พิมพ์หน้านี้ - My Gear รักร้ายๆ ของคุณชายเย็นชา 2 ( Chapter 10 - 11/10/62 หน้า 3 )

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Boy's love => Boy's love story => นิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบ => ข้อความที่เริ่มโดย: หมีขาว ที่ 02-09-2019 12:49:21

หัวข้อ: My Gear รักร้ายๆ ของคุณชายเย็นชา 2 ( Chapter 10 - 11/10/62 หน้า 3 )
เริ่มหัวข้อโดย: หมีขาว ที่ 02-09-2019 12:49:21
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ


ติดตามกฎเพิ่มเติมที่กระทู้นี้บ่อยๆ เมื่อมีการแก้ไขกฎจะแก้ไขที่กระทู้นี้นะครับ
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0

ประกาศทั่วไปติดตามอัพเดทกันที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.0

ประกาศ กฎที่อื่นมีไว้แหก แต่ห้ามมาแหกที่นี่

1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิ์ส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด
การสนใจและชื่นชอบนิยายและเรื่องเล่าของคนในเรื่องควรมีขอบเขตที่จะไม่สร้างความเดือดร้อนให้เจ้าของเรื่อง เช่นเดียวกับเป็ดที่ตอนนี้ถูกรังควานตามหาตัวจากคนด้านต่างๆ จนตัดสินใจไม่เล่าเรื่องต่อ.........เนื่องจากบางเรื่องเป็นเรื่องเล่า.....................บางคนไม่ได้เปิดเผยตัวตน  เขาพอใจจะมีความสุขในที่เล็กๆแห่งนี้โดยไม่ได้ตั้งใจให้คนภายนอกได้รับรู้เรื่องราวแล้วนำไปพูดต่อ   เพราะปฎิเสธไม่ได้ว่าสังคมไม่ได้ยอมรับพวกเราสักเท่าไหร่

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรูปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ
หมิ่นประมาท,
หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง
หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสต์กระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์
และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด
การกระทำเช่นนั้นอาจทำให้คุณแบนทันที และถาวร . หมายเลข IP ของทุกโพสต์จะถูกบันทึกเพื่อใช้เป็นหลักฐาน
ในความเป็นจริงเป็นไปได้ยากมากที่จะให้แต่ละคนมีความคิดเห็นตรงกันทั้งหมด   คนเรามากมายต่างความคิดต่างความเห็น เติบโตมาภายใต้ภาวะแวดล้อมต่างกันการแสดงความคิดเห็นที่แตกต่าง   จึงควรทำเพื่อให้เกิดความเข้าใจกัน แบ่งปันประสบการณ์และมิตรภาพเพื่ออาจเป็นประโยชน์ในการใช้ชีวิต  และไม่ว่าจะอย่างไรก็ควรเคารพในความคิดเห็นที่แตกต่างของบุคคลอื่นช่วยกันสร้างให้บอร์ดนี้มีแต่ความรักนะครับ   

เรื่องบางเรื่องอาจจะเป็นทั้งเรื่องแต่งหรือเรื่องเล่าใดๆก็ขอให้ระลึกเสมอว่า  อ่านเพื่อความบันเทิงและเก็บประสบการณ์ชีวิตที่คุณไม่ต้องไปเจอความเจ็บปวดเล่านั้นเองเพื่อเป็นข้อเตือนใจ สอนใจในการตัดสินใจใช้ชีวิต   จึงไม่ต้องพยายามสืบหาว่าเรื่องจริงหรือเรื่องแต่งส่วนการพูดคุยนั้น   ก็ประมาณอย่าทำให้กระทู้กลายพันธุ์ห้ามเอาเรื่องส่วนตัวมาปรึกษาพูดคุยกันโดยที่ไม่เกี่ยวพันกับเรื่องในกระทู้นิยาย  ถ้าจะวิจารณ์หรือแสดงความคิดเห็นทุกคนมีสิทธิแต่ขอให้ไปตั้งกระทู้ที่บอร์ดอื่นที่ไม่ใช่ที่นี่นะครับ

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพสต์ หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อเจ้าของเรื่องเท่าที่จะทำได้หรือแจ้งมายังบอร์ดนี้ก่อนนะครับ  เนื่องจากเจ้าของเรื่องบางครั้งไม่ต้องการให้คนที่ไม่ได้ชื่นชอบนิยายชายรักชายเข้ามารับรู้  ลิขสิทธิ์ทั้งหมดเป็นของเจ้าของคนที่ทำขึ้นและเว็บแห่งนี้นะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล์ บอกเมล์ แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอมให้ส่งหรือติดต่อกันทางพีเอ็มจะปลอดภัยกว่าแล้วเมื่อมีการติดต่อสื่อสารกันให้พึงระวังถึงความปลอดภัย ความไม่น่าไว้ใจของผุ้คนทุกคนแม้จะมีชื่อเสียงในบอร์ดเป็นเรื่องส่วนตัวของแต่ละคนไป เพื่อลดความขัดแย้งภายในเล้า จึงไม่สนับสนุนให้มีการจีบกันในบอร์ดนะครับ

5.ห้ามจั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียวให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตาม
เพราะแม้จะเป็นเรื่องที่เขียนจากเรื่องจริง เมื่อนำมาพิมพ์เป็นเรื่องผ่านตัวอักษร ย่อมเลี่ยงไม่ได้ที่จะมีการเพิ่มเติมเพื่อให้เกิดสีสันในเนื้อเรื่อง ทางเล้าถือว่านั่นคือการเพิ่มเติมเนื้อเรื่อง จึงไม่อนุญาตให้จั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” แต่สามารถแจ้งว่าเป็น “นิยายที่อ้างอิงมาจากชีวิตจริง” ได้  มีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

6.การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสต์นิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insert quote ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ

8.Administrator และ moderator ของ forum นี้ มีสิทธิ์อ่าน, ลบ หรือแก้ไขทุกข้อความ. และ administrator, moderator หรือ webmaster ไม่สามารถรับผิดชอบต่อข้อความที่คุณได้แสดงความคิดเห็น (ยกเว้นว่าพวกเขาจะเป็นผู้โพสต์เอง).

9.คุณยินยอมให้ข้อมูลทุกอย่างของคุณถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูล. ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกเปิดเผยต่อผู้อื่นโดยไม่ได้รับการยินยอมจากคุณ .Webmaster, administrator และ moderator ไม่สามารถรับผิดชอบต่อการถูกเจาะข้อมูล แล้วนำไปสร้างความเดือดร้อนต่างๆ

10.ห้ามลงประกาศลิงค์โปรโมทเวป  โฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ลงได้เฉพาะในห้องซื้อขาย ในเมื่อแนะนำเวปอื่นที่บอร์ดเรา ก็ช่วยแนะนำบอร์ดเราโดยลงลิงค์บอร์ดเรา เว็บ http://www.thaiboyslove.com  ในบอร์ดที่ท่านแนะนำมาให้เราด้วย  เมื่อจำเป็นต้องแนะนำลิงค์ให้ส่งลิงค์กันทาง personal message หรือพีเอ็มแทนนะครับจะสะดวกกว่า ส่วนในกรณีอยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนๆได้อ่านจริงๆนั้นพยายามลงให้ห้องซื้อขายซะ หรือถ้าม้อดเดอเรเตอร์จะพิจารณาเป็นกรณีๆไป ถ้ารู้สึกว่าไม่ได้โปรโมทเว็บ แต่อยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนด้วยใจจริงจะให้กระทู้นั้นคงอยู่ต่อไป

11.บอร์ดนิยายที่โพสต์จนจบแล้วมีไว้สำหรับนิยายที่โพสต์ในบอร์ด boy's love จนจบแล้วเท่านั้น จึงจะถูกย้ายมาเก็บไว้ที่นี่ หาอ่านนิยายที่จบแล้ว หรือคนเขียนไม่ได้เขียนต่อ แต่โดยนัยแล้วถือว่าพล็อตเรื่องโดยรวมสมควรแก่การจบแล้ว หากนักเขียนท่านใดได้พิมพ์เล่มกับสำนักพิมพ์ ต้องการลบเรื่องบางส่วนออก โดยเฉพาะไคลแม๊ก หรือตอนจบที่สำคัญ ให้แจ้ง moderator ย้ายนิยายของท่านสู่ห้องนิยายไม่จบ เพื่อที่หากระยะเวลาเกินหกเดือนแล้ว เราจะได้ทำการลบทิ้ง หรือท่านจะลบนิยายดังกล่าวทิ้งเสียก็ได้ เนื่องจากบอร์ดนี้เก็บเฉพาะนิยายที่จบแล้ว

บอร์ดนิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบไว้สำหรับ
นิยายที่คนเขียนไม่ได้มาต่อนาน หายไปโดยไม่มีเหตุผลสมควร ไม่ได้แจ้งไว้หรือแจ้งแล้วก็ไม่มาต่อ 3 เดือน จะย้ายมาเก็บในนี้เมื่อครบหกเดือนจะทำการลบทิ้ง ส่วนเรื่องไหนที่จะต่อก็ต่อในนี้จนกว่าจะจบ แล้วถึงจะทำการย้ายไปสู่บอร์ดนิยายจบแล้วต่อไป

12.ห้ามนำเรื่องพิพาทต่างๆมาเคลียร์กันในบอร์ด

13.ผู้โพสต์นิยาย และเขียนนิยายกรุณาโพสต์ให้จบ ตรวจสอบคำผิดก่อนนำมาลงด้วยครับ

14.ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน  ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ

15. การนำรูปภาพ บทความ ฯลฯ มาลงในเว็บบอร์ด  ควรจะให้เครดิตกับ... 
(1) ผู้ที่เป็นต้นตอเจ้าของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ
(2) เว็บไซต์ต้นตอที่อ้างอิงถึง
....ในกรณีที่เป็นบทความที่ถูกอ้างอิงต่อมาจากเวปไซต์อื่นๆ
- ถ้ามีแหล่งต้นตอของเจ้าของบทความ  ให้โพสต์ชื่อเจ้าของต้นตอของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ  พร้อมทั้งเว็บไซต์ที่อ้างอิง 
  (กรณีนี้จะโพสต์อ้างอิงชื่อผู้โพสต์หรือเว็บไซต์ที่เรานำมาหรือไม่ก็ได้ แต่ควรมั่นใจว่าชื่อต้นตอของที่มาถูกต้อง)
- ถ้าไม่สามารถหาชื่อต้นตอของรูปภาพหรือเว็บไซต์ที่นำมาได้ ควรอ้างอิงชื่อผู้โพสต์และเว็บไซต์จากแหล่งที่เรานำมาเสมอ
- ควรขออนุญาติเจ้าของภาพหรือเจ้าของบทความก่อนนำมาโพสต์ค่ะ(ถ้าเป็นไปได้) ยกเว้นพวกเว็บไซต์สาธารณะ เช่น  หนังสือพิมพ์ออนไลน์ ฯลฯ ที่เปิดให้คนทั่วไปได้อ่านเป็นสาธารณะ ก็นำมาโพสต์ได้ แต่ให้อ้างอิงเจ้าของชื่อและแหล่งที่มาค่ะ
- ไม่ควรดัดแปลงหรือแก้ไขเครดิตที่ติดมากับรูปหรือบทความก่อนนำมาโพสต์
- ถ้าเป็น FW mail  ก็บอกไปเลยว่าเอามาจาก FW mail

16.นิยายเรื่องไหนที่คิดว่าเมื่อมีการรวมเล่มขายแล้วจะลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออก กรุณาอย่าเอามาลงที่นี่ หรือสำหรับผู้ที่ขอนิยายจากนักเขียนอื่นมาลง ต้องมั่นใจว่าเรื่องนั้นจะไม่มีการลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออกเมื่อมีการรวมเล่มขาย อนึ่ง เล้าไม่ได้ห้ามให้มีการรวมเล่มแต่อย่างใด สามารถรวมเล่มขายกันได้ แต่อยากให้เคารพกฎของเล้าด้วย เล้าเปิดโอกาสให้ทุกคน จะทำมาหากิน หรืออะไรก็ตามแต่ขอความร่วมมือด้วย เผื่อที่ทุกคนจะได้อยู่อย่างมีความสุข

17.ห้ามแจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน  ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง  นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฎการซื้อขายของเล้าก่อน ด้วยนะคะ)
ว่าด้วยเรื่องการจะรวมเล่มนิยายขายในเล้า จะต้องมี ID ซื้อขายก่อน ถึงจะสามารถประกาศ ..แจ้งข่าว.. ที่บนหัวกระทู้ของนิยายได้ ในกรณีที่ รวมเล่มกับ สนพ. ที่มี  ID ซื้อขายของเล้าแล้ว นักเขียนก็สามารถใช้ หมายเลข  ID ของ สนพ. ลงแจ้งในหน้าที่มีเนื้อหารายละเอียดการสั่งจองนิยายได้

18.ใครจะโพสต์เรื่องสั้นให้มาโพสต์ที่บอร์ดเรื่องสั้น ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที  ส่วนเรื่องสั้นที่จบแล้วให้แก้ไขโพสต์แรก และต่อท้ายว่าจบแล้วจะได้ไม่ถูกลบทิ้งและจะเก็บไว้ที่บอร์ดเรื่องสั้นไม่ย้ายไปไหน   เช่นเดียวกับนิยายทุกเรื่องเมื่อจบให้แก้ไขโพสต์แรก และต่อท้ายว่าจบแล้ว จะได้ย้ายเข้าสู่บอร์ดนิยายจบแล้ว ไม่เช่นนั้นม๊อดอาจเข้าใจว่าไม่มาต่อนิยายนานเกินจะโดนลบทิ้งครับ

เอาข้อสำคัญก่อนนะครับเด่วอื่นๆจะทำมาเพิ่มครับเอิ้กๆหุหุ
admin
thaiboyslove.com.......................................                                                           

วันที่ 3 ธ.ค. 2551วันที่ 16 ก.ย. 2554 ได้เพิ่มกฎ ข้อที่ 7
วันที่ 21 ต.ค.2556 ได้ปรับปรุงกฎทั้งหมดเพื่อให้แก้ไข และติดตามได้ง่าย
วันที่ 11 พ.ย. 2557 เพิ่มเติมการลงเรื่องสั้นและการแจ้งว่านิยายจบแล้ว
วันที่ 4 ธ.ค. 2557 เพิ่มบอร์ดเรื่องสั้นจึงปรับปรุงกฎข้อ 18 เกี่ยวกับเรื่องสั้น และ เพิ่มเติมส่วนขยายของกฎข้อ 17



เว็บไซต์แห่งนี้เป็นเว็บไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฎหมายภายในและระหว่างประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเว็บไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเว็บไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเว็บไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม


**************************************************

ใครที่ยังไม่เคยอ่าน  อย่าลืมอ่าน Seasons 1 ก่อนนะครับ ^ ^

https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=64916.0


ลงทุก วันจันทร์ กับ วันพฤหัสฯ นะครับ ^ ^

ลงช้ามาตามลากคอนักเขียนได้ในทวิตเตอร์นะครับ แฮ่    :z13:      :mew5:   @phanusun_p    :mew5:






My  Gear 2




Pologue





“ กันต์... ยังไม่เสร็จอีกเหรอ “

กิจที่พึ่งวางไดร์เป่าผมลงถามคนที่กำลังอยู่ในห้องน้ำขึ้น  ก่อนจะเดินไปเปิดตู้เสื้อผ้าเพื่อหยิบเอาชุดนักศึกษาที่แขวนอยู่ออกมาใส่สำหรับวันเปิดเรียนวันแรกของภาคเรียนที่สอง

“ เร่งอยู่ได้...  เสร็จแล้วเนี่ย “

เสียงประตูห้องน้ำถูกเปิดออกให้กิจได้หันไปมองยังร่างขาวที่นุ่งเพียงผ้าเช็ดตัวสีขาวผืนเดียวอยู่ในตอนนี้  พร้อมทั้งกำลังทำหน้ามุ่ยมองเขาอยู่ไม่วางตา

“ ไม่ได้เร่ง...  ก็เห็นเราเข้าห้องน้ำไปจะครึ่งชั่วโมงแล้ว  เดี๋ยวจะไปไม่ทันเอานะ “

“ แล้วเพราะใครกันล่ะ  ผมถึงได้นอนดึกเมื่อคืนนี้ “

เมื่อนึกถึงเรื่องที่เป็นกิจวัตร(แทบจะ)ประจำวันของคู่เขาขึ้น  กันต์ก็อดที่จะแขวะไปยังตัวการขึ้นมาเสียไม่ได้

“ แต่พี่ก็ให้เรานอนยาวไม่ปลุกมาออกกำลังกายกับพี่แล้วนะ “

“ มันชดเชยกันได้ที่ไหนเล่า  แล้วไม่ต้องมายิ้มขำเลยนะ “

“ คร้าบๆๆ  มาๆ  เดี๋ยวพี่เป่าผมให้ “

พูดจบกิจก็เดินเข้ามาหาคนตัวเล็กกว่าที่ยืนอยู่หน้ากระจกในมือถือไดร์เป่าผมอยู่ทันที  ไม่นานเสียงดังของไดร์เป่าผมก็ดังขึ้นพร้อมกับสัมผัสละมุนบนหัวของกันต์  จนเขาอดเผลอยิ้มออกมาไม่ได้ทุกทีที่คนรักคอยเอาใจใส่เขาอยู่แบบนี้  เพราะเมื่อมาลองนึกๆ ดูแล้ว  ภาพแบบนี้เมื่อหลายเดือนก่อนนั้นเขาคงไม่มีทางที่จะนึกมันออกมาได้แน่ๆ

“ อะเสร็จแล้ว  แต่ไม่ต้องเซตนะ  พี่ชอบเราผมนุ่มๆ อะ  แถมหอมด้วย “

ไม่พูดเปล่า... กิจก้มลงมาดมที่หัวพร้อมกับส่ายจมูกไปมาอย่างเอ็นดู  และก็ไม่ลืมที่จะแอบเข้าไปหากำไรที่แก้มใสใกล้ๆ  ก่อนจะโดนคนตรงหน้าตีเบาๆ ที่หน้าท้อง

กันต์รีบแต่งตัวทันทีหลังจากนั้น  โดยมีกิจที่พร้อมจะออกจากห้องแล้วในตอนนี้นั่งไขว่ห้างมองดูในทุกกิริยาบทด้วยรอยยิ้มอยู่ที่ขอบเตียง

“ ปะพี่กิจ... เสร็จละ “

เมื่อหยิบกระเป๋าเป้ขึ้นมาสะพายได้เขาก็หันมาบอกกิจทันที 

“ เรานี่นะ  ช้าก็ช้า  แต่งตัวก็ยังไม่เรียบร้อยอีก “

กิจเดินเข้ามาพับปกคอเสื้อของกันต์ให้เข้าทรง  ก่อนจะไล้มือลงมายังสร้อยเงินสะท้อนแสงที่ห้อยเกียร์ทองเอาไว้อยู่กลางอก

“ โดนล้อแน่... “

เขาบอกคนตรงหน้าทันทีพร้อมรอยยิ้มและแววตาทะเล้น

“ นั้นถอดเก็บ..  โอ้ย...  อะไรพี่...  ผมเสียทรงหมด “

กันต์ลูบหัวตัวเองป้อยๆ เมื่อโดนกิจตีหัวไปเบาๆ ทีนึง

“ ใครให้ถอด....  ใส่แบบนี้แหละดีแล้ว  คนอื่นเขาจะได้รู้ไงว่ามีเจ้าของ...   “

จากนั้นกิจก็ยื่นหน้าเข้ามาใกล้ๆ คนตัวเล็กกว่า  และพูดขึ้นต่อด้วยแววตาที่เจ้าเล่ห์....

“ ที่สำคัญ...  เขาจะได้รู้ด้วยว่าเจ้าของคนนี้โหดแค่ไหน  จะได้ไม่มีใครกล้าเข้ามายุ่ง “

“ ทำคุย  พอเลย...ไปได้แล้ว  รีบไปเรียนไม่ใช่เหรอ “

กันต์รีบดันตัวกิจให้เดินไปยังประตูห้องทันที  พร้อมกับเสียงหัวเราะหึๆ ในลำคอของคนตรงหน้า....




...................................................................
หัวข้อ: Re: My Gear รักร้ายๆ ของคุณชายเย็นชา 2 ( Pologue )
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 02-09-2019 12:57:36
คุณหมีขาว!!!!!   เรื่องนี้มีภาคสองด้วย โอ้ยยยดีใจ
   :katai2-1:
หัวข้อ: Re: My Gear รักร้ายๆ ของคุณชายเย็นชา 2 ( Pologue )
เริ่มหัวข้อโดย: AkuaPink ที่ 02-09-2019 14:46:32
 :pig4:
 :3123:
หัวข้อ: Re: My Gear รักร้ายๆ ของคุณชายเย็นชา 2 ( Pologue )
เริ่มหัวข้อโดย: หมีขาว ที่ 02-09-2019 21:01:22
Chapter 1



กันต์’s  Part



ภาคเรียนใหม่ห้องเรียนก็ใหม่ตามไปด้วย  ทำให้ผมต้องเดินหาห้องอยู่พักหนึ่งเลย  แต่ก็ไม่นานมากหรอกครับ  เพราะคุ้นเคยกับสถานที่แล้วในตอนนี้

ผมเดินเข้ามาถึงห้องเรียนก็พบว่าเพื่อนๆ ใน Sec มากันแล้วจนแทบจะเต็มห้อง  รวมถึงเพื่อนๆ ในกลุ่มของผมด้วย  ที่ยังคงยึดที่นั่งหลังห้องเป็นฐานทัพประจำการอยู่เหมือนเดิม

“ มากับเฮียไอ้เราก็นึกว่าจะมาเช้าขึ้น  แม่งสายเหมือนเดิม  แต่เอ๊ะ..! “

ไอ้เรย์ครับ....  ทักผมซะเสียเลย  ก่อนจะเพ่งมองอะไรสักอย่างที่ผิดปกติบนตัวผม

“ สาด!!!!  ของจริงปะเนี่ย “

มันทำเสียงตื่นเต้นขึ้นมาทันที  ท่ามกลางสายตาสงสัยของเพื่อนอีกสองคนในกลุ่มครับ  ซึ่งผมเองก็เช่นกัน  ไม่เข้าใจในสิ่งที่มันจะสื่อมาสักเท่าไหร่  แต่เชื่อเถอะครับว่าไร้สาระ  เพราะไอ้นี่มันบ้า....

จากนั้นผมก็วางกระเป๋าลงที่เก้าอี้ว่างข้างๆ มัน  ก่อนจะเข้าไปนั่งอย่างไม่สนใจกับท่าทีของไอ้เรย์  แต่ไม่ทันไรมันก็จับตัวผมหมุนเข้าไปหามันครับ  โดยมีไอ้เจมส์และไอ้แน๊คที่นั่งอีกข้างของมันเอี้ยวตัวมามองผมตามอย่างสนใจด้วย

ไอ้เรย์แหวกเสื้อนักศึกษาของผมที่ละกระดุมเม็ดบนเอาไว้ออก  ก่อนจะทำตาวาวแล้วจับเอาเกียร์สีทองออกมาดูทันที

“ เชร็ด!!!!  เป็นเรื่องจริงนี่หว่า “

มันว่ามาครับ  ซึ่งผมก็เข้าใจในท่าทีของมันแล้วในตอนนี้  ดังนั้นสิ่งที่ผมทำได้ต่อไปก็คือการทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้เพียงเท่านั้น  แต่ลึกๆ แล้วก็อดเขินขึ้นมาไม่ได้อยู่เหมือนกันนะครับ

“ อ้าว!  พี่เขายังไม่ได้แจกเกียร์เลยนี่หว่า  แล้วทำไมมึงได้... “

ไอ้เจมส์ทำหน้างงถามมาบ้างครับ  ซึ่งจะว่าไปเรื่องระหว่างผมกับพี่กิจ  ไอ้เจมส์กับไอ้แน๊คก็เป็นเพียงสองคนในกลุ่มเราที่ยังไม่รู้เรื่องอะไรเลย

“ เดี๋ยวนะ...  เกียร์ที่เราจะได้มันเป็นทองเหลืองไม่ใช่เหรอวะ  แต่ของมึง.. “

คราวนี้ไอ้แน๊คนักข่าวหัวเห็ดประจำกลุ่มทำหน้าสงสัยถามขึ้นต่อ

“ ทองเว้ยพวกมึง  แถมเป็นทองจริงด้วยนะ “

ไอ้เรย์แสนรู้อาสาตอบคำถามนี้แทนผมทันทีเลยครับ

“ อย่าบอกนะว่า..... “

อย่างกับนัดกันมาเลย  เมื่อไอ้แน๊คกับไอ้เจมส์พูดขึ้นมาพร้อมกัน  และก็เป็นไอ้เรย์อีกเหมือนเดิมที่เป็นคนไขความกระจ่าง

“ ถูกต้องนะคร้าบ!! “

“ เห้ย!!!!  อะไร  ยังไง  ตอนไหนทำไมกูถึงไม่รู้ “ ไอ้แน๊คว่ามาครับ

“ ใช่... นี่กูน้องรหัสพี่กิจนะเว้ย  ยังไม่รู้เลย “

“ แล้วพวกมึงจะเสียงดังกันทำไมเนี่ย  เงียบๆ !! “  ผมรีบปรามขึ้นมาทันทีพร้อมกับเอามือจุ๊ปากไว้  ไม่อย่างนั้นรับรองเรื่องนี้ได้เป็นข่าวใหญ่อย่างแน่นนอน

“ นั้นเล่ามาเลยมึง  ตอนไหน  เกิดขึ้นได้ยังไง  แล้วทำไมกูกับไอ้เจมส์ถึงไม่รู้ “

ไอ้แน๊คเริ่มเซ้าซี้ตามประสาความอยากรู้อยากเห็นของมันทันทีเลยครับ  แต่ทว่าเรื่องนี้ไม่ใช่มีแต่ไอ้แน๊คนะครับที่อยากรู้  ไอ้เจมส์ก็ด้วยเช่นกัน  ขนาดคนที่รู้ดีอย่างไอ้เรย์ยังมีท่าทีสนใจสิ่งที่ผมจำเป็นจะต้องเล่านี้เลย  ทำอย่างกับมันไม่รู้อะไรเสียอย่างนั้น
เห้อ.... 

จริงอย่างที่พี่กิจว่า  เดี๋ยวคงได้โดนล้อยาวแน่ๆ....



.........................................................



พักเที่ยงที่โรงอาหารคณะ


ทันทีที่พวกผมย่างเท้าเข้ามายังโรงอาหารก็ถูกพวกแก๊งหัวโจกปี 3 เรียกเข้าไปหาทันทีเลยครับ  และก็ไม่ต้องถามหรอกนะครับว่าแก๊งไหน  เพราะมันก็มีอยู่แก๊งเดียวนั่นแหละครับ

“ ไม่เจอตั้งนานดูมีออร่าขึ้นเยอะเลยนะเนี่ยน้องกันต์...  ท่าทางจะได้น้ำดี  เอ้ย..! ยาดีแน่ๆ “

ผมทำหน้ายู่ใส่พี่คิมทันทีครับ  ก่อนจะหันไปมองเขม่นยังคนข้างๆ พี่เขา  ซึ่งเจ้าตัวก็ยังคงตีหน้าซื่อไม่รู้สึกรู้สาอะไรตามประสาเหมือนเดิม...

“ เดี๋ยวๆ  เกียร์ทองเลยเหรอวะมึงไอ้กิจ “

พี่บิวที่สังเกตเห็นทักขึ้นด้วยสีหน้าแปลกใจพลางหันไปถามยังพี่กิจครับ

“ เอาแล้วไงไอ้เสือ  เกียร์ทองในตำนานมีเจ้าของแล้วเว้ย  โครตเป็นบุญตาพวกกูเลยว่ะ “

คราวนี้พี่พีสำทับกับเขาด้วยครับ  พร้อมกับที่เพื่อนๆ กลุ่มผมส่งเสียงแซวตาม  จนผมไม่รู้จะเอาหน้าไปแทรกแผ่นดินที่ไหนอยู่แล้วล่ะครับตอนนี้

“ พอเลยพวกมึง! เดี๋ยวกูงานเข้า “

รู้ตัวก็ดีพี่กิจ  แต่เข้าแน่ๆ ไม่ต้องห่วง

“ ทำไมวะ  กลัวโดนไล่ออกมานอนนอกห้องเหรอวะ  ฮ่าๆๆ “

พี่คิมยังคงแซวต่อไม่เลิก

“ เออ... “

พี่กิจขานรับมาสั้นๆ....  แต่จบกันแล้วชีวิตผม....  ฮือๆๆ

รีบเดินหนีเลยครับงานนี้  อายสุดๆ แล้วครับชีวิต 



..............................................................



เย็นนี้พวกเรามีประชุมกันที่ชมรมจิตอาสาครับ  กว่าจะเลิกเรียนและมากันถึงห้องชมรมคนก็เต็มห้องไปหมดแล้ว  โชคดีที่พวกพี่กิจจองที่เอาไว้ให้แล้ว

การประชุมโดยสรุปก็คือ  ปีนี้เราจะมีไปออกค่ายกันบนดอยครับ  แต่ที่พิเศษไปกว่านั้นก็คือการหาเงินบริจาคเนี่ยแหละครับ  เพราะนอกจากการออกรับบริจาคแล้ว  ปีนี้ที่พิเศษกว่าก็คือพวกพี่นิเทศปี 4 เขามีไอเดียมานำเสนอ  ซึ่งป็นอีกช่องทางหนึ่งในการหาทุนบริจาคเพิ่มครับ  นั่นก็คือการทำหนังออกขาย  และเป็นโปรเจคจบของพวกพี่ๆ เขาด้วย 

งานนี้ทีแรกผมกับพี่กิจก็เกือบจะต้องได้แสดงด้วยแล้วล่ะครับ  แต่พี่กิจให้เหตุผลเรื่องกิจกรรมสารพัดที่ต้องทำในเทอมนี้  ก็เลยไม่ว่างที่จะมาช่วยแสดงให้  แต่ก็จะมาช่วยในงานเบื้องหลังต่างๆ ให้นะครับ

แต่ความจริงเป็นไงรู้มั้ย...

คือพี่เขาไม่อยากให้คนในมหาลัยมาสนใจผมมากขึ้น  พูดง่ายๆ ก็คือ...  ขี้หวง นั่นแหละครับ 

แต่ผมก็...  โอเคนะ...  อิอิ

ส่วนคนที่ต้องแสดงแทนผมเป็นใครรู้มั้ยครับ  ให้เดา....?

ติ๊กต๊อกๆ


คำตอบก็คือ....

ไอ้ธันนั่นเองคร้าบ  ฮ่าๆๆ

ซึ่งเอาจริงๆ แล้ว  ผมว่ามันเหมาะกว่าผมตั้งเยอะเลย  แถมพระเอกของเรื่องยังเป็นพี่หมอตุลย์อีกต่างหาก  บอกเลยครับว่าผมเนี่ยแหละจะเป็นคนแรกเลยที่มาต่อคิวซื้อ  อิอิ



..........................................
หัวข้อ: Re: My Gear รักร้ายๆ ของคุณชายเย็นชา 2 ( Pologue )
เริ่มหัวข้อโดย: หมีขาว ที่ 02-09-2019 21:20:51
กว่า 4 ทุ่ม  ที่คอนโด


“ เออพี่กิจ  พรุ่งนี้กันต์กลับเองนะ “

ผมที่กำลังนอนพิงหมอนที่หัวเตียงพร้อมกับเล่นเกมกับพวกไอ้เรย์อยู่พูดขึ้น  ให้พี่กิจซึ่งนั่งทำงานอยู่หน้าโน๊ตบุ๊คที่โต๊ะทำงานหันมาหา

“ อ้าว...  ทำไมล่ะ  จะไปไหนเหรอ “

“ ไปหาบ้านเช่ากับพวกไอ้เรย์มันอะ  คือไอ้เจมส์กับไอ้แน๊คมันขอที่บ้านได้แล้วเรื่องที่จะมาอยู่หอ “

“ แล้วทำไมพวกมันไม่อยู่หอกันล่ะ “

“ มันร้ายจะตายพี่ไอ้พวกนี้  คือมันคำนวณแล้วว่าถ้าเช่าบ้านอยู่  พอหารสามแล้วก็จะถูกกว่าเช่าหอ  แถมมีพื้นที่ใช้สอยตั้งเยอะ  ส่วนเงินที่เหลือจากค่าหอก็เข้ากระเป๋าพวกมันไป  สบายหลายต่อเลย “

“ ฉลาดเนอะ  ไม่เหมือนเรา “

“ อ้าว!! “

ผมหันขวับไปมองคนที่โต๊ะซึ่งกำลังยิ้มแป้นมองผมตอบกลับมาทันที  จากนั้นพี่กิจก็ลุกขึ้นและเดินเข้ามาล้มตัวนอนลงบนตักผม
อยากจะตีหน้าผากเอาคืนนะครับ  แต่เพราะละมือและสายตาจากหน้าจอเกมไม่ได้เนี่ยสิ  ไม่อย่างนั้นเกิดแพ้ขึ้นมาไอ้พวกนั้นมันด่าผมยับแน่

“ ถึงโง่แต่พี่ก็รักนะ “

นี่ผมควรจะดีใจใช่มั้ยเนี่ย  ที่โดนแฟนตัวเองหาว่าโง่อะ...

“ พูดแบบนี้ลุกไปเลย  ไม่ให้นอนแล้ว.. “

ผมทำท่าจะขยับตัวออกแต่ถูกคนตัวโตกว่ากอดเอวเอาไว้เสียก่อน  พร้อมกับเอาหน้าเข้ามาขย้ำที่ท้องผมจนอดหัวเราะคิกคักขึ้นมาเสียไม่ได้

“ ฮะๆๆ  ไม่เอาพี่กิจ  มันจั๊กจี้  เดี๋ยวเกมแพ้ “

“ แพ้ก็แพ้ดิ “

“ ฮะๆ  ไม่ได้....  เดี๋ยวพวกนั้นมันด่าเอา “

“ ไอ้เรย์อะเหรอ  ถ้ามันด่ามาบอกพี่เลย  เดี๋ยวพี่จัดการให้ “

“ ไม่เอา... ฮะๆๆ  มันจั๊กจี๋พี่  ไม่ไหวแล้ว “

“ ถ้างั้น  เปลี่ยนจากจั๊กจี้มาเป็น...  เสียวแทนละกัน “

ผมขยับจอเกมตรงหน้าออกมามองยังคนด้านล่างที่กำลังมองผมด้วยสายตาหวานเยิ้มแต่แฝงไว้ด้วยความเจ้าเล่ห์สุดๆ

“ ไม่ต้องมาหื่นเลย กันต์จะเล่นเกม “

ดูครับ....  ไม่รู้สึกรู้สาอะไรเลย  แถมยังทำท่ากัดริมฝีปากยั่วผมอีกต่างหาก

และก่อนที่ใบหน้าหล่อๆ จะเลื่อนขึ้นมาใกล้ไปมากกว่านี้  ผมก็ละมือจากจอเกมมาดีดไปที่ปลายจมูกโด่งนั้นทันที  เผื่อว่าความเจ็บจะช่วยลดความกระเหี้ยนกระหือรือลงไปได้บ้าง

“ โอ้ย!!  พี่เจ็บนะ “

“ สม...  ขยับออกไปเลย  กันต์จะเล่นเกม “

“ ไม่...  จะนอนอยู่ตรงนี้  มีไรปะ “

“ งานการไม่ทำแล้วเหรอ  ห๊ะ... “

“ เสร็จแล้ว... “

พี่กิจเลิกคิ้วมองตอบกลับมาอย่างท้าทาย  แต่ผมไม่สนใจหรอกครับ  เล่นเกมต่อดีกว่า  อยากจะนอนก็นอนไปเลยตามสบาย

สักพักพอเกมรอบนั้นจบลง  ผมแหงะหน้าจากจอเกมลงมามองยังคนตัวโตด้านล่างก็พบว่าหลับไปซะแล้ว

อ่อนเอ้ย!!  ไหนว่าเก่งไง  อิอิ

ผมวางไอแพดไว้ที่ข้างเตียง  ก่อนจะค่อยๆ ขยับตัวออกมาอย่างแผ่วเบา  ไม่อยากให้พี่เขาตื่นครับ  เพราะเอาเข้าจริงพี่เขาคงจะเหนื่อยเอามากๆ  ไหนจะเรื่องเรียน  กิจกรรม  และงานที่บริษัทอีก  เป็นผมนี่คงจะหัวระเบิดตายไปนานแล้ว

ผมที่กำลังทำท่าว่าจะลุกออกจากเตียงไปปิดไฟ  แต่ก็เปลี่ยนใจหันกลับมาพลางก้มตัวลงมองใบหน้าคมได้รูปที่นอนขวางอยู่กลางเตียงในตอนนี้

ใบหน้าหล่อๆ  ที่วันๆ ชอบเอาแต่ทำหน้านิ่งเฉยหรือไม่ก็ทำตาดุๆ  พอหลับลงกลับดูผ่อนคลาย  ละมุน  และน่าหลงใหลไปอีกแบบดีนะครับ

คิ้วก็เข้มได้รูป  ปากเรียวบางรูปกระจับสวย  จมูกนี่ก็โด่งจนน่าดีดที่ปลายไปอีกสักรอบ

แต่ไม่เอาดีกว่า  ขอเปลี่ยนเป็น..  หอมแทนละกัน…

ผมค่อยๆ  ประทับตราจองด้วยริมฝีปากบางของผมอย่างแผ่วเบาเพื่อไม่ให้คนตรงหน้านี้รู้สึกตัว...  กลิ่นกายพี่กิจยังคงหอมเย้ายวนอยู่เสมอที่ได้เข้าใกล้ 

ผมละริมฝีปากออกมาก่อนอมยิ้มให้กับตัวเอง  มีความสุขจังเลยครับ....

ผมลุกขึ้นไปปิดไฟก่อนจะเดินกลับมาที่เตียงอีกครั้งและขยับตัวพี่กิจให้ไปนอนดีๆ  ซึ่งพี่เขาก็ทำเสียง อืออา อย่างขัดใจที่ถูกรบกวนการนอน  แต่ถึงกระนั้นก็ไม่ได้ตื่นจริงๆ จังๆ หรอกนะครับ  ท่าทางคงจะเพลียเอามากๆ  เพราะปกติพี่เขาไม่ใช่คนที่ขี้เซาอะไรแบบนี้เลย

เมื่อจัดการกับท่านอนของพี่กิจเสร็จเรียบร้อยแล้ว  ผมก็ทิ้งหัวลงบนหมอนนุ่มทันทีท่ามกลางความมืดสลัวที่สายตาเริ่มชินกับความมืดนี้ได้บ้างแล้ว  อากาศเย็นๆ จากเครื่องปรับอากาศภายในห้องทำให้นอนสบายเมื่อร่างกายอยู่ภายใต้ผ้าห่มอุ่นหนา  ทว่าอ้อมกอดจากคนข้างๆ ที่ขยับตัวเข้ามากอดด้วยความเคยชิน  มันทำให้รู้สึกอบอุ่นเสียมากกว่า....


เพราะมันไม่ได้ทำให้เพียงแค่อุ่นกายเท่านั้น...  หากแต่เป็นใจด้วยครับที่อบอุ่น......




TBC.


---------------------------------------------------------------------------------

หายไปนานเลยครับ  ตอนแรกว่าจะเขียนเรื่องแยกจากเรื่องหลัก  แต่เปลี่ยนใจละครับเอามันมารวมกันเลยดีกว่า555+

ดีใจนะครับที่ยังมีคนจำได้  ขอบคุณมากๆ นะครับ ^______________________________^

- คุณ Leenboy   
  มีครับตั้งใจไว้ว่าจะ มี 3 ss ตามที่เคยว่าไว้อะครับ แบ่งเป็นเฟสๆไป  แต่ตอนนี้พึ่งเขียนนำไปได้ 10กว่าตอนอยู่เลยครับ  เพราะที่ผ่านมามัวไปเสียเวลาพิมเรื่องแยกเยอะมากครับ  แต่คิดแล้วว่าจะเอาทีละเรื่องดีกว่างับ  ยังไงก็ติดตามกันต่อด้วยน้าาาา
- คุณ AkuaPink
  ฝากติดตามผลงานง้อยๆของผมด้วยน้าาาาา  ขอบคุณมากๆครับปม

ปล. ตอนหน้าลงวัน พฤหัสฯ นะครับ ^ ^  สำหรับใครที่ยังไม่เคยอ่านภาคแรก  ลองอ่านตามลิ้งด้านบน(บน pologue) ก่อนนะครับ  ไม่งั้นจะงงเอาอะครับ  แฮ่...
ปล.อีกที  อีกช่องทางลากคอนักเขียน  คือ ทวิตเตอร์ @Phanusun_P  นะครับ  แนะนำติชมได้เหมือนเดิมนะครับผม  ถ้าในทวิตผมจะสามารถตอบได้เยอะหน่อยครับ ในนี้เขาให้ตอบได้แค่ 1รีพายอะครับ
ทุก chapter ที่ลง  ผมจะเปิดหัวทวิตไว้นะครับ  เม้นติชมหรือสักถามพูดคุยกันได้น้าาาาาา 
ขอบคุณมากๆ อีกครั้งครับ
 :mew5: :mew5: :mew5: :mew5: :mew5:
^_________________________________________^
หัวข้อ: Re: My Gear รักร้ายๆ ของคุณชายเย็นชา 2 ( Chapter 1 - 2/9/62 )
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 02-09-2019 22:56:46
ภาคนี้จะมีชะนีมาผจญไหมเอ่ย  :hao3:
หัวข้อ: Re: My Gear รักร้ายๆ ของคุณชายเย็นชา 2 ( Chapter 1 - 2/9/62 )
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 03-09-2019 00:06:50
งุ้ย!!!ยังเขียนได้น่ารักเหมือนเดิมเลยคุณหมีขาว
หัวข้อ: Re: My Gear รักร้ายๆ ของคุณชายเย็นชา 2 ( Chapter 1 - 2/9/62 )
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 03-09-2019 00:25:45
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: My Gear รักร้ายๆ ของคุณชายเย็นชา 2 ( Chapter 1 - 2/9/62 )
เริ่มหัวข้อโดย: O-RA DUNGPRANG ที่ 03-09-2019 01:08:39
 o13 o13 o13
หัวข้อ: Re: My Gear รักร้ายๆ ของคุณชายเย็นชา 2 ( Chapter 1 - 2/9/62 )
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 03-09-2019 21:18:55
กลับมาแล้ววววว เพิ่งเห็นเลย สบายดีไหม :L2:
หัวข้อ: Re: My Gear รักร้ายๆ ของคุณชายเย็นชา 2 ( Chapter 1 - 2/9/62 )
เริ่มหัวข้อโดย: หมีขาว ที่ 05-09-2019 12:32:51
Chapter 2



กันต์’s  Part



“ โหมึง...  เปลี่ยวไปป่าววะเนี่ย “

ผมพูดขึ้นในเย็นวันถัดมาขณะที่เรากำลังเดินเข้ามาในซอยลึกแถวหลังมหาลัยฯ ครับ  ซึ่งที่มากันก็มีแค่ผม ไอ้เรย์ ไอ้เจมส์และก็ไอ้แน๊คเท่านั้น  ส่วนไอ้ธันมันไปซื้อโทรศัพท์ใหม่กับแพรครับ  โครตซวยเลยฉลองรับเปิดเทอมใหม่ด้วยการทำโทรศัพท์หาย....

“ ทำบ่นนะมึงอะ  เข้ามาแค่นี้เอง “  ไอ้เรย์มันว่ามาครับ

“ แต่กูก็คิดเหมือนไอ้กันต์นะเว้ย  นี่เราเข้ามาลึกจนมองไม่เห็นปากซอยแล้วนะ “

เห็นมั้ยครับ  ไม่ใช่ว่าผมคิดไปเองนะ  ขนาดไอ้เจมส์มันก็ยังเห็นด้วยกับผมเลย

“ เออ...  เข้าไปอีกนิดถ้าไม่มีก็ไปดูอีกซอยละกัน “

เมื่อเพื่อนร่วมบ้านไม่เห็นด้วย  ไอ้เรย์มันเลยต้องยอมครับ  สุดท้ายเราก็กลับออกมาตั้งต้นกันใหม่ที่หน้าปากซอยอีกครั้ง
เราเดินหากันไปจนฟ้ามืดครับ  สุดท้ายก็เจอบ้านหลังหนึ่งซึ่งติดป้ายให้เช่า  ดูจากสภาพแล้วผมว่ามันค่อนข้างโอเคเลยนะ  เป็นบ้านเดี่ยวสองชั้นมีพื้นที่ประมาณร้อยกว่าตารางวาได้  มีที่จอดรถและสภาพบ้านก็ไม่ได้โทรมเหมือนหลายๆ หลังที่เราเจอมา  ไอ้เรย์กดเบอร์ติดต่อตามป้ายโดยไม่รอช้าหลังจากที่ลงความเห็นกับเพื่อนๆ เรียบร้อยแล้ว  และก็ได้ความว่า  ค่าเช่าบ้านอยู่ที่เดือนละ 8000 บาท  ค่าน้ำค่าไฟแยกต่างหาก  ซึ่งจะนัดกับเจ้าของบ้านเพื่อเข้าไปดูบ้านในเย็นวันพรุ่งนี้ครับ


ทุกอย่างผ่านไปได้ด้วยดี  หลังจากทำสัญญากันแล้วปลายสัปดาห์นี้พวกมันและผม(ซึ่งถูกลากไปด้วย) ก็จะเข้ามาทำความสะอาดเพื่อเตรียมตัวย้ายของเข้ามาอยู่กันเลยสุดสัปดาห์นี้ครับ

บ้านหลังนี้มี 3 ห้องนอนที่ชั้น 2 ซึ่งพวกมันแบ่งกันไปคนละห้อง  มีห้องนั่งเล่นไม่ใหญ่มากอยู่ด้านล่าง  ห้องครัวและอีกห้องสำหรับไว้ทำงาน  โดยพวกมันขนเอาคอมพิวเตอร์และโต๊ะเขียนแบบมาไว้ภายในห้องนี้

กว่า 4 ทุ่มแล้วที่ไอ้เรย์กับไอ้แน๊คไปขนของเที่ยวสุดท้ายที่บ้านไอ้แน๊ค  ส่วนของของไอ้เรย์กับไอ้เจมส์นี่ขนมาครบแล้วครับ

“ เชี่ยมันถึงไหนกันวะเนี่ย  หิวข้าวแล้วโว้ย “
 
ผมเริ่มโวยขึ้นเมื่อมองไปยังนาฬิกาที่ผนัง  ไม่ใช่อะไรหรอกครับ  เพราะผมกับไอ้เจมส์ฝากพวกมันซื้อข้าวเข้ามาด้วย  แถมตอนนี้ในตู้เย็นก็โล่งซะไม่มี  จากนั้นไอ้เจมส์ที่รู้สึกว่ามันนานเกินไปแล้วเหมือนกัน  ก็กดโทรศัพท์หาไอ้แน๊คทันทีก่อนจะได้ความว่า..  รถติดครับ...  แถมยังไม่ได้ซื้อข้าวมาให้ด้วย.... 

เวงชิบ....


รอไปอีกสักพักใหญ่  สุดท้ายเมื่อพวกเราทนความหิวกันไม่ไหวจึงตัดสินใจว่าจะออกไปหาซื้อข้าวที่หน้าปากซอยมากินกันก่อนครับ  ตอนแรกก็กะว่าจะไปกันสองคนนั่นแหละ  แต่เพราะไอ้สองตัวนั้นไม่ได้เอากุญแจบ้านไปด้วย  ไอ้เจมส์เลยจำเป็นต้องอยู่เฝ้าบ้านรอพวกมัน  ส่วนผมก็อาสาเดินไปหน้าปากซอยเพียงลำพังอย่างเซ็งๆ  พร้อมกับความหิวสุดๆ เลยในตอนนี้

วันนี้พี่กิจขอออกไปกินเหล้ากับเพื่อที่ร้านเดิมข้างมหาลัยฯครับ  คงจะกลับดึกซึ่งผมก็บอกว่าจะกลับเองด้วย  แต่ไม่คิดว่าจะต้องอยู่ดึกถึงขนาดนี้ 

ผมเดินออกจากบ้านมาได้ไม่นาน  บรรยากาศรอบข้างก็เริ่มดูจะเปลี่ยวขึ้นมาแทบจะในทันที  เพราะเสาไฟทั้งสองข้างทางนั้นมีเพียงเสากับหลอดไฟที่ใช้การไม่ได้ครับ  แถมบ้านเรือนข้างๆ ก็ปิดไฟกันจนมืดไปแล้วซะส่วนใหญ่...  กลัวสิครับงานนี้  คือตอนกลางวันมันไม่ได้รู้สึกเปลี่ยวขนาดนี้เลยนะครับ  แต่พอมืดและไม่มีแสงไฟแบบนี้แล้ว...  น่ากลัวสุดๆ ไปเลย  คือกลัวทั้งผีและคนนั่นแหละครับ

ผมรีบก้าวเท้ายาวๆ  ทำใจดีสู้เสือเพื่อไปให้พ้นจากบริเวณมืดๆ นี้  ซึ่งยาวกว่า 100 เมตรเพื่อไปยังหน้าปากซอยที่มีแสงสว่างและผู้คนยังพลุกพล่านอยู่ในตอนนี้


“ โฮ่ง!!  โฮ่ง!! “

“ เชี่ย!.. “ 


ผมอุทานพลางหันขวับไปมองยังประตูรั้วบ้านข้างทางที่จู่ๆ สุนัขก็พากันเห่าขึ้นพร้อมกับขู่กรรโชกจนใจผมล่วงลงไปอยู่ที่ตาตุ่ม  ผมหันไปมองยังประตูรั้วที่ด้านหลังมีหมา 3 – 4 ตัวกำลังเห่าอยู่อย่างไม่ลดละ  พลางเร่งสาวเท้าไม่มองทางไปถี่ๆ เพื่อให้พ้นจากบริเวณนี้โดยเร็วที่สุด  ก่อนจะชนเข้ากับบางคนพร้อมเสียงอะไรบางอย่างที่ตกลงพื้นและแตกออก

เพล้ง!!!

“ เห้ยเหล้ากู! “


ผมเงยหน้าขึ้นมองชายวัยใกล้สามสิบที่ท่าทางกำลังเมาอยู่ซึ่งมาพร้อมกับเพื่อนอีกสองคน  ยิ่งทำให้ใจผมเสียหนักขึ้นไปอีก  ผมมองขวดเหล้ากลมที่แตกอยู่บนพื้นก่อนจะทำหน้าประหลับประเหลือกมองกลับมายังกลุ่มคนตรงหน้าต่ออีกรอบ  แล้วจึงอ้อมแอ้มเอ่ยคำขอโทษออกมาเสียงอ่อย

“ ขอโทษครับพี่  ผมไม่ได้ตั้งใจ “

“ อ้ายน้อง...  ขอโทษ..แล้วเหล้าพวกพี่...  มันจะเต็มขวดเหมือนเดิมมั้ยวะ “  คนที่ผมชนเอ่ยขึ้นตามภาษาคนเมา

“ ดะ เดี๋ยวผมจะซื้อใช้ให้นะครับ “  ผมบอกไป

“ ม่าย..ต้อง...  แค่เอาตังมาก็พอ “  พี่คนเดิมว่ามา  พลางยื่นมือแบมาตรงหน้าผม

“ ทะเท่าไหร่ครับพี่ “  ผมถามต่อ

“ สามพัน “

“ ห๊ะ... “  ผมอุทานขึ้นมาทันที  เหล้ายี่ห้อนี้ไม่กี่ร้อยเอง  แต่จะมาเรียกเงินผมตั้งสามพัน  แบบนี้มันเรียกขู่กรรโชกแล้วล่ะครับ

“ ผมไม่มีเงินเยอะขนาดนั้นหรอกครับพี่ “  ผมว่าไปตามจริงครับ  เพราะตอนนี้ในกระเป๋าตังผมยังมีไม่ถึงสองพันเลยด้วยซ้ำ

“ จะจ่ายดีๆ หรืออยากเจ็บตัวก่อนห๊ะ! “
 
เจ้าของเสียงคนเดิมพูดไม่พอพลางคว้าคอเสื้อผมแล้วดันไปติดกำแพงรั้วสูง  ตอนนี้ผมทั้งเจ็บทั้งกลัว  แต่ก็ไม่กล้าขัดขืนไปมากกว่านี้  เพราะชายตัวโตอีกสองคนต่างก็กำลังล้อมเข้ามาให้ผมไม่สามารถหนีหรือทำอะไรได้

“ ผมไม่มีจริงๆ ครับพี่  ปล่อยผมเถอะครับ  ผมขอร้อง...  เดี๋ยวผมจะให้พี่เท่าที่ผมมีทั้งหมดเลย “

ผมพยายามร้องขอ  แต่คงเพราะความเมาหรือว่าอะไรก็ตามที่ทำให้คำพูดของผมดูเหมือนจะส่งไปไม่ถึงจิตสำนึกของคนตรงหน้านี้ได้เลย  เพราะนอกจากจะไม่ยอมรับฟังคำขอของผมแล้ว  เขายังบอกให้คนที่มาด้วยกันค้นเอาของมีค่าจากในกระเป๋ากางเกงของผมทันที 

ผมพยายามดิ้นและกำลังจะร้องขอความช่วยเหลือ  แต่ไม่ทันที่จะได้เปล่งเสียงออกมา  มือหนาก็เข้ามาปิดปากผมไว้  ในขณะที่ชายอีกคนก็เข้ามาดึงตัวผมพร้อมกับล็อคแขนทั้งสองข้างเอาไว้จากทางด้านหลัง 

กลัวที่สุดเลยครับ  ใครก็ได้ช่วยผมที...  พี่กิจช่วยผมด้วย....!


“ ปึ๊ก!! “

จู่ๆ ไอ้คนตัวสูงที่กำลังล้วงค้นกระเป๋ากางเกงของผมอยู่นั้น  มันก็ได้กระเด็นลงไปนอนกองอยู่บนพื้น

“ เห้ย!!  ใครวะ “

สิ้นเสียงของไอ้หัวโจกก็ตามมาด้วยเสียงของหมัดกระทบกับใบหน้าดัง ผัวะ!  จนมันเซก่อนจะถลาล้มตามเพื่อนมันลงไปนอนอยู่บนพื้นต่อ  ถึงจุดนี้ผมถึงได้รู้ว่าฮีโร่ที่เข้ามาช่วยผมไว้ตอนนี้คือใคร...


ไอ้เคครับ...


มันซัดอีกหมัดไปยังคนที่ล็อคผมอยู่  ก่อนจะคว้าแขนผมให้หนีตามมันไปยังรถจักรยานที่ล้มอยู่บนพื้นไม่ไกลมากจากจุดที่เราอยู่มากนัก  เมื่อมาถึงมันดึงจักรยานขึ้นมาพร้อมกับบอกให้ผมรีบขึ้นซ้อน  แต่ก็ดูเหมือนจะไม่ทันแล้วล่ะครับ  เมื่อมือหนาของไอ้หัวโจกที่ตามมากดหน้าจักรยานเอาไว้  ก่อนที่หมัดขวาของไอ้ตัวสูงจะเข้ามาปะทะกับแก้มหล่อๆ ของไอ้เคมัน  จนทั้งผมและไอ้เคเสียหลักล้มลงไปนอนบนพื้นพร้อมกับจักรยาน  คราวนี้ท่าทางพวกเราคงจะไม่รอดจริงๆ แล้วล่ะครับ

ผมหลับตาปี๋เมื่อเห็นรองเท้าผ้าใบที่ถูกยกขึ้นมาพร้อมจะรุมกระทืบพวกผม  แต่ทันใดนั้นแสงไฟสว่างจ้าจากหน้ารถคันหนึ่งก็เข้ามาปะทะให้เราทุกคนตาพร่าจากความสว่างกะทันหัน  ผมได้ยินเพียงเสียงเปิดประตูรถ  จากนั้นก็ตามมาด้วยความชุลมุน  ก่อนที่ทุกอย่างจะไปจบลงที่ สน.



…….



ไอ้แน๊คปากแตกพร้อมกับรอยช้ำที่แก้มเหมือนกับไอ้เค  ส่วนผมมีแค่รอยถลอกนิดเดียวที่ข้อศอกในตอนที่ล้มไปพร้อมกับจักรยาน  ในขณะที่ไอ้เรย์ดูจะชิลมาก  ก็แหงล่ะตัวมันควายซะขนาดนั้น  แต่ก็ต้องขอบใจมันนะครับที่มาช่วยได้ทันเวลา  ไม่อย่างนั้นผมว่าเรื่องนี้คงไม่ได้มาจบลงที่สน. แบบนี้แน่ๆ  เพราะอาจจะไปจบลงที่โรงพยาบาลเสียมากกว่า

ไอ้เรย์ยังคงคันไม้คันมือไม่เลิกพร้อมกับบ่นพึมพำอยู่ตลอดว่าน่าจะเอาพวกมันให้หนักกว่านี้  ในระหว่างที่เรากำลังให้ปากคำกันอยู่  ส่วนพวกคนร้ายน่ะเหรอ  โน่นเลยครับห้องขัง..  เพราะนอกจากจะหมดสภาพและเมาพูดจาไม่รู้เรื่องแล้ว  ก็ดูเหมือนจะถูกนำไปตรวจปัสสาวะหาสารเสพติดต่ออีก

พวกเราให้ปากคำไปได้ไม่นานพี่กิจก็เดินดุ่มๆ หน้าเครียดเข้ามา  ก่อนจะถามไถ่อาการผมเสียละเอียดยิบยิ่งกว่าหมอ  แล้วจึงจัดการเรื่องต่างๆ ที่สน. ให้พวกเราจนเสร็จ
 

ภายในรถระหว่างทางกลับคอนโด  พี่กิจยังคงมีสีหน้าเคร่งเครียดอยู่ตลอด  จนผมไม่กล้าพูดอะไรขึ้นมานอกจากนั่งหงอยอยู่เงียบๆ ข้างๆ พี่เขาเพียงแค่นั้น

“ ห้ามไปแถวนั้นอีกนะ “

ในที่สุดพี่กิจก็พูดขึ้นมาสักทีด้วยน้ำเสียงเรียบๆ

“ ได้ไงพี่  เพื่อนผมมันอยู่แถวนั้นกันนะ “

ผมบอกไปเสียงอ่อย  แต่ถึงกระนั้นก็ไม่ยอมหรอก  ถ้าจะไม่ให้ผมไปหาเพื่อนได้แบบนี้

“ ถ้างั้นก็หาที่ใหม่  เดี๋ยวพี่จัดการให้ “  พี่กิจยังคงไม่ยอมครับ

“ ผมหากันจนทั่วแล้ว  ไม่มีหรอกพี่  หลังนี้แหละถูกและใกล้ม. ที่สุดแล้ว “

“ แต่มันอันตรายไง  นี่ถ้าวันนี้ไม่มีคนมาช่วยทันจะเกิดอะไรขึ้น “

พี่กิจเริ่มขึ้นเสียงแล้วล่ะครับ  ใจผมแป้วทันทีเลย  แม้จะรู้ว่าพี่เขาเป็นห่วงก็เถอะ  แต่เวลาพี่กิจดุอะ...  น่ากลัวจะตาย

“ แต่มันเป็นเรื่องสุดวิสัยนะพี่  อีกอย่างตำรวจเขาก็เช็คประวัติพวกนั้นแล้วว่าไม่เคยก่อคดีอะไร  แถมไม่ใช่คนแถวนั้นด้วย  ที่มีเรื่องส่วนหนึ่งก็คงเพราะเมา “

ผมบอกไปตามจริงเท่าที่รู้มาครับ  หลังจากที่ได้ข้อมูลจากทางพี่เจ้าหน้าที่ที่เอาบัตรประชาชนของพวกนั้นไปค้นประวัติและสอบปากคำ

“ ถึงอย่างนั้นพี่ก็ไม่อนุญาต “

“ พี่กิจอ่า..... “

เข้าใจนะครับว่าเป็นห่วง  แต่ก็ต้องมีเหตุผลกันบ้างสิ  อย่างนี้ผมก็ไม่ยอมหรอกนะ

“ กันต์...  อย่าดื้อ ! “

พี่กิจหันมาขู่  ผมเลยยู่หน้าใส่ก่อนจะเสมองออกไปนอกหน้าต่างรถแล้วก็ไม่คุยกับพี่เขาอีกจนถึงคอนโด

ผมเดินดุ่มๆ ไม่สนใจพี่เขากลับเข้าห้องทันที  ผมรีบอาบน้ำและออกมานอนคลุมโปง  แต่ยังไม่ได้หลับหรอกนะครับ  คือโมโหไง..  ผมไม่ผิดนี่  เพราะมันเป็นเรื่องสุดวิสัย  แต่พี่เขากลับจะมาบังคับผมแบบไม่มีเหตุผลเสียอย่างนั้น

“ กันต์...  พี่รู้นะว่าเรายังไม่หลับ  ลุกมาคุยกันดีๆ ซิ “

พี่กิจที่พึ่งแต่งตัวเสร็จหลังจากอาบน้ำพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงที่นุ่มนวลกว่าเมื่อครู่นี้มาก  แต่ผมเงียบครับ  งอนอยู่ยังไม่พร้อมจะคุยด้วย....

“ กันต์... “

แล้วก็ได้ยินเสียงพี่กิจถอนหายใจก่อนจะลงมานั่งบนเตียงข้างๆ ผม

“ ที่พี่ห้ามเพราะพี่เป็นห่วงเรานะ...  รู้มั้ยว่าตอนรู้เรื่องว่าเราโดนทำร้ายพี่กลัวแค่ไหน  พี่รู้สึกผิดและแย่มากนะที่ดูแลเราได้ไม่ดี  ดังนั้นพี่เลยไม่อยากให้เหตุการณ์แบบนี้มันเกิดขึ้นอีก  เข้าใจพี่ใช่มั้ย... “

“ แล้วพี่มาขึ้นเสียงใส่ผมทำไมอะ “

สุดท้ายผมก็ยอมพูดครับ  แต่ก็ยังคงนอนคลุมโปงอยู่เหมือนเดิม

“ ก็เราดื้อนี่ “

“ พี่ก็ไม่มีเหตุผลเหมือนกันอะ “

“ โอเคๆ  พี่ขอโทษ  ลุกขึ้นมาคุยกันดีๆ ซิ “

พี่กิจพูดขึ้นพร้อมกับพยายามดึงผ้าห่มออก  จนผมต้องยอมออกมาจากที่หลบภัยนี้เพื่อมาเผชิญหน้ากับไอ้คนที่ไม่มีเหตุผล

“ นั้นเอาอย่างนี้ละกัน  ถ้าจะไป...  ก็ต้องให้พี่ไปรับไปส่ง  โอเคมั้ย “

ผมส่ายหน้าครับ  ซึ่งพี่กิจก็ร่นคิ้วมองกลับมาอย่างไม่เข้าใจทันที

“ แล้วถ้าวันไหนพี่ไม่ว่างผมก็ไปไม่ได้สิ  ถ้าบังเอิญผมต้องทำรายงานหรือมีธุระล่ะ  ผมก็อดไปสิ “

พี่กิจเงียบไปเล็กน้อยก่อนจะถอนหายใจออกแล้วพูดขึ้น

“ นั้นมาหัดขับรถกับพี่  ต่อไปเวลาพี่ไม่ว่างจะได้เอารถไปใช้ได้... “

พี่กิจเสนอมาครับ  ผมจึงใช้ความคิดเล็กน้อยก่อนจะตอบตกลงไป  เพราะอย่างน้อยที่สุดผมก็จะได้มีอิสระที่จะไปไหนมาไหน  และอีกอย่าง...  ผมเองก็ยังขับรถไม่เป็นด้วย  ถือซะว่าได้หัดขับรถไปด้วยเลยก็แล้วกัน

จากนั้นผมก็ยิ้มออกครับ  พี่กิจทำสายตาหน่ายๆ ส่งมาให้  ก่อนจะเอามือมาขยี้หัวผมราวกับเด็กน้อยเหมือนที่ชอบทำทุกที...

หัวข้อ: Re: My Gear รักร้ายๆ ของคุณชายเย็นชา 2 ( Chapter 1 - 2/9/62 )
เริ่มหัวข้อโดย: หมีขาว ที่ 05-09-2019 12:49:34
วันจันทร์ต่อมาผมไม่ลืมที่จะไปขอบคุณไอ้เคมันอีกครั้งที่คณะในช่วงพักเที่ยง  และทำให้ผมได้รู้ว่าตอนนี้มันกำลังมีปัญหาเรื่องที่อยู่  เพราะปลายเดือนนี้มันต้องย้ายออกจากหอแล้ว  ด้วยเพราะมีคนร้องเรียนเรื่องที่มันเอาแมวมาเลี้ยงไว้ในห้อง  ดังนั้นมันเลยต้องตระเวนหาหอพักใหม่ที่สามารถเลี้ยงไอ้ไทเกอร์ได้และค่าเช่าก็ต้องไม่แพงจนเกินไป

“ ให้กูช่วยหาด้วยมั้ย “  ผมขันอาสาครับ  ไม่ใช่แค่ห่วงมันนะ  แต่ผมยังห่วงไอ้ไทเกอร์อีกด้วย

“ ขอบใจนะ...แต่ไม่เป็นไร  กูเกรงใจว่ะ  ไว้เย็นนี้กูค่อยออกไปหาใหม่  เดี๋ยวก็คงได้แหละ “  มันว่ามาครับ

“ มึงสนใจหารค่าบ้านกับพวกกูมั้ยล่ะ  คือพวกกูพึ่งจะเช่าบ้านอยู่  ถ้ามึงยังไม่มีที่พักมาหารกับพวกกูก่อนก็ได้  หลังจากนั้นมึงจะยังไงต่อค่อยว่ากันอีกที “

ไอ้เรย์ที่มาด้วยกันกับผมเสนอไปครับ  กูรักมึงจริงๆ เลยไอ้เรย์เพื่อนเลิฟ

“ จะดีเหรอ..  แล้วเพื่อนคนอื่นๆ ของพวกมึงล่ะ “  ไอ้เคอ้อมแอ้มถามมาอย่างอดที่จะเกรงใจไม่ได้

“ พวกนั้นไม่น่าจะมีปัญหาหรอก  เดี๋ยวกูคุยให้ “

“ ส่วนตัวกูโอเคนะ  เพราะเอาจริงกูก็ยังไม่แน่ใจเลยว่าจะหาทันก่อนปลายสัปดาห์นี้ที่กูต้องย้ายออกไปรึเปล่า  แต่เอาไว้พวกมึงไปคุยกันก่อนก็แล้วกัน  ได้เรื่องยังไงมาบอกกูอีกทีนะ “

จากนั้นผมกับไอ้เรย์ก็กลับมาที่คณะในช่วงบ่าย  แล้วไอ้เรย์ก็เริ่มเปิดประเด็นเรื่องนี้ขึ้นทันทีในกลุ่ม  โดยมีผมคอยสนับสนุนอยู่ด้วยไม่ขาด  ซึ่งก็ไม่ยากเพราะพวกไอ้แน๊คไอ้เจมส์มันเข้าใจเหตุผลง่าย  สุดท้ายก็เป็นอันตกลงและไอ้เคก็เตรียมที่จะย้ายมาอยู่ด้วยในปลายสัปดาห์นี้



ช่วงเทอมสองนี้พี่กิจมีกิจกรรมอีกหนึ่งอย่างที่เพิ่มเข้ามานั่นก็คือการไปคุมน้องปีสองสอนลีดคณะสำหรับงานสปอร์ตเดย์ช่วงปลายปี  ดังนั้นตั้งแต่เปิดเทอมมาพี่เขาก็ไม่เคยจะได้กลับห้องก่อน 2 ทุ่มเลยสักวัน  แถมยังเพลียจนบางวันไม่ยอมทำการบ้าน...

ผมหมายถึงการบ้านส่งอาจารย์นะครับ  ....



ผมช่วยไอ้เคมันย้ายหอในวันศุกร์  ไทเกอร์ยังคงอ้วนท้วนเหมือนเดิม  ไอ้เคได้นอนห้องเดียวกับไอ้เจมส์ครับ  เพราะตอนจับสลากเลือกห้องไอ้เจมส์มันได้ห้องใหญ่สุดของบ้านไป  ซึ่งมันก็โอเคไม่มีปัญหาอะไรนะครับ

สุดสัปดาห์นี้ผมมานอนบ้านคุณป้ากับพี่กิจครับ  เพราะพี่เขาจะสอนผมขับรถด้วย  ครั้นจะเอา BMW ลูกรักพี่เขามาหัดขับก็ใช่ที่

“ โอเค  ก่อนอื่นเลยมาดูที่เกียร์  แล้วก็จำไว้ดีๆ นะ  D คือเดินหน้า R ถอยหลัง N กับ P คือว่าง  แต่จะต่างกันตรงที่ P รถจะขยับไม่ได้  ส่วน N รถจะสามารถขยับได้ “

พี่กิจเริ่มสอนผมโดยใช้รถคันเก่าของพี่เขาเมื่อตอนเรียนมอปลาย  เราหัดขับกันในถนนแถวบ้านพี่กิจซึ่งไม่ค่อยมีรถพลุกพล่าน  ผมพยายามจำที่พี่เขาสอนแต่ก็ยังคงเกร็งๆ กับความใหญ่โตของยานพาหนะอยู่ไม่ได้เมื่อมานั่งอยู่หน้าพวงมาลัยแบบนี้

“ เริ่มเลยนะ  กันต์เลื่อนเกียร์มาที่ตัว D “

พี่กิจพูดจบผมก็ทำตามทันทีเลยครับ  และเมื่อรถเริ่มขยับผมก็เริ่มตื่นเต้น  แม้มันจะออกตัวไปอย่างช้าๆ ก็ตามที
 
“ ประคองไปก่อน  ยังไม่ต้องเหยียบคันเร่งมากนะ “

“ คะ..ครับ “

หูฟังไป  ตามองทาง  ตัวเกร็งแต่สติกลับอยู่ไหนก็ไม่รู้ครับ  ทั้งๆ ที่รถมันโครตจะช้าเลย  แต่พอมาหัดขับแบบนี้กลับรู้สึกว่ามันไปไวเกินไปแล้ว  จนใกล้จะถึงทางแยกข้างหน้าพี่กิจก็บอกให้ผมค่อยๆ แตะเบรกเพื่อเตรียมตัวเลี้ยว แต่ว่า..

เบรก.... เบรกมันอยู่ตรงไหนกันล่ะ 

อ่อทางซ้าย… 

เอี๊ยด!! 


ผมเหยียบทันทีจนเกือบมิดเลยครับ  ดีที่เราคาดเบลเอาไว้  ไม่เช่นนั้นคงพุ่งไปข้างหน้าได้รับบาดเจ็บกันแล้วแน่ๆ

“ ค่อยๆ เหยียบสิ “

พี่กิจดุครับ

“ เอาใหม่  ค่อยๆ ปล่อยเบรกและหมุนพวงมาลัยเลี้ยวช้าๆ กะระยะดีๆ “

ผมทำตามและผ่านโค้งแรกในชีวิตมาได้อย่างกล้าๆ กลัวๆ  รู้สึกว่ามันยากจริงๆ เลยครับไอ้การขับรถเนี่ย

“ ทางตรงตรงนี้ยาวหน่อยเหยียบคันเร่งได้  แต่ไม่ต้องไวมากนะ  รอให้ชินกับรถก่อน “

โอเค  สบายมาก

“ เอ้าเห้ย!  ช้าๆ ดิกันต์ “

พี่กิจดุอีกแล้วครับ...

จากนั้นเราก็ขับวนไปมาแถวนั้นอีกเป็นสิบรอบและผมก็ถูกพี่กิจดุมันซะทุกรอบเลย  จนตอนนี้ผมหน้าบูดเป็นตูดไปแล้ว

เบื่อแล้วครับ  ไม่สนุกเลย...  คนบ้าอะไรเวลาสอนผมชอบดุผมทุกที  ก็ใครมันจะไปเก่งเหมือนตัวเองกันล่ะที่หัดแค่วันเดียวแล้วขับออกถนนได้เลย  ผมนี่แค่รถมันขยับได้ผมก็ถือว่าวันนี้ประสบความสำเร็จแล้วล่ะครับ...

“ เป็นไรเนี่ย...  ไม่พูดไม่จา “

เมื่อขับรถเข้ามาจอดในบ้านเรียบร้อยแล้วพี่กิจก็ถามขึ้นครับ  พึ่งรู้สึกตัวรึไงพ่อคุณ!!!  ชิส์

“ กันต์...  เป็นไร “

เงียบครับ

“ โกรธพี่เหรอ “

“ ก็เออดิ  ถามจริงตกลงจะสอนหรือว่าจะดุผมเนี่ย  ไม่อยากหัดแล้ว “

ผมทำหน้าบูดพูดประชดไปครับ  พี่กิจเลยร่นคิวหนาเข้าหากันก่อนจะพูดขึ้นต่อ

“ ก็เราไม่ค่อยมีสตินี่  พี่ก็เลยต้องเสียงดัง “

“ ก็ผมไม่ชอบให้พี่ดุนี่ “

“ โอเคๆ  ไม่ดุก็ได้  นั้นวันนี้ก็พอแค่นี้ก่อนแล้วกัน  พรุ่งนี้ค่อยหัดใหม่เนาะ “

ผมพยักหน้าตอบไป  ก็ในเมื่อสำนึกผิดแล้วคนใจดีอย่างผมก็พร้อมจะให้อภัยเสมอครับ  อิอิ


มื้อค่ำวันเดียวกัน

“ แม่...ดูดิ  พี่กิจไม่เคยสอนกานต์ขับรถเลยนะ “  น้องกานต์งอแงขึ้นบนโต๊ะอาหารครับ  เมื่อรู้ว่าวันนี้พี่ชายตัวเองมาสอนผมหัดขับรถ

“ เราเองก็ไม่ได้อยากให้พี่เขาสอนอยู่แล้วนี่  ไม่งั้นเดี๋ยวก็กัดกันอีก “  ป้าอรว่ามาครับ  ซึ่งผมก็พอจะเดาได้ลางๆ เหมือนกันครับว่าคงไม่ทันจะได้หัดก็คงเถียงกันรถแทบแตกแน่ๆ เลยพี่น้องคู่นี้

“ แล้วเป็นไงกันต์  ขับได้รึยัง “  คุณลุงถามมาบ้างครับพลางตักกับข้าวใส่จานตัวเอง

“ ก็พอได้แล้วครับคุณลุง  แต่ยังไม่กล้าออกถนนใหญ่ “  ผมตอบไป

“ ดีแล้วลูก  เก่งๆ “

“ เก่งอะไรพ่อ  ขับตะกุกตะกักมาก  อีกนานอะกว่าจะได้ออกถนน “  พี่กิจว่ามาครับ  ผมเลยหันไปแยกเขี้ยวใส่

“ กิจก็ว่าน้อง  ขับรถมันก็ต้องค่อยๆ เป็นค่อยๆ ไปนะลูก  อย่ารีบร้อน “  ถูกของป้าอรครับ  มีแต่ตัวเองเท่านั้นแหละที่ใจร้อน  ขนาดผมเป็นคนหัดเองยังไม่รีบเลย


กว่า 4 ทุ่มแล้วที่ผมแต่งตัวเสร็จหลังจากไปอาบน้ำมา  ผมเดินขยี้ผมด้วยผ้าขนหนูผืนเล็กก่อนจะเดินไปหยิบโทรศัพท์ที่โต๊ะขึ้นมาดู 

5 miss called  จากพี่กิจครับ...  มีอะไรรึเปล่าเนี่ย ?  แต่ไม่ทันที่ผมจะได้กดโทรออก  เสียงเคาะประตูก็ดังขึ้น  ผมเดินไปเปิดก่อนจะพบพี่กิจในสภาพเสื้อยืดพอดีตัวสีขาวและบ็อกเซอร์ลายทางสีฟ้าขาวกำลังยิ้มกริ่ม  ก่อนจะแทรกตัวเบียดผมเข้ามาภายในห้อง

“ อะไรพี่กิจ “  ผมทักท้วงขึ้นเสียงเบา  ก่อนจะถูกปรามด้วยนิ้วชี้ที่มาจุ๊ไว้ที่ริมฝีปากผม  แล้วเสียงกลอนประตูห้องก็ดังขึ้นภายใต้หน้าตาไม่รู้ไม่ชี้ของคนตัวสูงตรงหน้า

“ อะไร...  ออกไป กันต์จะนอนแล้ว “

“ แต่พี่นอนไม่หลับนี่... “

ทีแบบนี้ละเสียงอ้อนเชียว  ทีเมื่อตอนเย็นนะดุเอาๆ  ฝันไปเถอะว่าคืนนี้ผมจะยอม

“ ก็เรื่องของพี่สิ “

“ เรื่องของพี่คนเดียวซะที่ไหน...  แต่เป็นเรื่องที่เราต้องทำกันสองคนมากกว่า “

อ้าปากก็เห็นลิ้นไก่แล้วครับ  บอกไปใครจะเชื่อว่าประธานเชียร์สุดหล่อมาดขรึม  แท้จริงแล้วจะเป็นคนหื่นกาม...

“ ม้าย...  วันนี้โดนดุมาทั้งวันไม่มีอารมณ์ “

“ เรื่องอารมณ์นั้นไม่ต้องห่วง  พี่ทำให้มีได้นะ... “

ไม่พูดเปล่าครับไล้มือจากแก้มผมไล่ลงต่ำไปเรื่อยๆ จนถึงหน้าท้อง  และก่อนที่ผมจะพ่ายแพ้ผมก็รีบกำมือนั้นเอาไว้พร้อมกับขยับตัวออกห่าง

“ กันต์จะนอนแล้ว...  วันนี้ไม่อนุญาต  แล้วถ้าดุอีกก็อดไปยาวๆ เลย “

ผมทำหน้าขึงขังพูดขึ้นพลางเลิกคิ้วท้าทายใส่  พี่กิจเลยทำหน้าลู่หูตก  ก่อนจะพูดเสียงอ้อนกลับมาว่า...

“ ได้ไงล่ะ  นี่พี่อุตส่าห์สอนเราขับรถนะ  ปกติไม่เคยสอนใครเลยนะเนี่ย  ขนาดไอ้กานต์พี่ยังไม่ยอมสอนมันเลย “

“ มอสระไอไม้เอก...  ไม่!! “

ผมย้ำด้วยสีหน้าท้าทายครับ  แต่แล้วถึงได้รู้ว่าผมคิดผิด  เพราะแววตาละห้อยของพี่กิจนั้นเปลี่ยนมาฉายแววนักล่าอย่างน่าหวาดหวั่น  ก่อนที่มือทั้งสองข้างของพี่เขาจะดันผมลงไปบนเตียงนุ่ม  และแม้ว่าผมจะพยายามขัดขืนแต่สุดท้ายผมก็แพ้พี่เขาอีกตามเคย

เห้อ......



ภาคเรียนที่สองนี้เนื้อหาแต่ละรายวิชาเริ่มเป็นอะไรที่ต่างจากมอปลายมากขึ้นเยอะเลยครับ  วิชาเฉพาะทางก็เพิ่มขึ้นแถมดูท่าว่าจะยากอีกต่างหาก  ที่สำคัญกิจกรรมช่วงปลายปีนี้ก็เยอะไม่แพ้กันด้วย  ทั้งสปอร์ตเดย์  งานชมรมและไหนจะเรื่องเกียร์ที่เรายังไม่ได้กันอีก  คิดแล้วก็เหนื่อยเลยครับ

“ นี่นักศึกษา !! “

“ คะครับ... “

ผมที่กำลังนั่งเท้าคางอยู่หน้าจอคอมพิวเตอร์ในวิชา Drawing ต้องผงะตัวสะดุ้งจากภวังค์ทันทีที่อาจารย์เดินเข้ามาทักที่โต๊ะ  จนไอ้เรย์ที่นั่งข้างๆ  กระซิบกระซาบกับไอ้เจมส์ว่า  เอาแล้วไง...

อาจารย์ออฟครับ  แกเป็นอาจารย์ใหม่วัยยี่สิบกลางๆ  ที่มาสอน Auto Cad ซึ่งเป็นการเขียนแบบด้วยโปรแกรมคอมพิวเตอร์  อาจารย์ออฟแกดูใจดีพอๆ กับหน้าตาของแกเลยครับ  ขนาดคาบแรกแก๊งพวกผมเข้าสายกัน  แกยังไม่ว่าอะไรเลย  ยิ้มให้และบอกให้พวกเราไปหาที่นั่งกันได้ตามสบาย  แบบนี้ไงสาวๆ Sec ผมถึงคลั่งไคล้แกสุดๆ  ชนิดที่ว่าเป็นตายร้ายดียังไงก็จะไม่ยอมขาดเรียนวิชานี้แน่ๆ

“ นักศึกษาอย่าเอาแต่เหม่อสิครับ  เดี๋ยวเรียนตามเพื่อนไม่ทันนะ “  แกยิ้มให้พลางบีบไหล่ผมเบาๆ  ก่อนจะเดินกลับไปยังหน้าชั้นเรียนอีกครั้ง

“ เกือบไปแล้วนะมึง  ดีนะเป็นจารย์ออฟ “  ไอ้เรย์กระซิบบอกมา

“ เออ...กูเหม่อไปหน่อย  มึงทำถึงไหนละ “  ผมเอี้ยวตัวไปมองจอคอมมันครับ  เชี่ย!  ใกล้เสร็จแล้วด้วย  และไม่ใช่แค่ไอ้เรย์นะครับ  ไอ้เจมส์กับไอ้แน๊คก็ด้วย  ซวยละผม.... ต้องรีบปั่นแล้วล่ะครับ

สุดท้ายทั้งห้องก็เหลือแค่ผมคนเดียวที่ยังไม่ได้ส่งงาน

“ ไม่เป็นไรมึง...  ใกล้เสร็จละ  ไม่ต้องรอ  ไปกันก่อนเลยเดี๋ยวแม่งไม่มีนั่งกันอีก  ฝากสั่งข้าวให้กูด้วยนะไอ้เรย์  เอา...  กระเพราหมูกรอบละกัน “

เมื่อไม่อยากกลับมาส่งงานอีกรอบ  ผมเลยเร่งปั่นงานให้เสร็จจะได้จบๆไป  เลยบอกให้พวกนั้นไปจองโต๊ะที่โรงอาหารกันก่อนได้เลย

ผมนั่งปั่นงานต่อคนเดียวในห้องหลังจากที่ไอ้พวกนั้นมันไปกันแล้ว  สักพักอาจารย์ออฟที่ผมคิดว่าแกกลับไปแล้วก็เดินมายืนมองผมทำงานจากทางด้านหลังครับ

“ ผิดแล้ว  นักศึกษาต้องใช้คำสั่งนี้นะ “  แล้วอาจารย์ออฟก็เอี้ยวตัวลงมาจับเม้าท์ทับมือผม  พลางมองไปยังจอตรงหน้า   ผมได้กลิ่นน้ำหอมบางๆ ออกมาจากภายใต้เสื้อเชิร์ตสีขาว

โครตเกร็งเลยครับเวลามีคนเข้ามาใกล้ในระยะประชิดแบบนี้นอกจากพี่กิจ  แถมยังเป็นอาจารย์อีกต่างหาก  แต่อย่าพึ่งเข้าใจผิดนะครับ  ผมไม่ได้หมายถึงเรื่องแบบนั้น  แค่รู้สึกแปลกๆ แบบอึดอัดก็เท่านั้นเอง

“ แค่นี้ก็เสร็จแล้ว “

อาจารย์ออฟละมือออกก่อนจะตบไหล่ผมเบาๆ แล้วเดินกลับไปยังโต๊ะอาจารย์หน้าชั้นเรียน  ผมรีบเซฟงานใส่แฟรชไดฟ์ก่อนจะเอาไปใส่รวมกับไฟล์งานคนอื่นใน Sec ที่โน๊ตบุ๊คของอาจารย์ออฟครับ

เมื่อทุกอย่างเรียบร้อยแล้วผมยกมือไหว้อาจารย์ก่อนจะหันหลังเตรียมตัวไปหยิบกระเป๋าที่โต๊ะเพื่อรีบไปยังโรงอาหาร

“ เดี๋ยวนักศึกษา...  ว่าแต่เราชื่ออะไรนะ “

ผมหันหลังกลับมามองยังอาจารย์ออฟอย่างงงๆ  ไม่คิดว่าแกจะสนใจอยากรู้ชื่อผม  สงสัยเห็นผมไม่ค่อยตั้งใจเรียนล่ะมั้งครับ  เวลาดุจะได้เรียกชื่อได้ง่ายๆ

“ กันต์ครับ “

ผมอ้อมแอ้มตอบไปก่อนจะยกมือไหว้แกอีกทีแล้วรีบไปโรงอาหารครับ  หิวจะแย่แล้วครับวันนี้....




TBC.



...........................................................

แฮ่...มาแย้วงับ ^____________________________^

คุณ Areenart1984  ชะนีภาคนี้ไม่เท่าไหร่ครับ  ตัวหนักจะเป้นเก้งครับ  แต่ภาพรวมดราม่าภาคนี้สนุกไม่งี่เง่านะครับ  แฮ่ๆ  ออกไปแนวตื่นเต้นมากกว่า  แง่ม^ ^
คุณ Leenboy  ขอบคุงงับ  ภาคนี้จะชิลๆหน่อยนะครับ  ขยายความและเพิ่มมิติของคนรอบข้างคู่หลักอะครับ  แต่กิจกรรมในภาคนี้เยอะเลย
คุณ DrSlump  มาแย้วเย้!!!  หวัดดีครับ
คุณ O-RA DUNGPRANG  ขอบคุณนะครับ o13
คุณ  Billie  มาแย้วคร้าบ  ขอโทษที่หายไปนานครับ คุณ Billie ก็มาแล้วเย้ๆๆๆ

..............................
ตอนต่อไปลง วันจันทร์หน้า นะครับ
ลากคอคนเขียนได้ในทวิตเตอร์ @Phanusun_P นะครับ 
สักถาม  ติชม  พูดกันได้เสมอนะครับ
ขอบคุณทุกๆคนมากๆ นะครับผมที่ติดตาม
 :mew5: :mew5: :mew5: :mew5: :mew5:
^____________________________________________^
หัวข้อ: Re: My Gear รักร้ายๆ ของคุณชายเย็นชา 2 ( Chapter 2 - 5/9/62 )
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 05-09-2019 16:02:02
 :L2: :pig4:

น้อง กันต์ผู้มากับการเจ็บตัว
หัวข้อ: Re: My Gear รักร้ายๆ ของคุณชายเย็นชา 2 ( Chapter 2 - 5/9/62 )
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 05-09-2019 22:48:45
อาจารย์ออฟ บอกจริง ๆ เถอะ อาจารย์คือเก้งอ่ะป่ะ  :m26: :m17:
หัวข้อ: Re: My Gear รักร้ายๆ ของคุณชายเย็นชา 2 ( Chapter 2 - 5/9/62 )
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 05-09-2019 23:05:31
อาจารย์ออฟ  นี่คือ น้องนีภาคที่แล้วอวตารมาป่ะ555  จะได้เตรียมเปลือกทุเรียนใว้ :hao7:
หัวข้อ: Re: My Gear รักร้ายๆ ของคุณชายเย็นชา 2 ( Chapter 2 - 5/9/62 )
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 05-09-2019 23:12:15
 :pig4: :pig4: :pig4:

อ.ออฟ  หลงเสน่ห์นุ้งกันต์หรา?
หัวข้อ: Re: My Gear รักร้ายๆ ของคุณชายเย็นชา 2 ( Chapter 2 - 5/9/62 )
เริ่มหัวข้อโดย: AkuaPink ที่ 06-09-2019 21:52:54
 :pig4:
 :3123:
หัวข้อ: Re: My Gear รักร้ายๆ ของคุณชายเย็นชา 2 ( Chapter 2 - 5/9/62 )
เริ่มหัวข้อโดย: หมีขาว ที่ 09-09-2019 10:43:20
Chapter  3



กันต์ ‘s  Part



อย่างที่บอกไว้ครับว่ากิจกรรมเทอมนี้มีเยอะมาก  และสปอร์ตเดย์ก็เป็นอีกหนึ่งกิจกรรมที่สำคัญสำหรับคณะเรา  ซึ่งสำหรับปีหนึ่งแล้วหน้าที่หลักของงานนี้ก็คือสแตนด์ครับ  ผมหมายถึงทั้งการจัดสแตนด์  การแปรอักษรและร้องเพลงเชียร์  ซึ่งพวกเราต้องมาซ้อมกันทุกวัน  เพราะเหลือเวลาอีกแค่เดือนกว่าเท่านั้นก็จะถึงวันงานแล้ว  ในส่วนของกีฬาส่วนมากถ้าฝีมือไม่ดีจริงก็จะเป็นหน้าที่ของพวกพี่ปีสูงซะส่วนใหญ่

ผมกับพี่กิจเลยไม่ค่อยได้เจอกันช่วงซ้อมหรอกครับ  เพราะพี่เขาต้องไปคุมลีดที่สนามบาสของคณะ  แถมยังต้องแบ่งเวลาไปซ้อมบาสให้คณะอีกต่างหาก  ส่วนผมนี่ซ้อมอยู่ในหอประชุมคณะครับ  แต่ถึงกระนั้นพี่กิจก็มารอรับผมกลับห้องทุกวันนะครับ

สุดสัปดาห์นี้พี่กิจยังไม่ละความพยายามจะที่หัดผมขับรถให้ได้  เลยบอกให้คนเอารถคันที่ผมหัดขับเมื่ออาทิตย์ก่อนมาส่งให้ที่คอนโด  จึงเป็นสาเหตุว่าทำไมวันนี้ซึ่งเป็นวันหยุดแท้ๆ ผมถึงต้องมานั่งอยู่หน้าพวงมาลัยขับรถวนไปวนมารอบคณะอยู่แบบนี้ในช่วงเย็น

“ ช้าหน่อยๆ  ข้างหน้ามันเป็นลูกระนาดนะกันต์  เห้ย!!  อย่าเหยียบเบรกแบบนี้ “

ดูสิครับดุตลอด  ใครมันจะอยากมาเรียนด้วยล่ะ

“ ดุอีกไม่หัดแล้วนะ “

“ ดุที่ไหนพี่แค่เตือน  เพราะถ้าออกถนนจริงแล้วมันจะพลาดแบบนี้ไม่ได้นะ “

“ ก็พี่เสียงดังใส่อะ  ผมตกใจนี่..  ลองปล่อยผมขับเองแบบไม่ต้องบอกสิ...ไม่พลาดแน่ “

“ โอเคนั้นพี่จะลองให้ขับตามใจเราเลย  ถ้ารอบนี้เราขับได้พี่จะเลิกบ่นแต่ถ้าไม่ได้เราก็ต้องฟังพี่เข้าใจมั้ย “

ผมพยักหน้าพลางเลิกคิ้วท้าทายไปครับ  เดี๋ยวจะทำให้ดูเองว่าคนอย่างผมถ้าเอาจริงแล้วอะไรก็ทำได้ทั้งนั้นแหละ  ว่าแล้วผมก็เลื่อนเกียร์จาก N ไปที่ D พลางเหยียบเบาๆ ที่ 40 กิโลเมตรต่อชั่วโมง  พอผ่านโค้งแรกอย่างนุ่มนวลผมก็หันมาเลิกคิ้วหาคนข้างๆ  ยิ่งโค้งที่สองยิ่งเนียนโครตๆ  ผมก็ยิ่งได้ใจเหยียบทางตรงไปเป็น 60 กิโลเมตรต่อชั่วโมงทันที  คราวนี้แหละ.... พี่กิจจะได้เลิกบ่นและยอมรับฝีมือของผมสักที

แต่จะว่าไปนี่ผมก็เก่งเหมือนกันแฮะ...  อย่างนี้ออกถนนได้สบายเลย

“ เห้ย!! “

เอี๊ยด!!!!!!!!

ผมเหยียบเบรกกะทันหันเมื่อหลุดทางแยกตรงมุมตึกออกมาได้  ก่อนจะพบเข้ากับจักรยานคันหนึ่งตรงหน้าในระยะประชิด 
ใจผมมันหายไปราวกับว่าไม่ได้อยู่ในร่างกายนี้อีกต่อไปแล้ว  ผมว่าผมไม่ได้ชนนะ  แต่รถจักรยานนั้นล้มลงตรงหน้า  ผมมองไม่เห็นว่าเขาเป็นยังไงบ้าง  ยังคงช็อคและนั่งนิ่งอยู่หน้าพวงมาลัยพร้อมกับกำมันแน่นราวกับว่ามันเป็นเพียงสิ่งยึดเหนี่ยวสุดท้ายในชีวิต

พี่กิจรีบออกจากรถลงไปดูก่อนจะประคองร่างเจ้าของจักรยานนั้นขึ้นมาและพาเขาไปนั่งยังริมฟุตบาทข้างทาง  ผมรีบตั้งสติทันทีและรีบลงมาจากรถเพื่อไปดูอาการ

“ ขอโทษครับ!!  ผมไม่ได้ตั้งใจ  ผม...ผม.. “

ผมพูดอะไรไม่ออกเลย  โชคดีที่ไม่ได้ชน  แต่ที่ล้มคงเพราะตกใจและเสียหลัก  แต่ถึงกระนั้นเขาก็มีแผลถลอกที่แขนพร้อมกับรอยแดงและเลือดที่ซึมออกมาบางๆ  เขาเป็นผู้ชายหน้าตาน่ารักคนหนึ่งซึ่งผมพอจะจำได้ลางๆว่าเป็นหนึ่งในคนที่เข้าประกวดเดือนคณะรุ่นเดียวกันกับผม  แต่ว่าชื่อว่าอะไรนั้น... ผมเองก็จำไม่ได้

“ พี่บอกแล้วไงว่าอย่าประมาท  เกือบชนเขาแล้วเห็นมั้ย “

พี่กิจตวาดมาจนผมหน้าเสียเลยครับ  นานแล้วที่ผมไม่ได้ถูกพี่เขาใช้น้ำเสียงดุดันขนาดนี้...  แต่ถึงกระนั้นก็เป็นความผิดของผมเองทั้งหมดนั่นแหละ  สิ่งเดียวที่ผมพอจะทำได้ตอนนี้ก็เพียงแค่...  การขอโทษ...

“ ไม่เป็นไรกันต์..  เราไม่ได้เป็นอะไรมากหรอก “  เขาพูดขึ้นมาในที่สุดและดูเหมือนว่าเขาจะรู้จักผมด้วย  ทั้งๆ ที่ผมเองไม่รู้แม้กระทั่งชื่อของเขาเลยด้วยซ้ำ

“ ขอบคุณครับพี่กิจ  ผมไม่ได้เป็นอะไรมาก “  แล้วชายคนนั้นก็หันไปมองยังพี่กิจซึ่งตอนนี้แขนทั้งสองข้างยังคงประคองร่างของเขาเอาไว้อยู่ไม่ปล่อย

ผมอาจจะคิดมากไปเองมั้งครับ  ที่รู้สึกว่าสายตาของเขาเวลามองพี่กิจมัน...  มีความรู้สึกที่พิเศษ...


เมื่อทุกอย่างจบลงด้วยดี  เราต่างก็แยกย้ายกันกลับ  พี่กิจขับรถและไม่พูดอะไรอีกจนกระทั่งถึงคอนโด  ผมแม่งโคตรรู้สึกผิดเลยครับ...  ไม่น่าได้ใจประมาทไปแบบนั้นเลย

“ โกรธผมเหรอพี่... “  ผมพูดขึ้นพลางเอามือไปจับชายเสื้อพี่เขาก่อนที่จะลงจากรถไป  พี่กิจไม่ได้ตอบอะไรผมจึงพูดขอโทษพี่เขาไปอีกครั้ง  จากนั้นพี่เขาก็หันหน้ามามองผมพลางถอนหายใจออกเล็กน้อยแล้วพูดขึ้น

“ รู้ใช่มั้ยว่าพี่โกรธเราเรื่องอะไร “  พี่กิจถามกลับมาเสียงเรียบ

“ เรื่องที่เกือบจะไปชนคน “  ผมตอบไปเสียงอ่อยพร้อมกับสีหน้ารู้สึกผิด

“ นั่นไม่เท่าไหร่  แต่พี่โกรธมากก็เพราะความดื้อของเราที่ไม่คิดจะฟังคำเตือนของใครเลย  แล้วเป็นไง..  เกือบจะเกิดเรื่องจนได้  แถมยังจะทำให้คนที่ไม่รู้อะไรด้วยเลยได้รับบาดเจ็บไปอีก... “

ทั้งๆ ที่น้ำเสียงไม่ได้ดุดันอะไรเลย  แต่น้ำตาผมกลับหยดแหมะลงมาเสียอย่างนั้น  สายตาแข็งกร้าวของพี่กิจดูจะอ่อนลงทันทีที่เห็นน้ำตาผมก่อนจะเอามือมาลูบหัวผมพร้อมกับปลอบว่า พี่เขาไม่ได้โกรธอะไรขนาดนั้น  แต่แค่อยากทำให้ผมเข้าใจว่าบางเรื่องถ้ามันพลาดไปแล้วมันอาจจะกลับมาแก้ไขอะไรอีกไม่ได้  ดังนั้นพี่เขาเลยอยากให้ผมมีสติในการใช้ชีวิตให้มากกว่านี้  แต่ยิ่งพี่กิจสอนผมเท่าไหร่  ผมกลับยิ่งร้องไห้ออกมามากขึ้นเท่านั้น  จนพี่เขาดึงผมเข้าไปกอดไว้พร้อมกับลูบหลังให้นั่นแหละ  ผมถึงเริ่มสะอื้นและหยุดร้องในไม่ช้า....

แต่กลายเป็นว่าตอนนี้ผมกลัวการขับรถไปเสียแล้วล่ะครับ...

ช่วงค่ำผมยังคงหน้าเสียในขณะที่พี่กิจคงรู้สึกผิดเลยพยายามเอาใจผมมากกว่าปกติ  ผมนอนหนุนตักพี่กิจดูหนังที่โซฟาพลางกอดหมอนใบเล็กไว้ที่อก  แม้จะเป็นหนังใหม่ที่ผมยังไม่ได้ดูเลยทว่ามันกลับไม่เข้าหัวผมเลยสักนิด  ราวกลับว่าผมมองจอทีวีไปอย่างเลื่อนลอยเพราะในหัวมันสะบัดเรื่องอุบัติเหตุเมื่อตอนเย็นนั้นออกไปไม่ได้เสียที  จนกระทั้งผมเผลอหลับไปทั้งอย่างนั้น


วันถัดมาพี่กิจต้องเข้าไปเคลียร์งานที่โรงแรม  ผมเลยขอพี่เขาไปที่บ้านพวกไอ้เรย์มันครับ  อยากมีเพื่อนคุยและอยากระบายเรื่องพวกนี้ออกไปจากหัวบ้าง

“ โหมึง  แค่นี้ยังน้อยไป  ขับรถไม่เคยชนถือว่ายังไม่ได้เปิดซิงโว้ย “  ไอ้ย์ว่ามาครับ

“ มึงเคยชนคนด้วยเหรอวะ  ทำไมกูไม่เห็นรู้เรื่องเลย “  ผมถามไปอย่างอดที่จะแปลกใจไม่ได้ว่าทำไมเรื่องนี้ผมถึงไม่เคยรู้มาก่อน

“ คนอะไม่เคย  แต่กำแพงรั้วบ้านกูอะเรียบร้อยไปละ “

สัด!!  แล้วยังมีหน้ามาทำหน้าภูมิใจอวดผมอีกนะ

“ แต่มึงต้องกล้านะเว้ย  ไม่งั้นมึงจะขับไม่ได้ “  ไอ้เจมส์เสริมมาครับ

“ ใช่...  ถ้ามึงได้ลองออกถนนครั้งเดียวนะ  รับรองมึงเป็นทันทีแล้วจะไม่กลัวอีก “  ไอ้แน๊คว่ามาต่อครับ  แต่ใครจะกล้าล่ะ  นี่ขนาดที่ไม่มีคนไม่มีรถแบบนี้  ผมยังเกือบจะชนเข้าให้แล้วมั้ยล่ะ

“ แต่กูก็ยังขับไม่เป็นนะ  นี่ก็ว่าปิดเทอมนี้จะกลับบ้านไปหัดบ้างเหมือนกัน “  ไอ้เคว่ามาบ้างครับ  ในที่สุดผมก็มีเพื่อนร่วมชะตากรรมเดียวกันแล้วล่ะครับในตอนนี้

ผมนั่งเล่นอยู่ที่นี่จนถึงเย็นเลย  เล่นเกมบ้างเล่นกับไอ้ไทเกอร์บ้างก็เพลินดีนะครับ  รู้สึกสบายใจขึ้นเยอะเลย  แล้วพี่กิจก็ขี่บิ๊กไบต์คันโปรดมารับผมไปกินข้าวเย็น  ซึ่งพี่เขาคงจะกลับไปเปลี่ยนชุดที่ห้องมาก่อนแล้วค่อยขับมารับผมแน่ๆ  เพราะเมื่อเช้าตอนออกไปยังใส่เชิร์ตกับสแลคอยู่เลย  มาตอนนี้เปลี่ยนเป็นเสื้อยืดพอดีตัวกับกางเกงยีนส์แล้วครับ

พี่กิจพาผมไปกินข้าวที่ห้างใกล้ๆ นี้  แถมยังเอาใจให้ผมเลือกร้านได้ตามใจชอบอีกด้วย  ซึ่งก็ไม่พ้นอาหารญี่ปุ่นของโปรดผมอีกตามเคย

“ อ้าวพี่กิจ  สวัสดีครับ “

เสียงหนึ่งดังขึ้นให้พวกเราหันไปมองตามเสียง  ก่อนจะพบกับชายผิวขาวตัวเล็กกว่าผมเล็กน้อย  ตาโตๆ ออกจะแบ๊วเสียด้วยซ้ำ  กำลังส่งยิ้มตาเป็นประกายมองมาทางพี่กิจ  ซึ่งแน่นอนว่าผมจำได้ดีครับ  เพราะเขาคือคนที่ผมเกือบจะขับรถชนไปเมื่อวานนี้

“ อ้าวน้องอาม... “

พี่กิจยิ้มทักขึ้น  ซึ่งจากที่พูดคุยเมื่อวานผมถึงได้รู้ว่าเขาคนนี้ชื่ออามครับ  เป็นหนึ่งในคนที่เข้าประกวดเดือนคณะเหมือนกันกับผม  ที่สำคัญตอนนี้เขายังเป็นลีดของคณะด้วย  ดังนั้นพี่กิจก็เลยรู้จักเป็นอย่างดี

เพียงแต่...  อย่าหาว่าผมขี้หึงเลยนะครับ  ผมไม่ค่อยชอบสายตาที่เขามองพี่กิจแบบนี้เลยจริงๆ

“ เป็นไงบ้างแผลเมื่อวาน “  เมื่ออามเดินเข้ามาใกล้พี่กิจก็ถามขึ้นทันที

“ ก็มีรอยช้ำเพิ่มขึ้นมานิดหน่อย  แต่ก็ไม่เป็นอะไรมากครับ “  เขายังคงยิ้มตาเป็นประกายมองหน้าพี่กิจราวกับว่าผมไม่ได้ยืนอยู่ตรงนี้เลยด้วยซ้ำ

“ แล้วนี่มาเที่ยวเหรอ “  พี่กิจยิ้มถามต่อครับ  แล้วเขาก็ชูของในมือซึ่งส่วนมากจะเป็นเสื้อผ้าและของบำรุงผิวจนเต็มไม้เต็มมือไปหมด

“ ครับ  พึ่งแยกกันกับเพื่อนเมื่อกี้นี้เอง  นี่ก็กะว่าจะไปหาอะไรกินก่อนแล้วค่อยกลับห้องอะครับ “

“ อ้าวเหรอ...  พอดีเลยพี่ก็กำลังจะมาหาอะไรกินอยู่พอดี  มากินด้วยกันสิเดี๋ยวพี่เลี้ยงเอง  ถือว่าเป็นการชดเชยเรื่องเมื่อวานก็แล้วกัน “  พี่กิจพูดจบผมก็แอบหันไปมองหน้าพี่เขาอย่างไม่ค่อยเข้าใจครับ  คือถ้าเป็นคนอื่นผมก็ไม่ซีเรียสหรอกนะ  แต่กับคนนี้...  บอกตรงๆ  ผมหวงครับ

แต่ผมจะทำอะไรได้ล่ะ  แถมต้นเหตุนั้นก็มาจากผมด้วยแบบนี้

ที่ร้านอาหาร

“ เมื่อวานเห็นพี่กิจมากับกันต์ก็ไม่นึกว่าพี่กับกันต์จะเป็นรูมเมทกัน  ถึงว่าดูสนิทกันจัง “

อามที่นั่งฝั่งตรงข้ามผมกับพี่กิจพูดขึ้นหลังจากที่ได้รู้ว่าผมพักอยู่กับพี่กิจ

“ ว่าแต่อาทิตย์หน้าพี่กิจมาคุมพวกผมซ้อมลีดทุกวันเลยมั้ยครับ “

“ ก็ไม่นะ  เพราะพี่ต้องแบ่งเวลาไปซ้อมบาสด้วย  แต่ก็คงไปสักสองสามวันมั้ง  เพราะยังไงก็ต้องปล่อยให้ปีสองเป็นคนสอนอยู่แล้ว  พี่ไปก็ไม่ค่อยได้ทำไรหรอก  ว่าแต่ทำไมเหรอ  ไม่อยากให้พี่ไปรึไง... “

การสนทนาเริ่มดูออกรสชาติมากขึ้น  ในขณะที่ผมเริ่มรู้สึกราวกับว่าตัวเองเป็นส่วนเกินยังไงอย่างนั้น

“ เปล่าครับ...  จริงๆ ก็อยากให้พี่มามากกว่า “

ชัดเลยครับ  ไม่ใช่จากความหมายในประโยคนะครับ  แต่เพราะน้ำเสียงและแววตาเขินอายที่หลบสายตาพี่กิจนี้มากกว่า  ที่ทำให้ผมมั่นใจได้ว่าอามต้องชอบพี่กิจแน่ๆ

“ อ้าวทำไมล่ะ  นึกว่าจะกลัวประธานเชียร์ซะอีก “

“ ไม่กลัวหรอกครับ  จริงๆ พี่กิจใจดีจะตาย “

ตามสบายเลยละกันครับ  คิดซะว่าผมไม่มีตัวตนอยู่ตรงนี้ก็แล้วกัน  ชิส์

จบจากมื้อค่ำที่แสนจะน่าเบื่อหน่ายนี้  ผมกับพี่กิจก็กลับห้องกันโดยที่ผมไม่ได้ชวนพี่เขาคุยอะไรแม้แต่คำเดียว

พอเข้ามาถึงห้องผมก็เดินเลยเข้าไปจะอาบน้ำทันทีเลยครับ  แต่กลับถูกพี่กิจคว้ามือเอาไว้เสียก่อน

“ เดี๋ยว...  เป็นไร โกรธไรพี่รึเปล่า... “

ยังจะมีหน้ามาถามอีก  นี่ไม่รู้หรือว่าแกล้งไม่รู้กันแน่ห๊ะ

“ เปล่า “

ปากแข็งไปงั้นแหละครับ  ทั้งที่ความจริงอยากจะถามไปตรงๆ เลยว่าคิดยังไงกับคนเมื่อกี้กันแน่  แต่เหมือนพี่กิจจะอ่านใจผมออกเสียอย่างนั้น  นอกจากจะยิ้มกริ่มแล้วยังขำเล็กๆ ขึ้นมาในลำคอเสียด้วย

ไม่ตลกนะโว้ย!!!

“ รู้นะ..ว่าหึงพี่ใช่มั้ย  ฮึ... “

“ ไม่ใช่สักหน่อย “

“ เหรอ...  แล้วที่นั่งเงียบตลอดตอนกินข้าวนั่นอะไรล่ะ “

“ ก็คนมันไม่ได้สนิท  จะให้พูดอะไรล่ะ  อีกอย่าง....  เห็นคุยกันถูกคอซะขนาดนั้น  ใครจะไปกล้าขัด “

ผมพูดด้วยน้ำเสียงประชดหน่อยๆ ครับ  แต่นั่นกลับยิ่งทำให้พี่กิจชอบใจมากขึ้นไปกว่าเดิมอีก

“ แบบนี้แหละเขาเรียกว่าหึง...  แถมหึงแรงด้วย “  พี่กิจไม่พูดเปล่าครับเอามือมาหยิกแก้มผมเบาๆ  จนผมต้องปัดมือออกพร้อมกับมองตาเขียวใส่ทันที

“ ใช่ที่ไหนล่ะ.. “

“ น่ารักนะเนี่ย... เวลาได้เห็นกันต์หึงพี่บ้างอะ...  แต่ฟังให้ดีๆ นะ  พี่อะไม่ได้คิดอะไรกับเขาแน่นอน  และต่อให้เจอใครที่น่ารักกว่าเราก็เถอะ  พี่ก็ไม่มีวันสนใจอย่างแน่นอน “

พี่กิจเอามือสองข้างมากุมแก้มผมไว้บางๆ  พร้อมกับมองมาตาหวาน  และผมก็แพ้ให้กับสายตาแบบนี้ของพี่เขาเสมอ  จนตอนนี้จากหน้าบูดๆ ผมต้องผลุบตาต่ำลงด้วยกลัวว่าจะแสดงความเขินอายออกมาให้คนตรงหน้าได้รู้  จากนั้นผมก็รีบผละตัวออกไปเพื่อเตรียมตัวอาบน้ำทันที 

คือผมยังคงทำตัวไม่ค่อยถูกเหมือนเดิม  เวลาที่โดนพี่กิจหวานใส่...

“ เห้ยพี่กิจเข้ามาทำไม  กันต์จะอาบน้ำ “

“ พี่อาบด้วย...  ไม่ได้แช่น้ำด้วยกันตั้งนานแล้วนี่  เดี๋ยวพี่ถูหลังให้ “

พี่กิจพูดจบก็ดันตัวผมที่พยายามจะแข็งขืนเข้าไปในห้องน้ำทันที  และสุดท้ายเราก็แช่น้ำกันตัวแทบเปื่อยครับ

แต่ที่อยู่ในห้องน้ำนานไม่ใช่อะไรหรอกนะครับ

บางคนมันหมกมุ่น.....




...........................
หัวข้อ: Re: My Gear รักร้ายๆ ของคุณชายเย็นชา 2 ( Chapter 2 - 5/9/62 )
เริ่มหัวข้อโดย: หมีขาว ที่ 09-09-2019 11:03:26
ต้นสัปดาห์นี้กีฬาบางประเภทเริ่มแข่งกันบ้างแล้วครับ  ซึ่งเที่ยงนี้ทีมบาสคณะเราก็มีแข่งกับคณะวิทยาศาสตร์  และแน่นอนว่าพวกพี่กิจก็ต้องลงแข่งด้วย  รวมถึงพี่คิมและก็ปีหนึ่งคนเดียวอย่างไอ้เรย์  ดังนั้นเที่ยงนี้พวกเราเลยรีบกินข้าวเพื่อไปให้ทันเชียร์ที่สนามบาสทันที

เรามากันสายไปหน่อยครับ  คนแน่นสนามไปหมดแล้ว  อันที่จริงปกติมันจะไม่แน่นขนาดนี้หรอกครับ  แต่เห็นไอ้แน๊คมันบอกว่า  แมชไหนถ้ามีพี่กิจลงแข่งด้วย  คนจะเต็มสนามทุกแมชเลย  แถมในเพจคิ้วบอยแอนเกิร์ลของมหาลัยฯ เราวันนั้นก็จะเต็มไปด้วยรูปเซ็กซี่ของพี่กิจเลยทีเดียว

พวกเรา 5 คนซึ่งมีผม ไอ้แน๊ก ไอ้เจมส์ ไอ้ธันและก็แพร  มองซ้ายแลขวาหาที่นั่งแต่ก็ไม่มีเลย  สุดท้ายเลยได้แต่ยืนออกันอยู่ที่ใกล้ๆ กับประตูทางเข้า  ตอนนี้เกมดำเนินไปได้สักพักแล้วครับ  และก็เป็นทีมของฝั่งวิศวะเราที่ทิ้งห่างไปกว่า 30 แต้ม  ชนิดที่เรียกว่าไม่ต้องลุ้นให้เสียเวลาเลยก็ว่าได้  ถึงกระนั้นเสียงกรี๊ดกร๊าดก็ยังคงดังกึกก้องสนามทุกทีที่พี่กิจได้ลูก  และแทบจะหูหนวกกันเลยทีเดียวเวลาที่พี่เขายิง 3 แต้มได้  แต่หนักสุดก็ตอนที่พี่กิจหันมาทางพวกเราก่อนจะยิ้มหวานส่งมาให้  ทำเอาคนที่ไม่รู้อะไรพากันกรี๊ดจนแทบสลบ

เกมจบลงด้วยผลแพ้ชนะตามคาด  ผู้คนส่วนมากเริ่มทยอยออกจากสนามกันแล้ว  แต่ยังเหลืออยู่บ้างประปราย   เพราะส่วนหนึ่งจะรอเพื่อเข้าไปขอถ่ายรูปกับนักกีฬาด้วย

“ มัวรออะไรวะแก  รีบเอาไปให้พี่เขาสิ “ 

เสียงผู้หญิงคนหนึ่งดังขึ้นด้านบนสแตนด์เหนือหัวพวกผมครับ  ก่อนจะตามมาด้วยเสียงสนับสนุนของหญิงสาวในกลุ่มอีก 2 - 3 คน  และเมื่อผมแหงนหน้าขึ้นไปมองก็พบกับอามที่ถือขวดน้ำอยู่ในมือกำลังโดนเพื่อนสาวดันหลังให้ลงมาจากสแตนด์ครับ  ผมมองตามเขาไปติดๆ  พร้อมกับแอบหวังในใจว่าสิ่งที่คิดมันคงจะไม่เป็นจริง 

แต่บอกแล้วไงครับว่าเซนต์ผมมันแรง....

อามเดินกล้าๆ กลัวๆ เข้าไปหาพี่กิจโดยมีเพื่อนสาวอีกสามคนยืนเชียร์อยู่ห่างๆ  ผมไม่ได้ยินสิ่งที่เขาพูดกับพี่กิจจากระยะที่ผมอยู่  แต่ภาพที่ปรากฏก็คืออามยื่นน้ำส่งให้กับพี่กิจ  ก่อนจะเรียกเพื่อนให้มาช่วยถ่ายรูปคู่กับพี่เขาให้ต่อจากนั้น

“ กันต์กูว่าพี่กิจของมึงกำลังจะโดนไอ้หน้าหวานนั่นจีบอยู่นะ “  ไอ้แน๊คพูดสิ่งที่ผมเองก็รู้อยู่แก่ใจครับ  และไม่ใช่แค่ไอ้แน๊คนะครับ  แพรเองก็เห็นด้วย  ก่อนจะคะยั้นคะยอให้ผมเดินไปหาพี่กิจเพื่อแสดงความเป็นเจ้าของทันที

ทันทีที่พี่กิจเห็นผมและเพื่อนๆ เดินเข้ามา  เขาก็ขอตัวแยกออกจากกลุ่มของอามแล้วตรงมาทางกลุ่มของพวกผมทันที  พร้อมกับไอ้เรย์ที่ตอนนี้เหงื่อท่วมตัวพลางเดินตามหลังพี่เขามาติดๆ

“ เป็นไงตัวเอง....เค้าเก่งมั้ย “  ไอ้เรย์ที่เดินแซงพี่กิจมาหาแพรพูดขึ้นหน้าบานทันทีที่มาถึง

“ ทำคุยนะเรย์  เค้าเห็นแต่พวกพี่กิจพี่คิมทำแต้มซะมากกว่า “  แพรว่าไป  ไอ้เรย์เลยแก้ตัวว่าตำแหน่งของมันไม่ได้เน้นทำแต้มแต่เป็นการช่วยซับพอร์ต

“ พี่ก็มองหาตั้งนาน  นึกว่าจะไม่มาเชียร์พี่ซะอีก “  คราวนี้พี่กิจที่เดินตามมาถึงก็พูดขึ้นกับผมบ้าง

ถึงผมไม่มา... ก็มีคนมาเชียร์พี่ตั้งเยอะ “  ผมแขวะไปครับ  ทำเอาพี่กิจทำหน้างงมองมาตาปริบๆ เลยทีเดียว

“ เอ่อ.. น้ำนั่นเอามาให้พี่ใช่มั้ย... “  พี่กิจเปลี่ยนเรื่องพลางมองไปยังน้ำเปล่าที่ยังไม่ได้เปิดฝาในมือผมครับ  ซึ่งก็เป็นไปอย่างที่พี่เขาคิดนั่นแหละ  ว่าผมตั้งใจซื้อมาให้พี่เขา  แต่ตอนนี้ผมไม่อยากให้ละ...

“ ยังจะเอาอีกเหรอ  ของตัวเองก็มีแล้วนี่ “  ผมบอกไปพลางลิ่วตาไปยังขวดน้ำที่อามให้พี่เขาในมือ  จากนั้นพี่กิจก็ร้องอ๋อขึ้นมาเบาๆ พลางยิ้มกริ่มมองหน้าผมครับ

“ ขี้หึงนะเราอะ...  น้องเขาเอามาให้พี่เฉยๆ  จะไม่รับก็เสียน้ำใจ “

พี่กิจว่ามาก่อนจะสะกิดไอ้เรย์ที่กำลังกระดกน้ำจากแพรลงคออยู่เนืองๆ

“ อะกูให้ “  พี่กิจว่ามา  ในขณะที่ไอ้เรย์ทำหน้างงแล้วตอบกลับไปว่า  ผมมีแล้วเฮีย...

“ จะเอาไม่เอา... ถ้ากูงานเข้ามึงก็งานเข้าด้วยนะ “  สุดท้ายไอ้เรย์ก็ได้แต่ทำหน้าแหยๆ พร้อมกับรับน้ำขวดนั้นไป  แม่งบ้าอำนาจไม่เปลี่ยนเลย....

“ เห็นมั้ยไม่มีแล้ว...  มาพี่ขอน้ำเราหน่อย “  พี่กิจยิ้มว่ามา  พลางแบมือขอตรงหน้าผม  ถึงจะไม่ค่อยชอบใจแต่ผมก็ไม่ควรทำเรื่องไม่เป็นเรื่องให้เป็นเรื่องขึ้นมา  ก็เลยส่งน้ำนั้นให้พี่เขาไป

“ น่ารักจังเลยแฟนใครเนี่ย “  พี่กิจว่ามาก่อนจะยกน้ำดื่มจากขวดของผมครับ  พร้อมกับเสียงโห่เชียร์อย่างหมันไส้จากเพื่อนๆ ผม 
ความโกรธไม่เหลือแล้วล่ะครับตอนนี้  อายมากกว่า....


เย็นนี้พวกเรามีเวรไปขอรับบริจาคเงินและสิ่งของสำหรับนำไปบริจาคให้เด็กชาวเขาในช่วงต้นปีหน้าที่ตลาดนัดใกล้ๆ มหาลัยฯ ครับ  ซึ่งทางพวกพี่ปี 4 หัวหน้าชมรมนั้นได้เลือกคนให้ถือกล่องครับ  ซึ่งก็มี 4 คนคือพี่กิจ  พี่พี  พี่บิว  และก็ผม  ด้วยเหตุผลที่ว่าคนหน้าตาดีมาถือจะทำให้คนอยากมาบริจาคมากขึ้น  แม้ผมจะค้านในใจว่ามันไม่เกี่ยว  ไอ้ที่คนมาบริจาคส่วนมากนั้นก็มาจากจิตศรัทธาทั้งนั้น  แต่พอเอาเข้าจริงนะครับ  คนมารุมกันเพียบโดยเฉพาะทางพี่กิจครับ   บางคนถึงขนาดขอต่อรองด้วยนะครับว่าถ้าบริจาคแล้วจะขอถ่ายรูปด้วยได้มั้ย....

“ เชี่ย...  มึงว่ากล่องเฮียจะพอใส่เงินมั้ยวะนั่น “  ไอ้เรย์ที่กำลังถือป้ายโครงการซึ่งยืนอยู่ข้างๆ ผมพูดขึ้น 

“ ก็ดีไงมึง... จะได้มีเงินไปซื้อของบริจาคกันเยอะๆ “  ผมตอบไปตามที่คิดครับ  เพราะงานนี้ไม่มีการหวงอยู่แล้ว  ขอแค่ให้มีของไปบริจาคผู้ยากไร้เยอะๆ  ผมไม่ซีเรียสเรื่องพวกนี้หรอก

ว่าแต่อากาศวันนี้โครตจะร้อนเลยครับ  ไอ้แน๊คกับไอ้เจมส์ก็หายหัวไปเลย  น้ำมะพร้าวที่ผมฝากซื้อก็คงอีกนานแน่กว่าจะได้  ดูท่าพวกมันคงมัวเถลไถลเดินดูของกันแน่เลยครับ  ส่วนไอ้เรย์นี่ก็สบายครับเพราะแพรที่ยืนด้วยข้างๆ คอยเอาพัดมาโบกให้มันอยู่บ่อยๆ  ส่วนไอ้ธันไม่ได้มาด้วยครับ  เพราะมันต้องไปเวิร์คช็อปหนังสั้นกับพวกพี่ๆ

“ กันต์ไหวมั้ย  ส่งมาเดี๋ยวพี่ถือให้ “ 

จู่ๆ พี่กิจก็เดินมาหยุดอยู่ข้างๆ ผมครับ  ในสภาพที่ไม่ได้ถือกล่องเมื่อเหมือนสักครู่  พอมองยังจุดเดิมที่พี่เขายืนอยู่ก็เห็นว่าเป็นพี่คิมมาช่วยถือแทนให้

“ ไม่เป็นไรพี่  แค่นี้สบายมาก “

“ เหรอ...  เหงื่อตกขนาดนี้เนี่ยนะสบาย “  พี่กิจพูดพลางควักผ้าเช็ดหน้ามาซับเหงื่อให้ผมก่อนจะแย่งกล่องของผมไปถือให้  จนผมเผลอยิ้มออกมาเล็กๆ 

“ หมันไส้โว้ย... “  ไอ้เรย์แอบเหน็บมาให้ผมได้ยินครับ

“ กล้าพูดนะมึงอะ...  แล้วทีมึง... แพรยังคอยพัดให้อยู่เลย  ตัวก็ควายยังทำเป็นอ่อนแออ้อนแฟนอีก “  ผมกัดตอบครับ  แล้วมันก็ทำเป็นไปฟ้องแพรว่าผมชอบด่ามันว่าควายครับ

“ กันต์ก็พูดถูกแล้วนะเรย์ “  พอแพรสวนกลับมาพร้อมกับยิ้มขำ  ไอ้เรย์มันก็ทำหน้าเหยเกทันทีเพราะไม่มีพวก

“ พี่กิจ... “  ผมสะกิดเรียกคนข้างๆ ครับ

“ หืม... “

“ หิวน้ำมั้ย  เดี๋ยวกันต์ไปซื้อให้ “  ถึงพี่กิจจะแข็งแรงและยังดูสบายๆ (เรียกว่าหล่อเหมือนเดิม)  แต่อากาศมันก็ร้อนจริงๆ นั่นแหละ  เผื่อว่าพี่เขาอาจจะรู้สึกกระหายน้ำบ้าง

“ อืม... อะไรก็ได้  เราซื้อมาพี่กินได้หมดแหละ “

ผมพยักหน้ารับเล็กๆ ก่อนจะชวนแพรเข้าไปในตลาดนัดเพื่อหาซื้อน้ำกันครับ  ขี้เกียจรอไอ้แน๊คกับไอ้เจมส์มันแล้ว
 
สำหรับผมนะ  ตลาดนัดมันเป็นอะไรที่มีมนต์สะกดมากจริงๆ  โดยเฉพาะโซนที่ขายอาหาร  เพราะทั้งๆ ที่เป็นของกินธรรมดาๆ แต่มันช่างน่ากินไปซะทุกอย่างเลย  ยิ่งมากับแพรด้วยแล้วไม่ต้องบอกเลยครับว่าขากลับนอกจากจะมีน้ำแล้วเรายังมีของกินใส่ถุงมาอีกเพียบ  ชนิดที่เรียกว่ากินหมดคงอิ่มแบบไม่ต้องกินข้าวเย็นกันเลยก็ว่าได้

ผมกับแพรเดินกลับมายังบริเวณหน้าตลาดนัด  ซึ่งเป็นที่ที่เราตั้งรับบริจาคกัน  แต่ก็ต้องชะงักเท้าลงก่อนจะถึง  เมื่อภาพไม่ไกลมากตรงหน้ากำลังเห็นอามกับแก๊งเพื่อนสาวกำลังยืนหัวล่อต่อกระซิกอยู่กับพี่กิจ 

“ กันต์  เราว่าระวังไว้บ้างก็ดีนะ  เราเห็นตั้งแต่ช่วงที่ซ้อมลีดแล้วอะ  แต่ตอนนั้นก็ไม่ค่อยแน่ใจเท่าไหร่  แต่พอเห็นหลายๆอย่างในวันนี้แล้ว...  เราว่ากันต์ระวังเอาไว้บ้างก็ดีนะ “

แพรเตือนมาครับ  ซึ่งผมว่าแพรก็คงเห็นอะไรมาบ้างแหละ  เพราะเธอเองก็เป็นลีดด้วยเหมือนกัน

“ ขอบใจนะแพร  แต่เราก็ยังไม่กล้าทำอะไรมากหรอก  เพราะพี่กิจเคยบอกแล้วว่าไม่ได้คิดอะไร “  ผมตอบไปทั้งๆ ที่ขัดแย้งกับความรู้สึกของตัวเองในตอนนี้เอาเสียมากๆ เลยล่ะครับ

“ ถ้าพี่กิจบอกแบบนั้นกันต์ก็สบายใจได้  เพราะคนอย่างพี่กิจไม่ใช่คนที่จะมาโกหกใครหรอก  เนอะ... “  แพรบอกมาพลางยิ้มให้กำลังใจผมครับ 

จากนั้นเราก็เดินกลับเข้ากลุ่มไป  พี่กิจที่หันมาเห็นผมก็ส่งยิ้มมาให้ทันที  ในขณะที่ผมกลับตีหน้าเฉยใส่  และเหมือนพี่เขาจะรู้ว่าผมคิดอะไรอยู่เลยพูดกับผมเสียงหวานเอาใจทันที

“ น้ำพี่ล่ะ  รอตั้งนานแล้วเนี่ยไม่มาสักที “

“ ยังอยากได้อยู่เหรอ  นึกว่าอิ่ม...  แล้ว “

ดูสิครับขนาดผมแขวะไปยังมายิ้มขำเล็กๆ ที่มุมปากอีก  ก่อนจะเอี้ยวตัวลงมากระซิบที่ข้างหูผมว่า...

“ ของกันต์น่ะ  พี่กินเท่าไหร่ก็ไม่เคยอิ่ม... “

“ พอเลยจะกินมั้ยน้ำอะ “

“ มือไม่ว่างอะ...  ถือกล่องอยู่  ป้อนทีดิ “  พี่กิจทำหน้าเจ้าเล่ห์ว่ามาครับ

“ เรย์... เฮียมึงให้มาช่วยถือกล่องให้หน่อยน่ะ “  ผมหันไปหาไอ้เรย์ซึ่งตอนนี้กำลังกินลูกชิ้นปิ้งที่แพรซื้อมาอยู่ครับ  ส่วนป้ายมันโยนให้ไอ้เจมส์ที่มากันแล้วถือแทน

“ โหยเฮีย  ขอเวลาผมสวีทกับแฟนบ้างเห๊อะ “  มันที่ไม่รู้เรื่องอะไรทำหน้าอิดออดว่ามาครับ  และพอผมหันกลับมามองที่พี่เขา  ก็เห็นคิ้วคมๆ เลิกคิ้วส่งมาให้พร้อมรอยยิ้มเยี่ยงผู้ชนะ

“ พี่กิจนั้นผมขอตัวก่อนนะครับ  แล้วไว้ค่ำนี้เจอกันนะ “  อามพูดสวนขึ้นมาในขณะที่ผมกับพี่กิจกำลังทำสงครามจิตกันอยู่   ก่อนที่พี่กิจจะหันไปพยักหน้ารับรู้เล็กน้อย 

ว่าแต่...  ไอ้ที่ว่าค่ำนี้เจอกัน... คงไม่ใช่ว่า...

ผมกำลังใช้ความคิดพลางมองกลุ่มของอามที่เดินหายเข้าไปในตลาด  ก่อนจะถูกพี่กิจเอากล่องรับบริจาคมาทุบหัวไปทีนึงจนผมต้องลูบหัวตัวเองป้อยๆ พร้อมทั้งหันไปมองยังคนตีอย่างเอาเรื่อง

“ รู้นะว่าคิดอะไรอยู่..  เขาหมายถึงซ้อมลีดค่ำนี้  เพราะพี่ต้องไปคุมน้อง “

“ ก็ไม่ได้ว่าอะไร  แต่อย่าให้รู้นะว่าคิดเถลไถล  ไม่อย่างนั้นล่ะน่าดู “  ผมทำหน้าดุบอกไปครับ

“ คร้าบ  ใครจะกล้าล่ะ...  แต่ว่า...  คืนนี้พี่ขอกลับดึกหน่อยน้า “

นั่นไง...  ผมร่นคิ้วมองกลับไปทันทีเลยครับ

“ ไม่ใช่ๆ  เชื่อใจพี่หน่อยดิ  คือทีมบาสเขามีเลี้ยงกันที่เข้ารอบน่ะ  ไม่เชื่อถามไอ้คิมกับไอ้เรย์มันได้ “  พี่กิจอ้อมแอ้มขอมาครับ

“ ไอ้เรย์... “  ผมหันไปเรียกมันที่กำลังสวาปามขนมโตเกียวหลังจากฟาดลูกชิ้นปิ้งหมดไปทั้งถุง  ไม่รู้ไปตายอดตายอยากที่ไหนมา  สงสัยว่าต่อไปคงต้องให้แพรเพิ่มอาหารเม็ดให้มันอีกสักหน่อยแล้วล่ะครับ  ดูท่าจะกินข้าวไม่ค่อยอิ่ม

“ ไรมึง “

“ คืนนี้ทีมบาสมีเลี้ยงกันเหรอวะ “

“ อืม...  เฮียยังไม่ได้บอกมึงเหรอ “

ผมพยักหน้ารับรู้เล็กๆ ก่อนจะหันกลับมาหาคนตรงหน้าที่กำลังยิ้มแป้นรอการอนุมัติจากผมอยู่

“ อย่ากลับดึกนะ “

“ ไม่ดึกคร้าบ...  จะรีบกลับมาทำการบ้าน “  ประโยคหลังนี่พี่กิจก้มลงมากระซิบบอกให้ได้ยินกันแค่สองคนครับ  ทำเอาผมจากที่ไม่พอใจอยู่เปลี่ยนมาเป็นเขินอายแทนเสียอย่างนั้น  ก่อนจะเดินเลี่ยงไปนั่งกินของที่ซื้อมากับพวกเพื่อนๆ แทนในทันที


ไม่บ่อยหรอกครับที่ตอนเย็นผมจะต้องมานั่งกินข้าวคนเดียวแบบนี้  เพราะหลังจากที่คบกับพี่กิจแล้ว  เราก็แทบจะไม่ห่างกันเลยก็ว่าได้  มีบ้างนานๆ ครั้งที่พี่เขาจะขอไปกินเหล้ากับเพื่อนบ้าง  ซึ่งก็มักจะชวนผมไปด้วย  แต่ผมไม่ค่อยไปด้วยหรอกครับ  ส่วนหนึ่งเพราะไม่ค่อยชอบเสียงดังๆ  กับอยากให้พี่เขาได้มีอิสระกับเพื่อนเหมือนเมื่อก่อนมากกว่า  แต่ขอบอกเลยนะครับว่าพี่กิจอะติดผมมากกว่าผมติดพี่เขาเสียอีก....(เรื่องจริงนะ)


เช้าวันต่อมา

ผมไม่รู้หรอกครับว่าเมื่อคืนพี่กิจกลับมาถึงตอนกี่โมง  เพราะผมหลับไปก่อนแล้ว  มารู้ตัวอีกทีพี่เขาก็มานอนอยู่ข้างๆ ผมแล้วแบบหมดสภาพ ( ซึ่งไม่ค่อยเป็นบ่อยนัก)  ผมลุกจากเตียงในตอนเช้าเพื่อเตรียมตัวสำหรับการไปเรียนในเช้านี้  ซึ่งพี่กิจยังคงไม่ตื่นครับ  ท่าทางเมื่อคืนคงจะหนักจริง  เพราะไม่อย่างนั้นพี่เขาต้องตื่นมาออกกำลังกายตอนเช้าอันเป็นกิจวัตรประจำวันไปแล้วในตอนนี้

ผมลุกออกจากเตียงก่อนจะพบว่าที่พื้นห้องเกลื่อนไปด้วยกางเกงยีนส์  เสื้อยืดสีขาวและช๊อป  ดูท่าพี่เขาคงจะถอดออกอย่างส่งๆ ก่อนจะกระโดดขึ้นเตียงมากอดผมหลับไปแน่ๆ

ผมก้มลงเก็บเศษซากแต่ละชิ้นเพื่อนำไปใส่ตะกร้าผ้าสำหรับซักครับ  ทว่าเสื้อช็อปเหมือนจะมีสิ่งของอยู่ภายในกระเป๋า  ผมจึงล้วงเอามันออกมาก่อนจะได้ไม่ลงไปในถังด้วย  ก่อนจะพบว่ามันคือซองถุงยาง 1 ชิ้นที่ยังไม่ได้ถูกแกะใช้  หัวใจผมหายวาบไปในทันที

เมื่อคืนพี่กิจไปทำอะไรมา....  ผมหันไปมองยังร่างสูงที่กำลังนอนหลับสบายอยู่บนเตียงช้าๆ  ยอมรับครับว่ากลัวกับความจริงที่จะต้องรับรู้  เพราะผมเองพอเอาเข้าจริงก็ยังไม่มั่นใจสักเท่าไหร่ว่าพี่เขาจะถอดเขี้ยวเล็บออกไปได้แล้วจริงๆ

เพียงแต่...  ผมอยากได้ยินจากปากพี่เขามากกว่า  ผมไม่อยากให้ประวัติศาสตร์มันซ้ำรอยเดิมเหมือนก่อนหน้านี้ที่เราเลือกจะเชื่อความรู้สึกโดยไม่ฟังเหตุผลของอีกฝ่าย...

ดังนั้นเช้านี้หลังจากทำธุระส่วนตัวเสร็จ  ผมเลยได้แต่รอให้พี่กิจตื่นด้วยหัวใจระส่ำระส่ายพลางคิดไปต่างๆ นานา  แต่สุดท้ายแล้ว  ทุกความคิดผมก็เลือกที่จะไม่เชื่อ  และรอฟังเหตุผลจากปากของคนบนเตียงนี้เสียมากกว่า.... 

เพราะความเชื่อใจ...  มันเป็นเรื่องสำคัญที่ต้องมีสำหรับการใช้ชีวิตคู่ของเรา....




TBC.


-------------------------------------------------------

 :a5: เดี๊ยว!!!!!!!  ชิลครับ  เชื่อหัวหมีขาว  ภาค 2 ค่อนข้างชิลกว่าภาค 1 และChapterหน้าบอกเลย  พี่กิจน่ารักมาก ^ ^ :hao3:

คุณ Billie   ถูก!!  กันต์เหมือนโคนัน ต่างกันตรงโคนันเจอคดี  ส่วนกันต์เจ็บตัว :heaven
คุณ areenart1984  เรด้า  สแกน 3 ผ่านครับ  อิอิ :hao6:
ุคุณ Leenboy  จารย์เค้าอาจจะเป็นคนดีก็ได้น้า o22  ต้องติดตามต่อนะครับ  แต่บอกเลยไม่ธรรมดา o22
คุณ DrSlump  เป็นไปได้นะครับมีโอกาส :hao3: :a5:
คุณ AkuaPink  ขอบคุณนะครับสำหรับกำลังใจ :pig4:

ตอนหน้าลงวัน พฤหัสฯ นะครับโผม
สามารถลากคอคนเขียนได้ที่ทวิตเตอร์ @phanusun_p  นะครับ  ไว้มาพูดคุยกันน้าาาา^ ^ :pig2: :mew1:
สุดท้ายขอบคุณสำหรับทุกการติดตามนะครับผม  คอมเม้นแนะนำติชมได้เหมือนเดิมนะครับยินดีน้อมรับเสมอเยย :pig4: :pig4:
 :mew5: :mew5: :mew5: :mew5: :mew5: :mew5:
^________________________________________^
หัวข้อ: Re: My Gear รักร้ายๆ ของคุณชายเย็นชา 2 ( Chapter 2 - 5/9/62 )
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 09-09-2019 11:10:19
 :L2: :pig4:
หัวข้อ: Re: My Gear รักร้ายๆ ของคุณชายเย็นชา 2 ( Chapter 3 - 9/9/62 )
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 09-09-2019 22:10:28
 :pig4: :pig4: :pig4:

ภาคที่แล้ว  มีนางร้ายนางมารผู้ชอบทำมาม่าหนึ่งตน

ภาคนี้  อาจมีสอง  ต้องรอดูต่อไป  กับสอง อ.  ออฟกับอามว่าจะมาทำมาม่าไหม
หัวข้อ: Re: My Gear รักร้ายๆ ของคุณชายเย็นชา 2 ( Chapter 3 - 9/9/62 )
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 09-09-2019 23:49:22
กันต์จะยังไม่โวย ตราบใดที่เก้งไม่มียุ่งมากกว่านี้ แต่เฮียต้องไม่ลืม ความอดทนมันมีจำกัด  :katai1:
หัวข้อ: Re: My Gear รักร้ายๆ ของคุณชายเย็นชา 2 ( Chapter 3 - 9/9/62 )
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 10-09-2019 16:11:04
ก่อนจบพาร์ท อ่านตอนนั้นปุ๊บใจหายวาบเลย
แบบ อีกแล้วเหรอเนี่ย
หัวข้อ: Re: My Gear รักร้ายๆ ของคุณชายเย็นชา 2 ( Chapter 3 - 9/9/62 )
เริ่มหัวข้อโดย: หมีขาว ที่ 17-09-2019 20:02:00
Chapter  4



กันต์’s  Part



พี่กิจเป็นคนที่รู้เวลาเสมอไม่ว่าจะดื่มหนักมาแค่ไหน  ไม่ถึง 7 โมงครึ่งที่ผมนั่งรอพี่เขาอย่างใจจดใจจ่ออยู่ที่โซฟาเล็กในห้องนอน  พี่กิจก็งัวเงียพลางบิดขี้เกียจพร้อมทั้งสะบัดหัวเล็กน้อยจากอาการเมาค้าง  ผมจ้องคนตรงหน้าก่อนจะเกริ่นถามขึ้นถึงสิ่งที่วุ่นวายอยู่จิตใจของผมในตอนนี้

“ เมื่อคืนหนักเลยเหรอครับพี่ “  ผมถามไปด้วยน้ำเสียงเรียบๆ

“ อืม... โดนแกล้งน่ะ  เกมบ้าไรของไอ้คิมมันก็ไม่รู้  ทำเอาพี่โดนดื่มอยู่คนเดียวเลย “

“ แล้วกลับมาถึงกี่โมงครับ “

“ ก็...ราวๆ เที่ยงคืนนะ  ขอโทษนะคร้าบ....ที่พี่ดึกไปหน่อยอะ  แต่เห็นเราหลับไปแล้วพี่เลยไม่อยากกวน “

“ ไม่ได้ไปต่อที่ไหนเหรอครับ “

“ ไม่นะ...  กินเสร็จพี่ก็กลับมาห้องเลย  ทำไมเหรอ “

ผมพยักหน้ารับรู้เล็กๆ  แล้วพี่กิจก็ลุกจากเตียงในสภาพที่สวมเพียงบ๊อกเซอร์ตัวเดียวเท่านั้น  ผมสูดหายใจเข้าปอดเล็กน้อยเพื่อให้พร้อมสำหรับคำถามที่ต้องการจะรู้คำตอบที่สุด ก่อนจะหยิบเอาซองถุงยางตรงหน้าขึ้นมาถามพี่เขาทันที

“ แล้วนี่อะไรครับ  ทำไมถึงอยู่ในเสื้อพี่ได้ “

พี่กิจที่ยังคงตาปรือๆ อยู่  เปลี่ยนมาเพ่งมองของในมือผม  ก่อนจะเดินเข้ามาดูใกล้ๆ  แล้วทำท่าเหมือนจะคิดเล็กน้อย  ก่อนจะตอบผมออกมา

“ เห้ยกันต์!!  พี่อธิบายได้นะ  ไอ้ถุงยางนี่น่ะมันไม่ใช่ของพี่  ไม่สิ...ของพี่นั่นแหละ  แต่พี่ไม่ได้ซื้อมานะ...  คือมีคนให้มาน่ะ  แต่อย่าพึ่งเข้าใจผิดนะคือ...อธิบายยังไงดีล่ะ “

ยิ่งพี่กิจลนลานอธิบายมา  ผมยิ่งไม่เข้าใจและหวั่นในความหมายของเขาอยู่มาก

“ คือฟังนะ...  เมื่อวานตอนเช้าไอ้คิมมันไปกินข้าวที่โรงอาหารกลางมา  แล้วเขามีรณรงค์เรื่องการป้องกัน HIV ของพวกเด็กแพทย์น่ะ  มันเลยได้มาเพียบเลย  แล้วมันก็เอามายัดให้พวกพี่ทั้งกลุ่มเลยอะ  แถมลามไปถึงพวกในชมรมบาสด้วย  ไม่เชื่อถามไอ้เรย์ดูก็ได้... “

“ พี่กิจ...  ผมพูดตรงๆ เลยนะ  ผมน่ะยังไม่ค่อยมั่นใจความสัมพันธ์ระหว่างเราเลย... “  น้ำเสียงผมอ่อยลงพลางผลุบตาต่ำลงมองพื้นห้อง

“ ที่ผ่านมาพี่เป็นคนเจ้าชู้.... ผมเลยยังไม่มั่นใจพอว่าพี่จะเปลี่ยนตัวเองได้จริงๆ  และผมเองก็เหมือนกัน  ยิ่งผมเป็นผุ้ชายด้วยแล้ว....  ผมยิ่งไม่มั่นใจใหญ่เลยว่าจะสามารถมัดใจพี่ได้จริงๆ  ดังนั้นแล้วเวลาที่มีใครเข้าหาพี่...  ผมเลยยิ่ง... “

คำพูดที่เหลือนั้นเลือนหายไปในลำคอเมื่อร่างสูงตรงหน้าลงมานั่งชันเข่าพลางใช้ปลายนิ้วเชยคางผมให้เงยหน้าขึ้นมาสบสายตาอันอ่อนโยนของเขา

“ พี่เข้าใจนะว่าแค่คำพูดมันคงยากที่จะให้เชื่อได้  แต่พี่ก็ยังคงยืนยันคำเดิมนะ  ว่านอกจากกันต์แล้วพี่จะไม่มีใจให้ใครอีก  ต่อให้เป็นคนที่สวยกว่า  น่ารักกว่า  หรือว่าดูดีกว่าก็ตาม  เพราะพี่ไม่ได้รักกันต์จากรูปลักษณ์ภายนอกไง  พี่รักกันต์เพราะกันต์เป็นกันต์แบบนี้  ดังนั้นไม่มีใครที่จะเหมือนหรือมาแทนที่ได้  จำไว้นะ... “

ผมเข้าใจนะสิ่งที่พี่เขาพูดมา  เพียงแต่ลึกๆ แล้วมันก็ยังคงไม่มั่นใจอยู่เหมือนเดิม...  และเหมือนว่าพี่เขาจะดูออกจากสีหน้าหงอยๆ ของผมอยู่เหมือนกัน

“ ทำไงดีนะถึงจะทำให้เรามั่นใจในตัวพี่ได้เนี่ย... “

“ ไม่ต้องทำอะไรหรอกครับ  ถ้าพี่อยากให้ผมเชื่อ  ผมก็จะเชื่อตามที่พี่บอก...  บางทีเราอาจจะต้องใช้เวลาปรับตัวกันบ้างเนอะ “

ผมฝืนยิ้มส่งให้ไป  เช่นเดียวกับที่พี่กิจเองก็อมยิ้มเจื่อนๆ ตอบกลับมาให้ก่อนจะขยี้หัวผมเบาๆ แล้วพูดทิ้งท้ายแบบติดตลกว่า...
 
“ นี่มันไซส์ 52 พี่ใส่ได้ที่ไหนกันล่ะ “

“ จะรู้มั้ยล่ะ  ผมรู้เรื่องถุงยางที่ไหนกัน “  ผมทำน้ำเสียงงอนๆ ตอบกลับไปครับ

“ นั้นเดี๋ยวคืนนี้พี่จะสอนให้อย่างละเอียดเลย...  หรือถ้าไม่เชื่อว่าพี่ใส่ไม่ได้.... “  พี่กิจพูดด้วยน้ำเสียงเจ้าเล่ห์พร้อมกับไล้นิ้วมาที่กระดุมเสื้อผมครับ

“ เช้านี้เรามาทดลองใส่ให้พี่ดูมั้ย... เวลายังพอมีอยู่... “

“  พอเลยไปอาบน้ำได้แล้ว...เดี๋ยวก็ไปเรียนสายหรอก “  ผมปัดมือพี่เขาออกก่อนจะดันพี่เขาให้ลุกขึ้นเดินไปเข้าห้องน้ำครับ...  เห้อ... หมกมุ่นที่สุด  คนบ้าอะไร...


เพียงแต่...  เรื่องนี้มันก็ยังคงคาใจผมไปตลอดทั้งวันนั่นแหละรับ....



เย็นนี้เรามีซ้อมร้องเพลงเชียร์และแปรอักษรกันเหมือนเดิมที่หอประชุมคณะ  บอกได้เลยว่ามันอลังการงานสร้างมากครับทั้งรูปแบบสแตนด์และคอนเซปการนำเสนอ  เทคนิคต่างๆ ด้วย  สมแล้วที่เป็นเด็กช่าง  ไม่แปลกใจเลยว่าวิศวะเราทำไมถึงชนะการประกวดสแตนด์เกือบจะทุกปีแบบนี้

ผมถามไอ้เรย์ถึงเรื่องถุงยางของพี่คิมครับ  ซึ่งก็ได้รับคำตอบว่าจริง  แถมแม่งยังพกใส่กระเป๋าตังเอาไว้อยู่เลย  ทั้งๆ ที่มันเองก็ยังไม่ถึงขั้นนั้นกับแพรเลยด้วยซ้ำ  แต่คำตอบของมันก็ทำให้ผมสบายใจขึ้นมามากเลยล่ะครับ  เพราะอย่างน้อยที่สุด  พี่กิจก็พูดความจริงกับผมเสมอ...

กิจกรรมในครั้งนี้แม้จะมีการร้องเพลงเชียร์ที่ต้องแก้กันอยู่หลายรอบก็ตามที  แต่ทุกอย่างก็ไม่มีความตึงเครียดเหมือนการเข้าเชียร์ในช่วงแรกๆ  ออกจะสนุกสนานเฮฮาเสียมากกว่า  แถมยังมีน้ำและขนมมาคอยซับพอร์ตน้องๆ อีกด้วย 

เพียงแต่ว่า...  วันนี้มันต่างออกไปนิดหน่อยครับ....

“ น้องๆ คะ  ดูจังหวะลีคด้วยนะคะ  ตอนนี้เพลงมันดูไวกว่าจังหวะมือลีดน่ะ  ลองใหม่นะคะ “  พี่แอนรุ่นพี่ปีสองที่เป็นเฮดเรื่องร้องเพลงเชียร์พูดขึ้น  ซึ่งวันนี้เราต้องร้องเพลงร่วมกับลีดปีหนึ่งที่แยกไปฝึกมาครับ  โดยที่เรานั่งร้องเพลงกันอยู่บนสโลปและมีลีดคอยวาดมือให้จังหวะอยู่ด้านล่างสิบคนเป็นชายห้าหญิงห้า  ซึ่งมีทั้งอามและแพรรวมอยู่ในนั้นด้วย  ผมมองยังร่างเพรียวบางของอามที่ดูอ้อนแอ้นกว่าผมมาก  อามดูเป็นผู้ชายหน้าหวานที่ค่อนข้างจะชัดเจนในรสนิยม  แม้ว่าจะไม่แสดงออกมามากก็ตาม  ต่างจากผมที่แม้ว่าจะดูเป็นคนน่ารักแต่ก็เป็นผู้ชายแมนๆ ธรรมดาๆ ที่เรียกได้ว่าไม่ได้หวานอะไรเลยสักนิด

“ หยุดก่อนค่ะน้องๆ  พี่บอกแล้วไงคะว่าให้ดูจังหวะมือจากลีด  มันไวไปอะค่ะ  เอาใหม่ตั้งแต่ต้นเลยนะคะ “

เราแก้กันไปแบบนี้หลายรอบมากครับ  แล้วจู่ๆ แก๊งพี่ว๊ากเมื่อต้นปีก็พากันเดินเข้ามาโดยการนำของประธานเชียร์อย่างพี่กิจ  แล้วทุกอย่างก็เงียบลงเมื่อเสียงเข้มน่าขนลุกดังขึ้นเหมือนเมื่อตอนกิจกรรมเชียร์เมื่อเทอมที่แล้ว

“ ปีหนึ่งเงียบ!!! “ 

เสียงพี่กิจคำรามดังขึ้นสร้างความแปลกใจให้กับพวกเราปีหนึ่งเป็นอย่างมาก  ก็ไหนว่าเชียร์มันจบไปแล้วนี่...

“ ได้ข่าวว่าพวกคุณไม่เอาใจใส่ที่รุ่นพี่สอนกันเลยใช่มั้ย! ทำเป็นเล่นกันใช่มั้ย!! ”

บรรยากาศเงียบและกลับไปกดดันเหมือนเมื่อตอนเข้าเชียร์เมื่อเทอมที่แล้วในทันที  พี่กิจที่เคยใจดีกลับกลายมาเป็นปิศาจร้ายเหมือนเมื่อก่อนไปเสียแล้วในตอนนี้

“ สิ่งที่พวกผมเคยสอนคงลืมไปหมดแล้วใช่มั้ย ! .”

“ S seniority เล่นหัวรุ่นพี่ไม่ฟังไม่เคารพกันเลยใช่มั้ย “

คราวนี้เป็นพี่ว๊ากที่ยืนข้างๆ พี่กิจตระโกนมาต่อ  จากนั้นก็เหมือนระบบเชียร์เลยครับที่จะผลัดกันพูดมาทีละคนๆ

“ O  order  ระเบียบวินัยและการทำหน้าที่ของพวกคุณในตอนนี้  ทำไมมันห่วยแบบนี้!! “
 
“ T tradition  งานนี้เป็นความภูมิใจของเราชาววิศวะที่จะไปแสดงให้คณะอื่นได้เห็นศักยภาพของพวกเรา  แต่พวกคุณกลับทำเป็นเล่นและไม่ได้ให้ความสำคัญกับสิ่งเหล่านี้เลยแม้แต่น้อย ! “

“ U  unity  ความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันของพวกคุณมันหายไปไหนกันหมดแล้ว! “

จากนั้นก็ปิดฉากด้วยน้ำเสียงเข้มๆ ของประธานเชียร์สุดหล่อที่ตอนนี้สายตาแข็งกร้าวอย่างถึงที่สุด

“ S spirit  มันหายไปไหนหมดในตัวพวกคุณ  ผมและพวกรุ่นพี่ทุกคนรู้สึกผิดหวังกับพวกคุณเอามากๆ เลยรู้มั้ย... “

เครียดขึ้นมาทันทีเลยครับ  ทุกคนใบหน้าสลดลงอย่างเห็นได้ชัด  ไม่ใช่ว่าพวกเราไม่พยายามนะครับ  แต่ไม่คิดว่ามันจะจริงจังกันเบอร์นี้อะ  ถ้ารู้อย่างนี้ก็คงจะไม่เล่นสนุกกันมากขนาดนี้หรอกครับ

จากนั้นเราก็เริ่มร้องเพลงเชียร์โดยการคุมของพี่ประธานเชียร์สุดโหดต่อไป  และก็โดนสั่งให้หยุดร้องไปหลายรอบเพราะไม่ตรงกับจังหวะลีด

“ พอ!!  ไม่ได้เรื่อง!!  ผมจะสุ่มเรียกเพื่อนของคุณออกมาร้อง  ถ้าร้องไม่ได้!!  โดนลงโทษ!! “

เชี่ย!!  ซวยละ...คราวนี้งานจะเข้าใครกันล่ะวะเนี่ย...

“ 0014 !!  ออกมาข้างหน้า “

เชี่ย!!  นี่มันแกล้งกันชัดๆ เลย

ผมนั่งหน้าเหวออยู่ครู่หนึ่ง  ก่อนจะถูกพี่กิจเรียกซ้ำอีกครั้งจนต้องรีบลุกลงมาจากสโลปยังด้านหน้าเวที

เอาวะ...  อยากแกล้งหรือแก้แค้นอะไรผมก็เชิญ  แต่ถ้าผมไม่พูดด้วยอย่าหาว่าไม่เตือนนะ.....

เมื่อลีดให้สัญญาณมือพร้อม  ผมก็เริ่มแหกปากร้องไปด้วยใจที่โมโหคนที่ยืนด้านหลังผมครับ  แต่ไม่ทันจะถึงครึ่งเพลงเลย  ก็ถูกสั่งให้หยุด  ที่สำคัญ... บอกเลยครับว่าผมไม่ได้คร่อมจังหวะด้วย  แบบนี้ชัดเลย....  ผมโดนแกล้ง!!!

“ ผมบอกแล้วนะครับว่าถ้าผิดจะต้องถูกทำโทษ! “ 

พี่กิจพูดจบก็เดินมาหยุดยืนอยู่ข้างๆ ผม  พลางมองมาด้วยสายตาดุๆ  แต่ผมไม่กลัวหรอกครับ...  เพราะรู้ตัวว่าไม่ได้ผิด  เลยมองตอบกลับไปอย่างเอาเรื่องเช่นเดียวกัน

“ ทำหน้าแบบนี้พร้อมจะรับการลงโทษแล้วใช่มั้ย! “  พี่กิจถามขึ้นเสียงดังครับ

“ ก็ถ้าพี่เห็นว่าผิด  ผมก็พร้อมรับครับ “  ผมตอบกลับไปเสียงแข็ง  คือจะให้ยอมได้ยังไงกันล่ะครับ  ในเมื่อเราไม่ได้ผิดจริง  แต่นี่ผมโดนกลั่นแกล้งกันเห็นๆ อยู่

“ ดี  ถ้างั้นก็หันหน้าไปมองเพื่อนๆ  แล้วรอรับการลงโทษได้เลย “

สิ้นเสียงพี่เขาผมดึงหน้าไม่พอใจใส่เล็กน้อย  ก่อนจะเบือนหน้าหันกลับไปมองยังหน้าสโลปเบื้องหน้า  แล้ว....


เห้ย!!!.....


เห้ยยยยยยยย!!!!!!!!....
หัวข้อ: Re: My Gear รักร้ายๆ ของคุณชายเย็นชา 2 ( Chapter 3 - 9/9/62 )
เริ่มหัวข้อโดย: หมีขาว ที่ 17-09-2019 20:14:41
เสียงวี๊ดว้ายดังขึ้นรอบหอประชุมคณะทันทีเมื่อผมสัมผัสได้ถึงสัมผัสจากริมฝีปากที่ผมคุ้นเคยขึ้นมาที่ข้างแก้ม

“ ทำบ้าอะไรอะพี่กิจ “

ผมผงะตัวออกมาทันทีพลางลูบแก้มตัวเองป้อยๆ  ทว่าเสียงกรี๊ดกร๊าดกลับยังคงดังต่อเนื่องไม่หยุดไปทั่วทั้งหอประชุม  ไม่ว่าจะปีหนึ่งหรือปีไหนๆ ต่างลืมความเครียดเมื่อสักครู่นี้ไปจนสิ้น  หากแต่เจ้าตัวผู้กระทำกลับยิ้มกริ่มที่มุมปากไม่รู้สึกสะทกสะท้านอะไรเลยแม้แต่น้อย

“ ก็ลงโทษไง...  ทำไมเหรอ “

“ แล้วใครเขาทำกันแบบนี้เล่า “

ผมทำหน้าดุว่าไปครับ

“ อ่าว...แล้วจะให้พี่ทำมากกว่านี้เหรอ  ได้นะถ้าเรากล้าพอ “

คำตอบของพี่เขากลับยิ่งเรียกเสียงกรี๊ดกร๊าดมากขึ้นไปกว่าเดิม  ยิ่งทางพวกพี่ๆ แก๊งพี่กิจด้วยแล้ว  ยิ่งตระโกนบอกว่า  เอาเลยๆ  จนตอนนี้ผมนี่แทบจะอายจนแทรกแผ่นดินอยู่แล้วเนี่ยครับ

“ จะเปิดตัวแฟนต้องทำคนอื่นเดือดร้อนกันขนาดนี้เลยเหรอวะมึง “  เสียงพี่คิมตระโกนมาจากบนสโลปครับ

“ เจ๋งมากไอ้เสือ!! “  อันนี้พี่พีตระโกนมาต่อ  แถมยังพากันโห่แซวกันมายกใหญ่เลย  จนผมไม่กล้าหันไปมองยังสโลปแล้วตอนนี้  และพอหันกลับมามองยังพี่กิจ  เจ้าตัวกลับยิ้มกว้างอย่างที่ไม่เคยจะได้เห็นกันบ่อยๆ ราวกับกำลังทำเรื่องน่าชื่นตาบานเสียอย่างนั้น  ตรงกันข้ามกับผมตอนนี้เลย  ที่รู้สึกเหมือนจะหน้าแดงและหูร้อนๆ เพราะความอายอยู่แล้วเนี่ย

“ เรื่องอะไรกันเนี่ยพี่กิจ “  ผมหันไปถามยังคนข้างๆ ครับ

“ ก็เราบอกเองไม่ใช่เหรอว่ายังไม่ค่อยมั่นใจในตัวพี่อะ  พี่ก็คิดว่าทำแบบนี้มันน่าจะทำให้เรามั่นใจพี่ได้แบบไม่มีข้อสงสัย  แถมยังจบปัญหาเรื่องขี้หึงของเราด้วย “  พี่กิจก้มลงมาพูดกับผมให้พอได้ยินกันสองคนครับ

“ มันก็ไม่เห็นต้องทำขนาดนี้ก็ได้เปล่า  แล้วแบบนี้ผมจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหนเนี่ย “

“ ก็ดีแล้วไง...  คนเขาจะได้รู้ว่าเรามีเจ้าของ  จะได้ไม่มีใครมาจีบ “  พี่กิจพูดพลางยิ้มขำครับ

“ ไม่ตลกด้วยนะ “

“ เอาน่าพี่จัดการเอง “  พี่กิจพูดกับผมจบก็หันหน้าไปยังทางเสียงโห่ร้องที่ยังคงระงมอยู่ไม่ยอมเลิกรา

“ เงียบๆ กันก่อนคร้าบ !! “  พี่กิจพูดขึ้นมาเสียงดังพลางยกมือปราม  จากนั้นทุกอย่างก็เงียบลงด้วยสีหน้าที่กำลังรอลุ้นอยู่ว่าพี่เขาจะพูดอะไรต่อ

“ ก่อนอื่นเลย...  พี่ต้องขอโทษน้องๆ ด้วยนะครับที่ทำให้ต้องเครียดกัน  สำหรับเรื่องที่ทำก็แค่อยากเอาใจ...  แฟนตัวเองก็แค่นั้น “

จบประโยคนี้หลายคนก็พากันกรี๊ดจนแทบจะสิ้นสติกันเลยทีเดียว

“ และอีกอย่าง...  ผมก็อยากถือโอกาสนี้เปิดตัวแฟนผมด้วยอย่างเป็นทางการ  คนแรกและคนเดียวที่ผมจะให้สถานะแฟน  คนเดียวที่ผมจะฝากเกียร์ของผมเอาไว้กับเขา “  พี่กิจพูดพลางล้วงเอาเกียร์ทองที่ห้อยคอผมออกมาโชว์นอกเสื้อ  ซึ่งนั่นยิ่งสร้างความตื่นตาตื่นใจให้กับหลายๆ คนมากขึ้นไปอีก  พร้อมกับเสียงพูดคุยกันว่าเรื่องเกียร์ทองนั้นมันมีอยู่จริง....

“ และคนนั้นก็คือ....  กันต์ครับ “

พี่กิจพูดพลางโอบไหล่ผมเอาไว้ข้างๆ ครับ  ท่ามกลางเสียงโห่ร้อง  บ้างแสดงความยินดี  บ้างโห่ว่าพี่กิจขโมยขวัญใจหลายๆคนไปบ้าง  แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นไม่รู้ทำไมกำเผยยิ้มเล็กๆ ออกมาได้เสียอย่างนั้น

ใครจะไปคิดกันละครับว่าคนระดับพี่กิจจะกล้าเปิดตัวผมต่อหน้าพี่ๆ น้องๆ ในคณะได้แบบนี้  แค่นี้มันก็มากพอที่ผมจะมั่นใจในตัวพี่เขาได้แล้วไม่ใช่เหรอ...

“ ดังนั้นแล้ว... ใครที่คิดจะจีบผมเนี่ยไม่ต้องเสียเวลาเลยนะครับ  เพราะผมคงจะไม่มองใครอีกแล้ว  ที่สำคัญ...  ใครก็ตามที่คิดจะจีบแฟนผม  บอกเลยนะครับว่าได้เจอดีกับผมแน่ “

ทำเป็นขู่...  ไม่อายชาวบ้านเขาเลยรึไง  แล้วพวกข้างหน้าเนี่ยเมื่อไหร่จะหยุดกรี๊ดกันสักที  ผมไม่รู้จะเอาหน้าไปไว้ที่ไหนแล้วเนี่ย  อายเป็นบ้าเลยโว้ย!

“ พอแล้วครับ...  พอแล้ว  กันต์มันอายหมดแล้วเนี่ย “  พี่กิจพูดพลางขยับมือมาขยี้หัวผมเหมือนที่ชอบทำอยู่ทุกที

“ อะไรมึงไอ้กิจ  แค่นี้ทำเป็นกลัวเมียแล้วเหรอ “  พี่คิมตะโกนมาครับ

“ ป๊อดว่ะ!! “  อันนี้พี่พีเสริม  จากนั้นก็ตามมาด้วยเสียงโห่จากพี่ผู้ชายปีสูงครับ

“ ไอ้คิมอย่าหางานให้กู  ถ้ากูได้นอนนอกห้องนะ  กูจะตามราวีมึง “  พี่กิจพูดพลางชี้ไปทางพี่คิมอย่างคาดโทษเอาไว้ครับ

จากนั้นการซ้อมเชียร์ของวันนี้ก็จบลงท่ามกลางความครึกครื้นกว่าทุกๆ วัน  ที่สำคัญนอกหอประชุมวันนี้พี่กิจสายเปย์เล่นจัดบุพเฟ่ต์อาหารจากโรงแรม(ตัวเอง) มาเลี้ยงคนทั้งคณะเลยแบบนี้  จนพี่คิมแย้งว่า  งานแต่งถ้าเลี้ยงแค่นี้ไม่ได้นะ...




“ อะไรนะ!  น้องมันแค่งอนมึงเรื่องถุงยาง..  มึงต้องทำถึงขนาดนี้เลยเหรอวะ “

พี่คิมตกใจเมื่อรู้ว่าความจริงสาเหตุมันเริ่มต้นมาจากอะไรครับ

“ ก็ดีแล้วไม่ใช่เหรอวะ  น้องเขาจะได้มั่นใจในตัวไอ้กิจ “  พี่บิวว่ามาพร้อมกับพี่พีที่พยักหน้าเห็นด้วย

ตอนนี้พวกเรามานั่งกินข้าวกันอยู่ที่โต๊ะม้าหินอ่อนข้างๆ หอประชุมคณะกันครับ  บรรยากาศตอนนี้เต็มไปด้วยผู้คนเดินกันขวักไขว่และเพลิดเพลินไปกับอาหารอย่างดีหลายชนิดที่คุณชายท่านควักเงินตัวเองเปย์มา(จากโรงแรมของตัวเอง)   ตอนนี้แก๊งพวกผมรวมตัวกับแก๊งพี่กิจอยู่ที่โต๊ะม้าหินอ่อนซึ่งเต็มไปด้วยอาหารบนโต๊ะที่แต่ละคนตักมากันครับ  และเพราะโต๊ะมันเล็กกว่าจำนวนคน  ดังนั้นเลยมีทั้งคนที่นั่งและยืนกินคละกันไป  ซึ่งผมนั่งโดยมีพี่กิจยืนอยู่ด้านหลังพลางจับไหล่ผมอยู่ไม่วาง

“ แต่เฮียโครตเจ๋งอะ  สมแล้วที่เป็นไอดอลผม “  ไอ้เรย์ว่ามาครับพลางพยักพเยิดกับไอดอลของมัน

“ แต่ถ้ามึงกล้าทำขนาดนี้นะ  รับรองว่าไม่มีใครกล้ามายุ่งกับกันต์แน่ “  พี่บิวว่ามาก่อนจะตักขาหมูเยอรมันเนื้อนุ่มหนังกรอบเข้าปากไปครับ

“ ในคณะตอนนี้ไม่ห่วงหรอก  แต่นอกคณะนี่ไว้ใจไม่ได้ “  คราวนี้พี่กิจว่ามา  ผมเลยหันไปชกท้องพี่เขาเบาๆ ครับ  ใครกันแน่เหอะที่จะมีคนมาตามจีบ  ชิส์

“ ดุนะเนี่ยกันต์  เอาไอ้กิจซะอยู่หมัดเลย  พี่บอกเลยนะว่าไม่เคยมีใครทำให้ไอ้กิจเชื่องได้ขนาดนี้ “  พี่พีว่ามาครับ

“ สัดกูไม่ใช่หมานะเว้ย “  พี่กิจแย้งจบก็พากันหัวเราะทั้งโต๊ะเลยครับ

จากนั้นไม่นานไอ้แน๊คที่นั่งข้างๆ ผมก็สะกิดสีข้างผมให้หันไปมองยังคนที่กำลังเดินผ่านมาทางนี้  ซึ่งไม่ใช่ใครที่ไหนครับ  อามนั่นเอง...  สีหน้าของเขาดูหงอยๆ ไม่ค่อยสบอารมณ์สักเท่าไหร่  ซึ่งผมก็เข้าใจนะครับเพราะถ้าเป็นผมเองก็คงจะรู้สึกไม่ต่างกันสักเท่าไหร่

จากนั้นไอ้เรย์ไอ้เลวแม่งก็ไปแซวเขาขึ้นครับ

“ อ้าวนาย...  ทำไมรีบกลับล่ะ... ไม่อยู่กินอะไรก่อนเหรอ...  ของอร่อยทั้งเลยนะ “

ผมด่าไอ้เรย์ไปแบบไม่ออกเสียงว่า  ไอ้สัด...  ก็ดูมันสิครับอยู่เฉยๆ ไม่เป็นรึไง  ชอบแกว่งเท้าหาเสี้ยน

อามหันมามองทางพวกเราครับ  แต่สายตาอามที่มองเลยมาทางผมดูไม่ค่อยจะเป็นมิตรสักเท่าไหร่

“ ไม่ล่ะ... จะรีบกลับหอไปทำการบ้าน “

อามตอบด้วยน้ำเสียงไร้อารมณ์อย่างไม่สามารถเก็บความรู้สึกไม่ชอบใจกับเรื่องที่เกิดขึ้นนี้ได้  ก่อนจะเบือนหน้าสายตาเชิดเล็กน้อยแล้วรีบเดินจากไป

“ น้องคนนี้เหรอวะที่กันต์หึงอะ “   พี่บิวถามพี่กิจทันทีเมื่ออามเดินจากไปไกลแล้ว  พอผมเงยหน้าขึ้นไปมองยังคนด้านบนที่ถือแก้วน้ำอยู่( ซึ่งไม่ใช่แอลกอฮอล์นะครับ  เพราะทางมหาลัยฯเขาห้าม )  ก็ได้แต่พยักหน้ารับเล็กๆ  จากนั้นพี่พีก็ขำขึ้นมาพลางส่ายหน้าแล้วพูดกับผมต่อทันที

“ ตุ้งติ้งขนาดนี้นะ  กันต์ไม่ต้องเป็นห่วงเลย  ไอ้กิจไม่มีทางชอบหรอก  อย่างมากก็มองว่าน่ารักๆ ตามแบบสาวๆ เท่านั้นแหละ “

“ ผมก็ไม่ได้หึงสักหน่อย  พี่พีก็ไปเชื่อพี่กิจเขา “  ผมทำหน้ามู่บอกไปก่อนจะถูกพี่กิจขยี้หัว (อีกแล้ว..  เป็นอะไรกับหัวผมกันนักหนาห๊ะ  เลยต้องมาจัดทรงให้เข้าที่อยู่เรื่อยเลยเนี่ย ) 

“ เหรอ...  ไม่หึงเลยเนาะ... “  พี่กิจว่ามาครับ  แถมใช้น้ำเสียงแบบไม่เชื่อในคำพูดของผมซะด้วย  แล้วนี่คนอื่นๆ จะหัวเราะทำไมคร้าบ  ผมไม่ใช่ตัวตลกนะเว้ย!  ไอ้คุณชายธันมึงก็ด้วยนะ  เห็นเงียบๆ มาตลอด  ไหงตอนนี้มาขำกับเขาด้วย



กว่าจะกลับมาถึงห้องก็ปาไปเกือบเที่ยงคืนแล้วล่ะครับ  แก๊งพี่กิจไปต่อกันที่ร้านเหล้า  ส่วนพี่กิจวันนี้ไม่ไปกับเขาด้วยแฮะ...  น่าแปลกมาก....  ไอ้เรย์ตอนแรกก็ว่าจะไปนะครับแต่แพรห้ามเอาไว้  บอกว่ามีเรียนเช้าก็เลยอดไปตามระเบียบ  เห็นเลยอนาคตของพวกกลัวเมีย  หึๆๆ  เดี๋ยวพ่อจะล้อเสียให้เข็ดเลยคอยดู  ส่วนไอ้ธันก็ขอบายเพราะมันต้องกลับไปอ่านบทละครหนังสั้นอะไรของมันเนี่ยแหละครับ  แก๊งผมก็มีแค่ไอ้เจมส์กับไอ้แน๊คครับที่ตามไปด้วย  เพราะยิ่งไปกับพวกพี่ๆ กลุ่มนี้แล้ว  ไม่ต้องห่วงเลยเรื่องค่าใช้จ่าย  พวกพี่เขาเลี้ยงน้องเสมอ  แถมสั่งมาได้เต็มที่แบบไม่มีกั๊กอีกด้วย

ทันทีที่มาถึง  ผมก็มานั่งเช็คข่าวสารในโลกโซเชียลผ่านทางโน๊ตบุ๊คในเพจ cute boy & girl ของมหาลัยฯ ผมทันทีครับ  เพราะมันเป็นแหล่งข่าวสารข้อมูลเรื่องข่าวซุบซิบต่างๆ ที่ใหญ่ที่สุดแหล่งหนึ่งของมหาลัยฯ เรา  และก็มีจริงครับเกี่ยวกับข่าวที่ว่าพี่กิจหัวหน้าแก๊งจตุรเทพมาเฟียแห่งมหาลัยฯ ประกาศสละโสดแล้ว  แม้จะเป็นข่าวที่มีเพียงแค่ข้อความแต่นั่นกลับสร้างกระแสฮือฮาในเพจได้มากเลยทีเดียว  ซึ่งมีทั้งคนเชื่อและก็ไม่เชื่อเพราะไม่มีภาพประกอบ  คือตอนเชียร์นั้นเขาห้ามทุกคนใช้โทรศัพท์กันครับ  แต่จะว่าไปสถานการณ์ในตอนนั้นมันก็ช็อคเกินกว่าจะคิดเรื่องถ่ายภาพเอาไว้เป็นหลักฐานได้อยู่ดี

หลายคนมองเป็นเรื่องขำมากกว่า  ว่าพี่กิจเนี่ยนะจะหันมาชอบผู้ชาย  บ้างก็ถามว่าผมนั้นเป็นใคร  ต่างๆ นานา  แต่โดยรวมมันน่าตลกตรงที่คนนอกคณะเกือบทั้งหมดไม่เชื่อในข่าวนี้กันเลย  ทั้งๆที่มันเป็นความจริงแท้ๆ  แต่ก็ดีแล้วล่ะครับ  ผมจะได้ไม่ต้องคอยเดินหลบๆ ซ่อนๆ  ไม่ใช่แค่อายนะครับ  ยังกลัวโดนตีนจากบรรดาแฟนคลับของพี่เขาด้วย

สักพักพี่กิจที่พึ่งอาบน้ำก็ออกมาในสภาพนุ่งผ้าเช็ดตัวผืนเดียว  พลางขยี้ผมให้แห้งด้วยผ้าขนหนูสีขาวผืนเล็กอยู่ไหวๆ  ก่อนจะเดินมาทั้งอย่างนั้น  แล้วมานั่งข้างๆ ผมเพื่อดูว่าผมกำลังทำอะไรอยู่

“ ไม่ไปแต่งตัวให้เรียบร้อยก่อนล่ะ “  ผมพูดขึ้นหากแต่สายตายังคงจับจ้องอยู่บนจอโน๊ตบุ๊คตรงหน้าอย่างไม่วางตา

“ เสียเวลาเดี๋ยวก็ต้องถอดอยู่ดี  ว่าแต่เราเถอะรีบไปอาบน้ำได้แล้ว  พี่รออยู่ “

ผมหันมามองพลางพ้นลมออกจมูกใส่  คนอะไรหมกมุ่นเป็นบ้าเลย  แต่ผมไม่สนหรอกครับ  ดูอะไรอีกสักแปบค่อยอาบแล้วกัน

“ ไม่เอาพี่กิจ  กันต์เล่นคอมอยู่... “  ผมพูดไปเมื่อปลายนิ้วเริ่มไล้บริเวณต้นขาผมขึ้นมาครับ  แถมใบหน้าสดชื่นเริ่มเข้ามานัวเนียที่ต้นคอผมอย่างบางเบา  ให้ผมได้กลิ่นหอมจางๆ ของสบู่และไอเย็นจากความชื่นบนร่างกาย

“ ทีหลังก็ได้ไม่เห็นมีไรน่าสนใจเลยเพจนี้น่ะ  อีกอย่าง...พี่ซื้ออะไรมาสอนเราด้วย “  พี่กิจบอกมาเสียงพร่าที่ข้างหูผมครับ  ผมเบี่ยงหัวหลบเล็กน้อยก่อนจะหันมาเผชิญหน้าที่กำลังยิ้มกริ่มตาเยิ้มมองผมอยู่ในตอนนี้

“ อะไรอะ... “  ผมถามถึงของบางอย่างที่พี่กิจว่ามาครับ

“ ไม่บอกหรอกจนกว่าเราจะอาบน้ำเสร็จ “

ผมทำท่าคิดอยู่เล็กน้อยก่อนจะยอมเออออว่าตามไปอย่างง่ายดาย  ไม่ใช่อะไรหรอกครับ  อย่างแรกเลยคืออยากรู้  และอย่างที่สองก็คือ  ถึงผมจะดึงดันไม่ยอมยังไง  สุดท้ายก็แพ้ทางพี่เขาอยู่ดี  ในเมื่อยังไงผลลัพธ์มันก็ออกมาในแบบเดียวอยู่แล้ว  สู้ไปเองยังจะดีกว่า....  ว่ามั้ยครับ

สักพักผมก็เดินออกมาในสภาพนุ่งผ้าเช็ดตัวสีขาวผืนเดียว  ก่อนจะเดินตรงไปยังตู้เสื้อผ้าเพื่อหาชุดใส่  แต่ไม่ทันจะไปถึงผมก็ถูกพี่กิจที่ตอนนี้ยังคงไม่ยอมแต่งตัวลากไปนั่งบนเตียงครับ

เดาได้เลย...  การบ้านชัวร์....

“ ไหน...  อะไรที่จะให้กันต์ดูอะ “  ผมถามไปครับ  จากนั้นพี่กิจก็ลุกไปหยิบอะไรบางอย่างบนโต๊ะมาครับ

“ นี่ไง “  พี่กิจโชว์ไอ้เจ้ากล่องกระดาษทรงสี่เหลี่ยมจัตุรัสขนาดเล็กซึ่งผมพอจะเดาได้  แม้ว่าจะไม่เคยได้ใช้มันเลยก็ตาม

“ อะไรอะพี่กิจ...  ซื้อมาทำไม  ทะลึ่ง “

ผมว่าไปพลางรู้สึกเขินขึ้นมาบนใบหน้าครับ  ทั้งๆ ที่ความสัมพันธ์ระหว่างเรามันก็เลยไปถึงไหนต่อไหนแล้วแท้ๆ  แต่เคยเป็นมั้ยครับ....  เวลาที่เราเห็นถุงยางแล้วมันให้ความรู้สึกแบบ....  เอ่อ...  อย่างนั้นอะครับ   แหะ...

“ ก็เอามาสอนเราใช้ไง  เดี๋ยวพี่จะเป็นหุ่นให้เราเอง... “

“ โรคจิตอะพี่กิจ “  ผมยี้ปากใส่ก่อนจำเป็นเบือนหน้าหนีไป  แต่ก็ถูกพี่เขาจับหันมาหาอยู่ดี

“ อันนี้ถุงยางเจ้าปัญหามันไซส์ 52  แต่ถ้าพี่ใช้จะเป็นอันนี้ไซส์ 56 “  พี่กิจหยิบซองมาให้ดูแต่ละอัน  ซึ่งผมก็หยิบมาพิจารณาต่อใกล้ๆ และไม่เห็นความต่างกันเท่าไหร่  ก่อนจะเอ่ยถามขึ้นด้วยความไม่รู้จริงๆ

“ ไม่เห็นจะต่างกันเท่าไหร่เลย  น่าจะใช้แทนกันได้อยู่แล้ว “

“ ต่างสิ...  เดี๋ยวแกะมาก็จะเห็นเองว่ามันต่างกัน  ส่วนใช้แทนกันได้มั้ย...จริงๆ ก็ได้อยู่นะ  แต่ 52 มันคับมากแถมใส่ยากด้วย  พูดไปเราก็ไม่เห็นภาพหรอก  ว่าแล้วก็...  มาลองกันเลยดีกว่า “ 

พี่กิจกัดริมฝีปากเบาๆ มองผมมาด้วยสายตาเจ้าเล่ห์เป็นที่สุด

“ อะไร...ทะลึ่งพี่กิจ... “  ผมบ่ายเบี่ยงครับ  เล่นตัวสักนิดพอเป็นพิธีนั่นแหละ  เพราะไม่เคยจะรอดพ้นพี่เขาไปได้เลยสักครั้ง 
เห้อ....

“ ทะลึ่งอะไร...  เพศศึกษาเราต้องเรียนรู้เอาไว้บ้าง  มาๆ เดี๋ยวพี่จะให้เราเป็นคนใส่ให้พี่เลย  หึๆ “

“ เดี๋ยวดิพี่  ใจเย็น...  เห้ยพี่กิจ...  อ่า...  พะ...พี่กิจจจจจ..... “

สุดท้ายก็แพ้ไปตามระเบียบครับ  ก่อนจะได้เรียนรู้ว่าผมสามารถใส่ถุงไซส์ 52 ได้อย่างสบาย  ในขณะที่มันเป็นเรื่องลำบากสำหรับเจ้ากิจน้อยจริงๆ  ตอนนี้ผมเข้าใจแล้วละครับถึงความแตกต่าง  แต่พอนึกถึงภาพเจ้ากิจน้อยตอนที่มันอึดอัดหายใจไม่ออกนั้นแล้วล่ะก็...  หึๆๆ 


ฮ่าๆๆ




TBC.



------------------------------------------------------

เล้าเป็ดเข้าไม่ได้หลายวันเลยไม่ได้ลงตามกำหนดนะครับ  วันนี้(ซึ่งไม่ใช่วัน จ. - พฤ.)  เลยเอามาลงครับ

เจอกันอีกทีวันพฤหัสเหมือนเคยนะครับ

ขอให้มีความสุขกับนิยายเรื่องนี้นะครับ

-----------------------------------------------------

ช่องทางการติดต่อ  @phanusun_p
หัวข้อ: Re: My Gear รักร้ายๆ ของคุณชายเย็นชา 2 ( Chapter 4 - 17/9/62 )
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 17-09-2019 23:18:05
เหมือนๆ อามจะยังไม่จบนะ เอ๊ะ หรือจบดี  :hao3:
หัวข้อ: Re: My Gear รักร้ายๆ ของคุณชายเย็นชา 2 ( Chapter 4 - 17/9/62 )
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 18-09-2019 02:49:27
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: My Gear รักร้ายๆ ของคุณชายเย็นชา 2 ( Chapter 4 - 17/9/62 )
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 18-09-2019 07:17:33
น้องอามหน้าเสียเลยอ่ะ5555
หัวข้อ: Re: My Gear รักร้ายๆ ของคุณชายเย็นชา 2 ( Chapter 4 - 17/9/62 )
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 18-09-2019 15:09:47
 :L2: :pig4:

พี่กิจก็หาโอกาส
หัวข้อ: Re: My Gear รักร้ายๆ ของคุณชายเย็นชา 2 ( Chapter 4 - 17/9/62 )
เริ่มหัวข้อโดย: หมีขาว ที่ 19-09-2019 11:48:32
Chapter  5



เค ‘s  Part



ไม่รู้ว่าอาหารของโรงอาหารคณะอื่นจะห่วยเหมือนเคณะเภสัทฯ รึเปล่านะ  เพราะบ่อยครั้งที่ผมต้องชวนเพื่อนออกมาทานข้าวเที่ยงที่โรงอาหารกลางเหมือนเช่นวันนี้อยู่บ่อยๆ

“ น้องชื่ออะไรเหรอครับ  พอดีเพื่อนพี่เขาเขาอยากขอไลน์น้องหน่อยน่ะ “ 

รุ่นพี่คนหนึ่งเดินเข้ามาถาม  ซึ่งน่าจะอยู่ประมาณปี 3 หรือไม่ก็ปี 4  ก่อนจะชี้นิ้วไปยังโต๊ะตัวหนึ่งซึ่งมีคนนั่งอยู่ 3 คนพลางโบกไม้โบกมือเล็กๆ ส่งมาให้  แต่อย่าพึ่งเข้าใจผิดนะครับว่าเขาหมายถึงผม  เพราะคนแมนๆ ตัวสูงๆ ต้นขาใหญ่ๆ แบบผมผู้ชายที่ไหนเขาจะมาชอบ  ที่สำคัญ... ผมเองก็ไม่ได้มีรสนิยมแบบนั้นด้วยเหมือนกัน  แต่ที่เขาถามนั้นหมายถึงคนข้างๆ ผมครับ  แพรว... เธอเป็นเพื่อนสนิทในกลุ่มผมครับ  เป็นคนที่หน้าตาน่ารักถึงแม้ว่าจะไม่ได้สวยขนาดดาวของคณะผมก็ตาม  แต่บอกได้เลยครับว่า  ใครเห็นก็ต้องมีหันกลับมามองกันบ้างแหละ

“ แพรวค่ะ...  แต่หนูขอโทษนะคะพอดียังไม่สะดวกที่จะให้ไลน์น่ะค่ะ “  แพรวพูดตัดบทก่อนจะดึงชายเสื้อผมที่กำลังถือจานข้าวราดแกงอยู่ในมือให้รีบเดินกลับโต๊ะซึ่งมีเพื่อนผู้ชายอีกคนหนึ่งนั่งรออยู่ก่อนแล้ว

ทุกอย่างเหมือนจะจบไปด้วยดี  แต่เปล่าเลยครับ  พอเราทานข้าวกันเสร็จและกำลังจะออกจากโรงอาหาร  กลุ่มรุ่นพี่พวกนั้นก็มาดักรอและยังคงตื๊อแพรวไม่เลิกรา  จนคนแรงๆ อย่างผมต้องออกหน้ามาพูดแทน

“ พูดตรงๆ นะครับพี่  คือเพื่อนผมเขาไม่รู้จักพวกพี่  และก็ไม่อยากจะให้ไลน์ด้วย  ดังนั้นเลิกตื๊อเถอะครับ  พวกผมต้องรีบกลับไปเรียนแล้ว “

ผมพูดด้วยน้ำเสียงแข็งๆ ตามสไตล์ของผม  ก่อนจะจูงมือแพรวให้เดินเลยกลุ่มพวกรุ่นพี่นั้นไป  แต่แล้วแขนอีกข้างของผมกลับถูกจับรั้งไว้ด้วยมือด้านๆ ของรุ่นพี่คนที่เข้ามาขอไลน์แพรวในตอนแรกครับ  ผมหันขวับมามองด้วยสายตาเอาเรื่อง  เพราะอย่างที่รู้กันครับว่าผมเป็นคนที่ค่อนข้างไม่ยอมใครอยู่แล้ว

“ แล้วมึงเป็นใคร  เสือกอะไรด้วย  เป็นแค่ปีหนึ่งอย่าเปรี้ยวให้มันมาก “  เขาว่ามาครับ

“ อ่าวพี่!  นี่เพื่อนผม  แล้วพวกพี่ก็กำลังบังคับในสิ่งที่เขาไม่ชอบอยู่  แล้วจะไม่ให้ผมยุ่งได้ไง “

ผมยอมเสียที่ไหนล่ะครับ  พร้อมชนเสมอ  จนแพรวต้องดึงแขนรั้งเอาไว้  แล้วเร่งให้ผมรีบออกไปจากตรงนี้  แต่ดูเหมือนว่าสถานการณ์ตอนนี้ถึงผมอยากจะออก...  มันก็คงจะยากแล้วล่ะครับ

“ อ้าวเห้ย!  ไอ้เคมากินข้าวที่นี่ด้วยเหรอวะ “

เมื่อเสียงคุ้นหูของไอ้เรย์ดังขึ้น  สถานการณ์ก็ดูเหมือนจะเปลี่ยนไปครับ  เพราะเด็กวิศวะแก๊งของกันต์เดินมากันยกแก๊งเลย  และถึงแม้ว่ากันต์จะเป็นคนใจสู้  แต่เรื่องต่อยตีคงจะไม่ไหวเอาแน่ๆ  แต่ถ้าเป็นไอ้เรย์กับไอ้ธันนี่สบายเลยครับ  เอาไอ้พวกรุ่นพี่นักเลงพวกนี้ลงได้สบายแน่ๆ

เมื่อพวกวิศวะเดินมาถึง  ไอ้คนที่จับแขนผมไว้ก็รีบปล่อยมือของมันทันที  จำนวนคนไม่เท่าไหร่หรอกครับ  แต่ขนาดตัวไอ้เรย์คงข่มไปได้ไม่น้อยเลยทีเดียว

“ ฝากไว้ก่อนนะมึง... “

ไอ้คนที่เข้ามาขอไลน์แพรวในตอนแรกพูดขึ้นมาแต่ก็ไม่เต็มเสียงสักเท่าไหร่  ก่อนที่พวกรุ่นพี่ทั้งสี่คนกลุ่มนี้จะเดินแยกตัวออกไป  กันต์ถามผมว่ามีเรื่องอะไรกันหรือเปล่า  แต่ผมก็ปฏิเสธไปไม่อยากให้มันเป็นเรื่องขึ้นมาหรอกครับ  เพราะยังไงก็ไม่รู้จักกันอยู่แล้ว  จะได้ไม่ต้องมีปัญหาบานปลายกันทีหลัง

ปกติพวกกันต์ไม่ค่อยได้มากินข้าวกันที่โรงอาหารกลางกันนักหรอกครับ  แต่เพราะวันก่อนพวกไอ้แน๊คมันเล่าให้ฟังว่าพี่กิจเล่นเปิดตัวแฟนกันกลางหอประชุมคณะเลย  กันต์มันเลยอายสู้หน้าคนในคณะไม่ค่อยจะได้น่ะครับ  ช่วงนี้เลยต้องหลบมากินข้าวไกลถึงโรงอาหารกลางอยู่แบบนี้  แต่จะว่าไปผมเองก็พึ่งรู้นะครับว่าพี่กิจผู้ชายที่เป็นที่หมายปองที่สุดในมหาลัยฯ จะเป็นแฟนกับกันต์มันแบบนี้  ถึงว่าล่ะทำไมตอนเทอมที่แล้วช่วงกีฬาเฟรชชี่ถึงได้เอาใจใส่กันต์มันมากนัก  แต่ก็ไม่แปลกใจเท่าไหร่หรอกครับ  เพราะกันต์มันน่ารักแถมนิสัยดีขนาดนี้

ตอนนี้ผมก็เริ่มสนิทกับกลุ่มนี้มากขึ้นกว่าแต่ก่อนแล้วล่ะครับ  ยิ่งได้ย้ายเข้ามาอยู่ที่บ้านเช่าเดียวกันกับไอ้พวกนี้ด้วยแล้ว...  จากที่เกร็งๆในตอนแรก  ตอนนี้ก็เริ่มคุ้นเคยกันมากขึ้น  เล่นหัวกันได้อย่างเพื่อนฝูงปกติแล้วล่ะครับ  ทั้งนี้ทั้งนั้นส่วนหนึ่งเพราะนิสัยของไอ้พวกนี้ด้วยแหละ  ที่ค่อนข้างจะเฟรนลี่และนิสัยดีใช้ได้เลยทีเดียว

เราแยกกันหลังจากนั้นไม่นานครับ  เพราะผมมีเรียนแลปในช่วงบ่าย  แถมตึกเรียนก็ยังอยู่ไกลจากที่นี่อีก  ก็เลยต้องรีบไปกันสักหน่อยครับ  แต่ที่โชคร้ายก็คือ...  วันนี้พาร์ทเนอร์แลปผมมันดันขาดเรียน  ผมก็เลยต้องทำแลปนี้เพียงคนเดียว  ซึ่งแน่นอนครับว่าต้องเสร็จเป็นกลุ่มสุดท้ายไปตามระเบียบ

ผมส่งรีพอร์ทที่โต๊ะอาจารย์ก่อนจะกลับมาที่ห้องแลปอีกครั้งเพื่อเก็บของและกระเป๋า  ซึ่งตอนนี้ก็ไม่เหลือใครอยู่แล้วล่ะครับในห้อง  ผมลงมาจากตึกก็เย็นมากแล้ว  ก่อนจะเดินกลับไปที่คณะเพื่อไปเอารถจักรยานที่จอดทิ้งเอาไว้ที่นั่น

“ เดี๋ยวสิมึง…. “

เสียงคุ้นหูดังขึ้นให้ผมหันหลังกลับไปมองครับ

ชิบหายละ...  ไอ้พวกรุ่นพี่เมื่อตอนกลางวันนี่หว่า  แถมตอนนี้มายืนล้อมผมเอาไว้เกือบสิบคนเลยล่ะครับ  ไม่น่ารอดแล้วล่ะครับผมวันนี้...

“ อะไรครับพี่ “

ผมถามไปเสียงเย็นเหมือนใบหน้าที่เฉยชาหากแต่เอาเรื่องของผมในตอนนี้  บอกได้เลยครับว่านิสัยผมมันอ้อนตีนคนสุดๆ เลยทีเดียว

“ เปรี้ยวนักเหรอวะมึงอะ “  พี่คนที่ดึงแขนผมเมื่อตอนกลางวันพูดขึ้น   ท่าทางคงจะแค้นผมน่าดู  ผมยิ้มพลางถอนหายใจเล็กๆ ก่อนจะตอบออกไปแบบยิ้มๆ

“ เปรี้ยวรึเปล่าผมไม่รู้  แต่ผมก็ไม่หมาหมู่หรอกครับ “

ไหนๆ ก็ต้องโดนอยู่แล้ว  กวนตีนมันไปเลยก็แล้วกัน  และก็ไม่ต้องให้รอนานครับ  หมัดแรกก็สวนเข้ามาที่แก้มผมทันที  ผมล้มลงไปยังพื้นซีเมนต์เพราะไม่ทันได้ตั้งตัว  สถานการณ์ตอนนี้มันแย่เอามากๆ เลยล่ะครับ  เพราะที่ลานจอดรถจักรยานตอนนี้มันไม่เหลือใครพอที่จะช่วยผมได้เลย  ไม่อย่างนั้นพวกรุ่นพี่กลุ่มนี้คงไม่กล้าลงมือในมหาลัยฯ แบบนี้เป็นแน่

ผมรีบยันตัวลุกขึ้นมาอย่างไวและสวนกลับไปได้หมัดนึง  ย้ำว่าหมัดนึงนะครับ  เพราะหลังจากนั้นทั้งหมัดทั้งตีนก็ถาโถมเข้ามาหาผมจนแยกไม่ออกเลยครับว่าของใครเป็นของใคร  เรียกได้ว่าเจ็บจนชากันเลยทีเดียว

“ เห้ย! หยุดนะเว้ยพวกมึง !! “ 

เหมือนจะได้ยินเสียงของใครบางคนเลยครับ  ทว่าพายุตีนก็ยังคงถาโถมเข้ามาไม่หยุดหย่อนเหมือนเดิม  แต่ไม่นานผมก็รับรู้ได้ว่าปริมาณมันลดลงไปพร้อมกับเสียงโอดครวญของไอ้พวกรุ่นพี่กลุ่มนั้น  บางคนกระเด็นลงไปนอนบนพื้น  บางคนเลิ่กลั่กทำตัวไม่ถูกก่อนจะตัดสินใจเปลี่ยนเป้าหมายจากผมไปที่ใครบางคน  ผมลืมตาที่เกือบจะปิดลงเพราะเลือดที่ปลายคิ้ว  มองคนสามสี่คนที่กำลังรุมชายร่างสูงเพียงคนเดียว  แต่ดูเหมือนว่ากลุ่มรุ่นพี่เหล่านี้จะเสียเปรียบซะมากกว่า  อย่างไอ้ผมยาวคนนั้นโดนชกไปแค่หมัดเดียวก็ล้มลงจนลุกไม่ขึ้นไปเลย  ส่วนผมที่ตอนนี้ได้จังหวะสวนคืนก็ไม่ยอมที่จะถูกกระทำอยู่ฝ่ายเดียวแล้วล่ะครับ  ก็เลยชุลมุนกันไป  แต่ก็ไม่นานหรอกครับ  เมื่อมีเสียงหนึ่งในกลุ่มรุ่นพี่อันธพาลเหล่านั้นตะโกนขึ้นมาเสียงตื่น

“ ชิบหายละ!!!  พวกมึงทุกคนหยุดเว้ย!!  กูบอกให้หยุดไง!! “

เสียงที่ดังสนั่นนี้ทำให้ทุกคนหันกลับมามองยังเจ้าของเสียง  ซึ่งดูท่าว่าจะเป็นหัวโจกของแก๊ง

ผมมองไปยังชายร่างสูง  ซึ่งสูงเอามากๆ เลยล่ะครับ  เพราะขนาดผมสูง 183 ยังดูเตี้ยไปเลย  ท่าทางน่าจะสูงไม่ต่ำกว่า 195 เห็นจะได้  เขากำลังปาดเลือดที่ซิบอยู่บริเวณมุมปากออก  แต่อย่าคิดว่าเขาเจ็บหนักนะครับ  เพราะถ้าเทียบกับไอ้พวกที่ลงไปนอนกองกันอยู่บนพื้นแล้ว  เขายังดูชิลกว่ามากเลยล่ะครับ

“ น้องพี...  เพื่อนพี่ไม่รู้ว่าเป็นน้อง  พวกพี่ขอโทษด้วยนะครับ “ 

เจ้าของเสียงพูดขึ้นพลางประหงกหัวป้อยๆ บอกไป  ในขณะที่ชายคนนั้นมองตาขวางหน้านิ่งราวกับแผ่จิตสังหารออกมาข่มขวัญคู่ต่อสู้ได้เสียอย่างนั้น

“ อ้าวพวกมึง!!  รีบขอโทษน้องพีเขาสิวะ !! “
 
ไอ้หัวโจกกลุ่มนี้มันว่ามาต่อครับ  ซึ่งบางคนก็ทำหน้างง  แต่บางคนที่ราวกับจะนึกและจำได้ก็รีบขอโทษขอโพยชายคนนั้นเป็นการใหญ่เลยล่ะครับ

“ อะไรของมึงเนี่ย  กะอีแค่คนๆ เดียวมึงกลัวเหรอวะ “  หนึ่งในนั้นพูดขึ้นมา  ก่อนจะโดนตอกกลับไปอย่างทันควัน

“ ถ้ามึงไม่อยากมีเรื่องกับชมรมลักบี้วิศวะมึงหุบปากและขอโทษเขาไปซะ  ที่สำคัญมึงคงไม่อยากมีเรื่องกับแก๊งกิจวิศวะใช่มั้ย!! “

ทันทีที่ชื่อพี่กิจดังขึ้นมา  คนพวกนั้นก็ทำหน้าเจื่อนขึ้นมาทันทีเลยครับ  พวกเขาขอโทษขอโพยพี่ตัวสูงคนนั้น  และเหมือนจะพูดคุยอะไรกันสักอย่างก่อนจะแยกตัวกันออกไปทั้งกลุ่ม ( ในสภาพที่หลายคนสะบักสะบอม )

“ หมดเรื่องละ  พวกนั้นจะไม่มายุ่งวุ่นวายกับน้องอีก... “

เขาเดินมาบอกผมเสร็จก็หันหลังเดินกลับไปหยิบเอาเสื้อช็อปสีกรมท่าขึ้นมาพาดบ่าแล้วทำท่าว่าจะเดินจากไป

“ เดี๋ยวก่อนครับ ! “

ผมร้องเสียงดังเพื่อรั้งเอาไว้  ซึ่งเขาก็หยุดเดินก่อนจะหันมาชายตามองผมอย่างเหนื่อยหน่าย

“ ขอบคุณนะครับที่ช่วยผม “

“ ไม่เป็นไร...  กูผ่านมาพอดี...  อีกอย่างรุ่นพี่รุมรุ่นน้องมันเป็นเรื่องน่าเกลียดโครตๆ  กูไปละ..  แล้ววันหลังมึงก็อย่าเปรี้ยวให้มันมากนัก..  เป็นรุ่นน้องน่ะ “

เขาหันหลังก่อนจะยกมือลาแล้วเดินจากไปอย่างไม่สนใจอะไรผมอีก

ไอ้เท่ห์มันก็เท่ห์อยู่หรอก  แต่น้ำเสียงเฉยชามันก็น่าหมันไม่ใช่น้อย

แต่ว่า....  ถึงยังไงผมก็ต้องขอบคุณเขานะครับ....



ช่วงค่ำที่บ้านเช่า

“ สัดเค...ไม่บอกกูวะ  ถึงเป็นรุ่นพี่แต่ถ้าทำแบบนี้มันต้องเจอตีนกูบ้างละ “  ไอ้เรย์ชกมือตัวเองเมื่อผมเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นให้ฟัง  ในขณะที่ไอ้เจมส์กำลังเอาคัตเตอร์บัตชุบเบตาดีนละเลงแผลที่หางคิ้วและมุมปากให้ผมอยู่

“ เอาจริงกูยังไม่รู้เลยนะว่าพวกแม่งมันคณะไหนกัน “  ผมว่าไปครับ

“ ให้กูสืบให้เอาป่ะ “  ไอ้แน๊คว่ามา

“ ไม่ต้องหรอก  น่าจะจบเรื่องละ  และอีกอย่าง...  กูเองก็ไม่อยากให้มีเรื่องมากไปกว่านี้ด้วย “  ผมว่าไปตามจริงครับ  เพราะถึงผมจะซ่าส์ไปหน่อย  แต่ผมก็ยังอยากเรียนหนังสือมากกว่าไปเที่ยวหาเรื่องชาวบ้านเขาแบบนี้นะครับ

“ แม่งเอ้ย...สภาพเดือนเภสัทฯกู ฮ่าๆๆ  นี่ถ้าไอ้กันต์มันมาเห็นนะ  แม่งขำไม่หยุดแน่ “  ไอ้เจมส์ทำแผลไปพลางว่าผมไปพลางครับ

“ เออพวกมึง  กูมีเรื่องอยากจะถามหน่อยว่ะ  แก๊งพี่กิจนี่มีใครบ้างวะ “  ผมถามพวกเด็กวิศวะด้วยความอยากจะรู้ถึงคนที่มาช่วยผมเอาไว้ครับ

“ ก็มีพี่กิจ  พี่พี  พี่บิว  แล้วก็พี่คิม  หลักๆ ก็มีกันสี่คน  แก๊งนี้เขามีฉายาว่าแก๊งจตุรเทพนะเว้ย “  ไอ้แน๊คผู้รอบรู้ (เรื่องชาวบ้าน)  อธิบายมาครับ

“ แล้วมัน.... ยังไงวะ “  ผมถามต่อด้วยความไม่รู้ครับ

“ ก็เป็นกลุ่มที่หน้าและโปรไฟล์ดีที่สุดในมหาลัยฯ ก็ว่าได้  แต่ถึงตัดเรื่องพวกนั้นออกไปก็ยังไม่ธรรมดาอยู่ดี  ไม่อย่างนั้นเขาคงไม่เรียกว่าเป็นมาเฟียมหาลัยฯหรอก “
 
ไอ้แน๊คว่ามาผมก็พอจะเข้าใจได้ครับ   เพราะเท่าที่เห็นคนที่ชื่อพีนั่นก็ธรรมดาซะที่ไหน  นอกจากจะสูงใหญ่  หล่อแบบเข้มๆ แล้ว  ความสามารถในการจัดการคนก็ไม่ใช่น้อย  แล้วนี่ถ้ามากันครบแก๊งจะขนาดไหนกันล่ะเนี่ย....  แทบไม่ต้องคิดกันเลยล่ะครับ

“ แล้วคนที่ชื่อพีล่ะ  มึงพอมีข้อมูลมั้ย “  ผมถามต่อเพราะอยากรู้ข้อมูลของคนที่มาช่วยผมครับ

“ พี่พีน่ะเหรอ  แกเป็นรองประธานชมรมลักบี้ของมหาลัยฯ และของคณะ  ที่บ้านทำธุรกิจรีสอร์ทและโรงแรมอยู่ทางใต้  เป็นคนขรึมๆ หน่อย  เลยไม่ค่อยมีคนกล้าเข้าใกล้มาก  ส่วนเรื่องผู้หญิงนี่ได้ข่าวมาน้อยนะ  เพราะพี่แกไม่ค่อยมีข่าวเจ้าชู้เหมือนพี่คิมกับพี่กิจน่ะ “

ผมพยักหน้ารับรู้ก่อนจะร้องเสียงหลงเมื่อไอ้เจมส์มันกดแผลที่มุมปากผมแรงไปหน่อยครับ

คืนนี้ผมนอนไม่ค่อยหลับเพราะเอาแต่คิดถึงเรื่องเมื่อตอนเย็นนี้อยู่ครับ  นี่ถ้าพี่พีไม่เข้ามาช่วยผมเอาไว้  ป่านนี้ผมคงนอนอยู่โรงพยาบาลไปแล้วล่ะครับ  ที่สำคัญ...  ผมลบความประทับใจของแผ่นหลังกว้างที่เดินจากไปนั่นไม่ได้เลยสักที  เท่ห์เป็นบ้าเลย... คนอะไรวะ
หัวข้อ: Re: My Gear รักร้ายๆ ของคุณชายเย็นชา 2 ( Chapter 4 - 17/9/62 )
เริ่มหัวข้อโดย: หมีขาว ที่ 19-09-2019 11:56:04
สองวันต่อมาอาการผมดีขึ้นมากครับ  ถึงจะยังเจ็บเนื้อเจ็บตัวอยู่บ้างแต่ก็เดินได้คล่องกว่าก่อนหน้านี้เยอะ

“ เฮ้ยเค....  พี่โอ๊ตพี่รหัสกูเขามีแข่งลักบี้เย็นนี้ว่ะ  มึงไปเชียร์พี่เขาเป็นเพื่อนกูหน่อยดิ “  ไอ้เอฟเพื่อนคณะที่ผมมักจะไปไหนมาไหนด้วยกันบ่อยๆ ว่ามาครับ

“ ขี้เกียจว่ะมึง  กูดูเป็นซะที่ไหนล่ะลักบี้  ไปก็น่าเบื่อเปล่าๆ “ 

ผมว่าไปตามจริงครับ  อีกอย่างผมว่าจะไปเล่นแบดที่ชมรมด้วย  ยิ่งใกล้กีฬาเฟรชชี่แล้ว  ผมยิ่งต้องเร่งซ้อมให้มากขึ้นครับ  เพราะถึงผมจะเป็นปีหนึ่ง  แต่ทางคณะได้ส่งให้ผมเป็นตัวแทนเข้าแข่งกีฬามหาลัยฯ  ทำไงได้ล่ะครับ  คณะเภสัทฯเรามันไม่ค่อยมีคนเล่นแบดกันสักเท่าไหร่

“ เออ....  ก็แล้วแต่มึงละกัน  แต่แพรวไปด้วยกันนะ  เราไม่ค่อยอยากฉายเดี่ยวเข้าไปในคณะวิศวะน่ะ  มันดูน่ากลัวยังไงไม่รู้  นะแพรว.. น้าๆๆ “

อะไรนะ...  แข่งกับวิศวะเหรอ...

“ เออกูไปเป็นเพื่อนมึงด้วยก็ได้  เดี๋ยวโดนดักตีหัวอีกจะลำบากกูหามส่งโรงพยาบาล “  ผมว่าไปแบบส่งๆ ครับ  ทั้งๆ ที่ความจริงแล้ว.... ไม่อายจะพูดได้เต็มปากว่าผมเองต่างงหากที่อยากไป...

คือ...  ก็แค่อยากไปขอบคุณใครบางคนให้มันเป็นเรื่องเป็นราวหน่อยอะครับ....  จะได้จบๆ ไป  ไม่อยากมีอะไรต้องคาใจอีก…


เย็นวันนี้พวกผมสามคนซึ่งมีผม  ไอ้เอฟแล้วก็แพรว  เดินงงๆ กันเข้าไปยังสนามลักบี้ซึ่งอยู่ติดกับคณะวิศวะฯ  ที่บอกว่าเดินงงๆ นี่ไม่ใช่เพราะว่าไม่รู้จักเส้นทางไปหรอกนะครับ  แต่ผมกำลังหมายถึงว่าพวกเรากำลังเดินเข้ามาในดงเด็กช่างใส่ช็อปกันจนแน่นเกือบทั้งสนามเลยล่ะครับ  ก่อนจะมองเห็นแสงสว่างรำไรจากชุดนักศึกษาสีขาวและรุ่นพี่ที่คุ้นหน้าอยู่บ้างประมาณสิบกว่าคน  ท่ามกลางเสื้อช็อปสีกรมท่านับร้อยครับ

“ เชี่ย...  ทำตัวไม่ถูกเลยว่ะมึง “  ไอ้เอฟว่ามาครับ  ซึ่งอย่าว่าแต่มันเลย  ขนาดผมยังอดเกร็งๆ ขึ้นมาไม่ได้อยู่เหมือนกัน

เราเดินเข้ามาถึงกลุ่มกองเชียร์คณะเภสัทฯ ที่ตอนนี้ทำตัวลีบไม่กล้าเชียร์อะไรจนออกนอกหน้ามากไป  เพราะเสียงของคณะคู่แข่งมันดังจนกลบเสียงพวกเราที่มีกันไม่ถึงยี่สิบคนไปจนหมดแล้ว

จากนั้นไม่นานนักกีฬาก็เริ่มลงมากันในสนาม  บอกได้เลยครับว่าผมไม่รู้จักนักกีฬาฝั่งผมเลยสักคน  ซึ่งคนเดียวที่ผมรู้จักแม้ว่าเขาจะไม่รู้จักผมก็ตามกลับเป็นนักกีฬาของฝั่งตรงข้าม  แถมยังเรียกเสียงกรี๊ดกร๊าดจากบรรดาสาวๆ ได้มากเลยทีเดียว  ไม่แปลกใจหรอกครับ  สูงโดดซะขนาดนั้น  ผิวสีแทน  หน้าคมเข้ม  หล่อชนิดไม่เกรงใจเพื่อนร่วมทีมเอาเสียเลย

“ นี่มึงเห็นพี่คนสูงๆ ฝั่งนั้นมั้ยวะ “  ไอ้เอฟสะกิดถามผมขึ้นมาครับ  ซึ่งผมก็พยักหน้ารับรู้ไปเล็กๆ

“ ชื่อพี่พีเว้ย  กูได้ข่าวมานะว่าตั้งแต่พี่แกเข้าชมรมมา  วิศวะก็ไม่เคยแพ้คณะไหนอีกเลย “  มันว่ามาราวกับชื่นชมคู่แข็งเสียอย่างนั้น  แต่ว่าถ้าเป็นอย่างนั้นจริง...  ผลวันนี้ก็คงไม่ต้องลุ้นให้ยากเลยครับ

เภสัทฯ เราแพ้ชัวร์....

ซึ่งก็เป็นไปตามนั้น  แต่ที่หนักกว่าก็คือ...  แพ้ขาดเลยทีเดียว....

ผมแยกกับแพรวและไอ้เอฟที่สนามครับ  เพราะพวกนั้นต้องรีบกลับไปให้ทันรถตู้  ส่วนผมต้องกลับไปเอาจักรยานที่ขี่มาจอดไว้ในคณะวิศวะครับ

“ อ่าวเค  มาทำไรที่นี่วะ “  เสียงกันต์ตระโกนดังมาไกลๆ ในระหว่างทางที่ผมจะไปเอารถจักรยานครับ  พอหันกลับไปก็พบว่าพวกมันมากันทั้งแก๊งเลย

“ มาเชียร์ลักบี้คณะน่ะ “  ผมตอบไปเมื่อพวกนั้นเดินเข้ามาถึง

“ เดี๋ยวพวกเรากำลังจะไปกินข้าวกันหลังมอ  ไปด้วยกันมั้ย “  กันต์ชวนมาครับ

“ เออเอาดิ  เดี๋ยวกูไปเอาจักรยานก่อนแล้วเดี๋ยวตามไปนะ “

ผมว่าจบพวกเราก็แยกย้ายกันครับ  ผมมุ่งหน้าตรงไปถึงยังที่จอดรถจักรยาน  แต่พอขี่ออกมาได้ยังไม่ทันจะพ้นตัวคณะเลยจักรยานเจ้ากรรมแม่งก็ล้อฟรีขึ้นมาเสียอย่างนั้น

“ เชี่ย!  มาโซ่หลุดอะไรตอนนี้วะ “ 

จากนั้นผมก็พยายามจะซ่อม  แต่เพราะการที่ขี่เป็นอย่างเดียวและก็ไม่ใช่ช่าง  มันก็เลยไม่สำเร็จครับ  ผมเลยได้แต่ถอยหายใจและเตรียมตัวเข็นกลับ  เพราะป่านนี้แล้วคงไม่มีร้านไหนเปิดแล้วล่ะครับ  แถมฟ้าก็เริ่มมืดลงแล้วด้วย  คนในคณะที่เมื่อกี้อยู่กันครึกครื้นตอนนี้กลับหายเงียบกันไปหมดราวกับถูกเวทมนต์เสกให้หายไปเลยทีเดียว

ผมเดินเข็นจักรยานเซ็งๆไปได้ไม่นาน  จู่ๆ ไฟหน้ารถก็สว่างวาบขึ้นมาจากทางด้านหลังของผมครับ  ก่อนจะได้ยินเสียงจอดและดับเครื่องให้ผมหันกลับไปหยีตาสู้แสงจ้าของไฟหน้ารถ  ไม่นานไฟหน้ารถก็ดับลงแต่ตาผมยังพร่าอยู่จากแสงจ้าเมื่อสักครู่  เจ้าของรถร่างสูงเปิดประตู CHR ลงมาก่อนจะเดินตรงเข้ามาหาผม

“ รถเป็นไรวะน้อง...  อ้าวเห้ย!  มึงคนเมื่อวันก่อนนี่  อยู่วิศวะด้วยเหรอ   ทำไมกูไม่เคยเห็นหน้าเลยวะ “

เมื่อตาผมปรับสภาพจากแสงได้แล้วถึงได้รู้ว่าคนตรงหน้าคือคนที่ผม...  ตั้งใจอยากจะมาเจอในวันนี้  แต่ก็ไม่มีโอกาสและไม่กล้าพอที่จะเข้าไปหาเพื่อขอบคุณ

“ เอ่อ..เปล่าครับ  พอดีผมมาเชียร์ลักบี้คณะอะครับ  ผม..  อยู่เภสัทฯ “  ผมตอบไปครับ  แต่ไม่รู้สิทำไมถึงเกร็งๆ จนไม่กล้ามองหน้าพี่เขาได้เต็มๆ เลยแบบนี้

“ อ๋อ..  ว่าแต่รถเสียเหรอ... “

“ ครับพี่  โซ่มันหลุดอะครับ  แถมซ่อมเองก็ไม่เป็นด้วย “  ผมว่าไปตามจริงครับ

“ อืม.. มาๆ เดี๋ยวพี่ช่วยดูให้ “

พี่เขาว่ามาพลางลุกขึ้นไปเปิดท้ายรถ  แม้ผมจะห้ามบอกว่าไม่เป็นไรแต่เขาก็ไม่ฟังอะไรเลย  ก่อนจะเดินกลับมาพร้อมกล่องเครื่องมือ  ผมมองพี่เขาซ่อมไม่นานทุกอย่างก็เสร็จสมบูรณ์ง่ายดาย  ต่างจากผมที่พยายามจนมือดำจากคราบน้ำมันไปหมดแล้ว

“ เรียบร้อยละ “  พี่เขายกมือปาดเหงื่อบนใบหน้าเล็กๆ  จนผมเห็นรอยดำของคราบน้ำมันเปื้อนที่แก้ม  ผมเลยล้วงเอาผ้าเช็ดหน้าของตัวเองออกมาจากกระเป๋า

“ ขอโทษนะครับพี่... “

ผมเดินเข้าไปหาและไม่รู้ว่าเอาความกล้ามาจากไหนที่เอ่ยขึ้นมาแบบนี้  ก่อนจะเอามือเอื้อมไปเช็ดแก้มให้พี่เขาเบาๆ ด้วยผ้าเช็ดหน้าในส่วนที่สะอาด ( เพราะส่วนที่มือผมจับมันเปื้อนคาบดำจากน้ำมันตอนผมพยายามซ่อมรถ )

พี่เขาผงะตัวไปเล็กน้อยในตอนแรก  แต่สุดท้ายก็ยืนนิ่งๆให้ผมเช็ดได้สะดวก  ผมได้กลิ่นเหงื่อจากตัวพี่เขาผ่านชุดกีฬามาบางๆ  และอย่าหาว่าผมโรคจิตเลยนะครับ  ผมรู้สึกว่ามันโครตเซ็กส์ซี่เลย  จนผมเผลอกลืนน้ำลายตัวเองพร้อมกับมือที่เริ่มอ่อนแรง...
นี่กูเป็นเชี่ยอะไรวะเนี่ย...

ไม่นานผมก็ละมือออกก่อนจะก้มหน้าก้มตาจับรถจักรยานเพื่อจะรีบขี่ออกไปจากตรงนี้ให้เร็วที่สุด  ด้วยหัวใจที่เต้นรัวขึ้นมาเสียอย่างนั้น  จนไม่กล้าสู้หน้าพี่เขาเลยในตอนนี้  แถมในหัวก็ยังลืมไปหมดเสียทุกอย่าง  แม้กระทั่งเรื่องที่จะขอบคุณพี่เขาในเวลาที่สะดวกเช่นนี้

“ เดี๋ยวน้อง! “

พี่เขาร้องทักขึ้น  ผมจึงชะงักเท้าที่กำลังจะปั่นรถจักรยานลงทันที  หากแต่ไม่กล้าหันกลับไปมองตามเสียงนั้นเลยแม้แต่น้อย

“ ชื่ออะไรนะเราอะ...  วันหลังเจอจะได้เรียกถูก “

ถึงจุดนี้ผมจึงได้หันหน้ากลับไปมองร่างสูงก่อนจะเอ่ยออกมาเพียงคำสั้นๆ...

“ เค...ครับ “ 

“ พี่ชื่อพีนะ.. “

พี่เขาบอกมาก่อนจะอมยิ้มเล็กๆ ส่งมาให้ด้วย  ตายๆ งานนี้...  นี่ผมเผลอรู้สึกประทับใจกับผู้ชายแบบนี้ขึ้นมาได้ยังไงกันวะเนี่ย!!!
เราแยกจากกันในขณะที่ท้องฟ้ามืดลงจนสนิทแล้ว  หากแต่ความประทับใจกลับก่อตัวขึ้นมาแทนที่แสงสว่างของขอบฟ้ามาเสียอย่างนั้น...



TBC.



-----------------------------------------------

ตอนหน้าเจอกันวันจันทร์เหมือนเคยนะครับ
ขอบคุณสำหรับทุกการติดตามและกำลังใจ
ขอให้ทุกคนมีความสุขกับนิยายนะครับ  :mew2:
 :mew5: :mew5: :mew5: :mew5: :mew5:
^____________________________________^

----------------------------------------------------

ช่องทางการติดต่อคนเขียน  ทวิตเตอร์  @phanusun_p
หัวข้อ: Re: My Gear รักร้ายๆ ของคุณชายเย็นชา 2 ( Chapter 5 - 19/9/62 )
เริ่มหัวข้อโดย: warin ที่ 19-09-2019 21:46:56
ขอบคุณค่า สนุกน่ารักกว่าภาคแรกอีกแน่ะ
ดีใจที่ได้อ่านภาค2จ้า มีหลายคู่ด้วย
ติดตามจ้า
หัวข้อ: Re: My Gear รักร้ายๆ ของคุณชายเย็นชา 2 ( Chapter 5 - 19/9/62 )
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 19-09-2019 22:51:29
เปิดคู่ใหม่แล้ว ต่อเลย   ๆๆๆๆ  :katai2-1:
หัวข้อ: Re: My Gear รักร้ายๆ ของคุณชายเย็นชา 2 ( Chapter 5 - 19/9/62 )
เริ่มหัวข้อโดย: kunt ที่ 19-09-2019 23:19:41
หวั่นไหวกันเบาๆ อร้ายยยย
หัวข้อ: Re: My Gear รักร้ายๆ ของคุณชายเย็นชา 2 ( Chapter 5 - 19/9/62 )
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 20-09-2019 00:17:27
อันนี้คือคู่รองใช่ป่าวอ่ะ
หัวข้อ: Re: My Gear รักร้ายๆ ของคุณชายเย็นชา 2 ( Chapter 5 - 19/9/62 )
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 20-09-2019 02:26:58
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: My Gear รักร้ายๆ ของคุณชายเย็นชา 2 ( Chapter 5 - 19/9/62 )
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 20-09-2019 08:31:42
 :L2: :pig4:
หัวข้อ: Re: My Gear รักร้ายๆ ของคุณชายเย็นชา 2 ( Chapter 5 - 19/9/62 )
เริ่มหัวข้อโดย: หมีขาว ที่ 23-09-2019 21:19:23
Chapter  6




เค ’s  Part





ที่ร้านอาหารตามสั่งหลังมหาลัยฯ

ผมมาถึงที่ร้านพอมองไปยังตรงโต๊ะในสุดก็ครึกครื้นไปด้วยกลุ่มของกันต์และรุ่นพี่อีกสามคน  ซึ่งหนึ่งในนั้นก็คือพี่กิจที่นั่งอยู่ข้างๆ กันต์ครับ  ผมสั่งข้าวกระเพราะไก่ไข่ดาวกับป้าเจ้าของร้านก่อนจะเดินตรงเข้าไปหา  พวกนั้นรีบจัดหาเก้าอี้ให้ผมนั่งทันทีครับพร้อมกับแนะนำรุ่นพี่ที่เหลืออีกสองคนให้ผมได้รู้จักซึ่งก็คือพี่คิมกับพี่บิว  และก็จริงอย่างที่ไอ้แน๊คว่ามาเลยครับ  ที่บอกว่าแก๊งพี่กิจนี้มีแต่คนหน้าตาระดับเทพทั้งนั้น

“ ช้าจังเลยวะมึง “  ไอ้เจมส์ถามผมครับ

“ พอดีจักรยานกูโซ่หลุดว่ะ “  ผมตอบไป

“ แล้วซ่อมยัง  กูซ่อมให้มั้ย “  ไอ้ธันขันอาสาครับ

“ เรียบร้อยแล้ว  พอดี... “
 
ไม่ทันที่ผมจะได้พูดจบประโยค  พี่คิมที่นั่งฝั่งตรงข้ามกับผมก็ยกมือทักใครบางคนขึ้นมาทันที

“ เชี่ย!!  ช้าสัด!!  ทำไรมาวะ “  พี่คิมพูดขึ้นครับ  และทันทีที่ใครบางคนด้านหลังผมเดินมาถึงโต๊ะก็เอ่ยตอบด้วยน้ำเสียงที่ผมจำได้แม่นเลยทีเดียว

“ บ่นนะมึงอะ  แล้วนี่จองโต๊ะยังวะ “

พี่พีพูดพลางขยับเก้าอี้ข้างๆ ผมออกมาเพื่อที่จะนั่งลง  แต่พอหันมองคนข้างๆ แล้วเห็นว่าเป็นผม  เขาก็ถึงกับมีสีหน้าผงะไปเล็กน้อยพร้อมกับร้องเห้ย..ออกมาทันที

“ มาได้ไงเนี่ยเค “

รู้สึกดีนะครับที่พี่เขายังจำชื่อผมได้...

“ พี่พีรู้จักไอ้เคมันด้วยเหรอครับ “  กันต์ถามขึ้นก่อนที่ผมจะทันได้ตอบอะไร  ซึ่งพี่พีเขาก็พยักหน้ารับเล็กๆ ก่อนจะตอบออกมาพร้อมกับนั่งลงยังเก้าอี้ตัวที่ยังว่างอยู่ข้างๆ ผมครับ

“ ก็พึ่งรู้จักเมื่อกี้นี่แหละ  แต่ก็เคยเจอมาก่อนหน้านั้นนะ “

“ ตอนกีฬาเฟรชชี่เหรอพี่ “  กันต์ถามต่อ  ซึ่งพี่พีก็ทำหน้าเหมือนนึกอยู่ครู่หนึ่งแล้วตอบกลับมา

“ อ๋อ...  เออใช่  เคคือน้องคนที่แข่งกับกันต์รอบชิงใช่มั้ย “

พอพี่เขาหันมาพร้อมกับชี้นิ้วมาที่ผมเมื่อจำได้ว่าเราเคยเจอกันมาก่อนหน้านี้  ซึ่งอย่าว่าแต่พี่จะไม่รู้เลยครับ  ผมเองก็พึ่งมารู้เหมือนกันเนี่ยแหละ


ระหว่างมื้ออาหารผมสังเกตพี่พีอยู่บ่อยๆ และพบว่าพี่เขาในตอนนี้กับพี่เขาในตอนที่มาช่วยผมเมื่อวันก่อนเป็นอะไรที่แตกต่างกันมาก  ตอนนี้แม้ภาพรวมจะดูขรึมที่สุดในกลุ่ม  แต่คำพูดคำจาก็ดูเป็นกันเองแถมไม่ถือตัวเลยสักนิด  แม้กับรุ่นน้องก็ตาม  ต่างจากภาพลักษณ์ที่ไอ้แน๊คเคยพูดถึงเสียสนิทเลยครับ  เพราะใครจะไปคิดกันว่าคนหล่อๆ ไฮโซๆ กลุ่มนี้จะเป็นกันเองได้มากถึงขนาดนี้  นี่ขนาดผมเป็นเพียงเพื่อนของพวกรุ่นน้องคนสนิทของพวกพี่ๆ เขาเองนะครับ

“ ว่าแต่กันต์ไปด้วยป่าวเนี่ย “

พี่พีถามขึ้นครับ  กันต์มันเลยทำหน้างงๆ ถามกลับมา

“ ไปไหนเหรอพี่ “

“ อ้าวไอ้กิจไม่ได้บอกเหรอว่าวันนี้จะไปร้านประจำกัน “

พี่พีพูดพลางหันไปทางพี่กิจเป็นเชิงถาม

“ ขอเมียมึงยังวะเนี่ย “
 
พี่คิมแซวขึ้นครับ  ทำเอากันต์แทบจะสำลักน้ำที่กำลังดื่มขึ้นมาเลยทีเดียว  ก่อนจะถูกพี่กิจตบหัวเบาๆ ไปทีนึงครับ  จากนั้นก็พากันหัวเราะกันทั้งโต๊ะ มีก็แต่กันต์ที่มีสีหน้าอายจนอยากจะออกไปจากตรงนี้เสียให้ได้  ส่วนพี่กิจก็ได้แต่ยิ้มเจื่อนๆ มองหน้าแฟนตาละห้อยครับ

“ ไปด้วยกันดิเค “

จู่ๆ พี่พีก็หันมายิ้มชวนผมครับ  และจากที่คิดว่าจะไม่ได้ไปเพราะไม่ได้สนิทกับพวกพี่เขาสักเท่าไหร่  พอเจอคำชวนพร้อมรอยยิ้มนี้ของพี่เขาก็เลยตอบตกลงไปอย่างง่ายดายเสียอย่างนั้น  สุดท้ายก็เลยกลายเป็นว่าหลังจากกินข้าวเสร็จพวกผมสี่คนหมายถึง ผมกับไอ้เรย์ ไอ้แน๊คและก็ไอ้เจมส์ต้องรีบกลับไปอาบน้ำแต่งตัวเพื่อเตรียมไปร้านเหล้าข้างมหาลัยฯ กันครับ





พี ‘s  Part




ผมขับรถเข้ามาจอดที่ลานจอดรถของร้านเหล้าร้านประจำก็กว่า 4 ทุ่มแล้วครับ  เมื่อเดินเข้าร้านมายังโต๊ะประจำซึ่งได้อภิสิทธิ์จากเจ้าของร้านเสมอ  ก็พบว่าไอ้กิจ  ไอ้คิมและก็ไอ้บิวมาถึงกันเรียบร้อยแล้ว  ทว่ากลับยังไม่เห็นพวกรุ่นน้องกันเลยสักคน

“ อ่าวไอ้กิจ  ทำไมมึงฉายเดี่ยววะวันนี้  ก็เห็นกันต์ว่าจะมาด้วยนี่ “  ผมทักขึ้นก่อนจะนั่งลงบนโซฟายาวข้างมันครับ

“ กันต์มันลืมไปว่าพรุ่งนี้ต้องส่งงาน CAD มันเลยต้องอยู่ทำน่ะ “  ไอ้กิจว่ามาพลางยกแก้วเหล้าขึ้นจิบ  สาวๆ หลายคนมองมายังโต๊ะพวกเราเสมอทุกครั้งที่มา  ยิ่งไอ้กิจด้วยแล้วยิ่งถูกเพ่งเล็งเป็นพิเศษ  นี่ถ้าเป็นเมื่อก่อนนะ  ถ้าแม่งมีอารมณ์แล้วอยากได้ใครนี่  มันหิ้วกลับได้ทุกคนเลยล่ะครับ  แต่เดี๋ยวนี้โครตตรงกันข้ามเลย  เรียกได้ว่าอยู่ในโอวาทเมียดีๆ นี่เอง  แต่ผมก็เข้าใจมันนะครับ  กันต์มันน่ารักซะขนาดนั้น  นี่ถ้าเป็นเมื่อก่อนผมก็คงมีอิจฉามันบ้างแหละ  แต่เดี๋ยวนี้ทำใจได้นานแล้วครับ  แถมชินกับพวกมันสองคนไปแล้วด้วย

เฮฮากันได้ไม่นานพวกไอ้เรย์ก็ตามมาครับ  ผมมองเลยไปยังไอ้น้องเคที่วันนี้มันใส่เสื้อยืดไม่มีลายสีขาวกับยีนส์ขาดๆ  มา  ตอนแรกที่เห็นบอกได้เลยครับว่ามันเป็นคนหน้าตาดีคนนึงเลยล่ะครับ  สูง  ขาว  ตี๋แบบตาสองชั้น  จมูกเป็นสัน  ผมตรงดำสนิท  เรียกได้ว่าหล่อมาก  ซึ่งเป็นคนละแนวกับกันต์เลย  รายนั้นเป็นสายน่ารัก  แต่ถึงกระนั้นผมก็ไม่ได้ชอบหรือสนใจอะไรเลย  แต่แค่เมื่อตอนเย็นที่มันมาเช็ดคราบน้ำมันที่แก้มให้ผมนั่นแหละ  ที่ทำให้ได้มองผ่านแววตาสั่นระริกอยู่กลายๆ ของมัน  แต่กลับทำให้ผมใจเต้นขึ้นมาเสียอย่างนั้น
 
แล้วเป็นไงล่ะ...  กลายมาเป็นคนที่อยู่สายตาผมที่สุดในกลุ่มของไอ้เรย์ตอนนี้ไปเสียแล้ว 

แต่อย่าพึ่งเข้าใจผิดไปนะครับ  ผมยังไม่ได้ชอบอะไรมันมากขนาดนั้นหรอก 

ก็แค่... 

ดึงดูดดี...

“ อ้าวพี่กิจ  ไอ้กันต์ล่ะ “

ไอ้เรย์ถามคำถามเดียวกันกับผมเลยครับ  และก็ได้คำตอบเหมือนกัน  แต่ปฏิกิริยากลับต่างออกไปโดยสิ้นเชิง

“ ชิบหาย!!!  ลืมสนิทเลย “

 พวกมันสามตัว ( ผมหมายถึงพวก Sec เดียวกันกับกันต์นะครับ )  ต่างอุทานขึ้นมาซะลั่น  จนไอ้บิวหยิบถั่วปาเข้าที่หน้าผากไอ้เรย์ไปเม็ดนึง

สุดท้ายล่มครับ...  คือไอ้พวกนั้นอดของฟรีไปตามระเบียบ  เพราะพวกมันต้องกลับไปนั่งปั่นงานส่งอาจารย์ในวันพรุ่งนี้  ในขณะที่ไอ้น้องเคก็ทำหน้าเหรอหราเมื่อรู้ว่าเพื่อนจะพากันกลับบ้านกันหมดในตอนนี้

“ เคถ้าไม่มีงานก็กินกับพวกพี่ก่อนสิ  เพื่อนใหม่พวกนั้นไม่ใช่เหรอเรา  จะได้ทำความคุ้นเคยกับพวกพี่เอาไว้    อีกอย่าง...  คืนนี้มีสาวแจ่มๆ เพียบเลย “  ไอ้คิมเอ่ยปากชวนน้องมันครับ  เห็นน้องมันเหลือบตามามองผมแว่บหนึ่ง  ซึ่งก็พอดีกับที่ผมมองมันอยู่  ก่อนจะเบนสายตาไปหยิบถั่วในจานขึ้นมาใส่ปากแทน

“ เออมึง...  ไหนๆก็มาแล้ว  นั่งกินกับพวกพี่เขานั่นแหละ  พี่เขาใจดีแถมฟรีด้วยนะมึง  กูบอกเลยว่าไม่อั้น “  ไอ้เรย์พูดพลางตบไหล่เพื่อนมันครับ จากนั้นมันก็คุยกันในกลุ่มอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะหันมาบอกกับพวกผม

“ พี่ผมฝากเพื่อนด้วยนะ  แล้วขอโทษทีพี่  ต้องกลับไปเคลียร์งานอะ “  ไอ้เรย์มันว่ามา

จากนั้นพวกมันก็พากันออกจากร้านไป  เหลือไว้แต่ไอ้น้องเคยืนเก้ๆ กังๆ  ผมเลยเขยิบที่พร้อมกับตบที่โซฟาเบาๆ ให้มันมานั่งข้างๆ ผมครับ  ซึ่งมันดูไม่ค่อยมั่นใจสักเท่าไหร่  แต่ก็ร่นตัวลงมานั่งแต่โดยดี

“ มึงชอบใครได้หมด  เว้นชุดดำผมยาวตรงโน้นนะเว้ยมึง  กูเล็งอยู่ “  ไอ้คิมบอกน้องมันพร้อมกับพยักพเยิดไปทางเป้าหมายคืนนี้ของมันครับ

“ ตามสบายเลยพี่  ผมไม่ใช่สายนี้ “

“ อะไรมึง  อย่าบอกนะว่ามึงยัง... “ 

ฟังน้ำเสียงไอ้คิมผมก็รู้ทันทีเลยครับว่ามันกำลังจะถามน้องมันว่ายังเวอร์จิ้นอยู่เหรอ

“ เปล่าพี่..  ผมแค่ไม่ถนัดเรื่องพวกนี้ “

สัด... แล้วผมจะแอบผิดหวังทำไมวะเนี่ยที่รู้ว่าแม่งไม่เวอร์จิ้นแล้ว...

กินกันไปถึงแค่เที่ยงคืนกว่าๆ ไอ้กิจมันก็ขอตัวกลับไปหาเมียมันครับ  มันบอกว่ากันต์ไม่ให้เมาและกลับดึก  เพราะห่วงที่ไอ้กิจมันเอาบิ๊กไบต์ขับมาคืนนี้

สุดท้ายแม่งก็พ่อบ้านในโอวาทเมียดีๆ นั่นแหละมึง  ไอ้กิจเอ้ย....


ระหว่างนี้ไอ้คิมเริ่มออกล่าเป้าหมายของมันแล้วครับ  ผมกับไอ้บิวเลยต้องอยู่เป็นเพื่อนคุยกับไอ้เคมัน  ซึ่งเท่าที่คุยผมก็สัมผัสได้นะครับว่ามันเป็นคนตรงๆ  ห้าวนิดๆ  แต่ก็ดูเป็นคนดีไม่ใช่น้อย  ผมเห็นบ่อยครั้งที่มีสาวๆ ชายตามามองที่มัน  แต่ดูมันไม่ค่อยจะสนใจสักเท่าไหร่  และถ้าผมไม่คิดไปเอง  ผมรู้สึกเหมือนมันจะเหลือบมามองที่ผมอยู่บ่อยๆ นะครับ  แต่พอผมเหลือบตาไปมองสวน  มันก็เลี่ยงสายตาไปทางอื่นแทน

ไอ้เคมันเป็นคนที่คอแข็งใช่ย่อยเลยครับ  ตอนนี้ก็เกือบจะตีหนึ่งแล้วมันยังคุยชิลๆ ได้อยู่เลย  ส่วนไอ้บิวนั่งเล่นแก้วเหล้าแล้วล่ะครับ  เมามากไม่ได้เพราะต้องขับรถกลับ  ส่วนผมนี่สบายครับ  เพราะในกลุ่มนอกจากไอ้กิจแล้วก็มีผมเนี่ยแหละที่คอแข็ง

แต่ไม่นานจากนี้เท่าไหร่  มันก็เริ่มอ้อแอ้แล้วครับ  หน้าและคอมันแดงอย่างเห็นได้ชัดเลย  แต่ปากก็บอกว่าตัวเองยังไหวอยู่
แต่แม่ง...  ดูตามันสิครับ  เยิ้มเลยเวลาเมา  โครตเซ็กส์ซี่อะ

ผมสะบัดหน้าเพราะรู้ตัวว่าตัวเองกำลังเกิดอารมณ์  อย่าบอกนะว่านอกจากกันต์แล้วผมจะมาเกิดอารมณ์กับผู้ชายที่ไม่ใช่คนน่ารักอะไรเลยแบบนี้อีกคน

เหล้า...  ต้องเป็นเพราะเหล้าแน่ๆ

แต่...  หน้าและสายตามันตอนนี้ทำไมยั่วยวนอารมณ์ได้ขนาดนี้จังวะ....

“ พี่...  ไปห้องน้ำแปบ... “

พอเมาแล้วน้ำเสียงมันก็ห้วนขึ้นครับ  แต่ขอร้องเถอะอย่ามองกูด้วยสายตาแบบนี้อีกได้มั้ย...  กูใจไม่ดีนะเว้ยไอ้เค...

มันเดินเซไปเข้าห้องน้ำ  ผมออกจะเป็นห่วงมันสักหน่อยจากสภาพที่เห็น  แต่ก็ไม่กล้าเข้าไปประคองหรอกครับ  บอกตามตรงผมเริ่มจะรู้สึกไม่ซื่อกับมันตอนนี้สักเท่าไหร่  นี่ถ้าเป็นคนอื่นผมคงสนิทใจที่จะช่วยได้มากกว่านี้

มันหายไปนานพอสมควร  เมื่อผมเห็นว่ามันผิดปกติ  ผมเลยตัดสินใจตามมันเข้าไปครับ  ก่อนจะพบว่ามันกลายเป็นศพอยู่ข้างอ่างล้างมือไปเสียอย่างนั้น ( ไม่ได้หมายความว่าเป็นศพจริงๆ นะครับ  แต่ลงไปนอนพิงผนังอยู่ในตอนนี้ )  โหมดจะคออ่อนแม่งก็อ่อนเกินครับ  หมดสภาพจนดูไม่ได้เลยนะมึง

ผมหิ้วปีกมันกลับมาที่โต๊ะครับ  กะว่าเดี๋ยวผมจะไปส่งมันที่หอตอนนี้เลยดีกว่า

ว่าแต่...  มันพักอยู่ที่ไหนวะ...

ผมลองถามไอ้บิวมันก็ไม่รู้ครับ  พอเดินไปถามไอ้คิมที่หม้อสาวอยู่ที่โต๊ะอื่น  แม่งก็พูดปัดไม่สนใจจะตอบผมเลยสักนิด  ในเมื่อไม่มีทางเลือกอื่นแล้ว  คืนนี้ก็คงต้องพามันกลับไปคอนโดผมก่อนแล้วกัน
หัวข้อ: Re: My Gear รักร้ายๆ ของคุณชายเย็นชา 2 ( Chapter 5 - 19/9/62 )
เริ่มหัวข้อโดย: หมีขาว ที่ 23-09-2019 21:31:30
ผมลากับไอ้บิวซึ่งมันรอกลับพร้อมไอ้คิม  ก่อนจะหิ้วปีกน้องมันไปที่ลานจอดรถซึ่งค่อนข้างจะเปลี่ยวและมืดสักหน่อยเพราะผมจอดอยู่ด้านในสุดเลย

“ ผมยังไหวเพ่....  จารีบกลับปายหนาย.... “

ดูมันครับ....  เอาแต่บ่นตาสะลึมสะลือแบบนี้มาตลอดทาง  ซึ่งผมก็ได้แต่เงียบและหิ้วปีกมันเดินตรงไปเรื่อยๆ ให้ถึงรถครับ


“ อ่าห์...อาห์...อ๊ะ... “


ท่ามกลางความเงียบและแงไฟสลัว  เสียงปลุกอารมณ์ของผู้ชายกลับดังมาเบาๆ จากที่ไหนสักแห่งพร้อมกับเสียงกระทบกันของร่างกายดังมาถี่ๆ  จนผมและน้องมันที่ตอนแรกโวยวายถึงกลับเงียบเสียงลงไปทันที

ผมไม่ได้อยากสนใจกิจกรรมส่วนตัวของใครเท่าไหร่หรอกนะครับ  แต่มันดันเกิดบริเวณท้ายรถคันที่จอดอยู่ข้างๆ รถผมในความมืดนั่นน่ะสิ  ก็ไม่ได้อยากจะมองแต่มันดันไปเห็นเองอย่างเลี่ยงไม่ได้  แถมไม่ใช่เกิดระหว่างชายกับหญิงซะด้วยสิครับ  เพราะมันเป็นผู้ชายกับผู้ชายในท่าทางที่คนนึงเกาะฝากระโปรงรถส่วนอีกคนกำลังบรรเลงเพลงรักอย่างไม่ทันจะสนใจสิ่งรอบข้างเลยแม้แต่น้อย..

อะไรมันจะอดกันไม่ได้ถึงขนาดนี้วะ...

ทันทีที่ผมก้าวเท้าเดินต่อ  ก็ดูเหมือนว่าฝ่ายรับจะทันสังเกตเห็นเลยรีบดันฝ่ายรุกที่ไม่สนใจอะไรออก  ก่อนจะรีบดึงกางเกงขึ้นมาใส่  แล้วรีบพากันเข้ารถและขับมันออกไปในทันที  ท่ามกลางสายตาของผมและไอ้เคที่มองแบบอึ้งๆ  ด้วยใครจะคิดกันละครับว่าที่ลานจอดรถสาธารณะขนาดนี้เขายังจะกล้า....

ระหว่างทางที่กลับคอนโดภายในรถนอกจากเสียงเพลงคลอเบาๆ แล้ว  ก็ไม่มีเสียงอื่นใดอีกเลยนอกจากสายตาที่ผมมักจะเหลือบไปมองยังคนข้างๆ ในบางจังหวะ 

น้องมันเงียบและหลับตาพริ้มตลอดทาง  จะมีก็แต่ผมเนี่ยแหละครับที่บอกตามตรงว่าเหตุการณ์เมื่อสักครู่นี้มันกระตุ้นอารมณ์ผมอยู่ไม่ใช่น้อย  แถมคนข้างๆ ก็ยังสร้างแรงดึงดูดให้กับผมมากขึ้นไปอีก....

คอนโดผมอยู่ห่างจากมหาลัยฯ ค่อนข้างมากสักหน่อย  แต่มันก็ดีตรงที่คนในนี้ส่วนมากไม่ใช่นักศึกษาซึ่งคอยจะเอาแต่จ้องมองพวกผมเหมือนอย่างคอนโดไอ้กิจ  ดังนั้นความเป็นส่วนตัวสำหรับผมที่นี่เลยค่อนข้างสูง

เมื่อเข้ามาภายในห้องแล้ว  ผมก็พามันมาทิ้งตัวลงบนที่นอนในห้องนอนเล็กซึ่งปกติก็ไม่ได้มีคนมาใช้กันนักหรอกครับ  เพราะพวกไอ้กิจมันไม่ค่อยมาที่คอนโดผมกันหรอก  มันบอกว่าไกล....

ผมมองร่างตรงหน้าพลางกลืนน้ำลายตัวเองอีกรอบ 

เชี่ย...  น้องมันแม่งดึงดูดมากเลยครับ  ไม่ไหวแน่ถ้าผมยังจะอยู่ในห้องนี้ต่ออีก  ว่าแล้วผมก็รีบหันหลังเตรียมตัวจะเดินออกไป  แต่กลับถูกคว้าไว้ด้วยมือของคนที่ผมเข้าใจว่ามันหลับไปแล้ว  และเมื่อผมหันกลับมามอง  ก็พบกับสายตาเยิ้มยั่วยวนของมันมองกลับมาอย่างไม่วางตาเสียอย่างนั้น  อะไรของมึงวะเนี่ย...

“ กูจะไปนอน  มึงก็นอนได้แล้ว..  “  ผมบอกไปครับ  แต่มันกลับเงียบและไม่ยอมปล่อยมือผม

“ ทำไมพี่ถึงดูเท่ห์ในสายตาผมวะ ? “  มันพูดมาครับ....  คือนี่มึงถามกูหรือมึงบ่นกับตัวเองกันเนี่ย

“ พี่เป็นตัวอะไรวะเนี่ย...  ทำไมถึงทำให้ผมละสายตาไม่ได้เลย “

เมาแน่นอน...  ที่เพ้อเชี่ยอะไรออกมาแบบนี้ก็คงเพราะฤทธิ์แอลกอฮอล์แน่ๆ  เพราะมันเองที่ไม่มีทีท่าว่าจะสนใจผมเลย  แต่กลับพูดออกมาเหมือนกับว่าแอบชอบผมอยู่เสียอย่างนั้น  เพียงแต่สายตาหวานเยิ้มแบบนี้เลิกมองกูสักทีเถอะ  กูไม่ใช่พระอิฐพระปูนนะโว้ย

“ มึงเมามากแล้ว  นอนๆ ไป “

ผมไล่มันนอนไปพลางพยายามแกะมือมันออก  แต่คราวนี้แม่งจับผมสองแขนเลยครับ  ตัวก็ไม่ใช่จะเล็กๆ เหมือนกันต์   แบบนี้ผมเอาออกลำบากนะเห้ย....

“ ขอจูบทีได้มั้ย... “

เชี่ยมึงพูดอะไรออกมาเนี่ย  แถมพูดออกมาได้หน้าตาเฉยเอามากๆ

“ เชี่ยไรมึงเนี่ย  นอนได้แล้ว...  กูจะไปนอนแล้ว  ปล่อย…! “

ผมเสียงเข้มขึ้นครับ  แต่มันก็ยังคงจ้องผมมาเป็นเชิงบังคับ  ราวกับว่าตัวมันเป็นแมวเปอร์เซียและผมเป็นทาสแมวเสียอย่างนั้น

“ จูบผมก่อนสิ  ผมแค่อยากรู้ว่าจริงๆ แล้วผมรู้สึกกับพี่แบบนั้นรึเปล่า... “

“ ไม่เว้ย!!  มึงเมามากแล้วนะ “

“ ผมม่ายด้ายมาว...  ถ้าพี่ไม่จูบ  ผมก็ไม่ปล่อย “

“ ไม่! “

“ จูบ ! “

“ ไม่.. “

“ ผมบอกให้... “



เอาจริงผมไม่สนใจคำสั่งมันเลยแม้แต่น้อย...

ผมโครตจะฝืนตัวเองเลยที่ตอบคำว่า ไม่..  แบบนั้นออกไป

แต่เมื่อริมฝีปากสัมผัสกัน  ผมกลับรู้สึกเหมือนตัวเองลอยได้  ไม่อึดอัด  ไม่ต้องฝืนอะไรอีกต่อไปแล้ว....

โครตดีเลยครับความรู้สึกนี้  ดีกว่าผู้หญิงที่ผมเคยผ่านมาอีก  แต่ไม่ใช่เพราะว่ามันเป็นผู้ชายคนแรกหรอกนะ...  ผมเข้าใจความรู้สึกตัวเองดีว่าเรื่องนี้มันไม่เกี่ยวกับเพศแล้วล่ะ ( ตั้งแต่เจอกันต์ ) 

ผม...  คงชอบมันแล้วจริงๆ...


ผมละริมฝีปากออกมาก่อนจะกัดฟันพูดออกไปอย่างขัดใจกับความรู้สึกของตัวเอง

“ พอใจยัง...  ถ้างั้นก็นอนได้แล้วนะ “

มันมองผมอยู่ครู่หนึ่งด้วยสายตาที่เหมือนจะสับสนและกำลังคิดอะไรอยู่  ไม่ต่างจากสายตาสั่นไหวที่เกิดขึ้นในตาคู่นี้ของผมเช่นกัน  และก่อนที่อะไรจะเกินเลยไปมากกว่านี้ผมควรจะรีบออกไปจากตรงนี้ให้เร็วที่สุด

ผมหันหลังทันทีที่คิดได้  แต่กลับถูกแรงกำลังจากคนบนเตียงดึงกลับเข้าไปจูบอีกครั้ง  และครั้งนี้ก็ดูดดื่มกว่าเมื่อกี้นี้มากด้วยอารมณ์ของเราทั้งสอง  และเมื่อมันละออกมา  มันก็พูดกับผมด้วยคำพูดที่ผมโครตจะตัดสินใจลำบากเลยล่ะครับ

“ ผมอยาก.... “

มันไม่พูดต่อให้จบ  อาจจะเพราะความลังเลหรืออะไรก็ตาม  แต่ผมก็เข้าใจความหมายนั้นอยู่ดี

“ กูเตือนมึงก่อนนะ...ว่าบางอย่างถ้ามึงคิดจะปลุกมันแล้ว...  กูหยุดมันไม่ได้นะ.. “

มันไม่ตอบผม  แต่กลับเลือกที่จะยื่นหน้าเอาริมฝีปากเข้ามาชนปากผมแทน  ก่อนจะละออกมามองผมด้วยสายตาประหม่าในท่าทีของผม  เพราะจูบนี้ผมไม่ได้สนองตอบกลับเลยแม้แต่น้อย  แต่นั่นไม่ใช่เพราะว่าผมรังเกียจมันหรอกนะ  ตรงกันข้ามเพราะผมกำลังควบคุมสติตัวเองไม่ให้เตลิดไปมากกว่านี้  แต่มันคงจะสายไปเสียแล้ว...  เมื่อเส้นสติของผมมันขาดลง  ผมจึงผลักมันลงไปบนเตียงนุ่มก่อนจะคร่อมร่างตามลงไปราวกับสัตว์ป่าที่หิวกระหาย

ความเมาไม่ได้ทำให้ผมขาดสติ  แต่อารมณ์และความต้องการต่างหากที่มันเอาสติของผมไป

น้องมันไม่ใช่คนบอบบางน่าทะนุถนอมเลยแม้แต่น้อย  ตรงกันข้าม...  มันดูเป็นผู้ชายอย่างถึงที่สุด  ทว่าผมกลับได้รับรสรักสัมผัสที่ถึงใจและตราตรึงจนไม่อยากหยุดท่ามกลางค่ำคืนอันแสนยาวนานนี้เลย...








เค ‘s  Part




แสงแดดที่แยงตาผ่านม่านบางทำให้ผมปรือตาขึ้นมาด้วยความรู้สึกราวกับว่าร่างกายมันจะแหลกไปเสียให้ได้จากกิจกรรมเกือบตลอดทั้งคืนของคนที่กำลังหลับตาพริ้มนอนกอดผมอยู่ข้างๆ นี้

ไม่ใช่ว่าผมเมาจนทำอะไรแบบนั้นได้นะครับ  แต่เป็นเพราะความเมาที่ทำให้ผมกล้าที่จะหาคำตอบของความรู้สึกที่ติดอยู่ในใจนี้ต่างหาก

แม้สติจะไม่เต็มร้อย  แต่ผมก็จำเรื่องราวที่เกิดขึ้นเมื่อคืนนี้ได้ทั้งหมด  ตั้งแต่สิ่งที่เห็นในลานจอดรถ  จนกระทั่งสิ่งที่เกิดขึ้นในห้องนี้  คำตอบที่ได้รับจากรอยจูบแรก  ผมก็รู้แล้วว่าผมไม่ได้คิดไปเอง  จากความประทับใจมันแปรเปลี่ยนไปเป็นความชอบขึ้นมาเสียแล้วในตอนนี้....  นี่เป็นความสัมพันธ์ระหว่างผู้ชายครั้งแรกในชีวิตผม  และเอาตรงๆ ผมไม่เคยคิดเลยว่ามันจะเกิด  แต่พอมันเกิดขึ้นแล้วผมกลับ...  ชอบมันเสียอย่างนั้น  แม้จะเจ็บในช่วงแรกอยู่บ้าง  แต่เมื่อมันผ่านไปได้ความรู้สึกดีกลับถาโถมเข้ามาแทน  มันรู้สึกดีแบบคาดไม่ถึง  หรือว่าจริงๆ แล้ว  ที่มันรู้สึกดีเพราะมันเกิดขึ้นกับคนๆ นี้กันแน่...  แต่ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม...  ที่แย่ที่สุดก็คือ  ผมกลัวว่าจะไม่สามารถไปรู้สึกแบบนี้กับผู้หญิงคนไหนได้อีกแล้ว...

ผมค่อยๆ จับแขนใหญ่ออกจากร่าง  ก่อนจะลุกออกจากที่นอนอย่างทุลักทุเล  แม้จะไม่เจ็บเท่าที่คิดไว้  แต่ก็รู้สึกขัดๆ อยู่ไม่ใช่น้อย

ผมเดินหาเสื้อผ้าที่กระจัดกระจายอยู่รอบเตียงมาสวมใส่ทีละชิ้นจนครบ  และตั้งใจว่าจะออกไปจากที่นี่ก่อนที่เจ้าของห้องจะตื่นขึ้นมา  เพราะผมคงสู้หน้าพี่เขาไม่ติดแล้วจริงๆ  ทว่ามันดูจะสายไปเสียแล้วในตอนนี้  เมื่อคนบนเตียงขยับตัวก่อนจะปรือตาตื่นขึ้นมาทันเห็นผมที่พึ่งจะสวมเสื้อเสร็จพอดี

เรามองตากันท่ามกลางความเงียบอยู่ครู่หนึ่ง  และเป็นผมเองที่เป็นคนเอ่ยตัดบทขึ้นมาก่อน

“ ผมกลับก่อนนะพี่...  “

แค่นั้น...  แค่นั้นจริงๆ ครับ  ผมคิดอะไรไม่ออกไปมากกว่านี้แล้ว  อยากจะหนีไปให้ไกลที่สุดเท่าที่จะทำได้...  ทั้งอาย  ทั้งขายหน้า  ทั้ง... 

เว้าวอน..


“ เดี๋ยวสิ..  เรื่องเมื่อคืนนี้.. “

“ ลืมมันไปเถอะครับ  เราต่างก็เมากันทั้งคู่ไม่ใช่เหรอ...  อย่าได้ใส่ใจเลย “

ใช่ครับผมเมา...  แต่ไม่ถึงกับขาดสติ  แต่จะให้ผมยอมรับว่าผมชอบพี่ไปแล้วก็ไม่ได้....

โครตอึดอัดเลยครับตอนนี้....

พี่พีร่นคิ้วเข้าหันกันทันที  พร้อมกับเอียงคอมองผมราวกับไม่เชื่อในสิ่งที่ได้ยิน  แต่ผมไม่รอที่จะตอบคำถามอะไรไปมากกว่านี้  ผมรีบเดินออกมาจากห้องไปโดยเร็วที่สุดท่ามกลางเสียงตระโกนให้ผมรอก่อน  พร้อมกับเสียงตระกุกตระกักที่พยายามเร่งรีบที่จะใส่เสื้อผ้า  จากนั้นผมก็ไม่ได้ยินอะไรอีก  เมื่อผมก้าวเท้าพ้นออกไปจากประตูห้อง 1204





TBC.




---------------------------------------

มาลงดึกเลยครับวันนี้

ขอบคุณนะครับสำหรับทุกกำลังใจ  และหวังว่าจะมีความสุขกับนิยายเรื่องนี้กันนะครับ  :mew2:

ปล. ทำสารบัญไม่เป็นอะครับ

---------------------------------------------------

ช่องทางการติดต่อคนเขียน  ทวิตเตอร์  @phanusun_p
หัวข้อ: Re: My Gear รักร้ายๆ ของคุณชายเย็นชา 2 ( Chapter 6 - 23/9/62 หน้า 2 )
เริ่มหัวข้อโดย: warin ที่ 23-09-2019 21:45:34
ขอบคุณค่ะ
ติดตามจ้า สนุกเช่นเคย
หัวข้อ: Re: My Gear รักร้ายๆ ของคุณชายเย็นชา 2 ( Chapter 6 - 23/9/62 หน้า 2 )
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 23-09-2019 23:18:51
เหล้าเพียว ๆ เท่านั้น มันเลยเป็นเรื่อง.....  :hao6:
หัวข้อ: Re: My Gear รักร้ายๆ ของคุณชายเย็นชา 2 ( Chapter 6 - 23/9/62 หน้า 2 )
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 24-09-2019 00:05:26
เนี่ย~ชอบคิดไปเอง  :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: My Gear รักร้ายๆ ของคุณชายเย็นชา 2 ( Chapter 6 - 23/9/62 หน้า 2 )
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 24-09-2019 10:04:21
 :L2: :pig4:
หัวข้อ: Re: My Gear รักร้ายๆ ของคุณชายเย็นชา 2 ( Chapter 6 - 23/9/62 หน้า 2 )
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 24-09-2019 14:55:15
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: My Gear รักร้ายๆ ของคุณชายเย็นชา 2 ( Chapter 6 - 23/9/62 หน้า 2 )
เริ่มหัวข้อโดย: หมีขาว ที่ 26-09-2019 21:49:02
Chapter  7





พี ‘s  Part





อย่าได้ใส่ใจเลย....

คำพูดง่ายๆ ที่ผมไม่เข้าใจว่าออกมาจากปากของน้องมันมาได้ยังไง  มันไม่ได้รู้สึกอะไรเลยจริงๆ อย่างนั้นเหรอ...  ผมยอมรับว่าทันทีที่ได้ยินวลีนี้มันทำให้ผมถึงกับอึ้งไปเลยทีเดียว  อยากจะคุยให้รู้เรื่องแต่น้องมันไม่อยู่รอผมเลย  แถมไอ้เสื้อผ้านี่ก็กระจายมั่วกันไปหมด  กว่าจะแต่งตัวแบบส่งๆ เสร็จมันก็หายไปจากห้องผมแล้วล่ะครับ

ผมมาตามหามันที่คณะในตอนเที่ยงแต่ก็ไม่เจอ  มารู้จากเพื่อนใน sec ของมันก็คือว่าวันนี้มันไม่ได้เข้าเรียนเลยตั้งแต่เช้าครับ  ผมเลยมาถามพวกไอ้เรย์ว่าบ้านเช่าของพวกมันอยู่ที่ไหน  ก่อนจะโดดเรียนช่วงบ่ายไปตามหามันถึงที่  แล้วก็พบว่าประตูรั้วมันถูกล็อคเอาไว้  สงสัยว่ามันจะออกมาเรียนในช่วงบ่ายครับ  ผมเลยมานั่งรอมันอยู่ที่หน้าห้องเรียนจนกระทั่งหมดชั่วโมง  แต่ก็ยังไม่มีวี่แววว่ามันจะเดินออกห้องเรียนมาเลย  พอถามดูก็พบว่ามันไม่มาเรียนครับ  ถ้าอย่างนั้นแล้วตอนนี้มันอยู่ที่ไหนกันนะ...


ผมเดินเซ่อเข้าหอประชุมคณะเพื่อดูปี 1 ซ้อมเชียร์  เพราะวันนี้ไม่มีกระจิตกระใจจะไปซ้อมลักบี้แล้วล่ะครับ  แม้ว่าจะใกล้งานสปอร์ตเดย์แล้วก็ตาม

“ พี่พีไม่ซ้อมลักบี้เหรอครับวันนี้ “
 
ช่วงพักจู่ๆ กันต์มันก็เดินเข้ามาถามผมที่นั่งเซ็งๆ อยู่บนสุดของสโลปครับ

“ ไม่อะ  วันนี้ไม่ค่อยมีอารมณ์อยากซ้อม “  ผมบอกไปแบบเซ็งๆ ครับ

“ อย่างนี้ก็มีด้วย  ไม่น่าเชื่อว่าจะออกมาจากปากของพี่พีได้  อิอิ “

นั่นน่ะสิ  คนจริงจังอย่างผมกลับมาโดดซ้อมง่ายๆ เพราะไม่มีอารมณ์แบบนี้  แต่มันก็เป็นความจริงที่ปฏิเสธไม่ได้จริงๆ นั่นแหละ...

“ มีเรื่องอะไรไม่สบายใจเล่ามาให้ผมฟังได้นะพี่ “  น้องมันยิ้มว่ามาครับ  ผมมองรอยยิ้มนี้แล้วก็ไม่แปลกใจเลยที่ไอ้กิจมันจะตกหลุมรักไปได้หัวปักหัวปำขนาดนี้

“ กันต์...  ระหว่างความรู้สึกกับคำตอบที่ได้ยิน...  ถ้ามันต่างกัน... เราควรจะเชื่ออะไรมากกว่า “

ผมลองถามเสียงเรียบ  หากแต่ไม่ได้หวังในคำตอบนี้สักเท่าไหร่

“ อืม...  ตอบยากนะพี่  แต่ผมเคยพลาดเพราะเชื่อคำพูดของคนอื่นมากกว่าความรู้สึกของตัวเอง  ตอนช่วงที่มีปัญหากับพี่กิจเมื่อเทอมที่แล้วอะ  ดังนั้นหลังจากเรื่องคราวนั้น  ผมเลยต้องมีสติและมั่นใจจริงๆ ก่อนจะตัดสินใจอะไรลงไป  ฟังทั้งข้อมูลและความรู้สึกของตัวเอง  เพราะถ้าเราเลือกที่จะฟังแค่อย่างใดอย่างหนึ่งเราอาจจะไม่รู้คำตอบจริงๆ ของมันเลยก็ได้...  และถ้าเรายังไม่สามารถเชื่อได้หมดใจ  เราก็ควรจะต้องค้นหาความจริงมันต่อไปไม่ใช่เหรอครับ “

นั่นสินะ...  ถ้าไม่แน่ใจจริงๆ ก็ไม่ควรเชื่อจนกว่าจะได้คำตอบที่ชัดเจน

“ เอาน่าพี่...  อย่างพี่พีน่ะ  ผมว่าเรื่องพวกนี้มันไม่ยากเกินความสามารถพี่หรอก  แต่อย่างแรกนะ... พี่ต้องทำให้หัวสมองโล่งๆ ไว้ก่อน  ไม่อย่างนั้นมันจะคิดอะไรไม่ออก “

น้องมันยิ้มว่ามาครับ  ผมเลยทำหน้าหน่ายๆ เพราะรู้ว่าตอนนี้คงไม่มีอะไรทำให้หัวสมองผมพักเรื่องพวกนี้ลงไปได้แน่ๆ

“ พูดง่ายแต่ทำยากน่ะสิ “

“ พี่ก็อย่านั่งหงอยอยู่แบบนี้ดิ  มันไม่สมกับเป็นพี่เลยนะ  ผมว่าออกไปหาอะไรทำข้างนอกนี้ดีกว่ามั้ย  ถ้าไม่อยากซ้อมลักบี้ก็ไปเล่นแบดกับเคมันที่คอร์ดก็ได้  ไอ้เคมันเก่งนะพี่  เดี๋ยวพี่จะเพลินจนลืมเรื่องเครียดๆไปเลย  เชื่อผม.. “

เออใช่...  ทำไมผมคิดไม่ถึงนะว่าบางทีมันอาจจะอยู่ที่คอร์ดแบดก็เป็นได้ 

“ ขอบใจมากนะกันต์  ช่วยพี่ได้เยอะทีเดียว “  ผมพูดพร้อมกับรีบลุกขึ้นเตรียมจะออกไปจากหอประชุมคณะในทันที

“ เดี๋ยวพี่... “

น้องมันเรียกผมรั้งไว้  ให้ผมหันกลับมาทำหน้างงสงสัยเป็นเชิงถาม

“ อะนี่...  กุญแจล็อคเกอร์ผม  เผื่อพี่ไม่มีไม้ก็ไปเอาในนั้นได้ครับ “

ผมยิ้มกว้างส่งให้ไปก่อนจะรับกุญแจล็อคเกอร์นั้นมา  น่ารักจริงๆ เลยไอ้รุ่นน้อง


ผมรีบขับรถไปยังคอร์ดแบดทันทีในขณะที่ฟ้าตอนนี้ได้มืดลงแล้ว  ที่บริเวณหน้าคอร์ดมีรถจักรยาน  มอเตอร์ไซต์และรถยนต์จอดกันอยู่มากมายพร้อมกับเสียงรองเท้าพื้นยางดังเอี๊ยดอ๊าดอยู่ภายใน  จำได้จากที่คุยกับไอ้เคมันว่าช่วงนี้ที่ชมรมงดซ้อมจนกว่าจะแข่งกีฬามหาลัยฯเสร็จ  เพื่อให้สมาชิกในชมรมได้ทำกิจกรรมของแต่ละคณะ  นี่เลยเป็นสาเหตุที่ว่ากันต์กับไอ้น้องธันมันถึงไม่ต้องเข้าชมรมและมาซ้อมเชียร์ของคณะได้

ผมเดินดุ่มๆ เข้ามาข้างในโรงยิม  ซึ่งมีคนมากมายอยู่ในนี้จนไม่มีคอร์ดไหนว่างเลย  ผมสอดส่ายสายตามองไปรอบๆ อย่างละเอียด  แต่ก็ต้องสลดลงเมื่อไม่เห็นแม้เพียงเงาของคนที่ผมอยากเจอเลยแม้แต่น้อย  แต่ผมก็ยังไม่หมดความพยายามหรอกนะครับ  ถ้าจำไม่ผิด  ผมรู้สึกว่าคอร์ดของชมรมจะถูกกันเอาไว้สำหรับสมาชิกของชมรมเท่านั้น บางทีถ้าถามคนพวกนี้น่าจะพอมีคนที่รู้จักไอ้เคมันบ้าง

“ อ๋อ..  ไอ้เคก็... “

รุ่นน้องน่าจะสักปีสองคนหนึ่งพูดขึ้นพร้อมกับทำท่าหันไปมองยังคอร์ดใกล้ๆ กัน  แต่ก็ต้องหยุดไปเพราะเหมือนว่าคนที่ผมถามถึงซึ่งควรจะต้องอยู่ตรงนั้นได้หายไปแล้วในตอนนี้

“ เมื่อกี้ยังเห็นมันเล่นอยู่เลยนะพี่  สงสัยไปอาบน้ำหรือไม่ก็กลับแล้วมั้งพี่ “  น้องมันว่ามาครับ  จากนั้นผมก็ขอบใจมัน  แล้วจึงเดินตรงไปยังห้องล็อคเกอร์ของชมรมทันที

ภายในห้องนี้แบ่งแยกเป็นล็อคเกอร์ของชายและหญิงรวมทั้งห้องน้ำด้านในด้วย  ผมเดินเข้าไปภายในล็อคเกอร์ชาย  แต่ก็ไม่เห็นใครเลยสักคน  เลยตัดสินใจเดินต่อเข้าไปยังห้องน้ำใกล้ๆ  ซึ่งบอกเลยนะครับว่านี่เป็นครั้งแรกเลยที่ผมได้เข้ามา  เพราะปกติเขาห้ามให้คนนอกชมรมเข้ามาโดยเด็ดขาด

เมื่อเข้ามาภายในห้องอาบน้ำ  ผมก็ได้ยินเสียงน้ำจากฝักบัวห้องสุดท้ายที่ไหลลงมากระทบกับร่างอย่างต่อเนื่อง  ผมไม่รู้หรอกครับว่าคนที่อยู่ในห้องอาบน้ำที่ปิดอยู่เพียงห้องเดียวคนนั้นคือใคร  แต่ก็พร้อมที่จะนั่งรออยู่ที่ขอบอ่างล้างมือเพื่อดูให้รู้คำตอบที่แท้จริง  เพราะผมมาที่นี่ก็เพื่อสิ่งนี้อยู่แล้ว

ไม่นานเสียงน้ำก็หยุดลงพร้อมกับใจที่เริ่มเต้นระทึกขึ้นมาของผม  เพราะถ้าคนในห้องนั้นเป็นน้องมันจริงๆ ผมจะเริ่มต้นหรือทำอะไรยังไงต่อ...  เพราะเอาเข้าจริงผมออกจะกลัวมันเล็กๆ เสียด้วยซ้ำหากต้องเผชิญหน้ากัน  แต่แน่นอนว่า....  ผมไม่มีทางที่จะหนีอยู่แล้ว...

และทันทีที่ประตูห้องน้ำเปิดออก  ร่างขาวที่มีรอยจ้ำแดงๆ จากปากผมหลายจุดบนร่างก็โผล่ออกมาในสภาพที่นุ่งผ้าเช็ดตัวขาวเพียงผืนเดียวพร้อมกับหยดน้ำเกาะอยู่ไปทั่วร่างกายให้ผมเผลอกลืนน้ำลายเพราะความเซ็กส์ซี่ที่เห็นนี้เสียไม่ได้

“ เห้ย!! “

น้องมันสะดุ้งเมื่อเห็นผม  และก่อนที่มันจะหนีเข้าไปในห้องน้ำอีกครั้ง  ผมก็รีบพุ่งตัวเอามือเข้าไปดันประตูเอาไว้แล้วแทรกตัวเข้าไปยังภายใน  ก่อนจะปิดประตูลงและยืนพิงเอาไว้เพื่อขวางไม่ให้มันหนีไปไหนได้อีก

ตอนนี้ห้องอาบน้ำแคบๆ มีร่างสูงสองคนยืนประจันหน้ากันด้วยใจที่ระทึก  และไม่ใช่แค่ผมนะครับ  น้องมันก็ด้วย...  เมื่อดูจากสีหน้าของมันตอนนี้แล้ว

“ เข้ามาที่นี่ได้ยังไง  นี่มันเฉพาะสมาชิกของชมรมนะ   แล้ว... “

มันเริ่มโวยวายขึ้นมาก่อนที่ผมจะเอามือปิดปากมันไว้

“ เงียบๆ สิ  ไม่กลัวจะมีคนรู้เหรอว่าเราอยู่กันในนี้สองคน “

มันปัดมือผมออกและเหมือนจะด่า  แต่ก็ต้องห้ามเสียงตัวเองเอาไว้แล้วถอนหายใจพ่นลมออกจมูกอย่างไม่พอใจใส่ผม  น่ารักไม่สมกับความหล่อของมันเลยครับ....

“ อะไรของพี่เนี่ย “  มันว่ามาเสียงเบาลงครับ

“ เราต้องคุยกันนะ  ไม่ใช่เอาแต่หลบหน้าแบบนี้ “

“ ใครหลบหน้า... “  มันทำไขสือจ้องตาผม  แต่สุดท้ายก็ต้องแพ้และเบือนสายตาหลบไปยังด้านข้าง

“ ก็จะใครซะอีกล่ะ  รู้มั้ยว่าวันนี้พี่ตามหาเราให้วุ่นเลยนะ  ทั้งที่คณะ  ทั้งที่บ้านเช่า  รู้มั้ยว่าพี่โครตอยู่ไม่สุขเลย “  ผมว่าไปตามจริงครับ

“ แล้วมันเกี่ยวอะไรกับผมล่ะ “

“ ก็เพราะเราไม่ใช่เหรอ  ที่ทำให้พี่เป็นแบบนี้ “  ผมว่าไปพลางมองตามร่างขาว (มาก) และรอยแดงที่มีผมเป็นคนทำ  ก่อนจะเผลอตัวยิ้มกริ่มออกมาอย่างภูมิใจในผลงานที่ได้เป็นเจ้าของร่างนี้แล้วเมื่อคืนนี้

“ พอเลย  ไม่มีอะไรต้องคุยแล้ว  ผมบอกแล้วไงว่าให้ลืมๆ มันไป “

“ พี่ทำไม่ได้ “

“ ทำไม... “  มันขึ้นเสียงมาหน่อยๆ  ผมเลยสวนกลับไปทันทีด้วยความรู้สึกที่อัดอั้นอยู่ในใจ

“ ก็เพราะพี่ชอบเราไง! “

มันเงียบพร้อมกับทำหน้าแปลกใจ  ในขณะที่ผมซึ่งได้พูดสิ่งนี้ออกไปแล้ว  กลับรู้สึกโล่งขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก

“ อย่าเอาเรื่องแบบนี้มาพูดเล่นนะพี่  ผมไม่ชอบ “  มันว่ามาด้วยสีหน้าจริงจังและสายตาคมที่มองสู้มาอย่างไม่ยอมลดละ

“ พี่ไม่ได้พูดเล่น... “

“ พี่จะมาชอบผมได้ไง  เรายังแทบจะไม่ได้รู้จักกันเลยด้วยซ้ำ  ก็แค่... “  มันว่ามาเป็นชุด  แต่พอผมสวนกลับไปคำเดียวมันก็อึ้งเงียบลงไปทันที

“ ก็อะไร... “





“ หลีก!  ผมจะออกไป “

“ ไม่หลีก  จนกว่าเราจะคุยกันรู้เรื่อง “

“ คุยเรื่องอะไร  ผมไม่มีอะไรจะคุยกับพี่ “

“ ก็เรื่องของเราไง! “  คราวนี้เป็นผมที่เสียงดังให้คนตรงหน้าแอบผวา  แต่ก็ไม่กล้าอะไรกับผม

“ อาจจะคิดว่าพี่คิดไปเองนะ  แต่พี่รู้สึกได้ว่าเราเองก็รู้สึกดีกับพี่อยู่เหมือนกัน “

“ อย่าหลงตัวเองให้มาก....  ผมไม่ใจง่ายเหมือนผู้หญิงหลายๆ คนของพี่หรอกนะ “

“ ถ้างั้น...  สงสัยเราคงต้องมาทวนความจำกันบ้างแล้วล่ะมั้ง “

ผมพูดจบก็เข้าไปจู่โจมที่ต้นคอมันทันที  ก่อนจะไล้ขึ้นมาที่แก้มพร้อมกับดันมันไปติดกำแพง  จนมันที่ไม่มีทางออกและสู้ผมได้  นอกจากการดึงรั้งร่างกายของผมไว้ก่อนจะเอ่ยร้องขึ้น

“ ก็ได้!  คุยก็ได้! “ 

มันโวยขึ้นมาอย่างขัดใจ  และนี่ก็ถือเป็นโอกาสเดียวที่มันหยิบยื่นมาให้ผม  แม้อารมณ์จะประทุแต่ผมก็ต้องสะกดมันเอาไว้อย่างถึงที่สุดเพื่อสิ่งที่ดีกว่า....

“ ยังไง... “  ผมถามกลับ

“ พี่ต่างหาก...  จะเอายังไง... “

ผมเงียบไปเล็กน้อยเพื่อเตรียมใจก่อนจะเอ่ยขึ้นมาด้วยน้ำเสียงที่มั่นคง

“ เรามาลองคบกันดูมั้ย “

“ ไม่! “

สัด...ตอบสวนกลับมาทันทีแบบไม่คิดเลย...

“ ถ้าอย่างนั้นพี่ก็จะตามจีบเราแบบนี้แหละ “

“ เห้ย! พูดไม่รู้เรื่องเหรอพี่  ผมไม่ได้ชอบพี่! “  มันเริ่มเสียงดังขึ้นครับ

“ แน่ใจเหรอ... “

เมื่อเห็นสายตาสั่นไหวอย่างลังเลที่จะตอบของมัน  ผมก็เข้าใจได้ว่าความรู้สึกของผมนั้นถูกต้อง

“ ไม่ได้...ชอบ... “

“ ไม่เชื่อ.. “

“ เห้ย!  พี่อย่ากวนตีนดิ  หลีกไปผมจะออกแล้ว  ไม่อย่างนั้นผมจะร้องให้คนช่วยนะ “  มันขู่ผมมาครับ  แต่อย่างผมรึจะกลัว

“ ก็เอาสิ...  ร้องเลย  คนอื่นเขาจะได้รู้เรื่องของเรา  ดีซะอีก... พี่จะได้จีบเราได้อย่างเปิดเผย “  ผมเลิกคิ้วบอกมันไปครับ  แต่ผมพูดจริงนะ  เรื่องแบบนี้คนอย่างผมกลัวซะที่ไหน  ขนาดดังอย่างไอ้กิจยังกล้าประกาศตัวกลางหอประชุมคณะเลย  แค่นี้น่ะเด็กๆ

“ โรคจิตป่ะเนี่ย  เร็วพี่ผมจะออกไปแล้ว “  มันพยายามดันผมครับ  ซึ่งแรงเยอะไม่ใช่น้อยเลย  แต่ก็ไม่แปลกหรอกครับเพราะมันเป็นคนสูงใหญ่  แมนๆ หุ่นแบบนักกีฬาดีๆ นี่แหละ  ซึ่งถ้าเป็นคนอื่นที่ไม่ใช่ผมนะ  รับรองกระเด็นติดประตูไปแล้ว

“ ไม่ไป...  และก็จะอยู่มันอย่างนี้นี่แหละ  ดูซิว่าใครจะทนไม่ได้ก่อนกัน “ 

“ ผมไม่ตลกนะพี่ “

“ พี่ก็ไม่ได้ตลก “  ผมพูดก่อนจะยิ้มกริ่มที่มุมปากส่งให้ไป  จนมันถึงขนาดจิ๊ปากแล้วพ่นลมหายใจออกมาแรงๆ
   
“ ได้...  ถ้าอย่างนั้นก็เอาแบบนี้แล้วกัน “

“ แบบไหนว่ามา “ 

ง่ายกว่าที่คิดครับ

“ มาแข่งแบดกับผม  ถ้าพี่เอาชนะผมไม่ได้ก็เลิกยุ่งกับผมซะ “

“ แล้วถ้าพี่ชนะล่ะ “  ผมถามกลับและมันก็เงียบคิดอยู่เล็กน้อยก่อนจะตอบกลับมาครับ

“ ผมจะยอมลองคบกับพี่ดูก็ได้ “

ถึงจุดนี้ผมก็ยิ้มกว้างออกมาแล้วยอมให้มันผ่านออกประตูไปได้แต่โดยดี  กับอีแค่แบดไม่ได้ยากเกินความสามารถของผมเลยสักนิด   :hao3:

หัวข้อ: Re: My Gear รักร้ายๆ ของคุณชายเย็นชา 2 ( Chapter 6 - 23/9/62 หน้า 2 )
เริ่มหัวข้อโดย: หมีขาว ที่ 26-09-2019 21:57:26
มันกลับไปแต่งตัวด้วยชุดเก่าสีขาวมีลายดำแดงกับกางเกงขาสั้นสีขาวตัวเก่า  ก่อนจะมองผมด้วยสายตาหยามๆ ในความสามารถของผม  ทำราวกับว่าผมไม่มีทางที่จะเอาชนะมันได้เสียอย่างนั้น

ผมเปิดล็อคเกอร์ของกันต์เพื่อเอาไม้แบดออกมาอันหนึ่งจากสองอัน  ส่วนรองเท้าผมก็ใช้แค่รองเท้ากีฬาธรรมดาๆ เพราะไม่ได้เตรียมตัวมาจึงไม่มีรองเท้าพื้นยาง

เราใช้คอร์ดแรกซึ่งเป็นคอร์ดของคนในชมรมสำหรับการแข่ง  บอกเลยนะครับว่าสำหรับผมแล้ว...  เรื่องกีฬาถือว่าเป็นความสามารถพิเศษของผมเลยก็ว่าได้  แม้ว่าแบดมินตันผมจะไม่ค่อยได้เล่นเท่าไหร่ก็ตาม  แต่มันก็คงไม่ได้ยากอะไรนักหรอก


ท่ามกลางสายตาจับจ้องของคนมากมายในโรงยิม  สุดท้ายผลการแข่งก็ออกมาครับ


หึ...  :hao3:




ราบคราบเลยครับ  15 – 0   :angry2: :serius2:


เชี่ย!!  น้องมันเก่งมาก!!   คาดไม่ถึงเลยครับ  แบบนี้ผมไม่มีทางเอาชนะมันได้แน่  ไม่มีทางเลยจริงๆ  คือเข้าใจนะครับว่ามันเป็นนักกีฬาคณะ  แต่ก็ไม่คิดว่ามันจะเก่งขนาดนี้  ถึงว่าล่ะ  ทำไมถึงกล้าเสนอเรื่องนี้กับนักกีฬาอย่างผม แถมดูว่าจะมั่นใจเอาเสียมากๆ ด้วย  เพราะอย่างนี้นี่เอง...

“ ตามที่ตกลงกันไว้นะพี่ “

“ ได้...  แต่แค่วันนี้นะ “  ผมหน้าด้านว่าไปครับ  จนมันถึงกับร่นคิ้วอ้าปากร้องห๊ะก่อนจะพูดกับผมต่อ

“ ก็ไหนเราตกลงกันแล้วนี่ “

“ ก็ไม่ได้บอกนี่ว่าตลอดไป  ดังนั้นเมื่อไหร่ก็ตามที่พี่เอาชนะเราได้...  ก็อย่าลืมที่ตกลงกันไว้ด้วยล่ะ “

ผมยิ้มเจ้าเล่ห์บอกไปครับ  แพ้วันนี้แต่ใช่ว่าจะแพ้ไปตลอด  ขอเวลาผมฝึกซ้อมสักหน่อยเถอะ  มันไม่รอดมือผมแน่

“ ก็ตามใจ  แต่ผมบอกเลยนะ...  ไม่มีทางชนะผมหรอก “

พูดจบมันก็ยิ้มกริ่มส่งมาให้จนผมหวั่นใจจริงๆ ว่าจะเป็นอย่างนั้น  แต่ผมไม่ยอมหรอกครับ  ยังไงก็ต้องพยายามจนถึงที่สุดนั่นแหละ...

หลังจากเก็บของเสร็จ  มันก็รีบเดินออกจากล็อคเกอร์ไปทั้งสภาพนี้เลย  ผมเลยรีบเก็บของให้กันต์  แล้วรีบวิ่งตามหลังมันไปติดๆ  ไม่เคยเลยนะครับที่จะต้องมาวิ่งไล่ตามใครอยู่แบบนี้  น้องมันนี่เป็นคนแรกเลยนะครับ

“ ตามผมมาทำไมเนี่ย “  มันพูดมาอย่างรำคาญที่หน้าประตูโรงยิมครับ

“ เดี๋ยวไปส่ง “  ผมว่าไปครับ

“ ไม่...  ผมเอาจักรยานมา “

มันหยีปากใส่ผมก่อนจะเดินต่อไปยังจักรยานที่จอดเอาไว้ไม่ไกล

“ พี่พี!!  เลิกตามผมได้แล้ว  ถ้าพี่ยังกวนผมอยู่  ผมจะยกเลิกสัญญาระหว่างเรานะ “ 

มันหันมาขู่ผมที่เดินตามมันต้อยๆ ครับ  เอาจริงๆ ผมเริ่มสนุกแล้วครับกับการตามตื้อมันแบบนี้  เพราะผมไม่เคยเลยนะครับที่จะเข้าไปจีบใคร  มันคือคนแรกเลย  เข้าใจแล้วครับว่าทำไมไอ้กิจมันถึงติดกันต์ขนาดนั้น  คอยดูเถอะถ้าผมจีบไอ้เคมันติดเมื่อไหร่  ผมจะเอาไปเย้ยมันบ้างเลยคอยดู

“ ก็... พี่แค่อยากชวนเราไปกินข้าวก่อนกลับนี่ “

“ ไม่!! “

“ แต่... “

“ จะเอาใช่มั้ย  ให้ผมยกเลิกสัญญาระหว่างเราน่ะ “  มันขู่อีกแล้ว  แต่คราวนี้บอกเลยครับว่าได้ผล  ผมไม่ยอมแน่ที่จะปล่อยโอกาสอันน้อยนิดของผมให้หลุดลอยไปเพียงเพราะความต้องการชั่ววูบของตัวเองเท่านั้น

แบบนี้ใช่มั้ยครับที่เขาเรียกว่าอดเปรี้ยวไว้กินหวาน....

สุดท้ายวันนี้ผมเลยต้องยอมมันแค่นี้ครับ  แต่ก่อนที่มันจะขึ้นคร่อมรถจักรยานสีขาว  ผมก็คว้าแขนมันรั้งเอาไว้ก่อนจะพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยน

“ เจ็บมั้ย... เมื่อคืนนี้... “

หน้าขาวๆ แดงขึ้นอย่างชัดเจน  ก่อนจะหลบตาผมแล้วพูดขึ้นมาเสียงอ่อย

“ เจ็บดิ...ถามได้ “

“ พี่ขอโทษนะ  ให้พี่พาไปหาหมอมั้ย... “

“ ไม่ได้เจ็บขนาดนั้นหรอก... “

“ สัญญาครับว่าต่อไปพี่จะไม่ทำแบบนั้นอีก  ถ้าเราไม่ต้องการ “

มันไม่ได้ตอบอะไรผมครับ  แต่เสี้ยวนาทีหนึ่งที่มันเหลือบตามามองผมนั้น  ผมสัมผัสได้ถึงความรู้สึกของมันที่ไม่ต่างจากผมเลยสักนิด  และนี่ก็ได้กลายมาเป็นคำตอบที่ผมค้นหา...  และทำให้หัวใจวันนี้ของผมชุ่มชื้นขึ้น

ไม่นานหรอก...  พี่ต้องทำให้เราใจอ่อนกับพี่ขึ้นมาให้ได้...  คอยดูสิ...




TBC.




-------------------------------------------

วันนี้ลงดึกอีกแล้ว  แฮ่.... :mew5:

ขอบคุณสำหรับทุกกำลังใจนะครับผม  หวังว่าทุกคนจะมีความสุขกับนิยายนะครับ

-------------------------------------------

พูดคุย ติดต่อ คนเขียนได้ที่ ทวิตเตอร์ @phanusun_p
หัวข้อ: Re: My Gear รักร้ายๆ ของคุณชายเย็นชา 2 ( Chapter 7 - 26/9/62 หน้า 2 )
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 26-09-2019 22:36:24
รู้ตัวว่าทำน้องมันเจ็บ ก็ทายาให้น้องมันซิ  :hao6:
หัวข้อ: Re: My Gear รักร้ายๆ ของคุณชายเย็นชา 2 ( Chapter 7 - 26/9/62 หน้า 2 )
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 27-09-2019 00:16:39
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: My Gear รักร้ายๆ ของคุณชายเย็นชา 2 ( Chapter 7 - 26/9/62 หน้า 2 )
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 27-09-2019 16:59:59
จีบแบบนี้เขินแย่เลย
หัวข้อ: Re: My Gear รักร้ายๆ ของคุณชายเย็นชา 2 ( Chapter 7 - 26/9/62 หน้า 2 )
เริ่มหัวข้อโดย: หมีขาว ที่ 01-10-2019 10:09:59
Chapter  8





กิจ ‘s  Part





หลายคนมักบอกว่าผมโชคดีที่เกิดมาบนความเพียบพร้อม....
ผมโชคดีอย่างนั้นเหรอ....?




7 โมงเช้าที่คอนโด

“ ฮึบ!!!   อ่าส์.... “

กิจกรรมเรียกเหงื่อยามเช้าที่ผมมักจะทำกันจนเป็นกิจวัตรได้เริ่มมาสักพักหนึ่งแล้วจนได้เหงื่อ  ผมมองหน้ากันต์ที่กำลังหอบกระเส่าใบหน้าแดงระเรื่อและชุ่มไปด้วยเหงื่อ  ก่อนจะออกแรงในส่วนของผมต่อไปอย่างไม่ลดละ

“ ฮึบ!!  อ่าห์ “

“ พี่กิจ....  เหนื่อยแล้วอะ  พอก่อนนะ.. “

กันต์พูดขึ้น  ผมเลยพยักหน้ารับรู้เล็กๆ  จากนั้นกันต์จึงกดลดความเร็วลู่วิ่งลงจนเปลี่ยนมาเป็นเดินแทนการวิ่งเมื่อสักครู่  ไม่นานก็หยิบผ้าขนหนูผืนเล็กสิขาวที่พาดไว้มาเช็ดหน้า  แล้วหันมาถามผมที่กำลังยกเวทขึ้นต่อ

“ พี่กิจเช้านี้อยากกินไร “

น่ารักมั้ยครับแฟนผม

“ อืม...  อะไรก็ได้  กันต์ทำเลย “

เนี่ยแหละครับกิจวัตรประจำวันหลังจากตื่นนอนแล้วของพวกเรา  ซึ่งเรามักจะมาออกกำลังกายด้วยกัน  โดยกันต์มักจะเลิกก่อนผมและไปเตรียมมื้อเช้ามาให้  สักพักเมื่อผมเสร็จก็จะมานั่งเช็คข่าวสารต่างๆ ผ่านทางไอแพดที่โต๊ะอาหารตัวเล็กในครัวพร้อมกับกาแฟที่เจ้าตัวเล็กเอามาเสิร์ฟให้ทันที่เห็นว่าผมมานั่งที่นี่แล้ว

เช้านี้กันต์ทำข้าวต้มปลาครับ  ซึ่งหลายคนก็คงจะรู้นะครับว่าแฟนผมทำอาหารเก่งแค่ไหน  จากนั้นเราก็จะเตรียมตัวอาบน้ำกันเพื่อไปให้ทันเรียนในช่วงเช้า



เขาไม่ได้เป็นคนที่เพียบพร้อมอะไรเลย...
เรียกได้ว่าเป็นความไม่เพียบพร้อมอย่างหนึ่งที่เข้ามาในชีวิตผมก็ว่าได้
ซุ่มซ่ามก็ที่หนึ่ง  ขี้งอนก็ด้วย...
แต่ก็เป็นคนน่ารักและทำอาหารอร่อยนะ...
ผมโชคดีอย่างนั้นเหรอ.... ?




9 โมงเช้า  ที่ตึกภาควิชาอุตสาหการ  คณะวิศวกรรมศาสตร์

ไม่ใช่ว่าผมเรียนหรืออ่านหนังสือมาก่อนนะครับ  เพราะทุกเนื้อหาใหม่ๆ ผมก็ฟังอาจารย์สอนเอาเหมือนคนอื่นๆ เนี่ยแหละ  ที่ต่างออกไปก็คือความตั้งใจของผมที่อาจจะดูเหมือนน้อยกว่าคนปกติเสียหน่อย  แต่ไม่รู้ว่าเป็นเพราะพรสวรรค์หรืออะไรก็ตาม  ผมฟังแค่คอนเซปต์นิดหน่อยผมก็เข้าใจมันหมดแล้ว  หรือบางทีไม่ฟังเลยเพียงแค่เงยหน้ามองไวท์บอร์ดอ่านเนื้อหาที่อาจารย์เขียนเอาไว้ก็เข้าใจได้เหมือนกัน  ดังนั้นผมเลยอาจจะดูไม่ค่อยสนใจเรียนสักเท่าไหร่  และวันนี้ก็เหมือนเคย  ผมนั่งอ่านไลน์ผ่านมือถืออยู่หลังห้อง  แต่ไม่ใช่เรื่องไร้สาระหรอกนะครับ  มันเป็นไลน์จากแผนก planning ของโรงงานในเครือบริษัทที่ตอนนี้ผมฝึกงานหรือจะเรียกว่าทำงานเลยก็ว่าได้  เพราะนอกจากจะได้รับผิดชอบงานจริงๆ แล้ว  ก็ยังได้รับเงินเดือนจากพ่ออีกทางหนึ่งด้วยเช่นกัน  ผมเปลี่ยนไปดูงานหลายแผนกมากครับ  เพราะพ่ออยากให้ผมเข้าใจโครงสร้างทั้งหมด  เนื่องจากเครือบริษัทของเราค่อนข้างใหญ่  ครั้นจะไปเรียนรู้งานใหม่ตอนที่จบไปแล้ว  มันก็คงจะใช้เวลาไม่ใช่น้อย  เมื่อพ่อเห็นว่าความสามารถในตัวผมตอนนี้มันมากพอที่จะลองเรียนรู้งานได้  พ่อก็เลยลองให้ผมเริ่มทำงานตั้งแต่ตอนที่ผมอยู่ปีสองในเครือบริษัทลูกไปก่อน  แรกๆ ผมก็ถูกตั้งแง่ครับว่าคงทำไม่ได้แน่นอนและเป็นเด็กเส้น  เพราะไม่ใช่แค่ตัวงานเท่านั้น  แต่เวลาที่ให้ได้ไม่เต็มที่ก็เป็นอีกหนึ่งอุปสรรค  แต่บอกแล้วไงครับว่าพระเอกของเรื่องนี้มันเก่ง  ผ่านไปได้ไม่นานผมก็มีผลงานออกมาเรื่อยๆ จนตอนนี้ผมกลายเป็นที่ยอมรับในความสามารถไปแล้วโดยปริยาย

ช่วงนี้ก็ใกล้ปลายปีแล้วครับ  ที่บริษัทก็จะมีการประท้วงของสหภาพแรงงานของบริษัท  เพื่อต่อรองสวัสดิการและโบนัสประจำปี  สิ่งที่เขามักจะทำกันนั้นก็คือการไม่ทำโอที  ซึ่งเป็นสิ่งที่กฎหมายไม่ได้บังคับนะครับ  และหากเป็นในสถานการณ์ปกติการไม่ทำโอทีบ่อยๆ มันก็จะมีผลต่อการผลิต  สิ่งที่เราแก้ไขปัญหานี้คือการวางแผนทำ stock ไว้ล่วงหน้าแล้วเป็นเดือน  ดังนั้นการประท้วงต่างๆ เอาเข้าจริงคือไม่มีผลต่อบริษัทเท่าไหร่เลย  เพราะมันอยู่ในการควบคุมไว้หมดแล้ว  เพียงแต่เราแค่ต้องการต่อรองและลดข้อเรียกร้องที่มันดูมากเกินไปก็เท่านั้นเอง  แต่บอกไว้ก่อนเลยว่า.... บริษัทผมนั้นมีสวัสดิการที่ดีมาก  และเรื่องค่าตอบแทนก็ไม่ธรรมดาด้วยเช่นกัน

ผมเช็คยอดการผลิตของเมื่อวานที่ซุปเปอร์ไวส์เซอร์ของแผนกส่งมาให้ผมทุกเช้าและไม่พบความผิดปกติใดๆ  ดูแผนการผลิตของวันนี้และดีเทลต่างๆ จบ  ผมก็ละสายตามามองยังไวท์บอร์ดอีกครั้ง  ทำความเข้าใจไม่นานก็หันไปสนใจเพื่อนข้างๆ ต่อในทันที  ตอนนี้ไอ้คิมกำลังเข้าเพจ cute boy & girl ของมหาลัยเรา  เพื่อติดตามข่าวสารต่างๆ และพ่วงด้วยการส่องหาสาวๆ อันเป็นเรื่องปกติของมันครับ  ไอ้พีนั่งเหม่อลอยมาตั้งแต่เช้าแล้ว  เอาจริงๆ ก็ตั้งแต่เมื่อวานแล้วครับ  ไม่รู้ว่ามันเป็นอะไรหรือมีเรื่องอะไรรึเปล่า  ว่าแล้วเที่ยงนี้คงต้องถามมันสักหน่อยแล้วล่ะครับ  และในกลุ่มผมคนที่ดูจะตั้งใจเรียนจริงๆ ก็มีแค่ไอ้บิวครับ  ดูมันสิครับนั่งฟังอาจารย์ตาไม่กระพริบเลย 

เมื่อรู้สึกเบื่อ  ผมเลยเปิดโทรศัพท์เข้าแอฟพลิเคชั่นไลน์แล้วพิมพ์ไปคุยเล่นกับแฟนครับ  แต่แค่พิมพ์ถามไปสองบรรทัดเท่านั้นแหละ  กันต์มันก็พิมพ์ตอบกลับมาว่า  อย่าพึ่งกวน.. คนจะเรียน..!!

ดูสิครับ...  แต่ทำไงได้ล่ะ  ผมยอมน้องมันทุกอย่างอยู่แล้ว  อิอิ.. ก็น้องมันน่ารักจริงๆ นี่ครับ

แต่อย่างนึงที่ผมรู้สึกได้หลังจากที่เราตกลงคบกันเป็นแฟนแล้วก็คือ  กันต์เขาดูจะเป็นคนมีเหตุผลมากขึ้นและเชื่อใจผมมากกว่าแต่ก่อน  ดูอย่างเรื่องถุงยางล่าสุดสิครับ  ถ้าเป็นเมื่อก่อนมันคงไม่รอถามความจริงจากผม  ซึ่งถ้าไม่งอน  ก็โกรธไปเลย  หรือหนักสุดอาจจะทะเลาะกันเพราะเรื่องไม่เป็นเรื่องแบบคราวก่อนนี้ก็เป็นได้

ผมไม่เคยอายคนเลยนะครับที่คบกันต์เป็นแฟน  แม้ว่าเขาจะเป็นผู้ชายเหมือนกันกับผมก็ตาม  เพราะผมรู้จักกันต์และหัวใจของตัวเองดี  ผมมั่นใจและแน่ใจที่สุดว่าผมตัดสินใจไม่ผิดที่เลือกเขา...  ดังนั้นหลายวันก่อนผมจึงตัดสินใจเปิดตัวน้องมันในคณะไปเลย  เพื่อที่หลายๆ เรื่องมันจะได้จบลง  ไม่ใช่แค่เรื่องความสบายใจเวลาเราอยู่ด้วยกัน  หรือความมั่นใจให้กับกันต์  แต่มันยังเป็นการแสดงความเป็นเจ้าของของผมด้วย  วิศวะฯ เรายิ่งผู้ชายเยอะอยู่  และเชื่อผมเถอะครับว่ามีหลายคนจ้องกันต์มันอยู่ด้วย  ดังนั้นตัดไฟแต่ต้นลมไปก่อนเลยน่าจะดีที่สุด  ทว่าเรื่องมันกลับรู้กันเพียงแค่ภายในคณะเท่านั้น  เพราะหลุดออกนอกคณะไปกลับไม่มีใครเขาเชื่อเลยสักคนว่ามันคือเรื่องจริง

เมื่ออาจารย์จบคลาสลง  ผมก็บิดขี้เกียจเบาๆ ก่อนจะพิมพ์ข้อความไปหาแฟนอีกครั้งว่า.... 

พี่เลิกเรียนแล้ว  เดี๋ยวกำลังจะไปโรงอาหาร  จะสั่งอะไรมั้ยเดี๋ยวพี่สั่งไว้รอ...

ไม่นานกันต์มันก็ตอบกลับมาครับว่า...

คะน้าหมูกรอบ 1

กระเพราะไก่+ไข่ดาว 1

ข้าวมันไก่ 2

ผมร่นคิ้วมองทันที  และรู้ว่าคะน้าหมูกรอบนั่นเป็นของกันต์แน่ๆ  ส่วนที่เหลือก็คงจะของพวกเพื่อนมันทั้งนั้นแหละ  หึๆๆ...

ไม่ใช่แฟนไม่สั่งให้โว้ย!!




ความน่ารักของเขากลายเป็นความเคยชินของผมไปเสียแล้ว...
ไม่มีความหวือหวาเหมือนตอนช่วงแรกๆ...
และที่ว่าน่ารักมันก็ใช่อยู่หรอก  แต่เขาก็เป็นผู้ชายเหมือนกันกับผมนะ..
ผมโชคดีอย่างนั้นเหรอ.....




12.15 น.  ที่โรงอาหารคณะ

กันต์เดินเข้าโรงอาหารมาพร้อมเดอะแก๊ง  ซึ่งรวมทั้งไอ้ธันและแพรด้วย  เมื่อเดินมาถึงโต๊ะกันต์มันก็ยู่หน้าถามผมขึ้นมาทันทีเลยครับ

“ อ้าวพี่กิจ แล้วของพวกไอ้เรย์ล่ะ “

“ พี่บริการเฉพาะแฟนครับ  ใครที่ไม่ใช่แฟนไปต่อแถวเอาเอง “

ผมพูดจบพวกเพื่อนผมมันก็โห่ร้องชอบใจขึ้นมาทันที  ตรงกันข้ามกับพวกของกันต์ที่ทำหน้าราวกับเหม็นความรักใส่ผมเสียอย่างนั้น

“ โหพี่กิจ  ผมหลานรหัสพี่นะ “  ไอ้เจมส์มันอิดออดว่ามาครับ

“ ก็ใช่ไง  ดังนั้นมึงก็ต้องรู้จักเจียมตัวเอาไว้  อย่าได้คิดเอาตัวเองขึ้นมาเทียบกับระดับแฟน “  ผมแกล้งกวนน้องมันไปครับ  เลยโดยกันต์มันตีเข้าให้ที่ไหล่ไปทีนึง  ก่อนจะบอกว่า... นั่นเพื่อนผมนะพี่!

แล้วไงล่ะ...  ก็ไม่ใช่แฟนพี่นี่  หึๆ

ระหว่างทานข้าวกันผมก็คอยสังเกตอาการของไอ้พีมันอยู่บ่อยๆ รู้สึกเหมือนว่ามันกำลังคิดอะไรไม่ตกอยู่  สุดท้ายผมก็เลยตัดสินใจลองโยนหินถามทางดู

“ เป็นเหี้ยไรวะมึงไอ้พี  ช่วงนี้เอาแต่เหม่อ “  มันเหลือบมามองผมก่อนจะถอนหายใจเล็กๆ ครับ  แต่จากท่าทีที่เห็นนี้แสดงว่ามันมีเรื่องที่คิดไม่ตกจริงๆ นั่นแหละ  และในที่สุดมันก็ยอมพูดออกมาครับ 

“ เฮ้ยไอ้กิจ...  มึงเล่นแบดเก่งใช่มั้ย “

ผมทำหน้างงมองตอบไป  แล้วไอ้บิวมันก็สวนขึ้นมาแทนคำตอบผม

“ ไอ้กิจมันก็เก่งแม่งทุกอย่างอยู่แล้วป่าววะ  มึงยังจะถามอีกนะ “

“ ก็นั่นแหละ...  นั้นไอ้กิจมึงช่วยอะไรกูอย่างสิวะ “ 

เชี่ย..!!!  ร้อยวันพันปีคนอย่างมันแทบจะไม่เคยร้องขอความช่วยเหลือจากผมช่วยเลย  นี่แสดงว่ามันต้องเป็นเรื่องใหญ่จริงๆนั่นแหละ  ว่าแต่มันเกี่ยวอะไรกับแบดมินตันด้วยนะ

“ ให้กูช่วยอะไร “  ผมร่นคิ้วถามไปอย่างแปลกใจครับ

“ ช่วยเทรนกูที  ไม่ขออะไรมาก  แค่พอให้ชนะไอ้เคได้ภายในหนึ่งอาทิตย์เท่านั้นพอ “


พรืด!!


กันต์ถึงกลับสำลักน้ำครับที่กำลังดื่มไปครับ  จนผมต้องเอามือไปลูบหลังพลางหยิบผ้าเช็ดหน้ามาเช็ดคราบน้ำให้

“ ชนะไอ้เคเลยเหรอพี่พี “  กันต์มันถามขึ้นทันทีที่ผมละผ้าเช็ดหน้าออกจากปาก

“ อืม... “

“ ทำไมอะพี่  เมื่อวานแข่งกันเหรอ  แล้วผลเป็นไง “

“ 15 – 0 “ 

ทันทีที่ไอ้พีพูดจบด้วยน้ำเสียงอ่อยๆ พวกผมทั้งแก๊งก็ถึงกับหัวเราะก๊ากกันเลยทีเดียว  ใครจะไปคิดกันละครับว่าคนเก่งๆ อย่างไอ้พีจะไปแพ้เด็กปีหนึ่งซะขนาดนั้น  แถมแพ้ชนิดที่ว่าไม่เอาแต้มกันเลยทีเดียว...  คือถ้าเป็นเรื่องอื่นจะไม่แปลกใจเท่าเรื่องกีฬาเลยครับ  เพราะคนรูปร่างสูงใหญ่และมีพาวเวอร์ด้านนี้แบบมันจะมาแพ้ได้ราบคราบขนาดนี้

สงสัยที่เครียดนี่คงจะเพราะแค้นเด็กมันแน่ๆ เลยครับ  โถๆๆๆไอ้พี  ฮ่าๆๆๆๆ

“ พี่กิจก็ไปขำพี่พีเขา  ไอ้เคมันเก่งจะตาย  ถ้าตัวๆ กับมันนะ  กันต์หรือไอ้ธันยังเอาไม่ลงเลย “

ก็จริงนะครับที่ว่าไอ้เคมันเก่ง  เพราะผมก็เคยแข่งกันมันมาก่อนครั้งหนึ่ง  ถึงได้พอรู้ว่าสเต็ปและแรงของมันนั้น  เรียกได้ว่าเอาเรื่องกันเลยทีเดียว  แต่มันก็อดขำไม่ได้นี่  ดูสิครับไอ้คิมมันยังไม่เลิกขำเลยตอนนี้  ส่วนเจ้าตัวก็ไล่โวยวายเพื่อนไปทั่วแล้ว

“ ถ้าแพ้ขนาดนี้นะ...  แล้วมึงอยากจะชนะให้ได้ภายในหนึ่งอาทิตย์นะเว้ย... บอกเลย.... ตายแล้วเกิดใหม่ “

“ พี่กิจ!!  //  เชี่ยกิจ!! “

อะไรวะก็ผมพูดความจริงนี่  กันต์กับไอ้พีจะโวยวายอะไรเสียงดัง  ฮ่าๆๆๆ

“ โอเคๆ  เอาดีๆ ละ...  กูไม่ว่างว่ะมึง...  กิจกรรมเทอมนี้ที่กูต้องดูแลแม่งเยอะสัด  และอีกอย่างนะ..  อาทิตย์เดียวให้ตายยังไงมึงก็ไม่มีทางชนะไอ้เคได้หรอก  ขนาดกันต์กูเทรนตั้งหลายอาทิตย์ก่อนแข่ง  ถ้าต้องตัวๆ เอามันไม่ลงหรอก  ดังนั้นอย่างน้อยๆ ซ้อมหนักๆ ก็ต้องสักปีนึง  หรือถ้ามึงรอไม่ได้ก็ล้มเลิกความคิดนี้ซะ “

อาจจะดูเหมือนตัดกำลังใจนะครับ  แต่เชื่อเถอะครับว่า  นี่แหละความจริงที่สุดละ

“ ไม่มีทางเลยเหรอวะมึงไอ้กิจ “  มันถามผมต่อด้วยน้ำเสียงท้อแท้ 

“ เออ... “  ให้มันเลิกหวังตั้งแต่เนิ่นๆ ดีกว่ามันจะต้องไปเสียเวลาทำเรื่องไม่เป็นเรื่องเพียงเพราะแค่อยากจะเอาชนะรุ่นน้องคนนี้ให้ได้

“ พี่พีอย่ายอมแพ้นะพี่  เดี๋ยวกันต์ช่วยเอง  ขนาดกันต์ไม่กี่อาทิตย์ยังพัฒนาได้เยอะเลย  แล้วระดับพี่พียังไงก็ต้องไปได้มากกว่ากันต์อยู่แล้ว “

เอ๊า.... แฟนผมนี่ก็นะ  ไปให้ความหวังชาวบ้านเขาเรื่อยเปื่อย  เพราะมันคนละกรณีกันครับ  การจะเอาชนะคนเก่งระดับนั้นได้  มันก็ต้องอาศัยระยะเวลาฝึกฝน  แม้ว่าจะมีพื้นฐานทางด้านกีฬาที่ดีแค่ไหนก็ตาม

“ จะเอาเวลาที่ไหนไปห๊ะเรา...  ไหนจะเรียน  ไหนจะซ้อมเชียร์  แล้วเดี๋ยวเร็วๆ นี้มีงานชมรมจิตฯ ต้องไปช่วยเขาทำหนังสั้นอีก  เออว่าแต่ตอนนี้ไปถึงไหนกันแล้ววะไอ้ธัน “  ผมบอกคนตัวเล็กข้างๆ เสร็จก็หันไปถามไอ้หน้าหล่อที่นั่งอยู่ริมสุดของโต๊ะครับ

“ พี่เขาให้บทมาอ่านอยู่เลยพี่  นี่พึ่งอ่านจบไปเมื่อวานเอง  แถมในเรื่องพี่เขาให้จูบจริงด้วยนะ  ผมนี่เครียดเลยอะ “  มันว่ามาเป็นชุดเลยครับ  ดูวุ่นวายไม่ใช่น้อยเลยทีเดียวงานนี้

“ ดีละที่กูปฏิเสธ  ฮ่าๆๆ “  ผมบอกไปตามจริงครับ  เพราะจากที่มันว่ามา...  อะไรก็ไม่เท่าจูบจริงเนี่ยแหละ  เพราะนอกจากผมแล้ว  ใครก็ห้ามมาจูบกันต์มันเด็ดขาด

“ โหยพี่....  ผมดิซวย  พี่ไม่น่าปฏิเสธเลย “

“ เป็นมึงอะดีแล้ว  หัดทำกิจกรรมเข้าไว้  เดี๋ยวขึ้นมาปีสูงๆ ยังมีให้ทำอีกเยอะจะได้ชิน “  ผมแกล้งทำหน้าขรึมบอกไปครับ  แต่ใต้โต๊ะกลับถูกเท้าไอ้คนตัวเล็กเหยียบพลางหันมามองเป็นเชิงว่ารู้ทันความคิดนะ  ซึ่งผมก็ได้แต่ยิ้มกริ่มไม่สนใจครับ

“ แต่พี่พี...  เรื่องซ้อมแบดอะ  ผมพูดจริงนะ  ไว้หาเวลาว่างได้แล้วเดี๋ยวผมช่วยพี่เอง “

กันต์มันพูดทิ้งท้ายไว้ให้ไอ้พีมันได้ยิ้มกว้าง  ก่อนจะหันมาด่าผมว่าแล้งน้ำใจครับ...

หัวข้อ: Re: My Gear รักร้ายๆ ของคุณชายเย็นชา 2 ( Chapter 7 - 26/9/62 หน้า 2 )
เริ่มหัวข้อโดย: หมีขาว ที่ 01-10-2019 10:25:04
เขาเป็นคนที่เรียนในระดับปานกลาง
เล่นกีฬาก็ปานกลาง
ฐานะก็ปานกลาง
เรียกได้ว่าเป็นคนในระดับปานกลางเลยก็ว่าได้
แต่ก็มีคนที่รักเขาเยอะนะ...  เพราะเขาให้ใจกับทุกๆ คนเสมอ
ผมโชคดีอย่างนั้นเหรอ....





14.30 น.  ที่ตึกภาควิชาอุตสหการ

ผมกำลังนั่งเลื่อนมือถือดูคอนโดบ้าง  ที่ดินบ้าง  อาคารหรือบ้านปล่อยขายต่างๆ  เพื่อเอามาเกร็งกำไรหรือปล่อยเช่าครับ  คือถึงผมจะเกิดในครอบครัวที่มีฐานะขนาดนี้  แต่เงินใช้จ่ายส่วนใหญ่ผมก็เริ่มหาเองตั้งแต่ตอนปีหนึ่งแล้วล่ะครับ  คือนอกจากเงินรายเดือนจากทางบ้าน  ผมยังมีเงินเดือนประจำที่ช่วยพ่อทำงานอีก  แต่รายได้หลักของผมนั้นมาจากการเริ่มจับงานอสังหาฯ ครับ  เริ่มจากการกู้เงินพ่อเมื่อตอนปี 2 ฟังไม่ผิดหรอกครับ.... กู้จากพ่อ  เพราะไม่มีธนาคารที่ไหนปล่อยเงินก้อนโตให้กับเด็กอย่างผมเป็นแน่  และถึงแม้ว่าครอบครัวจะมีฐานะที่ดี  แต่พ่อแม่ผมกลับไม่สปอยด์เกินไปเหมือนอย่างที่ใครๆ คิดเอาไว้เลย  ออกจะฝึกให้เราหาอะไรด้วยตนเองเสียด้วยซ้ำไป  ดูอย่างไอ้กานต์สิครับ  ถึงมันจะมีรถเพราะพ่อซื้อให้เป็นรางวัลที่สอบใบขับขี่ได้  แต่ก็ไม่ใช่รถหรูราคาแพงอะไรเลยนะ  ส่วนรถหรูของผมนี่มาจากน้ำพักน้ำแรงของตัวผมเองล้วนๆครับ 

มาเข้าเรื่องกันต่อดีกว่า...  ผมกู้เงินจากพ่อมาเพื่อสร้างหอพักแถวมหาลัยฯแห่งหนึ่ง   ปล่อยเช่าเพื่อนำเงินมาจ่ายเงินต้นและดอกเบี้ยของพ่อคล้ายกับเวลาเรากู้เงินธนาคารนั่นแหละครับ  แต่เป็นการกู้พ่อตัวเองและมีดอกเบี้ยที่ถูกกว่ามาก  และเพราะดอกเบี้ยที่ถูกนี้  ผมจึงไม่ได้ใช้รายได้ทั้งหมดเพื่อรีบเคลียร์เงินต้น  แต่ยังแบ่งเงินส่วนหนึ่งไว้เพื่อต่อยอดธุรกิจส่วนตัวนี้อีกโดยการเริ่มจับงานอสัหาฯ เพื่อเกร็งกำไรหรือปล่อยเช่า  จนเรียกได้ว่าตอนนี้สถานะทางการเงินส่วนตัวของผมก้าวกระโดดไปจากหลายๆ คนอย่างมาก  แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นที่มันไปได้ไวขนาดนี้ก็เพราะแบ็คหลังผมดีเป็นทุนเดิมนั่นแหละ  เพียงแต่ผมเลือกที่จะไม่รอรับอยู่เพียงฝ่ายเดียว  แต่เลือกที่จะออกเดินหา  ใช้โอกาสและความสามารถของตัวเอง  เพื่อแสดงให้ทุกคนเห็นว่าผมเองก็มีความสามารถไม่ใช่แค่ฐานะ....

เมื่อไม่มีอะไรควรค่าแก่การลงทุน  ผมก็เปลี่ยนมาเป็นพิมพ์ข้อความไลน์ไปแซวแฟนเสียหน่อย  กวนกันวันละนิด  หวานกันวันละหน่อยเพื่อชีวิตรักที่ไม่น่าเบื่อ


                                                                                               อ่านแล้ว     น้องครับตั้งใจเรียนหน่อย  ลำบากแฟนมาติวให้
                                                                                                14.35
GunT
เดี๋ยวไปให้คนอื่นติวให้ก็ได้  แต่กลับห้องช้าอย่าว่าละกัน      14.36
                                                                                               อ่านแล้ว     กล้าเหรอ  เดี๋ยวพี่จะไปแหกอกไอ้คนติว
                                                                                               14.37
GunT
ว่างรึไงมากวนคนเขาเรียนเนี่ย     14.38
                                                                                               อ่านแล้ว     ไม่ว่างครับ  แต่คิดถึง...
                                                                                               14.38





ที่ผ่านมา...
หลายคนเข้าหาผมเพราะรูปร่างหน้าตา  ความสามารถ  หรือเพราะฐานะ
แต่เขากลับต่างออกไป...  เพราะจุดเริ่มต้นที่เขารักผมนั้นไม่ใช่สิ่งเหล่านี้เลย
ไม่อย่างนั้นเราคงไม่เกลียดกันตั้งแต่แรกเริ่มหรอก...
ผมเป็นคนโชคดีอย่างนั้นเหรอ....





18.00 น. ที่สนามบาสคณะวิศวะฯ


เย็นนี้ผมมีทั้งซ้อมบาสของคณะเพื่อเตรียมแข่งในงานสปอร์ตเดย์ครับ  รวมทั้งยังต้องมาดูปี 2 สอนลีดน้องด้วย  ดีหน่อยที่มันอยู่ที่สนามบาสด้วยกันทั้งคู่

“ ไงมึงยังไม่กลับห้องอีก “

ผมเดินขึ้นสแตนด์เชียร์ซึ่งมีน้องรหัสผมนั่งมองแฟนมันที่กำลังสอนลีดปีหนึ่งอยู่ครับ

“ ก็รอซีมันเหมือนเดิมแหละเฮีย “  ไอ้เอ็กซ์น้องรหัสผมว่ามาครับ  ซึ่งก็เป็นกิจวัตรประจำวันของคู่นี้อยู่แล้ว  ที่ผัวซ้อมบาสเสร็จก็ต้องมานั่งรอเมียอยู่ตรงนี้เป็นประจำ

“ เออเอีย  ผมว่าไอ้น้องคนนั้นมันชอบเฮียแน่  ผมเห็นมันชอบแอบมองเฮียอยู่บ่อยๆ อะ “

ไอ้เอ็กซ์หลิ่วตาให้ผมมองตามไปทางน้องอามครับ ผมเลยขานรับในลำคอเล็กๆ  เอาจริงผมคิดว่าน้องมันจะยอมตัดใจตั้งแต่วันที่ผมประกาศเปิดตัวกันต์มันแล้วนะครับ  แต่ดูท่าคงจะยังตัดใจไม่ได้  และถึงไอ้เอ็กซ์มันจะไม่บอกมา  ผมเองก็พอจะสังเกตได้อยู่หรอกครับ  เพียงแต่ความกล้าที่จะเข้าหาผมดูจะน้อยลงไปกว่าเมื่อก่อนนี้มาก

“ รู้แล้ว.... “

ผมตอบด้วยน้ำเสียงที่ไม่ได้ใส่ใจ  จากนั้นไอ้เอ็กซ์มันก็หันกลับมามองหน้าผมเล็กน้อยอย่างรู้ว่าผมไม่ได้ใส่ใจจริงๆ นั่นแหละ

“ เป็นไงเอีย...ชีวิตใหม่ “

“ ชีวิตใหม่อะไรวะ “  ผมร่นคิ้วถามอย่างแปลกใจครับ

“ ก็ที่เปลี่ยนจากชอบผู้หญิงมาชอบผู้ชายไง “ 

“ ไม่ได้เปลี่ยนโว้ย!!  กูแค่ชอบกันต์มัน  ไม่เกี่ยวกับเรื่องเพศสักหน่อย...  หรือไม่จริง “  ผมแหงะหน้าถามไอ้รุ่นน้องตัวแสบ ( เมื่อก่อนมันแสบจริงนะครับ )  เพราะมันเองก็อยู่ในสถานะเดียวกันกับผมตอนนี้

“ ก็จริงของเฮีย  ฮ่าๆๆ “

มันตอบมาพร้อมกับหัวเราะร่า  ผมหยิบเอาโทรศัพท์ที่ส่งเสียงเตือนเมื่อมีคนโทรเข้ามาก่อนจะพบว่าเป็นกันต์

“ ว่าไงซ้อมเชียร์เสร็จแล้วเหรอ “

< พึ่งเสร็จอะ  พี่ยังไม่เสร็จเหรอ >

“ รอเสร็จพร้อมเรา “

< ทะลึ่ง ! >

“ แล้วเอาไง...  เดินมาหาพี่ที่สนามบาสมั้ย “

< อืม  โอเคพี่  นั้นเดี๋ยวกันต์เดินไปหาพี่ที่สนามนะ >

หลังจากผมวางสายไปก็นั่งคุยกับไอ้เอ็กซ์ต่อได้ไม่นานก็เห็นกันต์ในสภาพชุดนักศึกษาสะพายเป้ที่ไหล่ขวาเดินมาแต่ไกลครับ

“ พี่เอ็กซ์หวัดดีครับ “  มันมาถึงก็ยกมือไหว้ไอ้เอ็กซ์ก่อนจะวางกระเป๋าแล้วนั่งลงยังที่นั่งชั้นถัดลงมาจากที่ผมกับไอ้เอ็กซ์มันนั่งอยู่

“ ไงกันต์  ทำไมสภาพวันนี้ดูเพลียจังวะ “  ไอ้เอ็กซ์ถามกลับ

“ เหนื่อยดิพี่  แปลอักษรงงไปหมด “  จากนั้นมันก็เงยหน้าส่งสายตาละห้อยมองมาที่ผมครับ

“ พี่กิจ...  หิวแล้ว... “ 

น้ำเสียงอ้อนอีกต่างหาก  เฮ้อ....  คนเข้มงวดอย่างผมจะมาเลิกซ้อมลีดเพราะแฟนมันก็ใช่ที่  ว่าแล้วผมเลยลุกขึ้นก่อนจะลงจากสแตนด์เดินเข้าไปหาพวกปีหนึ่งและปีสองที่กำลังซ้อมลีดกันอยู่ด้านล่าง

“ ท่าทางทุกคนจะเหนื่อยกันแล้วนะ  และนี่ก็ดึกแล้ว  ยังไงวันนี้ก็พอแค่นี้ก่อนแล้วกัน  เพราะแฟนพี่มันหิวข้าวแล้ว “

พอผมพูดจบก็ถูกโห่แซวกันจนสนั่นไปทั้งลานกว้างกันเลยทีเดียว  ก็มันเรื่องจริงทั้งนั้นนี่...   
 
“ มั่วแล้ว!  เกี่ยวไรกับผม! “  กันต์มันตะโกนว่ามาครับ


“ หยุดๆ...  เสียงดังไรนักหนาห๊ะ...หรืออยากจะซ้อมต่อ  พี่จัดให้ได้นะ “

แซวไม่หยุดก็ขู่แม่งเลยครับ  ยังไงผมก็ลอยตัวอยู่แล้ว  ไม่เลิกซ้อมผมก็แอบไปกินข้าวกับแฟนก่อนก็ยังได้เลย  ช่วยไม่ได้อะ...  ตรงนี้ผมใหญ่สุด  หึๆๆ

ผมเดินยิ้มร่ากลับมาหากันต์มันที่มองผมหน้าเห่ย  ก่อนจะถูกไอ้เอ็กซ์หาว่าผมใช้อำนาจอย่างไม่เป็นธรรม  แต่ผมไม่สนครับหยิบเอากระเป๋าเป้ของกันต์มันขึ้นมาสะพายบ่าแล้วพูดขึ้น

“ จะกินไร  หิวไม่ใช่เหรอ “

“ อืม....  อยากกินสเต๊กหน้ามออะ “  มันคิดแปบเดียวก็ตอบผมมาครับ  แล้วผมก็พยักหน้าเล็กๆ ตามใจไป  จากนั้นมันก็ลาไอ้เอ็กซ์แล้ววิ่งไปลาน้องซี  ก่อนจะแวะไปคุยกับน้องแพร  ไม่นานไอ้เรย์ที่หายไปตั้งแต่หลังซ้อมบาสเสร็จก็เดินเข้าสนามพร้อมถุงลูกชิ้นในมือและสีหน้างงๆ ว่าทำไมวันนี้ถึงได้เลิกกันไวจัง  ผมเดินตามหลังเข้าไปก็พอดีกับที่มันบอกลาเพื่อนๆแล้วหันมาเห็นผมครับ

“ ปะพี่กิจ  หิวแล้ว  วันนี้จะสั่งสองจานเลย “

“ ถึงเวลาจริงไม่เคยจะกินหมดสักที “  ผมแอบแขวะไปครับ

“ แต่วันนี้หิวจริงน้า.... “

“ คร้าบ...  นั้นก็ไปเร็ว “

จากนั้นน้องๆ แถวนั้นก็ลาผม  แล้วเราก็เดินออกจากสนามบาสท่ามกลางเสียงโห่แซวตามหลังมาอย่างไม่หยุดหย่อน

“ พี่กิจพรุ่งนี้มีควิส static อะ  ติวให้ทีดิ “

“ อืม.... “






ชีวิตครอบครัวอย่างคนปกติที่เคยคิดเอาไว้ว่าจะมี  อาจจะต้องเปลี่ยนแปลงไปหากอยู่กับเขาคนนี้
ผมเป็นคนโชคดีอย่างนั้นเหรอ....





22.30 น.  ที่คอนโด


“ ช้าๆ ดิพี่กิจ  เมื่อกี้ยังไม่เข้าใจเลย “

กันต์ท้วงครับเมื่อผมเริ่มอธิบายตัวอย่างโจทย์ข้อต่อไป

“ อ้าวก็เห็นพยักหน้าพี่ก็คิดว่าเราเข้าใจข้อเมื่อกี้แล้ว “

“ ก็เกือบเข้าใจแล้ว  แต่พี่ต้องให้เวลาหัวสมองผมมันได้ประมวลผลก่อนดิ “

ผมยิ้มขำเล็กๆ ให้กับข้อแก้ตัวเด็กๆ ของเขาได้อยู่บ่อยๆ  ผมไม่เบื่อเลยนะครับที่มาใช้เวลานั่งติวให้กันต์มันอยู่แบบนี้  เพราะได้เห็นมุมอื่นที่ไม่ค่อยได้เห็นอยู่บ่อยนัก  อย่างสีหน้ามั่นใจแต่ก็พลาด  หน้าที่ใช้ความคิดแต่ก็คิดไม่ออก  ความคุ้มคลั่งเล็กๆ ที่ใกล้เวลาจวนตัวหรือคิดไม่ออก  มันทำให้เสือยิ้มยากอย่างผมเผลอยิ้มออกมาได้อยู่เสมอเลยล่ะครับ

“ พี่กิจพักก่อน...  กินโกโก้กัน  เดี๋ยวกันต์ชงให้ “

เจ้าเด็กน้อยของผมยิ้มบอกมาตาเป็นประกาย

“ แล้วคืนนี้จะจบมั้ย “

“ มันก็ต้องพักบ้างอะไรบ้างดิพี่ “

จากนั้นมันก็เดินเลยผมจากห้องรับแขกไปทำอะไรขลุกขลักอยู่ในครัว  สักพักก็กลับมาพร้อมโกโก้ร้อนกลิ่นหอมสองแก้วและขนมปังสองสามอย่างที่แวะซื้อเมื่อตอนขากลับในจาน

ผมชอบชีวิตแบบนี้มาก  มันอบอุ่น  ละมุน  และสัมผัสได้ถึงครอบครัว... 

จากคนฟอร์มเยอะและจริงจังกับชีวิต  กลับเริ่มมามีชีวิตที่เรียบง่ายอย่างที่ไม่เคยมีอยู่ในหัวมาโดยตลอด..

ผมเหมือนได้พักเวลาอยู่กับกันต์

บ้านอาจจะเป็นคำนามที่ใช้เรียกสถานที่  แต่ตอนนี้ผมเข้าใจแล้วว่าความหมายมันลึกซึ้งกว่านั้นมาก  เพราะต่อให้ไม่มีสถานที่  ขอแค่มีกันและกัน  และความรู้สึกแบบนี้  ไม่ว่าที่ไหนเราก็เรียกว่าบ้านได้ทั้งนั้น...

“ สูตรใหม่กันต์อร่อยมั้ย  แต่กินเยอะๆ อ้วนแน่เลย... แต่ช่างมัน...  ของอร่อยต้องมาก่อน “  ผมฟังมันบ่นกับตัวเองก็อดเผลอยิ้มเล็กๆ ไม่ได้ทุกทีสิน่า

“ ยิ้มอะไร...  ทำไม.. อ้วนแล้วจะไม่รักเหรอ “

“ ใครบอก  ถึงตัวเองอ้วนเค้าก็รักนะ “

ใครจะไปคิดกันว่าไอ้คุณชายกิจมันจะสามารถพูดอะไรแบบนี้ออกมาได้  แถมยังเอาหน้าก้มลงไปขยี้ท้องแฟนตัวเองจนมันหัวเราะคิกคักบอกให้ผมพอได้แล้วแบบนี้

ขอบคุณนะกันต์ที่เข้ามาในชีวิตพี่....  และต่อให้เราไม่เหมือนใคร...แต่พี่ก็เข้าใจคำว่าครอบครัวเพราะกันต์

เพียงแค่เรามีกันและกันแบบนี้  มันก็คือครอบครัวแล้วล่ะ….




เขาอาจจะไม่ได้ดีพร้อม
ไม่ใช่คนที่เราหรือใครคาดหวัง
แต่เขาเข้ามาเติมเต็มในส่วนที่ผมขาด....
และทำให้ “ เรา “ กลายมาเป็น “ ครอบครัว “


ตอนนี้ผมรู้สึกแล้วว่า...  ตัวเองนี่ช่าง...  โชคดีจริงๆ....







TBC.



------------------------------------------------------------

เมื่อวานลงไม่ทันครับ  ขอโทษทีนะครับ

ส่วนตัวค่อนข้างชอบตอนนี้มาก  มันไม่หวือหวาก็จริง... แต่ชอบอะครับ

------------------------------------------------------------

ติดต่อคนเขียนได้ที่  ทวิตเตอร์  @phanusun_p
หัวข้อ: Re: My Gear รักร้ายๆ ของคุณชายเย็นชา 2 ( Chapter 8 - 1/10/62 หน้า 2 )
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 01-10-2019 12:23:33
พี่กิจคนรักเมีย5555
หัวข้อ: Re: My Gear รักร้ายๆ ของคุณชายเย็นชา 2 ( Chapter 8 - 1/10/62 หน้า 2 )
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 01-10-2019 16:38:08
 :pig4: :pig4: :pig4:

นี่คืออาการของคนหลงเมีย
หัวข้อ: Re: My Gear รักร้ายๆ ของคุณชายเย็นชา 2 ( Chapter 8 - 1/10/62 หน้า 2 )
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 01-10-2019 21:11:46
 :L2: :pig4:
หัวข้อ: Re: My Gear รักร้ายๆ ของคุณชายเย็นชา 2 ( Chapter 8 - 1/10/62 หน้า 2 )
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 01-10-2019 23:45:00
หลงกันต์ หรือ เกรงใจกันต์ กันแน่นะ  :hao3:
หัวข้อ: Re: My Gear รักร้ายๆ ของคุณชายเย็นชา 2 ( Chapter 8 - 1/10/62 หน้า 2 )
เริ่มหัวข้อโดย: หมีขาว ที่ 07-10-2019 20:39:52
Chapter  9




กันต์ ‘s  Part





ค่ำนี้ได้ฤกษ์งามยามดีฉลองบ้านใหม่ของไอ้พวกนั้นครับ  และวันนี้ก็ไม่มีซ้อมเชียร์ด้วย  ซึ่งตอนแรกเราตั้งใจกันว่าจะทำหมูกระทะกินกันที่บ้านเช่าครับ  แต่สุดท้ายก็เปลี่ยนแผนเพราะพวกมันขี้เกียจเก็บล้างและเก็บงานหลังกินเสร็จ  ก็เลยไปจบกันที่ร้านหมูกระทะแถวมหาลัยฯครับ

ผมไปกับไอ้ธันเลยไปรับไอ้เคมันที่คณะ  ส่วนพวกที่เหลือไปรถไอ้เรย์มันที่ร้านกันแล้ว

“ ธันให้กูลองขับไปที่ร้านมั้ย “  เมื่อเวลาผ่านไปความกลัวเรื่องรถก็ได้ลืมเลือนไปเยอะแล้ว  และก่อนที่จะเอาความรู้คืนอาจารย์หมด  ผมก็ต้องมาทบทวนกันบ้างล่ะครับ

“ ไหวเหรอกันต์... “  ไอ้ธันที่ยังไม่ได้สตาร์ทรถที่หน้คณะเภสัทฯ  ถามพลางมองผมอย่างกล้าๆ กลัวๆ

“ อย่าเลยมึง...  กูยังอยากเรียนให้จบ  ได้ข่าวว่าคราวก่อนก็เกือบชนมาแล้วไม่ใช่เหรอ “  ไอ้เคที่นั่งด้านหลังว่ามาทันที  ให้ผมหันหน้าไปหาก่อนจะพูดขึ้น

“ แค่เกือบเอง  ยังไม่ได้ชนสักหน่อย “

“ ก็นั่นแหละ !   สงสารกูและแมวกูเหอะ  เดี๋ยวแม่งกำพร้า “

ผมด่ามันว่า ‘ เชี่ย ‘  แบบไม่ออกเสียงในขณะที่ธันได้แต่หัวเราะขำก่อนจะออกรถไปครับ

“ จำไว้เลยนะเว้ยไอ้เค  กูจะเทรนพี่พีให้เอาชนะมึงให้ได้  โทษฐานที่มึงดูถูกกู “  ผมขู่มันไปครับ  แต่ก็ตั้งใจอย่างนั้นจริงๆ

“ อะไร...  พี่พีเขา...  ทำไม “

จู่ๆ มันก็เปลี่ยนสีหน้าแล้วถามผมขึ้นมาเสียงตะกุกตะกักครับ

“ ก็เมื่อวานพี่เขามาขอให้ช่วยเทรนแบดให้อะ  เห็นบอกว่าต้องเอาชนะมึงให้ได้อะไรเนี่ยแหละ  ทำไมวะ...  มึงไปทำไรพี่เขาถึงหัวเสียขนาดนั้น  นี่กูไม่เคยเห็นพี่พีเป็นแบบนี้มาก่อนเลยนะเว้ย! “  ผมหันกลับไปคุยกับมันครับ

“ เป็นกูมากกว่ามั้งที่ถูกทำ... “ 

มันบ่นอะไรไม่รู้อู้อี้กับตัวเองครับ  ผมฟังไม่ชัดเลยถามกลับไปว่าอะไรนะ...

“ กูบอกว่า...  กูจะไปทำไรพี่เขาได้ล่ะ  ตัวโตซะขนาดนั้น “  มันเสียงดังขึ้นมาครับ

“ ไม่เกี่ยวเว้ย  คนเรามันไม่เก่งกันทุกอย่างหรอก  แต่ที่แน่ๆ  กูฟันธงเลยว่าพี่เขาต้องเอาชนะมึงได้สักวันแหละ “

“ ทำไมมึงถึงมั่นใจวะ... “  มันถามมาเสียงอ่อยครับ 

“ ก็เพราะกูสอนไง  และอีกอย่าง...  พี่เขามีพื้นฐานด้านกีฬาดีอยู่แล้ว  เทรนไม่นานต้องเอาชนะมึงได้แน่ “

“ เหรอ......  แล้วกูจะคอยดู “

ผมยิ้มพลางเลิกคิ้วก่อนจะหันหน้ากลับมามองทางข้างหน้าต่อ  ซึ่งตอนนี้กำลังจะออกจากรั้วมหาลัยฯแล้วล่ะครับ


......



ที่ร้านหมูกระทะ

เข้าร้านมาพวกนั้นก็มาถึงกันอยู่ก่อนแล้ว  แถมอาหารก็ยังเต็มโต๊ะไปหมด  เรื่องกินนี่แม่งไม่เคยช้าและรอผมเลยจริงๆ  แถมเบคอนของโปรดผมมันก็ตักมาเท่าแมวดม  สุดท้ายก็เลยต้องเดินไปตักเองจนได้ครับ...

โต๊ะเราค่อนข้างจะครึกครื้นสักหน่อย  เพราะนอกจากจะคนเยอะแล้ว  ไอ้เรย์นี่ตัวดีเลยครับที่เสียงดังอยู่บ่อยๆ เวลาโดนแย่งของที่มันตั้งใจย่างไว้อย่างดี  แต่ก็ไม่ได้ถึงขนาดรบกวนชาวบ้านโต๊ะอื่นเขาหรอกนะครับ

กินกันไปได้สักพักก็มีกลุ่มนักศึกษาสาวปีหนึ่งซึ่งมากันเป็นแก๊งสามคนและผมก็จำได้ดีว่าแก๊งใคร  เพราะเจ้าตัวที่พึ่งจ่ายตังค่าแท็กซี่เสร็จได้เดินตามหลังเข้ามาเป็นคนสุดท้ายครับ  ก่อนจะเดินอ้อนแอ้นผ่านโต๊ะของพวกเราพร้อมทั้งปลายตามามองยังผมเล็กๆ

“ อูย.... “ 

ไอ้เรย์ซึ่งนั่งต่อจากไอ้ธันที่นั่งข้างผมแหงะหน้ามาหาผมพลางส่งเสียงเบาๆ ซึ่งผมก็พอเข้าใจได้ว่ามันต้องการจะสื่ออะไร  เพียงแต่ผมไม่ได้ทำอะไรเลยนะครับ  แค่คุยกับเขาผมก็ยังไม่เคยคุยด้วยเลย

เท่าที่สังเกตรู้สึกว่าเพื่อนสาวของอามจะเป็นคนต่างคณะนะครับ  ส่วนจะคณะอะไรนั้นผมไม่แน่ใจ  แต่ดูท่าคงจะเป็นเพื่อนเก่าตั้งแต่สมัยมัธยมแน่ๆ

พวกผมสนุกสนานกันต่อ  เพราะยิ่งคนเยอะแถมสนิทกันด้วยแล้วมันก็ยิ่งสนุกครับ  ไอ้แน๊คมันเอารูปติดวิญญาณที่ลงในเพจซุบซิบของมหาลัยฯ มาให้ดู  ซึ่งพวกเราก็เถียงกันว่าภาพที่ถ่ายที่ตึกชมรมนั้นเป็นภาพจริงหรือแค่จินตนาการปรุงแต่งให้มองเห็นเป็นรูปติดวิญญาณ  เถียงกันไปเถียงกันมาสุดท้ายจึงเกิดเป็นการท้าทายขึ้นมาระหว่างพวกเรา  ถึงการทดสอบความกล้าเกี่ยวกับเรื่องลึกลับของมหาลัยฯ  โดยเฉพาะใครที่ไม่เชื่ออย่างไอ้ธันกับไอ้เคยิ่งโดนไอ้แน๊คมันท้าทายให้ไปพิสูจน์ครับ

ผลก็คือ...วันศุกร์สุดสัปดาห์นี้  เราจะมีการทดสอบความกล้ากันครับ...  ซึ่งผมกับไอ้เรย์ปฏิเสธเสียงแข็งยังไง  แต่สุดท้ายก็ไม่รอดโดนลากเข้ามาร่วมด้วยอยู่ดี

งานเข้าแล้วไงครับ  เพราะผมกับมันยิ่งเป็นพวกกลัวผีโครตๆ อยู่ด้วยนี่สิ....



“ สวยเนอะ!! “

“ นางเอ้กนางเอก “

จู่ๆ สาวโต๊ะข้างๆ ก็ส่งเสียงดังขึ้นมาก่อนจะหัวเราะขำกันคิกคัก 

“ ฉันว่าอามแกสวยกว่าตั้งเยอะ  ไม่เข้าใจพี่เขาเลยจริงๆ  แต่ถ้าพี่เขาหันมาชอบผู้ชายแล้วแบบนี้  แกก็มีหวังแล้วสิทีนี้ “

คือไม่ได้อยากจะแอบฟังหรอกนะครับ แต่เสียงพวกคุณเธอดังเข้าหูมาให้ได้ยินเองราวกับจงใจ  แต่...  มันก็คงไม่ใช่หรอกมั้งครับ...

“ ผอมเพรียวกว่า  หน้าก็หวานกว่า  แถมเป็นลีดอีกต่างหาก  เดี๋ยวไม่นานพี่เขาก็ติด “  อีกคนพูดต่อครับ  ในขณะที่ตอนนี้โต๊ะผมกลับเงียบขึ้นมาเสียอย่างนั้น  ราวกับกำลังตั้งใจฟังเรื่องของโต๊ะข้างๆ กันอยู่

“ ใช่ๆ  ยิ่งต้องเจอกันบ่อยๆ ตอนซ้อมลีดด้วยนะ  พี่เขาจะไม่หลงแกก็บ้าแล้ว  อิอิ “

ถึงตรงนี้ผมเริ่มเปลี่ยนความคิดแล้วนะครับว่า  บางทีเขาอาจจะตั้งใจให้พวกผมได้ยินกันก็เป็นได้  และไม่ใช่แค่ผมคิดไปเอง  เมื่อไอ้เจมส์มันหันมาถามผมพลางพูดเบาๆ ว่ามันเกี่ยวกับผมรึเปล่า  ซึ่งผมก็ได้แต่ส่ายหน้าตอบไปว่าไม่รู้ให้เท่านั้น

“ แบบนี้เขาเรียกว่าอะไรนะ  หัวเราะทีหลังดังกว่าเปล่าวะแก ฮะๆๆ “

เมื่อสาวโต๊ะข้างๆ พูดจบก็พากันหัวเราะคิกคักชอบใจใหญ่  ไอ้เรย์มันเลยหันมาคุยกับผมทันทีครับ

“ กูว่าเกี่ยวกับมึงแล้วล่ะ...  กูเห็นตั้งแต่เชี่ยนั่นมองมึงตอนเข้าร้านมาละ “

“ ไม่ใช่หรอกมั้ง  เขาก็ไม่ได้เอ่ยชื่อกูนี่หว่า “  ผมอ้อมแอ้มบอกไป  ทั้งๆ ที่ขัดกับความคิดในใจสุดๆ

“ แต่เราว่าใช่นะกันต์  เอาจริงๆ ตอนซ้อมลีดน่ะ  เราเห็นนะว่าอามมันพยายามเข้าหาพี่กิจตั้งหลายครั้ง  แต่ก็ไม่ต้องเป็นห่วงนะ  เพราะเราดูแล้วพี่กิจไม่มีท่าทีสนใจเลยสักนิด “  คราวนี้แพรบอกมาครับ  เพราะเธอเองก็เป็นหนึ่งในลีดปีหนึ่งปีนี้ด้วยเช่นกัน  และก็คงจะได้เห็นอะไรมาบ้างพอสมควร

“ อื้ม...  เราไม่ได้คิดมากเลยอะเรื่องพี่เขา “

ผมว่าไปตามจริงครับ  เพราะหลังจากที่พี่กิจเปิดตัวผมในวันนั้น  มันก็เหมือนปลดล็อคความไว้ใจไปได้หมดเลย  ตอนนี้ผมเชื่อในตัวพี่กิจมากกว่าคำพูดของคนที่ผมไม่รู้จักเขาเลยด้วยซ้ำ

“ จริง!  ทำไมมองกูอย่างนี้กันวะ “ 

ผมย้ำขึ้นเมื่อทั้งโต๊ะมองผมราวกับว่าไม่เชื่อว่าผมจะคิดอย่างที่พูดมาจริงๆ 

“ ยังไม่เชื่ออีก...!!  ไรว้า...  ไปห้องน้ำดีกว่าวู้ว! “

ในเมื่อทนต่อสายตาเคลือบแคลงสงสัยของคนทั้งโต๊ะไม่ได้  ทางเดียวที่ผมทำก็คือการออกจากจุดเกิดเหตุครับ  รอเรื่องมันซาลงก่อนแล้วค่อยกลับมาใหม่

ผมยืนทำธุระส่วนตัวอยู่ที่โถปัสสาวะ  ซึ่งภายในห้องน้ำตอนนี้มีผมอยู่เพียงคนเดียวเท่านั้น  แต่ไม่นานชายร่างผอมก็เดินสะโอดสะองมายืนปัสสาวะด้วยข้างๆ ให้ผมได้หันไปมองเล็กๆ และเมื่อรู้ว่าเป็นอามผมก็หันกลับมาสนใจธุระส่วนตัวของตัวเองต่อ

“ ถามจริง..  ทำยังไงถึงได้พี่กิจมาเป็นแฟน... “

นี่ถือเป็นครั้งแรกเลยครับที่เขาคุยกับผม  ทว่าน้ำเสียงและบทสนทนามันกลับฟังดูไม่ค่อยจะดีสักเท่าไหร่

“ จะรู้ไปทำไม  ไม่เห็นมีอะไรน่าสนใจเลย “  ผมตอบไปเสียงงเรียบครับ

“ ทำไม...  บอกหน่อยไม่ได้เหรอ  หรือว่ากลัว.... “

ถึงจุดนี้ผมเลยหันไปมองพลางร่นคิ้วใส่อย่างไม่เข้าใจถึงสิ่งที่เขาต้องการจะสื่อ  ก่อนจะพบรอยยิ้มกริ่มราวกับว่าตนเองอยู่เหนือทุกคนเสียอย่างนั้น

“ กลัวไร...? “

ผมถามกลับด้วยน้ำเสียงที่ห้วนลงไปเล็กน้อยจากท่าทีของคนตรงหน้าที่ทำให้ผมไม่ค่อยชอบขึ้นมาแล้วในตอนนี้  คือเอาจริงผมก็ไม่ได้อะไรกับเขาเลยนะ  แต่ไหงดูเหมือนเขาจะเข้ามาระรานกับผมเสียอย่างนั้น

“ ก็กลัวว่า...  เราจะทำบ้างแล้วแย่งพี่กิจไปจากนายได้ไง “

อ่ออย่างนี้นี่เอง...  ผมหันกลับไปรูดซิบขึ้นเมื่อทำธุระเสร็จก่อนจะกดน้ำแล้วหันมาพูดกับคนข้างๆ อีกครั้ง

“ เราว่านายคิดมากไปนะ... “

พูดจบผมก็เดินไปล้างมือที่อ่างล้างมือใกล้ๆ ครับ  ไม่ทันเสร็จอามก็เดินตามมาทันที

“ อย่าว่ากันนะถ้าเราจะจีบพี่กิจ “

“ อืม... ตามสบาย “

ผมขานรับไปเสียงเรียบก่อนจะปิดก๊อกน้ำลง

“ ดูนายไม่ทุกข์ร้อนเลยนะ  ถ้าพี่กิจเปลี่ยนใจมาหาเรา  ก็อย่าว่าเราก็แล้วกัน “

ผมมองรอยยิ้มเย้ยหยันแล้วไม่ค่อยชอบเลยครับ  เอาจริงผมไม่คิดว่าเขาจะดูร้ายได้ขนาดนี้เลยจริงๆ

“ อืม...แล้วแต่นายเลย  แต่เราจะบอกอะไรให้นายรู้ไว้อย่างนะ  เรากับพี่กิจน่ะ  กว่าจะมาถึงจุดนี้ได้  เราผ่านอะไรกันมาเยอะ  มันไม่ใช่แค่ความสัมพันธ์ผิวเผิน  แต่มันเหนียวแน่นกว่าที่นายคิดเอาไว้มาก  จนทำให้เราเชื่อใจและไว้ใจพี่เขามากด้วยเช่นกัน “

พูดจบผมก็ส่งยิ้มให้เล็กๆ  ก่อนจะพบสีหน้าไม่พอใจของคนตรงหน้า  แต่ผมไม่อยากเสียเวลาสนทนาด้วยเรื่องไม่เป็นเรื่องกับคนที่ไม่น่าคบอีก  ผมเลยเลือกที่จะเดินจากไปทันที  สู้เอาเวลาไปแย่งหมูกับไอ้เรย์เสียยังจะสนุกซะกว่า 


แต่ผิดคาดครับ...

“ เชี่ย!!  เบคอนกูหายไปไหนทั้งแถบวะ!! “

ผมโวยขึ้นทันทีเมื่อพบว่าเบคอนที่ผมบรรจงย่างให้เกรียมแบบพอดีได้หายไปหมดเลยตอนนี้  ก่อนจะพบว่าไอ้ตัวต้นเหตุกลับทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้  ทว่าหลักฐานมันกลับยังคงเต็มถ้วยอยู่ให้ผมได้ลงโทษมันได้ครับ

“ มึงตายไอ้เรย์! “



กินกันต่อไปได้ไม่นานแขกไม่ได้รับเชิญสองคนก็เดินเข้ามาครับ  ย้ำว่าไม่ได้รับเชิญจริงๆ นะ...

“ อ้าว!  ก็ไหนว่าพี่ไปซื้อของกับพี่พีไง “

ผมถามพี่กิจที่เดินตรงดิ่งมากับพี่พี  ก่อนจะสะกิดให้ไอ้เคมันขยับที่ออกไปแล้วตัวเองก็เข้ามานั่งแทน  มาเฟียชัดๆ..

“ ก็ซื้อเสร็จแล้วไง  เห็นว่าเสร็จเร็วก็เลยจะมากินด้วย “ 

พี่กิจไม่ว่าเปล่าเรียกพนักงานเข้ามาบอกเพิ่มสองที่ทันทีครับ  ผมหันไปมองที่พี่พีเป็นเชิงถาม  ในขณะที่พี่เขากำลังเลื่อนเก้าอี้ตัวสุดท้ายริมสุดของโต๊ะข้างๆ ไอ้เคนั่งลง  จนไอ้เคถึงกับขยับตัวออกห่างทันที

“ พี่พร้อมแล้วนะกันต์  ทั้งไม้  ทั้งรองเท้า  ทั้งเวลา นัดมาได้เลยว่าจะเทรนกันวันไหน  ยังไงพี่ก็ต้องชนะให้ได้ “

 ประโยคุดท้ายพี่พีเบนสายตาไปมองยังไอ้เคจนมันทำหน้าไม่ถูกเลยทีเดียว  ท่าทางพี่พีจะเอาจริงนะครับเนี่ย  ไม่รู้ว่าไปทำอีท่าไหนถึงได้อยากเอาชนะไอ้เคมันได้ถึงขนาดนี้

“ เดี๋ยวๆ  มึงไอ้พี... นี่ชมรมลักบี้มึงว่างขนาดนั้นเลยเหรอวะ “

“ ก็ไม่ว่างหอก  แต่กูไม่ต้องซ้อมมากก็ได้  เพราะถึงไงก็ได้เหรียญอยู่แล้ว “  พี่พีพูดอย่างมั่นใจจนน้องๆ ในโต๊ะพากันโห่แซวอย่างหมันไส้ครับ

“ เห๊อะ... ทำเป็นคุย “  ไอ้เคมันเหน็บคนข้างๆ เบาๆ ครับ  ว่าแต่เดี๋ยวนี้มันกล้ากับรุ่นพี่ขนาดนี้เลยเหรอวะ

“ รอเลย...  ไม่นานหรอก “  พี่พีบอกมันไปครับ  แต่สายตากลับหวานมากกว่าท้าทายเสียอย่างนั้น  หรือว่าผมอาจจะคิดไปเองนะ

“ กูไปตักของมาเพิ่มนะ “  ไอ้เคพูดขึ้นพร้อมกับลุกขึ้นจากเก้าอี้ทันที

“ พี่ไปด้วย “  พี่พีลุกตามครับ

“ จะตามมาทำไมเนี่ย “  รู้สึกเหมือนไอ้เคมันจะเริ่มหัวเสียขึ้นแล้วล่ะครับตอนนี้

“ ตามที่ไหน...  คนพึ่งมาถึงก็แค่จะออกไปตักอาหาร  ทำไมคิดว่าพี่จะตามล่ะ “
 
พี่พีพูดกวนประสาทมันครับ  เห็นมันทำหน้ายุ่งทันทีพร้อมกับจิ๊ปากอย่างขัดใจ  ก่อนจะแยกออกไปโดยมีพี่พีเดินยิ้มตามหลังไปติดๆ อย่างชอบใจที่ยั่วโมโหไอ้เคมันได้สำเร็จ

“ แล้วพี่ไม่ไปตักอาหารกับเขาเหรอ “  ผมหันมาถามคนข้างๆ ครับ  ซึ่งกำลังจับตะเกียบที่พนักงานพึ่งเอามาเพิ่มให้สองที่เมื่อตะกี้นี้  พร้อมกับสายตาเล็งไปยังเบคอนชุดใหม่ที่กำลังสุกได้ที่ของผม

“ ไม่อะ  แย่งแฟนกินเนี่ยแหละอร่อยสุดละ “ 

พี่กิจไม่พูดเปล่าครับ  เอื้อมมือไปยังเป้าหมายบนเตาทันที  ในขณะที่กองเชียร์คุณภาพที่โต๊ะก็แซวพี่กิจเสียสนุกเชียว  ผมจึงเอาตะเกียบของผมไปปัดตะเกียบพี่เขาอย่างเอาเรื่องครับ

“ ของกันต์  พี่จะกินก็ย่างเอง “

“ อะไรกันต์...  พี่หิวนะ  คนอะไรขี้หึงเป็นบ้า “

“ หวง! “  ไอ้เรย์เสียงดังแก้ให้ครับ  จนพี่กิจหันไปยิ้มบอกมันว่า “ เฉียบ! “

เออ!  เข้าขากันดีเนาะพี่น้องชมรมคู่นี้

“ เออพี่กิจ  พวกผมอยากรู้อะ “  แล้วไอ้แน๊คก็เริ่มถามไอ้คนที่แย่งเบคอนบนเตาของผมได้สำเร็จขึ้นครับ

“ ว่า..? “

พี่กิจขานรับหากแต่ไม่ได้มองคนถามเลยแม้แต่น้อย  เพราะสนใจอยู่กับการจุ่มเบคอนของผมลงในถ้วยน้ำจิ้ม(ของผมอีกเช่นกัน) จนเคลือบไปทั่วเบคอน  เยิ้มน่ากินจนผมอยากจะแย่งคืนมาให้ได้เลย

“ ทำไมพี่ชอบเพื่อนผมอะ  นี่ผมกับไอ้เจมส์เปิดเทอมมาคืองงเลยว่าพี่กับมันเป็นแฟนกันตั้งแต่เมื่อไหร่ “

“ อืม...  ไม่รู้ว่ะ  รู้ตัวอีกทีพี่ก็ชอบมันไปแล้วอะ “

“ ง่ายๆ อย่างนั้นเลยเหรอพี่ “  ไอ้แน๊คทำหน้าแปลกใจถามต่อ  ในขณะที่พี่กิจก็จดจ่ออยู่กับการเอาเบคอนผมไปกินเรื่อยๆ  ไม่รู้ไปหิวมาจากไหน

“ จริงๆ ก็ไม่ได้ง่ายอย่างนั้นหรอก  เพราะแรกๆ พี่กับกันต์เราไม่ค่อยถูกกันน่ะ  แถมกันต์ยังเป็นผู้ชายอีก  ถึงจะ....  น่าร้ากก็เถอะ “  พี่กิจไม่พูดเปล่าครับ  เอามือมาจับคางผมส่ายไปมาด้วย  คนนะเว้ยไม่ใช่แมว!

“ แต่เอาจริงๆ นะ... “  คราวนี้พี่กิจทำหน้าจริงจังหันมามองยังคนถามแล้วครับ

“ เสน่ห์ของกันมันไม่ได้อยู่ที่ภายนอกหรอก  มันอยู่ข้างใน... “

รู้สึกเหมือนโดนชมลยแฮะ  อดเขินไม่ได้เลยครับ...

“ เดี๋ยวเฮีย..  พูดแบบนี้ผมคิดนะ  ข้างในไอ้กันต์มันมีอะไรดีเหรอ “

ไอ้เรย์ครับ  ไม่ใช่แค่น้ำเสียงที่ส่อความหมายนะ  แต่สีหน้าและแววตาที่มันถามมาก็ด้วย  จนผมต้องหักก้านผักบุ้งขว้างมันไปเบาๆ ครับ

“ อย่าให้ต้องเล่า...  “  อีพี่กิจก็เล่นด้วยกับมัน  แถมยังทำสายตาเจ้าเล่ห์พลางเลิกคิ้วบอกคนอื่นๆ ด้วย 

แบบนี้เขาก็คิดกันไปถึงไหนต่อไหนแล้วเนี่ย!!  ไอ้พี่กิจ!!!

“ พี่กิจ!  อย่าบ้าตามไอ้เรย์มันดิ  พูดอะไรคนเขาเข้าใจผิดกันหมดแล้วเนี่ย “  ผมทำหน้าและน้ำเสียงตัดพ้อบอกไปครับ  ทว่าเจ้าตัวกับยิ้มร่าไม่รู้สึกรู้สาอะไรเอาเสียเลย

“ ร้อนตัวนะมึงไอ้กันต์ “  ไอ้เรย์ว่ามาครับ  ผมเลยหันไปเขม่นใส่มันแล้วด่ามันไปอีกรอบ  แล้วทั้งโต๊ะก็พากันหัวเราะผม  รู้สึกราวกับตัวเองเป็นตัวตลกแฮะ...

“ แล้วแบบนี้พี่จะเปลี่ยนรสนิยมมาชอบ.. แบบนี้เลยรึเปล่าอะ  คือมันดีกว่าผู้หญิงเหรอผมอยากรู้ “

ไอ้แน๊คนี่ก็อยากรู้อะไรไม่จบไม่สิ้นสักทีห๊ะมึง!

“ อย่างแรกนะ...  มันไม่เกี่ยวกับเรื่องเพศเลยที่พี่ชอบกันต์  ส่วนจะเปลี่ยนมั้ยมันไม่สำคัญแล้วล่ะ  เพราะพี่จะไม่สนใจคนอื่นอีกแล้ว ”

“ ฮิ้ว!!!! “  ประสานเสียงกันทั้งโต๊ะเลยครับ  เฮ้อ.... 

“ นั้นถ้ามีสาวสวยๆ มาจีบ  พี่ก็ไม่สนอย่างนั้นดิ “  ไอ้เจมส์ถามบ้างครับคราวนี้

“ ใช่..”

“ แล้วถ้าเป็นผู้ชายล่ะ  เฮียก็ไม่เอาอย่างนั้นเหรอ “

“ ใช่.. “

“ ผู้ชายแบบหุ่นเพรียวๆ  อ้อนแอ้นๆ  หน้าหวานๆ  เฮียก็ไม่เอาดิ “  ตรงนี้ไอ้เรย์เสียงดังแบบตั้งใจสุดๆ ให้โต๊ะข้างๆ ได้ยินครับ แต่ถึงมันไม่เพิ่มเสียง  เรื่องที่คุยกันเมื่อกี้นี้กลุ่มนั้นก็คงได้ยินกันหมดทุกประโยคอยู่แล้วล่ะ

“ ยิ่งไม่ใหญ่เลย....  นี่มึงไอ้เรย์....  กูไม่ได้เป็นเกย์นะเว้ยไอ้สัด! “

“ ชัดยังพวก!! “  ไอ้เรย์พูดเสียงดังขึ้นมาลอยๆครับ  แต่ผมเข้าใจเจตนามันดีนะ  เลวมากไอ้สัด!!

“ เข้าใจแล้วคร้าบ!!! “

แหมไอ้เจมส์กับไอ้แน๊คนี่ก็รู้จังหวะซิทคอมดีจังนะพวกมึง  เข้าขากันเป็นปี่เป็นขลุ่ยดีเชียว...

หัวข้อ: Re: My Gear รักร้ายๆ ของคุณชายเย็นชา 2 ( Chapter 8 - 1/10/62 หน้า 2 )
เริ่มหัวข้อโดย: หมีขาว ที่ 07-10-2019 20:47:37
วันต่อมา...

เที่ยงนี้ไอ้เคมันมากินข้าวที่โรงอาหารคณะวิศวะครับ  คือมันเอากุญแจบ้านมาคืนไอ้เจมส์  เพราะของมันดันทำตกหายไปเมื่อวาน  ก็เลยต้องยืมเอามาปั้มเพิ่ม

“ อาหารอร่อยกว่าคณะกูอีกเนี่ย  เสียอย่างเดียวสาวน้อยไปหน่อย....วิวไม่ดี “  หลังจากสอดส่ายไปรอบๆ โรงอาหารมันก็หันกลับมาบอกพวกผมที่โต๊ะครับ

“ ถูก!!  “  สามทหารเสือ เรย์ แน๊ค เจมส์  สนับสนุนพร้อมกันทันทีที่ได้ยินคนนอกให้ความเห็นแบบนี้มา

“ หมายความว่าไงเรย์ “  เสียงเย็นมาเชียวแพร  และก็เหมือนเดิมที่ไอ้เรย์ทำหน้าเจื่อนหันกลับไปหงอกับแฟนมันเหมือนเดิมครับ  ลูกไก่ยังไงก็ยังคงเป็นลูกไก่ในกำมืออยู่วันยังค่ำ...

“ ตกลงคืนนี้นะ 4 ทุ่มเจอกันที่ใต้อาคาเรียนรวม “  ไอ้แน๊คเริ่มเปิดประเด็นต่อ  ซึ่งผมที่งงว่ามันหมายถึงเรื่องอะไรก็ได้แต่หันไปมองมันเหมือนคนอื่นๆ ครับ

“ 4 ทุ่มทำไมวะ “  ไอ้ธันถาม

“ ก็ที่เรานัดกันไง  ทดสอบความกล้าไง  คุยกันเมื่อวานแล้วห้ามเบี้ยด้วยนะเว้ย  โดยเฉพาะมึงสองตัว  ไอ้เรย์ ไอ้กันต์ “ 

แหมรู้ทันอีกนะมึงว่าพวกผมองคนที่กลัวผีโครตๆ อาจจะเบี้ยวนัดได้  เอาจริงนึกว่าแค่พูดเล่นกันซะอีก....

“ อะไรครับน้องๆ  ทดสอบความกล้าอะไรกันครับ “  เสียงพี่คิมดังขึ้นพร้อมกับเจ้าตัวที่มาหยุดอยู่ที่หัวโต๊ะของพวกเรา  ก่อนจะตามมาด้วยแก๊งหล่อที่เหลืออีกสามคน  ซึ่งมีพี่กิจคนเดียวที่ถอดช็อปเอาไปพาดไหล่ไว้  เหลือเพียงเสื้อยืดพอดีตัวสีขาวโดดเด่นสะดุดตาเพียงคนเดียว

“ เรื่องลึกลับของมหาลัยฯ เราไงพี่  คืนนี้พวกผมจะไปพิสูจน์กัน “  ไอ้แน๊คบอกเสียงเบาให้พวกพี่เขาหันไปหน้ามองกันพลางร่นคิ้วอย่างเห็นเป็นเรื่องแปลก

“ กันต์ไม่เห็นบอกพี่เลย “  พี่กิจถามมาครับ

“ ผมก็ไม่ได้อยากไปอะพี่  โดนบังคับอยู่เนี่ย “  ผมทำน้ำเสียงอิดออดว่าไปครับ  พร้อมกับสีหน้าร้องขอความช่วยเหลือจากพี่กิจ  เผื่อว่าบางทีพี่เขาอาจจะช่วยให้ผมไม่ต้องไปก็ได้ 

แต่เปล่าเลย....

“ เฮ้ย!  น่าสนุกว่ะมึง  คืนนี้เรามาเล่นกับพวกน้องกันดีมั้ยวะ “  พี่คิมที่เห็นทุกอย่างเป็นเรื่องสนุกพูดขึ้นมาครับ  ก่อนจะถูกพี่กิจด่าว่าปัญญาอ่อนให้ผมได้ใจชื้นว่างานนี้อาจจะล่มก็ได้ถ้าแฟนผมไม่เห็นด้วยอย่างนี้

“ แต่พวกเราจะจบกันแล้วนะเว้ย  ไม่อยากพิสูจน์กันหน่อยเหรอวะว่าเรื่องเล่าของมหาลัยฯ เรามันมีจริงรึเปล่า  จบไปแล้วหาโอกาสแบบนี้ไม่ได้นะเว้ย “  พี่คิมยังคงโน้มน้าวต่อโดยมีไอ้แน๊คตัวดีส่งเสียงสนับสนุน

และสุดท้ายก็กลายเป็นว่าพี่คิมโน้มน้าวสำเร็จครับ  เห้ย!  กลายเป็นแบบนี้ไปได้ไงเนี่ย...  พี่กิจพี่ต้องช่วยผมสิ  ไม่ใช่ไปสนับสนุนพวกนั้น!!

“ ไม่รอดแล้วกันต์  พี่กิจน่าจะช่วยไม่ได้แล้ว... โดนหลอกแน่คืนนี้ “  ไอ้ธันขู่มาครับ  หลังจากที่พวกพี่ๆ เดินแยกกันไปซื้อข้าวที่ร้านต่างๆ

“ มึงอย่าขู่กูดิวะ  มันไม่มีหลอกผีน่ะ “  ผมว่าไปครับ  ถึงจะพยายามปลอบใจตัวเองเท่าไหร่  แต่มันก็ไม่ได้ช่วยอะไรเลย  เห้อ...

“ ก็ไม่แน่นะเว้ยมึง... “  ไอ้เจมส์นี่ก็อีกตัว  พวกมึงไม่ต้องมาขู่กูเลยนะโว้ย!

ไม่นานพี่บิวกับพี่พีก็ถือจานข้าวกลับมาที่โต๊ะครับ  พร้อมกับการทะเลาะกันเล็กๆ เมื่อพี่พีจะนั่งตรงที่ว่างข้างๆ ไอ้เคมัน

“ ตัวก็ใหญ่จะมานั่งเบียดอะไรผมเนี่ย  ข้างไอ้เจมส์มันก็ว่าง “

“ ก็ตรงนั้นวิวไม่ดีนี่  อยากนั่งตรงนี้.... “

“ นี่พี่...! “

เมื่อพี่พีแทรกตัวลงมานั่งได้สำเร็จและทำเป็นกินข้าวไม่สนใจคนข้างๆ  ไอ้เคเลยหมดคำจะพูดต่อ  ก่อนจะทำหน้าบูดใส่  แต่ก็ไม่ได้ว่าอะไรอีก  เพียงแต่ว่าที่เถียงกันเมื่อสักครู่นี้มันเริ่มดังจนคนหันมามองกันเพียบเลยล่ะครับ  และหนึ่งในนั้นก็เป็นสาวปีหนึ่งจากคณะไหนไม่รู้ที่เดินเข้ามาพอดี  และดูเหมือนว่าจะรู้จักกับไอ้เคมันด้วยล่ะครับ

“ เค... “

เธอพูดขึ้นมาเสียงเบา  พร้อมกับสีหน้าแปลกใจที่มาเจอไอ้เคมันที่นี่  เช่นเดียวกันกับไอ้เคที่มีสีหน้าเจื่อนลงทันทีอย่างเห็นได้ชัดก่อนจะหลุดพูดชื่อเธอขึ้นมา

“ มิ้น... “

เมื่อเธอคนนั้นได้ยินก็เปลี่ยนสีหน้าจากแปลกใจเป็นการฝืนยิ้มเจื่อนๆ ส่งมาให้ก่อนจะเดินเข้ามาหามันที่โต๊ะครับ  พวกผมนี่หันหน้ามองกันให้ควักเลย  สงสัยว่าจะเป็นใครที่ไอ้เคมันกำลังจีบอยู่รึเปล่า  เพราะเธอคนนั้นก็จัดได้ว่าเป็นคนที่สวยอยู่มากเลยทีเดียว

“ เคมาที่นี่ได้ไงอะ... “

“ เรามาหาเพื่อนน่ะ  แล้วมิ้นล่ะ...   อ๋อ...โทษทีเราลืมไป   มาหาพี่แฟรงค์ใช่มั้ย “  ทันทีที่ไอ้เคมันพูดชื่อใครบางคนออกมาเธอคนนั้นก็ดูจะมีสีหน้าเจื่อนลงก่อนจะพยักหน้ารับมาเล็กๆ

“ ไม่ได้เจอกันนานเลยนะ  เป็นไง... เรียนหนักมั้ย  ได้ข่าวว่าเป็นเดือนคณะด้วยเหรอ “ เธอพูดต่อ  ไอ้เคก็ได้แต่พยักหน้ารับเล็กๆ  แล้วก็เกิดเป็นความเงียบครู่หนึ่งขึ้นมาระหว่างสองคนนี้  จนพวกเราในโต๊ะต่างก็พลอยพากันเงียบตามมันไปด้วย

“ เค...  เรื่องตอนนั้นน่ะ  เรา... “

“ ไม่เป็นไรหรอก...  เราลืมไปหมดแล้วล่ะ “

“ เหรอ...  อย่างนั้นเหรอ... “

เธอขานรับเสียงเศร้าลง  ก่อนจะเอ่ยด้วยความลังเลขึ้นมาต่อ

“ เค...  ไว้วันหลัง.... เรานัดเคกินข้าวบ้างได้มั้ย..  ในฐานะ....  เพื่อนเก่าก็ได้.. “

เคมันเหมือนจะลังเลอยู่เล็กน้อย  ก่อนจะพยักหน้าพร้อมกับขานรับในลำคอตอบไป  แล้วเธอคนนั้นก็ส่งยิ้มพร้อมกับโบกมือลาและเดินจากไป  ซึ่งไอ้แน๊คก็ไม่รอช้าที่จะยิงคำถามแทนใจของใครหลายๆ คนต่อในทันที

“ ใครวะมึง... น่ารักดีว่ะ “

ไอ้เคดูอ้ำอึ้งไปเล็กน้อย  ก่อนจะตอบออกมาว่า

“ แฟนเก่ากูเอง.... “






TBC.




---------------------------------------------------

ขอโทษนะครับที่วันพฤหัสฯที่แล้วไม่ได้ลงอะครับ  อาทิตย์ที่ผ่านมามีแต่ข่าวเครียดๆ และหดหู่ เลยเหนื่อย+ไม่มีกะใจจะทำไรเลยครับ 555+
แต่มาลงตามปกติละครับผม
ปล.บางตัวละครที่เกริ่นมาไว้ก่อน  ไม่ได้หายไปไหนนะรับ  แต่ยังไม่ถึงเวลาออกมาอะครับ ^ ^

หวังว่าจะมีความสุขกับนิยายนะครับ ^ ^

-----------------------------------------

ติดต่อคนเขียนได้ที่ทวิตเตอร์  @phanusun_p
หัวข้อ: Re: My Gear รักร้ายๆ ของคุณชายเย็นชา 2 ( Chapter 9 - 7/10/62 หน้า 2 )
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 07-10-2019 23:42:36
รักสามเศร้าของหนูเคหรอเนี่ย หูกางเชียวอีพี่  :m12:
หัวข้อ: Re: My Gear รักร้ายๆ ของคุณชายเย็นชา 2 ( Chapter 9 - 7/10/62 หน้า 2 )
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 08-10-2019 00:35:36
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: My Gear รักร้ายๆ ของคุณชายเย็นชา 2 ( Chapter 9 - 7/10/62 หน้า 2 )
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 08-10-2019 05:40:08
อามมั่นหน้ามาก~
หัวข้อ: Re: My Gear รักร้ายๆ ของคุณชายเย็นชา 2 ( Chapter 9 - 7/10/62 หน้า 2 )
เริ่มหัวข้อโดย: หมีขาว ที่ 11-10-2019 19:04:44
Chapter  10





เค ‘s  Part






ว่ากันว่า....  หนึ่งในหกเรื่องลึกลับของมหาลัยฯ เรา  นั้นเป็นเรื่องของหอสมุดกลางที่ว่ากันว่า  เคยมีรุ่นพี่ผู้หญิงคนหนึ่งเผลอหลับไปในช่วงหัวค่ำของเย็นวันหนึ่งที่โต๊ะตัวในสุดของมุมอ่านหนังสือบนชั้นสาม  และกว่าจะรู้ตัว  ทุกอย่างรอบตัวก็มืดลงไปหมดแล้ว  ด้วยความกลัว...โรคหอบของเธอจึงได้กำเริบขึ้น  ความรีบเร่งและมือที่สั่นเทาทำให้ขวดยาพ่นเพื่อบรรเทาอาการหล่นลงพื้นและกลิ้งหายไปในความมืด  ท่ามกลางสภาวะกดดัน  เขาควานหามันบนพื้นมืดมิดด้วยสติที่แตกกระเจิง  แต่ไม่ว่าจะพยายามยังไงเธอก็หามันไม่เจอ  จนในที่สุดเธอก็สิ้นใจลงบริเวณนั้น...  เช้าวันต่อมาเจ้าหน้าที่ของหอสมุดก็มาพบศพเธอกลายเป็นศพในสภาพที่เหมือนเธอกำลังตะเกียกตะกายหาขวดยาที่อยู่ห่างออกไปจากเธอเพียงแค่ไม่ถึงสองเมตร  แต่เรื่องต่อมาหลังจากนั้นก็คือ...  ใครก็ตามที่มานั่งอ่านหนังสือเพียงลำพังบริเวณชั้นสามของหอสมุดกลางในช่วงเวลาที่หอสมุดใกล้จะปิด  คุณอาจจะได้พบเสียงแปลกๆ ดังมาจากที่ไหนสักแห่ง  เสียงของคนที่หายใจหอบถี่และกำลังจะขาดใจพลางร้องตระโกนถามหาขวดยา  และหากคุณไม่รีบออกไปจากบริเวณดังกล่าวคุณอาจจะได้เจอกับเธอที่กำลังคลานอย่างตะเกียกตะกายตรงเข้ามาหาคุณ.....  ก็เป็นได้....


ภารกิจคืนนี้ของผมก็คือการไปนั่งยังบริเวณที่อ่านหนังสือของชั้นสามเป็นเวลา 15 นาทีท่ามกลางความมืดพร้อมกับถ่ายคลิประหว่างที่นั่งอยู่นั้นเอาไว้เป็นหลักฐาน....

ทุกคนถูกจับคู่ซึ่งบอกเลยครับว่ามันไม่ยุติธรรม  กันต์คู่กับพี่กิจ  ไอ้เรย์คู่กับแพร  ไอ้เจมส์ไปกับไอ้แน๊คและไอ้ธัน  ส่วนพี่บิวนั้นไปกับพี่คิม  และก็คงไม่ต้องถามใช่มั้ยครับว่าผมมากับใคร  ถูกต้องครับ...  พี่พี

แต่ละคู่ต้องไปทำภารกิจในสถานที่ต่างกันของในมหาลัยฯ  และด้วยเส้นสายของพวกพี่กิจนั้น  เลยทำให้เราได้กุญแจสำหรับเข้าสถานที่ต่างๆ จากพี่ รปภ. กันทุกทีม

จริงๆ แล้วผมไม่ใช่คนที่เชื่อเรื่องผีเลยนะครับ  แต่พอมาเข้ามายังสถานที่จริงแล้วมันก็อด...หวั่นๆ ขึ้นมาไม่ได้อยู่เหมือนกัน  ดูสิครับนี่ขนาดแค่หน้าหอสมุดนะครับ  ถ้าเข้าไปแล้วมันจะขนาดไหนกันวะเนี่ย

ผมมองไปรอบๆ บริเวณ  ซึ่งค่อนข้างมืด  มีแสงไฟอยู่ตรงถนนไกลๆ  แต่บริเวณนี้...  อืม...  มืดและน่ากลัวชิบ...

ผมขยับตัวไปชิดร่างสูงข้างๆ มากขึ้นกว่าเดิมจนตัวเราสัมผัสกัน  ก่อนจะได้ยินน้ำเสียงนิ่งๆ ถามกลับมาว่า “ กลัวเหรอ “

“ บ้าดิ...  ใครไปกลัวกัน  เรื่องไร้สาระทั้งนั้น “  ผมพูดเสียงอ้อมแอ้มพร้อมทั้งขยับตัวออกห่าง  แต่ก็ห่างไม่มากหรอกนะครับ  เพราะใกล้ๆ กันไว้มันก็อุ่นใจดี

แต่จะว่าไปวันนี้พี่พีเขาจู่ๆ ก็ดูนิ่งไปนะครับ  ถึงเขาจะเป็นคนนิ่งๆ อยู่แล้วก็เถอะ  แต่เวลาอยู่กับผมเขาก็ไม่ได้เงียบขนาดนี้หรอกนะ  อย่างน้อยก็จะคอยกวนผมอยู่บ่อยๆ ตั้งแต่ที่บอกว่าจะจีบผมนั่นแหละ....  แล้วจู่ๆ ตอนนี้กลับมาเงียบไปเหมือนเมื่อก่อนเสียอย่างนั้น...  ทำไมกันนะ  หรือว่า...  ไม่อยากจีบผมแล้วรึเปล่า...  แต่ก็ดี...  ใครใช้ให้มาตามจีบกันล่ะ   ไม่จีบก็ไม่ต้องจีบ  ใครสนกัน....

พี่พีไขประตูกระจกก่อนจะเปิดมันออกและเดินนำผมเข้าไปยังภายในซึ่งมืดสนิท  ผมและพี่พีเอาโทรศัพท์มาเปิดแอปไฟฉายส่องสว่าง... 

เชี่ย...  น่ากลัวเป็นบ้า  ไม่เคยคิดเลยว่าหอสมุดตอนกลางคืนมันจะน่ากลัวได้ขนาดนี้...

“ ถ้ากลัวก็เข้ามาชิดๆ พี่ไว้ “  พี่พีหยุดเดินพลางหันมาบอกผมเสียงเรียบครับ

“ ไม่ได้กลัวสักหน่อย “  ผมแค่นตอบไปครับ

“ ให้จริงเห๊อะ “

“ อื้ม! “

หนักกว่าความมืดก็ตรงที่บรรยากาศระหว่างเราเนี่ยแหละครับ  มาคุกันสุดๆ เลย  ซึ่งผมเองก็ยังไม่เข้าใจถึงสาเหตุของท่าทีที่เปลี่ยนไปของพี่เขานี้ด้วยเช่นกัน  แต่จะให้ถามไปตรงๆ นั้น...  บอกเลยครับว่า....  ไม่มีทาง!

ระหว่างทางเดินขึ้นไปยังชั้นสามของหอสมุด  นอกจากเสียงฝีเท้าแล้วก็ไม่มีเสียงใดๆ อีกเลย  ตอนนี้เราทั้งสองราวกับกำลังอยู่ในอีกโลกหนึ่งซึ่งมีแค่ความมืดเพียงเท่านั้น  ทั้งๆ ที่เมื่อสักครู่นี้เรายังพอพบเห็นแสงไฟสลัวจากภายนอกตัวอาคารอยู่บ้าง  แต่เมื่อเข้ามาภายในแล้ว  บอกได้เลยครับว่าอย่างกับคนละโลกกันเลยทีเดียว  ซึ่งแน่นอนว่าจากที่ไม่เคยรู้สึกกลัวมันได้เปลี่ยนไปแล้ว...  ราวกับว่าความกลัวมันได้เดินตามหลังเรามาติดๆ  และไม่อายจะพูดได้เต็มปากว่าในครั้งต่อๆ ไป  ไม่มีทางที่ผมจะเข้ามาในสถานที่แห่งนี้เพียงลำพังอย่างแน่นอน  หรือเพียงแค่จะอยู่อ่านหนังสือที่นี่จนไม่เหลือใคร  ผมก็คงจะไม่ทำอย่างเด็ดขาด

ทั้งๆ ที่ความคิดของผมมันไม่ได้ถูกเปล่งออกมาเป็นเสียง  แต่คนที่เดินนำหน้าผมทำราวกับว่าได้ยินความคิดของผมสียอย่างนั้น  เมื่อเขาหยุดลงและหันหน้ามามองพร้อมกับยื่นมือเข้ามากอบกุมมือผมเอาไว้ให้ได้รู้สึกอุ่นใจ

“ รู้ว่ากลัว...  ไม่ต้องขืนตัวก็ได้  พี่ไม่บอกใครหรอก “

ใบหน้านิ่งเฉยที่ต้องแสงไฟจากโทรศัพท์มือถือของผมพูดขึ้น  ซึ่งผมก็ได้แต่จ้องเขม็งในความมืดตอบไปเพียงเท่านั้น  หากแต่ไม่กล้าที่จะปฏิเสธไมตรีนี้  จากนั้นพี่เขาก็จูงมือผมเดินขึ้นไปต่อยังชั้นที่สามซึ่งเป็นชั้นบนสุดของหอสมุด

ที่ชั้นนี้มีชั้นหนังสือตั้งเป็นแถวกว้างและลึกเข้าไปจนดูลึกลับแม้ในยามที่มีแสงไฟสว่าง  ชั้นนี้เป็นชั้นที่มีหนังสือเยอะที่สุดเรียกได้ว่าทุกสาขาและแขนงวิชา  อีกทั้งยังมีมุมอ่านหนังสือมากมาย  ทั้งที่เป็นโต๊ะเก้าอี้ปกติ  แบบโซฟา  หรือช่องส่วนตัวสำหรับอ่านหนังสือคนเดียว  ซึ่งที่ที่เรากำลังจะไปกันนั้นก็คือด้านในสุดซึ่งเป็นบริเวณโซฟาอ่านหนังสือ  โดยแบ่งเป็นชุดๆ ประกอบไปด้วยโซฟายาวสองฝั่งและโต๊ะกลาง  เป็นมุมที่มักจะถูกจับจองจนเต็มไวที่สุด  เพราะนอกจากจะเหมาะแก่การอ่านหนังสือกับเพื่อนแบบชิลๆ แล้ว  มันยังเหมาะมากสำหรับการใช้เป็นที่แอบหลับของพวกที่ชอบความเงียบและแอร์เย็นๆ

เราตรงไปทำภารกิจยังโซฟาชุดสุดท้าย  ซึ่งด้านข้างฝั่งหนึ่งรายล้อมไปด้วยชั้นหนังสือตระหง่านเหนือหัวราวกับป่าดงดิบ  ผมกับพี่พีนั่งกันคนละฝั่ง  จากนั้นพี่พีก็ใช้โทรศัพท์ตัวเองตั้งถ่ายวีดีโอเอาไว้  โดยมีแสงไฟจากโทรศัพท์ผมที่อยู่บนโต๊ะกลางคอยให้ความสว่างในตอนนี้

รู้สึกเงียบจังเลยครับ  แถมไม่กล้าเหลือบตามองไปรอบๆด้วย...  เพราะกลัวว่าจะได้เห็นอะไรที่ไม่อยากจะเห็นในตอนนี้  ดังนั้นที่ทำได้ก็เพียงแค่การโฟกัสไปยังใบหน้าเข้มๆ ที่นิ่งเฉยราวกับปูนปั้นของคนตรงหน้า

“ วันนี้พี่เงียบไปป่ะ “

สุดท้ายผมก็เป็นฝ่ายที่เริ่มชวนคุยขึ้นก่อน

“ ก็ปกตินี่  ไม่ชอบรึไง “

…..

“ อือ.... “

.....

ถึงจะขานรับไป  แต่กลับให้ความรู้สึกขัดใจอย่างบอกไม่ถูก  เอาจริงผมไม่ได้ชอบที่เราไม่ค่อยคุยกันแบบนี้เลยล่ะครับ  แต่ผมก็ไม่รู้สาเหตุจริงๆ ว่าเพราะอะไรพี่เขาถึงเงียบกับผมไปแบบนี้

เราเงียบกันไปอีกครู่หนึ่ง  และก็เป็นผมอีกครับที่ทนไม่ไหวกับบรรยากาศแบบนี้

“ เหนื่อยแล้วเหรอ... “  ผมถามขึ้นก่อนที่คนตรงหน้าซึ่งเอนหลังพิงโซฟานุ่มอยู่ปลายตามองมาให้เห็นภายใต้แสงสลัว

“ เหนื่อยอะไร “

“ ก็...  ที่บอกว่าจะจีบผมไง “

เชี่ย!!  นี่ผมพูดอะไรออกไปวะเนี่ย  รู้นะว่าผมเป็นคนอารมณ์ร้อนและปากไว  แต่เรื่องนี้ทำไมไม่คิดก่อนจะพูดว้า....  โคตรน่าอายเลยโว้ย!!!  แถมสายตาที่มองกลับมานั่นอีก  คงคิดล่ะสิว่าผม....  กำลังสนใจเรื่องนี้อยู่....

“ ตะแต่...  เหนื่อยแล้วก็ดี  จะได้...  ไม่ต้องมาตามผมอีก “  วลีหลังนี้ผมพูดได้ไม่ค่อยเต็มเสียงสักเท่าไหร่  เพราะผมไม่แน่ใจเหมือนกันว่าอยากจะให้เขาได้ยินมันจริงๆ มั้ย

“ ไม่ได้เหนื่อยหรอก  แต่แค่ไม่แน่ใจ... “

“ ไม่แน่ใจอะไร “  แล้วนี่ผมจะต้องมาสนใจทำไมเนี่ย....  ถึงได้ถามต่อไปไวขนาดนั้น

“ ก็ไม่แน่ใจว่าที่กำลังทำอยู่มันถูกรึเปล่า “

“ แล้วทำไมพี่ถึงคิดอย่างนั้น “

“ ก็...  ตอนที่เห็นเรากับแฟนเก่าคุยกันเมื่อตอนกลางวัน  ท่าทีเรามันแปลกไปอย่างเห็นได้ชัด  จนพี่รู้สึกว่าจริงๆ แล้วเราอาจจะยังชอบเขาอยู่  แล้วการที่พี่ดึงดันจะจีบอยู่เนี่ย  มันถูกแล้วเหรอ...  ที่จะทำให้ผู้ชายแท้ๆ มาชอบผู้ชายด้วยกันแบบนี้  ยิ่งถ้าเรายังชอบเขาอยู่...  มันจะดีกว่ามั้ย...  ถ้าให้เราได้มีความสุขอย่างที่คนปกติเขาควรจะเป็น  ไม่ใช่...  กับผู้ชายด้วยกันแบบนี้... “

ที่แท้ก็เพราะเรื่องเมื่อตอนเที่ยงนี่เอง...  ตัวก็โตทำใจเสาะไปได้...

“ แล้วใครว่าผมจะไม่มีความสุขถ้าคบกับผู้ชาย....  คิดเองเออเองไปรึเปล่า “  ผมเถียงไปครับ  เพราะถ้าเรื่องแค่นี้ก็มาท้อแล้วก็ไม่ต้องมาจีบผมเหอะ   

“ หมายความว่า... “  พี่เขาถามต่อด้วยสายตาที่ดูมีไฟมากกว่าดวงตาหม่นๆ เหมือนช่วงที่ผ่านมาครับ

“ ก็... “  ผมผลุบตาต่ำลง  ก่อนจะอ้อมแอ้มตอบไป

“ ไม่ได้หมายความว่าไง...  แค่จะบอกว่าสมัยนี้แล้ว...  เขาไม่ได้มานั่งสนใจเรื่องเพศกันแล้ว “  ผมพูดเสียงเบาจบ  ก็เปรยตามองคนตรงหน้า  ก่อนจะเห็นรอยยิ้มอย่างที่เคยเห็นเหมือนเช่นทุกครั้ง  แล้วจู่ๆ ผมก็รู้สึกเขินอย่างบอกไม่ถูก  ให้มันได้อย่างนี้สิน่าไอ้เค....  โครตน่าอายเลยโว้ย!!!

“ แต่บอกไว้ก่อนนะ....ว่าผมไม่หมายความว่าผมโอเคกับพี่แล้วนะ  แค่...  บอกไปตามที่ผมคิดก็เท่านั้น “  แล้วผมก็รีบพูดสวนขึ้นมาทันทีเมื่อคนตรงหน้าไม่ยอมหุบยิ้มลงเสียที

“ คร้าบ...  แล้ว...  แฟนเก่าเรา... “  พี่เขาถามต่อด้วยน้ำเสียงประหม่าเล็กๆ

“ แฟนเก่าก็คือแฟนเก่าดิ  ผม...  ไม่ได้คิดอะไรแล้ว  และอีกอย่างผมกับเขาก็จบกันไม่ค่อยดีด้วย  จะให้ทำตัวยังไงล่ะ...  เวลาเจอเขาอะ... “  ผมพูดไปตามจริงครับ  เพราะผมไม่ได้รู้สึกรักแล้วจริงๆ  และถ้าจะให้พูดตรงๆ  ผมก็ยังโกรธเขาไม่หายเรื่องที่เธอเอาไอ้เสือผมไปปล่อย  ซึ่งการที่ผมพยายามควบคุมอารมณ์ตัวเองได้มากขนาดนั้นก็ถือว่าดีเท่าไหร่แล้ว

“ ดีใจจังที่ได้ยินอย่างนี้  สบายใจละ “ 

ในที่สุดรอยยิ้มกวนๆ ก็กลับมาอีกครั้ง....

“ ไม่ต้องมายิ้มแบบนี้เลย  ผมไม่ได้บอกว่าผมโอเคกับพี่นะ “

ทันทีที่ผมพูดจบรอยยิ้มบนใบหน้าพี่พีก็หายไปแทบจะในทันที  ก่อนจะเปลี่ยนเป็นสีหน้าเหวอๆ และตาที่เบิกโพรงขึ้น  ราวกับกำลังตื่นกลัวอะไรสักอย่างอยู่  แต่จะว่าไป...  เรามัวแต่ปรับความเข้าใจกันจนลืมสถานการณ์ในตอนนี้ไปเสียสนิท  หวังว่า....  คงจะไม่ใช่อะไรอย่างที่ผมคิดไว้หรอกนะครับ

“ ผะ...พี่...  ทะทำไมทำหน้าอย่างนั้นล่ะ  อย่าบอกนะว่า..หะเห็น... “

พี่พีรีบจุ๊ปากตัวเองเพื่อให้ผมหยุดพูดต่อ  ก่อนจะเบือนสายตาไปจากทางด้านหลังผมทันทีครับ

เชี่ย!!  เสียวสันหลังจนขนลุกไปทั้งตัวแล้วเนี่ย  และไม่ต้องรอให้พี่เขาพูดอะไรต่อ  ผมก็รีบกระโจนไปยังโซฟาตรงหน้าพลางหลับตาปี๋  จับมือและซุกหน้าเข้าไปที่ต้นแขนของพี่เขาทันที

“ ไม่ต้องพูดอะไรต่อนะรู้มั้ย... “

น้ำเสียงเรียบๆ ที่พี่พีบอกมายิ่งทำให้ผมมั่นใจในความคิดตัวเองมากขึ้น  จากนั้นพี่พีก็จับมือผมออกจากแขนซ้ายของเขาก่อนจะเปลี่ยนเป็นโอบผมเข้าไปซบอกหนาของพี่เขาแทน  ผมยังคงหลับตาปี๋เหมือนเดิม  แถมหัวใจก็เต้นแรงจนแทบจะหลุดออกมาจากอกซ้ายเสียให้ได้แล้วในตอนนี้  ก็ใครจะไปคิดกันละครับว่าเรื่องเล่ามันจะเป็นเรื่องจริง  ไม่น่าลองดีเลยโว้ยไอ้เคเอ้ย!!!

“ ไม่ต้องกลัวนะ  อยู่นิ่งๆ แบบนี้ไปก่อน  และไม่ต้องพูดอะไรอีก “

แน่นอนอยู่แล้ว...  ผมไม่กล้าหรอก  และพี่เองก็ห้ามทิ้งผมไปด้วยนะ  ไม่อย่างนั้นล่ะน่าดู

ดีนะครับที่การทดสอบนี้ไม่ต้องมาทำคนเดียว  ไม่อย่างนั้นผมเป็นบ้าแน่ๆ  แต่จะว่าไปตอนนี้ก็อุ่นดีแฮะ  ได้กลิ่นกายบางๆจากตัวพี่พี  ซึ่งผมจำมันได้ดี  หลังจากคืนนั้นที่เรามีอะไรกันผมก็สะบัดกลิ่นนี้ออกไปจากหัวไม่ได้เลย  มันเป็นอะไรที่เซ็กส์ซี่และเย้ายวนพิลึก  แถมอกนี่ก็ไม่รู้จะแน่นไปไหน  เข้าใจว่าเป็นนักกีฬาลักบี้แต่มันก็เกินชาวบ้านไปอยู่นะผมว่า  แต่รวมๆแล้วก็คือ...  ดีอะ....

ผ่านไปสักพักหนึ่งท่ามกลางความเงียบสนิท  ทว่ากลับดูไม่มีทีท่าว่าจะเกิดอะไรขึ้น  ผมจึงเอ่ยปากถามกับพี่พีขึ้นมาเสียงเบา

“ พี่พี...  ผมว่า...  เรากลับกันเถอะ “

“ แต่พี่ยังอยากอยู่แบบนี้อะ “  พี่พีตอบมาด้วยน้ำเสียงที่ปกติเอามากๆ  ทางพี่เขาจะไม่กลัวสิ่งลึกลับนี้เอาเสียเลย...

“ มันยังไม่โอเคอีกเหรอพี่...”

“ โอเคสิ  โอเคมากด้วย...  พี่ล่ะโครตชอบเลย “

เอ๊ะ!...???

ผมผละตัวออกมามองใบหน้ายิ้มขำก่อนจะนึกขึ้นได้ว่าบางที.... ผมอาจจะพลาดแล้วก็เป็นได้

“ อย่าบอกนะว่า...  พี่แกล้งผมอะ “  ผมแค่นถามไปด้วยสายตาดุๆ  และก็เป็นจริงตามที่คิดไว้  เมื่อคนตรงหน้าเผยรอยยิ้มทะเล้นตอบกลับมา  ผมเลยใช้โอกาสนี้ชกไปที่ต้นแขนพี่เขาหนึ่งที  ซึ่งคนตรงหน้าก็ทำเป็นร้องเจ็บพลางลูบแขนตัวเองป้อยๆ  แต่เชื่อผมเถอะกล้ามหนาขนาดนี้ไม่สะเทือนพี่แกหรอกครับ

ผมทำหน้ายุ่งเดินกลับไปนั่งที่โซฟาตัวเก่าท่ามกลางน้ำเสียงชอบใจของคนตัวโตที่แกล้งผมได้สำเร็จชนิดที่ว่า  ผมเชื่อซะสนิทใจเลยล่ะครับ  อายเป็นบ้าเลยโว้ย !

“ ขำอะไร  ไม่ตลกนะ... “

“ โอเคไม่ขำก็ไม่ขำ  พี่ไม่อยากให้บรรยากาศมันเงียบอะ  เคจะได้ไม่กลัวไง “

“ บอกหลายรอบแล้วว่าไม่ได้กลัว  แล้วเนี่ยเกิน 15 นาทีละ  กลับกันได้แล้ว “  ผมดุไปครับ  และจากการประมาณการคร่าวๆมันก็น่าจะเลยเวลาแล้วด้วย  ดังนั้นออกไปจากที่นี่ให้ไวที่สุดน่าจะเป็นเรื่องที่ดีที่สุดในตอนนี้แล้วล่ะครับ

“ ยังไม่อยากกลับเลยอะ  ยิ่งไม่ค่อยได้อยู่ด้วยกันสองคนแบบนี้ด้วย “  ผมถอนหายใจให้กับคนตรงหน้าแรงๆ  อย่างเบื่อหน่ายความเอาแต่ใจที่ไม่ควรจะมีเลยกับคนๆ นี้

“ อยู่ไปคนเดียวก็แล้วกัน  ผมจะกลับละ “  ว่าแล้วผมก็ลุกขึ้นยืนทันที  ถ้าอยากอยู่ก็อยู่ไปคนเดียวเถอะ

“ จะลงไปคนเดียวเหรอ... หืม... “

ทันทีที่ได้ยินคำถามนี้ผมก็ถึงกลับชะงักเท้าที่กำลังจะก้าวออกไปทันที  คือลืมไปเลยครับว่าถ้าต้องลงไปคนเดียวท่ามกลางบรรยากาศที่น่ากลัวแบบนี้...   มัน... 

ผมหันกลับมามองพี่พีด้วยสีหน้ายุ่งๆ  แต่ก็ไม่กล้าด่าอะไรพี่เขาเลยนะครับ  เพราะตอนนี้ดูเหมือนว่าผมกำลังเสียเปรียบอยู่

“ จะกลับไม่กลับ... “  ผมถามไปเสียงห้วนครับ

“ อืม...  จะกลับดีมั้ยนะ.... “

อยากจะด่าเชี่ยอย่างเหลืออด  แต่ก็ไม่กล้าครับ  ก็อย่างที่บอกว่าพี่เขากำลังถือไพ่เหนือผมอยู่

“ พี่พี! “

“ คร้าบ...  ว่าไง “

“ อย่ากวนดิ “

“ ไม่ได้กวน “

“ ก็เห็นอยู่ว่าแกล้งผมอยู่เนี่ย “

“ โอเคๆ  นั้นเรามาทำข้อตกลงกันดีกว่า “

นั่นไง  โลกเราไม่มีอะไรได้มาฟรีๆ เลยจริงๆ

“ ตกลงอะไรล่ะ “

“ 5 ลูก “

อะไรวะ 5 ลูก  อันนี้งงจริงครับ..

“ 5 ลูกอะไรพี่ “

“ ก็ที่เราตกลงกันไว้ไงเรื่องแข่งแบด...  ถ้าเราต่อให้พี่ 5 ลูก  พี่ก็จะยอมกลับกับเราตอนนี้เลย “

“ ไอ้พี่พี! “

ผมจิ๊ปากอย่างขัดใจพร้อมกับร่นคิ้วครุ่นคิดอยู่เล็กน้อย  แต่สุดท้ายก็ยอมตกลงครับ  เพราะถึงต่อให้ยังไง  พี่เขาก็ไม่มีทางเอาชนะผมได้หรอก  ที่สำคัญ...  การออกไปจากที่นี่เร็วเท่าไหร่ถือว่าเป็นเรื่องที่ควรจะทำที่สุดแล้วในตอนนี้

ทันทีที่ผมยอมตกลงด้วยน้ำเสียงที่ไม่ค่อยพอใจสักเท่าไหร่  คนตรงหน้าก็ยิ้มกว้างอย่างชอบใจพร้อมกับลุกขึ้นยืนและหยิบเอาโทรศัพท์ที่ตั้งกล้องไว้อย่างอารมณ์ดีทันที  ก่อนจะถือวิสาสะจับมือผมเดินจูงพาออกไปท่ามกลางความมืดที่เงียบสงัด....
หัวข้อ: Re: My Gear รักร้ายๆ ของคุณชายเย็นชา 2 ( Chapter 9 - 7/10/62 หน้า 2 )
เริ่มหัวข้อโดย: หมีขาว ที่ 11-10-2019 19:12:37
กันต์ ‘s  Part




ภารกิจของทีมเราจะว่ายากก็ไม่ยากจะว่าง่ายก็ไม่ง่ายครับ  เพราะเราต้องขึ้นมาที่ชั้น 4 ของตึก C ซึ่งเป็นอาคารเก่าของภาควิชาเคมีคณะวิทยาศาสตร์  ที่ตึกนี้ไม่มีลิฟท์ครับ  ผมกับพี่กิจเลยต้องเดินขึ้นบันได้ตรงกลางตึกท่ามกลางความมืด  โดยมีเพียงแค่แสงไฟส่องสว่างจากมือถือเพียงเท่านั้น  ผมเดินตามหลังพี่กิจพร้อมกับจับชายเสื้อขึ้นไปต้อยๆ ทีละชั้นๆ ด้วยความกลัว  ซึ่งภารกิจของเราก็แค่ไปถ่ายรูปห้องน้ำห้องสุดท้ายของห้องน้ำหญิงทางปีกขวาของตัวอาคารครับ  ดูเหมือนว่าจะไม่ยากใช่มั้ยครับ  แต่เชื่อผมเถอะครับว่าถ้าคุณมาอยู่จุดนี้เหมือนกันกับผม  ก็จะพบว่ามันโคตรจะน่ากลัวเลยล่ะครับ  ถึงกระนั้นมันก็ยังโชคดีหน่อยเมื่อเราขึ้นมาถึงยังชั้น 4 และกำลังเดินไปตามระเบียงทางเดินยาวที่มืดมิดและเงียบกริบ  ทว่าด้านล่างหน้าตึกนั้นยังมีแสงไฟจากเสาเป็นระยะๆ ยังพอให้เห็นผู้คนเบื้องล่างที่เหมือนกำลังทำกิจกรรมอะไรกันบางอย่างระหว่างรุ่นพี่กับรุ่นน้องอีกสิบกว่าคนให้ผมได้ใจชื้นขึ้นมาหน่อย  ว่าแต่....มากันตอนไหนเนี่ย  เพราะเมื่อกี้ก่อนที่จะขึ้นมาผมก็ยังไม่เห็นว่าจะมีใครอยู่รอบๆ บริเวณตึกเก่านี้เลยสักคน

เราเดินกันไปยังไม่ทันจะถึงจุดหมาย  จู่ๆ เสียงเตือนแบตเตอรี่โทรศัพท์ของพี่กิจก็ดังขึ้น

“ กันต์แบตพี่จะหมดอะ ขอโทรศัพท์กันต์มาใช้ทีดิ “  พี่กิจหันมาบอกครับ

“ เมื่อกี้ชาร์ตแบตทิ้งไว้ในรถ  ลืมเอามาอะพี่ “  ผมบอกไปตามจริงครับ  เพราะมานึกได้ว่าลืมเอาโทรศัพท์ออกมาก็ตอนที่ขึ้นมาบนตึกแล้ว  พี่กิจร่นคิ้วมองผมอย่างหน่ายๆ ก่อนจะยื่นโทรศัพท์ของตัวเองส่งให้ผม  แล้วบอกให้ผมรออยู่ตรงนี้  เดี๋ยวพี่เขาจะวิ่งลงไปเอาโทรศัพท์ผมที่รถมาให้ครับ

“ ไปด้วยดิพี่  กันต์ไม่อยากอยู่ตรงนี้คนเดียวอะ “

“ พี่วิ่งไปแปบเดียวเองไม่นานหรอก  กันต์รออยู่ตรงนี้แหละ  ไม่ต้องกลัวพี่ทิ้งโทรศัพท์ไว้ให้แล้ว  แบตไม่หมดก่อนที่พี่จะกลับมาหรอก “

“ แต่... “

“ กลัวอะไรห๊ะเรา...  “ 

พี่กิจยิ้มบอกก่อนจะขยี้หัวผมเบาๆ แล้ววิ่งหายไปในความมืดโดยไม่ฟังอะไรผมเลย  สุดท้ายผมเลยต้องยืนตามลำพังหน้าห้องเรียนที่ปิดสนิท  แต่ถึงกระนั้นมันก็ดูน่ากลัวเอามากๆ  ผมพยายามไม่คิดฟุ้งซ่านและมองออกไปยังนอกอาคารเบื้องล่าง  ซึ่งตอนนี้พวกรุ่นน้องปีหนึ่งในชุดนักศึกษากำลังนั่งอยู่บนพื้นฟังรุ่นพี่ที่ยืนอยู่ด้านหน้าพูดอะไรสักอย่างอยู่  ถึงจะอยู่ไกลกันแต่การที่เรายังได้เห็นผู้คนอยู่บ้าง  มันก็ทำให้อุ่นใจไม่ใช่น้อยเลยล่ะครับ

ผมยืนรอพี่กิจอยู่สักพักหนึ่ง  ซึ่งไม่รู้ว่าตัวเองหลอนไปเองหรือว่าหูแว่วกันแน่  เพราะผมเหมือนจะได้ยินเสียงประตูห้องน้ำที่อยู่ห่างออกไปไม่ไกลมากทางด้านมุมตึกดังขึ้นราวกับว่าได้มีคนเปิดมันออกและปิดลงเสียงดังจนผมสะดุ้งโหยง  แต่อะไรก็ไม่เท่าแบตโทรศัพท์เจ้ากรรมดันมาหมดเอาตอนนี้เนี่ยสิ.... 

ซวยเป็นบ้าเลยโว้ยไอ้กันต์....  แถมไอ้พี่กิจนี่ก็หายไปไหนนานจังว้า  ไหนบอกว่าไปแปบเดียวไง  ไอ้พี่กิจบ้า!!!!

บริเวณระเบียงทางเดินหน้าห้องเรียนที่ผมยืนอยู่  ถึงแม้ว่าจะค่อนข้างมืดแต่ก็ไม่ได้มืดสนิทเพราะแสงสว่างจากเสาไฟบริเวณลานกว้างด้านล่างสาดส่องขึ้นมาให้ความสว่างอยู่บ้าง  แต่ทว่าบันไดทางลงตรงกลางตึกนี่สิครับที่มันโคตรจะน่ากลัวเลย  เพราะแค่การลงบันไดไปได้โดยไม่ให้ตกบันไดก็นับว่ายากแล้ว  และถ้าเกิดมีสิ่งลี้ลับโผล่เข้ามาระหว่างทางอีก....  ผมคงตายคาตึกนี้แน่ๆ เลยล่ะครับ  แต่ครั้นจะให้ยืนรอตรงนี้มันก็คงจะไม่ได้แล้ว  เมื่อผมได้ยินเสียงฝีเท้าดังออกมาจากบริเวณห้องน้ำตรงสุดทางเดินเข้ามาใกล้เรื่อยๆ

ถ้าต้องช็อคตาย....  ผมก็ขอไม่ยืนช็อคตายอยู่ตรงนี้ดีกว่า   ขอเสี่ยงดวงวิ่งฝ่าความมืดลงไปข้างล่าง  เพราะอย่างน้อยถ้าออกไปจากตึกนี้ได้  ด้านล่างก็ยังมีแสงไฟและผู้คนอีกมากมายให้ผมไม่ต้องรู้สึกโดดเดี่ยว

เมื่อคิดได้อย่างนี้ผมก็ไม่รอช้าที่จะกลั้นใจวิ่งฝ่าความมืดลงไปในทันที  ผมใช้การจับราวบันไดและก้าวเท้าลงไปด้วยความระมัดระวังอย่างรวดเร็ว  ผมไม่สนใจกับสิ่งรอบข้างใดๆ เลยแม้แต่น้อย  หวังเพียงแค่ได้เห็นแสงสว่างที่บันไดขั้นสุดท้ายก็เพียงเท่านั้น

น่ากลัวเป็นบ้าเลยโว้ย  ไอ้พี่กิจนะไอ้พี่กิจ อย่าให้เจอตัวนะจะหยิกให้เขียวเลย

ผมที่หัวใจเต้นแรงและไม่สามารถหายใจได้ทั่วท้องขณะวิ่งลงท่ามกลางความมืดที่มีเพียงเสียงรองเท้ากระทบกับขั้นบันไดของผมเพียงเท่านั้น  ไม่นานแสงสว่างที่ปลายทางก็สาดส่องมาให้หัวใจของผมได้โลดแล่น

หากแต่ว่า....

ตอนนี้ผมกำลังยืนอยู่บริเวณหน้าตึกเก่าเพียงลำพัง  ผมมองหาผู้คนที่เคยอยู่บริเวณนี้ไปรอบๆ  หลายสิบชีวิตที่ผมมองเห็นจากทางด้านบน  ตอนนี้พวกเขาหายไปไหนกันหมดนะ  ทำไมถึงได้มีเพียงผมอยู่ตามลำพังแบบนี้...  ที่สำคัญแม้ว่าจะมีแสงไฟสว่างแต่ผมกลับรู้สึกราวกับว่าอยู่เพียงลำพังเสียอย่างนั้น  หัวใจผมตอนนี้มันตกไปอยู่ที่ตาตุ่มแล้วล่ะครับ  ผมรีบวิ่งไปยังลานจอดรถที่พี่กิจขับรถเข้ามาจอดในตอนแรก  ทว่าเมื่อไปถึงกลับไม่มีรถเลยแม้แต่คันเดียว  มีเพียงแค่ลานปูนโล่งๆ  จนผมรู้สึกราวกับว่าถูกทิ้งเอาไว้คนเดียวบนโลกใบนี้....  ผมตะโกนร้องเรียกหาพี่กิจหลายครั้งแต่ก็ไร้ซึ่งสัญญาณตอบกลับมาใดๆ  ผมเลยตัดสินใจวิ่งกลับไปที่หน้าตึก C อีกครั้ง  แต่ทุกอย่างก็ยังคงเหมือนเดิม  ไม่มีใครหรือร่องรอยว่าเมื่อสักครู่นี้จะมีการทำกิจกรรมอยู่บริเวณนี้แต่อย่างใด  และในขณะที่ผมกำลังจะถอดใจพร้อมกับน้ำตาที่กำลังจะเอ่อล้นขึ้นมาที่ขอบตา  เสียงพี่กิจก็ดังขึ้นมาไกลๆให้หัวใจได้ชื้นด้วยความหวังขึ้นมาอีกครั้ง

ผมหันซ้ายแลขวามองไปรอบๆ บริเวณแต่ก็ไม่พบเจ้าตัว  ก่อนจะเงยหน้าขึ้นไปมองยังชั้น 4 ของตึกและเห็นพี่กิจกำลังโบกมือให้ผมอยู่ไหวๆ ในตอนนี้

“ ลงไปทำอะไรที่นั่นล่ะ  ขึ้นมาข้างบนเร็ว “ 

เสียงพี่กิจตะโกนว่ามาครับ  แล้วนี่ผมต้องวิ่งฝ่าความมืดขึ้นไปหาพี่เขาอีกครั้งอย่างนั้นหรือ  ทั้งๆ ที่อุตส่าห์เอาตัวเองออกมาอยู่ในที่ที่มีแสงสว่างแบบนี้ได้แล้วแท้ๆ  เพียงแต่...  แม้จะดูเหมือนว่าปลอดภัยแต่ผมกลับไม่รู้สึกอุ่นใจเลยแม้แต่น้อย  เพราะที่นี่ไม่มีใครเลยจริงๆ  มันมีเพียงแค่ผมอยู่เพียงลำพังเท่านั้น

ผมลังเลใจอยู่ได้ไม่นานก่อนจะเลือกตัดสินใจวิ่งฝ่าเข้าไปในความมืดอีกครั้งหนึ่ง  เพราะผมรู้สึกว่า  ถึงมันจะเป็นความมืดแต่ถ้ามีใครสักคนอยู่ด้วย  ยังไงมันก็ยังดีกว่าการอยู่คนเดียวแบบนี้แน่ๆ   และก็เป็นอีกครั้งที่ผมกลั้นใจวิ่งไปบนบันไดในความมืด  เพียงแต่ครั้งนี้ผมกลับที่รู้สึกว่ามันช่างยาวไกลเอาเสียมากๆ ด้วยความรู้สึกที่หายใจไม่ทั่วท้องสักเท่าไหร่  และที่แย่ยิ่งกว่าก็คือ  จู่ๆ ผมกลับรู้สึกว่าเท้ามันเหมือนจะก้าวออกไปข้างหน้าได้ไม่ยาวเท่าที่ควรจะเป็น  แถมยังต้องใช้กำลังมากกว่าเดิมอีกหลายเท่า  ถึงกระนั้นผมกลับไม่ยอมที่จะหยุดวิ่ง  จนในที่สุดก็พาตัวเองขึ้นถึงชั้น 4 จนได้อย่างยากลำบาก  ก่อนจะมองเห็นหลังพี่กิจอยู่ไกลๆ ซึ่งพี่เขากำลังเดินไปตามระเบียงทางเดินจนเกือบจะถึงมุมสุดนั้นอยู่แล้ว  ผมตะโกนเรียกพี่เขาแต่เหมือนว่าเสียงผมมันจะเบาไปจนพี่เขาไม่ได้ยิน  และก่อนที่พี่เขาจะหายลับไปในความมืด  ผมจึงตัดสินใจใช้แรงเฮือกสุดท้ายที่มีทั้งหมดตะโกนร้องเรียกพี่เขาออกไปอย่างสุดกำลัง


“ พี่กิจ!!!! “





…………………………………….



“ กันต์!! “


เสียงพี่กิจดังขึ้นใกล้ๆ หู  ผมเบิกตาโพงพร้อมกับหายใจกระเส่าท่ามกลางความมืด  ผมกวาดตามองไปรอบๆ ที่นี่มันไม่ใช่ตึก C นี่นา  มันคือห้องนอนที่คอนโดครับ  หมายความว่าเรื่องราวเมื่อสักครู่นี้มันคือ....ความฝันอย่างนั้นเหรอ....

“ ฝันร้ายเหรอกันต์ “  พี่กิจขยับตัวลุกขึ้นมานั่งข้างๆ ผมก่อนจะถามขึ้น  ผมเลยได้แต่พยักหน้าตอบกลับไป  แล้วพี่เขาก็เอามือมาลูบหัวผมเบาๆ  ก่อนจะบอกให้ผมนอนต่อ

รู้สึกโชคดีจริงๆ ครับ  ที่ความจริงมันช่างตรงกันข้ามกับความฝันเมื่อสักครู่  เพราะตอนนี้ภายใต้ผ้าห่มอุ่นในห้องมืดสลัวแต่เย็นสบาย  ผมยังมีอ้อมแขนอุ่นๆ ของคนข้างๆ และใบหน้าคมๆ ที่เข้ามาคลอเคลียให้ผมได้อุ่นใจ  ผมปิดตาลงอีกครั้งและไม่นานสติก็ได้หายไปพร้อมกับราตรีกาลอันแสนอบอุ่นของคืนนี้อีกครั้ง...





TBC.




------------------------------------------------------------

ขอโทษครับ  เมื่อวานเพลียมากครับเลยลงไม่ทัน  แฮ่  :mew5:

หวังว่าจะมีความสุขกับนิยายไม่มากก็น้อยนะครับผม ^ ^

-------------------------------------------------------------

ติดต่อคนเขียนได้ที่ ทวิตเตอร์ @phanusun_p
หัวข้อ: Re: My Gear รักร้ายๆ ของคุณชายเย็นชา 2 ( Chapter 10 - 11/10/62 หน้า 3 )
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 11-10-2019 21:34:25
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: My Gear รักร้ายๆ ของคุณชายเย็นชา 2 ( Chapter 10 - 11/10/62 หน้า 3 )
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 11-10-2019 22:21:43
ถึงกับขวัญหายแล้วนะหนูกันต์ อีพี่ปลอบน้องเร็ว ๆ เลย  :กอด1:
หัวข้อ: Re: My Gear รักร้ายๆ ของคุณชายเย็นชา 2 ( Chapter 10 - 11/10/62 หน้า 3 )
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 12-10-2019 02:39:40
คนที่ลุ้นนอกจากกันต์ ก็เรานี่แหละ555
หัวข้อ: Re: My Gear รักร้ายๆ ของคุณชายเย็นชา 2 ( Chapter 10 - 11/10/62 หน้า 3 )
เริ่มหัวข้อโดย: tiger2006 ที่ 14-10-2019 19:49:54
ความฝัน :mew3: :mew3:
หัวข้อ: Re: My Gear รักร้ายๆ ของคุณชายเย็นชา 2 ( Chapter 10 - 11/10/62 หน้า 3 )
เริ่มหัวข้อโดย: Angpungkung ที่ 22-02-2020 14:41:55
 :o8:
เจอหล่ะ ตามมาอ่านต่อ
หัวข้อ: Re: My Gear รักร้ายๆ ของคุณชายเย็นชา 2 ( Chapter 10 - 11/10/62 หน้า 3 )
เริ่มหัวข้อโดย: AkuaPink ที่ 20-05-2020 18:58:09

 :pig4:
 :3123:
หัวข้อ: Re: My Gear รักร้ายๆ ของคุณชายเย็นชา 2 ( Chapter 10 - 11/10/62 หน้า 3 )
เริ่มหัวข้อโดย: iNeedYou ที่ 19-10-2020 11:28:59
ไม่มาต่อแล้วหรอคะทำไมหายไปนานจัง :mew2: