Endless Dream เพราะปลายทาง... คือเรา [ภาคจบ Loveless Society] - ตอนที่ 45 [END]
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: Endless Dream เพราะปลายทาง... คือเรา [ภาคจบ Loveless Society] - ตอนที่ 45 [END]  (อ่าน 7867 ครั้ง)

ออฟไลน์ M2M_Jill

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 195
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +50/-0
ตอนที่ 21 Recall

การเตรียมตัวสำหรับเดินทางของอินและพีทไม่ได้วุ่นวายมากนัก หลังจากเขาบอกให้มอสจองตั๋วเพิ่มแล้ว ทุกอย่างก็เป็นไปอย่างราบรื่น แม่ของเขาขับมาส่งอินและพีทที่สนามบิน เพราะมอสตั้งแต่จองไฟล์ทที่ออกในวันเดียวกันเลย จะได้มีเวลาเตรียมตัวเดินทางจากอุดรธานีไปยังหนองคายซึ่งคงต้องต่อรถกันไป
เมื่อมาถึงสนามบิน อินและพีทไม่มีเวลาอะไรมากนัก เนื่องจากพวกเขาสายเพราะรถติด จึงรีบเช็คอินและวิ่งขึ้นเครื่องกันหน้าตั้ง กว่าจะได้เจอคนอื่นๆก็คือหน้าเกตแล้ว มอสส่ายหน้าให้เขาแว้บหนึ่ง เพราะคิดว่าเขาจะพลาด และเมื่อขึ้นเครื่อง เขาก็พบว่าโฟล์คได้มากับพี่พนักงานบาร์คนนั้น คนที่เขาเคยพบ แต่ไม่ได้ทันจะได้พูดคุยกัน เขาก็ถูกจับแยกไปนั่งอีกที่หนึ่ง
“เห้ย จะนั่งไหม” พีทร้องถาม ขณะที่อินหันไปมองโฟล์คนานเกินไป
“อ๋อโทษที” อินนั่งลงที่ริมหน้าต่าง พลางนั่งลงอย่างใช้ความคิด ขณะที่พีทมองไปรอบๆอย่างงงๆ
“นึกว่าจะมาโฟล์คเค้าสองคนซะอีก” พีทร้องถาม “ใครวะ ไม่รู้จักใครเลย”
“เพื่อนสมัยเรียนอ่ะ โรงเรียนเก่า” อินตอบ
“ก่อนที่จะย้ายมา ม.6 อ่ะนะ”
อินพยักหน้ารับ ก่อนที่พนักงานต้อนรับจะเริ่มแจ้งเรื่องความปลอดภัย และเครื่องก็เริ่มออกเดินทาง
..........
“โอเค งั้นเดี๋ยวพวกกู ออกจากอุดรก่อน แล้วเดี๋ยวยังไงค่อยว่ากันโอเค๊” มอสพูดขณะเดินไปตามทางออกของสนามบิน “อ่าๆ ใจเย็นมึง พวกกูเพิ่งจะมาถึงเนี่ย อ่าๆ ไว้เจอกัน”
“เบนซ์ มันว่าไง” เบนซ์ถามมอส
“เดี๋ยวมีรถตู้มารับ เดี๋ยวพวกเราไปโรงแรมกันก่อน เก็บของให้เสร็จ แล้วค่อยไปวัด” มอสตอบ “แล้วเดี๋ยวเรื่องเที่ยวเชี่ยไรก็ค่อยว่ากันอีกที”
“เอ้อ ยังไม่ได้รู้จักกันเลย แนะนำกันก่อนมั้ย มัวแต่วุ่นๆกันที่สนามบิน” เบนซ์หันไปมองรอบๆ “เอ่อ...เริ่มที่กูก่อนละกัน นี่โบว์ น้องสาวกู”
“สวัสดีค่ะ” หญิงสาวหน้าตาน่ารัก ที่พวกเขาเคยเห็นอยู่ครั้งสองครั้งสมัยเรียน ยกมือไหว้สวัสดีพี่ๆทุกคน “รบกวนด้วยค่ะทุกคน พอดีหนูเบื่อๆ เลยขอติดมาด้วย”
“สบายๆน้อง” มอสกล่าวแช่มชื่น ซึ่งถ้าอินจำไม่ผิด ก็เหมือนว่ามอสก็เคยพยายามจีบเธออยู่พักนึงสมัยที่พวกเขาเรียนกันอยู่เช่นกัน แต่ดูเหมือนว่าเบนซ์ก็ไปปารีสซะก่อน แล้วก็แยกย้ายกันไป
“แล้วคุณล่ะครับคุณโฟล์ค” เบนซ์หันไปยังโฟล์คที่เหมือนกับว่าโฟล์คและพี่บอล กำลังชวนกันดูร้านของฝากที่อยู่ไม่ไกลกัน อินหลบสายตามาอย่างอึดอัด เมื่อเห็นทั้งคู่
“เห้ย เพื่อนเรียกคับผม” มอสย้ำอีกครั้ง และนั่นทำให้โฟล์คหันมามองเพื่อนๆ ขณะที่พี่บอลเอามือมาโอบไหล่โฟล์คไว้
“ว....ว่า” โฟล์คร้องถาม
“โอ้โห ขอโทษพี่นิดนึงนะคับ ... ไอ้เวร มึงไม่แนะนำเพื่อนๆหน่อยหะ เออ ไอ้นี่” มอสว่าต่อ
“อ๋อ...โทษที เอ่อ... ทุกคนนี่พี่บอล เค้าเป็นพี่บาร์เทนเดอร์ที่ร้านดาดฟ้าอ่ะ คือกูทำที่นั่นตั้งแต่จบ ม.6 แล้วก็เลย...”
“พี่เป็นแฟนโฟล์คคับ” พี่บอลยิ้มกว้าง ก่อนจะมองไปที่ทุกคน
“อ้ออออ” มอสอ้าปากค้างนิดหน่อย ก่อนที่จะเกิดเสียงเงียบกันทั้งวง “เอ่อ... สวัสดีค้าบ”
มอสได้สติทำลายความเงียบก่อนด้วยการเอ่ยทักทาย ซึ่งนั่นทำให้ทุกคนกล่าวทักทายตามกันหมด รวมถึงอินที่มองนิ่งๆ และก้มหัวให้นิดหน่อย
“ก็..นั่นแหละ” โฟล์คยิ้มกว้าง ขณะที่มองทุกคนอยู่เช่นกัน
“ขอติดมาด้วยนะ คงเหมือนน้องคนนั้น อยากมาเที่ยวบ้าง” บอลกล่าว “แล้วน้องอ่ะ...อินป่ะ...มากับใครคับเนี่ย”
บอลชี้มายังอินที่ยืนอยู่ตรงนั้น ขณะที่ทุกคนก็มองมา
“เพื่อนภาคมันอ่ะพี่ ชื่อพีท” โฟล์คตอบแทน “เค้าอยู่บ้านเดียวกันด้วย”
“อ้าวเหรอ” มอสหันไปมอง “งั้นก็รุ่นเดียวกันดิ”
“อ่า...ใช่คับ” พีทยิ้มรับ “คือพอดีอินมัน...”
“พีทเป็นแฟนกูเองอ่ะ” อินพูดขึ้นบ้าง และนั่นทำเอาพีทหันไปมองอินและเงียบสนิท ขณะที่มอสทำหน้าเหวอมากขึ้นเป็นสองเท่า
“เอ่อ....”
“ก็คงเหมือนพี่บอล ผมกับมันอยากมาพัก หลังจากปิดพรีเซนต์แล้ว” อินพูดและยิ้มให้โฟล์ค ที่มองมาทางอินด้วยสายตาว่างเปล่า
“โอ้...ดี ดีเลย...งั้น...เอ่อ.... นั่นๆ ...รถตู้มาแล้วคับผม” มอสชี้ไปยังรถตู้ที่กำลังขับมาจอดเทียบ “โชคดีจังมาซะที มามาทุกคน ยกกระเป๋าคับ”
มอสออกคำสั่ง ขณะที่คนอื่นๆหันไปหยิบกระเป๋าของตัวเอง และเดินไปยังหลังรถ ขณะที่อินพ่นลมหายใจออก และยืนนิ่งอยู่อย่างนั้น
แต่ทว่าพีทก็เอาคางมาวางไว้ที่ไหล่ของเขา
“มึงพูดเองนะ”
อินหันไปมองพีทที่ยิ้มกริ่ม และเดินหยิบกระเป๋าไปขึ้นรถ ขณะที่ทุกๆคนกำลังทยอยขึ้นรถตู้ไป
..........
แม้จะเป็นการเดินทางโดยรถตู้ประบอากาศอย่างดี แต่การเดินทางจากอุดรธานีตรงไปยังหนองคาย และยังต่อไปยังอำเภอบึงกาฬ เป็นการเดินทางที่ค่อนข้างทรหดเอามาก บนรถตู้ที่มอสและเบนซ์เป็นคนเปิดบทสนทนาอยู่แทบจะตลอดเวลา เพื่อดึงบรรยากาศให้สนุกสนาน อาจจะเพราะมีน้องโบว์ที่มอสก็พยายามแอ๊วเอินเธอไปตลอดทาง และทำให้ทุกอย่างไม่ดูอึดอัดมากเกินไปนัก แต่ดูเหมือนว่าแถวหลังที่ยึดครองโดยโฟล์คและพี่บอลที่อยู่ และอินกับพีทที่อยู่ที่นั่งอยู่แถวกลาง มันกลายเป็นจุดที่แปลกประหลาดเหลือเกิน
โฟล์คยังคงติดหูฟังเหมือนเก่า ขณะที่เขาแบ่งหูฟังข้างหนึ่งให้กับพี่บอล และก็เหมือนว่าทั้งคู่จะโดนดึงให้ออกไปจากบรรกาศโดยรอบ และจมหายไปกับท้ายรถเสียงอย่างนั้น ขณะที่อินก็ที่พบว่าตัวเองได้รอยยิ้มประหลาดมาจากพีทอยู่ตลอดเวลาที่หันไปเจอ และมันก็ดันทำให้เขาทำตัวไม่ถูกเช่นกัน
เมื่อมาถึงโรงแรม พวกเขาไม่มีเวลาจัดการอะไรกันมา เนื่องจากใกล้เวลาฌาปกิจเข้าไปทุกที ด้วยความเร่งรีบ พวกเขาจึงได้แต่รีบเอากระเป๋าของทุกคนทิ้งไว้ที่ล็อบบี้รวมถึงน้องโบว์ที่ขอตัวอยู่ที่โรงแรมเพื่อดูแลกระเป๋าให้พวกเขา และที่เหลือก็รีบออกจากโรงแรมมาก่อนที่จะได้ขึ้นห้องตัวเองกันด้วยซ้ำ
การมาถึงวัดที่จัดงานนั้นไม่ได้ไกลจากโรงแรมมาก แต่พวกเขาก็ตื่นตากับวัดที่ตั้งอยู่ริมแม่น้ำโขง และงานศพที่จัดอย่างเรียบง่าย เมื่อรถตู้จอดถึงวัด พวกเขาก็เห็นว่ามีกลุ่มคนอยู่ที่ศาลาอยู่ก่อนแล้ว มอสจึงจัดแจงเป็นคนนำเพื่อนๆทุกคนลงไป
“นั่นไงไอ้กาย ไปกัน แต่เดี๋ยว” มอสหันมาหาอิน “มึงจะไม่เปิดช้ะ”
“กูไม่ได้งี่เง่าไอ้สัส” อินย้อนทันที “ให้จบเผาก่อนมั้ย มึงนี่ก็นะ...”
“โอเค๊... มีสติก็ดี ไปพวกมึง” มอสเดินนำหน้าไป ขณะที่พีทมองไปตรงหน้าด้วยสีหน้าประหลาดอย่างที่อินไม่เคยเห็นมาก่อน
“มีอะไรเหรอ” อินร้องถาม
“อ๋อ...เปล่า” พีทตอบ “แล้วเอ่อ... เมื่อกี้... มอสเค้าหมายถึงไรอ่อ”
“อ๋อ... ไม่มีไร คือ เพื่อนเรา เจ้าของงานอ่ะ คือ... เคยทะเลาะกัน แต่ก็นานมาแล้วอ่ะ” อินว่า “ที่มานี่ก็... มอสกะให้มาเคลียร์กันด้วย”
“เคลียร์ในงานศพเนี่ยนะ” พีทร้องถาม ขณะที่อินยักไหล่
“ก็ถึงบอกมันตะกี้ไง ให้ไว้ก่อน” อินว่า “ไปเหอะ”
อินเดินนำพีทเข้าไปที่ศาลา ที่ตอนนี้ดูเหมือนทุกคนกำลังเตรียมที่จะเข้าสู่พิธีฌาปนกิจแล้ว แขกเหรื่อที่เป็นผู้หลักผู้ใหญ่ต่างก็เดินไปมากันค่อนข้างวุ่นวาย เขามองเห็นมอสที่กำลังสวมกอดใครคนหนึ่งอยู่ เพื่อนของเขาที่ไม่ได้เจอมาหลายปี ตอนนี้อยู่ในชุดสูทที่ดูดี ดีเสียจนเขานึกว่าเป็นคนละคนกับกายที่เขาเคยรู้จัก แต่ในสภาพที่ดูดีอยู่นั่น สีหน้าของกายดูย่ำแย่ ในตาของมันแดงก่ำขณะที่เขาเดินไปอยู่ใกล้
“ไม่เป็นไรมึง พวกกูมาแล้ว” มอสพูดปลอบเพื่อนที่ยังกอดมันแน่นอยู่อย่างนั้น มอสหันหลังส่งสายตามาหาอิน ที่เกาจมูกตัเองเบาๆขณะที่เดินมาถึงศาลา
มอสทำหน้าตาส่งสัญญาณให้อินเดินเข้ามาใกล้อีก
“ขอบใจมึงมากเว่ยมอส กู... กูขอโทษที่ไม่ได้บอก มึงด้วยโฟล์ค ขอบคุณที่มา” กายพูดเสียงสั่น พลางมองไปยังโฟล์คที่ตบไหล่เขาเบาๆ
“ไม่ใช่แค่พวกกู โน่น..” โฟล์คชี้ให้กายมองมาที่อิน ชายหนุ่มหันหลังกลับมามองอินที่ยืนอยู่ตรงนั้น และแล้วก็เป็นความเงียบอย่างประหลาด
อินมองหน้ากายอยู่อย่างนั้น เขาเองก็ไม่รู้ว่าจะเริ่มต้นพูดอะไรดี ดูเหมือนเรื่องราวในอดีตที่เขาพยายามฝังกลบมันไว้ กำลังผุดขึ้นมาจากก้นบึ้งของความคิด อินถอนหายใจก่อนจะเดินเข้ามาใกล้ขึ้น
“กูเสียใจด้วย” อินพูดเสียงเรียบ
กายยังคงเงียบสนิทขณะที่มองอิน
“ยังไง... ก็ต้อง...มาป่ะวะ” อินพูดต่อ ขณะที่กายหลับตาลง พลางหันกลับมามองมอส
“มึงนัดมันอ่อ” กายพูดต่อเสียงเข้ม
“เห้ย... ไม่เอาดิ มันอยากมาดูมึง มึงก็ใจเย็นเย...”
กายหันไปคว้าตัวอินมากอดไว้อีกคน และนั่นก็เหมือนกับว่า กายกำลังทำลายกำแพงหลายๆอย่างในตัวอินไปจนหมด
“กูขอโทษเว่ย...” กายพูดเสียงสั่น “กูเสียใจ กูไม่น่าทำกับมึงแบบนั้น”
อินยืนตัวสั่น ขณะที่กายยังกอดเขาอยู่
“กูขอโทษอิน”
อินหลับตาลงก่อนจะเอื้อมมือไปลูบหลังเพื่อน
“เออ..ช่างมัน...กู ไม่ได้คิดไรแล้ว” อินพูดพลางยิ้มให้มอสที่ส่งยิ้มกลับมา อย่างน้อยความตั้งใจของมอสก็สำเร็จไปแล้วเปลาะหนึ่ง Zodiac กลับมาเป็นเหมือนเดิมได้อีกครั้งแล้ว
กายผละออกจากอิน พลางมองไปที่ทุกคนตรงหน้า
“กู ดีใจที่พวกมึงมากัน กู...” กายยังคงพยายามห้ามตัวเองไม่ให้เสียงสั่น “คือ.... เดี๋ยวจะเอาแม่ไปแล้ว ไว้คุยละกันคืนนี้นะ กูไปหาหลวงลุงก่อน พอดีเอ่อ...ต้อง ...จัดการ”
“เห้ยไม่เป็นไร มึงไปเหอะ พวกกูโอเค” มอสว่าต่อ
“งั้น ดูแลตัวเองแล้วกัน และ...เห้ย....”
กายมองไปยังพีทที่ยืนอยู่ข้างอิน ก่อนจะเดินไปใกล้ๆเขามากขึ้น อินมองตามไป และก็พบว่าพีทเองก็มองหน้ากายด้วยสีหน้าประหลาดอีกแล้ว เหมือนตอนที่ลงจากรถตู้เมื่อกี้
“...พีท...นั่นพีทป้ะ” กายร้องขึ้น
“กายเหรอ...” พีทถามกลับ “กาย ลูกของลุงพอลอ่ะนะ”
“เห...” มอสส่งเสียงขึ้นมาทันที แต่ทว่าทั้งสองคนก็เงียบสนิทใส่กันอยู่อย่างนั้น ท่ามกลางความงงงันของทุกคนตรงหน้า พีทมองไปยังป้ายงานศพก่อนจะเห็นรูปของแม่อินใสกรอบทองนั้น เขามองกลับมาหากายอีกทีนึง
“ป้าแก้วเสียทำไมมึงไม่บอก”
พีทส่งเสียงไปหากาย ขณะที่กายก้มหน้าหลับตาอยู่อย่างนั้น
..............
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 07-04-2020 20:56:39 โดย M2M_Jill »

ออฟไลน์ broke-back

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 5947
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +844/-16
ความเล็กน้อยที่เหลือหลาก
กับ
ความมายมากที่หลากหลาย

อย่างไหนกับแน่..ของเพื่อนกลุ่มนี้
ยังรวมถึงคนรอบข้างเข้าไปอีก

ซับซ้อนเหมือนเชือกซ่อนปลาย
หุหุ

ออฟไลน์ M2M_Jill

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 195
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +50/-0
ตอนที่ 22 Related

ไม่มีใครเข้าใจภาพตรงหน้าเท่าไหร่ พวกเขาที่เหลือกำลังนั่งมองกายและพีทนั่งคุยอยู่กับหลวงลุงที่ดูเหมือนจะเป็นพระที่คอยจัดการเรื่องทุกอย่างอยู่ เพื่อนเตรียมตัวที่จะจัดขบวนเตรียมส่งศพคุณแม่แก้วขึ้นสู่พิธีฌาปณกิจ ตอนนี้ทุกๆคนที่กำลังมองไปตรงหน้า กายและพีท กลายเป็นสองคนที่กำลังช่วยกันจัดเตรียมงานเสียอย่างนั้น
   “บ้าชิบหาย” มอสพูดขึ้นหลังจากที่ทุกคนเงียบไปนานตรงเก้าอี้ในศาลา “กู... กู...ไปหาไรกินหลังศาลาละ นัวชิบ”
   มอสส่ายหัวพลางลุกขึ้น และเดินหายไปด้านหลังทันที ขณะที่โฟล์ควางโทรศัพท์และเดินกลับมานั่งอยู่ข้างๆอินและเบนซ์
   “โบว์กับพี่บอลเอากระเป๋าเข้าห้องให้หมดแล้วนะ” โฟล์คว่า “แล้วก็ถ้าพวกเราจะไปกันต่อก็ไปได้เลย พี่บอลจะดูแลโบว์ให้”
   “เออ... ขอบใจ” เบนซ์หันมาพูดกับโฟล์ค “น้าคนขับรถอ่ะ”
   “หลับอยู่อ่ะ ให้แกพัก” โฟล์คตอบ ขณะที่หันมามองอิน “มึงไม่รู้มาก่อนอ่อ”
   อินตกใจเล็กน้อยที่โฟล์คเริ่มต้นบทสนทนาจริงจังกับเขา
   “เรื่องที่มันเป็นลูกพี่ลูกน้องกันอ่ะนะ...ไม่รู้” อินตอบ
   “ได้ไงวะ มึงเป็นแฟนกันภาษาไร” เบนซ์ยิงคำถามที่ทำเอาอินสะดุ้งเบาๆ เขาเงียบลง ขณะที่โฟล์คหันมามองเขาอย่างเต็มตา อินจึงทำทีเป็นมองไปตรงหน้า
   “กู.... ก็ไม่เคยเล่าเรื่องพวกเราให้พีทฟังอ่ะ” อินตอบ “แล้ว....ทำยังกะ พวกมึงรู้เรื่องไอ้เชี่ยกายดีงั้นเหอะ แม่มันเป็นคนลาว มันเคยบอกพวกมึงป่ะล่ะ”
   อินเงียบเสียงลงขณะที่เขารู้ตัวว่ากำลังถูกจับจ้องอยู่จากโฟล์ค
   “อ...อะไร” อินหันไปหา
   “อยู่กับพีทเค้ามาสามปี แต่ไม่เคยถามเรื่องครอบครัวงั้นอ่อ” โฟล์คพูดเรียบๆ ก่อนจะมองไปตรงหน้าตามเดิม “ไม่ได้คุยกันเลยรึไง”
   อินถอนหายใจเบาๆ
   “พีทมันไม่ถนัดพูดอ่ะ” อินว่า “มันถนัดใช้การกระทำมากกว่า”
   อินหันไปมองโฟล์คอย่างจงใจ
   “เห้ย พวกนาย มาเหอะ พร้อมแล้ว....อิน” พีทเดินมาถึงจุดที่พวกเขานั่งรออยู่ เป็นการส่งสัญญาณว่าขบวนที่จะเวียนรอบเมรุพร้อมแล้ว พวกเขาลุกขึ้นและเดินตามพีทไป
   บรรยากาศของพิธีเป็นไปอย่างเรียบง่าย แต่ทว่าเต็มไปด้วยความรู้สึก ดูเหมือนว่าแม่ของกาย จะเป็นที่รักของชุมชนโดยรอบ มีแขกเหรื่อที่เป็นคนพื้นที่มาร่วมพิธีกันมากมาย ขณะที่ตัวลูกชายของแม่แก้ว ตอนนี้ตกอยู่ในสภาพที่ชุดสุภาพดูดีภายนอก ก็ไม่สามารถซ่อนใบหน้าที่ย่ำแย่ไปได้ มันดูเหมือนกับว่า กายกำลังส่งผ่านความรู้สึกผิดบางอย่างออกมาอยู่อย่างนั้น
   เมื่อเวลาที่ต้องเผาจริง พวกเขาทั้ง 5 ต่างยืนอยู่ข้างๆกาย ชายหนุ่มกำดอกไม้สุดท้ายเอาไว้ในมือ เขาวางมันลงไปในกองไฟ ก่อนที่ประตูเมรุจะปิดลง กายใช้หลังมือเช็ดน้ำตาตัวเองเบาๆก่อนจะเดินจากออกมา มอสเป็นตัวแทนเพื่อนๆทุกคนในการปลอบใจเพื่อน เขาดึงกายมากอดไว้อีกครั้ง ขณะที่เพื่อนๆทุกคนต่างมองกลุ่มควันแห่งความเศร้าโศกนั้นให้ผ่านพ้นไป
   มอสเดินเอาน้ำมาให้กาย ที่นั่งอยู่ในศาลารายล้อมด้วยเพื่อนๆของเขา ขณะที่แขกเหลื่อหลายคนทยอยกลับไปหมดแล้ว เขายังอยู่ที่นี่เพื่อรอเก็บเถ้ากระดูกให้เรียบร้อย ซึ่งกายไม่รอให้ถึงเช้า หลังจากพูดคุยกับหลวงลุงจนเสร็จเรียบร้อยแล้ว เขาอยากจะให้ทุกอย่างจบลงที่วันนี้ไปเลย
   “ดื่มซะหน่อยเพื่อน” มอสยื่นให้ พลางนั่งลงข้างๆ กายยังคงมองไปที่เมรุอยู่อย่างนั้น
   “แน่ใจนะ ว่าไม่ให้โทรบอกพ่ออ่ะ” พีทถามขึ้น กายหันไปหาพีท
   “ไว้ เรียบร้อยทุกอย่างก่อนก็ได้ แล้วเดี๋ยวค่อยว่ากัน” กายพูด “แม่ไม่อยากให้มันวุ่นอ่ะ แล้วถ้าคนฝั่งพ่อมากันหมด เราจัดการไม่ไหว”
   “ก็ได้... แต่ยูโอเคนะ” พีทเอื้อมมือไปแตะลูกพี่ลูกน้องของเขา
   “อืม... ว่าแต่ ยังไงเนี่ยหะ ยูกับเพื่อนไอไปไงมาไงเนี่ย” กายหันไปมาระหว่างพีทและอิน
   “อ๋อ...” พีทหันไปหาอิน ที่หน้าตึงๆด้วยความเก้อเขิน พีทอมยิ้มเบาๆก่อนจะหันกลับมา “ก็พ่อไอไปยุโรป ดีลกับแบรนด์อะไรซักอย่าง ติดสัญญาที่โน่นสามปี เค้าเลยฝากไอไว้กับแม่อินเค้าอ่ะ เราอยู่บ้านเพื่อนยูจนเรียนจบเนี่ย”
   “งี้นี่เอง อาพัฒน์ถึงไปหาไอที่ปารีส ชวนเราไปทำกะเอเจนซี่เค้าไม่หยุดเลย” กายถอนหายใจ “แล้ว... ยังไงวะ ได้กันที่บ้านหรือไง”
   “เอาเข้าไป” อินพูดขึ้น ขณะที่พีทยิ้มกว้าง
   “ก็ประมาณนั้นมั้ง เพื่อนยูน่ารักดี” พีทยิ้มให้อินด้วยสายตาที่ยียวน ขณะที่อินกลับรู้สึกว่าทุกอย่าง มันดูผิดที่ผิดทางไปมาก
   “มึงเหอะ” โฟล์คพูดสวนขึ้นมา “กลับมาไม่บอกพวกกูเลย”
   “เออใช่” เบนซ์รีบเสริม “ มึงเจอกูที่สถานทูตตอนปีกลาย มึงก็ไม่บอก ไม่อะไรกูเลยนะ”
   กายหันไปมองเบนซ์และโฟล์คที่ถามคำถามยิงตรงเข้าไปที่ความคิดของเขา
   “กูไม่รู้จะพูดหรือเจอพวกมึงยังไงอ่ะ” กายหันไปบอกทุกคน “กูผิดไง ไม่ใช่ว่ากูไม่รู้ แล้ว มันเกิดอะไรขึ้นเยอะมากกะชีวิตกู กูว่ากูรู้สึกเหมือนตัวเองแม่ง ทำให้คนที่แคร์กูถูกทิ้งไว้ข้างหลังตลอด มันเหมือน...”
   กายหันมาหาอิน
   “เหมือนที่มึงพูดกะกูวันนั้นไว้มันเป็นเรื่องจริง” กายพูดขึ้น “การเดินเร็วของกูไม่ได้ช่วยเหี้ยไรเลย กูยื้อชีวิตใครไว้ก็ไม่ได้...แม้แต่... คนที่กูรักที่สุด”
   และแล้วก็เงียบกันไปพักนึง อินมองไปรอบๆ เมื่อเห็นว่ามอสเองก็หมดปัญญาที่จะพูดอะไรกะกายแล้ว เขาจึงพยายามหาคำพูดที่เหมาะสม
   “มึงเลือกอะไรไปแล้ว มึงก็ทำได้แค่ไปต่อเว่ย” อินพูดขึ้นทันที “มันไม่มีประโยชน์ที่จะหันหลังกลับไปแก้เรื่องที่มึงแก้ไม่ได้ มึง กู พวกเราทุกคน แม่งก็มีเรื่องที่ต้องเจอ มีคนที่ต้องรับผิดชอบ ความเปลี่ยนแปลงมาเคาะประตูเราทุกวัน มีเรื่องที่ต้องตัดสินใจ คนอื่นๆที่เราก็ต้องให้ความสำคัญไม่แพ้กัน เพราะงั้น ถ้ามึงมัวแต่เดินไปข้างหน้าสองก้าว แล้วต้องเดินถอยกลับมาอีกสองก้าว มึงก็จะไม่ไปไหนป่ะวะ”
   อินพูดขึ้น ทำเอากายหันกลับมาหาเขาอีกครั้ง
   “ที่กูยอมมาหามึงตามไอ้เชี่ยมอสบอก มันไม่ใช่เพราะกูโกรธหรือไม่โกรธมึง แต่ตอนนี้มึงดูพวกเราทุกคนดิ” อินพูดต่อ “ที่กูจะบอกคือมึงไม่ใช่คนเดียว ที่เดินไปข้างหน้า แล้วรู้สึกผิดที่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง เผื่อมึงลืม กูก็ทิ้งพวกมึง แล้วก็เดินไปอีกทางเหมือนกันเว่ยไอ้กาย”
   กายยังคงมองหน้าอินอยู่อย่างนั้น
   “แม่มึงให้ชีวิตไปต่อตั้งแต่ให้มึงลงไปเรียนกรุงเทพคนเดียวแต่แรกแล้วไม่ใช่อ่อวะ และนั่นคือเหตุผลที่ชีวิตพามึงไปไกลถึงปารีส” อินพูด “มึงกลับมาส่งเค้า กลับมาทำหน้าที่ลูกที่ดี นั่นแม่งโคตรดีเลยเว่ย และกูก็ชื่นชมมึงมากๆ แต่กูว่ามันหมดเวลาที่มึงจะทบทวนแล้ว มึงต้องไปต่อ เหมือนที่กู ก็อยากจะมาเคลียร์ให้ทุกอย่างมันจบ กูก็จะได้ไปต่อเหมือนกัน”
   อินหันไปมองโฟล์คที่มองเขาด้วยสายตาบางอย่าง สายตาที่มีความรู้สึกบางอย่างส่งมา อินหลบสายตาคู่นั้นไปครู่หนึ่ง
   “ต่อจากนี้ มันคือชีวิตของพวกเรากันเอง ชีวิตมันก็แค่นี้ มึงต้องหาสิ่งที่มีค่าในชีวิตของมึง แล้วรักษามันไว้แล้วอ่ะ” อินว่า “เพราะหลังจากนี้ กูก็จะทำเหมือนกัน มึงเข้าใจใช่มั้ย”
   ทุกคนเงียบไปพักหนึ่ง กายพยักหน้าเบาก่อนจะยิ้มน้อยๆ
   “ขอบใจมึงมากอิน กูขอบใจมึงมาก”
   กายยิ้มให้อิน และรอยยิ้มนั้น ก็เป็นเหมือนยาประสานมิตรภาพระหว่างกันให้สมบูรณ์

...........

   พีทเปิดประตูห้องน้ำออกมา พลางเช็ดผมไปด้วย ขณะที่อินยืนอยู่ที่ระเบียงโรงแรมอย่างเหม่อลอย พีทมองอินอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะเดินมาอยู่ข้างๆตรงระเบียง อินหันไปมองพีท ก่อนจะยิ้มเบาๆให้ครั้งหนึ่ง แต่พีทยังคงมองอินอยู่อย่างนั้น
   “อะไร” อินถามเสียงเขิน ขณะที่พีทหัวเราะเบาๆ
   “มองแฟนไม่ได้เหรอ” พีทพูดขึ้น
   “หยุดเลย” อินยิ้มเบาๆ
   “กูไม่รู้นะว่ามึงคิดอะไรอยู่ หรืออยากจะแกล้งอะไรใคร แต่.... กูก็ชอบนะ เป็นแฟนมึงเนี่ย” พีทพูดต่อ “แล้วถ้ากูจีบมึงจริงๆขึ้นมา อย่ามางอแงนะครับ”
   “เพ้อเจ้อป่ะ” อินว่า “มึงเอาพริมไปไว้ไหนเหอะ”
   “กะพริมอ่ะนะ หลังเรียนจบจะเป็นไงเหอะ พริมจะไปต่อเมืองนอกนะมึงรู้เปล่า” พีทว่า “แต่กูเผลอๆติดแหง็กอยู่กับมึงต่อ”
   “ก็เลยเปลี่ยนใจมาคบกูงี้” อินถามต่อ
   “หึหึ ก็กูดีแต่อยู่บ้านมึงอ่ะ” พีทว่า “ยังไม่รู้เลยว่าออกไป จะอยู่เองได้ป่าว”
   “ไหนว่าเทพไง” อินว่า “ทุกคนเค้าพูดเหมือนกันหมด ว่ามึงอ่ะเหมาะกับบริหารธุรกิจมากกว่านิเทศน์ มึงคิดอะไรเป็นระบบไปหมด”
   “ทุกคนที่ว่านี่ทุกคนจริงๆ...หรือคำพูดโฟล์คอ่ะ” พีทถามต่อ และยิ้มเฝื่อนๆให้อิน และนั่นทำให้อินเงียบเสียงไป
   “ก็...เอ่อ...ก็คนอื่นด้วย” อินพูดตะกุกตะกัก “พวกที่ถาปัตย์ก็พูด”
   “อ่านะ... แต่ที่มึงพูดกะไอ้กายวันนี้อ่ะ มันดีมากเลยนะเว่ย” พีทพูดต่อ “แต่กูว่า มึงคงไม่ได้จะบอกไอ้กายคนเดียวหรอกมั้ง”
   “ยังไงวะ”
   “มึงมีอะไรกะโฟล์ค มึงก็รีบเคลียร์นะ” พีทพูดต่อ
   “กูไม่ได้มีเรื่องอะไรกะมันพีท” อินว่ากลับ “เอามาจากไหน”
   “ไม่รู้ดิ พฤติกรรมลูกค้า สัญชาติญาณ คิดอะไรเป็นระบบมั้ง” พีทยักคิ้วพลางมองอิน “ถ้าอยู่ดีดีจะมาเป็นแฟนกู มันก็ต้องเพื่อวัดกะใครซักคนที่มีแฟนเหมือนกันละมั้ง”
   อินหันไปมองพีทโดยไม่รู้ตัวเลยว่าสีหน้าของเขามันชัดเจนจนไม่อาจปิดบังได้ พีทหัวเราะกับตัวเองเบาๆ ขณะเอาผ้าขนหนูพาดบ่า
   “ถ้ามึงอยากไปต่อโดยไม่หันกลับไปข้างหลัง กูอยากให้มึงจบจริงๆนะเว่ย” พีทพูดเรียบๆ “เพราะว่า... ถ้า.... เป็นไปได้ กูก็... อยากจะไปต่อกับมึง แบบไม่อยากให้มึงหันหลังแล้วเหมือนกัน”
   พีทตบไหล่อินเบาๆ ก่อนจะเดินกลับเข้าห้องไป โดยทิ้งอินเคว้งคว้างกับความรู้สึกตื้อมึนอยู่ตรงนั้น
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 08-04-2020 21:02:25 โดย M2M_Jill »

ออฟไลน์ broke-back

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 5947
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +844/-16
จะเหนี่ยวรั้ง หรือยั้งยุด ให้หยุดอยู่
หรือปล่อยไป ไม่อยากสู้ รู้ไม่ไหว
จะทำตาม ความคิด ให้เป็นไป
หรือใช้ใจ นำทาง อย่างไหนดี

ก็นะ..แล้วแต่
หุหุ

เลิกลุ้นแล้ว..ปล่อย
ฮ่าฮ่า

ออฟไลน์ M2M_Jill

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 195
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +50/-0
ตอนที่ 23 Tangled

ก๊อก ก๊อก ก๊อก!
เสียงเคาะประตูดังขึ้น พีทเดินไปเปิดประตูห้องพัก ก็พบหน้าของเบนซ์ที่ยืนอยู่
“เชิญรวมตัวหน่อยคร้าบ คุยเรื่องแผนพรุ่งนี้” เบนซ์พูดขึ้น ขณะที่พีททำหน้างงๆ
“เอ่อ... อิน...เพื่อนมา” พีทร้องเข้าไปในห้อง อินจึงเดินออกมาจากระเบียง
“คุยเรื่องแผน หรือจะสังสรรค์อีกมึง” อินถามยิ้มๆ “เออ เดี๋ยวกูตามไป ห้องมอสช้ะ”
“ถูกต้องนะคร้าบ เจอกัน”
เบนซ์เดินจากไปแต่พีทก็ยังหันมาหาอินและมองอย่างกวนๆ
“ดื่มไหวอ่อ....”
“โอ่ยยยย เลิกกวนได้แล้ว จะไปด้วยกันมั้ย” อินว่า
“ไปดิๆ”
ไม่นานทั้งคู่ก็ไปสมทบที่ห้องของมอส ที่ตอนนี้ดูเหมือนว่าทุกคนจะมารวมตัวกันอยู่ที่นั่นไปแล้ว สายตาของอินจับจ้องไปยังมุมห้องโดยอัตโนมัติ และเห็นพี่บอลกำลังนอนตักโฟล์คอยู่ เขาหลบสายตาไปครู่หนึ่ง แต่ก็เหมือนพีทรู้ใจของเขา จึงเอามือโอบไหล่เขาเข้ามาในห้องทันที
ทั้งคู่หาที่นั่งลงเหมาะๆ ขณะที่มอสก็ไม่รีรอ ยื่นแก้วเหล้าให้อินทันที
“ไม่อ่ะ กูขอผ่าน” อินปฏิเสธทันที ขณะที่นั่งลง
“เอ๊า กูอุตส่าห์ไปซื้อมา” มอสร้อง
“เบียร์แทนดีกว่าคับ” พีทพูดแทน ก่อนที่เบนซ์จะเป็นฝ่ายยื่นมาให้แทน
“แล้วเป็นไงบ้างอ่ะคับ ทุกอย่างโอเคมั้ยที่งาน” พี่บอลเอ่ยถามขึ้น เหมือนว่าในวงกำลังค้างอยู่ที่บทสนทนาที่เกี่ยวกับงานศพ
“ก็โอเคนะพี่ กายมันจัดการแบบง่ายๆไวๆเลยอ่ะ เห็นว่าจะทำที่เก็บกระดูกไว้ที่วัดเลย แล้วก็ได้ยินว่ามันจะยกบ้านเป็นที่ดินของวัดอีก เหมือนแม่มันเขียนพินัยกรรมไว้แบบนั้น” เบนซ์เริ่มอธิบาย
“เพื่อนเราก็นี่ก็เก่งนะ ตัวคนเดียว แต่จัดการทุกอย่างได้หมดเลย” พี่บอลพูดต่อ
“โอ๊ย มันเจ๋งอยู่แล้วพี่ นี่ก็มันกลับมาไทย ก็เห็นว่าคนสนใจตัวมันเข้าทำงานเต็มไปหมดเลย เพราะมันทำแกลอรี่เองที่เบอร์ลินสำเร็จ แถมจบดีไซน์เมเนจเมนต์อีกตัวด้วย” เบนซ์พูดต่อ “ผมนี่แค่เรียนโปรดักส์ดีกรีเดียวก็แทบลากเลือดเลยอ่ะ”
“โฟล์คเล่าให้พี่ฟังว่าเป็นทุนป้ะ เหมือนทั้งประเทศไปได้สามคน” บอลถาม
“ใช่คับ” เบนซ์ตอบ
“แล้ว กาย กับเบนซ์ แล้วใครอีกคนเหรอคับ” บอลถามขึ้น ทำเอาอินเหลือบขึ้นไปมองหน้าโฟล์คเบาๆ ขณะที่ทั้งวงมองหน้ากันเลิ่กลั่ก
“เด็กโรงเรียนอื่นไงพี่ ที่ผมเคยเล่าให้ฟัง” โฟล์คตอบแทน “แต่พวกเราก็ไม่ได้เจอ กายมันก็...ไม่เห็นพูดถึงเลยวันนี้”
“อ่านะ” บอลหันมามองอินแว้บนึง “พี่ก็ลืมไป”
อินมองทั้งโฟล์คและบอลก่อนจะยกเบียร์ขึ้นจิบเบาๆ
“มึงดื่มไหวแน่นะ” พีทหันมาถามเขาเสียงดัง พลางโอบไหล่เขาทันทีอย่างที่รู้ได้ว่าจงใจ
“เอ้อ... เบียร์อ่ะได้ ไม่เป็นไร” อินยิ้มตอบ ก่อนที่จะมองหน้ากันอยู่อย่างนั้น
“อ่าวๆ หวานแข่งกันเข้าไป๊” มอสส่งเสียงแทรกขึ้นมา
“มึงจะตะโกนทำเชี่ยไรมอส เบาๆ” เบนซ์ว่า “แล้วไง เรียกมาคุยเรื่องพรุ่งนี้อ่ะ เอาไง”
“ก็เนี่ย... ว่าจะให้คนรถพาไปตระเวนในตลาดหนองคายริมน้ำตอนเช้า แล้วแวะไปหาไอ้กายที่วัดอีกรอบ รับมันกลับมาด้วยแล้วค่อยวนกลับไปอุดร ทีนี้มึงจะเที่ยว จะเชี่ยไรก็เอาเลยเต็มที่ เราจะค้างที่อุดรกันอีกคืน แล้วมะรืนออกตอนสาย จบทริปครับ” มอสว่า
“ก็โอเคนะ” โฟล์คเสริม
“ถึงอุดรแล้วแยกกันได้ป่ะ เผื่อใครอยากไปไหน” อินพูดขึ้น
“ทำไม มึงอยากจะแยกไปกับพีทอ่อ แหม...” มอสชี้หน้าแซว ขณะที่อินกะพีทมองหน้ากันและยิ้มอย่างเก้อเขิน
“ไม่ต้องหรอก” โฟล์คพูดขึ้น “วางตารางดีดีก็ไปได้หมดอ่ะ อยู่ด้วยกันนี่แหละ น้าคนขับรถจะได้ไม่ต้องเทียวไปเทียวมาป่ะวะ”
น้ำเสียงของโฟล์คที่แทรกขึ้นมาบ่งบอกอะไรบางอย่าง มันทำให้อินต้องกลับมารู้สึกเหมือนกับว่าอะไรๆมันกำลังเริ่มต้นอีกแล้ว
“ถามน้องโบว์ก่อนมั้ย เผื่อน้องเค้าอยากไปไหน” อินพูดสวนเสียงเข้มเช่นกัน เพื่อตอบโต้โฟล์คอย่างจงใจ “แล้ว...น้องมึงอ่ะเบนซ์ ไปไหนวะ”
“จะให้น้องกูมาอยู่ท่ามกลางวงเหล้าพวกมึงเนี่ยนะ ตลกละ” เบนซ์ว่า “มันนอนไปแล้ว เดี๋ยวพรุ่งนี้ค่อยว่าก็ได้ ตอนนี้ให้มันห่างๆไอ้เชี่ยมอสได้ก็ดี สภาพแม่งไม่ไหวป้ะ”
“ทำไมวะ กูมันไม่ดีตรงไหนหะ” มอสเริ่มพูดเสียงดังขึ้น ชัดเจนเลยว่าไปไกลแล้ว
“เบาเบาหน่อยมึง คืนนี้กูยังไม่ได้อยากฉลอง เกรงใจแม่ไอ้กายมันบ้าง” โฟล์ครีบเอ่ยปาก
“เอ๊า ไอ้กายไม่อยู่นี่ อีกอย่างพิธีเสร็จแล้วโว๊ย ก็ต้องอย่างที่ไอ้อินมันว่า” มอสยกแก้วขึ้นและชูให้อิน “ก่อนจะก้าวไปข้างหน้า เราก็ต้องกลับมาใช้เวลาที่อยู่ด้วยกันให้คุ้ม”
“ใช่อ่อวะ มันพูดงั้นอ่อ” เบนซ์พูดแซวมอสที่เดาว่าคงกึ่มได้ที่แล้ว ขณะที่คนอื่นๆขำตาม
“เออน่า...” มอสยกแก้วขึ้นจบ “มูฟออนงี้ป้ะ กูเก็ทน่ะเว่ย แต่ในฐานะที่กูเป็นคนรวมพวกมึง Zodiac กลับมาได้ กูก็อยากให้พวกมึงดื่มให้กับความหลัง กับเรื่องราวของพวกเรากันหน่อย”
พวกเขาที่เหลือส่ายหน้าให้กับไอ้มอสทันที
“กูไม่รำลึกอะไรกับมึงทั้งนั้นอ่ะมอส จำคำพูดกูยังไม่ถูกเลย” อินแซวต่อ
“มึงอ่ะตัวดีเลยไอ้ตูด” มอสชี้มาที่อิน “มึงแม่งทิ้งพวกกู ทิ้งทุกตัวในนี้เลย ไอ้เวร”
เอาอีกแล้ว บรรยากาศเริ่มดึงกลับไปในจุดที่อินเริ่มอึดอัดอีกครั้ง
“แต่กูว่า ถ้าจะรำลึกความหลังจริงๆอ่ะ เอาให้ครบๆดีกว่ามั้ย แบบนี้มันก็ไม่ต่างจากที่บ้านมึงป่ะมอส ตอนนั้นก็ฉลองกันสี่คน” โฟล์คพูดขึ้นเพื่อเบาอารมณ์ของมอสลง “เอางี้มั้ย เสาร์หน้า ไปร้านกู พอดีพวกกูกะแกงค์นิเทศน์แล้วก็ถาปัตย์ที่เรียนโฆษณากะเจนเอ็ดด้วยกัน จะฉลองที่เรียนจบกันอ่ะ พวกมึงก็ไปด้วยดิ ปาร์ตี้รวมๆกันไปเลย หนุกดี”
“ไอเดียดีนี่หว่า” มอสเอนตัวไปชี้หน้าโฟล์ค “จัดไปอย่าให้เสียเพื่อน”
“มึงก็น่าจะรู้คำตอบเชี่ยมอสนะโฟล์ค” เบนซ์หันไปพูด
“เออ... กูรู้” โฟล์คพูดขำขำ ก่อนจะหันไปหาพี่บอล “แต่... มันได้ป่ะพี่ จะพอไหม”
“ก็....โฟล์คชวนแล้วนี่ ก็ต้องพอแหละ” บอลพูดเรียบๆ พลางเปลี่ยนจากนอนตักโฟล์คเป็นลุกขึ้นมานั่ง
“เอางั้นก็ดีนะ จะได้รู้จักหมดเลย” พีทว่า “น่าสนุกดีนะมึงว่าป้ะ”
พีทหันหน้ามาหาอิน ที่ตอนนี้เริ่มมีสีหน้าอึดอัด และอยู่ในจุดที่เริ่มจะทนความกดดันตรงหน้าไม่ไหว
“ไม่รู้ดิ ก็... ก็ได้มั้ง” อินพูดเสียงเข้ม “กูไม่ค่อยดื่ม จะที่ไหนก็คงเหมือนกัน
“ไม่เหมือนดิ คนเยอะๆแม่งจะได้เลิกงี่เง่ากันบ้าง” มอสพูดด้วยคำที่ไม่มีสติมากขึ้น “แดกกันแค่นี้มึงกะไอ้เชี่ยโฟล์ค ยังเสือกเล่นเหี้ยไรกันไม่รู้ มีแฟนประชดกันเฉย”
คำพูดอันสิ้นสติของมอสดึงบรรยากาศของวงให้เงียบขึ้นมาอย่างไม่ทันตั้งตัว สายตาของคนสี่คนมองหน้ากันไปมา ระหว่างอิน โฟล์ค พีท และพี่บอล โฟล์คหายใจแรง ขณะที่บอลหันไปมองเขา เช่นเดียวกับอินที่ก้มหน้าลงมองขวดเบียร์อยู่อย่างนั้น แม้ว่ามือของพีทจะบีบไหล่เขาไว้จนแน่น
“พี่... พี่ง่วงละ พี่ไปนอนก่อนนะโฟล์ค” บอลพูดขึ้น “พี่ขอตัวก่อนนะคับทุกคน”
พี่บอลลุกขึ้น และเดินตัดวงออกไปโดยไม่รีรอ โฟล์คเงียบเสียงลงขณะที่มองพี่บอลเดินออกไป การกระทำที่ดูปกติของพี่บอลนั้น มันกลับไม่ได้ทำให้อะไรปกติขึ้นเลย
“เอ่อ... ดื่มเลย ดื่มกัน” พีทพูดแก้เก้อขึ้นมา พลางยกขวดชนกับเบนซ์ที่ดูจะงงๆกับสิ่งที่เกิดขึ้น ในขณะที่มอสเริ่มพิงหลังไปมองหน้าโฟล์คด้วยสีหน้าแดงก่ำและไม่พูดอะไรเลย
อินเงียบและกำขวดในมือจนแน่น และเมื่อความรู้สึกมันปะทุขึ้น เขาไม่รอช้าและรีบลุกขึ้นและออกจากห้องไปอีกคน
.................
ความรู้สึกหงุดหงิดของเขาดังพลุ่งพล่านขึ้นในหัว ถึงแม้ว่าเขาจะอยากเคลียร์กับกาย เพื่อให้กลุ่ม Zodiac กลับมาประสานกันได้เหมือนเดิมตามที่มอสว่า แต่การที่มอสมันรุกล้ำเข้ามาในเรื่องพวกนี้อีก มันทำให้เขาทนไม่ได้ นี่ไม่ใช่สิ่งที่เขาต้องการ ถ้าทุกคนยังพยายามลากเขากลับไปหามันอีก เขาจะไม่ได้ไปต่อซะที
มันไม่มีประโยชน์ที่จะหันหลังกลับไปต่ออีก
อินเดินไปตามระเบียงทางเดินของโรงแรม จนกระทั่งไปถึงห้องของตัวเอง เขาหลับตาลงก่อนจะตั้งสติ และเปิดประตูห้องเข้าไป
แต่ทันใดนั้น ร่างๆหนึ่งก็เปิดประตูตามเข้ามา และผลักตัวเขาไปชิดตู้ที่อยู่ริมประตู ก่อนที่จะปิดประตูห้องและล็อคลงทันที ร่างๆนั้นคร่อมตัวของอินอยู่ด้วยใบหน้าแดงก่ำและหอบถี่ อินมองใบหน้าคู่นั้นกลับไปอย่างคุ้นเคยดี
“มึงต้องการอะไร” เสียงของโฟล์คสั่นรัว กลิ่นของเบียร์คละคลุ้งออกมาจากลมหายใจจนอินรู้สึกได้
“ก...กูเปล่า”
ปึ๊ง!!!
“อย่ามาโกหกกู” โฟล์คทุบตู้ด้านหลังของอินเสียงดัง พร้อมกับพูดเสียงดังจนอินต้องหลับตาลง “ทั้งหมดนี่ มึงต้องการเล่นกับความรู้สึกกูอ่อ มึงทำไปเพราะอยากปั่นหัวกูอ่อหะ”
อินยังคงเงียบอยู่อย่างนั้น
“มึงบอกกูเองไม่ใช่อ่อวะ ว่าขาดกันไปแล้วก็ขาดกันไปเลยอ่ะ แล้วมึงมาทำเหี้ยไร” โฟล์คพูดเสียงสั่นขึ้นเรื่อยๆ นัยน์ตาเริ่มเอ่อไปด้วยน้ำใสใส “กูทำตามที่มึงขอแล้วอ่ะ แล้ว...แล้วทั้งหมดนี่คือไรวะ”
อินมองหน้าโฟล์ค เขาไม่รู้ด้วยซ้ำ ว่าจะพูดสิ่งที่อยู่ข้างในทั้งหมดออกไปยังไง
“กูเริ่มต้นใหม่ไปแล้วอย่างมึงขอแล้วอ่ะอิน กูทำให้มึงแล้วอ่ะ” โฟล์คตัวเริ่มสั่นเทาขณะที่เริ่มร้องไห้ เขากัดฟันและจ้องไปหาอินมากขึ้น “มึงอยากให้กูทำอะไรอีก มึงบอกกูมาเหอะ แต่อย่าทำกูเจ็บแบบนี้ กูขอทีเหอะนะ กูก็มีความรู้สึกนะเว่ย”
อินมองหน้าโฟล์คที่ปล่อยให้น้ำตาไหลลงมาอยู่อย่างนั้น
“แล้วมึงคิดว่ากูไม่รู้สึกเหรอ” อินว่ากลับทันที “มันก็ ...ก็ใช่ไง กู....ก็ไม่...ไม่ได้ว่าอะไร...ที่มึงเริ่มต้นใหม่แล้ว...ก็...ก็ดีแล้ว ก็ดีแล้วไง”
อินเป็นฝ่ายร้องไห้ออกมาบ้าง
“นี่ไง ชีวิตที่ควรเป็นอ่ะ” อินพูด “มึงกะเค้า...ก็...ก็ดีอ่ะ ดีเหี้ยๆเลย ส่วนกูกะมัน ก็...มันก็โคตรดีเลย”
“มึงไม่ต้องพูด กูไม่ได้อยากรู้” โฟล์คพูดทั้งน้ำตา
“กูมานี่ ก็เพราะกูอยากเคลียร์กับไอ้กาย แล้วหลังจากนี้ พวกเราจะได้ไปในทางอย่างที่ควรจะไป” อินพูดต่อ “เส้นทางที่มึงต้องไป และกูต้องไปไง... เส้นทางที่ไม่ได้มีเราไงโฟล์ค”
“มึงบอกไอ้กายไปแบบนั้น เพราะมึงก็อยากให้กูกะมึงเป็นอย่างนั้นใช่มั้ย” โฟล์คว่า
“ช...ใช่” อินพูด “มัน...ต้องเป็นแบบนั้น เพราะว่า...กูไม่ได้อ่อนแอ และมึง ก็ไม่ได้มีหน้าที่ต้องมาดูแลกู กูอยู่ของกูได้ และพีทมันก็ไม่ได้ทำให้กูรู้สึกอ่อนแอด้วย ส่วนมึง กูก็เห็นว่ามึงก็โคตรดีไม่ใช่อ่อวะ ที่มีพี่บอลเค้าดูแลมึงอ่ะ มึงอ่ะนะ...จะดูแลกู... มึงยังต้องอยู่ช่วยงานเค้าที่ร้านอยู่เลยโฟล์ค มึงจะเอาอะไรมาดูแลกู”
โฟล์คเม้มปากตัวเองพลางกำมือแน่น
“โอเค มึงมานี่เพราะอยากสะสางเรื่องที่ค้างคาให้จบใช่มั้ย” โฟล์คว่า “ทั้งหมดนี่มึงทำเพราะแค่นั้นใช่มั้ย...ได้”
“ใช่ กูจบกะไอ้กายแล้ว”
“งั้นตอนนี้ มึงมาสะสางเรื่องของกูบ้าง”
โฟล์คคว้าตัวอินมาจูบอีกครั้ง และครั้งนี้อินไม่อาจจะต้านทานความรู้สึกใดใดได้อีกแล้ว โฟล์คที่เหมือนกับว่าจะไม่สามารถคุมตัวเองได้อีก ถาโถมตัวเองเข้าใส่อิน เขาปลดเสื้อเชิ๊ตตัวเองออก พร้อมๆกับเลิกเสื้อของอินขึ้น กลิ่นแอลกอฮอล์จากโฟล์ค บวกกับความรู้สึกที่สั่นไหว ทำให้ทั้งคู่สั่นสะท้านกับความต้องการที่พลุ่งพล่าน โฟล์คคว้าตัวอินแล้วผลักลงกับเตียง ขณะที่ตัวเองปลดกางเกงยีนส์ของตัวเองออก และกระโจนเข้าใส่ตัวอินที่ปลดปล่อยร่างกายไว้อยู่อย่างนั้น
โฟล์คกดตัวอินไว้ครู่หนึ่งพลางมองเข้าไปในตาอินที่ล่องลอยแต่ก็ยังซ่อนความอ่อนไหวเอาไว้
“กูจะถือว่านี่ เป็นคำตอบของมึงแล้วนะ” โฟล์คพูดด้วยเสียงหื่นกระหาย
“กู...ก็ไม่เคยปฏิเสธป่ะ” อินว่า
“ดี...มึงพูดแล้วนะ”
โฟล์คก้มตัวลงหาอิน และมันก็เหมือนเป็นหลุมลึกที่ดูดทั้งคู่ลงไปในห้วงอารมณ์ที่ร้อนแรงและลึกซึ้ง เมื่อโฟล์คเป็นผู้เกมส์อย่างรู้งาน ขณะที่อินก็สอดรับอย่างล่องลอย ก่อนที่ทั้งคู่จะรู้ตัวว่า ความรู้สึกใดใดที่ซ่อนตัวอยู่หลังกำแพงของทั้งคู่ มันเอ่อล้นทะลัก และทลายกำแพงที่ขวางกั้นทั้งหมดออกไป ในขณะทั้งสองฝ่ายได้ปลดปล่อยตัวเองเข้ากันอยู่ในค่ำคืนที่เงียบงัน
.............

ออฟไลน์ broke-back

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 5947
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +844/-16
สงครามสงบ
จบกันที่เตียง

 :oo1:
หุหุ


รออ่านให้ถึงตอนนี้เร็วๆ
ฮ่าฮ่า..สมใจอ่ะ
 :hao7:

ออฟไลน์ M2M_Jill

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 195
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +50/-0
ตอนที่ 24 Keep Your Eyes Open

โฟล์คลืมตาตื่นขึ้นในสภาพที่ร่างกายเปลือยเปล่า เหมือนการตกลงไปในห้วงความรู้สึกที่ดำมืดทำให้เขาสูญเสียพลังและสติในหัวออกไปมาก โฟล์คหายใจหอบถี่ขณะที่ตัวเองค่อยๆลุกขึ้นนั่ง เขามองไปข้างๆ ก็พบกับอินที่นั่งอยู่ข้างเตียงอยู่ก่อนแล้ว ม่านห้องพักที่แง้มออก เผยให้เห็นว่าสายฝนกำลังกระหน่ำสาดเข้ามา และท้องทุ่งที่มืดมิดภายนอก เป็นภาพที่ไม่เห็นแม้แต่อะไรที่อยู่ไกลออกไป
โฟล์คมองอินที่นั่งกอดเข่าบนเก้าอี้อยู่อย่างนั้น เขาจับหัวตัวเองที่ตื้อมึนเล็กน้อย ก่อนจะคว้าเอาเสื้อผ้าที่กองอยู่ข้างเตียงลุกขึ้นมาใส่อยากลวกๆ พลางหยิบเสื้อผ้าของอินขึ้นมาด้วย โฟล์คเดินอ้อมเตียงไปยังเก้าอี้ริมหน้าต่างที่อินนั่งเปลือยเปล่าอยู่ตรงนั้น ก่อนจะยื่นเสื้อผ้าให้อิน แต่อินก็ยังคงมองไปข้างนอก
“ข้างนอกฝนตก” อินพูดเสียงเรียบ
โฟล์คหันไปมองตาม
“อืม” โฟล์ครับเรียบๆ “ใส่เหอะ เดี๋ยวพีทกลับมา”
อินยังคงเงียบ โฟล์คจึงได้แต่วางเสื้อผ้าลงไว้ข้างๆ พลางนั่งยองๆลงกับพื้นข้างๆเก้าอี้ของอิน เขาก้มหน้าลง เพื่อหาคำพูดที่เหมาะสม
“เจ็บหรือเปล่า” โฟล์คถามเบาๆ อินส่ายหน้าให้เป็นคำตอบ “โอเค... กู... คือกูอยากจะขอโทษ ถ้าเกิดว่าเมื่อกี้กู...”
โฟล์คมองหน้าอินที่ยังคงมองไปข้างนอกอยู่อย่างนั้น
“กูไม่ได้เป็นอะไร ไม่ต้องมองกูแบบนั้น” อินพูดต่อ “ไปเหอะ เดี๋ยวพี่บอลถามหา...
โฟล์คยื่นหน้าเข้าไปจูบอินอีกครั้งทันที ทั้งคู่หลับตาจูบกันอยู่อย่างนั้น จูบที่ต่างจากช่วงเวลาอันร้อนแรงก่อนหน้านี้ มันคือจูบที่เต็มไปด้วยความรู้สึกอ่อนโยนและสั่นไหว โฟล์คและอินต่างรู้สึกว่าอยากขอหยุดเวลาตรงนี้เอาไว้ ยื้อเวลาจูบนี้ไว้ให้นานแสนนาน
ทั้งคู่ผละหน้าออกจากกัน ก่อนจะมองกันอยู่อย่างนั้น
“กู... กู...ไปละ”
โฟล์คหักความรู้สึกตัวเอง ก่อนจะลุกขึ้นและเดินตรงไปยังประตูห้องทันที ขณะที่อินก้มหน้าลงและร้องไห้อยู่อย่างนั้น เสียงสะอื้นของอินทำเอาโฟล์คหยุดชะงัก เขากำมือไว้แน่นจนเจ็บ ความรู้สึกของเขาทั้งคู่ไม่ได้ต่างกันเลยซักนิด เขาหลับตาลงก่อนจะเดินไปเปิดประตูห้องทันที
ร่างๆหนึ่งยืนอยู่หน้าประตูห้องด้วยท่าทีนิ่งสงบ โฟล์คตกใจชะงักไปพักหนึ่ง ขณะที่พีทมองเสื้อเชิ๊ตที่ไม่ติดกระดุมของโฟล์ค ก่อนจะมองหน้าของโฟล์คอยู่อย่างนั้น
“พีท...” โฟล์คพูดออกมาเบาๆ
“ผม... เข้าไปได้หรือยัง” พีทยิ้มถามเบาๆ
โฟล์คก้มหน้าลงด้วยความรู้สึกผิดมหันต์ ชายหนุ่มหลับตาลง ก่อนจะหลบตัวหลีกทางให้พีทเดินเข้าไปในห้อง ก่อนที่เขาจะมองพีทปิดประตูห้องพร้อมรอยยิ้ม เมื่อเสียงปิดประตูห้องดับลง ก็ทิ้งไว้เพียงความเงียบของโฟล์คอยู่อย่างนั้น
พีทเดินเข้ามาในห้อง มองสภาพเตียง และทุกๆอย่างโดบรอบ แม้ว่าทันทีที่พีทเข้ามาอินยังอยู่ในสภาพที่น่ากระอักกระอ่วน อินคว้าอะไรไม่ได้ทันไปมากกว่าหยิบชั้นในมาสวมโดยทิ้งเสื้อผ้าอื่นๆไว้ข้างเตียง
พีทถอนหายใจพลางนั่งลงที่ปลายเตียงและหันหลังให้กับอิน
“ทุกคน...ก็จะเข้าใจว่า ต่างคนต่างแยกไปห้องตัวเอง เพราะก็เมากันหมด” พีทพูดขึ้นเรียบๆ “ทางพี่เค้าก็จะเข้าใจว่า มันหลับอยู่ที่ห้องไอ้มอสปาร์ตี้กันจนดึก น็อค กลับห้องไม่ไหว”
อินยังคงซบหน้าลงไปที่เข่า ขณะที่ปล่อยให้คำพูดของพีทผ่านเข้ามา
“ส่วนกูก็จะเมาอยู่ห้องนั้นพักใหญ่ พาตัวเองกลับมานี่ แล้วก็... เห็นมึงหลับไปแล้ว” พีทพูดต่อ “มันจะต้องแบบนี้ ถูกป่ะ ถึงจะวินวินกันทุกฝ่าย”
อินเงยหน้าขึ้น ก่อนจะปาดน้ำตาและควบคุมอารมณ์ของตัวเอง
“กู.. กู...ขอ...ขอโทษมึงด้วยนะ” อินพูดเสียงสั่น ขณะปาดน้ำตาออกจากใบหน้า “ขอโทษ...ที่ ที่ลากมึงเข้ามาในเรื่องเหี้ยๆพวกนี้”
พีทยิ้มให้ตัวเองเบาๆ
“ตอนนี้กูรู้สึกแย่กับตัวเองเหี้ยๆเลย ที่ปล่อยให้แม่งเกิดขึ้น” อินว่า “แม่งควรง่ายกว่านี้ มันควรจะเป็นทริปที่ง่ายกว่านี้ ไม่ใช่ให้กูมาแบกเรื่องเหี้ยนี่เพิ่มอีกอ่ะ”
“หรือบางที มึงอาจจะไม่ได้แบกอะไรเพิ่มป่ะ” พีทว่า “มันอาจจะ อยู่กับมึงมาแต่แรกแล้วก็ได้”
อินเงียบเสียงไปทันที
“คำถามสำคัญก็คือ... จบมั้ย” พีทหันไปหาอินในที่สุด
แต่อินยังคงเงียบสนิท พีทมองอินอย่างเข้าใจก่อนจะตัดสินใจเดินไปหาอินใกล้ๆ อินเหลือบมองพีทที่ยืนอยู่ข้างเขา มองหน้ากันอยู่พักหนึ่ง
“ยังไม่ต้องตอบตอนนี้ก็ได้ ก็ค่อยว่ากัน” พีทเม้มปากเบาๆ พลางก้มลงไปเก็บเสื้อผ้าของอินที่วางอยู่ข้างๆ “ก่อนอื่นกูว่า... มึงลุกไปอาบน้ำ แล้วนอนเหอะ พรุ่งนี้เราออกกันแต่เช้า”
อินพยักหน้ารับ ก่อนจะค่อยๆลุกขึ้นยืน และรับเสื้อผ้ามาจากพีท
“นี่กู... แอบพาชู้มาที่ห้องถูกมะ” อินพูดพลางพยายามยิ้มให้พีท ที่หัวเราะเบาๆอย่างไม่ค่อยจะไปด้วยกันกับสีหน้านัก
“ถ้ายึดตามที่เห็นก็ใช่อ่ะนะ” พีทว่า “ซึ่ง...ตะกี้กูก็ควรต่อยมันด้วยป้ะ ซักหมัดสองหมัด ไม่ก็ อัดคลิปลงโซเชี่ยล”
อินก้มหน้าลง เหมือนกับว่าความรู้สึกผิด มันเอ่อล้นขึ้นมาอีกครั้
“ไม่เอาดิ พอได้แล้ว ลืมตาเหอะ” พีทว่า “กูบอกมึงไปแล้วอ่ะ มีอะไรกูช่วยหมด กูไม่เป็นไร กูอยู่กะมึงได้ ไม่มีปัญหา”
“มึงรับกูได้อ่อหะ” อินพูดต่อ
“ไม่อ่ะ” พีทพูดพลางยื่นหน้าเข้ามาใกล้ “เพราะ...กูจะรุก”
อินยิ้มเบาๆก่อนจะต่อยเข้าที่แขนของพีทครั้งหนึ่ง พีทส่งรอยยิ้มอันอบอุ่นให้กับอิน
พีททำได้อีกแล้ว การจัดลำดับความคิดอย่างเป็นระบบของพีท ทำให้อินรู้สึกว่าเขาไม่ต้องจมดิ่งลงไปในห้วงอารมณ์ที่อ่อนไหวและไร้หนทาง ฝนที่ด้านนอกซาลงแล้ว และเขาก็พบว่ามันคือสิ่งที่เขาสบายใจ อบอุ่นใจทุกครั้งที่มีพีทอยู่
“ไว้คราวหน้าละกันนะ” อินพูดขำขำ ก่อนจะเอาหัวไปชนหน้าอกของพีท ชายหนุ่มโอบตัวอินไว้และลูบไหล่เขาเบาๆ
“อย่าคิดมากน่า ไปอาบน้ำไป” พีทตบไหล่ ขณะที่อินเดินไปอาบน้ำอย่างเงียบเชียบ ขณะที่พีทถอนหายใจกับตัวเอง ก่อนจะนั่งลงที่ข้างเตียงและจะปิดไฟนอนไปก่อนโดยไม่รอ
.............
“พิพิธภัณฑ์บ้านเชียงทำกูรู้สึกแก่เลยว่ะ” มอสพูดขึ้นขณะนั่งอยู่ที่เกต “คือมนุษย์โบราณตายตอนอายุ 30 นี่หมายความว่าพวกมึงกะกูนี่คือแก่แล้วนะ มนุษย์เมื่อก่อน 14 หรือ 15 มีลูกกันแล้วด้วยไง”
“ทำไม มึงจะมีลูกตอนนี้เลยอ่อหะ” กายพูดยกแก้วกาแฟขึ้นจิบพลาง
“โห กูก็อยากมีแฟนป่ะวะ” มอสว่า “กูหล่อไม่ได้แพ้มึงเลยเชี่ยกาย ไม่ต้องเลย”
“พี่มอสยังไม่มีแฟนเหรอคะ” โบว์ถามเสียงชื่นมื่น ขณะที่คนอื่นๆหัวเราะตาม
“ยังคับผม ก็พยายามหาดูอยู่คับ แถวๆนี้แหละ” มอสส่งเสียงอ่อนหวาน
“พอเลยๆ ไอ้เวร” เบนซ์รีบออกตัวกันน้องสาวของเขาทันที ขณะที่โบว์หัวเราะเสียงใส “มึงนี่ก็ชงเหลือเกินนะ”
“แล้วมึงยังไงต่ออ่ะเบนซ์ กลับกรุงเทพไปทำไรวะตอนนี้” กายเริ่มถาม
“เฟอร์นิเจอร์คับ กับไอดีไซน์” เบนซ์ว่า
“โห ไอดีไซน์เลยอ่อ” กายร้องถาม “เล่นตัวท็อปเลยอ่อวะ”
“ก็เค้ามาดูตัวกูไว้ตั้งแต่ที่โน่นแล้วอ่ะ ก็เลยตกลงไป” เบนซ์ตอบ “มึงอ่ะ เห็นว่า B.A.D Award ปีหน้า มีเอเจนซี่ตามตัวมึงกันให้ควัก”
“โห กูยังไม่ขนาดนั้นหรอก เพิ่งเรียนจบมาครึ่งปีเอง อยากลองอะไรไปเยอะๆก่อนอ่ะ” กายพูด
“ใช่อ่อวะ” พีทพูดขึ้นทันที ทำเอาอินที่นั่งอยู่ข้างๆถึงกับเหล่มอง “เท่าที่ได้ยินมา คนในแวดวงโฆษณาเค้าบอกว่าทักษะยูร้ายกาจมาก ที่ไปดีลกับสถาปนิกรายใหญ่ได้ที่เบอร์ลินอ่ะ จนได้เลื่อนเป็นมาสเตอร์ทางด้านช่างภาพทั้งๆที่เพิ่งเรียนจบ”
“ยูไปได้ยินมาจากไหน” กายหันไปบอก
“พ่อยูเล่าให้พ่อไอฟัง” พีทตอบ “พอดี เมื่อวานไอโทรไปหาพ่อไอแล้ว”
“อ่อ...ก็... มันดีลได้เฉยๆ มันก็ทำ” กายว่า
“จริงอ่อวะ จอห์นพอล ที่ทำแบรนด์ดีไซน์ที่นั่นอ่ะนะ เห้ย เค้าว่าแม่งเรื่องเยอะสัสเลยนะเว่ย มึงดีลได้ไงวะ” เบนซ์ร้องถาม
กายยักไหล่อย่างเสียไม่ได้
“กูมีเวทย์มนต์ไง” กายยิ้มกว้าง
“เยดเข้ ไม้กายสิทธิ์งี้ ว่าไปนั่น” มอสยังคงส่งเสียงฮาเหมือนเดิม “แล้วไอ้โฟล์คกับพี่บอลหายไปไหนวะเนี่ย เดี๋ยวก็ตกเครื่องหรอก”
อินถอนหายใจให้กับเสียงของมอส ขณะเช็ครูปในกล้องที่พวกเขาไปเที่ยวกันมา ตั้งแต่ออกจากหนองคายและไปรับไอ้กายมา ทุกคนก็สลบบนรถตู้กันหมด กว่าจะตาสว่างตื่นกันอีกทีก็อุดรแล้ว และเหมือนว่าไอเดียของอินจะได้ผล พวกเขาแยกกันไปเที่ยว แล้วค่อยกลับมาเจอกัน และนั่นหมายความว่าทันทีที่ก้าวขาลงที่ตัวเมืองอุดร โฟล์คและพี่บอล ก็ขอแยกไปกันสองคน
“โอเคมั้ย” พีทหันมาถามอินที่เห็นเขาเงียบไปนาน
“อื้อ... โอเค” อินยิ้มให้กับพีท
เมื่อถึงเวลาเช้า อินที่หลับฟุบไปกับโซฟา ก็พบว่าพีทเป็นคนปลุกเขา และแอบเอาอาหารเช้าสั่งขึ้นมาบนห้องให้เขาด้วย เรื่องราวของเมื่อคืนนี้ เงียบงันเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น และดูเหมือนว่าพีทจะทำให้มันเป็นเช่นนั้นอย่างง่ายดาย
“โน่น มาโน่นละ” กายชี้ไปที่โฟล์คและบอลที่เดินมาด้วยกันด้วยสีหน้าสดใส พร้อมกับข้าวของถุงใหญ่
“โอ้โหไอ้เวร กูนึกว่ามึงตกเครื่องแน่ละ” มอสว่า “ไปไหนกันมาครับเนี่ย”
“พิพิทภัณฑ์คอมมิวนิสต์” โฟล์คว่า “กูอยากไปอ่านปรัชญาน่ะ ก็เลยไป”
“เอ๊าไอ้นี่ เรียนจบแล้วก็ยังหาเรื่องเนอะ” มอสแซวต่อ
“ไม่แต่พี่บอลก็สนุกนะ ไม่ใช่อ่อคับ” โฟล์คหันไปยิ้มให้
“อื้อ ก็ดีนะ ได้รู้อะไรที่ไม่เคยรู้เยอะเลย” พี่บอลพูดพลางมองมาที่อินแว้บหนึ่ง “แต่พอดีเราตะลอนซื้อของฝากน่ะ แล้วก็ไปนั่งเล่นกันที่เป็ดเหลืองด้วย โทษทีที่ช้านะ เราหารถมาสนามบินยาก ก็เลยงงๆกันหน่อย”
“ไม่เป็นไรค้าบ” มอสพูดต่อ
เสียงประกาศของสายการบินเรียกให้พวกเขาตื่นตัว มอสจึงลุกขึ้นและทำท่าทีจริงจัง
“เอาล่ะ กูขอพูดปิดท้ายก่อนขึ้นเครื่อง กูดีใจ ที่เจอพวกมึงที่นี่นะ ไป... กลับกันครับผม” มอสพูด
“เสาร์หน้าเจอกัน ร้านไอ้เชี่ยโฟล์คนะ อย่าลืม... อิน ไปนะ” เบนซ์หันมาชี้
อินยักคิ้วให้ ก่อนที่คนอื่นๆจะเดินนำหน้าไปที่เกต การเดินทางอันสุดอึดอัดนี้จบลงแล้ว แม้ว่ามันจะทำให้อินรู้สึกโหวงข้างในอย่างประหลาด แต่มันก็ดีเท่าที่จะเป็นได้แล้ว
โฟล์คเหลียวหลังหันมามองเขาแว้บหนึ่ง ก่อนที่จะเดินเข้าประตูหายไปพร้อมกับมอสและกาย รวมถึงพีทที่ตามไปสมทบกับลูกพี่ลูกน้องของเขา อินจึงเดินตามเข้าไป แต่ทันใดนั้น ร่างๆหนึ่งก็มาขวางเขาไว้ทันที
“คับพี่บอล” อินร้องขึ้น ขณะที่พี่บอลมองหน้าของเขา
“ทริปนี้โอเคแล้วใช่ป่ะ ที่ได้กลับมาเจอเพื่อนๆครบแกงค์อ่ะ” พี่บอลถามขึ้น
“เอ่อ...คับ” อินตอบด้วยความงงงวย “ก็คับ...ไม่ขึ้นเครื่องเหรอพี่”
“มันโอเคแล้วถูกป่ะ เราอยากได้อย่างที่เราต้องการแล้วใช่ป่ะ” บอลพูดต่อ และนั่นทำให้อินรู้สึกถึงอะไรบางอย่างอีกครั้ง ขณะที่บอลพยักหน้ากับตัวเองพลางมองไปทางอื่น
“ถ้าไม่ว่าง ไม่ต้องมาก็ได้นะ เสาร์หน้าอ่ะ”
บอลพูดทิ้งท้าย ก่อนจะเดินหันหลังขึ้นเครื่องไปทันที
..............

ออฟไลน์ broke-back

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 5947
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +844/-16
แรงงงงงงงงงงงง
พี่บอลหึงเป็นจริงเป็นจัง
หึงโฟล์ค จริงๆใช่ไหม

เวรกรรม

ออฟไลน์ M2M_Jill

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 195
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +50/-0
ตอนที่ 23 Reunion

การทำเอกสารเรื่องจบการศึกษา ทำเอาอินหมดพลังงาน ความวุ่นวายหลังจากกลับมาจากหนองคายหลังจากที่ส่งโปรเจ็คหมดแล้วมันหลอกหลอนเขาเอามากๆ ขนาดพีทเองที่ว่ามีความคิดเป็นระบบ และตารางชีวิตได้ดี ยังออกปากบ่นว่าเอกสารและการจัดการเรื่องการเรียนจบก็ค่อนข้างวุ่นวาย อาจจะมีเพียงพริมที่ไปไกลแล้ว เธอใช้เวลาช่วงที่อินและพีทไปหนองคาย วิ่งวุ่นจัดการจนเสร็จสรรพ แถมมีเวลาไปสัมภาษณ์ชิงทุน ป.โท อีกเสียด้วย ซึ่งพีทก็ถึงกับต้องยอมคารวะกับความไวดั่งปีศาจของเธออีกคน
“นี่ก็เหมือนว่าพริมจะอยู่แค่ปาร์ตี้เรานี่แหละ แล้วเธอก็จะไปต่อเลย” พีทพูดต่อ
“พริมจะไม่เข้ารับปริญญาเหรอ” อินถาม
“เค้าบอกว่ามันไม่ทัน” พีทตอบ “ตารางทางโน้นเค้าเร่งมามั้ง ถ้าฟังมาไม่ผิด”
“อ่านะ... แล้ว... คือยังไงอ่ะ จะเลิกกันป้ะ” อินชงคำถามออกไป ทำเอาพีทหัวเราะเบาๆ
“ทำไม มึงหึงอ่อ” พีทเหลือบสายตาถามมาด้วยความยียวน
“ป่าว” อินตอบเสียงยานคาง “ก็...แค่อยากรู้”
“หึหึ” พีทเกาจมูกเบาๆ “ก็...เคยบอกมึงไปแล้วนี่ ยังไงพริมก็ต้องไป แล้ว กูก็ต้องอยู่นี่”
“พีท มึงไม่จำเป็นต้องผูกตัวเองอยู่กับกู กับที่นี่ก็ได้” อินว่า “ถ้ามึงเจออย่างอื่นที่มึงไปได้ดี ก็ไม่ต้องห่วงกูหรอก”
“ก็ถ้ามีแล้วค่อยว่ากัน” พีทว่า “แต่ตอนนี้มันไม่มี.... มึงเหอะ สรุปจะทำกับเอเจนซี่พ่อกูไหม เขากลับมาอาทิตย์หน้าแล้ว”
“ก็ถ้าทำ ทำไมไม่ทำด้วยกันอ่ะ” อินถาม
“มันคงไม่เหมาะสมป่ะ เข้าไปทำในบริษัทพ่อตัวเอง คนอื่นเค้าจะมองไง” พีทตอบ
“แต่ให้กูเข้าไปทำได้เนี่ยนะ” อินย้อน
“ก็... อย่างน้อยก็น่าเกลียดน้อยลงหน่อยน่า” พีทว่า “ยังไงอ่ะ ทำไม่ทำ”
“ก็... ทำก็ได้ ก็พ่อมึงกลับมาค่อยว่ากัน” อินตอบ
“ก็พอดีเลย เพราะเหมือนพวกถาปัตย์ก็จะไปสมัครที่เอเจนซี่พ่อกูเหมือนกัน” พีทว่า
“พวกนัท สา มิก อ่ะเหรอ” อินถาม
“ช่าย...เห็นได้ยินพริมบอก แต่เดี๋ยววันปาร์ตี้ ค่อยไปถามกันอีกทีก็ได้” พีทพูด ซึ่งอินถึงกับเงียบไปพักหนึ่ง จริงๆหลายวันมานี้ เขาพยายามทบทวน บวกลบคุณหารในหัวอยู่ ว่าเขาอาจจะไม่จำเป็นต้องไปปาร์ตี้เลี้ยงจบ เพราะบางที มันอาจจะถึงเวลาที่ต้องแยกย้าย
“ยังไม่รู้เลยว่าจะไปได้ป่าว ทำโน่นนี่ยังไม่เสร็จเลย” อินพูดขึ้น พยายามทำน้ำเสียงให้ราบเรียบที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้
“ก็เลยจะไม่ไปงั้นอ่อ” พีทร้องถามขณะที่กำลังตักข้าวเข้าปาก
“สัมภาษณ์งาน ตัดชุดครุยอีก ไม่รู้จะเสร็จกี่โมง” อินพูดเสียงเรียบขณะดูมือถือ
“หืม... จะชิ่ง หลังจากที่ทุกคนนัดไว้ก่อนเป็นอาทิตย์อ่ะนะ” พีทถามต่อพลางเหลือบตาขึ้นมามอง อินยักไหล่เลิกคิ้วเป็นคำตอบพอเป็นพิธี ขณะที่พีทซึ่งนั่งอยู่ตรงข้ามโต๊ะอาหาร
และแล้วก็เงียบกันไปพักหนึ่ง อินไม่รู้ตัวเลยว่าพีทกำลังนั่งมองเขาอย่างพินิจอยู่ อินวางมือลงจากมือถือ พลางมองพีทกลับ
“อะไร” อินถาม
“มาถึงตอนนี้แล้วอ่ะ คิดอ่อ ว่าจะปิดเราได้อ่ะ” พีทพูดติดตลก
อินถอนหายใจ พลางส่ายหน้า
“ก็ไหนบอกว่าอยากให้มูฟออน อยากให้จบไม่ใช่อ่อ” อินว่า
“มูฟออนมันไม่ใช่การหนีป่ะวะ” พีทว่า “มันจะดีกว่าหรือเปล่า ถ้าเกิดเจอมันได้ปกติ แล้วก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้น”
อินเงียบเสียงลง พลางคิดทบทวนหลายอย่างในหัว พีทยิ้มกริ่ม
“งั้นก็แสดงว่า... ทำไม่ได้ใช่ป่ะ” พีทยักไหล่ “แต่... เพราะก็นัดกับพวกโฆษณาไว้แล้ว อีกอย่าง กูอยากไปลาพริม มึงก็น่าจะไปเจอพริมมันหน่อยนะ”
อินยิ้มน้อยๆ เมื่อพีทพูดคำนั้น
“ก็... ไม่ได้เกี่ยวกับพวกเพื่อนมึง ก็แค่... ไปเจอพวกเรากันเองไง” พีทยิ้ม
“พยายามโน้มน้าวใจผู้ลงทุนอ่อ” อินว่า
“เปล่า ก็แค่...” พีทตอบ “...เออน่ะ... สุดท้ายถ้าจะไม่ไป มันก็ได้แหละ กูไม่บังคับมึงอยู่แล้ว”
ใช่... พีทไม่เคยทำให้เขาตกอยู่ในสภาวะกระอักกระอ่วนใจเลยซักครั้ง แต่ครั้งนี้ อินเองก็ตกอยู่ในสภาพความคิดที่หวาดหวั่นจะตัดสินใจ มันเห็นได้ชัดแล้วว่าการให้พีทเป็นแฟนของเขา มันไม่ได้ช่วยให้อะไรดีขึ้น อาจจะแย่กว่าเดิมด้วยซ้ำ ในเมื่อเขากับโฟล์คจบทุกอย่างไปที่หนองคายแล้ว บางทีมันอาจจะเป็นอย่างที่พี่บอลเคยพูดกับเขา
เขาไม่ควรกลับไปที่นั่นอีก
..............
“เห้ย อันนี้ดี ลองยังๆ” เสียงของพริมดังขึ้น ขณะที่ยื่นแก้วคอกเทลมาให้พีท
“อ๋อ อันนี้ลองละ ดีดี” พีทรับแก้วมาจากเธอ พลางมองไปรอบโต๊ะ นัท สา และมิก ยืนอยู่ตรงระเบียงบาร์และถ่ายรูปแม่น้ำเจ้าพระยาพร้อมกับวัดอรุณพร้อมๆกัน โดยมีฟ้าถ่ายให้ ทั้งสี่ดูรูปกันสนุกสนานขณะที่ โฟล์คเดินเอาชีสฟรายมาเสิร์ฟเพิ่มเติม
“เอ๊า ยังทำงานอยู่เหรอ ไม่มาดื่มด้วยกันอ่ะโฟล์ค” พริมพูดขึ้นกับโฟล์คที่ยังอยู่ในชุดทำงาน
“เห้ย เอาเลยเต็มที่ นี่ก็ไม่ได้ทำไรมาก เดี๋ยวมาลุยด้วย อยู่ช่วยแฟนแป้บ” โฟล์คยิ้มให้เธอก่อนจะหันไปหานัท สา มิก และฟ้า “แกงค์อาร์ตจะเอาอะไรเพิ่มป่าว”
“ขออันนี้อีกสองช็อต” สายกตากิล่าขึ้นให้โฟล์คดู
“เล่นของแรงเลยอ่อ” มิกร้องถาม
“เอ๊า เรียนจบ ได้งาน วันนี้ก็ต้องฉลองป้ะ” สาพูดต่อ “แล้วถ้าไม่ได้แกลอรี่ Loveless Society ที่นัทมันทำ ก็อย่าหวังว่าจะได้งานกันเร็วแบบนี้เหอะ”
“งั้นวันนี้พวกแกต้องเลี้ยงถูกมะ” นัทว่า
“อ้าวๆๆๆ มีคนจะชิ่ง” มิกร้อง “เอาชีสฟรายแบบโต๊ะโน้นแหละคับ แค่นี้ก่อน”
“ครับผม”
“นี่โฟล์ค วันนี้วันฉลอง ไปบอกแฟนแกเลย ว่าไม่ต้องทำแล้ว” ฟ้าส่งเสียงงอแงมาให้เพื่อนของเธอ
“เออน่ะ เดี๋ยวมาโว๊ย มันมีเพื่อนกูอยู่ฟากโต๊ะโน้นอีก แปปน่า” โฟล์คยิ้มให้กับฟ้าก่อนจะเดินกลับไปที่บาร์เครื่องดื่มที่บอลกำลังง่วนกับออร์เดอร์อยู่
“เพิ่มอีกสามคับ” โฟล์คพูดพลางวางกระดาษลงตรงหน้าบอล
“บอกแล้วไงว่าไม่ต้องช่วย เดี๋ยวพี่ทำเอง” บอลยิ้มกว้างให้โฟล์ค
“ไม่เอาอ่ะ ผมเกรงใจ อีกอย่าง ผมจะทิ้งพี่ให้ทำคนเดียวได้ไงอ่ะค้าบ” โฟล์คว่า
“ไม่เป็นไร พี่ให้พี่มดประกาศแล้วว่าวันนี้มีโต๊ะจองเยอะ ลูกค้าอื่นๆก็จะน้อยไง” บอลว่า “นี่ก็ เพื่อนๆโฟล์คหมดเลยป้ะ กลุ่มนั้น”
“เอ่อ.. ก็ไม่เชิงคับ มันรู้จักๆกันอ่ะ คือภาคโฆษณากับเจนเอ็ดเมื่อตอนปีสอง มันมีตัวที่เรียนไขว้กัน ก็เลยทำเจอๆกันบ่อย” โฟล์คเล่า “ผมอ่ะไม่เท่าไหร่ แกงค์เด็กถาปัตย์สามคนนั้นอ่ะ จะอยู่กับพีทมันบ่อยกว่าผม ส่วนไอ้ฟ้าก็แฟนของมิก คนตัวสูงๆนั่นอ่ะพี่”
“อ๋อ... ก็ดีนะ รู้จักกันไว้เยอะๆ” บอลพูดต่อ “แต่ไปสนุกเหอะ พี่อยู่ได้”
“ไม่เอาอ่ะ ผมทำอยู่กับพี่ ผมก็สนุก” โฟล์คยิ้มให้บอลอยู่อย่างนั้น “ผมมีความสุขดีที่อยู่กับพี่อ่ะ”
“ไม่ต้องมาพูดเลย” บอลปาผ้าเช็ดโต๊ะใส่โฟล์คด้วยความเก้อเขิน “โน่น พีทมาโน่นอ่ะ ว่าไงพีท เอาไร”
“โทษทีขอเอาโคโคนัทคอกเทลเพิ่มอีกคับพี่” พีทเดินมาสั่งด้วยตัวเองที่บาร์
“ได้ๆ เดี๋ยวเอาไปให้” โฟล์คหันไปตอบ
“ไม่เป็นไร ขอมาพักตรงนี้ก่อน ไม่งั้นโดนพวกถาปัตย์แม่งกรอกปากอีกแน่ แม่งเอ๊ย อึดชิบ” พีทพูดติดตลก
“อ่านะ ถาปัตย์ก็เงี้ย” โฟล์คหัวเราะทันที
“แล้วแฟนพีทเค้าไม่มาเหรอ” บอลยิงคำถามขึ้นมา ซึ่งทำเอาพีทเหลือบสายตาไปมองโฟล์คแว้บหนึ่ง
“อ๋อ... ไม่ชัวร์อ่ะพี่ มันติดธุระอ่ะ ไม่รู้จะเสร็จกี่โมง” พีทพูดเสียงเรียบ พลางยิ้มให้
“อืม... ก็นะ” บอลพูดขณะที่ชงคอกเทลล์ต่อไป
“เห้ย ไอ้กาย” โฟล์คโบกมือให้กายที่เดินขึ้นมาถึงบาร์ดาดฟ้า เรียกให้กายเดินมาถึงบาร์ ชายหนุ่มในชูดสูทเดินตรงมาหาโฟล์คทันที
“ว้าว นี่ต้องจัดโต๊ะวีไอพีให้มั้งเนี่ยหะ” พี่บอลเอ่ยขึ้นทันทีที่กายเดินมาถึง
“หวัดดีทุกคนคับ” กายยิ้มกว้างทักทาย
“โอ้โหยู... แต่งเต็มขนาดนี้เลยอ่อ” พีทเอ่ยทัก
“ปล่าว ไอไปคุยงานกะลูกค้ามา นี่ก็มาต่อนี่เลย” กายว่า
“อ่านะ พวกเรานั่งแดกกันอยู่นั่นไง” โฟล์คชี้ไปยังเก้าอี้อีกโซนที่จัดอยู่ด้านข้าง ถัดไปข้างหลังบาร์ เหมือนว่าโฟล์คจะรู้ดีว่าพวก The Zodiac จะเอะอ่ะโวยวายกันแค่ไหนถ้าไอ้มอสตัวดีเริ่มกระดกเข้าปาก โฟล์คจึงตัดสินใจแยกไปยังที่ที่จะไม่รบกวนโต๊ะอื่นๆมากนัก ซึ่งจากภาพที่กายและโฟล์คเห็น ก็เป็นดังคาด มอสเริ่มดูไปไกลเหมือนเดิม ขณะที่ไอ้เบนซ์ก็หัวเราะตามไปด้วย
“ไอ้เชี่ยมอสเนี่ยน้า” กายพูดออกมาเบาๆ ทำเอาทุกคนตรงนั้นหัวเราะ “งั้นเดี๋ยวกูไปทักมันก่อน มึงก็เลิกงานบ้าง...พี่บอลให้มันไปฉลองได้แล้วพี่”
“เออ พี่บอกมันแล้วแต่มันไม่ยอม” บอลพูดพลางวางแก้วลงตรงถาดที่มีชีสฟรายวางอยู่ก่อนแล้ว ขณะที่กายเดินตรงไปยังกลุ่มของตัวเอง “อ่ะนี่ ออร์เดอร์โต๊ะเจ็ด”
“ขอบคุณค้าบ” พีทเอื้อมมือไปหยิบถาด
“เห้ยไม่ต้อง เดี๋ยวยกไปให้” โฟล์คออกปาก
“ไม่เป็นไรๆ กันเองป่ะวะ โฟล์คไปปาร์ตี้กับเพื่อนบ้างเหอะ ตรงนี้จัดการได้ มีแต่พวกเราแล้วป้ะ” พีทว่า เช่นเดียวกับพี่บอลที่พยักหน้าเห็นด้วย “อ่ะนั่นไง นัทมาช่วยแล้ว”
นัทเดินตรงเข้ามาที่บาร์อีกคน
“ขอทิชชู่หน่อยคับ” นัทเอ่ยปากขณะที่บอลก้มลงไปหยิบทิชชู่และยื่นให้ “นี่ของเราป้ะ งั้นขอเลยนะ”
“จัดไปเพื่อน โฟล์คไม่ต้อง จัดการละ ขอตัวคร้าบ” พีทว่าพลางแบ่งถาดกะนัทและเดินออกไปจากบาร์ โดยที่โฟล์คได้แต่อ้าปากค้าง
“เห็นมั้ย กันเองแล้ว อีกอย่างพี่เก็บบิลไว้หมด ไม่มั่วหรอกน่า ไปสนุกเหอะ” บอลยังคงเอ่ยปากเชียร์ แต่ทว่ากายก็เดินย้อนกลับมาที่บาร์และสะกิดเขา
“อ่า จะเอาไร” โฟล์คร้องถาม
“ป่าว จะถามว่า...เอ่อ...” กายพูดอ้ำๆอึ้งๆ
“หะ...มึงมีไร” โฟล์คเบิกตากว้าง ขณะที่มองเห็นกายยืนนิ่ง มองไปยังกลุ่มโต๊ะของพีทและเด็กสถาปัตย์ทั้งกลุ่มตรงริมระเบียงบาร์ “ไอ้เชี่ยกาย มีไร”
กายดูเหมือนตัวเองหลุดไปจากความคิด ขณะที่โฟล์คกำลังร้องเรียก
“เห้ย... ไอ้กาย มีอะไร” โฟล์คพูดเสียงดังขึ้น ขณะที่กายหันมามองเขา
“อ๋อ...เอ่อ... ไม่มีๆ แค่จะสั่ง...” กายพูด แม้ว่าสายตาจะยังมองไปที่กลุ่มของพีทตรงนั้น
“เออ.. ก็ว่ามา ยืนนิ่งอยู่ได้เว้ย” โฟล์คว่า
“เอาโรเซ่ แล้วก็อีกอันเป็นมอกเทล อะไรก็ได้ ผลไม้ก็ได้มั้ง” กายว่า
“หือ... ไอ้มอสจะล้างปากละอ่อ โห เกิดไรขึ้นกะโลกวะ” โฟล์คว่า ขณะที่บอลก็หัวเราะตามเบาๆ
“โอ๊ย รายนั้นอ่ะนะ ไม่พักเบรคง่ายๆหรอก” กายรับลูกต่อด้วยเสียงหัวเราะเช่นกัน “มึงไปดูมันเหอะ มันถามหามึงอยู่อ่ะ”
“เออๆ .. ขี้เกียจฟังแม่งโวยวาย พี่บอล แปปนะพี่ เดี๋ยวผมกลับมาช่วย” โฟล์คยิ้มให้
“ไปเลยก็ได้ พี่ไม่เป็นไร เอ้..เรานี่” บอลพูดเสียงนิ่มขณะที่โฟล์คเดินเข้าไปกอดเอวบอลจากด้านหลังครู่หนึ่งก่อนจะเดินไปยังโต๊ะของมอส บอลยิ้มให้กับท่าทีน่ารักของโฟล์ค ก่อนจะหันมาหากายที่ส่งยิ้มให้
“น่ารักจังนะคร้าบ” กายพูดแซว
“พอเลยๆ พวกนาย” บอลพูดอย่างเก้อเขิน “แล้วยังไงเนี่ยเรา โรเซ่กับมอกเทลล์ จะเข้มหรือจะอ่อน ยังไงดี ให้พี่ทำสูตรใหม่ป่ะล่ะ มันมีที่กลางๆนะ”
“อ๋อไม่ใช่พี่ โรเซ่อ่ะของผม แต่มอกเทลล์อ่ะของอินคับ เดี๋ยวมันตามขึ้นมา ก่อนมานี่ผมแวะไปรับมาแล้วคับ ตอนนี้มันอยู่ข้างล่างมั้ง”
เพล้ง!
แก้วในมือของบอลหลุดลงแตกทันที

ออฟไลน์ broke-back

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 5947
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +844/-16
ถ้าไม่ใช่..ต่อให้พยายามให้ใช่แค่ไหน..มันก็ไม่ใช่
แต่ถ้าใช่..ไม่ต้องพยายามอะไรเลย..มันก็ใช่

น่าเห็นใจพี่บอล..ต้องมาเป็นตัวแทนของคนอื่น
มันเศร้าอ่ะคร้าบบบบบบ

หดหู่แทนเลย

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ M2M_Jill

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 195
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +50/-0
ตอนที่ 26 Revenge

“พี่บอล เป็นไรป่ะคับ” กายเอ่ยปากถามหลังจากเห็นบอลมองเศษแก้วตรงหน้า

“อ๋อ... ป่าวๆ ไม่มีไร” บอลเก็บเศษแก้วในมืออย่างระมัดระวัง “เอ่อ...งั้น กายรอแปปนึงละกัน”

“อ้ะ...เห้ย อิน... ทางนี้ๆ”

บอลนิ่งไปพักหนึ่งขณะมองไปที่ทางขึ้นดาดฟ้ามา อินมองมายังบาร์ที่บอลยืนอยู่พลางสบตาหนึ่งครั้ง แต่บอลก็หันหลังเข้าไปหาบาร์ทันที

“เออ... เดี๋ยวกูไปหาพีทก่อน มึงไปเจอพวกมันก่อนเลย” อินส่งเสียงมา ก่อนจะแยกไปยังกลุ่มของพีทและพวกถาปัตย์ ขณะที่กายนั่งอยู่ตรงนั้นและยังคงมองกลุ่มเพื่อนๆของพีทจากมุมของบาร์

อินเดินไปยังกลุ่มเพื่อนๆของพีทที่ส่งเสียงทักทายการมาถึงของเขาทันที

“โห กว่าจะมาได้นะ” พริมร้องถามทันที “พีทบอกว่าแกจะเท นี่กะว่าแกไม่มา ฉันจะบุกไปบ้านแกอ่ะอิน”

“ขนาดนั้นเลย” อินพูดพลางนั่งลงข้างๆพริม

“ใช่ ก็ตัวสุดท้าย แกช่วยชั้นถ่ายรูปแทนสา แล้วโปรเจ็คก็ผ่านฉลุย ได้ทุนอีกต่างหาก ไม่ขอบคุณแกแล้วขอบคุณใครอ่ะ” พริมพูด ทันทีกับที่สารีบเดินมาสมทบทันที

“เฮ้ยยย... อิน... ตัวแกลอรี่ที่แกทำให้พวกชั้นอ่ะ สวยมาก คนที่ปารีสชอบกันหมดเลย” สาส่งเสียงใสมาก่อนเพื่อน ขณะที่นัทก็มานั่งลงข้างๆ

“ขอบคุณมากเลยนาย มันเจ๋งมาก” นัทว่าพลางยกแก้วขึ้นตรงหน้า “เอาล่ะพระเอกของงานมาช้า ก็ต้องชนป้ะ”

“หืม...ไม่ได้มั้ง” พีทส่งเสียงพูด “เอาตัวเบาๆกว่านี้หน่อยป่าว”

“อะไรกัน จะมาแล้วไม่ดื่มเหรอ” พริมว่า

“ก็ไม่อ่ะ กะแว้บมาเจอแป้บเดียว เดี๋ยวกลับละเนี่ย” อินตอบเธอ

“เอ๊าได้ไงอ่า” สาร้องขึ้น “ตะกี้พีทบอกว่าอินจะทำที่ Lovable Studio เหรอ เนี่ย ชั้นสามคนจะทำที่นั่นหมดเลย”

สาชี้ไปยังตัวเธอ นัท และมิกที่ยังคงถ่ายรูปเล่นกับฟ้าอยู่ที่ริมระเบียง

“เอ่อ... ก็... เดี๋ยวลองๆดูก่อนอ่ะ ยังตอบไม่ได้” อินพูดพลางส่ายหน้าให้พีทเบาๆ เพราะเขาเริ่มรู้สึกว่าตัวเองมาช้าไปและบรรยากาศโดยรอบเริ่มเมามายไปไกลแล้ว

“คุยๆกันไปก่อนไป เดี๋ยวสั่งให้เบาๆ” พีทบอกอินที่ส่งสีหน้าห้าม แต่พีทก็บอกให้เขาทนทนไปก่อน พีทเดินกลับมาที่บาร์อีกครั้งและพบกับกายที่นั่งอยู่ที่บาร์ตามเดิม “อ่าว ยังไม่ไปโต๊ะโน้นอีกอ่อ”

“รอเครื่องดื่มพี่บอลอ่ะ สั่งให้อินมันไว้แล้วด้วย” กายตอบลูกพี่ลูกน้องของเขา

“ได้แล้วคับผม” บอลหันมาหาทั้งกายและพีท

“โอเค งั้นเดี๋ยวผมเอาไป” พีทว่า

“ไม่เป็นไรๆ เดี๋ยวพี่เอาไปให้เค้าเอง” บอลยิ้มให้พีท ก่อนจะถือแก้วและออกไปจากบาร์ เดินตรงไปยังระเบียงบาร์ด้วยตัวเอง พีทได้แต่จึงนั่งลงข้างๆบาร์กับกาย เพื่อพักจากความเอะอ่ะโวยวายของสาวๆสายปาร์ตี้ตรงระเบียง

“ยู... พวกนั้นใครอ่ะ” กายร้องถาม

“หือ... ไหน” พีทหันไปถาม

“สามคนนั้นอ่ะ ที่โต๊ะข้างๆ” กายชี้ไปยังกลุ่มเด็กถาปัตย์

“อ๋อ... แกงค์เด็กถาปัตย์อ่ะ นัท สา แล้วก็มิก พอดีเรียนโฆษณาตัวเดียวกัน” พีทตอบ “ทำไมอ่อ”

“เปล่าๆ ไม่มีไร” กายทำท่าทางแปลก ขณะที่พีทเหล่มอง “เออ... แล้วทำไมไม่มาด้วยกันอ่ะ ไอต้องถ่อไปรับไอ้อินมันมาเนี่ย”

“หือ... อ๋อ ก็ตอนแรกมันจะไม่มา ก็เลยไม่อยากบังคับ” พีทตอบด้วยน้ำเสียงเรียบเชียบ

“ทะเลาะกันอ่อ” กายถาม

“เปล่า ไม่ได้ทะเลาะเลย จะทะเลาะไรกันอ่ะ” พีทตอบ แต่กายก็ทำหน้าเฉลียวใจ

“ใช่อ่อ... ทะเลาะกันก็บอกไอได้นะ เผื่อช่วยเคลียร์ให้” กายพูด

“ไม่เลย.. อินไม่ทะเลาะกับไอแน่อ่ะ ทุกอย่างมันอยู่แกงค์ยูอ่ะแหละ” พีทว่า ชายหนุ่มถอนหายใจ ก่อนจะยื่นหน้าเข้าไปใกล้ๆกาย และพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง “นี่ถือว่ายูเป็นญาติไอนะ เลยจะบอกให้ฟัง เผื่อยูจะได้เอาไปจัดการเคลียร์เรื่องในแกงค์ยูให้จบ”

กายทำหน้างงๆ ขณะที่พีทพูด

“อะไรวะ”

“ไอยังไม่ได้เป็นอะไรกับเพื่อนยูหรอกนะ” พีทพูดขึ้น

“หะ” กายร้องขึ้น แต่พีทก็ทำท่าทางให้กายลดเสียงลง

“เบาก่อน.. คือ... ก็ยังไม่ได้เป็นทางการอ่ะนะ แต่คือ.. ที่งานศพแม่ยู อินมันเป็นให้ไอเป็นแฟนไปก่อน...เพราะ แค่อยาก... ทำให้แกงค์ยูสบายใจอ่ะ” พีทพูดความจริงออกไป แต่กายยังคงขมวดคิ้วอยู่

“สบายใจ...จากอะไรอ่ะ” กายว่า พีทมองหน้าลูกพี่ลูกน้องเขาอีกครั้ง

“ใช้เซนส์ดิ ยูมีเวทย์มนต์ไม่ใช่อ่อ” พีทว่า ขณะที่กายพยายามนั่งนึกทบทวนสิ่งที่มันเกิดขึ้นในแกงค์ของเขาเอง

“เดี๋ยวนะ... เอ่อ...” กายพูดพลางใช้ความคิด และมันก็เหมือนมีบางอย่างกดสวิตซ์ไฟในสมองเขา “เชี่ย มิน่าล่ะ ไอ้โฟล์คมันถึงปกป้องไอ้อินมาตั้งแต่...”

พีทยักไหล่ให้กายเบาๆ

“โธ่เอ๊ยยย ไอ้พวกเวร” กายพูดพลางส่ายหน้าให้กับตัวเอง “ไอไปฝรั่งเศสมาสี่ปี พวกแม่งทำแต่เรื่องกันเก่งนะ”

พีทหัวเราะเบาเบา

“แล้ว ยูก็ตอบตกลงไอ้อินมันไปเนี่ยนะ ให้มันวุ่นเข้าไปอีกอ่อ” กายถามต่อ

“ก็นะ... เพื่อนยูก็...” พีทยิ้มกริ่มเบาๆ “ก็...ไม่ได้แย่ป้ะ ถ้าเกิดมันจะ... เวิร์คขึ้นมา”

“มันไม่เวิร์คหรอก” เสียงทุ้มหนักดังขึ้นจากด้านหลังของบาร์ ดึงให้กายและพีทหันไปดู และร่างที่ยืนอยู่แทนพี่บอล และนั่นทำให้ทั้งพีทและกายถึงกับเงียบเสียงลง

“โฟล์ค” พีทร้องขึ้น ขณะที่กายถอนหายใจ “เห้ย นาย เราอธิบายไ...”

“ไม่ต้อง” โฟล์คพูดต่อ “มัน.. มันไม่ใช่ความผิดนาย พีท...”

โฟล์คมองไปยังโต๊ะของพริมและอิน ก่อนที่เขาจะหยิบผ้ากันเปื้อนออกและเควี้ยงมันไปไว้ที่เคาท์เตอร์บาร์และตรงรี่ออกจากบาร์ไปอีกคน แต่ทว่ากายก็คว้าตัวโฟล์คไว้

“เห้ย... ไม่เอาดิ” กายว่า “แล้วกันไป”

“มึงไม่ต้องห่วง กูไม่ทำกลุ่มแตกหรอก” โฟล์คว่า “นี่ไม่เกี่ยวกับกลุ่ม มันเป็นเรื่องของกูกะมัน”

“โฟล์คใจเย็น” พีทพูดเสริม

“พีท... เราขอ... อย่าเพิ่งยุ่งตอนนี้” โฟล์คหันไปว่า “นายไม่เข้าใจมันหรอก ถ้านายไม่อยากตกอยู่ในสภาพเดียวกับเรา นายอย่าเพิ่งเอาตัวเองเข้ามาตอนนี้ โอเคนะ”

พีทนิ่งไปทันทีเมื่อได้ยินคำพูดของโฟล์ค เขาสะบัดมือของกายออก และเดินตรงไป ขณะที่พี่บอลก็เดินสวนกลับมาพอดี

“โฟล์ค มีอะไร” บอลร้องถามขณะที่โฟล์คหยุดชะงักและมองหน้าบอลอยู่อย่างนั้น

“พี่บอล ผมขอโทษนะ”

โฟล์คพูดกับพี่บอลพลางหลบสายตาและเดินสวนเขาไป ทิ้งให้บอลยืนยิ่งอยู่ตรงนั้น ก่อนจะเดินไปหาอินที่โต๊ะทันที อินมองโฟล์คที่เดินมาถึงโต๊ะด้วยสีหน้าที่อินรู้สึกแปลกประหลาด

“อ้าวโฟล์ค มาสิดื่มกัน” ฟ้าที่เห็นโฟล์คเดินมาก็ส่งเสียงทักก่อน ขณะที่โฟล์คยังคงมองหน้าอินอยู่อย่างนั้น

“ไว้ก่อนฟ้า” โฟล์คตอบเธอแม้ว่าจะยังมองหน้าอินอยู่

“อะไร” อินถามขึ้น

“ไปข้างล่างด้วยกันหน่อยดิ” โฟล์คว่า “พอดี... มอสมัน... จะให้ไปเอาของที่รถไอ้กาย”

อินหรี่ตามองไปยังกายและพีท ที่จ้องมายังเขาทั้งคู่

“มันก็อยู่นั่นไง” อินว่า

“เออน่ะ... ลงไปกะกูหน่อย ได้ป่ะ” โฟล์คถามเสียงเรียบ

อินมองไปหาพีทที่ส่งยิ้มให้เขาเบาๆ ก่อนจะมองมาหาโฟล์คอีกครั้ง

“งั้นเดี๋ยวเรามานะพริม” อินหันไปบอกพริมที่พนักหน้ารับขณะหันไปสังสรรค์ต่อกับแกงค์ถาปัตย์ อินวางแก้วที่เขาดื่มหมดแล้ว ก่อนจะลุกขึ้น และเดินตามโฟล์คลงไปจากดาดฟ้าทันที

.........

เมื่อลงมาถึงชั้นสองที่เป็นโซนห้องพัก โฟล์คไม่เดินลงไปชั้นหนึ่งต่อ เขาเลี้ยวไปยังห้องพักห้องหนึ่งที่อยู่สุดทางไป

“อ้าว ไม่ลงไปข้างล่างอ่ะ” อินถามขึ้น

“ตามมากะกูก่อน เอาของห้องนี้แปป” โฟล์คตอบ ก่อนจะหยิบกุญแจออกมาจากกระเป๋ากางเกง

“มึงเปิดห้องไว้อ่อ” อินว่า

“ก็...ไม่เชิงอ่ะ พี่มดให้สแปร์ห้องนี้ไว้ เผื่อวันไหนกูกะพี่บอลดึกแล้วเมา พี่มดก็จะให้นอนนี่ถ้าห้องว่าง” โฟล์คตอบ “มึงเข้าไปก่อน แล้วไปหยิบของที่หัวเตียงที”

อินมองหน้าโฟล์คอย่างงงๆ ก่อนจะเดินเข้าไปตามที่โฟล์คว่า แต่ทันใดนั้น โฟล์คก็ปิดประตูและล็อคทันที ก่อนจะเดินเข้ามาหาอิน และคว้าตัวของอินเข้ามาจูบโดยไม่รีอ อินที่ตกใจและพยายามตั้งสติ จึงผละตัวของโฟล์คออกไป

“เชี่ยโฟล์ค ทำเชี่ยไรของมึงเนี่ย” อินร้องขึ้น

“เออน่ะ อยู่นิ่งๆ” โฟล์คพูดกับอินเสียงเรียบและอบอุ่น ก่อนจะจับแขนอินล็อคไว้กับผนังห้อง สายตาของโฟล์คคราวนี้ แตกต่างไปจากทุกครั้ง อินไม่ได้เห็นความโกรธ หรืออารมณ์ที่ครุกรุ่นออกมาจากแววตาของโฟล์คเหมือนทุกครั้ง คราวนี้มันเหมือนกับโฟล์คคนเดิม สายตาที่เคยดึงให้อินมาดูพระอาทิตย์ตกดินที่นี่เมื่อนานมาแล้ว มันเป็นสายตาก่อนที่จะเกิดเรื่องวุ่นวายทั้งหมดนี่

โฟล์คค่อยๆยื่นหน้าเข้ามาจูบเขาไว้อีกครั้ง เป็นจูบเดียวกับที่หนองคายในคืนนั้น จูบที่เหมือนกับว่าจะทำให้เวลาทั้งหลายหยุดลงอีกครั้ง คราวนี้อินกลายเป็นว่าเหมือนโดนดูดพลังงานทุกอย่างออกไปจากตัว และไม่เหลือความต้านทานใดใดอีก จนกระทั่งโฟล์คถอนริมฝีปากออก

โฟล์คยิ้มกริ่มน้อยๆก่อนจะมองหน้าอินที่หายใจหอบถี่และพยายามตั้งสติ

“มันผิด” อินว่า “ไม่ได้แล้ว... จะเป็นอย่างนี้อีกไม่ได้”

“ผิดต่อใครอ่ะ พีทเหรอ” โฟล์คพูดขึ้น “เพราะได้ข่าวว่าไม่ได้เป็นอะไรกันซะหน่อยหนิ”

อินหลับตาลงพลางถอนหายใจ

“มันไม่ใช่อย่างนั้น” อินว่า

“แล้วมันอย่างไหน เปิดโอกาสให้มัน แต่ไม่เปิดโอกาสให้กูอ่อ” โฟล์คพูด “ที่ผ่านมามึงไม่ได้ทำให้อะไรๆมันง่ายขึ้นเลยนะ เราวนกลับมาหากันตลอดป่ะวะ”

โฟล์คไม่รอคำพูดของอิน เขาจูบอินอีกครั้ง

“แล้วพี่บอลอ่ะ....” อินพูดขึ้นทันทีหลังจากที่โฟล์คละริมฝีปากออก โฟล์คนิ่งเงียบพลางหลบสายตาลงพลางใช้ความคิด

“กูขอเริ่มต้นใหม่ได้ป่ะ” โฟล์คว่า “กูไม่อยากรอไปอีกนาที หรือซักวินาทีจากนี้แล้วอ่ะ”

“มึงจะเลิกกะเค้าอ่อ” อินว่า “แล้วหลังจากนี้จะยังไง มันไม่ง่ายเลย”

“กูไม่สนอ่ะ นี่มันหกปีแล้วนะเว่ยอิน ที่มึงกะกูเล่นเรื่องเหี้ยๆนี้กันมาอ่ะ” โฟล์คว่า “ตอนนี้มึงกะกูก็รู้สึกเหมือนกันแล้วอ่ะ เราก็แค่...”

“เลิกกับคนของเราแล้วมาคบกันอ่ะนะ” อินทวนคำอีกที “มึงอยากให้มันเป็นแบบนั้นอ่อวะ”

โฟล์คคิดทบทวนสิ่งที่อินพูด มันเป็นจริงอย่างที่ปฏิเสธไม่ได้

“โฟล์ค... มึงกะกูตกลงกันไปแล้ว อย่าให้มันมากไปกว่านี้เล.....”

โฟล์คไม่รอให้คำพูดของอินเข้ามารบกวนจิตใจอีก เขาจูบอินเข้าไปอีกยกนึง แต่อินก็ยังคงฝืนบางอย่างอยู่

“กูกับมันกำลังไปด้วยกันเวิร.....”

โฟล์คจูบอินเข้าไปอีกยกนึง ขณะที่อินก็พยายามจะผละออก

“ถ้าพี่บอลรู้เรื่อง เค้าไม่....”

โฟล์คไม่รีรออีกต่อไป เขาโถมตัวเองเข้าหาอินและปล่อยตัวเองไปยังเตียงนอนที่อยู่ไม่ไกลกันนัก ปากของเขายังคงจูบอินอยู่ ขณะที่เริ่มถอดเสื้อของตัวเองและอินออก ตัวของอินแดงก่ำขณะที่โฟล์คถอนริวฝีปากออกจากอิน

“อิน...” โฟล์คหายใจหอบถี่ พลางมองไปที่อิน ที่เหมือนกำลังล่องลอยอยู่เช่นกัน “หนีไปด้วยกันเหอะ”

“อะไรนะ” อินถาม

“ไปด้วยกัน ที่ไหนก็ได้ หนีไปจากสิ่งที่มึงกะกูทำไว้” โฟล์คว่า “มีแค่กูกะมึง ก็พอแล้วนะ”

อินเงียบเสียงไป โฟล์คจึงก้มลงไปจูบอีกครั้ง

“คบกะกูนะ”

อินมองหน้าโฟล์คอยู่อย่างนั้น

“กู... กู.... อ่ะหึ”

ทันใดนั้น อินก็เกิดอาการเกร็งตัวขึ้น และไออย่างหนัก ตัวของอินแดงก่ำและร้อนผ่าวขึ้นมาทันที

............

ออฟไลน์ broke-back

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 5947
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +844/-16
โอ้โห..เล่นหนักถึงขนาดจะเอาชีวิตกันเลยเหรอ
อำมหิตเกินไปหรือเปล่า..พิษรักแรงหึงน่ากลัวมาก

พี่บอล..คุกนะ

ออฟไลน์ M2M_Jill

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 195
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +50/-0
ตอนที่ 27 Tear Apart 3

“เชี่ยอิน อิน” โฟล์คพยายามเขย่าตัวอิน แต่อินก็ดูเหมือนจะหายใจลำบากและตัวแดงก่ำ “มึงเป็นไรอ่ะ อิน”
“กู... กูร้อนทั้งตัวเลยอ่ะ” อินพยายามพูดทั้งๆที่หายใจลำบาก “กูเหมือนจะ...อ่ะแฮ่ก”
อินไออย่างหนักพลางเอามือกุมหน้าอก โฟล์คสังเกตเห็นตัวของอินเริ่มแดงเป็นจ้ำๆ ขณะที่อินเริ่มงอตัวมากขึ้น โฟล์คมองสภาพตรงหน้าพลางตั้งสติ
“มึง...มึงลุกขึ้นมาแต่งตัวก่อน เดี๋ยวกู... กูไปเอากุญแจรถซักคนมาแล้วพามึงไปหาหมอ” โฟล์คพยายามประคองตัวของอินขึ้น และเริ่มจัดเสื้อผ้าให้อินใหม่ “อดทนไว้หน่อยเว่ย”
โฟล์คลุกขึ้นและกำลังจะหันหลังออกไปจากห้อง แต่อินก็คว้าตัวโฟล์คไว้
“ตาม....พีท” อินว่า “อย่า...บอกคนอื่น แค่....พีท”
โฟล์คเงียบไปพักนึง พลางมองหน้าอิน
“อย่า...เพิ่งตอนนี้....ตาม...พีท”
โฟล์คพยักหน้ารับ ก่อนจะวิ่งออกจากห้องไป ความตกใจของโฟล์ค ทำเอาเขาวิ่งขึ้นไปบันไดอย่างรวดเร็วทีละสองสามก้าวเพื่อขึ้นไปถึงดาดฟ้าทันที โฟล์คเหนื่อยหอบอยู่พักหนึ่งก่อนจะมองไปรอบๆ และก็เห็นว่าพีทและกายยังนั่งอยู่ที่บาร์ เขาจึงตรงเข้าไปหา
“พีท...พีท” โฟล์คหายใจถี่ “อิน...อินเป็นอะไรไม่รู้”
“หะ เกิดไรขึ้น” พีทตื่นตกใจ เช่นเดียวกับกาย
“ลงไปดูหน่อย มันตัวแดงทั้งตัวเลย หายใจไม่ออก มึนหัว...มั้งนะ” โฟล์คว่า “ห้อง 202”
“เชี่ย...” พีทร้องขึ้น ก่อนจะลุกขึ้นเดินออกไปจากตรงนั้นทันที ขณะที่โฟล์คจะตามไป แต่กายก็คว้าไว้
“เกิดไรขึ้นวะ” กายว่า
“เออ... มึงมีรถใช่ป่ะ กูยืมหน่อย” โฟล์คพูด
“งั้นเดี๋ยวกูขับไหม” กายพูด โฟล์คจึงพยักหน้า กายจึงรุดตามพีทไปอีกคน โฟล์คที่กำลังจะเดินตามไป แต่บอลก็ยื้อแขนไว้
“โฟล์ค....”
โฟล์คหันหน้ามาเจอกับบอล ที่ส่งสีหน้าแปลกประหลาดมาให้เขา
“ผม... เดี๋ยวผมกลับมานะพี่...”
โฟล์คปัดมือของบอลออก ก่อนจะวิ่งตามกายลงไปข้างล่างอีกครั้งอย่างไม่รีรอ
เมื่อไปถึงห้องข้างล่าง พีทกำลังแบกตัวอินออกมาจากห้อง ตอนนี้อินเริ่มมีผื่นแดงขึ้นตามใบหน้าและเหมือนจะหมดสติซบไปกับพีท ขณะที่กายช่วยประคองอยู่ โฟล์คเมื่อเห็นสภาพของอินก็หน้าซีดเผือดทันที
“เชี่ย... มันเป็นไรอ่ะพีท” โฟล์ครุดเข้าไปหาทันที
“ไปโรงพยาบาลก่อน เดี๋ยวค่อยว่า” พีทพูดเสียงเรียบ ดูเหมือนเขาจะตั้งสติได้ดีที่สุด
“งั้นกาย มึงลงไปเตรียมรถ เดี๋ยวกูช่วยพีทเอง”
............
โฟล์คนั่งอยู่หน้าห้องด้วยความรู้สึกผิดชอบตีกันอยู่ในหัว เขาไม่รู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ ขณะที่กาย เขาและพีทนั่งอยู่ที่หน้าห้องฉุกเฉิน เขากำมือถือตัดสินใจส่งข่าวไปยังเพื่อนๆที่อยู่ที่บาร์ แต่พีทก็ดูเหมือนจะกลัวว่าจะตื่นตกใจ และอยากจะตามมาดูอาการอินกันหมด เขาเลยบอกว่าให้บอกเฉพาะแกงค์ Zodiac ของพวกกายก็พอ พริมและแกงค์ถาปัตย์เดี๋ยวเขาจะบอกเองทีหลัง
“โอเค... พวกมึงจะมาก็ได้ แต่เหมือนว่าไม่เป็นไรแล้วอ่ะ” กายพูดผ่านโทรศัพท์ “เออ มันนอนพักอยู่อ่ะ เดี๋ยวยังไงกูพามันกลับบ้านเอง ถ้าปลอดภัยแล้ว เออ... งั้นไม่ต้องมา เออๆ แค่นี้”
กายวางหูก่อนจะหันมาหาโฟล์คและพีท
“คับพี่ ก็เลี้ยวซ้ายคับ ใช่คับ ตึกนั้นแหละพี่ ผมอยู่ตรงล็อบ้ฉุกเฉิน คับ คับพี่” โฟล์คกดวางโทรศัพท์ตามไปอีกคน “พี่บอลกำลังจะมาอ่ะ เขาฝากร้านไว้กับพี่มดแล้ว ปาร์ตี้เลิกแล้วด้วย... คนอื่นว่าไงอ่ะ”
“พอกูกะมึงแล้วก็อินแยกมา ไอ้มอสมันโวยวาย กูเลยต้องบอกไป แต่ตอนนี้กูเคลียร์แล้ว” กายว่า พลางหันไปหาลูกพี่ลูกน้องของเขา “แล้วยูแน่ใจนะ ว่าจะไม่บอกแกงค์เพื่อนยูอ่ะ”
“ไม่ต้องก็ได้ อินมันก็บอกทุกคนอยู่ว่าจะมาแป้บเดียวแล้วรีบกลับ” พีทตอบ “ให้คนอื่นๆกลับบ้านไปเหอะ เดี๋ยวแม่งเครียดกันเปล่าๆ”
“ทำไมนายถึงคิดว่าว่าอินจะไม่เป็นไรวะ” โฟล์คถามขึ้นเสียงหงุดหงิด “ทุกคนจะไม่เป็นห่วงมันกันหน่อยอ่อ”
“เห้ยมึงใจเย็น” กายรีบห้ามเพื่อนทันที แต่พีทก็ยังคงเงียบเสียง
“มึง มึงไม่ได้เห็นตอนมันมีอาการไอ้กาย กู...” โฟล์คเงียบเสียงลง พลางรู้สึกหวาดหวั่นกับภาพที่เขาเห็นตรงหน้า “กูนึกว่ามันจะ...มันจะ...”
“ก็เพราะอย่างนั้นไง เราถึงไม่อยากให้ใครมา” พีทพูดเสียงเรียบ “นายอยากให้ทุกคนรู้อ่อ ว่านายลงไปข้างล่างกับอินสองคนอ่ะ โดยเฉพาะกับแฟนนาย”
พีทพูดตรงเข้าประเด็นทันที และนั่นทำให้โฟล์คเงียบสนิท
“ส่วนคำถามที่ว่าทำไมเราถึงคิดว่าอินจะไม่เป็นอะไร ก็เพราะว่า....” พีทเงียบไปพักหนึ่งพลางมองหน้าโฟล์ค
“เพราะอะไร พูดดิ” โฟล์คถามจี้
“นายดูอาการพวกนั้นไม่ออกจริงดิ นายไม่รู้อ่อ ว่าอาการแบบนั้นคือไร” พีทว่าต่อ แต่โฟล์คยังคงมึนงง “อินมันแพ้แอลกอฮอล์ เอ็นไซม์มันรับได้ไม่คงที่ ถ้ามันมีผสมในเครื่องดื่มเกินไป มันก็จะเป็นแบบนี้”
โฟล์คถึงกับเงียบเสียงไปทันทีเมื่อพีทพูดจบ
“ตอนนายปาร์ตี้กับมัน หรือตอนที่ไปหนองคาย มันก็จิบเบียร์ได้นิดเดียว นายไม่สังเกตอ่อ นั่นคือสาเหตุ ว่าทำไมมันถึงไม่อยากไปปาร์ตี้กับพวกมอส หรือไม่อยากไปบาร์นาย” พีทพูด
“มันไม่ดื่มคอกเทลล์คืนนั้น” โฟล์คพูดเบาๆกับตัวเอง เพราะตบหน้าผากตัวเอง พลางนึกถึงครั้งแรกที่อินมารับแม่ของมันที่ร้าน แล้วอินปฏิเสธที่จะดื่ม แต่เป็นเค้า ที่พยายามยัดเยียดชวนอินดื่มแต่แรก
“เราเห็นว่านายกับมัน... เราก็นึกว่านายจะรู้อ่ะ” พีทว่า
“แต่... เราก็ไม่ได้ให้มันดื่มนะ แล้ว... แล้วถ้ามันรู้ตัว แล้วมันไปนั่งกับแกงค์ถาปัตย์ทำไมวะ” โฟล์คว่า
“มันไม่ได้แดกจากแกงค์ถาปัตย์ไอ้โฟล์ค มันกินจากแก้วที่กูสั่งไว้ให้มัน” กายพูดต่อเสียงเรียบ
“เอ๊า เชี่ยกาย มึงสั่งคอกเทลล์ให้มันอ่อ” โฟล์คหันไปร้อง
“กูเปล่า กูสั่งมอกเทลล์ กูย้ำแล้วด้วยว่าเป็นผลไม้หรืออะไรก็ได้ แต่... เหมือนพี่บอลแฟนมึง น่าจะฟังผิดมั้ง ก็เลย” กายพูดขึ้น
และนั่น ก็ทำเอาเวลาของโฟล์คหยุดนิ่ง และก้อนอะไรบางอย่าง มันก็ปะทุขึ้นมาจ่อคอเขาทันที
“นี่มึงจะบอกกูว่า...” โฟล์คพยายามทวนคำพูดบางอย่าง
“กูไม่รู้ แต่...” กายพูดพลางหันไปมองพีท “มันก็อาจจะ... แค่อุบัติเหตุก็ได้”
“โฟล์ค”
เสียงของพี่บอลดังขึ้น บอลเดินมาตามทางเดิน ขณะที่โฟล์คค่อยๆหันไปหาบอลที่เดินมาหาโฟล์คด้วยสีหน้าห่วงใย ผิดกับโฟล์คที่ตอนนี้หันไปมองบอลด้วยใบหน้าที่เปลี่ยนไป
“ม...มีอะไรกัน... แล้ว... น้องเค้าเป็นไงบ้าง” บอลถาม
“มัน...แพ้แอลกอฮอล์อ่ะพี่” พีทเริ่มพูดขึ้นก่อน พลางเหล่ไปมองโฟล์คที่ยังคงมองแฟนตัวเองอยู่อย่างนั้น “อินอาจจะไม่ระวังตัวอ่ะคับ ก็เลย... น่าจะกินจากพวกถาปัตย์อ่ะพี่”
“อ...อ๋อ เหรอ...แย่เลยนะ” บอลพูดต่อ “แล้ว...ปลอดภัยแล้วใช่ป่ะ”
“ก็คับ... หมอให้พักอยู่คับ รอฤทธิ์ยา อีกพักนึงก็กลับได้แล้วคับ” พีทว่า
“โอเค...แล้ว...โฟล์คจะกลับ...กับพี่อยู่มั้ย” บอลหันไปมองโฟล์คที่ตอนนี้มองบอลด้วยสายตาแข็งกร้าว บอลที่เหมือนจะรู้ตัวในอะไรบางอย่าง จึงพยายามหลบตาลง
“ผมจำได้ว่าพี่เป็นบาร์เทนเดอร์มาเจ็ดปี” โฟล์คพูด “พี่รู้วิธีชงทุกอย่าง พี่รู้แม้กระทั่งวิธีทำให้มันไม่มีกลิ่น... ผมรู้ เพราะผมเรียนรู้จากพี่... เพราะผมชื่นชมพี่ ว่าพี่เป็นคนเก่งเรื่องนี้”
บอลเงียบสนิทขณะฟังโฟล์คพูด
“และคืนแรกที่อินมาที่ร้าน พี่ชงม็อกเทลล์แก้วแรกให้มัน มันต้องเคยบอกพี่ ว่ามันแพ้แอลกอฮอลล์” โฟล์คพูดต่อ “ผมพูดถูกป่าว”
บอลหลบสายตาลง นัยน์ตาของบาร์เทนเดอร์หนุ่มแดงก่ำขณะที่ยืนนิ่ง 
“พี่ไม่เห็นต้องทำขนาดนี้เลยอ่ะ พี่บอกผมก็ได้ว่าพี่ไม่โอเคอ่ะ.. พี่บอกผมดิ พี่ไปลงกับมันทำไมอ่ะ”
บอลหัวเราะเบาๆในลำคอ พลางเมินหน้าไปทางอื่น
“ผมก็รู้นะ ว่าช่วงหลังๆมาผม...ผมเหี้ยอ่ะ แต่...เราเคลียร์กันก่อนก็ได้ป่ะพี่ พี่ทำงี้ทำไมอ่ะ”
และแล้วก็เงียบกันไปพักนึง เป็นความเงียบที่มีความหมายมากมายเหลือเกิน
“บอกเราเหรอ บอกเราแล้วทำให้เรื่องของเราแม่งจบอ่ะนะ” บอลพูดขึ้นมาทันที “บอกเรา เพื่อให้พี่รู้ว่าเรายังไม่ลืมไอ้เด็กนั่นทั้งๆที่เรื่องมันผ่านมาตั้งสองปีแล้วอ่ะนะ”
คราวนี้โฟล์คเป็นฝ่ายเงียบขึ้นมาบ้าง
“สองปีที่โฟล์คบอกพี่ว่าโฟล์คไม่ติดค้างอะไรแล้ว ไม่มีคนอื่นอีก มีแต่โฟล์คที่กลับมาที่บาร์ทุกเย็น เพื่ออ่านหนังสือ ฟังเพลง แล้วก็คุยเรื่องปรัชญาในวิชาเรียนกับพี่ทุกวัน โฟล์คที่ทำให้ทั้งสองปีที่ผ่านมา เหมือนทั้งบาร์นั้นมีแค่เราสองคน แล้วเราก็บอกกันว่า เราจะทำบาร์กันต่อด้วยกัน” บอลพูดต่อ “ถ้าพี่บอกเรา สองปีที่ผ่านมา มันก็จะกลายเป็นเรื่องโกหกสำหรับพี่อ่อ”
โฟล์คก้มหน้าลง
“วันที่พี่บอกพี่ชอบโฟล์ค โฟล์คบอกพี่ว่าไง” บอลว่า “โฟล์คบอกว่าจะลองดู ตอนนั้นพี่รู้แต่ว่าพี่จะทำทุกนาทีให้โฟล์ครู้ว่าพี่มีแต่โฟล์ค พี่จะไม่ทำให้เราต้องเจ็บ ต้องแบกกับเรื่องไม่เป็นเรื่องอีก แล้วบอกพี่ดิ ตลอดสองปีมานี่ พี่ผิดคำพูดใช่ป่ะโฟล์ค บอกดิว่าพี่เป็นคนผิดอ่ะโฟล์ค”
“ผมรู้พี่ ผมผิดเอง แต่พี่... คือ...พี่ต้องทำขนาดนี้เลยอ่อวะ”
“ก็แม่งไม่รักษาสัญญาเองนี่” บอลว่า “มันบอกพี่เอง ว่ามันจะไม่มายุ่งกับชีวิตเราอีก แต่พอพี่ไปรับเราที่บ้านน้องมอส พี่รู้ตั้งแต่วันนั้นแล้ว ว่าไอ้เด็กคนนั้นมันต้องกลับมาในชีวิตโฟล์คอีกอ่ะ แล้วแม่งก็เป็นแบบนั้น ทั้งๆที่มันบอกแล้วว่ามันจะไม่มา มันบอกกับพี่แล้ว แต่แม่งก็ไม่รักษาคำพูด แม่งตอแหลชิบหาย ไอ้สัส”
“พี่ว่าไงนะ” โฟล์คว่า “สัญญาอะไรวะพี่ ผมไม่เข้าใจอ่ะ”
“สัญญาที่ว่ากูจะไม่มาเจอมึงอีกอ่ะ” เสียงแหบแห้งของอินดังขึ้นจากด้านหลัง ดึงให้ทุกๆคนตรงนั้นหันไปมอง อินเดินออกมาจากห้องฉุกเฉินด้วยสภาพที่ดีขึ้นแต่ยังคงซีดเซียว
“เชี่ยอิน” กายร้องขึ้น ขณะที่โฟล์คหันไปมอง แต่พีทเป็นคนที่พุ่งตรงไปประคองอินไว้ก่อน แต่อินหันไปมองพีทด้วยสายตาที่เข้มแข็งขึ้นแล้ว เขาเดินตรงไปหาโฟล์คทันที อินเดินไปประจันหน้ากับบอลที่มองเขาด้วยสายตาโกรธขึ้งปนเสียใจ อินหลบสายตาลงโดยไม่กล้าสบตาของบอล เพราะมันทำให้ภาพจำของวันเก่าๆกลับขึ้นมาอีกครั้ง

บอลมองโฟล์คอยู่พักหนึ่งจะคิดได้ว่าคงไม่มีประโยชน์ ที่จะให้โฟล์คมาหลับอยู่แบบนี้ ก่อนจะพยายามแบกตัวของโฟล์คลุกขึ้นเพื่อพาลงไปชั้นล่าง
“ไอ้โฟล์คเอ้ยยยย” บอลส่งเสียง ขณะพยายามยกตัวโฟล์คขึ้น และพาเดินไปยังบันไดทางลงดาดฟ้า “ไอ้คนที่ทำแกอ่ะ เค้าไม่มาสนด้วยซ้ำมั้ง”
แต่ทันใดนั้นบอลก็ต้องหยุดชะงัก เมื่อคนที่เดินขึ้นมาจากบันได คือคนที่บอลคิดว่าเป็นคนสุดท้ายที่จะได้เจอในคืนนี้
ก่อนที่เขาจะรู้ตัวว่า เขาจะไม่ยอมให้เรื่องแบบนี้จบลงโดยง่ายแน่ๆ
“พี่บอล” อินร้องเรียก เมื่อเห็นสภาพของโฟล์คซบไปบนไหล่ของบอลอย่างหมดสติ “มาพี่เดี๋ยวผม....”
“ไม่ต้องอ่ะ น้องถอยไปเลย” บอลส่งเสียงดุทันที ทำเอาอินชะงักอยู่ที่บันได “กลับมาทำไมเอาป่านนี้ ไหนเมื่อค่ำทะเลาะไปแล้วยกนึงไม่ใช่เหรอน้อง ไหนบอกว่าจะขาดกันไปแล้ว ก็ขาดกันไปเลยไม่ใช่อ่อ”
“พี่....พี่ได้ยินอ่อ” อินพูด
“เห้ย น้องอิน พี่ว่ามันไปกันใหญ่แล้วว่ะ น้องกับโฟล์คเป็นอะไรกันอ่ะ เอาให้ชัดๆทีดิ” บอลพูดตรงๆ “แบบนี้มันไม่เวิร์คป่ะ พี่ไม่เคยเห็นโฟล์คเป็นงี้อ่ะ พี่ไม่โอว่ะ”
อินยืนนิ่งสนิท
“ยังไงคับเรา สรุปว่าจะยังไง พี่หนักน่ะเว่ย” บอลพูดขณะที่ขยับตัวของโฟล์คให้เข้าที่อีกครั้ง “ถ้าจะให้พี่ดูแลโฟล์คแบบนี้ พี่ก็คิดจริงจังอ่ะ ถ้าเราคิดว่าจะไม่ใช่ก็ถอยไป เดี๋ยวพี่จัดการเอง”
อินมองสิ่งที่อยู่ตรงหน้า ก่อนจะรู้ตัวดีว่า มันไม่ใช่อย่างที่ควรเป็น สิ่งที่เขาพูดกับโฟล์คเมื่อตอนหัวค่ำมันถูกต้องแล้ว ฟ้าคิดผิด มันไม่มีทางที่จะมาเสมอกันได้
ไม่มีทาง....
“ผม.... ไม่มีอะไรพี่....” อินพูดออกไปในที่สุด “ผมแค่... เอางานจากเพื่อนมาให้มันอ่ะ ผมกับมัน... เป็นแค่เพื่อนกัน”
“พูดใหม่ได้นะ เอาดีดี อย่าโกหกกัน” บอลถามย้ำ “พี่ไม่ชอบคนโกหก”
อินหายใจเข้าลึก
“คับ... เราไม่ได้มีอะไรกัน...” อินพูดออกไปในที่สุด และหวังว่าทุกอย่าง จะจบลงซักที
“โอเค.. งั้น... ก็หลีกคับ พี่จะเอามันไปห้องพี่” บอลว่า ขณะที่พยายามเบียดตัวเองลงบันไดไป

อินยืนมองบอลอย่างนิ่งสนิท ขณะที่โฟล์คมองหน้าอินอยู่อย่างนั้น
“มึง...มึงพูดงั้นอ่อ” โฟล์คถามเสียงสั่น
“แล้วสองปีต่อมา มึงก็เสือกกลับมา กลับมาในตอนที่กูกำลังสร้างอนาคตกับมัน” บอลพูด “มึงคิดว่าโลกหมุนรอบมึงอ่อหะ มึงคิดว่ามึงเป็นใครอ่ะ ที่จะมาทำลายทุกอย่างที่กูพยายามทำมาอ่ะ ส่วนเราอ่ะโฟล์ค”
บอลเงียบไปพักหนึ่ง ก่อนจะกัดฟันอย่างเจ็บปวด
“มึงไม่เคยรักกู แล้วมึงคบกับกูทำไมวะโฟล์ค”
และเหลือเพียงเสียงลมหายใจระหว่างกันตรงนั้น โฟล์คเองก็ตกอยู่ในสภาพความเงียบเช่นกัน
“งั้น... ถ้าไม่เป็นไรก็ดีแล้วนี่ โฟล์คก็คงไม่กลับกับพี่แล้วช้ะ” บอลพูดเสียงสั่น “งั้น... โชคดีละกัน”
บอลเดินหันหลังจากไป ทิ้งเอาไว้เพียงความอึดอัดระหว่างกันอยู่อย่างนั้น
“มึงต้องไปขอโทษเค้า” อินพูดขึ้น
แต่โฟล์คยังคงยืนนิ่ง
“มึงไม่ได้ยินที่กูพูดอ่อ ไปดิ” อินพูดเสียงแข็งขึ้นอีก ในขณะที่น้ำตาเริ่มไหล โฟล์คหันไปมองหน้าอินอย่างเจ็บปวดเช่นกัน
“แต่กู... กู....”
“มันยังแก้ไขได้นะเว่ย” อินพูดทั้งน้ำตา “เค้าไม่ได้ผิดอ่ะ มึงกะกูอ่ะผิดโฟล์ค มึงจะทิ้งคนที่ทำดีกับมึงมาสองปีไม่ได้ กู....กูทำไม่ได้”
“แต่มึงกะกูก็....” โฟล์คพยายามพูด
“มันไม่ได้เกี่ยวกับว่ามึงกะกูรู้สึกยังไงโฟล์ค แต่มันคือการตัดสินใจของเราสี่คน” อินว่า “เราตกลงกันแล้ว มึงไปกับเค้า...ส่วนกู.... กูจะไปกับพีท... กูพูด....ชัดพอมั้ย”
อินหันหลังให้กับโฟล์คเพื่อเดินไปหาพีทที่ยืนอยู่กับกาย แต่โฟล์คก็คว้ามือของอินไว้ทันที
“อิน อย่าหันหลังไปแบบนี้ .... กู....กูรักมึงนะ”
โฟล์คพูดขึ้น ขณะที่อินหลับตา
“กูไม่น่ามาเจอมึงเลยโฟล์ค....” อินพูดพลางมองไปหากาย “กูไม่น่ากลับมาเจอพวกมึงเลย”
กายหลบตาลง
“ปล่อยกูไปเหอะนะ”
อินจับมือของโฟล์คปล่อยลง และเวลาของโฟล์คก็หยุดนิ่งไปตั้งแต่นาทีนั้นเอง
...........

ออฟไลน์ broke-back

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 5947
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +844/-16
รักสี่เส้า เคล้าปัญหา พาความทุกข์
ไม่มีใคร เจอความสุข คลุกขลาดเขลา
ทั้งตัวเธอ ตัวเขา และสองเรา
คือมัวเมา ในความรัก ผลักให้จม

เรื่องนี้จะให้ใครเป็นคนผิดอ่ะ
ให้เจ้าความรัก..ผิดแล้วกัน
กาซิก

ออฟไลน์ M2M_Jill

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 195
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +50/-0
ตอนที่ 28 Invented

อินนั่งนิ่งพลางวนนิ้วลงบนแก้วกาแฟด้วยความรู้สึกเฉยชา ขณะที่เอิร์ธมองหน้าช่างภาพของเขาพลางนิ่งเงียบไปตามๆกัน ไม่มีคำพูดใดใดระหว่างกันอีก ขณะที่ไอกาแฟพวยพุ่งส่งมาให้มือได้มีความรู้สึกอะไรอยู่บ้าง

“ตอนนั้น พี่กายก็อยู่เหรอคับ” เอิร์ธถามขึ้น หลังจากเงียบไปนาน

อินเหลือบตาขึ้นมองเด็กหนุ่ม ก่อนจะยิ้มและพยักหน้าเบาๆ เอิร์ธถอนหายใจพลางมองออกไปนอกหน้าต่างร้านกาแฟที่อยู่ข้างๆออฟฟิศของเขาในลอนดอน

“มิน่าล่ะ ตลอดเวลาหลายปีมานี้ เขาถึงพยายามเข้าไปจัดการความรักของคนอื่น” เอิร์ธพูดขึ้น “เขาถึงไม่อยากให้ผมมาที่นี่”

“มันทำงั้นอ่อ” อินร้องถาม

“คับ...เอ่อ... พี่กายเค้า เข้าเคยมาหาผมที่ออฟฟิศซูเม่ปารีส เค้ารู้สึกผิดที่การจัดการหุ้นทุกอย่างมันกลายเป็นว่า ผมโดนโยกมานี่ ทั้งๆที่ตอนแรกมันจะต้องเป็นพี่เค้ากับพี่เจน”

“อ้อ...จริงสิ” อินว่า “ตอนพี่ได้บรีฟจากพี่สุเมธ ตอนแรกพี่ก็เข้าใจว่าพี่จะได้กายกับเจนซะอีก”

“คับ... แต่... มันก็...” เอิร์ธถอนหายใจ “ถ้าเป็นเมื่อก่อน ผมก็คงบอกว่าทำไมพวกพี่แม่งชอบทำอะไรให้วุ่นวาย แต่... ตอนนี้ผมก็... ไม่กล้าใช้คำนั้นแล้วแหะ”

“ทำไมอ่ะ” อินถามกลับ

“ก็... ผมเองก็.. ทำเรื่องวุ่นเหมือนกัน เมื่อช่วงกลางๆปี” เอิร์ธบอก “ก็... ผมเพิ่งเลิกกับแฟน”

“อ่าว” อินมองเอิร์ธที่สีหน้าเปลี่ยนไปทันที

“ที่เค้าอยากให้ผมอยู่ปารีส เพราะพี่กายเค้า... อยากให้ผมรอ... พี่คนนึง ที่ผมเลิกกับเค้า กลับมา” เอิร์ธพยายามพูดอ้อมๆ

“เล่าให้พี่ฟังได้นะ” อินพูด

“ก็... จริงๆ มันก็ไม่ต่างอะไรจากเรื่องของพี่เท่าไหร่หรอก หมายถึงเอ่อ... ด้วยสภาพรอบๆตัว ผมก็รู้ว่าเค้าคิดไง แต่... อะไรหลายๆอย่างรอบตัว มันไม่เอื้อเลยอ่ะ” เอิร์ธพูด “ผมเองก็... ผมรอเค้าไม่ได้อ่ะ เพราะผมรู้ว่าเค้าเป็นไง... เค้าไม่ชอบให้อะไรเปลี่ยน แต่ผมแม่ง... ชีวิตมันต้องพุ่งไปข้างหน้าเว่ยพี่”

เอิร์ธพูดทิ้งท้ายให้ติดตลก แต่ทว่าบรรยากาศและความรู้สึกของทั้งคู่มันไม่ได้เอื้อเลย

“นั่นทำให้เราสองคนมีอะไรเหมือนกันนะรู้ป่ะ” อินว่า “พี่เองก็ ใช้เวลาหลายปีมานี่ ทำงานทำงาน แล้วก็ทำงาน จน... พี่ก็... แทบไม่ได้เจอใครเลย”

“แต่... พอเรียนจบพี่ก็ไม่ได้ทำ Lovable ป่ะ ไม่งั้นพี่นัท พี่สา กับพี่มิก ต้องพูดถึงพี่แล้วอ่ะ” เอิร์ธถาม “พี่ทำกับพี่สุเมธตั้งแต่แรกเลยดิ”

“อื้อ... ตั้งแต่ยังไม่ได้ร่วมทุนกับคอสโม่อ่ะ ตั้งแต่ดีไซน์เฮาส์เล็กๆเลยแหละ” อินว่า

“เดินทางไกลนะพี่ มาไกลถึงนี่อ่ะ” เอิร์ธพูด

“ช่าย... ก็ สู้กับพี่เมธมาแต่ต้น พี่เมธเค้าชอบส่งพี่มาก่อน ให้พี่มาด้อมๆมองๆที่ที่จะเปิดสาขาใหม่ แล้วพออะไรๆมันเข้าที่ พี่เมธก็จะเด้งพี่ไปที่ใหม่” อินว่า “แบบว่า ให้พี่ไปเซอร์เวย์ทุกอย่างก่อนเพื่อนน่ะ”

“ก็พี่เป็นช่างภาพนี่นา” เอิร์ธว่า อินยักไหล่เบาๆ ก่อนจะเงียบกันไปพักนึง ทั้งคู่ต่างยกกาแฟขึ้นจิบ ปล่อยให้วันที่พยายามตัดงานทุกอย่างออกจากหัว และนั่งดูผู้คนเดินผ่านไปผ่านมาในช่วงใกล้ปลายปีแบบนี้

“เห้ เอิร์ธ” เสียงใสใสดังขึ้น เมื่อเอิร์ธหันไปดู ก็พบกับสเตลล่านางแบบสาวที่บินมาทำงานกับเอิร์ธที่ซูเม่สาขาอังกฤษ เธอกำลังเดินหน้าตาตื่นเข้ามาที่ร้านกาแฟ

“อ่าว หวัดดีหวัดหยุดสเตลล์” เอิร์ธร้องทักขึ้น “นั่งก่อนๆ นี่พี่อินนะ ช่างภาพที่ถ่ายเธอเดือนหน้า”

“เอ่อ...ไฮ สเตลล่านะคะ” เธอหันไปพูดกับอิน ก่อนจะทักทายกันพอเป็นพิธีขณะที่เธอหันกลับมาหาเอิร์ธ “เอิร์ธ ยูต้องอยากได้ยินข่าวนี้เลย”

“ว่า” เอิร์ธร้องถาม

“เพื่อนยูเค้ากลับมาแล้วนะ” สเตลล่าพูดขึ้น

“หือ.... ไอ้วินอ่ะนะ” เอิร์ธร้อง

“เยส... ไอเพิ่งได้ข้อความเมื่อวาน แม่ของวินเสียแแล้วเมื่อสามวันก่อน” สเตลล่าว่า “แล้วจีโอก็บอกว่า งานแฟชั่นวีคเมื่อคืน เคลวินไม่ได้อยู่ที่งาน เพราะว่าเค้ากลับไปหาวินที่ห้องแล้ว”

“โอ้” เอิร์ธเลิกคิ้ว อย่างประหลาดใจ “งั้นก็... ดีแล้วนี่... มันก็จะได้อยู่กับแฟนมันซะที ให้ตายเหอะ กี่เดือนแล้ววะเนี่ย”

“ห้าเดือน” สเตลล่าตอบแทน “เกล็ดหิมะระเบิดตอนจูลาย ต้นออทั่มพอดี”

“นับเวลาคุกให้ไลโอเนลล์เลยสินะ” เอิร์ธว่า ขณะที่สเตลล่าได้แต่ส่ายหน้าเบาๆ “แล้ว ยูจะไม่กลับไปเยี่ยมเพื่อนยูหน่อยเหรอ”

“หือ... ต้องไปด้วยอ่อ” เอิร์ธร้องถาม

“ก็ควรไปนะ เพราะอีกสองวัน เป็นวันเกิดคุณเจน” สเตลล่าว่า “จีโออยากจัดเซอร์ไพร์สวันเกิดให้เธอ แล้วในเมื่อทุกคนกลับมาอยู่พร้อมหน้ากัน ไอว่าก็น่าสนุกนะ”

“เหรอ...” เอิร์ธส่งเสียง “พี่คิดว่าไงอ่ะ”

เอิร์ธหันไปถามอิน ที่เงยหน้าขึ้นมาจากแก้วกาแฟ

“หือ... ก็... ถ้าอินไป... พี่ก็ต้องอยู่นี่ป้ะ แต่จะไปก็ได้ ไปเจอเจนเค้าก็ถามเรื่องอาร์ตบุ๊คให้รู้เรื่องซะด้วยไง” อินตอบ

“แล้ว... พี่จะไม่ไปด้วยกันอ่อ” เอิร์ธถาม

“คงไม่อ่ะ... พี่อยู่เฝ้าออฟฟิศดีกว่า” อินตอบ ก่อนที่เอิร์ธจะเงียบไปพักนึงพลางคิดทบทวนบางอย่าง

ทุกคนอยู่พร้อมหน้ากันอย่างนั้นเหรอ

“พี่อิน....” เอิร์ธพูดขึ้น “พี่ว่า... เค้าจะกลับมาหาเรากันปะ”

อินมองหน้าเอิร์ธที่ตกอยู่ในห้วงความคิดบางอย่าง ซึ่งคำพูดของน้องเอิร์ธ ก็ทำเอาก้อนความรู้สึกบางอย่าง มันกลับมาจุกที่คอของเขาเหมือนเดิม เพราะคำถามนี้ มันก็ทำให้เขาตกอยู่ในความรู้สึกอึดอัดไม่ได้ต่างไปจากน้องตรงหน้าเหมือนกัน

เขาไม่แน่ใจนักว่า จากทุกๆอย่างที่เกิดขึ้น โฟล์คจะยังเหมือนเดิมอยู่ไหม หรือแม้แต่มีเขาเก็บอยู่ในเสี้ยวความทรงจำหรือเปล่า

หรือมันอาจจะจางหายไปแล้ว ตามกาลเวลา

..............

“กาแฟได้แล้วค่ะ” พนักงานบนเครื่องบินเดินเอามาเสิร์ฟให้กับมิก หลังจากที่ทั้งคู่ตื่นจากการพล็อยหลับไปเมื่อบินผ่านน่านฟ้าประเทศอิตาลี

“อีกไม่กี่ชั่วโมงก็ถึงละ” มิกว่าพลางยกกาแฟขึ้นจิบ “เออ... แล้วนี่กะจะไปเจอเขาอย่างเดียวเลยอ่อ”

“อ้อ... ก็....” โฟล์คอึ้งกับคำถามของมิกเล็กน้อย ขณะหยิบกาแฟมาทานเช่นกัน “เอ่อ... ก็ถ้าได้เจอก็ค่อยว่ากันมั้ง กับมัน... ก็ไม่เคยวางแผนได้ไกลเลย เพราะ.... ก็พังตั้งแต่ยังไม่ได้เริ่ม”

“อ่านะ” มิกว่า

“มิกคงวางแผนไว้เยอะเลยดิ” โฟล์คถามกลับ

“คับ” มิกตอบทันที “ก็... ที่ผ่านมามันพังเพราะผมไม่วางแผนเลย แล้วเอิร์ธเค้าก็... เป็นเด็กไฟแรง เขาวิ่งตามผม แต่ทำไปทำมา วิ่งแซงเฉย แล้ว... ผมก็ไม่มีอะไรจะไปรั้งเค้าไว้ด้วย”

“แล้วครั้งนี้อ่ะ” โฟล์คถามกลับ

“ก็... ไม่แน่ใจว่าจะพอมั้ย” มิกยิ้มให้ ก่อนจะปรับเก้าอี้ให้กลับมานั่งหลังตรงและเริ่มเก็บผ้าห่ม เช่นเดียวกันกับโฟล์คที่เริ่มนวดคอตัวเองเพราะความเหนื่อยล้าเพราะการเดินทาง

“เอ้อ... นัทบอกว่าโฟล์คคือนามปากกาหมึกเทาเหรอ” มิกว่า

“ใช่คับ” โฟล์คตอบ

“เห้ย Endless Dream เป็นหนังสือที่เจ๋งมากเลย” มิกเอ่ยชม

“ไม่ขนาดนั้นมั้ง” โฟล์คพูดพลางหัวเราะแห้ง

“ไม่ไม่ นายไม่เข้าใจ ปกติผมไม่อ่านพวกหนังสือปรัชญาความรัก” มิกพูด “ผมเอียนเลยแหละ แต่นัทเอามาให้ผมอ่าน แล้วมันยิงตรงเข้าผมเลย ผมว่าความเรียบง่ายที่นายใช้เล่าอ่ะ มันสัมผัสได้เลยว่ามันคือความรักอ่ะ ไม่แปลกใจเลยอ่ะ ว่าทำไมมัน Best Seller”

“โห... ขอบคุณคับผม” โฟล์คตอบ

“แต่... ไปไงมาไงอ่ะ ถึงมาจับงานเขียน ครั้งสุดท้ายที่เจอกัน ก็งานปาร์ตี้เรียนจบป้ะ” มิกว่า “จำได้ว่าตอนนั้นนายยังทำบาร์อยู่เลยนี่”

คำถามของมิกทำเอานาฬิกาความทรงจำของโฟล์คหมุนอีกครั้ง และมันก็ดันเป็นเข็มวินาทีสุดท้ายก่อนที่มันจะนำให้เขาเดินทางมาไกลจนเกือบถึงปลายทางบนเครื่องบินเที่ยวนี้ มันเป็นแรงบันดาลใจสุดท้ายที่เขาได้จากอิน ความรู้สึกสุดท้ายที่มันทำให้เขารู้ตัวเองเลยว่าเขารักอินมากแค่ไหน

“ถ้าเล่านี่ก็ ถึงปารีสเลยมั้ง” โฟล์คพูดขึ้น

“เราไม่มีที่อื่นต้องไปแล้วนี่” มิกพูดขึ้น

.................

“เฮนโหล โฟล์ค ชั้นเอาของมาฝากด้วยล่ะ” เสียงของฟ้าดังขึ้นเสียงสดใส ขณะที่เธอก้าวขึ้นมาถึงชั้นดาดฟ้า โฟล์คที่กำลังเช็ดบาร์อยู่หันมาเจอฟ้าที่อยู่ในชุดที่เริ่มไปไกลจากเพื่อนสมัยเรียนที่เขารู้จักมากขึ้นทุกที

“อ้าว มาซะไวเลย ไหนว่าจะรอไปเจอที่ร้านไง” โฟล์คร้องทัก

“ก็เนี่ย ลงจากเครื่องแล้วก็มาเลยอ่ะ ขี้เกียจอ้อมไปบ้านก่อน เหนื่อย” ฟ้าพูดพลางเดินมาถึงบาร์ของโฟล์ค

“อ่านะ จะเอาไรป่ะล่ะ เดี๋ยวทำให้” โฟล์คทักเธอ

“ไม่เอาอ่ะ ไปกินร้านข้ามต้มเลยก็ได้ บาร์ปิดแล้วอ่ะ เกรงใจ” ฟ้าบอก

“ไม่เป็นไรหรอก เดี๋ยวจัดให้ เอาเบาเบาไหมล่ะ” โฟล์คถาม

“แหม พอเป็นบาร์เทนเดอร์เองแล้วเอาใหญ่เลยนะ ของเขิงในร้านงี้ตามใจชอบเชียว” ฟ้าพูด

“บ้าเหอะ ชั่วคราวไหมล่ะ” โฟล์คว่า “จะเอาอะไรเร็ว จะได้รีบทำรีบไป”

“งั้น เป็นโคโคนัทคอกเทลล์ละกัน เอาแบบอ่อนๆนะ ยังไม่อยากแอลกอฮอล์ตอนนี้” ฟ้าพูดพลางยักคิ้วให้ ซึ่งนั่นทำเอาโฟล์คเงียบเสียงไปทันที “เห้ย... ล้อเล่น.... ขอโทษ”

โฟล์คเหลือบตาขึ้นมามองเธอ

“อะไร” โฟล์คว่า “ยังไม่ได้คิดไรเลย...”

“อ้อ.... ผ่านไปแล้วว่างั้น”

โฟล์คยักคิ้วให้เธอและหัวเราะกับเธอเบาๆ ก่อนจะหันหลังไปชงเครื่องดื่ม โดยที่ฟ้าเองไม่รู้เลยว่า สิ่งที่ผ่านไปเมื่อหลายเดือนก่อน มันยังไม่ได้ทำโฟล์คดีขึ้นเลยแม้แต่น้อย

ทุกอย่าง ยังคงเหมือนเดิม

ออฟไลน์ broke-back

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 5947
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +844/-16
แล้วพี่บอลหายไปไหน
หรือว่า..เลิกกันตั้งแต่วันนั้น

โฟล์ค..เธอใจเหี้ยมมากเลยนะ
ชิสสสสสสสสสส์

ออฟไลน์ M2M_Jill

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 195
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +50/-0
ตอนที่ 29 Locked Room

 “ร้านนี้ดีอ่ะ ขนาดข้าวต้มยังละมุนเลย” ฟ้าพูดขณะตัดขึ้นทาน ในร้านข้าวต้มมื้อดึกที่โฟล์คพาเธอมาทานหลังจากเก็บร้านกันเสร็จเรียบร้อยแล้ว โฟล์คยิ้มกว้างขณะที่ตักผักบุ้งไฟแดงให้เธอ
“แล้วยังไงเนี่ยเหอะ ต้องมากินข้าวต้มรอบดึกกับเพื่อนแล้วอ่อ ฟงแฟนไปไหนหมด” โฟล์คถาม
“อะไร.. แฟนที่ไหน ไม่มี” ฟ้าพูดพลางยิ้มกริ่ม
“หรา....” โฟล์คส่งเสียงแซว “เอาดีดี เล่าได้นะ”
ฟ้าเหลือบตาขึ้นมองโฟล์คครู่หนึ่ง ก่อนจะถอนหายใจ
“ก็... เค้าเลือกไปทำเอเจนซี่โฆษณากับเพื่อน ก็เลย... ห่างๆกันไป” ฟ้าว่า “แต่... มันก็ไม่ได้เป็นอะไรกันแต่แรกแล้วด้วยอ่ะ ก็เลยได้แค่นี้ล่ะมั้ง”
คำพูดของฟ้า ทำเอาเขาย้อนกลับมานึกเรื่องราวของตัวเองขึ้นมาบ้างเหมือนกัน
“แล้วเรื่องงานอ่ะ” โฟล์คถามต่อ พยายามเปลี่ยนเรื่องเพื่อให้บรรยากาศไม่ต้องจมจนเกินไป
“ก็ปรับตัวอยู่อ่ะ จบอักษร แต่ไปทำอาร์ต ก็... สู้ตายเหมือนกัน” ฟ้าตอบ “ก็ต้องขอบคุณมิกเค้าแหละ ที่สอนเราเรื่องจิตรกรรมไว้เยอะ ตอนนี้แค่ได้วาดรูป ก็มีความสุขแล้ว”
“โดยรวมก็ดีนี่” โฟล์คว่า “แล้วถ่อมาหาเพื่อนทำไมดึกดื่นเนี่ยหะ”
“ก็ลงใต้มา ไปวาดรูปที่พื้นที่เสี่ยงภัย สะท้อนประเด็นสังคมอะไรประมาณนั้นอ่ะ” ฟ้าบอก “ลงเครื่องมาก็ขี้เกียจเข้าบ้านไง นึกถึงก็เลยมาหา ไม่ได้อ่อ”
“ได้ดิ.. แค่แบบ หายไปตั้งนาน ไม่ทักหาไง” โฟล์คตอบ
“ว่าแต่แกเหอะ กะจะทำบาร์ไปตลอดเลยอ่อ เห็นตอนจบมีคนมาทาบทามไปทำการเมืองป้ะ” ฟ้าร้องถาม
“ก็ไม่ใช่การเมืองขนาดนั้น แค่แบบ... คุยกันเรื่องกฎหมายแต่งงานของเอ่อ... เพศเดียวกันอ่ะ” โฟล์คตอบ
“อ้อ..ดีนะ... ยอดมากเลย แต่... ไหงไม่ทำต่ออ่ะ” ฟ้าถามต่อ
“ก็... ดูๆอยู่ ก็... ไม่อยากไปหนักมาก คือ... ไม่ได้เชี่ยวขนาดนั้นด้วยมั้ง แค่อ่านมาเยอะ กลัวไปบ้งๆในทีมเค้าแล้วพังเปล่าๆ” โฟล์คว่า “อีกอย่าง อะไรๆมันไม่ง่ายหรอก ถ้าจะลงไปทำเรื่องนี้มันก็ สู้กันยาวเลย”
ฟ้าเหล่มองโฟล์คขณะที่พูด
“เพราะมันเกี่ยวกับตัวแกเองด้วยป่าว” ฟ้าถามจี้ลงไป ทำเอาโฟล์คถึงกับเงียบสนิท ฟ้าถอนหายใจตาม ขณะที่ทั้งคู่ต่างก็เงียบกันไป
“ก็... ชีวิตเราคิดไกลกับใครไม่เคยได้เลยอ่ะ” โฟล์คตอบเสียงสั่น “มันเหมือน ไม่เคยเดินกับใครได้พอดีเลย... ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไม”
ฟ้าเอื้อมมือไปจับมือเพื่อน
“โฟล์ค ชั้นเป็นห่วงแกนะเว่ย” ฟ้าว่า “นี่เป็นอีกอย่างเลยที่ฉันอยากมาเจอแกบ่อยๆ ฉันไม่อยากให้แกต้องจมอยู่ความรับผิดชอบที่แกไม่จำเป็นต้องแบก”
โฟล์คเงยหน้าขึ้นมองเธอ
“ถ้าไม่ทำแล้วให้เราไปทำไรอ่ะ” โฟล์คถามต่อ “เรา...ทำไรได้อีกอ่อ...ก็ต้องทำตรงหน้าให้ดีที่สุดป่ะ”
“แกรู้ตัวดีว่าตรงหน้าแกไม่ใช้สิ่งที่ดีที่สุด” ฟ้าว่า “แกเป็นคนเชียร์ให้ฉันไปวาดรูปทั้งๆที่ฉันไม่ได้จบจิตรกรรม แต่วันนี้ตัวแกกำลังนั่งทำบาร์ทั้งๆที่แกจบเกียรตินิยมอันดับสามนะ”
โฟล์คหันไปมองถนนด้านข้าง
“ก็แค่รับผิดชอบ ในสิ่งที่ทำไว้... แล้วมันก็... ไม่ได้แย่อะไรขนาดนั้น” โฟล์คตอบ “อีกอย่าง ตอนนี้ทุกอย่างก็กลับมาปกติเหมือนเดิมแล้วด้วย ไม่ได้ไม่เสียอะไร”
“โฟล์ค บางครั้งคนเราก็ทุ่มเททุกสิ่งทุกอย่างเพื่อสิ่งที่ไร้ค่า” ฟ้าพูดต่อ
“โอ้ อัลเบิร์ต ไอน์สไตน์” โฟล์คหันมายิ้มให้กับเธอ “กลับมาเอาวิชาปัชญามาฟาดกันแล้วอ่อ”
“ก็แค่พูดให้ฟัง ก็ไปคิดเอา” ฟ้าว่า “ไม่เชื่อก็ตามใจ ชั้นก็แค่อยากให้แกมีความสุข แล้วก็ไปต่อจริงๆ อย่างที่แกว่า”
“ฉันไปต่อไม่ได้ฟ้า” โฟล์คพูด “ฉัน...ต้องอยู่แบนี้... ฉัน...โอเค”
“โอเค...ก็โอเค....”
ทั้งคู่ยิ้มให้กัน ก่อนจะทานข้าวด้วยกันจนหมด ฟ้าฝากของฝากไปให้กับโฟล์ค และก่อนที่ทั้งคู่จะออกจากร้านและฟ้ากำลังรอรถที่เธอเรียก รถอีกคันหนึ่งก็จอดลงตรงหน้าร้านข้าวต้ม ขณะที่โฟล์คกล่าวลาเธอเพื่อไปขึ้นรถคันนั้น
“วันนี้ช้าจังพี่” โฟล์คทักทายกับพี่บอลทันทีเมื่อขึ้นมาบนรถ
“โทษที พอดีที่เลาจ์โรงแรมมีของมาลงอ่ะ พี่ต้องอยู่จัดการ เลยช้า” พี่บอลกล่าวทักทาย “แล้วฟ้าเค้ามายังไงดึกดื่นน่ะหึ”
“อ๋อ... เค้าเพิ่งลงเครื่องมาอ่ะพี่ มันไปวาดรูปที่สามจังหวัดมา” โฟล์คว่า
“จริงดิ... น่ากลัวนะ” บอลพูด
“ก็...มันทำศิลปะขับเคลื่อนสังคมอ่ะพี่ เจ๋งนะผมว่า” โฟล์คพูดเสริม
“ก็ดีแหละ... แต่ก็นะ... แล้ว... เป็นไงบ้างอ่ะเรา วันนี้” บอลถาม
“ก็เรื่อยๆพี่ ไม่ค่อยมีคนอ่ะวันนี้ ก็สบายๆ” โฟล์คพูดพลางหยิบของฝากจากฟ้าขึ้นมากล่องนึง “อ่ะ... ฟ้าซื้อมาฝากครับ แล้วก็.... ยินดีนะครับ กับการรางวัลบาร์เทนเดอร์ชนะเลิศที่โรงแรมอ่ะ”
“ขอบคุณคับผม” บอลหันมายิ้มให้กับโฟล์ค “จริงๆไม่ต้องลำบากฝากฟ้าไปซื้อก็ได้ พี่ไม่เคยอยากได้อะไรจากโฟล์คอยู่แล้วนะ”
โฟล์คยิ้มกว้างให้พี่บอล
“ผมรู้คับ... แต่... ผมอยากชดเชยให้พี่ ทุกอย่างที่ผมพอจะทำได้” โฟล์คพูดขึ้น และแล้วก็เงียบกันไปพักหนึ่ง ขณะที่พี่บอลเลี้ยวรถออกจากซอยได้
“พี่บอกแล้วไง ว่าลืมได้แล้ว” บอลพูดขึ้นหลังจากเงียบกันไปนาน “เราก็....ผิดด้วยกันทั้งคู่ป่ะวะ”
“คับ... ผมเข้าใจ... แต่ ให้ผมได้ทำเหอะพี่” โฟล์คว่า “อย่างน้อย...ก็ตอบแทนที่พี่ยังไม่ได้ทิ้งผมไปไหนอ่ะ”
“จะทิ้งได้ไง สอนมากับมืออ่ะหะ” บอลว่า “คิดมากน่า”
บอลขับตรงไปยังคอนโดของโฟล์คได้รวดเร็วในไม่กี่นาทีเนื่องจากเวลาที่ดึกมากแล้ว บอลจอดสนิทที่หน้าคอนโดอันเงียบเชียบขณะที่โฟล์คเริ่มเก็บของ
“ให้พี่ช่วยขนขึ้นไปไหม” บอลร้องถาม โฟล์คนิ่งไปพักหนึ่ง
“อืม...ไม่เป็นไรคับ...ดึกแล้วอ่ะ อีกอย่าง อาทิตย์นี้ห้องผมโคตรเละเลย เดี๋ยวพี่บ่นอีกอ่ะ แหะแหะ” โฟล์คว่า
“เราเนี่ยน้า” บอลว่า “งั้นก็รีบพักผ่อนนะคับ”
“คับพี่ ขอบคุณนะคับที่แวะมาส่งอ่ะ”
โฟล์คกำลังจะเปิดประตูรถลงไปแต่บอลก็คว้ามือโฟล์คเอาไว้
“โฟล์ค.... เรื่องที่พี่ถามอ่ะ... โฟล์คได้คำตอบหรือยัง” บอลพูดขึ้น ทำเอาโฟล์คนิ่งเงียบ
“ผม.... ผมยัง... ไม่ได้คิดเลยอ่ะพี่” โฟล์คตอบ “ขอ...ขอเวลาผมอีกซักพักนะ”
โฟล์คยิ้มให้บอลที่ยังคงมองโฟล์คอยู่อย่างนั้น ก่อนที่เขาจะปล่อยมือลง
“งั้นก็... ฝันดีคับ”
..................
โฟล์คเดินกลับมาถึงห้องขณะที่มือนึงถือกล่องของฝากที่ได้มาจากฟ้า การกลับมาที่ห้องของเขาในตอนหลังเที่ยงคืนแทบทุกคืนแบบนี้มันดูจะเป็นเรื่องปกติไปแล้ว นาฬิกาชีวิตของเขามันบิดเบี้ยว ไม่เคยตรงกับใครทั้งนั้น และมันดูเหมือนจะไม่มีทางออกอะไรให้เขาเลย โฟล์คมองที่กล่องใบนั้นก่อนจะยิ้มให้ตัวเองเบาๆ และเดินเข้าไปที่ห้องที่เขาคุ้นเคยอย่างเงียบเชียบ เขาวางของลงที่โต๊ะในห้องก่อนจะมองไปข้างในที่มีเพียงแสงสลัวๆเปิดไว้ เขานั่งลงที่โซฟาในห้อง ก่อนจะหยิบซองกระดาษซองนึงขึ้นมา
มันเป็นใบอนุญาติทำงานที่ญี่ปุ่น สำหรับสถานประกอบการเครื่องดื่มที่เล็งเห็นศักยภาพของเขาและพี่บอล ที่งานประกวด Thailand Bartender เมื่อต้นปี แม้เขาจะไม่ได้รางวัลใดใด แต่พี่บอลก็คว้ารางวัลที่สองมาได้อย่างสมศักดิ์ศรี เขาไม่แปลกใจเลยที่เป็นแบบนั้น พี่บอลมีฝีมือและประสบการณ์กับการชงเครื่องดื่มมานานกว่าเขา รางวัลนี้เหมาะสมกับพี่บอลมากที่สุดแล้วเท่าที่เขาจะนึกถึง
“พี่คิดว่าพี่จะไปอยู่ที่โน่นนะ โฟล์คไปเก็บตังค์กับพี่ไหม ซักสามสี่ปี แล้ว... พอเรากลับมา เรามาสร้างครอบครัวกันไหมโฟล์ค”
พี่บอลเคยพูดกับเขา หลังจากเจ้าของบาร์ที่ญี่ปุ่นเสนอดีลนี้ให้กับพี่บอลหลังจบงาน พี่บอลดูจะตื่นเต้นกับสิ่งนี้มาก เพราะจากการทำงานอย่างหนักมาตลอด 7 ปีในฐานะบาร์เทนเดอร์ สิ่งนึงที่พี่บอลพยายามก็คือการสร้างตัว และนี่ถือเป็นโอกาสที่เหมาะสมกับเขา ในระหว่างการตัดสินใจ เจ้าของบาร์ก็ได้เสนอให้บอลย้ายไปทำที่โรงแรมที่เขาเป็นหุ้นส่วนในกรุงเทพก่อน เพื่อทดลองงานและทำความรู้จักเส้นสาย นั่นหมายรวมถึงการที่โฟล์คได้เลื่อนขึ้นเป็นบาร์เนเดอร์แทนที่บาร์ดาดฟ้า แม้ว่าเขาเพิ่งจะเรียนจบมาไม่นานแต่รายได้ก็เริ่มจะเพียงพอที่เขาจะย้ายออกมาผ่อนคอนโดเอง แม้ว่าจะต้องร่ายยาวกับพ่ออยู่ยกใหญ่ก็เถอะ แต่ก็เพราะเขาโตพอที่จะอยู่เองได้แล้ว พ่อของเขาจึงไม่ค่อยจะยุ่งวุ่นวายกับเขาอีก นอกจากช่วยขนของจากบ้านมาที่คอนโดให้
ชีวิตที่เป็นของเขา พร้อมกับการตัดสินใจเพียงเล็กน้อยที่อยู่ในมือ ด้วยกระดาษแผ่นเล็กๆนั้นเอง
โฟล์คถอนหายใจเบาๆ ก่อนจะวางกระดาษนั้นลง พลางนวดคอตัวเองด้วยความเหนื่อยล้า มันไม่ใช่การตัดสินใจที่ง่ายดายนักในสถานการณ์แบบนี้ ในช่วงเวลาแบบนี้
ชายหนุ่มลุกขึ้นพลางเดินไปหยิบน้ำมาดื่ม ถอดเสื้อผ้าออกและเดินเข้าห้องน้ำไปเพื่ออาบน้ำ สายน้ำอุ่นที่รดมาบนตัวระหว่างการใช้ความคิด ไม่ได้ทำให้โฟล์ครู้สึกดีขึ้นมากนัก คำพูดของฟ้าที่ร้านยังคงวนเวียนอยู่ในหัว
นี่คือชีวิตที่เขาต้องการจริงหรือเปล่า
ใช้เวลาอาบน้ำไม่นานนัก ก่อนจะออกมาจากห้องน้ำ โฟล์คเห็นว่าไฟสลัวๆในห้องนอนเปิดขึ้นที่หัวเตียง ชายหนุ่มถอนหายใจก่อนจะเดินเข้าไปในห้องนอน แม้จะอยู่ในผ้าเช็ดตัวแต่โฟล์คก็ไม่ได้เปลี่ยนเสื้อผ้า เขานั่งลงข้างๆเตียงก่อนจะมองไปยังร่างๆหนึ่งที่นอนหลับสนิทอยู่ที่ตรงนั้น ร่างๆนั้นลืมตาปรือขึ้นมามองเขา เห็นได้ชัดว่าเสียงกุกกักจากการอาบน้ำคงปลุกให้ตื่นขึ้นกลางดึก โฟล์คยิ้มให้เบาๆก่อนจะเอื้อมมือไปลูบหัวเบาๆ
“กลับ...ดึกจัง” เสียงแหบพร่าดังขึ้นอย่างงัวเงีย
“โทษที... พอดีเจอฟ้าอ่ะ เลย... แวะไปกินข้าวต้มกัน” โฟล์คตอบเสียงอ่อนโยน “ขอโทษที่ไม่ได้แชทมาบอก”
“อืม”
ร่างนั้นขยับตัวเบาๆใต้ผ้าห่มพลางมองไปยังโฟล์คด้วยสายตางัวเงีย
“มีของฝากด้วยนะ อยู่ที่โต๊ะ” โฟล์คยังคงมองใบหน้านั้นอยู่อย่างนั้น
“อืม..ค่อยดู...พรุ่งนี้”
“ขอโทษที่ทำเสียงดัง ตื่นเลยอ่ะ” โฟล์คว่าพลางเปลี่ยนไปลูบที่ใบหน้าแทน
“ถ้าขอโทษอีกทีจะโกรธละ” เสียงนั้นเปลี่ยนมาชัดเจนขึ้น โฟล์คถึงกับหัวเราะเบาๆ
“โอเค.. ไม่ขอโทษก็ได้” โฟล์คมองใบหน้าและแววตาคู่นั้นอย่างอ่อนโยน มองอยู่นานจนรู้สึกได้
“คิดไรอยู่” เสียงนั้นถามขึ้นหลังจากเงียบไปนาน โฟล์คยิ้มให้เบาๆก่อนจะส่ายหน้า
ใช่ เขาโกหก
แต่เขาก็ไม่รู้ว่าจะอธิบายสิ่งที่มันอยู่ในความคิดออกไปหมดได้ยังไง
“เปล่าอ่ะ” โฟล์คตอบ
“มึงโกหกได้แย่มาก” ร่างนั้นสวนทันที “แต่ช่างเหอะ... ไปใส่เสื้อแล้วนอนเหอะ”
โฟล์คยังคงมองอยู่อย่างนั้นก่อนจะยิ้มกว้าง
“ทำไมมึงน่ารักจังวะอิน”
อินเลิกคิ้วมองโฟล์คด้วยสีหน้าสงสัย และเป็นสัญญาณว่าอินตื่นเต็มตาแล้ว
“แบบนี้ไม่ได้นอนแหง”
“รู้ก็ดี...”
โฟล์คปลดผ้าเช็ดตัวตัวเองออก ก่อนจะก้มลงไปจูบร่างตรงหน้าทันที และปลดปล่อยความคิดที่หมุนอยู่รอบตัวให้ล่องลอยหายไป
...................
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 14-04-2020 18:46:03 โดย M2M_Jill »

ออฟไลน์ broke-back

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 5947
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +844/-16
เอิ่มมมม..คุณโฟล์ค
เราคนอ่าน..ยิ่งอ่านก็ยิ่งงงในความไบโพลาร์ของคุณมาก
อะไรของมันแว๊ะ???????????

ตกลง..ตอนนี้อยู่คอนโดเดียวกันแล้วกับอิน
แต่พี่บอลก็เคยขึ้นมาที่นี่ด้วยเหมือนกัน..พี่บอลรู้ ??
แต่ไม่น่ารู้ป่ะ...พี่บอลจะขอขึ้นมาบนห้อง แต่โฟล์คไม่ยอมให้ขึ้นมา..เพราะอินอยู่ช้ะ

แล้วที่พี่บอลชวนให้ไปญี่ปุ่นด้วยกัน..กลับมาแล้วช่วยสร้างครอบครัวด้วยกัน
คืออยู่กินแบบคู่รักผัวเมีย เหรอออออ
แล้วอินอ่ะ..อยู่ตำแหน่งไหน โอ้วววววว..บร๊ะเจ้า เอาท่าไหน หุหุ

ความสงสาร จานเจือ เผื่อความใคร่
มันใช้ใจ อะไรคิด ซักนิดไหม
หรือทำตาม กามกล คนจัญไร
จะเป็นไง ก็ช่างมัน ฉันไม่แคร์

RIP..ความลังเลบนความเห็นแก่ตัว
หึ

ออฟไลน์ M2M_Jill

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 195
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +50/-0
ตอนที่ 30 Tough Route

 เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นในตอนเช้า ปลุกให้อินลืมตาตื่นขึ้นในวันรุ่งขึ้น ชายหนุ่มปรือตาตื่นขึ้น พลางคว้าโทรศัพท์มือถือที่อยู่ใกล้ตัวมารับสายทันที
“ฮัลโหล...” อินตอบด้วยเสียงงัวเงีย
“อิน นี่พี่เอง” เสียงของพี่สุเมธดังขึ้น ซึ่งทำเอาอินต้องรีบปรับเสียงตัวเองให้ตื่นทันที
“อ๋อ...ครับพี่” อินตอบรับ
“เอ้อ... วันนี้ก่อนเข้าออฟฟิศอ่ะ อินแวะไปเอาแบบงานให้พี่หน่อยสิ ตรงออฟฟิศแถวสุขุมวิท พี่จะส่งโลให้ แล้วเดี๋ยวเราค่อยมาคุยกันว่าจะวางแผนกันยังไงต่อ” สุเมธยิงงานใส่อินโดยไม่รีรอ อินพยายามตั้งสติฟังทันที
“ได้...ได้คับ อันนี้คือที่พี่จะรวมไปคุยกับคอสโม่ป่ะพี่” อินถามต่อ
“ใช่ใช่ อินอยู่แถวนั้นอยู่แล้วนี่ ไม่วนใช่ไหม” สุเมธถามต่อ
“เอ่อ... คับ เอ่อ ไม่วนคับ” อินตอบ
“โอเค งั้นพี่ฝากด้วยนะ พี่เข้าออฟฟิศบ่ายโมงอ่ะ อินก็ไม่ต้องรีบมากหรอก แต่วันนี้อาจจะดึกหน่อยนะ” สุเมธทิ้งท้าย
“ไม่มีปัญหาคับ” อินตอบรับก่อนที่เสียงโทรศัพท์จะหายไป ชายหนุ่มหลับตาทำคอตก ก่อนจะดูเวลาที่หน้าจอ ตอนนี้เพิ่งจะแปดโมงครึ่ง และมันก็ยิ่งเป็นการยืนยันความเป็นพี่สุเมธเข้าไปอีก กับการบ้างานเข้าขั้นชนิดที่ว่าลืมตาตื่นขึ้นมา สิ่งที่เจ้าของแบรนด์นี้จะคิดถึงเป็นอันดับแรกก็คืองาน และสายแรกที่เขามักจะโทรหาก็คืออิน ช่างภาพที่คู่ใจของเขานั่นเอง อินกดดูโลเกชั่นออฟฟิศที่พี่สุเมธส่งมา ก่อนจะตกใจเล็กน้อยและพบว่ามันคือ Lovable Studio ออฟฟิศของพ่อของพีทนั่นเอง เขาถอนหายใจเฮือกใหญ่พลางคิดคำนวณการเดินทางอยู่ในหัว
ทันใดนั้น โฟล์คก็เอื้อมมือมากอดเขาไว้ และลากตัวอินกลับไปซุกในผ้าห่มอยู่ภายใต้อ้อมแขนของโฟล์ค ที่ยังงัวเงียอยู่เช่นกัน
“อือ... ไม่อาว... ไม่รับงานก่อนสิบโมงเด่” โฟล์คส่งเสียงยานคาง
“ก็เคยบอกแล้วไง.... พี่เมธเค้าบ้างาน” อินตอบ และได้แต่ปล่อยให้ตัวเองโดนกอดในผ้าห่มอยู่อย่างนั้น  แต่โฟล์คไม่สนอะไร ได้แต่แนบร่างกายที่เปลือยเปล่าของตัวเองแนบเข้าอิน
“มึงไม่ต้องมาอยากตอนนี้เลยนะ” อินพูดขึ้นหลังจากรู้สึกถึงร่างกายของโฟล์คภายใต้ผ้าห่ม
“ง่า... ไม่ได้อ่อ” โฟล์คยังคงออดอ้อนต่อด้วยการเอาคางมาเกยที่ไหล่ของอิน
“กูต้องกลับบ้าน” อินพูด และนั่นทำให้โฟล์คเงยหน้าขึ้นมาขมวดคิ้วใส่
“แวะมานอนกะกูเพราะออฟฟิศมึงอยู่ถัดไปสามซอยไม่ใช่อ่อ” โฟล์คถามด้วยเสียงที่ชัดขึ้น
“เออ... มันก็ใช่... แต่ต้องไปวนเอาของให้เขาไง” อินว่า
“โลกนี้มีมอไซค์” โฟล์คพูดต่อ
“ใช่ แต่โลกนี้ก็มีพี่สุเมธ แล้วก็พ่อไอ้พีท ที่อยากบรีฟงานกูก่อนด้วยไง” อินย้อนกลับ และนั่นทำให้โฟล์คตื่นเต็มตาขึ้นมาจริงๆ พลางลดแรงกอดลงจนอินรู้สึกได้
“อ่อ” โฟล์คพูดเบาๆ พลางผละตัวเองออกจากอิน และหันกลับไปนอนหงาย “โทษที... คือ... กูก็นึกว่า มึงอยู่กะกูแล้ว”
“ไอ้โฟล์ค...” อินหันไปทำเสียงนิ่ม เมื่อเห็นว่าโฟล์คหันไปนอนทำหน้านิ่ง
“อะไร” โฟล์คเหลือบตาหันไปมองอินที่กลายเป็นฝ่ายเอื้อมมือไปกอดและพิงหน้าลงบนหน้าอกของโฟล์คและไม่พูดอะไรซักคำ โฟล์คจึงโอบตัวของอินไว้และลูบไหล่เบาๆ
“เออน่ะ” โฟล์คพูดต่อ “เซกซ์เฟรนด์ก็เซกซ์เฟรนด์ ไม่ไกลกว่านี้”
อินยังคงเงียบสนิท สายตายังคงสะท้อนความคิดที่วนเวียนอยู่มากมาย
“ขอโทษ” โฟล์คพูดต่ออีก
“บอกแล้วไง ถ้าขอโทษอีก จะโกรธ” อินว่า และนั่นทำให้โฟล์คหัวเราะเบาๆ
“งั้นถามใหม่....หกเดือนแล้ว มึงโอป่ะล่ะ” โฟล์คถาม
“ก็... สำหรับที่ซุกหัวนอนเวลาพี่เมธเลิกดึก แล้วกูขี้เกียจกลับบ้าน แม่งโอมากเลย ไม่งั้นกูน็อคแน่ หลับในตอนขับรถแน่อ่ะ” อินตอบ
“อันนั้นไม่เกี่ยวดิ กูหมายถึง...เอ่อ...” โฟล์คว่า
“อะไร... ลีลามึงอ่อ” อินเหลือบหน้าขึ้นไปถาม
“ไม่ใช่โว๊ย” โฟล์คตบไหล่อินเบาๆ “กูหมายถึง ที่.... เป็นอยู่...อย่างงี้อ่ะ”
“ก็... ดีมั้ง... ไม่รู้เหมือนกันอ่ะ กูก็เรื่อยๆอ่ะ จนกว่า.... พี่เมธจะเปลี่ยนแผนใหม่” อินตอบเสียงเรียบ “แล้ว....มึงอ่ะ”
“ก็เหมือนกันมั้ง จนกว่าจะมีแผนใหม่” โฟล์คว่า
“แล้วเค้า... ยังดีอยู่ป้ะ” อินถาม
“ก็ดี๊...” โฟล์คขึ้นเสียงสูง “ไม่รู้ดิ... ก็... กูก็คืนให้เค้า ชดเชยให้ทุกอย่างที่เค้าควรได้อ่ะ”
และแล้วก็เงียบกันไปพักนึง
“เห้ย อย่าคิดมากดิ กูโอเค” โฟล์คว่า “อีกอย่าง มันพิสูจน์ว่ากูสับรางเก่งไง มีชู้อย่างมึงอ่ะ”
“ไอ้เวร เค้าไม่เรียกเก่ง เค้าเรียกเหี้ยป่ะ มันต้องทุบด้วยซ้ำ” อินว่าพลางเอื้อมมือไปทุบส่วนกลางของโฟล์คจากนอกผ้าห่มเบาๆ ทำเอาโฟล์คหุบตัวและร้องขึ้นทันที
“โอ๊ยยย อย่าดิ เดี๋ยวตื่นแล้วมึงซวยนะ” โฟล์คร้อง ขณะที่อินหัวเราะเบาๆ ก่อนจะกลับมาเงียบกันอีกครั้ง เป็นความเงียบที่ทั้งคู่ต่างรู้กันดีว่า นี่เป็นเส้นทางที่ยากลำบากด้วยกันทั้งคู่ เส้นทางที่มันสุ่มเสี่ยง และพังทุกอย่างที่ทั้งคู่เป็น
“กู.... ต้องไปละ” อินยื้อตัวเองขึ้นก่อน แต่โฟล์คยังคว้าตัวเขาเอาไว้
“ไม่เอา...” โฟล์คว่า “อยู่กะกูอีกแปปนึงดิ”
“ไม่ได้... เดี๋ยวรถติด” อินตอบ
“ติดไม่เท่ากูติดมึงหรอก ตะกี้ได้ยินอยู่ เข้าบ่ายไม่ใช่อ่อ” โฟล์คร้อง
“มึงเนี่ยน้า... รู้ดี” อินหันไปหงุดหงิด พลางมองโฟล์คที่ยังทำสายตาออดอ้อน
“ขอนะ....” โฟล์คพูดกับอินอีกครั้ง
อินถอนหายใจพลางมองไปทางอื่น ขณะที่โฟล์คเห็นดังนั้นก็ได้แต่ทำหน้ามุ่ย
“เก่งจริงก็เอากูให้อยู่ละกัน”
อินก้มลงไปจูบโฟล์คอีกครั้งทันที
.........
“โอ้โห... แผนใหญ่มากนะ ไอ้เมธนี่บ้าพลังใหญ่เลยแหะ” บอสพัฒน์แห่ง Lovable Studio พูดขึ้นหลังจากที่นั่งคุยกับอินอยู่ในห้องประชุม “แล้วเราจะไหวเหรอเหอะอิน เฮาส์ของสุเมธมีดีไซน์เนอร์ในมือเท่าไหร่นะ”
“ก็... พอพอกับที่นี่มั้งคับ สองสตู แต่ดีไซน์เนอร์เบียดกว่า มีอาร์ตไดคนเดียวคับ” อินว่า “แปดคนได้คับ ไม่รวมผมกับพี่เมธนะ”
“โอย ตายๆ... วรพัฒน์เค้าจะซื้อหรือเปล่านะ เมธอาจจะต้องหมุนคนเข้าไปเพิ่มนะ” บอสพัฒน์พูด “งั้นฝากไปบอกเมธทีว่าให้ดูโครงสร้างดีดี เพราะงานอ่ะไม่มีอะไรติดหรอก เมธมันเก๋าเรื่องแบรนด์อยู่แล้ว แต่ถ้าจะไปตลาดสากล ต้องวางแผนเยอะหน่อย ตอนนี้ยังไม่เห็นภาพตรงนี้เท่าไหร่”
“แล้วลุงแนะนำยังไงอ่ะคับ” อินถามต่อ
“พูดยากเหมือนกัน เพราะคนมันตามสุเมธไง แต่ยังไม่ได้เห็นคนที่อยู่กับเมธเพิ่มเติม ไม่งั้นเมธอาจจะต้องปั้นดีไซน์เนอร์คนใหม่ หรือทำแบรนด์ให้ติดคอนเนคชั่นมากขึ้น อย่างลุงเองก็กำลังดูดูอยู่ว่าจะเอาทีมสตูลง BAD Award ปีนี้อยู่ เพื่อดันดีไซน์เนอร์เพิ่มอีก” พัฒน์อธิบาย
“แต่ถ้างัด BAD Award มันก็จะเพิ่มงานป่ะคับ” อินว่า
“อ่า...นั่นก็ใช่ เพราะงั้นก็เลยต้องคิดดีดีว่าจะยังไง” พัฒน์ว่า “จริงๆเพื่อนเราอ่ะ เจ้ากายอ่ะ ช่วงนี้มันกำลังมาเลยนะ หลายๆคนในวงการเริ่มพูดถึงอยู่ ว่ามันทำงานฉายเดี่ยวและวางแผนครบจบได้คนเดียว ถ้าเราดีลได้ ก็น่าจะให้มันไปช่วยเจ้าเมธมันนะ”
“อ้อคับ..” อินว่า “แต่ผมไม่แน่ใจว่ามันอยากจะทำงานกับเฮาส์เล็กๆหรือเปล่าอ่ะคับ เพราะมันจับงานใหญ่มาก่อนแล้ว”
“ไม่รู้เว้ย ถ้าเมธไม่ดีล ลุงจะดีลมันมาทำกับลุงแล้วนะ” พัฒน์กล่าว “ของแบบนี้ ความไวเป็นเรื่องของปีศาจนา”
“คับผม... แต่ไอ้กายมันก็เป็นพ่อมดแห่งวงการโฆษณาไงคับ” อินเสริม และนั่นทำเอาทั้งคู่หัวเราะ ขณะที่อินเริ่มเก็บไอแพดและของรอบๆตัว “งั้นถ้าไม่มีอะไรแล้ว เดี๋ยวผมขอตัวแล้วคับ ต้องเข้าออฟฟิสตอนบ่าย”
“เอ้อ แล้วนี่ เราล่ะเป็นไงบ้าง ทำงานหนักเลยเหรอ แม่เราเค้าบอกว่า ไม่ค่อยกลับบ้าน” พัฒน์กล่าว
“อ๋อ...คับ ก็... บางทีก็ค้างกับพี่เมธ ไม่ก็กับเพื่อนอ่ะคับ กลับบ้านมันไกลอยู่” อินตอบ
“อ่านะ... งั้นก็ดูแลสุขภาพด้วยล่ะ อย่าโหมงานหนักมาก แม่เค้าฝากมาบอก” พัฒน์ว่าต่อ
“อ๋อ...คับ ขอบคุณคับ” อินขมวดคิ้วงงๆกับบอสพัฒน์นิดหน่อยที่อยู่ดีดีก็แสดงความเป็นห่วงต่อเขาขึ้นมาเสียอย่างนั้น “งั้น ผมลาละคับ”
“อ่างั้นเดี๋ยวให้ผึ้งเค้าไปส่ง ผึ้ง ผึ้ง”
“เอ่อไม่ต้องดีกว่าคับ เดี๋ยวผมไปเอง รบกวนเปล่าๆ”
อินไม่รอให้บอสพัฒน์ทำให้ทุกอย่างวุ่นวาย จึงออกจากห้องประชุมมาทันทีโดยไม่รีรอ พลางเก็บของทุกอย่างลงเป้ใบโปรด และเดินลงไปชั้นล่างของ Lovable Studio
“อ้าว อิน...” เสียงของสาดังขึ้น พลางโบกมือให้เขา และเขาก็ได้พบกับแกงค์ถาปัตย์ที่ไม่ได้เจอนาน นัท สา และมิก ที่กำลังเดินออกจากสตูดิโอตัวเองพอดี
“อ้าว หวัดดีๆ” อินยิ้มทักทาย “เห้ ไม่ได้เจอพวกนายนานมากอ่ะ”
“เออคิดถึงๆ” สาเดินเข้ามาทักทายเขาขณะที่นัทและมิกเดินตามออกมาและโบกมือให้
“มาทำไร เปลี่ยนใจมาสมัครงานที่นี่ป้ะเนี่ย” นัทว่า
“ป่าว... มาเอางานให้พี่ที่ออฟฟิศอ่ะ” อินว่า
“ไปกินข้าวด้วยกันป่าว นี่ก็จะพักเที่ยงพอดีเลย” มิกเอ่ยชวน
“เอ่อ... ไม่ดีกว่า พอดีรีบเข้าออฟฟิศอ่ะ ไกล เดี๋ยวรถติด” อินว่า
“เอ๊า เสียดายเลย” สาร้อง
“ไว้คราวหน้าป้ะ เราว่าเดี๋ยวได้เจอกันบ่อยๆอยู่ละเหอะ” อินยิ้มให้
“นั่นดิ งั้นไว้เจอเนอะ บาย...” นัทโบกมือลา
อินมองทั้งสามเดินไปยังรถเต่าของมิกที่จอดอยู่หน้าออฟฟิศและขับผ่านออกไป เป็นเรื่องตลกดีที่เขาไม่ได้ตอบตกลงพีทและบอสพัฒน์พ่อของพีทในการมาทำงานที่ Lovable Studio เขารู้สึกว่ามันจะง่ายไปและคงเป็นเรื่องที่อึดอัดเอามากๆ หากจะใช้เส้นสายของพีทเข้ามาทำงานที่นี่ นัท สา มิก คงมองเขาด้วยความรู้สึกที่อึดอัด พอพอกับเขาที่คงมองตัวเองแย่ ดังนั้นเมื่อรุ่นพี่ที่คณะแนะนำให้เขารู้จักกับสุเมธ ที่กำลังทำแบรนด์เล็กๆของตัวเองให้เติบโตขึ้น และกำลังมองหาคนที่จะไปลุยกับเขาในเรื่องสร้างภาพลักษณ์ให้แบรนด์ อินจึงรู้สึกว่าการโตไปกับอะไรเล็กๆ น่าจะท้าทายตัวเขามากกว่า ซึ่งความตลกก็คือ แวดวงงานของพี่สุเมธ ก็ยังพาเขาวนกลับมาเจอทุกคนอยู่นั่นเอง
ขณะที่ตัวเขาก็เดินออกจาก Lovable Studio และเดินไปยังรถของตัวเอง บอสพัฒน์ก็เดินออกจากออฟฟิศ
“อ้าว อิน ยังอยู่เหรอ... เออ ไปกินข้าวเที่ยงด้วยกันไหม” บอสพัฒน์กล่าว
“เอ่อ...คือ...”
“นั่นไง... เจ้าพีทมาโน่นอ่ะ”
อินหันไปก็เจอกับพีท ที่ดูจะตกใจเล็กน้อยที่เจอกับเขา อินมองหน้าพีทอยู่ครู่หนึ่งขณะที่พีทเดินตรงเข้ามา
“พีท เจออินเค้าพอดีเลย ไปกินด้วยกันเลยดิลูกไป” บอสพัฒน์กล่าวกับลูกชาย ขณะที่พีทมองหน้าอินและหันไปหาพ่อของเขา
“มันน่าจะยุ่งๆอ่ะพ่อ อย่าไปกวนมันเลย” พีทพูดเสียงเรียบ
อินหลบตาลงทันที
“เอ๊า...ถามเค้าก่อนไหมล่ะ แกนี่ก็... อินไป ไปด้วยกัน” พัฒน์ยังคงกล่าวชวน
“คือผม...ต้องรีบเข้าออฟฟิศอ่ะคับ พี่เมธรอแบบอยู่” อินรีบพูดต่อ
“เห็นป่ะพ่อ มันยุ่งตลอดอ่ะ... เราไปกันดีกว่าคับ”
พีทมองหน้าอินด้วยความเรียบเฉย ขณะเดินตัดผ่านเขาไปหาพ่อ อินหลับตาลงเล็กน้อยและพยายามสลัดความรู้สึกอึดอัดที่ก่อตัวมาหลายเดือนแล้ว
ความอึดอัดที่ว่า พีทดูมีอะไรบางอย่างที่เปลี่ยนไป
............

ออฟไลน์ broke-back

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 5947
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +844/-16
กระโจนลง หลุมไฟ ให้แผดเผา
มันร้อนเร่า เคล้ากาม ที่ตามหา
ไม่คำนึง ผิดถูก คลุกกายา
อย่าร้องหา เห็นใจ ไม่มีเลย

สันดานบาป จาบจ้วง ควงหมุนติ้ว
มักโหยหิว ลิ่วล่อง จ้องงัดเสย
กล่าวแอบอ้าง ว่ามันเป็น ของคุ้นเคย
จริงๆแล้ว มันเฉลย สันดานคน

ทุศีล..มัวเมาตัณหากามา
หึ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ M2M_Jill

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 195
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +50/-0
ตอนที่ 31 Vow

 อินเดินออกมาจากออฟฟิศของพี่สุเมธด้วยความอ่อนเพลีย วันเวลาผ่านไปไวเหมือนโกหก พี่สุเมธเดินหน้าตามโปรเจ็คของตัวเขาเองอย่างเต็มที่ตามแผนที่ได้วางเอาไว้ และนั่นทำให้อินต้องอยู่ลุยกับทุกงานของพี่สุเมธตลอดอาทิตย์ที่ผ่านมาจนดึกดื่น ไม่แม้แต่กับคืนวันศุกร์แบบนี้ ที่อินก็เพิ่งจะเดินออกจากออฟฟิศมาในเวลาเกือบห้าทุ่ม
ติ๊ง!!
เสียงข้อความดังขึ้น เมื่ออินเอาออกมาเปิดดูก็พบข้อความของโฟล์ค

FoF : คืนนี้ไม่ได้นะ อยู่กับพี่บอล ขอโทษที

อินถอนหายใจให้กับข้อความครั้งหนึ่ง ก่อนจะเดินไปที่รถของตัวเอง ก็คงต้องหอบร่างกายอันเหนื่อยล้า ขับรถกลับบ้านไป
ถนนที่โล่งสบายในตอนดึกทำให้อินถึงบ้านในไม่ถึงชั่วโมง หลังจากที่ลงรถมาและเดินเข้าบ้าน เขาก็พบว่าแม่ของเขากำลังนั่งอยู่กับพีท และพูดคุยกันอย่างร่าเริงตอนที่เขากำลังเปิดประตูเข้าไปในบ้าน
“อ้าวอิน... วันนี้กลับบ้านเหรอลูก” แม่ร้องทักเขาก่อน
“คับแม่ แล้ว...นี่แม่ทำงานเหรอ” อินถามกลับ
“อ๋อ แม่กลับมาแล้ว วันนี้เลิกไวน่ะ” เธอยิ้มให้ลูกชาย ขณะที่อินมองไปยังพีทที่หันมามองเขาแว้บหนึ่ง ก่อนจะกลับไปหยิบนมมาดื่ม
“วันนี้มึงกลับมานอนนี่อ่อ” อินถามขึ้น พลางเดินไปหยิบน้ำในครัวมากิน
“ก็...ตอนแรก ก็ว่าจะนอน แต่เดี๋ยวกลับละ” พีทพูดทันที
“อ้าว... ทำไมล่ะพีท ก็นอนนี่แหละ มันดึกแล้ว ขับรถดึกๆอันตรายนะ” แม่พูดขึ้น
“เอ่อ... ไม่เป็นไรหรอกคับ เดี๋ยวพรุ่งนี้ผมต้องออกไปกับพ่อด้วยอ่ะ” พีทตอบโดยพยายามไม่มองหน้าอิน ขณะที่อินนั่งลงและมองหน้าพีทชัดๆอีกครั้ง
“ก็นอนนี่ไม่ได้อ่อวะ” อินพูดเสียงแข็ง “แม่จะได้ไม่ต้องห่วงไง”
น้ำเสียงของอินดึงให้พีทหันมามองเขา สายตาที่จริงจังของอินทำให้พีทยิ้มให้เขาเบาๆ ก่อนจะหันไปหาคุณแม่
“งั้น... รบกวนด้วยคับ”
..........
ก๊อก ก๊อก
อินเคาะประตูห้องนอนของพีท ก่อนจะได้ยินเสียงตอบรับที่ใช้เวลาหลายนาทีกว่าจะตอบ เขาจึงเปิดประตูห้องเข้าไป ก่อนจะพบว่าพีทกำลังนอนเล่นมือถือ ชายหนุ่มส่งยิ้มมาให้อินแว้บหนึ่ง ก่อนที่อินจะปิดประตูและหันไปมองพีทด้วยสีหน้าสงสัย พีทจึงเงยหน้าขึ้นมามองอินครั้งหนึ่ง
“ไม่อาบน้ำอีกอ่อ” พีทพูดเสียงเรียบ
“เป็นเชี่ยไรของมึงเนี่ย” อินพูดทันที พีทเหลือบตาขึ้นมามองอินแว้บหนึ่ง
“อะไร” พีทถามเสียงใส
“ก็พักนี้ไง มึง...ทำตัวแปลกชิบหายเลย” อินว่า
“แปลกยังไง” พีทว่า
“ก็... มึงดู... ไม่รู้อ่ะ มึง โกรธอะไรกูป่ะพีท” อินถาม
“เปล่า... ไม่ได้โกรธ” พีทพูดพลางกดมือถือต่อ
“ไม่ได้โกรธ แต่ไม่มองหน้ากันตอนคุยเนี่ยนะ” อินพูดพลางเดินหยิบเก้าอี้มานั่งลงข้างเตียงอย่างจริงจัง พีทหลับตาลงพักหนึ่งก่อนจะเก็บมือถือ และหันมาคุยกับอินอย่างจริงจัง
“อ่ะ...หันมาคุยแล้ว โอเคยัง” พีทยิ้มให้
แต่อินก็ยังไม่สบายใจกับสิ่งที่เห็นตรงหน้าเท่าไหร่
“ไหนบอกว่าอยู่ด้วยกันมาสามปี ต้องคุยกันได้ทุกเรื่องไง” อินพูด
“ก็มันไม่ได้โกรธ เอ๊.. มึงนี่ก็เซ๊าซี๊จังวะ” พีทว่า
“เรื่องกูไปนอนคอนโดโฟล์คอ่อ” อินยิงตรงเข้าประเด็นทันที พีทถึงกับหัวเราะเบาๆ
“นี่ไอ้อิน... ถ้ากูจะหึงมึงเรื่องไอ้โฟล์ค กูคงซัดมึงไปตั้งแต่ที่หนองคายแล้วป่ะวะ” พีทตอบ แต่อินก็ยังไม่พอใจในคำตอบนี้เท่าไหร่
“แล้ว...มึงย้ายออกทำไมอ่ะ” อินว่า “ก็แม่บอกแล้วไงว่าอยู่ได้”
พีทเลิกคิ้ว อินรู้สึกได้ว่าเขากำลังหาคำพูดที่เหมาะสม
“พูดดีดีนะ เอาความจริง” อินเค้นต่อ “มึงไม่พอใจอะไร มึงบอกกูได้ดิ”
“ไม่ใช่” พีทว่า
“แต่มึงย้ายออกไปหลังจากที่กูบอกมึงเรื่องโฟล์ค” อินว่า “คือกูก็รู้ว่ากูผิด... แต่... คือ... ที่ผ่านมามันก็ไม่มีอะไร ก็แค่.. อาศัยนอน”
“อิน... กูไม่ได้ว่าอะไรที่มึงจะนอนกะมัน” พีทว่า “แล้วมันก็ไม่ได้เกี่ยวกับที่กูย้ายออกด้วย”
“แล้วมึงหลบหน้ากูทำไม” อินถามจี้เข้าไปอีก และนั่นทำให้พีทเงียบไปพักนึง
“ก็...ก็แค่ยุ่งๆ... เครียดๆกับ... เรื่อง...อนาคต” พีทตอบ ทำเอาอินเหล่ตามองพีทอยู่อย่างนั้น
“อย่างมึงเนี่ยนะ จะเครียดเรื่องอนาคต มีเหี้ยอะไรที่มึงจะจัดการไม่ได้วะ” อินว่า
“หึ... เหมือนทุกคนคิดแบบนี้กะกูหมดเลยเนอะ” พีทพูดออกมา ทำเอาอินชะงักไปพักนึง “ก็... ก็ไม่ใช่ทุกเรื่องอ่ะ ที่กูจะจัดการได้ มันก็... ก็มีที่ รวนๆไปหน่อย”
“งั้นก็กลับมาอยู่ด้วยกันดิ” อินว่า “มีอะไรจะด้วยช่วยกันแก้ แม่เค้าก็บ่น ว่าเค้าอยากเจอมึง”
พีทเกาจมูกอย่างครุ่นคิด พลางมองหน้าอิน
“งั้นเดี๋ยวกูคุยกับแม่มึงเอง” พีทว่า “มึงไม่ต้องห่วงกูหรอก”
และก็เงียบกันไปพักนึง อินมองหน้าพีทอยู่อย่างนั้น
“มึงดูไม่ใช่พีทที่กูรู้จักอ่ะ” อินพูดต่อ “กู...กลัวว่า...”
พีทเอื้อมมือไปแตะไหล่ของอินไว้ทั้งสองข้าง พลางจ้องเข้าไปที่ใบหน้าของอิน และนั่นทำเอาอินตกใจเล็กน้อย พีทมองเข้าไปในดวงตาของอิน
“ถ้ามึงกลัวว่าทุกอย่างที่กูเคยสัญญากับมึงจะเปลี่ยนไป กูก็จะบอกมึง ว่ากูยังจะเหมือนเดิม” พีทพูดชัดเจน “แต่...กูแค่....”
พีทเหมือนพยายามจะควบคุมตัวเองบางอย่าง ขณะที่จับตัวของอินไว้ ใบหน้าของเขายื่นเข้ามาใกล้อินมากกว่าทุกครั้ง แต่พีทก็ก้มหน้าลงทันที
“กูแค่... แค่....” พีทพูดเสียงสั่น “ขอเวลา....กูหน่อย... แล้ว... เดี๋ยวก็ผ่านไปได้แหละ”
“มึงโอเคแน่นะ” อินถามอีกครั้ง
“อื้อ... กูโอเค”
..........
“งั้นเดี๋ยวเอาเป็นว่าให้กายลองตีโจทย์พวกนี้ดูก่อนไหม แล้วค่อยว่ากัน” สุเมธพูดขึ้นในเช้าวันจันทร์ ในห้องประชุมของซูเม่ เพื่อคุยในแผนการพัฒนาธุรกิจของแบรนด์ ในขณะที่อินก็นั่งอยู่ข้างๆ เพื่อจดในประเด็นสำคัญลงไอแพด
“มันก็ได้อยู่นะพี่ แต่ผมว่าเราอาจจะต้องใช้เวลาเคี่ยวกับมันมากกว่านี้หน่อย ผมว่าผมซื้อไอเดียของอาพัฒน์นะ ว่าให้เราปั้นดีไซน์เนอร์กันก่อน แล้วถ้าทุกคนมีของ ผมว่าอะไรๆมันจะง่ายขึ้น” กายพูดต่อ
“แหม แต่พี่ก็มีกายแล้วไง” สุเมธพูดทันที
“โหพี่... ผมอ่ะ มันก็ตัวคนเดียวไง คือผมจะเซ็นกับพี่ก็ได้เพราะผมไม่ได้เซ็นกับเอเจนซี่ไหน แต่ผมว่าถ้าเราจะเดินเกมส์ระยะยาว ผมว่าเราเดินตามแผนอาพัฒน์ดีกว่าครับ ถ้าเรามีเครือข่ายดีไซน์เนอร์ดีดีอยู่ในมือ แล้วเราเข้าไปต่อรองกับทางคอสโม่ ผมว่าง่ายแน่นอน” กายพูดถูก “แล้วเดี๋ยวเราก็จะยกทั้งก้อนนี้ไปพร้อมกันก็ยังได้คับ ผมว่าพี่อ่ะสู้ตรงนี้ไหว”
“คือใจพี่อ่ะ ภายในสามปี พี่อยากตั้งสาขาที่ปารีสนะ แต่ก็กังวลเรื่องสไตล์ หรือทิศทางของที่โน่น” สุเมธพูดต่อ
“เรื่องนั้นผมก็พอจะมีเพื่อนอยู่ที่โน่นอยู่คับ เธอทำแฟชั่นอยู่ แต่เดี๋ยวยังไงเราค่อยว่า ตอนนี้เดี๋ยวผมจะลองเก็บแผนไว้ก่อน แล้วเราค่อยว่ากัน” กายตอบ
“โอเค... งั้นตามนี้ อิน ทันไหมเรา” สุเมธหันไปถาม
“ทันพี่ แล้ว... กาย มึงจะลง BAD Award มั้ย ทาง Lovable เค้าฝากถามมาอ่ะ” อินถามขึ้น
“โห... ก็ดูดูอยู่ว่ะ กลัวว่าแม่งตอบตกลงกับเอเจนซี่ไหน อีกที่นึงแม่งจะเขม่นเอา ตอนนี้กูแม่งเสือกโดนจ้องทั้งวงการเลย เหนื่อยชิบ” กายพูดขึ้น ซึ่งทำเอาสุเมธหัวเราะ
“ก็นั่นสิน้า พ่อมดแห่งวงการโฆษณา เด็กที่ได้ทุนออกแบบจากสมาคมนักโฆษณา ก็กลายคนที่ทำแคมเปญสินค้าที่เหมือนจะตายไปแล้ว ให้กลับมาดังได้ แถมเด็กคนนั้นก็อายุยังน้อย แล้วก็เป็นฟรีแลน์อีกต่างหาก” สุเมธพูดต่อ
“ยังไม่รวมข่าวมึงกับนางแบบอีกนะ” อินพูดเบาๆ กายถึงกับชูนิ้วกลางให้เพื่อนทันที
“โห... ก็พูดกันไปพี่ แวดวงเรานี่ก็ปั่นข่าวเก่งอ่ะ ผมงี้ยอมเลย” กายว่า “แต่เรื่องลงประกวด เรื่องหาดีไซน์เนอร์เดี๋ยวผมดูๆให้ละกันคับ ไอ้ความที่ทุกคนก็รู้จักผม ชวนผมไปเยอะ เดี๋ยวผมไล่ๆดูให้คับ ไม่ต้องห่วง”
“โอเค ขอบคุณมาก งั้นเดี๋ยวพี่เอาโจทย์นี้ไปให้ทีมพี่ก่อน เดี๋ยวพี่มา อิน... สรุปให้พี่ด้วยนะ” สุเมธกล่าว
“ได้พี่...” อินรับคำ ขณะที่นั่งทำพรีเซนต์ต่อไป เมื่อสุเมธออกไปจากห้องแล้ว กายหมุนเก้าอี้มาหาเพื่อนทันที
“มึงทำงานกับเค้านี่ มึงใช้แบตกี่ก้อนวะเนี่ย” กายร้องทันที
“ทำไมวะ” อินร้องถาม
“เค้าพลังเยอะเหี้ยๆ แถมฝันใหญ่มาก คนแบบนี้คือทุกกระเบียดคืองานเลยนะเว่ย” กายว่า “กูพูดเลยว่า มึงจะโดนเค้าลากไปเซอร์เวย์แน่ๆ เค้าเลือกมึงเป็นเลนส์แทนเค้า”
“ช่าย กูเลยงานท่วมหัวอยู่นี่ไง” อินพูดขณะนั่งจัดหน้ากระดาษในจออยู่
“เออ แล้วนี่มึงรู้ข่าวไอ้มอสหรือยัง” กายว่า
“ข่าวไรวะ” อินเงยหน้าขึ้นมาถาม
“มันจะแต่งงานแล้วนะ” กายพูด
“เห้ย...จริงดิ...” อินร้อง “กะใครวะ”
“หึ... ก็น้องไอ้เบนซ์ไง” อินว่า
“เยดเข้ จริงป่ะเนี่ย โอ้โห... แม่งนักสู้สัส” อินหัวเราะเสียงดังเช่นเดียวกับกาย “แล้วยังไงเมื่อไหร่”
“จัดไปแล้วคับ” กายตอบ
“อ้าว แล้วเพื่อนฝูงไม่ชวนอ่อวะ” อินพูด ขณะที่กายยื่นหน้ามาใกล้ๆ
“พอดีมันรีบ... เดี๋ยวหลานออกก่อน” กายยักคิ้วให้
“อ้อ..... ไอ้เวรเอ้ย” อินส่ายหน้าให้กับเรื่องนี้ทันที มันไม่ผิดคาดจากสิ่งที่เขาคิดไว้เลย “แล้วไอ้เบนซ์แม่งไม่กระทืบเอาเหรอวะ”
“กูอยู่ในเหตุการณ์เลย ไอ้มอสงี้แทบกราบตีนเลยคับ” กายว่าต่อ “แต่ก็ดีอย่าง คือโตโตกันแล้วอ่ะ น้องเค้าก็โตแล้ว ก็รักกัน ก็อยู่ด้วยกัน ก็ดีป่ะวะ รีบแต่งรีบจบ”
“เออ ได้งั้นก็ดีแหละ พวกเราแม่ง วุ่นชิบหาย แต่ละคน” อินว่า
“ช่าย แล้วกูกลับมาคือวิ่งตามแก้ให้พวกมึงรายตัวเลยนะ” กายพูด “ชดใช้กรรมสัส”
“สม” อินว่า
“แล้วมึงกะเชี่ยโฟล์คอ่ะ ยังไง” กายถามบ้าง ทำเอาอินนิ่งไปพักนึง
“ก็...โอเค๊ คุยกันได้ ก็... เจอกันบ้าง ไม่ได้ไร” อินว่า พลางเริ่มเลือกรูปในสไลด์ทันที
“แน่ใจ” กายถาม
“เออ... กูไม่ได้ไรแล้ว ก็เคลียร์กันไปแล้วไง มึงก็อยู่” อินว่า “โตโตกันแล้วอ่ะ งานเยอะชิบ กูกับมันก็ไม่มีเวลา... เชี่ย กาย มึงดึงไอแพดไปเพื่อ กูทำงานอยู่”
กายจ้องไอแพดของอินในมืออยู่อย่างนั้น
“มึงไปเอาภาพนี้มาจากไหน” กายพูดพลางมองภาพวาดภาพหนึ่งที่อยู่ในไอแพด เป็นภาพวาดที่มีผู้คนเดินไปมาวุ่นวายในแสงสีที่สาดไปมาและเมืองที่ดูอ้างว้าง
“หะ... เนี่ยนะ นี่ Loveless Society ภาพของเพื่อนๆที่กูรู้จักอ่ะ ทำไม มึงรู้จักอ่อ” อินถาม
กายมองหน้าอินทันที
“เพื่อนคนนั้น เคยมาปาร์ตี้ที่บาร์ไอ้โฟล์คใช่ป่ะ วันที่พวกมึงเลี้ยงจบกันอ่ะ วันที่มึงแพ้เบียร์” กายว่า
“ก็...ใช่... ใช่ใช่ ทำไมวะ มึงมีไรเหรอ” อินร้องถาม
“เค้าชื่อ... นัทนนท์ ป้ะ” กายร้องถาม
“ก็...ใช่... มึง รู้ได้ไงเนี่ย” อินมองหน้ากายอยู่อย่างนั้น กายที่จ้องภาพในไอแพดอย่างไม่ละสายตา
...........

ออฟไลน์ broke-back

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 5947
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +844/-16
เพียงน้อยหนึ่ง ให้พึงใจ ไม่กระหาย
หรือตะกละ ใครมากมาย หลากหลายแสน
คือความรัก หรือความใคร่ ตะกายแทน
คิดเคืองแค้น หรือขื่นขม จมที่ใจ

มองทางไหน ใจห่อเหี่ยว เปลี่ยวใจก่อ
มองทางนู้น ใจทดท้อ ห่อหวั่นไหว
มองทางนี้ ก็ไม่เจอ ผู้คนใด
ในสังคม ที่ไร้ใจ ไม่มีเลย

..เข่นฆ่าหาประโยชน์ส่วนตน บนความทุกข์ของคนรอบข้าง..
สิ่งมีชีวิตที่เรียกตัวเองว่า "คน" หุหุ

ออฟไลน์ M2M_Jill

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 195
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +50/-0
ตอนที่ 32 Lost

 “ครับอา... ได้คับ... คับ งั้นเป็นซักวันอังคารนะคับ คับ... ขอบคุณคับ ค้าบ ไว้เจอกันคับ” กายวางหูไปทันทีขณะที่นั่งอยู่เลาจ์ของโรงแรมในค่ำของวันนั้น หลังจากประชุมกับพี่สุเมธเสร็จเมื่อช่วงบ่าย กายก็ดูเหมือนจะไม่ยอมออกไปไหนต่อ กายนั่งเฝ้าอินอยู่ที่ออฟฟิศจนกระทั่งอินเคลียร์งานจนเสร็จรอบดึก ก่อนจะพาอินออกจากออฟฟิศไปไกลถึงบาร์ที่โรงแรมใจกลางกรุงทันที
“โอเค ได้ละ” กายหันมาพูดกับอินที่ยังคงมองกายด้วยความสงสัยอยู่อย่างนั้น
“กูมึนว่ะ” อินพูดขึ้น
“อ่าว ยังมึนอีกอ่อ นี่ก็พันช์ธรรมดาไม่ใช่อ่อวะ” กายชี้ไปที่แก้วตรงหน้าอิน
“ไม่ใช่เครื่องดื่ม กูหมายถึงมึงเนี่ย” อินว่า “มึงเป็นเชี่ยไรขึ้นมาอ่ะหะ อยู่ดีดีก็เปลี่ยนใจไปลง BAD Award กับ Lovable Studio ซะงั้นอ่ะ แล้วโทรหาเค้านอกรอบด้วย แล้วกูจะบอกพี่เมธว่าไง”
“ก็บอกไป ว่ากูเจอดีไซน์เนอร์ที่น่าสนใจที่นั่นไง” กายว่า แต่อินก็ยังคงขมวดคิ้วใส่
“มึงจะเจอได้ไง มึงไม่เคยไปเหยียบที่นั่นด้วยซ้ำ” อินว่า
“เอาน่า... ช่วยกูซักครั้งนะ” กายพูดต่อ
“ถ้าอยากให้กูช่วย มึงก็ต้องเล่าให้กูฟัง ว่ามันเรื่องเชี่ยไรกัน” อินพูด “ไม่งั้นกูโดนพี่เมธสวดแน่อ่ะ”
กายเงียบไปพักนึง ก่อนจะมองหน้าอิน
“กูเคยเห็นภาพนั้น ภาพในแบบร่างของสตูอาพัฒน์อ่ะ” กายตอบ
“Loveless Society อ่ะนะ” อินว่า “ที่ไหน”
“ที่ปารีส” กายว่า “ภาพนั้นเคยไปจัดแสดงที่นั่น กูจำได้ กูเคยเห็นแน่ๆ”
อินนั่งคิดอยู่พักหนึ่ง
“อ๋อ... ใช่ พวกถาปัตย์ไปจัดแกลทีสิสกันที่โน่น เมื่อปีก่อน” อินว่า “แล้ว... มึง..ยังไง ชอบภาพนี้มากอ่อ”
กายเงียบสนิทพลางตกผลึกความคิดในหัว
“กูอยากรู้จักคนที่วาดภาพนี้อ่ะ มึง... แนะนำให้กูหน่อยดิ” กายพูด อินจึงเหล่ตามองพลางครุ่นคิด
“อยากรู้จัก...แบบไหน” อินถามจี้
“ก็... ไม่รู้ดิ กูอยากรู้ว่าเค้าเป็นใคร มีความคิดยังไง ทุกๆอย่าง” กายพูด “กู...อยากเจอเค้า”
อินยังคงเงียบพลางมองเพื่อนอยู่อย่างนั้น แต่แววตาของกายส่อแววความจริงจังอยู่ในทุกคำพูด ความจริงจังที่อินไม่เคยเห็นมาก่อน
“นี่...ไม่ได้เกี่ยวกับงานใช่ป่ะ” อินว่า “ไม่ใช่เรื่องงานทั้งหมด ถูกป่ะ”
กายยังคงเงียบ พลางหลบสายตาลงทันที และหยิบไวน์ขึ้นมาจิบ อินมองการกระทำนั้นและสัมผัสได้ถึงความรู้สึกอะไรบางอย่าง
“มึง...เป็นไรป่ะเนี่ย” อินถามเสียงจริงจัง ขณะที่กายเงียบไปและเหลือบตาขึ้นมองเพื่อนของเขา
“กูเคยคิดอยากสละสิทธิ์ แล้วให้มึงไปแทนนะรู้ป่ะ” กายพูดขึ้นทันที “ที่นั่นแม่ง... ไม่ได้เป็นอย่างที่กูคิด... จนมาถึงตอนนี้ กูก็ไม่แน่ใจว่านี่เป็นชีวิตที่กูอยากได้ป่าว”
“พ่อมดแห่งวงการโฆษณาที่ประสบความสำเร็จตั้งแต่อายุยังน้อยอ่ะนะ” อินว่า
“แต่กูเสียพวกมึง” กายว่า
“พวกกูก็กลับมาแล้วไง” อินว่า
“แต่กูก็เสียแม่ เสียคนที่กูรัก...” กายเงียบไปพักหนึ่ง “กู... กูเลิกกะเจนแล้ว”
ความจริงข้อนี้ทำเอาอินเงียบเสียงลง สิ่งที่เขาเคยสบประมาทกายไว้ ในวันที่ The Zodiac แตก มันเกิดขึ้นจริงๆ แล้วงั้นสินะ
“ตั้งแต่เมื่อไหร่” อินร้องถาม
“ประมาณปีสาม ช่วงที่แม่เริ่มป่วย” กายว่า
“เค้าเลยไม่กลับมากับมึงอ่อ” อินว่า แต่กายส่ายหน้า
“กูกับเค้ากลับมาคุยกันได้นะ เค้าเอ่อ... จบแฟชั่นแล้วไปได้โคตรไกลเลย” กายว่า “ครั้งสุดท้ายที่กูเจอเค้า เค้ากำลังจะเซ็นกับนิตยสารแฟชั่นที่ฝรั่งเศส ซึ่งกูก็ไปแสดงความยินดีกะเค้าอยู่อ่ะ แต่....กู กู...”
“มึงคิดว่ามึงไม่ได้อยู่ในโลกของเค้าอีกแล้ว” อินพูดต่อ “เดินไม่เสมอกับเค้าอีกแล้ว...ใช่หรือเปล่า”
กายมองหน้าอินอยู่อย่างนั้น อินเข้าใจความรู้สึกของกายดี เข้าใจอย่างถ่องแท้
“กู Lost นะตอนนั้น ตอนนี้ก็ยังเป็นอยู่ กู... ไม่รู้จะทำไง เพราะกู ไม่เหลือใครแล้ว กู... กูรู้สึกว่าต้องวิ่งไปข้างหน้า แต่กูไม่รู้ต้องวิ่งไปทำไม เพื่อใคร” กายพูดต่อ “กูดีใจที่เจนเค้าประสบความสำเร็จ กูดีใจที่เราสองคนเป็นผู้ใหญ่พอที่จะไม่ทะเลาะกัน หรือกลับมาคุยกันไม่ได้ แต่... พอกูกลับมานี่ เป็น อะไรนะ.... พ่อมดแห่งวงการ... อย่างที่เขาพูดกัน แต่... กูไม่เคยแฮปปี้กับโลกวุ่นๆนี่เลยเว่ย กูเหมือน... กูกำลังหาบางอย่างที่...”
กายเงียบไป ก่อนจะจิบไวน์เพิ่มอีก
“คือ...สิ่งที่กูรู้สึก มันเหมือนกับ...”
“Loveless Society ภาพของนัท” อินพูดต่อ กายพยักหน้าเบาๆ
“กูเห็นแกลอรี่ของเค้า วันที่กูแยกกับเจน แล้ว...กูก็คิดว่า กูเคยเจอเค้า อาจจะเคยเดินผ่านกันที่โน่น” กายว่า “แต่กูจำออร่าของเค้าได้ เค้าเหมือน รายล้อมด้วยเพื่อนป้ะ เค้าดูมีเพื่อนอยู่ตลอด เหมือนวันที่ปาร์ตี้ที่บาร์ดาดฟ้า ใช่ป่ะ”
“ใช่... เค้าเป็นงั้นแหละ สามสหาย นัท สา มิก แกงค์ถาปัตย์” อินว่า “กูเรียนโฆษณาตัวเดียวกับเค้า แล้วก็ทำชมรมภาพถ่ายกับพวกเค้าสมัยเรียนอ่ะ”
“พวกเค้า... มีในสิ่งที่พวกเราไม่มี” กายพูด “เค้ามีในสิ่งที่กูไม่มี”
และแล้วก็เงียบกันไปพักหนึ่ง
“กูเสียใจ ที่ทำให้ทุกอย่างเป็นแบบนี้” กายว่า “มันอาจจะไม่เป็นแบบนี้ถ้าเกิด...”
“เดี๋ยวกูพาไปเอง” อินพูดขึ้น “Lovable Studio วันอังคารหน้าใช่ป่ะ... เดี๋ยวกูพาไปส่งถึงที่เลย แต่คำถามสำคัญก็คือ... มึงจะยังไงต่อ ถ้าเจอเค้าแล้ว มึงไม่เคยรู้จักเค้ามาก่อน ไม่เคยคุย ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเค้าเป็นไง”
“กูอยากเริ่มต้นใหม่ ลองอะไรใหม่ๆ” กายว่า
“ลองของแปลกว่างั้น” อินพูด “แล้วเจนจะว่าไง”
“ไม่รู้สิ... แต่... เขาไม่อยู่นี่ จริงป่ะ” กายยิ้มให้
“โอเค... งั้นก็... ขอมึงโชคดี” อินหยิบแก้วพันช์ของตัวเองขึ้นมา และชนกับกายทันที
ทันใดนั้นเด็กเสิร์ฟคนหนึ่ง ก็วางโคโคนัทมอกเทลล์ลงตรงหน้าทั้งคู่ กายและอินมองหน้ากัยครั้งหนึ่ง ก่อนจะหันไปหาเด็กเสิร์ฟ
“เอ่อ... เรา.. ไม่ได้สั่งคับ” กายพูดขึ้น
“คับผม... ทราบคับ แต่ทางร้านอยากมอบให้คุณคนนี้อ่ะคับ” พนักงานเสิร์ฟหันมองมาทางอินที่ทำหน้างงงัน
“ผม...เหรอคับ” อินร้องถาม
“ใช่คับ จากบาร์เทนเดอร์คับ” พนักงานผายมือให้ทั้งอินและกายมองไปที่บาร์ด้านใน และอินก็ต้องตกใจเมื่อคนที่ยืนอยู่ข้างหลังบาร์คือพี่บอล เขาส่งยิ้มมาให้อินจากตรงนั้น
“เอ๊า...” กายส่งเสียงเบาๆ ก่อนจะมองมาที่เพื่อนของเขา “มึงต้องจัดการเรื่องของมึงก่อนป่ะเนี่ย”
“เออ... คงงั้นอ่ะ”
.........
อินแยกกับกายที่หน้าเลาจ์ของโรงแรมขณะที่ตัวเขาเองเดินตรงไปที่รถของตัวเอง ขณะที่เสียงเสียงหนึ่งร้องเรียกเขาไว้
“น้องอิน” เสียงของพี่บอลดังขึ้น อินยืนยิ่งสนิทด้วยความตกใจ ขณะที่ค่อยๆหันหลังไปเจอบอลที่วิ่งออกมาจากร้านทั้งชุดทำงาน อินมองบอลด้วยสีหน้านิ่งสนิท และยิ้มให้เบาๆ
“คับ” อินรับคำเบาๆ พยายามทำให้น้ำเสียงราบเรียบที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้
“พี่ ขอคุยด้วยแปปสิ” บอลพูดด้วยน้ำเสียงปกติ แต่อินก็ยังคงมองหน้าของเขานิ่ง
“เอ่อ... คับผม”
“คือ... พี่อยากจะขอโทษ เรื่อง...นั้น....” บอลพูดกับอินทันที และนั่นทำให้อินใจสั่นเบาๆ “พี่...ไม่มีโอกาสจะได้พูดเลยว่า... พี่เสียใจ ที่ทำแบบนั้น...กับเรา”
อินเงียบสนิท ความคิดร้อยพันตีอยู่ในหัว
“พี่ไม่น่าทำตัวงี่เง่าแบบนั้น พี่อาจทำเราตายได้เลยแล้ว.... พี่เสียใจกับเรื่องที่ผ่านมา” บอลพูดด้วย้ำเสียงจริงจังมากขึ้น “พี่ขอโทษนะคับ”
อินถอนหายใจเบาเบา
“คับ...” อินตอบไป และกลายเป็นว่าคำขอโทษของพี่บอล กำลังซัดความรู้สึกผิดก้อนใหญ่ลงมาที่ตัวเขาทันที
“ไม่ต้องให้อภัยพี่ก็ได้นะ พี่แค่... เห็นว่าเรามาที่นี่ แล้วอุตส่าห์เจอ ก็เลย...” บอลพยายามพูดต่อ
“ผมไม่ได้คิดอะไรแล้วคับ” อินพูดต่อไป “ก็... ไม่ได้มีอะไรกัน...แล้ว”
“พี่รู้... โฟล์คบอกพี่แล้ว” บอลพูดต่อ และคำพูดอันเรียบง่ายนั้น ก็ทำให้อินรู้สึกเจ็บแปลกๆ หรือบางที เขาควรจะเป็นฝ่ายสารภาพมันออกไป และยุติเรื่องทั้งหมดนี้
“คือ...ผม...มี....”
“พี่กับโฟล์คกำลังจะไปญี่ปุ่นนะ” บอลพูดต่อทันที โดยที่อินต้องชะงักการพูดของตัวเองไว้แบบนั้น
“..อ...อะไรนะคับ” อินร้องต่อ
“อ๋อ... มันไม่ได้เล่าให้ฟังเหรอ” บอลถาม
“ก็... ไม่ได้เจออ่ะคับ” อินพูดเสียงสั่น
“อ่านะ...คือ พี่ได้เส้นสายที่โน่น แล้วจะไปทำบาร์เทนเนอร์ พี่เลยจะชวนโฟล์คเค้าไปด้วยกัน” บอลว่า “อีกสองเดือนพี่จะย้ายไป”
“เหรอคับ” อินรับคำทั้งๆที่ใจสั่นรัว
“แต่...ไว้พวกเราเจอกันเองแล้ว...ให้มันบอกอีกทีละกัน นี่พี่แค่...มาคุยกับเราส่วนตัวเฉยๆ” บอลว่า พลางเดินเข้ามาใกล้อินมากขึ้น “พี่ไม่อยากผิดใจกับเราก่อนพี่ไป... ยังไงเรา... เคารพกันนะ”
บอลยื่นมือมาหาอินตรงหน้า อินมองมือคู่นั้นก่อนจะหลับตาและยื่นมือไปจับทันที
“งั้นก็.... ขอให้พี่กับมัน...โชคดีนะคับ” อินพูดพลางยิ้มให้พี่บอลอย่างฝืนเต็มที
“ขอบใจนะ...อ้ะ แปป”
บอลหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา ก่อนจะกดรับสายและเดินห่างจากอินไปยังมุมหนึ่ง
“อ่าๆ...ได้คับ...งั้น ไว้วันอื่นเนอะ....อื้อ พักผ่อนละกัน... คับ เป็นห่วงเหมือนกัน....คับ ไว้เจอกัน”
อินเมินหน้าหนีบทสนทนานั้นและทำเป็นไม่ได้ยิน มันดูเป็นความอึดอัดก้อนใหม่ที่ถาโถมเข้ามาโดยที่เขาไม่ได้ตั้งใจ บอลวางโทรศัพท์ลง ก่อนจะเดินกลับมาหาอิน ที่หันไปยิ้มกว้างในพี่บอล
“ยังไงเอ่อ... เดี๋ยวถ้าอินไม่ติด... พี่อาจจะอยากชวนอินกับเอ่อ...พีทป้ะ... มาทานข้าวกัน แล้ว... คุยกันอีกที ก่อน...ไป” บอลพูด “เราจะได้เอ่อ... เข้าใจใช่ป่ะ”
“คับ... เข้าใจคับ” อินตอบ “แต่... ผมยังไม่รับปากนะพี่”
“พี่เข้าใจ... อินอาจจะยังโกรธพี่อยู่”
“เอ่อ...ไม่ใช่คับ คืองานผมยุ่งจริงๆแล้วพอดีเจ้านายผมเค้า ชอบส่งผมไปเซอร์เวย์ ผม...เดินทางบ่อยมาก เลย... ไม่ชัวร์” อินพูด
“อ่อ...อ่านะ ทำงานกันแล้วนี่เนอะ” บอลว่า “ยังไงก็...เดี๋ยวค่อยว่าละกัน“
“คับ...”
“งั้นเอ่อ...พี่ไม่กวนละ... ขับกลับบ้านดีดีล่ะ” บอลว่า พลางโบกมือและเดินจากลานจอดรถและกลับเข้าไปในโรงแรม อินมองด้านหลังของบอลที่กำลังเดินจากไปด้วยความรู้สึกผิดที่ใหญ่พอพอกับงานที่กองอยู่ที่ออฟฟิศ เขาหลับตาลงครั้งหนึ่ง
“พี่บอล” อินร้องเรียกทันที บาร์เทนเดอร์หนุ่มหันหลังมาหา
เขาไม่ได้อยากให้อะไรๆมันเป็นแบบนี้ อินกำมือแน่นก่อนจะพูดออกไป
“ผมขอโทษนะคับ” อินพูด “ผมขอโทษ...ถ้าเกิดว่า... ผมทำให้มันพัง... ผมขอโทษคับ”
บอลมองหน้าอิน พลางยิ้มให้เบาๆ ก่อนจะเดินกลับเข้าโรงแรมไป โดยไม่พูดอะไรกันซักคำ บอลเดินจากไป ทิ้งไว้เพียงความเงียบในลานจอดรถ ความเงียบที่อบอวลอยู่ในความคิดของอินเช่นกัน
เสียงของข้อความดังขึ้น อินหลับตาลงครั้งหนึ่ง ก่อนจะหยิบมือถือขึ้นมาดู
FoF : กลับกี่โมง มาหากูหน่อย คิดถึง
..........

ออฟไลน์ AkuaPink

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2033
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +59/-1

ออฟไลน์ broke-back

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 5947
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +844/-16
ไปอ่านเรื่องของกายกับนัทจบแล้ว
กว่าจะลงเอยกันได้ก็ลุ้นจนตอนสุดท้ายเลย
แต่กายก็ไม่ได้แย่นะในเรื่องความรักต่อนัท
ยังพอรับได้ในเหตุผลของกาย
..อ่านสลับกับเรื่องนี้ จนจบ ชอบ เต็มอารมณ์เลย..

แต่โฟล์คนี่ไม่ไหวอ่ะ..ไม่ไหวจริงๆ
เลวววววววววววววววว..รักแบบไหนของมันกันนะ
ปล่อยให้ทั้งพี่บอล ทั้งอินเจ็บปวดใจทั้งสองคนเลย
ยังไงก็จะตามอ่านจนจบ อยากรู้จุดจบความรักของคนแบบนี้


ความตะกละ ตะกุมกาม ตามตัณหา
ความละโมบ โฉบกามา ดั่งห่าฝน
แทบไม่เหลือ หัวใจ ความเป็นคน
เห็นแก่ตัว เหลือล้น จนเกินไป

อยากจะได้ อยากจะมี ในทุกสิ่ง
เหมือนตัวเห็บ ตัวปลิง อิงอาศัย
เที่ยวเกาะดูด เลือดเนื้อ ตามแต่ใจ
จะชาตินี้ หรือชาติไหน ขอไกล..เมิง

พระเอก here! หึ

ป้อล่อ..เรื่องที่สอง(coldness)ยังไม่ได้อ่านเลยฮับ
อิอิ

ออฟไลน์ M2M_Jill

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 195
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +50/-0
ตอนที่ 33 Propose

   โฟล์ควางมือถือลงหลังจากที่กดส่งข้อความเสร็จแล้ว ก่อนจะรออยู่หลายนาทีแต่ทว่าข้อความที่ขึ้นว่าอ่านแล้ว ก็ยังไม่มีทีท่าว่าจะตอบกลับมา โฟล์คมองข้อความนั้นอย่างไม่แน่ใจอะไรนัก ก็ได้แต่เก็บมือถือลงและเริ่มทำงานต่อในช่วงเวลาที่เหลืออีกไม่กี่ชั่วโมงก่อนที่บาร์จะปิด
   “หวัดดีนาย” เสียงอันคุ้นหูดังขึ้นที่บาร์ โฟล์คหันมาก็เจอเข้ากับพีทที่อยู่ในชุดสบายๆ กำลังยิ้มกว้างให้กับเขา
   “อ้าว...พีท... หวัดดี” โฟล์คว่า “มาไงเนี่ย”
   “มากับพ่ออ่ะ โน่น” พีทชี้ไปที่เก้าอี้ริมระเบียง ปรากฎชายวัยกลางคนที่กำลังถ่ายรูปวัดอรุณที่อยู่ตรงข้าม
   “อ่อ... แล้วดื่มมั้ย...เอาไรดี” โฟล์คถาม
   “อืม ขอตัวที่ไม่แรงอ่ะ” พีทพูดเสียงเรียบๆ “ของเราคนเดียวก่อน”
   “อ้าว” โฟล์คส่งเสียงสงสัย “แล้วพ่อนาย ไม่ดื่มเหรอ”
   พีทเงียบเสียงไปพักหนึ่ง
   “กำลังรออีกคนอ่ะ” พีทตอบ
   ซึ่งไม่ทันสิ้นคำของพีท โฟล์คก็เห็นผู้หญิงที่คุ้นตาเดินขึ้นมาที่บันใดของดาดฟ้าทันที และเมื่อเขาเพ่งมองดีดีเขาก็เห็นแม่ของอินนั่นเอง
   “อร...ทางนี้คับ” พ่อของพีทร้องเรียกแม่ของอินให้ไปที่โต๊ะริมระเบียง เธอส่งยิ้มให้พ่อของพีท ก่อนจะรีบรุดไปนั่งลงตรงนั้น และส่งเสียงพูดคุยกันอย่างสดใส ขณะที่พีทหันไปมองอยู่แว้บหนึ่ง ก่อนจะหันกลับมาหาโฟล์ค
   “อ่อ... โอเค นึกว่าใคร จำได้ว่าแม่อินเขาชอบดื่มรสเปรี้ยว เดี๋ยวจะลองทำ...”
   “โฟล์ค... จัดการนี่ให้หน่อย” พีทพูดพลางยื่นกระดาษแผ่นหนึ่งมาตรงหน้าของเขา และกล่องของบางอย่างที่วางคู่กัน โฟล์คมองอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะหยิบมันออกมาอ่าน
   “พีท... นี่มัน...”

........

   “ไม่นึกว่าอรจะเคยมาร้านนี้” พัฒน์พูดพลางยิ้มให้อรอยู่ที่ริมระเบียงบาร์
   “เพื่อนอินเค้าทำอยู่ที่นี่น่ะค่ะ” อรตอบ “เคยมาครั้งสองครั้งกับที่ออฟฟิศ”
   “อย่างนั้นเหรอคับ” พัฒน์ว่าต่อ “จริงๆ ผมยังไม่ได้ขอบคุณอรเลยนะ ที่ช่วยดูแลพีทให้ผมช่วงที่ผมไปยุโรป.... ขืนปล่อยมันอยู่คนเดียว เผลอๆเตลิดแน่”
   “ไม่ขนาดนั้นหรอกค่ะ พีทเป็นคนเก่ง แล้วก็ขยันมากด้วย อรเองยังอยากให้อินเอาอย่างลูกพัฒน์เลยนะ” เธอกล่าวพลางยกแก้วขึ้นจิบ
   “เสียดายที่อินไม่ยอมมาทำกับผมที่สตู เราจะได้อยู่ใกล้ชิดกันกว่านี้” พัฒน์ว่า
   “ค่ะ อินเค้าอยากไปลุยเดี่ยวก็ปล่อยเค้าแหละ นี่วันนี้ก็คงดึก เผลออาจจะค้างคอนโดเพื่อน คงไม่ได้กลับบ้าน” อรว่า “พัฒน์ล่ะคะ ช่วงนี้เป็นไงบ้าง”
   “ก็เรื่อยๆคับ เหนื่อยๆหน่อย แต่ก็โอเค” เขายิ้มตอบเธอ พลางมองหน้าอรที่ส่งยิ้มมา พัฒน์เอื้อมมือไปจับมือเธออย่างแผ่วเบา
   “ฉลองเนื่องในโอกาสอะไร คุณยังไม่บอกอรเลยนะ” เธอว่า พัฒน์หัวเราะเบาๆ
   “คือเอ่อ... คือผมเองก็... อยากเจอคุณ” พัฒน์ว่า “จริงๆ วันนี้มันวันครบรอบ 4 ปีของเราแล้วนะอร”
   แม่ของอินยิ้มพลางก้มหน้าลงทันทีเมื่อถึงประโยคนี้
   “ว้าว เอ่อ... อรไม่ได้จำเลยอ่ะค่ะ งานยุ่งมาก แล้วก็...”
   พัฒน์เอื้อมมือไปจับเธอ
   “ผมมีอะไรจะให้” พัฒน์พูดพลางโบกมือมายังโฟล์คที่ยืนอยู่ก่อนแล้ว เขากลั้นใจพลางเดินไปหาโต๊ะตรงหน้า พลางปั้นยิ้ม
   “โห โฟล์ค ขอบใจจ้ะ... อรยังดื่มอันนี้ไม่หมดเลยพัฒน์” เธอรับแก้วมาจากโฟล์คทันที
   “เหอะน่า...ผมสั่งพิเศษให้คุณนะ” พัฒน์กล่าว
   “ต้องขนาดนี้เลยเหรอพัฒน์” เธอว่า
   “อันนี้เป็นสูตรพิเศษของบาร์คับ ก่อนจะดื่ม ให้ยกก้นหลอดขึ้นมาก่อนคับ” โฟล์คว่า
   “โอ้...” เธอหยิบแก้วขึ้นมาและจับหลอดดู ขณะที่โฟล์คหยิบกระบอกน้ำแข็งแห้งขึ้นมาแล้ว กดเป่าใส่แก้วตรงหน้า และทันทีที่ควันจางหายไป สิ่งที่ปรากฎตรงหน้าบริเวณก้นหลอด ส่องประกายวาววับต้องกับแสงไฟของร้าน
   มันคือแหวนแต่งงาน
   “อร...ผม... อยากคุย... เรื่องของเรา”
   อรอมยิ้มพลางนิ่งไปพักหนึ่ง
   “พัฒน์....” อรเงยหน้าขึ้นมองพัฒน์ ขณะที่โฟล์คก้มตัวและเดินจากมา
   “คือ ผมรู้ว่าเราก็ยุ่งๆกันทั้งคู่ เวลาก็อาจจะไม่ตรงกันแต่... ผมอยากชัดเจนกับสิ่งที่ผมจะทำ” พัฒน์ว่าต่อ “ผม... อยากใช้ชีวิตอยู่กับคุณ”
   เธอยังคงเงียบไปพักหนึ่ง
   “ผมไม่ได้ต้องการให้อะไรเปลี่ยน คือ... ไม่ต้องจัดงานกันวุ่นวายก็ได้ แต่ผมแค่อยากจะ....” พัฒน์พูดต่อ “ผมแค่อยากให้เรากลายเป็นครอบครัวเดียวกัน”
   อรมองหน้าพัฒน์อยู่อย่างนั้น
   “คือ... ผมไม่รู้นะ คือ.. ในส่วนของผม ผมว่ามันเวิร์ค พีทกับคุณ อินกับผม... มันเอ่อ...” พัฒน์เสียงสั่นมากขึ้นทุกที “แต่...ถ้าคุณไม่...เอ่อ”
   “ตกลงค่ะ” เธอพูดตอบ พลางยิ้มกว้าง “อรตกลง”
   “โอ้.... ดีเลยคับ....ดีเลย” พัฒน์ยิ้มกว้าง “งั้นเอ่อ... ให้ผม...”
   “ค่ะ”
   อรยื่นมือไปข้างหน้า ขณะที่พัฒน์หยิบแหวนและสวมลงที่นิ้วนางข้างซ้ายของเธอ
   “ก็อยากจะคุกเข่านะแต่... เราก็ไม่ใช่เด็กๆกันแล้วเนอะ” พัฒน์ว่า ซึ่งนั่นทำเอาอรหัวเราะเบาๆ
   “แค่นี้อรก็....ดีใจแล้วค่ะ” อรว่า “แต่...ไม่ต้องจัดงานเนอะ เรา...เอาแบบเรียบง่ายแล้วกันนะคะพัฒน์ ไม่งั้นเรายุ่งกันแน่เลย”
   “เป็นอีกเรื่องที่เราคิดตรงกันนะ”
   ทั้งคู่ยิ้มให้กันอยู่อย่างนั้น
   “อร... ยังไม่ได้บอกอินเค้าเลย” เธอว่า พลางมองแหวนในมือ
   “คุณว่าเค้าจะโอเคมั้ย” พัฒน์ถาม
   “อินไม่คิดมากหรอกค่ะ เค้าโตแล้ว... พีทล่ะคะ คุณบอกเค้าหรือยัง” อรถาม
   “คับ...ผมบอกแล้ว”
   โฟล์ควางถาดลงตรงบาร์ ขณะที่มองพีทที่นั่งอยู่ตรงนั้นอย่างเงียบเชียบ ชายหนุ่มมองแก้วของตัวเองตรงหน้าพลางครุ่นคิดอะไรหลายอย่างที่กำลังตีวนอยู่ในหัว
   “เรียบร้อยใช่ป่าว” พีทถามขึ้น แม้จะยังไม่เงยหน้าขึ้นมาจากแก้วของตัวเอง
   “อื้อ... ก็... ไม่ใช่ลูกค้าคนแรกหรอกนะ ที่ให้ทำอะไรแบบนี้ที่นี่” โฟล์คพูดเสียงเรียบ “จริงๆ ที่นี่ก็เป็นหนึ่งในที่ขอแต่งงานที่... สวยอยู่”
   “อ่าหะ... เราเลือกเองอ่ะ” พีทว่า “คิดว่าพ่อน่าจะโอ แม่อรก็น่าจะโอ”
   “แล้วนายอ่ะโอหรือเปล่า”
   คำถามของโฟล์คทำเอาพีทนิ่งเงียบสนิท เขาหยิบวอดก้ามากระดกขึ้นหนึ่งชอตแล้ววางลงอย่างแรง ก่อนจะมองหน้าโฟล์ค
   “อย่าบอกมันนะโฟล์ค”
   โฟล์คเงียบไปพักนึงพลางมองหน้าพีท
   “ทำไมอ่ะ... ข่าวดีไม่ใช่อ่อ”
   สิ่งนั้นทำให้พีทขมวดคิ้วมากขึ้นไปอีก เป็นสีหน้าที่โฟล์คไม่เคยเห็นนัก พีทกำหมัดแน่นอยู่อย่างนั้น
   “ถ้าเราเป็นนาย แม่งคงดีกว่านี้งั้นดิ” พีทว่า “แม่งคง...ไม่เป็นแบบนี้ใช่ป่ะวะ”
   คำพูดของพีทส่งความหมายอะไรมาบางอย่าง และนั่นทำให้โฟล์ครู้สึกได้ ว่ามันคืออะไร
   “ช่างมันเหอะ โฟล์ค นายฟังเรา.... เราอยากให้นาย.... ชัดเจน...ซะที” พีทว่า “ถ้า...นายรักมันจริง... เอามันไปซะตอนนี้เลย...ทำให้ทุกอย่างมันสะอาดซะทีเหอะ”
   “พูดไรของนายวะ”
   “มันหมดเวลาแล้วโฟล์ค วันนี้แม่งมาถึงแล้ว นายต้องตัดสินใจ” พีทพูด “เราดูนายออก ว่านายไม่ได้คิดอะไรกับแฟนนายแล้ว นายต้องปล่อยเค้าไป แล้วดูแลคนที่นายรัก โอเคป่ะ เพราะเรา....”
   เงียบกันไปพักนึง
   “ทำซะ ก่อนที่อินจะรู้เรื่องนี้โฟล์ค”
   ก่อนจะลุกออกไปจากบาร์ทันที พอดีกับข้อความของอินตอบกลับมาแล้ว โฟล์คอ่านอยู่พักหนึ่ง

   APi. : อยากเจอเหมือนกัน แต่มึงไม่ต้องรีบก็ได้ กูเพิ่งเสร็จธุระ ถ้าถึงก่อนจะบอก 

   โฟล์คเงยหน้าขึ้นมองพีทที่เดินจากไป ทั้งๆที่เหตุการณ์อันน่ายินดีตรงหน้า โฟล์คควรจะร่วมแสดงความยินดีกับครอบครัวใหม่ของอิน แต่มันเหมือนพีทได้ทิ้งก้อนบางอย่าง ลงมาที่ตัวเขาทันที

.........

   อินจอดรถตรงลานจอดรถที่อยู่ชั้นที่สูงที่สุดของคอนโดโฟล์ค เขานั่งนิ่งอยู่ในรถอยู่พักหนึ่ง พลางคิดทบทวนถึงสิ่งที่เกิดขึ้นมาจนถึงวันนี้ วันที่เขากำลังนั่งอยู่ในรถตัวเอง ที่ต้องวนหาที่จอดรถที่อยู่ในซอกหลืบที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ ตัวเขา ที่กำลังใช้ชีวิตเหมือนเมียน้อยใครซักคน ทำตัวหลบๆซ่อนๆในบางคืน และหลบออกไปในตอนสายของอีกวัน เขาทบทวนทุกๆสิ่งที่เกิดขึ้นตั้งแต่วันที่เขาออกจากโรงพยาบาลในวันนั้น
   เขากลับบ้านไปกับพีท ขณะที่โฟล์คกลับไปขอโทษพี่บอลตามที่เขาบอก เขาเอง ที่ไม่ได้รู้ว่าความสัมพันธ์ของโฟล์คกับพี่บอลเป็นอย่างไรต่อ แม้ว่าคืนนั้น เขาทำอะไรไปไม่ได้มากกว่าอยู่กับพีทที่บ้าน และเต็มไปด้วยความรู้สึกตื้อมึนที่อยู่ในหัว แทบไม่ต่างอะไรจากวันนี้ ความรู้สึกอึดอัดที่เขาพยายามวิ่งหนีมันมาตลอด แต่มันก็กลายเป็นภาระที่เขาต้องแบก
   โฟล์คบุกมาปรากฎตัวอยู่ที่ประตูห้องของเขาอีกสามวันต่อมา เขาไม่รู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้น แต่โฟล์คกอดเขาไว้และร้องไห้อยู่อย่างนั้น ก่อนที่มันจบลงเหมือนทุกครั้งที่เขาและโฟล์คอยู่ด้วยกัน
   เซกซ์...
   และมันก็เป็นแบบนั้นเรื่อยมา เขาทั้งคู่หลีกเลี่ยงที่จะถามถึงความสัมพันธ์ของอีกฝ่าย แม้จะเจอกันในวันรับปริญญา หรือแม้แต่การนัดรวมของไอ้มอสก่อนที่จะย้ายไปเชียงใหม่ถาวร ทั้งเขาและโฟล์คขีดเส้นความสัมพันธ์ของตัวเองได้เด็ดขาด แม้จะไม่เคยเจอกันสี่คนอย่างจริงจังอีกหลังจากเหตุการณ์ที่โรงพยาบาล แต่จากสถานการณ์ที่ผ่านมา มันพิสูจน์แล้วว่าทั้งเขาและโฟล์คจัดการเรื่องทุกอย่างได้
   เรื่องที่มันทำให้ทั้งคู่ดำมืดลงทุกที
   อินหยิบบัตรคอนโดที่โฟล์คทำให้ และเข้าลิฟท์ขึ้นตรงไปยังห้องพักของโฟล์ค เปิดประตูเข้าไปเจอบรรยากาศเดิมๆที่ว่างเปล่า ขาของเขาก้าวเข้ามาในห้องนี้จนเขารู้แล้วว่ามันจะต้องเป็นยังไง ทุกย่างก้าวเดินไปด้วยสัญชาตญาณที่ผิดพลาด ขณะที่ตัวเขานั่งลงที่โต๊ะกลางห้องอย่างหมดเรี่ยวแรง กับคำพูดของพี่บอลที่ยังคงตีวนอยู่ในหัว    
   คำขอโทษที่ทำให้เขาไม่ได้รู้สึกดีขึ้น แต่กลับฉุดให้ทุกอย่างย่ำแย่ลงไป
   เขาควรจะทำยังไงกับสิ่งเหล่านี้ดี....
   “ไหนว่าถึงแล้วจะบอกไง” โฟล์คเดินออกมาจากห้องน้ำพลางเช็ดหัว อินหันไปยิ้มให้ทันที
   “อ้อ... ก็... พอดี...ลืม” อินว่า “แล้ว...ไหงวันนี้เลิกเร็ว”
   “เปล่า... ก็... อยาก...กลับมาเจอมึงไง” โฟล์คตอบพลางเดินเข้ามากอดอินไว้จากด้านหลัง
   “กูยังไม่ได้อาบน้ำ มึงจะมานัวเหงื่อกูทำไมเนี่ย” อินว่า
   “กูอาบอีกรอบได้น่า อาบกะมึงดีมะ” โฟล์คตอบ อินหัวเราะเบาๆพลางคิดบางอย่างอยู่ในหัว
   หรือว่ามันคงถึงเวลาที่....
   “โฟล์ค... กูมีเรื่องจะบอ....”
   “อิน.... กูจะเลิกกับพี่บอลแล้วนะ” โฟล์คพูดขึ้นทันที และนั่นทำให้อินชะงัก
   “มึง... มึงว่าอะไรนะ”
   “กู...จะบอกเลิกเค้า” โฟล์คว่า “แล้ว... หลังจากนั้น มึงคบกะกูนะ”

..............

ออฟไลน์ M2M_Jill

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 195
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +50/-0
ตอนที่ 34 Out Of Plan

   อินมองหน้าโฟล์คที่คร่อมตัวเขาจากด้านหลังเก้าอี้อยู่อย่างนั้น แววตาของโฟล์คส่งประกายความหมายออกมาอย่างแน่วแน่ ขณะที่อินมองมันด้วยคำพูดร้อยพันที่ตีกันอยู่ในหัว
   “โฟล์ค....มึง.... จะเอางั้นอ่อ” อินร้องถาม โฟล์คยิ้มเบาๆ ก่อนจะย้ายมานั่งอยู่ข้างตัวอิน
   “กูบอกมึงมาตลอด ว่าไม่อยากรอไปอีกวัน หรืออีกนาที ที่ไม่มีมึง” โฟล์คว่า “ตอนนี้มึงกะกูก็เคลียร์เรื่องกลุ่มเรากันจบแล้ว งานมึงกับงานกูก็นิ่งแล้ว มันก็เหลือแค่... แค่คนของเราที่ต้อง....”
   “มึงเริ่มต้นใหม่กับเค้าก็เพราะกูป่ะวะ มึงเคยบอกอ่ะ” อินว่า “มึงคบกับเค้าก็เพราะกู แล้วมึงก็จะเลิกกับเค้าก็เพราะกูอีกอ่ะเหรอโฟล์ค...”
   “ก็ทั้งชีวิตกูมีแต่มึงอ่ะ” โฟล์คว่า    
   “งั้นมึงก็กำลังเหี้ยเพราะกู” อินว่า “พี่บอลเค้าถอยให้มึงมามากแล้วนะเว่ย”
   “แต่เค้าก็เคยทำเหี้ยกับมึงนะ” อินถาม
   “แต่เค้าก็ดีกับมึงไง แล้วตอนนั้นกูก็เป็นคนผิด” อินว่า
   “แต่...กู...” โฟล์คพูดก่อนจะถอนหายใจ “อิน อย่าเพิ่งชวนทะเลาะดิ กูอยากจริงจังกะมึงแล้วอ่ะ กูเบื่อกับการอยู่กันแบบนี้ กูเบื่อกับการที่ต้องทำเหมือนมึงเป็นเมียน้อยกูแบบนี้ กูเจอมึงก่อนเค้านะเว่ย กูรักมึง มึงไม่เข้าใจอ่อวะ”
   อินหายใจเข้าแรง
   “โฟล์ค รักอย่างเดียวไม่พอป่ะ” อินพูดขึ้น “มึงกะกูต้องเข้าใจเรื่องนี้ดีที่สุดดิ ตลอดหลายปีที่ผ่านมา มึงกะกูรักกันแล้วแม่งมีอะไรดีขึ้นมั่งอ่ะ”
   โฟล์คเงียบสนิท
   “ดีสุดก็ได้แค่...เอากันที่นี่ป่ะวะ” อินว่าต่อ “อยู่กันทุกวันนี้ไม่พังกันทั้งคู่ก็ดีตายห่าแล้ว”
   “กูถึงอยากทำให้มันจริงจังไง” โฟล์คพูดเสียงนิ่มว่าพลางจับมืออินขึ้นมาทันที
   “อย่ามาหวานไรแบบนี้ ไม่เอา” อินว่า
   “ฟังกูก่อนได้ป่าว” โฟล์คพูด พลางจับมืออินแน่นขึ้น “กูยื้อกะเค้ามาได้แค่นี้ มันพังมาก่อนหน้านั้นแล้ว และ... ต่อให้มีมึงหรือไม่ มันก็ผิดที่กูใช้เค้าเป็น...ตัวแทนของมึงมาตลอด”
   อินเงียบสนิท
   “กูอาจจะมีมึงเป็นอะไรที่กูวิ่งตาม แต่... ครั้งนี้ให้กูได้ตัดสินใจ กูจะไม่ยอมเสียมึงไปอีกแล...”
   “ไปญี่ปุ่นกะเค้าซะ” อินพูดขึ้นทันที และนั่นทำให้โฟล์คนิ่งสนิท
   “มึง....รู้เรื่องนี้ได้ไง” โฟล์คว่า
   “เค้าอยากมีอนาคตกะมึงนะเว่ย เค้าไม่ได้แค่รักมึง แต่เค้าคิดถึงทางข้างหน้ากับมึง” อินว่า “แต่กูไม่มีตรงนั้นให้มึง กูมองไม่เห็นอะไรไกลไปกว่ามึงได้กะกูที่นี่อ่ะโฟล์ค และนั่นคือความเหี้ยของมึงกะกู”
   โฟล์คเงียบไป เขามองหน้าอินอยู่อย่างนั้น
   “มึงเจอเค้ามาอ่อ” โฟล์คถาม แต่อินยังคงเงียบสนิท พลางพยายามหาคำพูดที่เหมาะสม
   “เอาเป็นว่ากูรู้ละกัน” อินตอบ “มึงไม่ต้องห่วง เค้าไม่ได้รู้เรื่องของเรา”
   โฟล์คถอนหายใจลง
   “เห็นมั้ย มึงยังไม่ได้คิดด้วยซ้ำ ว่ามึงจะจัดการเรื่องนี้ยังไง” อินพูดต่อ “แต่เค้าเลือกให้มึงแล้ว และแม่งเป็นโอกาสที่ดีสำหรับมึงมากเลยนะ”
   “กูตัดสินใจเองได้ ว่าอะไรดีที่สุดสำหรับกูอิน” โฟล์คว่า
   “แล้วมึงเคยตัดสินใจถูกป่ะ” อินว่าต่อ “ตั้งแต่จูบแรกที่มึงให้กูตอน ม.ปลาย มาจนถึงวันนี้ มีครั้งไหนไหม ที่การตัดสินใจของเราสองคนตั้งอยู่บนความถูกต้องอ่ะโฟล์ค มึงบอกกูทีดิ”
   โฟล์คเป็นฝ่ายเงียบขึ้นมาบ้าง
   “กี่ครั้งแล้วที่มึงกะกูลากตัวเองมาจมอยู่กับความอึดอัด เราเคยมีความสุขกันจริงๆซักครั้งป่ะโฟล์ค” อินพูด “มีครั้งไหนบ้าง ที่มึงตัดสินใจแล้วได้ความสุขอ่ะ และถ้ามึงบอกว่าทุกครั้งการตัดสินใจของมึง เป็นเพราะกู กูก็จะบอกมึงเลยว่า ถ้ามึงเลือกกูครั้งนี้ มึงจะพังกว่าเดิม”
   “พังได้ไง ในเมื่อ...”
   “เพราะชีวิตกู ไม่เคยมีมึงอยู่ในแพลนโฟล์ค” อินพูดต่อ และนั่นทำให้โฟล์คนิ่งสนิท ทั้งคู่มองหน้ากันอยู่อย่างนั้น โฟล์คอึ้งไปทันทีที่เจอคำพูดของอิน
   “มึง...ไม่เคย...มีกูในแพลนอ่อ” โฟล์คพูดทวนคำอินช้าๆ อินหายใจเข้าลึก
   “อ...เออ...ไม่เคย” อินว่า “กูใช้ชีวิตวันต่อวัน กูไม่รู้ว่าพี่เมธจะลากกูไปไหนอีก กูไม่รู้ว่ากูจะกลับบ้านกี่โมงด้วยซ้ำในแต่ละวันอ่ะ”
   “แต่กูก็ไม่เคยว่ามึงเลยนะ”
   “แต่ถ้าพี่บอลเค้ามีโอกาสที่ดีกว่าให้อ่ะ มึงก็ควรคว้าไว้ไง” อินว่า “มึงคิดว่ากูอยากเห็นมึง ต้องอยู่กับทางเดินมืดๆอ่อวะ กูไม่อยากให้มึงไม่มีปลายทางในชีวิตนะ”
   โฟล์คหลบตาลงทันที
   “กูขอโทษนะโฟล์ค แต่มึง...ต้องตอบตกลงแล้วไปกับเค้า” อินว่า “มึงไม่มีเวลามากแล้ว อีกสองเดือน มึงต้องจัดการทุกอย่าง คอนโดนี้ก็ ปล่อยเช่าไป ที่บาร์ปั้นเด็กใหม่ไป แล้วมึงก็ออกจากโลกนี้ไป ญี่ปุ่นนะเว่ย ได้งานด้วย ส่วนกูก็....”
   “ไปกับพีทงั้นอ่อ” โฟล์คพูดขึ้นเสียงเข้ม “มึงคิดว่า กูจะจัดการกับมึง เหมือนทุกอย่างรอบตัวกูแบบนั้น แล้วมึงก็จะไปหามันอ่อ มึงคิดว่ากูจะทำกับมึง เหมือนจัดการสิ่งของง่ายๆแบบนั้นอ่อวะอิน ปล่อยมึงไปกับมัน เหมือนกูปล่อยคอนโดอ่ะนะ”
   “โฟล์ค มึงอย่างี่เง่าน่า พีทไม่เกี่ยวกับเรื่องนี้” อินว่า
   “แต่มันอยู่ในสมการของมึงเสมออิน” โฟล์คว่า “ถ้าพี่บอลถูกกูลากมาเพราะมึง พีทก็ถูกมึงลากมาเพราะกู”
   อินหายใจเข้าลึก
   “ก็ใช่...แต่แล้วยังไงอ่ะ” อินว่า “ขนาดกูไม่ยอมทำงานกับออฟฟิศพ่อเค้า งานของกูยังบีบให้ไปโคกับเค้าอยู่ดี ถึงกูกับมันจะไม่ได้เป็นอะไรกันตอนนี้ แต่กูว่า ถ้ามันเวิร์ค ก็คือจะเวิร์ค”
   โฟล์คหัวเราะเงียบๆในลำคอ
   “นี่เว่ย คือทางที่เหมาะ กูก็เคยบอกมึงไปแล้ว” อินว่า
   “ถ้ามันเวิร์คจริง แล้วทำไมมึงไม่คบกับมันไปตั้งแต่วันนั้นอ่ะ” โฟล์คว่ากลับ “มึงกลับมาเอากะกูทำไมวะ”
   อินเงียบเสียงไป
   “ทำไมมึงถึงมาอยู่กับกูนานถึงหกเดือนวะอิน ทำไมมึงกับมันความสัมพันธ์ไม่ไปไหนซะทีอ่ะ” โฟล์คพูดจี้ใจของอินมากขึ้น
   “กู...กูกับมันก็....” อินพยายามพูดบางอย่าง
   “มันออกจากบ้านมึงไปแล้วไม่ใช่อ่อ.. แล้วทำไมมึงถึงไม่ปล่อยมันไปซะทีอ่ะ” โฟล์คว่า “ในเมื่อมึงก็อยู่กับกูที่นี่อ่ะ กูกำลังทำทางที่มีมึงกะกู แต่มึงเสือกหาทางอื่นให้กู แล้วตัวมึงก็ฝันถึงทางที่มีมึงกับมัน ทางไม่มีทางเป็นจริงได้งั้นอ่อ”
   “ถ้ามึงกับพี่บอลเป็นจริงได้ ทำไมกูกับพีทจะเป็นจริงไม่ได้วะ” อินร้อง
   “ก็เพราะว่า.....” โฟล์คเงียบเสียงลง ก่อนจะกำหมัดแน่น เขากัดริมฝีปากของตัวเองไว้จนเจ็บ เขาไม่อาจจะพูดอะไรไปไกลได้มากกว่านี้แล้ว เขาไม่อยากจะเป็นคนที่ทำให้อินเจ็บไปมากกว่านี้
   พีทพูดถูก เขาต้องไม่ใช่คนที่บอกอิน เขาไม่สามารถเป็นคนที่เห็นแก่ตัวไปได้มากกว่านี้อีกแล้ว
   “เพราะกูหึงมึงไง” โฟล์คว่า “กูไม่อยากเสียมึงให้ใคร... กู....กูอยากเลิกกับพี่บอล แล้วก็ยังมีมึงอยู่...ตรงนี้.... กู....พูดชัดพอมั้ย”
   อินมองหน้าโฟล์คอยู่อย่างนั้น ก่อนจะส่งเสียงขำในคอเบาๆ
   “ก็อย่างที่กูบอก” อินว่า “นั่นมันเลวเกินไป และ... ชีวิตมันไม่ได้ง่ายแบบนั้น”
   และแล้วก็เงียบกันไปพักหนึ่ง เป็นความเงียบที่มีความหมายมากมายเหลือเกิน
   “กู...อาบน้ำละ” อินว่าพลางลุกขึ้น “จริงๆ....คืนนี้กู...ไม่ควรอย....”
   “ไม่” โฟล์คคว้าแขนของอินไว้ “กูไม่ให้มึงไปไหน ต่อให้กูต้องขายวิญญาณให้ปีศาจ เพื่อยื้อมึงไว้อีกนาที กูก็จะทำอิน กูให้มึงกลับบ้านไม่ได้”
   อินเงียบเสียงลง
   “กูไม่อยากให้มึง ต้องเจ็บ... อยู่กะกูเหอะนะ กูขอร้อง” โฟล์คจับข้อมือของอินไว้จนเจ็บ เสียงของโฟล์คสั่นเครือ เสียงที่ทำให้อินสั่นสะท้าน และยอมโฟล์คมาตลอดหลายต่อหลายครั้ง อินหันหลังกลับมาและจับมือโฟล์คไว้
   “จะช้าหรือเร็ว เราก็ต้องไปคนละทางป่ะ” อินพูดเสียงเรียบ
   “แต่คืนนี้... คืนนี้กูอยากอยู่กับมึง” โฟล์คว่า อินยิ้มเบาๆ
   “โฟล์ค... กูแค่จะไปอาบน้ำ... โอเค๊”
   โฟล์คมองหน้าอิน ก่อนจะคว้าเขามาจูบเบาๆครั้งหนึ่ง
   “กูรักมึงนะ” โฟล์คว่า
   “อือ... กูรู้”
   หลังจากอินอาบน้ำเสร็จ มันก็เป็นอีกคืนที่เร่าร้อนสำหรับโฟล์คและอิน มันเป็นเหมือนหลายๆคืนที่ผ่านมาตลอดหลายเดือน ไม่มีอะไรที่ไกลไปกว่าเตียงที่กว้างพอสำหรับคนสองคนที่จะสามารถซุกตัวในผ้าห่มได้ หลังจากที่หมดแรงและจมลงกับเตียงอันหนานุ่มไปทั้งคู่ แสงแดดของวันใหม่ก็สาดส่องเข้ามาอีกครั้ง วันปกติของความสัมพันธ์ในความมืด ที่วนเวียนไปมาไม่รู้จบ อินเป็นฝ่ายที่ลืมตาขึ้นก่อนเหมือนเดิม พลางควานไปหามือถือที่อยู่ใกล้ตัวที่สุด วันนี้พี่สุเมธนัดประชุมอีกแล้ว อินปรับสายตาให้เข้ากับแสง และปรับความคิดให้เข้ากับสิ่งที่เจออยู่ตรงหน้าให้มากขึ้น
   และเหมือนกับว่ามันปลุกให้เขามองเห็นสิ่งรอบตัวชัดเจนขึ้น โฟล์คยังคงหลับอยู่ในสภาพเปลือยเปล่า มันนอนคว่ำไปเหมือนกับว่าไม่อยากรับรู้โลกแห่งความจริงที่ต้องเป็น อินคิดทบทวนอะไรหลายๆอย่างอีกครั้ง และก็ขำเบาๆ
   โฟล์คไม่เคยรู้อะไรเลย ไม่เคยรับรู้สิ่งที่เขาต้องแบก
   และหลายๆอย่าง ก็ควรจบลง ที่ตรงนี้ มันไม่ควรไปไกลกว่านี้
   อินเลิกผ้าห่มขึ้น และเตรียมตัวลุกไปอาบน้ำ แต่ทว่าโฟล์คก็เอื้อมมือมาคว้าไว้
   “กู...รู้นะ... ว่า...มึงคิดอะไร...อยู่” โฟล์คพูดเสียงงัวเงียเช่นเดิม อินหันไปมองด้วยสายตานิ่งเฉย
   “กูไม่ต่ออีกยกแล้ว....กูต้องไป” อินว่า
   “มึง... จะ...ไม่กลับมาหากูอีก....ใช่มั้ย” โฟล์คหันหน้ามาหาอินทันที อินเงียบสนิท ไม่มีแม้แต่คำพูดอะไรให้โฟล์คอีกแล้ว
   เสียงโทรศัพท์ของโฟล์คดังขึ้นทำลายความเงียบ อินจึงเอื้อมมือไปหยิบโทรศัพท์โยนให้กับโฟล์คทันที และหน้าจอก็บ่งบอกถึงสัญญาณอะไรบางอย่าง
   “ฮัลโหลคับ...พี่บอล” โฟล์คกดรับสาย ขณะที่อินเบือนหน้าไปทางอื่น “คับ...ก็...เพิ่งตื่นแหละพี่...แต่ก็...ตื่นแล้ว.... คับ”
   อินเอื้อมไปหยิบกางเกงในมาใส่ ขณะที่โฟล์คพลิกตัวขึ้นมานอนหงาย
   “อ้ะ... พี่อยู่ข้างล่างเหรอคับ” โฟล​์คหันมาหาอินทันที อินยิ้มเบาๆพลางส่ายหน้า “ได้คับ...อ่า.. งั้น ขอผมแต่งตัวแปปนะ... คับ... เดี๋ยวลงไปรับคับ...คับ....”
   อินลุกขึ้นจากเตียงเพื่อหยิบเสื้อผ้ามาใส่ แต่โฟล์คก็คว้าตัวอินกอดไว้จากข้างหลัง
   “กูไม่อยากให้มึงกลับไป” โฟล์คว่า “เชื่อกูซักครั้งเถอะนะ”
   “จะให้กูอยู่ในนี้ ตอนมึงเอาเค้าขึ้นมาด้วยมั้ยล่ะ” อินว่า
   “อิน กูพูดจริงๆนะ เริ่มต้นใหม่กะกูเหอะ เคลียร์กันเลยก็ได้ กูไม่กลัวอะไรอีกแล้ว” โฟล์คว่า
   “ตลกแล้ว อย่าให้กูเป็นตัวทำให้มึงจบเลย มึง...อยู่คุยกับเค้าเหอะ” อินผละตัวเองออกจากโฟล์คและรีบใส่เสื้อผ้าทันที “อีกอย่าง... มึงรู้มั้ยว่า การออกจากคอนโดมึง มันเหมือนกูเป็น...”
   “อิน... ถ้ามึงกลับไป มึงจะเจ็บนะ” โฟล์คพูดออกไป และนั่นทำให้อินหันไปมองหน้าเขาพลางครุ่นคิด
   “อยู่นี่ ก็เหมือนกันอ่ะ...” อินพูดพลางยิ้มให้
   “กูต้องไปแล้ว... โชคดีนะ”

..........   


ออฟไลน์ broke-back

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 5947
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +844/-16
เธอมีฉัน แต่ว่าฉันมีใคร
เมื่อฉันเหงา มีสิทธิไหม ได้พบเธอ
เธอยังมีฉัน แต่ไม่รู้ทำไม
ชีวิตฉันเหมือนไม่มีใครสักคน
                   ----------------ดา เอนโดฟิน

ผู้คนในสังคมที่ไร้รัก
เอาแต่จมปลักกับตัวเอง
หุหุ

ออฟไลน์ M2M_Jill

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 195
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +50/-0
ตอนที่ 35 The Way Begins

   โฟล์คเปิดประตูพาบอลเข้ามาในห้อง พลางสอดส่ายสายตาเข้าไปว่าทุกอย่างเรียบร้อยอยู่ไหม เมื่อเห็นว่าทุกอย่างปกติเท่าที่จะเป็นไปได้แล้ว เขาจึงหลีกตัวให้บอลตามเข้ามาในห้องทันที
   “ผม...ยังไม่ได้เก็บเรียบร้อยเท่าไหร่นะพี่ แหะแหะ” โฟล์คทำเสียงเอื่อย
   “เออ... ไม่เป็นไร” บอลยีหัวโฟล์คเบาๆ ก่อนจะเดินเข้ามาในห้อง “พี่ซื้อข้าวต้มมาฝากอ่ะ เดาว่ายังไม่ได้กินไรแต่เช้าใช่ป่ะเนี่ย”
   “คับ...ก็... เพิ่งตื่นเลยพี่” โฟล์คว่า พลางรับถุงข้าวต้มมาไว้ที่ตัว และเดินตรงไปที่มุมครัว “งั้นผมแกะเลยนะพี่ กินด้วยกันเลยป่ะ”
   “อ่าหะ ก็ได้...” บอลว่าพลางนั่งลงที่โต๊ะของตัวเอง
   “คอนโดนี่ผ่อนกี่ปีนะโฟล์ค” บอลถามขึ้น
   “โห... ก็นานอยู่อ่ะพี่... ทำไม พี่จะช่วยผมผ่อนอ่อ” โฟล์คว่าพลางหัวเราะ ก่อนจะเดินกลับมาที่โต๊ะพร้อมชามข้าวต้มสองชาม
   “เปล่า แต่...กำลังคิดว่า ถ้าเราไม่อยู่ แล้วจะเอาไงกับมันดี” บอลพูดทันที และนั่นทำเอาโฟล์คอึ้งไปชั่วขณะ
   “ทำไมอ่ะพี่” โฟล์คถาม
   “ทางโน้นเค้าขอคำตอบแล้วอ่ะโฟล์ค เค้าถามว่า พี่จะไปไหม เพราะ... เค้าจัดการเอกสารให้พี่แล้ว ทางพี่ก็พร้อมแล้ว” บอลว่าต่อ “วันนี้พี่... อยากได้คำตอบแล้วอ่ะโฟล์ค”
   โฟล์คนั่งลงกับโต๊ะทันทีพลางมองหน้าพี่บอลอยู่อย่างนั้น
   “วันนี้เลยเหรอคับ” โฟล์คว่าต่อ
   “อื้อ... พี่ว่า มันกำลังจะต้นหนาว แล้ว... คนญี่ปุ่น ก็จะเข้าร้านในช่วงนี้กันเยอะ อาจจะเป็นช่วงเวลาที่ดี ที่เราจะได้เริ่มเก็บเงิน” บอลว่า “พี่เลยอยากมาคุยแล้วก็... เผื่อมีอะไรให้พี่ช่วยจัดการ โฟล์คบอกพี่ได้นะ”
   โฟล์คนิ่งเงียบพลางมองหน้าพี่บอลอยู่อย่างนั้น มองนานจนพี่บอลรู้สึกได้
   “พี่ทำทั้งหมดนี่ เพื่อผมเหรอ” โฟล์คถามขึ้นทันที
   บอลหัวเราะเบาๆ ทันที
   “ก็... เราเป็นแฟนกันนี่” บอลว่า “พี่ก็... อยากวางอนาคตไว้สำหรับเราสองคน”
   โฟล์คเม้มริมฝีปากตัวเองครั้งหนึ่ง พลางมองไปยังข้าวต้มกุ้งที่อยู่ตรงหน้า
   “พี่รู้... ว่ามันอาจจะเร็วไปแต่... พี่ว่าถ้าเราจัดการดีดี เราก็น่าจะทำได้นะ” พี่บอลพูดต่อ “พี่ว่าวิ่งเตรียมเอกสารแบบเป๊ะๆ อาทิตย์นึงก็น่าจะ...”
   “พี่บอล.... ผมมีอะไรจะบอก”

...............

   “อิน อินฟังพี่อยู่หรือเปล่า” พี่เมธร้องเรียกเขาในบ่ายวันหนึ่ง
   “คับ...” อินรับคำ
   “งั้นอินก็ต้องอธิบายกับพี่มา ว่าอินไปดีลอีท่าไหน กายถึงตอบตกลงกับ Lovable Studio” สุเมธว่า “แล้วไปดีลกันนอกรอบด้วยนะเนี่ย”
   “จริงๆกายมันก็ไม่ได้เซ็นกะเรานะพี่ มันก็ไปได้ป่ะคับ” อินว่า “อีกอย่าง เค้าเป็นอาหลานกันด้วย”
   “ใช่... แต่กายเห็นผลงานดีไซน์เนอร์สตูโน้นจากพี่ไง มันก็ผิดมารยาทกันอ่ะ” สุเมธพูดเสียงหงุดหงิด
   “ผมคิดว่าท้ายที่สุดอ่ะ เดี๋ยวกายมันจะลากดีไซน์เนอร์มือดีกลับมาหาเราได้เองอ่ะพี่ ผมว่าพี่ไม่ต้องห่วงหรอก” อินตอบ ขณะนั่งพิมพ์งานผ่านไอแพด
   “แล้วอินแน่ใจได้ยังไง ว่ากายมันจะไม่สร้างเครือข่ายให้ตัวเอง แทนที่จะมาลงกับเรา” พี่เมธว่า “ของแบบนี้มันต้องคิดด้วยนะ”
   “งั้นพี่ก็ต้องจับมันเซ็นอ่ะ พี่ทำได้ป่ะล่ะ” อินพูดตอบ และนั่นทำให้สุเมธเงียบไป
   “จริงๆพี่น่ะ อยากให้เราเป็นคนเซอร์เวย์ ดูศักยภาพของคนในวงการมากกว่านะ” สุเมธว่า
   “พี่น่าจะเชื่อใจกายคับ มันไม่รวบไว้คนเดียวหรอก มันเป็นฟรีแลนซ์ แล้วก็ลุยเดี่ยว ถ้าพี่ซื้อใจมันได้ มันก็ทำกับพี่แหละ ผมอย่าพี่อย่าบีบใครเลย” อินพูด “ส่วนผม ผมก็ไม่ได้รู้จักที่นี่ใครมากขนาดนั้นอ่ะพี่ ก็แค่... ผ่านๆกันไปมา ผมอยากจะโฟกัสกับอะไรๆใหม่ๆมากกว่า”
   “ถ้าอินจะให้กายดูที่นี่ งั้นอินไปปารีสให้พี่ได้ป่ะล่ะ” พี่สุเมธพูดทันที ทำเอาอินเงยหน้าขึ้นมาจากไอแพด
   “ว...ว่าไงนะพี่” อินร้อง
   “ไปปารีส เซอร์เวย์ที่นั่น ดูทุกอย่างที่เกี่ยวกับแฟชั่น ดีไซน์ ศิลปะ ไปสร้างคอเนคชั่นใหม่ที่นั่น แล้วส่งข้อมูลกลับมาให้พี่” สุเมธพูดเสียงเรียบง่าย แต่ทว่ามันทำให้อินถึงกับอึ้งไปพักหนึ่ง
   “พ...พี่...ก็พูดเป็นเล่นไปพี่” อินทำเสียงกลั้วหัวเราะ
   “พี่ไม่ได้พูดเล่นอิน พี่จะทำจริงๆนะ ถ้าอินยืนยันว่ากายจะทำเส้นสายที่นี่ได้ดี พี่ก็จะให้ให้อินไปทำอย่างอื่น จะได้ไม่ต้องทับไลน์กัน พี่มีคนน้อย” สุเมธหันมาพูด
   “แต่...พี่จะให้ผมไปปารีสเนี่ยนะ ไปเพื่อเซอร์เวย์อ่ะนะพี่ แล้ว ผม..จะอยู่ยังไง ทำอะไร ไหนจะเอกสาร เงิน ทุกๆอย่าง” อินว่า
   “ถ้ากายอยู่ข้างพี่จริง บางที มันอาจจะช่วยจัดการให้พี่ได้” สุเมธว่า “เราเป็นเพื่อนมันนี่ ไปบอกมัน ว่าพี่ต้องการแบบนี้”
   อินเงียบสนิทพลางถอนหายใจทันที บางทีชีวิตที่ไปต่อ อาจจะไม่ได้เกิดแต่กับโฟล์คเท่านั้น

..............

   “แล้วมึงว่าไง” กายร้องถามขึ้นขณะที่อยู่ที่อินนั่งอยู่ที่คลับเลาจ์ของโรงแรมแห่งเดิม อินได้แต่ถอนหายใจและส่ายหน้าช้าๆ
   “ไม่รู้ว่ะ กูเลยมาถามมึงก่อนอ่ะ” อินว่า ขณะหยิบน้ำอัดลมขึ้นมาจิบ
   “ก็พูดยากอ่ะ คือกูก็...” กายเกาจมูกตัวเองเบาๆ “คือ... ถ้าพี่เมธจะโยนก้อนนี้มาให้กู กูก็ไม่ได้ติดอะไรหรอก แค่แบบ...”
   “กลัวโดนผูกสัญญาอ่อ” อินถาม
   “ก็ไม่เชิงอ่ะ” กายว่า “คือกูแค่ยังไม่ได้มีที่ลงเป็นหลักเป็นแหล่ง เพราะกูก็ยังร่อนๆไปมาหนองคายอยู่เลย เลยไม่ชัวร์ว่าจะมีเวลาลงกับกรุงเทพมากน้อยแค่ไหนอ่ะ”
   “กูว่ามึงซื้อคอนโดหน่อยก็ดีนะ” อินว่า “ไปๆมาๆหนองคายมันเหนื่อย แล้วมึงนอนโรงแรมแบบนี้ทุกครั้งที่ลงมากรุงเทพ กูว่าไม่ไหว”
   “ก็มีมึงที่มาช่วยกูแชร์เวลาแวะมานอนนี่ไง ไม่ดีอ่อ” กายพูดติดตลก
   “กูมานอนก็แค่ช่วงนี้เท่านั้นเหอะ” อินว่ากลับ “มึงอ่ะ จะยังไง”
   “ยังไงพรุ่งนี้กูก็ต้องเข้าไป Lovable ว่ะ” กายตอบ “กูตัดสินใจแล้วว่าจะเจอเค้า... กู... กูจะเริ่มต้นใหม่ที่นี่”
   “อ่าหะ... ก็ถ้ามึงจะเอาอย่างนั้น... มันก็...” อินถอนหายใจ
   “เห้ย...ถ้ามึงไม่อยากไปอ่ะ... ให้กูไปเคลียร์กับพี่เมธให้ก็ได้นะ” กายว่า “มันต้องมีทาง...”
   “ไม่มีหรอก มาจนถึงตอนนี้แล้ว มึงไม่เข้าใจอีกอ่อว่าพี่เมธเป็นคนยังไง” อินว่า “เขาเอาเป้าหมายเป็นตัวตั้ง ถ้าเค้าจะเอาอะไร มันก็ต้องได้อย่างนั้น และที่สำคัญ... กูผูกสัญญากับเค้าไปแล้ว ว่าจะช่วยเค้าทำซูเม่”
   “เขาจะส่งมึงตะลอนไปล่วงหน้าคนเดียวเหอะ” กายว่า “มันจะไม่จบแค่ปารีสแน่ และต่อให้กูรวมดีไซน์เนอร์ตามมึงไปปารีสได้แล้ว เดี๋ยวเค้าก็จะส่งมึงไปที่อื่นต่อ มึงจะไม่ได้เจอใครในแวดวงเลย”
   “บางทีกูอาจจะเหมาะกับอะไรแบบนั้นก็ได้นะ” อินว่า “กูอาจจะเหมาะกับการไม่เจอใครเลย”
   กายวางแก้วลงทันที
   “นั่นคือเหตุผลที่มึงมานอนกะกูสองวันนี้ไม่กลับบ้านหรือเปล่า” กายถาม
   “ก็...เปล่า... กูแค่เหนื่อยขับกลับบ้าน กูก็แค่หาที่นอนแล้วไปออฟฟิศตอนเช้าแทน” อินตอบ “ก็... คืนนี้ก็คืนสุดท้ายแล้วอ่ะ เดี๋ยวพรุ่งนี้กูขับไปส่งมึงที่ Lovable แล้วก็จะแวะกลับบ้าน”
   “มึง...รออะไรอยู่ป่ะวะ” กายถามขึ้น
   “หือ...ป่าวนี่ ก็มึงจะะขึ้นห้องละอ่อ” อินว่า
   “ป่าว... กูหมายถึง ชีวิตมึงอ่ะ” กายย้ำคำถาม “มึง... ใช้ชีวิตเหมือนมึง กำลังรออะไรซักอย่าง ทำไมมึง ไม่เป็นคนตัดสินใจอะไรให้มันโชะโชะไปเลยวะ”
   “มึงจะว่ากู...ไม่เด็ดขาดอ่อ” อินร้อง
   “เปล่า.. กูไม่ได้จะว่ามึง คือ... กูหมายถึงว่า กูคิดว่ามึงกำลังคิดถึงเหตุผลของคนอื่น มากกว่าตัวเอง” กายว่า และนั่นทำให้อินถึงกับหยุดชะงัก “มึง...ห่วงอะไรซักอย่าง ที่บางที มันนอกเหนือการตัดสินใจของมึงอ่ะ กูว่า...บางที กูอยากให้มึงลองคิดถึงตัวมึงเองบ้างก็ได้นะ บางทีมันก็...โอเคนะ ที่จะเห็นแก่ตัวอ่ะ”
   “นั่นมันมึงมากๆเลยไอ้กาย” อินว่า
   “ก็นะ... กูเลยเป็นพ่อมดไง” กายว่า “คือครั้งนี้กูอยากให้มึงลองคิดแบบหนักแน่นไปเลยอ่ะกูว่า แบบ ถ้าเหลือแต่มึงคนเดียว ตัดทุกอย่างออกไปแล้ว มึงอยากทำอะไร หรือไปที่ไหน กูอยากให้มันมาจากตัวมึงจริงๆ”
   อินมองออกไปนอกร้านพลางคิดทบทวน
   “กูว่าพี่เมธเลือกมึง เพราะมุมมองที่ซ่อนอยู่ในตัวมึง ไม่ใช่ความประณีประนอมของมึงอ่ะอิน” กายพูด
   “กูก็แค่อยากให้มีทางออกด้วยกันทุกฝ่ายมากกว่า” อินว่า
   “ทุกฝ่าย มันก็ต้องรวมตัวมึงด้วยนะ อย่าลืม”

..........

   บ่ายอันร้อนระอุบนท้องถนน อินขับพุ่งตรงไปยังออฟฟิศ Lovable Studio ในเส้นสุขุมวิทที่เป็นจุดที่รถติดที่สุด ซึ่งจากออฟฟิศพี่สุเมธที่อยู่ฝั่งธนมันทำให้เขาถอดใจในการเดินทางไปกลับบ้าน ที่อยู่ไม่ไกลจากออฟฟิศ Lovable มากนัก การพากายไปยัง Lovable ในครั้งนี้ เขาจึงกลับบ้านซักทีในรอบอาทิตย์
   “เห้ย หยุดยุกยิกซะที” อินหันไปดุเพื่อน ที่พยายามจัดเครื่องแต่งตัวอยู่อย่างนั้น รวมถึงหน้าผมของตัวเองเขาด้วย
   “อะไรเล่า” กายหันมาโวยเพื่อน “กูไปเจอญาตินะเว่ย ก็ต้องดูดีหน่อย”
   “เจอญาติหรือเจอใคร เอาดีดี” อินเหล่ไปแซวเพื่อน ก่อนที่กายจะหันมาชูนิ้วกลางให้เขา “นี่กูบอกเลยนะ ว่านัทเค้าเป็นสายเพอร์เฟ็คชั่นนิสต์ขั้นสุด แล้วก็ไฟแรงมาก”
   “งั้นก็ได้เสีย” กายว่า “เพราะกูก็พ่อมดแห่งวงการโฆษณา”
   “ก็แล้วแต่... แต่อาจจะไม่ง่ายมั้ง ไม่รู้ดิ เท่าที่รู้จักผ่านๆ เค้าเอาจริงเอาจังมากๆ” อินว่า “เป็นดีไซน์เนอร์ที่น่าสนใจจริงๆนั่นแหละ”
   “แล้วมึงอ่ะ จะยังไง” กายพูด พลางหยิบมือถือขึ้นมา
   “ก็ เดี๋ยวกูทิ้งรถไว้ให้มึง มึงใช้ไปก่อน กูน่าจะอยู่บ้านซักพัก เดี๋ยวกูค่อยโทรหา” อินว่า “เดี๋ยวกูเรียกมอไซค์กลับบ้านแทน มันแค่นี้เอง”
   กายกดมือถืออยู่ในมือซักพัก ขณะที่อินเลี้ยวรถเข้าออฟฟิศของ Lovable Studio และจอดนิ่งสนิทอยู่ตรงนั้น
   “เอาล่ะถึงละ คุณพ่อมด” อินว่า “ของให้มึงเจอ Loveless Society ของมึงนะ”
   กายหันมายิ้มให้กับอิน ก่อนจะตบไหล่เพื่อนเบาๆ ทั้งคู่จะเปิดประตูรถลง ขณะที่กายยังคงดูมือถืออยู่อย่างนั้น
   “อ่าว จะยืนทำอะไรอยู่ล่ะ เข้าไปดิ” อินว่าขณะหยิบมือถือขึ้นมากดเรียกรถ
   “อิน... เจนกลับไทยแล้วนะ เมื่อวาน” กายพูดขึ้นพลางมองมาที่อิน ที่มองหน้าเขาอยู่อย่างนั้น
   “อ้อ...” อินมองกายอยู่อย่างนั้น กายยังคงมองอินอยู่เหมือนกับรอให้เขาพูดอะไรบางอย่าง “อะไร.. จะให้กูไปรับเขาหรือไง”
   “เปล่า...ก็ เบนซ์มันแชทมาบอกเนี่ย... แล้วเผื่อมึงจะ... แบบว่า...” กายพยายามทำท่าทางบางอย่าง ซึ่งทำเอาอินขำเบาๆ
   “กู... น่าจะมาไกลจาก... มีแฟนหญิงแล้วป่ะวะ” อินยิ้มเบาๆ
   “ก็นะ....” กายว่า “แต่... ถ้าเผื่อมึงตัดสินใจจะไปปารีส กูว่าเจนจัดการให้มึงได้นะ”
   อินมองหน้ากายพลางใช้ความคิด
   “กู....ไปล่ะ อวยพรกูด้วยเพื่อน”
   อินกายเดินหายเข้าไปในออฟฟิศ Lovable Studio เพื่อเริ่มต้นใหม่ในชีวิตของตัวเองอย่างแน่วแน่ ขณะที่อินมองเพื่อนเดินจากไป พลางตั้งคำถามถึงปลายทางของตัวเขาเอง
   ถ้าหากเขาจะต้องตัดสินใจโดยไม่ลังเล และไม่คิดถึงเหตุผลของคนอื่น
   มันจะมีทางเลือกให้เขาอย่างที่เขาต้องการได้หรือเปล่านะ

..........

ออฟไลน์ broke-back

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 5947
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +844/-16
เส้นขนาน ถ่างตรง คงตลอด
ไม่เลี้ยวลอด ตัดกัน พันเส้นสาย
แต่ความรัก มีพานพบ จบง่ายดาย
อยากเจอกัน หรือแยกย้าย ไม่ง่ายเลย

คนเดียว..เหงา
หลายคน..ยิ่งเหงา
..ไม่เข้าใจ..
หึหึ


 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด