูบไง ผมตกใจ มันยังไม่ทันตั้งตัวเลย แล้วก็จูบแบบดุดุ แถมยังงอแงให้จุ๊บอีกทีด้วย มันน่าตีจริงๆ เลยว่ะ เห็นหน้านิ่งๆ นี่ไม่ไว้ใจไม่ได้เลยนะ
เด็กนั่นจ้องที่จะกินผมอยู่ตลอดเวลา
เฌอต้องระวังตัวให้มากแล้ว
ตกลงกันไว้ครับว่าจะไม่มีอะไรกันจนกว่าจะผ่านช่วงกีฬาสีไป เรื่องนี้สิบสามเป็นคนบอกเอง ผมก็ไม่มีปัญหา แต่คนที่เหมือนจะมีปัญหาน่ะคือเขา เหมือนอัดอั้น อยากทำแต่ทำไม่ได้เพราะตัวเองลั่นวาจาเอาไว้ นังน้อนเป็นคนประเภทไม่กลืนน้ำลายตัวเองน่ะครับ แต่ผมรู้สึกได้เลยว่าถ้าจบงานกีฬาสีแล้วตัวเองต้องยับเยินมากแน่ๆ เลย ทำอะไรไม่ได้ด้วยนะนอกจากทำใจ
ไม่เป็นไรนะเฌอนะ
ผมพาสิบสามมาหาอะไรกินที่ห้าง AA ครับ หันมองร่างสูงที่เดินอยู่ตรงหน้าซึ่งบนหัวเขายังคงมีผ้าคาดแบด แบดสวมอยู่ ปกติเจ้าตัวมักจะถอดมันออกไง แต่แบบนี้ก็ดีเหมือนกันนะ จะได้เห็นหน้าชัดๆ หน่อย วันนี้เขาไม่สวมแว่นและไม่ใส่แมสด้วย
“กินอะไรดีครับ”
“คุณอยากกินอะไรอะ”
“ปิ้งย่างไหมครับ”
“เอาสิ” ผมเดินตามเจ้าตัวเข้ามาในร้านปิ้งย่างก่อนจะจัดแจงสั่งโน่นนี่ “เออสิบสาม เดี๋ยววันพฤหัสฯ ผมมาหาคุณนะ ผมลางานแล้วนะวันกีฬาสีน่ะ”
“โอเคครับ ผมจะได้ไม่ต้องเอารถไป รอกลับพร้อมพี่”
“ได้ แล้วเรียนเป็นไงบ้าง”
“ไม่เหนื่อยเท่าทำกิจกรรมครับ แต่ว่าพอหมดกีฬาสีก็คงเหลือแต่เรียนแล้วล่ะ” นังน้อนเท้าคางมองผม “พี่เฌอล่ะครับ ฝึกงานเป็นยังไงบ้าง พี่ๆ เขาแกล้งอะไรพี่ไหม”
“ไม่มีใครแกล้งผมหรอก นี่เป็นที่เอ็นดูของทุกคนนะ”
“เป็นแบบนั้นก็ดีแล้ว ผมค่อยหายกังวลหน่อย”
“ผมไม่ใช่เด็กนะคุณ” ว่าแล้วผมก็ทำหน้ามุ่ยใส่เขาพลางหยิบสันนอกไปปิ้ง “เดี๋ยวอาทิตย์หน้าผมอาจจะได้ลงไซต์งานจริงด้วย ตื่นเต้นมากเลยอะ”
“ระวังตัวด้วยนะครับ อย่าซนล่ะ”
“ดูปากพี่เฌออีกครั้งนะครับนังน้อน” ผมชี้ที่ปากตัวเอง “ผม ไม่ ใช่ เด็ก”
“ผมรู้ครับว่าพี่ไม่ใช่เด็ก แต่ที่ต้องบอกก็เพราะว่าพี่เป็นแฟนผม ดูปากผมนะครับ” เขาชี้ที่ปากตัวเองบ้าง “พี่ เป็น แฟน ผม”
ตึกตัก
ชอบเลียนแบบว่ะ
“อือ รู้แล้วน่า” ผมยัดพริกหวานเข้าปาก “ผมจะดูแลตัวเองดีดีละกัน”
“ดีมากครับ เดี๋ยวผมแกะกุ้งให้เป็นรางวัลนะ” มือเรียวหยิบกุ้งที่เพิ่งปิ้งเสร็จไปแกะ ไม่ร้อนเหรอถามจริง เป็นเฌอนี่จับไม่ได้เลยนะกุ้งยังไอร้อนขึ้นอยู่เลย
มือเขามีความรู้สึกบ้างไหมวะน่ะ
ผมว่าสิบสามน่าจะชินกับการแกะกุ้งนะครับ ดูจากที่เคยไปกินหมูกระทะด้วยกันวันที่ผมเลี้ยงเพื่อนๆ เขา พวกเด็กๆ ที่มาช่วยกันหาเกียร์นั่นแหละ วันนั้นนังน้อนคือนั่งแกะแต่กุ้ง ไม่ได้แกะให้เฉพาะผมนะ คือเราช่วยกันปิ้งแล้วเขานั่งแกะใส่ในจานรวม ไม่มีบ่นว่าร้อนหรือกรีทิ่มมือเลย ผมเป็นพวกกินกุ้งทั้งเปลือกแต่พอมีคนมานั่งแกะให้กินมันก็ดีเนอะ สะดวกดีอะรอกินอย่างเดียว
“คุณชอบแกะกุ้งเหรอสิบสาม”
เจ้าตัวพยักหน้ารับ “ผมแกะกุ้งเก่งที่สุดในบ้าน ส่วนพี่เจ็ดเขาแกะปูเก่งมาก พี่สองจะเลาะก้างปลาออกเก่ง”
“แล้วพี่เก้า”
“แกะหอยครับ”
“บ้านคุณนี่มันสุดยอดจริงๆ ” บ้านผมนะไม่มีอะไรแบบนี้หรอก ไม่ปรองดองกันด้วย แต่ตอนนี้ก็ดีขึ้นแล้วจึ๋งนึงยกเว้นกับคุณเกสร ถ้าครอบครัวผมจะเก่งอะไรสักอย่างนะ คงแย่งกันกินเก่งอะ
“บ้านผมชอบกินพวกอาหารทะเลเผาอะครับ อาทิตย์ละครั้งได้ ผมชอบด้วยแหละ”
“พอรู้อยู่แหละว่าชอบ ผมไม่ค่อยกินปูอะเพราะขี้เกียจแกะ ปลาก็ชอบกินเป็นชิ้นๆ มากกว่า ไม่อยากต่อกรกับก้าง”
“ไว้หาวันว่างๆ ไปกินข้าวบ้านผมนะครับ รับรองเลยว่าพี่ไม่ต้องแกะเองสักอย่าง”
“งั้นก็ไว้ค่อยหาวันว่างแล้วกันเนอะ” ผมคีบเนื้อใส่ในชามเขา “ถ้ากินข้าวเสร็จ ไปเดินดูของกันไหม ผมเห็นป้ายเสื้อผ้ากำลังเซลล์อะ”
“ได้ครับ”
ผมเอาผักห่อเนื้อก่อนจะป้อนนังน้อน คำอย่างใหญ่แต่สามารถยัดเข้าปากได้ทั้งหมด เกินไปมาก ผมหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาถ่ายรูปสิบสามที่แก้มป่องลงสตอรี่ไอจี คิ้วเข้มขมวดอย่างเอาเรื่อง สมเป็นแบด แบดเวอร์ชั่นคนจริงๆ นั่นแหละเขาน่ะ ผมมองไดเร็คเมสเสจที่เด้งไม่หยุดก่อนจะปิดการแจ้งเตือน เอ๊บซีนังน้อนครับ คนติดตามผมเยอะขึ้นมากเลยนะตั้งแต่เป็นแฟนกับสิบสามน่ะ ส่วนมากก็มาจากคนที่ติดตามเขาทั้งนั้นแหละ
อยากเห็นนังน้อนยิ้มก็คือดูได้ที่ไอจีผมเท่านั้น
เราใช้เวลาพักใหญ่ในการกินปิ้งย่าง ตอนนี้เกือบ 2 ทุ่ม ผมเดินนำสิบสามมาที่โซนขายเสื้อผ้า ร่างสูงเดินปรีเข้าไปที่โซนของแบรนด์ซานริโอ้ทันที ไหนดูซิว่าวันนี้เขาจะได้อะไรกลับไป นังน้อนเป็นประเภทซื้อไม่คิดเลยนะสินค้าแบรนด์ที่เขาชอบน่ะ อย่างกล่องใส่ของ คือมีลายเหมือนกันแต่ถ้าคนละสีก็ซื้ออีก ผมก็ตามใจเขานะเพราะเงินเขาไง ถ้าซื้อแล้วมันมีความสุขไม่ได้ทำให้ตัวเองลำบากก็ซื้อไปเถอะ
เหมือนผมที่ชอบซื้อเสื้อให้เขานี่ไง
“มานี่ซิคุณ” ผมหยิบเสื้อเชิ้ตมาดู “คุณน่าจะใส่ได้นะ” ว่าแล้วผมก็เอาเสื้อพาดบนตัวเขา
“พี่ว่าอันไหนสวยกว่า” เจ้าตัวถามพลางให้ผมเลือกระหว่างผ้าลายชินามอนโรลกับปอมปอมปูริน
“ไม่เอาลายลิตเติ้ลทวินสตาร์เหรอ”
“มีหมดแล้วครับ”
ผมพยักหน้ารับ “ชินามอนโรลก็น่ารักดีนะ น้องกระต่ายอะ”
“พี่เฌอ” สิบสามมองผมตาโต “ชินามอลโรลเป็นน้องหมาครับ”
“ถามจริง นี่นึกว่าเป็นกระต่ายมาตลอด เห็นหูยาว”
“แล้วพี่ปอมปอมปูรินว่าเป็นอะไรครับ”
“พุดดิ้งไม่ใช่เหรอ”
เขาส่ายหน้ารัวๆ “เป็นน้องหมาเหมือนกันครับ พี่มองยังไงเป็นพุดดิ้งอะ”
“นี่ไง สีน้ำตาลข้างบนก็เป็นคาราเมลไง”
“มันเป็นหมวกเบเร่ต์ครับพี่เฌอ ผมว่านะ ผมซื้อทั้งสองผืนเลยดีกว่า” เขาบอกแบบนั้นก่อนจะเดินไปจ่ายเงิน คิดไวใจเร็วมาก เมื่อกี๊ยังมาให้ผมช่วยเลือกอยู่เลย ไปๆ มาๆ ซื้อมันทั้งสองอัน
คำถามต่อมาคือซื้อแล้วจะเอาไว้ตรงไหน
ผมเดินดูเสื้อผ้าไปเรื่อยพลางส่งให้สิบสามถือ ชอบจริงๆ เลยของเซลล์เนี่ย ผมชอบซื้อเสื้อผ้านะ ทั้งใส่เองหรือให้คนอื่นก็เถอะ แต่พอซื้อเยอะมันก็ทำให้เสื้อผ้าล้นตู้ใช่ไหม ตัวไหนที่เราไม่ใช้แล้วก็ส่งต่อไปให้คนอื่นนะครับ เรียกว่าเอาไปบริจาคก็ได้ สภาพมันยังดี บางตัวใส่ครั้งเดียวเองหรือบางทีซื้อมาผิดไซส์อย่างเงี้ยะ ก็ให้คนที่จะใช้ประโยชน์จากมันได้มากกว่าดีกว่า
เฌอนี่....นอกจากจะหน้าตาดีแล้วยังมีความคิดที่ดีอีก
อยากจะปรบมือให้ตัวเองสักสามที
ผมเดินไปจ่ายเงินแล้วลากสิบสามไปที่ลานจอดรถ สมควรแก่เวลากลับหออาบน้ำนอนมากๆ พอคิดได้แบบนั้นผมก็ขับรถมุ่งไปที่คอนโดฯ G ตั้งแต่วันที่มหา’ลัยตัดสินไล่เดียร์ออก รู้สึกว่าเธอจะย้ายออกจากที่นี่ด้วยนะ น่าจะโดนพ่อสั่งด้วยแหละมั้ง ผมรู้มาจากสิบสามว่าพอเดียร์โดนไล่ออก แก๊งค์เพื่อนของเธอก็ย้ายออกด้วย น่าจะไปเรียนที่เดียวกันแหละมั้ง รักเพื่อนไม่ใช่เรื่องผิดครับแต่ถ้าสนับสนุนกันให้ทำเรื่องไม่ดีล่ะก็ผิดเต็มๆ
“สิบสาม”
“ว่าไงครับ” ร่างสูงแบกของทั้งหมดเดินนำขึ้นห้อง
“เดียร์ไม่มายุ่งกับคุณแล้วใช่ไหม”
“ไม่แล้วครับ ผมก็หวังให้มันเป็นแบบนี้ไปเรื่อยๆ นะ ไม่ต้องมายุ่งเกี่ยวกัน ใช้ชีวิตของใครของมัน”
“ผมก็หวังให้เป็นแบบนั้น” ผมตามนังน้อนเข้ามาในห้องก่อนจะวางของทั้งหมดไว้ที่โต๊ะ ร่างสูงเดินเข้าห้องน้ำไป กิจวัตรปกติครับที่ต้องกลับถึงห้องแล้วอาบน้ำก่อน
ผมถอดเสื้อช็อปออกก่อนจะเอาไปแขวนไว้ที่หน้าตู้เสื้อผ้า ใช้เวลาสักพักสิบสามก็เดินออกมาจากห้องน้ำ ส่วนผมก็เข้าไปอาบน้ำแทน เห็นพวกของใช้ต่างๆ มันก็ทำให้ผมชอบนึกถึงวันแรกที่ตัวเองตื่นมาแล้วอยู่ที่นี่ได้เลย ตอนนั้นมันมีแต่ของๆ สิบสาม แต่ตอนนี้มีของผมวางไว้ข้างกัน จะว่าไปก็ 2 เดือนกว่าแล้วล่ะที่คบกันมาเนี่ยะ เวลาไม่ค่อยนานเท่าไหร่นะแต่รู้สึกผูกพันเหมือนรู้จักกันมา 10 ปี
อาถรรพ์วันที่ 13 ทำอะไรความรักเราไม่ได้จริงๆ
แต่ทำผมได้เจ็บแสบมากเลยแต่ละครั้งน่ะ
ช่างมันเถอะ จะคิดว่ามันเป็นสีสันและประสบการณ์ของชีวิตละกัน หลังจากที่อาบน้ำเสร็จผมก็เดินออกมาด้านนอก ชุดนอนถูกเตรียมเอาไว้ให้ ผมเสื้อลายมายเมโลดี้สีชมพูตัวโคร่งอยู่ตรงหน้า ส่วนกางเกงนั้นมีคนเอาไปใส่แล้วครับ
สิบสามนี่มันจริงๆ เลยน้า
“ให้ใส่แต่เสื้อเหรอ”
“ใช่ครับ ผมใส่กางเกงให้”
“น่าตีมากเลยนะคุณเนี่ยะ” ผมเดินไปหยิบกางเกงบ็อกเซอร์ในตู้มาสวมกับเสื้อตัวนั้น “พอใจแล้วนะ”
“น่ารักจังเลยครับ”
“หนิ ดูหน้าผม ดูขนาดตัวด้วย คุณจะนิยามว่าน่ารักไม่ได้นะ ต้องหล่อเท่านั้น” ผมนั่งโบกครีมลงหน้า นังน้อนเดินมาหยุดอยู่ด้านหลังก่อนจะใช้ผ้าขนหนูเช็ดผมให้
“ผมมีแฟนหล่อจังเลยครับ”
“ธรรมดาอะนะ ละแฟนคุณน่ะโคตรจาฮอต สาวๆ ชอบกันตรึม”
ดวงตาคมหรี่มองผม “เดี๋ยวผมจะตีพี่”
“ไหน....มือไหนจะตีผม”
“ไม่ใช้มือหรอกครับ มีอย่างอื่นน่าสนใจกว่ามืออีก”
“สิบสาม” ผมหยิกแขนเบาอย่างมันเขี้ยว “เอาใหญ่ละนะ บ้ากาม”
“เนี่ยะ พี่เฌอคิดลึกอะ”
“ก็ดูคำพูดคำจาคุณสิ คิดเป็นอย่างอื่นได้ที่ไหน” ผมเบ้ปากใส่เขาผ่านกระจก พอนังน้อนเห็นแบบนั้นเขาก็ยิ้มหวานให้ก่อนจะโน้มตัวมากอดคอผมเอาไว้ ไม่ต้องมาทำตัวน่ารักให้ใจเต็นแรงเลยนะ ไม่หลงกลหรอก
“ขอกอดหน่อยครับ”
“คุณกอดผมอยู่เถอะ อื้ออออ....” หัวผมโยกไปตามแรงหอมแก้มที่เขากดลงมา มีแฟนเป็นเด็กบ้าพลังก็ต้องอดทนหน่อยอะนะเฌอ ถึงแก้มช้ำก็ต้องอดทน
“เบื่อไหมครับ”
“เบื่ออะไร”
“ที่ผมบ้ากามน่ะ”
ผมหลุดหัวเราะออกไปทันทีก่อนจะขยี้หัวเขาจนฟู “ถ้าผมเบื่อแล้วคุณจะหายบ้ากามรึไง”
“งานยากเลยครับ” ร่างสูงคลายกอดก่อนจะเอาผ้าขนหนูไปตาก ผมเดินไปทิ้งตัวนอนลงบนเตียงแล้วคว้าหมอนสิบสามมากอดเอาไว้ กลิ่นคอตตอนสะอาดๆ นี่ทำให้สบายใจจริงๆ นะ
นังน้อนเดินมาที่เตียงก่อนจะนั่งมองผมอยู่อย่างนั้น อะไรของเขาน่ะ มือเรียวเลื่อนมากุมมือผมเอาไว้ รอยยิ้มผุดขึ้นบนใบหน้าหล่อ อา....เขินว่ะ แค่มองหน้าก็เขินแล้ว นี่ไม่ใช่สมัยเพิ่งจีบกันแรกๆ ไหมวะ ความรู้สึกต่างๆ ไม่เปลี่ยนไปเลยอะ แต่มันก็เป็นเรื่องดีแล้วล่ะมั้งที่เรารู้สึกว่าความรักยังใหม่อยู่ตลอดเวลา
อยากจูบ
ผมรั้งคอสิบสามเข้ามาใกล้ก่อนจะขยับเข้าไปจูบเขา ร่างสูงเปิดปากรับสัมผัสจากผม ลิ้นร้อนไล่คลอเคลียอย่างเอาใจ อ่อนโยนกว่าตอนที่จูบบนรถเยอะเลย แต่ฟีลแบบไหนก็ทำให้หัวใจเต้นแรงไม่ต่างกัน
ความรู้สึกนี้จะอยู่กับเราไปเรื่อยๆ เลยใช่ไหม
“อื้ม....” สิบสามถอนจูบออกอย่างอ้อยอิ่ง
“มีคำไหนที่ผมจะให้พี่ได้มากกว่าคำว่ารักไหมครับ” ตึกตัก
ดูเขาสิ
“รู้สึกกับผมมากขนาดนั้นเลยเหรอ”
“ใช่ครับ” มือเรียวเกลี่ยแก้มผมเบาๆ “บางครั้งก็กลัวว่ามันจะมากไป”
“ในความสัมพันธ์ของเราไม่มีคำว่ามากไปหรอก” ผมผงกหัวขึ้นไปจุ๊บหน้าผากสิบสาม “ผมดีใจนะที่คุณรักผมขนาดนี้”
“พี่ต้องดีใจไปทุกวันแน่เลยครับ”
ร่างสูงขยับมานอนลงข้างๆ ก่อนจะรั้งผมเข้าไปกอดเอาไว้ หลงอะ หลงจนไม่รู้จะทำยังไงแล้ว หลงจนโงหัวไม่ขึ้น ทั้งคำพูดทั้งการกระทำ ทุกอย่างทำให้ผมไปไหนไม่รอดจริงๆ สิ่งที่สิบสามเคยบอกเอาไว้ไม่ว่าจะทำให้ผมมีความสุข ทำให้ผมรู้สึกว่าตัวเองโชคดีหรืออะไรต่างๆ เขาทำแบบนั้นได้ตามที่ตัวเองพูดทุกอย่าง ผู้ชายคนนี้ไม่เคยทำให้ผมต้องเสียใจเลยสักครั้ง เป็นความรักที่ต่างจากทุกทีที่ต่างมา
ขอบคุณจริงๆ นะสิบสาม
ขอบคุณ.....
TBC.
สวัสดีค่ะชาลมาส่งสามเฌอแล้วนะคะต้องขอโทษด้วยที่หายไปหลายวันเลย ไม่สบายค่ะเป็นไข้หวัดเพิ่งไปหาหมอมาเมื่อวาน เพราะอากาศเปลี่ยนก็เลยปรับตัวไม่ทัน บี๋ก็ดูแลตัวเองกันดีดีนะคะ รักษาสุขภาพด้วย
อีก 2 บทก็จบแล้ว ภายในอาทิตย์นี้แน่นอนนะคะ รอติดตามด้วยน้า
สามารถติดต่อข่าววสาร + สปอยล์ได้ที่ทวิตเตอร์ Chaleeisis หรือเพจ Fiction Yaoi Th นะ
ขอบคุณที่เข้ามาอ่านค้าบ