My Gear รักร้ายๆ ของคุณชายเย็นชา 2 ( Chapter 10 - 11/10/62 หน้า 3 )
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: My Gear รักร้ายๆ ของคุณชายเย็นชา 2 ( Chapter 10 - 11/10/62 หน้า 3 )  (อ่าน 8978 ครั้ง)

ออฟไลน์ หมีขาว

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 142
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +69/-12
สองวันต่อมาอาการผมดีขึ้นมากครับ  ถึงจะยังเจ็บเนื้อเจ็บตัวอยู่บ้างแต่ก็เดินได้คล่องกว่าก่อนหน้านี้เยอะ

“ เฮ้ยเค....  พี่โอ๊ตพี่รหัสกูเขามีแข่งลักบี้เย็นนี้ว่ะ  มึงไปเชียร์พี่เขาเป็นเพื่อนกูหน่อยดิ “  ไอ้เอฟเพื่อนคณะที่ผมมักจะไปไหนมาไหนด้วยกันบ่อยๆ ว่ามาครับ

“ ขี้เกียจว่ะมึง  กูดูเป็นซะที่ไหนล่ะลักบี้  ไปก็น่าเบื่อเปล่าๆ “ 

ผมว่าไปตามจริงครับ  อีกอย่างผมว่าจะไปเล่นแบดที่ชมรมด้วย  ยิ่งใกล้กีฬาเฟรชชี่แล้ว  ผมยิ่งต้องเร่งซ้อมให้มากขึ้นครับ  เพราะถึงผมจะเป็นปีหนึ่ง  แต่ทางคณะได้ส่งให้ผมเป็นตัวแทนเข้าแข่งกีฬามหาลัยฯ  ทำไงได้ล่ะครับ  คณะเภสัทฯเรามันไม่ค่อยมีคนเล่นแบดกันสักเท่าไหร่

“ เออ....  ก็แล้วแต่มึงละกัน  แต่แพรวไปด้วยกันนะ  เราไม่ค่อยอยากฉายเดี่ยวเข้าไปในคณะวิศวะน่ะ  มันดูน่ากลัวยังไงไม่รู้  นะแพรว.. น้าๆๆ “

อะไรนะ...  แข่งกับวิศวะเหรอ...

“ เออกูไปเป็นเพื่อนมึงด้วยก็ได้  เดี๋ยวโดนดักตีหัวอีกจะลำบากกูหามส่งโรงพยาบาล “  ผมว่าไปแบบส่งๆ ครับ  ทั้งๆ ที่ความจริงแล้ว.... ไม่อายจะพูดได้เต็มปากว่าผมเองต่างงหากที่อยากไป...

คือ...  ก็แค่อยากไปขอบคุณใครบางคนให้มันเป็นเรื่องเป็นราวหน่อยอะครับ....  จะได้จบๆ ไป  ไม่อยากมีอะไรต้องคาใจอีก…


เย็นวันนี้พวกผมสามคนซึ่งมีผม  ไอ้เอฟแล้วก็แพรว  เดินงงๆ กันเข้าไปยังสนามลักบี้ซึ่งอยู่ติดกับคณะวิศวะฯ  ที่บอกว่าเดินงงๆ นี่ไม่ใช่เพราะว่าไม่รู้จักเส้นทางไปหรอกนะครับ  แต่ผมกำลังหมายถึงว่าพวกเรากำลังเดินเข้ามาในดงเด็กช่างใส่ช็อปกันจนแน่นเกือบทั้งสนามเลยล่ะครับ  ก่อนจะมองเห็นแสงสว่างรำไรจากชุดนักศึกษาสีขาวและรุ่นพี่ที่คุ้นหน้าอยู่บ้างประมาณสิบกว่าคน  ท่ามกลางเสื้อช็อปสีกรมท่านับร้อยครับ

“ เชี่ย...  ทำตัวไม่ถูกเลยว่ะมึง “  ไอ้เอฟว่ามาครับ  ซึ่งอย่าว่าแต่มันเลย  ขนาดผมยังอดเกร็งๆ ขึ้นมาไม่ได้อยู่เหมือนกัน

เราเดินเข้ามาถึงกลุ่มกองเชียร์คณะเภสัทฯ ที่ตอนนี้ทำตัวลีบไม่กล้าเชียร์อะไรจนออกนอกหน้ามากไป  เพราะเสียงของคณะคู่แข่งมันดังจนกลบเสียงพวกเราที่มีกันไม่ถึงยี่สิบคนไปจนหมดแล้ว

จากนั้นไม่นานนักกีฬาก็เริ่มลงมากันในสนาม  บอกได้เลยครับว่าผมไม่รู้จักนักกีฬาฝั่งผมเลยสักคน  ซึ่งคนเดียวที่ผมรู้จักแม้ว่าเขาจะไม่รู้จักผมก็ตามกลับเป็นนักกีฬาของฝั่งตรงข้าม  แถมยังเรียกเสียงกรี๊ดกร๊าดจากบรรดาสาวๆ ได้มากเลยทีเดียว  ไม่แปลกใจหรอกครับ  สูงโดดซะขนาดนั้น  ผิวสีแทน  หน้าคมเข้ม  หล่อชนิดไม่เกรงใจเพื่อนร่วมทีมเอาเสียเลย

“ นี่มึงเห็นพี่คนสูงๆ ฝั่งนั้นมั้ยวะ “  ไอ้เอฟสะกิดถามผมขึ้นมาครับ  ซึ่งผมก็พยักหน้ารับรู้ไปเล็กๆ

“ ชื่อพี่พีเว้ย  กูได้ข่าวมานะว่าตั้งแต่พี่แกเข้าชมรมมา  วิศวะก็ไม่เคยแพ้คณะไหนอีกเลย “  มันว่ามาราวกับชื่นชมคู่แข็งเสียอย่างนั้น  แต่ว่าถ้าเป็นอย่างนั้นจริง...  ผลวันนี้ก็คงไม่ต้องลุ้นให้ยากเลยครับ

เภสัทฯ เราแพ้ชัวร์....

ซึ่งก็เป็นไปตามนั้น  แต่ที่หนักกว่าก็คือ...  แพ้ขาดเลยทีเดียว....

ผมแยกกับแพรวและไอ้เอฟที่สนามครับ  เพราะพวกนั้นต้องรีบกลับไปให้ทันรถตู้  ส่วนผมต้องกลับไปเอาจักรยานที่ขี่มาจอดไว้ในคณะวิศวะครับ

“ อ่าวเค  มาทำไรที่นี่วะ “  เสียงกันต์ตระโกนดังมาไกลๆ ในระหว่างทางที่ผมจะไปเอารถจักรยานครับ  พอหันกลับไปก็พบว่าพวกมันมากันทั้งแก๊งเลย

“ มาเชียร์ลักบี้คณะน่ะ “  ผมตอบไปเมื่อพวกนั้นเดินเข้ามาถึง

“ เดี๋ยวพวกเรากำลังจะไปกินข้าวกันหลังมอ  ไปด้วยกันมั้ย “  กันต์ชวนมาครับ

“ เออเอาดิ  เดี๋ยวกูไปเอาจักรยานก่อนแล้วเดี๋ยวตามไปนะ “

ผมว่าจบพวกเราก็แยกย้ายกันครับ  ผมมุ่งหน้าตรงไปถึงยังที่จอดรถจักรยาน  แต่พอขี่ออกมาได้ยังไม่ทันจะพ้นตัวคณะเลยจักรยานเจ้ากรรมแม่งก็ล้อฟรีขึ้นมาเสียอย่างนั้น

“ เชี่ย!  มาโซ่หลุดอะไรตอนนี้วะ “ 

จากนั้นผมก็พยายามจะซ่อม  แต่เพราะการที่ขี่เป็นอย่างเดียวและก็ไม่ใช่ช่าง  มันก็เลยไม่สำเร็จครับ  ผมเลยได้แต่ถอยหายใจและเตรียมตัวเข็นกลับ  เพราะป่านนี้แล้วคงไม่มีร้านไหนเปิดแล้วล่ะครับ  แถมฟ้าก็เริ่มมืดลงแล้วด้วย  คนในคณะที่เมื่อกี้อยู่กันครึกครื้นตอนนี้กลับหายเงียบกันไปหมดราวกับถูกเวทมนต์เสกให้หายไปเลยทีเดียว

ผมเดินเข็นจักรยานเซ็งๆไปได้ไม่นาน  จู่ๆ ไฟหน้ารถก็สว่างวาบขึ้นมาจากทางด้านหลังของผมครับ  ก่อนจะได้ยินเสียงจอดและดับเครื่องให้ผมหันกลับไปหยีตาสู้แสงจ้าของไฟหน้ารถ  ไม่นานไฟหน้ารถก็ดับลงแต่ตาผมยังพร่าอยู่จากแสงจ้าเมื่อสักครู่  เจ้าของรถร่างสูงเปิดประตู CHR ลงมาก่อนจะเดินตรงเข้ามาหาผม

“ รถเป็นไรวะน้อง...  อ้าวเห้ย!  มึงคนเมื่อวันก่อนนี่  อยู่วิศวะด้วยเหรอ   ทำไมกูไม่เคยเห็นหน้าเลยวะ “

เมื่อตาผมปรับสภาพจากแสงได้แล้วถึงได้รู้ว่าคนตรงหน้าคือคนที่ผม...  ตั้งใจอยากจะมาเจอในวันนี้  แต่ก็ไม่มีโอกาสและไม่กล้าพอที่จะเข้าไปหาเพื่อขอบคุณ

“ เอ่อ..เปล่าครับ  พอดีผมมาเชียร์ลักบี้คณะอะครับ  ผม..  อยู่เภสัทฯ “  ผมตอบไปครับ  แต่ไม่รู้สิทำไมถึงเกร็งๆ จนไม่กล้ามองหน้าพี่เขาได้เต็มๆ เลยแบบนี้

“ อ๋อ..  ว่าแต่รถเสียเหรอ... “

“ ครับพี่  โซ่มันหลุดอะครับ  แถมซ่อมเองก็ไม่เป็นด้วย “  ผมว่าไปตามจริงครับ

“ อืม.. มาๆ เดี๋ยวพี่ช่วยดูให้ “

พี่เขาว่ามาพลางลุกขึ้นไปเปิดท้ายรถ  แม้ผมจะห้ามบอกว่าไม่เป็นไรแต่เขาก็ไม่ฟังอะไรเลย  ก่อนจะเดินกลับมาพร้อมกล่องเครื่องมือ  ผมมองพี่เขาซ่อมไม่นานทุกอย่างก็เสร็จสมบูรณ์ง่ายดาย  ต่างจากผมที่พยายามจนมือดำจากคราบน้ำมันไปหมดแล้ว

“ เรียบร้อยละ “  พี่เขายกมือปาดเหงื่อบนใบหน้าเล็กๆ  จนผมเห็นรอยดำของคราบน้ำมันเปื้อนที่แก้ม  ผมเลยล้วงเอาผ้าเช็ดหน้าของตัวเองออกมาจากกระเป๋า

“ ขอโทษนะครับพี่... “

ผมเดินเข้าไปหาและไม่รู้ว่าเอาความกล้ามาจากไหนที่เอ่ยขึ้นมาแบบนี้  ก่อนจะเอามือเอื้อมไปเช็ดแก้มให้พี่เขาเบาๆ ด้วยผ้าเช็ดหน้าในส่วนที่สะอาด ( เพราะส่วนที่มือผมจับมันเปื้อนคาบดำจากน้ำมันตอนผมพยายามซ่อมรถ )

พี่เขาผงะตัวไปเล็กน้อยในตอนแรก  แต่สุดท้ายก็ยืนนิ่งๆให้ผมเช็ดได้สะดวก  ผมได้กลิ่นเหงื่อจากตัวพี่เขาผ่านชุดกีฬามาบางๆ  และอย่าหาว่าผมโรคจิตเลยนะครับ  ผมรู้สึกว่ามันโครตเซ็กส์ซี่เลย  จนผมเผลอกลืนน้ำลายตัวเองพร้อมกับมือที่เริ่มอ่อนแรง...
นี่กูเป็นเชี่ยอะไรวะเนี่ย...

ไม่นานผมก็ละมือออกก่อนจะก้มหน้าก้มตาจับรถจักรยานเพื่อจะรีบขี่ออกไปจากตรงนี้ให้เร็วที่สุด  ด้วยหัวใจที่เต้นรัวขึ้นมาเสียอย่างนั้น  จนไม่กล้าสู้หน้าพี่เขาเลยในตอนนี้  แถมในหัวก็ยังลืมไปหมดเสียทุกอย่าง  แม้กระทั่งเรื่องที่จะขอบคุณพี่เขาในเวลาที่สะดวกเช่นนี้

“ เดี๋ยวน้อง! “

พี่เขาร้องทักขึ้น  ผมจึงชะงักเท้าที่กำลังจะปั่นรถจักรยานลงทันที  หากแต่ไม่กล้าหันกลับไปมองตามเสียงนั้นเลยแม้แต่น้อย

“ ชื่ออะไรนะเราอะ...  วันหลังเจอจะได้เรียกถูก “

ถึงจุดนี้ผมจึงได้หันหน้ากลับไปมองร่างสูงก่อนจะเอ่ยออกมาเพียงคำสั้นๆ...

“ เค...ครับ “ 

“ พี่ชื่อพีนะ.. “

พี่เขาบอกมาก่อนจะอมยิ้มเล็กๆ ส่งมาให้ด้วย  ตายๆ งานนี้...  นี่ผมเผลอรู้สึกประทับใจกับผู้ชายแบบนี้ขึ้นมาได้ยังไงกันวะเนี่ย!!!
เราแยกจากกันในขณะที่ท้องฟ้ามืดลงจนสนิทแล้ว  หากแต่ความประทับใจกลับก่อตัวขึ้นมาแทนที่แสงสว่างของขอบฟ้ามาเสียอย่างนั้น...



TBC.



-----------------------------------------------

ตอนหน้าเจอกันวันจันทร์เหมือนเคยนะครับ
ขอบคุณสำหรับทุกการติดตามและกำลังใจ
ขอให้ทุกคนมีความสุขกับนิยายนะครับ  :mew2:
 :mew5: :mew5: :mew5: :mew5: :mew5:
^____________________________________^

----------------------------------------------------

ช่องทางการติดต่อคนเขียน  ทวิตเตอร์  @phanusun_p

ออฟไลน์ warin

  • รถไฟขบวนนั้น ได้แล่นผ่านไปแล้ว
  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1937
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +60/-1
    • -
ขอบคุณค่า สนุกน่ารักกว่าภาคแรกอีกแน่ะ
ดีใจที่ได้อ่านภาค2จ้า มีหลายคู่ด้วย
ติดตามจ้า

ออฟไลน์ areenart1984

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4805
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-7
เปิดคู่ใหม่แล้ว ต่อเลย   ๆๆๆๆ  :katai2-1:

ออฟไลน์ kunt

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 700
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +42/-1
หวั่นไหวกันเบาๆ อร้ายยยย

ออฟไลน์ Leenboy

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3095
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +105/-2
อันนี้คือคู่รองใช่ป่าวอ่ะ

ออฟไลน์ DrSlump

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3360
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +104/-2

ออฟไลน์ Billie

  • "Let come what comes, let go what goes and see what remains. That is what is real"
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3327
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +78/-6

ออฟไลน์ หมีขาว

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 142
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +69/-12
Chapter  6




เค ’s  Part





ที่ร้านอาหารตามสั่งหลังมหาลัยฯ

ผมมาถึงที่ร้านพอมองไปยังตรงโต๊ะในสุดก็ครึกครื้นไปด้วยกลุ่มของกันต์และรุ่นพี่อีกสามคน  ซึ่งหนึ่งในนั้นก็คือพี่กิจที่นั่งอยู่ข้างๆ กันต์ครับ  ผมสั่งข้าวกระเพราะไก่ไข่ดาวกับป้าเจ้าของร้านก่อนจะเดินตรงเข้าไปหา  พวกนั้นรีบจัดหาเก้าอี้ให้ผมนั่งทันทีครับพร้อมกับแนะนำรุ่นพี่ที่เหลืออีกสองคนให้ผมได้รู้จักซึ่งก็คือพี่คิมกับพี่บิว  และก็จริงอย่างที่ไอ้แน๊คว่ามาเลยครับ  ที่บอกว่าแก๊งพี่กิจนี้มีแต่คนหน้าตาระดับเทพทั้งนั้น

“ ช้าจังเลยวะมึง “  ไอ้เจมส์ถามผมครับ

“ พอดีจักรยานกูโซ่หลุดว่ะ “  ผมตอบไป

“ แล้วซ่อมยัง  กูซ่อมให้มั้ย “  ไอ้ธันขันอาสาครับ

“ เรียบร้อยแล้ว  พอดี... “
 
ไม่ทันที่ผมจะได้พูดจบประโยค  พี่คิมที่นั่งฝั่งตรงข้ามกับผมก็ยกมือทักใครบางคนขึ้นมาทันที

“ เชี่ย!!  ช้าสัด!!  ทำไรมาวะ “  พี่คิมพูดขึ้นครับ  และทันทีที่ใครบางคนด้านหลังผมเดินมาถึงโต๊ะก็เอ่ยตอบด้วยน้ำเสียงที่ผมจำได้แม่นเลยทีเดียว

“ บ่นนะมึงอะ  แล้วนี่จองโต๊ะยังวะ “

พี่พีพูดพลางขยับเก้าอี้ข้างๆ ผมออกมาเพื่อที่จะนั่งลง  แต่พอหันมองคนข้างๆ แล้วเห็นว่าเป็นผม  เขาก็ถึงกับมีสีหน้าผงะไปเล็กน้อยพร้อมกับร้องเห้ย..ออกมาทันที

“ มาได้ไงเนี่ยเค “

รู้สึกดีนะครับที่พี่เขายังจำชื่อผมได้...

“ พี่พีรู้จักไอ้เคมันด้วยเหรอครับ “  กันต์ถามขึ้นก่อนที่ผมจะทันได้ตอบอะไร  ซึ่งพี่พีเขาก็พยักหน้ารับเล็กๆ ก่อนจะตอบออกมาพร้อมกับนั่งลงยังเก้าอี้ตัวที่ยังว่างอยู่ข้างๆ ผมครับ

“ ก็พึ่งรู้จักเมื่อกี้นี่แหละ  แต่ก็เคยเจอมาก่อนหน้านั้นนะ “

“ ตอนกีฬาเฟรชชี่เหรอพี่ “  กันต์ถามต่อ  ซึ่งพี่พีก็ทำหน้าเหมือนนึกอยู่ครู่หนึ่งแล้วตอบกลับมา

“ อ๋อ...  เออใช่  เคคือน้องคนที่แข่งกับกันต์รอบชิงใช่มั้ย “

พอพี่เขาหันมาพร้อมกับชี้นิ้วมาที่ผมเมื่อจำได้ว่าเราเคยเจอกันมาก่อนหน้านี้  ซึ่งอย่าว่าแต่พี่จะไม่รู้เลยครับ  ผมเองก็พึ่งมารู้เหมือนกันเนี่ยแหละ


ระหว่างมื้ออาหารผมสังเกตพี่พีอยู่บ่อยๆ และพบว่าพี่เขาในตอนนี้กับพี่เขาในตอนที่มาช่วยผมเมื่อวันก่อนเป็นอะไรที่แตกต่างกันมาก  ตอนนี้แม้ภาพรวมจะดูขรึมที่สุดในกลุ่ม  แต่คำพูดคำจาก็ดูเป็นกันเองแถมไม่ถือตัวเลยสักนิด  แม้กับรุ่นน้องก็ตาม  ต่างจากภาพลักษณ์ที่ไอ้แน๊คเคยพูดถึงเสียสนิทเลยครับ  เพราะใครจะไปคิดกันว่าคนหล่อๆ ไฮโซๆ กลุ่มนี้จะเป็นกันเองได้มากถึงขนาดนี้  นี่ขนาดผมเป็นเพียงเพื่อนของพวกรุ่นน้องคนสนิทของพวกพี่ๆ เขาเองนะครับ

“ ว่าแต่กันต์ไปด้วยป่าวเนี่ย “

พี่พีถามขึ้นครับ  กันต์มันเลยทำหน้างงๆ ถามกลับมา

“ ไปไหนเหรอพี่ “

“ อ้าวไอ้กิจไม่ได้บอกเหรอว่าวันนี้จะไปร้านประจำกัน “

พี่พีพูดพลางหันไปทางพี่กิจเป็นเชิงถาม

“ ขอเมียมึงยังวะเนี่ย “
 
พี่คิมแซวขึ้นครับ  ทำเอากันต์แทบจะสำลักน้ำที่กำลังดื่มขึ้นมาเลยทีเดียว  ก่อนจะถูกพี่กิจตบหัวเบาๆ ไปทีนึงครับ  จากนั้นก็พากันหัวเราะกันทั้งโต๊ะ มีก็แต่กันต์ที่มีสีหน้าอายจนอยากจะออกไปจากตรงนี้เสียให้ได้  ส่วนพี่กิจก็ได้แต่ยิ้มเจื่อนๆ มองหน้าแฟนตาละห้อยครับ

“ ไปด้วยกันดิเค “

จู่ๆ พี่พีก็หันมายิ้มชวนผมครับ  และจากที่คิดว่าจะไม่ได้ไปเพราะไม่ได้สนิทกับพวกพี่เขาสักเท่าไหร่  พอเจอคำชวนพร้อมรอยยิ้มนี้ของพี่เขาก็เลยตอบตกลงไปอย่างง่ายดายเสียอย่างนั้น  สุดท้ายก็เลยกลายเป็นว่าหลังจากกินข้าวเสร็จพวกผมสี่คนหมายถึง ผมกับไอ้เรย์ ไอ้แน๊คและก็ไอ้เจมส์ต้องรีบกลับไปอาบน้ำแต่งตัวเพื่อเตรียมไปร้านเหล้าข้างมหาลัยฯ กันครับ





พี ‘s  Part




ผมขับรถเข้ามาจอดที่ลานจอดรถของร้านเหล้าร้านประจำก็กว่า 4 ทุ่มแล้วครับ  เมื่อเดินเข้าร้านมายังโต๊ะประจำซึ่งได้อภิสิทธิ์จากเจ้าของร้านเสมอ  ก็พบว่าไอ้กิจ  ไอ้คิมและก็ไอ้บิวมาถึงกันเรียบร้อยแล้ว  ทว่ากลับยังไม่เห็นพวกรุ่นน้องกันเลยสักคน

“ อ่าวไอ้กิจ  ทำไมมึงฉายเดี่ยววะวันนี้  ก็เห็นกันต์ว่าจะมาด้วยนี่ “  ผมทักขึ้นก่อนจะนั่งลงบนโซฟายาวข้างมันครับ

“ กันต์มันลืมไปว่าพรุ่งนี้ต้องส่งงาน CAD มันเลยต้องอยู่ทำน่ะ “  ไอ้กิจว่ามาพลางยกแก้วเหล้าขึ้นจิบ  สาวๆ หลายคนมองมายังโต๊ะพวกเราเสมอทุกครั้งที่มา  ยิ่งไอ้กิจด้วยแล้วยิ่งถูกเพ่งเล็งเป็นพิเศษ  นี่ถ้าเป็นเมื่อก่อนนะ  ถ้าแม่งมีอารมณ์แล้วอยากได้ใครนี่  มันหิ้วกลับได้ทุกคนเลยล่ะครับ  แต่เดี๋ยวนี้โครตตรงกันข้ามเลย  เรียกได้ว่าอยู่ในโอวาทเมียดีๆ นี่เอง  แต่ผมก็เข้าใจมันนะครับ  กันต์มันน่ารักซะขนาดนั้น  นี่ถ้าเป็นเมื่อก่อนผมก็คงมีอิจฉามันบ้างแหละ  แต่เดี๋ยวนี้ทำใจได้นานแล้วครับ  แถมชินกับพวกมันสองคนไปแล้วด้วย

เฮฮากันได้ไม่นานพวกไอ้เรย์ก็ตามมาครับ  ผมมองเลยไปยังไอ้น้องเคที่วันนี้มันใส่เสื้อยืดไม่มีลายสีขาวกับยีนส์ขาดๆ  มา  ตอนแรกที่เห็นบอกได้เลยครับว่ามันเป็นคนหน้าตาดีคนนึงเลยล่ะครับ  สูง  ขาว  ตี๋แบบตาสองชั้น  จมูกเป็นสัน  ผมตรงดำสนิท  เรียกได้ว่าหล่อมาก  ซึ่งเป็นคนละแนวกับกันต์เลย  รายนั้นเป็นสายน่ารัก  แต่ถึงกระนั้นผมก็ไม่ได้ชอบหรือสนใจอะไรเลย  แต่แค่เมื่อตอนเย็นที่มันมาเช็ดคราบน้ำมันที่แก้มให้ผมนั่นแหละ  ที่ทำให้ได้มองผ่านแววตาสั่นระริกอยู่กลายๆ ของมัน  แต่กลับทำให้ผมใจเต้นขึ้นมาเสียอย่างนั้น
 
แล้วเป็นไงล่ะ...  กลายมาเป็นคนที่อยู่สายตาผมที่สุดในกลุ่มของไอ้เรย์ตอนนี้ไปเสียแล้ว 

แต่อย่าพึ่งเข้าใจผิดไปนะครับ  ผมยังไม่ได้ชอบอะไรมันมากขนาดนั้นหรอก 

ก็แค่... 

ดึงดูดดี...

“ อ้าวพี่กิจ  ไอ้กันต์ล่ะ “

ไอ้เรย์ถามคำถามเดียวกันกับผมเลยครับ  และก็ได้คำตอบเหมือนกัน  แต่ปฏิกิริยากลับต่างออกไปโดยสิ้นเชิง

“ ชิบหาย!!!  ลืมสนิทเลย “

 พวกมันสามตัว ( ผมหมายถึงพวก Sec เดียวกันกับกันต์นะครับ )  ต่างอุทานขึ้นมาซะลั่น  จนไอ้บิวหยิบถั่วปาเข้าที่หน้าผากไอ้เรย์ไปเม็ดนึง

สุดท้ายล่มครับ...  คือไอ้พวกนั้นอดของฟรีไปตามระเบียบ  เพราะพวกมันต้องกลับไปนั่งปั่นงานส่งอาจารย์ในวันพรุ่งนี้  ในขณะที่ไอ้น้องเคก็ทำหน้าเหรอหราเมื่อรู้ว่าเพื่อนจะพากันกลับบ้านกันหมดในตอนนี้

“ เคถ้าไม่มีงานก็กินกับพวกพี่ก่อนสิ  เพื่อนใหม่พวกนั้นไม่ใช่เหรอเรา  จะได้ทำความคุ้นเคยกับพวกพี่เอาไว้    อีกอย่าง...  คืนนี้มีสาวแจ่มๆ เพียบเลย “  ไอ้คิมเอ่ยปากชวนน้องมันครับ  เห็นน้องมันเหลือบตามามองผมแว่บหนึ่ง  ซึ่งก็พอดีกับที่ผมมองมันอยู่  ก่อนจะเบนสายตาไปหยิบถั่วในจานขึ้นมาใส่ปากแทน

“ เออมึง...  ไหนๆก็มาแล้ว  นั่งกินกับพวกพี่เขานั่นแหละ  พี่เขาใจดีแถมฟรีด้วยนะมึง  กูบอกเลยว่าไม่อั้น “  ไอ้เรย์พูดพลางตบไหล่เพื่อนมันครับ จากนั้นมันก็คุยกันในกลุ่มอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะหันมาบอกกับพวกผม

“ พี่ผมฝากเพื่อนด้วยนะ  แล้วขอโทษทีพี่  ต้องกลับไปเคลียร์งานอะ “  ไอ้เรย์มันว่ามา

จากนั้นพวกมันก็พากันออกจากร้านไป  เหลือไว้แต่ไอ้น้องเคยืนเก้ๆ กังๆ  ผมเลยเขยิบที่พร้อมกับตบที่โซฟาเบาๆ ให้มันมานั่งข้างๆ ผมครับ  ซึ่งมันดูไม่ค่อยมั่นใจสักเท่าไหร่  แต่ก็ร่นตัวลงมานั่งแต่โดยดี

“ มึงชอบใครได้หมด  เว้นชุดดำผมยาวตรงโน้นนะเว้ยมึง  กูเล็งอยู่ “  ไอ้คิมบอกน้องมันพร้อมกับพยักพเยิดไปทางเป้าหมายคืนนี้ของมันครับ

“ ตามสบายเลยพี่  ผมไม่ใช่สายนี้ “

“ อะไรมึง  อย่าบอกนะว่ามึงยัง... “ 

ฟังน้ำเสียงไอ้คิมผมก็รู้ทันทีเลยครับว่ามันกำลังจะถามน้องมันว่ายังเวอร์จิ้นอยู่เหรอ

“ เปล่าพี่..  ผมแค่ไม่ถนัดเรื่องพวกนี้ “

สัด... แล้วผมจะแอบผิดหวังทำไมวะเนี่ยที่รู้ว่าแม่งไม่เวอร์จิ้นแล้ว...

กินกันไปถึงแค่เที่ยงคืนกว่าๆ ไอ้กิจมันก็ขอตัวกลับไปหาเมียมันครับ  มันบอกว่ากันต์ไม่ให้เมาและกลับดึก  เพราะห่วงที่ไอ้กิจมันเอาบิ๊กไบต์ขับมาคืนนี้

สุดท้ายแม่งก็พ่อบ้านในโอวาทเมียดีๆ นั่นแหละมึง  ไอ้กิจเอ้ย....


ระหว่างนี้ไอ้คิมเริ่มออกล่าเป้าหมายของมันแล้วครับ  ผมกับไอ้บิวเลยต้องอยู่เป็นเพื่อนคุยกับไอ้เคมัน  ซึ่งเท่าที่คุยผมก็สัมผัสได้นะครับว่ามันเป็นคนตรงๆ  ห้าวนิดๆ  แต่ก็ดูเป็นคนดีไม่ใช่น้อย  ผมเห็นบ่อยครั้งที่มีสาวๆ ชายตามามองที่มัน  แต่ดูมันไม่ค่อยจะสนใจสักเท่าไหร่  และถ้าผมไม่คิดไปเอง  ผมรู้สึกเหมือนมันจะเหลือบมามองที่ผมอยู่บ่อยๆ นะครับ  แต่พอผมเหลือบตาไปมองสวน  มันก็เลี่ยงสายตาไปทางอื่นแทน

ไอ้เคมันเป็นคนที่คอแข็งใช่ย่อยเลยครับ  ตอนนี้ก็เกือบจะตีหนึ่งแล้วมันยังคุยชิลๆ ได้อยู่เลย  ส่วนไอ้บิวนั่งเล่นแก้วเหล้าแล้วล่ะครับ  เมามากไม่ได้เพราะต้องขับรถกลับ  ส่วนผมนี่สบายครับ  เพราะในกลุ่มนอกจากไอ้กิจแล้วก็มีผมเนี่ยแหละที่คอแข็ง

แต่ไม่นานจากนี้เท่าไหร่  มันก็เริ่มอ้อแอ้แล้วครับ  หน้าและคอมันแดงอย่างเห็นได้ชัดเลย  แต่ปากก็บอกว่าตัวเองยังไหวอยู่
แต่แม่ง...  ดูตามันสิครับ  เยิ้มเลยเวลาเมา  โครตเซ็กส์ซี่อะ

ผมสะบัดหน้าเพราะรู้ตัวว่าตัวเองกำลังเกิดอารมณ์  อย่าบอกนะว่านอกจากกันต์แล้วผมจะมาเกิดอารมณ์กับผู้ชายที่ไม่ใช่คนน่ารักอะไรเลยแบบนี้อีกคน

เหล้า...  ต้องเป็นเพราะเหล้าแน่ๆ

แต่...  หน้าและสายตามันตอนนี้ทำไมยั่วยวนอารมณ์ได้ขนาดนี้จังวะ....

“ พี่...  ไปห้องน้ำแปบ... “

พอเมาแล้วน้ำเสียงมันก็ห้วนขึ้นครับ  แต่ขอร้องเถอะอย่ามองกูด้วยสายตาแบบนี้อีกได้มั้ย...  กูใจไม่ดีนะเว้ยไอ้เค...

มันเดินเซไปเข้าห้องน้ำ  ผมออกจะเป็นห่วงมันสักหน่อยจากสภาพที่เห็น  แต่ก็ไม่กล้าเข้าไปประคองหรอกครับ  บอกตามตรงผมเริ่มจะรู้สึกไม่ซื่อกับมันตอนนี้สักเท่าไหร่  นี่ถ้าเป็นคนอื่นผมคงสนิทใจที่จะช่วยได้มากกว่านี้

มันหายไปนานพอสมควร  เมื่อผมเห็นว่ามันผิดปกติ  ผมเลยตัดสินใจตามมันเข้าไปครับ  ก่อนจะพบว่ามันกลายเป็นศพอยู่ข้างอ่างล้างมือไปเสียอย่างนั้น ( ไม่ได้หมายความว่าเป็นศพจริงๆ นะครับ  แต่ลงไปนอนพิงผนังอยู่ในตอนนี้ )  โหมดจะคออ่อนแม่งก็อ่อนเกินครับ  หมดสภาพจนดูไม่ได้เลยนะมึง

ผมหิ้วปีกมันกลับมาที่โต๊ะครับ  กะว่าเดี๋ยวผมจะไปส่งมันที่หอตอนนี้เลยดีกว่า

ว่าแต่...  มันพักอยู่ที่ไหนวะ...

ผมลองถามไอ้บิวมันก็ไม่รู้ครับ  พอเดินไปถามไอ้คิมที่หม้อสาวอยู่ที่โต๊ะอื่น  แม่งก็พูดปัดไม่สนใจจะตอบผมเลยสักนิด  ในเมื่อไม่มีทางเลือกอื่นแล้ว  คืนนี้ก็คงต้องพามันกลับไปคอนโดผมก่อนแล้วกัน

ออฟไลน์ หมีขาว

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 142
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +69/-12
ผมลากับไอ้บิวซึ่งมันรอกลับพร้อมไอ้คิม  ก่อนจะหิ้วปีกน้องมันไปที่ลานจอดรถซึ่งค่อนข้างจะเปลี่ยวและมืดสักหน่อยเพราะผมจอดอยู่ด้านในสุดเลย

“ ผมยังไหวเพ่....  จารีบกลับปายหนาย.... “

ดูมันครับ....  เอาแต่บ่นตาสะลึมสะลือแบบนี้มาตลอดทาง  ซึ่งผมก็ได้แต่เงียบและหิ้วปีกมันเดินตรงไปเรื่อยๆ ให้ถึงรถครับ


“ อ่าห์...อาห์...อ๊ะ... “


ท่ามกลางความเงียบและแงไฟสลัว  เสียงปลุกอารมณ์ของผู้ชายกลับดังมาเบาๆ จากที่ไหนสักแห่งพร้อมกับเสียงกระทบกันของร่างกายดังมาถี่ๆ  จนผมและน้องมันที่ตอนแรกโวยวายถึงกลับเงียบเสียงลงไปทันที

ผมไม่ได้อยากสนใจกิจกรรมส่วนตัวของใครเท่าไหร่หรอกนะครับ  แต่มันดันเกิดบริเวณท้ายรถคันที่จอดอยู่ข้างๆ รถผมในความมืดนั่นน่ะสิ  ก็ไม่ได้อยากจะมองแต่มันดันไปเห็นเองอย่างเลี่ยงไม่ได้  แถมไม่ใช่เกิดระหว่างชายกับหญิงซะด้วยสิครับ  เพราะมันเป็นผู้ชายกับผู้ชายในท่าทางที่คนนึงเกาะฝากระโปรงรถส่วนอีกคนกำลังบรรเลงเพลงรักอย่างไม่ทันจะสนใจสิ่งรอบข้างเลยแม้แต่น้อย..

อะไรมันจะอดกันไม่ได้ถึงขนาดนี้วะ...

ทันทีที่ผมก้าวเท้าเดินต่อ  ก็ดูเหมือนว่าฝ่ายรับจะทันสังเกตเห็นเลยรีบดันฝ่ายรุกที่ไม่สนใจอะไรออก  ก่อนจะรีบดึงกางเกงขึ้นมาใส่  แล้วรีบพากันเข้ารถและขับมันออกไปในทันที  ท่ามกลางสายตาของผมและไอ้เคที่มองแบบอึ้งๆ  ด้วยใครจะคิดกันละครับว่าที่ลานจอดรถสาธารณะขนาดนี้เขายังจะกล้า....

ระหว่างทางที่กลับคอนโดภายในรถนอกจากเสียงเพลงคลอเบาๆ แล้ว  ก็ไม่มีเสียงอื่นใดอีกเลยนอกจากสายตาที่ผมมักจะเหลือบไปมองยังคนข้างๆ ในบางจังหวะ 

น้องมันเงียบและหลับตาพริ้มตลอดทาง  จะมีก็แต่ผมเนี่ยแหละครับที่บอกตามตรงว่าเหตุการณ์เมื่อสักครู่นี้มันกระตุ้นอารมณ์ผมอยู่ไม่ใช่น้อย  แถมคนข้างๆ ก็ยังสร้างแรงดึงดูดให้กับผมมากขึ้นไปอีก....

คอนโดผมอยู่ห่างจากมหาลัยฯ ค่อนข้างมากสักหน่อย  แต่มันก็ดีตรงที่คนในนี้ส่วนมากไม่ใช่นักศึกษาซึ่งคอยจะเอาแต่จ้องมองพวกผมเหมือนอย่างคอนโดไอ้กิจ  ดังนั้นความเป็นส่วนตัวสำหรับผมที่นี่เลยค่อนข้างสูง

เมื่อเข้ามาภายในห้องแล้ว  ผมก็พามันมาทิ้งตัวลงบนที่นอนในห้องนอนเล็กซึ่งปกติก็ไม่ได้มีคนมาใช้กันนักหรอกครับ  เพราะพวกไอ้กิจมันไม่ค่อยมาที่คอนโดผมกันหรอก  มันบอกว่าไกล....

ผมมองร่างตรงหน้าพลางกลืนน้ำลายตัวเองอีกรอบ 

เชี่ย...  น้องมันแม่งดึงดูดมากเลยครับ  ไม่ไหวแน่ถ้าผมยังจะอยู่ในห้องนี้ต่ออีก  ว่าแล้วผมก็รีบหันหลังเตรียมตัวจะเดินออกไป  แต่กลับถูกคว้าไว้ด้วยมือของคนที่ผมเข้าใจว่ามันหลับไปแล้ว  และเมื่อผมหันกลับมามอง  ก็พบกับสายตาเยิ้มยั่วยวนของมันมองกลับมาอย่างไม่วางตาเสียอย่างนั้น  อะไรของมึงวะเนี่ย...

“ กูจะไปนอน  มึงก็นอนได้แล้ว..  “  ผมบอกไปครับ  แต่มันกลับเงียบและไม่ยอมปล่อยมือผม

“ ทำไมพี่ถึงดูเท่ห์ในสายตาผมวะ ? “  มันพูดมาครับ....  คือนี่มึงถามกูหรือมึงบ่นกับตัวเองกันเนี่ย

“ พี่เป็นตัวอะไรวะเนี่ย...  ทำไมถึงทำให้ผมละสายตาไม่ได้เลย “

เมาแน่นอน...  ที่เพ้อเชี่ยอะไรออกมาแบบนี้ก็คงเพราะฤทธิ์แอลกอฮอล์แน่ๆ  เพราะมันเองที่ไม่มีทีท่าว่าจะสนใจผมเลย  แต่กลับพูดออกมาเหมือนกับว่าแอบชอบผมอยู่เสียอย่างนั้น  เพียงแต่สายตาหวานเยิ้มแบบนี้เลิกมองกูสักทีเถอะ  กูไม่ใช่พระอิฐพระปูนนะโว้ย

“ มึงเมามากแล้ว  นอนๆ ไป “

ผมไล่มันนอนไปพลางพยายามแกะมือมันออก  แต่คราวนี้แม่งจับผมสองแขนเลยครับ  ตัวก็ไม่ใช่จะเล็กๆ เหมือนกันต์   แบบนี้ผมเอาออกลำบากนะเห้ย....

“ ขอจูบทีได้มั้ย... “

เชี่ยมึงพูดอะไรออกมาเนี่ย  แถมพูดออกมาได้หน้าตาเฉยเอามากๆ

“ เชี่ยไรมึงเนี่ย  นอนได้แล้ว...  กูจะไปนอนแล้ว  ปล่อย…! “

ผมเสียงเข้มขึ้นครับ  แต่มันก็ยังคงจ้องผมมาเป็นเชิงบังคับ  ราวกับว่าตัวมันเป็นแมวเปอร์เซียและผมเป็นทาสแมวเสียอย่างนั้น

“ จูบผมก่อนสิ  ผมแค่อยากรู้ว่าจริงๆ แล้วผมรู้สึกกับพี่แบบนั้นรึเปล่า... “

“ ไม่เว้ย!!  มึงเมามากแล้วนะ “

“ ผมม่ายด้ายมาว...  ถ้าพี่ไม่จูบ  ผมก็ไม่ปล่อย “

“ ไม่! “

“ จูบ ! “

“ ไม่.. “

“ ผมบอกให้... “



เอาจริงผมไม่สนใจคำสั่งมันเลยแม้แต่น้อย...

ผมโครตจะฝืนตัวเองเลยที่ตอบคำว่า ไม่..  แบบนั้นออกไป

แต่เมื่อริมฝีปากสัมผัสกัน  ผมกลับรู้สึกเหมือนตัวเองลอยได้  ไม่อึดอัด  ไม่ต้องฝืนอะไรอีกต่อไปแล้ว....

โครตดีเลยครับความรู้สึกนี้  ดีกว่าผู้หญิงที่ผมเคยผ่านมาอีก  แต่ไม่ใช่เพราะว่ามันเป็นผู้ชายคนแรกหรอกนะ...  ผมเข้าใจความรู้สึกตัวเองดีว่าเรื่องนี้มันไม่เกี่ยวกับเพศแล้วล่ะ ( ตั้งแต่เจอกันต์ ) 

ผม...  คงชอบมันแล้วจริงๆ...


ผมละริมฝีปากออกมาก่อนจะกัดฟันพูดออกไปอย่างขัดใจกับความรู้สึกของตัวเอง

“ พอใจยัง...  ถ้างั้นก็นอนได้แล้วนะ “

มันมองผมอยู่ครู่หนึ่งด้วยสายตาที่เหมือนจะสับสนและกำลังคิดอะไรอยู่  ไม่ต่างจากสายตาสั่นไหวที่เกิดขึ้นในตาคู่นี้ของผมเช่นกัน  และก่อนที่อะไรจะเกินเลยไปมากกว่านี้ผมควรจะรีบออกไปจากตรงนี้ให้เร็วที่สุด

ผมหันหลังทันทีที่คิดได้  แต่กลับถูกแรงกำลังจากคนบนเตียงดึงกลับเข้าไปจูบอีกครั้ง  และครั้งนี้ก็ดูดดื่มกว่าเมื่อกี้นี้มากด้วยอารมณ์ของเราทั้งสอง  และเมื่อมันละออกมา  มันก็พูดกับผมด้วยคำพูดที่ผมโครตจะตัดสินใจลำบากเลยล่ะครับ

“ ผมอยาก.... “

มันไม่พูดต่อให้จบ  อาจจะเพราะความลังเลหรืออะไรก็ตาม  แต่ผมก็เข้าใจความหมายนั้นอยู่ดี

“ กูเตือนมึงก่อนนะ...ว่าบางอย่างถ้ามึงคิดจะปลุกมันแล้ว...  กูหยุดมันไม่ได้นะ.. “

มันไม่ตอบผม  แต่กลับเลือกที่จะยื่นหน้าเอาริมฝีปากเข้ามาชนปากผมแทน  ก่อนจะละออกมามองผมด้วยสายตาประหม่าในท่าทีของผม  เพราะจูบนี้ผมไม่ได้สนองตอบกลับเลยแม้แต่น้อย  แต่นั่นไม่ใช่เพราะว่าผมรังเกียจมันหรอกนะ  ตรงกันข้ามเพราะผมกำลังควบคุมสติตัวเองไม่ให้เตลิดไปมากกว่านี้  แต่มันคงจะสายไปเสียแล้ว...  เมื่อเส้นสติของผมมันขาดลง  ผมจึงผลักมันลงไปบนเตียงนุ่มก่อนจะคร่อมร่างตามลงไปราวกับสัตว์ป่าที่หิวกระหาย

ความเมาไม่ได้ทำให้ผมขาดสติ  แต่อารมณ์และความต้องการต่างหากที่มันเอาสติของผมไป

น้องมันไม่ใช่คนบอบบางน่าทะนุถนอมเลยแม้แต่น้อย  ตรงกันข้าม...  มันดูเป็นผู้ชายอย่างถึงที่สุด  ทว่าผมกลับได้รับรสรักสัมผัสที่ถึงใจและตราตรึงจนไม่อยากหยุดท่ามกลางค่ำคืนอันแสนยาวนานนี้เลย...








เค ‘s  Part




แสงแดดที่แยงตาผ่านม่านบางทำให้ผมปรือตาขึ้นมาด้วยความรู้สึกราวกับว่าร่างกายมันจะแหลกไปเสียให้ได้จากกิจกรรมเกือบตลอดทั้งคืนของคนที่กำลังหลับตาพริ้มนอนกอดผมอยู่ข้างๆ นี้

ไม่ใช่ว่าผมเมาจนทำอะไรแบบนั้นได้นะครับ  แต่เป็นเพราะความเมาที่ทำให้ผมกล้าที่จะหาคำตอบของความรู้สึกที่ติดอยู่ในใจนี้ต่างหาก

แม้สติจะไม่เต็มร้อย  แต่ผมก็จำเรื่องราวที่เกิดขึ้นเมื่อคืนนี้ได้ทั้งหมด  ตั้งแต่สิ่งที่เห็นในลานจอดรถ  จนกระทั่งสิ่งที่เกิดขึ้นในห้องนี้  คำตอบที่ได้รับจากรอยจูบแรก  ผมก็รู้แล้วว่าผมไม่ได้คิดไปเอง  จากความประทับใจมันแปรเปลี่ยนไปเป็นความชอบขึ้นมาเสียแล้วในตอนนี้....  นี่เป็นความสัมพันธ์ระหว่างผู้ชายครั้งแรกในชีวิตผม  และเอาตรงๆ ผมไม่เคยคิดเลยว่ามันจะเกิด  แต่พอมันเกิดขึ้นแล้วผมกลับ...  ชอบมันเสียอย่างนั้น  แม้จะเจ็บในช่วงแรกอยู่บ้าง  แต่เมื่อมันผ่านไปได้ความรู้สึกดีกลับถาโถมเข้ามาแทน  มันรู้สึกดีแบบคาดไม่ถึง  หรือว่าจริงๆ แล้ว  ที่มันรู้สึกดีเพราะมันเกิดขึ้นกับคนๆ นี้กันแน่...  แต่ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม...  ที่แย่ที่สุดก็คือ  ผมกลัวว่าจะไม่สามารถไปรู้สึกแบบนี้กับผู้หญิงคนไหนได้อีกแล้ว...

ผมค่อยๆ จับแขนใหญ่ออกจากร่าง  ก่อนจะลุกออกจากที่นอนอย่างทุลักทุเล  แม้จะไม่เจ็บเท่าที่คิดไว้  แต่ก็รู้สึกขัดๆ อยู่ไม่ใช่น้อย

ผมเดินหาเสื้อผ้าที่กระจัดกระจายอยู่รอบเตียงมาสวมใส่ทีละชิ้นจนครบ  และตั้งใจว่าจะออกไปจากที่นี่ก่อนที่เจ้าของห้องจะตื่นขึ้นมา  เพราะผมคงสู้หน้าพี่เขาไม่ติดแล้วจริงๆ  ทว่ามันดูจะสายไปเสียแล้วในตอนนี้  เมื่อคนบนเตียงขยับตัวก่อนจะปรือตาตื่นขึ้นมาทันเห็นผมที่พึ่งจะสวมเสื้อเสร็จพอดี

เรามองตากันท่ามกลางความเงียบอยู่ครู่หนึ่ง  และเป็นผมเองที่เป็นคนเอ่ยตัดบทขึ้นมาก่อน

“ ผมกลับก่อนนะพี่...  “

แค่นั้น...  แค่นั้นจริงๆ ครับ  ผมคิดอะไรไม่ออกไปมากกว่านี้แล้ว  อยากจะหนีไปให้ไกลที่สุดเท่าที่จะทำได้...  ทั้งอาย  ทั้งขายหน้า  ทั้ง... 

เว้าวอน..


“ เดี๋ยวสิ..  เรื่องเมื่อคืนนี้.. “

“ ลืมมันไปเถอะครับ  เราต่างก็เมากันทั้งคู่ไม่ใช่เหรอ...  อย่าได้ใส่ใจเลย “

ใช่ครับผมเมา...  แต่ไม่ถึงกับขาดสติ  แต่จะให้ผมยอมรับว่าผมชอบพี่ไปแล้วก็ไม่ได้....

โครตอึดอัดเลยครับตอนนี้....

พี่พีร่นคิ้วเข้าหันกันทันที  พร้อมกับเอียงคอมองผมราวกับไม่เชื่อในสิ่งที่ได้ยิน  แต่ผมไม่รอที่จะตอบคำถามอะไรไปมากกว่านี้  ผมรีบเดินออกมาจากห้องไปโดยเร็วที่สุดท่ามกลางเสียงตระโกนให้ผมรอก่อน  พร้อมกับเสียงตระกุกตระกักที่พยายามเร่งรีบที่จะใส่เสื้อผ้า  จากนั้นผมก็ไม่ได้ยินอะไรอีก  เมื่อผมก้าวเท้าพ้นออกไปจากประตูห้อง 1204





TBC.




---------------------------------------

มาลงดึกเลยครับวันนี้

ขอบคุณนะครับสำหรับทุกกำลังใจ  และหวังว่าจะมีความสุขกับนิยายเรื่องนี้กันนะครับ  :mew2:

ปล. ทำสารบัญไม่เป็นอะครับ

---------------------------------------------------

ช่องทางการติดต่อคนเขียน  ทวิตเตอร์  @phanusun_p

ออฟไลน์ warin

  • รถไฟขบวนนั้น ได้แล่นผ่านไปแล้ว
  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1937
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +60/-1
    • -
ขอบคุณค่ะ
ติดตามจ้า สนุกเช่นเคย

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ areenart1984

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4805
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-7
เหล้าเพียว ๆ เท่านั้น มันเลยเป็นเรื่อง.....  :hao6:

ออฟไลน์ Leenboy

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3095
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +105/-2
เนี่ย~ชอบคิดไปเอง  :เฮ้อ:

ออฟไลน์ Billie

  • "Let come what comes, let go what goes and see what remains. That is what is real"
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3327
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +78/-6

ออฟไลน์ DrSlump

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3360
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +104/-2

ออฟไลน์ หมีขาว

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 142
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +69/-12
Chapter  7





พี ‘s  Part





อย่าได้ใส่ใจเลย....

คำพูดง่ายๆ ที่ผมไม่เข้าใจว่าออกมาจากปากของน้องมันมาได้ยังไง  มันไม่ได้รู้สึกอะไรเลยจริงๆ อย่างนั้นเหรอ...  ผมยอมรับว่าทันทีที่ได้ยินวลีนี้มันทำให้ผมถึงกับอึ้งไปเลยทีเดียว  อยากจะคุยให้รู้เรื่องแต่น้องมันไม่อยู่รอผมเลย  แถมไอ้เสื้อผ้านี่ก็กระจายมั่วกันไปหมด  กว่าจะแต่งตัวแบบส่งๆ เสร็จมันก็หายไปจากห้องผมแล้วล่ะครับ

ผมมาตามหามันที่คณะในตอนเที่ยงแต่ก็ไม่เจอ  มารู้จากเพื่อนใน sec ของมันก็คือว่าวันนี้มันไม่ได้เข้าเรียนเลยตั้งแต่เช้าครับ  ผมเลยมาถามพวกไอ้เรย์ว่าบ้านเช่าของพวกมันอยู่ที่ไหน  ก่อนจะโดดเรียนช่วงบ่ายไปตามหามันถึงที่  แล้วก็พบว่าประตูรั้วมันถูกล็อคเอาไว้  สงสัยว่ามันจะออกมาเรียนในช่วงบ่ายครับ  ผมเลยมานั่งรอมันอยู่ที่หน้าห้องเรียนจนกระทั่งหมดชั่วโมง  แต่ก็ยังไม่มีวี่แววว่ามันจะเดินออกห้องเรียนมาเลย  พอถามดูก็พบว่ามันไม่มาเรียนครับ  ถ้าอย่างนั้นแล้วตอนนี้มันอยู่ที่ไหนกันนะ...


ผมเดินเซ่อเข้าหอประชุมคณะเพื่อดูปี 1 ซ้อมเชียร์  เพราะวันนี้ไม่มีกระจิตกระใจจะไปซ้อมลักบี้แล้วล่ะครับ  แม้ว่าจะใกล้งานสปอร์ตเดย์แล้วก็ตาม

“ พี่พีไม่ซ้อมลักบี้เหรอครับวันนี้ “
 
ช่วงพักจู่ๆ กันต์มันก็เดินเข้ามาถามผมที่นั่งเซ็งๆ อยู่บนสุดของสโลปครับ

“ ไม่อะ  วันนี้ไม่ค่อยมีอารมณ์อยากซ้อม “  ผมบอกไปแบบเซ็งๆ ครับ

“ อย่างนี้ก็มีด้วย  ไม่น่าเชื่อว่าจะออกมาจากปากของพี่พีได้  อิอิ “

นั่นน่ะสิ  คนจริงจังอย่างผมกลับมาโดดซ้อมง่ายๆ เพราะไม่มีอารมณ์แบบนี้  แต่มันก็เป็นความจริงที่ปฏิเสธไม่ได้จริงๆ นั่นแหละ...

“ มีเรื่องอะไรไม่สบายใจเล่ามาให้ผมฟังได้นะพี่ “  น้องมันยิ้มว่ามาครับ  ผมมองรอยยิ้มนี้แล้วก็ไม่แปลกใจเลยที่ไอ้กิจมันจะตกหลุมรักไปได้หัวปักหัวปำขนาดนี้

“ กันต์...  ระหว่างความรู้สึกกับคำตอบที่ได้ยิน...  ถ้ามันต่างกัน... เราควรจะเชื่ออะไรมากกว่า “

ผมลองถามเสียงเรียบ  หากแต่ไม่ได้หวังในคำตอบนี้สักเท่าไหร่

“ อืม...  ตอบยากนะพี่  แต่ผมเคยพลาดเพราะเชื่อคำพูดของคนอื่นมากกว่าความรู้สึกของตัวเอง  ตอนช่วงที่มีปัญหากับพี่กิจเมื่อเทอมที่แล้วอะ  ดังนั้นหลังจากเรื่องคราวนั้น  ผมเลยต้องมีสติและมั่นใจจริงๆ ก่อนจะตัดสินใจอะไรลงไป  ฟังทั้งข้อมูลและความรู้สึกของตัวเอง  เพราะถ้าเราเลือกที่จะฟังแค่อย่างใดอย่างหนึ่งเราอาจจะไม่รู้คำตอบจริงๆ ของมันเลยก็ได้...  และถ้าเรายังไม่สามารถเชื่อได้หมดใจ  เราก็ควรจะต้องค้นหาความจริงมันต่อไปไม่ใช่เหรอครับ “

นั่นสินะ...  ถ้าไม่แน่ใจจริงๆ ก็ไม่ควรเชื่อจนกว่าจะได้คำตอบที่ชัดเจน

“ เอาน่าพี่...  อย่างพี่พีน่ะ  ผมว่าเรื่องพวกนี้มันไม่ยากเกินความสามารถพี่หรอก  แต่อย่างแรกนะ... พี่ต้องทำให้หัวสมองโล่งๆ ไว้ก่อน  ไม่อย่างนั้นมันจะคิดอะไรไม่ออก “

น้องมันยิ้มว่ามาครับ  ผมเลยทำหน้าหน่ายๆ เพราะรู้ว่าตอนนี้คงไม่มีอะไรทำให้หัวสมองผมพักเรื่องพวกนี้ลงไปได้แน่ๆ

“ พูดง่ายแต่ทำยากน่ะสิ “

“ พี่ก็อย่านั่งหงอยอยู่แบบนี้ดิ  มันไม่สมกับเป็นพี่เลยนะ  ผมว่าออกไปหาอะไรทำข้างนอกนี้ดีกว่ามั้ย  ถ้าไม่อยากซ้อมลักบี้ก็ไปเล่นแบดกับเคมันที่คอร์ดก็ได้  ไอ้เคมันเก่งนะพี่  เดี๋ยวพี่จะเพลินจนลืมเรื่องเครียดๆไปเลย  เชื่อผม.. “

เออใช่...  ทำไมผมคิดไม่ถึงนะว่าบางทีมันอาจจะอยู่ที่คอร์ดแบดก็เป็นได้ 

“ ขอบใจมากนะกันต์  ช่วยพี่ได้เยอะทีเดียว “  ผมพูดพร้อมกับรีบลุกขึ้นเตรียมจะออกไปจากหอประชุมคณะในทันที

“ เดี๋ยวพี่... “

น้องมันเรียกผมรั้งไว้  ให้ผมหันกลับมาทำหน้างงสงสัยเป็นเชิงถาม

“ อะนี่...  กุญแจล็อคเกอร์ผม  เผื่อพี่ไม่มีไม้ก็ไปเอาในนั้นได้ครับ “

ผมยิ้มกว้างส่งให้ไปก่อนจะรับกุญแจล็อคเกอร์นั้นมา  น่ารักจริงๆ เลยไอ้รุ่นน้อง


ผมรีบขับรถไปยังคอร์ดแบดทันทีในขณะที่ฟ้าตอนนี้ได้มืดลงแล้ว  ที่บริเวณหน้าคอร์ดมีรถจักรยาน  มอเตอร์ไซต์และรถยนต์จอดกันอยู่มากมายพร้อมกับเสียงรองเท้าพื้นยางดังเอี๊ยดอ๊าดอยู่ภายใน  จำได้จากที่คุยกับไอ้เคมันว่าช่วงนี้ที่ชมรมงดซ้อมจนกว่าจะแข่งกีฬามหาลัยฯเสร็จ  เพื่อให้สมาชิกในชมรมได้ทำกิจกรรมของแต่ละคณะ  นี่เลยเป็นสาเหตุที่ว่ากันต์กับไอ้น้องธันมันถึงไม่ต้องเข้าชมรมและมาซ้อมเชียร์ของคณะได้

ผมเดินดุ่มๆ เข้ามาข้างในโรงยิม  ซึ่งมีคนมากมายอยู่ในนี้จนไม่มีคอร์ดไหนว่างเลย  ผมสอดส่ายสายตามองไปรอบๆ อย่างละเอียด  แต่ก็ต้องสลดลงเมื่อไม่เห็นแม้เพียงเงาของคนที่ผมอยากเจอเลยแม้แต่น้อย  แต่ผมก็ยังไม่หมดความพยายามหรอกนะครับ  ถ้าจำไม่ผิด  ผมรู้สึกว่าคอร์ดของชมรมจะถูกกันเอาไว้สำหรับสมาชิกของชมรมเท่านั้น บางทีถ้าถามคนพวกนี้น่าจะพอมีคนที่รู้จักไอ้เคมันบ้าง

“ อ๋อ..  ไอ้เคก็... “

รุ่นน้องน่าจะสักปีสองคนหนึ่งพูดขึ้นพร้อมกับทำท่าหันไปมองยังคอร์ดใกล้ๆ กัน  แต่ก็ต้องหยุดไปเพราะเหมือนว่าคนที่ผมถามถึงซึ่งควรจะต้องอยู่ตรงนั้นได้หายไปแล้วในตอนนี้

“ เมื่อกี้ยังเห็นมันเล่นอยู่เลยนะพี่  สงสัยไปอาบน้ำหรือไม่ก็กลับแล้วมั้งพี่ “  น้องมันว่ามาครับ  จากนั้นผมก็ขอบใจมัน  แล้วจึงเดินตรงไปยังห้องล็อคเกอร์ของชมรมทันที

ภายในห้องนี้แบ่งแยกเป็นล็อคเกอร์ของชายและหญิงรวมทั้งห้องน้ำด้านในด้วย  ผมเดินเข้าไปภายในล็อคเกอร์ชาย  แต่ก็ไม่เห็นใครเลยสักคน  เลยตัดสินใจเดินต่อเข้าไปยังห้องน้ำใกล้ๆ  ซึ่งบอกเลยนะครับว่านี่เป็นครั้งแรกเลยที่ผมได้เข้ามา  เพราะปกติเขาห้ามให้คนนอกชมรมเข้ามาโดยเด็ดขาด

เมื่อเข้ามาภายในห้องอาบน้ำ  ผมก็ได้ยินเสียงน้ำจากฝักบัวห้องสุดท้ายที่ไหลลงมากระทบกับร่างอย่างต่อเนื่อง  ผมไม่รู้หรอกครับว่าคนที่อยู่ในห้องอาบน้ำที่ปิดอยู่เพียงห้องเดียวคนนั้นคือใคร  แต่ก็พร้อมที่จะนั่งรออยู่ที่ขอบอ่างล้างมือเพื่อดูให้รู้คำตอบที่แท้จริง  เพราะผมมาที่นี่ก็เพื่อสิ่งนี้อยู่แล้ว

ไม่นานเสียงน้ำก็หยุดลงพร้อมกับใจที่เริ่มเต้นระทึกขึ้นมาของผม  เพราะถ้าคนในห้องนั้นเป็นน้องมันจริงๆ ผมจะเริ่มต้นหรือทำอะไรยังไงต่อ...  เพราะเอาเข้าจริงผมออกจะกลัวมันเล็กๆ เสียด้วยซ้ำหากต้องเผชิญหน้ากัน  แต่แน่นอนว่า....  ผมไม่มีทางที่จะหนีอยู่แล้ว...

และทันทีที่ประตูห้องน้ำเปิดออก  ร่างขาวที่มีรอยจ้ำแดงๆ จากปากผมหลายจุดบนร่างก็โผล่ออกมาในสภาพที่นุ่งผ้าเช็ดตัวขาวเพียงผืนเดียวพร้อมกับหยดน้ำเกาะอยู่ไปทั่วร่างกายให้ผมเผลอกลืนน้ำลายเพราะความเซ็กส์ซี่ที่เห็นนี้เสียไม่ได้

“ เห้ย!! “

น้องมันสะดุ้งเมื่อเห็นผม  และก่อนที่มันจะหนีเข้าไปในห้องน้ำอีกครั้ง  ผมก็รีบพุ่งตัวเอามือเข้าไปดันประตูเอาไว้แล้วแทรกตัวเข้าไปยังภายใน  ก่อนจะปิดประตูลงและยืนพิงเอาไว้เพื่อขวางไม่ให้มันหนีไปไหนได้อีก

ตอนนี้ห้องอาบน้ำแคบๆ มีร่างสูงสองคนยืนประจันหน้ากันด้วยใจที่ระทึก  และไม่ใช่แค่ผมนะครับ  น้องมันก็ด้วย...  เมื่อดูจากสีหน้าของมันตอนนี้แล้ว

“ เข้ามาที่นี่ได้ยังไง  นี่มันเฉพาะสมาชิกของชมรมนะ   แล้ว... “

มันเริ่มโวยวายขึ้นมาก่อนที่ผมจะเอามือปิดปากมันไว้

“ เงียบๆ สิ  ไม่กลัวจะมีคนรู้เหรอว่าเราอยู่กันในนี้สองคน “

มันปัดมือผมออกและเหมือนจะด่า  แต่ก็ต้องห้ามเสียงตัวเองเอาไว้แล้วถอนหายใจพ่นลมออกจมูกอย่างไม่พอใจใส่ผม  น่ารักไม่สมกับความหล่อของมันเลยครับ....

“ อะไรของพี่เนี่ย “  มันว่ามาเสียงเบาลงครับ

“ เราต้องคุยกันนะ  ไม่ใช่เอาแต่หลบหน้าแบบนี้ “

“ ใครหลบหน้า... “  มันทำไขสือจ้องตาผม  แต่สุดท้ายก็ต้องแพ้และเบือนสายตาหลบไปยังด้านข้าง

“ ก็จะใครซะอีกล่ะ  รู้มั้ยว่าวันนี้พี่ตามหาเราให้วุ่นเลยนะ  ทั้งที่คณะ  ทั้งที่บ้านเช่า  รู้มั้ยว่าพี่โครตอยู่ไม่สุขเลย “  ผมว่าไปตามจริงครับ

“ แล้วมันเกี่ยวอะไรกับผมล่ะ “

“ ก็เพราะเราไม่ใช่เหรอ  ที่ทำให้พี่เป็นแบบนี้ “  ผมว่าไปพลางมองตามร่างขาว (มาก) และรอยแดงที่มีผมเป็นคนทำ  ก่อนจะเผลอตัวยิ้มกริ่มออกมาอย่างภูมิใจในผลงานที่ได้เป็นเจ้าของร่างนี้แล้วเมื่อคืนนี้

“ พอเลย  ไม่มีอะไรต้องคุยแล้ว  ผมบอกแล้วไงว่าให้ลืมๆ มันไป “

“ พี่ทำไม่ได้ “

“ ทำไม... “  มันขึ้นเสียงมาหน่อยๆ  ผมเลยสวนกลับไปทันทีด้วยความรู้สึกที่อัดอั้นอยู่ในใจ

“ ก็เพราะพี่ชอบเราไง! “

มันเงียบพร้อมกับทำหน้าแปลกใจ  ในขณะที่ผมซึ่งได้พูดสิ่งนี้ออกไปแล้ว  กลับรู้สึกโล่งขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก

“ อย่าเอาเรื่องแบบนี้มาพูดเล่นนะพี่  ผมไม่ชอบ “  มันว่ามาด้วยสีหน้าจริงจังและสายตาคมที่มองสู้มาอย่างไม่ยอมลดละ

“ พี่ไม่ได้พูดเล่น... “

“ พี่จะมาชอบผมได้ไง  เรายังแทบจะไม่ได้รู้จักกันเลยด้วยซ้ำ  ก็แค่... “  มันว่ามาเป็นชุด  แต่พอผมสวนกลับไปคำเดียวมันก็อึ้งเงียบลงไปทันที

“ ก็อะไร... “





“ หลีก!  ผมจะออกไป “

“ ไม่หลีก  จนกว่าเราจะคุยกันรู้เรื่อง “

“ คุยเรื่องอะไร  ผมไม่มีอะไรจะคุยกับพี่ “

“ ก็เรื่องของเราไง! “  คราวนี้เป็นผมที่เสียงดังให้คนตรงหน้าแอบผวา  แต่ก็ไม่กล้าอะไรกับผม

“ อาจจะคิดว่าพี่คิดไปเองนะ  แต่พี่รู้สึกได้ว่าเราเองก็รู้สึกดีกับพี่อยู่เหมือนกัน “

“ อย่าหลงตัวเองให้มาก....  ผมไม่ใจง่ายเหมือนผู้หญิงหลายๆ คนของพี่หรอกนะ “

“ ถ้างั้น...  สงสัยเราคงต้องมาทวนความจำกันบ้างแล้วล่ะมั้ง “

ผมพูดจบก็เข้าไปจู่โจมที่ต้นคอมันทันที  ก่อนจะไล้ขึ้นมาที่แก้มพร้อมกับดันมันไปติดกำแพง  จนมันที่ไม่มีทางออกและสู้ผมได้  นอกจากการดึงรั้งร่างกายของผมไว้ก่อนจะเอ่ยร้องขึ้น

“ ก็ได้!  คุยก็ได้! “ 

มันโวยขึ้นมาอย่างขัดใจ  และนี่ก็ถือเป็นโอกาสเดียวที่มันหยิบยื่นมาให้ผม  แม้อารมณ์จะประทุแต่ผมก็ต้องสะกดมันเอาไว้อย่างถึงที่สุดเพื่อสิ่งที่ดีกว่า....

“ ยังไง... “  ผมถามกลับ

“ พี่ต่างหาก...  จะเอายังไง... “

ผมเงียบไปเล็กน้อยเพื่อเตรียมใจก่อนจะเอ่ยขึ้นมาด้วยน้ำเสียงที่มั่นคง

“ เรามาลองคบกันดูมั้ย “

“ ไม่! “

สัด...ตอบสวนกลับมาทันทีแบบไม่คิดเลย...

“ ถ้าอย่างนั้นพี่ก็จะตามจีบเราแบบนี้แหละ “

“ เห้ย! พูดไม่รู้เรื่องเหรอพี่  ผมไม่ได้ชอบพี่! “  มันเริ่มเสียงดังขึ้นครับ

“ แน่ใจเหรอ... “

เมื่อเห็นสายตาสั่นไหวอย่างลังเลที่จะตอบของมัน  ผมก็เข้าใจได้ว่าความรู้สึกของผมนั้นถูกต้อง

“ ไม่ได้...ชอบ... “

“ ไม่เชื่อ.. “

“ เห้ย!  พี่อย่ากวนตีนดิ  หลีกไปผมจะออกแล้ว  ไม่อย่างนั้นผมจะร้องให้คนช่วยนะ “  มันขู่ผมมาครับ  แต่อย่างผมรึจะกลัว

“ ก็เอาสิ...  ร้องเลย  คนอื่นเขาจะได้รู้เรื่องของเรา  ดีซะอีก... พี่จะได้จีบเราได้อย่างเปิดเผย “  ผมเลิกคิ้วบอกมันไปครับ  แต่ผมพูดจริงนะ  เรื่องแบบนี้คนอย่างผมกลัวซะที่ไหน  ขนาดดังอย่างไอ้กิจยังกล้าประกาศตัวกลางหอประชุมคณะเลย  แค่นี้น่ะเด็กๆ

“ โรคจิตป่ะเนี่ย  เร็วพี่ผมจะออกไปแล้ว “  มันพยายามดันผมครับ  ซึ่งแรงเยอะไม่ใช่น้อยเลย  แต่ก็ไม่แปลกหรอกครับเพราะมันเป็นคนสูงใหญ่  แมนๆ หุ่นแบบนักกีฬาดีๆ นี่แหละ  ซึ่งถ้าเป็นคนอื่นที่ไม่ใช่ผมนะ  รับรองกระเด็นติดประตูไปแล้ว

“ ไม่ไป...  และก็จะอยู่มันอย่างนี้นี่แหละ  ดูซิว่าใครจะทนไม่ได้ก่อนกัน “ 

“ ผมไม่ตลกนะพี่ “

“ พี่ก็ไม่ได้ตลก “  ผมพูดก่อนจะยิ้มกริ่มที่มุมปากส่งให้ไป  จนมันถึงขนาดจิ๊ปากแล้วพ่นลมหายใจออกมาแรงๆ
   
“ ได้...  ถ้าอย่างนั้นก็เอาแบบนี้แล้วกัน “

“ แบบไหนว่ามา “ 

ง่ายกว่าที่คิดครับ

“ มาแข่งแบดกับผม  ถ้าพี่เอาชนะผมไม่ได้ก็เลิกยุ่งกับผมซะ “

“ แล้วถ้าพี่ชนะล่ะ “  ผมถามกลับและมันก็เงียบคิดอยู่เล็กน้อยก่อนจะตอบกลับมาครับ

“ ผมจะยอมลองคบกับพี่ดูก็ได้ “

ถึงจุดนี้ผมก็ยิ้มกว้างออกมาแล้วยอมให้มันผ่านออกประตูไปได้แต่โดยดี  กับอีแค่แบดไม่ได้ยากเกินความสามารถของผมเลยสักนิด   :hao3:


ออฟไลน์ หมีขาว

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 142
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +69/-12
มันกลับไปแต่งตัวด้วยชุดเก่าสีขาวมีลายดำแดงกับกางเกงขาสั้นสีขาวตัวเก่า  ก่อนจะมองผมด้วยสายตาหยามๆ ในความสามารถของผม  ทำราวกับว่าผมไม่มีทางที่จะเอาชนะมันได้เสียอย่างนั้น

ผมเปิดล็อคเกอร์ของกันต์เพื่อเอาไม้แบดออกมาอันหนึ่งจากสองอัน  ส่วนรองเท้าผมก็ใช้แค่รองเท้ากีฬาธรรมดาๆ เพราะไม่ได้เตรียมตัวมาจึงไม่มีรองเท้าพื้นยาง

เราใช้คอร์ดแรกซึ่งเป็นคอร์ดของคนในชมรมสำหรับการแข่ง  บอกเลยนะครับว่าสำหรับผมแล้ว...  เรื่องกีฬาถือว่าเป็นความสามารถพิเศษของผมเลยก็ว่าได้  แม้ว่าแบดมินตันผมจะไม่ค่อยได้เล่นเท่าไหร่ก็ตาม  แต่มันก็คงไม่ได้ยากอะไรนักหรอก


ท่ามกลางสายตาจับจ้องของคนมากมายในโรงยิม  สุดท้ายผลการแข่งก็ออกมาครับ


หึ...  :hao3:




ราบคราบเลยครับ  15 – 0   :angry2: :serius2:


เชี่ย!!  น้องมันเก่งมาก!!   คาดไม่ถึงเลยครับ  แบบนี้ผมไม่มีทางเอาชนะมันได้แน่  ไม่มีทางเลยจริงๆ  คือเข้าใจนะครับว่ามันเป็นนักกีฬาคณะ  แต่ก็ไม่คิดว่ามันจะเก่งขนาดนี้  ถึงว่าล่ะ  ทำไมถึงกล้าเสนอเรื่องนี้กับนักกีฬาอย่างผม แถมดูว่าจะมั่นใจเอาเสียมากๆ ด้วย  เพราะอย่างนี้นี่เอง...

“ ตามที่ตกลงกันไว้นะพี่ “

“ ได้...  แต่แค่วันนี้นะ “  ผมหน้าด้านว่าไปครับ  จนมันถึงกับร่นคิ้วอ้าปากร้องห๊ะก่อนจะพูดกับผมต่อ

“ ก็ไหนเราตกลงกันแล้วนี่ “

“ ก็ไม่ได้บอกนี่ว่าตลอดไป  ดังนั้นเมื่อไหร่ก็ตามที่พี่เอาชนะเราได้...  ก็อย่าลืมที่ตกลงกันไว้ด้วยล่ะ “

ผมยิ้มเจ้าเล่ห์บอกไปครับ  แพ้วันนี้แต่ใช่ว่าจะแพ้ไปตลอด  ขอเวลาผมฝึกซ้อมสักหน่อยเถอะ  มันไม่รอดมือผมแน่

“ ก็ตามใจ  แต่ผมบอกเลยนะ...  ไม่มีทางชนะผมหรอก “

พูดจบมันก็ยิ้มกริ่มส่งมาให้จนผมหวั่นใจจริงๆ ว่าจะเป็นอย่างนั้น  แต่ผมไม่ยอมหรอกครับ  ยังไงก็ต้องพยายามจนถึงที่สุดนั่นแหละ...

หลังจากเก็บของเสร็จ  มันก็รีบเดินออกจากล็อคเกอร์ไปทั้งสภาพนี้เลย  ผมเลยรีบเก็บของให้กันต์  แล้วรีบวิ่งตามหลังมันไปติดๆ  ไม่เคยเลยนะครับที่จะต้องมาวิ่งไล่ตามใครอยู่แบบนี้  น้องมันนี่เป็นคนแรกเลยนะครับ

“ ตามผมมาทำไมเนี่ย “  มันพูดมาอย่างรำคาญที่หน้าประตูโรงยิมครับ

“ เดี๋ยวไปส่ง “  ผมว่าไปครับ

“ ไม่...  ผมเอาจักรยานมา “

มันหยีปากใส่ผมก่อนจะเดินต่อไปยังจักรยานที่จอดเอาไว้ไม่ไกล

“ พี่พี!!  เลิกตามผมได้แล้ว  ถ้าพี่ยังกวนผมอยู่  ผมจะยกเลิกสัญญาระหว่างเรานะ “ 

มันหันมาขู่ผมที่เดินตามมันต้อยๆ ครับ  เอาจริงๆ ผมเริ่มสนุกแล้วครับกับการตามตื้อมันแบบนี้  เพราะผมไม่เคยเลยนะครับที่จะเข้าไปจีบใคร  มันคือคนแรกเลย  เข้าใจแล้วครับว่าทำไมไอ้กิจมันถึงติดกันต์ขนาดนั้น  คอยดูเถอะถ้าผมจีบไอ้เคมันติดเมื่อไหร่  ผมจะเอาไปเย้ยมันบ้างเลยคอยดู

“ ก็... พี่แค่อยากชวนเราไปกินข้าวก่อนกลับนี่ “

“ ไม่!! “

“ แต่... “

“ จะเอาใช่มั้ย  ให้ผมยกเลิกสัญญาระหว่างเราน่ะ “  มันขู่อีกแล้ว  แต่คราวนี้บอกเลยครับว่าได้ผล  ผมไม่ยอมแน่ที่จะปล่อยโอกาสอันน้อยนิดของผมให้หลุดลอยไปเพียงเพราะความต้องการชั่ววูบของตัวเองเท่านั้น

แบบนี้ใช่มั้ยครับที่เขาเรียกว่าอดเปรี้ยวไว้กินหวาน....

สุดท้ายวันนี้ผมเลยต้องยอมมันแค่นี้ครับ  แต่ก่อนที่มันจะขึ้นคร่อมรถจักรยานสีขาว  ผมก็คว้าแขนมันรั้งเอาไว้ก่อนจะพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยน

“ เจ็บมั้ย... เมื่อคืนนี้... “

หน้าขาวๆ แดงขึ้นอย่างชัดเจน  ก่อนจะหลบตาผมแล้วพูดขึ้นมาเสียงอ่อย

“ เจ็บดิ...ถามได้ “

“ พี่ขอโทษนะ  ให้พี่พาไปหาหมอมั้ย... “

“ ไม่ได้เจ็บขนาดนั้นหรอก... “

“ สัญญาครับว่าต่อไปพี่จะไม่ทำแบบนั้นอีก  ถ้าเราไม่ต้องการ “

มันไม่ได้ตอบอะไรผมครับ  แต่เสี้ยวนาทีหนึ่งที่มันเหลือบตามามองผมนั้น  ผมสัมผัสได้ถึงความรู้สึกของมันที่ไม่ต่างจากผมเลยสักนิด  และนี่ก็ได้กลายมาเป็นคำตอบที่ผมค้นหา...  และทำให้หัวใจวันนี้ของผมชุ่มชื้นขึ้น

ไม่นานหรอก...  พี่ต้องทำให้เราใจอ่อนกับพี่ขึ้นมาให้ได้...  คอยดูสิ...




TBC.




-------------------------------------------

วันนี้ลงดึกอีกแล้ว  แฮ่.... :mew5:

ขอบคุณสำหรับทุกกำลังใจนะครับผม  หวังว่าทุกคนจะมีความสุขกับนิยายนะครับ

-------------------------------------------

พูดคุย ติดต่อ คนเขียนได้ที่ ทวิตเตอร์ @phanusun_p

ออฟไลน์ areenart1984

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4805
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-7
รู้ตัวว่าทำน้องมันเจ็บ ก็ทายาให้น้องมันซิ  :hao6:

ออฟไลน์ DrSlump

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3360
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +104/-2

ออฟไลน์ Leenboy

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3095
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +105/-2
จีบแบบนี้เขินแย่เลย

ออฟไลน์ หมีขาว

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 142
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +69/-12
Chapter  8





กิจ ‘s  Part





หลายคนมักบอกว่าผมโชคดีที่เกิดมาบนความเพียบพร้อม....
ผมโชคดีอย่างนั้นเหรอ....?




7 โมงเช้าที่คอนโด

“ ฮึบ!!!   อ่าส์.... “

กิจกรรมเรียกเหงื่อยามเช้าที่ผมมักจะทำกันจนเป็นกิจวัตรได้เริ่มมาสักพักหนึ่งแล้วจนได้เหงื่อ  ผมมองหน้ากันต์ที่กำลังหอบกระเส่าใบหน้าแดงระเรื่อและชุ่มไปด้วยเหงื่อ  ก่อนจะออกแรงในส่วนของผมต่อไปอย่างไม่ลดละ

“ ฮึบ!!  อ่าห์ “

“ พี่กิจ....  เหนื่อยแล้วอะ  พอก่อนนะ.. “

กันต์พูดขึ้น  ผมเลยพยักหน้ารับรู้เล็กๆ  จากนั้นกันต์จึงกดลดความเร็วลู่วิ่งลงจนเปลี่ยนมาเป็นเดินแทนการวิ่งเมื่อสักครู่  ไม่นานก็หยิบผ้าขนหนูผืนเล็กสิขาวที่พาดไว้มาเช็ดหน้า  แล้วหันมาถามผมที่กำลังยกเวทขึ้นต่อ

“ พี่กิจเช้านี้อยากกินไร “

น่ารักมั้ยครับแฟนผม

“ อืม...  อะไรก็ได้  กันต์ทำเลย “

เนี่ยแหละครับกิจวัตรประจำวันหลังจากตื่นนอนแล้วของพวกเรา  ซึ่งเรามักจะมาออกกำลังกายด้วยกัน  โดยกันต์มักจะเลิกก่อนผมและไปเตรียมมื้อเช้ามาให้  สักพักเมื่อผมเสร็จก็จะมานั่งเช็คข่าวสารต่างๆ ผ่านทางไอแพดที่โต๊ะอาหารตัวเล็กในครัวพร้อมกับกาแฟที่เจ้าตัวเล็กเอามาเสิร์ฟให้ทันที่เห็นว่าผมมานั่งที่นี่แล้ว

เช้านี้กันต์ทำข้าวต้มปลาครับ  ซึ่งหลายคนก็คงจะรู้นะครับว่าแฟนผมทำอาหารเก่งแค่ไหน  จากนั้นเราก็จะเตรียมตัวอาบน้ำกันเพื่อไปให้ทันเรียนในช่วงเช้า



เขาไม่ได้เป็นคนที่เพียบพร้อมอะไรเลย...
เรียกได้ว่าเป็นความไม่เพียบพร้อมอย่างหนึ่งที่เข้ามาในชีวิตผมก็ว่าได้
ซุ่มซ่ามก็ที่หนึ่ง  ขี้งอนก็ด้วย...
แต่ก็เป็นคนน่ารักและทำอาหารอร่อยนะ...
ผมโชคดีอย่างนั้นเหรอ.... ?




9 โมงเช้า  ที่ตึกภาควิชาอุตสาหการ  คณะวิศวกรรมศาสตร์

ไม่ใช่ว่าผมเรียนหรืออ่านหนังสือมาก่อนนะครับ  เพราะทุกเนื้อหาใหม่ๆ ผมก็ฟังอาจารย์สอนเอาเหมือนคนอื่นๆ เนี่ยแหละ  ที่ต่างออกไปก็คือความตั้งใจของผมที่อาจจะดูเหมือนน้อยกว่าคนปกติเสียหน่อย  แต่ไม่รู้ว่าเป็นเพราะพรสวรรค์หรืออะไรก็ตาม  ผมฟังแค่คอนเซปต์นิดหน่อยผมก็เข้าใจมันหมดแล้ว  หรือบางทีไม่ฟังเลยเพียงแค่เงยหน้ามองไวท์บอร์ดอ่านเนื้อหาที่อาจารย์เขียนเอาไว้ก็เข้าใจได้เหมือนกัน  ดังนั้นผมเลยอาจจะดูไม่ค่อยสนใจเรียนสักเท่าไหร่  และวันนี้ก็เหมือนเคย  ผมนั่งอ่านไลน์ผ่านมือถืออยู่หลังห้อง  แต่ไม่ใช่เรื่องไร้สาระหรอกนะครับ  มันเป็นไลน์จากแผนก planning ของโรงงานในเครือบริษัทที่ตอนนี้ผมฝึกงานหรือจะเรียกว่าทำงานเลยก็ว่าได้  เพราะนอกจากจะได้รับผิดชอบงานจริงๆ แล้ว  ก็ยังได้รับเงินเดือนจากพ่ออีกทางหนึ่งด้วยเช่นกัน  ผมเปลี่ยนไปดูงานหลายแผนกมากครับ  เพราะพ่ออยากให้ผมเข้าใจโครงสร้างทั้งหมด  เนื่องจากเครือบริษัทของเราค่อนข้างใหญ่  ครั้นจะไปเรียนรู้งานใหม่ตอนที่จบไปแล้ว  มันก็คงจะใช้เวลาไม่ใช่น้อย  เมื่อพ่อเห็นว่าความสามารถในตัวผมตอนนี้มันมากพอที่จะลองเรียนรู้งานได้  พ่อก็เลยลองให้ผมเริ่มทำงานตั้งแต่ตอนที่ผมอยู่ปีสองในเครือบริษัทลูกไปก่อน  แรกๆ ผมก็ถูกตั้งแง่ครับว่าคงทำไม่ได้แน่นอนและเป็นเด็กเส้น  เพราะไม่ใช่แค่ตัวงานเท่านั้น  แต่เวลาที่ให้ได้ไม่เต็มที่ก็เป็นอีกหนึ่งอุปสรรค  แต่บอกแล้วไงครับว่าพระเอกของเรื่องนี้มันเก่ง  ผ่านไปได้ไม่นานผมก็มีผลงานออกมาเรื่อยๆ จนตอนนี้ผมกลายเป็นที่ยอมรับในความสามารถไปแล้วโดยปริยาย

ช่วงนี้ก็ใกล้ปลายปีแล้วครับ  ที่บริษัทก็จะมีการประท้วงของสหภาพแรงงานของบริษัท  เพื่อต่อรองสวัสดิการและโบนัสประจำปี  สิ่งที่เขามักจะทำกันนั้นก็คือการไม่ทำโอที  ซึ่งเป็นสิ่งที่กฎหมายไม่ได้บังคับนะครับ  และหากเป็นในสถานการณ์ปกติการไม่ทำโอทีบ่อยๆ มันก็จะมีผลต่อการผลิต  สิ่งที่เราแก้ไขปัญหานี้คือการวางแผนทำ stock ไว้ล่วงหน้าแล้วเป็นเดือน  ดังนั้นการประท้วงต่างๆ เอาเข้าจริงคือไม่มีผลต่อบริษัทเท่าไหร่เลย  เพราะมันอยู่ในการควบคุมไว้หมดแล้ว  เพียงแต่เราแค่ต้องการต่อรองและลดข้อเรียกร้องที่มันดูมากเกินไปก็เท่านั้นเอง  แต่บอกไว้ก่อนเลยว่า.... บริษัทผมนั้นมีสวัสดิการที่ดีมาก  และเรื่องค่าตอบแทนก็ไม่ธรรมดาด้วยเช่นกัน

ผมเช็คยอดการผลิตของเมื่อวานที่ซุปเปอร์ไวส์เซอร์ของแผนกส่งมาให้ผมทุกเช้าและไม่พบความผิดปกติใดๆ  ดูแผนการผลิตของวันนี้และดีเทลต่างๆ จบ  ผมก็ละสายตามามองยังไวท์บอร์ดอีกครั้ง  ทำความเข้าใจไม่นานก็หันไปสนใจเพื่อนข้างๆ ต่อในทันที  ตอนนี้ไอ้คิมกำลังเข้าเพจ cute boy & girl ของมหาลัยเรา  เพื่อติดตามข่าวสารต่างๆ และพ่วงด้วยการส่องหาสาวๆ อันเป็นเรื่องปกติของมันครับ  ไอ้พีนั่งเหม่อลอยมาตั้งแต่เช้าแล้ว  เอาจริงๆ ก็ตั้งแต่เมื่อวานแล้วครับ  ไม่รู้ว่ามันเป็นอะไรหรือมีเรื่องอะไรรึเปล่า  ว่าแล้วเที่ยงนี้คงต้องถามมันสักหน่อยแล้วล่ะครับ  และในกลุ่มผมคนที่ดูจะตั้งใจเรียนจริงๆ ก็มีแค่ไอ้บิวครับ  ดูมันสิครับนั่งฟังอาจารย์ตาไม่กระพริบเลย 

เมื่อรู้สึกเบื่อ  ผมเลยเปิดโทรศัพท์เข้าแอฟพลิเคชั่นไลน์แล้วพิมพ์ไปคุยเล่นกับแฟนครับ  แต่แค่พิมพ์ถามไปสองบรรทัดเท่านั้นแหละ  กันต์มันก็พิมพ์ตอบกลับมาว่า  อย่าพึ่งกวน.. คนจะเรียน..!!

ดูสิครับ...  แต่ทำไงได้ล่ะ  ผมยอมน้องมันทุกอย่างอยู่แล้ว  อิอิ.. ก็น้องมันน่ารักจริงๆ นี่ครับ

แต่อย่างนึงที่ผมรู้สึกได้หลังจากที่เราตกลงคบกันเป็นแฟนแล้วก็คือ  กันต์เขาดูจะเป็นคนมีเหตุผลมากขึ้นและเชื่อใจผมมากกว่าแต่ก่อน  ดูอย่างเรื่องถุงยางล่าสุดสิครับ  ถ้าเป็นเมื่อก่อนมันคงไม่รอถามความจริงจากผม  ซึ่งถ้าไม่งอน  ก็โกรธไปเลย  หรือหนักสุดอาจจะทะเลาะกันเพราะเรื่องไม่เป็นเรื่องแบบคราวก่อนนี้ก็เป็นได้

ผมไม่เคยอายคนเลยนะครับที่คบกันต์เป็นแฟน  แม้ว่าเขาจะเป็นผู้ชายเหมือนกันกับผมก็ตาม  เพราะผมรู้จักกันต์และหัวใจของตัวเองดี  ผมมั่นใจและแน่ใจที่สุดว่าผมตัดสินใจไม่ผิดที่เลือกเขา...  ดังนั้นหลายวันก่อนผมจึงตัดสินใจเปิดตัวน้องมันในคณะไปเลย  เพื่อที่หลายๆ เรื่องมันจะได้จบลง  ไม่ใช่แค่เรื่องความสบายใจเวลาเราอยู่ด้วยกัน  หรือความมั่นใจให้กับกันต์  แต่มันยังเป็นการแสดงความเป็นเจ้าของของผมด้วย  วิศวะฯ เรายิ่งผู้ชายเยอะอยู่  และเชื่อผมเถอะครับว่ามีหลายคนจ้องกันต์มันอยู่ด้วย  ดังนั้นตัดไฟแต่ต้นลมไปก่อนเลยน่าจะดีที่สุด  ทว่าเรื่องมันกลับรู้กันเพียงแค่ภายในคณะเท่านั้น  เพราะหลุดออกนอกคณะไปกลับไม่มีใครเขาเชื่อเลยสักคนว่ามันคือเรื่องจริง

เมื่ออาจารย์จบคลาสลง  ผมก็บิดขี้เกียจเบาๆ ก่อนจะพิมพ์ข้อความไปหาแฟนอีกครั้งว่า.... 

พี่เลิกเรียนแล้ว  เดี๋ยวกำลังจะไปโรงอาหาร  จะสั่งอะไรมั้ยเดี๋ยวพี่สั่งไว้รอ...

ไม่นานกันต์มันก็ตอบกลับมาครับว่า...

คะน้าหมูกรอบ 1

กระเพราะไก่+ไข่ดาว 1

ข้าวมันไก่ 2

ผมร่นคิ้วมองทันที  และรู้ว่าคะน้าหมูกรอบนั่นเป็นของกันต์แน่ๆ  ส่วนที่เหลือก็คงจะของพวกเพื่อนมันทั้งนั้นแหละ  หึๆๆ...

ไม่ใช่แฟนไม่สั่งให้โว้ย!!




ความน่ารักของเขากลายเป็นความเคยชินของผมไปเสียแล้ว...
ไม่มีความหวือหวาเหมือนตอนช่วงแรกๆ...
และที่ว่าน่ารักมันก็ใช่อยู่หรอก  แต่เขาก็เป็นผู้ชายเหมือนกันกับผมนะ..
ผมโชคดีอย่างนั้นเหรอ.....




12.15 น.  ที่โรงอาหารคณะ

กันต์เดินเข้าโรงอาหารมาพร้อมเดอะแก๊ง  ซึ่งรวมทั้งไอ้ธันและแพรด้วย  เมื่อเดินมาถึงโต๊ะกันต์มันก็ยู่หน้าถามผมขึ้นมาทันทีเลยครับ

“ อ้าวพี่กิจ แล้วของพวกไอ้เรย์ล่ะ “

“ พี่บริการเฉพาะแฟนครับ  ใครที่ไม่ใช่แฟนไปต่อแถวเอาเอง “

ผมพูดจบพวกเพื่อนผมมันก็โห่ร้องชอบใจขึ้นมาทันที  ตรงกันข้ามกับพวกของกันต์ที่ทำหน้าราวกับเหม็นความรักใส่ผมเสียอย่างนั้น

“ โหพี่กิจ  ผมหลานรหัสพี่นะ “  ไอ้เจมส์มันอิดออดว่ามาครับ

“ ก็ใช่ไง  ดังนั้นมึงก็ต้องรู้จักเจียมตัวเอาไว้  อย่าได้คิดเอาตัวเองขึ้นมาเทียบกับระดับแฟน “  ผมแกล้งกวนน้องมันไปครับ  เลยโดยกันต์มันตีเข้าให้ที่ไหล่ไปทีนึง  ก่อนจะบอกว่า... นั่นเพื่อนผมนะพี่!

แล้วไงล่ะ...  ก็ไม่ใช่แฟนพี่นี่  หึๆ

ระหว่างทานข้าวกันผมก็คอยสังเกตอาการของไอ้พีมันอยู่บ่อยๆ รู้สึกเหมือนว่ามันกำลังคิดอะไรไม่ตกอยู่  สุดท้ายผมก็เลยตัดสินใจลองโยนหินถามทางดู

“ เป็นเหี้ยไรวะมึงไอ้พี  ช่วงนี้เอาแต่เหม่อ “  มันเหลือบมามองผมก่อนจะถอนหายใจเล็กๆ ครับ  แต่จากท่าทีที่เห็นนี้แสดงว่ามันมีเรื่องที่คิดไม่ตกจริงๆ นั่นแหละ  และในที่สุดมันก็ยอมพูดออกมาครับ 

“ เฮ้ยไอ้กิจ...  มึงเล่นแบดเก่งใช่มั้ย “

ผมทำหน้างงมองตอบไป  แล้วไอ้บิวมันก็สวนขึ้นมาแทนคำตอบผม

“ ไอ้กิจมันก็เก่งแม่งทุกอย่างอยู่แล้วป่าววะ  มึงยังจะถามอีกนะ “

“ ก็นั่นแหละ...  นั้นไอ้กิจมึงช่วยอะไรกูอย่างสิวะ “ 

เชี่ย..!!!  ร้อยวันพันปีคนอย่างมันแทบจะไม่เคยร้องขอความช่วยเหลือจากผมช่วยเลย  นี่แสดงว่ามันต้องเป็นเรื่องใหญ่จริงๆนั่นแหละ  ว่าแต่มันเกี่ยวอะไรกับแบดมินตันด้วยนะ

“ ให้กูช่วยอะไร “  ผมร่นคิ้วถามไปอย่างแปลกใจครับ

“ ช่วยเทรนกูที  ไม่ขออะไรมาก  แค่พอให้ชนะไอ้เคได้ภายในหนึ่งอาทิตย์เท่านั้นพอ “


พรืด!!


กันต์ถึงกลับสำลักน้ำครับที่กำลังดื่มไปครับ  จนผมต้องเอามือไปลูบหลังพลางหยิบผ้าเช็ดหน้ามาเช็ดคราบน้ำให้

“ ชนะไอ้เคเลยเหรอพี่พี “  กันต์มันถามขึ้นทันทีที่ผมละผ้าเช็ดหน้าออกจากปาก

“ อืม... “

“ ทำไมอะพี่  เมื่อวานแข่งกันเหรอ  แล้วผลเป็นไง “

“ 15 – 0 “ 

ทันทีที่ไอ้พีพูดจบด้วยน้ำเสียงอ่อยๆ พวกผมทั้งแก๊งก็ถึงกับหัวเราะก๊ากกันเลยทีเดียว  ใครจะไปคิดกันละครับว่าคนเก่งๆ อย่างไอ้พีจะไปแพ้เด็กปีหนึ่งซะขนาดนั้น  แถมแพ้ชนิดที่ว่าไม่เอาแต้มกันเลยทีเดียว...  คือถ้าเป็นเรื่องอื่นจะไม่แปลกใจเท่าเรื่องกีฬาเลยครับ  เพราะคนรูปร่างสูงใหญ่และมีพาวเวอร์ด้านนี้แบบมันจะมาแพ้ได้ราบคราบขนาดนี้

สงสัยที่เครียดนี่คงจะเพราะแค้นเด็กมันแน่ๆ เลยครับ  โถๆๆๆไอ้พี  ฮ่าๆๆๆๆ

“ พี่กิจก็ไปขำพี่พีเขา  ไอ้เคมันเก่งจะตาย  ถ้าตัวๆ กับมันนะ  กันต์หรือไอ้ธันยังเอาไม่ลงเลย “

ก็จริงนะครับที่ว่าไอ้เคมันเก่ง  เพราะผมก็เคยแข่งกันมันมาก่อนครั้งหนึ่ง  ถึงได้พอรู้ว่าสเต็ปและแรงของมันนั้น  เรียกได้ว่าเอาเรื่องกันเลยทีเดียว  แต่มันก็อดขำไม่ได้นี่  ดูสิครับไอ้คิมมันยังไม่เลิกขำเลยตอนนี้  ส่วนเจ้าตัวก็ไล่โวยวายเพื่อนไปทั่วแล้ว

“ ถ้าแพ้ขนาดนี้นะ...  แล้วมึงอยากจะชนะให้ได้ภายในหนึ่งอาทิตย์นะเว้ย... บอกเลย.... ตายแล้วเกิดใหม่ “

“ พี่กิจ!!  //  เชี่ยกิจ!! “

อะไรวะก็ผมพูดความจริงนี่  กันต์กับไอ้พีจะโวยวายอะไรเสียงดัง  ฮ่าๆๆๆ

“ โอเคๆ  เอาดีๆ ละ...  กูไม่ว่างว่ะมึง...  กิจกรรมเทอมนี้ที่กูต้องดูแลแม่งเยอะสัด  และอีกอย่างนะ..  อาทิตย์เดียวให้ตายยังไงมึงก็ไม่มีทางชนะไอ้เคได้หรอก  ขนาดกันต์กูเทรนตั้งหลายอาทิตย์ก่อนแข่ง  ถ้าต้องตัวๆ เอามันไม่ลงหรอก  ดังนั้นอย่างน้อยๆ ซ้อมหนักๆ ก็ต้องสักปีนึง  หรือถ้ามึงรอไม่ได้ก็ล้มเลิกความคิดนี้ซะ “

อาจจะดูเหมือนตัดกำลังใจนะครับ  แต่เชื่อเถอะครับว่า  นี่แหละความจริงที่สุดละ

“ ไม่มีทางเลยเหรอวะมึงไอ้กิจ “  มันถามผมต่อด้วยน้ำเสียงท้อแท้ 

“ เออ... “  ให้มันเลิกหวังตั้งแต่เนิ่นๆ ดีกว่ามันจะต้องไปเสียเวลาทำเรื่องไม่เป็นเรื่องเพียงเพราะแค่อยากจะเอาชนะรุ่นน้องคนนี้ให้ได้

“ พี่พีอย่ายอมแพ้นะพี่  เดี๋ยวกันต์ช่วยเอง  ขนาดกันต์ไม่กี่อาทิตย์ยังพัฒนาได้เยอะเลย  แล้วระดับพี่พียังไงก็ต้องไปได้มากกว่ากันต์อยู่แล้ว “

เอ๊า.... แฟนผมนี่ก็นะ  ไปให้ความหวังชาวบ้านเขาเรื่อยเปื่อย  เพราะมันคนละกรณีกันครับ  การจะเอาชนะคนเก่งระดับนั้นได้  มันก็ต้องอาศัยระยะเวลาฝึกฝน  แม้ว่าจะมีพื้นฐานทางด้านกีฬาที่ดีแค่ไหนก็ตาม

“ จะเอาเวลาที่ไหนไปห๊ะเรา...  ไหนจะเรียน  ไหนจะซ้อมเชียร์  แล้วเดี๋ยวเร็วๆ นี้มีงานชมรมจิตฯ ต้องไปช่วยเขาทำหนังสั้นอีก  เออว่าแต่ตอนนี้ไปถึงไหนกันแล้ววะไอ้ธัน “  ผมบอกคนตัวเล็กข้างๆ เสร็จก็หันไปถามไอ้หน้าหล่อที่นั่งอยู่ริมสุดของโต๊ะครับ

“ พี่เขาให้บทมาอ่านอยู่เลยพี่  นี่พึ่งอ่านจบไปเมื่อวานเอง  แถมในเรื่องพี่เขาให้จูบจริงด้วยนะ  ผมนี่เครียดเลยอะ “  มันว่ามาเป็นชุดเลยครับ  ดูวุ่นวายไม่ใช่น้อยเลยทีเดียวงานนี้

“ ดีละที่กูปฏิเสธ  ฮ่าๆๆ “  ผมบอกไปตามจริงครับ  เพราะจากที่มันว่ามา...  อะไรก็ไม่เท่าจูบจริงเนี่ยแหละ  เพราะนอกจากผมแล้ว  ใครก็ห้ามมาจูบกันต์มันเด็ดขาด

“ โหยพี่....  ผมดิซวย  พี่ไม่น่าปฏิเสธเลย “

“ เป็นมึงอะดีแล้ว  หัดทำกิจกรรมเข้าไว้  เดี๋ยวขึ้นมาปีสูงๆ ยังมีให้ทำอีกเยอะจะได้ชิน “  ผมแกล้งทำหน้าขรึมบอกไปครับ  แต่ใต้โต๊ะกลับถูกเท้าไอ้คนตัวเล็กเหยียบพลางหันมามองเป็นเชิงว่ารู้ทันความคิดนะ  ซึ่งผมก็ได้แต่ยิ้มกริ่มไม่สนใจครับ

“ แต่พี่พี...  เรื่องซ้อมแบดอะ  ผมพูดจริงนะ  ไว้หาเวลาว่างได้แล้วเดี๋ยวผมช่วยพี่เอง “

กันต์มันพูดทิ้งท้ายไว้ให้ไอ้พีมันได้ยิ้มกว้าง  ก่อนจะหันมาด่าผมว่าแล้งน้ำใจครับ...


CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ หมีขาว

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 142
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +69/-12
เขาเป็นคนที่เรียนในระดับปานกลาง
เล่นกีฬาก็ปานกลาง
ฐานะก็ปานกลาง
เรียกได้ว่าเป็นคนในระดับปานกลางเลยก็ว่าได้
แต่ก็มีคนที่รักเขาเยอะนะ...  เพราะเขาให้ใจกับทุกๆ คนเสมอ
ผมโชคดีอย่างนั้นเหรอ....





14.30 น.  ที่ตึกภาควิชาอุตสหการ

ผมกำลังนั่งเลื่อนมือถือดูคอนโดบ้าง  ที่ดินบ้าง  อาคารหรือบ้านปล่อยขายต่างๆ  เพื่อเอามาเกร็งกำไรหรือปล่อยเช่าครับ  คือถึงผมจะเกิดในครอบครัวที่มีฐานะขนาดนี้  แต่เงินใช้จ่ายส่วนใหญ่ผมก็เริ่มหาเองตั้งแต่ตอนปีหนึ่งแล้วล่ะครับ  คือนอกจากเงินรายเดือนจากทางบ้าน  ผมยังมีเงินเดือนประจำที่ช่วยพ่อทำงานอีก  แต่รายได้หลักของผมนั้นมาจากการเริ่มจับงานอสังหาฯ ครับ  เริ่มจากการกู้เงินพ่อเมื่อตอนปี 2 ฟังไม่ผิดหรอกครับ.... กู้จากพ่อ  เพราะไม่มีธนาคารที่ไหนปล่อยเงินก้อนโตให้กับเด็กอย่างผมเป็นแน่  และถึงแม้ว่าครอบครัวจะมีฐานะที่ดี  แต่พ่อแม่ผมกลับไม่สปอยด์เกินไปเหมือนอย่างที่ใครๆ คิดเอาไว้เลย  ออกจะฝึกให้เราหาอะไรด้วยตนเองเสียด้วยซ้ำไป  ดูอย่างไอ้กานต์สิครับ  ถึงมันจะมีรถเพราะพ่อซื้อให้เป็นรางวัลที่สอบใบขับขี่ได้  แต่ก็ไม่ใช่รถหรูราคาแพงอะไรเลยนะ  ส่วนรถหรูของผมนี่มาจากน้ำพักน้ำแรงของตัวผมเองล้วนๆครับ 

มาเข้าเรื่องกันต่อดีกว่า...  ผมกู้เงินจากพ่อมาเพื่อสร้างหอพักแถวมหาลัยฯแห่งหนึ่ง   ปล่อยเช่าเพื่อนำเงินมาจ่ายเงินต้นและดอกเบี้ยของพ่อคล้ายกับเวลาเรากู้เงินธนาคารนั่นแหละครับ  แต่เป็นการกู้พ่อตัวเองและมีดอกเบี้ยที่ถูกกว่ามาก  และเพราะดอกเบี้ยที่ถูกนี้  ผมจึงไม่ได้ใช้รายได้ทั้งหมดเพื่อรีบเคลียร์เงินต้น  แต่ยังแบ่งเงินส่วนหนึ่งไว้เพื่อต่อยอดธุรกิจส่วนตัวนี้อีกโดยการเริ่มจับงานอสัหาฯ เพื่อเกร็งกำไรหรือปล่อยเช่า  จนเรียกได้ว่าตอนนี้สถานะทางการเงินส่วนตัวของผมก้าวกระโดดไปจากหลายๆ คนอย่างมาก  แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นที่มันไปได้ไวขนาดนี้ก็เพราะแบ็คหลังผมดีเป็นทุนเดิมนั่นแหละ  เพียงแต่ผมเลือกที่จะไม่รอรับอยู่เพียงฝ่ายเดียว  แต่เลือกที่จะออกเดินหา  ใช้โอกาสและความสามารถของตัวเอง  เพื่อแสดงให้ทุกคนเห็นว่าผมเองก็มีความสามารถไม่ใช่แค่ฐานะ....

เมื่อไม่มีอะไรควรค่าแก่การลงทุน  ผมก็เปลี่ยนมาเป็นพิมพ์ข้อความไลน์ไปแซวแฟนเสียหน่อย  กวนกันวันละนิด  หวานกันวันละหน่อยเพื่อชีวิตรักที่ไม่น่าเบื่อ


                                                                                               อ่านแล้ว     น้องครับตั้งใจเรียนหน่อย  ลำบากแฟนมาติวให้
                                                                                                14.35
GunT
เดี๋ยวไปให้คนอื่นติวให้ก็ได้  แต่กลับห้องช้าอย่าว่าละกัน      14.36
                                                                                               อ่านแล้ว     กล้าเหรอ  เดี๋ยวพี่จะไปแหกอกไอ้คนติว
                                                                                               14.37
GunT
ว่างรึไงมากวนคนเขาเรียนเนี่ย     14.38
                                                                                               อ่านแล้ว     ไม่ว่างครับ  แต่คิดถึง...
                                                                                               14.38





ที่ผ่านมา...
หลายคนเข้าหาผมเพราะรูปร่างหน้าตา  ความสามารถ  หรือเพราะฐานะ
แต่เขากลับต่างออกไป...  เพราะจุดเริ่มต้นที่เขารักผมนั้นไม่ใช่สิ่งเหล่านี้เลย
ไม่อย่างนั้นเราคงไม่เกลียดกันตั้งแต่แรกเริ่มหรอก...
ผมเป็นคนโชคดีอย่างนั้นเหรอ....





18.00 น. ที่สนามบาสคณะวิศวะฯ


เย็นนี้ผมมีทั้งซ้อมบาสของคณะเพื่อเตรียมแข่งในงานสปอร์ตเดย์ครับ  รวมทั้งยังต้องมาดูปี 2 สอนลีดน้องด้วย  ดีหน่อยที่มันอยู่ที่สนามบาสด้วยกันทั้งคู่

“ ไงมึงยังไม่กลับห้องอีก “

ผมเดินขึ้นสแตนด์เชียร์ซึ่งมีน้องรหัสผมนั่งมองแฟนมันที่กำลังสอนลีดปีหนึ่งอยู่ครับ

“ ก็รอซีมันเหมือนเดิมแหละเฮีย “  ไอ้เอ็กซ์น้องรหัสผมว่ามาครับ  ซึ่งก็เป็นกิจวัตรประจำวันของคู่นี้อยู่แล้ว  ที่ผัวซ้อมบาสเสร็จก็ต้องมานั่งรอเมียอยู่ตรงนี้เป็นประจำ

“ เออเอีย  ผมว่าไอ้น้องคนนั้นมันชอบเฮียแน่  ผมเห็นมันชอบแอบมองเฮียอยู่บ่อยๆ อะ “

ไอ้เอ็กซ์หลิ่วตาให้ผมมองตามไปทางน้องอามครับ ผมเลยขานรับในลำคอเล็กๆ  เอาจริงผมคิดว่าน้องมันจะยอมตัดใจตั้งแต่วันที่ผมประกาศเปิดตัวกันต์มันแล้วนะครับ  แต่ดูท่าคงจะยังตัดใจไม่ได้  และถึงไอ้เอ็กซ์มันจะไม่บอกมา  ผมเองก็พอจะสังเกตได้อยู่หรอกครับ  เพียงแต่ความกล้าที่จะเข้าหาผมดูจะน้อยลงไปกว่าเมื่อก่อนนี้มาก

“ รู้แล้ว.... “

ผมตอบด้วยน้ำเสียงที่ไม่ได้ใส่ใจ  จากนั้นไอ้เอ็กซ์มันก็หันกลับมามองหน้าผมเล็กน้อยอย่างรู้ว่าผมไม่ได้ใส่ใจจริงๆ นั่นแหละ

“ เป็นไงเอีย...ชีวิตใหม่ “

“ ชีวิตใหม่อะไรวะ “  ผมร่นคิ้วถามอย่างแปลกใจครับ

“ ก็ที่เปลี่ยนจากชอบผู้หญิงมาชอบผู้ชายไง “ 

“ ไม่ได้เปลี่ยนโว้ย!!  กูแค่ชอบกันต์มัน  ไม่เกี่ยวกับเรื่องเพศสักหน่อย...  หรือไม่จริง “  ผมแหงะหน้าถามไอ้รุ่นน้องตัวแสบ ( เมื่อก่อนมันแสบจริงนะครับ )  เพราะมันเองก็อยู่ในสถานะเดียวกันกับผมตอนนี้

“ ก็จริงของเฮีย  ฮ่าๆๆ “

มันตอบมาพร้อมกับหัวเราะร่า  ผมหยิบเอาโทรศัพท์ที่ส่งเสียงเตือนเมื่อมีคนโทรเข้ามาก่อนจะพบว่าเป็นกันต์

“ ว่าไงซ้อมเชียร์เสร็จแล้วเหรอ “

< พึ่งเสร็จอะ  พี่ยังไม่เสร็จเหรอ >

“ รอเสร็จพร้อมเรา “

< ทะลึ่ง ! >

“ แล้วเอาไง...  เดินมาหาพี่ที่สนามบาสมั้ย “

< อืม  โอเคพี่  นั้นเดี๋ยวกันต์เดินไปหาพี่ที่สนามนะ >

หลังจากผมวางสายไปก็นั่งคุยกับไอ้เอ็กซ์ต่อได้ไม่นานก็เห็นกันต์ในสภาพชุดนักศึกษาสะพายเป้ที่ไหล่ขวาเดินมาแต่ไกลครับ

“ พี่เอ็กซ์หวัดดีครับ “  มันมาถึงก็ยกมือไหว้ไอ้เอ็กซ์ก่อนจะวางกระเป๋าแล้วนั่งลงยังที่นั่งชั้นถัดลงมาจากที่ผมกับไอ้เอ็กซ์มันนั่งอยู่

“ ไงกันต์  ทำไมสภาพวันนี้ดูเพลียจังวะ “  ไอ้เอ็กซ์ถามกลับ

“ เหนื่อยดิพี่  แปลอักษรงงไปหมด “  จากนั้นมันก็เงยหน้าส่งสายตาละห้อยมองมาที่ผมครับ

“ พี่กิจ...  หิวแล้ว... “ 

น้ำเสียงอ้อนอีกต่างหาก  เฮ้อ....  คนเข้มงวดอย่างผมจะมาเลิกซ้อมลีดเพราะแฟนมันก็ใช่ที่  ว่าแล้วผมเลยลุกขึ้นก่อนจะลงจากสแตนด์เดินเข้าไปหาพวกปีหนึ่งและปีสองที่กำลังซ้อมลีดกันอยู่ด้านล่าง

“ ท่าทางทุกคนจะเหนื่อยกันแล้วนะ  และนี่ก็ดึกแล้ว  ยังไงวันนี้ก็พอแค่นี้ก่อนแล้วกัน  เพราะแฟนพี่มันหิวข้าวแล้ว “

พอผมพูดจบก็ถูกโห่แซวกันจนสนั่นไปทั้งลานกว้างกันเลยทีเดียว  ก็มันเรื่องจริงทั้งนั้นนี่...   
 
“ มั่วแล้ว!  เกี่ยวไรกับผม! “  กันต์มันตะโกนว่ามาครับ


“ หยุดๆ...  เสียงดังไรนักหนาห๊ะ...หรืออยากจะซ้อมต่อ  พี่จัดให้ได้นะ “

แซวไม่หยุดก็ขู่แม่งเลยครับ  ยังไงผมก็ลอยตัวอยู่แล้ว  ไม่เลิกซ้อมผมก็แอบไปกินข้าวกับแฟนก่อนก็ยังได้เลย  ช่วยไม่ได้อะ...  ตรงนี้ผมใหญ่สุด  หึๆๆ

ผมเดินยิ้มร่ากลับมาหากันต์มันที่มองผมหน้าเห่ย  ก่อนจะถูกไอ้เอ็กซ์หาว่าผมใช้อำนาจอย่างไม่เป็นธรรม  แต่ผมไม่สนครับหยิบเอากระเป๋าเป้ของกันต์มันขึ้นมาสะพายบ่าแล้วพูดขึ้น

“ จะกินไร  หิวไม่ใช่เหรอ “

“ อืม....  อยากกินสเต๊กหน้ามออะ “  มันคิดแปบเดียวก็ตอบผมมาครับ  แล้วผมก็พยักหน้าเล็กๆ ตามใจไป  จากนั้นมันก็ลาไอ้เอ็กซ์แล้ววิ่งไปลาน้องซี  ก่อนจะแวะไปคุยกับน้องแพร  ไม่นานไอ้เรย์ที่หายไปตั้งแต่หลังซ้อมบาสเสร็จก็เดินเข้าสนามพร้อมถุงลูกชิ้นในมือและสีหน้างงๆ ว่าทำไมวันนี้ถึงได้เลิกกันไวจัง  ผมเดินตามหลังเข้าไปก็พอดีกับที่มันบอกลาเพื่อนๆแล้วหันมาเห็นผมครับ

“ ปะพี่กิจ  หิวแล้ว  วันนี้จะสั่งสองจานเลย “

“ ถึงเวลาจริงไม่เคยจะกินหมดสักที “  ผมแอบแขวะไปครับ

“ แต่วันนี้หิวจริงน้า.... “

“ คร้าบ...  นั้นก็ไปเร็ว “

จากนั้นน้องๆ แถวนั้นก็ลาผม  แล้วเราก็เดินออกจากสนามบาสท่ามกลางเสียงโห่แซวตามหลังมาอย่างไม่หยุดหย่อน

“ พี่กิจพรุ่งนี้มีควิส static อะ  ติวให้ทีดิ “

“ อืม.... “






ชีวิตครอบครัวอย่างคนปกติที่เคยคิดเอาไว้ว่าจะมี  อาจจะต้องเปลี่ยนแปลงไปหากอยู่กับเขาคนนี้
ผมเป็นคนโชคดีอย่างนั้นเหรอ....





22.30 น.  ที่คอนโด


“ ช้าๆ ดิพี่กิจ  เมื่อกี้ยังไม่เข้าใจเลย “

กันต์ท้วงครับเมื่อผมเริ่มอธิบายตัวอย่างโจทย์ข้อต่อไป

“ อ้าวก็เห็นพยักหน้าพี่ก็คิดว่าเราเข้าใจข้อเมื่อกี้แล้ว “

“ ก็เกือบเข้าใจแล้ว  แต่พี่ต้องให้เวลาหัวสมองผมมันได้ประมวลผลก่อนดิ “

ผมยิ้มขำเล็กๆ ให้กับข้อแก้ตัวเด็กๆ ของเขาได้อยู่บ่อยๆ  ผมไม่เบื่อเลยนะครับที่มาใช้เวลานั่งติวให้กันต์มันอยู่แบบนี้  เพราะได้เห็นมุมอื่นที่ไม่ค่อยได้เห็นอยู่บ่อยนัก  อย่างสีหน้ามั่นใจแต่ก็พลาด  หน้าที่ใช้ความคิดแต่ก็คิดไม่ออก  ความคุ้มคลั่งเล็กๆ ที่ใกล้เวลาจวนตัวหรือคิดไม่ออก  มันทำให้เสือยิ้มยากอย่างผมเผลอยิ้มออกมาได้อยู่เสมอเลยล่ะครับ

“ พี่กิจพักก่อน...  กินโกโก้กัน  เดี๋ยวกันต์ชงให้ “

เจ้าเด็กน้อยของผมยิ้มบอกมาตาเป็นประกาย

“ แล้วคืนนี้จะจบมั้ย “

“ มันก็ต้องพักบ้างอะไรบ้างดิพี่ “

จากนั้นมันก็เดินเลยผมจากห้องรับแขกไปทำอะไรขลุกขลักอยู่ในครัว  สักพักก็กลับมาพร้อมโกโก้ร้อนกลิ่นหอมสองแก้วและขนมปังสองสามอย่างที่แวะซื้อเมื่อตอนขากลับในจาน

ผมชอบชีวิตแบบนี้มาก  มันอบอุ่น  ละมุน  และสัมผัสได้ถึงครอบครัว... 

จากคนฟอร์มเยอะและจริงจังกับชีวิต  กลับเริ่มมามีชีวิตที่เรียบง่ายอย่างที่ไม่เคยมีอยู่ในหัวมาโดยตลอด..

ผมเหมือนได้พักเวลาอยู่กับกันต์

บ้านอาจจะเป็นคำนามที่ใช้เรียกสถานที่  แต่ตอนนี้ผมเข้าใจแล้วว่าความหมายมันลึกซึ้งกว่านั้นมาก  เพราะต่อให้ไม่มีสถานที่  ขอแค่มีกันและกัน  และความรู้สึกแบบนี้  ไม่ว่าที่ไหนเราก็เรียกว่าบ้านได้ทั้งนั้น...

“ สูตรใหม่กันต์อร่อยมั้ย  แต่กินเยอะๆ อ้วนแน่เลย... แต่ช่างมัน...  ของอร่อยต้องมาก่อน “  ผมฟังมันบ่นกับตัวเองก็อดเผลอยิ้มเล็กๆ ไม่ได้ทุกทีสิน่า

“ ยิ้มอะไร...  ทำไม.. อ้วนแล้วจะไม่รักเหรอ “

“ ใครบอก  ถึงตัวเองอ้วนเค้าก็รักนะ “

ใครจะไปคิดกันว่าไอ้คุณชายกิจมันจะสามารถพูดอะไรแบบนี้ออกมาได้  แถมยังเอาหน้าก้มลงไปขยี้ท้องแฟนตัวเองจนมันหัวเราะคิกคักบอกให้ผมพอได้แล้วแบบนี้

ขอบคุณนะกันต์ที่เข้ามาในชีวิตพี่....  และต่อให้เราไม่เหมือนใคร...แต่พี่ก็เข้าใจคำว่าครอบครัวเพราะกันต์

เพียงแค่เรามีกันและกันแบบนี้  มันก็คือครอบครัวแล้วล่ะ….




เขาอาจจะไม่ได้ดีพร้อม
ไม่ใช่คนที่เราหรือใครคาดหวัง
แต่เขาเข้ามาเติมเต็มในส่วนที่ผมขาด....
และทำให้ “ เรา “ กลายมาเป็น “ ครอบครัว “


ตอนนี้ผมรู้สึกแล้วว่า...  ตัวเองนี่ช่าง...  โชคดีจริงๆ....







TBC.



------------------------------------------------------------

เมื่อวานลงไม่ทันครับ  ขอโทษทีนะครับ

ส่วนตัวค่อนข้างชอบตอนนี้มาก  มันไม่หวือหวาก็จริง... แต่ชอบอะครับ

------------------------------------------------------------

ติดต่อคนเขียนได้ที่  ทวิตเตอร์  @phanusun_p

ออฟไลน์ Leenboy

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3095
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +105/-2
พี่กิจคนรักเมีย5555

ออฟไลน์ DrSlump

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3360
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +104/-2
 :pig4: :pig4: :pig4:

นี่คืออาการของคนหลงเมีย

ออฟไลน์ Billie

  • "Let come what comes, let go what goes and see what remains. That is what is real"
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3327
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +78/-6

ออฟไลน์ areenart1984

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4805
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-7
หลงกันต์ หรือ เกรงใจกันต์ กันแน่นะ  :hao3:

ออฟไลน์ หมีขาว

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 142
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +69/-12
Chapter  9




กันต์ ‘s  Part





ค่ำนี้ได้ฤกษ์งามยามดีฉลองบ้านใหม่ของไอ้พวกนั้นครับ  และวันนี้ก็ไม่มีซ้อมเชียร์ด้วย  ซึ่งตอนแรกเราตั้งใจกันว่าจะทำหมูกระทะกินกันที่บ้านเช่าครับ  แต่สุดท้ายก็เปลี่ยนแผนเพราะพวกมันขี้เกียจเก็บล้างและเก็บงานหลังกินเสร็จ  ก็เลยไปจบกันที่ร้านหมูกระทะแถวมหาลัยฯครับ

ผมไปกับไอ้ธันเลยไปรับไอ้เคมันที่คณะ  ส่วนพวกที่เหลือไปรถไอ้เรย์มันที่ร้านกันแล้ว

“ ธันให้กูลองขับไปที่ร้านมั้ย “  เมื่อเวลาผ่านไปความกลัวเรื่องรถก็ได้ลืมเลือนไปเยอะแล้ว  และก่อนที่จะเอาความรู้คืนอาจารย์หมด  ผมก็ต้องมาทบทวนกันบ้างล่ะครับ

“ ไหวเหรอกันต์... “  ไอ้ธันที่ยังไม่ได้สตาร์ทรถที่หน้คณะเภสัทฯ  ถามพลางมองผมอย่างกล้าๆ กลัวๆ

“ อย่าเลยมึง...  กูยังอยากเรียนให้จบ  ได้ข่าวว่าคราวก่อนก็เกือบชนมาแล้วไม่ใช่เหรอ “  ไอ้เคที่นั่งด้านหลังว่ามาทันที  ให้ผมหันหน้าไปหาก่อนจะพูดขึ้น

“ แค่เกือบเอง  ยังไม่ได้ชนสักหน่อย “

“ ก็นั่นแหละ !   สงสารกูและแมวกูเหอะ  เดี๋ยวแม่งกำพร้า “

ผมด่ามันว่า ‘ เชี่ย ‘  แบบไม่ออกเสียงในขณะที่ธันได้แต่หัวเราะขำก่อนจะออกรถไปครับ

“ จำไว้เลยนะเว้ยไอ้เค  กูจะเทรนพี่พีให้เอาชนะมึงให้ได้  โทษฐานที่มึงดูถูกกู “  ผมขู่มันไปครับ  แต่ก็ตั้งใจอย่างนั้นจริงๆ

“ อะไร...  พี่พีเขา...  ทำไม “

จู่ๆ มันก็เปลี่ยนสีหน้าแล้วถามผมขึ้นมาเสียงตะกุกตะกักครับ

“ ก็เมื่อวานพี่เขามาขอให้ช่วยเทรนแบดให้อะ  เห็นบอกว่าต้องเอาชนะมึงให้ได้อะไรเนี่ยแหละ  ทำไมวะ...  มึงไปทำไรพี่เขาถึงหัวเสียขนาดนั้น  นี่กูไม่เคยเห็นพี่พีเป็นแบบนี้มาก่อนเลยนะเว้ย! “  ผมหันกลับไปคุยกับมันครับ

“ เป็นกูมากกว่ามั้งที่ถูกทำ... “ 

มันบ่นอะไรไม่รู้อู้อี้กับตัวเองครับ  ผมฟังไม่ชัดเลยถามกลับไปว่าอะไรนะ...

“ กูบอกว่า...  กูจะไปทำไรพี่เขาได้ล่ะ  ตัวโตซะขนาดนั้น “  มันเสียงดังขึ้นมาครับ

“ ไม่เกี่ยวเว้ย  คนเรามันไม่เก่งกันทุกอย่างหรอก  แต่ที่แน่ๆ  กูฟันธงเลยว่าพี่เขาต้องเอาชนะมึงได้สักวันแหละ “

“ ทำไมมึงถึงมั่นใจวะ... “  มันถามมาเสียงอ่อยครับ 

“ ก็เพราะกูสอนไง  และอีกอย่าง...  พี่เขามีพื้นฐานด้านกีฬาดีอยู่แล้ว  เทรนไม่นานต้องเอาชนะมึงได้แน่ “

“ เหรอ......  แล้วกูจะคอยดู “

ผมยิ้มพลางเลิกคิ้วก่อนจะหันหน้ากลับมามองทางข้างหน้าต่อ  ซึ่งตอนนี้กำลังจะออกจากรั้วมหาลัยฯแล้วล่ะครับ


......



ที่ร้านหมูกระทะ

เข้าร้านมาพวกนั้นก็มาถึงกันอยู่ก่อนแล้ว  แถมอาหารก็ยังเต็มโต๊ะไปหมด  เรื่องกินนี่แม่งไม่เคยช้าและรอผมเลยจริงๆ  แถมเบคอนของโปรดผมมันก็ตักมาเท่าแมวดม  สุดท้ายก็เลยต้องเดินไปตักเองจนได้ครับ...

โต๊ะเราค่อนข้างจะครึกครื้นสักหน่อย  เพราะนอกจากจะคนเยอะแล้ว  ไอ้เรย์นี่ตัวดีเลยครับที่เสียงดังอยู่บ่อยๆ เวลาโดนแย่งของที่มันตั้งใจย่างไว้อย่างดี  แต่ก็ไม่ได้ถึงขนาดรบกวนชาวบ้านโต๊ะอื่นเขาหรอกนะครับ

กินกันไปได้สักพักก็มีกลุ่มนักศึกษาสาวปีหนึ่งซึ่งมากันเป็นแก๊งสามคนและผมก็จำได้ดีว่าแก๊งใคร  เพราะเจ้าตัวที่พึ่งจ่ายตังค่าแท็กซี่เสร็จได้เดินตามหลังเข้ามาเป็นคนสุดท้ายครับ  ก่อนจะเดินอ้อนแอ้นผ่านโต๊ะของพวกเราพร้อมทั้งปลายตามามองยังผมเล็กๆ

“ อูย.... “ 

ไอ้เรย์ซึ่งนั่งต่อจากไอ้ธันที่นั่งข้างผมแหงะหน้ามาหาผมพลางส่งเสียงเบาๆ ซึ่งผมก็พอเข้าใจได้ว่ามันต้องการจะสื่ออะไร  เพียงแต่ผมไม่ได้ทำอะไรเลยนะครับ  แค่คุยกับเขาผมก็ยังไม่เคยคุยด้วยเลย

เท่าที่สังเกตรู้สึกว่าเพื่อนสาวของอามจะเป็นคนต่างคณะนะครับ  ส่วนจะคณะอะไรนั้นผมไม่แน่ใจ  แต่ดูท่าคงจะเป็นเพื่อนเก่าตั้งแต่สมัยมัธยมแน่ๆ

พวกผมสนุกสนานกันต่อ  เพราะยิ่งคนเยอะแถมสนิทกันด้วยแล้วมันก็ยิ่งสนุกครับ  ไอ้แน๊คมันเอารูปติดวิญญาณที่ลงในเพจซุบซิบของมหาลัยฯ มาให้ดู  ซึ่งพวกเราก็เถียงกันว่าภาพที่ถ่ายที่ตึกชมรมนั้นเป็นภาพจริงหรือแค่จินตนาการปรุงแต่งให้มองเห็นเป็นรูปติดวิญญาณ  เถียงกันไปเถียงกันมาสุดท้ายจึงเกิดเป็นการท้าทายขึ้นมาระหว่างพวกเรา  ถึงการทดสอบความกล้าเกี่ยวกับเรื่องลึกลับของมหาลัยฯ  โดยเฉพาะใครที่ไม่เชื่ออย่างไอ้ธันกับไอ้เคยิ่งโดนไอ้แน๊คมันท้าทายให้ไปพิสูจน์ครับ

ผลก็คือ...วันศุกร์สุดสัปดาห์นี้  เราจะมีการทดสอบความกล้ากันครับ...  ซึ่งผมกับไอ้เรย์ปฏิเสธเสียงแข็งยังไง  แต่สุดท้ายก็ไม่รอดโดนลากเข้ามาร่วมด้วยอยู่ดี

งานเข้าแล้วไงครับ  เพราะผมกับมันยิ่งเป็นพวกกลัวผีโครตๆ อยู่ด้วยนี่สิ....



“ สวยเนอะ!! “

“ นางเอ้กนางเอก “

จู่ๆ สาวโต๊ะข้างๆ ก็ส่งเสียงดังขึ้นมาก่อนจะหัวเราะขำกันคิกคัก 

“ ฉันว่าอามแกสวยกว่าตั้งเยอะ  ไม่เข้าใจพี่เขาเลยจริงๆ  แต่ถ้าพี่เขาหันมาชอบผู้ชายแล้วแบบนี้  แกก็มีหวังแล้วสิทีนี้ “

คือไม่ได้อยากจะแอบฟังหรอกนะครับ แต่เสียงพวกคุณเธอดังเข้าหูมาให้ได้ยินเองราวกับจงใจ  แต่...  มันก็คงไม่ใช่หรอกมั้งครับ...

“ ผอมเพรียวกว่า  หน้าก็หวานกว่า  แถมเป็นลีดอีกต่างหาก  เดี๋ยวไม่นานพี่เขาก็ติด “  อีกคนพูดต่อครับ  ในขณะที่ตอนนี้โต๊ะผมกลับเงียบขึ้นมาเสียอย่างนั้น  ราวกับกำลังตั้งใจฟังเรื่องของโต๊ะข้างๆ กันอยู่

“ ใช่ๆ  ยิ่งต้องเจอกันบ่อยๆ ตอนซ้อมลีดด้วยนะ  พี่เขาจะไม่หลงแกก็บ้าแล้ว  อิอิ “

ถึงตรงนี้ผมเริ่มเปลี่ยนความคิดแล้วนะครับว่า  บางทีเขาอาจจะตั้งใจให้พวกผมได้ยินกันก็เป็นได้  และไม่ใช่แค่ผมคิดไปเอง  เมื่อไอ้เจมส์มันหันมาถามผมพลางพูดเบาๆ ว่ามันเกี่ยวกับผมรึเปล่า  ซึ่งผมก็ได้แต่ส่ายหน้าตอบไปว่าไม่รู้ให้เท่านั้น

“ แบบนี้เขาเรียกว่าอะไรนะ  หัวเราะทีหลังดังกว่าเปล่าวะแก ฮะๆๆ “

เมื่อสาวโต๊ะข้างๆ พูดจบก็พากันหัวเราะคิกคักชอบใจใหญ่  ไอ้เรย์มันเลยหันมาคุยกับผมทันทีครับ

“ กูว่าเกี่ยวกับมึงแล้วล่ะ...  กูเห็นตั้งแต่เชี่ยนั่นมองมึงตอนเข้าร้านมาละ “

“ ไม่ใช่หรอกมั้ง  เขาก็ไม่ได้เอ่ยชื่อกูนี่หว่า “  ผมอ้อมแอ้มบอกไป  ทั้งๆ ที่ขัดกับความคิดในใจสุดๆ

“ แต่เราว่าใช่นะกันต์  เอาจริงๆ ตอนซ้อมลีดน่ะ  เราเห็นนะว่าอามมันพยายามเข้าหาพี่กิจตั้งหลายครั้ง  แต่ก็ไม่ต้องเป็นห่วงนะ  เพราะเราดูแล้วพี่กิจไม่มีท่าทีสนใจเลยสักนิด “  คราวนี้แพรบอกมาครับ  เพราะเธอเองก็เป็นหนึ่งในลีดปีหนึ่งปีนี้ด้วยเช่นกัน  และก็คงจะได้เห็นอะไรมาบ้างพอสมควร

“ อื้ม...  เราไม่ได้คิดมากเลยอะเรื่องพี่เขา “

ผมว่าไปตามจริงครับ  เพราะหลังจากที่พี่กิจเปิดตัวผมในวันนั้น  มันก็เหมือนปลดล็อคความไว้ใจไปได้หมดเลย  ตอนนี้ผมเชื่อในตัวพี่กิจมากกว่าคำพูดของคนที่ผมไม่รู้จักเขาเลยด้วยซ้ำ

“ จริง!  ทำไมมองกูอย่างนี้กันวะ “ 

ผมย้ำขึ้นเมื่อทั้งโต๊ะมองผมราวกับว่าไม่เชื่อว่าผมจะคิดอย่างที่พูดมาจริงๆ 

“ ยังไม่เชื่ออีก...!!  ไรว้า...  ไปห้องน้ำดีกว่าวู้ว! “

ในเมื่อทนต่อสายตาเคลือบแคลงสงสัยของคนทั้งโต๊ะไม่ได้  ทางเดียวที่ผมทำก็คือการออกจากจุดเกิดเหตุครับ  รอเรื่องมันซาลงก่อนแล้วค่อยกลับมาใหม่

ผมยืนทำธุระส่วนตัวอยู่ที่โถปัสสาวะ  ซึ่งภายในห้องน้ำตอนนี้มีผมอยู่เพียงคนเดียวเท่านั้น  แต่ไม่นานชายร่างผอมก็เดินสะโอดสะองมายืนปัสสาวะด้วยข้างๆ ให้ผมได้หันไปมองเล็กๆ และเมื่อรู้ว่าเป็นอามผมก็หันกลับมาสนใจธุระส่วนตัวของตัวเองต่อ

“ ถามจริง..  ทำยังไงถึงได้พี่กิจมาเป็นแฟน... “

นี่ถือเป็นครั้งแรกเลยครับที่เขาคุยกับผม  ทว่าน้ำเสียงและบทสนทนามันกลับฟังดูไม่ค่อยจะดีสักเท่าไหร่

“ จะรู้ไปทำไม  ไม่เห็นมีอะไรน่าสนใจเลย “  ผมตอบไปเสียงงเรียบครับ

“ ทำไม...  บอกหน่อยไม่ได้เหรอ  หรือว่ากลัว.... “

ถึงจุดนี้ผมเลยหันไปมองพลางร่นคิ้วใส่อย่างไม่เข้าใจถึงสิ่งที่เขาต้องการจะสื่อ  ก่อนจะพบรอยยิ้มกริ่มราวกับว่าตนเองอยู่เหนือทุกคนเสียอย่างนั้น

“ กลัวไร...? “

ผมถามกลับด้วยน้ำเสียงที่ห้วนลงไปเล็กน้อยจากท่าทีของคนตรงหน้าที่ทำให้ผมไม่ค่อยชอบขึ้นมาแล้วในตอนนี้  คือเอาจริงผมก็ไม่ได้อะไรกับเขาเลยนะ  แต่ไหงดูเหมือนเขาจะเข้ามาระรานกับผมเสียอย่างนั้น

“ ก็กลัวว่า...  เราจะทำบ้างแล้วแย่งพี่กิจไปจากนายได้ไง “

อ่ออย่างนี้นี่เอง...  ผมหันกลับไปรูดซิบขึ้นเมื่อทำธุระเสร็จก่อนจะกดน้ำแล้วหันมาพูดกับคนข้างๆ อีกครั้ง

“ เราว่านายคิดมากไปนะ... “

พูดจบผมก็เดินไปล้างมือที่อ่างล้างมือใกล้ๆ ครับ  ไม่ทันเสร็จอามก็เดินตามมาทันที

“ อย่าว่ากันนะถ้าเราจะจีบพี่กิจ “

“ อืม... ตามสบาย “

ผมขานรับไปเสียงเรียบก่อนจะปิดก๊อกน้ำลง

“ ดูนายไม่ทุกข์ร้อนเลยนะ  ถ้าพี่กิจเปลี่ยนใจมาหาเรา  ก็อย่าว่าเราก็แล้วกัน “

ผมมองรอยยิ้มเย้ยหยันแล้วไม่ค่อยชอบเลยครับ  เอาจริงผมไม่คิดว่าเขาจะดูร้ายได้ขนาดนี้เลยจริงๆ

“ อืม...แล้วแต่นายเลย  แต่เราจะบอกอะไรให้นายรู้ไว้อย่างนะ  เรากับพี่กิจน่ะ  กว่าจะมาถึงจุดนี้ได้  เราผ่านอะไรกันมาเยอะ  มันไม่ใช่แค่ความสัมพันธ์ผิวเผิน  แต่มันเหนียวแน่นกว่าที่นายคิดเอาไว้มาก  จนทำให้เราเชื่อใจและไว้ใจพี่เขามากด้วยเช่นกัน “

พูดจบผมก็ส่งยิ้มให้เล็กๆ  ก่อนจะพบสีหน้าไม่พอใจของคนตรงหน้า  แต่ผมไม่อยากเสียเวลาสนทนาด้วยเรื่องไม่เป็นเรื่องกับคนที่ไม่น่าคบอีก  ผมเลยเลือกที่จะเดินจากไปทันที  สู้เอาเวลาไปแย่งหมูกับไอ้เรย์เสียยังจะสนุกซะกว่า 


แต่ผิดคาดครับ...

“ เชี่ย!!  เบคอนกูหายไปไหนทั้งแถบวะ!! “

ผมโวยขึ้นทันทีเมื่อพบว่าเบคอนที่ผมบรรจงย่างให้เกรียมแบบพอดีได้หายไปหมดเลยตอนนี้  ก่อนจะพบว่าไอ้ตัวต้นเหตุกลับทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้  ทว่าหลักฐานมันกลับยังคงเต็มถ้วยอยู่ให้ผมได้ลงโทษมันได้ครับ

“ มึงตายไอ้เรย์! “



กินกันต่อไปได้ไม่นานแขกไม่ได้รับเชิญสองคนก็เดินเข้ามาครับ  ย้ำว่าไม่ได้รับเชิญจริงๆ นะ...

“ อ้าว!  ก็ไหนว่าพี่ไปซื้อของกับพี่พีไง “

ผมถามพี่กิจที่เดินตรงดิ่งมากับพี่พี  ก่อนจะสะกิดให้ไอ้เคมันขยับที่ออกไปแล้วตัวเองก็เข้ามานั่งแทน  มาเฟียชัดๆ..

“ ก็ซื้อเสร็จแล้วไง  เห็นว่าเสร็จเร็วก็เลยจะมากินด้วย “ 

พี่กิจไม่ว่าเปล่าเรียกพนักงานเข้ามาบอกเพิ่มสองที่ทันทีครับ  ผมหันไปมองที่พี่พีเป็นเชิงถาม  ในขณะที่พี่เขากำลังเลื่อนเก้าอี้ตัวสุดท้ายริมสุดของโต๊ะข้างๆ ไอ้เคนั่งลง  จนไอ้เคถึงกับขยับตัวออกห่างทันที

“ พี่พร้อมแล้วนะกันต์  ทั้งไม้  ทั้งรองเท้า  ทั้งเวลา นัดมาได้เลยว่าจะเทรนกันวันไหน  ยังไงพี่ก็ต้องชนะให้ได้ “

 ประโยคุดท้ายพี่พีเบนสายตาไปมองยังไอ้เคจนมันทำหน้าไม่ถูกเลยทีเดียว  ท่าทางพี่พีจะเอาจริงนะครับเนี่ย  ไม่รู้ว่าไปทำอีท่าไหนถึงได้อยากเอาชนะไอ้เคมันได้ถึงขนาดนี้

“ เดี๋ยวๆ  มึงไอ้พี... นี่ชมรมลักบี้มึงว่างขนาดนั้นเลยเหรอวะ “

“ ก็ไม่ว่างหอก  แต่กูไม่ต้องซ้อมมากก็ได้  เพราะถึงไงก็ได้เหรียญอยู่แล้ว “  พี่พีพูดอย่างมั่นใจจนน้องๆ ในโต๊ะพากันโห่แซวอย่างหมันไส้ครับ

“ เห๊อะ... ทำเป็นคุย “  ไอ้เคมันเหน็บคนข้างๆ เบาๆ ครับ  ว่าแต่เดี๋ยวนี้มันกล้ากับรุ่นพี่ขนาดนี้เลยเหรอวะ

“ รอเลย...  ไม่นานหรอก “  พี่พีบอกมันไปครับ  แต่สายตากลับหวานมากกว่าท้าทายเสียอย่างนั้น  หรือว่าผมอาจจะคิดไปเองนะ

“ กูไปตักของมาเพิ่มนะ “  ไอ้เคพูดขึ้นพร้อมกับลุกขึ้นจากเก้าอี้ทันที

“ พี่ไปด้วย “  พี่พีลุกตามครับ

“ จะตามมาทำไมเนี่ย “  รู้สึกเหมือนไอ้เคมันจะเริ่มหัวเสียขึ้นแล้วล่ะครับตอนนี้

“ ตามที่ไหน...  คนพึ่งมาถึงก็แค่จะออกไปตักอาหาร  ทำไมคิดว่าพี่จะตามล่ะ “
 
พี่พีพูดกวนประสาทมันครับ  เห็นมันทำหน้ายุ่งทันทีพร้อมกับจิ๊ปากอย่างขัดใจ  ก่อนจะแยกออกไปโดยมีพี่พีเดินยิ้มตามหลังไปติดๆ อย่างชอบใจที่ยั่วโมโหไอ้เคมันได้สำเร็จ

“ แล้วพี่ไม่ไปตักอาหารกับเขาเหรอ “  ผมหันมาถามคนข้างๆ ครับ  ซึ่งกำลังจับตะเกียบที่พนักงานพึ่งเอามาเพิ่มให้สองที่เมื่อตะกี้นี้  พร้อมกับสายตาเล็งไปยังเบคอนชุดใหม่ที่กำลังสุกได้ที่ของผม

“ ไม่อะ  แย่งแฟนกินเนี่ยแหละอร่อยสุดละ “ 

พี่กิจไม่พูดเปล่าครับ  เอื้อมมือไปยังเป้าหมายบนเตาทันที  ในขณะที่กองเชียร์คุณภาพที่โต๊ะก็แซวพี่กิจเสียสนุกเชียว  ผมจึงเอาตะเกียบของผมไปปัดตะเกียบพี่เขาอย่างเอาเรื่องครับ

“ ของกันต์  พี่จะกินก็ย่างเอง “

“ อะไรกันต์...  พี่หิวนะ  คนอะไรขี้หึงเป็นบ้า “

“ หวง! “  ไอ้เรย์เสียงดังแก้ให้ครับ  จนพี่กิจหันไปยิ้มบอกมันว่า “ เฉียบ! “

เออ!  เข้าขากันดีเนาะพี่น้องชมรมคู่นี้

“ เออพี่กิจ  พวกผมอยากรู้อะ “  แล้วไอ้แน๊คก็เริ่มถามไอ้คนที่แย่งเบคอนบนเตาของผมได้สำเร็จขึ้นครับ

“ ว่า..? “

พี่กิจขานรับหากแต่ไม่ได้มองคนถามเลยแม้แต่น้อย  เพราะสนใจอยู่กับการจุ่มเบคอนของผมลงในถ้วยน้ำจิ้ม(ของผมอีกเช่นกัน) จนเคลือบไปทั่วเบคอน  เยิ้มน่ากินจนผมอยากจะแย่งคืนมาให้ได้เลย

“ ทำไมพี่ชอบเพื่อนผมอะ  นี่ผมกับไอ้เจมส์เปิดเทอมมาคืองงเลยว่าพี่กับมันเป็นแฟนกันตั้งแต่เมื่อไหร่ “

“ อืม...  ไม่รู้ว่ะ  รู้ตัวอีกทีพี่ก็ชอบมันไปแล้วอะ “

“ ง่ายๆ อย่างนั้นเลยเหรอพี่ “  ไอ้แน๊คทำหน้าแปลกใจถามต่อ  ในขณะที่พี่กิจก็จดจ่ออยู่กับการเอาเบคอนผมไปกินเรื่อยๆ  ไม่รู้ไปหิวมาจากไหน

“ จริงๆ ก็ไม่ได้ง่ายอย่างนั้นหรอก  เพราะแรกๆ พี่กับกันต์เราไม่ค่อยถูกกันน่ะ  แถมกันต์ยังเป็นผู้ชายอีก  ถึงจะ....  น่าร้ากก็เถอะ “  พี่กิจไม่พูดเปล่าครับ  เอามือมาจับคางผมส่ายไปมาด้วย  คนนะเว้ยไม่ใช่แมว!

“ แต่เอาจริงๆ นะ... “  คราวนี้พี่กิจทำหน้าจริงจังหันมามองยังคนถามแล้วครับ

“ เสน่ห์ของกันมันไม่ได้อยู่ที่ภายนอกหรอก  มันอยู่ข้างใน... “

รู้สึกเหมือนโดนชมลยแฮะ  อดเขินไม่ได้เลยครับ...

“ เดี๋ยวเฮีย..  พูดแบบนี้ผมคิดนะ  ข้างในไอ้กันต์มันมีอะไรดีเหรอ “

ไอ้เรย์ครับ  ไม่ใช่แค่น้ำเสียงที่ส่อความหมายนะ  แต่สีหน้าและแววตาที่มันถามมาก็ด้วย  จนผมต้องหักก้านผักบุ้งขว้างมันไปเบาๆ ครับ

“ อย่าให้ต้องเล่า...  “  อีพี่กิจก็เล่นด้วยกับมัน  แถมยังทำสายตาเจ้าเล่ห์พลางเลิกคิ้วบอกคนอื่นๆ ด้วย 

แบบนี้เขาก็คิดกันไปถึงไหนต่อไหนแล้วเนี่ย!!  ไอ้พี่กิจ!!!

“ พี่กิจ!  อย่าบ้าตามไอ้เรย์มันดิ  พูดอะไรคนเขาเข้าใจผิดกันหมดแล้วเนี่ย “  ผมทำหน้าและน้ำเสียงตัดพ้อบอกไปครับ  ทว่าเจ้าตัวกับยิ้มร่าไม่รู้สึกรู้สาอะไรเอาเสียเลย

“ ร้อนตัวนะมึงไอ้กันต์ “  ไอ้เรย์ว่ามาครับ  ผมเลยหันไปเขม่นใส่มันแล้วด่ามันไปอีกรอบ  แล้วทั้งโต๊ะก็พากันหัวเราะผม  รู้สึกราวกับตัวเองเป็นตัวตลกแฮะ...

“ แล้วแบบนี้พี่จะเปลี่ยนรสนิยมมาชอบ.. แบบนี้เลยรึเปล่าอะ  คือมันดีกว่าผู้หญิงเหรอผมอยากรู้ “

ไอ้แน๊คนี่ก็อยากรู้อะไรไม่จบไม่สิ้นสักทีห๊ะมึง!

“ อย่างแรกนะ...  มันไม่เกี่ยวกับเรื่องเพศเลยที่พี่ชอบกันต์  ส่วนจะเปลี่ยนมั้ยมันไม่สำคัญแล้วล่ะ  เพราะพี่จะไม่สนใจคนอื่นอีกแล้ว ”

“ ฮิ้ว!!!! “  ประสานเสียงกันทั้งโต๊ะเลยครับ  เฮ้อ.... 

“ นั้นถ้ามีสาวสวยๆ มาจีบ  พี่ก็ไม่สนอย่างนั้นดิ “  ไอ้เจมส์ถามบ้างครับคราวนี้

“ ใช่..”

“ แล้วถ้าเป็นผู้ชายล่ะ  เฮียก็ไม่เอาอย่างนั้นเหรอ “

“ ใช่.. “

“ ผู้ชายแบบหุ่นเพรียวๆ  อ้อนแอ้นๆ  หน้าหวานๆ  เฮียก็ไม่เอาดิ “  ตรงนี้ไอ้เรย์เสียงดังแบบตั้งใจสุดๆ ให้โต๊ะข้างๆ ได้ยินครับ แต่ถึงมันไม่เพิ่มเสียง  เรื่องที่คุยกันเมื่อกี้นี้กลุ่มนั้นก็คงได้ยินกันหมดทุกประโยคอยู่แล้วล่ะ

“ ยิ่งไม่ใหญ่เลย....  นี่มึงไอ้เรย์....  กูไม่ได้เป็นเกย์นะเว้ยไอ้สัด! “

“ ชัดยังพวก!! “  ไอ้เรย์พูดเสียงดังขึ้นมาลอยๆครับ  แต่ผมเข้าใจเจตนามันดีนะ  เลวมากไอ้สัด!!

“ เข้าใจแล้วคร้าบ!!! “

แหมไอ้เจมส์กับไอ้แน๊คนี่ก็รู้จังหวะซิทคอมดีจังนะพวกมึง  เข้าขากันเป็นปี่เป็นขลุ่ยดีเชียว...


ออฟไลน์ หมีขาว

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 142
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +69/-12
วันต่อมา...

เที่ยงนี้ไอ้เคมันมากินข้าวที่โรงอาหารคณะวิศวะครับ  คือมันเอากุญแจบ้านมาคืนไอ้เจมส์  เพราะของมันดันทำตกหายไปเมื่อวาน  ก็เลยต้องยืมเอามาปั้มเพิ่ม

“ อาหารอร่อยกว่าคณะกูอีกเนี่ย  เสียอย่างเดียวสาวน้อยไปหน่อย....วิวไม่ดี “  หลังจากสอดส่ายไปรอบๆ โรงอาหารมันก็หันกลับมาบอกพวกผมที่โต๊ะครับ

“ ถูก!!  “  สามทหารเสือ เรย์ แน๊ค เจมส์  สนับสนุนพร้อมกันทันทีที่ได้ยินคนนอกให้ความเห็นแบบนี้มา

“ หมายความว่าไงเรย์ “  เสียงเย็นมาเชียวแพร  และก็เหมือนเดิมที่ไอ้เรย์ทำหน้าเจื่อนหันกลับไปหงอกับแฟนมันเหมือนเดิมครับ  ลูกไก่ยังไงก็ยังคงเป็นลูกไก่ในกำมืออยู่วันยังค่ำ...

“ ตกลงคืนนี้นะ 4 ทุ่มเจอกันที่ใต้อาคาเรียนรวม “  ไอ้แน๊คเริ่มเปิดประเด็นต่อ  ซึ่งผมที่งงว่ามันหมายถึงเรื่องอะไรก็ได้แต่หันไปมองมันเหมือนคนอื่นๆ ครับ

“ 4 ทุ่มทำไมวะ “  ไอ้ธันถาม

“ ก็ที่เรานัดกันไง  ทดสอบความกล้าไง  คุยกันเมื่อวานแล้วห้ามเบี้ยด้วยนะเว้ย  โดยเฉพาะมึงสองตัว  ไอ้เรย์ ไอ้กันต์ “ 

แหมรู้ทันอีกนะมึงว่าพวกผมองคนที่กลัวผีโครตๆ อาจจะเบี้ยวนัดได้  เอาจริงนึกว่าแค่พูดเล่นกันซะอีก....

“ อะไรครับน้องๆ  ทดสอบความกล้าอะไรกันครับ “  เสียงพี่คิมดังขึ้นพร้อมกับเจ้าตัวที่มาหยุดอยู่ที่หัวโต๊ะของพวกเรา  ก่อนจะตามมาด้วยแก๊งหล่อที่เหลืออีกสามคน  ซึ่งมีพี่กิจคนเดียวที่ถอดช็อปเอาไปพาดไหล่ไว้  เหลือเพียงเสื้อยืดพอดีตัวสีขาวโดดเด่นสะดุดตาเพียงคนเดียว

“ เรื่องลึกลับของมหาลัยฯ เราไงพี่  คืนนี้พวกผมจะไปพิสูจน์กัน “  ไอ้แน๊คบอกเสียงเบาให้พวกพี่เขาหันไปหน้ามองกันพลางร่นคิ้วอย่างเห็นเป็นเรื่องแปลก

“ กันต์ไม่เห็นบอกพี่เลย “  พี่กิจถามมาครับ

“ ผมก็ไม่ได้อยากไปอะพี่  โดนบังคับอยู่เนี่ย “  ผมทำน้ำเสียงอิดออดว่าไปครับ  พร้อมกับสีหน้าร้องขอความช่วยเหลือจากพี่กิจ  เผื่อว่าบางทีพี่เขาอาจจะช่วยให้ผมไม่ต้องไปก็ได้ 

แต่เปล่าเลย....

“ เฮ้ย!  น่าสนุกว่ะมึง  คืนนี้เรามาเล่นกับพวกน้องกันดีมั้ยวะ “  พี่คิมที่เห็นทุกอย่างเป็นเรื่องสนุกพูดขึ้นมาครับ  ก่อนจะถูกพี่กิจด่าว่าปัญญาอ่อนให้ผมได้ใจชื้นว่างานนี้อาจจะล่มก็ได้ถ้าแฟนผมไม่เห็นด้วยอย่างนี้

“ แต่พวกเราจะจบกันแล้วนะเว้ย  ไม่อยากพิสูจน์กันหน่อยเหรอวะว่าเรื่องเล่าของมหาลัยฯ เรามันมีจริงรึเปล่า  จบไปแล้วหาโอกาสแบบนี้ไม่ได้นะเว้ย “  พี่คิมยังคงโน้มน้าวต่อโดยมีไอ้แน๊คตัวดีส่งเสียงสนับสนุน

และสุดท้ายก็กลายเป็นว่าพี่คิมโน้มน้าวสำเร็จครับ  เห้ย!  กลายเป็นแบบนี้ไปได้ไงเนี่ย...  พี่กิจพี่ต้องช่วยผมสิ  ไม่ใช่ไปสนับสนุนพวกนั้น!!

“ ไม่รอดแล้วกันต์  พี่กิจน่าจะช่วยไม่ได้แล้ว... โดนหลอกแน่คืนนี้ “  ไอ้ธันขู่มาครับ  หลังจากที่พวกพี่ๆ เดินแยกกันไปซื้อข้าวที่ร้านต่างๆ

“ มึงอย่าขู่กูดิวะ  มันไม่มีหลอกผีน่ะ “  ผมว่าไปครับ  ถึงจะพยายามปลอบใจตัวเองเท่าไหร่  แต่มันก็ไม่ได้ช่วยอะไรเลย  เห้อ...

“ ก็ไม่แน่นะเว้ยมึง... “  ไอ้เจมส์นี่ก็อีกตัว  พวกมึงไม่ต้องมาขู่กูเลยนะโว้ย!

ไม่นานพี่บิวกับพี่พีก็ถือจานข้าวกลับมาที่โต๊ะครับ  พร้อมกับการทะเลาะกันเล็กๆ เมื่อพี่พีจะนั่งตรงที่ว่างข้างๆ ไอ้เคมัน

“ ตัวก็ใหญ่จะมานั่งเบียดอะไรผมเนี่ย  ข้างไอ้เจมส์มันก็ว่าง “

“ ก็ตรงนั้นวิวไม่ดีนี่  อยากนั่งตรงนี้.... “

“ นี่พี่...! “

เมื่อพี่พีแทรกตัวลงมานั่งได้สำเร็จและทำเป็นกินข้าวไม่สนใจคนข้างๆ  ไอ้เคเลยหมดคำจะพูดต่อ  ก่อนจะทำหน้าบูดใส่  แต่ก็ไม่ได้ว่าอะไรอีก  เพียงแต่ว่าที่เถียงกันเมื่อสักครู่นี้มันเริ่มดังจนคนหันมามองกันเพียบเลยล่ะครับ  และหนึ่งในนั้นก็เป็นสาวปีหนึ่งจากคณะไหนไม่รู้ที่เดินเข้ามาพอดี  และดูเหมือนว่าจะรู้จักกับไอ้เคมันด้วยล่ะครับ

“ เค... “

เธอพูดขึ้นมาเสียงเบา  พร้อมกับสีหน้าแปลกใจที่มาเจอไอ้เคมันที่นี่  เช่นเดียวกันกับไอ้เคที่มีสีหน้าเจื่อนลงทันทีอย่างเห็นได้ชัดก่อนจะหลุดพูดชื่อเธอขึ้นมา

“ มิ้น... “

เมื่อเธอคนนั้นได้ยินก็เปลี่ยนสีหน้าจากแปลกใจเป็นการฝืนยิ้มเจื่อนๆ ส่งมาให้ก่อนจะเดินเข้ามาหามันที่โต๊ะครับ  พวกผมนี่หันหน้ามองกันให้ควักเลย  สงสัยว่าจะเป็นใครที่ไอ้เคมันกำลังจีบอยู่รึเปล่า  เพราะเธอคนนั้นก็จัดได้ว่าเป็นคนที่สวยอยู่มากเลยทีเดียว

“ เคมาที่นี่ได้ไงอะ... “

“ เรามาหาเพื่อนน่ะ  แล้วมิ้นล่ะ...   อ๋อ...โทษทีเราลืมไป   มาหาพี่แฟรงค์ใช่มั้ย “  ทันทีที่ไอ้เคมันพูดชื่อใครบางคนออกมาเธอคนนั้นก็ดูจะมีสีหน้าเจื่อนลงก่อนจะพยักหน้ารับมาเล็กๆ

“ ไม่ได้เจอกันนานเลยนะ  เป็นไง... เรียนหนักมั้ย  ได้ข่าวว่าเป็นเดือนคณะด้วยเหรอ “ เธอพูดต่อ  ไอ้เคก็ได้แต่พยักหน้ารับเล็กๆ  แล้วก็เกิดเป็นความเงียบครู่หนึ่งขึ้นมาระหว่างสองคนนี้  จนพวกเราในโต๊ะต่างก็พลอยพากันเงียบตามมันไปด้วย

“ เค...  เรื่องตอนนั้นน่ะ  เรา... “

“ ไม่เป็นไรหรอก...  เราลืมไปหมดแล้วล่ะ “

“ เหรอ...  อย่างนั้นเหรอ... “

เธอขานรับเสียงเศร้าลง  ก่อนจะเอ่ยด้วยความลังเลขึ้นมาต่อ

“ เค...  ไว้วันหลัง.... เรานัดเคกินข้าวบ้างได้มั้ย..  ในฐานะ....  เพื่อนเก่าก็ได้.. “

เคมันเหมือนจะลังเลอยู่เล็กน้อย  ก่อนจะพยักหน้าพร้อมกับขานรับในลำคอตอบไป  แล้วเธอคนนั้นก็ส่งยิ้มพร้อมกับโบกมือลาและเดินจากไป  ซึ่งไอ้แน๊คก็ไม่รอช้าที่จะยิงคำถามแทนใจของใครหลายๆ คนต่อในทันที

“ ใครวะมึง... น่ารักดีว่ะ “

ไอ้เคดูอ้ำอึ้งไปเล็กน้อย  ก่อนจะตอบออกมาว่า

“ แฟนเก่ากูเอง.... “






TBC.




---------------------------------------------------

ขอโทษนะครับที่วันพฤหัสฯที่แล้วไม่ได้ลงอะครับ  อาทิตย์ที่ผ่านมามีแต่ข่าวเครียดๆ และหดหู่ เลยเหนื่อย+ไม่มีกะใจจะทำไรเลยครับ 555+
แต่มาลงตามปกติละครับผม
ปล.บางตัวละครที่เกริ่นมาไว้ก่อน  ไม่ได้หายไปไหนนะรับ  แต่ยังไม่ถึงเวลาออกมาอะครับ ^ ^

หวังว่าจะมีความสุขกับนิยายนะครับ ^ ^

-----------------------------------------

ติดต่อคนเขียนได้ที่ทวิตเตอร์  @phanusun_p

ออฟไลน์ areenart1984

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4805
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-7
รักสามเศร้าของหนูเคหรอเนี่ย หูกางเชียวอีพี่  :m12:

ออฟไลน์ DrSlump

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3360
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +104/-2

ออฟไลน์ Leenboy

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3095
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +105/-2
อามมั่นหน้ามาก~

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด