ตอนที่ 8
Love myself
“สวัสดีครับ”
คุณชัชก้มหัวให้เล็กน้อยเมื่อเอ่ยทักทายกับมายด์ที่ยืนข้างๆผมก่อนจะเหลือบตามามองผมด้วยสายตาแปลกใจ คุณชัชต้องแปลกใจอยู่แล้วล่ะที่อยู่ๆจะมีคนขอติดรถไปด้วยเนี่ย
ย้อนกลับไปเมื่อตอนเลิกเรียน
“แกจะกลับบ้านไปเปลี่ยนชุดก่อนปะหรือจะไปเลย”
มายด์หันมาถามผมโดยเน้นคำว่ากลับบ้าน……..รู้สินะเรื่องที่ผมโดนไล่ออกจากบ้าน
“ไปเลยก็ได้ ไม่คิดว่าจะอยู่นานอยู่แล้ว”
ผมตอบอย่างที่ตั้งใจไว้ ถ้าพวกมันอยากจะให้ผมเข้าไปในที่ของพวกมันนักผมก็จะไป
อย่างน้อยก็มีคุณชัช ถ้าเกิดอะไรขึ้นเขาก็ช่วยผมได้ และ……….
‘ถ้ามีอะไรร้ายแรงให้รีบโทรหาฉัน’ผมเชื่อว่าเขาจะต้องปกป้องผมได้อย่างที่เขาพูดแน่ๆ
“โห นานๆทีจะไปด้วยกันอะ อยู่จนงานเลิกเลยดิ”
ผมไม่ได้ตอบอะไรแค่หยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดโทรหาคุณชัช
“คุณชัชตอนนี้ผมเลิกเรียนแล้วนะครับ”
[ครับ ตอนนี้ผมอยู่บ้านคุณผ้าใบ คุณก้านรอสักครู่นะครับ]
ท่าทางจะอยู่กับคิวปิดสินะ คุณชัชนี่ท่าจะรักคิวปิดน่าดู
“ได้ครับผมรอได้ คุณชัชไม่ต้องรีบหรอกครับ”
[ไม่รีบไม่ได้หรอก แค่นี้ก่อนนะครับคุณก้านผมจะไปแล้ว]
“ครับๆ ผมอยู่ตรงที่คุณชัชมาส่งผมเมื่อเช้านะครับ”
เมื่อวางสายก็หันไปเห็นมายด์กำลังยืนกดโทรศัพท์อยู่ไม่รู้ว่าทำอะไรของเขา แต่ผมก็ไม่ได้สนใจอยู่แล้ว
“คุยกับใครอะเมื่อกี้ ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่เชียว”
ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่อะไรกันเล่าแค่ยิ้มเอ็นดูที่คุณชัชเขาไปอยู่เป็นเพื่อนคิวปิดต่างหาก นี่มาสืบอะไรใช่ไหมเนี่ย
“ก็พี่คนขับรถแหละ เจ้านายให้เราไปกับพี่เขา”
มายด์พยักหน้าด้วยรอยยิ้มแซวๆ
“เราไปด้วยดิ”
ชาติที่แล้วเกิดเป็นโคนันหรือไง ชาตินี้ถึงได้สืบเก่งขนาดนี้
“ไหนบอกจะไปพร้อมพี่คิมไง แล้วนี่พี่เขาไม่รอแล้วหรอเนี่ย”
“เพื่อนกับผู้ชายก็ต้องเลือกเพื่อนดิวะหรือว่าแกไม่อยากให้เราไปด้วย”
มายด์พูดแล้วทำหน้าน้อยอกน้อยใจ ผมมองหน้าเพื่อนที่เคยรักมากด้วยความรู้สึกจุกๆในอก ถ้าการที่แกพูดหรือทำดีกับเราแบบนี้มันเป็นของจริงก็คงจะดีสินะ เสียดายที่มันเป็นเครื่องมือในการใช้ทำลายเราของนาย
กลับมาที่ปัจจุบันที่มายด์รีบพุ่งตรงเข้าไปมองสำรวจคุณชัชทันทีที่เขาลงมาจากรถ
เป็นการทำความรู้จักคนอื่นที่น่าตกใจแต่ไม่เหนือความคาดหมายเท่าไหร่
เราทั้งหมดขึ้นมาบนรถหลังจากที่แนะนำตัวกันเสร็จแล้วออกเดินทางไปยังร้านที่จัดงานทันที คุณชัชมองมาที่ผมเป็นระยะเหมือนกำลังกังวล ผมเองก็กังวลเหมือนกันตอนที่มายด์โทรคุยกับเพื่อนคนอื่นๆแล้วบอกว่ากำลังไปที่ร้านกับผม เสียวสันหลังทุกครั้งที่ชื่อของผมออกมาจากปากของมายด์ รู้สึกว่ากำลังจะเจอเรื่องเลวร้ายเลย
“คุณก้านโทรหาคุณท่านหรือยังครับ”
เมื่อเราเดินทางมาถึงร้านที่จัดงาน คุณชัชก็ถามผมที่กำลังจะลงรถด้วยสีหน้าเป็นห่วงจนปิดไม่มิด จริงสิผมลืมโทรหาคุณพ่อปีศาจไปเสียสนิทเลย ป่านนี้จะหงุดหงิดอยู่หรือเปล่านะ
“ผมลืมไปเลยครับ”
ผมพูดแล้วหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดเบอร์คุณลูฟแต่……..
“เอ๊ะ ทำไมอะ โทรเลยๆเราก็ขอคุยกับเพื่อนแป๊บนึงเดี๋ยวลงไปพร้อมกัน”
มายด์รีบพูดจนลิ้นเกือบจะพันกันเมื่อผมหันไปมองเขาที่ยังนั่งอยู่บนรถ เมื่อเห็นท่าว่ามายด์จะไม่ยอมลงรถง่ายๆผมเลยโทรหาคุณลูฟทันทีก่อนที่จะช้าไปมากกว่านี้
[ฮัลโหล]
“ค…..คุณลูฟ ตอนนี้ผมถึงที่ร้านแล้วนะครับ คาดว่าอีก2ชั่วโมงผมจะกลับ”
ผมบอกตามที่เจ้านายสั่งให้แจ้ง
[2ชั่วโมง? งานวันเกิดไม่น่าจะเลิกเร็วขนาดนั้นนะ]
ผมย่นจมูกเมื่อรู้สึกว่าโดนกวนใส่
“ที่พูดมานี่คือไม่รู้จริงๆหรอครับ”
[หึ เอาเถอะ ฉันแล้วแต่เธอนะแต่ในเมื่อเธอบอกว่า2ชั่วโมงก็ต้อง2ชั่วโมง ถ้าหากกลับช้ากว่านั้นฉันจะทำโทษ]
ผมคิดถึงสายตาของคุณลูฟไปโดยอัตโนมัติ ทำโทษงั้นหรอ…..เหมือนตอนที่โดนบีบคอตอนนั้นหรือเปล่า ไม่อยากโดนทำโทษเลยแฮะ
“ครับๆ ผมจะรีบกลับครับ คุณเองก็อย่าลืมที่สัญญานะว่าจะรีบกลับบ้านไปหาคิวปิด”
[ถ้าฉันผิดสัญญาเธอจะทำโทษฉันหรือเปล่า]
ท………..ทำไมอยู่ดีๆถึงรู้สึกเขินขึ้นมาล่ะเนี่ย ผมเม้มปากกลั้นยิ้มก่อนจะหันไปสบตากับคุณชัชเข้า อ้ากกกก อย่ามายิ้มล้อเลียนนะครับคุณช้าชชชช
“คุณพูดอะไรเนี่ย ผมจะไปทำโทษเจ้านายได้ไงครับ”
[ก็อย่างเช่นนวดให้ฉันแล้วก็เรียกฉันว่าคุณพ………]
“หยู๊ดดดดดดดดดดดดดดดด เลิกแหย่ผมได้แล้วครับ เอาเป็นว่าอีก2ชั่วโมงเจอกันที่บ้านนะครับ”
[หึหึ โอเค แต่ถ้าเธอเปลี่ยนใจฉันก็อยากให้เธอเรียกฉันว่าแด๊ดดี้นะ]
ไอ้ก้านน้ำตาไหลถึงตีนเมื่อคุยโทรศัพท์กับคุณพ่อปีศาจจบ ทำไมรู้สึกว่าเขากวนประสาทขนาดนี้นะ ตอนแรกๆไม่เห็นเป็นแบบนี้เลย นี่เรียกว่าไม่ตรงปกหรือเปล่า
“โดนคุณท่านแกล้งเอาหรอครับ”
คุณชัชถามกลั้วหัวเราะจนผมอดที่จะทำปากยื่นอย่างงอนๆไม่ได้
“เจ้านายกับลูกน้องนี่เหมือนกันไม่มีผิดเลยนะครับ”
คุณชัชไม่ตอบอะไรแต่ส่งยิ้มบางๆมาให้
“ผมไปแล้วนะครับ”
ผมพูดพร้อมกับเปิดประตูรถลงไปด้านนอก
“พี่ชัชเข้าไปด้วยกันสิครับ”
ผมกับคุณชัชมองหน้ากันขวับเมื่อมายด์ยื่นมือไปจับแขนของคุณชัชพร้อมกับสรรพนามที่ใช้เรียกอย่างสนิทสนม โว้ว สกิลนี้สินะที่ใช้ล่าเหยื่อ ไม่ธรรมดาเลยจริงๆด้วยนะเนี่ย
“ไม่ดีกว่าครับ ผมไม่ชอบที่ๆคนเยอะๆ”
คุณชัชปฏิเสธพร้อมกับค่อยๆดึงแขนออกอย่างมีมารยาท แต่ดูเหมือนว่ามายด์จะไม่ปล่อยให้เหยื่อหลุดมือไปได้ง่ายๆ
“น้าาาาาา นะครับ ถ้าไม่ชอบคนเยอะๆเดี๋ยวมายด์พาไปนั่งโซนด้านนอกก็ได้”
ผมอ้าปากค้างกับการจู่โจมที่คาดไม่ถึงจนต้องยกมือมาปิดปากตัวเองเพราะกลัวแมลงวันจะบินเข้าปาก
“พี่ชัชต้องดูแลก้านไม่ใช่หรอ ถ้าอยู่ข้างนอกแบบนี้ก็ดูแลไม่ได้สิครับ”
ผมหัวเราะแกนๆเมื่อมายด์ยกไม้ตายขึ้นมาสู้ คุณชัชลอบถอนหายใจเบาๆก่อนจะพยักหน้าตกลง
“ก็ได้ครับ แต่ผมเข้าไปเพื่อดูแลคุณก้านเท่านั้นนะครับ”
เมื่อคุณชัชตอบตกลง สีหน้าของมายด์ก็ดูสดใสขึ้นเป็นกองแต่คุณชัชนี่สิ ทำหน้าโคตรจะยุ่งยากใจเลย
เราทั้งสามคนเดินเข้าไปในห้องจัดเลี้ยงที่มีป้ายแปะไว้ที่ประตูว่า ‘คุณฟาน’ คนมีเงินนี่ดีจริงๆ แค่วันเกิดก็จัดงานเลี้ยงซะใหญ่โตได้ ทั้งเวทีที่ถูกตกแต่งด้วยลูกโป่งและดอกไม้สวยงาม ทั้งอาหารแบบบุพเฟ่และเครื่องดื่มมากมายที่วางเตรียมไว้เพื่อรองรับแขกที่กำลังเดินทางมาในไม่ช้า
“นี่งานวันเกิดของนายกกทม.หรือไงครับเนี่ย ดูหรูหราจริงๆ”
คุณชัชก้มหน้าลงมากระซิบเมื่อเรามองสำรวจไปรอบๆห้องจัดเลี้ยงเรียบร้อยแล้ว ส่วนมายด์ก็เดินปลีกตัวออกไปเปลี่ยนเสื้อผ้าที่ห้องน้ำ
“คิก คุณชัชพูดอะไรเนี่ย”
ผมพูดพร้อมหัวเราะหน่อยๆ แอบเห็นด้วยว่ามันหรูเกินไปมากเกินกว่าจะเป็นงานวันเกิดจริงๆ หรือมันปกติเพียงแค่ผมไม่เคยมีงานวันเกิดเลยไม่รู้
“ว่าแต่คุณก้านเกิดวันไหนครับ ผมจะได้จัดงานให้แบบนี้บ้างหรือจะเอาหรูกว่านี้ก็ได้นะครับ แค่บอกผมมาเท่านั้น”
ผมส่งยิ้มบางๆให้คนข้างกายอย่างซาบซึ้ง
“ผมเกิด8สิงหาครับแล้วก็ไม่ต้องจัดงานหรือมีของขวัญให้ผมหรอก แค่ไม่ลืมก็พอ”
คุณชัชส่งยิ้มอ่อนโยนมาให้
“ได้ครับ ถ้าวันเกิดคุณก้านมาถึงแล้ว ผมจะส่งข้อความไปแฮปปี้เบิร์ธเดย์คนแรกเลย ว่าแต่บันทึกไว้ดีกว่า กันลืม”
พูดจบเขาก็หยิบมือถือออกมากดด้วยสีหน้าขมักเขม้น ผมมองการกระทำของคนตัวสูงยิ้มๆ มีความสุขจัง แค่รู้ว่าต่อไปนี้จะมีคนให้ความสำคัญกับผมบ้างก็อยากจะร้องไห้แล้ว
“แหมๆ โลกนี้ไม่ได้มีกันแค่2คนนะ”
มายด์เดินพูดเสียงดังมาตั้งแต่หน้าประตู ตอนนี้มีคนบางส่วนเข้ามาในงานบ้างแล้วเพราะงั้นสายตาทุกคู่เลยหันมาจ้องมองที่ผมกับคุณชัช
เรื่องหาเรื่องให้แบบเนียนๆนี่ต้องไว้ใจมายด์จริงๆ ลากตีนมาให้ได้ไม่เว้นแต่ละวัน น่าโมโหแต่ต้องเก็บอาการเอาไว้ อย่าให้ถึงทีของผมบ้างแล้วกัน
“เพื่อนคุณก้านคนนี้แปลกๆนะครับ”
ไม่แปลกถ้าคุณชัชจะไม่รู้วีรกรรมของมายด์ เพราะผมไม่ได้บอกใครว่ามายด์หักหลังผมยังไงบ้าง ต่อให้เป็นพี่มิวจะรู้หรือเปล่าก็ยังไม่รู้เลย
“ผมต้องระวังตัวจากเขาให้มากที่สุดครับ”
ผมกระซิบกลับขณะที่มายด์เดินใกล้เข้ามาเรื่อยๆ เขาทักทายเพื่อนๆที่ยืนอยู่ตามจุดต่างๆอย่างร่าเริง ดูเป็นคนปฏิสัมพันธ์ที่ดีจริงๆ ไม่แปลกที่ผมจะเคยรักเพื่อนคนนี้สุดหัวใจ
“ผมรับทราบครับคุณก้าน”
คุณชัชกระซิบกลับดว้ยน้ำเสียงจริงจัง ก่อนที่เราจะไม่ได้คุยอะไรกันอีกเพราะเจ้าหัวข้อบทสนทนาเดินเข้ามาร่วมวงกับพวกผมเรียบร้อย
“เอาจริงๆพอยืนข้างกันแล้วเหมือนแฟนกันมากเลยนะ”
มายด์พูดแซวด้วยรอยยิ้ม
“แค่สนิทกันไม่จำเป็นต้องเป็นแฟนกันก็ได้นี่ งั้นมายด์ก็เป็นแฟนพี่คิมอะดิ”
ผมตอบกลับด้วยสีหน้าแบบเดียวกับมายด์ แก้มขาวนั่นขึ้นสีเล็กน้อยเมื่อมีชื่อผู้ชายอีกคนเข้ามาในบทสนทนา
“บ้า พูดอะไรเนี่ยก้าน เราเขินนะ”
จ้า เขินมาก ทีตอนไปอ่อยจนได้มีอะไรกับพี่ฟานนี่ไม่เขินบ้างหรอ อยากจะพูดแบบนี้แต่ต้องยับยั้งอารมณ์เอาไว้ก่อน ไม่งั้นได้มีมวยกันกลางงานนี้แน่เดี๋ยวเดือดร้อนคุณชัชเปล่าๆ
“จริงๆนะ ตอนมายด์คุยกับพี่คิมดูเข้ากันได้ดีมากๆ”
ไม่รู้ว่าไปเข้ากันมาแล้วหรือยัง ผมต่อในใจ
“พี่คิมคงไม่สนใจเราหรอก……...ผู้ชายอย่างเราใครจะมารัก”
ใบหน้าน่ารักของมายด์หงอยลงไปทันที ผมมองหน้าคุณชัชที่เลิกคิ้วทำหน้าประหลาดใจอยู่ข้างๆ คงปรับอารมณ์ตามไม่ทันสินะ ผมส่งซิกด้วยสายตาให้คุณชัชพูดอะไรออกไปบ้าง
“เอ่อ……..ถ้ามีคนมารักคุณมายด์จริงๆ คงไม่สนใจหรอกมั้งครับว่าคุณเป็นผู้ชายแบบไหน”
วาวววววววว โคตรคมไปเลยไหมล่ะ ผมแอบยกนิ้วชมเชยคนพูดจาดีไปหนึ่งที แต่ปฏิกิริยาของคนที่เศร้าหมองอยู่เมื่อสักครู่กลับเปลี่ยนเป็นสดใสขึ้นทันตาเห็น เกินความคาดหมายของผมไปเยอะเลย
“พี่ชัชเป็นคนดีจัง”
จ้า คุณชัชเป็นคนดีแต่คุณมึงอะเป็นคนเลว
“ผมว่าผมไปเข้าห้องน้ำก่อนดีกว่าครับ”
สงสัยคุณชัชจะถอยไปตั้งหลักก่อนเพราะมายด์คืองานหินที่เจ้าตัวเกินจะรับมือจริงๆ เขาหันมามองหน้าผมเป็นเชิงขออนุญาต
“คุณชัชไปเถอะครับ ผมจะรออยู่ตรงนี้”
คุณชัชมักจะทำอะไรให้ผมเหมือนผมเป็นเจ้านายเสมอ อันนี้ผมคงต้องคุยกับเขาใหม่ซะแล้วว่าไม่จำเป็นเลย ผมก็เป็นแค่ลูกจ้างเหมือนกัน
“เดี๋ยวผมพาไปครับ”
อุย ท่าทางคุณชัชจะหลุดยากซะแล้วล่ะมั้งเนี่ย เขาถูกมายด์กึ่งลากกึ่งจูงออกไปด้านนอกเนื่องจากห้องน้ำที่นี้จะอยู่ข้างนอก
พอบานประตูปิดลงทุกๆคนก็เริ่มหันมาให้ความสนใจผมมากขึ้น แต่สนใจในทางที่ไม่ใช่เรื่องดีเท่าไหร่เพราะสายตาแต่ละคนคือจ้องมองผมอย่างเอาเรื่อง
จนกระทั่งผู้ชายกลุ่มนึงเดินเข้ามา………..
ผมเปลี่ยนจากการยืนพิงกำแพงเป็นยืนตรง มองใบหน้าของคนที่กำลังก้าวเข้ามาด้วยหัวใจที่เต้นระรัว
“ทีน……”
ผมเรียกชื่อเขาออกมาคล้ายละเมอ ใบหน้าของเพื่อนที่ไม่ได้เห็นมานานแต่พอได้เจอกันในครั้งนี้มันกลับไม่น่ายินดีเลย เพราะทีนคงไม่ได้เดินเข้ามาหาผมเพื่อถามว่าสบายดีไหมแน่
“ยังจำชื่อกูได้อีกหรอ”
เขาถามเสียงเรียบ ผมหันหน้าหนีสายตาอันเย็นชาของเขา
“อือ”
“แต่กูจำชื่อมึงไม่ค่อยได้เลยว่ะ ชื่ออะไรนะ ร่าน? เอ๊ย…….ก้านใบ”
ผมถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ เงยหน้ามองนาฬิกาเรือนใหญ่ที่ติดอยู่ตรงหน้าประตูเพราะคุณชัชน่าจะกลับมาได้แล้ว แม้มันจะเป็นเวลาสั้นๆแต่มันก็5นาทีเข้าไปแล้วนะ
“ทำไมมึงถึงกล้ามาที่นี่วะก้าน มึงมาเพื่อพาผู้ชายของมึงมาเยาะเย้ยพี่ฟานหรือไง”
“.........”
ผมไม่ตอบแม้ว่าคำพูดของทีนจะทำให้ผมอยากด่ากลับก็เถอะ แต่ก็รู้ว่าคนอย่างไอ้ก้านไม่เคยด่าใครได้อยู่แล้ว ยิ่งกับทีนผมยิ่งไม่ทำ………….
“มึงสะใจหรอวะที่เห็นคนอื่นเขาทุกข์ทรมาณเพราะความไม่รู้จักพอของมึง ทำไม? การที่กูเลิกคบกับมึงไม่ได้ทำให้มึงคิดได้เลยใช่ปะ”
ผมกำมือแน่นจนเล็บจิกเข้าไปในเนื้อ ผมไม่รู้ว่าเขากำลังพูดเรื่องอะไร ผมไม่รู้ด้วยซ้ำว่าทำไมทีนถึงไม่คุยกับผม
‘เอาตรงๆกูก็ไม่คิดว่ามันจะเป็นคนแบบนี้นะ เห็นหน้าซื่อๆทำตัวโง่ๆ ที่แท้ก็ร้ายลึก มิน่าพวกมึงถึงตีตัวออก’‘มิน่าพวกมึงถึงตีตัวออก’ใช่ครับ ผู้ชายตรงหน้านี้อยู่ในกลุ่มที่ตีตัวออกห่างผมนั่นแหละ
ทีนเป็นเพื่อนคนแรกในมหา’ลัยของผม เพราะเป็นคนไม่ค่อยพูดและไม่เข้าหาใครก่อนเนื่องจากเป็นคนไม่มั่นใจในตัวเองเท่าไหร่นัก แต่ทีนเข้ามาหาผมและบอกให้เราเป็นเพื่อนกัน
ทีนเป็นเพื่อนที่ดีกับผมมากๆ เราสนิทกันชนิดที่ว่าไปไหนมาไหนต้องมีคนแซวว่าเป็นแฟนกันตลอด แต่ในช่วงที่พวกเราใกล้จะขึ้นปี2และผมเริ่มคบกับพี่ฟาน ทีนก็ตีตัวออกห่างจากผม เขาเดินผ่านผมเหมือนผมไม่มีตัวตน ไม่มอง ไม่คุย โทรไปก็ไม่รับ ไลน์ไปก็ไม่อ่าน ตั้งแต่นั้นมาผมก็ไม่มีเพื่อนที่ชื่อว่าทีนอีกต่อไป
ทุกคนในกลุ่มเลิกคุยกับผมตามทีนไปแต่มายด์ยังยืนยันว่าจะอยู่ข้างผม
‘เราไม่รู้ว่าทำไมทีนทำแบบนี้ ทีนไม่มีเหตุผลเลย’คือคำที่เขาบอกกับผมพร้อมทำหน้าเหมือนกับจะร้องไห้ ผมซาบซึ้งในความเป็นเพื่อนของมายด์มาก ผมจึงซื่อสัตย์และทำเพื่อมายด์มาโดยตลอด
“กูไม่รู้จักพออะไรทีน พวกมึงบอกกูทีสิว่ากูทำอะไรผิด”
ผมถามกลับอย่างเหลืออด นี่อย่าบอกว่าทีนก็เชื่อเรื่องที่ผมมีคนอื่นแล้วทิ้งพี่ฟานไปอีกคนนะ
“ถ้ามึงคิดได้เมื่อไหร่ค่อยมาคุยกับกูแล้วกัน”
ทีนพูดแล้วหันหลังแต่ก่อนจะเดินออกไปเขาทิ้งคำพูดเอาไว้
“แต่มึงไม่ควรมาที่นี่จริงๆก้าน……...ไม่ควรเลยจริงๆ”
หัวใจของผมกลับมาเต้นจังหวะปกติอีกครั้งเมื่อทีนเดินเข้าไปรวมกับกลุ่มเพื่อน รอยยิ้มของทีนปรากฏออกมาต่างจากใบหน้าขึงขังที่คุยกับผมเมื่อกี้อย่างสิ้นเชิง
จะมีโอกาสอีกสักครั้งไหมที่ผมจะได้รับรอยยิ้มแบบนั้นจากทีนอีก
“ไม่น่าเชื่อนะว่าจะกล้ามาจริงๆ”
ซาบซึ้งกับตัวเองได้ไม่นานก็มีนักแสดงสมทบชายเดินเข้ามาแทนที่ทีน เพราะมัวแต่สนใจอดีตเพื่อนรักเลยไม่เห็นว่ามีใครเดินตรงเข้ามาหา ผมไม่ตอบแต่เบือนหน้าหนีไปทางอื่นแทนเพราะที่เกียจคุยด้วย อารมณ์ที่คุยกับทีนเมื่อกี้ยังคงตกค้างอยู่ในใจดังนั้นตอนนี้ผมกำลังอ่อนแอมาก
“ดีเหมือนกันที่มึงทิ้งมันไปเพราะแก้วเหมาะกับมันมากจริงๆ”
น้ำเสียงเยาะเย้ยของพี่คิมยังดังอยู่ข้างหู สายตาของผมเหลือบไปมองคู่รักหนุ่มสาวที่เดินเข้ามาในงานด้วยรอยยิ้ม ผู้หญิงสวมชุดเดรสสีขาวกระโปรงสั้นเหนือเข่าขึ้นไป ผมยาวถูกดัดเป็นลอนหน่อยๆและประดับด้วยกิ๊ฟดอกไม้อย่างสวยงามส่วนฝ่ายชายแต่งตัวด้วยเสื้อเชิ๊ตสีขาวกางเกงขาสามส่วนและรองเท้าผ้าใบดูเรียบๆ แต่ก็ดูดีในแบบของเขา
“ครับ เหมาะกันดี”
ผมตอบโดยที่ยังไม่ละสายตาไปจากภาพตรงหน้า มองเผินๆแบบไม่คิดอะไรคือเหมาะกันมากจริงๆด้วยทั้งหน้าตาและชื่อเสียงในมหา’ลัย แต่มองแบบผมคือเลวทั้งคู่เหมาะกันดี
“มึงเลิกทำเป็นไม่รู้สึกรู้สาอะไรสักทีได้ปะ เลิกกวนประสาทซะที”
มือหนาคว้าคอเสื้อนักศึกษาผมขึ้นแล้วตะเบ็งเสียงดัง เสียงเพลงไม่อาจกลบเสียงของพี่คิมได้ทั้งหมดเพราะงั้นคนรอบข้างจึงหันมามองอย่างให้ความสนใจ
“ผมไม่ได้มีคนอื่นและไม่ได้ทิ้งพี่ฟานด้วย”
ผมพูดเหมือนคนเหม่อลอย ใบหน้าของพี่คิมอยู่ห่างจากผมแค่คืบเดียวแต่ว่าภาพมันช่างเลือนลางเหลือเกินและพอกระพริบตาหนึ่งทีน้ำตาก็ไหลลงมาอาบแก้ม
“มึงหมายความยังไง”
ดูเขาจะตกใจไม่น้อยที่เห็นน้ำตาของผม เสียงของพี่คิมแผ่วลงเหมือนคนทำตัวไม่ถูก
“คนโดนทิ้งนี่มีความสุขจังเลยนะครับ แต่คนที่ทิ้งเขาไปอย่างผมกินไม่ได้นอนไม่หลับ ใช้ชีวิตอย่างไม่มีความสุข”
“มีเรื่องอะไรกันวะคิม……...ก้าน”
มือของพี่คิมหลุดออกจากคอเสื้อของผมอย่างงายดายเมื่อพี่ฟานดึงเพื่อนรักออกไป
ใบหน้าหล่อตกใจมากเมื่อหันมาสบตากับผม สายตาของเขายิ่งช็อคสุดขีดเมื่อหันไปเห็นพี่คิมยืนตะลึงงันอยู่ หึ……...กลัวความแตกสินะ
“ก้าน แกมาทำไม”
เสียงของพี่แก้วโพล่งขึ้นมาท่ามกลางความเงียบของสองหนุ่มที่ยืนอึ้งเหมือนกันแต่คนละสาเหตุ
“ก็วันเกิดพี่ฟาน ผมก็ต้องมาร่วมอวยพรให้สิครับ”
ผมพูดพร้อมปาดน้ำตาที่เปื้อนแก้มออกด้วยหลังมือ จัดคอเสื้อที่ยับยุ่งเหยิงให้เข้าที่แล้วส่งยิ้มให้พี่สาว
“ฉันไม่คิดเลยว่าแกจะเป็นคนแบบนี้ก้าน”
ผมพยักหน้ารับกับประโยคเกรี้ยวกราดของพี่แก้ว
“ครับ ผมก็ไม่คิดว่าพี่ฟานจะเป็นคนแบบนี้เหมือนกันส่วนพี่ผมรู้อยู่แล้วว่าเป็นคนแบบนี้”
“พูดอะไรก้าน”
ผมยังพูดไม่ทันจบประโยคดีพี่ฟานก็พูดสวนขึ้นมาทันที
“สุขสันต์วันเกิดนะครับพี่ฟาน ผมดีใจที่ได้มาร่วมงานนะ ขอให้มีความสุขในอายุ22ปีนะครับ”
ผมยังคงยิ้มในขณะที่มองเข้าไปในแววตาของพี่ฟานที่เริ่มมีความไม่พอใจอยู่ในนั้น
ไม่พอใจเพราะผมงั้นหรอ……...สนุกจัง
“คุณก้านครับ”
เสียงหอบเหนื่อยของคุณชัชดังมาจากที่ไหนสักที่จากผู้คนที่ยืนรุมร้อมพวกเราตอนนี้
การประชันบทบาทของตัวร้ายและพระเอกได้เริ่มขึ้นแล้วท่ามกลางสายตาของตัวประกอบมากมายและนางเอกที่มองมาอย่างเป็นห่วง ส่วนเพื่อนพระเอกก็ยืนมองตัวร้ายกับพระเอกสลับกันไปมาอย่างสับสน ทุกคนอาจจะเกลียดผมเพิ่มขึ้นแต่ว่า…
‘พี่ว่าบอกความจริงให้ทุกคนรู้ดีกว่า คนไม่ผิดไม่จำเป็นต้องยืนรับก้อนหินที่คนอื่นปาใส่หรอก’คำของพี่กันต์ยังดังก้องอยู่ในความคิดของผม มันตอกย้ำให้ผมทำอะไรสักอย่างกับเหตุการณ์เลวร้ายที่เกิดขึ้นกับผมตอนนี้………..ผมต้องไม่ใช่คนเดียวที่เจ็บปวดเพราะเรื่องนี้
ผมสูดหายใจเข้าลึกๆเมื่อตัดสินใจที่จะทำอะไรบางอย่าง เอาเถอะก้าน อย่างน้อยมึงยังมีพี่ผ้าใบที่คอยให้คำปรึกษา มีพี่มิวพี่กันต์ที่คอยปลอบประโลม มีคุณชัชที่ยืนอยู่ข้างนอกวงสนทนานั่นพร้อมจะเข้ามาช่วยเหลือเสมอและสุดท้าย ผมมีคุณพ่อปีศาจที่บอกว่าจะไม่ปล่อยให้ผมเป็นอะไรแน่ๆ
“ยินดีกับความรักของพี่ทั้งสองคนด้วย ตั้งแต่ที่เรายังคบกันพี่ฟานกับพี่แก้วก็เข้ากันได้ดีมากๆ ดีกว่าผมซะอีก ขนาดบางวันผมติดเรียนพี่ฟานก็ยังชวนพี่แก้วไปทานข้าวดูหนังด้วยกันสองคน เห็นทั้งสองคนพัฒนาความสัมพันธ์มาไกลขนาดนี้ผมก็ขออวยพรให้รักกันนานๆนะครับ”
ผมหันไปสบตาพี่สาวที่ยืนจ้องมาจนตาแทบจะหลุดออกมาก่อนจะยิ้มให้
“ตอนนี้ผมคงต้องกลับแล้ว ขอบคุณนะมายด์ที่ชวนเรามา”
ผมหันไปพูดกับเพื่อนรักที่ทำหน้ากลืนไม่เข้าคายไม่ออกอยู่ข้างๆคุณชัช
“มาเถอะครับคุณก้าน คุณท่านเริ่มอารมณ์ไม่ดีแล้วครับ”
คุณชัชเดินเข้ามากระซิบใกล้ๆ พอมองไปที่นาฬิกาก็พบว่ามันเลยเวลากลับของผมมาครึ่งชั่วโมงแล้ว ตายล่ะ คุณพ่อใกล้จะแปลงร่างเป็นปีศาจแล้วมั้งเนี่ย
๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐
เวรกรรมไม่ทันใจเอาซะเลย ต้องให้ก้านจัดเองสินะ เหอะะะะะะะะ