ตอนที่ 18 : เจอตัวภูมิ
เย็นวันนั้นผมปิดร้านเร็วกว่าปกติ แล้วนั่งซ้อนมอเตอร์ไซค์ของคุณคนแรกไปบ่อนพนันหลายแห่งเท่าที่นึกออก ระหว่างวันผมไม่ได้นั่งเฉยนะครับ แต่พยายามรวบรวมว่าไอ้ภูมิเคยไปเล่นที่ไหนบ้าง แม้จะนึกออกยากมากๆ เพราะไอ้ภูมิมันไปหลายที่ เวลาสร้างเรื่องให้ผมช่วยเคลียร์ ก็จะไม่กลับไปที่เดิม แต่ด้วยความที่เป็นตู้เอทีเอ็มมานานก็เคยถามๆ จนพอคุ้นๆ บ้างเหมือนกัน
ฉะนั้นพอคุณคนแรกมารับ พวกเราก็มีเป้าหมายที่ผมจดที่อยู่ไล่เรียงอย่างเป็นระเบียบพร้อมลุย
ที่แรก ไม่เจอ
ที่ที่สอง ไม่เห็นหัว
ที่ที่สาม ยังไม่ใช่
แต่ถึงอย่างนั้นก็ไม่นับว่ามาเสียเที่ยว เพราะภูมิเป็นลูกค้าประจำของบ่อนพวกนี้ พอผมเปิดปากถาม ก็เลยได้ข้อมูลใหม่ๆ เพียบ และนั่นก็ทำให้ผมเหมือนได้รู้จักเพื่อนสนิทครั้งแรก...ว่ามันบ้ายิ่งกว่าที่ผมเคยเรียกตัวเองว่าชอบทำอะไรบ้าๆ บอๆ ซะอีก
ไอ้ภูมิติดหนี้พนันเยอะมาก แต่ละที่มีจำนวนไม่เท่ากัน ส่วนใหญ่ก็จะปิดยอดแล้วสร้างหนี้ใหม่ ใช้วิธีหมุนเวียนเงินกันไป ทำให้เหมือนลูกค้าชั้นเลิศที่ไม่เคยค้างหนี้นาน ทั้งนี้ทั้งนั้น ก็เพราะมันมีผมคอยช่วยด้วยนี่แหละ ไอ้เราก็นึกว่าภูมิคงเล่นแค่ไม่กี่อย่าง แต่พอมาเห็นด้วยตัวเอง...มันล่อทั้งพนันบอล ทั้งเล่นไพ่ ทั้งแทงสนุกเกอร์ เรียกว่าครบวงจร
จะอ้างว่าอยากได้เงินคงไม่ใช่แล้ว แต่น่าจะมาหาความบันเทิงมากกว่า อยู่กับผม คอยเกาะผมมันแย่ขนาดนั้นเลย ผมขมวดคิ้ว คิดว่าถ้ามันแย่ขนาดนั้นแล้วจะทนไปทำไม ก่อนจะได้คำตอบแก่ใจในทันที
ภูมิต้องทนสิ ในเมื่อ...
“ไปต่อมั้ย” คุณคนแรกถามเมื่อเห็นผมยืนนิ่งไปเหมือนหุ่นยนต์ถ่านหมด
“ไปสิ” ผมพยักหน้ารับ ขึ้นคร่อมมอเตอร์ไซค์เขา ไปยังที่หมายถัดไป
โชคดีที่คราวนี้เจอไอ้ภูมิแล้ว
ผมไม่อยากโผล่หน้าให้มันเห็น เพราะถ้าเห็น มันต้องวิ่งหนีหางจุกตูดแน่ๆ และการวิ่งไล่จับในบ่อนก็ไม่ใช่ภาพน่ามองนัก ผมเลยยัดเงินให้ยามเฝ้าประตูช่วยเรียกภูมิออกมาคุยกันข้างนอก
ภูมิติดกับอย่างง่ายดาย ผมยืนแอบอยู่หลังเสา ลากคุณคนแรกให้มาแอบด้วยกัน พอเห็นผมทำหน้ามึนอยู่หน้าประตูบ่อนซึ่งฉากหน้าเป็นแค่ร้านอาหาร ก็ปราดเข้าไปกระชากคอเสื้อมันมาหลบอยู่ในซอยข้างๆ กัน ไอ้ภูมิร้องลั่น แต่ไม่ทันได้โวยวายขอความช่วยเหลือ มันก็โดนหมัดผมอุดปาก
ต่อยหมัดซ้าย ต่อด้วยหมัดขวา ต่อยด้วยความโมโหโกรธา และถือว่าต่อยแทนกฤตด้วย
“พะ...พิชญ์!”
พลันมีคนจับข้อมือผมไว้ จะเป็นใครไปได้ถ้าไม่ใช่คุณคนแรกที่มองนิ่ง พร้อมส่ายหน้าเชื่องช้า
ผมเพิ่งตั้งสติได้ว่าไอ้ภูมิมันเลือดกบปากแทบพูดไม่เป็นคำแล้ว หนีก็ไม่กล้าหนีแล้ว มันทรุดฮวบนั่งคุกเข่ากับพื้น มือกุมปากที่บวมช้ำ
คุณคนแรกปล่อยมือพร้อมอารมณ์พลุ่งพล่านของผมที่เริ่มสงบลง
“มึงปล่อยคลิปทำไม” ผมถามภูมิ มาถึงจุดนี้...แม้อยากจะบอกคุณคนแรกว่า ปิดหูเถอะนะ ปิดตายิ่งดี ก็ไม่ทันแล้ว ผมไม่ได้อยากจะเกรี้ยวกราดขนาดนี้ แต่พอเห็นหน้าไอ้ภูมิที่ไม่ทุกข์ร้อนทั้งที่ทำลายอนาคตของคนอื่นก็ยั้งไม่อยู่ รู้ตัวอีกทีก็ต่อยเอาๆ แม้พยายามทำเหมือนไม่เป็นอะไร แต่ผมก็ได้รับผลกระทบกับเรื่องนี้จนร้อนใจมากพอตัว
“กูไม่ได้ปล่อย!” ภูมิตอบ พยายามตะโกนใส่หน้า แต่เจ็บปากเลยร้องซี๊ดเป็นระยะ
“ถ้าไม่ใช่มึงแล้วจะเป็นใคร” ผมกระชากคอเสื้อภูมิขึ้นมาอีกครั้ง “ถ้ามึงไม่พูด กูจะต่อยมึงจนมึงพูดไม่ได้”
อย่าตกใจ ผมไม่ใช่คนโหด แค่โฉดกับคนที่ควรค่าอย่างไอ้ภูมิ และนี่ก็แค่ขู่ด้วย
“กูไม่ได้ปล่อย กูแค่...ขาย”
ผมแทบจะหน้ามืด
“มึงขายคลิปกฤตเนี่ยนะ!”
“เออสิวะ” ภูมิมันคงอดกลั้นมานานเหมือนกันกับการโดนผมใช้เป็นกระสอบทราย เลยสะบัดตัวหนี จับคอเสื้อให้ดีแล้วสารภาพหมดเปลือก “ก็กูไม่มีเงิน มึงเองก็บอกว่าไม่มีจะให้ แล้วกูจะทำยังไง หนี้มีแต่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ดอกเบี้ยก็บานฉิบหาย ทั้งเนื้อทั้งตัวกูมีแต่คลิปไอ้กฤตนี่แหละที่พอทำเงิน โชคดีชะมัด ที่มันได้บทพระเอก ค่าคลิปเลยสมน้ำสมเนื้อ พอให้กูใช้หนี้ไปอีกหลายวัน”
โชคดีชะมัด?
โชคดีกับผีน่ะสิ! ไม่อยากจะนึกเลยว่าถ้ากฤตได้ยินจะอาละวาดขนาดไหน
“มึงติดการพนันจนไม่เป็นคนแล้วรึไงวะ!!” ผมปราดไปกระชากคอเสื้ออีกครั้ง แม้ภูมิจะพยายามหลบ แต่ก็หลบไม่พ้น “มึงอยู่กับกูตลอด มึงก็รู้ว่ากฤตมันเป็นยังไง คนที่ไม่เคยสนใจวงการบันเทิง พอตั้งใจจะทำขึ้นมามึงก็ไปขัดขา ทำลายอนาคต อย่างน้อยมึงก็รู้จักกฤต มึงทำลงได้ยังไง!”
“กฤตมันจะเป็นยังไงก็ช่างหัวมันสิวะ ขนาดมึงยังไม่สนใจกู ไม่ให้กูอยู่ด้วยเลย แล้วกูจะสนใจคนอื่นทำไม”
“ภูมิ!!”
“ถ้ามึงไม่หนีออกจากบ้าน ถ้ามึงไม่หนีกูมา กูก็ไม่ทำแบบนี้หรอก!”
“นี่มึงจะโทษว่าเป็นความผิดกูงั้นสิ” ผมหัวเราะ “อย่ามาทำหน้าน่าสงสารเหมือนหมาถูกทิ้ง ไอ้ภูมิ มึงก็ไม่ใช่เพื่อนที่ซื่อสัตย์แต่แรก อย่ามาเรียกร้องความเห็นใจ”
“พิชญ์ มึงพูดเองว่ากูอยู่กับมึงตลอด ถึงกูจะติดการพนัน แต่กูก็เพื่อนมึงนะ”
“เพื่อนที่รับเงินจากแม่กูน่ะเหรอ”
ภูมิชะงักทันที มันมองผม...ด้วยสายตาไม่อยากจะเชื่อ
“ทีงี้ละมาทำอึ้ง ทำไม หรือมึงไม่สงสัยว่าทำไมจู่ๆ กูก็หนีออกจากบ้าน ทิ้งครอบครัว ทิ้งแฟน ทิ้งเพื่อน ถ้าไม่ใช่เพราะเหตุผลนี้ แล้วจะเหตุผลไหน...เพื่อนรัก”
“แต่มึงบอกว่ามึงไม่ได้หนีออกจากบ้านเพราะกู...”
“ไม่ใช่เพราะมึง” ผมหัวเราะอีกครั้ง “แต่เพราะทุกคน!!”
ถึงตอนนี้ ผมก็แทบอยากจะร้องไห้สะอึกสะอื้นเหมือนกฤตบ้างแล้ว
แต่ด้วยทิฐิบางอย่างที่ผมเองก็ยังไม่เข้าใจ ทำให้กล้ำกลืนฝืนไว้ด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้มที่ฝืนเหลือเกิน
ผมค่อยๆ ปล่อยมือจากคอเสื้อไอ้ภูมิ ก่อนจะทิ้งมืออย่างหมดเรี่ยวแรง
ยังจำได้มั้ยครับ ว่าคนที่แม่ผมจ้างมายั่วกฤตนั้นบอกว่าเขาใช้วิธีตีสนิทโดยอิงข้อมูลเวลาผมทะเลาะกับกฤตมาพูดให้ทำให้เหมือนเข้าอกเข้าใจดีอย่างถูกจังหวะได้โดนใจตรงเผง
ผมฉุกใจตั้งแต่ตอนนั้นแล้ว แต่ก็ยังทำเป็นนิ่ง ไม่พูดอะไรออกมา
เพราะวาดหวังว่าจะเป็นแค่การคิดไปเอง
แต่ผมหลอกตัวเองไม่ได้หรอก คำตอบมันชัดเจนแจ่มแจ้ง ผู้ชายคนนั้นแม่เป็นคนจ้างมา ฉะนั้นเขาต้องรู้ข้อมูลของผมกับกฤตผ่านแม่แน่นอน แต่ทุกคนครับ ผมไม่เคยเล่าเรื่องการทะเลาะกันกับครอบครัวมาก่อน เพราะถ้าเล่า มีหวังแต่ละคนยินดีปรีดา หาเรื่องใส่ไฟให้ผมเลิกกับแฟนพอดีน่ะสิ ฉะนั้น คนที่ผมเล่าทุกสิ่งทุกอย่าง รู้ทุกเรื่องของผม และตามไปด้วยกันในทุกๆ ที่ ก็คือไอ้ภูมิ
คำตอบที่ว่าชายคนนั้นชักชวนกฤตสำเร็จได้ยังไง ไอ้ภูมิคือจิ๊กซอร์สำคัญ
แต่มันก็คงไม่รู้ว่าแม่ผมจะเอาข้อมูลนั้นไปบอกคนอื่น เพราะมันก็แค่ทำตามหน้าที่ ผมมั่นใจตรงนี้ เดาจากปฏิกิริยาของมันตอนเห็นคลิป ว่ามันไม่เคยรู้เลยว่าแม่ผมจ้างวานคนมาล่อลวงแฟนลูกชายตัวเอง
แล้วหน้าที่ของไอ้ภูมิคืออะไรน่ะเหรอ
หลังคาดเดากับตัวเอง ผมที่ออกมาคุยโทรศัพท์ตรงระเบียงห้องภูมิก็ทำทีเป็นอยากกินเหล้า ใช้ไอ้ภูมิออกไปซื้อเครื่องดื่มมึนเมาให้หน่อย ภูมิทำตัวเป็นเพื่อนที่แสนดี เตรียมตัวเมากับผมเป็นเพื่อนตลอดคืน และระหว่างที่มันเดินออกไป ผมก็รื้อห้องมัน
ผมไม่เคยค้นห้องคนอื่นมาก่อน เพราะไม่ใช่คนสอดรู้สอดเห็นเรื่องชาวบ้าน และค่อนข้างหวงความเป็นส่วนตัว จึงไม่คิดจะทำแบบนี้กับใคร แต่ตอนนี้จำเป็นต้องทำ และผมก็เจอกับสมุดบัญชีของไอ้ภูมิ
ยอดเงินที่โอนเข้าทุกเดือน ในจำนวนไม่น้อย ติดต่อกันยาวนานนับสิบปี จากเลขบัญชีที่ผมคุ้นเคยซะยิ่งกว่าคุ้นเพราะได้รับมาตลอดตั้งแต่เด็ก
เลขบัญชีของแม่
แม่ให้เงินลูกชาย ไม่นับว่าแปลก แต่ที่แปลก คือแม่ใจดีขนาดโอนเงินให้เพื่อนลูกด้วยนี่สิ
นอกจากนั้นผมยังรื้อเจอสมุดบันทึก ไอ้ภูมิบันทึกเรื่องราวเกี่ยวกับผมไว้ในทุกๆ วันว่าไปทำอะไรบ้าง รวมถึงความสัมพันธ์ของผมกับคนรอบข้าง โดยเฉพาะกับกฤต
เพื่อนแสนดีคนไหนกันนะที่ใส่ใจขนาดจดบันทึกละเอียดยิบยิ่งกว่าผมทำการเงินที่บริษัทพี่พจน์ซะอีก
คำตอบที่ตีแผ่ตรงหน้า ทำให้ผมเข้าใจทันทีว่า...ไอ้ภูมิ...คือคนที่แม่ ‘จ้าง’ มาให้เป็นเพื่อนผมนั่นเอง
สาเหตุที่ผมยอมเป็นตู้เอทีเอ็มให้เพื่อน ไม่ใช่ว่าใจดี แต่เพราะอยากตอบแทนน้ำใจที่ภูมิอดทนกับผมมามาก
ใช่ว่าจะไม่รู้ตัวว่าเป็นคนนิสัยเสีย เข้ากับคนอื่นไม่ค่อยได้ ไม่เคยเข้าหาใครก่อน รอแต่ให้มีคนเข้าหา ตามจีบ แล้ววิ่งเล่นไปเรื่อยๆ กับสิ่งที่อยากจะทำด้วยการสนับสนุนอย่างเต็มที่ของครอบครัว ใช่ ผมยอมให้ภูมิหลายอย่าง เพราะจำฝังใจเสมอว่าภูมิอดทนกับผมมามาก และผมก็อยากเป็นเพื่อนกับมัน
แต่ที่ผมทนไม่ได้ คือแม่จ้างภูมิให้ทำ
มิตรภาพจอมปลอม
ภูมิไม่ได้อดทนกับผมแต่แรกแล้ว ทุกอย่างคือเงินทอง
ผมเลยเลิกที่จะทนกับมันเหมือนกัน
และนี่ก็คือเหตุผลทั้งหมดที่ทำให้ผมหนีออกจากบ้าน
เริ่มจากเรียนจบแล้วไปทำงานที่บริษัทของพี่พจน์ พยายามแทบเป็นแทบตาย อยากจะเปลี่ยนตัวเอง อยากจะโตขึ้น แต่กลับไม่มีใครอยากเห็นผมแบบนั้น จนลาออกมาอยู่กับแฟน แต่สุดท้ายก็ทะเลาะกัน เขานอกกายไปนอนกับคนอื่น
เลิกกับกฤต ผมยิ่งไม่อยากกลับบ้าน เลยเลือกมาอยู่กับไอ้ภูมิ แต่เพื่อนรักสุดซี้ก็ทำให้ผมได้กระจ่างว่าสิบปีที่คอยอยู่ด้วยกันนั้นคือเงินทอง
เจ็บยิ่งกว่าตอนเลิกกับแฟนอีก
และก็เจ็บที่สุด เมื่อรู้ว่าเบื้องหลังคือใคร
ผมเก็บข้าวของหนีออกจากบ้านในค่ำวันนั้น โดยที่ภูมิยังไม่ทันซื้อเหล้ากลับมาด้วยซ้ำ ไม่อยากจะอยู่ ไม่อยากจะเห็น ไม่อยากจะกลับ จิตใจสับสน ทั้งโมโหทั้งเสียใจ และไม่รู้จะทำยังไงต่อไป คล้ายว่าเบื้องหน้าคือทางตัน ไม่สิ บางทีอาจเป็นหุบเหวด้วยซ้ำ ผมไร้เป้าหมายโดยสิ้นเชิง ไม่มีเพื่อน ไม่มีคนรัก ไม่มี...ครอบครัว
ผมลบคลิป ส่งข้อความบอกพ่อกับแม่ว่าจะไม่กลับบ้านสักระยะ ไม่งั้นเกิดหายหัวเอาดื้อๆ มีหวังโดนแจ้งความคนหายแหงๆ จากนั้นก็ขายโทรศัพท์ หาที่พักแถวนั้นไปพลางๆ วาดหวังไม่ให้ใครตามเจอ
อารมณ์ในตอนนั้นย่ำแย่ขนาดไหน หดหู่สิ้นหวังขนาดไหน ผมไม่อยากจะอธิบาย แต่สภาพในตอนนั้นเรียกได้ว่าหมดอาลัยตายอยาก มันหนักอึ้งไปหมดทั้งใจ นึกโทษทุกสิ่งทุกอย่าง รวมถึง...โทษตัวเอง
สาเหตุที่ทำให้ผมหนีออกจากบ้านคือทุกคน
ซึ่งรวมตัวผมเองด้วย
ผมไม่โทษแม่ เพราะดันเข้าใจความรักของท่าน แม่อยากให้ผมมีเพื่อน อยากให้ผมมีคนรักที่ดี อยากให้ผมสบาย อยากให้ผมมีความสุข แต่แม่ครับ นั่นคือสิ่งที่ถูกต้องงั้นเหรอ
ถ้าผมมันแย่นัก ถ้าผมมันดื้อนัก ทำไมไม่สอนสั่งกัน ไม่เข้มงวด ไม่กวดขัน อย่างที่ทำกับพี่พจน์ เพราะให้ท้าย เพราะคอยโอ๋ คอยสนับสนุนแบบนี้ไง ผมถึงได้เหมือนเด็กไม่ยอมโต และเจ็บมากถึงขนาดนี้...เมื่อรู้ความจริงทั้งหมด
หากพี่พจน์ยืนกรานช่วยผมมากกว่านี้ จะเป็นยังไงนะ หากกฤตมั่นคงในความรักของเรามากกว่านี้ คงไม่ลงเอยด้วยคำว่าเลิกรา หากภูมิไม่เห็นแก่เงินมากกว่ามิตรภาพ ทุกอย่างก็คงไม่จบแบบนี้
ไม่มีคำตอบในสิ่งที่ผมสงสัย
เพราะไม่มีใครย้อนเวลากลับไปแก้ไขอดีตได้
เช่นเดียวกับตอนนี้...ที่ผมเลือกจะบอกความจริงกับภูมิ ทั้งที่ไม่คิดจะเอ่ยกับพี่พจน์หรือกฤต อาจเพราะสุดท้ายแล้ว...ผมก็ยังเห็นมันเป็นเพื่อนสนิท คนที่เล่าได้ทุกเรื่องทุกอย่างอยู่ดี
แม้มันจะไม่เห็นผมเป็นเพื่อนเลยก็ตาม
ไอ้ภูมิมองผมนิ่ง อ้าปากพะงาบหลายครั้ง แต่ก็หาคำแก้ตัวไม่ได้ จนสุดท้ายก็เผยหน้าบิดเบี้ยว ทำหน้าราวกับผู้ถูกกระทำที่โดนไล่ต้อนจนแทบจะร้องไห้ออกมา
ทั้งที่คนควรจะร้องไห้น่ะคือผมนี่!
ตั้งแต่วันที่หนีออกจากบ้าน ผมไม่เคยร้องไห้สักครั้งเดียว พยายามเข้าใจถึงการกระทำของทุกคน พยายามหาเหตุผลรองรับในทุกๆ อย่าง เพื่อที่จะก้าวไปข้างหน้าได้โดยไม่มีอะไรติดค้างใจ
ทำไมพี่พจน์ถึงไม่ช่วยพูดให้มากกว่านั้นน่ะเหรอ เพราะเขาเองก็ไม่เชื่อในตัวผมเหมือนกับแม่ไง
ทำไมกฤตหลงกับคำชักชวนหลอกล่อน่ะเหรอ เพราะเขาเองก็เบื่อและสุดจะทนกับครอบครัวของผมแล้วไง
ทำไมภูมิเห็นเงินมากกว่ามิตรภาพน่ะเหรอ เพราะเขาหนี้สินเยอะจนไม่มีทางเลือกอื่นแล้วไง
ก้มมองคนที่กุมหน้าปิดตาไม่กล้าสู้หน้าผม คล้ายละอายใจเหลือเกินนั้น...ผมก็นึกโทษตัวเอง เหมือนที่นึกว่าถ้าหากทำตัวให้น่าเชื่อถือกว่านี้ ก็คงไม่ต้องโดนย้ายแผนก ถ้าออกปากกับพ่อแม่เรื่องกฤตมากกว่านี้ เขาก็คงไม่ต้องทนจนทนไม่ไหว และถ้าผมไม่ให้เงินใช้หนี้แทนภูมิแต่แรก วงจรอุบาทว์ก็คงไม่ทำให้เขากลายเป็นผีพนันจนถอนตัวไม่ได้
ช่างเป็นเรื่องราวที่ซับซ้อนวุ่นวายจนปวดไปทั้งใจ
ผมสูดหายใจเข้าลึก ก้มมองกฤตที่ยังก้มหน้าก้มตา พลันรู้สึกร้อนที่หัวตา
“มึงไปหากฤตเถอะ ไปขอโทษเขา ยอมให้ต่อยสักหมัด และถ้าเขาจะแจ้งความก็ยอมรับการกระทำของตัวเอง” ผมเอ่ยเสียงพร่า “ส่วนเรื่องหนี้สิน มึงไปบอกกับแม่กูตรงๆ เถอะ เขาคงช่วยมึงอยู่แล้ว ท่านเอ็นดูมึงมาก ที่เลือกจ้างมึงด้วยจำนวนเงินขนาดนั้น ก็คงเพราะเห็นมึงเป็นลูกชายคนหนึ่ง ครอบครัวมึงลำบาก แม่กูเลยอยากจะช่วย...”
แม้ความหวังดีแกมหวังผลประโยชน์นั้นจะทำให้ภูมิหลงผิดเอาไปลงกับการพนันก็ตาม
พอกันทีกับภูมิที่น่าสงสาร ภูมิที่เป็นเพื่อนรักของผม ทุกคนควรจะรู้ได้ตัวตนแท้จริงเพื่อจะได้จบทุกอย่างสักที
“แล้วเลิกเล่นพนันซะ หางานทำดีๆ ไม่ต้องหวังมาเกาะกูอีก เพราะกูคงไม่เจอมึงแล้ว”
“พิชญ์...” ไอ้ภูมิเสือกทำหน้าหงอยน้ำตาคลอ
“ลาก่อน ไอ้เพื่อนเวร” ผมประชดทั้งรอยยิ้ม แม้จะเป็นยิ้มที่ฝืดเฝื่อนไปสักหน่อย แต่ก็มาพร้อมความสบายใจคล้ายยกก้อนหินออกจากอก ผมเก็บความลับนี้กับตัวไว้นานเกินไปแล้ว ได้ระบายออกมา ได้สารภาพความจริง ได้สลัดหลายสิ่งหลายอย่างทิ้ง ตัวก็เบาขึ้นทันตา
ผมเดินกลับไปหาคุณคนแรก ที่ไม่รู้ว่าฟังแล้วจะรู้สึกยังไง จะผิดหวังในตัวผมมั้ย จะสยองกับครอบครัวผมรึเปล่า จะรังเกียจกัน หรืออยากจะเดินต่อ ผมไม่มีอะไรจะเสียแล้ว วัดใจมันตรงนี้เลยแล้วกัน แม้ลึกๆ แล้วนั้น...จะไม่อยากเสียเขาไป
ไม่รู้ว่าผมมองเขาด้วยสายตาแบบไหน สีหน้าอย่างไร เพราะสิ่งแรกที่คุณคนแรกทำคือการจับผมกอดหมับเข้าเต็มรัก
ต่อหน้าต่อตาไอ้ภูมิที่ยังเหวออยู่นั่นแหละ แต่เราไม่สนใจ เพราะพอได้ซุกในอกเขาปุ๊บ น้ำตาผมก็ไหลพราก
เป็นการร้องไห้ที่ไม่มีเสียง
และเป็นความเงียบ...ที่ชวนอบอุ่นใจเหลือเกิน
---------------------
และแล้วก็ได้คำตอบกันค่ะ สาเหตุที่พิชญ์หนีออกจากบ้าน...เป็นเพราะทุกคนรวมถึงตัวพิชญ์เอง
น้องเป็นเด็กดีที่โดนสปอยหนักค่ะ และก็ยอมรับในจุดนั้นด้วยและพยายามจะเปลี่ยนแปลงตัวเอง เป็นนายเอกที่เราเอ็นดูมากๆ อีกคนหนึ่งเลย และเรื่องราวที่ค่อยๆ เล่าไปแต่ละวันนี้เราก็จงใจเขียนที่พัฒนาการเติบโตของพิชญ์ ความคิดอ่านที่เปลี่ยนไปแต่ละวัน แต่ที่แน่นอนคือการสู้ไม่ถอยและไม่ยอมกลับจนกว่าทุกคนจะเข้าใจการหนีออกจากบ้านครั้งนี้
ซึ่งตอนนี้ทุกคนก็น่าจะเข้าใจกันแล้วว่าพิชญ์มาเพื่อพิสูจน์ตัวเอง โดยไม่โทษใคร
แต่ถึงอย่างนั้นก็แอบเจ็บปวดหัวใจเมื่อโดนตอกย้ำ ซึ่งเทียบกับตอนหนีออกมาจากบ้านคนเดียวแล้ว วันนี้มีคุณคนแรกอยู่เคียงข้างด้วย
นับเป็นอีกการพัฒนาของพิชญ์ที่น่ายินดีเนอะคะ
ปล.ภูมิกับพิชญ์คือเพื่อนสนิทกันแบบสนิทมากจริงๆ ค่ะ ไปด้วยกันทุกที่ เล่าให้ฟังทุกอย่าง ถ้าไม่มีเงินมาเอี่ยว ทั้งคู่ก็คงสนิทกัน แต่จะเป็นอีกแบบที่ภูมิไม่สอดรู้สอดเห็นและยอมพิชญ์มากขนาดนี้ ซึ่งพอมีเงินมาเอี่ยว...ก็จะลงเอยแบบนี้ เป็นมิตรภาพแบบมีผลประโยชน์เข้ามาแทรกจนลืมคิดถึงจิตใจอีกฝ่ายค่ะ
#ผมกับชานมไข่มุก
เพจ : มาจะกล่าวบทไป
Twitter : MajaYnaja