#เป็นนักเขียนมันเหนื่อยขายตัวแม่งเลย // ตอนที่สิบสาม [22/06/2019]
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: #เป็นนักเขียนมันเหนื่อยขายตัวแม่งเลย // ตอนที่สิบสาม [22/06/2019]  (อ่าน 11213 ครั้ง)

ออฟไลน์ lookpatty15407

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 74
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +30/-1
อ้างถึง
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ

เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ


ติดตามกฏเพิ่มเติมที่กระทู้นี้บ่อยๆ เมื่อมีการแก้ไขกฏจะแก้ไขที่กระทู้นี้นะครับ
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0

ประกาศทั่วไปติดตามอัพเดทกันที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.0

ประกาศ กฎที่อื่นมีไว้แหก แต่ห้ามมาแหกที่นี่

1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิ์ส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด
การสนใจและชื่นชอบนิยายและเรื่องเล่าของคนในเรื่องควรมีขอบเขตที่จะไม่สร้างความเดือดร้อนให้เจ้าของเรื่อง เช่นเดียวกับเป็ดที่ตอนนี้ถูกรังควานตามหาตัวจากคนด้านต่างๆ จนตัดสินใจไม่เล่าเรื่องต่อ.........เนื่องจากบางเรื่องเป็นเรื่องเล่า.....................บางคนไม่ได้เปิดเผยตัวตน  เขาพอใจจะมีความสุขในที่เล็กๆแห่งนี้โดยไม่ได้ตั้งใจให้คนภายนอกได้รับรู้เรื่องราวแล้วนำไปพูดต่อ   เพราะปฎิเสธไม่ได้ว่าสังคมไม่ได้ยอมรับพวกเราสักเท่าไหร่

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรูปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ
หมิ่นประมาท,
หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง
หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสต์กระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์
และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด
การกระทำเช่นนั้นอาจทำให้คุณแบนทันที และถาวร . หมายเลข IP ของทุกโพสต์จะถูกบันทึกเพื่อใช้เป็นหลักฐาน
ในความเป็นจริงเป็นไปได้ยากมากที่จะให้แต่ละคนมีความคิดเห็นตรงกันทั้งหมด   คนเรามากมายต่างความคิดต่างความเห็น เติบโตมาภายใต้ภาวะแวดล้อมต่างกันการแสดงความคิดเห็นที่แตกต่าง   จึงควรทำเพื่อให้เกิดความเข้าใจกัน แบ่งปันประสบการณ์และมิตรภาพเพื่ออาจเป็นประโยชน์ในการใช้ชีวิต  และไม่ว่าจะอย่างไรก็ควรเคารพในความคิดเห็นที่แตกต่างของบุคคลอื่นช่วยกันสร้างให้บอร์ดนี้มีแต่ความรักนะครับ   

เรื่องบางเรื่องอาจจะเป็นทั้งเรื่องแต่งหรือเรื่องเล่าใดๆก็ขอให้ระลึกเสมอว่า  อ่านเพื่อความบันเทิงและเก็บประสบการณ์ชีวิตที่คุณไม่ต้องไปเจอความเจ็บปวดเล่านั้นเองเพื่อเป็นข้อเตือนใจ สอนใจในการตัดสินใจใช้ชีวิต   จึงไม่ต้องพยายามสืบหาว่าเรื่องจริงหรือเรื่องแต่งส่วนการพูดคุยนั้น   ก็ประมาณอย่าทำให้กระทู้กลายพันธุ์ห้ามเอาเรื่องส่วนตัวมาปรึกษาพูดคุยกันโดยที่ไม่เกี่ยวพันกับเรื่องในกระทู้นิยาย  ถ้าจะวิจารณ์หรือแสดงความคิดเห็นทุกคนมีสิทธิแต่ขอให้ไปตั้งกระทู้ที่บอร์ดอื่นที่ไม่ใช่ที่นี่นะครับ

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพสต์ หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อเจ้าของเรื่องเท่าที่จะทำได้หรือแจ้งมายังบอร์ดนี้ก่อนนะครับ  เนื่องจากเจ้าของเรื่องบางครั้งไม่ต้องการให้คนที่ไม่ได้ชื่นชอบนิยายชายรักชายเข้ามารับรู้  ลิขสิทธิ์ทั้งหมดเป็นของเจ้าของคนที่ทำขึ้นและเว็บแห่งนี้นะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล์ บอกเมล์ แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอมให้ส่งหรือติดต่อกันทางพีเอ็มจะปลอดภัยกว่าแล้วเมื่อมีการติดต่อสื่อสารกันให้พึงระวังถึงความปลอดภัย ความไม่น่าไว้ใจของผุ้คนทุกคนแม้จะมีชื่อเสียงในบอร์ดเป็นเรื่องส่วนตัวของแต่ละคนไป เพื่อลดความขัดแย้งภายในเล้า จึงไม่สนับสนุนให้มีการจีบกันในบอร์ดนะครับ

5.ห้ามจั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียวให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตาม
เพราะแม้จะเป็นเรื่องที่เขียนจากเรื่องจริง เมื่อนำมาพิมพ์เป็นเรื่องผ่านตัวอักษร ย่อมเลี่ยงไม่ได้ที่จะมีการเพิ่มเติมเพื่อให้เกิดสีสันในเนื้อเรื่อง ทางเล้าถือว่านั่นคือการเพิ่มเติมเนื้อเรื่อง จึงไม่อนุญาตให้จั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” แต่สามารถแจ้งว่าเป็น “นิยายที่อ้างอิงมาจากชีวิตจริง” ได้  มีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

6.การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสต์นิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insert quote ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ

8.Administrator และ moderator ของ forum นี้ มีสิทธิ์อ่าน, ลบ หรือแก้ไขทุกข้อความ. และ administrator, moderator หรือ webmaster ไม่สามารถรับผิดชอบต่อข้อความที่คุณได้แสดงความคิดเห็น (ยกเว้นว่าพวกเขาจะเป็นผู้โพสต์เอง).

9.คุณยินยอมให้ข้อมูลทุกอย่างของคุณถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูล. ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกเปิดเผยต่อผู้อื่นโดยไม่ได้รับการยินยอมจากคุณ .Webmaster, administrator และ moderator ไม่สามารถรับผิดชอบต่อการถูกเจาะข้อมูล แล้วนำไปสร้างความเดือดร้อนต่างๆ

10.ห้ามลงประกาศลิงค์โปรโมทเวป  โฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ลงได้เฉพาะในห้องซื้อขาย ในเมื่อแนะนำเวปอื่นที่บอร์ดเรา ก็ช่วยแนะนำบอร์ดเราโดยลงลิงค์บอร์ดเรา เว็บ http://www.thaiboyslove.com  ในบอร์ดที่ท่านแนะนำมาให้เราด้วย  เมื่อจำเป็นต้องแนะนำลิงค์ให้ส่งลิงค์กันทาง personal message หรือพีเอ็มแทนนะครับจะสะดวกกว่า ส่วนในกรณีอยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนๆได้อ่านจริงๆนั้นพยายามลงให้ห้องซื้อขายซะ หรือถ้าม้อดเดอเรเตอร์จะพิจารณาเป็นกรณีๆไป ถ้ารู้สึกว่าไม่ได้โปรโมทเว็บ แต่อยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนด้วยใจจริงจะให้กระทู้นั้นคงอยู่ต่อไป

11.บอร์ดนิยายที่โพสต์จนจบแล้วมีไว้สำหรับนิยายที่โพสต์ในบอร์ด boy's love จนจบแล้วเท่านั้น จึงจะถูกย้ายมาเก็บไว้ที่นี่ หาอ่านนิยายที่จบแล้ว หรือคนเขียนไม่ได้เขียนต่อ แต่โดยนัยแล้วถือว่าพล็อตเรื่องโดยรวมสมควรแก่การจบแล้ว หากนักเขียนท่านใดได้พิมพ์เล่มกับสำนักพิมพ์ ต้องการลบเรื่องบางส่วนออก โดยเฉพาะไคลแม๊ก หรือตอนจบที่สำคัญ ให้แจ้ง moderator ย้ายนิยายของท่านสู่ห้องนิยายไม่จบ เพื่อที่หากระยะเวลาเกินหกเดือนแล้ว เราจะได้ทำการลบทิ้ง หรือท่านจะลบนิยายดังกล่าวทิ้งเสียก็ได้ เนื่องจากบอร์ดนี้เก็บเฉพาะนิยายที่จบแล้ว

บอร์ดนิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบไว้สำหรับ
นิยายที่คนเขียนไม่ได้มาต่อนาน หายไปโดยไม่มีเหตุผลสมควร ไม่ได้แจ้งไว้หรือแจ้งแล้วก็ไม่มาต่อ 3 เดือน จะย้ายมาเก็บในนี้เมื่อครบหกเดือนจะทำการลบทิ้ง ส่วนเรื่องไหนที่จะต่อก็ต่อในนี้จนกว่าจะจบ แล้วถึงจะทำการย้ายไปสู่บอร์ดนิยายจบแล้วต่อไป

12.ห้ามนำเรื่องพิพาทต่างๆมาเคลียร์กันในบอร์ด

13.ผู้โพสต์นิยาย และเขียนนิยายกรุณาโพสต์ให้จบ ตรวจสอบคำผิดก่อนนำมาลงด้วยครับ

14.ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน  ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ

15. การนำรูปภาพ บทความ ฯลฯ มาลงในเว็บบอร์ด  ควรจะให้เครดิตกับ... 
(1) ผู้ที่เป็นต้นตอเจ้าของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ
(2) เว็บไซต์ต้นตอที่อ้างอิงถึง
....ในกรณีที่เป็นบทความที่ถูกอ้างอิงต่อมาจากเวปไซต์อื่นๆ
- ถ้ามีแหล่งต้นตอของเจ้าของบทความ  ให้โพสต์ชื่อเจ้าของต้นตอของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ  พร้อมทั้งเว็บไซต์ที่อ้างอิง 
  (กรณีนี้จะโพสต์อ้างอิงชื่อผู้โพสต์หรือเว็บไซต์ที่เรานำมาหรือไม่ก็ได้ แต่ควรมั่นใจว่าชื่อต้นตอของที่มาถูกต้อง)
- ถ้าไม่สามารถหาชื่อต้นตอของรูปภาพหรือเว็บไซต์ที่นำมาได้ ควรอ้างอิงชื่อผู้โพสต์และเว็บไซต์จากแหล่งที่เรานำมาเสมอ
- ควรขออนุญาติเจ้าของภาพหรือเจ้าของบทความก่อนนำมาโพสต์ค่ะ(ถ้าเป็นไปได้) ยกเว้นพวกเว็บไซต์สาธารณะ เช่น  หนังสือพิมพ์ออนไลน์ ฯลฯ ที่เปิดให้คนทั่วไปได้อ่านเป็นสาธารณะ ก็นำมาโพสต์ได้ แต่ให้อ้างอิงเจ้าของชื่อและแหล่งที่มาค่ะ
- ไม่ควรดัดแปลงหรือแก้ไขเครดิตที่ติดมากับรูปหรือบทความก่อนนำมาโพสต์
- ถ้าเป็น FW mail  ก็บอกไปเลยว่าเอามาจาก FW mail

16.นิยายเรื่องไหนที่คิดว่าเมื่อมีการรวมเล่มขายแล้วจะลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออก กรุณาอย่าเอามาลงที่นี่ หรือสำหรับผู้ที่ขอนิยายจากนักเขียนอื่นมาลง ต้องมั่นใจว่าเรื่องนั้นจะไม่มีการลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออกเมื่อมีการรวมเล่มขาย อนึ่ง เล้าไม่ได้ห้ามให้มีการรวมเล่มแต่อย่างใด สามารถรวมเล่มขายกันได้ แต่อยากให้เคารพกฎของเล้าด้วย เล้าเปิดโอกาสให้ทุกคน จะทำมาหากิน หรืออะไรก็ตามแต่ขอความร่วมมือด้วย เผื่อที่ทุกคนจะได้อยู่อย่างมีความสุข

17.ห้ามแจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน  ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง  นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฎการซื้อขายของเล้าก่อน ด้วยนะคะ)
ว่าด้วยเรื่องการจะรวมเล่มนิยายขายในเล้า จะต้องมี ID ซื้อขายก่อน ถึงจะสามารถประกาศ ..แจ้งข่าว.. ที่บนหัวกระทู้ของนิยายได้ ในกรณีที่ รวมเล่มกับ สนพ. ที่มี  ID ซื้อขายของเล้าแล้ว นักเขียนก็สามารถใช้ หมายเลข  ID ของ สนพ. ลงแจ้งในหน้าที่มีเนื้อหารายละเอียดการสั่งจองนิยายได้

18.ใครจะโพสต์เรื่องสั้นให้มาโพสต์ที่บอร์ดเรื่องสั้น ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที  ส่วนเรื่องสั้นที่จบแล้วให้แก้ไขโพสต์แรก และต่อท้ายว่าจบแล้วจะได้ไม่ถูกลบทิ้งและจะเก็บไว้ที่บอร์ดเรื่องสั้นไม่ย้ายไปไหน   เช่นเดียวกับนิยายทุกเรื่องเมื่อจบให้แก้ไขโพสต์แรก และต่อท้ายว่าจบแล้ว จะได้ย้ายเข้าสู่บอร์ดนิยายจบแล้ว ไม่เช่นนั้นม๊อดอาจเข้าใจว่าไม่มาต่อนิยายนานเกินจะโดนลบทิ้งครับ

เอาข้อสำคัญก่อนนะครับเด่วอื่นๆจะทำมาเพิ่มครับเอิ้กๆหุหุ
admin
thaiboyslove.com.......................................                                                           

วันที่ 3 ธ.ค. 2551วันที่ 16 ก.ย. 2554 ได้เพิ่มกฏ ข้อที่ 7
วันที่ 21 ต.ค.2556 ได้ปรับปรุงกฎทั้งหมดเพื่อให้แก้ไข และติดตามได้ง่าย
วันที่ 11 พ.ย. 2557 เพิ่มเติมการลงเรื่องสั้นและการแจ้งว่านิยายจบแล้ว
วันที่ 4 ธ.ค. 2557 เพิ่มบอร์ดเรื่องสั้นจึงปรับปรุงกฏข้อ 18 เกี่ยวกับเรื่องสั้น และ เพิ่มเติมส่วนขยายของกฏข้อ 17



เว็บไซต์แห่งนี้เป็นเว็บไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฎหมายภายในและระหว่างประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเว็บไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเว็บไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเว็บไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม

*****************************************************************************************

เป็นนักเขียนมันเหนื่อย ขายตัวแม่งเลย (Yaoi)


เป็นนักเขียนอย่าง ‘อ๊อก’ โคตรจะปวดหัว นอกจากจะต้องมาแก้คำผิด เรียนรู้ในการหาคำสะสวย ยังต้องมานั่งดูฟีคแบคอีก แถมยังได้แต่คอมเมนท์บั่นทอนจิตใจ ล้วนแต่เป็นพวกที่ไม่ชื่นชอบผลงานตนเอง คอยจิกกัดอ๊อกตลอดเวลา

เฮ้อออ ทางบ้านก็บ่นเรื่องเงิน คนนอกก็ชอบถามว่าทำงานอะไร

"ขายหลีค่ะขายหลี"

กูจะหนีไปขายตัวแล้วแม่ง !

เลิกถามหาเหตุผล !

เพราะสาระไม่ค่อยจะมี !

“ชื่อไร”

“ชื่ออ๊อก”

“อ๊อก ?”

“ใช่ อ๊อกๆ แบบหรรมติดคออะ”


+++

คำเตือนก่อนอ่าน

1.นิยายเรื่องนี้มีคำหยาบคายเยอะมาก ไม่ว่าจะหลี คว* หรรม ให้อารมณ์เมาท์มอยมากกว่านิยายทั่วไป อาจพบเจอในเนื้อหาบ่อยๆ

2.อาจจะเป็นนิยายตลาดล่างสำหรับคนบางคน และครหาว่านักเขียนขยะ มีผลงานขยะ แต่ไม่เป็นไรค่ะ เชิ่ด

3.สถานที่ ตัวละครและเหตุการณ์ในเรื่องเป็นสิ่งที่นักเขียนจินตนาการขึ้นมา โดยมีส่วนความจริงอันน้อยนิด (?)

4.โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน และไม่ใช่นักเขียนทุกคนจะมีลักษณะและทัศนคติเหมือนตัวละครในเรื่องนี้

5.ถ้ารับได้ เชิญชวนให้อ่านนิยายบ้าๆ บอๆ ชิ้นนี้ คอยดูพัฒนาตัวละคร





หนึ่งคำให้แก่วงการนิยาย

"คว*ค่ะ"
Share This Topic To FaceBook
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 22-06-2020 12:06:37 โดย lookpatty15407 »

ออฟไลน์ lookpatty15407

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 74
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +30/-1
บทนำ

[คำว่า ‘เท่าไหร่’ ควรใช้ในประโยคสนทนา ส่วนคำว่า ‘เท่าไร’ แนะนำให้ใช้กับการบรรยายดีกว่าค่ะ อ้อ มีคำผิดด้วยนะคะ ‘ซุกไซ้’ ค่ะ ไม่ใช่ ‘ซุกไซร้’ กับ ‘มันเขี้ยว’ ไม่ใช่ ‘หมั่นเขี้ยว’ ค่ะ คำว่า ‘หมั่น’ จะใช้กับคำว่า ‘หมั่นไส้’  ยกตัวอย่างเช่น ‘อีเหี้ยเอ้ย กูหมั่นไส้มึงฉิบหาย เมื่อไรจะเขียนถูกสักทีนึงอีช้างเย็-’ เป็นต้นค่ะ]

ฮือออ ขอบคุณจ้ะ… เลื่อนสายตามาอ่านอีกหนึ่งคอมเมนต์

[โอดครวญ* ค่ะ เห็นคนเขียนชอบเขียนว่า อวดครวญ* บ่อยมาก บางทีก็งงค่ะว่าจะไปอวดใส่ใคร โอดครวญนี่มันหมายถึงการร่ำไห้ แต่เข้าใจค่ะว่าคนเขียนคงเขียนผิด หัดอ่านพจนานุกรมเยอะๆ นะคะ นิยายมีคำผิดเยอะมากเลย ทั้งง่วงหงาวหาวนอน ก็กลายมาเป็นง่วงเหงาหาวนอนเฉย ใครเหงาใครคะ ? งงไปหมด เห็นหน้าค่าตาก็มาเป็นเห็นหน้าคร่าตาเฉย คือลูกตาถูกดึงใช่ไหมคะ ? เพราะคร่ามันแปลว่า ฉุด,รั้ง,ดึง,ลาก จ้ะ]

[คำผิดเยอะมากจ้า แต่อย่างน้อยก็ดีที่ไม่เขียน ‘คะ,ค่ะ’ หรือพวก ‘น่ะค่ะ’ ผิด อันนี้จะมีแต่อีพวก ‘นะค่ะ’ อันนี้ปวดหัวมากค๊า นะค่ะ นะค่ะพ่อมึงสิ ครูภาษาไทยมึงไม่ได้สอนมาใช่ไหม ขออนุญาตระบายค่ะ ฮือออ เหลืออดเหลือทนเต็มที จะรอติดตามตอนต่อไปนะค่ะ]

อ่าว อีห่า สุดท้ายก็เขียนผิดหนิ…  เลื่อนดูอีกหนึ่งคอมเมนต์ที่ตอบกลับเจ้าตัว

[นะคะ* มาแก้ค่ะ แฮะๆ เริ่มมึน]

อ้อ โล่งอกไปที เหอะๆ ไม่เป็นไรจ้ะ คราวนี้เลื่อนลูกเมาส์ลงมาหวังว่าจะเจอฟีคแบคดีๆ บ้าง อยากจะรู้ซะเหลือเกินว่านิยายที่อัปล่าสุดมันทำให้สนุกไหม อุตส่าห์แต่งจนเช้าตรู่จนไก่ขัน อีฉิบหาย แหกตาตื่นมากูเห็นคอมเมนต์ไม่กี่อัน แทบทุกเรื่องจะเข้ามาจิกกัด

[นายเอกเหมือนเป็นโรคไบโพล่าร์อะค่ะ บางทีก็สงสัยว่านักเขียนอายุสิบเอ็ดขวบหรือเปล่า ตอนที่แล้วยังร้องไห้ที่ผัวเก่าตายห่า พอมาตอนถัดไปเหมือนเมากัญชา ตัวละครผัวตายแต่ยังร่านได้ขนาดนี้ เริงร่าเหมือนสตรีผู้ร่านรัก แนะนำให้ไปตรวจเลือดที่คลินิกนิรนามด้วยค่ะ ไม่ป้องกันอีก อยากให้รับผิดชอบต่อคนอ่านด้วยค่ะ เผื่อเด็กๆ มาอ่านเขาจะเข้าใจผิดพวกเรื่องเพศสัมพันธ์ ชีวิตจริงมันต้องผ่านการทำความสะอาดตรงจุดนั้นด้วยนะคะ]

แรงมากแม่ อี ‘อ๊อก’ อย่างผมอดไม่ได้ที่จะเอามือทาบอก ก็นี่มันนิยายปะ คำเตือนก็แปะอยู่ว่าสิบแปดบวก เนื้อหาอาจไม่สมเหตุสมผล จะให้มาอ้างอิงไรมากมายอะ ทั้งแปะเรทก็แล้ว ไหนจะ ‘Warning’ ก็แล้ว จะให้มาบอกขั้นตอนก่อนฉากมีอะไรกันมันก็คงไม่ไหลลื่นเท่าไร กว่าจะรอนายเอกทำแท้งเสร็จอีห่านกเขาของพระเอกมันคงแตกก่อนพอดี เรื่องเพศสัมพันธ์อย่างวิธีป้องกันก็น่าจะเรียนกันมาบ้างแล้ว อยากหาสาระไปนู่นจ้ะ หนังสือวิชาสุขศึกษา เหนื่อยใจแทน นี่คิดว่าอยู่ในยุคมืดของวงการนิยายวาย ดราม่านิยายที่คนอื่นเจอะเจอกันบ่อยๆ ไม่เคยฉุกคิดว่าตัวเองจะเจอเช่นเดียวกัน แต่ส่วนเรื่องที่บอกคำผิดจะจำเอาไว้ใส่กระโหลกแล้วนำไปปรับใช้ ยอมรับว่าตัวละครเหมือนเมายากันยุงจริง แต่งปุ๊บก็รีบลงปั๊บ คำผิดก็ไม่ทันได้ตรวจแก้

พลางพรมนิ้วใส่แป้นพิมพ์ด้วยน้ำตาคลอเบ้า

‘ขอบคุณมากนะคะ จะนำมาปรับปรุงใช้ในภายภาคหน้า’ ชาติหน้าเลยค่ะอีห่า ไม่อยากจะเขียนแล้ว ! ทำได้แค่ก้มหน้ายอมรับ เลือกที่จะปลอมตัวเป็นผู้หญิงเพราะไม่อยากเปิดเผยว่าตัวเองเป็นผู้ชายเขียนนิยายวาย

น้ำตาจะไหลแล้วนะแม่ ด่าตัวละครลูกกูว่าร่าน มันก็เหมือนด่ากูไปด้วยเลยอะ ฮือออ ต้องหาที่ระบาย รีบหยิบมือถือทักDMหาเพื่อนสาวที่เป็นนักเขียนเช่นเดียวกัน

‘มิริน ช่วยด้วยยยยย’

[ว่าไงมีอะไรเกิดขึ้น ?]

‘ถอดใจกับการเขียนแล้วอะ เขียนยากชะมัดเลย คอมเม้นก็น้อยมาก’

[คอมเมนต์* เขียนแบบนี้นะเธอ]

‘เออช่างแม่งเหอะ ฮือออ เริ่มอยากเก่งแบบเธอบ้างแล้วอะ เธออะแต่งก็ดีภาษาก็สวย เนื้อเรื่องก็น่าสน แต่นี่อะเครียดพวกเรื่องคำศัพท์ การวางโครงเรื่องไปหมด เมื่อไหร่จะถึงดวงของเราบ้าง อยากแต่งนิยายแล้วติดทอปเหมือนชาวบ้านเขา’

[ฮือออ กอด T T ไม่เป็นไรนะเธอ ของอย่างงี้ต้องฝึกฝนพัฒนากันไปเรื่อยๆ มันต้องมีสักครั้งที่เธอได้ติดอันดับ ช่วงนี้ลองขยันอัปดูไหม ? มันช่วยได้นะพวกฐานคนอ่าน ส่วนเรื่องพล็อตนี่ก็เคยเป็น ต้องหาแนวที่แต่งแล้วตีตลาด]

‘ตีแบบไหนอะ หยิบอีโต้ไปฟันคนอ่านเหรอ ยกพวกไปตีท้ายครัวที่ตลาดใหญ่ ขู่บังคับมึงต้องอ่านนิยายของกูนะ’

[ไม่ใช่เธอ 5555 อย่าทำแบบนั้น]

‘ไม่ทำหรอก แต่ท้อจริงแล้วนะ นี่เครียดมาก ที่บ้านก็เริ่มบ่นว่าสิ่งที่ทำอยู่ไร้ความหมาย ทำตัวเป็นภาระ ทั้งที่หลังเที่ยงคืนนี่ก็แปลงร่างเป็นซินเดอเรลล่าตลอด กวาดถูบ้าน ล้างจานตรงซิงค์จนเปียกตัวไปหมด’

[ล้างยังไงให้เปียกไปทั้งตัวอะ อาบน้ำเหรอ ?]

‘เออดิ หมุนก๊อกอะ แม่งพุ่งแรงเหมือนน้ำเชื้อกระเด็นใส่’

[5555 อีห่า เกลียด]

‘เดี๋ยวจะไปซื้อข้าวก่อนนะ จริงๆ ไม่มีไรมากแค่อยากมาระบายกับเธอเฉยๆ’

[อืมไม่เป็นไร ยินดีรับฟังเสมอ มีอะไรก็ทักมาระบายได้นะ เดี๋ยวนี่ก็ไปแต่งนิยายต่อ เธอไปกินข้าวเถอะ]

‘ขอบคุณมากนะมิรินที่รับฟัง แต่ทีหลังไม่ต้องมาเสือกเด้อ’

[อ่าว… (;_;)]

‘ล้อเล่นคร๊าบบบบ 555 ไปละ หิวมาก รักเธอเด้อ ไว้เจอกันใหม่’

[ไปเถอะอีสัตว์]

ผมหัวเราะขำ ก่อนจะวางมือถือลงข้างโต๊ะคอม พลันลุกขึ้นยืนเดินออกจากห้อง ลงมาถึงชั้นล่างของบ้านก็เห็นแม่กำลังยุ่งกับเรื่องเงินในบัญชี ก่อนจะโทรไปตามด่าลูกค้าที่ขยันกู้เงินแต่ไม่มีปัญญาจ่าย เรื่องพรรค์นี้เริ่มเห็นจนชินชา

สงสารก็สงสารแม่นะ ช่วงนี้เห็นแกเครียดทะเลาะกับพ่อจนถึงขั้นเลิกรากันไป ต่างคนต่างอยู่ ส่วนผมก็พยายามเท่าที่จะช่วยได้ มีนิยายคอมเมดี้เรื่องหนึ่งผ่านพิจารณากับสำนักพิมพ์ ซึ่งก็โชคดีที่ความไร้แก่นสารของมันมีคนสนอกสนใจ ก็กะว่าจะเอาผลงานชิ้นนี้นี่ละหารายได้ แต่ก็ต้องแลกกับการใช้เวลาที่กว่าจะแต่งจนจบ ทว่า เดี๋ยวนี้ผมเริ่มชักจะหมดมุกละ พาลกังวลว่าผลงานจะออกมาไม่ค่อยดีจึงไม่ได้เริ่มเขียนต่อ

ทำไงดี หรือควรออกไปหางานทำเหมือนที่พ่อไลน์มาด่า ญาติเดี๋ยวนี้ก็ขยันเสือกกันฉิบหาย หรือจะไปขายตัวดี ? แต่จะมีคนซื้อไหมก็ค่อยคิดอีกที

หากจะแต่งนิยายติดเหรียญลงเว็บก็เกรงว่าจะไม่มีคนซื้อ บวกกับความเกียจคร้านของตัวเองอีกที่ติดเป็นนิสัย ก็ไม่รู้จะมีคนติดตามกันบ้างไหม ขนาดเรื่องล่าสุดยังโดนด่าซะเละ ขยันคิดพล็อตแต่ไม่ขยันแต่งสมนามปากกา ‘ผู้ง่วงหงาวหาวนอน’

ดูท่าว่าจะต้องโทรไปหา ‘คริสตี้’ เพื่อนสาวสองที่สนิทสนมตั้งแต่สมัยประถม

หางานช่วยแม่ก็ดีนะช่วงนี้…

“เฮ้ออออ” ถอนหายใจอย่างปลงตก เดินมาถึงร้านอาหารตามสั่งตรงซอยบ้านตัวเองก็เห็นป้าแกกำลังฉุนเฉียวด่าใครบางคน ขณะที่ผัวป้าแกก็ยืนรับฟังเงียบๆ คาดเดาว่าน่าจะเป็นลูกค้าแถวบ้านที่โดนด่าซะไฟแรป

“แม่ง ! แค่บอกให้อีกห้านาทีมารับ เสือกมาชักสีหน้าใส่กู กูต้องเดินไปเสิร์ฟถึงที่บ้านเลยมั้ง อีห่าลูกค้ากูก็เยอะ มีหน้ามาบอกว่างั้นไม่กินละ ทำเสียงประชดประชันใส่อีก อีดอกก็ไม่ต้องแดก กูก็เหนื่อยเหมือนกัน”

“เอ่อ…” ผมที่เดินมาถึงร้านก็ทำท่าจะปริปากสั่งข้าว แต่เสียงก็ดูเบาหวิวเกินกว่าที่ใครบางคนจะได้ยิน

ปล่อยให้ด่าก่อนดีไหมนะ กลัวโดนพาลฉิบหายเลย

“ต่อไปนี้แดกไรก็ให้เดินมาเอากันเอง กูก็ปวดขาเหมือนกัน บวมจนเดินไม่ไหวละ แม่งเห็นแก่ตัวกันฉิบหายให้ไปเสิร์ฟถึงบ้าน”

“...”

“ไม่แดกก็ไม่ต้องแดก”

“เอา…” ผมเริ่มขยับปากทำท่าจะสั่งอาหาร ประจวบเหมาะกับที่ป้าแกด่าเสร็จสรรพพอดี จึงหันขวับมาทางนี้ พาลพูดจาถ้อยคำที่เล่นเอาผมสะดุ้งโหยง

“จะแดกอะไร”

“แดกกะเพราไก่ไข่ดาว” รีบตอบอย่างลืมตัว ไม่ได้ตั้งใจใช้คำหยาบคายกับป้าแกเลยสักนิด

อีห่า น้ำมันในกะทะกำลังเดือดปุดๆ กูจะโดนจับหัวทึ้งลงกะทะมะ ?

“หมายถึงเอากะเพราไก่ไข่ดาวครับ” รีบแก้ต่างโดยไว

“เดี๋ยวเดินมาเอานะ” ป้าแกบอกพร้อมกับชักสีหน้า

“เดี๋ยวรอครับ ไม่เป็นไร” ผมเลยเลือกที่จะทำตัวเป็นคนดี ทั้งที่ปกติป้าแกก็จะมาเสิร์ฟให้ถึงบ้านตลอด แต่พอเห็นแกดูโกรธจัดขนาดนี้ บวกกับบ่นเรื่องสุขภาพร่างกาย ตัวผมเองในยามนี้ก็ชักจะเห็นใจ

อากาศตอนนี้มันคงร้อนอบอ้าวละมั้ง ประสาทคนเลยแดกไปตามๆ กัน เดี๋ยวทานเสร็จก็ต้องกลับไปขึ้นห้องแต่งนิยายต่ออีก ดราม่าวงการนิยายก็เริ่มมากขึ้นเรื่อยๆ ล้วนแต่เป็นหัวข้อที่ผมเคยเจอ

โดยรวมอ๊อกคนนี้แต่งนิยายมาเกือบแปดปีแล้ว แต่ก็มีช่วงที่ห่างหายจากการเขียนไปปีกว่าๆ เพราะหลายๆ สิ่งที่ถาโถมเข้ามา จึงไปทำงานหาเงินแทน ครั้นได้ลาออกจากงานด้วยเหตุผลบางประการ หยุดทีก็กลายเป็นหยุดยาวโดยไม่คิดจะออกจากบ้านไปหางานใหม่ สุดท้ายแต่งนิยายเงียบๆ อยู่ในห้อง ไม่ออกไปเจอเพื่อนพ้องแต่อย่างใด พอได้กลับมาเขียนใหม่ก็กลับหลงลืมคลังคำในหัวไปหมด

ณ วินาทีนี้ป้าคนหนึ่งที่ผมสนิทมากเป็นพิเศษ เดินมาสั่งกับข้าวเช่นเดียวกับผม พลางเอ่ยทัก

“อ่าว น้องอ๊อก”

“...”

“ช่วงนี้ทำงานไรอยู่ ?” ป้าแกถาม เพราะช่วงนี้คงไม่ค่อยจะเห็นผม

มันก็แหงแหละ อยู่แต่บ้านจนผิวขาวเป็นแวมไพร์ละ ปกติแม่จะทำกับข้าวให้ทาน นับตั้งแต่เลิกกับพ่อ แม่ก็ชอบบอก ‘ออกไปซื้ออาหารแดกกันเอาเอง’

ผมที่แทบรู้ไส้รู้พุงกับป้าแกสามารถพูดคำหยาบคายอย่างขบขันได้ไม่ยาก แต่หากเป็นคนอื่นตั้งคำถามเช่นนี้บ่อยๆ คงจะหัวฟัดหัวเหวี่ยงหันไปด่านานแล้ว ไม่รู้จะถามอะไรกันนักกันหนากับงานที่กูทำ

“ขายหลีค่ะขายหลี” ตอบออกไปโดยไม่ใช้น้ำเสียงชัดถ้อยชัดคำนัก มิวายทำหน้าทะเล้น เรียกเสียงขบขันจากหญิงวัยกลางคน

ทุกคนในเครือญาติต่างก็รู้กันดีว่าผมนั้นเป็นเกย์ หาได้เป็นชายแท้ไม่ การพูดคะค่ะในบางครั้งเลยเรียกเสียงชมชอบจากใครหลายคน ตุ้งติ้งบ้างในบางครั้ง แต่ชอบทำตัวติดตลกซะมากกว่า การแต่งเนื้อแต่งตัวไม่ต้องพูดถึง โดนด่าว่าอีเด็กใจแตกมาแล้วก็มี บางครั้งเพื่อนก็ชอบมาด่าว่าเราร่าน ไอ้เราก็เป็นงงมากเวลาโดนด่า เริ่มชักจะหงุดหงิดกับคำๆ นั้น โคตรจะไม่ชอบเลยกับคำว่าร่าน พวกแม่งรู้ได้ยังไงกัน ทั้งที่เราก็เก็บความลับนี้มาตั้งนาน

“จริงเหรอ นี่อยากขายไหม ป้าก็มีเพื่อนนะที่ขายแถวย่านX ขายดีนะ แม่งได้เงินกันเยอะฉิบหาย เพศแบบเรานี่ก็มี รับลูกค้าพวกป๋าๆ รวยๆ ทั้งนั้น ต่างชาติไรก็มีหมด หล่อๆ ทั้งนั้น”

แรงมากแม่ ! ป้ากูสนับสนุนให้เป็นกะหรี่ ! อีอ๊อกทำใจรับไม่ได้ ! รู้รายละเอียดขนาดนี้

“เพื่อนป้าชวนป้าไปเป็นกะหรี่ด้วยเหรอ ?” อดไม่ได้ที่จะตั้งคำถาม

“อีนี่หนิ ไม่ได้ชวนซะหน่อย แค่ได้ยินมาบ้าง ขืนเป็นจริงผัวป้าซ้อมตายห่า” ป้าแกยื่นมือมาตีไหล่ของผมเบาๆ แต่ก็พอที่จะผมจะหรี่ตามอง แสร้งทำเป็นลูบไหล่ตัวเองคล้ายจะเจ็บ

“เอาเถอะ ผมก็พูดไปงั้นไม่ได้จะไปขายจริงๆ ซะหน่อย”

“อ่าวเหรอ ก็คิดว่าจะทำจริง แต่มันได้เงินเยอะมากเลยนะ” ป้าแกบอก

“ป้าเลิกคะยั้นคะยอที” ผมถึงกับร้องขอ ไม่รู้แกจะจริงจังไปไหน

ผมยืนคุยเล่นระหว่างรอกับข้าว ทันทีที่ได้รับก็โบกมือลาป้าแกก่อนจะเดินมานั่งทานที่บ้านตัวเอง ทำอะไรเสร็จสรรพก็ขึ้นห้องมาอยู่เงียบๆ นั่งจดจ้องกระดาษเปล่าโง่ๆ ที่โล่งโจ้นบนหน้าจอคอม ราวกับว่ามันกำลังตั้งคำถามใส่ผมว่าจะเอายังไง มึงจะเขียนเหี้ยอะไรใส่กูอีกล่ะ นำเสนอแต่ละฉากกับคำพูดตัวละครในแต่ละที กว่าจะเขียนได้แต่ละบรรทัดก็โคตรจะยากเย็น

ผมนั่งลูบหน้าตัวเองเล่น บทจะไม่มีอารมณ์ในงานเขียนก็เขียนไม่ได้จริงๆ สิ่งเหล่านี้ล้วนขึ้นอยู่กับอารมณ์ในการแต่งทั้งนั้น รู้ตัวว่าไม่สามารถเขียนได้หลังจากฝืนแต่งและลบไปมาสิบกว่าเที่ยว ผมเลยบันทึกงานที่พิมพ์ไม่ถึงบันทึกและเปลี่ยนเป็นนั่งเล่นทวิตเตอร์แทน สอดส่องอยู่หน้าไทม์ไลน์พูดคุยกับคนอ่านและคนเขียนที่อัปเดตความคืบหน้า

[เบื่อมากพวกใช้นายเอกคำว่า ร่างบอบบาง,ร่างเล็ก,ร่างน้อย,ร่างอรชร คือเป็นผู้ชายนะคะ ไม่ใช่ผู้หญิง พระเอกก็มาร่างสูงโปร่ง เดี๋ยวก็มีผิวพรรณกระจ่างใส คือใสที่ว่านี่คือใสจนทะลุผิวหนังเลยปะคะ งง] ยอดรีเป็นพัน ผมได้แต่เขม็งตาใส่ คิ้วก็ขมวดมุ่นไม่ชอบใจ

อีหอยสังข์ ! แล้วมึงจะให้กูใช้คำว่าอะไรไม่ทราบ ร่างบอบบางใช้ไม่ได้ ให้กูใช้ว่าร่างผอมแห้งติดกระดูกเลยไหมฮะ ! ร่างเล็กก็ไม่ชอบ งั้นต่อไปนี้กูจะใช้คำว่าร่างกระจิ๋วหลิวเหมือนหมาปอมไม่ก็ชิวาว่าไปเลย เรื่องเยอะนักนะดีออกทอง ! ร่างน้อยก็ไม่เอา งั้นอันตรธานหายไปเลยอีเวรตะไล ไม่ต้องมีแล้วนายเอกให้พระเอกแม่งได้กับอากาศธาตุแทน อรชรกับร่างสูงโปร่งก็ไม่ชมชอบ อะไรๆ ก็ขัดใจมึงไปซะหมด ต่อไปนี้กูก็จะใช้คำว่าร่างสูงเหมือนเสาไฟฟ้าช็อต ไม่ก็เหมือนผีเปรตร้องขอส่วนบุญ อรชรก็เป็นอรคว- อีผิวพรรณกระจ่างใส ก็เปลี่ยนเป็นผิวบอบช้ำโดนคนทุบตี มีขนหน้าแข้งดกดำ ใสมาก ไสหัวมึงนี่แหละไปไกลๆ !

เบื่อ เบื่อโว้ยยยย ! เขียนนิยายก็ปวดหัวจะตายห่าแล้ว ยังต้องมาตามใจพวกประสาทแดกอีก ทำอะไรก็ผิดไปหมด เลื่อนทวิตเตอร์ลงมาอีกก็ถึงกับต้องกุมขมับ ไม่รู้จะมีดราม่าในวงการนี้เยอะไปไหน

อะ นี่อะไรอีกล่ะคะทีนี้ หืม ดราม่าเรื่องพล็อต เลื่อนลงมาอีกก็ดราม่าเรื่องเอ็นซีทำไมในนิยายไม่ป้องกัน ทำแท้ง

หน่านิ๊ ? เอาจริงดิ !

“เหนื่อย !” หลุดสบถดังลั่น อะไรแม่งจะเยอะกันนักกันหนา จะให้มาเขียนฉากนายเอกทำแท้งจริงๆ จังๆ กันอย่างงั้นเหรอ ฉากเอ็นซีบางเรื่องจะให้ป้องกันทุกเรื่องก็คงเป็นไปไม่ได้ น่าจะแยกแยะกันได้ระหว่างจินตนาการกับชีวิตจริง ให้มารับผิดชอบนักอ่านทุกคนคงเป็นไปไม่ได้เช่นเดียวกัน ทุกวันนี้กูยังเอาตัวไม่รอดเลยอีฉิบหาย ข้อมูลต่างๆ นานา อยากรู้เพิ่มเติมเสิร์ชหาคำตอบกันเอาเอง คงไม่มีใครอยากมาบอกขั้นตอนทำแท้งกันหมดหรอก แต่ถ้าอยากได้ความสมจริง…

กูยื่นให้เลยค่ะ ‘สุขศึกษา’ จบ !

‘งั้นคุณอ่านหนังสือสุขศึกษาเถอะค่ะ หาเหตุผลความสมจริง ขนาดหนังเรทพวกGVมันยังไม่มีฉากทำแท้งสมจริงเลยจ้ะ แล้วคุณจะมาวุ่นวายอะไรมากกับการอ่านเอ็นซีล่ะคะ ?’

เลือกที่จะรีทวิตตอบกลับ จะได้รู้กันไปบ้างว่าในบางเรื่องก็ควรแยกแยะกันเอาเอง วิจารณญาณก็น่าจะพึงมี นักเขียนเขาจะหมดกำลังใจและเลิกเขียนก็เพราะดราม่าน่ารำคาญนี่แหละ ! แต่เดี๋ยวมึงก็มาครหาว่านักเขียนประสาทแดกอีก ทั้งที่เกิดจากตัวมึงกันทั้งนั้น เดี๋ยวก็ดีดนิ้วให้สลายโจ๋แบบทานอสเลยหนิ !

ส่วนนิยาย… ขอส่องแป๊บ

“โอ๊ะ เมนต์ใหม่ ! หืม รออัปตอนต่อไปนะคะ...” พึมพำเสียงอ่อนคล้ายจะร้องไห้

อืม เมนต์จริงดังที่ว่า น้ำตาจะไหล กำลังใจพอจะมีอยู่หน่อยๆ แต่เลื่อนคอมเมนต์ลงมาก็มีแต่คำจิกกัดทั้งนั้น ไม่คิดจะแคร์คนเขียนเลยสักนิด หยิบมือถือโทรหาเพื่อนสนิทเลยดีกว่า ทนไม่ไหวแล้วท้อแท้หมดกำลังใจ หาแนวทางการเขียนก็ไม่เจอคงต้องหันไปทำอย่างอื่นบ้าง จนกระทั่งได้ยินปลายสายกดรับจึงเอ่ยปาก

“ฮัลโหลคริสตี้” ลากน้ำเสียงยาวเหยียดด้วยความดีใจ

[ว่าไงมึง]

“มีงานไรแนะนำปะ กูเหนื่อยฉิบ ไม่อยากเขียนนิยายแล้วอะ ถอดใจฉิบหาย อยากไปหางานทำจะหาเงินให้แม่ด้วย”

[กูไม่ได้ทำงานแล้วอะดิ]

“อ่าว แล้วมึงทำไรอยู่อะ อยู่บ้านเฉยๆ เหรอ ?” ผมถามอีกฝ่ายอย่างแปลกใจ

[เออ แต่กูก็เล็งงานอีกที่ละ เห็นว่าเงินดี]

โหย เงินดีขนาดไหนวะ ตาผมเริ่มลุกวาว รีบถามเพื่อนสาวสองอย่างตื่นเต้น

“งานไรอะ ทำด้วยๆ ถ้าได้เงินดีกูทำหมด”

[จะดีเหรอมึง…] ปลายสายดูเสียงอ่อนลง

“ทำไมอะ ?”

[ก็กูจะขายหลีอะดิ]

“...”

[มึงอยากไปเป็นกะหรี่ด้วยไหมล่ะ]

เป็นงง...เป็นงงไปหมด ว่าทำไมวันนี้กูเจอแต่คนชวนไปเป็นกะหรี่

โว้ยยย วุฒิการศึกษาตัวเองก็แค่มอสาม ภาษาอังกฤษก็ไม่ได้เรื่อง แม้แต่คำว่านกยังสะกดไม่ออก จะหางานทำก็คงได้แค่พวกเสิร์ฟอาหารทั่วๆ ไป

แต่งนิยายก็ไม่ได้เรื่อง ทางบ้านก็บ่นเรื่องเงินเก่ง วันก่อนๆ ก็โดนญาติช่างยุว่าให้หันไปทำอย่างอื่นแทน

ไม่เลือกงานไม่ยากจน...

“เออ งั้นกูทำ !” ในเมื่อเป็นนักเขียนมันโคตรเหนื่อย กูขายตัวแม่งเลยละกัน ! ชีวิตตลกร้ายดี !

[แต่มึงไม่สวยคงเหนื่อยหน่อยนะ] อีเพื่อนชั่ว !

“ลองดู มึงจะทำวันไหนล่ะ กูทำด้วย ตัดพ้อชีวิตแม่ง !”

[ในเมื่อมึงทำ งั้นไปขายกับกูวันนี้เลย แต่มึงต้องแต่งตัวเป็นผู้หญิงนะ]

“ทำไมอะ แต่งตัวธรรมดาไม่ได้เหรอ ?”

[เอาเหอะหน่า กูมีคนรู้จักขายตัวอยู่…]

อีกละ พวกมึงรู้จักคนประเภทนี้อีกละ ตั้งแต่ป้ากูละนะ

[ลูกค้าผู้ชายส่วนใหญ่อะ ชอบอมงูกะเทยเว้ย]

“ฮะ !” เบิกตาโตอย่างเหลือเชื่อ รีแอคชั่นด้วยการเอนตัวไปกับเบาะที่นั่ง พลันยกมือขึ้นมาทาบอก ปากก็พลอยเหวอ

จริงจ๊ะ ? เอาจริงดิ

[ตกลงวันนี้นะ ตอนแรกกูก็ลังเลว่าจะทำดีไหม]

กูเองก็เช่นกัน ! ขอเวลานอกเพื่อคิดแป๊บมึง… เริ่มไตร่ตรองหาคำตอบ ชักจะไม่แน่ใจละ เกิดกูได้แขกใหญ่ๆ ขึ้นมาต้องแหกแน่ๆ อีฉิบหาย

[เดี๋ยวกูไปรับมึงเลยละกัน มานั่งแต่งตัวบ้านกูเลย]

ดะ เดี๋ยว เดี๋ยวมึงอีเพื่อนเหี้ย ! กูก็อยากขายนะ แต่กำลังช็อกกับการที่ผู้ชายอมงูกะเทยอยู่ ถึงแม้กูจะเป็นเกย์ก็ตามที

[ดีใจจัง กูจะได้มีเพื่อนขาย]

“...”

[เป็นกะหรี่ด้วยกัน สนุกดี]


ตรรกะเหี้ยอะไรของมึงงงงง !!
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 22-06-2020 11:25:40 โดย lookpatty15407 »

ออฟไลน์ lookpatty15407

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 74
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +30/-1
ตอนที่หนึ่ง

 

“มึงถามหน่อยสิระหว่าง ‘กะหรี่’ กับ ‘กระหรี่’ ที่มีรอเรือ อันไหนเขียนถูกอะ”

ผมเลิกคิ้วขึ้นสูงอย่างแปลกใจกับคำถามของเพื่อนสนิทที่ตอนนี้กำลังเอาตาข่ายเก็บผมที่ครอบคลุมเส้นผมที่ยุ่งเหยิงให้เข้าที่เข้าทางให้เรียบร้อย ก่อนจะวางวิกผมที่ยาวเหยียดสีดำสนิทครอบลงตรงกลางกบาล

อารมณ์ไหนของมันวะ ? ถึงได้อยากเรียนรู้ภาษาไทยอย่างถูกต้อง ปกติไม่เห็นแม่งจะสนใจเลยสักนิด

“วิธีการจำง่ายๆ กะหรี่กับกะเทยก็เหมือนกัน เป็นได้เลยไม่ต้องรอ มึงไม่เคยดูคลิปของคุณครูลิลลี่อ๋อ ?” ไม่วายถามอย่างสงสัย

“สรุปก็คือไม่มีรอเรือ ถูกมะ ?”

“ก็เออไง” ผมขานรับ หลุบสายตาลงต่ำ นั่งไถทวิตเตอร์เล่นต่อในมือถือ

“ไม่น่าล่ะ”

“?”

“เราสองคนถึงเป็นกะหรี่ได้เลยไม่ต้องรอ”

“สัตว์” เงยหน้ามามองมันที่สะท้อนบนกระจกตรงหน้า อดไม่ได้ที่จะสวนกลับ

“แล้วเมื่อไหร่จะเลิกยุ่งกับกบาลสักที” ผมขมวดคิ้วยุ่ง เห็นมันยังจับแต่งวิกผมที่ยาวเหยียด “กูรู้สึกเหมือนตัวเองเป็นทาร์ซานทุกทีแล้วนะ”

“หุบปากอีอ๊อก กูกำลังลองวิกให้อยู่นี่ไง” มันด่า

“สรุปจะไปเป็นกะหรี่หรือคนบ้ากันแน่ กูเริ่มสับสนแล้วอะ” ชักจะหวั่นใจ อยากขอถอนตัวออกจากแก๊งโสเภณีตอนนี้เลยได้ไหม ก็วิกที่ใส่อยู่ในตอนนี้เหมือนคนหัวฟูสิ้นดี ก่อนที่จะถูกคริตตี้ถอดถอนออกอย่างแรง พูดด้วยน้ำเสียงกระฟัดกระเฟียด

“บวชชีแม่งเลย โมโห !”

“มึงบวชชีกูก่อนจะพูดอีก” ผมส่ายหน้าอย่างหน่ายใจ พูดถึงคำว่าบวชชีภาษากะเทยก็น่านำไปใช้ในนิยายนะ หมายถึงการถอดวิกและกระชากหัวให้กลายเป็นคนหัวโปกเหมือนที่มันทำนั่นแหละ

“วิกเหี้ยไรอีกอะ” ผมที่นั่งอยู่บนเก้าอี้ เงยขึ้นมาด่าทันทีที่เห็นวิกอีกอันที่มันหยิบขึ้นมา จากนั้นก็สวมลงที่ศีรษะอีกครั้ง จับปัดหน้าม้าและหวีผมอีกสักหน่อย เลยได้เห็นหน้าตัวเองกระจ่างชัด ดูดีกว่าการเป็นทาซาร์เมื่อครู่นี้ ความยาวของมันอยู่ในระดับกลางแผ่นหลัง ไม่หนาและบางจนเกินไป ยาวสลวยเหมือนเส้นผมจริง

“ดูดี แต่ต้องแต่งหน้าแต่งตาอีกสักหน่อย ตอนนี้หน้ามึงเหมือนช่างแอร์ในตำนาน”

“อีเหี้ยคริตตี้” กล้าดียังไงมาเปรียบกูเป็นช่างแอร์ในตำนาน !

“ว่าไงอีเหี้ยอ๊อก” มันด่ากลับพร้อมรอยยิ้ม ผมเลยได้แต่ถลึงตาใส่ ก้มหน้ามาตอบนักอ่านที่DMในทวิตเตอร์แทน

“คุยกับผัวใหม่เหรอ ร่านมาก เพิ่งเป็นกะหรี่หมาดๆ สร้างแอคเคาท์นัดเย็-แล้วสินะ”

“กูกำลังปลอบใจนักอ่านต่างหากเว้ย !” ตวาดเสียงดังลั่น หลุดขำกับสิ่งที่มันเปรียบเปรย ขยันจิกกัดฉิบหายอีเพื่อนเวร ทั้งที่อีกไม่นานต้องมานั่งเครียดกับการเป็นกะหรี่แท้ๆ เวลาลูกค้าจะดีลก็ไม่รู้ว่าต้องตอบยังไงอีก

“นี่มึงเป็นนักเขียนไม่ใช่เหรอ ?” มันหยุดหวีผม เอียงคอมองท่าทีฉงน

“ก็ใช่ไง”

“แล้วนี่มึงต้องมาเป็นพี่อ้อยพี่ฉอดที่ปรึกษาทางใจให้คนอ่านอีกเหรอ ?”

“เหอะๆ มึงไม่รู้อะไร วงการนี้นักเขียนก็เป็นกันหมด นอกจากแต่งนิยายให้คนอ่านแล้ว ก็ยังเป็นที่ปรึกษาชีวิตของคนอ่านเช่นเดียวกัน” ผมแถลงไข

“โหย น่าสงสาร ขนาดชีวิตตัวมึงเองยังเอาตัวไม่รอด ริอาจจะไปเป็นที่พึ่งทางใจของคนอ่านอีก” มันหยุดคำพูดลง ก่อนจะเสริมประโยคถัดมา “สงสารนักอ่านมึงเนอะ คงมาปรึกษาด้านความรักล่ะสิ โดยที่ไม่รู้เลยว่านักเขียนอย่างมึงกำลังผันตัวไปเป็นอีตัวที่ไม่มีวันเจอรักแท้”

แรงมากแม่ อ๊อกคนนี้ทนรับฟังไม่ได้ขออนุญาตเอามืออุดหู แต่คนที่รู้นิสัยดีอย่างมันก็ดันเสือกก้มหน้ามากระซิบข้างกกหู เล่นเอาผมแทบหูหนวก

“ดัดจริตทำเป็นรับไม่ได้ อีกะหรี่ !”

“มึงน่ะสิอีกะหรี่ !” ผมชี้นิ้วด่ามันในกระจก

“อีโสเภณี !” อีคริตตี้ชี้นิ้วด่ากลับ

“อีคณิกา !” ผมสวนแทน

“อีหอนางโลม” มันเองก็ไม่ยอมแพ้

“อีเด็กซ่อง !” ผมยังโต้คารม

“อีผีเสื้อราตรี !” อีคริตตี้โต้ตอบ พลันมองหน้ากันเหมือนรู้ใจ ก่อนจะขยับริมฝีปากร้องเพลงพร้อมกัน

“จะไปกับแสงสีกับปีกที่สวยๆ ให้เหมือนผีเสื้อราตรี จะหยิบเอาสายฟ้ามาเสียบเป็นสีสัน แต่งแต้มหัวใจทั้งคืน ~”

“กูชอบคำนี้” คริตตี้แสดงความคิดเห็นหลังร้องเพลงจบ ส่วนผมพยักหน้าขึ้นลง “เห็นด้วย” กลับมานั่งลงสงบเสงี่ยมตามเดิม แตกต่างจากเมื่อครู่ที่ชี้นิ้วใส่กันผ่านบานกระจก ล้วนแต่เป็นความบ้าบอของเราทั้งสอง

“กูว่าวันนี้พวกเราน่าจะขายรุ่ง” คริตตี้ที่หวีผมต่อพึมพำอยู่เหนือหัว “เวลาลูกค้ามาก็บอกบายวันเกทวัน”

“ซื้อหนึ่งแถมหนึ่งน่ะเหรอ ?”

“ใช่ เผื่อเป็นชาวต่างชาติ”

“แล้วถ้าเป็นตำรวจล่ะ ?”

“ก็บอกว่าหนูมารอเพื่อนค่ะ” มันพูดไม่พอยังทำหน้ากวนส้นตีนใส่อีก ใช้ดวงตากลมกระพริบตาปริบๆ ทำปากจู๋เหมือนคนดูดหรรมหมา บอก “ทำหน้าแบบไม่มีพิรุธ”

“หน้าด้านมาก” นี่เหรอหน้าตาไม่มีพิรุธของมึง ผมแสร้งบึนปากในบันดล อยากจะจับไอ้คริตตี้ยัดใส่ในนิยายตัวเองฉิบ คาดคะเนว่าหากเป็นตัวเอกก็คงตุ้งติ้งน่าหมั่นไส้ ประจวบเหมาะที่เลื่อนทวิตเตอร์ผ่านมาพอดี

[ทำไมนายเอกต้องออกสาวด้วย เกย์ต้องแมนๆ สิ นี่ไม่ชอบเลยค่ะไทป์น้องรูปร่างบอบบาง และก็แบบพระเอกใช้ปากให้นายเอก อย่างGVบางเรื่องที่เป็นคู่รักกัน ถึงขั้นให้รับตัวเล็กๆ เสียบรุกตัวใหญ่ๆ ด้วย โคตรรับไม่ได้]

“เหอะๆ อีควาย อี อี…”

“อีหน้าส้นตีน !”

“ขอบคุณมากมึง” ผมหันไปขอบใจเพื่อนซี้ที่รู้ใจตรงจังหวะ

“ไม่เป็นไรมึง” คริตตี้ตอบปัด เริ่มจับปอยผมด้านข้างแบ่งเป็นสามช่อ ถักเปียวิกผมที่ถูกออกแบบให้มีหนังศีรษะ ถึงขั้นต้องทากาวโดยเฉพาะให้มันติดกับหนังหัว แต่สิ่งที่ผมสนใจมันประเด็นนี้ต่างหาก

“มึงดูนี่นะ เหตุผลพวกนี้นี่แหละที่กูอยากจะเลิกเขียนนิยายแล้วหันมาขายตัวแทน มันชอบมีแต่พวกพวกไอ้แอคเห็บประสาทแดก” ยกมือถือขึ้นสูง หันหน้าจอไปด้านข้างเพื่อให้เพื่อนสนิทดู

“ตลกอะ กูว่าพวกนางไม่เคยมีเพื่อนที่เป็นเพศที่สามมากกว่า สงสัยอยู่แต่โลกแคบถึงคิดว่าเกย์ต้องแมนเสมอไป ไม่ชอบไทป์รูปร่างบางก็ไม่ต้องอ่านปะ นิยายมีให้คัดสรรหยิบจับต้องเยอะแยะ พล็อตมีเป็นล้านแตด เสือกกระแดะจะมาอ่านเรื่องที่ไม่ชอบซะงั้น โคตรงง ดูอย่างมึงเป็นตัวอย่างสิ…” คริตตี้พินิจ เอี้ยวกายมาด้านข้าง ก้มๆ เงยๆ สำรวจร่างกายผม พลันวิจารณ์ “เป็นเกย์สาวที่ใจแตกแต่แต่งนิยายวาย พอรู้ตัวว่าไปต่อไม่รุ่งเลยฉุกคิดจะขายตัว”

“...”

“ขายบ้านไปทำหลี แล้วขายหลีไปสร้างบ้าน พ่อแม่ต้องภาคภูมิใจ”

“กูเป็นเกย์ ไม่ได้อยากไปผ่าหลี !” ผมสวนอย่างมีน้ำโห

“แสดงว่ายังอยากเก็บไว้ชักว่าวต่อ” คริตตี้อมยิ้ม ทำตาหยี “แต่งตัวเสร็จใครจะไปรู้ มึงอาจจะเพิ่งรู้ตัวว่าอยากเป็นผู้หญิงก็ได้นะ” ฉีกยิ้มกว้างพลางหัวเราะหึๆ เหมือนคนโรคจิต ก่อนจะเดินอ้อมมาด้านหลังและหมุนเก้าอี้ของผมให้ตั้งตรง

“มึงจับกูแต่งตัวแบบนี้ตั้งแต่สมัยเด็กแล้วเถอะ” ผมแก้ต่างด้วยสีหน้าบึ้งตึง ทั้งที่สมัยอดีตก็โดนเพื่อนรักแต่งหน้าทำผมให้เป็นหนูทดลองอยู่บ่อยๆ นั่นก็เพราะว่ายัยคริตตี้มันอยากเป็นเมคอัพอาร์ติส

“มึงนี่ชอบแต่งหน้าเหมือนเคยเลยนะ” ผมพูดขึ้นลอยๆ คลายบรรยากาศ

“แน่นอน ก็กูอยากทำอาชีพช่างแต่งหน้าศพ”

“อีสัตว์หนิ” ชอบให้ด่าทุกที มึงเป็นบ้าอะไรกัน ขืนคุยกับมันต่อต้องประสาทแดกแน่ๆ เลยก้มมาโต้ตอบในทวิตเตอร์ ฉะเรื่องประเด็นล่าสุด ประโยคไหนข้อความเกินขีดจำกัดก็ค่อยไปทวิตเสริมต่ออีกหนึ่งประโยค

‘ลองอ่านแนวที่ถูกจริตดูนะคะ ไม่ชอบแนวไหนก็ไม่ต้องอ่านแนวนั้น เกย์ออกสาวในชีวิตจริงมีตั้งเยอะแยะ เกย์ไม่จำเป็นต้องแมนเสมอไป ส่วนพระเอกจะใช้ปากให้นายเอก สิ่งเหล่านี้ก็ล้วนเป็นการแสดงความรักของทั้งสองฝ่าย การเมคเลิฟที่อยากทำให้คู่นอนมีความสุขโดยไม่เห็นแก่ตัว ส่วนเรื่องทำไมรุกถึงยอมให้รับสอดใส่นั่นมันก็เรื่องของเขา ขึ้นอยู่กับคนรักทั้งสิ้น เคมีธรรมชาติของมนุษย์ล้วนเป็นตัวชี้ทางกำหนด เรื่องบนเตียงมันก็คือเรื่องของคนสองคน เว้นแต่ว่าคุณอยู่ชิดขอบเตียงด้วยซะงั้น ฉะนั้นไม่อยากให้คิดว่าคนตัวเล็กๆ ต้องมารับบทบาทเพียงแค่รับ หรือโดนสอดใส่ค่ะ อย่าตัดสินจากรูปพรรณสัณฐานของคนเรา ว่าคนนี้ต้องรับคนนี้ต้องรุก ปล.หากอ่านแล้วไม่เจอแนวที่ถูกจริตก็ลองแต่งเองดูนะคะ’

นี่แน่ะ กูแซะแม่งด้วย ! แล้วมึงจะรู้ว่าเขียนนิยายมันยากเย็นขนาดไหน !

“เอาแล้ว อีอ๊อกหน้าแดงแล้ว พิมพ์ด่ายิกๆ เลย ตอบแบบมีมารยาทเวอร์ แต่ในใจคงด่าอีเหี้ยอีสัตว์เต็มไปหมด” คริตตี้ที่ชะโงกหน้ามาดูกล่าวอย่างเหน็บแหนม หัวเราะกับสีหน้าของผมที่ปั้นปึ่ง

“กูเบื่ออีวงการนี้เต็มที เดี๋ยวแม่งก็มีมาอีก !”

“มึงก็ลาออกไปขายตัวแล้วนี่ไง”

“เออ !” กระแทกเสียงใส่ ขยันตบมุกเก่งอีกอีฉิบหาย

“ช่างเรื่องดราม่าเถอะมึง ปลงๆ ไปเถอะ ขายหลีก็ปลงๆ ด้วยนะ ปล่อยให้พวกบ้านั่นประสาทแดกกันไป” คริตตี้พูดปลอบใจ

“กูก็อยากจะไม่สนใจหรอก แต่เห็นรีไปไกลแต่ก็ไม่มีใครมาแย้งสักที สงสารนักเขียนบางท่านที่มานั่งเครียดจนเป็นโรคซึมเศร้า เพราะคอมเมนต์ทำร้ายจิตใจพวกนี้ ลองพวกแม่งมาดราม่าใส่กูสิ กูจะ…”

“กูจะขายหลี”

“อีคริตตี้ !”

“หุบปากแล้วหลับตา กูจะแต่งหน้ามึงละ ช่างอาชีพนักเขียนก่อน เพราะวันนี้เราจะขายหลีกัน”  อีกแล้ว ! คำก็หลี สองคำก็หลี ขืนเป็นนิยายคงโดนฉอดแน่ๆ คนอ่านต้องเข้ามาคอมเมนต์วิพากวิจารณ์ ‘นิยายมีคำหยาบเยอะมากเลยค่ะ อยากให้ลดคำหยาบลงหน่อย’ แน่ๆ มันต้องมีแน่ๆ ทั้งที่กูก็แปะคำเตือนเอาไว้แล้วแท้ๆ

“กูบอกให้หลับตาไง” อีกฝ่ายย้ำด้วยน้ำเสียงกึ่งดุ ผมที่ชิชะลอดไรฟันรีบทำตามคำสั่ง สัมผัสได้ถึงพวกแปรงต่างๆ ที่เริ่มมาแตะต้องตามปลายกระบอกตา โดนมันจับแต่งหน้าบ่อยจนรู้ได้ว่าอายไรเนอร์มีลักษณะแบบไหนและชื้นแฉะยังไง

ใช้คำว่าชื้นแฉะได้ไหมนะ แต่ถ้าเป็นนักอ่านคนต้องคิดสัปดนแน่ๆ เลย

ผมเริ่มตั้งคำถามกับตัวเองในใจ ว่าถ้าหากเกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้นมาจะบรรยายยังไงดี ควรใช้คำว่าเปียกดีไหมนะ ? แต่ก็ไม่ได้อีก เปียกแม่งดูลามกสัปดน เหมือนพวกคำพูดหยาบโลนของพระเอกเลย

คนอ่านอาจไม่ได้คิดมาก แต่เป็นกูเองมั้งที่คิดเยอะ

“มึง...มึงว่าระหว่างชื้นแฉะกับคำว่าเปียกดูลามกมะ ?” ผมถามมันขณะหลับตา

“ถามทำไมอะ นี่มึงคิดเรื่องนิยายอีกแล้วเหรอ ?”

“อืม แบบถ้าสมมุติกูโดนทาอายไรเนอร์เหมือนอย่างตอนนี้อะ แต่ตอนทามันรู้สึกแปลกๆ อะ มันก็รู้สึกชื้นแฉะและเปียกๆ กูก็ไม่รู้ว่าถ้าจะแต่งในนิยายมันจะดูจาบจ้วงไปไหมถ้าจะบรรยายลงไป”

“โหย แต่งนิยายมึงนี่คิดมากขนาดเลือกไม่ถูกระหว่าง ‘ชื้นแฉะ’ กับ ‘เปียก’ เลยเหรออีอ๊อก ? ติ๊งต๊องมาก” คริตตี้พูดด้วยน้ำเสียงติดตลก เดาได้ว่ามันคงต้องลอบด่าผมภายในใจอีก

“เออดิ” ผมขานรับเสียงอ่อย ความหมายของแต่ละคำมันไม่เหมือนกันนะ กว่าจะเลือกคำสละสลวยให้เข้ากับเนื้อหาได้อีก

“งั้นกูขอเสนอคำว่า…”

“หืม ?” ผมลืมตาขึ้นมอง หลังจากที่มันเป่าลมหายใจตรงเปลือกตาของผม เพื่อให้อายไรเนอร์มันแห้งสนิท ก่อนจะหยิบลิปทิ้นมาทาที่กลีบปากของผมต่อ เอื้อนเอ่ยถ้อยคำ นำเสนอคำใหม่ในวงการ…

“สัมผัสน้ำเงี่ยนแทนละกัน”

กูว่าคำนี้ควรใช้กับเอ็นซี...

 

“มึงกูไม่มั่นใจ”

“สวยแล้ว เลิกเอามือแตะกระโปรงสักที”

“มันโชว์ขามากเกินไป”

“นี่มึงเป็นผู้หญิงปะเนี่ยอีอ๊อก ฮัลโหล ลูกคุณหนูในห้องหอเหรอลูก”

“ก็มึงจับกูแต่งชุดบ้านี่อะ แขนกุดเปิดไหล่อีก” หน้านิ่วคิ้วขมวด บ่นไม่หยุดปากตั้งแต่ออกจากบ้าน รีบยกมือทั้งสองข้างมาไขว้ปิดไหล่ เห็นพี่แท็กซี่ปรายตามองผ่านบานกระจกตรงหน้าเป็นพักๆ

อีเหี้ย ! มองอะไรกันนักกันหนา เดี๋ยวกูก็ถลกกระโปรงชูคว-ให้ดูเลยหนิ !

“น่ารักแล้วเชื่อกู ผู้ชายเห็นแล้วต้องเงี่ยนแน่ๆ”

“กูเกลียดคำเปรียบเปรยของมึงมาก” ผมหันไปแขวะเพื่อนรักที่นั่งอยู่ข้างๆ จ้องมันที่ยกพัฟที่ติดกระจกสอดส่องใบหน้าตัวเอง ดูความเรียบร้อยเป็นรอบที่สิบ

โธ่ อีกะเทยติดกระจก !

“กูลืมบอกกฎข้อนึงให้มึงฟังอีนักเขียน” คริตตี้ปิดพัฟลงพลางยัดใส่กระเป๋าสีดำที่สะพายไหล่ หันหน้ามามองผมด้วยรอยยิ้มกว้าง วินาทีต่อมาก็ยื่นหน้ามากระซิบข้างหู

“กฎของการเป็นกะหรี่ ต้องไม่หลงรักลูกค้า”

“...”

“มึงจำคำกูไว้ให้ดี” คริตตี้ที่ละหน้าออกห่างกล่าวเตือน

“นี่กูดูเหมือนคนใจง่ายขนาดนั้นเลยเหรอ ?” งงมาก ทำไมเพื่อนรักมองว่าเพื่อนคนนี้ดูใจร่าน

“ก็ไม่แน่ ลูกค้าอาจหล่อและหรรมใหญ่ เกิดมึงติดใจขึ้นมาไม่คิดเงิน”

“มึง...นั่นมันหรรมหรือสิ่งอัศจรรย์ ร่ายคาถาให้ติดใจหลงรักได้”

“...”

“คว- นะคริตตี้ ไม่ใช่คฑาแม่มดน้อยโดเรมี”

“งั้นกูขอเรียกว่าดาบศักดิ์สิทธิ์”

“ปกตินิยายกูจะใช้คำว่าแก่นกาย”

“ไม่เลิศเลยอะแม่ เป็นกูนะจะใช้คำว่า…” มันกลอกตาใช้ความคิด นึกขึ้นได้จึงหันมายิ้มแฉ่ง

“เห็ดหัวบานตะไทมีหญ้าดกดำ หรือไม่ก็ปลัดขิกรูปทรงคล้ายกันดี แต่ออกจะดำหน่อย”

“กูว่ามึงไปเป็นนักเขียนเถอะ” ขยันคิดแต่คำอุบาทชาติชั่ว ถ้าได้ไปแต่งนิยายกูก็ต้องมานั่งลุ้นอีกว่าเว็บที่ลงบ่อยๆ จะแบนด้วยไหม เพราะเนื้อหาแม่งมีคำลามกเต็มไปหมด

ฮัลโหลชาวเด็กดี แบนกูแน่นอน

 

ครั้นมาถึงสถานที่ที่ต้องทำมาค้าขาย ไอ้เราก็จินตนาการว่าต้องแย่งเสาตบตีกับกะหรี่เจ้าถิ่นฐานแน่ๆ แต่ที่ไหนได้กลับตาลปัตร สิ่งที่เห็นคือร้านนั่งชิวเหมือนพวกตามผับตามบาร์ มีผู้คนเดินเข้าออกกันเยอะแยะ บ้างก็เป็นหนุ่มวัยรุ่นไปถึงพวกอาวุโส หนุ่มหล่อจูงสาวสวยออกจากร้าน ผมที่เดินผ่านก็เห็นผู้หญิงคนหนึ่งแบกผู้ชายเอาแขนพาดคอ เดินโซซัดโซเซเหมือนคนเมา

“อย่าไปจ้องเขา เดี๋ยวก็โดนตบหรอกอีอ๊อก” คริตตี้ใช้เล็บจิกลงที่เรียวแขนของผม เล่นเอาผมหลุดเสียงร้องด้วยความเจ็บปวด

“มันเจ็บนะ” เขม็งตาใส่ ก็เข้าใจอยู่หรอกว่ามันหวังดี เพราะก่อนหน้านี้ผมเอาแต่จ้องเหมือนคนสงสัย เห็นผู้หญิงแต่งตัวสั้นจุ๊ดจู๋ ชุดเหมือนสีเลือดหมูประจำเดือน

“เขาเป็นใช่ปะ…” อดไม่ได้ที่จะสะกิดแขนถามเพื่อนรัก พยายามเข้าไปเดินใกล้ๆ กระซิบให้ได้ยิน คริตตี้ไม่ได้พูดอะไรมากนอกจากพยักหน้ารับ จูงแขนพาผมเข้ามาในร้านท่ามกลางสายตาของผู้ชายตัวใหญ่สี่ห้าคน คาดว่าน่าจะเป็นผู้ดูแลความปลอดภัย อีกฝ่ายสำรวจมองพวกเราเล็กน้อยก่อนจะเบนสายตาไปทางอื่น คริตตี้เลยยิ้มหวานหยดลากผมเข้ามาภายในอย่างรวดเร็ว

“มึงขายบ่อยใช่ไหมอีคริตตี้ ทำไมรู้ดีขนาดนี้” ผมนี่อยากจะร้องกรี๊ด อีเพื่อนตัวดีดูรู้ขั้นตอนรู้จังหวะ แสดงว่ามันต้องทำบ่อยจนเคยชินแน่ๆ

“เดี๋ยวกูจะฟ้องแม่มึงแน่อีเด็กใจแตก” ด่าลอดไรฟัน รับไม่ได้ที่เพื่อนดูโชกโชน

“โอ้โห ด่ากูไม่ดูสภาพตัวเองเลยอีอ๊อก พี่ที่กูรู้จักเขาก็แค่บอกวิธีกูปะล่ะ กูก็ทำตัวกลมกลืนไปงั้นแหละ” มันหันมาฉอดใส่ “มึงอะเลิกถามมากแล้วหุบปากไปซะ ค่อยพูดตอนอ้าปากอมคว-”

แรงมากแม่ ! ถึงกับช็อกด่ามันกลับไม่ถูก นี่มึงจะให้เพื่อนนักเขียนอย่างกูพูดได้แค่ตอนทำเรื่องสัปดนอย่างงั้นเหรอ คิดภาพไม่ออกเลยตอนทำเรื่องภารกิจพรรค์นั้น หากเป็นนิยายคงเขียนได้เป็นฉากๆ ประกอบกับการดูคลิปพอร์นเพื่อเป็นกรณีศึกษา ดูจนชินชาจนหมดสมรรถภาพทางเพศ เห็นพวกในคลิปมีแต่คนกรีดร้องเหมือนโดนฆาตกรเชือดเฉือน นี่กูจะโดนอาวุธร้ายประดุจมีดคมกระซวกไส้เหมือนในคลิปปะ เดี๋ยวอู๊ เดี๋ยวอ๊า บางทีก็ร้องอ๊างเสียงหลงจนกูช็อก สารพัดท่าเกินจะบรรยาย

หากได้ยินเสียงแบบนั้นกูคงจะรีบโทรหาตำรวจทันทีว่าข้างห้องกำลังไล่แทงกันแน่ๆ แทงกันเสียงดังมาก พรึบพรับๆ หัวโขกกับฝาผนัง

“อึก” คิดแล้วก็ลอบกลืนน้ำลายลงคอ จะโดนจับอุ้มกระเตงเหมือนในคลิปที่ดูล่าสุดตอนเขียนเอ็นซีปะแม่ อ๊อกเริ่มขนลุก

“มึงกูกลัว” สอดแขนกอดเพื่อนแน่น เดินมาถึงจุดที่มีกลุ่มผู้หญิงนั่งคุยกันอยู่ตรงโซฟาสีครีม ทำจากวัสดุห่าอะไรก็ไม่อาจทราบ รู้แค่ว่ามันเป็นโซฟา ไม่มานั่งค้นหาข้อมูลเหมือนในนิยายที่เคยแต่ง

“หวัดดีค่ะพี่ดาว” ไอ้คริตตี้ยกมือขึ้นไหว้ แย้มยิ้มดัดจริตตามฉบับมัน ส่วนผมกวาดตามองไปรอบด้าน เห็นแต่ความมืดมิดที่พอจะมีแสงสว่างหลากสีสัน ประกอบกับเสียงบีทหนักๆ ของดนตรีดังสนั่น ทำให้ผู้คนที่นั่งดื่มเหล้าอยู่ตรงโต๊ะผงกหัวตามจังหวะ ผมแอบเห็นว่าบางคนก็มีผู้หญิงนั่งข้างกาย พวกหล่อนคล้ายสาวนั่งดริ๊งก์

“โหย” หลุดเสียงร้องอย่างตื่นตะลึง แอบสะกิดแขนเพื่อนรักให้หันมาสนใจ มันก็ดันปัดมือทิ้งไม่คิดจะเหลียวแล ตาของผมก็ยังไม่ละจากคู่ๆ หนึ่งที่กอดรัดฟัดเหวี่ยงกันตรงโซฟา

ดีออก ! จูบกันแล้ว จะแดกหัวกันแล้ว ! เอาแล้วๆ ขึ้นคร่อมกันแล้วววว เย็-แม่งกันตรงนั้นเลยใช่ไหม มือล้วงเข้าไปแล้วขยับขึ้นลงด้วยแม่ !

สะกิดแขนเพื่อนยิกๆ มองด้วยแววตาตื่นตะลึง

มึง...มึงเขาชักจรวดกันแล้ว อ๊ากกก ! กูจะไปเขียนฉากนี้ในนิยาย ! กระดาษ หากระดาษมาจดทีมึง !

ผัวะ !

“กูบอกว่าอย่ามองไง” คริตตี้หันมาตบหัวดังป๊าบ ผมรีบเงยหน้าขึ้นมาลูบหัวป้อยๆ แววตาสลดคล้ายสำนึกผิด หางตาก็ยังแอบเหลียวไปมองคู่ที่ยังโรมรันใส่กัน กระทั่งคนข้างกายเงื้อมือขึ้นสูงหวังจะตบอีกสักฉาด ผมเลยรีบเก็บสายตายิ้มเจื่อนต่อหน้ามัน

“โทษที”

“นี่พี่ดาว” คริตตี้มองตาดุ ผายมือไปทางพี่ผู้หญิงที่ใส่ชุดเกาะอกสีขาว กางเกงขาสั้นสีเดียวกัน หน้าอกแอบเหมือนเอาหัวเด็กทารกยัดใส่อก

เธอเป็นผู้หญิงหน้าตาดี แต่ขอไม่บรรยายว่ามีลักษณะแบบไหน แตกต่างจากนิยายที่ต้องมานั่งบรรยายว่าผมสีอะไร ลักษณะดวงตากลมหรือเรียวหรือคล้ายหมาเศร้าสร้อยที่โดนผัวทอดทิ้ง เอาเป็นว่าอีกฝ่ายมีผมสั้นระดับต้นคอสีดำสนิท มีคิ้วมีลูกตามีจมูกปาก ช่างแม่ง ! กูไม่ได้เขียนนิยายสักหน่อย ขี้เกียจมาวิเคราะห์อีห่านจิก

“หวัดดีค่ะ” ยกมือขึ้นไหว้ ลงท้ายคะค่ะตามที่เตี้ยมกันมา

ไอ้คริตตี้มันให้ไหว้เพราะเขาเป็นรุ่นพี่หรือเป็นแม่เล้าหรือเปล่า อันนี้ก็ไม่อาจทราบ กลัวถามออกไปไปแล้วจะถูกตบภายในร้าน ฉะนั้นกะหรี่ฝึกหัดอย่างผมควรเงียบปากดีกว่า

เอ๊ะ หรืออนาคตผมจะแต่งให้ตัวละครผันตัวมาเป็นกะหรี่ดี อืมๆ น่าสนใจ ขอเก็บพล็อตนี้ไว้อนาคตล่วงหน้า ใครถามว่าคิดพล็อตได้ยังไง ก็มานั่งยิ้มกลบเกลื่อน ปากบอก ‘อ๋อ แค่อยากแต่งแหวกแนวอะค่ะ’ แต่เปล่าหรอก เผลอๆ ชีวิตกูจริง

แต่งนิยายมาตั้งแปดปี พิมพ์ตัวอักษรในแต่ละตอนเป็นหมื่นกว่าคำ หลายครั้งก็ฉุกคิดตั้งคำถามว่ากำลังทำอะไรอยู่ รายได้ก็ไม่มี แหกขี้ตาทนฝืนแต่งจนฟ้าสาง ตรวจแล้วตรวจอีกเพื่อหาคำผิด เสียเวลาชีวิตไปครึ่งค่อนวัน พอจะอัปก็มีเมนต์ไม่กี่อัน ไม่รักจริงคงทำไม่ได้

จงรักการเขียน จงรักในสิ่งที่ทำ จงรักการเป็นกะหรี่เฉกเช่นในยามนี้ ! มรสุมถาโถมเหลือเกิน คะยั้นคะยอจนกูได้เป็นสมใจอยาก !

เอาวะอีอ๊อก เป็นกะหรี่อาจไม่ได้แย่อย่างที่คิด ถือว่าเปิดโลกใหม่ ถ่องเข้าไว้ ‘ไม่เลือกงานไม่ยากจน’ แต่เลือกสักหน่อยก็ดีอีฉิบหาย !

“มึงนั่ง” คริตตี้ดึงผมให้นั่งลงตรงโซฟา  บนโต๊ะก็มีพวกเหล้าให้จิบดื่มกันหอมปากหอมคอ ผมที่คออ่อนเป็นทุนเดิม ลองกระดกสักหน่อยเผื่อจะได้ลบความกระอากอายลงไปบ้าง สายตาก็มองดูผู้คน นับว่าเป็นสถานที่ที่มีชายหนุ่มหน้าตาดีมากไม่ใช่น้อย ไม่ได้มีแค่พวกลุงๆ แก่ๆ

“แล้วนี่ต้องทำยังไงบ้าง” ยื่นหน้ากระซิบถามเพื่อนเป็นรอบที่สิบของวัน พลางเอามือป้องปากเพื่อให้ได้ยินชัดๆ จากนั้นค่อยถอยออกห่าง เพื่อนรักเลยกระซิบป้องปากเหมือนที่ผมทำอย่างเมื่อครู่

“เห็นพี่เขาบอกว่าจะมีพนักงานมาเรียกนะ และให้ลูกค้าดีลเอาเองว่าจะเอาแบบไหน เหมือนผู้หญิงนั่งดริ๊งก์นั่นแหละ แต่ทำมากกว่านั้น” คริตตี้ที่ตะโกนแทรกกับเสียงดนตรี คอยอธิบายให้ผมฟัง ตัวผมก็พยักหน้ารับทำความเข้าใจ ฝ่ามือกุมกระโปรงที่สั้นเลยเข่า นั่งไปนานๆ ก็เริ่มชักจะหนาว เอามือลูบแขนไปพลาง “กูเริ่มอยากกลับบ้านแล้วว่ะ”

“ได้ไง เพิ่งมากันเองนะ” คริตตี้หน้าบึ้ง

“มึงดูแต่ละคน หน้าตามีแต่พวกหื่นๆ ทั้งนั้น มึงไม่กลัวเขาเหรอวะ” ผมหันไปมองหน้ามัน คิ้วก็พาลขมวด

“ก็กลัว แต่เห็นมึงทำด้วยกูก็ทำเป็นเพื่อน” คริตตี้ตอบ

“อ่าว อีเหี้ย ความผิดกูงั้นเหรอ ?” ผมชี้นิ้วใส่ตัวเอง

“เปล่า กูก็ถามลองเชิงมึงเฉยๆ ปะ ถ้ามึงไม่ทำกูก็ไม่ทำ แต่ก็ไม่แน่นะมึง มันอาจจะแค่นอนเฉยๆ งานง่ายๆ นอนอย่างเดียว”

“นอนให้เขากระแทกกระทั้นอะดิไม่ว่า” ผมประชดประชันใส่ พลางเบะปากเป็นสระอิ จิกหางตาไปทางมัน

“เลิกใช้ศัพท์นิยายอีควาย ! กูไม่ใช่นักเขียนนะ กูแปลไม่ออก คือมึงจะหมายความว่านอนให้เขาเยถูกมะ ?”

“ก็ใช่ไง”

“อืม ก็ง่ายดี นอนให้เขาเยเหมือนตุ๊กตายาง” คริตตี้ไหวไหล่ ก้มหน้ามาเล่นมือถือต่อ เช็กอินว่าตัวเองไปเที่ยวแถวสีลม ทั้งที่ตัวมันเองอยู่อีกที่หนึ่ง

โอ้โห นี่กูมีเพื่อนตอแหลถึงขั้นโกหกจีพีเอสเลยเหรอ ?

ผมส่ายหัวรับไม่ได้ เปิดกระเป๋าสะพายที่คริตตี้ให้คล้องเอาไว้อีกใบ ต่างคนต่างมีของใช้ส่วนตัว รวมไปถึงกล่องถุงยางอนามัย ซึ่งคริตตี้มันซื้อเอาไว้กันฉุกเฉินเผื่อลูกค้าไม่มีของ

“กูเริ่มไม่อยากจะเชื่อว่ามึงไม่เคยขายมาก่อน” ผมยังคงแคลงใจ

“นี่ ! ถ้าพูดมากกูจะลากมึงไปตบหลังร้านแล้วนะ ถามเก่งมากอีนักเขียน”

“ก็ดูมึงดิ พร้อมไปหมดเลยอะ”

“ก็กูบอกแล้วไงว่าพี่เขาแนะนำมาอีฉิบหาย นี่มึงคบกับกูมานานแล้วนะ มึงเห็นว่ากูเป็นคนดอกทองขนาดนั้นเลยเหรออีอ๊อก”

“...” ผมไม่ตอบแต่เลือกที่จะโคลงศีรษะแทน

“อีอ๊อก”

“หืม”

“อีสัตว์หนิ” มันด่ากับกิริยาของผมทันที

ผมยิ้มขำ รู้สึกคลายเครียดเล็กน้อย ยื่นมือไปหยิบของในกระเป๋าสีดำ ทำเอาคนข้างๆ เบิกตาโตกับสิ่งที่เห็น ร้องตกกะใจ

“มึง !...นี่มึงถึงขนาดเอานิยายมาอ่านในร้านเลยเหรออีอ๊อก !?”

“ทำไมอะ ?” ผมเลิกคิ้วขึ้นสูง ทำหน้างงงวยว่าแล้วมันผิดแปลกตรงไหน กะจะมานั่งอ่านเงียบๆ ฆ่าเวลาเล่น ศึกษาเพื่อหาคลังคำในหัวเพิ่มด้วย

“อ่านฆ่าเวลา” ผมอธิบาย

“มันมืดขนาดนี้มึงจะอ่านยังไงอีปัญญาอ่อน” มันยังคงอ้าปากเหวอ ดวงตากลมโตที่ใส่สีคอนแทคเลนส์สีน้ำตาลอ่อนดูเบิกกว้าง  ก่อนที่จะยกมือมาตีหน้าผากตัวเองเสียงดังเพียะทันทีที่ได้รับคำตอบจากผม

“เดี๋ยวเอาแสงมือถือส่องเอาก็ได้”

“กูเชื่อมึงเลยอีอ๊อก พอ พัก พักสติมึงนี่แหละอีเอ๋อ เลิกอ่าน เอาแม่งมานี่” มันรีบกระชากนิยายจากมือผมทันที “กูจะเอามันไปเผาทิ้ง”

“มึงอย่าทำร้ายน้อง” ผมรีบปราม จะให้มันเอาไปทิ้งคงทำใจไม่ได้ นิยายก็เหมือนลูก ไม่สามารถให้บุบสลายได้แม้แต่สันปกและมุมปก ยิ่งกับเรื่องรักๆ ใครแตะคือด่ากราด ทว่าวันนี้โชคดีที่ผมเอาเล่มเก่ามาอ่านแทนฆ่าเวลา

ขยันซื้อมาและก็ขยันตุนเช่นกัน จนทุกวันนี้แม่ชอบด่าว่าจะต้มนิยายให้แดกแทน

“แม่มึงคลอดลูกเป็นหนังสือเหรออีอ๊อก มึงถึงเรียกนิยายว่าน้องอะ” คริตตี้จิกกัด ยัดนิยายใส่กระเป๋าขนาดใหญ่พอดีของมันแทน “เก็บไว้กับกูนี่แหละ มึงอย่ามาอ่านในที่นี่ แม่งมืดจะตายห่า เดี๋ยวก็จะสายตาสั้นหรอก หัดอ่านรู้จักเวลาและสถานที่บ้าง กูคิดว่ามึงเป็นเด็กเนิร์ดมาติวหนังสือที่ผับ”

“บลาๆ” ผมทำปากขมุบขมิบออกเสียงตามที่มันด่า พร้อมกลอกตาใส่ กระทั่งคริตตี้ยกมือขึ้นทำท่าจะตบ ผมถึงได้เอนกายไปด้านข้างเพื่อหลบฝ่ามือ

“อย่านะ อีพวกชอบทำร้ายร่างกาย” ผมด่ามัน

“ขยันกวนตีนนะมึงอะ วันนี้กูขอให้มึงเจอแขกใหญ่ๆ เอาให้ขาเป๋ไปเลย” มันแช่งใส่ ก่อนที่หางตาของผมจะเห็นร่างของใครคนหนึ่งที่คุ้นตาเดินเข้ามาในร้าน เกาะตัวเป็นแก๊งเหมือนพวกเอฟโฟ และหนึ่งในนั้นนั่นเองที่ทำให้ผมต้องสะดุ้งโหยง รีบยื่นมือไปเขย่าเรียวแขนเพื่อนรักอย่างไว

“มึง มึง น...นั่นใช่ ‘พี่เดือน’ ปะวะ ?” อีเหี้ย งานเข้าแล้ว ทำไมเวลาจะทำเรื่องเหี้ยๆ ทีไร มันมักจะมีเหตุการณ์ตลกร้ายเข้ามาเสมอเลย !

.
.
.

ออฟไลน์ lookpatty15407

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 74
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +30/-1
“พี่เดือน ? ญาติมึงอะนะ ?” คริตตี้พลอยตื่นตะลึงไปด้วย หรี่ตามองไปตามปลายนิ้วที่ผมชี้ไปทางใครบางคน “เชี้ย ! พี่เดือนจริงด้วยว่ะ ทำไมเขามาที่นี่ได้วะ” คริตตี้ดูหน้าถอดสีไม่ต่างจากผม

“มึงรีบกลับกันเถอะ” ผมรีบลุกขึ้นยืน ดึงแขนเพื่อนรักให้ลุกขึ้นตาม ประจวบเหมาะกับที่คุณแม่เล้าหัวนมเด็กแฝดเดินมาทางพวกเรา ยิ้มเป็นมิตรไมตรีและกล่าวขึ้น

“น้องคะตามพี่มาหน่อย”

ตามไปขายหลีเหรอคะพี่ ไม่แล้ว ไม่ทำแล้ว !

“มึง” ผมบีบแขนเพื่อนรักแน่น ทำท่าจะร้องไห้ เกิดไม่รีบออกไปต้องซวยแน่ๆ ทว่า ทางที่ต้องเดินออกไปก็ผ่านโต๊ะของพวกพี่แกอีก

“มึงใจเย็นๆ ก่อน กูแต่งหน้ามึงแน่นเหมือนแดร็กเรซขนาดนี้ ที่นี่ก็มืดอีก กูรับประกันว่าพี่แกแม่งต้องจำพวกเราไม่ได้แน่ๆ” คริตตี้บีบกระชับฝ่ามือคอยพูดให้กำลังใจ ถึงกระนั้นผมก็ยังหวั่นๆ อยู่ดี ไม่อยากจะเชื่อว่าต้องมาเจอกับญาติข้างบ้าน

พี่แกก็หน้าตาดี ไม่ยักรู้ว่าขาดแคลนอาหารทะเลบ่อบาดาล จำพวกหอย

“พวกเรานั่งชงเหล้าอย่างเดียวพอ ไม่ต้องรับงานห่าไรเพิ่มทั้งนั้น เดี๋ยวกูจะนั่งข้างพี่เดือนเอง พอมีจังหวะค่อยหนีกันออกมา” คริตตี้เสนอ ผมเลยคิดตาม ลอบสูดอากาศเข้าปอดลึกๆ

“ก็ได้วะ” ถูกจับได้ค่อยว่ากันทีหลัง แต่ถ้าไม่ถูกจับได้เลยจะดีใจมากๆ ก็ไม่รู้ทำไมเหตุการณ์มันคล้ายคลึงนิยายชะมัด ที่ทำห่าไรก็จะมีพวกพระเอกหรือบุคคลที่ไม่ชอบขี้หน้าดันมาอยู่ในที่ที่เราไม่อยากจะเจอ

ผมเดินจับชายเสื้อของคริตตี้พลางก้มหน้างุด เดินตามมาถึงโต๊ะที่มีกลุ่มวัยรุ่นไม่ต่ำกว่าสี่ห้าคนนั่งกันอยู่ หูตัวเองก็เหมือนอื้อไปชั่วขณะ อาจเพราะว่าเสียงดนตรีหรือความคิดที่ประเดประดังกันเข้ามาอย่างหวาดหวั่น ส่งผลให้ผมเริ่มไม่อยากจะสนใจสิ่งรอบด้าน

หากทว่า ความรู้สึกที่เหมือนมีใครจับจ้องเราอยู่ ทำให้ผมอดไม่ได้ที่จะช้อนตาขึ้น หันไปมองตามทิศทางที่เหมือนโดนแผ่รังสีกระแสจิต ดวงตาเรียวคมกำลังมองมาอย่างดุดัน สายตาเหมือนพินิจพิเคราะห์อะไรบางสิ่งบางอย่าง

เขาคือพี่ ‘นนท์’ ชายหนุ่มที่เป็นเพื่อนสนิทของพี่เดือนญาติแท้ๆ ของผม แถมยังเป็นบุคคลที่ผมเคยชอบด้วย เจอกันไม่กี่ครั้งก็นำพาให้หัวใจเต้นสั่นรัวแรง

ใจมันคงคันเหมือนอาชีพที่กำลังหัด อีนักเขียนคนนี้กำลังใจแตก ถึงได้เผลอไผลให้ใจชาย ประกอบกับสายตาที่จ้องมองมา ผมเลยก้มหน้าลงต่ำ ไม่รู้ว่าพี่แกกำลังสังเกตอะไรอยู่ หรือว่าจะจับได้ว่าเป็นผมกัน ?

เฮ้ย แต่ไม่หรอกมั้ง... แล้วนี่กูเป็นเหี้ยอะไรวะ ! ทำไมเหมือนตัวละครในนิยายที่พึมพำคุยกับแม่ซื้อ พวกนายเอกชอบตั้งคำถามซ้ำแล้วซ้ำเล่า เริ่มโต้เถียงกับตัวเองภายในหัวอีกแล้ว พอ ! หยุดก่อน ! ระหว่างพี่นนท์กับผมไม่เคยคุยกันเลยสักครั้ง มีแต่เดินส่วนผ่าน มันมีแค่ผมที่รู้จักชื่อพี่เขา ขณะที่พี่เขาก็ไม่มีทางรู้จักชื่อผม

ไม่รู้จักฉันไม่รู้จักเธอ...

“เดี๋ยวให้น้องๆ นั่งเป็นเพื่อนนะคะ” แม่เล้าหรือพี่ที่เป็นสาวสวยเกริ่นขึ้น ผายมือให้พวกผมกับคริตตี้ รวมไปถึงผู้หญิงอีกสองคนแทรกตัวไปนั่งกับกลุ่มคนที่อยู่ตรงบริเวณโซฟา

ผมอิดออดเชื่องช้าทำตัวไม่ถูก กำไม้กำมือแน่นจนเล็บที่ยังไม่ทันตัดจิกลงกับอุ้งมือนิ่ม ตัวก็เกร็งพยายามหาทางแทรกกายเข้าไปนั่ง ก็เห็นพี่ผู้หญิงโดนผู้ชายส่วนใหญ่เรียกไปนั่งใกล้ๆ กันหมด แตกต่างจากใครบางคนที่ทำสีหน้าตายด้าน

“น้อง...น้องคนนั้นอะ”

“ค...คะ ?” ผมขานรับ ยังยืนจังงันอยู่หน้าโต๊ะ มองไปทางพี่ผู้ชายที่มีผิวแทนคร้ามแดดเอ่ยเรียก อีกฝ่ายแย้มยิ้ม ชี้นิ้วไปทางใครคนหนึ่ง

“นั่งข้างๆ ไอ้ผู้ชายคนนี้เลยครับ” เจ้าตัวสั่ง ตัวผมเองก็ยิ่งแข็งทื่อ เลิ่กลั่กสบตามองกับคนตัวโตที่มองมาตั้งแต่แรกเริ่ม

พี่แกให้นั่งข้างพี่นนท์แหละแม่ ! ฮือ ดีออกสายตาดุโคตร คาแรคเตอร์แบบนี้ในนิยายคือแนวป่าเถื่อนชัดๆ เกลียดกะเทยหรือเพศแบบกูขึ้นมา กูไม่โดนกระโดดเตะก้างคอจนตัวช้ำ ก็คงนอนตายอนาถจมกองเลือดแหงๆ

ผมรีบหันขวับไปทางเพื่อนรัก ส่งสายตาเตรียมจะร้องไห้ขึ้นมาในทันที

มึงทำไงดี กูตายแน่ๆ สายตาพี่แกโคตรไม่เป็นมิตร ไม่รู้แกไปโกรธเหี้ยอะไรมา ถ้าไม่มาแนวป่าเถื่อนมาดนิ่ง ก็คงจะรุนแรงเรื่องบนเตียงอย่างแน่นอน คาแรคเตอร์แบบนี้กูเจอบ่อยในเนื้อหา บ้างก็เป็นพวกป่าเถื่อนแนวตบจูบแบบจำเลยรัก คุณหฤษฎิ์ !

อีคริตตี้ส่งสายตาตอบกลับ อารมณ์แบบให้ใจดีสู้เสือ แต่เสือแม่งเสือกดุมากด้วย ผมก็รีบหลบสายตาของพี่เดือนที่กำลังเงยขึ้นมามอง กลับมาจ้องชายฉกรรจ์ที่วินาทีนี้กำลังยกเหล้าขึ้นจรดริมฝีปาก

เอาวะอีอ๊อก ไม่อ๊อกๆ ติดคอหอยก็น่าจะชักกะแด่วนอนตายคาตีน แต่วันนี้หน้าตาออกมาน่ารักมาก เชื่อว่าฝีมือของคริตตี้คงไม่ได้ด้อยไปกว่าครึ่ง หวังว่าพี่แกจะเห็นใจค่าเครื่องสำอางแพงๆ ที่รวมอยู่บนใบหน้า รวมไปถึงการแต่งตัวที่ดูน่ารักน่าชังในวันนี้

ขอหลงตัวเองไว้ก่อนเพื่อเลี่ยงตีน พลันล้มนั่งข้างๆ พี่นนท์ตรงโซฟา แอบกระเถิบตัวถอยออกห่างเล็กน้อยเพราะกลัวสะกิดตีนพี่แกเขา ถึงแม้จะรู้ว่าเป็นชายหนุ่มพูดจาสุภาพเท่าที่เห็นจากเปลือกนอก ถึงกระนั้นนิสัยแท้จริงก็ไม่สามารถรับรู้ได้ว่าเป็นคนแบบไหน

“ดื่มไรไหมคะ ?” ผมกระดิกหูฟังเสียงหวานๆ ของพวกผู้หญิงที่นั่งแนบกายพวกเพื่อนๆ ของพี่นนท์อย่างเอาใจใส่ ไม่วายปรายตามองไปทางคริตตี้ที่นั่งตัวเกร็งไม่ต่างจากผม โดนพี่เดือนยื่นหน้าเข้ามาใกล้กระซิบข้างกกหู คริตตี้ก็เลยหดคอลงอย่างกริ่งเกรง พยายามฝืนยิ้มและปรับตัวให้ชาชิน สักพักเพื่อนรักก็เริ่มรู้งาน คอยชงเหล้าให้พี่เดือนดื่ม แตกต่างจากผมที่นั่งซึมกะทือ เอามือบิดขยี้ตรงชายกระโปรง

อีกสักนิดกูจะซักผ้าได้แล้วนะ เริ่มจะหนาวแล้วด้วย ไม่น่าใส่เสื้อบ้าๆ พวกนี้เลย เสื้อแขนกุดสีขาวกับกระโปรงสีดำ ไหนจะรองเท้าส้นสูงที่โดนบีบบังคับให้ใส่อีก ผมลูบแขนตัวเองเพื่อให้ความอบอุ่น สักพักก็ลอบถอนหายใจอีกระลอก ทำปากยื่นไปพลาง เสมองไปทางอื่นเพราะไม่รู้ต้องทำตัวยังไงดี เพิ่งมาเป็นกะหรี่หมาดๆ

“ไอ้นนท์ ทำตัวสนุกๆ หน่อยสิวะ” เสียงของคนในโต๊ะตะโกนบอกคนข้างๆ ผม ผมเลยเหลือบมองคนข้างกายที่หันไปโต้ตอบ ประโยคดูไม่แยแสเลยสักนิด

“ก็กูบอกแล้วไงว่าไม่ชอบที่แบบนี้” เสียงทุ้มขรึมปริปากบอก ยื่นมือไปหยิบโซดาหวังจะรินแต่ก็ดันหมด ผมที่เห็นดังนั้นก็เลยหลุดชะงักเพราะขวดโซดาที่ยังไม่ทันเปิดมันอยู่ฝั่งตัวเอง จะให้อีกฝ่ายยื่นแขนมาหยิบเอาเองก็เกรงว่าจะถูกมองไม่ดี เหมือนกูมานั่งเฉยๆ ไม่เหมือนกับคนอื่นๆ ที่ทำงานอย่างไม่ขาดตกบกพร่อง

ผมจึงหยิบโซดาหันไปยื่นให้คนข้างกาย พร้อมกับใช้สกิลแอ็บเสียงสุดฤทธิ์ที่แม้แต่คริตตี้ยังชมว่าเสียงคล้ายผู้หญิงสิ้นดี เพราะผมเคยเอาไปแกล้งจีบผู้ชายในเกมออนไลน์

“นี่ค่ะ”

“ขอบคุณค่ะ” คนตรงหน้าโคลงหัวพอเป็นพิธี ตัวผมก็แอบใจเต้นกับคำลงท้ายที่ได้ยิน ไหนจะสายตาที่เขามองมาอย่างสื่อความหมาย

หลบตาแป๊บ อีกสักนิดคงเป็นปลากัดตั้งท้องกันได้ ไม่อยากจะเชื่อด้วยว่าพี่นนท์ชอบพูดจา ‘คะ,ค่ะ’ กับพวกผู้หญิง เหมือนหนุ่มอบอุ่นแบบพระเอกที่ชื่อติ๊ก เจษฏาเลย พาลให้นึกถึงดราม่าที่มีนักอ่านบอกว่าไม่ชอบพระเอกพูดจาคะขา ครหาว่าไม่มีผู้ชายคนไหนพูดจาเช่นนั้นอยู่บนโลก...

อืม สงสัยนักอ่านท่านนั้นคงอยู่อีกโลกหนึ่งบนดวงดาว น่าจะสิงสถิตอยู่บนดาวอังคารอันไกลโพ้น

“ม...ไม่เป็นไรค่ะ ให้หนูช่วยเปิดไหมคะ ?” พยายามใจกล้าฮึกเหิม แสดงหยิบยื่นน้ำใจไมตรีให้แก่อีกฝ่าย ต้องมานั่งแอ็บเสียงจนเขินตัวบิดไปหมด

ทำไมต้องมาทำถึงขั้นนี้ด้วยวะ !

“ไม่เป็นไรค่ะ เดี๋ยวทำเอง” พี่นนท์ส่ายหน้าประกอบ หยิบที่เปิดขวดและงัดฝาขึ้น จากนั้นก็เทลงแก้ว ชงเองและหยิบขึ้นมากระดกดื่ม

ส่วนผม… “แค่กๆ” ขออนุญาตหันไปด้านข้างลอบไออย่างเจ็บคอ แอ็บเสียงจนลูกกระเดือกจะกลืนหายเข้าไปในลำคอ เหล่ตามองเพื่อนรักก็เห็นมันทำปากช้าๆ เอ่ยชมว่าทำดีมาก เห็นดังนั้นผมก็พลอยชื่นใจ หลุดยิ้มกว้างมีความสุข หันไปทางซ้ายมือก็สบตากับพี่นนท์ที่กำลังเหล่มองตั้งแต่แรก

แอบมองเธออยู่นะจ๊ะ แต่เธอไม่รู้บ้างเลย คุกกี้เสี่ยงทายมากแม่ ! แต่กูเนี่ยสิดูเหมือนเสี่ยงเซียมซีรอวันเสี่ยงตาย !

พี่แกมองได้น่ากลัวมากอะ คาดเดาไม่ออกเลยว่ากำลังรังเกียจอีตัวหรือก่นด่าอะไรนอกเหนือจากนี้ 

จากที่ฉีกยิ้มกว้างเมื่อครู่เปลี่ยนเป็นหุบยิ้มเบาบางแทน รีบหันไปทิศทางอื่นเพราะกลัวจะถูกต่อย ปล่อยให้เวลาและคนในโต๊ะครื้นเครงกันไป ผ่านพ้นไปเป็นชั่วโมงจนคนอื่นๆ เริ่มเมามาย ผมที่มองพี่นนท์เป็นพักๆ ก็ยังเห็นพี่แกดูเป็นปกติ น่าจะคอแข็งพอสมควร ส่วนฝั่งคริตตี้ก็เริ่มโดนพี่เดือนลวนลามแล้ว เมามากถึงขนาดซุกไซ้เรียวคอของมัน มือไม้ไม่อยู่นิ่งจนคริตตี้ต้องพยายามปัดออก หน้าบึ้งตึงมองดูก็รู้ว่ากำลังโกรธจัด

ผมกลับมามองคนข้างกายอีกครั้ง ครั้งนี้ก็ดันสบตากันอีกหน แววตาพี่แกดูเปลี่ยนไป เล่นเอาผมช็อกกับสิ่งที่กำลังบังเกิด

“ชื่อไร ?” เขาถาม

“คะ ?” ผมงง ไม่คิดว่าคนที่ไม่สนใจตั้งแต่แรกจะหันมาชวนคุย

“ชื่ออะไรคะ ?” พี่นนท์ยื่นหน้าเข้ามาใกล้ กระซิบให้ได้ยินกันชัดๆ ทำให้ตัวผมแข็งทื่อหนักกว่าเก่า เหมือนโดนน้ำเสียงทุ้มขรึมของเขาล่อลวงให้ใจสั่น บวกกับการกระทำใกล้ชิดนั่น

‘เอาไงดีบีหนึ่ง’ หันไปสบตาเพื่อนรักที่นั่งอยู่ตรงกันข้าม มันก็ขยับปากบอก ‘คุยไปเลยบีสอง’ ทั้งที่ตัวมันเองกำลังโดนลวนลาม

แต่คือจะให้กูคุยยังไงดีล่ะ กูไม่รู้ด้วยซ้ำว่าพี่แกชอบแบบไหน ต้องเป็นแนวแบบหวานๆ สมเป็นกุลสตรีไทย หรือต้องร่านรักให้สมกับการค้าขาย

พี่เขาน่าจะชอบผู้หญิงติดตลกปะแม่ ? ผมเคยได้ยินมาว่าคนเราต้องมีขั้วตรงข้าม เติมเต็มสิ่งที่อีกคนนั้นขาดหาย ผมเลยสันนิษฐานว่าคนที่มีอุปนิสัยนิ่งขรึมแบบพี่แก อาจจะชอบผู้หญิงติดตลกก็เป็นได้

“ชื่ออ๊อก” แอบมือสั่นเล็กน้อย แย้มยิ้มบอกชื่อ

“อ๊อก ?” พี่นนท์ขมวดคิ้วยุ่ง พูดย้ำสรรพนามที่ได้ยิน เหมือนพี่แกยังไม่มั่นใจว่าใช่ชื่อนี้ไหม ผมเลยยื่นหน้าเข้าไปใกล้เอามือป้องปากอยู่ที่ใบหูของเขา

“ใช่ อ๊อกๆ แบบหรรมติดคออะ” ชี้แจงให้เข้าใจ ครั้นละใบหน้าออกห่างก็เห็นพี่แกดูตื่นตะลึง ผมเห็นสีหน้าแบบนั้นก็เลยหลุดขำ เข้าไปใกล้ใหม่เพื่ออธิบายเพิ่มเติม

“ล้อเล่นค่ะ” แค่หยอกล้อเท่านั้นเอง พลันแย้มยิ้มกว้างใส่พี่เขา กะจะเบนสายตาไปทางอื่นต่อตามเคยชิน ลมหายใจก็ดันมาสะดุดกับความอุ่นร้อนที่รวยรินอยู่ข้างพวงแก้ม พร้อมพรักกับน้ำเสียงที่เอ่ยปาก ช่างเป็นประโยคล่อลวงให้ใจสั่น

“แล้วหนูอยากติดคอจริงๆ ไหมคะ ?” พูดไม่พอมือหนายังจับลงที่ต้นขา ลูบไล้ชวนให้ผมขนลุกซู่

ผมช็อก ก้มมองฝ่ามือที่แตะต้องตรงบริเวณต้นขาอ่อน สกัดกลั้นลมหายใจโดยพลัน ทันทีที่ฝ่ามือนั้นเริ่มหายลับเข้าไปใต้ชายกระโปรง

แม่คะ ! พี่เขาล้วง ล้วงไวมากแม่ เดี๋ยว ! อีพี่หยุดก่อน ข้างในมีงู ข้างในมีงูเว้ยเฮ้ย !

หมับ ! รีบหยุดยั้งฝ่ามือที่กำลังล่วงล้ำอณาเขต อีกสักนิดปลายนิ้วก็ใกล้จะถูกงูฉก ผมหันไปยิ้มเจื่อนใส่ พานเอียงคอมองพี่แกอย่างเคอะเขิน แววตาสั่นระริก พวงแก้มก็เริ่มร้อนผ่าว

“อย่าดีกว่าค่ะ คือหนู...หนูเพิ่งจะทำงานวันนี้วันแรก ยังไม่ชิน”

ชายตรงหน้าดูมีนัยน์ตาที่ร้อนแรงเมื่อได้รับคำตอบ แตกต่างจากก่อนหน้าอย่างสิ้นเชิง ผมพินิศคนหล่อเหลาที่มีใบหน้าเรียวรี ไม่รู้จะสรรหาคำบรรยายยังไงดี เพื่อไม่ให้อวยพระเอกเหมือนในนิยายวาย

งั้นขอต่างหน่อย...

อีกฝ่ายมีเส้นผมสีดำสนิทไว้ทรงไถข้าง และเซตผมด้านหน้าขึ้นให้เหมาะกับลุคชาติชั่วของเขา คิ้วหนาคมเข้มประดุจหมึก นัยน์ตาเฉียบคมคล้ายพวกอันธพาลชวนท้าตี ถามไถ่ว่าจ้องตาหาพ่อมึงเหรอ จมูกโด่งรั้นธรรมชาติโดยไม่จำเป็นต้องพึ่งพามีดหมอว่าอยากได้ทรงแบบไหน แก้แล้วแก้อีกจนไม่มีรูจมูกให้สูดอากาศ บวกกับริมฝีปากสีชมพูเหมือนหน่อแตด องค์ประกอบบนใบหน้าดูดีไร้ที่ติ ขึ้นแท่นพระเอกโฉดชั่วคนใหม่ในนิยายของผมได้เลย ไหนจะรูปร่างกำยำล่ำสันที่สามารถทำให้ผู้หญิงต่างระทวยเมื่อตกอยู่ใต้ร่าง ฝ่ามือใหญ่ที่แตะข้อมือผมทีคงบีบให้กระดูกแหลกเป็นอัมพาต ไล่สายตาลงต่ำก็ต้องรีบเงยขึ้นมาสบตา

ส่วนนั้นผมยังไม่เห็น… แต่มันต้องมีขนหน้าแข้งดกดำหรือสิ่งอู้หูใหญ่สัตว์แน่ๆ

“เพิ่งทำงานที่นี่วันแรก ?” พี่นนท์ดูแปลกใจ ผมเลยขานรับ

“ใช่ค่ะ”

“งั้น…” เขาหยุดคำพูดลง ยื่นหน้าเข้ามาใกล้ๆ เรียวแขนรวบเอวผมให้ไปนั่งเกยอยู่บนตักแกร่ง กระซิบเสียงแหบพร่าชวนละมุน “ดีเลยค่ะ ไปต่อที่อื่นกัน”

“น หนูยังไม่พร้อม” หนูลืมทำแท้งด้วยพ่อ ! หนูยังไม่อยากจะแจกทองในวันนี้ ! ถึงส่วนนั้นของพี่จะยังไม่เคยเห็น แต่ดูจากคำพูดแล้ว เราคงต้องได้รับบทบาทเป็นนางเอกผู้โด่งดังแน่ๆ

มิยาบิ... กับชื่อเรื่องใหม่ ‘นักเขียนตัวน้อยกับหนุ่มหล่ออาชีพนักกายภาพ...’

กายภาพบำบัด ! มึงเอ้ย ขืนโดนพี่แกทีต้องพิกลพิการแหงๆ ท่าทีดูหื่นจัดขนาดนี้ มองยังไงก็รู้ว่าเซ็กส์จัดขนาดไหน

“คริต...” หลุดเสียงร้อง หันไปทางเพื่อนรักเพื่อขอความช่วยเหลือ รายนั้นก็ดันโดนจูบ กำลังเอามือทุบอกพี่เดือนอยู่

ฉิบหายแล้วไง ! ทำไงดี หรือว่าวันนี้ต้องเป็นกะหรี่จริงๆ ! ไม่นะ ! ไม่น่าเลยอีอ๊อก เสือกกระแดะตั้งชื่อแนะนำตัวเองซะลามก วันนี้ได้อ๊อกๆ สมใจอยากแน่ !

“มองหาใครคะ ?”

“ตะ ตำ...” ตำรวจค่ะพี่ ไม่ใช่ตำแตงหรือตำไทยทั้งนั้น เสียงก็พลอยเบาหวิว อยากเรียกตำรวจให้มาช่วยเหลือ ก็เกรงว่าจะโดนจับก่อนข้อหาค้าประเวณี

ฮึก ช่วยด้วย หาทางออกไม่เจอแล้ว ! กลับมาจ้องพี่แกดังเดิม หยุดชะงักกับใบหน้าคมคายที่ยื่นหน้าเข้ามาใกล้ ริมฝีปากแทบจุมพิตกันได้

“น้องอ๊อก” พี่แกเรียกชื่อผมคล้ายละเมอ

“ชื่อน่ารักดีนะคะ”

“...”

“อยากเห็นหนูอ๊อกเหมือนชื่อเลย”

แม่ ! อ๊อกยังไม่อยากติดคอ !

“คือหนู…” หนูเป็นผู้ชาย หนูมีงวง มีกล้วยหอมจอมซนเหมือนกับพี่ ! จริงๆ แล้วหนูเป็นนักเขียนนิยายวาย

“หนูยังไม่เคยเหรอคะ ?” พี่แกถามอย่างสงสัย จ้องตาผมเหมือนกำลังเค้นคำตอบ

ผมหน้าแดงไปหมด นั่งบนตักพี่แกจนทำตัวไม่ถูก นิ่งค้างอยู่อย่างงั้น

“น้องอ๊อกไม่ตอบ” พี่นนท์ที่เห็นผมนิ่งไปนานแววตาเป็นประกายทันที

“ทำไมหนูน่าเอ็นดูจัง”

“...”

“แต่พี่อยากให้หนูดูเอ็น”

อ๊ากกกกก พี่จะพูดแบบนี้ไม่ได้ ! จะชวนให้กะหรี่ดูเอ็นง่ายๆ แบบนี้ไม่ได้ ! ทำไมนะ...ทำไมผู้ชายที่กูเคยชอบถึงมีนิสัยหยาบคายและหยาบโลนแบบนี้กัน อีอ๊อกช็อกมากแม่ นั่งจิกเล็บในอุ้งมือจนเจ็บไปหมด ก่อนที่พี่นนท์จะเข้ามาจรดริมฝีปากใกล้ใบหู

“ล้อเล่นค่ะ”

“...”

“แต่หนูน่าแกล้งดี”

“...”

“ตอนนี้พี่เริ่มคิดจริงจังแล้ว”

“พี่เมา” ผมบอก ตัวเริ่มสั่นเหมือนเจ้าเข้า

“เปล่าค่ะ” พี่นนท์หดคอลงกลับมาจ้องหน้า ก่อนจะยื่นปลายนิ้วชี้มาที่หางตาข้างขวาของผม จี้จุดที่ทำให้ผมนิ่งชาสมองเอ๋อในบันดล

“ขี้แมลงวันอันนี้คุ้นๆ นะคะ” เขาอมยิ้ม และเป็นครั้งแรกที่ผมได้เห็นพี่แกยิ้มมาดร้ายขนาดนี้ แลบลิ้นเลียริมฝีปากต่อหน้าผมอย่างเซ็กซี่ พูดให้ได้ยินระหว่างเรา

“น้องอ๊อกญาติข้างบ้านของเดือนไม่ใช่เหรอ ?”

“...”

“น่าแปลกใจที่มาเจอเราที่นี่”

“...”

“เคยได้ยินว่าน้องอ๊อกเขียนนิยายนี่นา” พี่นนท์ฉีกยิ้มกว้าง หากไม่ใช่ในที่แบบนี้คงสามารถทำให้ผมหลงรักเขาได้อย่างหัวปักหัวปำ

“ไหนว่าเขียนนิยายไงคะ ?” เขาเอียงคอถามพร้อมรอยยิ้มเจิดจรัสท่ามกลางความมืดมัว ผมที่เห็นเลือนรางพอจะเห็นในตอนที่มีแสงวูบวาบมาทางนี้ ปากเกร็งยากเกินจะตอบกลับ

“ทำไมแต่งตัวแบบนี้ล่ะ ?” พี่นนท์ก้มมองสิ่งใต้ร่าง จับจ้องกระโปรงที่ผมสวมใส่ มือไม้พี่แกเริ่มอยู่ไม่สุข เรียวแขนข้างหนึ่งโอบกอด ขณะที่อีกข้างยกขึ้นมาลูบไล้ต้นขาขาวชวนวาบหวิว

“แต่งตัวล่อตาผู้ชายจัง”

“ด่าว่ากะหรี่ก็ได้พี่” ผมแก้ให้

“ไม่ค่ะ คำนั้นไม่เหมาะกับหนูเลย” พี่นนท์ส่ายหน้า หยีตาลงประกอบ ท่าทีเหมือนหนุ่มขี้เล่น ไม่เหมือนคนมาดเยอะดั่งที่เห็นในทีแรก และผมก็รู้แล้วด้วยว่าทำไมพี่แกถึงมองมาทางผมอยู่บ่อยๆ นั่นก็เพราะสังเกตและจับได้ถึงจุดเล็กๆ บนใบหน้าของผมนั่นเอง

พี่นนท์บอกคำว่ากะหรี่ไม่เหมาะ… “หนูเหมาะกับคำว่าเมียมากกว่า”

“...”

“ถ้ากลับไปห้องกับพี่ตอนนี้ พี่สัญญาจะไม่บอกไอ้เดือนมัน”

ฮือออ ตื่นเช้ามากูได้แต่งเอ็นซีสิบกว่าหน้าแน่ๆ แค่ขี้แมลงวันอันเดียว พี่เขาดูมั่นใจว่าเป็นเราเลยเหรอวะ ? ริวจิตสัมผัสปะพี่

“ดีไหมคะ ?” พูดจบก็ยังมีหน้ายื่นปลายนิ้วก้อยมาให้เกี่ยวอีก

ไม่ดีเลยค่ะ ! เป็นนิยายคงเป็นข้อผูกมัดสัญญารัก แต่ที่เห็นอยู่นี้คือข้อผูกมัดสัญญาซาตาน

“ไปคุยที่ห้องกันเถอะค่ะ”

คุยอะอ๊าล่ะสิไม่ว่า อีพี่นนท์ มองตาดูก็รู้ ไอ้คนสตรอเบอแหล !

“อืม” ทำได้แค่ขานรับเสียงอ่อน หันไปทางคริตตี้ รายนั้นก็หายหัวไปไหนแล้วก็ไม่รู้กับพี่เดือน

อ่าว สู่ขิตในวันที่ดือ เพื่อนรักหายหัว

‘✓ติ๊กถูก’ นักเขียนผ่านพ้นการเป็นกะหรี่ฝึกหัด

ออฟไลน์ lookpatty15407

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 74
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +30/-1
ตอนที่สอง



ข้อผิดพลาดของการเป็นกะหรี่นั่นก็คือ… ‘ลืมเปลี่ยนชื่อ’

โง่มากแม่ เพิ่งมารู้ตัวและคิดขึ้นได้ก็ตอนที่ถูกจูงมาอยู่บนรถแล้ว เกิดไปแต่งในนิยายคงโดนด่าที่แต่งอะไรก็ไม่สมเหตุสมผล

เออขอโทษที่ไม่สมเหตุสมผล ! สมองปลาทองก็มีแค่นี้แหละยังไม่อัจฉริยะเชี่ยวชาญจะแต่งให้สนองดลใจใคร

สมองนักเขียนคนนี้เริ่มเอ๋อ ประมวลผลภาพเหตุการณ์ความน่าจะเป็น

บนรถ… ไม่ปลอดภัย เจอบ่อยมากกับฉากพระนายจูบกันบนรถ เกิดมองตาแล้วสปาร์คขึ้นมาก็คงเย็-แม่งกันตรงนั้นเลย เลิ่กลั่กมากแม่ ! นั่นคนหรือสัตว์ไม่เลือกสถานที่ ทั้งที่ชีวิตจริงก็มีถ่มเถเอานอกถิ่นฐาน แต่เออลืมไปกูก็เคยเขียนฉากนี้มาก่อน ฉะนั้นเราต้องพยายามเลี่ยงเหตุการณ์เหมือนในเนื้อหา เริ่มกระเถิบตัวไปชิดข้างขอบประตูรถ สะดุ้งโหยงเมื่อมีใครบางคนเปิดประตูเข้ามานั่งฝั่งคนขับ จากนั้นก็หันมามองหน้าพร้อมรอยยิ้ม

“กลัวเหรอคะ ?” พี่นนท์ถาม

“...” ผมเงียบ เบิกตาโตเหมือนกระต่ายตื่นตูม ลำตัวพลันแข็งทื่อเหมือนเมดูซ่ามาต้องสาปให้เป็นหิน เพียงเพราะฝ่ามือใหญ่ที่เอื้อมมาลูบหัวคล้ายเอ็นดู

แต่จำได้ว่าพี่เขาบอกจะให้ดูเอ็น !! ฮือ รีบหลับตาลงปี๋ โหยหวนเหมือนผีสางอยู่ในใจ

ผีลูบหัว ไม่เอา บนรถไม่เอา ไม่พร้อม “เฮือก !” สะดุ้งตกใจ เมื่อสัมผัสได้ว่าเบาะถูกปรับให้เอนตัวไปด้านหลัง

ใช่เลย แบบนี้ใช่เลย เตรียมตัวถลกกางเกงบนรถโยกเยกกันได้เลย เยแน่ๆ โดนเยแน่ๆ !!

“สบายขึ้นไหมคะ ?” เสียงข้างกายเอ่ยถาม ผมเลยปรือตามอง เห็นพี่นนท์แอบยิ้มขำจนมีลักยิ้มข้างมุมปากด้านซ้าย

หึ มาถามว่าสบายขึ้นไหม ก็เพื่อที่พี่จะได้อัดกระแทกผมได้สะดวกใช่ไหมล่ะ !

“อืม” พยักหน้ารับไปงั้น รับรู้ได้แค่ว่ากำลังตื่นตระหนกสุดๆ ลอบสูดอากาศและกลั้นหายใจโดยพลัน ทันทีที่อีกคนเอนตัวมาทาบทับ ร่างกายใกล้ชิดในระยะรูขุมขน ลมหายใจอุ่นๆ รวยรินอยู่ข้างพวงแก้ม สบตามองเข้ามาในตาโดยไม่คิดจะละออกห่างสักเสี้ยววินาที ชักชวนให้หัวใจมันเต้นไม่ตรงจังหวะ ก่อนที่พี่นนท์จะถอยกายออกห่าง หยิบสายเข็มขัดนิรภัยติดให้ตรงที่นั่ง ไอ้เราก็ยกมือขึ้นมาทาบอก ตกกะใจหมด หลงคิดว่าต้องแหกขาชี้ฟ้าตรงนี้แล้ว

“เฮ้อออ” ขีดฆ่าฉากเอ็นซีบนรถยนต์ ถอนหายใจเมื่อรอดพ้นฉากวาบหวิว ลำคอก็พลอยเกร็ง ค่อยๆ หันหน้าไปทางกระจกรถด้านข้าง ดูลานถนนแทนที่จะมองคนหล่อเหลาให้เจริญหูเจริญตา แต่ก็มีบ้างในบางจังหวะที่มองเขาผ่านกระจกใสที่สะท้อนเงา นึกชมเชยอีกฝ่ายในใจ ‘พี่นนท์โคตรหล่อชะมัดเลย…’

‘กฎของการเป็นกะหรี่ ต้องไม่หลงรักลูกค้า’

โอเค กูลืมไป กลับมาก้มหน้าหยิบมือถือนั่งเล่นแทน คำพูดของคริสตี้ยังคงวนเวียนอยู่ในหัว ผมเลยเลือกที่จะมองข้ามคนข้างกาย ทำตัวให้เป็นปกติที่สุด เหมือนกับเราเป็นผู้ที่แข็งแกร่ง แม้ภาพในหัวกำลังมีตัวเองกรีดร้องอยู่บนรถ จิกหัวทึ้งกันไปมา พาลกระแทกศีรษะไปกับกระจกรถด้านข้างเสียงดังปึกๆ ใช้กำปั้นทุบตีเป็นสิบๆ หน และลดกระจกรถลง เพื่อยื่นหน้าตะโกนร้องขอความช่วยเหลือก็ตามที…

จรดปลายนิ้วพรมบนแป้นในเว็บอากู๋ เสิร์ชหาคำว่า ‘ครั้งแรกเจ็บมากไหม’ สิ่งที่ได้กลับมาคือกระทู้ต่างๆ และข่าวที่ทำให้อยากจะร้องไห้น้ำตาไหล

‘มีอะไรครั้งแรกเจ็บมากไหม ?’

‘ครั้งแรกของ...น่ากลัวมากไหมคะ ?’

‘18+ มีอะไรครั้งแรก ไม่เจ็บเท่าของแฟนไซส์ 54 แฟนไม่เชื่อว่าเราซิง’

‘ครั้งแรกของการเปิดซิงต้องเจออะไรบ้าง ?’

คำตอบง่ายมากค่ะ...

เจอคว- คว- คว- รัวๆ ไงคะ  !!! อ๊ากกกกก !! แม่จ๋า เจอแน่ๆ อีหอยหลอด หูรูดพังยับแน่นอน อ๊อกต้องหายใจติดขัดแน่ๆ รับไม่ได้...อ๊อกรับไม่ได้ ! ภาพในหัวที่เคยแต่งเอ็นซีลอยละลิ่วเข้ามาเป็นฉากๆ ท่าผีผ้าห่มเอย กล้วยบวชชีล้นทะลักเป็นกล้วยน้ำว้า ไหนจะท่าอุ้มกระเตงลอยตัวขึ้นรับหอกศักดิ์สิทธิ์ บ้างก็อีมอญซ่อนผ้าปิดตาเย เดี๋ยวก็พาไปเอานอกระเบียง ฉากไม่ซ้ำจำเจให้คนอ่านต้องเลือดกำเดาไหล อกอีแป้นจะแตก...

แตกในอีฉิบหาย ! จากนักเขียนที่แต่งนิยายอยู่ในบ้านเงียบๆ เพื่อนรอบตัวก็ต่างมีผัวกันหมด เคยน้อยใจอย่างมีแฟนเหมือนกับเขา แต่อาชีพอาจเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้เราไม่ค่อยออกไปไหน ทั้งที่สามารถยกโน๊ตบุ๊กไปแต่งตามร้านกาแฟก็ได้ จินตนาการว่าจะมีหนุ่มหล่อสักคนเข้ามาทักในบางครั้งบางครา ขณะที่เราก็คีพลุคให้ดูดีสง่า ประหนึ่งเป็นนักเขียนผู้โด่งดังจิบกาแฟชมวิว ใครถามก็บอก ‘อ๋อ เป็นนักเขียนจ้ะ’ ยิ้มหวานประดับ

สรุปกูต้องมานก เลิ่กลั่กตอนเขาถามไถ่ว่าแต่งแนวอะไรกัน ไอ้เราก็แถไปข้างๆ คูๆ ‘ทุกแนวครับ...’ อิโรติกบ้าง แนวน่ารักบ้าง แฟนตาซีบ้าง

ส่วนใหญ่รับศีลรับพอร์นกันไป…

‘พอร์น’ ที่ไม่ได้หมายความว่า ‘พร’ เหมือนดั่งคำอวยพรให้เป็นสิริมงคล

ทว่า วันนี้ผันตัวมาค้าขายวันแรกก็ขายดีเทท่า เสือกดันมาเจอกับคนรู้ที่จักจะพาไปคุยถึงห้อง จินตนาการคนเราเริ่มเตลิดไปไกล บนโซฟา ห้องนอน ริมระเบียง หน้ากระจกบานใหญ่ๆ โอ้แม่เจ้า คิดแล้วก็ตัวแข็งทื่อ หมายถึงกูเนี่ยตัวแข็งไม่ใช่ส่วนไหนแข็งทั้งนั้นอีหอยสังข์

เริ่มกริ่งเกรงไปหมด เป็นห่วงเพื่อนพ้องไม่ต่างกัน นึกขึ้นได้ก็รีบไลน์ถามคริสตี้ด้วยความเป็นห่วงเป็นใย

‘คริสตี้มึงอยู่ไหน ?’ จ้องค้างกับข้อความที่ส่งไปเกินห้านาที กลับไม่ได้รับข้อความตอบกลับหรือขึ้นว่าอ่านแล้วเลยสักนิด

เรียบร้อย อีคริสตี้ลาลับ เดินขาเป๋ไปแล้วหนึ่งศพ เหลือผมคนเดียวที่ยังไม่ขากะเผลก…

น้ำตาจิไหล เกิดพี่นนท์ไปบอกคนรู้จักขึ้นมา ชีวิตนักเขียนอย่างเราต้องดับแน่ๆ นักอ่านคงช็อกที่มีนักเขียนเป็นกะหรี่ ทั้งที่ความจริงก็แค่เป็นคนมีจิตใจเอื้ออาทร แบ่งปันความสุขสู่มวลมนุษย์ชาติ

ช่างอุปนิสัยเริงร่า...  (กรุณา อย่าเติมนอหนูเข้าไปด้วย)

“ทำไมหนูมาทำงานที่แบบนี้คะ”

“...”

“อ๊อก พี่ถามได้ยินไหมคะ ?”

“อะ เอ๊ะ พี่คุยกับผมเหรอ ?” เลิ่กลั่ก หันไปจ้องคนข้างกายที่จับพวงมาลัย ตามองไปตามทางรถยนต์เบื้องหน้าขณะถาม ส่วนผมยังคงตั้งท่าเหมือนกระต่ายตื่นตูมทุกชั่วขณะ

“ใช่ค่ะ พี่ถามว่าทำไมหนูมาทำงานที่แบบนี้ นี่หนูมัวแต่คิดเรื่องไรอยู่คะเมื่อกี้นี้ ?” พี่นนท์สงสัย ใบหน้าคมสันที่มีสันกรามเด่นชัดขยับริมฝีปาก ดูดีไร้ที่ติแม้แต่ตอนที่ขมวดคิ้วมุ่นคล้ายแคลงใจ

“ปะ เปล่า” ไม่มีไรทั้งนั้น คิดไปเรื่อยเหมือนขยันคิดพล็อต ส่ายหน้าประกอบฉาก ก้มหน้าก้มตาเล่นทวิตอันเป็นกิจวัตรประจำวัน เอ่ยปากพูด “คือผม...ผมก็แค่มาหาเงิน” และคุณพี่เสือกอะไรด้วยคะ ไม่ใช่พระเอกเหมือนในนิยายนะ ชีวิตจริงภายนอกหากสนิทชิดเชื้อนี่จะด่าว่าเสือกแล้วนะพี่จ๋า

“แล้วทำไมไม่ทำอาชีพสุจริตล่ะคะ งานมีตั้งเยอะตั้งแยะ รู้ไหมคะว่ามันไม่ดี หนูไม่กลัวเหรอ ? เกิดพ่อแม่รู้ขึ้นมา ท่านจะเสียใจแย่นะ”

ที่หนูเป็นกะหรี่น่ะเหรอ ? อืม อันนั้นก็มีเหตุผล แต่งานเดี๋ยวนี้หายากจะตายห่า เศรษฐกิจล่มจมตั้งแต่อีแก่นั่นยังคงอยู่ ขายหลีหูดูท่าจะง่ายกว่า

อาห์ ไม่พูดดีกว่า เสี่ยงคุกเสี่ยงตาราง ไม่ดีๆ ไม่ได้สนับสนุนการขายหลีแต่อย่างใด

“หรือว่าหนูร้อนเงิน ?”

“ก็…” ตอบไงดีวะ มันก็พอมีส่วน “นิดนึง” เอางี้ละกัน

ตอบจบไม่ทันไร รถก็ดันมาจอดหน้าบ้านหลังสีขาวพอดี ด้านหน้ามีรั้วประตูกั้นอยู่ สนใจได้ไม่นานก็ต้องหันมามองคนข้างๆ ที่ยื่นหน้าเข้ามาใกล้

โหยยย คุณพี่ปลดเข็มขัดนิรภัยเร็วมาก ! ปลดอย่างอื่นด้วยจะรวดเร็วขนาดนี้ไหม ?

“หนูอยากยืมพี่ก่อนไหมคะ”

หมายถึงยืมเงินเหรอคะ ? ผมทำหน้าสงสัย ทำไมพี่แกใจดีจัง เออก็ดีนะ รีบรับน้ำใจโดยไว

“อะ…” กำลังจะตอบ

“ไม่ดีกว่า” อ่าว ทำไมกวนตีนอะไอ้พี่นนท์

“แลกกับค่าเสียเวลาของหนูวันนี้ดีกว่า”

อย่าบอกนะว่า...

“ขายตัวเสียเวลาหาลูกค้า”

“...”

“หนูขายขาดให้พี่เอาคนเดียวไม่ดีกว่าเหรอคะ ?”

อีสัตว์ ! รีบหันขวับไปทางประตูรถ เงื้อมือหวังจะเปิดโดยไว แต่เสียงที่โต้ตอบกลับมาทำให้ต้องผิดหวัง

กึก ! ล็อกค๊าาาา เลิศ ! เลิศที่สุด! กูโดนฉากเอ็นซีบนรถแน่ๆ !

“ฮ่าๆ รีบหนีเลยนะคะ หนูกลัวพี่ขนาดนั้นเลยเหรอ” พี่นนท์หัวเราะขำ ยื่นปลายนิ้วมาช้อนปลายคางของผมให้หันหน้ามาสบตา เปลี่ยนตำแหน่งฝ่ามือเลื่อนมาลูบกลุ่มเส้นผมดำขลับ ไม่วายตั้งคำถามสงสัยในการค้าขาย

“ไหนบอกหน่อยซิ ว่าทั้งวันทั้งคืนหนูทำอะไรได้บ้าง”

ห้าร้อย จ่ายสดงดทวงไม่รับผ่อน ตวัดลิ้นเก่ง ควงสะโพกพลิ้วไม่เป็นที่สองรองใคร จับบีบนวดได้ตามใจชอบ  อยากแตกในเพิ่มอีกห้าหมื่น แต่จริงๆ ไม่รับหรอกเพราะกลัวติดโรค หากอยากได้จริงๆ ขอผลตรวจเลือดจากคลินิกนิรนามก่อน เพื่อความปลอดภัยในชีวิตนี้

ได้แค่คิด แต่ไม่กล้าบอก...

“กวาดบ้าน ล้างจาน เอ่อ… เล่นไพ่ก็ได้” จะได้ไหวตัวทัน เผื่อจะได้เงินมากกว่าเก่า เดี๋ยวนี้ลูกค้าชอบเล่นตุกติก “คุยจับมือ” คิดไม่ออก อยากได้มากกว่านี้ขอเข้าห้องน้ำทำแท้งก่อนนะพี่

“จับมือ ?” พี่นนท์เอียงคอยิ้มประดับอยู่ที่มุมปาก ดูเป็นคนขี้เล่นและร่าเริงมากกว่าที่คิด ทั้งที่ผ่านมาไม่เคยเห็นสีหน้าเช่นนี้เลย

“ใช่ๆ จับมือ” ผมขานรับรัวๆ หวังให้รอดพ้นจากฉากเหมือนในนิยาย

สถานการณ์ไม่แน่ไม่นอน จะทำอะไรตอนนี้ก็เกรงใจ ยังไม่ได้เตรียมพร้อมอะไรเลยทั้งนั้น ตอนนั่งรถมาก็เลื่อนทวิตเจอฉอดคนเขียนว่าแต่งนิยายเอ็นซีคงได้มาจากชีวิตจริงเลยเอามาแต่ง

โธ่ อีหัวสมองปลาทอง ! ตรรกะเด๋อด๋า นักเขียนเขาก็ศึกษาก่อนแต่งกันทั้งนั้น อย่างผมเนี่ยสิก็ดูคลิปพอร์นเพื่อหาแนวทางการบรรยายลงในเนื้อหา ประสบการณ์โดยตรงก็ไม่ใช่ แต่ทว่าตอนนี้ก็ไม่แน่  จากที่คิดว่าจะแค่ถ่ายทอดผ่านจินตนาการ วันนี้คงกลับบ้านไปบรรยายได้ละเอียดแหงๆ

เอาล่ะ เห็ดหัวเบิกบาน ค่อยๆ หย่อนขีปนาวุธเข้ามาในร่องหลืบหลุมอวกาศ แต่ปะเดี๋ยววอนคุณพี่เห็นใจพาน้องเข้าห้องน้ำก่อน

“งั้นจับมือเฉยๆ ก็ได้ค่ะ”

เฮ้ย ! แม่ พี่เขาสนใจข้อเสนอหนูด้วยแหละ !

“มือหนูน่าจะนุ่ม…” พี่แกหลุบสายตาลงต่ำ ยื่นฝ่ามือมากุมปลายนิ้วของผมให้สอดประสานฝ่ามือให้เป็นหนึ่งเดียวกัน จากนั้นก็เงยขึ้นมาจ้องแววตาพร้อมรอยยิ้มกระชากใจ “พี่ชอบจับมือมากๆ เลยค่ะ :)

ยิ้มแปลกๆ นะพ่อนะ ในนิยายคงขึ้นเป็นอิโมจิ เหมือนพวกพระเอกจอมเจ้าเล่ห์สันดานชั่ว

“พอจับแล้วไม่อยากจะปล่อย” ยกมือขึ้นทั้งที่กุมฝ่ามืออยู่ พลันเอาหลังฝ่ามือของผมเขยื้อนเข้าไปใกล้ริมฝีปาก พี่นนท์ก้มหน้าจุมพิตที่หลังฝ่ามือขาว แววตาพราวเสน่ห์ไม่เคยผลักไสจากดวงตาคู่นี้

ริมฝีปากอุ่นร้อนสาละวนอ้อยอิ่งแม้แต่ข้อนิ้วและปลายนิ้วมือ ทุกครั้งจะมอบจุมพิตได้อย่างนุ่มนวลเหมือนคนหลงใหล ในขณะที่อีกฝ่ายยังคงจูบอยู่จนเกิดเสียงดังจุ๊บ ริมฝีปากของชายฉกรรจ์ก็อ้าออกเล็กน้อย ใช้ซี่ฟันสีขาวกัดลงที่ปลายนิ้วโป้งของผมอย่างหยอกเย้า ลมหายใจของผมก็ดันสะดุด ทั่วใบหน้าร้อนผ่าวเหมือนมีเลือดสูบฉีดผิดปกติ พินิศใบหน้าหล่อเหลาที่จ้องอย่างร้อนแรง

พี่นนท์เหมือนเป็นบุรุษที่มักถูกเปรียบเป็นหมาป่ากระหายเหยื่อ คลังคำในหัวของผมมันเลยเลือกที่จะใช้คำๆ นั้นให้เหมาะกับนิยามของเขาในตอนนี้ ฉากที่ตรึงใจที่สุดคงเป็นวินาทีที่เขาเผยอปากออกและแลบปลายลิ้นแตะต้องบริเวณปลายนิ้วโป้งของผมเบาๆ ปล่อยให้นิ้วนั่นสัมผัสให้กลีบปากนุ่มหยุ่นของเขากลับมาเด้งดึ๋งฟื้นฟูคงสภาพ

พี่นนท์ยืดตัวเข้ามาใกล้แทบจะกักกันบริเวณของนักเขียนคนนี้ให้ไร้ทางออก ผมสูดอากาศรัวแรงเหมือนคนพร้อมจะเป็นหอบ

ต่อจากคำว่า ‘พอจับแล้วไม่อยากจะปล่อย’ พี่เขาก็ยังบอกอีก...

“พี่อยากจะจับตรึงหนูเอาไว้แทน”

“...”

“หนูเป็นนักเขียนนี่คะ” พี่นนท์โน้มหน้ากระชั้นชิด ส่งน้ำเสียงกระเส่าให้ใจสั่นอยู่ข้างกกหู มันเบาบางและเหมือนบุรุษขี้อ้อนเป็นที่หนึ่ง ผมไม่เคยเจอผู้ชายพรรค์นี้มาก่อน แม้แต่นวนิยายที่เคยอ่าน

เขาเหมือนคนที่หลุดออกมาจากห้วงจินตนา

“หนูน่าจะเข้าใจดี”

“...”

“ลองเอาไปเขียนในนิยายดูไหมคะ ?” พี่นนท์บอกน้ำเสียงนุ่มให้ใจบาง ขยับใบหน้ามาจ้องตากันชัดๆ มองเรียวปากอิ่มของผมวูบหนึ่ง

“ฉากจับมือจริงๆ”

“อึก !”

“มันแนบประสานยกไว้เหนือศีรษะ” เขาอมยิ้ม ลงท้ายอีกคำก่อนที่สิ่งบางอย่างจะตามมา “เผื่อหนูไม่เคยลอง” จากนั้นก็ยกมือทั้งสองข้างของผมยกขึ้นสูง วางแนบลงไปกับพนักที่นั่งเหนือศีรษะ ทำตามเปรียบเปรยดั่งคำพูด “แบบนี้ไงคะ”

“แล้วฉากจูบก็จะตามมา...” แล้วพี่นนท์ก็โน้มหน้ามาจูบผมจริงๆ

“อึก อื้ม” ครางเหมือนในนิยายที่เคยแต่ง การออกเสียงในลำคอมันเป็นแบบไหนก็เป็นเช่นนั้น ยิ่งตอนที่เขาเอามือลูบไล้คอดเอวราวกับปลอบประโลม ฝ่ามือเลื่อนไปแตะช่วงขาอ่อนแต่ก็ไม่ได้ล่วงเกินไปมากกว่านั้น

พี่นนท์ทำให้ผมรู้ว่าจูบจริงๆ มันแตกต่างจากนิยายขนาดไหน การปรับองศาของใบหน้ามันเป็นแบบใด มันไม่ได้แค่แนบปากเพียงผิวเผินเหมือนตัวอักษรที่เคยขีดเขียน หรือหยาบโลนเหมือนในนิยายที่สอดประสาน ปลายลิ้นมันเข้ามาภายในก็จริง หยอกเอินและหาจุดต้นตอกำเนิดของความหวานล้ำ รสชาติมันอาจจะไม่เป็นเช่นนั้นในชีวิตจริง ประกอบกับก่อนหน้านี้พี่เขาดื่มแอลกอฮอล์มา ส่วนผมก็แอบกินของหวานมาก่อนหน้า จำพวกอมยิ้มเป็นต้น มันเลยส่งผลให้โพรงปากของผมทำให้พี่นนท์คล้ายพึงพอใจ หยาดน้ำลายมันไม่ได้เปียกเปรอะจนหกเลอะ

ความขมและหวานบ้างที่ปะปนอยู่ตรงปลายลิ้น ทำให้รับรู้รสชาติตรงต่อมลิ้นที่สัมผัส

ลิ้นของเรามันเกี่ยวกระหวัดรัดรึงเหมือนในคลิปลามกที่ผมเคยดู วันนี้ผมเลยได้ประจักษ์แจ่มแจ้งมากกว่านั่งพิมพ์ในเนื้อหาตัวสะกด จดจำทุกอิริยาบถและทุกวินาทีของสัมผัสเหล่านี้ ใจหนึ่งมันก็สั่นเพราะทำตัวไม่ถูก แต่อีกใจหนึ่งมันก็มีภาพที่ทำให้อยากรู้อยากลอง

อยากรู้.... รู้ว่าหากเป็นตัวอักษรมันจะบรรยายได้ลึกซึ้งขนาดไหน

อยากลอง… ลองว่าความรู้สึกพรรค์นี้มันจะเทียบเทียมได้เหมือนนวนิยายที่เคยอ่านบ้างหรือไม่ และจะสามารถทำให้เราฉุกคิดถึงการบรรยายได้ละเอียดลออถึงปานใด

ซีรีย์เกาหลี หรือภาพยนตร์อิโรติก… ภาพของเราจะออกมาเป็นแบบนั้นไหมนะ หากผมแต่งเป็นนิยายภาพในหัวของคนอ่านจะเป็นเช่นนั้นบ้างหรือเปล่า

บรรยากาศที่ดูว้าเหว่เหมือนผีสางพร้อมจะเข้ามากันหลอกหลอน ไฟภายนอกมันมืดมิดสิ้นดี อยู่คนเดียวคงกลัวจนจิตตก แต่ทำไมภายในรถยนต์บรรยากาศกลับดูน่ารัญจวน นำพาให้หัวใจดวงน้อยๆ สั่นระริก อยากจะนอนเกลือกกลิ้งเขินอายเหมือนเรากำลังฟินกับบางสิ่งบางอย่าง

วันนี้ผมจึงได้รู้แล้ว… รู้มากกว่าคำเปรียบหวานๆ ดั่งคำคม รู้มากกว่าคำพูดของแต่ละคน จูบมันอธิบายได้มากมายขนาดไหน

มันอาจเป็นแค่จูบ...จูบที่ดูลามกสำหรับใครบางคน อาจเป็นจูบที่ไม่ได้มีความหมายใดๆ ทั้งสิ้น แต่ทว่าจูบตอนนี้ มันทำให้ผมนึกถึงคำๆ นึง

ราวกับเราเป็นน้ำผึ้งหวานหยด ต่างจากอีกคนที่เป็นเตาร้อนๆ

นำพาให้น้ำผึ้งล้ำค่าอันนี้…หลอมละลายไปกับไฟ

พี่นนท์คงเป็นไฟที่อบอุ่นมากแน่ๆ อีกสักนิดคงนึกภาพตัวเองโดนไฟเผาจนตัวดำเป็นเถ้าถ่าน หอบแฮ่กเหมือนสุนัขที่เหน็ดเหนื่อย นึกภาพตัวเองยืดปลายลิ้นออกมาก็คงคล้ายคลึงกัน ทันทีที่ปลายลิ้นหยุดเคลื่อนไหว และละใบหน้าออก หยาดน้ำลายของเราเชื่อมประสาน บ่งบอกถึงความลึกซึ้งที่ได้เข้ามาพัวพัน

พี่นนท์ตวัดปลายลิ้นเลียกลีบปาก ตัดทำลายสิ่งเชื่อมโยง เขาแย้มยิ้มกว้างมีความสุข มองผมที่หอบระทวยอยู่ใต้ร่าง

ผมรู้...รู้สึกได้ว่ากำลังมองพี่แกด้วยแววตาแบบไหน มันแฝงเต็มด้วยความต้องการไม่ต่างกันเลย สัญชาตญาณดิบคล้ายถูกปลุก

“เข้าบ้านกันดีไหมคะ ?” พี่เขาบอกแบบนั้น

“อืม” ผมก็ทำได้แค่ก้มหน้าหลบสายตา

มันเป็นจูบแรกที่ลึกซึ้งชะมัดเลย…

ผมอดไม่ได้ที่จะเม้มปากแน่น หันไปมองด้านข้างและเบิกตาโต นึกอยากจะกรีดร้องให้ลั่นโลก ไม่คาดคิดว่าจะถูกคนที่ตัวเองแอบชอบมาจับจูบ จากทีแรกที่ไม่พร้อม ไปๆ มาๆ อาชีพที่ทำอยู่คงเหมาะกับอุปนิสัย ไบโพล่าร์คล้ายแปรปรวน ฉุกคิดกำเดาก็แทบจะไหลออกจากรูจมูก นึกถึงภาพพี่นนท์กลายเป็นพระเอกนิยายเปลือยท่อนบน ค่อยๆ ไล่ปลดกระดุมทีละเม็ดจนเห็นไหปลาร้าขาวๆ จากนั้นก็ตามมาด้วยแผงอก มัดกล้ามหน้าท้องที่ทำให้ชะนีและกะเทยกรีดร้องหาผัว

โอ๊ยยยยย ใจบ่ดี ~ นั่งเกร็งจนตัวบิด ปลายเล็บจิกลงกับต้นขาขาว เลือดจะไหลซิบไหมก็ไม่ต้องเดา ฉากต่อไปแม่งต้องเหมือนในนิยายแน่ๆ  พระเอกอ้อมมาเปิดประตูรถให้ อิริยาบถเหมือนหนุ่มสุภาพมีชาติตระกูล

นี่ไงๆ พี่นนท์ลงจากรถแล้ว อีกประเดี๋ยวเดียวก็ต้องอ้อมมาเปิดประตูรถให้อย่างแน่นอน ผมก็เลยนั่งแช่ไปงั้น อยากรู้โมเมนต์เหมือนฉากในนิยายวาย ทว่าพี่นนท์กลับเอียงตัวลงมาเปิดประตูรถฝั่งคนขับ ชะโงกหน้ามาพูดกับผม

“หนูไม่ลงเหรอคะ ?”

อ่าว ทำไมไม่เหมือนที่คิดไว้อะ ผมหันหน้าไปทำหน้างงใส่อีกฝ่าย

อ๋อ ก็เพราะเราไม่ใช่นายเอกนิยายใช่ไหม มีขาก็ต้องเดินลงกันเอง มือไม่น่าจะเป็นง่อยกันนี่นา แรงแทบไม่มีเหมือนกระดูกไม้เสียบผี ทำห่าอะไรก็ต้องให้พระเอกคอยช่วยเหลือตลอดเวลา

อืมๆ ก็ได้ หันไปจับที่เปิดและดึงเข้าหาตัว ก้าวขาลงจากรถ มายืนเด๋อเหมือนโสเภณีไม่คุ้นชินกับสถานที่ทำงาน มองพี่นนท์ที่ไขกุญแจรั้วบ้าน สงสัยพี่แกคงอยู่คนเดียวนั่นแหละ ส่วนผมก็ยืนอยู่ข้างๆ คอยเดินตามท้าย มาถึงหน้าประตูบ้านก็ต้องไขกุญแจอีก

ล็อกเก่งมากพี่ ข้ามฉากไปไวๆ เหมือนในนิยายได้ปะ หรือไม่ก็เหมือนละครจำเลยรักไปเลย คุณหฤษฎิ์โยนร่างโศรยาปลิดปลิวออกนอกบานหน้าต่าง อ๋อ ไม่ใช่เหรอ โยนลงบนเตียงใช่ปะ ? เคๆ แค่อยากให้มันจบเรื่องจบราวกันไป นึกถึงตอนทำแท้งก็เหนื่อยตายห่าละ คงใช้เวลาหลายนาทีกว่าจะเสร็จ
.
.
.
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 22-06-2020 11:29:00 โดย lookpatty15407 »

ออฟไลน์ lookpatty15407

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 74
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +30/-1
แกร๊ก ! เสียงเปิดเข้ามาในบ้านในที่สุด ก่อนจะตามมาด้วยเสียงกรุ๊งกริ๊งและเสียงสุนัขตัวหนึ่งเห่าดังลั่น ผนวกกับเสียงแมวที่ร้องออดอ้อน

“โฮ่งๆ !” โฮ่งพ่อมึงสิ

“เมี๊ยว ~” โอ๊ย น้องงงง

“พี่เลี้ยงแมวด้วยเหรอ ?” ผมตาลุกวาว แอบแปลกใจเล็กน้อย แก้มนี่ยิ้มแก้มปริละ เห็นแมวปุ๊บก็รีบย่อตัวลงต่ำ ยื่นมือไปลูบเจ้าตัวน้อยขนฟูสีขาวที่กำลังเอาหัวไถกับขากางเกงของพี่นนท์ เส้นขนของน้องนุ่มสลวยน่าลูบน่าจับฟัด

“ใช่ค่ะ”

“น้องพันธุ์ไรอะครับ ?” ผมยิ้มกว้าง ตาไม่ได้มองแม้แต่เจ้าของหรือสุนัขข้างกายเลยสักนิด ปกติจะเห็นคนเลี้ยงแมวหรือไม่ก็หมาไปเลย แต่พี่นนท์นี่เล่นเลี้ยงสองตัวคนละสปีชีส์อยู่ในบ้านเดียวกัน

“สก็อตติช โฟลด์ค่ะ”

“อ๋อ ~” อ๋อไว้ก่อนแต่ไม่รู้หรอกว่าเป็นยังไง ส่วนใหญ่ไม่ค่อยจะจำเรื่องราวรอบตัวเท่าไรนัก เน้นหาข้อมูลเวลาแต่งนิยายมากกว่า ชีวิตจริงนี่ความจำสั้น เหมือนคนไม่มีไอคิว

“หนูไม่สนใจเจ้าดิ๊กพี่หน่อยเหรอ ?”

“ชื่อหมา ?” ผมเงยหน้าขึ้นมาสบตา

“ใช่ค่ะ” พี่นนท์ยิ้มประดับ

“อ๋อออ” อ๋ออีกเช่นเคย ตกกะใจหมดหลงคิดว่าหมายถึงหรรม ผมจึงบอกต่อ “ชื่อน้องน่ารักดีนะครับ” อีกสักประเดี๋ยวก็คงได้เล่นกับดุ๊กดิ๊กเจ้าของของมัน ชื่อน่าจะดิ๊กคล้ายคลึงกัน

ยื่นมือไปลูบหัวของเจ้าดิ๊กไม่นานก็มาเล่นกับเจ้าแมวน้อยต่อ

“แล้วแมวล่ะครับชื่ออะไร” ผมถาม

“น้องอ้อน” พี่นนท์ตอบ ชื่อน่ารักมากแม่ ! “เพราะมันชอบอ้อน” เค เหตุผลง่ายดี

ผมยืนขึ้น ชักมือหลบเจ้าสุนัขที่ชื่อดิ๊ก เมื่อมันยื่นจมูกมาดมตรงปลายนิ้ว แอบหลุดร้องเสียงเหวอ

“หนูกลัวเหรอคะ ?” พี่นนท์เห็นปฏิกิริยาเช่นนั้นของผมก็เลยสงสัย รีบจับเจ้าดิ๊กให้ออกห่าง

“นิดหน่อยครับ ตอนเด็กเคยโดนหมากัด” สงสัยเพราะปากหมาด้วยหรือเปล่าก็ไม่รู้ ผมหันมาพูดกับคนตัวโตที่พยักหน้าเข้าอกเข้าใจ ไม่ถามข้อมูลเชิงลึกไปมากกว่านี้ ก่อนที่ผมจะมองซ้ายแลขวา

“ห้องน้ำอยู่ตรงไหนเหรอครับ ?” ถามไว้เพื่อเตรียมตัว เห็นเข้ามาเจอแมวก็ใช่ว่าจะเผลอไผลหลงลืมเรื่องบางประการ ใจมันยังคงสั่น ถึงได้หาเรื่องคุยกลบเกลื่อน

“หนูเดินตรงไป ซ้ายมือจะมีประตูห้องน้ำสีน้ำตาลค่ะ”

“ขอบคุณครับ” ผมโคลงศีรษะลง

“หรือให้พี่เดินไปส่งไหมคะ ?” พี่นนท์เสนอตัว

“อา ไม่เป็นไรครับ” รีบปฏิเสธโดยไว เจอพี่แกยิ้มกรุ้มกริ่มก็รู้ซึ้งถึงโชคชะตาในเร็วๆ นี้

เป็นเพื่อนพี่ชายใช่ว่าจะเอาน้องเขาไม่ได้นี่นา ล่อลวงผมมาถึงนี่ก็เหมือนมัดมือชก ถ้าโง่หน่อยเหมือนนายเอกใสๆ ในนิยายที่เคยแต่ง ก็คงต้องมีการดิ้นรนขัดขืน ตั้งคำถาม ปากบอกอย่าทำผมนะ อ๊ะก็บอกว่าอย่าไง ช่างดัดจริตสิ้นดี ทั้งที่แหกรูทวารมาถึงที่

โง่มากแม่ อีอ๊อกรู้เท่าทันหรอกน่ะ หลีกเลี่ยงไรไม่ได้ด้วย ทั้งที่ใจจริงก็แอบชอบเขามานาน โดนจัดสักดอกคงฟินไปถึงชาติหน้า

ไม่ต้องรอจ้ะ กูเอาชาตินี้นี่แหละ ! ชีวิตจริงคนเราโดนคนที่ตัวเองแอบชอบหมายปองก็คงมีความสุข ผมจึงรีบก้าวขาโดยไว ไม่รู้จะโดนจริงไหมก็ลองให้คุกกี้ทำนายกัน กวาดตามองภายในบ้านไปพลาง แม้ไม่ได้ตกแต่งหรูหราเหมือนพระเอกในนิยายที่มีฐานะมั่งคั่ง ถึงกระนั้นก็ยังมีความมั่นคงในฐานะเงินทองพอสมควร เฟอร์นิเจอร์ไม่จำเป็นต้องมีกรอบรูปสีทองอร่ามตกแต่ง เดินเข้ามาครั้งแรกตั้งแต่เปิดประตูบ้านก็จะเห็นห้องนั่งเล่นอยู่ฝั่งขวามือ มีโซฟาสีดำสนิทหันหน้าเข้าหาจอโทรทัศน์ขนาดใหญ่ที่ติดอยู่มุมผนังห้อง ตั่งโต๊ะที่วางอยู่ด้านหน้าโซฟาเพื่อสามารถวางสิ่งของหรือยืดขายาวเหยียดให้พาดเล่นก็ยังได้ มีแม้แต่ชั้นหนังสือสีขาววางเอาไว้อยู่ตรงกำแพง จุดกึ่งกลางด้านหลังของตรงพนักโซฟา ถัดมาทางซ้ายมือภายในบ้านจะเห็นประตูกระจกบานเลื่อน สิ่งภายในค่อนข้างโล่งพอสมควร แถมยังมีหน้าต่างถ่ายเทอากาศบริสุทธิ์ สอดส่องเข้าไปจะเห็นพวกเครื่องวิ่งออกกำลังกาย บวกกับที่ยกน้ำหนัก สารพัดของพวกเครื่องหมั่นรักษาสุขภาพ หันกลับมามองทางเก่าเมื่อเดินตรงไปก็จะเจอห้องน้ำอย่างที่พี่นนท์เคยบอก ผมสำรวจดูทางขึ้นบันไดชั้นสองเล็กน้อยที่อยู่ฝั่งขวามือ และสุดทางเดินของชั้นล่างที่น่าจะเป็นห้องครัวกับโต๊ะทานอาหาร พื้นที่ค่อนข้างกว้างขวาง เห็นอย่างงี้แล้วอยากเอาไปบรรยายในนิยายสิ้นดี น่าจะจับแต่งฉากอิโรติกให้พระเอกกับนายเอกได้เสียกันตั้งแต่หน้าประตูบ้านและห้องนั่งเล่นลามไปถึงห้องออกกำลังกาย เลยเถิดไปถึงห้องน้ำ ทำลายข้าวของในห้องครัวให้จานชามแตกพัง กระแทกกระทั้นตั้งแต่ทางขึ้นบันไดไปทีละขั้น จรดไปถึงห้องนอน จับรัดฟัดเหวี่ยงให้เอากันจนตัวลอย ให้แม่งเยกันถึงฝ้าเพดานเหมือนผีห่าซาตาน ประหนึ่งแดกยาปลุกเซ็กส์ให้บ้าดีเดือด

“ฮุก” คิดแล้วกำเดาก็จะไหล มันน่านัก จดๆ เอาไว้แต่ง

เข้ามาถึงห้องน้ำก็ล็อกเป็นที่เรียบร้อย ปลดกระโปรงลงต่ำและนั่งหย่อนก้นลงที่ขอบชักโครก

เอาละค่ะ เนื้อหาต่อไปนี้มีฉากกระทบกระเทือนต่อสภาพจิตใจ ใครทานข้าวรบกวนวางจานลงและพักย่อยสักครึ่งชั่วโมงก่อนจะเสพเนื้อหาต่อไปนี้ หากไม่ทำตามกระบวนการ อาจอ้วกหมดไส้หมดพุงแล้วอย่ามาด่ากูกันนะคะ กูตีนะ

หากท่านไหนต้องการกระโดดข้ามฉากทำแท้งให้อ่านผ่านไปถึงคำว่า ‘หยุด’

สงบสติสักพักก่อนจะสูดอากาศเข้าลึกๆ ยื่นมือไปหยิบสายชำระล้าง จับเทสด้วยการลองกดที่สายฉีดหัวชำระ ดูความแรงของกระแสน้ำ หากพุ่งแรงไปหูรูดคงฉีกขาดอย่างแน่นอน

พรืด เสียงแรงน้ำกระทบกับพื้นกระเบื้อง ไหลลงสู่ท่อระบายน้ำทิ้ง ดีที่มันไม่ได้แรงมากจนเกินไป เหมือนบางที่สุขาของคนเรา ที่ฉีดทีหนึ่งเหมือนปล่อยพลังคลื่นเต่า ไม่งั้นนอกจากทำแท้งให้สิ่งภายในสะอาดสะอ้าน ยังต้องมาบาดเจ็บให้ถึงขั้นพาไปหาหมอโดยไม่ทันได้ลิ้มลองรสชาติเสพสังวาส

ผมสูดอากาศอีกครั้งหนึ่ง สอดที่สายฉีดชำระลอดผ่านใต้หว่างขา จ่อที่พ่นน้ำลงสู่ปลายทางทวารหนัก ขั้นตอนการทำแท้งในชีวิตจริง เพื่อให้กระแสน้ำมันล้างสิ่งต่างๆ ที่เป็นมูล แค่คิดวิธีการทำแท้งก็เหนื่อยจิต

“อึก” ร้องสะอึกดั่งคนจุก กดน้ำหนักที่พ่นน้ำเบาๆ พยายามกระชับหูรูดไม่ให้น้ำมันไหลเลอะ สะสมน้ำที่เข้ามาจนเริ่มอัดแน่นเต็มไปหมดภายในท้องน้อยจนผมทนไม่ไหวต้องเอาสายยางดึงออกห่าง ตัวงอคว่ำก้มหน้าลงต่ำ คลายตรงส่วนที่กักเก็บน้ำที่สะสมมาพุ่งพรวดลงโถสุขภัณฑ์ รู้สึกหายใจไม่ค่อยคล่องนัก หน้าก็พาลเห่อร้อนไปหมด ต้องทำแบบนี้อยู่หลายเที่ยว หากกินอาหารหนักมาคงเหนื่อยหน่อย แต่โชคดีที่ผมกินอาหารอ่อนมา ไม่ได้มีปัญหากับระบบขับถ่ายที่ค่อนข้างตรงเวลา จึงไม่มีสิ่งใดๆ เจือปน จากนั้นก็ค่อยๆ สอดปลายนิ้วชี้เข้ามาในปากถ้ำ มันค่อนข้างเจ็บในทีแรกเพราะยังไม่คุ้นชินเท่าไร แต่น้ำที่ฉีดเข้าไปทำให้สอดนิ้วได้ง่ายขึ้น พอจะช่วยให้ขยายช่องทางได้เล็กน้อย

“อ๊า” สกัดกลั้นอารมณ์ไม่ไหว หลุดเสียงร้องหวามหวิวออกจากปาก ตัวงอโค้งขณะที่ใช้ปลายนิ้วซ้ายชำแรกเข้าออก ขยายเพิ่มจำนวนนิ้วกลางพร้อมกับปลายนิ้วชี้ คลับคล้ายคลับคลาสิ่งภายในจะฉีกขาด หลุดเสียงร้องสะอื้นไห้จนน้ำตาคลอ การทำแท้งค่อนข้างเจ็บปวดในบางครั้ง เสียระยะเวลาเพื่อให้สิ่งภายในไร้มลทิน ต้องเริ่มด้วยการฉีดน้ำมากกว่าสิบกว่าหน กริ่งเกรงว่าจะมีอะไรไม่พึงประสงค์ ด้วยความที่ผมค่อนข้างรักสะอาดจึงค่อนข้างละเอียดและเสียเวลากับจุดนี้เป็นพิเศษ ไม่ใช่ว่าไม่เคยทำแท้งมาก่อน เพราะเคยนี่แหละเลยต้องเตรียมพร้อมให้เป็นที่เรียบร้อย เคยศึกษาข้อมูลขั้นตอนการทำมาเลยชำนาญมากขึ้น สอดนิ้วได้ไปถึงสองก็ต้องมาเพิ่มจำนวนนิ้วอีกครา ครั้งนี้เยียดยัดปลายนิ้วนางตามมาด้วย ภายในฝืดเคืองจนต้องพยายามผ่อนลมหายใจเข้าออกสม่ำเสมอ สามนิ้วช่างยากเย็นในการนำพาดึงเข้าออกสิ่งภายใน ผมพยายามไม่เกร็งตัวจนหูรูดต้องบีบรัด ใช้ระยะเวลาหลายนาที สลับสับเปลี่ยนกับการฉีดน้ำเพื่อตรวจเช็กความสะอาดอีกสองสามครั้ง และสอดนิ้วอีกที อาจเสียเวลามากกว่าห้าหรือสิบนาที มากสุดก็ถึงเกือบยี่สิบนาทีด้วยซ้ำไป เพราะมีสิ่งเจือปนหรือปัญหาในการขับถ่าย

หยุด

“แฮ่กๆ” กว่าจะเสร็จก็เล่นซะจนหอบเหนื่อย ตัวงอหน้าแดงก่ำเพราะเลือดมันไหลมาหล่อเลี้ยงอยู่ทั่วใบหน้า ปลายวิกผมยาวเหยียดเกือบจรดพื้นห้องน้ำ เนื่องจากตัวผมก้มหน้าลงขณะทำแท้ง เสร็จกิจก็ลุกขึ้นยืน เดินมาล้างมือให้สะอาดเอี่ยมอ่อง ผ่อนลมหายใจให้เข้าออกสม่ำเสมอ หยาดน้ำตาคลอเบ้าจนต้องลอบปาดผ่านปลายนิ้ว ออกมาจากห้องสุขาก็เดินไปที่ห้องนั่งเล่น เจอพี่นนท์กำลังเล่นกับน้องอ้อนที่นอนหนุนตัก โดยมีเจ้าดิ๊กนั่งอยู่ข้างๆ โซฟา

“หนูหายไปนานมากเลยนะคะ ปวดท้องเหรอ ?” พี่นนท์ที่มองทีวีจอแบนในทีแรก หางตาเหลือบเจอผมที่เดินเข้ามาก็รีบหันขวับมาเอ่ยถาม น้ำเสียงไม่ได้มีความดุดันแต่อย่างใด ออกจะนุ่มนวลเป็นห่วงเป็นใย

“นิดหน่อยครับ” ผมเอานิ้วชี้ขึ้นมาเกาแก้ม จะให้บอกได้อย่างไรว่าเราไปเตรียมตัวมาพร้อมรับศึกอันหนักหนา แถมตอนนี้ก็พร้อมมากแล้วด้วย

เขินไปหมดแล้ว นี่จะเจอฉากเหมือนในนิยายแล้วใช่ปะแม่ อ๊อกเริ่มจะใจแตกแล้ว เอ้ย ! ใจสั่นแล้ว

“มานั่งด้วยกันสิครับ” พี่นนท์เอามือตบลงที่ฟูกนุ่มทางซ้ายมือ ส่งทอดสายตาอบอุ่นไร้พิษภัย

สาบานได้เลยว่าไอ้ลุคแบบนี้ในนิยายก็มีมาเยอะ เห็นนิ่งๆ นี่เอวพลิ้วนะคนเรา พวกอบอุ่นนี่ตัวดีอีฉิบหาย ปากหวานไม่พอยังมีอะไรหวานๆ ให้ชิมอีก อ๊อกคนนี้ไม่หลงกลหรอก เดินอ้อมมานั่งตามที่พี่นนท์บอกก็ยังไม่วายเว้นพื้นที่ระยะห่าง แทบจะชิดกับข้างพนักโซฟา ฉุกคิดอยากจะหาดอกไม้มานั่งเด็ดกลีบ ดึงทีละอันเหมือนเสี่ยงทายว่าจะโดนเยหรือไม่โดนเย

บนโซฟาก็ใช่ย่อย ฉากเอ็นซีนั้นมีถ่มเถ เกิดพี่นนท์ไม่อายผีสางหรือสรรพสัตว์ ก็อาจมีสิทธิ์ปลดเปลื้องเสื้อผ้าอีอ๊อกคนนี้ก็เป็นไปได้

“นั่งไกลจัง” คนตัวโตหันมามองหน้า หลุดเสียงขำในลำคอ ฝ่ามือก็ลูบขนแมวไปพลาง ก่อนจะตัดสินใจอุ้มน้องอ้อนวางลงข้างๆ เจ้าดิ๊ก วินาทีต่อมาก็หันมาจ้องหน้าผม กระเถิบกายเข้ามาใกล้จนสายตาของผมที่หลุกหลิกเป็นทุนเดิม เริ่มเลิ่กลั่กกระตุกหน้าไปซ้ายทีขวาทีเหมือนคนมีพิรุธ

“พี่อยากอยู่ใกล้ๆ หนูด้วยอะ” ปากหวานมากพ่อ ! ฟิวแด๊ดดี้ปะหนิ อีพวกเสี่ยเลี้ยงต้อย !

“พะ พี่นนท์” เสียงผมเริ่มสั่น ไรขนนี่ตั้งชูชัน อยากจะบรรยายให้มันเหมือนหนามตำมือชายฉกรรจ์ที่เข้ามาลูบไล้ต้นขาขาวให้เลือดไหลอาบ

“หืม ว่าไงคะ ?” พี่นนท์เอียงคอ ฉีกยิ้มกว้างจนเห็นซี่ฟันสีขาวสะอาดสะอ้าน รอยบุ๋มของลักยิ้มประดับอยู่ข้างพวงแก้ม

โอ๊ย แสบตาเหลือเกินพ่อคนเรา ยิ่งเป็นพวกหลงใหลลักยิ้มอยู่ด้วย เจอแบบนี้ไปทีผมถึงขั้นหายใจไม่ค่อยออก อยากขออนุญาตกลั้นหายใจฆ่าตัวตาย

“มะ มือพี่” มือพี่เริ่มเลื้อยเข้ามาอีกแล้ว นี่มือคนหรือหนวดปลาหมึกครับ ชอนไชเก่งเหมือนจะล้วงหาขุมทรัพย์ ผมเอียงหน้าหนีอย่างขวยเขิน ยิ่งตอนที่พี่นนท์ยื่นหน้าเข้าหา ส่งลมหายใจใกล้เคียงกรอบหน้า

“มือพี่ทำไมคะ ?” เขาถามหยอกเย้า ใช้น้ำเสียงแหบพร่าให้ใจเต้นแรง ประหนึ่งโดนเวทมนตร์สะกดจิตให้จมดิ่งกับน้ำเสียงทุ้มละมุน ทันทีที่ปลายนิ้วแตะต้องโคนขาอ่อน ผมก็ครางหวิวจากการโดนลูบไล้ หลุดเสียงร้องประหนึ่งเป็นหญิงสาวที่อ่อนไหว

“อื้อออ”  รีบเม้มปากกลั้นเสียงหลง หลับตาปี๋จนสิ่งใต้ร่างเริ่มไร้ร่องรอยการสัมผัส เป็นงงมากครับจนต้องลืมตาขึ้นมามองคนข้างกาย เห็นพี่นนท์ยกมือขึ้นมายันศีรษะตรงที่พิงหัวพนักโซฟาแทน เขายิ้มขำเหมือนที่ชอบทำ ริมฝีปากขยับบอก “แกล้งหนูสนุกดีจัง”

“...” ผมเงียบ นี่เขาเห็นเราเป็นตัวตลกหรือไงกัน จะโล่งอกที่ยังไม่โดน หรือโกรธที่โดนแกล้งกันแน่ ผมชักสีหน้าไม่ชอบใจ

คำนวณถึงผลลัพธ์ นายเอกนิยายหลายเรื่องจะทำท่าแบบไหน ใจกล้าหน่อยก็ขึ้นคร่อมตัวละครแม่งเลยที่เข้ามาหลอกให้อยากแล้วจากไป หรือเจ้าแง่แม่งอนหน่อยก็ปั้นปึ่งให้เขามาตามง้อเรา ไม่ก็แสร้งทำท่าทีขวยเขินเหมือนคนไม่ประสีประสา

ผมตัดสินใจคลายคิ้วที่ขมวดลง ยักไหล่ไม่ยี่หระ ทำหน้าทำตาให้เป็นปกติ

หึ ดูซิ ตัวละครตรงหน้าจะทำท่ายังไงกัน พลางพูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบ

“ตกลงพี่นนท์ชวนผมมาทำไรกันแน่ มาจูบคนอื่นเขาและก็มาบอกว่าแกล้งคนสนุกดีเนี่ยน่ะเหรอ ? อย่ามาหลอกให้คนอื่นรู้สึกดีดิ ถ้าไม่ได้จริงใจตั้งแต่แรก” มันเสียความรู้สึกนะรู้ไหม

เป็นกะหรี่ก็มีหัวนมนะ เอ้ย หัวใจเด้อ

“หืม หนูบอกว่ารู้สึกดีเหรอคะ ?” พี่นนท์ผงะ สายตาดูเบิกกว้าง

“อะไร ?” น้ำเสียงของผมเริ่มมีน้ำโหนิดๆ นี่ไอ้คุณหฤษฎิ์ต้องการอะไรจากน้องโศรยากันแน่ หากไม่รักก็ปล่อยกันไปได้ไหม โศรยาจะได้หนีไปหาสามีดีเด่น รายได้ก็ไม่ค่อยมี อย่างน้อยตั้งวงเล่นไพ่ก็ยังได้ มีเงินติดตัวกลับบ้านก็โอเค

“พี่หมายถึง หนูรู้สึกดีกับพี่เหรอคะ ?” อีกฝ่ายยื่นมือมากุมฝ่ามือของผมที่เริ่มชื้นเหงื่อ นี่ใจเต้นแรงจนเหงื่อเริ่มแตกแล้วนะ อีกสักนิดก็ใกล้จะฉี่ราดแล้วด้วย

รู้สึกดี ? ถามออกมาได้ เฮงซวย ! ไม่รู้สึกดีจริงไม่มานั่งใจเต้นแรงแบบนี้หรอก ไม่รู้ว่าพี่แกเคยทำกับคนอื่นไปทั่วแบบนี้ด้วยไหม แต่ดีที่อีอ๊อกคนนี้ใจกว้างมากพอ ไม่อยากถามไถ่เรื่องปวดหัว

“ไม่รู้” ตอบกลับไปด้วยสีหน้าเหวี่ยง ไม่รู้ไรทั้งนั้นแหละ รู้แค่ว่าตรงนั้นของตัวเองเริ่มแข็ง หลุบสายตาลงต่ำก็เห็นของพี่นนท์มีสิ่งบางอย่างนูนเด่นตรงเป้ากางเกงสแลคเนื้อดีเช่นเดียวกัน

จิตวิญญาณของอีอ๊อกถึงกับร้องโอ้โห ตาโตอ้าปากค้างเป็นรูปตัวโอ อยากเอามือขึ้นมาทาบอกด้วยการรีแอคชั่นจนหงายหลัง สงสัยนักว่าสิ่งที่มันนูนเด่นนั่นมันมีอะไรแอบซ่อนอยู่ภายใน
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 22-06-2020 11:32:47 โดย lookpatty15407 »

ออฟไลน์ lookpatty15407

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 74
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +30/-1
หืม ? จำได้ว่าไม่ได้สั่งข้าวห่อหมกนะ แต่ทำไมพี่นนท์เอาข้าวห่อหมกมาใส่ตรงนั้นอะ เห็นว่าน้องอ๊อกหิวยังไม่ทันได้ทานข้าวเลยสั่งมาสินะ หูย ใจดีเชิญชวนให้น้ำลายสอ หึ ! ฝันหวานไปเถอะ ห่อหมกจานพิเศษขนาดนี้ กินทีคงจุกสำลักคอตาย น่องไก่คงให้มาเป็นพิเศษ น้ำจิ้มก็ไม่พร้อมเสิร์ฟอีก

“ผมง่วงแล้ว” ไม่ว่างแวะชิมห่อหมกหรอกครับคุณพ่อค้า อยากสั่งเป็นเมนูธรรมดาแทน

“หนูกำลังบ่ายเบี่ยง” ฉลาดแฮะคนเรา

“พี่นนท์... ที่ผมตามพี่มาเพราะกลัวว่าพี่จะเอาเรื่องนี้ไปบอกคนอื่น มันก็แค่นั้น ถ้าพี่จะมาหลอกให้ผมรู้สึกดีด้วยหรือแค่ใช้ระบายอารมณ์ ผมบอกเลย ผมไม่ทำ” เลือกใช้คำพูดเหมือนนายเอกในนิยาย

“แล้วถ้าไม่ทำ ทำไมหนูถึงทำอาชีพที่ต้องหลับนอนกับผู้ชายด้วยล่ะคะ ?”

อีอ๊อกถึงกับร้องสะอึก เหมือนโดนคนตรงหน้าเอาหอกมาปาใส่อก ทำไมตัวละครตัวนี้ขยันยอกย้อนเก่ง เหงื่อของผมเริ่มแตกพลั่ก ปากก็พูดไปงั้นว่าชั่วข้ามคืนคงไม่เอา ทั้งที่ทำแท้งมาอย่างดิบดี

โว้ยยยย แค่อยากได้คำตอบ อยากรู้สิ่งที่อีกคนคิดกับเราก็เท่านั้นเอง ชีวิตต้องเล่นตัวกันบ้างถึงจะมีสีสัน แถมการที่พี่นนท์จูบผมตั้งแต่บนรถ มันก็หมายความว่าเขาต้องมีใจให้เราแน่ๆ อีอ๊อกฟันธง ! นวนิยายไม่แน่พระเอกอาจหลงรักนายเอกก่อนด้วยซ้ำไป พระเอกเลยหาทางใกล้ชิดและใช้เหตุผลอื่นมาเป็นข้ออ้าง

โหย กูนี่เก่งยิ่งกว่านักสืบโคนัน คนร้ายก็คือคุณไอ้พี่นนท์จงสารภาพมาซะดีๆ อาการแบบนี้มันใช่แน่ๆ ตกหลุมรักน้องอ๊อกใช่ไหม

“เลิกทำอาชีพแบบนี้ได้ไหมคะ ?” พี่นนท์ดูมีแววตาเศร้าสลด ยื่นหน้าเข้าหาจนตอนนี้ตัวผมแทบเอนไปนอนตรงโซฟา ถูกชายฉกรรจ์ยื่นแขนยาวเหยียดมายันฝ่ามืออยู่ข้างลำตัว กลายเป็นเขาที่ขึ้นคร่อม กักกันทางออกไม่ให้ผมหนี

ท่วงท่าหยาบโลนมากแม่ กรุณามองหน้าหมาแมวด้วยพี่ ! ตอนนี้น้องอ้อนกับเจ้าดิ๊กมันมองมาทางผมสลับกับพ่อของมัน อารมณ์แบบพวกมึงจะสิงสู่กันตรงนี้ใช่ไหม

เรื่องขาย ไอ้เราก็ไม่ได้ตั้งใจจะขายอยู่แล้วปะ ก็ดันเสือกมาเจอกลุ่มพวกพี่เดือนก่อน ไม่รู้พี่นนท์เป็นบ้าอะไร เดี๋ยวดีเดี๋ยวร้าย ตอนแรกยังร่าเริง ตอนนี้ทำหน้าเศร้า แสดงว่าอนาคตเบื้องหน้าเกิดได้เป็นผัวขึ้นมาคงตามอาการไบโพล่าร์ผัวไม่ค่อยทันแน่ๆ หรือไม่พี่แกก็ขยันตีสีหน้าเก่ง

หึ ใครบอกผู้ชายตอแหลไม่เป็น

“พี่แอบชอบเรานะ”

ตึกตัก ใจเต้นแรง ! เฮ้ย มันเป็นไปได้อ๋อวะ อ๊อกเริ่มขนลุก อยากตั้งกระทู้พันทิป ว่าเจอกับคนรู้จักตอนไปขายหลี และเขาเป็นเพื่อนของพี่ชาย เขาดันแอบชอบเราตั้งแต่แรกเริ่ม แต่ถ้าเป็นนิยายคือเป็นความสัมพันธ์ที่รวดเร็วมากจนคนอ่านต้องขมวดคิ้วมุ่น

เจอปุ๊บ ปิดไฟ เยกัน เนื้อเรื่องไร้แก่นสาร นักเขียนโดนรีวิวฉอด ไม่เอา อีอ๊อกไม่อยากโดน

“อย่ามาหลอกให้หลงกล” พี่ชายรู้บ้างไหมว่านักเขียนคนนี้เริ่มคันคะเยอ

“พี่พูดจริงๆ ค่ะ ไม่งั้นพี่จะจำหนูได้ตั้งแต่เจอกันงั้นเหรอ จะสังเกตได้ถึงขี้แมลงวันเล็กๆ ได้ยังไงกัน ถ้าไม่ได้ชอบเราจริง”

“...”

“ไม่งั้นพี่คงไม่พาหนูมาอยู่ที่นี่ด้วยหรอก”

“...”

“พี่นนท์ชอบหนูอ๊อกจริงๆ นะคะ”

แม่ !!!!! แอร๊ยยย อีอ๊อกอยากกรีดร้อง นี่พี่เขาแทนตัวเองด้วยชื่อด้วยอะ ฮือออ ใจบางไปหมดแล้ว กูว่าแล้วไง เรื่องนี้มันมีพิรุธ กลิ่นมันตุๆ ตั้งแต่เขาจับได้ โอ๊ย ใจเต้นแรงมาก เลิกจ้าแต่งนิยายวาย ขายตัวปุ๊บได้ผัวเลยกู อีกทั้งยังเป็นผู้ชายที่ตัวเองชมชอบซะด้วย พรหมลิขิตชัดๆ พรหมจรรย์เลยพร้อมจะฉีกขาด

พล็อตชื่อเรื่องใหม่กับแนวใสๆ ‘ก๊อกๆ นักเขียนตัวน้อยเป็นกะหรี่ตกหลุมรักนายเจ้าเล่ห์พรากพรหมจรรย์’ ชื่อใสมาก ใสเหมือนสำนักพิมพ์ชายหญิงที่ตัวเองเคยอ่านตั้งแต่ประถม ‘แจ่มแจ้ง’ หากจะส่งเข้าประกวดก็คงต้องโดนด่าก่อนตั้งแต่ชื่อเรื่อง

ตอนนี้หน้าของผมคงแดงแจ๋ไปหมด ปากก็พะงาบๆ เหมือนปลาทองพูดไม่ค่อยออก แววตาสั่นไหวรัวแรง โดนพี่แกพูดออกมาเสมือนนี่คือจุดจบของนวนิยาย

สถานการณ์คับขันแล้วค่ะคุณกิตติคะ จู่ๆ น้องโศรยาก็สัมผัสได้ถึงบางสิ่งบางอย่างที่ทิ่มลงแถวบั้นท้าย อาจเพราะระดับความใกล้ชิดและระดับความส่วนสูงที่แตกต่าง ฝ่ายหฤษฎิ์เบียดกายเข้าหา หอบหายใจรัวแรงประหนึ่งขาดออกซิเจน น้องโศรยาตัวสั่นมากค่ะ สงสัยว่าคุณหฤษฎิ์อาจจะมีน้ำโห โอ้โหอีลูกช่างเงี่ยนลอบกลืนน้ำลายลงคอดังอึกใหญ่ จนกระทั่งบุรุษเบื้องบนส่งน้ำเสียงแหบพร่า เอื้อนเอ่ยถ้อยคำหวานหยดจนน้องโศรยาอ่อนระทวยไปทั่วสรรพางค์ นอนตะแคงอยู่ตรงโซฟา ถูกฝ่ามือหยาบกร้านราวกับปีศาจจำแลงกายเข้ามาสัมผัสตรงช่วงต้นขาอ่อน

“เฮือก !” เอาแล้วค่ะ น้องโศรยาสะดุ้งแล้วค่ะคุณกิตติคะ ทีนี้น้องโสรยาเริ่มลังเล กำลังทำท่าจะปัดป้องสะดีดสะดิ้งดีไหม กลัวจะถูกตบเลือดกบปากมากค่ะ ฝ่ายหฤษฎิ์ที่บรรยายว่าจะพูดออกมาก็ยังไม่พูดแม่งสักทีหนึ่ง น่าจะโดนตะกร้อครอบใส่ปากอยู่นะคะ อีกฝ่ายวินาทีนี้เลื่อนสัมผัสไปที่โคนขาอ่อนของน้องโศรยา เลยเถิดมาถึงสะโพกนิ่ม ชายหนุ่มกลืนน้ำลายลงคอคล้ายอดอยากปากแห้งเหมือนคนขาดแคลน

“หนูคะ” ใช้น้ำเสียงออดอ้อนมากค่ะคุณกิตติ !

“พี่อยากค่ะ”

โศรยาเองก็อยากค่ะคุณหฤษฎิ์คะ ฮือออ จะเป็นลมแล้วค่ะ ดิฉันฐาปนีย์เริ่มลิ้นพันพูดต่อไม่ค่อยถูก ขออนุญาตกรีดร้องก่อนนะคะคุณกิตติคะ

กรี๊ดดดดด

“หนูเองก็ชอบพี่ใช่ไหมคะ ?”

“...”

“พี่รู้...ว่าหนูก็แอบมองพี่อยู่เหมือนกัน” สิ้นคำพูดก็เข้ามาแนบแน่นที่กลีบปากนุ่ม สอดแทรกปลายลิ้นร้อนเข้ามาในโพรงปากอย่างถือวิสาสะ ปลายลิ้นเลาะเล็มไปตามซี่ฟันขาวและมอบสัมผัสเร่าร้อนเหมือนน้ำร้อนลวกให้ครางอื้ออึงในลำคอ โศรยาปรือตามองเห็นหมาแมวเริ่มตื่นตระหนก กระโดดลงจากที่นั่ง เนื่องจากคุณหฤษฎิ์ยืดขายาวเหยียด จับนอนโศรยานอนไปกับเบาะ

ไม่ไหวแล้วค่ะคุณกิตติ ดิฉันใจเต้นแรงมาก ยามที่คุณหฤษฎิ์เลื่อนปลายนิ้วมาเกี่ยวปราการภายในกระโปรง สองลิ้นยังพัวพันเหมือนคนหิวกระหาย ไม่รู้จะแดกลิ้นกันหรือเปล่านะคะ ดิฉันเองก็ลุ้นมาก น้องโศรยาเริ่มร้องแล้วค่ะ

“อื้อออ” อื้อเสียวเลยค่ะ อยากเข้าไปสัมภาษณ์มากว่ารู้สึกเช่นไร แต่จากที่เห็นดูท่าน้องละม้ายหญิงคนนี้น่าจะคันมาก ลำตัวเบิดเร่าสะท้านอาย ชายหนุ่มถอนจูบออกมามองตา สถานที่นี้แม้แต่หมาแมวก็ยังไม่สนหัว การเสพสมเริ่มบังเกิด ไม่รู้ฝ่ายไหนคันคะเยอมากกว่ากัน คนตัวโตก้มหน้าลงมองคนตัวเล็ก นัยน์ตาเป็นประกายทันทีที่เห็นผิวพรรณเนียนละเอียด น้องคนสวยหอบหายใจรัวแรง คาดว่าน่าจะเป็นโรคหอบ หันหน้าไปด้านข้าง หน้าอกฟองน้ำกระเพื่อมขึ้นลง มันเป็นของปลอมค่ะคุณกิตติ

“พี่ขอทำตรงนี้เลยได้ไหมคะ ?” เขาถามไถ่เหมือนคนคลุ้มคลั่ง น้องโศรยาเกิดอยากส่ายหน้าปฏิเสธ ดิฉันก็พาลลุ้นจนเยี่ยวเหนียว เอ๊ะ อะไรนะคะคุณกิตติคะ ? อ๋อ ทางบ้านส่งข้อความมาบอกว่าอาจโดนฟ้องร้องเรื่องลิขสิทธิ์ได้ งั้นดิฉันฐาปนีย์ขอหยุดสัมภาษณ์แนวจำเลยรักแต่เพียงเท่านี้

พึ่บ ! ตี๊ดๆ

“พี่นนท์ อะ อื้อ ยะ อย่า” อย่าหยุดค่ะพี่ เชิญทำต่อได้เลย อยากรู้มากว่าพรุ่งนี้จะเขียนเอ็นซีได้สักกี่หน้า

ผมเอามือยันอกของพี่แกไว้ ก่อนจะสะบัดหน้าไปมาทันทีที่ปลายนิ้วเรียวยาวแทรกเข้ามาในร่องหลืบ ดวงตาเรียวคมพินิศอิริยาบถของผมทุกวินาที เม้มปากแน่นกับสิ่งใต้ร่างที่บีบรัดแม้แต่ปลายนิ้วชี้ ความรู้สึกเสียวสะท้านมันมาพร้อมพรักกับความเจ็บปวด

“หนูโกนขนด้วยเหรอคะ สะอาดดีจัง”

อายมากค่ะ ใครเขาให้มาวิจารณ์ตรงจุดลี้ลับตรงนั้นกัน พี่นนท์พูดออกมาได้ยังไง

“พี่ชอบค่ะ”

“ฮือ” ร้องเขินระคนเสียวไส้ ถูกแหย่เข้าออกจนเรียวขาเสียดสีกันไปมา

“อ้าขากว้างๆ หน่อยค่ะคนดี” ดุจคำสั่งให้ทำตาม นักเขียนคนนี้ก็ชักอยากจะดีเด่นขึ้นมาในทันตา เป็นเด็กตัวน้อยเชื่อฟังผู้หลักผู้ใหญ่ อ้าขาออกกว้างอย่างว่าง่าย มองตาระยิบใส่คนหล่อเหลาที่เลียริมฝีปาก

เซ็กซี่มากพ่อ มือไม้น้องนี้ก็เริ่มอยู่ไม่สุข ส่ายสะโพกเข้าหาปลายนิ้วที่สวนเข้ามาอย่างเผลอไผล สกัดกลั้นเสียงไม่ไหวจนหลุดร้องครวญคราง

“อ๊า พะ พี่นนท์ มัน ฮึก” มันเสียวมากครับพี่ แต่กระดากอายเกินจะบอกกล่าว เกิดคริสตี้มาเจอเพื่อนรักอย่างผมคิดประเดประดังเช่นนี้ คงถูกด่าดังลั่นว่า ‘มึงนี่แหละร่านยิ่งกว่ากู’

น่าขายหน้าชะมัดยาด ประสบกาณ์ครั้งแรกก็ซ่านเสียว ถูกพี่นนท์มองตาเป็นมัน ไม่รู้จะฉุกคิดพูดอะไรภายในหัว แม้ส่วนใหญ่พวกตัวละครในนิยายชอบชมว่านายเอกสวยอย่างงั้นอย่างงี้ ชีวิตจริงไม่รู้จะคิดออกมาแบบนั้นบ้างไหม หรือว่าจะก่นด่าอีเหี้ยนี่ใจแตกร่านรักสิ้นดี ทำท่าเหมือนคนหื่นจัด

“เจ็บหน่อยนะคะ” เขาเตือนคล้ายเป็นห่วง เพิ่มจำนวนนิ้วเป็นสองสอดแทรกเข้ามา มอบความเจ็บริ้วจนผมดีดดิ้นบนโซฟาสีดำขลับ ยากเกินจะกลั้นเสียงไม่ให้หลุดออกจากปาก ร้องลั่นภายในบ้าน ไม่รู้จะถูกคนข้างบ้านโทรหาหนึ่งเก้าหนึ่งเพื่อแจ้งความว่ามีคนฆ่าแกงกันบ้างหรือไม่

การทำแท้งใช้ปลายนิ้วเบิกทางด้วยตัวเองช่างไม่ช่วยอะไรเลย เพราะนิ้วของอีกฝ่ายมันใหญ่กว่ามาก แถมเรียวยาวกว่าด้วย ครูดรีดไปตามโพรงหยักนุ่ม พี่นนท์ดึงปลายนิ้วทะลวงจี้จุดซ้ำๆ มอบความเสียวซ่านให้ผมคนนี้ได้แต่บิดเร่าจนตัวงอ ก่อนที่พี่นนท์จะถอนนิ้วออก ยื่นมือมาที่เสื้อของผม ถอดถอนอาภรณ์เบื้องบนจนเห็นฟองน้ำชั้นใน คนตัวโตยิ้มเอ็นดู รั้งกายผมลุกขึ้นมานั่ง ปลดตะขอด้านหลังให้อย่างชำนิชำนาญ จับสายที่คล้องอยู่ตรงลาดไหล่ให้ตกลู่หลุดออกจากเรียวแขนเล็ก เปิดเผยผิวพรรณเนียนลื่นที่หมั่นขัดสีฉวีวรรณ

“สวยจัง” เขาพูดเพ้อคล้ายละเมอ เพ่งตามองไปที่ยอดสีชมพูอ่อน ผมหลับตาแน่นเมื่อพี่นนท์เอาปลายนิ้วชี้ปัดเส้นผมของวิกที่บังยอดอกให้ไปอยู่ด้านหลัง เกลี่ยปอยผมด้านข้างขึ้นทัดหูให้อย่างอ่อนโยน

“แต่งตัวแบบนี้น่ารักมากเลยนะคะ ถ้าได้เป็นแฟนคงหวงตายเลย”

ได้ยินดังนั้นก็อยากจะเสนอตัวเองฉิบหายว่าเป็นได้เลยด้วยความยินดี เคอะเขินเหลือเกินคณา หน้าเห่อสีบ่งบอกห้วงอารมณ์วินาทีนี้ ร่างกายหลงเหลือเพียงแค่กระโปรงสีดำที่ยังติดค้างอยู่ที่เอว และเหมือนพี่นนท์จะเดาใจผมออก ถึงได้เปล่งวาจา

“ใส่ไว้อย่างงี้แหละค่ะ น่ารักดี” เขายิ้มกว้างล่อลวงให้หลงใหล โน้มใบหน้าเข้ามาจูบแตะริมฝีปากเบาๆ จนได้ยินเสียงดังจุ๊บ เคลื่อนใบหน้าคมคายลงต่ำขณะสบตามอง ปลายลิ้นร้อนชื้นหยอกเอินที่ยอดอกเล็กส่งเสียงดังแผล่บ

“อาห์” อยากจะบ้าตายอีเวรตะไล ความรู้สึกมันเป็นแบบนี้นี่เอง ไม่น่าคนที่เป็นฝ่ายรับถึงได้รู้สึกดีกับตรงจุดนี้ ก็เคยได้ยินมาบ้างว่าผู้ชายอ่อนไหวกับหน้าอกของตัวเอง บางคนก็ชอบ บางคนก็ไม่ชอบ อาจจะจักจี้ในทางกลับกัน ส่วนตัวผมนั้นเหมือนอ่อนไหวกับจุดนี้มากเป็นพิเศษ เชิดหน้าร้องครางดังระงม จนพี่นนท์ครอบริมฝีปากดูดดุนที่ตุ่มไต ซี่ฟันกัดลงให้เสียววาบ ดึงทึ้งจนผมหลุดสีหน้าเหยเก

“ดูเหมือนหนูจะชอบโดนเลียหัวนมนะคะ” คนตรงหน้าเอ่ยกลั่นแกล้งด้วยถ้อยคำหยาบโลน

“เดี๋ยวพี่ทำให้รู้สึกดีมากกว่านี้ค่ะ” เขาตั้งปณิธานเหมือนมีจิตมุ่งมั่น ไม่รู้ว่าเอาความมั่นหน้าแบบนี้มาจากไหน หรือจะเป็นความโชกโชนที่เคยมีประสบการณ์กันแน่ ปลายนิ้วที่เคยหายลับจึงกลับมาแทรกเข้าไปใหม่ พร้อมกับริมฝีปากที่ทั้งฟัดทั้งกัดตรงหน้าอกเล่น ไล้ปลายลิ้นชื้นลามเลียเหมือนบุรุษที่แสนหื่นกาม ขัดแย้งกับคำพูดคำจาที่นำพาให้ใครต่อใครต่างหลงใหล เสียงสวบเข้าออกจากปลายนิ้วดังเบาบาง ผสมปนเปไปกับเสียงร้องดูดดึงดังจ๊วบจ๊าบ ไหนจะเสียงครางของผมอีก

ตาของผมเริ่มเลื่อนลอย สมองก็ขาวโพลนกับความรู้สึกที่ไม่เคยได้รับมาก่อน ยื่นปลายนิ้วเข้าไปกอบกุมกลุ่มเส้นผมดำขลับของพี่นนท์และดึงทึ้งบ้างในบางจังหวะ เพื่อระบายความกระสันซ่าน เรียวขาก็เผลอจิกเกร็งไปหมด ยามที่ปลายนิ้วที่สามแทรกเข้ามา ก็เหมือนร่างของตัวเองตรงจุดนั้นพร้อมจะฉีกขาด ดีดดิ้นทุรนทุรายจนสะอื้นฮัก

“เจ็บ ยะ อย่า มันเจ็บ อึก ฮือ”

“ชู่ว์ ~” พี่นนท์ส่งเสียงลอดไรฟันราวกับปลอบประโลม เงยขึ้นมามองหน้าและเคลื่อนมาตบจูบผ่านริมฝีปาก ปกปิดเสียงคร่ำครวญที่ร้องลั่นเหมือนแหลกสลาย ไม่รู้จะบรรยายห่าเหวอะไรดี ในหัวมีแต่คำสละสลวยกับสิ่งที่ได้รับในตอนนี้ จะให้บรรยายว่าถูกนิ้วแทงเข้าสู่รูตูดก็เกรงว่าจะไม่กล้า

ส่วนนั้นถูกกระหน่ำแทงไม่ยั้ง ถ้าเป็นมีดก็คงแทงจนรูพรุน ใช้เวลาปรับตัวไม่นานจากที่เกร็งก็กลายเป็นผ่อนคลายมากขึ้น นึกชมเชยพี่นนท์ในใจที่เก่งกาจถึงเพียงนี้ จับจูบเพื่อเบี่ยงเบนความสนใจของผม มือซ้ายก็แหย่ปลายนิ้วเพื่อชำแรกทางเข้าออก ส่วนมือขวาก็เลื่อนเข้ามาบีบตรงกลางลำตัวของผมแน่น ปรนเปรอจนสิ่งนั้นชูชันขยายพองตัว

ถอนจูบออกมาก็ตามองตาเหมือนคนหลงใหล ขยันสบตาเก่งจนเริ่มจะกลายเป็นตากุ้งยิง หยาดน้ำลายปริ่มเปรอะไหลย้อยข้างมุมปากเหมือนเด็กซกมก

“แป๊บนะคะ”

หืม ? ผมนอนหอบแฮ่ก สายตาจับจ้องพี่นนท์ที่ลุกขึ้นยืนอยู่ตรงพื้น ฮือ ได้โปรดอย่านานนะคะพี่ขา ปกตินิยายจะเจอพระเอกปลดเสื้อผ้าก่อนและตามมาด้วยกางเกงตัวนอก แต่นี่พี่แกปลดกางเกงก่อนเลยเล่นเอาผมใจกระตุก ตาพราวกับกางเกงสแลคสีกรมท่าที่ถูกปลด ร่วงหล่นไปกองอยู่ที่ขา เปิดเผยกางเกงชั้นในสีเข้มที่มีบางอย่างผงาดเป็นรูปเป็นร่าง มันแนบแน่นและใหญ่ยักษ์

โอ้ อาหารห่อหมกที่พบเจอ แต่งงมากว่าห่อหมกจานนี้ทำไมถึงไม่มีน้ำจิ้มซีฟู้ด เพราะอยากถามเหลือเกินว่ารสชาติมันจะเปรี้ยวหรือหวาน แต่เหมือนคนขายจะให้ไปลุ้นกันเอาเอง

ตามองเป็นมัน ตื่นเช้ามาเป็นตากุ้งยิงก็คงจะไม่สน คนที่ตัวเองชอบมาเปลื้องผ้าต่อหน้าต่อตา ความระริกระรี้ของอาการคันคะเยอก็เลยพรั่งพรู หากวิ่งออกไปแก้ผ้าว่าวันนี้ได้ผัวเพราะความร่าน ตกตายไปนรกก็คงไม่ต้อนรับ เพราะไฟร่านมันแรงยิ่งกว่าไฟโลกันต์ อย่างน้อยก็น่าจะเจออีคริสตี้อยู่เป็นเพื่อนในขุมนรก และจับยมบาลทั้งหลายมาเป็นผัว คิดแค่นี้นรกก็เริ่มแดกกบาลอยู่รอมร่อ

ห่อหมกยังคงซุกซ่อน แต่คนขายล่าช้ามาก ถอดกางเกงก็มาถอดเสื้อเชิ้ตออก คราวนี้อีนักเขียนอย่างผมถึงกับหายใจไม่ทั่วปอด มองกล้ามหน้าท้องที่น่าสัมผัสของคนตรงหน้า แถมยังเป็นซิกซ์แพ็กที่ดูดียิ่งกว่านายแบบบนปกแม็กกาซีน เหนือสิ่งอื่นใดที่ทำให้ผมขนลุก นั่นก็คือรอยสักรูปปืนแม็กนั่มสองกระบอกใกล้เคียงกับวีเซฟของเขา แต่ละกระบอกจะอยู่คนละฝั่งซ้ายและขวา มันคงไม่มีอะไรมากเป็นพิเศษ หากปลายหัวของปืนไม่ชี้ไปที่จุดเดียวกัน จ่อลงที่ต้นต่อของลูกกระสุนที่พร้อมจะกระหน่ำยิง ชี้นำทางไปสู้เบื้องล่างที่น่าค้นหา เสียงฐาปนีย์ลอยขึ้นมา

‘คุณกิตติคะ มีคนร้ายพกอาวุธค่ะ’ นอกจากเป็นพ่อค้าแล้วยังมีปืนแม็กนั่มอีก ขอเดาว่ายังมีปืนอีกหนึ่งกระบอก...

สิ่งใต้ร่างไม่เป็นปืนกลก็น่าจะเป็นปืนลูกซอง

พี่นนท์ยืนยิ้มกรุ้มกริ่ม เห็นผมจ้องตาโตเหมือนตื่นตะลึง ฝ่ามือใหญ่ของเขาก็เลยลูบเป้าตัวเองเล่น ค่อยๆ ดึงขอบกางเกงชั้นในลงมา เปิดเผยอาวุธร้ายที่น่าหวั่นเกรง ดีดผงาดชูชันต่อหน้าต่อตาผม ประกอบกับคำพูดที่ทำให้รู้สึกเหมือนมีกระสุนมาปลิดชีพลมหายใจ

“หนูพร้อมโดนยิงไหมคะ ?”

กระสุนนัดนี้…

พรุนแน่ๆ ค่ะคุณกิตติ


« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 22-06-2020 11:33:46 โดย lookpatty15407 »

ออฟไลน์ Leenboy

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3095
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +105/-2
 เอิ้ววววว  ชวนกันขายหลีว่ะ!!!!  มิติใหม่ของนิยายวาย   เราชอบบบบบบบ   55555   รออ่านเด้อ~ไรท์
 :hao7:

ออฟไลน์ ashbyipcet

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 243
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-2
เป็นการชี้นิ้วกลางใส่วงการนิยายท้ทรูเหมือนด่าคนในวงการว่าเธอแ*ดด้านนะดาหวัน  :laugh: :laugh:

ออฟไลน์ Moonoii

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 29
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
อุ้วววว นิยายแบบบinception ฮ่าๆๆ พึ่งรู้ว่าแต่งไว้นานแล้ว อยากให้มาแต่งต่อนะคะ เขียนสนุกดีค่ะ ชอบๆๆ :mew2:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ darinsaya

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 592
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-1

ออฟไลน์ newyork_jaja2

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 12
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
 o13   สำนวนชวนอ่านมาก มาต่อรออยู่ค่าาา

ออฟไลน์ AkuaPink

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2033
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +59/-1

ออฟไลน์ ❣☾月亮☽❣

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 6774
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +264/-6
โดนใจมากค่ะคุณกิตติคะ

ออฟไลน์ Leenboy

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3095
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +105/-2
อิอ๊อก  อิลำไย  ชย.  รำคาญจะพรรณนาหาอะไร
อิปลาทองหัววุ้น  สมแล้วที่คริตี้มันด่า

อุ๊ย!!! อินไปหน่อย5555

ออฟไลน์ lookpatty15407

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 74
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +30/-1
ตอนที่สาม

เห็นแล้วน้ำตาจะไหล ไม่สามารถบรรยายภาพในหัวให้ออกมาเป็นภาษาชาวบ้านได้ อยากจะส่งมอบตำแหน่งนี้ให้นักข่าวสาวคอยชี้แจงอีกครั้งหนึ่ง

‘รับไมค์ส่งต่อเป็นที่เรียบร้อย ดิฉันฐาปนีย์ยังคงติดตามสถานการณ์นี้อย่างเหนียวแน่น’

โอ้ คุณกิตติคะ สิ่งตรงหน้าไม่สามารถหาอะไรมาเทียบเทียมได้ ผู้ร้ายช่างใจบาปยิ่งนักชักปืนลูกซองอย่างหน้าสิ่วหน้าขวาน คาดคะเนว่ากระสุนนัดนี้น่าจะมีจำนวนสามร้อยล้านถึงห้าร้อยล้านนัดต่อชีวิต แต่แป๊บนะคะคุณกิตติ ทางบ้านแทรกแซงขึ้นมาว่ามันไม่ใช่กระสุนที่บรรจุอยู่ เดี๋ยวดิฉันจะลองยื่นไมค์สัมภาษณ์ข่าวให้เดี๋ยวนี้ค่ะ !

‘มันคืออสุจิ’

‘เฮงซวย !’ เผียะ ! ฐาปนีย์ตบหน้าชาวบ้านให้เป็นที่เรียบร้อย ข้อหาพูดจาหยาบคายมากค่ะในหน่วยคาว ข่าว ! ขอโทษค่ะคุณกิตติคะ ส่วนตอนนี้ช่างเป็นเรื่องคอขาดบาดตาย พรุ่งนี้คงออกข่าวหน้าหนึ่ง

‘เหตุด่วนเหตุร้ายโจรใจบาปยิงสาดกระสุนไม่ยั้งใส่ชายหนุ่มจนเกือบเสียชีวิต เลือดไหลเจิงเต็มรูพรุน บาดแผลมีแค่ตำแหน่งเดียวเท่านั้นแต่ถูกยิงกระหน่ำไม่ยั้งสุดชีวิต ช่างแม่นเหมือนจับวาง ตำรวจเลยพานสันนิษฐานว่าเลือดที่เห็นช่างผิดแปลก มันขาวๆ ขุ่นๆ แต่ไม่ใช่เลือดข้นคนจางอย่างแน่นอน’

ป๊อบคอร์นในมือฐาปนีย์นี่สั่นเลยค่ะ รีบโยนทิ้งโดยพลัน แถมฝ่ายผู้เคราะห์ร้ายก็เบิกตาโต จดจ้องอาวุธที่มันแข็งขึงของคนใจทราม สิ่งปูนโปนของเส้นเลือดแน่นขนัดตามท่อนลำ

ดุเด็ดเผ็ดมันแน่นอนค่ะคุณกิตติคะ ไรขนนั่นทำให้นึกถึงสาหร่ายวากาเมะ แต่จำได้ว่าสาหร่ายมันต้องเป็นสีเขียว งั้นก็คงต้องขอปรับเปลี่ยนเป็นสาหร่ายดำโมซุกุ แหม นึกภาพตามแล้วชวนนึกถึงอาหารแกงจืดสาหร่ายเลยนะคะ บวกเพิ่มกับเต้าหู้ไข่นุ่มนิ่ม อาห์ ไข่ ไข่ขาวๆ น่ากินมากค่ะ สีผิวอาจไม่สมดุลเท่าไรนัก แต่ก็ดูนุ่มนิ่มน่ารับประทานดี  ขณะนี้ผู้ชมทางบ้านก็แดกส้มตำจี๊ดจ๊าดไปพลาง สากกะเบือตรงหน้าช่างใหญ่ยักษ์ชวนโอหัง อยากจะไปดีดนิ้วใส่แต่ก็กลัวจะถูกลูกกระสุนยิงเจาะกะโหลก

พลันผู้ร้ายเอ่ยปาก...

“เห็นไหมคะ ?” เห็นค่ะ เห็นคว-เต็มๆ ค่ะคุณกิตติคะ !

“ของพี่มันกระตุกใหญ่เลยค่ะ” ชายหนุ่มมองด้วยแววตาหยอกล้อ เลียริมฝีปากหยอกเย้าล่อลวงต่อมกำหนัด ดิฉันกับท่านผู้ชมทางบ้านก็ตบมือรอลุ้นจนคว-แข็งหลีแข็งไปตามๆ กัน

กระตุกจริงค่ะ ฮือ มันกระตุกขึ้นลงเหมือนรอครกเพื่อเตรียมตำ ใส่พริกสักสิบเม็ดคงจุกเสียดแสบแทงลำไส้ใหญ่ เลือกไม่ถูกเลยค่ะ ว่าจะกินส้มตำหรือแกงจืดสาหร่ายก่อนดี งั้นดิฉันขอตะกละแดก เลือกแม่งทั้งคู่เลยละกันค่ะ !

ฐาปนีย์ขออนุญาตเข้าห้องน้ำก่อนนะคะ ! ขี้จะแตก !

“พะ พี่นนท์” แหม เสียงสั่นเลยนะคะ ลูกค้ารายนี้คงรอมะละกอปอกเปลือกไม่ไหว เกิดอยากกินส้มตำใส่น้ำตาลปี๊บหวานๆ

“หนูอมให้พี่หน่อยสิคะ”

แอร๊ยยยยย ! ฐาปนีย์ไม่ไหวแล้วค่ะคุณกิตติคะ นี่เขาจะส่งอมยิ้มให้กันปะคะ ? แต่ไม่ค่ะ จู่ๆ อมยิ้มที่ว่าก็ยื่นมาให้คนตัวเล็กที่พยุงตัวขึ้น ร่างผอมแห้งเหมือนคนเป็นโรคชวนน่าหมั่นไส้ ตอแหลทำเป็นกระพริบตาปริบๆ พร้อมสีหน้าเห่อสี

ดิฉันคาดคะเนว่าเห่อหมอยมากกว่าค่ะ

“นะคะ” ก็ได้ค่ะพ่อ ฮือ อ้อนขนาดนี้ ณ จุดๆ นี้กลืนน้ำลายกันใหญ่

ไม่ไหวแล้ว ฐาปนีย์เริ่มเลือดกำเดาไหล ยังขะมักเขม้นกับการทำงานไม่ว่าอุปสรรคจะยากเย็นแสนเข็ญ ชาวบ้านก็เอาผ้าคลุมปิดหน้าไปพลาง เกิดอาการบาดเจ็บล้มตายกันไปข้าง แฮลิคอปเตอร์มาลงจอดแล้วค่ะ แต่ดิฉันก็จะพายเรือนี้ต่อสุดชีวิต

เด็กน้อยกำลังสั่นสู้ มือไม้ก็ไม่ต่าง สั่นระริกเหมือนผีร่านเข้าสิง พยายามลุกขึ้นมานั่งจดจ้องกับสิ่งตรงหน้าที่เขยื้อนเข้ามาใกล้ เกิดคำถามว่านั่นแก่นกายใช่ไหม ? แก่นกายที่ไว้ใช้กับนวนิยาย มาวันนี้ได้มาเห็นคาตาก็อดไม่ได้ที่จะตื่นตะลึง

เป็นงงกันไปหมดเลยนะคะ ณ จุดๆ นี้ ว่าหรรมหรือขีปนาวุธกันแน่ ทำไมเห็ดหัวบานตะไทที่มีหญ้าดกดำ มันช่างเหมาะเจาะกับสิ่งที่เพื่อนอีกฝ่ายเคยเกริ่น โดยไม่ทันจะปฏิเสธหรือตกลงอะไรเลย คุณพ่อค้าขายอมยิ้มก็ยื่นส่วนนั้นมาใกล้กลีบปากสีชมพูของน้องหน้าหมา เอ้ย ! น้องหน้ามน ประคองส่วนใหญ่ยักษ์ที่มีปลายหัวองคชาตสีชมพูระเรื่อด้วยฝ่ามือข้างขวา ขณะที่มือข้างซ้ายยื่นมาจับหัวทุยให้เขยิบหน้าเข้าไปใกล้

ผู้เคราะห์ร้ายมองตาแป๋ว กลัวว่าจะสำลักติดคอหอย เกิดตายขึ้นมาใครจะรับผิดชอบ เพราะมันทั้งอวบใหญ่เกินมาตรฐานชาวเอเชีย งานนี้แทงไปทีสำลักไปแน่ๆ ค่ะ !

อ๊อกๆ แค่กๆ ! หายใจไม่สะดวก

หนึ่ง สอง สาม สี่ ห้า เออ ปกติมือข้างหนึ่งคนเรามีห้านิ้วใช่ไหมคะคุณกิตติคะ แต่ทำไมสิ่งที่เห็นมันเป็นเก้านิ้วขึ้นมาได้ หรือนิ้วเขาขาดด้วนคะ เลยหายไปนิ้วหนึ่ง มือคนเราไม่น่าจะมีด้านล่างด้วยนี่นา ขนาดความใหญ่และยาวของมัน อืม ถ้าเปรียบเป็นสากกะเบือ งานนี้เด็กคนนี้ก็คงเป็นครกที่กลวงโบ๋แหงๆ

เกิดการหยิบยื่นส่งกล้วยให้แก่กัน หรือนี่คือสวนสัตว์เปิดมีคนยื่นกล้วยให้ลิงกิน แหม ใจดีจังเลยนะคะ สมดั่งคำพังเพย ‘ปอกกล้วยเข้าปาก’

“ผมทำไม่เป็น” มีคนตอแหลค่ะคุณกิตติ ทั้งที่เจ้าตัวเคยดูคลิปพอร์นมาก่อน

“เดี๋ยวสอนค่ะ” ฮือ ใจดีจัง ส่วนดิฉันใจบาป

“ค่อยๆ ทำเหมือนเลียไอติม” เสียงทุ้มบอกนุ่มนวล ฉายภาพให้เห็นวิธีการขั้นตอนที่ควรทำ ชักชวนให้อยากไปซื้อไอศกรีมมาเลียดับกระหายร้อน เพราะอากาศเริ่มร้อนอบอ้าว แตกต่างจากผู้คนที่ใจบาปและไฟร่านมันสุมอก

กรี๊ด คัน คันมากค่ะคุณกิตติคะ เหมือนมดแดงมันเริ่มมารุมกัดผู้คน อยากจะยื่นคารามายให้ผู้เคราะห์ร้าย เห็นตัวสั่นแบบนี้ ดูก็รู้ว่าสั่นสู้เพราะความคัน

กระบอกปืนมายืนจ่อคาปาก ผู้เคราะห์ร้ายยินยอมอ้าปากออกกว้าง ก่อนจะถูกปราม

“อย่ากัดนะคะ ค่อยๆ อม”

แอร๊ยยยยย ฐาปนีย์ไม่ไหวแล้วค๊า ขอกระโดดลงน้ำฆ่าตัวตายพร้อมกับระเบิด

อม แตก อม แตก บึ้ม !!!

“หนูแต่งนิยายเคยเขียนฉากเรทไหมคะ ?” วกกลับสู่โลกความเป็นจริง พี่นนท์ถามคำถามที่เล่นเอาผมสะดุ้งโหยง สีหน้าเริ่มเห่อร้อน ผงกหัวรับโดยไม่สบตา

คนตรงหน้าได้เห็นท่าทีดังนั้นก็พยักหน้าขึ้นลงคล้ายพอใจ โชว์รอยยิ้มไม่รู้เบื่อมอบมาให้คนตัวเล็กอย่างผมที่เหมือนหมาชิชุ ไม่กล้านึกชมเชยตัวเองว่ารูปร่างหน้าตาดี กลัวคนพาลนึกอิจฉาริษยา

“อืม งั้นหนูทำเหมือนที่เคยแต่งเลยค่ะ” พี่นนท์ยิ้มทะเล้นข้างมุมปาก กล่าวลองเชิง “พี่อยากรู้ว่าในฉากเรท หนูจะทำได้ดีเหมือนในชีวิตจริงไหม”

“...”

“อาห์ หนูหน้าแดงใหญ่เลย น่ารักจังเลยนะคะ”

ฮือ ป้อนคำหวานขนาดนี้ พ่อค้าขายขนมหวานน่าจะมีน้ำเงี้ยวหวานๆ ให้ดื่มรองท้องด้วยแน่ๆ

“ทำให้พี่นะคะ แล้วเดี๋ยวพี่ให้รางวัลหนูบ้าง” เมื่อได้ยินดังนั้นผมก็เงยขึ้นมามองคนพูด ใช้สายตาจับจ้องเหมือนคนสงสัย

รางวัลไรเหรอ คุณพ่อค้าจะให้อะไรกัน ?

“ฮ่าๆ ทำหน้าแบบนี้อยากรู้เหรอคะ ?” พี่นนท์หัวเราะร่า ส่ายหัวพร้อมรอยยิ้ม ท่าทีดูมีความสุขกับสีหน้าของผมที่แสดงออก

“เห็นนี่ไหมคะ ?” คนตัวโตใช้นิ้วชี้ข้างซ้ายชี้ไปที่รอยสัก “มันคือปืน” เขาบอก

ผมก็งง ก็รู้อยู่ว่าสักเป็นรูปปืน จะมาบอกย้ำทำไมในเมื่อเราก็ไม่ได้เห็นเป็นตัวเหี้ยอะไรสักหน่อย

“อันนี้ก็ปืนค่ะ” เขาชี้ไปที่รอยสักอีกข้างบ้าง ก่อนที่จะทิ้งมือลงข้างลำตัว ต่างจากฝ่ามือข้างขวาที่กอบกุมสิ่งสงวน ชายฉกรรจ์เขยิบตัวเข้ามาใกล้ พลันประคองสิ่งนั้นกระตุกขึ้นลงแรงๆ จนส่วนหัวที่มีหยาดน้ำปริ่มเปรอะตีลงมาที่กลีบปากของผมเบาๆ หยอกเอินและกล่าวถ้อยคำที่แสนจะกระตุกขั้วหัวใจ

อ๋อ แบบนี้นี่เองที่คริสตี้เคยด่า ระวังผู้ชายเอาคว-ตบปาก

“นี่ก็ปืน” พูดจบก็ฉีกยิ้มกว้างประจบเอาใจ ส่งสายตาเชิญชวนคล้ายล่อลวงให้ลองสัมผัส พลางเอียงคอลงเล็กน้อย อิริยาบถไม่ต่างจากหนุ่มคาสโนว่า

พี่นนท์บอกนี่ก็ปืน… “แต่ใหญ่หน่อยนะคะ”

“เลียกระบอกปืนให้พี่ทีสิคะ” เขาสั่งน้ำเสียงออดอ้อน พลันเลียริมฝีปากให้มันวาว

“อึก” ผมกลืนน้ำลายเหนียวหนืดลงคอจนบังเกิดเสียง หน้าแดงปรั่งตาก็วาววับ ริมฝีปากที่ไม่กล้าแม้แต่จะเม้มหรือขยับ ยามนี้ถูกน้ำชายฉกรรจ์ที่เกิดจากความต้องการจนเล็ดลอดผ่านปลายท่อถูๆ ไถๆ รอบกลีบปากนุ่มหยุ่น

นี่เรากำลังทาลิปสติกกันใช่ไหมครับ ให้ความรู้สึกเหมือนเคลือบลิปกลอสที่กลีบปาก แถมกลิ่นมันก็ไม่ได้เหม็นคาวอะไรเลย คนตรงหน้าค่อนข้างรักสะอาดมากแน่ๆ มันมีกลิ่นแอบแฝงเฉพาะตัวของผู้ชายตรงจุดอับ หอมๆ แปลกๆ ชวนน่าหลงใหล หรือว่ากูเริ่มจะโรคจิต…

จ่อมาขนาดนี้ คุณพี่อยากให้อ๊อกคนนี้ขาดอากาศหายใจตายใช่ไหมครับ ? ฮึก เริ่มเป็นห่วงสุขภาพในภายภาคหน้า ขอเวลาทำประกันตอนนี้จะทันไหม เกิดหายใจติดขัดตามมาด้วยอาการหอบหน้าดำหน้าแดง ไปหาหมอคงคาดการณ์ว่าเป็นโรคหอบหื่น ที่ไม่ใช่โรคหอบหืด

ใจมันเต้นระส่ำทันทีที่ยื่นปลายลิ้นตวัดเลียที่ส่วนหัวรอยหยัก เสียงดังแผล่บตามมาเหมือนหมาเลียน้ำในจานชาม พี่นนท์ส่งเสียงขรมคำรามพลางเชิดหน้าขึ้นสูง ฝ่ามือทั้งสองข้างเท้าสะเอวอยู่ข้างลำตัว ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของผมที่ต้องเรียนรู้กับการปรนเปรอ แสดงฝีมือเหมือนพวกไก่อ่อน

“อาห์ !” ดุจอสูรกายร้องลั่นภายในบ้าน น่าแปลกใจที่สัตว์อสูรเบื้องล่างก็น่าเกรงขามไม่ต่างกันเลย หวังว่าเอาเข้าปากไปแล้วจะไม่ไหลเข้าสู่ลำคอ ผมใจดีสู้เสือเอาปากครอบครองสิ่งสงวน หลับตาลงปี๋กับความบ้าบิ่นที่ตัวเองกระทำ

ร่านมาก ฮือออ ชีวิตจริงลองทำเองนี่เขินฉิบหาย มือไม้สั่นระริกไปทั้งลำตัว ลองขยับปากขึ้นลงเหมือนในคลิปอุจาดที่เคยดูในการปรนเปรอ เรียกเสียงคำรามดังซี๊ดซ๊าด

คุณพ่อครัวคงนึกไม่ถึงว่าลูกค้าจะมีฝีมือเผ็ดจัดจ้านถึงปานนี้ มอบความสุขที่ล้นปรี่ด้วยการผงกหัวเอาใจเขา ห่อเกร็งปลายลิ้นและแยงลงที่รูท่อเล็กๆ ที่มีน้ำไหลเจิงนอง ตวัดชิมหยาดน้ำเหนียวหนืด จากนั้นก็สลับสับเปลี่ยนโยกหัวขึ้นลง มันกลืนกินเข้ามาในปากได้แค่ครึ่งท่อนลำเท่านั้น ไม่สาแก่ใจคนหฤโหดฝ่ามือถึงได้เอื้อมมาประคองด้านหลังศีรษะของผม ออกแรงกดเข้าหาลำตัวพร้อมกับส่วนนั้นที่พยายามเยียดยัดให้เอากล้วยเข้าปากเต็มๆ คำ อีอ๊อกคนนี้ก็เบิกตาโตหวาดผวา รู้ซึ้งถึงโชคชะตา

“อุก ! อ๊อกๆ” เสียงเหี้ยมากแม่ ! นี่หรือเสียงจริงๆ ที่เล็ดลอดในลำคอ พี่นนท์ยัดสากกะเบือยันเรือรบให้ผมอิ่มหนำสำราญ ดุนดันสอบสะโพกใส่โพรงปากจนแท่งเนื้อร้อนของเขาเปียกเลอะหยาดน้ำลายจนชุ่มฉ่ำ ส่วนตัวผมนั้นน้ำลายไหลย้อยข้างมุมปากเป็นที่เรียบร้อย ไม่ได้กลืนกินต่อมน้ำลายลงคอเลยสักนิด เพราะบางสิ่งมันคั่นกลางในลำคอ

“อูย เสียวจังเลยค่ะหนู”

อูย ติดคอจังเลยค่ะพ่อทูนหัว “อ๊อกๆ” สำลักแล้วอีเหี้ยพี่นนท์ ! พยายามเอามือยันที่ต้นขาของเขาเอาไว้มั่น ออกแรงและส่ายหน้าหวังจะคายสิ่งที่มันกระทุ้งเข้าใส่โพรงปาก ล้วงลึกข้างในลำคอ เรียกหยาดน้ำตาที่หางตาเบาๆ

ความใหญ่โตของพี่นนท์มันไม่สามารถให้ผมกลืนกินได้นานนัก บัดนี้กดหน้าของผมมากขึ้น ทำให้ปลายจมูกโด่งรั้นฝังเข้าไปกับกลุ่มไรขนดกหนาเหมือนป่าดงดิบ ขนหมออ้อยแทบจะแยงสู่รูจมูก ต่อมกลิ่นชัดเจนของบุรุษเพศ จากที่น่าสูดดมก็ดมได้ไม่นาน อีกประเดี๋ยวเดียวคงสำลักติดคอตาย

ผมตีเข้าที่ต้นขาใหญ่รัวแรงดังเพียะๆ บ่งบอกว่าไม่สามารถแบกรับได้ไหว จะขาดใจตายอยู่รอมร่อ ปลายหัวขององคชาติมันทะลวงลึกเข้ามาในคอหอย เสียงอุกอากๆ เหมือนลิงบาบูนกำลังได้เสีย ช่างเป็นเสียงน่าสมเพชที่สุดที่เคยพบเจอ

ฮือ ทำไมชีวิตจริงมันไม่ ‘อึก อะ อ๊า’ ดั่งนิยายเขา… หรือว่าอีนายเอกในเนื้อหาที่แท้ก็ตอแหลเสแสร้งครวญครางเอาใจชาย อ๊อกคนนี้จะไม่ทน !

“แค่กๆ” เมื่อแท่งเนื้อมันหลุดออกจากปาก ผมก็หลุดสำลอกและไอดังโครกจนหน้าแดงไปหมด ขนาดทำได้ไม่ถึงสองนาทีก็เจียนจะตายห่า หากทำนานกว่านี้คงโชกโชนมากแน่ๆ

“พี่ขอโทษค่ะ หนูไม่เป็นไรใช่ไหมคะ ?” พี่นนท์เอ่ยเสียงนุ่มละมุน ผมที่ขยับตาขึ้นมองก็ลอบปาดน้ำตาด้วยความซาบซึ้งใจ

แหม ใจดีจังเลยนะครับมีการเป็นห่วงสุขภาพสุขดิบกันด้วย มาขอโทษขอโพยตอนหรรมทะลวงลึกข้างในลำคอเป็นที่เรียบร้อย

อีเหี้ยอีสัตว์ อยากด่าขึ้นมาลอยๆ

“ไหวไหมคะ ?” พี่นนท์ถาม ผมเลยส่ายหน้า พี่เขาจึงพูดต่อ “อาห์ งั้นพี่ขออีกรอบนะคะ” แล้วจะถามกูไปเพื่ออะไร !

น่าหลีที่สุด !

ปึกๆ เสียงลวยคุยตบปาก ‘ลวยคุย’ ที่มีความหมายว่าหรรม หรือศัพท์แรงๆ ก็แปลว่าคว- ซึ่งเป็นภาษาลูของเพศที่สาม ณ วินาทีนี้มันขยับมาตีที่แก้มซ้ายของผมแรงๆ สองสามที จากนั้นก็ขยับมาตีที่กลางปากแรงๆ จนชนเข้ากับปลายจมูก

โอ้โห ไม่ยัดเข้าไปในรูจมูกกูด้วยเลยล่ะ เอาให้รูจมูกแม่งบานสูดหายใจเข้าไปทีแมลงวันบินหายลับเข้าไปเลย

“มาๆ อ้าปากสิคะ เดี๋ยวป้อนของหวานให้ค่ะ” คำล่อลวงเหมือนผมคนนี้เป็นเด็ก เหอะ ! ไม่เชื่อหรอก ใครเชื่อก็โง่ฉิบหาย คนเราไม่ได้ใจง่ายขนาดนั้นมะ ของหวานที่ไหนกัน น้ำเชื่อมเหรอ ? คิดว่าน่าจะเป็นน้ำว่าวมากกว่าล่ะสิ !

สุดท้ายก็ยินยอมอ้าปาก สิ่งนั้นเลยหายลับเข้ามาที่ริมฝีปาก พี่นนท์ดึงเข้าออก สวนเข้าไปจนสุดและดึงรั้นออกมา ผมสบตามองเขาอย่างไม่เข้าใจ เห็นอีกฝ่ายยิ้มมุมปากดูมีความสุขกับการทำแบบนั้น สวนเข้ามาในปากผมหนที่สองก็ดึงออกอีก

เอ๊ะ จะเอายังไงกันแน่ ! อีกรอบจะกัดหรรมมึงทิ้งแล้วนะ หมั่นไส้แล้ว !

“อยากได้เหรอคะ ?” คนตัวโตถามหยั่งเชิง ผินตามองใบหน้าของผมที่อ้าปากรอรับสิ่งนั้นเข้ามาในปาก พลันยื่นปลายลิ้นและขยับใบหน้าเข้าไปใกล้ หวังจะทำให้มันจบๆ กันไป พี่นนท์กลับถอยกายออกห่างไม่ยอมให้ส่วนแข็งขึงเข้ามาในโพรงปากร้อนชื้นของผม หนำซ้ำกลับสวนคำถาม

“พี่ถามว่าหนูอยากได้ของพี่เหรอคะ ?” ชายหนุ่มฉีกยิ้มกว้างจนเห็นซี่ฟันขาว กระเถิบตัวมาใกล้อีกครั้งหนึ่งและตีท่อนลำอวบอ้วนลงมาที่ปลายลิ้นสีแดงฉานของผม ท่วงทีหยอกเอินให้ผมต้องยอมรับกับความต้องการ

ศัพท์นิยายช่างน่าปวดหัว เออ เสี้ยนก็เสี้ยนวะ ! ไอ้พี่นนท์แบบนี้มันเหมือนหนุ่มGVที่เคยดูเลยอะ ที่แท้ก็มีรสนิยมชมชอบแบบนี้นี่เอง

“อยาก” ผมตอบเสียงสั่นทั้งน้ำตา

“พูดเพราะๆ สิคะ ใช้ ‘คะค่ะ’ ด้วย พูดให้มีหางเสียงหน่อย เด็กดื้อพี่ไม่ชอบนะคะรู้ไหม ?” พี่นนท์ติเตียน

ส่วนผมไม่รู้ค่ะ เรื่องเยอะมากค่ะ นี่กว่าจะเยต้องเปลืองอีกกี่หน้ากระดาษเอสี่

คิดว่าหล่อแล้วจะมีคนยอมสินะ !

“อยาก” ก็ยอมจนได้ ผมพูดอีกหน เม้มปากแน่นไม่เกินเสี้ยววิก็สานต่อจากประโยคเมื่อครู่ “หนูอยากค่ะ”

แรงมากค่ะ ! แต๊วตายแล้วนะคะอีฉิบหาย ชีวิตนี้เคยทำแบบนี้ไหม เคยแทนตัวว่าหนูกับใครไหมก็ไม่เคย ! เพิ่งจะมีก็เพราะไอ้คนรูปหล่อตรงหน้านี่แหละที่เรื่องมาก หวังเอาใจเขาล้วนๆ ให้ไอ้ปลัดขิกมันแทงเข้ามาสักทีหนึ่ง

พี่นนท์ทอประกายวาววับในดวงตา ใบหน้าเพิ่มพูนด้วยรอยยิ้มสว่างไสวให้ดูดีไร้ที่ติ ถามซ้ำ “หนูอยากไรคะ ?”

อยากโดนเย็- ! อยากโดนเย็- ไงคะ ! โอ้โห อีลูกช่างถาม เยอะแยะทุกสรรพสิ่งอีฉิบหาย ! โมโหอยู่ภายในใจ ด่าเป็นร้อยเป็นพันคำ นี่ต้องมาพูดอะไรให้มากความอีก ทั้งที่ส่วนนั้นของพี่เองก็กระตุกทำท่าอยากจะปลดปล่อยเสียเต็มประดา

“หนูอยากอม” ด่าในใจแต่โลกภายนอกก็ตอบเอาใจชาย

“หืม อม ? อมยิ้มเหรอคะ ?” พี่นนท์ยังไม่ลดท่าทีกวนประสาท เริ่มทำผมหงุดหงิดทันตา

“อมคว-” เลิกถามกวนส้นตีนสักทีหนึ่ง

“พูดจาลามกจังเลยค่ะ” อีกฝ่ายส่ายหน้ากับคำพูดคำจาที่ได้ยิน ดูเหมือนจะรับไม่ได้แต่ก็ดันจ่อปลายหัวที่เคยรอคอยมาชี้ที่มุมปากผมแทนซะงั้น

“เด็กพูดจาหยาบคายต้องโดนสั่งสอน” อีกฝ่ายเอ่ยเสียงดุ “เดี๋ยวจะตีให้ปากแตกเลยคอยดู”

หูย โหดร้ายทารุณเป็นที่สุด ! อ๊อกรับไม่ได้ ตกลงนั่นหรรมหรือสาก ถึงขั้นสามารถตีให้คนเลือดตกยางออก

เดี๋ยวจะแจ้งคุณตำรวจ ข้อหาทำร้ายร่างกาย !

ยังคงไม่ละสายตาจากคนเบื้องบน ยามนี้ถูกฝ่ามือของเขาเคลื่อนมาสัมผัสลูบลงที่กลางกระหม่อมราวเอ็นดู ไล่สัมผัสมาที่พวงแก้มนิ่มด้านซ้าย ใช้ปลายนิ้วเกลี่ยผิวพรรณเนียนละเอียด อีกทั้งยังตั้งคำถาม “หรืออยากให้พี่แตกในแทน”

แม่คะ ! ช่วยที ลังเลเลือกต่อไม่ถูก แต่ป้องกันไว้จะดีกว่าไหม เอาไว้ในภายภาคหน้าเราไปตรวจโรคค่อยมาว่ากันอีกที แสร้งทำเป็นเขินไม่ตอบคำถาม เรียกความพึงพอใจจากคนที่พบเห็น

หลงกลอุบายมารยาสาไถย ไม่รู้ว่าเป็นความรักที่ทำหน้ามืดตามัว หรือความเงี่ยนงำกันแน่ที่ครอบครอง

อ้าปากจนแก้มตอบ ดูดดุนและอมสิ่งสงวนเท่าที่จะทำได้ ออกแรงเชื่องช้าเพราะยังไม่ประสีประสาด้วยความตอแหล พี่นนท์เลยเด้งเอวเข้าหาในบางจังหวะ ทำได้ไม่นานก็อดกินกล้วยต่อ ถูกพ่อค้าจับกดให้ล้มลงไปนอน ผมเลยส่งแววตากระพริบปริบๆ เหมือนหมาสงสัย

พูดถึงหมาก็อดไม่ได้ที่จะหันไปมองเจ้าดิ๊ก ตอนนี้มันกำลังยืนสี่ขามองพวกเราอยู่

“ม...หมามอง” ผมบอก

“พี่เองก็มองหนู” พี่นนท์ตอบกลับอย่างไม่ใส่ใจ ยิ้มหมายมาดพลันก้มลงไปหยิบของในกางเกงตัวเอง ผมเห็นอีกฝ่ายยุ่งกับการรื้อหาบางสิ่งในกระเป๋าสตางค์ ทันทีที่หยิบซองสี่เหลี่ยมออกมาจากซอกกระเป๋า พี่นนท์ก็ใช้ซี่ฟันกัดที่ซองจนฉีกขาด หลังจากนั้นก็เอาถุงยางนำมารูดลงที่กลางลำตัวในเวลาอันรวดเร็ว บางพิเศษจนเห็นชัดถนัดตา

โอ้ มีเครื่องป้องกันพร้อมเสร็จสรรพ แบบนี้ก็แทงได้เลยใช่ไหมครับคุณตำรวจ

เราจะเล่นบทบาทไหนดี คุณพี่นนท์มีปืนแบบนี้ เลือกไม่ถูกระหว่างตำรวจจับผู้ร้าย หรือคนขายส้มตำทำให้แสบลำไส้ใหญ่ ขนาดตรงนั้นก็ไม่ต่างจากสากกะเบือ ครกไม่ต้องมี คงตำในรูเลยทีเดียว

“มาค่ะ” เขาบอกเพื่อเตรียมการ ส่งรอยยิ้มเจ้าเล่ห์และยื่นมือมาจับเรียวขาของผมให้อ้าออกกว้าง พลิกร่างให้นอนตัวตรงพิงพนักโซฟา สักแป๊บก็ลากขาจนแผ่นหลังนอนแนบไปกับเบาะ สะโพกอวบของผมเลยล้นจากขอบโซฟา ท่อนขาพลันถูกฝ่ามือหยาบกร้านบีบขย้ำ ยกขึ้นสูงจนเห็นช่องทางเบื้องล่างเด่นหรา ชายกระโปรงเลิกขึ้นสูง เผยสะโพกที่ลอยเด่นชัดถนัดตาชายฉกรรจ์ อ๊อกคนนี้เป็นงงมาก หรือว่านี่เรากำลังจะเล่นท่าโยคะกันแน่ ? หัวเข่าตอนนี้เลยถูกรั้นชิดไปกับเบาะ คงเป็นโชคดีของเราที่ตัวอ่อนเป็นทุนเดิมมิเช่นนั้นคงได้ยินเสียงกระดูกหักดังเปาะ

เป็นอัมพาตเลยนะคะ ได้เข้าโรงบาลก่อนเล็ดยุดกันเลยทีเดียว

คนเบื้องบนย่อเข่าลงต่ำ เหมือนทำไม่ถนัดเลยจับท่อนขาขาวของผมชิดกันแน่น เอามือข้างซ้ายเพียงข้างเดียวกดเอาไว้ให้มันแนบกับอก ก่อนที่พี่นนท์จะใช้มือข้างขวาจ่อส่วนแข็งขึงที่น่าเกรงขาม กดปลายหัวป้านแดงบิดขยี้เข้ามาในร่องหลืบอย่างเชื่องช้า พร้อมกับเสียงคำรามอย่างอดไม่อยู่

“ซี๊ด ~ ตอดแน่นจังเลยค่ะ” คำรามไปก็ชมไป ส่วนเราก็ซี๊ดบ้างด้วยความเจ็บ ดิ้นทุลักทุเลอย่างบ้าคลั่ง น้ำตาก็เอ่อคลอ ยืดแขนโดนพลันเพื่อเอาฝ่ามือยันกล้ามหน้าท้องแข็งแกร่งที่จะโน้มตัวลงมา ฝากฝังตัวตนสิ่งภายในทีละนิด

ดีนะที่ถุงยางมันมีสารหล่อลื่น “เจ็บ อ๊า จะ เจ็บ” รูจะขาดแล้วพ่อ ฉีกแน่ๆ อะไรมันจะใหญ่ปานนั้น รีบเอามือยันที่ฟูกหวังจะลุกขึ้นกระถดตัวหนี กลับถูกอีกฝ่ายโน้มหน้ามาบดจูบ แทรกแซงลิ้นร้อนมาเกี่ยวกระหวัดอย่างดูดดื่ม มอบความสุขเอ่อล้นภายในใจ ต่างจากเบื้องล่างที่มอบความเจ็บริ้วยากเกินจะทนฝืน

“อื้อออ !” ร้องลั่นจนน้ำตาแตก สิ่งนั้นมันกดเข้ามาช้าๆ อย่างอ่อนโยนก็จริงอยู่ ไม่ได้หุนหันพลันแล่นเสียดแทงจนฉีกขาดฝากรอยแผล แต่ก็ใหญ่ขับแน่นทำผมเผลอหดหน้าท้องเกร็ง ส่งผลให้สิ่งนั้นบีบรัดรอบแก่นกายขนาดใหญ่ ทำให้ไม่สามารถฝากฝังตัวตนได้อย่างเติมเต็ม

“อาห์ หนู ซี๊ด ยะ อย่าเกร็งสิคะ” พี่นนท์ถอนจูบออก น้ำเสียงชวนใจแตกมากแม่ เปลี่ยนเป็นนิ่วหน้าเหมือนเจ็บปวด เห็นผมเปื้อนน้ำตาก็เลยก้มมาจูบซับหยาดน้ำที่เกลือกกลิ้ง พรมจูบตามพวงแก้มนิ่มและปลายคาง ลากไล้มาที่ลำคอ ซุกไซ้ลงต่ำจนขนลุกขนชันไปทั่วร่าง บวกเพิ่มกับน้ำเสียงที่พยายามปลอบขวัญอย่างเอาใจใส่

“ผ่อนคลายค่ะคนดี” นำพาให้ผมหลงใหลมากยิ่งขึ้น จากร้องโอดครวญก็แปรผันผสมผสานกับความเสียววูบ เหตุผลเพราะพี่นนท์เลื่อนริมฝีปากมาจูบตามแผงอก และใช้ปากดูดดุนอย่างรุนแรง ปลายลิ้นวนรอบตุ่มไตสลับสับเปลี่ยนอย่างโชกโชน ชี้นำทางให้ผมผ่อนคลายได้ดี

“อาห์ เข้ามาได้แล้ว เก่งมากค่ะ พี่เอาเข้ามาได้หมดแล้ว หนูดูสิ” อีกฝ่ายผละตัวออกห่างเล็กน้อย ยืนย่อเข่าเหมือนก่อนหน้านี้ พลันก้มลงมองสองสิ่งที่สอดประสาน ทำให้ผมต้องผินตามองตาม

เห็นขนดกหนา ใหญ่มากเลยหนา เข้ามาแล้วหนา โอ้โห “อะ อ๊า” ร้องเลยหนา มองไม่ทันไรคุณพี่ชายก็ขยับสะโพกซะแล้ว เชื่องช้าเนิบนาบแต่เสียดแทงเต็มๆ

นี่มีปืนแล้วยังพกมีดอีกใช่ไหมครับ แทงเก่งจังเลยพ่อทูนหัว

“อื้อออ” กล่าวกันว่าคนเรามีจุดกระสันอยู่ภายในตัว ผู้ชายเองก็สามารถมีความสุขได้กับช่องทางด้านหลัง ผมคนนี้ก็เลยได้รับไปเต็มๆ

ทีแรกมันเจ็บมากพอสมควร แต่ก็แอบมีความเสียววูบที่ปะปนอยู่หนึ่งส่วน ใช้เวลากับการปรับตัวไปสักพักใหญ่ ถึงจะรู้สึกดีในตอนท้าย

“อื้อ พะ พี่นนท์” ร้องซ้ำ เหมือนนางเอกเอวี หยาดน้ำลายปริ่มเปรอะข้างมุมปากเหมือนเด็กเจนจัด กวาดตามองคนหล่อเหลาที่หลับตาแน่นในบางจังหวะ เริ่มมีเม็ดเหงื่อผุดพรายตามกรอบหน้า ปรือตาขึ้นมองก็เหมือนพาผมดำดิ่งสู่หลุมเสน่หา

ผมพินิศทุกสิ่งอย่าง ยามที่เขาลืมตามองเราเหมือนคนหลงใหล ริมฝีปากที่อ้าออกจนเห็นซี่ฟัน ก่อนพรูลมหายใจอย่างเหน็ดเหนื่อย ออกแรงกระแทกกระทั้นเบาบาง เปลี่ยนจังหวะเป็นรัวแรงและตอกย้ำที่จุดกระสัน เขาเหมือนเครื่องจักรกลที่ทำงานไม่มีวันหยุด เสียงหยาบโลนจึงตามมา คล้อยไปกับเสียงหมาเห่า

“โฮ่งๆ !” เจ้าดิ๊กที่เดินวนกลับมาเห็นเจ้านายตัวเองกำลังทำบางสิ่งเลยส่งเสียงดังลั่น

“ชู่ว์ ดิ๊ก ! เงียบ !” พี่นนท์หันไปใช้ปลายนิ้วชี้จุ๊ปาก ส่งเสียงปรามสุนัขซื่อสัตย์ของตัวเองอย่างดุๆ ทั้งที่ตัวเขาเองยังซอยถี่กระแทกใส่ตัวผมไม่ยั้งชีวิต
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 22-06-2020 11:36:09 โดย lookpatty15407 »

ออฟไลน์ lookpatty15407

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 74
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +30/-1
เจ้าดิ๊กหยุดเห่า ผมเห็นพี่นนท์ทำแบบนั้นเลยรู้สึกว่าเขาดูเซ็กซี่อย่างน่าประหลาด อีกฝ่ายยังคงอัดกระแทกกลางลำตัวเข้าใส่โพรงหยักนุ่มที่อุ่นร้อนภายในกาย จ้วงแทงแม่นจัดจนเกิดบาดแผลที่ตอดรัดความเป็นชาย กอปรกับกลุ่มขนดกดำที่เสียดสีบั้นท้ายขาวของผมจนเกิดริ้วรอยปื้นแดงให้ระคายเคือง ร่างผ่ายผอมถูกพลิกเป็นนอนตะแคงข้าง ขณะที่สองสิ่งยังไม่หลุดออกจากกัน พี่นนท์ทำมันอย่างเชื่องช้า ราวกับว่าไม่อยากให้ถึงจุดสิ้นสุด

ผมร้องลั่นเหมือนผีเปรตร้องขอส่วนบุญ หวังว่าบ้านหลังนี้จะกันเสียง หากไม่เป็นเช่นนั้นคงต้องโดนข้างบ้านไปนินทาว่าร้ายอย่างแน่นอน หยาดเหงื่อเริ่มผุดพรายไปตามข้างขมับและแผ่นหลัง ส่งกลิ่นหอมเฉพาะตัวของคนเรา มันไม่ได้เหม็นอับเหมือนคนไม่ได้อาบน้ำ แต่ก็เป็นกลิ่นที่ทำให้ยิ่งปลุกเร้าอารมณ์กำหนัดอย่างดีเยี่ยม

ตัวพี่นนท์นั้นหอมมาก แต่ตัวผมนั้นจะเหม็นเปรี้ยวไหมสำหรับเขาก็สุดจะรู้ได้ ไอ้เราก็รักสะอาด ใช้สบู่ยี่ห้อแพงมา หวังว่าจะช่วยดับกลิ่นไม่พึงประสงค์ ถูกเสียดแทงเข้าออกเหมือนคนเล่นหวยการพนัน เพลงคาสิโนเว็บดูหนังออนไลน์ลอยมาเลย ครั้งนี้ก็เลยไม่รู้ว่าใครจะได้หรือเสีย จากที่เห็นมีแต่ได้กับได้ พนันด้วยเงินก็ไม่ใช่ พนันด้วยความคันและหรรมที่ทะลวงลึกเข้ามาในลำไส้แทนซะงั้น

“อาห์ ดะ ดี อื้อ ดี” หลุดเสียงร้องประหนึ่งไม่ใช่ตัวเอง คล้ายละเมอเพ้อพกกับความสุขที่ได้รับ มันมากเสียจนต้องหลุดพูดออกมาจากปาก

สำหรับท่านอนหงายนั้นก็เสียวใช้ได้ ท่าตะแคงยิ่งเข้าไปใหญ่ สิ่งคับแน่นมันจี้จุดที่ต่อมกำหนัดซ้ำๆ อย่างที่คริสตี้เคยกล่าวว่าขายตัวก็ต้องขายหลี ครั้งนี้เพื่อนคนนี้ก็เลยเสียวหลี แต่หลงลืมไปว่าไม่มีหลี

กระทั่งถูกพลิกตะแคงให้คว่ำหน้า หรือนี่เรากำลังสับเปลี่ยนแลกท่าให้ครบแม่งทุกอันเลย จากท่าหงายก็เป็นท่าตะแคงจากท่าตะแคงก็กลายเป็นท่าหมา “ฮือ เสียว พะ พี่นนท์ โอ๊ย เสียว” ท่าหมาเสียวมากครับคุณพี่ กระทุ้งรุนแรงเหมือนคนบ้าดีเดือด เร็วแรงทะลุนรก เหมือนเดอะฟาสแปด ภาคไหนเร็วสุดก็เอาภาคนั้นแม่งนั่นแหละ

ขับรถคงซิ่งเร็วกันมาก แต่พ่อคนดีคนนี้คงประกอบเครื่องยนต์มาแพงและเยอะพอสมควรอยู่ ตอกย้ำแต่ละทีเหมือนท่อกำลังทำงานจนร้อนผะผ่าว เร็วจนติดไฟไปตามริมถนน นอกเหนือจากนี้รูก็คงติดไฟไม่ต่างกันเลย...

ไฟร่านโลกีย์แน่ๆ เลยกู

“อาห์ หนู ซี๊ด เสียวไหมคะ” คนด้านหลังถาม ถามไม่พอยังแทงซ้ำเหมือนย้ำคำถาม อยากขอเวลานอกเพื่อตอบคำถาม แต่เวลาตอบคำถามคล้ายจะหมดลง หรือนี่เราอยู่ในรายการปริศนาฟ้าแลบ

‘หลีไม่ดูดก็สู้ตูดไม่ได้’ สรุปหลีโดนไฟดูดใช่ไหมครับถึงได้ใช้คำนี้กันจัง จะใครดูดไม่ดูดก็ช่างหัวแม่ง รู้แค่ว่าตอนนี้โดนหรรมดูดเข้ามาในรู

ฮึก เสียวมากจ้ะ “อ๊ะ โอ๊ย !” ร้องเสียงหลงเมื่อถูกพลิกเปลี่ยนท่วงท่าอีกแล้ว คราวนี้กลับมาท่าตะแคงอีกข้างก่อนจะนอนแผ่หลา อีคนโดนพลิกเริ่มหัวหมุนไปหมด พลันใช้ขาขึ้นเกี่ยวสะโพกแกร่ง พี่นนท์จับแขนผมคล้องคอ และยื่นมือโอบประคองที่แผ่นหลังขาว ยกเสียจนตัวลอย

สำหรับท่านี้ยิ่งเสียวทวีคูณ ทำให้ส่วนนั้นทะลวงเข้ามาลึกมากขึ้น แน่นและฝังลึกจนสะโพกนิ่มเบียดชิดกับไรขนดกหนา พลันถูกฝ่ามือของอีกฝ่ายยกแก้มก้นนวลลออขึ้นลง คอยกลืนกินรับแท่งเนื้อร้อนเข้ามาในรูสวาท เป็นท่วงท่าที่ทำให้ฝ่ายรับเสียวจนบ้าคลั่ง ฝ่ายรุกต้องแบกรับน้ำหนักของอีกคน มีข้อดีพิเศษที่ไม่ซ้ำใคร “อะ อ๊า” ไม่คิดแล้วดีกว่า อูยยย เสียวลำไส้เวอร์

ท่าหมาไปแล้ว ท่าตะแคงนอนต่างๆ ก็ครบแล้ว ตอนนี้คุณพี่ก็เลยเปลี่ยนเป็นท่าอุ้มกระเตง หรือศัพท์อีกนัยหนึ่งก็คือลิงอุ้มแตง สมควรก็การเรียกร้องหาผัว

“ครางชื่อพี่หน่อยสิคะหนู” พี่นนท์บอกเสียงทุ้มแหบพร่า หน้าของเขาก็แดงไม่ต่างจากผม หอบหายใจรัวแรง อยากจะพาไปตรวจโรคหอบหืดพรุ่งนี้เช้าพร้อมกันเลย

จะให้ร้องว่าอะไรดี ตอนนี้อุ้มกระเตงสอบสะโพกรัวเร็วขนาดนี้ ร้องผัวๆ ดีไหมครับ สาดกระสุนไม่ยั้งซะจนรูโบ๋ ถอดถอนออกมาคงกลวงเหมือนครกชี้แหงแก๋ คุณตำรวจมีปืนตั้งสามกระบอก ปืนแม็กนั่มของรอยสักก็มากพอที่จะพาให้ผู้หญิงกรีดร้องคลั่งไคล้ ยามนี้ยังหยิบปืนกลมายิงสาดกระสุนเสียจนกระจาย หากพรุ่งนี้เช้าอุจจาระกระจายไปทั่วท้องจะเรียกร้องค่าเสียหายเลยคอยดู

“พะ พี่นนท์ อ๊า พี่นนท์” ด่าในใจแต่ภายนอกก็ไม่เอาผิด จะทำยังไงก็แล้วแต่พ่อทูนหัวเขา รู้แค่ว่าเสียวมากพอแล้ว รู้สึกดีเกินจะอภิปรายให้ผู้คนได้เข้าใจอย่างแจ่มแจ้ง

พี่นนท์อุ้มกระเตงนำพาร่างผมมาชิดขอบผนังภายในห้องนั่งเล่น อัดกระแทกเจียนคลั่งเหมือนใกล้ถึงจุดมุ่งหมายปลายทาง เขาซุกไซ้ที่เรียวคอระหงของผม สูดดมกลิ่นกายที่ไม่รู้ว่าจะหอมหรือเหม็น ดูดดึงสร้างรอยช้ำรักเป็นสีแดงก่ำที่ไหปลาร้า ซึ่งมันไม่เหมาะสมที่จะทำเท่าไรนัก อาจส่งผลให้เกิดเส้นเลือดอุดตันขึ้นมาได้ แต่ผมก็ไม่ได้ว่าอะไรเมื่อเห็นเขาไม่ได้สร้างรอยแดงจนน่าหวาดหวั่น

เส้นผมของวิกเริ่มชื้นไปด้วยเหงื่อ ริมฝีปากตัวเองก็ครางหวานหยดเป็นสิบๆ หน หลับตาลงแน่นกับความเสียววาบที่ได้รับอยู่ภายในกาย ทั้งกระแทกกระทั้นอย่างหยาบโลนและกระทุ้งหนักๆ ให้ดิ้นพล่านจนเจียนคลั่ง ริมฝีปากที่เคยอมชมพู บัดนี้คงแดงระเรื่อจากการถูกขบกัด พี่นนท์เงยหน้าเข้ามาจูบพลางสอดลิ้นร้อนกอบโกยความหวานของหยาดน้ำลาย ส่งสายตาปรอยตอนมองใบหน้าของผมที่ดูบิดเบี้ยว ไม่รู้จะเหมือนภาพของจิตรกรชวนน่าขนลุกหรือเปล่า แต่คงไม่ถึงขั้นนั้นให้น่าอดสู

แก่นกายที่คืบคลานอยู่ภายในร่างมันทำให้รู้สึกดีอย่างที่ไม่เคยสัมผัส มันอาจจะลอดผ่านลำไส้เล็กหรือเปล่าก็ไม่อาจทราบ เพราะทุกครั้งมันรุนแรงเหมือนจะทะลุทะลวงหลุดออกจากลำไส้ใหญ่ หากยาวอีกสักหน่อยคงทิ่มแทงไปถึงตับปอด ลอดผ่านไปที่หลอดอาหาร ทะลักหลุดออกจากปาก เสียวมาก นั่นหรรมหรือหอก จินตนาเริ่มเตลิดอีกครั้ง นี่อยู่ในช่วงพลอดรักหรือหนังสยองขวัญ

“อ๊า ตอนหนูทำหน้าแบบนี้สวยมากเลยนะคะ อึก ตัวหนูก็ขาวไปหมด ข้างในนี้ก็… อาห์ ! ซี๊ดดด แน่นที่สุด” พี่นนท์จูบที่ปาก พร่ำเพ้อชมเชยเหมือนคนหลงใหล

ใช่ไหมล่า ~ สวยมากเลยสินะ หลายๆ คนก็บอก ขืนพี่ไม่พูดอีน้องนี้ก็รู้ตัวดี แต่ขาวไปหมดนี่ทำให้นึกถึงหนังจูออน หรือเราจะขาวเหมือนหนังผีเด็กนรก พลันเบนสายตาไปทางแขนก็ถือว่าขาวอยู่พอสมควร แต่ดีที่ไม่ถึงขนาดขาวซีดปานกระดาษเอสี่

โล่งอก อย่าชมเยอะเดี๋ยวหลงตัวเอง

“อึก ! พะ พี่จะแตกแล้วหนู” พี่นนท์กัดฟันดังกรอด กล่าวเสียงสั่นเหมือนคนอดรนทนไม่ไหว

“อื้อออ” พี่จะแตกอีน้องนี้ก็เริ่มจะแตก มากระซิบข้างหูแบบนี้ไม่ดีเลย

“พร้อมกันนะคะ” เขาสั่ง

“อื้มมม” ส่วนเรานำหน้าร้องครางไปก่อน ตัวสั่นโยนขึ้นลงตามแรงถาโถม แผ่นหลังเสียดสีกับผนังสีขาว สิ่งเบื้องล่างก็ดุดันดุจสวรรค์มาโปรด เนื้อตัวเบียดเสียดกันแนบแน่น ปลายนิ้วมือของผมก็พลางกรีดกรายไปตามแผ่นหลังกว้างของอีกฝ่าย ฝากรอยข่วนเล็กๆ เหมือนแมวยั่วสวาท ถูกครางทุ้มต่ำใกล้เคียงกรอบหน้า สติคนเราแตกกระเจิงและเสร็จกิจ พุ่งหยาดน้ำขาวขุ่นไหลเลอะตามร่องหน้าท้องซิกซ์แพ็กของอีกฝ่าย

“ตะ แตกแล้ว อาห์ !” บอกให้พี่นนท์ได้รับรู้ มีการวิ่งผลัดเกิดขึ้น แต่โชคดีที่ถึงเส้นชัยก่อน ดีใจไม่นานก็มาร่ำร้องเหมือนคนพ่ายแพ้ ถูกกระหน่ำแทงไม่ยั้งและถี่รัวจนน่าตกใจ ก่อนที่ตัวพี่นนท์จะกระตุกสองสามที พ่นหยาดน้ำเข้าสู่ปราการฝากฝังลูกหลานจำนวนสามร้อยล้านถึงห้าร้อยล้านที่กะจะวิ่งเข้าหาเจาะรังไข่ แต่ช่างน่าสงสารที่ต้องมาตายเพราะน้ำมือของคนใจมาร

ชั่วช้าเวรระยำจริงๆ

“อึก แฮ่กๆ” หอบแฮ่กเหมือนหมาหอบแดก ตัวอ่อนหลอมละลายอย่างเหน็ดเหนื่อย ก้มหน้าซบลงกับไหล่กว้าง ก่อนที่จะถูกอุ้มมานั่งบนที่โซฟาดังเดิม ตัวพี่นนท์ถอดถอนความใหญ่โตหลุดออกจากช่องทางสีสดเบื้องล่าง ใช้มือค่อยๆ รูดดึงถุงยางอนามัยหลุดออกจากกาย กวาดตามองเรือนร่างของผมที่อ้าขาออกกว้างจนเห็นรูที่ขมิบไปมา ชายกระโปรงเลิกขึ้นสูงจนเห็นแก้มก้นนวลเนียน

มองแบบนี้แสดงว่าของเราโบ๋แหงๆ สงสัยคงมีสถานีรถไฟวิ่งพล่านเข้ามาได้ นวนิยายพระเอกคงต้องมองด้วยแววตาหลงใหล

อ๊า งั้นลองขมิบตูดล่อลวงดู

มองแบบนี้ ชอบใช่ม๊า ~

“เมื่อกี้...” เขามองและหยุดชะงักคำ ปลายนิ้วชิ้ดันปลายคางของผมให้แหงนขึ้นมาจ้องประจันหน้า เสี้ยววินาทีก็ก้มมาจูบดังจุ๊บ ฉีกยิ้มกว้างให้คนมองตาพร่า

“เมื่อกี้นี้มันเยี่ยมมากๆ เลยค่ะ” พี่นนท์ขยับใบหน้ามาจูบซับที่หน้าผากชื้นเหงื่อ ผมหลับตาลงเพื่อรับความอบอุ่นของคนตรงหน้า หลุดเสียงร้องเหวอทันทีที่ถูกอุ้มร่างขึ้นเหนืออากาศ

“พะ พี่นนท์” เสียงสั่นระริกอย่างตกกะใจ ถูกจับอุ้มด้วยท่วงท่าเจ้าสาว เหม่อมองอีกฝ่ายที่ยิ้มขี้เล่นตามเคย

ยังไม่ได้แต่งงานกันเลยก็อุ้มแบบนี้ซะแล้ว จะพาไปจบที่เตียงนอนอีกสินะ ช่างผิดประเภณีชะมัดยาด แน่จริงก็พาพ่อแม่มาสู่ขอก่อนเถอะ

“เรา…” พี่นนท์เว้นคำพูดอีกครั้ง พลอยให้คนฟังต้องรอลุ้นจนฉี่จะแตก “ไปอาบน้ำด้วยกันนะคะ”

ฮึก จะร้องไห้ จะไม่มีครั้งที่สองหรือสามตามมาใช่ไหมครับ ? อาบอย่างเดียวไม่มีอย่างอื่นเจือปน เผลอหน้าแดงเป็นลูกตำลึง ไม่กล้าตอบกลับไป กว่าจะได้สติก็ถูกพามาที่ห้องน้ำเป็นที่เรียบร้อย วางร่างของผมลงที่ขอบอ่าง เปิดน้ำให้เป็นที่เรียบร้อย

“ตอนนี้หนูเจ็บอยู่ อาบน้ำในอ่างละกันค่ะ เดี๋ยวพี่ยืนอาบตรงฝักบัวเอง อยากได้อะไรก็บอก” พี่นนท์บอกเสียงอบอุ่น เอาใจใส่ทำคนใจสั่นซ้ำแล้วซ้ำเล่า ยื่นมือมาถอดถอนกระโปรงของผมให้หลุดออกผ่านเรียวขา หน้าผมก็แดงก่ำรีบก้มงุดอย่างขวยเขินเพราะเห็นหรรม ถูกเขาเย้าแหย่ในครู่ต่อมา

“หรือหนูอยากจะต่อกับพี่ในห้องน้ำ ?”

“มะ ไม่เอา” ผมรีบปฏิเสธ โดนมีดแทงจนเลือดไหลเจิงขนาดนั้น ขืนทำอีกต้องฉีกขาดแน่ๆ เกิดมีการแทงซ้ำต้องตายแหงๆ บาดแผลอาจเหวอะแหวะ เรายังไม่อยากลงข่าวหน้าหนึ่ง  ‘กะหรี่มีเซ็กส์จนหมดลมหายใจ ตายอนาถอย่างน่าสังเวช รูโบ๋เหมือนหลุมดำอวกาศ’ ไม่เอา อ๊อกยังไม่พร้อมหรอก

“งั้นเก็บเอาไว้ทำรอบหน้านะคะ” จุ๊บ !  อีกฝ่ายพูดจบก็มาหอมแก้มแรงๆ หนึ่งที ถอยกายออกห่างไปยืนอยู่ตรงฝักบัวสีเงิน

ผมมองร่างกำยำที่ขาวสะอาดเหมือนคนเกาหลี หุ่นเหินนี่ให้และมีความกำยำล่ำสันไม่ถึงขั้นจำเพาะกายหรือนักกล้ามปู

หลุดสายตาลงต่ำ ไถลร่างตัวเองลงกับอ่างเหมือนไอติมที่หลอมละลาย

เพิ่งเห็นงูเหลือมครั้งแรกก็วันนี้นี่แหละ…

ฮืออออ ชอบอยู่ในป่าดงพงไพรดีๆ นี่เอง ชอบเข้าถ้ำสินะ น่ากลั้วน่ากลัว

“มองไรคะ”

“เฮือก !” สะดุ้งโหยง

“อยากโดนดีเหรอคะ ?”

“มะ ไม่” ผมรีบส่ายหน้าเป็นพัลวัน

ไม่สู้ น้องไม่สู้หรอกคุณตำรวจ

สายตากวาดมองเรือนร่างเปลือยเปล่า ใบหน้าคมสันเหมือนงานประติมากรรมชั้นเลิศที่ถูกแกะสลัก เปรียบเทียบเช่นนี้ก็เพื่อให้เข้าใจถึงความงดงามและความประณีตบนใบหน้า หรือนี่จะหลุดออกมาจากนวนิยายถึงได้นึกชมเชยมากมายก่ายกองขนาดนี้ องค์ประกอบทั้งห้าดูดีไร้เทียมทาน ตั้งแต่คิ้วหนา ตา จมูก ปาก สันกรามเด่นชัด ยามนี้เชิดหน้าขึ้นสูง รับหยาดน้ำของฝักบัวที่รินไหลไปตามผิวพรรณ ไหลลู่สู่ลำตัว เชิญชวนให้กลืนน้ำลายลงคอซ้ำแล้วซ้ำเล่า ยามที่เม็ดน้ำไหลพราวไปตามลูกกระเดือกของอีกฝ่าย ส่งเสียงดัง “อาห์” สบายตัวกับความเย็นเฉียบของสายน้ำ ก่อนที่หยาดหยดธาราจะไหลผ่านไหปลาร้าและแผงอกสีขาว ผนวกกับยอดอกสีชมพูที่ตัดกับสีผิวของเขา มัดกล้ามเนื้อแน่นหนาชวนน่ากรีดกราย ดูดิบเถื่อนชวนหลอมละลายให้น่าหลงใหล อยากจะไล่ปลายนิ้วสัมผัสไปตามร่องซิกซ์แพ็กที่ปูดโปนแน่นขนัด ทำคนมองหายใจไม่เต็มปอด มันมีตั้งหกแพ็กที่แน่นเปรี๊ยะชวนกระสันซ่าน รูสะดือตื้นลึกสะอาดสะอ้าน ไหนจะวีเซฟที่เด่นชัดตรงบริเวณหน้าท้องน้อย รอยสักละเอียดลออที่บ่งบอกถึงความตั้งใจทำให้ออกมาสวยและประณีตที่สุด สีชัดภาพชัดทำคนมองอยากปลิดชีพตนเองเสีย เส้นเลือดปูดโปนเลิกขึ้นมาจากส่วนสงวนดูน่าหวาดหวั่น นอกเหนือจากนี้ยังมีเส้นเลือดขึ้นตามท่อนแขน เสมือนบ่งบอกถึงความหมั่นรักษาสุขภาพร่างกายให้สมชายชาตรีดั่งทหารหาญ สะโพกสอบที่ตอนนี้แก้มก้นด้านข้างตอบลึกลงไป เอี้ยวกายจนเห็นกลุ่มขนดกดำกับสิ่งสงวนที่พ่วงพี ท่อนเนื้อขนาดใหญ่ตัดสีผิว ย่อขนาดลงมาแต่ยังทิ้งเค้าโครงความใหญ่โตโอฬารชวนโอ้โหจุกคอหอย ยิ่งตอนพี่นนท์หมุนตัวมาทางนี้ จ่อปืนให้เห็นชัดๆ ถนัดตาที่ค่อยๆ ผงาดง้ำชี้สู้หน้า รวมไปถึงพวงแฝดที่เคยตบตีกับแก้มก้นมาก่อน ยามนี้ห้อยระโยงระยางลงมาเล็กน้อย

ชายหนุ่มยกฝ่ามือขึ้นสูง ปัดเศษน้ำที่ไหลผ่านศีรษะ พลันลูบกลุ่มเส้นผมดำขลับที่ปกหน้าปกตาให้เรียบแปล้ไปด้านหลัง เผยเค้าโครงใบหน้ากระจ่างชัด ปรือตามองมาทางผมอย่างเชื่องช้า แต่แฝงไปด้วยความยั่วยวนอยู่ในที เรียวแขนทั้งสองข้างยังวางฝ่ามือลงที่กลางกระหม่อม เห็นกล้ามเนื้อแขนที่อวดเบ่งให้เชยชม ไร้ขนรักแร้ใดๆ ทั้งสิ้น ละเว้นขนที่จุดอับเบื้องล่าง ท่อนบนเห็นซี่โครงข้างๆ ลำตัวของชายฉกรรจ์ ฉายชัดกล้ามหน้าอกที่มีพอให้เห็นเต็มๆ ตา ร่องกล้ามเนื้อเด่นชัดทุกสิ่งอย่าง พินิจพิเคราะห์สัดส่วนซะจนละเอียดถี่ถ้วน ใบหน้าของผมก็พลันเห่อสี รีบกวักน้ำราดตัวกลบเกลื่อนว่าที่ผัว เมียงมองคนด้านข้างอีกครั้งก็เห็นกดสบู่เหลวฟอกตรงจุดอับ บังเกิดฟองสีขาวไม่พอ พี่แกยังชักรูดขึ้นลงตรงสิ่งที่ตั้งตระหง่าน คล้ายจะทำความสะอาดทุกซอกทุกมุม

พ่อทูนหัว ลูกชายยังไม่นอนหลับใหลอีกหรือ ? ได้ข่าวว่าจ้วงเอาๆ พ่นลูกหลานซะจนต้องสิ้นทายาท นี่ยังจะมีหน้ามาหลงเหลืออารมณ์อีกเหรอ

มองไปมองมาตัวผมก็ชักจะเหมือนนักถ้ำมองอยู่นะ เห็นของคนที่ชอบใกล้ชิดขนาดนี้ ชีวิตนี้คงสู่ขิตพร้อมขึ้นสรวงสวรรค์

อ้อ แต่ก็ลืมไปเพิ่งถึงสวรรค์มาหมาดๆ

“ไม่ถอดวิกเหรอคะ ?” เสียงทุ้มแทรกขึ้น ทำให้ผมที่อ้าปากจนน้ำลายไหลย้อยต้องรีบหุบขากรรไกรลง เงยหน้าสบตาพี่นนท์ที่อมยิ้มให้ แววตาเต็มไปด้วยความอ่อนโยนตลอดเวลา สักพักก็เดินมาหา โดยที่สิ่งนั้นกวัดไกวไปมา

ฮือ หิ้วหวีไปหิ้วหวีมา ที่แท้ก็เป็นคนหิ้วกล้วยไปหิ้วกล้วยมา

เราจะอ้าปากรอรับกล้วยดีไหมหนา

“เดี๋ยวพี่ช่วยถอดให้ค่ะ” พี่นนท์เสนอตัวเข้ามาช่วยเหลือ ดับฝันสลายคนที่อ้าปากรอกล้วยประเคนเข้ามาในปาก

“ม...ไม่เป็นไร” ผมรีบส่ายหัวปฏิเสธแทน โธ่เอ้ยคิดว่าจะโดนป้อนผลไม้ให้เรากิน อีกทั้งวิกที่สวมใส่อยู่นี้มันก็ติดกับหนังศีรษะ จำเป็นใช้น้ำยาล้างคราบกาว เกิดดึงออกดื้อๆ หนังศีรษะคงหลุดออกจากหัว

“หนูไม่อึดอัดเหรอ ?” พี่นนท์ขมวดคิ้วยุ่ง ฉายแววเป็นห่วงเป็นใย ผมจึงจำเป็นต้องอธิบายเพิ่มเติม

“คือมันต้องใช้น้ำยาที่ล้างกาวออกก่อนครับ ไม่งั้นมันจะเจ็บ”

“อ๋อ” คนตรงหน้าลากเสียงยาวเหยียด ผงกหัวทำความเข้าใจ “ให้พี่ไปหยิบให้ไหมคะ อยู่ในกระเป๋าหนูใช่ไหม?”

“ไม่ ด...เดี๋ยวผมไปหยิบเอง” ส่งเสียงตะกุกตะกักตอบกลับไป รีบดีดตัวลุกขึ้นออกจากอ่างอาบน้ำ ร่างกายพลันโอนเอนเหมือนนางเอกละครที่ชอบกินน้ำส้มเป็นประจำ โชคยังดีที่พี่นนท์ยื่นแขนมารอรับเอาไว้ สวมกอดผมได้ทันเวลา ไม่งั้นอีอ๊อกคนนี้คงลื่นหัวฟาดพื้นตายอนาถแหงๆ เพราะเบื้องหน้าเป็นโถสุขภัณฑ์

“ระวังหน่อยสิคะ เดี๋ยวก็เจ็บตัวหรอก” พี่นนท์ส่งเสียงดุ หน้าก็บึ้งตึง “หนูเจ็บสะโพกอยู่ เดี๋ยวพี่ไปหยิบให้เอง เลิกดื้อเถอะค่ะ” ประคองร่างผมให้นั่งแช่ลงในอ่างดังเดิม

แม่ขา พี่เขาใจดีกับหนูมากมาย อย่างงี้สินสอดคงไม่จำเป็นแล้วแหละ อยากจิร้องไห้ ชีวิตนี้ไม่เคยเจอผู้ชายสุภาพชนเช่นนี้มาก่อน ได้แต่ขวยเขินอยู่ในอ่าง มองคนที่หันหลังเดินออกจากห้องน้ำ เห็นทั้งแผ่นหลังกว้างๆ กับไขกระดูกสันหลัง จรดมาถึงร่องก้น แก้ผ้าเดินออกจากห้องน้ำโดยไร้ผ้าขนหนูใดๆ พันรอบตัว ไม่ช้านานก็เดินกลับมาใหม่พร้อมกับสำลีและน้ำยาเช็ดคราบกาว รวมไปถึงที่เช็ดเครื่องสำอางอีกต่างหาก คงเอามาจากกระเป๋าผมนั่นแหละ

“เดี๋ยวผมทำเอง” รีบยื่นมือรอรับสิ่งของ แต่พี่นนท์กลับส่ายหัวไม่ยินยอม พลางย่นจมูกลง น่ารักน่าชังขัดกับใบหน้าหล่อๆ ของเขา หากทว่าก็ดูดีมากนัก ใครพบเห็นก็คงหลงใหล

อยากสวดมนต์ภาวนา ผัวกูหลงกู รักใคร่กูหลงเพียงกู เพี้ยง !

“อยู่นิ่งๆ นะคะ” พี่นนท์สั่ง แล้วหยิบชำลีชุบกับน้ำยา ปลายนิ้วไล่แตะ พลางถามไถ่ “เช็ดตรงนี้ใช่ไหมคะ ?” เขาคาดเดา จี้จุดให้ผมรับรู้

“อืม” ผมตอบอิดออด หน้าร้อนผ่าว ไม่กล้าจะสบสายตาพี่เขาเลยสักนิด ปล่อยให้ความอ่อนโยนทะนุถนอมเช็ดตามรอยกาวและค่อยๆ ดึงวิกผมยาวเหยียดออกจากศีรษะ จากนั้นก็เปลี่ยนเป็นคลีนซิ่ง หยิบสำลีที่ชุบน้ำยาล้างเครื่องสำอางเช็ดไปตามเปลือกตาผมเบาๆ อย่างพิถีพิถัน ไล่ไปตามใบหน้าเรียวจนสำลีเปลืองไปสิบกว่าแผ่น เผยใบหน้าที่ไร้เครื่องประทินโฉม

“ขนาดหน้าสดยังน่ารักมากเลยนะคะ” พี่นนท์เอ่ยปากเยินยอ อมยิ้มนิดๆ จนเห็นลักยิ้มข้างมุมปาก ครู่ต่อมาก็ลุกขึ้นยืนหยิบวิกและเศษสำลีไปวางทิ้งข้างนอก ก่อนจะเดินกลับมาหาผมที่นอนแช่อยู่ในอ่าง

“หนูหันหลังสิคะ เดี๋ยวพี่สระผมให้ค่ะ” ท่าทีอ่อนโยนทำให้ผมใจสั่น ไม่กล้าจะขัดคำพูด ได้แต่ปิดปากเงียบเหมือนคนเป็นใบ้ รีบชันเข่าขึ้นมาและเอนตัวไปด้านข้าง พี่นนท์หยิบฝักบัวที่อยู่เหนือขอบอ่าง นำมาเปิดน้ำสาดใส่เส้นผมที่เคยชื้นเหงื่อ เปียกลู่จนหยดน้ำตกกระทบพื้น คนด้านหลังทำมันอย่างอ่อนโยน กดยาสระผมและสระให้อย่างเบามือ ทั้งนวดทั้งคลึงให้ผ่อนคลาย

“รู้สึกดีไหมคะ ?” เขาถาม

“อืม” ผมขานรับ หลุดเสียงร้อง “อาห์” อย่างเคลิบเคลิ้ม หลับตาลงพริ้มและนึกภาพตาม หากได้พี่นนท์เป็นสามีในอนาคต ไม่ว่าใครๆ ก็ต้องพลอยนึกอิจฉา

โอ๊ย ดีใจจนตัวลอย แต่จำได้ว่าเคยลอยแล้วตอนโดนท่าลิงอุ้มแตง
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 22-06-2020 11:37:48 โดย lookpatty15407 »

ออฟไลน์ lookpatty15407

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 74
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +30/-1
ผมไม่คิดจะสนใจเสียงหัวเราะขำเหมือนมีความสุขจากคนข้างหลัง ปล่อยให้เขาทำหน้าที่เป็นสามีดีเด่น ถือว่าเป็นค่าตอบแทนที่เราต้องมารับมีดรับปืนที่ทั้งจ้วงและยิง

สระผมจนเสร็จก็ราดผมด้วยน้ำเปล่า หลังจากนั้นก็ยังมาเสนอให้ผมอีก “ให้พี่ช่วยอาบน้ำให้ไหมคะ ?”

ผมเลิ่กลั่ก ไม่ทันจะหันหน้าไปตอบ กลับถูกฝ่ามือใหญ่ที่ส่งเสียงดังจ๋อมเข้ามาในอ่างอาบน้ำ เลื่อนต่ำไปกอบกุมบางส่วนจนขาของผมที่เคยชันขึ้นเผลออ้าออกกว้างอย่างลืมตัว

“ยะ อย่า” หลุดเสียงร้องครางหวิว ถูกปลุกปั่นด้วยฝ่ามือหยาบกร้านที่ผ่านการกรำอะไรมานักต่อนัก ถึงแม้ไม่ได้นุ่มแต่ก็ส่งผลให้คนโดนปลุกเร้ารู้สึกเสียวซ่านใช่ย่อย สิ่งที่เคยสลบไสลเลยตื่นตัว ผินหน้าไปด้านข้างจ้องตาพี่นนท์ก็เห็นเขาอ้าปากหอบหายใจเบาบาง แววตาสะท้อนใบหน้าของผม ไหวกระเพื่อมเหมือนสายน้ำ เปรียบเปรยให้เหมือนกับนิยาย เพราะไม่รู้จะสรรหาคำไหนมาใช้ดี

“อื้อ” เสียวอีกแล้ว วันนี้แตกไปแล้วยังต้องมาแตกอีกเหรอ อ๊อกทำใจไม่ได้ครับ เหมือนเราเป็นคนบาปฆ่าคนบริสุทธิ์นับล้าน ลูกหลานที่อาจเกิดมามีหน้าที่การงานที่ดี หนึ่งในนั้นกลับถูกปลิดชีพเพราะน้ำมือของมนุษย์ ช่างน่าสงสารที่แม่ของเราเองก็ดันคลอดลูกอย่างเราที่แสนโง่งม เอ๋อซะจนตอนนี้ทำตัวไม่ถูกกับสถานการณ์

กลับตัวก็ไม่ได้ ให้เดินต่อไปก็ไปไม่ถึง เหมือนมีอะไรที่ดึง…

“อะ อ๊า” ไม่ให้เราเลือกทางใด อยากจะร้องเพลงก็ดันถูกรูดรั้งขึ้นลง สาวไวสมดั่งคำเปรียบ ‘มือใครยาวสาวได้สาวเอา’

“พี่อยากเอาหนูอีกจังเลยค่ะ”

“อ๊า !” ไม่เอาแล้วค๊า พอเถอะผัวขา อยากยกมือขึ้นมาไหว้พนม ยกไม่ทันไรก็ต้องเปลี่ยนตำแหน่งไปจิกกับขอบอ่าง เชิดหน้าจนเกือบจะหงายหลัง หน้าแดงตัวแดงอมชมพูไปหมด หอบหายใจระรัวเหมือนคนวิ่งมาหลายกิโลเมตร ไม่ได้พักสักทีจนอยากจะกินน้ำให้หายเหนื่อย ก็ดันได้น้ำส้มสายชูตอบแทนมา

“มะ ไม่ไหวแล้ว” ส่งเสียงท้วงให้รับทราบ และไม่รู้ว่าสีหน้าตนเองในตอนนี้เป็นแบบไหน แต่กลับทำพี่นนท์แววตาระยับ แอบเห็นไปถึงใบหูที่แดงก่ำ ไม่เกินเสี้ยววินาทีก็โน้มมาจูบปาก เย้าแหย่ปลายลิ้นให้ตอบสนอง

อยากจะกัดลิ้นให้ขาด แต่ไร้เรี่ยวแรงจะกระทำได้ ลำตัวอ่อนยวบไปกับปลายนิ้วอีกข้างของอีกฝ่ายที่เข้ามาเล่นกับหัวนมด้านซ้าย ขณะที่มือข้างขวาก็เริ่มเร่งจังหวะรุนแรงจนน้ำกระเพื่อมดังกระฉอก

ใต้ร่างมีแมวน้ำใช่ไหมฮะ หรือมีปลาตัวใหญ่กำลังว่ายวน

“สะ เสียว เสียว ฮือ ไม่ไหวแล้ว” จะแตกแล้ว ช่างหัวปลาที่โดนตกเบ็ด อีนี่ดันโดนเกี่ยวเบ็ดจากนักตกปลา “อ๊า” พอกันที !

“อืม น่ารักจังเลยค่ะ ชอบตอนหนูเสร็จแบบนี้ที่สุดเลย” คนตกปลาชมไม่ขาดปาก ส่วนปลาที่โดนตกกำลังหอบหายใจรวยริน น้ำในร่างจะไม่เหลือสักหยด ปากซีดจะปริแตก ร่างกายเริ่มต้องการน้ำ

ไหว้ล่ะ ขอน้ำเปล่า ไม่เอาน้ำอย่างอื่น

“ไม่เอาแล้ว น...เหนื่อย ไม่ไหวแล้ว” ผมส่ายหน้าเหน็ดเหนื่อย มองพี่นนท์ที่อมยิ้มข้างมุมปาก ควานมือไปหาจุกระบายน้ำทิ้ง หลังจากนั้นก็เอาฝักบัวมาราดน้ำใส่ตัวผม มือพี่แกกดสบู่ถูไปตามเรือนกายเนียนลื่น

“ผิวหนูเนียนจัง” โดนชมอีกแล้ว

“อย่านะ ผมไม่ไหวแล้วจริงๆ” ผมเตือนสติอีกฝ่ายก่อน กลัวพี่แกแข็งขึ้นมาแล้วเราจะต้องตกเป็นเหยื่ออีก

“หึหึ รู้แล้วค่ะ พี่ไม่แกล้งหนูแล้ว มา ขอหอมแก้มทีนึง” พี่นนท์ยื่นหน้ามาหอมแก้มผมดังฟอด ครู่ต่อมาก็อาบน้ำให้ผมราวกับเราเป็นเด็กที่ช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ จะปฏิเสธก็โดนพี่แกยิ้มเจ้าเล่ห์ใส่ แต่เต็มไปด้วยคำบอกเล่าว่าไม่มีทางยินยอม เพราะยังไงเสียเขาก็จะอาบน้ำให้ผมให้จงได้ ฝ่ามือใหญ่ล้วงลึกไปถึงจุดอับที่ไร้รูขุมขน แทรกแซงกับปลายนิ้วชี้ที่เต็มไปด้วยฟองสบู่ ล้างจุดร่องหลืบที่เคยถูกรุกราน เสียดสีเบาๆ ให้คนโดนเสียววาบ เอียงหน้าซบลงข้างลาดไหล่ไปพลาง โดนอาบน้ำให้หรือเปล่าก็ไม่รู้ แต่จุดไหนที่ต้องผ่านจุดเร้า แม้แต่หน้าอกก็มักจะโดนนวดเฟ้น หัวนมถูกสะกิดเรียกเสียงครวญคราง  สะโพกก็ถูกบีบไปมา ร่องก้นก็โดนเสียดสี ถือว่าเป็นการกลั่นแกล้งมากกว่าการอาบน้ำสิ้นดี จบท้ายด้วยการล้างหน้าให้ผมจนสะอาดหมดจด

อยากจะเปลี่ยนจากคำว่าผัวเป็นคำว่าพ่อ ดูแลดีขนาดนี้ หากได้เป็นแฟนก็คงดี แต่ถ้าหื่นแบบนี้ ขืนมีมดลูกต้องท้องแน่ๆ

“จุ๊บ” สัมผัสที่แผ่นหลังดังขึ้น เป็นจูบที่พี่นนท์มอบให้ มิวายกระซิบข้างกกหู “หนูรู้ไหมคะ ?”

รู้อะไรอีกคะ ? โอ้ เหนื่อยแล้วค่ะคุณหฤษฎิ์ พอเถอะ อยากเรียกพระมาสวดขับไล่ผีช่างเงี่ยน

“หนูทำพี่หลงมากๆ เลยค่ะ”

ฮือออ เขิน ก็ด๊ะ อันนี้พออนุโลม


ฟู่ ~ เสียงไดร์เป่าผมดังภายในห้อง ร่างถูกอุ้มย้ายขึ้นมายังชั้นสองภายในบ้านเป็นที่เรียบร้อย ณ ห้องนอนส่วนตัวตรงหน้าโต๊ะกระจกเครื่องแป้ง เผยให้เห็นพี่นนท์ที่ยืนเป่าผมให้อยู่ด้านหลัง ท่อนบนของเขาเปลือยเปล่าเรียกเลือดกำเดาไหลถึงแม้ท่อนล่างจะพันด้วยผ้าขนหนูแล้วก็ตามที

“เสร็จแล้วค่ะ” พี่นนท์ปิดไดร์ลง ซึ่งผมก็ไม่ได้แปลกใจที่ผู้ชายจะมีของพรรค์นี้ แต่ก็แค่แปลกใจมากกว่าที่เขาทำดีกับเรามากมายขนาดนี้ได้ ทั้งทะนุถนอมและเอ็นดู เสมือนได้รับความรักจากคนเป็นแฟน

‘พี่นนท์ชอบหนูอ๊อกจริงๆ นะคะ’ คำพูดก่อนหน้านี้ดังขึ้นมาในโสตประสาท ไอ้เราก็รีบเอามืออุดปาก กลั้นเสียงกรีดร้องด้วยความดีใจ

“ปิดปากทำไมคะ คลื่นไส้เหรอ ?” พี่นนท์จ้องหน้าผมผ่านบานกระจก ฝ่ามือบีบลงที่ลาดไหล่เบาๆ สีหน้าพลอยไม่สู้ดีเพราะเป็นห่วงเป็นใยอีกตามเคย “หรือหนูแพ้ท้องลูกของเราคะ”

“พี่นนท์ !” ผมถึงกับลดมือลงและตะโกนลั่นห้อง ใบหน้าแดงจัดกับคำที่ได้ยิน

“ฮ่าๆ แหย่เล่นค่ะ ก็เห็นหนูปิดปากดูเขินพี่ตลอดเวลาเลย ถ้าอยากแพ้ท้องจริงๆ ไว้วันหลังพี่หลั่งในในตัวหนูดีไหมคะ ?” เขายิ้มกรุ้มกริ่ม

ไรขนอ่อนของผมขนลุกวาบในทันใด นึกว่าตัวเองอยู่ในนิยายหมวด ‘Mpreg’ ที่ผู้ชายตั้งท้องได้ ทว่าพี่นนท์ก็แค่แกล้งเราเสมือนหยอกเย้าหญิงสาวคนหนึ่งก็เท่านั้น ช่างน่าอายที่ใช้มุกสัปดนอย่างไม่เขิน ผมเลยเริ่มไม่มั่นใจว่าพี่นนท์เป็นผู้ชายประเภทไหนกันแน่ เดี๋ยวก็อบอุ่น เดี๋ยวก็น่ากลัวชวนไม่กล้าเข้าใกล้ ตอนนี้ยังเป็นหนุ่มขี้เล่นหื่นกามอีกต่างหาก ชักจะตามอารมณ์ไม่ค่อยทัน

“ผมไม่ใช่ผู้หญิง”

“เป็นไม่เป็น ก็ถือว่าเป็นของของพี่อยู่ดีค่ะ” อีกฝ่ายสวมกอดร่างของผมเอาไว้ ซุกใบหน้าอยู่ข้างบ่าเล็ก ปลายจมูกโด่งรั้นคลอเคลียอยู่ใกล้เรียวคอระหง พลางสูมดมกลิ่นกายหอมฟุ้งที่เพิ่งอาบน้ำมาหมาดๆ

“ผมไม่ใช่สิ่งของ” ผมแย้ง

“งั้นหนูอยากเป็นไรดีคะ ?” ปลายนิ้วชี้ดันปลายคางให้หันหน้ามาทางเขา อีกฝ่ายยังคงยิ้มหยอกล้อ รอรับฟังคำบางคำ ดูก็รู้ว่าอยากให้ตอบเอาใจตน

ผมไม่ยินดีที่จะทำตาม “อยากเป็นกะหรี่ไง” เลยเอ่ยปากกลับไป เรียกใบหน้าถมึงตึงไม่พอใจตอบกลับมา

พี่นนท์ผละใบหน้าออกห่าง คิ้วขมวดแทบจะผูกเป็นโบว์ห่อของขวัญกันได้ ไม่รู้หัวคิ้วจะชนชิดกันไปไหน แววตาดุมากแม่ จ้องเหมือนจะกินเลือดกินเนื้อ เกิดไม่รีบแก้ต่างต้องถูกทำร้ายร่างกายอย่างแน่นอน

ฉากจำเลยรักจะมาใช่ไหมครับ ? ลังเลมากแม่ ถามว่าอยากลองไหม อืม ก็อยากอยู่ แต่เพื่อชีวิตคงต้องงดไว้ก่อน ถ้าโดนจัดหนักวันนี้อีกคงช้ำเลือดตายกันพอดี พ่อคนดีก็ดูพร้อมจะกลืนกินตั้งแต่หัวจรดหาง ทำให้อยากร้องเพลงการละเล่นพ่องูเอ๋ย

“ก็เพราะตอนเด็กชอบเล่นขายของ” ผมก้มๆ มองๆ อยากจะสบตาก็เห็นแววตาเขียวปั๊ดไม่สบอารมณ์ ใจแม่งหายแวบทำให้ไม่กล้าสู้หน้า ประสานมือจิกเล็บเล่นกันไปมา

“มันเกี่ยวไรกับตอนเด็กชอบเล่นขายของคะ หืม ? พี่ว่าหนูเลิกยั่วโมโหพี่ดีกว่าค่ะ” พี่นนท์เอ็ดใหญ่ เสียงดูไม่พอใจเป็นอย่างมาก จนตัวผมไม่มั่นใจกับสิ่งที่จะพูดนับต่อจากนี้

ฮือ ลองเล่นมุกดูก่อนได้ไหม คุณพี่โปรดใจเย็นลงก่อนเถิด

“ก็เพราะตอนเด็กชอบเล่นขายของนี่แหละ” ผมลองใจกล้าฮึกเหิม จ้องประจันหน้ากับชายฉกรรจ์ที่พร้อมจะฉุนเฉียว “โตมาก็เลยยิ่งชอบ” ส่งน้ำเสียงยั่วยวนเหมือนเด็กร่านสวาท

แฟนก็ยังไม่ทันเป็น หึงหวงออกนอกหน้าแบบนี้ได้ยังไงกัน

ทำท่าทีเขินอายเหมือนคนยังไม่ทันโดนพรากพรหมจรรย์ พวงแก้มแดงระเรื่อ ส่งน้ำเสียงหวานล้ำเท่าที่จะทำได้ ยกปลายนิ้วชี้ไปที่อีกฝ่าย “ให้พี่เป็นคนซื้อ” ก่อนที่จะสลับชี้นิ้วมาที่ตัวเอง “ส่วนหนูเป็นคนขาย” แทนคำสรรพนามที่คริสตี้เห็นคงจับทึ้งมาลากตบปากว่าอีกะหรี่ !

การค้าขายประเวณีแลกผลพลอยได้ ลอบขบเม้มริมฝีปากล่างอย่างเอียงอาย ชักจะเขินขึ้นมาดื้อๆ ขณะพูดอีกหนึ่งประโยค

“พี่ซื้อหนูขาย ขายขาดให้พี่คนเดียวไง”

อุบ๊ะ อ่อยมากเวอร์ มุกจีบนี้ใครคิดครับแม่ ? อีอ๊อกนี่ไง จดค่าลิขสิทธิ์ ณ บัดนาว

พอมองพี่นนท์ชัดๆ แววตาพี่แกนิ่งงันไปชั่วขณะ คิ้วที่เคยขมวดค่อยๆ คลายลงทีละนิด เปิดเผยใบหน้าที่เริ่มแดงระเรื่อ เว้นใบหูที่แดงจัดทวีคูณตั้งแต่แรก ฉายชัดถึงความรู้สึกในจิตใจ

ตอนเด็กชอบเล่นขายของ โตมาก็ชอบเล่นขายของ บางทีก็ได้พัน ขยันรับลูกค้าหน่อยก็ห้าหมื่นหกหมื่น

“หนูรู้ไหมคะ ว่าพูดอะไรออกมา”

อะ เอ๊ะ ? แม่ฮะ ทำไมพี่เขามีน้ำเสียงแปลกๆ มันดูแหบพร่าพิกลๆ ยื่นมือกะจะหยิบขวดน้ำเปล่ารินให้เขาดื่ม เผื่อเกิดอาการคอแห้ง ข้อมือกลับถูกกักเอาไว้แทน ทำเอาคนโดนสะดุ้งโหยง ใบหน้าที่หันเหความสนใจไปทางอื่นเลยต้องหันกลับมามอง ร่างทั้งร่างถูกช้อนตัวขึ้นจนตัวลอย มือเท้าจิกเกร็งอย่างหวาดผวา สักพักแผ่นหลังก็สัมผัสได้ถึงความนุ่มหยุ่นบนเตียงนอน

ร่างของพี่นนท์ขึ้นคร่อมทาบทับ ฝ่ามือยันอยู่ข้างลาดไหล่ ริมฝีปากของเขาคล้ายจะขยับ

ปากของผมดันไวกว่า “ไม่เอา เจ็บ ไม่ไหวแล้ว ทำอีกตายแน่ๆ” น้ำในร่างก็ไม่มีให้ขับออกมาแล้ว ช่องทางด้านหลังก็ปวดระบมชอกช้ำเต็มไปหมด กระหน่ำซะจนช่องทางฉีกขาด เลือดไหลด้วย ผมเห็นที่พื้นตอนเรามีอะไรกัน มันมีหยดเลือดแต่งแต้มที่พื้นบริเวณบางจุด

ถูกพรากพรหมจรรย์ ไร้สิ้นความบริสุทธิ์ แบบนี้ต้องเรียกร้องขอความรับผิดชอบ พรุ่งนี้เช้าคงเดินอ้าขาผิดปกติ “เอาไว้วันหลังได้ไหม” รีบยื่นข้อเสนอโดยไว ตอนนี้เหนื่อยล้าจนอยากนอนจะเต็มกลืน

“งั้นพรุ่งนี้แทน” พี่นนท์แสยะยิ้มร้าย ปลายนิ้วมือเคลื่อนมาสัมผัสที่แก้มนุ่ม ไม่วายหยิกแก้มลงเบาๆ

“พรุ่งนี้เช้าจะเสิรฟ์นมให้ทานรองท้องก่อนมื้อเช้าเลยคอยดู”

ว้าว อบอุ่นมากฮะพ่อ น่ารักโคตรๆ ดื่มนมเขาว่าโตไวๆ อ๊อกอยากได้นมอุ่นๆ ใส่น้ำผึ้งหวานๆ

แต่นมพี่คงต้องขุ่นแน่ๆ เลย ฉะนั้นอ๊อกขอส่ายหน้าปัดแล้งน้ำใจ

“ไม่เอานม”

“งั้นหนูจะเอาไรคะ ?”

“อยากเอาข้าวต้ม กับยาบรรเทาแก้ปวด” ผมชี้แจง หวังให้หลุดพ้นความคิดหยาบโลนที่พี่เขายื่นให้

“ไม่ได้ ทานอาหารรองท้องก่อนสิ” พี่นนท์ไม่ยอมแพ้ ไอ้เราก็แปลกใจมาก ข้าวต้มถือว่าเป็นอาหารมื้อเช้าที่ดี ทำไมพี่ยังจะยัดเยียดให้ทานอยากอื่นเพิ่มเติม

“เอากล้วยไหมคะ กล้วยมีประโยชน์สรรพคุณเยอะมากเลยนะคะ”

ยัดเยียดเก่งมากค่ะ ! กล้วยไหนไม่ทราบ กล้วยน้ำว้าเหรอ ? ที่เห็นผ่านตามาก่อนหน้านี้ แม่งคือกล้วยงาช้างชัดๆ !

“ไม่ชอบกินกล้วย” ผมยังคงปฏิเสธข้อเสนอ หน้าก็พลอยเจื่อน

กลัวมากครับ กลัวได้กินกล้วยเสิร์ฟพร้อมกับนมอุ่นๆ

“ไหวตัวเก่งจังเลยนะคะ” พี่นนท์หลุดขำ ส่ายหน้าเต็มเปี่ยมไปด้วยรอยยิ้ม ล้มตัวลงนอนข้างๆ ผม เรียวแขนแกร่งพาดอยู่ที่ขอบเอว

ไอ้เราก็พรูลมหายใจอย่างโล่งอก พลันสะดุดกึกกับฝ่ามือที่บีบขย้ำตรงบั้นท้าย

ตอนนี้เสื้อที่สวมใส่อยู่เป็นเสื้อยืดสีดำตัวโคร่งของอีกฝ่าย กางเกงนี่มีแค่ชั้นในตัวเดียวเท่านั้น บ็อกเซอร์ของพี่นนท์ใหญ่เกินจนผมสวมใส่ไม่ได้ วินาทีนี้ก้นของผมจึงโดนบีบนวดเต็มๆ ไม้ เต็มๆ มือ

“ชอบก้นหนูจังเลยค่ะ ใหญ่จนล้นทะลักคามือเลย นิ่มก็นิ่ม เนียนก็เนียน” พี่นนท์มองผมที่หันมาทางเขา ริมฝีปากมีกลิ่นมิ้นท์ยาสีฟัน ดมแล้วชวนสดชื่น แต่ผมกลัวว่าตัวเองจะปากเหม็น เลยเอามือยกขึ้นมาปิดปากขณะเอ่ย

“นอนเถอะ”

“หนูก็นอนสิคะ” พี่นนท์ใช้มือขวาบีบก้นของผมหนักกว่าเดิม เริ่มลูบไล้ไปมาอย่างหยอกเย้า สักพักก็ตีสะโพกผมแรงๆ หนึ่งที เสียงดังเพียะ ! จึงตามมา

“จะ เจ็บ” ผมนิ่วหน้าโอดครวญ แม้ไม่ได้แรงมากจนชอกช้ำ แต่ก็ทำให้รู้สึกคันระคายตรงจุดที่โดนกระทำเป็นพิเศษ

“มันเขี้ยวอะ พี่ขอโทษนะคะ” พี่นนท์ใช้น้ำเสียงอ่อน แววตาดูคึกสนุก ดีดตัวลุกขึ้นนั่ง ก่อนจะโน้มหน้ามาทิศทางที่ไม่ควรก้มลงมา เคลื่อนเข้ามาตรงจุดต่ำของร่างกายผม ริมฝีปากเขากล่าวสัพยอก “มาๆ เดี๋ยวเช็กอาการให้ค่ะ พี่มียาดี”

“ยะ อย่า” ผมดีดตัวลุกขึ้นมานั่งบ้าง จับจ้องพี่นนท์ที่เลิกเสื้อขึ้นสูง เผยให้เห็นชั้นในตัวเก่าของผม กับแก้มก้นที่ขึ้นรอยแดงจางๆ เป็นรูปฝ่ามือขนาดใหญ่ ใบหน้าหล่อเหลาพลันก้มจูบที่บั้นท้ายขาวตรงตำแหน่งที่มีรอยแดง ความอบอุ่นทาบทับแนบหนักฝังลึกจนหลงลืมความระคายเคืองก่อนหน้านี้จนหมดสิ้น

ผมไม่รู้ว่ายาที่ว่ามันใช้ได้ผลจริงไหม แต่สิ่งที่พี่นนท์ทำอยู่นี้ มากพอที่จะทำให้หัวใจผมสั่นไหว และรู้สึกดีกับสัมผัสอ่อนโยนที่โดนมอบให้ ถึงแม้มันจะคล้ายตบหัวและลูบหลัง กระนั้นก็ยังทำให้รู้สึกตาพร่าชวนยินดี

“เป็นไง ยาพี่ดีไหมคะ ?” พี่นนท์ผงกหัวขึ้นมาจ้องหน้า ฉีกยิ้มกว้างกระตือรือร้น “จะดีกว่านี้ถ้าให้หมอใช้เข็มฉีดยา”

ตัวผมแข็งทื่อ ลมหายใจสะดุด รู้ว่าเข็มของหมอมันไม่ใช่ดั่งที่ว่า น่าจะเป็นของใช้ส่วนตัวจากพี่แกนั่นแหละ

“หนูตัวสั่นอีกแล้ว สั่นแบบนี้คือกลัวหรือสั่นสู้คะ” พี่นนท์หยอกล้อ เห็นผมเม้มปากแน่น พี่แกก็เลยยกมือทั้งสองข้างขึ้นมา ทำท่ายอมแพ้ “โอเคๆ พี่ไม่แกล้งหนูแล้วค่ะ”

คำพูดของพระเอกตามเคย ผมเบี่ยงความสนใจไปทางอื่น ชี้นิ้วไปที่ผ้านวมด้านหลังของพี่นนท์

“อยากได้ผ้าห่ม ผมหนาว” พร้อมแสร้งทำเป็นหดคอลง ตัวสั่นเล็กน้อยกับไอเย็นของแอร์ พี่นนท์เลยยืดแขนไปหยิบ สะบัดผ้านวมสีขาวออกและทิ้งตัวลงนอนด้านข้าง พร้อมกับจับผ้ามาคลุมปกปิดร่างกายผม มอบไออุ่นกลบความหนาว

“ให้ปิดไฟด้วยไหมคะ” คนข้างกายเอ่ยถาม

“อืม” ผมขานรับโดยไม่หันไปมองหน้าเขา กระทั่งฟูกเตียงมีการเคลื่อนไหว แรงน้ำหนักจางหาย ผมเลยผินตาไปทางอีกฝ่าย เห็นเขาเดินไปที่มุมผนังห้องก่อนจะกดปิดไฟ ทัศนียภาพกลายเป็นดำมืด มองอะไรไม่ค่อยจะเห็น

ลมหายใจของผมเผลอกลั้นทันทีที่ฟูกเตียงมีน้ำหนักกดทับลงมา ทั้งลุ้นทั้งกลัวว่าจะเจอบทพิศวาสอะไรอีกไหม เจอในหนังและนิยายบ่อยมาก อยู่สองต่อสอง ปิดไฟปุ๊บ ฉากเยตามเคย

“หนาวไหมคะ ?” เสียงทุ้มขรึมขัดแย้งบรรยากาศที่เงียบงันไปชั่วขณะ

“นิดหน่อย” ผมตอบกลับ

“ให้หรี่แอร์ไหมคะ ?”

“ไม่เป็นไร”

“...”

“...”

“กลัวพี่ไหมคะ”

“ไม่” ไม่น่าถาม

“งั้นพี่ขอกอดได้ไหมคะ ?”

“...”

“...”

“อืม” ผมตอบเสียงแผ่ว ดังพอที่คนข้างกายจะได้ยิน ไม่รู้ว่าพี่นนท์จะมีสีหน้าแบบไหน ก่อนที่ร่างของผมจะถูกรวบเข้าไปกอดแนบชิด สัมผัสได้ถึงเรือนร่างแข็งแกร่งกับเรียวแขนที่พาดลำตัวเอาไว้แน่น มันทั้งอบอุ่นและคุ้มครองภัยอันตราย ลมหายใจของเขาเป่ารดใกล้เคียงลำคอ

ผมไม่ได้สัมผัสอ้อมกอดมาเนิ่นนานแล้ว หลังจากตอนเป็นเด็กก็ไม่ได้สัมผัสความรู้สึกนี้อีกเลย เหมือนเราโตมากขึ้น วิธีการแสดงออกรูปแบบความรักก็แตกต่าง

ผมรีบปราม “กอดอย่างเดียว ห้ามทำอย่างอื่น”

“ตกลงค่ะ” พี่นนท์รีบขานรับ “แค่นั้นก็มากพอ” เขาฝังจมูกลงกับลาดไหล่ของผมทันที ไม่ได้สูดดมกลิ่นกายเหมือนคนหื่นกระหาย

ราวกับเป็นเด็กคนหนึ่งที่อยากได้ไออุ่นจากคนที่รัก

“พอกอดหนูแล้วรู้สึกดีจังเลยค่ะ”

ผมนอนรับฟังคำนั้นนิ่งๆ โดยไม่พูดอะไร พลันหลับตาลงเข้าสู่ห้วงนิทรา

ก่อนนอนยังไม่วายเว้น สวดมนต์อธิษฐานอย่างที่เคยทำเป็นประจำ หวังให้พระเจ้าคุ้มครองพ่อแม่และคนที่ตัวเองรัก หวังให้สุขภาพแข็งแรงอย่าได้เจ็บไข้ได้ป่วย และให้พวกท่านอยู่กับเราไปนานๆ

ขอให้เจอะเจอแต่สิ่งดีๆ เข้ามาในชีวิต เงินทองไหลมาเทมา ประสบความสำเร็จในชีวิต

ขอให้พบเจอแต่ความสุข

รวมไปถึงคนข้างๆ เช่นเดียวกัน

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 22-06-2020 11:38:39 โดย lookpatty15407 »

ออฟไลน์ ❣☾月亮☽❣

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 6774
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +264/-6

ออฟไลน์ ashbyipcet

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 243
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-2
ตายๆ :z3: อกแตกแล้วจ้าแม่หลงเมียอะไรเบอร์นั้นพ่อคู๊ณแต่แทงแรงรัวยับขนาดนี้ออกคริพร้อมโจมตีไวมาด้วยใช่ไหมคะคุณนนท์ขา  :hao7:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ Nilaya

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 1
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
รออ่านมาเนินนานนน :katai3:รักรอค่ะ

ออฟไลน์ lookpatty15407

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 74
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +30/-1
ตอนที่สี่


ผมกำลังนอนอยู่ แต่จู่ๆ ก็เหมือนมีอะไรเลื้อยเข้ามาที่โคนขา เสียงดังซู่ทำให้เปลือกตาที่เคยปิดสนิทต้องลืมตา ร่างพลันแข็งทื่อกับสิ่งที่เห็น ปากอ้าตาค้างกับสิ่งมีชีวิตที่กำลังรัดรอบลำตัว ทั้งมือทั้งเท้าไม่สามารถขยับเขยื้อนได้ตามใจนึก สิ่งที่น่ากลัวในชีวิตนอกจากจำพวกตุ๊กแกก็คงไม่พ้นเจ้างูขนาดใหญ่ บัดนี้หัวมันเลื่อมสีดำเปล่งประกายสีรุ้งเพราะแสงแดดที่อาบไล้ไปตามลำตัว เจ้างูเข้ามาคลอเคลียที่พวงแก้ม ลำตัวของมันเสียดสีที่ท่อนขาของผม ชนเข้ากับกลางลำตัวอย่างจัง และไม่รู้เหตุใดกลับทำให้ผมหลุดร้องครางหวิวออกมาได้ ครั้นดูอีกทีกลับพบว่าร่างของตัวเองนั้นเปล่าเปลือย

เริ่มหายใจไม่ค่อยจะออก ตัวก็สั่นเทา คิดไปคิดมาหรือนี่คือความฝัน พอนึกขึ้นได้ก็พยายามจินตนาการให้ตัวเองดีดดิ้นและขัดขืน ฉับพลันเรียวแขนที่เคยถูกบีบรัดก็คล้ายมีพละกำลังมหาศาล ยื่นมือเข้าไปบีบคองูในทันที

อีหอยหลอด กล้าดียังไงมารัดตัวกูกัน บีบคอแม่งให้ตายคามือเลยอีฉิบหาย ! ไม่ช้านานปากของมันก็อ้าออกกว้าง ตัวที่เคยรัดรอบกะจะบีบให้ตัวผมกระดูกแหลก ยามนี้คลายพันธนาการออก ปากของผมยกยิ้มขึ้นอย่างภาคภูมิใจ บุญหรือบาปก็ช่างหัวแม่ง เสือกมารัดรอบจะแดกหัวกูก่อนเองช่วยไม่ได้ ไม่ทันไรก็ชะงักงันอีกครั้ง มีเสียงดังซู่ดังมาจากด้านหลัง ใบหน้าจึงค่อยๆ หันไปมองอย่างเชื่องช้า เม็ดเหงื่อพาลหลามไหล

อีเหี้ยเจองูอีกตัว !

สิ่งนั้นพุ่งเข้าหา รัดรอบเหมือนงูก่อนหน้านี้ แต่ที่หน้าแปลกใจคือส่วนหัวของงูกำลังเลื่อนลงต่ำ อ้าปากครอบครองลงที่กลางลำตัว ช่างเป็นฝันพิสดารเสียจนอยากไปแต่งเป็นแนวแฟนตาซี

อื้อ แย่แล้วแม่ อีงูจะฉกหรรม ไฉนถึงได้ผงกหัวขึ้นลงมอบความเสียวซ่าน กลับรีดพิษงูจากตัวเราแทน

สติพลันขาวโพลน “อะ อาห์” หลุดร้องและเสียดสีเรียวขาไปมาอย่างลืมตัว เริ่มมึนงงกับภาพเบื้องหน้าที่มืดบอด สัมผัสชื้นแฉะคล้ายมีน้ำปริ่มไหลจากเบื้องล่าง

ผมค่อยๆ ปรือตามองอย่างเชื่องช้า ครั้งนี้รู้ตัวว่าไม่ใช่ฝันแต่อย่างใด ภาพเพดานมันเด่นชัด แสงจากม่านหน้าต่างทางซ้ายมือก็เล็ดลอดมาด้านข้าง มอบความสว่างไสวทำให้เห็นเฟอร์นิเจอร์ภายในห้องเลือนราง มือของผมตอนนี้จิกเกร็งกับผ้าปูที่นอนจนยับยู่ยี่ไปหมด ใบหน้าก็เหยเก ลำตัวก็บิดเร่าสั่นสะท้าน ก้มหน้าลงต่ำก็เห็นศีรษะของใครคนหนึ่งกำลังจูบซับที่หน้าท้องน้อย ฝ่ามือข้างหนึ่งกำลังรูดรั้งน้องกระเปาะที่แสนน่ารักน่าชัง ตอนนี้มันเปียกหยาดน้ำลายจนรู้สึกได้

พี่นนท์คงไม่เห็นว่าผมตื่นนอนแล้ว ริมฝีปากของเขาเลยเลื่อนลงต่ำ มอบความอุ่นร้อนที่กลางลำตัวผ่านโพรงปากที่แสนอุ่นจัด

“อึก อื้อออ !” ตื่นมาก็โดนอีกหน ร่ำร้องอีกครั้งเหมือนคนร่ำไห้ ขืนเป็นนิยายไม่รู้ว่าต้องตัดฉากเอ็นซีอีกสักกี่เที่ยว กริ่งเกรงว่าคนอ่านอาจจะเบื่อหน่าย ทว่าชีวิตจริงยามนี้กลับมีคนที่แสนหื่นกามมอบอิริยาบถยิ่งกว่าฝันหวาน

เป็นงงมากครับ เคยแค่ฝันเปียกและตื่นมามีน้ำเปรอะเปื้อนตรงเป้ากางเกง แต่ไม่เคยตื่นมาและเจอะเจอกับคนทำให้ตั้งแต่ตื่นนอน รู้สึกดีเกินจนต้องยกมือไปจิกทึ้งเส้นผมดำขลับ

อูยยยย เสียวจ้า

“อ๊า” ปรอยตาหวานฉ่ำเหมือนมดแดงพร้อมจะรุมแดกให้เป็นโรคเบาหวาน เห็นเรียวตาสีนิลของพี่นนท์ที่กวาดมองไปทั่วใบหน้า อีกฝ่ายไม่หยุดการกระทำใดๆ ทั้งสิ้น กลับเร่งจังหวะรัวแรงเรียกเสียงครางดังระงม

ใช้ปากเก่งมากฮะ ไปฝึกฝนมาที่ไหนกัน “อื้อ !” ครางอีกแล้ว “ยะ อย่า” ปากก็ร้องห้ามไปพลาง ประหนึ่งเป็นนายเอกดัดจริตที่การกระทำและความต้องการขัดแย้งกับขั้วหัวใจ

จ๊วบ ! เสียงดูดดุนที่ปลายหัว เล่นเอาผมแอ่นตัวลอยพร้อมจะปลดปล่อย ตอนนี้ปากของพี่นนท์ไม่ได้แตะต้องอีกต่อไปแล้ว เปลี่ยนเป็นฝ่ามือที่ชักรูดขึ้นลงแทน หรือศัพท์ทั่วๆ ไปที่ไม่ได้ใช้กับนวนิยาย สิ่งนั้นนั่นก็คือการ ‘ชักว่าว’ นั่นแหละ

“อาห์” ไม่รู้ว่าว่าวแบบไหนนะครับ แล้วแต่ดุลพินิจ แต่ดูท่าน่าจะเป็นว่าวที่ลอยไปกระทบกับก้อนเมฆ โบกสะบัดไปกับสายลมที่พัดผ่าน เด็กที่มีพ่อแม่ชวนเล่นว่าวคอยถือเชือกสีขาวให้ จู่ๆ มือไม้ก็พลันอ่อนปวกเปียก เชือกที่เคยยึดมั่นเลยปลดปล่อย นำพาให้สิ่งที่ไร้น้ำหนักลอยเอื่อยไปกับสายลม หรืออาจจะเป็นลูกโป่งแก๊สที่บรรจุอยู่ ถูกแรงดันบีบอากาศจนเกิดเสียงแตกดังโพละ !

ผละ ๆ ! เกิดการแตกหัก กลางลำตัวปลดปล่อยน้ำขุ่นจาง พุ่งเลอะเสื้อผ้าบริเวณอก คนเล่นว่าวหาได้ยี่หระใดๆ ทั้งสิ้น ทั้งที่ปล่อยน้ำเต็มมือตน ใบหน้าแต่งแต้มรอยยิ้มดีอกดีใจออกนอกหน้า คลานเข้ามาปีนไต่บนเตียงนอน ทาบทับร่างกายผมที่นอนหอบระทวย

เมื่อวานก็หอบไปที ตื่นเช้ามาก็ยังหอบอีก อัตราการเต้นหัวใจไม่ตรงจังหวะ ใจมันเต้นมันเต้นเป็นจังหวะรัก เพลงบี้เดอะสตาร์ลอยมาเลย...

“อรุณสวัสดิ์ค่ะ” ยิ้มเรี่ยราดเหมือนหมาฉี่แตก พี่นนท์มองใบหน้าของผม ใช้แววตาชักชวนให้หลงใหลและรีบโน้มหน้ามาจูบดังจุ๊บแรงๆ ทีหนึ่ง เอ่ยปากถามไถ่ “รู้สึกดีไหมคะ ?”

ผมลอบกลืนน้ำลาย ก่อนจะขานรับในลำคอ “อึก ! อืม” ความงัวเงียหายไปจนหมดสิ้น เสมือนแดกกาแฟแก้วหนึ่งแล้วตาเบิกโพลงพร้อมที่จะฝ่าฟันกับเช้าอันสดใส ร่างกายก็โล่งปลอดโปร่งคลายความเมื่อยล้า กลับค้นพบสิ่งบางอย่างที่ทิ่มแทงบริเวณแถวหน้าท้องน้อย

กล่าวกันว่ากระปู๋ผู้ชายชอบตื่นตัวตอนตื่นนอน เป็นการกระตุ้นหรือการบ่งบอกถึงการอยากขับของเสีย

เสียจริง เสียซะจนอยากเติมวอแหวนเข้าไปอีกตัว กลายเป็น ‘เสียว’

“หิวไหมคะ วันนี้พี่ทำข้าวต้มให้เราทานด้วยนะ” ปากบอกขณะที่ปลายนิ้วเรียวยาวที่ไม่ใช่แม่นาคพระโขนงยื่นมาลูบไล้ที่แก้มนิ่ม นึกเอ็นดูซะจนคนใต้ร่างไม่ไหวจะดูเอ็น

จดจำได้อย่างแม่นยำว่าเมื่อคืนนี้อีกฝ่ายตั้งปณิธานเอาไว้ว่าอย่างไร

กล้วยกับนม…

ฮือออ พร้อมเสริฟ์แล้วสินะครับ อีอ๊อกคนนี้พยายามทำหน้าซื่อไม่รู้เรื่องรู้ราว อยากจะขยับปากพูดแต่ยังไม่ทันได้แปรงฟัน แตกต่างจากพี่นนท์ที่คงอาบน้ำอาบท่ามาเรียบร้อย อยู่ในชุดเสื้อกล้ามสีดำ บริเวณส่วนเว้าของแขนเสื้อยาวมาถึงช่วงเอวสอบ ทำให้เห็นผิวเนียนและกล้ามเนื้อจากด้านข้างรำไร ผมเลยจับคอเสื้อของตนเองขึ้นมาปิดปลายจมูก ส่งเสียงอู้อี้งัวเงียใต้เสื้อผ้า แตกต่างจากนิยายที่ตื่นมาคุยกันโดยไม่เหม็นขี้ฟัน

“ขอบคุณครับ” ขอบคุณสำหรับอาหารมื้อเช้าด้วย

“งั้นเดี๋ยวไว้ค่อยไปทานด้วยกันนะคะ”

“...” เผลอเงียบในบันดล ฟังแค่นี้ก็รู้เลยว่าจะได้แดกอะไรตั้งแต่ตื่น

พี่นนท์ขยับร่างกายเล็กน้อย ลำตัวเคลื่อนลงจนใบหน้าคมสันที่โน้มเข้ามาเฉียดปลายจมูกโด่งรั้น คนเบื้องบนจูบปากผ่านเสื้อผ้าที่ถูกคั่นกลาง ส่งน้ำเสียงกระเส่าชวนใจแตกพลางออดอ้อน “ช่วยพี่หน่อยได้ไหมคะ ?”

“...”

“นะคะ ตอนนี้อยากมากเลยค่ะ” เขาอ้อนพร้อมทำหน้าเศร้าเหมือนแมวน้อยที่ชอบออเซาะ เกิดน้ำหล่อเลี้ยงที่ดวงตาวาววับ เพิ่มพูนให้คนมองต้องเห็นอกเห็นใจ

เห็นใจกูนี่อีดอก ! เจ็บจนไม่ไหวจะลุกแล้ว !

“เจ็บก้นอยู่” ผมพูดออกไปอย่างไม่อิดออด หวังให้เขาเข้าใจเรา

พี่นนท์ริมฝีปากเผยอ หรี่ตามองที่ล้วนเต็มไปด้วยเสน่หา น้ำเสียงก็แผ่วเบา เซ็กซี่เหมือนอุปป้าเกาหลีมากระซิบข้างกกหู “ใช้ปากแทนก็ได้ค่ะ”

ทว่าไม่เพียงพอเท่านั้นยังใช้ปลายนิ้วชี้เกี่ยวคอเสื้อของผมที่ปิดปากอยู่เลื่อนลงต่ำ เผยใบหน้าเรียวที่ขบเม้มริมฝีปากล่างแน่น

เอ็นซีจะมาอีกแล้วใช่ไหมแม่ ขี้ตาก็ไม่ทันล้าง กี่ท่วงท่าที่เราต้องรับชมในวันนี้ กะจะกลับบ้านไปแต่งนิยายหลังผ่านพ้นการค้าประเวณี คิดไปคิดมาน่าจะไปตรวจเลือดแทนดีกว่า

พี่นนท์ยังคงใช้น้ำเสียงออดอ้อน ไม่ว่าผู้หญิงคนไหนที่ได้ยินก็ต้องใจสั่น

“นะคะ” เริ่มชักอยากจะเป็นลม ดาเมจอะไรจะรุนแรงขนาดนี้วะ แถมทำคิ้วขมวดเหมือนเด็กหงอยขัดแย้งกับใบหน้าดุดัน

ผมอิดออดอยู่นานมาตกม้าตายก็ตอนดาเมจที่สาม

“นะคะหนู” หนูตัวใหญ่มากค่ะ ย้ำน้ำเสียงกระเซ้าเล่นเอาคนฟังอยากร้องฮือเหมือนเด็กน่ารำคาญ รีบกัดปากแน่น ผงกหัวยินยอมที่จะทำให้คนตรงหน้า อีกฝ่ายฉายแววตาเป็นประกาย ฉีกยิ้มกว้างมีความสุขเหลือหลาย “พี่ว่าแล้ว...หนูต้องใจดี”

ดีค่ะ ดีออก อ้อนหนักขนาดนี้ อีอ๊อกปฏิเสธได้มั้งพ่อ ยัดเยียดเก่งมาก สรรหาเวลาอยากยัดคว-เข้ามาในปาก หื่นจัดอะไรขนาดนั้นครับ ตื่นมาใช้ชีวิตกับการแดกยาปลุกเซ็กส์หรือไงกัน

แววตาสั่นระริก มองพี่นนท์ที่พลิกตำแหน่ง หัวเข่าทั้งสองข้างที่เคยวางอยู่ใกล้ลำตัวของผม วินาทีนี้เปลี่ยนเป็นกระเถิบขึ้นไปพิงพนักเหนือหัวเหล็กเตียง กึ่งนั่งกึ่งนอนโดยมีหมอนรองหลัง เอียงใบหน้ามองผมที่ค่อยๆ ลุกขึ้นนั่งคุกเข่าอยู่บนที่นอน พลางกำไม้กำมือแน่นและหลุบสายตาลงต่ำ พินิจตรงกางเกงวอร์มสีเทาของชายหนุ่ม มีสิ่งบางอย่างตื่นตัวจนเห็นเป็นรูปเป็นร่าง

พี่นนท์ไม่ได้สวมใส่กางเกงชั้นใน…

สิ่งนั้นมันชี้จนแทบอยากจะออกมาเผชิญโลกภายนอกได้ ปืนในที่ลับชี้สู้หน้า

พกปืนมาด้วยเหรอ อ๊ะ พกปืนมาด้วยเหรอเนี่ย ~

“หนูเริ่มได้เลยค่ะ” เขาสั่งเผด็จการเหมือนลุงแก่ๆ คนหนึ่งที่ยังไม่ลงจากตำแหน่ง แอบแตกต่างพอสมควรที่พี่นนท์การกระทำชัดเจนดีและไม่ได้มีดีแค่พูดจา หนังหน้าไม่ได้ด้านเหมือนหนังตีน แต่เอวพี่แกเนี่ยสิดีซะจนคนต้องร้องไห้เหมือนควายออกลูก กระแทกกระทั้นแต่ละทีแม้แต่ลิงบาบูนยังต้องยกมือขึ้นไหว้กราบพนม

เมื่อวานจัดหนักจัดเต็มเหมือนสุนัขไม่เคยมีเพศสัมพันธ์ระคนติดสัด สร่างเมามาก็ดูไม่แตกต่างจากเมื่อคืนนี้ ปากหวานก็เก่งอีก

เก่งมากค่ะ

 เย็-เก่งมากอีเหี้ย !

“อึก” มือสั่นเหมือนคนไม่ได้แดกข้าวตั้งแต่ตื่น ลืมตามาก็ไร้เรี่ยวแรงแต่เสือกต้องมาออกกำลังกายในยามเช้า นอกจากใช้ร่างกายยังต้องใช้ปากอีกต่างหาก

คลานเข่าเข้าไปใกล้อีกนิด ท่าทีเอียงอายเงยหน้ามองคนที่แลบลิ้นเลียริมฝีปาก เขาบริหารเสน่ห์ได้ดีชะมัดยาด รู้ว่าผมพ่ายแพ้อะไรก็รีบทำอย่างไม่อิดออด

พี่นนท์จับชายเสื้อตัวเองขึ้น อวดกล้ามหน้าท้องเป็นมัดๆ หากสมมุติเราเกิดเป็นหมายังคงต้องอยากแลบลิ้นออกไปเลีย แต่ไม่พอเท่านั้น...อีกฝ่ายยังใช้ซี่ฟันกัดชายเสื้อกล้ามของตนเองให้ลอยขึ้น

คำว่าผัวลอยมาแต่ไกล...

ผมค่อยๆ ยื่นมือออกไปจับ  ใบหน้าก็โน้มลงต่ำ กลืนน้ำลายดังอึกพร้อมกับปลายนิ้วที่เกี่ยวขอบกางเกงวอร์มของคนตรงหน้า เริ่มจัดการร่นกางเกงลงทีละนิด ตาก็มองรอยสักที่แสนดึงดูดไปด้วย ปลายกระบอกมันหายลับเข้าไปในกางเกง ทันทีที่ดึงลงมาก็เห็นชัดอย่างละเอียด เห็นทั้งปืนเห็นทั้งขน เห็นปุ๊บก็มาเห็นโคนต่อ เชื่องช้าลุ้นระทึกเหมือนดูหนังระทึกขวัญ สิ้นสุดถึงขนาดความยาวก็ดีดผงาด ตีชนเข้าที่ปลายคางของผมเสียดังปึก ขยับใบหน้าเล็กน้อยและเพ่งดู ปลายหัวองคชาติแตะริมฝีปากตัวเองพอดี ดูเหมือนจะจูบหรรมทักทายกล่าวอรุณสวัสดิ์

แหม หวัดดีจ้า เจอกันไม่นานมานี้ คุ้นหน้าคุ้นตาจังเลยนะฮะ ดูท่าจะใหญ่ขึ้นด้วยปะจ๊ะ เส้นเลือดเครียดตึงอยู่รอบท่อนลำ ปลายยอดไม่ได้มีหนังหุ้มใดๆ ทั้งนั้น ดูอนามัยให้น่าอภิรมย์ใจ กลุ่มขนก็แต่งแต้มเหมาะเจาะกับขนาดความใหญ่ยาว ราวกับเห็นภาพป่าไม้รกทึบและมีรูปปั้นปลัดขิกตั้งตระหง่าน อยากเชิญชวนชาวต่างชาติมาพบเห็นความพิสดารและแปลกใหม่ คอยอ้าปากค้างเติ่งเป็นรูปตัวโอ

ว้าว อะเมซิ่งไทยแลนส์ เริ่มสู่กางละเล่นเครื่องดนตรีไทย มีการเป่าขลุ่ยเกิดขึ้น แรกเริ่มด้วยการแตะปาก หลังจากนั้นก็ค่อยๆ อ้าปากอมที่ส่วนหัว ดูไปดูมาเหมือนจะเล่นไม่ค่อยเป็น เลยแดกแม่งทั้งขลุ่ยเลย จากหัวก็มายังลำท่อน ลากไปตามความยาวจนปลายยอดมันล้วงลึกไปถึงคอหอย จุกเสียจนน้ำตาคลอ ผมหวังจะคลายปากออกจากสิ่งนั้น กลับถูกกดหัวให้ลงลึกมากยิ่งขึ้น

“อ๊อก !” สมดั่งชื่อ หลุดร้องจนมีเสียงดัง สักพักก็ดังอ๊อกๆ เหมือนคนสำลัก หยาดน้ำลายบูดไหลอาบรอบท่อนลำ การละเล่นของขลุ่ยช่างไพเราะเพราะพริ้ง เรียกนางยักษ์นางเงือกให้มาเหลียวแล

“ซี๊ดดดดด” เสียงสูดปากดังมาจากเบื้องบน หาได้ดังมาจากฟากฟ้า บรรยายให้ละเอียดจะได้เห็นภาพที่คล้ายวกวน เพราะคนเราขยันดราม่าจิกกัดกันเก่ง ฉะนั้นต้องไหวตัวให้ทันเวลา ขลุ่ยยามนี้แม้ไม่ได้มีเสียงโดเรมี แต่ก็มีเสียงสูงบ้าง ต่ำบ้างในบางจังหวะที่เล็ดลอดในลำคอ

อ๊อกเสียงต่ำบ้าง อ๊อกเสียงสูงบ้าง ขยับปากเป่าขลุ่ยไวหน่อยก็เป็นเสียงอ๊อกๆ

โดเรมี โดเรมีซอลลา ~ หนูขอเวลาสักสามนาที ไม่ต้องชมว่าหนูเสียงดี พอจบเพลงนี้อย่าเพิ่งหนีก็แล้วกัน “อุก อื้อออ” พอเพลงมาปากก็อ้าเสียงก็ “อ๊อก !” ไม่หยุดร้องหรอกนอกจากหลับเท่านั้น ชาวบ้านชาวช่องเขาคงชอบกันทั่ว พยายามปีนรั้วเข้ามาฟังทุกวัน

บางคนก็ถืออีโต้มาด้วย เขาคงมาช่วยเคาะจังหวะมันส์ๆ ~

ปึกๆ

หนูร้องดีไม่มีเสียงตก เขาเลยทุ่มครกมาเป็นของกำนัล

“อ๊อกๆ อึก แหวะ”

ปึกๆ เสียงหรรมกระแทกเข้ามาในโพรงปาก เหมาะเจาะกับเสียงเพลงในหัวที่ดังเป็นท่วงทำนอง

อีเหี้ยเอ้ย เพลงประจำตัวเหมาะกับสถานการณ์ในยามนี้เฉย ถูกกดหัวจนหน้าแดงตัวแดงไปหมด ตาโตและหลับตาลงปี๋ ขับไล่หยาดน้ำตาที่เอ่อคลอจนล้นทะลัก ก่อนจะถูกแทรกด้วยน้ำเสียงครางทุ้มในลำคอ ริมฝีปากที่กัดฟันดังกรอดจนเห็นสันกรามปูดโปนระงับความเสียว พี่นนท์ยื่นมือมาลูบหัวลูบแก้มของผมอย่างชอบอกชอบใจ

น้ำเสียงแหบพร่าประดุจน้ำค้างที่ไหลหยด มอบความชุ่มชื้นบนอากาศที่แห้งแล้งจนหัวใจคนต้องชุ่มฉ่ำ

ถามว่าเกี่ยวไหม

ไม่...

แต่กูจะเปรียบเปรยให้มันเกี่ยว

“หนูคะ”

“อึก” ยังคงโดนกดหัว ส่วนอีคนช่างพูดยังคงใช้น้ำเสียงปนกระเส่า

“มองหน้าพี่ด้วยสิคะ” พี่นนท์เอ่ยปาก

อีอ๊อกอยากจะน้ำตาไหลอาบแก้มค่ะแม่ อยากเรียกบิดามารดายายญาติติโกโหติกา อาม่าอากงมาเป็นสักขีพยานในความขื่นขม ปากอ้าตาโตสำลักแล้วสำลักเล่า หน้าแดงคิ้วแน่นคอยขมวด ยันฝ่ามือที่หน้าขาของคนตรงหน้าอย่างไม่เป็นสุข ซ้ำยังถูกความคิดกักขฬะให้เงยหน้าขึ้นไปสบตา คาดหวังจะเห็นสีหน้ายั่วยวนชวนฝันหวาน หารู้ไม่ว่าชีวิตจริงช่างขวัญผวา แตกต่างจากเอวีและนิยายคัทซีนทั้งหลายแหล่

บทพรรณนากล่าวเอาไว้ว่า ‘ชายหนุ่มพินิศมองใบหน้าสะสวย จับจ้องเรือนร่างอรชรที่ขาวผุดผาด ริมฝีปากอมชมพูระเรื่อดูดเม้มความเป็นชาย ผงกหัวกลืนกินแท่งเนื้อร้อนอย่างยั่วยวนชวนหลงใหล’

“พี่อยากเห็นใบหน้าที่เซ็กซี่ของหนูค่ะ”

ตามปรารถนา…

เมื่อเป็นเช่นนั้นผมเลยเงยหน้าขึ้นมอง ทำหน้าเซ็กซี่เท่าที่จะทำได้สุดชีวิต ทั้งที่ความเป็นจริงมันเหมือนคนยื่นมือมาบีบคอตาย เส้นเลือดปูดโปนที่ข้างขมับ เลือดมาหล่อเลี้ยงไปทั่วใบหน้าขาว พาลให้นึกถึงมีมที่มีหมาสำลักเศษอาหาร

เป็นไงคะ สวยพอไหมคะพ่อทูนหัว

“...” ใบหน้าของพี่นนท์นิ่งทันทีที่เห็นภาพฝันสลาย ประจวบเหมาะกับถึงจุดมุ่งหมายปลายทางก็พุ่งหยาดหยดเข้าสู่ลำคอเป็นที่สิ้นสุด กระตุกปลดปล่อยจนน้ำบางส่วนหกเลอะผ่านมุมปากและไหลย้อยไปตามปลายคาง ช่างเป็นภาพที่ทำให้สัญชาตญาณดิบของผู้ชายทุกคนล้วนพึงพอใจ

ออฟไลน์ lookpatty15407

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 74
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +30/-1
ทีแรกผมกะจะบ้วนน้ำรักทิ้ง แต่รสหวานที่แตะต้องตรงปลายลิ้น ผนวกกับแววตาที่มองมาเหมือนสื่อบังคับให้ต้องกลืนกิน ท้ายที่สุดก็เลยจำใจกลืนเข้าไปในลำคอ คร่าเหล่าลูกมารผจญที่พุ่งชนไปตามสิ่งภายใน

เอ่ยปากถามไถ่ใส่พี่นนท์ที่เผยอยิ้มกว้าง “ทำไมมันหวานล่ะ” เนื่องจากชีวิตจริงกลิ่นมันจะเหม็นคาวคละคลุ้ง รสชาติมันต้องขมปะแล่มแปลกๆ หน่อย บางคนก็กล่าวเอาไว้ว่ากลิ่นเหมือนคาวปลา ยากเกินจะกลืนกิน แต่ในทางกลับกันของพี่นนท์มันกลับหวานแปลกๆ ไม่ถึงขั้นเลิศรส มีกลิ่นบ้างแต่ไม่ได้ถึงขั้นเหม็นคาวชวนคลื่นไส้

พี่นนท์ตอบกลับพร้อมมุมปากที่ขยับโค้งขึ้น “สงสัยเพราะพี่แอบกินสับปะรดมาค่ะ”

ผมเลยหลุดร้องอ๋อ คลายข้อสงสัยเพราะผลไม้หวานๆ จะทำให้น้ำรักของผู้ชายมีรสชาติที่ดียิ่งขึ้น

ถามว่ารู้ได้ยังไง ? ก็เคยศึกษาข้อมูลมาก่อน...

“ลุกไหวไหมคะ เดี๋ยวพี่พาอุ้มไปอาบน้ำ” เมื่อพี่นนท์ระบายความต้องการเป็นที่เรียบร้อย โหมดคนอบอุ่นก็เข้ามาในอัตโนมัติ ยืดแขนไปหยิบทิชชู่บนโต๊ะข้างตั่งเตียง จากนั้นก็นำมาเช็ดคราบกามที่กลีบปากของผมเบาๆ ซับหยาดน้ำรักที่ไหลลู่ตรงปลายคาง แววตานุ่มนวลแฝงไปด้วยความอบอุ่น ทันทีที่เช็ดให้เสร็จก็เปลี่ยนมาเช็ดที่กลางลำตัวของตนเองบ้าง สะอาดเอี่ยมอ่องก็ห้อยขาลงข้างเตียงนอน เหยียดกายลุกขึ้นยืนที่พื้นห้องและช้อนร่างของผมขึ้นให้แนบอกด้วยเรียวแขนที่แข็งแรง

ผมรีบยื่นมือมาเกี่ยวล้อมรอบลำคออีกฝ่าย เกรงกลัวว่าจะร่วงตกหล่น

พี่นนท์ยังคงพูดจาทะเล้นตามฉบับเขา “ปะ เดี๋ยวพี่พาไปอาบน้ำค่ะ”

ผมรีบขัดทันที “ไม่ต้อง ส่งเข้าห้องน้ำอย่างเดียวพอ” ไม่ไหวจะเจอฉากเอ็นซีอีกต่อไปแล้ว

คนบ้าอะไรกัน ช่างเหมาะเจาะกับศัพท์คำนึงที่เคยขยันใช้ในนิยายเป็นประจำ

อีพวกพระเอกทั้งหลายแหล่ ‘ขยันกระเหี้ยนกระหือรือ’


อาบน้ำเสร็จก็มานั่งทานข้าว เกิดคำถามงุนงงกับชีวิตนี้ ว่าใครเล่าจะไปล่วงรู้ถึงอนาคต เพราะชีวิตคนเราไม่แน่ไม่นอนเลยสักนิด พอโตมาก็ต้องดิ้นรนหาเงินเฉพาะ จากนักเรียนก็เข้าสู่วัยทำงาน จากวัยทำงานก็เข้าสู่การมีครอบครัว จากการเป็นผัวเมียก็สู่การมีลูก พอมีลูกเสร็จสรรพก็ถึงแก่วัยชราภาพ สืบทอดมรดกให้แก่ลูกหลาน สิ้นสุดอายุขัย

เฉกเช่นตอนนี้ จากนักเขียนก็กลายเป็นอีตัวในชั่วข้ามคืน เกิดมิตรภาพเหนียวแน่นระหว่างรูกับหรรมที่อยู่ข้ามฟาก เจ็บสุดตอนโตคงเป็นการมีเพศสัมพันธ์นี่แหละ แต่ถ้าเป็นผู้หญิงก็คงจะเป็นตอนคลอดลูก

เริ่มไม่มั่นใจว่าชีวิตนี้ต้องการอะไรกันแน่…

“หนูคะ”

อ้อ สงสัยอยากมีผัว ได้ยินเสียงปุ๊บก็รีบลดช้อนลงออกจากปาก

“หืม” ขานรับในลำคอ มองพี่นนท์ที่ทำหน้าตามีความสุข

“ทานเสร็จแล้วอยากไปเที่ยวห้างด้วยกันไหมคะ” อีกฝ่ายเอียงคอ มิวายฉีกยิ้มกว้าง

อยากจะโทรหาตำรวจมากครับ เห็นพี่แกยิ้มทุกช่วงเวลา อีหรอบนี้ไม่ยาบ้าก็เมากัญชาแหงๆ

“คือ...วันนี้ผมมีธุระ” จริงๆ ก็ไม่มีหรอก สตรอว์เบอร์รี่ไปงั้น กะจะทานเสร็จแล้วรีบโทรหาคริตตี้ ปานนี้ไม่รู้เป็นตายร้ายดียังไงกัน

ครืดๆ นึกถึงไม่ทันไร มือถือก็สั่นเหมือนหนังละครที่ถูกจัดฉาก หน้าจอเผยรายชื่อเพื่อนสนิทสุดที่รัก

“ใครโทรมาเหรอคะ ?” คนที่อยู่ฝั่งตรงข้ามเอ่ยปากถามอย่างสงสัย จ้องหน้าผมพร้อมเลิกคิ้วขึ้นสูง

“แม่” ร้อนรนตอบกลับไป เอี้ยวกายบนเก้าอี้ กดรับแล้วกรอกเสียงผ่านปลายสาย

“ฮะ ฮัลโหลครับแม่”

[แม่พ่อมึงสิ ! นี่กูเองคริตตี้]

“แม่มีอะไรเหรอครับ”

[มีหลีไงลูก ไม่ได้มีคว- นี่มึงเป็นห่าไรอีอ๊อก เมายากันยุงเหรอ ? อ๋อ ~ รู้ละๆ เมาคว-ผู้ชายล่ะสิท่า ตื่นเช้ามาสับสนจำเพื่อนตัวเองไม่ได้เลย]

“คือตอนนี้ผมไม่สะดวกคุยไง แม่อย่าเพิ่งด่าสิ” ผมรีบแก้ต่าง ต้องเอาหูออกจากมือถือในบางจังหวะ เพราะคำแสลงหูของเพื่อนรักช่างหยาบคายจนทนรับฟังไม่ไหว

[นี่มึงยังอยู่กับผู้อีกเหรอ ?] คริตตี้เป็นฝ่ายถาม

“อะ อืม” ผมขานรับ น้ำเสียงอิดออด เหล่ตามองไปทางพี่นนท์

[ตายจริง ต้องขอประทานโทษด้วยนะคะ คุณเพื่อนไม่รู้จริงๆ ว่าเพื่อนรักอยู่กับผู้ชาย แบบว่าๆ คือเมื่อวานมันจุกคอหอยใช่ไหมคะ อยากรู้มากเลยค่ะว่าเมื่อคืนนี้ถึงพริกถึงขิงขนาดไหน คงอ๊อกๆ โดนกดหัวใช่ไหมคะ] คริตตี้บีบเสียงหวานๆ ใส่ผม วางตัวผู้ลากมากดี ทั้งที่สถุลสกุลรุนชาติ

“แล้วแม่ล่ะ”

[อย่าเสือก]

“อ่าว”

[เอาไว้ค่อยคุย มึงรีบมาเจอกูที่บ้านก่อน]

“เดินไม่ไหวหรอกแม่” แค่คิดก็รู้สึกปวด

[ทำไม ขาถ่างอ๋อ ? หรือว่าโดนเอาจนฟ้าเหลือง ร้ายมาก คืนเดียวจัดหนักจัดเต็มไรขนาดนั้นอะ อดอยากปากแห้งนักสินะ แล้วของผู้ใหญ่มะ ? ไหนเล่ามาสิ อาการขากะเผลกมันเป็นยังไง] คริตตี้รัวคำถามไม่ยั้งชีวิต ทำคนเอาฟังมึนงงไม่รู้จะตอบข้อไหนเป็นอันดับแรก

“ไม่รู้”

[อันนี้ตอแหลละ งั้นมึงนั่งวินมาหากูแทน เดี๋ยวกูจะจ่ายค่ารถให้เอง คุยบ้านมึงคงไม่ค่อยสะดวก เดี๋ยวเจออีพี่เดือนเข้างานงอกพอดี]

พูดแบบนี้แสดงว่ามันกับพี่เดือนต้องมีซัมติงแล้วแน่ๆ...

“โอเค เดี๋ยวผมรีบกลับไป แล้วแม่ล่ะเป็นไงบ้าง” ผมถามด้วยความเป็นห่วง

[อยากรู้เหรอ ?]

“อืม” ผมขานรับ กลัวว่าเพื่อนจะโดนทำมิดีมิร้าย

[สาระแนว่ะ]

“โธ่” ผมรีบเอามือป้องปาก พูดเสียงเบาไม่ให้คนใกล้ตัวได้ยิน “อีดอกทอง”

ตี๊ด ! กดตัดสายทิ้งแม่งเลย ไม่น่าเป็นห่วงตั้งแต่แรก เห็นปากมันด่าฉอดๆ ขนาดนั้นน่าจะรู้ตั้งนานว่ามันยังโอเค

“คุณแม่ว่าไงคะ ?” พี่นนท์ที่นั่งตักข้าวเข้าปากเงียบๆ เห็นคุยจบปุ๊บก็รีบไซ้คำถาม

“แม่ให้รีบกลับ” ผมตอบออกไปโดยไม่สบตา นั่งคนข้าวต้มรอบหนึ่งแล้วช้อนใส่ปาก

“งั้นเดี๋ยวทานเสร็จพี่ขับรถไปส่งค่ะ” พี่นนท์อาสา สักแป๊บก็หลุดร้องอ๋อเหมือนเพิ่งนึกอะไรขึ้นได้ “พี่ขอไลน์หนูได้ไหมคะ”

“...” ผมนิ่ง จ้องเขาตาโต

“หืม ให้ไม่ได้เหรอคะ ?” พี่นนท์ทำหน้าเศร้า คิ้วตก แววตาเหงาหงอย

ใจสั่นมากแม่ ให้สิ ใครจะกล้าไม่ให้ แค่เมื่อคืนนี้ก็ให้ไปทั้งตัวและความบริสุทธิ์ผุดผ่อง มาอีหรอบนี้ใครจะไปกล้าใจแข็ง

คว- ไหม อ๋อ ไม่ใช่ คนละแข็งกัน

“เปล่าครับ เดี๋ยวทานเสร็จผมเอาให้” ใจง่ายเหมือนร่างกาย นั่งหน้าแดงปลั่งกินข้าวไปพลาง กินอะไรเสร็จก็จะยกถ้วยไปล้าง แต่พี่นนท์ดันให้ผมอยู่นิ่งๆ แทน

น้ำตาจะไหล มีผัวดีอะไรก็ดีไปหมด เป็นกะหรี่นี่มันคุ้มค่าจริงๆ

อีกฝ่ายเดินถือถ้วยไปล้างให้กับมือ ไม่เกินสิบนาทีตรวจเช็กไฟในบ้านเสร็จสรรพ เราก็ออกมายืนที่หน้าบ้าน  ผมแอบเหลือบมองผ้าคลุมสีดำที่ปิดทับรถยนต์คันหนึ่งไว้ คาดว่าคงเป็นของรักของหวงของพี่นนท์ เล่นปิดแดดกันฝุ่นดีขนาดนี้

“อยากนั่งมอไซค์เหรอคะ ?” พี่นนท์เห็นผมจ้องอยู่นานหันมาถาม

“เปล่า” ผมปฏิเสธ จ้องคนตัวสูงที่ยืนค้ำหัว เอื้อมมือมาขยี้กลุ่มเส้นผมที่ถูกหวีมาอย่างดี

“อย่า เดี๋ยวผมยุ่ง” อุตส่าห์หวีมาอย่างประณีต ตอนนี้ชี้ฟูไปหมดละ บ้าบอจริงๆ

“เอาไว้วันหลังจะให้นั่งนะคะ ตอนนี้หนูเจ็บก้นอยู่ เดี๋ยวมันจะระบม” พี่นนท์เลื่อนฝ่าลงต่ำมาที่แก้มขาว ปลายนิ้วชี้กับนิ้มโป้งหยิกก้อนเนื้อนิ่มเบาๆ ก่อนที่มือซ้ายของเขาจะมาจับฝ่ามือของผมให้ไปแนบกับเป้ากางเกงตัวเองแทน มิวายเอ่ยสัพยอก “เปลี่ยนมานั่งอะไรนุ่มๆ ดีกว่าค่ะ”

ฮือออ พ่อขา แข็งมากกว่าล่ะสิไม่ว่า… ดุนดันผ่านมือแล้วนะคะ อ๊อกทำตัวไม่ถูก แต่เผลอบีบมันไปทีหนึ่ง

อุ้ย อะไรนุ่มๆ แข็งๆ ไอติมรสใหม่หรือไงกัน

“มะ ไม่ได้ตังใจ” แต่เจตนาล้วนๆ เลยค่ะ

“ฮ่าๆ มาๆ เราไปนั่งรถดีกว่า เบาะนิ่มๆ จะได้ไม่ทำให้หนูปวด” พี่นนท์ไม่ได้ใส่ใจกับสิ่งเหล่านั้น เริ่มทำให้ผมอยากทำจริงๆ จังๆ

“ก็เป็นเพราะใครล่ะ” ผมพูดจาจิกกัด มองอีกคนตาดุ ครั้นเห็นเขายิ้มหวานมาให้ก็รีบเบนหน้าหนี

“ประชดประชันเก่งจังเลยนะคะ” พี่นนท์พูดเสียงเย้าแหย่ จูงมือออกมานอกรั้วบ้าน เปิดประตูรถให้เสร็จสรรพ ผมก็ยัดตัวเองเข้ามานั่ง แต่อีคนตัวโตก็ยังพูดจากำกวมให้ผมเขิน

“เดี๋ยวพี่ก็จัดให้สักดอกบนรถหรอก”

“...” แอร๊ยยยย กำคว-แน่นมากค่ะแม่ เอ้ย ! กำมือแน่นมาก จิกจนปลายเล็บทิ่มไปกับกลางฝ่ามือ พานนิ่งเป็นใบ้กินไม่ยอมตอบโต้ กลัวคำพูดจะกลืนหายเข้าไปในลำคอบนรถยนต์

อ๊อกๆ แค่กๆ ได้แต่หวีดอยู่ในใจครับแม่ ไม่พร้อมจะเป็นใบ้ พลางยกมือขึ้นไหว้สวดมนต์ภาวนา

คว- หนอ ยุบหนอ พักผ่อนบ้างหนอ อย่าได้มาเบียดเบียนรูตูดของใครอีกเลยหนอ

ปึก ! เสียงประตูรถข้างกายอัดกระแทก ก่อนที่พี่นนท์จะเดินอ้อมมานั่งฝั่งคนขับ สตาร์ทรถยนต์ก็จับพวงมาลัยหักเลี้ยวตามทิศทาง ส่วนผมก็นั่งมองเหม่อมองท้องฟ้า บางครั้งก็มีมองคนข้างๆ บ้าง มองไปเรื่อยไม่เว้นแม้กระทั่งมองเป้าคนข้างกาย

เราจะต้องจากกันแล้วใช่ไหมน้องมังกรใหญ่ ฮือ ขอบคุณที่เคยร่วมสุขร่วมทุกข์กันมา

“พี่ติดฟีล์มรถนะ” จู่ๆ พี่นนท์ก็พูดโพล่งขึ้นมาโดยไม่ทันตั้งตัว

ผมเงียบไม่เข้าใจคำพูดของเขา มากระจ่างแจ้งตอนโดนชี้ทางสว่าง

“เห็นหนูมอง เผื่ออยากทำให้พี่บนรถค่ะ”

“...” แดกใบ้เป็นจุดๆ กันเลยทีเดียว ค่อยๆ หันหน้าไปทางกระจกรถข้างกาย ทั้งที่ฝ่ามือกำลังจิกลงกับเบาะ

มันน่านัก เกียร์มันอยู่ไม่สุขนักใช่ไหม อยากจะโยกเกียร์ให้พังทลายตรงกลางทาง ณ ตอนนี้

ได้แต่ฝากไว้ให้คิด เผื่อเก็บไว้ใช้ในนิยายฉากต่อไป…

“เอาไลน์ให้พี่ด้วยสิ เดี๋ยวลืม” พี่นนท์ควานหยิบมือถือตรงช่องเก็บของที่วางทิ้งไว้ยื่นให้ผม

“อ่า” ผมขานรับไม่คิดว่าเขาจะจำได้ กดเข้าไปแอปพลิเคชันไลน์ก็กรอกไอดีเพิ่มเพื่อน ก่อนจะยื่นคืนให้ดังเดิม

เกิดการแลกไลน์แบบนี้ขึ้น อนาคตต้องมีการนัดเยเกิดขึ้นด้วยแน่ๆ…

เรามาตัดบทเหมือนนิยายที่ถูกตัดฉาก ข้ามเวลามาถึงที่ลานจอดรถตรงหน้าปากซอยแถวบ้าน ประหลาดใจยิ่งนัก มาเร็วเหมือนวาร์ปมาตอนอ่าน ขออุทานโอ้โหด้วยความตอแหล รู้เลยนะคะว่าอีนักเขียนขี้เกียจบรรยาย ฉากอยู่บนรถก็นั่งฟังเพลงไปเรื่อย ไม่ได้เห็นอะไรมากมายนอกจากรถที่แน่นขนัด

 ท่าทีลนลานหันไปหาคนข้างกาย “ขอบคุณนะครับที่มาส่ง” ขอบคุณสำหรับกล้วยบวชชีตอนเช้าด้วย อร่อยมั่กๆ

“ยินดีค่ะ :)” พี่นนท์ยิ้มละมุนให้พลอยให้ผมเขินอายกับความหล่อเหลา อยากจะหยิบดินสอมาเหลาบนหน้าของเขากันเลยทีเดียว

ก้าวขาตอนลงจากรถ ขาก็สั่นระริกอ้ากว้างผิดปกติ ต้องพยายามหุบขาลงให้เหมือนคนไม่มีพิรุธทั้งที่เจ็บก้นฉิบหายวายวอด ครั้นพอจะปิดประตูรถ พี่นนท์ก็ตะโกนแทรกเสียก่อน

“หนูคะ”

“คะ ?” ฉิบหาย ถึงกับหลุดคะขาด้วยความเผลอไผล เพราะเริ่มคุ้นชินกับคำพูดคำจาของคนตรงหน้า

“พี่ขอโทษนะคะที่ไม่ได้เดินไปส่งถึงบ้าน” อีกฝ่ายมีสีหน้าหมองเศร้า ไม่รู้จะแสนดีไปไหน

อย่าทำหน้าแบบนั้นสิอ๊อกใจคอไม่ดีเลยนะพ่อทูนหัว เริ่มอยากจะปีนกลับเข้าไปในรถแล้วอ๊อกๆ ให้เป็นการลาจาก

“ไม่เป็นไรครับ” ก็ทำได้แค่คิด เก็บความลามกไว้ใช้กับนวนิยาย

“ไว้เจอกันนะคะ” พี่นนท์ยิ้มตาหยีพลางหัวเราะร่า หัวใจคนมองก็เลยเต้นถี่กระชั้น ช่างเขินอายกับคำหมายมั่นให้สัญญา

“อืม ไว้เจอกันครับ” เจอแบบไหนก็ไม่รู้นะครับคุณพี่ชาย อ๊อกจะต้องทำแท้งรอหนที่สองไหม แบบว่าๆ เราจะเจอกันแบบปกติใช่ไหม ไม่ได้มีการซื้อขายแต่อย่างใด

เอ๊ะ คิดไปคิดมาเหมือนหลงลืมอะไรบางอย่าง…

กว่าจะนึกขึ้นได้รถยนต์ก็เคลื่อนหายออกไปจากระบบสายตา ขณะที่โสเภณีในวันวานยังยืนจังงันหน้าปากซอยแถวบ้าน ดวงตาค่อยๆ เบิกถลน

แม่ ! อ๊อกลืมเอาเงิน ! เฮ้ย อย่างงี้มันเยฟรีๆ ชัดๆ อีคริตตี้ต้องด่าผมแหงๆ ข้อหาถ่อสังขารไปให้ผู้ชายเอาถึงที่ กะหรี่ใจง่ายดันไม่คิดเงินแม้แต่บาทเดียว

กูตายแน่ๆ น้ำตาคลอคลอเบ้า เปลืองเนื้อเปลืองฉิบหาย ไปแบบสวยๆ แต่กลับไม่ได้เงินสักสตางค์ มีแต่คว-ๆ ที่ได้รับตอบกลับมา

คุณหฤษฎิ์นอกจากใจโฉดแล้ว ยังเป็นพวกโจรสวาทพรากพรหมจรรย์อีกต่างหาก ทั้งยังมีข้อหาใหม่เพิ่มพูนเข้ามาอีกด้วย

หลอกฟันกะหรี่ฟรีชัดๆ


กลับมาที่บ้านด้วยสีหน้าหมองเศร้า เสื้อที่ใส่อยู่ก็เป็นของพี่นนท์ซะด้วย กางเกงหลวมก็ต้องเอาเข็มขัดมารัดเอว หนำซ้ำยังต้องเจาะรูเพิ่มมาใหม่ มือก็เต็มไปด้วยถุงเสื้อผ้าและกระเป๋าที่ถูกยืมมา

“กลับมาแล้วเหรอ แม่ทำแกงเขียวหวานไว้อะ ทานไหมจะได้อุ่น”

“เดี๋ยวอ๊อกค่อยกินแม่ เพิ่งทานมาเอง” ผมที่เพิ่งถอดรองเท้าเข้ามาในบ้านเงยหน้าตอบแม่ที่กำลังนั่งอยู่ตรงพื้น

บ้านของเราเป็นบ้านสองชั้น ชั้นแรกค่อนข้างมีข้าวของเยอะพอสมควร มีชั้นรองเท้าวางอยู่ทางขวามือบานประตู เว้นระยะห่างไปหน่อย ซ้ายมือบานประตูก็จะมีตู้ที่ไว้เก็บจานชามกับพวกช้อนส้อมอยู่ชั้นล่าง ชั้นบนก็ไว้เก็บพวกมาม่าที่ซื้อตุนเอาไว้ เหนือสุดของชั้นวางก็จะมีไมโครเวฟวางเด่นหรา ตรงกลางของบ้านก็มีพวกกับข้าวที่ถูกวางไว้ตรงพื้น เนื่องจากบ้านเราไม่ได้มีโต๊ะทานข้าวเหมือนกับคนอื่น ถึงแม้ออกจะลำบากหน่อยในการกิน แต่ก็เริ่มชินกับความเปลี่ยนแปลง

สิ่งภายในค่อนข้างระเกะระกะ ไม่ว่าจะทีวีจอแบนที่เคยซื้อมาแต่ก็ไม่เคยเปิดใช้จนฝุ่นเกาะ ใต้บันไดก็เต็มไปด้วยอุปกรณ์ต่างๆ นานาที่พ่อทิ้งไว้ ไหนจะเก้าอี้นวดไฟฟ้าที่อยู่ตรงข้างมุมผนังบ้าน ถัดไปก็มีขาตั้งเตารีดอีก ขวามือของบ้านก็เป็นประตูเชื่อมที่มีห้องอาบน้ำกับอ่างล้างจาน รวมไปถึงตู้เย็นและเครื่องอบผ้า การจัดระเบียบภายในบ้านค่อนข้างยุ่งเหยิง ชั้นบนก็มีสองห้องนอน มีห้องนอนใหญ่ที่แม่ไว้นอนกับน้องๆ ทั้งสามคน ส่วนห้องเล็กแคบๆ เป็นห้องนอนของผม ยิ่งตอนเที่ยงของวันชั้นสองของบ้านจะร้อนอบอ้าวเป็นพิเศษ เหมือนกับพระเจ้ากำลังมาทดสอบเราให้ตกอยู่ในขุมนรกก็ไม่ปาน อาจเพราะว่าเป็นบ้านไม้ด้วยมั้งเลยไม่ค่อยจะชินเท่าไร แม้จะอาศัยมาเกือบสามปีเต็มๆ

ที่เราต้องย้ายมาอยู่ที่นี่ก็เพราะพ่อแม่ต้องส่งเสียน้องเรียนไม่ให้เดินทางไกลจากบ้านเก่านัก แถมตอนนี้ก็ต้องผ่อนจ่ายค่าบ้านเพราะซื้อมาด้วยการกู้แบงค์ แตกต่างจากบ้านนี้ที่เป็นบ้านเช่าซึ่งเป็นบ้านของญาติสนิท

มันลำบากนะ เรียกว่ามากๆ เลยแหละ พอเศรษฐกิจยิ่งแย่ เงินก็ยิ่งหายาก ข้าวของก็แพงมากขึ้น กลายเป็นพ่อกับแม่เริ่มกดดันจนไม่รู้จะผ่อนแบงค์ยังไงดี ปัญหาครอบครัวเลยถาโถม พ่อเครียดทะเลาะกับแม่ แม่เองก็ไม่ค่อยยอมพ่อ ต่างฝ่ายต่างมีน้ำโหจนต่างคนต่างอยู่ ส่วนพ่อนั้นอาศัยอยู่ที่บ้านเก่าที่ซื้อมานั่นแหละ ตัวแม่เองก็รักษาตัวจากอาการโรคซึมเศร้า ปัจจุบันก็ดีขึ้นเยอะ

ครอบครัวของเราเคยมีเงินผ่อนใช้ธนาคารได้ตลอดทุกเดือน และก็เคยสุขสบายกันมาก่อน จริงๆ มันไม่ได้ถึงขั้นร่ำรวยอะไรเลย แต่ก็พอมีพอกิน

หลายครั้งที่ผมเคยตั้งคำถามกับตัวเองว่าทำไมมันไม่เหมือนแต่ก่อน แต่ก็มองหลายปัจจัยในชีวิต ผมเลยเลือกที่จะมองข้ามและสนใจกับปัจจุบัน มองว่าเป็นตัวเราเองมากกว่าที่ต้องดิ้นรนด้วยอะไรสักอย่าง ไม่ให้ชีวิตมันต้องมาจมปรักอยู่กับที่ เริ่มเรียนต่อเพื่อเอาวุฒิที่ไม่จำเป็นต้องเสียค่าเทอม เลยตัดสินใจที่จะต่อกศน. ใช้เวลาส่วนที่เหลือกับการเขียนนิยายไปพลาง ส่งเรื่องสั้นขายขาดให้สำนักพิมพ์เล็กๆ น้อยๆ

เฮ้อ ปวดหัว ช่างมันเถอะ ไว้ไประบายกับนิยายแทน นักอ่านไม่รู้หรอกว่าข้อเท็จจริงบางเรื่องก็มีส่วนหนึ่งในชีวิตจริงของคนแต่ง

ออฟไลน์ lookpatty15407

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 74
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +30/-1
“อ๊อกไปบ้านคริตตี้นะแม่ เดี๋ยวมา” ผมบอกแม่หลังจากเก็บของที่ห้องตัวเองเป็นที่เรียบร้อย เปลี่ยนเสื้อผ้าให้สบายมากขึ้น โยนเสื้อผ้าตัวเก่าลงตระกร้าที่ต้องเอาไปซัก แผ่นหลังสะพายกระเป๋าโน๊ตบุ๊กเพื่อไปนั่งทำงานที่บ้านคริตตี้

แม่ขานรับนิ่งๆ ผมก็หันหลังเดินออกจากบ้าน ปกติผมเป็นคนไม่ค่อยแสดงออกในด้านความรักกับครอบครัวเท่าไร เน้นการกระทำเป็นปัจจัยหลักหรือการแสดงออกในรูปแบบของตัวเอง

“อ่าว อ๊อกกลับมาแล้วเหรอไปไหนมาเนี่ย” คุณลุงแถวบ้านเอ่ยทัก สนิทสนมรู้จักกันทั้งนั้น

“ไปบ้านเพื่อนครับ” จริงๆ ไปขายหลีแต่ไม่กล้าบอก

“อ่าว หนูอ๊อกเพิ่งจะกลับมาเหรอเนี่ย” ป้าอีกบ้านเอ่ยทัก ญาติกลมเกลียวกันทั้งนั้น

คือไรวะ ทำไมอยากรู้เรื่องนี่กันไปหมด...

“ฮ่าๆ ใช่ครับ” ขานรับมิวายหัวเราะกลบเกลื่อน เริ่มจะคิ้วกระตุกกับสิ่งที่ได้ยิน เดินมาถึงบ้านหลังสุดท้ายที่ตัวเองต้องเลี้ยวเข้าซอย กลับเห็นป้ากุ๊กที่ผมสนิทที่สุดนั่นแหละ แกเดินออกมาจากบ้านพอดี ทันทีที่เห็นผมก็เผยอยิ้มกว้างทำท่าจะซักไซ้

“อ่าว น้องอ๊อกไป...”

ผมไม่รอให้แกพูดจบ “ไปขายหลีมาค๊าาาา” พร้อมโบกมือลาก่อนจะเลี้ยวเข้าซอย

ทางเดินนี้ค่อนข้างแคบ พอจะมีรถมอเตอร์ไซค์คันหนึ่งขับผ่านเข้ามาได้ แต่คนเดินก็ต้องหลบชิดกำแพงพอสมควร

ระหว่างบ้านผมกับคริตตี้ไม่ได้ห่างไกลกันมากนัก ใช้เวลาไม่เกินห้านาทีก็เดินมาถึง ผมผลักบานประตูเหล็กเข้ามา หน้าบ้านของคริตตี้จะมีสวนดอกไม้และพื้นที่โล่งๆ

คริตตี้มันเลี้ยงกระต่ายไว้หน้าบ้านด้วย มีแมวอีกสามสี่ตัว มันค่อยข้างรักสัตว์เป็นพิเศษ แถมยังเลี้ยงกระต่ายมาตั้งแต่สมัยประถม อีกทั้งยังมีบ่อปลาขนาดใหญ่ ถึงแม้จะขึ้นตะไคร้น้ำและปลาก็ตายห่าไปหมดแล้วก็ตามที

ผมกับมันสนิทกันมานานสมัยเรียน แม่ของมันก็สนิทกับผม เธอเคยขายน้ำในโรงเรียน ซึ่งผมกับคริตตี้ก็ช่วยกันขาย

น้ำคือน้ำเปล่า น้ำโกโก้ น้ำเก๊กฮวยทั่วๆ ไป ไม่ใช่ขายน้ำอย่างที่ทุกคนเข้าใจผิดแต่อย่างใด

รู้นะว่าคิดอะไรอะ...

คริตตี้มียายเป็นครูสอนวิชาภาษาไทยชื่อครูรัชดา เอกลักษณ์คือมีไฝอยู่ที่ข้างมุมปากด้านขวา ถึงอย่างนั้นก็ใช่ว่าหลานอย่างคริตตี้รวมไปถึงผมจะตั้งใจเรียนนะ ทุกวันนี้ก็ยังนึกเสียดายที่ไม่ตั้งใจเรียนวิชาที่ตัวเองต้องนำมาใช้ในการประกอบอาชีพ หลงใหลในวงการเขียน พัฒนาฝึกฝนตลอดเวลา คำผิดก็พร้อมจะแก้ไข แต่ก็กลับเป็นถึงนักเขียนที่ไม่สันทัดด้านการแต่งกลอนหรือโครงสี่สุภาพง่ายๆ เลยสักนิด นั่นแหละคือความโง่งมที่ตัวเองมี

สอบผ่านมาได้ยังไงก็ไม่รู้ ทุกวันนี้ก็ยังงงอยู่…

“มาแล้วเหรออีดอก”

“มึงน่ะสิอีดอก” ผมแหงนหน้าด่ามันที่ยืนอยู่หน้าเรือนบ้าน มีขั้นบันไดเล็กๆ สองสามขั้นที่ต้องเดินขึ้นไป

อีคริตตี้มันอยู่ในชุดผ้าขนหนูพันรอบตัว เห็นเนินอกและขี้แมลงวันเล็กๆ ข้างไหปลาร้าขาวๆ มันยืนเท้าสะเอวด้วยฝ่ามือข้างซ้าย ขณะที่มือข้างขวายันกับขอบบานประตู

“โพสต์ท่าถ่ายปกนิตยสารเหรอ ?” ผมเบะปากใส่มัน กลอกตามองตั้งแต่หัวจรดเท้า

“ใช่ นิตยสารคอลั่มนัดเย็-”

“จำได้ว่าไม่มี”

“ก็กูจะให้มี มึงจะเสือกทำไม” มันหันหลังให้ “เข้ามาสิอีกะเทย”

“อีควาย” ผมด่ามันพลางเดินตามหลังเข้ามาในบ้าน ก่อนจะถาม “แม่มึงไปไหนแล้วอะ”

“พาหลานไปหาหมอ” คริตตี้ทิ้งตัวลงนั่งที่พื้นไม้ นั่งขัดสมาธิ จัดผ้าขนหนูให้เข้าที่เข้าทาง “เมื่อวานเป็นไงบ้าง”

“อะไร ?” ผมหันมามองหน้ามัน

“ก็โดนเยไงเป็นไงบ้าง ผู้ชายลวยคูยใหล่หยุ่ยมะ ?” มันพูดไปเป่าผมหน้าพัดลมไป

“ไม่บอก” ผมเลือกที่จะไม่ตอบคำถาม

อีคริตตี้หันมามองหน้าทันที จ้องหน้านิ่งๆ พลางแสยะยิ้มร้าย “ถึงไม่ตอบกูก็รู้อยู่ดี ว่าเรื่องเมื่อคืนมันเกิดอะไรขึ้นบ้าง”

“มึงเป็นเจนญาณทิพย์หรือไง” ผมประชด หน้าเริ่มเห่อร้อนกับเรื่องสิบแปดบวก

“กูว่าเป็นแบบนี้แน่นอน” มันไม่พูดเปล่ายกมือขวาขึ้นจิกทึ้งเส้นผมตัวเองเฉย

ผมงงกับการกระทำของมันมาก จนกระทั่งมันทำตาเหลือก อ้าปากเป็นรูปตัวโอจนแก้มตอบ สีหน้าเหมือนคนสำลัก พร้อมกับขยับศีรษะก้มลงพื้นและแหงนขึ้นอย่างรวดเร็ว ล้อเลียนเสียง

“อ๊อก อ๊อก อ๊อก อ๊อก !”

ผมรีบจับหัวมันและกดโขกกับพื้นบ้านในทันที หลังจากได้ยินคำนั้น อีคริตตี้หัวเราะพยายามดันหัวตัวเองขึ้นจากพื้น แต่ผมก็กลับจับโขกหน้าผากเบาๆ สองสามทีเพื่อเป็นการแกล้งกลับ

“โอ๊ยเจ็บอีดอก เบาๆ หน่อย คึก ฮ่าๆ” มันด่าผมพร้อมกับหัวเราะขำ

“อ๊อก นี่ไงอ๊อก กวนส้นตีน” ผมปล่อยมือออก มองอีคริตตี้ที่สะบัดผมขึ้นให้เรียบแปล้ไปด้านหลัง มันขำจนน้ำลายแทบจะกระเด็นออกจากปาก

“แล้วมึงล่ะ เป็นไงบ้าง หายไปเอากับพี่เดือนตั้งแต่ตอนไหน” ผมถามบ้าง

“ก็ตอนมึงจ้องตากับผู้ชายคนนั้นนั่นแหละ กูก็โดนอีพี่เดือนลากไปพอดี” มันตอบ “แต่อีเหี้ยพี่เดือนนี่แม่งรุนแรงกับกูฉิบหาย เย็-กูอย่างกับหมา แถมยังเอาหมอนกดหน้ากูอีก โรคจิตสัตว์”

“เฮ้ย ทำไมพี่เขาทำแบบนั้น มันอันตรายมากเลยนะ เกิดมึงขาดอากาศหายใจตายขึ้นมาจะทำยังไง” ผมเริ่มร้อนใจโกรธแทนเพื่อน

“กูก็ตอแหลไปงั้น”

“คว-”

“ขอบคุณโดนเต็มๆ เน้นๆ เลยแหละเมื่อคืนนี้” คริตตี้ยิ้มขำ หันมาหยิบหวีสางผมตัวเองแทน “สวยๆ แบบกูน่ะเหรอจะโดนผู้ชายกดหน้าแล้วเย็- ไม่มีทาง ในที่มืดถึงกูจะดูไม่สวยเท่าไหร่ แต่ถ้าไฟสว่างแล้วละก็…”

“สวยสินะ” ผมเสริม

“ก็ไม่สวยเหมือนกัน” มันตบมุกเข้าให้ “กูล้อเล่น กูก็สวยมะ หุ่นดียั่วเยขนาดนี้ สวย สวยมาก สวยที่สุด” มันไล่ปลายนิ้วกรีดกรายไปตามไหปลาร้าของตัวเอง หว่านเสน่ห์หลอกลวงตัวเองต่อหน้าต่อตาผม

“ว่าแต่…” เกิดความอยากรู้ขึ้นมาในจิตใจผม แอบเลียริมฝีปากและกลืนน้ำลายลงคอโดยที่คริตตี้ไม่ทันสังเกต “ของพี่เดือนใหญ่มะ”

แต่ที่แน่ๆ ของพี่นนท์ใหญ่สุดที่เคยพบเจอ หรรมแรกในชีวิตนี้ด้วย

“อยากรู้เหรอ ?” คริตตี้หันขวับมาจ้องหน้า พร้อมหรี่ตามองอย่างมีเลศนัย “มึงเห็นนั่นมะตรงหน้ากระจก” มันชี้นิ้วไปทางมุมผนังบ้านที่มีโต๊ะเครื่องแป้ง

“แป้งแคร์น่ะเหรอ ?” ผมบอกตามที่เห็น

“ใช่ ขนาดความอวบเท่าแป้งแคร์ แต่ถ้าส่วนหัวแล้วละก็…” มันชี้นิ้วไปทางอีกสิ่งที่อยู่ใกล้เท้า “หัวบานตะไทเท่ากับหัวขวดของโรลออลนีเวีย”

“อีเหี้ย !” ถึงกับสบถร้อนลั่น นั่นมันใหญ่มากเลยนะนั่น สูสีกับพี่นนท์สัตว์ๆ “รับเข้าไปได้ยังไงวะ ไม่ฉีกขาดเหรอ ใหญ่ขนาดนั้นอะ เจ็บตายห่า”

“ใช่มะ มึงยังคิดได้” คริตตี้ทำหน้าเห็นพ้อง “แล้วทำไมอีเหี้ยพี่เดือนเสือกคิดไม่ได้”

“กูสงสารมึงว่ะ ไม่น่าทำไมวันนี้มึงเดินขาถ่างเป็นพิเศษ” ผมทำหน้าเศร้า ยกมือขึ้นตบที่ต้นขาของเพื่อนรักเป็นการปลอบใจ

“อย่าว่าแต่กู ตัวมึงเองก็พอกันอีอ๊อก เหอะ อีพี่เดือนแม่งยัดเอาๆ จนกูแทบร้องไห้ แล้วมึงรู้ไหมพอกูร้องแล้วเกิดไรขึ้นบ้าง พี่แกแม่งบอกไม่ชอบเห็นคนร้องไห้เลยเอาหมอนมาบังหน้ากูไว้แทน แต่ก็กระแทกคว-เข้ามาไม่หยุด โธ่ อีสัตว์ ความเงี่ยนงำมันทำคนเราขาดสติจริงๆ แหละ กูบอกว่าอย่านะ อย่าเพิ่งเอาเข้ามา หนูรับไม่ไหวหรอก พี่แกบอกไหวครับ ไหวแน่นอน แต่คนรับมันคือกูปะวะ กูไม่ได้พลิกโพลุกขึ้นไปเย็-เหมือนเขาหนิ แม่งเสือกยัดเข้ามาพรวดเดียวไม่ฟังหลีฟังแตดอะไรเลย” คริตตี้รัวด่าไม่ยั้งชีวิต เหมือนอัดอั้นมานานกับเรื่องเมื่อคืนนี้ เล่าซะจนเห็นภาพ ทำผมรู้สึกว่าตัวเองกำลังอยู่ในเหตุการณ์

“เอาบนเตียงหลังกูก็จะเดาะตายห่าละ ยังมีหน้าให้กูทำท่าหมาโก่งก้นสวยๆ บนพื้นอีก เข่ากูก็แทบจะถลอก แดงจนเจ็บไปหมด กดหลังซะกูเกือบหัก เป็นกะหรี่ครั้งแรกแทนที่จะทะนุถนอมกูเหมือนสาววัยแรกแย้ม นี่เอากูทีจากฟิตกลายเป็นหลวม แถมคำพูดนะมึงโรคจิตสัตว์ๆ แต่แม่งก็ได้อารมณ์แหละตอนมานัวเนีย กูไม่อยากจะเล่าหรอกนะ แต่ก็เออเห็นมึงเป็นเพื่อนซี้ไงเลยยอมเล่าก็ได้ แม่งพูดกับกูว่า ‘พี่จะเย็-จนหนูลุกไม่ขึ้น’ ‘เสียวไหมคะ โดนคว-พี่กระแทกเข้าไปที’ ประทานโทษนะคะ อ่านนิยายมากอ๋อ ตื่นเช้ามากูก็ยังลุกขึ้นได้ปกติ”

อีคริตตี้รัวด่าซะจนหน้าแดงก่ำ  เหวี่ยงที่หวีผมโยนลงตรงพื้นจนด้ามหัก พลันได้สติก็กรีดร้องลั่น

“กรี๊ดดดด หวีแม่กูอีดอก โดนแม่ตีแน่ๆ”

“อีควาย แล้วมึงจะโยนทำไม” ผมเหยียดตัวเล็กน้อย ยืดแขนไปหยิบด้ามหวีที่กระเด็นมาให้มัน

“ก็กูโมโหอะ แต่ช่างแม่งเหอะ ยังไงซะการเป็นกะหรี่ก็ไม่ค่อยรุ่งสำหรับเราละ” มันเบะปากเป็นสระอิ พยายามประกอบหวีให้เป็นดังเดิม รู้ทั้งรู้ว่าเป็นไปไม่ได้

“ว่าแต่...เมื่อคืนมึงได้เงินมาเท่าไหร่” มันแหงนหน้ามามองผม

ผมสะดุ้งรีบเม้มปากตัวเองแน่น กระทั่งยัยคริตตี้ยื่นหน้าเข้ามาใกล้ จ้องตาเหมือนจะอ่านใจ ก่อนที่นิ้วของมันจะจิ้มที่หน้าผากและดันผมจนหงายหลัง

“อีร่าน ! กูบอกแล้วใช่ไหมว่าอย่าได้ตกหลุมรักลูกค้า มึงนี่มันดอกทองช้างลากเย็- จริงๆ เลย ! สารเลวทำตัวไม่มีค่า ทำไมถึงแหกขาให้ผู้ชายเอาฟรีๆ เห็นว่าหรรมใหญ่หน่อยเลยให้ล่อฟรีใช่ไหมห๊ะ !! อีไฮดร้า !” อีคริตตี้หัวฟัดหัวเหวี่ยง ตะโกนด่าแทบลั่นบ้าน

“ว่าแต่กู มึงก็พอกันอีคริตตี้” ผมเอามือยันพื้นด้านหลังให้ลุกขึ้น แต่อีเพื่อนตัวดีก็ดันจิ้มหน้าผากให้ล้มหงายหลังดังเดิม

“ใคร มึงว่าใคร กูไม่เหมือนมึงอีอ๊อก กูสวยและได้เงิน ร่างกายกูล้วนมีมูลค่า” ใบหน้าสวยของมันเชิดขึ้นอย่างหยิ่งยโส กอดอกและเบะปากมองเหยียด การกระทำดังกล่าวที่ว่ามา ล้วนเป็นความสนิทสนมของเราทั้งสิ้น ฉะนั้นผมจึงไม่ถือโทษโกรธมันเลยแม้แต่น้อย กลับชินชากับคำพูดคำจาของมันด้วยซ้ำไป

ร่างกายมีมูลค่า ? เหอะ “มูลสิ่งสกปรกมากกว่าน่ะสิไม่ว่า มึงได้เงินมาเท่าไหร่เถอะถึงมาอวดเบ่ง” ผมสวนกลับ กระเถิบกายถอยหลังและลุกขึ้นมานั่งจ้องตามัน

“สี่ห้า ค่าอาหารตามสั่ง”

“เยอะมากอีเหี้ย ! พี่เดือนช่างใจดีให้ค่าอาหารสัตว์” ผมประชดประชัน

“หัวดอ ! เมื่อวานล่อซะจนกูลมจับ เยแม่งตั้งแต่บนรถยันหน้าบ้านริมระเบียง”

“หยาบคายมาก ทำไมรุนแรงขนาดนี้” ผมยกมือขึ้นมาอุดหู ทั้งวันได้ยินแต่คำว่าคว-และหลีจนขนพองสยองเกล้า

“นี่ใคร” มันชี้นิ้วที่ตัวเอง “กูคือคริตตี้ ผู้ชายคนใดเห็นก็คว-แข็งกันทั้งนั้น แหมมาว่าแต่กูตัวมึงเองล่ะผ่านมรสุมอะไรมาบ้าง”

ผมส่ายหัว ฉายภาพในหัวถึงเรื่องเมื่อคืนนี้ก็ยิ่งใจเต้นแรง หน้าซีดเผือดเมื่อนึกถึงขนาดของใครบางคน “บอกได้แค่ว่าหนักหนาสาหัส”

“โหย มันขนาดนั้นเลยเหรอวะ” คริตตี้ปรับอารมณ์ในเวลาอันรวดเร็ว ตาวาววับกับสิ่งที่ได้ยิน “พี่คนนั้นก็หล่อใช่ย่อย กะหรี่แบบมึงมีผัวภายในชั่วข้ามคืน มึงควรจะดีใจนะ” มันยิ้มกรุ้มกริ่ม “แล้วนี่มึงมีแลกเบอร์ติดต่อไรกับพี่เขาด้วยปะ ?”

“...” ผมไม่ตอบแต่เลือกที่จะพยักหน้ารับ

“กรี๊ดดดด ดอกทองมาก ชอบ กูกดไลท์ให้รัวๆ งั้นวันนี้เราจะไปเป็นกะหรี่อีกวันนึง !”

“พอเถอะ แค่นี้กูก็เหนื่อยจะตายห่าละ เงินแม่งก็ไม่ได้” ผมตอบด้วยน้ำเสียงอิดโรย รู้สึกเจ็บก้นยังไม่หาย

“กูก็พูดเล่นไปงั้น กูเองก็ไม่ไหวพอกันอะ เฮ้ออออ ยากว่ะ เงินก็ไม่ได้เสือกได้แต่คว- ขายตัวก็ไม่โอเค มึงเป็นนักเขียนก็เสือกไปไม่รุ่ง หรือเราควรไปขายส้มตำดี” คริตตี้ลุกขึ้นไปหยิบเสื้อผ้า สวมกางเกงชั้นในใต้ผ้าขนหนูและสวมเสื้อต่อหน้าต่อตาผมจนเห็นหน้าอก

ผมเบนหน้าหนีไปทางอื่น ไม่ได้เกิดอารมณ์ใดๆ ทั้งสิ้นกับการเห็นเพื่อนรักเปลือยท่อนบน

“ทำไมกะเทยทุกคนต้องจบด้วยส้มตำ คิดไรไม่ออกก็แดกส้มตำ” ผมถามขึ้นมาลอยๆ

“กูก็ไม่รู้เหมือนกัน” คริตตี้เดินกลับมาทิ้งตัวลงนั่งดังเดิม “หรือเราจะย้ายอาชีพไปเป็นโคโยตี้รูดเสาดี”

“...”

“เดี๋ยวกูลองเปิดเพลงแป๊บ” มันตัดสินใจดีด่วนก็เอื้อมไปหยิบมือถือข้างฟูกหมอนที่ไว้นอนเล่นข้างล่าง จากนั้นก็กดเพลง ‘The Pussycat Dolls’ ของ Buttons ขึ้น ทำนองจังหวะเซ็กซี่ก็เริ่มต้น

ผมนั่งงงเหมือนคนเอ๋อแดก เงยหน้ามองเพื่อนสนิทที่ทำอะไรไม่มีปี่มีขลุ่ย มันหมุนตัวและก้มหน้าลงลูบต้นขา เงยหน้าขึ้นดังพึ่บจนเส้นผมสะบัดไปด้านหลังตรงเป๊ะกับท่วงทำนอง สีหน้าและแววตาเปลี่ยนเป็นคนละคน รวบผมขึ้นและแอ่นสะโพกโชว์คอดเอว

โหย หากผู้ชายมาเห็นคงต้องพูดว่าเซ็กซี่ยั่วเยสิ้นดี แต่ในฐานะเพื่อนอย่างผมแล้ว...

“ทุเรศว่ะ” ผมหลุดปาก ทำไอ้คนตรงหน้าหยุดเต้นชี้นิ้วมาที่ผม

“จองหอง งั้นมึงลองเต้นบ้าง” คริตตี้ดึงแขนผมให้ลุกขึ้นยืน ก่อนที่ตัวมันจะนั่งแทน เชิดหน้ามองผมที่ยืนนิ่งไม่ไหวติง

เอาจริงๆ เราสองคนก็มีพื้นฐานการเต้นพอกันนั่นแหละ แต่ก่อนนี่ชอบขยันโคฟเวอร์เพลงที่ชอบ ซึ่งอีคริตตี้นี่แหละตัวตั้งตัวตี ลากผมไปเต้นด้วยบ่อยๆ ในงานโรงเรียน

พอผมได้เต้นตามจังหวะ เสียงของเพื่อนรักก็แย้งขึ้น

“เต้นเหมือนคนเป็นโรคสันนิบาต พอเถอะ ล้มเลิกการเป็นโคโยตี้”

“ก็ไม่ได้แย่ขนาดนั้นมะ” ผมรู้สึกอับอายขายขี้หน้า หัวเราะขำกับคำพูดกวนประสาทของอีตัวดี พานทิ้งตัวลงมาเล่นมือถือ จู่ๆ ไอเดียก็บรรเจิด

“หรือว่ากูเป็นนักแคสเกมดี” แถมมันยังเป็นงานอดิเรกที่เล่นยามว่างบ่อยมากกว่างานเขียนอีกต่างหาก

“เกมไรอะ เดดบายเดไลอ๋อ ? หรือว่าโอเวอร์วอช ?” คริตตี้ที่เล่นมือถืออยู่เงยหน้ามาจ้องตา เพราะตัวมันเองก็ติดเกมพอกัน รวมไปถึงแก๊งกะเทยของพวกผม

“อืม ลองแคสขำๆ ในเฟซดูก่อน ไม่รุ่งค่อยหันไปทำอย่างอื่น” ผมว่าพลางรูดซิปกระเป๋าหยิบโน๊ตบุ๊กออกมา สเปคแรงพอจะแคสเกมไปเล่นไป เตรียมพร้อมแม้แต่สายแรนและเม้าส์ที่พกพา

“งั้นกูเล่นด้วย” อีคริตตี้ลุกขึ้นยืนเดินไปเปิดคอมที่อยู่ชั้นล่าง “กูรับประกันว่าคำว่าหลีและคว-มาทุกตา” มันเดินไปหยิบโต๊ะเล็กๆ มาวางให้ผมได้เล่นสะดวกมากยิ่งขึ้น นอกเหนือจากนี้มันยังทักแชทไปหาเพื่อนพ้องที่เล่นเกมพอกันมาแจมด้วยอีก

“เดี๋ยวอีผึ้งกับอีแพทตามมา” คริตตี้แจง ตัวมันนั่งลงที่เก้าอี้และเข้าเกมโอเวอร์วอชเป็นที่เรียบร้อย ซึ่งเกมนี้เป็นแนว FPS (Shooting) ที่มุ่งเน้นการเล่นแบบเป็นทีม

การเล่นเกมเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้สมองผมโล่งและผ่อนคลายนอกเหนือจากงานเขียน โดยเฉพาะได้เล่นกับเพื่อนๆ แบบเฮฮายิ่งสนุกเข้าไปใหญ่ ยกเว้นลงแรงค์…

“กติกาไรดี” คริตตี้หันมาถาม

“หืม มีกติกาด้วยเหรอ ?” ผมผินหน้ามาทางมัน

“ต้องมีสิ แคสเกมจะได้สนุกๆ เอาเป็นแอ็บเสียงอ่อยผู้ชายละกัน” มันถามเองตอบเองโดยไม่รีรอคำตอบจากผม

“กูว่าวันนี้กูไม่ได้ปั่นงานอีกแน่ๆ” ผมหัวเราะเจื่อนๆ ในลำคอ เห็นความน่าจะเป็น นึกขึ้นได้ก็แอบแวะส่องผ่านมือถือ ไล่ดูคอมเมนต์นิยายในแต่ละเรื่อง ไร้อัปเดตใดๆ นอกจากเรื่องนวนิยายแนวดราม่าที่ตัวเองเคยเปิดเอาไว้ เขียนได้ประมาณสามสี่ตอน

[ฮือออ ดราม่ามากเลย อ่านแล้วจุกอก ไม่เอามาม่าได้ไหมคะ อ่านแล้วหดหู่ คือมีอีกนี่คงไม่อ่านแล้ว อ่านแล้วรู้สึกแย่]

ผม “...”

เลื่อนนิ้วกดย้อนดูไปที่หน้าบทความนิยาย กลอกตามองดูคำโปรยเนื้อหาและคำเตือน

1.นิยายเรื่องนี้เกิดจากจินตนาการของผู้แต่งล้วนๆ

2.เนื้อหามีถ้อยคำหยาบโลนและเนื้อหา18+ รวมไปถึงฉากรุนแรง กักขังหน่วงเหนี่ยว และความไม่ยินยอม

3.นิยายแนวดราม่ามาก หากใครไม่ชื่นชอบแนวนี้แนะนำกดปิด ยังมีผลงานดีๆ จากนักเขียนท่านอื่นให้รีดเดอร์ได้อ่าน

4.โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน

5.ไม่เข้าใจ ย้อนกลับไปอ่านใหม่ ขอบคุณค่ะ

“อืม” ขานรับในลำคอ ย้อนกลับมาดูที่เมนท์และกลับไปดูที่คำเตือนอีกสักรอบ สลับแบบนี้สองสามเที่ยวก่อนจะกดปุ่มโฮมมาที่หน้าจอมือถือ วางทิ้งข้างลำตัว

‘อ่านแล้วรู้สึกแย่’ แต่เมนต์ไม่ได้แคร์รู้สึกคนแต่งพอกัน บางเรื่องไม่ต้องมาบอกก็ได้จ้ะ

นิยายดราม่าปัจจุบันเรื่องนั้นที่ตอนแรกคิดจะเขียน

สถานะปัจจุบันเปลี่ยนใจ ‘ดอง’


ออฟไลน์ ninknpk

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 14
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
กรี้ดด อัพแล้ววววว
เป็นกำลังใจให้คนแต่งน้าาา สู้ๆๆ :กอด1:

ออฟไลน์ Leenboy

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3095
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +105/-2
ว๊าา เสียดายอ่ะ  อยากอ่านหนูอ๊อกอีก  5555

ออฟไลน์ lookpatty15407

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 74
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +30/-1
ตอนที่ห้า


“หวัดดีท่านผู้ชมน่าหลีทั้งหกท่านด้วยนะคะ หากชื่นชอบก็กรุณากดไลก์กดแชร์ วันนี้มีคุณ ‘เมรุณี พิมพ์ประกาย’ มารับชม แหม เห็นชื่อแล้วพร้อมเดินวนเวียนสามรอบแล้วจุดไฟเผาทิ้งเลยนะคะ”

“มารุณี พิมพ์ประกายค่ะ กรุณาให้เกียรติชื่อท่านผู้ชมด้วย” ผมแก้ให้ หลังจากยัยคริสตี้เสนอหน้าแนะนำตัวอย่างเป็นทางการในสตรีมแทน เป็นเพจที่ผมเพิ่งสร้างมาหมาดๆ โดยมีมันและผมเป็นผู้ดูแล แชร์ลงเฟสบุ๊กส่วนตัวเป็นที่เรียบร้อย เพื่อเรียกเพื่อนๆ ให้มาดูการแคสเกมของเราทั้งสอง

ขณะนี้ผู้ชมมีผมแล้วหนึ่งที่ดูผ่านมือถือเพื่อเช็กว่ามีอะไรขัดข้องหรือเปล่า รวมไปถึงคริสตี้และเพื่อนๆ อีกสี่ท่าน ปรากฎชื่อเฟสบุ๊กของแต่ละคนที่รู้จักสนิทสนมกันหมด แก๊งพวกพ้องเราทั้งนั้น

[มารุณี พิมพ์ประกาย : เขาให้ตัวเหี้ยเล่นคอมได้ด้วยเหรอคะ ?] คอมเมนต์เด้งในช่องแช็ต

คริสตี้เอ่ย “หยาบคายต่ำช้าชั่วช้าเวรระยำสันดานหมา น่าตบเลือดกบปากมากๆ เลยนะคะคุณเมรุณีสันดานไพร่ กรุณาให้เกียรตินักแคสเกมด้วยค่ะ ช่องเราไม่เน้นคำหยาบคายนะคะ กรุณาดูชื่อเพจด้วยค่ะ ‘เป็นนักแคสเกมไม่พูดคำหยาบอีน่าhee’ วอนคุณเมรุณีสงบสติอารมณ์ด้วยนะคะ” มันตักเตือนพลางจิกกัด

[I’ice natchanon (สเตตัส Fc : Rihanna แต่ล่าสุดเลิกร้องเพลง ขายของแทน) : กดไลท์กดแชร์แล้วนะคะ]

“โอ้ ขอบคุณมากค่ะคุณไอซ์ แต่กดไลก์ต้องสะกดกอไก่การันต์นะคะ ไม่ใช่ทอทหาร เพจของเรานอกจากเป็นนักแคสเกมที่ดีแล้วยังมีนักเขียนเคร่งครัดภาษาไทยด้วยนะคะ แม้ทุกวันนี้จะพิมพ์ผิดๆ ถูกๆ ก็ตามที” คริสตี้บอกกล่าว ปรายตามองผ่านมือถือที่เด้งข้อความอยู่ข้างโต๊ะคอมเป็นระยะ

[I’ice natchanon (สเตตัส Fc : Rihanna แต่ล่าสุดเลิกร้องเพลง ขายของแทน) : ขอโทษนะค่ะที่ไม่ฉลาดพอ]

“ไม่เป็นไรค่ะ คนเราผิดพลาดกันได้ แต่ถ้าคะค่ะยังเขียนผิดแนะนำไปเรียนชั้นอนุบาลใหม่นะคะแล้วค่อยกลับมาดูสตรีมทางเราทีหลัง” คริสตี้ยังคงเสียดสี ตัวมันเองรู้จักกับคนชื่อไอซ์เป็นอย่างดีเพราะสนิทสนม อีกฝ่ายเป็นเกย์ที่ไม่ได้ออกสาวมากนัก แต่ก็มีรูปร่างเล็กและสมส่วน

ผมลืมบอกไป คริสตี้เป็นเพื่อนสนิทของผมก็จริงอยู่ แต่มันเคยเรียนซ้ำชั้นมาก่อน มันกับผมเลยได้อยู่ห้องเรียนเดียวกันตั้งแต่เด็ก ฉะนั้นอายุของมันจึงเทียบเท่ากับคนอื่นๆ ในแก๊ง ต่างจากผมที่ยังอายุห่างจากคนอื่นเพียงแค่หนึ่งปีเท่านั้น

เห็นปากของคริสตี้ก็น่าจะรู้แล้วนะครับ ว่าตอนเด็กมันแสบมากแค่ไหน...

“หวัดดีเจ้ไอซ์ มาเล่นด้วยกันสิ” ผมกล่าวทักทายผ่านสตรีมเกมขณะอยู่ในหน้าเมนู

ปกติคนอื่นจะเรียกไอซ์กันหมด มีเพียงผมนี่แหละที่ชอบเรียกแกว่าเจ้ไอซ์จนติดปาก แถมยังเป็นคนแรกและคนเดียวด้วยที่เรียกเจ้แกแบบนั้น

[I’ice natchanon (สเตตัส Fc : Rihanna แต่ล่าสุดเลิกร้องเพลง ขายของแทน) : ไม่ได้ทำงานอยู่ นี่แอบอู้แป๊บเดียวก็ไปละ เดี๋ยวอีหัวหน้าจะมาเฉาะหัว]

“กูจะโทรไปฟ้องหัวหน้ามึงแน่” คริสตี้เอ่ยสัพยอก

[มารุณี พิมพ์ประกาย : ไหนว่าไม่พูดคำหยาบคายไงคะ ทำไมนักแคสปากน่าหลีแบบนี้คะ งงมากอะ]

“งงคว-ไรคะ ก็เป็นนักแคสเกมอะค่ะ ไม่เสือกนะคะคุณเมรุณี พิมพ์ประกาย ผู้ชมเพจเราทำได้แค่ชมค่ะ ใครด่าทางเราก็จะเตะออกพร้อมกดบล็อกสักสิบรอบ พร้อมกับเอามีดจ้วงหลีให้รูพรุนสักสิบที และถ้าคุณเมรุณีเอาพวกมารุมรีพอต ดิฉันก็จะสร้างเพจใหม่มาด่ามึงโดยเฉพาะด้วยค่ะ” คริสตี้เอ่ยน้ำเสียงเริงรื่น “ล้อเล่นนะคะคุณเมรุณี วอนอย่าทำจริง”

[มารุณี พิมพ์ประกาย : เรียกชื่อกูให้ถูกก่อนจะดีใจมากค่ะ]

“ก็คือตำแหน่งแคสอยู่ที่มึงแทนแล้วไม่ใช่กู” ผมแกล้งประชดประชันใส่เพื่อนรัก

“อุ้ย ! ลืมสนิทเลย เจ้าของเพจและสตรีมตัวจริงเป็นคุณอ๊อกนะคะไม่ใช่คริสตี้ ออกเสียงอ๊อกๆ นะคะไม่ใช่ออกซิเจนแต่อย่างใด” คริสตี้ชี้แจงหน้าด้านๆ

“อีควัย” ผมด่ามันก้ำกึ่งระหว่างคำว่าคว-และคำว่าควาย

[มารุณี พิมพ์ประกาย : คนไรชื่ออ๊อกคะ ตลกมากอะ 5555]

“ฮ่าๆ ตลกชื่อมึงเถอะค่ะอี ‘แยม’ กรุณาอย่ามาด่าเพื่อนรักของดิฉันนะคะ” คริสตี้ด่าสวนกลับเป็นการปกป้อง เกิดการต่อล้อต่อเถียงในช่องแช็ตจนผมหลุดขำ ส่องคอมเมนต์สตรีมดูก็ปรากฎว่ามีจำนวนคนดูเพิ่มขึ้นกลายเป็นสิบคน ที่เห็นชัดสุดคือชื่อเฟสบุ๊กของพี่เดือนและกลุ่มเพื่อนในเฟสที่เหลือ แต่มีอีกคนหนึ่งที่ผมไม่สามารถทราบได้ว่าเป็นใครที่มาดูอยู่ คาดว่าน่าจะเป็นเพื่อนของยัยคริสตี้นั่นแหละ

ส่วนเรื่องที่พี่เดือนมาดูสตรีมด้วย ขอปิดปากเงียบไม่บอกคริสตี้ดีกว่า

“เดี๋ยวตอนนี้รอเพื่อนอีกสองคนก่อนนะคะ แป๊บนึง แล้วเดี๋ยวเราจะมาเริ่มเล่นเกมกันทีหลัง” ผมบอก พร้อมกับใช้สกิลแอ๊บเสียงเป็นหญิงสาวตัวเล็กๆ เพื่อปกปิดสถานะ มีหลายจังหวะที่ต้องหันไปหยิบขวดน้ำเปล่ามาจิบปากกันกระหาย ไม่เกินสองนาทีก็มีเสียงช่องแช็ตดังขึ้นถึงสามครั้งด้วยกันในโปรแกรมดิสคอด ไว้ใช้สำหรับสื่อสารพูดคุยในระหว่างเล่นเกมไปพลาง

“หวัดดี มาแล้ว” เสียงของแพทที่ผมคุ้นหูจนชาชินเอ่ยทักทาย มันเป็นกะเทยฉายาน้ำเสียงหวาน “กูเอาน้องสาวมาเล่นด้วยนะ” แพทกล่าว ก่อนจะตามมาด้วยเสียงของผู้หญิงตัวเล็กๆ ที่พูดจาเบาคล้ายเอียงอาย

“สวัสดีค่ะพี่ๆ”

“สวัสดีค่ะน้องหมวย” ผมที่จำชื่อน้องสาวของแพทได้เอ่ยปากตอบกลับไป

“หวัดดีจ้าพี่ๆ หนูมุนินทร์นะคะ” เสียงกะเทยแหบใหญ่ดังลอดขึ้นมา

“กล้ามุนินทร์อีดอกทอง มึงอะรัชนก” คริสตี้หัวเราะในลำคอหนึ่งทีก่อนจะด่าอีกฝ่ายเป็นการเสียดสี

“กูก็อยากชื่อน่ารักเหมือนน้องเขาบ้างปะวะ” อีกคนหัวเราะเอิ๊กอ๊าก มิได้ขุ่นเคืองแต่อย่างใด

“อย่างเดียวที่มึงเป็นได้นะอี ‘ผึ้ง’ ไม่ใช่น่ารัก แต่มันคือหน้าส้นตีน” คริสตี้ว่า

“กล้าหน้าส้นตีน มึงน่ะสิอีกะเทย” ผึ้งไม่ยอม อดไม่ได้ที่จะคันปากด่ากลับ

“มึงน่ะสิอีกะเทย” คริสตี้ถึงกับขึ้น “มึงอะอีอาเพศ อีมารศาสนา” ด่าดังลั่นเหมือนมีน้ำโห

“อ๋อเหรอมารศาสนา ? มึงแหละอีเวร” ผึ้งน้ำเสียงเย็นในทีแรก ประโยคหลังคล้ายขุ่นเคืองไม่น้อย

“มึงแหละอีจัญไร”

“มึงแหละอีเหี้ย !”

“ไม่ได้ด่าผ้าเหลือง สาธุ” อีคริสตี้อินตามบทบาท

ผมเม้มปากกลั้นขำ ยังตลกกับมุกนี้ที่เคยเจอในโซเชียลไม่หาย แถมมันยังโต้ตอบเหมือนมุกที่เคยเจออีกอันที่เคยดูคลิปอีกต่างหาก

“มีใบไหม ใบบวชอะมีใบไหม !?” มันถาม

“แล้วทำไมล่ะ” ฝ่ายผึ้งก็ให้ร่วมมือกันอย่างดิบดี ตบมุกกันจนช่องแช็ตเริ่มเพิ่มจำนวนคนดู กดอิโมจิสีเหลืองหัวเราะน้ำตาไหล

“ก็ถามว่ามีใบไหม !?” คริสตี้ย้ำคำถาม

“ใบไร ใบเฟิร์นเหรอ ?”

“ใบไม้ที่ปลิดปลิวอะอีสัตว์” คริสตี้เน้นเสียงประโยคหลัง ตบมุกกันไปมาจนผมทนไม่ไหว

“ฮ่าๆๆๆ” หัวเราะดังลั่น อย่างที่คาดเดาว่ามันเล่นมุกคลิปที่เคยมีการล้อเลียนมาก่อน แต่พอมาเจออีกก็ยังขำไม่หาย “แค่กๆ กูปวดท้อง อึก ฮ่าๆ พวกมึงหยุดที กูจะบ้าตายแล้ว รีบเข้าเกมสักที” หวังให้มันพักยกโต้คารม ซึ่งพวกมันทั้งสองก็ให้ความร่วมมือ ก่อนที่เกมของเราจะเริ่มต้นขึ้นในตาแรก

เกม ‘โอเวอร์วอช’ อย่างที่บอกว่าเป็นเกมแนวยิงปืนและเล่นกันแบบเป็นทีม ตัวละครแต่ละตัวจะมีคาแรคเตอร์แตกต่างกันไป ไม่ว่าจะในด้านของสกิลความสามารถต่างๆ นานา อัลติเมท มีทั้งแท็งก์กับซัพพอร์ตและดีพีเอสพวกจู่โจมหรือป้องกันเป็นต้น กติกาของเกมคือมีสองแบบ

แบบแรกคือการยึดพอยท์ ซึ่งพอยท์ในที่นี้มีสองจุดด้วยกัน เมื่อยึดจุดแรกเสร็จสิ้นก็จะต้องไปยึดจุดที่สอง ซึ่งใกล้กับจุดเกิดของฝ่ายศัตรูที่รับหน้าที่ในเชิงป้องกัน ข้อนี้จะเป็นการสุ่มระหว่างจู่โจมกับป้องกัน แต่ละฝ่ายจะได้รับบทบาทสลับกันในแต่ละตา ในระหว่างนั้นก็จะมีการยื้อแย่งกันไปมา จนกว่าจะได้รับชัยชนะ การยึดพอยท์ท์จะมีแถบวงกลมเมื่อเราอยู่ในจุด แต่หากศัตรูอยู่ด้วย แถบวงกลมที่ว่าจะหยุดนิ่ง เมื่อเราเป็นฝ่ายจู่โจมจะต้องทำทุกวิถีทางให้ยึดถิ่นฐานของศัตรูให้ได้จนกว่าจะครบตามกำหนดเป้าหมายและไปถึงจุดที่สอง ยึดจนชนะและสลับมาที่ป้องกันแทน เมื่ออีกฝ่ายไม่สามารถยึดพอยท์ได้อย่างที่เราทำได้ ก็ถือว่าพ่ายแพ้ และเราเป็นฝ่ายได้รับชัยชนะ

แบบที่สองค่อนข้างอธิบายง่ายกว่ามาก คือเป็นการดันรถหรือศัพท์ในเกมที่เรียกกันว่าเพลโหลด ฝ่ายจู่โจมมีหน้าที่ทำยังไงก็ได้ดันเพลโหลดให้ไปถึงจุดที่กำหนด ซึ่งจุดที่ว่ามีสองจุดเช่นเดียวกัน และฝ่ายป้องกันก็ต้องทำทุกวิถีทางให้รถดังกล่าวไม่มุ่งหน้าไปถึงเป้าหมาย หากเป็นไปได้ให้รถอยู่ในระยะเส้นทางที่น้อยและสั้นที่สุด เท่ากับฝ่ายป้องกันได้เปรียบมากยิ่งขึ้น รายละเอียดค่อนข้างเยอะมากจนขี้เกียจอธิบาย อยากรู้เพิ่มเสิร์ชหากันเอาเองก็ละกัน เกิดผิดพลาดขึ้นมาฉอดกูตายกันพอดี นิยายก็ไม่ใช่ คิดแม่งอยู่คนเดียวตามลำพัง

ทุกสิ่งที่กล่าวมาขึ้นอยู่กับฝีมือของแต่ละคนด้วยทั้งสิ้น

ตอนนี้พวกเราก็เข้าเกมครบคนเป็นที่เรียบร้อย ผมที่เก่งกาจด้านตัวละครจำพวกแท็งค์กับซัพพอร์ตมีสองตำแหน่งให้เลือก และก็ได้คุยกันเสร็จสรรพแล้วว่าใครจะได้เล่นตำแหน่งอะไรดี ซึ่งผมกับน้องหมวยได้รับตำแหน่งซัพพอร์ตดังที่คาดคะเน คริสตี้กับแพทรับตำแหน่งเป็นแท็งค์ ผึ้งรับตำแหน่งเป็นดีพีเอสในระยะซุ่มยิง

นั่งรอสุ่มห้องไม่ถึงสองนาที ทั้งๆ ที่ปกติเกมนี้จะต้องรอนานมากถึงขนาดสิบนาทีกว่าๆ แท้ๆ ด้วยความที่เกมมันอัปเดตอะไรมาใหม่ๆ มากขึ้น อีกทั้งยังไม่สามารถเปลี่ยนสลับตำแหน่งได้หลากหลายอย่างที่เคยมีมาก่อน กลายเป็นเลือกตำแหน่งใดต้องเล่นตำแหน่งนั้นอย่างเดียวเท่านั้น พอเข้าสู่ตัวเกมก็มีรายชื่อฝ่ายเราและฝ่ายตรงข้ามปรากฎเด่นชัด แรงค์ในแต่ละระดับใกล้เคียงกัน แต่ละทีมมีจำนวนผู้เล่นถึงหกคนด้วยกัน

และทีมเรามีอีกหนึ่งคนที่ได้รับมอบหมายเป็นดีพีเอสก็มีรายชื่อที่แสนสะดุดตาสิ้นดี

‘อ๊อกๆ ติดคอ’ เป็นชื่อที่กวนส้นตีนมาก

“ชื่อเหมือนมึงเลยว่ะอีอ๊อก กูขำ ฮ่าๆ พรหมลิขิตปะวะ” คริสตี้ว่าพลางหัวเราะจนดังแทรกเข้ามาในไมค์ของผม ตัวผมเองก็หัวเราะตามมัน หยุดรอยยิ้มทันทีเมื่อช่องแช็ตในเกมเด้งขึ้น

‘สวัสดีครับ :)

“รู้ได้ไงวะว่าเป็นคนไทย” ผมเอ่ยออกมาพูดกับทุกคนในดิสคอด แต่ไม่ได้เปิดไมค์ในเกม

“จะไม่ให้รู้ได้ไง อีแพทตั้งชื่อ ‘Lookpatty’ ขนาดนี้ อีคริสตี้ก็ตั้งชื่อ ‘กะหรี่นัมเบอร์วัน’ ทนโท่ แหกขี้ตาดูสิอีอ๊อก” ผึ้งชี้แจง

“เออว่ะ” ผมขานรับเพิ่งนึกขึ้นได้ ตั้งแต่โดนจัดหนักจัดเต็มมาเมื่อคืนนี้ เหมือนวันนี้สติจะเลอะเลือนอยู่หน่อยๆ

แต่ไม่รู้ทำไมคิ้วมันกระตุกยิกๆ แปลกๆ เหมือนมีลางบอกเหตุ…

ฉิบหาย หรือว่าตานี้จะแพ้วะ…

“เอาล่ะกะหรี่ทั้งหลาย” คริสตี้เรียกปลุกกำลังใจทุกคนให้ตื่นตัว “ยกเว้นน้องหมวย ใครใช้สกิลจีบผู้ชายติดก่อน เตรียมรับมงสิบแปดมงกุฎ”

“งั้นกูขอไม่เล่นด้วย” ผมค้าน

“เซมๆ” แพทเองก็เห็นพ้องต้องกัน

“อีอ๊อก มึงยังมีหนี้ที่ติดสินบนกูอยู่นะ มึงด้วยอีแพทสองร้อยที่ยังไม่ได้คืนเงิน” คริสตี้กดน้ำเสียง บีบบังคับพวกเราทั้งคู่

“เฮ้ยบ้า มึงอะคิดมาก ใครจะไม่กล้าเล่นวะ” ผมรีบเอ่ย น้ำเสียงร่าเริงกว่าปกติ

“จริงมึง เกมสนุกจะตายห่า ชนะก็ได้ผัวเป็นตัวเป็นตน หนุ่มโอตาคุ สวมแว่นเย็-ดุๆ” อีแพทเองก็ไม่น้อยหน้า แต่คนที่เร็วกว่าคืออีผึ้งที่พิมพ์ในช่องแช็ตสนทนา

‘หวัดดีค่ะ เราเล่นไม่ค่อยเก่งนะ แบกด้วยนะเธอ’

“ดัดจริต/ตอแหล/แอ๊บแอ้เวอร์” ผมด่าก่อน ตามมาด้วยคริสตี้และแพทที่ผสานเสียงในจังหวะเดียวกัน

“ตกลงเล่นเกมหรือหาผัวกันแน่คะ ?” เสียงของน้องหมวยดังแทรกขึ้นมาอย่างงุนงงในดงอสรพิษ

ศึกชิงนางได้เริ่มต้นขึ้น แต่นางที่ว่าดันมีงวง

“ถ้าชนะทำไงต่อ” ผมถามทุกคนในทีมก่อนเริ่มพิมพ์เต๊าะอ่อยเหยื่อ

“หึ !” คริสตี้เค้นเสียงในลำคอ พอได้หันไปมองก็จะเจอมันเชิดหน้าขึ้นเหมือนคอมีปัญหา

อีดอกนี่เป็นง่อยอีกละ

“ง่ายมาก” มันพูดพลางกลั้วหัวเราะในลำคอ เน้นชัดเน้นคำแรงๆ แบบจงใจ เอาให้ผู้ฟังและผู้ชมทางบ้านทั้งหลายขนหมออ้อยลุกกันระนาว

“ก็จับแม่งเซ็กส์โฟนเย็-กันผ่านสายแรนไปเลย”

“ความคิดกะหรี่ดี” ผึ้งกล่าว

“แต่ชอบนะ กูขำตรงเย็-กันผ่านสายแรนนี่แหละ อีห่าไฟจะช็อตก่อนปะเอาดีๆ” แพทพูดทั้งที่ขำจนได้ยินเสียงเข้ามาในหูฟัง

“ต้องขอประทานโทษผู้ชมทางบ้านด้วยนะคะที่มีคำหยาบคา...” ผมที่พูดไม่ทันจบ กำลังจะสนทนากับทุกคนในช่องแช็ต พอหันมาทางหน้าจอมือถือก็ดวงตาเบิกโพลง คลิปวิดีโอไลฟ์สดมีผู้ชมเพิ่มขึ้นเป็นหลักพัน “หลี !” หลุดเสียงร้องด้วยความตกกะใจ

“ฮะ ! ใครแหกหลี !” คริสตี้สะดุ้งโหยง ร้อนรนหมุนเก้าอี้มาจ้องหน้าผมทันทีทันใด

“ม...มึง” เสียงผมสั่นระริก ตกใจเหมือนนายเอกตอแหลในนิยายวายที่มาสะดุ้งกับเรื่องตื่นตาตื่นใจ “มีคนพันกว่าคนมาดูคลิปอะมึง” พูดแล้วน้ำตาจะไหล “เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ด้วย”

“...” คริสตี้เงียบดูอึ้งทึ้ง

“หรือว่ามีคนจับได้ที่เราเป็นกะหรี่กันอะมึง” น้ำตาเริ่มคลอเบ้าแล้วนะแม่

“เลอะเทอะละอีสัตว์”

“...” เม้มปากแน่น สะอื้นฮัก คุณเพื่อนรักด่าแรงมาก

“มึงร้องไห้ทำเหี้ยไร”

“ฮือ” รับไม่ได้ หมุนกายมาพิมพ์ยิกๆ ในแป้นพิมพ์

‘เธอเปิดไมค์คุยได้มะ เข้าทีมวอยซ์จะได้คุยสะดวก’ เปลี่ยนมาอ่อยผู้ชายในเกมแทน ใจยังเต้นตุ่มๆ ต่อมๆ กับยอดคนดู ว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่

‘ได้ค่ะ’ อีกฝ่ายพิมพ์ตอบกลับมา สักพักก็ได้ยินเสียงคลื่นไมค์เหมือนกำลังขยับอะไรสักเล็กน้อย กระแอมสองสามทีก็เอ่ยทักทาย

“สวัสดีครับ ได้ยินไหม ?”

“กรี๊ดดด เสียงหล่อมากมึง !” คริสตี้หมุนเก้าอี้ หันมาสะดีดสะดิ้งต่อหน้าต่อตาผม

ผมพยักหน้าเห็นด้วยกับมัน เม้มปากแน่นกลั้นเขิน เสียงของเขามันทุ้มละมุนเหมือนสไตล์ชายหนุ่มอบอุ่น ฟังแล้วคล้ายพี่นนท์จังเลย แต่เข้มกว่าเยอะ

“ได้ยินเสียงแล้วอยากอมคว-” ผึ้งพูดจาหื่นกาม ซ้ำยังเสริมคำพูด “ขอเวลานอกไปชักว่าวแป๊บ”

“เหี้ยมากอะ” แพทแทบร้องอี๊ขยะแขยง “แต่เสียงหล่อจริง ต้องเอาแล้วแหละ”

“เสียงหล่อแต่อาจหน้าเหี้ยก็ได้นะ” ผึ้งว่า

“แล้วทำไมต้องเหยียดหน้าตาคนอื่นอะ” คริสตี้ท้วง น้ำเสียงติดไม่พอใจ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 22-06-2020 11:43:03 โดย lookpatty15407 »

ออฟไลน์ lookpatty15407

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 74
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +30/-1
ผมร่วมวงด้วยเพื่อเป็นการกลั่นแกล้งอีกคน เพราะรู้ดีว่าคริสตี้มีเจตนาอะไร “เออ ทำไมต้องเหยียดอะ คนเรามันอยู่ที่รูปโฉมโนมพรรณอ๋อวะ หัดมองผ่านจิตใจกมลสันดานบ้างสิ”

“คันฉ่องก็มีหัดดูตัวเองบ้างนะ ก่อนจะไปเหยียดคนอื่นอะ” คริสตี้ไม่ละเว้น

“ใช่ๆ ช่ายยย ~” ผมทำตัวเหมือนเป็นอีลูกล้อ ติดนิสัยมาจากคนในกลุ่มนั่นแหละ

“มึงก็ดัดฟันมา หมอไม่ได้บอกเหรอว่าก่อนดัดฟันให้หัดไปดัดสันดานมาก่อนอะ”

“แรงนะ เป็นกูร้องไห้แล้วอะ” แพทเอ่ยหลังจากที่คริสตี้ด่าคำๆ นั้น

ไร ! เสียงไลน์ดังขึ้นเหมือนเสียงคนร้องไม่พอใจ ผมถอดหูฟังออกจากบทสนทนาที่กำลังด่าทอกันไปมา เปิดดูข้อความของคนคนหนึ่ง

[Non : ทำไรอยู่คะหนู ?]

ใจถึงกับกระตุกวูบ แม่คะ ผู้ชายทักมาหาแหละ ! ฮือ ปลื้มปริ่มปรีดา เม้มปากแน่นกัดแม่งจนเจ็บไปหมด เขินทั้งในเกม เขินทั้งในไลน์ อ๊อกเลือกไม่ถูกแล้ว

[อ๊อกเจ็บคอ : เล่นเกมอยู่ครับ] แต่ถ้าผัวคิดถึงขนาดนี้เมียยอมเลิกเล่นเกมก็ได้นะ ลดแต้มแรงค์ก็ไม่เป็นไรหรอก มากสุดแค่โดนเพื่อนทึ้งหนังหัว

[Non : ไม่อยากเล่นอย่างอื่นบ้างเหรอคะ ?]

เล่น...เล่นไรคะ ! มาแบบนี้อีอ๊อกตาโตเท่าไข่ห่านแล้วนะคะ แต่ก็ต้องรีบพิมพ์ตอบกลับเพราะเกมเริ่มนับถอยหลังทีละนิด ประโยคเสแสร้งเหมือนนายเอกไม่ประสีประสา

[อ๊อกเจ็บคอ : หมายถึงเล่นไรเหรอครับ ?] งง...งงมากค่ะ คุณพี่หฤษฎิ์จะเอื้อนเอ่ยเช่นไร วอนโต้ตอบโดยไวที

[Non : (แนบรูป)]

[Non : เล่นนี่ไงคะ]

โอ้โหหหหหหหหหหหหหหหหหหหหหหหหห ! คว-ถอกค่ะแม่ขาาาาา ไวทันใจ ไวจนแตดสั่นระริกจนถึงเจ็ดจุดศูนย์ริกเตอร์ แผ่นดินกำลังสั่นสะเทือนใช่ไหมครับ อ๊อกเริ่มอยากเล่นว่าวขึ้นมาในปริยาย

“อีอ๊อกเร็วๆ” คริสตี้หันมาเร่งเร้าเพราะเกมเริ่มเดินกันแล้ว มีแค่ผมกับตัวละครอีกคนหนึ่งที่ยังไม่ยอมเดินทาง

“เล่น…” ผมเอ่ยปากพึมพำเพียงลำพัง มือสั่นระริกรีบหยิบหูฟังยัดใส่รูหู อีรูตูดตัวเองก็ขมิบไปพลาง กดเซฟรูปนั้นแทบไม่ทัน

ใหญ่ ใหญ่มากค่ะ ปริ่ม น้ำปริ่มมาก...

สากกะเบือในรูปมันชวนเล่นว่าวเหาะเหินเดินอากาศซะจริงๆ เลยค่ะแม่ขา เกมกับคว- ตัดสินใจไม่ถูก ท่องคาถาเป็นซัพพอร์ตต้องฮิวใจให้เพื่อนๆ ไม่ให้เลือดลด

คำว่าฮิวอะ ฮิวนะ ฮิวให้ขึ้นใจ แต่แล้วทำไมเกิดฮิว(หิว)คว- ขึ้นมาดื้อๆ

แหมะ !

เอ๊ะ…ก้มหน้าลงไปมอง

“...” ช็อก เป็นครั้งแรกที่กำเดาไหลในรอบสิบปี ไหลเหมือนพรหมจรรย์ที่ฉีกขาดในวันวาน

“ตายๆ” ผมถึงกับรีบปาดเช็ดผ่านแขนเสื้อโดยไว ยืดตัวไปด้านข้างเล็กน้อยเพื่อหยิบม้วนทิชชูดึงออกมายัดใส่รูจมูกข้างขวา

ณ ตอนนี้เล่นตัวละครที่มีชื่อว่า ‘Mercy’ มีหน้าที่เป็นซัพพอร์ต กำลังกางปีกบินเกาะเพื่อนพ้องที่พุ่งตัวไปด้านหน้า อีกฝ่ายใช้อาวุธเป็นดาวกระจายในการต่อสู้ หรือดาบสั้นที่ไว้ใช้ฟันในระยะประชั้นชิด อัลติเมทคือการควักดาบยาวฟันศัตรูให้แม่งล้มตายกันไปข้าง ต่างจากผมที่มีสกิลฮิวเป็นสายสีเหลือง คลิกขวาค้างจะเป็นสายสีฟ้าเพื่อเพิ่มดาเมจให้เพื่อนที่เราเลือก และมีสกิลชุบติดตัวเวลาเพื่อนตายห่า มีระยะคูลดาวน์พอสมควร ซึ่งต้องอาศัยจังหวะที่ลงตัวด้วยนะในการชุบชีวิต อย่าได้ริกระแดะไปชุบต่อหน้าต่อตาศัตรูเชียว มิเช่นนั้นจะโดนรุมประชาชีคล้ายรุมข่มขืนก็ไม่ปาน

น่าเสียดายที่แต่ก่อนเมอร์ซี่เคยชุบห้าคนได้ ทว่าบัดนี้กลับถูกปรับให้ชุบได้แค่คนเดียวเท่านั้น เพราะถือว่าโกงเกินไป กลายเป็นอัลติเมทที่กางปีกบินหนี ใช้คฑาฮิวเพื่อนเป็นสายระโยงระยาง มีอาวุธนอกจากคฑาก็คือปืนสั้นกระบอกเล็ก

“คิดเหี้ยไรอยู่อีอ๊อก เหม่อแม่งอยู่ได้ รีบฮิวกูสักที เลือดลดเหมือนยุงลายแล้วอีดอกทอง !” คริสตี้ตวาดใส่ ผมเบิ่งตามองตัวละครแท็งก์ที่เป็นลิง โดนยิงจนเลือดลดฮวบๆ

ดีที่อีคริสตี้มันกางบาเรียไว้ก่อน ขืนโดนยิงอีกนัดแม่งได้ตายม่องเท่งอย่างแน่นอน

“โทษทีๆ” มัวแต่สาระแนครุ่นคิดเหมือนบรรยายเนื้อหา จดจ่อฮิวเพื่อนแทนจนเลือดเต็มจำนวน

“นาย เดี๋ยวเรากระโดดแล้วเข้าไปแล้วล้วงพร้อมกันเลยนะ” คริสตี้ส่งสัญญาณให้กับอีกคนที่เล่นตัวละครนินจา

“ล้วงเลยอ๋อ ล้วงไรอะ” แพทถามเสียงยาน

“ล้วงคว-มั้งคะ” คริสตี้พูดทั้งที่เปิดไมค์ในเกมอยู่ นับหนึ่งสองสามปุ๊บก็พลันกระโดดเข้าไปหาศัตรูพร้อมกับตัวละครที่ทำหน้าที่จู่โจม เข้าไปฟันและกระแสไฟฟ้าแสนโวลต์ “ช็อตให้หลีฟูกันไปเล้ย !” มันกระแทกเสียงด่า เรียกเสียงหัวเราะคนในทีมเดียวกัน ฆ่าซัพพอร์ตกับดีพีเอสฝ่ายตรงข้ามได้ตั้งสองตัวในเวลาอันรวดเร็ว

“เกนจิถอยก่อน เลือดลดแล้ว” ผมเตือนคนตรงหน้าที่โดนแท็งค์ใช้ค้อนฟาดตบหัวจนหน้าหัน ชีวิตจริงคงหัวแบะ

“ครับๆ” อีกคนพุ่งหลบหลีกไปด้านข้าง ผมใช้เม้าส์เล็งไปที่ตัวละครนินจาก่อนจะบินเข้าไปหาและฮิวเลือดให้

“เกือบแล้วนะ” ผมบอก

“ขอบคุณนะครับ” อีกคนตอบกลับ เมื่อเลือดเพิ่มเต็มจำนวนก็พุ่งทยานไปล้วงฝ่ายตรงข้ามต่อ ใช้ดาวกระจายปาใส่ศัตรูจนตายเกลื่อนกลาด

“เก่งโคตร” ผมเอ่ยชมคล้ายพึมพำ แม้แต่ทุกคนในตี้ก็ยังชมเชยผู้ชายที่เล่นตำแหน่งดีพีเอส ยึดพอยท์แรกได้ในเวลาอันรวดเร็ว ขึ้นขีดเต็มก็เดินทางไปพอยท์ที่สองต่อ  ห่างไกลจากจุดเกิดเราสักเล็กน้อย

ในระหว่างนี้ก็เกิดการยื้อแย่งพอยท์ ตัวผมเองก็มีหน้าที่หลบหลีกพวกดีพีเอสที่พยายามไล่ฆ่า จนตัวละครเมอร์ซี่ต้องบินล่อนไปเกาะคนนู้นคนนี้ที อดไม่ได้ที่จะโวยวายโหวกเหวก “ช่วยด้วยยย อีเหี้ยเกนจิฝ่ายตรงข้ามจ้องจะเย็-กูแล้ว”

“นายๆ ช่วยเมอร์ซี่ที” ผึ้งที่กำลังซุ่มยิงฝ่ายตรงข้ามอยู่ เล่นตัวละครสไนเปอร์เอ่ยบอกผู้ชายในทีม

ผมขมวดคิ้วมุ่น โดนเกนจิของศัตรูไล่ปาดาวกระจายใส่ไม่หยุดหย่อน หันไปดูก็เห็นทีมตัวเองกำลังวุ่นวายกันชุลมุนไปหมด เลยตัดสินใจควักปืนออกมาแทน

“จะเอากูให้ได้ใช่ไหมอีนินจา” เค้นเสียงลอดไรฟันอย่างมีน้ำโห เล็งเป้าหมายยิงปืนใส่ตัวละครตรงหน้าที่ใกล้จะถึงตัวภายในเสี้ยววิ ซ้ำยังวิ่งตามไม่เลิกรา แถมมันยังใช้สกิลปัดกระสุนอีกต่างหาก ผมเลยหยุดยิงสักพักหนึ่ง กดปุ่มอัลติเมทกางปีกบินสู่ท้องฟ้า เล็งหัวศัตรูเพื่อล็อกเป้าเสร็จสรรพก็สาดกระสุนไม่ยั้งสุดชีวิต เมื่อตัวละครตรงข้ามพุ่งกระโจนเข้ามาหมายจะฟันผม ผมก็กดปุ่มเอาคฑาฟาดหัวศัตรูในระยะใกล้ในทันที ปลิดชีพตัวละครตรงหน้าให้ตายในทันใด “เล่นกับใครไม่เล่น เสือกมาเล่นกับกู”

“ว้าว เมอร์ซี่หลีกระพือ แหกหลีบินพึ่บๆ” อีผึ้งหยอกล้อ ทั้งขำและจริงจังในระหว่างต่อสู้กับฝ่ายตรงข้าม

“ถ้าใช้ปีกบินหมุนเป็นกงจักรได้กูทำไปนานละ” ผมบ่น พลันโมโหเมื่ออีผึ้งกดสัญญาณขอฮิวหลายครั้งหลายหน “นี่ รอเป็นไหมอีควาย กดแม่งย้ำๆ อยู่ได้อีสัตว์ เดี๋ยวกูก็โยนคฑาให้ฮิวเองเลยหนิ” ด่ามันทั้งที่เป็นไปไม่ได้ที่จะโยนอาวุธส่วนตัวให้อีกคนได้ใช้งาน

“มือลั่น ขอโทษได้ไหมล่ะ” ผึ้งบอกผสมกับเสียงหัวเราะ

“ฮ่าๆๆ” เสียงผู้ชายในทีมดังลั่นขึ้น ดูตลกกับคำพูดคำจาของผมสุดๆ “จบตานี้ขอเล่นด้วยได้ไหมครับ สนุกดีอะ” อีกฝ่ายบอกขณะพุ่งตัวไปฟันศัตรูด้านหน้า สร้างดาเมจรุนแรงจนฝ่ายตรงข้ามนอนตายไปอีกหนึ่งราย

“ได้สิ ขึ้นชื่อว่าผู้ชายได้หมดแหละ” คริสตี้ตอบรับแทน ส่วนผมกลอกตามองไปที่มือถือก็เห็นอิโมจิกดปุ่มโกรธในชั่วพริบตา แถมหน้าอีโมจิที่ว่าก็ดันเป็นของพี่เดือนด้วย

‘อาห์ อีเพื่อนร่าน ลางกูบอกเหตุว่าศพมึงไม่สวยอย่างแน่นอน’ ได้แต่เก็บครุ่นคิดเอาไว้ในใจ

“แล้วถ้าเป็นผู้หญิงล่ะ” แพทถามขณะใช้หุ่นสีชมพูยิงสาดกระสุนใส่แท็งค์ที่มีลักษณะเป็นหมูตัวใหญ่ๆ

“ก็ไล่ออกไปซะ ชะนีไม่รับหรอกค่ะ ออกไป๊ !” มันตะโกนซะแสบแก้วหู

“งั้นเดี๋ยวหนูรีบกดปุ่มออกเดี๋ยวนี้เลยค่ะ” น้องหมวยว่า ตัวละครหยุดนิ่งคล้ายจะกดปุ่มออกจากเกม

“อย่าค่ะน้อง พี่ไม่ได้หมายถึงเรา ฮ่าๆ อยู่แก๊งพี่ พี่นับเราเป็นลูกสาวค่ะ” คริสตี้รีบปลอบประโลม แกล้งเล่นส่งมุกกันทั้งนั้น หัวเราะกันไม่หยุดปาก แถบวงกลมก็ใกล้จะครบแล้ว ทว่าฝ่ายตรงข้ามกลับทยอยกันมามากขึ้น

“แอนนามีอัลติยังครับ” ผู้ชายในทีมที่ชื่อไอดีอ๊อกๆ ติดคอถามไถ่

“มีแล้วค่ะ” น้องหมวยขานรับ

“งั้นนาโนใส่ผมตอนนี้เลยครับ” พูดสกิลเสร็จสรรพก็กระโดดพุ่งตัวเกือบถึงศาลาของด่าน เปล่งประกายแสงสีฟ้าวาววับในตัวละคร ผนวกกับกระแสไฟฟ้า

“เหมือนปิกาจูเลย” ผมแกล้งล้อเลียนอีกฝ่ายในระหว่างที่อีกคนกำลังเปิดอัลติเมทควักดาบยาวอาวุธมาจากด้านหลัง พุ่งเข้าไปฟาดฟันใส่ซัพอร์ตตรงข้าม ตามติดมาด้วยดีพีเอสและแท้งค์หลายตัวติดกัน ฆ่าพร้อมกันทีเดียวถึงหกตัวละคร กลายเป็นยึดพอยท์ได้ในที่สุด

“โหยยยยยยยยยย !” กะเทยร้องลั่นกันระนาว ปากอ้าตาค้างกับสิ่งที่เห็นในหน้าจอคอม

โหดเหี้ยๆ ค่ะพ่อ !

“เก็บหมดเลยเวอร์” น้ำเสียงของผึ้งดูตื่นตะลึง

“โหดจัง” น้องหมวยกล่าว

“โซผัวมากค่ะพี่” อีคริสตี้แทบกรี๊ดลั่น “อยากได้เป็นสามีกันเลยทีเดียว”

“ก็คือถ้าฟันเก่งขนาดนี้ ถ้าเปรียบเป็นผู้หญิงฝ่ายตรงข้ามก็ตั้งท้องกันหมด” ผมหยอกเย้า แต่ใจจริงอึ้งทึ่งไม่หายกับความเก่งกาจของผู้ชายในทีมตนเอง

“จริงมึง” คริสตี้เห็นด้วย

“แล้วอยากลองท้องบ้างไหมล่ะครับ” เสียงผู้ชายในทีมหยอดคำหวานกลับมา เล่นเอาผมชะงักงันกลั้นเขิน

ไม่มีมดลูกอะค่ะให้ทำไงดี หากเป็นผู้หญิงโดนพูดแบบนี้ใส่จะถือว่าเป็นการล่วงละเมิดทางเพศ แต่ทางเราเป็นฝ่ายอ่อยก่อน ฉะนั้นจึงไม่นับว่าเป็นอะไร

หึ ผู้ชายเล่นด้วยแหละแม่ อย่างงี้ตกเหยื่อได้ชัดๆ อีพวกเพื่อนๆ ก็ต้องพ่ายแพ้ด้วยความไม่สวยพอ

ส่วนพี่นนท์พักก่อน ว่าที่ผัวไม่รู้หรอก สถาปนาให้กูเป็นแฟนไหม ? ก็ไม่

“ก็อยากนะคะ” หยอดคำหวานตอบกลับไป สมควรมงลงกบาลตัวเองเป็นที่แน่ๆ ชัยชนะนี้ต้องเป็นของเรา

“อีพวกไม่สวยก็เหนื่อยหน่อยนะ” กดปิดไมค์ในเกมแล้วด่าทุกคนในดิสคอด

“อีกะหรี่” คริสตี้ด่าสวน

“ว่าไงอีแม่เล้า” ผมด่ากลับ กระทั่งตาพวกเราถูกเปลี่ยนเป็นฝ่ายป้องกันในพอยท์แทน จากนั้นก็บังคับตัวละครให้เดินไปปกป้องในฐานแรก ครั้งนี้ผมเล่นตัวพระที่มีลูกประคำวนล้อมรอบตัวละคร เวลาฮิวเพื่อนๆ ก็จะปาบอลลูกกลมๆ เล็กๆ อยู่เหนือศีรษะของเพื่อนพ้อง ฮิวได้ทีละหนึ่งตัวเท่านั้น ไม่รู้จะใส่แม่งทำไมหลายลูกประคำ ทั้งๆ ที่มีตั้งหกลูกอีฉิบหาย

ผมอธิบายตัวละครในการสตรีม “สกิลตัวนี้คือการปาฮิวให้เพื่อนนะคะ และการใส่ลูกประคำสีม่วงๆ ติดศัตรูเพื่อให้ได้รับผลกระทบดาเมจมากยิ่งขึ้น การโจมตีทั่วๆ ไปคือการปาลูกประคำใส่อีกฝ่าย อัลติเมทเป็นการพนมมือส่องแสงสีเหลืองทองอร่ามเหมือนสวดมนต์ ตัวละครเราจะเป็นอมตะชั่วขณะ ส่วนเพื่อนๆ จะได้รับเลือดกี่จำนวนอันนี้ก็ไม่ทราบ ข้อนี้ไปทำการบ้านเสิร์ชหาดูกันเอาเองนะคะท่านผู้ชมทั้งหลาย อย่าขี้เกียจกันให้มาก ขยันกดไลก์กดแชร์ด้วยนะคะ”

มีอิโมจิสีเหลืองหน้าหัวเราะขึ้นมานับสิบ

เกมรอบที่สองเริ่มต้นขึ้น ด้านหน้าที่เราป้องกันใกล้กับจุดเกิดตัวละครฝ่ายตรงข้ามหน่อย จะมีกำแพงสูงชะลูดที่สร้างจากไม้เหี้ยไรก็ไม่ทราบเช่นเดียวกัน อีนักเขียนคนนี้แม่งก็ไม่เคยศึกษาห่าเหวอะไรเลยสักนิด เห็นมีช่องโหว่เล็กๆ ขวามือด้านบนกับโขดหิน เผื่อตัวละครตัวไหนกระแดะอยากปีนป่ายขึ้นไปยิงศัตรูด้านนอก ทางเข้าจะเป็นสองช่องทางดังที่กล่าวเบื้องต้น ที่ยืนอยู่นี้คือบานประตูใหญ่ๆ ที่พวกเรากำลังป้องกันโดยมีแท็งค์ยืนกางโล่ให้อยู่ นับเวลาถอยหลังศัตรูก็เดินกันมาเป็นขบวน

ด่านที่เล่นเป็นสไตล์ญี่ปุ่นโบราณ

อธิบายรวบรัดไหมคะ ถ้ารวดรัดเกินไป รบกวนอ่านใหม่อีกสักรอบ และหยุดแวะเสิร์ชหาข้อมูลด่านที่ว่า

“โซเยอร์ปกป้องเราด้วยนะ” ผมแอ๊บเสียงหวานหวังหาที่ปกปักจากผู้ชายในทีม

ก็แหม ไหนๆ ก็จะได้ผัวคนที่สองอะ ขยันเต๊าะหน่อยให้มันเหมาะคำครหาว่าอีกะหรี่

“จะพยายามนะครับ” ผู้ชายตอบมา ทำผมรู้สึกตัวเองสวยมาก พลางยกยิ้มภาคภูมิใจ

“กูชนะจ้ะ” ผมปิดไมค์ในเกมพูดในดิสคอด

“เกมยังไม่ทันจบ อย่าเพิ่งนับศพกะเทย” ผึ้งกล่าวเสียงเยาะ

“ทหารปะเอาดีๆ” ผมแก้ให้ บีบเสียงหวานพูดในเกมต่อ “มีเธอแบกอะไรก็ดีไปหมดแหละ สู้ๆ นะเธอ เราเป็นกำลังใจให้ จะคอยปาฮิวให้ตลอดเลย” ผมพูดส่งกำลังใจ

“แล้วพวกกูล่ะ” คริสตี้เอ่ยในเกม

ผมเปิดไมค์บอกมัน “เก็บยาหาแดกกันเอาเอง”

“ดอกทองช้างลากเย็-มาก” มันด่าอย่างเกรี้ยวกราด

“ไม่หยาบคายสิ มีคนดูตั้งเยอะแยะ เดี๋ยวก็โดนรุมรีพอตหรอก” ผมเตือน ใจหนึ่งก็เกรงกลัว แต่ถ้าขืนโดนจริงก็คงปิดล้มเลิกการเป็นนักแคส

“รบกวนอ่านชื่อเพจด้วยนะคะท่านผู้ชมทั้งหลาย เด็กๆ ก็อย่าเอาเป็นเยี่ยงอย่าง” คริสตี้ชี้แจง ผ่านพ้นไม่นานคำหยาบก็ตามมา “เอาแล้ว แม่งจะเอากูแล้ว อีสัตว์โล่จะแตก โล่จะแตกแล้วอีเหี้ย !” มันโวยวายด่ากระแทกกระทั้นไม่พอใจ เมื่อตัวละครแท็งค์ของตนเองที่มีเกาะถึงสองพันถูกดาเมจถล่มทลาย ผมรีบปาลูกประคำฮิวให้มันทันที ถึงกระนั้นก็ไม่สามารถช่วยอะไรขึ้นมาได้ เมื่อคริสตี้โดนฝั่งตรงข้ามทั้งหมดรุมทึ้งกันระนาว แม้คนอื่นๆ จะพยายามช่วยเหลือคอยซัพพอร์ตให้ตลอด สุดท้ายก็โดนยิงตายรอคอยการเกิดใหม่

“กูโดนรุมเย็-เลยอีสัตว์” มันโมโหโทโสในบัดดล

“อีคริสตี้โดนรุมประชาชี” แพทกล่าวยั่วเย้า “ช่างน่าสงสาร”

“อีริปเปอร์ฝ่ายตรงข้ามนะอีดอก ยิงกู เดี๋ยวก่อนเถอะ เจอกูแน่” แสดงถึงความขุ่นเคืองคับแค้นใจเป็นอย่างยิ่ง “อีหน้าเม็ดแตด”

ตัวผมกลั้นขำคำพูดอีคริสตี้ แต่ก็ยังได้ยินเสียงผู้ชายในทีมเดียวกันแอบกลั้นขำเช่นเดียวกัน

อีหน้าเม็ดแตด คือศัพท์ติดปากคริสตี้พอๆ กับอีช้างลากเย็-

“ด่าอีกๆ ด่ามันแรงๆ เลย” ผึ้งสนับสนุน

“อีน่าหลี” คริสตี้ว่า

ผึ้งเสริม “เอาอีกๆ”

“อีเหี้ยอีสัตว์” คริสตี้ต่อปากต่อคำ

“ไม่พอ เอาให้มันเจ็บกว่านี้ เจ็บให้หลีแสบทรวงไปถึงข้างใน” อีผึ้งกัดฟันใส่อารมณ์ร่วม พลางซี๊ดปากเหมือนแดกพริกขี้หนู

“อีคว-เหม็น อีกระดอหมา อีขี้เปียกติดหนังคว- อีคว-ถอก อีกะหรี่ชั้นต่ำไร้ราคา อีกะเทยหน้าหนังหลี ชอบขยันเสี้ยมเก่งนักนะอีหน้าส้นตีน อีดอกทอง สาระชั่ววววววว !” คริสตี้ถึงกับลากเสียงยาวเหยียดในประโยคท้าย “พอใจมึงยังอีผึ้ง”

“...” ผึ้งถึงกับเงียบไม่กล้าเอ่ยปาก ทิ้งเวลาชั่วครู่ก็เอื้อนเอ่ยถ้อยคำ “เกือบจะดีละ ประโยคแรกคือจุกกระดอหมามาก ประโยคท้ายคือจิกหลีกูสุด”

“บ้าาาาา มึงอะคิดมาก ใครจะไปกล้าด่าเพื่อนรัก” คริสตี้เสียงยานดูมีพิรุธ

“อ๋อเหรอคะ” ผึ้งไม่มั่นใจ

“จริงค่ะอีสัตว์”

“ด่าใคร” ผึ้งว่า

“อ่าว โง่อีก โดนด่าเสือกไม่รู้ตัว” คริสตี้ตอบทันควัน

ไม่ทันไรอีผึ้งก็โดนศัตรูยิงตายห่า

“โอ๊ย ! เพราะมึงอะอีคริสตี้ ชวนกูคุย” ผึ้งแว้ดใส่ไม่พอใจ โบ้ยไปทางอีกฝ่าย

“ฮ่าๆ สมน้ำหน้า หญิงร่านต้องตายก่อน” คริสตี้หัวเราะสะใจ

“ประทานโทษนะคะ แต่ได้ข่าวมึงตายก่อนกูนะอีควาย” ผึ้งค้าน เรียกสติอีคนที่ด่าไม่ทันยั้งคิด

“เออว่ะ” คริสตี้เพิ่งนึกขึ้นได้

สถานการณ์กลับมาคับขัน เหล่าผู้รอดชีวิตที่เหลือต้องเอาตัวรอดกับการโดนศัตรูไล่ล่าเหมือนอาฆาตแค้นพยาบาท  ฝ่ายจู่โจมของฝ่ายตรงข้ามเล่นตัวละครที่สามารถบินได้ ซ้ำยังยิงปืนบอมใส่ผมจนต้องกางปีกบินหนีไปที่ด้านหลังผนังโขดหิน ส่วนน้องหมวยที่เล่นตัวยายแก่ๆ สามารถใช้ปืนยิงฮิวให้เพื่อนๆ ได้ พลันยิงยาสลบใส่แท็งค์ที่หมายจะไล่ล่าตนเองจนนอนหลับอุตุ

ต่างจากแพทที่ใช้ตัวละครผู้หญิงตัวใหญ่บึกถือปืนเลเซอร์ไล่ยิงไปที่ตัวละครอื่นๆ และก็หันไปกางบาเรียให้เพื่อนพ้องเพื่อดูดกระสุนฝ่ายตรงข้าม ทำให้ดาเมจของตัวละครมันเพิ่มมากยิ่งขึ้น มันทำหน้าที่ได้ดีมากจนผมต้องเอ่ยปากชม ส่วนตัวผมเองก็บินไปฮิวให้คนนู้นคนนี้ที อาศัยจังหวะพลิ้วไหวจนฝ่ายตรงข้ามไล่ฆ่าแทบไม่ทัน ในระหว่างนั้นพวกคริสตี้กับผึ้งก็กำลังเดินมายังพอยท์แรก ใช้ระยะเวลาหลายวินาทีอยู่

“เอาอีฟาร่าที รำคาญมาก” ผมร้องขอความช่วยเหลือ เอ่ยชื่อตัวละคร

“เดี๋ยวหนูใช้แม่มันฆ่าลูกมันให้ค่ะ” น้องหมวยหมายมั่น เพราะตัวละครที่น้องเล่นมีสตอรี่เป็นแม่ของศัตรูตัวละครดังที่ว่า หนำซ้ำน้องยังด่า “อีลูกทรพี” จากนั้นก็ยิงกระสุนสร้างดาเมจใส่ตัวละครที่บินว่อนเหมือนแมลงหวี่แมลงวัน

“ขอบคุณมาก เก่งมากน้องหมวย” ผมชมเปาะ หลังจากที่ตัวละครตัวนั้นตายห่าในไม่กี่วินาทีต่อมา หมุนเม้าส์บินไปฮิวให้ตัวละครทหารแทน แถมอีกฝ่ายยังวิ่งวุ่นไปมา เลือดในหลอดก็เหลืออยู่ครึ่งหนึ่ง

ผมฮิวปุ๊บก็เปลี่ยนเป็นเพิ่มดาเมจให้แทนอย่างรู้งาน เพื่อนผู้ชายในทีมจึงฆ่าศัตรูฝ่ายตรงข้ามได้ไปถึงสามตัว ช่างแม่นเหมือนใช้โปรแกรมโกง

โหดไปไหนอะถามจริง “เปิด ‘aimbot’ ปะหนิ” ผมแกล้งหยอกล้อเขา

“จะบ้าเหรอ ฮ่าๆ” ผู้ชายในทีมหัวเราะขำ มิวายบอก “ฝีมือล้วนๆ ครับ”

“แล้วอย่างอื่นมีฝีมือด้วยปะ” ผมแกล้งหยอดคำหวาน หวังใช้มุกอ่อยเหยื่อเพื่อสำเร็จแผน

“หมายถึงอะไรครับ ?” อีกคนดูท่าจะไม่เข้าใจ ผมจึงต้องอธิบายต่อ

“หมายถึงเรื่องบนเตียงอะ มีฝีมือด้วยปะ ?” พูดไปก็รีบเม้มปากแน่น เขินสิ้นดี

“ร่านมากกกกกก !” คริสตี้กล่าวอย่างส่อเสียด

“อุ้ย ! เจอดอกไม้” แพทพูดต่อ “อ้อ นี่ดอกทองนี่เอง”

“พบคนเป็นกะหรี่ค๊าคุณตำรวจ” ผึ้งก็ไม่ต่าง กล่าวพาดพิง “หนักกว่ากะหรี่ก็อีดอกนี่นี่แหละ”

“แรงน๊า” ผมขานรับคำด่าเสียดแทงของเพื่อนๆ  คิดว่าจะไม่โดนด่าแล้วนะ แต่น้องหมวยก็มาผสมโรงกับเขาด้วย

“หมวยเพิ่งรู้ว่าพี่แรดมากขนาดนี้”

แรงมาก ! ด่าขนาดนี้พวกมึงมารุมตบกูเลยเถอะ

“อีอ๊อกเขามีจุดมุ่งหมายการเป็นกะหรี่ค่ะพวกมึง” คริสตี้พูดจาติดตลก ไม่เว้นจังหวะให้ผู้ชายในทีมได้ตอบผมกลับเลยสักนิด หนำซ้ำทุกคนยังส่งเสริมแกล้งทำเป็นงงงวย

“คือไรอ๋อมึงกูอยากรู้อ่า อยากรู้ๆ” ผึ้งบีบเสียงตอแหลใส่อย่างเป็นทางการ กระดี๊กระด๊าจนน่าตะปบหน้า

“ร่านให้สุด แล้วไปสิ้นสุดที่วัดพระบาทน้ำพุ”คริสตี้กล่าว

“แรงมากอีสัตว์” ผมสวนกลับ หลุดขำเล็กน้อยกับคำด่า ก่อนจะสาปแช่งมัน “เดี๋ยวกูจะไปทำบุญที่นั่น มึงนั่นแหละที่ต้องไปแทน อีพวกบาปหนา”

“จบนี่กูจะรีบไปสวดมนต์ขอโทษขอโพย” คริสตี้รีบร้อนรนกล่าวออกมา

ผมปิดไมค์ในเกมทันที ด่าฉอดมันในดิสคอด “สวดมนต์ไปก็ไม่ได้อะไรขึ้นมา เข้าวัดทำบุญบาปหนาอย่างมึงอโหสิกรรมใคร ออกมาก็ระริกระรี้ตอแหลสร้างผลชั่วเหมือนเดิมไม่เคยเปลี่ยน”

“ทำไมเพื่อนปากคอเราะร้ายแบบนี้อะ รับไม่ได้” คริสตี้บีบน้ำเสียงสะอื้นไห้

“ปากคอเราะรายค่ะ เรียกให้ถูกหน่อย” ผมแก้ต่าง

“ช่างหัวศัพท์นิยายมึงเถอะ ปากคอเราะร้ายติดปากกว่า กูสะดวกแบบนี้ มึงอย่าได้มาสาระแน” คริสตี้หงุดหงิดรำคาญใจ “ขยันปากดีนักนะเดี๋ยวกูหันไปกระโดดถีบให้กระเด็น” มันพูดแหย่ทีเล่นทีจริง

“ก็ลองดูสิ” ผมแกล้งลองเชิง ขะมักเขม้นในการเล่นเกม แต่อยู่ดีๆ ตัวก็เอนเอียงล้มลงไปด้านข้างจากแรงถีบที่อีเพื่อนชั่วยืดขาออกมาเตะ

“อีคริสตี้ !” ผมตวาดลั่น ผสมผสานกับเสียงหัวเราะ หันมาจ้องหน้าจอคอมก็ปรากฎว่าตัวเองโดนยิงตายซะแล้ว “กูเดี้ยงเลยเนี่ย มึงแม่งเลว”

“สมน้ำหน้ามึง” อีเพื่อนร่านยิ้มหยันสาแก่ใจ “แรดดีนัก กูจะฟ้องผัวคนแรกของมึงด้วย เดี๋ยวก่อนเถอะ”

“เขาไม่ใช่ผัวกู” ผมอธิบาย

“ก็เย็-กันเมื่อคืนนี้จะไม่ใช่ผัวได้ไง หรือเป็นFWB” คริสตี้ที่หันหลังให้พูดเสียงหวานเร่งเร้าอย่างเจ้าเล่ห์

“ย่อมาจากอะไร” ผมไม่เข้าใจความหมาย แต่พอจะเห็นบ่อยๆ ในแอปหาคู่สนทนา

“Friend with benefits เพื่อนสิทธิประโยชน์ หรือถ้าพูดตรงๆ ก็คือเพื่อนคุยและเย็-กันได้แบบไม่ผูกมัด” มันแจงให้เสร็จสรรพ

“โอ้ น่าแต่งเป็นนิยายวาย ขอบคุณที่ชี้แจง” ผมขานรับขอบพระคุณ ขณะรอคอยการเกิดใหม่ ขณะนั้นเองทีมในพอยท์แรกก็ตายห่ากันหมด กลายเป็นโดนยึด เลยต้องมายืนที่พอยท์สองซึ่งใกล้กับจุดเกิดในพิกัดตนเองแทน

“ขอให้ชนะเหอะ ขี้เกียจสู้ใหม่” ผมบ่นลอยๆ

จู่ๆ เสียงผู้ชายในทีมก็แทรกขึ้นมา “ผมยังไม่ตอบคำถามคุณเลย”

“หืม ?”

“ที่ว่าเก่งเรื่องบนเตียงไหมอะ ?” เขาทวนคำพูดในสิ่งที่ตัวผมนั้นได้เคยเอ่ยปาก

“อ๋อออ เรื่องนั้น” ผมกระจ่างแจ้ง ปากที่อ้าอยู่จากการพูดจาฉะฉานเปลี่ยนเป็นเหวอ

“จะลองดูไหมล่ะครับ”
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 22-06-2020 11:45:16 โดย lookpatty15407 »

ออฟไลน์ lookpatty15407

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 74
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +30/-1
อูยยยยย ลองไรครับ เลิ่กลั่กทำตัวไม่ถูกเลย

เขาท้าทายเราอะแม่ ! อีอ๊อกมือไม้เกร็ง จากที่เกร็งเพราะเห็นกระดอพี่นนท์แล้ว นี่ยังต้องมาเกร็งเพราะคำเต๊าะจากผู้ชายในเกมอีก

“อีอ๊อกเขาท้าทายอำนาจมืดมึงอะ” ผึ้งสนับสนุนเต็มที่ ดูท่าทางมันจะเอาใจช่วยเป็นพิเศษ

“มึงจะยอมอ๋อวะ เฮ้ย เป็นกูไม่ยอมนะ” แพทเองก็เชียร์

อีพวกเหี้ยนี่รู้เลยนะครับว่าเป็นคนชื่นชอบสร้างความร้าวฉาน

มีหรือที่อีอ๊อกจะยอมทน “ก็มาสิ” ไม่กลัวหรอก จากที่เคยผ่านประสบการณ์ของพี่นนท์มาแล้ว ไม่คิดว่าจะเจอหรรมใหญ่นอกเหนือจากนี้อีกแล้วล่ะ

อีกอย่าง...ผู้ชายในเกมก็แค่อำเล่นชวนเขินอายเท่านั้นเอง กระแสคนดูก็เริ่มเป็นไบโพลาร์สร้างแฮชแท็กเชียร์ขึ้นมาเฉย เดี๋ยวก็ขำเดี๋ยวก็จิ้นนั่นนี่ ประหนึ่งอ่านนิยายมากไป พาลให้นึกถึงคำด่าของแม่ผม เวลาที่ผมชอบหลุดหัวเราะตอนอ่านนิยายวายขึ้นมาว่า ‘มึงเป็นบ้าอ๋อ’

“อีนี่มันร้ายนะคะหัวหน้า” คริสตี้ส่งซิกให้ทุกคนในเกม

“จริงค่ะลูกพี่ ดูเหมือนกุลสตรีไทยดั่งผืนผ้าที่ผับไว้ ที่ไหนได้เป็นผ้าที่ยับยู่ยี่เปื้อนคาวโลกีย์” ผึ้งกล่าว น้ำเสียงพาลจิกกัด

“หมายถึงร่านเหรอคะ” น้องหมวยพูดจาตรงตัว ระหว่างนั้นก็ใช้ปืนยิงยาสลบใส่แท็งค์ที่เข้ามาในถิ่นฐาน

“กัดกันเก่งขนาดนี้ พวกมึงด่ากูว่าอีดอกทองเลยเถอะ” ผมยิ้มเยื้อน จังหวะเดียวกับที่เพื่อนทุกคนในทีมโดนแท็งค์ผู้หญิงใส่อันติรวบตัวละคร ตัวผมเองก็เปิดอัลติเมทให้เพื่อนไม่ตายห่าอย่างฉิวเฉียด

และใช่ พวกมันร่วมมือร่วมใจด่าผมว่าอีดอกทองพร้อมเพรียงกัน

ตัวละครแพทคราวนี้เป็นฝ่ายใช้อัลติเมทบ้าง ส่งลูกกลมๆ เหมือนหลุมดำอวกาศดึงดูดศัตรูให้เกาะตัวเหนียวหนืดยากเกินจะหลุดพ้น โชคยังดีที่ซัพพอร์ตฝ่ายตรงข้ามไม่มีอัลติ ตัวละครหกตัวที่ถูกรวบจึงโดนหมายหัว

“รุมเย็-มันนนนน !” อีคริสตี้ตวาดเสียงปลุกขวัญกำลังใจ เร่งเร้าหวังให้ทุกคนในทีมช่วยเหลือกันฆ่าฝ่ายตรงข้าม แต่คำพูดคำจาช่างน่าขวัญผวา “เอาเลย เอาให้โบ๋กันไปข้าง อย่าให้เหลือแม้แต่คนเดียว เร็วเข้าทุกคน !”

แล้วกะเทยทุกคนก็ร่วมแรงร่วมใจกันส่งเสียงกรีดร้อง ไม่แม้แต่ผมให้หูแตกกันไปข้าง “กรี๊ดดดดดดดดด !!” พร้อมพรักกับกระสุนทุกนัด อะไรที่ถาโถมได้ทุกคนในทีมก็ช่วยกันรุมสุดแรงเกิด รุมโทรมตัวละครอย่างไม่ปรานี

ฝ่ายตรงข้ามตายห่าหมด เวลาก็หมดเป็นอันจบเกม

“ชนะค๊าาาาาา เลิศมาก !!” คริสตี้แทบร้องไชโย “นายได้เพลย์ออฟเดอะเกมแน่เลยอะ” มันพูดถึงผู้ชายในทีม

เป็นดังที่คาดคะเน เกมฉากฆ่าศัตรูฝ่ายตรงข้ามถูกปิดท้ายด้วยไอดีของอ๊อกๆ ติดคอที่คล้ายคลึงกับชื่อของผม ฆ่าหมดตั้งหกคนราวกับโปรเพลเยอร์

“ขอบคุณมากนะครับ สนุกมากเลย ผมขอจอยเล่นด้วยคนนะ” อีกฝ่ายเอ่ยปากบอกพลางกลั้วหัวเราะขำ วาจาสุภาพมากจนกะเทยทั้งหลายใจอ่อนยวบ

“ได้สิๆ” อีผึ้งไวตามเคย

“นายชื่อไรอะ” คริสตี้ถาม ทุกคนในดิสคอดพร้อมใจกันเงียบ ลุ้นระทึกกับชื่อของหนุ่มเจ้าของเสียงหล่อเหลา

“เพื่อนคุณก็รู้จักชื่อผมดีนะครับ” อีกฝ่ายตอบกลับมาให้ทุกคนฉงนสงสัย

ผมร้อง “หืม ?” อย่างงุนงง

“เพื่อนคนไหนอะ” แพทหวังหาเฉลย

“ก็น้องอ๊อกไง” เสียงของเขาดูรื่นเริงยามเอ่ยชื่อผม สร้างความประหลาดใจเป็นอย่างมาก ครู่ต่อมาก็คล้ายเสียงไมค์มากระซิบใกล้กับกลีบปาก ส่งผลให้คนที่ใส่หูฟังอย่างพวกผมได้ยินเสียงลมหายใจเซ็กซี่ชวนใจแตก ก่อนที่คำพูดแหบพร่าทุ้มละมุนจะเอื้อนเอ่ยทักทาย “น้องอ๊อกจำพี่นนท์ไม่ได้เหรอคะ หืม ?”

โอ้ ผัวกูเองค๊าาาาาาาาา ตบมือสิคะ รอเหี้ยอะไรอยู่ !

“พะ พี่นนท์จริงเหรอ ?” น้ำเสียงผมสั่นด้วยความไม่มั่นใจ

“ใช่ค่ะ” เขายืนยัน “ก็เพิ่งทักไลน์ส่งรูปไปหยกๆ จำไม่ได้แล้วเหรอคะ อาห์ น่าน้อยใจจังเลย นี่พี่อุตส่าห์ถึงกับลงทุนจ่ายเงินเปลี่ยนชื่อไอดีใหม่ให้เป็นชื่อหนูเลยนะคะ”

ควรปลาบปลื้มใจใช่ไหมคะผัวขา ‘อ๊อกๆ ติดคอ’ ตั้งให้ซะขนาดนี้

“จำได้สิ” ทำไมจะจำไม่ได้ ก็ส่งรูปคว-มาให้ซะขนาดนั้น เห็นตั้งแต่ตอนเช้าตรู่ แถมยังเห็นในมือถือต่ออีก ติดใจจนต้องเซฟรูปเผื่อเก็บไปฝันเปียก

“โอ้ดีใจจัง แต่เสียงหนูตอนนี้น่ารักจังเลยนะคะ ไม่เห็นเหมือนตอนนั้น เสียงหวานกว่านั้นอีก แถมเมื่อคืน…”

“หยุด” ผมรีบปราม

“เอ้า ! อีเหี้ย ! มึงจะขัดเขาทำไม พวกกูกำลังเสือกกันอยู่เลย เชิญอธิบายต่อค่ะคุณพี่ขา” คริสตี้เชื้อเชิญให้กล่าวต่อ

“ฮ่าๆ ก็ไม่มีอะไรมากหรอกค่ะ แค่เมื่อวานน้องอ๊อกน่ารักดี ได้รู้จักกันเฉยๆ น้องคริสตี้ก็รู้จักเพื่อนพี่หนิ ชื่อเดือน”

“...” อีคริสตี้ถึงกับหุบปากฉับ ผมหันไปมองจึงเห็นมันดวงตาค่อยๆ เบิกกว้าง หมุนคอหันมาจ้องหน้าผมเหมือนตุ๊กตาไขลานกึกๆ กักๆ

อีสัตว์นี่มีปัญหากับคอชัวร์ น่าพาไปพบแพทย์โดยไว

‘มึง ใช่ ใช่ไหม ?’ มันดวงตาเบิกกว้างคล้ายส่งผ่านความนัยในกระแสจิตดุจจีนเกรย์ ผมพยักหน้ารับ ดวงตามีน้ำตาคลอเบ้าอยู่หน่อยๆ ‘ใช่ค่ะเพื่อน’

พวกเราไม่รอดพ้นจากการเป็นกะหรี่แน่นอน

“เดือนเขาฝากบอกกับพี่ด้วยนะครับเมื่อกี้นี้” พี่นนท์บอกในเกม น้ำเสียงดูมีความสุข แต่นำพาให้คนฟังมีความทุกข์ “ว่าอยากมีเรื่องจะคุยด้วยนิดหน่อย”

อีคริสตี้ที่ร้อนรนอยู่แล้ว เลิ่กลั่กหนักกว่าเดิม เอ่ยปากบอกยาวเหยียดดุจคำคมกระแสในโลกออนไลน์ “อ๋อ ไม่สะดวกค่ะ ว่าจะไปเรียนแต่งหน้า ทำผม ดำน้ำ ปลูกมักกะลีผล ทำอาหาร นวดสปา ปลูกป่า ดำนา ดูพอร์น รูดเสา ล่องเรือ ส่องหรรม ช้อปปิ้ง ดูละครเวที ดูคอนเสิร์ต ดินเนอร์ ทำนม และผ่าหลี”

“ประโยคนี้ไม่น่าใช่นะ” อีผึ้งเอ่ยขัด ฟังอีคริสตี้รัวคำพูดไม่ยั้งคล้ายคำติดปาก

พี่นนท์หัวเราะขำยกใหญ่ “น้องคริสตี้ตลกจังเลยนะครับ” เขาเว้นจังหวะคำพูดก่อนจะเอ่ยประโยคถัดไป “งั้นไว้เดี๋ยวเดือนไปหาช่องทางติดต่อหนูเองละกันค่ะ”

“ไม่จำเป็นค๊าาาาาาา !!” อีคริสตี้โหยหวนในทันทีทันใด

“ใครวะพี่เดือน” ผึ้งสงสัยใคร่รู้

“ไม่เสือกสักเรื่องก็จะดีใจมาก” คริสตี้ด่าเพื่อนพ้อง

“แฟนเหรอ ?” แพทยังคงสาระแน ส่วนผมที่เข้าใจเพื่อนรักดีได้แต่ยืดแขนไปบีบมือมันแน่น มิวายส่งสายตาให้กำลังใจ

เกิดข้อสงสัยบางสิ่งบางอย่าง

“พี่นนท์รู้ได้ไงว่าอ๊อกเล่นเกมนี้อยู่” ผมฉงน หน้าก็บึ้งตึงคล้ายแคลงใจ กดเปิดไมค์พูดในเกมออนไลน์

“อ๋อ เรื่องนั้น” เขาขานรับ ก่อนจะหัวเราะดังเดิมพูดด้วยน้ำเสียงอบอุ่นเฉกเช่นเคย

“เห็นที่ยอดวิวหนูเยอะบ้างไหมคะ ?” ถามกูกลับมาแทนซะอย่างงั้น

“ค่ะ” ผมที่ยังแอ๊บเสียงอยู่ขานรับ มีหลายจังหวะที่แทบจะหลุดเสียงจริงของตนเอง

เมื่อพี่นนท์ได้ยินผมทำความเข้าใจความหมาย เขาจึงอธิบายเรื่องทั้งหมดทั้งมวล อีกทั้งคำตอบยังทำผมใจหายวาบ

“พอดีพี่เป็นนักแคสเกมค่ะ”

“...”

“ก็เลยช่วยแชร์เพจหนูแล้วมาสตรีมเล่นด้วยกันนี่ไง”

โอ้ พระเจ้าคะ ลูกคนนี้มีผัวเป็นนักแคสเกมเมอร์ด้วยแหละ หรือนี่เรากำลังอยู่ในพล็อตนิยายตลกร้ายที่ได้ผัวเป็นเกมเมอร์ ขัดกับอาชีพที่เป็นนักเขียนและผันตัวมาเป็นกะหรี่

“ทุกคนคะ” ผมพูดในสตรีมขณะกดปุ่มออกจากเกม “สำหรับวันนี้ สวัสดีและลาก่อน” จบการไลฟ์แต่เพียงเท่านี้

ล้มเลิกการเป็นกะหรี่นักแคสเกม
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 22-06-2020 11:46:02 โดย lookpatty15407 »

ออฟไลน์ JanTi

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 146
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
น้องอ๊อกทำไมรีบจบ กลัวพี่นนท์ใช่ไหม :hao7:

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด