Mr.Lucifer คุณพ่อปีศาจ{ตอนที่12 คนข้างๆ} 10/02/63
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: Mr.Lucifer คุณพ่อปีศาจ{ตอนที่12 คนข้างๆ} 10/02/63  (อ่าน 13437 ครั้ง)

ออฟไลน์ yai feel

  • Why?
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 125
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +67/-2
Re: Mr.Lucifer คุณพ่อปีศาจ {ตอนที่ 4} 02/12/62
«ตอบ #30 เมื่อ02-12-2019 22:31:24 »

ตอนที่ 4
คุณพ่อใจดี

“พี่ก้าน”
เมื่อเท้าผมแตะเข้ากับพื้นของบ้านหลังใหญ่ ร่างเล็กๆของคิวปิดก็วิ่งเข้ามากระโจนใส่ผมทันที…...ไหนเด็กที่กำลังอาละวาดกัน เกือบจะคิดว่าคุณชัชโกหกแล้วถ้าไม่หันไปเห็นแจกันที่แตกยับอยู่บนพื้นซะก่อน

อาละวาดจริงสินะ

“ทำไมไม่นอนครับ”
ผมพูดพร้อมกับลูบหัวเล็กๆนั่นเบาๆ แม่บ้านรีบออกมาเก็บกวาดซากความเสียหายกันยกใหญ่โดยมีคุณชัชยืนกำกับว่าให้ทำให้ไวเพราะคุณท่านกำลังจะถึงแล้ว

ผมอุ้มคิวปิดขึ้นแล้วพากลับเข้ามาในห้อง

“ไหนบอกพี่ก้านสิว่าทำไมไม่นอน”
ผมนั่งคุกเข่าให้สายตาของเราเสมอกันเพื่อจะได้สบตากันง่ายๆ

“คิวปิดนอนไม่หลับ”
พูดจบก็ปีนขึ้นไปบนเตียงของตัวเอง คว้าเอาตุ๊กตาหมีมากอดแน่นแล้วก็นั่งเหม่อลอยอยู่แบบนั้น

นี่อย่าบอกว่าเด็กกำลังมีเรื่องให้คิดนะ

“เล่าให้พี่ก้านฟังหน่อยสิ ว่าทำไมนอนไม่หลับ”
ผมเองก็ขยับเข้าไปนั่งข้างๆเตียงเพื่อจะได้คุยกับน้องให้ถนัดๆหน่อย

“ก็…….คิวปิดฝัน”
นั่นไง ฝันร้ายจริงๆด้วย

“ไหนฝันว่ายังไง มันน่ากลัวหรอครับ”
ผมยื่นมือไปจับมือน้องไว้แล้วลูบเบาๆ หัวเล็กนั่นส่ายไปมา

“ฝันดี คิวปิดฝันว่าที่โรงเรียนมีงาน คิวปิดได้แต่งตัวเป็นเทวดาแล้วก็เต้น”
อืมจริงสินะ งานวิชาการจะมีในวันศุกร์หน้าแล้วนี่นา แถมคิวปิดได้แสดงด้วย นี่น้องตื่นเต้นถึงขนาดเก็บไปฝันเลยหรอ

“ในฝันคุณพ่อมาดูด้วย”
วินาทีนั้นผมเข้าใจในทันทีว่าทำไมน้องถึงนอนไม่หลับ คงจะเสียใจอยู่สินะที่ในความเป็นจริงคุณพ่อไม่ได้ไปดู โถ่…….ทำไมจิตใจผมมันห่อเหี่ยวแบบนี้นะ

“แต่พี่ก้านจะไปดูนะ จะไปถ่ายรูปคิวปิดเยอะๆแล้วก็เอามาแปะให้เต็มห้องนี้เลย”
ผมพูดแล้วยื่นหน้าไปกุ๊บแก้มใสเบาๆ ยังดีที่มันสามารถเรียกรอยยิ้มของคิวปิดได้ ค่อยโล่งใจขึ้นมาหน่อย

“จริงนะ”

“จริงสิครับ”

“ลูกผู้ชายพูดแล้วห้ามคืนคำด้วย ถ้าไม่มาคิวปิดจะทำแจกันแตกแบบเมื่อกี้อีก”
ผมหุบยิ้มทำหน้าเศร้า

“ถ้าคิวปิดเกเรแบบนั้นอีก พี่ก้านต้องโดนคุณพ่อไล่ออกแน่ๆเลย”
เด็กน้อยรีบหันตัวมาทางผมและทำสีหน้าแตกตื่น

“ไม่ได้นะ พี่ก้านเป็นเพื่อนของคิวปิดคุณพ่อจะไล่ไปได้ไง”

“ได้สิครับ ก็คิวปิดอยู่กับพี่ก้านแล้วนิสัยไม่ดีนี่นา คุณพ่อไม่ชอบใจหรอกนะ”
เด็กน้อยเริ่มมีท่าทีสับสน ผมรู้มาจากคุณชัชแล้วว่าคิวปิดมีนิสัยยังไง เมื่อก่อนฤทธิ์เดชเยอะแค่ไหน พี่เลี้ยงนี่เปลี่ยนเดือนละคนได้ ถ้าไม่เจอความแสบของเจ้าเด็กนี่จนลาออกก็โดนเจ้านายตัวน้อยไล่ออกซะเอง เรื่องที่แจกันแตกวันนี้คงเทียบไม่ได้กับตอนอาละวาดใส่พี่เลี้ยงคนเก่านู้น ทำเอาทีวีเครื่องใหญ่แตกไปทั้งเครื่อง ก็ยังดีที่ไม่เป็นหัวของพี่เลี้ยงเองที่แตก

เพราะฉนั้นสิ่งที่ผมทำข้ามไปคือการละลายพฤติกรรมก้าวร้าวนี้ ดันสนิทกันก่อนผมเลยไม่เคยได้เห็นอาณุภาพของระเบิดลูกเล็กนี่จนลืมไปว่าน้องมีนิสัยเอาแต่ใจมากๆ

“แต่ว่าพี่ก้านไม่ผิด”
ผมยิ้มบางๆแล้วส่ายหัวไปมา

“เพราะว่าพี่ก้านอายุมากกว่า เป็นคนดูแลคิวปิดทุกอย่างเพราะงั้นถ้าเกิดเรื่องไม่ดีขึ้น คนที่รับผิดชอบต้องเป็นพี่ก้าน”

“.......”
เด็กน้อยมีท่าทีหงอยลงอย่างเห็นได้ชัด

“พี่ก้านเต็มใจรับผิดชอบนะ แต่เราอาจจะไม่ได้เจอกันอีกก็ได้ คุณพ่อดุขนาดนั้นถ้าไล่พี่ก้านครั้งเดียว พี่ก้านก็กลัวจนไม่กล้ากลับมาแล้วล่ะ”
แอบเอาความจริงมาใส่ด้วยนิดๆและเพราะนึกไปถึงคำขู่วันนั้นทำให้ใบหน้าของผมมันหวาดกลัวดูสมจริงขึ้นมา

‘ถ้าลูกฉันเป็นอะไรไป นายตายแน่’
กลัวแล้วครับคุณพ่อปีศาจ!

“ก็ได้ๆ ต่อไปนี้คิวปิดจะไม่เกเรแบบนั้นอีก จะไม่ผลักแจกันลงจากโต๊ะด้วย”
ผมเผยรอยยิ้มเมื่อมือเล็กๆนั่นบีบมือผมไว้แน่น แน่นเท่าที่เด็กคนนึงจะทำได้

“ขอบคุณนะที่ทำเพื่อพี่ก้าน พี่ก้านก็จะทำเพื่อคิวปิดอย่างเต็มที่เลย”
อย่างแรกที่ผมคิดจะทำเป็นการตอบแทนที่คิวปิดจะไม่ดื้อคือการไปขอร้องคุณพ่อปีศาจให้ไปโรงเรียนลูกก่อน ก็จะทำอย่างสุดความสามารถแหละแต่ไม่แน่ใจเหมือนกันว่าจะออกมาแบบไหน

“พี่ก้านนอนกับคิวปิดนะ”
เอ่อ…...ตอนแรกก็คิดว่าจะได้มาแป๊บเดียวเลยไม่ได้เลือกเสื้อผ้าใส่ ตอนนี้ผมอยู่ในชุดเสื้อยืดสีดำกับบ็อกเซอร์เตรียมนอน นั่นสิ ไหนๆก็ใส่ชุดเตรียมนอนแล้ว ก็นอนมันตรงนี้เลยแล้วกัน ถ้าขืนกลับไปบ้านตอนนี้จะไม่ได้นอนง่ายๆเพราะต้องทะเลาะกับคนที่บ้านยาวแน่ๆ

“โอเคๆ คิวปิดนอนลงไปเลยพี่ก้านจะอยู่ตรงนี้”
ผมพูดพร้อมกับยกรีโมทมากดปิดไฟห้อง เมื่อทั้งห้องมืดหมดผมก็ต้องหลับตาปรับสายตาสักพัก พอลืมตาขึ้นมาก็เห็นเจ้าตัวน้อยมองมาที่ผมตาแป๋ว

“นอนได้แล้วคิวปิดน้อย”
ผมพูดแล้วดึงผ้าห่มขึ้นมาห่มให้น้องถึงคอ

“คิวปิดโตแล้วนะ”
ว่าแล้วเชียวว่าต้องพูดแบบนี้แบบที่เคยพูดกับพี่ผ้าใบ

“เป็นเด็กดีกว่าเยอะเลย พี่ก้านก็อยากเป็นเด็ก”
เสียงของเราที่พูดคุยกันค่อยๆเบาลงจนกลายเป็นความเงียบและหลับไป



กริ๊งงงงง กริ๊งงงงงงง กริ๊งงงงงง

“งืม”
ผมงัวเงียตื่นเพราะได้ยินเสียงที่คุ้นเคยที่มักจะปลุกผมในทุกๆเช้า แต่ต่างจากเดิมเพราะเมื่อผมเริ่มจะได้สติผมก็รีบดีดตัวขึ้นทันที เผลอหลับไปจนเช้าเลยหรอเนี่ย แถมตัวเองยังมานอนบนเตียงของคิวปิดอีก นี่ผมละเมอเดินขึ้นมานอนบนเตียงเชียวหรอเนี่ย

“อ้าว อรุณสวัสดิ์ครับคุณก้าน”
เมื่อผมเดินออกมาจากห้องก็เห็นคุณชัชยืนคุยอยู่กับแม่บ้านที่ดูมีอายุคนหนึ่งก่อนที่เขาจะหันมาเห็นและทักทายผม

“อรุณสวัสดิ์ครับ ตื่นเช้าจังเลย”
ผมทักทายกลับด้วยอาการเขินๆ ก็แหม สภาพเพิ่งตื่นนอนของผมมันน่าชมเสียที่ไหน

“วันหยุดแบบนี้คุณท่านจะชอบตื่นเช้ากว่าปกติเพื่อไปออกกำลังกายน่ะครับ”
มิน่าล่ะหุ่นถึงได้ฟิตเปรี๊ยะขนาดนั้นมีระเบียบกับชีวิตแบบนี้นี่เอง ผมแอบคิดเล่นๆกับตัวเองว่าในขณะที่คุณลูฟกำลังวิ่งออกกำลังกายรอบหมู่บ้าน ก็อาจจะมีคุณหญิงคุณนายทั้งหลายยืนรดน้ำต้นไม้หรือให้อาหารนกอยู่หน้าบ้านแล้วได้เห็นชายรูปงามกล้ามแน่นวิ่งผ่านหน้าไปคงเป็นเช้าที่สดใสมากๆ แค่คิดก็เคลิ้มแล้ว.........อยากเห็นจัง ส่วนตัวผมไม่ได้แยแสการออกกำลังกายเลยแม้แต่นิด แค่คิดก็หน้ามืดแล้วให้ตายเถอะ อยากได้ยาดมชะมัด

“เมื่อคืนรอดตายแบบเฉียดฉิวเลยนะครับ พอคุณก้านพาคุณหนูเข้าห้องไปแล้วรถคุณท่านก็มาจอดพอดีเลย”
เส้นยาแดงผ่าแปดสินะ

“นั่นสินะครับ ถ้าผมช้ากว่านี้ต้องซวยแน่”

“ซวยอะไร”

“เฮือก!”
ผมกับคุณชัชสะดุ้งพร้อมกันเมื่อคุณลูฟเดินโผล่เข้ามาในระยะสายตาพร้อมกับถามเสียงเข้ม

“ปล…..เปล่าครับ แค่คุยเรื่องทั่วไป”
สายตาคมจ้องมาที่ผมเหมือนกำลังแสกนหาคำโกหกซึ่งผมรู้ตัวว่าไม่ได้โกหกเนียนขนาดนั้น เลิกจ้องได้แล้วครับ เข้าห้องไปอาบน้ำซะสิ ไป๊ๆ

“อย่าเพิ่งกลับ ฉันมีเรื่องจะคุยกับเธอ”
ว่าแล้วคนตัวใหญ่ที่ตัวชุ่มไปด้วยเหงื่อก็เดินผ่านผมไป

“ฟู่ เผลอกลั้นหายใจไปเลยนะเนี่ย”
ผมพูดออกมาเบาๆเพราะกลัวคนหูดีจะได้ยินอีก

“นั่นสินะครับ แต่เราลงไปรอคุณท่านที่ห้องอาหารดีกว่า ผมให้แม่บ้านเตรียมอาหารไว้แล้ว”
ในสภาพแบบนี้อะนะ คือที่เดินออกมาตอนแรกผมกะจะกลับบ้านไปอาบน้ำก่อนแล้วค่อยมาใหม่ตอนสายๆ แต่ถ้ามาอีหรอบนี้ผมคงต้องอยู่คุยกับคุณลูฟก่อนถึงจะกลับได้สินะ

เพราะงั้นผมจึงต้องกลับเข้าไปปลุกคิวปิดมาอาบน้ำทานข้าวด้วยสภาพอันอนาถา…..เสื้อยืดกับกางเกงบ็อกเซอร์ที่ดูยังไงก็ไม่น่าดูเลย

“ชัชพาคิวปิดไปข้างนอกก่อน ฉันมีเรื่องจะคุยกับก้าน”
มาแล้ววินาทีที่ทำให้อยู่ไม่สุข ผมเริ่มกัดริมฝีปากด้วยความกังวล

“ครับท่าน”
แล้วคุณชัชก็พาคิวปิดออกไปจากห้องทานอาหาร เด็กน้อยหันมาส่งสายตาละห้อยให้ผมคงเพราะมีชะนักติดหลังจากเรื่องเมื่อคืนเลยเป็นกังวลสินะ……..ผมก็กังวล! ให้ตายสิ

“เมื่อคืนเกิดอะไรขึ้น”
ชิบ……..คุณลูฟรู้ได้ไงวะ หรืออาจจะมีแม่บ้านสักคนที่อยู่ในเหตุการณ์ไปบอก แย่แล้วไอ้ก้าน ทำไงดีล่ะเนี่ย

“ค…..คือ เมื่อคืนคิวปิดนอนไม่หลับ…”

“ฉันหมายถึงนาย”
มือหนาวางแก้วกาแฟลงแล้วกอดอกมองมาที่ผม

“เอ๊ะ….”

“เมื่อคืนชัชบอกฉันว่านายทะเลาะกับที่บ้านเรื่องงาน”
อ๋อ ก็คุณชัชได้ยินหมดเลยนี่นา คงจะคิดมากเรื่องผมสินะ ผมก็ร้อนตัวไปก่อนดีที่ไม่เผลอสารภาพบาป

“ครับ แรกๆก็ไม่ได้มีปัญหาอะไรแต่ว่าอาทิตย์นี้เหมือนจะมีข่าวลือในมหา’ลัยว่าผมขายตัวให้เสี่ย แม่เลยโมโหน่ะครับ”
คิ้วเข้มๆนั่นขมวดเข้าหากันทันทีที่ผมพูดจบ

“ขายตัวให้เสี่ย?”
ผมพยักหน้าช้าๆ ใบหน้าของคุณพ่อเริ่มมีอาการหัวเสียจนเห็นได้ชัด

"ฉันคือเสี่ยงั้นหรอ?"
เขาถามซ้ำ ผมก็พยักหน้าอีกครั้ง คราวนี้คุณพ่อมีสีหน้าเหมือนปีศาจร่างต้นคือไม่ได้น่ากลัวมากแต่มีความโกรธอย่างเห็นได้ชัด ผมจึงรีบอธิบายต่อ

“ผมก็ไม่รู้ว่าข่าวลือมันเริ่มกระจายไปตอนไหนเพราะผมก็เพิ่งรู้เมื่อคืนเหมือนกัน”
อย่างว่าแหละ ผมไม่มีเพื่อนที่จะมาคอยเตือนว่าเริ่มมีข่าวลือแปลกๆแล้วนะให้ระวังตัวหน่อย คนมันลือกันมันก็คุยกันแค่กลุ่มตัวเอง เวลาผมเดินผ่านคงจะมีเรื่องราวให้พูดถึงสนุกปากเลยล่ะมั้ง

“จะเลิกทำไหมล่ะ”
คุณลูฟถามแล้วยกกาแฟขึ้นจิบ(เปลี่ยนอารมณ์ไวเหมือนสับสวิตช์) ผมรีบส่ายหน้าทันที

“ไม่มีทางครับ ตอนนี้คิวปิดเป็นความสุขเดียวของผม ถ้าไม่มีน้องผมก็ไม่มีใครแล้ว”
เกิดความเงียบขึ้นทันทีที่ผมพูดจบ ผมไม่กล้าสบตากับคุณลูฟไม่รู้ว่าเขามีอารมณ์แบบไหนอยู่ตอนนี้ ก็นั่นลูกชายของเขาแล้วผมมาโมเมเอาแบบนี้อาจจะไม่พอใจหรือเปล่า

"ไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าเถอะ วันนี้ฉันจะไปคุยกับแม่เธอให้"
อยู่ดีๆคนที่หน้าตาดีอย่างคุณลูฟก็หน้าตาดีขึ้นไปใหญ่จนออร่าพุ่งเข้าตา ฮืออออออ ไม่คิดว่าจะใจดีกับผมขนาดนี้

“ขอบคุณมากครับ ผมจะดูแลคิวปิดให้ดีที่สุดเลย”
ผมพูดจบแล้วรีบหันหลังกลับเพื่อไปอาบน้ำแต่งตัวใหม่ แต่เอ๊ะ……..

“ให้ผมไปอาบน้ำที่ไหนนะครับ”
ผมหันหลังกลับไปหาคุณลูฟแล้วยิ้มแหยๆ ลืมไปว่าไม่ใช่บ้านตัวเอง

“ฉันให้แม่บ้านจัดไว้ให้แล้ว”
แหม คุณพ่อจอมดุนี่แอบใจดีจริงๆสินะ แปลกจังเลยนะที่ไม่ยอมแสดงความรู้สึกของตัวเองออกมาทั้งๆที่ก็มีความรู้สึกเหมือนกัน

พอได้รับความใจดีแบบนี้แล้วอยากได้อีกจัง ผมได้แต่คิดแล้วแอบยิ้มกับตัวเองบางๆ


๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐
เจอเรื่องแย่ๆมาก็มีนิยายนี่แหละที่ยังอยู่กับเรา รู้สึกสงบใจจัง ^^ ใครที่ยังเครียดหรือมีเรื่องที่คิดไม่ตกอยู่ตอนนี้ฟิวเป็นกำลังใจให้นะคะ
เลิกงานแล้วไม่คิดเรื่องงานแล้วจะคิดพล็อตนิยาย!
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 28-12-2019 01:33:22 โดย yai feel »

ออฟไลน์ no.fourth

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 889
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +36/-1
Re: Mr.Lucifer คุณพ่อปีศาจ {ตอนที่ 4} 02/12/62
«ตอบ #31 เมื่อ02-12-2019 23:46:22 »

 :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ sirin_chadada

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4110
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +114/-8
Re: Mr.Lucifer คุณพ่อปีศาจ {ตอนที่ 4} 02/12/62
«ตอบ #32 เมื่อ03-12-2019 00:17:54 »

แม่จะอยากประเคนลูกสาวมาทำแทนหรือเปล่า หึ รอตอนต่อไปค่ะ

ออฟไลน์ Leenboy

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3095
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +105/-2
Re: Mr.Lucifer คุณพ่อปีศาจ {ตอนที่ 4} 02/12/62
«ตอบ #33 เมื่อ03-12-2019 03:11:15 »

แม่ต้องส่งพี่แก้วมาแน่ๆ

ออฟไลน์ ซีเนียร์

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 778
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-0
Re: Mr.Lucifer คุณพ่อปีศาจ {ตอนที่ 4} 02/12/62
«ตอบ #34 เมื่อ03-12-2019 17:49:54 »

 :L2: :pig4: :L2:

ออฟไลน์ may5658

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 41
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-1
Re: Mr.Lucifer คุณพ่อปีศาจ {ตอนที่ 4} 02/12/62
«ตอบ #35 เมื่อ03-12-2019 18:50:40 »

นิยายดีมากเลยนะคะ อยากติดตามต่ออยากอ่านเร็วๆแล้วด้วย
ช่วยให้ผ่านไปแต่ละวันได้ดีจริงๆนั้นแหละค่ะ  :เฮ้อ:
รอตอนที่5นะคะ

ออฟไลน์ yai feel

  • Why?
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 125
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +67/-2
Re: Mr.Lucifer คุณพ่อปีศาจ {ตอนที่ 5} 08/12/62
«ตอบ #36 เมื่อ08-12-2019 23:52:59 »

ตอนที่ 5
ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น คุณพ่อจะยังเป็นฮีโร่ของคุณ

LUCIFER'Part

ผมรู้ทุกอย่างเกี่ยวกับเด็กคนนั้น มันไม่ใช่เรื่องยากที่ผมอยากจะรู้เรื่องราวของใครสักคนจากเส้นสายที่ผมมีทั่วประเทศไม่ว่าจะขาวหรือดำ อยากรู้อะไรก็แค่ยกหูไม่กี่นาทีก็ได้ข้อมูลที่อยากรู้มากางตรงหน้า

ทำแบบนี้จนเคยตัว รู้ด้วยว่ามันเป็นนิสัยที่ไม่ดีเพราะคนทุกคนก็อยากมีความเป็นส่วนตัวทั้งนั้น แต่ที่ผมอยากรู้เกี่ยวกับเด็กคนนี้เพราะว่าตอนที่เขาถูกรถชน ไม่เห็นมีใครเข้ามาช่วยสักคน

"เด็กคนนี้ชื่อก้านใบครับ เป็นนักศึกษาปี2การบัญชี ช่วงนี้มีข่าวลือที่ไม่ดีทำให้เป็นที่รู้จักในเชิงลบครับ"
ผมสรุปในส่วนที่สำคัญมาเท่านี้ ที่ไม่มีคนเข้ามาช่วยเพราะไม่มีใครชอบสินะ พอเจอเหตุการณ์แบบนี้แล้วทำไมผมต้องนึกไปถึงผ้าใบทุกที

หมอนั่นมันตัวแสบ ไอ้อาเรสปล่อยข่าวลือให้เสียหายแทบตายแล้วมันแคร์ไหมล่ะ ก็ไม่แถมหนีไปขึ้นเรือจับปลาสบายใจอีก คนที่เดือดร้อนดันกลายเป็นน้องชายคนเล็กของผมซะเอง ยอมใจในความไม่สนโลกของผ้ามันจริงๆ

หลังจากที่ประชุมเครียดเรียบร้อยแล้วผมก็ส่งข้อความไปบอกผ้าใบว่ากำลังไปที่โรงพยาบาลและได้ไปเจอกับ 'ก้านใบ' ผู้ชายที่เป็นที่ชังของคนทั้งมหา'ลัย ซึ่งผมพยายามมองท่าทีของเด็กนี่หลายครั้งแล้วว่าส่วนไหนที่ทำให้คนเกลียด

การก้มหัวขอโทษคนที่ขับรถชนตัวเองนี่ก็ไม่ค่อยมีใครทำกัน เว้นแต่ว่าเด็กนี่จะรู้ตัวว่าผิดที่ไปยืนทะเลาะกันข้างถนนจนทำให้ตัวเองเกิดอุบัติเหตุ……..ไม่ได้ตั้งใจเลยรู้สึกผิด

ทำไมถึงเกลียดคนที่ขอโทษคนอื่นง่ายๆเพราะรู้ว่าตัวเองผิดกันล่ะ

บอกตรงๆว่าผมสนใจเด็กคนนี้ แววตาของก้านเป็นสายตาที่ผมเคยเห็นมาก่อนจากผู้ชายคนหนึ่ง เป็นความเหงาและต้องการความรักจากใครสักคน……...ซึ่งผมไม่เคยให้ในสิ่งที่เขาต้องการได้เลยจนเขาได้รับจากคนอื่น

เพราะงั้นผมจึงอยากจะช่วยทำให้แววตาคู่นี้เปลี่ยนไป

ระหว่างที่ก้านมาทำงานให้ผม ผมเองก็ตามสืบเรื่องที่บ้านของเขามากขึ้นจนรู้ว่าก้านมีพี่สาว1คนและไม่เคยเห็นพ่อในบ้านเลยด้วย

"คุณท่านครับ"
ผมเลิกคิ้วแปลกใจเมื่อกลับมาถึงบ้าน2ทุ่มครึ่งชัชก็รีบปรี่เข้ามาหาผมตั้งแต่หน้าประตูด้วยสีหน้าที่เป็นกังวล

"มีเรื่องอะไร"
ผมถามแล้วเดินไปทิ้งตัวนั่งที่โซฟา ปกติชัชจะกลับหลังจากที่ไปส่งก้านที่บ้านแล้วแต่นี่ยังไม่กลับหมายความว่ายังไง เด็กนั่นยังไม่กลับหรือ

"เมื่อสักครู่ก่อนที่คุณท่านจะกลับมา คุณหนูแกตื่นแล้วนอนไม่หลับเรียกหาแต่คุณก้านอย่างเดียวผมจึงกลับไปรับคุณก้านที่บ้านครับ"
หือ……..เรียกหาแต่ก้านอย่างนั้นหรอ แอบปวดใจนิดๆที่ไม่ใช่คนที่ลูกเรียกหาแต่ก็เบาใจที่เข้ากับก้านใบได้ดี

"แล้วมาไหม"
ผมหันไปถาม รู้สึกสนใจจนตัวเองก็แปลกใจเหมือนกัน

"ตอนนี้อยู่ในห้องกับคุณหนูครับ"
มาสินะ เด็กคนนั้นตามใจลูกผมมากเกินไปแล้วเป็นเพราะผมขู่ไว้หรือเปล่า

“นี่หรอเรื่องที่จะบอกฉัน”
ไม่เข้าใจว่าชัชจะทำหน้าตาเป็นกังวลทำไมกับอีเรื่องแค่นี้

“คุณก้านทะเลาะกับคนที่บ้านรุนแรงมากเลยครับ เหมือนคุณก้านจะเป็นห่วงคุณหนูมากจนรีบออกมาทำให้คนที่บ้านไม่พอใจ”
ผมพยักหน้าเหมือนว่าไม่ใส่ใจเท่าไหร่ทั้งที่ในใจของผมกลับพึงพอใจจนน่าโมโห พยายามบอกตัวเองว่ามันไม่ใช่เรื่องดีเพราะทำให้ก้านมีปัญหาแต่ความพอใจก็ชนะทุกอย่าง มุมปากของผมที่ยกขึ้นนี่แหละเป็นหลักฐาน เด็กคนนั้นคงจะให้ความสำคัญกับคิวปิดมาก แบบนี้แหละดีจะได้หมดห่วงไปอีกเปราะหนึ่ง

“พรุ่งนี้เช้านายไปคุยกับที่บ้านนั้นแล้วกันเรื่องงานของก้าน อย่าให้มีปัญหาแบบนี้เกิดขึ้นอีก ฉันเป็นเจ้านายพอรู้แบบนี้ก็ไม่สบายใจ”
แอบเอานิ้วไขว่กันแล้วทำเป็นปลดเนคไทเนียนๆ ตลกตัวเองชะมัด

“รับทราบครับ”
ชัชก้มหัวให้ผมเล็กน้อยเป็นการรับคำสั่งแต่สายตาของเขามองผมเหมือนแปลกใจและกำลังจะพูดอะไรสักอย่าง

“เมื่อไหร่จะออกมา”
ผมพูดแล้วทำทีมองขึ้นไปที่ชั้นบน ชัชหรี่ตาลงอย่างจับผิดแต่ก็ต้องยอมแพ้เพราะคราวนี้ผมตีหน้าขรึมไปเลย

“เดี๋ยวผมไปตามให้ครับ”
คนสนิททำท่าว่าจะลุกขึ้น แต่ผมห้ามไว้

“ฉันไปเอง นายกลับได้แล้ว”
เลยเวลาเลิกงานของชัชมามากแล้วเพราะงั้นเรื่องแค่นี้ให้ผมจัดการเองจะดีกว่า

“ราตรีสวัสดิ์ครับคุณท่าน”
ทั้งบ้านตกอยู่ในความเงียบอีกครั้งเมื่อชัชเดินหายออกไปจากบ้าน ผมคลายเนคไทออกอย่างจริงจังและปลดกระดุมเม็ดบนอย่างที่ชอบทำ เหมือนจะติดเป็นนิสัยมากกว่าทำให้ตัวเองรู้สึกสบาย ก่อนจะค่อยๆเดินขึ้นไปชั้นบนของบ้าน ตรงไปยังห้องที่มีป้ายที่เขียนขึ้นมาเองด้วยสีเทียนติดตรงหน้าประตูว่า ‘Cupid’ เป็นป้ายที่ผมไม่ได้สังเกตว่ามีมาติดตั้งแต่เมื่อไหร่

ประตูถูกเปิดออกอย่างเบามือ แสงไฟจากข้างนอกส่องเข้าไปในห้องไม่ได้สว่างมากแต่ก็พอทำให้มองเห็นภาพตรงหน้าได้อย่างชัดเจน คิวปิดนอนหลับอยู่บนเตียงโดยที่มือน้อยๆนั่นกำนิ้วของก้านที่นั่งขัดสมาธิอยู่ข้างเตียง ใบหน้าของก้านฟลุบลงกับที่นอนเห็นได้ชัดว่าหลับทั้งคู่ เป็นภาพที่ไม่ค่อยได้เห็นเท่าไหร่เพราะผมไม่ได้เข้ามาดูลูกบ่อยๆ

ไม่ได้เข้ามาดูเลยดีกว่า!

‘แล้วหน้าที่ของคุณล่ะครับ’
คำของก้านดังเข้ามาในหัว ครั้งแรกที่ได้ฟังยอมรับว่าฟีลขาดจริงๆเพราะทุกวันนี้ผมก็ทำหน้าที่อย่างดีที่สุดไม่ให้ขาดตกบกพร่องสักอย่าง

………..หรือเปล่า

ผมขยับเข้าไปในห้อง ในตอนแรกว่าจะปลุกพี่เลี้ยงหน้าอ่อนนี่ให้ไปนอนอีกห้องนึงเพราะเวลานี้ถ้ากลับบ้านไปอาจจะไม่ได้นอนแน่ แต่มือเล็กๆที่กำนิ้วมือของก้านไว้แน่นก็ทำให้ผมเปลี่ยนใจเป็นอุ้มร่างผอมขึ้นไปนอนบนเตียงข้างๆกับคิวปิดแทน

ขอบใจนะที่ดูแลลูกชายของฉันเป็นอย่างดี ฉันแค่หวังว่าเขาจะโตขึ้นมาและไม่ใช้ชีวิตแบบฉันเท่านั้น ชีวิตที่ไม่มีความสุขเลย




“แย่แล้วครับคุณท่าน”
สีหน้าของชัชแย่อย่างที่เขาพูดจริงๆนั่นแหละ ผมกดปิดลู่วิ่งแล้วเดินลงมาคว้าน้ำขึ้นดื่ม

“เรื่องก้าน?”
ผมพูดพร้อมกับเลิกคิ้วขึ้นนิดหน่อย ถ้ามีเรื่องแต่เช้าแบบนี้ก็คงจะมีแค่เรื่องก้านเรื่องเดียว

“ครับ ผมไม่รู้ว่าเมื่อคืนเกิดอะไรขึ้นอีกหลังจากที่คุณก้านออกมาแล้ว แต่ตอนนี้ข้าวของของคุณก้านส่วนหนึ่งกองอยู่ที่หน้าบ้านแล้วครับ”
ผมหันไปสบตากับชัชด้วยความรู้สึกที่อธิบายไม่ถูก กล้าไล่ลูกชายของตัวเองออกจากบ้านเลยงั้นหรอ

“ฉันจะไปคุยเอง นายไปบอกแม่บ้านให้เตรียมอาหารเช้าเถอะ จากนั้นก็ไปพักได้”
เป็นการจบสนทนาช่วงเช้าระหว่างผมกับคนสนิท
มื้อเช้าผ่านไปด้วยดี ลูกชายของผมร่าเริงแจ่มใสกว่าปกติเมื่อพี่เลี้ยงคนโปรดอยู่ทานอาหารเช้าด้วย ถึงแม้จะมีหัวเราะกันคิกคักในเวลาทานอาหารแต่ผมก็ไม่กล้าจะไปขัดเวลาที่เห็นลูกมีความสุขแบบนี้เลย

เป็นเสียงหัวเราะที่ผมไม่ค่อยได้ยินเท่าไหร่ ผมทำเป็นนั่งนิ่งไม่สนใจทั้งๆที่แอบฟังเสียงเจื้อยแจ้วนั้นทุกคำ ใจผมเต้นแรงอีกครั้งบ่งบอกว่าผมกำลังมีความสุขแต่มีบางอย่างบอกผมว่าให้ผมนั่งอยู่เฉยๆ……..อย่าเข้าไปเป็นส่วนหนึ่งในบทสนทนาเลย




“เป็นอะไร”
ผมถามเมื่อสังเกตอาการคนข้างๆมาสักพัก ก้านเอาแต่นั่งกัดริมฝีปากตัวเองตั้งแต่ผมขับรถพาออกมาจากบ้าน มือเล็กบีบกันจนขึ้นรอยแดงดูออกได้เลยว่ากำลังคิดมากอยู่ แต่ผมก็เลือกที่จะถามทั้งๆที่รู้อยู่แก่ใจว่าก้านเป็นอะไร

“แม่กับพี่แก้วต้องโกรธมากแน่เลยครับ”
น้ำเสียงเป็นกังวลจนไม่ต้องมองหน้าก็รู้ว่าตอนนี้เจ้าตัวทำสีหน้าแบบไหนอยู่ ผมยักไหล่มองตรงไปยังเส้นทางเบื้องหน้า อยากให้ถนนเส้นนี้มันยาวขึ้นอีกสักหน่อย………..ผมแค่อยากจะยืดเวลาที่จะต้องเห็นน้ำตาของก้านออกไปเท่านั้น

“ครอบครัวไม่ใช่ทุกอย่างหรอกนะ โดยเฉพาะครอบครัวห่วยๆ”
ผมพูดออกไปอย่างใจคิด เป็นคำพูดที่น้องชายคนเล็กพูดใส่หน้าผมตอนที่เขาตัดสินใจออกไปอยู่คนเดียวข้างนอก

ผมเคยไม่เข้าใจความคิดแบบนี้ แต่เวลาที่ผ่านมามันทำให้ผมเข้าใจอย่างลึกซึ้งเลย แต่ถึงอย่างนั้นผมก็อยากบอกเหลือเกินว่าผมรักครอบครัวของผมแค่ไหน และถ้ามันพูดออกไปง่ายๆผมกับน้องคงไม่เป็นแบบนี้

“ผมแค่อยากเป็นที่รักบ้าง ถึงคนที่มหา’ลัยจะไม่ชอบผมแต่ก็อยากให้คนที่บ้านรัก”
เป็นเรื่องยาก เจ้าตัวเองก็รู้แต่แค่หวังว่าสักวันนึงจะเป็นที่ต้องการของบ้านหลังนั้น แน่นอนว่ามันไม่ใช่วันนี้แน่เพราะหากเป็นที่ต้องการจริงคงไม่มีข้าวของวางกองอยู่ตรงหน้ารั้วบ้านนั่น

ไม่ต้องหันไปมองก็รู้ว่าคนข้างตัวผมช็อคสุดขีดรีบเปิดประตูรถแล้ววิ่งเข้าบ้านทันทีที่รถจอดสนิท ผมนั่งรออยู่ในรถเฉยๆคอยสังเกตการณ์ไม่อยากเข้าไปยุ่งเรื่องของครอบครัวคนอื่นมากแต่พอคิดแบบนี้ก็แอบแปลกใจว่าผมจะมากับเด็กนี่ด้วยทำไมถ้าไม่อยากยุ่ง

ผมหลุดออกจากความคิดอีกครั้งเมื่อเห็นก้านโดนผลักออกมาจากบ้าน หญิงคนหนึ่งน่าจะเป็นแม่เดินออกมาตบก้านใบเสียหน้าหัน ผมตกใจจนรีบเปิดประตูรถลงไป

“อย่ากลับมาให้ฉันเห็นหน้าอีก แกมันน่าขายหน้า ชั่วช้าเหมือนพ่อแกไม่ผิด”
แอบหน้าชาหน่อยๆในฐานะที่เป็นพ่อคนแล้ว

“แล้วแม่รักผมได้เท่าที่พ่อรักผมไหม”
ผมเดินเข้าไปหยุดอยู่ข้างหลังของก้าน คนแม่เห็นผมแล้วแต่พูดอะไรไม่ออกท่าทางเดือดดานมากกว่าเมื่อกี้ ตอนนี้เธอคงกำลังคิดเรื่องบัดซบอยู่แน่ๆ ‘ขายตัวให้เสี่ย’ ลือกันออกมาได้ ท่าทางของผมเหมือนเสี่ยมากหรือไงหรือไม่ว่าใครจะมีตังค์ก็คือเสี่ยหมด?

“ถ้ามันรักแกแล้วทำไมไม่เอาแกไปด้วยล่ะ”
ลมหายใจของก้านสะดุดไปช่วงหนึ่งเหมือนเพิ่งคิดถึงความจริงข้อนี้ขึ้นมาได้
เหมือนผมมาอยู่ผิดที่ผิดทาง ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าควรจะทำยังไงกับสถานการณ์ร้ายแรงตรงหน้านี้ดี

"ถ้าไม่มีผมแม่จะมีความสุขใช่ไหม ที่ผมยังอยู่ตรงนี้ผมก็เป็นแค่ภาระที่แม่ไม่ต้องการ ถ้างั้นแม่ทำให้ผมเกิดมาทำไม!"
ก้านพูดด้วยน้ำเสียงสะอื้น มือเล็กยกขึ้นปาดป้ายน้ำตาออกจากใบหน้าแต่ดูเหมือนยิ่งปาดน้ำตาก็ยิ่งไหลลงมาไม่หยุด คนเป็นพ่อคนแล้วแบบผมเห็นแล้วปวดใจจนต้องยกมือขึ้นไปจับไหล่บางนั่นเบาๆ อยากให้บทสนทนามันจบลงแค่นี้เพราะผมไม่อยากฟังประโยคร้ายแรงของผู้หญิงตรงหน้านี้เลย

แม้ใบหน้าของเธอจะนิ่งสงบแต่ผมคิดว่าเธอแค่พูดไม่ออกมากกว่า………….มีเหตุผลจำเป็นบางอย่างที่ต้องปล่อยให้ก้านเกิดมาสินะ เหตุผลบางอย่างที่ตอนนี้ไม่จำเป็นแล้ว

"พอเถอะ ไปได้แล้ว"
หัวใจของผมเจ็บปวดเพียงแค่คิดว่าผู้หญิงคนนี้กลายเป็นผมและก้านที่ยืนร้องไห้อยู่นี่คือคิวปิด ผมยกมือบีบไหล่เล็กที่ตอนนี้เหมือนกำแพงดินที่พังทลายจากการโดนน้ำซัดมาเป็นเวลาหลายปี ก้านใบหันกลับมาดึงแขนผมเข้าไปกอดแล้วปล่อยโฮออกมาเสียงดัง ตัวผมก็ตกใจแต่ก็ยืนให้เด็กมันกอด ในเวลาแบบนี้ก็คงต้องยอมไปก่อน

"แกมันหน้าไม่อาย วิปริต"
ผมละสายตาจากก้านไปมองคนแม่ที่ยืนตัวสั่นด้วยความโกรธ ผมส่ายหน้าเบาๆ

"คนที่เลี้ยงลูกเหมือนสัตว์เลี้ยงอย่างเธอต่างหากที่หน้าไม่อาย"
กับคนแบบนี้ผมไม่อยากเสวนาด้วยเยอะเพราะนอกจากจะไม่มีผลประโยชน์แล้วยังทำให้สุขภาพจิตเสียอีก ผมดึงก้านที่ยังร้องไห้ไม่หยุดให้กลับมาขึ้นรถก่อนจะโทรหาลูกน้องคนสนิทอีกคนให้มาขนของของก้านไปไว้ที่บ้านก่อน ยังไงซะเรื่องนี้ผมก็มีส่วนผิดด้วยนิดหน่อย(นิดหน่อยจริงๆ) เพราะงั้นเรื่องท้ังหมดที่เกิดขึ้นผมจะรับผิดชอบเอง

แต่ว่ายังไงก็คิดไม่ผิดตั้งแต่แรกที่อยากยื่นมือมาช่วย…………...

"ผมไม่เข้าใจเลยว่าทำไมผมถึงเจ็บปวดแบบนี้"
เมื่อเริ่มสงบสติอารมณ์ได้ก้านก็พูดพึมพำออกมา

“ทำไมทุกคนถึงเกลียดผม ทำไมถึงโทษว่ามันเป็นความผิดของผม ผมพยายามแล้วคุณลูฟ พยายามจนเหนื่อยจนรู้สึกว่าควรพอได้แล้ว”
ผมปลอบคนไม่เก่ง ไม่รู้ว่าสิ่งที่พูดไปจะทำให้ดีขึ้นหรือแย่ลงเพราะฉะนั้นสิ่งที่ผมทำได้คือฟังเงียบๆและพาก้านออกมาจากตรงนั้น

“หิวหรือเปล่า”
คำถามที่โคตรไร้สาระเพราะว่าก่อนจะออกมาเราทานข้าวกันไปแล้ว ก้านถอนหายใจออกมาเบาๆทำให้ผมรู้สึกวุ่นวายใจเข้าไปใหญ่ มันเกิดอะไรขึ้นกับผมกันนะ

“ฉันหมายถึงเธออาจจะอยากทานของหวาน แบบชานมไข่มุกไหม ฉันเห็นวัยรุ่นสมัยนี้ชอบทานกัน”
ก้านหันมามองผมด้วยสายตาที่เปลี่ยนไป ยังหม่นหมองอยู่แต่เห็นได้ชัดเลยว่าแปลกใจมากกว่า

“ทําไม?”
จนผมอดที่จะถามออกไปไม่ได้

“เปล่าครับ เอาอย่างที่คุณว่าก็ได้ แต่ว่าซื้อไปเผื่อคิวปิดด้วยนะครับเอาแบบไม่ใส่ไข่มุกก็ได้”
ผมไม่ค่อยปล่อยให้ลูกกินของแบบนี้เท่าไหร่เพราะกลัวว่าจะมีปัญหากับสุขภาพ อยากให้ลูกแข็งแรงมีชีวิตยืนยาว ซึ่งมองสายตาของก้านตอนนี้ผมอาจจะกังวลไปเกินเหตุก็ได้

“ก็ได้”
ใบหน้าของก้านเผยรอยยิ้มครั้งแรกหลังจากน้ำตาแห้งไป เรื่องที่โดนไล่ออกจากบ้านสามารถเยียวยาได้ด้วยชานมไข่มุกหรอเนี่ย แปลกคน

“คุณก็รักคิวปิดออกขนาดนั้น ทำไมไม่บอกน้องล่ะครับ”
ผมตอบอะไรไม่ได้ ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมผมถึงไม่แสดงออกให้มากกว่านี้ว่ารักลูกชายคนเดียวจนหมดหัวใจ แต่วินาทีนั้นภาพของพ่อก็กลับเข้ามาในหัวของผม.........มันรู้สึกเจ็บปวด

“แม้โลกจะโหดร้ายกับผมแค่ไหนแต่สิ่งเดียวที่ทำให้ผมรู้สึกปลอดภัยคือพ่อนะครับ ผมพร้อมจะให้ความอบอุ่นกับคิวปิดแต่ผมอยากให้น้องได้รับมันจากคุณมากกว่า”
ผมหันไปจ้องตากับคนข้างๆ อยากจะบอกว่าพ่อของแต่ละคนไม่เหมือนกัน ไม่เหมือนสักนิดกับพ่อของผม

“ยังไงวันนี้ก็ขอบคุณมากนะครับ ต่อไปนี้คุณคงจะเป็นเซฟโซนหนึ่งเดียวของผม”
หรือว่าผมจะมีลูกชายเพิ่มมาอีกคนกันล่ะเนี่ย


๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐
เมื่อไหร่จะรักกันซักที!!! อย่าว่าแต่คนอ่านรอ คนเขียนก็รออยู่นะโว้ย
แฮ่ๆ ระหว่างนี้ความรู้สึกบางอย่างอาจจะกำลังก่อตัวนะคะ(ซึ่งก็คือความรู้สึกหมดแรงบันดาลใจของคนเขียนนั่นเอง) อดีตของแต่ละคนก็เย๊ออออ เยอะ ฮ่วยๆ
ปล.ไม่สายจ่ะวันนี้มาวันอาทิตย์จิมๆอิอิ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 28-12-2019 01:38:42 โดย yai feel »

ออฟไลน์ Leenboy

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3095
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +105/-2
Re: Mr.Lucifer คุณพ่อปีศาจ {ตอนที่ 5} 08/12/62
«ตอบ #37 เมื่อ09-12-2019 01:34:42 »

จับปล้ำเลย จะได้รักกันสักที55555

ออฟไลน์ no.fourth

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 889
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +36/-1
Re: Mr.Lucifer คุณพ่อปีศาจ {ตอนที่ 5} 08/12/62
«ตอบ #38 เมื่อ09-12-2019 09:19:24 »

 :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ ซีเนียร์

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 778
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-0
Re: Mr.Lucifer คุณพ่อปีศาจ {ตอนที่ 5} 08/12/62
«ตอบ #39 เมื่อ10-12-2019 17:31:17 »

รอตอนต่อไปจ้า

 :L2: :pig4: :L2:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: Mr.Lucifer คุณพ่อปีศาจ {ตอนที่ 5} 08/12/62
« ตอบ #39 เมื่อ: 10-12-2019 17:31:17 »
ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ yai feel

  • Why?
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 125
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +67/-2
Re: Mr.Lucifer คุณพ่อปีศาจ {ตอนที่ 6} 22/12/62
«ตอบ #40 เมื่อ22-12-2019 16:35:45 »

ตอนที่6
สูญเสียทุกอย่างเพื่อได้บางอย่าง

ไม่เหลืออะไรอีกแล้วแม้กระทั่งบ้าน ภายในเวลาไม่กี่เดือนผมกลายเป็นผู้ชายอายุ20ที่ไม่เหลืออะไรเลย ล้มเหลวที่สุดในชีวิต ไม่มีเพื่อนที่จริงใจ ไม่มีครอบครัว ไม่มีบ้าน เหลือเพียงงานพี่เลี้ยงเด็กเท่านั้นที่พอจะทำให้ผมมีเงินใช้และมีที่อยู่

ต้องถือว่าเจ้านายของผมใจดีกับผมมากที่เข้าใจปัญหาที่เกิดขึ้นกับผมในตอนนี้และให้ผมไปพักอยู่ที่บ้านของเขาก่อนได้ หากแม่ใจเย็นขึ้นเมื่อไหร่เขาจะพาผมไปที่บ้านหลังนั้นอีกครั้ง………...บางทีถ้าผมหายไปแม่อาจจะต้องการผมขึ้นมาบ้าง

ส่วนคุณลูฟเขาอาจจะใจดีกับพี่เลี้ยงเด็กทุกคนก็ได้แต่สำหรับผมมันยิ่งใหญ่มาก ผมจึงจะตอบแทนเขาด้วยการทำงานให้หนักเพื่อเป็นประโยชน์มากที่สุด

“น้อง”
ผมเดินออกมาจากตึกเรียนหลังจากเรียนเสร็จและกำลังจะเดินทางกลับบ้านแต่เสียงเรียกของบางคนทำให้ผมหันกลับไป

“หาตัวยากมากแม่ คือต้องดักรอหน้าตึกอะถึงจะเจอตัว”
พี่ผู้หญิงที่หน้าคุ้นมากๆคนหนึ่งเดินเข้ามากับพี่ผู้ชายอีกคน

“ครับ?”
ผมทำหน้างงเมื่อพี่เขาพูดเหมือนอยากจะเจอกับผมมาก แต่ก็อย่างที่พี่เขาพูดแหละว่าผมหายตัวเร็วยิ่งกว่านินจาโคโนฮะ เลิกเรียนแล้วก็กลับบ้านไม่ก็ไปรับคิวปิดที่โรงเรียน ทุกคนจะไม่มีวันได้เจอไอ้ก้านนอกจากในห้องเรียน

“จำพี่ได้ไหม”
ผมส่ายหัวทันทีไม่เสียเวลานึกด้วยซ้ำ ไม่ว่าพี่เขาจะเป็นใครก็ตาม ผมไม่อยากรู้จักและเสวนาด้วย

“เฮ้ยๆ อย่าเดินหนีพวกพี่สิ”
พี่ผู้หญิงวิ่งมาดักหน้าผม

“พี่ชื่อมิวนะส่วนนี่กันต์ศิลปกรรมปี4 เป็นรุ่นน้องพี่ผ้าใบ”
ผมพยักหน้ายังคงไม่ไว้ใจและเว้นระยะห่างอยู่ดี พี่ผ้าใบเป็นคนดีก็จริงแต่ไม่ได้หมายความว่าคนรอบข้างของเขาจะดีด้วย

“โหไรอะ มองแบบนี้ด่าพี่เลยเหอะ”
พี่กันต์พูดแล้วย่นจมูกงอนๆ น่ารักมากครับ…...น่ารักจนอยากเอาไม้กั้นประตูมาฟาดแต่ก็ทำได้แค่คิด

“ขอโทษด้วยครับพอดีผมไม่ไว้ใจคนอื่นเท่าไหร่”
ผมพูดขอโทษไปตรงๆแม้ว่าตัวเองจะไม่เคยได้รับคำขอโทษจากใครนักก็ตาม แต่การโดนกระทำจากสิ่งรอบข้าง ไม่ได้หมายความว่าผมมีสิทธิ์ไปกระทำคนอื่นนี่นา

“พี่เข้าใจ เราไปหาที่นั่งคุยกันเถอะ”
ผมถอยหลังมาโดยอัตโนมัติเมื่อแขนเล็กๆของพี่มิวจะยื่นมาจับแขนของผม เราทั้งสามคนทำสีหน้าไม่ถูก ผมเองก็ตกใจกับสิ่งที่เกิดขึ้นเหมือนกัน

“ขอโทษครับ ผมไม่ค่อยชินกับการโดนคนอื่นสัมผัส”
เพราะการได้รับสัมผัสจากคนอื่นคือความเจ็บปวด ทั้งฝ่ามือที่กระทบลงบนแก้มหรือเล็บที่ขีดข่วนลงบนตัวของผม

“พี่รู้ว่าเราโดนมาเยอะแต่เชื่อใจพวกพี่เหอะ เดี๋ยวพี่คอลหาพี่ผ้าเลย”
พูดจบพี่มิวก็หยิบโทรศัพท์ออกมากด

[ว่าไง]
เสียงพี่ผ้าดังออกมาจนทำให้ผมคลายกังวลลงนิดหน่อย

“มิวจะพาน้องไปกินติม แต่น้องไม่ยอมไปอะพี่ผ้า”
พี่มิวพูดแล้วทำเสียงงอแงดูน่ารัก

[ก็มึงมันน่าคบหาที่ไหนล่ะมิว นี่กูยังหลอนที่มึงตามถ่ายรูปกูอยู่เลย ไม่พอยังจะมาถ่ายรูปลูกกูอีก กูจะแจ้ง!]
ผมแอบหลุดขำออกมานิดหน่อยเมื่อเสียงพี่ผ้าคือเล่นใหญ่มาก

“พี่ผ้า มิวโทรมาให้ช่วยพูดไม่ได้ให้บอกข้อเสีย เดี๋ยวน้องกลัวกว่าเดิม”
ถึงพี่มิวจะพูดแบบนั้นแต่ผมก็คลายกังวลเรื่องจะโดนหลอกไปตบแล้วล่ะ

[เออๆ ขอคุยกับน้องหน่อย]
พี่มิวยื่นโทรศัพท์ที่วิดิโอคอลกับพี่ผ้ามาให้ผม ผมยื่นมือออกไปรับอย่างเสียไม่ได้ พี่ผ้าใบอยู่ในสภาพที่หน้าเปื้อนสีเล็กน้อย เสื้อกล้ามสีขาวเปรอะไปด้วยสีเป็นหย่อมๆ เพิ่งเห็นในลุคนี้เหมือนกันนะเนี้ย ปกติจะดูเรียบร้อยหน่อยแต่แบบนี้ก็เข้ากับหน้าซนๆของพี่ผ้าดี

[น้องก้าน สองคนนี้เป็นรุ่นน้องของพี่สมัยเรียนมหา’ลัย ไว้ใจพวกมันได้ถึงจะดูแปลกๆก็เหอะ]
พี่ผ้าพูดแล้วพยายามป้ายสีออกจากหน้าโดยใช้กล้องที่เปิดอยู่เป็นกระจก แต่มันกลับเปื้อนไปเป็นทางหนักกว่าเดิม ใบหน้าน่ารักเริ่มยุ่งเหยิงด้วยความหงุดหงิด

“ครับๆ ผมไปกินไอติมกับพี่ๆเขาก็ได้ พี่ผ้าไปล้างหน้าเถอะครับ”
ผมรีบตัดบทก่อนที่เจ้าตัวจะหงุดหงิดไปมากกว่านี้

[โอเคๆ เออพี่อยากจะบอกก้านอย่างนึงนะ]

“ครับ”
ผมเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย

[การเงียบบางทีก็ไม่ใช่คำตอบที่ดีที่สุด พี่ยังอยากรู้ความจริงของก้านอยู่นะ]
ผมเม้มปากเมื่อพี่ผ้าพูดจบ หันไปมองพี่กันต์กับพี่มิวที่ยืนส่งยิ้มบางๆมาให้ก็พอจะรู้ว่าพี่ผ้าหมายถึงอะไร

“ถ้าทุกคนรู้ เรื่องที่เกิดกับผมจะเปลี่ยนไปไหม”
ผมถามด้วยความอยากรู้จริงๆ เพราะตอนนี้ผมก็เหมือนนักโทษที่ศาลตัดสินว่าเป็นคนผิดจริงไปแล้ว

[ไม่จำเป็นต้องให้เรื่องราวมันเปลี่ยนหรอกเพราะเราเปลี่ยนทัศนคติของใครไม่ได้ แต่เก็บไว้คนเดียวจะดีหรอก้าน]
ไม่มีความคิดว่าจะบอกใครเหมือนกันนะ ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกันว่าทำไมไม่ยอมพูดออกไป หรือเพราะรู้อยู่แล้วว่าจะไม่มีใครเชื่อผม

“พี่เป็นประธานอาวุโสในกลุ่มกระจายข่าวที่เร็วที่สุดในมหาลัยนะก้าน”
พี่มิวพูดแล้วยักคิ้วให้ผมเก๋าๆ

“พี่ว่าบอกความจริงให้ทุกคนรู้ดีกว่า คนไม่ผิดไม่จำเป็นต้องยืนรับก้อนหินที่คนอื่นปาใส่หรอก”
พี่กันต์พูดเสริม ผมแปลกใจเล็กน้อยที่พี่ๆเขาเชื่อว่าผมไม่ได้เป็นแบบที่เขาลือกัน ทำไมล่ะ? เพราะผมน่าสงสารหรือเปล่า

[ใช่ ก่อนหน้านี้ก้านไม่มีใครก็จริงแต่ตอนนี้ก้านมีพวกพี่และพี่จะไม่ยอมให้เรื่องแบบนี้เกิดขึ้นกับใครก็ตามที่พี่รู้จัก เข้าใจไหม]
สีหน้าของพี่ผ้าดูจริงจังขึ้นจนแทบจะกลายเป็นคนละคน

“ขอบคุณพี่ๆมากนะครับ ขอบคุณจริงๆ”

[เออๆ ไปกินติมกับพวกนั้นเถอะ พี่จะทำงานต่อแล้ว]
ผมตอบรับนิดหน่อยก่อนสายจะถูกตัดไป

“ทีนี้จะไปกับพวกพี่ได้หรือยัง”
พี่กันต์ถามพร้อมกับเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อยอย่างหล่อๆ

พวกเราย้ายกลุ่มกันมานั่งที่คาเฟ่เล็กๆหน้ามหา’ลัย พี่กันต์กับพี่มิวคุยสนุกมาก รับส่งมุกกันสนุกสนาน ทำผมหัวเราะจนแทบหมดลมหายใจ……..ไม่ได้รู้สึกสนุกแบบนี้มานานเท่าไหร่แล้วนะ ในวันที่ไม่ต้องกังวลว่ากลับบ้านช้าจะโดนแม่ด่าหรือเปล่า ในวันที่ไม่ต้องแคร์ว่าใครจะมองว่าผมเฟคหรือแกล้งทำตัวซื่อบื้อ ในวันที่ผมไม่เหลือทุกสิ่งทุกอย่างนี่อาจจะเป็นสิ่งดีๆที่เข้ามาในชีวิตก็ได้

“อ้าวพี่มิวพี่กันต์ สวัสดีค่ะ”
บทสนทนาที่กำลังสดใสถูกหยุดลงเมื่อมีนักศึกษาสาว3คนเดินผ่านแล้วหยุดทักทายรุ่นพี่ที่ร่วมโต๊ะกับผม

“หวัดดีค่าน้องดาว น้องกิ๊ฟ น้องเช่ เพิ่งมาหรือกำลังจะกลับเนี่ย”
พี่มิวถามกลับด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม เป็นคนมีสัมพันธไมตรีที่ดีกับคนอื่นมากจริงๆ

“กำลังจะกลับค่ะ แล้ว…….”
คนที่ยืนอยู่ข้างหน้าสุดหยุดพูดแล้วค่อยๆปรายตามามองผมที่นั่งอยู่ตรงข้ามกับพี่กันต์

“น้องก้านบัญชีปี2 รู้จักไหม”
พี่กันต์เป็นคนตอบแทนเพราะพี่มิวนั่งท้าวคางส่งยิ้มให้พี่ๆเขาอย่างเดียวไม่ได้พูดอะไร

“รู้จักดีเลยค่ะพี่กันต์ แล้ว……..พี่มิวไม่รู้จักหรอคะ ก้านใบบัญชีปี2”
เธอตอบพี่กันต์ก่อนประโยคหลังจะหันมาพูดเน้นกับผม ผมเผลอกัดปากเมื่ออยู่ในช่วงเวลาที่อึดอัด ผมกลัวว่าจะได้ยินประโยคใจร้ายจากพี่ๆทั้งสองคน

“พี่ก็เพิ่งได้คุยกับก้านนี่แหละ น้องคุยสนุกดี”
พี่มิวยังคงพูดไปยิ้มไปเหมือนเดิม

“ว่าแต่ดาวบอกว่ารู้จักก้านดีหรอ รู้ไหมว่าก้านเกิดวันที่เท่าไหร่”
พี่กันต์พูดต่อจากพี่มิว ทั้งคู่หันมาสบตากันแล้วยักคิ้วส่งซิกบางอย่างที่ผมไม่เข้าใจ

“นั่นสิ รู้หรือเปล่าว่าก้านชอบทานอะไร”
ดูเหมือนว่าสองเพื่อนซี้จะกำลังทำอะไรบางอย่างที่ดูสนุก เพราะยิ้มไม่หุบเลยทั้งคู่

“หนูจะไปรู้ได้ไงพี่ ไม่ได้สนิทขนาดนั้นปะ อีกอย่างข่าวของนางดังจะตายไม่มีใครไม่รู้หรอกว่านางทำวีรกรรมอะไรไว้”
ผมชักจะโมโหขึ้นมาซะแล้วสิ พูดอะไรหัดเกรงใจกันหน่อย ผมไม่ได้ต่อว่าอะไรพวกเธอเลยสักคำทำไมมาทำตัวเสียมารยาทกับผมอย่างงี้ล่ะ

“ดาว ถ้าข่าวนั่นมันไม่ใช่เรื่องจริงขึ้นมา ดาวจะรู้สึกยังไงที่ทำลายชีวิตน้องมันด้วยน้ำลายของตัวเอง”
พี่มิวพูดด้วยสีหน้าจริงจังขึ้น น้ำเสียงก็ดุขึ้นจนผมต้องหันกลับมามองหน้าพี่เขา ดุจริงๆแฮะ ไม่มีรอยยิ้มที่บ่งบอกว่าล้อเล่นเลยสักนิด

“แต่ใครๆก็พูดว่าก้านมันมีคนอื่นเลยทิ้งพี่ฟาน”
พี่อีกคนแย้งแทนเพื่อน

“แล้วไหนคนอื่นของก้านล่ะ”
พี่กันต์เองก็เริ่มพูดด้วยน้ำเสียงนิ่งๆ ผมเริ่มตื้นตันใจ พยายามกลั้นน้ำตาที่กำลังคลออยู่ตรงกระบอกตา ความรู้สึกที่โดนปกป้องมันดีแบบนี้สินะ….มันดีจริงๆ

“ถ้าน้องมันพูดบ้าง พวกแกจะเชื่อน้องมันไหม”
ทั้งโต๊ะเกิดความเงียบขึ้นเมื่อพี่มิวพูดจบ รู้สึกถึงแรงกดดันที่ลอยอยู่ในอากาศ

“ก้าน พูดมาสิว่ามีคนอื่นจริงไหม”
พี่มิวหันมาถามผมเมื่อเห็นว่าบรรยากาศมันเริ่มจะเงียบและอึดอัดมากเกินไป

“เปล่าครับ”
ผมตอบไม่เต็มเสียงเพราะพยายามจะกลั้นน้ำตา

“พี่ไม่ได้ยินครับ”
พี่กันต์ทำท่าเอียงคอมาฟัง ผมใช้หลังมือปาดน้ำตาที่ไหลลงมาจนได้ออกจากแก้มลวกๆ

“ผมไม่ได้มีคนอื่นและไม่ได้เป็นคนบอกเลิกพี่ฟานด้วย”
แค่ประโยคเดียวจริงๆที่ไม่สามารถบอกใครได้เลยเพราะผมไม่รู้ว่าผลที่จะตามมาเป็นยังไงและผมจะสามารถรับมันไหวหรือเปล่า

“พวกแกจะไม่เชื่อก็ได้นะ แต่บอกเลยว่าพวกพี่เชื่อก้านว่ะ”
พี่กันต์พูดแล้วก้มลงดูดน้ำปั่นที่เหลืออยู่ครึ่งแก้ว เขาช้อนตาขึ้นมามองผมที่นั่งฝั่งตรงข้ามแล้วยักคิ้วให้ตามสไตล์ ทำเอาผมเขินจนไม่รู้จะเอามือไม้ไปไว้ตรงไหนเลย

“ไม่ต้องมารู้จักก้านดีก็ได้ ไปทำความรู้จักไอ้ฟานให้ดีก่อนแล้วพวกแกจะเข้าใจเรื่องที่มันกำลังเกิดขึ้นตอนนี้”
พี่มิวพูดจบก็ส่งยิ้มไปหนึ่งที

“ไอ้ฟานมันไม่ได้เป็นแบบที่พวกแกเห็นหรอกนะ จำคำพี่เอาไว้”

๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐

‘ไอ้ฟานมันไม่ได้เป็นแบบที่พวกแกเห็นหรอกนะ จำคำพี่เอาไว้’
ที่พี่กันต์พูดมันหมายถึงอะไรนะ พวกพี่เขารู้งั้นหรอว่าจริงๆแล้วพี่ฟานไม่ใช่คนดีหรือเทพบุตรอย่างที่คนอื่นเข้าใจ

“ก้านใบ”

“ครับ!”
ผมสะดุ้งเมื่ออยู่ๆก็มีใครมาเรียกข้างๆหู พอหันไปก็สบตากับเจ้านายอันเป็นที่รักยิ่งของผมเข้าเต็มๆ คุณลูซิเฟอร์นั่นเอง

“ฉันเรียกตั้งนานแล้ว เหม่ออะไร”
คนตัวใหญ่พูดพร้อมขมวดคิ้วเล็กน้อยเหมือนกำลังหงุดหงิด ก็แหงล่ะเขาบอกว่าเรียกผมตั้งนานนี่นา ผมเอาแต่คิดเรื่องเมื่อเย็นอยู่ได้

คนขี้หงุดหงิดทิ้งตัวนั่งลงบนโซฟาแล้วเริ่มยกมือขึ้นมานวดขมับตัวเองเบาๆ

“ผมแค่ทบทวนงานที่อาจารย์สั่งวันนี้ครับ”
ผมพูดยิ้มๆ ก่อนจะเดินไปหยุดอยู่ตรงหน้าเจ้านาย

“ขออนุญาตนะครับ”
พูดจบไม่รอให้เขาอนุญาตด้วยซ้ำก็ยื่นมือไปคลายเนคไทออกให้เขาซะแล้ว
ผมเห็นเขาทำแบบนี้ประจำเวลาที่กลับมาถึงบ้าน

ดวงตาคมเปิดขึ้นอีกครั้งและมองมาที่ผมดุๆ

“ข…..ขอโทษครับ ผมแค่กลัวว่าคุณจะอึดอัด”
ผมพูดแล้วกำลังจะหดมือกลับแต่ก็ถูกมือใหญ่คว้าเอาไว้

“ไม่เป็นไร รบกวนหน่อยแล้วกัน”
ผมเกือบจะหลุดหัวเราะเมื่อเขาพูดออกมาแบบนั้น มีอย่างที่ไหนเจ้านายขอรบกวนลูกน้อง

“คุณเป็นคนยังไงกันแน่ครับ”
คิ้วของเขาเลิกขึ้นอย่างไม่เข้าใจ

“ก็บางครั้งคุณก็ดุแล้วก็น่ากลัวมาก แต่บางครั้งคุณก็น่ารัก”

“เดี๋ยวนะ นายใช้คำว่าน่ารักกับฉันงั้นหรอ”
เขาจับมือผมให้หยุดการกระทำตรงหน้าลงเพื่อตอบคำถาม ผมเองก็เลิ่กลั่กเพราะไม่ได้ตั้งใจจะบอกว่าเขาน่ารัก ผมหมายความว่าอ่อนโยน ใจดี แต่รวมๆกันแล้วมันได้คำว่าน่ารักเฉยเลย แง

“เอ่อ…...ผมหมายถึง นิสัยของคุณน่ารัก”
ผมแก้ตัวอึกอักเพราะใบหน้าของคุณลูฟยื่นเข้ามาใกล้ผมเหมือนกดดันให้ผมถอนคำพูด

“หึ ยังไงคำว่าน่ารักก็ไม่เหมาะกับฉันหรอก…….”
เขายิ้มอย่างขบขัน ปล่อยข้อมือผมออกแล้วทำท่าชี้ว่าให้นวดไหล่ให้ ผมเดินอ้อมไปยืนด้านหลังแล้วลงมือนวดที่ไหล่กว้าง หุ่นของเขาสมส่วนและเท่มากจริงๆ

“ที่เธอถามว่าฉันเป็นคนยังไง”
บทสนทนาระหว่างเราเริ่มขึ้นอีกครั้งเมื่อผมนวดไหล่ให้คุณลูฟไปสักพัก

“ครับ”
ส่งเสียงออกไปเพื่อบอกให้เขารู้ว่าผมฟังอยู่

“ฉันไม่ใช่คนดีหรอกแต่ก็ไม่ใช่คนที่แย่อะไร ฉันแยกออกว่าอันไหนควรหรือไม่ควรทำ”

“คุณใจดี”
ผมพูดยิ้มๆ

“ฉันไม่ได้บอกว่าฉันใจดี”

“ก็ผมนี่แหละที่บอก คุณอาจจะใจร้ายกับคนอื่นแต่คุณใจดีกับผมนี่นา”
ได้ยินเสียงกระแอมไอในลำคอของคุณลูฟนิดหน่อย อย่างน้อยก็ไม่ด่าล่ะนะที่ผมพูดมากไป

“คุณลูฟครับ”
ผมเรียกเจ้านายเสียงเบาเมื่อจะเริ่มเข้าเรื่องที่ตั้งใจพูดในวันนี้ ต้องวันนี้เท่านั้น ไอ้ก้านแกทำได้เว้ย

“ไหนใครบอกว่าเธอเป็นคนไม่ค่อยพูด ตอนนี้ทำไมถึงพูดไม่หยุดเลยล่ะ”
ผมย่นจมูกลงเล็กน้อยแต่ไม่ได้เฟลอะไรเพราะน้ำเสียงเขาไม่ได้ดุ เหมือนเป็นการแหย่เล่นเสียมากกว่า

“คุณรู้ไหมว่าผมรักคิวปิดมากเหมือนผมเป็นพ่อของน้องซะเอง”
ผมพูดติดตลก

“แล้ว? จะมาขอลูกชายของฉันไปเลี้ยงหรือไง”
ผมแอบถอนหายใจเบาๆ ทำหน้าหน่ายๆลับหลังเจ้านายเสียหน่อย

“รู้ไหมว่าฉันมองเห็นนายผ่านเงาสะท้อนของทีวีด้วย”
ผมสะดุ้ง เงยขึ้นมองตรงไปข้างหน้าก็เห็นเงาที่มันสะท้อนจากทีวีจอใหญ่จริงๆอย่างที่คุณลูฟว่า และตอนนี้เจ้านายของผมก็นั่งไขว่ห้างกอดอกจ้องมองมาที่ผมด้วยใบหน้าไม่แสดงอารมณ์ แถมเสื้อเชิ้ตของเขายังปลดกระดุมออกจนเห็นแผงอกล่ำๆนั่นอีก คุณพระ เซ็กซี่จนไอ้ก้านคิดบาปไปแล้วร้อยกว่าเรื่อง

“ก้านใบ”
เสียงทุ้มๆของเขาทำผมหลุดจากจินตนาการอีกครั้ง

“ข…..ขอโทษครับ”
ผมยกมือไหว้ขอโทษเจ้านายไป คุณลูฟไม่ได้พูดอะไรอีกผมจึงก้มหน้าก้มตานวดไหล่ต่อ

“คือพรุ่งนี้ที่โรงเรียนของคิวปิดมีกิจกรรมวิชาการครึ่งวันเช้าแล้วครึ่งวันบ่ายก็กลับบ้านได้เลย ผมอยากให้คุณไป…….”

“ฉันไม่ได้มีเวลาว่างขนาดนั้นหรอกนะ”
ผมยังพูดไม่จบด้วยซ้ำ คุณพ่อใจร้ายตอบเร็วมาก

“แต่แค่ครึ่งวัน…..”

“ก้านใบ เธอคิดว่าฉันมีทุกอย่างได้อย่างในทุกวันนี้เพราะอะไร เพราะฉันไปกิจกรรมของโรงเรียนหรอ”
เจอคำนี้เข้าไปไอ้ก้านถึงกับอึ้งจนพูดไม่ออก สมองกำลังประมวลหาวิธีที่มันพอจะเป็นไปได้ที่เขาจะยอมอ่อนให้ผม

ถึงคุณลูฟจะดูใจร้ายแต่มีความเป็นพ่อคนสูงมาก เขาพยายามทำให้คิวปิดมีความสุขแม้จะใช้วิธีกากๆและทำให้น้องเข้าใจผิดว่าพ่อไม่รักก็เถอะ เพราะงั้นสิ่งที่จะทำให้คนปากแข็งใจอ่อนลงคืออะไร

“ถ้าคิวปิดมาขอร้องคุณล่ะครับ”
มือของผมที่วางนิ่งอยู่บนไหล่กว้างค่อยๆขยับเลื่อนลงตามลาดไหล่ กลายเป็นว่าเหมือนผมโอบกอดรอบคอของเขาเอาไว้ ทำลงไปโดยที่ไม่รู้ตัวด้วยซ้ำเพราะกำลังคิดว่าถ้าเป็นผม ผมจะขอร้องพ่อยังไงดี

“นี่เธออ่อยฉันงั้นหรอ”
น้ำเสียงติดไม่พอใจนั่นไม่สามารถทำให้ผมหลุดจากความคิดของตัวเองได้ ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าคนดุพูดว่าอะไรแต่แค่รู้ว่าน้ำเสียงเขาดุ เป็นเพราะเรื่องนี้มันเปราะบาง ต้องคิดหาวิธีอย่างรอบคอบ

และผมจะใช้ความเป็นลูกชายที่มีพ่อโคตรเท่นี่แหละในการขอร้องเจ้านายของผม

“คุณพ่อครับ”

“.........”

“ไปงานโรงเรียนกับผมนะครับ”


๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐
ย่องมาอัพอย่างสำนึกผิดแล้วจากไปช้าๆ ช่วงนี้รู้สึกร่างกายพักผ่อนไม่เพียงพอ ทำให้นั่งแต่งนิยายนานๆไม่ได้เลยค่ะ รู้สึกผิดที่อาทิตย์ที่แล้วไม่ได้ลงแล้วไม่ได้แจ้งด้วย ขอโทษคร้าบ :sad4:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 28-12-2019 01:42:44 โดย yai feel »

ออฟไลน์ jpjiraporn

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 60
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-1
Re: Mr.Lucifer คุณพ่อปีศาจ {ตอนที่ 6} 22/12/62
«ตอบ #41 เมื่อ22-12-2019 17:36:32 »

 :katai2-1: :hao3: :z2:

ออฟไลน์ Leenboy

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3095
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +105/-2
Re: Mr.Lucifer คุณพ่อปีศาจ {ตอนที่ 6} 22/12/62
«ตอบ #42 เมื่อ22-12-2019 18:43:15 »

คิวปิดไม่ต้องน้องอ้อนเอง555

ออฟไลน์ kawisara

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1586
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +119/-7
Re: Mr.Lucifer คุณพ่อปีศาจ {ตอนที่ 6} 22/12/62
«ตอบ #43 เมื่อ22-12-2019 19:28:05 »

้อ้อนเลย

อ้อนเลย

ออฟไลน์ no.fourth

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 889
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +36/-1
Re: Mr.Lucifer คุณพ่อปีศาจ {ตอนที่ 6} 22/12/62
«ตอบ #44 เมื่อ22-12-2019 21:05:16 »

เอาอีกกกกก :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ ashbyipcet

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 243
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-2
Re: Mr.Lucifer คุณพ่อปีศาจ {ตอนที่ 6} 22/12/62
«ตอบ #45 เมื่อ22-12-2019 21:27:39 »

ฟานไม่ใช่เทพบุตรแค่ปีศาจรูปงามเฉยๆนี่

ออฟไลน์ bun

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2374
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +260/-5
Re: Mr.Lucifer คุณพ่อปีศาจ {ตอนที่ 6} 22/12/62
«ตอบ #46 เมื่อ24-12-2019 19:14:02 »

อ้อนขนาดนี้จะกล้าไม่ไปเหรอ

ออฟไลน์ M_mA

  • เด้กน้อยที่จมอยู่กับความฝัน....
  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 12
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
Re: Mr.Lucifer คุณพ่อปีศาจ {ตอนที่ 6} 22/12/62
«ตอบ #47 เมื่อ25-12-2019 19:39:12 »

อื้อหือออออ!! คุณพ่อจะทำยังไงต่อไปล่ะค่ะ

ออฟไลน์ ซีเนียร์

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 778
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-0
Re: Mr.Lucifer คุณพ่อปีศาจ {ตอนที่ 6} 22/12/62
«ตอบ #48 เมื่อ26-12-2019 22:43:48 »

 :L2: :pig4: :L2:

ออฟไลน์ Chucream.nabi

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 315
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-0
Re: Mr.Lucifer คุณพ่อปีศาจ {ตอนที่ 6} 22/12/62
«ตอบ #49 เมื่อ26-12-2019 23:32:08 »

 :katai1: ไอ้ตอแหลนั้นต้องโดนซะบ้าง.....

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: Mr.Lucifer คุณพ่อปีศาจ {ตอนที่ 6} 22/12/62
« ตอบ #49 เมื่อ: 26-12-2019 23:32:08 »





ออฟไลน์ yai feel

  • Why?
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 125
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +67/-2
Re: Mr.Lucifer คุณพ่อปีศาจ {ตอนที่ 7} 29/12/62
«ตอบ #50 เมื่อ29-12-2019 22:41:50 »

คุณพ่อปีศาจ
ตอนที่ 7 ความเจ็บปวดที่ค่อยๆจางหาย

ทั้งห้องตกอยู่ในความเงียบ ผมเองก็ตกตะลึงในสิ่งที่ตัวเองทำลงไป นี่มันแย่แล้ว แย่สุดๆ ผมไม่ควรแสดงท่าทีกิริยาแบบนั้นกับเจ้านายของตัวเองถึงแม้ว่าผมไม่ได้ตั้งใจจะทำให้เขาเข้าใจว่าผมอ่อยก็เถอะ

“ผมขอโทษครับ ขอโทษจริงๆ”
ผมถอยกรูดไปยืนยกมือไหว้อยู่ไกลๆแม้เจ้าทุกข์จะยังไม่ได้หันมามองก็ตาม ร่างสูงค่อยๆหันมามองผมที่ยืนไหว้ปลกๆอยู่อย่างช้าๆ

ความเงียบและความกดดันเข้าปกคลุมพื้นที่ห้องโถงแห่งนี้โดยมีสายตาของเจ้าของบ้านเป็นชนวน น่ากลัวจนขนแขนพากันลุกขึ้นมาอย่างพร้อมเพรียงกัน แง กลัวแล้วคร้าบ

“หึ…..เธอนี่น่าสนใจขึ้นกว่าเดิมอีกนะ”
พูดจบคุณลูฟก็ยืนขึ้นเต็มความสูง ผมยืนนิ่งอย่างประหลาดใจกับท่าทีที่ตรงกันข้ามกับที่ผมคิดเอาไว้ ไม่โกรธ….แถมหัวเราะอีกต่างหาก หรือว่าที่จริงแล้วคุณลูฟจะชอบให้ทำแบบนี้ใส่ บ้าเอ๊ย ผมจะเขินทำไมไม่ทราบ!

“ขึ้นไปนอนได้แล้ว เอาสูทของฉันไปเก็บด้วย”

“ครับ ผมจะจัดการให้ครับ”
พูดแล้วก็รีบเดินไปคว้าสูทสีดำสนิทที่วางพาดอยู่ตรงพนักโซฟามากอดไว้แนบอก บอกเจ้านายผ่านสายตาว่าผมจะจัดการให้เป็นอย่างดี

“อ่อ……”
คนตัวสูงก้าวไปได้ไม่เท่าไหร่ก็หยุดชะงักพาเอาผมที่กำลังจะเดินตามหยุดชะงักไปด้วย
ใบหน้าหล่อหันกลับมามองผม จุดรอยยิ้มไม่น่าไว้ใจที่มุมปาก

“ฉันไม่ได้อยากเป็นพ่อของเธอหรอกนะ แต่ถ้าบางโอกาสนายอยากเรียกฉันว่าพ่อก็ได้ฉันอนุญาตสำหรับเธอ”
แล้วเขาก็จากไปทิ้งให้ผมยืนหน้าไหม้อยู่ตรงที่เดิม อยากจะกรี๊ดเป็นบ้า ทำไมต้องมาทำให้ผมเขินด้วยโอ้ยยย ใจผม TT

แล้วคืนนั้นผมก็กลับไปนอนฝันถึงคุณลูฟทั้งคืน หลับๆตื่นๆจนสุดท้ายก็ตื่นเช้ามาด้วยอาการตาปูดบวมเนื่องจากนอนไม่พอ หนักกว่าผีอำอีกมั้งเนี่ย

“แก้มแดงเป็นตูดลิง”
นิ้วเล็กๆของคิวปิดจิ้มลงมาบนแก้มของผม

“ไม่แดงซะหน่อย แก้มคิวปิดต่างหากแดงเหมือนมะเขือเทศ”
ผมพูดกลับแล้วบีบแก้มใสนั่นเบาๆ คิวปิดทำปากยื่นแต่ก็ยืนให้ผมบีบแก้มเล่น

“คุณก้านจะไปเลยหรือเปล่าครับ”
ผมเงยหน้ามองนาฬิกาที่แขวนอยู่บนข้างฝาแล้วหันกลับมาพยักหน้า

“ไปเลยครับ”
เราทั้งสามคนมาขึ้นรถเตรียมตัวจะเดินทางไปโรงเรียนของคิวปิด แต่เด็กน้อยยังแอบชะเง้อชะแง้มองเข้าไปในบ้านอยู่เลย สงสัยจะรอคุณพ่อแหงๆ เมื่อคืนผมก็ไม่ได้คำตอบเสียด้วยสิว่าสรุปคุณลูฟจะไปงานโรงเรียนของน้องหรือเปล่า เฮ้อเอาเถอะ
ถือว่าผมยังทำได้ไม่ดีพอ คราวหน้าจะแก้ตัวใหม่จะทำให้สำเร็จให้ได้

“ออกรถเลยครับคุณชัช”
ผมยื่นหน้าไปบอกคนขับรถ คุณชัชมองมาที่คิวปิดด้วยสายตาเป็นห่วงก่อนจะขับรถออกมาจากบ้านหลังใหญ่



“ไงก้าน พักนี้ไม่ค่อยได้เจอกันเลยเนอะ”
พี่ผ้าใบเดินยิ้มแย้มเข้ามาหาผมที่ยืนอยู่หน้าเวที ผมไม่ได้วางแผนว่าจะมาทำอะไรที่นี้นอกจากมาดูน้องแสดง เลยมายืนรออยู่ที่หน้าเวทีแม้จะยังไม่เริ่มการแสดงก็เถอะ

“สวัสดีครับพี่ผ้า”
ผมยกมือไหว้ พี่ผ้าพยักหน้ารับเบาๆแล้วมองสำรวจตัวผม

“มีเรียนหรอวันนี้”
เพราะผมอยู่ในชุดนักศึกษาพี่ผ้าเลยถามขึ้นมา

“ครับ จริงๆมีเรียนวิชาแรก10โมง แต่คงได้เข้าเรียนแค่ช่วงบ่าย”
คนตัวเล็กกว่าพยักหน้าเข้าใจ ก่อนจะหัวเราะออกมาเบาๆเหมือนมีเรื่องอะไรที่ถูกใจ

“ทำไมหรอครับ”

“เปล่าๆ พี่แค่คิดว่าก้านเหมือนพี่เลย”
พี่ผ้ากอดอกแล้วยิ้มกับตัวเองเล็กน้อย

“สำหรับพี่ลูกคือที่หนึ่ง ไม่ว่าจะเป็นอะไรเกี่ยวกับเด็กๆพี่ก็จะทิ้งทุกอย่างแล้วทำเพื่อพวกเขา พี่เลยแอบคิดว่าก้านเหมือนพ่อของคิวปิดเลย”
ผมยกมือมาเกาแก้มแก้เขินกับคำพูดของพี่ผ้า

“แต่พี่ไม่ได้หมายความว่าพี่ลูลู่เขาจะเป็นพ่อที่เลวนะ ครอบครัวนี้เขาซึนเดเระกันทั้งบ้านอยู่แล้ว”
พี่ผ้าพูดไปขำไป เรื่องจริงเลยล่ะที่ว่าคุณลูซิเฟอร์เขาซึนเดเระ ต้องหาวิธีหลายร้อยเล่มเกวียนเพื่อทำให้เขาหลุดมาดออกมา อย่าง…… ‘ฉันไม่ได้อยากเป็นพ่อของเธอหรอกนะ แต่ถ้าบางโอกาสนายอยากเรียกฉันว่าพ่อก็ได้ฉันอนุญาตสำหรับเธอ’

ฉ่า……..

รู้สึกได้เลยว่าหน้าผมร้อนขึ้นมาทันทีที่คิดถึงเรื่องเมื่อคืน หนอย…...ทีอย่างนี้ทำไมไม่เก๊กล่ะ มาแซวผมทำไม

“หึ ทำหน้าแบบนี้ ไปเจออะไรดีๆมาล่ะซี่”
พี่ผ้าทำเสียงเล็กเสียงน้อยล้อเลียน ผมรีบโบกมือปฏิเสธ

“เปล่าครับ ไม่มี”
พี่ผ้าทำท่าจะแซวผมอีกแต่เสียงโทรศัพท์ที่ดังแทรกขึ้นมาทำให้พี่เขาต้องล่าถอยออกไปรับโทรศัพท์

ติ๊ง

ผมก้มมองโทรศัพท์ของตัวเองบ้างเมื่อมีเสียงแจ้งเตือนดังขึ้นมา

ร้อยวันพันปีโทรศัพท์ของผมไม่มีใครติดต่อมาสักคน แล้ววันนี้ใครเขาส่งข้อความมาหาผมกันล่ะเนี่ย ผมหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเปิดดูก็เห็นว่าเป็นข้อความของมายด์
จะว่าไปแล้วช่วงนี้ผมก็ไม่ค่อยได้คุยกับมายด์เท่าไหร่เพราะบอกตรงๆว่าทำตัวไม่ถูกจริงๆ อีกอย่างก็เลิกเรียนก็รีบไปรับคิวปิดด้วย

My mind : โดดเรียนอีกแล้วนะ -_-*
My mind : แล้วไม่ไลน์มาบอกด้วย
My mind : โกรธๆๆๆ

Kan : โทษทีนะ ธุระสำคัญอะ
Kan : ไปช่วงบ่ายๆ

My mind : โอเคๆ เย็นนี้ไปงานวันเกิดพี่ฟานกับเรานะ

ผมถือโทรศัพท์ค้างเมื่ออ่านข้อความจบ ล้อกันเล่นใช่ไหมที่ชวนผมไปงานวันเกิดของแฟนเก่าที่จบกันไม่สวยเท่าไหร่เนี่ย ถ้าจะแสร้งทำเป็นเพื่อนที่ดีเรื่องแค่นี้ก็ต้องคิดได้สิ ลืมตัวไปแล้วหรือไง ผมกำโทรศัพท์ในมือแน่นอย่างโกรธแค้น มีข้อความที่อยากจะพิมพ์กลับไปเยอะมาก อยากจะด่าให้สมกับที่ถูกหลอกใช้มานานแต่ความเป็นจริงคือผมแค่ยืนมองข้อความอยู่แบบนั้น

“ไปสิ”
ผมสะดุ้งถอยหลังเมื่อมีเสียงอันคุ้นเคยพูดแทบจะชิดกับใบหูของผม

“คุณลูฟ!”
ตาผมเป็นประกายขึ้นมาเมื่อเห็นคุณพ่อปีศาจยืนทำหน้าไม่รู้ร้อนรู้หนาวอยู่ในชุดสูทพร้อมทำงาน อารมณ์โกรธเคืองที่พุ่งสูงขึ้นหน้าเมื่อกี้โดนพัดหายไปกับอากาศ เขามาจริงๆด้วยน้ำตาไอ้ก้านจะแตก ถ้าคิวปิดเห็นคุณพ่อมาดูด้วยต้องมีความสุขมากแน่ๆ แค่คิดก็มีความสุขแล้ว T-T

“ตกใจอะไร”
ไม่ตกใจสิแปลก ผมไม่ใช่พี่น้องตระกูลเทพแบบพวกคุณนี่นาเลยขี้เก๊กไม่เป็น ผมคิดในใจแล้วก็ขำกับความคิดตัวเอง
นี่ผมติดว่าคุณลูฟกับคุณซุสเป็นคนเย็นชาเพราะเป็นคนขี้เก๊กงั้นหรอ

“ผมคิดว่าคุณจะไม่มา”
ผมพูดแล้วหันไปสบตาเขา คนตัวใหญ่เอามือล้วงกางเกงแล้วหันกลับไปมองบนเวทีที่มีคุณครูยืนประกาศต้อนรับผู้ปกครองอยู่

สายตาของเขาอ่อนแสงลงจนผมรู้สึกได้ถึงความอ่อนโยนที่แสดงออกมาทางสีหน้า
อยู่ๆหัวใจของผมก็อบอุ่นขึ้นมาจนบอกไม่ถูก ใบหน้าของพ่อซ้อนทับเข้ามาจนผมแทบจะกลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่

ผมเคยได้รับสายตาแบบนี้จากพ่อ บอกตรงๆว่าโคตรมีความสุขเลย ถ้าคิวปิดได้เห็นล่ะก็ต้องเปลี่ยนความคิดที่ว่าคุณพ่อไม่รักแน่ๆ

ไม่มีใครพูดอะไรขึ้นมาอีก เรายืนข้างกันเงียบๆ เสียงจากรอบข้างไม่มีผลอะไรกับความคิดของเราอีกต่อไป

ผมมีความสุขและหวังว่าคนข้างๆจะมีความสุขด้วย แต่คนที่มีความสุขที่สุดคงหนีไม่พ้นเจ้าตัวเล็กที่เดินขึ้นเวทีมาเพื่อเตรียมตัวแสดง ระหว่างที่จัดแถวกันอยู่น้องก็กวาดสายตาไปรอบๆก่อนจะมาหยุดที่ผมและเลื่อนสายตาไปหาคนข้างๆช้าๆ

ดวงตากลมเบิกกว้างขึ้นตามมาด้วยรอยยิ้มที่ยิ้มจนแก้มจะแตก ผมเองก็ยิ้มตามไปด้วย นี่เป็นรอยยิ้มที่กว้างที่สุดที่เคยเห็นจากคิวปิดเลยนะเนี่ย

“คุณเป็นคุณพ่อที่เท่มากเลยนะครับ”
ผมพูดโดยที่ไม่ได้หันไปมองคนข้างๆ สายตาของผมจ้องมองไปยังคิวปิดที่กำลังเคลื่อนไหวร่างกายอยู่บนเวที

“ลูกชายของฉันก็น่ารักที่สุด”
ผมยิ้มกว้างมากกว่าเดิมที่ได้ยินแบบนั้น อยากจะบันทึกเสียงไว้เปิดฟังซ้ำชะมัดเพราะเขาคงไม่พูดอะไรแบบนี้บ่อยๆแน่ ที่พูดออกมานั่นเขาอาจจะไม่รู้ตัวด้วยซ้ำ

“คุณก้านครับ”
คุณชัชสะกิดที่แขนของผมเบาๆ พอผมหันไปก็เห็นกล้องถ่ายรูปยื่นมาตรงหน้า

“ผมว่าเราควรจะเก็บภาพเหตุการณ์นี้ไว้สักหน่อยนะครับ”
แม้แต่คุณชัชก็ยิ้มกว้างจนตาปิด วันนี้วันดีจริงๆทุกคนมีความสุขหมดเลย

การแสดงจบลงพร้อมกับเสียงปรบมือของผู้ปกครองที่ดังไปทั่วบริเวณนี้ เด็กทยอยเดินลงมาจากเวทีและอีกไม่นานคิวปิดต้องวิ่งมาทางนี้แน่

“ฉันว่าเธอควรไปนะ”
ผมละสายตาจากฝูงชนที่วุ่นวายอยู่ตรงหน้าแล้วหันมองคนข้างๆแทน

“ไปไหนครับ?”
เขาหันมาสบตากับผมเหมือนจะถามทางสายตาว่าไม่รู้จริงๆหรือ

“ก็เพื่อนชวนไปไหนล่ะ”
พอคุณลูฟถามผมก็นึกขึ้นมาได้ทันทีว่าก่อนหน้านี้คุยค้างอยู่กับมายด์นี่นา

“ไม่ได้หรอกครับ อันตรายเกินไป”
ผมตอบตามที่ตัวเองรู้สึก ไม่อยากต้องมานั่งทำแผลให้ตัวเองอีกต่อไปแล้ว
และผมไม่รู้ว่าความเกลียดชังของพวกเขามันรุนแรงถึงขั้นไหน มีข่าวออกจะบ่อยเรื่องโดนลวงไปฆ่าหรืออะไรที่มันทำนองนั้น อีกอย่างถ้าไปวันเกิดพี่ฟานก็ไม่ต่างจากเดินเข้ากรงจระเข้หรอก นั่นพวกเขาทั้งนั้น

“กลัวทำไม ฉันไม่ปล่อยให้คนของฉันฉันเป็นอะไรไปหรอกนะ”

“แต่ว่า……”

“เธอหลีกเลี่ยงมันไปตลอดไม่ได้รู้ไหม”
เขาพูดแล้วหันกลับไปมองเจ้าตัวเล็กที่ทำท่ากึ่งวิ่งกึ่งเดินมาทางนี้

“ผมรู้แต่ว่ามีอะไรที่สำคัญกว่านั้นที่ผมต้องทำ”
แน่นอนว่าการอยู่กับคิวปิดคือสิ่งที่ผมอยากทำมากที่สุด

“เรื่องที่เกิดขึ้นกับเธอ………..”

“คุณพ่อ”
เสียงของคิวปิดเรียกให้ผมและคุณพ่อก้มมอง เด็กน้อยส่งยิ้มเขินอายที่ปิดความดีใจไม่มิดพร้อมกับยื่นดอกไม้กระดาษมาให้คนพ่อ คุณพ่อปีศาจรับมันมาถือไว้ในมือ

“ขอบใจ”
พูดพร้อมวางมือใหญ่ไว้บนหัวทุยๆของคิวปิด ผมคลี่ยิ้มออกไม่อยากไปขัดบรรยากาศพ่อลูก

“ฉันต้องกลับไปทำงานต่อ ส่วนเธอเลิกเรียนแล้วโทรมาหาฉัน ฉันต้องการรู้ว่าเธอไปกี่โมง กลับกี่โมงและไปที่ไหนกับใครบ้าง”
คุณลูฟสั่งเสียยาวเหยียดด้วยใบหน้าที่คงความนิ่งไว้เช่นเดิม

“แล้วคิวปิด…..”
เสียงคิวปิดพูดขึ้นกลางวงอย่างหงอยๆ ผมย่อตัวลงแแล้วลูบหัวน้องเบาๆ

“ฉันจะรีบกลับบ้าน”
นี่ผมได้ยินไม่ผิดใช่ไหม คุณลูฟจะรีบกลับบ้านมาอยู่กับลูก น้ำตาแห่งความปลื้มใจของไอ้ก้านจะไหล ฮือ

“ผมก็จะรีบกลับด้วย”
ผมพูดออกไปบ้าง ไม่ยอมให้คุณลูฟได้คะแนนไปคนเดียวหรอก

“ชัช เย็นนี้ไปรับก้านที่มหา’ลัยและติดตามก้านไปด้วย มีอะไรผิดปกติต้องรายงานฉันทันที ถ้ามีอะไรร้ายแรงให้รีบโทรหาฉัน”
เมื่อจัดแจงรายละเอียดเรียบร้อยเจ้านายของผมก็เดินจากไปพร้อมกับคนสนิทอีกคนที่ชื่ออิฐ ผมกับคุณชัชมองหน้ากันแล้วยิ้มแหยๆก่อนจะพากันขึ้นรถและพาคิวปิดไปส่งที่บ้านของพี่ผ้าใบ

เกรงใจเหมือนกันนะที่ต้องรบกวนพี่เขาบ่อยๆแต่พี่ผ้าใบบอกว่าไม่เป็นอะไรเพราะถ้าจะปล่อยให้คิวปิดอยู่คนเดียวก็ไม่ยอมเหมือนกัน

“คุณท่านคงเอาจริงเรื่องคุณก้านน่าดูเลยนะครับ”
คุณชัชพูดขึ้นเมื่ออยู่กันสองต่อสอง

“ผมแปลกใจจังว่าทำไมคุณลูฟถึงใจดีกับผมขนาดนี้ ผมจะเคยตัวแล้วนะครับ”
ไม่ว่าเรื่องอะไรก็ยอมผมไปซะหมดแบบนี้จะไม่ให้เข้าข้างตัวเองได้ยังไง

“คุณท่านเป็นห่วงคุณจริงๆนะครับ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องที่มหา’ลัยหรือเรื่องครอบครัวของคุณก้าน คุณท่านก็รับปากกับคุณผ้าใบว่าจะช่วยเหลือเต็มที่”
ผมหันไปมองคุณชัชแล้วเลิกคิ้วสูง

“คุณลูฟถามเรื่องของผมจากพี่ผ้าใบหรอครับ”
เมื่อผมถามกลับ คุณชัชก็ทำหน้าเหลอหลาเหมือนกับว่าที่พูดออกมาเมื่อกี้ไม่ได้ตั้งใจ

“อย่าโกรธคุณท่านเลยนะครับ ที่ท่านทำไปเพราะว่าเป็นห่วงคุณก้านนะครับ”
คุณชัชรีบแก้ตัวให้เจ้านายตัวเองอย่างลุกลี้ลุกลน ซึ่งผมก็ไม่ได้โกรธอะไรแต่รู้สึกแปลกใจมากกว่า

“ทำไมเขาถึงต้องเป็นห่วงผมขนาดนั้นด้วย”
ไม่เข้าใจเลยว่าเด็กมหา’ลัยบ้านแตก เพื่อนไม่คบอย่างผมมีอะไรให้คุณลูฟต้องเป็นห่วง…………….จะว่าไปก็น่าเป็นห่วงจริงๆแหละผม เฮ้อ

“เลิกเรียนแล้วผมจะโทรหานะครับ”
ผมพูดกับคุณชัชก่อนจะปลดเข็มขัดแล้วคว้ากระเป๋าลงรถมา

“ก้าน”
รถของคุณชัชยังไม่ทันจะลับตาด้วยซ้ำเสียงของมายด์ก็เรียกผมซะแล้ว นักศึกษาที่เดินไปเดินมาแถวนั้นหันมามองอย่างให้ความสนใจ ไม่ว่าจะเป็นอะไรที่มีชื่อผมทุกคนก็จะให้ความสนใจหมดเลยสินะ

“มีผู้ชายมาส่งว่ะแก”
กลุ่มผู้หญิงกลุ่มหนึ่งเดินซุบซิบผ่านไป

“หน้าด้าน”
ผมถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ กลับไปผมต้องขอร้องให้คุณชัชติดฟิล์มกระจกรถให้มืดกว่านี้แล้วล่ะ

“ใครมาส่งอะ”
มายด์เดินเข้ามากระแซะไหล่ มันก็เป็นการแซวที่น่ารักดีระหว่างเพื่อนนะครับถ้าไม่ใช่เพื่อนปลอมๆที่เรียกชื่อผมเสียงดังให้คนแถวนี้ให้ความสนใจ จะได้รู้ว่ามีผู้ชายขับรถมาส่งผม ที่สำคัญ……..พี่คิมก็อยู่ข้างๆมายด์ด้วย

“คนขับรถของเจ้านายอะ”
ผมไม่รู้จะแนะนำคุณชัชว่ายังไงดี เพราะจริงๆคุณชัชไม่ใช่คนขับรถไปซะทีเดียว เขาเป็นถึงมือซ้ายของคุณลูฟแต่ช่างเถอะ ไม่ว่าผมจะตอบว่าอะไรทุกคนก็เข้าใจเหมือนกันว่านั้นคือผู้ชายคนใหม่ของผม เบื่อจะพูด รำคาญ

“ใช่เปล่าๆ คราวหน้าแนะนำให้รู้จักบ้างสิ”
มายด์กอดแขนผมแล้วพูดด้วยน้ำเสียงร่าเริงต่างจากพี่คิมที่ทำหน้าราวกับจะฆ่าผมให้ได้ ผมเข้าใจความรักเพื่อนของพี่คิมนะ แต่พี่ฟานมันชั่วไงเลยทำให้เพื่อนดูโง่ขนาดนี้
พูดแล้วขำ ไม่ใช่พี่คิมคนเดียวหรอกที่โง่ ผมก็โง่เหมือนกัน

“ส่วนมากเขาจะมาส่งแล้วกลับอะ ถ้ามีเวลาจะแนะนำให้รู้จักแล้วกันนะ”
ผมพูดแล้วยิ้มเล็กน้อย อยากเห็นเหมือนกันว่ามายด์จะใช้ลีลาในการอ่อยคุณชัชยังไงจะใช่แบบเดียวกับที่ทำจนได้พี่ฟานหรือเปล่า

“เรารีบไปเหอะมายด์ ไอ้ฟานกับแก้วรอแล้ว”
ผมตัวชาวาบเมื่อรู้ว่ามายด์กำลังจะไปเจอใคร ผมหยุดเดินทันที

“มายด์ไปกับพี่คิมเหอะ เรากินข้าวมาแล้วอะเดี๋ยวจะขึ้นห้องเลย”
เพราะเวลานี้เป็นช่วงพักก่อนจะมีเรียนในเวลาต่อไป ตอนแรกว่าจะไปกินข้าวก่อนแต่ตอนนี้ต้องเปลี่ยนใจแล้ว

“ไปด้วยกันสิ”
มายด์พูดตาใสแป๋ว แอบโมโหจนอยากเอานิ้วจิ้มตาให้บอดไปเลย

“ทำไม ไม่กล้าไปเจอหน้าเพื่อนกูหรอ รู้สึกผิดกับไอ้ฟานหรือไม่อยากไปเจอแก้วเพราะอิจฉาล่ะ”
วินาทีนั้นผมโกรธจนเลือดขึ้นหน้า ผู้หญิงคนนั้นมีอะไรให้ผมอิจฉางั้นหรอ

“หึ นึกไม่ออกเลยนะครับว่าถ้าสองคนนั้นเลิกกันขึ้นมาเนี่ยจะเกิดอะไรขึ้น ใครกันน๊าที่จะมีคนใหม่แล้วทิ้งอีกคนไป พี่ฟาน…….หรือพี่แก้ว”
ผมพูดให้พวกนั้นไปคิดกันเอาเองแล้วเดินผ่านไปเข้าห้องเรียน ส่วนตัวผมก็คิดเล่นๆเหมือนกันว่าตอนพวกนั้นเลิกกันแล้วพี่ฟานจะกุเรื่องว่าพี่แก้วเป็นคนทิ้งไปหรือเปล่า หรือจะเป็นพี่แก้วที่ออกมาร้องห่มร้องไห้ที่โดนทิ้ง

อยากเห็นจังเลยตอนที่ผู้หญิงร้ายผู้ชายเลวคู่นั้นเลิกกัน อยากให้เวลานั้นมาถึงจนอกจะแตกตายอยู่แล้ว ถ้าเวลานั้นมาถึงเมื่อไหร่ผมจะมองพวกเขาด้วยสายตาแบบเดียวกับที่พวกเขาใช้มองผมแถมจะหัวเราะเยาะไปด้วย

วินาทีที่ผมกำลังจินตนาการใบหน้าอันเจ็บปวดของคู่รักคู่นั้นผมก็หยุดชะงักทั้งๆที่กำลังจะก้าวขึ้นบันได

ผมไม่เคยเป็นแบบนี้มาก่อน ไม่เคยมีความคิดที่จะทำร้ายคนอื่น ไม่เคยสะใจที่เห็นคนอื่นเจ็บปวด แต่ตอนนี้แค่คิดว่าถ้าเรื่องที่ผมคิดมันเกิดขึ้นมาจริงๆก็คงจะดีสินะ

๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐
Sorry the old ก้านใบ can't come to the phone right now. Why? OH Cause he dead
ก้านใบไม่ใช่เหยื่อของคุณอีกต่อปรัยยย!!
ก่อนอื่นต้องสวัสดีปีใหม่ล่วงหน้าผู้อ่านทุกท่านนะคะ ปีใหม่แล้ว หยุดยาวแล้วก็ปั่นนิยายกันหน้าไหม้ต่อไป ส่วนคนที่เดินทางไปเที่ยวหรือกลับบ้านก็ขอให้เดินทางโดยสวัสดิภาพแล้วกลับมาอ่านนิยายต่อนะคะ อิอิ ปีหน้าขอให้มีแต่อะไรดีๆเกิดขึ้นด้วยเถิดดดดดดด :call:

ปล.ขออนุญาตเปปลี่ยนสรรพนามของคุณพ่อที่ใช้เรียกนุ้งก้านนะคะ ใช้คำว่านายเหมือนเพื่อนกันยังไงไม่รู้

ออฟไลน์ jpjiraporn

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 60
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-1
โอ้ยใจจะขาดลุ้นค่ะ  :hao7: :hao7:ฃ

ออฟไลน์ Leenboy

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3095
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +105/-2

ออฟไลน์ Chucream.nabi

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 315
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-0

ออฟไลน์ sailom_orn

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1054
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +16/-1
 :katai2-1: น้องฟานสู้บ้างลูก

ออฟไลน์ kawisara

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1586
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +119/-7
ลุกขึ้นสู้


เพื่อตัวเอง


ก็ดีแล้ว


ก้านใบ


อย่าอ่อนด๋อย


โลกมันโหดร้าย


เราต่องสู้

ออฟไลน์ miikii

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1725
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-1

ออฟไลน์ ซีเนียร์

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 778
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-0
 :L2: :pig4: :L2:

สวัสดีปีใหม่จ้า

ออฟไลน์ no.fourth

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 889
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +36/-1

ออฟไลน์ Wira

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 3
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด