จะรักนาย เท่าชีวิต 2 – Only You II | ตอนที่ 21 @ 5 มี.ค. 63 หน้า 3
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: จะรักนาย เท่าชีวิต 2 – Only You II | ตอนที่ 21 @ 5 มี.ค. 63 หน้า 3  (อ่าน 15606 ครั้ง)

ออฟไลน์ จากต้นจนอวสาน

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 598
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +103/-3
    • จากต้นจนอวสาน
จะรักนาย เท่าชีวิต 2 – Only You II

#S2 EP 9. ก่อนเปิดเทอม

พฤษภาคม 2543

               ก่อนเปิดเทอมหนึ่งถึงสองวัน นักเรียนแต่ละระดับชั้นต่างทะยอยมาที่โรงเรียนเพื่อดูรายชื่อของตนว่าอยู่ที่ห้องไหน เพราะเปิดภาคการเรียนใหม่ปีนี้ จะมีการปรับเปลี่ยนนักเรียนแต่ละคนตามผลการเรียน ใครที่มีผลการเรียนดี จะถูกย้ายไปรวมกัน ในทำนองเดียวกัน คนที่มีผลการเรียนไม่น่าพึงพอใจ จะถูกย้ายไปอยู่รวมกันด้วยเหตุผลที่ว่าทางผู้สอนจะได้ปรับเปลี่ยนการสอนให้สอดคล้องกับนักเรียนมากที่สุด

               บอร์ดหน้าโรงเรียนคลาคล่ำไปด้วยนักเรียนชายหญิง บ้างก็แต่งชุดนักเรียน บ้างก็แต่งตัวตามสมัยนิยม กางเกงยีนส์สีซีดหลวมโพรกและเสื้อผ้าสีสดใสมันวาวเป็นที่นิยมกันในช่วงนี้ ทางโรงเรียนจัดบอร์ดไว้ 6 บอร์ดสำหรับนักเรียนทุกระดับชั้น แต้มกับยิ่งใหญ่ยังอยู่ห้องเดิมคือ ๕/๘ อาร์ทตามมาสบทบทีหลัง ร้องไชโยยกใหญ่ที่ได้อยู่ห้องเดียวกับสองคนนี้ เมื่อดูเลขห้องโฮมรูมเสร็จก็พากันเดินที่ห้องนั้นเพื่อจัดโต๊ะ และทำความสะอาด

               ห้องโฮมรูมของพวกเขาอยู่อาคารสองชั้นสามจากทั้งหมดสี่ชั้น ทุกห้องของอาคารนี้มีแต่นักเรียนชั้นม.ปลาย เพื่อนร่วมชั้นที่มาถึงก่อนต่างจับจองที่นั่งกันไปบ้างแล้ว มีคนเขียนแผนผังที่นั่งบนกระดานไว้ก่อนหน้านี้เพื่อแสดงความเป็นเจ้าของและจะไม่ไม่เกิดปัญหาเรื่องการแย่งที่นั่งกันช่วงวันเปิดเทอมจริง ยิ่งใหญ่เดินไปที่มุมหลังห้องติดประตูทางเข้าออก ที่นั่งตรงนี้ไม่มีใครแย่ง ราวกับว่าทุกคนต่างรู้กันดีว่าเป็นของใคร แต้มเขียนชื่อตัวเองและยิ่งใหญ่ลงไปบนแผนผัง

               อาร์ทจะวางของไว้ที่โต๊ะแถวหน้าของคู่เมื่อกี้ แต่ชื่อที่เขียนไว้บนแผนผังเป็นชื่อของเพื่อนใหม่ที่เพิ่งย้ายห้องมา พอนึกได้ว่าเป็นใครก็นึกขยาด ย้ายไปนั่งอีกแถวที่อยู่ด้านข้างทางด้านซ้ายมือของแต้มดีกว่า ถึงแม้บนแผนผังจะมีชื่อเดียวจองที่นั่งตรงนี้ แต่กลับไม่มีใครกล้าลงชื่อจองที่นั่งที่อยู่ติดกันเลย

   กระดานดำของห้องเรียนอยู่ทางทิศเหนือ โดยมีโต๊ะครูอยู่ด้านหน้าทางทิศตะวันตก โต๊ะเรียนไม้ที่สีซีดจางไปตามกาลเวลาถูกจัดให้อยู่ชิดกันเป็นคู่ จำนวน 4 คู่ต่อแถว โดยมีทั้งหมด 5 แถวสำหรับชั้นนี้ ซึ่งพอดีกับนักเรียนทั้งสิ้น 40 คน ประตูเข้าออกของห้องทั้งสองประตูอยู่ทิศตะวันออก ยิ่งใหญ่อยู่ริมสุดของหลังห้องโดยมีแต้มนั่งติดกันดานซ้ายมือของเขา ขวามือของยิ่งใหญ่เป็นทางเดินไม้สีเขียวหม่นจึงเป็นที่นั่งที่ดีที่สุดในการแอบออกไปข้างนอก หรือแอบอู้ตอนที่อาจารย์ไม่ได้สนใจ ห้องนี้เป็นห้องรองสุดท้ายหากนับจากทิศเหนือมา ถัดจากห้องเรียนก็เป็นบันไดขึ้นลงอยู่ด้านหลัง และจากนั้นถึงเป็นห้องเรียนที่อยู่มุมอาคาร ตอนนี้เพื่อนร่วมชั้นต่างจับกลุ่มพูดคุยเพื่อรอรับตารางเรียน บ้างก็ทำความสะอาดห้อง

“อ้าว ทำไมไปนั่งตรงนั้นล่ะอาร์ท ตรงนี้ยังว่างนะ” แต้มมองที่กระดานและชี้ที่นั่งด้านหน้าของตนที่ไม่มีใครจับจอง

“ไม่เอาอะ ไม่อยากเสี่ยง” อาร์ทตอบ

“หืม เสี่ยงอะไร” แต้มถามด้วยความงุนงง

ยิ่งใหญ่จึงมองกระดานหน้าห้องเป็นครั้งแรก ชื่อที่เขียนจองที่นั่งติดผนังด้านหน้าของเขาคือ ข้าวปุ้น...

“จองโต๊ะแล้ว ทำความสะอาดแล้ว หิวแล้ว” ยิ่งใหญ่บ่นข้างหูแต้ม

“เดี๋ยวสิ รอตารางสอนก่อน”

“นายเป็นครูรึไงถึงต้องรอตารางสอน”

“เออ ตารางเรียนก็ได้” แต้มส่งตาเขียวไปให้คนที่แซวมา

               ข้าวปุ้นเดินเรื่อยเปื่อยไม่รู้ทิศทาง โดยปกติเขาไม่ค่อยสนิทกับเพื่อนร่วมห้องเป็นทุนเดิมอยู่แล้วเพราะนิสัยที่ดูไม่น่าคบหา มีแต่พวกที่เป็นนักเลงของโรงเรียนเท่านั้นที่พอจะสนิทใจพูดคุยกันอยู่บ้าง แต่การถูกไออุ่นเคี่ยวเข็ญให้ตั้งใจอ่านหนังสือจนเกรดเฉลี่ยดีพอที่จะย้ายมาห้องคิงทำให้ต้องปรับตัวใหม่อีกครั้ง

“มึงต้องสัญญากับกูด้วยนะ ว่าจะไม่มีเรื่อง หรือไปหาเรื่องใครอีก” เสียงของใครคนนั้นยังก้องในโสตประสาท ใบหน้าเหยเกบิดเบี้ยวดูเหมือนหงุดหงิดมากกว่าเสียใจทำให้คนที่เดินผ่านไปมาไม่กล้าเข้าใกล้ เด็กหนุ่มเดินไปที่ห้องน้ำด้านหลัง กลับไม่พบกลุ่มเพื่อนที่เคยเล่นหัวกันเลยสักคน

“นี่ ใจคอนายจะสูบบุหรี่ตั้งแต่ยังไม่เปิดเทอมเลยเรอะ” เสียงบ่นดังมาจากด้านหลัง ก่อนที่ร่างสูงใหญ่จะเดินเข้ามาพร้อมกันถึงสองคน ข้าวปุ้นมองใบหน้านั้นที่ยิ้มมาให้อย่างเก้อเขิน ตนเองก็เช่นกัน

“เอ้อ นาย...” ยิ่งใหญ่เก็บบุหรี่ เพราะไม่อยากให้ใครพบเห็น

“ไม่ต้องเก็บหรอก จะสูบก็สูบไปเถอะ” ข้าวปุ้นเป็นคนพูด เพราะเคยเห็นยิ่งใหญ่มาสูบบุหรี่แถวนี้มาก่อน

“ใครน่ะ หน้าคุ้นๆ” แต้มกระซิบถาม

“ข้าวปุ้นไง คนที่นั่งหน้าเรา” แต้มร้องอ๋อ “นายมาทำอะไรตรงนี้ ไม่ไปเอาตารางเรียนรึไง” ยิ่งใหญ่ถามก่อนควักบุหรี่ขึ้นมา

“ไม่มีไร” ข้าวปุ้นอยากจะตอบว่าอย่ายุ่ง แต่ก็ดีกว่าหากไม่ก่อเรื่องอะไรจึงยืนเงียบมองดูอีกฝ่ายสูบบุหรี่จนเสร็จ โดยมีเพื่อนสนิทที่ชื่อแต้มยืนอ่านการ์ตูนอยู่ไม่ห่าง

“งั้นไปนะ เจอกันเปิดเทอม” ยิ่งใหญ่คว้าแขนแต้มเดินออกไป ข้าวปุ้นมองภาพของทั้งคู่ก็รู้สึกตะหงิดใจ เพราะความสัมพันธ์มันแนบแน่นเหมือนตนกับไออุ่นไม่ผิดเพี้ยนจนเผลอยิ้มออกมาแต่ในใจกลับเศร้าไม่น้อยเพราะคนที่เขาคิดถึงไปอยู่ไกลถึงอเมริกา

“ไอ้อุ่น ไอ้เชี่ย ไอ้คนไม่รักษาคำพูด” ข้าวปุ้นสบถ ถุยน้ำลายอย่างแรงก่อนเดินออกไปด้วยแววตาที่แดงก่ำ

ความคิดถึงมันทรมานจริงนะ

   ***********************************************************************

   ยิ่งใหญ่ยังไม่กลับห้อง หลังจากจ่ายเงินค่าสมุดและหนังสือแล้ว ก็บอกให้แต้มนั่งรอที่ม้าหินอ่อนกับกลุ่มเพื่อน ก่อนที่จะวิ่งไปที่ห้องเรียนและวกกลับลงมา เด็กหนุ่มดูสูงขึ้น รูปร่างปราดเปรียววิ่งไปมากวาดสายตามองโดยรอบนั้นเป็นที่ดึงดูดใจให้ผู้คนหันมอง ผมเผ้าที่ยาวและหยิกย่องดูน่าขบขัน แต่กลับไม่เป็นเช่นนั้นเมื่อเป็นทรงผมของชายคนนี้ เขาวิ่งไปจนเกือบถึงประตูข้างโรงเรียนก็พบเป้าหมาย

“อยู่นี่เอง ตามหาตั้งนาน” น้ำเสียงหอบโยนขวางทางคนที่กำลังเดินไว้

“มีอะไร” น้ำเสียงของอีกคนไม่เป็นมิตร เพราะกำลังคิดอะไรเรื่อยเปื่อย ก่อนหน้านี้เขาไปสอบถามที่ห้องอาจารย์เกี่ยวกับเพื่อนในกลุ่มเมื่อปีที่แล้วก็พบว่าทั้งถูกให้ย้ายโรงเรียนไปสองคน และอีกสองคนถูกไล่ออกเนื่องจากประพฤติตัวไม่เหมาะสมจากการไปมีเรื่องทะเลาะวิวาทกับนักเรียนโรงเรียนอื่นในช่วงสงกรานต์ที่ผ่านมา ในตอนแรกข้าวปุ้นแปลกใจที่ไม่มีใครชวนตนไปเที่ยวสงกรานต์ แต่มานึกขึ้นได้ว่าตนไม่มีเพจเจอร์หรือโทรศัพท์บ้าน โดยปกติเพื่อนๆจะโทรเข้าที่โฮมสเตย์ของไออุ่น แต่ปิดเทอมนี้เขาไม่ได้ขลุกอยู่ที่นั่น เพราะเจ้าของบ้านไม่อยู่ ไม่มีใครรู้จักบ้านของข้าวปุ้นเพราะอยู่ต่างอำเภอ ระยะทางไปกลับเกิน 200 กิโลเมตร จึงเป็นคำตอบที่ว่าทำไมคนอื่นจึงไม่ได้ชวน นี่คงเป็นข้อดีอย่างแรกที่ค้นพบของการที่ไออุ่นไปเรียนที่อเมริกากระมัง เพราะที่เหลือนั้นมีแต่ความเหงาจนไม่มีจิตใจจะทำอะไร

“เอ้า นี่” ยิ่งใหญ่ยื่นกระดาษขนาดครึ่งเอสี่สีน้ำตาลอ่อนให้ มันเป็นตารางเรียนของเทอมที่ 1 ที่กำลังจะเปิดไม่กี่วันนี้ “เมื่อกี้เห็นนายไม่ได้เอามา”

“นายเอามาให้เราทำไม”

“ไม่มีอะไร แค่จะตอบแทนที่นายช่วยเราเรื่องเทปนั่น” ร่างใหญ่ยังยืนตัวงอด้วยความเหนื่อยหอบ

“แค่นี้เหรอ” ข้าวปุ้นรับกระดาษในมือมาอย่างว่าง่าย “ขอบใจ”

“เดี๋ยว” ยิ่งใหญ่ห้ามก่อนที่อีกคนกำลังจะเดินไป “นายย้ายมาจากห้องเจ็ดเหรอ คงยังไม่ค่อยรู้จักใคร” ยิ่งใหญ่ยืนเต็มตัวแล้วตอนนี้ ความสูงของทั้งสองคนต่างกันราวสิบเซ็นติเมตร “มาเป็นเพื่อนกันสิ เดี๋ยวเราพาไปรู้จักคนอื่น” ข้าวปุ้นทำสีหน้าไม่ถูก ที่ผ่านมามีแต่คนไม่กล้าเสวนากับตน เพราะท่าทางที่ไม่เป็นมิตร แต่ผู้ชายคนนี้กลับหยิบยื่นไมตรีให้จนไม่รู้ว่าจะต้องวางท่าอย่างไร

“มาเหอะน่า ดีกว่าเดินหงอยแบบนี้นะ” ยิ่งใหญ่ลากแขนของข้าวปุ้นด้วยแรงมหาศาลจนแทบล้ม ได้แต่ก้าวขาในท่าเดินเร็วจนแทบกลายเป็นวิ่งเพราะอีกฝ่ายดูรีบร้อนที่จะพาไปหากลุ่มเพื่อนเหลือเกิน ข้าวปุ้นสลัดแขนออก แต่ก็ยังเดินตามยิ่งใหญ่จนถึงม้าหินอ่อนตัวหนึ่ง ใต้ร่มไม้หน้าอาคารเรียนของตน

“นี่ทุกคน รู้จักข้าวปุ้นยัง เพิ่งย้ายมาจากห้องเจ็ด” ยิ่งใหญ่ผายมือแนะนำ แต้มเงยหน้ามองแต่ไม่พูดอะไรนอกจากทักทาย อาร์ทดูเหมือนจะตกใจไม่น้อยแต่ก็ทำใจดีสู้เสือทักทายไป ท่าทางนิ่งเงียบแบบแบดบอยทำให้หวั่นใจ คนอื่นก็มีอาการเช่นกัน แต่เมื่อข้าวปุ้นทักทายด้วยความสุภาพท่าทีของทุกคนจึงผ่อนคลายลงไป “สวัสดี เราข้าวปุ้นนะ เพิ่งย้ายห้องมา ยังไม่ค่อยรู้จักใครเลย”

“จ้า” ฝ่ายหญิงตอบรับ ข้าวปุ้นพยายามยิ้มแบบที่ไออุ่นได้สอนไว้ ถึงจะดูเก้ๆกังๆ แต่ก็พอทำให้ทุกคนรู้สึกว่าเขาไม่ใช่ตัวอันตรายได้

“ห้องเจ็ดย้ายมาแค่ไม่กี่คนเองใช่ไหม” เพื่อนคนหนึ่งถาม

“อืม ใช่” ข้าวปุ้นตอบ เขาไม่ได้ดูรายชื่อที่เหลือด้วยซ้ำว่ามีใครย้ายมาบ้าง ปีที่แล้วก็ตัวติดกับไออุ่นจนไม่ได้สนใจใครอีกเลย

“มีอะไรก็คุยกันได้นะ นายได้ตารางเรียนรึยัง” เพื่อนคนเดิมถามด้วยน้ำเสียงที่เป็นกันเองมากขึ้น

“ได้แล้ว” ข้าวปุ้นโชว์กระดาษที่อยู่ในมือให้ดู

“ดีแล้ว อย่าลืมไปซื้อสมุดกับหนังสือนะ นี่กองเบ้อเริ่มเลย” เพื่อนอีกคนแนะนำ

“ซื้อวันเปิดเทอมได้ปะ คือเราลืมเอาเงินมาน่ะ”

“ได้แหละ แต่นายอย่าลืมไปจองไว้ก่อนนะ เดี๋ยวอาจารย์คืนร้านหมด” ยิ่งใหญ่แนะนำ

“เออ อาร์ทยังไม่ได้ซื้อหนังสือนิ พาข้าวปุ้นไปสิ” แต้มเป็นคนพูด เพราะเห็นว่ามีแต่อาร์ทคนเดียวที่ไม่มีกองสมุดและหนังสือ

“ห๊ะ” อาร์ทหันหน้ามองแต้มราวกับจะกินเลือดกินเนื้อ คนอื่นต่างก็เห็นด้วย เขาจึงพาเพื่อนใหม่ไปอย่างเลี่ยงไม่ได้

“นี่” ข้าวปุ้นทักตอนที่เดินไปโรงอาหารที่เปิดขายสมุดและหนังสือ

อาร์ทสะดุ้งจนตัวโยน “วะ ว่า”

“มึงกลัวกูเหรอ” ข้าวปุ้นแกล้ง

“ปะ เปล่า” อาร์ทตอบ แต่ความมั่นใจไม่มีเลย

“กลัวทำเชี่ยอะไร เพื่อนกัน” ข้าวปุ้นยังไม่เลิกก่อกวน คงเป็นเพราะหงุดหงิดมานาน การแกล้งใครสักคนก็คงพอทำให้รู้สึกดีขึ้นบ้าง

“กะ กูไม่ได้กลัว แค่ยังไม่คุ้น” อาร์ทใช้คำระดับเดียวกันตอบไป ที่จริงแล้ว พวกเขาไม่ได้สุภาพชนกันเท่าไรนัก หากใครพูดแบบไหนมาก็โต้ตอบไปแบบนั้น แต่เมื่อปีที่แล้วพวกเขาต่างเป็นเด็กใหม่ จึงรู้สึกกลัวและยังเกร็งกับกฎของโรงเรียน เมื่อเวลาผ่านไป ทุกคนจึงปรับตัวและรู้ว่าควรทำตัวแบบไหนตอนที่อยู่กับเพื่อน หรืออยู่ต่อหน้าอาจารย์

“เออ ดีแล้ว” ข้าวปุ้นตบไหลอาร์ทดัง ปึก จนร่างนั้นสะดุ้งและกัดฟันด้วยความเจ็บ “ไม่ต้องกลัวกู กูไม่ทำไรหรอก”

“อะ อืม” อาร์ทรับคำ

“เห้ย พูดจริง เป็นเพื่อนกัน” ข้าวปุ้นยืนยันหนักแน่น “กูเป็นคนใหม่แล้ว”

เขาบอก แต่ไม่ได้บอกคนที่อยู่ตรงนี้...


ออฟไลน์ DrSlump

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3360
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +104/-2

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7518
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11

ออฟไลน์ Billie

  • "Let come what comes, let go what goes and see what remains. That is what is real"
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3327
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +78/-6

ออฟไลน์ จากต้นจนอวสาน

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 598
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +103/-3
    • จากต้นจนอวสาน
จะรักนาย เท่าชีวิต 2 – Only You II

#S2 EP 10. คำถามที่ผู้ตอบอยากรู้

   แต้มได้แต่สังเกตการณ์อย่างเงียบเชียบมาโดยตลอด นึกหาเหตุผลว่าทำไมยิ่งใหญ่ถึงให้ความสำคัญกับคนชื่อข้าวปุ้นนั่นมากนัก ในความคิดของเขาก็กำลังขัดแย้งกันอยู่ เพราะความคิดหนึ่งบอกให้หยุดเลิกทำตัวเป็นแฟนขี้หึงงี่เง่า แต่อีกความคิดนั้นก็ไม่ได้โต้แย้งหรือยุยงให้ทำ กลับเป็นการขัดแย้งกันเองว่าเขาไม่ได้หึงยิ่งใหญ่เสียหน่อย

   (-__-)’’ >>> ใบหน้าของแต้มตอนนี้

“เป็นอะไร หิวเหรอ เดินเงียบเชียว” ยิ่งใหญ่หอบกองหนังสือไว้ในอ้อมอกราวกับมันเบาดุจปุยนุ่น แต้มพยายามช่วยแต่ก็ไม่เป็นผลเมื่อยิ่งใหญ่คว้าหนังสือทั้งสองกองและเดินนำหน้า สองมือของแต้มจึงว่างเปล่า เดินตามมาด้วยความคิดที่ปนเป

“ไม่หิว” แต้มตอบ แต่ท้องที่ส่งเสียงร้องเบาๆนั้นฟ้องว่าไม่จริง

“จริงอะ ปกตินายหิวบ่อยจะตาย”

“ก็ยังไม่ค่อยหิว” แต้มตอบเสียงเบา เพราะความรู้สึกแสบท้องกำลังก่อกวน

“เป็นอะไรเปล่าเนี่ย ท่าทางไม่เอ็นจอย” ยิ่งใหญ่ถามอีก

“ไม่มีอะไร คิดอะไรเรื่อยเปื่อย”

“หึ” ยิ่งใหญ่ส่งเสียง ท่าทางแบบนี้มีหรือจะไม่เป็นอะไร แต้มคงลืมไปแล้วว่าพวกเขาอยู่ด้วยกันร่วมปี ทุกอย่างที่แสดงออกไม่เคยรอดพ้นสายตาของตนไปได้ “ถ้านายไม่ตอบ ถึงห้องแล้วเราจะทำให้นายตอบเอง”

“นายจะทำไร” แต้มถามด้วยน้ำเสียงหวาดหวั่น

“ก็ทำแบบที่ทำทุกวันไง” ยิ่งใหญ่ทำปากคล้ายส่งจูบล้อเลียน แต้มรู้สึกร้อนวูบไปหมด จากที่ไม่เคยเคอะเขินก็เปลี่ยนไป ผู้ชายคนนี้มีอิทธิพลกับหัวใจเหลือเกิน บางทีมันก็ท่วมท้นจนปรับตัวไม่ทัน

“พูดอะไรเนี่ย กลางถนนนะ”

“แล้วไงล่ะ ใครจะมาแอบฟัง” ยิ่งใหญ่ไม่เลิกก่อกวน แต้มรู้สึกโล่งใจมากขึ้น รู้สึกแย่ที่คิดระแวงในตัวอีกฝ่าย “นายจะถามอะไรเรา ก็ถามมาเถอะ อย่าเก็บเงียบเลยนะ” ยิ่งใหญ่พูด แต่ในเชิงขอร้องแกมบังคับ

“ถามอะไรล่ะ”

“แต้ม” ยิ่งใหญ่ลดระดับเสียงให้เบาลง แต่กระนั้นก็ยังเฉียบขาด “เราเป็นแฟนกันนะ นายอย่าทำว่าเราเป็นแค่เพื่อนแบบเดิมสิ”

               คำพูดที่ได้ฟังทำให้แต้มสะอึก ใช่สินะ สถานะของพวกเขาเปลี่ยนไปแล้วตั้งแต่วันวาเลนไทน์ ถึงแม้จะผ่านมาแล้วสามเดือนกว่า แต่มันก็ยังเป็นเรื่องใหม่และยังไม่คุ้นเคยเลยสำหรับแต้ม ตลอดเวลาที่ผ่านมาเกิดคำถามมากมายขึ้นในหัว ว่ามันคือความรู้สึกที่แท้จริง หรือแค่ความผูกพัน สำหรับคนที่ไม่เคยมีความรักมาก่อน มันย่อมเข้าใจเรื่องนี้ได้ยาก แต่ก็ไม่ใช่ว่าเขาจะไม่พยายามที่จะทำความเข้าใจ เพียงแต่คนที่อยู่ตรงหน้า หากมองผิวเผินก็คือผู้ชายคนหนึ่งที่ไม่ได้มีลักษณะอ้อนแอ้น หรือมีอะไรบ่งบอกได้เลยว่าชอบเพศเดียวกัน หากพูดถึงหน้าตายิ่งไปกันใหญ่ เพราะคนที่บอกชอบตนเองนั้นคือคนหล่อระดับต้นๆของโรงเรียน ไม่มีใครไม่รู้จัก แถมฐานะทางบ้านก็ดี การเรียนก็เป็นที่หนึ่ง นี่ถ้ารวมเรื่องการเป็นนักฬาโรงเรียนเข้าไปอีกข้อ แต้มก็ไม่รู้เหมือนกันว่าจะต้องงัดข้อดีข้อไหนของตนเอามาคู่ควร

“ไม่มีอะไรจริงๆ”

“ขี้จุ๊” ยิ่งใหญ่สวนกลับ “ไม่บอกก็ได้ แต่เตรียมตัวไว้นะ” แต้มรู้สึกขนลุกซู่ เพราะรู้ดีว่านี่ไม่ใช่คำขู่แบบเลื่อนลอย

               ยิ่งใหญ่เปิดประตูห้องและเดินเข้าไปเพื่อวางหนังสือ จากนั้นก็สะบัดแขนไปมาเพื่อคลายความเมื่อยล้า ถึงแม้จะไม่หนักมาก แต่ก็ทำให้เหนื่อยได้เหมือนกัน “อ้าว ไม่เข้ามาล่ะ ยืนทำไมตรงนั้น” แต้มสะดุ้งเพราะโดนทัก มองรอบตัวก็พบว่าตนยืนตัวแข็งทื่ออยู่หน้าห้อง คงเพราะกังวลกับคำขู่ของยิ่งใหญ่เมื่อครู่นี้ ตุ๊กตาหมีตัวใหญ่นอนอยู่บนเตียง ราวกับเป็นผู้ครอบครองสถานที่แห่งนี้แต่ผู้เดียว

“เข้าสิ เข้า” แต้มเดินยืดยาดจนอีกฝ่ายต้องเดินพุ่งเข้ามาปิดประตูก่อนจะจับตัวเขาหมุนไปอยู่ในอ้อมกอด กลิ่นเหงื่อกระทบจมูกกระตุ้นความเขินแบบที่ไม่เคยเป็นมาก่อน เหงื่อเม็ดใหญ่ไหลลงจากใบหน้าเรื่อยหายในร่มผ้า

“บอกมา ว่าเป็นอะไร” ยิ่งใหญ่กดหน้าเข้าใกล้จนแต้มต้องถอยห่าง ท่าทางยังไม่เข้าที่เพราะถูกอ้อมกอดนั้นรัดไว้ ฝ่ายที่สูงกว่าไม่ลดละ แถมถอยตัวหนีจนขาชนกับขอบเตียง แต้มกลืนน้ำลายเหนียวหนืดอย่างหวั่นใจ แล้วก็เป็นดังคาดที่ฝ่ายจู่โจมล้มตัวทั้งคู่ให้นอนราบบนเตียงนุ่ม ลมหายใจของพวกเขาปะปนกันจนแทบหลอมรวม ไอเย็นจากเครื่องปรับอากาศเริ่มทำงาน ความร้อนถูกไล่จนแทบหายไป

“จะบอกไม่บอก” ยิ่งใหญ่กอดร่างนี้ไว้แน่น แววตาขี้เล่นจับจ้องอย่างไม่ลดละ แต้มเสียอีกที่ทำหน้าตลกจนต้องกลั้นขำ “ไม่บอกจะจับกินละนะ”

“เห้ย กินไร” แต้มพยายามดิ้น ยิ่งใหญ่ยิ่งรัดแน่นและซุกใบหน้าหล่อเหลาที่ซอกคอเรียวนั้น แต้มสะดุ้งเฮือกเพราะความจั๊กจี้ นี่เป็นครั้งแรกที่โดนจู่โจมเช่นนี้ ริมฝีปากของยิ่งใหญ่ทำงานอย่างดีเยี่ยมจนเขาตัวอ่อนเหมือนขี้ผึ้งลนไฟ

“พอแล้ว ยอมแล้ว บอกก็ได้เอ้า” แต้มห้ามทัพ ยิ่งใหญ่หยุดการเคลื่อนไหวและมาสบสายตาแทน ทั้งคู่นอนสบตากันนิ่งงัน แต้มจึงจำเป็นต้องตอบคำถามที่อีกฝ่ายทวงมาตลอดทางกลับห้อง “ถามแล้ว นายห้ามว่าเรางี่เง่านะ”

“ถามมาก่อนสิ” ยิ่งใหญ่กวน

“รับปากก่อนสิ” แต้มต่อรอง ใช้สายตาพิฆาตที่ทำให้อีกคนต้องยอมตามใจ

“ก็ได้ อะเล่ามาได้แล้วว่าเป็นอะไร”

“กะ ก็ไม่มีอะไร” แต้มพูดเสียงค่อยเกือบเป็นเสียงงึมงำในลำคอ “ก็แค่...นายรู้จักข้าวปุ้นมาก่อนหรือเปล่า”

               สิ้นคำถาม ยิ่งใหญ่ถึงกลับยิ้มกว้างเพื่อกลบเกลื่อนความวิตกที่ก่อตัวในใจ หากเป็นตอนปกติ เขาคงจะกระโดดโลดเล่นด้วยความดีใจที่เห็นอาการหึงหวงของอีกฝ่าย แต่ความลับที่ยังไม่พร้อมจะพูดกับใครทำให้เรื่องที่ไปบ้านของข้าวปุ้นเมื่อวันก่อนต้องถูกเก็บงำไว้

“นั่นไง นายหึงนี่เอง”

“เปล่า” แต้มตอบ คำพูดแทงใจทำให้จนคำพูด “ก็แค่แปลกใจว่าไปรู้จักกันตอนไหน”

“ก็เพิ่งรู้จักน่ะ” ยิ่งใหญ่ตอบความจริง

“อืม แค่แปลกใจที่อยู่ๆนายไปพาตัวมาแนะนำกับกลุ่มเพื่อนเฉยๆ” แต้มสารภาพความจริง ความขุ่นมัวที่ก่อตัวมาทำให้ลืมคำว่าเหตุและผลไปชั่วขณะ

“ไม่มีอะไรหรอก” ยิ่งใหญ่พยายามกลบเกลื่อน “พอดีแม่บอกว่ามีเพื่อนอยู่เชียงของ แล้วเอารูปให้ดูน่ะ”

“รูปใคร ข้าวปุ้นน่ะเหรอเพื่อนของแม่นาย”

“บ้าดิ พ่อข้าวปุ้นน่ะ” ในมือนั้นโชว์รูปถ่ายที่เป็นรูปสองพ่อลูก ยิ่งใหญ่สร้างเรื่องโกหก ในใจเขารู้สึกแย่เป็นที่สุดที่ต้องทำเช่นนี้ จนกว่าพวกเขาจะพร้อม เรื่องที่เชียงของจะต้องไม่แพร่งพรายออกไป

“อ๋อ” แต้มตอบรับ น้ำเสียงแสดงถึงความอารมณ์ดีกว่าเดิม

“ขี้หึงนะเนี่ย” ยิ่งใหญ่แซว

“พูดมาก” แต้มสวนกลับพลางดิ้นจนอ้อมกอดคลายออก “หิวข้าวอะ ไปหาอะไรกินกันเถอะ”

               ยิ่งใหญ่ยิ้ม นึกถึงเรื่องราวที่ปะติดปะต่อได้ก็ยิ่งทำให้หนักใจ การตัดสินใจที่ขาดการไตร่ตรองของผู้ใหญ่รายล้อมตัวไม่ว่าจะเป็นแม่ หรือพ่อของข้าวปุ้น นำมาซึ่งความกังวลใจจนไม่รู้ว่าจะหาทางออกได้อย่างไร

   ***********************************************************************

   ยอดเยี่ยมนั่งอยู่ที่โต๊ะอย่างเงียบเชียบ มองซาวอะเบ๊าท์ที่เพิ่งได้รับจากไปรษณีย์แบบด่วนพิเศษอย่างอ่อนแรง ชายหนุ่มเปิดมันฟังซ้ำไปซ้ำมาอยู่อย่างนั้น ภายในใจของเขารู้สึกปั่นป่วน ปนเปกันทั้งความโล่งอกและความหนักหน่วงในใจ หญิงสูงวัยแต่งตัวด้วยชุดขาว โพกผ้าคลุมศีรษะเดินเข้ามาอย่างร้อนรน ทั้งสองสบตากันนิ่ง ก่อนที่ผู้เป็นแม่จะนั่งลงตรงข้าม

“เป็นยังไงบ้างตายอด”

“แม่ลองฟังดูก่อนไหมครับ”

“แม่ไม่กล้า...”

               ยอดเยี่ยมไม่รับรู้ เขากดเล่นเทปนี้อีกครั้ง

ซ่า...... เสียงเทปนั้นอัดอากาศหรือเสียงฝนเข้ามา

ได้ยังวะ เสียงแหบแห้งแผ่วเบาดังขึ้นมา มลฤดีสะดุ้งเฮือก

ได้ละมั้ง ฮัลโหลๆ นี่คือเสียงของสล่าบุญมี ใจเนียน แล้วเสียงก็เงียบหายไปเกือบยี่สิบวินาที

ข้าพเจ้า ขอบอกว่า เรื่องทั้งหมด ข้าพเจ้าทำเอง แต่ข้าพเจ้าไม่ได้ตั้งใจ สองแม่ลูกสบตากันอย่างไม่ได้นัดหมาย

พ่อ ทำไรน่ะ เสียงตะโกนดังมาแต่ไกล ก่อนเสียงโครมครามของข้าวของจะดังมาในเทปนี้แทน

แกร็ก.... เสียงในเทปหายไป ชายหนุ่มกดปุ่มหยุดเล่น โดยที่ไม่มีใครเปล่งคำพูดใดๆออกมาอีกเลย

ออฟไลน์ DrSlump

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3360
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +104/-2
 :pig4: :pig4: :pig4:

ข้อมูลเสียงแค่นี้   จับต้นชนปลายอะไรไม่ถูกเลยอ่ะ

ออฟไลน์ จากต้นจนอวสาน

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 598
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +103/-3
    • จากต้นจนอวสาน
จะรักนาย เท่าชีวิต 2 – Only You II


#S2 EP 11. ตัวถ่วง

               เปิดเทอมใหม่มาสองอาทิตย์ นักเรียนในห้องต่างก็รู้จักกันหมดแล้ว คนที่ย้ายมาจากห้องอื่นก็ปรับตัวเข้ากับสังคมใหม่อย่างไม่เคอะเขิน ช่วงนี้ยังไม่ต้องไปเรียน รด. พวกนักเรียนชายจึงไม่จำเป็นต้องตัดผมสั้น เวลาส่วนใหญ่จึงทุ่มเทไปกับการเรียน เพราะระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๕ นี้เป็นปีที่ผลการเรียนของนักเรียนรุ่นก่อนๆต่างพากันดีขึ้น วิชาแนะแนวเริ่มมีบทบาทมากกว่าปีที่แล้วตามลำดับ จากที่เป็นคาบว่าง อาจารย์ปล่อยให้ไปอ่านหนังสือก็เป็นการแนะนำสถาบันการศึกษา คณะที่น่าสนใจ ... หนึ่งในนักเรียนที่อาจารย์จะให้ความใกล้ชิดเป็นพิเศษก็คือ ยิ่งใหญ่ สมบูรณ์พัฒนะ

“ครูล่ะเสียดายจริงๆที่ปีที่แล้วเราไม่ย้ายไปเรียนสายวิทย์ ดูเกรดสิ แบบนี้เอ็นท์ติดหมอได้สบายเลย” อาจารย์แนะแนวให้คำปรึกษากับนักเรียนในห้องทีละคน แต้มได้ยินบทสนทนาทั้งหมดนี้อย่างชัดเจน สายตาจับจ้องไปที่แผ่นหลังของเพื่อนสนิทที่มีสถานะเป็นแฟนอย่างกระอักกระอ่วน

“ผมไม่อยากเรียนหมอครับ ผมกลัวเลือด”

“แต่สายวิทย์น่ะ เลือกคณะได้เยอะกว่านะ ยังไงครูก็เสียดาย”

“ครับ” ยิ่งใหญ่ตอบสั้นๆ เพราะมันเป็นความจริงที่เลี่ยงไม่ได้ อาการกลัวเลือดมันไม่ใช่เรื่องเล็ก การที่ต้องทนอยู่กับฝันร้ายมาตลอดยิ่งตอกย้ำให้ต้องหนีห่างจากสิ่งเหล่านั้น

               แต้มคิดสะระตะจนไม่รับรู้ว่าอีกฝ่ายได้กลับมานั่งที่เดิมแล้ว ใบหน้าที่แสดงออกถึงความกังวลนั้นส่งผ่านให้ทุกคนรับรู้ได้แต่ไม่มีใครกล้าถามอะไร ยิ่งใหญ่จับอาการนี้ได้ในทันทีที่เข้ามาใกล้

“คิดอะไรอยู่เหรอ” แต้มสะดุ้งเฮือก

“เปล่า”

“หึ” ยิ่งใหญ่ไม่ซักต่อ แต่น้ำเสียงก็บ่งบอกได้ว่าตนเองรู้ว่าอีกฝ่ายกำลังโกหก

“เอ่อ” แต้มอึกอัก ความคิดถาโถม การที่เป็นฝ่ายเงียบ บางครั้งก็ไม่เป็นผลดี “ทำไมนายไม่ย้ายสายตอนที่อาจารย์กลุ่มวิทย์มาชวนล่ะ”

“อ๋อ” ยิ่งใหญ่ยิ้ม รู้สึกดีที่อีกคนให้ความสนใจ “นายก็รู้ว่าเรากลัวเลือด”

“แต่มันก็มีคณะอื่นเยอะแยะเลยนะ วิศวะก็ใช่”

“เราไม่ได้อยากเรียนวิศวะนี่นา”

“ที่นายไม่ย้าย เป็นเพราะเราหรือเปล่า” แต้มถามด้วยน้ำเสียงอ่อนแรง ราวกับมีเรื่องให้คิดเต็มไปหมด

“หืม ทำไมคิดอย่างนั้นล่ะ” ยิ่งใหญ่นั่งในท่าที่สบายตัว ราวกับเตรียมรับมือคำตอบที่จะได้ยิน

“ก็เรามาลองคิดดู ปีที่แล้วนายตัวติดเราแจขนาดนี้ นอกจากเหตุผลที่ว่ากลัวเลือดแล้ว มันจะมีอะไรได้อีกล่ะ”

“คิดมากน่าแต้ม” ยิ่งใหญ่หน้าสลดที่ถูกจับได้ แต่ส่งยิ้มฉาบใบหน้าอย่างรวดเร็วแทน ร่างสูงขยับเก้าอี้ให้ใกล้กับคนที่อยู่ด้านข้างจนแทบจะแนบชิด

“มันก็น่าคิดนะ เหมือนเราเป็นตัวถ่วงนายเลย”

“อย่าคิดแบบนี้สิ” ยิ่งใหญ่เสียงอ่อน ไม่คาดคิดว่าอีกฝ่ายจะอ่อนไหวได้เพียงนี้ “นายไม่ใช่ตัวถ่วงเราซะหน่อย”

“อื้ม” แต้มรับคำ แต่ในหัวยังไม่หยุดคิดมาก

“จริงๆ เราเป็นแฟนนายนะ ถ้าเรารู้สึกว่านายเป็นตัวถ่วงคงไม่ขอคบหรอก”

“นี่ เบาๆสิ” แต้มรีบเอามือปิดปากคนที่นั่งข้างๆ หวังว่าคำพูดเมื่อกี้คงไม่มีใครได้ยิน ยิ่งใหญ่ยิ้มแฉ่ง รู้สึกดีขึ้นที่แต้มออกอาการเช่นนี้ ถึงแม้มันจะเป็นความลับ แต่พวกเขาต่างก็รู้ความจริงว่าต่างคบกันอยู่ นักเรียนในห้องส่งเสียงเซ็งแซ่ ดังพอที่จะกลบบทสนทนาของทั้งคู่ไปหมด แต่ก็ไม่รอดพ้นสายตาของคนที่นั่งอยู่โต๊ะด้านซ้ายของแต้มไปได้ที่จับจ้องทั้งสองคนมาสักพักแล้ว ถึงแม้จะไม่ได้ยินคำพูด แต่ก็พอจะอ่านปากได้ว่าเป็นเรื่องอะไร

               ข้าวปุ้นยิ้มอย่างอารมณ์ดี นึกขอบคุณที่ไม่ใช่แค่ตนที่มีความสัมพันธ์กับผู้ชายในฐานะคนรัก ถึงแม้ไม่ได้สนิทกับแต้ม เพราะท่าทางที่เงียบขรึมและเหมือนมีกำแพงกั้นทุกคนขนาดนี้ แต่กับยิ่งใหญ่นั้น เขารู้ความลับในชีวิตของคนๆนี้มากกว่าหนึ่งเรื่องเสียแล้ว

               ข้าวปุ้นมองโต๊ะนั่งที่ยังว่างอยู่ด้านข้างของตน เปิดเทอมมาแล้วสองอาทิตย์ แต่ก็ไม่มีวี่แววว่าไออุ่นจะกลับมา ความรู้สึกก่อนหน้าเลือนหายไปหมด มีเพียงความหดหู่เข้ามาแทนที่ ความโกรธขึ้งทำงานมากขึ้นเป็นทวีคูณ ความอ่อนหวานและบทรักที่ร้อนแรงที่ผ่านมาเป็นเหมือนน้ำเลี้ยงให้หัวใจเขายังอยู่ได้ แต่การที่อีกคนหายไปโดยไม่บอกกล่าว และเหมือนว่าจะไม่กลับมาอีกแล้วยิ่งทำให้ทุกอย่างกลับตาลปัตรไปเสียหมด

               นี่สินะที่เขาบอกว่า ยิ่งรักมากเท่าไร ก็ยิ่งเกลียดมากเท่านั้น....

***********************************************************************

               ต้องตาแปลกใจไม่น้อยเมื่อได้รับฟังจากปากของคนรักเรื่องงานแต่งงานของทั้งคู่ ใบหน้าของเธอหม่นหมองลงจนเห็นได้ชัด ยอดเยี่ยมก็รู้สึกแย่ไม่ต่างกันที่ต้องบอกเรื่องนี้กับผู้หญิงที่ตนรัก

“ผมขอโทษนะครับ”

“ไม่เป็นไรค่ะ ถ้าคุณพ่อคุณแม่คุณยอดคิดแบบนี้ ตาก็เข้าใจ” หญิงสาวรู้สึกเหมือนถูกหักหลัง ท่าทางของมลฤดีที่ผ่านมานั้นช่างแสนดีกับตนจนทำให้หลงไปคิดไกลว่าเป็นที่เอ็นดูของผู้ใหญ่ แต่เมื่อยอดเยี่ยมบอกว่าผู้ใหญ่ทั้งคู่ยังไม่อยากให้จัดงานแต่งในเร็ววันนี้ก็พอจะทำให้เธอกลับมาทบทวนสถานะของตัวเองอีกครั้ง หลายคนต่างเคยบอกว่าทั้งคู่ไม่เหมาะสมกันเลย มีแค่หน้าตาที่สละสวยเท่านั้นที่เป็นที่ถูกใจของยอดเยี่ยม แต่ฐานะทางสังคมนั้นมันเหลื่อมล้ำจนแทบเป็นไปไม่ได้ที่ทั้งคู่จะครองรักกันให้ยืดยาว

“ผมเสียใจ” ยอดเยี่ยมปริ่มจะร้องไห้ นัยน์ตาแดงก่ำด้วยความสงสารผู้หญิงที่อยู่ตรงหน้าสุดใจ

“ตาไม่เป็นไรจริงๆค่ะ อีกอย่างเราเพิ่งคบกันยังไม่ถึงปีเลย ทางคุณพ่อคุณแม่คงอยากให้เวลาพวกเราศึกษากันมากขึ้น” หญิงสาวตอบรับด้วยน้ำเสียงปวดปร่า ที่ผ่านมาเธอไม่เคยคิดไปเองเรื่องงานแต่งงาน เป็นเพราะผู้ใหญ่ฝั่งของยอดเยี่ยมต่างหากที่เป็นคนเอ่ยมาก่อน และคะยั้นคะยอเรื่องการไปสู่ขอ แต่ผ่านมาแค่ไม่กี่เดือน ทุกอย่างก็เปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือจนแทบรับมือไม่ไหว

“คุณตาครับ ผม....”

“คุณยอดไม่ต้องคิดมากค่ะ ตาเข้าใจจริงๆ” หญิงสาวฉีกยิ้ม มันเป็นรอยยิ้มที่ปนเปื้อนน้ำตาที่ไหลอยู่ก้นบึ้งของหัวใจที่ปวดร้าว...

***********************************************************************

ออฟไลน์ จากต้นจนอวสาน

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 598
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +103/-3
    • จากต้นจนอวสาน
จะรักนาย เท่าชีวิต 2 – Only You II

#S2 EP 12. ดาราขี้หึง

เมื่อเข้าสู่ต้นฤดูฝน เทศกาลท่องเที่ยวของเชียงใหม่ก็เริ่มสงบอีกครั้ง บรรยากาศที่เคยคึกคักแปรเปลี่ยนเป็นความเงียบเชียบ นักท่องเที่ยวทั้งไทยและเทศหดหายมากกว่าครึ่ง ร้านอาหารของบั๊มพ์ก็ได้รับผลกระทบนี้เช่นกัน เจ้าตัวจึงตัดสินใจปิดร้านชั่วคราวเพื่อปรับปรุงสถานที่และใช้เวลาว่างในการไปเรียนทำอาหารที่โรงเรียนแห่งหนึ่งในเชียงใหม่ คอร์สที่เลือกนั้นคืออาหารไทยแบบฟิวชั่น คือการผสมผสานความเป็นไทยกับอารยะธรรมของชาติอื่น ความแปลกใหม่นี้เองที่ทำให้บั๊มพ์ตัดสินใจควักเงินจำนวนไม่น้อยในการสมัครเข้ามาเรียน

               เวลาว่างของภัทรนั้นเริ่มหายากขึ้น เพราะชื่อเสียงเริ่มกลับมาอีกครั้งจากละครที่เพิ่งออกฉาย งานโชว์ตัวมีมากจนตารางแน่นแทบไม่มีเวลาพักผ่อน พอกลับถึงบ้านก็ล้มตัวลงนอนในทันทีโดยไม่อาบน้ำหรือเปลี่ยนเสื้อผ้า ความเหนื่อยสะสมจนร่างกายทนไม่ไหวทำให้ขาดการติดต่อกับคนที่อยู่ไกล นานวันเข้าบั๊มพ์ก็เริ่มชินชา จากที่คิดว่าเข้าใจ ก็แปรเปลี่ยนเป็นความตึงเครียด ฝ่ายหนึ่งว่างงาน แต่อีกคนกลับงานยุ่งจนแทบลืมหายใจ ทำให้ช่องว่างมันมากขึ้นจนบั๊มพ์เริ่มไม่มั่นใจ

“โอย เครียดว่ะ” ชายหนุ่มนั่งบ่นกับเพื่อนสนิทที่บินมาพักผ่อนที่เชียงใหม่อีกครั้ง

“เครียดอะไรอีก” ผู้มาเยือนถาม อากาศวันนี้ร้อนอบอ้าว และเขาไม่ชอบไอเย็นของเครื่องปรับอากาศเท่าไร จึงต้องถอดเสื้อและมานั่งหน้าพัดลมเช่นนี้

“ก็เรื่องเดิมแหละ” บั๊มพ์พึมพำ

“เรื่องอะไรล่ะ เรื่องเดิมของมึงไม่เคยซ้ำกันเลยนะ” ชายหนุ่มที่เคยไว้ผมเผ้ารกรุงรัง ตอนนี้ถูกตัดเป็นทรงสั้นคล้ายทรงนักเรียน ใบหน้าที่เคยดุดันแปรเปลี่ยนไปเป็นคนใหม่ ความหล่อเหลาที่เคยถูกกลบเปล่งประกายจนเป็นที่ดึงดูดสายตา

“เอาน่า ไม่ต้องสนใจหรอก” บั๊มพ์สำรวจเพื่อนที่นั่งเปลือยท่อนบนเช่นนี้ รอยแผลที่ถูกยิงแห้งสนิท แต่กลับรู้สึกว่าบาดแผลในใจไม่เคยจางหายไปเลย

“เอ้า อะไรของมึงวะไอ้นี่” พิสันต์มองเพื่อนรักอย่างงุนงง ก่อนจะนึกขึ้นมาได้ “เรื่องของไอ้ภัทรใช่มั้ย”

“อื้ม” คล้ายกับว่าเขารอคำถามนี้มาสักพักแล้ว จึงตอบออกไปในทันที “ไม่ค่อยได้เจอกันเลยน่ะ”

“ก็มันเป็นดารานี่นา”

“ก็คงงั้น” ถึงคำตอบจะเป็นแบบนี้ แต่ในใจกลับย้อนแย้งจนน่าอึดอัด เป็นดาราแล้วไง ไม่มีเวลาแม้จะโทรหากันเลยเหรอ

“แล้วฝรั่งนั่นจะมาอยู่กับมึงอีกนานมั้ย” พิสันต์ถามถึงชายหนุ่มรูปร่างสูงใหญ่ ผมสีน้ำตาลอ่อน จมูกโด่งเป็นสัน คิ้วหนายาวเรียงเป็นแพรับกับตาสีฟ้าที่มองคล้ายจะเป็นประกายระยิบระยับจากทะเลช่วงฟ้าใส

“วิลเลี่ยมน่ะเหรอ คงอยู่จนหมดหน้าฝนล่ะมั้ง” บั๊มพ์ตอบแบบขอไปที การที่ภัทรไม่มีเวลามาหาตนก็มีข้อดีอยู่ไม่น้อย เพราะเขายังไม่ต้องการอธิบายเรื่องของวิลเลี่ยมในตอนนี้ หากไม่ใช่เพราะที่บ้านของทั้งคู่รู้จักกันมาก่อนที่อังกฤษ บั๊มพ์คงไม่รับปากที่จะดูแลฝรั่งร่างใหญ่คนนี้อย่างแน่นอน เพราะรู้ว่าภัทรคงจะไม่พอใจมากพอสมควร

“ไอ้ภัทรยังไม่รู้เรื่องนี้ใช่มั้ย”

“ถามอย่างกับว่ากูทำอะไรผิดงั้นแหละ” บั๊มพ์เสียงดุ แต่สุดท้ายก็ต้องยอมรับความจริง “ยังว่ะ กูกลัวรายนั้นจะโมโหหึง”

“แต่ถ้ามึงไม่บอก มันจะไม่ยิ่งโมโหเหรอวะ”

“แค่โทรมายังไม่มีเลย โทรไปหาก็ติดถ่ายละคร ติดต่อยากขนาดนี้จะให้บอกยังไงล่ะ” บั๊มพ์บ่นอย่างหัวเสีย รู้สึกหวาดหวั่นแต่ก็โกรธขึ้งในคราวเดียวกัน “มึงพักผ่อนไปเถอะ กูไปเรียนก่อน ฝากดูแลวิลเลี่ยมด้วยล่ะ”

“อ้าว เห้ย ทิ้งกันอย่างนี้เลยเหรอวะ”

“เอาน่า ไหนๆมึงก็ว่างงานอยู่แล้ว ถือว่าเป็นการไปเที่ยวพักผ่อนในตัว” พิสันต์ไม่ตอบ มองร่างของเพื่อนสนิทที่เดินออกไปพร้อมถอนหายใจเสียงดัง

***********************************************************************

เรื่องหนึ่งที่บั๊มพ์คิดไม่ถึงคือ ภัทรจะแอบมาเซอร์ไพรส์ตนถึงเชียงใหม่ แต่เรื่องกลับตาลปัตร เพราะคนที่ถูกเซอร์ไพรส์กลายเป็นดาราหนุ่มหล่อที่กำลังจับจ้องฝรั่งร่างสูงใหญ่ผู้กำลังถอดเสื้ออวดกล้ามที่แน่นขนัด ท่อนล่างมีแค่กางเกงขาสั้นโดยมีบางอย่างแกว่งไกวไปมาอย่างออกนอกหน้า ชายหนุ่มรุดไปประจัญหน้าชาวต่างชาติคนนั้นอย่างเดือดดาล ก่อนที่เจ้าบ้านจะรีบวิ่งมาขวาง

“นายมาได้ไงน่ะภัทร ไหนบอกคิวไม่ว่างไง”

“ถ้าไม่มาจะรู้เหรอว่าแฟนเรากำลังกกฝรั่งอยู่แบบนี้น่ะ” ภัทรแค่นประชด

“เห้ย ใจเย็นๆสิ เรากับวิลเลี่ยมไม่ได้มีอะไรกันแบบที่นายคิดนะ”

“นายคิดว่าคำแก้ตัวนี้มันน่าเชื่อเหรอ ดูสภาพมันสิ” บั๊มพ์สำรวจเรือนร่างของเพื่อนต่างชาติอย่างเต็มตาจึงเข้าใจว่าทำไมภัทรถึงได้โกรธขนาดนี้ แค่ถอดเสื้อไม่เท่าไร เพราะอากาศมันอบอ้าว แต่การที่สวมบ็อกเซอร์โดยไม่ใส่กางเกงในเดินไปมาแบบนี้ มันไม่สนับสนุนคำพูดของตนเลยสักนิด

“อ่า นายใจเย็นๆนะภัทร ฟังเราก่อน” ภัทรกับบั๊มพ์คบกันมานาน แม้ว่าก่อนหน้านี้จะไม่บอกกับใครเลยก็ตาม หลังจากเหตุการณ์เมื่อปีที่แล้ว พวกเขาจึงบอกเพื่อนสนิทให้รับรู้ และเป็นไปตามคาดที่ไม่มีใครแปลกใจ ด้วยความสนิทสนม การแสดงออก หรือแม้กระทั่งการทะเลาะเบาะแว้งของชายหนุ่มทั้งสองคนที่ผ่านมาก็ทำให้คนใกล้ชิดนั้นดูออก การที่พวกเขาทะเลาะกันบ่อยครั้ง ในอดีตนั้นมันเคยรุนแรงและไม่พูดกันเป็นเดือน พอโตขึ้นต่างก็เรียนรู้ว่าการปล่อยให้ความโกรธอยู่เหนือเหตุผลของอีกฝ่ายไม่ใช่เรื่องที่ดีเลยในความสัมพันธ์

“ได้ ว่ามา” แต่กระนั้นภัทรก็ยังรู้สึกเคืองไม่น้อย

“นี่วิลเลี่ยมนะ เป็นเพื่อนข้างบ้านเราที่อังกฤษ พ่อกับแม่เราฝากให้ดูแลเพราะเพิ่งมาไทยเป็นครั้งแรก” ภัทรมองหุ่นล่ำราวรูปปั้นแกะสลักนั้นอีกครั้ง โตขนาดนี้แล้วไปเที่ยวเองก็ได้มั้ง ทำไมต้องลำบากคนอื่น...

“เรากับวิลเป็นแค่เพื่อนกันนะ อย่าเข้าใจผิด” บั๊มพ์ชิงพูดก่อน “ที่มาพักเนี่ยเราก็ไม่ได้ดูแลหรอก ให้พิสันต์ดูแลแทนอยู่”

“อ้าว ไอ้สันมาที่นี่เหรอ” ภัทรมีท่าทีผ่อนคลายเมื่อได้รับฟัง

“อืม อยู่ข้างบนแน่ะ” บั๊มพ์หันไปแนะนำภัทรกับวิลเลี่ยม ทั้งสองคนจับมือกันแบบขอไปทีเพราะดาราหนุ่มยังรู้สึกไม่ชอบขี้หน้า

“แล้วทำไมไม่บอกว่ามีคนมาพักด้วยล่ะ”

“ก็ถ้าบอก นายจะไม่โวยวายเหรอ”

“อย่างน้อยก็คงไม่โวยวายแบบนี้อะ” ภัทรตอบ

“เอาน่า เดี๋ยวนายก็รู้เองว่าเราพูดจริง”

“ทำไมอะ” ภัทรสงสัย ทั้งสองคนเดินตามวิลเลี่ยมขึ้นเรือนในระยะประชิด แต่เมื่อถึงข้างบน ฝรั่งหนุ่มก็โผไปกอดพิสันต์แน่นก่อนจะใช้ริมฝีปากใหญ่หนาประทับแสดงความเป็นเจ้าของ

“เห็นรึยัง” ภัทรไม่ตอบ ในใจลึกๆรู้สึกผิดที่หึงไม่เป็นเรื่อง

“หิวอะ บนเครื่องไม่มีอะไรให้กินเลย”

“เปลี่ยนเรื่องเก่งนักนะ” บั๊มพ์แซว

“นายว่าอะไรนะ” ภัทรถามย้ำ เพราะมัวแต่มองชายหนุ่มสองคนนัวเนียกันอยู่บนเรือน

“ไม่มีอะไร เอาของไปเก็บก่อนปะ เดี๋ยวจะพาไปกินข้าวแถวคูเมือง” ภัทรเดินไปเปิดประตูห้องก่อนวางสัมภาระอันได้แก่ เป้ใบย่อมหนึ่งใบ ไว้ที่ตู้เสื้อผ้า ก่อนจะคว้าแฟนหนุ่มมากอดและประเคนจูบอย่างเร่าร้อนไม่แพ้คู่ที่เพิ่งเห็นเมื่อครู่

***********************************************************************

ภัทรนั่งที่ระเบียงบ้านที่มืดสนิท แสงดาวไม่กระทบมาเลยในยามที่พระจันทร์กระจ่างฟ้าเช่นนี้ ดาราหนุ่มนั่งใช้ความคิดอย่างเงียบเชียบหลังมื้ออาหารแสนอร่อย นึกแปลกใจในท่าทางของเพื่อนในกลุ่มอย่างพิสันต์ที่ทำตัวออกจะสุดเหวี่ยงเกินธรรมดาไปเสียหน่อย เพราะเมื่อปลายปีที่แล้ว เพื่อนของเขาคนนี้เพิ่งถูกยิงและต้องพักฟื้นรักษาตัว แผลทางกายที่หายสนิทนั้นพอทำเนา แต่สภาพจิตใจหลังเหตุการณ์ดังกล่าวยังไม่คลี่คลาย แม้ผองเพื่อนพยายามถามไถ่ แต่คนอินดี้อย่างพิสันต์ก็ปากหนักและไม่เล่ารายละเอียดใดๆทั้งสิ้น หลังจากเก็บตัวเงียบหลายเดือน ภัทรก็ต้องประหลาดใจที่ได้เห็นเพื่อนคนนี้ควงฝรั่งหนุ่มหน้าตาหล่อเหลาราวกับว่ากำลังทำประชดชีวิต

“คิดอะไรอยู่เหรอ” บั๊มพ์เดินเข้ามาอย่างเงียบเชียบ หรือไม่ก็เพราะภัทรจมอยู่ในภวังค์ที่ลึกเกินจะสังเกต

“เปล่า” ชายหนุ่มถอนหายใจยาว แต่คนถามกลับไม่เชื่อคำตอบที่ได้ยิน

“ไม่พูดก็ตามใจ” เขาวางถาดผลไม้ให้ มะม่วงสุกที่วางเรียงตัวสวยงามสีทองน่าทานยั่วยวนไม่น้อย

“นายไม่คิดเหรอ...” หลังจากที่ปล่อยให้ความเงียบครอบงำชั่วครู่ ภัทรก็เปล่งเสียงออกมาในที่สุด

“คิดอะไรล่ะ” บั๊มพ์ถามพลางตักมะม่วงเข้าปาก

“เรื่องไอ้สันต์”

“แง่ไหน”

“ก็” ภัทรทบทวน ถึงแม้จะเป็นเพื่อน แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าเขาจะมีสิทธิ์ไปก้าวก่าย “เรื่องวิลเลี่ยม”

“นายคิดอะไรอยู่”

“เราอาจจะคิดมาก แต่นายไม่สังเกตเหรอว่าไอ้สันมันดูไม่มีความสุขเลยตั้งแต่...” ดาราหนุ่มละคำพูดไว้ให้อีกฝ่ายเข้าใจเองโดยอัตโนมัติ

บั๊มพ์ถอนหายใจ “อย่างน้อยตอนนี้มันก็มีใครสักคนอยู่ข้างมันนะ”

“ก็จริง แต่...” ภัทรคิดไม่ตก เขาไม่รู้จักผู้ชายชื่อวิลเลี่ยม แต่กับพิสันต์นั้นต่างออกไป ชายหนุ่มที่ภายนอกดูแข็งแกร่ง แต่ภายในส่วนลึกเก็บซ่อนความรู้สึกไว้อย่างแน่นหนา “เราควรถามมันเรื่องที่เกิดขึ้นอีกครั้งมั้ย”

“มันไม่ยอมตอบ” อีกฝ่ายให้คำตอบในทันที “เราพยายามถามหลายต่อหลายครั้งแล้วตั้งแต่มันมาที่นี่”

“นายไม่อยากรู้เหรอว่ามันเกิดอะไรขึ้นเมื่อปีที่แล้ว ทำไมอยู่ๆไอ้สันถึงโดนยิง แถมยังไปเกี่ยวพันกับเสี่ยคนนั้นอีกด้วย”

“ไอ้อยากก็อยาก แต่ไอ้สันมันคงไม่อยากพูดถึงเรื่องนี้ก็ได้”

“เพราะอะไรล่ะ” ภัทรกังขา

“ทำไมคำถามแต่ละอันตอบยากจัง”

“ไม่รู้สิ เราก็แค่เป็นห่วงมันน่ะ” บั๊มพ์เขาไปนั่งขางกายของคนรัก ร่างใหญ่พิงเสาเรือนเปลี่ยนมาซบที่ไหล่แทน ลมหายใจราบเรียบพ่นไออุ่นเลื้อยผ่านทรวงอก ชายหนุ่มใช้มือโอบไหล่และเอมไปยีผมอย่างแผ่วเบา ภัทรหลับตาพริ้มกับสัมผัสที่แสนอบอุ่นนี้ ไม่มีคำพูดหลุดออกมาอีก มีเพียงความรักที่ส่งผ่านอย่างท่วมท้นอยู่ตรงนี้เท่านั้น...

               บั๊มพ์มองคนรักอย่างปล่อยวาง ไม่ใช่แค่ภัทรที่ครุ่นคิดเรื่องนี้ เขาเองก็ลองหลายวิธี แต่ก็ไม่มีคำตอบจากปากพิสันต์ ชายหนุ่มรู้ดีว่า การควงวิลเลี่ยมออกหน้าออกตานั้นเพื่อหาหนทางเลี่ยงความเจ็บปวดที่เกิดขึ้น บาดแผลนั้นคงสาหัสเสียจนเพื่อนคนนี้ต้องใช้ความอบอุ่นจากคนอื่นเพื่อบรรเทา และเมื่อเวลาผ่านไป

พิสันต์ก็หายหน้าไปอีกครั้งโดยไม่บอกลาแม้กระทั่งวิลเลี่ยม

***********************************************************************


สานส์จากไรต์

               ตอนนี้เขียนขึ้นเพื่อเติมเต็มชีวิตหลังจากมรสุมของ พิสันต์ พระเอกจากเรื่อง หากย้อนเวลาได้ (If I could turn back time) นะครับ หากใครยังไม่เคยอ่านเรื่องนี้ สามารถติดตามอ่านกันได้เลยจ้า ขออนุญาตแปะลิงค์ไว้ตรงนี้นะครับ

http://www.tunwalai.com/story/125430/%e0%b8%ab%e0%b8%b2%e0%b8%81%e0%b8%a2%e0%b9%89%e0%b8%ad%e0%b8%99%e0%b9%80%e0%b8%a7%e0%b8%a5%e0%b8%b2%e0%b9%84%e0%b8%94%e0%b9%89-if-i-could-turn-back-time-yyaoi

ออฟไลน์ Billie

  • "Let come what comes, let go what goes and see what remains. That is what is real"
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3327
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +78/-6

ออฟไลน์ DrSlump

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3360
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +104/-2
 :pig4: :pig4: :pig4:


ง่า...นานมาก  จนลืมเรื่องของพิสันต์ไปเกือบหมดแล้วอ่ะ  555

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ จากต้นจนอวสาน

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 598
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +103/-3
    • จากต้นจนอวสาน
จะรักนาย เท่าชีวิต 2 – Only You II

#S2 EP 13. ไม่ทันตั้งตัว

               ปกติแล้วแต้มจะต้องทำการบ้านให้เสร็จเพื่อให้ยิ่งใหญ่ได้ลอก แต่วันนี้กลับไม่เป็นเช่นนั้น เด็กหนุ่มรู้สึกอึดอัดอย่างบอกไม่ถูก ในสมองมีหลายเรื่องให้คิด ทั้งเรื่องที่ยิ่งใหญ่ไม่ย้ายไปเรียนสายวิทย์และทำตัวสนิทสนมกับข้าวปุ้นอย่างไม่มีที่มาที่ไป ยังมีพี่ต้องตาที่โทรมาเล่าเรื่องที่เพิ่งเกิดขึ้นอีก ทุกอย่างมันผิดวิสัยไปหมด ปกติพี่สาวของตนจะไม่ระบายความในใจอะไรมากนัก ถึงแม้ว่าพวกเขาจะสนิทกันมากแค่ไหนก็ตาม การที่พี่ต้องตาไม่บอกกล่าวความในใจที่ผ่านมาก็เพราะว่าทางบ้านมีเรื่องให้กังวลมากอยู่แล้ว แต่พอทุกอย่างมันเริ่มจะดีขึ้น สองพี่น้องดูเหมือนจะพูดคุยกันมากกว่าแต่ก่อน ปกติแต้มเป็นคนไม่ค่อยพูด แต่ในหัวของเขาทำงานหนักแทบตลอดเวลา หากมีเรื่องมากระทบนิดหน่อยก็จะทำให้คิดมาก

               ยิ่งใหญ่ปิดประตูห้องนอนเดินเข้ามา ท่าทางของคนที่นั่งนิ่งอยู่กับพื้นห้องโดยมีสมุดและหนังสือการบ้านกองอยู่นั้นดูผิดปกติ ใบหน้าที่เหม่อลอยคล้ายคนกำลังใช้ความคิดอย่างหนักชวนให้เป็นห่วง บรรยากาศยามเย็นเริ่มมืดสลัว อากาศที่อบอ้าวทั้งวันชวนให้เหนียวตัว ท้องฟ้ามีเมฆทะมึนลอยมาแต่ไกล เด็กหนุ่มร่างสูงเดินไปเปิดไฟในห้อง รูมเมตที่นั่งนิ่งอยู่ดึงสติทันควัน

“มาตั้งแต่ตอนไหนเนี่ย” แต้มหันมาถาม ร่างใหญ่นั้นนั่งคร่อมตรงที่เขาอยู่ ทั้งสองชิดกันแทบจะแนบสนิท

“ก็มาสักพักแล้ว เห็นนายใจลอยอยู่เลยไม่ทัก” ยิ่งใหญ่เอาคางเกยที่ไหล่ของอีกฝ่าย กลิ่นเหงื่อของเขาโชยเอื่อย วันนี้ต้องไปซ้อมวอลเลย์บอลเพื่อเตรียมแข่งนัดเปิดสนาม แต้มไม่ได้ไปดูเพราะต้องกลับมาทำการบ้านก่อน แต่เมื่อเห็นสมุดที่เขียนไปน้อยนิดก็คาดเดาได้ว่าต้องคิดมากเป็นพิเศษ

“กินอะไรมารึยัง”

“ยังอะ ว่าจะกลับมากินกับนาย” ยิ่งใหญ่รวบร่างบางแต่เต็มไปด้วยกล้ามเนื้อด้วยสองแขนแกร่ง แต้มไม่ขัดขืนเพราะเป็นสิ่งที่อีกฝ่ายทำจนเคยชิน ถึงแม้จะคิดสะระตะเรื่องข้าวปุ้น แต่ก็ไม่มีเหตุผลอะไรที่จะไม่ให้อีกฝ่ายกอดตนเช่นนี้

“ขอทำการบ้านอีกหน่อยได้มั้ย ไปอาบน้ำก่อนปะ”

“ครับ ผ๊ม” ยิ่งใหญ่รับปาก ก่อนเงยหน้าไปหอมแก้มดังฟอด

“นี่” แต้มส่งเสียงดุ ถึงแม้จะคบกันมาสักพัก แต่การแสดงออกเช่นนี้ยังคงเป็นเรื่องใหม่สำหรับเขา แม้ที่ผ่านมาจะมีการกอดและหอมแก้มหลานๆ แต่ความรู้สึกก็ไม่เหมือนกับทำกับคนๆนี้

“นี่อะไร” ยิ่งใหญ่กวน รอยยิ้มกว้างเผยให้เห็นถึงความรู้สึกจากใจที่ปิดไม่มิด “จะดุอะไรอีกอ่า”

“เปล่า แค่ไม่ทันตั้งตัวเฉยๆ”

“นายต้องชินได้แล้วนะ” ยิ่งใหญ่หอมแก้มอีกฟอด ดอมดมกลิ่นของคนรักอย่างเปี่ยมสุข “เพราะเราจะทำแบบนี้กับนายทุกวัน”

“หะ” แต้มอุทาน ความคิดที่ปนเปก่อนหน้านี้หายไปจนหมดสิ้น เหลือเพียงความอบอุ่น และเสียงหัวใจที่เต้นตึกตักอยู่ตอนนี้

“ไปอาบน้ำก่อนนะ เดี๋ยวพาไปกินของอร่อย” ยิ่งใหญ่ที่ไม่รอให้อีกฝ่ายตอบก็พุ่งตัวเข้าไปในห้องน้ำทันที แต้มลูบแก้มของตนอย่างแผ่วเบา รอยยิ้มบางฉาบใบหน้า ความรู้สึกมั่นคงกลับมาในใจจนเต็มเปี่ยม ความอัดอัดใจในเรื่องเพื่อนร่วมชั้นที่ชื่อข้าวปุ้นหายไปจนสิ้น ยิ่งใหญ่ลอบมองมาจากห้องน้ำอย่างอารมณ์ดี รอยยิ้มของแต้มมีน้อย แต่เติมเต็มใจได้จนเต็ม

   ***********************************************************************

               ต้องตาพยายามทำตัวให้เป็นปกติที่สุดเพราะไม่ต้องการให้คนรักรู้สึกอึดอัด หญิงสาวคิดถึงคำพูดก่อนหน้านี้และทบทวนปฏิกิริยาของตนอย่างถี่ถ้วน ที่ผ่านมาเธออยู่ในที่ของเธออย่างเงียบเชียบโดยตลอด ไม่เคยออกปากหรือแสดงอาการความเป็นเจ้าของในตัวยอดเยี่ยมเลยแม้แต่สักครั้ง ยิ่งเรื่องแต่งงานด้วยแล้ว มันเป็นเรื่องที่ไม่เคยคิดมาก่อนว่าจะมีผู้ชายคนไหนให้โอกาสเธอได้อีก ตลอดเวลาที่คบกันต้องตาเลยไม่เคยคาดหวังอะไรแม้แต่น้อย แต่เมื่อไม่นานนี้เอง ที่ความหวังของเธอถูกบ่มเพราะจากปากของคนใกลัตัว มันทำให้ผู้หญิงที่รู้สึกไม่คู่ควรกับยอดเยี่ยมมาโดยตลอดคิดถึงคำพูดนั้น

การแต่งงาน....

               แต่ก็นั่นแหละ...มันก็เป็นได้แค่ความเพ้อฝันที่ถูกชักจูงให้หลงเชื่อ คล้ายกับเด็กหญิงที่เดินชมสวนดอกไม้อันสวยงามสุดลูกตาบนภูเขาสูง เมื่อถึงชะง่อนผาก็ถูกผลักให้ตกลงมาจนบอบช้ำ ต้องตาส่ายหัว ความคิดนี้มันดูจะเกินจริงไปหน่อย

“คุณตาอยากทานอะไรเหรอครับวันนี้” คำถามนี้ทำให้หญิงสาวกลับมาอยู่กับปัจจุบัน

“ไม่มีอะไรเป็นพิเศษค่ะ ตาอยากกลับคอนโดเลยได้มั้ยคะ”

“ได้สิครับ คุณตาแน่ใจนะว่าไม่หิว”

“ก็นิดหน่อยค่ะ แต่ตาคิดว่าจะทำกับข้าวเองดีกว่าวันนี้ ของสดที่ซื้อมาวันก่อนจะได้ไม่เป็นหมัน”

“อ๋อ ก็ได้ครับ ดีเสียอีก คุณตาทำกับข้าวอร่อย” ยอดเยี่ยมลูบพุงตัวเองที่ป่องออกมากองบนตัก

“ใครบอกจะให้คุณยอดทานล่ะคะ คุณยอดต้องไปลดความอ้วนนะ อย่าลืมสิ”

“โห คุณตา อย่าใจร้ายกับผมสิครับ สัญญาว่าพรุ่งนี้ผมจะเริ่มออกกำลังกายเลย”

“คุณก็สัญญาแบบนี้ตลอด” ต้องตาเว้นจังหวะ เพื่อไม่ให้ประโยคต่อไปหลุดออกมา แต่ไม่เคยทำได้สักที

“คราวนี้ผมเอาจริงละ” ยอดเยี่ยมเสียงแข็ง “ผมจะต้องกลับมาผอมให้คุณตาได้เชยชมให้ได้” ต้องตาไม่ตอบ รอยยิ้มที่ไร้ชีวิตชีวาส่งผ่านไปให้แฟนหนุ่มที่กำลังขับรถอยู่ หญิงสาวปิดเปลือกตาลงเพื่อยุติการสนทนาในตอนนี้

   ***********************************************************************

               ข้าวปุ้นเดินออกลงบันไดของหอพักถึงชั้นล่างจังหวะเดียวกับยิ่งใหญ่และแต้มเดินออกมาจากลิฟต์ ทั้งสามคนมองหน้ากันอย่างคาดไม่ถึง แต้มทำหน้านิ่งเป็นปกติสำหรับการเจอคนที่ไม่รู้จัก(หรืออาจจะไม่ชอบขี้หน้า) ข้าวปุ้นยิ้มในแบบที่แต้มไม่ค่อยพอใจกับมันเท่าไรนัก

“โห...บังเอิญจังเลยเนาะ”

.....

ออฟไลน์ DrSlump

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3360
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +104/-2
 :pig4: :pig4: :pig4:

อยากรู้ความลับของตระกูลแต้มกับต้องตา

ที่ทำให้แม่ของยอดเยี่ยมค้านหัวชนฝาที่จะไม่ให้แต่งงานกัน  รวมถึงการคบกันของสองหนุ่มด้วย

ออฟไลน์ จากต้นจนอวสาน

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 598
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +103/-3
    • จากต้นจนอวสาน
จะรักนาย เท่าชีวิต 2 – Only You II


#S2 EP 14. เงื่อนไขที่ขัดขืนไม่ได้

ทั้งแต้มและยิ่งใหญ่ต่างก็นิ่งเงียบ บรรยากาศที่สดชื่นก่อนหน้านี้เหือดหายไปจนหมดจากการพบเพื่อนร่วมชั้นอย่างบังเอิญในเวลานี้ ใบหน้าที่ดูไม่เป็นมิตรเปล่งคำทักทายที่ขัดกันอย่างเห็นได้ชัด ยิ่งใหญ่มองแต้มอย่างอึดอัดใจ เพราะรู้ดีว่าอีกฝ่ายนั้นรู้สึกอย่างไร ถึงแม้แต้มไม่เคยบอกกับเขาตรงๆ แต่การกระทำที่ผ่านมาก็ทำให้เดาได้

“โห...บังเอิญจังเลยเนาะ”

“อะ อืม” ยิ่งใหญ่ตอบพลางส่งยิ้มแหย

“พวกนายจะไปไหนกันเหรอ” ข้าวปุ้นถาม แต่ก็ไม่ได้รอคำตอบ “เรากำลังจะไปกินข้าว ไปด้วยกันมั้ยล่ะ”

“เอ่อ” ยิ่งใหญ่สบตาแต้มเพื่อขอความเห็น แต่ก็ไม่มีอะไรหลุดออกมา

“ปะ ไปกันเถอะ” ข้าวปุ้นเดินมาจับแขนทั้งสองคนราวกับสนิทสนมกันมานาน แต้มและยิ่งใหญ่ต่างเดินตามแรงฉุดไปอย่างเสียไม่ได้

...

“พวกนายสนิทกันจัง” ข้าวปุ้นเป็นฝ่ายชวนคุยระหว่างมื้อเย็นที่แสนเงียบเชียบ แต้มเป็นคนที่พูดน้อยอยู่แล้ว สำหรับคนที่ไม่สนิทยิ่งแล้วใหญ่ นอกจากความเงียบที่ชวนอึดอัด ท่าทางของเขายังเหมือนกับคนที่ลืมปากไว้ที่บ้านอีกด้วย

“ก็คบกันตั้งแต่เข้ามาเรียนที่นี่” ยิ่งใหญ่ตอบ

“คบกัน” ข้าวปุ้นทวนคำ แต้มแทบจะสำลักน้ำ

“ก็เป็นเพื่อนกันไง ตั้งแต่เปิดเทอมปีที่แล้ว” ยิ่งใหญ่แก้ไขคำพูด

“อ๋อ” ข้าวปุ้นตอบอย่างเสียไม่ได้ การที่ได้เห็นสองคนนี้สนิทชิดเชื้อกันก็ยิ่งทำให้รู้สึกคิดถึงใครคนนั้น และเมื่อความรู้สึกนี้มันสะสมมากขึ้น การเห็นความสัมพันธ์ของเพื่อนร่วมโต๊ะก็ยิ่งน่าอิจฉา ชวนให้นึกอยากกลั่นแกล้งไม่น้อย

“นายมีแฟนยังอะใหญ่”

“หะ” ยิ่งใหญ่ชะงักมือที่กำลังตักอาหารเข้าปากเพราะได้ยินคำถามที่ไม่คาดคิด

“อาการแบบนี้คือมีแล้วชัวร์เลย” ไม่รู้อะไรที่ดลใจให้ข้าวปุ้นแหย่ ลอบมองสีหน้าแต้มที่ยังนิ่งเก็บอาการได้มิดชิด

“เปล่า”

“ไม่จริงน่า หล่อจนเป็นดาราขนาดนี้ไม่น่าโสดนะ เรายังคิดเลยว่าถ้ามีน้องสาวจะยุให้มาจีบนายซะหน่อย”

“แล้วไม่มีรึไง”

“เราลูกคนเดียวน่ะ” ข้าวปุ้นตอบ

“...” แต้มนิ่งงัน

“เปลี่ยนเรื่องๆ ไม่อยากบอกก็ไม่เป็นไร” ข้าวปุ้นเลิกแกล้ง เพราะท่าทางของคนที่ถูกถามกระอักกระอ่วนไม่น้อย

“เออ นายย้ายห้องมาเป็นไงบ้าง ปรับตัวได้ยัง”

“ก็พอได้นะ” ข้าวปุ้นเขี่ยข้าวในจาน ความหิวมันเหือดหายไปหมดเมื่อเห็นการเอาใจใส่ของแต้มที่มีต่อยิ่งใหญ่ คนที่ไม่ค่อยพูดแต่คอยรินน้ำให้ หยิบน้ำปลาพริกให้โดยไม่ต้องขอ หยิบกระดาษทิชชู่ให้เมื่ออาหารเลอะปากคนข้างๆ

“แล้ว เอ่อ...” ยิ่งใหญ่จะยิงคำถาม แต่ก็หยุดไว้แค่นั้น

“ถามมาได้ จริงๆเราอยากสนิทกับพวกนายนะ เรารู้ว่าชื่อเสียงเรามันกระฉ่อนขนาดไหน”

“นายก็เป็นเพื่อนกับพวกเราได้นี่”

“ขอบใจ ตั้งแต่แก๊งปีที่แล้วตอนไล่ออก เราก็ไม่รู้เหมือนกันว่าจะมีใครยอมคบกับเรามั้ย”

“คิดมากน่า”

“ที่นายจะถามคือเรื่องพวกนั้นใช่มั้ย” ยิ่งใหญ่พยักหน้าแทนคำตอบ จากที่สังเกตตั้งแต่เปิดเทอมมาข้าวปุ้นจะอยู่คนเดียวเสียส่วนใหญ่ ไม่มีเพื่อนร่วมกลุ่มที่มีนิสัยใกล้เคียงกับคำว่านักเลงรายล้อมเช่นเคย

“อิ่มยัง” ยิ่งใหญ่หันไปถามคนนั่งข้างๆที่เงียบมาตลอดการสนทนา

“เออ นั่นสิ นายนั่งเงียบมาตลอดเลยนะเนี่ย”

“ปกติน่ะ รายนี้ไม่พูดไม่ค่อยเก่ง แต่ถ้ารู้จักนานไปก็จะรู้เองว่าอาการจ้อไม่หยุดนั้นเป็นไง” ยิ่งใหญ่พูดแล้วยิ้มพลางยีหัวคนข้างๆอย่างรักใคร่ด้วยอาการลืมตัว

“จ้ออะไร” แต้มสะบัดมือใหญ่นั้นออก แม้จะไม่ได้รำคาญ แต่การแสดงออกของยิ่งใหญ่มันชวนให้คนอื่นคิดไปไกลอย่างแน่นอน

             ข้าวปุ้นมองภาพของคนทั้งสองอย่างเงียบงัน ความเหงาเกาะกินใจจนกับข้าวมื้อนี้ไม่เหลือความอร่อยอีกแล้ว

***********************************************************************



             ข้าวปุ้นไม่รู้ว่าจะต้องรู้สึก หรือควรทำสีหน้าอย่างไรเมื่อได้เห็นผู้ชายที่คุ้นเคยมาทั้งชีวิตในห้องเรียนตอนวันจันทร์เช้าหลังจากเปิดเทอมมาสามอาทิตย์ ใบหน้าที่หล่อเหลาและรูปร่างสูงสะดุดตานั้นทำให้สังเกตได้ตั้งแต่เดินเข้าประตูห้อง ที่ว่างตรงข้างเขาถูกจับจองโดยชายคนนั้นที่ตอนนี้กำลังถูกเพื่อนในห้องรายล้อมและพูดคุยกันอย่างออกรส เสียงหัวเราะดังครืนช่างแตกต่างกับสีหน้าของคนที่กำลังเดินเข้ามาอย่างยิ่ง วงสนทนาแตกฮือเมื่อเด็กหนุ่มเดินมาถึงและวางกระเป๋าไว้ที่โต๊ะดังโครมบ่งบอกอาการไม่พอใจที่ไม่คิดปกปิด

             สายตาของทั้งคู่ประสานกัน แววตาเป็นประกายนั้นดูมีเสน่ห์ เต็มเปี่ยมไปด้วยพลังบวกและน่าคบหา ผิดกลับแววตาหมองหม่นของอีกคน ที่จมจ่ออยู่กับความคิดว่าถูกทอดทิ้งอย่างไม่ใยดี ถึงแม้ในส่วนลึกของหัวใจจะมีความสุขสมแทบจะร้องไห้ออกมา แต่ทิฐิที่ค้ำคออยู่ทำให้ต้องแสดงออกไปว่า เขาไม่ได้สนใจ

“ทำไมมาช้าจัง” เสียงที่คุ้นเคยนั้นทัก “กูมีของฝากให้มึงด้วยนะ” ข้าวปุ้นไม่หันไปมองคนที่เริ่มต้นบทสนทนาด้วยซ้ำ ใบหน้าบึ้งตึงแสดงความห่างเหินอย่างชัดเจน

“เป็นไรวะ โกรธกูปะเนี่ย” ไออุ่นถาม ข้าวปุ้นแทบไม่เชื่อหูตัวเองที่อีกฝ่ายกล้าถามออกมา จะไม่โกรธได้อย่างไร เมื่อถูกคนที่เชื่อใจที่สุดหายไปจากชีวิตโดยไม่มีบอกกล่าว ไม่มีการเขียนจดหมายมาหา ไม่มีข่าวคราวเลยจนกระทั่งเวลาผ่านไปถึงสามเดือน วันแรกที่รู้ข่าวว่าไออุ่นไปอเมริกาโดยไม่รู้กำหนดกลับ เขานอนไม่หลับทั้งคืนบนที่นอนของคนไกล ในหัวคิดเรื่อยเปื่อยว่าทำผิดอะไร ไออุ่นถึงได้ทิ้งไปเช่นนี้ พอเวลาผ่านไปเขาก็แวะเวียนมาถามข่าวคราวกับเฮียมงคลผู้เป็นพ่อของไออุ่น และก็เช่นเคยว่าไม่มีความคืบหน้าอะไรทั้งสิ้น จากวันเป็นอาทิตย์ จนเคลื่อนคล้อยเป็นเดือน ความช้ำที่เกาะกินใจก็แปรเปลี่ยนเป็นความโกรธขึ้ง ถึงแม้จะรักมากเพียงใดก็ตาม แต่การกระทำของไออุ่นมันก็เกินเหตุไปมากจนให้อภัยไม่ไหว

“นี่ไง เครื่องเล่นเทปตัวใหม่ กูว่ามึงต้องชอบ”

“กองไว้ตรงนั้นแหละ” ข้าวปุ้นตอบในที่สุด แต่ด้วยน้ำเสียงดุดัน

“อย่าใจร้ายกับกูสิวะ” ไออุ่นเสียงทุ้มราวกับกำลังอ้อนวอน

“เห้ยแต้ม” ข้าวปุ้นหันไปสะกิดคนที่นั่งข้างๆ “ขอแลกที่นั่งได้ปะ”

“หืม” แต้มที่กำลังง่วนอยู่กับการปั่นการบ้านที่ค้างจากเมื่อคืนส่งเสียงฉงน

“น่านะ”

“ไม่ได้” ยิ่งใหญ่เป็นคนออกปากเพราะแต้มเป็นคนปฏิเสธคนอื่นไม่เป็นเสียด้วย

“เออ งั้นไอ้อาร์ท มาแลกที่กัน” อาร์ทสะดุ้ง จากที่กำลังกินขนมอยู่ก็แทบสำลัก

“อะไรวะ”

“มึงอย่าลีลา มานั่งนี่” ข้าวปุ้นเก็บของและไปดึงตัวอาร์ทที่กำลังงุนงงให้ลุกไปนั่งที่ของตนแทน ไออุ่นมองภาพทั้งหมดอย่างเงียบเชียบ ไม่แปลกใจแม้แต่น้อยที่อีกฝ่ายมีท่าทางเช่นนี้ ความผิดทั้งหมดมาจากตนล้วนๆ

             ก่อนที่ไออุ่นจะไปอเมริกา - ความจริงคือ ไออุ่นไม่ได้อยากไปอเมริกา - แต่ความจำเป็นบังคับให้เขาต้องไป ในฐานะลูกชายคนสุดท้อง พ่อของเขาก็อยากฝากฝังธุรกิจที่บ้านให้ ถึงแม้จะมีพี่ชาย แต่รายนั้นกลับไม่สนใจที่จะมาช่วยงานของที่บ้านมากนัก ระยะหลังมานี้นักท่องเที่ยวต่างชาติเพิ่มขึ้นเท่าตัว การสื่อสารนั้นต้องถูกยกระดับไปอีกขั้น เดิมทีไออุ่นตั้งใจจะเรียนภาษาที่เชียงใหม่ โดยจะชวนข้าวปุ้นไปด้วย แต่ผู้เป็นพ่อกลับไม่สนับสนุน

“ทำไมล่ะป๊า เรียนภาษาในไทยก็เหมือนกัน”

“วะไอ้นี่ ไปเรียนที่โน่นยังไงก็เรียนกับเจ้าของภาษา พี่ชายเอ็งเขาก็เหงาอยากให้ไปอยู่เป็นเพื่อน”

“สรุปจะให้ไปเรียนหรือไปอยู่เป็นเพื่อนพี่กันแน่”

“ทั้งสองอย่างแหละ”

“แต่...”

“ไม่มีแต่” ผู้เป็นพ่อยื่นคำขาด ไออุ่นได้แต่เงียบเพราะเงื่อนไขของป๊านั้นเด็ดขาด

‘ถ้าเอ็งไปเรียนภาษาแล้วกลับมาไอ้ข้าวปุ้นมันยังรอเอ็ง ป๊าก็จะยอมรับในตัวพวกแกทั้งสองคน...’

ไออุ่นคิดถึงคำพูดของผู้เป็นบิดา เหตุผลที่เขาต้องจำใจแยกยากคนรักชั่วคราว เพราะผู้เป็นพ่อคิดว่าความสัมพันธ์แบบนี้มันฉาบฉวย ถ้าไม่ได้เจอกันสักพัก ทุกอย่างมันคงกลับสู่สภาวะปกติ

แต่ท่าทางของข้าวปุ้น ไม่ได้ใกล้กับคำว่าปกติแม้แต่น้อย...

***********************************************************************



ฝาก FB ด้วยนะครับ >> https://www.facebook.com/Begintillanend/

ออฟไลน์ DrSlump

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3360
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +104/-2
 :pig4: :pig4: :pig4:

ไออุ่นข้าวปุ้น  จะได้กลับมาร่วมเรียงเคียงหมอนกันอีกไหมหนอ  เหมือนพ่อไออุ่นจะเปิดไฟเขียวกลาย ๆ อยู่นา? 

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7518
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
ไออุ่น คิดไม่เป็นเหรอ  :a5: :really2:
แอบส่งสัญญาณให้ข้าวปุ้นรู้สักนิดก็คิดไม่ได้  :เฮ้อ:
ไม่แปลกเลยที่ข้าวปุ้นจะโกรธ   :angry2:
       :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ จากต้นจนอวสาน

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 598
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +103/-3
    • จากต้นจนอวสาน
จะรักนาย เท่าชีวิต 2 – Only You II


#S2 EP 15. แรงหึง

   แต้มเป็นคนไม่คิดมาก...อย่างนั้นเหรอ? คนอย่างแต้มเป็นคนที่คิดเยอะ คิดมาก คิดมากกว่าพูดเสียอีก เมื่อมีอะไรก็ยิ่งไม่ยอมพูด เพราะไม่รู้จะพูดอย่างไร พูดแล้วจะได้อะไรขึ้นมา ถึงแม้อยากจะพูดมากแค่ไหน ก็ได้แต่เก็บงำไว้ จนตัวเองหงุดหงิดแต่ก็ไม่มีการเอ่ยปากออกมา

   ใช่...แต้มกำลังหงุดหงิด อารมณ์เสีย ไม่พอใจกับท่าทางที่สนิทสนมกันของแฟนตัวเองกับเพื่อนใหม่ที่ชื่อข้าวปุ้น ตลอดสัปดาห์ที่ผ่านมา ทั้งคู่เดินไปไหนมาไหนแทบจะตัวติดกัน ถึงแม้แต้มจะไปด้วย แต่ก็รู้สึกเหมือนว่าตัวเองโดนกันออกไปอยู่วงนอก แม้แต่อาร์ทที่ไม่รู้อะไรยังทัก นอกจากนั้นยังมีอีกคนที่คอยตามมา ... ไออุ่น

   ไออุ่นเป็นลูกคนจีน อันนี้เขาพอจะเดาได้จากรูปร่างหน้าตา ถึงแม้ดวงตาชั้นเดียวนั้นจะไม่เล็กขนาดเม็ดข้าวเปลือก แต่มองปุ๊บก็รู้ปั๊บว่ามีเชื้อสายจากไหน รูปร่างที่สูงใหญ่เกือบจะสูงเท่ายิ่งใหญ่นั้นลงตัวไม่น้อย มองโดยรวมถือว่าเป็นผู้ชายที่หล่อเหลาคนหนึ่ง แต่คงเป็นเพราะสนิทกับคนที่ชื่อข้าวปุ้น เลยทำให้คะแนนนิยมไม่พุ่งเท่ากับแฟนของตน

   ข้าวปุ้นเป็นคนผิวขาวจัด (เคยหัวไหล่ตอนใส่เสื้อกล้ามไปกินข้าวด้วยกัน) แต่สองแขน ใบหน้าและลำคอกลับกร้านแดดจนเปลี่ยนเป็นสีแทนเข้ม บ่งบอกให้รู้ว่าเป็นคนที่ชอบทำกิจกรรมกลางแจ้ง ดวงตานั้นดุจนไม่มีใครกล้าสบตาตรงๆ ใบหน้าที่เชิดหยิ่งตลอดเวลาเหมือนคนอมทุกข์มากกว่าจะเป็นคนขวางโลก รอยยิ้มที่มีไม่บ่อยกลับร่าเริงเมื่ออยู่กับยิ่งใหญ่

   ยิ่งเห็นก็ยิ่งหงุดหงิดใจ...

“แต้ม ทำไมข้าวปุ้นมันดูสนิทกับยิ่งใหญ่จังวะ” อาร์ทเป็นคนกระซิบถาม

“ไม่รู้สิ ไม่ดีเหรอ ใครๆจะได้เกรงใจไงมีข้าวปุ้นเป็นเพื่อน”

“กะผีสิ ตอนเดินด้วยกันโคตรอึดอัดเลย ไม่รู้ว่ามันจะมาต่อยหน้าตอนไหน”

“ไม่หรอก ข้าวปุ้นไม่ทำหรอกน่า”

“หืม” ทั้งสองหันไปมองหนุ่มตี๋ร่างสูง ใบหน้าหล่อเหลาเปล่งประกายเมื่อพูดชื่อของคนนั้น “เชื่อได้เหรอ”

“เชื่อได้แน่ เรารับรอง” ไออุ่นรับคำอย่างหนักแน่น ด้วยความที่เป็นคนมีน้ำใจและช่างพูด เขาจึงสามารถเข้ากับคนในห้องใหม่ได้ไม่ยาก แต่น่าแปลกที่มาเกาะติดแต้มกับยิ่งใหญ่แทนที่จะไปอยู่กับกลุ่มอื่น

“นายสนิทกับข้าวปุ้นขนาดนั้นเชียว” อาร์ทยังไม่เลิกตั้งคำถาม

“ก็...สนิทนะ” ไออุ่นเว้นช่วงก่อนตอบออกมา

“นั่งตรงนี้นะ แต้มเอาน้ำแดงโซดามั้ยเดี๋ยวไปซื้อให้” ยิ่งใหญ่วางกระเป๋าของตนไว้ที่ม้าหินอ่อนมุมหนึ่งข้างสนามบาสก่อนเอ่ยปากถามคนที่นิ่งเงียบมาตลอดทาง

“ไม่อะ” แต้มตอบสั้นๆ

“มีใครเอาอะไรอีกปะ เดี๋ยวไปซื้อให้” เป็นข้าวปุ้นที่ออกปากถามและลากตัวยิ่งใหญ่ไป

“เออ เดี๋ยวเราไปห้องน้ำก่อน” อาร์ทขอตัวเดินออกไป ปกติแล้วพวกผู้ชายจะไปกันเป็นกลุ่ม การที่แยกตัวออกไปเช่นนี้คงจะแอบดอดไปหาแฟนที่อยู่อีกห้องเสียมากกว่า เมื่ออาร์ทเดินฮัมเพลงไปอย่างอารมณ์ดี สองหนุ่มที่เหลือเลยนั่งเงียบกันพักใหญ่

“แต้ม” ในที่สุดไออุ่นก็เป็นฝ่ายทำลายความเงียบ

“หืม”

“เราขอถามนายตรงๆ นายอย่าโกรธเรานะ”

“ถามอะไร” แต้มนึกหวั่นใจ

“ไม่มีอะไรหรอก เราแค่อยากรู้ว่าตอนที่เราไม่มา ข้าวปุ้นสนิทกับยิ่งใหญ่ขนาดนี้เลยเหรอ”

“อืม ก็ไม่นะ เพิ่งมาทำตัวสนิทเมื่อวันจันทร์นี้เอง”

“อย่างนี้นี่เอง”

“อะไรเหรอ” แต้มถามอย่างสงสัย

“คือ...” ไออุ่นครุ่นคิด ไม่รู้ว่าควรพูดดีหรือเปล่า แต่จากที่สังเกตมาทั้งอาทิตย์ แต้มเป็นคนที่น่าเชื่อถือมากคนหนึ่ง

“เรากับข้าวปุ้น...เอ่อ...คบกัน” สองพยางค์สุดท้ายนั้นแผ่วเบาแต่ก็กระทบโสตประสาทคนฟัง แต้มทำหน้าตกใจแต่ก็เก็บอาการแทบทันที เพราะไม่คาดคิดว่าจะมีคู่อื่นอีกนอกจากตนกับยิ่งใหญ่

“นายบอกเราทำไม”

“เราหึง” ไออุ่นตอบตามตรง “เราไม่ชอบที่ข้าวปุ้นทำตัวสนิทสนมกับยิ่งใหญ่แบบนั้น”

อึ๊ก...แทงใจดำคนฟังขั้นสุด

“แล้วนายจะทำยังไง” แต้มซักไซร้ เพราะไออุ่นดึงความสนใจเขาได้แล้วเต็มที่

“นายสัญญานะว่าจะไม่ช่วย”

“หืม..” แต้มเอ่ยปากอย่างสงสัย แต่เมื่อได้ยินแผน ก็ช่วยอย่างเต็มใจ

             ไออุ่นไม่ได้ถามว่าทำไมแต้มถึงตอบตกลงช่วยเหลือเขา พอถึงวันจันทร์ก็เริ่มแลกที่นั่งกับข้าวปุ้น (โดยที่ยิ่งใหญ่จะโวยวายแค่ไหนก็ตาม) แถมยังทำตัวสนิทสนมแบบที่ข้าวปุ้นทำเสียด้วย และก็เป็นไปตามคาดที่คนที่เดือดเนื้อร้อนใจจะนั่งไม่ติด ยิ่งแต้มทำท่าทางใกล้ชิดเท่าไหร่ ยิ่งใหญ่ก็ดูจะแสดงความไม่พอใจมากเท่านั้น เวลาที่เล่นกันก็มีการยีผมราวกับตั้งใจให้อีกฝ่ายหนึ่งเห็น ไออุ่นยิ้มอย่างอารมณ์ดีที่เห็นอาการกระฟัดกระเฟียดของคนรักที่คุ้นเคย

             วันอังคารมีคาบพละ ทั้งเรียนต่างสวมเสื้อพละสีเหลืองและกางเกงวอร์มสีน้ำเงินกรมท่ามาโดยพร้อมเพรียง นักเรียนชั้นม.๕ นั้นจะได้เรียนบาสเก็ตบอลก่อน และเทอมสองจะเป็นตะกร้อ ไม่เว้นทั้งชายหญิง เลยทำให้พวกผู้หญิงโอดครวญใหญ่ว่าไม่ยุติธรรม ทั้งๆที่คาบคหกรรมพวกผู้ชายไม่บ่นกันสักนิด

“ตอนนี้ก็มีพื้นฐานกันบ้างแล้วนะ ต่อไปครูจะให้เพื่อนที่เล่นเป็นมาเล่นให้ดูแล้วครูจะบอกว่าเกมนี้เป็นอย่างไร” พวกนักเรียนชายที่เล่นเป็นต่างก็เดินออกมาด้านหน้า การแบ่งทีมทำโดยการทายหัวก้อย ใครทายถูกก็ไปอยู่รวมกัน ใครทายผิดก็อยู่อีกทีมหนึ่ง สุดท้ายแต้มก็ได้อยู่ทีมเดียวกับไออุ่น ยิ่งใหญ่อยู่ทีมเดียวกับข้าวปุ้น

             เสียงนกหวีดดังขึ้นมาพร้อมกับลูกบาสที่ลอยขึ้นฟ้า แขนยาวของยิ่งใหญ่ผลักลูกบาสไปยังฝั่งตัวเองก่อนที่ลูกสีส้มจะถูกเลี้ยงและส่งต่อไปมาในทีม ไออุ่นวิ่งประกบคนตัวสูงอย่างยิ่งใหญ่ที่เพื่อนๆพร้อมใจกันส่งลูกบาสมาให้

“เราขอนะ”

“ขออะไร” ยิ่งใหญ่ถามเมื่อไออุ่นประกบและกระซิบ

“นายมีอะไรให้เราได้บ้างล่ะ” แว้บเดียวเท่านั้นที่ใบหน้าแต้มโผล่มา ไออุ่นก็แย่งลูกบาสมาได้ “แต่ตอนนี้เราหมายถึงลูกบาสนะ”

             แล้วไออุ่นก็ชู้ตทำสามแต้มแรกให้กับทีมท่ามกลางเสียงโห่ร้อง โดยปล่อยให้ยิ่งใหญ่ยืนนิ่งมองคนที่เพิ่งทำคะแนนได้ไปกอดกับแฟนของตัวเองอย่างแนบแน่น สองมือกำหมัดแน่น ตลอดเกมนั้นเขาไม่มีสมาธิเลยแม้แต่น้อย แต่ก็ฝืนเล่นจนหมดคาบ

             เย็นวันนั้นเองที่ยิ่งใหญ่หลบเลี่ยงข้าวปุ้นและลากแต้มกลับไปที่ห้องก่อนออดโรงเรียนจะดังเสียอีก เด็กหนุ่มหน้าฝรั่งมีสีหน้าขุ่นมัวอย่างเห็นได้ชัด แต้มเลือกที่จะนิ่งเงียบและเดินตามไปอย่างว่าง่าย เพราะไม่อยากมีเรื่องอะไรกันในโรงเรียน สองหนุ่มเดินมาอย่างลืมเหนื่อย เดินกึ่งวิ่งขึ้นบันไดแทนการใช้ลิฟต์จนกระทั่งมาถึงห้อง ประตูก็ปิดดังโครมใหญ่...

“เป็นอะไร” ยิ่งใหญ่เป็นฝ่ายถาม

“เป็นอะไร... อะไร” แต้มทวนคำ

“ก็นายเป็นอะไรแต้ม ทำไมต้องทำตัวสนิทสนมกับไอ้ไออุ่นแบบนั้น”

“ก็เพื่อนกัน สนิทกันก็ไม่แปลก” แต้มตอบตามที่ซักซ้อมมากับไออุ่น ... ใช่แล้วนี่คือแผนทวงแฟนคืนของไออุ่นที่ต้องการให้ข้าวปุ้นหึงหวงและจะปรับความเข้าใจ แต่กลายเป็นว่าคนที่ไม่พอใจไม่ได้มีแค่คนเดียว

“พวกนายไปสนิทกันตอนไหน แล้วยังย้ายไปนั่งด้วยกันอีก แล้ว...” ยิ่งใหญ่พูดรัวจนเหนื่อย เหงื่อไหลย้อยจนหมดหล่อเพราะก่อนหน้านี้แทบจะวิ่งกลับมา

“ก็ตอนที่นายกับข้าวปุ้นสนิทกันมั้ง” แต้มพยายามทำน้ำเสียงกวนๆตามที่ถูกแนะนำมา นั่นก็จี้ถูกจุดเมื่ออีกฝ่ายมาจับไหล่เขาแน่นแรงบีบสุดกำลังจนเจ็บร้าว

“นายไม่มีสิทธิ์ทำแบบนี้ นายเป็นแฟนเรานะ” ยิ่งใหญ่พูดเสียงแข็ง

“นายจำได้ด้วยเหรอว่าเราเป็นแฟนกัน” แต้มสติหลุด ความอัดอั้นตันใจจากอาทิตย์ที่ผ่านมาพุ่งพล่าน “นายต่างหากที่เป็นคนทำตัวสนิทสนมกับคนอื่นออกนอกหน้า นายไม่ใช่เหรอที่ทำแบบนี้ก่อน แม้แต่ตอนที่เราถามว่าไปรู้จักกันตั้งแต่ตอนไหนนายก็ไม่ตอบ”

“แล้วตอนนี้ เราจะไปสนิทกับใคร นายจะสนใจด้วยเหรอ ขนาดเรายืนหัวโด่ข้างๆ นายยังไปทำท่าทางสนิทสนมกับข้าวปุ้นอะไรนั่น นี่ถ้าจูบกันได้ก็คงจูบโชว์กลางห้องแล้วมั้ง”

“นายน่ะเป็นคนหล่อ ใครๆก็ชอบ แต่เราไม่ใช่ ตอนที่นายขอเป็นแฟน เราคิดหนักมากนะ เราไม่ได้กลัวใจนาย แต่เรากลัวใจตัวเอง กลัวคนอื่น นายกับเรามันเหมือนมาจากคนละโลก คนอย่างนายจะมาชอบเราจริงๆเหรอ...เราไม่เคยมั่นใจเลย”

“แต่พอข้าวปุ้นอะไรนั่นมา นายก็ทำตัวแบบนี้ แล้วพอเราจะทำบ้าง นายจะโวยวายทำไม ในเมื่อนายไม่เคยให้เหตุผลอะไรเราเลย” แต้มพ่นความในใจมาเต็มที่โดยมียิ่งใหญ่ที่ยืนตกตะลึงอยู่อย่างนั้น ร่างสูงหอบโยน ใบหน้านั้นแดงก่ำ ดวงตาคลอไปด้วยความน้อยใจที่พร้อมไหลเอ่อ

             ยิ่งใหญ่ยิ้ม...

“ยิ้มอะไร ไม่ใช่เรื่องตลก” แต้มกัดฟันพูด สองแขนชาเพราะแรงบีบคลายลงเมื่ออีกฝ่ายดึงตัวไปกอดกระชับจนแทบหายใจไม่ออ

“ปล่อย อึดอัด”

“ไม่ปล่อย” ยิ่งใหญ่ตอบอย่างอารมณ์ดี ที่เป็นเช่นนี้เพราะเขาไม่รู้เลยว่าแต้มนั้นห่วงใยเขามากแค่ไหน ผู้ชายคนที่ไม่ค่อยเปล่งวาจากลับพรั่งพรูความรู้สึกออกมาจนหมดสิ้นทำให้หัวใจเขาอิ่มเอม ... และรู้สึกผิด

“ขอโทษนะ” ยิ่งใหญ่กระชับอ้อมกอดให้มากขึ้น “แต่เราทำแบบนี้เรามีเหตุผลนะ”

“เหตุผลอะไร” แต้มยังห็โอกาส ถึงแม้ตอนนี้เกือบจะร้องไห้แล้วก็ตาม

“คือ...”

“ถ้าลำบากใจก็ไม่ต้องเล่าก็ได้” แต้มพยายามแงะตัวออก แต่ก็ไม่เป็นผล

“เล่าสิ เล่าได้” ยิ่งใหญ่ใช้จมูกโด่งเป้นสันซุกที่ซอกคอคนที่เขากอดไว้ก่อนจะสารภาพออกมา

ออฟไลน์ Billie

  • "Let come what comes, let go what goes and see what remains. That is what is real"
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3327
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +78/-6
สวัสดีปีใหม่
ขอบคุณมากมายสำหรับการแบ่งปั่นผลงาน :L1:

ออฟไลน์ DrSlump

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3360
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +104/-2
 :pig4: :pig4: :pig4:

เหตุผลอะไรเจ้าใหญ่

พูดดี ๆ นะ  พูดไม่ดีมีโบก

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7518
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
ท่าทางเรื่องจะเกี่ยวพันกันอีรุงตุงนัง ระหว่างยิ่งใหญ่ แต้ม  :z3: :z3: :z3:
       :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ จากต้นจนอวสาน

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 598
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +103/-3
    • จากต้นจนอวสาน
       
จะรักนาย เท่าชีวิต 2 – Only You II
[/size]


#S2 EP 16. ความในใจของแต้ม

             ไออุ่นปิดประตูห้องโครมใหญ่เมื่อใครบางคนที่เคยสนิทสนมกลับมาก่อนโดยไม่รอ ใช่แล้วครับ...ทั้งคู่ยังอยู่ด้วยกัน หากไม่ใช่เพราะไออุ่นแล้ว ข้าวปุ้นคงไม่มีทางได้มาอยู่หอเช่นนี้เป็นแน่ ถึงแม้จะทะเลาะกันแค่ไหน แม่ของข้าวปุ้นก็ไว้ใจให้ทั้งคู่มาเช่าห้องอยู่ห้ามแยกตัวออกไปอยู่คนเดียวเด็ดขาด

             นั่นยิ่งทำให้ข้าวปุ้นโมโหและพาลไปหมดทุกอย่าง ด้วยนิสัยอารมณ์ร้อนจึงไม่แปลกที่เด็กหนุ่มวัยนี้จะหงุดหงิดงุ่นงาน ตั้งแต่เปิดเทอมเขาอยู่คนเดียวจนชินได้สามอาทิตย์ก่อนที่เพื่อนร่วมห้องจะกลับมาโดยที่ไม่ยอมเคลียร์ประเด็นที่ทำให้ใจเขาอยู่ไม่สุขเช่นนี้

“หิวมั้ย” ไออุ่นถามพลางโยนเป้ไว้ที่เตียง ดูจากสภาพห้องก็พอรู้ว่าข้าวปุ้นนั้นเปลี่ยนไปจากแต่ก่อนมาก จากที่ไม่เคยเก็บห้อง บนเตียงกลับเรียบน่านอน ผ้าห่มผืนหนาพับวางไว้ดูมีระเบียบ เพราะไออุ่นช่วยงานที่โฮมสเตย์ของที่บ้านมานานเลยติดเป็นนิสัยรักความเรียบร้อย จึงถ่ายทอดมาถึงคนที่อยู่กับตนมาหลายปีด้วย

“...”

“ไม่ตอบแสดงว่าไม่หิว” หนุ่มตี๋หยิบหนังสือการ์ตูนขึ้นมาอ่าน เอนร่างสูงบนเตียงนุ่มอย่างอารมณ์ดี

แกรก!

   เสียงข้าวปุ้นวางปากกาและเดินไปเปิดประตูก่อนที่จะก้าวขาออกไป ไออุ่นก็ทะยานตัวไปจับมือที่กำลังถือลูกบิดไว้

“จะไปไหน”

“ไม่เกี่ยวกับมึง ปล่อย” นั่นเป็นประโยคแรกที่อีกฝ่ายหนึ่งตอบด้วยน้ำเสียงดุดัน

“กูไม่ปล่อย ถ้ามึงยังทำตัวแบบนี้ กูจะไม่อดทนแล้วนะ”

“ใครขอร้องให้มึงอดทนกันล่ะ มึงอยากทำอะไรก็ทำ อยากไปไหนก็ไป ไม่ต้องมายุ่งกับกู” ข้าวปุ้นโต้กลับ

“กูอยากทำอะไรก็ได้งั้นเหรอ”

“เรื่องของมึงสิ”

“งั้น...” ไออุ่นดันประตูให้ปิดก่อนล็อกมันไว้ ร่างสูงที่ได้เปรียบก็ดันอีกฝ่ายให้หลังชนแนบบานประตู “กูอยากทำกับมึง”

“ทะ ทำเชี่ยอะไร” ข้าวปุ้นตะกุกตะกัก ไม่กล้าสบตาที่กำลังแพรวพราว สองมือดันร่างที่บังทางไว้แต่เหมือนไม่เป็นผล เรี่ยวแรงของเขาไม่เคยเอาชนะไอ้คนๆนี้ได้เลยสักครั้ง นี่กระมังที่ตลอดเวลาที่ผ่านมา ข้าวปุ้นจึงไม่เคยระรานหรือมีเรื่องกับไออุ่น

“ก็ทำแบบที่เคยทำไง” ใบหน้าขาวใสจู่โจมคนที่อยู่ใต้ร่างอย่างไม่ให้ตั้งตัว ริมฝีปากกดทาบทับปากที่แนบสนิทของคนที่ขัดขืนอย่างหนัก แต่อ้อมกอดแกร่งรัดตัวอีกคนหนึ่งไว้แน่นเหลือเพียงลำคอเท่านั้นที่เคลื่อนไหวได้ แต่ก็ถูกระรานด้วยรสจูบที่คุ้นเคยจนต้องเผยอปากปล่อยให้ไออุ่นซุกสอดลิ้นเข้ามาควานหาความหวานละมุนอย่างเนิ่นนาน

             ลมหายใจหอบโยนของทั้งคู่ประสานกัน ข้าวปุ้นใจเต้นรัวภายใต้อ้อมกอด ความโกรธที่เคยมีมาเหมือนจะเจือจางลงไปมาก คำถามที่ค้างคาก็เริ่มพรุ่งพรู

“ทำไม...อุ๊บ” ไออุ่นไม่ตอบ เมื่อสบสายตานั้นก็หักห้ามใจไม่ได้อีกแล้ว ริมฝีปากเดิมประกบลงไปแนบสนิท ข้าวปุ้นไม่ขัดขืนอีกแล้ว และดูเหมือนจะให้ความร่วมมือเป็นอย่างดีอีกด้วยที่มือใหญ่กำลังแกะกระดุมชุดนักเรียนออกอย่างเร่งรีบ

   ***********************************************************************

“สรุปว่าข้าวปุ้นช่วยนายเรื่องเทปนั่น และมาขอให้นายช่วยแกล้งทำตัวสนิทเพื่อให้ไออุ่นหึงงั้นเหรอ” แต้มถามทวนเมื่อฟังเรื่องราวจากปากคนที่นั่งโอบร่างอยู่ ยิ่งใหญ่เกยคางไว้ที่ไหล่ของคนรักอย่างคุ้นชิน

“อืม แถมยังขอร้องว่าอย่าบอกใครด้วย”

“แล้วนายก็เชื่อ ไม่ยอมบอกเราว่างั้น” แต้มกวน

“ก็เขาขอร้องมาอะ” ยิ่งใหญ่ตอบแบบยอมจำนน

“แล้วนายคิดจะบอกเราเมื่อไหร่” แต้มต้อน

“ก็...” ยิ่งใหญ่เองก็ไม่มีคำตอบให้ เพราะคนที่ขอร้องไม่ได้บอกระยะเวลา “...คงจนกว่าคู่นั้นจะคืนดีกันมั้ง”

“แล้วถ้าไม่คืนดีกันเลย นายก็จะไปเป็นแฟนข้าวปุ้นงั้นเหรอ”

“ม่ายยยยยยย” ยิ่งใหญ่รีบบอกปัด “เราไม่ได้รู้สึกกับข้าวปุ้นเหมือนที่รู้สึกกับนายนะ”

“หึ”

“จริงๆ” ยิ่งใหญ่รีบตอบเอาใจ “นายก็รู้ว่าเรา...”

“ถ้าคนที่ชื่อไออุ่นไม่ตามตอแยเรา นายจะไม่ยอมเล่าความจริงใช่ไหม” ยิ่งใหญ่ถึงกับอึ้ง เพราะนี่เป็นส่วนสำคัญที่สุดที่ทำให้ยอมปริปาก คนที่ชื่อไออุ่นอะไรนั่นท่าทางไม่ธรรมดา เมื่อตอนที่ข้าวปุ้นทำท่าทางสนิทสนมกับตน ไออุ่นก็เหมือนจับทางได้และเข้าหาแต้มเสียอย่างนั้น และแน่นอน แต้มก็ทำท่าเหมือนจะสนิทสนมอย่างง่ายดายเสียด้วย

“ก็เราไม่ชอบนี่ที่นายไปขลุกอยู่กับไอ้นั่น”

“คิดว่าเราชอบงั้นเหรอ”

“...” ยิ่งใหญ่เงียบ

“นายรู้มั้ย ที่เราทำแบบนั้นก็เพราะเราต้องการบอกนายว่าเราไม่โอเค” แต้มตอบ

“ขอโทษ” น้ำเสียงอ่อนยวบ

“เราไม่เคยมีแฟนมาก่อน เลยไม่รู้ว่าควรทำยังไง ถ้าจะให้เราโวยวายเราก็กลัวว่านายจะรำคาญหาว่าเรางี่เง่า”

“...”

“แต่พอเราไม่พูด นายก็ไม่พูด นายคิดว่าใจเราสงบเหรอที่เห็นนายไปคุยกับใครต่อใคร”

“...”

“นายหน้าตาดี ใครๆก็ชอบ การที่มาคบคนธรรมดาอย่างเรามันทำให้เรากลัว ยิ่งเป็นผู้ชายทั้งคู่อีก”

“อย่าสิ” ยิ่งใหญ่คว้าอีกฝ่ายเข้ามากอด “อย่าคิดแบบนั้น”

“ไม่คิดได้เหรอ นี่แค่คบกันไม่กี่เดือน ก็เริ่มมีอะไรไม่รู้เข้ามาแล้ว” แต้มพูดเสียงอ่อน

“อย่าคิดนะ เราขอโทษที่ไม่คิดให้ดีก่อนทำลงไป” ยิ่งใหญ่กอดร่างนั้นแน่นขึ้นไปอีก “นายไม่ใช่คนธรรมดา ถึงคนอื่นจะว่ายังไงก็ช่าง แต่สำหรับเรา นายคือคนพิเศษที่สุด

“...”

“ขอโทษ” ยิ่งใหญ่พูดอย่างรู้สึกผิด คิดไม่ถึงว่าอีกคนจะเก็บเอาเรื่องนี้มาคิดมากขนาดนี้ ถึงแม้จะรู้มาก่อนว่าแต้มเป็นคนคิดเยอะ แต่ส่วนหนึ่งก็มาจากการกระทำของเขาทั้งนั้น

“ปล่อยก่อน อึดอัด”

“ไม่ จนกว่านายจะยกโทษให้”

“ไม่”

“โธ่ แต้ม” ยิ่งใหญ่ทำน้ำเสียงกระเง้ากระงอด “อย่าโกรธกันเลยน้า” ร่างสูงผละอ้อมกอด หันมาสบตาคู่คมนั้นอย่างลหุโทษ

“ยกโทษให้เรานะแต้ม”

“ไม่”

“...” ยิ่งใหญ่หน้าเสีย ถ้าจะง้อยากเช่นนี้ คงต้องใช้วิธีสุดท้าย...นั่นคือ จับกด ...แต่คนที่อยู่ตรงหน้ากลับยิ้ม

“เรายกโทษให้ไม่ได้เพราะไม่ได้โกรธนาย แค่น้อยใจที่นายทำแบบนั้น”

“นะ นายพูดจริงเหรอ” ยิ่งใหญ่ยิ้มกว้าง ใบหน้าบูดบึ้งเมื่อครู่ปรับสภาพตามแทบไม่ทัน

“ไม่เชื่อเหรอ”

“เชื่อสิ เชื่อ” ยิ่งใหญ่ไม่ถามต่อ แค่นี้ก็ดีใจจะแย่ เขาดึงร่างแฟนหนุ่มมากอด กลิ่นเฉพาะตัวของแต้มหอมกรุ่นปะทะจมูกให้ความรู้สึกอบอุ่นและปลอดภัยจนไม่อยากผละออกจากกัน

“อื้อ” แต้มครางในลำคอเมื่อถูกคนตัวสูงกว่าประกบริมฝีปากแนบชิด ถึงแม้พวกเขาจะจูบกันมาหลายต่อหลายครั้ง แต่แต้มก็ยังไม่ประสาในด้านนี้เท่ากับยิ่งใหญ่ที่ตอนนี้กำลังใช้ลิ้นดุนดันแนวฟันจนต้องเปิดออกให้ส่วนละมุนไหลรูดเข้าไปสัมผัสกับความหอมกรุ่นข้างใน ความอ่อนนุ่มของสองลิ้นชื้นกระทบกันสะเปะสะปะหลายวินาทีก่อนจะลงตัวหมันคว้านส่งผ่านความรู้สึกที่มีให้กันอย่างพรั่งพรู ยิ่งใหญ่โหมดุนดัน แต้มถอยตั้งหลักรับอย่างวาบหวิว สองมือแกร่งแกะกระดุมเสื้อของอีกฝ่ายออก แต่สองมือแกร่งก็จับมันไว้

“อย่า”

“แต้ม” ยิ่งใหญ่เรียกอย่างร้องขอ

“ไม่เอา ไม่ใช่ตอนนี้” ไม่ใช่ว่าพวกเขาไม่เคยจะมีอะไรกัน หลายครั้งที่เลยเถิดไปจนถึงขั้นนั้น....แต่เมื่อเห็นอะไรๆกันจนหมดแล้ว กลายเป็นแต้มที่หวาดหวั่นจนต้องยุติเรื่องนั้นเอาไว้ตลอด

“นะ ไม่ใช่ตอนนี้”

“อืม ก็ได้” ถึงแม้จะมีใครต่อใครเข้าแถวต่อคิวอยากเป็นแฟนเขา แต่กลับไม่มีใครพิชิตใจนายยิ่งใหญ่คนนี้ได้นอกจากคนชื่อกรฤต ไม่ใช่แค่หน้าตาหรือนิสัย แต่ด้วยน้ำเสียงที่ออดอ้อนเมื่อครู่ และสายตาที่เว้าวอนอย่างน่าสงสาร นายยิ่งใหญ่กลับยอมจำนนอย่างไม่คร่ำครวญแม้แต่น้อย

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ DrSlump

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3360
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +104/-2

ออฟไลน์ จากต้นจนอวสาน

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 598
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +103/-3
    • จากต้นจนอวสาน


ขอบคุณแฟนๆที่ชื่นชอบนะครับ
สามารถกดติดตามเพจของไรต์เพื่อดูอัพเดตนิยายได้ที่นี่เลยจ้า

ฝาก FB ด้วยนะครับ >> https://www.facebook.com/Begintillanend/

ทางไรต์จะมาอัพเดตเรื่อยๆนะครับ ตอนนี้มีโปรเจ็คเรื่องอื่นๆอีก
หวังว่าจะมีคนคอยติดตามกันน้าาาาาาาา


 :mew1: :mew1: :mew1: :mew1: :mew1: :mew1: :mew1:

ออฟไลน์ จากต้นจนอวสาน

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 598
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +103/-3
    • จากต้นจนอวสาน
จะรักนาย เท่าชีวิต 2 – Only You II

#S2 EP 17. คนขี้ประชด

             เด็กหนุ่มสองคนนอนก่ายกอดกันด้วยสภาพเหงื่อโทรมกาย แอร์เครื่องเก่าที่ไม่ถูกใช้งานมานานส่งเสียงคำรามลั่นระหว่างส่งไอเย็นมาบรรเทาความร้อนระอุที่เพิ่งผ่านพ้น ข้าวปุ้นนอนตะแคงขวาทับแขนแกร่งของอีกคนที่ใช้หน้าอกสัมผัสกับเส้นผม แขนขวาของไออุ่นก่ายกอดร่างที่นอนทับอย่างหวงแหน ถึงแม้จะอึดอัดที่ถูกรัดตัวไว้แต่ข้าวปุ้นกลับไม่ผลักร่างแกร่งนั้นออก

“หิวมั้ย” ไออุ่นเป็นฝ่ายถาม ตอนนี้เขาหิวจนแสบท้องไปหมด

“หิว”

“งั้นไปหาอะไรกินกันมั้ย”

“ไม่อะ มึงไปเหอะ”

“นี่ยังไม่เลิกใช้มึงกูกันอีกเหรอ”

“ก็มันไม่ชินง่ะ อยู่ๆจะให้เรียกเค้ากับตัวเองงี้เหรอ” ข้าวปุ้นเถียง

“เห้อ ตามใจ” ไออุ่นขยับแขน

“โอ๊ย อย่าเพิ่งขยับ” ข้าวปุ้นร้องลั่นจนอีกฝ่ายตกใจ

“เป็นไร” ไออุ่นผุดลุกทันที

“ไอ้เชี่ยบอกว่าอย่าขยับ โอย...” ข้าวปุ้นร้องโอดโอยโดยที่ไออุ่นมองอย่างเป็นห่วงและสงสัย

“นายเจ็บตรงไหนรึเปล่า”

oIo ข้าวปุ้นชูนิ้วกลางให้แทนคำตอบ “ลองมาโดนแบบกูโดนดูมั้ยล่ะ จะได้รู้ว่าเจ็บตรงไหน”

“เอ่อ... ขอโทษ เจ็บมากมั้ย” ไออุ่นลอบยิ้มอย่างภูมิใจ อย่างน้อยช่วงที่ผ่านมาข้าวปุ้นก็ไม่เคยนอกใจเขาจริงๆ

“ชิบหาย” ข้าวปุ้นกร่นด่า “มึงไปตายอดตายอยากมาจากไหนวะ นี่เพิ่งครั้งที่สองเองนะที่กูโดนแบบนี้ ใส่มาไม่ยั้งเลย เจ็บชิบ”

“ก็ตั้งแต่ไปเมกานั่นแหละ คิดถึงมึงตลอด อยากอัดให้ยับเลย”

“ยับพ่อง” ข้าวปุ้นพลิกตัวนอนหงายอย่างทุลักทุเล บางอย่างที่เหนียวหนืดไหลลงตามง่ามขาอย่างน่ารำคาญ แต่ก็ไม่มากเท่าความเจ็บตึงที่ได้รับ

“ขอโทษ อยากกินอะไรมั้ยเดี๋ยวไปซื้อมาให้”

“กะเพราหมูกรอบไข่ดาว”

“สั่งมานี่คิดยังเนี่ย พรุ่งนี้จะไม่ยิ่งแสบตอนถ่ายเหรอ”

“กวน...งั้นเอาอะไรมาก็ได้” ข้าวปุ้นพลิกตัวกลับไปอยู่ท่าเดิมอย่างลืมตัว “โอ๊ย เชี่ยเอ๊ย เจ็บ”

             ไออุ่นเห็นคนตัวเล็กสบถอย่างหัวเสียก็สงสารปนขำ แต่มันก็ไม่ใช่ความผิดเขาไหมล่ะ ใครใช้ให้เมียคนนี้น่ารักน่าฟัดขนาดนี้

“มองอะไร” ข้าวปุ้นหันมามองร่างสูงใหญ่ที่นั่งยองๆตัวเปลือยเปล่าอยู่ด้านข้าง ใบหน้าที่ยิ้มอย่างมีเลศนัยนั้นกวนใจไม่น้อย

“มองคนน่ารัก”

“เชี่ย น่ารักเตี่ยมึงสิ”

“บ้านกูเรียกป๊า”

“ไอ้อุ่น”

“ครับเมียจ๋า”

“ไอ้สัด”

“โฮ่งๆ” ไออุ่นล้อเลียน

“ไปไหนก็ไป กูรำคาญ”

“ให้กูไปจริงอะ”

“เออ”

“งั้นกูไปเมกานะ” ไออุ่นผุดลุก

หมับ!

มือของคนที่นอนอยู่คว้าข้อมือใหญ่นั้นไว้ “ไม่ไปได้มั้ย”

“ทำไมล่ะ ก็มึงไล่กูเองนะ”

“ถ้ามึงไป คอยดู กูจะไปมีผัวใหม่” ข้าวปุ้นไม่ยอมแพ้

“มึงกล้าเหรอ”

“ทำไมจะไม่กล้า ไหนๆกูก็เสียตัวให้มึงมาตั้งสองรอบแล้ว จะมีผัวอีกกี่คนก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร”

“มึง..” ไออุ่นรู้สึกโกรธจนระอุ

“ยิ่งใหญ่ก็ไม่เลวนะ หล่อกว่ามึง สูงกว่ามึง หน้าค่อนไปทางฝรั่งด้วย กูว่าท่าทางไม่ธรรมดาแน่ คิดแล้ว..อุ๊บ”

             ไออุ่นใช้สองมือตรึงแขนของคนรักไว้ก่อนบดริมฝีปากหนักหน่วงจนอีกฝ่ายไม่ทันตั้งตัว ความเจ็บปร่าแผ่ทั่วไปหมด ฟันแกร่งกระทบกันดังกึกกัก แม้จะพยายามดิ้นขัดขืน แต่ข้าวปุ้นกลับเป็นฝ่ายพ่ายแพ้ ร่างใหญ่สอดลิ้นหวานควานวนพัวพันกันจนเยิ้มฉ่ำ ใบหน้าแดงก่ำจากการถูกยั่วยุดุดันจนน่ากลัว นี่เป็นเวอร์ชั่นที่ข้าวปุ้นไม่เคยเห็นมาก่อน แต่มันก็เป็นผลกรรมของตนที่ทำปากดีใส่จนอีกฝ่ายหึงสติหลุด

             ใบหน้าหล่อเหลาไหลเลื้อยมาโลมเลียที่ใบหูก่อนขบติ่งอ่อนนั้นจนขนกายลุกซู่ คนตัวเล็กบิดร่างเร่าอย่างลืมความเจ็บปวดจากศึกยกก่อนหน้า พลังงานบางอย่างแข็งขึงเสียดสีหน้าท้องของผู้โรมรันอย่างถ้วนทั่ว สองขาถูกยกพาดที่หน้าขาแกร่งตอนไหนไม่รู้ แต่ที่บั้นท้ายกลับสัมผัสได้ถึงความแข็งแกร่งที่จับจ่อประชิด

“ไอ้อุ่น ย่ะ อย่า”

“มึงยั่วกูเองนะ” อีกฝ่ายตอบเสียงเข้ม “กูจะจับมึงทำเมียจนเดินไม่ได้อีกเลย”

“กูขอโทษ” ข้าวปุ้นพูดอย่างรู้ชะตากรรมตัวเอง

“มึงเป็นเมียกู กูจะไม่ยอมให้ใครหน้าไหนมาเป็นผัวมึงอีกทั้งนั้น” ไออุ่นจับจ่อดาบแกร่งก่อนดุนดันส่วนปลายเข้าไป

“อื้ออออออ เบาๆกูเจ็บ”

“กูจะทำให้มึงติดใจ จนไปเอากับใครไม่ได้อีก”

พรวด!

“อ๊าาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาา” ข้าวปุ้นร้องลั่นเมื่อร่างแกร่งดันกายเข้ามาจนสุด แม้นจะมีความไหลลื่นของรอบที่แล้วคงอยู่ แต่ความเจ็บปวดที่ได้รับไม่เคยปราณีเขาแม้แต่น้อย

“มึงทำกูเจ็บ” จากคนที่เคยแกร่ง เป็นนักเลงหัวไม้ มีลูกน้องติดสอยห้อยตาม ต้องมาถูกผู้ชายจับทำเมียนั้นก็ว่าชีวิตพลิกผันมากพอแล้ว แต่การถูกกระทำแบบป่าเถื่อนแบบนี้ คนที่เคยภาคภูมิใจในความแมนของตัวเองย่อมอ่อนไหวเป็นธรรมดา

“กะ กูขอโทษ” ไออุ่นชะงักเมื่อเห็นใบน้ำตาไหลนองใบหน้า ความผิดบาปเอ่อท้น

“...”

“กูรักมึงนะข้าวปุ้น รักมาก”

“คนรักกันเขาทำกันแบบนี้เหรอ” ได้ทีเลยขอย้อนคำ

“กูขอโทษ เดี๋ยวกูเอาออกให้”

“กูไม่ได้หมายถึงเรื่องนี้” กลายเป็นข้าวปุ้นที่ใช้สองขารัดบั้นท้ายแฟนหนุ่มไว้

“หืม”

“กูหมายถึงเรื่องที่มึงทิ้งกูไปอเมริกา มึงรู้มั้ยว่ากูเจ็บแค่ไหน มึงจะไปก็ไป ไม่เคยบอกล่วงหน้า ไปทำวีซ่าตอนไหนกูยังไม่รู้ ไปตั้งหลายเดือน จดหมายก็ไม่ส่งมา อีเมล์ก็ไม่มีซักฉบับ” อีกฝ่ายร่ายยาวอย่างไม่เว้นจังหวะหายใจ แต่ไออุ่นกลับยิ้มอย่างอารมณ์ดี ความโมโหเมื่อครู่หายวับ

“กูขอโทษ กูสัญญาว่าต่อไปกูจะไม่ทิ้งมึงไปไหนอีก”

“สัญญานะ อ๊า”

“สัญญาสิ อึ๊บ”

“พะ พอก่อน ยะอย่าเพิ่งขยับ อ๊ะ อ๊ะ อ๊าาาาาาาาาา”




#ทีมข้าวปุ้น


นิยายเรื่องใหม่ของไรต์ รับรองว่าสนุกมากๆๆๆ
Personal Driver >>> https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=71432.0

ติดตามกันที่ FB >>> https://web.facebook.com/Begintillanend

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7518
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
คู่ไออุ่น ข้าวปุ้น ไปถึงไหนๆแล้ว   :z1: :pighaun:
คู่ใหญ่ แต้ม ยังไม่ถึงไหนเลย  :z3: :เฮ้อ: :serius2:
       :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ DrSlump

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3360
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +104/-2

ออฟไลน์ จากต้นจนอวสาน

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 598
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +103/-3
    • จากต้นจนอวสาน
คู่ไออุ่น ข้าวปุ้น ไปถึงไหนๆแล้ว   :z1: :pighaun:
คู่ใหญ่ แต้ม ยังไม่ถึงไหนเลย  :z3: :เฮ้อ: :serius2:
       :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:


คู่ใหญ่บอกว่า ช้าๆได้พร้าเล่มงามครับ อิอิ

ออฟไลน์ GBlk

  • ขอให้สรรพสัตว์จงมีความสุข
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1431
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +82/-43
ได้กันภาค 3 งี้?

ออฟไลน์ Areya

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 37
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
ตามมาจากภาค1 อ่านความสลับซับซ้อนซ่อนเงื่อนซ่อนปมของทุกช่วงเวลาพาสนุกจนต้องติดตามลุ้นตามเชียร์ทุกคู่อย่างใจจดใจจ่อ ทีแรกคิดว่าเป็นเรื่องราวที่วาง ไทม์ไลน์ ทับซ้อนย้อนเวลาไปมา ให้ต้องตาเป็นแม่ของแต้ม แต่พอมาเฉลยด้วยยอดกับใหญ่เป็นพี่น้องกัน เลยต้องไปหาทฤษฎีใหม่ให้กับปมอันยุ่งเหยิงของครอบครัวตัว ย และตัว ต กันใหม่ค่ะ ขอบคุณสำหรับเรื่องราวสนุกเข้มข้นราวดูดราม่าเกาหลีซีรีย์ที่พลาดไม่ได้แม้แต่ซีนเดียว นี่ยิ่งมีตัวละครมาเสริมทัพสร้างความอลหม่านหัวใจให้กับตัวเอกทุกคนแบบนี้ รีบมาต่อนะคะ รอพบกับทางออกของทุกเรื่องราวทุกตัวละครจนไม่เป็นอันทำอะไรแล้วค่ะ :pig4: :hao5:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 02-02-2020 14:34:35 โดย Areya »

ออฟไลน์ จากต้นจนอวสาน

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 598
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +103/-3
    • จากต้นจนอวสาน
จะรักนาย เท่าชีวิต 2 – Only You II



#S2 EP 18. แด่มิตรภาพ

             ช่วงเวลาที่เหนื่อยที่สุดคือ ตอนอ่านหนังสือสอบ เพราะทางโรงเรียนไม่ได้หยุดให้นักเรียนอ่านหนังสือ เนื่องจากก่อนหน้านี้มีกิจกรรมแทรกมากมายจนทำให้อาจารย์เกือบทุกคนปิดการสอนก่อนสอบไม่ทัน ส่งผลให้ทั้งแต้มและยิ่งใหญ่หัวหมุนไปหมด ทั้งเรียนปกติ เรียน รด. การบ้านและรายงานที่โหมเข้าใส่ ยิ่งใหญ่ยิ่งหนักกว่า เพราะต้องซ้อมวอลเลย์บอลเพื่อลงแข่งกับโรงเรียนอื่นหลังสอบอีก

             หลังจากปรับความเข้าใจกันได้ ชีวิตของทั้งคู่ก็กลับเข้าสู่ช่วงปกติสุข แต่เพราะการเรียนที่หนักทำให้ไม่ค่อยมีเวลาไปไหนมาไหนกันมากนัก แต้มไม่ได้กลับบ้านมาสองอาทิตย์แล้ว แต่แม่ก็เข้าใจเหตุผลและไม่อยากให้กลับบ้านเช่นกันเพราะเป็นห่วง

“อ่านจบยัง” ยิ่งใหญ่ถามหลังจากหาวปากกว้าง ทั้งคู่นั่งพิงหลังกันอยู่ในห้อง หลังจากเปลี่ยนท่าอ่านหนังสือทั้งนอนอ่าน นั่งบนเตียง แม้กระทั่งอ่านในห้องน้ำ จนมาจบในท่านี้

“ยังเลย เหลืออังกฤษหลัก” แต้มไม่ละสายตา แต่อีกฝ่ายกลับแหงนหน้าเอาหัวมาซบไหล่

“ก็ยังดี เรายังเหลือวิทย์กายฯ ภาษาไทย สังคมอีก” ยิ่งใหญ่บ่น น้ำเสียงท้อแท้

“เอาน่า ค่อยๆอ่านไป เดี๋ยวก็ทัน” แต้มปลอบใจ รู้ว่าอีกคนก็เหนื่อยมากเช่นกัน

“สอบเสร็จแล้วไปเที่ยวกันมั้ย” ยิ่งใหญ่ถาม

“อารมณ์ไหนเนี่ย”

“จริงๆ ช่วงหลังมาเราคุยกันนับคำได้เลยนะ ถ้าไม่บอกว่าเป็นแฟนกันจะนึกว่าเป็นแค่คนรู้จัก” ยิ่งใหญ่ประชด

“คิดมาก”

“นะ ไปกัน เดี๋ยวจะถามพี่ยอดให้ว่าโรงแรมที่ภูเก็ตเปิดรึยัง”

“หืม ไปภูเก็ตเลยเหรอ” แต้มนึกถึงสถานที่ไกลโพ้น มันห่างไกลจากเชียงรายมากเพียงไหนกันหนอ

“อื้อ อยากไปดำน้ำ เดินเลียบหาดจู๋จี๋กับแฟน” ยิ่งใหญ่เปลี่ยนมานอนหนุนตักแต้ม

“จู๋จี๋อะไร” แต้มไม่ตอบ แต่ใช้มือลูบไรผมที่หน้าปากคนที่มานอนแนบตักตัวเอง

“ไม่บอก” ยิ่งใหญ่ยิ้ม แต้มยิ้มกลับ และตั้งใจอ่านหนังสือกันต่อ...



             ต้องตาเห็นข้อความที่ยอดเยี่ยมเขียนใส่กระดาษโพสต์อิทขนาดเล็กแปะไว้ที่หน้าจอคอมพิวเตอร์ของตัวเองเรื่องความคืบหน้าของโรงแรมที่ภูเก็ต หญิงสาวใช้เวลาเกือบหนึ่งชั่วโมงในการโทรไปสอบถามปละติดตามจากคนโน้นคนนี้จนเกือบหงุดหงิด เพราะแต่ละคนนั้นตามตัวยากเนื่องจากไปอยู่ที่ไซต์งานกันหมด น้อยคนที่จะมีโทรศัพท์มือถือ วิธีที่จะติดต่อได้เร็วที่สุดคือโทรไปที่สำนักงานของบริษัทผู้รับเหมาเพื่อขอหมายเลขเพจเจอร์และส่งข้อความไปให้โทรกลับ กว่าจะมีคนติดต่อมาเธอก็รอจนท้อ

“นี่ค่ะคุณยอด รายงานความคืบหน้าของโรงแรมที่ภูเก็ต เนื่องจากสภาพอากาศที่ฝนตกต่อเนื่องทำให้การก่อสร้างล่าช้าไป 43% คิดว่าน่าจะเปิดได้ในไตรมาส 3 ปีหน้าเลยค่ะ”

“หืม ช้าไปครึ่งปีเลยเหรอ” ยอดเยี่ยมรับเอกสารมาอ่านอย่างละเอียดอีกครั้ง ใบหน้าเคร่งเครียดขึ้นเมื่ออ่านจบ

“เดี๋ยวคุณตาช่วยดูตารางงานผมทีนะครับว่ามีช่วงไหนว่างบ้าง และนัดผู้รับเหมาหลักประชุมด่วน”

“ตาเช็คมาแล้วค่ะ อาทิตย์หน้าคุณยอดว่างวันศุกร์ ให้ตานัดเลยมั้ยคะ”

“คุณตารู้ใจผมจัง” ยอดเยี่ยมส่งสายตาหวานเยิ้ม “สมแล้วที่เป็นแฟนผม” มือใหญ่จับมือหญิงสาวไว้

“คุณยอดคะ นี่ที่ทำงานนะคะ อย่ารุ่มร่ามค่ะ” ต้องตาแหว

“ครับๆ ผมขอโทษ งั้นเป็นว่าคุณตานัดประชุมเลย วันศุกร์บ่าย แล้วฝากจองตั๋วเครื่องบินให้ผมด้วยนะครับ...” ยอดเยี่มแจ้งรายละเอียด

“เอ๊ะ ทำไมคุณยอดถึงให้ตาจองเครื่องบินจากเชียงรายมาด้วยคะ ให้ใครบ้างตาขอรายละเอียดด้วยค่ะ” หญิงสาวถามแฟนหนุ่มเมื่อได้รับข้อมูลใหม่

“ผมนี่เผลอหลุดไปจนได้ คือใหญ่อยากไปเที่ยวภูเก็ตน่ะ เลยมาถามผมเรื่องโปรเจ็คโรงแรมนี้”

“อ๋อ คุณยอดเลยให้ตาเช็คข้อมูลด่วนใช่มั้ยคะ” ยอดเยี่ยมพยักหน้าตอบรับ

“คุณตาโทรถามใหญ่กับน้องแต้มนะครับเรื่องข้อมูลการเดินทาง ให้สองคนนั้นบินมาวันพฤหัสฯเย็นๆก็ได้ แล้วเช้าวันศุกร์ก็ไปด้วยกันเลย”

“คะ” ต้องตาอุทาน “แต้มไปด้วยเหรอคะ”

“ใช่สิ ใหญ่มันบอกว่าจะไปเปลี่ยนบรรยากาศหลังสอบ” ยอดเยี่ยมตอบเหมือนเป็นเรื่องปกติ

“ได้ค่ะ” ต้องตารับคำ ในหัวยังคิดสงสัยว่าทำไมยอดเยี่ยมถึงยอมให้น้องชายของตนไปด้วยอย่างง่ายดายเช่นนี้

***********************************************************************

             ยิ่งใหญ่ออกจากห้องสอบเป็นคนแรก วันนี้สอบวันสุดท้ายของชั้นม.5 ยังดีที่ทางโรงเรียนจัดวันสอบสลับกับนักเรียนชั้นมัธยมต้น พวกเขาเลยมีวันพักผ่อนให้อ่านหนังสือก่อนสอบบ้าง ไม่อย่างนั้นคงจะไม่รอดกันถ้วนหน้า การสอบกลางภาคของเทอมนี้มีสอบแค่ 6 วิชา โดยจัดสอบสองวันคือวันจันทร์กับพุธวันละ 3 วิชา วันพฤหัสมาส่งรายงานกับอาจารย์แทนการสอบของวิชาโครงงานภาษาอังกฤษ ส่วนวันศุกร์เป็นการสอบวัดความรู้ของรักเรียนชั้นม. 6 ทำให้โรงเรียนงดการเรียนการสอน

“อื้อ ยากชิบ” เสียงบ่นดังมาจากด้านหลังจนคนร่างสูงหันไป ไออุ่นเดินตามออกมาไม่กี่นาทีหลังจากยิ่งใหญ่ส่งกระดาษคำตอบ ทั้งคู่ไม่ค่อยได้คุยกันมากนัก อาจเป็นเพราะเรื่องราวของข้าวปุ้น...

“นายทำได้ปะ” ไออุ่นเป็นคนเปิดประเด็นถาม

“นิดหน่อย” ยิ่งใหญ่ถ่อมตัว ถึงแม้ทุกคนต่างก็รู้ว่าเขาเรียนเก่งมากก็ตาม ยังเหลือเวลาสอบอีกเกือบครึ่ง เด้กหนุ่มเลยถือโอกาสไปหาที่เงียบสงบโดยไม่ได้สานต่อบทสนทนานั้น โดยไม่รู้ตัวว่าอีกคนเดินตามมาไม่ห่าง

“นายมาสูบบุหรี่ที่นี่ประจำเลยเหรอ” ไออุ่นถามแต่ไม่ต้องการคำตอบ เพราะเขาเคยเห็นคนร่างสูงนี้มาสูบบุหรี่ที่นี่บ่อยครั้ง ที่เอ่ยปากมาก็เพื่อทำลายความเงียบและอยากคุยด้วยมากกว่า

“อืม” ยิ่งใหญ่ตอบสั้นๆก่อนพ่นควันออกจากปาก

“ขอมวนนึงดิ”

“นายสูบด้วยเหรอ” ยิ่งใหญ่ข้องใจ มองใบหน้านั้นแว้บหนึ่งก่อนจะเคาะซองบุหรี่ยื่นมวนร้ายให้คนที่ร้องขอ

“ไม่อะ แค่อยากลอง”

“มันไม่ดีต่อสุขภาพนะ” ยิ่งใหญ่เตือน แต่ก็ยังพ่นควันออกมา

“นายก็รู้ว่ามันไม่ดี ทำไมยังสูบล่ะ” อีกฝ่ายย้อนถาม ยิ่งใหญ่ไม่ตอบ แค่ยักไหล่เป็นการบอกว่าไม่สนใจ

“แค่กๆ” ไออุ่นสำลักควัน แค่อึกแรกก็หน้าแดงไปหมด “ทำไมมันแสบคออย่างนี้เนี่ย”

“ใครให้นายดูดปื๊ดใหญ่ขนาดนั้น” ยิ่งใหญ่คว้ามวนเล็กแต่ร้ายกาจมาจากมือของอีกคนและจัดการต่อ

“ครั้งเดียว พอ” ไออุ่นปรับสภาพกล่องเสียง มองใบหน้าหล่อเหลานั้นอย่างคิดทบทวนเรื่องในสมอง

“คือ... จริงๆเราตั้งใจจะมาขอโทษเรื่องข้าวปุ้นน่ะ”

“เรื่องอะไร” ยิ่งใหญ่ถามแบบขอไปที ถึงแม้เรื่องนี้จะทำให้แฟนของตนงอนไปหลายชั่วโมงก็ตาม

“ทุกเรื่องละกัน ที่ทำให้นายลำบากใจ ทั้งหมดมันเกิดจากเราเอง”

“ก็ไม่ได้ลำบากอะไร ข้าวปุ้นช่วยเรา เราก็ช่วยข้าวปุ้น อย่าคิดมาก เพื่อนกัน”

“อื้อ..” ไออุ่นรับคำ “ยังไงก็ขอโทษที ถ้าไม่ใช่เพราะอยากประชดเรา ข้าวปุ้นคงไม่ทำให้นายเดือดร้อน”

“พวกนายคืนดีกันแล้วเหรอ” ยิ่งใหญ่เปิดอีกประเด็นขึ้นมา

“อ๊ะ อืม ดีแล้ว”

“ดีแล้วก็ดีละ พวกนายเป็นแฟนกันใช่มั้ย” ยิ่งใหญ่ถามจี้ “ยังไงนายก็ควรดูแลข้าวปุ้นให้ดี มีอะไรก็คุยกันเยอะๆ ไม่งั้นก็จะมีเรื่องผิดใจตามมาไม่จบ” ยิ่งใหญ่เตือน

“เออ ขอบใจ” ไออุ่นตอบโดยดีเพราะไม่รู้จะหาอะไรมาโต้แย้ง เรื่องวุ่นๆเกิดขึ้นเพราะเขาเองล้วนๆ

“ขอบใจนะใหญ่” ไออุ่นเสียงเบา แต่อีกฝ่ายก็ได้ยิน “ถ้าไม่โกรธเราแล้ว เป็นเพื่อนกันนะ”

“เออ อย่าคิดมาก ยังไงก็ยังต้องเรียนด้วยกันอีก 2 ปี”

“ขอบใจว่ะ” ไออุ่นยื่นมือมาข้างหน้า ร่างที่สูงกว่ามองภาพนั้นก่อนจะยื่นมือของตนออกไปเช่นกัน

“แด่มิตรภาพ” ไออุ่นกระชับมือของอีกคนแน่น รอยยิ้มแต่งแต้มจนเต็มใบหน้า

“แด่มิตรภาพ” ยิ่งใหญ่พูดซ้ำ ส่งรอยยิ้มกลับมาเช่นกัน ทั้งคู่ต่างโล่งอกที่ได้เคลียร์ใจกับเรื่องที่เกิดขึ้น ต่างก็รู้ดีว่ามีแฟนเป็นผู้ชายกันทั้งสองคน แต่กลับไม่มีใครพูดย้ำเรื่องนี้ออกไป

“วันนี้เราจะกลับเชียงของ นายสนใจไปพักที่บ้านเรามั้ย” ไออุ่นถามขณะที่พวกเขาเดินออกมาจากมุมเปลี่ยวของห้องน้ำชายหลังอาคารเรียน

“อืม ไปไม่ได้ว่ะ พอดีมีนัดก่อนแล้ว” ยิ่งใหญ่ปฏิเสธ

“อ่อ ไม่เป็นไร ตอนนี้น้ำโขงยังเยอะอยู่ แถมขุ่นด้วย ไม่ค่อยสวยเท่าไหร่ เอาไว้ค่อยไปช่วงหน้าหนาวดีกว่า”

“นี่ก็เริ่มหนาวแล้วนะ”

“แต่ยังไม่หนาวที่สุดหรอก นายเคยไปเชียงของยัง” ไออุ่นถาม

“เคยแล้ว” ยิ่งใหญ่ตอบ พลางคิดว่าควรจะตอบว่าไปเจอข้าวปุ้นดีไหม

“ไปหาข้าวปุ้นตอนนั้นสินะ” ไออุ่นพูดต่อเอง ยิ่งใหญ่โล่งใจแต่ก็ไม่เข้าใจว่าทำไมต้องถามเรื่องนี้ถ้ารู้คำตอบอยู่แล้ว

“อืม ไปเอาของให้พี่ชายเราน่ะ” ยิ่งใหญ่ตอบเลี่ยงๆ

“พี่ชายนาย” ไออุ่นคิด อ๋อ ใช่คนที่หล่อๆสูงๆคนนั้นปะ เขาระลึกภาพเหตุการณ์ของปีก่อน ก่อนจะฉุกคิดได้ว่า ทำไมพี่ชายของยิ่งใหญ่ถึงไปหาพ่อของข้าวปุ้น และสุดท้ายส่งยิ่งใหญ่ไปหาข้าวปุ้นแทนตนจนเกิดเรื่องเกือบหมางใจกันขึ้นมาเช่นนี้




#ทีมยิ่งใหญ่

ออฟไลน์ จากต้นจนอวสาน

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 598
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +103/-3
    • จากต้นจนอวสาน
ตามมาจากภาค1 อ่านความสลับซับซ้อนซ่อนเงื่อนซ่อนปมของทุกช่วงเวลาพาสนุกจนต้องติดตามลุ้นตามเชียร์ทุกคู่อย่างใจจดใจจ่อ ทีแรกคิดว่าเป็นเรื่องราวที่วาง ไทม์ไลน์ ทับซ้อนย้อนเวลาไปมา ให้ต้องตาเป็นแม่ของแต้ม แต่พอมาเฉลยด้วยยอดกับใหญ่เป็นพี่น้องกัน เลยต้องไปหาทฤษฎีใหม่ให้กับปมอันยุ่งเหยิงของครอบครัวตัว ย และตัว ต กันใหม่ค่ะ ขอบคุณสำหรับเรื่องราวสนุกเข้มข้นราวดูดราม่าเกาหลีซีรีย์ที่พลาดไม่ได้แม้แต่ซีนเดียว นี่ยิ่งมีตัวละครมาเสริมทัพสร้างความอลหม่านหัวใจให้กับตัวเอกทุกคนแบบนี้ รีบมาต่อนะคะ รอพบกับทางออกของทุกเรื่องราวทุกตัวละครจนไม่เป็นอันทำอะไรแล้วค่ะ :pig4: :hao5:

ขอบคุณมากครับที่ติดตาม อ่านแล้วชื่นใจมากๆครับ
ยังเหลืออีกหลายตอนเลย กว่าปมจะเฉลย
ฝากติดตามผลงานเรื่องนี้และเรื่องอื่นๆต่อไปด้วยนะครับ

 :mew1: :mew1: :mew1: :mew1:

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด