Unrequited Love ผม....ผู้ไม่เคยสมหวังในความรัก [บทพิเศษ : 29/2/2020] หน้า 3
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: Unrequited Love ผม....ผู้ไม่เคยสมหวังในความรัก [บทพิเศษ : 29/2/2020] หน้า 3  (อ่าน 23291 ครั้ง)

ออฟไลน์ chaleeisis

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 249
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +96/-3
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ


ติดตามกฏเพิ่มเติมที่กระทู้นี้บ่อยๆ เมื่อมีการแก้ไขกฏจะแก้ไขที่กระทู้นี้นะครับ
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0

ประกาศทั่วไปติดตามอัพเดทกันที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.0
ประกาศ กฎที่อื่นมีไว้แหก แต่ห้ามมาแหกที่นี่

1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด
การสนใจและชื่นชอบนิยายและเรื่องเล่าของคนในเรื่องควรมีขอบเขตที่จะไม่สร้างความเดือดร้อนให้เจ้าของเรื่อง เช่นเดียวกับเป็ดที่ตอนนี้ถูกรังควานตามหาตัวจากคนด้านต่างๆ จนตัดสินใจไม่เล่าเรื่องต่อ.........เนื่องจากบางเรื่องเป็นเรื่องเล่า.....................บางคนไม่ได้เปิดเผยตัวตน  เขาพอใจจะมีความสุขในที่เล็กๆแห่งนี้โดยไม่ได้ตั้งใจให้คนภายนอกได้รับรู้เรื่องราวแล้วนำไปพูดต่อ   เพราะปฎิเสธไม่ได้ว่าสังคมไม่ได้ยอมรับพวกเราสักเท่าไหร่

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท,
หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง
หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์
และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด
การกระทำเช่นนั้นอาจทำให้คุณแบนทันที และถาวร . หมายเลข IP ของทุกโพสต์จะถูกบันทึกเพื่อใช้เป็นหลักฐาน
ในความเป็นจริงเป็นไปได้ยากมากที่จะให้แต่ละคนมีความคิดเห็นตรงกันทั้งหมด   คนเรามากมายต่างความคิดต่างความเห็น เติบโตมาภายใต้ภาวะแวดล้อมต่างกันการแสดงความคิดเห็นที่แตกต่าง   จึงควรทำเพื่อให้เกิดความเข้าใจกัน แบ่งปันประสบการณ์และมิตรภาพเพื่ออาจเป็นประโยชน์ในการใช้ชีวิต  และไม่ว่าจะอย่างไรก็ควรเคารพในความคิดเห็นที่แตกต่างของบุคคลอื่นช่วยกันสร้างให้บอร์ดนี้มีแต่ความรักนะครับ   

เรื่องบางเรื่องอาจจะเป็นทั้งเรื่องแต่งหรือเรื่องเล่าใดๆก็ขอให้ระลึกเสมอว่า  อ่านเพื่อความบันเทิงและเก็บประสบการณ์ชีวิตที่คุณไม่ต้องไปเจอความเจ็บปวดเล่านั้นเองเพื่อเป็นข้อเตือนใจ สอนใจในการตัดสินใจใช้ชีวิต   จึงไม่ต้องพยายามสืบหาว่าเรื่องจริงหรือเรื่องแต่งส่วนการพูดคุยนั้น   ก็ประมาณอย่าทำให้กระทุ้กลายพันธุ์ห้ามเอาเรื่องส่วนตัวมาปรึกษาพูดคุยกันโดยที่ไม่เกี่ยวพันกับเรื่องในกระทู้นิยาย  ถ้าจะวิจารณ์หรือแสดงความคิดเห็นทุกคนมีสิทธิแต่ขอให้ไปตั้งกระทู้ที่บอร์ดอื่นที่ไม่ใช่ที่นี่นะครับ

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อเจ้าของเรื่องเท่าที่จะทำได้หรือแจ้งมายังบอร์ดนี้ก่อนนะครับ  เนื่องจากเจ้าของเรื่องบางครั้งไม่ต้องการให้คนที่ไม่ได้ชื่นชอบนิยายชายรักชายเข้ามารับรู้  ลิขสิทธิ์ทั้งหมดเป็นของเจ้าของคนที่ทำขึ้นและเวปแห่งนี้นะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอมให้ส่งหรือติดต่อกันทางพีเอ็มจะปลอดภัยกว่าแล้วเมื่อมีการติดต่อสื่อสารกันให้พึงระวังถึงความปลอดภัย ความไม่น่าไว้ใจของผุ้คนทุกคนแม้จะมีชื่อเสียงในบอร์ดเป็นเรื่องส่วนตัวของแต่ละคนไป เพื่อลดความขัดแย้งภายในเล้า จึงไม่สนับสนุนให้มีการจีบกันในบอร์ดนะครับ

5.ห้ามจั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียวให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตาม
เพราะแม้จะเป็นเรื่องที่เขียนจากเรื่องจริง เมื่อนำมาพิมพ์เป็นเรื่องผ่านตัวอักษร ย่อมเลี่ยงไม่ได้ที่จะมีการเพิ่มเติมเพื่อให้เกิดสีสันในเนื้อเรื่อง ทางเล้าถือว่านั่นคือการเพิ่มเติมเนื้อเรื่อง จึงไม่อนุญาตให้จั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” แต่สามารถแจ้งว่าเป็น “นิยายที่อ้างอิงมาจากชีวิตจริง” ได้  มีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

6.การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insearch qoute  ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ

8.Administrator และ moderator ของ forum นี้ มีสิทธิ์อ่าน, ลบ หรือแก้ไขทุกข้อความ. และ administrator, moderator หรือ webmaster ไม่สามารถรับผิดชอบต่อข้อความที่คุณได้แสดงความคิดเห็น (ยกเว้นว่าพวกเขาจะเป็นผู้โพสต์เอง).

9.คุณยินยอมให้ข้อมูลทุกอย่างของคุณถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูล. ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกเปิดเผยต่อผู้อื่นโดยไม่ได้รับการยินยอมจากคุณ .Webmaster, administrator และ moderator ไม่สามารถรับผิดชอบต่อการถูกเจาะข้อมูล แล้วนำไปสร้างความเดือดร้อนต่างๆ

10.ห้ามลงประกาศลิงค์โปรโมทเวป  โฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ลงได้เฉพาะในห้องซื้อขาย ในเมื่อแนะนำเวปอื่นที่บอร์ดเรา ก็ช่วยแนะนำบอร์ดเราโดยลงลิงค์บอร์ดเรา เวป http://www.thaiboyslove.com  ในบอร์ดที่ท่านแนะนำมาให้เราด้วย  เมื่อจำเป็นต้องแนะนำลิงค์ให้ส่งลิงค์กันทาง personal message หรือพีเอ็มแทนนะครับจะสะดวกกว่า ส่วนในกรณีอยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนๆได้อ่านจริงๆนั้นพยายามลงให้ห้องซื้อขายซะ หรือถ้าม๊อดเดอเรเตอร์จะพิจารณาเป็นกรณีๆไป ถ้ารู้สึกว่าไม่ได้โปรโมทเวป แต่อยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนด้วยใจจริงจะให้กระทู้นั้นคงอยู่ต่อไป

11.บอร์ดนิยายที่โพสจนจบแล้วมีไว้สำหรับนิยายที่โพสในบอร์ด boy's love จนจบแล้วเท่านั้น จึงจะถูกย้ายมาเก็บไว้ที่นี่ หาอ่านนิยายที่จบแล้ว หรือคนเขียนไม่ได้เขียนต่อ แต่โดยนัยแล้วถือว่าพล็อตเรื่องโดยรวมสมควรแก่การจบแล้ว หากนักเขียนท่านใดได้พิมพ์เล่มกับสำนักพิมพ์ ต้องการลบเรือ่งบางส่วนออก โดยเฉพาะไคลแม๊ก หรือตอนจบที่สำคัญ ให้แจ้ง moderator ย้ายนิยายของท่านสู่ห้องนิยายไม่จบ เพื่อที่หากระยะเวลาเกินหกเดือนแล้ว เราจะได้ทำการลบทิ้ง หรือท่านจะลบนิยายดังกล่าวทิ้งเสียก็ได้ เนื่องจากบอร์ดนี้เก็บเฉพาะนิยายที่จบแล้ว

บอร์ดนิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบไว้สำหรับ
นิยายที่คนเขียนไม่ได้มาต่อนาน หายไปโดยไม่มีเหตุผลสมควร ไม่ได้แจ้งไว้หรือแจ้งแล้วก็ไม่มาต่อ 3 เดือน จะย้ายมาเก็บในนี้เมื่อครบหกเดือนจะทำการลบทิ้ง ส่วนเรื่องไหนที่จะต่อก็ต่อในนี้จนกว่าจะจบ แล้วถึงจะทำการย้ายไปสู่บอร์ดนิยายจบแล้วต่อไป

12.ห้ามนำเรื่องพิพาทต่างๆมาเคลียร์กันในบอร์ด

13.ผู้โพสนิยาย และเขียนนิยายกรุณาโพสให้จบ ตรวจสอบคำผิดก่อนนำมาลงด้วยครับ

14.ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน  ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ

15. การนำรูปภาพ บทความ ฯลฯ มาลงในเวปบอร์ด  ควรจะให้เครดิตกับ...
(1) ผู้ที่เป็นต้นตอเจ้าของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ
(2) เวปไซต์ต้นตอที่อ้างอิงถึง
....ในกรณีที่เป็นบทความที่ถูกอ้างอิงต่อมาจากเวปไซต์อื่นๆ
- ถ้ามีแหล่งต้นตอของเจ้าของบทความ  ให้โพสชื่อเจ้าของต้นตอของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ  พร้อมทั้งเวปไซต์ที่อ้างอิง
  (กรณีนี้จะโพสอ้างอิงชื่อผู้โพสหรือเวปไซต์ที่เรานำมาหรือไม่ก็ได้ แต่ควรมั่นใจว่าชื่อต้นตอของที่มาถูกต้อง)
- ถ้าไม่สามารถหาชื่อต้นตอของรูปภาพหรือเวปไซต์ที่นำมาได้ ควรอ้างอิงชื่อผู้โพสและเวปไซต์จากแหล่งที่เรานำมาเสมอ
- ควรขออนุญาติเจ้าของภาพหรือเจ้าของบทความก่อนนำมาโพสค่ะ(ถ้าเป็นไปได้) ยกเว้นพวกเวปไซต์สาธารณะ เช่น  หนังสือพิมพ์ออนไลน์ ฯลฯ ที่เปิดให้คนทั่วไปได้อ่านเป็นสาธารณะ ก็นำมาโพสได้ แต่ให้อ้างอิงเจ้าของชื่อและแหล่งที่มาค่ะ
- ไม่ควรดัดแปลงหรือแก้ไขเครดิตที่ติดมากับรูปหรือบทความก่อนนำมาโพส
- ถ้าเป็น FW mail  ก็บอกไปเลยว่าเอามาจาก FW mail

16.นิยายเรื่องไหนที่คิดว่าเมื่อมีการรวมเล่มขายแล้วจะลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออก กรุณาอย่าเอามาลงที่นี่ หรือสำหรับผู้ที่ขอนิยายจากนักเขียนอื่นมาลง ต้องมั่นใจว่าเรื่องนั้นจะไม่มีการลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออกเมื่อมีการรวมเล่มขาย อนึ่ง เล้าไม่ได้ห้ามให้มีการรวมเล่มแต่อย่างใด สามารถรวมเล่มขายกันได้ แต่อยากให้เคารพกฎของเล้าด้วย เล้าเปิดโอกาสให้ทุกคน จะทำมาหากิน หรืออะไรก็ตามแต่ขอความร่วมมือด้วย เผื่อที่ทุกคนจะได้อยู่อย่างมีความสุข

17.ห้ามแจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน  ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง  นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฏการซื้อขายของเล้่าก่อน ด้วยนะคะ)
ว่าด้วยเรื่องการจะรวมเล่มนิยายขายในเล้า จะต้องมี ID ซื้อขายก่อน ถึงจะสามารถประกาศ ..แจ้งข่าว.. ที่บนหัวกระทู้ของนิยายได้ ในกรณีที่ รวมเล่มกับ สนพ. ที่มี  ID ซื้อขายของเล้าแล้ว นักเขียนก็สามารถใช้ หมายเลข  ID ของ สนพ. ลงแจ้งในหน้าที่มีเนื้อหารายละเอียดการสั่งจองนิยายได้

18.ใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดเรื่องสั้น ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที  ส่วนเรื่องสั้นที่จบแล้วให้แก้ไขโพสแรก และต่อท้ายว่าจบแล้วจะได้ไม่ถูกลบทิ้งและจะเก็บไว้ที่บอร์ดเรื่องสั้นไม่ย้ายไปไหน   เช่นเดียวกับนิยายทุกเรื่องเมื่อจบให้แก้ไขโพสแรก และต่อท้ายว่าจบแล้ว จะได้ย้ายเข้าสู่บอร์ดนิยายจบแล้ว ไม่เช่นนั้นม๊อดอาจเข้าใจว่าไม่มาต่อนิยายนานเกินจะโดนลบทิ้งครับ

เอาข้อสำคัญก่อนนะครับเด่วอื่นๆจะทำมาเพิ่มครับเอิ้กๆหุหุ
admin
thaiboyslove.com.......................................                                                           

วันที่ 3 ธ.ค. 2551วันที่ 16 ก.ย. 2554 ได้เพิ่มกฏ ข้อที่ 7
วันที่ 21 ต.ค.2556 ได้ปรับปรุงกฏทั้งหมดเพื่อให้แก้ไข และติดตามได้ง่าย
วันที่ 11 พ.ย. 2557 เพิ่มเติมการลงเรื่องสั้นและการแจ้งว่านิยายจบแล้ว
วันที่ 4 ธ.ค. 2557 เพิ่มบอร์ดเรื่องสั้นจึงปรับปรุงกฏข้อ 18 เกี่ยวกับเรื่องสั้น และ เพิ่มเติมส่วนขยายของกฏข้อ 17



เวปไซต์แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่างประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม


******************************************************************************************



"แด่ความรักที่ไม่สมหวังและอาถรรพ์เลข 13 ที่ผมเจอมาตลอดทั้งชีวิต"



------------------------------


Dissapointment


ผมผิดหวังทุกครั้งในเรื่องของความรัก

เวลามีใครสักคนเข้ามาในชีวิต ผมอยากให้เขาเป็นคนสุดท้ายเสมอ....แต่ก็ไม่มีเลย

คำสัญญาว่าที่ว่าตลอดไปก็ไม่มีอยู่จริง

ผมเก็บความผิดหวังเอาไว้ในใจมากมายเพื่อรอใครสักคนที่จะทำให้ผมหลุดพ้นจากตรงนี้

ใครสักคนที่จะทำให้ความรักของผม.....สมหวัง

 
--------------------------------


LoveWriteProject : Unrequited Love ผม....ผู้ไม่เคยสมหวังในความรัก
ติดต่อข่าวสาร - Twitter : Chaleeisis
#ผมผู้ไม่เคยสมหวังในความรัก #สามเฌอ
Share This Topic To FaceBook
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 29-02-2020 20:28:12 โดย chaleeisis »

ออฟไลน์ chaleeisis

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 249
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +96/-3
บทที่ 1 อาถรรพ์วันที่ 13



ทุกคนต้องมีสิ่งที่ตัวเองไม่ชอบใช่ไหมล่ะ

ผมน่ะไม่ชอบเลข 13 เอามากๆ ไม่ว่าจะวันนี้ เบอร์ของสิ่งของต่างๆ หรืออะไรก็ช่างเถอะ

ลัคกี้นัมเบอร์ที่โคตรเลวร้ายสำหรับผมเลย

“เราเลิกกันเถอะค่ะพี่เฌอ” เสียงเรียบเอ่ยออกมาจากผู้หญิงที่ขึ้นชื่อว่าเป็นแฟนของผม เราคบกันมาเกือบเดือนซึ่งมันไม่ได้นานนักแต่ผมกลับรู้สึกแย่มากที่ต้องได้ยินอะไรแบบนี้

วันที่ 13 ครับ และแฟนผมคนที่เท่าไหร่ไม่รู้ก็ได้เลือกที่จะเดินจากผมไป

“ทำไมล่ะน้องแอม ที่ผ่านมาพี่ไม่โอเคเหรอ น้องแอมอยากให้พี่ปรับตรงไหน พี่พร้อมจะ....”

“มันไม่ใช่เพราะพี่ไม่ดีหรอกค่ะ กลับกัน พี่ดีเกินไปต่างหาก”

“แล้วน้องแอมไม่ชอบคนดีเหรอ”

“พี่เฌอไม่เข้าใจหรอกค่ะ เอาเป็นว่าเรายุติความสัมพันธ์นี้เถอะนะคะ แอมขอตัวค่ะ” สิ้นเสียงพูด ร่างบางก็เดินออกไปจากห้อง เหลือเพียงผมที่นั่งทำหน้าเศร้าอยู่กับกะเพราเนื้อเผ็ดน้อยไม่ใส่แครอตเท่านั้น

เฮ้อ....ทำไมต้องลำบากสั่งไม่ให้เขาใส่แครอตทั้งๆ ที่ผัดกะเพราไม่ควรมีแครอตวะ

จะซีเรียสเรื่องกะเพรามากกว่าแฟนบอกเลิกไม่ได้ป้ะวะเฌอ

ผมชื่อ ‘เฌอ’ ชรัน นามสกุลยาวมากเพราะงั้นขอข้ามนะครับ ตอนนี้อยู่ในช่วงอกหักสดๆ ร้อนๆ และค่อนข้างสับสนกับเหตุผลที่น้องแอมบอกมาว่าผมดีเกินไป ทำไมพูดเหมือนน้องผึ้งกับน้องสกายเลยวะ ไม่เข้าใจอะ เป็นแฟนที่ดีแล้วทำไมไม่ชอบล่ะ คืออยากมีแฟนที่ไม่ดีหรือยังไง ทำไมคนเราต้องอยากมีแฟนที่ไม่ดีด้วย อา....เหตุผลของพวกเธอทำให้ผมเป็นงงมากเลยจริงๆ ทุกครั้งที่ถูกบอกเลิกด้วยเหตุผลว่าดีเกินไป มันก็คิดในใจนะว่าผมต้องทำตัวไม่ดีใช่ไหม พวกเธอถึงจะไม่จากไปไหน

แต่คิดไปคิดมา....ผมไม่จำเป็นต้องเปลี่ยนความเป็นตัวเองเพื่อรั้งใครสักคนไว้

ความเป็นตัวเองที่มันไม่ได้ทำให้ผมเป็นคนที่ดีขึ้น

ผมไม่ต้องทำแบบนั้นเลยจริงๆ

เรื่องที่ตลกร้ายคือแฟนผมแต่ละคนมักจะบอกเลิกผมในวันที่ 13 หรือไม่ก็วันที่คบกันมาเป็นวันที่ 13 เชื่อไหมว่าเวลามีแฟนแต่ละคนผมต้องนับวันตลอดเลยนะว่ามันครบ 13 วันรึยัง ถ้ากับแฟนคนไหนผ่านไปได้ก็ต้องมารอลุ้นวันที่ 13 ที่จะมาถึง ไม่รู้ว่าไปทำเวรทำกรรมอะไรกับวันที่ 13 หรืออะไรที่ข้องเกี่ยวกับตัวเลขนี้นัก มันเป็นแบบนี้มานานแล้วด้วยนะตั้งแต่ที่ผมยังเด็กๆ เลย ความจริงเหมือนมีความผูกพันอะไรกับมันล่ะมั้ง

ผมเกิดวันที่ 13 เดือน 3 เวลา 13.13 น.

เข้าเรียนทีไรรายชื่อก็อยู่เลข 13 ตลอด

รหัสนักศึกษาตอนอยู่มหา’ลัยก็ลงท้ายด้วยเลข 13

“น้องกะเพรา พี่เฌอขอเอาน้องกะเพราไปแช่ตู้เย็นไว้ก่อนนะ แล้วตอนเย็นพี่เฌอจะกลับมาเวฟกิน ไม่ต้องเศร้าไปเพราะคนที่ควรเศร้าที่สุดในตอนนี้ก็คือพี่เฌอเอง” ควรไปหาหมอด้วยแหละเอาจริงๆ

อกหักแล้วพูดกับผัดกะเพราเป็นเรื่องเป็นราว

โอเค วันนี้เป็นเฟลเดย์ จากคนที่มีแฟนอยู่ดีดีก็กลายเป็นคนโสด โสดแบบงงๆ โสดเพราะดีเกินไป ใช่ซี้ ถ้าชอบคนนิสัยไม่น่ารักก็ไปหาเอาที่อื่นเลยน้องแอม ไม่ต้องมาสนใจคนน่ารักแบบพี่หรอก เอาจริงๆ ผมเจอเรื่องแบบนี้บ่อยมากเลยล่ะ เพราะเป็นคนเปลี่ยนแฟนบ่อย แต่ผมไม่เคยบอกเลิกแฟนเลยสักครั้ง มีแต่พวกเธอที่บอกเลิกผมด้วยเหตุผลต่างๆ นานาที่ฟังขึ้นบ้าง ฟังไม่ขึ้นบ้าง ทุกครั้งที่เลิกกับแฟนผมก็เสียใจนะ คือคิดตลอดตั้งแต่คบกันเลยว่าถ้าคนๆ นี้จะอยู่กับเราตลอดไปก็คงจะดี

แต่คำว่าตลอดไปดันไม่มีจริง

ผมหยิบกระเป๋าคาดอกกับชีทก่อนจะเดินออกมาจากห้องของตัวเอง ห่อเหี่ยว เหี่ยวมากเลยไอ้เวร คือเชื่อป้ะว่าเมื่ออาทิตย์ก่อนผมยังคุยกับน้องแอมเรื่องที่จะไปเที่ยวด้วยกันหลังสอบมิดเทอมอยู่เลยอะ แล้วคือทุกอย่างมันกลายมาเป็นแบบนี้ได้ยังไงก็ไม่รู้ จิ๊....ช่างแม่ง เดี๋ยวผมจะไปเที่ยวคนเดียวคอยดู เพื่อนฝูงก็ไม่ต้องเอาไป ไปเองสนุกเอง ถ้าใจเราสนุก ไปคนเดียวก็สนุก ถ้าเมาก็นอนข้างถนนกับหมานั่นแหละ

หมาต้องปลื้มอะได้เพื่อนนอนด้วยเบ้าหน้าดีขนาดนี้

ผมเสียบหูฟังก่อนจะเปิดเพลงเศร้าบิ๊วท์อารมณ์ตัวเองที่เพิ่งถูกทิ้ง มือก็โบกรถสองแถวเพื่อจะไปมหา’ลัย คือรถตัวเองน่ะมีครับ แต่ปัญหาคือไม่รู้ว่ากุญแจรถอยู่ส่วนไหนของห้อง คือผมน่าจะวางไว้ที่โต๊ะข้างหัวเตียงนะแต่ไม่รู้มันหายไปไหน ช่างเถอะ นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ผมหากุญแจรถไม่เจอ

ชินแล้วแหละ

ชินเหมือนกับการอกหักอะ

ผมโหนรถสองแถวที่คนแน่นจัดๆ การขึ้นรถสองแถวมันเป็นความลำบากอย่างนึงของคนตัวสูงเลยนะ แต่ดูทรงก็คงไม่ได้มีแค่ผมที่ต้องยืนแล้วก้มหัวแบบนี้ เพราะคนข้างๆ ก็ก้มหัวเยอะอยู่เหมือนกัน เหมือนจะสูงกว่าผมด้วยแฮะ จะว่าไป....คนที่ตัวสูงกว่าผมนั้นคือก็เหล่าสหายรักทั้งสี่คนเลยนี่หว่า ทำไมพอคิดแบบนี้แล้วตัวเองดูเป็นคนตัวน้อยตัวนิดไปเลยวะ เอาจริงๆ ผมกับทะเลนี่ตัวพอๆ กันเลยนะ

ผมอาจจะตัวบางกว่านิดหน่อย

“โอ๊ยยยย”

เพล้งงงง

เชี่ย....น้องโทรศัพท์ของพี่เฌอ

“กระเป๋าเกี่ยวอะไรวะ ยิ่งรีบๆ อยู่” เสียงโวยวายดังออกมาจากผู้ชายคนนึงที่ท้ายรถ “หูฟังใครวะ”

ผมเดินตามลงมา “หูฟังผมเอง”

“ทำไมไม่ดูวะ เห็นป้ะว่ามันเกี่ยวกระเป๋าคนอื่นอะ”

“ผมหนีบสายหูฟังไว้กับช็อปตัวเองแล้วและผมก็มั่นใจว่ามันไม่ได้ไปรบกวนใคร แต่ตะขอกระเป๋าคุณนั่นแหละที่มาเกี่ยวหูฟังของผม อีกอย่างคุณขึ้นรถมาทีหลังนะ ผมก็ยืนของผมอยู่ดีดี” ผมหยิบโทรศัพท์ของตัวเองที่จอแตกเป็นเสี่ยงให้อีกฝ่ายดู “ผมมากกว่าไหมที่เป็นฝ่ายควรหัวเสียเนี่ยะ”

“ช่วยไม่ได้ มึงไม่ระวังเอง”

ผมกระชากคอเสื้อคนตรงหน้าเข้ามาใกล้ “....ว่ายังไงนะครับ ไหนพูดอีกทีซิ”

“.....”

“ไม่ปากดีแบบเมื่อกี๊อะครับ” ผมผลักคนตรงหน้าออก “คุณโชคดีนะที่วันนี้คู่กรณีคุณคือผม ถ้าคุณไปเจอคนที่เขาระงับอารมณ์ตัวเองไม่ได้เนี่ยะ เรื่องมันไม่ได้จบแบบนี้หรอกนะครับ และอีกอย่าง....”

“.....”

“ถ้ามีน้ำใจต่อคนรอบข้างบ้าง....ก็จะดีนะครับ” ผมบอกก่อนจะเดินกลับขึ้นมาบนรถสองแถวอย่างเดิม ไม่สนสายตาใครด้วยเพราะหงุดหงิด จะมองกันยังไง จะคิดยังไงก็ตามใจเลย

จิ๊....น้องโทรศัพท์เพิ่งซ่อมจอเมื่ออาทิตย์ก่อนเองไอ้เวรเอ๊ย

ผมว่าตัวเองควรใช้โทรศัพท์ที่ไม่ต้องมีลูกเล่นใดใดนอกจากโทรเท่านั้น เชื่อป้ะว่าปีนี้ผมเปลี่ยนโทรศัพท์มาเป็นเครื่องที่สี่แล้ว ส่วนมากจอแตกแล้วเครื่องรวน มีเมาแล้วทำหายไปเครื่องนึง เสียหายหลายหมื่นแล้วเนี่ย แม่งหงุดหงิดว่ะ ต้องส่งน้องโทรศัพท์ซ่อมจอ ระหว่างรอโทรศัพท์ซ่อมก็จะต้องไปเอาเครื่องเก่ามาใช้แทน

วันนี้แม่งอะไรวะเนี่ย

เอาน่ะ ถึงจะมีเรื่องแย่ๆ เกิดขึ้นแต่ก็ยังดีที่ลุงขับรถสองแถวยังรอให้ผมทะเลาะกับไอ้เวรนั่นเสร็จ ไม่แน่นะ ที่มันแย่สุดก็อาจจะแค่ตอนนี้ก็ได้ ถ้ามองโลกในแง่บวก เดี๋ยวมันก็คงบวกเองแหละ จะว่าไปวันนี้ก็ไม่ค่อยเท่าไหร่หรอก

แฟนบอกเลิก

หากุญแจรถไม่เจอ

โทรศัพท์จอแตก

งืม....ก็ยังได้อีกนะ

ผมกดออดรถสองแถวก่อนจะเดินลงไปจ่ายเงินลุง ตอนนี้เกือบ 10 โมงแล้วซึ่งผมมีเรียนตอนเที่ยงครึ่งครับ ยังมีเวลาเหลืออีกเยอะก็เลยกะว่าจะไปหาโจ๊กกินสักหน่อย พอคิดได้แบบนั้นผมก็ลากสังขารตัวเองดิ่งไปร้านโจ๊กหน้ามหา’ลัยทันที

“เอาโจ๊กหมูใส่ไข่ 1 ถ้วยครับ”

“นั่งรอแป๊บนึงนะพ่อหนุ่ม”

“ครับ” ผมเดินไปนั่งรอที่โต๊ะก่อนจะหยิบน้องโทรศัพท์ขึ้นมากดดูโน่นนี่นั่น น้องมึงก็บอบบางจังเลย สงสัยจะร่วงในองศาพิสดาร จอถึงได้แตกเป็นเสี่ยงถึงขนาดนี้

“นี่โจ๊กหมูใส่ไข่นะลูก” ป้าส่งถ้วยโจ๊กให้ก่อนจะหันไปคุยกับลูกค้า “พ่อหนุ่มมานั่งนี่ก็ได้ ตรงนี้ยังว่างอยู่ที่นึง”

ผมตักผงพริกใส่โจ๊กพร้อมกับเหยาะน้ำปลาเพิ่มนิดหน่อยและก็ไม่ได้สนใจว่าใครจะมานั่งกินโจ๊กร่วมโต๊ะเดียวกันเพราะมันเป็นเรื่องปกติอยู่แล้วสำหรับการแบ่งที่กันนั่ง จะว่าไป....ถ้าน้องแอมไม่บอกเลิกผม ป่านนี้สิ่งที่ผมกินคงเป็นน้องกะเพราเนื้อแล้วแหละ เออทำไมไม่ไปกินกะเพราเนื้อที่โรงอาหารคณะวะ เอ้ยไม่ได้ดิ ถ้าไปน้องกะเพราที่ร้านอาหารคณะ น้องกะเพราที่หอผมคงเสียใจแย่

น้องคงคิดว่าตัวเองผิดอะไรทำไมผมไม่กินน้อง

ไม่เอาๆ ผมจะไม่ทำให้น้องกะเพราที่หอรู้สึกเสียใจเด็ดขาด

หลังจากที่นั่งโจ๊กอยู่พักใหญ่ น้องโทรศัพท์ของผมก็เกิดอาการสั่นด๊อกแด๊ก มีคนโทรมาครับ หน้าจอชื่อว่าเจ้าแช่มเพื่อนรักสงสัยคิดถึงแหละ พอคิดได้ว่าเพื่อนรักจะทนความคิดถึงไม่ไหวผมจึงกดรับสาย

“ว่า.....”

(โดดเรียนเหรอ)

“โดดเรียนไรวะ วันนี้เรียนเที่ยงครึ่ง”

(ไอ้เฌอ)

“ห้ะ”

(วันนี้วันอังคาร วันอังคารเรียน 9 โมงครึ่ง วันที่เรียนเที่ยงครึ่งมันวันพุธกับวันพฤหัสโน่น นี่มึงจำวันผิดขนาดนี้เลยอ๋อ ไปหาหมอบ้างนะ ควรเช็กสมองอะ)

มาเป็นชุดเลยนะไอ้เวร

“เออๆ ก็แค่จำวันผิดป้ะวะ เดี๋ยวกูรีบไปละกัน” ผมกดวางสายก่อนจะลุกไปจ่ายเงินแล้วเดินออกจากร้าน แม่งเอ๊ย วันนี้วันอังคารเหรอวะ แล้วทำไมสมองถึงจำว่าเมื่อวานเป็นวันพุธเนี่ยะ

แม่ง....งงว่ะ

ช่างแม่งเถอะ วันที่ 13 ทีไรมันก็มักเป็นแบบนี้แหละ แทนที่จะเอาเวลามานอยด์แดกกับชีวิตตัวเอง ผมควรรีบไปเรียนก่อนดีกว่า คืออยากวิ่งนะ แต่โจ๊กอัดอยู่ในท้องคงได้ทะลุออกทางปากแหละ ผมอาศัยวิธีการเดินเร็วไปที่ตึกคณะวิศวกรรมศาสตร์ ห้องที่เรียนอยู่ชั้น 3 ครับ ริมสุดติดทางเดินที่ไฟพังแล้วก็ไม่มีใครซ่อมสักที ตอนกลางคืนโคตรน่ากลัวเลยอะ ลองนึกภาพช่วงที่ต้องทำงานอยู่คณะยันดึกดื่นดิ

ชีวิตโคตรน่าสงสารเลย

ผมเดินเข้ามาในห้องเรียนพร้อมกับยิ้มแห้งๆ ให้อาจารย์วิชัย “ผมมาสายครับ”

“รู้ตัวหนิ จำวันผิดอีกรึไง”

“ใช่ครับ นึกว่าวันพฤหัสฯ ”

“ไปนั่ง....แต่ผมเช็กสายไปแล้วนะ”

“ครับ” หลังจากที่รับคำอาจารย์เรียบร้อยผมก็เดินมานั่งระหว่างเพื่อนแช่มและเพื่อนขัน “ไม่ต้องหาเรื่องดุกูเพิ่มนะ มึงไม่รู้หรอกว่าวันนี้กูเจออะไรมาบ้าง”

“วันนี้วันที่ 13 ”

“อกหักมาอะดิ”

“พวกมึงรู้ได้ไงเนี่ยะ”

“เป็นธรรมเนียมปกติป้ะวะ ใครไม่รู้เรื่องนี้บ้าง” ไอ้ขันบอกก่อนจะยกมือแตะไหล่ผมเบาๆ “พี่ขันเสียใจกับน้องเฌอด้วยนะคะ อยากปลอบใจเหมือนกันแต่ติดตรงที่พี่มีเมียแล้ว”

“สะเหล่อ” กูจะฟ้องไอ้หมีให้ด้วย

“เออแล้วชีทอะเฌอ มึงลืมเอามาเหรอ”

ชีท....

“เชี่ยยยย ลืมไว้ร้านโจ๊ก” ผมทำท่าจะลุกออกจากเก้าอี้แต่ชริตเป็ดรั้งแขนไว้ซะก่อน “กูจะไปเอาชีท”

“ป่านนี้คงอยู่มั้ง ช่างมัน ดูจากสมุดกูก็ได้ กูสรุปให้หมดแล้ว”

“เออๆ ”

วันนี้คงเป็นวันเฮงซวยของผมจริงๆ อะ ชีทที่ลืมไว้ร้านโจ๊กนั่นสำคัญมากเลยนะ คือผมเนี่ยะ ไม่มีสมุดเลคเชอร์เหมือนคนอื่น อาศัยการจดลงชีทอย่างเดียว เขียนแล้วมีตัวการ์ตูนประกอบอย่างน่ารัก ใช้มาทั้งเทอมแต่สุดท้ายแล้วก็ไปลืมไว้ร้านโจ๊ก อยากได้ก้านมะยมว่ะ คือชรันควรโดนตีจนขาลาย โทษฐานขี้ลืมแบบปลาทอง

โวะ หงุดหงิดโคตรๆ

“อยากแดกเบียร์ออื้อออ.อ.....” มือเรียวของไอ้ขันยกขึ้นปิดปากผมซึ่งเป็นขณะเดียวกันกับที่ทุกคนหันมามอง อาจารย์วิชัยก็เป็นหนึ่งในนั้น

อย่าบอกนะว่าเผลอออกเสียงไปอะ

“กลับหอไปนอนไหมชรัน เธอดูเหมือนไม่ค่อยมีสตินะ”

ผมแกะมือไอ้ขันออก “ขอโทษครับอาจารย์ ผมคงนอนน้อยไปหน่อย”

“เหมือนคนไม่ได้นอนเลยมากกว่า จดต่อ”

“ครับ” ผมยกมือขึ้นลูบตัวเองเพื่อตั้งสติ

“มึงไหวป้ะเนี่ย เกิดไรขึ้นบ้างไหนบอกมาซิ”

“ก็เมื่อเช้าน้องแอมบอกเลิกกู กูก็เสียใจมากๆ แล้วก็ขึ้นสองแถวมาเรียนเพราะหากุญแจรถไม่เจอ แล้วก็มีกระเป๋าของไอ้เวรที่ไหนไม่รู้มาเกี่ยวสายหูฟังกูจนน้องโทรศัพท์กูร่วงแล้วหน้าจอแตกยับ จากนั้นกูก็ไปกินโจ๊ก ลืมชีทไว้ร้านโจ๊ก จำวันผิดจนมาเรียนสาย”

“น่าสงสารเนอะ แฟนคนที่เท่าไหร่แล้ววะ”

“สองแสนแล้วมั้ง”

“พูดเป็นเว่อร์” ไอ้ขันหยิบลูกอมในกระเป๋าส่งมาให้ผม “เอาน่ะ มันคงไม่แย่ไปทุกอย่างหรอก”

แย่ดิ

แย่ตั้งแต่เป็นวันที่ 13 แล้ว

ผมแกะลูมอมก่อนจะส่งเข้าปาก ในหัวก็คิดถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้นตั้งแต่ตอนตื่น นี่แค่ครึ่งวันเองนะ เมื่อก่อนผมเคยคิดว่าตัวเองคิดมากไปเรื่องวันที่ 13 หรืออะไรก็ตามที่เกี่ยวกับเลข 13 จนแบบพอโตมาเรื่อยๆ ก็คิดว่าแม่งต้องใช่แน่ คนเราอาจจะมีหนึ่งวันที่ถูกกำหนดไว้ให้เป็นวันเฮงซวยของชีวิตก็ได้ ชีวิตผมในวันอื่นๆ มันไม่ขนาดนี้อะ โชคร้ายสุดก็แค่เดินชนประตู แล้วเนี่ยะ ความรู้สึกที่อยากกินเหล้าเมาหัวทิ่มแต่หัววันก็เข้ามา

ผมถือคติว่าเมาให้สุดแล้วหยุดที่พุ่มไม้ครับ

“คืนนี้ไปกินเหล้ากันไหม”

“ขอผ่านว่ะ กูบำบัดอยู่ กินเหล้าไม่ได้” เพื่อนแช่มบอกพร้อมทำหน้าเศร้า “ไว้จะรีบหายเพื่อไปกินเหล้าเป็นเพื่อนนะ”

“เออรีบหายแล้วกันไอ้เวร แล้วมึงอะขัน”

“ไปไม่ได้ว่ะ วันนี้วันเกิดแม่ กูต้องกลับไปกินข้าวบ้าน”

ผมหันไปมองเพื่อนรักอีกสองคนด้านหลัง “พวกมึงอะ”

“กูไม่สบายเนี่ยะ มึงเห็นคูลฟีเวอร์ไหม ให้ผมกินเหล้า ให้ผมตายไปเลยดีกว่า”

“กูมีธุระกับพ่อ วันนี้คงมีแค่มึงคนเดียวแหละเฌอ”

งื้อออ...อ....อย่าพูดแบบนั้นนะจันทร์ฉาย

อย่าพูดว่ามีแค่กู

ผมฟุบหน้าลงกับโต๊ะอย่างหมดอาลัยตายอยาก ไม่มีเพื่อนว่างเลยสักคนอะ ตอนแรกที่ว่ารู้สึกเศร้าแม่งก็ยิ่งเศร้าไปใหญ่ ปกติแล้วผมไม่ได้มีปัญหากับการไปกินเหล้าคนเดียวป้ะวะ แต่วันนี้มันอกหักไง ผมก็อยากได้เพื่อนสักคนที่รับฟังผม ความจริงคือถ้าไอ้หมีไม่ต้องไปกับไอ้ขัน ผมก็ชวนมันไปด้วยแล้ว เห้อะ เบื่อจริงพวกมีพันธะ แต่ไม่เป็นไร ผมไปคนเดียวก็ได้ แค่กินเหล้าเอง ถ้าเหงามากๆ ก็คุยกับตัวเอง

เก่งอยู่แล้วเรื่องนั่นน่ะ

   

***

   

“กอดแน่นแค่ไหนสุดท้ายก็ต้องปล่อย ฝันดีแค่ไหนสุดท้ายก็ต้องตื่น....”

ผมโคตรชอบประโยคนี้เลย

เพลงเศร้า เหล้าและคนอกหัก องค์ประกอบนี้มันดูลงตัวดีจริงๆ วันนี้หนักหน่อยเพราะมานั่งอยู่คนเดียวและเชื่อได้เลยว่าถ้าลุกออกจากเก้าอี้ตอนนี้ ผมอาจจะหัวทิ่มอยู่แถวหน้าเคาน์เตอร์นี้เนี่ยแหละ ผมนั่งดื่มย้อมใจมาสักพักแล้ว เบียร์หมดไปสองโปรและตอนนี้เหล้ากำลังจะหมดตามไป คือกินหนักแบบตั้งใจสติหลุด กินให้เลอะเลือนไปชั่วขณะ กินทั้งๆ ที่รู้ว่ามันไม่ได้ดีต่อสุขภาพเลยแต่ก็เลือกที่จะกิน

เจ็บปวดหัวใจว่ะ

ทำไมผมต้องโดนทิ้งอยู่ตลอดด้วย

“อาการมันเป็นยังไงไหนบอกเฮียซิ”

“อกหัก แฟนบอกเลิกอีกแล้วเฮีย” ผมมองแก้วเหล้าที่เฮียเจ๋งชงส่งมาให้พลางเบะปาก “น้องแอมบอกว่าเฌอดีเกินไป ทำไมอะเฮีย เป็นคนดีแล้วไม่ดีเหรอ”

“เป็นคนดีน่ะดีแล้ว เฌอแค่ไม่ใช่สำหรับเขามากกว่า”

“งั้นเฌอก็ไม่เคยใช่สำหรับใครเลย” ผมยกน้ำสีอำพันขึ้นกระดกลงคอจนหมด อื้อออ...บาดคอชะมัด ออนเดอะร็อคนี่รุนแรงจริงๆ

“คิดแบบนั้นจริงๆ เหรอ”

“ใช่สิ รอบนี้นะ เฌอจะโสดไปสักสามปี”

“เฌอทำไม่ได้หรอกเพราะกับคนก่อนเฌอก็พูดแบบนี้ ตอนนั้นอกหักก็มาร้านเฮีย อาทิตย์นึงให้หลังก็มีแฟนใหม่ พอผ่านไปสองอาทิตย์ก็อกหักอีก เนี่ยะ เดี๋ยวเดือนหน้าเฌอก็มีแฟนใหม่แล้ว”

“เฮียรู้ได้ไง”

“เพราะใส่ใจถึงได้รู้ไง” มือเรียวขยี้หัวผมเบาๆ “ความจริง ถ้าเฌอไม่ใจดีกับทุกคนที่เข้ามา เฌอก็อาจจะไม่เสียใจแบบนี้ก็ได้”

“ก็คงงั้น” ผมกระดกเหล้าลงคอไปอีกแก้ว “เดี๋ยวมานะเฮีย ไปสูบบุหรี่แป๊บ”

“เดินไหวเหรอ”

“ไหวดิเฮีย แค่นี้จิ๊บๆ ” ผมบอกพลางลุกออกจากโต๊ะ ส่ายหัวสองสามทีเพื่อตั้งสติก่อนจะลากสังขารตัวเองเดินออกไปทางหลังร้าน โอ๊ยยยย ทำไมมันควบคุมร่างกายลำบากแบบนี้ล่ะ

ป้อแป้มากจะบ้าตาย

ผมล้วงกระเป๋าหลังกางเกงเพื่อจะหยิบตลับบุหรี่ออกมา เอ๊ะ ทำไมเบาโหวงแบบนี้ อย่าบอกนะว่าหมดอะ พอเปิดตลับดูก็เป็นแบบที่คิดจริงๆ ครับ บุหรี่หมด คือเซเว่นฯ เนี่ยะอยู่ห่างไปประมาณร้อยเมตรได้ ไม่ไกลนะแต่อาจจะเมากลิ้งอยู่ข้างทางก่อน เออเอาน่ะ ไม่ใช่ครั้งแรกที่กลิ้งสักหน่อย แค่ตั้งสติเอาไว้ดีดีเราก็จะเดินไปถึงได้โดนสวัสดิภาพ

“อื้อออ....” ผมเดินไปเซเว่นฯ ด้วยความทุลักทุเล ทำไมทางเดินมันคดเคี้ยวแบบนี้วะ แล้วไอ้อาการพะอืดพะอมนี้มันคืออะไรเนี่ยะ

เหมือนจะอ้วกอะ

ปั้กกกก

“โอ๊ยยยย” ผมชันตัวเองขึ้นมาหลังจากที่สะดุดฟุตปาธล้มลงอยู่เยื้องๆ เซเว่นฯ ฮ่าๆ ๆ ๆ สะเหล่อชิบหาย ทำไมสภาพมันดูน่าสมเพชแบบนี้วะ

เป็นแบบนี้มันไม่ดีเลยป้ะเฌอ

ผมมองแผลถลอกเป็นทางยาวที่ฝ่ามือ เจ็บแต่ยังไม่เท่ากับเจ็บใจ สติผมยังรับรู้เรื่องราวทุกอย่างที่เกิดขึ้นถึงมันอาจจะประมวลผลช้าไปหน่อย แต่ร่างกายเนี่ยะ ไม่ได้ดั่งใจเลย เออส่วนนึงก็เพราะกินเหล้าเข้าไปเยอะมากนั่นแหละ ตอนนี้ผมควรเข้าเซเว่นฯ ไปซื้อยาแทนที่จะซื้อบุหรี่ ไม่ดิ ก็ซื้อทั้งสองอย่างนั่นแหละ พอคิดได้แบบนั้นผมก็ชันตัวเพื่อลุกขึ้นยืนอีกรอบแต่เสียหลักไปด้านหลังแทน

“เห้ยยยย”

ไม่เจ็บ

“เป็นอะไรไหมครับ” เสียงของคนที่รั้งแขนผมไว้เอ่ยถาม “ไม่เจ็บตรงไหนใช่ไหม”

“อื้อออ..อ...” ผมดันเขาออกก่อนจะพุ่งไปอ้วกกับพุ่มไม้ แค่กกก...ก....ทรมานว่ะ ครั้งนี้ครั้งสุดท้ายนะเฌอ ครั้งหน้าไม่เอาแล้ว โคตรหมดสภาพเลยว่ะ

สัมผัสได้ถึงแรงลูบเบาๆ ที่หลังพร้อมกับมือที่ส่งขวดน้ำมาให้ “น้ำครับ”

“....ขอบคุณ” ผมใช้น้ำนั่นล้างหน้าล้างตาพร้อมกับล้างปากไปด้วย เวียนหัวว่ะ สงสารตัวเองก็สงสารนะ แต่สงสารคนที่มาช่วยมากกว่า เหมือนผมเป็นเวรกรรมของเขาเลย

ขอโทษนะพ่อหนุ่ม

ผมหวังจะลุกขึ้นยืนแต่ขาก็อ่อนแรงจนทรุดลงไปอีกรอบ ร่างสูงของผู้ชายคนนั้นพยุงผมเอาไว้ ภาพที่ผมเห็นมันเลือนลางมากเลย และดูเหมือนสติใกล้จะหลุดอยู่รอมร่อ ผมรู้อยู่แก่ใจว่าอะไรที่ทำให้ผมกลายเป็นแบบนี้ ทุกครั้งผมไม่เคยอยากให้ใครต้องมาลำบากเพราะตัวเองเลย ผมผิดเองที่เมาแล้วดูแลตัวเองไม่ได้ ผม.....

ผมน่ะ....

“พี่ครับ.....”

นั่นเป็นเสียงสุดท้ายที่ผมได้ยินก่อนที่จะไม่รับรู้อะไรอีกเลย....

   

***

   

“อื้อออ.อ....เย็น”

นุ่มด้วย

ผมเหมือนตกอยู่ในห้วงของความฝัน อาการกึ่งหลับกึ่งตื่นนี่ทำให้รู้สึกปวดหัวแต่ลืมตาไม่ขึ้น ใช่ ผมเมาและกำลังพร่ำเพ้อในใจไปเรื่อยเปื่อย ผมไม่รู้ว่าตัวเองอยู่ที่ไหนและคงไม่ใช่พุ่มไม้หรอก มันไม่มีทางที่พุ่มไม้จะนุ่มและอุ่นถึงขนาดนี้

“ผมทำแผลให้แล้วนะครับ พี่ต้องล้างแผลทุกวันนะ”

เสียงใคร

“อื้มมม..ม...” ผมลืมตามองเจ้าของเสียงพูดอย่างยากลำบาก “.....ใคร”

“ผมช่วยพี่เอาไว้น่ะครับ”

งั้นเหรอ....ช่วยผมเหรอ

“ขอบคุณนะ” ผมพยายามดึงสติอันน้อยนิดที่มีอยู่เพ่งมองหน้าคนที่นั่งอยู่ข้างเตียงแบบชัดๆ แต่เพ่งยังไงมันก็ไม่ชัดไปกว่าที่เป็นอยู่ ภาพที่เห็นเป็นเงาลางๆ เท่านั้น

ช่างมันเถอะ....อย่าฝืนตัวเองไปมากกว่านี้เลยเฌอ

“วันนี้คงเป็นวันที่แย่สำหรับพี่เลยสินะครับ”

“หึ....คุณรู้ได้ยังไง แต่มันก็จริงนะ” ผมตอบเขาไปด้วยเสียงอ้อแอ้ “ผมน่ะมีแฟน เธอน่ารักมาก แต่เธอบอกเลิกผมเมื่อเช้า เธอบอกว่าผมดีเกินไป ทำไมอะ....ทำไมต้องเอาเหตุผลนี้มาอ้างด้วย แค่บอกมาว่าไม่ได้รักกันแล้วมันจะยากอะไรวะ จะพูดให้สวยหรูทำไม ผมแม่ง....โคตรเสียใจเลย อะไรที่คิดไว้ว่าจะทำด้วยกัน ก็ไม่ได้ทำแล้ว”

   “.....”

“ผมน่ะ....ทำอาหารอร่อยมาก แต่ละคนที่เข้ามาในชีวิต บอกว่าอยากกินอาหารที่ผมทำ แต่สุดท้ายแล้ว....ก็ไม่มีใครอยู่กินมันสักคน”

การมีความรักในแต่ละครั้งผมก็หวังให้มันเป็นครั้งสุดท้ายทั้งนั้น ผมไม่คิดถึงวันที่ต้องเลิกหรือจากกัน ผมไม่เคยทำใจรอเรื่องแบบนี้เลย ไม่ว่าใครที่เข้ามาในชีวิตของผม คนที่เข้ามาเป็นแฟนของผม ผมนึกถึงแต่อนาคตข้างหน้าที่เราจะสร้างมันด้วยกันเสมอ แล้วพอทุกอย่างมันไม่เป็นไปตามแบบที่ผมคิด มันก็เสียใจอะ ผมเนี่ยะ คนอย่างผม....จะไม่สมหวังในความรักกับเขาสักครั้งเลยเหรอ

ต้องเสียใจอีกแค่ไหนถึงจะพอวะ

“คุณ....”

“ว่าไงครับ”

“วันนี้มีเรื่องแย่ๆ เกิดขึ้นกับผมเยอะเลย ผมไม่ชอบวันนี้จริงๆ วันที่ 13 น่ะ ไม่ใช่สิ....อะไรก็ตามที่เกี่ยวกับเลข 13 ”

“.....”

“ผมไม่ชอบมันเลย”

.

.

.

.

.

.

TBC.

สวัสดีค่ะชาลมาส่งนิยายเรื่องใหม่ เรื่องสุดท้ายของเลิฟไรท์โปรเจ็กต์ซึ่งชาลรอคอยที่จะได้เขียนมานานมาก ค่อนข้างคาดหวังมากด้วยเพราะว่าเรื่องก่อนหน้าดราม่ามาก ปวดหัวใจ เราจะมาฮีลลิ่งกันด้วยเรื่องนี้นะคะ เรื่องราวจะเป็นยังไงต่อรอติดตามนะค้าบ

สามารถติดต่อชาลได้ที่ทวิตเตอร์ Chaleeisis หรือเพจ Fiction Yaoi Th น้า

ขอบคุณที่หลงเข้ามาอ่านค่า

ออฟไลน์ snoopyme

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 60
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0

ออฟไลน์ Kelvin Degree

  • ถ้าวันนั้นเลือกที่จะเดินออกไป คงไม่เจ็บมาจนถึงทุกวันนี้...
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1700
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +57/-2
น่าติดตามครับผม,,,

ออฟไลน์ chaleeisis

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 249
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +96/-3
บทที่ 2 เจ้าของห้อง



“อื้อออ....เวียนหัวชิบหาย”

กี่โมงกี่ยามแล้ววะเนี่ย

ผมลืมตาช้าๆ ก่อนจะบิดไปมาด้วยความเมื่อยเนื้อเมื่อยตัว ปวดข้อมืออะ แล้วก็รู้สึกว่าเนื้อตัวมันโล่งมาก ไหนจะกลิ่นหอมๆ ที่บ่งบอกว่านี่ไม่ใช่สถานที่ที่ตัวเองคุ้นเคยอีก เตียงผมไม่เคยนุ่มแล้วมีกลิ่นหอมแบบนี้เลย แสงแดดที่ส่องเข้ามาได้นี่ก็ด้วย ปกติแล้วห้องของชรันนั้นต้องปิดตาย ไม่มีแสงแดดใดสามารถเข้าถึงได้

นี่อยู่ไหนวะเนี่ย

ผมชันตัวขึ้นก่อนจะหันมองรอบๆ ห้อง ซึ่งเป็นห้องของใครไม่รู้ครับ ก้มมองตัวเองก็พบว่ามีเพียงบ๊อกเซอร์แค่ตัวเดียวที่ใส่อยู่ ที่มือข้างซ้ายมีผ้าพันแผล พันยาวไปจนถึงข้อมือ ช่วงขาลามไปจนเข่ามีรอยช้ำและผมก็รู้สึกปวด เมื่อคืนเกิดอะไรขึ้นวะ จำได้แค่ว่าไปกินเหล้าร้านเฮียเจ๋ง เมามาก แล้วก็....แล้วก็อะไรไม่รู้อะ ยังไม่ได้จ่ายค่าเหล้าเฮียเจ๋งแน่ๆ เลย แต่ไม่เป็นไร เดี๋ยวค่อยเข้าไปจ่ายวันนี้ เรื่องนี้อะเรื่องเล็ก ส่วนเรื่องใหญ่คือตอนนี้ผมอยู่ที่ไหนเนี่ยะ

ห้องใครเขาวะ

ห้องนี้เป็นระเบียบมาก ดูสะอาด นอกจากเตียงที่เป็นสีขาวล้วนแล้ว ของอย่างอื่นที่อยู่ในห้องนั้นเป็นสีโทนพาสเทลไปทางเขียว ชมพู ม่วง ฟ้า เหมือนห้องผู้หญิงเลยครับ ของใช้หลายอย่างเป็นลายลิตเติ้ลทวินสตาร์ มีเครื่องฟอกอากาศด้วย ผมเห็นที่หน้าตู้มีเสื้อกับกางเกงของตัวเองแขวนอยู่พร้อมกับมีโพสอิทแปะติดเอาไว้ด้วย พอเห็นแบบนั้นผมจึงเดินไปดู ข้อความสั้นๆ ที่ถูกเขียนเอาไว้นั้นบ่งบอกว่าเสื้อผ้าผมซักและรีดเรียบร้อยแล้ว

กริบมาก

ผมไม่เคยรีดผ้าได้เรียบแบบนี้เลย

“นี่ห้องแม่ศรีเรือนป้ะวะ” ผมเหลือบไปเห็นโทรศัพท์ตัวเองที่วางอยู่บนโต๊ะก่อน มือเอื้อมไปหยิบมาดูก็พบว่าตอนนี้เกือบ 11 โมงแล้ว วันนี้วันพุธ ผมมีเรียนตอนเที่ยงครึ่งเหมือนวันพฤหัสฯ เดี๋ยวรีบแต่งตัวแล้วไปเรียนดีกว่า

“อ่าวน้องงง อย่าเพิ่งดับ” น้องโทรศัพท์ดับไปต่อหน้าต่อตาผม แบตฯ หมดอะไรตอนนี้ล่ะฮัลโหล แล้วพี่เฌอมีน้องแค่เครื่องเดียวด้วยนะ อย่าทำแบบนี้กับพี่สิ

ผมวางน้องโทรศัพท์ไว้ที่เดิมอย่างเซ็งๆ ก่อนจะเดินไปหยิบเสื้อผ้าของตัวเองมาใส่ ดีนะว่าเป็นเชิ้ตขาว ต่างจากเสื้อนักศึกษาแต่ก็พอหยวนๆ ได้แหละ เอาน่ะ ปกติก็ไม่ได้จริงจังกับการแต่งตัวขนาดนั้นอยู่แล้วป้ะวะ ไม่ใส่ช็อปสักวันก็ไม่เป็นไรหรอก สิ่งที่น่ากังวลตอนนี้มากกว่าการแต่งตัวคือกระเป๋าสตางค์เนี่ยะ อยู่ที่ร้านเฮียเจ๋ง คือทุกอย่างอยู่ร้านเฮียเจ๋งและผมมีแค่โทรศัพท์ติดตัวเท่านั้น แล้วน้องก็แบตฯ หมดไปแล้วด้วย

วันนี้ก็วันที่ 14 ป้ะ

โชคควรจะดีขึ้นสักจึ๋งนึงแล้วอะ

ในขณะที่รู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจ ผมก็หันไปเห็นแบงค์ห้าร้อยวางอยู่พร้อมกับโพสอิทใบนึง ข้อความเขียนเอาไว้บนนั้นว่า ‘ค่ารถ - ฝากล็อกห้องให้ด้วย’ เดี๋ยวก่อนนะ ขอประมวลผลในสิ่งที่เกิดขึ้นแป๊บ คือผมจำไม่ได้ว่าเมื่อคืนมีอะไรเกิดขึ้นบ้าง ไม่รู้ว่าตัวเองมาที่ห้องนี้ได้ยังไงและมีอะไรเกิดขึ้นไหม แต่สิ่งที่รู้แน่ๆ คือเจ้าของห้องเนี้ยะ ใจดีเกินไปแล้ว ซักเสื้อผ้าให้ รีดให้อย่างเรียบ ทำแผลที่มือให้ซึ่งผมไม่รู้ว่าตัวเองไปโดนอะไรมา นอกจากนี้ยังทิ้งค่ารถไว้ให้อีก เหมือนกับรู้ว่าผมไม่มีเงินติดตัว

ก็คงรู้แหละ จับผมลอกคราบเหลือแค่บ๊อกเซอร์ขนาดนี้

ถ้าคิดในแง่ร้ายคืออาจจะเกิดเรื่องไม่ดีกับผม ชรันอาจจะโดนปู้ยี่ปู้ยำไปแล้ว เงินห้าร้อยบาทคือค่าตัวสำหรับเมื่อคืน โหย คิดในแง่ร้ายแล้วรู้สึกแย่ชิบหาย ถ้าคิดแล้วรู้สึกแย่ขนาดนี้งั้นผมคิดในแง่ดีละกัน เจ้าของห้องก็แค่เป็นคนใจดีแบบที่เราไม่เคยเจอที่ไหนมาก่อนเท่านั้นเอง ผมไม่รู้ว่าเขาเป็นใครแต่เดี๋ยวก็คงต้องตอบแทนเขาแหละ อย่างน้อยเงินห้าร้อยบาทที่เขาให้ไว้เป็นค่ารถ ผมก็ต้องคืน แต่ตอนนี้ต้องไปเรียนก่อน

ไม่รู้เลยว่าห้องนี้มันอยู่แถวไหน

หลังจากที่แต่งตัวเสร็จผมก็เดินออกมาจากห้องพร้อมกับล็อกเอาไว้ตามคำขอในโพสอิท ดูทัศนียภาพรอบๆ ก็รับรู้ได้เลยว่านี่คือคอนโดฯ G อยู่ไม่ไกลจากมหา’ลัยเท่าไหร่ ประมาณ 4 ป้ายรถเมล์เท่านั้น จะว่าไปเจ้าของห้องเมื่อกี๊ก็น่าจะไม่ลำบากเรื่องเงินนะครับ ค่าเช่าคอนโดฯ นี้ก็แพงกว่าห้องผมเท่านึงอะ ใครที่ชอบความเป็นส่วนตัวและมีเงินหน่อยก็ควรมาอยู่ที่นี่แหละ ถ้าสงสัยว่าผมรู้ได้ไงเรื่องคอนโดฯ G นั่นเป็นเพราะแฟนเก่าเคยอยู่ที่นี่ไง

น้องแอนท์ปี 2 คณะบัญชี

ผู้ที่ให้เหตุผลว่าผมดูแลเธอดีเกินไปจนเธอรู้สึกอึดอัด

ช่างเถอะ เรื่องมันเป็นอดีตไปแล้ว จำเอาไว้ได้แต่ไม่ต้องเก็บเอามาใส่ใจแล้วแหละ ผมเดินลงมารอรถที่ป้ายรถเมล์เพื่อจะไปมหา’ลัย ป่านนี้เพื่อนๆ น่าจะเป็นห่วงอยู่บ้างแหละเพราะติดต่อไม่ได้เลยตั้งแต่เมื่อคืน หลังจากที่รอรถอยู่พักใหญ่ รถสองแถวเจ้ากรรมก็ผ่านมา ผมโบกน้องรถก่อนจะขึ้นมาด้านบน วันนี้คงไม่มีใครเกี่ยวสายหูฟังจนโทรศัพท์ผมร่วงจอแตกอีกรอบแน่นอนครับเพราะว่าวันนี้ไม่มีหูฟังไง

ไม่มีหูฟังไม่เท่าไหร่

ไม่มีโทรศัพท์ด้วย

ผมลูบๆ คลำๆ ตามกระเป๋ากางเกงยีนส์ทั้งหน้าและหลัง ไอ้เวรเอ๊ยยยย ลืมโทรศัพท์ไว้ในห้องนั้น โอ๊ยแม่ง เวรกรรมอะไรของผมวะเนี่ย ย้อนกลับไปเอาก็ไม่ได้ด้วยเพราะห้องมันล็อกไปแล้ว จิ๊....ผมควรไปหาหมอจริงๆ แบบที่ไอ้แช่มบอก ไปเช็กสมองนั่นแหละ ทำไมเป็นคนขี้ลืมอะไรอย่างนี้วะ นิสัยนี้แก้ไม่หายสักที เป็นมาตั้งนานและมันก็ทำให้ตัวเองกับคนรอบข้างลำบากไปด้วยอีก

บัดซบจริงๆ เลยเฌอ

พอถึงป้ายมหา’ลัยผมก็กดออดก่อนจะเดินลงมาจ่ายเงิน “ขอโทษนะครับลุง ผมมีแต่แบงค์ใหญ่จริงๆ ”

“ไม่เป็นไรพ่อหนุ่ม แป๊ปนะ” ลุงรับแบงค์ห้าร้อยไปก่อนจะหยิบเงินทอนให้ผม

“ขอบคุณครับ” ดีนะว่าเจอลุงขับรถใจดีที่ไม่โวยวายใส่เวลาใช้แบงค์ใหญ่จ่ายเงิน คือผมเคยเจอแบบนี้แหละ ตอนนั้นจ่ายแบงค์ร้อย คนขับก็บ่นใส่ว่าทำไมไม่เตรียมแบงค์ย่อยหรือเศษเหรียญ แต่แบบบางทีเราก็ไม่ได้มีติดกระเป๋าเสมอไปป้ะ

บางทีมันฉุกละฮุกจริงๆ อย่างวันเนี้ยะ

ผมเดินเข้ามหา’ลัยมาแบบเก๊กขรึมทำหน้านิ่งเป็นปกติเหมือนอย่างทุกวัน สถานที่แรกที่ชีวิตต้องไปคือโรงอาหารคณะครับ เพื่อนๆ น่าจะนั่งกินข้าวและรอทราบข่าวความเป็นไปของผมอยู่ เชื่อป้ะว่ามองเห็นมือของตัวเองที่มีผ้าพันแผลก็หยุดสงสัยไม่ได้จริงๆ ว่าเมื่อคืนเกิดอะไรขึ้นบ้าง ผมไปทำอะไรมาถึงได้เจ็บตัวแบบนี้ มันไม่ได้มีแค่แผลที่มือไง ตั้งแต่ต้นขาไปจนหัวเข่าก็ช้ำ ลักษณะแบบนี้ใกล้เคียงกับการเมาแล้วล้มมากที่สุด

สะเหล่อมากพวกเมาแล้วล้ม

เฌอคือหนึ่งในนั้นแหละ

“โน่น มาโน่นแล้ว”

“หายไปไหนมาวะ”

ผมเดินมานั่งลงข้างเพื่อนแช่มที่โต๊ะประจำ “ไม่ได้หายไปไหน คืองี้นะ....เมื่อคืนอะ กูเมามาก มึงไม่รู้หรอกว่ากูเจออะไรมาบ้าง”

“แล้วไปเจออะไรมาล่ะ” ทะเลเอ่ยถาม

“กูก็ไม่รู้เหมือนกัน”

“เอ้า หมายความว่าไงไม่รู้”

“ก็ไม่รู้ไง บอกแล้วว่าเมามาก จำอะไรไม่ได้สักอย่าง” ผมคว้าน้ำแดงของไอ้ขันมากิน “ดีใจจัง พวกมึงดูเป็นห่วงกู”

“ห่วงดิ มึงฉลาดน้อยกว่าคนอื่นแบบนี้ ไม่ให้เป็นห่วงได้เหรอ” จันทร์ฉายบอกพร้อมกับโขกหัวผมไปทีนึง

“เหมือนโดนด่ายังไงก็ไม่รู้ว่ะ” ผมทำหน้ามุ่ยใส่พวกมัน “เดี๋ยวกูไปซื้อข้าวก่อนละกัน” พูดจบผมก็ลุกไปซื้อข้าว เป็นจังหวะเดียวกับที่ไอ้หมีเดินมาที่โต๊ะพอดี คงมาหาไอ้ขันแหละ เห็นแบบนี้แล้วนึกถึงตอนที่น้องแอมชอบเดินมาหาบ่อยๆ เหมือนกันนะ

พอเลยตัวกู

เลิกคิดเดี๋ยวนี้น้า

หลังจากที่ได้ราดหน้ายอดผักผมก็เดินกลับมาที่โต๊ะ ฟีลชีวิตตอนปี 4 แม่งโคตรต่างจากตอนเฟรชชี่เลย แก๊งค์ว้ากของผมสมัยเป็นเฟรชชี่คือโซฮอตมาก เป็นที่รู้จักกันในคณะอย่างกว้างขวาง เป็นตัวท็อปต่างๆ อย่างไอ้ขันคือเรียนเก่งแบบเก่งชิบหาย หล่อยืนหนึ่งก็ทะเล ตัวใหญ่เป็นยักษ์ก็จันทร์ฉายกับชริตเป็ด ส่วนผมก็เป็นคนที่เคยเข้าใกล้ตำแหน่งเดือนคณะมากที่สุด แต่เก็ทฟีลตอนนั้นว่ารำคาญทุกสิ่งอันบนโลกป้ะ งานกิจกรรมอะไรเข้ามาผมปัดตกหมดเลย

แค่เรียนก็เหนื่อยแล้วไอ้เวร

จนชีวิตมาพลิกผันช่วงเป็นคณะกรรมการนักศึกษานั่นแหละ ปี 2 ก็จัดการเรื่องสันทนาการ ปี 3 เป็นคณะว้าก ส่วนปี 4 ก็จะเป็นบ้าอยู่แล้วเนี่ย ดีนะที่ว่าผมไม่ต้องรับผิดชอบอะไรที่มันหนักหน่วงเหมือนไอ้ขันมัน เคยมีความคิดกับไอ้แช่มด้วยว่าอยากจับไอ้ขันมาชำแหละเพื่อดูว่าข้างในตัวมันมีอะไรประกอบอยู่บ้าง อะไรที่ทำให้มันมีความรับผิดชอบต่อชีวิตได้สูงขนาดนั้น แต่เรื่องไหนที่มันโง่มาก มันก็โง่เลยนะ

อย่างเรื่องไอ้หมีเนี่ยะ

“พี่เฌอ”

“หืม....”

“เมื่อคืนเฮียเจ๋งโทรมาถามหมีด้วยว่าพี่หายไปไหน”

“อ๋อ กูก็ไม่รู้เหมือนกันว่าตัวเองหายไปไหนมา”

“ได้ไง”

“อันนี้ไม่รู้จริงๆ จำไม่ได้เลยอะว่าเมื่อคืนมีอะไรเกิดขึ้นบ้าง”

“เมาหนักเลยอะดิ แต่นี่ยังดีนะที่ไปร้านเฮียเจ๋ง” ไอ้หมีเอียงหัวเข้ามาใกล้ “แย่ขนาดนั้นเลยเหรอพี่”

“ก็เหมือนทุกทีป้ะวะ” อกหักทีไรผมก็มักจะให้เหล้าปลอบใจเสมอ เนี่ยะ เดี๋ยววันที่ไปเช็กสมองน่าจะต้องตรวจสภาพตับด้วย ตับอาจจะแข็งไปแล้ว 80%

“รอบนี้ไม่เหมือนนะ เพราะไม่มีคนอื่นไปเก็บซากพี่ คือตอนแรกที่เฮียเจ๋งโทรมาบอกหมีอะ หมีคิดแล้วว่าน่าจะพุ่มไม้สักพุ่มแหละ แต่พอเมื่อเช้าไปตามหาก็ไม่เจอ โทรหาพี่เท่าไหร่ก็โทรไม่ติด”

“อันนี้จริง” ไอ้ขันชะเง้อหน้ามามอง “โทรศัพท์มึงไปไหนอีกแล้ว”

“อืม....ไม่รู้ว่ะ กูน่าจะทำหายแหละ” ผมตักผักคะน้าเข้าปากเพื่อกลบเกลื่อน คือถ้าบอกว่าลืมไว้ที่ห้องใครไม่รู้มันก็จะสงสัยอีก แล้วถ้าบอกว่าลืมไว้ที่ห้องตัวเองมันก็ไม่ใช่อีกเพราะทุกอย่างลืมไว้ร้านเฮียเจ๋งไง ผมไม่มีทางเข้าห้องตัวเองได้อยู่แล้ว

“พี่เฌอดูโน่นดิ”

“อะไร....” ผมมองตามนิ้วไอ้หมีที่ชี้ไปทางใครบางคนซึ่งผมไม่รู้จัก “ทำไมวะ”

“ของดี”

“เหรอ” ผมสะกิดไอ้ขัน “ไอ้หมีบอกว่าเด็กที่ใส่แมซดำนั่นเป็นของดีอะ”

“พี่เฌอ!!!”

“ไอ้หมี!!!”

บ้านแตกไปซะเถอะมึง หมั่นไส้

ผมตักยอดคะน้าเข้าปากพลางมองคนที่ยืนอยู่ตรงทางเข้าโรงอาหาร ผู้ชายใส่แมสดำที่ไอ้หมีบอกว่าเป็นของดีนั่นแหละ ดียังไงก็ไม่เข้าใจเหมือนกัน อาจจะรูปร่าง สูงมากเลย สูงกว่าผมที่สูง 181 เซ็นฯ แน่ๆ ตัวประมาณไอ้แช่มแต่รูปร่างดูบางกว่า ไหล่กว้าง ช่วงล่างเพรียว หุ่นดีจัง สวมเชิ้ตนักศึกษาแถมผูกเนกไทอย่างดี โคตรเนี้ยบ เรือนผมสีดำสนิทเหมือนกับแมสที่สวมปิดหน้าอยู่ เห็นแบบนี้แล้วอยากรู้เหมือนกันนะว่าหน้าตาจะเป็นยังไง

ผิวขาวจัดซะด้วย

นิ้วเรียวของคนที่ผมกำลังนั่งมองอยู่เลื่อนขึ้นมารั้งแมสที่ปิดปากมาไว้ตรงคาง ใบหน้านั่นเหมือนฟ้าประทานมาเลย เกินไปป้ะเนี่ยะ จมูกโด่งมาก คิ้วโก่งสวย ริมฝีปากบาง ดวงตาคมนั่นโคตรมีเสน่ห์ รูปร่างแบบนี้ หน้าตาประมาณนี้น่าจะเป็นที่ชื่นชอบน่าดู เขาน่าจะไม่ใช่เด็กวิศวะฯ เพราะถ้ามีเด็กหน้าตาประมาณนี้อยู่ในคณะ ผมก็คงรู้จักแล้วแหละ หน้าประมาณนี้ต้องโดนเข้าคัดดาวเดือนแน่นอน แต่นี่ไม่คุ้นเลย

เหมือนกับว่ากำลังมองหาใครอยู่ด้วยแฮะ

ผมมองร่างสูงจนกระทั่งเขาหันมามองผมเหมือนกัน พอเป็นแบบนั้นผมจึงเบนสายตาไปทางอื่นแทน ถ้าเขารู้ตัวว่าผมมองอยู่ แล้วถ้าเขาเปรี้ยวตีนสักหน่อย มันอาจจะมีเรื่องกันก็ได้ เจอเยอะไงพวกมองหน้าแล้วชอบมาหาเรื่อง ไม่เข้าใจคนประเภทนี้เลยอะ ไม่ให้มองหน้าแล้วจะให้มองไรวะ คือบางทีก็มองแบบชื่นชมไง โห หล่อจัง อยากมองนานๆ เผื่อจะหล่อแบบนั้นบ้าง ผมอาจจะผิดเองที่หน้าตาเหมือนไปกวนส้นตีนเขา

หน้าเป็นแบบนี้ตั้งแต่เกิดแล้วป้ะวะ

“ขอโทษนะครับ” เสียงเรียบของคนที่เดินเข้ามาทางโต๊ะพวกเราเอ่ยบอก ผมมองตามเสียงนั้นก็พบกับผู้ชายคนเมื่อกี๊ที่ตอนนี้ยืนอยู่ตรงหัวโต๊ะของพวกเรา

“มีอะไรรึเปล่าครับ” ทะเลเอ่ยถามร่างสูงที่หยิบอะไรบางอย่างพร้อมกับส่งมาให้ผม

“โทรศัพท์พี่น่ะครับ พี่ลืมไว้ที่ห้องผม”

เชี่ยยยย

นี่เองเจ้าของห้อง

“เอ่อ....” ผมรับโทรศัพท์มาจากมือเขาพลางยิ้มแห้งๆ ให้ “....ขอบคุณนะ”

“ไม่เป็นไรครับ” เจ้าตัวรับคำ “แผลที่มือซ้ายต้องล้างทุกวันนะครับ ถ้าปวดมากๆ ผมแนะนำให้ไปหาหมอ มันอาจจะอักเสบ”

“โอเคครับ”

“ครับ ผม....ขอตัวก่อน” เขาบอกก่อนจะดึงแมสขึ้นมาปิดปากตัวเองไว้เหมือนเดิมแล้วเดินไปทันที ทิ้งไว้ให้ผมต้องเผชิญกับสายตาทิ่มแทงที่จ้องมองมา

อะไรของพวกมึงกันเนี่ย

“อธิบายมาเดี๋ยวนี้เลย”

“เออ ไหนบอกว่าทำโทรศัพท์หายไง”

“พวกมึงต้องใจเย็นก่อนนะเพื่อนๆ ” ผมปรามเหล่าสหายและน้องรักก่อนจะตั้งสติ “คือกูเนี่ยะ จำเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อคืนไม่ได้เลย แต่เมื่อเช้าที่ตื่นมาก็พบว่าตัวเองอยู่ที่ห้องใครไม่รู้ มันก็แค่นั้น กูไม่รู้จริงๆ ว่าเกิดอะไรขึ้น”

ไอ้แช่มหรี่ตามองอย่างจับผิด “ใช่รึเปล่า”

“กูจะโกหกมึงทำไมเล่า เขาเป็นใครกูยังไม่รู้เลย นี่ก็เพิ่งเห็นหน้าพร้อมพวกมึงเนี่ยะ”

“พี่เฌอ....นั่นน่ะเดือนแพทย์ของรุ่นหมีเอง เป็นคนที่เข้าถึงยากมาก พี่ไปทำอีท่าไหนถึงได้เข้าไปในห้องเขาได้เนี่ย”

“ทำท่าไหนล่ะ กูเมาไง กูจำได้แค่นี้เลยจริงๆ ไม่มีอะไรอยู่ในหัวไปมากกว่านี้” ผมมองโทรศัพท์ที่เขาเอามาคืนให้ “เป็นเดือนแพทย์นี่เอง ถึงว่า....” หล่อจังวะ เชื่อดิว่าหลายคนคงอิจฉาผมที่ได้ไปนอนที่ห้องของผู้ชายคนนั้น

ห้องนอนที่มีลิตเติ้ลทวินสตาร์เยอะๆ อะ

“ผู้หญิงค่อนมหา’ลัยต้องริษยาและสาปแช่งมึง” ชริตเป็ดบอกพร้อมกับทำท่าปาดคอ

“เว่อร์ชิบหาย เออหมี มึงรู้ไหมว่าเขาชื่ออะไร” เดี๋ยวต้องไปขอบคุณแล้วก็คืนเงินด้วย เมื่อกี๊มัวแต่ช็อกไงเลยไม่ได้คืนเงินห้าร้อยบาทเลย อีกอย่าง....ผมก็อยากรู้นะว่าตัวเองไปนอนอยู่ที่ห้องเขาได้ยังไง

“ชื่อสิบสาม”

ห้ะ....

“มึงว่าไงนะ”

“เขาชื่อ ‘สิบสาม’

   
***

   

---------- 50% ----------

ออฟไลน์ chaleeisis

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 249
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +96/-3
---------- ต่อจากบท 2 ----------

สิบสามอ๋อ

ชื่อสิบสามเนี่ยนะ

ผมยืนอยู่หน้าตึกคณะแพทย์ฯ ด้วยความสับสนมึนงงและไม่รู้ว่าตัวเองจะเจอแฟนเก่ากี่คนที่คณะนี้ ช่างเถอะ ช่างเรื่องแฟนเก่า การที่ผมมาอยู่ตรงนี้ไม่ใช่เพื่อการรำลึกความหลังแต่มายืนรอคนต่างหาก รอคนที่ไม่รู้ว่าจะเจอไหม คือตึกแพทย์ฯ เนี่ยะ เป็นตึกลูกเมียหลวงที่สุดแล้วในมหา’ลัย ใหญ่ที่สุด ทัศนียภาพก็ดี ดีกว่าคณะเกษตรฯ ที่ต้นไม้สวยๆ เยอะอีก แถมไฟบนตึกก็ไม่ติดๆ ดับๆ เหมือนตึกวิศวะฯ ของผมด้วย

เราร้องเรียนเรื่องนี้ได้ไหมวะ

พอก่อน....พอเรื่องความไม่แฟร์ของแต่ละตึก คือตอนนี้ผมกำลังรอสิบสามอยู่ครับ ผมต้องคืนเงินเขาและถามถึงเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อคืน ไม่งั้นมันคงคาใจผมมากอะ ตอนนี้เกือบ 5 โมงแล้ว ก่อนหน้านี้ตอนที่เรียนเสร็จผมก็ไปร้านเฮียเจ๋งมาพร้อมกับจ่ายค่าเหล้าเรียบร้อย พร้อมกับอธิบายไปว่าตัวเองเมาแล้วทะลุไปอีกมิตินึงซึ่งในความเข้าใจของเฮียเขาก็คือผมคงนอนข้างทางอยู่ไหนสักที่นั่นแหละ

ก็ให้เขาคิดแบบนั้นไป

นอกจากไปร้านเฮียมา ผมก็กลับหอไปเอาเสื้อช็อปมาด้วยและเจอกุญแจรถแล้วครับ มันอยู่ในลิ้นชักข้างหัวเตียงไม่ได้อยู่บนโต๊ะอย่างที่คิด เนี่ยะ เดี๋ยวผมจะต้องหาที่แขวนกุญแจโดยเฉพาะ ติดไว้แม่งตรงประตูเลย เอาสิ ถ้าลืมอีกนะ ชาติหน้าก็ไม่ต้องเกิดเป็นคนแล้ว ไปเกิดเป็นปลาทองโน่น ว่ายในโหลบุ๊งๆ รอคนป้อนอาหารอะ

ไม่ก็รอแมวมาเขี่ยๆ

ปั๊กกกก

“โอ๊ยยยย” ผมหันไปมองตามเสียงก็พบผู้หญิงคนนึงที่ล้มอยู่ข้างๆ พอเห็นแบบนั้นผมจึงเข้าไปช่วยประคองเธอ

“เป็นอะไรไหมครับ”

“ไม่เป็นไรค่ะ เดียร์ไม่ระวังเอง” เธอเงยหน้าขึ้นมองผมอยู่อย่างนั้น “....ขอบคุณนะคะ”

ตึกตัก

น่ารักจังวะ

“ไม่เป็นไรครับ” ผมยิ้มบางๆ ให้ก่อนจะก้มลงเก็บของที่ร่วงอยู่บนพื้นแล้วส่งให้เธอ มือบางรับไปพร้อมกับยิ้มหวานให้ผม เป็นรอยยิ้มที่สดใสอะไรขนาดนี้วะ

ร่างบางตรงหน้าเรียกได้ว่าโคตรตรงสเป็กเลย ตัวเล็กน่ารัก หน้าตาจิ้มลิ้มเหมือนตุ๊กตา น่าทะนุถนอมมากเลยครับ ดูทรงแล้วเธอคงเรียนคณะแพทย์ฯ นี่แหละ ในอนาคต....ถ้าเวลาผมป่วยแล้วมีคุณหมอน่ารักๆ แบบนี้มารักษาให้ อาการผมคงดีวันดีคืน หรือจะไม่หายดีวะ ให้คุณหมอรักษาผมไปเรื่อยๆ แบบนั้นอาจจะดีกว่า

คิดอะไรอยู่วะเนี่ยชรัน

“เอ่อ....ชื่อเดียร์นะคะ ปี 2 ”

ฮันแน่....มีแนะนำตัวซะด้วย

“พี่ชื่อเฌอครับ ปี 4 ”

“แล้ว....พี่เฌอมาทำอะไรตึกแพทย์ฯ เหรอคะ”

“พี่มารอคนน่ะ แต่ไม่รู้ว่าจะเจอไหม” ผมมองไปรอบๆ ตึก “พี่ไม่รู้ว่าเขากลับไปรึยัง”

“เดียร์ถามได้ไหมคะว่าใคร เผื่อเดียร์รู้จัก”

“สิบสามน่ะ”

คนตรงหน้าพยักหน้ารับรู้ “อ๋อ....รอสิบสาม เดี๋ยวก็คงออกมาล่ะค่ะ เดียร์เรียนเซกเดียวกับเขา รู้สึกว่าอาจารย์จะเรียกพบ เขาถึงออกมาช้ากว่าทุกที”

“อย่างนี้นี่เอง” ในขณะที่ผมกำลังยืนคุยกับน้องเดียร์ ร่างสูงของคนที่รออยู่ก็เดินออกมาจากตึกแพทย์ฯ พอเห็นแบบนั้นแล้วผมจึงเดินเข้าไปหาเขา

“คุณ”

“....พี่” คนถูกเรียกหันมาหาผม ดวงตาคมมองผมกับน้องเดียร์สลับกัน “มีอะไรรึเปล่าครับ”

“มี ไปกินข้าวกัน”

“กินข้าว”

“ใช่ ผมเลี้ยงเอง ตอบแทนที่คุณช่วยผมไง” ผมหันไปหาน้องเดียร์ “ไปกินข้าวด้วยกันไหมครับน้องเดียร์”

“เดียร์นัดกับที่บ้านไว้แล้วน่ะค่ะ ไว้วันหลังได้ไหมคะ แลกไลน์กันไว้ก็ได้นะ” มือบางส่งโทรศัพท์มาให้ ผมจัดแจงให้ไลน์ตัวเองกับน้องเดียร์ไป หวังว่าการเริ่มต้นความสัมพันธ์ครั้งนี้มันจะดีนะ

ก็ได้แต่หวัง

“เรียบร้อยครับ”

“ค่ะ เดี๋ยวไว้คุยกันนะคะ เดียร์ขอตัวก่อน” เจ้าตัวเอ่ยบอกพร้อมกับเดินไปทันที อื้อออ...อ....น่ารักจัง นี่แหละคนที่จะมาเยียวยาแผลใจที่น้องแอมทำผมไว้

“น่ารักเนอะ”

“คงงั้นมั้งครับ เธอเป็นดาวคณะคู่กับผม”

“คุณนี่น่าอิจฉาจริงๆ เลยนะ ได้ใช้เวลาอยู่กับคนน่ารักแบบนั้น แต่ช่างเถอะ เราไปกันดีกว่า ไปรถผมละกัน ผมเอารถมา”

“งั้นรบกวนด้วยนะครับ” หลังจากที่เขาเอ่ยรับคำ ผมก็เดินนำเขามายังตึกวิศวะฯ ก่อนจะมุ่งไปที่จอดรถทางด้านหลัง

เท่าที่ฟังจากไอ้หมีพูดถึงเรื่องสิบสามว่าเป็นคนเข้าถึงยาก ดูท่าแล้วอาจจะจริง คือมันก็ไม่ใช่เรื่องของผมหรอกที่ว่าเขาจะมีเพื่อนหรือว่าไม่มีเพื่อนแต่แบบอยากเสือกไง นี่อยากถามโน่นนี่นั่นมากเลยนะแต่อีกใจก็ไม่รู้ว่าจะถามไปทำไม มันดูละลาบละล้วงอะ อีกอย่างผมไม่รู้ด้วยว่าจบจากการกินข้าวด้วยกันเนี่ยะ มันก็จะแค่นี้เลยรึเปล่า เพราะมันก็ดูไม่มีอะไรติดค้างกันแล้วไง เขาช่วยผม ผมก็ตอบแทนเขาแล้ว

“คุณอยากกินอะไรล่ะ”

“แล้วแต่พี่เลยครับ ผมกินได้ทุกอย่าง” เจ้าตัวรั้งแมสที่ปิดหน้าลง “ผมไม่คิดว่าพี่จะมาหาที่คณะด้วย”

“ก็ผมต้องเอาเงินค่ารถมาคืนคุณ แล้วผมก็อยากรู้เรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อคืนด้วย อยากตอบแทนคุณด้วย”

“ความจริงไม่ต้องตอบแทนก็ได้ครับเพราะผมเต็มใจที่จะทำแบบนั้น”

“คุณใจดีแบบนี้กับทุกคนเลยรึเปล่า”

“....ก็ไม่นะครับ”

ผมเหลือบมองเขาพลางหยุดยิ้มออกมา “งั้นผมก็โคตรโชคดีเลยล่ะสิ”

“อาจจะ”

“คือถ้าผมพูดเยอะไปหน่อยแล้วคุณรำคาญ คุณก็บอกผมนะ บางทีผมก็ชอบเกินลิมิตตัวเองอะ ยิ่งไม่ได้รู้จักกันมาก่อนอีก”

“ไม่หรอกครับ ทำตัวตามปกติแบบที่พี่เป็นเถอะ”

“อืม....” ผมหันไปมองเขาในจังหวะที่รถกำลังติดไฟแดง “คุณรู้ตัวป้ะว่า....ตัวเองมีเสน่ห์ขนาดไหน”

“ไม่รู้สิครับ” คนที่นั่งอยู่ข้างๆ หันมามองผมเหมือนกัน หื้ออออ....ทำไมหน้าตาดีจังวะ ตอนเด็กๆ พ่อแม่เขาเลี้ยงมายังไงลูกถึงได้เบ้าดีขนาดนี้เนี่ย

ขนาดผมเป็นผู้ชายผมยังรู้สึกเลยว่าเออ เขาดูดีอะ ทั้งหน้าตาและรูปร่าง เดิมทีมีผู้ชายไม่กี่คนหรอกที่ดูดีในสายตาผม ไอ้เป้เพื่อนไอ้หมีที่เป็นเดือนมหา’ลัย นั่นอะนิยามคำว่าหล่อได้ อีกคนก็ไอ้แยมที่เป็นเดือนคณะผมรุ่นไอ้หมี ไอ้ขุนน้องรหัสไอ้ขัน แค่นี้ล่ะมั้งที่เห็นรอบตัวแล้วรู้สึกว่าเออหน้าตาดี หน้าตาดีในที่นี้คือให้ความรู้สึกว่าน่ามองจัง ผู้หญิงน่าจะชอบอะไรทำนองนี้ แต่ใดใดก็ตามที่เอ่ยชื่อมาเมื่อกี๊ก็คือมีแฟนเป็นผู้ชายหมดเลยครับ

เพื่อนผมคือทั้งกลุ่มเลย

ช่างเถอะ....จะรักจะชอบใครก็แล้วแต่สิทธิ์ของใจป้ะวะ

“ไอ้หมีบอกว่าคุณเป็นคนเข้าถึงยาก”

“ผมเข้าหาคนอื่นไม่เก่ง เป็นแบบนี้ตั้งแต่เด็ก”

“แต่คุณเก่งนะที่ไปเป็นเดือนคณะทั้งๆ ที่ไม่ชอบสุงสิงกับใคร”

“มันเป็นหน้าที่ไงครับ แต่ถ้าเวลาปกติก็คงไม่”

“แต่กับผมนี่โอเคใช่ไหม” ผมเอ่ยถามก่อนจะขับรถต่อ “คงโอเคแหละ เพราะถ้าไม่โอเคคุณคงไม่มากินข้าวกับผม จริงไหมล่ะ....”

“ครับ คงเป็นอย่างที่พี่พูด”

ผมเลี้ยวรถเข้ามาในร้านอาหารญี่ปุ่นแห่งนึง เห็นร้านนี้บ่อยแต่ไม่เคยมากินสักครั้ง เอาจริงๆ ก็มีคุยกับน้องแอมไว้แหละว่าจะพาเขามากินแต่ดันเลิกกันซะก่อน ไม่เป็นไร นี่ไงผมพาสิบสามมากินแทนน้องแอมละ เดี๋ยวกินเผื่อด้วยเลยก็ได้อะ

“มากี่ท่านคะ”

“ 2 ครับ”

“งั้นเชิญด้านนี้ค่ะ” น้องพนักงานพาเราเดินมาที่โต๊ะมุมด้านในของร้าน ร้านนี้ดีนะ บรรยากาศใช้ได้เลย ผมโคตรชอบความซากุระ ธงปลาคาร์ฟและแมวกวักต่างๆ นี่จริงๆ

ผมนั่งที่โต๊ะก่อนจะจัดการสั่งโน่นนี่นั่น ส่วนร่างสูงตรงหน้าก็พยักหน้ารับไปตามผมเท่านั้น ไม่พูดเลยครับ ไม่มีปฏิสัมพันธ์ใดใดที่มากไปกว่าการพยักหน้า ขนาดน้องพนักงานมอง เจ้าตัวยังหลบสายตาหันไปมองถนนนอกร้านแทนเลย ใจเอ็งมันได้จริงๆ เลยว่ะสิบสาม ผมชอบคนแบบนี้นะ แนวดีอะ เหมือนไม่ได้หาได้ทั่วไป คนนิสัยประมาณนี้จะมีแค่จึ๋งเดียวถ้าเทียบกับคนหมู่มาก

มีเสน่ห์จริงๆ แหละว่ะ

“เอาเท่านี้ก่อนครับ” ผมยิ้มหวานให้น้องพนักงานก่อนจะนั่งเท้าคางมองคนตรงหน้า “คุณนี่ชอบลิตเติ้ลทวินสตาร์มากเลยนะ” ดูจากกระเป๋าถือลายกิกี้กับลาล่าที่วางอยู่บนโต๊ะก็พอเข้าใจได้

คงชอบมากจริงๆ

“มันน่ารัก ผมชอบ”

“ห้องคุณก็บ่งบอกอยู่หรอกว่าชอบมาก ตอนแรกที่ผมตื่นมา ผมนึกว่าห้องผู้หญิงด้วยซ้ำ มีคนอื่นคิดเหมือนผมไหมเนี่ย”

“ไม่มีหรอกครับ” สิบสามเอ่ยก่อนจะรินน้ำใส่แก้วให้ “นอกจากครอบครัวผมแล้ว ไม่เคยมีใครได้เข้าไป”

“ถามจริง”

“จริงครับ”

“โหย....คุณพูดแบบบนี้” ผมก็รู้สึกว่าตัวเองพิเศษอะดิ

นี่แหละ....ผู้หญิงค่อนมหา’ลัยต้องอิจฉาผมจริงๆ

“ผมพูดจริงนะครับ”

“แล้วเรื่องเมื่อคืนอะ เกิดอะไรขึ้นบ้าง”

“ผมไปเจอพี่ล้มอยู่หน้าเซเว่นฯ ตอนที่ล้มครั้งแรกผมอยู่ไกลเกินไป คว้าไว้ไม่ทัน แต่ผมเห็นว่าพี่หัวเราะตอนที่ตัวเองล้ม พอลุกขึ้นอีกครั้งก็จะล้มอีก แต่ผมรั้งไว้ทัน พอพี่ตั้งตัวได้พี่ก็ผลักผมออกก่อนจะวิ่งไปอ้วก”

“ดีนะผมไม่อ้วกใส่คุณ” ผมส่ายหัวให้กับความน่าสมเพชของตัวเอง “ผมเมามากจริงๆ นั่นแหละ ไม่รู้เลยว่าเกิดอะไรขึ้น”

“พี่สลบน่ะครับ ผมไม่รู้ว่าจะทำยังไงก็เลยพาพี่กลับมาที่ห้อง ถือวิสาสะเช็ดตัว ทำแผลให้ ยุ่มย่ามเสื้อผ้าของพี่ด้วย หวังว่าพี่คงไม่โกรธที่ผมทำอะไรตามใจตัวเอง”

“ผมจะไปโกรธคุณได้ไง ต้องขอบคุณมากๆ ด้วยซ้ำ ถ้าคุณไม่ช่วยผมไว้นะ ผมคงนอนเมาอยู่หน้าเซเว่นฯ นั่นแหละ ผมเนี่ยะต้องขอโทษที่ทำให้คุณลำบาก” ผมหยิบแบงค์ห้าร้อยส่งให้สิบสาม “นี่ค่ารถที่คุณให้ผมเอาไว้ ขอบคุณมากเลยจริงๆ นะ”

“....ครับ” เจ้าตัวเก็บเงินใส่กระเป๋า “เมื่อคืนพี่เพ้อตอนเมาด้วยนะครับ”

“จริงดิ ผมพูดอะไรออกไปบ้างเนี่ย”

“ก็เรื่องที่ตัวเองอกหักน่ะครับ แล้วก็บอกว่าพี่ไม่ชอบวันที่ 13 เลย เอาจริงๆ ไม่ใช่แค่วันที่ 13 แต่อะไรก็ตามที่เป็นเลข 13 พี่ก็ไม่ชอบ แล้วผมก็....ชื่อ สิบสาม”

เชี่ยละ

“เอ่อ....คือมันเลขอาถรรพ์ของผมไง คนเมาอะคุณ เพ้อไปเรื่อยก็ไม่แปลกนะ อีกอย่างผมไม่รู้ว่าคนที่ช่วยผมเอาไว้ชื่อสิบสามหนิ”

“ถ้าพี่ไม่ชอบสิบสาม พี่จะเรียกผมว่าสิบ หรือสามก็ได้นะครับ”

“ไม่ล่ะ ผมเรียกคุณว่าสิบสามน่ะดีแล้ว เพราะยังไงมันก็ชื่อคุณ” ผมคีบปลาดิบไปใส่จานให้เขา “คุณเป็นคนที่ช่วยผมเอาไว้นะ ผมจะมารู้สึกแปลกๆ เพียงเพราะคุณชื่อสิบสามก็ไม่ใช่เรื่องอะ”

สิบสามตรงหน้าอาจจะต่างจากเลข 13 อื่นๆ ที่ผมเจอมาก็ได้

ใครจะไปรู้

“ผมยังไม่รู้เลยว่าพี่ชื่ออะไร”

“ผมชื่อ เฌอ อยู่ปี 4 วิศวะฯ นะ”

“ครับ.....ผมชื่อ สิบสาม ปี 2 คณะแพทย์ฯ ยินดีที่ได้รู้จักครับ” คนตรงหน้าเอ่ยบอกเสียงเรียบ แนะนำตัวทั้งที ใจคอไม่คิดจะยิ้มหน่อยเหรอวะ แต่ช่างเถอะ มันปากเขาหนิ เขาจะยิ้มหรือไม่ยิ้มมันก็เรื่องของเขา

ไม่ยิ้มยังให้อิทธิพลต่อคนอื่นมากขนาดนี้

ถ้าเขายิ้มนี่มันจะขนาดไหน....

ผมล่ะอยากรู้จริงๆ

“ยินดีที่ได้รู้จักเช่นกันนะ....สิบสาม”

.

.

.

.

.

.

TBC.

สวัสดีค่ะชาลมาส่งสามเฌอแล้วนะคะ วันนี้มาเร็วเพราะเขียนเสร็จเร็วนะคะ ก็หลังจากนี้อาจจะทิ้งช่วงบ้างแต่จะไม่เกิน 1 อาทิตย์ค่ะ ก็คือจะให้ระยะเวลาการลงเหมือนตอนเมื่อก่อนที่เคยลงนิยายนะคะ ถ้ากำลังใจเยอะก็อาจจะมาไว้หน่อย

เปิดตัวครบแล้วนะคะ ทุกตัวละครสำคัญ เรื่องราวจะเป็นยังไงต่อรอติดตามนะค้าบ

สามารถติดต่อข่าวสาร + สปอยล์ได้ที่ทวิตเตอร์ Chaleeisis หรือเพจ Fiction Yaoi Th ค่ะ

ขอบคุณที่หลงเข้ามาอ่านนะคะ

ออฟไลน์ Kelvin Degree

  • ถ้าวันนั้นเลือกที่จะเดินออกไป คงไม่เจ็บมาจนถึงทุกวันนี้...
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1700
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +57/-2
เอาละสิ สิบสามนี้จะอาถรรพ์อีกรึป่าว?? 

ออฟไลน์ Leenboy

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3095
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +105/-2
ต้องคบสิบสามเพื่อล้างอาถรรพ์สินะ คริๆ

ออฟไลน์ chaleeisis

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 249
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +96/-3
บทที่ 3 หมั่นไส้


“มึงจะไปไหน”

“โตแล้วครับ ผมจะไปไหนก็ได้ที่ใจผมอยากจะไป”

“ตึกแพทย์ฯ อะดิ อาทิตย์นี้มึงไปแถวนั้นบ่อยนะ ซ่อนอะไรเอาไว้ บอกกูมาซะดีดี”

“แช่ม....มึงนี่มันขี้เสือกจริงๆ เลยนะ”

“เขาเรียกว่าใส่ใจ”

“เขาเรียกว่าเสือก”

เห้อะ....ไอ้เวร

ผมหรี่ตาแข่งกับมันพลางแผ่รังสีอำมหิตออกไปให้ได้มากที่สุด เอาดิ ลองดูได้ว่าระหว่างกูกับมึงใครจะชนะ เรื่องปัญญาอ่อนแบบนี้คนอย่างชรันไม่ยอมแพ้ง่ายๆ หรอก เอาจริงๆ การมาทำอะไรแบบนี้ก็เสียเวลาอยู่เหมือนกันนะ แทนที่เรียนเสร็จ เก็บของแล้วจะได้ไปตามทางกลับต้องมาเล่นอะไรแปลกๆ กับชริตเป็ดเนี่ยะ แต่ยังไงเรื่องนี้ก็ยอมไม่ได้อยู่ดี ต้องมีใครสักคนแหละที่พ่ายแพ้ไป
คนๆ นั้นต้องไม่ใช่เฌอด้วย

ป๊าบบบบ

“โอ๊ยยยยย มึงทำไรเนี่ยะไอ้เวร”

“หัวกู อื้อออ...อ....เจ็บ”

“สมควร เกะกะขวางทางอยู่ได้” ไอ้ขันเก็บหนังสือที่ใช้ฟาดผมสองคนลงกระเป๋า “แล้วถ้าพวกมึงยังไม่หยุดทำตัวปัญญาอ่อนนะ กูจะฟาดให้อีกสองป๊าบด้วย”

มันจะโฉดไปถึงไหนวะ

“กูฝากไว้ก่อนเถอะ แค้นนี้ต้องเอาคืน” ผมคาดโทษมันก่อนจะเดินสะบัดออกมาทันที ไม่ได้ครับ ถ้าขืนอยู่ต่อจะต้องมีฝ่ายใดฝ่ายนึงเสียเลือดเสียเนื้อ

ถ้าวัดกับไอ้ขันคือผมตายแน่นอน

ใครจะสู้มันได้วะ

พอก่อนชรัน นายเสียเวลากับเรื่องไร้สาระมามากเกินพอแล้ว ตอนนี้นายมีภารกิจอันยิ่งใหญ่ต้องไปทำไงอย่าลืมสิ คืองี้ครับ ช่วงอาทิตย์ที่ผ่านมาเนี่ยะ ผมไปตึกแพทย์ฯ ค่อนข้างบ่อย เรียกว่าเกือบทุกวันเลยก็ว่าได้ กำลังจีบสาวอยู่ไงก็เลยต้องโผล่ไปให้เขาเห็นบ่อยๆ สาวที่ผมตามจีบอยู่ก็ไม่ใช่ใครไหนไกลครับ น้องเดียร์อดีตดาวคณะแพทย์ฯ นั่นเอง จากเมื่อวันที่แลกไลน์กัน เราสองคนก็คุยกันทุกวันเลยนะ

เขินว่ะ ขอบิดไปบิดมาแป๊บ

ผมชอบความรู้สึกแบบนี้นะ มันทำให้ใจเต้นแรงดีอะ คือแรกๆ อะไรมันก็ดีทั้งนั้นแหละ เรื่องของความสัมพันธ์มันก็ต้องดูกันไปเรื่อยๆ แต่คุยกับน้องเดียร์แล้วมันก็ดูไปในทิศทางที่ดีนะ คำพูดคำจาก็เหมือนจะมีใจให้กันอยู่ ความจริงวันนี้ผมกะจะเอารถไปล้าง แต่พอน้องเดียร์ไลน์มาบอกว่าคิดถึงเท่านั้นแหละ โห่ยยยย น้องรถค่อยล้างวันอื่นละกันน้า วันนี้พี่เฌอมีธุระหัวใจด่วนมากๆ น้องรถโปรดเข้าใจ

“พี่เฌอ” เสียงหวานเอ่ยเรียกผม “ทางนี้ค่ะ”

ผมเดินมานั่งลงที่ม้านั่งเดียวกับน้องเดียร์ “เพื่อนๆ ล่ะครับ”

“ไปซื้อขนมน่ะค่ะ วันนี้เรียนเป็นไงบ้าง เหนื่อยไหม”

“เหนื่อยมากเลยครับ แต่เห็นหน้าน้องเดียร์ พี่ก็หายเหนื่อยแล้วล่ะ” ไงล่ะ หยอดไปหนึ่งจึ๋ง เอาจริงๆ มุกนี้คือเล่นบ่อยมากตอนหยอดสาว ผมควรหามุกอื่นบ้างได้แล้ว

รอบหน้าละกัน

“ขี้โม้ เดียร์ไม่เชื่อหรอก”

“จริงๆ นะครับ” ผมเท้าคางมองเธอ “แล้วน้องเดียร์เรียนเป็นยังไงบ้าง เหนื่อยไหมครับ”

“แค่เดียร์เห็นหน้าพี่เฌอ เดียร์ก็หายเหนื่อยแล้วค่ะ” เธอบอกพร้อมกับยิ้มหวาน จ้า น่ารักขนาดนี้เอาทรัพย์สินที่พี่มีทั้งหมดไปเลยไหม

โอ๊ยยยยใจอ่อนยวบยาบไปหมด

“เล่นมุกเดียวกับพี่เหรอ”

“หยอดมาหยอดกลับ....ไม่โกงค่ะ”

“มันน่านักนะ” ผมยีหัวเธอเบาๆ เหมือนมันเขี้ยว “ทำตัวน่ารักแบบนี้ เดี๋ยวก็โดนหรอก”

ใบหน้าหวานเลื่อนเข้ามาใกล้ “กลัวไม่โดนนี่สิคะ”

“หึ....”

เด็กมันเอาว่ะ

ผมลดมือลงก่อนจะนั่งมองหน้าคนตรงหน้าอยู่อย่างนั้น หลงอะ ชอบ น่ารัก ยิ่งคุยกันยิ่งชอบ ผมไม่รู้ว่าน้องจะคิดเหมือนอย่างที่ผมคิดรึเปล่า ถ้าน้องเดียร์ชอบผมเหมือนที่ผมรู้สึกกับเธอ ผมคงขอเธอเป็นแฟนแล้วล่ะ จริงอยู่ว่าผมเลิกกับน้องแอมไม่กี่อาทิตย์แต่มันก็ไม่จำเป็นที่ผมจะต้องเอาตัวเองจมอยู่ตรงนั้น ชีวิตมันก็ต้องมูฟออนป้ะวะ ถ้าเราเจอคนที่เรารู้สึกดีด้วย เราอยากคบกับเขา อยากจะพัฒนาความสัมพันธ์ให้มากขึ้นมันก็ไม่แปลกป้ะ

เบื่อ....เวลาคนชอบพูดว่าผมเปลี่ยนแฟนบ่อย

ไม่มีใครอยากเปลี่ยนแฟนบ่อยหรอก ทุกคนก็ต้องอยากเจอคนที่คบกันไปเรื่อยๆ ป้ะวะ แต่มันต้องยอมรับไงว่ามันไม่ใช่ทุกครั้งที่ความรักจะได้ดั่งใจ เวลารู้สึกชอบใครผมก็พร้อมทุ่มเทให้เพราะว่าความรู้สึกชอบมันพิเศษไง คบกันไวก็เรียนรู้กันไปเรื่อยๆ ไม่เห็นแปลกเลย คนที่ผมขอคบด้วยแปลว่าผมคิดจริงจังแล้ว เคยมีแฟนเก่าที่บอกเลิกผมไปทักมาบอกว่าเออผมมีใหม่ไวจังนะโน่นนี่ คือแบบ....ทำไมอะ คุณก็ไปจากผมแล้ว ผมก็เสียใจแล้ว ผมต้องเสียใจนานเป็นชาติเหรอ ไม่จำเป็นนะ

ชีวิตมีเวลาจำกัด....ถ้าผมเสียใจไป 10 ปีเพราะคนๆ เดียว

ผมจะเสียโอกาสจากคนที่อาจจะเข้ามาเป็นความรักตลอดไปของผมก็ได้

“คิดอะไรอยู่คะ อยู่ดีดี คิ้วก็ชนกันเลย” นิ้วเรียวจิ้มกลางระหว่างคิ้วผม “มีอะไรไม่สบายใจ พี่เฌอบอกเดียร์ได้นะ”

“คิดอะไรเรื่อยเปื่อยน่ะครับ แต่ก็มีอย่างนึงที่พี่คิดอยู่ตลอดเลย”

“คิดอะไรคะ”

“คิดถึงน้องเดียร์ไงครับ”

ร่างบางตีไหล่ผมเบาๆ “นี่แน่ะ ทำเป็นปากหวาน”

“พี่พูดจริงๆ นะ”

“พูดแบบนี้กับผู้หญิงมากี่คนแล้วคะ” น้องเดียร์จิ้มแก้มผม “เดียร์รู้น้าว่าพี่เฌอมีผู้หญิงในสต๊อกเยอะ”

“ไม่มีสักคน ข่าวนี้เชื่อไม่ได้นะ”

“ใช่รึเปล่า”

“ใช่สิครับ....ถ้าพี่มีผู้หญิงเยอะ พี่คงไม่นั่งอยู่ตรงนี้หรอก”

“พี่จะบอกว่ามีแค่เดียร์คนเดียวงั้นสิ”

ผมพยักหน้ารับเบาๆ “ก็....ประมาณนั้น”

“ฮันแน่ ทำอะไรกันอยู่คะ” เสียงเดอะแก๊งค์ของน้องเดียร์ดังขึ้นมา เมื่อกี๊เสียงน้องจ๋าครับ คนนี้เพื่อนสนิทน้องเดียร์เลย

“พี่จีบสาวอยู่ครับ ไม่รู้จะติดรึเปล่า”

“อิจฉาจังเลย” น้องมิ้มเอ่ยแซว “อยากมีหนุ่มวิศวะฯ มาตามจีบบ้างจัง”

“คือพวกหนูไม่ได้อยากทำให้พี่เฌอเสียใจเลยนะคะ แต่พวกเราต้องไปเตรียมสันทนาการน้องๆ น่ะค่ะ ต้องเอาตัวยัยสวยนี่ไปด้วย น้องๆ จะได้มีกำลังใจร่วมกิจกรรม”

“ผึ้งก็พูดเกินไป” น้องเดียร์ทำหน้ามุ่ยใส่เพื่อนสาวพลางทำแก้มป่องใส่ผม “อย่าทำหน้าเศร้าสิคะ”

ผมทำแก้มป่องตามน้อง “ไม่เศร้าหรอกครับ มันเป็นหน้าที่พี่เข้าใจ งั้นถ้าน้องเดียร์ทำกิจกรรมเสร็จ เราค่อยคุยกันก็ได้”

“เอาแบบบนั้นก็ได้ค่ะ เดี๋ยวทักไปนะ เดียร์ไปก่อนนะคะ” เธอยิ้มหวานให้ก่อนจะเดินไปพร้อมเพื่อนๆ หื้ออออ....แก๊งค์นี้มันนางฟ้าของคณะแพทย์ฯ ชัดๆ

ปลื้มปริ่มใจจังเลยค้าบผม

ตอนนี้เกือบ 4 โมงแล้วและผมกำลังคิดว่าตัวเองจะไปไหนต่อดีนะ หรือกลับไปเอาน้องรถไปล้างดี แต่คิดไปคิดมาก็ขี้เกียจเข้าๆ ออกๆ จะกลับหอเลยมันก็ไม่มีไรทำอะ เอออาทิตย์นี้วันเกิดน้องเดียร์นี่หว่า ผมว่าผมไปซื้อของขวัญเตรียมไว้ให้เธอดีกว่า อืม....เรื่องซื้อของขวัญยังเป็นอะไรที่ยากสำหรับผมเสมอ ไม่รู้ว่าซื้อมาแล้วเธอจะชอบรึเปล่า ถ้าสมมุติว่าผมซื้อของมาให้แต่น้องไม่ชอบ ผมอาจจะโดนหักคะแนนจีบก็ได้

ถ้ามีคนไปช่วยตัดสินใจเลือกก็น่าจะดีนะ

ในขณะที่ผมกำลังนั่งคิดเรื่องของขวัญวันเกิดน้องเดียร์อยู่นั้น ร่างสูงที่ไม่เห็นมาอาทิตย์กว่าก็เดินออกมาจากตึก “....สิบสาม”

วันนี้ใส่แว่นด้วยว่ะ

ไม่ใส่แมสแต่ใส่แว่น

“....ครับ” เจ้าตัวเดินเข้ามาหาผม “พี่มาทำอะไรเหรอครับ”

“ผมมาหาน้องเดียร์น่ะ แต่เธอไปทำกิจกรรมสันทนาการน้องๆ แล้ว เออว่าแต่คุณไม่ไปร่วมกิจกรรมเหรอ”

“ไม่ล่ะครับ สันทนาการน้องไม่ใช่หน้าที่ของผม”

ผมพยักหน้ารับเบาๆ “แล้วคุณว่างไหม รีบไปไหนรึเปล่า”

“ทำไมครับ”

“คือผมอยากไปซื้อของน่ะ อาทิตย์หน้าวันเกิดน้องเดียร์ แต่ผมไม่รู้ว่าจะซื้ออะไรให้เธอดี คุณไปช่วยผมเลือกหน่อยสิ”

“แต่ผมเลือกของไม่ค่อยเก่งนะครับ”

“ไม่เป็นไร ไปเป็นเพื่อนผมก็ได้....มันเหงาๆ นะถ้าต้องเดินคนเดียว”

“เอาแบบนั้นก็ได้ครับ”

“งั้นดีเลย ไปรถเมล์เนอะ วันนี้ผมไม่ได้เอารถมาอะ”

“ได้ครับ” พอเขารับคำผมก็เดินนำเขาออกมาจากตึกแพทย์ฯ ก่อนจะมุ่งหน้าไปยังป้ายรถเมล์หน้ามหา’ลัย ห้าง AA อยู่ไม่ไกลเท่าไหร่ครับ นั่งรถไปห้าป้ายก็ถึงแล้ว ผมกับเหล่าสหายเคยนึกคึกเดินไปด้วยนะ

ผลคือขาลาก

ผมยืนมองร่างสูงที่อยู่ข้างๆ อย่างสนใจ ช่วยไม่ได้อะ เขาน่าสนใจจริงๆ วันนั้นที่ใส่แมสปิดปากก็จะให้อีกฟีลนึง พอมาวันนี้พ่อคุณเขาใส่แว่นแทนมันก็จะเป็นอีกฟีลนึง ลุคนี้ก็หล่อ คือคนมันหล่ออยู่แล้วด้วยป้ะวะ เอาอะไรมาประดับบนหน้าก็ยังคงดูดี แล้วดูหน้าเขาดิ ใสอย่างกับไม่เคยเป็นสิว ชีวิตนี้เคยตากแดดบ้างไหมครับว่าที่คุณหมอ อยากรู้เหมือนกันนะว่าถ้าสิบสามกลายเป็นผู้ชายผิวแทนขึ้นมามันจะเป็นยังไง

ต้องดูดีมากแน่ๆ เลยว่ะ

“รถมาแล้วคุณ” ผมโบกรถเมล์ก่อนจะเดินนำขึ้นไป ไม่มีที่นั่งเลยครับต้องยืนเอา อึดอัดหน่อยแต่เอาน่ะ แค่ไม่กี่ป้ายเอง

“สองคนครับ” สิบสามจ่ายค่ารถเมล์ก่อนจะหยิบโทรศัพท์ที่มีหูฟังเสียบติดอยู่ขึ้นมา เคสโทรศัพท์ก็ยังลายลิตเติ้ลทวินสตาร์ โคตรมุ้งมิ้ง ลองจินตนาการภาพหน้าเขาสลับกับเคสโทรศัพท์ดิ

ดูไม่เข้ากันเลย

“เดี๋ยวผมให้ค่ารถคุณนะ”

“ครับ” ร่างสูงขยับเข้ามาใกล้ผมอีกเพราะมีคนเพิ่งขึ้นรถ การที่หน้าอยู่ห่างกันแค่คืบ มันก็ทำให้ผมรู้สึกประหม่าเหมือนกันนะ เหตุผลเดียวง่ายๆ เลยที่ทำให้ผมรู้สึกแบบนี้ก็เพราะว่า....เขาหล่อครับ

“คุณฟังเพลงไรอะ”

“จะฟังด้วยกันไหมครับ”

“....เอาดิ” ผมรับหูฟังมาจากสิบสามก่อนจะเสียบเข้าหูตัวเอง เสียงเพลงที่ได้ยินทำให้ผมมองคนตรงหน้าอยู่อย่างนั้น



ไม่เคยมีใครน่ารักเท่ากับเธอ....เจอกี่ครั้งก็ยังละเมอ
ยอมให้เธอได้ทุกอย่าง ให้ฉันรักได้เปล่า
ใครเจอน่ารักเท่ากับเธอ หาให้ตายก็หาไม่เจอ
อยากขอเธอแค่สักอย่าง
ให้ฉันรักได้เปล่า....


(เพลง รักได้ป่าว – GAVIN.D)




“ทำไมทำหน้าแบบนั้นล่ะครับ”

“คุณ....ทำผมผิดคาดอีกแล้ว” ใครจะคิดว่าสิบสามจะฟังแนวแบบนี้ด้วย นี่สินะ ที่เขาบอกว่าเราจะมองคนจากแค่บุคลิกภายนอกไม่ได้

“ผมฟังเพลงหลายแนวเลยครับ ถ้าฟังแล้วรู้สึกว่ามันเพราะก็ฟัง พี่มีแนวเพลงที่ชอบฟังบ่อยๆ ไหมล่ะครับ”

“ก็ส่วนมากเป็นเพลงตามร้านเหล้าอะ ฟีลอกหักซะส่วนใหญ่”

“ช่วงนี้ผมฟังแต่เพลงรัก” คือฟังแต่เพลงรักน่ะเข้าใจ....แต่ไม่เห็นต้องมองกันด้วยสายตาแบบนั้นหนิ

ประหม่าหนักกว่าเดิมอีก

“ผมเชื่อ”


---------- 50% ----------

ออฟไลน์ chaleeisis

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 249
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +96/-3
---------- ต่อจากบท 3 ---------



ผ่านไปสักพักรถเมล์ก็มาถึงป้ายที่หน้าห้าง AA ผมกดออดก่อนจะเดินนำสิบสามลงมา เจ้าตัวเก็บโทรศัพท์ใส่กระเป๋าถือ อยากแอบถ่ายรูปเก็บเอาไว้ชิบ สิบสามเนี่ยะดังมากในเพจคิ้วท์บอยของมหา’ลัยนะครับ ไอ้หมีเอามาเปิดให้ดู คือเชื่อป้ะว่าไม่มีรูปไหนที่เขายิ้มเลยอะ ผมย้อนกลับไปดูรูปสมัยเขาประกวดดาวเดือน ก็ไม่มีรูปไหนยิ้มเหมือนกัน ชีวิตนี้ไม่เคยยิ้มเลยเหรอ เคยหัวเราะจนแก้มปริอะไรทำนองนี้บ้างไหม

เกินไปอะ

“พี่มีอะไรรึเปล่าครับ มองหน้าผมไม่หยุด”

“คุณเคยยิ้มบ้างป้ะ”

เจ้าตัวเหลือบมองผมก่อนจะรั้งแขนให้หลบคนที่เดินสวนมา “มองทางสิครับ พี่เกือบชนเขาแล้วนะ”

“ผมสงสัยอะ ว่าไง คุณเคยยิ้มบ้างป้ะ”

“ใครๆ ก็ต้องเคยยิ้มทั้งนั้นแหละครับ”

“ผมไม่เคยเห็น”

“ผมเจอพี่กี่ครั้งเอง”

“ในรูปตามเพจคุณก็ไม่ยิ้ม”

“พี่ไปตามดูรูปผมมาเหรอ”

“ก็....ไอ้หมีมันเปิดให้ดูไง” ผมบอกปัดก่อนจะเดินนำเขามายังโซนของขวัญต่างๆ “ผมเห็นรูปที่คุณแข่งดาวเดือนปีที่แล้วด้วยนะ ตอนนั้นคุณก็ไม่ยิ้ม รูปตามโซเชี่ยลของคุณ ก็ไม่มีเหมือนกัน รูปที่เพื่อนแท็กก็ไม่มี คุณแทบไม่มีเพื่อนเลยมากกว่า”

“พี่รู้เรื่องผมเยอะเหมือนกันนะครับพี่เฌอ” มือเรียวหยิบตุ๊กตาต้นไม้ก่อนจะยกขึ้นมาไว้ด้านข้างหน้าผม “เหมือนพี่เลย”

“ผมเหมือนต้นไม้เหรอ”

“ชื่อพี่ก็บอกอยู่นี่ครับ” เจ้าตัววางเจ้าตุ๊กตาต้นไม้นั่นไว้ที่เดิม “ว่าแต่พี่จะซื้ออะไรให้เดียร์เหรอ”

“ของขวัญวันเกิดอะ ตุ๊กตาจะดีไหม หรือของอย่างอื่น” ผมเดินดูของไปเรื่อยๆ “ถ้าเป็นวันเกิดคุณ คุณอยากได้อะไร”

“สำหรับผม....ของอะไรก็ได้ครับ ถ้ามันมาจากคนสำคัญ มันมีค่าเสมอ”

“อย่างผมจะเรียกว่าสำคัญสำหรับน้องเดียร์ได้รึยังนะ”

โซนของขวัญคือละลานตามาก มีของให้เลือกเยอะจนไม่รู้จะเอาอะไรดี ตุ๊กตาก็น่าสนใจอยู่ ผู้หญิงส่วนมากก็ชอบตุ๊กตานะ ตอนที่ผมมีแฟน ตุ๊กตาก็เป็นของขวัญที่ผมซื้อให้อีกฝ่ายเป็นส่วนใหญ่ รองมาก็พวกเสื้อผ้า เครื่องประดับบ้าง เครื่องสำอางบ้าง แล้วแต่อะ มันก็ประมาณนี้ซะมาก ใจนึงก็คิดว่ามันจะดูธรรมดาไปรึเปล่า แต่อีกใจมันก็ดูเรียบง่ายดี ถ้าอยากให้เว่อร์วังก็แค่ซื้อตัวใหญ่ๆ

เอาแบบบังน้องเดียร์มิดไปเลย

“สิบสาม”

“ครับ”

“ปกติแล้ววันเกิดแฟน คุณซื้ออะไรให้เขาเหรอ”

“ไม่ซื้อครับ”

“ไม่ซื้อหน่อยเหรอ ทำไมอะ”

“ผมไม่เคยมีแฟน ก็เลยไม่ต้องซื้อน่ะครับ”

ผมพยักหน้ารับพลางมองอย่างแปลกใจ “อย่างคุณเนี่ยนะไม่มีแฟน”

“ใช่ครับ ผมว่าการเจอใครสักคนที่ทำให้รู้สึกประทับใจตั้งแต่แรกเห็นมันยากมากเลยน่ะครับ ตอนแรกก็ไม่คิดว่าจะเจอ”

“ตอนแรก” ผมหันขวับมองเขาทันที “งั้นตอนนี้ก็เจอแล้วล่ะสิ”

“อืม....ผมว่าเดียร์น่าจะชอบตุ๊กตาตัวนี้นะครับ” สิบสามหยิบตุ๊กตากวางตัวบะเอ้กส่งให้ผม หึ....นังน้อน เขากำลังเฉไฉเรื่องที่ตัวเองพูดออกมาเมื่อกี๊ครับ

คิดว่าพี่เฌอคนนี้จะไม่รู้งั้นเหรอ

การที่เขาบอกปัดแบบนี้ก็ชัดเจนแล้วว่าคงไม่อยากใครรู้ จะว่าไปการที่เขาบอกผมถึงขนาดนี้มันอาจจะมากเกินพอแล้วก็ได้สำหรับคนที่ไม่ได้สนิทอะไรกันมาก อย่างน้อยตอนนี้ผมก็เป็นหนึ่งคนที่รู้ว่าอดีตเดือนแพทย์ฯ ที่โคตรจะโซฮอตคนนี้กำลังมีคนที่ตัวเองรู้สึกประทับใจหรืออาจจะมากกว่านั้น คนแบบไหนกันที่ทำให้คนตรงหน้าประทับใจได้วะ นึกไม่ออกเลยจริงๆ

เอาเป็นว่าช่างมันเถอะ

เก็บเรื่องของคนอื่นมาคิดก็จะปวดหัวเปล่าๆ

ผมมองเจ้าตุ๊กตากวางก่อนจะเอามันวางไว้ที่เดิมก่อน โอเคเดี๋ยวจะซื้อแน่ล่ะแต่ว่าถ้าซื้อตอนนี้เลย น้องก็อาจจะมาเกะกะการเดินของผมพอสมควรเพราะตัวใหญ่มาก ไว้เดินเสร็จ จะกลับเมื่อไหร่ค่อยย้อนมาซื้อ พอคิดได้แบบนั้นผมก็ลากสิบสามมาที่โซนเครื่องเขียนต่อ กะจะซื้อโพสอิทสักหน่อย ซื้อปากกาด้วย ผมเอาน้องไปวางไว้ตรงไหนก็ไม่รู้ เนี่ยะ ไอ้ขันบอกว่าให้ผมเอาเชือกผูกที่ปากกาเอาไว้กับข้อมือตัวเอง ผมจะได้ไม่ทำหายอีก

ชรันไม่ใช่เด็กซะหน่อย....ไม่เห็นต้องทำแบบนั้นเลย

“อันไหนดีนะ” ผมหยิบโพสอิทขึ้นมา “คุณว่าอันไหนดี”

มือเรียวหยิบโพสอิทลายลิตเติ้ลทวินสตาร์ให้ผมดู “อันนี้ครับ”

“อันนั้นคุณอยากได้เองแล้วแหละ”

“น่ารักออก นี่ครับพี่เฌอ แบบพี่ต้องใช้อันนี้” เจ้าตัวส่งโพสอิทขอบสีดำให้ผม “แบด แบด”

“หน้าเหมือนคุณอะ”

“เหมือนผมตรงไหน”

“ก็ดูดิ ทำหน้าเหมือนกันเป๊ะ ยิ่งตานี่ใช่เลย” ผมหยิบปากกาลายเดียวกันอีกสองสามแท่งมาก่อนจะเดินไปจ่ายเงิน ปกติแล้วผมไม่ใช้ของลายการ์ตูนเลยนะ แต่ไหนๆ มีเด็กแนะนำมา ผมจะยอมใช้ก็ได้

เผื่อมันจะไม่หายเหมือนกับแท่งอื่นๆ

“เดี๋ยวไปซุปเปอร์มาร์เก็ตข้างล่างหน่อยนะครับ ผมต้องซื้อของเข้าห้องด้วย”

“เอาดิ”

หลังจากจ่ายเงินเสร็จผมก็เดินตามสิบสามมายังซุปเปอร์มาเก็ตชั้นล่าง ร่างสูงเดินไปหยิบรถเข็นก่อนจะไปตามทางพร้อมกับหยิบของใช้ต่างๆ มาใส่รถ พวกน้ำยาซักผ้านี่ใช้ของเด็กหมดเลยครับ เป็นสูตรไม่มีกลิ่นผสมเลย แล้วไอ้กลิ่นหอมๆ ที่ติดตัวเขานี่มาจากอะไรวะ น้ำหอมเหรอ ถ้าเป็นน้ำหอมจริงๆ นี่จะถือว่ากลิ่นดีมากเลยนะ เป็นกลิ่นสะอาดๆ อะ เหมือนกลิ่นแป้งแคร์กระป๋องฟ้า

โคตรใช่เลย

ผมเดินตามเขามาเรื่อยๆ จนถึงโซนผลิตภัณฑ์สำหรับผิว สิบสามยืนเลือกโฟมล้างหน้าอยู่พักใหญ่ ไม่ใช่แค่โฟมล้างหน้านะครับ ครีม โลชั่น เซรั่มต่างๆ ก็เลือกนานเหมือนกัน นี่เองสินะเคล็ดลับของความผิวดีขนาดนั้น มีมาร์กใต้ตาด้วยว่ะ บรรดาเพื่อนๆ ผม ไม่มีใครใช้อะไรกับหน้าเยอะขนาดนี้เลย อย่างผมก็จะมีแค่โฟมล้างหน้ากับครีมกันแดด คือไม่ใช้ไม่ได้อะ ผมเคยหน้าลอกเพราะแดดเผาอยู่ช่วงนึงตอนมัธยมฯ

ครีมอย่างอื่นไม่ทาได้แต่ครีมกันแดดนี่ไม่ได้เลยครับ

หลังจากว่าที่คุณหมอเลือกของสำหรับผิวเสร็จ เขาก็เข็นรถมาที่โซนของกินพร้อมกับหยิบคารามูโจ้สีดำใส่รถไปจนเกือบหมดชั้น ขนาดนี้ก็ซื้อเป็นลังไหม ซื้อเหมาไปเลยก็ได้ป้ะถ้าจะเอาเยอะขนาดนั้นอะ ดูทรงแล้วเขาคงชอบคารามูโจ้มากแน่ๆ

“คุณชอบเหรอ”

“ใช่ครับ แล้วพี่เฌอไม่ซื้ออะไรเหรอครับ”

“ไม่ล่ะ ผมเพิ่งซื้อของเข้าห้องไปเอง....” ผมบอกเขาก่อนจะเหลือบไปเห็นใครบางคน “....น้องแอม”

สิบสามมองตามสายตาผม “ใครเหรอครับ”

“แฟนเก่าน่ะ” ผมมองร่างบางที่ยืนหยอกล้อกับผู้ชายคนนึงอยู่ คือมันดูเป็นเรื่องเฮงซวยเหมือนกันนะกับการที่ต้องมาเจอแฟนเก่าในเวลาแบบนี้ ถ้าผมอยู่คนเดียวมันก็อาจจะมีอาการจึ๊กๆ บ้าง

ดีนะที่ไม่ได้มาคนเดียว

“คนนี้รึเปล่าครับ ที่ทำให้พี่ไปกินเหล้าจนเมา”

“ถ้าอย่างกินเหล้าจนเมาน่ะทุกคนแหละ แต่คนนี้คือคนล่าสุด”

“ยังเสียใจอยู่ไหมครับ”

“ไม่แล้วล่ะ....ผมมีน้องเดียร์แล้วไง”

“พี่จริงจังกับเดียร์เหรอครับ”

“ก็จริงจังนะ ผมจริงจังกับทุกคนที่ผมรู้สึกชอบอยู่แล้ว คุณถามผมแบบนี้....อย่าบอกนะว่า” ผมเลื่อนหน้าเข้าไปใกล้ “คุณก็เล็งน้องเดียร์ไว้เหมือนกัน”

สิบสามมองหน้าผมอยู่อย่างนั้นก่อนจะถอนหายใจออกมาแล้วเข็นรถเดินไปโซนถัดไป เอ้า แบบนี้ก็ได้เหรอวะ อะไรเนี่ยนังน้อน พี่ยังไม่ได้คำตอบเลย จิ๊....ร้ายกาจจริงๆ แต่จะว่าไปถ้าสิบสามเล็งน้องเดียร์จริงๆ เขาน่าจะทำคะแนนได้มากผมป้ะ เรียนก็เซกเดียวกัน เจอหน้ากันทุกวัน เป็นดาวเดือนด้วยกัน แถมคนที่เดินหนีผมอยู่นั่นก็หน้าตาดีแบบดี๊ดี ถึงผมจะมั่นใจในหนังหน้าตัวเอง แต่ก็ยังไม่กล้าเอาไปเทียบกับสิบสามอยู่ดี

แล้วเนี่ยะ เรื่องนี้ก็คือคาใจเลย

ปล่อยไว้ไม่ได้นะ

“คุณเดินหนีผมอะ ทำแบบนี้เหมือนยอมรับเลยนะว่าคุณเล็งน้องเดียร์”

“พี่เฌอครับ” ร่างสูงเดินเข้ามาใกล้ก่อนจะหยิบถุงขนมที่อยู่เหนือหัวผม “ผมไม่ยุ่งกับน้องเดียร์ของพี่หรอก สบายใจได้”

“คุณพูดแบบนี้แล้วผมค่อยโล่งใจหน่อย” ผมยิ้มหวานให้เขา โอเค สบายใจละ อย่างน้อยผมก็ไม่มีสิบสามเป็นคู่แข่งในสมรภูมิความรักนี้

“โล่งใจก็ดีแล้ว ป่ะ ผมต้องซื้อนมกับโยเกิร์ตอีก” เขาบอกก่อนจะเดินนำผมมาอยู่ที่ตู้นม มือเรียวหยิบนมจืดมาใส่รถเข็นสองแกลอนใหญ่ เดี๋ยวก่อนนะพ่อหนุ่ม ซื้อเยอะขนาดนี้กินทันเหรอ

“คุณกินทันเหรอ”

“ทันครับ พี่เอาสักแกลอนไหมล่ะ”

“ไม่เอาอะ กินนมขนาดนี้ป้ะ ถึงได้สูงแบบนี้”

“คงงั้นมั้งครับ” เขาหยิบโยเกิร์ตรสธรรมชาติใส่รถเข็นอีกสามแพ็ค “ผมถามได้ไหมว่าพี่เฌอสูงเท่าไหร่”

“ผมสูง 181 เซ็นฯ แล้วคุณล่ะ”

“ 188 เซ็นฯ ครับ”

โหหหห....สูงชิบหาย อีกนิดเดียวก็ 2 เมตรแล้วป้ะ

“แต่คุณดูผอมนะ ตัวผมน่าจะหนากว่า”

“ดูแค่ภายนอกไม่ได้หรอกนะครับ” สิบสามเสยผมที่ปรกหน้าตัวเองออก “เท่าที่ผมเห็นพี่เนี่ยะ ตัวพี่บางกว่าผมอีก”

“ถามจริง”

“ไม่งั้นผมจะแบกพี่กลับมาที่ห้องแบบสบายๆ ได้ยังไงครับ พี่อาจจะคิดว่าตัวเองตัวใหญ่ แต่สำหรับผมแล้ว....พี่ก็ตัวแค่นี้เอง”

ผมทำหน้ามุ่ยใส่เขา “คุณตัวใหญ่กว่าผมแค่จึ๋งเดียวเท่านั้นแหละ”

“ผมตัวใหญ่กว่าพี่ตั้งจึ๋งนึงต่างหาก” เจ้าตัวยักคิ้วให้ผมทีนึงเหมือนโชว์เหนือ น่าหมั่นไส้ชิบหาย ใจผมน่ะอยากโบกให้เขาหัวทิ่มคารถเข็นเลยล่ะแต่จะทำแบบนั้นก็ไม่ได้ไง

ให้สนิทกันกันอีกจึ๋งนึงก่อน....ถึงวันนั้นเมื่อไหร่ค่อยลงไม้ลงมือ

สิบสามเข็นรถเข้าไปจุดจ่ายเงิน ซื้อของเยอะมากเลยอะ รวมทั้งหมดนี่น่าจะหนักเอาการ ถ้าแบกขึ้นรถเมล์กลับจะลำบากมากเว่อร์ อีกอย่างตอนนี้เขามีรณรงค์ลดใช้ถุงพลาสติกอีก งานหยาบแล้วล่ะ จะเอากลับยังไงวะเนี่ย หรือว่าต้องไปซื้อกระเป๋าผ้า

“คุณจะเอากลับยังไงอะ ห้างไม่ให้ถุงด้วย”

“รถผมจอดอยู่ที่นี่น่ะครับ เดี๋ยวเอาของไปไว้ท้ายรถก็ได้”

“แล้วทำไมรถคุณมาอยู่ที่นี่ล่ะ”

“เอามาล้างน่ะครับ ตั้งแต่เช้าละ”

“อ๋อ งี้นี่เอง งั้นเดี๋ยวคุณจ่ายของไปก่อน ผมจะไปซื้อตุ๊กตาน้องกวาง”

“ได้ครับ เดี๋ยวผมรอที่ชั้นจอดรถ”

“โอเค” ผมบอกก่อนจะเดินกลับขึ้นไปที่ชั้นโซนของขวัญเพื่อซื้อตุ๊กตาน้องกวาง

จะว่าไปการที่มีสิบสามมาเดินซื้อของด้วยก็เป็นอะไรที่บันเทิงดีเหมือนกันนะ สิ่งที่ผมได้ยินหรือรับรู้มาเกี่ยวกับตัวเขามันก็ไม่ขนาดนั้นซะหน่อย จริงอยู่เรื่องไม่ยิ้ม แต่เรื่องที่บอกเขาเงียบ ขรึมหรืออะไรต่างๆ ผมไม่ได้รู้สึกแบบนั้นสักเท่าไหร่นะ ผมว่าเขาพูดเก่งออก ถามอะไรก็ตอบ มีเฉไฉบ้างแต่ก็ไม่ได้ทำนิ่ง แล้วก็มีความกวนส้นตีนอยู่ไม่น้อยเลยล่ะ อันนี้ดูจากเรื่องขิงส่วนสูงของตัวเอง ไม่เข้าใจว่าทำไมคนอื่นถึงคิดว่าเขาเป็นแบบโน้นแบบนี้กันนะ

เวลาอยู่กับผม....เขาก็ดูเป็นตัวของตัวเอง

มันคงเป็นเรื่องของความสนิทด้วยแหละมั้ง คือตอนนี้ผมก็ไม่ได้สนิทอะไรกับเขามากนักหรอกแต่แบบเออ ก็เคยไปกินข้าวด้วยกัน คุยกันนิดหน่อย แล้วตัวสิบสามเองก็ไม่ได้แสดงท่าทีต่อต้านออกมา มันก็เลยทำให้ผมรู้สึกว่าเขาเป็นรุ่นน้องต่างคณะที่เราสามารถพูดคุยหรือไปไหนด้วยได้ไง ถ้าสมมุติว่าเขารำคาญหรือไม่พอใจ เขาก็คงไม่ยอมปล่อยให้ผมไปยุ่มย่ามกับชีวิตเขาหรอก เจ้าตัวอาจจะคิดว่าผมก็เป็นรุ่นพี่ต่างคณะคนนึงที่คุยโน่นนี่นั่นได้

เออ พอคิดแบบนี้แล้วสบายใจว่ะ

งั้นคิดแบบบนี้แหละ

หลังจากที่ผมจัดการซื้อน้องกวางเรียบร้อยแล้ว ผมก็แบกน้องมายังชั้นจอดรถ ร่างสูงยืนรอผมอยู่ข้างรถเขา หูยยยย.....BRZ ว่ะ ไม่แปลกใจเลยที่เขาจะขับรถแบบนี้ รถเขาเนี่ยะสวยมากเลยนะ เสียอย่างเดียวคือขับตอนน้ำท่วมไม่ได้เพราะรถมันเตี้ยเกินไป ผมเคยคิดอยากจะซื้อรุ่นนี้เหมือนกันแต่คิดไปคิดมา ซื้อรถที่ใส่ของได้เยอะๆ น่าจะดีกว่า พอเป็นแบบนั้นก็เลยต้องตัดใจจากรถสปอร์ตไปซื้อ CRV แทน

เน้นใช้งานมากเว่อร์

“กินข้าวไหมครับ”

“ที่ไหนอะ”

“ผมมีร้านดีดีอยู่” เจ้าตัวบอกก่อนจะเดินขึ้นรถ ผมจับน้องกวางไว้เบาะด้านหลังซึ่งเบาะหลังเนี่ยะมีไว้เพื่อวางของจริงๆ อะ มันแคบแบบลำบากแน่นอนถ้านั่งตรงนั้น

“ขอรบกวนหน่อยนะครับ”

“ตามสบายครับ” เขาคาดเบลท์ก่อนจะออกรถ สุดยอดไปเลยสำหรับผ้าคลุมเบาะและของแต่งอื่นๆ ที่เป็นลายกิกี้กับลาล่า คือเกินเบอร์มาก

“ผมถ่ายรูปคุณได้ไหม”

“ถ่ายทำไมครับ”

“หมั่นไส้อะ”

ดวงตาคมเหลือบมองผม “ผมไปทำอะไรให้พี่เฌอเหรอ”

“คุณหล่ออะ หล่อไป น่าหมั่นไส้” ยังไม่ทันที่เขาจะอนุญาต ผมก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาถ่ายรูปเขา รัวไปเลยครับยี่สิบรูป

“โทรศัพท์เครื่องใหม่เหรอครับ”

“เครื่องเก่าต่างหาก เครื่องใหม่ส่งซ่อมจออยู่”

“อ๋อ แล้วเนี่ยะ พี่ถ่ายรูปผมไป พี่จะเอาไปทำอะไรครับ”

“ลงสตอรี่ไอจี”

“ไอจีพี่เป็นพับลิกใช่ไหม” เจ้าตัวเอ่ยถามพลางมองผมในจังหวะที่รถกำลังติดไฟแดง “พี่คิดดีแล้วเหรอครับที่จะลงรูปผมในสตอรี่”

“ใช่สิ ผมอยากรู้ว่าจะมีคนเวิ่นเว้อถึงคุณไหม ไหนๆ ก็มีแต่คนบอกว่าคุณเข้าถึงยากนัก” ผมจัดแจงใส่โควตประกอบรูปภาพไปว่า ‘หมั่นไส้’ ก่อนจะอัปขึ้นสตอรี่ไอจี “เรียบร้อย”

“ชีวิตพี่ไม่สงบแน่ๆ ”

“ทำไม แฟนคลับคุณจะแหกอกผมรึยังไง”

“เปล่าหรอก....คืองี้ครับพี่เฌอ รถของผมคันนี้เนี่ยะ เพิ่งซื้อเมื่อตอนขึ้นปี 2 ซึ่งยังไม่เคยมีใครได้ขึ้นมานั่งเลยครับ”

“.....แล้วคนในครอบครัว”

“ก็ไม่เคยเหมือนกัน”

เชี่ยยยย....

“ผมเป็นคนแรกที่ได้นั่งงั้นเหรอ”

“ใช่ครับ”

โอ้มายกู๊ดเนสสสส

ผมมองออกไปนอกหน้าต่างด้วยความรู้สึกแปลกๆ เลิ่กลั่กว่ะ ผมเข้าใจในสิ่งที่เขาพูดนะ คืออย่างที่บอกว่าสิบสามเป็นคนเข้าถึงยาก เพราะงั้นใครก็ตามที่ได้ใกล้ชิดกับเขาก็แปลว่าต้องพิเศษกว่าคนอื่นในระดับนึง และชรันคนนี้ก็เป็นคนแรกที่ได้นั่งบนรถนี่ ถ่ายรูปเขาแบบระยะประชิดมาก ลงสตอรี่ไอจีและติดแคปชั่นประหนึ่งสนิทกันมาสิบปี เรื่องแฟนคลับแหกอกน่ะอาจจะมีบ้าง แต่อีกเรื่องนึงที่น่ากลัวคือคนจะพากันเข้าใจผิดนี่ดิ

ต่อให้เป็นผู้ชายเหมือนกันก็ไม่มีเว้นนะครับ

“คุณ....ซีเรียสไหม”

“เรื่องอะไรครับ”

“ผมว่าคุณรู้”

“ผมเฉยๆ นะครับ พี่เถอะ....จะซีเรียสรึเปล่า”

“ก็ไม่นะ คือแบบ....คุณกับผมก็รุ่นพี่รุ่นน้องกันน่ะ ผมจะสนิทกับคุณมากกว่าคนอื่นก็ไม่ใช่เรื่องแปลกหนิ ส่วนใครจะคิดยังไงก็ช่างมัน”

“แล้วถ้าเดียร์เข้าใจผิดล่ะครับ”

“ไม่หรอก น้องเดียร์รู้ว่าผมชอบเธอ”

“นั่นสินะครับ”

“อื้อ....อีกอย่างหลังจากวันเกิดน้องเดียร์ ผมกะว่าจะขอเธอเป็นแฟน คุณคิดว่าไง”

“ผม....ไม่รู้สิครับ”

ตื้อดึ่งงงง

ตื้อดึ่งงงง

ตื้อดึ่งงงง


“โห มหากาพย์ไดเร็คฯ เลยนะเนี่ย”

“ผมบอกพี่แล้ว”

ผมเบ้ปากใส่เขาก่อนจะมองข้อความที่เหล่าสหายทักมาหา คือนอกจากเพื่อนๆ ก็มีคนอื่นทักมาเยอะแยะเต็มไปหมดเลยครับ ทำไมอะ แค่ลงรูปสิบสามขับรถเอง ตื่นเต้นอะไรกันวะงง ผมกดเข้าไปที่ไดเร็คฯ ของขันเพื่อนรัก ซึ่งเป็นคนแรกที่ทักมาหา



Khan_2711 : ผัวมึงเหรอออออ



ผัวที่หน้ามึงอะ

หยาบคายมากรับไม่ได้



Cher_133 : เสือกมาก



ผมจัดการปิดแจ้งเตือนโทรศัพท์และล็อกหน้าจอพร้อมกับเก็บมันลงกระเป๋า เดี๋ยวค่อยมาไล่ดูในอีก 1 ชั่วโมงข้างหน้า อยากรู้จริงๆ ว่าแค่สตอรี่ไอจีอันเดียวเนี่ยะ จะสร้างความบันเทิงให้กับชีวิตของผมได้มากแค่ไหน

ไม่สิ....จะบอกแค่ว่าชีวิตของผมไม่ได้

“ไม่ใช่แค่ชีวิตผมหรอกที่จะไม่สงบ”

ชีวิตคุณก็ต้องไม่สงบเหมือนกัน....นังน้อน







TBC.
สวัสดีค่ะชาลมาส่งสามเฌอแล้วนะ สำหรับบทนี้คือน่ารักมากเลยอะ ต่อให้มีซีนพี่เฌอจีบสาวแต่ยังไงตอนที่เขาอยู่กับนังน้อนก็น่ารักอยู่ดี ยิ่งเฉพาะตอนที่เขาคุยกับเรื่องส่วนสูงคืออย่างชอบ5555555 เขียนเองก็หวีดเองได้ถูกไหม อีกอย่างคือแนะนำให้ไปฟังเพลงด้วยนะคะ ตรงใจมากๆ แนะนำค่ะ
ถ้าชอบก็อย่าลืมคอมเม้นต์ให้กำลังใจกันได้นะคะ สามารถติดต่อชาลได้ที่ทวิตเตอร์ Chaleeisis หรือเพจ Fiction Yaoi Th น้า
ขอบคุณที่เข้ามาอ่านค้าบ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ pktherabbit

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 212
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0

ออฟไลน์ Kelvin Degree

  • ถ้าวันนั้นเลือกที่จะเดินออกไป คงไม่เจ็บมาจนถึงทุกวันนี้...
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1700
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +57/-2
ชีวิตใครจะวุ่นวายหปกว่ากันนะ,,,

ออฟไลน์ Leenboy

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3095
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +105/-2
มันต้องมีจุดเปลี่ยน ที่ให้เฌอ มาคบกับสิบสาม เรารออยู่

ออฟไลน์ chaleeisis

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 249
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +96/-3
บทที่ 4 ปากบอกไหว



   ครืดดดด....ดดด....

   “ฮัลโหลครับ....พี่ถึงแล้วเนี่ยะ เพิ่งจอดรถเสร็จ ครับ แป๊บนึงนะ” ผมกดวางสายก่อนจะแบกน้องกวางผูกโบว์ลงจากรถ

   ตื่นเต้นยังไงก็ไม่รู้แฮะ

   ผมเดินเข้าไปในร้านบอยบาร์ซึ่งเป็นสถานที่จัดงานวันเกิดของน้องเดียร์ ตอนนี้เกือบ 3 ทุ่มแล้วและผมมาสายกว่าที่ควรจะเป็นนิดหน่อย คือมีงานคณะต้องเคลียร์ไง เสร็จช้าก็เลยมาช้า หวังว่าน้องเดียร์จะเข้าใจ แต่ผมก็บอกเธอตลอดเลยนะว่ามีงานอะไรบ้างที่ต้องทำ ไม่ได้หายไปเงียบๆ อีกอย่างความสัมพันธ์ระหว่างเราก็ถือว่าดีมากแบบมากๆ เลยนะครับ เพราะแบบนั้นวันนี้ผมเลยคิดว่าจะขอน้องเดียร์เป็นแฟน

   ขอให้น้องตอบตกลงด้วยเถอะ

   ผมชอบน้องและคิดจริงจังกับเธอจริงๆ พร้อมดูแลด้วยครับบอกเลย ผมมีหลายอย่างที่คิดเอาไว้ในหัวคนเดียว แต่ละอย่างที่คิดมันก็มีน้องเดียร์อยู่ในนั้นด้วย จริงอยู่แหละที่ว่าน้องกับผมอาจจะยังรู้จักกันได้ไม่นาน แต่ความรู้สึกที่มีอยู่ในใจนี้มันก็ชัดเจนอยู่นะ ผมรู้ว่าตัวเองรู้สึกยังไง และก็นั่นแหละ ถ้ามั่นใจก็ไม่จำเป็นต้องรออะไรมากมาย เสียเวลาดูแลกันเปล่าๆ อยากทำหน้าที่แฟนของว่าที่คุณหมอคนสวยแล้ว

   มั่นหน้ามากแล้วแหละว่าเธอจะยอมเป็นแฟนผม

   “ทางนี้ค่ะพี่เฌอ” เสียงใสเอ่ยเรียก ผมก็เดินเข้ามาที่โต๊ะโซนด้านในของร้าน เพื่อนๆ น้องเดียร์เยอะเลยครับที่มาปาร์ตี้งานวันเกิด บางคนผมก็คุ้นหน้า น่าจะเพราะเห็นที่ตึกแพทย์ฯ บ่อยๆ

   “สุขสันต์วันเกิดนะครับ นี่ของขวัญของพี่” ผมส่งน้องกวางให้เธอ “ขอให้มีความสุข น่ารักกับพี่มากๆ นะครับ”

   “ฮิ้ววววววว”

   “โอ๊ยยยย อิจฉาจังเลยค่า”

   “ขอบคุณนะคะพี่เฌอ” มือบางอุ้มน้องกวางเอาไว้ “ถ่ายรูปให้เดียร์หน่อยสิผึ้ง พี่เฌอถ่ายรูปกับเดียร์หน่อยนะคะ”

   “ได้สิครับ” ผมเอียงหัวเข้าไปใกล้น้องเดียร์พลางยิ้มหวานให้กล้อง

   “ยิ้มหวานนะคะ” น้องผึ้งบอกก่อนจะกดถ่ายรูปเราสองคนรัวๆ “แหมๆ ๆ ๆ นึกว่าซ้อมพรีเวดดิ้งซะอีก”

   “พรีเวดดิ้งอะไรเล่า” เจ้าของวันเกิดทำหน้ามุ่ยก่อนจะหันมายิ้มแป้นให้ผม “เดียร์ดีใจนะคะที่พี่เฌองานยุ่งขนาดนั้น แต่ยังมางานวันเกิดเดียร์ได้”

   “พี่มีเวลาให้น้องเดียร์เสมอแหละ” ผมเลื่อนมือไปจับมือเธอเอาไว้ “แต่พี่ขอโทษนะครับที่มาไม่ทันตอนน้องเดียร์เป่าเค้กน่ะ”

   “ไม่เป็นไรเลยค่ะ แค่เค้กเอง ถึงปีนี้จะไม่ทัน ค่อยรอวันเกิดเดียร์ปีหน้าก็ได้หนิคะ”

   “พูดแล้วนะครับ”

   “พี่เฌอก็อย่าไปไหนแล้วกันค่ะ”

   “คนตรงหน้าน่ารักขนาดนี้ พี่จะไปไหนได้น้า”

   “ช่วงนี้ก็ไปบ่อยอยู่ไหมคะ....กับสิบสามน่ะ”

   “ก็ตามประสาผู้ชายไหมครับ อีกอย่าง....น้องเดียร์ก็น่าจะรู้ว่าพี่คิดยังไง” ผมเลื่อนไปกระซิบข้างหูเธอ “ใจพี่....มีแค่น้องเดียร์นะ”

   “งั้นพี่เฌอก็ต้องทำให้เดียร์รู้แล้วล่ะค่ะ” เธออมยิ้มก่อนจะเดินไปนั่งกับเพื่อนๆ ผมเข้าใจในสิ่งที่น้องเดียร์พูดนะ แต่ไม่คิดเลยว่าสิบสามจะมามีเอี่ยวในเรื่องนี้ด้วย

   นังน้อนนั่น

   ตั้งแต่วันที่ผมลงสตอรี่ไอจีรูปสิบสามไปก็ผ่านมาอาทิตย์กว่าแล้วครับ เป็นอาทิตย์กว่าที่โซเชี่ยลไม่สงบเลยให้ตายเถอะ ยิ่งเพจคิ้วท์บอยของมหา’ลัยนะยิ่งแล้ว ลงรูปผมกับสิบสามเยอะมาก รูปเดี่ยวบ้าง รูปคู่แบบแอบถ่ายตอนที่ไปกินข้าวด้วยกันเงี้ยะ คือไม่ได้ตั้งใจจะไปกินข้าวด้วยกันหรืออะไรเลยนะ แค่บังเอิญเจอกันที่ร้านข้าวเฉยๆ ก็เลยนั่งด้วยกัน คือมันแค่นี้เอง ผมก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมหลายคนถึงคิดกันไปไกลได้มากขนาดนั้น

   #สามเฌอ

   มาแบบงงๆ

   คือผมไม่ได้ซีเรียสหรอกเพราะเรารู้ไงว่าอะไรมันเป็นยังไง ด้านสิบสามเองก็ไม่ได้คิดอะไรมากอยู่แล้วเพราะรายนั้นสนใจใครที่ไหน คนอื่นจะพูดอะไรกันก็ปล่อยไปอย่างเดียว ไม่แก้ตัวใดใดทั้งสิ้น ส่วนน้องเดียร์เนี่ยะ เธอก็รู้อยู่แล้วว่าผมชอบเธอ แต่ที่ชอบยกสิบสามมาพูดให้ผมฟังก็คงเป็นเพราะต้องการความชัดเจนนั่นแหละว่าผมจริงจังกับเธอ และตอนนี้ผมก็กำลังจะยืนยันสิ่งนั้นด้วยคำพูดของผม

   ยืนยันด้วยสถานะที่ผมอยากให้เธอเป็น

   ผมเดินมานั่งลงข้างๆ ร่างบาง “น้องเดียร์”

   “อะไรคะ”

   “พี่อยากรู้ว่าน้องเดียร์คิดยังไงกับพี่”

   “พี่เฌอ” เธอทำแก้มป่องใส่ผม “พี่เป็นคนซื่อบื้อเหรอคะถึงไม่รู้ว่าเดียร์คิดยังไง”

   “มันก็รู้แหละ แต่ก็อยากได้คำยืนยันไงครับ” ผมเลื่อนมือไปกุมมือเธอเอาไว้ “ไหนบอกให้พี่ชื่นใจหน่อยว่าความรู้สึกของเรามันตรงกัน”

   “....เดียร์ก็รู้สึกแบบเดียวกับพี่เฌอนั่นแหละค่ะ” ใบหน้าหวานขึ้นสีแดงระเรื่อ อาการแบบนี้คงเขินน่าดูเลยแหละ น่ารักจัง มันคงดีนะถ้าผมได้เห็นใบหน้าแบบนี้ไปในทุกวัน

   “ถ้าเรารู้สึกเหมือนกัน....งั้นก็แปลว่า”

   “.....”

   “น้องเดียร์ยินดีที่จะเป็นแฟนพี่....ใช่ไหมครับ”

   .

   [ บันทึกพิเศษ : สิบสาม ]

   .

   Cher Charun กำลังคบกัน Dear Daraphon

   หึ....

   เอาจนได้

   “มึงไหวป้ะเนี่ยะ”

   “ผมไหว”

   “ปากบอกไหวแต่ในใจน้ำตาไหลถึงตีนอย่างนี้ป้ะ”

   ก็อาจจะ

   “ผมไม่เป็นไรหรอกครับ คิดไว้ตั้งแต่แรกแล้วว่าอาจจะมีวันนี้” แต่ไม่คิดว่าจะไวขนาดนี้เท่านั้นเอง ใจนึงอยากจะว้ากออกไปดังๆ แต่ผมไม่ใช่คนที่จะทำอะไรแบบนั้นเลย

   ถอนหายใจแทนละกัน

   เฮ้อออออ

   สเตตัสในเฟซบุ๊กที่อัปเดตมาชั่วโมงกว่าๆ ทำให้ผมวางโทรศัพท์ไว้บนโต๊ะด้วยความรู้สึกเจ็บปวดหัวใจอย่างที่ไม่เคยเป็น ควรอธิบายความรู้สึกในตอนนี้ว่ายังไงดี คำว่าอกหักคงใกล้เคียงมากที่สุด อกหักทั้งๆ ที่ยังไม่ได้เริ่มทำอะไรเลยสักอย่าง ไม่สิ จะพูดว่าไม่ทำอะไรเลยก็ไม่ได้ ผมคิดว่าตัวเองทำไปหลายอย่างแล้วแต่เป็นอีกฝ่ายมากกว่าที่ไม่รับรู้อะไรเลย เข้าใจแล้วครับว่ากำแพงของรุ่นพี่รุ่นน้องมันทำลายยากมากแค่ไหน

   จิ๊....หงุดหงิดใจจัง

   มือเรียวของเพื่อนต่างคณะส่งโอริโอ้มาให้เหมือนอยากปลอบใจผม ตอนนี้เกือบ 5 ทุ่มซึ่งปกติแล้วผมคงอยู่ที่ห้องตัวเองและทำอะไรเรื่อยเปื่อย แต่วันนี้อยู่ดีดีเป้กับหมีก็ชวนผมออกมากินติมมืด ด้วยความที่ผมไม่ค่อยได้เจอพวกเขาบ่อยๆ ก็เลยยอมตกลง การตัดสินใจเมื่อเย็นนั้นถือว่าคิดถูกแล้วจริงๆ ผมนึกไม่ออกเลยว่าถ้าอยู่คนเดียว ตัวเองจะเป็นยังไงบ้าง คงเสียใจมากกว่านี้ก็ได้

   ผมชอบพี่เฌออะ

   ทำไมเขาต้องมามีแฟนด้วยวะ

   “คุณชอบพี่เฌอขนาดนั้นเลยเหรอสิบสาม”

   นั่นสิ....ผมชอบเขาขนาดนั้นเลยเหรอ

   “การที่รู้สึกเจ็บปวดหัวใจมากๆ มันหมายความว่าชอบมากรึเปล่าครับ ถ้าใช่....ก็คงเป็นแบบนั้นแหละ”

   ผมเคยพูดว่ามันเป็นเรื่องยากมากที่เราจะประทับใจในตัวใครสักคนตั้งแต่ครั้งแรกที่เจอกัน....และใช่ คนที่ผมรู้สึกแบบนั้นด้วยก็คือพี่เฌอ ผมเจอเขาครั้งแรกบนรถสองแถวครับ เรายืนข้างกัน ตอนแรกผมไม่ได้คิดอะไรหรอกจนกระทั่งเขามีเรื่องกับใครไม่รู้ที่ทำให้โทรศัพท์เขาจอแตก ผมเห็นเหตุการณ์ทุกอย่าง เห็นการที่เขาพยายามใจเย็นทั้งๆ ที่หงุดหงิดมาก ถ้าผู้ชายคนนั้นเจอคนอื่นที่ไม่ใช่เขา เรื่องน่าจะแย่กว่านั้นเยอะเลยล่ะ

   นั่นเป็นครั้งแรกที่ผมรู้สึกประทับใจในตัวเขา

   ตอนแรกผมรู้ว่าเขาเรียนวิศวะฯ เท่านั้นแหละ มารู้ว่าเขาชื่อเฌอก็ตอนที่เจ้าตัวลืมชีทไว้ที่ร้านโจ๊ก ผมคือคนที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามเขาเอง บทสนทนาที่ผมได้ยินเขาคุยกับเพื่อนคือเขาจำวันเรียนผิด รีบมากก็เลยลืมชีทเอาไว้ ชีทเขาน่ารักมากเลยนะ เขียนสรุปอธิบายแบบเข้าใจง่าย แถมยังวาดการ์ตูนเก่ง แต่ชีทนั่นผมฝากให้คนเอาไปคืนเขาตั้งแต่อาทิตย์ก่อนโน้นแล้วล่ะ ผมไม่ได้บอกเขาด้วยว่าตัวเองคือคนที่เก็บชีทเขาได้

   ปล่อยให้มันเป็นความลับไปแบบนี้แหละ

   เจอกันที่ร้านโจ๊กก็ยังเฉยๆ อยู่ ไม่คิดว่าจะมาเจอกันอีกทีตอนกลางคืน ผมไปเซเว่นฯ แล้วก็ไปเจอเขาล้มอยู่ คนอะไรล้มแล้วหัวเราะ ยืนอีกก็จะล้มอีก สภาพเขาคือเมา เมาจนไม่ได้สติด้วยซ้ำ ไปๆ มาๆ ก็สลบ ตอนนั้นผมไม่รู้จะทำยังไงจริงๆ ก็เลยพาเขากลับมาที่ห้องด้วย ห้องของผมที่ไม่เคยมีใครได้เข้าไปนอกจากคนในครอบครัว การที่ผมยอมให้เขาได้เข้าไปในพื้นที่ส่วนตัวขนาดนั้น ผมก็....ตกใจตัวเองเหมือนกัน

   ยอมเขาถึงขนาดนั้นได้ยังไง

   “ไม่ต้องเศร้าไปนักหรอก....ถ้าคุณเคยได้ยินเรื่องของพี่เฌอมาบ้าง คุณก็น่าจะรู้นะว่าเดี๋ยวพี่เฌอก็อกหัก”

   ผมเหลือบมองคนพูด “อาถรรพ์เลข 13 ของพี่เฌอน่ะเหรอครับ”

   “ใช่”

   “มันจริงขนาดนั้นเลยเหรอ” ตอนที่พี่เฌอเมาจนเพ้อวันนั้น เขาก็พูดเรื่องนี้ออกมา วันที่ 13 เป็นวันที่เขาไม่ชอบ อะไรก็ตามที่มีเลข 13 เกี่ยวข้อง เขาก็ไม่ชอบ เชื่อไหมว่าตอนที่เขาพูดแบบนั้นออกมา ผมถึงกับคิดในใจเลยว่าตัวเองไม่น่าเกิดตรงวันที่ 13 เลย

   พ่อกับแม่ตกลงกันว่าจะตั้งชื่อเล่นบรรดาลูกๆ ตามวันเกิดน่ะครับ

   ผมเกิดวันที่ 13 ถึงได้ชื่อเล่นว่าสิบสาม

   “จริงสิคุณ เวลาพี่เฌอมีแฟนนะ ความรักมักจะจบลงวันที่ 13 หรือไม่ก็คบกันไปจนถึง 13 วัน ก็จะเลิกกัน มันเป็นแบบนี้มาตลอด ไม่เคยมีใครคบกับพี่เฌอได้นานไปมากกว่านี้”

   “แต่อาจจะไม่ใช่กับเดียร์ก็ได้นะครับ”

   “มึงคิดว่าเดียร์คบกับพี่เฌอเพราะอะไรวะ” เป้เค้นหัวเราะ “เรื่องนี้มึงน่าจะรู้ดีที่สุดแล้วไหม หรือว่ามึงจะยอมปล่อยพี่เฌอให้เดียร์ไปล่ะ”

   “ใจนึงผมก็ยอมรับในการตัดสินใจของพี่เฌอนะ เขาบอกผมว่าคนที่เขาเลือกก็คือเขาจริงจัง นั่นแปลว่าเขาชอบ เขาคงมีความสุข ผมไม่อยากไปทำลายความสุขนั้นเลย” ผมหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเปิดดูรูปคนที่ตัวเองแอบถ่ายเอาไว้ “อีกใจ....ผมก็คิดว่าทำไม ผมต้องปล่อยให้คนที่ตัวเองชอบไปเป็นของคนอื่นด้วย”

   การยอมแพ้อะไรง่ายๆ ก็ไม่สมเป็นผมเลย

   “มันต้องแบบนี้สิวะ” เป้รั้งคอผมกับหมีให้มาสุมหัวกัน “เราที่อยู่ทีมประกวดดาวเดือนมาด้วยกันย่อมรู้ดีอยู่แล้วว่าอะไรมันเป็นยังไง จริงไหม”

   หมีพยักหน้ารับ “จริง เรารู้ดีอยู่แล้วว่ามันเกิดอะไรขึ้นบ้าง แค่ยังไม่ถึงเวลาต้องพูดเท่านั้นแหละ”

   “นั่นสิครับ เรื่องนั้นเรารู้อยู่แก่ใจ”

   “อืม อาจจะต้องรอเวลาซะหน่อย ก็อดทนเอาไว้ล่ะสิบสาม”

   “เรื่องอดทนน่ะ....ผมเก่งอยู่แล้ว”

   ครืดดดด....ครืดดดด......

   หมีหยิบโทรศัพท์ที่สั่นอยู่ขึ้นมากดรับสาย “ฮัลโหลครับเฮีย.....ห้ะ......แล้วทำไมเขาไปอยู่ที่นั่นได้อะ อ๋อออ ไปฉลอง อะหมีเข้าใจละ ได้....ได้ครับ เดี๋ยวส่งคนไปรับละกัน ครับ”

   “ใครวะ”

   “เฮียเจ๋ง โทรมาบอกว่าพี่เฌอเมาอยู่ร้านเขา เหมือนกับไปกินเหล้าฉลองที่ตัวเองมีแฟนมั้ง ไปคนเดียวด้วย”

   “ผมนึกว่าเขาจะกินเหล้าเฉพาะตอนอกหักซะอีก”

   “พี่เฌอเนี่ยะ อยากกินก็กิน แค่ตอนอกหักจะหนักเป็นพิเศษเท่านั้นแหละ ส่วนมากถ้าเขาไปที่ร้านเฮียเจ๋ง ผมมักจะเป็นคนไปเก็บซากเขา แต่วันนี้คงต้องรบกวนคุณแล้วล่ะสิบสาม”

   “ไม่มีปัญหาครับ เดี๋ยวผมจัดการเอง”

   
---------- 50% ----------

ออฟไลน์ chaleeisis

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 249
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +96/-3
---------- ต่อจากบท 4 ----------

   

   ร้าน BAR-HERE

   ผมเดินเข้ามาในร้านด้วยความรู้สึกแปลกๆ เพราะตัวเองไม่ค่อยได้มาร้านแบบนี้สักเท่าไหร่ ครั้งล่าสุดก็เลี้ยงสายรหัส ผมไม่ดื่มเหล้าเพราะเดิมทีตัวเองไม่ใช่คนแข็งแรง ผมใช้เวลาหลายปีตั้งแต่ช่วงมัธยมฯ ในการดูแลตัวเอง ไม่ว่าจะเรื่องกิน หรือการออกกำลังกาย จนถึงตอนนี้ผมก็ยังรู้สึกว่าตัวเองไม่ได้แข็งแรงขนาดนั้น อะไรก็ตามที่เป็นการทำร้ายร่างกายหรือสุขภาพของ ผมเลือกที่จะไม่ทำมัน

   ต่างจากพี่เฌอโดยสิ้นเชิงเลย

   “มาคนเดียวเหรอครับ”

   ผมมองผู้ชายคนนึงที่เอ่ยถาม ในมือเขาถือใบโปรโมชั่นร้าน คงเป็นพนักงานนั่นแหละ “ผมมารับคนครับ”

   “ใครเหรอครับ”

   “พี่เฌอ”

   “อ๋อ งั้นทางนี้เลยครับ” เขาบอกก่อนจะเดินนำผมมาที่โซนเคาน์เตอร์บาร์ “นั่นน่ะครับพี่เฌอ”

   “ขอบคุณนะครับ” ผมมองร่างโปร่งที่นั่งอยู่พลางหัวเราะอะไรไม่รู้เสียงดัง พอเห็นแบบนั้นผมจึงเดินเข้าไปหาเขามันเป็นจังหวะเดียวกันกับที่เจ้าตัวลุกขึ้นพอดี

   “เห้ยยยย” เขาจับไหล่ผมเอาไว้เพราะตัวเองเสียหลัก “.....สิบสาม”

   “ถ้าเมาแล้วจะล้ม ก็อย่าดื่มจนเมาสิครับ”

   ผมจะตามเป็นห่วงยังไงไหวล่ะ

   “ไม่ได้เมาสักหน่อยนะคุณ” พี่เฌอผละออกก่อนจะนั่งลงที่เก้าอี้ตัวเดิม “เขาเรียกขาอ่อนเฉยๆ เอง”

   “…..ข้ออ้าง” สภาพเขาน่ะเมาชัดๆ เลย ฤทธิ์เหล้าทำให้ใบหน้าขาวขึ้นสีแดงระเรื่อไปหมด

   “อื้ออออ....” คนตรงหน้าส่งเสียงเหมือนเด็กพร้อมกับทำหน้ามุ่ยใส่ “เฮียเจ๋งดู นี่ไงนังน้อนที่เฌอเล่าให้ฟัง ดูๆ ๆ ๆ เหิมเกริมป้ะล่ะ”

   “ก็เอาเรื่องอยู่” ผู้ชายที่อยู่หลังเคาน์เตอร์ยกยิ้มให้ “เห็นแบบนี้แล้วมันแปลกๆ ยังไงก็ไม่รู้น้า”

   “ยังไงครับ”

   “ก็....เฌอเพิ่งตั้งสถานะคบกับผู้หญิง แต่คนที่มารับกลับเป็นผู้ชายเฉยเลย”

   “ผมเป็นรุ่นน้องเขาไงครับ” ผมมองพี่เฌอที่หน้าฟุบลงกับเคาน์เตอร์ไปแล้ว เหมือนเด็กมาก นี่เขาอายุเยอะกว่าผมจริงๆ เหรอเนี่ย

   “อ๋ออย่างงั้นเอง อะนี่กระเป๋าเฌอ เดี๋ยวออกทางหลังร้านก็ได้ สะดวกมากกว่า”

   ผมรับกระเป๋าคาดอกมาสวมก่อนจะช้อนตัวคนเมาขึ้นมา “ขอบคุณนะครับ”

   “อุ้มแบบนี้เลยเหรอ”

   “ครั้งก่อนที่เขาเมา ผมก็อุ้มแบบนี้แหละครับ ขอตัวก่อนนนะครับ”

   “เฮียฝากเฌอด้วยล่ะ” ผมพยักหน้ารับก่อนจะเดินออกมาทางหลังร้าน จัดแจงพาเขาขึ้นรถแล้วขับกลับไปที่ห้องตัวเองซึ่งไม่ได้ไกลจากที่นี่สักเท่าไหร่

   แปลกคนมาก....ตอนแรกนึกว่าจะกินเหล้าเมาหนักๆ เฉพาะเวลาอกหักแต่ที่ไหนได้ เขากินมันเป็นเรื่องปกติ ความจริงผมไม่ได้มีปัญหาอะไรเลยกับการที่พี่เฌอกินเหล้าขนาดนี้ แต่เขาน่าจะมีลิมิตให้ตัวเองสักหน่อย ถ้าสมมุติว่าเขาเมาแล้วรอบๆ ตัวไม่มีคนที่รู้จักหรือไว้ใจได้จะทำยังไงล่ะ ผมอยากให้เขาเป็นห่วงตัวเองให้มากกว่านี้ แค่นิสัยที่ชอบลืมโน่นลืมนี่ก็หนักแล้วนะ วันก่อนเจอกันที่ร้านข้าวก็ลืมโทรศัพท์

   รอบก่อนหน้าลืมกุญแจรถ

   ดีแค่ไหนที่เขายังจำได้ว่าตัวเองชื่อเฌอ

   “อื้อออ...อ....วันนี้ไม่ใส่แว่นเหรอ”

   “ไม่ครับ”

   “ไม่ใส่แมสด้วย” คนเมาบ่นอู้อี้ในลำคอก่อนจะยื่นมือมาเขี่ยหัวผม “มองจากตรงนี้แล้ว....คุณหน้าตาดีจริงๆ ”

   “ตั้งแต่รู้จักกันมา พี่ชมผมไปเท่าไหร่แล้วรู้ไหม”

   “ผมพูดความจริงหนิ เป็นเรื่องที่ช่วยไม่ได้นะ คุณอยากหน้าตาดีทำไมล่ะ ไม่อยากให้ผมชมก็หัดหล่อให้มันน้อยลงหน่อยสิ”

   ผมเอื้อมมือมาปลดเบลท์ให้เขา “ผมจะพยายามละกันนะครับ”

   “ดีมากนังน้อน” เจ้าตัวตอบรับอย่างชอบใจ เรียกผมว่านังน้อนเนี่ยนะ เดี๋ยวจะโดนไม่ใช่น้อย

   ผมอุ้มพี่เฌอออกมาจากรถก่อนจะพาขึ้นไปบนห้องตัวเองที่อยู่ชั้น 3 ตอนนี้เกือบเที่ยงคืนแล้ว ดีนะที่พรุ่งนี้ผมไม่มีเรียน ส่วนพี่เฌอก็ไม่มีเรียนเหมือนกันครับ ผมรู้ตารางเรียนของเขาเพราะเจ้าตัวเคยบ่นให้ฟังว่าชอบจำวันเรียนผิด วันหยุดก็เคยไปเรียนแบบงงๆ ส่วนวันที่ต้องไปเรียนก็นอนอยู่ห้องทั้งวันเพราะคิดว่าวันนั้นเป็นหยุด เนี่ยะ เขาอยู่รอดมาจนถึงตอนนี้ได้ยังไง ผมไม่เข้าใจเลย

   ถ้าเขาไม่มีเพื่อน....น่าจะลำบากมากเลยล่ะ

   โชคดีของเขาที่มีเพื่อน มีรุ่นน้องและอาจจะมีคนอื่นคอยช่วยเหลือ ต่างจากผมมากเลย ผมไม่มีเพื่อนสนิทหรือคนที่รู้สึกสนิทแบบมากๆ ในรุ่นเดียวกัน ผมก็มีแค่เป้กับหมีนี่แหละที่สามารถคุยเรื่องอื่นได้มากกว่าเรื่องเรียน ในเซกเรียนของผม ผมก็ไม่ค่อยคุยกับใคร ไม่รู้สึกสนิทกับใครทั้งนั้น ความจริงก็เป็นแบบนี้มาตั้งนานแล้ว เวลามีปัญหา อยากปรึกษาเรื่องต่างๆ ผมจะคุยกับครอบครัวมากกว่า

   ตอนนี้ถ้าถามว่าผมรู้สึกสนิทกับใครมากที่สุดก็คงเป็น....พี่เฌอนั่นแหละ

   “อื้ออออ....กลิ่นนี้อีกแล้ว” ร่างโปร่งผงกหัวขึ้นมาจากหมอนก่อนจะฟุบลงไปอีก “ผมอยู่ไหนเนี่ย”

   “ห้องผมครับ อยู่นิ่งๆ ก่อนสิ” ผมจับขาเขาเอาไว้ก่อนจะถอดถุงเท้าออกให้ “พี่เฌอ”

   “คุณจะทำอะไรผมอะนังน้อน”

   “พี่อยากโดนทำอะไรมั่งล่ะครับ”

   “.....”

   เงียบ ไม่ยอมตอบแถมเอาหน้ามุดใต้หมอนหนีอีก

   “หึ....” ผมเดินไปหยิบผ้าขนหนูกับกะละมังใส่น้ำมาตั้งไว้ข้างหัวเตียงก่อนจะจัดการถอดเสื้อผ้าพี่เฌอออก คนเมาก็ดูให้ความร่วมมือดีนะ แน่ล่ะ เมาขนาดนี้ต้องไม่มีแรงขัดขืนอยู่แล้ว เวลาปกติเขาก็สู้แรงผมไม่ได้หรอก

   บอกแล้วไงว่าพี่เฌอก็ตัวแค่นี้

   “อื้มมม....เย็น”

   “เช็ดตัวก่อนครับค่อยนอน”

   “ทำไม”

   “หืม....”

   “ทำไมต้องมาทำอะไรแบบนี้ด้วย”

   “ผมไม่ยอมให้คนตัวเลอะนอนอยู่บนเตียงตัวเองหรอกนะครับ”

   ร่างโปร่งพยายามชันตัวขึ้นมา “งั้นผมนอนพื้นก็ได้”

   “ไม่ได้” ผมกดเขาลงกับเตียงเหมือนเดิมก่อนจะใช้แขนกั้นไว้ “ผมจะปล่อยให้พี่นอนพื้นได้ยังไง อยู่นิ่งๆ เลยครับ เดี๋ยวพอเช็ดตัวเสร็จพี่ก็นอนได้แล้ว”

   “คุณสั่งผมเหรอ” คนเมาหรี่ตามองผมพร้อมกับทำหน้าตึง “ฝากไว้ก่อนเถอะ” ว่าแล้วเขาก็พลิกหันไปอีกฝั่ง ผมชะเง้อหน้าไปดูก็พบว่าเขาหลับไปแล้ว คาดโทษผมเสร็จแล้วก็หลับหนี

   มันน่านักนะ

   ผมเช็ดตัวให้พี่เฌอไปเรื่อยๆ ก่อนจะจับเขานอนดีดีพร้อมกับห่มผ้าให้ ครั้งที่สองแล้วบนเตียงนี้ที่มีคนอื่นมานอน ผมเคยคิดเหมือนกันนะว่าพี่เฌอจะรู้สึกว่าตัวเองพิเศษกว่าคนอื่นบ้างไหม ผมไม่เคยยอมให้ใครนอกจากเขาเลย ช่วงอาทิตย์ที่ผ่านมา ผมก็กลับไปเรียนทำข้าวต้มกับทอดไข่เจียวอีกต่างหาก เป็นธรรมเนียมของบ้านครับ แม่บอกว่าถ้ารู้สึกชอบใครหรือเจอคนที่ตัวเองชอบแล้วก็ให้กลับไปเรียนทำอาหารง่ายๆ เอาไว้

   ถ้ามีโอกาสจะได้ทำให้เขาคนนั้นกิน

   ครั้งก่อนที่พี่เฌอเมาแล้วเพ้อว่าตัวเองทำอาหารอร่อย มีคนบอกอยากกินฝีมือเขาแต่สุดท้ายก็ไม่มีใครอยู่กินมันเลย ผมอยากเป็นคนที่ได้กินน่ะ อยากรู้ว่ามันจะอร่อยแบบที่เขาบอกรึเปล่า ไม่รู้เลยว่ามันจะมีวันนั้นไหม ยิ่งตอนนี้หัวใจเขามีเจ้าของแล้วด้วย ผมคงได้แต่หวังให้อาถรรพ์ของเลข 13 ที่เคยเกิดขึ้นกับชีวิตเขาเป็นจริง ตอนนี้คงทำได้แค่รอเวลาและคอยดูว่าเดียร์จะทำยังไงต่อไป

   นึกถึงเรื่องนี้ทีไรใจก็พาลหงุดหงิด

   ผมรู้สึกแปลกๆ ตั้งแต่วันที่พี่เฌอมาหาที่คณะแล้วเจอกับเดียร์ มันไม่น่าเป็นแบบนั้นได้เลย ไหนจะเรื่องที่ทั้งสองคนคุยกันอีก แล้วเพื่อนๆ ของเดียร์ก็เห็นดีเห็นงามด้วยซึ่งมันแทบเป็นไปไม่ได้ คือตัวของเดียร์เป็นผู้หญิงสวย ดูน่ารัก ไม่แปลกเลยถ้าจะมีคนชอบเธอตั้งแต่ครั้งแรกที่ได้เห็น พี่เฌอคือหนึ่งในนั้น ผมรู้ว่าพี่เฌอจริงจังกับเดียร์แต่ผมก็รู้เหมือนกันว่าเดียร์ไม่มีทางจริงจังกับพี่เฌอแน่นอน

   เพราะเดียร์ชอบผม

   “อื้อออ...อ.....น้องเดียร์”

   “ตรงนี้ไม่มีน้องเดียร์ของพี่หรอกนะครับ” ผมเกลี่ยผมที่ปรกหน้าเขาออกให้ “เลิกเรียกชื่อคนอื่นบนเตียงของผมได้แล้ว”

   “อื้มมมม....” มือเรียวคว้าที่แขนผมก่อนจะเอาไปกอดอยู่อย่างนั้น จริงๆ เลยนะพี่คนนี้น่ะ เขาไม่รู้ไงว่าคนอื่นต้องอดทนหนักมากแค่ไหนไง

   “พี่รู้เอาไว้เลยนะครับว่าผมคือสิบสาม”

   “.....”

   “สิบสามที่จะเป็นอาถรรพ์ทำให้พี่เลิกกับเดียร์”

   “.....”

   “เตรียมใจเอาไว้เลยนะครับ....พี่เฌอ”

   

   [ จบบันทึกพิเศษ : สิบสาม ]

   

   “อื้อออ....”

   กลิ่นนี้อีกแล้ว

   ผมยกมือขึ้นขยี้ตาตัวเองก่อนจะรับรู้ได้ถึงอ้อมกอดของใครบางคนที่นอนอยู่ข้างกัน ผมเพ่งสายตามองตรงหน้าชัดๆ เรือนผมสีดำที่ปรกหน้าใสอยู่นั้น มองจากองศานี้แม่งโคตรดูดีเลย ขนตายาวมากเลยพ่อคุณ เวลาปกติไม่เคยสังเกตไง แต่ตอนนี้เรื่องที่ควรโฟกัสคือทำไมสิบสามถึงมานอนอยู่ตรงหน้าผม ไหนจะแขนที่พาดอยู่นี่อีก สำคัญสุดคือไม่ใส่เสื้อด้วย

   ไม่ใช่แค่เขา

   “คุณ....” ผมเขย่าแขนเขา “ตื่นนนน”

   “อื้ออออ....” เสียงครางในลำคอนั่นบ่งบอกว่าอย่ามายุ่งกับกูนะไอ้เวร คนจะหลับจะนอน ได้ดิ....จะเอาแบบนี้ใช่ไหมห้ะนังน้อนนนน

   “สิบสาม!!!!”

   ร่างสูงลืมตามองผม “พี่เสียงดังทำไมครับเนี่ย”

   “ผมมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง”

   “พี่เมา” สิบสามมุดกลับเข้าไปในผ้าห่มเหมือนหนีผม “ผมเลยพากลับมาที่ห้อง”

   “แล้วเสื้อผ้าผมไปไหน” เหลือแต่บ๊อกเซอร์เหมือนวันนั้นเลย เห้อะ....เก่งจริงเรื่องถอดเสื้อผ้าคนอื่นเขาเนี่ย

   “ตากอยู่ตรงระเบียงครับ”

   “แล้วเสื้อผ้าคุณอะไปไหน”

   สิบสามรั้งผ้าห่มออกก่อนจะขยับไปนั่งอยู่ข้างเตียง “เสื้อผ้าผมก็อยู่ในตู้สิ” มือเรียวหยิบขวดน้ำที่วางอยู่ใกล้ๆ ขึ้นดื่ม ไหล่กว้างจริง กว้างแบบที่เคยคิดเอาไว้ แล้วผิวจะขาวอะไรขนาดนั้นวะ

   เกินไปอะ

   “ที่ผมถามคือทำไมคุณนอนไม่ใส่เสื้อต่างหาก”

   “ผมไม่เคยใส่เสื้อนอนอยู่แล้วครับ”

   ครืดดดด....ครืดดดด

   ผมหยิบโทรศัพท์ที่สั่นอยู่มากดรับสาย “....ว่าไงครับน้องเดียร์”

   “.....” เจ้าของห้องเดินมาใกล้ผมก่อนจะก้มหน้าลงมาชิด มือเรียวหยิบโทรศัพท์ของตัวเองก่อนจะผละออกไป

   ผมคุยกับน้องเดียร์ไปเรื่อยเปื่อยพลางนั่งมองคนที่ยืนกดอะไรยุกยิกในโทรศัพท์ไม่หยุด เฌอต้องเป็นคนนอกคนแรกแน่ๆ ที่ได้เห็นสิบสามในสภาพนี้ ร่างสูงตรงหน้าสวมเพียงบ๊อกเซอร์แค่ตัวเดียว ความเพิ่งตื่นนั่นโคตรดี เรื่องรูปร่างไม่ต้องพูดถึง ผมเชื่อแล้วที่เจ้าตัวบอกว่าตัวหนากว่าผม หุ่นเขาแน่นมาก ต้องดูแลตัวเองขั้นไหนถึงจะได้แบบนี้วะ

   ชรันทำไม่ได้ตั้งแต่กินเหล้าเยอะแล้ว

   “โอเคครับ งั้นเดี๋ยวเจอกันตอนเย็นนะ”

   “นี่ครับผ้าเช็ดตัว” มือเรียวส่งผ้าขนหนูมาให้ผม “ของใช้ของพี่อยู่ในแก้วสีเขียวข้างแก้วผม”

   “ผมคิดว่าคุณทิ้งไปแล้ว”

   “ลืมน่ะครับ เลยยังไม่ได้ทิ้ง”

   “ขอบคุณคุณมากละกันที่เก็บซากผมกลับมาอีกแล้ว”

   “ไม่เป็นไรครับ แต่ครั้งหน้าถ้าจะไปดื่ม พยายามอย่าเมานะครับ เมื่อคืนพี่ก็จะล้ม นี่แขนก็เพิ่งหาย”

   “ผมจะระวังให้มากขึ้นละกัน ผมไปอาบน้ำละ”

   “ครับ....” สิ้นเสียงสิบสามรับคำผมก็เดินเข้ามาในห้องน้ำเพื่อจัดการตัวเอง

   ตอนเย็นผมนัดกินข้าวกับน้องเดียร์ครับแล้วก็อาจจะไปดูหนังต่อ การเริ่มแป็นแฟนกันวันแรก ขอให้มันน่าประทับใจด้วยเถอะ ผมจะทำตัวเป็นแฟนที่ดีและน่ารัก น้องเดียร์จะได้รักผมและหลงผม คอยดูเถอะ ความรักครั้งนี้แหละที่ผมจะไม่ยอมเสียไปเหมือนกับครั้งอื่นๆ อีก หวังว่าแฟนผมคนนี้จะอยู่กับผมไปนานๆ นะ

   “รอยอะไรวะ” ผมยกมือขึ้นลูบรอยช้ำตรงช่วงไหปลาร้าของตัวอย่างสงสัย “กระแทกอะไรมาอีกแน่ๆ เลย”

   ช่างแม่ง

   อาบน้ำแล้วไปหาน้องเดียร์ดีกว่า

   .

   .

   .

   .

   .

   TBC.

   สวัสดีค่ะชาลมาสามเฌอแล้ววววว ก็เป็นแบบที่หลายคนคิดอยู่แล้วนะคะว่านังน้อนเนี่ยะ ยังไงก็ชอบอิพี่แน่นอน ซึ่งจากที่เคยมีลงสปอยล์กรุบกริบตั้งแต่ช่วงคิดโปรเจกต์มันก็ประมาณนี้ค่ะ สิบสามไม่ได้ปิดบังเรื่องนี้เลยนะ แสดงออกชัดเจนมากๆ ในหลายอย่าง ท่าทีที่เขาแสดงออกต่อพี่เฌอคือต่างจากที่เขาแสดงออกจากคนอื่นจริงๆ ส่วนเรื่องของเดียร์นั้นก็ต้องรอติดตามไปเรื่อยๆ ค่ะ มาดูกันว่าอาถรรพ์ของสิบสามจะเป็นยังไงบ้าง

   ตอนต่อไปอาจจะนานกว่า 2-3 วันนะคะ ต้องให้้รอหน่อยเพราะชาลต้องจัดการต้นฉบับนิยายเรื่องไดอารี่ของสมปองนะคะ ถ้าบี๋อ่านนิยายชาลเรื่องอื่นๆ มาก่อนก็จะรู้ได้เลยว่าลงนิยายเรื่องนี้ได้รัวมาก วันเว้นวันถือว่าเร็วมากจริงๆ ก็ขอบคุณสำหรับคอมเม้นต์ต่างๆ ด้วยนะคะ

   สามารถติดตามข่าวสาร + สปอยล์ได้ที่ทวิตเตอร์ Chaleeisis หรือเพจ Fiction Yaoi Th น้า

   ขอบคุณที่หลงเข้ามาอ่านค่า

ออฟไลน์ Kelvin Degree

  • ถ้าวันนั้นเลือกที่จะเดินออกไป คงไม่เจ็บมาจนถึงทุกวันนี้...
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1700
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +57/-2
รอยอะไรอ่ะ ยุงกัดป่าว???

แล้วจะเป็นไงต่อ,,,

ออฟไลน์ Leenboy

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3095
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +105/-2
อย่างนี้นี่เองนังเดียร์ :hao3:

ออฟไลน์ ▶August5th◀

  • it was fate
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2218
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +184/-2
ดำเนินเรื่องได้สนุกดีครับ
รอติดตามตอนต่อไปเลย

ออฟไลน์ chaleeisis

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 249
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +96/-3
บทที่ 5 ฝน



   “ก็เอาตามนี้เลยนะครับ กิจกรรมสันทนาการช่วงเช้าจะเป็นหน้าที่ของปี 2 ส่วนวิ่งเกียร์ช่วงบ่ายก็จะเป็นหน้าที่ของพี่ปี 3 ส่วนเรื่องเกียร์รุ่นก็เดี๋ยวพรุ่งนี้ทางร้านจะมาส่งครับ”

   “แล้วเรื่องงบประมาณล่ะ ใครจัดการ”

   “สีเทียนครับ เดี๋ยวส่งใบค่าใช่จ่ายทีเดียววันพรุ่งนี้รวมค่าเกียร์ด้วย”

   “อืม....โอเค”

   “ส่วนเรื่องกำหนดการณ์ต่างๆ มันจะ....”

   ผมนั่งฟังน้องๆ ประชุมกันเรื่องงานรับน้องที่จัดขึ้นใน 3 อาทิตย์ข้างหน้าด้วยความสับสนมึนงง ตอนนี้ในห้องประชุมคณะกรรมการนักศึกษามีลุงแก่ๆ มานั่งฟังเด็กๆ คุยกันอยู่ 5 คน ก็คือพวกผมนั่นแหละ ตอนแรกว่าจะไม่เข้าร่วมประชุมเพราะยังไงซะ มันก็เป็นหน้าที่ของปี 2 กับปี 3 เป็นหลัก สำหรับพี่ปี 4 อย่างพวกผม กิจกรรมรับน้องก็ไม่ได้ลงไปร่วมอะไรขนาดนั้น ที่มีต้องไปทำแน่ๆ คือวิ่งเกียร์

   แค่คิดก็เหนื่อยแล้ว

   วิ่งมาสามปีติดๆ ไม่วิ่งก็ไม่ได้เพราะเป็นประเพณี เอาจริงๆ การวิ่งเกียร์ของวิศวะฯ เนี่ยะ เลื่องชื่อลือชามาก มหา’ลัยผมจะจัดกิจกรรมรับน้องคนละวันแล้วแต่คณะ ซึ่งกิจกรรมรับน้องของวิศวะฯ มันจะชอบมีเด็กต่างคณะมาดู เป็นแบบนี้ทุกปีเลย ผมมองว่ามันเป็นกิจกรรมที่สนุกก็ว่าสนุกนะ แต่ก็เหนื่อยมากเหมือนกันเพราะระยะทางที่วิ่งมันไกล รอบมหา’ลัยอะ คือต้องซ้อมวิ่งและก็ดูแลร่างกายให้ดีเพื่อเตรียมความพร้อมเลย

   ไม่งั้นตายกลางทางแน่ๆ

   พูดถึงวิ่งเกียร์ นี่ก็คงเป็นปีสุดท้ายแล้วที่จะได้ทำกิจกรรมนี้ พวกผมปี 4 แล้วไง จะเรียนจบแล้วอะ เทอมหน้าผมก็ไปฝึกงานแล้ว กิจกรรมของเทอม 2 อย่างกีฬาสีก็คงไม่มีส่วนร่วมแบบแน่นอน แต่อาจจะโดดงานโผล่มาแอบดู ช่วงกิจกรรมอะไรพวกนี้อาหารตาจะเยอะมาก และมันก็จะเป็นมหกรรมเจอแฟนเก่าเยอะมากเหมือนกัน ประมาณค่อนมหา’ลัยอะ

   โคตรเว่อร์เลยคำพูดคำจา

   “ก็คร่าวๆ ประมาณนี้ล่ะครับ”

   “โอเค งั้นเดี๋ยวเลิกประชุมเลยละกัน พวกพี่มีประชุมเชียร์น้อง” ไอ้ขุนบอกก่อนจะหยิบเอกสารต่างๆ แล้วเดินนำบรรรดาว้ากเกอร์ออกไป

   “พวกเราก็ไปกันบ้างเถอะ”

   “พี่ๆ สวัสดีครับ” พอรับไหว้น้องๆ เสร็จผมก็เดินออกมาจากห้องประชุมพร้อมกับเหล่าสหาย หมดไปอีกวันแล้วสำหรับชีวิตเรื่อยๆ เปื่อยๆ

   หิวข้าวจัง

   ตอนนี้เกือบบ่ายสามแล้วครับ ผมไม่มีเรียนต่อและไม่รู้ว่าจะทำอะไรต่อดี วันนี้แฟนผมนัดทำงานกับเพื่อนต่อตอนเย็น อาจจะไม่ได้เจอกัน แต่ไม่เป็นไร เดี๋ยวค่อยวิดิโอคอลหาเอา ผ่านมาอาทิตย์นึงแล้วที่ผมกับน้องเดียร์เป็นแฟนกัน ขอบอกเลยว่าแฮปปี้มากเว่อร์ มีความสุขโคตรๆ น้องเดียร์น่ารัก เอาจริงๆ มันก็เหมือนคู่รักทั่วๆ ไปเลยนะ มีช่วงสองสามวันมานี้แหละที่งานเยอะมากกว่าปกติจึ๋งนึง ผมเลยไม่ได้ไปหาน้องที่คณะ

   คิดถึงจัง....น้องจะคิดถึงผมบ้างไหมนะ

   “มึงจะไปไหนต่อวะ” ผมเอ่ยถามแช่มเพื่อนรัก

   “ไปหาหมอดิ วันนี้หมอนัด เสร็จแล้วก็คงกลับห้องเลย กูยังไม่ได้นอนอะ เพลีย”

   “แล้วพวกมึงอะ”

   “กลับห้องแหละ ไปซักผ้าก่อน เดี๋ยวเมียด่า”

   “กูไปช่วยพี่เจ้าซื้อของ”

   “กูไปหาไอ้หมี แล้วมึงล่ะ ไม่ไปตึกแพทย์ฯ รึไง”

   ผมส่ายหน้ารัวๆ “น้องเดียร์มีนัดทำงานกับเพื่อนๆ ไม่ว่าง”

   “น่าสงสารจริงๆ เลยน้า” ชริตเป็ดยกมือขึ้นแตะไหล่ผมก่อนจะเอียงหัวมาใกล้ “งั้นมึงก็ไปกับคนอื่นแทนสิวะ”

   “ไปกับใครวะ”

   “เห้ย...น่าจะรู้อยู่แก่ใจเปล่าว่าไปกับใครบ่อยๆ ”

   ใครวะที่ไปด้วยบ่อยๆ

   “พวกมึงแม่งพูดอะไรทำกูงงไปหมด” ผมทำหน้าตึงพลางเอามือพวกมันออกจากไหล่ “กูไปหาข้าวกินดีกว่า ส่วนพวกมึงจะไปไหนก็ไป”

   “ไอ้เวร” พอได้ยินแบบนั้นผมเลยแลบลิ้นใส่พวกมันก่อนจะเดินมาจากตรงนั้นทันที น่ารำคาญจริงๆ เลยไอ้พวกบ้า ชอบพูดในเรื่องที่ทำให้ชรันคนนี้เป็นงง

   ผมเดินมาที่ลานจอดรถหลังตึกก็พบกับผู้ชายใส่สูทสองคนที่ยืนอยู่ด้านข้างรถผม มันต้องไม่ใช่แบบนี้ไหม นี่ไม่ใช่วันที่ 13 ซะหน่อย มันยังไม่ถึงเวลาที่ผมจะต้องเจอเรื่องเฮงซวยบัดซบที่ทำผมปวดประสาทซ้ำซากสิ

   นี่มันไม่ขำเลยนะ

   “สวัสดีครับคุณเฌอ” คุณวัณลพเอ่ยทักผมก่อนจะเดินเข้ามาใกล้ “คุณท่านอยากทานข้าวด้วยน่ะครับ ท่านให้ผมมารับคุณ”

   “แต่ผมไม่....”

   “คุณเฌอครับ ให้ความร่วมมือน่าจะดีกว่ารึเปล่าครับ”

   ผมผ่อนลมหายใจอย่างหงุดหงิด “ที่ไหน”

   “บ้านครับ คุณท่านรอคุณอยู่ที่บ้าน”

   “....ก็ได้ ผมจะไป”

   “เชิญทางนี้ครับ” คุณวัณลพเดินนำผมมาที่อัลพาสสีดำคันเดิมซึ่งเป็นรถที่ผมไม่อยากนั่งมากที่สุดเลย ไม่อยากเห็นมาตลอดตั้งแต่....ช่างแม่งเถอะ

   คิดไปก็หัวเสียเปล่าๆ

   ผมนั่งมองวิวด้านนอกรถพลางข่มความเกรี้ยวกราดเอาไว้ในใจ ในทุกเดือนจะมีเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นหนึ่งครั้งโดยที่ผมไม่ได้ตั้งตัว ไม่ชอบใจเลยเวลาถูกบังคับในสิ่งที่ตัวเองไม่ต้องการเนี่ยะ ขัดขืนไม่ได้ ไม่เคยได้ เป็นแบบนี้มานานแล้ว บางทีผมก็เบื่อความรู้สึกแบบนี้นะ ที่สำคัญคือไม่เคยช่างแม่งได้สักที กับเรื่องอะไรก็ตามที่เกิดขึ้นในชีวิต ผมมักจะมีวิธีรับมือแบบคนปลงโลกเสมอแต่กับเรื่องนี้มัน....ยังยากสำหรับผมจริงๆ

   อยากเอาตัวเองไปถ่วงน้ำอะ

   ไปเป็นอาหารน้องฉลามก็ได้

   หลังจากที่นั่งอึดอัดใจบนรถมาสักพัก อัลพาสเจ้ากรรมก็ขับเข้ามาในบ้านหลังหนึ่งซึ่งใหญ่มาก ใหญ่เกินไปแล้วผมโคตรไม่ชอบ ไม่ใช่ว่าบ้านมันไม่สวยหรืออะไรนะ แต่ผมไม่ชอบความสัมพันธ์ต่างๆ ของคนในบ้านหลังนี้ บางอย่างมันดูปลอมจนน่าสะอิดสะเอียน ผมไม่รู้ว่าตัวเองต้องทนเห็นอะไรแบบนี้ไปอีกนานแค่ไหน ผมพยายามเอาคำพูดที่คุณชุตินันท์สอนเอาไว้ก่อนที่เธอจะจากไปมาใช้แล้วนะแต่มันยากอะ

   เฌอรู้สึกผิดจังเลยครับ....แม่

   “เชิญครับ” คุณวัณลพเดินนำผมเข้ามาในบ้านก่อนจะนำไปที่ห้องอาหารซึ่งมีคุณท่านผู้เป็นประมุขของบ้านหลังนี้นั่งอยู่ที่หัวโต๊ะ มันอาจจะเป็นเรื่องดีที่ในห้องนี้มีแค่เขาคนเดียว

   แต่มันก็ไม่ได้หมายความว่าจะไม่มีใครมาหลังจากนี้

   “ไม่คิดจะทักทายป๊าหน่อยเหรอ”

   “สวัสดีครับ” ผมยกมือไหว้คนตรงหน้า “อยากกินข้าวกับเฌอเนี่ยะ ถามเมียป๊ารึยังว่าเขาอยากร่วมโต๊ะด้วยรึเปล่า”

   “เฌอ....มานั่งข้างป๊า”

   ผมเดินมานั่งลงข้างป๊าอย่างจำใจ ทำไมความสัมพันธ์ระหว่างพ่อลูกมันแย่แบบนี้วะ รู้สึกไม่ดีเลย แล้วปากผมเนี่ยะเป็นอะไรที่ไวต่อการประชดประชันมาก ถ้าเรื่องนั้นเป็นเรื่องในครอบครัว ตอนเด็กๆ ผมก็ไม่ได้เป็นแบบนี้หรอก เพิ่งจะมาเป็นเอาช่วงที่เสียแม่ไป ลองคิดดูนะว่าเหมือนทั้งชีวิตของผมมีแค่แม่อะ แล้วมาวันนึงผมไม่มีเธอแล้ว กว่าจะผ่านช่วงเวลานั้นมาได้แม่งโคตรยากลำบาก และตอนนั้นข้างกายผมก็ไม่มีใครเลย

   ไม่มีใครเลยจริงๆ

   “ตักข้าวเลยช้อย” ป๊าบอกป้าแม่บ้านก่อนจะมองผม “เรียนเป็นยังไงบ้าง”

   “ก็ดีครับ”

   “เทอมหน้าฝึกงานแล้วใช่ไหม ไปฝึกที่ไหนล่ะ”

   “แถวปทุมฯ ครับ”

   “คิดไว้รึยังว่าถ้าเรียบจบแล้วจะทำอะไร”

   “ยังครับ ยังไม่มีแพลนทำอะไรทั้งนั้น”

   “ทำงานกับป๊าไหม คือป๊าจะเพิ่มสาขาของโรงงานน่ะ แล้วถ้าเป็นไปได้ป๊าก็อยากให้เฌอไปดูแลในส่วนนั้นนะ” เจ้าตัวยิ้มบางๆ ให้ผม “ยังไม่ต้องคิดตอนนี้ก็ได้ โรงงานก็กำลังสร้างอยู่ ไว้ถ้าทุกอย่างเรียบร้อย ป๊าจะมาถามเฌออีกทีนะ”

   “ทานข้าวไม่ชวนกันเลยนะคะ” เสียงของบุคคลที่ผมไม่ชอบหน้าเป็นอันดับ 1 ของโลกเอ่ยขึ้นมา เอาล่ะ วันนี้คงเป็นวันบัดซบมากๆ ของผมอีกวันนอกจากวันที่ 13 แบบแน่แท้ละ

   อยากมูฟไปจากตรงนี้ชิบหาย

   “พี่เฌออออ” ร่างสูงของน้องชายต่างแม่โผเข้ามากอดผม “คิดถึงจัง ไม่เจอกันตั้งนาน”

   “แกกอดมันไปได้ยังไงภัค....น่าขยะแขยง”

   ไอ้เวรนี่คือบุคคลที่ผมไม่ชอบหน้าเป็นอันดับ 2 ของโลกรองจากแม่มัน

   “พูดแบบนั้นได้ยังไงภัทร” ป๊าทำเสียงดุใส่

   “คุณอย่ามาดุลูกฉันนะ เจ้าภัทรก็พูดถูกแล้ว” คุณหญิงของบ้านเอ่ยก่อนจะส่งสายตาดุลูกชายคนเล็ก “มานี่เลยนะเจ้าภัค”

   “ไม่ ภัคจะนั่งกับพี่เฌอ คิดถึง” เจ้าตัวแสบนั่งลงข้างผม “เป็นไงบ้างอะ เรียนหนักเลยดิ ปี 4 แล้วหนิ”

   “อื้ม ก็หนักแหละ แล้วเราอะจะต่อคณะอะไร คิดไว้รึยัง”

   “ก็....”

   “อย่ามายุ่งวุ่นวายกับชีวิตลูกชายฉัน ชีวิตของแกน่ะ ทำให้มันดีซะก่อนเถอะ”

   “คุณพูดเกินไปแล้วนะคุณเกสร ถ้าจะมาหาเรื่องกันก็ออกไปซะ ผมกับลูกจะกินข้าว”

   “ฉันพูดความจริงนี่คะ อีกอย่างถ้ามองแบบนี้แล้ว เหมือนมีคนนอกนั่งอยู่ข้างคุณมากกว่า”

   “เฌอเป็นลูกชายผม เป็นลูกชายคนโตของบ้าน”

   “ภัทรต่างหากที่เป็นลูกชายคนโตของบ้าน และภัทรก็มีน้องชายแค่คนเดียว” คนที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามยิ้มเยาะใส่ “ลูกของพ่อที่เกิดจากเมียน้อย ภัทรไม่นับเป็นญาติหรอกนะครับ”

   ซ่าาาาา

   “ไอ้เฌอ!!!!”

   “แค่นี้มันยังน้อยไปด้วยซ้ำ” ผมวางแก้วน้ำไว้บนโต๊ะอย่างข่มใจ “ขอบคุณสำหรับอาหารมื้ออร่อยนะครับป๊า” สิ้นคำพูดผมก็เดินออกมาจากห้องอาหารทันทีโดยไม่สนเสียงตะโกนด่าไล่หลัง

   จะด่าจะว่าอะไรก็เชิญเถอะไอ้เวร

   ผมโกรธและรู้สึกโมโหมาก ใจน่ะอยากจะปาแม่งทั้งแก้ว เอาให้หน้าตากวนส้นตีนนั่นแหกไปข้างนึง ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไมคนพี่กับคนน้องถึงได้แตกต่างขนาดนั้น ไอ้ภัทรไม่เคยเห็นผมเป็นพี่และมันก็เกลียดขี้หน้าผมมาตั้งแต่ไหนแต่ไร ส่วนภัคน่ะมองผมเป็นพี่ชายคนนึง ตอนเด็กๆ ก็ติดผมมาก และทุกครั้งที่ภัคมาเล่นกับผม คุณเกสรก็มักจะมาพ่นคำร้ายๆ ใส่รวมถึงลงไม้ลงมือกับผมอยู่บ่อยครั้ง

   คำพูดร้ายๆ ที่ตราหน้าว่าผมเป็นลูกเมียน้อย

   ทั้งๆ ที่แม่ของผมมาก่อนด้วยซ้ำ

   คุณเกสรคือผู้หญิงที่อากงอาม่าเลือกให้ป๊า ส่วนแม่ของผมคือผู้หญิงที่ป๊าเลือกเอง แต่ก็นั่นแหละ เพราะความรักมันไม่ใช่ทุกอย่าง ตอนเด็กๆ ผมไม่เข้าใจ ป๊าบอกว่าป๊ารักแม่ แต่ทำไมป๊าถึงไม่มาอยู่กับเรา พอโตมาถึงได้รู้ว่าอะไรมันเป็นยังไง ตอนแรกผมไม่ได้มีท่าทีต่อต้านครอบครัวตัวเองมากขนาดนี้จนกระทั่งเมื่อไม่กี่ปีก่อนที่แม่ผมจากไป ตอนนั้นผมเพิ่งขึ้นม.6 แล้วทุกอย่างมันเคว้งคว้างไปหมด

   ความรู้สึกแย่มากจริงๆ

   แม่ผมเขาหัวใจวายเฉียบพลัน ตอนนั้นมันไม่มีแม้แต่คำเอ่ยลา ไม่มีการสั่งเสีย ผมยังอยู่โรงเรียนและไม่ได้อยู่กับแม่ในวินาทีสุดท้าย รู้อีกทีคือป๊ามารับที่โรงเรียนแล้วก็บอกว่าแม่จากผมไปแล้ว มันตื้อมาก ผมไม่คิดว่าเรื่องแบบนี้มันจะเกิดขึ้นกับตัวเอง ทำใจไม่ได้ ไม่มีทางทำใจได้ในเวลาอันสั้น ความสัมพันธ์ระหว่างผมกับป๊าก็ยิ่งแย่ลง คุณเกสรคอยตามระรานผมไม่หยุด เหมือนโกรธแค้นกันมาสิบชาติ

   พอแล้วเฌอ....พอแล้ว

   เลิกคิดเรื่องที่ทำให้ตัวเองหงุดหงิดได้แล้ว

   “พี่เฌอ”

   ผมหันไปมองร่างสูงที่เดินตามออกมา “....พี่ขอโทษนะที่ทำให้ป๊ากับแม่เราต้องมีปัญหากัน”

   “ภัคต่างหากที่ต้องขอโทษแทนแม่กับพี่ภัทรอะ ภัคเสียใจนะ”

   “ไม่เป็นไรหรอก เรื่องแบบนี้พี่ก็ชินแล้วแหละ วันหลังถ้าป๊าอยากจะกินข้าวกับพี่ ก็บอกให้เขาไปกินนอกบ้าน ถ้าภัคอยากไปด้วย ภัคก็ไป”

   “ได้ครับ”

   “อื้ม....พี่ไปก่อนนะ ตั้งใจเรียนด้วยล่ะเรา” ผมขยี้หัวน้องก่อนจะเดินออกมาจากบ้าน มือก็หยิบโทรศัพท์เพื่อโทรหาใครบางคนเพื่อให้เขามารับ

   “.....เฮียเจ๋งมารับเฌอหน่อยดิ”

   



---------- 50% ---------

ออฟไลน์ chaleeisis

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 249
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +96/-3
---------- ต่อจากบท 5 ----------


.

   ร้าน BAR-HERE

   ผมนั่งมองแก้วเบียร์ตรงหน้าด้วยความรู้สึกไม่ค่อยดีเท่าไหร่ ตอนนี้เกือบ 5 โมงและผมนั่งดื่มแต่หัววันเลย เอาจริงๆ มันก็ไม่ใช่การดื่มแบบจริงๆ จังๆ เหมือนอย่างทุกที ผมแค่จิบมันไปเรื่อยๆ พลางคิดถึงเรื่องราวที่ใจยังยอมรับไม่ได้ ผมอยากทำลายความรู้สึกแย่ๆ ด้วยการไปหาใครสักคนที่ผมคิดว่าอยากแชร์ช่วงเวลาเหล่านี้ด้วย ผมโทรไปหาน้องเดียร์แต่เธอก็บอกว่าไม่ว่าง ซึ่งผมรู้อยู่แล้วแหละเรื่องนั้นแต่แบบ....

   ช่างแม่งเถอะ

   ไม่มีน้องเดียร์ผมก็ยังมีเฮียเจ๋งนี่ไง

   “เฮียไม่รู้จะปลอบเฌอยังไงดี”

   “ไม่ต้องปลอบหรอกเฮีย ชินแล้ว” ผมหยิบตลับบุหรี่ขึ้นมาเปิดดูก็พบว่ามันเหลือมวนสุดท้าย “เฮียว่าถ้าตอนนี้แม่ยังอยู่ แล้วแม่รู้ว่าเฌอใช้ชีวิตแบบนี้ แม่จะโกรธเฌอไหม”

   “เฌอคิดว่าป้าชุจะโกรธไหมล่ะ”

   “อาจจะ....”

   “แล้วยังจะใช้ชีวิตแบบนี้ต่อไปอีกนานแค่ไหนล่ะ”

   “นั่นสิ อันนี้ไม่รู้คำตอบเหมือนกัน” ผมมองลูกพี่ลูกน้องของตัวเองตรงหน้า “บ้านเฮียไม่เห็นจะวุ่นวายแบบบ้านเฌอเลย”

   “เพราะป๊าเฮียไม่ได้โดนอากงอาม่าบังคับให้แต่งงานเหมือนกับป๊าเฌอไง ลูกชายคนโตก็งี้แหละ แต่เท่าที่เฮียรู้เนี่ยะ ยังไงลุงกฤตก็รักป้าชุมากนะ และก็รักเฌอมากด้วย”

   “เฌอรู้” ผมหยิบกระเป๋าคาดอกมาสวม “ขอบคุณเฮียนะที่ไปรับเฌออะ เดี๋ยวเฌอไปก่อน ต้องกลับไปเอารถที่มอด้วย”

   “ให้เฮียไปส่งไหม”

   “ไม่ต้องหรอกเฮีย เฮียเตรียมร้านเหอะ เฌอไปเองได้”

   “โอเค มีไรก็บอกเฮียนะ”

   “ครับ เฌอไปละ” ผมบอกก่อนจะเดินออกมาจากร้าน เงยหน้ามองท้องฟ้าครึ้มๆ เหมือนฝนจะตกยังไงไม่รู้ และถ้าฝนตกจริงๆ มันจะทำให้สิ่งที่ผมเผชิญมาทั้งวันนี้ เพิ่มดาเมจต่อใจเป็นทวีคูณ

   เฌอน่ะไม่ชอบฝนเลย

   ผมขึ้นรถสองแถวกลับไปมหา’ลัย ก่อนจะเดินผ่านไปที่ตึกคณะแพทย์ฯ ผมเห็นน้องเดียร์นั่งอยู่กับกลุ่มเพื่อนของเธอที่หน้าตึกด้วย เวลาปกติแล้วผมคงไม่ลังเลใจที่จะเดินเข้าไปหา แต่ในเวลานี้กลับไม่รู้ว่ามันจะเหมาะรึเปล่า ถ้าผมเข้าไปหาเธอจะรำคาญไหม ผมไม่อยากให้น้องรู้สึกแบบนั้น เนี่ยะ ไม่เข้าใจเลยว่าทำไมต้องคิดมากขนาดนี้ นั่นแฟนมึงป้ะวะเฌอ แวะเข้าไปหาแล้วบอกว่าคิดถึงมันคงไม่เป็นไรป้ะวะ

   รู้สึกอ่อนแออยู่ไม่ใช่เหรอ

   หาอะไรปลอบใจตัวเองหน่อย

   “น้องเดียร์”

   ร่างบางหันมามองผม “พี่เฌอ....มาได้ไงคะเนี่ย”

   “พี่เหนื่อยๆ อะ ก็เลยอยากเจอน้องเดียร์”

   “เหนื่อยก็ต้องกลับไปพักนะคะ” เธอยกมือขึ้นมากุมแก้มผมเอาไว้ “เดียร์ยังทำงานอยู่ แต่ถ้างานเสร็จแล้วเดี๋ยวจะโทรหานะ”

   “อื้ม.....งั้นน้องเดียร์ทำงานต่อเถอะ พี่ไม่กวนแล้วล่ะ” ผมยิ้มบางๆ ให้ก่อนจะเดินละออกมา การเดินเข้าไปหาแฟนตัวเองเมื่อกี๊ไม่ได้ทำให้ผมรู้สึกดีหรือได้พลังใจแต่อย่างใดเลย

   ทำไมมันเป็นแบบนั้นนะ

   ช่างเถอะ....ช่างมัน

   ผมเดินมานั่งที่ม้านั่งระหว่างตึกแพทย์ฯ และตึกวิศวะฯ ก่อนจะหยิบบุหรี่มวนสุดท้ายในตลับขึ้นมาจุดสูบ กลิ่นเย็นๆ พร้อมกับรสขมๆ ทำให้หัวโล่งขึ้นนิดหน่อย แต่มันก็แค่นั้นจริงๆ ผมไม่ชอบเวลาที่ตัวเองอยู่ในสภาวะแบบนี้เลย ไม่ชอบความรู้สึกเศร้าที่เกาะกุมใจอยู่ในตอนนี้ ผมรู้ว่าเดี๋ยวมันก็ดีขึ้นเพราะทุกครั้งมันก็เป็นแบบนั้น ช่วงเวลาแบบนี้เกิดขึ้นกับเราได้ไม่นาน แต่ในคำว่าไม่นานน่ะ ทำให้ข้างในนี้สาหัสมากเลย

   แหมะ....แหมะ

   ซ่าาาาา

   อื้ม....ฝน

   เสียงที่ได้ยินและหยดน้ำที่ร่วงหล่นลงมากระทบผิวกายนั่นทำให้รู้สึกหม่นในใจขึ้นไปอีก ผมรู้ว่าฝนตก รู้ว่าตัวเองกำลังเปียก รับรู้ทุกอย่างแต่ไม่อยากขยับไปไหนเลย ต่อให้รู้สึกไม่ชอบแต่ก็ไม่อยากไปไหน ไม่รู้สิ มันเหมือนหมดแรงน่ะ บุหรี่ในมือที่เพิ่งสูบก็เปียกน้ำจนดับไปแล้ว ผมทิ้งมันลงถังขยะที่อยู่ใกล้ๆ และยังคงนั่งอยู่ที่ม้านั่งตัวเดิม นั่งอยู่แบบนั้นโดยไม่รู้ว่าเวลามันจะผ่านไปนานเท่าไหร่

   ผมไม่สนใจอะไรทั้งนั้นแหละ

   สายฝนที่ผมไม่ชอบมันมีข้อดีอยู่อย่างนึงในเวลาที่รู้สึกเศร้านะ ผมเคยเสียใจเรื่องนี้เมื่อนานมาแล้ว นั่งตากฝนอยู่แบบนี้ ร้องไห้ เสียน้ำตาไปเยอะมากๆ แต่ไม่มีใครได้รับรู้เพราะว่าฝนได้ชำระมันออกไปทั้งหมด....เหมือนอย่างตอนนี้

   ต่อให้โตมากขึ้นแค่ไหนและคิดว่าตัวเองเข้มแข็งเพียงใด

   สุดท้ายก็ต้องยอมรับว่า....เราก็ต้องมีวันที่ไม่ไหว

   อ่อนแอบ้างก็ไม่เห็นเป็นไร

   ร้องไห้บ้าง....ก็ไม่เห็นเป็นไร

   ผมเสยผมที่ปรกหน้าตัวเองออกพร้อมกับรับรู้ได้ถึงการมาของใครบางคน ร่างสูงยืนอยู่ด้านข้างม้านั่ง ในมือเขาถือร่มอยู่ ระหว่างเรามีแต่ความเงียบที่ปกคลุมเท่านั้น แค่เสียงฝนที่ผมได้ยิน เขายืนอยู่ตรงนั้นสักพักก่อนจะวางร่มและนั่งลงข้างๆ ผม ฝนยังคงตกหนักและเราสองคนก็เปียกไม่ต่างกัน ผมไม่เข้าใจการกระทำนั้นเท่าไหร่ เขามีร่ม แต่ทำไมเขาเลือกที่จะทิ้งมัน ใจนึงผมอยากถามแต่อีกใจผมก็ไม่อยากเอ่ยอะไรทั้งนั้น

   รอให้เขา....

   “ทำไมพี่ถึงมานั่งตากฝนล่ะครับ”

   “.....แล้วทำไมคุณถึงมานั่งตากฝนข้างผมล่ะ”

   “ผมอยากให้พี่รู้ว่าถึงจะมีอะไรเกิดขึ้น พี่ก็ไม่ได้อยู่ตัวคนเดียว อีกอย่าง....การที่ได้มองต้นไม้เปียกฝนใกล้ๆ ”

   “....”

   “มันก็สวยดี”

   ตึกตัก

   สิบสามเขา....ยิ้มด้วยล่ะ

   “.....อะไรของคุณเนี่ยะ”

   “ผมพูดจริงนะครับ” เจ้าตัวเสยผมที่ปรกหน้าตัวเองออก “ผมไม่รู้ว่าพี่ไปเจออะไรมา ผมรู้ว่าตัวเองห้ามความรู้สึกพี่ไม่ได้ แต่อะไรก็ตามที่ทำให้พี่รู้สึกดีขึ้น อย่างน้อยสักจึ๋งนึง ผมก็อยากทำนะครับ”

   ความรู้สึกแบบนี้แหละ....ที่ผมต้องการ

   “ขอบคุณคุณนะ”

   ขอบคุณจริงๆ สิบสาม

   ผมยิ้มให้เขาก่อนจะรั้งแขนคนตัวสูงให้ลุกมาด้วยกัน “ผมหิวข้าวอะ ไปหาข้าวกินกัน”

   “ตัวเปียกขนาดนี้ ร้านข้าวที่ไหนจะให้เข้าครับ”

   “ซื้อไปทำก็ได้....เดี๋ยวผมทำกับข้าวให้คุณกินเอง ถือว่าตอบแทนที่คุณมานั่งตากฝนเป็นเพื่อนผมละกัน”

   “เอาแบบนั้น.....ก็ได้ครับ”

   .

   .

   คอนโดฯ G : ห้องสิบสาม

   ผมยืนทำผัดพริกหวานอยู่ในครัวส่วนเจ้าของห้องนั้นอาบน้ำอยู่ครับ ช่วงเวลาก่อนหน้านี้มันแย่จริงๆ ไม่บ่อยนักหรอกที่ผมจะมีความรู้สึกจมดิ่งขั้นสุด ทุกๆ ครั้งผมมักจะอาศัยเวลาช่วยบรรเทา แต่กับครั้งนี้พิเศษหน่อยด้วยการกระทำเล็กๆ ที่ใครบางคนทำให้ มันฮีลใจผมเอาไว้มากๆ เลยนะ อย่างน้อยก็รู้สึกดีขึ้นจึ๋งนึงแบบที่เขาว่านั่นแหละ

   ผู้ชายคนนั้นมันอะไรกันนะ

   สิบสามช่วยผมเอาไว้หลายครั้งตั้งแต่ที่เราเจอกัน แล้วดูทรงว่าชรันคนนี้จะต้องมีเรื่องให้สิบสามได้ช่วยอีกแน่ๆ สงสารเขาว่ะ เหมือนผมเป็นเวรกรรมในชีวิตเขาจริงๆ แหละ จะว่าไปนังน้อนก็ใจดีอยู่เหมือนกันนะ หรือใจดีแค่กับผมก็ไม่รู้

   “หอมจังครับ”

   ผมหันไปมองร่างสูงที่ยืนอยู่ด้านหลัง “จะเสร็จแล้ว ไปนั่งรอสิ”

   “ครับ” เจ้าตัวรับคำก่อนจะตักข้าวไปนั่งรอที่โต๊ะ ผมจัดแจงตักผักพริกหวานใส่จานแล้วเดินมานั่งตรงข้ามสิบสาม “คุณเคยแต่งตัวแบบนี้ออกจากห้องไหม”

   แต่งตัวด้วยชุดนอนลายลิตเติ้ลทวินสตาร์สีพาสเทลทั้งตัวเนี่ยะ

   “ก็มีบ้างครับ แต่ปกติถ้าผมเข้าห้องแล้ว ผมจะไม่ค่อยออกไปไหน”

   “แล้วเวลาที่คุณไปเจอผมตอนเมางี้อะ”

   “ออกไปซื้อของครับแล้วก็บังเอิญเจอ” มือเรียวตักแครอตในต้มจืดขึ้นมาดู “รูปดาว”

   “น่ารักเหมาะกับเด็ก” ผมตักแครอตไปใส่จานเขา “กินเยอะๆ นะ”

   “พี่ก็ด้วย”

   “ผมน่ะกินเยอะอยู่แล้ว”

   สิบสามตักข้าวเข้าปากก่อนจะมองกับข้าวกับผมสลับกัน “....อร่อยครับ”

   “เหลือเชื่อป้ะล่ะ” ผมยักคิ้วให้เขาก่อนจะตักข้าวกินบ้าง “ผมน่ะทำอาหารอร่อยมากเลยนะ”

   “พี่เคยบอกผมตอนเมา”

   “งั้นคุณก็น่าจะรู้มากกว่าแค่ผมทำอาหารอร่อยน่ะสิ” ผมตัดผัดพริกหวานให้เขา “แต่มันเป็นแบบนั้นจริงๆ นะคุณ ไม่ว่าใครก็ตามที่บอกว่าอยากกินอาหารที่ผมทำ สุดท้ายแล้วก็ไม่มีใครอยู่กินมันเลย เนี่ยะ คุณน่ะโชคดีมากเลยนะ”

   “ยังไงเหรอครับ”

   “ก็คุณเป็นคนแรกที่ได้กินอาหารฝีมือผม นอกจากแม่แล้วผมไม่เคยทำอาหารให้ใครกินเลย กับเพื่อนก็ไม่เคย” พอผมบอกไปแบบนั้น คนตรงหน้าก็พยักหน้ารับแล้วตั้งใจกินข้าวเงียบๆ

   ผมรู้สึกดีนะที่สิบสามดูชอบกับข้าวที่ผมทำ คำว่าอร่อยที่เขาบอกก็ทำให้ผมรู้ว่าฝีมือของตัวเองยังใช้ได้อยู่ จะว่าไปก็นานเหมือนกันที่ไม่ได้ทำกับข้าวเอง ปกติจะไปกินข้าวที่อื่นไง ช่วงที่มีแฟนก็ไม่มีโอกาสได้ทำกับข้าวให้แฟนคนไหนกินเลยครับ ผมคิดมาตลอดเหมือนกันนะว่าใครจะเป็นคนแรกที่ได้กินอาหารฝีมือผม และวันนี้ก็ได้รู้แล้วว่าคนๆ นั้นคือใคร

   นังน้อนนี่ไง

   หลังจากที่กินข้าวเสร็จ เราสองคนก็ช่วยกันเก็บครัวและล้างจาน เท่าที่สังเกตคือสิบสามมีความพ่อบ้านสูงอยู่เหมือนกันนะ ดูจากการทำงานบ้านต่างๆ ที่ผมเทียบไม่ติดเลย ต่อให้ผมใช้เวลาสิบปีในการฝึกรีดผ้า ผมก็ไม่มีทางรีดผ้าได้เรียบเท่าสิบสามแน่นอน ผมคิดนะว่าเพราะเขาเรียนหมอด้วยรึเปล่า อะไรๆ ก็เลยดูต้องสะอาดแบบเว่อร์มากๆ ไปหมด

   ก็อาจจะเกี่ยว

   “เสร็จซะที” ผมเช็ดมือก่อนจะเดินไปอยู่ตรงหน้าประตูระเบียง “ฝนยังไม่หยุดเลยแฮะ หลายชั่วโมงแล้วนะ”

   “ถ้าแบบนั้น พี่ค้างที่นี่ก็ได้นะครับ เพราะยังไงรถพี่ก็ยังอยู่มหา’ลัย”

   “ผมเกรงใจคุณน่ะ”

   “พี่นอนห้องผมมากี่ครั้งแล้วครับ เกรงใจอะไรล่ะ” ร่างสูงลากแขนผมให้มานั่งที่หน้าโต๊ะเครื่องแป้งก่อนจะจัดแจงไดร์ผมให้ “ถ้าหัวเปียกจะเป็นหวัดได้นะครับ”

   “หัวคุณก็เปียกเถอะ”

   “เดี๋ยวผมก็จัดการกับหัวตัวเองน่ะ”

   ผมมองสิบสามผ่านกระจกตรงหน้า “คุณเคยทำแบบนี้ให้ใครรึเปล่า”

   “ไม่ครับ”

   “งั้นผมก็พิเศษกว่าคนอื่นจึ๋งนึงอะดิ” ผมเงยหน้ามองคนด้านบน เจ้าตัวมองผมนิ่งๆ ก่อนเลื่อนมือมาเกลี่ยผมที่ปิดตาออกให้ รอยยิ้มปรากฏขึ้นบนใบหน้าเขาอีกครั้งและมันให้ความรู้สึกต่างจากครั้งแรกที่ได้เห็น

   ลักยิ้มที่แก้มสองข้างนั่นมัน....

   “พี่น่ะ....พิเศษกว่าคนอื่นหลายจึ๋งเลยครับ”

   ตึกตัก

   อีกแล้ว....ความรู้สึกนี้อีกแล้ว

   ผมหลุดขำออกมา “....หลายจึ๋งอะไรของคุณนังน้อน เลอะเทอะ”

   “หึ....” เสียงหึนั่นทำให้ผมมองเขาผ่านกระจกพลางนึกถึงถึงรอยยิ้มที่ได้เห็นเมื่อกี๊

   ผมรู้แล้วว่าทำไมเด็กนั่นถึงไม่ยิ้ม

   เพราะเวลาที่เขายิ้ม....คนที่เห็นจะตายกันหมด

   “หมั่นไส้ว่ะ”

   “สรุปคือค้างห้องผมนะครับ”

   “....อืม ผมรบกวนคุณด้วยละกัน”

   “ครับ”

   .

   .

   .

   .

   .

   TBC.

   สวัสดีค่ะชาลมาส่งสามเฌอแล้ว คือชอบตอนนี้มากๆ มากในมาก มันเป็นซีนที่ชาลคิดเอาไว้ตั้งแต่ต้นปี 2018 นะคะ ซีนฝนเนี่ยะคือเขียนเองยังรู้สึกประทับใจมาก ชอบมาก อ่านบทนี้จบก็แชร์กันได้นะคะว่าอ่านแล้วรู้สึกยังไงกันบ้าง

   สามารถติดต่อข่าวสาร + สปอยล์ได้ที่ทวิตเตอร์ Chaleeisis หรือเพจ Fictiom Yaoi Th น้า

   ขอบคุณที่หลงเข้ามาอ่านค่า

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ Kelvin Degree

  • ถ้าวันนั้นเลือกที่จะเดินออกไป คงไม่เจ็บมาจนถึงทุกวันนี้...
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1700
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +57/-2

ออฟไลน์ Leenboy

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3095
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +105/-2
เปิดโปงยัยเดียร์สักทีสิบสาม :katai1:

ออฟไลน์ chaleeisis

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 249
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +96/-3
บทที่ 6 ขอโทษ



   ความรู้สึกใจโหวงนี้มันคืออะไรวะ

   ไม่ชอบเลย

   ผมนั่งเอาเทปผ้าพันไม้กลองเหมือนคนไม่มีอะไรทำ ตอนนี้อยู่ที่ลานเกียร์ครับ มาเข้ากิจกรรมสันทนาการกับน้องๆ เพราะเหงา เหล่าสหายไปซื้อของให้ฝ่ายสวัสดิการแต่ผมขี้เกียจจะขยับตัวก็เลยอยู่มันที่นี่แหละ ไม่ขยับตัวคือไม่ขยับจริงๆ เลยนะ นั่งอยู่ตรงนี้มาชั่วโมงกว่าแล้ว เดี๋ยวอีกสักพักพวกรุ่นน้องปี 1 ก็คงมาแล้วล่ะ ตอนนี้พวกแก๊งค์สันฯ ก็กำลังจัดเตรียมสถานที่ต่างๆ ลานเกียร์ตอนบ่าย 3 นี่แดดร่มลมเย็นเป็นใจในการทำกิจกรรมมาก

   เหมาะกับการนอนมากด้วยเหมือนกัน

   “พี่เฌอ” ประธานคณะกรรมการฯ ปี 2 เดินมานั่งลงข้างๆ ผม “ตีกลองเป็นป้ะ”

   “ไม่เป็น แบกกลองเป็นอย่างเดียว ทำไมอะ ปกติใครตี”

   “ปกติไอ้แยมตี แต่วันนี้เขามีคัดคฑากรไง ก็เลยส่งไอ้แยมไป”

   ผมเลิกคิ้วมองสมปอง “ความจริงมึงควรไปคัดตัวรึเปล่า”

   “ไม่เอาอะ ตอนมัธยมฯ เคยเป็นละ ทำไมอะพี่เฌอ สายรหัสปองต้องเป็นคฑากรตลอดเลยเหรอ”

   “ก็น่าจะแบบนั้นป้ะวะ สายรหัสมึงมันเป็นสายคฑากรอะ”

   “นี่ไง ปองจะเป็นรุ่นแรกให้เองที่ไม่ต้องเป็นคฑากร” เด็กเวรยิ้มแป้นให้ก่อนจะทำหน้ามุ่ย “ให้ใครตีกลองให้ดีวะ คนที่ตีกลองเป็นก็ไม่อยู่”

   “ไม่ต้องตีไหมงั้นอะ”

   “มันก็ไม่ค่อยคึกครื้นดิพี่เฌอ ไม่เป็นไร เดี๋ยวปองลองไปหาคนอื่นก่อน” ว่าแล้วมันก็เดินไปหาคนโน้นทีคนนี้ที ดูซิว่าวันนี้สมปองมันจะหาคนตีกลองได้รึเปล่า

   ผมนั่งพันไม้กลองอันต่อไปพลางนึกถึงเรื่องคฑากรที่คนคิ้วท์แห่งโยธาพูด ปกติสายรหัสของทะเลเพื่อนรักจะเป็นคฑากรไม้หนึ่งเสมอครับ สายไอ้ขันซึ่งเป็นสายเฮดว้ากก็จะรับหน้าที่ถือธง ส่วนสายผมจะถือป้ายของคณะซึ่งโคตรหนักเลยไอ้เวร ป้ายไม้นะแต่เหมือนข้างในแม่งเป็นเหล็ก เอาไปฟาดหัวใครคือตายห่าแน่ๆ แหละ แล้วขบวนพาเหรดคือเดินไกลมาก เริ่มต้นจากตึกคณะแพทย์ฯ ไปจนถึงตึกคณะนิเทศฯ ที่อยู่อีกฝั่งนึง

   จบงานเหมือนคนแขนหักอะ ป้อแป้ไปทั้งตัว

   แต่ปีนี้ผมจะหลุดพ้นจากงานกีฬาสีต่างๆ แล้วเพราะว่าไปฝึกงานไง ก็ให้เป็นเวรกรรมของบรรดารุ่นน้องต่อไป เอาจริงๆ เวลาร่วมงานกิจกรรมต่างๆ ผมก็ให้ความร่วมมือเต็มที่นะ อาจเพราะว่ามันเป็นหน้าที่ด้วยมั้ง ชรันน่ะเป็นประเภททุ่มเทกับการทำงานอยู่แล้ว มีบ่นบ้างแต่ก็ทำอยู่ดี ไม่ทำมันก็ไม่ได้ด้วยแหละเพราะทางคณะสั่งมา ผมมองว่างานต่างๆ ที่ต้องรับผิดชอบเป็นประสบการณ์ชีวิตที่ดีนะ ได้ทำหลายอย่างก็ได้ความทรงจำหลายอย่าง

   ก็ดีสำหรับช่วงนึงในชีวิต

   เรียนจบไปก็คงไม่ได้ทำอะไรพวกนี้แล้วแหละ

   “พี่เฌอครับ”

   ผมหันมองตามเสียงเรียกก็พบร่างสูงที่แบกของเยอะแยะเต็มไปหมด “มาทำอะไรที่นี่อะคุณ”

   “เอาเสื้อพี่มาคืนน่ะครับ” สิบสามส่งถุงเสื้อให้ผม “แล้วพี่ทำอะไรอยู่เหรอ”

   “รอสันทนาการน้องอะ ผมเหงา ไม่รู้จะไปทำอะไรก็เลยอยู่ร่วมกิจกรรม” ผมมองไม้คฑาในมือเขา “คุณจะไปไหนอะ คัดตัวคฑากรเหรอ”

   “คัดเสร็จแล้วล่ะครับ รอฟังผล แต่ผมไม่อยากเป็น”

   “ผมว่านะถ้าคุณได้เป็นคฑากรไม้หนึ่งของคณะแพทย์ มันต้องดีมากแน่ๆ เลย” ลองคิดภาพตามดิ รูปร่างแบบนี้ เบ้าหน้าขนาดนี้ เดินนำขบวนพาเหรดของเด็กแพทย์ฯ มันต้องเป็นอะไรที่น่าตื่นตาตื่นใจ หื้อออ.อ....อยากเห็นว่ะ

   นังน้อนนั่งลงข้างๆ ผม “พี่คิดแบบนั้นเหรอครับ”

   “อื้ม ถึงกีฬาสีจะตรงกับช่วงที่ผมฝึกงาน แต่ผมคิดเอาไว้แล้วนะว่าจะแอบโดดงานมาดูน้องๆ ”

   “เทอมหน้าพี่เฌอฝึกงานที่ไหนเหรอครับ”

   “แถวจังหวัดปทุมฯ อะ ผมอาจจะต้องย้ายหอ แต่เดี๋ยวดูก่อน เออแล้วคุณไม่ต้องไปไหนต่อเหรอ”

   “ไม่ครับ ก็อาจจะกลับห้องเลย”

   ผมเอียงหัวเข้าไปใกล้สิบสาม “คุณ....ตีกลองเป็นป้ะ”

   “ก็ตีได้นะครับ สมัยมัธยมฯ ผมเคยตีกลองให้คณะสี”

   “ดีเลยคุณ คุณว่างใช่ป้ะ ผมยืมตัวคุณมาตีกลองสันทนาการหน่อยดิ คือรุ่นน้องผมคนที่รับผิดชอบหน้าที่ตีกลอง มันไปคัดคฑากร แล้วก็ไม่มีใครตีกลองเป็นด้วย”

   “มันจะไม่เป็นไรเหรอครับ ผมคนนอกคณะนะ”

   “เดี๋ยวผมจัดการให้ ขอแค่คุณโอเคก็พอแล้ว ว่าไง....ได้ไหม”

   “ก็ได้ครับ”

   “โอเคเลย คุณรอตรงนี้ก่อนนะ เดี๋ยวผมไปบอกรุ่นน้องก่อน” ว่าแล้วผมก็เดินไปหาสมปองที่กำลังร่อนไปทั่วเพื่อหามือกลอง

   ผมลากประธานคณะกรรมการปี 2 มาหาอดีตเดือนคณะแพทย์ฯ สมปองหลบอยู่หลังผมเหมือนใช้เป็นที่กำบัง อะไรของมันวะเนี่ย ส่วนนังน้องก็มองเด็กเวรข้างหลังนิ่งๆ ไอ้เจ้านี่ก็เหมือนกัน จะใช้สายตาที่อ่อนโยนกว่านี้มองชาวบ้านคือไม่ได้เลย ผมจัดแจงแนะนำทั้งสองคนให้รู้จักกัน แล้วอะไรคือแค่พยักหน้ารับรู้เฉยๆ วะ ใจคอพวกเอ็งจะไม่คุยกันหน่อยเหรอ แบบนี้ตอนสันทนาการจะรู้เรื่องไหมวะ

   เพลียใจจริงๆ

   “สื่อสารกันทางสายตาว่างั้นเถอะ แล้วจะรู้เรื่องไหมเนี่ยะ”

   สมปองยิ้มแห้งๆ ออกมา “รู้เรื่องน่ะพี่ เนอะ เราจะสื่อสารกันรู้เรื่องใช่ไหม”

   “.....ครับ”

   เหรอวะ

   “เออๆ รู้เรื่องก็รู้เรื่อง กูแล้วแต่นะ”

   “โอเค งั้นเดี๋ยวปองไปยกกลองมาให้ ถ้าน้องๆ มา พี่เฌอก็ให้เข้าแถวตามกลุ่มเลยนะ”

   “อือ ไปๆ รีบไปรีบมา” ผมรับคำพลางเดินไปหยิบโทรโข่งที่วางอยู่บนโต๊ะ ของไอ้สยามแน่ๆ แหละโทรโข่งอันนี้อะ ตอนนี้มันกลายเป็นพี่ว้ากไปแล้วไง น้องโทรโข่งก็เลยถูกสืบทอดมาให้เมียแทน

   น่าหมั่นไส้จริงๆ

   กินกันเองหมดเลยรุ่นน้องผม แต่จะว่าแค่พวกมันก็ไม่ได้ เพราะเพื่อนๆ ผมก็เป็นแบบนั้น จะว่าไปคนที่อยู่รอบๆ ตัวผมมีแต่คนที่รักเพศเดียวกันทั้งนั้นเลย บางทีก็ดีใจเหมือนกันนะที่ตัวเองโตขึ้นมาในยุคที่สังคมรับเรื่องนี้ได้แล้วในระดับนึง ผมมองว่าความรัก ไม่ว่าจะกับเพศไหนมันก็ดีทั้งนั้นแหละ ถ้าไม่สร้างปัญหาหรือความเดือดร้อนให้ใคร

   ผมคิดแบบนั้นจริงๆ นะ

   แต่ก็ต้องยอมรับว่าความรักของบางคนก็ไม่ค่อยดีนะ ทำเรื่องเลวร้ายเพื่อให้ได้มาครอบครองโดยไม่สนใจว่าจะสร้างความเดือดร้อนให้ใครบ้าง แบบนั้นมันจะเรียกว่าความรักได้จริงๆ เหรอ มันดูเหมือนเห็นแก่ตัวมากกว่า จะเอาแค่ตัวเองมีความสุข ส่วนคนอื่นจะทุกข์จนเป็นบ้ายังไงก็ไม่สนใจ คนแบบนี้แม่งโคตรใจร้ายเลย บ่อยครั้งที่เคยเจอมากับตัวเอง

   ได้แต่หวังว่าเฌอจะไม่เจอคนแบบนั้นอีก

   “ทำไมทำหน้าแบบนั้นล่ะครับ”

   “หน้าแบบไหน”

   “ก็เหมือนคิดเรื่องที่ทำให้รู้สึกไม่ค่อยดี”

   “อ๋อ ก็คิดอะไรไปเรื่อยเปื่อยน่ะคุณ ไม่มีอะไรหรอก” ผมหยิบเศษใบไม้ออกจากหัวของสิบสาม “ทำไมคุณใส่แว่นเป็นบางวันอะ สายตาสั้นเหรอ”

   “เปล่าครับ แว่นเป็นแว่นเลนส์เปล่า”

   “แล้วใส่ทำไมอะ”

   “ใส่แล้วไม่ดีเหรอครับ”

   “ใส่แล้วมันก็ดี เบ้าหน้าแบบคุณ ใส่ไม่ใส่ก็ดูดีป้ะ ขนาดใส่แมสปิดครึ่งหน้ายังรู้เลยว่าหล่อ” หล่อจนน่าหมั่นไส้ เชื่อป้ะว่าตั้งแต่รู้จักนังน้อนมา ไม่มีวันไหนที่ผมไม่รู้สึกหมั่นไส้เขาเลยอะ

   ทำไมมันอย่างนั้นวะ

   “พี่เฌอก็พูดเกินไป”

   “ไม่เกินไปหรอก” ผมดึงแขนสิบสามมาใกล้ก่อนจะพับแขนเสื้อให้เจ้าตัว “เดี๋ยวคุณต้องตีกลองใช่ไหมล่ะ พับแขนเสื้อน่าจะดีกว่า เดี๋ยวผมพับให้”

   “ขอบคุณครับ” เขารับคำก่อนจะให้ผมนั่งพับแขนเสื้อให้อยู่อย่างนั้น

   ในจังหวะที่ผมพับแขนเสื้อให้นังน้อนก็สังเกตเห็นพลาสเตอร์ยาลายคิตตี้แปะอยู่ตามแขนหลายจุด นอกจากมีพลาสเตอร์ยาแล้วยังมีรอยจ้ำเต็มไปหมด เขาไปโดนอะไรมาแขนถึงได้มีรอยขนาดนี้ ครั้งก่อนที่ผมไปนอนด้วย รอยพวกนี้ยังไม่มีเลย

   “คุณไปโดนอะไรมาอะนังน้อน รอยจ้ำเต็มไปหมด”

   “อ๋อ เรียนทำข้าวต้มกับทอดไข่เจียวน่ะครับ”

   “เรียนทำไมอะ”

   “มันเป็นธรรมเนียมของบ้านผม แม่บอกว่าถ้าเจอคนที่ชอบเนี่ยะ ก็ต้องไปเรียนทำข้าวต้มกับทอดไข่เจียว”

   ผมเลิกคิ้วมองคนที่นั่งอยู่ข้างๆ อย่างสงสัย “เจอคนที่ชอบงั้นอ๋อ”

   “ใช่ครับ”

   “.....ใครอะ น่ารักป้ะ สวยป้ะ คณะไหนๆ ๆ ๆ ” ผมถามอย่างสงสัย เพราะแบบนี้รึเปล่า สิบสามถึงฟังเพลงรักบ่อยๆ ฮันแน่ ร้ายนักนะนังน้อน อยากรู้จริงๆ ว่าคนแบบไหนถึงทำให้เขาชอบได้

   แม่งโคตรเจ๋งเลย

   “ผมเอ่ยชื่อเขาได้เหรอครับ”

   “เอ่ยได้ดิคุณ....กระซิบก็ได้ เรารู้กันสองคน” ผมเอียงหัวเข้าไปใกล้เขา “ว่ามา....”

   “.....พี่เฌอ” มือเรียวหยิบไม้กลองที่อยู่บนตักผมไป “น้องๆ มาแล้วนะครับ” ร่างสูงเดินเข้าไปหาสมปองที่กำลังประกอบกลองอยู่ อะไรวะ ยังไม่ทันได้รู้เลยว่าเขาชอบใคร

   เห้อะ.....เปลี่ยนเรื่องเก่งกว่าใครทั้งโลก

   ผมทำหน้ายับใส่สิบสามถึงแม้ว่าเขาจะไม่เห็นก็ตาม ช่างแม่ง ถ้าเขาอยากบอก เขาก็คงบอกเองแหละมั้ง อีกอย่างมันก็เรื่องของเขา ผมรู้ไปก็เท่านั้นแหละ ตอนนี้สิ่งที่ควรโฟกัสคือกิจกรรมที่กำลังจะทำมากกว่า ผมหยิบโทรโข่งก่อนจะบอกให้น้องๆ เข้าแถวตามกลุ่มของตัวเอง เด็กหลายคนเลยที่มองนังน้อนอย่างตื่นตาตื่นใจ เอาจริงๆ ไม่ใช่แค่ปี 1 หรอกที่เป็นแบบนั้น พวกปี 2 ก็มีเหมือนกัน

   ตื่นเต้นแหละดูออก

   อย่างแรกคงเพราะสิบสามเป็นคนนอกคณะแต่ยอมมาตีกลองให้สันทนาการของวิศวะฯ ส่วนกิจกรรมสันฯ ของคณะตัวเองก็บอกว่ามันไม่ใช่หน้าที่เลยไม่เข้าร่วม โคตรสุดเลยจริงๆ นี่ถ้าพวกเด็กแพทย์ฯ รู้จะเป็นยังไงวะ แต่อย่างสิบสามจะไปสนใจอะไรถามจริง เขาคงไม่สนใจว่าใครจะพูดหรือคิดยังไง ทำอะไรก็คงเอาตามที่ตัวเองสบายใจที่สุด จะว่าไปผมก็เก่งเหมือนกันนะที่ทำให้นังน้อนมายืนอยู่ตรงนั้นได้

   ถ้าไม่ใช่ผมแล้ว....ใครจะทำเรื่องแบบนั้นได้

   “สวัสดีครับน้องๆ ปี 1 ทุกคน วันนี้เข้ากิจกรรมสันทนาการกันอีกแล้วนะครับ พี่มีเรื่องจะชี้แจงถึงประเพณีวิ่งเกียร์ที่จะจัดขึ้นในอีก 2 อาทิตย์ข้างหน้าด้วยนะ”

   ผมลากเก้าอี้ไปนั่งเยื้องๆ กับพวกปี 2 ที่ยืนล้อมน้องๆ อยู่ มองจากมุมนี้คือเห็นนังมือกลองจำเป็นได้ชัดมาก สีหน้าดูเรียบเฉยไม่แสดงอะไรออกมาเท่าไหร่ซึ่งเป็นปกติอยู่แล้ว นี่ดีนะว่าวันนี้เขาใส่แว่นมา อย่างน้อยก็ได้เห็นหน้า ถ้าใส่แมสก็จะอีกฟีลนึง แต่ถ้าถามผมนะ สิบสามที่ไม่ใส่แว่น ไม่ใส่แมสคือดี ไม่มีอะไรมาบังหน้าเขาอะดีที่สุด มันจะทำให้ได้เห็นหน้าหล่อๆ แบบชัดๆ ไง ผมเดินไปกระชากแว่นเขาออกมาได้ไหมวะ

   น่าจะไม่ได้

   “วันนี้พี่แยมมือกลองของเราไปคัดตัวคฑากรนะครับ เพราะงั้นวันนี้เราเลยมีมือกลองอาสาจากคณะแพทย์ฯ มาช่วยตีกลองแทนพี่แยมนั่นคือ พี่สิบสามครับ”

   พอสมปองแนะนำสิบสามให้เด็กๆ รู้จัก เสียงปรบมือกับเสียงเฮก็ดังขึ้นมาทันที ไม่ค่อยเลยนะไอ้พวกนี้ แล้วตัวนังน้อนก็หน้าเดิมเลย มีพยักหน้ารับเสียงกรี๊ดเล็กน้อยประหนึ่งว่าชินแล้วกับเหตุการณ์แบบนี้ เนี่ยะ ผมไม่เข้าใจความรู้สึกนี้เลย บ่อยครั้งที่ผมมองนังน้อนแล้วก็รู้สึกว่าตัวเองเอ็นดูเขาจัง แต่อีกความรู้สึกนึงก็คือหมั่นมาก มันเขี้ยวอยากเอาหมอนฟาดๆ ๆ ๆ หึ้ยยยย....ไอ้ต้าวนังน้อนนนน

   อยากกระชากคอเสื้อมาแล้วก็เขย่าๆ

   ผมมองน้องๆ ที่ทำกิจกรรมสันทนาการไปเรื่อยๆ พลางฟังเสียงกลองที่สิบสามตีและเสียงเพลงที่สมปองร้อง อืม....ที่หวั่นใจในตอนแรกว่าจะสื่อสารกันไม่รู้เรื่องก็คงไม่มีอะไรต้องเป็นห่วงแล้วล่ะ แค่เด็กเวรนั่นร้องเพลงขึ้นมา นังน้อนก็ตีกลองตามจังหวะของเพลงนั้นได้เป๊ะๆ แถมตอนที่ยืนตีอยู่นั่นก็ดูเท่มากเลยด้วย พอเห็นแบบนั้นแล้วผมอดไม่ได้ที่จะหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาถ่ายรูปเขาเก็บเอาไว้

   ไม่รู้ว่าหลังจากนี้จะมีโอกาสได้เห็นอีกไหมไง

   เพราะงั้นถ่ายเอาไว้สักยี่สิบรูป

   หลังจากที่แอบถ่ายรูปนังน้อนจนหนำใจผมก็เข้าไปที่ไอจีก่อนจะถ่ายคลิปที่สิบสามกำลังตีกลองพร้อมกับลงสตอรี่แล้วติดโควตว่า #มือกลองหล่อบอกต่อด้วย เชื่อดิว่าบรรดาแฟนคลับของเขาต้องชอบใจมากแน่ๆ ที่ได้เห็นอะไรที่หาดูยากขนาดนี้ คือกลองที่เจ้าตัวตีมันไม่ได้มีแค่กลองทอมนะเพราะสมปองยกกลองบองโก้มาวางซ้อนด้วย ตอนแรกผมคิดว่านังน้อนจะตีกลองทอมสองจังหวะแต่นี่คือตีครบทั้งชุดเลย

   อย่างเก่งอะ

   ครืดดดด....ครืดดดด....

   “ว่าไงครับน้องเดียร์”

   (ทำอะไรอยู่เหรอคะ)

   “เข้ากิจกรรมสันทนาการน้องๆ ครับ แล้วน้องเดียร์ล่ะทำอะไรอยู่”

   (เดียร์เพิ่งทำงานกลุ่มกับเพื่อนเสร็จน่ะค่ะ เดียร์อยากเจอพี่เฌอ กิจกรรมจะเสร็จกี่โมงเหรอคะ)

   “นี่เพิ่งเริ่มเองน่ะครับ แต่ถ้าน้องเดียร์อยากให้พี่ไปหา เดี๋ยวพี่ไปตอนนี้เลยก็ได้นะ”

   (ไม่เป็นไรค่ะ รอกิจกรรมเสร็จก่อนก็ได้ วันนี้พี่เฌอมาค้างห้องเดียร์ได้ไหมคะ)

   “ได้นะครับ งั้นเดี๋ยวถ้ากิจกรรมจบเมื่อไหร่ เดี๋ยวพี่รีบไปหานะ”

   (โอเคค่ะ แล้วเจอกันนะคะ)

   “ค้าบ....” ผมกดวางสายก่อนจะสังเกตวันที่ตรงหน้าจอโทรศัพท์ตัวเอง วันนี้วันที่ 12 ซึ่งหมายความว่าพรุ่งนี้จะเป็นวันที่ 13 อย่างนั้นสิ

   ชิบหายละ

   เพราะแบบนี้รึเปล่าใจถึงได้โหวงๆ เหมือนจะเกิดเรื่องไม่ดี ไม่อยากคิดอะไรแย่ๆ ไปก่อนเลยแต่แม่งอดไม่ได้อะ พรุ่งนี้จะเป็นวันอาถรรพ์ แล้ววันนี้น้องเดียร์ก็ชวนผมไปค้างที่ห้อง นี่ไม่ใช่ว่าพรุ่งนี้ตื่นมาแล้วเธอจะบอกเลิกผมนะ ถ้าเป็นแบบนั้นจริงๆ นี่กระโดดตึกตายเลยน่ะ อื้อออ.อ.....ขออย่าให้มันเป็นแบบที่ผมคิดเลยเถอะ เห้ย แต่ถ้าคิดในแง่ดีนะ ถ้าสมมุติว่าน้องเดียร์บอกเลิกผมจริงๆ แล้วผมจะไปกระโดดตึก อาจมีใครสักคนห้ามไม่ให้ผมทำก็ได้เพราะเขาคงไม่อยากให้ตึกคอนโดฯ ตัวเองมีผีสิง

   คนๆ นั้นก็คือสิบสามไงครับ

   ผมเพิ่งมารู้เมื่อไม่นานนี้เองว่าห้องของน้องเดียร์ก็อยู่ที่คอนโดฯ G เหมือนสิบสามแค่คนละชั้นเท่านั้น ช่วงอาทิตย์ที่ผ่านมามีวันที่ผมไปค้างที่ห้องแฟนตัวเองแต่ไม่มีโมเม้นต์บังเอิญไปเจอสิบสามหรอกนะ ความหมายของค้างในที่นี้คือแค่นอนค้างจริงๆ อะครับ ไม่มีอะไรมากกว่านั้นเลย ตั้งแต่มีแฟนมา ผมไม่เคยล่วงเกินอะไรแฟนตัวเองเลยนะ เต็มที่ก็แค่....จูบ และก็ไม่มีมากกว่านั้นอาจเพราะเวลาด้วยมั้ง เราคบกันไม่นานเท่าไหร่ ผมคิดว่ามันอาจจะไวไปในเรื่องของเซ็กซ์

   หัวโบราณครับ....เป็นแบบนี้แหละ

   แต่ผมเคยโดนแฟนบอกเลิกเพราะเรื่องนี้ด้วยนะเหมือนผมไม่ยอมทำแบบนั้น เขาก็เลยเลิก ซึ่งแบบ....ทำไมวะ ไม่ใช่ว่าเราไม่อยากทำ แค่เราไม่อยากทำตอนนี้เฉยๆ แล้วเพิ่งคบกันเอง อาจจะเพราะว่าแม่สอนผมไว้ด้วยแหละว่าอย่าไปปู้ยี่ปู้ยำลูกสาวบ้านไหนถ้ายังไม่ถึงเวลาที่มันสมควร เพราะถ้ามันเกิดมีอะไรผิดพลาดขึ้นมา ฝ่ายหญิงจะเสียหายมากกว่า แล้วผมในตอนนี้จะเอาปัญญาที่ไหนไปรับผิดชอบได้อะ

   เรียนก็ยังไม่จบเลย....จริงป้ะล่ะ

   ในจังหวะที่ผมนั่งคิดโน่นคิดนี่อยู่นั้น ร่างสูงก็เดินมาหยุดอยู่ตรงหน้าก่อนจะยื่นโทรศัพท์มาให้ผม “ฝากหน่อยครับ”

   “อื้อ....แล้วนี่ต่อไปจะทำไรกัน”

   “ก็ช่วงแรกเสร็จแล้ว ประธานสันฯ บอกน้องเรื่องวิ่งเกียร์ครับ ส่วนผมก็พักมือก่อน”

   “อ๋อ เออคุณตีกลองเก่งกว่าที่ผมคิดอีกนะเนี่ย”

   “เหรอครับ” เจ้าตัวเสยผมที่ปรกหน้าตัวเองออก “เก่งมากพอที่ผมจะขอรางวัลได้ไหม”

   “คุณอยากได้อะไรล่ะ”

   “พรุ่งนี้....ไปดูหนังกันครับ เรื่องที่พี่บอกว่าอยากดู มันเข้าพรุ่งนี้นะ”

   “เออเอาดิ นี่ผมลืมไปเลยนะเนี่ย” หนังที่ตั้งใจจะไปดูมันเป็นหนังสยองขวัญครับ ตอนแรกผมก็ชวนน้องเดียร์ไปแต่เธอไม่ค่อยชอบดูหนังแนวนี้สักเท่าไหร่ ผมก็เลยเอาไปบ่นให้สิบสามฟัง

   นังน้อนมันจำได้ด้วยว่ะ

   “โอเคครับ ถ้ามีอะไรเพิ่มเติมเดี๋ยวค่อยคุยกัน”

   “ได้” ผมรับคำ ส่วนสิบสามก็ลากเก้าอี้ไปนั่งที่หลังกลองเพื่อรอทำกิจกรรมต่อ

   พรุ่งนี้ไปดูหนังกับนังน้อน ตรงกับวันที่ 13 พอดี เดี๋ยวต้องมารอลุ้นว่ามันจะยังไง พรุ่งนี้ไม่ใช่แค่วันที่ 13 ธรรมดาๆ นะ แต่ยังเป็นวันที่ผมกับน้องเดียร์คบกันเป็นวันที่ 13 ด้วย เรียกได้ว่า 13 ซ้ำซ้อนเลยครับ คือถ้าผ่านไปได้แล้วเธอไม่ทิ้งผมไปไหน หลังจากนี้ก็คงไม่มีอะไรน่ากังวลนักหรอก ใจผมก็อยากให้เธอเป็นแฟนคนสุดท้ายที่อยู่ด้วยกันไปเรื่อยๆ ก็นะ บอกแล้วไงว่าคบใครก็อยากให้เป็นคนสุดท้ายทั้งนั้น

   หวังว่าน้องเดียร์จะเป็นคนที่ผมรอมาตลอดด้วยเถอะ

   

   

   คอนโดฯ G : ห้องเดียร์

   ปิ๊งป่องงงง

   หลังจากที่กดออดได้ไม่นาน เจ้าของห้องก็เปิดประตูให้ “....พี่เฌอ”

   “พี่มาแล้วครับ” ผมชูถุงขนมให้ดู “พี่ซื้อขนมมาฝากด้วยนะ”

   “ขอบคุณนะคะ”

   “ครับ” ผมยิ้มหวานก่อนจะเดินเข้ามาในห้องพร้อมกับเอาถุงขนมไปวางไว้ที่โต๊ะ “พี่เขินเลยนะเนี่ยที่น้องเดียร์บอกว่าอยากเจอ”

   ร่างบางกอดจากด้านหลังพลางเอาหน้าแนบบ่าผมไว้ “เดียร์ก็ต้องอยากเจอหน้าแฟนตัวเองสิคะ”

   “พูดแบบนี้พี่ก็หลงแย่เลยสิ” ผมหันมาหาน้องก่อนจะกอดเอวเธอเอาไว้

   “แต่ตอนนี้เดียร์กำลังรู้สึกว่าพี่เฌอหลงคนอื่นมากกว่าเดียร์อีก”

   “คนอื่น....ใครอะ”

   “มีหลายคนเหรอคะ ถึงนึกไม่ออกว่าใคร....หึ” เธอทำหน้ามุ่ยใส่ผมก่อนจะผละออกไปนั่งที่เตียงแทน อาการแบบนี้ก็คืองอนแน่แหละ เอาละ ปัญหาของชรันในตอนนี้คือไม่รู้ว่าแฟนตัวเองงอนเรื่องอะไร

   ผมเดินมานั่งที่ข้างเตียงใกล้ๆ คนตัวเล็ก “น้องเดียร์งอนพี่เหรอ”

   “จะเรียกแบบนั้นก็ได้ค่ะ” เธอเอ่ยด้วยน้ำเสียงจริงจัง “พี่เฌอคะ เดียร์มีอะไรอยากขอพี่เฌอ”

   “อะไรครับ”

   “เลิกยุ่งกับสิบสามได้ไหมคะ”

   “.....ทำไมล่ะครับ สิบสามก็เป็นรุ่นน้องที่พี่รู้จัก ทำไมถึง.....”

   “คนอื่นอาจจะไม่ได้คิดแบบนั้นนะคะ พี่ว่าเดียร์ต้องรู้สึกยังไงเวลามีคนพูดถึงพี่กับสิบสามในแง่อื่น แล้วเนี่ยะ พี่ก็ลงสตอรี่คลิปของสิบสาม ซึ่งมันก็จะทำให้เป็นที่พูดถึงอีก เดียร์ไม่ได้ใจกว้างมากพอที่จะยอมให้แฟนตัวเองถูกเอาไปจิ้นกับคนอื่นนะคะ เดียร์หึงและก็รู้สึกหวงมากๆ เดียร์ขอแค่นี้ พี่เฌอทำให้เดียร์ได้ไหมคะ”

   “น้องเดียร์” ดวงตากลมมีน้ำตาเอ่อคลอและนั่นทำให้ผมรู้สึกผิดมาก ตลอดเวลาที่ผมสนิทกับสิบสามทำให้เธอคิดแบบนี้มาตลอดเลยสินะ

   “เดียร์ไม่อยากใช้คำนี้เลย แต่ระหว่างเดียร์กับสิบสาม พี่เฌอก็ต้องเลือกแล้วค่ะ เพราะเดียร์จะไม่ทนแล้ว” มือบางปาดน้ำตาที่เอ่อออกไป “ถ้าพี่ยังเป็นแฟนเดียร์ พี่ก็ต้องไม่มีอะไรยุ่งเกี่ยวกับสิบสาม แต่ถ้าพี่ยังอยากมีสิบสามอยู่ เดียร์จะไปเอง”

   “ไม่เอาน้องเดียร์อย่าพูดแบบนั้น”

   “งั้นพี่เฌอจะเลือกใครคะ”

   เลือกทางไหนก็เสียใจเหมือนกันอยู่ดี

   น้องเดียร์เป็นแฟนผม เป็นคนที่ผมวาดอนาคตไว้แล้วว่าวันข้างหน้าผมอยากจะมีเธออยู่ด้วยกัน ส่วนสิบสามก็เป็นรุ่นน้องที่ผมสนิท เขาช่วยผมมาหลายครั้ง ถ้าอยู่ดีดีผมตัดเขาออกไปจากชีวิต เขาจะรู้สึกยังไงอะ ผมไม่เข้าใจเลยว่าทำไมน้องเดียร์ถึงรู้สึกอะไรแบบนั้น ทั้งๆ ที่ผมมองสิบสามเป็นแค่รุ่นน้อง อีกอย่างตัวสิบสามเองก็เป็นเพื่อนร่วมห้องของเธอด้วยซ้ำ

   ความลำบากใจนี้มัน

   “โอเคค่ะ.....ถ้าพี่เฌอไม่เลือก งั้นก็....”

   “น้องเดียร์” ผมกอดเธอเอาไว้ “....พี่เลือกน้องเดียร์”

   “งั้นพี่ต้องสัญญาว่าจะไม่ยุ่งเกี่ยวกับสิบสาม ไม่ติดต่อ หรือไปไหนมาไหนด้วยกันอีก”

   “....ได้ พี่สัญญา”

   ขอโทษนะสิบสาม....พรุ่งนี้ผมคงไปดูหนังกับคุณไม่ได้แล้ว

   “ไม่ใช่แค่กับสิบสามหรอกนะคะ กับคนอื่นด้วย” น้องเดียร์กอดผมเอาไว้แน่น “เดียร์รักพี่เฌอมากๆ อย่าทำให้เดียร์เสียใจนะ”

   “....ครับ”



***


   ฟู่ววววว

   รู้สึกแย่ยังไงก็ไม่รู้

   แย่เอามากๆ

   ผมมองบุหรี่ที่อยู่ในมือด้วยความสับสน ผมอยู่ที่ระเบียงห้องน้องเดียร์ ในหัวก็คิดว่าทำไมทุกอย่างมันต้องเป็นแบบนี้ ไม่เข้าใจอะ ตอนนี้เกือบตีหนึ่งแล้วและผมนอนไม่หลับ หลับไม่ลงเลยครับ จะให้หลับได้ยังไงในเมื่อมีเรื่องปวดหัวใจขนาดนั้นน่ะ แล้วตอนนี้ผมก็ไม่รู้ว่าสิ่งที่ตัวเองเลือกมันถูกรึเปล่า ระหว่างแฟนกับรุ่นน้องที่สนิท แต่ผมก็เลือกแฟนไปแล้ว นั่นหมายความว่าผมต้องตัดรุ่นน้องคนสนิทออกโดยที่เขาไม่ได้ทำอะไรผิดเลย

   สิบสามจะเสียใจไหมที่ผมหายไป

   และทำไมผมถึงต้องแคร์เขาขนาดนี้ด้วย

   ผมหยิบโทรศัพท์มากดดู เลยเที่ยงคืนมาแล้วก็เท่ากับว่าวันนี้เป็นวันที่ 13 โอเค เข้าใจถึงความเฮงซวยและความรู้สึกย่ำแย่ที่เกิดขึ้น น้องเดียร์บอกให้ผมบล็อกช่องทางการติดต่อของสิบสามทั้งหมด ผมรับปากว่าจะทำแบบนั้นเพื่อความมสบายใจของเธอ แต่ก่อนที่จะบล็อก ผมก็อยากขอโทษสิบสามก่อนอยู่ดี อย่างน้อยก็ขอให้ได้ขอโทษที่ผมต้องผิดนัดในวันพรุ่งนี้ก็ได้ พอคิดได้แบบนั้นผมจึงโทรไปหารายชื่อในโทรศัพท์ที่ตัวเองเมมไว้ว่านังน้อน

   “.....คุณ”

   (พี่ยังไม่นอนอีกเหรอครับ)

   “อืม นอนไม่หลับอะ แล้วคุณล่ะ ดึกแล้วนะ ยังไม่นอนอีก”

   (เพิ่งทำงานเสร็จน่ะครับ ก็กำลังจะนอนแต่พี่โทรมาก่อน ว่าแต่.....มีอะไรรึเปล่าครับ)

   “คือพรุ่งนี้ที่ผมบอกว่าจะไปดูหนังด้วย ผมอาจจะไปไม่ได้แล้ว”

   (.....ไม่เป็นไรครับ)

   “ผมขอโทษนะสิบสาม”

   (ไม่ต้องขอโทษหรอกครับ ผมเข้าใจ)

   “คุณโกรธไหม”

   (ผมจะโกรธพี่ทำไม)

   “แล้วถ้าผม.....” หายไป

   คุณจะโกรธไหม

   (พี่เป็นอะไรรึเปล่าครับ)

   “เปล่า ไม่มีอะไรหรอก คุณก็นอนได้แล้วนะ เดี๋ยวผมก็ไปนอนแล้ว”

   (พี่เฌอ)

   “ฝันดีนะ....นังน้อน”

   (.....ฝันดีครับ)

   ผมวางสายก่อนจะกดบล็อกเบอร์เขา รวมถึงไลน์และช่องทางการติดต่ออื่นๆ ทั้งหมดด้วย มันรู้สึกแย่สำหรับการบอกลาแบบไม่มีเหตุผล ผมไม่ชอบแบบนี้เลยได้แต่หวังว่าเดี๋ยวมันก็จะชินไปเอง ไม่เป็นไรหรอก เลือกแล้วไม่ใช่อ๋อ เลือกแล้วก็ยอมรับให้ได้ดิ เขาก็แค่รุ่นน้องคนนึง เดิมทีตอนแรกก็ไม่ได้รู้จักกัน แค่กลับไปอยู่ในจุดๆ เดิม มันก็แค่นั้นเอง

   แค่นั้นเองจริงๆ

   .

   .

   .

   .

   .

   TBC.

   สวัสดีค่ะชาลมาส่งสามเฌอแล้ว สำหรับตอนนี้คือปวดหนึบมาก พี่เฌอเขาลำบากใจมากแต่ก็ต้องยอมทำ อันนี้เป็นเพราะว่าความรู้สึกของเขาที่มีต่อเดียร์มันมากกว่าที่เขามีต่อสิบสามนะคะ เขาถึงได้เลือกแฟน แต่ถามว่าเจ็บปวดไหม ก็น่าจะรู้สึกได้นะคะว่าเขาเสียใจที่มันเป็นแบบนี้ แต่พาร์ทนี้คือสำคัญมากนะคะสำหรับการไปต่อของเรื่อง ขอสปอยล์ล่วงหน้าเลยว่า บท 7 บท 8 เป็นอะไรที่ดุเดือดมาก รอติดตามนะคะ จะรีบปั่นให้อ่านค่ะเพราะชาลเองก็อยากให้ผ่านจุดนี้ไปไวไว มันปวดใจ

   สามารถติดต่อข่าวสาร + สปอยล์ได้ที่ทวิตเตอร์ Chaleeisis หรือเพจ Fiction Yaoi Th น้า

   ขอบคุณที่เข้ามาอ่านค้าบ

ออฟไลน์ Leenboy

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3095
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +105/-2
สปอยล์ขนาดนี้ มาลงเลยจ้า

ออฟไลน์ chaleeisis

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 249
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +96/-3
บทที่ 7 เหตุผล




   “สีหน้ามึงไม่ค่อยดีเลยนะเฌอ”

   “อืม....มึงดูแปลกๆ มา 2 อาทิตย์แล้วนะ เป็นอะไรก็บอกได้ไหมวะ เป็นห่วงเนี่ยะ”

   “เออ เป็นไรไม่พูด ไม่มีใครรู้นะมึง”

   นั่นสินะ....ไม่พูดแล้วจะมีใครรู้

   ผมนั่งมองปากกาลายแบด แบด ที่ใครบางคนเลือกให้ มันเป็นปากกาที่อยู่กับผมนานที่สุดแล้วถ้าเทียบกับแท่งอื่นๆ เชื่อป้ะว่าจากวันที่บล็อกช่องทางการติดต่อของสิบสามไปทั้งหมดจนถึงตอนนี้ ผมยังเก็บเรื่องนั้นมาคิดไม่หยุดเลย ความกังวลใจ ความรู้สึกผิด มีหลายอย่างที่มันผสมปนเปกันอยู่ในหัว ผมเลิกคิดเรื่องนี้ไม่ได้ พยายามหาอย่างอื่นทำแล้วแต่สุดท้ายมันก็ยังทำให้ผมนึกถึงอยู่ดี

   ไม่รู้เลยว่าตอนนี้นังน้อนจะเป็นยังไง

   แล้วก็ไม่รู้ว่าตัวเองจะต้องคิดเรื่องนี้ไปอีกนานแค่ไหน

   ตอนนี้เกือบ 9 โมงครับ พวกผมอยู่กันที่โรงอาหารของตึกคณะเพื่อรอกิจกรรมวิ่งเกียร์ช่วงบ่าย คือวันนี้เป็นวันรับน้องใหญ่ของวิศวะฯ ความจริงผมควรจะตื่นเต้นเฮฮามากกว่านี้แต่มันก็ได้อย่างที่เห็น แล้วการที่ชรันเป็นแบบนี้ก็พลอยทำให้เพื่อนๆ เป็นห่วง ผมยังไม่ได้เล่าให้พวกมันฟังเลยว่าเกิดอะไรขึ้น ตอนแรกผมคิดว่าเออเดี๋ยวมันก็ไม่เป็นไรหรอก ใช้เวลาสักพักมันคงจะดีขึ้น แต่นั่นแหละ ทุกอย่างมันไม่เป็นตามที่ผมคิด

   ซึมเป็นน้องหมาเลยให้ตายสิ

   ชริตเป็ดล็อกคอผมเข้าไปใกล้ “ได้ยินที่พวกกูพูดป้ะเนี่ยะ”

   “ได้ยิน”

   “เออ ตกลงเป็นไร ทะเลาะกับแฟนเหรอหรือยังไง”

   “เปล่า ไม่ได้ทะเลาะกับแฟน”

   “ถ้างั้นมันเรื่องอะไรวะ หรือเกี่ยวกับเด็กแพทย์ฯ คนนั้น” ไอ้ขันจ้องอย่างจับผิด “มึงทำหน้าแบบนี้แปลว่ากูพูดถูก”

   “ก็ส่วนนึง....คือแฟนกูเขาขอให้กูเลิกยุ่งกับสิบสาม เขาให้กูเลือกเลยนะว่าระหว่างเขากับสิบสาม กูจะเลือกใคร” ผมถอนหายใจเฮือกใหญ่ “กูก็เลือกแฟนไง แล้วตัดสิบสามออกไปจากชีวิต คือสิบสามก็แค่รุ่นน้องป้ะวะ แต่แบบกูเลิกคิดถึงเรื่องนี้ไม่ได้เลยอะ”

   ทะเลหยิบลูกอมส่งมาให้ผม “กูรู้สาเหตุนะว่าทำไมมึงถึงรู้สึกแย่ น่าจะเป็นเพราะรุ่นน้องคนนี้ไม่เหมือนกับคนอื่นๆ หรือให้พูดง่ายๆ ก็คือเขาพิเศษกว่าคนอื่น ใช่ไหมล่ะ”

   ก็คงประมาณนั้นแหละมั้ง

   “แฟนมึงคนนี้ที่คบมาจะเดือนแล้วใช่ไหม” จันทร์ฉายเอ่ยถาม

   “ใช่ เป็นคนแรกเลยที่กูคบได้นานที่สุด ผ่านอาถรรพ์วันที่ 13 มาแล้ว วันที่ครบรอบ 13 วันก็ด้วย หลังจากนี้ก็คงไม่น่ามีอะไรมั้ง”

   “มึงก็คิดง่ายไป บางคนเขารักกันมาเป็น 10 ปี เขายังเลิกกันได้เลย นี่มันแค่เริ่มต้นเท่านั้นแหละเฌอ”

   “จริงแบบที่ไอ้ขันพูด แล้วเนี่ยะแฟนมึงคนนี้กูก็รู้สึกว่างี่เง่ายังไงไม่รู้ คิดได้ไงเรื่องให้เลือกว่าจะเอาใครอยู่ จะปล่อยใครไป ถ้าวันดีคืนดี เขาให้มึงเลือกระหว่างเขากับพวกกูขึ้นมา มึงจะทำยังไง”

   “กู....ไม่รู้เลยว่ะ” ผมแย่งน้ำแดงไอ้ขันมากิน “เมื่อไหร่ความกังวลใจนี้จะหายไปวะ”

   “เรื่องนี้คนที่จะให้คำตอบได้ก็น่าจะเป็นตัวมึงนั่นแหละ”

   นั่นสินะ

   “กูไปสูบบุหรี่ก่อน เดี๋ยวมานะ”

   “กูไปด้วย” ทะเลบอกก่อนจะเดินตามผมมาที่ด้านหลังตึกเยื้องๆ ลานจอดรถ

   ผมหยิบบุหรี่ออกมาจากตลับก่อนจะจุดสูบพลางคิดอะไรเรื่อยเปื่อย ช่วง 2 อาทิตย์ที่ผ่านมา ความสัมพันธ์ของผมกับน้องเดียร์คือปกติเลยนะ เราไม่มีเรื่องทะเลาะกันหรือมีปัญหาอะไรเลย เธอยังคงเป็นแฟนที่น่ารัก ส่วนผมก็ทำหน้าที่ของตัวเองในแบบที่มันควรจะเป็น คือทุกอย่างมันก็ดูผ่านไปได้ด้วยดี ผมควรมีความสุขแต่มันก็ไม่รู้สึกแบบนั้นสักเท่าไหร่ คงเพราะความรู้สึกผิดที่มันคาใจอยู่นี่ล่ะมั้ง

   ผมไม่เจอหน้าสิบสามเลยในช่วงที่ผ่านมา

   ตัดขาดการติดต่อแบบสมบูรณ์

   น้องเดียร์ไม่ให้ผมไปหาที่ตึกคณะเพราะกลัวว่าผมจะเจอกับสิบสาม ผมก็ยอมทำตามที่เธอขอ ตอนนี้ผมไม่รู้ว่าถ้ามีโอกาสได้เจอสิบสามแบบบังเอิญ ผมควรทำหน้ายังไง เขาจะถามอะไรผมไหม เขาจะพูดอะไรบ้างรึเปล่าหลังจากที่เราไม่เจอกัน ความจริงเรื่องพวกนี้ผมไม่จำเป็นต้องเก็บมาคิดหรือเอามาใส่ใจด้วยซ้ำ ทำไมผมต้องสนใจว่าเขาจะรู้สึกยังไง ไม่เข้าใจตัวเองเลยอะ ผมเป็นอะไรไปวะ

   เฌอควรเป็นแบบนี้อ๋อ

   “กูมีไรอยากถาม” ทะเลเอียงหัวมาใกล้ผม “รักมากเลยป้ะ แฟนคนนี้อะ”

   “.....ก็รัก”

   “จริงจังมากไหมวะ”

   ผมเหลือบมองมัน “ก็ต้องจริงจังดิวะ กูก็คิดจริงจังกับทุกคนที่กูคบด้วย”

   “แต่มึงก็น่าจะยังไม่มั่นใจป้ะว่าแฟนคนนี้จะเป็นคนสุดท้ายจริงๆ ”

   “ทำไมมึงคิดแบบนั้นวะ”

   “ก็ถ้ามึงมั่นใจแล้วคิดว่าจะให้เขาเป็นคนสุดท้ายของชีวิตมึง” มือเรียวจับที่ข้อมือผมก่อนจะยกให้ดู “แล้วทำไมเกียร์ยังอยู่กับมึงล่ะ”

   “คือกู....”

   “ไม่ต้องบอกเหตุผลให้กูฟังหรอก เรื่องนั้นมึงเอาไว้ตอบตัวเองเถอะ” เจ้าตัวยกมือขึ้นแตะไหล่ผม “กูเข้าใจนะว่ามึงมีความรักมาเยอะ ผ่านอะไรมาเยอะ เจอคนมาหลายประเภท โอเค ทุกคนมันอาจจะหายไปจากชีวิตมึงในวันที่ 13 หรือจากอาถรรพ์เลข 13 ต่างๆ ที่เกิดขึ้น แต่มันจริงแบบที่ไอ้ขันพูดนะ บางคนคบกันมาเป็น 10 ปียังเลิกกันได้เลย กูไม่อยากให้มึงวางใจอะไรทั้งนั้น”

   “.....”

   “มึงอาจจะคิดว่าผู้หญิงคนนี้ใช่แล้วสำหรับมึง แต่ถ้ามองมุมของกูซึ่งเป็นเพื่อนมึงเนี่ยะ ผู้หญิงคนนี้ก็ยังไม่ใช่ เพราะถ้าเขาใช่จริงๆ มึงจะไม่มานั่งกังวลเรื่องของใครอีกคนนอกจากเขาเลย”

   “.....”

   “มึงลองตอบตัวเองละกันว่าความสัมพันธ์ที่มึงกำลังมีอยู่มันทำให้มึงรู้สึกมีความสุขมากกว่าที่มึงต้องฝืนตัวเองหรือเหนื่อยเพราะต้องประคับประคองมันอยู่ฝ่ายเดียวรึเปล่า”

   “.....”

   “มึงลองคิดเอาละกันนะเฌอ”

   

   [บันทึกพิเศษ : สิบสาม]

   

   ผมคิดถูกจริงๆ เรื่องคำขอโทษของพี่เฌอในวันนั้น

   เขาไม่ได้ขอโทษแค่เพราะไปดูหนังกับผมไม่ได้

   แต่เขาขอโทษเพราะเขาจะหายไปจากชีวิตผมต่างหาก

   ผมนั่งเรียนโดยที่ไม่ค่อยมีสมาธิเท่าไหร่ เป็นแบบนี้มาเกือบ 2 อาทิตย์แล้วครับ บ่อยครั้งที่รู้สึกหงุดหงิดมากๆ แต่ก็ทำอะไรไม่ได้เลยนอกจากอดทน ที่ผ่านมาผมคิดถึงแต่เรื่องของพี่เฌอ พาลทำให้นอนไม่ค่อยหลับ จนถึงตอนนี้ผมไม่รู้ว่าทำไมเขาถึงหายไป มันไม่ควรเป็นแบบนี้รึเปล่า ตอนที่เขาโทรมายกเลิกนัดดูหนังผมก็คิดว่าต้องมีอะไรแน่ๆ น้ำเสียงเขาที่เอ่ยขอโทษนั่นมันผิดปกติ ไหนจะถามอีกว่าผมจะโกรธไหม

   ต้องมีอะไรเกิดขึ้นกับเขา

   อะไรสักอย่างซึ่งผมไม่รู้เลย

   ข้อความในไลน์ที่ผมส่งไปหาเขาในช่วงที่ผ่านมาไม่มีการแจ้งว่าอีกฝ่ายอ่านแล้วแต่อย่างใด คิดได้ง่ายๆ เลยล่ะว่าเขาคงบล็อกไลน์ผม ความจริงไม่ใช่แค่ไลน์ เรียกได้ว่าอะไรก็ตามที่ทำให้ผมติดต่อเขาได้ เขาบล็อกทุกอย่าง ใจผมน่ะอยากไปหาเขาที่คณะด้วยซ้ำ อยากถามว่ามันเกิดอะไรขึ้น ทำไมถึงได้ทำแบบนั้น ผมค่อนข้างมั่นใจว่าเดียร์น่าจะมีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ ช่วงที่ผ่านมาพี่เฌอไม่มาหาเดียร์ที่คณะซึ่งมันเป็นเรื่องผิดปกติ

   จิ๊....ไม่ชอบใจเลย

   “วันนี้พอเท่านี้ก่อนนะคะนักศึกษา อย่างลืมว่ามะรืนเรามีควิซกันนะคะ อ่านหนังสือด้วยล่ะ”

   “ครับ / ค่ะ”

   ผมเก็บสมุดเลคเชอร์ใส่กระเป๋าถือก่อนเดินออกไปนอกห้อง มองลงไปด้านล่างที่ถนนหน้าตึกก็พบกับเด็กวิศวะฯ จำนวนมากที่มาเตรียมตัวร่วมประเพณีวิ่งเกียร์ จริงสิ วันนี้เป็นวันรับน้องใหญ่ของคณะวิศวะฯ ผมกวาดสายตามองไปรอบๆ เพื่อหวังจะเจอใครบางคน แต่เหมือนโชคจะไม่เข้าข้างเท่าไหร่ ผมไม่เห็นพี่เฌอ ไม่รู้ว่าเขาจะมาร่วมประเพณีด้วยไหม ผมอยากเจอเขานะ อย่างน้อยได้มองไกลๆ จากตรงนี้ก็ได้

   เหมือนตอนนี้ผมจะทำได้แค่นั้นด้วยแหละ

   “สิบสาม”

   ผมหันมองตามเสียงเรียกก็พบกับปราชญ์ซึ่งเป็นประธานคณะกรรมการฯ รุ่นผมเอง “มีอะไรครับ”

   “ผมฝากคุณไปคืนหนังสือที่ห้องสมุดหหน่อยได้ไหม อาจารย์บรรยงค์เรียกพบผมอะ เนี่ยะ หนังสือที่เรายืมมาทำรายงานครั้งก่อน”

   “ได้ครับ เดี๋ยวผมเอาไปคืนให้เอง”

   “ขอบใจคุณมากนะ เดี๋ยวผมไปก่อน เออสิบสาม เดี๋ยวพรุ่งนี้คุณเข้าประชุมคณะกรรมการฯ ด้วยนะ มีเรื่องกีฬาสีต้องคุยน่ะ”

   “ได้ครับ”

   “โอเค งั้นผมไปก่อน ฝากด้วยล่ะ”

   ผมมองหนังสือในมือที่ปราชญ์ฝากไปคืนห้องสมุด มันเป็นหนังสือที่ผมยืมมาเองนั่นแหละเพราะต้องทำงานกลุ่ม สำหรับผมแล้วปราชญ์เป็นเพื่อนร่วมห้องที่ดีนะ เวลาทำงานกลุ่ม ผมก็มักจะทำร่วมกับเขา เขาเป็นเพื่อนร่วมห้องที่ผมคุยด้วยเยอะที่สุดแล้วมั้ง แต่ส่วนมากก็เรื่องงานทั้งนั้น เดี๋ยวพรุ่งนี้ต้องประชุมคณะกรรมการฯ ด้วย ถ้าเรื่องกีฬาสีก็คงจะเกี่ยวกับที่ผมเป็นคฑากรไม้หนึ่งของคณะล่ะมั้ง

   คฑากรซึ่งตอนแรกผมไม่อยากเป็น

   ใช่ครับ มีใครบางคนบอกว่าถ้าผมเป็นคฑากรไม้หนึ่งมันต้องดีมากแน่ๆ เพราะคำพูดนั้นแหละ ผมถึงได้ยื่นเรื่องขอทางคณะไปว่าจะรับผิดชอบหน้าที่เป็นคฑากรไม้หนึ่งของคณะแพทย์ฯ เองโดยไม่ต้องคัดตัว คือตอนแรกทางคณะก็เล็งผมเอาไว้อยู่แล้ว แต่เพราะไม่อยากเป็นไงก็เลยไม่ได้ตอบตกลง ตอนไปคัดตัวแบบจำใจก็ทำแบบขอไปทีเพื่อให้มันจบๆ ไม่ได้หวังว่าจะเป็นอยู่แล้ว แต่ก็นั่นแหละสุดท้ายผมก็แพ้คำพูดของพี่เฌอ

   คฑากรไม้หนึ่งของคณะแพทย์ฯ ก็เลยเป็นสิบสาม

   ผมเดินมาที่ห้องสมุดก่อนจะจัดแจงคืนหนังสือ อืม....วันมะรืนมีควิซสินะ ผมหาอะไรไปอ่านสักหน่อยน่าจะดีกว่า พอคิดได้แบบนั้นผมก็เดินหาหนังสืออ่านไปเรื่อยจนมาถึงโซนด้านหลังที่เป็นมุมโต๊ะนั่ง มองผ่านชั้นหนังสือไปผมเจอเดียร์กับเพื่อนๆ ของเธอนั่งอยู่ พูดคุยกันดูสนุกสนานแถมเสียงดังในระดับนึงซึ่งมันไม่ควรทำแบบนั้นในห้องสมุดเพราะเป็นการรบกวนคนอื่น นี่ดีนะว่าเวลานี้ไม่ค่อยมีคนน่ะ

   “จริงเหรอแก แล้วแฟนแกไม่เอะใจอะไรเลยเหรอ”

   “ไม่อะ พี่เฌอรักเดียร์จะตาย ขออะไรก็ยอมทำตาม ดูสิ ขนาดขอให้เลิกยุ่งกับสิบสามยังยอมทำเลย”

   “ฮ่าๆ ๆ แกนี่มันร้ายจริงๆ เลยยัยเดียร์ แล้วเป็นไง ได้ผลป้ะ”

   “ได้ผลดิ ก็ 2 อาทิตย์ที่ผ่านมาพี่เฌอไม่ยุ่งเกี่ยวอะไรกับสิบสามเลยสักนิด รอเวลาอีกสักหน่อย ให้มั่นใจอีกนิดนึงว่าพี่เฌอจะหายไปจากชีวิตของสิบสามโดยสมบูรณ์ ถึงตอนนั้นเดียร์จะบอกเลิกพี่เฌอ”

   “เด็ดจัด” ผึ้งเห็นดีเห็นงามไปกับเดียร์ “แบบนี้พี่เฌอก็เสียใจแย่เลยสิเนี่ย”

   “ก็สมควรแล้วป้ะ อยากมายุ่งกับสิบสามดีนัก”

   ผมเนี่ยะ....คิดอะไรเอาไว้ไม่มีผิดเลยจริงๆ

   ที่พี่เฌอหายไปจากชีวิตผมแบบงงๆ มันเป็นเพราะแบบนี้นี่เอง เพราะเดียร์ขอให้เขาเลิกยุ่งกับผม ได้ดิ จะเอาแบบนี้ก็ได้เลย อยากเล่นแบบสกปรกนักใช่ไหม ผมโกรธนะ โกรธมากๆ และยิ่งไม่ชอบผู้หญิงคนนี้มากขึ้นไปอีก เมื่อไหร่เดียร์จะยอมรับความจริงที่ว่าถึงผมไม่ชอบคนอื่น ผมก็ไม่มีวันชอบเธอสักที มันตั้งแต่ปี 1 แล้วนะ ควรหยุดหลอกตัวเองได้แล้วป้ะ เห็นแล้วเหนื่อยแทนว่ะ

   ทำแบบนี้ไปก็ไม่มีความหมายอยู่ดี

   ผมเดินออกมาจากห้องสมุดก่อนจะลงไปด้านล่าง มีเรื่องต้องคุยกับพี่เฌอ ยังไงก็ต้องคุย ถ้าเขาไม่ยอมก็ต้องลากไปคุยให้ได้ สุดท้ายแล้วผลลัพธ์ของเรื่องนี้คือยังไงพี่เฌอก็ต้องเสียใจอยู่ดี เพราะงั้นให้เขารู้ทุกอย่างจากปากผมมันจะดีที่สุด อย่างน้อยให้เขาเตรียมใจเอาไว้ก็ได้ว่าวันนึงความรักจอมปลอมที่เขามีอยู่มันต้องจบลง อีกอย่างคือพี่เฌอควรได้รู้ว่าแฟนสุดที่รักของเขาไม่ใช่คนน่ารักอย่างที่เขาคิด

   เรื่องนี้ช่วยไม่ได้นะ....เดียร์เล่นไม่แฟร์ก่อน

   กล้ามากที่ยัดตัวเองเข้ามาในชีวิตคนที่ผมชอบเพื่อกันเขาออกไปจากผม คิดได้ยังไงอะ เห็นความรู้สึกของคนอื่นเป็นอะไร พอเป็นแบบนี้แล้วผมไม่น่ายอมให้พวกเขามาถึงขั้นนี้ได้ตั้งแต่แรกเลย ช่างเถอะ ผมแก้ไขสิ่งที่เกิดขึ้นไปแล้วไม่ได้ เพราะงั้นหลังจากนี้ผมจะไม่ยอมให้เรื่องแบบนี้เกิดขึ้นอีก แล้วก็ต้องทำยังไงก็ได้ให้พี่เฌอมองผมเป็นมากกว่ารุ่นน้อง มันยากที่จะทำให้คนที่ชอบผู้หญิงมาตลอดหันมาชอบผู้ชายแต่ดีกว่าไม่ได้ทำอะไรเลย

   อย่างน้อยให้ได้ทำอะไรบ้างเถอะ

   สุดท้ายแล้วผลที่ออกมาจะเป็นยังไง....ผมจะยอมรับมันทุกอย่าง

   ผมมองหาพี่เฌอตามกลุ่มเด็กวิศวะฯ ใช้เวลาสักพักถึงเจอใครบางคนนั่งอยู่ที่ริมฟุตปาธกับเพื่อนๆ พอเห็นแบบนั้นผมจึงเดินเข้าไปหาเขาทันที “....พี่เฌอ”

   “....สิบสาม”

   “ผมมีเรื่องต้องคุยกับพี่”

   “ผมต้องวิ่งเกียร์”

   “อีกตั้งชั่วโมงนึงแน่ะมึง ป่ะๆ ” เพื่อนเขาดันให้เจ้าตัวลุกมาหาผม “ตามสบายนะ เอามันมาส่งก่อนบ่ายโมงครึ่งด้วย”

   “ได้ครับ” ผมรับคำเขาก่อนจะถือวิสาสะจับข้อมือพี่เฌอแล้วเดินพามาที่หลังตึกคณะซึ่งไม่มีคน

   “คุณปล่อยผมได้แล้ว” เขาจับมือผมออก “คุณมีอะไร พูดมาเลย”

   “อยู่ดีดีพี่ก็หายไปจากชีวิตผม บล็อกเบอร์ บล็อกไลน์ บล็อกผมทุกช่องทางการติดต่ออะ ทำไมเหรอครับ” ทำไมพี่ต้องยอมทำตามที่เดียร์ขอด้วย

   “ผมจะทำอะไรแล้วคุณจะทำไมอะ”

   “สิ่งที่พี่ทำ พี่อยากทำมันจริงๆ เหรอ พี่อยากตัดผมออกจากชีวิตจริงๆ ใช่ไหม”

   “ถ้าคุณจะพูดเรื่องนี้ ผมขอตัวนะ” ในจังหวะที่พี่เฌอจะเดินหนีผมก็รั้งแขนเขาเอาไว้ “สิบสาม”

   “เพราะเดียร์ใช่ไหมครับ เดียร์บอกให้พี่เลิกยุ่งกับผม”

   คนตรงหน้ามองผมนิ่งๆ ก่อนจะดึงแขนออก สายตานั่นแสดงอะไรออกมาหลายอย่าง หลากหลายความรู้สึก ที่ผมพูดมันต้องเป็นความจริงอยู่แล้วแหละ ผมรู้ว่าที่พี่เฌอพยายามหลีกเลี่ยงที่จะไม่คุยกับผมก็เพราะเดียร์แน่ๆ เอาสิ ผมอยากรู้เหมือนกันว่าหลังจากที่เขารู้ทุกอย่าง เขาจะทำยังไงต่อ เขาจะเชื่อในสิ่งที่ผมพูดหรือเขาจะเชื่อในตัวแฟนเขามากกว่า โอเคมันมีความเป็นไปได้สูงเลยล่ะว่าเขาต้องเชื่อเดียร์

   แต่ยังไงสิ่งที่ผมจะบอกมันก็เป็นความจริงอยู่ดี

   “ใช่ น้องเดียร์ขอให้ผมเลิกยุ่งกับคุณ” เขาเอ่ยบอกเสียงเรียบ “ถ้าคุณได้คำตอบแล้ว ผมไปนะ”

   “เพราะอะไรครับ เดียร์ใช้เหตุผลอะไร พี่ถึงยอมทำตามที่เธอขอ”

   “เหตุผลอะไรมันไม่สำคัญหรอก แต่อะไรก็ตามที่ทำให้แฟนผมสบายใจ ผมจะทำ”

   ผมกำมือแน่นเหมือนข่มอารมณ์ “เหตุผลที่พี่รู้กับเหตุผลที่ผมรู้มันคงต่างกัน”

   “คุณหมายความว่ายังไง”

   “พี่คิดว่าเดียร์รักพี่เหรอครับ”

   “สิบสาม”

   “เดียร์ไม่ได้รักพี่” ผมเอ่ยบอกอย่างจริงจัง “ความสัมพันธ์ที่พี่มีอยู่ในตอนนี้มันไม่ใช่ของจริง”

   “คุณหยุดพูดเดี๋ยวนี้นะ”

   “ผมไม่หยุด พี่ควรรู้เรื่องนี้ได้แล้วพี่เฌอ เดียร์ไม่ได้รู้สึกอะไรกับพี่ทั้งนั้นแหละ เกือบเดือนแล้วสิที่พี่คบกับเดียร์มาน่ะ รู้สึกดีใจใช่ไหมที่ผ่านอาถรรพ์ 13 วันหรือวันที่ 13 มาได้ พี่รู้ไหมว่าทำไมพี่ถึงผ่านมันมาได้ นั่นเพราะเดียร์ไม่ได้รักพี่ไง เพราะมันยังไม่ถึงเวลาที่เธอจะทิ้งพี่ไป ละครของเธอยังไม่จบ”

   มือเรียวกระชากคอเสื้อผมเข้าไปใกล้ “หยุดพูดถึงแฟนผมแบบนั้นนะ”

   “การที่เดียร์เข้าไปในชีวิตพี่และคบกับพี่มันเป็นเพราะเดียร์ต้องการกันพี่ออกจากผม ความรักของพี่กับเดียร์มันจะจบลงแน่ๆ ครับและผมคือสาเหตุ”

   “.....”

   “เดียร์ชอบผม....เธอถึงได้ทำแบบนี้”

   “คุณจะบอกว่าที่เธอทำทั้งหมดนี่เป็นเพราะแค่ต้องการกันผมออกจากคุณเนี่ยนะ มีเหตุผลอะไรที่ต้องแบบนั้นด้วย”

   “เพราะเธอรู้ว่าผมชอบพี่ไง”

   “.....” มือที่กำคอเสื้อผมอยู่ค่อยๆ คลายออก “คุณว่าไงนะ”

   “ผมชอบพี่.....ชอบมาตั้งแต่วันแรกที่ได้เจอกัน แต่ก็นั่นแหละ ผมทำอะไรไม่ได้มากเพราะคนที่ได้ใจพี่ไปก่อนคือเดียร์ ผมรู้อยู่แก่ใจว่าทำไมเดียร์ถึงทำแบบนั้น ผมเสียใจที่พี่เป็นแฟนเดียร์แต่ผมไม่คิดที่จะทำอะไรเลยนอกจากรอ จนวันนี้ผมไปได้ยินแฟนพี่พูดถึงเรื่องที่เธอบอกให้พี่เลิกยุ่งกับผม ผมโกรธและคิดว่าจะไม่อดทนอะไรอีกแล้ว พี่ควรรับรู้เรื่องนี้”

   “.....”

   “พี่ควรรู้ว่าเดียร์ทำอะไรและรู้ว่าผมรู้สึกยังไง” ผมมองคนตรงหน้านิ่งๆ “ผมไม่รู้ว่าพี่จะคิดยังไง แต่พี่ลองดูได้เลยครับ ผมจะหายไป กลับไปเป็นสิบสามที่ไม่แสดงความรู้สึกต่อใครแบบที่เคยเป็น และพอทุกอย่างเป็นแบบนั้นเดียร์ก็จะทิ้งพี่ไปเพราะเธอมั่นใจแล้วว่าระหว่างพี่กับผมมันจบลงจริงๆ ”

   “.....”

   “ผมรู้ว่าพี่จะเสียใจ เรื่องนั้นมันต้องเกิดขึ้นแต่พี่เฌอครับ....” ผมเลื่อนมือไปจับมือเขาเอาไว้ “ในวันที่พี่เสียใจ.....พี่มาหาผมนะ”

   “.....”

   “ผมจะรับผิดชอบทุกอย่างเอง”

   

   [จบบันทึกพิเศษ : สิบสาม ]

   

   ตอนนี้ผมควรรู้สึกยังไงวะ

   ที่แน่ๆ ก็ปวดขาก่อนละหนึ่งอย่าง

   จบประเพณีวิ่งเกียร์กับรับน้องใหญ่คณะวิศวะฯ ไปแล้วครับ ตอนนี้ผมกับเหล่าสหายนั่งเปิดตี้กันอยู่ที่ร้านจันทร์เจ้า ความรู้สึกสับสนหนักมากเกาะกุมจิตใจไปหมด ก่อนที่จะวิ่งเกียร์มีเรื่องเกิดขึ้นระหว่างผมกับสิบสามซึ่งมันเป็นเรื่องใหญ่แหละ เป็นเรื่องที่ทำให้ใจผมอยู่ไม่เป็นสุขและก็ไม่รู้ว่าจะต้องรู้สึกยังไงหรือคิดอะไร ความจริงที่ควรเข้าใจมันคือเรื่องไหนกันแน่

   แม่ง....ประสาทเสียว่ะ

   “เฌอครับ” ไอ้แช่มเอียงหัวเข้ามาใกล้ “เด็กนั่นลากมึงไปคุยอะไรอะ เล่าหน่อยๆ ๆ ๆ ”

   “กูไม่รู้ว่าจะเริ่มพูดตรงไหนก่อนดีเลยว่ะ เพราะงั้นขอไม่เล่า”

   “ได้ไงวะ”

   “ได้ดิ” ผมยกเบียร์ขึ้นจิบก่อนจะเอนตัวพิงเพื่อนรัก “มึง....ตอนนี้กูควรทำยังไงวะ”

   “เรื่องไรล่ะ”

   “ก็....เรื่องที่กูเริ่มขี้เมาแบบมึงไง”

   “มึงไม่ได้จะพูดถึงเรื่องนี้หรอกไอ้เวร กูดูออก” มือเรียวโขกหัวผม “มึงฟังกูนะเฌอเพื่อนรัก เพราะมึงไม่เล่า กูเลยไม่รู้ว่าปัญหาของมึงมีกี่ทางให้แก้ไข แต่ที่แน่ๆ คือลองไล่คิดถึงเรื่องทั้งหมดดู ว่าอะไรมันเป็นยังไง”

   ลองคิดถึงเรื่องทั้งหมดงั้นเหรอ

   เรื่องที่สิบสามบอกว่าน้องเดียร์ชอบเขา ผมไม่แน่ใจในเรื่องนี้เลย คนเราจะเข้ามาในชีวิตของอีกคนเพื่อกันคนๆ นั้นออกจากคนที่ตัวเองชอบเหรอวะ ลงทุนทำถึงขนาดนั้นเลย ทำแบบนั้นทั้งๆ ที่ไม่ได้รู้สึกอะไรเลยน่ะนะ ถ้าน้องเดียร์เป็นแบบที่สิบสามพูดจริงๆ ก็ถือว่าแย่มาก แย่ที่เข้ามาเล่นกับความรู้สึกของผม แต่ถึงแบบนั้นผมก็ยังไม่อยากตัดสินว่าเธอจะเป็นแบบที่สิบสามพูด

   ทั้งๆ ที่รู้อยู่แก่ว่านังน้อนจะไม่มีทางโกหก

   พอมานั่งไล่คิดถึงเรื่องทั้งหมดตามที่สิบสามพูดมันก็มีความเป็นไปได้สูงมากที่น้องเดียร์จะทำแบบนั้น จะรู้ได้ว่ามันจริงหรือไม่จริงก็คือผมต้องรอเวลาให้เรื่องระหว่างผมกับสิบสามจบลง ถ้าถึงตอนนั้นน้องเดียร์ทิ้งผมไป มันก็คงใช่ จากนี้ผมต้องทำใจรอใช่ไหม มันจะผิดไปจากที่สิบสามบอกสักนิดรึเปล่า

   รู้สึกแย่จริงๆ

   “กูไปสูบบุหรี่นะ”

   “หมดตลับแล้วมั้งวันนี้อะ” ไอ้ขันรั้งแขนผมเอาไว้ก่อนจะหยิบลูกอมส่งให้แทน “กินลูกอมแทนนี่ วันนี้มึงสูบเยอะเกินไปแล้วนะบุหรี่อะ”

   “เออ สงสารปอดตัวเองบ้างเถอะว่ะ”

   “มึง....ถ้าสมมุติว่าสิ่งที่เราคิด มันไม่เป็นตามที่เราคิด มึงจะทำยังไงกันวะ”

   “ทำใจ และผ่านมันไปให้ได้ เพราะสุดท้ายแล้วมันก็ทำได้แค่นั้น”

   “พวกกูไม่รู้ว่ามึงเจออะไรมา แต่ดูทรงแล้วคงหนัก ถ้ามึงไม่ไหว ก็อย่าลืมว่ายังไงก็ยังมีพวกกูอยู่ เพื่อนๆ เป็นห่วงมึงนะเฌอ”

   “ขอบใจนะพวกมึง”

   ขอบใจจริงๆ

   ผมยกเบียร์ขึ้นชนแก้วกับพวกมัน ก็ดีล่ะนะ ในวันที่รู้สึกแย่ๆ ก็ยังมีคนพร้อมที่จะรับฟัง ปัญหามันอยู่ที่ผมเอง เฌอเองที่ยังไม่พร้อมจะเล่าให้ใครฟังตอนนี้ เอาเป็นว่าจะมีอะไรเกิดขึ้นหลังจากนี้ผมก็จะต้องยอมรับมันให้ได้ สิ่งที่ควรทำคือเตรียมใจ เตรียมใจไว้สำหรับทุกๆ อย่าง อย่างน้อยก็เพื่อพิสูจน์ในคำพูดของสิบสามว่ามันเป็นความจริงไหม จากคำที่เขาพูดผมสามารถเชื่อได้มากน้อยแค่ไหน

   รวมถึงเรื่องที่เขาบอกว่าชอบผม

   เพราะแบบนี้เอง เขาถึงได้ปฏิบัติกับผมต่างจากที่เขาทำกับคนอื่น โลกของเขาที่ผมสามารถเข้าไปได้มันเป็นเพราะแบบนี้ ชอบมาตั้งแต่วันแรกที่ได้เจอกันก็คงหมายถึงวันที่ผมเมาแล้วเขาไปเจอแน่ๆ คุณตกหลุมรักคนเมาได้ยังไงวะสิบสาม ติ๊งต๊องชะมัด นี่เป็นครั้งแรกในชีวิตเลยมั้งที่มีผู้ชายมาบอกชอบผม แถมผู้ชายคนนั้นกำลังจะเป็นสาเหตุที่ทำให้แฟนผมทิ้งผมไป ตอนนี้ยังไม่รู้ว่าคำพูดของสิบสามจะจริงไหมแต่ผมคงมองน้องเดียร์เหมือนเดิมไม่ได้อีกแล้ว

   ถึงเวลาที่ต้องเผื่อใจไว้ให้ความรักที่อาจจะไม่สมหวัง....ครั้งที่เท่าไหร่ก็ไม่รู้

   เอาน่ะเฌอ อดทนหน่อย

   เดี๋ยวเวลาจะพิสูจน์ความจริงเอง

   

   

   

   

   

   TBC.

   สวัสดีค่ะชาลมาส่งสามเฌอแล้ว เพราะไม่อยากให้ค้างคานานๆ เลยรีบปั่นมาก ประมาณ 7 ชั่วโมงได้นะคะสำหรับการเขียนบทนี้ ก็หลากหลายอารมณ์และความรู้สึกมากนะ ชาลชอบที่สิบสามเลือกทำแบบนี้ มันดูเป็นตัวเขาดี สงสารพี่เฌอมาก อยากจะกอดแล้วบอกให้อดทนน้าโอ๋ๆ ๆ ๆ ๆ ทุกเรื่องที่เกิดขึ้นย่่อมีเหตุและผลของมันนะคะ ก็อยากให้รอติดตามนะ

   สามารถติดต่อข่าวสาร + สปอยล์ได้ที่ทวิตเตอร์์ Chaleeisis หรือเพจ Fiction Yaoi Th น้า

   ขอบคุณที่เข้ามาอ่านค่า
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 20-01-2020 23:15:17 โดย chaleeisis »

ออฟไลน์ Leenboy

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3095
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +105/-2
อย่างนี้สิ  ไม่ต้องทน! ไม่ทนแล้วว!!!!5555

ออฟไลน์ Kelvin Degree

  • ถ้าวันนั้นเลือกที่จะเดินออกไป คงไม่เจ็บมาจนถึงทุกวันนี้...
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1700
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +57/-2
เมื่อไหร่ความจริงจะปรากฏ. ร้ายจริงๆเดียร์,,,

ออฟไลน์ chaleeisis

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 249
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +96/-3
บทที่ 8 รอ



   “ว่าไงครับน้องเดียร์”

   (อยู่ไหนเหรอคะ)

   “พี่อยู่ที่ร้านเฮียเจ๋งครับ น้องเดียร์มีอะไรรึเปล่า”

   (เดียร์จะถามพี่เฌอว่าวันนี้พี่จะมาค้างที่ห้องเดียร์รึเปล่า)

   “น้องเดียร์อยากให้พี่ไปค้างด้วยไหมล่ะ”

   (เดียร์ตามใจพี่เฌอค่ะ)

   “งั้นวันนี้พี่คงไม่ได้ไปค้างนะเพราะว่าอาจจะเมา กลับไปห้องตัวเองน่าจะดีกว่า”

   (เอาแบบนั้นก็ได้ค่ะ งั้นเดียร์ไปปอาบน้ำนอนละ พี่เฌอก็อย่าดื่มเยอะนักล่ะ)

   “ค้าบ ฝันดีนะครับน้องเดียร์”

   (ฝันดีค่ะ)

   ผมกดวางสายก่อนจะยกเบียร์ขึ้นซดพลางคิดอะไรไปเรื่อยเปื่อย เชื่อป้ะว่าช่วง 3 อาทิตย์ที่ผ่านมาแม่งโคตรหม่นเลย ปกติผมไม่เคยปล่อยให้ตัวเองจมอยู่ในความรู้สึกเทาๆ แบบนี้เลยนะ รู้สึกเหมือนตัวเองไม่ใช่ชรันยังไงก็ไม่รู้ คนรอบข้างผมก็รู้สึกได้แบบนั้นเหมือนกัน รู้สึกผิดนะที่ทำให้ทุกคนเป็นห่วง เอาน่ะ อดทนอีกหน่อย เดี๋ยวอะไรๆ มันก็อาจจะดีขึ้นล่ะมั้ง ความจริงตอนนี้ผมทำอะไรไม่ได้นอกจากอดทน เตรียมใจและรอเวลาเท่านั้น

   ลางสังหรณ์หลายอย่างมีให้เห็นแล้ว

   ตั้งแต่วันรับน้องใหญ่ของคณะก็ผ่านมา 3 อาทิตย์กว่าแล้วครับ มันค่อนข้างเป็นช่วงเวลาอึดอัดใจสำหรับผมพอสมควร อาจเพราะเรื่องที่รับรู้และการกระทำของแฟนตัวเองที่เริ่มจะแปลกๆ ไปด้วยล่ะมั้ง ผมคิดว่าตัวเองไม่ได้คิดไปเองนะ พักหลังมานี้น้องเดียร์หาเรื่องชวนทะเลาะผมบ่อยมาก บางทีเรื่องเล็กๆ นี่แหละ แล้วเวลาทะเลาะกันผมก็จะเป็นฝ่ายยอมเพราะอยากให้มันจบๆ ผมมักง้อเธออยู่เสมอถึงแม้ว่าผมจะไม่ผิดเลยก็ตาม

   ความรู้สึกเหนื่อยในความสัมพันธ์ยิ่งชัดเจนขึ้น

   เหนื่อยจนรู้สึกไม่ค่อยมีความสุขเลย

   เมื่อเช้าผมก็ทะเลาะกับแฟนนิดหน่อย แต่วันนี้เธอเป็นฝ่ายยอมขอโทษและก็คุยกับผมดีดีซึ่งหลายครั้งมันควรเป็นแบบนี้แหละ แต่มันจริงเลยนะที่ผมมองน้องเดียร์ต่างไปจากเดิม ความรู้สึกในตอนนี้ที่มีอยู่ก็ไม่เท่าเดิม ผมเผื่อใจเอาไว้มากๆ เพราะคำพูดของนังน้อน ตื่นมาแล้วคิดอยู่ทุกวันว่าวันนี้รึเปล่าที่ความสัมพันธ์ของผมกับน้องเดียร์จะจบลง ถ้ามันเกิดเรื่องนั้นขึ้นจริงๆ ผมควรจะทำยังไงต่อ

   เคยผ่านเรื่องแบบนี้มาตั้งเยอะ

   แต่มาครั้งนี้กลับไม่รู้ว่าควรทำอะไร

   “ดื่มเก่ง” เสียงหวานเอ่ยขึ้นก่อนจะยื่นซองบุหรี่มาทางผม ชื่อยี่ห้อบุหรี่ที่ปรากฏอยู่บนหน้าซองทำให้ผมย่นจมูกทันที แค่นึกถึงความรู้สึกตอนสูบก็แสบคอแล้ว

   “ซ้อเอาไว้สูบเองเถอะ” ผมดันซองแบล็คสโตนกลับไปหาเจ้าตัว “กลับมาจากญี่ปุ่นตั้งแต่เมื่อไหร่”

   “เมื่อวานซืน คิดถึงเฌอจังเลยอะ ซ้อซื้อของมาให้เยอะเลยนะ แบมือมา”

   ผมยื่นมือไปทางเธอ “ไหนของ”

   “นี่ไง” มือเรียวหยิบของบางอย่างจากถุงกระดาษก่อนจะยัดใส่มือผม “ของดีทั้งนั้นเลยนะ”

   “ซ้อออออ”

   ถุงยางเต็มเลยแม่ง

   “ได้ข่าวว่ามีแฟนแล้ว คนนี้คบกันมาสักพักแล้วด้วยหนิ พกไว้นะเผื่อเกิดเรื่องฉุกเฉิน” ซ้อแจมยิ้มร่าเหมือนชอบใจ เดี๋ยวผมจะฟ้องผัวซ้อ คอยดูเถอะ

   “ซ้อเอาไว้ใช้กับเฮียเลย เฌอไม่เอา ไม่ใช้” ผมทำหน้ามุ่ยใส่ก่อนจะส่งถุงยางทั้งหมดคืนให้

   “ไม่ใช้ไม่ได้นะ เกิดมีเบบี๋ขึ้นมาทำยังไงล่ะ” เธอเลื่อนมากระซิบข้างหูผม “เฌอจะเบบี๋ตอนนี้ไม่ได้นะ เพราะว่าเฌอจะต้องมาช่วยซ้อเลี้ยงลูกก่อน”

   “หืม....เลี้ยงลูกอ๋อ นี่อย่าบอกนะซ้อ”

   “ 2 เดือนแล้ว”

   “เห้ยยยยย” ผมโผกอดซ้อแจมด้วยความดีใจ “เฌอยินดีด้วยนะซ้อ เฮียเจ๋งรู้ไหม เฮียรู้รึยัง แล้วๆ ๆ ๆ ผู้หญิงหรือผู้ชายเหรอซ้อ”

   “คลัมดาวน์ก่อนเฌอน้องรัก กอดแน่นขนาดนี้ เดี๋ยวลูกซ้อจะไหลออกมาก่อนไหมหืม....”

   “ขอโทษทีซ้อ ก็เฌอดีใจอะ” ผมคลายกอดก่อนจะหยิบบุหรี่ที่ซ้อส่งมาให้ตอนแรกใส่กระเป๋าเอาไว้ “ท้องแล้วก็ต้องสูบบุหรี่ไม่ได้ใช่ป้ะ เพราะงั้นเดี๋ยวเฌอจะรับผิดชอบน้องบุหรี่นี่เอง ถึงแม้จะทรมานใจก็เถอะ”

   “อะไรทรมานใจ” เสียงเข้มของคนที่เพิ่งเดินเข้ามาเอ่ยถาม คนๆ นั้นไม่ใช่ครับ ก็ผัวซ้อแจมนั่นแหละ

   ผมมองซ้อที่เดินเข้าไปหาเฮียแล้วคุยอะไรกันไม่รู้ เฮียเจ๋งรู้รึยังวะว่าเมียตัวเองท้องเนี่ยะ ผมเคยถามพวกเขามาตั้งแต่แต่งงานกันใหม่ๆ เมื่อหลายปีก่อนแล้วนะว่าเมื่อไหร่จะมีลูก แล้วตอนแรกซ้อแจมแอบมาบอกว่าเพราะเฮียไม่มีน้ำยาก็เลยทำให้ซ้อท้องไม่ได้สักที เห็นแบบนี้แล้วก็รู้สึกยินดีกับทั้งคู่เลยนะ จะเป็นปะป๊ากับหม่าม้าแล้ว ลูกของเฮียกับซ้อต้องน่ารักมาแน่ๆ ผมซื้ออะไรไว้เตรียมรับขวัญหลานดีน้า

   เหมือนรีบมากอะจริงๆ

   ถ้าวันนึงผมมีครอบครัวบ้างมันจะเป็นยังไงนะ คนที่อยู่กับผมในตอนนั้นจะใช่คนที่อยู่ด้วยกันในตอนนี้รึเปล่า น้องเดียร์จะใช่คนนั้นไหมวะ ตอนแรกหลังจากที่ผ่านอาถรรพ์เลข 13 มา มันก็ทำให้ผมมั่นใจจึ๋งนึงนะ แต่พอมารู้อะไรบางอย่าง ไอ้ความมั่นใจจึ๋งนึงนั่นก็หายไปเลย จิ๊....หงุดหงิดอีกแล้วว่ะ หรือผมไปถามน้องเดียร์ตรงๆ เลยดีไหมว่าที่สิบสามพูดมันจริงรึเปล่า ถ้าน้องเดียร์บอกว่าไม่ ผมจะได้ลากเธอไปหาสิบสามแล้วก็นั่งจับเข่าคุยกันไปเลยว่าระหว่างเราสามคนเนี่ยะมันคือยังไงกันแน่

   สับสนมึนงงมาเดือนกว่าแล้วนะ....มันใช่ป้ะเนี่ย

   “ทำหน้ามุ่ยอีกละ เมื่อกี๊ยังดูอารมณ์ดีอยู่เลย”

   “หงุดหงิดอะซ้อ”

   “เรื่องไร”

   “ก็เฌอมีแฟน คบกันมาเดือนกว่าแล้ว ซึ่งคนนี้เฌอคบมานานกว่าคนอื่นเลย แล้วเหมือนตอนที่เฌอเจอแฟนคนนี้ เฌอก็เจอรุ่นน้องคนนึงเคยเป็นเดือนแพทย์ฯ แล้วเฌอก็สนิทกับเขา จนมีวันนึงแฟนเฌอบอกให้เฌอเลิกยุ่งกับรุ่นน้องที่เฌอสนิทซึ่งโอเค เฌอก็ยอม เฌอไม่ยุ่งกับรุ่นน้องคนนั้นเลย แบบตัดขาดทุกอย่าง”

   “แล้วไงต่อ”

   “คือเฌอก็รู้สึกผิดที่ทำแบบนั้น แล้วทีนี้เมื่อ 3 อาทิตย์ก่อน รุ่นน้องคนนั้นมาบอกว่าแฟนเฌออะชอบเขา ที่แฟนเฌอมาคบกับเฌอเพราะอยากกันเฌอออกจากเขา”

   “จริงจังป้ะเนี่ยะ”

   “เขาบอกเฌอแบบนี้อะ แล้วเขาก็บอกว่าเขาชอบเฌอ”

   “เฌอบอกว่ารุ่นน้องคนนั้นเคยเป็นเดือนก็แปลว่าเป็นผู้ชายอะดิ”

   “ใช่ แล้วเขาบอกว่าให้เฌอรอดูได้เลยว่าแฟนเฌอจะทิ้งเฌอไปไหมหลังจากที่มั่นใจแล้วว่าเฌอกับเขาไม่มีอะไรยุ่งเกี่ยวกัน คือมัน 3 อาทิตย์แล้วซ้อที่เฌอรู้สึกหม่นๆ อะ คือเขาเป็นคนที่เฌอมั่นใจว่ายังไงก็จะไม่มีทางโกหก แล้วตอนนี้เฌอก็มองแฟนเฌอไม่เหมือนเดิม ความรู้สึกก็ไม่เหมือนเดิม ทุกวันนี้เหมือนเตรียมใจรอวันโดนทิ้งอะ แม่งโคตรแย่เลย”

   “คือพูดยากเหมือนกันนะ ถ้าสมมุติว่าเรื่องมันเป็นความจริงเหมือนกับที่รุ่นน้องคนนั้นพูด ผู้หญิงคนที่คบกับเฌออยู่ถือว่าร้ายกาจมากที่ทำเรื่องแบบนี้ แต่อย่างว่าล่ะนะ มันยังเป็นแค่คำพูดของทางฝั่งนั้น ซึ่งมันไม่มีหลักฐานที่มากกว่านี้ เพราะงั้นเราก็ตัดสินไปทันทีเลยไม่ได้ว่าแฟนเฌอเป็นแบบนั้นจริงๆ ”

   “ใช่ซ้อ เพราะแบบนั้นแหละเฌอถึงได้แค่รอดูว่ามันจะเป็นไปอย่างที่เขาบอกเฌอรึเปล่า ใจนึงเฌอก็อยากจะจับแฟนเฌอกับรุ่นน้องมานั่งคุยกันให้รู้แล้วรู้รอด”

   “ทำแบบนั้นไม่ได้หรอกเพราะว่ามันก็โกหกกันได้ เรื่องนี้มันต้องจับให้ได้แบบคาหนังคาเขาอะเฌอ คนที่โกหกอะ ยังไงมันก็ต้องมีหลุดออกมาอยู่แล้ว ซ้ออยากให้เฌอใจเย็นๆ ก่อนนะ แล้วตอนนี้กับแฟนน่ะเป็นยังไงบ้าง”

   “ไม่ค่อยดีเลยซ้อ ทะเลาะกันบ่อย บ่อยจนเฌอเหนื่อย”

   “แล้วคิดว่านี่เป็นสัญญาณรึเปล่า”

   “....ก็อาจจะ”

   ครืดดดด.....ครืดดดด.....

   ผมหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดรับสาย “ว่าไง”

   (ให้ทายว่ากูเจอใคร)

   “กูจะรู้กับมึงไหมไอ้เวร เจอใครก็เอ่ยชื่อมาเลยเถอะ”

   (....น้องเดียร์แฟนมึงอะ)

   ไหนบอกจะอาบน้ำนอนแล้วไง

   “เจอที่ไหน”

   (BB-Club)

   “โอเค....เดี๋ยวกูไป”

   

   

   BB-Club

   ผมเดินเข้ามาด้านในพลางมองหาไอ้แช่ม มืดชิบหาย มองยากมากอะ ทำไมคลับนี้มันมืดจังวะ ผมไม่เคยมาที่นี่ด้วยเพราะไกล ไกลจนแปลกใจว่าไอ้แช่มมาทำอะไรที่นี่ แล้วอีกอย่างมันอยู่ในช่วงงดเหล้างดเบียร์ด้วยเพราะต้องรักษา PTSD เดี๋ยวก่อนเถอะ เดี๋ยวกูจะฟ้องหมอโทษฐานที่มึงหนีเที่ยว โอเค เอาเรื่องนี้ไว้ก่อนตอนนี้สิ่งที่ผมควรทำคือการหาไอ้เพื่อนเวรให้เจอ

   อยู่ไหนของมันวะ

   “พี่เฌอครับ”

   ผมหันตามเสียงเรียกก็พบกับประธานคณะกรรมการฯ ของปี 1 “อ่าวบวร คุณเข้ามาในนี้ได้ด้วยเหรอ”

   “อ๋อ คลับนี้เป็นของพี่ชายผมน่ะครับ”

   “งี้นี่เอง เออบอกพี่ชายคุณให้ติดไฟเพิ่มเยอะๆ หน่อย มืดไปอะ มองไม่เห็น” หวังว่าถ้ามีโอกาสได้มาอีกมันจะสว่างกว่านี้น่ะ เนี่ยะ มืดๆ แบบนี้ไปเดินเหยียบตีนใครแล้วมีเรื่องขึ้นมาก็จะแย่มาก

   “โซน VIP จะสว่างกว่านี้ครับพี่เฌอ ไปเถอะ พวกพี่แช่มรออยู่ครับ” ร่างสูงบอกก่อนจะเดินนำผมขึ้นไปชั้น 2 ของร้าน โซน VIP ที่ว่าคือสว่างมากกว่าจริงๆ นั่นแหละ แบ่งห้องเป็นบล็อกชัดเจนด้วย

   “เฌอเพื่อนรัก” ไอ้เพื่อนตัวแสบกวักมือเรียกผมยิกๆ ก่อนจะส่งเบียร์ให้ “กินแทนกูที กูกินไม่ได้”

   “มึงกินไม่ได้แล้วมึงมาทำไรที่นี่”

   “วันนี้วันเกิดเบย์น่ะพี่เฌอ ผมก็เลยชวนข้าวหอมกับพี่แช่มมาด้วย หลายๆ คนน่าจะสนุกดี” ข้าวก้องตอบแทน

   ผมพยักหน้ารับรู้ “สุขสันต์วันเกิดละกันนะบวร”

   “ขอบคุณครับพี่เฌอ”

   “ไอ้แช่ม” ผมล็อกคอเพื่อนรักเข้ามาใกล้ “ไหนน้องเดียร์”

   “อยู่ห้องบล็อกต่อไป มึงได้ยินเสียงผู้หญิงป้ะล่ะ ที่ดังๆ อยู่เนี่ยะ”

   “ได้ยิน” เสียงน้องผึ้งแน่นอน ผมจำได้ สงสัยเหมือนกันนะ ถ้าจะออกมาเที่ยวทำไมไม่บอกกันตรงๆ ผมคงไม่ห้ามเธออยู่แล้ว ปกติก็ไม่เคยห้ามด้วย มันออกจะแปลกๆ ที่โกหกกันแบบนี้

   ผมนั่งจิบเบียร์พลางตั้งใจฟังเสียงของห้องข้างๆ มันได้ยินครับแต่ไม่ค่อยชัดเท่าไหร่ ส่วนนึงคงเพราะว่าแต่ละห้องต้องเก็บเสียงในระดับนึง รวมถึงเพลงที่เปิดในร้านด้วย เอาไงดีวะ กับเหตุการณ์นี้ผมควรทำยังไงอะ คือรู้ว่าแฟนตัวเองโกหกเพื่อมาเที่ยว พูดถึงมันก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรนักหรอกถ้าเธอมากับเพื่อน สำหรับผมถ้าไม่มีลักษณะที่แสดงถึงอาการนอกใจมันก็ไม่เท่าไหร่ แต่ก็ไม่เข้าใจว่าทำไมต้องโกหกด้วย

   ชรันควรจะเป็นคนที่ไม่ต้องคิดอะไรซับซ้อนอะเพราะงง

   แม่งเอ๊ย

   “กูไปสูบบุหรี่ก่อน”

   “สูบอีกแล้วเหรอวะ”

   “เออน่ะ” ผมดันไอ้แช่มที่วอแวตัวเองอยู่ออกพลางหันไปหาบวร “ที่สูบบุหรี่อยู่ตรงไหนอะคุณ”

   “ตรงหัวมุมน่ะครับพี่เฌอ มันมีจะมีป้ายเขียนอยู่ เป็นดาดฟ้าของชั้น 1 ครับ”

   “โอเค” ผมรับคำก่อนจะเดินออกไปตามทางที่บวรบอก

   ป้ายชี้ไปยังสถานที่สำหรับสูบบุหรี่ซึ่งเป็นดาดฟ้าของชั้น 1 ผมเดินเข้ามาก็พบว่าไม่มีใครเลยครับ ดีแล้วแหละ อยากคิดอะไรคนเดียวเงียบๆ อยู่เหมือนกัน ผมเดินไปนั่งหลบมุมตรงเก้าอี้ที่ถูกคั่นด้วยต้นไม้ที่วางประดับอยู่ คือถ้ามีคนเดินเข้ามาก็จะไม่เห็นผมแน่ๆ ล่ะเพราะเป็นมุมอับแถมยังมืดด้วย หลังจากที่ได้มุมดีดีแล้วผมก็หยิบซองบุหรี่ที่ซ้อซื้อให้ขึ้นมาแกะแล้วเอามันใส่ลงตลับเก็บบุหรี่ หยิบมาหนึ่งตัวก่อนจะคาบไว้ที่ปากแล้วจุดไฟเพื่อสูบมัน

   โคตรไม่ชอบเลยกลิ่นวนิลา

   ยังไงบุหรี่กลิ่นมิ้นท์ก็ยังคงครองใจผม แบล็คสโตนแม่งไม่ใช่กลิ่นที่ผมชอบเลย แต่ซ้ออะชอบ รสชาติแย่จะตาย ชอบไปได้ยังไงวะ ช่างเถอะ มันก็เป็นรสนิยมของแต่ละบุคคลน่ะนะ เหมือนไอ้หมีอะ ก่อนเลิกบุหรี่ก็สูบมาโบโร่เรดอย่างเงี้ยะ ร้อนยันหัว ไม่มีหรอกที่สูบแล้วหัวจะโล่ง ผมเคยลองครั้งนึงแล้วพอเลย ไม่ไหวจริงๆ กับบุหรี่สายร้อน จะว่าไปก็หลายปีแล้วนะที่ผมสูบบุหรี่น่ะ ครั้งแรกน่าจะตอนหลังจากที่แม่เสียไปแล้ว

   ถ้าแม่ยังอยู่....ผมคงโดนฟาดหลายทีอยู่แหละ

   พักหลังมานี้ผมสูบบุหรี่หนักมาก หนักในระดับที่ก็รู้ตัวอยู่ว่าสูบจัด พยายามอยากจะเพลาๆ ลงเหมือนกันแต่ว่ามันก็นะ พอคิดเรื่องฟุ้งซ่านมันก็อยากสูบอีกแล้ว เวลาหงุดหงิดก็อยากสูบ แล้วบางทีคือหงุดหงิดแม่งทั้งวันเหมือนเป็นบ้า ไม่ดีเลยว่ะ ผมไม่ควรปล่อยให้เฌอทำร้ายตัวเองมากไปกว่านี้แล้ว กลัวว่าจะตายก่อนได้ทำในสิ่งที่อยากทำนี่ดิ หึ....ถึงในหัวจะคิดแบบนั้นแต่สุดท้ายผมก็ยังนั่งสูบบุหรี่อยู่ดี

   ไอ้เฌอเวร

   “ทางนี้ไงเดียร์”

   หืม....เสียงนี้มัน

   “บุหรี่อะ”

   “อะ” น้องผึ้งส่งบุหรี่ให้แฟนผม “คิดยังไงถึงอยากสูบ”

   “ก็อยากเฉยๆ ” เธอบอกก่อนจะจุดบุหรี่สูบ คือตั้งแต่ที่เป็นแฟนกันมาผมไม่รู้มาก่อนเลยว่าน้องเดียร์สูบบุหรี่ด้วย ที่เห็นกับตาตัวเองนี่ครั้งแรกเลย

   การที่เธอสูบบุหรี่ผมไม่ได้มีปัญหาเพราะตัวผมก็สูบ แต่แค่นึกไม่ถึงมากกว่า น้องผึ้งเป็นเจ้าของบุหรี่งั้นก็แสดงว่าตัวน้องผึ้งเองก็สูบเหมือนกัน สำหรับผมแล้วเด็กแพทย์ฯ ที่สูบบุหรี่ไม่ใช่เรื่องแปลกนะ คือคนเรามีสิทธิ์ที่จะทำอะไรก็ได้ถ้าไม่เดือดร้อนคนอื่น อีกอย่างเพื่อนผมที่เรียนคณะแพทย์ฯ ก็สูบเหมือนกัน ดูทรงแล้วน้องเดียร์น่าจะไม่ใช่พวกที่สูบบุหรี่บ่อย เพราะเวลาอยู่ด้วยกัน ผมไม่ได้กลิ่นบุหรี่จากตัวเธอเลย

   มีอะไรที่ผมยังไม่รู้เกี่ยวกับน้องเดียร์อีกไหมนะ

   “อาการมันเป็นยังไงไหนพูดซิ”

   “เดียร์เบื่ออะผึ้ง อยากจบเรื่องนั้นสักที”

   “เรื่องนั้นที่ว่า....”

   “ก็เรื่องของเดียร์กับพี่เฌอไง”

   เธอ....ว่ายังไงนะ

   ผมเงี่ยหูฟังพร้อมกับหวังว่าให้ตัวเองหูฝาด ใจไม่อยากยอมรับในสิ่งที่ได้ยินเมื่อกี๊แต่มันก็ชัดเจนอยู่ในโสตประสาท อะไรที่หมายความว่าอยากจบเรื่องของผมกับเธอ อยากจบในที่นี้มันมีความหมายแบบที่ผมคิดใช่ไหม

   “ก็เลิกเลยสิ ตอนนี้สิบสามก็เป็นเหมือนเดิมแล้วป้ะ วันๆ ก็เห็นแค่เรียนแล้วก็ไปซ้อมคฑากร ทำตัวไร้วิญญาณเหมือนแบบที่เคยเป็นแล้วหนิ”

   “อย่าว่าสิบสามแบบนั้นนะ” น้องเดียร์ทำหน้าตึงใส่เพื่อนตัวเอง “คือตอนนี้เดียร์ก็มั่นใจแล้วแหละว่าสิบสามกับพี่เฌอไม่มีอะไรยุ่งเกี่ยวกันแล้ว เดียร์เช็กโทรศัพท์พี่เฌอ ก็ไม่เจอว่าเขาคุยกับสิบสาม”

   “กับคนอื่นล่ะ”

   “กับคนอื่นก็ไม่คุย เอาจริงๆ ก็อยากให้คุยกับคนอื่นเหมือนกันนะ จะได้หาเรื่องเลิกได้ง่ายๆ หน่อย แล้วพอเป็นแบบนี้เดียร์ก็เลยไม่รู้ว่าจะหาเหตุผลไหนไปบอกเลิกพี่เฌอดี ใจนึงก็อยากบอกไปตรงๆ ว่าไม่ได้รักพี่เฌอแล้วแต่แบบนั้นเดียร์ก็ดูแย่อะ”

   มันก็แย่จริงๆ ไม่ใช่เหรอวะ

   แย่ตั้งแต่เข้ามาเล่นกับความรู้สึกผมแล้ว

   ผมกำมือแน่นพลางข่มอารมณ์และฟังสิ่งที่พวกเธอพูดกันต่อไป ในใจเดือดดาลมาก สิ่งที่สิบสามพูดเป็นเรื่องจริง ผมถูกหลอกมาตั้งแต่แรก ทุกอย่างเป็นแค่เรื่องหลอกลวง น้องเดียร์ไม่ได้รู้สึกอะไรกับผม ที่เธอทำทุกอย่างไปนั้นมันเป็นเพราะเธอไม่ต้องการให้ผมมีตัวตนอยู่ในชีวิตของคนที่เธอชอบ ทำกับผมถึงขนาดนี้เพราะเรื่องแบบนั้นเนี่ยนะ คิดว่ามันตลกมากใช่ไหม เธอคิดว่าความรักของผมเป็นอะไร

   เธอทำมันได้ยังไง

   “แล้วจะทำยังไงล่ะ ถ้าไม่บอกไปตรงๆ ”

   “ก็ยังไม่รู้อะ แต่คงเร็วๆ นี้แหละ เดียร์เบื่อที่ต้องทำตัวเป็นแฟนที่แสนดีแล้ว” เธอเบ้ปากเพื่อแสดงว่าตัวเองเบื่อจริงๆ “การเลิกกับพี่เฌอ คือสิ่งที่เดียร์ฝันถึงทุกวัน”

   ขนาดนั้นเลยนะ

   “ก็ถ้ามีอะไรอยากให้ช่วยก็บอก ไปเถอะ เบียร์หมดแล้วมั้งป่านนี้” น้องผึ้งลากเพื่อนของตัวเองกลับเข้าไปด้านใน ตอนนี้บนดาดฟ้าเหลือเพียงแค่ผมกับความรู้สึกที่พังไม่เป็นชิ้นดี

   แม่งเอ๊ย

   “ทำไมต้องทำแบบนี้วะ!!!!” ผมระบายความโมโหลงผนังที่อยู่ตรงหน้า ความเจ็บจากแผลบนมือยังไม่ได้ครึ่งที่รู้สึกเจ็บหัวใจเลย ทำไมอะ ทำไมต้องทำกันแบบนี้ด้วย

   ไม่รักกันแล้วทำแบบนี้ทำไมวะ

   ผมโกรธและโมโห ในหัวมีแต่คำว่าทำไมๆ ๆ ๆ ๆ ทำไมเรื่องแบบนี้ต้องเกิดขึ้นกับชีวิตผมด้วยวะ ความประทับใจวันนั้นที่ผมมีต่อเธอ ผมไม่คิดเลยว่ามันจะทำร้ายผมแบบนี้ ผมหวังให้ความรักครั้งนี้ต่างจากเดิมที่ผมเคยเจอมา และใช่ มันต่างจริงๆ เพราะมันเลวร้ายมาก มันไม่ใช่ความรักด้วยซ้ำ มีแค่ผมที่คิดไปเองคนเดียว ทุกอย่างมันเป็นละครเหมือนที่สิบสามบอกผมจริงๆ นั่นแหละ เพราะละครเรื่องนี้ยังไม่จบ น้องเดียร์ถึงยังไม่ทิ้งผมไป

   มันเป็นความจริงที่ว่าสุดท้ายแล้วผมก็จะเสียใจอยู่ดี

   ผมหยิบบุหรี่อีกตัวมาสูบเพื่อข่มอารมณ์ให้ตัวเองใจเย็นขึ้นอีกหน่อย ผมจะจบทุกอย่างเองแต่ต้องตั้งสติก่อน ความรู้สึกของผมในตอนนี้มันแหลกละเอียดยิ่งเม็ดทรายอีก รู้สึกยิ่งกว่าคำว่าแย่ ถึงเตรียมใจเอาไว้บ้างแล้วแต่พอเจอกับตัวเองจริงๆ มันเป็นแบบนี้นี่เอง

   โอเค.....ไปทำให้มันจบดีกว่า

   พอคิดได้แบบนั้นแล้วผมก็เดินกลับเข้ามาด้านใน ผ่านห้องบล็อกที่พวกไอ้แช่มอยู่ไปที่ห้องบล็อกของน้องเดียร์ทันที ร่างบางที่นั่งอยู่กับกลุ่มเพื่อนดูตกใจมากที่เห็นผม

   “พี่เฌอ.....พี่มาที่นี่ได้ยังไงคะ”

   “มันไม่สำคัญหรอกว่าพี่มาที่นี่ได้ไงเพราะสิ่งที่สำคัญมากกว่าคือเรื่องที่น้องเดียร์พูดออกมาเมื่อกี๊ต่างหาก.....สนุกมากไหมอะที่ทำกับพี่แบบนี้”

   “พี่เฌอพูดอะไรคะ เดียร์ไม่รู้เรื่อง” เธอบอกปัด

   “เกิดอะไรขึ้นวะไอ้เฌอ” ไอ้แช่มโผล่เข้ามาพร้อมกับคว้ามือผมไปดู “ไปทำไรมา ทำไมมือแตกอย่างนี้”

   “จะไม่รู้ได้ยังไงในเมื่อน้องเดียร์เป็นคนพูดออกมาเองน่ะ พูดเองไม่ใช่เหรอว่าการเลิกกับพี่เป็นสิ่งที่ตัวเองฝันอยู่ทุกวัน ทำไมไม่บอกกันมาตรงๆ จะยื้อเวลามาจนถึงตอนนี้ทำไม จะทำให้พี่จมอยู่กับความรู้สึกแย่ๆ แบบนี้ทำไม”

   “พี่คิดว่ามีแค่ตัวเองงั้นเหรอที่รู้สึกแย่ เดียร์ก็รู้สึกแย่เหมือนกันนั่นแหละที่ต้องทนคบกับพี่เฌอน่ะ” เธอตวาดลั่น “เป็นแบบนี้ก็ดีเหมือนกัน เดียร์จะได้ไม่ต้องฝืนตัวเองทนเป็นแฟนพี่อีก”

   “พี่ไม่เคยขอให้น้องเดียร์มาทน คนที่เข้ามาในชีวิตพี่ก่อนก็คือน้องเดียร์ พี่แม่งโง่เองที่คิดว่าทั้งหมดที่เกิดขึ้นระหว่างเรามันคือความรัก แล้วพี่ก็เพิ่งมารู้ทุกอย่างว่าทั้งหมดมันก็แค่เรื่องหลอกลวง ยอมทำถึงขนาดนี้ ยอมเป็นแฟนกับผู้ชายที่ตัวเองไม่ได้ชอบ ยอมได้ยังไงอะ ทำได้ยังไง”

   ซ่าาาาา

   มือบางวางแก้วเหล้าที่สาดใส่ผม “เดียร์จะทำอะไรมันก็เรื่องของเดียร์ แล้วหลังจากนี้เราก็ไม่ต้องมีอะไรมายุ่งเกี่ยวกันอีก.....เราเลิกกัน”

   “หึ....ทุกอย่างเป็นจริงตามที่สิบสามพูด”

   “พี่หมายความว่ายังไง”

   “พี่ไม่จำเป็นต้องบอกหรอก แต่ขอให้รู้เอาไว้เลยว่าต่อให้น้องเดียร์จะชอบสิบสามมากแค่ไหน จะใช้วิธีสกปรกยังไงมันก็ไม่มีทางที่จะทำให้เขาหันมามองน้องเดียร์หรอก” ผมเค้นหัวเราะ “นึกถึงคำที่น้องเดียร์เคยถามพี่ว่าระหว่างน้องเดียร์กับสิบสาม ให้พี่เลือก พี่จะเลือกใคร”

   “.....นี่พี่”

   “น้องเดียร์ลองคิดดูว่าถ้าตอนนี้พี่ไปถามสิบสามบ้างว่าระหว่างพี่กับน้องเดียร์ เขาจะเลือกใคร”

   “.....”

   “คิดว่าคำตอบจะเป็นยังไง”

   “อร๊ายยยยยยยยยยย” เธอกรี๊ดดังลั่น “ระหว่างพี่กับสิบสามมันจบไปแล้ว”

   “ถ้าคิดแบบนั้นแล้วสบายใจก็ตามสบายนะ” ผมหันไปหาไอ้แช่ม “มึงไปเอาเบียร์โต๊ะเรามา”

   “เออๆ ” ไอ้แช่มไปหยิบแก้วเบียร์ที่โต๊ะส่งมาให้ผม

   “ที่น้องเดียร์บอกว่าหลังจากนี้ระหว่างเราไม่ต้องมีอะไรเกี่ยวข้องกันอีก พี่ก็ขอให้มันเป็นไปตามนั้น” ว่าแล้วผมก็ยกแก้วขึ้นดื่มเบียร์จนหมดก่อนจะวางมันกระแทกกับโต๊ะเสียงดัง “ดื่มฉลองให้กับความโสด....และการจบลงของความสัมพันธ์เหี้ยๆ ละกันนะ”

   ลาก่อน....

   ผมเดินออกมาทันทีโดยไม่สนใจเสียงกรี๊ดหรือเสียงด่าไล่หลัง มันจบแล้วครับ จบตามอย่างที่เธอต้องการ ไม่ต้องทน ไม่ต้องฝืนอะไรอีกต่อไปแล้ว หลังจากนี้ก็ต่างคนต่างอยู่ อย่าได้เกี่ยวข้องอะไรกันอีกเลย เวลาที่เสียไปก็ให้มันเสียไป ช่างมัน ผมอยากออกไปจากที่นี่ ไปไหนสักที่ที่คิดว่ามันจะทำให้ผมรู้สึกดีขึ้นกว่าที่เป็นอยู่ พอคิดได้แบบนั้นผมก็ขับรถออกมาจาก BB-Club ทันที

   ครืดดดด....ครืดดดดด

   หน้าจอโทรศัพท์ที่แสดงรายชื่อว่าชริตเป็ด ผมไม่พร้อมรับสายหรือคุยอะไรกับใครทั้งนั้น รู้อยู่แก่ใจเลยล่ะว่ามันต้องเป็นห่วง กูขอโทษนะแช่ม ไว้ดีขึ้นแล้วเดี๋ยวกูโทรหามึงเอง ผมกดตัดสายก่อนจะขับรถมาเรื่อยๆ ในหัวก็คิดถึงเรื่องที่เกิดขึ้นทั้งหมด เจ็บปวดว่ะ หลายความรู้สึกมากเลยที่มันสุมอยู่ในนี้ ทุกครั้งที่ความรักของผมจบลง ไม่มีครั้งไหนรู้สึกเจ็บเท่านี้เลย ไม่ไหวอะ ผมไม่ไหว....

   ฮึก....

   ผมเลี้ยวรถเข้ามาจอดหน้าเซเว่นฯ ข้างทางก่อนจะฟุบหน้าร้องไห้กับพวงมาลัยอย่างหมดสภาพ ฮึก....ทำไมต้องเป็นผมด้วยวะ เรื่องแบบนี้ไม่ควรเกิดขึ้นกับใครทั้งนั้นแหละ ไม่ควรมีใครโดนล้อเล่นกับความรู้สึกทั้งนั้น ผมเสียใจที่อะไรๆ ก็ไม่เป็นตามที่ผมคิด ผมเจ็บปวดที่ทุกอย่างมันเป็นแบบนี้ ผม.....

   แหมะ

   เสียงน้ำที่กระทบกระจกรถทำให้ผมยิ่งรู้สึกแย่ และที่ยิ่งแย่หนักเข้าไปใหญ่คือหน้าปัดรถผมที่แสดงว่าน้ำมันถึงระดับต่ำสุด เชื่อได้เลยว่ามันคงขับไปได้แค่อีกนิดเดียวเท่านั้นแหละ ตอนนี้เกือบเที่ยงคืนและฝนตกหนักมาก ผมนึกออกอยู่ที่เดียวที่สามารถไปได้ในตอนนี้ พอคิดได้แบบนั้นผมก็ลงจากรถก่อนจะเดินไปตามทาง

   ปล่อยให้ฝนที่ตกลงมาช่วยล้างน้ำตาทั้งหมดออกไป

   ผมไม่รู้ว่าตัวเองใช้เวลานานเท่าไหร่กว่าจะเดินมาถึงตรงนี้ ด้านหน้าผมเป็นคอนโดฯ ของใครบางคนที่ไม่รู้ว่าตอนนี้เขานอนไปแล้วรึยัง ผมหยิบโทรศัพท์ที่ยังไม่ดับกดโทรไปหาเขา เพียงไม่นานปลายสายก็กดรับ

   ไม่ได้ยินเสียงนี้มานานจริงๆ

   “ผมอยู่หน้าคอนโดฯ คุณ” ผมพูดแค่นั้นและกดวางสายทันที คำที่เขาบอกเมื่อ 3 อาทิตย์ก่อน ผมยังจำได้ดี และมันก็เป็นเหตุผลที่ทำให้ผมอยู่ตรงนี้

   ใช้เวลาไม่นานร่างสูงก็เดินออกมาจากตึกพร้อมกับกางร่มสีดำคันเดิมที่ผมเคยเห็น สิบสามเดินมาหยุดอยู่ตรงหน้า เขามองผมอยู่อย่างนั้นโดยที่ไม่พูดอะไรออกมา พอผ่านไปสักพักมือเรียวก็ลดร่มที่ถืออยู่ลง มันเหมือนกับวันนั้นแลย วันที่ผมเสียใจ ตัวเปียกฝน เขาก็ทำแบบนี้ ยอมเปียกไปด้วยกันเพื่อให้ผมรู้สึกว่าตรงนี้ไม่ได้มีแค่ผมคนเดียว

   ผมยังมีเขาอยู่ด้วยเหมือนกัน

   “ผม....เลิกกับเดียร์แล้วนะ”

   “.....”

   “มันเป็นแบบที่คุณพูดจริงๆ คำที่คุณบอกว่าตัวเองจะเป็นสาเหตุให้ความสัมพันธ์ของผมกับน้องเดียร์จบลง มันเป็นจริงตามนั้นด้วย”

   “พี่เฌอ”

   “ผมเสียใจและรู้สึกเจ็บปวดมากๆ ” ผมยกมือขึ้นจับที่กลางอกเสื้อของเขา “เพราะงั้น....”

   “.....”

   “คุณต้องรับผิดชอบ”

   “.....ได้สิครับ” ร่างสูงดึงผมเข้าไปกอดเอาไว้ “ผมรอพี่พูดคำนี้ตั้งนานแน่ะ....พี่เฌอ”



***



   “เสร็จแล้วครับ”

   “....ขอบคุณนะ”

   ผมมองมือตัวเองที่สิบสามเพิ่งทำแผลให้ เห็นแล้วนึกถึงวันที่ผมเมาแล้วเขาทำแผลให้เหมือนกันนะ จากวันนั้นก็มีเรื่องเกิดขึ้นเยอะแยะเต็มไปหมด ผมไม่อยากคิดอะไรเลยแต่เหมือนจะห้ามสมองไม่ได้ ผมอยากจะพาตัวเองออกจากความรู้สึกนี้ให้ไวไวแต่ก็นะ แผลมันยังใหม่ ไม่แปลกที่มันยังเจ็บอยู่ ต้องใช้เวลารักษาจนกว่าจะหาย หรือไม่ก็ต้องให้ใครสักคนช่วยรักษามัน

   ใครสักคนที่ว่าก็อยู่แค่มือเอื้อมถึงนี่เอง

   “ผมเช็ดหัวให้นะครับ” เจ้าตัวบอกก่อนจะจับผมนั่งที่หน้าโต๊ะเครื่องแป้ง ทุกอย่างยังคงเหมือนเดิมถึงแม้ว่าเราจะห่างกันไปขนาดนั้น เขาไม่เปลี่ยนไปเลย

   “เหมือนวันนั้นเลยเนอะคุณ ที่คุณทำแบบนี้ให้”

   “เหตุผลของผมก็เหมือนในวันนั้นครับ”

   “ผมขอโทษนะสิบสาม สำหรับทุกอย่างที่เกิดขึ้นเลย”

   “ไม่ต้องขอโทษหรอกครับ มันไม่ใช่ความผิดพี่เลยนะ” เขาเลื่อนมือขึ้นเช็ดน้ำตาที่คลอเบ้าผมออกให้ “อะไรที่ผ่านไปแล้ว ให้ผ่านไปนะครับ ผมอยากเห็นพี่เฌอที่เหมือนวันแรก คนที่ล้มลงไปแล้วยังหัวเราะได้ สีหน้าแบบนี้ไม่เหมาะกับพี่เลย”

   นั่นสินะ

   ผมหันกลับมาหาสิบสาม “ขอกอดหน่อยดิคุณ....นะ”

   “อะไรที่พี่ต้องการ....ได้ทั้งนั้นแหละครับ”

   “นังน้อน” ผมกอดคนตรงหน้าเอาไว้อย่างนั้น “พรุ่งนี้ผมจะดีขึ้น จะดีขึ้นกว่านี้มากๆ ๆ ๆ ๆ คุณคอยดูนะ”

   “.....ผมจะรอดูครับ”

   ขอให้เรื่องเลวร้ายทุกอย่างและความรู้สึกแย่ๆ ทั้งหมดจบลงในค่ำคืนนี้ ชีวิตผมต้องไปต่อให้ได้ สิ่งที่เกิดขึ้นจะทำร้ายความรู้สึกผมได้แค่วันนี้เท่านั้นแหละ ผมจะต้องมีความสุข มีความสุขให้มากๆ เหมือนอย่างที่ควรเป็น ตอนนี้ผมไม่ได้อยู่ตัวคนเดียว และการที่ผมมีสิบสามอยู่ด้วยในตอนนี้มันช่างดีมากจริงๆ

   อย่างน้อยในวันนี้ผมก็คงหลับได้สนิทแล้วล่ะ

   ขอบคุณนะ....นังน้อน

   .

   .

   .

   .

   .

   TBC.

   สวัสดีค่ะชาลมาส่งสามเฌอแล้ว เขียนนานมากๆ เลยสำหรับตอนนี้ ตั้งแต่บ่ายโมงอะ ก็บทต่อไปอาจจะทิ้งช่วงสัก 2-3 วัน หรือถ้ากำลังใจดีก็อาจจะมาไวนะคะ

   ก็เป็นตอนที่บีบคั้นหัวใจเหมือนกันนะแต่ผลลัพธ์ของทุกอย่างก็เป็นไปด้วยดีนะคะ หลังจากนี้ก็จะปลื้มปริ่มหัวใจกันขึ้นมาจึ๋งนึง รอติดตามกันน้า

   สามารถติดต่อข่าวสาร + สปอยล์ได้ที่ทวิตเตอร์ Chaleeeisis หรือเพจ Fiction Yaoi Th

   ขอบคุณที่เข้ามาอ่านนะค้้าบ

ออฟไลน์ chaleeisis

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 249
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +96/-3
บทที่ 9 คุณสมบัติ



   “อื้ออออ....ออ...”

   หอมจัง

   กลิ่นเหมือน....ไข่เจียว

   ผมลืมตาขึ้นมองเพดานด้านบนพร้อมกับรับรู้ได้ถึงความรู้สึกเจ็บที่มือขวา หลังจากนี้ก็คงลำบากหน่อยเพราะเป็นมือข้างที่ถนัดซะด้วย แต่ไม่เป็นไร ผมเคยผ่านเรื่องแบบนี้มาบ่อย ช่วยไม่ได้อะ ทำตัวเองให้เจ็บก็ต้องอดทนให้ได้ ผมชันตัวขึ้นนั่งก่อนจะตั้งสติ มองดูนาฬิกาก็พบว่าตอนนี้เกือบ 9 โมงแล้ว ถือว่าตื่นเร็วมากเลยนะ อาการปวดหัวตุบๆ เพราะฤทธิ์เหล้าเบียร์ทำให้ผมอยากนอนต่อเหมือนกัน แต่คิดไปคิดมา.....ตื่นแล้วก็ตื่นเถอะ

   ตื่นมาเพื่อเจอกับความจริงอันบัดซบ

   ผมชะเง้อคอมองร่างสูงที่ยืนทำอะไรสักอย่างอยู่ในครัว สิบสามอยู่ในชุดนอนลายลิตเติ้ลทวินสตาร์ที่เขาชอบนั่นแหละ ตัวผมเองก็เหมือนกัน นังน้อนใส่เสื้อผ้าตัวใหญ่ชะมัด แถมยังดูมุ้งมิ้งน่ารักไปซะหมด ผมหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดู หน้าจอแสดงมิสคอลนับร้อยจากบรรดาเพื่อนๆ ก็คงเป็นห่วงนั่นแหละ เดี๋ยวบอกพวกมันก่อนว่าปลอดภัยสบายดี ไม่เป็นอะไรและมีคนดูแลอย่างใกล้ชิดด้วย

   ชรันไม่คิดสั้นแน่นอน

   หลังจากที่ไลน์ไปแจ้งสารทุกข์สุขดิบกับเพื่อนๆ แล้ว ผมก็เข้าไปตามแอปฯ ต่างๆ เพื่อนปลดบล็อกสิบสาม จากนั้นก็เข้าไปแกลเลอรี่เพื่อไล่ลบรูปน้องเดียร์ออกจนหมด ทุกช่องทางการติดต่อก็ลบออก ความรู้สึกเมื่อคืนมันเสียใจมากเลยใช่ป้ะ พอตื่นมาตอนเช้ามันก็จะอีกฟีลนึงเลย หงุดหงิดอะ แค่นึกถึงสิ่งที่เธอทำก็อยากเอาหมอนฟาดหน้าให้สักสองที แม่ง....ช่างเถอะ สำหรับผมแล้ว ความรู้สึกหรือน้ำตาที่เสียไปมันก็เกินพอสำหรับความสัมพันธ์ห่าเหวนี่

   ผมจะไม่จมอยู่กับความเสียใจเพราะทำแบบนั้นไปก็ไม่มีประโยชน์

   จบไปแล้วก็คือ....จบ

   “ตื่นแล้วเหรอครับ” ร่างสูงยกจานไข่เจียวกับชามข้าวต้มมาวางไว้ที่โต๊ะ “ไปล้างหน้าก่อนสิครับ เดี๋ยวมากินข้าวกัน”

   “อื้ม....” ผมรับคำเขาก่อนจะเดินเข้าไปจัดการตัวเองในห้องน้ำ

   ของใช้ส่วนตัวอย่างแปรงสีฟันที่ผมเคยใช้มันยังอยู่ในแก้วสีเขียวใบเดิม วางอยู่ข้างแก้วของเขาไม่ได้หายไปไหน ข้ออ้างสินะที่เคยบอกว่าลืมทิ้ง สิบสามไม่ได้ลืมที่จะทิ้งมัน แต่ตั้งใจเก็บเอาไว้ให้ผมต่างหาก เขาดูมั่นใจเหมือนกันนะว่าผมจะได้กลับมาใช้มันอีก

   ร้ายจริงๆ นังน้อน

   หลังจากที่ล้างหน้าแปรงฟันเสร็จผมก็เดินออกจากห้องน้ำก่อนจะไปนั่งฝั่งตรงข้ามกับเขา “ข้าวต้มกับไข่เจียว”

   “ใช่ครับ ผมทำเองเลยนะ”

   “ที่คุณบอกว่าไปเรียนกับแม่มาน่ะนะ” ผมคนข้าวต้มก่อนจะตักขึ้นมาเป่าแล้วยัดเข้าปาก “อื้อออ....อ....”

   “อร่อยไหมครับ”

   “ร้อน” ผมเป่าลมร้อนออกมา นี่ขนาดเป่าไปแล้วนะ ลองนึกว่าถ้ายังไม่ได้เป่าแล้วยัดเข้าปากไปเลยก็ต้องมีลิ้นพองกันบ้างล่ะ

   “พี่เฌออะ”

   “อะไรล่ะ ก็มันร้อนจริงๆ ” คือถ้านังน้อนเป็นหมานะ ตอนนี้หูเขากำลังตกอยู่แน่ๆ ข้าวต้มที่เขาทำ อร่อยเลยครับ รสชาติกำลังดีแถมไข่เจียวที่เขาทอดก็ขอบกรอบมาก ผมไม่เคยทอดไข่ได้กรอบขนาดนี้เลย

   “พี่ตอบผมไม่ตรงคำถาม”

   “อร่อย....มากๆ ” ผมตักไข่เจียวไปใส่จานเขา “ความพยายามไปเรียนทำข้าวต้มกับไข่เจียวของคุณไม่สูญเปล่านะเนี่ย”

   “ใช่ครับ แล้วพี่ก็ได้กินแล้วด้วย” เจ้าตัวมองผมอยู่อย่างนั้น ไม่มีใครบอกรึไงว่าอย่ามองหน้าคนอื่นตอนกินข้าว

   คนถูกมองก็ประหม่าอะดิ

   ผมตักข้าวต้มกินไปเรื่อยๆ โดยที่ตัวเองยังไม่รู้ว่าถ้ากินข้าวเสร็จแล้วควรจะทำอะไรต่อดี วันนี้วันเสาร์ครับ ผมไม่มีเรียน ไม่มีงานที่ต้องเคลียร์ด้วยเพราะจัดการเสร็จไปหมดแล้ว เดี๋ยวอาทิตย์หน้ามหา’ลัยผมจะมีงานสัมมนา ก็จะเป็นช่วงหยุดยาวหลายวัน น่าจะทุกคณะเลยแหละ ผมพอรู้แพลนของเพื่อนๆ อยู่ว่ามันจะทำอะไรกันบ้าง ไอ้แช่มบอกว่าจะกลับไปบ้านที่จังหวัดนครศรีธรรมราช ส่วนคนอื่นๆ ก็ไปเที่ยวกับแฟนตามประสา

   ตอนแรกผมก็มีแพลนว่าจะไปกับแฟน

   แต่ตอนนี้โสดละ....แฟนไม่มี

   คุยกับน้องเดียร์เอาไว้ครับว่าจะไปเที่ยวเสม็ดด้วยกันแต่ก็ทริปล่มไปแล้ว ช่างมัน เดี๋ยวไปคนเดียวแม่งเลย เนี่ยะ ทุกครั้งที่มีแฟนอะ จะวางแพลนกันเอาไว้ตลอดเลยว่าจะไปเที่ยวนี่นั่น แต่สุดท้ายคือไม่ได้ไปสักคน ไม่เป็นไร ตราบใดที่ยังมีชีวิตอยู่ ผมต้องมีโอกาสได้ไปเที่ยวกับแฟนสักครั้งแหละ อืม....หรือจะไปกับคนที่ไม่ใช่แฟนดีวะ

   หรือนอนอยู่หอดี

   เอออันนี้น่าสนใจ

   หลังจากที่กินข้าวต้มเสร็จผมก็ยกจานไปเก็บ “ฝากล้างหน่อยได้ไหมคุณ”

   “เดี๋ยวผมล้างให้เองครับ พี่ไปนั่งเถอะ”

   “โอเค” ผมเดินมานั่งที่พรมด้านข้างเตียง มองนังน้อนทำโน่นเก็บนี่ไปเรื่อยก่อนที่จะเดินมานั่งลงข้างผม

   “วันนี้เป็นยังไงบ้างครับ”

   “ก็ดีกว่าเมื่อคืนมั้ง”

   “ยังเสียใจอยู่ไหม”

   “ไม่อะ ผมหงุดหงิดมากกว่า คุณคิดดูนะ ตั้งแต่วันที่คุณบอกความจริงให้ฟัง ผมก็เตรียมใจเอาไว้ล่วงหน้าพร้อมกับหวังว่าเรื่องทั้งหมดมันจะไม่เป็นไปตามที่คุณพูด แต่ก็นั่นแหละ สุดท้ายแล้วมันก็ไม่ผิดจากคำพูดคุณสักนิด”

   “ผมถามได้ไหมว่าพี่เลิกกับเดียร์ได้ยังไง”

   “ก็ไอ้แช่มเพื่อนผมโทรมาบอกว่าเจอน้องเดียร์ที่คลับของรุ่นน้องในคณะ ผมก็ไปที่คลับนั้นเพราะตอนแรกน้องเดียร์บอกว่าจะอาบน้ำนอนแต่คือเธอไปเที่ยวไง แล้วทีนี้ผมออกมาสูบบุหรี่แล้วน้องเดียร์กับน้องผึ้งก็มาสูบบุหรี่เหมือนกัน”

   “ใช่ครับ กลุ่มเธอสูบบุหรี่ เรื่องนี้พี่เพิ่งรู้ใช่ไหม”

   ผมพยักหน้ารับ “อื้ม....ผมได้ยินเธอพูดว่าอยากจบเรื่องระหว่างเธอกับผม และก็บอกว่าการที่เลิกกับผมน่ะคือสิ่งที่เธอฝันถึงทุกวัน คุณเชื่อป้ะว่าผมโคตรโกรธเลย มันเสียใจมากนะที่ความรู้สึกของเราถูกทำเหมือนมันเป็นของเล่นอะ”

   “ผมเข้าใจครับ แล้วยังไงต่อ”

   “พวกเธอก็เดินกลับเข้าไปในร้าน ส่วนผมก็โมโหมากจนไปลงกับกำแพงแล้วได้แผลที่มือมานี่แหละ จากนั้นผมก็ตั้งสติ แล้วกลับเข้าไปในร้านเพื่อจบความสัมพันธ์ปลอมๆ นั้นลง ผมมีปากเสียงกับน้องเดียร์รุนแรงมาก เธอสาดเหล้าใส่ผมด้วย ผมอยากสาดกลับอยู่เหมือนกันแหละแต่ก็ทำแบบนั้นไม่ได้อะ จะดีจะร้ายยังไงเธอก็เป็นผู้หญิง ผมไม่ควรทำแบบนั้น”

   “พี่เท่จังเลยนะครับ”

   “ผมไม่ได้เท่สักหน่อย”

   “พี่เท่ออก”

   ผมทำหน้ามุ่ยใส่เขา “ผมเปล่า“”

   “พี่เท่จริงๆ ”

   “เลิกชมผมได้แล้ว” เหมือนเขาจะเอาคืนที่ผมชอบชมเขาบ่อยๆ เลยว่ะ

   “ไม่ได้ชมนะครับ ผมแค่พูดความจริง”

   “คุณคิดแบบนั้นเหรอ”

   “ถ้าไม่คิด ผมคงไม่พูดหรอกครับ” ว่าแล้วเขาก็คลี่ยิ้มบางๆ ออกมา ส่วนผมก็รู้สึกแปลกเพราะปกติเขาไม่ยิ้มให้ใครเลย

   รอยยิ้มของสิบสามเป็นของหายากจริงๆ นั่นแหละ ผมเห็นเขายิ้มก็แค่ครั้งที่ 3 เองเท่านั้น บางคนรู้จักเขามาเป็นปีอาจจะไม่เคยเห็นรอยยิ้มนี้เลยก็ได้ ตอนที่นังน้อนทำหน้านิ่งๆ มันจะคนละฟีลกับตอนเขายิ้มเลย ยิ่งถ้ายิ้มจนแก้มขึ้นให้เห็นลักยิ้มนะโอ้โห่วววว ตอนที่เห็นครั้งแรกคือใจสั่นเลยอะ โคตรน่ารัก สดใส ฟีลเตอร์ผัวแห่งชาติมากๆ เนี่ยะ ตรงตามที่ผมเคยบอกเอาไว้เป๊ะว่าทำไมเขาถึงไม่ค่อยยิ้ม

   เพราะเวลาเขายิ้ม.....คนที่เห็นจะตายกันหมด

   ผมตายก่อนเลยคนแรก

   “แก้มพี่แดงอยู่นะครับ”

   “ร้อนน่ะคุณ” ผมบอกปัดเขาก่อนจะยกมือขึ้นลูบแก้มตัวเอง

   “ผมเปิดแอร์เย็นมากเลยนะ”

   “เออน่ะ บางเรื่องคุณก็ต้องปล่อยๆ มันไปบ้างนะนังน้อน” ผมทำหน้าบู้บี้ใส่เขา “เออ เล่าต่อ ก็นั่นแหละ พอน้องเดียร์สาดเหล้าใส่ผมเสร็จ เธอก็บอกเลิกผม และบอกว่าระหว่างเราอย่าได้มีอะไรเกี่ยวข้องกันอีก แล้วด้วยความโมโหอะนะคุณ ผมก็บอกเธอไปว่าต่อให้เธอใช้วิธีสกปรกยังไง คุณก็จะไม่มีวันสนใจเธอ”

   คนที่นั่งอยู่ข้างๆ พยักหน้ารับ “.....พี่พูดถูกแล้วครับ ผมจะไม่มีวันสนใจเดียร์”

   “อื้ม....แล้วผมก็บอกว่าที่น้องเดียร์เคยให้ผมเลือกระหว่างเธอกับคุณแล้วผมเลือกเธอ ถ้ากลับกันให้ผมไปถามคุณ ว่าระหว่างผมกับน้องเดียร์ เธอคิดว่าคุณจะเลือกใคร”

   “ผมก็เลือกพี่โดยไม่ต้องคิดเลยครับ”

   ตึกตัก

   “นังน้องงงง” ผมทำตาโตใส่เขา “ผมเล่าให้คุณฟังเฉยๆ ไม่ได้ให้คุณเลือกสักหน่อย”

   “อ๋อ ผมนึกว่าพี่ถาม”

   “ไม่ได้ถาม คุณนี่เด๋อจริงๆ เลย....ก็นั่นแหละ พอผมบอกน้องเดียร์แบบนั้น เธอก็กรี๊ดแล้วก็บอกว่าระหว่างผมกับคุณมันจบไปแล้ว ผมก็บอกเธอว่าถ้าคิดแบบนั้นแล้วสบายใจก็ตามสบาย จากนั้นผมก็ดื่มเบียร์แก้วนึงเพื่อฉลองให้กับความโสด เสร็จปุ๊บก็ขับรถออกมาจากคลับ แล้วร้องไห้เหมือนน้องหมาเลยแหละ ฝนก็ตก รถก็น้ำมันหมด สุดท้ายก็งอแงแล้วเดินมาหาคุณที่คอนโดฯ เป็นไง มหากาพย์ชีวิตผมเมื่อวาน”

   “ถ้าเป็นคนอื่นที่ไม่ใช่พี่เฌอคงแย่มากกว่านี้เยอะครับ แล้วพี่คิดว่าหลังจากนี้จะทำยังไงต่อ”

   “ก็ใช้ชีวิตต่อไป ความรู้สึกดีดีของผมที่มีน้องเดียร์มันไม่มีอยู่เลยพอคิดว่าทั้งหมดนั่นมันแค่เรื่องหลอกลวง ไม่มีอะไรต้องอาวรณ์หรือนึกถึง มันต่างจากทุกครั้งที่เคยเกิดขึ้นกับผมนะ”

   “ถ้าเป็นแบบนั้นก็ดีแล้วครับ”

   “เออคุณ ผมมีอะไรอยากถามอะ” ผมหันหน้าเข้าหาเขา “คุณชอบผมได้ยังไง”

   “ก็....เพราะพี่ไม่เหมือนคนอื่นมั้งครับ ผมเพิ่งเคยมีความรู้สึกแบบนี้กับใครสักคน ตอนแรกก็ไม่ค่อยแน่ใจเท่าไหร่ แต่พอได้รู้จัก มีโอกาสได้อยู่ใกล้ๆ ได้ดูแล มันก็ทำให้ผมรู้ว่าตัวเองรู้สึกยังไง ก็ประมาณนั้นแหละครับ”

   “แล้วคุณได้คิดเอาไว้ไหมว่าถ้าความรักของคุณไม่สมหวังขึ้นมา....คุณจะทำยังไง”

   “ก็ต้องยอมรับความจริงนั่นแหละเพราะมันทำอะไรไม่ได้ แต่อย่างน้อยในตอนนี้ผมก็ได้พยายามทำอะไรสักอย่างแล้ว มันดีกว่าที่ผมจะเสียความรักไปโดยที่ไม่ทำอะไรเลย” สิบสามเลื่อนหน้าเข้ามาใกล้ “พี่ว่าผม.....จะสมหวังไหมครับ”

   “ผมจะไปรู้ได้ยังไงล่ะ” ผมดันหน้าเขาออกก่อนจะลุกขึ้นยืนแต่มือเรียวดึงข้อมือผมเอาไว้ ดวงตาคมมองผมไม่ละ ทำไมหืม....อยากเล่นเกมจ้องตากับผมรึไงนังน้อง

   “ผมชอบพี่”

   “ผมรู้แล้ว”....คุณจะพูดย้ำทำไมวะ

   “พี่ชอบผู้หญิงมาตลอดเลยใช่ไหมครับ บางที....พี่น่าจะลองหันมาชอบผู้ชายบ้างนะ อาจจะไม่ผิดหวังก็ได้” สิบสามยืนขึ้นประจันหน้ากับผม “ชอบผู้ชายอย่าง....ผมเนี่ยะ”

   ผมหลุดหัวเราะทันทีที่เขาบอกแบบนั้น “อะไรของคุณ”

   “พี่คิดดูนะครับ ผมอะเคยเป็นเดือนแพทย์ฯ เลยนะ กำลังจะเป็นคฑากรไม้หนึ่งของคณะด้วย ไหนจะหน้าตาดี บ้านรวย แล้วก็....”

   “พอเลยคุณ คุณจะขิงตัวเองให้ผมรู้สึกหมั่นไส้อีกนานไหม”

   “ไม่ได้ขิงครับ ผมบอกคุณสมบัติตัวเองให้พี่พิจารณาต่างหาก” มือเรียวค่อยปล่อยข้อมือผมออก “ผมประหม่ามากเลยนะครับพี่เฌอ มันเป็นเรื่องยากที่จะทำให้คนที่ชอบผู้หญิงมาตลอดอย่างพี่ หันมาชอบผม แต่ถึงยังไงผมก็อยากลองพยายามและบอกให้พี่ได้รับรู้เอาไว้ อย่าเพิ่งตัดโอกาสผมเลยนะครับ”

   “คุณฟังผมนะนังน้อน” ผมยกมือขึ้นไปเขี่ยผมที่ปรกหน้าสิบสามออก “ถ้าผมจะตัดโอกาสคุณจริงๆ ผมคงไม่มาหาคุณเป็นคนแรกหรอก....จริงไหม”

   “ก็จริงครับ”

   “อื้ม....แล้วอีกอย่างเพื่อนผมเคยถามว่า ผมจะมีโอกาสชอบผู้ชายได้บ้างไหม ตอนนั้นผมบอกมันไปว่า ถ้าสมมุติว่าวันไหนที่ผมใจเต้นแรงเพราะผู้ชายคนนึง มันก็อาจจะเป็นไปได้”

   “แล้ว....” สิบสามเลื่อนหน้าเข้ามาใกล้ผม “พี่เคยใจเต้นแรงเพราะผมบ้างไหมครับ”

   “เรื่องนั้น....” ผมมองใบหน้าหล่อที่อยู่ห่างไม่ถึงคืบ “.....คุณก็ลองคิดเอาเองดิ”

   พอผมบอกแบบนั้นสิบสามก็คลี่ยิ้มออกมาก่อนจะละออกไป หืออออ....ยิ้มกว้างน่าหมั่นไส้ ชอบใจอะสิไอ้ต้าวนังน้อนเวร ผมชอบนะการที่คิดอะไรก็พูดออกไปตามนั้น ผมชอบที่เขาพูดตรงๆ ว่าตัวเองรู้สึกยังไง คำพูดพวกนั้นมันทำให้ผมพอรู้ว่าหลังจากนี้จะมีอะไรเกิดขึ้นบ้าง เดิมทีเราเป็นรุ่นพี่รุ่นน้องกัน มันแค่นั้นเอง แต่ตอนนี้อะไรๆ มันก็คงเปลี่ยนไปจากเดิม อย่างน้อยนังน้อนก็อาจจะคนที่พิเศษขึ้นสำหรับผมจึ๋งนึงล่ะมั้ง

   จะว่าไปสำหรับคนที่เพิ่งโดนทำร้ายใจมาอย่างผม

   การมีเขาอยู่ตรงนั้น....แม่งโคตรดีเลย

   “ไปข้างนอกกันไหมคุณ ไปดูหนังหรือหาอะไรทำก็ได้ วันนี้คุณว่างใช่ไหม”

   “ว่างครับ งั้นพี่ไปอาบน้ำเถอะ เดี๋ยวผมเตรียมเสื้อผ้าให้”

   “โอเค งั้นผมไปอาบน้ำก่อนนะ” ว่าแล้วผมก็หยิบผ้าขนหนูก่อนจะเดินเข้าห้องน้ำเพื่อจัดการตัวเอง

   ผมมองเฌอในกระจกพลางคิดว่าไอ้เวรนี่มีอะไรดีถึงทำให้อดีตเดือนแพทย์ฯ มาชอบได้วะ เขาบอกว่าผมไม่เหมือนคนอื่น คือผมก็อยากสวนเขากลับไปเหมือนกันว่าตัวเองเหมือนคนอื่นตายแหละ เขาน่ะไม่เหมือนคนอื่นมากกว่าผมอีก แต่ช่างเถอะ เหตุผลนั้นคงมีแค่สิบสามที่จะเข้าใจล่ะมั้ง ตอนนี้ผมอยู่ในสถานะที่มีผู้ชายมาแอบชอบ ก็ไม่แอบนะ เขาก็แสดงออกชัดเจนว่าชอบ แบบนี้ชรันควรต้องเขินป้ะ

   อา....ทำไมตัวไม่ถูกเลยอะ

   ไม่อยากคิดอะไรที่มันไปไกลมากกว่านี้เลยเพราะทุกอย่างมันเพิ่งเริ่มต้นน่ะนะ อยากรู้เหมือนกันว่านังน้อนจะทำให้ผมรู้สึกชอบเขาได้รึเปล่า ผมรู้ดีเลยแหละว่าเขาประหม่ามาก เหมือนจะมั่นใจแต่คล้ายๆ กับการใจดีสู้เสือมากกว่า สิบสามบอกว่ามันเป็นครั้งที่เขารู้สึกกับใครแบบนี้ ผมว่าเขาต้องทำอะไรที่มันเงอะงะออกมาแน่นอน เอาเป็นว่าลองดูละกันว่ามันจะเป็นยังไง เขาจะทำให้ผมหวั่นไหวได้ขนาดไหนกันนะ

   น่าตื่นเต้นว่ะ



***



   “สนุกเนอะคุณ ยิ่งตอนไล่ผีนะ โคตรสุดเลย”

   “ผมเห็นพี่เอามือปิดตาตลอด พี่จะรู้ได้ยังไง”

   “ผมแง้มนิ้วดูไง แล้วคุณเถอะ ให้ดูหนังนะไม่ได้ให้ดูผมเอามือปิดตาตัวเอง”

   “ก็พี่ยุกยิกๆ อยู่ข้างๆ จะไม่ให้ผมสนใจได้ยังไง”

   “ก็มันตื่นเต้นหนิ เดี๋ยวถ้าภาค 2 เข้า เรามาดูด้วยกันอีกนะคุณ”

   “พี่พูดแล้วนะครับ”

   “อื้ม....ผมพูดเองเลยเนี่ยะ ไปเถอะ อยากกินชานมไข่มุกอะ” ว่าแล้วผมก็เดินนำนังน้อนมาที่ร้านขายชานมไข่มุก

   ตอนนี้เราสองคนอยู่ที่ห้าง AA ครับ เพิ่งดูหนังเสร็จแล้วตอนนี้ก็ประมาณ 5 โมงกว่าๆ แล้ว การได้ออกมาข้างนอก หาอะไรทำมันก็รู้สึกดีขึ้นนะ ไม่ฟุ้งซ่าน ไม่ต้องคิดมาก อาจเป็นว่าตอนนี้ผมไม่ได้อยู่คนเดียวล่ะมั้ง โอเค คืนนี้ตอนที่กลับไปที่ห้อง ผมอาจจะมีอาการประสาทแดกนึกถึงเรื่องเดิมๆ นิดหน่อยแต่มันคงไม่หนักเท่าไหร่หรอก มันก็เป็นเรื่องปกติอยู่แล้วที่จะคิดอะไรแบบนั้น สภาพตอนนี้ถือว่าดีกว่าที่เคยผ่านๆ มาเยอะเลยนะ

   ช่างแม่ง

   ไม่คิดละ....หัวจะปวด

   หลังจากที่ซื้อชานมไข่มุกเสร็จผมก็เดินนำสิบสามไปดูของโน่นนี่แล้วก็คุยกันตามประสา ผมชอบเหมือนกันนะเวลาเห็นนังน้อนใส่เสื้อสีหวานๆ พาสเทลลายการ์ตูนแบบนี้น่ะ ไหนจะกระเป๋าถือใบโปรดนั่นอีก ตอนนี้ผมกับเขาเหมือนแต่งตัวคู่กันอะ เขาใส่เสื้อสีชมพูที่เป็นลายสกรีนลาล่า ส่วนผมก็ใส่เสื้อสีฟ้าที่เป็นลายกีกี้ กางเกงเดฟคู่และจบลงที่รองเท้าช้างดาวคู่เหมือนกัน คือรองเท้าผ้าใบผมยังไม่แห้งไง สิบสามเลยให้ยืมรองเท้าช้างดาวมาใส่ครับ

   อย่างชิลล์อะบอกเลย

   ผมเดินนำร่างสูงมาจนถึงชั้นที่เป็นตู้เกมและตู้คีบตุ๊กตา เชื่อป้ะว่าตั้งแต่เกิดมานะ ผมไม่เคยคีบตุ๊กตาได้เลยสักตัว มันยากมากอะ แล้วไอ้ที่คีบในตู้ก็ง้อกแง้กมาก คือถ้าน้องมึงจะป้อแป้ขนาดนั้น น้องมึงไปเกิดเป็นเศษเหล็กไป มึงจะมาเป็นที่คีบเพื่อ แม่งเอ๊ย คิดแล้วหงุดหงิดว่ะ เดี๋ยวปั๊ดทุบตู้ให้พังเลยหนิ

   หึ้ยยยย....ย....

   ในขณะที่เกรี้ยวกราดในใจอยู่นั้นผมก็เดินมาหยุดอยู่ที่หน้าตู้ของพวงกุญแจแบด แบด “ฝาแฝดคุณอะ”

   “ผมไม่เห็นเหมือนแบด แบดเลย”

   “เหมือนจะตาย” ผมมองพวงกุญแจในตู้ “ตู้ละ 2 เหรียญแฮะ”

   “พี่อยากได้ไหมครับ”

   “ทำไม คุณจะคีบให้ผมเหรอ”

   “รอแป๊บนึงนะครับ” สิบสามเดินไปแลกเหรียญมาก่อนจะเริ่มคืบพวงกุญแจในตู้ให้ สีหน้าดูจริงจังมากเลยครับ พอเห็นแบบนั้นแล้วผมอดไม่ได้ที่จะถ่ายรูปเก็บเอาไว้

   ตลกว่ะ

   “หมดไป 10 เหรียญแล้วนะสิบสาม”

   สิบสามเสยผมขึ้นพลางถอนหายใจออกมาแรงๆ “พี่เฌอรอเดี๋ยวนะครับ” ว่าแล้วเจ้าตัวก็เดินไปแลกเหรียญเพิ่ม ซึ่งดูจากจำนวนที่เขาถือว่ามันเยอะกว่าตอนแรกมากเลย

   หมดตัวแน่ล่ะดูทรงแล้ว

   ผมยืนมองเขาคีบพวงกุญแจอยู่อย่างนั้น มีหลายจังหวะที่คีบขึ้นมาได้แล้วแต่สุดท้ายมันก็ร่วงลงไปอีก เนี่ยะ บอกแล้วว่าแม่งง้อกแง้ก ตู้คีบตุ๊กตามันเป็นอะไรที่แดกเงินเราได้เยอะแบบมากๆ เลยนะ คือของที่อยู่ในตู้มันก็อยากได้แหละ แต่อีกใจก็คืออยากเอาชนะไง แบบว่า....มึงง้อกแง้กนักใช่ไหม ได้!!!! เดี๋ยวมึงเจอกูคีบสักร้อยรอบ มันต้องมีรอบที่มึงง้อกแง้กไม่ออกบ้างแหละ เห้อะ ไอ้เวร

   เชื่อดิว่าสิบสามกำลังคิดแบบนี้อยู่

   “จิ๊....” นังน้อนหันไปหาพนักงานที่ขายเหรียญ “พี่ครับ ถ้าผมซื้อยกทั้งตู้นี่เท่าไหร่ครับ”

   “คุณจะซื้อยกตู้อะไรเล่า”

   “ก็คีบไม่ได้สักทีอะ ผมหงุดหงิด”

   “คีบไม่ได้ก็ไม่ต้อง ผมไม่เอาก็ได้”

   “เหลือ 2 เหรียญสุดท้าย ถ้าไม่ได้ ผมจะยอมครับ” มือเรียวหยอดเหรียญลงตู้ก่อนจะเริ่มคีบอีกครั้ง ผมมองที่คีบง้อกแง้กนั่นลงไปหยิบพวงกุญแจด้านล่างขึ้นมา

   ตุ้บ

   “เห้ยได้เฉย”

   เป็นงงเลยไอ้เวร

   “ได้แล้วครับ” สิบสามหยิบพวงกุญแจแบด แบดส่งมาให้ผม “ของพี่”

   “แทบหมดตัวเลยนะกว่าจะได้เจ้านี่ ขอบคุณนะนังน้อน เดี๋ยวผมห้อยไว้กับกระเป๋าผมเลย ดีไหม”

   เขาพยักหน้ารับรัวๆ “ดีครับ....พี่เฌอหิวรึยัง เราไปหาอะไรกินกันไหม”

   “เอาดิ คุณจะกินอะไร เดี๋ยวผมเลี้ยงเอง”

   “งั้นแล้วแต่พี่เลยครับ”

   “ถ้าแล้วแต่ผมก็ทางนี้เลย” ผมลากนังน้อนลงมาชั้น 3 ก่อนจะพาเข้ามาในร้านปิ้งย่างร้านโปรดที่ชอบมากับเพื่อนๆ

   ผมจัดแจงสั่งอาหารก่อนจะมองพวงกุญแจแบด แบด สลับกับคนที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้าม เหมือนกันจริงๆ นั่นแหละ เขากับแบด แบด อาจจะเป็นพี่น้องที่ผลัดพรากจากกันมาตั้งแต่ชาติปางก่อนก็ได้นะ เหมือนว่าสิบสามจะรู้แฮะว่าผมกำลังนินทาเขาในใจ อยู่ดีดีดวงตาคมก็หรี่จ้องผมเหมือนจับผิด พอเป็นแบบนั้นผมก็เลยทำตาเลียนแบบเขา เอาสิ คุณคิดว่าจ้องผมได้อยู่ฝ่ายเดียวงั้นเหรอหืม.....

   จ้องมาจ้องกลับไม่โกงอะรู้รึเปล่า

   “จ้องผมเหรอครับ”

   “ใครเริ่มก่อน”

   “พี่ชอบการเอาคืนเหรอ”

   “ก็ประมาณนั้นแหละมั้ง”

   “งั้น....” เจ้าตัวเท้าคางมองผม “ก็เอาคืนที่ผมชอบพี่สิครับ”

   ตึกตัก

   เด็กนี่มัน....

   “คุณร้ายกาจกว่าที่ผมคิดเอาไว้เยอะเลยนะนังน้อน มีอะไรที่ผมยังไม่รู้อีกไหม แสดงธาตุแท้ออกมาให้หมดเลยนะ”

   “ผมก็เป็นแบบนี้แหละครับ อะไรที่ก็ตามที่พี่ได้รับรู้ทั้งหมดจากผม นั่นคือตัวผมจริงๆ ” เขาบอกก่อนจะจัดการปิ้งเนื้อให้ ก็เชื่ออยู่หรอกว่าที่แสดงออกมานั่นเป็นตัวของตัวเอง

   แต่ก็ร้ายจริงๆ นั่นแหละ

   ปกติแล้วเวลาอยู่ข้างนอกต่อหน้าผู้คนเยอะๆ เขาไม่ค่อยแสดงอะไรออกมาไง ไม่พูด สีหน้าก็เรียบเฉยไม่บ่งบอกความรู้สึกใดใด แค่คิดว่าตัวเองเป็นไม่กี่คนที่ได้เห็นเขาในมุมนี้ก็รู้สึกพิเศษจะเป็นบ้าแล้ว วันนี้สิบสามทำคะแนนหนักชะมัด เขารู้ตัวไหมนะว่าวันนี้ทำให้ผมใจสั่นไปกี่รอบ เอาจริงๆ แค่ยิ้มให้เห็นก็รู้สึกว่ามันเกินไปมากๆ จะยิ้มน้อยหรือยิ้มกว้างๆ ก็นับว่าดีทั้งนั้น.....ยิ้มเหมือนกับที่กำลังยิ้มอยู่เนี่ยะ

   โคตรน่ารักเลย

   นี่แค่วันแรกเองป้ะ เฌอจะมามีอาการใจเราไม่เป็นของเราไม่ได้ รอยยิ้มนั้นคือกับดักแน่ๆ แหละ ที่ผมรู้สึกว่ามันดีจังคงเป็นเพราะไม่ได้เห็นบ่อยๆ ไง ถ้าหลังจากนี้ได้เห็นมากขึ้น อาจจะไม่รู้สึกอะไรก็ได้ บอกแล้วว่าเรื่องนี้มันต้องดูกันยาวๆ ช่วงแรกๆ ก็แบบนี้แหละ คอยดูว่ามันจะเสมอต้นเสมอปลายไปได้เรื่อยๆ รึเปล่า ถึงตอนนั้นก็ค่อยว่ากันอีกที แต่อย่างน้อยวันนี้สิบสามก็ทำให้ผมรู้สึกดีและมีความสุขมากเลยนะ

   ได้ใช้เวลากับเขาก็สนุกดีอะ

   “สิบสาม....”

   “ครับ”

   ขอบคุณนะที่อยู่ข้างๆ ผมน่ะ

   “....อยากกินกุ้งอะ แกะให้หน่อยนะ”

   “ได้สิครับ”

   เนี่ยะ คุณสมบัติที่ว่าเคยเป็นเดือนแพทย์ฯ กำลังจะเป็นคฑากรไม้หนึ่งของคณะ หน้าตาดี บ้านรวย แล้วก็....ดูแลเอาใจใส่ดีแบบเนี้ยะ ก็ควรเก็บไว้พิจารณาจริงๆ นั่นแหละ ผมเคยดูแลคนอื่นมาตลอด พอมีคนอื่นมาดูบ้างมันก็ดีเหมือนกันนะ

   โคตรแพ้เลยว่ะ

   แม่ง.....

   

   

   

   

   

   TBC.

   สวัสดีค่ะชาลมาส่งสามเฌอแล้ว ก็ยังคงมาไวอยู่นะ แต่จะทิ้งช่วงจริงๆ แล้วนะ พรุ่งนี้จะปิดต้นฉบับนิยายเรื่องอื่นก่อนนะคะ บี๋ก็รอชาลหน่อยนะ ขอเวลาสัก 2-3 วันน้า จะมาต่อให้ค่ะ เพราะงั้นอดทนรอกันอย่างใจเย็นเนอะ

   ชอบบทนี้มาก มากในมาก น่ารัก เขียนเองก็ชอบ5555555 นังน้อนน่ารักมากเลยอะ ก็เรื่องราวจะเป็นยังไงต่อรอติดตามนะคะ

   สามารถติดต่อข่าวสาร + สปอยล์ได้ที่ทวิตเตอร์ Chaleeisis หรือเพจ Fiction Yaoi Th นะคะ

   ขอบคุณที่เข้้ามาอ่านค้าบ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 25-01-2020 15:43:12 โดย chaleeisis »

ออฟไลน์ Leenboy

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3095
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +105/-2

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด