ได้แหละ แต่มันอาจจะต้องแน่ใจก่อนว่าพี่ศิเขาได้ไปเจอคนที่ดี
นายพชรลงทุนลากตัวเองไปนั่งอ่านหนังสือที่ร้านกาแฟข้างมหาวิทยาลัย ที่ที่พี่เขาชอบมานั่งทำงานบ่อย ๆ แม้ปากปฏิเสธกับเพื่อนทุกคนอย่างขันแข็งว่าไม่มีอะไรแล้ว แต่ลึก ๆ ในใจแล้วหวังจะได้เห็นพี่เขา อยากรู้ว่า...จะตัดใจจากกันไปได้แล้วจริงหรือ
ไม่พลาด ศศิมา...และแน่นอนว่านายพชรนั่งหลังเสาแอบพี่เขาได้แนบเนียนที่สุด
ในสายตาเพชร ศศิผอมลงไปมาก หน้าตาก็ไม่สดใสเหมือนแต่ก่อน ดวงตาคู่นั่นดูทั้งเหงาและอมทุกข์ เขาอดรู้สึกเสียวเสียดในหัวใจไม่ได้ อยากจะบอกให้พี่เขากินเยอะข้ึนได้มั้ย ยิ้มมาก ๆ เหมือนแต่ก่อนได้หรือเปล่า
"แล้วมึงเป็นอะไรกับเค้าวะเพชร" เสียงจากสมองออกมาต่อกรกับหัวใจ จนต้องเอามือโบกไล่มันไปในอากาศ นั่งแอบดูเขาทำงานเงียบ ๆ ไปอีกพักใหญ่ ก็มีผู้ชายคนหนึ่งเดินเข้ามานั่งลงตรงหน้าศศิ เพชรจำได้ว่าคือคนที่ยื่นร่มให้พี่คนสวยในวันที่ฝนตก
ทั้งคู่คุยกันเบา ๆ มีเสียงหัวเราะดังเป็นระยะ เพชรถึงขึ้นต้องขยับเข้าไปใกล้อีกโต๊ะเพื่อให้ได้ยินชัดขึ้น ได้ความว่าหลังจากวันนี้ที่คุณอัศวิน ให้ศศิยืมร่มกลับบ้าน ก็แลกนามบัตรกันเพื่อส่งของคืน พออีกฝ่ายรู้ว่าศศิรับงานแปล ก็จ้างทำงานให้กับบริษัทนำเข้าเครื่องใช้ไฟฟ้าที่ตนเป็นผู้จัดการอยู่ จากนั้นก็คุยกันมาเรื่อย ๆ
เอาเอวิชาสาระแนกับจับใจความสำคัญไปเลยนายพชร! ด่าตัวเองแต่หูก็กระดิกไปด้วย เนื้อหาเริ่มเข้มข้นแล้ว
"คุณศิยังไงผมอยากให้พิจารณาอีกทีนะครับ เรื่องที่จะลองคุยกันมากกว่าเรื่องงาน"
"คุณอัศ ศิไม่ใช่ผู้หญิงนะคะ ยังไม่ได้แปลงเพศด้วย" เสียงพี่เอ่ยแฝงไปด้วยความเศร้าที่ใครได้ยินก็ต้องนึกสงสาร
"ผมรับได้ครับ" อีกฝ่ายตอบกลับมาทันที มันทำให้เพชรยิ่งรู้สึกหงุดหงิด
เรื่องแบบนี้มันรับกันได้ง่ายนักหรือไง!?
"เอ่อ...คุณอัศ ศิยังไม่ได้แปลงเพศด้วยนะคะ"
"ครับ...ผมชอบคุณศิเพราะนิสัยน่ารักนะครับ คุยด้วยแล้วทั้งสนุกทั้งสบายใจ เรื่องอย่างอื่นผมว่าเราค่อย ๆ ปรับตัวกันไปน่าจะไม่ยาก"
นั่นสินะ...นิสัยของพี่เขาน่ารักที่สุด อยู่ด้วยแล้วคือมีความสุขตลอดเวลา
"ขอบคุณนะคะ ขอบคุณรับศิได้" น้ำเสียงศศิดูสดใสขึ้นอย่างชัดเจน แต่เป็นเพชรที่กลับรู้สึกยุบยิบหัวใจแปลก ๆ มันรับกันง่าย ๆ แบบนี้เลยหรอ
"งั้นเราไปหาอะไรทานกันดีมั้ย ผมรู้จักร้านไวน์ดี ๆ ด้วย สเต็กเขาก็อร่อย ไม่รู้คุณศิทานเนื้อมั้ย"
"ทานได้ค่ะ ตามใจคุณอัศเลย"
"ครับ งั้นเชิญครับ"
เพชรหลบหลังเสา เมื่อทั้งคู่ลุกขึ้น มองตามหลังชายหนุ่มใส่สูทดูภูมิฐาน และเป็นผู้ใหญ่ สังเกตจากร่องรอยบนใบหน้าก็คงเหยียบสี่สิบแล้ว
"แก่ขนาดนั้นจะยังไม่มีเมียหรอวะ" ความคิดขี้อิจฉาสว่างวาบขึ้นมาในสมองเพชรทันที แต่จะทำอะไรได้ นอกจากย่องตามเขาไปต่ออีกหน่อย อีกฝ่ายเปิดประตูรถให้ศศิ มันเป็น Benz แบบที่ผู้บริหารชอบใช้กัน
มองไปจนสุดสายตา มองจนรถคันนั้นหายไป ทิ้งไว้เพียงคำถามในใจ
"ถ้าเขาดีกับพี่ศิจริง ก็ควรยินดีปะวะเพชร" บอกกับตัวเองแล้วค่อยเดินกลับไปที่รถ ขับกลับคอนโด
ก่อนขึ้นห้องเพชรแวะซื้อเบียร์กับอาหารมื้อเย็นแบบเวฟง่าย ๆ ติดมือมาด้วย เขานั่งลงกินที่โต๊ะอาหาร บัดนั้นเป็นยามโพล้เพล้ที่แสงอาทิตย์ย้อมท้องฟ้าให้กลายเป็นสีส้มหม่นมอง ดึงอารมณ์คนมองให้ด่ำดิ่งสู่ห้วงทุกข์ได้ง่ายนัก
เพชรตกเป็นเหยื่อของท้องฟ้าในยามนั้น เขาเหม่อมองดวงอาทิตย์ที่คล้อยต่ำลงเรื่อย ๆ มองกลุ่มเมฆหนาที่เคลื่อนเข้าบดบังสร้างความขมุกขมัว
มันไม่ต่างเลย...ไม่ต่างจากความรักของเขากับพี่ศิเลย
ช่วงแรกสดใสงดงาม และเมื่อมันร้อนแรงขึ้นก็มอดดับไป ยามดวงจันทร์เฉิดฉายขึ้นมาใหม่ พชรก็ไม่ได้ยืนอยู่เคียงข้างแล้ว
"รันทดจังวะ" เพชรเขี่ยไก่เทอริยากิเวฟร้อนเข้าปาก รสชาติที่หวานเกินไปมันเทียบไม่ได้เลยกับอาหารที่พี่ศิเคยปรุงสดใหม่ให้ทาน ไม่มีผลไม้หลังมื้อเย็น ไม่มีคนให้นอนกอดยามกดดูซีรีย์ มีเพียงเขา ห้องว่างเปล่า และกระป๋องเบียร์ที่เย็นเฉียบ
เพชรหยิบหนังรางวัลที่ยังเป็นแผ่น DVD หย่อนลงเครื่อง
มันเป็นบรรยากาศของเดนมาร์กในช่วงเกือบร้อยปีก่อน หนาวเย็น และเงียบงัน แต่ในดินแดนที่เหมือนแช่อยู่ในตู้น้ำแข็งนั้นกลับมาความรักที่งดงามผลิบาน
ตัวเอกสองคนเดิมทีเป็นคู่รักหญิงชาย พวกเขาเป็นศิลปินทั้งคู่ วาดภาพและเสนอขายไปตามวัฏจักรของยุคนั้น
ภาพของฝ่ายหญิงดูเหมือนจะขายไม่ได้สักทีจนเธอเกิดความคิด...อยากวาดภาพเหมือนของ 'ลิลี่' หญิงสาวแสนสวยที่เกิดจากสามีของเธอ แต่งกายเป็นสตรีนั่นเอง
ลิลี่จากที่เคยมีชีวิตอยู่ในรูปภาพ กลับกลายเป็นสัมผัสโลกแห่งความจริงมากขึ้น พวกเธอไปงานสังคมด้วยกัน จนกระทั่งลิลี่มีชายหนุ่มเข้ามาเกี้ยวพาราสี
ลิลี่ไม่ต่างจากพี่ศิ...ยิ่งในยุคนั้นที่สังคมยังกังขากับสภาพร่างกายที่ไม่ตรงกับเพศกำเนิด
ลิลี่หลงรักความเป็นผู้หญิง และมั่นใจแล้วว่าใจเธอ...ไม่เป็นผู้ชายอีกต่อไป
เกอด้า...คือผู้เป็นภรรยา เธอมีความรักที่ยิ่งใหญ่จนเพชรน้ำตาซึม เกอด้าคือคนที่พาลิลี่ไปแปลงเพศ ที่ในยุคก่อนต้องผ่าตัดถึงสี่ครั้งด้วยกันทุกวินาทีคือความเจ็บปวด ไม่แน่นอน แต่เกอด้าก็ไม่เคยลดความรักภายในตัวสามีของเธอลงเลย และอยู่เคียงข้างจนตราบวินาทีสุดท้ายของเธอหลังจากผ่าตัดแปลงเพศสำเร็จได้ไม่นาน ลิลี่นอนหลับไปอย่างงดงาม ภายใต้ตัวตนที่แท้จริงของเธอ และได้รับการยอมรับเป็นผู้หญิงข้ามเพศที่ผ่าตัดสำเร็จเป็นคนแรกของโลก
I love you, because you are the only person who made sense of me. And made me, possible.
ลิลี่บอกเกอด้า
'ฉันรักเธอ เพราะว่า...เธอเป็นเพียงคนเดียวที่เข้าถึงจิตใจของฉัน และทำให้ฉันเป็นจริงขึ้นมาได้'
...
เพชรร้องไห้เหมือนหมาหลังดูหนังเรื่องนี้จบ เขากดปิดทีวี แล้วซดเบียร์ที่รสชาติแย่เพราะหายเย็นแล้วเข้าไป ถ้าลิลี่คือพี่ศิ...เขาควรจะเป็นเกอด้า ที่อยู่เคียงข้างและยอมรับในตัวตนทุกอย่างของคนรัก
หนังเรื่อง The Danish Girl เพชรหยิบแผ่นเก็บลงกล่อง เหมือนจะได้ยินเสียงลิลี่พูดกับเกอด้าอีกครั้ง
...
หรือตอนนี้ที่เขายังไม่กล้า...เพราะเขารักพี่ศิไม่มากพอ
ลองจินตนาการว่า ในอนาคต...ถ้าพี่ศิต้องหายไปจากชีวิตจริง ๆ
ชีวิตมันจะความสุขได้จริงหรอวะ
เบียร์แสนห่วยยังติดอยู่ที่ปลายลิ้น เพชรมองนาฬิกา มันใกล้ถึงเวลาที่ต้องส่งงานแล้ว เขาเปิดคอมพิวเตอร์...ตลกดี ครั้งหนึ่งเคยดีใจที่ลูกรักพัง จนได้วิ่งแจ้นไปหาคนที่พร้อมอ้าแขนรับเขาอยู่เสมอ
พอเปิดไดรฟ์เก็บไฟล์รูปถ่ายก็มีแต่ Folder Baby เรียงไปสิ 1-10 กดเข้าไปดูก็เพลินไปหมด ศศิเวอร์ชั่นต่างๆ ยังคงมีเรื่องราว มีชีวิตอยู่ใน Memory คอมพิวเตอร์
พี่ศิ เหมือนยังยิ้ม แล้วเรียกชื่อเขาเบาๆ
แสนซน และน่ารัก
อบอุ่น และเข้าใจ
เคียงข้าง และผูกพัน
เพชรเผลอยิ้มออกมาอย่างไม่รู้ตัว
กระแสความอบอุ่นไหลวนเข้ามาในหัวใจ จนเขาคิดได้ว่าเพื่อพี่ศิ เขาอยากเก่งขึ้นให้มากกว่านี้ให้พี่ศิภูมิใจ
อยากเป็นคนที่มีคุณค่า...ในสายตาเธอ
โทรศัพท์สั่นขึ้นกลางห้องที่เงียบงัน เพชรหลุดออกจากภวังค์พึ่งรู้ว่าหางตาเขาเปียกชื้น มองชื่อที่ขึ้นอยู่บนจอก็เป็นนายธามไทเพื่อนรัก
'ว่า'
'จะเที่ยงคืนแล้วพ่อ ส่งรูปยัง'
'กำลังแต่งอยู่'
'อีกครึ่งชั่วโมงพ่อ มันมีกรอกประวัติต่างๆ อีก มึงใช้เวลาประมาณนึง รีบทำเข้า'
'วางยังอะ จะได้เอาเวลาไปทำงาน'
'หน้าหมา! '
แล้วไทม์ก็วางไปเลย เพชรเลื่อนเม้าส์ไปดู Folder ภาพที่เขาถ่ายมาเมื่อวันก่อนเพื่อจะส่งประกวด เห็นความหายนะอยู่รำไร ไม่โฟกัส ไม่มีเรื่องราว อารมณ์ของภาพดูเลื่อนลอยเหมือนใจเขาไม่มีผิด
หรือความเชื่อที่ผ่านมามันผิด
หรือ...เขาควรให้โอกาสชีวิตตัวเองด้วย...ความรัก
วันรุ่งขึ้นเพชรไปมหาวิทยาลัยตามปกติ เรียนเสร็จเพื่อนๆ จะไปเดินดูนิทรรศการภาพถ่ายที่หอศิลป์กันต่อ แต่เพชรขอบาย
"ไปไหนมึง" ไทม์ถาม
"เสือกจัง" เพชรตอบ
"เป็นห่วงมั้ย"
"ขนลุก" เพชรทำท่าแขยง แล้วหันหลังแยกออกไป
"พิลึกเข้าทุกวัน" ไทม์หันไปพูดกับดนัย อีกฝ่ายหัวเราะเล็กน้อย พอจะเข้าใจอารมณ์เพชรอยู่ คงอยู่ในช่วงสับสน เพราะมันไม่เบิกบานเลย หลังจากพี่ศิหายออกไปจากชีิวิต
"เป็นกะเทยแล้วไงว่า น่ารักจะตาย" ไทม์ว่า พลางหันไปมอง 'แก๊งแองเจิ้ล' ของคณะ ที่นั่งตบแป้งกันอยู่ใต้ตึก
"ไฮหนุ่มๆ พี่เพชรผัวเจนนี่หายไปไหนเนี่ย" เสียงแจ๋นแหล๋นดังมาจากหนึ่งในนั้น
"มีแต่ผัวพี่ไทม์ค่ะ ตอนนี้" ไทม์คันปากตะโกนสวนกลับไป แม่สาวน้อยหน้าจิ้มลิ้ม แลบลิ้นใส่ทันที แล้วก็สะบัดหน้าจนหางม้าปลิวไปแต่งหน้าต่อ
"เนี่ย หยอกกันสนุกจะตาย" ไทม์ว่า ดนัยก็พยักหน้าเห็นด้วย เจนนี่คือเพื่อนร่วมรุ่นที่เรียนอยู่ภาค PR ถึงแม้วาจาจะแทะโลม แต่นิสัยจริงๆ คือน่ารัก สนุกสนาน ไม่ได้น่าเกลียดอะไร
พอพ้นจากตรงนั้นมาได้ กลุ่มนักศึกษาก็เดินต่อไปยังหอศิลป์ที่ตั้งอยู่ไม่ไกล
ส่วนนายพชร...เดินดุ่มๆ ไปยังร้านกาแฟร้านประจำข้างมหาวิทยาลัยที่ศศิชอบมานั่งทำงาน เขาเคยเดินไปด้วยหัวใจเต้นรัว ด้วยความตื่นเต้นที่จะได้เจอพี่คนสวย แต่มาวันนี้เขากลับมีความกังวล
ถ้าพี่ศิ...มีความสุขดีแล้วเขาคงต้องปล่อยมือ
พี่คนสวยยังนั่งโต๊ะเดิม แต่งตัวสวยเหมือนเดิม ท่วงท่าที่มองคอมพิวเตอร์ พิมพ์อะไรต๊อกแต๊ก หยิบกาแฟขึ้นมาจิบคือน่ามองไม่เปลี่ยน แล้วก็มีคนเดินเข้ามาหา ผู้ชายคนนั้น 'คุณอัศวิน' ดูดีและเหมาะสม ขนาดโต๊ะข้างๆ ยังพูดให้ได้ยินเลยว่า
ผู้หญิงสวยแบบนี้ ควรมีผู้ชายฟีลแดดดี้ขามาดูแลถูกต้องแล้ว
'โต๊ะไหนวะ นึกอยากบวกขึ้นมากระทันหัน'
รูปตาของเพชรเปลี่ยนไปทันที จากมองด้วยความอ่อนโยน ก็เปลี่ยนเป็นหงุดหงิดใจ แต่ยังจำเป็นต้องมอง เพื่อวิเคราะห์ว่าพี่เขามีความสุขดีแล้วหรือไม่
คุณคนนั้นเขาช่วยพี่ศิเก็บของ หยิบจับถือกระเป๋าให้เหมือน 'เพชร' ในวันวานไม่มีผิด
พี่ศิยิ้มหวาน แล้วก็เดินเคียงกันออกไป เพชรลุกตามทันที แต่หางตาเหลือบไปเห็นว่าลิปสติกแท่งหนึ่งตกอยู่ที่โซฟา เขาเก็บ นึกดีใจที่พี่ยังพกมันไว้
วิ่งสับตีนแตกเพื่อเอาไปคืน
"พี่ศิครับ! "
คนสวยหันมา แล้วก็ขมวดคิ้ว สายตาเย็นชาจนเพชรสะท้านในฝจ
"เอ่อ...ลิปสติก พี่ทำตกไว้ที่ร้านกาแฟครับ"
"ไม่ได้ใช้แล้ว ทิ้งไปเถอะค่ะ"
"แต่พี่ชอบสีนี้ผมจำได้"
"ของบางอย่างเคยชอบ เคยรัก...แต่ไม่ได้หมายความว่าเลิกชอบไม่ได้ค่ะ"
คนสวยตรงหน้าฉีกยิ้มกว้างราวนางพญา แล้วก็หันไปยิ้มหวานน่ารักให้คนข้างกาย
"ศิอยากได้ลิปใหม่จัง สีเก่ามันไม่สวยแล้ว"
"ครับ กี่แท่งว่ามาเลย"
"คุณอัศใจดีที่สุด
พูดจบก็สอดมือเข้าไปควงแขนคุณอัศวินก้าวฉับๆ ออกไปเลย
เพชรมองเครื่องสำอางค์ชิ้นจ้อยในมือ ไม่ใช้ชิ้นโปรดอีกแล้วสินะ
สายน้ำไม่ไหลกลับฉันใด ความรักที่หลุดลอย...คงไม่หวลกลับมาอีกฉันนั้น
เพชรยืนอึ้งเป็นคนใบ้อยู่กับที่ จนรถยนต์คันหนึ่งขับวนลงมาจากลานจอด ต้องบีบแตรไล่
'ไทม์...แดกเหล้ากันเถอะคืนนี้'
'อารมณ์ไหนของมึงวะพ่อ'
'อยากแสดงความยินดี'
'เรื่อง'
'รักที่สดใส'
'มึงมีแฟนใหม่แล้วอ่อ'
'ไม่'
'ไม่มี'
'ไม่เสือก'
'ด่าได้ แปลว่ายังเก่งอยู่ กินที่ไหนอะ'
'มีบาร์เงียบ ๆ มั้ย ขี้เกียจเต้น ขี้เกียจชนแก้ว'
'รู้สึกหมั่นไส้ประมาณนึง แต่มีร้านแบบ Hidden เอาไว้ให้พวกประธานบริษัทพาอิหนูหลบเมียไปนั่งดริ้งค์'
'แล้วมึงก็อุตส่าห์ไปรู้จักเนาะ'
'เพื่อนกูเป็นบาร์เทนเดอร์อยู่ที่นั่นโว้ย แล้วร้านมันก็เปิดให้คนปกติไปกินนี่แหละ แค่หายากแล้วมิดชิด'
'เออ ไปแท็กซี่นะงั้น น่าจะเมา เดี๋ยวเดินไปหามึงที่หอ แล้วไปพร้อมกัน'
'จะออกจากคอนโดแล้วบอก กูจะได้อาบน้ำ'
'ดีล'
สี่ทุ่ม สองหนุ่มก็มาหยุดยืนหน้าประตูไม้บานใหญ่ที่คิดว่าอาจจะต้องใช้แรงผู้ชายสองคนถึงจะผลักได้ หน้าร้านมีเพียงป้ายตั้งพื้นเล็ก ๆ กับรูตาแมวเป็นสัญลักษณ์ว่าถึงรังกระต่ายแล้ว
"ชัวร์นะมึง" เพชรหันไปถามไทม์
"เออ เพื่อนส่งรูปมาให้ดูแล้ว พิกัดถูกต้องตามสำเนา"
ไทม์ไม่รอให้เพชรถามต่อ ผลักเข้าไปก็ได้ยินเสียงดนตรี Waltz เบา ๆ ลอดออกมา มันช่างให้ความรู้สึกถึงความรักอันแสนสดใของคนหนุ่มสาว ขัดกับอารมณ์อกกลัดหนองของเพชรในตอนนี้นัก
เคาน์เตอร์บาร์ขนาดใหญ่กินพื้นที่เกือบทั้งร้าน ด้านหลังเต็มไปด้วยขวดเหล้าจากทั่วทุกมุมโลก มีนักดื่มต่างชาตินั่งอยู่ก่อนหนึ่งคน เพชรกับไทม์นั่งถัดมาจากเขา บาร์เทนเดอร์เพื่อนไทม์เดินมาทักทันที
"ชอบดื่มแบบไหนดีครับ"
ที่นี่ไม่มีเมนูแค่บอกรสชาติที่ชอบ หรือคาแรคเตอร์ของค็อกเทลเช่น รสเปรี้ยว ผลไม้ สดชื่น แล้วบาร์เทนเดอร์ก็จะออกแบบมาให้คุณเอง
"สั่งไม่เป็น สั่งให้หน่อย" เพชรหันไปบอกไทม์
"ค็อกเทลคนอกหักที่นึงครับ" และนี่คือความกวนตีน
"งั้นเอาเบา ๆ อ่อน ๆ กินได้นาน ๆ แล้วกันนะครับ เพราะตอนนี้ใจน่าจะขมจนรับความเข้มของเหล้าไม่ไหวแล้ว" พอกัน...กับบาร์เทนเดอร์ที่หัวเราะคิกคัก แล้วเดินไปเลือกส่วนผสมลงกระบอกเชค
เพชรหันมาแยกเขี้ยวใส่ไทม์ ใครบอกมันว่าเขาอกหักวะ แค่เผลอเปิดไลน์มาดูบ่อย ๆ เท่านั้นเอง
ไม่นานเครื่องดื่มก็ยกมาเสิร์ฟ มันสีชมพูสวยจนไม่อยากเชื่อว่าจะมีส่วนผสมของแอลกอฮอล์
"ตัวนี้เป็นเหล้ารัม ผสมกับน้ำแตงโมแล้วก็ผิวเลม่อนครับ สดชื่น เบิกบาน ไม่จมปรักกับความทุกข์แน่นอน"
ไทม์ยักคิ้วให้เพื่อนทันที เพชรพยักหน้าขอบคุณ ยกขึ้นดมแล้วจิบ ก็ได้รสชาติหวานเย็น ๆ กับกลิ่นสดชื่นขึ้นจมูก เลยเผลอยิ้มออกมาไม่รู้ตัว นึกอยากพาศศิมาลองชิม
เดี๋ยวเพชร...แกบอกเลิกพี่เขาไปแล้ว ไม่สิพี่เขามีคนใหม่ไปแล้วต่างหาก
บอกเลิกเขา แล้วทำไมเราเหมือนคนอกหักวะ
"กูเจ็บหวะไทม์"
"โดนกูเหยียบตีนหรอ"
"เออ!! " เพชรกระแทกเสียง แล้วหันไปอีกทาง
บาร์เทนเดอร์คนดีคนเดิม หยิบเจงก้าร์ไม้มาวางตรงหน้าคนทั้งสองเพื่อให้เล่นแก้เบื่อ คืนนี้ลูกค้าน้อยเลยมาร่วมผสมโรงด้วย
เพชรไม่ค่อยมีสมาธิ เล่นทีไรก็พาลทำไม้ที่เรียงต่อกันสูงถล่มลงมาทุกที
แต่พอห้าทุ่มก็มีกลุ่มลูกค้าที่ดูโตหน่อยเดินเข้ามาอีกสามคน บาร์เทนเดอร์เพื่อนไทม์เลยขอตัวไปดูแล
เพชรขมวดคิ้วทันที...'คุณอัศ' เสียงหวานของพี่ศิแว่วมาในหูไวเชียว นึกอยากชวนไทม์กลับเพราะไม่อยากเห็นอะไรขวางหูขวางตาแต่ทว่า เพื่อนพึ่งได้เครื่องดื่มแก้วใหม่ เลยจำใจต้องนั่งต่อ
"ตามอารมณ์มึงไม่ค่อยทันแล้วไอ้น้องเพชร"
"กิ๊กใหม่พี่ศิเขา" เพชรพยักเพยิดไปทางนั้น
"คนไหนวะ"
"ดูดีสุด แต่ไม่เท่ากูอะ"
ไทม์มองตาม "ดูภูมิฐาน น่าเชื่อถือ พึ่งพาได้ เทียบเพื่อนกูไม่ได้สักนิด ต้องยินดีกับพี่ศิด้วยที่จะได้คนดี ๆ ไปดูแล"
"เชี่ยไทม์ ต่อยมั้ย"
ทั้งคู่ตั้งท่าจะวางมวย แต่ผู้ใหญ่ใส่เชิ้ตทำงานกลุ่มนั้นกลับเริ่มต้นบทสนทนาเสียก่อน
"มึงไม่ชวนเด็กใหม่มึงมานั่งด้วยวะอัศ ได้ข่าวว่าสวยมากไม่ใช่หรอ"
"เออ แต่เป็นกะเทย"
"ชอบเลยดิ"
"ใช่ ไม่ต้องกลัวท้อง หึหึ"
"อย่าลืมแบ่งคลิปมาดู"
แม้พวกเขาจะคุยกันเสียงเบามาก แต่เพราะอยากเสือกเป็นทุนเดิม เพชรเลยหูดีมากเช่นกัน
"อยากเอาแม่งใจจะขาดแล้ว แต่แบบยังเล่นตัว วันนี้ก็อ้อนให้กูซื้อลิปสติกให้ ใจกูนี่อยากจะเอาลิปแท่งใหญ่ สีขาวๆ ทาให้ใจจะขาด"
เสียงหัวเราะดังลั่นขึ้นมาระลอกหนึ่ง
"ถ้าเมียมึงรู้ต้องอกแตกตายไปเอากะเทย"
"ก็ต้องไม่ให้เมียรู้ไหม กูหนะสามีดีเด่น"
"สงสารน้องเค้า"
เสียงของคนกลุ่มนั้นเบาลงเมื่อเครื่องดื่มมาเสิร์ฟ เพชรรู้สึกร้อนไปทั้งหัว อยากลุกขึ้นไปกระทืบให้มันจบ ๆ ทำให้ถึงมีความคิดน่าขยะแขยงได้ขนาดนั้น แล้วทำไมต้องเป็นพี่ศิที่แสนดีด้วยที่ต้องมาตกเป็นเหยื่อยของคนน่ารังเกียจ
เพชรกวักมือเรียกเพื่อนของไทม์มาใกล้ ๆ เพื่อถามว่ารู้จักคนกลุ่มนี้มั้ย ตอนแรกอีกฝ่ายจะไม่บอกเพราะเป็นความลับของลูกค้า แต่เพชรบอกว่าคนที่พวกนั้นจะถ่ายคลิปลามกคนที่เขารู้จัก ไทม์เองก็สนิทกับศิจึงหัวร้อนไม่ต่าง
บาร์เทนเดอร์ยอมบอกข้อมูลเท่าที่ตัวเองรู้ เพราะมาบ่อยแล้วได้ยินพูดคุยกันอยู่บ้าง เป็นถึงผู้บริหารใหญ่โต แต่พฤติกรรมเสื่อมทรามเกินจะรับไหว เพชรคิดว่าเขาต้องรีบไปเตือนให้พี่ศิรู้ตัว
ถึงจะไม่ได้เป็นอะไรกันแล้ว แต่...เป็นห่วง น่าจะยังได้อยู่นะ
รุ่งเช้าลงทุนโดดวิชาอาจารย์ป้าเพื่อไปดักรอพี่เขาที่คอนโด ศศิลงมาเตรียมเดินไปรถไฟฟ้าเห็นเข้าก็ตกใจ ทำท่าจะหลบแต่เพชรเคลื่อนตัวมาขวางไว้
"พี่ศิ เลิกยุ่งกับไอ้เหี้ยอัศวินนั่นเหอะ"
คนพี่ได้ยินชื่อแล้วก็คิ้วขมวด ทำไมจู่ ๆ ถึงก้าวร้าวได้ขนาดนี้
"มันมายุ่งกับพี่เพราะ...เอ่อ เพราะจะถ่ายคลิปโป๊นะ"
ศศิตกใจแต่ก็เชิดหน้าขึ้น หันขวับมามองคนที่ตัวเองเคยมอบหัวใจให้
"ทำไมฉันต้องเชื่อคุณด้วย"
คราวนี้เพชรช็อค ทั้งสายตา ทั้งสรรพนามที่เปลี่ยนไป และเหตุผลที่พี่พูดทำให้เพชรอ้าปากค้าง
"เอ่อ...เราเคยเป็นแฟนกันไงพี่ศิ เพชรยังเป็นห่วง เลยมาเตือน"
ศศิเดินผ่านเพชรไปโดยไม่ฟัง
"พี่ศิ ฟังเพชรก่อน"
เพชรพึ่งเห็นว่าพี่เดินไปทางรถ Benz คันเดิม เขาจำทะเบียนได้ ก็รีบวิ่งเข้าไปรั้งข้อมือไว้
"คุณอัศของพี่เขาแต่งงานแล้ว อยากไปเป็นเมียน้อยเขาหรือไง!! "
ศศิปรี๊ดแตก "จะเป็นอะไรก็ช่าง ไม่ต้องมายุ่ง! " พูดจบก็สลัดเพชรออกแล้วขึ้นรถปิดประตูใส่ บอกให้เจ้าของยานพาหนะรีบขับออกไป
"โธ่เว้ย!! " เพชรสบถอย่างหัวเสีย ทำไมไม่ฟังอะไรเลยวะ โทรไปก็ได้ยินแต่เสียง 'หมายเลขที่ท่านเรียกยังไม่เปิดให้บริการในขณะนี้'