.
.
.
ผมเดินมาถึงแถวโรงเรียนเก่าพร้อมกับเพื่อนรัก รวมไปถึงเอิร์ธสาวสวยประจำกลุ่ม เราแต่งตัวกันบ้านๆ ใส่เสื้อยืดกับกางเกงวอร์มธรรมดา เจอลุงกับป้าที่ขายก๋วยเตี๋ยวที่เคยมาทานตั้งแต่สมัยเด็กก็พลันยกมือไหว้ ดีที่พวกท่านจำเราได้ทั้งที่ก็ผ่านมาหลายสิบปี
“ผมเอามาม่าเนื้อสดครับ” สั่งเมนูเสร็จสรรพก็ก้าวขาขึ้นบันไดสามสี่ขั้นไปนั่งขัดตะหมาดอยู่ที่ตั่งที่นั่งแบบไร้เก้าอี้ จริงๆ มันก็มีโต๊ะมีเก้าอี้นั่นละ แต่มุมที่เรานั่นอยู่มันเป็นข้างเขื่อนที่มีน้ำสีเขียวไม่ใช่ดำทะมึนที่เต็มไปด้วยสิ่งปฏิกูล
“นึกถึงสมัยเรียนเนอะ ที่มานั่งแดกก๋วยเตี๋ยวแล้วลุงเปิดหนังโดราเอมอลให้ดู” คริตตี้ว่า ทำให้ผมต้องคลี่ยิ้มมองไปที่ภายในบ้านที่มีชั้นทีวี
สมัยเด็กถ้าเด็กคนไหนมาเร็วหลังเลิกเรียนก็จะได้จับจองที่นั่งกับกลุ่มเพื่อนพ้องพลางทานข้าวดูหนังไปด้วย
“ใช่ๆ แล้วถ้ากินหมดมีลูกค้าใหม่ลุงแกก็จะไล่ให้ไปนั่งข้างนอก” เอิร์ธว่าพร้อมหัวเราะขำจนไหล่สั่น
“จริง ร้ายมาก” อีคริตตี้เบะปากพยักหน้ารับ นินทาเจ้าของร้ายอย่างขำขัน ก่อนที่ก๋วยเตี๋ยวมาม่าที่เรากินประจำจะมาเสิร์ฟลงที่โต๊ะพร้อมกับเครื่องปรุงรส
ขอไม่ไทอินว่าเป็นมาม่าเป็นของอะไร เพราะยังไงก็ไม่ได้ค่าโฆษณา
ผมฉีกซองก่อนจะปรุงรสตามใจชอบ ไม่ทันไรก็มีอีกคนเดินมานั่งสมทบ คนคนนั้นก็คือเจ้ปราย
“ปรายไม่สั่งก๋วยเตี๋ยวเหรอ ?” คริตตี้ถาม
เจ้ปรายส่ายหน้า “ไม่อะ แค่มานั่งเล่นเฉยๆ”
“ดูว่างมาก” คริตตี้พยักหน้ารับเอ่ยกระทบเสียดสี ก่อนจะหันไปทางเขื่อนก็หลุดร้องอุ้ยตกกะใจ พลอยให้ทุกคนต้องหันไปมองตาม
ตัวเหี้ยครับ...สัตว์ครึ่งบกครึ่งน้ำตัวเบ้อเร่อ มันกำลังแหวกว่ายอยู่ในเขื่อนผ่านหน้าเรา ผมรีบยกมือถือมาถ่ายอัดอย่างไว เสียงอีคริตตี้ก็ดังเข้ามาในวิดีโอที่หมายจะลงอินสตาแกรม
“อ่าวอีปรายทำไมไม่คุยกันดีๆ ไปว่ายน้ำทำไมวะ” อีคริตตี้ตะโกนผ่านหน้ากล้องทำให้ผมต้องหันกล้องไปทางมันสลับกับตัวเหี้ยที่กำลังว่ายผงกหัว
เจ้ปรายหัวเราะ ท้วงติงกับอีคริตตี้ “กูอยู่นี่”
“อุ้ย ! อ่าวเหรอ กูก็คิดว่ามึง เห็นหน้าเหมือนกัน” อีคริตตี้สะดุ้งเล่นใหญ่โอเวอร์แอคติ้ง ทำท่าถอยหลังเอามือยันลงกับตั่งที่นั่ง
ผมเห็นแล้วหลุดหัวเราะขำก่อนจะกดปิดคลิปแชร์ลงสตอรี่ประจำวัน
อยู่กับพวกมันผมเป็นตัวเองมากที่สุด หัวเราะบ่อยมากกว่าอยู่กับคนในครอบครัวเสียอีก
เอิร์ธที่ตักเส้นมาม่าขึ้นมาด้วยตะเกียบก็เอ่ยขึ้นมาลอยๆ “เออมึง ล่าสุดกูไปดูดวงมา หมอที่ดูดวงแม่นมากบอกว่าคนใกล้ตัวอะมีคนแอบชอบกูอยู่”
“ก็คือไอ้ติม” คริตตี้ว่า ส่วนผมที่นั่งทานมาม่าเงียบๆ ที่ไม่รู้จักกับคนที่ชื่อติมเป็นทางการก็ไม่ได้เก็บมาครุ่นคิดหรือตั้งคำถามว่าเป็นใคร
แต่สงสัยน่าจะเป็นคนใกล้ตัวเอิร์ธนั่นแหละ
“อีควาย” เอิร์ธว่าด้วยน้ำเสียงกลั้วหัวเราะอย่างขบขัน ก่อนจะคีบตะเกียบที่มีมาม่ายัดใส่ปาก เคี้ยวกลืนไปคำหนึ่งก็กระดกน้ำดื่มพูดต่อ “แต่หมอที่ดูดวงแม่นมากนะบอกว่ากูอะจะมีเงินเข้ามาตลอด ซึ่งกูก็ได้จากแม่ประจำช่วงนี้ แถมหมอดูยังบอกอีกว่าชีวิตนี้กูจะสุขสบาย”
“ก็คือตาย” คริตตี้เอ่ยสัพยอก แต่ใบหน้านี่เรียบนิ่งพลางยกน้ำขึ้นดื่ม สร้างเสียงครื้นเครงแม้แต่ผมที่กินน้ำอยู่ยังสำลักเกือบพุ่งใส่หน้ามัน ก่อนที่อีเพื่อนรักจะวางแก้วลงกับโต๊ะ ดื่มน้ำชื่นใจจึงแค่นยิ้ม นัยน์ตาทอดมองอย่างล้อเลียน “เป็นกูก็ดูดวงได้” มันกล่าวอย่างกระมิดกระเมี้ยน ทำไม้ทำมือเหมือนมีอะไรอยู่ในมือ โดยมือซ้ายแบอยู่ด้านล่าง มือขวาคว่ำอยู่เหนืออากาศ พูดพลางบิดกายไปทางเจ้ปราย “หมอจะบอกว่า...ชาตินี้หนูจะไม่มีผัว จากนั้นหมอก็จะยื่นกระจกให้ดู ไม่ต้องเปิดไพ่ดูดวงชะตา แค่เห็นหน้าหมอก็รู้ชะตากรรม อันนี้หมอไม่คิดตังค์” จากนั้นปลายนิ้วชี้ก็จรดลงที่โต๊ะ ทำเหมือนมีแบงค์ยื่นคืนให้อีกฝ่าย
ครั้งนี้ทุกคนขำพรืดกันหมด ผมที่ดื่มน้ำอยู่เพราะยังเผ็ดร้อนกับน้ำชุปที่แดกถึงกับพุ่งพรวดใส่หน้ามันที่อยู่ฝั่งตรงข้าม อีคริตตี้หลุดร้องกรี๊ดอย่างขยะแขยง หยิบทิชชู่มาเช็ดหน้าเช็ดตา “อีเหี้ยอ๊อก อ๊าย สกปรก อีเหี้ย !”
“ขอโทษมึง” ผมพูดไปไอโครกไปจนหน้าดำหน้าแดง ดีที่มีเอิร์ธช่วยเอามือปลอบหลัง ไล่ฝ่ามือขึ้นลงพลอยให้รู้สึกดีขึ้นเยอะ ไม่รู้ว่าช่วยให้อาการดีขึ้นจริงไหม แต่สัมผัสที่ให้มาก็พอให้ผมรู้สึกโอเคกับการสำลักน้ำ
หลังจากจ่ายตังค์พวกเราทั้งสี่คนก็ออกมาเดินเล่นในช่วงบ่ายของวันแถวเอเชียทิค ข้ามฟากถนนจราจรก็จะเห็นทางซ้ายมือมีน้ำพุประดับ ร้านค้าอาหารต่างๆ มากมายสารพัด จุดชมวิวเอาไว้ถ่ายรูปต่างๆ นานา แต่สิ่งที่เราเดินมาคือร้านขายเครื่องสำอางสารพัดที่มีราคาแตกต่างกันไป บิวเทรี่ยมที่อยู่ฝั่งขวามือของเอเชียทิค หากเดินไปอีกหน่อยจะเห็นชิงช้าสวรรค์ที่สูงลิบลิ่ว บรรยากาศจากด้านบนค่อนข้างดีหากมองในเวลาพลบค่ำ ส่วนเรื่องราคาตั๋วนั้นขอไม่พูดถึง ลองไปถามไถ่ใช้บริการกันเอาเอง
อีคริตตี้เดินไปลองลิปสติก แตกต่างจากเอิร์ธที่ลองรองพื้นที่ใช้สีใกล้เคียงกับผิวหน้า เจ้ปรายก็เดินดูไปเรื่อยเปื่อย แต่ก็มิวายหยิบลิปตัวเทสมาทาปากให้แดงระเรื่อเล็กน้อย
ผมเองที่โดนคริตตี้ลากมาโซนหนึ่ง มันก็หยิบลิปสติกที่เพิ่งมาใหม่ยังไม่ผ่านการทดลองใดๆ มาทาปาก
“สีสวยอยู่” มันพูดจบหลังจากเกลี่ยลิปด้วยปลายนิ้ว ผมที่เดินมาที่หน้ากระจกสี่เหลี่ยมก็มองใบหน้าตัวเองที่โดนทาปาก ไม่ทันจะมองอย่างละเอียด อีเพื่อนรักก็ลากไปทาแก้มต่อ
“มึง อย่าปัดเยอะเดี๋ยวกูแก้มแดงเป็นตูดลิง” ผมเอ่ยเตือนอย่างหวาดระแวง
“รู้หรอกน่ะ กูปัดเบาๆ ให้หน้ามีเลือดฝาดพอ” มันว่าพานใช้ปลายนิ้วกลางกับปลายนิ้วนางมาถูๆ ไถๆ ที่พวงแก้มนิ่ม จากนั้นก็ตามมาด้วยเปลือกตาทั้งสองข้างของผม
เมื่อสมดั่งใจอีเพื่อนรักก็ผละกายออกห่าง เอามือจับที่เรียวแขนของผม พลางเอนตัวไปด้านหลังเพื่อมองใบหน้ากระจ่างชัด “ดูดีขึ้น หวานเหมือนเคะในนิยายวาย ยั่วเย็-ดี”
“ไหน กูดูก่อน” ผมลุ้นระทึก รีบวิ่งไปที่กระจกสะท้อนภาพ เห็นสิ่งประทินโฉมก็แอบนึกชมเชยมันในใจที่จับผมแต่งหน้าออกมาไม่สาวมากนัก แต่ก็ดูดีขึ้นให้ใบหน้ามีน้ำมีนวล มีสีสันเล็กน้อยไม่จืดชืดเหมือนคนเพิ่งตื่น “ดูดี”
“ใช่มะ” คริตตี้ที่เดินมาขนาบข้างกายเอาคางเกยอยู่ที่บ่าไหล่ของผม “คิ้วมึงหนาเหมือนหมอยอยู่แล้ว ไม่จำเป็นต้องปัด ปะ ไปแดกไอติมถ่ายรูปเล่นกัน” จากนั้นมันก็จูงมือผมออกจากบิวเทรี่ยม ส่วนคนที่ได้ซื้อเครื่องสำอางก็ไม่ใช่ใครหน้าไหน นอกจากเจ้ปรายที่เป็นเกย์แมนๆ แต่แต่งหน้าทาปาก
โซนบิวเทรี่ยมอยู่ใกล้กับร้านไอศกรีม เราทั้งสี่ที่แดกของคาวเลยมาปิดท้ายด้วยของหวาน ผมที่กดถ่ายรูปหามุมสวยๆ ก็จัดบิงชูมารับประทาน ก่อนจะยื่นมือถือให้เพื่อนถ่ายให้ ยกขึ้นมาขนาบข้างกระพุ้งแก้ม ชำเลืองมองไปที่บิงชูและอ้าปากเป็นรูปตัวโอเหมือนโอ้โหกับของหวาน เมื่อถ่ายเสร็จจึงมานั่งไล่ดูรูปภาพ ตกแต่งด้วยฟิลเตอร์สวยๆ และอัปลงอินสตาแกรมในทันที ก่อนจะเริ่มจ้วงแดกเหมือนอีแร้งรุมกินคน
กะเทยมีกระเพาะอาหารเหมือนกับผู้ชาย ฉะนั้นแดกเท่านี้ไม่ถึงกับอิ่ม เราเลยจัดไอศกรีมมารับประทานอีกคนละถ้วย ระหว่างนั้นก็ไม่วายเว้นจะถ่ายรูปหามุมมอง อัปลงสตอรี่ประจำวันเฉกเช่นเคย ผมนั่งไถไปเรื่อยก็เพิ่งมาเห็นว่าพี่นนท์มาขอเพิ่มเพื่อนในเฟซบุ๊กรวมถึงในอินสตาแกรม เห็นดังนั้นอีเมียคนนี้ก็เลยรีบกดรับด้วยความยินดี
ผ่านพ้นไปห้านาทีได้ ชายหนุ่มที่ตัวเองได้ตกลงปลงใจขอเป็นแฟนก็ส่งข้อความมาในอินสตาแกรมที่ผมได้อัปรูปสตอรี่ไปหมาดๆ
[วันนี้ดูน่ารักจังเลยค่ะ]
[ปกติก็น่ารักตลอดนะ] ผมพิมพ์ตอบกลับ ก่อนจะเห็นรูปอิโมจิเคลื่อนไหวคล้ายกำลังจะพิมพ์ถ้อยคำบางอย่าง
[วันนี้หนูตื่นมาทำไมไม่ปลุกพี่ล่ะคะ งอนนะ
]
แงงง ผัวงอแงอะ อยากไปปลอบประโลมอ๊อกๆ ที่กระดอเลย
ต้องอดทนอีกหน่อย ความร่านเปรียบเสมือนของหวานที่ขาดแคลนไม่ได้
ท่องเข้าไว้อีกไม่นานเราก็จะได้เจอคว-
คิดเรื่องเหี้ยๆ ด้วยความเปรมปรีดิ์
[ไม่งอนนะครับ ถ้าไม่งอนเดี๋ยวคืนนี้อ๊อกไปนอนที่บ้าน] หยอดคำหวานเข้าไป ใส่มันเข้าไปอีก เผยความดอกทองช้างลากเย็-ที่ไม่มีผู้ใดล่วงรู้นอกจากเพื่อนสนิทมิตรสหาย
[ทำไมหนูชอบอ่อยอะ] พี่นนท์รีบพิมพ์โต้ตอบ
[แล้วไม่ชอบอ๋อ ?] ผมถามกลับ
[ชอบ…] อีกฝ่ายเว้นจุดๆ ดูเหมือนชายหนุ่มลุ่มหลงตกอยู่ในพะวัง [งั้นวันนี้มานอนนะ]
อีเหี้ย เขาอ่อยอะ ! ผัวหนูอ่อยกลับอะแม่ ! อ๊อกทำใจไม่ได้
แถมยังทิ้งคำที่ดูซึมเซาแฝงด้วยความออเซาะอยู่ในที [คิดถึงจังมาหาหน่อย]
กี่ครั้งแล้วกับคำว่าคิดถึง กี่ครั้งแล้วที่คำว่าคิดถึงอะมาหาหน่อยทำให้หลีต้องดำเป็นเห็ดหูหนู หลีมันพังไปเท่าไรแล้วกับคำๆ นี้
ไม่...เราจะต้องไม่เสียตัวง่ายๆ กับแค่ประโยคง่อยๆ พรรค์นี้
“อีอ๊อกมือสั่นอีกแล้ว” คริตตี้ที่ตักไอศกรีมเข้าปากลอบมองผมที่เหยียดยิ้มร้าย ก่อนจะเอนกายไปกระซิบกระซาบกับเอิร์ธกันสองคน “ยิ้มน่ากลัวมาก มึงว่ามันกำลังคิดเรื่องชั่วปะ ?”
“กูได้ยินนะ” ผมกล่าวกระแนะกระแหน
อีคริตตี้ร้อง “อุ้ย !” เอนกายมานั่งประจำที่ดังเดิม ส่วนผมยังลูกตาจ้องอยู่กับมือถือราคาแพง
แพงแบบไหนคะ ? อย่าเสือก
[ไม่เอาหรอก กลัว] พิมพ์ประโยคเหมือนนางเอกขี้ระแวง ทั้งที่จริงก็ขี้เงี่ยนยิ่งกว่าคนติดสัด
พี่นนท์พิมพ์กลับมา [พี่มีอะไรให้กลัวคะนอกจากความน่ารัก]
ต๊าย พูดออกมาได้คุณพ่อนักบุญ บุญบาปน่ะสิ น่ารักกับผี ท่าทางคำพูดคำจาดูก็รู้แล้วมีเจตนาอะไร
อีอ๊อกไม่ใช่คนง่ายๆ หรอกนะจะบอกให้ !
ฉับพลันก็เงยหน้าขึ้นมาจ้องหน้าจ้องตาอีคริตตี้อย่างหมายมาด
“มึงวันนี้จับกูแต่งตัวเป็นผู้หญิงหน่อย”
“ฮะ ? มึงจะไปไหน”
ผมตอบ “ไปหาพี่นนท์”
อีอ๊อกจะเอาตัวเข้าแลกเพื่อสวมบทบาทเป็นนายเอกเฟมบอยที่ชื่นชอบการแต่งหญิง จะได้นำไปใช้อ้างอิงในนิยาย
เปล่าหรอกค่ะ ที่แท้จริงก็แค่ข้ออ้าง ที่อยากสวยก็หวังให้ผู้ชายลุ่มหลงจนต้องละเมอเพ้อพก
เราต้องไม่ง่ายนะ…
แต่ถ้าผู้ชายมันหล่อ
ก็เอาหลีเข้าสู้ !!
ฝากถึงคนที่ดอกทองชอบร่านไปเที่ยวเอากับผู้ชายไปทั่ว
อยากบอกว่าคุณใช้หลีได้อย่างคุ้มค่าแล้วค่ะ ดีใจกับคุณด้วย
เย็-ต่อ ไม่รอแล้วนะ !
กลับมาบ้านก็อ้างบอกแม่ว่าคืนนี้จะไปนอนบ้านคริตตี้ แม่ก็หรี่ตามองสักพักก็ไร้ทีท่าจะเอะใจ ผมจึงเดินขึ้นห้องไปแพ็กกระเป๋าใส่เสื้อผ้า รวมไปถึงโน๊ตบุ๊กเผื่อไว้ใช้แต่งนิยายเมื่อมีโอกาส หลังจากนั้นก็วกมาที่บ้านของเพื่อนสนิทในช่วงเวลาพลบค่ำ ถูกจับแต่งหน้าแต่งตา ใส่เสื้อผ้าที่เป็นชุดสีขาวเอวลอยจั๊มเอว มีกระดุมสีทองประดับอยู่กลางเสื้อ แขนเสื้อสั้นระดับท่อนแขน ส่วนกางเกงนั้นเป็นกางเกงขาสั้นสีน้ำเงินเข้มเอวสูง โชว์เนื้อหนังมังสาที่คอดเอวเล็กน้อย แถมยังโชว์เรียวขาสวยที่ไร้รูขุมขนเหมือนชายฉกรรจ์ ดีที่ตัวเองมีกรรมพันธ์ดีไม่ต่างจากแม่ หากได้พ่อมาคงขนดกเป็นนายเอกนิยายวายที่มีขนหน้าแข้งดกดำให้ชายหนุ่มมาลูบไล้
อีอ๊อกมิวายถามว่าที่ผัวก่อนไปหา [อยู่บ้านไหม ?]
ไม่นานก็ได้รับคำตอบ [อยู่ค่ะ มีอะไรหรือเปล่า ?]
[พี่แชร์โลเคชั่นที่อยู่มาให้ที] อีอ๊อกจะไปหาถึงถิ่นฐานในอีกไม่ช้า
เพราะอ๊อกอยากติดคอ
“มึงคบกับพี่นนท์แล้วเหรอ ?” เสียงเพื่อนรักถามไถ่อย่างระแคะระคาย หน้าตาก็ดูบึ้งตึงไม่สบอารมณ์
“อืม กูว่าคบกันไปเลยดีกว่า เสียเวลาคุยดูใจกันไปมา” ผมอธิบายพลางยักไหล่
“ทำอะไรก็รู้จักระมัดระวังด้วย อย่าทุ่มใจไปเกินร้อย เผื่อใจไว้บ้าง กูกลัวมึงดิ่ง” มันพูดออกด้วยสีหน้าเป็นห่วง
ผมเห็นแล้วเค้นยิ้มยื่นมือไปหยิกแก้มมันเบาๆ แต่อีนางตัวดีก็ดันส่งเสียงร้องอย่างโอเวอร์
“กูรักมึงนะ ขอบคุณที่อยู่ข้างๆ กูเสมอ” ผมกล่าวด้วยน้ำเสียงซึมเซา แต่ในรูปประโยคนั้นแฝงไปด้วยความตื้นตันใจเหลือเกินคณา
“แต่กูไม่รักมึง” อีคริตตี้ทำหน้าอย่างรังเกียจ
“มึงกูจริงจัง” ผมบอกมันเน้นชัดถึงห้วงอารมณ์
มันกระแทกกระทั้นเสียงใส่ “เออ กูรู้” จากนั้นก็เงียบไปโดยไม่พูดอะไรอีกเลย
แต่ทุกการกระทำมันบอกหมดว่ารักผมคนนี้มากแค่ไหน
“กูดีใจที่มีมึงเป็นเพื่อนนะ”
“อย่ามาดราม่าใส่ กูไม่ชอบ” คริตตี้ส่งเสียงจิ๊จ๊ะ ทำผมหลุดขำ ยอมพยักหน้าก่อนจะอยู่นิ่งๆ ให้มันสวมวิกลงที่กลางกระหม่อม
คริตตี้เอ่ย “เราอยู่ด้วยกันมานานแล้วเนอะ มีอะไรก็แบ่งปันตลอด ทั้งเรื่องปัญหาต่างๆ มีข้าวก็แบ่งกันแดกสมัยเรียน มึงไม่มีเงินกูก็ให้ยืม แบ่งกันช่วยเหลือยิ่งกว่าผัวเมียด้วยซ้ำ ข้าวของเสื้อผ้าก็ใช้ร่วมกัน อีกหน่อยมึงรวยมึงก็ต้องแบ่งปันให้กูยืม มีผัวมึงก็ต้องแบ่งปันให้กูใช้ เวลาโดนเย็-มึงก็ต้องแบ่งปันให้กู…”
“พ่อมึงเถอะ” ผมรีบแย้งกลางคัน จ้องหน้ามันอย่างวาวโรจน์วูบหนึ่ง จากนั้นก็เปลี่ยนเป็นยิ้มซาบซึ้งในน้ำใจไมตรี ทำอีคริตตี้หลุดขำโชว์ฟันที่มีเขี้ยวเล็กๆ ก่อนจะเอานิ้วจิ้มดันหน้าผากของผมให้หงายหลัง ดีที่ผมทรงตัวได้ดีไม่หงายเป็นกองกับพื้น
“ทำอะไรอย่ามานึกเสียใจทีหลังรู้ไหม ?” มันตักเตือน
“รู้แล้วน่ะ กูไม่ได้จะไปเพื่อโดนข่มขืนสักหน่อย” ผมอธิบาย “กูสมยอมล้วนๆ”
“อีพวกร่าน” มันด่าทอ ตบหัวผมไปทีหนึ่ง
“โอ๊ย !” ผมร้อง
“ข้อหาดอกทอง” มันบอกก่อนจะตบอีกข้าง
ผัวะ “ข้อหาร่านเกินเหตุ” คริตตี้ซ้ำเติม “ระวังเถอะจะได้ไปตรวจโรคHIV”
“กูสัญญาว่าจะป้องกัน” ผมหมายมั่นให้สัญญา
“มีผัววันเดียวก็ร่านละเพื่อนกู” มันส่ายหน้าอย่างระอาใจ ก่อนจะขับไสไล่ส่งเมื่อแต่งหน้าทำผมเสร็จ “ไปๆ จะไปตายที่ไหนก็ไป”
“ขอบคุณมึงมากนะ” ผมหมุนกายเดินออกมาสวมรองเท้าผ้าใบที่หน้าบ้าน ก่อนจะสะพายเป้ที่หลัง และที่มีเจตนาแต่งหญิงล้วนๆ ก็เพราะรู้ว่าพี่นนท์ต้องชอบมากแน่ๆ
“ไปละ” ผมโบกมือบ๊ายบายก่อนจะพร้อมรบไปออกศึก เห็นมือถือได้โลเคชั่นเป็นที่เรียบร้อยก็ลิงโลด
อ๊อกสัญญาว่าจะไม่ให้แม่ๆ ต้องผิดหวัง
การเซอร์ไพรส์นี้จะเต็มไปด้วยความหรรษา
“ออกไปจะบ้านกูอีกาลกิณี !!”อีคริตตี้ร้องลั่นบ้าน ดีที่แม่มันไม่อยู่ ปานนี้คงโดนถีบข้อหาโหวกเหวกโวยวาย
ผมขำพรืด ไม่ได้สะทกสะท้านกับคำครหา เพราะรู้ว่าเพื่อนไม่ได้มีเจตนาคิดแบบนั้นจริงจัง
และในที่สุดอีอ๊อกก็ถ่อหลีมาถึงถิ่นฐาน เสียเงินทั้งค่ารถและยังต้องมาเสียอะไรต่อมิอะไรอีก
ค่อยๆ สูดลมหายใจเข้าออกให้สม่ำเสมอ เตรียมใจกับผลลัพธ์นับต่อจากนี้ ก่อนที่ปลายนิ้วจะกดลงที่ปุ่มกระดิ่งหน้ารั้วบ้าน
ปิ๊งป่อง ~
พัสดุกะหรี่จิ๋มกระป๋องมาส่งแล้วค๊า ~
ไม่นานเกินห้านาทีจนยุงแทบมารุมกัดที่เรียวขาที่หมั่นทาครีม ทำเอาผมต้องสะบัดขาไปมา ตาก็มองไปที่ภายในบ้าน คาดหวังให้ใครบางคนออกมาสักทีหนึ่ง พลันยื่นหน้าเข้าไปใกล้รั้ว ก่อนจะสะดุ้งโหยงเมื่อมีสุรเสียงดังลอดออกมา พร้อมกับบานประตูที่เปิดออกขึ้นมาว่า “ใครครับ ?”
ผมรีบผละออกจากสิ่งนั้นในทันที ก่อนจะยิ้มเจื่อนโบกมืออยู่หน้ารั้ว ตะโกนตอบกลับ “อ๊อกเอง !”
“อ๊อกเหรอ ?” เสียงพี่นนท์ดูตื่นตะลึง รีบสวมรองเท้าเดินมาที่หน้าบ้านอย่างฉงน ไขรั้วกั้นออกมาเจอผมที่ยืนนิ่งงัน เหมือนไม่มีแมลงหวี่แมลงวันและยุงลายมาคอยราวี
จริงๆ แดกจนกูคันไปหมดละ
อีกฝ่ายกวาดตามองตั้งแต่หัวจรดเท้า “ทำไมหนูแต่งตัวแบบนี้ล่ะคะ ไปเที่ยวที่ไหนมา ?” ซ้ำยังหรี่ตามอง สีหน้าดูหงุดหงิดรำคาญใจ “โป๊ไปหมด”
ผมส่ายหน้ารัวๆ “เปล่านะ มาหาพี่ล้วนๆ วันนี้อ๊อกจะมานอนด้วย”
อย่าให้รู้นะว่าซุกเมียน้อยเอาไว้ในบ้านน่ะ !
“นอน ? จะดีเหรอคะ ขอแม่ยัง ?” พี่นนท์ถาม
“ขอแล้ว” ผมว่าเสียงอ่อน
“ขอว่า ?” พี่นนท์ยังคงซักไซ้
ผมยู่ปากบิดตัวไปมาก่อนจะยอมเอ่ยปาก “ขอว่าไปนอนบ้านเพื่อน”
“เด็กโกหก” พี่นนท์ส่งสายตาตำหนิ นอกเหนือจากนี้น้ำเสียงยังดุอีก
โธ่ว่าที่ผัวละก็...อย่ามาเล่นตัวไปหน่อยเลย รู้หรอกน่ะว่าลึกๆ ก็ต้องแอบดีใจที่แฟนถ่อหลีมาถึงถิ่นฐาน ไหนๆ แล้วก็แก้ผ้าเอากันหน้าบ้านกันเลยดีไหมคะ บรรยากาศก็มืดค่ำชวนวังเวงดี ไม่น่าจะมีใครมาพบเห็น
อ๊อกชอบค่ะ มันดูโรแมนติก
แต่ก็ได้แค่คิดเพ้อเจ้อไปวันๆ
“ยุงกัดอะ พี่นนท์อย่าเพิ่งดุน้องได้ไหม ขอน้องเข้าบ้านก่อน” ผมแทนตัวด้วยสรรพนามคำว่า ‘น้อง’ ให้น่าเอ็นดู อีกคนดูชะงักกับคำที่ได้ยิน ก่อนจะเปลี่ยนสีหน้าเป็นพะว้าพะวัง รีบผายมือเชื้อเชิญเข้ามาในบ้าน
เสร็จโจรล่ะค่ะงานนี้
“แค่กๆ” รอบไออย่างเจ็บคอ
“ไม่สบายเหรอคะ ?” พี่นนท์ที่ล็อกรั้วบ้าน เดินตามหลังมาถามอย่างเป็นกังวล
“เปล่าครับ” ผมบอก แค่วอร์มเสียงก่อนสำลักเฉยๆ ก็แค่นั้นเอง
ครั้นเข้ามาในบ้าน สิ่งแรกที่ทุกคนคิดถึงคงจะเป็นฉากเร่าร้อนที่ต่างฝ่ายต่างระดมจูบกันเหมือนซอมบี้หิวกระหายใช่ไหมคะ ? แต่ไม่ค่ะ พล็อตชีวิตคนเราไม่ได้อิโรติกขนาดนั้น เข้ามาก็เจอหมาและแมววิ่งแจ้นเข้ามาหา ทั้งดม ทั้งคลอเคลียที่เรียวขา
อีอ๊อกอยากโดนผัวคลอเคลียมากกว่าอะ ! นี่อุตส่าห์ฉีดน้ำหอมมาด้วยนะ !
“คิกๆ” แกล้งทำเป็นหัวเราะร่าเริงเหมือนคนรักสัตว์โลกน่ารัก แต่จริงๆ แล้วรักเจ้าของสัตว์และเกิดฤดูติดสัดยิ่งกว่ากระต่ายจอมเงี่ยน พลันหันหน้าไปมองคนที่ก้มมาจ้องหน้าผมเหมือนกำลังตั้งคำถาม
อีอ๊อกไม่เสียเวลาทำงานทำการ “พี่นนท์ทำอะไรอยู่เหรอ ?”
“กำลังแคสเกมอยู่ค่ะ” เขาแจง
ผมร้อง “อ๋อ” พยักหน้าอย่างเข้าใจถึงสาเหตุที่ต้องคอยนาน ก่อนจะเดินดุ่มๆ หลังจากถอดรองเท้า ก้าวขายาวเหยียด เอนกายไปมาซ้ายและขวาเหมือนนางเอกอนิเมะสดใส ฉับพลันก็หมุนกายมาจ้องหน้าคนตัวโตสูงโย่ง “อ๊อกขอดูพี่แคสเกมหน่อยสิ”
อีกคนที่ยังมีทีท่างงงวยได้แต่พยักหน้ารับอย่างอิดออด “ได้ค่ะ” ก่อนจะเดินนำให้ผมเดินตามท้ายหลังไปที่ขั้นบันได มาที่ห้องๆ หนึ่งซึ่งผมที่เคยเข้ามาครั้งแรกยังไม่เคยได้สำรวจ
ห้องนี้เป็นห้องกันเสียงอย่างดีเยี่ยม แถมยังมีหน้าจอคอมสองหน้าจอและเครื่องเล่นซีพียูสองเครื่องด้วยกัน สมกับเป็นนักแคสเกมเมอร์ องค์ประกอบซีพียูมีลูกเล่นและมีสีสัน ขนาดแป้นพิมพ์ยังเรืองแสงราวกับรุ้งเจ็ดสี เบาะที่นั่งก็เป็นเก้าอี้เกมมิ่งสีดำสนิทสองตัว มีแต่ราคาแพงหูฉี่ทั้งนั้น
“ว้าว” อดไม่ได้ที่จะร้องอย่างตื่นตะลึง หมุนกายกวาดตาดูรอบห้องใหญ่โตโอฬาร เทียบได้กับห้องนอนห้องหนึ่งได้เลย ขณะที่อีกคนยิ้มมุมปากกับสีหน้าแป้นแล้นของผม
“มันดูเวอร์มาก” ผมถึงกับสบถ “โคตรอยากมีแบบนี้บ้าง”
จินตนาการถึงตนเองไม่ทันไร หัวก็ถูกสัมผัสด้วยฝ่ามือใหญ่ ดันและบิดให้ตัวของผมต้องหันหน้ามาจ้องคนที่ยิ้มหวานประจบเอาใจ
“แน่ใจนะคะว่าจะนอนนี่”
คำถามเหมือนเป็นคำเตือนมากกว่านะคะคุณผัวขา
“แน่ใจสิ” อ๊อกเตรียมตัวมาถึงขนาดนี้ จะให้กลับบ้านเสียค่ารถฟรีๆ ไม่ยอมหรอก ฉุกคิดแล้วก็ยิ้มแฉ่งขยับหัวดุ๊กดิ๊กไปมา
“วันนี้หนูร่าเริงผิดปกตินะคะ” พี่นนท์เอียงคอ ถามอย่างข้องใจ
“พี่นนท์คงไม่เคยได้ยินสินะ คนร่าเริงเท่ากับคือคนที่..” โดนนัดเย็-ไงคะ ! “อารมณ์ดีมีความสุข” ผมตอบพร้อมเสียงหัวเราะแจ่มใส
ใสมากค่ะ หน้าตาดูมีพิรุธเหรอคะ เปล๊า ไม่มี๊ ไสยศาสตร์ทั้งนั้น
“หนูวางกระเป๋าก่อนเถอะค่ะ ดูท่าน่าจะหนัก” พี่นนท์ว่าพลางหยิบที่ห้อยสายสะพายกระเป๋าของผมเอาออกจากบ่าไหล่ลอดผ่านที่เรียวแขนเล็ก เขายกมันไปวางที่มุมห้องก่อนที่จะเดินไปนั่งที่เก้าอี้เกมมิ่ง จากนั้นก็ชักชวน “หนูมานั่งนี่สิคะ แต่เงียบๆ หน่อยนะ พี่ขอแคสเกมสักชั่วโมง”
“ได้ๆ” ได้ทุกอย่าง เสร็จแล้วเราก็มาเอากันได้ใช่ไหมครับ อ๋อ โอเคค่ะพ่อทูนหัว อ๊อกเข้าใจละ รอหลังแคสเกมเสร็จเราก็มาสานฝันหรือการมีเพศสัมพันธ์กันได้ใช่ไหมคะ ?
ฮือ ดีใจ ค่อยๆ หย่อนก้นนั่งลงที่เก้าอี้เกมมิ่งข้างกายอีกคน เผลอลอบมองไปที่เป้าใครบางคน
นึกอยากสวดมนต์ นะโมตัสสะ อวัยวะใหญ่โต ยาวเป็นกิโล แงงงง จุกค่ะ อยากเล่นคุณไสย มือมันสั่นไปหมดเหมือนเจ้าเข้า เพราะอยากไปคลุกคลีด้วยจิตใจเมตตาอารีปลอบขวัญผวา
หนูว่ามันปูดๆ ผิดปกตินะคะ คุณพี่มีอารมณ์อยากเล่นการละเล่นไทยพื้นบ้านไหมคะ ?
อ๊อกอยากนำเสนอเรือสำเภาค่ะ อ๊อกชอบมากๆ เลย อ๊อกว่ามันสนุกดี
“โอ๊ะ โดนจนได้ ครั้งนี้ผมพลาดเอง ฮ่าๆ เดี๋ยวดูเถอะ ครั้งนี้ผมจะเอาคืนมัน” พี่นนท์ที่พูดอยู่ใกล้ไมค์ สีหน้าดูเปลี่ยนเป็นคนละคน ดูเป็นคนสนุกสนานน่าคบหา
หา หา หาคว-ไงคะคุณพี่ คุณพี่บอกเองว่าจะเอาคืนมัน แบบนี้จะคืนความสุขให้ประชาชนด้วยใช่ไหมคะ ? ราษฎรต้องซาบซึ้งเหลือหลาย เริ่มจากน้องคนแรกเลยค่ะ น้องยินดี
สุขีปะหีดังสมสุข จงเสพสุขทั้งกายและวาจา
ต่อให้นรกมาฉุดรั้งความร่านก็ฉุดไม่อยู่ อีอ๊อกจะฝ่าฟันและต่อกรกับยมบาลต่อให้ต้องพลีกายเย็-ในปรโลกก็ยินดี หากยมบาลหล่อเหลาเอาการเหมือนในซีรีส์เกาหลี อีน้องที่เกาหลีก็พร้อมจะอ้าปากอมคว-พูดคุยกับยมบาล
อ๊อก อ๊อกค๊า ~
นั่งเล่นมือถือมาสักพัก ก็เหลือบๆ มองๆ คนหล่อที่ยังขะมักเขม้นกับการละเล่นเกมอยู่ ใช้เวลาเกือบชั่วโมงดังที่กล่าวเบื้องต้น พอครบเสร็จอีกคนก็ถอนหายใจหลังจากกดเซฟเกมเป็นที่เรียบร้อย
เสียงถอดถอนหายใจช่างเซ็กซี่เหลือเกินนัก อ๊อกรีบลุกขึ้นยืนและเม้มปากแน่น
“มีอะไรคะ ?” พี่นนท์ที่แหงนหน้ามองผมที่ยืนค้ำหัว
“มี” ผมตอบกลับ จิกอุ้งมือแน่น ก่อนจะก้าวขาไปใกล้ชิด ยกขาพาดผ่านที่ท่อนขาของอีกฝ่ายอย่างกล้าหาญ สะโพกนั่งทับอยู่ที่จุดยุทธศาสตร์ของใครบางคนที่มีทีท่าตื่นตะลึง
“หนูคะ ? อึก” ถึงกับสะอึกกันเลยทีเดียว เพียงแค่บดสะโพกยั่วๆ บดๆ ที่จุดกลางลำตัว สิ่งแข็งขืนบางสิ่งก็ดุนดันผ่านเนื้อผ้า
หากเป็นนิยายพระเอกคงจะบอกว่า ‘อย่านะคะ ไม่งั้นพี่จะทนไม่ไหว’ หรือไม่ก็ ‘หนูทำให้พี่เกิดอารมณ์เองนะคะ อย่ามาร้องไห้ทีหลังล่ะ’
แต่ไม่ค่ะ อีอ๊อกคาดคะเนมาเรียบร้อย ความร่านในครั้งนี้เปรียบเสมือนความดอกทองที่ค่อยๆ เบ่งบานราวกับดอกไม้ที่ค่อยๆ ผลิดอก เผยความดอกที่มีเกสรประหนึ่งเป็นหลีที่มีใยรกร้าง และค่อยๆ เบ่งบานเผยเม็ดแตดที่รอคอยคนมาป้อนความหฤรรษ์ให้ซาบซ่าน
ตอนแรกอีอ๊อกก็คิดว่าตัวเองเป็นโรคซึมเศร้า แต่ที่ไหนได้ขาดคว-ไม่ได้นี่เอง
“หนูคึกอะไรคะเนี่ย อึก หนูคะ” พี่นนท์รีบเอามือจับที่เอวคอด สัมผัสเข้าที่ผิวเนื้อเข้าอย่างจัง ท่าทางเหมือนจะห้ามปราม แต่ก็เปล่าเลยสักนิด อีอ๊อกกลับโยกเอวไถขึ้นไถลงเข้าไปอีก
ยั่วมากค่ะ รางวัลกะหรี่ดอกทองคว-ทองคำต้องเป็นของกูแล้วล่ะ !!
ยั่วได้ไม่นานนัก ก็รับรู้ได้ถึงองคชาติที่กำลังผงาด อีอ๊อกก็ล้มเลิกในสิ่งที่กระทำ เปลี่ยนเป็นหยุดนิ่งและยิ้มแฉ่งเหมือนเด็กดื้อจอมซน มิวายเอ่ยปากหยอกเย้ารังแกคน
“แค่ล้อเล่นเอง” จากนั้นก็ทำท่าจะลุกออกจากตัก แต่ทว่ากลับถูกกดให้ไปแนบแน่นกับสิ่งที่ดุนดันใต้ร่างแทน
พี่นนท์จ้องมองอย่างร้อนแรง ทั้งดุดันชวนน่ากลัวยิ่งกว่าหนังผีสยองขวัญ ขยับริมฝีปากตอบกลับด้วยน้ำเสียงแหบพร่า “หนูล้อเล่นผิดคนแล้วค่ะ”
แม่ ! อีอ๊อกอยากเอามือมาทาบอก น้ำตาจะไหล แต่มือตอนนี้ทั้งสองข้างกลับยันอยู่ที่แผงอกของอีกฝ่าย
อ๊อกเคยดูแต่สิ่งเล็กๆ ที่เรียกว่ารัก แต่สิ่งที่เห็นอยู่นี้คือ ‘สิ่งเล็กๆ ที่เรียกว่ารัก นำมาสู่ความคึกคักที่เรียกว่าเย็-’
อีอ๊อกเม้มปากแน่นจนแทบจะปริแตกให้เลือดไหลซิบ เอ่ยปากสัพยอก “คันปากอะ อยากอมอะไรสักอย่าง”
อ๊อกว่าเราควรเจรจาต่อรองกันดีไหมคะ ?
“เด็กไม่ดี” ด่าหนูอ๊อก แต่ก็กดหลังกระหม่อมให้โน้มหน้าลงมาหา พลันริมฝีปากประทับจูบดังจุ๊บเข้าด้วยกัน สักพักก็จาบจ้วงรุนแรงยิ่งกว่าหนังอิโรติกสิบแปดบวก
มีการแหย่ลิ้นกันเกิดขึ้น อีหรอบนี้จะมีอะไรมาแหย่ตูดด้วยใช่ไหมคะ !!
‘พี่มุตา นกไม่พร้อม…’
‘หล่อนต้องเข้มแข็งเข้าไว้รัชนก ต่อกรกับมัน ไม่มีอะไรยิ่งใหญ่มากกว่ารูของเรา’
‘แต่ของเขาใหญ่มากเลยนะคะพี่ตา นก นกกลัวค่ะ นกกลัวหายใจไม่ค่อยออก’
‘ฉันถึงบอกหล่อนให้เข้มแข็งนี่ไง ไม่มีอะไรง่ายทั้งนั้นแหละ หล่อนผ่านพ้นคืนแรกอันหฤโหดมาแล้ว วันนี้แหละจะเป็นวันของหล่อนที่จะเอาคืน จนคนคนนี้ต้องอ่อนระทวย’
‘หมายถึงใจคนเราใช่ไหมคะพี่ตา’
‘ฉันหมายถึงคว-อีเด็กโง่ !’
‘อ๋อค่ะ นก...นกจะพยายามนะคะพี่ตา’
‘ฉันจะเอาใจช่วยหล่อนอยู่ห่างๆ และห่วงๆ’
กับหนังละครเรื่องใหม่ แรงเย็- ! ปริศนา
Psycho ~