YR Mine นายผู้ปกครอง - รักลุ้นๆ ของคนพี่ Ep.041 : บทสรุป : สัญญา - เวลา - ความรัก
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: YR Mine นายผู้ปกครอง - รักลุ้นๆ ของคนพี่ Ep.041 : บทสรุป : สัญญา - เวลา - ความรัก  (อ่าน 23395 ครั้ง)

ออฟไลน์ After5p.m.

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 83
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +18/-1
039
..พายุ
.
.
..เป็นคืนที่ผมนอนหลับสนิท และฝันดี เพราะฝันว่าตัวเองกําลังนอนอยู่ข้างๆ ปรินซ์ และคนตัวสูงยังคงนอนหลับใหลไม่ได้สติ ..ผมเอื้อมมือไปบีบจมูกโด่งๆ ของคนข้างๆ ..ก็ในนี้เป็นเพียงมิตินิทรา ปรินซ์คงไม่ว่าอะไรถ้าจะโดนผมแกล้งบ้าง
..ได้ผล ปรินซ์คิ้วขมวด ทั้งยังยกมือขึ้นมาคว้าเอามือของผมไว้แน่น ใครจะไปยอม ผมพยายามดึงมือของตัวเองให้หลุดออกจากการควบคุม แต่ก็ไม่เป็นผล ซํ้ามือของปรินซ์ยังยิ่งกุมกระชับแน่น!
“แกล้งพี่แต่เช้าเลยนะ..”
“..แต่มันเป็นเช้าในความฝันของธาม ขอแกล้งหน่อยไม่ได้รึไง”
ปรินซ์เลื่อนมือที่มีมือของผมอยู่ไปสัมผัสยังอกเปลือยเปล่าของตัวเอง!
“!!!!!”
“..ธามฝันแบบนี้อยู่รึเปล่า”
หน้าของผมร้อนผ่าว รีบชักมือของตัวเองกลับ แต่ก็สู้แรงของปรินซ์ไม่ได้ ปรินซ์ได้ทียิ่งโอบร่างผมแน่น.. ใจผมเต้นรัว
“หรือว่า.. เอาพี่มานอนข้างๆ ในฝันตลอด?”
“หลงตัวเองไปป่ะ” ผมที่เพิ่งยอมรับว่านี่ไม่ใช่ความฝันรีบฝังหน้าของตัวเองลงกับอกขาวของปรินซ์ ..ไม่รู้ว่าเป็นทางเลือกที่ดีไหม แต่ก็ดีกว่าสู้ตาปรินซ์ที่มองจ้องอยู่
“เขินเหรอ..”
“เออ เขิน”
“ทําไงถึงจะหาย?”
“ไม่รู้..”
“งั้นพี่บอกให้..” ผมเอียงหูเพราะอยากรู้ ขณะที่ปรินซ์เองก็เอียงหน้าลงมากระซิบ..
…..........
“เชี่ยปรินซ์!”
“พี่จะบอกว่า.. พี่รู้แค่ว่าจะทําไงให้ธามเขินกว่าเดิม” ตอนนี้หน้าของผมคงแดงแรงยิ่งกว่าเฉดสีบนจอ LED!!
…..........
“ธาม!” เสียงของม๊า
ผมกับปรินซ์มองหน้ากันปรินซ์พยักหน้าให้ผม แม้สีหน้าจะตกใจไม่แพ้กัน..
“ครับม๊า” ผมพยายามปรับสีหน้า ก่อนเดินไปเปิดประตู..

..เชี่ย ประตูไม่ได้ล็อก!!

ผมเปิดประตู..
“คนรถที่บ้านปรินซ์มารับแล้วนะ บอกปรินซ์ให้รีบลงไปได้แล้ว” ม๊าพูดเสียงเย็น
“คนรถ?”
“..ม๊าโทรไปบอกพ่อปรินซ์เองว่าให้ส่งคนมารับ นอนบ้านตัวเอง.. ยังไงก็ดีกว่านอนบ้านคนอื่น..”
“แต่ปรินซ์ยังเจ็บอยู่เลยนะม๊า”
“..ก็ยิ่งต้องอยู่บ้านตัวเอง รีบแต่งตัวแล้วลงไป อย่าให้รอนาน..”

…............

ผมปิดประตู.. หันหน้ามองคนตัวสูงที่ยิ้มบางให้ผม “ไม่เป็นไร.. เราจะต้องผ่านไปได้ เชื่อพี่..”

ผมกับปรินซ์พากันเดินลงมาจากบันได.. เดินผ่านป้าป้าที่ยังคงยิ้มแย้มให้ปรินซ์เป็นปกติ และถามไถ่อาการปรินซ์ด้วยความเป็นห่วง ขณะที่ม๊านั่งนิ่งอยู่ที่ชุดเก้าอี้หน้าทีวี..

‘ต่อไปข่าวใหญ่วงการกีฬาครับ’
‘...’
‘เป็นข่าวไม่ค่อยดีของวงการนักกีฬาระดับมหาวิทยาลัยครับ สองวันที่ผ่านมามีโพสต์ในสื่อสังคมออนไลน์ระบุว่านักกีฬาฟุตบอลดาวรุ่งของมหาวิทยาลัยชื่อดังแห่งหนึ่ง มีชื่ออักษรย่อว่า ป.อ. ซึ่งเป็นหนึ่งในตัวแทนนักกีฬาไปแข่งกีฬามหาวิทยาลัยโลกด้วย ตามข่าวบอกว่านาย ป.อ. เคยข่มขืนเพื่อนสาวต่างคณะ ซึ่งจากหลากหลายแหล่งข่าวก็คาดเดากันว่า นาย ป.อ. อาจจะเป็น ปรินซ์ อชิระ กองหลังดาวรุ่งครับ แต่ตอนนี้ก็ยังไม่มีความเคลื่อนไหวจากทั้งทางมหาวิทยาลัย และทางนายอชิระนะครับ ว่าข้อเท็จจริงเป็นเช่นไร..’
‘ถ้าเป็นเรื่องจริงก็น่าเป็นห่วงนะคะว่าเส้นทางการเป็นนักกีฬาอาจจะต้องจบลง’
‘ครับ แล้วก็อาจมีผลทั้งเรื่องการเรียน และในส่วนของคดีความด้วยนะครับ..’

..ผมมองหน้าปรินซ์ที่เดินตามหลัง ปรินซ์ยังคงยิ้ม.. ต่างจากผมที่ใกล้ร้องไห้เต็มที..
“ผมกลับก่อนนะครับมาม๊า..”
“...”
..ปรินซ์กับผมเดินผ่านหลังของม๊าไปเงียบๆ ..ม๊าไม่แม้แต่จะหันหลังมามองตั้งแต่เกิดมาผมไม่เคยเห็นม๊าเป็นแบบนี้ ม๊าทําเหมือนกับว่าปรินซ์และผมเป็นเพียงอากาศธาตุ

ปรินซ์ยิ้มให้ผมหลังจากหยุดยืนที่ข้างประตูรถยนต์ขนาดเจ็ดที่นั่ง.. ขณะที่ผม..
“เข้าบ้านได้แล้ว..” ม๊าเดินมาประชิดที่ข้างกายผม ก่อนจูงมือผมกลับเข้าบ้าน และปิดประตูบ้านทันทีทั้งที่ปรินซ์ยังคงยืนมองผมอยู่..
.
.
..ปรินซ์
“ไงลูกชาย..” พ่อ..ที่ไม่ค่อยได้เจอหน้ากล่าวทักทายลูกชายคนเดียวอย่างผมเมื่อเราทั้งคู่นั่งข้างกันบนรถ
“...”
“ไปทําอีท่าไหนให้ถูกจับได้.. หรือว่าเมื่อคืน..”
“ผมไม่เคยละเมิดสัญญา..”
“...”
“ป๊าก็อย่าลืมเงื่อนไขในส่วนของป๊า..”
“ใช้ได้นิหว่า รู้จักเอาสัญญามาต่อรอง..”
“..ก็ผมลงทุนไปด้วยชีวิตของผม และผมก็รู้ว่าสัญญานั่นจะต้องคืนกําไรให้ผมในท้ายที่สุดตามที่ป๊าสัญญาไว้”
“..สมกับที่เป็นลูกอั๊ว มองขาดแต่เด็ก”
“...”
“..แล้วลื้อจะเอาไงต่อ?”
“ก็ทำตามเงื่อนไขข้อสุดท้าย.. ป๊าเองก็อย่าทำให้ผมผิดหวัง เพราะป๊าบอกผมเอง ..ว่ามันจะคุ้มค่ากับที่ผมลงทุนไป”
“...”
.
.
..ธาม
“ม๊า..”
“...”
“ม๊าโกรธอะไรปรินซ์.. ถ้าเรื่องข่าวเมื่อกี้ ธามอธิบายให้ม๊าฟังได้นะ มันเป็นเรื่..”
“ธาม.. เรื่องข่าวก็เรื่องหนึ่ง แต่อีกเรื่อง.. ธามรู้ใช่ไหมว่าเรื่องอะไร..”
“...”
“ม๊าเห็น..”
“ม๊า.. คือธามกับปรินซ์..”
“ม๊าบอกธามไว้ตรงนี้เลยนะ ม๊ารับไม่ได้ และก็จะไม่มีวันรับได้.. ธามเป็นลูกชายคนเดียวของตระกูล วันนึงธามก็ต้องแต่งงาน มีลูก เพราะฉะนั้น ต่อไปนี้ เลิกยุ่งกับปรินซ์ซะ”
“แต่ม๊า! ธามโตแล้วนะ เรื่องนี้ให้ธามเลือก ให้ธามตัดสินใจเองไม่ได้เหรอ”
“แต่ในสายตาของม๊า.. ธามก็ยังคงเป็นเด็ก เด็กที่ยังไม่รู้จักโลก! ธามจะอยู่ได้ยังไงถ้าไม่มีครอบครัวที่ดี ที่ถูกต้อง คนอื่นเขาจะมองธามยังไง ไม่อายเขาเหรอ!”
“ม๊า.. ปรินซ์ก็เป็นคนดี ม๊าเลี้ยงปรินซ์มา แล้วม๊าก็รักปรินซ์.. รักมากกว่าธามอีก.. แล้วทำไมเป็นปรินซ์ไม่ได้..”
“ยังไงก็เป็นไปไม่ได้!! ธามต้องเชื่อฟังม๊า! เพราะม๊าคือคนที่รักและหวังดีกับธามที่สุด! กลับขึ้นไปได้แล้ว..” ผมมองหน้าม๊า.. ม๊าเป็นเคยแม่ที่ใจดีที่สุด.. ม๊าเป็นแม่ที่ผมรักมากที่สุด.. แต่ตอนนี้ม๊ากลายแม่ใจร้ายในสายตาของผม ผมเข้าใจม๊า.. อยากยอมรับว่าที่ม๊าพูดมามันไม่ผิด ..แต่ใจผมล่ะ ใจของผมจะยังคงเต้นอยู่อย่างมีชีวิตได้ยังไง ในเมื่อผมเพิ่งรู้ตัวว่าผมรักปรินซ์.. เพิ่งยอมรับความจริงที่ตัวเองเป็นได้ ..แล้วความสุข ช่วงเวลาดีๆ ที่เพิ่งได้สัมผัสกลับมาถูกม๊าตอกตะปูปิดตายเรียบร้อยว่ามันจะไม่มีอีกต่อไป ผมควรจะทำยังไง..
“ม๊า.. ให้โอกาสธามกับปรินซ์นะ..” ผมจับแขนของม๊า ภาวนาให้ม๊าใจอ่อนเหมือนทุกครั้งที่ผมอ้อนวอนต้องการขอในสิ่งที่อยากได้
“โอกาสให้ชาวบ้านเขาเอาไปนินทารึไง อยากให้ม๊า ป้าเจ็ง ป้าหมวยต้องเอาปี๊บคลุมหัวเดินรึไง! มันจะไม่มีโอกาสอะไรทั้งนั้น แล้วก็เอามือถือมาให้ม๊า”
“...” ผมไม่ฝืนแรงของม๊า เมื่อม๊ากระชากเอาโทรศัพท์ไปจากมือของผม
“เราจะไม่พูดเรื่องนี้กันอีก.. กลับขึ้นไปบนห้องซะ..”
…..........
.
.
..มหาวิทยาลัย

“หวัดดีพี่ / สวัสดีพี่”
“เออ ไอ้ปรินซ์มันเรียกพวกมึงมาด้วยเหรอ”
“ใช่พี่โบ้ท น่าจะเป็นเรื่องข่าว..”
“ข่าวที่ตอนนี้รู้กันค่อนประเทศ”
“เออ ลามเร็วฉิบหาย”
“หวัดดีพี่”
“เอ๊า ไอ้เชี่ยข้าว มึงมาได้ไงเนี่ย กูว่ากูตามไอ้ทีนะ ไม่ได้ตามมึง”
“ก็ไอ้ทีมันบอกให้มา..”
“ออ เป็นตัวแทนไอ้ที.. แล้วทำไมไอ้ทีไม่มา..”
“ก็.. มันลุกไม่ค่อยไหว ก็เลยให้ผมมา เผื่อจะช่วยอะไรไอ้ปรินซ์ได้บ้าง”
“..ลุกไม่ไหว?ทำไมวะ.. เมื่อคืนจัดหนักเหรอพวกมึง??”
“มันดันนอนดึกเพราะมัวแต่เล่นเกม.. แถมเมื่อเช้าตัวมันก็ร้อนเหมือนจะมีไข้อ่อนๆ ด้วย.. มันก็เลยอยากนอนต่อแล้วขอให้ผมมาแทนนี่ไง..”
“อื้มมมมมมม ..งั้นเดี๋ยวคุยเรื่องไอ้ปรินซ์เสร็จ กูจะตามไปเยี่ยมไอ้ที”
“ไม่ต้อง!”
“?”
“มันอยากพัก พี่ก็อย่าไปกวนดิวะ!”
“เออๆ หวงฉิบหาย ได้กันแล้วก็อย่าทิ้งกันล่ะ”
“ไม่ทิ้งหรอก”
“นั่นไง กูว่าแล้ว ว่าพวกมึงได้กันแล้ว”
“!!!”
“ไม่ใช่ดิ! มึงได้ไอ้ทีแล้วตังหาก”
“พอเลไอ้เชี่ยพี่โบ้ท”
“นี่กูเป็นพี่พวกมันรึเปล่าวะไอ้บอสไอ้บรีส กูโดนทั้งไอ้เป้ไอ้ข้าวจิกเรียกชื่อกูตลอด”
“ก็สมควรไหมล่ะพี่”
“มึงก็อีกตัวนะไอ้บอส”
“ผมว่าเราเบรกเรื่องบันเทิงไว้ก่อนไหมพี่ พี่ปรินซ์พี่เป้เดินหน้าเครียดมานู้นแล้ว”
“...”
“หวัดดีพี่ / หวัดดีพี่”
“เออๆ ไหว้พระ”
“ไอ้เป้มันเล่าให้ฟังล่ะว่าเป็นไอ้เวรที่ร้านเหล้าคืนนั้น..”
“มันเป็นคราวซวยของมึงจริงจริ๊ง ที่ลลินเสือกเห็นตอนมึงกับมันมีเรื่องกัน.. แล้วดันไปแลกเปลี่ยนข้อมูลปมความแค้นที่มีกับมึง”
“...”
“นี่ขนาดตอนนั้นมึงไม่เอาเรื่องที่มันต่อยมึง มันก็ยังจะชงความเลวเข้มๆให้มึงจนได้”
“มันคงอิจฉาพี่ปรินซ์ ดันเทพไปหมดทุกเรื่อง โดยเฉพาะเรื่องบอล”
“แล้วมึงจะจัดการกับมันยังไง.. จัดให้เข้าโรงบาลอีกสักรอบม่ะ.. คราวที่แล้วโดนหมัดเดียวของมึงยังหยอดน้ำข้าวต้ม รอบนี้เอาให้แดกอะไรไม่ได้เลยไหม”
“ไม่ว่ะ ผมจะไม่ทำอะไรมัน..”
“!!!! / !!!!!!! / !!!!!!!!! / !!!!!!! / !!!!!!!”
“กูว่า.. ถ้ามึงจะเป็นคนดี ก็เอาให้ถูกเวลาหน่อยก็ได้นะ เรื่องอย่างนี้มันก็ต้องเอาคืนเปล่าวะ”
“ไอ้ข้าวพูดถูก มึงจะยอมมันง่ายๆ เนี่ยนะ!”
“ผมไม่ได้จะยอม แต่แค่เรื่องที่มันโพสต์ ก็มีส่วนที่จริงอยู่.. แล้วจริงๆ ก็ต้องขอบใจมัน.. ที่ทําให้เรื่องมันง่ายขึ้น”
“เรื่องอะไรวะไอ้ปรินซ์”
“..ก็เรื่องลาออกจากการเป็นนักบอล”
“!!!! / !!!!!!! / !!!!!!!!! / !!!!!!! / !!!!!!!”
“ไอ้เชี่ยปรินซ์! ถ้ามึงไปลาออก ก็เท่ากับมึงยอมรับดิวะว่ามันเป็นเรื่องจริง”
“ใช่พี่”
“คนอื่นจะคิดยังไงผมไม่สน ผมสนแค่คนของผม..”
“โอ้โห กูล่ะซาบซึ้ง ชื่อเสียงที่มึงสั่งสมมามึงจะยอมแลกกับขี้ปากของคนหมาๆเพียงคนเดียว?”
“ใช่ แต่ผมไม่ได้แลกกับไอ้เชี่ยนั่น ..ผมแค่แลกกับธาม”

“เอาไงดีวะพี่..”
“ก็มันตัดสินใจไปแล้วนี่หว่า”
“พวกเราทำอะไรไม่ได้เลยเหรอวะพี่”
“กูก็จนปัญญาว่ะ มันบอกโค้ชก่อนมาเจอพวกเราด้วยซ้ำ กูล่ะนับถือจิตใจของมันจริงๆ ถึงกูจะยังไม่เข้าใจว่าไอ้การออกจากการเป็นนักบอล มันจะเกี่ยวยังไงกับไอ้ธาม..”
“...”
“ไอ้ข้าว.. มึงมีไอเดียอะไรบ้างไหม”
“พี่ช่วยเล่าก่อนได้ป่ะว่าเรื่องที่ร้านเหล้ามันเรื่องอะไร”
“เออว่ะ ตอนนั้นมึงมัวแต่โชว์หล่อบนเวที.. ก็ไอ้ธามมันเมาไปเข้าห้องน้ำ แล้วเสือกไปทักทายคนอื่นแรงไปหน่อยเพราะคิดว่าเป็นเพื่อน ไอ้เวรนั่นก็ไม่พอใจจะต่อยไอ้ธาม แต่ไอ้ปรินซ์มันเข้าไปขวางไว้ทัน ไอ้ปรินซ์ก็พยายามลากไอ้ธามหนีแล้ว แต่ไอ้เวรนั่นเสือกไม่ยอม แล้วดันต่อยไอ้ปรินซ์ก่อน ไอ้ปรินซ์มันก็เลยซัดหมัดเดียวไอ้เวรนั่นหลับ แต่ไอ้ปรินซ์ก็ยังตามรถโรงบาลมารับ ซึ่งมันก็โอเค ไม่ได้ติดใจอะไรกัน จนมันไปเจอลลิน แล้วก็เสือกโพสต์หมาๆนั่นแหละ”
“แสดงว่ามันเจ็บใจเพราะโดนต่อย..”
“เห้ยพี่”
“อะไรไอ้บอส”
“ผมว่าเรามีวิธีเอาคืนมันแล้วพี่”
“?”
.
.
.
..ธาม
..สองวันที่ผ่าน ผมเหมือนถูกจำคุกเพราะความผิดข้อหาอะไรสักอย่างในห้องของตัวเอง มีป้าหมวยคอยเอาข้าวเอาน้ำมาให้ผม ทั้งที่ผมควรจะลงไปช่วยอะไรในบ้านในครัวเหมือนทุกครั้งที่ผมอยู่บ้าน
..ผมถูกตัดขาดจากโลกภายนอกเหมือนตัวเองหลงเข้ามาในดินแดนที่ถูกรีเซ็ทให้ย้อนเวลากลับไปในยุคที่ไร้ซึ่งเครื่องมือสื่อสาร แม้แต่ช่องทางในการรับข่าวสารอย่างวิทยุหรือทีวีก็ยังไม่ถือกำเนิดเกิดขึ้น
..ผมอ่านการ์ตูนที่คุ้นเคยเล่มแล้วเล่มเล่าจนแทบหมดตู้ จริงๆผมไม่ได้อ่าน.. ไม่มีตัวหนังสือ หรือลายเส้นอารมณ์ของตัวละครตัวไหนซึมผ่านเข้ามาในการรับรู้ของผม ..ผมเปิดพวกมันเพียงแค่ฆ่าเวลาให้ผ่านเลยไปอย่างรวดเร็วและรวดเร็ว

..ทำไมถึงไม่มีข่าวจากคนตัวสูง
..ตอนนี้จะยังเจ็บแผลอยู่ไหม
แล้วตอนนี้.. จะยังคิดถึงกันอยู่รึเปล่า

..น้ำตาผมไหลทุกครั้งที่คิดว่าเรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้นเป็นเพียงความฝันที่เมื่อตื่นขึ้นก็เป็นแค่เรื่องราวที่จิตใต้สำนึกร่ายกลให้ผมหลงมีความสุขเพียงแค่ชั่วการหลับ.. แต่ภาพของกล่องยา ผ้าห่มที่ยังคงยับยู่อยู่บนเตียงของปรินซ์.. ก็คอยย้ำเตือนว่าเรื่องทั้งหมดเป็นเรื่องจริง..

……!!!!!!!
เสียงเบาๆของอะไรสักอย่างที่กระทบกับหน้าต่างที่ถูกปิดไว้ดังอยู่ในการรับรู้อันบางเบาของผม.. มันดังเบาๆ ต่อเนื่องอยู่อย่างนั้นจนผมเริ่มสนใจว่ามันคือเสียงอะไร..
..คงเป็นนกน้อยที่คาบเอาเส้นไม้กวาดมาทำรัง
..คงเป็นแมวที่อยากฝนเล็บตัวเองให้พร้อมกับการแย่งชิงอาณาเขต
..คงเป็นสไปเดอร์แมนที่เที่ยวชักใยฝากไว้ตามตึกที่กระโดดผ่านไปทั่ว

..ถ้าเป็นปรินซ์ก็คงดี

“ธาม.. นี่พี่เอง”
“ธาม.. ได้ยินพี่ใช่ไหม..”
..เสียงของปรินซ์
มันเป็นเสียงของปรินซ์จริงๆ ผมไม่ได้กําลังถูกหลอนหลอกโดยความคิดของตัวเอง ผมรีบลุกไปที่หน้าต่างที่ถูกปิดอยู่ ในใจก็แอบคิดว่ามันจะเป็นไปได้เหรอในเมื่อพื้นที่ใต้หน้าต่างมันน้อยมากจนไม่น่าจะยืนเหยียบอยู่ได้..
“ธาม.. ค่อยๆ เปิดหน้าต่าง เปิดบานซ้ายก่อนนะ ไม่งั้นพี่ร่วงแน่”
“ซ้ายธามหรือซ้ายปรินซ์”
“ซ้ายธาม”
“ถ้าเปิดผิด..”
“ไม่ต้องกังวล เปิดเถอะ ถ้าไม่รีบ เดี๋ยวจะมีคนผ่านมาเห็นนะ”
..ผมค่อยๆ เปิดหน้าต่างฝั่งซ้าย แสงจากไฟทางที่ถูกเปิดเพราะเป็นเวลาพลบค่ำฉายใบหน้าของปรินซ์ให้ปรากฏขึ้นที่หลังหน้าต่างฝั่งขวา ใบหน้าที่ผมไม่ได้เจอแค่สองวัน แต่กลับเหมือนผมไม่ได้เห็นใบหน้านี้มาเป็นปี..
“อย่าเพิ่งยิ้ม เก็บไว้ยิ้มให้พี่ตอนพี่เข้าไปได้..”
ปรินซ์จับยึดขอบหน้าต่างไว้แน่น ก่อนค่อยๆ เบี่ยงตัวและปีนเข้ามาภายในได้สำเร็จ ..หน้าต่างถูกปิดลงอย่างแผ่วเบาโดยคนตัวสูงผมเฝ้ามองคนตัวสูงด้วยความปลื้มใจ น้ำตารื้นไหลคลอเคล้าเต็มดวงตาจนเห็นภาพเป็นโมเสคฟุ้ง.. ผมโผกอดหลังของปรินซ์ทันทีที่คิดว่ากระบวนการการแอบย่องเข้าห้องผมเสร็จสิ้น.. ผมต้องการการสัมผัส.. สัมผัสให้แน่ใจว่านี่ไม่ใช่ความฝัน..
“คิดถึงพี่ใช่ไหม..”
“อื้ม.. คิดถึงมาก..”
“งั้นให้พี่ดูหน้าหน่อยได้ไหม”
“ไม่ได้..”
“ทำไม..”
“เพราะร้องไห้อยู่..”
ปรินซ์หัวเราะเบาๆ “ไหนว่าคิดถึง คิดถึงแล้วไม่อยากเห็นหน้าพี่เหรอ..”
“...”
ผมยอมคลายอ้อมกอดที่รัดตัวปรินซ์ไว้หลังจากที่คิดว่าหน้าตัวเองดีขึ้นนิดหน่อยเพราะได้ซับน้ำตาฝากไว้ที่เสื้อของปรินซ์บางส่วนแล้ว..
..ปรินซ์กลับตัวมามองผม “ขี้แยเป็นเด็กๆ”
“..ก็มึงหายไป แล้วม๊าก็..”
“ไม่เจอแค่สองวัน.. ไม่สุภาพกับพี่อีกแล้วนะ”
“ก็กูไม่รู้จะทำยังไง โดนขัง มือถือก็โดนยึด โดนม๊าสั่งว่าไม่ให้เจอมึง แล้วมึงก็หายไป..” สองมือของผมกำอกเสื้อปรินซ์ไว้แน่น น้ำมูกน้ำตาไหลพราก.. ปรินซ์จะเข้าใจไหมว่าผมกลัวมากแค่ไหน..
..คนตัวสูงมองหน้าผม ยิ้มอ่อนโยนระบายอยู่บนใบหน้า ปรินซ์โน้มหน้าเข้ามาใกล้ผม ก่อนประคองลำคอของผมขึ้น และมอบจูบอันอ่อนโยนให้ผม.. ผมหลับตาเพื่อซึมซับความรู้สึกทั้งหมดที่ปรินซ์ส่งให้ผม.. ความอบอุ่นใจ ความปลอดภัย และการรับรู้ถึงการมีอยู่ของกันและกัน..

..ปรินซ์กอดผมหลังจากที่เราถอนริมฝีปากออกจากกัน
“พี่อยู่นี่แล้ว.. ไม่ต้องกลัว ไม่ต้องห่วง เรื่องของเราสองคน พี่จะไม่ยอมแพ้ ธามแค่อดทนอีกหน่อย เชื่อพี่นะ..”
.
.
.

ออฟไลน์ JokerGirl

  • ∀Σ❤∀ΔΣ Forever^^
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2921
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +128/-3
คุณม๊าาาาา :sad4:

ออฟไลน์ After5p.m.

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 83
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +18/-1
040
การเจรจา..
.
.
..ไลน์กรุ๊ปคอล [We are ARMY!!]
ปทุมเนทคาเฟ่ :    “ไอ้บอส..”
พระประแดง 5.0 :    “เรียบร้อยพี่”
ปทุมเนทคาเฟ่ :    “ไอ้บรีส..”
ดาวคะนองฮับ :    “เรียบร้อยครับพี่โบ้ท”
ปทุมเนทคาเฟ่ :    “ไอ้เป้..”
พระปฐมเจดีย์มีเนท : “เรียบร้อย แต่ทําไมผมต้องมาไกลขนาดนี้ด้วยวะ!”
ปทุมเนทคาเฟ่ :    “ก็มึงมีรถไง..”
พระปฐมเจดีย์มีเนท : “!!”
ปทุมเนทคาเฟ่ :    “แล้วทางมึงเป็นไงไอ้ข้าว..”
บ้านน้องนนท์อินเตอร์เนท : “..เรียบร้อย”
ปทุมเนทคาเฟ่ :    “ดีมากทุกคน ออกจากจุดเดิม เปลี่ยนพิกัด อย่าลืมว่าเรากําลังปฏิบัติภารกิจสําคัญให้เดอะปรินซ์!”

“ครับ / ครับ / … / …”
.
.
‘..เป็นข่าวใหญ่ตลอดสองสามวันที่ผ่านมาเลยนะครับ สําหรับกรณีของปรินซ์ อชิระ กองหลังดาวรุ่ง หลังจากที่มีข่าวลือในสื่อสังคมออนไลน์ว่านายอชิระเคยข่มขืนเพื่อนสาวต่างคณะ ซึ่งก็ไม่มีการยืนยันนะครับว่าข่าวนี้จริงเท็จประการใด จนกระทั่งเวลาสายของเมื่อวานนี้มีการยืนยันจากทางมหาวิทยาลัยที่นายอชิระศึกษาอยู่ว่า เจ้าตัวได้แจ้งความประสงค์ที่จะออกจากการเป็นนักบอลของมหาวิทยาลัย คราวนี้เลยเกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์ต่างๆ นานาเลยครับ ว่าการที่นายอชิระตัดสินใจเช่นนี้ หรือจะเป็นเพราะยอมรับในข้อกล่าวหาดังกล่าว จึงรับผิดชอบต่อชื่อเสียงของการเป็นนักบอลของมหาวิทยาลัยด้วยการลาออก แต่หลังจากที่ข่าวนี้ถูกเผยแพร่ออกไปไม่นาน กลับมีคลิปวิดีโอปริศนาคลิปหนึ่งถูกแชร์ส่งต่อๆกันอย่างรวดเร็ว เป็นภาพจากกล้องวงจรปิดของร้านอาหารแห่งหนึ่ง ในวิดีโอนั้นปรากฏเป็นภาพของนายอชิระที่พยายามจะหลบเลี่ยงนักศึกษาคนหนึ่งที่ต้องการจะทำร้ายนายอชิระ และเพื่อนที่มาด้วยกัน โดยนักศึกษาคนดังกล่าวเป็นฝ่ายลงมือต่อยนายอชิระก่อน ก่อนที่จะโดนนายอชิระสวนกลับจนสลบไป โดยทางผู้สื่อข่าวได้ลงสำรวจพื้นที่ของร้านที่น่าจะเป็นร้านที่เกิดเหตุ ก็พบว่าเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นจริง โดยทางเจ้าของร้านยืนยันว่านายอชิระไม่ได้เป็นฝ่ายลงมือก่อนตามภาพที่ปรากฏในคลิป ซ้ำยังเป็นผู้โทรตามรถโรงพยาบาลมารับผู้ก่อเหตุด้วย และเมื่อเราติดตามไปที่โรงพยาบาล ทางโรงพยาบาลเปิดเผยว่านายอชิระเป็นผู้ดูแลค่าใช้จ่ายทั้งหมด ซึ่งเหตุการณ์นี้จะไม่มีความเชื่อมโยงใดๆ กับข่าวฉาวของนายอชิระเลยครับ ถ้าไม่มีการขุดคุ้ยจากนักสืบโซเชียลว่านายคนนี้นี่แหละคือคนที่โพสต์ข่าวฉาวของนายอชิระ คราวนี้แหละครับ เกิดกระแสตีกลับว่า จริงๆแล้วเนี่ยนายคนนี้น่าจะผูกใจเจ็บที่โดนนายอชิระทำร้ายจนสลบ ทำให้เกิดความอับอายเลยกุข่าวเพื่อหวังทำลายชื่อเสียงของนายอชิระ ซ้ำนายคนนี้ยังเป็นนักกีฬาฟุตบอลต่างคณะในรั้วมหาวิทยาลัยเดียวกันอีกด้วย ก็อาจเป็นอีกสาเหตุหนึ่งของความเจ็บแค้นนอกสนาม ซึ่งถ้าเป็นเรื่องจริง ก็จะเข้าข่ายทําผิด พ.ร.บ. คอมพิวเตอร์ ฐานนําเข้าข้อมูลอันเป็นเท็จ รวมถึงข้อหาหมิ่นประมาท หากนายอชิระต้องการฟ้องร้องฐานที่ทําให้เสื่อมเสียชื่อเสียง และต้องรอดูครับว่า หลังจากความจริงปรากฏออกมาเช่นนี้แล้ว ทางมหาวิทยาลัยจะสามารถดึงตัวนายอชิระให้กลับเข้าเป็นนักกีฬาของมหาวิทยาลัยต่อได้รึไม่ และมีผู้ตั้งข้อสงสัยมากมายถึงเหตุผลที่แท้จริงที่ทําให้นายอชิระขอลาออกจากการเป็นนักกีฬาของมหาวิทยาลัย ว่าเพราะจะไปค้าแข้งกับสโมสรในลีกต่างประเทศ หรือเพราะเหตุผลส่วนตัวบางอย่าง แต่ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใด บรรดาแฟนคลับที่ชื่นชอบในฝีเท้าต่างออกมาให้กําลังใจผ่านช่องทางต่างๆ บอกว่าจะรอคอย และขอให้ผ่านช่วงเลวร้ายนี้ไปได้..”
.
.
..ปรินซ์
ผมเดินเข้าไปในบ้านของธามที่ถูกเปิดไว้ ..มาม๊าของธามกำลังนั่งดูทีวีอยู่ตรงนั้น
“สวัสดีครับมาม๊า”
“..มาทำไม”
“ผมอยากมาคุยกับมาม๊า ..เรื่องของผมกับธาม”
“กลับไปซะ..”
“มาม๊าให้โอกาสผม.. ผมสัญญาว่าผมจะดูแลธาม..”
“พอได้แล้ว.. แล้วก็กลับไปได้แล้ว..”
“มาม๊าครับ ผมรักธามจริงๆ แล้วก็รักมาก..” มาม๊าลุกขึ้นจากเก้าอี้และกำลังจะเดินหนีผม..
“อาเหมย..” เสียงของป๊าผม ป๊าเดินผ่านประตูเข้ามาและหยุดยืนตรงหน้าผม “ปรินซ์.. ลื้อไปรอที่รถ”
“...” ผมเดินออกจากบ้านธามตามคำสั่งของป๊า ..ธามจะรู้ไหมว่าเรื่องของเรากำลังจะเป็นประเด็นเคร่งเครียดในการเจรจาระหว่างป๊าของพี่กับมาม๊าของธาม
“อั๊วมีเรื่องจะคุยกับลื้อ”
“เรื่องอะไร..”
“เรื่องของอาธามกับไอ้ปรินซ์”
“นี่เฮียก็รู้เรื่อง!?!?”
“ใช่ และอั๊วก็รู้มาตลอด”
.
..ธาม
เมื่อวาน..หลังจากที่ปรินซ์แอบปีนเข้ามาหาผมได้ไม่นานก็กลับออกไป.. แม้เวลาจะเพียงไม่กี่นาทีที่ได้พบ ..แต่มันกลับทำให้ผมลืมความหวาดหวั่นตลอดสองวันที่ผ่านมาได้หมดสิ้น ถึงไม่รู้ว่าอนาคตจะเป็นยังไง แต่อย่างน้อยผมก็อุ่นใจที่ปรินซ์จะไม่ยอมแพ้ และผมก็เชื่อมั่นในตัวปรินซ์..
สายวันนี้ผมตื่นขึ้นด้วยอารมณ์ที่ไม่ขุ่นมัว ผมแต่งตัวและพร้อมที่จะลงไปเจอหน้าม๊า ..อย่างน้อยถ้าทำให้ม๊าอารมณ์ดีขึ้นได้บ้าง อะไรดีๆก็อาจจะเกิดขึ้นก็ได้ผมลงบันได และเดินออกมาใกล้ส่วนของห้องรับแขก แต่แล้วก็ต้องหยุดยืนอยู่ตรงนั้น ..เพราะม๊าของผมอยู่กับป๊าของปรินซ์ ระยะที่ผมยืนอยู่ไม่อาจรู้ได้เลยว่าทั้งคู่กำลังคุยอะไร ผมจึงทำได้เพียงยืนมองอยู่ห่างๆ และคาดหวัง..
“นี่เฮียก็รู้เรื่อง!?!?”
“ใช่ และอั๊วก็รู้มาตลอด”
“แล้วทำไมเฮียไม่ห้าม!”
“จะให้อั๊วห้ามความรู้สึกของมันได้ยังไง!”
“!!!”
“แต่อั๊วบอกเลย ว่าอั๊วพยายามกันไอ้ปรินซ์ออกจากอาธามแล้ว แต่ไอ้ปรินซ์มันทำให้อั๊วต้องยอมใจมัน จนอั๊วต้องมาคุยกับลื้อ เพื่อขอให้ลื้อ.. อนุญาตให้อาธามคบกับมัน”
“เฮียบ้าไปแล้วเหรอ! นั่นลูกชายคนเดียวของเฮียนะ”
“อั๊วก็ไม่ได้อยากให้มันเป็นอย่างนี้! อาธามก็ลูกชายคนเดียวของลื้อ แล้วอั๊วเองก็รักอาธามเหมือนลูก อั๊วก็ไม่ได้อยากให้ไอ้ปรินซ์ไปทําให้อาธามเป็นไปกับมันด้วย!!”
“...”
“..ลื้ออ่านสัญญานี่ แล้วลื้อจะรู้ว่าทำไมอั๊วถึงยอมมาพูดกับลื้อให้มัน..”
“...”
กระดาษขนาดเอสี่ถูกดึงออกจากซองกระดาษสีกากีวางลงตรงหน้าของม๊า..ม๊าหยิบขึ้นอ่าน
…….…….
“ถ้าลื้อคิดว่าความจริงใจของไอ้ปรินซ์มันยังไม่มากพ..”
“..ปรินซ์ไม่ใช่ลูกเฮียรึไง!”
.
ม๊ามองหน้าป๊าของปรินซ์ ม๊ากําลังตัวสั่นด้วยความโกรธ และเสียงสั่นเหมือนใกล้จะร้องไห้!ม๊าเป็นอะไร!!ผมก้าวเท้าจะเดินออกไปหาม๊า ไม่รู้ว่ามีอะไรในกระดาษนั่น แต่มันกําลังทําม๊าผมทั้งโกรธทั้งเสียใจ
“ให้ผู้ใหญ่เขาคุยกัน..” ป้าหมวยกระซิบบอกผมเบาๆ พร้อมกับดึงแขนของผมไว้ไม่ให้เดินออกไป ..ผมพยักหน้ารับคําพร้อมกับถอนหายใจด้วยความกังวล
.
“..เฮียบอกว่าเฮียจะมาขอให้อั๊วยอมให้ธามคบกับปรินซ์ แต่อั๊วยังไม่เห็นว่ามีข้อไหนในสัญญาที่บอกว่าเฮียสนับสนุนพวกอี!”
“ก็อย่างที่อั๊วบอกลื้อไงอาเหมย ว่าอั๊วพยายามกันไอ้ปรินซ์ออกจากอาธาม.. และสัญญาเนี่ยอั๊วก็ไม่คิดว่าไอ้ปรินซ์จะยอมทำตาม.. ถึงมันจะยังทำสำเร็จไม่ทั้งหมด แต่อั๊วก็ทนดูไม่ได้ถ้าลื้อจะตัดความหวังความตั้งใจของมัน..”
“..เฮียกล้าพูดได้ยังไงว่าเฮียทนดูไม่ได้ ในเมื่อเฮียเองนั่นแหละที่บีบปรินซ์ด้วยสัญญาบ้าๆนี่!เฮียทำได้ยังไง เฮียไม่รู้รึไงว่าความฝันของลูกตัวเองคือเป็นนักบอลทีมชาติ ปรินซ์เป็นลูกเฮียนะ! เฮียไม่สนใจความรู้สึกของปรินซ์มันเลยรึไงถึงได้บังคับกันขนาดนี้”
“อั๊วรู้ว่าไอ้ปรินซ์ชอบเตะบอล แต่มันเป็นลูกคนเดียวของอั๊ว! มันมีหน้าที่ต้องสืบทอดกิจการของครอบครัว ไม่ใช่ไปเป็นนักกีฬาเตะบอลไปวันๆ แล้วถ้ามันจะต่อรองให้อั๊วยอมรับอาธาม มันก็ต้องยอมแลก”
“!!!!!!”
“..อั๊วใช้อาธามเป็นข้อต่อรองให้ไอ้ปรินซ์อยู่ในกรอบเส้นทางที่อั๊วขีดไว้ให้ เพราะอะไรลื้อรู้ไหม เพราะตอนนั้นอั๊วเองก็รู้สึกไม่ต่างจากลื้อในตอนนี้ อั๊วอยากได้ลูกสะใภ้ไม่ใช่ลูกเขย! อั๊วอยากมีลูกมีหลานไว้สืบสกุล ลื้อรู้ไหม.. ตอนแรกอั๊วตั้งใจจะส่งมันไปดัดนิสัยที่ต่างประเทศ แต่มันไม่ยอมท่าเดียว มันบอกว่ามันจะอยู่กับอาธาม ลื้อคิดว่าอั๊วจะยอมรับได้ไหมลูกชายคนเดียวดันรู้สึกอยากอยู่กับผู้ชายด้วยกัน อั๊วถึงต้องบีบมันด้วยสัญญานี่ ภาวนาให้มันทนไม่ได้ เพราะถ้ามันเลือกตัวเอง เลือกฟุตบอล มันก็จะอ้อนวอนอั๊วขอฉีกสัญญา แต่ถ้ามันทำได้.. อั๊วก็จะยอมรับ และที่อั๊วยอมก็เพราะบังเอิญว่าคนที่มันรัก..เป็นอาธาม ลูกชายของลื้อ”
“!!!”
………..
“..อาเหมย อั๊วรู้ว่ามันทำใจยาก.. แต่ทั้งอั๊วทั้งลื้อ.. ไม่มีใครที่จะอยู่ดูแลพวกมันได้ตลอดไป ทำไมไม่ปล่อยให้พวกมันได้อยู่กับคนที่จะรักพวกมันแทนเราได้ล่ะ”
“...”
“ลื้อรักอาธาม อั๊วก็รักไอ้ปรินซ์ อยากให้พวกมันมีความสุข ก็นี่ไง ความสุขที่พวกมันต้องการ..”
“...”
“..เชื่ออาเฮียคนนี้เถอะ เวลาหกปี.. นานพอให้เฮียต้องยอมในความตั้งใจ และเชื่อว่ามันรักอาธามจริงๆ”
“...”
“เชื่อในตัวลูกชายของเฮียนะ..อาเหมย”
“...”
.
..ม๊านั่งนิ่งอยู่สักพักหลังจากป๊าของปรินซ์กลับไป ก่อนจะออกไปข้างนอกและกลับเข้ามาในบ้านอีกครั้ง..
“ธาม”
ม๊าเรียกผมจากบันไดด้านล่าง ผมรีบลงมาหาม๊าทันที..
“ครับม๊า..”
“นั่งลง ม๊ามีเรื่องจะคุยด้วย” ผมนั่งลงที่เก้าอี้ตัวข้างๆม๊าม๊ายื่นซองสีกากีให้ผม ..มันน่าจะเป็นซองเดียวกันกับที่ป๊าของปรินซ์เอาให้ม๊าอ่าน
“ธามอ่านดู..” ผมหยิบกระดาษที่อยู่ภายในซองออกอ่าน

[สัญญา ระหว่าง นายอชิระ เจตน์ติณห์  และ นายดิษย์เจตน์ติณห์
………..
[วันที่ 27 มีนาคม พ.ศ. …….]

..ใบหน้าของผมเปียกชื้น
..ผมมองหน้าม๊าที่นั่งอยู่ข้างๆ ม๊าดึงตัวผมมากอดไว้ ผมร้องไห้..

..หกปีที่ผ่านมา ผมไม่รู้เลยว่าทุกครั้งที่เท้าของปรินซ์สัมผัสลูกกลมๆ ปรินซ์จะรู้สึกเศร้าใจเพียงไหน ในเมื่อรู้อยู่แก่ใจว่าวันหนึ่ง ปรินซ์จะต้องละทิ้งความฝันที่วาดหวังไว้..
..หกปีที่ผ่านมา ผมไม่รู้เลยว่าปรินซ์จะรู้สึกว่าหวั่นใจแค่ไหนกับสัญญาที่ปรินซ์ผูกมัดตัวเองไว้ ทั้งที่ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าความรักที่ปรินซ์เลือกจะตอบรับสมกับที่ต้องเสียตัวตนของตัวเองไป..

“ธาม.. ม๊าเห็นความตั้งใจจริงของปรินซ์..” ผมกอดม๊ากระชับแน่นขึ้น..
“แต่ม๊าก็ยังทําใจยอมรับไม่ได้..” ผมคลายอ้อมกอดและมองหน้าม๊า ม๊ากำลังยิ้มบางให้ผม.. “..จนกว่าจะถึงเวลานั้น ทําตามที่ม๊าขอได้ไหม” ..ม๊าพูดสิ่งที่ม๊าต้องการจากผมและปรินซ์ผมพยักหน้าตอบ.. พยายามกลั้นน้ำตาไม่ให้ไหลออกมา..

“..ไอ้บอส มึงว่าทำไมพี่ปรินซ์ถึงออกจากการเป็นนักบอลมหาลัยวะ”
“กูก็ไม่รู้ แต่ถ้าให้กูเดา.. คงเกี่ยวกับไอ้ธามมั้ง”
“..มันจะคุ้มเหรอวะ ความรักกับอนาคต..”
“อนาคตของคนเรามันก็มีได้หลายทางป่ะวะ แต่ถ้าเป็นทางที่มีคนที่เรารักเดินไปด้วย.. กูว่านั่นแหละ อนาคตที่โคตรเจ๋ง.. แล้วพี่ปรินซ์ของกูก็โคตรเท่ที่ยอมแลกอะไรบางอย่างเพื่อให้ได้ไอ้ธามเพื่อนกู..”
“..มันไม่มากไปเหรอวะ”
“ก็ถ้ามึงรักใครจริงๆ รักมากๆ ..มันก็ไม่มีอะไรมากเกินการที่จะได้รักกับคนที่มึงรักป่ะวะ”
“...”
.
.
.

ตอนหน้าก็จะอําลาจอแล้ว มาเป็นกําลังใจให้พี่ปรินซ์น้องธามด้วยนะฮะ #ปรินซ์ธาม #yrmine #yrmineนายผู้ปกครอง

ออฟไลน์ JokerGirl

  • ∀Σ❤∀ΔΣ Forever^^
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2921
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +128/-3
ขนาดป๊าของพี่ปริ๊นส์ยังยอมใจเลย แล้วม๊าธามล่ะจะยอมรับได้เมื่อไหร่ ต้องให้เวลาม๊าหน่อยเนอะ 

ออฟไลน์ After5p.m.

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 83
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +18/-1
041
บทสรุป : สัญญา - เวลา – ความรัก

[สัญญา ระหว่าง นายอชิระ เจตน์ติณห์  และ นายดิษย์เจตน์ติณห์]

1.นายอชิระจะไม่ทำการสิ่งใดที่จะนําความเสื่อมเสียมาสู่ตัวเอง และครอบครัว
2.เมื่อสําเร็จการศึกษาในระดับปริญญาตรี นายอชิระจะต้องเดินทางไปศึกษาต่อในระดับปริญญาโทที่ต่างประเทศทันที ในระหว่างศึกษาต่อที่ต่างประเทศ นายอชิระจะไม่ได้รับอนุญาติให้เดินทางกลับมาประเทศไทยจนกว่าจะสําเร็จการศึกษา
3.เมื่อสําเร็จการศึกษา นายอชิระจะต้องเข้าปฏิบัติงานที่บริษัทของครอบครัวเท่านั้น
4.นายอชิระจะต้องยุติบทบาทการเป็นนักกีฬาฟุตบอล
หากนายอชิระสามารถทําตามเงื่อนไขที่ระบุในสัญญาได้ครบถ้วน นายดิษย์จะยอมรับนายธัญญ์ตามที่นายอชิระต้องการ และจะเป็นผู้เจรจากับครอบครัวของนายธัญญ์จนสําเร็จตามที่ได้ให้คํามั่นไว้กับนายอชิระ* แต่หากนายอชิระไม่สามารถดําเนินการตามเงื่อนไขในสัญญาได้ แม้เพียงข้อเดียว ข้อตกลงตามสัญญาที่นายดิษย์ได้ให้คํามั่นไว้จะเป็นโมฆะทันที แต่นายอชิระยังคงต้องรับผิดชอบต่อเงื่อนไขของสัญญาตามข้อ 1 - 4 และนายอชิระจะไม่ได้รับเสรีภาพในการเลือกคู่ครองอีกต่อไป
*จะเป็นเมื่อใดนั้น ให้ขึ้นอยู่กับการพิจารณาของนายดิษย์ เจตน์ติณห์

ลงชื่อ
นายอชิระ เจตน์ติณห์
นายดิษย์ เจตน์ติณห์
[วันที่ 27 มีนาคม พ.ศ. …….]
.
.
.
..4 ปีก่อน

“ธามเห็นสัญญา..”
“อืม เห็นแล้ว ม๊าให้อ่าน..”
“...”
“..อีกปีกว่าปรินซ์ก็จะไปแล้วใช่ไหม”
“ใช่ พี่เตรียมทุกอย่างไว้พร้อมหมดแล้ว.. สอบเสร็จเมื่อไหร่.. ก็เดินทาง..”
“...”
“มาม๊าว่ายังไงบ้าง..” ผมมองหน้าคนตัวสูงที่นั่งข้างๆบนม้านั่งสีเขียวในสวนหย่อมแถวบ้าน บรรยากาศรอบตัวที่แสนร่มรื่นและอุณหภูมิที่เย็นสบายไม่ได้ทำให้ผมรู้สึกดีขึ้นเลยสักนิด
“ม๊าบอกว่า..”
“...”
ผมเงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้า หมู่เมฆสีเทาๆพากันลอยบดบังแสงจากดวงอาทิตย์เป็นจังหวะๆตามความเร็วของกระแสลมที่พัดพา ความจริงคือผมกำลังพยายามหลอกใช้แรงโน้มถ่วงของโลกให้ช่วยดึงดูดของเหลวในดวงตาของผมให้ไหลย้อนกลับคืนไปสู่จุดกำเนิดของมัน..
“..ม๊าบอกว่าต่อจากนี้ไป ห้ามพูดถึงปรินซ์ แล้วก็ห้ามปรินซ์มาที่บ้าน ..จนกว่าม๊าจะทําใจได้..” เสียงของผมในตอนนั้นสั่นเครือ
“ธามเข้าใจมาม๊าใช่ไหม..”
“อืม แล้วปรินซ์ล่ะ..”
“เข้าใจดิ แค่นี้ก็ถือว่ามาม๊าใจดีกับพี่มากแล้ว ว่าแต่ธามจะรอพี่ไหวใช่ไหม..”
ผมมองหน้าคนตัวสูงของผม “รอไหว ทั้งม๊า.. ทั้งปรินซ์..”
ปรินซ์ลูบหัวผมแผ่วเบา..

..หลังจากวันนั้น ผมกับปรินซ์ยังคงใช้ชีวิตตามปกติ ไปเรียนหนังสือเมื่อเปิดเทอม เจอหน้ากัน กินข้าวด้วยกัน โทรคุยกัน ห่างกันบ้างเมื่อปรินซ์ต้องไปฝึกงานในที่ที่ปรินซ์เดินทางมาหาผมลำบาก ขณะที่ผมก็ต้องตั้งใจเรียนเพื่อให้ม๊าเห็นว่าการมีปรินซ์ไม่ได้ทำให้ชีวิตผมแย่ลง สถานะของพวกเราตอนนี้ยังคงอยู่ระหว่างรอการอนุมัติจากม๊าเพียงคนเดียว.. ซึ่งทั้งผมและปรินซ์ก็พร้อมที่จะรอ..

..เวลาปีกว่าผ่านไปอย่างรวดเร็ว
..คืนสุดท้ายก่อนการจากกันไกล ปรินซ์ขอมานอนที่หอของผม (ส่วนไอ้บอสก็รู้หน้าที่ดีว่ามันต้องไปนอนที่อื่น) เรานอนกอดกันสนิทแนบแต่กลับหลับไม่ลงตลอดทั้งคืน.. ผมกังวลและใจหาย ปรินซ์ก็คงเป็นเหมือนผม.. เราหาเรื่องคุยกัน ไม่ก็ปล่อยให้ความเงียบคอยแอบฟังเสียงที่พวกเราไม่ได้พูดออกมา..

..สนามบินพลุกพล่านไปด้วยผู้คนแม้ดวงอาทิตย์จะเพิ่งไต่ระดับขึ้นพ้นขอบฟ้ามาเพียงครึ่งดวงเรายืนมองกันและกันด้วยรอยยิ้มที่ระบายอยู่บนใบหน้า และเก็บน้ำตาให้ไหลท่วมอยู่ข้างใน.. ผมอยากจะกอดคนตัวสูงของผมอีกสักครั้ง ..แต่ก็ทําไม่ได้ เพราะพวกเรากำลังอยู่ในสายตาของคนในครอบครัว ทั้งป๊าม๊าของปรินซ์ และม๊ากับป้าป้าของผม.. อย่างน้อยม๊าของผมก็ยอมมา.. หลังจากที่ไม่ยอมเจอหน้าปรินซ์เลยตลอดเวลาปีกว่า..
“ตั้งใจเรียน.. แล้วรีบกลับมานะ” ม๊าพูดกับปรินซ์หลังจากที่กอดปรินซ์
“ครับมาม๊า”
..ทั้งผมทั้งปรินซ์ยิ้มให้กัน
.
.
.
..ผมเรียนจบมาได้ปีกว่า มีงานทำเรียบร้อย ทุกอย่างลงตัว และเป็นไปได้ด้วยดี ผมมีความสุขกับชีวิตตอนนี้ แต่มันจะดีกว่านี้ถ้าปรินซ์กลับมา และม๊ายอมรับพวกเรา..
“ปรินซ์จะกลับมาเมื่อไหร่..” คําถามของม๊าดังขึ้นในเย็นวันหนึ่งซึ่งผมกําลังทอดไข่เจียวหมูสับเพื่อกินคู่กับต้มยํากุ้งนํ้าข้น และปลากระพงทอดนํ้าปลา
“ห่ะ!! ม๊าถามว่าไรนะ”
“..ถ้าไม่ได้ยินก็ไม่ต้องตอบ”
“โธ่ม๊าก็เสียงในกระทะมันดัง ธามได้ยินไม่ชัด ม๊าถามอีกทีนะ”
“ไม่ได้ยินก็ไม่ต้องได้ยิน” แล้วม๊าก็เดินจากไป ทิ้งให้ผมยืนหัวใจพองโตอยู่หน้าเตา อย่างน้อยม๊าก็เริ่มนึกถึงคนตัวสูงของผม..

.
.

..เวลานี้
..หมู่บ้านไม้งาม

..ผมนั่งนึกถึงเหตุการณ์ที่ผ่านมาอยู่ท้ายหมู่บ้าน ที่ที่ผมตกเขา ที่ที่ปรินซ์แบกผม และที่ที่เราเข้าใจกัน.. ผมตอบตกลงทันทีที่ไอ้บรีสไอ้บอสชวนผมให้มาด้วยกันกับรุ่นน้องชมรมเดินดอยในช่วงลาพักร้อนปลายปี ภารกิจของชมรมยังคงไม่เปลี่ยนแปลง แม้สถานที่และคนที่นี่จะผันแปรไปบ้างตามกาลเวลา..

“ครูๆ”
“ว่าไงชัวะ” เด็กชายตัวน้อยที่สูงขึ้นมาอีกหลายเซนแต่ยังคงซน ขี้เล่น และติดผมเหมือนเดิมไม่เปลี่ยนแปลง คงเป็นเพราะผมน่าจะเป็นผู้ชายคนเดียวที่เข้าครัว ชัวะเลยจำผมได้แม่น และยังจำใครอีกคนได้ด้วย..
“ทำไมปี้ชายชัวะไม่มากับครู”
..คำถามที่ชัวะถามผมทันทีที่เจอหน้าทำผมยิ้ม ถ้าปรินซ์รู้ว่าแฟนคลับตัวน้อยยังคงคิดถึง..คงยิ้มแก้มปริ

“มานั่งทำเอ็มวีอะไรตรงนี้วะ” ไอ้บอสถามผมเมื่อมันเดินเข้ามาใกล้
“ก็มานั่งมองวิว มองฟ้า มองภูเขา มองไร่สตรอเบอรี่ มองไร่ชา มอง..”
“พอล่ะ มึงอยากมองอะไรก็มองไป”
“...”
“แล้วนี่พี่ปรินซ์ยังไม่กลับมาอีกเหรอวะ จะสามปีแล้วนะเว้ย เรียนนานไปเปล่าวะ”
“เรียนน่ะ..จบแล้ว แต่ว่าโปรเฟสเซอร์ดันดึงตัวไว้ให้ช่วยทำงานวิจัยต่อ.. ก็เลยยังกลับไม่ได้..”
“ไม่ใช่ว่าติดสาวติดหนุ่มที่นู้นนะเว้ย”
“มึงนี่ปากดีไม่เปลี่ยนเลยนะไอ้บอส” ไอ้บรีสที่เดินตามมาสมทบพูดขึ้น
“เออ กูก็ปากอย่างนี้แหละ แต่มึงไม่ต้องห่วง ไอ้ธามมันชินแล้ว ไม่คิดมาก.. ใช่ไหมมึง”
“...”
“มึงไม่ต้องไปกวนไอ้ธามเลย ไปช่วยน้องมันดูมุมกล้องถ่ายทำคลิปโปรโมตภาคต่อเลย”
“ดูมุมกล้อง? ต้องเป็นไอ้ธามไหมวะกูจบจิตวิทยานะไม่ใช่นิเทศ”
“เออๆ กูลืมไป ก็น้องฟักแฟงถามหาแต่มึง มึงก็ต้องเป็นคนไปสิวะ”
“?”
“เอาหน่า อย่าถามมาก ไปกับกูสักที” ไอ้บรีสลากไอ้บอสให้เดินตามไปอย่างยากลำบากเพราะไอ้บอสดูจะไม่เต็มใจเท่าไหร่.. ส่วนผม.. ขออู้งาน นั่งดื่มด่ำบรรยากาศตรงนี้อีกสักพัก..

ถ้าปรินซ์มาด้วยก็คงดี..
.
.
“เดินกลับมาได้แล้วเหรอคร๊าบบบบคุณธามมม”
“...”
“กูกำลังจะไปตามมึง..”
“ตาม? ตามทำไมวะไอ้บรีส”
“ก็ชัวะอ่ะดิ ตามหามึง บอกว่าอยากอวดพี่ชาย”
“พี่ชายไรวะ พี่ชายไหน”
“เห็นว่าเตะบอลเก่งมาก” ..จะมีใครเก่งเกินคนของผม ชัวะนะชัวะ.. เมื่อวานยังถามหาปรินซ์อยู่เลย ผมรู้สึกหงุดหงิดใจเล็กๆ แต่ก็เดินไปตามทางของหมู่บ้านเพื่อตรงไปยังสนามฟุตบอลของโรงเรียน จะไปดูว่าพี่ชายของชัวะเก่งแค่ไหนกัน

..สายตาของผมสแกนไปทั่วสนาม.. ผู้เล่นสองฝ่ายที่ถูกแบ่งแยกเป็นสองทีมด้วยการถอดและใส่เสื้อ กําลังวิ่งไปมาเพื่อส่งต่อและสกัดกั้นลูกกลมๆ ให้ไปและไม่ให้ไปยังทิศทางของประตูฝั่งตัวเอง.. กองหลังคนหนึ่งของฝ่ายถอดเสื้อพยายามอย่างเต็มที่ในการวิ่งไล่ชิงเอาลูกกลับมาจากฝ่ายตรงข้าม ..เขาทำสำเร็จ และส่งต่อไปยังเพื่อนในทีม ..ปรินซ์ คนร่างสูงยังคงวิ่งได้เร็วเหมือนทุกครั้งที่ลงสนาม.. รวมทั้งการตัดลูกที่แม่นยําและการจ่ายบอลที่แทบไม่เคยพลาด ..แม่ง กลับมาก็ไม่บอก ผมยืนดูและลุ้นอยู่เงียบๆที่ข้างสนาม ผมไม่ได้เห็นปรินซ์เตะบอลนานแค่ไหนแล้ว.. ปรินซ์ยังคงเท่เหมือนทุกครั้ง.. ..ทันทีที่นกหวีดส่งเสียงบอกทุกคนว่าหมดเวลาการแข่งขัน ทีมถอดเสื้อต่างพากันตะโกนกู่ร้องแสดงความดีใจ ขณะที่อีกทีมก็พากันวิ่งไล่เพื่อนๆที่อยู่ในทีมที่ชนะอย่างสนุกสนานด้วยความหมั่นไส้ ส่วนปรินซ์ของผมก็ตกอยู่ในวงล้อมของเหล่าแฟนคลับตัวน้อยตัวโต ถ้าเด็กๆแบกคนร่างยักษ์ของผมได้ ปรินซ์คงได้โดนโยนตัวลอยแน่.. ผมมองภาพคนตัวสูงยิ้มและหัวเราะอย่างมีความสุขได้สักพักก็เดินเลี่ยงไปทางครัวของโรงเรียน.. ได้เวลาเตรียมทำอาหารเย็นแล้ว.. แต่ยังไม่ทันที่ผมจะเดินพ้นจากขอบเขตของสนามบอล..
“ธามจะไปไหนครับ” เสียงหอบเหนื่อยของคนตัวสูงกระซิบที่ข้างหูของผม ผมไม่สนใจและยังคงเดินต่อ..
“ถ้าไม่ตอบ.. พี่จะกอดธามให้เด็กๆดู..” ผมหยุดยืนทันที ผมยิ้ม ก่อนจะหันหลังกลับไปมองคนตัวสูง
“จะกลับมาทำไมไม่บอก..”
“ก็พอพี่จะบอก พี่ก็ติดต่อธามไม่ได้แล้ว”
“แล้วรู้ได้ไงว่าอยู่นี่”
“ไว้พี่ค่อยบอกนะ”
“ไม่อยากบอกก็ไม่ต้องบอก”
“เจอหน้าพี่ปุ๊บก็จะงอนพี่เลยเหรอ” ปรินซ์ยิ้ม“ยังไม่ตอบพี่เลยว่าจะไปไหน”
“..จะไปทำข้าวเย็น”
“แต่พี่อยากอาบน้ำ..”
“ก็ไปอาบดิ” ..อารมณ์ไหนวะเนี่ย อ้อนเป็นเด็กๆ
“งั้นก็ไปกับพี่นะครับ”
“ห้องน้ำอยู่แค่นี้เอง ยังไม่มืดด้วย ไปเองไม่ได้เหรอ”
“ธามใจร้ายกับพี่..” ปรินซ์ทำหน้าสลด.. แต่ผมกลับยิ้ม
“เออๆ ไปด้วยก็ได้” ผมเดินตามปรินซ์.. แอบมองแผ่นหลังเปลือยเปล่าของคนตัวสูงที่มีเสื้อยืดสีขาวพาดอยู่บนบ่า.. “ปรินซ์.. ห้องน้ำต้องไปทางนู้นนะ”
“พี่ไม่ได้บอกสักหน่อยว่าจะอาบน้ำที่นี่”
“แล้วจะไปอาบที่ไหน?”
“ครูๆ” ผมหันหลังไปมอง เด็กชายชัวะของผมถอดเสื้ออยู่เหมือนกัน เมื่อกี้คงอยู่ทีมเดียวกันกับปรินซ์ แต่ผมไม่ทันสังเกตเห็น คงเพราะผมมัวแต่มองคนตัวสูง
“ครูจะปิ๊กแล้วก่อ”
“คือครู..”
“ใช่ พี่ขอพาตัวครูของชัวะกลับก่อนนะ ตามที่ตกลงไว้..”
“อื้ม ไว้ปี้ปิ๊กมาเล่นบอลกันอีกเน้อ” ชัวะยิ้มตาหยีใส่ปรินซ์ก่อนวิ่งจากไปพร้อมกับโบกมือลา
“ตกลงอะไรกัน?”
“ก็ตกลงกันไว้ว่า.. ถ้าพี่ทำให้ทีมชัวะชนะได้ ชัวะจะยอมปล่อยครูของชัวะให้กลับไปกับพี่”
“กลับ.. กลับไปไหน? กลับกรุงเทพฯ?”
“เดี๋ยวก็รู้..”
ไอ้บอสกับไอ้บรีสวิ่งหอบมาหาผมกับปรินซ์ “อ่ะพี่ เรียบร้อย” ไอ้บอสยื่นกระเป๋าเดินทางของผมให้ปรินซ์ ส่วนไอ้บรีสยื่นกระเป๋าสะพายใบย่อมของผมให้ผม
“อะไรของพวกมึงวะ?”
“เอ๊า ก็ของของมึงไง พวกกูเก็บเสร็จพร้อมให้พวกมึง เอ๊ยโทษทีพี่ พวกกูเก็บเสร็จพร้อมให้พวกคุณทั้งคู่ได้ออกเดินทาง..”
“เดินทาง.. เดินทางไปไหนวะ?” ผมมองหน้าคนตัวสูง
“ไปฮันนีมูนไงครับ”
“!!!!!!!!!!”

..ภาพตลอดสองข้างทางบนทิวเขาสูงดูไม่แตกต่างกันมากนัก ..เขียวชะอุ่มปกคลุมด้วยต้นไม้เหมือนๆกันหมด หรือเพราะผมไม่ได้ใส่ใจมอง..
“ธามมองพี่จนพี่ขนลุกแล้วนะ”
“ก็ใส่เสื้อดิ.. จะมานั่งโป๊ตากแอร์ทำไม..” เสียงผมแผ่วเบาลง
“นั่นสิเนอะ” ปรินซ์ขับรถจอดข้างทางก่อนใส่เสื้อยืดตัวบางที่วางพาดอยู่บนบ่า
“นี่เราจะไปไหนกัน..”
“ไปรีสอร์ทที่ดอยชมดาว”
“ไปทำไม..”
“ก็พี่บอกไปแล้วไง.. ว่าไปฮันนีมูน”
“ไม่ตลกนะปรินซ์!”
ปรินซ์ยิ้ม..
.
.
“พี่อาบน้ำก่อนนะ”
“...
“หรือว่า.. ธามจะไปอาบพร้อมพี่”
“ไม่”
“ใจร้ายจัง”
“...” ปรินซ์ยอมเข้าห้องน้ำแต่โดยดี ส่วนผมก็เดินสำรวจพื้นที่..

..ที่ที่เราอยู่เป็นห้องพักที่มีความเป็นส่วนตัว เพราะห้องพักแต่ละหลังถูกสร้างให้อยู่ห่างกันท่ามกลางต้นไม้สูงใหญ่เล็กไล่ระดับปะปนกันเป็นกําแพงธรรมชาติ เมื่อออกไปยืนที่ชานระเบียงไม้ด้านนอกก็จะเห็นภาพของทิวภูเขาที่ตั้งหลักโอบล้อมเป็นป้อมปราการสูงอยู่ไกลออกไป.. ตอนเช้าคงจะมีทะเลหมอก.. และตอนกลางคืนก็คงจะมีทะเลดาว..

“ธาม.. ไปอาบน้ำได้แล้ว”
“จะรีบอาบไปไหน ยังไม่ได้จะนอนสักหน่อย”
“ก็อาบน้ำเสร็จ จะได้กินข้าว กินข้าวเสร็จ ก็จะได้นอน..”
“...”
“อาบเถอะ.. นะครับ.. พี่อยากกอดธามตอนธามตัวหอมๆ” ..คนตัวสูงมองผมด้วยสายตาคู่เรียวในระยะใกล้ ใกล้จนผมต้องกลั้นหายใจ ใบหน้าเปียกชื้น กลิ่นสบู่หอม หยดน้ำจากเส้นผมที่ยังเช็ดไม่แห้ง และร่างขาวของปรินซ์.. ผมทำตัวไม่ถูก ผมรีบเดินหนีปรินซ์ไปห้องน้ำทันที

“ธาม พี่ออกไปข้างนอกแป๊บนึงนะ เดี๋ยวพี่กลับมารับ พี่เตรียมเสื้อผ้าไว้ให้แล้ว” เสียงปรินซ์พูดดังอยู่หน้าห้องนํ้า
“อืม” เสื้อผ้าอะไร? ปรินซ์คงไม่ได้มีรสนิยมแปลกๆ ใช่ไหมแล้วไอ้ที่พูดว่าฮันนีมูน..มันยังไงกันแน่ภาพหน้าของม๊าลอยขึ้นมาในความคิด.. ถ้าปรินซ์ทําอะไรเกินเลยผมจะไม่ยอมเด็ดขาด
ผมเดินออกจากห้องนํ้าพร้อมผ้าขนหนูผืนหนา.. เสื้อผ้าที่ปรินซ์พูดถึงถูกวางอยู่บนเตียงขนาดคิงไซส์ ..เสื้อเชิ้ตสีขาวเนื้อไม่หนา กับกางเกงผ้าขาสามส่วนสีครีมดูใส่สบาย.. ก็ไม่มีอะไรแปลกนิหว่า.. ผมแต่งตัวเรียบร้อย รอ.. และหลับไป..

ผมคงหลับไปนาน.. เพราะสีของท้องฟ้าด้านนอกเปลี่ยนเป็นสีนิลเข้ม.. คนตัวสูงของผมยืนอยู่ที่ระเบียงด้านนอก ผมเดินออกไปยืนอยู่ข้างๆ
“หิวรึยัง..” ปรินซ์ถามผม
“อือ หิวแล้ว” ปรินซ์โอบไหล่ผมพาเดินไปนั่งที่ชุดโต๊ะไม้ที่อยู่อีกด้านของระเบียง
“กินกันเถอะ พี่ก็หิวแล้ว” แสงจากแรงเทียนของตะเกียงไฟบนโต๊ะ และแสงจากโคมไฟสีส้มที่ถูกประดับไว้ตรงหัวมุมบนเสาของชานระเบียง ช่วยส่องสว่างให้อาหารบนโต๊ะชวนรับประทาน ทั้งผมทั้งปรินซ์เอาแต่สนใจการกินเพราะเวลาอาหารเย็นที่ล่วงเลย.. พวกเรารวบช้อนในที่สุด.. ช่างเป็นคืนที่โรแมนติก..
“พี่มีของจะให้ธาม..”
“...” ปรินซ์หยิบกล่องแหวนขึ้นมาไว้ในมือ.. ใช่กล่องแหวน ใครดูก็รู้ว่ากล่องแหวน
“..พี่ไม่รู้จะเริ่มยังไง เอาเป็นว่า ธามใส่แหวนของพี่นะ”
“ทำไมต้องใส่..”
“ก็ใครๆ จะได้รู้ว่าธามมีเจ้าของแล้วไง”
“ใส่น่ะใส่ได้.. แต่เข้าบ้านก็ต้องถอดออกนะ เดี๋ยวม๊าว่า..”
ปรินซ์ยิ้ม.. “มาม๊าไม่ว่าหรอก เพราะพี่ขออนุญาติมาม๊าเรียบร้อยแล้ว”
“!!!”
“คนที่บอกพี่ว่าธามอยู่ไหน..ก็คือมาม๊า”
“!!!”
“มาม๊ายอมรับเรื่องของเราแล้วนะ”
“..พูดจริงป่ะเนี่ย!” ผมยังรู้สึกไม่อยากเชื่อ
“งั้นธามดูนี่” ปรินซ์หยิบมือถือของตัวเองขึ้นและเปิดคลิปวิดีโอให้ผมดู..
“ป๊าส่งมาให้พี่ก่อนที่พี่จะเจอธาม”
..ภาพในคลิปคือภาพของคนในครอบครัวของผมและปรินซ์ ป๊าม๊าของปรินซ์ ม๊าและป้าป้าของผม ทุกคนอยู่ด้วยกันและกำลังกินโต๊ะจีนเหมือนมีงานเลี้ยงอะไรสักอย่าง..
“งานเลี้ยงฉลองงานแต่งของเราสองคน..”
“ห่ะ! งานแต่งของเราสองคน”
“..แล้วทุกคนก็ฝากคำอวยพรมาถึงพวกเราด้วย” ผมแปลกใจแต่ก็ตั้งใจดูและฟัง..

“ขอให้พวกลื้อรักกันตลอดไป แล้วรีบกลับมาทำงานด้วย!” ป๊าของปรินซ์ที่หน้าเริ่มแดงพูดไปยิ้มไป
“เฮียเมาแล้วนะ! ออ ธาม.. ฝากดูแลปรินซ์ของมาม๊าด้วยนะ” ม๊าของปรินซ์ยิ้มอ่อนหวานให้ผม
“ปรินซ์ / อาปรินซ์ ฝากดูแลธามของพวกอั๊วด้วยนะ” ป้าเจ็งกับป้าหมวยพูดแทบจะเหมือนกันและพร้อมกัน

“..ม๊าดีใจนะที่ธามมีปรินซ์ แล้วม๊าก็ดีใจกับปรินซ์ที่มีธาม.. คอยดูแลซึ่งกันและกันนะ มีเรื่องอะไรก็ค่อยๆคุยกัน ถ้าธามงอแงก็มาบอกมาม๊านะปรินซ์ เดี๋ยวมาม๊าจัดการให้.. มาม๊ารักทั้งคู่นะ..” ผมนํ้าตารื้นด้วยความดีใจ ม๊ายอมรับผมกับปรินซ์แล้วจริงๆ ผมยิ้มและเอาแต่มองภาพของทุกคนที่กําลังมีความสุขอยู่อย่างนั้น..

ปรินซ์เดินอ้อมมานั่งข้างผมก่อนคว้ามือถือออกจากมือของผมไปเก็บ.. ปรินซ์จับมือของผมไว้และสวมแหวนที่นิ้วนางข้างซ้ายของผม..
“..แต่งงานกับพี่แล้วนะ”
“อืม แต่งก็แต่ง” ปรินซ์ใช้มือนุ่มเช็ดคราบน้ำตาที่หน้าของผม
“แล้วทำไมเราไม่ได้อยู่ในงานเลี้ยง..” มันเป็นงานแต่งของเรา..ผมไม่เข้าใจว่าทำไมเราไม่ได้กินเลี้ยงร่วมกับครอบครัว
“ก็พี่ใจร้อน.. พี่อยากเจอธาม.. กว่าธามจะกลับก็อีกหลายวัน แล้วก็.. พี่อยากเข้าหอแล้วด้วย..” ปรินซ์ยิ้มเจ้าเล่ห์
“!!!” ผมรีบหลบหน้าหลบตาปรินซ์ ตอนนี้หัวหูของผมคงแดงจนปรินซ์จับได้แล้วว่าผมเขินเบอร์ไหน
“..คืนเข้าหอเนี่ยเค้าต้องทำอะไรกันบ้างน้า”
“..นับซอง ..พี่โน๊ตอุดมบอกไว้” ผมพยายามปั้นหน้าตอบเสียงแข็ง
ปรินซ์หัวเราะ “..แต่ตอนนี้เราไม่มีซองให้นับ..”

…….……

“รอธามหลับก่อนได้ไหม..”
“ทําไม.. เขินพี่?”
“เปล่าสักหน่อย!” เออ กูเขิน!“แค่อยากทดลองทฤษฎีลักหลับน่ะ..”
“..ก็ได้นะ แต่ว่าธามจะหลับลงเหรอ ถ้ามีพี่นอนมองธามอยู่ข้างๆ”
“...” หน้าผมร้อนผ่าว
ปรินซ์ยิ้ม..“ธามรู้ไหมว่าพี่ต้องอดทนมากแค่ไหน ..ทุกครั้งที่เราอยู่ด้วยกันแค่สองคน”
“..ทําไมต้องอดทน ..ไม่มีใครรู้สักหน่อย”
“แต่ตัวพี่รู้.. พี่อยากให้เกียรติธาม ให้เกียรติครอบครัวของธาม แล้วพี่ก็อยากรู้ว่าตัวเองจะอดทนได้มากแค่ไหน”
..ผมมองหน้าคนตัวสูงก่อนมอบสัมผัสเบาๆที่ริมฝีปากของปรินซ์ และซุกร่างของตัวเองเข้าหาไออุ่นจากอกหนาของคนตัวสูง ปรินซ์กอดผม..
“คิดถึงพี่มากใช่ไหม..”
“อืม.. ก็เห็นแต่หน้าสองมิติบนไอแพตตั้งเกือบสามปี..”
“พี่ก็คิดถึง..”
“...”

…………..

“ธามเริ่มง่วงแล้วใช่ไหม กินไปตั้งเยอะ”
“...”
..ปรินซ์ช้อนร่างของผมลอยขึ้นและอุ้มผมเดินกลับเข้าไปในห้อง ก่อนวางผมลงบนเตียงอย่างอ่อนโยน.. ปรินซ์จูบผมที่หน้าผากอย่างแผ่วเบา.. ห่มผ้าให้ผมและ.. ผมคว้าข้อมือของปรินซ์ไว้..
“!!!”
“..คืนนี้ ..คืนเข้าหอ” ผมพูดงึมงำในลำคอทั้งที่หลับตาอยู่
“แสดงว่าคืนนี้..”
“อืม..”

…………..

..ปรินซ์เงียบไป จนผมต้องแอบลืมตาขึ้นมอง..
“พี่รักธามนะ”
“...”
“และพี่ก็จะรักธามตลอดไป”
“...”
“ขอบคุณที่รอพี่..”
“กูต่างหากที่ต้องขอบคุณ..” ปรินซ์จูบปากผม!
“ถ้าพูดไม่สุภาพกับพี่ พี่จะจูบ..”
ผมยิ้ม.. “งั้นกู..”
ปรินซ์จูบผมอีก
“ไม่ต้องตั้งใจพูดไม่สุภาพก็ได้.. ถ้าธามอยากให้พี่จูบ พี่ก็จะจูบ พี่จะไม่มีวันเบื่อที่จะจูบธาม..” ..ปรินซ์จูบผม.. นุ่มนวลชวนฝัน ตื้นตัน และตื่นตัว

“ธามรักปรินซ์นะ..”
“อื้ม.. พี่รู้แล้วครับ..”   

..พยากรณ์อากาศ : อุณหภูมิที่หนาวเย็นบนยอดดอยจะกลับกลายเป็นอุ่นร้อน..ตั้งแต่ตอนนี้.. และตลอดคืน
.
.
.
.
.

The End


จบแล้วฮะ ขอบคุณนักอ่านทุกคนที่เข้ามาอ่านกัน ฝากเรื่องสอง The Mission ลุ้นรักภารกิจ LOVE ด้วยนะฮะ อีกสามวัน.. จะมาแปะภาคพิเศษของปรินซ์ธาม ไม่รู้จะมีใครรออ่านไหมฮะ ><
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 18-07-2019 12:57:32 โดย After5p.m. »

ออฟไลน์ titansyui

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2386
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +119/-0

ออฟไลน์ JokerGirl

  • ∀Σ❤∀ΔΣ Forever^^
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2921
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +128/-3
มาม๊ายอมรับแล้ว ดีใจจะได้มีความสุขกันซะที ขอบคุณค่ะ รอตอนพิเศษค่ะ

ออฟไลน์ nOn†ღ

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4390
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +502/-6

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด