จะรักนาย เท่าชีวิต 2 – Only You II | ตอนที่ 21 @ 5 มี.ค. 63 หน้า 3
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: จะรักนาย เท่าชีวิต 2 – Only You II | ตอนที่ 21 @ 5 มี.ค. 63 หน้า 3  (อ่าน 15443 ครั้ง)

ออฟไลน์ DrSlump

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3382
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +104/-2
 :pig4: :pig4: :pig4:

ปมตั้งหลายปม  ยังแกะออกไม่หมดเลยอ่ะ

ออฟไลน์ Billie

  • "Let come what comes, let go what goes and see what remains. That is what is real"
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3333
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +78/-6

ออฟไลน์ จากต้นจนอวสาน

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 598
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +103/-3
    • จากต้นจนอวสาน
จะรักนาย เท่าชีวิต 2 – Only You II

#S2 EP 19. เดินทางไกล เดินไปด้วยกัน

“แต้มเอ๊ย เสร็จยังลูก ใหญ่รอนานแล้วนะ” เสียงของผู้เป็นแม่ตะโกนมาจากด้านล่างของเรือนไม้ยกสูง แต้มกำลังเหงื่อไหลเต็มใบหน้าเนื่องจากพยายามยัดของฝากลงเป้ใบเล็ก จนแล้วจนรอดก็ไม่เป็นผล เพราะของฝากที่แม่เตรียมให้นั้นเยอะจนล้น ทั้งจิ๊นส้ม(แหนมหมู) หน่อไม้สด ใบย่านาง น้ำปู๋(น้ำปู) ข้าวสารอีก 3 กิโลกรัม และอื่นๆที่เก็บไปแล้วอีกหลายอย่าง

“แป๊บนึงครับ ผมยัดของไม่หมด” แต้มตะโกนตอบ ไม่นานเสียงฝีเท้าก็เดินขึ้นเรือนมา

“ไหน เหลืออะไรบ้าง” ยิ่งใหญ่ที่ไปเก็บของรอบแรกเดินกลับมา มองสภาพของที่ยังระเกะระกะอย่างเหนื่อยใจ ยังดีที่พี่สาวของแต้มกำชับผู้เป็นแม่ว่าอย่าให้พวกเขาถืออะไรไปเยอะ แต่แม่ก็คือแม่วันยังค่ำ ของฝากที่หาได้ตามบ้านอัดแน่น ยังดีหน่อยที่แต้มยืนยันว่าจะไม่เอากล้วยน้ำว้าเครือใหญ่ไปด้วยอย่างเด็ดขาด

“ที่เหลือนี่ถือไปก่อน เดี๋ยวเอาไปใส่กระเป๋าเดินทางใบใหญ่ที่ห้องก็ได้” ยิ่งใหญ่เสนอ

“จะทันใช่ไหม นี่ก็บ่ายแล้วนะ” แต้มลนลาน

“ทันสิ อย่าห่วงไปเลย ปะ ถือมา” ยิ่งใหญ่คว้าเป้ที่อัดแน่นไปด้วยของฝากลงมา โดยทิ้งที่เหลือให้เจ้าของบ้านถือตามมาติดๆ

“เดินทางดีๆนะลูก ฝากของให้พี่ตาด้วย” ผู้เป็นแม่ฝากฝัง “แล้วไปเที่ยวก็อย่าประมาทล่ะ น้ำทะเลมันลึก อย่าลงไปเล่นไกลๆ”

“ครับแม่ รู้แล้ว” แต้มรับคำ พลางยกมือไหว้บอกลา

“ผมไปก่อนนะครับ สวัสดีครับแม่” ยิ่งใหญ่เดินมาบอกลาอีกคนหลังจากเก็บของไว้ในรถแล้ว

“ไปดีมาดีนะ” ผู้เป็นแม่รับคำ “แน่ใจนะว่าจะไม่เอากล้วยไปด้วย”

“ไม่” แต้มตอบเสียงดังฟังชัด คิดสภาพว่าต้องหอบหิ้วกล้วยน้ำว้าเครือใหญ่ขึ้นเครื่องบินแล้วสยองไม่น้อย...

               ทั้งสองคนกลับมาที่บ้านแต้มเมื่อวานตอนเย็นหลังจากสอบเสร็จ วันนี้แม่ของแต้มก็จัดแจงเอาของกินพื้นเมืองที่หาได้มาให้พวกเขาจัดการเก็บใส่กระเป๋าเพื่อฝากให้ลูกสาวคนโตที่ทำงานอยู่กรุงเทพไม่มีเวลากลับบ้านมาหลายเดือนแล้ว เมื่อรถยนต์คันเก่าเดินเครื่องก็ใช้เวลา 45 นาทีจนมาถึงที่ห้องพักใกล้โรงเรียน ยิ่งใหญ่เก็บทุกอย่างใส่กระเป๋าเดินทางใบใหญ่แทนเป้ที่เดิมคิดจะสะพายกันคนละใบ ข้าวของไม่เยอะ แต่เมื่อเห็นของที่รับฝากมา เลยเปลี่ยนใจกลับมาจัดกระเป๋าใหม่อีกรอบ...

   ***********************************************************************

               เครื่องบินของสายการบินไทยลงจอดที่สนามบินดอนเมืองช้ากว่าเวลาที่กำหนดประมาณ 15 นาทีเนื่องจากสภาพอากาศตลอดเส้นทางนั้นเต็มไปด้วยพายุฝน เครื่องบินสั่นจนแต้มใจเสียเมื่อเข้าสู่ช่วงเมฆหนาแน่น พอผ่านพ้นมาได้ก็โล่งใจและงีบไปสักพักโดยที่ยิ่งใหญ่เลื่อนตัวลงให้ไหล่กว้างรับศีรษะของคนที่นอนข้างๆแบบพอเหมาะ ยังดีที่ผู้โดยสารไม่มาก การจับมือแต้มตอนหลับเลยไม่มีใครเห็น

“เดี๋ยวไปเอากระเป๋าเดินทางก่อนค่อยออกไปเจอกับคนขับข้างนอก” ยิ่งใหญ่พาแต้มเดินวนตามทางมาเรื่อยๆจนถึงสายพานรับกระเป๋า รออีกเกือบ 10 นาที กระเป๋าเดินทางใบใหญ่สีเทาก็เคลื่อนตัวมา สองแขนใหญ่คว้ามาวางบนรถเข็นและเดินออกไปด้านนอก ผู้คนขวักไขว่ที่มารอรับญาติยืนออที่ประตูทางออกในอาคารผู้โดยสารขาเข้าภายในประเทศ ยิ่งใหญ่มองหาคนขับรถที่พี่ชายแจ้งไว้แต่ก็หาไม่เจอ

“แต้ม ใหญ่ทางนี้” เสียงใสตะโกนแหวกมาท่ามกลางฝูงชน เด็กหนุ่มทั้งสองหันขวับไปตามเสียงเรียกนั้น

“สวัสดีครับพี่ตา” ทั้งคู่ยกมือไหว้ ต้องตาในชุดทำงานสีดำดูสวยจนตะลึง ไม่แปลกใจเลยที่ยอดเยี่ยมหลงรัก

“ผมนึกว่าพี่ยอดให้ลุงชัยเอารถมารับเสียอีก”

“ทีแรกก็เป็นแบบนั้นแหละ แต่พอดีคุณยอดเสร็จงานไวเลยพากันมารับเองดีกว่า”

“แล้วพี่ยอดไปไหนละครับ” ยิ่งใหญ่ถาม

“ไปวนหาที่จอดรถมั้ง ตั้งนานแล้วยังไม่มาเลย สงสัยไม่มีที่จอด” ต้องตาตอบพลางกดมือถือในมือ

“อ่อ” ยิ่งใหญ่รู้เหตุผล ที่จอดรถสนามบินนั้นแน่นตลอดเวลา เพราะผู้โดยสารที่เดินทางนั้นส่วนใหญ่เอารถมาจอดค้างคืนไว้เพื่อความสะดวกในช่วงขากลับ...

“ไปกัน เดี๋ยวคุณยอดวนมารับ” ต้องตาบอกทั้งคู่ “ไหน แม่ฝากอะไรมาบ้าง”

“โหพี่ อย่าให้พูดเลย เต็มกระเป๋าเลยเนี่ย” แต้มชี้ไปที่กระเป๋าเดินทางใบใหญ่ด้วยใบหน้าเหนื่อยหน่าย

“แม่น้อแม่ บอกว่าไม่ต้องขนมาก็ยังไม่เชื่ออีก”

“นี่แหละแม่เรา” แต้มตอบ “มีทั้งหน่อไม้ ขิง ข่า หวาย ใบบอน ...”

“พอๆๆๆ เยอะจริง” หญิงสาวยิ้มร่า “เปรี้ยวปากเลย อยากกินแกงหวายพอดี” เจ้าตัวนึกถึงต้นหวายที่เต็มไปด้วยหนาม แต่แม่คงเลาะมันออกหมดแล้ว เอาแกนกลางมาทำแกงอร่อยรสชาติขมเฝื่อนจนลืมอาหารภาคกลางไปหมด

“พี่จะมีเวลาทำเหรอ พรุ่งนี้ก็ต้องไปภูเก็ตอีก” แต้มถามพี่สาวที่กำลังทำหน้ากรุ้มกริ่ม ทั้งคณะตอนนี้มารอที่หน้าประตูสนามบิน ไม่นานนักรถหรูของยอดเยี่ยมก็จอดเทียบก่อนที่จะกรูกันเข้าไปในรถอย่างคุ้นเคย

   ***********************************************************************

               สองหนุ่มนั่งก้มหน้างุดบนเก้าอี้สีซีดกลางห้องรับแขกในบ้านของเฮียมงคลที่ตอนนี้กำลังนั่งกอดอกหน้านิ่ง มองภาพลูกชายคนเล็กชื่อ ไออุ่น กับวัยรุ่นชายอีกคนที่เห็นมาตั้งแต่เด็กชื่อข้าวปุ้นอย่างพิจารณา ทั้งคู่เดินเข้ามาเพื่อขออนุญาตเรื่องที่จะคบกัน หากเป็นแต่ก่อนมงคลคงจะโวยวายลั่น แต่การที่ได้เห็นมิตรภาพของทั้งสองคนที่อยู่ด้วยกันมาตั้งแต่เด็ก อีกทั้งนิสัยของข้าวปุ้นไม่ได้เลวร้ายมีแต่คอยปกป้องลูกชายของตนตั้งแต่เด็กจนโต ภาพของทั้งคู่ที่นอนเปลือยเปล่าก่ายกอดกันในห้องลูกชายก็ยืนยันความสัมพันธ์ได้เป็นอย่างดี ถึงแม้ตนจะพยายามแยกโดยให้ไออุ่นไปอยู่ต่างประเทศถึงสามเดือนก็ตาม ... แต่ทั้งคู่ก็ยังมานั่งอยู่ตรงนี้

“เฮ้อ ป๊าก็เป็นพ่อคนน่ะนะ จะให้ดุด่าหรือพยายามเปลี่ยนให้เอ็งไปรักผู้หญิงคงทำไม่ได้” มงคลเอ่ยออกมาท้ายที่สุด

“ขนาดป๊าส่งเอ็งไปตั้งอเมริกา คิดว่ากลับมาคงจะลืมกันไปได้ แต่เหมือนป๊าคิดผิดใช่มั้ยวะ” เด็กหนุ่มทั้งสองเงยหน้ามองผู้ดูดและพยักหน้าเป็นเชิงตอบรับไล่เลี่ยกัน

“เอาเถอะ ถ้าห้ามไม่ได้ ป๊าก็จะไม่ขัดขวางอะไร”

“จริงเหรอครับป๊า” ไออุ่นยิ้มรับพร้อมพูดด้วยเสียงดีใจ

“อืม แต่รับปากป๊านะว่าจะไม่พากันออกนอกลู่นอกทาง จะพากันทำแต่เรื่องดีๆ”

“ครับ ผมสัญญา” ไออุ่นรับคำในทันที แต่อีกคนยังนิ่ง จนต้องใช้แขนกระทุ้ง

“คระ ครับ ผมก็สัญญา”

“ป๊าไม่ว่าอะไรแล้วจริงๆใช่มั้ย” ไออุ่นยังถามด้วยอาการเริงร่า พลางโผไปกอดผู้เป็นพ่อที่นั่งตรงข้าม

“โอย พอๆ อย่ามากอด ป๊าร้อน” มงคลยิ่งเขินมากขึ้นเมื่อลูกชายหอมแก้มฟอดใหญ่ นานแค่ไหนแล้วนะที่ลูกชายไม่มากอดรัดฟัดเหวี่ยงตนเช่นนี้ ตั้งแต่สมัยเรียนม.1 หรือว่านานกว่านั้น ลูกทุกคนเมื่อเติบโตเป็นผู้ใหญ่ก็ย่อมเดินออกห่างจากอกผู้เป็นพ่อเป็นแม่ไปเรื่อยๆ อ้อมกอด รอยยิ้มและความรักที่มีให้ก็เผื่อแผ่ไปยังคนอื่นที่เดินเข้ามาในชีวิต ดีหน่อยที่แฟนของไออุ่นคือคนที่เห็นมาตั้งแต่น้อย ยังพอปรับตัวเข้าหากันได้ ไม่ใช่คนอื่นไกลที่ต้องมาคอยดูนิสัยใจคออีกหลายเดือน

“ว่าแต่ ใครเป็นผู้ชาย ใครเป็นผู้หญิงวะ”

“ป๊า” ไออุ่นร้องลั่น ผิดกับข้าวปุ้นที่ก้มหน้างุดใบหูแดงจัด

“เอ้าๆ ไม่ถามก็ได้ ยังไงก็ดูแลกันดีๆ ป๊าฝากดูแลไอ้อุ่นมันด้วยนะข้าวปุ้น”

“คระ ครับ” ข้าวปุ้นเงยหน้า มองสองพ่อลูกที่คนหนึ่งนั่งยนเก้าอี้ด้วยท่าทางเคร่งขรึมก่อนหน้า และอีกคนที่แสนรักยืนกอดคอผู้เป็นพ่อด้วยท่าทางดีใจอย่างโล่งอก

“แล้วนี่บอกแม่เรารึยังเนี่ย”

“ก็คิดว่าจะบอกอยู่ครับ แต่ไม่รู้ว่าจะบอกยังไงดี” ข้าวปุ้นสารภาพตามตรง มันเป็นเรื่องหนักใจไม่น้อยที่จะต้องบอก และเขาไม่รู้ว่ามันจะยากหรือง่าย ผิดกับไออุ่นที่ทางป๊านั้นบังเอิญเห็นพวกเขานอนเปลือยกอดกันในบ้าน และยังทดสอบลูกชายตนโดยการส่งไปเรียนภาษาคอร์สสั้นๆถึงอเมริกา แต่กับแม่ของเขา...มันก็ยังน่าห่วงอยู่

“เอาน่า อย่าคิดมาก ถ้าคิดจะบอก เดี๋ยวป๊าช่วย โอเคมั้ย”

“จริงเหรอป๊า” ไออุ่นถามอย่างตื่นเต้น

“เออสิ ไหนๆก็ได้ลูกเขย เอ๊ย ลูกสะใภ้ ... จะอะไรก็ช่าง ... ได้ลูกเพิ่มมาอีกคน เรื่องอื่นก็จิ๊บจ๊อย”

“ป๊าน่ารักที่ซู๊ดดดดด” ไออุ่นหอมแก้มผู้เป็นพ่อฟอดใหญ่อีกหลายครั้ง ข้าวปุ้นมองภาพนั้นอย่างตื้นตัน ไม่คิดฝันว่าเรื่องของเขาจะได้รับการยอมรับจากคนตรงหน้าอย่างง่ายดาย(?)เช่นนี้

“มาๆ” ไออุ่นดึงแขนข้าวปุ้นให้ลุกมายืนคู่กัน “กอดป๊าหน่อย ป๊ากอดข้าวปุ้นหน่อย รับขวัญสะใภ้”

“ไอ้อุ่น” ข้าวปุ้นเรียกอย่างลืมตัว

“อ้าวๆ อย่าตีกัน ยังไม่ถึงไหนเลยจะตีกันซะละ” มงคลห้ามทัพ “ป๊ารับขวัญลูกสะใภ้นะ ถึงแม้จะห้าวไปหน่อยก็เถอะ”

“ป๊าอะ” ข้าวปุ้นจนคำพูด

“เออ ว่าแต่..”

“อะไรป๊า” ไออุ่นถาม

“แม่ข้าวปุ้นจะเรียกสินสอดแพงมั้ยวะ”

“ป๊า” ข้าวปุ้นประท้วงลั่น พ่อลูกคู่นี้นิสัยกวนบาทาเหมือนกันไม่มีผิด ... เสียงหัวเราะของคนทั้งสามดังประสาน ไออุ่นดีใจที่ได้กอดทั้งแฟนและพ่อในอ้อมกอดนี้อย่างเปี่ยมสุข เขาไม่ขออะไรมากกว่านี้แล้ว...

               ไออุ่นเดินเลาะเรียบริมแม่น้ำโขงหลังจากสนทนากับผู้เป็นพ่อเสร็จ โดยมีผู้ชายที่ชื่อว่าข้าวปุ้นเดินเคียงข้างไม่ห่าง ฝนตกหนักเมื่อเย็นหยุดนิ่งแล้ว ท้องฟ้าแจ่มแจ้งด้วยแสงจันทร์กระจ่างจนมองไม่เห็นดวงดาว แต่ก็ให้บรรยากาศที่แสนอิ่มเอม ทั้งสองคนไม่มีใครพูดอะไรกัน มีแต่ความเงียบของเวลากลางคืน แสงสว่างจากบ้านเรือนละแวกนี้ปิดมืดตามประสาคนบ้านนอกที่นอนแต่หัวค่ำ เสียงหมาเห่าไกลๆดังมาเป็นระยะ สองหนุ่มเดินเคียงกันไปเรื่อยๆอย่างไม่มีจุดหมาย ร่างสูงของไออุ่นประชิดกับอีกคนอย่างคุ้นเคยโดยไม่มีการขัดจังหวะจากอีกฝ่าย มือใหญ่ที่แกว่งไกวข้างลำตัวค่อยๆเลื่อนไปแตะที่ปลายนิ้วของข้าวปุ้นช้าๆ ถึงแม้จะทำมากกว่านี้ไปนานแล้ว แต่การที่จะจับมืออีกคนเดินไปด้วยกันในบรรยากาศเช่นนี้มันชวนให้ตื่นเต้นจนลืมหายใจ แต่สุดท้าย ปลายนิ้วที่ไล่แตะก็เกี่ยวกระหวัดกันอย่างเงียบเชียบ จนสุดท้ายพวกเขาก็จับมือกันเดินมองแสงจันทร์อย่างสุขใจ...

ออฟไลน์ kawisara

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1586
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +119/-7
ลุ้น


ลุ้น


ลุ้น

ออฟไลน์ DrSlump

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3382
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +104/-2
 :pig4: :pig4: :pig4:

ด่านพ่อไออุ่นผ่านฉลุย  เหลือด่านแม่ข้าวปุ้น  ไม่รู้จะเสริฟมาม่าไหม?

ส่วนคู่ใหญ่กับแต้ม  ยังคงต้องรอว่าปมความสัมพันธ์ครั้งอดีตของสองครอบครัวนี้จะเปิดเผยออกมาในรูปแบบใด

ออฟไลน์ จากต้นจนอวสาน

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 598
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +103/-3
    • จากต้นจนอวสาน
จะรักนาย เท่าชีวิต 2 – Only You II

#S2 EP 20. ที่แห่งนี้มีมนต์ขลัง

             หลังจากอิ่มหมีพีมันจากอาหารฝีมือต้องตา สองหนุ่มยิ่งใหญ่และแต้มก็แยกย้ายไปนอนที่ห้องรับรองแขกที่บ้านของมลฤดี ผู้เป็นแม่ของยิ่งใหญ่ ที่นับวันอาการป่วยจะดีขึ้น อีกทั้งยังดีใจจนออกอาการเด่นชัดเมื่อได้เจอลูกชายคนเล็กกับแต้มอีกครั้ง เธอซาบซึ้งใจในตัวต้องตาและน้องชายคนนี้เป็นอย่างมาก ไม่รู้เพราะเหตุผลกลใดก็ตามแต่ การที่ยิ่งใหญ่ยอมรับเธอเป็นแม่อีกครั้ง ก็นับว่าเป็นความดีความชอบของทั้งคู่

             ยอดเยี่ยมนั้นไปส่งต้องตาที่คอนโด และคงจะค้างที่นั่นอีกเช่นเคย แต้มไม่ได้เดือดร้อนอะไรกับการที่พี่สาวจะอยู่กินกับแฟนก่อนแต่ง อย่างน้อยพี่ตาก็ไม่เคยทำอะไรไม่ดีหรือทำให้พ่อกับแม่เสื่อมเสีย หากว่าเขาเองยังไม่รู้เรื่องในอดีตที่ผ่านมาของพี่สาว แต่การที่เห็นผู้หญิงคนหนึ่งที่ทำงานหนัก พึ่งพาตัวเองและช่วยเหลือครอบครัวได้ นั่นก็พอที่จะให้เขานับถือพี่ต้องตาได้อย่างสุดใจแล้ว เรื่องส่วนตัวของพี่สาว เขาจึงไม่อยากไปก้าวก่ายหรือตัดสินอะไร พี่ตาอายุก็ไม่ใช่น้อยแล้ว ดีเสียอีกที่ได้พี่ยอดเป็นแฟน .... บ้านเขาจะได้รับขวัญแฟนลูกพร้อมกันเลยสองคน ทั้งยอดเยี่ยมและยิ่งใหญ่ (คิดแล้วหน้าแดงเอง)

“คิดอะไรอยู่เนี่ย ไม่หลับไม่นอน” ยิ่งใหญ่โผกายลงมานอนข้างๆ กลิ่นสบู่อ่อนๆแตะจมูก ผมเผ้าเปียกชื้น

“ไม่ได้คิดอะไร รอคนอาบน้ำนานอยู่”

“ก็มาแล้วนี่ไง” ยิ่งใหญ่ขยับตัวเบียดจนอีกฝ่ายชนผนัง

“โอยยย ที่ออกตั้งกว้าง มาเบียดทำไม แล้วทำไมไม่เช็ดผมให้แห้งก่อน” แต้มบ่น

“ขี้เกียจอ่า”

“นายหน้าผากสูงอยู่แล้วนะ ขืนไม่ดูแลดีๆผมร่วงหัวล้านแน่ ไม่เห็นรูปคุณตานายเหรอ หัวล้านเชียว”

“นายว่าตาเราเหรอ” ยิ่งใหญ่ย้อนคำ พลางนึกถึงรูปคุณตาที่เป็นฝรั่งตาน้ำข้าวที่ศีรษะล้านเตียนแขวนข้างฝาที่บ้าน โดยมีรูปคุณยายที่เป็นคนไทยแขวนติดกัน แม่ของเขาเลยมีเชื้อฝรั่งมาด้วย ยิ่งใหญ่เลยกลายเป็นลูกเสี้ยว

“คุณตานายมาจากไหนนะ” แต้มถาม

“ไม่แน่ใจอะ ฮอลแลนด์มั้ง เหมือนว่าจะมาตั้งแต่สมัยอยุธยาแล้ว”

“บ้า ตานายเป็นแดร็กคิวล่ารึไง อยู่ยงคงกระพันขนาดนั้น”

“เปล่าๆ เราหมายถึงบรรพบุรุษน่ะ น่าจะไปๆมาๆติดต่อการค้ากับไทยตั้งแต่สมัยโน้น ตาเราก็คงซึมซับเรื่องเล่าของประเทศเราเลยมาเที่ยวบ้าง แต่ดันติดใจสาวไทยอย่างยายเราจนแต่งงานกันนี่แหละ”

“ไม่แปลกใจหรอก ยายนายสวยขนาดนั้น นึกว่านางงาม” แต้มเห็นชอบ

“ก็เกือบใช่ ยายน่ะเป็นรองนางงามน่ะ ตาไปเจอตอนประกวดเลยตามจีบ แม่เคยเล่าให้ฟังว่ากว่าจีบกันน่ะไม่ยากหรอก เพราะตาก็หล่อ แต่กว่าทวดๆจะยอมก็ไม่ใช่ง่ายๆ สมัยนั้นเขยฝรั่งยังไม่เป็นที่ยอมรับเท่าไหร่ แต่ดีที่ตาเราไม่ยอมแพ้เอาชนะใจทวดๆจนได้”

“โห ต้องขอบใจคุณตานะ ไม่งั้นนายไม่ได้มากอดเราอย่างนี้หรอก” แต้มแซว

“นายว่าระหว่างเรากับคุณตา ใครหล่อกว่ากัน”

“หืมมม ถามแปลก มันก็ต้องคุณตาอยู่แล้วสิ”

“ชิ ตาถั่ว แฟนนายน่ะหล่อขนาดนี้ คุณตาสู้ไม่ไหวหรอก”

“มั่นใจขนาดนั้นเชียว” แต้มขัน แต่อีกคนก็กระงอดนิดหน่อยเพราะอยากโดนแฟนตัวเองชมว่าหล่อ

“แล้วแม่นายมีพี่น้องกี่คนน่ะ” แต้มถามต่อ เพื่อไม่ให้บรรยากาศเงียบเหงาเกินไป

“แม่เราเหรอ มีพี่น้องเป็นสิบอะ ตากับยายเราปั๊มลูกจนนับไม่ไหว แต่ตอนนี้ที่ยังมีชีวิตอยู่ก็ 8 คน”

“8 คน โหหหห เราว่าพ่อเราพี่น้องเยอะแล้วนะ ยังสู้นายไม่ได้เลย” แต้มยอมแพ้ “แบบนี้นายรู้จักครบทุกคนมั้ย”

“ก็ไม่นะ เคยเจอญาติๆตั้งแต่สมัยเด็กๆแล้ว ตอนนี้จำแทบไม่ได้ อีกอย่างก็ไม่ได้สนิทชิดเชื้อขนาดนั้นเพราะเราอยู่เชียงใหม่ตั้งแต่จำความได้ แถมเพิ่งได้เจอแม่ไม่นานนี้เอง แต่คิดว่าอีกไม่นานแม่คงพาไปแนะนำตัวแหละ” ยิ่งใหญ่ตอบ พลางกระชับอ้อมกอดให้แน่นหนา ร่างกายของแต้มร้อนผ่าวส่งผ่านไปยังคนที่ก่ายกอดมา ใบหน้าหล่อเหลาซุกที่ซอกคอเขาเช่นทุกคืน ลมหายใจร้อนกรูปะทะ หัวใจเต้นตึกตักในความมืดอบอุ่นเหมือนเช่นทุกที ไม่รู้ว่าความรู้สึกนี้เกิดขึ้นตั้งแต่ตอนไหน คนที่ไม่เคยมีแฟนมาก่อนอย่างแต้มจึงเผลอใจตกหลุมคารมของยิ่งใหญ่จนได้...

“แต้ม นอนแล้วเหรอ”

“อื้อ” เปลือกตาที่หนักอึ้งทำให้สติพร่ามัว แต้มตอบอย่างง่วงงันจากปลายสติที่หลงเหลืออยู่ ยิ่งใหญ่ผละใบหน้าให้ห่างจากลำคออีกคนเนื่องจากความร้อนแผ่จนเหงื่อออก แต่ไม่ลดอ้อมกอดที่อบอุ่นนี้เลยจนกระทั่งเผลอหลับไปเช่นกัน...



ปี๊นนนนนนนนน

“เร็วๆโว้ยใหญ่ ไปได้แล้ว” เสียงแตรรถยนต์ของพี่ชายดังขึ้นเพื่อเร่งน้องชายตัวดีที่ตื่นสาย แต้มตื่นนอนตั้งแต่เช้า อาบน้ำแต่งตัวและเก็บกระเป๋าจนเสร็จสรรพ แต่ยิ่งใหญ่กลับนอนต่อและกลายเป็นว่าหลับยาวจนกระทั่งยอดเยี่ยมต้องมาปลุก ยิ่งใหญ่ผู้ที่พิถีพิถันเรื่องการจัดแต่งทรงผมจำเป็นต้องปล่อยให้หัวฟู แปรงฟันแบบลวกๆก่อนจะวิ่งลงไปที่รถอย่างร้อนรน

“ช้าตลอดพ่อตัวดี” มลฤดีแซวลูกชายคนเล็กที่วิ่งพรวดพราดลงมาจากชั้นสอง

“ก็แม่ไม่ยอมปลุกอะ” ยิ่งใหญ่ป้ายความผิด

“อ้าวไอ้นี่ ไปโทษแม่ ตัวเองตื่นสายเอง แต้มก็บอกว่าปลุกตั้งหลายรอบไม่ยอมตื่น” ยอดเยี่ยมทับถม

“แต้มมมมมม ทำไมขี้ฟ้อง”

“เปล่าซะหน่อย แค่พูดเรื่องจริง” แต้มตอบ มองสภาพยิ่งใหญ่ที่หัวกระเซิงอย่างตลก นานๆทีจะได้เห็นแฟนของตนออกไปข้างนอกในเวอร์ชั่นนี้

แชะ! เสียงกล้องดิจิตอลดังขึ้น จนยิ่งใหญ่รีบยื้อแย่ง

“ไม่เอาไม่ถ่าย หัวฟู”

“ไม่ได้ ห้ามลบ นานๆจะเห็นนายสภาพนี้ นั่งดีๆ หยุด ห้ามแย่ง” ยิ่งใหญ่เป็นฝ่ายแพ้ ได้แต่นั่งในรถอย่างจำยอม วันนี้คนขับรถที่บ้านขับไปส่งที่สนามบิน พี่ยอดนั่งหน้าข้างคนขับ พวกเขาสามคนนั่งอัดกันอยู่ด้านหลัง ดีหน่อยที่พวกเขาแค่สูง ยังไม่อ้วนจนแย่งที่นั่งพี่ต้องตาเสียหมด

             สนามบินภูเก็ตเต็มไปด้วยนักท่องเที่ยวหลั่งไหลเข้ามาไม่ขาดสาย สี่ชีวิตต่างเดินปนเปกับผู้โดยสารอื่นพลางสอดสายตามองหาป้ายชื่อของยอดเยี่ยมที่แจ้งกับทางโรงแรมไว้ให้มารับ เมื่อขึ้นบนรถ ยิ่งใหญ่ก็หลับทันทีเพราะยังง่วงเนื่องจากนอนไม่เต็มอิ่ม มีแต่แต้มที่มองวิวสองข้างทางที่เต็มไปด้วยต้นยางพารา ปาล์ม และมะพร้าวยาวเหยียด ความเขียวชะอุ่มชวนให้สงบใจไม่น้อย แต่ถนนที่คดเคี้ยววกวนไปมาก็ชวนให้เวียนหัวจนต้องข่มตาให้นอนหลับไปอีกคน

“สองคนนี้ สนิทกันดีนะ” ยอดเยี่ยมพูดกับแฟนสาวเมื่อเห็นสองหนุ่มนอนหลับโดยมียิ่งใหญ่พิงหัวบนไหล่ของแต้ม หญิงสาวอมยิ้มกับภาพที่เห็น ทุกอย่างเป็นไปด้วยดีจนน่าใจหาย

“ใช่ค่ะ ดีใจจังนะคะที่น้องๆเราสนิทกันขนาดนี้” ต้องตายิ้มรับ ก่อนจะโน้มหน้าไปซบที่ไหล่กว้างของคนรักบ้าง

             โรงแรมตั้งอยู่แถวหาดกะตะ เป็นโรงแรมระดับ 3 ดาวแต่มีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน ที่ยอดเยี่ยมเลือกโรงแรมนี้เพราะใกล้กับไซค์งาน ไม่ต้องระเห็จเดินทางไกลหากต้องเลือกโรงแรมอื่น สภาพห้องหับนั้นเรียกว่าดีเกินคุ้ม แถมห้องที่เลือกทั้งสองห้องยังติดกับสระว่ายน้ำอีก แค่เปิดประตูหลังห้องก็ลงเล่นน้ำได้เลย

“เล่นน้ำกัน” ยิ่งใหญ่วางกระเป๋าและถอดเสื้อผ้า กางเกงว่ายน้ำที่จัดเตรียมมาได้ใช้งานแล้วโดยไม่ต้องออกไปตากแดดริมหาด ใจหนึ่งแต้มอยากเล่นน้ำทะเลมากกว่า แต่เมื่อเห็นรังสีความร้อนก็ต้องยอมแพ้ นึกสงสารพี่สาวที่ต้องไปดูงานที่ไซค์ก่อสร้างไม่น้อย

“ใจเย็นสิ ไม่เอ๊า อย่าถอด” แต้มที่คิดอะไรเพลินๆถูกยิ่งใหญ่ลากตัวและปล้ำถอดเสื้อผ้า ถึงแม้แรงของพวกเขาจะพอกันแต่แต้มก็ไม่ได้ใช้มันเต็มที่เพราะกลัวอีกคนจะเจ็บ แต่ทำแบบนี้ยิ่งใหญ่เลยได้ใจ จับถอดเสื้อและกางเกงจนเหลือแต่กางเกงในตัวเดียว

“หยุด” แต้มตีมือใหญ่ที่กำลังดึงขอบกางเกงใน ยิ่งใหญ่ทำหน้างอนแต่ก็ต้องยอมจำนน

“อายเหรอ อยู่ด้วยกันมาขนาดนี้จะอายกันอีกเหรอ” แต้มมองเรือนร่างสูงโปร่งของแฟนตนอย่างพินิจพิเคราะห์ เหมือนยิ่งใหญ่จะสูงขึ้นจากปีที่แล้วจนสังเกตได้ แต่เขายังยืนหยัดเท่าเดิม กล้ามเนื้อของยิ่งใหญ่กระชับ แขนนั้นล่ำเป็นกล้ามชัดเจนผิดกับคนวัยเดียวกันเพราะความเป็นนักกีฬาจึงทำให้ออกกำลังกายหนักกว่าคนอื่น สีผิวที่ขาวใสจนแสบตาก็ตัดกับความเข้มแทนของแต้มยิ่งนัก

“เปล่า ไม่ได้อาย แต่ประตูก็ไม่ได้ปิดนะ” นิ้วมือชี้ไปที่ประตูกระจกแบบบานเลื่อนหลังห้องที่ติดกับสระน้ำ เมื่อเดินไปก็จะเป็นระเบียงทำจากไม้ปูราบกั้นระหว่างด้วยราวที่คิดว่าน่าจะทำมาจากอลูมิเนียม ซึ่งห้องของสองหนุ่มกับพี่ชายพี่สาวนั้นใช้ราวร่วมกันเนื่องจากเป็นห้องสำหรับครอบครัว

“...” ยิ่งใหญ่ไม่ตอบ มองที่ประตูก่อนละมือจากกางเกงในแฟนอย่างจำใจ

             แต้มเดินเข้าไปในห้องน้ำเพื่อเปลี่ยนใส่กางเกงว่ายน้ำ พบว่าเป็นห้องน้ำที่กั้นกับห้องนอนแค่กระจกใส ไม่มีประตู นั่นหมายความว่าคนในห้องนี้จะสามารถเดินไปมาตอนที่คนใดคนหนึ่งกำลังอาบน้ำอยู่ได้ หากเป็นแต่ก่อนเขาคงคิดหนัก แต่หลังจากที่อาบน้ำกับยิ่งใหญ่บ่อยครั้งก็เข้าก็ชิน ความอลังการที่เคยเห็นบ่อยๆก็ไม่ได้ทำให้ตกใจเช่นเคย

             สองหนุ่มเล่นน้ำอย่างเพลิดเพลินจนลืมหิว ยังดีที่ยอดเยี่ยมพากินมื้อเที่ยงง่ายๆที่โรงแรมก่อนออกไปทำงาน ตลอดทั้งบ่ายก็เลยมีแต่การว่ายน้ำ แช่น้ำ เปิดเพลงจากซาวด์อะเบ๊าท์กล่อมไปมา พอเหนื่อยก็มานอนบนระเบียงไม้ ใช้ชีวิตกันอย่างไม่รีบร้อน

“เหนื่อยแล้วเหรอ” ยิ่งใหญ่คว้าเอวของคนที่วางสองแขนเกาะระเบียงหลังห้องให้คางแนบกับพื้นไม้เพื่อลอยตัว ร่างใหญ่สวมกอดจากด้านหลังแบบที่เคยชิน

“อื้อ อย่ากอดสิ เดี๋ยวคนอื่นมาเห็น”

“ไม่มีหรอก ตั้งแต่เล่นน้ำมาไม่มีคนมาร่วมวงกับเราเลยนะ” ยิ่งใหญ่แนบตัวมาชิดจนสัมผัสความเย็นเฉียบของขาแกร่งที่ยืนใต้น้ำ

“อย่าเบียดสิ อื้อ อะไรตุงมาอีกละเนี่ย” แต้มเบี่ยงตัวหนีก่อนพุ่งเข้าไปในห้องนอนทั้งที่ตัวเปียก เด็กหนุ่มเข้าไปอาบน้ำในห้องน้ำก่อนที่อีกคนจะวิ่งตามมาไม่ห่าง

“อื้อ อย่า” แต้มเสียงสั่นเมื่อร่างใหญ่โอบจากด้านหลัง ฝักบัวราดรดน้ำกร่อยล้างคลอรีนจนสะอาด ใบหน้าแต้มถูกดันให้ชิดกับผนังห้องน้ำโดยมีสองมือใหญ่ของอีกฝ่ายแกะเชือกรัดกางเกงในให้หลุดรุ่ยก่อนล้วงลับเข้ามาสัมผัสน้องชายของตนอย่างแผ่วเบา ด้านหลังมีของแข็งปักทิ่มที่แก้มก้นอย่างหนักหน่วง มือใหญ่รูดเฟ้นแก่นกายของแต้มจนต้องร้องระงม เนื้อตัวบิดงออย่างเสียวซ่าน นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ยิ่งใหญ่ทำแบบนี้ แต่มันเป็นครั้งแรกที่พวกเขาทำกันนอกสถานที่

             ร่างของแต้มที่เปียกปอนถูกพลิกให้มาอีกด้าน ใบหน้าสองคนเต็มเปี่ยมไปด้วยแรงปรารถนาที่พวยพุ่ง ริมฝีปากของทั้งคู่พุ่งประกบกันจูบจ้วงอย่างหนักหน่วง เนื้อตัวสั่นเทาด้วยความหนาวสั่นและกระสันซ่านจนแยกไม่ออก เสียงฝักบัวเงียบสงบไปมีเพียงเสียงลมหายใจหอบพร่าดังขึ้นแทนที่ ยิ่งใหญ่ละริมฝีปากมาเคล้าคลอที่ลำคอแกร่งก่อนโลมเลียไปที่หน้าอกแบนราบ ลิ้นร้อนฉกเข้าเป้าที่เม็ดเล็กกลางหน้าอกจนแข็งขืน ก่อนจะไถลลงไปโลมเลียที่น้องชายแต้มที่ผงาดตัวรอรับ

“อื้อ อา...อื้อ” แต้มร้องเสียงหลงเมื่อปากใหญ่ดูดเฟ้นที่ส่วนหัวจนลื่นแฉะ สองมือฉกทึ้งเส้นผมหนานุ่มเปียกชื้นอย่างหนักแน่น ใบหน้าหล่อรูดขึ้นลงตามจังหวะปรนเปรอ เนื้อตัวที่เคยเปียกชื้นแห้งไปตามเวลาที่ผ่านพ้น

“อื้ออออออออออออ” แต้มครางเสียงยาวเมื่อความสุขถึงขีดสุด ร่างกายกระตุกพลางปลดปล่อยความสุขสมจนหยดสุดท้ายใส่ปากแฟนหนุ่มที่ดูดเค้นราวกับเป็นของหวานชั้นเลิศ

             ใบหน้าหล่อเหลาของยิ่งใหญ่ผุดมาประชิดจนลมหายใจของทั้งสองแนบสนิท กลิ่นแห่งความสุขที่ถูกดูดกลืนไปโชยแตะจมูก แต่ไม่มีใครเอื้อนเอ่ยอะไรออกไปเมื่อทั้งคู่พรมจูบและบดเบียดความหอมหวานในโพรงปากกันและกันอีกครั้ง เรือนร่างสูงใหญ่ก่ายกอดและคลำทางอย่างสะเปะสะปะเพราะความมืดทำให้ยากที่จะพากันไปถึงที่เตียงได้โดยง่าย แต่ก็ไม่มีใครคิดที่จะเปิดไฟให้แสงสาดสว่าง เมื่อกดร่างของแต้มลงบนเตียงแล้ว อีกฝ่ายก็ดูดเฟ้นที่หัวนมเม็ดเล็กอย่างหิวกระหาย สองขาของผู้ถูกทาบทับบิดเบียดไปมาปล่อยให้นิ้วเรียวเขี่ยขอบถ้ำของตนอย่างเสรี

“เป็นของเรานะ แต้ม” เสียงหอบพร่ากระซิบข้างหู มีเพียงการพยักหน้าแทนคำตอบเท่านั้นที่ทำให้ผู้ขอดีใจอย่างลิงโลดลุกไปหาของในกระเป๋าพักใหญ่

“นี่เตรียมมาขนาดนี้เลยเหรอ” แต้มถามตอนที่ยิ่งใหญ่กลับมากอดและจูบตนอีกครั้ง คราวนี้ร่างใหญ่แทรกกลางระหว่างขาสองข้างที่ถูกดันให้เปิดทางสำหรับร่างใหญ่ที่พร้อมบุกเบิกเข้ามา นิ้วชี้ชุ่มฉ่ำแยงตัวเข้าไปความคับแน่นจนอีกฝ่ายเจ็บจุก

“อึ๊ เบาๆ เจ็บ”

“ขอโทษนะ เจ็บมากมั้ย” ยิ่งใหญ่พูดขอโทษและพยายามลดแรงเสียดสี “ผ่อนคลายหน่อยนะแต้ม”

“อะ อื้อ” นิ้วยาวทิ่มแทงเข้าไจนสุด แต้มน้ำตาเล็ดเพราะความจุกเสียด “นี่ คะ แค่นิ้วนะ มะ ไม่อยากจะคิดถึงไอ้นั่นเลยอะ”

“ขอโทษนะที่มันใหญ่สมชื่อเลยอะ”

“....” แต้มไม่ตอบ รู้สึกร้อนฉ่าทั่วใบหน้า แถมด้วยความเจ็บจี๊ด หน่วงๆที่บั้นท้าย

ครืด....

พรึ่บ

“ทะ ทำอะไรกันน่ะ”

ออฟไลน์ DrSlump

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3382
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +104/-2
 :pig4: :pig4: :pig4:

ใครหนอ?  มาตอนกำลังเข้าด้ายเข้าเข็มเลย

ออฟไลน์ GBlk

  • ขอให้สรรพสัตว์จงมีความสุข
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1432
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +82/-43

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7538
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
ค้างงงงงงงงงงงง   :z3: :z3: :z3:
ใคร้  ถถถถถถถ  :m31: :fire: :angry2:
       :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ จากต้นจนอวสาน

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 598
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +103/-3
    • จากต้นจนอวสาน
จะรักนาย เท่าชีวิต 2 – Only You II

#S2 EP 21. รื้อ

             บนเรือนไม้สภาพเก่านั้นเต็มไปด้วยข้าวของที่ถูกรื้อจนจำสภาพเดิมแทบไม่ได้นั้นฝุ่นคลุ้ง พื้นเรือนปูด้วยไม้แผ่นเนื้อดีไม่ผ่านการทาสีหรือเคลือบสารใดๆ ทำให้สีซีดจางไปตามกาลเวลา แต่ยังคงเห็นลายไม้ที่ถูกตกแต่งอย่างดีจากช่างที่มีฝีมือ สองหนุ่มกำลังช่วยกันมองหาเอกสารหรือสิ่งของที่พอจะให้คำตอบว่า ทำไมพี่ชายของยิ่งใหญ่ถึงมาที่นี่ สุดท้าย...ทำไมยิ่งใหญ่ถึงมาที่นี่

             มันอาจจะดูไร้เหตุผลที่จะต้องมาทำอะไรแบบนี้ แต่หลังจากเรื่องบาดหมางใจเกิดขึ้นในครั้งก่อน ไออุ่นคิดว่ามันคงจะดีกว่านี้ถ้าพวกเขาสืบเรื่องนี้และหาคำตอบให้จบเพื่อกันยิ่งใหญ่ให้ออกไปจากวงโคจรความรักของตนกับข้าวปุ้น ถึงแม้ป๊าจะอนุญาตให้คบหากันได้แล้ว แต่ใครจะรู้ว่าวันหนึ่ง...อาจจะ...มีใครสักคนเข้ามาทำให้พวกเขาทั้งคู่หวั่นไหวจนต้องเลิกรากัน... ไออุ่นุ่นง่านใจมากกับเรื่องนี้ เพราะไม่อยากให้สิ่งที่คิดเป็นจริงเลย

“รื้อเบาๆหน่อย ฝุ่นเยอะ”

“ใจคอมึงจะไม่ปัดกวาดเช็ดถูซอกนี้อีกเลยรึไง” ไออุ่นถาม แม้จะจามไปหลายทีแต่ก็ยังต้องช่วยกันรื้อข้าวของที่กองสุมอยูมุมหนึ่งของบ้าน ซึ่งแต่ก่อนเป็นพื้นที่ส่วนตัวของสล่าบุญมีพ่อของข้าวปุ้น เนื่องจากอาการป่วยทำให้ต้องแยกตัวออกมานอนข้างนอก มีตู่เสื้อผ้าขนาด 3 บานประตูทำจากไม้อัดและทาสีน้ำตาลเคลือบผิวมัน บานหนึ่งเป็นกระจกสะท้อน อีกสองบานที่เหลือเปิดคู่กันติดกระจกเงาธรรมดา ความสูงประมาณ 1.5-2 เมตร กว้างไม่เกิน 1.2 เมตร โดยมีฐานไม้ขนาดย่อมรองรับน้ำหนักของตู้ทั้งหมด ชั้นล่างเป็นบานเลื่อนเอาไปเก็บสิ่งของ สูงประมาณ 30 เซ็นติเมตร และกว้างเท่ากับพื้นที่ของตู้

             ถัดจากตู้ที่เป็นฉากกั้นสายตาของคนที่เดินขึ้นเรือนไม้ก็จะมีชั้นพลาสติกขนาด 4 ชั้นความสูงประมาณ 1 เมตรจำนวน 2 ใบวางอยู่สำหรับใส่ของจุกจิกและชุดชั้นใน ที่นอนเก่าซอมซ่อที่เคยตั้งอยู่ถูกม้วนกองไว้ที่ผนัง ปกติแล้วคนเหนือจะเก็บศพไว้ที่บ้านเพื่องานสวดก่อนนำไปเผา แต่ด้วยพื้นที่จำกัดจึงจำเป็นต้องนำศพไปไว้ที่วัดแทน ข้าวของทั้งหมดเลยยังอยู่ที่เดิมราวกับว่าสล่าบุญมียังมีชีวิตอยู่ สมุดเล่มเก่าปกสีน้ำตาลวางระเกะระกะในกล่อง คนรุ่นนี้ไม่นิยมเขียนบันทึกหรือไดอารี่ จึงทำให้ยากที่จะหาเรื่องราวที่ผ่านมาได้อ่าน

“นี่อะไรวะ” ไออุ่นหยิบสมุดปกแข็งสีเขียวสภาพเก่าแบบนักบัญชีนิยมใช้ ข้างในเป็นหน้ากระดาษสีขาวมีเส้นตรงสีน้ำเงินตัดกันไปมาทั้งแนวตั้งและแนวนอน

“สมุดบัญชีพ่อมั้ง” ข้าวปุ้นวางมือจากกล่องบรรจุยาสูบมาจุดที่ไออุ่นนั่งอยู่ ใช้สองมือยกปึกสมุดออกมาสำรวจ

“อันนี้ปี 40 ก่อนพ่อเสีย” ไออุ่นไล่เรียงปี “มีระบุด้วยว่าได้เงินเท่าไหร่ จากใคร และใช้ไปเท่าไหร่” เด็กหนุ่มสำรวจไล่เรียงไป ถึงแม้จะมีแค่ไม่กี่เล่ม แต่การกวาดสายตาเพื่อหาจุดเชื่อมโยงกับสิ่งที่ต้องการดูริบหรี่ ชื่อคนที่ระบุนั้นไม่เป็นที่รู้จักเท่าใดนัก ถ้าให้เดาคงเป็นรายชื่อลูกค้าที่สล่าบุญมีไปทำงานให้

“เล่มนี้ไม่เหมือนพวกนั้นนะ” ช้าวปุ้นสะกิดแฟนหนุ่ม “เขียนแค่ว่าค่าจ้าง ไม่ได้ลงรายละเอียดว่าค่าปูน ค่าหินทรายเท่าไหร่เหมือนเล่มก่อนๆ” ไออุ่นหยิบอีกเล่มหนึ่งที่อยู่ด้านล่างของเล่มที่อยู่ในมือข้าวปุ้นมาสำรวจเช่นกัน

“เออใช่ อันนี้น่าจะเป็นช่วงที่สล่าบุญมียังไม่ได้ออกมารับงานเองปะ” ไออุ่นตั้งข้อสังเกต

“คงใช่ รายการมันต่างกันลิบลับ” ข้าวปุ้นเปิดทีละหน้าไล่หาสิ่งที่อยากรู้

“อ๊ะ ทำไมเราไม่สังเกต หน้าปกเขียนปีพ.ศ.ไว้ด้วยนะ” ไออุ่นโชว์รอยปากกาสีจางมุมขวาบนของหน้าปกสมุดให้ดู ตัวเลขระบุปีนั้นแทบมองไม่เห็น ทำให้พวกเขาไม่ทันได้ดู

“จริงด้วย พ่อของเราออกมารับงานเองปลายปี 37” ข้าวปุ้นเปิดสมุด “ปีนี้เลยมี 2 เล่มสินะ” เขายื่นอีกเล่มให้ไออุ่น

“ทำไมตัวเลขมันไม่ชัด แน่ใจนะว่า 37 ไม่ใช่ 35 36 หรือ 38”

“ช่างมันเหอะ เราไม่ได้กำลังหาปีเกิดกูซะหน่อย” ข้าวปุ้นย้อน อ่านรายการที่จดบันทึกไว้อย่างละเอียด “มึง”

“ไร” ไออุ่นตอบรับหลังถูกสะกิด

“กูว่าตรงนี้มีอะไรแปลกๆว่ะ”

“ยังไงวะ”

“ก็ช่วงแรกๆพ่อได้เงินค่าจ้างปกติ ทุกงานไม่เคยขาด มีแต่งานนี้ที่อยู่ๆก็ตัดจบไปเลย และไปขึ้นเล่มใหม่”

“ไหนเอามาดูดิ๊” ไออุ่นคว้าหน้าสุดท้ายที่มีรอยปากกาไปอ่าน หน้ากระดาษว่างยังเหลือเกือบครึ่ง แต่เหมือนกับว่าเจ้าของบัญชีนี้จงใจไม่เขียนต่อกัน “จริงด้วยว่ะ ตอนแรกๆก็ได้เงินมาครบนะ แต่พอถึงเดือนนี้ ก็หายไปเลย”

“แล้วพอขึ้นเล่มใหม่ ก็อีกเกือบ 5 เดือนเลยนะ” ข้าวปุ้นเอาหน้าแรกของอีกเล่มขึ้นมาเทียบ

“เกิดอะไรขึ้น ทำไมสล่าบุญมีหยุดงานถึง 5 เดือนแล้วค่อยมารับงานต่อ” ไออุ่นตั้งข้อสังเกต

“เดี๋ยวนะ” ข้าวปุ้นลองไล่อ่านเล่มที่ผ่านมา “ลองดูสิ หลังจากที่พ่อกูรับงานเอง ส่วนใหญ่จะกระจุกอยู่แค่ แม่จัน เชียงแสน เชียงของ เทิง ขุนตาล พาน และลงไปพะเยา เว้นกระจุกตรงเวียงชัย อำเภอเมือง แม่สรวยและแม่ขะจานไว้” ไออุ่นพยักหน้า ปล่อยให้ข้าวปุ้นดึงสมุดในมือไปเปิดดู

“แต่เล่มนี้ เขียนว่าทำงานที่แม่สรวย แม่ขะจาน” ข้าวปุ้นหยิบเล่มของปีที่คิดว่าน่าจะเป็นพ.ศ. 2535 ขึ้นมาสำรวจ โดยมีสายตาของไออุ่นช่วยดูอีกคู่

“นี่ไง ก่อนหน้านี้พ่อรับงานทั่วจังหวัดเลยนะ แต่หลังๆไม่ไปโซนนั้นเลย ทำไมวะ” ข้าวปุ้นครุ่นคิด

“งานแถวนั้นไม่เยอะรึเปล่า แค่แม่สาย เชียงแสน เชียงของงานก็ชุกไปหมดละ”

“ไม่ชุกขนาดนั้นนะ พ่อเรามาทำเองแค่ไม่กี่ปี นับดูแล้วได้แค่ไม่กี่งานเอง น้อยกว่าตอนที่ยังเป็นช่างให้คนอื่นซะอีก” ข้าวปุ้นคะเนเอาในใจถึงตัวเลขทั้งหมดของงานก่อสร้างที่บันทึกไว้

“เราได้เบาะแสอะไรรึยัง”

“ยังว่ะ” ข้าวปุ้นยอมรับตามตรง คิดจนปวดหัวแล้วยังไม่มีอะไรคืบหน้า

“จะต้องไล่ไปสำรวจบ้านแต่ละหลังที่พ่อมึงรับงานมั้ย”

“ห่า ทำแบบนั้นจะเสร็จชาติไหนวะ” ข้าวปุ้นย้อน นึกถึงตอนที่ต้องนั่งซ้อนท้ายรถมอเตอร์ไซค์ไปดูบ้านที่พ่อของตนเคยรับเหมาก่อสร้างแล้วลมจะจับ

“เราจะเริ่มยังไงดีล่ะ” ไออุ่นนั่งซบไหล่แฟนหนุ่มอย่างเหนื่อยใจ ความร้อนและฝุ่นคลุ้งทำให้คัดจมูกไปหมด

“นึกไม่ออก”

“เห้อ ทำไมยากจังวะ นึกว่าจะเจออะไรดีๆซะอีก” ไออุ่นบ่น

“อย่าบ่นเลยน่า ช่วยกันเก็บสมุดเข้าที่ก่อน” ทั้งสองวางสมุดบัญชีในกล่องตามเดิมก่อนจะกลับมานั่งที่แคร่ไม้ใต้ถุนบ้าน ไออุ่นจับจองเปลญวนที่ผูกเชือกไว้ที่ปลายทั้งสองข้าง ขึงกับเสาเรือนไม้ขนาดใหญ่ สายลมพัดกรูปนเปทั้งไอเย็นและไอร้อน หนังตาหนักอึ้งจนต้องยอมจำนนหลับไป ทิ้งให้ข้าวปุ้นคิดไม่ตกกับเรื่องที่พวกเขากำลังตามหา

***********************************************************************

ครืด....

พรึ่บ....แสงไฟสว่างพร้อมใบหน้าตกใจของคนทั้ง 4

   ต้องตาและยอดเยี่ยมเปิดประตูหลังห้องเข้ามาเพื่อจะชวนน้องๆไปทานมื้อเย็นกัน เมื่อเห็นไฟปิดก็เลยถือวิสาสะ เมื่อเคาะกระจกแล้วไม่มีใครได้ยินจึงลองเลื่อนเปิด พบว่าไม่ได้ล็อกไว้ ในห้องมืดสนิทแต่มีเสียงคนคุยกันแผ่วเบา เมื่อแสงสว่างทำงานก็พบว่าน้องชายของทั้งคู่นั้น...

“ทะ ทำอะไรกันน่ะ” ต้องตาเอ่ยถามอย่างตกใจสุดขีดกับภาพที่เห็น น้องชายของคนรักคร่อมร่างกับน้องชายตัวเองอยู่บนเตียง สภาพเปลือยเปล่าและพร้อมรบกันทั้งคู่ ภาพที่เห็นมันฟ้องอย่างชัดเจนว่าทั้งสองคนเป็นมากกว่าแค่เพื่อนสนิทกัน

“พี่ตา”

“พี่ยอด” สองหนุ่มตกใจลนลานขานชื่นพี่ของตนไล่เลี่ยกันก่อนที่จะซุกตัวในผ้าห่ม

“พี่ถามว่าทำอะไรกัน” ต้องตาเสียงเข้ม ถามย้ำทั้งที่รู้แก่ใจอยู่แล้วว่าเกิดอะไรขึ้น

“ใจเย็นๆก่อนครับคุณตา” ยอดเยี่ยมประคองสติเข้ามาปลอบ “สองหนุ่มแต่งตัวก่อน เดี๋ยวไปคุยกันที่ห้องพี่นะ” พูดจบชายหนุ่มก็พาร่างของแฟนสาวเดินกลับห้อง ทิ้งให้น้องชายทั้งสองคนว้าวุ่นใจอย่างที่สุด

“แต้ม” ยิ่งใหญ่มองหน้าคนรักที่หงอยเหงาอย่างเห็นได้ชัด ปกติแต้มไม่ใช่คนขี้โวยวายเป็นทุนเดิม การแสดงออกเช่นนี้จึงไม่ใช่เรื่องผิดวิสัย แต่ใบหน้าซีดเผือดก็บ่งบอกได้เป็นอย่างดีว่ากำลังเครียดหนัก “ไม่เป็นไรนะ เราอยู่ตรงนี้” ยิ่งใหญ่กุมมือ แต่อีกคนกลับดึงออกก่อนที่จะแต่งตัวแล้วเดินไปอีกห้องอย่างเงียบงัน

“ตั้งแต่ตอนไหน” เสียงเข้มจากพี่สาวถามอย่างคาดคั้น ใบหน้าของผู้เป็นน้องเครียดกว่าเก่า

“...”

“พี่ถามไงแต้ม ว่าตั้งแต่ตอนไหน” ต้องตวาดอย่างเหลืออด ไม่เคยคาดคิดว่าเลือดเนื้อเดียวกันอย่างแต้มจะกลายเป็นคนเช่นนี้ เธอเคยคิดว่าแต้มจะเติบโตเป็นผู้ชายที่ดี มีหน้าที่การงานที่ดี เป็นน้องที่ดี เป็นสามีและพ่อที่ดี

...แต่เธอกลับคิดผิด

...มันไม่ใช่เรื่องผิดปกติที่ในสังคมจะมีคนที่รักเพศเดียวกัน เธอก็มีเพื่อนแบบนี้อยู่ ในยุคสมัยนี้มันเป็นยุคที่คนสองเพศถูกสังคมกดขี่ ผู้ชายที่มีใจรักเพศเดียวกันถูกสังคมมองหยามไม่ได้เปิดกว้างและยากที่จะเป็นที่ยอมรับ การที่น้องชายคนเดียวของเธอมีพฤติกรรมเช่นนี้ยิ่งทำให้หญิงสาวหวาดกลัวว่าความลำบากจากแววตาของคนที่จับจ้องมาจะทำให้เขาไม่มีความสุข

“แต้ม”

“ค่อยๆคุยกันนะครับคุณตา” ยอดเยี่ยมพยายามแทรกเพื่อให้อีกฝ่ายลดโทสะลง

“พี่ตาอย่าด่าแต้มเลยนะครับ ถ้าจะมีคนผิด ก็ผิดที่ผมเองที่...” ยิ่งใหญ่เป็นอีกคนที่ออกตัวช่วย หากต้องตามองว่าเรื่องนี้ไม่ถูกต้อง เขาก็เป็นคนที่ทำทุกอย่างให้เป็นเช่นนี้

“นายไม่ผิดหรอกใหญ่” แต้มพูดออกมาในที่สุด แววตายังเศร้าสร้อยจนน่าสงสาร

“แต้ม” ยิ่งใหญ่ขยับนิ้วมือไปแตะที่หลังมืออีกฝ่าย ความเย็นเฉียบแล่นเข้าสู่หัวใจจนหนาวเหน็บ ใบหน้าของผู้เป็นพี่สาวดูโมโห โกรธขึ้งและผิดหวังระคนกันไปหมด

“คุณตาครับ ผมว่าอย่าเพิ่ง...” ยอดเยี่ยมแตะหลังมือแฟนสาว ท่าทางอึกอักราวกับมีเรื่องจะพูดต่อ

“คุณยอดพูดเหมือนคุณยอดรู้เรื่องนี้แล้ว”

“เอ่อ....” ชายหนุ่มไม่ตอบ หันไปสบตาน้องชายที่ไม่มีท่าทีอะไรนอกจากแววตาเป็นห่วงคนที่นั่งนิ่ง “ใช่ครับ”

“คุณยอดรู้เรื่องนี้ แต่คุณยอดกลับไม่บอกตา แถม ... แถมยังไปสนับสนุนทั้งคู่อีกอย่างงั้นเหรอคะ” ต้องตาโมโหจนแทบคุมตัวเองไม่ไหว

“น้องชายเราก็โตแล้วนะครับคุณตา พวกเขาไม่ใช่เด็กที่จะคิดอะไรเองไม่เป็นนะครับ” ชายหนุ่มอธิบาย

“แต่พวกเขายังไม่ถึง 20 เลยนะคะ ถ้าคิดเป็นคงไม่คิดเลยเถิดกันแบบนี้หรอก” ต้องตาเถียง แต้มนิ่งเงียบเพราะคิดไว้แล้วว่าพี่สาวคงรับไม่ได้ที่รู้ว่าน้องชายคบกับผู้ชายด้วยกัน แม้แต่คนสมัยใหม่เช่นพี่ตายังคัดค้าน เขาเลยไม่กล้าคิดเลยว่าแม่จะทำท่าอย่างไรเมื่อได้รู้เรื่องนี้

“พวกผมไม่ถึง 20 แล้วยังไงเหรอครับพี่ตา”

“ใหญ่ อย่า...” แต้มส่งเสียงและส่ายห้ามเชิงห้ามปราม

“นายอย่าเพิ่งห้ามเราเลยแต้ม” ยิ่งใหญ่พูดเสียงอ่อนกับแฟนแต่กลับเสียงแข็งให้อีกคน “พวกผมก็แค่รักกัน พวกมทำอะไรผิดงั้นเหรอครับ”

“มันผิดตั้งแต่พวกเธอรักกันแล้วไง” ต้องตาตอบอย่างเดือดดาล “ผู้ชายรักกันมันถูกต้องที่ไหนกันล่ะ ผู้ชายโตขึ้นต้องแต่งงานมีครอบครัว ไม่ใช่...แบบนี้”

“ทำไมผู้ชายต้องแต่งงานด้วยล่ะ การมีเมียมีลูกมันสำคัญนักเหรอ” ยิ่งใหญ่ไม่ลดละ

“เธอจะไปรู้อะไร” ต้องตาตอบ “ลองคิดสิ ถ้าแต้มไม่แต่งงานมีเมียมีลูก แก่ตัวมาใครจะเลี้ยงดู ถ้าพวกเธอสองคนคบกันไปเรื่อยๆเกิดคนใดคนหนึ่งตายก่อนล่ะ อีกคนจะอยู่ยังไง”

“หัวโบราณ” ยิ่งใหญ่ย้อน

“ใช่ พี่มันหัวโบราณ เธออย่าลืมสิว่าพี่เกิดปี 2510 ไม่ใช่เกิดปี 2526 แบบเธอนะยิ่งใหญ่”

“....” ยิ่งใหญ่อึกอัก เด็กหนุ่มวัย 17 ปีผ่านร้อนหนาวมาน้อยกว่า เรื่องวัยก็เป็นเหตุผลหนึ่งที่ทำให้พวกเขาคิดต่างกัน

“แต่อย่าลืมสิ พวกเธอคบกันไปจะมีอะไรดี แต่งงานกันก็ไม่ได้ ทะเบียนสมรสก็ไม่ได้จด พ่อแม่คนรอบข้างจะมองยังไง” ต้องตาพรั่งพรู

“ตอนนี้พวกเธอยังเด็ก คงคิดว่ามันคือรักแท้ เชื่อเถอะว่าพอเวลาผ่านไป เธอเจอโลกที่กว้างขึ้น เจอคนใหม่ๆ จะเข้าใจว่าโลกมันไม่ได้มีแค่พวกเธอสองคน” น้ำตาเม็ดใหญ่ไหลหยด ยิ่งใหญ่ชะงักเมื่อเห็นความเศร้าหมองฉายมาหลังถูกใบหน้าขึ้งโกรธบดบังมาเสียนาน

“...”

“พี่ตา แต้มขอโทษ แต้มขอโทษนะ” ร่างของน้องชายทรุดลงไปกอดพี่สาวที่ร้องไห้ ยิ่งใหญ่ใจเต้นรัวอย่างปวดปร่าที่ไม่อาจจะหาอะไรมาโต้แย้งข้อเท็จจริงนี้ได้

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ DrSlump

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3382
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +104/-2
 :pig4: :pig4: :pig4:

แหม.....ชีวิตใครก็ให้เขากำหนดเลือกเส้นทางชีวิตของเขาเองสิ

อนาคตจะเป็นไง  ก็เป็นเรื่องของเขา  เขาต้องยอมรับสภาพให้ได้เมื่อถึงเวลานั้น

เธอจะไปคิดแทนเขาได้ไง  เจ๊ต้องตา

ออฟไลน์ Mrfoxx

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 16
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
ตัวละครเยอะเกิน
เนื้อวนไปมา
ss2 กระโดดไปมา ไม่สนุก

ออฟไลน์ จากต้นจนอวสาน

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 598
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +103/-3
    • จากต้นจนอวสาน
ตัวละครเยอะเกิน
เนื้อวนไปมา
ss2 กระโดดไปมา ไม่สนุก


ขอบคุณสำหรับคำติชมนะครับ ไรต์น้อมรับและจะนำไปปรับปรุงครับ
ทั้งนี้เรื่องนี้มีปมค่อนข้างเยอะครับ ไรต์จึงพยายามค่อยเป็นค่อยไป
แต่ในภาคนี้ปมต่างๆจะคลี่คลายไปเยอะครับ
ยังไงก็ขอฝากติดตามด้วยนะครับ

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด