คุณพ่อปีศาจ
ตอนที่ 11 ความสัมพันธ์ที่ไม่เหมือนเดิม
ห้องทั้งห้องตกอยู่ในความเงียบเมื่อคุณลูฟหลับไปแล้ว ผมมองใบหน้าของเจ้านายที่แม้แต่ตอนนอนคิ้วเข้มก็ยังคงขมวดเข้าหากัน ผมถอนหายใจออกมาเบาๆ ยกมือขึ้นไปจับกับมือใหญ่
“เรื่องที่ฉันต้องไปทำ ที่ฉันไม่กลับบ้าน”
“................”
“เธอช่วยฟังหน่อยได้ไหม”เมื่อคิดตามมันทำให้คิ้วของผมก็ขมวดเข้าหากันไม่ต่างจากคนหลับ
‘แม่ของคิวปิดติดต่อมา ว่าอยากได้คิวปิดไปเลี้ยงเอง’หัวใจของคุณพ่อคงแทบจะหยุดเต้นเมื่อได้ยินแบบนั้น ลูกชายหัวแก้วหัวแหวนที่ตัวคุณพ่อเองก็รู้ดีว่าดูแลน้องได้ไม่ดีเท่าที่ควร ถ้าหากได้ไปอยู่กับแม่อาจจะทำให้น้องมีความสุขมากกว่า แต่ถ้าถามคุณพ่อว่ายอมไหม คำตอบก็คงจะเป็นแบบเดียวกับผม….
ไม่ยอมแน่นอน
ฝ่ายนั้นทำอะไรได้ไม่มากเพราะถ้าไปสู้กันในศาลตัวคุณพ่อก็คงจะใช้อำนาจทั้งหมดที่มีทำให้ตัวเองชนะ แต่สิ่งที่ทำให้คุณพ่อเครียดจนไม่หลับไม่นอนคือฝ่ายนั้นขอเจอลูก ขอถามความสมัครใจของลูกว่าจะไปอยู่กับคุณแม่ไหม ถ้าลูกยอม…...คุณพ่อก็ทำอะไรไม่ได้
ผมบีบมือคนป่วยให้แน่นขึ้นเพราะแค่นึกภาพว่าหากตัวเองยืนประจัญหน้ากับคุณแม่ของคิวปิดแล้วจะทำยังไงดี นึกเปรียบเทียบกับตัวเองว่าถ้าหากพ่อมารับจะยอมไปอยู่ด้วยไหม คำตอบของผมชัดเจนว่าไปแน่นอนเพราะแม่ไม่ได้ต้องการผมเลยแม้แต่น้อย แต่ในกรณีนี้ คุณพ่อรักและต้องการให้น้องอยู่แต่ไม่เคยแสดงออกไป มุมมองของคิวปิดคุณพ่อคงใจร้ายมาก
ผมเดินถือกะละมังและถาดอาหารออกมาจากห้องนอนใหญ่อย่างระมัดระวังไม่ให้เกิดเสียงไปรบกวนคนหลับ
“คุณก้าน”
เมื่อเดินออกมาจากห้องเจ้านายก็เจอคุณชัชยืนทำหน้าเป็นกังวลอยู่หน้าห้อง ผมพยักหน้าเบาๆ เราเดินมานั่งที่โซฟาที่ห้องนั่งเล่นหลังจากที่ผมเอาข้าวของไปเก็บเรียบร้อย
“คุณท่านบอกแล้วใช่ไหมครับ”
คุณชัชเป็นคนเริ่มบทสนทนาก่อน ผมพยักหน้ารับ
“ผมควรจะทำยังไงดีครับ”
ผมถามเสียงสั่นน้ำตาคลอ คุณชัชขยับเข้ามาใกล้ผมมากขึ้นแล้วลูบหัวเบาๆ
“คุณหนูต้องเลือกคุณท่านแน่ๆครับ ผมมั่นใจ”
แต่ผมไม่มั่นใจเลย
“คุณชัชเล่าเรื่องของเธอให้ผมฟังหน่อยได้ไหมครับ ผมอยากรู้ว่าเธอเป็นคนยังไง”
คุณชัชทำสีหน้าลำบากใจก่อนจะพ่นลมหายใจออกมาหนักๆ
“เธอทำหน้าที่แม่ได้ดีครับ มีความรับผิดชอบดูแลคิวปิดได้ดีมากๆ แต่ในหน้าที่ภรรยา……..”
คุณชัชหยุดพูดไปเหมือนกับกระอักกระอ่วนใจที่จะพูด แต่ผมที่นั่งจ้องเขาอยู่ไม่วางตาทำให้เขาไม่มีทางเลือก
“เพราะเป็นการแต่งงานที่ไม่ได้เกิดจากความรัก คุณท่านกับภรรยาจึงมีปากมีเสียงกันบ่อยๆ หนักสุดคุณท่านก็ไม่กลับบ้านเลยเป็นอาทิตย์ ห้องนอนก็แยกกัน ท้ายที่สุดคุณเบลเธอก็มีคนอื่น คุณท่านจับได้จึงขอหย่า เธอยินดีเซ็นใบหย่าและรับเงินไปจำนวนหนึ่งแล้วหายไป ตอนนั้นคุณหนูเพิ่งอายุ2ขวบกว่าเองครับ”
ไม่ได้แต่งกันเพราะความรักงั้นหรอ คลุมถุงชนแบบที่คนรวยๆชอบทำกันสินะ
“สำคัญเลยนะครับคุณก้าน ผู้ชายที่เป็นชู้กับคุณเบลคือลูกน้องคนสนิทของคุณท่าน หลังจากที่คุณท่านไล่ผู้ชายคนนั้นออกไปผมจึงได้ขึ้นมาแทน”
ผมช็อคสุดขีดเมื่อได้รู้อดีตของผู้ชายที่ผมแอบเรียกในใจว่าปีศาจ ไม่คิดมาก่อนว่าคุณลูฟจะเจอเรื่องบัดซบแบบนั้นมาเหมือนกันแบบเดียวกับที่ผมเจอ มิน่าล่ะดูเขาจะเข้าใจความรู้สึกของผมนัก
“จากนั้นคุณท่านก็ไม่มีความสัมพันธ์กับใครอีกไม่ว่าจะในฐานะคนรักหรือคนสนิท พอคุณก้านได้เข้ามาอยู่ที่บ้านหลังนี้คุณท่านก็ดูใส่ใจคุณก้านดีจนผมแอบคิดว่าบางทีคุณก้านอาจจะช่วยท่านได้”
ผมก็อยากจะช่วยนะแต่ไม่รู้ว่าเขาคิดยังไงกันแน่ คนอย่างเขาดูจะไม่ไว้ใจใครง่ายๆผมเลยไม่รู้ว่าเขาจะยอมไว้ใจผมหรือเปล่า
“พอคุณเบลติดต่อมาว่าจะขอเจอคุณหนู คุณท่านก็ทำแต่งานแล้วบอกคุณเบลว่าไม่มีเวลากลับไปที่บ้านเพราะงั้นคุณเบลจึงเข้ามาที่บ้านไม่ได้ถ้าคุณท่านไม่อยู่”
ผมพยักหน้าเข้าใจทันทีว่าทำไมคุณลูฟถึงไม่ยอมกลับบ้าน แต่ก็ไม่ทำให้ผมหายโมโหหรอกนะ โมโหมากกว่าเดิมอีก อย่างน้อยก็น่าจะให้ผมช่วยเหลืออะไรบ้างสิ
“ช่วงที่เขาป่วยผมจะดูแลเอง ขอบคุณที่เล่าเรื่องนี้ให้ผมฟังนะครับ”
คุณชัชยิ้มรับ
“ฝากด้วยนะครับ ถ้าคุณท่านดื้อก็ให้คุณก้านดื้อกว่าไปเลย ให้มันรู้ไปว่าถ้าคุณก้านดื้อแล้วจะมีใครชนะ”
ผมยืนขมวดคิ้วรู้สึกแปลกๆกับประโยคของคุณชัช ผมไม่ได้ร้ายอะไรขนาดนั้นไหมอะ
แต่คนพูดก็เดินหายขึ้นไปที่ชั้นบนของบ้านเรียบร้อยแล้วผมเลยไม่ได้ถามต่อว่าที่เขาพูดมันหมายความว่ายังไง
วันต่อมาผมก็เข้าไปดูคุณลูฟในห้องเหมือนเดิม แต่เมื่อผมเปิดประตูเข้ามาก็พบว่าเตียงว่างเปล่า เปิดผ้าห่มดูก็ไม่เห็นใคร
นี่คุณลูฟหนีออกจากบ้านหรอ หรือว่าแอบไปทำงานที่ห้องทำงาน? หนอยยยยยย กล้าขัดคำสั่งของผมงั้นหรอ บอกให้พักผ่อนจะได้หายเร็วๆไง ดื้อเรอะ!!!
“เป็นอะไร ทำหน้าประหลาด”
ผมสะดุ้งหลุดจากความคิดเมื่อเสียงดุๆของเจ้าของบ้านเรียกสติอันฟุ้งซ่านของผม เขาอยู่ในชุดคลุมอาบน้ำและมีกลิ่นสบู่เหลวประจำตัวหอมฉุย อ๋อ……..ไปอาบน้ำมาหรอกเรอะ นึกว่าแอบไปทำงานซะอีก
“ฉันทำอะไรให้เธอไม่พอใจหรือเปล่า ทำไมมองฉันเหมือนจะกินเลือดกินเนื้อแบบนั้น”
คิ้วของเจ้านายขมวดเข้าหากันพร้อมกับเดินอ้อมมาขึ้นเตียงตรงฝั่งที่ผมยืนอยู่
“เปล่าครับ ผมคิดว่าคุณแอบไปทำงานซะอีก กำลังจะโกรธเลยดีนะที่คุณมาซะก่อน”
ผมบ่นแล้วยื่นมือไปจับมือคนป่วยเพื่อวัดอุณหภูมิของร่างกาย
“นับวันยิ่งเหมือนเมียฉันเข้าไปใหญ่”
คนป่วยบ่นเบาๆพร้อมส่ายหัวไปมาด้วย…...แต่ขอโทษเถอะผมได้ยิน!
“ผมไม่อยากได้คนบ้างานมาเป็นสามีหรอกครับ พอดีขี้เหงา”
สายตาคมตวัดมามองผมทันทีที่ผมพูดจบ เอ่อ……..ผมเผลอไปจี้จุดอะไรของเขาหรือเปล่านะ
“ใช่ซิ ฉันมันเอาแต่ทำงาน แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าเธอจะนอกใจฉันได้เสียเมื่อไหร่”
ผมชะงักมือที่ลูบๆคลำๆแขนของคุณลูฟอยู่ เลือดสูบฉีดขึ้นมาที่หน้าจนรู้สึกได้ว่าหน้าร้อนแล้วจ้า เผลอๆร้อนกว่าคนป่วยแล้วตอนนี้ ดูเหมือนคุณลูฟจะเพิ่งรู้ตัวว่าพูดอะไรออกมา เขามองหน้าผมแล้วอึกๆอักๆในลำคอเหมือนจะพูดอะไรบางอย่าง
ส่วนผมก็เอาแต่ยืนเขินทำอะไรไม่ถูก ไม่รู้ว่าควรแกล้งเมินมันไปดีไหมแต่จะให้เมินยังไงวะ! เมื่อกี้โดนดาเมทไปเต็มๆหัวใจ ไอ้บ้าเอ๊ย คุณลูฟประชดประชันแม่งโคตรน่ารักเลยพับผ่า!!!
“ฉ…...ฉันหมายถึง ถ้าสมมติว่าเธอเป็นเมียฉันจริงๆ”
ยิ่งคุณลูฟแก้ตัวมากเท่าไหร่ผมก็ยิ่งหน้าแดงเข้าไปอีก ดูเหมือนเขาเองก็รู้ว่าที่พูดมาไม่ได้ช่วยอะไรเลยนอกจากทำให้สถานการณ์มันกระอักกระอ่วนมากกว่าเดิม
“ก้านใบ…..”
“ครับๆ ผมรู้แล้ว แต่ว่า……..”
เขาจ้องหน้าผมรอดูปฏิกิริยา แต่มันยิ่งทำให้ผมไม่กล้าสบตาเลย
“ผมไม่ได้มีนิสัยนอกใจสักหน่อย”
“............”
เกิดความเงียบขึ้นจนได้ยินเสียงแอร์ ขนาดแอร์ในห้องไม่ได้เสียงดังมากผมยังได้ยินมันชัดเจนขนาดนี้ นี่ผมกำลังคิดอะไรอยู่กันวะเนี่ย คือไม่ได้อยากได้เจ้านายมาเป็นสามีหรืออะไร ไม่ได้หวังสูงถึงขนาดนั้นก็แค่แหย่เล่น ใช่ๆ………..แหย่เล่นเองขำๆ
แค่เงยหน้าขึ้นไปแล้วบอกว่าล้อเล่นก็จบ
“ก้านใบ”
เมื่อเงยหน้าขึ้นมาก็พบกับสายตาของเจ้านายที่จ้องมาที่ผมอยู่แล้ว เป็นสายตาที่ผมไม่เข้าใจเลย ไม่ได้โกรธ ไม่ได้ยิ้ม เป็นสายตาที่ว่างเปล่าจนผมต้องขมวดคิ้ว
“ฉันจะทำให้เธอเจ็บปวด บางทีฉันก็ทำแต่งานจนลืมวันสำคัญๆ ถ้าเธอบอกว่าเธอขี้เหงา เธอจะต้องเหงาแน่นอน”
ผมส่ายหัวไปมา เข้าใจผิดกันไปใหญ่แล้ว(แต่ถ้าได้จริงๆก็ดี แฮ่!)
“ผมแค่อยากเป็นคนสำคัญของคุณบ้าง คุณสามารถบอกผมได้ทุกเรื่อง ปรึกษาผมได้ ระบายความรู้สึกเวลาเหนื่อยๆ บ่นเรื่องงานก็ได้ถ้ามีอะไรที่มันไม่ราบรื่น คุณสามารถเรียกหาผมได้เสมอเลย ผมขับรถเป็นแล้วไม่ว่าคุณอยู่ที่ไหนผมก็จะไปหาคุณ”
ผมพูดยาวเหยียดแม้ประโยคหลังๆเสียงจะสั่นไปบ้างเพราะน้ำตาที่พร้อมจะพากันทะลักทลายออกมา แต่มันคือความรู้สึกจากใจของผมจริงๆ แค่ให้ผมช่วยแบ่งเบาภาระบ้าง ให้เป็นที่ต้องการของใครสักคน…..ขอแค่นั้นจริงๆ
“ก้านใบ เด็กดี”
มือใหญ่ยกขึ้นมาลูบหัวผมเบาๆ ผมได้ยืนก้มหน้าก้มตาให้เขาลูบหัวเหมือนหมา
“คุณนั่นแหละนอนพักได้แล้ว ตัวก็ร้อนยังจะไปอาบน้ำอีก เกิดช็อคล้มหัวฟาดในห้องน้ำขึ้นมาผมคงได้งานเพิ่มเป็นดูแลคุณพ่อด้วยอีกคน”
ผมว่าแล้วจัดนู้นจัดนี่ หันไปแกะแผ่นเจลลดไข้ที่เตรียมมาให้คนป่วยโดยเฉพาะ แต่พอหันกลับมาก็เจอคุณพ่อจ้องหน้าผมอยู่อีกแล้ว โว้ย จ้องบ่อยขนาดนี้ปริ๊นท์รูปผมมาแปะที่หน้าประตูเลยไหมครับ
“จ้องผมอีกแล้วนะครับ”
ผมเอ็ดเบาๆ
“บ่นเก่งจริงๆ”
ผมมองเจ้านายตาขวาง ก่อนจะค่อยๆแปะแผ่นเจลลดไข้ลงไปเบาๆบนหน้าผากของเขา
“เธอทำเหมือนฉันเป็นเด็ก”
เจ้านายผมยังบ่นไม่เลิก ไม่รู้ว่าบ่นจริงหรือแค่จะกวนประสาทผมเฉยๆ แต่ผมไม่สนใจดึงผ้าห่มขึ้นมาห่มให้ถึงคอ
“นี่ก็ด้วย”
คราวนี้บ่นปลงๆเหมือนบ่นกับตัวเองมากกว่า
“คุณไม่ใช่เด็กหรอกครับ เพราะเด็กอย่างคิวปิดพูดง่ายกว่าเยอะ บอกให้กินก็กินบอกให้นอนก็นอน ไม่มามัวบ่นอุบอิบแบบนี้หรอก”
ผมบ่นเข้าไปอีกบทแต่คราวนี้คนถูกบ่นหัวเราะออกมาเบาๆ
“คิวปิดชอบคนดุหรอกหรอเนี่ย”
ผมทำหน้างอ
“ผมไม่เคยดุน้อง”
“เธอตามใจลูกชายฉันมากไปแล้วก้านใบ”
เขาพูดด้วยน้ำเสียงและสายตาที่อ่อนโยน ทำให้ผมรู้สึกเหมือนโดนดุจริงๆ
“ก็น้องไม่เคยทำตัวไม่ดีกับผม”
ผมพูดเสียงเบา
“งั้น…...ถ้าฉันเชื่อฟังเธอ เธอก็จะตามใจฉันเหมือนกันหรือเปล่า”
บร้าาาาาาาาา!!!! พูดอะไรออกม๊าาาาาาาาาาาาาาาาา กรี๊ดดดดดดดด ผมกรีดร้องในใจเมื่อคุณลูฟพูดพร้อมทำสีหน้าเหมือนจะอ้อน มันอาจจะเป็นผลข้างเคียงจากการเป็นไข้หรือเจลลดไข้นั่นมีฤทธิ์ทำให้สมองของผู้ใช้ถูกควบคุม หรือด้วยสาเหตุใดๆก็ตาม ผม เขิน มาก!! คุณลูฟไม่ควรทำสีหน้าแบบนั้นใส่ผมเลยพับผ่า วันนี้โดนดาเมทที่หัวใจสองรอบแล้วนะ ไอ้ก้านต้านไม่ไหวล้าววววววววววว
“ผม…...ผม คือ ผมไปดีกว่า ถ้าคุณต้องการอะไรก็เรียกนะครับ”
ผมพูดตะกุกตะกักเหมือนคนติดอ่างเรียกเสียงหัวเราะหึหึจากคนป่วยไปอีก เพราะงั้นผมควรไป ไปไหนก็ได้ให้พ้นจากตรงนี้อะ แม่งจะบ้าตาย….T-T
“พี่ก้านนนนนนนนนนนนนนนนนน”
ทันทีที่ผมออกมายืนกุมใจที่หน้าห้องเสียงของคิวปิดก็ดังนำเจ้าตัวมาซะอีก ผมมองไปทางต้นเสียงก็เห็นร่างเล็กวิ่งดุ้กๆเข้ามาหา
“ว่าไงครับคิวปิด”
ผมย่อตัวลงไปรับเด็กน้อยเข้ามาในอ้อมกอด
“พี่ชัชพูดไม่รู้เรื่องเลย”
คนที่เดินตามหลังคิวปิดมาคือคุณชัชที่เกาหัวแล้วยิ้มแหยๆ
“ไหน คุณชัชว่าอะไรครับ”
“คิวปิดบอกว่าคิวปิดเป็นแฟนกับพี่ก้าน พี่ชัชก็บอกว่าไม่ใช่ๆ เถียงคิวปิดอยู่ได้”
เด็กน้อยพูดด้วยน้ำเสียงจริงจังแถมทำหน้าเครียดไปอีก ปวดหัวกับคนพ่อเสร็จก็ต้องมารับมือกับคนลูกต่อ ก้านอยากพ้ากกกกกกกก
“แกเห็นที่พี่แก้วโพสต์หรือเปล่า”
ผู้หญิงกลุ่มหนึ่งเดินมาหยุดอยู่ไม่ไกลจากจุดที่ผมยืนเท่าไหร่พร้อมกับเริ่มบทสนทนาด้วยระดับเสียงที่ไม่ปกปิดเท่าไหร่ ผมขยับออกมาให้ห่างเล็กน้อยเพราะไม่อยากเป็นคนเสียมารยาทไปแอบฟังเขาคุยกันโดยไม่ได้ตั้งใจ……….แต่เมื่อกี้อะไรเกี่ยวกับพี่แก้วหรือเปล่านะ?
“เกี่ยวอะไรกับคนเก่าวะ”
เสียงบทสนทนาหยุดลงแค่ตรงนั้นแต่พวกเธอยังไม่ได้เดินออกไป อยู่ๆขนผมก็พากันลุกเกรียวราวกับโดนวิญญาณร้ายจ้องอาฆาต พอหันไปมองผู้หญิงกลุ่มนั้นก็นั่นประไร จ้องผมอย่างกับจะกินเลือดกินเนื้อทั้งๆที่ผมไม่ได้เกี่ยวอะไรด้วยเลย
ผมค่อยๆล้วงมือถือออกมาจากกระเป๋ากางเกงแล้วกดเข้าไปในแอปที่น่าจะเป็นประเด็นอยู่ตอนนี้ ซึ่งสิ่งที่ผมเห็นมันเหมือนหมัดที่มองไม่เห็นพุ่งมาอัดที่ท้องผมจนจุกไปหมด
KingKaew KKถ้ายังลืมคนเก่าไม่ได้ ถ้ายังรักยังคิดถึงขนาดนั้นแล้วมาคบกับเราทำไมวะ
Issara Mew และคนอื่นๆอีก
385Likeความเพื่อนรักของผมแหละ กดไลค์เร็วชิบหายแล้วดูคอมเมนท์สินั่นเหยียบร้อยเข้าไปแล้ว ขอไม่กดเข้าไปอ่านแล้วกันกลัวทำใจไม่ได้ แต่ว่าเลยนะ….
กู เกี่ยว เหี้ย อะ ไร อีก!นี่คือประโยคแรกที่ผมคิดหลังจากที่อ่านข้อความนั้นจบ ซึ่งคนเก่าที่คนเพ่งเล็งมากที่สุดจะเป็นใครไปได้นอกจากผมอะ นี่มันจงใจชัดๆ ผมยังไม่ได้ทำอะไรสักหน่อย แถมพี่ฟานก็พูดเองกับปากว่าไม่ได้รักผม เพราะงั้นไม่มีทางที่พี่ฟานมันจะอาลัยอาวรณ์ผมเป็นแน่ มันเป็นอย่างอื่นไม่ได้แล้วนอกจากการจัดฉาก
สารเลว! อยู่ใครอยู่มันไม่เป็นใช่ไหม อยากเจ็บจริงเดี๋ยวก้านจัดให้ เพราะก้านไม่ใช่เหยื่อของคุณอีกต่อไป!!!!!
“ก้าน”
ในขณะที่ผมยืนกำมือถือด้วยความคับแค้นใจอยู่คนเดียวก็มีใครบางคนวิ่งเข้ามาหา ทำให้ผมสังเกตว่าฝนเริ่มลงเม็ด และคนที่วิ่งมานี่ก็เปียกฝนเล็กน้อยด้วย
“หวัดดีครับ”
ผมยกมือไหว้รุ่นพี่ตามมารยาทแม้ก่อนหน้านี้จะไม่ได้ไหว้เลยก็เถอะ ถือว่าแลกกับการที่มาจิกกัดเหน็บแนมผมก็แล้วกัน
“กลับบ้านไม่ได้หรอ”
หน้าตาผมเหมือนคนกลับบ้านไม่ได้มากหรอครับ เหมือนลูกหมาโดนทิ้งอะไรแบบนี้หรอ
“ผมรอคนมารับครับ แล้วพี่คิมล่ะครับไม่กลับบ้านหรอ”
ถามเป็นมารยาทกลับไปโดยที่สีหน้าของผมก็ไม่ได้อยากรู้ขนาดนั้น คนที่อยากรู้คงจะเป็นผู้หญิงกลุ่มนั้นมากกว่าด้วยซ้ำ หูบานเป็นกระด้งแล้วแม่คุณ
“ก็ว่าจะกลับแต่เห็นก้านยืนอยู่ตรงนี้คนเดียว นึกว่ากลับบ้านไม่ได้พี่เลยว่าจะไปส่ง”
ผมพยักหน้ารับรู้ อย่างที่ผมเคยบอกไปเมื่อนานมาแล้วว่าพี่คิมกับผมเคยสนิทกันมากตอนที่ผมยังคบกับพี่ฟานอยู่เพราะงั้นผมก็ไม่ได้เกลียดเขามากเพราะเขาก็โดนหลอกเหมือนกัน แต่ให้กลับไปเป็นเหมือนเดิมทั้งหมดผมก็ทำไม่ได้แล้ว
ไม่มีอะไรเหมือนเดิมได้อีกต่อไป……..
“มายด์ล่ะครับ ปกติเห็นกลับด้วยกันตลอด”
ผมถามหาคนที่มักจะเดินตามหลังพี่คิมเสมอแต่วันนี้กลับไม่เห็นเงา
“เห็นบอกว่ามีธุระสำคัญน่ะ พี่ก็ไม่รู้ว่าเรื่องอะไร”
เมื่อจบคำของพี่คิม ระหว่างเราก็ตกอยู่ในความเงียบ ฝนที่ตกปรอยๆเมื่อกี้ก็เริ่มเทลงมาหนักขึ้นกลายเป็นเสียงฝนที่เข้ามาแทนความเงียบที่น่าอึดอัดนี่ ก็ดี ทำเป็นฟังเสียงฝนไปแล้วกัน
“ช่วงนี้……..มีปัญหา……….”
เป็นเพราะเสียงฝนที่กระหน่ำลงมาอย่างเอาเป็นเอาตาย ทำให้ผมไม่ได้ยินเสียงของพี่คิมเลย ได้แต่ยืนมองปากของเขาที่พะงาบขึ้นลงแต่ไม่เข้าใจสักคำ ไม่คิดจะถามต่อด้วยเอาสิ อยากพูดก็พูดไปไอ้ก้านไม่ฟังไม่สนใจ ฟังเสียงฝนยังไพเราะกว่าเป็นไหนๆ
“คุณก้านนนนนนน ผมมาแล้วคร้าบบบบ”
ในขณะที่หูของผมรับฟังเสียงจากธรรมชาติอยู่นั้นก็มีเสียงของใครสักคนดังเข้ามาแทนที่ ผมหันไปมองทางต้นเสียงก็เห็นคุณชัชที่สวมชุดสูทวิ่งถือร่มเข้ามาหาผม
“ระวังลื่นครับคุณช้าชชชช”
ผมตะโกนลั่นอย่างตกใจ ยิ่งจังหวะที่เขาลื่นพรืดใจผมตกไปอยู่ตาตุ่ม ดีที่ไม่ล้มก้นกระแทกพื้นให้เจ็บๆกันไป
“ขอโทษที่มาช้าครับคุณก้าน”
คุณชัชก้มหัวขอโทษขอโพยใหญ่ ผมบอกกี่ครั้งแล้วว่าผมก็เป็นลูกจ้างเหมือนกัน ไม่ต้องก้มหัวให้ผมก็ได้ ไอ้ก้านจะร้อง
“ไม่เป็นไรครับ ที่จริงให้ผมกลับเองก็ได้ไม่น่าลำบากมารับเลย”
ผมพูดแล้วรับร่มสีดำคันใหญ่ที่คุณชัชยื่นมาให้
“ผมไม่ได้มารับคุณก้านนานแล้วให้เป็นหน้าที่ของผมดีกว่าครับ ไปครับคุณท่านรออยู่บนรถ”
ผมเลิกคิ้วแปลกใจ
“คุณลูฟมาด้วยหรอครับ”
ผมถามแล้วชะเง้อมองเข้าไปภายในรถ เห็นเป็นเงาว่ามีคนนั่งอยู่ที่เบาะหลัง……….มาจริงๆด้วย
“คุณท่านกลับจากบริษัทพอดี เลยให้แวะมารับคุณก้านเลยครับ เอ๊ะ……”
คุณชัชตอบผมก่อนจะสังเกตว่ามีใครบางคนยืนจ้องพวกเราอยู่ พี่คิมนั่นเอง ดูเหมือนคุณชัชจะจำพี่คิมได้จึงดันให้ผมไปยืนหลบข้างหลัง
“มีอะไรกับคุณก้านหรือเปล่าครับ”
สีหน้าของเขาจริงจัง น้ำเสียงก็ดุต่างจากที่คุยกับผมเมื่อกี้เลย
“ผมแค่คุยกับน้อง”
พี่คิมตอบกลับมาด้วยน้ำเสียงที่ไม่ยอมกัน ผมเริ่มปวดหัวตุบๆเมื่อเหมือนจะเห็นสงครามกำลังจะเริ่มในไม่ช้า
“ผมไม่อนุญาตให้คุณเข้าใกล้คุณก้าน”
คุณชัชก็เอาเรื่องเหมือนกันนะเนี่ย แต่พอก่อนก้าน มึงต้องห้ามไหมล่ะ
“คุณชัช……”
“มีอะไรกัน”
เอาล่ะ พ่อมา!! ท่าทางพวกเราจะลีลาท่ามากไปหน่อย คุณพ่อปีศาจจึงเดินลงมาตามด้วยตัวเอง ผมได้ยินเสียงกรี๊ดทะลุเสียงฝนออกมาเมื่อคุณลูฟก้าวเข้ามาภายใต้หลังคาที่เราใช้หลบฝนอยู่
“ผมกำลังสืบสวนผู้ชายคนนี้ครับ”
คุณชัชตอบคุณพ่อเสียงเข้มและจริงจัง สายตาคมเลื่อนปราดไปหาพี่คิมที่ยืนกำหมัดเตรียมซัดเต็มที่
“นายกลับขึ้นรถไปก่อน”
ดูเหมือนคุณพ่อจะไม่ได้สั่งผมเพราะหันไปพูดกับคุณชัช คุณชัชก้มหัวเป็นการรับคำสั่งก่อนจะกางร่มแล้วกลับขึ้นรถไป จะว่าไปคุณพ่อแกก็เดินลงมาโดยที่ไม่มีร่มเลยนี่นา ดีที่ระยะทางจากรถมาตรงนี้ไม่ได้ไกลมากทำให้คุณลูฟไม่ได้เปียกอะไรมากนักแต่ในทางเทคนิคก็คือเปียกอยู่ดี แล้วคือเพิ่งหายไข้ไงถ้าไม่ติดว่าอยู่ต่อหน้าคนอื่นผมคงจะฟาดไหล่คุณพ่อปีศาจแสนดื้อไปสักที
“รุ่นพี่ของเธอหรอ”
คราวนี้คุณพ่อถามผมแน่นอน
“ใช่ครับ พี่คิมนี่คุณลูซิเฟอร์เจ้านายของผมครับ ส่วนนี่พี่คิมครับคุณลูฟ”
ประโยคหลังผมหันไปพูดกับคนตัวใหญ่ คุณลูฟพยักหน้าเงียบๆ
“ผมคิดว่าคุณคงไม่ห้ามให้ลูกน้องพูดคุยกับคนอื่นหรอกนะครับ”
เป็นพี่คิมที่พูดขึ้นมาก่อน เจ้านายของผมยืนนิ่งไม่ได้ตอบอะไร จนพี่คิมชักจะโมโหขึ้นไปอีก ถ้าเขาต่อยคุณลูฟขึ้นมาล่ะก็ผมต่อยกลับแน่คอยดู
“ไปกันเถอะ คิวปิดน่าจะเลิกเรียนแล้ว”
เสียงทุ้มเอ่ยออกมาเรียบๆ ผมพยักหน้ารับแล้วหยิบร่มขึ้นมากาง คุณลูฟไม่ได้สนใจพี่คิมอีกต่อไปส่วนผมแค่หันไปก้มหัวลาเท่านั้นไม่ได้พูดอะไร ผมชูร่มขึ้นสูงเพื่อให้มันกันฝนให้คนตัวสูงด้วย แต่……….คือเขาสูงมากไง สูงจะเท่าเสาไฟแล้วนั่นพวกคุณคิดว่าไงล่ะ
ไม่ว่าจะด้วยความสมเพชเวทนาหรืออะไรก็ตามแต่มือใหญ่เอื้อมมาคว้าก้านร่มจากมือของผมเอาไปถือเอง
“ขอบคุณครับ”
ผมก้มหน้าพูดเขินๆ กลายเป็นว่าตอนนี้เจ้านายของผมคือคนกางร่มให้ผมซะงั้น แม้จะเป็นระยะทางแค่สั้นๆแต่ดีจังที่ผมได้มายืนตรงนี้
ถ้าเป็นไปได้ก็อยากให้ผมได้ยืนอยู่ตรงนี้ตลอดไป๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐
ไม่มีความสัมพันธ์ไหนที่จะคงอยู่ตลอดไป แต่ถ้าหากมั่นใจเราทำได้ ฮึ่มมม
ตัดเข้าตอนสานสัมพันธ์ไปแบบงงๆเลยค่ะ คงไม่มีใครสังเกต ฮ่าๆๆๆๆๆ
หยอกเล่นนนนนนนนนน แต่ก็อยากให้ได้กันจะแย่อยู่แล้วอะแงๆ