YR Mine นายผู้ปกครอง - รักลุ้นๆ ของคนพี่ Ep.041 : บทสรุป : สัญญา - เวลา - ความรัก
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: YR Mine นายผู้ปกครอง - รักลุ้นๆ ของคนพี่ Ep.041 : บทสรุป : สัญญา - เวลา - ความรัก  (อ่าน 23077 ครั้ง)

ออฟไลน์ kajeaw

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 529
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +21/-2
    • กาเจี๊ยว
เย้ ปรินซ์กลับบมาแล้ว

ออฟไลน์ After5p.m.

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 83
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +18/-1
023
เจอหน้า
.
.
“อีกไม่กี่นาทีก็จะหมดเวลาแล้วครับ”
“ต้องลุ้นกันต่อหลังจากที่ทั้งสองคณะเสมอกันที่หนึ่งประตูต่อหนึ่งครับ”
“กิตติชัยส่งต่อสมพล สมพลส่งกลับไปที่กิตติชัย”
“ยังคงต่อบอลกันสั้นๆ เพื่อหาช่องเข้าทํานะครับ”
“กิตติชัยส่งต่อสิทธิโชค สิทธิโชคไม่รอแล้วครับ ลุยทะลวงเข้ามา อชิระรออยู่แล้วครับ! สิทธิชัยเลี้ยงหลบแต่อชิระใช้ความไวเข้าขวาง!”
.
“ไอ้ธาม ไอ้ธาม”ไอ้บรีสกระตุกชายเสื้อของผม
“อะไร..” ผมตอบบรีสโดยที่ไม่ได้หันไปมอง
“มึงยืนทำไมวะ”
“ห่ะ” ผมหันไปมองรอบตัว เพื่อนทั้งคณะยังคงร้องเพลงเชียร์ ลีดก็ยังเต้นอยู่หน้าสแตนด์ เชี่ยยย กูยืนทำไรว่ะเนี่ย! ผมรีบนั่งลง
“แหมมมม”
“แหมเชี่ยไรของมึง”
“ก็มึงลุกทุกครั้งที่พี่ปรินซ์ครองบอล กูเรียกมึงจนกูไม่ต้องร้องเพลงแล้วเนี่ย”
“มึงเวอร์”
“กูไม่เวอร์ ไม่เชื่อมึงหันไปข้างหลัง” ผมหันไปข้างหลังทันที แซม ชล และเพื่อนอีกสองสามคนข้างหลังพยักหน้าแรงแข็งขันยืนยันคำพูดของไอ้บรีส
“ก็มันลุ้น”
“นั่งลุ้นก็ได้มึง เดี๋ยวไอ้เทนนิสมันได้ด่ามึงหูดับ”
“เออๆ”
.
“สิทธิชัยเตะบอลย้อนกลับไปให้กิตติชัย บอลไปไม่ถึงครับ อชิระวิ่งตามไปสกัดได้ทัน ก่อนเปลี่ยนทางบอลเตะโด่งไปไกลเลยครึ่งสนาม..”
.
“พี่ปรินซ์แม่งโคตรเท่เลยนี่หว่า” ไอ้บรีสแอบกระซิบทั้งที่มันกําลังเต้นไก่ย่างอยู่ ผมเองก็เนียนๆ ไปโดยที่ไม่รับรู้ว่ากําลังทําท่าอะไรอยู่ ..มันก็เท่ตลอดนั่นแหละ
.
“ลูกจากอชิระส่งเข้าเท้าของธนาราวจับวางครับ ธนาได้โอกาสพาบอลไปหน้าประตู พีรพลมาขวางไว้ครับ ธนาตัดสินใจส่งต่อณภัทน์ ณภัทน์เลี้ยงหลบสุธี มีช่องให้ยิงแล้วครับ ณภัทน์ยิงเข้าไปแล้วครับบบบบัญชีนำวิศวะไปแล้วครับ สองประตูต่อหนึ่ง”เสียงเฮดังสนั่นลั่นจนสแตนด์สั่น
“เป็นการต่อบอลที่ดีมากลูกนึงเลยครับคุณคมสัน”
“ใช่ครับ ผมก็ลุ้นไปด้วย แต่เกมยังไม่จบนะครับคุณชัยชนะ”
“อีกไม่ถึงนาที วิศวะจะสามารถเอาคืนได้รึไม่”

ปี๊ดดดดดดดดด
“บัญชีเป็นฝ่ายเฉือนชนะวิศวะไปได้ด้วยสกอร์สองประตูต่อหนึ่งครับ เป็นชัยชนะที่ได้ลุ้นกันตลอดท้ายเกม”
“ถึงจะน่าเสียดายแทนแชมป์เก่า แต่ผมว่าวันนี้ทั้งสองทีมเล่นได้ดีมากนะครับ”
.
ผมมองร่างสูงที่กอดคอกับเพื่อนร่วมทีมอย่างมีความสุข ภาพบนจอขนาดใหญ่เหนือสนามกําลังฉายภาพของทีมผู้ชนะในระยะใกล้ ทําให้ผมได้เห็นหน้าของปรินซ์ได้ชัดขึ้น จู่ๆ ปรินซ์ที่เห็นกล้องใกล้เข้ามาก็ทําหน้าแปลกใส่กล้องแถมขยับปากเหมือนพูดอะไรสักอย่าง..
“กูออกไปก่อนได้ป่ะวะ”
“เป็นไรมึง ปวดขี้?”
“...”
“รออีกแป๊บ เขาจะประกาศผลสแตนด์แล้ว”
“เออๆ”
.
“คุณคมสันครับ”
“ครับคุณชัยชนะ”
“นอกจากผลบอลที่เราเพิ่งทราบเมื่อสักครู่นี้แล้ว ผลการประกวดสแตนด์เชียร์ก็อยู่ในมือผมแล้วครับ”
“ผมลุ้นไมค์สั่นเลยครับ จะเป็นสแตนด์ของคณะสาวสวยอย่างอักษรรึเปล่าาาา” เสียงกรี๊ดตอบดังลั่นจากสแตนด์ของชาวอักษร
“รู้สึกว่าคุณจะมีประเด็นกับสาวอักษรตลอดเลยนะครับคุณคมสัน”
“ก็คุณอยู่อักษรนิครับ”
กรี๊ดดดดดดดด คราวนี้ดูเหมือนเสียงกรี๊ดจะดังมาจากทุกสแตนด์รอบสนาม
“ฮะฮึ่ม เอาล่ะครับคุณคมสันครับ เรามารู้กันเลยดีกว่าครับว่าสแตนด์ใดจะคว้าชัยในปีนี้”
“และคณะนั้นคือ..”
“คือ..”
อักษร! / วิศวะ!/ แพทย์! / นิเทศ! / บัญชี! / ฯลฯเสียงเชียร์ของแต่ละคณะดังสนั่น
“..คณะนั้นก็คือ แชมป์เก่าสามปีรวด นิเทศศาสตร์”
“เย้! / เฮ!!” พวกเราชาวนิเทศศาสตร์ส่งเสียงเฮลั่น ผลัดกันกอดคอไปมาอย่างควบคุมอาการดีใจไว้ไม่อยู่ เรานี่มันโคตรเจ๋ง
“ไอ้บรีส กูไปก่อนนะ”
“จะรีบไปไหนวะ เออๆ งั้นกูออกไปด้วยล่ะกัน เดี๋ยวแวะบอกเทนนิสมันไว้หน่อย”

“สรุปมึงจะไปไหน”
“กูจะเอาน้ำไปให้ปรินซ์มัน”
“ห่ะน้ำ?”
“อืม”
ผมกับบรีสเดินลงจากสแตนด์ด้านบนมาเรียบร้อย ฝูงชนจำนวนหนึ่งเดินขวักไขว่อยู่ด้านล่าง คงจะเป็นรุ่นพี่ของคณะต่างๆ และทีมงานของสภานักเรียน
“นักกีฬาเขาก็มีน้ำมีเกลือแร่ของเขาอยู่แล้วป่ะวะ”
“ก็ปรินซ์มันบอก..”
“บอก? บอกมึงตอนไหน”
“เมื่อกี้ในจอ..”
“มึงแน่ใจเหรอวะ มึงดูผิดรึเปล่า”
“...”
“อ่ะ เอาเป็นว่าแล้วทีนี้มึงจะเข้าไปหาพี่ปรินซ์ยังไง โดนรุมอยู่ในสนามนู้น กูเห็นสาวๆ เข้าไปขอถ่ายรูปให้พรึบ”
“..ก็จริงของมึง” ผมลืมคิดไปเลยทั้งเรื่องที่มันไม่จำเป็นต้องมาขอน้ำจากผม และเรื่องที่มันยังต้องอยู่ให้ใครต่อใครเข้าหา ไหนจะเพื่อนในทีม ไหนจะแฟนคลับ..
“เอาไงมึง กลับคณะเลยไหม”
“...”
ผมรู้สึกเจ็บแปลกๆ ผมเข้าใจว่าตัวเองสำคัญขนาดว่าปรินซ์ต้องกำลังรอน้ำจากผม ไม่ก็สรุปเอาเองว่ามันกำลังรอเจอผม.. พอคิดแล้ว ..มันแม่งไม่ใช่ผมไม่ได้เป็นอะไรกับปรินซ์ทั้งนั้น เป็นแค่น้องข้างบ้านธรรมดาๆ คนนึง..
“เออ กลับคณะ”
ผมกับบรีสค่อยๆ เดินห่างจากสนามกีฬากลาง อีกสักพักนักศึกษานับพันคงเดินออกมากันแน่นขนัดทั่วบริเวณ ผมเดินเงียบๆโดยมีบรีสเดินอยู่ข้างๆ เมื่อสิบนาทีที่แล้วผมยังรู้สึกมีความสุขอยู่ แต่ทำไมจู่ๆ บรรยากาศในใจถึงขุ่นมัว
“ธาม..” เท้าของผมหยุดเดิน และหันหลังกลับไปมองคนที่กำลังวิ่งใกล้เข้ามา
“พี่หาตั้งนาน ทำไมออกมาก่อน”
“คือผม..”
“คือไอ้ธามมันรู้สึกอึดอัดน่ะครับพี่ข้าว เลยขอออกมาก่อน”
“เป็นไรมากไหม” พี่ข้าวยกมือขึ้นแตะเบาๆที่หน้าผากของผม
“ตัวก็ไม่ร้อนนะ แต่อาจจะเพลียแดดก็ได้” พี่ข้าวยิ้มอ่อนโยน “ถ้าไงไปห้องพยาบาลก่อนดีกว่า หายากินกันไว้ก่อน”
“ไม่ต้องหรอกพี่ เดี๋ยวผมหาไรกินก็โอเคแล้ว”
“ธามดื้อกว่าที่พี่คิดไว้นะ”
“ผมไม่เป็นไรจริงๆ พี่”
“แต่หน้าธามไม่ได้บอกอย่างนั้น”
“...”
“งั้นพี่พาไปหาอะไรกิน ถ้าไม่ดีขึ้นค่อยไปห้องพยาบาล.. บรีสก็ไปด้วย โอเคไหม” ผมมองหน้าไอ้บรีส มันพยักหน้าเบาๆ ถ้าผมฝืนปฏิเสธต่อไปคงจะไม่ดีแน่ๆ
“ก็ได้ครับ” พี่ข้าวใช้สองมือดันไหล่ผมให้หันหลังกลับแล้วดันให้ผมเดินไปข้างหน้า ..คงไปโรงอาหารกลางที่อยู่ไม่ไกลจากตรงนี้
“ธามมมม” เสียงไอ้ปรินซ์! ผมหันหลังกลับไปทันที พี่ข้าวเองก็ด้วย คนตัวสูงกำลังเหนื่อยหอบ.. ปรินซ์ค่อยๆเดินเข้ามาหาผม ใบหน้าขาวซีดหลังจากออกกำลัง เหงื่อเม็ดเล็กที่ยังเกาะกรอบหน้า ผมดำดกที่ยังเปียกปรกรกยุ่ง ดวงตาคมของปรินซ์กำลังมองผมแบบไม่สบอารมณ์ ปรินซ์หยุดยืนตรงหน้าผม ไร้คำพูดใดๆ
“อ่ะ น้ำ” ผมยื่นขวดน้ำในมือให้ ไม่รู้เหมือนกันว่ามันยังอยากได้น้ำจากผมไหม ผมมองหน้าคนที่ไม่ได้เจอกันมาครึ่งเดือนชัดๆ หน้ามันตอบลงนิดหน่อย คงเพราะอาหาร ไม่ก็ยังปรับสภาพร่างกายไม่ได้ ..อย่างน้อยปรินซ์ก็มาตามหาผม ผมไม่ได้เข้าข้างตัวเองอยู่ใช่ไหม สายตาของปรินซ์อ่อนลง ใบหน้าบึ้งตึงเมื่อกี้ค่อยผ่อนคลาย
“รู้ใช่ไหมว่าหิวน้ำ” ปรินซ์ยิ้มบาง พร้อมกับรับขวดน้ำในมือของผม
“อื้ม” จะไม่รู้ได้ยังไง ในเมื่อทุกครั้งหลังจากปรินซ์ซ้อมเสร็จ แข่งเสร็จ มันก็จะต้องมากวนให้ผมหาน้ำให้กินทุกครั้ง
“ไปกันเถอะ” ปรินซ์ยื่นมือมาจะจับมือผม แต่มือของปรินซ์กลับโดนมือหนาของพี่ข้าวปัดออก แถมพี่ข้าวยังขยับยืนขวางตัวผมไว้จากปรินซ์
“ธามต้องไปกับพี่” พี่ข้าวพูดกับผมแต่กลับมองหน้าปรินซ์ คนตัวสูงสองคนกำลังประจัญหน้ากัน นี่มันครั้งที่สองแล้วใช่ไหม
“ทำไมธามต้องไปกับมึง”
“เพราะกูชวนน้องมันก่อน”
ปรินซ์ยิ้มกวนตีนที่สุดในความคิดของผม
“แต่กูเป็นผู้ปกครองของธาม”
“มึงเป็นพ่ออีกคนของธามเหรอ”
“เออ มึงก็ไหว้กูซะ”
เชี่ยยยยย ผมกับไอ้บรีสยืนเหวอกันอยู่สองคน ในใจผมนึกถึงคำพูดของไอ้เชี่ยบอส
‘ไม่ต้องโทรตามกูไปช่วยจับเขาแยกนะ’
“อ้าวเห้ยไอ้ข้าวววว”เสียงของใครสักคนที่กำลังเดินมา มีฉากหลังเป็นฝูงชนที่ค่อยๆ กรูกันออกมาจากสนาม
“มึงจะเข้าชมรมได้วันไหนเนี่ย กูอยากคุยเรื่องค่าย..แล้วก็..” เสียงของพี่โบ้ทประธานชมรมเดินดอยค่อยๆเบาลงเมื่อเดินเข้ามาใกล้
.
..โบ้ท
“อ้าวเห้ยไอ้ข้าวววว” ผมเห็นไอ้ข้าวยืนอยู่กับใครไกลๆ เจอมันได้ก็ดี ตามหาตัวยากฉิบ   
“มึงจะเข้าชมรมได้วันไหนเนี่ย กูอยากคุยเรื่องค่าย..แล้วก็..” ผมมองหน้ากลุ่มคนที่ยืนอยู่กับไอ้ข้าว
“อ้าวไอ้ปรินซ์ ไงมึง โชว์เทพตลอดเลยนะ กูล่ะรำคาญฉิบ โฆษกสองตัวนั่นก็อวยมึงตลอด ทำหยั่งกับมึงเล่นอยู่คนเดียว อ๊ะ ไอ้บรีส น้องธามก็อยู่ด้วย”
“สวัสดีครับ / หวัดดีครับพี่โบ้ท”
“แล้วนี่พวกมึงรู้จักกันด้วยเหรอ ยืนคุยไรกันตรงนี้วะ ไปหาไรกินกัน กูหิวล่ะ ช่วยสภาดูภาพรวมจนเหนื่อย ไปหาไรขมๆกินกัน”
..ไม่มีเสียงตอบรับจากใครๆ
“ไรของพวกมึง นี่รุ่นพี่ชวน ไปกันหมดนี่แหละ ไป”
“ไม่อ่ะพี่ วันนี้ขอตัวนะ” ไอ้ปรินซ์พูดกับผมก่อนมันจะหันไปหาน้องธาม “ไปธาม”
“กูบอกแล้วไงว่าธามต้องไปกับกู” ไอ้ข้าวมันพูดสวนไอ้ปรินซ์ หน้าของมันสองตัวดูมีอารมณ์ผมมองหน้าไอ้ปรินซ์กับไอ้ข้าวและน้องธาม ฉิบหายล่ะ! ไอ้ปรินซ์เคยเล่าว่ามันชอบน้องคนหนึ่งที่ดันมีไอ้พี่ว๊ากตัวนึงมาเผือกจะยุ่งกับเด็กของมัน.. ไอ้ข้าวเป็นพี่ว๊าก.. แล้วนี่น้องธาม.. แล้วนี่ไอ้ปรินซ์.. โลกกลมฉิบหาย!แล้วนี่น้องธามเพิ่งเข้าชมรมกู ส่วนไอ้ข้าวก็เป็นพี่ในชมรม.. กูไปแจ้งสภาขอปิดชมรมตอนนี้ได้ไหมมมมม
.
..ธาม
“ไอ้เชี่ยยยธามมมม” ผมหันไปมอง หวังว่าจะเป็นใครก็ได้ที่จะมาช่วยให้สถานการณ์ตอนนี้มันคลี่คลาย ถ้าเป็นมึงได้ก็คงดี แล้วมึงก็มาจริงๆ ..ไอ้เชี่ยบอสสสส กูกำลังคิดถึงมึง
“มึง อยู่ นี่ เอง..” ไอ้บอสพูดไปหอบไปหายใจไป ไอ้บรีสที่ยืนอยู่ข้างๆ หันมาพยักหน้าเบาๆ ให้ผม คงเป็นไอ้บรีสที่โทรไปตามไอ้บอส
“มึงนัดกูไว้ไง ลืมตลอดเลยนะ ไปกัน” ผมทำท่าจะขยับตามบอส แต่พี่ข้าวขยับมาขวางไว้ ส่วนพี่ปรินซ์ก็เดินมาขวางพี่ข้าวอีกที
“ถ้าธามจะไปกับบอส พี่อนุญาติ”
“ทำไมไม่ให้ธามเลือกเองว่าจะไปกับใคร”
“กูว่าก็ไปกันทั้งหมดนี่แหละ” พี่โบ้ทพยายามจะไกล่เกลี่ย
“ไม่ / ไม่”
“ไอ้เชี่ยปรินซ์!” พวกเราทุกคนหันหน้าไปทางต้นเสียง
“มีอะไรไอ้เป้” ปรินซ์ถามคนที่เพิ่งมาใหม่
“มึงนั่นแหละมัวทำอะไร ทำไมไม่รีบไปสอบวะ แล้วนี่คือมึงยังเอาเวลามาเตะบอล!”
“ไอ้เป้มึงใจเย็น บ่นเป็นเมียมันเลยนะ”
“ไอ้พี่โบ้ทตอนนี้กูไม่ขำนะ ไอ้ปรินซ์ จารย์กรุณาโทรมาตามกูเพราะจารย์ติดต่อมึงไม่ได้ จารย์ฝากบอกว่าจะรออีกแค่สิบนาที ถ้ามึงไปไม่ทัน อย่าหาว่าจารย์ใจร้าย”
“อะไรของมึงเนี่ยไอ้ปรินซ์ มีสอบแต่ยังเผือกมาเตะบอลโชว์สาว”
“มึงรีบไปเลย เอ้านี่ กูเก็บของมาให้มึงล่ะ นี่มือถือ”
“แต่กู..” ปรินซ์หันมามองผม
“จารย์เก็บคะแนนดิบยี่สิบคะแนน มึงจะเอาไง”
นี่ปรินซ์มันมาเตะเพราะผม..ในวันที่มีสอบ ถ้าเป็นเพราะผมจริงๆ ผมควรจะดีใจมากๆ หรือควรจะรู้สึกผิดมากๆ กัน ผมเดินเข้าไปใกล้คนตัวสูง
“ไปสอบก่อน.. ไว้ค่อยคุยกัน”
“...”
“ถ้าไม่ไป กูจะรู้สึกผิด” ผมมองคนตัวสูง ปรินซ์ถอนหายใจ ดวงตาคมอ่อนแรงลง ปรินซ์ยอมรับของจากพี่เป้แล้วเดินจากไปโดยดี ถึงจะอ้อยอิ่งอย่างที่สุด
.
..ปรินซ์
ทำไมต้องมีสอบวันนี้ ทำไมไอ้ข้าวต้องอยู่ตรงนั้น ทำไมธามต้องอยู่กับมัน ทำไมวะ! ผมยอมเดินจากมา กึ่งเดินกึ่งวิ่ง รู้อยู่แก่ใจว่าสอบครั้งนี้สำคัญ มันมีผลกับเกรดปลายเทอมแน่นอน แค่อาจารย์กรุณายอมให้สอบเพราะเหตุผลที่ว่าผมไปเป็นตัวแทนมหาลัยก็ถือว่าดีเท่าไหร่แล้ว แต่การที่ต้องปล่อยให้ธามอยู่กับไอ้เชี่ยข้าวนั่น.. ผมจะเอาสติที่ไหนไปนั่งทำข้อสอบ! มือถือที่อยู่ในมือผมสั่นรัว คงมีข้อความเข้า
[เดี่ยวกูดูเด็กมึงให้ - พี่โบ้ท]
[เดี๋ยวผมดูไอ้ธามให้ - บอส]
…..
[จะไม่ไปกับพี่ข้าว สัญญา ทำข้อสอบให้ได้ - ธาม]
ข้อความของธามทำผมยิ้มออก ผมรีบวิ่งอย่างเร็ว เวลาเหลือไม่มากแล้ว.. รู้สึกสบายใจและมีแรงฮึดที่จะสอบ ผมรู้ดีคําพูดของธามเชื่อถือได้ ..เพราะมันเป็นอย่างนั้นเสมอ
.
..ธาม
“กูขอสรุปเลย ไอ้ข้าว ไอ้เป้ มึงทั้งคู่ไปคุยกับกูที่ชมรม ส่วนพวกเด็กปีหนึ่งก็แยกย้าย”
พี่ข้าวไม่ได้โต้แย้งอะไร คงเพราะเห็นไอ้บอสตั้งป้อมจะกันผมเต็มที่ ไหนจะมีพี่โบ้ทที่ยืนอาศัยความอาวุโสบอกบทจบเสร็จเรียบร้อยอีก ..เฮ้อ กูจะป่วยก็เพราะผู้ชายตัวสูงสองคนนี่แหละ

“ไงล่ะมึง เขาเกือบได้ต่อยกันเพราะมึงล่ะ”
“...”
“ไอ้บอสมึงก็พูดเกินไป พี่ข้าวกูไม่มีทางต่อยใครก่อนแน่นอน”
“มึงนี่ก็อวยรุ่นพี่มันจังนะ มึงรู้จักพี่มันดีแล้วรึไง?”
“แล้วทำไมมึงถึงตั้งป้อมกับพี่ข้าวจังวะ?”
“เห้ยพวกมึงจะเถียงกันทำไมวะ”
“ก็เพราะมึงนั่นแหละ / ก็เพราะมึงไง”
“?”
“ไอ้ธาม ถ้ามึงชอบพี่ปรินซ์มึงก็คบกับพี่มันไปซะ จะได้จบๆ”
“เออ สักคน”
“เชี่ยพวกมึงคบกับผู้ชายเนี่ยนะ กูยังยืนยันกับพวกมึง มันเป็นเรื่องที่กูยังรับไม่ได้ ไม่ว่ากับใครทั้งนั้น”
“!!! / !!!”
“กูพูดกับมึงจริงๆ นะเว้ยไอ้ธาม ขนาดกูเพิ่งรู้จักมึง กูยังรู้สึกเลยว่ามึงอ่ะโคตรผูกพันธ์กับพี่ปรินซ์ ตอนมึงนั่งสแตนด์มึงโคตรไม่สนโลก ตามึงอ่ะมองแต่พี่ปรินซ์ในสนาม ตอนพี่มันพึมพำอะไรใส่กล้อง มึงก็รู้อีกว่าพี่มันจะเอาอะไร มึงว่าทั้งหมดที่มึงเป็นคืออะไรวะ”
“กูแค่รู้จักมัน รู้ใจมัน แล้วก็..”
“ทำไมมึงเอาแต่มองพี่มัน”
“ก็กู.. ก็มันเป็นพี่ที่กูสนิทมากไง กูก็ต้องเชียร์มัน.. ลุ้นไปกับมันไง”
“โอเคไอ้ธาม กูยอมแพ้ความดื้อของมึง.. ตามึงล่ะไอ้บอส”
“กูแพ้ความแถมันไปหลายยกล่ะ เอาเป็นว่ามึงจะแถกับพวกกูยังไงก็ได้เว้ย แต่มึงเตรียมคำตอบไปตอบพี่ปรินซ์มันได้เลย” ไอ้บอสยื่นมือถือของมันมาให้ผม
[เย็นนี้พี่จะไปหาธาม อย่าให้ธามคลาดสายตา ฝากด้วยน้องรัก]
.
.
.
จากใจเค้า ขอฝากนิยายอีกเรื่องด้วยง่ะ The Mission ลุ้นรักภารกิจ Love >_< https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=70486.0
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 29-06-2019 11:38:00 โดย After5p.m. »

ออฟไลน์ AkuaPink

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2033
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +59/-1

ออฟไลน์ After5p.m.

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 83
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +18/-1
024
ขอได้ไหม?
.
.
..ห้องชมรมเดินดอย

“มึงชอบธาม?” พี่โบ้ทถามผม
“...”
“คือกูรู้จักกับมึงทั้งคู่ กูเลยไม่อยากให้มีปัญหากัน”
“...”
“เชี่ยข้าว เอาจริงๆ นะ มึงไปชอบน้องมันตอนไหนวะ นี่ก็เพิ่งเปิดเทอม มึงรู้จักน้องมันไม่ถึงเดือนด้วยซ้ำ”
“ชอบก็คือชอบ แค่มองหน้าแล้วรู้สึกว่าใช่ มันก็คือชอบแล้วป่ะวะพี่”
“เออ มันก็ใช่ งั้นทำไมถึงชอบ”
“ก็น้องมันน่ารัก”
“สาดดดด ตอบแบบไม่ต้องคิด”
“...”
“แล้วมึงล่ะไอ้เป้ ทําเป็นนั่งเงียบ นี่มึงแอบสืบข่าวไปบอกไอ้ปรินซ์ใช่ม่ะ”
“เรื่องนี้ผมไม่ยุ่ง แค่มันไม่ต่อยกันก็พอ อีกอย่าง มันขึ้นอยู่กับน้องธามนู้น พวกมันทั้งคู่จะทำไรได้ ถ้าน้องมันไม่เอา”
“เออ ก็จริงของมึง”
“แต่กูบอกมึงไว้เลยไอ้ข้าว ไอ้ปรินซ์จริงจังกับน้องคนนี้มาก นี่มันก็ตีตั๋วบินกลับมาเองก่อนตั้งสองวัน รีบตามชีท ตามอ่าน ตามสอบ เอาซะเรียบร้อยจนเหลือแค่วิชาจารย์กรุณา แล้วมันก็อยากจะทันลงเตะแมทช์ชิงด้วย”
“นี่มึงอย่าบอกนะว่าครึ่งแรกที่มันไม่ลงเพราะมัวแต่อ่านชีท”
“ก็ไม่รู้ว่ะพี่ แต่ตอนไปตามหามันในสนาม เพื่อนมันเอาชีทที่มันลืมไว้ฝากมาคืนมันด้วย”
“โอ้โห กูกราบในความฟิตของมัน จะสอบอยู่แล้วยังจะมาเตะ อย่าบอกนะว่ามันมาเตะโชว์น้องธาม?”
“ก็คงใช่”
“...”
“มึงฟังกูนะไอ้เชี่ยข้าว ถ้ามึงยังไม่ได้อะไรกับน้องมันมากมาย มึงถอยเหอะว่ะ กูขอ น้องมันแม่งขุมพลังชีวิตของไอ้ปรินซ์ชัดๆ”
“ก็ดีดิวะ ถ้าไม่มีธามไอ้ปรินซ์คงถึงขั้นอยู่ไม่ได้แน่”
“!!! / !!!”
“เห้ย ผมล้อเล่น ก็ถ้าธามเลือกมันผมจะไปทําไรได้ แต่ตอนนี้ผมก็ยังมีสิทธิ์..”
ปัง!! เสียงประตูห้องชมรมถูกปิดดังจนทุกคนสะดุ้ง
“ไอ้ที กว่าจะมาได้นะมึง”
“ถ้ายังไม่ประชุมค่าย ผมขอตัวนะ” ไอ้ทีตอบพี่โบ้ทเสียงเย็นเฉียบ
“เห้ย รออีกแป๊บดิวะ พวกกูกําลังคุยเรื่องไอ้ข้าวอยู่ มึงก็มาร่วมวงเลย”
“ไม่ล่ะพี่ ขอตัว มันไร้สาระ”
“เป็นเชี่ยไรของมึงไอ้ที” ไอ้เป้เริ่มขึ้นเสียง แต่เสียงคงไปไม่ถึงไอ้ที เพราะไอ้ทีเดินออกจากห้องไปเรียบร้อยแล้ว
“มันเป็นเชี่ยไรว่ะไอ้ข้าว”
“เดี๋ยวกูมา” ไอ้ข้าวลุกเดินตามไอ้ทีออกไป
“หยั่งกับผัวเมียงอนกัน กูไม่เคยเห็นไอ้ทีโหมดนี้ แม่งน่ากลัวฉิบหาย”
“มันคงมีเรื่องอะไรกัน แต่ว่านะพี่ วันนี้แม่งฤกษ์ไม่ดี เรานัดกันวันหลังเหอะว่ะ”
“เออ ก็ได้ ปิดไฟปิดพัดลม กูล่ะตรมหาสักกลมสงบใจ ไปกับกูเลยไอ้เป้”
“กินกันสองคนเนี่ยนะ”
“เอออออ”
.
..ข้าว
“ไอ้ที”
ผมคว้าแขนคนที่สูงพอกันไว้ไม่ให้เดินห่างไปไกลมากกว่านี้ ตลอดทางเดินในตึกสภานักเรียนเงียบสงัดอย่างกับตึกร้าง มีแค่เสียงพูดคุยของผู้คนจากภายนอกตึกที่ยังเดินทยอยกันกลับออกจากสนามกีฬาดังอยู่ไกลๆ พอให้ได้ยิน และทําให้ได้รู้ว่าตึกนี้ยังคงมีพิกัดอยู่บนพื้นโลกไม่ใช่มิติคู่ขนานที่ปราศจากซึ่งสิ่งมีชีวิต
“...” ไอ้ทีสะบัดแขนออกจากการจับกุม เราสองคนกําลังยืนอยู่ตรงชานพักบันไดระหว่างชั้นสามกับชั้นสี่ แสงไฟสลัวจากหลอดนีออนที่อ่อนแรง บวกกับแสงสุดท้ายของพระอาทิตย์ใกล้ตกที่ลอดแนวระแนงเหล็กของกําแพงตึก ทําให้เราทั้งคู่อยู่ในสภาวะสถานที่ที่โคตรชวนอึดอัด
“มึงเป็นเชี่ยไรวะ หรือมึงโกรธกูที่กูจะแก้แค้นไอ้ปรินซ์”
“...” ไอ้ทีไม่มองหน้าผม ทั้งที่ผมก้าวเท้าประชิดใกล้ และมันก็ถอยจนหลังของมันติดกําแพง
“แค่กูจะแก้แค้นมัน กูผิดมากนักเหรอวะ”
“...”
“ออ หรือมึงห่วงธาม ถ้ามึงจะห่วงคนอื่น มึงช่วยห่วงความรู้สึกกูก่อนได้ไหม”
“ก็เพราะกูห่วงมึงไง ..แล้วกูก็ห่วงตัวกูเองด้วย”
“!!!” ไอ้ทีมองตาผมด้วยสายตาที่แข็งกร้าว
“กูห่วงมึงเพราะกูกลัวมึงเจ็บ ไม่ว่ามึงจะชอบน้องมันจริงหรือแค่แกล้งชอบเพราะจะแก้แค้น แต่มึงก็รู้อยู่แก่ใจอยู่แล้วว่าน้องมันชอบไอ้ปรินซ์แน่ๆ”
“...”
“แล้วกูก็ห่วงตัวเอง เพราะถ้ากูต้องเห็นมึงเจ็บ ..กูก็เจ็บไปด้วย”
“ไอ้ที คือกู..”
“นี่จะเป็นครั้งสุดท้ายที่กูจะพูดกับมึงเรื่องนี้..” ไอ้ทีเบือนหน้าหนีผม แต่ผมทันเห็นนัยน์ตาของมันที่เริ่มแดง มันชนร่างผมเพื่อเปิดทางให้ตัวเองได้เดินจากผมไป
..ไอ้ทีพูดถูกทุกอย่าง การที่ธามแสดงออกชัดเจนขนาดนั้นในเหตุการณ์วันนี้ ผมก็รู้แล้วว่าธามมีใจให้กับไอ้ปรินซ์ แต่ผมก็ยังอยากใช้ประโยชน์จากความความอ่อนโลกของธามแม้มันจะเป็นแค่การถ่วงเวลาความสุขของไอ้ปรินซ์ให้มาช้าเพียงชั่วครู่ แต่ตอนนี้สิ่งที่ไอ้ทีพูดเมื่อกี้มันติดอยู่ในหัวของผม‘..ถ้ากูต้องเห็นมึงเจ็บ ..กูก็เจ็บไปด้วย’ทําไมผมรู้สึกอ่อนไหวกับประโยคบอกเล่าของไอ้ที เชี่ยที มึงทําอะไรกับความรู้สึกของกู
.
.
..ธาม
..หอใน

“ไอ้ธาม! นี่คือมึงเตรียมนอน?”
“เออ กูจะนอนแล้ว”
“ยังไม่ทุ่มนึงเลยนะ?”
“เออ วันนี้กูเหนื่อย กูใช้พลังงานไปเยอะ”
“แล้วนี่มึงจะไม่กินข้าวเย็นก่อนรึไง”
“ไม่ กูไม่หิว”
โครกกกกกก
“กูว่าท้องมึงร้อง ท้องกูก็ร้อง ไปหาไรกินกันเหอะว่ะ”
“ไม่ กูจะนอน”
“นี่คือมึงจะชิงหลับหนีพี่ปรินซ์ หรือมึงจะอยู่รอให้พี่ปรินซ์มารับมึงกันแน่”
“กูแค่จะนอน..”
“เออ ไอ้ปากแข็ง”

Rrrrrrr
“ฮัลโหล ครับพี่” ไอ้บอสมันรับโทรศัพท์ที่โทรมาจากใครสักคน
[....]
“ไอ้ธามมันหลับไปแล้วครับ”
[....]
“ครับพี่ พักผ่อนนะพี่”

“ใครโทรมา”
“ก็พี่ปรินซ์ไง”
“แล้ว?”
“พี่มันบอกว่า โอเค งั้นพี่ไม่ไปกวนธามล่ะกัน”
“!!!”
“ก็มึงจะหลับแล้วนิ ได้ตามที่มึงต้องการ กูไล่พี่มันให้มึงล่ะ”
ไอ้เชี่ยบอส! “เออ ถูกใจกูมาก”
“กูจะไปหาอะไรกินล่ะ ตกลงมึงจะไม่กินอะไรใช่ไหม”
“เออออออ”
ไอ้เพื่อนเวรหยิบกระเป๋าตังมือถือก่อนพาร่างที่ใส่เสื้อยืดกางเกงขาสั้นตัวหลวมเดินออกจากห้องไป คงไปแค่ร้านชําใกล้หอ ผมลุกขึ้นมานั่งทั้งที่เมื่อกี้กำลังคลุมโปงเตรียมนอน รู้สึกหงุดหงิดอย่างบอกไม่ถูก ไม่ใช่ว่าอยากจะเจอปรินซ์ แต่ไหนใครบอกว่าเย็นนี้จะมาหา ผมว่าผมคงบ้าไปแล้วที่มานั่งถกความรู้สึกของตัวเองกับตัวเอง นอนก็นอน! ถึงเวลาที่จะต้องชาร์จพลังชีวิต เผื่อว่าพรุ่งนี้จะต้องเจอทั้งพี่ข้าว ทั้งไอ้ปรินซ์จะได้มีสติสมาธิหาทางออกจากปัญหาทั้งมวลได้
.
..บอส
ทําไมเป็นกูที่ต้องโดนระเห็จออกจากห้องตัวเองทุกครั้งด้วยวะ

(3 นาทีก่อนหน้า)
Rrrrrrr
“ฮัลโหล ครับพี่”
[พี่อยู่ใต้หอล่ะกำลังจะขึ้นไปหาธามนะ]
ตู๊ดดดดด ตู๊ดดดดด ตู๊ดดดดด พี่ปรินซ์พูดแค่นั้นก็วางหูใส่ผม
“ไอ้ธามมันหลับไปแล้วครับ”
....
“ครับพี่ พักผ่อนนะพี่”

..ใช่ ผมแกล้งไอ้ธามล้วนๆ หมั่นไส้ไอ้คนปากไม่ตรงกับใจ ไม่บอกให้มันรู้ก่อนหรอกว่าพี่ปรินซ์กำลังจะขึ้นไป แต่ผมก็คนดีไง.. รีบชิ่งออกมาให้ห้องแม่งสีชมพูอยู่กันแค่สองเรา
“อ้าว บอสไปไหน พี่ซื้อของกินมาเผื่อแล้ว”
“ขอบคุณพี่ แต่ไม่เป็นไร ผมไม่อยากอยู่เป็นก้าง” ผมเจอพี่ปรินซ์ระหว่างบันได
“เออ ขอบใจ”
“มีเรื่องนึงที่พี่ควรรู้ไว้”
“ว่า..”
“สร้อยที่ไอ้ธามมันใส่อยู่”
“?”
“..ของพี่ข้าว พี่ข้าวเป็นลุงสายรหัสมัน”
“โอเค เดี๋ยวพี่จัดการเอง”
“พี่รู้ใช่ป่ะ ว่าเพื่อนผมมันเป็นผู้ร้ายปากแข็ง”
“อืมม ขอบใจที่อยู่ข้างพี่ หวังว่าบอสจะเข้าใจถูกนะ”
.
..ธาม
กึกกัก แอ๊ด
ไอ้บอสคงกลับมาแล้ว ถึงสติของผมจะใกล้ชัตดาวน์เต็มที แต่ประสาทสัมผัสของผมก็ยังรับรู้ได้ว่ามีกลิ่นของอาหารเข้ามาลอยอยู่ในห้อง คงเป็นไอ้บอส กูจะไม่กินเด็ดขาด ถ้ามึงไม่อัญเชิญ ผมตั้งปณิธานกับตัวเอง ทั้งที่ก็ไม่รู้จะตั้งแง่อะไรกับความหิว และน้ำใจของเพื่อน (ถ้ามันเรียก)
“ธาม..” เชี่ยยย เสียงปรินซ์ ผมยังคงนอนนิ่งอยู่ใต้ผ้าห่มผืนบาง
“ถ้าธามไม่ลุก พี่จะกลับ” มันรู้ได้ไงว่าผมยังไม่หลับ เมื่อกี้เผลอสะดุ้งเหรอวะ ผมรีบเปิดผ้าห่มที่ปิดหน้าออก เลยได้เจอเข้ากับสายตาคู่คมที่มองจ้องผมอยู่ก่อนแล้ว
“จะแกล้งหลับหนีพี่เหรอครับ” ปรินซ์โน้มตัวลงมาใกล้ผม จนผมต้องหลับตาหนี เปลือกตาปิดสนิทชิด ผมเผลอกลั้นหายใจ ลุ้นว่าไอ้ปรินซ์มันจะทําอะไรผม ... ไม่มีอะไรเกิดขึ้น ผมแอบลืมตาขึ้นหนึ่งข้าง ปรินซ์ยังจ้องผมอยู่ แถมยังยิ้มน่าหมั่นไส้ ก่อนที่มันจะขยี้หัวผมด้วยมือหนา ก่อนยืดตัวสูงเดินถอยไปที่โต๊ะน้อยกลางห้อง
“ลุกขึ้นมากินมื้อเย็นก่อน ท้องร้องเสียงดังขนาดนี้ ยังไงธามก็หลับไม่สนิทหรอก”
อยากจะตัดขาดกับกระเพาะตัวดีจริงๆ ทำผมอับอายขายขี้หน้าคนตัวสูงจนได้ ผมยอมลุกจากเตียงแล้วเดินไปนั่งลงหน้าโต๊ะน้อย ที่มีปรินซ์นั่งรออยู่พร้อมกับ..
“ก๊วยจั๊บใส่แต่หมูกรอบ กระเพาะ แล้วก็เซี่ยงจี๊ที่ธามชอบ”
“เห้ย ไปซื้อจากไหนเนี่ย แถวนี้มีขายด้วย?” ผมอดตาลุกวาวกับเมนูโปรดที่หากินยากในย่านนี้ไม่ได้ เผลอลืมรักษาฟอร์มไปสนิทใจ
“ก็ไม่ได้ซื้อแถวนี้ ต้องไปที่ตลาดใหญ่เลยมอเราไป”
“โคตรไกลเลยนะ”
“ก็มีรถ..”
“ไม่เหนื่อยรึไง วันนี้ทั้งเตะบอล ไหนจะสอบอีก”
“ก็พี่รู้ว่าธามชอบ..” ผมเงยหน้ามองปรินซ์ปรินซ์เองก็กำลังมองผม เราสองคนสบตากัน..
หนึ่ง.. สอง.. สาม.. สี่.. ห้า..
‘..ถ้ามึงสตั้นท์ ค้าง นิ่ง รอ ..กูว่ามึงชอบด้วยซ้ำ’ไอ้บอสเคยบอกผม
ผมก้มหน้าหลบตาปรินซ์ เชี่ยแล้วไอ้ธาม นี่คือมึงชอบ.. มึงตั้งใจมองปรินซ์..!
“ทำไมไม่มองต่อล่ะ พี่ชอบนะเวลาที่ธามมองพี่” ไอ้ปรินซ์ยิ้มมุมปาก
“..แค่ไม่แน่ใจว่ามีอะไรติดอยู่ที่หน้าตังหาก”
“แล้วตกลงมีไหมครับ”
“ไม่มี”
“งั้นก็กินได้แล้ว เดี๋ยวหายร้อน”
.
“ทำข้อสอบได้ป่ะ” ผมถามหลังจากที่ทั้งผมและปรินซ์กินก๋วยจั๋บไปได้สักพัก
“สบายมาก ดีที่ไอ้เป้มันจดละเอียด”
พี่เป้..
“ทุกทีมันจดน้อยมาก เพราะแค่ฟังมันก็เข้าใจหมดแล้ว แต่นี่คงเผื่อให้พี่อ่าน มันเลยจดซะทุกประโยคที่อาจารย์พูด ตอนสอบเลยไม่พลาดอะไร”
“...”
“ไม่ใช่แค่วิชาเดียวด้วยนะ มันจัดเต็มทุกวิชา”
“..พี่เป้เขาเป็นคนดีเนอะ”
“อื้ม ใช่”
“...”
“ทำไมทำหน้าแบบนั้น อิ่มแล้วเหรอ หรือว่าไม่อร่อย”
“ออ ไม่ อร่อยดี” ทำไมจู่ๆ ผมถึงรู้สึกแย่ขึ้นมาก็ไม่รู้ และมันคงดูได้ไม่ยากจากสีหน้าของผม
“ธาม..” ผมเงยหน้าขึ้นมองปรินซ์
“จำที่พี่พูดก่อนไปอิตาลีได้ใช่ไหม”
“อืม จำได้”
“คบกับพี่ได้ไหม ..เป็นแฟนพี่” ปรินซ์ยิ้มอ่อนโยนให้ผม สายตาแน่วแน่ของปรินซ์บอกผมว่ามันกำลังจริงจังกับสิ่งที่เพิ่งพูดออกมา
“มันอาจจะฟังดูแปลกๆ แต่พี่รอธามมาตลอด ตอนนี้ธามก็โตพอที่จะรับรู้ความในใจของพี่ได้แล้ว แค่ธามเปิดใจให้พี่”
...…
“ปรินซ์.. คือกูยังไม่แน่ใจ คือกูไม่เคยคบใคร แล้วกูก็ยังสรุปไม่ได้ว่า ที่กูรู้สึกดีกับมึงมากๆ มันเป็นแค่ความรู้สึกของคนที่เป็นพี่น้องกันรึเปล่า” รอยยิ้มของปรินซ์สลดลง หัวใจของผมก็เต้นช้าลงเช่นกัน เหมือนว่ามันจะอยากหยุดทํางานไปดื้อๆเพื่อประท้วงผม ..สมองกับหัวใจ ตอนนี้ผมคงกําลังทําตามคําสั่งของสมอง ..แทนที่จะเป็นหัวใจ
“อืม อย่างน้อยธามก็รู้สึกดีกับพี่” ปรินซ์เอื้อมมือหนามาลูบหัวผมแผ่วเบา
“ไม่เป็นไร พี่รอธามได้ พี่จะทำให้ธามมั่นใจในความรู้สึกของตัวเอง ..ว่าธามก็ชอบพี่เหมือนกัน” ปรินซ์ส่งยิ้มสดใสให้ผม อยากรู้จริงๆว่าอะไรทำให้ปรินซ์มั่นใจในตัวเองขนาดนั้น
“แต่พี่มีเรื่องนึงจะขอธาม ธามจะให้พี่ได้ไหม.. ..จนกว่าจะถึงวันที่ธามมั่นใจว่ารู้สึกเหมือนกันกับพี่ อย่าเผลอให้ความหวังใคร.. ถอดสร้อยไอ้ข้าวซะ..”
.
.

ออฟไลน์ AkuaPink

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2033
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +59/-1

ออฟไลน์ kajeaw

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 529
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +21/-2
    • กาเจี๊ยว
ธามก็อย่ามัวแต่คิดมากสิ

ออฟไลน์ After5p.m.

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 83
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +18/-1
025
ชมรม
.
.
ไอ้บอสหัวเราะเสียงดังลั่น จนใครๆ ที่เดินอยู่บนฟุตบาทพากันหันมามอง ดีที่พวกเราขี่จักรยานอยู่ เลยไม่มีใครมองตามทัน
“สรุปว่ามึงก็เลยเต็มใจถอดสร้อยพี่ข้าวววววววววว” น้ำเสียงไอ้บอสชวนให้ผมอยากจะถีบจักรยานมันให้ล้ม
“ก็ปรินซ์มันขอความร่วมมือจากกู”
“พี่ปรินซ์พูดกับมึงว่า..”

“..จนกว่าจะถึงวันที่ธามมั่นใจว่ารู้สึกเหมือนกันกับพี่ อย่าเผลอให้ความหวังใคร.. ถอดสร้อยไอ้ข้าวซะ..”
ปรินซ์ลุกขึ้นอ้อมโต๊ะมาอยู่ด้านหลังของผมก่อนกระซิบที่ข้างหู ทั้งที่เราก็อยู่ในห้องกันแค่สองคน แถมยังปลดสร้อยของพี่ข้าวเองเลย โดยที่ไม่รอถามความยินยอมจากผม แต่นาทีนั้น แค่ผมบังคับหัวใจตัวเองไม่ให้เต้นแรงจนไอ้ปรินซ์จับได้ยังยาก แล้วจะเอาปากที่ไหนไปห้ามมันได้ พี่ข้าวก็เคยทําแบบนี้กับผม ใจของผมเต้นแรงไม่ต่างกัน พี่ข้าวจู่โจมจนผมตกใจเพราะไม่คาดคิด และผมอยากถอยห่าง แต่พอเป็นปรินซ์.. ผมนึกอยากให้เวลาในตอนนี้หยุดอยู่หรือยืดยาวออกไปให้นานที่สุด ผมอยากหันหน้าไปมองปรินซ์ในระยะที่ใกล้จนไร้ซึ่งหน่วยวัดใดๆ จะบอกขนาดได้ แต่ผมยังไม่กล้าพอ.. ขอเวลากูอีกนิดนะปรินซ์ ให้กูหาเหตุผลมาแก้ตัวกับตัวกูเองไม่ได้ก่อน ..ว่ากูเองก็ชอบมึงแบบนั้น แบบที่ไม่ใช่ทั้งพี่ ไม่ใช่ทั้งเพื่อน..

“ทำไมกูต้องบอกมึง!”
“แล้วทำไมมึงต้องหน้าแดง”
“ก็แดดมันแรง”
“โอ้โห แดดแปดโมงเช้า แรงมากกกก คงไม่ใช่ว่ามึงกําลังคิดอะไรใจเต้นแรงอยู่เหรอวะ หน้าถึงแดง”
“เมื่อคืนมันไม่มีอะไรนะเว้ย กินก๊วยจั๊บเสร็จปรินซ์มันก็กลับ”
“ก็แค่กินก๊วยจั๊บทําไมร้อนตัววะ แสดงว่ามีอะไร”
“ไม่มี หรือถึงจะมี กูก็ไม่จําเป็นต้องเล่าให้มึงฟังป่ะ”
“เดี๋ยวนี้มีความลับกับเพื่อนแล้วเหรอน้องธาม พี่บอสเสียใจนะ”
“อย่ามาเป็นพี่กู มันขนลุก”
“ทํามาเป็นรับไม่ได้ ก็นี่กูไง ไม่ใช่พี่ปรินซ์”
“มึงพอเลย”
“เออ กูหยุดก็ได้ ตอนนี้มึงไม่ได้แดงแค่หน้าล่ะ ทั้งหู ทั้งคอ แดงมันยันไหปลาร้าล่ะ”
“จริงเหรอว่ะ!”
“เออ ว่าแต่แล้วไอ้พี่ข้าวของมึงจะไม่ว่าอะไรเหรอวะ ไปถอดสร้อยจองตัวของเขาออกน่ะ”
“กูก็ไม่รู้ว่ะ แต่กูว่าพี่เขาน่าจะเข้าใจ”
“มึงก็เตรียมเหตุผลดีๆไปตอบล่ะกัน ไม่ใช่ว่าฟังมึงจบปุ๊บ ไปมีเรื่องกันปั๊บ”
“...”

“เย็นนี้เจอกันที่ชมรม ฝากน้องธามด้วยครับคุณบรีส แล้วคุณมึงก็อย่าเชียร์คุณพี่ข้าวของมึงเกินหน้าเกินตาคุณพี่ปรินซ์ของกูด้วย” ไอ้บอสสั่งไอ้บรีส แล้วไถเท้าบนพื้นถนนเล็กน้อยก่อนถีบจักรยานไปต่อ
“เออ กระผมจะพยายามไม่ทำตามคุณบอกนะขอรับ” ไอ้บรีสส่งเสียงไล่หลังไอ้บอสไป
“แล้วนี่พี่ปรินซ์มึงไม่มาส่ง?”
“เออ มันมีเรียนเช้า”
“แล้วเมื่อวาน..”
“มึงนี่ได้เชื้อเผือกจากไอ้บอสมาใช่ม่ะ”
“กูเป็นของกูอยู่แล้วเว้ย กูก็แค่อยากรู้ รู้เขารู้เรารบร้อยครั้ง ก็ชนะร้อยครั้ง พี่ข้าวกูก็ต้องมีข้อมูลบ้างดิวะ”
“นี่คือมึงเป็นสปายให้พี่ข้าว?”
“ใช่ กูทีมพี่ข้าว”
“เอาจริงๆนะเว้ย กับพี่ข้าว กูยังคิดว่าพี่แม่งแค่อำกูว่ะ”
“ชัดเลยเพื่อนกู มึงเอียงไปทางพี่ปรินซ์”
“กูรู้จักปรินซ์มานานมากแล้วเว้ย นานจนรู้ว่าแม่งนิสัยยังไง แต่พี่ข้าวเนี่ย กูว่าทั้งกูทั้งมึงก็ยังไม่ได้รู้จักพี่เขาจริงๆ ป่ะวะ”
“กูก็แค่อยากให้มึงอย่าปิดโอกาสพี่ข้าว ไม่รู้ดิวะ เซ้นส์กูบอกว่าพี่มันแม่งไม่ได้เลวร้าย ออกจะคูลด้วยซ้ำ”
“ทำไมมึงเชียร์พี่มันจังวะ”
“กูก็ไม่ได้รู้จักพี่ปรินซ์ของมึงเหมือนกันไง กูเลยรู้สึกว่า ถ้าพี่มันทั้งคู่จะจีบมึง มึงก็ควรให้โอกาสทั้งคู่แบบแฟร์ๆ เท่าๆ กันดิวะ”
“พอได้แล้ว ไปเรียน”
จริงของไอ้บอส ถ้าผมชัดเจน ไอ้บรีสคงไม่ต้องมานั่งทวงความยุติธรรมอะไรแบบนี้จากผมอีก แต่เรื่องหัวใจ.. มันต้องใช้เวลาหน่อยดิวะ

บ่ายวันนี้อากาศแสนอบอ้าว ผมยืนดูดโกโก้โอริโอ้ปั่นอยู่ในอาณาเขตของคณะครุศาสตร์ วิชาแสนรื่นรมย์ของใครหลายคนกำลังทำพิษกับผม ไม่ใช่เพราะเนื้อหายากแสนยาก แต่เพราะเนื้อหาที่สุดไพเราะอย่างการนั่งฟังเพลงคลาสสิคที่ผมเข้าไม่ถึงต่างหาก เพราะผมตีความความรู้สึกของผู้ประพันธ์ระดับโลกไม่ออก เพลงไหนกำลังบอกเราว่ารื่นเริงรื่นรมย์ ท่อนไหนกำลังบอกเราถึงความเศร้าสุดรันทด สำหรับผมวิธีที่ง่ายสุดคือการเดาเอาจากชื่อเพลง..
“ตลกล่ะไอ้ธาม กูว่าตรรกะมึงไม่น่าใช้ได้ว่ะ”
“เออ กูก็ว่างั้นแหละ”
“ไปชมรมเลยไหมวะ”
“อืม ไปดิ”
“อ้าว นั่นพี่ข้าวนิหว่า เข้าไปทักลุงมึงดิ”
“กูว่าไม่ต้องก็ได้มั้ง”
“มึง ลำเอียงว่ะ”
“เออๆ ก็ได้” มึงเป็นทนายฝั่งพี่ข้าวใช่ไหม ขยันหาช่องช่วยพี่มันตลอด
“หวัดดีครับพี่ข้าวพี่ที / หวัดดีครับพี่ๆ” พี่ข้าวรีบลุกขึ้นจากม้านั่ง ส่วนพี่ทีที่ยังคงนั่งอยู่ก็ยิ้มตอบให้พวกผม
“ธามกับบรีสมาทำอะไรแถวนี้”
“พวกผมมาเรียนดนตรีงานศิลป์น่ะพี่” ไอ้บรีสตอบพี่ข้าว
“ออ พี่หลับตลอดนะ”
“พวกผมก็หลับ”
“แล้วนี่จะไปไหนกันต่อรึเปล่า”
“จะไปชมรมต่อครับพี่”
“ขยันแหะ ชมรมอะไร”
“ชมรมเดินดอยพี่”
“จริงดิ โคตรบังเอิญ พวกพี่ก็อยู่ชมรมนี้” พี่ข้าวที่ถามตอบอยู่กับไอ้บรีสแค่สองคนหันหน้ามาทางผม “เหมือนที่พี่บอกไหม ว่ามันคือพรหมลิขิต” พี่ข้าวพูดพร้อมกับยิ้มบางๆ ส่วนผมก็ยิ้มตอบบางๆ เช่นกัน
“ธาม..” พี่ข้าวเดินขยับเข้าใกล้ผม สายตาของพี่ข้าวเหมือนกำลังสำรวจอะไรผมอยู่
“ครับ?”
“สร้อย?”
“สร้อย.. คือผมเอามือไปเกี่ยวถูกตอนอาบน้ำ แล้วตะขอมันเลยหลุดครับ” เชี่ยธาม! มึงกำลังโกหก กรรมจะตามสนองมึงแน่!
“ไว้พี่หาสร้อยให้ใหม่นะ”
นั่นไงกูว่าแล้ว “ไม่เป็นไรพี่ จริงๆผมก็ไม่ค่อยใส่อะไรพวกนี้อยู่แล้วด้วย”
“มึงก็อย่าขัดน้ำใจพี่เขาดิวะ” ไอ้เชี่ยบรีส!
“สรุปว่าพี่หาสร้อยมาให้นะ”
“เอ่อ.. ครับ”
“พี่ว่าเราน่าจะไปกันได้แล้ว” พี่ทีพูดเสียงเย็น ขณะที่ลุกขึ้นยืนมองพวกเราด้วยตาคู่เรียว คิ้วของพี่ทีกำลังขมวดเบาๆ
“แล้วธามกับบรีสไปยังไง” พี่ข้าวถาม ซึ่งผมก็มีไอ้บรีสคอยตอบให้เหมือนเดิม
“เดี๋ยวพวกผมกลับคณะไปเอาจักรยานแล้วปั่นไปพี่”
“..พี่ว่าพวกเราไปบัสมหาลัยพร้อมกันนี่แหละ จะได้ไม่เสียเวลา ขากลับค่อยมาเอาจักรยาน”
“ก็ดีพี่ ผมยังไม่เคยขึ้นบัสมหาลัยเลย มึงว่าไงไอ้ธาม” ไอ้บรีสหันหน้าโอเวอร์แอคติ้งมาทางผม ไอ้เพื่อนเวรรถบัสก็คือรถบัสไหมวะ ทำมาเป็นไม่เคยขึ้น
“เอ่อคือ..”
“เอาตามนี้แหละ มัวแต่ถามไปถามมาก็ยิ่งช้า” พี่ทีพูดสรุปก่อนจะเดินนำไป ผมว่าผมเห็นเมฆฝนก่อตัวลอยอยู่ทั่วบริเวณ ถ้าขืนนานกว่านี้อาจจะถึงขั้นสายฟ้าฟาดลงกลางวง เพราะอารมณ์บนใบหน้าของพี่ทีบอกผมอย่างนั้น ต่างจากไอ้บรีสที่ไม่ได้สลดกับสถานการณ์ตรงหน้าสักนิด ทีนี้ล่ะไม่ฉลาดนะเพื่อนกู.. ส่วนพี่ข้าว..
“ไปกันเถอะ” พี่ข้าวพูดกับผม ทั้งที่สายตาเหม่อมองตามหลังเพื่อนสนิทที่เดินห่างออกไป

ประชากรบนบัสมหาลัยตอนนี้โคตรจะแน่นเพราะทุกคนพากันเดินทางหลังเลิกเรียน โดยเฉพาะเด็กปีหนึ่งที่มีจุดหมายเดียวกันก็คือการไปชมรมทำให้สายเส้นทางเดินรถที่พวกผมขึ้นยิ่งแออัดหนักเข้าไปอีก อยากจะเห็นหน้าของไอ้บรีสจริงๆ ปั่นจักรยานเองดีๆ ชิลๆ ไม่ชอบ ไงล่ะมึง.. โดนเบียดจนไหลไปอยู่ในสุดของรถ ส่วนผม พี่ข้าว พี่ที ก็ยืนกองอยู่ใกล้กันห่างออกมา
“นั่งดิ” พี่ข้าวพูดกับพี่ทีเมื่อเก้าอี้ระหว่างกลางว่าง และรอบข้างไม่มีสุภาพสตรีสักคน
“มึงก็ให้ธามนั่ง”
“ก็กูจะให้มึงนั่ง”
“มึงจะจีบน้องมัน หรือมึงจะจีบกู”
..เป็นพี่ทีที่ถอนสายตาออกจากพี่ข้าวก่อน หลังจากสบตากันชั่วอึดใจ ส่วนผมที่เห็นท่าไม่ดีก็รีบขยับร่างออกให้ห่างขึ้นอีกนิด แต่คงไม่มากพอ เพราะข้อมือของผมถูกฉุดกระชากด้วยแรงเบาๆ ของพี่ข้าวให้นั่งลงที่เก้าอี้ว่างท่ามกลางบรรยากาศเย็นเยือกของคนทั้งคู่
“ธามนั่งนะ อีกสักพักกว่าจะถึง” พี่ข้าวก้มหน้าบอกกับผมพร้อมกับยิ้มบางๆ
ตลอดระยะทางที่ไม่ไกลนักเมื่อโดยสารด้วยยานพาหนะคันโต พี่ทีเอาแต่มองออกนอกหน้าต่าง ส่วนพี่ข้าวก็มองพี่ทีสลับกับวิวนอกรถ บรรยากาศหนักๆ ระหว่างคนทั้งคู่ทำผมรู้สึกว่านั่งรถอยู่นานอย่างกับระยะทางจากกรุงเทพฯ ไปสระบุรี ..แม่งโคตรอึดอัด

นี่เป็นครั้งแรกของผมที่ห้องชมรม ‘เดินดอย’ ชมรมที่อยากอยู่เพราะได้ทำดีแก่สังคม แต่เหตุผลที่สำคัญกว่าก็คือการได้ขึ้นเขา.. เสพบรรยากาศธรรมชาติอันปลอดโปร่ง
“มาแล้วเหรอ”
“ปรินซ์!” ปรินซ์ทักทายผมขณะกำลังยืนเท้ากรอบประตูบานที่สองจากบันไดทางขึ้น ซึ่งถ้าผมเข้าใจไม่ผิด..
“ทำไมมึงช้าจังวะ” ไอ้บอสที่โผล่หน้าอยู่ข้างๆปรินซ์ทำให้ผมรู้ทันทีเลยว่าห้องนั้นคือห้องของชมรมเดินดอย
“รถมันช้า..” ผมมองหน้าคนตัวสูงที่ยังคงยืนวางท่าเท่ๆ
“แล้วนี่มาทำอะไร?”
“ก็มาเข้าชมรมไงครับ” ปรินซ์ยิ้มมุมปาก เป็นยิ้มที่ผมว่าน่ามอง ถึงจะน่าหมั่นไส้ด้วยก็เถอะ
“ไอ้เป้มันบอกว่าธามอยู่ชมรมนี้ พี่ก็เลยตามมาเข้าด้วย” หัวใจผมพองโต ผมคิดว่าผมกำลังดีใจกับคำพูดของปรินซ์
“เพิ่งมาเข้าเอาตอนปีสาม.. ไม่ช้าไปหน่อยเหรอวะ” พี่ข้าวที่เดินตามมาพูดผ่านผมไปปะทะเข้าหน้าปรินซ์
“กูจะเข้าปีไหน แล้วมึงยุ่งอะไรด้วย”
“ไอ้เชี่ยพวกมึง! เจอหน้ากันปุ๊บก็จะกัดกันปั๊บ เข้าไปข้างในเลย กูอายชมรมอื่นเขา” เป็นพี่โบ้ทที่ออกมาห้ามศึก

“สวัสดีครับน้องๆ ทุกคน พี่ชื่อโบ้ท ปีสี่จิตวิทยา เป็นประธานชมรมเดินดอย”
พี่โบ้ทพูดหลังจากที่สมาชิกในชมรมกว่าสามสิบคนนั่งพื้นและนั่งเก้าอี้เรียบร้อย
“สโลแกนของชมรมเราคือ ถึงจะสูงจะหนาวก็ไม่หวั่น เพราะใจเรานั้นอยู่ที่เธอ”
……. เสียงยุงบิน แมลงวันทำความสะอาดขาหน้ายังอาจจะดังกว่าเสียงเงียบของคนทั้งห้อง เฮ้ออออออ.. ขอไว้อาลัยกับสโลแกนสุดเสี่ยวของพี่มัน
“จริงๆก็ไม่ได้มีสโลแกนอะไรแบบนั้นหรอกนะ.. กิจกรรมชมรมเราก็คือขึ้นดอย เพื่อทำสาธารณประโยชน์ที่พวกเราพอจะทำได้อย่างงานใช้แรงงาน งานใช้สมองนิดๆหน่อยๆ ส่วนผลพลอยได้ก็คือการได้สูดหายใจเต็มปอดบนดอยนั่นเอง คราวนี้พี่อยากให้ทุกคนแนะนำตัวเอง คณะ แล้วก็บอกว่าทำไมถึงมาเข้าชมรมนี้”

“ขอเสียงปรบมือให้กับสมาชิกใหม่ทุกคน” เสียงปรบมือดังเท่าที่คนเกือบครึ่งร้อยจะทำได้หลังจากสมาชิกใหม่แนะนำตัวเสร็จครบ
“วันนี้ก็เป็นวันแรกของการมาเจอหน้ากัน พี่เองก็มีเรื่องต้องชี้แจงเอาไว้ล่วงหน้า เพราะดันมีไอ้บ้าสองตัวเข้ามาอยู่ในชมรมเดียวกัน ไอ้เป้ อ่านกฎที่พี่เพิ่งตั้งเมื่อยี่สิบนาทีที่แล้วสิ”
“ห้ามไม่ให้มีการทะเลาะ ตี ต่อย เตะ กัดกันในระหว่างอยู่ชมรมไม่ว่าจะอยู่ในหรือนอกมหาลัย หากเกิดเรื่องขึ้น ประธานชมรมมีสิทธิ์ใช้อำนาจตามมาตรา 15 บรรทัดที่ 3 วรรคที่ 2 ในวงเล็บที่ 1 ในการพิจารณาให้คู่กรณีออกจากชมรมได้ทั้งสองฝ่าย”
“พวกมึงได้ยินแล้วนะ ชมรมนี้ถูกสืบทอดมาอย่างดีโดยศิษย์เก่าหลายรุ่น พวกมึงไม่กี่ตัวจะมาทำให้ชมรมดีๆ ด่างพร้อยไม่ได้” พี่โบ้ทพูดเสียงดังฟังชัดทั่วทั้งห้องพื้นที่หกคูณหกเมตร ขณะที่ปรินซ์กับพี่ข้าวกำลังฟาดฟันทำสงครามด้วยสายตาทั้งที่นั่งห่างกันคนละฟากฝั่งของห้อง
“ไอ้เป้มึงเขียนเพิ่ม ทะเลาะกันผ่านรูม่านตาก็ไม่ได้”

หลังจากประชุมได้เป็นชั่วโมง พวกเราก็ได้ข้อสรุปคร่าวๆของการเดินดอยในปิดเทอมที่จะถึงนี้ เป้าหมายคือการกลับไปวัดผลการเดินดอยที่ดอยเขาไม้งามเมื่อสองปีก่อน
“พี่เพิ่งโทรไปสอบถามลุงข่างที่เป็นผู้ใหญ่บ้านว่ามีปัญหาอะไรที่พวกเราพอจะไปช่วยได้ ก็จะมีเรื่องคู่มือการกินยา เพราะชาวบ้านส่วนใหญ่ไม่เข้าใจภาษาไทย ใครมีไอเดียดีๆ เสนอบ้าง”
นี่เป็นครั้งที่สามที่ผมได้เจอพี่เป้ เพื่อนสนิทของปรินซ์ พี่เป้ดูเป็นผู้ใหญ่ เป็นการเป็นงาน น่าเชื่อถือ และที่สำคัญคือรู้จักปรินซ์ดี ไม่แน่อาจจะดีกว่าผมด้วยซ้ำ.. ผมแอบมองไปที่คนตัวสูงกว่าที่มีสถานะเป็นน้องใหม่ในชมรมเหมือนกันปรินซ์กำลังตั้งใจมองและตั้งใจฟังพี่เป้ ไม่เห็นมีอะไรแปลก.. ก็เขาเพื่อนกัน สมองซีกซ้ายบอกผมอย่างนั้น
“กูว่าทำเป็นรูปภาพ” ปรินซ์พูดขึ้นมาเมื่อพี่เป้พูดจบเพียงสามวิ พี่เป้ทำหน้าดุเล็กๆ ใส่ปรินซ์ “อ่อ โทษทีที่ไม่สุภาพ ผมว่าเราน่าจะทำเป็นรูปภาพสอนวิธีการกินยา ภาพเป็นภาษาสากลอยู่แล้ว”
.
“ไงมึง เขารู้ใจกันดีเน๊อะ” ไอ้บอสกระซิบบอกผม
.
“ไอเดียน่าสนใจ คนอื่นว่าไงกันบ้าง” พี่โบ้ทพูด “น้องแพมล่ะมีความเห็นว่าไง”
“แพมว่าดีเลยค่ะ เราน่าจะทำเป็นกราฟฟิกรูปภาพสัญลักษณ์ต่างๆ อย่างพระอาทิตย์ รูปนาฬิกา อะไรทำนองนี้ค่ะ แล้วแปะข้างฉลากยาไป พร้อมกับอธิบายให้เข้าใจความหมายกันอีกทีน่ะค่ะ”
“มึงว่าไงไอ้ข้าว”
“ก็น่าจะดี”
“มีใครเสนอเพิ่มหรือแย้งไหม” … “โอเค ไม่มี เดี๋ยวเราค่อยแบ่งทีมกันทํา ไอ้เป้ เรื่องต่อไป”
“เรื่องปากท้องชาวบ้าน การทำมาหากิน คราวที่แล้วที่ไป เรามีข้อมูลว่าปัญหาของชาวบ้านคือผลผลิตที่หาช่องทางจำหน่ายไม่ได้”
“เราน่าจะทำเป็นคลิปโปรโมต แล้วก็อัดเสียงไปเป็นโฆษณาตามวิทยุชุมชนในตัวตำบล แล้วก็ตัวจังหวัด”
“เออ ไอเดียไอ้ข้าวดี”
“แต่ก่อนจะทำคลิปโปรโมตอัดเสียงนู่นนี่ เราต้องดูเรื่องคุณภาพของสินค้า ช่องทางการจำหน่ายที่เป็นไปได้จริงก่อน”
“เออ ไอ้ปรินซ์ก็พูดถูก”
“งั้นขอสรุปเลย ปรินซ์กับไอ้เป้ดูแลเรื่องสินค้า ส่วนไอ้ข้าวน้องธาม รับผิดชอบเรื่องวิธีโปรโมต”
“เออ ไอ้ทีสรุปได้ดี”
“ทำไมธามต้องทำกับมันวะ”
“ก็เพราะเรียนนิเทศเหมือนกัน” พี่ทีตอบปรินซ์หน้าตาย ไอ้เด็กใหม่ลุกขึ้นจากเก้าอี้ทันทีแบบมีอารมณ์
“มึงก็เรียนนิเทศ ทำไมมึงไม่ทำกับเพื่อนมึง”
“ก็กูไม่อยากทำกับมัน”
“!! / !! / !! / !!”
“ไอ้เชี่ยพวกมึงใจเย็น! ไอ้ปรินซ์มึงนั่งลง ส่วนไอ้ทีมึงก็..”
“ทำไมมึงไม่อยากทำกับกู” พี่ข้าวเองก็ลุกขึ้นยืน ก่อนจะพูดเสียงเย็นมองไปทางพี่ทีที่นั่งอยู่บนโต๊ะหน้าห้อง
“เพราะกูไม่อยากอยู่เป็นก้างของมึง” พี่ทีมองพี่ข้าวด้วยสายตาเย็นชาที่สุด ซึ่งถ้าเป็นผม.. ถ้าปรินซ์มองผมแบบนี้ ผมคงจะทนไม่ได้ เพราะมันเหมือนกับว่าเราไม่มีแม้แต่สถานะคนรู้จักในความรู้สึกของเขา
.
..ข้าว
ไอ้ทีมันมองผมด้วยสายตาที่เย็นชาที่สุด ตั้งแต่ผมพูดกับมันเรื่องแก้แค้น มันเริ่มที่จะตีตัวออกห่างผมมากขึ้นทุกที ผมเข้าใจว่านั่นคือการแสดงออกถึงความไม่เห็นด้วยทางความคิดของมัน แต่เหตุการณ์สองสามวันที่ผ่านมา ผมกลับไม่เข้าใจการกระทำของมัน ..ช่วยผมจีบธามอย่างนั้นเหรอ แต่บางคำพูดของมัน ทำไมมีความย้อนแย้งกับสิ่งที่มันพยายามทำ เหมือนมันประชด แดกดัน มากกว่าจะตั้งใจส่งเสริมความชั่วที่ผมกำลังทำอย่างจริงใจ อะไรของมันว่ะ! แทนที่ผมจะรู้สึกดีกับสิ่งที่มันพยายามช่วย ผมกลับนั่งกังวลกับความรู้สึกของมันแทน ผมมองไอ้ทีเพื่อนที่ผมสนิทมาตลอดแทนที่จะมองธาม..
.
.
.

ออฟไลน์ After5p.m.

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 83
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +18/-1
026
ความรู้สึกของที
.
.
“เพราะกูไม่อยากอยู่เป็นก้างของมึง”
คําพูดของพี่ทีทําเอาทุกคนต่างพากันหันไปมองหน้าพี่ข้าว เกินครึ่งห้องทําหน้าไม่เข้าใจโดยเฉพาะเด็กปีหนึ่งที่เพิ่งเข้าชมรม ส่วนคนที่รู้เรื่องและทําหน้าไม่ถูกก็คงไม่พ้นผม
“พวกมึงพอเลย! อย่าเอาเรื่องส่วนตัวมาทําให้งานเสียได้ไหมวะ แล้วก็หัดอายน้องที่มันนั่งอยู่ด้วย” พี่เป้พูด ถ้าไม่นับความรู้สึกแปลกๆ ที่ผมรู้สึกลึกๆ ผมว่าผมนับถือที่พี่เป้พูดอะไรโคตรตรง
“แล้วเรื่องแบ่งทีมทำงาน มันก็ต้องช่วยกันทั้งหมดนั่นแหละ ชมรมนี้มีตั้งสามสิบกว่าคน คงไม่ปล่อยให้คนแค่สี่คนทำงานกันเองหรอก”
“เอาเป็นว่าตอนนี้เฮดดูแลสินค้าคือไอ้ปรินซ์เฮดดูเรื่องโปรโมตก็คือไอ้ข้าว ซึ่งพวกมึงอย่าลืมว่า พวกมึงเองก็ต้องทำงานร่วมกัน แล้วก็อย่าลืมด้วยว่าเรากำลังจะไปทำเพื่อประโยชน์ส่วนรวม ประโยชน์ของชาวบ้าน ไม่ใช่ทำเอาเท่” พี่โบ้ทพูดพร้อมกับมองไปทางปรินซ์ทีพี่ข้าวที “ส่วนมึงไอ้ที หลังเลิกชมรมอยู่คุยกับกูก่อน”
หลังจากความวุ่นวายผ่านไป ความเงียบสงบก็กลับคืน อีกราวหนึ่งชั่วโมงต่อมา ก็ได้เวลาชมรมเลิก
“เอาล่ะ วันนี้พวกเราจะไปฉลองวันแรกพบกันนนนนนนน”
“พี่โบ้ทค่ะ วันนี้แพมมีนัดแล้วอ่ะ”
“พวกเราก็ด้วยพี่” พอมีน้องหลายคนปฏิเสธ พี่โบ้ทเองก็ทำหน้าสลดลง
“งั้นเอางี้ งั้นพี่นัดเย็นพรุ่งนี้ห้าโมงนะที่ชมรม แต่ถ้าใครสะดวกไปรอที่ร้าน ‘นั่งกิน’ หลังมอก่อนได้เลย บอกเขาว่าพี่โบ้ทสุดแกร่งจองไว้ ทุกคนต้องมา เข้าใจนะ”
.
“เออธาม พี่ตาวฝากให้พี่มาบอกว่า เย็นพรุ่งนี้เราจะเลี้ยงสายรหัสกันนะ”
“เหรอครับพี่ แล้วที่ชมรม..”
“พี่ตาวก็นัดร้านนี้เหมือนกัน พรุ่งนี้ไปพร้อมกัน พี่รอใต้ถุนนะ”
ผมพยักหน้าตอบพี่ข้าว “ครับ”
“ธาม กลับกันเถอะ” ปรินซ์ที่เพิ่งเดินเข้ามามองพี่ข้าวตาขวาง “บรีสกับบอสรออยู่นะ” ปรินซ์ไม่พูดเปล่า ยังโอบไหล่เอาร่างผมเข้าไปชิด กลิ่นตัวอ่อนๆ กับร่างอุ่นๆของปรินซ์ทําผมหายใจติดขัด
“ธามต้องกลับคณะนิ งั้นก็กลับพร้อมพี่”
“ธามต้องกลับกับกู”
“ตอนมาน้องมันมากับกู ตอนกลับ ก็ต้องกลับพร้อมกู”
“แต่กูจะไปส่งธามมึงยุ่งอะไรด้วย”
“กูแค่รู้สึกว่ามึงกําลังบังคับน้องมัน ว่าไงธาม”
“พี่บังคับธามเหรอ”
คนตัวสูงทั้งสองคนมองมาที่ผมเป็นตาเดียว คนนึงใช้สายตาจริงจังมีความดุกลายๆ ส่วนอีกคนก็ทําหน้าคล้ายกับกําลังออดอ้อน แม่ง! ผมดันตัวเองออกจากการเกาะกุมของปรินซ์
“ผมจะกลับพร้อมไอ้บอสไอ้บรีส พวกพี่ไม่ต้องเป็นห่วง” ผมพูดจบก็หันหลังไปลากเพื่อนบอสเพื่อนบรีสจํ้าออกจากชมรมทันที คนนึงก็พี่คณะพ่วงตําแหน่งลุงสายรหัส อีกคนก็.. ความสัมพันธ์ยังไม่ชัดเจน เลือกทางนี้ดีที่สุด ผมไม่รู้เลยว่าพอผมคล้อยหลังปรินซ์จะยิ้มปลาบปลื้มอยู่ตรงนั้นกับพี่ข้าว
.
..ข้าว
“มึงรู้ป่ะ ธามไม่เคยเรียกกูว่าพี่..” ไอ้ปรินซ์มันพูดกับผม ตามันยังมองตามหลังของธามที่กำลังเดินออกจากห้อง ก่อนที่มันจะหันมาพูดกับผม “กูว่ามึงควรอยู่รอเพื่อนนะ”..ไอ้ที
“…”
“ไปเว้ยไอ้เป้กลับไปทวนวิชาจารย์กรุณาสักสามรอบ”
“อารมณ์ไหนของมึงวะ”
“กูมีแรงฮึดเว๊ยยยย ธามเรียกกูว่าพี่”
“แค่เนี้ย?”
“เออแค่นี้แหละ” เสียงไอ้ปรินซ์ไอ้เป้ค่อยๆ เบาลงเมื่อมันทั้งคู่เดินห่างออกไปไกล ผมหันไปมองไอ้ทีที่ยืนอยู่หน้าห้องไม่ห่างจากพี่โบ้ท ภายในห้องเหลือน้องอีกไม่กี่คนที่กำลังเตรียมตัวกลับ ผมเองก็ไม่ควรอยู่ในห้องนี้เช่นกัน..
.
.
“คุยเสร็จแล้วเหรอ” ผมยืนอยู่ใกล้ริมบันไดเลยห้องชมรมผมให้เกียรติการสนทนาระหว่างพี่โบ้ทกับไอ้ทีด้วยการไม่แอบฟัง
“อืม” ไอ้ทีตอบและเดินเลยผมไป ผมคว้าแขนข้างนึงของไอ้ทีไว้
“พี่โบ้ทคุยอะไรกับมึง”
“ก็แค่เตือนกูว่าอย่าทำอะไรให้มันกระทบกับชมรม”
“กูถามจริงๆ มึงเป็นอะไรวะ ไอ้ที่มึงทำ.. คือมึงต้องการอะไรกันแน่”
“ที่กูทำไปเพราะกูเป็นเพื่อนมึง” ไอ้ทีมองหน้าผม “กูเลยตัดสินใจว่ากูจะช่วยมึงจีบธาม”
“?”
“แต่กูอยากให้มึงคบกับน้องมันจริงๆ ไม่ใช่คบเพื่อแก้แค้น”
“...”
“แล้วกูก็อยากให้มึงทำให้มันชัดๆ มันจะได้จบเร็วๆ”
“มึงคิดอย่างนั้นจริงๆ ใช่ไหม..”
“ใช่”
“..งั้นกูก็จะได้สบายใจ ไม่ใช่เพราะมึงจะช่วยกูจีบธาม แต่เพราะมึงไม่ได้โกรธอะไรกู” ผมดึงตัวไอ้ทีเข้ามากอดหลวมๆ
“เออ กูไม่ได้โกรธอะไรมึง ในเมื่อมึงตัดสินใจแล้ว กูก็จะช่วยมึง”
“ขอบใจเว้น ไปหาไรกินกัน” ผมคลายอ้อมแขนและมองหน้าไอ้ที มันยิ้มให้ผม ผมกอดคอไอ้ทีเดินลงบันได ผมดีใจ.. คงเพราะผมไม่ชอบบรรยากาศที่โคตรเย็นชาระหว่างเราทั้งสองคน
.
..ห้านาทีก่อนหน้านั้น
“สารภาพมาไอ้ที ประชดไอ้ข้าวแรงขนาดนี้ ชอบมันใช่ไหม”
“...”
“ชอบเพื่อนน่ะมันไม่ผิด แต่มึงทำแบบนี้ ไม่เจ็บรึไงวะ”
“ขอแค่มันสุข..”
“เฮ้อ เออ เอาตามที่มึงตั้งใจ กูก็ไม่มีสิทธิ์ห้ามหรือเบรกมึงได้อยู่แล้ว แต่ถ้ามึงอยากระบาย ก็..เดินมาหากู”
“..”
มึงจะทนได้จริงๆ เหรอวะไอ้ที
.
.
..ธาม
[อย่าลืมเอาจี้มานะ พี่เตรียมสายไว้แล้ว]
ข้อความจากพี่ข้าวที่ได้อ่านหลังตื่นนอนทําเอาผมเกาหัวยุ่ง สร้อยพี่ข้าววางอยู่บนโต๊ะอ่านหนังสือของผมและยังคงอยู่ในสภาพสมบูรณ์เหมือนตอนที่ผมได้มา คนนึงก็ขอให้ใส่อีกคนก็ขอให้ถอด ปวดหัวโว๊ยยย ผมแกะจี้เงินรูปเม็ดข้าวออกจากสายสร้อย ยังไงก็พกไปก่อน

“เย็นนี้มึงจะไปชมรมก่อนไหม”
“ไม่ว่ะ กูไปที่ร้านพร้อมพวกพี่สายรหัสกูเลย” ผมตอบไอ้บอสขณะเดินลงบันไดของหอ
“โอเค งั้นเจอกันที่ร้าน”
บอสกับผมสรุปการนัดหมายอีกครั้งก่อนจะแยกกันเดินทางไปเรียน วันนี้พวกผมไม่เอาจักรยานไปเพราะขากลับคงไม่มีสติปั่นแน่ๆ
“ธาม บอส” ปรินซ์เรียกพวกผมจากบนรถที่จอดเทียบด้านหน้าหอ
“หวัดดีคร๊าบบพี่ปรินซ์”
“ขึ้นมาทั้งคู่ เดี๋ยวพี่ไปส่ง”
“โอะ รถผมมาแล้วพี่ พี่ไปส่งไอ้ธามเหอะ มึง กูไปล่ะ” ไอ้บอสรีบชิ่งวิ่งไปขึ้นบัสมหาลัยที่จอดไกลออกไปอีกฝั่งของถนน ..ไอ้เพื่อนเวร
“ธามขึ้นมาได้แล้ว”
“...”
“เห็นไหมว่าข้างหลังรถติดแล้ว”
“...”
“เขินพี่รึไง”
“เปล่าเว้ย”
“ถ้าเปล่าก็ขึ้นมา”
“เออ” ผมขึ้นรถปรินซ์จนได้

“นี่คือบังเอิญผ่านมา?”
“สําหรับธามมันไม่มีคําว่าบังเอิญ มีแต่ความตั้งใจ ..แล้วก็เจตนา” ปรินซ์ยิ้มทั้งที่ตามองทาง
“แล้วรู้ได้ไงว่า..”
“พี่ถามบอสน่ะ” ไอ้คนขายเพื่อน!
“ทําไมถามไอ้บอส”
“ก็ถ้าถามธาม ธามก็หาเรื่องหลบหน้าพี่”
“...”
“ทําไมเงียบ พี่พูดถูกล่ะสิ ขออีกเรื่องได้ไหม อย่าปิดโอกาสพี่ ..แล้วก็โอกาสของตัวเอง”
“โอกาสอะไร..” ปรินซ์หันมามองผม แถมยังยิ้มกวนตีนอีก
“ก็โอกาสที่ธามจะเป็นแฟนพี่”
“!!”
“เขินพี่เหรอ ถึงหน้าแดง..”
“ไม่ได้แดง ไม่ได้เขิน! หันไปมองทางได้แล้ว”
“ครับ”
กว่าจะได้ลงจากรถ ปรินซ์ก็เล่นเอาซะหัวใจผมต้องทำงานหนักตลอดทาง ..มันเต้นแรง มันฟูเพราะคำพูดของปรินซ์ที่ไม่คิดจะปิดความรู้สึกใดๆ เลย ..มันจีบผมแบบตรงไปตรงมา ไม่รู้ว่าผมหลุดยิ้มไปบ่อยแค่ไหน แล้วก็ไม่รู้ว่าหน้าตัวเองแดงมันตลอดทางเหมือนที่ปรินซ์ว่าหรือเปล่า แต่รู้สึกได้ว่าหน้าตัวเองร้อนผ่าวเหมือนมีไข้จริงๆ เชี่ยแล้วไอ้ธามมมม มึงอย่าใจง่ายเพราะเห็นเป็นปรินซ์นะเว้ย ผมเป่าลมออกปากแต่ก็ยังอดอมยิ้มไม่ได้ ขณะที่มองตามรถปรินซ์ที่ขับออกไป
“ธาม”
“พี่ข้าว” ผมหันไปมองตามเสียงเรียกพี่ข้าวเดินตรงมาหาผมที่ยังยืนอยู่นอกใต้ถุน
“กินข้าวมารึยัง”
“ออ เอ่อ ยังพี่”
“งั้นก็ไปกินข้าวกัน”
“ครับ” ผมเดินไปโรงอาหารคณะที่อยู่ถัดจากใต้ถุนไป
“เห้ยไอ้ธามมมม” ไอ้บรีสโบกมือเรียกผมอยู่ เฮ้อ ค่อยยังชั่ว ผมรีบเดินนำพี่ข้าวไปที่โต๊ะที่ไอ้บรีสนั่งอยู่
“หวัดดีครับพี่ ไงมึง วันนี้มาพร้อมพี่ข้าวเลยเหรอวะ” ไอ้เชี่ยบรีส!
“เปล่าเว้ยกูเจอพี่ข้าวหน้าคณะ”
“จริงๆ พี่ก็อยากมาพร้อมธามนะ”
“!!!”
“ทำไมธามทำหน้างั้นล่ะ พี่เสียใจนะ”
“ใช่ มึงนี่ ถ้าอยากให้พี่เขาไปรับก็บอกพี่เขาดิ” ไอ้สัดดดบรีสสส
“พี่ข้าว ถ้าไงผมฝากเพื่อนผมหน่อยนะ ผมต้องไปหาพี่ฝนก่อน เจอกันในห้องนะมึง อย่ามัวแต่อยู่ให้พี่เขาจีบจนลืมเวลาเรียนล่ะ”
ประโยคสุดท้ายไอ้บรีสกระซิบบอกผม แต่แม่งมันตั้งใจให้พี่ข้าวได้ยินด้วยชัดๆ พี่ข้าวหัวเราะเบาๆ แล้วมันก็ทิ้งให้ผมนั่งอยู่ที่โต๊ะกับพี่ข้าวสองคน
“บรีสตลกดีนะ ว่าแต่ธามจะกินอะไรดี เดี๋ยวพี่ไปซื้อให้”
“เห้ย ไม่เป็นไรพี่ ผมไปซื้อเองได้”
“ลืมอะไรไปรึเปล่า พี่เป็นพี่ของธามนะ” พี่ข้าวลุกขึ้นยืนและเดินมาฝั่งที่ผมนั่ง วางมือข้างหนึ่งบนไหล่ของผม พร้อมกับลดส่วนสูงลงมาคุย “..และก็อยากจะเป็นมากกว่านั้นด้วย” ผมกระพริบตาถี่เมื่อดวงตาคมจ้องผม ก่อนพี่ข้าวจะยิ้มพร้อมกับยืดตัวขึ้น “เอาเป็นว่ามื้อนี้พี่เลี้ยงเอง ธามอาจจะยังไม่เคยกินเมนูเด็ดของที่นี่ก็ได้ เอาตามนี้นะ เดี๋ยวพี่มา” พี่ข้าวเดินไปมาระหว่างสองร้านและไปกลับโต๊ะสองรอบ อาหารก็วางอยู่ตรงหน้าผม
“นี่เลย ลาปวุ้นเส้น ต้มแซ่บ ข้าวสวยร้อนๆ รับรองธามชอบแน่ๆ”
“ขอบคุณครับพี่” ผมตักน้ำต้มแซ่บขึ้นซด
“เป็นไง อร่อยไหม”
“อะอร่อยครับพี่ แค่กๆ” ผมไอรัวเป็นชุด ต้มแซ่บอร่อยจริงๆ แต่.. “พอดีผมกินเผ็ดมากไม่ได้น่ะพี่”
“อ้าวเหรอ! โทษทีพี่ไม่รู้” พี่ข้าวรีบวิ่งออกจากโต๊ะไป และกลับมาพร้อมกับน้ำหวานหนึ่งแก้ว และไข่เจียว
“พี่ไม่รู้จริงๆ ยังไงก็กินไข่เจียวคู่กันไปนะ”
“ผมเลยทำให้พี่ลำบาก..”
“ไม่เห็นจะลำบากเลย พี่จะค่อยๆ เรียนรู้นะว่าธามชอบอะไรไม่ชอบอะไร” พี่ข้าวยิ้มอ่อนโยนให้ผม มันต่างจากตอนที่เป็นพี่ว๊ากมาก และต่างอย่างที่สุดกับใบหน้าตอนนั้นที่คอร์ทแบด จริงๆ ผมก็ลืมเหตุการณ์นั้นไปแล้ว
“ทำไมจู่ๆ ทำหน้าอย่างนั้น”
“ผมแค่รู้สึกว่าพี่มีหลายบุคลิก…”
พี่ข้าวหัวเราะ “ขอโทษนะที่ทำให้คิดอย่างนั้น แต่ที่ธามเห็นอยู่ตอนนี้คือตัวตนของพี่ ส่วนตอนอื่นๆที่มันมากไป พี่บอกธามได้เลยว่า..พี่ไม่ได้ตั้งใจจริงๆ”
“ออ ครับ” ผมก้มหน้าหลบสายตารู้สึกผิดของพี่ข้าว
“อือ แล้วธามเอาจี้มาใช่ไหม”
ผมล้วงเข้าไปช่องภายในเป้ “นี่ครับ”
“แล้วพี่จะคืนให้นะ”
.
..ที
“อ้าวไอ้ที ทำไมมานั่งกินข้าวคนเดียววะ” ไอ้เจียวแกว่งปากวอนหาตีนแต่เช้า
“กูกินข้าวคนเดียวไม่ได้?”
“ก็ได้ไง แต่ทุกทีมันต้องมีไอ้ข้าวด้วยไงสไตล์เพื่อนซี้”
“ก็มีมึงมานี่แล้วไง”
“เออๆ นี่เห็นว่ามึงนั่งหง่าวอยู่คนเดียวหรอกนะ ตอนแรกว่าจะไปนั่งเนียนกับน้องๆ ปีหนึ่งสักหน่อย”
“โคตรซึ้ง”
“เมื่อกี้กูเห็นไอ้ข้าวมันนั่งอยู่กับน้องอะไรน้า ที่เป็นเพื่อนไอ้บรีส”
“น้องธาม หลานมัน”
“นี่คือมันเห็นน้องดีกว่าเพื่อน?”
“ไอ้เจียว มึงเลิกพูดมากเหอะว่ะ รีบแดกจะได้รีบไปเรียน”
“โอเค๊”
.
.
..ธาม

[มึง รีบมาเลย พี่ปรินซ์แม่งจะแดกหัวกูอยู่แล้ว!]
[ไมวะ]
[พอกูบอกว่ามึงจะไปที่ร้านพร้อมสายรหัส เท่านั้นแหละ ทั้งกูทั้งไอ้พี่โบ้ทเอาแม่งแทบไม่อยู่ เกือบแลกหมัด!]
[มึงเวอร์ล่ะ]
[เออ กูเวอร์ แต่ไม่ใช่ก็ใกล้อ่ะ มึงรีบมาที่ร้านเลยไอ้พี่ปรินซ์มันจองโต๊ะต่อเผื่อสายรหัสมึงแล้วเนี่ย]
[0_o!!!]
[กูล่ะกลัวจะมีเรื่องฉิบหาย!!!]

“ไอ้บอสเหรอ”ไอ้บรีสที่นั่งอยู่ข้างๆ ถาม หลังจากที่มันเห็นผมหยุดเก็บข้าวของหลังอาจารย์เลิกคลาสแล้วเอาแต่จ้องมองมือถือ
“เออ มันส่งไลน์มาเร่งบอกว่าให้รีบไปที่ร้าน”
“กูว่ากูไปยืมกล่องปฐมพยาบาลของคณะไปด้วยดีกว่า ..เผื่อต้องใช้”
“!!!”
.
.
.

ออฟไลน์ AkuaPink

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2033
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +59/-1

ออฟไลน์ kajeaw

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 529
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +21/-2
    • กาเจี๊ยว
ชักเริ่มรำคาญธามแล้วสิครับ จะอะไรนักหนาน้อ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ After5p.m.

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 83
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +18/-1
027
เลี้ยงชมรม เลี้ยงสาย
.
.
“ห้ามกินเยอะนะพี่ตาว รู้ใช่มะว่าต้องเป็นคนขับรถกลับ”
“รู้แล้วจ้าคุณแม่ รู้ว่าต้องไปส่งทุกคนให้ถึงที่พักกกก ว่าแต่ฟ้าจองโต๊ะไว้แล้วใช่ป่ะ”
“เห้ย! ลืมไปเลย คืนวันศุกร์ด้วยดิ ทำไงดี!”
“ไม่เป็นไรๆ อย่าเครียด ไม่มีโต๊ะก็เปลี่ยนร้าน โอไหมข้าวธาม” พี่ตาวมองผมกับพี่ข้าวผ่านกระจกมองหลัง
“ยังไงก็ได้พี่”
“เปลี่ยนร้านก็ดีเหมือนกันนะ” พี่ข้าวมองผมที่นั่งอยู่ข้างๆ
“เออๆ ลองคิดช้อยส์อื่นไว้เลย ส่วนน้องบรีส ไม่ต้องห่วงนะพี่จะส่งถึงโต๊ะเลย”
“คร๊าบบบพี่ตาว” ไอ้บรีสตอบพี่ตาวจากที่นั่งอีกด้านนึงของผม

“‘ร้าน ‘นั่งกิน’ หลังมอ ร้านนั่งดื่มชิลๆ กับแกล้มอร่อย มีดนตรีสดเล่น เป็นร้านดังประจำใจของเด็กมอทุกคน หนึ่งในเหตุผลที่ไม่สามารถหาแหล่งที่มาได้เล่าขานกันว่า ถ้าใครอยากสมหวังในความรัก ให้พาคนที่แอบชอบมากินที่ร้านนี้ โดยที่จะต้องนั่งดื่มเสพบรรยากาศปลอดภัยดีไม่มีใครมาจีบมาแย่งคนที่เราหมายตาไว้ตลอดค่ำคืน.. รับรองจะสมหวัง แต่ถ้าผ่านช่วงเวลานี้ไปไม่ได้ ก็ทำใจเตรียมหาคนใหม่ได้เลย” ข้อมูลของร้าน ‘นั่งกิน’ ที่ไอ้บอสเคาะหาจากอากู๋แล้วกรอกหูผมเมื่อคืน
“กูว่านะ ไม่ต้องร้านนี้ก็ได้ป่ะว่ะ พาไปนั่งร้านอื่นก็เหมือนกันนั่นแหละ ถ้าแม่งนั่งกินด้วยกันแล้วมันไม่ฟินไม่อิน มันก็คือไม่ใช่ไง กูว่าเรื่องนี้ตลกว่ะ” แต่ทำไมผมถึงรู้สึกเชื่อเรื่องที่บอสมันอ่านล่ะ หรือผมกำลังกังวลว่าถ้ามันเป็นเรื่องจริง.. มันจะมีผลอะไรกับผมและปรินซ์ไหม..
“แล้วที่ใครๆในมอเราต้องไปกิน จริงๆก็เพราะแม่งเป็นกิจการของศิษย์เก่ารุ่นพี่ที่นี่นั่นแหละ แล้วก็นะใครอยากมีรายได้พิเศษก็ไปรับจ็อบได้ ทีนี้เพื่อนใครมันก็อยากตามไปให้กำลังใจไงมึง ร้านเลยรุ่งโรจน์..” ประโยคที่เป็นความจริงจากไอ้บอสที่ไม่เข้าหูผม..

“โอเค ทุกคนลงจากรถได้จ้า”
“โห คนเยอะ สงสัยได้เปลี่ยนร้านแน่” พี่ฟ้าพูดเสียงสลด
“ลองเข้าไปดูก่อนล่ะกัน พวกเรามาแค่สี่คนเอง อาจจะพอมีที่ว่าง”
“อืม ถูกของข้าว”
พวกเราเดินจากที่จอดรถที่แออัดคับแคบเพราะปริมาณรถที่หนาแน่นไปที่ตัวร้านซึ่งมีที่นั่งทั้งแบบอินดอเอาท์ดอ พี่ตาวเดินนำลิ่วไปหาพนักงานทันที ผลของการหาที่นั่งดูได้จากหน้าของพี่ตาวที่อ่อนแรงไหล่ลู่
“ไป ย้ายร้าน”
“ขอโทษนะทุกคน ฟ้าลืมจริงๆ”
“ไปร้าน ‘กินดื่ม’ ก็ได้” พี่ข้าวพูดและตบบ่าของพี่ฟ้าเบาๆ
“เออใช่ ลืมร้านนั้นไปได้ยังไง ร้านนั้นก็ดี ฟ้าไม่ต้องเครียด ไปกัน ส่วนน้องบรีสก็แยกไปเลี้ยงชมรมได้เลยนะ”
“ครับพี่ เสียดายเลยไม่ได้อยู่ร้านเดียวกันเลย”
“โอเคมึงไว้เจอที่คณะ” ผมกล่าวลาไอ้บรีส ..ใจผมก็เสียดายไม่แพ้กัน
“ไอ้ธาม” ไอ้บอสกำลังวิ่งมาหาผม ผมรู้อยู่แล้วว่าปรินซ์จองโต๊ะเผื่อ แต่ถ้าพี่ข้าวจะเลี่ยงการพบหน้ากันกับปรินซ์ได้ก็น่าจะดีกว่า ผมเองก็ไม่อยากให้พี่ตาวกับพี่ฟ้ามาหมดสนุก เพราะการเจอกันของสองคนตัวสูงยังทำผมปวดหัวทุกครั้ง
“โอะ หวัดดีครับพี่ฟ้า พี่ข้าว แล้วก็พี่..”
“นี่พี่ตาว พี่ปีสี่สายรหัสกู ส่วนนี่ไอ้บอส เพื่อนผมอยู่จิตวิทยาพี่”
“หวัดดีครับพี่ตาว พวกผมจองโต๊ะเผื่อแล้วนะ”
“เห้ยจริงดิ! เจ๋งไปเลยเพื่อนน้องธามเนี่ย” พี่ตาวหยิกเข้าที่แก้มของไอ้บอส “นอกจากจะหน้าตาไม่เลวแล้วเนี่ย ยังรู้งานด้วย”
“ไม่ใช่ผมหรอกพี่ พี่ปรินซ์เป็นคนจอง แล้วก็ต่อโต๊ะรอเรียบร้อย”
“ต่อโต๊ะ?”
“พอดีผมกับธามมีเลี้ยงชมรมวันนี้พอดี ก็คงต่อโต๊ะยาวติดกันไปเลย” พี่ข้าวอธิบายทั้งที่ทำหน้านิ่ง ดูไม่ค่อยสบอารมณ์เท่าไหร่
“โห ดีๆ จะได้ครึกครื้น ว่าแต่น้องบอส เมื่อกี้บอกว่าพี่ปรินซ์จองไว้ พี่ปรินซ์ไหนอ่ะ” บทสนทนาระหว่างทางไปยังที่นั่งอินดอร์จบลง เมื่อทั้งหมดหยุดอยู่ที่หน้าประตูกระจกสีชา และมันถูกกระชากเปิดออกโดยใครสักคนที่อยู่ภายในร้าน
“..น้องบอส อย่าบอกนะว่าปรินซ์นี้..”
“ใช่ครับพี่ตาว ปรินซ์นี้แหละ” เป็นปรินซ์ที่ยืนยิ้มเท่ๆ อยู่หลังประตู หน้าตาไม่ได้บอกเลยว่าคนตัวสูงกำลังอยู่ในโหมดกินหัวใครได้ ออกจะดูอารมณ์ดีมากด้วยซ้ำ แล้วที่ไอ้บอสส่งข้อความมาเร่งผมให้รีบมาแล้วบอกว่าปรินซ์แทบจะแลกหมัดกับพี่โบ้ท.. นี่คือมึงหลอกกูเหมือนไอ้บอสมันจะจับความรู้สึกผมได้ มันเลยรีบเดินผ่านประตูเข้าไปแอบหลังปรินซ์
..ไอ้เพื่อนเวร
“พี่รหัสธามใช่ไหมครับ ตามผมมาทางนี้ได้เลย” ปรินซ์พูดโคตรสุภาพ แถมยังผายมือให้พวกพี่ตาว ..โคตรน่าหมั่นไส้
“ฟ้าๆ บอกพี่ดิว่านี่ไม่ได้ฝันอยู่ เราจะได้นั่งโต๊ะเดียวกันกับปรินซ์จริงๆ อ่ะ”
“จริง แต่พี่ตาวอย่าเยอะได้ป่ะ อายเขา”
“ฟ้า โต๊ะเราจะมีทั้งข้าวทั้งปรินซ์ โอ๊ยยย พี่ฟินไปอีกเป็นเดือนแน่ๆ คนหล่อๆ สองคนนนนน เตือนให้พี่ขอถ่ายรูปกับปรินซ์ด้วยนะ”
“อืมมมม” พี่ตาวกับพี่ฟ้ากระซิบกระซาบกันอยู่ด้านหน้า ส่วนผมก็เดินตามหลังสองสาว และมีพี่ข้าวเดินปิดท้าย พี่ตาวที่เดินตามหลังปรินซ์ติดๆได้นั่งข้างปรินซ์ ถัดจากพี่ตาวก็พี่ฟ้า ส่วนผมก็นั่งข้างไอ้บรีสที่นั่งติดกับไอ้บอส และพี่ข้าวที่เดินตามหลังมาก็นั่งปิดโต๊ะอยู่ข้างๆผม ปรินซ์ทำหน้าผิดหวังที่ได้แค่นั่งเยื้องผม ส่วนผมก็ยิ้มสมน้ำหน้าอย่างไม่ปิดบัง ปรินซ์ในตอนนี้ทำหน้าเหมือนกับแมวที่อดกินปลาทูแม่กลอง น่าสงสาร..

กะหล่ำปลีผัดน้ำปลา ถั่วเค็มอบเกลือ ปลาหมึกแห้งย่างไฟ ข้าวเกรียบกุ้งกรอบๆ ถูกจัดวางอยู่บนโต๊ะ พร้อมโถน้ำแข็ง น้ำอัดลม ขวดน้ำเมา โซดา และถ้วยประจำตัวของแต่ละคน พี่ตาวรับหน้าที่ชงเครื่องดื่มแจกทุกคน โดยส่วนของผมนั้นบางสุดอ่อนสุดเจือจางที่สุดตามความแข็งแกร่งที่ผมรู้ตัวดีและแจ้งพี่ตาวไว้ล่วงหน้า แสงไฟภายในร้านนั้นสว่างสลัวพอให้เห็นเครื่องดื่มได้ชัดและมองอารมณ์บนใบหน้าของคนรอบๆ ได้ เสียงดนตรีและเสียงร้องเพลงมีทั้งเพลงที่ผมรู้จักบ้างไม่รู้จักบ้างแต่ก็โยกหัวตามจังหวะได้ไม่ยาก  แต่ระดับเสียงที่ดังเพราะระยะห่างระหว่างโต๊ะกับเวทีที่แสนใกล้ทำให้ทุกครั้งที่เราจะคุยอะไรกันต้องตะโกนเอาพร้อมกับต้องเอาปากไปกระซิบใกล้หูของคู่สนทนา
“น้องปรินซ์ ทำไมถึงเล่นเป็นกองหลัง” พี่ตาวตะโกนถามปรินซ์ที่ข้างหู และปรินซ์ก็กระซิบตอบพี่ตาวที่ข้างหูเช่นกัน ผมไม่ได้ยินว่าปรินซ์ตอบพี่ตาวว่าอะไร แต่การที่พี่ตาวหัวเราะหลังจากฟังคำตอบ แถมยังตีที่แขนปรินซ์เบาๆ ทำผมรู้สึกไม่ค่อยพอใจภาพตรงหน้าที่เห็นอยู่ ไม่นับการที่สาวๆ อีกหลายคนเดินมาขอถ่ายรูปกับปรินซ์ถึงที่โต๊ะ แม่ง ถ่ายเซลฟี่อยู่นั่น ทำหน้าระรื่นเชียวนะ นมทั้งนั้นเลยนิ
“พี่ปรินซ์นี่ฮอตเนอะ กูเห็นสาวๆมองกันเกือบทั้งร้าน” ไอ้บรีสตะโกนกรอกหูผม “น่ารักๆ ทั้งนั้น”
“พี่ตาว! ขออีกแก้วครับ”
“เห้ยธาม ค่อยๆ กินก็ได้นะเรา คอไม่แข็งไม่ใช่เหรอ”
“พี่ตาวเขากลัวว่าธามจะไปอ้วกบนรถน่ะ”
“โธ่ฟ้าพูดงี้พี่เสียภาพลักษณ์หมด เอาเป็นว่าถ้าอ้วก ก็แค่จ่ายค่าล้างรถให้พี่ด้วย” คำพูดทีเล่นทีจริงของพี่ตาวเรียกเสียงหัวเราะจากพวกเราทั้งโต๊ะ ไม่ต่างจากความครึกครื้นของโต๊ะชมรมเดินดอยที่อยู่ติดกัน
“ไม่ต้องห่วงนะธาม อยากกินแค่ไหนก็กิน พี่ดูแลธามเอง” พี่ข้าวกระซิบข้างหูผม เออใช่มีพี่ข้าวอยู่ และกูก็อยู่ในสายตาพี่ข้าวด้วย ไม่เหมือนใครบางคน.. แม่งเอาแต่แคร์เอาแต่ตอบกลับไมตรีของสาวทุกคนที่รุมเข้าหา
“ธาม”
ผมหันหน้าไปหาพี่ข้าว พี่ข้าวยิ้มให้ผมพร้อมกับสวมสร้อยเส้นใหม่ลงบนคอของผม
“ผมใส่เองก็ได้พี่”
“จะใส่เองได้ยังไง ติดตะขอก็ไม่สะดวก” พี่ข้าวขยับเข้าใกล้คอผม ระดับการนั่งคงไม่สะดวก พี่ข้าวถึงได้เอาหน้าอ้อมหลังคอของผม เชี่ย!ใกล้ไปแล้วพี่ข้าว ผมเริ่มขยับคอออกห่าง เพราะรู้สึกหายใจไม่สะดวก ไหนจะพะวงคนที่นั่งเยื้องกันอีก ซึ่งก็ไม่รู้ว่ามันจะสนใจไหม
“ธามอึดอัดเหรอ” พี่ข้าวกระซิบที่ข้างหูผม
“ก็นิดนึงพี่ ผมหันหลังดีกว่าไหม จะได้เห็นตะขอ”
“ธามกลัวอะไร”
“!!”
“มืดๆอย่างนี้ แถมทุกคนก็กําลังสนุก ไม่มีใครสนใจต่อให้พี่จะแอบหอมแก้มธามด้วยซ้ำ”
“!!!”
“พี่ล้อเล่น แค่พี่ได้ใกล้ธามขนาดนี้ พี่ก็โอเคแล้ว บอกแล้วไง พี่จะทําให้ธามเห็นว่าพี่จริงใจกับธาม และรอวันที่ธามจะชอบพี่” ลมหายใจอุ่นๆของพี่ข้าวรดอยู่คอของผม
ตึง!!!
เสียงของแก้วหนาที่ถูกกระแทกลงบนโต๊ะไม้เสียงดังทำผมสะดุ้งและหันหลังไปมอง ปรินซ์กําลังมองมาทางผมกับพี่ข้าว ระยะห่างระหว่างผมกับพี่ข้าวช่างหมิ่นเหม่ชวนเข้าใจผิด พี่ข้าวเองก็เหมือนจะไม่ยอมผละออกจากผมง่ายๆ ปรินซ์สบตาผม สายตาดุดันของปรินซ์ทําผมรู้สึกผิด แล้วไงล่ะทีตัวเองยังเอาแต่สนใจสาวๆรอบตัว แล้วไหนจะพี่เป้ที่นั่งอยู่ข้างๆอีก ปรินซ์ยกแก้วที่ถืออยู่ขึ้นดื่มจนหมดภายในครั้งเดียว
“ทำไมน้องธามถึงมีสร้อยด้วยอ่ะข้าวววว” พี่ตาวที่เริ่มอาการหัวเอียงร้องทัก พี่ข้าวเลยหันกลับไปตอบพี่ตาว
“ก็สร้อยจองตัว เอ้ย สร้อยรับขวัญไงพี่ตาว ก็คล้ายๆสายสิญจน์”
“พี่อยากได้มั่งจัง”
“ไว้ผมจะหาให้ทั้งพี่ตาวกับฟ้านะครับ”
“ดีจางงงงง ข้าวคนดี” พี่ตาวเอื้อมมือมาหยิกแก้มพี่ข้าว ส่วนผมก็เสมองไปทางเวที รู้ตัวดีว่าตอนนี้ปรินซ์ก็คงกำลังมองผมอยู่ ผมรู้ว่าการที่ผมรับสร้อยของพี่ข้าวมันหมายความว่าผมไม่ทำตามสิ่งที่ปรินซ์เคยขอไว้ ผมไม่ได้ลืม แต่ไม่รู้จะปฏิเสธพี่ข้าวยังไงให้ฟังดูมีเหตุผล
.
..ที
“ไอ้ที! ไม่มานานเลยนะมึง” ไอ้ปองนักร้องนำของวงต่อไปที่กำลังจะขึ้นเล่นถามผมที่ตั้งใจเดินมาหามัน
“กูก็มาอยู่เรื่อยๆมึงนั่นแหละที่ไม่เห็นกูเอง”
“เออๆ”
“กูมีเรื่องจะกวนว่ะ”
“ไรวะ”
“ให้ไอ้ข้าวมันยืมเวทีแป๊บดิ”
“ไอ้ข้าวอ่ะนะ ไม่เอา”
“ไมวะ”
“ก็ไอ้ข้าวขึ้นทีไรกูก็ไม่ต้องขึ้นต่อมันแล้ว แฟนคลับแม่งเยอะ ลงยากฉิบหาย”
“มันก็ไม่ได้ขึ้นนานแล้วไหมวะ เผลอๆไม่มีใครจำมันได้ด้วยซ้ำ”
“มึงไม่รู้อะไร ล่าสุดที่มันมาแล้วมันขึ้นไปร้อง วันต่อมาแม่งมีแต่คนมาถามหามัน พี่โจเจ้าของร้านด่ากูฉิบหาย บอกว่าเตือนกูแล้วว่าอย่าให้มันขึ้น ตอนมันเลิกมาร้อง ร้านแม่งเกือบเจ๊ง คนหายไปตามหาว่ามันไปเล่นอยู่ร้านไหนแทน กว่าลูกค้าจะกลับมาก็แทบตาย”
“ช่วยมันหน่อยเหอะว่ะ มันกำลังจีบน้องคนหนึ่งอยู่”
“เห้ย!ใครวะระดับไอ้ข้าวจีบต้องโคตรน่ารักแน่ๆ”
“มึงอย่ารู้เลย เอาเป็นว่ามึงตกลงนะ อ่ะนี่ มันจะร้องแค่นี้แหละ กล่าวเชิญมันด้วย”
“ตายยยยห่าาาา ถ้ามันเล่นขนาดนี้แล้วพวกกูไม่ต้องเก็บของกลับเลยเหรอวะ แค่มันเอาหน้ามันขึ้นไปก็แย่ล่ะ”
“มึงก็เล่นเพลงที่โดนๆต่อเอาล่ะกัน”
“มายืนคุยไรกันหน้าส้วมวะ เกะกะฉิบหาย”
“อ้าวพี่โบ้ท หวัดดีพี่”
“อ้าว ไอ้ปองนี่มึงไม่ต้องขึ้นไปเล่นเหรอวะ”
“ก็คิวต่อไปนี่แหละพี่ แต่ไอ้ทีดิดันจะมาขอซีนให้ไอ้ข้าวมันจีบสาว”
“ออ มึงนี่ช่างเป็นเพื่อนที่ดีเน๊อะ” พี่โบ้ทหันมามองผม
“ผมไปเตรียมตัวก่อนล่ะกันพี่”
“เออๆ” ไอ้ปองเดินจากไป ปล่อยให้ผมยืนอยู่กับพี่โบ้ทสองคน
“นี่มึงอย่าบอกนะว่ามึงจัดการให้ไอ้ข้าวมัน”
“...” ผมพยักหน้าตอบ
“กูนับถือจิตใจมึงจริงๆ เอางี้เดี๋ยวพอไอ้ข้าวมันขึ้นไปเล่น กูจะพามึงไปซับน้ำตานอกร้านเอง”
.
“สวัสดีครับทุกคน พวกเราวงสีสัน กลับมาเจอกันอีกแล้วทุกค่ำคืนวันศุกร์ในบรรยากาศอุ่นๆโรแมนติกๆแบบนี้ ใครที่มีคู่ก็จงรู้ไว้ว่ามีใครหลายคนกำลังอิจฉา แต่สำหรับคนที่กำลังเหงาเราก็จะมาเติมความสุขไปด้วยกัน เพราะพรุ่งนี้.. ไม่มีเรียนนนน” เสียงกรี๊ดดังสนั่นทั่วทั้งร้าน “แต่ก่อนที่พวกเราจะมาเต็มที่ในค่ำคืนนี้กับพวกเราสีสัน ผมได้รับหน้าที่ให้มาเป็นคิวปิดตัวน้อยๆให้กับคนๆหนึ่งครับ เขามีความในใจจะบอกออกไปผ่านเสียงเพลง จะเป็นใครไปไม่ได้เลย อดีตนักร้องที่ขึ้นเล่นกี่ครั้งก็กระชากใจสาวๆ ได้ทุกครั้ง เรามาลุ้นความในใจของเขาไปพร้อมๆ กันเลยยยย” เสียงตอบรับจากทั้งสาวๆ และหนุ่มๆ ดังอวลไปทั่ว คงเพราะใครๆ ก็อยากร่วมมีประสบการณ์กับการสารภาพรักออกสื่ออย่างนี้ และดูว่าใครกันที่เป็นผู้ห้าวหาญคนนั้น แถมได้ลุ้นด้วยว่าจะปังหรือจะแป๊ก
.
..ข้าว
“มึงอ่ะ”
“กู?”
“อืม มึงนั่นแหละ กูบอกไอ้เชี่ยปองไว้แล้วว่ามึงจะขึ้น อ่ะนี่ ลิสเพลง”
“...”
“ขึ้นไปดิ เดี๋ยวไอ้ปองมันก็หน้าแหกพอดี”
ผมถอนหายใจก่อนที่จะลุกขึ้นจากเก้าอี้ ผมคิดว่าผมเข้าใจความหวังดีของไอ้ที แต่นี่มันไม่มากไปหน่อยรึไง ผมก้มมองกระดาษในมือ เพลงที่ผมคุ้นเคย และมันรู้ว่าผมร้องได้
“มึงจะเล่นกับกูด้วยใช่ป่ะ”
ไอ้ทีมันยิ้มให้ผม “เปล่าว่ะ เดี๋ยวกูต้องออกไปกับพี่โบ้ท เต็มที่นะมึง มึงต้องเป็นพระเอกของคืนนี้ ไม่ใช่ไอ้ปรินซ์” ไอ้ทีเปิดทางให้ผมเดินไปยังหน้าเวที ผมหันมามองธามที่กำลังมองมา มันเป็นโอกาสที่ผมจะทำคะแนน ทำเท่ในสายตาธาม ผมเดินไปที่ข้างเวที นัดแนะกับวงที่เคยรู้มือกันดี เสียงกรี๊ดดังลั่นไปทั่วบริเวณ ผมไม่ได้รู้สึกเก้อเขินหรือตื่นกังวลกับการขึ้นเวที มันเคยเป็นที่ของผมมาตลอดเมื่อตอนปีหนึ่ง ในยามที่ผมต้องการเงินเพื่อไปช่วยครอบครัว เพราะมัน.. ไอ้ปรินซ์ ชั่ววินาทีที่ผมมองไอ้ปรินซ์ที่นั่งอยู่ข้างล่างด้วยความโกรธแค้น ก่อนจะมองไปที่ธาม เด็กซื่อๆ คนหนึ่งที่ผมสะดุดตาตั้งแต่วันแรกที่เข้าห้องเชียร์ ถ้าตอนนี้ผมกำลังลงทุนกับการเอาคืนไอ้ปรินซ์..การได้คบกับธามก็คือผลกำไร ส่วนไอ้ปรินซ์.. มันจะต้องล้มละลาย เพราะมันจะต้องขาดทุนย่อยยับเพราะเสียธาม.. ผมตอกย้ำความรู้สึกของตัวเองอีกครั้ง แต่แล้วสายตาก็มองเลยออกไปสะดุดเข้ากับแผ่นหลังของคนสองคน ผมจำได้ในทันทีถึงแม้ว่าภายในร้านจะมืดสลัว พี่โบ้ทกำลังกอดไหล่ของไอ้ทีเดินออกไปที่ประตูร้าน.. ผมกำมือตัวเอง พยายามสะกดอารมณ์บางอย่าง นอกจากมึงจะไม่เล่นกีต้าร์กับกูเหมือนทุกครั้ง มึงยังไม่อยู่ดูกู แล้วมึงจะวางแผนให้กูทำอย่างนี้เพื่ออะไร! ผมกำลังโมโห!
“ไอ้เชี่ยข้าว มึงเล่นสักทีสิวะ!” ไอ้ปองเดินขึ้นมากระซิบผม “คนเขากรี๊ดจนหมดเสียงเงียบกันทั้งร้านแล้ว”
ผมระบายลมหายใจก่อนวางนิ้วทั้งสิบลงบนคีย์บอร์ด ต่อให้นึกอยากจะวิ่งลงไปกระชากคอเสื้อทั้งไอ้พี่โบ้ททั้งไอ้ที แต่ตอนนี้คงต้องทำทุกอย่างให้มันจบๆ ไปก่อนผมจดนิ้วเรียวที่คุ้นเคยกับเครื่องดนตรีตรงหน้าอย่างแผ่วเบา เสียงโน๊ตดังขึ้นก่อนจะหยุดลงอย่างรอจังหวะ เรียกเสียงกรี๊ดจากผู้ฟังด้านล่างได้เป็นอย่างดี ผมรู้เสมอว่าการเป็นนักเอนเตอร์เทนด์บนเวทีที่ดีคือการรอจังหวะ ไม่เร็ว และไม่ช้าจนเกินไป ผมโซโลคีย์บอร์ดคนเดียวพร้อมร้องเพลงที่ไอ้ทีเลือกไว้ให้..
“..เธอคงยังไม่รู้ ว่ามีหนึ่งคนแอบรักเธอแอบดูแลแต่เธอทำอะไรเพื่อเธอเหมือนไม่ตั้งใจ..ถ้าเธอได้ฟังเพลงนี้ ก็อาจจะพอได้รู้ใจกับความจริงข้างในที่มันทำยังไงก็ไม่กล้าพูดออกไปสักทีว่าใครที่อยู่ตรงนี้..” ผมกดลากเสียงคีย์อีกสองสามตัวเพื่อให้ปลายเสียงยังคงก้องกังวาล.. ทุกคนในร้านต่างพากันนิ่งเงียบราวต้องมนต์สะกด ผมเงยหน้าขึ้นมองธาม และพยายามจะมองหาใครอีกสองคนที่ยังคงไม่อยู่ที่โต๊ะ ผมปรับอารมณ์เล็กน้อย ทันใดนั้นเสียงกลองก็ดังขึ้น เสียงเบส และกีต้าร์ก็ร่ำร้องสอดประสานเข้าด้วยกัน จังหวะที่เปลี่ยนไปทำให้คนทั้งร้านต่างกรีดร้องและลุกขึ้นโบกมืออย่างมีอารมณ์ร่วมไปกับทํานองเพลงที่คุ้นหู ผมคว้าเอาไมค์ออกจากขาตั้งที่วางอยู่กลางเวที..
“เป็นเพราะความบังเอิญหรือใครลิขิต
ให้ชีวิตฉันได้พบกับเธอ
คนที่ธรรมดาแต่ดูช่างเลิศเลอ
อยู่ข้างฉันด้วยกันตอนนี้

ยิ่งใกล้เท่าไร ก็ยิ่งหวั่นไหว
อยากจะถามเธอมากับใครหรือไม่มี
แต่ทำได้แค่มอง ไม่ยอมทำอะไรสักที

แล้วฉันจะพูดอย่างไร เพื่อให้เธอได้เข้าใจ
ให้รู้ว่ามีความรัก มาจากคนข้างๆ กาย
จะต้องทำยังไงช่วยบอกฉัน
เพื่อไม่ให้เธอนั้นเดินผ่านไป

ความรักมันเต็มท่วมหัว ตัวกับใจยังไม่กล้า
หลงรักคนยืนข้างซ้าย ตรงที่เก้านาฬิกา
ก่อนเสียงเพลงบรรเลงท่อนสุดท้าย
ฉันต้องทำยังไงเพื่อได้เธอมา
ก่อนที่ใครจะคว้าไป

..เธอจะพอ มองเห็นกันบ้างไหม
คนที่ยืนไม่ไกล แค่ข้างๆ
เธอจะพอมีใจให้ฉัน บ้างไหม..”

“มึงเลือกเพลงได้ดีจริงๆไอ้ที มึงไม่ต้องกลั้นไว้ เดี๋ยวคืนนี้มันจะผ่านไป.. มึงทำได้ กูรู้”
.
.
.


ออฟไลน์ After5p.m.

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 83
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +18/-1
028
เมา
.
.
..โบ้ท
“มึงเลือกเพลงได้ดีจริงๆ ไอ้ที มึงไม่ต้องกลั้นไว้ เดี๋ยวคืนนี้มันจะผ่านไป.. มึงทำได้ กูรู้” ไอ้ทีทรุดลงนั่งบนพื้นพร้อมกับก้มหน้า น้ำตาของมันกำลังอาบทั่วทั้งสองแก้มทั้งที่ปอยผมบังดวงตาทั้งคู่ของมันอยู่ ดีที่โซนเอาท์ดอคนเริ่มบางเบา เพราะใครๆ ก็อยากเข้าไปฟังเสียงสดๆ ของอดีตนักร้องดัง “ลุกขึ้นไอ้ที กูจะไปส่ง”
“แต่ผมอยากเมา..”
“เออได้ แต่มึงต้องไปเมาต่อที่อื่น ต้องไม่ใช่ที่นี่ มึงจะต้องไม่อ่อนแอต่อหน้ามัน” ไอ้ทียอมลุกขึ้นทั้งที่ยังก้มหน้า
“เห้ยไอ้มร ฝากบอกพี่โจด้วยว่า โต๊ะที่ต่อยาวที่สุดในร้านอ่ะ ลงบัญชีกูไว้ เดี๋ยวพรุ่งนี้กูมาเคลียร์ ไม่มีหนีไม่มีเบี้ยว”
“ได้พี่”
“ออ แล้วก็.. ถ้ามีใครถามหาไอ้ที ก็บอกมันว่า ไอ้ทีไปกับกู เข้าใจนะ”
“ได้พี่”
“เออ ขอบใจ พรุ่งนี้กูจะซื้อขนมมาฝาก” ไอ้มรเด็กพาร์ทไทม์มอเดียวกันที่ผมคุ้นเคยเดินจากไป ผมหันมองไอ้ที สภาพเหมือนซอมบี้ของมันทำผมอดส่ายหัวไม่ได้ หมดกัน อิมเมจคูลๆ ฉลาดๆ ของมึง ถ้าสาวๆ ที่แอบปลื้มมึงมาเห็น คงแม่งยืนไว้อาลัยทำใจไม่ได้ หมดสภาพสัด “ไปไอ้ที” ผมกอดคอมันเดินออกไปที่รถ
.
..ธาม
จังหวะเร็วๆ เบสแน่นๆ กลองรัวๆ และเสียงร้องที่มีเสน่ห์ปลุกเร้าให้คนเกือบทั้งร้านเดินไปยังหน้าเวทีเพื่อเข้าถึงอารมณ์ของเพลงตามที่นักร้องสุดเท่กำลังถ่ายทอดอย่างสุดสนุก ส่วนที่ยังนั่งอยู่ก็โยกหัวตามจังหวะและโบกมือไปมา ผมก็เช่นกัน ทุกเพลงที่พี่ข้าวร้องล้วนเป็นเพลงที่ผมคุ้นหู ถึงจะร้องตามได้ไม่หมด แต่ก็ฮัมตามได้ พี่ข้าวไม่ได้ลงจากเวทีมาได้สักพัก เพราะเสียงเรียกร้องจากผู้ฟังที่ไม่ยอมให้ลงจากเวที
“โคตรเท่อ่ะพี่ข้าวกู ไม่เห็นรู้เลยว่ามีมุมนี้ด้วย” ไอ้บรีสสายชงก็ยังตั้งหน้าตั้งตาชง “แล้วกูว่านะสองเพลงแรกอ่ะร้องให้มึงชัวร์”
“กรี๊ดดดด น้องข้าววววว”เสียงพี่ตาวที่แผดขึ้นอย่างไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ยเรียกให้ผมหันไปมอง พี่ตาวตะโกนเพราะกําลังเคลิ้มไปกับรสดนตรี และรสนํ้าเมา ผมแอบมองต่อไปทางขวา ปรินซ์ยังคงนั่งหน้าเครียด ในมือมีเครื่องดื่มแอลกอฮอล์สีเข้ม ปรินซ์ยกขึ้นดื่มรวดเดียวหมดเมื่อสบตาเข้ากับผม
“เดี๋ยวก็ขับรถกลับไม่ไหวหรอก” ผมอดพูดกับคนตัวสูงไม่ได้
“ห่วงด้วยเหรอ”
“...”
“เห็นเอาแต่มองมัน..” ปรินซ์คงไม่พอใจผมรู้ได้จากสายตาที่แข็งขืน
“ไอ้ปรินซ์!!” พี่เป้ที่นั่งลงข้างๆ ปรินซ์พูดด้วยสีหน้าตระหนกเล็กน้อย ก่อนกระซิบที่ข้างหูปรินซ์ราวกับกลัวว่าผมจะได้ยิน
ปรินซ์เปลี่ยนสีหน้าทันทีและหันไปมองหน้าพี่เป้ แล้วทั้งคู่ก็พากันลุกออกไป ปรินซ์ไม่แม้แต่จะมองผมด้วยซํ้า ผมยกแก้วที่อยู่ในมือขึ้นดื่ม
“ขอเพิ่มครับพี่ตาว” ตาของผมยังคงมองตามหลังคนตัวสูงที่กําลังเดินออกไปด้านนอก
“พี่ตาวคงชงไม่ไหวแล้วอ่ะธาม แล้วพี่ว่าธามก็น่าจะพอได้แล้วนะ หน้าแดงหมดแล้ว” พี่ฟ้าพูดกับผม
“พี่ฟ้าให้ไอ้ธามมันกินเถอะ ถ้ามันเมาก็มีพี่ข้าวแบก เดี๋ยวผมชงให้มันเอง” ไอ้บรีสตะโกนบอก
“อือๆ ก็ได้ แต่อ่อนๆพอนะ”
“คร๊าบบบบบ”
“ไอ้เชี่ยบรีส มึงคงไม่ได้จะมอมไอ้ธามใช่ม่ะ”
“ไอ้บอส ไอ้ธามก็เพื่อนกู กูเห็นมันอยากแดก กูก็จะชงให้มันไง มึงคิดมากว่ะ”
“เออ ยังไงกูก็ยังอยู่ ต่อให้มึงมอมมัน ไอ้พี่ข้าวก็ไม่ได้ไอ้ธามไปหรอก”
“มึงก็อย่าเสือกสลบก่อนล่ะกัน กูเห็นมึงแดกเอาๆ”
“เออ”

“ไอ้ธามกูว่ามึงพอได้แล้วว่ะ”
“ไงล่ะมึง มันเมาเป็นหมาแล้วเนี่ย”
“กูไม่รู้นิหว่าว่าแม่งจะยกซดยกซดหยั่งกับประชดใครอยู่”
“แล้วไอ้พี่ข้าวของมึงน่ะ คืนนี้น่าได้ค่าจ้างแทนนักร้องตัวจริงล่ะ”
“เออ ฮอตฉิบหาย”
“ไอ้ปรินซ์!!”
“อะไรของมึงไอ้ธาม โวยวายไรวะ”
“แม่งยังไม่กลับมาอีกเหรอวะ!”
“เออ พี่ปรินซ์ของมึงยังไม่กลับมา มึงเลิกชี้หน้าพี่ตาวได้แล้ว เอามือลง”
“พี่ปรินซ์แม่งไปกับพี่เป้นานล่ะ”
“นานเกินไปแล้ววว!”
“เวลาไอ้ธามเมามันขี้โวยวายเหรอวะ”
“คำว่าเมาไม่เคยได้ใช้กับมันนะ กูว่าคืนนี้พีคสุดล่ะ ต้องจดลงประวัติศาสตร์ชาติไอ้ธามมัน”
“มึงจะลุกไปไหนไอ้ธาม”
“กูปวดฉี่! กูจะไปฉี่!!”
“เดี๋ยวกูไปเป็นเพื่อนมึง”
“มึงไม่ต้อง! ไอ้บอสมึงนั่งลงเลย!!”
“นี่กูไอ้บรีส”
“เออนั่นแหละ กูจะไปเองงง! พวกมึงนั่ง!!!”
“เออ พวกกูรออยู่นี่แหละ”

“เดี๋ยวกูตามมันไปเอง เผื่อมันร่วงจะได้เก็บทัน”
“เออๆ เมาแล้วแม่งดื้อฉิบหาย”
“ไม่เมามันก็ดื้อ”
.
..ปรินซ์
“ดีนะที่มึงไปด้วย ไม่งั้นเมทกูได้จมกองเลือดแน่” ไอ้เป้พูดกับผมหลังลงจากรถในลานจอดโล่งๆ เพราะเวลาที่ล่วงเลยจนย่างเข้าขอบเขตของอีกวัน นักเที่ยวบางส่วนจึงทยอยกันกลับไปแล้ว
“เรื่องเล็กว่ะ ดีที่มันเป็นรุ่นน้องโรงเรียนเก่ากูเลยยอมฟังกู ไม่งั้นกูว่าทั้งมึงทั้งกูทั้งเมทมึงได้หิ้วกันไปนอนที่โรงพยาบาลแน่ๆ กลุ่มนี้มันนักเลงเก่ากันทั้งนั้น ว่าแต่เมทมึงก็นะ ไม่มีคนอื่นให้จีบรึไงวะ”
“มันไม่รู้เว้ยว่าสาวที่มันคุยอยู่ดันเก็บมันไว้เป็นแค่ตัวเลือก นี่ก็เพิ่งรู้เพราะแม่งสับรางผิด เจอหน้ากันเต็มๆ”
“ดีนะที่มันกดโทรออกมาหามึงก่อนโดนยำตีน”
“เมื่อกี้มันบอกกูว่าไงรู้ป่ะ ถ้าหนึ่งต่อหนึ่งมันไม่โทรตามกูหรอก แต่แม่งเสือกโทรตามพวก”
“แล้วนี่เมทมึงจะเอาไงต่อ”
“จบเว้ย ระดับมันต้องไม่เป็นแค่ตัวเลือก”
“เออดี”
“มึงก็เหมือนกัน เป็นแค่ตัวสำรอง หรือว่าเป็นตัวจริงวะ”
“..กูมั่นใจว่ากูเป็นตัวจริงของธาม ตอนนี้ก็แค่รอ”
“เออ มึงก็ระวังไอ้ข้าวล่ะกัน กูน่ะเชียร์มึงอยู่แล้ว รีบเข้าไปกันเหอะวะ ไอ้ข้าวมันจะคาบน้องมึงไปแดกล่ะ คืนนี้มันแม่งปล่อยของเต็มที่ซะด้วย”
“เออ แต่มึงเข้าไปก่อน กูจะไปห้องน้ำ”
“เออ ให้ไวล่ะมึง”
.
..ธาม
“ใครปูพื้นวะเนี่ย เอียงฉิบหาย!!” ผมพยายามลืมตาทั้งที่เบลอเต็มที การเดินผ่านอ้อมวนไปมาระหว่างกลุ่มคนที่ทั้งนั่งทั้งยืนอยู่ทั่วร้านกำลังทำผมมึนหนักเข้าไปอีก
“จำได้ว่าห้องน้ำอยู่ทางนี้!!” ผมเดินออกจากตัวอาคารเพื่อไปยังห้องน้ำที่มีคนมากมายกำลังยืนกระจายตัวกันเต็มพื้นที่ มีทั้งที่กำลังเอาของเก่าออกใต้ต้นไม้ มีทั้งที่ยืนรอเพื่อนพร้อมกันกับไลฟ์สดหน้าส้วม และมีทั้งที่กำลังพลอดรักดูดดื่มไม่สนใครหน้าไหน มือผมป่ายไปทั่วกำแพงที่มีป้ายรูปผู้ชายห้อยอยู่ด้านบน เท้าของผมจิกเกาะบนพื้นเอียงๆ เข้าไปด้านใน มิชชั่นคอมพลีทถึงโถสักที ผมจัดการธุระของตัวเอง ความเมาไม่ได้ทำให้ประสบการณ์การการปลดปล่อยที่มีมาตลอดชีวิตหายไป ถึงจะไม่ค่อยแน่ใจว่าผมล็อกพิกัดตรงหรือเปล่าก็เหอะ
.
..บอส
“บอส! บอสใช่ป่ะ”
“ใช่? เธอ..”
“เราปอยไง นึกออกยัง”
“ปอย? ปอยที่อยู่เซ็นต์พลีซป่ะ”
“ใช่ ความจำดีนะเนี่ย”
“ปอยก็ความจำดี จำเราได้ด้วย”
“ก็บอสออกจะเด่น”
“จริงอ่ะ แล้วนี่ปอยมาเที่ยวเหรอ”
“ใช่ เพื่อนที่อยู่มอนี้ชวนมาน่ะ นี่ก็จะกลับล่ะ”
“เหรอ งั้น.. เราเดินไปส่งที่รถ”
“อื้อ”
..ผมว่าผมลืมอะไรบางอย่างไปสนิทใจ
.
..ธาม
“เสร็จเรียบร้อย!” ผมยิ้มให้กับความสำเร็จของตัวเอง เฮ้อ โล่งงงง “ไปไอ้บรีส เอ๊ะหรือไอ้บอส เออเอาเหอะ ไปมึง ไปกินต่อ!” ผมคว้าเข้าที่คอของคนที่ยืนอยู่โถข้างๆ
“ปล่อย”
“โหมึง แค่นี้ต้องขึ้นเสียงด้วยเหรอวะ! นี่กูเพื่อนมึงนะ!!” ผมใช้มืออีกข้างตบกระโหลกไอ้บรีสไปหนึ่งที
“กูบอกให้มึงปล่อย!! แล้วกูก็ไม่ใช่เพื่อนของมึง!!”
“เพื่อนเมาแค่นี้.. มึงถึงกับตัดขาด! มึงนี่มันเชี่ยจริงๆ” ผมตบกระโหลกมันไปอีกหนึ่งที
“กูพูดกับมึงดีๆ แล้วนะไอ้เหี้ย!!” ไอ้บรีสเอาแขนของผมที่คล้องอยู่บนคอของมันออก และกำลังจะส่งหมัดเข้ามาที่หน้าของผม ผมเห็นการเคลื่อนไหวของไอ้บรีสแบบสโลว์ๆอย่างกับหนังเดอะแมททริก
“เด็กว่ะ.. กูหลบมึงได้สบายมาก” ผมค่อยๆ โยกหัวของตัวเองไปทางขวา ..แค่นี้กูก็หลบหมัดมึงได้ล่ะ “กระจอกว่ะ..”
.
..ปรินซ์
ผมใช้มือซ้ายของตัวเองเข้ารับหมัดตรงแทนหน้าของธาม ซึ่งถ้าโดนเต็มแรง หน้าธามคงได้เลือดแน่ๆ ส่วนมือขวาของผมก็ช้อนเข้ากับร่างบางที่ไม่เบาของเจ้าคนตัวเล็กกว่าที่ใกล้สิ้นสติเต็มที ธามทิ้งน้ำหนักตัวทั้งหมดตามแรงโน้มถ่วงของโลกมาที่ร่างหนาของผม
“ไอ้เหี้ย!! มึงยุ่งอะไรด้วย!!”
“น้องมันเมามึงก็เห็น อย่ามีเรื่องเลยว่ะ”
“เมาเหี้ยไร!! เมาแล้วตบหัวใครก็ได้เหรอวะ!!!”
“เอาเป็นว่ากูขอโทษแทนเด็กกู มึงพอใจรึยัง”
“เด็กมึง? เดี๋ยวนะ.. หน้ามึงแม่งโคตรคุ้น”
“แต่กูไม่คุ้นหน้ามึง” ผมรั้งตัวธามให้ออกเดิน อย่างน้อยขาธามก็ยังพอจะมีแรงออกก้าวเดินตามการลากของผม
“แต่กูคุ้น!!!” ไอ้บ้านี่เดินตามมาดักหน้า
“มึง.. ไอ้ปรินซ์ กองหลังดาวเด่น เด่นแม่งกว่ากองหน้า..” ผมพยายามจะเบี่ยงหลบทางเพื่อเดินต่อ ถ้ามีแค่ผมตัวคนเดียว ผมคงไม่มานั่งต่อรองอะไรกับไอ้บ้านี่แน่ๆ แต่ตอนนี้ข้างกายผมมีธาม ธามที่ช่วยอะไรตัวเองแทบไม่ได้ ธามที่หลับตาพริ้มกำลังซบอกของผม พร้อมกับพูดจางึมงำฟังไม่เป็นประโยค สร้างเรื่องไว้แล้วก็ชิงหลับเลยนะ.. ผมอดคิดไม่ได้ว่า หน้าธามตอนหลับโคตรน่ารัก เวลาอย่างตอนนี้ ผมก็ยังมามีอารมณ์ปลาบปลื้มกับการได้ใกล้ชิดธาม
“มึงยิ้มหาเหี้ยไร!!!”
“กูว่ามึงก็เมาแล้ว พอเหอะว่ะ กูไม่อยากมีเรื่อง”
“แต่กูอยากมีเรื่อง!! เพราะมึง กูถึงโดนเปรียบเทียบตลอดพอกูไม่ได้เป็นตัวจริง พิมพ์ก็มาทิ้งกูไป!!” มันเดินเข้ามาผลักอกผมและมองหน้าอย่างท้าทาย
“กูว่าไปกันใหญ่แล้วว่ะ กูว่ามึงควรไปนอน..”
“มึงนั่นแหละที่ต้องนอน!!!”
หมัดขวาของมันต่อยเข้ามาเต็มแรงจนหน้าผมสะบัด ผมมองเห็นภาพซ้อนกันจนต้องส่ายหัวเรียกสติ กลิ่นคาวเลือดของตัวเองกำลังท้าทายอารมณ์พลุ่งพล่านในตัว ผมเช็ดเลือดที่มุมปาก “กูจะพูดดีๆ กับมึงเป็นครั้งสุดท้าย”
“ไม่ต้องมาทำตัวเท่!! ตอนนี้ไม่มีกล้องตัวไหนถ่ายมึงอยู่” ผมยังนึกไม่ออกว่าไปทำเหี้ยอะไรให้มันแค้นขนาดนี้ คนชื่อพิมพ์ผมก็ไม่รู้จัก ที่พูดมาทั้งหมดมันก็เรื่องของมึงล้วนๆ เกี่ยวกับกูตรงไหน
“อย่างมึงแม่งก็มีดีแค่หน้าแหละวะ!”
มันยังไม่เลิกพล่าม ผมวางธามลงนั่งกับพื้นพิงกับกำแพงนอกห้องน้ำซึ่งเป็นมุมอับสายตา หรือต่อให้จะมีใครหลงเดินผ่านมา ก็คงจะไม่มีสติพอที่จะห้ามอะไรได้
“ถ้ามึงจะพูดไม่รู้ขนาดนี้ กูว่ากูส่งมึงเข้านอนเลยดีกว่า..” 

“กลับได้แล้วบอส” ผมโยนกุญแจรถของตัวเองให้ไอ้เป้ หลังจากเดินกลับเข้ามาในร้าน แขนข้างหนึ่งยังคงโอบรั้งเอาร่างอ่อนปวกเปียกของธามไว้
“มึงเอารถกูไปขับส่งไอ้พวกนี้ เสร็จแล้วค่อยมารับกูที่หอใน” ผมพูดกับไอ้เป้
“เห้ยไอ้ธาม! ผมลืมมันไปเลย.. มันเป็นไรพี่”
“แค่หลับ อย่าเพิ่งถามมาก ไปเรียกแท็กซี่”
“มึงจะกลับเลยเหรอวะ”
“เออ กูว่าธามไม่ไหวล่ะ”
“กูว่ามึงต่างหากที่ไม่ไหว มึงไปฟัดกับหมาที่ไหนมาวะ”
“กูยังไหว ไว้ค่อยคุย”
“เออๆ ไม่ต้องห่วง เดี๋ยวกูส่งพวกน้องในชมรมเอง แล้วจะตามไปรับมึง”
“อืม”
บอสรีบเดินนําผมออกจากร้าน ดีที่คืนนี้เป็นคืนวันศุกร์ แท็กซี่ก็เลยมีมากพอตามปริมาณคนที่มาเที่ยว ผมนั่งเบาะหลังเพื่อประคองธาม ..คนก่อเรื่องที่ชิงหลับ สร้อยของไอ้ข้าวที่ยังอยู่บนคอของธาม ทําให้ผมรู้สึกขุ่นเคือง จะทรมานพี่ไปถึงไหน.. อย่าเป็นคนดีที่ปฏิเสธใครไม่เป็น.. ความมีเหตุผลของพี่มันอาจสิ้นสุดเข้าสักวัน เพราะพี่จะคิดว่าธามมีใจให้กับมัน.. ไม่ใช่พี่
.
..ข้าว
“ไงมึง ลงจากเวทีได้แล้วเหรอวะ”
“เออ มึงเห็นไอ้เชี่ยทีป่ะ” ไอ้เป้ส่ายหน้าตอบผม
“พี่ทีออกไปกับพี่โบ้ทพี่” ไอ้มรที่ยืนอยู่ตอบแทน
“ออกไปนานรึยัง”
“นานแล้วนะ ก็ตั้งแต่พี่ขึ้นเวที”
“แล้วนี่คือยังไม่กลับมา?”
“น่าจะไม่กลับมาแล้วนะพี่ เพราะว่าพี่โบ้ทสั่งให้ผมบอกพี่โจว่าพรุ่งนี้พี่มันค่อยเข้ามาเคลียร์เงินเอง”
“เห้ยไอ้พี่โบ้ทจะเลี้ยงเหรอวะเนี่ย กูลืมไปว่าพี่มันแม่งรวย สั่งเพิ่มตอนนี้ทันป่ะวะ” ไอ้เป้พูดแทรก
“แล้วมึงรู้ม่ะว่าเขาพากันไปไหน”
“ไม่รู้ดิพี่ แต่หน้าพี่ทีดูไม่ค่อยดี”
“ไม่ดียังไง!”
“ก็.. ก้มหน้าก้มตา ดูเครียดๆ ดูมีปัญหา..”
“ปัญหาเหี้ยไร!แล้วมึงไม่ได้ยินเหรอว่าเขาคุยอะไรกัน!!”
“เห้ยไอ้ข้าว! กูว่ามึงใจเย็นๆ มึงถามเยอะไปแล้วป่ะวะ ก็น้องมันไม่รู้จะให้มันตอบอะไรได้วะ ไอ้มร มึงไปไหนก็ไปไป”
“...”
“แล้วจริงๆมึงควรจะถามถึงอีกคนไม่ใช่เหรอวะแทนที่จะเป็นไอ้ที”
“ใคร?”
“เอ๊า! ก็ธามไง.. ธามมันก็ไม่อยู่ ไม่เห็นมึงจะถามหาสักคำ เอาแต่ถามถึงไอ้ที”
“เออ กูลืม.. แล้วนี่ธามไปไหน”
“เมาหลับกลับกับไอ้ปรินซ์ไอ้บอสไปแหละ”
“เหรอ”
“มึงเป็นเชี่ยไรวะ หงุดหงิดขนาดนี้ หรือมึงอยากรู้ว่าไอ้ทีกับไอ้พี่โบ้ทอยู่ไหนกัน?”
“...กูไม่ได้อยากรู้! เชี่ยแม่งจะอยู่ไหนกัน.. ก็ไม่เกี่ยวอะไรกับกู!”
“อืมอืม แต่ถ้ากูรู้ล่ะว่าเขาพากันไปต่อที่ไหน..”
“...ที่ไหน!”
“ไหนบอกไม่อยากรู้ไง..”
“ไอ้สัดเป้!!”
“เห้ยใจเย็นดิวะ”
“!!!”
“เอาเป็นว่ากูรู้..”
“ที่ไหน?!!”
“ก็ที่..”
“พี่ข้าว”
“ฟ้าว่าไง”
“พี่ตาวสลบไปแล้วอ่ะ”
“อืม งั้นพี่ขับไปส่งพี่ตาวกับฟ้าเอง ส่วนมึงไอ้เป้.. รอกูอยู่นี่!”
“แน่นอนอยู่แล้ว เพราะมึงต้องมาช่วยกูส่งไอ้พวกเมาคอพับนี่ด้วย”

“เห้ยมึง! ขับช้าๆ ได้ป่ะวะ!! กูยังอยากแก่ตายนะเว้ย!!”
“...”
“มึงนี่ก็แปลกนะ แทนที่มึงจะไปตามหาธาม เสือกมาตามหาไอ้ที”
“..ก็มันแกล้งกู”
“แกล้งมึง? แกล้งเชี่ยไรวะ?”
“มันให้กูขึ้นเวที..”
“ก็ใช่ไง ให้มึงร้องเพลงจีบธาม”
“แต่มันทิ้งกูไว้แล้วแม่งก็หายไป!!”
“เอ๊า ก็มึงเป็นคนจีบธาม จะให้มันอยู่เพื่อ?”
“!!!”
“ซับซ้อนนะมึงเนี่ย”
.
..คอนโดโบ้ทนอกมหาลัย
..โบ้ท
“ไอ้เชี่ยใครวะ! มึงจะเคาะหาอะไรหนักหนา!” ผมเปิดประตูหลังไอ้บ้าที่ไหนก็ไม่รู้เคาะประตูรัวโคตรน่ารำคาญ แล้วก็พบว่าหลังประตูคือไอ้ข้าวที่กําลังยืนทำหน้าเครียด ส่วนไอ้เป้ยืนทำหน้าระรื่นอยู่ด้านหลังไอ้ข้าว
“พวกมึงมีไร.. แล้วนี่ส่งน้องๆ กลับเสร็จแล้วใช่ม่ะ”
“ใช่ดิ พี่แม่งทิ้งงานไว้นี่หว่า”
“กูก็เป็นคนจ่ายแล้วไง”
“...”
“ถ้าพวกมึงมาบอกกูแค่นี้.. ก็แยกย้ายกลับไปนอนได้ล่ะ”
“โอเค เจอกันพรุ่งนี้พี่” ไอ้เป้ทำท่าคล้ายจะออกเดิน ส่วนไอ้ข้าวที่ยืนแข็งเป็นอิฐเป็นปูนก็ยังคงนิ่งอยู่อย่างนั้น ผมดันประตูปิด แต่ไอ้ข้าวใช้มือของมันยันประตูไว้
“มึงมีอะไรอีกไอ้ข้าว?”
“ไอ้ทีอยู่ไหน..”
“..ก็อยู่ข้างในไง” 
“...”
“...”
“ออ มันเมาหลับไปแล้วใช่ไหมพี่ งั้นก็ให้มันนอนนี่แหละ ส่วนพวกเราก็กลับกันเหอะว่ะ อย่าไปกวนมันเลย”
“แต่กูจะไม่กลับ ถ้ามันไม่กลับไปพร้อมกับกู”
“งั้นมึงก็ต้องดูว่ามันอยากกลับไปกับมึงไหม..” ผมมองหน้าไอ้ข้าว
“!!!”
“..คืนนี้กูจะนอนนี่” ไอ้ทีเดินออกมายืนข้างผม หน้าตามันโอเคขึ้นหลังจากได้อาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า ผ้าเช็ดตัวยังคล้องอยู่บนคอของมัน กลิ่นแชมพูสบู่อาบน้ำอ่อนๆ ก็ยังหอมเกาะร่างของมันมา และแน่นอน.. ร่างของไอ้ทีมีเสื้อยืดตัวหลวมกับกางเกงมวยของกู.. ไงไอ้ข้าว.. ดีนะกูคำนวณเผื่อไว้ว่ามึงจะมา มึงเห็นแบบนี้แล้วมึงจะทำไงต่อ? แค่คิดก็สนุกฉิบหายล่ะ..
“กูมารับมึง”
“กูมาเองได้ ก็กลับเองได้”
ไอ้ข้าวพ่นลม “แต่กูมีเรื่องจะคุยกับมึง”
“ไว้พรุ่งนี้ค่อยคุย กูง่วงแล้ว” ไอ้ทีเดินหันหลังกลับ ไอ้ข้าวก้าวเท้าเข้ามาคว้าข้อมือไอ้ทีไว้ แม่งงงงง ฉากในละครชัดๆ  ไอ้ทีหันมามองข้อมือของมัน กับหน้าของไอ้ข้าว
“มึงปล่อยมือกู แล้วพูดมา”
“..ขอบใจ ที่มึงช่วยกูจีบธาม”
“!!! / !!!”
“ก็กูเป็นเพื่อนมึงไง มึงกลับไปได้ล่ะ” ไอ้ทีพยายามฝืนยิ้ม ตอบด้วยเสียงสั่นเครือบางๆ ก่อนหันหลัง
“เดี๋ยวก่อน กูมีอีกเรื่อง..”
“...” ไอ้ทียังคงหันหลังให้ไอ้ข้าว
“..คืนนี้กูมีความสุขมาก” ผมดันประตูให้ปิดลงโดยไม่คิดรอจังหวะที่จะนรกไปกว่านี้อีก ไอ้ทีเดินเข้าห้องได้สองสามก้าวก็ทรุดตัวลงกับพื้น ผ้าขนหนูถูกใช้ซับนํ้าตาไอ้ทีตลอดสามชั่วโมงที่ผ่านมา คืนนี้คงอีกยาวไกล.. กูเกลียดมึงไอ้เชี่ยข้าว!
.
..ข้าว
“ที่มึงพูด.. คือมึงคิดอย่างนั้นจริงๆใช่ม่ะ” ไอ้เป้พูดหลังจากที่ประตูปิดสนิทลง
“...”
กูอยากพูดกับมันว่า กลับไปกับกูได้ไหม..
.

ออฟไลน์ After5p.m.

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 83
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +18/-1
029
- เป้า -
.
.
..ธาม
“อือ ปวดหัว ปวดหัววว..”
“นี่คือมึงละเมออยู่ใช่ม่ะ”
“กูปวดหัว..”
“มึงตื่นแล้วใช่ม่ะ”
ผมพยายามลืมตา ปรินซ์กำลังมองผม ยิ้มให้ผม ..ดวงตาอ่อนโยนและยิ้มละมุนเหมือนทุกครั้ง ผมเองก็ยิ้มตอบปรินซ์ เป็นเช้าที่ดีจริงๆ..
“ปรินซ์.. กูปวดหัว”
“นี่แน่ะมึง!” ผมโดนปรินซ์ดีดเข้าที่ปลายจมูก
“เจ็บนะเว้ยเชี่ยปรินซ์!” ผมยกสองแขนขึ้นพยายามจะคว้าคนตรงหน้ามากอดรัด จะเอาให้หายใจไม่ออกเลย จู่ๆ ก็แปลงร่างจากเทวดาเป็นซาตานซะงั้น
“ไอ้เชี่ยธามมมม! ปล่อยกู! มึงลืมตาสิโว๊ยยยย กูไม่ใช่พี่ปรินซ์! มึงจะไม่ปล่อยใช่ไหม กูเตือนมึงแล้วนะ” ผมสะดุ้งตัวตื่นเพราะแรงกระทำหนักๆ กระทบเข้าที่ใบหน้า..
“เห้ยเกิดอะไรขึ้น!
“ไม่มีเชี่ยไรทั้งนั้นแหละมีแต่มึงครวญครางละเมอหาพี่ปรินซ์ แถมยังกอดกูเพราะคิดว่าเป็นพี่มันอีก”
“ไม่ต้องมาหลอกกู”
“เออ แล้วแต่มึง”
“กูปวดหัวว่ะ”
“มึงรอแป๊บ กูอุ่นโจ๊กอยู่ เดี๋ยวมึงก็กินโจ๊ก กินน้ำส้มคั้น กินยาแก้ปวด แล้วก็นอนซะ..”
“โอ้โห แค่มีโจ๊กกูก็อึ้งแล้วนะ แต่นี่มีน้ำส้มคั้นด้วย น้ำตากูจะไหลเลยว่ะเพื่อน”
“มึงเตรียมน้ำตาไหลได้เลย ถ้ามึงรู้ว่าทั้งหมดนี้ กูไม่ได้เตรียมเอง”
“?”
“พี่ปรินซ์ของมึงเตรียมมาให้มึงตั้งแต่เช้า มีเผื่อกูด้วยนะเว้ย”
“..แต่เช้า? มันลุกไหวได้ไงวะ กูเห็นแม่งกินตั้งเยอะ”
“กินแค่นํ้าชาผสมโซดา ต่อให้พี่มันกินยันเช้าแม่งก็ไม่เมา”
“ห๊ะ?”
“เออ พี่มันเตรียมมาเอง คงไม่อยากเมาเพราะจะเฝ้ามึงมั้ง แต่ก็ไม่อยากเสียฟอร์ม”
“มึงรู้ได้ไง”
“ก็กูเสือกไปหยิบขวดเหล้าของพี่มันมาเหยาะ เชี่ย เฝื่อนลิ้นฉิบ”
“ออ แล้วนี่คือมันมา.. แล้วก็กลับ”
“ใช่ สงสัยดิว่าทำไมไม่อยู่เจอมึง”
“...”
“ก็เพราะพี่มันไม่อยากเจอมึงไง กูสังเกตตั้งแต่เมื่อคืนล่ะ แบกมึงมาส่งถึงห้อง เช็ดหน้าเช็ดตาให้มึงเสร็จก็กลับเลย กูก็นึกว่าเมื่อคืนพี่มันจะพามึงไปห้องตัวเอง ดูแลแบบวีไอพีเหมือนคราวที่แล้วที่มึงป่วยสลบคาห้องเชียร์ ไหงพามานี่ก็ไม่รู้”
“...”
“เออ แล้วเมื่อคืนไปมีเรื่องกับใครวะ ตอนพี่ปรินซ์ลากมึงเข้ามาในร้าน พี่มันปากแตกเลือดยังซึมๆ หยั่งกับโดนใครต่อยมา”
“มีเรื่อง?? เรื่องไรวะ กูจําไม่ได้”
“จำได้ก็แปลกล่ะ มึงเล่นกระดกทีหมดแก้ว พอเมาก็โวยวาย บ่นอยู่ได้ว่าพี่ปรินซ์กับพี่เป้หายไปนาน.. นี่กูคิดเลยนะว่ามึงหึงพี่ปรินซ์”
“กูเนี่ยนะ!!!”
“เออดิ ไม่เชื่อมึงไปถามไอ้บรีส”
“...”
“แล้วนี่มึงจะกลับบ้านไหม”
“คงไม่ว่ะ ตอนนี้กูก็โคตรปวดหัว”
“งั้นเย็นนี้ไปชมรมไหวไหมมึง”
“ไหว”
“ตอบไวเชียวน้าาาา ไม จะไปเจอใครเหรออออ”
“ก็.. เจอพี่ข้าวไง เมื่อคืนกูก็ไม่ได้ลา”
“อ๋อออ ลืมไปว่ามึงโดนพี่มันจีบกลางที่สาธารณะ ไง รู้สึกดีม่ะ”
“..มึงไม่ต้องมายุ่งกับความรู้สึกกู”
“เออๆ ไม่อยากให้ยุ่งก็ไม่ยุ่ง มึงก็กิน แล้วก็นอน บ่ายๆค่อยไปกัน”
“อืม” ผมมองดูชามโจ๊ก แก้วน้ำส้มคั้น และแผงยา.. ไอ้คนตัวสูงกว่ามันกำลังคิดอะไรอยู่.. ทำไมไม่อยู่รอกูตื่นวะ ผมกำลังสำคัญตัวเองอย่างที่เป็นมาตลอด.. แต่ตอนนี้ผมชักไม่มั่นใจในตัวเอง กูยังสำคัญสำหรับมึงใช่ไหมปรินซ์..

ก่อนที่ผมกับไอ้บอสจะก้าวเท้าถึงชั้นสี่ของตัวอาคารอันเป็นที่ตั้งของชมรมต่างๆ เสียงพูดคุยเสียงโห่เสียงเฮก็ดังลั่นจนทั้งผมและไอ้บอสต้องหันหน้ามองกัน พวกเราทั้งคู่รีบสาวเท้าเดินตรงไปยังห้องชมรมเดินดอย เสียงต่างๆดังมาจากภายในห้องนี้ตามคาด ทุกคนกำลังรุมดูอุปกรณ์สื่อสารในมือของไอ้บรีส
“ไอ้บอสไอ้ธาม กว่าจะมาได้นะพวกมึง” ทุกคนที่อยู่รอบไอ้บรีสพากันหลบทางให้ผมกับไอ้บอส
“ก็ไอ้ธามดิ หลับยาวกว่าจะยอมตื่น” ไอ้บอสตอบแทนผม
“มาได้แล้วเหรอไอ้น้อง คนอื่นเขาช่วยกันทำอะไรไปตั้งเยอะล่ะ” พี่โบ้ทตบหัวผมกับไอ้บอสคนละที
“พี่ขี้บ่นว่ะ”
“เออๆ กูก็บ่นตามประสา..”
“..คนแก่” พี่โบ้ทตบหัวไอ้บอสเพิ่มอีกหนึ่งที
“เอออออ กูแก่.. อย่าเผลอหลงเสน่ห์คนแก่อย่างกูล่ะกัน”
“พี่พูดไรวะเนี่ย! ขนลุกว่ะ”
“ก็กูอยากอินเทรนด์ คนรอบตัวกูตอนนี้แม่ง.. อินเลิฟฟฟ”
“อ๋อ ที่แท้ก็เปลี่ยว.. ไม่มีใครเอาอ่ะดิ..”
“กูน่ะเอาตลอด เอาจนไม่มีเวลาพักผ่อน แล้วมึงล่ะ สนใจเอากับกูม่ะ กูจะได้จัดคิวให้”
“หึ ถ้าอ่อยกันขนาดนี้ นัดวันมาเลยดีกว่า”
“คืนนี้เลยม่ะ ห้องกู”
“พี่อาบนํ้ารอได้เลย ผมจะจัดให้อย่างหนัก ..เอาไม่หยุด เอาจน..” ไอ้บอสย่างเท้าเข้าหาพี่โบ้ทแบบไม่กลัวเจอตีน แถมยังจ้องตาพี่โบ้ทไม่สะทกสะท้าน โจ๊กชามมึงใส่ดีหมีรึไงวะ ใจมึงถึงได้แกร่งกล้า ข่มนักมวยมหาลัยไม่เกรงใจกล้ามแขนของพี่มัน
“มึงหยุดเลยไอ้เชี่ยบอส!วันนี้กูยอมแพ้!”
“โธ่ ก็นึกว่าจะแน่ ถ้าพี่อ่อยต่ออีกนิด รับรองไม่ต้องรอถึงคืนนี้..” ไอ้บอสเอียงหน้ากระซิบที่ข้างหูพี่โบ้ท “..จัดมันตอนนี้เลย”
“!!!” พี่โบ้ทกับไอ้บอสต่อความกันอยู่นาน นานจนไม่รู้ว่าที่พูดออกมาน่ะแอบคิดกันจริงๆรึเปล่า

“มึงดูนี่” ไอ้บรีสยื่นโทรศัพท์ในมือมันมาให้ผม “พี่โบ้ทบอกว่าพี่โจเจ้าของร้านเมื่อคืนเขาส่งมาให้ เก็บไว้เผื่อเป็นหลักฐานให้พี่ปรินซ์”
“หลักฐานไรวะ?”
“ก็หลักฐานแก้ต่างเผื่อพี่มันโดนจับข้อหาทำร้ายร่างกายไง”
“โดนจับ.. โดนจับเชี่ยไรวะ! ใครทำร้ายร่างกายใคร”
“แน่ะมึง.. ห่วงพี่มันอ่ะดิ”
“เออห่วง! มึงบอกกูสักทีว่าเรื่องอะไร!”
“ใจร่มๆ ดิวะ มึงดูคลิปก่อน”
“กูดูด้วย” ไอ้บอสกับผมจ้องมือถือขนาดหน้าจอ 6.2 นิ้ว คลิปที่ฉายอยู่เป็นภาพเกือบขาวดำของกล้องวงจรปิดตัวหนึ่ง.. ผมเดินเซออกจากห้องน้ำพร้อมกับผู้ชายคนหนึ่งที่ผมไม่รู้จัก ผมตบหัวผู้ชายคนนั้นไปสองที แล้วมุมกล้องก็เปลี่ยนเป็นภาพจากกล้องอีกมุมนอกห้องน้ำ ..ผมกำลังจะโดนต่อย! แต่ปรินซ์รับหมัดนั้นเอาไว้!!
“เท่เหี้ยๆพี่ปรินซ์กู”
..ปรินซ์ทำท่าจะเดินหนี แต่ชายคนนั้นยังเดินขวาง แล้วปล่อยหมัดเข้าที่หน้าของปรินซ์!
“เหี้ยเอ๊ย! แม่งทำพี่กู!!”
“ไอ้เชี่ยบอส!มึงใจเย็น ดูต่อไปก่อน กวนสมาธิไอ้ธามมัน”
ปรินซ์วางผมลงที่พื้น.. ปล่อยหมัดใส่ผู้ชายคนนั้น.. ทีเดียว.. ชายคนนั้นนอนนิ่ง! ปรินซ์หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาแนบหู ก่อนหันกลับมาพยุงผมอีกครั้งและเดินออกจากตรงนั้น..
“หมดจดมากไอดอลกู” ไอ้บอสทำหน้าปลื้มปีติ
“ไงมึงไอ้ธาม.. เมาจนได้เรื่องเลยนะ ส่วนมึงไอ้บอส หายหัวไปไหนวะ มึงตามไอ้เชี่ยธามไปไม่ใช่เหรอวะ”
“เออ กูก็ตามมันไป แต่กูดันเจอคนรู้จักก่อน ก็เลย..”
“..เลยลืมไอ้ธามมัน ดีนะที่พี่ปรินซ์เจอมันก่อน ไม่งั้นกูว่าไอ้ธามได้นอนหยอดน้ำข้าวแน่..”
“โทษทีว่ะไอ้ธาม.. ไอ้ธาม.. ไอ้ธาม!”
“ห่ะเรียกกูเหรอ”
“เออ จิตหลุดเหรอวะ ดูคลิปแค่นี้”
“ไอ้บรีส ปรินซ์ยังไม่มาเหรอวะ”
“เออ กูได้ยินพี่โบ้ทมันบอกว่าพี่ปรินซ์ติดซ้อมบอลคงมาไม่ได้ นี่ก็มีคนรอสัมภาษณ์พี่มันอยู่เนี่ยว่าต่อยอิท่าไหนหมัดเดียวจอด สงสัยหมัดอรหันต์วัดเส้าหลินวะ”
“...”
“หรือมึงจะไปหาพี่มันที่สนามบอล” ไอ้บอสถามผม
“เออ กูจะไป”
“ให้พวกกูไปด้วยไหม”
“ไม่ต้อง พวกมึงอยู่นี่แหละ”
“เออๆ”
.
..ข้าว
บทสนทนาระหว่างผมกับไอ้ทีทางโทรศัพท์เมื่อสิบห้านาทีก่อน..
“มึงอยู่ไหน”
[มึงมีไร]
“มึงก็ตอบกูมาก่อนว่าตอนนี้มึงอยู่ไหน”
[มึงก็บอกกูมาว่ามึงมีเรื่องอะไร]
“ไอ้เชี่ยที!”
[กูอยู่บนรถ]
“รถ? รถอะไร? มึงจะไปไหน”
[รถตู้ ส่วนกูไปไหน ก็เรื่องของกู สรุปมึงมีเรื่องอะไร]
“กูจะคุยกับมึงเรื่องเมื่อคืน..”
[เห้ยไอ้ข้าว กูเห็นธามกําลังเดินไปทางสนามกีฬากลาง มึงรีบมา]

..ผมทําตามที่ไอ้ทีบอกทั้งที่ผมสนใจว่ามันอยู่ไหนมากกว่า กูอาจจะเจอมึงที่นั่นก็ได้ ผมคาดหวังอะไรที่คิดยังไงก็ไม่น่าเป็นไปได้ การนั่งรถตู้กับระยะทางแค่จากหอถึงสนามกีฬากลาง..ไม่จําเป็นต้องรถตู้ ..มึงกำลังจะไปไหนวะไอ้ที ทําไมบอกกูไม่ได้ทั้งที่เราไม่เคยมีความลับต่อกัน..
.
..ธาม
ผมเดินออกจากห้องชมรมทันที สนามกีฬาอยู่ใกล้แค่นี้ ใจของผมอยากไปเจอหน้าคนตัวสูงเร็วๆ แต่ขาทั้งสองกลับก้าวช้าลง.. สมองของผมต้องการเวลาในการทบทวนความรู้สึกของตัวเอง ผมคิดอะไรอยู่ถึงได้อยากเจอปรินซ์เดี๋ยวนี้..ผมเป็นห่วงปรินซ์ที่โดนต่อยเพราะผม หรือผมแค่อยากรู้ว่าตัวเองยังสําคัญสําหรับปรินซ์อยู่ไหม หรือผมแค่มีข้ออ้างที่ดีพอที่จะไปหา..เพราะอยากเจอ ..ผมควรพูดอะไรกับปรินซ์ แล้วถ้าปรินซ์เมินผม.. ผมจะทำยังไงให้ปรินซ์ไม่รู้ว่าผมกำลังเสียอาการ..
สนามกีฬากลางที่ผมเคยมาทั้งในเวลาพระอาทิตย์อยู่กลางฟ้าและในยามที่พระจันทร์ครองอาณาเขต ผมไม่ควรจะตื่นเต้นมือไม้เย็นแบบนี้ถ้าไม่ใช่ว่าผมกำลังกังวลกับการเจอหน้าคนตัวสูงที่คุ้นเคยมาตลอดชีวิต การที่ปรินซ์ไม่เอาใจใส่ผมเหมือนทุกครั้งทำผมว้าวุ่น..
แดดยามบ่ายคล้อยยังคงระอุร้อน สนามหญ้าจริงยังดูเขียวสดถึงจะมีบางหย่อมแบนราบไม่เหลือรากเพราะโดนเหยียบย่ำแบบไม่เจตนา ปรินซ์ยืนอยู่ไกลออกไปตรงนั้น ตรงกลางของสนามกับนักบอลอีกจำนวนหนึ่ง คนตัวสูงยังคงโดดเด่นและเท่เสมอ เท้าที่วิ่งเตะบอลสลับซ้ายขวาไปมาตามกรวยสีแสด ร่างหนาแข็งแกร่งที่เต็มไปด้วยกล้ามเนื้อชวนมอง ผมเดินและมองตามการเคลื่อนไหวของปรินซ์ไปเรื่อยๆจนสุดทางของรั้วกั้นก่อนเข้าเขตพื้นที่ของขอบสนาม ผมกำลังหวั่นใจกับการปรากฏตัวของตัวเองต่อหน้าปรินซ์ ผมยืนอยู่ตรงนั้น..
“ธาม!”ปรินซ์เห็นผม และรีบวิ่งมา อย่างน้อยปรินซ์ก็วิ่งมา..
“ธามมาหาพี่เหรอ”
“อืม ใช่ ก็เห็นไม่ไปชมรม”
ปรินซ์ยิ้ม “แค่พี่ไม่ไป ธามถึงกับต้องมาหาถึงนี่”
“ก็ใกล้แค่นี้เอง”
“อือ วันนี้ไปไม่ได้ ต้องอยู่ซ้อมให้พวกน้องๆมัน”
“เหรอ..”
“...”
“ธามมีอะไรอีกรึเปล่า”
“เจ็บไหม?”
“ห่ะ?”
“ก็ที่โดนต่อยไง เจ็บไหม”
“ก็นิดหน่อย” ผมมองปากของปรินซ์ มันยังคงบวมอยู่ “หรือที่มาหาเพราะว่าห่วง”
“ก็มึงเจ็บเพราะกู”
ปรินซ์วางมือหนาบนหัวของผม “ถ้าต้องเจ็บแทนธาม พี่โอเค.. แต่ถ้าพี่ต้องเจ็บเพราะธาม พี่อาจจะอยู่ไม่ได้..”
ผมเงยหน้ามองคนตัวสูง ถึงใบหน้าปรินซ์จะเปื้อนยิ้ม แต่แววตากลับเศร้าลึก“..แล้วจะเป็นอะไรไหม จะโดนแจ้งความรึเปล่า”
“ไม่หรอก พอมันสลบไป พี่ก็โทรตามรถโรงบาล ออกค่าใช้จ่ายให้ ไปเยี่ยมมันมาแล้วด้วยเมื่อเช้า พอมันหายเมามันก็พูดรู้เรื่องนะ ไม่ได้จะเอาเรื่องอะไร มันบอกว่าไงรู้ป่ะ มันบอกว่าสะใจมากที่ได้ต่อยพี่ทีนึง เก็บไปอวดเพื่อนมันได้ แม่งโคตรต๊อง”
“..ดีแล้ว ที่ไม่มีเรื่องไปมากกว่านี้”
“อืม” จู่ๆความเงียบระหว่างผมกับปรินซ์ก็เกิดขึ้น ผมควรพูดอะไรต่อ..
“ไอ้ปรินซ์!กูมีของมาฝากกกก” พี่เป้วิ่งมาจากอีกมุมของขอบสนาม พร้อมกับของในมือ
“เครปเค้กวานิลลาซอสสตรอเบอรี.. อ้าวธาม มาทําไร”
“ผม..” ผมกําลังอึ้งกับเครปที่อยู่ในมือของพี่เป้.. จะมีสักกี่คนที่รู้ว่าปรินซ์ชอบสตรอเบอรีแทนที่จะเป็นช็อกโกแลตถ้าไม่ใช่ผม.. ผมมองปรินซ์ที่กําลังมองผม ขณะที่พี่เป้ก็กําลังรอคําตอบจากผม “ผมมา…” คําถามง่ายๆ แต่ผมกลับตอบไม่ได้
“ธาม”
.
..ปรินซ์
“ธาม” เป็นไอ้ข้าวที่เดินใกล้เข้ามา
“เห็นที่ชมรมบอกว่าธามมานี่ พี่เลยมาตาม”
“ธามมาหากู” ผมมองหน้าไอ้ข้าว
“แต่เท่าที่ดูธามคงมาขัดจังหวะของมึงกับ..”
“พี่ข้าว! กลับกันเถอะ”
คนตัวเล็กกว่าหันหลังให้ผมและเดินจากไปโดยมีไอ้ข้าวเดินอยู่ข้างๆ
“เอาไงมึง ตามน้องมันไปม่ะ”
“..ไม่ว่ะ”
“ยังไงวะเนี่ย วันนี้มึงไม่มีซ้อมก็เสือกมาซ้อม หรือมึงโดดชมรมเพราะมึงจะหลบหน้าธาม”
“...”
“ทําไมวะ”
“กูแค่อยากถอยออกมาให้ธามมีเวลาของตัวเอง แล้วกูก็อยากรู้ว่ากูสําคัญสําหรับธามไหม”
“แล้วได้คําตอบยัง”
“ได้ล่ะ” ผมยิ้ม ใบหน้าของผมตอนนี้น่าจะประมาณผู้เล่นกองหน้าตัวทำ ยิงลูกชัยชนะให้ทีมด้วยการตีลังกาฟาดลูกเข้าโกลด์ฝ่ายตรงข้ามในช่วงทดเวลาสามวินาทีสุดท้าย
“เออ ยังไงก็เผื่อเปอร์เซ็นต์ความเจ็บปวดไว้บ้าง อ่ะ มึงกินเครปจากแฟนคลับมึงได้ล่ะ กูถือจนกล้ามกูล้าล่ะ”
“...”
“เออ แล้วมึงก็ไปเพิ่มเมนูอื่นในลิสของกินที่มึงชอบด้วย จะทวิตเตอร์ จะไอจี จะที่ไหนก็ได้ กูกับพวกน้องๆเบื่อกินเครปล่ะ”
“แต่กูไม่เบื่อนะ กูชอบ”
“เวร แทนที่มึงจะชอบของคาว เสือกชอบของหวาน แล้วดันไปให้สัมภาษณ์อีกว่าโคตรชอบ กินได้ไม่มีเบื่อ”
“...” ผมหยักไหล่ก่อนตักเครปเข้าปาก
.
.
[อาหารที่ช่วยเสริมพละกำลังในการเป็นนักบอลของคุณ]
“ก็อาหารจำพวกโปรตีนนะครับ จริงๆ ก็แค่ทานให้ครบห้าหมู่ ส่วนตัวผมชอบกินเครปวานิลลาราดซอสสตรอเบอรีมากครับ”
[ทำไมถึงเป็นของหวาน แถมยังเป็นซอสสตรอเบอรี]
“ผมชอบของหวานครับ โดยเฉพาะสตรอเบอรี แต่ไม่กล้าบอกใคร เพราะมันน่าอายที่ผู้ชายอย่างผมจะชอบรสชาตินี้แทนที่จะเป็นช็อกโกแลต หรือดาร์กช็อก”
[แล้วทำไมวันนี้ถึงยอมรับล่ะ?]
“เพราะมีคนคนหนึ่งที่เขารู้ดีว่าผมชอบรสชาตินี้บอกผมว่า ถ้าเราชอบก็แค่ยอมรับว่าชอบ ไม่เห็นต้องแคร์ใครว่าเราควรจะชอบอะไรหรือไม่ควรชอบอะไร”
[...]
“เป็นเพราะเขาครับที่ทำให้ผมรู้ว่าถ้าผมชอบอะไรก็ควรแสดงออกไปตรงๆ จะได้ไม่เสียเวลาปกปิด หรือได้ในสิ่งที่ไม่ชอบ”
[วันนี้เลยกล้าสารภาพความชอบส่วนตัวสินะ]
“ครับ และผมก็จะชอบตลอดไปครับ ไม่สิ รัก และจะไม่มีวันเลิกรักด้วยครับ”
..บทสัมภาษณ์ในนิตยสารกีฬาเล่มหนึ่งของผม ..ถ้าธามได้ผ่านมาอ่าน คงรู้ว่าคนคนนั้นก็คือธาม..
.
.


ออฟไลน์ After5p.m.

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 83
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +18/-1
030
ยอมรับ
.
.
..ชมรมเดินดอย
“ทำไมทำหน้างั้นวะ แล้วนี่มึงไปหาพี่่ปรินซ์แต่ทำไมกลับมากับพี่ข้าว” ไอ้บอสถามผมทันทีที่พี่ข้าวปลีกตัวไปคุยกับพี่โบ้ท
“กูก็เจอปรินซ์ แล้วก็เจอพี่เป้.. พอพี่ข้าวไปตามกู กูก็เลยกลับ..”
“ที่มึงทำหน้างี้เพราะพี่เป้ใช่ม่ะ”
“...”
“จริงๆ พี่เป้อยู่ตรงนั้นก็ไม่เแปลกนะเว้ย พี่เขาเป็นทีมสวัสดิการกลาง”
“สวัสดิการกลาง?”
“เออ พี่เป้อยู่สวัสจริงๆ กูไม่โกหกมึงหรอก เลิกทำหน้าเป็นแมวเศร้าได้แล้ว เขาแค่อยู่ตามหน้าที่”
“...”
“ทําไมวะ หรือมีอะไรมากกว่านี้”
“..กูแค่รู้สึกว่าพี่เป้โคตรใส่ใจ แล้วก็รู้ใจปรินซ์..”
“คิดมากว่ะ ก็เขาเพื่อนกัน เหมือนกูกับมึงไง”
“...”
“เห้ย”
“อะไรของมึง”
“ไอ้ธาม นี่มึงรู้ใจตัวเองแล้วใช่ม่ะ”
“ห่ะ??”
“ก็มึงกําลังหึงพี่ปรินซ์อยู่เนี่ย ทั้งหึงทั้งหวง มึงเลิกปฏิเสธเลย ว่ามึงไม่ได้คิดอะไรกับพี่มัน”
“ไม่เว้ย!คือกูก็แค่..”
“ไอ้ธาม กูว่ามึงเลิกลีลา เลิกหาตรรกะเหตุผลเชี่ยไรมาสู้กับความรู้สึกที่มึงเป็นอยู่ตอนนี้เหอะว่ะ”
ความจริงก็คือผมเถียงตัวเองไม่ชนะมาได้สักพัก และทุกครั้งที่เห็นพี่เป้อยู่ใกล้ปรินซ์ปรินซ์พูดถึงพี่เป้ ผมก็รู้สึกโคตรหงุดหงิด โคตรแย่ โคตรโมโห “..เออ กูยอมรับก็ได้”
“ก็แค่เนี้ย ในที่สุดไอดอลกูก็ไม่แห้วแล้วโว้ย”
“ไอ้เชี่ยบอส! มึงพูดเบาๆ ได้ป่ะวะ!”
“ก็กูดีใจนี่หว่า กูลุ้นจนกูท้อแทนพี่ปรินซ์แล้วเนี่ย”
“แต่กูไม่มั่นใจว่ะ”
“ไม่มั่นใจอะไรวะ”
“กูว่า.. ปรินซ์มันเมินกูแล้ว”
“มึงใช้อะไรคิดวะเนี่ย จีบมึงยังไม่ทันติด คนอย่างพี่ปรินซ์ของกูไม่มีทางยอมแพ้แน่นอน”
“มึงพูดเหมือนมึงนั่งอยู่ในหัวของปรินซ์”
“กูน่ะเอฟซีพี่ปรินซ์น่ะโว้ย มึงเองก็เหอะ รู้จักพี่ปรินซ์ดีกว่ากูอีก มึงเคยเห็นพี่มันยอมแพ้อะไรง่ายๆ เหรอวะ”
“เออ ไม่เคย” ..ไม่ว่าจะเรื่องบอล เรื่องเรียน หรือแม้แต่เรื่องต่อยคน ปรินซ์จริงจังตั้งใจในทุกเรื่อง
“มั่นใจในตัวเองหน่อยดิวะ มึงแค่อย่าเล่นตัว อย่าเยอะ ใจมึง ร่างกายมึงบอกว่าต้องการอะไร อยากทำอะไร มึงก็ปล่อยให้มันทำไปตามธรรมชาติ อย่าไปฝืน”
“ทำไมกูฟังแล้วมันดู..”
“เอาเป็นว่ามึงเชื่อกู แค่มึงเป็นตัวเองก็พอ ว่าแต่มึงคิดบ้างยังว่ามึงจะรุกหรือ..รับ”
“ไอ้เชี่ยบอส! สรุปที่มึงพูดมาทั้งหมดเนี่ย มึงกำลังบอกให้กูไปทําหื่นใส่ไอ้ปรินซ์”
“ก็ไม่ต้องถึงกับหื่น เพราะมันไม่ใช่ทางมึง กูก็แค่คิดว่าถ้ามึงขี้อ่อยอีกสักนิด พี่ปรินซ์กูจะได้เหนื่อยน้อยลง ตามเกมพี่มันไปบ้าง พี่มันจ้องมาก็อย่าไปหลบ พี่มันเข้าใกล้ก็อย่าไปถอย เพราะที่ผ่านมามึงดันไม่ไม่ไม่อยู่ท่าเดียว เป็นกูนะ เปลี่ยนใจตั้งแต่เห็นมึงใส่สร้อยไอ้พี่ข้าวล่ะ แม่ง แค่กูเห็นมึงยังใส่อยู่กูยังหงุดหงิดแทนพี่มันเลย”
“ก็กูไม่รู้จะบอกพี่ข้าวยังไงนี่หว่า”
“มึงรู้ม่ะ คนเราน่ะเว้ย ถ้าเห็นความเป็นไปได้แค่เปอร์เซ็นต์เดียวว่าจะผิดหวัง สมองก็จะตีความไปก่อนแล้วว่าโอกาสที่จะสมหวังเหลือแค่ครึ่ง ดังนั้น การที่มึงใส่สร้อยของพี่ข้าว ก็สรุปได้เลยว่าใจมึงเอนไปทางพี่ข้าวแล้วครึ่งทาง มึงลองคิดดูว่าทุกครั้งที่พี่ปรินซ์เห็นสร้อยของพี่ข้าวบนคอมึง พี่มันจะรู้สึกแย่แค่ไหน”
“...”
“ถ้ามึงมั่นใจในความรู้สึกของมึงว่ามึงชอบพี่ปรินซ์จริงๆ กูว่ามึงรีบถอดสร้อยพี่ข้าวเถอะว่ะ เชื่อกู.. ออ แล้วก็แก้ตัวด้วยการอ่อยพี่ปรินซ์ชดใช้ความผิดนี้ซะ”
“...” เออ กูจะพยายามเพื่อหัวใจกู ..หวังว่าจะไม่ช้าไปนะ
.
..ข้าว“ไอ้ทีไปไหน!”
“ไอ้ข้าว นี่กูพี่มึงนะ ทําหน้าเชี่ยขนาดนี้ มึงอยากมีเรื่องกับกูรึไง”
ผมผ่อนลมหายใจ “โทษทีพี่ มันไม่ยอมบอกว่าไปไหน เลยหงุดหงิดนิดหน่อย”
“มันจําเป็นต้องบอกมึงทุกเรื่องรึไงวะ”
“...”
“เมื่อคืนมันอยู่กับกูทั้งคืน.. ก็ไม่เห็นบอกนะว่าจะไปไหน”
“!!!”
“แต่กูเป็นคนใจกว้างอยู่แล้ว มันอยากไปไหนกับใคร กูให้อิสระเต็มที่”
“พี่มึงพูดแบบนี้หมายความว่าไงว่ะ!” ผมกระชากปกคอเสื้อยืดของพี่โบ้ทไว้แน่น ความโมโหกําลังพลุ่งพล่าน คําพูดของพี่มันกําลังป่วนอารมณ์ของผม ไหนจะสีหน้ากวนตีนยิ้มมุมปากของพี่มันอีก
“มึงตังหาก เป็นเหี้ยอะไร มึงเป็นอะไรกับไอ้ที มึงมีสิทธิ์ไรมาหวงมันวะ มึงก็เป็นแค่เพื่อน”
ผมคลายมือที่กําปกคอเสื้อของพี่มัน ไม่รู้เพราะเสียงของคนในห้องชมรมที่เงียบลง หรือเพราะคําพูดของพี่มัน.. ผมค่อยๆ ถอยหลังออกห่างจากพี่โบ้ท แล้วเดินออกจากห้องชมรม..

‘..เป็นเหี้ยอะไร มึงเป็นอะไรกับไอ้ที มึงมีสิทธิ์ไรมาหวงมันวะ..’
ใช่.. ผมไม่มีสิทธิ์อะไรที่จะไปหวงมัน ..ก็แค่เพื่อน
.
..ไอ้เชี่ยข้าว มึงนี่มันปั่นหัวง่ายฉิบหาย
.
.
.
..สองอาทิตย์ผ่านไป
“กลับมาได้แล้วเหรอวะไอ้เชี่ยที จารย์เมตตาถามหามึงจนมึงใกล้จะโดนเขี่ยกระเด็นจากทําเนียบศิษย์รักล่ะ ดีนะที่กูกับไอ้ข้าวพยายามโน้มน้าวให้อาจารย์เข้าใจ ว่าทำไมมึงถึงต้องขาดเรียนตั้งสองอาทิตย์์”
“...”
“ไอ้ที มึงหัวเราะไรวะ”
“กูเพิ่งไปหาอาจารย์เมตตามา จารย์ไม่เห็นว่าอะไรกูสักคำ มึงไม่ต้องมาแต่งเรื่องเลย”
“เอ๊ามึงนี่ เพราะพวกกูหรอกเว้ย ที่คอยเป่าหูอาจารย์ให้มึง ว่ามึงน่ะไปทำคุณประโยชน์ต่อรุ่นพี่ในคณะให้เรียบจบได้ปริญญาเป็นฝั่งเป็นฝาเป็นหน้าเป็นตาเป็นเกียรติ..”
“พอๆ มึงพอเลย ถ้าเป็นไอ้ข้าวไปพูดกับอาจารย์กูจะเชื่อ แต่ถ้าเป็นมึง กูว่าอาจารย์จะยิ่งโกรธกูมากกว่า”
“เซ็งมึงว่ะ แม่งรู้ทัน ก็เป็นไอ้เชี่ยข้าวนั่นแหละที่ไปพูดกับอาจารย์ แล้วก็เก็บชีทให้มึงอย่างดีครบทุกวิชา อ่ะเอาไป มึงอ่านลายมือเชี่ยข้าวออกนิ”
“...”
“มึงรู้ม่ะ ตอนแรกที่กูบอกมันว่ามึงไปไหน มันโกรธมึงเหี้ยๆ จนกูยังงงว่ามันจะโกรธอะไรมึงขนาดนั้น แค่มึงไปช่วยพี่สงทำโปรเจ็กต์จบที่ต่างจังหวัด”
“...”
“มันบอกว่าเรื่องแค่นี้ทำไมบอกมันไม่ได้ จู่ๆ แม่งก็หาย ไลน์ก็ไม่ตอบ แถมมึงยังบอกกูแทนที่จะบอกมัน เห็นมันไม่ใช่เพื่อนรึไง โอ้โหมึง มันบ่นเรื่องมึงอยู่เป็นชั่วโมง ขนาดกูปวดฉี่ยังไม่กล้าขออนุญาตไปห้องน้ำ กลัวขัดจังหวะการบ่นของมัน”
“...”
“มึงไม่ต้องมาหัวเราะเลย แล้วมันก็สั่งกูด้วยนะ ว่าอย่าเล่าให้มึงฟังว่ามันบ่นมึง แต่มึงเพื่อนกูไง กูเลยต้องเล่า”
“เออ ดีมากเพื่อนรัก แล้วกูก็รู้ด้วยว่ามึงน่ะตัวขยี้ เรื่องแม่งแค่ห้าแต่มึงเล่าไปแปด อย่างที่มึงเล่าว่าไอ้ข้าวบ่นกูเป็นชั่วโมงเนี่ย กูว่าเต็มที่แค่สามนาที” 
“มึงนี่แสนรู้จริงๆ มันบ่นได้แค่ครึ่งชั่วโมงเพราะต้องเบรกไปเข้าเรียนโว้ย แต่ไอ้โกรธน่ะโกรธจริง กูไม่เคยเห็นแม่งโกรธขนาดนี้
“มันจะโกรธกูทำไมวะ”
“กูก็ไม่รู้มัน มึงถามมันดิ มันเดินมานู้นล่ะ”

..ข้าว
“สวัสดีครับพี่ทีพี่เจียว” ธามกล่าวทักทายไอ้เจียวที่นั่งอยู่กับไอ้ที..
“มาด้วยกันอีกแล้วนะคู่ซี้สายรหัส แล้วนี่ไอ้บรีสน้องรักของพี่หายไปไหน”
“มันกินข้าวอยู่น่ะพี่ เดี๋ยวมันตามมา”
“เอ้า ไอ้ข้าว ไอ้เชี่ยทีมันกลับมาให้มึงบ่นล่ะ บ่นมันซะ”
“ใครจะกล้าไปบ่นอะไรมันวะ..”
“เอ๊า แล้วไอ้ที่มึงบ่นมันเช้าเย็นกับอีกสามเวลาหลังอาหารล่ะวะ”
“..กูก็บ่นให้มึงฟังจนกูไม่เหลืออะไรจะบ่นมัน..” ผมมองหน้าไอ้ที “เดี๋ยวกูขึ้นไปก่อนล่ะกัน ไปธาม พี่ไปส่งที่ห้องมืด”
“ไม่ต้องหรอกพี่ มันคนละตึก ไอ้บรีสมานู่นแล้ว ถ้าไงผมไปก่อนนะพี่ข้าวพี่ทีพี่เจียว”
“เออๆ อย่าลืมเปิดไฟตอนล้างฟิล์มด้วยล่ะ”
“ถ้าผมเชื่อพี่ผมก็โง่ล่ะ”
“ฉลาดมากน้องธามมมมมมม”

“งั้นพวกเราก็ขึ้นเรียนเหอะว่ะ”
“เดี๋ยวก่อนไอ้ข้าว กูมีเรื่องจะกวน” ไอ้ทีเรียกผม ..ดีใจนิดๆ ผมพยายามปั้นหน้าให้นิ่งเฉยที่สุด และหันกลับไปมองมันที่ยังยืนอยู่ข้างๆ ไอ้เจียว
“..ว่ามาดิ”
“คืนนี้มึงมาที่ห้องกูได้ป่ะ เมทกูไปค้างหอเพื่อนมัน ห้องเลยว่าง”
..ชวนกูไปห้อง? อารมณ์ไหนของมึงวะไอ้ที แล้วทำไมกูต้องรู้สึกดี รู้สึกเหมือนว่ามึงกำลังง้อกูอยู่่
“กูอยากให้มึงกับไอ้เจียวติวให้กู”
..ไอ้เจียว!? “ไอ้เจียวมันจะติวอะไรให้มึงได้”
“โหไอ้เชี่ยข้าว มึงพูดอะไรช่วยให้เกียรติกูนิดนึง กูยังยืนอยู่ตรงนี้นะเว้ยย”
“กูไม่ได้จะให้ไอ้เจียวติวให้กูอยู่แล้ว แต่ไหนๆ มึงจะต้องติวให้กู มึงก็ติวให้ไอ้เจียวด้วยเลยไง”
“โอ้โหมึงทั้งสองตัว พอกันเลยนะ กูโกรธเลยนะ! ขึ้นแล้วเนี่ย!”
“หรือมึงจะไม่ติว / งั้นมึงก็ไม่ต้องไป” ผมกับไอ้ทีมองไอ้เจียวพร้อมกัน ก่อนที่ผมจะหันมามองหน้าไอ้ที ไม่เข้าใจว่าจะให้ไอ้เชี่ยเจียวไปด้วยทำไม ในเมื่อทุกครั้งเราก็ติวกันเองแค่สองคน
“เสียงแตก เสียงแตก คนนึงอยากให้กูไป อีกคนไม่อยากให้กูไป.. งานนี้แม่งมีกลิ่น กูจะให้คำตอบพวกมึงเย็นนี้ พวกมึงทั้งคู่จะต้องเรียนแบบไม่มีความสุข เรียนแบบอัดอั้น เรียนแบบทุกข์ทรมาน เรียนไปลุ้นไปแม่งทั้งวันเพราะคนอย่างกู!”
ไอ้เจียวเดินงอนเป็นตุ๊ดจากไป ผมไม่รู้ว่าไอ้ทีคิดอะไรอยู่ ..แต่ถ้ามึงไปนะไอ้เจียว กูจะติวจนมึงไม่กล้ามาให้กูติวอีกเลย
“แล้วนี่มึงจีบธามติดเรียบร้อยแล้วใช่ป่ะ” ไอ้ทีถามผม
“...”
“อย่าบอกว่ายังไม่มีอะไรคืบหน้า?”
“เออ” ผมตอบไอ้ทีส่งๆ
“จริงจังหน่อยดิวะ ไม่เป็นไร กูกลับมาล่ะ เดี๋ยวกูจะช่วยมึงจีบน้องมันเอง”
“ไอ้ที มึงพูดเรื่องนี้ก็ดีแล้ว กูอยากคุยกับมึงเรื่องคืนนั้น..”
“คืนไหนวะ” มันถามผมโดยที่มันยังคงเดินและตามองแต่ทางเท้าข้างหน้า
“ก็คืนที่มีเลี้ยงชมรม..”
“...”
“ทำไมคืนนั้นมึงทิ้งกูไว้แล้วไปกับพี่โบ้ท.. ทำไมคืนนั้นมึงไม่กลับกับกู..” ผมหยุดยืนนิ่ง มองตามแผ่นหลังของไอ้ทีที่ก้าวนำผมไปหนึ่งก้าว มันหยุดยืนเช่นกัน.. มันนิ่งอยู่ได้สักพักก็หันหลังกับมามองผมด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้มจาง
“ถ้ากูพร้อมเมื่อไหร่ กูจะบอก แต่ตอนนี้ไปเรียนก่อนเหอะว่ะ” ไอ้ทีเดินเข้ามากอดคอผมแล้วลากให้ออกเดิน ..ทำไมมึงบอกกูไม่ได้ มึงรู้ไหม.. กูกำลังจะคลั่งเพราะมึง..
.
..ธาม
“ทําหน้าแบบนี้ อย่าบอกนะว่ามึงคิดถึงพี่ข้าว เพิ่งแยกกันเมื่อกี้เองนะเว้ย”
“มึงเลิกแซวกูกับพี่ข้าวเหอะว่ะ”
“เอ๊า ก็ช่วงนี้กูเห็นมึงกับพี่ข้าวตัวติดกันตลอดนี่หว่า”
“ก็แค่ในคณะ ในชมรม แล้วก็ใต้ถุนเวลารอเรียนไหมวะ มึงเข้าใจคําว่าจังหวะและความบังเอิญม่ะ”
“ออออ แล้วที่มึงหน้าบูดขนาดอยู่ในห้องมืดยังเห็นคือมึงเป็นอะไร”
“...”
“แน่ะ ไม่ใช่พี่ข้าวก็ต้องเป็นพี่ปรินซ์”
“...”
“ไม พี่มันเลิกสนใจมึงแล้วใช่ม่ะ”
“...”
“อย่าไปสนเว้ย มึงยังมีพี่ข้าวคนคูลของกูอีกคน”
“...”
“เออๆ กูเลิกชงก็ได้ ไม่ใช่ว่ากูจะดูมึงไม่ออก ต่อให้ไอ้บอสไม่คาบข่าวมาบอกกูก็เหอะ”
“..ช่วงนี้ปรินซ์มันไม่ค่อยว่าง กูก็เลยไม่ค่อยได้เจอ”
“แล้วไมมึงไม่โทรคุยไลน์หาล่ะวะ”
“ก็กูไม่รู้จะเริ่มยังไง ทุกทีเป็นปรินซ์ที่ติดต่อกูก่อน”
“สมน้ำหน้า กว่ามึงจะคิดได้ พี่ปรินซ์คงถอดใจจากมึงไปแล้วมั้ง”
“...”
“ช่วงนี้ใกล้สอบแล้ว พี่มันคงยุ่งเหมือนพวกเรานั่นแหละ.. มึงฟังกู มึงยังมีโอกาสกู้สถานการณ์ได้นะเว้ย”
“ยังไงวะ”
“ก็ตอนขึ้นดอยช่วงปิดเทอมไง มึงได้มีเวลาอยู่กับพี่ปรินซ์แน่ๆ ถ้ามีโอกาสเหมาะๆ มึงก็ต้องบอกพี่มันไปเลยว่ามึงคิดยังไงกับพี่มัน อ้อนวอนให้พี่มันกลับมาได้้รึเปล่า..กลับมาหาฉันทีได้ไหม..”
“...”
“มึงไม่ต้องห่วง กูกับไอ้บอสจะหาโอกาสให้มึงเอง แต่ตอนนี้ มึงต้องตั้งสมาธิกับน้ำยาล้างรูปก่อนนะ กูว่ามึงแช่น้ำยานานไปแล้ว”
“เชี่ยเอ๊ย! ทำไมไม่บอกกูเร็วกว่านี้ รูปเสียเลยมึง”
“ก็เหมือนมึงที่บอกพี่ปรินซ์ช้าไง เป็นไง เข้าใจความรู้สึกพี่ปรินซ์เลยไหม”
“โห ไอ้เชี่ยบรีส มึงนี่มัน..”
“ไอ้ธามมมม มึงอย่าสะบัดน้ำยาใส่กู!!”
.
.
.
..ชมรมเดินดอย
“เอาล่ะครับน้องๆ ทุกคน พี่ขอย้ำเรื่องการเดินทางของพวกเราที่จะไปดอยเขาไม้งามเป็นครั้งสุดท้ายนะ” พี่เป้พูดอยู่หน้าห้องของชมรม “พวกเราจะเจอกันก่อนสามทุ่มที่หัวลำโพง เพื่อขึ้นรถไฟด่วนขบวน 51 ที่จะออกเวลาสี่ทุ่มตรง เป็นรถไฟชั้นสาม โชคดีที่อีกชมรมเขาก็ไปเชียงใหม่เหมือนกันแต่คนละดอย พวกพี่เลยตกลงเหมาโบกี้รถไฟไปด้วยกัน จะได้มีความเป็นส่วนตัวแล้วก็ปลอดภัย ส่วนเรื่องสัมภาระน่ะ ขอให้น้อยแต่มาก เพราะเราจะไปหนาวด้วยกันบนดอย พี่เช็คมาแล้วต่ำสุดน่าจะประมาณสิบองศา แล้วก็เราน่าจะไม่ค่อยได้อาบนํ้ากัน ที่ไม่ได้อาบไม่ใช่เพราะหนาว แต่เพราะน้ำบนดอยมีค่อนข้างจำกัด ดังนั้น เตรียมเสื้อผ้าสำหรับใส่เจ็ดวัน แต่พยายามให้น้อยชิ้นจะดีมาก ใครมีไรสงสัยไหม”
“ผมครับพี่เป้”
“ว่าไงบอส”
“ทำไมวันนี้พี่ปรินซ์ไม่มาพี่”
“..ปรินซ์ติดเตะบอลกับน้องในคณะ ..ว่าไงบรีส”
“พี่ปรินซ์จะไปขึ้นดอยด้วยใช่ไหมพี่”
“อืม ไป ..ไม่มีใครสงสัยอะไรเกี่ยวกับการเดินทางแล้วนะ”
“...”
“โอเค ส่วนหน้าที่รับผิดชอบงานก็ตามที่พวกเราวางแพลนกันไว้ อ่ะ พี่โบ้ทพูดสรุป”
“เจอกันวันเดินทาง”
.
.
..บ้านธาม
..ธาม

..ถ้าเวลาที่ผมใช้คิดหาคำตอบที่จะบอกปรินซ์์มันใช้เวลานานเกินไป ก็หวังว่าเวลาต่อจากนี้ที่ผมจะให้ปรินซ์ ..มันจะชดเชยได้ และรั้งคนตัวสูงไม่ให้จากผมไปในวันที่ผมเพิ่งรู้ใจตัวเอง..

[คืนนี้พี่จะไปรับตอนทุ่มครึ่ง]
ปรินซ์ส่งไลน์มาหาผม.. ที่ผ่านมาปรินซ์จะส่งประโยคสั้นๆ ง่ายมาเสมอ อย่าง ขยันอ่านหนังสือนะใกล้สอบแล้ว, ทำข้อสอบให้ได้ล่ะ, โชคเอนะพรุ่งนี้ และอื่นๆ ที่ไม่ได้ทำให้หัวใจผมพองโตเลย แต่แค่ปรินซ์ส่งมาก็ดีเท่าไหร่แล้ว ผมก็ตอบไปเพียง อืม, เหมือนกัน, สู้ๆ, ขอให้ทำข้อสอบได้ และอื่นๆ ข้อความอวยมาอวยกลับที่แสนเบสิค จนเหมือนเราเป็นแค่คนแปลกหน้าที่แค่ผ่านมารู้จัก ..แม่ง โคตรห่างเหิน ผมต้องยอมรับใช่ไหมว่าผมผิดเองที่ปล่อยให้เวลามันเนิ่นนานเกินไป..
“ธาม ลงมากินข้าวเย็นได้แล้ว” เสียงของม๊ากำลังเรียกผม ผมถอนหายใจก่อนยกเป้ใบใหญ่ขึ้นหลังและเดินลงมาตามบันได ผมกลับมาอยู่บ้านได้สองวันก่อนจะออกเดินทางไปค่ายกับชมรม เป็นสองวันที่ม๊ากับป้าๆ ทำอาหารโชว์ฝีมือเต็มที่ให้สมกับที่ผมไม่ได้กลับบ้านมาเป็นเดือน
“ปรินซ์กินเยอะๆ เลยนะ ม๊ากับป้าๆ ทำรอเลย พอรู้ว่าปรินซ์จะมารับธาม”
ห่ะ ปรินซ์ปรินซ์มาแล้วเหรอ แต่นี่มัน.. ผมเงยหน้ามองนาฬิกาที่ห้อยตัวอยู่บนกำแพงด้านหนึ่งของบ้านก่อนตัวเองจะเดินถึงมุมโต๊ะอาหาร ..เพิ่งหกโมง ทำไมรีบมาวะ ผมรีบดึงเสื้อยืดแขนยาวที่สวมอยู่ให้ตึง ไม่ยับย่นแม้ถูกเป้หนักรั้งปลายเสื้อ ยกมือขึ้นเสยผมให้เข้าที่ ผมควรทำหน้ายังไงที่ได้เจอปรินซ์..
“ธามมายืนทำไรตรงนี้ ไปกินข้าว ปรินซ์กินไปเกือบครึ่งจานแล้ว”
“ครับป้าหมวย” ก็แค่เป็นตัวเอง.. ผมเรียกสติตัวเองกลับมาก่อนเดินเลี้ยวโค้งออกไปเจอหลังของคนตัวสูงที่กำลังนั่งอยู่
“เร็วๆ เลยธาม ปรินซ์บอกว่ากลัวรถติดเลยรีบมาก่อน”
“ไม่ใช่หรอกครับมาม๊า ผมอ้างรถติด แต่จริงๆ ผมอยากมากินข้าวฝีมือมาม๊ากับป้าๆ มากกว่า”
“ปากหวานจริงๆ เลยน้าปรินซ์เนี่ย มามา มาให้ม๊ากอดทีนึง คิดถึงจังเลยยยยยย” ม๊ายื่นตัวมากอดคนตัวสูงที่นั่งอยู่ข้างๆ ไม่ได้สนใจเลยว่าผมกำลังยืนมองอยู่ด้วยสายตาแบบไหน ผมยืนนิ่งอยู่อย่างนั้น ทุกทีผมจะนึกอิจฉาปรินซ์เพราะม๊าชอบแสดงออกว่ารักปรินซ์ แต่ตอนนี้ผมกลับโมโหปรินซ์ที่เอาแต่อ้อนม๊ากอดม๊า! ไม่รู้ว่าตอนนี้ตัวเองกำลังหวงม๊า หรือหวงปรินซ์กันแน่.. ในเมื่อภาพตรงหน้าทำผมอารมณ์ไม่ดี ปรับสีหน้าไม่ได้ ผมจึงเดินย้อนกลับไปทางห้องครัว เดินหาน้ำผลไม้ในตู้เย็นมากินสักกล่องเผื่อจิตใจจะสดชื่นขึ้น..

“มายืนหน้าบึ้งทำไมในตู้เย็น..” เสียงไอ้ปรินซ์ ผมยืดตัวและหันหน้าไปด้านหลังทันที รอยยิ้มของคนตัวสูงกว่ากำลังลอยอยู่ใกล้ผม สายตาของปรินซ์กําลังมองมา
“มาอยู่ตรงนี้ได้ไง” ผมอดสะดุ้งไม่ได้ ปรินซ์กำลังยืนเอามือข้างหนึ่งจับที่ขอบตู้เย็น และอีกมือที่ขอบประตูตู้เย็น หลังของผมกำลังพิงแนบกับแผ่นอกของปรินซ์ที่ก้มมาใกล้ ..ผมรู้สึกดีกับความใกล้ชิดของเราที่ผมไม่รู้ว่าผมต้องการมัน และเริ่มรู้สึกคิดถึงมันตั้งแต่เมื่อไหร่..
“พี่ก็ตามธามมาไง” ปรินซ์กระซิบข้างหูผม
“..ตามมาทำไม” ผมเองก็พูดเบาลง คงเพราะไม่อยากให้ม๊ากับป้าๆ ผ่านมาได้ยินสิ่งที่เราพูด ยิ่งถ้าเห็นความใกล้ชิดที่ชวนเข้าใจถูกอย่างตอนนี้ด้วย
“ก็มาม๊าให้มาตาม” ปรินซ์ยืดตัวขึ้นก่อนถอยหลังออกไปเล็กน้อย “รีบไปกินข้าวเถอะ” แล้วคนตัวสูงกว่าก็เดินจากไป ทิ้งผมไว้กับอารมณ์งงงวย แค่นี้เองเหรอ? ผมคงหวังอะไรมากกว่านี้ ก็กว่าจะได้เจอหน้ากัน.. และสิ่งที่ไอ้ปรินซ์ทํามันคือการกวนประสาทกันชัดๆ มันเจตนาหรือเย็นชาจริงๆ กันแน่
.
.


ออฟไลน์ After5p.m.

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 83
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +18/-1
031
รถไฟ
.
.
“สมาชิกชมรมเดินดอยที่มาถึงแล้ว เช็คชื่อรับตั๋วที่นั่งได้เลยนะคะ แล้วก็จับชื่อบัดด็อกที่เราต้องดูแลตลอดทริปด้วยค่ะ” เสียงของแพมที่ประกาศผ่านโทรโข่งตัวเล็กดังพอให้พวกเราที่นั่งไม่ไกลได้ยินในระยะห้าเมตร ข้าวของสำหรับจัดกิจกรรมและสัมภาระบางส่วนถูกวางกองรวมกันอยู่ตรงกลางวงของสมาชิกชมรมเดินดอย
“พี่โบ้ทครับ สรุปว่าเป็นบัดด็อก แบบชั่วๆ ใช่ไหมครับ”
“ใช่ครับน้องบอส บทบาทนี้พี่ว่าน้องบอสต้องทำได้ดีแน่ๆ เลย ไม่เหมือนพี่ เรื่องแกล้งคนนี่พี่โคตรไม่ถนัด”
“ทำไมพี่ถ่อมตัวอย่างนั้นล่ะครับ หน้าพี่ก็บอกอยู่แล้วว่าพี่เนี่ยโคตร…”
“ไอ้บอส มึงไปไกลๆ เลย มึงชักจะปีนเกลียวมากไปแล้วนะ กูไม่ชอบ”
“เห้ยพี่..ทำไมจู่ๆ ซีเรียสวะ..”
“...”
“เออ ผมขอโทษ.. ผมไปก็ได้”
“เดินไปจริงๆ ด้วยเว้ย มึงมานี่เลยจะหนีกูไปไหนนนน”
“ไอ้พี่โบ้ทปล่อยเลย! จะรัดคอผมทำไมเนี่ย! หายใจไม่ออกกก”
“ไง กูโฉดพอม่ะ”
“เออ พี่แม่งโคตรชั่ว! หลอกผมซะเชื่อสนิท.. ปล่อยได้แล้วโว้ยยย ไอ้พี่โบ้ท!”
“เลิกเล่นเป็นเด็กเหอะว่ะพี่” ไอ้ทีพูดหน้านิ่งใส่พี่โบ้ทที่กำลังกอดรัดคอบอสด้วยกล้ามแน่นๆ
“ก็ไอ้บอสมันกวนตีนพี่อ่ะที”
“มึงก็ปล่อยให้พี่มันเล่นกับไอ้บอสไปเหอะ”
“ไม่ได้เว้ย พี่มันโตแล้ว จะมาเล่นเป็นเด็กๆ งี้ได้ไงวะ เสียภาพลักษณ์ประธานค่ายหมด”
“ก็ได้คร๊าบบพี่ที.. เห็นเป็นทีหรอกนะพี่เลยเชื่อฟัง เลิกเล่นเว้ยไอ้บอส มาช่วยกันขนของ”
.
..ธาม
“เดี๋ยวพี่ยกน้ำเอง ธามไปยกกล่องขนมล่ะกัน”
“เห้ยพี่ ผมยกได้”
“มันยกได้พี่ข้าว ไอ้ธามมันถึกจะตายไป ตอนกีฬาสีมอปลาย มันต้องยกน้ำขึ้นไปส่งนักกีฬาบนห้องพักชั้นสามตั้งหลายรอบ เห็นมันงี้ มันคือเดอะฮัลค์ตอนยังไม่กลายร่าง”
“ไอ้เชี่ยบอส มึงอยากเจอกูตอนกลายร่างม่ะ”
“หูยยยย น่ากลัวเชียวววว”
ข้าวของที่เราเตรียมไว้นั้นมีไม่น้อย กลุ่มผู้ชายจะมีหน้าที่ในการลำเลียงของขึ้นรถไฟ โดยที่กลุ่มผู้หญิงจะคอยเฝ้าของอยู่ภายในสถานี และคอยดูความเรียบร้อยอยู่บนรถไฟ สมาชิกของทั้งชมรมเดินดอย และอีกชมรมมาครบเรียบร้อย พร้อมออกเดินทาง ผมคงจะรู้สึกตื่นเต้นกับการเดินทางยาวๆ โดยรถไฟ และการไปเจอที่ใหม่ๆ มากกว่านี้ ถ้าทุกอย่างมันเริ่มด้วยดี..

ตลอดทางที่อยู่บนรถ ปรินซ์จะพูดคำตอบเท่าที่ผมถาม และหันหน้ามองออกไปนอกรถแทบตลอดเวลา ยังดีที่พี่คนขับแท็กซี่คอยชวนพูดคุย ไม่อย่างนั้น ผมคงรู้สึกอยากร้องไห้ ยิ่งเสียงเพลงจากคลื่นวิทยุบางเพลงที่ดังครางอยู่เบาๆ คอยสะกิดเอาอารมณ์ความผิดหวังที่ผมกำลังมีให้ยิ่งผุดขึ้นมาอย่างห้ามไม่ได้ ..และพอมาถึง ปรินซ์ก็เอาแต่อยู่กับพี่เป้..

“มึงนั่งไหนวะไอ้ธาม”
“กูนั่งริมหน้าต่างตัวนี้”
“ออ กูนั่งตรงข้ามมึง แล้วมึงอ่ะไอ้บรีส”
“กูก็นั่งข้างมึงไงไอ้บอส”
“แล้วใครนั่งข้างมึงวะไอ้ธาม”
“กูก็ไม่รู้..”
“พี่เอง” พี่ข้าวยิ้มให้ผม
“ออ พี่ข้าว…”
“แหม ใครช่างจัดที่นั่งกันน้าาาาาาาาาา” ไอ้บอสยิ้มกว้างใส่ผม
“นั่นสิ อย่างกับรู้ว่าพี่็อยากนั่งข้างธาม”
ผมหันมองที่นั่งอีกฝั่งที่อยู่ถัดไปจากพี่ข้าว เป็นที่นั่งของพี่ทีที่มีพี่โบ้ทนั่งอยู่ข้างๆ และตรงข้ามพี่โบ้ทก็เป็นปรินซ์..
“พี่เป้นั่งกับพี่ปรินซ์ด้วยว่ะ” ไอ้บอสกระซิบคุยกับผมหลังจากเก็บสัมภาระบางส่วนขึ้นบนชั้นเหนือหัว
“เออ กูเห็นแล้ว”
“มึงใจเย็นนะเว้ย ท่องไว้ เขา..เพื่อน..กัน..”
“เออ กูรู้แล้ว กูท่องอยู่”
“อูยยยย กูชอบมึงตอนนี้นะ” ไอ้บอสยิ้มกวนประสาทใส่ผม ผมยื่นหน้าข้ามตัวพี่ข้าวไปแอบมองคนตัวสูงที่นั่งอยู่ริมหน้าต่างของเก้าอี้ที่อยู่ถัดไป ปรินซ์กำลังหันหน้ามาคุยกับพี่เป้หน้าระรื่น ไม่สนใจมองผมสักนิด ความหวงที่มันเคยมีเวลาพี่ข้าวอยู่ใกล้ผมก็ไม่มีให้เห็น
“ธามเป็นไรรึเปล่า สีหน้าไม่ค่อยดีนะ”
“ไม่ได้เป็นไรพี่ คงง่วงแล้วมั้ง”
“อืม งั้นก็นอนก่อนก็ได้นะ รถไฟใกล้ออกแล้ว”
“ครับ” ผมเอาหัวพิงแนบเข้ากับผนังข้างหน้าต่างของรถไฟ ในใจตอนนี้มีแต่ความหงุดหงิด และผิดหวัง.. ทริปนี้อาจจะไม่ได้สนุกอย่างที่คิดก็ได้
.
.
..ข้าว
เพราะเสียงล้อเหล็กที่พูดคุยกับรางรองรับตลอดทาง ลมเย็นสบายที่พัดผ่านกระทบใบหน้า และวิวทิวทัศน์สองข้างทางที่มืดทึบเว้นแค่บางช่วงที่มีแสงไฟติดอยู่ ทุกองค์ประกอบในเวลานี้ล้วนทำให้ทุกชีวิตบนรถไฟหลับใหลเมื่อเวลาแห่งการตื่นตัวผ่านไปได้เพียงชั่วโมง
“ไอ้ที มึงไปห้องน้ำเป็นเพื่อนกูหน่อย”
“อื้มม ก็ได้ ดีนะที่ยังไม่หลับ” เสียงพูดคุยที่แทรกเสียงสายลมดังเข้าหู ..เสียงของไอ้พี่โบ้ทกับไอ้ที
“เออๆ กูขอโทษ” เสียงเดินที่ค่อยๆ เบาลงเป็นสัญญาณบอกว่าคนทั้งคู่เดินห่างออกไปแล้ว ผมลืมตามอง ไอ้ทีกำลังเดินนำพี่โบ้ทไปห้องน้ำ ทำไมต้องไปตอนนี้ พี่มันเพิ่งไปมาไม่ใช่เหรอวะ!
.
..ปรินซ์
หึ ไอ้ข้าว.. ผมยิ้มให้กับภาพที่เห็น ภาพผู้ชายสามคนที่เดินตามกันไปห้องน้ำในยามวิกาล ถึงไอ้ข้าวจะทิ้งช่วงสามก้าวค่อยเดินตามไป.. ผมมองข้ามไปยังคนตัวเล็กกว่าที่ยังคงนั่งเอาหัวพิงผนังอยู่อย่างนั้นตั้งแต่ขึ้นรถมา ไอ้เป้ที่นั่งอยู่ข้างผมหลับไปแล้ว ผมลุกเดินไปยังที่นั่งที่ว่างลงของไอ้ข้าว ใบหน้าตอนหลับของธามยังคงน่ามองเหมือนเดิม ผมค่อยๆ จับเอาหัวของธามให้โน้มลงนอนลงบนขาของผม ข้อเสียของธามนอกจากการอิ่มแล้วนอนก็คือความขี้เซา ลองถ้าได้หลับสนิทแล้ว สาดน้ำใส่หน้าคงเป็นวิธีเดียวที่จะปลุกธามได้ แต่ผมยังไม่เคยลองนะ สงสารธาม..
“พี่ปรินซ์!”
“ชู่วว เดี๋ยวธามตื่น”
“คร๊าบบบพี่” บอสยิ้มให้ผม ธามอดคิ้วขมวดและส่งเสียงครางฮึมฮัมรําคาญเบาๆ ในลําคอไม่ได้ที่ถูกกวนให้เปลี่ยนท่านอนทั้งที่ตายังคงหลับสนิท ยังไงก็ไม่ตื่นสินะ.. คนตัวเล็กกว่าขยับร่างกายเล็กน้อยเพื่อหาท่าที่รู้สึกสบายที่สุด ผมมองทุกการเคลื่อนไหวของธาม ตอนนี้ธามไม่ใช่เด็กที่ผมต้องคอยทะนุถนอม แต่เป็นว่าที่แฟน..ที่ผมพร้อมจะคอยดูแลและเอาใจใส่ ผมยิ้มกับตัวเอง ใช้ปลายนิ้วเขี่ยปอยผมที่ชวนน่ารำคาญให้ธาม ผมมองหน้าธามอยู่สักพักก็คิดว่าตัวเองควรจะได้เวลานอนเช่นกัน..
.
..หน้าห้องนํ้า
“อ้าวไอ้ข้าว ยังไม่หลับเหรอวะ”
“มันยังหัวค่ำอยู่น่ะพี่ เลยยังนอนไม่หลับ”
“อืม เออทีเข้าไปก่อนได้เลย ไม่ต้องรอ พี่จะโทรศัพท์”
“ตอนปวดก็บอกให้มาเป็นเพื่อน พอเสร็จก็ไล่กลับ”
“โอ๋ๆ ทีก้อ ก็พี่ไม่อยากให้ทียืนเมื่อยรอพี่นิ เข้าใจพี่นะ”
“อืม โอเค ตามนั้นล่ะกันพี่ มึงเสร็จแล้วป่ะ”
“อืม”
“งั้นก็กลับกัน” ผมเดินนำไอ้ทีกลับเข้ามาตามทางเดินเพื่อไปยังที่นั่งของตัวเอง ..!! ภาพของไอ้เชี่ยปรินซ์ที่นั่งหลับอยู่แถมมีธามกึ่งนั่งกึ่งนอนบนขาของมันทำผมอึ้งไปเล็กน้อย
“ให้กูปลุกธามตื่น แล้วไล่ไอ้ปรินซ์กลับที่ม่ะ”
“กูว่าไม่ต้องว่ะ น้องมันก็หลับไปแล้วด้วย”
“งั้นมึงจะนั่งไหน”
“ก็นั่งกับมึงไง”
“อ้าว แล้วไอ้พี่โบ้ท?”
“ก็ให้พี่มันนั่งข้างไอ้เป้แทนไอ้ปรินซ์ไปดิ” ผมพูดจบก็เดินเข้าไปนั่งที่ที่นั่งริมหน้าต่างของไอ้พี่โบ้ททันที “มึงก็นั่งดิ จะได้รีบนอน ดึกแล้วนะ”
“เมื่อกี้ใครบอกว่ายังหัวค่ำอยู่วะ”
“ก็นี่มันผ่านมาหลายนาทีแล้วก็ดึกแล้วป่ะวะ”
“.. เออๆ” ไอ้ทียอมนั่งลงในที่สุด แค่นี้ก็กันท่าไอ้พี่โบ้ทได้แล้ว.. ‘..กันท่า’ ผมคิดต่อทั้งที่หลับตาลง.. ทำไมกูต้องกันท่ามึงจากไอ้พี่โบ้ท? ทำไม..
.
..ความคิดของโบ้ทเมื่อเดินกลับมาที่ที่นั่งของตัวเอง
..ไอ้เชี่ยข้าว ทำเนียนเชียวนะ เออ คืนนี้กูยกให้มึงคืนนึง ส่วนไอ้ปรินซ์.. มึงแมนมาก ขอให้ลงเอยสักทีเหอะว่ะ
.
.
.
ฮื้มมมมม ..ยังอยากนอนต่ออีกนิด ผมรู้สึกเมื่อยที่ลำตัวเล็กน้อย ที่นอนคงจะแคบ ผมพยายามพลิกตะแคงลำตัวไปอีกด้าน.. อืม ขาชนผนัง หลังก็โหวงๆ คงเป็นโซฟาแคบๆ ไม่ใช่เตียง แต่ถ้าหดขาเพิ่มอีกสักนิดก็น่าจะพอได้ ผมฝืนทำมัน ในดินแดนแห่งความฝันนี้ขาของผมคงสั้นลงสักยี่สิบเซน ผมใช้มือขวาจับยึดเอาหมอนใบใหญ่ไว้แน่นจะได้ไม่ร่วงตกโซฟา ขยับหัวของตัวเองให้นอนถนัดขึ้น อีกนิดหน้าของผมคงจะจูบเข้ากับผนังนิ่ม..
..เสียงคนหัวเราะเบาๆ กำลังทำให้ผมนึกรำคาญ ทั้งที่เพิ่งจะหาท่าที่เหมาะแก่การนอนต่อได้
“กูว่าปลุกมันเหอะว่ะ สงสารพี่ปรินซ์”
“ปลุกทำไมวะ มันกำลังหลับ อีกอย่าง.. พี่ปรินซ์อาจจะชอบก็ได้นะเว้ย”
..ปรินซ์ ถึงผมจะยังอยากหลับต่อ แต่ชื่อของปรินซ์กลับกวนใจผม
“มึงดูหน้าพี่ปรินซ์ก่อนไอ้บอส เมื่อยไหมพี่”
“อืม นิดหน่อย” ..เสียงปรินซ์?
“เห็นม่ะ กูว่าปลุกเหอะว่ะ”
“ไม่ต้องหรอกบรีส ให้ธามนอนไปเหอะ”
“แค่นี้พี่ปรินซ์ของกูทนได้เว้ยยยย” แล้วเสียงก็เงียบลง เหลือแต่เสียงรถไฟที่กำลังแล่น.. เสียงรถไฟ เออใช่! นี่มันบนรถไฟ.. ควรได้เวลาตื่นสักที.. ผมค่อยๆกระพริบตาลืมขึ้น ผนังสีฟ้าของเบาะที่หน้าตาเหมือนกางเกงยีนส์แถมยังมีตะเข็บส่วนของซิปด้วย.. ซิป! ผมค่อยๆ เงยหน้าขึ้นมองด้านบน ปลายคางขาวของ..
“ตื่นจนได้” ปรินซ์ก้มหน้าลงมองผม
“เห้ย!” ผมรีบยันตัวลุกขึ้นในท่าที่โคตรทุลักทุเล ไม่รู้ว่าตัวเองนอนท่านี้ไปได้ยังไง
“ตื่นก็ดีแล้ว.. ไอ้เป้”
“เออ ไปได้สักทีมึง” พี่เป้ตอบเสียงเรียกของปรินซ์ และลุกจากเก้าอี้ก่อนเดินมาใกล้ ปรินซ์ลุกขึ้นเดินไปโดยมีพี่เป้ประคอง ผมมองตาม และกำลังงงว่าตัวเองควรจะรู้สึกอะไรก่อน ระหว่างตกใจที่ตัวเองนอนตักปรินซ์ กับหงุดหงิดใจที่ปรินซ์เดินไปกับพี่เป้ โดยที่ไม่สนใจผมสักนิด
“หลับสบายไหมครับน้องธามมมม” ไอ้บอสลากเสียงยียวน
“พวกมึงตื่นนานแล้วเหรอวะะ”
“ก็ตื่นนานพอมานั่งลุ้นว่ามึงจะตื่นเมื่อไหร่” ไอ้บรีสทำหน้าประหลาดใส่ผม
“ปรินซ์มันมานั่งตั้งแต่เมื่อไหร่วะ ทำไมกูไม่รู้้”
“กูน่ะเพิ่งเห็นตอนตื่น แต่ไอ้บอสบอกเห็นตั้งแต่เมื่อคืน”
“...”
“เออ กูเห็นตั้งแต่เมื่อคืน.. พี่ข้าวน่ะลุกไปห้องน้ำ พี่ปรินซ์ก็มานั่งคุยกับกู จู่ๆมึงก็นอนทับขาพี่ปรินซ์ ทีนี้พี่ปรินซ์กูก็คนดีไง เลยปล่อยให้มึงนอนสบายยันเช้า กูล่ะเมื่อยแทน”
“กูบอกจะปลุก พี่มันก็ไม่ยอมให้กูปลุก”
“...”
“ถ้าเป็นกูนะ ลุกเดินไม่ได้แน่นอน แต่สงสัยตบะนักบอลของพี่มันเข้าขั้นเซียนถึงได้ลุกปุ๊บเดินได้ปั๊บ”
“มึงก็เกินไป พี่ปรินซ์ก็คนนะเว้ย แล้วนี่ตั้งเกือบเก้าชั่วโมง ไอ้ธามแม่งนอนตั้งนาน ดีเท่าไหร่ที่พี่มันไม่โกรธ เอ๊ะ หรือว่าโกรธวะ ถึงได้เดินไปกับพี่เป้ ไม่สนใจมึงสักนิด”
“แย่ล่ะมึงไอ้ธาม ตั้งใจจะมาง้อเขา ดันมาทำเขาโกรธอีก งานนี้ยาก”
“นี่พวกมึงกำลังทำกูเครียดทั้งที่เพิ่งตื่นนอน..”
“เออๆ กูก็แค่อยากให้มึงรู้สถานการณ์ตอนนี้ ว่ามึงต้องพยายามมากแค่ไหนเว้ย”
“...”
.
..ที่นั่งฝั่งตรงข้าม
“ไอ้ข้าว..”
“อะไรวะ”
“ไอ้ปรินซ์มันลุกไปล่ะ มึงก็กลับไปนั่งกับธามได้แล้ว”
“...”
“ยังไม่ลุกอีก เดี๋ยวมันก็กลับมาก่อนพอดี”
ก็กูไม่อยากลุก.. “เออๆ”
.
“หลับสบายไหมธาม”
“ออ ก็ดีครับพี่ข้าว”
“ไปห้องน้ำหน่อยไหม จะได้ยืดเส้นยืดสาย”
“..ก็ดีครับพี่ พวกมึงไปไหมวะ” ผมถามไอ้บอสไอ้บรีส
“พวกกูไปมาแล้ว” ผมพยักหน้ารับรู้แล้วลุกขึ้นยืนสลัดความเมื่อยจากการนอนท่าเดิมมาตลอดทาง ..ขนาดผมยังมีอาการแล้วปรินซ์ที่นั่งนิ่งขยับร่างกายไม่ได้ตั้งหลายชั่วโมง.. ผมเดินตามหลังพี่ข้าว.. สวนทางกับพี่เป้ พี่เป้ยิ้มสดใสทักทายผม ด้านหลังของพี่เป้คือปรินซ์ที่กำลังเดินตามมา ปรินซ์ใส่แว่นกันแดดสีชาเข้มปกปิดสายตาเรียบร้อยแล้ว ผมมองหน้าคนตัวสูงที่เดินเข้ามาใกล้ ดูจากมุมของใบหน้าแล้ว.. ปรินซ์ไม่ได้มองผม.. และผมก็ไม่มีทางรู้ได้เลยว่าภายใต้เลนส์มืดนั้น ดวงตาคู่เรียวของปรินซ์กำลังมองผมแทบทุกระยะการย่างก้าว และยิ้มกับตัวเองหลังผมเดินผ่านไป
.
..ปรินซ์
“มึงยิ้มอะไรวะ” ไอ้เป้ถามผม
“กูมีความสุขกูก็ยิ้ม”
“ความสุขที่นั่งเป็นหมอนให้น้องมัน?”
“ก็ใช่”
“แมนโคตรมึงเนี่ย เอาซะเดินแทบไม่ได้”
“...”
“ยังไงมึงก็ปิดจ๊อบคบกับธามให้ได้ก่อนจบค่ายนะเว้ย กูเห็นน้องมันหงอยเพราะมึงเมินแล้วโคตรน่าสงสาร”
“เออ กูก็สงสาร”
“สงสารแต่ก็ยังแกล้งน้องมัน”
“กูแค่อยากให้ชัวร์”
“ก็อย่ารอให้ชัวร์จนไอ้ข้าวคาบไปรับประทาน”
“ไม่มีทาง..” เพราะสายตาของไอ้ข้าวตอนนี้มีไว้มองอีกคน..ที่ไม่ใช่ธาม
.
.
..ธาม
ภาพวิวข้างทางน่าประทับใจ อาหารตามสถานีจอดมีให้เลือกซื้อไม่น่าเบื่อและอิ่มท้อง ไอ้บอสไอ้บรีสพากันพูดคุยและถ่ายรูป ทุกอย่างล้วนลงตัวกับการเป็นทริปที่ดี แต่ผมกลับรู้สึกไม่สนุกไปกับมัน เราลงรถไฟเลยเที่ยงเล็กน้อยตามกําหนดการ ช่วยกันขนของย้ายไปรถกระบะของชาวบ้านที่มาจอดรอพร้อมขึ้นเขา
“รถจะมีแค่สองคัน ดังนั้นเราจะทยอยกันไปแบ่งเป็นสองรอบพร้อมกับข้าวของสัมภาระ” พี่เป้พูดกับพวกเรา ก่อนที่กลุ่มรุ่นพี่จะจัดการเรื่องการแบ่งสัมภาระขึ้นรถแต่ละคัน และจัดสรรเหล่าสมาชิกให้ขึ้นรถ
“ไอ้ข้าว มึงไปกับธาม ไอ้บอส ไอ้บรีส น้องแพม แล้วก็น้องอีกสามคนขึ้นคันแรกไปก่อนเลย” พี่โบ้ทพูด “ส่วนคันที่สองก็เป็นมึงมึง แล้วก็น้องอีกห้านะ ส่วนรอบสอง คันแรกก็จะมีไอ้ปรินซ์ไอ้เป้แล้วก็น้องอีกหก ส่วนคันสุดท้ายก็จะมีกูไอ้ทีแล้วก็น้องที่เหลือ”
ผมมองคนตัวสูงที่ยืนจับกลุ่มอยู่ไกลออกไป ปรินซ์ไม่ได้สนใจผมสักนิด..
“อย่าเพิ่งรู้สึกแย่สิว่ะไอ้ธาม โอกาสยังมีอีกเยอะ”
“ไอ้บรีสพูดถูก ไปๆ รีบยกของแล้วขึ้นรถกันเหอะว่ะ งานต้องมาก่อนนะเว้ยมึง”
“เออๆ”
ผมนั่งข้างพี่ข้าวบนท้ายกระบะที่ไม่มีหลังคาคลุม หนทางขรุขระเมื่อรถเริ่มไต่ระดับไปตามทางลาดที่ชันบ้างคดโค้งบ้าง พวกเราล้วนสนุกสนานเหมือนกับกําลังได้เล่นเครื่องเล่นในสวนสนุกที่ไม่รู้ว่าจะจบเมื่อไหร่

“เอาล่ะพวกเรา สวัสดีลุงข่างผู้ใหญ่บ้านของหมู่บ้านไม้งาม” พี่ข้าวพูดหลังจากพวกเราทยอยลงจากรถเรียบร้อย
“สวัสดีครับ / ค่ะ”
“ยินดีต้อนฮับครับ ขอบใจ๋ตี้มากั๋น” ลุงข่าง ชายวัยกลางคนตอนปลายยิ้มทักทายพวกเราแบบผู้ใหญ่ใจดีที่ผ่านการพบปะผู้คนมามากมาย แม้สําเนียงจะไม่ชัดเพราะความเป็นคนดอยแต่ก็ชวนฟังและฟังเข้าใจ
“พวกเราช่วยกันยกของลงก่อน รถจะได้กลับไปรับคนที่เหลือ” พี่ข้าวพูดและเริ่มลงมือปฏิบัติ ความเป็นผู้นำของพี่ข้าวทำให้พวกเรารู้สึกอุ่นใจ และไม่ยืนเก้ๆ กังๆ ต่อหน้าชาวบ้านที่พวกเราไม่คุ้นเคย เมื่อรถคันที่สองที่ตามหลังมาติดๆมาถึง พี่ข้าวก็คอยจัดการ จัดระบบ รวมถึงประสานงานเรื่องที่ทางกับลุงข่างอย่างลื่นไหล สมกับการเป็นรุ่นพี่ในชมรม
“โหมดน่าเคารพก็มีนะไอ้พี่ข้าว”
“ไอ้บอส นั่นมันพี่ข้าวเชียวนะเว้ย”
“เออๆ มึงนี่ก็เคารพพี่ข้าวมึงตลอดนะไอ้บรีส”
“มึงก็เคารพพี่ปรินซ์มึงตลอดเหมือนกันนั่นแหละ”
“พวกมึงนี่เอาแต่เถียงเรื่องพวกพี่มัน ไปๆ ยกของเข้าโรงเรียน”

“แย่แล้วป้อข่าง!!”เสียงชาวบ้านคนนึงวิ่งร้องโหวกเหวกดังเข้ามายังพื้นที่โรงเรียนที่ใช้เป็นสถานที่ต้อนรับและที่นอนของพวกเรา..
“มีอะหยั๋ง!”
“มีรถพวกหมู่เขาคันนึงยางล้อหน้าระเบิด!”
“มีไผเป็นอะไรก่อ!!!”
“บ่อฮู๊เลยป้อข่าง! บ่าวน้อยขี่มอเตอร์ไซต์มาแจ้งข่าวก่อน”
“ลุงข่างครับ ลุงครับ รถคันไหนครับ รู้ไหม!” ผมเองก็ยืนร้อนลนไม่ต่างจากพี่ข้าวที่วิ่งมาเมื่อได้ยินเสียงเรียกลุงข่างตะโกนดังลั่นท่ามกลางความสงบเงียบของหมู่บ้าน
“บ่อฮู๊เลยพ่อหนุ่ม”
“ผมขอยืมมอเตอร์ไซต์ได้ไหมครับ”
“เอ่อ ได้ๆ แต่ว่าขี่ไหวแต๊ก๋ะ”
“ไหวครับ ขอผมไปดูนะครับว่ามีใครเป็นไรไหม เผื่อจะได้ช่วยกัน” ลุงข่างพยักหน้าตอบพี่ข้าว
“พี่ข้าว ผมขอไปด้วย”
“แต่ว่าธาม..”
“ขอผมไปด้วยนะพี่ สองหัวดีกว่าหัวเดียว”
“ก็ได้ บรีสบอสอยู่นี่”
“ได้พี่ / ครับพี่”
“มึงทำอะไรมีสตินะเว้ย” ไอ้บอสแตะไหล่บอกผมก่อนพี่ข้าวสตาร์ทรถแล้ววิ่งไปตามทางลงเขา

..ข้าว
ไม่มีบทสนทนาใดๆระหว่างผมกับธามตลอดทาง ผมรู้ว่าธามกำลังห่วงใคร แล้วผมล่ะ.. ผมกำลังห่วงใคร.. ใจที่เต้นเพราะความตื่นกลัวนี้กำลังเป็นไปเพราะใคร.. ความเร็วของรถช้าจนผมหงุดหงิดทั่งที่ร่างของผมและธามลอยเหนือเบาะตลอดความขรุขระของผิวถนน ผมไม่คิดชะลอแรงบิดด้วยซ้ำ แค่นี้ก็ช้าเกินไปแล้ว

..ธาม
..!! เสียงแตรจากรถกระบะคันหนึ่งที่กำลังขับสวนทางขึ้นมาเรียกสติของผมที่กำลังคิดหวาดกลัวอะไรไปต่างๆนานา พี่ข้าวชะลอรถและจอดในที่สุด รถกระบะที่อยู่ห่างออกไปราวห้าเมตรก็เช่นกัน ผมจำได้.. มันเป็นรถคันที่ผมนั่งขึ้นมา.. และเป็นคันที่ปรินซ์กับพี่เป้จะนั่งตามมา ผมยิ้มโล่งใจ รีบลงจากมอเตอร์ไซต์ ทั้งผมและพี่ข้าวรีบวิ่งไปที่หลังรถกระบะ

“..ไอ้ข้าว?”
.
.
.


ออฟไลน์ After5p.m.

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 83
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +18/-1
***************************************************************************************
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ


ติดตามกฏเพิ่มเติมที่กระทู้นี้บ่อยๆ เมื่อมีการแก้ไขกฏจะแก้ไขที่กระทู้นี้นะครับ
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0

ประกาศทั่วไปติดตามอัพเดทกันที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.0

ประกาศ กฎที่อื่นมีไว้แหก แต่ห้ามมาแหกที่นี่

1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิ์ส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด
การสนใจและชื่นชอบนิยายและเรื่องเล่าของคนในเรื่องควรมีขอบเขตที่จะไม่สร้างความเดือดร้อนให้เจ้าของเรื่อง เช่นเดียวกับเป็ดที่ตอนนี้ถูกรังควานตามหาตัวจากคนด้านต่างๆ จนตัดสินใจไม่เล่าเรื่องต่อ.........เนื่องจากบางเรื่องเป็นเรื่องเล่า.....................บางคนไม่ได้เปิดเผยตัวตน  เขาพอใจจะมีความสุขในที่เล็กๆแห่งนี้โดยไม่ได้ตั้งใจให้คนภายนอกได้รับรู้เรื่องราวแล้วนำไปพูดต่อ   เพราะปฎิเสธไม่ได้ว่าสังคมไม่ได้ยอมรับพวกเราสักเท่าไหร่

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรูปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ
หมิ่นประมาท,
หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง
หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสต์กระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์
และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด
การกระทำเช่นนั้นอาจทำให้คุณแบนทันที และถาวร . หมายเลข IP ของทุกโพสต์จะถูกบันทึกเพื่อใช้เป็นหลักฐาน
ในความเป็นจริงเป็นไปได้ยากมากที่จะให้แต่ละคนมีความคิดเห็นตรงกันทั้งหมด   คนเรามากมายต่างความคิดต่างความเห็น เติบโตมาภายใต้ภาวะแวดล้อมต่างกันการแสดงความคิดเห็นที่แตกต่าง   จึงควรทำเพื่อให้เกิดความเข้าใจกัน แบ่งปันประสบการณ์และมิตรภาพเพื่ออาจเป็นประโยชน์ในการใช้ชีวิต  และไม่ว่าจะอย่างไรก็ควรเคารพในความคิดเห็นที่แตกต่างของบุคคลอื่นช่วยกันสร้างให้บอร์ดนี้มีแต่ความรักนะครับ   

เรื่องบางเรื่องอาจจะเป็นทั้งเรื่องแต่งหรือเรื่องเล่าใดๆก็ขอให้ระลึกเสมอว่า  อ่านเพื่อความบันเทิงและเก็บประสบการณ์ชีวิตที่คุณไม่ต้องไปเจอความเจ็บปวดเล่านั้นเองเพื่อเป็นข้อเตือนใจ สอนใจในการตัดสินใจใช้ชีวิต   จึงไม่ต้องพยายามสืบหาว่าเรื่องจริงหรือเรื่องแต่งส่วนการพูดคุยนั้น   ก็ประมาณอย่าทำให้กระทู้กลายพันธุ์ห้ามเอาเรื่องส่วนตัวมาปรึกษาพูดคุยกันโดยที่ไม่เกี่ยวพันกับเรื่องในกระทู้นิยาย  ถ้าจะวิจารณ์หรือแสดงความคิดเห็นทุกคนมีสิทธิแต่ขอให้ไปตั้งกระทู้ที่บอร์ดอื่นที่ไม่ใช่ที่นี่นะครับ

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพสต์ หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อเจ้าของเรื่องเท่าที่จะทำได้หรือแจ้งมายังบอร์ดนี้ก่อนนะครับ  เนื่องจากเจ้าของเรื่องบางครั้งไม่ต้องการให้คนที่ไม่ได้ชื่นชอบนิยายชายรักชายเข้ามารับรู้  ลิขสิทธิ์ทั้งหมดเป็นของเจ้าของคนที่ทำขึ้นและเว็บแห่งนี้นะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล์ บอกเมล์ แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอมให้ส่งหรือติดต่อกันทางพีเอ็มจะปลอดภัยกว่าแล้วเมื่อมีการติดต่อสื่อสารกันให้พึงระวังถึงความปลอดภัย ความไม่น่าไว้ใจของผุ้คนทุกคนแม้จะมีชื่อเสียงในบอร์ดเป็นเรื่องส่วนตัวของแต่ละคนไป เพื่อลดความขัดแย้งภายในเล้า จึงไม่สนับสนุนให้มีการจีบกันในบอร์ดนะครับ

5.ห้ามจั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียวให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตาม
เพราะแม้จะเป็นเรื่องที่เขียนจากเรื่องจริง เมื่อนำมาพิมพ์เป็นเรื่องผ่านตัวอักษร ย่อมเลี่ยงไม่ได้ที่จะมีการเพิ่มเติมเพื่อให้เกิดสีสันในเนื้อเรื่อง ทางเล้าถือว่านั่นคือการเพิ่มเติมเนื้อเรื่อง จึงไม่อนุญาตให้จั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” แต่สามารถแจ้งว่าเป็น “นิยายที่อ้างอิงมาจากชีวิตจริง” ได้  มีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

6.การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสต์นิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insert quote ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ

8.Administrator และ moderator ของ forum นี้ มีสิทธิ์อ่าน, ลบ หรือแก้ไขทุกข้อความ. และ administrator, moderator หรือ webmaster ไม่สามารถรับผิดชอบต่อข้อความที่คุณได้แสดงความคิดเห็น (ยกเว้นว่าพวกเขาจะเป็นผู้โพสต์เอง).

9.คุณยินยอมให้ข้อมูลทุกอย่างของคุณถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูล. ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกเปิดเผยต่อผู้อื่นโดยไม่ได้รับการยินยอมจากคุณ .Webmaster, administrator และ moderator ไม่สามารถรับผิดชอบต่อการถูกเจาะข้อมูล แล้วนำไปสร้างความเดือดร้อนต่างๆ

10.ห้ามลงประกาศลิงค์โปรโมทเวป  โฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ลงได้เฉพาะในห้องซื้อขาย ในเมื่อแนะนำเวปอื่นที่บอร์ดเรา ก็ช่วยแนะนำบอร์ดเราโดยลงลิงค์บอร์ดเรา เว็บ http://www.thaiboyslove.com  ในบอร์ดที่ท่านแนะนำมาให้เราด้วย  เมื่อจำเป็นต้องแนะนำลิงค์ให้ส่งลิงค์กันทาง personal message หรือพีเอ็มแทนนะครับจะสะดวกกว่า ส่วนในกรณีอยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนๆได้อ่านจริงๆนั้นพยายามลงให้ห้องซื้อขายซะ หรือถ้าม้อดเดอเรเตอร์จะพิจารณาเป็นกรณีๆไป ถ้ารู้สึกว่าไม่ได้โปรโมทเว็บ แต่อยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนด้วยใจจริงจะให้กระทู้นั้นคงอยู่ต่อไป

11.บอร์ดนิยายที่โพสต์จนจบแล้วมีไว้สำหรับนิยายที่โพสต์ในบอร์ด boy's love จนจบแล้วเท่านั้น จึงจะถูกย้ายมาเก็บไว้ที่นี่ หาอ่านนิยายที่จบแล้ว หรือคนเขียนไม่ได้เขียนต่อ แต่โดยนัยแล้วถือว่าพล็อตเรื่องโดยรวมสมควรแก่การจบแล้ว หากนักเขียนท่านใดได้พิมพ์เล่มกับสำนักพิมพ์ ต้องการลบเรื่องบางส่วนออก โดยเฉพาะไคลแม๊ก หรือตอนจบที่สำคัญ ให้แจ้ง moderator ย้ายนิยายของท่านสู่ห้องนิยายไม่จบ เพื่อที่หากระยะเวลาเกินหกเดือนแล้ว เราจะได้ทำการลบทิ้ง หรือท่านจะลบนิยายดังกล่าวทิ้งเสียก็ได้ เนื่องจากบอร์ดนี้เก็บเฉพาะนิยายที่จบแล้ว

บอร์ดนิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบไว้สำหรับ
นิยายที่คนเขียนไม่ได้มาต่อนาน หายไปโดยไม่มีเหตุผลสมควร ไม่ได้แจ้งไว้หรือแจ้งแล้วก็ไม่มาต่อ 3 เดือน จะย้ายมาเก็บในนี้เมื่อครบหกเดือนจะทำการลบทิ้ง ส่วนเรื่องไหนที่จะต่อก็ต่อในนี้จนกว่าจะจบ แล้วถึงจะทำการย้ายไปสู่บอร์ดนิยายจบแล้วต่อไป

12.ห้ามนำเรื่องพิพาทต่างๆมาเคลียร์กันในบอร์ด

13.ผู้โพสต์นิยาย และเขียนนิยายกรุณาโพสต์ให้จบ ตรวจสอบคำผิดก่อนนำมาลงด้วยครับ

14.ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน  ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ

15. การนำรูปภาพ บทความ ฯลฯ มาลงในเว็บบอร์ด  ควรจะให้เครดิตกับ...
(1) ผู้ที่เป็นต้นตอเจ้าของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ
(2) เว็บไซต์ต้นตอที่อ้างอิงถึง
....ในกรณีที่เป็นบทความที่ถูกอ้างอิงต่อมาจากเวปไซต์อื่นๆ
- ถ้ามีแหล่งต้นตอของเจ้าของบทความ  ให้โพสต์ชื่อเจ้าของต้นตอของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ  พร้อมทั้งเว็บไซต์ที่อ้างอิง
  (กรณีนี้จะโพสต์อ้างอิงชื่อผู้โพสต์หรือเว็บไซต์ที่เรานำมาหรือไม่ก็ได้ แต่ควรมั่นใจว่าชื่อต้นตอของที่มาถูกต้อง)
- ถ้าไม่สามารถหาชื่อต้นตอของรูปภาพหรือเว็บไซต์ที่นำมาได้ ควรอ้างอิงชื่อผู้โพสต์และเว็บไซต์จากแหล่งที่เรานำมาเสมอ
- ควรขออนุญาติเจ้าของภาพหรือเจ้าของบทความก่อนนำมาโพสต์ค่ะ(ถ้าเป็นไปได้) ยกเว้นพวกเว็บไซต์สาธารณะ เช่น  หนังสือพิมพ์ออนไลน์ ฯลฯ ที่เปิดให้คนทั่วไปได้อ่านเป็นสาธารณะ ก็นำมาโพสต์ได้ แต่ให้อ้างอิงเจ้าของชื่อและแหล่งที่มาค่ะ
- ไม่ควรดัดแปลงหรือแก้ไขเครดิตที่ติดมากับรูปหรือบทความก่อนนำมาโพสต์
- ถ้าเป็น FW mail  ก็บอกไปเลยว่าเอามาจาก FW mail

16.นิยายเรื่องไหนที่คิดว่าเมื่อมีการรวมเล่มขายแล้วจะลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออก กรุณาอย่าเอามาลงที่นี่ หรือสำหรับผู้ที่ขอนิยายจากนักเขียนอื่นมาลง ต้องมั่นใจว่าเรื่องนั้นจะไม่มีการลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออกเมื่อมีการรวมเล่มขาย อนึ่ง เล้าไม่ได้ห้ามให้มีการรวมเล่มแต่อย่างใด สามารถรวมเล่มขายกันได้ แต่อยากให้เคารพกฎของเล้าด้วย เล้าเปิดโอกาสให้ทุกคน จะทำมาหากิน หรืออะไรก็ตามแต่ขอความร่วมมือด้วย เผื่อที่ทุกคนจะได้อยู่อย่างมีความสุข

17.ห้ามแจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน  ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง  นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฎการซื้อขายของเล้าก่อน ด้วยนะคะ)
ว่าด้วยเรื่องการจะรวมเล่มนิยายขายในเล้า จะต้องมี ID ซื้อขายก่อน ถึงจะสามารถประกาศ ..แจ้งข่าว.. ที่บนหัวกระทู้ของนิยายได้ ในกรณีที่ รวมเล่มกับ สนพ. ที่มี  ID ซื้อขายของเล้าแล้ว นักเขียนก็สามารถใช้ หมายเลข  ID ของ สนพ. ลงแจ้งในหน้าที่มีเนื้อหารายละเอียดการสั่งจองนิยายได้

18.ใครจะโพสต์เรื่องสั้นให้มาโพสต์ที่บอร์ดเรื่องสั้น ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที  ส่วนเรื่องสั้นที่จบแล้วให้แก้ไขโพสต์แรก และต่อท้ายว่าจบแล้วจะได้ไม่ถูกลบทิ้งและจะเก็บไว้ที่บอร์ดเรื่องสั้นไม่ย้ายไปไหน   เช่นเดียวกับนิยายทุกเรื่องเมื่อจบให้แก้ไขโพสต์แรก และต่อท้ายว่าจบแล้ว จะได้ย้ายเข้าสู่บอร์ดนิยายจบแล้ว ไม่เช่นนั้นม๊อดอาจเข้าใจว่าไม่มาต่อนิยายนานเกินจะโดนลบทิ้งครับ

เอาข้อสำคัญก่อนนะครับเด่วอื่นๆจะทำมาเพิ่มครับเอิ้กๆหุหุ
admin
thaiboyslove.com.......................................                                                           

วันที่ 3 ธ.ค. 2551วันที่ 16 ก.ย. 2554 ได้เพิ่มกฏ ข้อที่ 7
วันที่ 21 ต.ค.2556 ได้ปรับปรุงกฎทั้งหมดเพื่อให้แก้ไข และติดตามได้ง่าย
วันที่ 11 พ.ย. 2557 เพิ่มเติมการลงเรื่องสั้นและการแจ้งว่านิยายจบแล้ว
วันที่ 4 ธ.ค. 2557 เพิ่มบอร์ดเรื่องสั้นจึงปรับปรุงกฏข้อ 18 เกี่ยวกับเรื่องสั้น และ เพิ่มเติมส่วนขยายของกฏข้อ 17



เว็บไซต์แห่งนี้เป็นเว็บไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฎหมายภายในและระหว่างประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเว็บไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเว็บไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเว็บไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม

*****************************************************************************************

"สำหรับพี่ ทุกอย่างระหว่างเรามันไม่ใช่ความบังเอิญ ..แต่มันคือพรหมลิขิต" - พี่ข้าว                               
"สำหรับธาม มันไม่มีหรอกนะคำว่าบังเอิญ มันมีแต่ความตั้งใจ และเจตนา.." - ปรินซ์

โปรย..

มือหนาแกร่งๆของใครสักคนจับแน่นที่ข้อมือของผม พร้อมกับแรงกระชาก ร่างของผมเอนไปตามแรงนั้นได้อย่างง่ายดาย ผมมองตามมือนั้น มือของปริ้นท์.. ปริ้นท์กำลังมองผมด้วยสายตาอ่อนโยน และพยักหน้าเหมือนกับบอกผมว่าให้เดินตามมันออกไปได้แล้ว ไม่ต้องกังวล ไม่ต้องกลัวอะไร
     “คุณเป็นใครไม่ทราบ!” พี่ข้าวยังคงคอนเซ็ปต์ความเป็นพี่ว๊าก ปริ้นท์ไม่ตอบ แถมไม่แยแสพี่ข้าวสักนิด ปริ้นท์ออกแรงดึงมือผมอีกครั้ง เท้าผมขยับออกจากที่ยืนเรียบร้อยแล้ว ซึ่งผมก็ดีใจมากที่ปริ้นท์เข้ามาช่วยผม ถึงขี้ใกล้จะเล็ด แต่ผมก็ซึ้งจนน้ำตาจะไหล แต่อีกใจนึงของผมก็รู้สึกว่ามันไม่ถูกต้อง ผมกำลังแหกกฎ แถมคนที่มาแทรกแซงห้องเชียร์ก็เป็นคนคณะอื่นอีก แต่นาทีนี้ผมต้องการไปห้องน้ำให้เร็วที่สุด ผลของมันจะเป็นยังไงผมก็ไม่รู้เหมือนกัน ไม่อยากคิด… แต่ยังไม่ทันที่ผมจะก้าวเท้าเดินไป มือหนาของใครอีกคนก็จับเข้าที่ข้อมืออีกข้างของผม .. พี่ข้าววว!!! เมื่อร่างของผมไม่สามารถก้าวเดินตามแรงดึงของปริ้นท์ต่อได้ ปริ้นท์ก็หันหลังกลับมามอง สองร่างใหญ่กำลังเข้าสู่สงครามสายตา ฝั่งนึงก็ดวงตาดุเข้มใต้กรอบแว่น อีกฝั่งนึงก็ส่งสายตาเฉี่ยวคมโต้ตอบ ท่าทางศึกนี้จะยืดเยื้อ ผมไม่สนอะไรแล้ว ผมสะบัดข้อมือของตัวเองให้หลุดจากการจับกุมของทั้งสองคนแล้วรีบวิ่งตรงไปที่ห้องน้ำ

สารบัญ
Ep.01 ปริ้นซ์..ธาม : https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=70487.msg3980500#msg3980500
Ep.02 คณะนิเทศศาสตร์ : https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=70487.msg3980502#msg3980502
Ep.03 ภาวะนำใจ : https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=70487.msg3980503#msg3980503
Ep.04 การจากกัน : https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=70487.msg3980504#msg3980504
Ep.05 สายลม แสงเดือน : https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=70487.msg3980913#msg3980913
Ep.06 ลลิน : https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=70487.msg3981805#msg3981805
Ep.07 ผิดพลาด : https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=70487.msg3982133#msg3982133
Ep.08 ปลดปล่อย : https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=70487.msg3982338#msg3982338
Ep.09 ห้องเชียร์ : https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=70487.msg3982756#msg3982756
Ep.010 ข้าว : https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=70487.msg3983194#msg3983194
Ep.011 ความใกล้ - https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=70487.msg3983535#msg3983535
Ep.012 - ปรินซ์..ข้าว : https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=70487.msg3983814#msg3983814
Ep.013 - จูบ : https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=70487.msg3984016#msg3984016
Ep.014 - จูบแรก : https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=70487.msg3984249#msg3984249
Ep.015 - ระยะใกล้ : https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=70487.msg3984701#msg3984701
Ep.016 - ประกาศตัว : https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=70487.msg3984825#msg3984825
Ep.017 - ความฝัน : https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=70487.msg3985062#msg3985062
Ep.018 - สายรหัส : https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=70487.msg3985321#msg3985321
Ep.019 - ตามหา : https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=70487.msg3985559#msg3985559
Ep.020 - ลุงรหัส : https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=70487.msg3985586#msg3985586
Ep.021 - ความใน : https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=70487.msg3985714#msg3985714
Ep.022 -การกลับมาของปรินซ์ : https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=70487.msg3985921#msg3985921
Ep.023 - เจอหน้า : https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=70487.msg3986157#msg3986157
Ep.024 - ขอได้ไหม? : https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=70487.msg3986402#msg3986402
Ep.025 - ชมรม : https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=70487.msg3986641#msg3986641
Ep.026 - ความรู้สึกของที : https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=70487.msg3986890#msg3986890
Ep.027 - เลี้ยงชมรม เลี้ยงสาย : https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=70487.msg3987029#msg3987029
Ep.028 - เมา : https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=70487.msg3987246#msg3987246
Ep.029 - เป้ : https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=70487.msg3987455#msg3987455
Ep.030 - ยอมรับ : https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=70487.msg3988017#msg3988017
Ep.031 - รถไฟ : https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=70487.msg3988320#msg3988320

ออฟไลน์ JokerGirl

  • ∀Σ❤∀ΔΣ Forever^^
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2938
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +128/-3
สนุกมากๆเลย พี่ปริ๊นส์รักเดียวใจเดียวมายาวนานมากเลย รอน้องธามตลอด ธามรู้ใจตัวเองแล้วก็บอกพี่เค้าไปชัดๆนะลูก ส่วนพี่ข้าวขนาดน้แล้วยังไม่รู้ใจตัวเองอีกหรา

ออฟไลน์ After5p.m.

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 83
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +18/-1
ก่อนจะต่อ..
ขอบคุณ ‘ตอบ’ ทุกตอบ แม้จะน้อย แต่เป็นกําลังใจดีมากกับคนเขียนตัวหนาคนนี้ โดยเฉพาะ ‘ตอบ’ ข้างบน หัวใจฟูมากฮะ
หลับฝันดีนะฮะ ^^

032
แผน..
.
.
“ไอ้ข้าว?” พี่โบ้ททำหน้าสงสัยใส่ผม ส่วนไอ้ที..
“มึงมาทำอะไรวะไอ้ข้าว”
ผมกระชากร่างไอ้ทีลงมาจากท้ายรถกระบะ รั้งร่างคนสูงพอกันเข้าแนบอก “มึงไม่เป็นไรใช่ไหม” ผมพูดตะกุกตะกัก ไอ้ทีตบหลังผมเบาๆ
“มึงนั่นแหละไม่เป็นไรมากใช่ไหม เป็นเหี้ยไรเนี่ย” ไอ้ทีดันตัวผมออก ผมเองก็ไม่คิดฝืนแรงนั้น ซ้ำยังมีดวงตาหลายสิบคู่กำลังมองมาทางผม
“กูได้ยินว่ามีรถคันนึงล้อระเบิด กูก็เลย..”
“เป็นห่วงกู?”
“เออ กู.. เป็นห่วงมึง”
“แล้วมึงไม่ห่วงพี่อย่างกูรึไงวะไอ้ข้าว” เสียงไอ้พี่โบ้ททำผมนึกเซ็งก่อนหันไปมองพี่มันอย่างเสียไม่ได้
“โทษทีพี่ แต่ผมห่วงไอ้ทีมากกว่า”
“อืมๆ ดีๆ ก็ที ‘เพื่อน’ มึงนิเนอะ ไม่ห่วงสิแปลก ทีขึ้นรถได้แล้ว ..เดี๋ยวก่อนนะ ถ้างั้นคันที่ยางระเบิดก็คันไอ้ปรินซ์ไอ้เป้!”
“พี่ข้าว ช่วยพาผมไป..” ธามที่ยืนอยู่ด้านหลังพูดขึ้น
“ไอ้ข้าวมึงไปกับไอ้ทีก่อนเลย เดี๋ยวกูไปกับธามเอง” พี่โบ้ทพูดด้วยสีหน้าจริงจัง
“ผมชินทางบนดอยมากกว่าพี่แล้วก็ไอ้ข้าว ผมไปเอง ธามไปกับพี่” ไอ้ทีพูดพลางแบมือขอกุญแจมอเตอร์ไซต์จากผม
“กูไม่ให้มึงไป ถ้ามึงไปอีก กูก็ต้องมานั่งห่วงมึงอีก เพราะฉะนั้นกูไปเอง”
“แค่มึงขับลงมาถึงนี่ มือมึงก็ล้าพอล่ะ กูขับเอง กูจะได้ไม่ต้องมานั่งห่วงทั้งมึงห่วงทั้งธาม” ไอ้ทีพูดเสียงแข็งทำหน้าดุใส่ผม ผมจึงต้องยอมส่งกุญแจรถให้มัน
“เบาๆนะมึง”
“อืม กูรู้แล้ว” ไอ้ทีรีบวิ่งไปที่มอเตอร์ไซต์โดยมีธามวิ่งตามไป
“พวกมึงนี่สนิทกันดีนะ ต่างคนต่างห่วงกันและกัน”
“..ก็ไอ้ทีมันเป็นเพื่อนของผม”
“อืม..ดีที่เป็นแค่เพื่อน กูจะได้ไม่มีคู่แข่ง”
“...”
.
..ธาม
ถ้าการขึ้นดอยโดยรถกระบะเมื่อราวครึ่งชั่วโมงก่อนคือเครื่องเล่นผาดโผนเลเวลหก การนั่งซ้อนท้ายมอเตอร์ไซต์พี่ข้าวเป็นเครื่องเล่นเลเวลเจ็ด ตอนนี้ผมคงกำลังอยู่บนเครื่องเล่นเลเวลเก้า เพราะวิวสองข้างทางแทบจะละลายกลายเป็นเส้นแนวยาวด้วยความเร็วที่สายตาบันทึกภาพแล้วส่งต่อให้สมองประมวลไม่ทัน นาทีนี้ผมไม่มีเวลามารู้สึกตื่นเต้นหรือหวาดเสียวไปกับประสบการณ์ที่กำลังสัมผัส เพราะผมกำลังนึกภาวนาให้คนขับกระบะคันที่ปรินซ์นั่งมีความชำนาญมากพอที่จะควบคุมการทรงตัวของรถได้ และผมกําลังเจรจาขอใช้แต้มบุญทั้งหมดของตัวเองแลกกับพรใดๆก็ตามที่จะทำให้ปรินซ์ปลอดภัย
“พี่เห็นแล้ว อยู่หลังเนินโค้งข้างหน้า” พี่ทีตะโกนข้ามหลังสู้กับเสียงลมที่ดังเสียดหู
ภาพของกระบะที่จอดเทียบอยู่ชิดขอบไหล่ทางทำผมหายใจติดขัด.. ล้อหน้าข้างหนึ่งเกยอยู่นอกขอบถนน หากมองเลยออกไปคือหุบเขาลึกที่มีเพียงเหล็กไหล่ทางกั้นแบ่งแยกสิ่งที่มนุษย์สร้างกับสรรพสิ่งที่ธรรมชาติรังสรร ภาพของกลุ่มคนชาวเดินดอยที่ยืนบ้างนั่งบ้างอยู่ด้านหลังกระบะ และชายสามคนที่กําลังรุมอยู่ที่ล้อหน้าอีกข้างทําผมหายใจโล่ง ปรินซ์กําลังยืนอยู่ตรงนั้น มีพี่เป้อยู่ข้างๆ และลุงคนขับรถ
“มึงก็ออกแรงหน่อยดิวะไอ้เป้ ไม่ยาก มึงลองดู”
“แต่กูไม่มีรถให้ต้องเปลี่ยนล้อไหมวะ”
“ก็รถที่บ้านมึงไง ไหนจะรถกูอีก”
“รถมึงเกี่ยวไรกับกูวะ”
“ก็มึงต้องนั่งรถกูอยู่แล้ว มึงจะได้ช่วยกูเปลี่ยนไง”
“แต่มึงเป็นเจ้าของรถ มึงก็ต้องเปลี่ยนเองดิวะ”
“แต่มึงเป็นคนนั่ง มึงก็ต้องช่วยกูเปลี่ยน ไม่ต้องเถียงเลย ลุงเขารอมึงจนเบื่อแล้วเนี่ย”
“เออๆ”
เสียงโต้เถียงกันของคนสองคนดังอยู่ฝั่งตรงข้ามของถนนสองเลน คนตัวสูงกําลังยืนคร่อมซ้อนเหนืออีกร่างที่กําลังโน้มตัวตํ่าข้างล้อรถ สมองกําลังสรุปความบอกผมว่า ความสนิทสนมที่ผมเคยคิดว่าเป็นผมคนเดียวที่ได้รับมันจากปรินซ์ ตอนนี้.. มันไม่ใช่อีกแล้ว และคำว่า ‘ก็แค่เพื่อน’ ที่ไอ้บอสมันพยายามกรอกใส่หูผมก็ปลิวหายไปกับสายลมบนความสูงพันเมตรเหนือระดับนํ้าทะเล ปรินซ์ของผมกำลังหยอกล้อเล่นสนุกอยู่กับพี่เป้ คนที่ผมชื่นชมในความเป็นผู้ใหญ่ และตอนนี้กําลังเป็นคนที่ผมอิจฉา..
พี่ทีบังคับรถข้ามฝั่งถนนที่ร้างผู้คนมาจอดตรงด้านหน้าของรถกระบะ
“ไอ้เป้ไอ้ปรินซ์ เป็นไงมั่งวะ”
“ไอ้ที อ้าว ธามก็มาด้วย” พี่เป้เงยหน้าขึ้นจากล้อรถพูดด้วยท่าทีตกใจเล็กน้อย ส่วนปรินซ์เองก็หันมามองเช่นกัน
“มีคนไปบอกที่หมู่บ้านว่ารถพวกเราล้อระเบิด ไอ้ข้าวกับธามเลยลงมาดู เจอคันกูก่อน แต่ก็ไม่รู้อีกว่าใช่คันพวกมึงรึเปล่า กูกับธามเลยลงมาดูเผื่อมีอะไรจะได้ช่วยกัน”
“เออ คันพวกกูนี่แหละ เล่นเอาเสียวกันทั้งรถ ดีนะลุงแกขับเก่ง”
“ดีที่ไม่เป็นไร แล้วมีไรให้พวกกูช่วยไหม”
“ก็..”
“แต่เท่าที่ดู ก็ไม่เห็นมีอะไรให้พวกกูช่วย..”
“ก็ช่วยเปลี่ยนล้อรถนี่ไง ไอ้ปรินซ์มันแม่งใช้กูอยู่คนเดียว”
“ก็มึงมันน่าใช้นี่หว่า อีกอย่าง มึงก็เป็นหัวหน้าค่ายด้วย” ปรินซ์พูดแหย่พี่เป้ที่กำลังทำหน้าย่น
“หัวหน้าค่ายก็ใช่เว้ย แต่ไอ้ที่มึงใช้กูอยู่คนเดียวนี่มันจงใจแกล้งกูชัดๆ น้องๆ ก็มีให้เรียกมาช่วย มึงเองก็ออกจะลํ่า แต่แม่งก็เอาแต่สั่งกู ธามช่วยพี่ด้วยดิ ไอ้ปรินซ์มันรังแกพี่”
“แค่นี้ก็ต้องฟ้องคนอื่นด้วย”
“กูไม่ได้ฟ้องคนอื่นเว้ย กูฟ้องน้องธามตังหาก”
“...”
“งั้นธามอยู่ช่วยไอ้เป้ก่อนไหม พี่จะขึ้นไปบอกพวกนั้นก่อนว่าทุกคนปลอดภัยดี”
“..ผมขอกลับกับพี่ทีล่ะกันครับ ผมอยู่ไปก็น่าจะเกะกะพวกพี่เขา” ผมมองหน้าพี่ทีแทนที่จะมองหน้าคนตัวสูง ผมจะอยู่ต่อทำไมในเมื่อตั้งแต่ผมมาถึง.. ปรินซ์ก็ไม่ได้สนใจผม ถ้าอยู่ต่อ ก็คงไม่ต่างจากก๊าซคาร์บอนไดออกไซต์ ..ลอยอยู่รอบตัวปรินซ์ ..มีสถานะแต่ไม่มีประโยชน์
“...”
“อืม เอาตามนี้ ไอ้ข้าวก็คงเป็นห่วงธามเหมือนกัน ถ้ามีสัญญาณโทรศัพท์คงไม่ต้องมานั่งห่วงกันขนาดนี้ พวกมึงก็รีบๆเปลี่ยนล้อ อย่าลืมน้องคนไหนไว้ล่ะ เจอกันข้างบน ฝากด้วยนะครับลุง”
“บ่อต้องห่วงเจ้า”

“มึงว่าธามแปลกๆเปล่าวะ แทนที่จะอยากอยู่กับมึง ดันขอไปก่อนนซะงั้น”
“ก็คงงอนเพราะหวงกู”
“หวงมึง? หวงมึงจากใคร จากอะไรวะ”
“หวงกูที่อยู่กับมึงไง”
“ห่ะ กูเนี่ยนะ!”
“เออ ไม่ต้องถาม รีบๆ ขันน็อตซะ จะได้รีบไป”
“อ๋ออออ ที่มึงเอาแต่แกล้งกู ไม่สนใจธาม ก็เพื่อยั่วให้ธามหึงมึง”
“มึงเอามาเลย กูขันเองดีกว่า”
“ทีนี้ล่ะรีบ เป็นห่วงธามอ่ะดิ”
“เออ หน้าธามโคตรแย่”
“ก็เพราะมึงเองนั่นแหละ ถ้าน้องมันเอาไอ้ข้าวขึ้นมา กูจะสมน้ำหน้าให้”   
“มึงเพื่อนกูป่ะเนี่ย”
“กูเพื่อนมึงคร๊าบบบบ รีบเปลี่ยนล้อเลย! น้องมันรอมึงอยู่”
.
.
“เป็นไงมั่งที เจอไหม”
“เจอพี่ ปลอดภัยดี เปลี่ยนล้อกันอยู่”
“ผมขอตัวไปหาเพื่อนก่อนนะพี่”
“ทำไมหน้าธามดูไม่ดีเลยวะ ทีขับเร็วเหรอ”
“ไม่ได้ผิดที่ผมพี่ ไอ้ข้าว มึงไปดูธามดิ”
“ทำไมวะ”
“ธามเจอเรื่องแย่ๆ มา มึงไปปลอบน้องมันซะ”
“...”

“ไอ้ที มึงจะเชียร์ไอ้ข้าวกับธามไปถึงเมื่อไหร่วะ”
“ก็จนกว่ามันจะได้กันมั้งพี่”
“แต่กูว่าคู่เนี่ยลุ้นยาก ..มึงกับไอ้ข้าวยังดูมีลุ้นกว่า”
“พี่มึงพูดไรเนี่ย”
“กูดูมันออก ไม่เชื่อมึงก็รอดู”
.
“ธาม”
“...”
“เป็นอะไรรึเปล่า”
“ผมแค่เบื่อๆ น่ะพี่”
“เล่าให้พี่ฟังได้นะ”
“...”
“เอางี้ เดี๋ยวพี่พาไปท้ายหมู่บ้าน ถือว่าเป็นทริปพิเศษสำหรับธามคนเดียว”

บรรยากาศยามบ่ายบนดอยชวนให้อยากเดินทอดน่องไปเรื่อยๆ ต่างจากพื้นราบที่พวกเราจากมา บ้านไม้ยกสูงของชาวบ้านมีให้เห็นตลอดทางที่เดินผ่าน พี่ข้าวยกมือไหว้ทักทายชาวบ้านที่บ้างกลับมาจากไร่บ้างออกมาพบปะเพื่อนบ้าน
“คนที่นี่ส่วนใหญ่จะพูดไทยไม่ค่อยได้ แต่ว่าพวกเราก็มีล่ามเป็นเด็กๆ ที่เข้าโรงเรียนแล้ว”
“ทำไมเราเลือกกลับมาที่นี่อีกล่ะครับ”
“ปีที่แล้วน่ะมีปัญหาเยอะมาก ชาวบ้านยังไม่ค่อยเข้าใจว่าเรามากันทำไม มาทำอะไร พวกเราคือคนแปลกหน้าที่น่าจะมาสร้างความวุ่นวายซะมากกว่า ประมาณนั้น แต่ก่อนกลับชาวบ้านก็เข้าใจเรามากขึ้น แล้วพวกเราก็รู้ปัญหาที่พอจะช่วยได้ ปีนี้พวกเราเลยกลับมาอีกครั้ง..”
“มาทำให้แย่ลง..”
“ใช่ มาทำให้แย่ลง ..เห้ย ต้องดีขึ้นดิธาม”
“...”
“..ยิ้มได้สักที เมื่อกี้ทําหน้าเหมือนจะร้องไห้ เหมือนว่าวันนี้เป็นวันอวสานโลก”
“พี่ข้าวเวอร์ไปรึเปล่า โลกมันก็ยังอยู่เหมือนเดิม มันจะอวสานง่ายๆได้ไง”
“ก็นั่นน่ะสิ ว่าไง เป็นอะไร ปรึกษาพี่ได้นะ รับรองความลับของธามจะจบที่พี่” ผมหยุดยืนนิ่งอยู่ข้างพี่ข้าวหลังเราเดินเลี้ยวผ่านพ้นซุ้มต้นไม้ใหญ่ที่พยายามยืนบดบังทัศนียภาพด้านหลัง ผมตะลึงกับสิ่งที่เห็น ภาพพาโนรามาของไร่ชา ไร่สตรอเบอรี่ที่ถูกปลูกเป็นขั้นบันไดอยู่เบื้องล่าง มีฉากหลังไกลๆ เป็นภูเขาเบลอๆ และท้องฟ้าสีหม่นๆ ของฤดูหนาว
“โคตรสวยอ่ะพี่!”
“ดีใจนะที่ธามชอบ พี่ไม่เคยบอกใครเลยนะว่าจริงๆแล้วทั้งหมดเนี่ยของพี่เอง”
“เห้ย ทั้งหมดเลยเหรอพี่”
“ใช่”
“ปลูกชาพันธุ์ไรพี่”
“ชา.. เจียวกู่หลาน”
“สตรอเบอรีล่ะ”
“สตรอ.. ก็พันธุ์ 82”
“เขามีแต่ 80 88 90 พี่”
“อ้าวเหรอ พอดีปลูกหลายพันธุ์ไง เลยสับสน”
“พอเหอะพี่”
“โธ่ธาม ทำเป็นเชื่อพี่หน่อยก็ไม่ได้”
“ก็มันเชื่อยาก”
“...”
ผมยิ้มและขำให้กับความพยายามเล่นมุก กับสีหน้าสลดของพี่ข้าว และกับบรรยากาศรอบตัว ..ผมรู้สึกดีขึ้น
“..ผมกําลังโกรธตัวเอง แล้วก็ผิดหวัง..”
“ที่ผิดหวัง.. เพราะธามคาดหวัง?”
“ก็คงใช่”
“แล้วที่โกรธตัวเองล่ะ”
“โกรธที่รู้จักตัวเองช้าเกินไป จนทุกอย่างมันสายไปแล้ว..”
“พี่ว่า.. ไม่มีอะไรที่สายเกินไปหรอก ขอแค่เรามั่นใจในตัวเอง แน่ใจในความรู้สึกของตัวเอง เชื่อพี่” พี่ข้าวขยี้หัวผมอย่างอ่อนโยน
“ขอบคุณครับพี่ข้าว”
.
..ปรินซ์
“ไงล่ะมึง มัวแต่แกล้งน้องมัน” ไอ้เป้พึมพําอยู่ข้างๆ ขณะที่ผมเอาแต่มองด้านหลังของธามกับไอ้ข้าว
.
..15 นาทีก่อน
“ปลอดภัยดีกันทุกคนก๋า”
“ครับลุงข่าง เกือบแย่เหมือนกัน”
“สุมาเต๊อะ”
“ไม่เป็นไรครับลุง มันเป็นอุบัติเหตุนะครับ” ไอ้เป้ยิ้มตอบลุงข่าง
“ใช่ครับลุง พวกเราก็ไม่มีใครเป็นไรด้วย”
“พี่..” ผมกระซิบถามพี่โบ้ท
“ว่าไงไอ้ปรินซ์”
“ธามอยู่ไหน”
“มาถึงปุ๊บก็ถามถึงปั๊บ”
“ว่าไงพี่ ธามอยู่ไหน”
“เห็นเดินไปกับไอ้ข้าว”
“!!!”
“เออ เดินไปได้สักพักล่ะ”
“ไอ้ปรินซ์มึงจะไปไหนวะ”
“กูจะไปหาธาม!”
“แล้วมึงรู้เหรอว่าธามอยู่ไหน”
“พวกเปิ้นหมายถึงป้อชายสองคนแม่นก่อ”
“ใช่ครับลุงข่าง”
“เปิ่นเห็นเดินไปท้ายหมู่บ้านเจ้า”
“ขอบคุณครับลุงข่าง”
“เดี๋ยวไอ้ปรินซ์ รู้รึไงว่าท้ายหมู่บ้านไปทางไหน” ไอ้เป้ถามผม
“มึงก็พากูไปดิ”

“เข้าไปฉุดน้องมันเลยม่ะ..”
ผมหันหลังเดินกลับทันที รอยยิ้มของธามที่มีให้ไอ้ข้าวกําลังทําผมหงุดหงิด
.
.
“แจวมาแจวจ้ำจึก น้ำนิ่งไหลลึกนึกถึงคนแจว แจวเรือไปซื้อน้ำตาลโตนดๆ ขอเชิญพี่โบ้ทลุกขึ้นมาแจว..”
“แจวมาแจวจ้ำจึก น้ำนิ่งไหลลึกนึกถึงคนแจว แจวเรือไปซื้อน้ำมันปาล์มๆ ขอเชิญละอ่อนเขาไม้งามลุกขึ้นมาแจว..”

“ร่าเริงหน่อยดิวะไอ้ธาม”
“นี่กูก็ร่าเริงที่สุดแล้ว”
“เดี๋ยวจับคู่ไปบ้านเด็กๆ มึงไปกับกู”
“ไม่ว่ะ กูชวนพี่ข้าวไว้แล้ว”
“เอ๊าไอ้เชี่ยธาม อย่าบอกนะว่ามึง..”
“เออ กูว่ากูไปกับพี่ข้าวน่าจะสบายใจสุด”
“แล้วพี่ปรินซ์กูล่ะ”
“ก็ให้แม่งอยู่กับพี่เป้”
“!!!”
ใช่!ให้มันรู้ไปว่าใครจะทนไม่ไหวก่อนกัน ..หวังว่าจะไม่ใช่ผม

..ตลอดห้าวัน ณ บ้านไม้งาม ผมใช้เวลาส่วนใหญ่อยู่แต่กับพี่ข้าว ไม่ว่าจะตอนสอนหนังสือให้กับเด็กๆ หรือตอนสันทนาการเล่นเกม จริงๆ คือเป็นการจัดกลุ่มรับผิดชอบตามความสนใจและความถนัดที่ทั้งผมและพี่ข้าวบังเอิญลงชื่อไว้ตรงกัน ในขณะที่ปรินซ์พี่เป้จัดตัวเองไปอยู่กลุ่มพูดคุยกับชาวบ้าน บ้านใดที่ต้องการแรงงาน อย่างก่ออิฐเทปูนซ่อมบ้านซ่อมฝาย กลุ่มนี้ก็จะเป็นทัพหน้า ขณะที่พวกผมเมื่อเสร็จจากภารกิจหลักก็จะจูงมือเด็กๆ มาเป็นทีมสนับสนุน
“ครูๆ” เด็กชายชัวะเรียกผมขณะที่มือนึงของผมกําลังถือหินขนาดพอเหมาะสำหรับส่งต่อให้หน่วยซ่อมฝาย
“ว่าไงหึ” ผมใช้มือข้างที่ว่างโอบบ่าของชัวะ เด็กผู้ชายแก่นซนวัยเจ็ดขวบที่ติดผมแจ
“ปี้คนนั้น เล่นบอลเก่งแต๊” ชัวะชี้นิ้วไปที่คนตัวสูงที่ยืนอยู่ในลำธาร
“พี่เขาเป็นนักบอลระดับประเทศ ต้องเก่งอยู่แล้ว”
“เปิ้นสอนหมู่เฮาให้เฮี๊ยงลูก ฉับ ฉับ..” ชัวะเล่าออกท่าออกทางอย่างออกรสออกชาติ ความรู้สึกสนุก มีความสุข ถูกส่งออกมาผ่านดวงตาหยีๆของชัวะ ผมเองก็พอจะนึกภาพตามได้ไม่ยากถึงจะไม่ได้เห็นกับตา เพราะติดพันหน้าที่ช่วยทำอาหารมื้อค่ำในครัวของโรงเรียนกับเหล่าแม่อุ๊ย ซึ่งก็คงเพราะผมอยู่กับม๊าและป้าๆ ที่ชอบการทำอาหารมาตลอด ผมจึงรับหน้าที่นี้ได้โดยไม่ขัดกับการเป็นผู้ชายมาดแมน อีกอย่างผมว่าการมีแรงงานคอยช่วยจับตะหลิวคนส่วนผสมจำนวนมากในกระทะใบใหญ่ก็น่าจะดี
“ชัวะชอบพี่เขาเหรอ”
“ใจ้ ให้เป็นปี้ชายชัวะ”
“แล้วครูล่ะ”
“ครูก็เป็นปี้ชายชัวะ” ผมยิ้มเอ็นดูในคำตอบของชัวะ
“ครูก็ชอบพี่เขาเหมือนกัน”
“ครูให้เปิ้นเป็นปี้ชาย?”
“ไม่ล่ะ ครูจะให้เขาเป็นอย่างอื่น”
“?”
.
..ปรินซ์
“ไอ้น้องบอส มึงจะไปไหนครับ”
“จะไปหาไอ้ธามครับพี่ปรินซ์”
“บัดด็อกธามฝากไรมาอีก”
“คราวนี้ไม่มีของกินแปลกๆ แล้วพี่”
“งั้นมันให้มาทําอะไร”
“จะดีเหรอพี่ พี่รับแทนไอ้ธามตลอดเลยอ่ะ ไปไม่ถึงมันสักที”
“บอกมา”
“คือมันให้มาผลักไอ้ธามตกนํ้า”
“ไม่มากไปเหรอวะ นํ้าเย็นฉิบหาย ไอ้บอสมึงบอกมาใครเป็นบัดด็อกธาม”
“ผมบอกผมก็หมาดิ”
“หรือว่าเป็นมึง”
“ไม่ใช่ผม เอาไงพี่ ถ้าพี่ไม่ยอมเปียกแทนไอ้ธาม ผมก็จะไปผลักมันตกนํ้าตามคําสั่ง”
“เออๆ แต่กูก็อยู่ในนํ้าแล้วนิ”
“ไม่ได้ว่ะพี่ มันต้องเปียกทั้งตัว”
“อ่ะ แค่นี้พอใจยัง” ผมจุ่มตัวเองทั้งตัวลงในน้ำโดยไม่ลังเล
“โห ปลื้มว่ะ พี่แม่งคนจริง นํ้าเย็นเจี๊ยบขนาดนี้ ถ้าไอ้ธามรู้มันรักตาย”
“ฝากบอกไอ้เชี่ยบัดด็อกด้วย เฉลยเมื่อไรหลบกูให้ไว”
“ได้คร๊าบบบพี่ ผมไปนะ”
“ไอ้เป้ ดึงกูทีดิ๊”
“มึงก็เชื่อคนง่ายเน๊อะ ถ้าเกิดไอ้บอสมันแค่อยากแกล้งมึงล่ะ”
“กูเป็นไอดอลมัน มันไม่แกล้งกูหรอก ว่าแต่มึงเหอะ เหงื่อออกเต็มเลยนี่หว่า เล่นน้ำเป็นเพื่อนกูมา”
“ไอ้เชี่ยปริ้น! กูไม่เล่น! นํ้าเย็นฉิบหาย!!”
.
..ธาม
เสียงเอะอะเล่นสนุกจากทางลำธารดังขึ้นเรียกร้องความสนใจจากผม พร้อมกับไอ้บอสที่ปรากฏตัวอยู่ข้างๆ ด้วยลมหายใจหอบ
“มึงดูดิ๊ พองานใกล้เสร็จก็เล่นเลิฟซีนกันในนํ้าไม่แคร์เจ้าป่าเจ้าเขาเล้ย”
“...”
“มึงไม่รู้สึกอะไรเลยเหรอวะ”
“ให้กูรู้สึกเชี่ยไรวะ”
“น้ำเสียงกับหน้ามึงคนละมู้ดแอนท์โทนกับไอ้ที่มึงพูดเลยว่ะ”
“ชัวะ ..เรากลับโรงเรียนกันเถอะ ได้เวลาทำอาหารเย็นแล้ว”
“ครูจะปิ๊กแล้วก่อ?”
“ใช่ เดี๋ยวทำกับข้าวไม่ทัน จะโดนแม่อุ๊ยดุเอาด้วย” ถึงจะทำหน้าเซ็ง แต่ชัวะก็พยักหน้าตอบรับไปกับผมอยู่ดี “กูไปก่อนล่ะกัน” ผมบอกไอ้บอส
“เออๆ อย่าหงุดหงิดใส่กับข้าวล่ะมึงงงงง”
.
“ไอ้เชี่ยบอสมึงทำอะไรของมึงเนี่ยกูได้ยินนะไอ้ที่มึงไปบอกพี่ปรินซ์ว่าบัดด็อกไอ้ธามสั่งมา”
“อืม แล้ว?”
“ก็กูเนี่ยแหละบัดด็อกไอ้ธาม แล้วกูก็ยังไม่ได้เทคไม่ได้แกล้งอะไรมันสักอย่างด้วย”
“กูก็เทคแทนมึงแล้วนี่ไง ทั้งเรื่องกินเรื่องแกล้ง”
“แต่มึงตั้งใจแกล้งพี่ปรินซ์ชัดๆ”
“ก็พี่มันแม่งทำร้ายจิตใจเพื่อนกู เสือกอยู่แต่กับพี่เป้ กูเลยจัดให้หนัก”
“แบบนี้ก็ได้เหรอวะ”
“อีกอย่าง กูต้องทำหน้าที่เป็นตัวเร่งปฏิกิริยาเว้ย”
“เร่งเชี่ยไรของมึง”
“ก็เร่งให้ไอ้ธามกับไอ้พี่ปรินซ์มันหึงกันจนถึงจุดเดือด”
“เดือดจนระเบิดกระจัดกระจายไปคนละทิศ งี้ป่ะ”
“ไม่ใช่โว๊ยย ไอ้บรีสมึงลองคิดดู พอคนเรามันหึงพีคๆเว้ย มันก็จะมีความโมโห มีความอยากกระทำ อยากแสดงความเป็นเจ้าของ มันต้องมีฉุดมีกระชาก มีลากไปตบจูบตบจูบ แล้วก็เข้าใจกันแบบฟินๆในที่เงียบๆ ..แค่สองคน”
“โอ้โห มึงดูละครหลังข่าวมากไปป่ะวะ แล้วอย่างไอ้ธามเนี่ย ต่อให้มันหึงยังไง แม่งก็ไม่มีทางฉุดพี่มันแน่ๆ ส่วนไอ้พี่ปรินซ์ กูว่าพี่มันก็ไม่ใช้ความรุนแรงกับไอ้ธามแน่นอน แม่งถนอมจะตาย”
“แต่กูมีวิธีให้พี่มันหึง หึงแบบไม่มีใครเอาอยู่”
“วิธีไหนวะ”
“ก็แค่กูบอกเรื่องเหี้ยๆที่ไอ้พี่ข้าวมันเคยทำไว้กับไอ้ธาม..”
“?”
.
.
.
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 09-07-2019 22:29:39 โดย After5p.m. »

ออฟไลน์ JokerGirl

  • ∀Σ❤∀ΔΣ Forever^^
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2938
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +128/-3
พี่ปริ้นซ์ก็เล่นเกินไป เดี๋ยวน้องก็เล่นบ้างหรอก แล้วเมื่อไหร่จะเข้าใจกันสักที ตอนแรกนึกว่าน้องบอสเป็นบัดด็อกของพี่ปริ้นซ์อ่อไม่ใช่จ้าอยากแก้แค้นแทนเพื่อนล้วนๆ ทำดีมากน้องบอส5555

ออฟไลน์ After5p.m.

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 83
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +18/-1
.
.
..ธาม
“อืม วันนี้กูก็ไปกับพี่ข้าว”
“ไอ้ธาม มึงติดพี่ข้าวมากไปป่ะวะ” ไอ้บอสพูดกับผมหลังจากเตรียมตัวพร้อมสำหรับกิจกรรมในวันนี้
“กูไม่ได้ติดพี่มัน ไอ้ที่ทำนู้นนี่ด้วยกันก็เพราะว่าลงชื่อไว้เหมือนกัน แล้วอย่างวันนี้เนี่ย จะไปถ่ายวิดีโอสินค้า เก็บภาพของชาวบ้าน กูเรียนนิเทศฯ กูก็เหมือนได้ไปเรียนวิชา มันไม่ดีตรงไหนวะ”
“ก็ไม่ใช่ว่ามึงพยายามหลบหน้าใครหรอกนะ”
“ถึงกูไม่หลบ แม่งก็ไม่ได้มาให้กูเห็นหน้าอยู่แล้วไหม”
“นี่คือมึงโมโห?”
“กูขี้เกียจพูดเรื่องนี้แล้ว กูต้องไปเตรียมอุปกรณ์ ออ แล้วกูก็ไม่ได้ไปกับแค่พี่ข้าวด้วย ไอ้บรีส แพม นา ปิ่น ก็ไป กูไปก่อนนะ”
..ไอ้พี่ปรินซ์แม่งทําเชี่ยไรอยู่วะ!

ข้าวเที่ยง (ที่เลยเที่ยง) พวกเราฝากท้องไว้กับชาวบ้านที่คอยอํานวยความสะดวกตลอดเวลาที่ถ่ายทํา ผมประทับใจอาหารพื้นเมืองที่ดูเรียบง่ายแต่หาทานได้ยาก คิดว่าต้องแอบจําไปทําบ้าง หวังว่าจะได้รสแบบนี้ ม๊ากับป้าป้าน่าจะชอบ เพราะอาหารส่วนใหญ่มีส่วนผสมเป็นผักหลากสีซึ่งดีต่อสุขภาพ แต่ด้วยรสชาติแปลกใหม่น่าสนใจนี่สิที่ต้องนําเสนอให้ได้อย่างที่ลิ้มรสต้นตํารับมา
การถ่ายทําที่ต้องใช้พลังกายพลังสมองทําให้ผมลืมความหนาวเย็นที่อุณหภูมิสิบกว่าไปซะสนิท ทั้งที่วันนี้ใส่เพียงแจ็กเกตตัวบาง พวกเราเดินขึ้นๆ ลงๆ ไปตามไร่ชา ไร่สตรอเบอรี โรงเรือนที่ใช้แปรรูปผลผลิตทางการเกษตร  หามุมถ่าย คิดวิธีการเล่า เพื่อให้ตรงกับสิ่งที่ทีมปริ้นสรุปแนวทางการตลาดมาให้
“ครูๆ ไปผ่อตางปู๊นกันเต๊อะ งามแต๊”
“งามแต๊ก๋า” ผมลองพูดภาษาเหนือที่ซึมซับมาตลอดหลายวันกับเจ้าถิ่นอย่างชัวะ
“แต๊ๆ”
“งั้นเราไปกัน แต่ครูไปบอกครูข้าวก่อน”

“พี่ข้าว เดี๋ยวผมไปกับชัวะนะ ชัวะบอกมีที่สวยๆ ผมจะลองไปดูก่อน”
“งั้นพี่ไปด้วยดีกว่า เผื่อได้ถ่ายเก็บมาเลย แล้วนี่พวกเราก็ได้ภาพมาพอใช้ตัดล่ะ บรีส แพม บอกเพื่อนๆนะ กลับไปที่โรงเรียนก่อนได้เลย ส่วนพี่ ธามแล้วก็ชัวะ จะไปเก็บภาพอินเซิทเพิ่มอีกหน่อย”
“มึงจะไปสวีทกับพี่ข้าวสองคนเหรอวะ” ไอ้บรีสกระซิบถามผม
“สวีทเชี่ยไร ไปทํางานโว้ย แล้วก็มีเด็กไปด้วยไหมมึง”
“ถ้าไม่มีเด็กก็สวีทได้ดิ”
“มึงก็คิดได้เนอะ เอางี้ มึงไปด้วยกันเลย จะได้ช่วยกันถ่าย”
“ไม่ว่ะ เมื่อยแขน แล้วก็ไม่อยากเป็นก้าง”
.
..โรงเรียน
“ทีมไอ้ข้าวกลับมาแล้วพี่”
“เออดี จะได้มีแรงงานเพิ่ม ..ไอ้น้องบรีส เป็นไงมั่ง”
“ดีพี่ ภาพสวย พี่ข้าวโคตรเจ๋งอ่ะ”
“มันเจ๋งอยู่แล้ว ใช่ไหมไอ้ที”
“เออ มันเก่งอยู่แล้ว เรื่องกํากับภาพ”
“แล้วไอ้ข้าวอยู่ไหน”
“ออ พี่ข้าวไปกับไอ้ธาม แล้วก็ชัวะน่ะพี่ ไปถ่ายอินเซิทเพิ่ม”
“!!”
“แล้วทําไมไม่ไปด้วยกันทั้งหมดวะ”
“ก็พี่ข้าวบอกให้พวกผมกลับมาก่อนได้เลย เห็นว่าไปเก็บอีกหน่อยเองพี่”
“เออๆ ไปกับชัวะด้วย คงไม่เป็นไร งั้นพวกมึงมาเลย มาช่วยกันทาสี”
“ครับ / ค่ะ”
“ไงครับน้องที เขาแอบไปหวานกันสองคนเลยน้า”
“ก็ดีแล้วไงพี่ เรื่องมันจะได้จบๆ สักที”
.
..อีกมุมของโรงเรียน
..15 นาทีต่อมา หลังจากทีมถ่ายทำกลับมา
..ปรินซ์
“เฮ้อ.. ทาไปได้ตั้งเยอะ ฝนตกซะงั้น”
“ก็นี่บนยอดดอยไหมมึง ฝนตกก็ไม่แปลกป่ะวะ”
“แต่ก็ไม่ตกมาตั้งหลายวันนี่หว่า มาตกทําม๊ายยยวันนี้”
“อย่าบ่นเลยว่ะไอ้เป้ คนขี้บ่นคือคนแก่นะเว้ย”
“พี่ปรินซ์ๆ!”
“ไงบอส มีไร”
“พี่รู้ยังว่าไอ้ธามยังไม่กลับมา”
“ยังไม่กลับมา?”
“ทีมพี่ข้าวน่ะกลับมาตั้งนานแล้ว ยกเว้นตัวพี่ข้าว ไอ้ธาม แล้วก็ชัวะ”
“แล้วทําไมไม่กลับมาด้วยกันวะ!”
“เห็นไอ้บรีสมันเล่าว่า จู่ๆ พี่ข้าวก็ลากธามออกไปตอนถ่ายเสร็จ บอกว่าจะไปเก็บฟุตวีดิโอเพิ่มกันสองคน แต่มีชัวะที่ขอตามไปด้วย แล้วนี่ก็ไปเป็นชั่วโมงแล้วยังไม่กลับมา”
“…”
“ก็แค่ไปทํางาน อีกอย่าง มีเด็กไปด้วยนะเว้ย” ไอ้เป้พยายามพูดไม่ให้ผมคิดอะไร
“มันก็ไม่แน่นะพี่เป้ ขนาดในคอร์ทแบทที่มอไอ้พี่ข้าวยัง..”
“ยังอะไร มึงพูดมาให้จบ”
“..คือ ผมว่ามันก็เรื่องตั้งนานแล้วอ่ะพี่ ตั้งแต่เปิดเทอมใหม่ๆ”
“กูบอกให้มึงพูดมา”
“ไอ้สัดบอสมึงก็ลีลาเล่ามาเลย!” เป็นไอ้เป้ที่ชักทนไม่ไหว
“พี่ข้าวมันจูบไอ้ธาม..”
“!!!!!!”
“แต่ไอ้ธามมันไม่ได้เต็มใจนะพี่ ไอ้พี่ข้าวมันทําตอนที่ไอ้ธามมันหมดแรงสู้เพราะพี่มันแกล้งให้ไอ้ธามเก็บลูกจนเหนื่อย ดีนะที่ผมเข้าไปก่อน ไม่งั้นพี่มันแม่งคงไม่หยุดแค่นั้นแน่ ก็วันที่ไอ้ธามมันป่วย วันนั้นแหละพี่”
“ทําไมมึงไม่บอกกูว่ามันทําเหี้ยกับธาม!”
“ก็ไอ้ธามมันบอกว่าพี่ข้าวคงโกรธที่มันแหกกฎห้องเชียร์ เลยลงโทษมันแบบนั้น”
“น้องมึงมันมองโลกในแง่ดีไปเปล่าวะ!”
“!!!”
“แล้วนี่พี่มันก็พาไอ้ธามหายไปนานขนาดนี้ ไม่รู้จะทําอะไรไอ้ธามอีกรึเปล่า”
“ไอ้เป้ กูจะไปหาธาม!”
“มึงจะไปหาที่ไหน แล้วนี่ฝนก็ตกหนักอยู่น่ะเว้ย!”
“ไม่รู้! กูรู้แค่กูต้องไปหาธาม!”
“ไอ้เชี่ยปรินซ์มึงใจเย็น ..ไอ้บอส มึงไปบอกไอ้พี่โบ้ทว่ากูกับมันจะไปหาธาม จะหาแค่รอบๆ หมู่บ้าน ไม่ต้องห่วง ถ้าธามกลับมาก่อนก็ไม่ต้องไปตาม”
“ได้พี่”
.
.
..ยอดดอยไกลออกไป
..ธาม
“ดีนะที่ตามชัวะมา เลยได้ภาพสวยๆ”
“แต่ดูไม่เกี่ยวกับคลิปโปรโมตเลยนะพี่”
“ธามไม่รู้อะไร ภาพสวยๆ จะช่วยดึงความสนใจของคนดูนะ เขาจะตัดสินใจดูต่อหรือไม่ดู ก็ตรงภาพต้นคลิปนี่แหละ อีกอย่าง พี่ว่ามุมที่ชัวะพามาน่ะมันเจ๋งมากนะ ขอบผาที่เห็นพื้นที่ทั้งหมด ถึงจะมายากก็เหอะ”
“นั่นสิ แต่ชัวะรู้จักที่นี่ได้ยังไง” ผมก้มลงมองหน้าเด็กน้อยที่เดินอยู่ข้างๆ
“ชัวะมาแอ่วกับป้อ แต่ป้อบ่อค่อยยอมให้มา ป้อบอกว่าอันตราย”
“ก็จริงนะ ทางมันชัน”
“ชัวะต้องเชื่อพ่อรู้ไหม” ชัวะพยักหน้ารับพร้อมกับยิ้มตาหยี ก่อนจะกลับไปเดินนําหน้าเป็นไกด์นําทางอีกครั้ง
“ธามระวังด้วยทางมันลื่น”
“ครับพี่”
“ตอนขึ้นมาว่ายากแล้วนะ ตอนลงนี่ยิ่งยากใหญ่ ธามไหวนะ อ่ะ จับมือพี่ ตรงนี้มันลื่นมาก”
“ไม่เป็นไรพี่ ขนาดชัวะยังเดินเองได้เลย แถมนําไปไกลแล้วด้วย”
“ก็ชัวะเป็นเด็กพื้นที่ มา ส่งมือมาให้พี่”
ผมยอมยื่นมือให้พี่ข้าว เพราะทางที่ชันและลื่น ถึงจะมั่นใจว่าตัวเองเดินลงไปได้แน่นอน อย่างมากก็แค่ลงคลานกับพื้น
“เห้ยธามระวัง!!!” มือเปียกชื้นของผมหลุดจากการจับกุมของมือพี่ข้าว ผมก้าวพลาด!! รองเท้าที่ใส่ลื่นเพราะผืนดินชุ่มชื้นจากฝนที่ตกหนักมาตลอดครึ่งชั่วโมง ผมนึกอยากจะปิดตาให้สนิทปิดการรับรู้ที่เกิดขึ้น ร่างของผมไถลกลิ้งสไลด์ไปตามทางลาดด้านข้างของภูเขา มันคงกินเวลาไม่นานก่อนที่ร่างของผมจะหยุดนิ่งอยู่ ณ จุดพักของทางลาด แม้จะรู้สึกว่ามันค่อยๆเกิดขึ้นราวกับหนังที่ถูกปรับเวลาให้ช้าลง สติของผมเริ่มรับรู้ความเจ็บปวดของศีรษะลําตัวและแขนขาที่ฝาดเข้ากับกิ่งไม้ทั้งหนาและบาง
“ธามได้ยินพี่ไหม!!”
เสียงพี่ข้าว… “ดะ.. ได้ยินพี่” ผมฝืนตะโกนตอบดังเท่าที่จะทําได้ทั้งที่สมองกําลังมึนงง
“ธามรอก่อนนะ!! พี่จะบอกชัวะให้ตามคนมาช่วย แล้วพี่จะลงไปหาธาม!! ไม่ต้องกลัวนะ...” ผมได้ยินสิ่งที่พี่ข้าวพูด มันดังมาจากที่ไกลๆ และไกลออกไปเรื่อยๆ จนผมไม่ได้ยินอะไรอีก..
.
.
“ไอ้ธาม!! ไอ้ธาม!! มึงได้ยินกูไหม!!” เสียงของไอ้บอส.. ผมค่อยๆลืมตาขึ้น คงเพราะเสียงของมันดังจนผมรําคาญ ไม่งั้นก็เพราะการขยับขึ้นลงของร่างกายผมกําลังถูกแบก.. แผ่นหลังนี้คงเป็นของใครสักคน.. ใครสักคนที่ตัวสูง.. สูงเหมือนปรินซ์.. เป็นปรินซ์ก็คงดี.. ไม่สิ ผมมั่นใจว่านี่คือหลังของปรินซ์.. แผ่นหลังที่ผมคุ้นเคยมาตั้งแต่เด็ก.. ผมกระชับแขนของตัวเองที่วางพาดอยู่บนบ่าของปรินซ์ ปรินซ์เองก็กระชับมือที่พยุงร่างผมเช่นกัน ผมรู้สึกปลอดภัย.. ผมวางหัวของตัวเองข้างลําคอของคนตัวสูงและหลับไปอีกครั้งด้วยความอุ่นใจ
.
.
..โรงเรียน
“ไงมึง ตื่นได้แล้วเหรอวะ แหม ตกเขาแค่นี้สลบซะนานเชียวนะ” ผมมองหน้าไอ้บอสไอ้บรีสก่อนมองไปรอบๆ คงเป็นห้องพยาบาลของโรงเรียน
“มึงบ่นยาวจนกูฟังแทบไม่ทัน”
“นี่กูยังบ่นไม่จบเลยนะ ใช่ไหมไอ้บรีส”
“เออ เขาวุ่นวายกันทั้งหมู่บ้านเพราะมึงเนี่ย”
“?”
“ไม่ต้องมาทําหน้าไม่เชื่อ”
“พอมึง พี่ข้าว ชัวะ หายไปนาน พี่ปรินซ์ของมึงวิ่งหาให้ทั่วหมู่บ้าน ฝนตกหนักฉิบหายก็ยังหาอยู่นั่น ใครห้ามก็ไม่ฟัง จนสุดท้ายก็กลับมาที่โรงเรียน พอดีกับที่ชัวะวิ่งมาบอกว่ามึงตกเขา”
“ทั้งผู้ใหญ่ใครต่อใครก็รุมกันไป พี่ปรินซ์นี่ทัพหน้าเลยมึง พอไปถึงที่ ก็ไถตัวฝ่าดงไม้ลงไปหามึงอย่างไว ไม่มีหยุดคิดเลยว่าแม่งโคตรอันตราย”
“ออ พี่ข้าวก็อยู่กับมึงนะ แต่ไม่รู้ว่าจะพามึงขึ้นมายังไง ดีที่ชาวบ้านบอกว่ามีทางให้เดินอ้อม พี่ปรินซ์เลยแบกมึงตลอดทาง ไม่เปลี่ยนไม้ให้ใครด้วย หน้าแม่งก็เครียดฉิบหาย เพราะมึงสลบ แต่จู่ๆ หน้าพี่มันก็ดีขึ้น บอกกูว่าธามฟื้นแล้ว”
“อือ กูรู้ตัวแป็บนึงเพราะเสียงมึงเรียก แล้วก็ภาพตัดว่ะ”
“อ๋อออออ ถึงว่า พอพี่มันพามึงมานอนปุ๊บ เลยมีอารมณ์ต่อยพี่ข้าวปั๊บ”
“ต่อย?”
“เออต่อย หมัดหนักๆ เลยมึง ดีนะแค่ทีเดียว แถมไม่เต็มแรง เพราะแบกมึงมาตลอดทาง ไม่งั้นกูว่าไอ้พี่ข้าวมีล้ม”
“แล้วพี่ข้าว..”
“พี่ข้าวเหรอ พอโดนต่อยเสร็จก็มองหน้าไอ้พี่ปรินซ์แป็บนึง แล้วก็เดินออกไป”
“ปรินซ์มันต่อยพี่ข้าวทําไมวะ”
“ก็เพราะมึงไง”
“กู?”
“กูไม่รู้หรอกว่าต่อยเพราะพี่ปรินซ์โทษที่พี่ข้าวไม่ดูแลมึง ปล่อยให้มึงตกเขา หรือเพราะว่าพี่มันรู้ว่าพี่ข้าวเคยจูบมึง”
“!!!”
“ห่ะจูบ! พี่ข้าวกูจูบไอ้ธาม!!”
“ไอ้สัดบอส!มึงจะบอกแม่งทําไมวะ”
“ก็กูอยากให้พี่มันรู้ไง ว่าไอ้พี่ข้าวชิงเปิดซิงปากมึงไปแล้ว ถ้าพี่มันชอบมึงจริง ก็ต้องทําอะไรสักอย่างแล้วเว้ย จะมาชิลอยู่แต่กับไอ้พี่เป้ไม่ได้ ขนาดกูเห็นแล้วยังโมโห”
“ไอ้เหี้ยบอส! ป่านนี้แม่งไม่มีเรื่องจนตายห่ากันไปแล้วเหรอวะ”
“มึงไม่ต้องห่วงหรอก คนห้ามมีตั้งเยอะ ทั้งไอ้พี่โบ้ท พี่ที แถมมีไอ้พี่เป้ที่รอเสียบแทนมึงอีก”
“!!!!”
.
..ท้ายหมู่บ้าน
..ข้าว / ที
“ไงมึง เจ็บไหม”
“ไม่เท่าไหร่”
“เพราะไอ้ปรินซ์มันล้าหรอก ไม่งั้นมึงได้นอนสลบอยู่ข้างธามแน่ๆ”
“อืม”
“...”
“ไอ้ที..”
“...”
“กูว่ากูจะเลิกยุ่งกับธาม..”
“อ้าว! ทําไมวะ กูว่าตอนนี้มึงก็เริ่มสนิทกับน้องมัน แล้วน้องมันก็ดูจะชอบอยู่กับมึง”
“กูว่ากูกับธามสนิทกันแบบพี่น้องที่พูดภาษาเดียวกัน แค่นั้น มึงรู้ม่ะ ตอนธามสลบ ธามเพ้อหาไอ้ปรินซ์ แล้วตอนไอ้ปรินซ์มันลงมา มันรีบพุ่งเข้าไปหาธาม เช็คแขนขาของธามว่ามีอะไรผิดปกติ สีหน้าของมันคือโคตรร้อนรน โคตรเป็นห่วง พอลุงหย่งลงมาแล้วบอกมีทางกลับ มันก็เอาธามขึ้นหลังแบบไม่ต้องให้ใครช่วย มันเดินไปหลบกิ่งไม้ไป ไต่ขึ้นเนิน เดินไกลเหี้ยๆ แต่มันก็ยังแบกธามอยู่อย่างนั้น กูยอมใจมันจริงๆ”
“แล้วมึงจะไม่แก้แค้น?”
“กูคงไปแก้แค้นมันวิธีอื่น”
“อืม ก็ดี”
“แล้วมึงไม่ห่วงกู ตอนที่กูหายไป..” ผมถามไอ้ที มองหน้ามัน หวังว่าผมจะรับรู้ได้ว่ามันกำลังคิดอะไร
“..”
“ว่าไง?”
“มึงเป็นเพื่อนกู กูก็ต้องห่วงมึงอยู่แล้ว”
“...”
“ไอ้ที.. คือกู..”
“กูว่าเราไปหาอะไรกิน แล้วมึงจะได้แดกยา” ไอ้ทีพูดจบก็ลุกขึ้นเดินไป มันไม่ยอมอยู่ฟังสิ่งที่ผมจะพูด คําตอบที่ผมคิดหามาตลอดเพื่อตอบว่าตัวเองรู้สึกอะไรเวลาที่อยู่ใกล้กับธาม ขณะที่ไอ้ทีพาตัวเองออกห่างจากผมไป กับธามคือความเป็นพี่เป็นน้อง แต่สําหรับมึงไอ้ที ..กูว่ากูอยู่โดยที่ไม่มีมึงไม่ได้ ..กูชอบมึง
.
..ห้องพยาบาล
..ธาม
ก็อกๆ
“พี่ปรินซ์ไอ้ธามฟื้นแล้วพี่” ผมมองคนตัวสูงที่ค่อยๆ เดินเข้ามา แขนของปรินซ์มีแผ่นพลาสเตอร์ รอยยาเบตาดีนคล้ายผมถึงจะจํานวนน้อยกว่า ใบหน้าผ่อนคลายแต่เรียบเฉยของปรินซ์ทําผมประหม่า
“พี่มาก็ดีแล้ว ผมกับไอ้บรีสจะไปหาไรกินพอดี แล้วผมจะหาโจ๊กมาให้ไอ้ธามมันกินก่อนกินยาด้วย แต่อาจจะนานหน่อยนะพี่ เผื่อแม่อุ๊ยต้องใช้เวลาต้ม ไปไอ้บรีส” มันทั้งคู่รีบลุกแล้วเดินออกจากห้อง ปล่อยผมอยู่กับปรินซ์ในความเงียบของห้องพยาบาลขนาดกระทัดรัด ผมรู้สึกดีที่เราได้อยู่ด้วยกันเพียงลําพัง ถึงความเงียบและสายตาดุๆ ของปรินซ์จะทําผมเผลอกลั้นหายใจเป็นระยะๆ
“ปวดตรงไหนไหม”
“ก็ปวดตัวนิดหน่อย”
“หัวล่ะ”
“ก็มึนๆ แต่ดีขึ้นแล้ว”
“พอถึงกรุงเทพฯ พี่จะพาไปสแกนสมอง”
“ไม่ต้องหรอก ไม่ได้เป็นอะไรมาก”
“ธามอย่าดื้อเลย พี่จะได้สบายใจ มาม๊ากับป้าป้าก็ด้วย ตอนนี้ก็นอนเถอะ เดี๋ยวค่อยลุกมากินโจ๊ก” ปรินซ์หันหลังเดินกลับไปที่ประตูที่อยู่ไม่ห่าง
“เดี๋ยวก่อน! กูมีเรื่องจะคุยด้วย” ปรินซ์หยุดเดินและหันกลับมามองผม
“เรื่อง?”
“เรื่อง..”
“ถ้าเรื่องที่พี่ต่อยไอ้ข้าว ไว้พี่จะไปขอโทษมัน ธามจะได้สบายใจ”
“ไม่ใช่เรื่องนั้น”
“งั้นเรื่องอะไร”
“..ทําไมถึงต่อยพี่ข้าว”
“ก็แค่หมั่นไส้ อยากต่อย”
“ไม่ใช่เพราะเรื่องจูบใช่ไหม” ผมโพล่งออกไป ปรินซ์เดินเข้ามาใกล้เตียงที่ผมนอน ผมเองก็พยายามยันร่างตัวเองให้ลุกขึ้นนั่ง
“ถ้าพี่บอกว่าใช่ พี่ต่อยมันเพราะเรื่องที่มันทํากับธาม ธามจะโกรธพี่ไหม”
“โกรธ..”
.
.
.

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ After5p.m.

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 83
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +18/-1
***************************************************************************************
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ


ติดตามกฏเพิ่มเติมที่กระทู้นี้บ่อยๆ เมื่อมีการแก้ไขกฏจะแก้ไขที่กระทู้นี้นะครับ
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0

ประกาศทั่วไปติดตามอัพเดทกันที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.0

ประกาศ กฎที่อื่นมีไว้แหก แต่ห้ามมาแหกที่นี่

1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิ์ส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด
การสนใจและชื่นชอบนิยายและเรื่องเล่าของคนในเรื่องควรมีขอบเขตที่จะไม่สร้างความเดือดร้อนให้เจ้าของเรื่อง เช่นเดียวกับเป็ดที่ตอนนี้ถูกรังควานตามหาตัวจากคนด้านต่างๆ จนตัดสินใจไม่เล่าเรื่องต่อ.........เนื่องจากบางเรื่องเป็นเรื่องเล่า.....................บางคนไม่ได้เปิดเผยตัวตน  เขาพอใจจะมีความสุขในที่เล็กๆแห่งนี้โดยไม่ได้ตั้งใจให้คนภายนอกได้รับรู้เรื่องราวแล้วนำไปพูดต่อ   เพราะปฎิเสธไม่ได้ว่าสังคมไม่ได้ยอมรับพวกเราสักเท่าไหร่

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรูปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ
หมิ่นประมาท,
หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง
หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสต์กระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์
และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด
การกระทำเช่นนั้นอาจทำให้คุณแบนทันที และถาวร . หมายเลข IP ของทุกโพสต์จะถูกบันทึกเพื่อใช้เป็นหลักฐาน
ในความเป็นจริงเป็นไปได้ยากมากที่จะให้แต่ละคนมีความคิดเห็นตรงกันทั้งหมด   คนเรามากมายต่างความคิดต่างความเห็น เติบโตมาภายใต้ภาวะแวดล้อมต่างกันการแสดงความคิดเห็นที่แตกต่าง   จึงควรทำเพื่อให้เกิดความเข้าใจกัน แบ่งปันประสบการณ์และมิตรภาพเพื่ออาจเป็นประโยชน์ในการใช้ชีวิต  และไม่ว่าจะอย่างไรก็ควรเคารพในความคิดเห็นที่แตกต่างของบุคคลอื่นช่วยกันสร้างให้บอร์ดนี้มีแต่ความรักนะครับ   

เรื่องบางเรื่องอาจจะเป็นทั้งเรื่องแต่งหรือเรื่องเล่าใดๆก็ขอให้ระลึกเสมอว่า  อ่านเพื่อความบันเทิงและเก็บประสบการณ์ชีวิตที่คุณไม่ต้องไปเจอความเจ็บปวดเล่านั้นเองเพื่อเป็นข้อเตือนใจ สอนใจในการตัดสินใจใช้ชีวิต   จึงไม่ต้องพยายามสืบหาว่าเรื่องจริงหรือเรื่องแต่งส่วนการพูดคุยนั้น   ก็ประมาณอย่าทำให้กระทู้กลายพันธุ์ห้ามเอาเรื่องส่วนตัวมาปรึกษาพูดคุยกันโดยที่ไม่เกี่ยวพันกับเรื่องในกระทู้นิยาย  ถ้าจะวิจารณ์หรือแสดงความคิดเห็นทุกคนมีสิทธิแต่ขอให้ไปตั้งกระทู้ที่บอร์ดอื่นที่ไม่ใช่ที่นี่นะครับ

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพสต์ หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อเจ้าของเรื่องเท่าที่จะทำได้หรือแจ้งมายังบอร์ดนี้ก่อนนะครับ  เนื่องจากเจ้าของเรื่องบางครั้งไม่ต้องการให้คนที่ไม่ได้ชื่นชอบนิยายชายรักชายเข้ามารับรู้  ลิขสิทธิ์ทั้งหมดเป็นของเจ้าของคนที่ทำขึ้นและเว็บแห่งนี้นะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล์ บอกเมล์ แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอมให้ส่งหรือติดต่อกันทางพีเอ็มจะปลอดภัยกว่าแล้วเมื่อมีการติดต่อสื่อสารกันให้พึงระวังถึงความปลอดภัย ความไม่น่าไว้ใจของผุ้คนทุกคนแม้จะมีชื่อเสียงในบอร์ดเป็นเรื่องส่วนตัวของแต่ละคนไป เพื่อลดความขัดแย้งภายในเล้า จึงไม่สนับสนุนให้มีการจีบกันในบอร์ดนะครับ

5.ห้ามจั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียวให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตาม
เพราะแม้จะเป็นเรื่องที่เขียนจากเรื่องจริง เมื่อนำมาพิมพ์เป็นเรื่องผ่านตัวอักษร ย่อมเลี่ยงไม่ได้ที่จะมีการเพิ่มเติมเพื่อให้เกิดสีสันในเนื้อเรื่อง ทางเล้าถือว่านั่นคือการเพิ่มเติมเนื้อเรื่อง จึงไม่อนุญาตให้จั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” แต่สามารถแจ้งว่าเป็น “นิยายที่อ้างอิงมาจากชีวิตจริง” ได้  มีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

6.การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสต์นิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insert quote ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ

8.Administrator และ moderator ของ forum นี้ มีสิทธิ์อ่าน, ลบ หรือแก้ไขทุกข้อความ. และ administrator, moderator หรือ webmaster ไม่สามารถรับผิดชอบต่อข้อความที่คุณได้แสดงความคิดเห็น (ยกเว้นว่าพวกเขาจะเป็นผู้โพสต์เอง).

9.คุณยินยอมให้ข้อมูลทุกอย่างของคุณถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูล. ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกเปิดเผยต่อผู้อื่นโดยไม่ได้รับการยินยอมจากคุณ .Webmaster, administrator และ moderator ไม่สามารถรับผิดชอบต่อการถูกเจาะข้อมูล แล้วนำไปสร้างความเดือดร้อนต่างๆ

10.ห้ามลงประกาศลิงค์โปรโมทเวป  โฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ลงได้เฉพาะในห้องซื้อขาย ในเมื่อแนะนำเวปอื่นที่บอร์ดเรา ก็ช่วยแนะนำบอร์ดเราโดยลงลิงค์บอร์ดเรา เว็บ http://www.thaiboyslove.com  ในบอร์ดที่ท่านแนะนำมาให้เราด้วย  เมื่อจำเป็นต้องแนะนำลิงค์ให้ส่งลิงค์กันทาง personal message หรือพีเอ็มแทนนะครับจะสะดวกกว่า ส่วนในกรณีอยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนๆได้อ่านจริงๆนั้นพยายามลงให้ห้องซื้อขายซะ หรือถ้าม้อดเดอเรเตอร์จะพิจารณาเป็นกรณีๆไป ถ้ารู้สึกว่าไม่ได้โปรโมทเว็บ แต่อยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนด้วยใจจริงจะให้กระทู้นั้นคงอยู่ต่อไป

11.บอร์ดนิยายที่โพสต์จนจบแล้วมีไว้สำหรับนิยายที่โพสต์ในบอร์ด boy's love จนจบแล้วเท่านั้น จึงจะถูกย้ายมาเก็บไว้ที่นี่ หาอ่านนิยายที่จบแล้ว หรือคนเขียนไม่ได้เขียนต่อ แต่โดยนัยแล้วถือว่าพล็อตเรื่องโดยรวมสมควรแก่การจบแล้ว หากนักเขียนท่านใดได้พิมพ์เล่มกับสำนักพิมพ์ ต้องการลบเรื่องบางส่วนออก โดยเฉพาะไคลแม๊ก หรือตอนจบที่สำคัญ ให้แจ้ง moderator ย้ายนิยายของท่านสู่ห้องนิยายไม่จบ เพื่อที่หากระยะเวลาเกินหกเดือนแล้ว เราจะได้ทำการลบทิ้ง หรือท่านจะลบนิยายดังกล่าวทิ้งเสียก็ได้ เนื่องจากบอร์ดนี้เก็บเฉพาะนิยายที่จบแล้ว

บอร์ดนิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบไว้สำหรับ
นิยายที่คนเขียนไม่ได้มาต่อนาน หายไปโดยไม่มีเหตุผลสมควร ไม่ได้แจ้งไว้หรือแจ้งแล้วก็ไม่มาต่อ 3 เดือน จะย้ายมาเก็บในนี้เมื่อครบหกเดือนจะทำการลบทิ้ง ส่วนเรื่องไหนที่จะต่อก็ต่อในนี้จนกว่าจะจบ แล้วถึงจะทำการย้ายไปสู่บอร์ดนิยายจบแล้วต่อไป

12.ห้ามนำเรื่องพิพาทต่างๆมาเคลียร์กันในบอร์ด

13.ผู้โพสต์นิยาย และเขียนนิยายกรุณาโพสต์ให้จบ ตรวจสอบคำผิดก่อนนำมาลงด้วยครับ

14.ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน  ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ

15. การนำรูปภาพ บทความ ฯลฯ มาลงในเว็บบอร์ด  ควรจะให้เครดิตกับ...
(1) ผู้ที่เป็นต้นตอเจ้าของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ
(2) เว็บไซต์ต้นตอที่อ้างอิงถึง
....ในกรณีที่เป็นบทความที่ถูกอ้างอิงต่อมาจากเวปไซต์อื่นๆ
- ถ้ามีแหล่งต้นตอของเจ้าของบทความ  ให้โพสต์ชื่อเจ้าของต้นตอของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ  พร้อมทั้งเว็บไซต์ที่อ้างอิง
  (กรณีนี้จะโพสต์อ้างอิงชื่อผู้โพสต์หรือเว็บไซต์ที่เรานำมาหรือไม่ก็ได้ แต่ควรมั่นใจว่าชื่อต้นตอของที่มาถูกต้อง)
- ถ้าไม่สามารถหาชื่อต้นตอของรูปภาพหรือเว็บไซต์ที่นำมาได้ ควรอ้างอิงชื่อผู้โพสต์และเว็บไซต์จากแหล่งที่เรานำมาเสมอ
- ควรขออนุญาติเจ้าของภาพหรือเจ้าของบทความก่อนนำมาโพสต์ค่ะ(ถ้าเป็นไปได้) ยกเว้นพวกเว็บไซต์สาธารณะ เช่น  หนังสือพิมพ์ออนไลน์ ฯลฯ ที่เปิดให้คนทั่วไปได้อ่านเป็นสาธารณะ ก็นำมาโพสต์ได้ แต่ให้อ้างอิงเจ้าของชื่อและแหล่งที่มาค่ะ
- ไม่ควรดัดแปลงหรือแก้ไขเครดิตที่ติดมากับรูปหรือบทความก่อนนำมาโพสต์
- ถ้าเป็น FW mail  ก็บอกไปเลยว่าเอามาจาก FW mail

16.นิยายเรื่องไหนที่คิดว่าเมื่อมีการรวมเล่มขายแล้วจะลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออก กรุณาอย่าเอามาลงที่นี่ หรือสำหรับผู้ที่ขอนิยายจากนักเขียนอื่นมาลง ต้องมั่นใจว่าเรื่องนั้นจะไม่มีการลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออกเมื่อมีการรวมเล่มขาย อนึ่ง เล้าไม่ได้ห้ามให้มีการรวมเล่มแต่อย่างใด สามารถรวมเล่มขายกันได้ แต่อยากให้เคารพกฎของเล้าด้วย เล้าเปิดโอกาสให้ทุกคน จะทำมาหากิน หรืออะไรก็ตามแต่ขอความร่วมมือด้วย เผื่อที่ทุกคนจะได้อยู่อย่างมีความสุข

17.ห้ามแจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน  ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง  นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฎการซื้อขายของเล้าก่อน ด้วยนะคะ)
ว่าด้วยเรื่องการจะรวมเล่มนิยายขายในเล้า จะต้องมี ID ซื้อขายก่อน ถึงจะสามารถประกาศ ..แจ้งข่าว.. ที่บนหัวกระทู้ของนิยายได้ ในกรณีที่ รวมเล่มกับ สนพ. ที่มี  ID ซื้อขายของเล้าแล้ว นักเขียนก็สามารถใช้ หมายเลข  ID ของ สนพ. ลงแจ้งในหน้าที่มีเนื้อหารายละเอียดการสั่งจองนิยายได้

18.ใครจะโพสต์เรื่องสั้นให้มาโพสต์ที่บอร์ดเรื่องสั้น ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที  ส่วนเรื่องสั้นที่จบแล้วให้แก้ไขโพสต์แรก และต่อท้ายว่าจบแล้วจะได้ไม่ถูกลบทิ้งและจะเก็บไว้ที่บอร์ดเรื่องสั้นไม่ย้ายไปไหน   เช่นเดียวกับนิยายทุกเรื่องเมื่อจบให้แก้ไขโพสต์แรก และต่อท้ายว่าจบแล้ว จะได้ย้ายเข้าสู่บอร์ดนิยายจบแล้ว ไม่เช่นนั้นม๊อดอาจเข้าใจว่าไม่มาต่อนิยายนานเกินจะโดนลบทิ้งครับ

เอาข้อสำคัญก่อนนะครับเด่วอื่นๆจะทำมาเพิ่มครับเอิ้กๆหุหุ
admin
thaiboyslove.com.......................................                                                           

วันที่ 3 ธ.ค. 2551วันที่ 16 ก.ย. 2554 ได้เพิ่มกฏ ข้อที่ 7
วันที่ 21 ต.ค.2556 ได้ปรับปรุงกฎทั้งหมดเพื่อให้แก้ไข และติดตามได้ง่าย
วันที่ 11 พ.ย. 2557 เพิ่มเติมการลงเรื่องสั้นและการแจ้งว่านิยายจบแล้ว
วันที่ 4 ธ.ค. 2557 เพิ่มบอร์ดเรื่องสั้นจึงปรับปรุงกฏข้อ 18 เกี่ยวกับเรื่องสั้น และ เพิ่มเติมส่วนขยายของกฏข้อ 17



เว็บไซต์แห่งนี้เป็นเว็บไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฎหมายภายในและระหว่างประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเว็บไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเว็บไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเว็บไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม

*****************************************************************************************

"สำหรับพี่ ทุกอย่างระหว่างเรามันไม่ใช่ความบังเอิญ ..แต่มันคือพรหมลิขิต" - พี่ข้าว                               
"สำหรับธาม มันไม่มีหรอกนะคำว่าบังเอิญ มันมีแต่ความตั้งใจ และเจตนา.." - ปรินซ์

โปรย..

มือหนาแกร่งๆของใครสักคนจับแน่นที่ข้อมือของผม พร้อมกับแรงกระชาก ร่างของผมเอนไปตามแรงนั้นได้อย่างง่ายดาย ผมมองตามมือนั้น มือของปริ้นท์.. ปริ้นท์กำลังมองผมด้วยสายตาอ่อนโยน และพยักหน้าเหมือนกับบอกผมว่าให้เดินตามมันออกไปได้แล้ว ไม่ต้องกังวล ไม่ต้องกลัวอะไร
     “คุณเป็นใครไม่ทราบ!” พี่ข้าวยังคงคอนเซ็ปต์ความเป็นพี่ว๊าก ปริ้นท์ไม่ตอบ แถมไม่แยแสพี่ข้าวสักนิด ปริ้นท์ออกแรงดึงมือผมอีกครั้ง เท้าผมขยับออกจากที่ยืนเรียบร้อยแล้ว ซึ่งผมก็ดีใจมากที่ปริ้นท์เข้ามาช่วยผม ถึงขี้ใกล้จะเล็ด แต่ผมก็ซึ้งจนน้ำตาจะไหล แต่อีกใจนึงของผมก็รู้สึกว่ามันไม่ถูกต้อง ผมกำลังแหกกฎ แถมคนที่มาแทรกแซงห้องเชียร์ก็เป็นคนคณะอื่นอีก แต่นาทีนี้ผมต้องการไปห้องน้ำให้เร็วที่สุด ผลของมันจะเป็นยังไงผมก็ไม่รู้เหมือนกัน ไม่อยากคิด… แต่ยังไม่ทันที่ผมจะก้าวเท้าเดินไป มือหนาของใครอีกคนก็จับเข้าที่ข้อมืออีกข้างของผม .. พี่ข้าววว!!! เมื่อร่างของผมไม่สามารถก้าวเดินตามแรงดึงของปริ้นท์ต่อได้ ปริ้นท์ก็หันหลังกลับมามอง สองร่างใหญ่กำลังเข้าสู่สงครามสายตา ฝั่งนึงก็ดวงตาดุเข้มใต้กรอบแว่น อีกฝั่งนึงก็ส่งสายตาเฉี่ยวคมโต้ตอบ ท่าทางศึกนี้จะยืดเยื้อ ผมไม่สนอะไรแล้ว ผมสะบัดข้อมือของตัวเองให้หลุดจากการจับกุมของทั้งสองคนแล้วรีบวิ่งตรงไปที่ห้องน้ำ

สารบัญ
Ep.01 ปริ้นซ์..ธาม : https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=70487.msg3980500#msg3980500
Ep.02 คณะนิเทศศาสตร์ : https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=70487.msg3980502#msg3980502
Ep.03 ภาวะนำใจ : https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=70487.msg3980503#msg3980503
Ep.04 การจากกัน : https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=70487.msg3980504#msg3980504
Ep.05 สายลม แสงเดือน : https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=70487.msg3980913#msg3980913
Ep.06 ลลิน : https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=70487.msg3981805#msg3981805
Ep.07 ผิดพลาด : https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=70487.msg3982133#msg3982133
Ep.08 ปลดปล่อย : https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=70487.msg3982338#msg3982338
Ep.09 ห้องเชียร์ : https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=70487.msg3982756#msg3982756
Ep.010 ข้าว : https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=70487.msg3983194#msg3983194
Ep.011 ความใกล้ - https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=70487.msg3983535#msg3983535
Ep.012 - ปรินซ์..ข้าว : https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=70487.msg3983814#msg3983814
Ep.013 - จูบ : https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=70487.msg3984016#msg3984016
Ep.014 - จูบแรก : https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=70487.msg3984249#msg3984249
Ep.015 - ระยะใกล้ : https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=70487.msg3984701#msg3984701
Ep.016 - ประกาศตัว : https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=70487.msg3984825#msg3984825
Ep.017 - ความฝัน : https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=70487.msg3985062#msg3985062
Ep.018 - สายรหัส : https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=70487.msg3985321#msg3985321
Ep.019 - ตามหา : https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=70487.msg3985559#msg3985559
Ep.020 - ลุงรหัส : https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=70487.msg3985586#msg3985586
Ep.021 - ความใน : https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=70487.msg3985714#msg3985714
Ep.022 -การกลับมาของปรินซ์ : https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=70487.msg3985921#msg3985921
Ep.023 - เจอหน้า : https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=70487.msg3986157#msg3986157
Ep.024 - ขอได้ไหม? : https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=70487.msg3986402#msg3986402
Ep.025 - ชมรม : https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=70487.msg3986641#msg3986641
Ep.026 - ความรู้สึกของที : https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=70487.msg3986890#msg3986890
Ep.027 - เลี้ยงชมรม เลี้ยงสาย : https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=70487.msg3987029#msg3987029
Ep.028 - เมา : https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=70487.msg3987246#msg3987246
Ep.029 - เป้ : https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=70487.msg3987455#msg3987455
Ep.030 - ยอมรับ : https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=70487.msg3988017#msg3988017
Ep.031 - รถไฟ : https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=70487.msg3988320#msg3988320
Ep.032 - แผน : https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=70487.msg3988690#msg3988690
Ep.033 - ความในใจ : https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=70487.msg3988775#msg3988775

ออฟไลน์ AkuaPink

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2033
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +59/-1

ออฟไลน์ After5p.m.

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 83
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +18/-1
034
ไอ้เชี่ยบอส!!
.
.
“ถ้าพี่บอกว่าใช่ พี่ต่อยมันเพราะเรื่องที่มันทํากับธาม ธามจะโกรธพี่ไหม”
“โกรธ..”
“..พี่เข้าใจล่ะ ธามคงช็อกมากตอนนั้น แต่ก็คงรู้สึกดีกับจูบแรกของไอ้ข้าว ขอโทษที่พี่เข้ามาแทรกระหว่างธามกับมัน ถ้าพี่รู้เรื่องเร็วกว่านี้ ทุกอย่างคงไม่วุ่นวาย” ปรินซ์รีบเดินไปที่ประตู จนผมต้องก้าวเท้าลงจากเตียงโดยที่ไม่รู้ว่า..
“...!!!!” ผมส่งเสียงร้องเจ็บปวดแม้ไม่ดังมากแต่มันก็พอจะทําให้ปรินซ์หันมาสนใจผมที่นั่งกองอยู่กับพื้น
“ธาม!! ลุกขึ้นมาทําไม แล้วนี่เจ็บตรงไหน! ที่หัวรึเปล่า!!”
“ที่เท้า..” ผมปวดแปล๊บที่เท้าจริงๆ ปรินซ์รีบจับข้อเท้าของผม
“ข้างไหน”
“ข้างซ้าย..”
“นี่ใช่ไหม”
“อือ เจ็บๆ”
“น่าจะข้อเท้าพลิก คงเป็นตอนกลิ้งตกเขา ปวดมากไหม”
“ปวด แต่ไม่มาก.. ทนได้..”
พอผมพูดจบ ปรินซ์ก็ช้อนเอาร่างของผมลอยขึ้นกลับวางบนเตียง แม้แค่เพียงเสี้ยววินาที แต่ผมก็อดใจเต้นแรงไม่ได้
“พี่หาผ้าพันก่อน ในห้องนี้น่าจะมี” ผมมองตามร่างคนตัวสูงที่ขยับเท้าหาของที่ต้องการด้วยความรีบเร่ง “เดี๋ยวกินโจ๊กเสร็จก็รีบกินยาแก้ปวดยาลดบวม กลับไปคงต้องไปเอ็กซเรย์เท้าเพิ่ม” ปรินซ์หาผ้าพันเคล็ดเจอในที่สุด คนตัวสูงพันผ้าพันที่ข้อเท้าของผมอย่างคล่องแคล่ว ก่อนหาผ้าห่มอีกผืนมาม้วนกลมให้ผมวางเท้า
“นอนนิ่งๆ อย่าขยับล่ะ” ปรินซ์ขยับตัวจะลุกจากเตียง ผมรีบคว้ามือของปรินซ์ไว้
“ฟังกูพูดก่อนได้ไหม..” ผมมองตาปรินซ์ที่มองมา
“อืม”
“ที่โกรธ.. ไม่ได้โกรธปรินซ์ที่ต่อยพี่ข้าว.. แต่โกรธตัวเอง.. ที่รู้ใจตัวเองช้า..”
“...”
“ยังทันไหม..”
“ธามกําลังพูดเรื่องอะไร พี่ไม่เข้าใจ”
“ก็พูดเรื่อง.. เรื่อง..” เชี่ยเอ๊ย! ทีงี้เสือกไม่เข้าใจ
“ก็เรื่องที่มึงบอกชอบกู แล้วกูก็ขอเวลาคิดไง มึงจําไม่ได้หรือเปลี่ยนใจแล้ว!”ไอ้เชี่ยปรินซ์! ทําไมกูต้องมานั่งพูดอะไรแบบนี้ น่าอายฉิบหายยยย
“...” ปรินซ์ทําหน้าว่างเปล่าใส่ผม
“เออ จะไปไหนก็ไป กูจะนอน!” ผมดึงผ้าห่มขึ้นปิดหน้า คลุมโปงหนีปรินซ์แม่ง ต่อไปจะมองหน้าปรินซ์ได้ยังไงไม่น่าพูดเลยไอ้ธาม! เจ็บไหมล่ะ เสือกรู้ตัวช้าจนปรินซ์มันเฉยชา สมนํ้าหน้า!!
…..
“จะหลบหน้าพี่ทําไมครับ” ปรินซ์จับมือผมพลางดึงผ้าห่มให้ลดลงจากใบหน้า
“เขินเหรอ” ปรินซ์ยิ้มเจ้าเล่ห์ใส่ผม
“...”
“ไม่ตอบ.. งั้นพี่ไปนะ”
“เออๆ เขินก็เขิน นี่คือมึงแกล้งกู?”
“ถ้าพูดไม่สุภาพกับพี่ พี่ก็จะไป..”
“ได้คืบเอาศอก คนเชี่ยไรเนี่ย”
“...”
“อืม ผมเขินครับพี่ปรินซ์ ..พอใจยัง” ผมยกผ้าห่มขึ้นบังหน้าของตัวเองไปครึ่งนึง แถมหลบตาของปรินซ์ที่ยังคงจ้องผม รอยยิ้มที่ยียวนบอกผมว่าปรินซ์กําลังสนุกที่ได้แกล้ง
“พอใจครับน้องธาม พอใจมาก”
“...”
“สรุปว่าธามรู้ใจตัวเองแล้ว แต่ก็ยังไม่ได้บอกว่ารู้ใจตัวเองว่า?”
“..กูชอบมึง” ผมพูดเสียงเบา ปรินซ์ขยับหน้าเข้ามาใกล้ “เห้ย! ทําไมต้อง..”
“ก็ธามพูดเบา พี่ฟังไม่ชัด” หัวใจของผมที่เต้นแรงอยู่แล้วยิ่งเต้นรัวเร็วขึ้น
“กูชอบมึง!ชัดไหม” ผมตะโกนใส่หูปรินซ์
“อืมชัดแล้ว” ปรินซ์ยิ้มสดใส แต่จู่ๆ สีหน้าก็เปลี่ยนเป็นจริงจังเคร่งขรึม
“พี่ขออะไรธามได้ไหม”
“ขออะไร”
“ขอจูบธาม..”
“!!!” หน้าของผมร้อนผ่าว ใจเต้นโครมคราม ยิ่งปรินซ์สบตาผมใกล้ๆ ผมเกือบลืมว่าผมต้องหายใจ
“พี่อยากลบจูบของไอ้ข้าว ถึงพี่จะไม่ใช่จูบแรกของธาม ได้ไ..”
ผมใช้สองแขนรั้งเอาคอของปรินซ์โน้มเข้ามาใกล้ ก่อนใช้ริมฝีปากของตัวเองปิดปากของคนตัวสูงแทนคําอนุญาต ปากนุ่มๆของเราสัมผัสแนบเนิบนาน ผมค่อยๆ ลืมตามองดวงตาคู่เรียวที่จ้องผมอยู่ ก่อนปล่อยแขนที่รั้งไว้อย่างนึกกระดากอายในสิ่งที่เพิ่งทําลงไป
“จูบกับพี่ข้าวไม่ใช่จูบแรก..”
“?”
“แต่จูบแรกของกูคือ..” ผมมองหน้าปรินซ์ก่อนหลบตา
“อย่าบอกนะว่าเป็นพี่”
“ใช่ ก็มึง.. ก็ปรินซ์นั่นแหละ.. จูบแรก”
“เห้ย! ตอนไหน พี่ไม่เห็นจําได้ว่าพี่เคย..”
“..ตอนกีฬาสีมอสี่”
“??”
“ตอนปรินซ์หลับหลังแข่ง..”
“..ถ้าพี่หลับ ก็แสดงว่า.. ธามขโมยจูบพี่!”
“แค่แตะๆ เอง..” ผมอยากจะหายตัวไปจากตรงนี้จริงๆ
“ถ้าพี่ไม่หลับก็คงจะดี”
“ดียังไง”
“ก็ถ้าพี่รู้ตัว พี่จะได้จูบธามกลับ ไม่ปล่อยให้ธามเอาเปรียบพี่”
“...”
“แต่ไม่เป็นไร พี่เอาคืนทั้งจูบตอนนู้นกับจูบเมื่อกี้เลยล่ะกัน” ปรินซ์โน้มหน้าเข้ามาใกล้ผมก่อนกดริมฝีปากลงบนปากของผม อาจเพราะปรินซ์เริ่มมันโดยที่ผมไม่ทันตั้งตัว ผมจึงพยายามที่จะดันตัวปรินซ์ออกจากการคร่อมทับร่างท่อนบนของผม ปรินซ์มองตาผมเมื่อรับรู้ถึงแรงผลัก..

‘..มึงแค่อย่าเล่นตัว อย่าเยอะ ใจมึง ร่างกายมึงบอกว่าต้องการอะไร อยากทำอะไร มึงก็ปล่อยให้มันทำไปตามธรรมชาติ อย่าไปฝืน..’

สิ่งที่ไอ้บอสเคยบอกผมไว้ดังพึมพำมาจากรอยหยักเล็กๆในมุมหนึ่งของสมอง ผมแค่ต้องปล่อยให้มันเป็นไปตามความรู้สึก ตอบรับสิ่งที่ตัวเองต้องการ คนตรงหน้าคือปรินซ์ คนที่ผมรู้จักดีที่สุด ไว้ใจ เชื่อใจ และศรัทธามากที่สุด ถึงจะยังไม่กล้าสรุปความรู้สึกที่มีว่าเป็นความรัก แต่ผมแน่ใจว่าปรินซ์คือคนที่ผมอยากอยู่ใกล้ และอยากให้อยู่ด้วยกันตลอดไป ผมจะกังวลหรือกลัวอะไรในเมื่อคนตรงหน้าคือปรินซ์ของผม..

ผมมองตาปรินซ์ทั้งที่ความใกล้ของเราทำให้สบตากันได้ไม่ถนัดนัก ปรินซ์เลือกที่จะถอนร่างหนาเมื่อคิดว่าผมต่อต้าน ..ผมหรี่ตาลงก่อนจะใช้มือทั้งสองของตัวเองรั้งปรินซ์ให้ทิ้งน้ำหนักลงบนตัวของผม ครั้งนี้จะไม่รีรอ ลังเล และปล่อยให้มันผ่านเลยจนต้องมานึกเสียใจ ปรินซ์ยิ้ม ก่อนเอียงหน้าโน้มลงจูบผมอีกครั้ง สัมผัสของปรินซ์ช่างอ่อนโยน นุ่มนวล ถึงจะยังไม่ค่อยเข้าใจว่าผมควรจะโต้ตอบอย่างไร ควรจะผ่อนจังหวะเมื่อไหร่ และพักหายใจได้ตอนไหน..

‘..ตามเกมพี่มันไปบ้าง พี่มันจ้องมาก็อย่าไปหลบ พี่มันเข้าใกล้ก็อย่าไปถอย..’

..ผมแอบขำกับการสั่งสอนให้ผมแรดของไอ้บอส
“ธามขำอะไร” ปรินซ์ถอนริมฝีปากจากผมทันที
“ขำไอ้บอส”
“?”
“ไอ้บอสมันบอกว่าให้อ่อยปรินซ์..”
ปรินซ์ยิ้มขำ “บอสพูดถูก ธามต้องทำตามที่บอสสอนรู้ไหม พี่จะได้ไม่เหนื่อย สงสัยพี่ต้องพาบอสไปเลี้ยงขอบคุณที่เป็นทีมพี่ ..แต่ตอนนี้ พี่ขอชิมธามต่ออีกนิดนะครับ”
ผมมองดวงตาคู่เรียวของปรินซ์ ไล่ลงมายังจมูกโด่งๆ ของปรินซ์ และริมฝีปากนุ่มๆ ของปรินซ์ และกลับมาสบตาของคนตัวสูงอีกครั้ง ผมพยักหน้าตอบเบาๆ ผมยอมรับว่าผมยังต้องการมันเช่นกัน ความสุขซ่านที่คนของผมมอบให้..
“โจ๊กมาแล้วคร๊าบบบน้องธาม!”
ไอ้เชี่ยบอส!!
เสียงของมันทำผมสะดุ้ง รีบคว้าผ้าห่มขึ้นปิดหน้าของตัวเอง ต่างจากปรินซ์ที่ดูจะไม่แคร์อะไร เพราะยังคงนั่งคร่อมร่างของผมอยู่
“โอ๊ะโอ๋ ผมกับไอ้บรีสมาขัดจังหวะอะไรรึเปล่า?”
“...”
“โทษทีนะพี่ ของมันต้องกินตอนร้อน”
“งั้นเอาโจ๊กมาให้พี่ แล้วบอสบรีสก็ออกไปได้เลย”
“ไม่ได้ว่ะพี่ บัดด็อกของไอ้ธามมันสั่งมาว่า พวกเราต้องอยู่เป็นก้าง เอ้ย อยู่กับไอ้ธามจนกว่ามันจะกินโจ๊กหมด บัดด็อกมันเป็นห่วง กลัวว่าจะมัวทำอย่างอื่นจนไม่ได้กินข้าวกินยา”
“บัดด็อกของธามเป็นคนดีจังเลยนะ อืม คืนนี้ก็จะได้เจอตัวแล้วนิ พี่คงต้องเอาคืน ไม่สิ ต้องตอบแทนชุดใหญ่ ทบต้นทบดอก…”
“.../!!!”
“งั้นฝากบอสบรีสดูแลธามต่อล่ะกัน พี่จะไปช่วยงานข้างนอก แล้วก็เตรียมรับขวัญบัดด็อกของธาม”
เสียงเปิดและปิดประตูบอกให้รู้ว่าปรินซ์ออกจากห้องพยาบาลไปเรียบร้อย
“ไอ้เชี่ยบอส! ถ้ากูตายคาตีนพี่ปรินซ์กูจะเป็นผีมาหลอกมึง!!”
“มึงไม่ต้องห่วง กูมีแผนสำหรับคืนนี้แล้ว”
“แผนเชี่ยไรวะ”
“แผนกูชื่อว่า มอมให้เมา..เอาไอ้ธามเข้าแลก”
“เชื่อได้เหรอวะแผนมึง?”
“เชื่อไม่เชื่อ มึงดูผลของแผนที่แล้วของกูก่อน ชื่อแผน ยุให้หึง..ดึงมาจ๊วบ”
“ชื่อแผนอุบาทฉิบหาย”
“ก็กูเพิ่งคิดเว้ย”
“...”
“ไอ้น้องธามคร๊าบบบบ ไม่ต้องมาทำเป็นปิดหน้าแกล้งหลับเลยมึง”
“...”
“แน่ะ มึงคงไม่รู้อะไร ผนังที่นี่ไม่หนานะเว้ย พวกกูได้ยินหมดทุกอย่าง”
“ไอ้เชี่ยบอส”
“แหมๆ ทำเป็นโกรธ ลุกขึ้นมากินโจ๊กเลย”
“...”
“ว่าแต่.. ถึงไหนแล้ววะ”
“ถึงไหนเชี่ยไรวะ”
“ก็พวกกูอุตส่าห์ต่อเวลาให้ตั้งเยอะ เน๊อะไอ้บรีส เผื่อว่าจะถึงไหนถึงไหน..”
“พอเลยมึง! กูจะกินโจ๊ก แล้วไอ้แผนมอมให้เมา..เอาไอ้ธามเข้าแลก คือแผนเชี่ยไรของมึง”
“มึงไม่ต้องรู้หรอก เอาเป็นว่ามึงไม่ได้เสียอะไร มีแต่ได้กับได้ เชื่อกู”
“...”
“แล้วนี่ขามึงเป็นไรเนี่ย” ไอ้บรีสถามผมบ้าง
“ปรินซ์บอกว่าน่าจะเท้าพลิก”
“มีแฟนเป็นนักกีฬามันก็ดีงี้แหละน้า ดูแลได้ทั้งหัวใจทั้งร่างกาย” ไอ้บอสยังไม่เลิกแซะผม
“แค่กๆ แฟนเชี่ยไรว่ะ!”
“เอ๊าก็มึงกับพี่ปรินซ์ไงแฟนกัน”
“แค่กๆ”
“ถึงกับไอไม่หยุด สงสัยสำลักความรักว่ะ”
“กูว่ามึงพอเหอะว่ะไอ้บอส ไอ้ธามมันหน้าแดงหมดแล้วเนี่ย”
“มันเขินไงมึง คนมีความรักหน้ามักจะสีชมพู”
“เฮ้อ.. กูไม่ไหวแล้วว่ะไอ้ธาม กูไปช่วยข้างนอกดีกว่า กูทนความเน่าของมันไม่ไหวล่ะ”
“รอเดี๋ยวดิว่ะไอ้บรีสกูไปด้วย ส่วนมึงไอ้ธาม กินโจ๊กเสร็จก็กินยา แล้วก็นอนซะ ตอนใกล้ๆ ปาร์ตี้เลี้ยงลา กูจะมารับ”
“เออๆ”
“นอนนะเว้ย อย่ามัวแต่เพ้อหาพี่ปรินซ์จนธาตุไฟเข้าแทรก มันจะทรมานนอนไม่หลับกระสับกระส่ายยยย”
“สัดดด”กูเกลียดมึง
.
.
สนามบอลกลางโรงเรียนถูกใช้เป็นที่เลี้ยงลาพวกเรา แม้ค่ำคืนนี้ท้องฟ้าจะไม่สว่างเพราะเมฆหนาบดบังแสงจากดวงจันทร์ แต่สถานที่นี้กลับสว่างด้วยแสงจากกองไฟกองใหญ่ที่ถูกจุดขึ้นอยู่กลางวงล้อมของคนชาวเดินดอย เด็กๆ และชาวหมู่บ้านไม้งาม เสียงเพลงที่ฟังออกบ้างไม่ออกบ้าง คุ้นหูบ้างไม่คุ้นบ้าง ถูกขับกล่อมสลับไปมาจากนักร้องและนักดนตรีวงไม้งามและวงเดินดอย เสียงหัวเราะ เสียงพูดคุย เสียงความสุขดังอยู่ทั่วบริเวณ ความสัมพันธ์ตลอดหกวันทำให้ความผูกพันธ์ระหว่างทุกคนที่ต่างวัฒนธรรม ต่างภาษา ต่างประเพณี เกิดขึ้นไม่มากก็น้อย

ไอ้บอสทำหน้าที่เป็นไม้ค้ำให้ผมเกาะเดินมาที่บริเวณจัดงานหลังจากแย่งชิงหน้าที่นี้มาจากปรินซ์ได้สำเร็จด้วยการอ้างว่าบัดด็อกของผมสั่งมา ถ้ากูขาไม่เจ็บนะไอ้เชี่ยบอส!ไม่ต้องถึงมือปรินซ์หรอก กูเนี่ยแหละจะจัดให้มึงสักสองสามจุก ไอ้เพื่อนเวร
“ครูๆ สุมาเต๊อะ” เด็กชายชัวะจอมซนวิ่งเข้ามากอดผมด้วยสีหน้ารู้สึกผิด “เพราะชัวะพาครูไปผ่อ ครูเลยผะเริด (ลื่น) เจ๊บตั๊วเพราะชัวะ”
ผมลูบหัวชัวะเบาๆ “ครูต่างหากที่ซุ่มซ่ามเอง ชัวะไม่ผิดสักหน่อย”
“...” ชัวะยังคงกอดผมนิ่ง ชัวะคงไม่เลิกโทษตัวเองแน่ๆ ถ้าไม่ได้ทำอะไรเพื่อให้หายรู้สึกผิดบ้าง
“เอางี้ งั้นคืนนี้ชัวะต้องคอยดูแลครู ตกลงไหม”
“คั๊บ” ชัวะเงยหน้ามองผมพร้อมรอยยิ้ม
“ตอนนี้ครูหิวแล้ว ชัวะไปหาอะไรมาให้ครูกินหน่อยได้ไหม”
“ได้คั๊บ” เด็กชายชัวะผละจากผมและวิ่งหายไปในขอบความมืดสลัวทันทีที่ห่างจากกองไฟ
“ใจดีจังเลยน้ากับเด็กเนี่ย”
“กูก็ใจดีกับทุกคนนั่นแหละ ไม่เหมือนมึง”
“กูทําไม”
“ไหนมึงบอกมึงเชียร์พี่ปรินซ์ไอดอลของมึง แล้วทําไมทําตัวเป็นไม้กันพี่มันวะ”
“ตอนนี้กูไม่ได้แกล้งพี่มันอยู่นะ แต่กูแกล้งมึง พี่มันน่ะรอมึงได้ตั้งนาน รอต่ออีกสักหน่อยคงไม่อกแตกตาย แต่มึงเนี่ย ควรรู้รสการรอคอยบ้างเว้ย”
“..กูหมดคำพูดเลย มึงอยากทำไรก็ทำ!”
“โอ๋ๆ เอาเป็นว่าคืนนี้กูจะให้พี่ปรินซ์ดูแลมึง กูจะไม่อยู่เป็นก้างล่ะ”
“...”

“ขอบใจ๋พวกเปิ้นที่มากั๋น คราวหน้ามากั๋นอีกเน้อ หมู่เฮายิ๋นดีต้อนฮับเสมอ”
“ขอบคุณครับลุงข่าง พวกเราก็ดีใจมากครับที่ได้มาทำประโยชน์ให้กับชาวไม้งาม ถ้ามีสิ่งใดที่พวกผมทำผิดพลาดไปโดยไม่รู้ตัว สุมาเต๊อะนะครับ” พี่เป้เป็นตัวแทนของพวกเรากล่าวปิดงานภาคพิธีการตามเวลาอันสมควรแก่การสิ้นสุดงานเลี้ยงลา เพราะชาวบ้านและเด็กๆควรจะนอนพักผ่อนเพราะเวลาได้ล่วงเลยเข้าสู่เช้าวันใหม่แล้ว
“พวกเปิ้นก็บ่ดีนอนเดิ๊ก กำเดวจะลุกขวาย (อย่านอนดึก เดี๋ยวจะตื่นสาย)”
“ครับลุงข่าง อีกไม่เกินชั่วโมง ผมจะไล่ให้ไปนอน ไม่ต้องห่วงครับ”ลุงข่างพยักหน้าตอบรับก่อนเดินนำชาวบ้าน และเด็กๆ เดินกลับไปทางหมู่บ้าน
“วันพู๊ก (วันพรุ่งนี้) ชัวะจะมาหาครูเน้อ”
“ครูจะรอนะ” ผมลูบหัวชัวะอีกครั้งก่อนดันตัวชัวะเบาๆให้ออกเดิน
“พี่ก็อยากให้ธามลูบหัวพี่นะ” ปรินซ์กระซิบข้างหูผม
“ไม่ถือเหรอ ธามอายุน้อยกว่าปรินซ์นะ”
“...” ปรินซ์ทำหน้าตื่นเต้นใส่ผม
“ทำไมทำหน้า..”
“ก็ธามแทนตัวเองว่าธาม..”
“แล้ว..”
“พี่ชอบ..”
“..มาบอกชอบอะไรตอนนี้วะ” ผมก้มหน้างุด ดีที่แสงจากกองไฟทำให้ใครๆก็หน้าแดง ไม่งั้นทุกคนคงรู้แน่ว่าผมกำลังเขิน..
“..ไว้ธามลูบหัวพี่บ้างนะ”
“โรคจิตเหรอ ชอบให้เด็กลูบหัว”
“ก็แค่ธามคนเดียว..” ปรินซ์ยิ้ม

“เอาล่ะทุกคน ก่อนที่เราจะแยกย้ายกันไปนอน และตื่นในเวลาตีห้าเพื่อเก็บของและขึ้นรถตอนหกโมงเช้า เวลาที่ทุกคนรอคอยก็ได้มาถึงแล้ว เวลาเฉลยบัดด็อก!” พี่โบ้ทพูดเสียงดังพอประมาณโดยไม่ต้องพึ่งพาโทรโข่ง เพราะยามนี้เสียงที่ดังที่สุดคงจะเป็นเพียงเสียงของกองฟืนที่แตกลั่นเป็นระยะ และเสียงลมที่พัดวีดวิ๊วรอบบริเวณ 
“วิธีเฉลยก็คือ ให้บัดด็อกเป็นคนเดินเข้าไปหาคนที่เราแกล้ง เอ้ย เทคมาตลอดหกวัน พูดจากับเขาดีๆ ทำอะไรก็ได้ที่คิดว่าเขาจะยกโทษให้ เอ้า เริ่มได้”

..ข้าว / ที
“มึงไม่ต้องไปหาใครเหรอวะ”
“กูไม่ได้เล่นตั้งแต่แรกอยู่แล้ว”
“เหมือนกูเลยว่ะ” ผมแอบยิ้มกับตัวเอง ไม่คิดว่าไอ้ทีจะคิดเหมือนผม
“อ้าว ทีกับมึงก็ไม่ได้เล่นบัดด็อกเหรอวะ” ..ไอ้เชี่ยพี่โบ้ท
“ใช่พี่ ก็เล่นมันมาทุกปี เล่นจนหมดมุกแล้ว ก็เลยไม่เล่น” ไอ้ทีตอบไอ้พี่โบ้ท
“คิดเหมือนพี่เลยที” ไอ้พี่โบ้ทนั่งลงข้างๆไอ้ที “ถ้างั้นทีเล่นกีต้าร์ให้พี่ฟังสักเพลงดิ พี่มีเพลงที่อยากร้องให้ทีฟัง”
“พี่เนี่ยนะ จะร้องเพลง”
“ก็พี่อยากร้องให้ทีฟังไง ร้องตอนนี้ยิ่งโรแมนติกเข้าไปใหญ่ ใช่ไหมว่ะไอ้ข้าว”
“...”
“เห็นม่ะ ขนาดไอ้ข้าวยังเห็นด้วย”
“เขามีแต่เล่นกีต้าร์เอง ร้องเอง..” ผมมองหน้าไอ้พี่โบ้ท
“ก็กูอยากให้ทีมันมีส่วนร่วมในเพลงด้วยไง มันจะได้ยิ่งอิน ยิ่งฟิน..”
“ไอ้ที มึงเอากีต้าร์มานี่ กูเล่นเอง มึงเล่นมาเป็นชั่วโมงล่ะ อ่ะพี่ว่ามา อยากร้องเพลงอะไร”
“เออใช่!พี่ลืมเรื่องนี้ไปเลย ทีคงเจ็บมือแล้ว งั้นเรารีบไปนอนดีกว่า เดี๋ยวพี่หายามานวดมือให้” ไอ้พี่โบ้ทลุกขึ้นยืนแล้วหันมาดึงแขนของไอ้ที
“..ไอ้ที มึงอยู่เป็นเพื่อนกูก่อนได้ป่ะ” ผมคว้ามือไอ้ทีไว้ และมองหน้ามัน..
…….
“แต่กูง่วงแล้วว่ะ.. มึงก็เล่นเพลงให้น้องๆ มันฟังไป อย่าดึกล่ะ คอยดูอย่าให้พวกมันตีกันด้วย”
“...” ไอ้ทีกําลังจะเดินจากผมไปพร้อมพี่โบ้ท ผมขยับนิ้วมือไล่ไปตามสายของกีต้าร์อย่างคุ้นเคย หวังว่าไอ้ทีจะหันหลังกลับมาหาผม..
“..กลับมาได้หรือเปล่า
กลับมาหาฉันทีได้ไหม คนดี
หากว่าใจของเธอไม่ได้เปลี่ยนไป
ก็ให้โอกาสฉันอีก จะได้ไหม
ได้โปรดอย่าทิ้งรักไปเลย..”

ไอ้ทีหยุดเดิน..
..ผมใจชื้นแต่ก็เพียงเสี้ยววินาที ก่อนที่มันจะก้าวเท้าเดินต่อไป โดยไม่หันหลังกลับมา..

“..อาจจะจริงที่ฉันเองยังไม่เข้าใจ
จึงทำให้เธอผิดหวังและร้องไห้
อยากจะขอเธออย่าเพิ่งไป
อย่าเพิ่งหมดหวังในตัวฉัน ได้หรือเปล่า

เมื่อก่อนนี้เคยมีเธอคอยปลอบฉันเมื่อเจ็บช้ำมา
วันนี้ไม่เหลือใคร เหลือแต่ตัวฉันและน้ำตา
จะต้องทำยังไงให้เธอคืนกลับมาหา
ตอนนี้รู้แล้วว่ารักเธอมีค่า เหลือเกิน

กลับมาได้หรือเปล่า
กลับมาหาฉันทีได้ไหม คนดี
หากว่าใจของเธอไม่ได้เปลี่ยนไป
ก็ให้โอกาสฉันอีก จะได้ไหม
ได้โปรดอย่าทิ้งรักไปเลย..”

เพลงของผมยังคงดังต่อไปอยู่อย่างนั้น แต่มันคงไปไม่ถึง..
.
.
.

ออฟไลน์ JokerGirl

  • ∀Σ❤∀ΔΣ Forever^^
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2938
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +128/-3
ดีนะที่ธามไม่เป็นอะไรมาก แต่มีเรื่องดีๆ คือพี่ปริ้นซ์กับธามเข้าใจกันแล้ว o18 ส่วนข้าวต้องพยายามอีกเยอะเลย ทีน่าจะใจอ่อนยากนะ สู้ๆ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 12-07-2019 12:48:04 โดย JokerGirl »

ออฟไลน์ After5p.m.

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 83
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +18/-1
035
ลงดอย
.
.
“ไหนมึงบอกว่าพี่มันจะเมา”
“มึงไม่เห็นเหรอวะ กูก็เท ส่ง เท ส่ง จนกูไม่ว่างแดกเองแล้วเนี่ย พี่มันแม่งก็เสือกไม่เมา”
“แล้วกูจะเข้าไปเฉลยบัดด็อกได้ไงวะ พี่ปรินซ์นั่งอยู่ข้างๆไอ้ธามด้วยเนี่ย”
“จริงๆ กูว่ามึงเดินเข้าไปหาไอ้ธามตอนนี้โคตรปลอดภัยนะเว้ย เพราะมีมันนี่แหละที่ห้ามพี่ปรินซ์ได้”
“ก็ถ้าขามันไม่เดี้ยง”
“เอางี้ กูเดินเข้าไปพร้อมมึง ถ้าพี่มันกําหมัดเมื่อไหร่ กูสัญญา กูจะกันพี่มันไว้ให้”
“เชื่อได้เหรอวะ”
“กูขอเอาเกียรติของลูกเสือสามัญรุ่นใหญ่รับรองความปลอดภัยของชีวิตมึง”
“?”
“กูน่ะเซียนทั้งใช้ผ้าพันคอดามแขนดามขา วิธีห้ามเลือด นับจังหวะปั้มหัวใจ ผายปอดให้ถูกท่า เพราะฉะนั้นมึงเชื่อใจกูได้”
“คือกูต้องบาดเจ็บแน่ๆ?”
“เอาหน่าาาา พี่ปรินซ์ไม่ได้โหดร้ายขนาดนั้น”
“ไม่รู้แหละ ถ้ามึงทิ้งกู กูจะบอกพี่มันว่าฝีมือมึงล้วนๆ”
“เออๆ” หึ ถ้าพี่มันเชื่อมึงนะ.. อีกอย่าง ยังไงกูก็น้องคนสนิทเว้ย

“ไอ้ธาม”
“พวกมึงไปยืนคุยอะไรเครียดๆตรงนั้นวะ”
“เรื่องบัดด็อก แล้วนี่มึงไปหาคนที่มึงเทคยังวะ ให้กูพาเดินไปหาม่ะ”
“ไม่ต้องแล้วว่ะมึงปรินซ์พากูไปหาแพมมาล่ะ”
“ออ..แพม แล้วโอเคม่ะ”
“ก็โอเคนะ กูเทคเขาดี”
“เหรอ..”
“..มึงเป็นไรป่ะเนี่ย ดูเครียดๆ”
“กู.. เป็นบัดด็อกมึงว่ะ”
“มึงอ่ะนะไอ้บรีส?”
“เออ..”
“ที่แท้ก็เป็นบรีสนี่เอง”
“..ชะใช่พี่ ผมเป็นบัดด็อกไอ้ธาม”
“มึงเป็นด็อกภาษาไรวะ แทบไม่ทําเชี่ยไรเลย กูนึกออกแค่เรื่องโจ๊กเมื่อวานในห้องพยาบาล เล่นแค่นี้แล้วจะสนุกได้ไงวะ”
“..คือกู”
“พี่ว่าบรีสคงไม่อยากแกล้งอะไรธาม เลยไม่ได้เทค ..แต่ถ้าเป็นบอสก็ไม่แน่”
“เห้ยพี่! ผมเกี่ยวไรด้วย”
“เกี่ยวดิ ก็บอสมาเทคตามคําสั่งของบัดด็อกของธามทุกครั้ง”
“ทุกครั้ง?เทคตอนไหนวะ ทําไมกูไม่เห็นรู้เรื่อง”
“ก็เพราะพี่รับแทนธามทุกครั้ง”
“!!!”
“ทุกครั้งบอสจะตั้งใจมาเดินผ่านพี่ แล้วแต่ละอย่างที่จะให้ธามกิน ก็เป็นของที่พี่ไม่ชอบทั้งนั้น แสดงว่าตั้งใจแกล้งพี่ ไม่ใช่ธาม ซึ่งข้อมูลพวกนี้ ก็มีแต่เอฟซีพี่เท่านั้นแหละที่จะรู้.. ซึ่งก็คือบอส”
“โหพี่.. โคตรเจ๋ง สมแล้วที่เป็นไอดอลในใจผม สมมติฐานเป๊ะ โคนันชัดๆ”
“ไอ้เชี่ยบอส! นี่ขนาดปรินซ์เป็นไอดอลของมึง ..ว่าแต่ แล้วทําไมปรินซ์ต้องรับแทนด้วย?” ผมหันหน้ามองปรินซ์ ตอนนี้ปรินซ์เองก็หน้าแดง คงเพราะแสงจากกองไฟ ไม่ก็ฤทธิ์แอลกอฮอล์
“โธ่มึง ใครๆ ก็อยากปกป้องแฟนตัวเองป่ะวะ”
“!!”
“พูดได้ดี งั้นพี่จะไม่เอาเรื่องที่แกล้งพี่ แต่ต่อจากนี้ ช่วยทําตัวเป็นเพื่อนแฟนที่ดีด้วย”
“แน่นอนคร๊าบบบบ เน๊อะไอ้บรีส”
“กูไม่เคยชั่วเหมือนมึงเว้ย อย่ามาเหมา”
“อย่าเถียง มึงน่ะทีมพี่ข้าว”
“แต่กูก็ไม่เคยกันท่าพี่ปรินซ์ม่ะ” ไอ้บอสไอ้บรีสยังเถียงกันไปมาถึงความเป็นหัวคะแนนของตัวเอง

“ใครเป็นแฟนปรินซ์? อย่าสรุปเอาเองดิ” ผมหันมองคนตัวสูง ที่กําลังมองผมอยู่เช่นกัน
“พี่ชอบธาม ธามก็ชอบพี่ เราก็เป็นแฟนกันแล้ว”
“ยังไม่ได้บอกสักคําว่าจะคบ..”
“โทษทีพี่คงข้ามขั้นตอน.. ธาม.. คบกับพี่นะครับ”
เชี่ยปรินซ์ ทําไมต้องมาทําหน้าเท่ๆใส่กูด้วย แค่นี้กูก็เขินจะตายอยู่แล้ว “อืม คบก็คบ..”
“งั้นถอดสร้อยไอ้ข้าว สัญญากับพี่ ต่อไปจะไม่รับของจากคนแปลกหน้าอีก”
“สอนเป็นผู้ปกครองเลยนะ โตแล้วป่ะ ไม่ใช่เด็กๆ..”
“ก็ธามปฏิเสธใครไม่เป็น ขี้เกรงใจ แล้วก็ใจดีกับทุกคน”
“...”
“มา พี่แกะให้”
“แกะเองได้”
“ตอนใส่ยังให้ไอ้ข้าวใส่ได้”
“ก็นั่นมันพี่ข้าวไม่ใช่ปรินซ์ ขยับตัวทีถึงได้มีแต่คนมอง ดูดิ พวกผู้หญิงเอาแต่มองปรินซ์ขืนให้ปรินซ์ถอดให้ มีหวังได้โดยเขม่นแน่”
“พี่ไม่สนนะ ขนาดที่คณะธาม พี่ยังเคยไปประกาศเลยว่าพี่จีบธามอยู่”
“!!!!!!!”
“ธาม.. พี่ไม่เคยสนความคิดของคนอื่น เพราะมันไม่ได้มีผลอะไรกับชีวิตพี่ แต่สิ่งที่พี่ให้ความสําคัญ คือความรู้สึกของคนที่พี่รัก ซึ่งตอนนี้ และต่อจากนี้ ..คนคนนั้นก็คือธาม เพราะฉะนั้น..” ปรินซ์ลุกขึ้นมาคุกเข่าข้างหนึ่งตรงหน้าผม “รู้ตัวใช่ไหมครับ.. ว่าพี่หวงมาก” ปรินซ์กระซิบข้างหูผม ขณะใช้มือทั้งสองปลดสร้อย “แก้มธามหอมดีนะ”
“เชี่ยปรินซ์พอเลย.. กูขนลุกหมดแล้ว..”
ปรินซ์ยอมถอนใบหน้าจากซอกคอมามองผมตรงๆ ในระยะหายใจรด ปรินซ์ยิ้มสดใส หน้าของปรินซ์กำลังมีสีแดงระบายอยู่ทั่ว
“เดี๋ยวพี่มานะ เอาสร้อยไปคืนเจ้าของก่อน”
“จะไม่มีเรื่องกันใช่ป่ะ..”
“ถ้ามี ธามจะห่วงใคร”
“ห่วงพี่ข้าว”
“ทำไม”
“ก็ปรินซ์หมัดหนัก ถ้าพี่ข้าวต้องเข้าโรงบาล ปรินซ์ก็ซวยได้ขึ้นโรงพักพอดี”
ปรินซ์ลูบหัวผม “พูดตรงๆ ก็ได้ว่าห่วงพี่”
“ก็รู้อยู่แล้ว ยังจะถาม”
“นั่นสิ ธามก็ห่วงพี่มาตั้งแต่เด็กอยู่แล้ว แต่ว่า นอกจากจะห่วง ต้องหวงด้วยนะ”
“ก็รู้ตัวเพราะหวงเนี่ยแหละ ไปได้แล้ว ทำหน้าไม่ถูกแล้วเนี่ย”
“พี่ชอบเวลาธามเขินนะ” พูดจบปรินซ์ก็ลุกขึ้นเดินไปหาพี่ข้าว
“พวกเรากลายเป็นอากาศไปแล้วว่ะไอ้บรีส”
“เออ กูเห็นด้วย”
“อ้าว นี่พวกมึงยังอยู่?”
“โห พอมีแฟน ลืมเพื่อนเลยนะมึง”
“กูล้อเล่น กูไม่มีทางลืมพวกมึงหรอกเว้ย”
“กูดีใจกับมึงนะไอ้ธาม ในที่สุดทุกอย่างก็แฮปปี้”
“หวังว่าจะไม่มีเรื่องให้พวกกูลุ้นอีกนะ”
“ไอ้เชี่ยบอส มึงจะพูดให้เป็นลางทำไมวะ มึงดูหน้าไอ้ธาม”
“กูก็พูดไปงั้น กูปากหมา มึงก็รู้”
“...”
.
..ปรินซ์ / ข้าว
“เอาของของมึงคืนไป..” ผมยื่นสร้อยคืนไอ้ข้าว มันยอมรับโดยดี
“กูอาจจะยอมถอยให้มึงเรื่องธาม แต่มึงคอยระวังกูไว้ล่ะกัน”
“ไม่ว่ามึงจะแค้นกูเรื่องอะไร แค่มึงไม่เอาธามเข้ามาเกี่ยว กูก็พร้อมเคลียเสมอ”
“...”
“แต่ก่อนจะเคลียกับกู กูว่ามึงน่าจะเคลียตัวเองกับเพื่อนมึงก่อน ปล่อยไว้นาน ระวังจะโดนคาบไปแดก”
“...”
.
.
งานเลี้ยงลาเมื่อคืนจบลงตอนไหน จบยังไง ผมไม่ค่อยแน่ใจ รู้แต่ว่าได้ยินเสียงเพลงเศร้าๆ ของพี่ข้าวตลอดคืนแม้ในความฝัน.. ผมคงเผลอหลับไป และมีใครสักคนหิ้วปีกมานอนอยู่ตรงนี้..ในห้องเรียนที่ถูกใช้เป็นที่นอนของพวกเราชาวเดินดอย โดยแบ่งแยกห้องหญิงชายอยู่กันคนละชั้นเพื่อความสบายใจ และเมื่อคืนคงเป็นอีกคืนที่ผมไม่ได้อาบน้ำ แต่ก็ไม่ได้เป็นเรื่องใหญ่อะไรแม้กับตัวผมที่เป็นคนรักสะอาด ในเมื่ออากาศบนดอยนี้ช่างหนาวเย็น อีกอย่าง พลเมืองชาวเดินดอยกว่าครึ่งก็เลือกวิธีซักแห้งเหมือนผม..
“ขามึงค่อยยังชั่วยัง” ไอ้บอสถามผม
“กูว่ามันไม่เจ็บแล้วว่ะ” ผมขยับข้อเท้าไปมา
“ก็ได้ยาดีนิหว่า ไหนจะสมุนไพรที่ชัวะหามาให้ ไหนจะยาใจ..”
“คิดซะว่ากูขอนะ กูยังไม่อยากอ้วกแต่เช้า แล้วนี่เมื่อคืนกูกลับมานอนได้ไงวะ”
“แน่ะ คิดว่าพี่ปรินซ์อุ้มมึงเป็นเจ้าชายอุ้มเจ้าหญิงอ่ะดิ”
“...”
“เสียใจด้วยนะ เป็นกูกับไอ้บรีสที่ช่วยกันลากมึงขึ้นมา ตัวแม่งหนักฉิบหาย ปลุกก็เสือกไม่ตื่นอีก น่าจะปล่อยให้นอนเฝ้ากองไฟซะ”
“แล้วปรินซ์?”
“พี่มันป่วย จริงๆ คือพี่มันกำลังจะอุ้มมึงนั่นแหละ แต่จู่ๆ ก็วูบ ดีที่ไอ้บรีสเห็นท่าไม่ดีตั้งแต่แรก เลยชาร์จตัวพี่มันได้ทันก่อนลงไปกองกับพื้น”
ไรเป็นไรมากป่ะวะ!!”
“ก็ตัวร้อน ไข้ขึ้น สงสัยเพราะตากฝน ใช้แรงแบกมึงขึ้นเขา แถมยังโดนอัดเหล้าอีก เล่นเอากูรู้สึกผิดไปเลย”
“แล้วนี่ปรินซ์อยู่ไหน”
“ก็สลบอยู่ที่ห้องพยาบาล มีพี่เป้ดูอยู่.. อุปปส์”
ผมรีบลุกเดินออกจากห้องตรงไปห้องพยาบาลที่อยู่ไม่ไกลกัน..

ปรินซ์นอนหน้าซีดอยู่บนเตียงเดียวกับที่ผมนอนเมื่อวาน หน้าผากของคนตัวสูงร้อนระคายหลังมือผมทันทีที่สัมผัส
“อ้าวธาม ตื่นแล้วเหรอ”
ผมหันหลังไปมองเจ้าของเสียง.. “ครับพี่เป้”
“ขาหายยัง”
“ไม่ค่อยเจ็บแล้วครับ”
“เป็นห่วงไอ้ปรินซ์อ่ะดิ”
“...” ผมพยักหน้าตอบ
“งั้นพี่ฝากธามดูมันต่อ พี่จะไปเก็บของมันให้ แล้วก็ไปดูความเรียบร้อยของทุกคนด้วย”
“ได้ครับพี่” พี่เป้ตบบ่าผม และยิ้มบางให้ ก่อนเดินออกจากห้องไป

..ผมมองนักกีฬาร่างแกร่งที่ไม่เคยรู้จักคำว่าพ่ายให้กับโรคภัย เว้นแต่การบาดเจ็บจากศึกท้ารบแลกเลือด ซึ่งนั่นก็นานมาแล้ว.. ผมบิดผ้าขนหนูผืนบางให้แห้งหมาดจากน้ำเย็นในขันน้ำที่พี่เป้ทิ้งไว้ให้ และวางมันลงบนหน้าผากของปรินซ์ อดคิดไม่ได้ว่ามันควรเป็นผมที่ดูแลปรินซ์ ..ไม่ใช่พี่เป้
“ทำไมทำหน้ายังงั้น..”
“ตื่นแล้วเหรอ”
ปรินซ์หรี่ตามองผม “ทำหน้าแบบนี้ หึงพี่อยู่ล่ะสิ” แม้น้ำเสียงจะอ่อนแรง แต่ปรินซ์ก็ยังยิ้มกวนได้
“หึงไรใครหึง..”
“ไอ้เป้มันเป็นเพื่อนที่ดี แล้วพี่ก็รู้ ว่าถ้าธามไม่หลับไปก่อน ธามก็จะอยู่ดูแลพี่แน่ๆ ถูกไหมคนขี้เซา”
“...” ผมพยักหน้าเบาๆ
“แล้วก็.. ไอ้เป้น่ะมีแฟนแล้ว แฟนมันเป็นถึงลีดมหาลัย สบายใจขึ้นไหม”
“ทำไมไม่รีบบอก”
“ก็พี่ชอบให้ธามหึง”
“...”
.
.
เป็นหกโมงเช้าของชาวชมรมเดินดอยที่มีสถานะของสถานการณ์ใกล้เคียงกับคำว่าโคตรวุ่นวาย แม้ข้าวของส่วนรวมจะแทบไม่มีให้ต้องดูแลเพราะส่วนใหญ่นำขึ้นมาเพื่อส่งมอบแก่ชาวไม้งาม แต่เพราะสติลางเลือนอันเกิดจากการพักผ่อนน้อยและฤทธิ์ของเมาที่จัดเต็มกันด้วยเพราะเป็นคืนสุดท้าย ณ สถานที่อันจะกลายเป็นความทรงจำดีดีในอีกไม่กี่นาทีข้างหน้า ..แค่ข้าวของอันน้อยนิดของแต่ละคนเลยจะดูเป็นเรื่องวุ่นวายไม่ใช่น้อยในยามเช้าที่ชวนนอนต่ออย่างตอนนี้
“ไม่มีใครลืมอะไรแล้วนะ” พี่เป้พูดกับพวกเราที่ยืนตาปรือ ไร้ซึ่งปฏิกิริยาตอบโต้ ปรินซ์ที่กำลังนั่งพิงผมอยู่ก็เช่นกัน แทบจะไร้ซึ่งสติ
“..ถ้าไม่มี เราก็จะแบ่งกลุ่มขึ้นรถเหมือนขามานะ”
“ครับ/ค่ะ”
.
“ครูๆ”
“นึกว่าชัวะจะไม่มาส่งครูซะแล้ว”
ชัวะมองปรินซ์ที่นั่งอยู่ข้างผม “เปิ้นเป๋นเม่ย (ไม่สบาย) ก่อ?”
“อื้อ พี่เขาไม่สบายนิดหน่อย ไม่ต้องเป็นห่วงนะชัวะ พี่จะดูแลพี่ชายชัวะอย่างดีเลย”
ชัวะยิ้มตาหยีให้ผม “ครูต้องปิ๊กมาหาชัวะบ้างเน้อ พาเปิ้นมาโตย”
ผมพยักหน้า ใช้แขนอีกข้างที่ว่างอยู่กอดเด็กชายชัวะ ผมชอบความใสซื่อ ความจริงใจของชัวะ แม้เวลาที่อยู่ด้วยกันจะไม่นานแต่เรากลับผูกพันธ์กันเหมือนพี่น้อง คงเพราะผมไม่เคยมีน้อง จะมีก็แค่อดีตพี่ชายที่นั่งซบไหล่ของผมอยู่

“ธามนั่งหน้ากับไอ้ปรินซ์นะ คันแรกเลย พี่บอกลุงคนขับแล้ว” พี่โบ้ทบอกผม
“ขอบคุณพี่”
“อย่าไปทำอะไรกันบนรถล่ะ เกรงใจลุงเขา”
“พี่!!”
“ก็แค่แซวเล่น ไปไป ไปถึงก่อน จะได้ขึ้นไปพักบนรถไฟก่อน”

..ปรินซ์หลับแทบจะตลอดทางบนรถกระบะ และตลอดเวลาที่อยู่บนรถไฟ ปรินซ์ยอมนอนตักของผมโดยไม่คิดค้าน นั่นบอกให้รู้ว่าอาการของคนตัวสูงแย่ไม่น้อย ถึงท้ายที่สุดผมจะงัวเงียตื่นก่อนเข้าตัวเมืองกรุงเทพฯ แล้วพบว่าตัวเองนอนอยู่บนขาของปรินซ์แทน   
“กูล่ะอิจฉาจริงจริ๊ง คนมีแฟนเนี่ย ดูแลกันไปดูแลกันมา” ไอ้บอสพึมพำทันทีที่เห็นผมตื่น
ผมไม่สนใจมัน แต่รีบลุกขึ้นสังเกตอาการคนตัวสูง ปรินซ์ยังคงหลับอยู่
“แล้วนี่มึงจะกลับบ้านเลยป่ะ”
“กูว่ากูจะไปคอนโดปรินซ์ รอให้ดีขึ้น แล้วค่อยกลับบ้านพร้อมกัน”
“แน่ะเดี๋ยวนี้ริอาจไปคอนโดผู้ชาย”
“ไอ้สัดบอส กูก็ผู้ชายไหม”
“แซวแค่นี้ทําเป็นหน้าแดง แล้วนี่ให้พวกกูไปช่วยแบกพี่ปรินซ์ก่อนไหม”
“ไม่ต้องว่ะ เดี๋ยวพี่เป้ไปด้วย”
“จะดีเหรอวะ?”
“ดี ไม่มีไรหรอก”
“โอเค ไว้ว่างๆ ค่อยนัดกัน”
“เออ”
.
.
..คอนโดปรินซ์
“วางพร้อมกันนะธาม หนึ่ง สอง สาม..”
ผมทำตามสัญญาณจังหวะที่พี่เป้ให้ ร่างของปรินซ์ถูกวางลงบนเตียงเรียบร้อยโดยการร่วมมือกันของผมกับพี่เป้
“งั้นพี่ไปก่อนนะ”
“ขอบคุณครับพี่เป้”
“ธาม.. พี่ดีใจนะที่ธามเลือกเพื่อนพี่ มันรอธามมานาน”
“?”
“ไว้ค่อยคุยกัน พี่ไปล่ะ โคตรง่วง”
“ครับพี่”
ผมปิดประตูห้องเมื่อพี่เป้เดินเลี้ยวหายไปตามทางเพื่อลงลิฟท์ของคอนโด และเดินกลับไปที่ห้องนอนที่คนตัวสูงนอนไร้เรี่ยวแรงอยู่.. ผมนั่งลงบนเตียงข้างปรินซ์ที่นอนหลับอยู่ใต้ผ้านวมหนา
“ขอโทษนะ ที่ทำให้ป่วย” ผมพูดกับคนตัวสูงกว่าที่นอนหลับสนิท
“งั้นพี่จะให้ธามไถ่โทษ..ด้วยการหอมแก้มพี่ทีนึง”
“ตื่นตั้งแต่เมื่อไหร่”
“ก็ตั้งแต่รู้ตัวว่าได้อยู่กับธามแค่สองคนสักที”
“...”
“ว่าไงครับ พี่ป่วยเพราะธามนะ หอมแก้มพี่ซะ”
“ป่วยอยู่นะ ยังจะ..”
“ยิ่งป่วยก็ยิ่งต้องตามใจ แค่หอมแก้มเอง..ไม่ใช่ ‘จูบ’ สักหน่อย”
ปรินซ์หันหน้ายื่นแก้มป่องชวนหยิกบวกสายตาเว้าวอนชวนสงสารมาให้ผม บทจะอ้อนเป็นเด็กก็น่ารักจนน่าหมั่นไส้ ..ผมขยับหน้าเข้าไปใกล้ เป้าหมายอยู่ที่แก้มของปรินซ์ ..แต่มันกลับไม่ใช่พื้นที่เนียนๆ บนใบหน้าคนตัวสูงที่ผมกำลังสัมผัส.. แต่เป็นปากของปรินซ์ที่รับเข้ากับริมฝีปากของผม! ไอ้คนเจ้าเล่ห์!! ..ถึงจะตกใจ แต่ผมก็ยินดีที่จะรับรสสัมผัสหวานละมุนจากปรินซ์อยู่อย่างนั้น..
“ธาม..”
ปรินซ์เรียกชื่อผม เมื่อเราหยุดพักหายใจจากการประกบปากที่เนิ่นนาน ใจผมกําลังเต้นแรง ร่างกายกําลังสั่นไหว..
“...”
“พี่ว่า.. ธามไปอาบน้ำ.. จะได้มานอน”
“อะอืม..” ผมไม่ปฏิเสธคำแนะนำของปรินซ์ สติของผมกำลังกระเจิงไร้ทิศทางยากควบคุม ผมรับรู้ได้ถึงอารมณ์ของตัวเองที่กำลังสั่นไหวเพราะความต้องการบางอย่างที่อยู่ภายใน.. การอาบน้ำน่าจะทำให้ผมสงบความรู้สึกของตัวเองได้

ผมใกล้จะคลั่งเต็มที ถ้าไม่ใช่เพราะสัญญานั่น.. ผมกับธามคงไม่ต้องมาทนทรมานแบบนี้ ..อดทนหน่อยนะ อีกไม่นานหรอก..
.
.
.
Rrrr…
เสียงสั่นครืดคราดบวกเสียงดนตรีครางเบาๆ จากห้องด้านนอก.. เป็นมือถือของผมแน่ๆ ถ้าไม่ลุกไปรับ ปรินซ์ได้ตื่นพอดี
……….
ปรินซ์จะตื่นเพราะเสียงมือถือ..
ว่าแต่ทำไมต้องกลัวปรินซ์ตื่น.. ในเมื่อปรินซ์ไม่ได้อยู่แถวนี้..ผมหันไปมองอีกด้านหนึ่งของเตียง ก่อนมองฝ้าเพดานอีกครั้งเพื่อประมวลสิ่งที่ตาเห็น ..นั่นมันปรินซ์เมื่อคืนผมนอนที่คอนโดปรินซ์เชี่ย เมื่อคืนกูนอนกับปรินซ์!!ผมรีบยกผ้านวมขึ้นและมุดหน้าตัวเองลงไปดู.. เสื้อผ้ายังอยู่ครบ.. ทั้งชิ้นบนชิ้นล่าง เฮ้อ..โล่ง เดี๋ยวนะไอ้ธาม นี่คือมึงกำลังทำตัวเป็นนางเอกละครที่ตื่นมาตอนเช้าแล้วมโนว่าโดนพระเอกละเมิดพรหมจรรย์! นึกแล้วก็ขำ ถ้ามีอะไรกันจริงๆ จะไม่รู้ตัวเลยรึไง

ผมหันมองคนตัวสูงที่ยังนอนหลับอยู่ข้างๆ ปรินซ์หายใจสม่ำเสมอ แสดงว่ายังหลับสนิท.. ไข้ก็ลดลงจนเกือบปกติแล้ว..
Rrrrr…
โทรศัพท์ยังคงดังอุทธรณ์วอนให้ผมไปรับ เออใช่ โทรศัพท์!ผมรีบลุกพุ่งตรงไปที่ประตู แต่ก็ไม่ลืมที่จะปิดมันให้เบาเงียบที่สุด เพื่อไม่ให้กวนปรินซ์
ผมรับสายของไอ้บรีส..“ไงมึง มีไรวะ”
[มึงยังอยู่กับพี่ปรินซ์รึเปล่า]
“อืม อยู่ มีไรด่วนเปล่าวะปรินซ์ยังหลับอยู่ กูไม่อยากปลุก”
[มึงดูรูปในไลน์ กูแคปจากเพจเด็กมอเรา]
……….
[เอาไงมึง]
“มึงไปเจอกูที่คณะ..”
[ได้ เดี๋ยวกูจะลองโทรหาพี่เจียวดูด้วย ยังไงพี่มันก็รุ่นเดียวกัน คงพอรู้อะไรบ้าง]
“...”
[ทำไมมึงไม่ถามพี่มันตรงๆไปเลยวะ]
“..กูว่ากูทนฟังความจริงจากปากปรินซ์ไม่ไหวว่ะ ตอนนี้แค่คิดว่าถ้ามันเป็นเรื่องจริง.. กูอาจจะทนมองหน้าปรินซ์ไม่ได้ด้วยซ้ำ”
[ไอ้ธาม ..มึงใจเย็นนะเว้ย เรื่องมันอาจจะไม่ได้แย่ขนาดนั้น]
“...”
..ตอนนี้ผมกำลังโกรธและรู้สึกผิดหวังในตัวปรินซ์.. ถึงอย่างนั้น ผมก็ย้ำกับตัวเองว่า จะมีสติให้มากที่สุดเพื่อจะกลั่นกรองเรื่องราว และจะไม่ยอมเชื่ออะไรง่ายๆ.. แต่ถ้ามันเป็นเรื่องจริง ผมคงทําใจยอมรับในตัวปรินซ์ไม่ได้เหมือนกัน..
.
.
.

ออฟไลน์ JokerGirl

  • ∀Σ❤∀ΔΣ Forever^^
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2938
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +128/-3
อย่าบอกนะว่าเรื่องผู้หญิงคนนั้น :hao3:

ออฟไลน์ After5p.m.

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 83
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +18/-1
036
ไอ้ ‘เฮีย’
.
.
..ปรินซ์
เป็นคืนที่ผ่านไปได้ยากเย็น ทั้งที่เป็นคืนที่ผมมีธามนอนอยู่ข้างๆ เฮ้อ.. คนตัวเล็กกว่าก็ชิงนอนหลับทิ้งผมให้กระวนกระวายใจอยู่คนเดียวเกือบค่อนคืน ผมที่นอนหลับมาเยอะเพราะฤทธิ์ไข้ พอหายดีเลยไม่อยากนอนก็เลยทําได้แค่นอนมองหน้าธาม.. มองไปก็ยิ้มไป ยิ้มไปก็คิดไป....คิดไปว่าผมเพิ่งทําสําเร็จไปแค่ครึ่งทาง อีกครึ่งทางที่เหลือก็คงไม่ง่าย และคงไม่ต่างจากที่ผ่านมา..
Rrrrr..
“อืม” ผมกดรับสายไอ้เป้ทั้งที่ขี้เกียจจะคุย
[มึงได้เข้าเฟสยัง]
“ยัง”
[ธามยังอยู่กับมึงรึเปล่า]
“อยู่ น่าจะอยู่ในห้องนํ้า”
[งั้นมึงรีบเข้าเพจมอเรา]
“มีไรว่ะไอ้เป้”
[มึงอยากอ่านเองหรือมึงจะให้กูอ่านให้ฟัง]
“มึงอ่านมาเลยกูขี้เกียจ”
[ได้.. ‘ลือสนั่น! ดาวรุ่งกองหลัง ป.อ. เคยข่มขืนเพื่อนนิเทศ!’..]
“ก็แค่ข่าวไร้สาระ ทําไมต้องทําเสียงตกใจขนาดนั้นด้วยวะ”
[ไอ้ปรินซ์.. กูจะอ่านให้มึงฟังอีกรอบ ‘ลือสนั่น! กองหลังดาวรุ่ง ป.อ. เคยข่มขืนเพื่อนนิเทศ!’.. ป ก็ปรินซ์ อ ก็อชิระ เสือกเป็นกองหลังอีก นี่มันมึงชัดๆ มึงยังคิดว่ามันเป็นข่าวไร้สาระอีกไหม!]
“!!!!!!!!!!”
[..เชี่ยปรินซ์มึงยังอยู่ไหม!!]
“..อยู่ ใครเป็นคนโพสต์”
[มันแชร์ต่อๆกันมา ยังไม่รู้ว่าใครเป็นโพสต์แรก แต่กูกําลังให้เพื่อนกูสืบอยู่]
“...”
[..ธามจะรู้เรื่องยังวะ]
“เดี๋ยวกูโทรกลับ” ผมวางสายจากบอสแล้วลุกจากเตียงออกไปนอกห้องนอน.. ..ผมไม่เห็นธาม แม้แต่ในห้องนํ้าที่ผมเข้าใจว่าธามคงอยู่ในนั้น..ผมกดโทรออกหาธามทันที ก่อนสายตาจะเหลือบเห็นชามใบหนึ่งวางอยู่บนโต๊ะหน้าโซฟาพร้อมกระดาษโน๊ต ผมหยิบมันขึ้นอ่าน..
‘กินข้าวต้ม แล้วก็นอน’
..ธามออกไปโดยที่ไม่บอกผมและตอนนี้ ธามไม่ยอมรับสายผม..

“ไอ้เป้มึงมีเบอร์ไอ้ทีใช่ไหม”
[ใช่ จะเอาเบอร์มันไปทําไรวะ]
“...”
.
.
..คณะนิเทศฯ
..พี่ตาว / พี่ฟ้า
“ดีนะที่พี่กับพี่ตาวยังไม่กลับบ้าน” พี่ฟ้าพูดกับผมด้วยรอยยิ้มสดใส ในขณะที่ผมก็พยายามทําหน้าไม่ให้เครียด ทั้งที่ใจของผมกําลังหวั่นกลัว..
“เห็นโพสต์แล้วดิ” พี่ตาวพูดขึ้น “แบบว่าเห็นปุ๊บ นึกถึงพี่ปั๊บ ดูมีความร้อนใจ แน่ะ แสดงว่ากับปรินซ์ ยังไงยังไงน้า..”
“พี่ตาว! มันใช่เวลาแซวน้องมันเหรอ วันหลังฟ้าจะไม่เล่าอะไรให้ฟังแล้ว”
“โธ่ฟ้า ก็พี่ไม่อยากให้เครียดกันไง อีกอย่างนะ คนเราเมื่อมีรักก็มักจะชนะได้ทุกอุปสรรค”
“เฮ้อ.. พี่ว่าธามเข้าเรื่องเลยเหอะ”
“..ผมแค่อยากรู้ว่าพวกพี่เคยได้ยินเรื่องนี้ไหม”
“พี่เข้ามาไม่ทันนะ พี่ตาวอ่ะ?”
“เอาจริงๆนะ ได้ยินมาบ้าง แต่ก็ไม่รู้หรอกว่าเรื่องจริงๆ เป็นยังไง เอาเป็นว่า พี่เคยเห็นปรินซ์มานั่งรอลลินอยู่นอกใต้ถุน มารับนางขึ้นรถ ตอนนั้นปรินซ์ยังไม่ได้เป็นนักกีฬานะ แต่ก็เป็นจุดสนใจที่เด่นมากๆ เพราะว่าออร่ามาเต็ม แต่หน้าโคตรไม่เป็นมิตร เหมือนไม่ได้อยากมา เหมือนโดนบังคับ ต่างจากลลินนะ ดูนางจะพราวด์ทูควงพราวด์ทูโชว์ใครต่อใคร..”
“...”
“แต่ก็เห็นมาอยู่พักเดียวเอง เทอมนึงได้มั้ง หลังจากนั้นปรินซ์ก็ไม่มาอีก ส่วนลลิน.. ยังไม่จบปีหนึ่งก็ออก..น่าจะซิ่วไปที่อื่น เอ้อ ช่วงรับน้องรุ่นธาม นางก็มานะ พี่ยังเห็นยืนคุยกับปรินซ์ คงแวะมาหาสายรหัส ส่วนปรินซ์.. ก็มาหาธามไง”
“พี่ตาวยังไม่เลิกแซวอีก”
“...”

..พี่เจียว
“จริงๆมันก็ไม่ใช่วิสัยลูกผู้ชายนะเว้ยที่จะมานั่งเม้าผู้หญิง”
“พี่เจียวมาไวขนาดนี้ ไม่ใช่ว่าจะรีบมาแฉ?”
“ไอ้บรีสน้องรัก.. กูแค่มีจรรยาบรรณของการเป็นนักสื่อสารมวลชนเว้ย มันต้องตีแผ่ความจริง กูรู้ โลกก็ต้องรู้”
“ผมว่าพี่แถลงมาเลยดีกว่า”
“ได้ ก่อนอื่นพวกมึงถามถูกคนแล้ว”
“...”
“รุ่นกูส่วนใหญ่ก็รู้จักลลินทั้งนั้น สวย เซ็กซี่ หุ่นดี เป็นลีดมหาลัย ในกลุ่มผู้ชายสายหื่น ไม่มีใครไม่มองลลิน แถมดูตาก็รู้แล้วว่า..ไม่เบา
“...”
“แต่ก็ได้แค่มอง เพราะคุณเธอแม่งไม่สนใครในคณะ ขนาดไอ้ข้าวไอ้ทีที่เป็นหน้าเป็นตาของรุ่นกู ลลินแม่งยังเมิน จริงๆไอ้สองตัวนี้มันก็ไม่สนลลินเหมือนกัน ..เอาล่ะ กลับมาที่ลลิน พอกูเห็นไอ้ปรินซ์มารอรับ.. กูเลยรู้ว่า ลลินแม่งนางฟ้า เพราะมีสเป็กเป็นเทวดา เล่นเอาพวกกูหงอยแดก หำหด ร้องเอ๋งเป็นหมาโดนทิ้ง.. เห็นว่าคุยง่าย เข้าหาง่าย กูก็นึกว่านางจะง่ายไม่เลือกมาก ที่ไหนได้..”
“ที่เล่ามามันไม่แรงไปเหรอพี่”
“ไม่เลยคร๊าบบน้องธามผู้ใสซื่อ”
“...”
“ผีเห็นผี มึงเคยได้ยินม่ะ จริงๆถึงพวกมึงไม่หื่นแบบกูก็น่าจะดูออกนะ แต่ก็ไม่แน่แหะ รู้จักกันวันแรกลลินก็จะใสๆแบ๊วๆ แต่พอโดนหยอก โดนเบียดหน่อย โอ้โห ของกูแทบขึ้น สายตาของลลินเวลามองมามันจะมีความจิก ความสะกด เวลาคุยด้วยก็ชอบเอามือปัดผมโชว์คอขาวๆ กลิ่นตัวแม่งก็หอมฉิบหาย โคตรน่าดูด แล้วถ้ามึงมองปากนะ โอ้โห เผยอรอจูบชัดๆ ยิ่งในชุดชิลๆชิคๆนะพวกมึง กูเลือกไม่ถูกเลยว่าจะมองล่างมองบน นี่ขนาดแค่นึกถึงยังอยากจับขยี้”
“..พี่แม่งสายหื่นตัวจริง”
“ไว้พี่จะสอนวิถีสายหื่นที่แท้ทรูให้น้องๆ เอง จะได้เติบโตสมกับที่เกิดมาเป็นลูกผู้ชาย”
“แต่พี่ไม่ต้องสอนไอ้ธามมันนะ”
“ทำไมวะ”
“มันมีวิถีลูกผู้ชายของมันแล้ว”
“ไอ้สัดบรีส”
“ชายเหนือชายเหรอวะ”
“!!!!!!”
“นี่สิวะ แมนที่แท้ทรู”
“…”
“..แล้วหลังจากนั้นล่ะพี่ ทำไมพี่ลลินถึงออกจากคณะ”
“หลังจากควงไอ้นักบอลได้สักพัก ก็เปลี่ยนคนใหม่ แต่คราวนี้สเป็กแม่งเพี้ยนว่ะ เป็นติสผมยาวหนวดเฟิ้ม ทำเอากูมโนดับ ถ้าเป็นไอ้ปรินซ์ กูว่าเทสดีนะ สมกันอยู่ กูยอมได้ กูโอเค แต่พอเป็นไอ้ติสนี่ กูบอกเลย กูว่าของกูดีกว่าเยอะ พอคบกับไอ้เวรนี่ก็ได้ยินว่ามีเรื่องกันที่คณะนั้น ศึกชิงลลินคนชิลๆ ผัวปะทะผัว ถึงกับต้องเรียกรถพยาบาลมารับถึงที่ เป็นเรื่องฮอตของมอเลยนะเว๊ย สุดท้ายเลยถูกเชิญออกจากมหาลัย ..ดีนะที่กูไม่ไปพัวพัน ไม่งั้น.. กูคงกลายเป็นศพหื่นๆ เพราะคุณแฟนตัวจริงของลลินเป็นเจ้าพ่อเงินกู้ ต้องขอบคุณตัวเองที่ไม่หล่อเพอร์เฟ็ค ไม่หนวดไม่ติส เลยรอดมาได้”
“...”
“และถ้าถามกู กูว่าข่าวนี้แม่งมั่ว ถ้าบอกว่าลลินข่มขืนไอ้ปรินซ์ กูว่ายังจะน่าเชื่อกว่า”

“เท่าที่ฟัง กูว่า.. พี่ลลินแรงว่ะ”
“...”
“กูว่าคนโพสต์มันคงเกลียดพี่ปรินซ์ ถึงได้ใส่ไข่เพิ่มหลายฟอง ตอกฝาโลงเลยว่าพี่ปรินซ์มันผิด”
“แต่ปรินซ์ก็ตามดูแล..”
“กูว่ามันคงมีเหตุผลอะไรบางอย่างที่คนวงในตอบได้ และคนๆนั้นเดินมานู้นล่ะ”

..พี่เป้
“ขอบใจนะบรีสที่โทรบอกว่าอยู่กันที่นี่”
“ไม่เป็นไรพี่”
“...”
“ทำไมไม่รับสายไอ้ปรินซ์ ออกมาแบบนี้ รู้ไหมว่ามัน..” พี่เป้พูดกับผมด้วยท่าทีที่หงุดหงิดไม่น้อย
“...”
“..เรื่องไอ้ปรินซ์เอาไว้ก่อน แสดงว่าธามรู้เรื่องโพสต์แล้ว?”
“...” ผมพยักหน้าตอบ
“พี่พูด ก็ไม่รู้ว่าธามจะเชื่อไหม แต่ขอให้ฟังพี่ เพราะพี่จะเล่าแบบไม่เข้าข้างไอ้ปรินซ์ เพราะความจริงจะอยู่ข้างไอ้ปรินซ์”
“...”
.
..ปรินซ์
“ไอ้ที.. นี่กู..ปรินซ์”
[..มึงมีอะไร]
“มึงรู้ใช่ไหมว่าไอ้ข้าวมันอยู่ไหน”
[..กูรู้ แต่ทำไมกูต้องบอกมึง]
“เพราะถ้ามึงบอกกูตอนนี้ มันจะเจ็บตัวน้อยลง แต่ถ้ามึงไม่บอก ..มันได้เข้าโรงบาลแน่!”
[..งั้นมึงมาหากูที่หน้าตึกชมรม ..กูจะพาไปหามัน]
“...”
.
..ธาม
“..ลลินเป็นลีดมหาลัย แล้วก็บังเอิญเจอกันกับไอ้ปรินซ์ที่ไปเป็นสวัสดิการกลาง” พี่เป้พูดหลังพาผมเดินหลบมุมไกลออกจากความวุ่นวายของใต้ถุนคณะ
“พี่ขอสรุปง่ายๆ ลลินอ่อยไอ้ปรินซ์ สร้างเรื่องโกหกเอาพี่โบ้ทมาอ้าง จนไอ้ปรินซ์ ไปหาเรื่องไอ้พี่โบ้ท แล้วไอ้ปรินซ์ก็เสือกสู้พี่มันไม่ได้ ธามก็รู้ เวลาไอ้ปรินซ์มันแพ้ สติแม่งหลุด ..มันก็เลยเสร็จลลิน มารยาหญิงล้วนๆ ไอ้โพสต์บ้าๆเนี่ย ถ้าจะให้ถูกคือ ไอ้ปรินซ์ถูกใช้เป็นเครื่องมือเสร็จสมอารมณ์ของลลิน ..แต่มันบอกนะ ว่ายังไม่ทันเสร็จ มันก็ถอยแล้ว.. เพราะมันได้สติ ..ขอโทษนะที่พี่ต้องพูดอะไรแบบนี้ มันอาจฟังดูไม่ดี แต่นี่คือเรื่องจริง และที่พี่จะบอกก็คือ ตลอดเทอมนึงที่มันต้องจำใจคบลลิน ก็เพราะมันคิดว่านั่นเรียกว่าการข่มขืน มันไม่รู้ด้วยซ้ำว่ามันโดนหน้าแบ๊วๆ ของลลินหลอก เพราะที่จริงแล้ว ลลินโดนเชิญออกจากมอเก่าเพราะเรื่องผู้ชายมาก่อนแล้ว ลลินไม่ใช่สาวใสไร้ประสบการณ์ ธามเข้าใจนะ ..ทีนี้พวกพี่ก็ช่วยกันสืบเรื่องนี้จนรู้ว่าแฟนโหดของลลินคือใคร ก็เลยเอามางัดกับลลินจนลลินยอมปล่อยปรินซ์ให้เป็นอิสระ..”
“...”
“และที่สำคัญคือ ตลอดเวลาที่คบกับลลิน.. มันไม่เคยมีความสุขเลย”
“...”
“สบายใจขึ้นไหม”
“...”
“ตอนนี้พวกพี่กำลังหาตัวอยู่ว่าใครเป็นคนปล่อยข่าว เพราะมันมีผลกับไอ้ปรินซ์ ธามรู้ใช่ไหม ..ทั้งอนาคตนักบอลของมัน”
“...”
“..แล้วก็อนาคตของมันกับธาม”
“!!!”
“มันแค่เผลอ แล้วก็พลาด มันรู้สึกผิด แล้วก็ทรมาน เข้าใจมันนะธาม”
“...” ผมมองหน้าพี่เป้ คนที่ผมเชื่อถือในคำพูด ในความเป็นผู้ใหญ่ ความมีเหตุมีผล ครั้งนี้ก็เช่นกัน แค่ตลอดเวลานั้นปรินซ์ได้รับบทลงโทษทางจิตใจ มันก็ควรจะเพียงพอแล้วกับความผิดที่ปรินซ์ไม่ได้ตั้งใจให้มันเกิดขึ้น..
“ตอนนี้ปรินซ์อยู่ไหนครับพี่เป้”
พี่เป้ยิ้มบางให้ผม “..ถ้าให้พี่เดา พี่ว่ามันคงไปหาคนที่มันคิดว่ามีความแค้นกับมัน คนที่ปล่อยข่าวเรื่องนี้.. ไอ้ข้าว”
“!!!”
.
.
..ปรินซ์
การจราจรในเมืองหลวงกำลังเร่งปฏิกิริยาอารมณ์ของผมให้ใกล้ถึงจุดเดือดเต็มที ความเร็วที่ศูนย์บนมาตรวัดกำลังจะทำให้เต่าเดินแซงชนะเพราะไฟสัญญาณสีเขียวไม่มีผลต่อการเคลื่อนที่ ทั้งที่มันกำลังอนุญาตให้ผมเร่งเครื่องและพุ่งตัวไป ผมถอนหายใจเป็นครั้งที่ร้อยจนคาร์บอนไดออกไซต์เต็มยานพาหนะ..
“มึงจะไปหาไอ้ข้าวทำไม” ไอ้ทีพูดเบรกความเงียบที่ทำหน้าที่ได้ดีมาตลอดทาง
“มึงก็น่าจะรู้อยู่แล้ว”
“..กูว่ามันไม่ได้ทำ”
“หึ ลองให้มันชิมเลือดตัวเองก่อน แล้วมึงจะได้รู้ว่ามันทำ ..หรือไม่ได้ทำ”
“...”
.
..มหาลัย
“พี่เป้ ไอ้ธามไอ้บรีส!”
“...”
“ว่าไงบอส พี่โบ้ท ได้เรื่องไหม”
“เชื่อมือกูได้อยู่แล้วไอ้น้องเป้ ไอ้คนที่มันทำน่ะไม่ใช่ไอ้ข้าว แต่เป็น..”
“แค่รู้ว่าไม่ใช่ไอ้ข้าวก็พอ ส่วนว่าเป็นใครไว้ไปคุยต่อบนรถ ตอนนี้พวกเราต้องรีบไปได้แล้วเพราะไอ้ปรินซ์มันกำลังไปหาไอ้ข้าว”
“!!! / !!!”
.
..16.45 น.
..ปรินซ์
ในที่สุดก็มาถึง..
..ตึกแถวสองคูหาในซอยใหญ่ที่มีถนนสี่เลนป้ายหน้าร้านขนาดราวสองคูณศูนย์จุดหกศูนย์เมตรระบุว่าที่นี่คือ‘ร้านข้าว (ขาใหญ่)’ ผมจอดรถเลยหน้าร้านมาเล็กน้อย..
“มึงแน่ใจนะว่าที่นี่”
ไอ้ทีพยักหน้าตอบ
ผมลงจากรถและเดินตรงไปที่ร้าน ลูกค้ากำลังแน่นขนัดเต็มทุกโต๊ะของร้านที่ผมเข้าใจว่าขายข้าวขาหมู เพราะดูได้จากอุปกรณ์ที่วางอยู่หน้าร้าน
ไอ้ข้าว.. ผมเห็นมันแทบจะทันที มันกำลังยืนหันหลังอยู่กลางร้าน.. ผมสาวเท้าเข้าไปหามันทันที และออกแรงกระชากแขนของมันให้หันหลังกลับมา.. ผมปล่อยหมัดเข้าที่หน้าของไอ้ข้าวโดยไม่สนเลยว่าในมือมันมีอะไร หรือว่าวิถีที่ร่างมันจะเซจะไปกวาดเอาอะไรบนโต๊ะไหนเสียงกรี๊ดร้องดังขึ้นแทบจะทันที ขณะที่ไอ้ข้าวเงยหน้ามองผมหลังจากมันสะบัดหัวให้หายมึนจากแรงปะทะเมื่อครู
“..มึง?”
“...”
“อะไรของมึง คิดถึงกูมากเหรอเลยต้องตามกูมาถึงนี่”
“มึงทําเหี้ยไว้ขนาดนั้น มึงจะไม่ให้กูคิดถึงมึงได้ยังไง”
“กูทําเหี้ยไร?”
ผมง้างหมัดต่อยเข้าที่ตําแหน่งเดิมอีกครั้ง แต่ครั้งนี้มันหลบได้ทัน หรือไม่ก็เพราะมีใครอีกคนมาผลักร่างไอ้ข้าวกระเด็นออกไปและเข้ามาคว้าหมัดของผมไว้
“พวกมึงจะมามีเรื่องกันในร้านนี้ไม่ได้..” ผมหันมองตามเสียง ชายรูปร่างสูงใหญ่ขนาดลําตัวไม่ต่างจากผม แม้จะเริ่มมีสัดส่วนของความเป็นผู้ใหญ่คือพุงที่ยื่นลํ้า แต่ก็ไม่ได้ทําให้บุคลิกท่าทางน่าเกรงขามลดน้อยลง.. ใบหน้าที่มีส่วนละม้ายคล้ายไอ้ข้าวบอกผมว่าคนๆ นี้คงเป็นใครสักคนในวงนามสกุลของมัน แต่ทําไมผมถึงรู้สึกคุ้นเคยใบหน้านี้..
“ขออภัยลูกค้าทุกท่านสําหรับเหตุการณ์เมื่อครู่ ก็แค่เด็กมันมาลองของร้านเฮีย โต๊ะไหนตกใจ โต๊ะไหนขวัญหาย เฮียไม่เก็บตัง ขอให้ทุกคนกินต่อด้วยความอร่อย” พอพูดจบ ผู้คนทั้งร้านก็กลับมาพูดคุยกินดื่มด้วยเสียงเจ๊าะแจะตามปกติ ราวกับเมื่อกี้เป็นเรื่องปกติที่เกิดขึ้นเป็นประจํา
“ไอ้หํา ไอ้เกตุ”
“ครับเฮีย / ครับเฮีย” ชายบึกบึนร่างลํ่ากล้ามแน่นสองคนในเครื่องแบบพนักงานร้านรีบเดินมาหาชายผู้ที่ถูกเรียกว่า ‘เฮีย’
“ไอ้เกตุ มึงเอาแอลกอฮอล์มาราดไอ้ข้าวต้ม แล้วเอาพลาสเตอร์ปะ ส่วนมึงไอ้หํา มึงไปเอาถังนํ้าแข็งมาให้ไอ้หน้าหล่อนี่แช่มือ ควายป่ะวะ โดนนํ้าร้อนสาดมือขนาดนั้นเสือกไม่รู้สึก”
..นํ้าร้อนสาดมือ? ผมก้มลงมองมือตัวเอง หนังของมันกําลังเปลี่ยนเป็นสีแดง ..ที่อยู่ในมือไอ้ข้าวเมื่อกี้คงเป็นนํ้าแกงร้อนๆ
“พอเสร็จ.. พวกมึงก็ดูให้พวกมันสองตัวทําความสะอาดให้เรียบร้อย เก็บเศษอย่าให้เหลือ พื้นอย่าให้ลื่น โต๊ะอย่าให้มัน ต่อจากนั้นก็ให้พวกมันไปล้างจานต่อ”
ล้างจาน? “ทําไมกูจะต้องเก็บต้องล้างวะ”
ไอ้ ‘เฮีย’ กระชากคอเสื้อของผม แม้ความสูงที่ต่างกันเล็กน้อย แต่ไอ้ ‘เฮีย’ ก็ไม่ทําให้ความสูงที่น้อยกว่าของตัวเองเสียเปรียบ ขณะที่ผมเองก็มองตอบอย่างไม่เกรงกลัว
“มึงควรเรียนรู้วัฒนธรรมการหาเรื่องที่ดีใหม่นะ ยิ่งถ้าในที่ที่ไม่ใช่ถิ่นของมึง.. ไอ้ปรินซ์”
..ทําไมไอ้ ‘เฮีย’ รู้จักผม
.
.
.

ออฟไลน์ After5p.m.

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 83
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +18/-1
037
..ความแค้น
.
.
..ธาม
..45 นาทีต่อมา พวกเราก็มาถึงร้านข้าว (ขาใหญ่) ในที่สุด
“ไอ้เป้ อากู๋พามาถูกเปล่าวะ กูยังไม่หิวนะโว้ย”
“ถูกแล้วพี่ ไอ้ทีมันบอกว่าบ้านไอ้ข้าวเป็นร้านอาหาร นั่นไงไอ้ที”
พี่ทีเดินมาที่รถและถามด้วยสีหน้าตึงเครียดทันทีที่พี่โบ้ทลดกระจกที่นั่งข้างคนขับลง “ได้เรื่องไหมพี่”
“ระดับพวกกู ไม่มีคดีไหนที่จะสืบไม่ได้”
“สรุปว่าฝีมือใคร..”
“ก็ไอ้ข้าวของมึงไง..”
“ไม่ตลกว่ะ”
“เออๆ ไม่ใช่ไอ้ข้าว”
ผมว่าผมเห็นรอยยิ้มบนหน้าของพี่ที..

..ร้านข้าว (ขาใหญ่)
..หน้าร้าน
“โอ้โห มากันกลุ่มใหญ่ รับกี่ที่ดี”
“คือพวกผมมาหาเพื่อนน่ะครับ” พี่เป้เป็นตัวแทนพูดกับพนักงานของร้านที่รีบรุดมาต้อนรับพวกเราที่หน้าร้านทันทีที่พวกเราเคลื่อนพลมาถึงด้วยสีหน้ายิ้มแย้มเป็นกันเอง แม้จะขัดกับลักษณะร่างหนามีกล้ามเนื้อ ที่แลดูน่ากลัว น่าเกรงใจ และน่ายำเกรง..
“เพื่อน?เพื่อนชื่อ”
“ชื่อปรินซ์กับข้าวครับ”
“...” พนักงานของร้านทำหน้าว่างเปล่า
“พวกมึง.. นี่พี่ไอ้ข้าว เจ้าของร้าน” พี่ทีที่เดินตามหลังมารีบแทรกบทสนทนาที่บรรยากาศชักจะดูตึงๆเมื่อพี่เป้พูดชื่อของคนที่พวกเรามาตามหาจบ
“สวัสดีครับ / หวัดดีครับ” พวกผมพร้อมใจกันยกมือไหว้พี่ชายของพี่ข้าว
“พวกมึงเป็นเพื่อนไอ้ข้าวต้ม.. งั้นพวกมึงนั่งเลย เดี๋ยวกูเลี้ยงเอง ถึงหมูจะหมด ข้าวจะไม่เหลือ ก็แดกเกลือกันหิวไปก่อนล่ะกัน”
“!!! / !!!”
“กูล้อเล่น..ไอ้หำไอ้เกตุ”
“ครับเฮีย / ครับเฮีย”
“มึงจัดชุดใหญ่ให้โต๊ะพวกมันด้วย”
“ครับเฮีย / ครับเฮีย”
“ส่วนมึง..ไอ้ที มึงตามกูมานี่”

“แม่งน่ากลัวฉิบหาย”
“เออ กูก็ว่างั้น” ผมแอบกระซิบไอ้บอสที่นั่งอยู่ติดกัน เมื่อพี่ทีและพี่ของพี่ข้าวเดินห่างออกไป
“เมื่อกี้พวกมึงได้ยินเปล่าวะ” ไอ้บรีสหันมาพูดเสียงเบา
“ได้ยินว่าไรวะ” ผมถาม
“พี่เขาเรียกพี่ข้าวว่า ‘ข้าวต้ม’ ว่ะ”
“กูก็ว่ากูได้ยินนะ แต่ไม่มั่นใจ..”
“แต่ก็ช่างแม่งเหอะ ..มันไม่ใช่ประเด็นสำคัญ”
“พวกมึง..” พี่โบ้ทเอนหัวมาร่วมวง “กูว่าพี่ไอ้ข้าวน่าจะท่องยุทธภพมาไม่น้อยว่ะ”
“ท่องยุทธภพอะไรของพี่มึงวะ” ไอ้บอสส่งเสียงหงุดหงิด
“ยุทธภพของเหล่าจอมยุทธไง ควงกระบี่มีดดาบไล่แทงศัตรู เมื่อกี้กูเห็นรอยฟันที่ใต้แขนเสื้อด้วย กูบอกเลย เกมพลิก คนที่น่าห่วงไม่ใช่ไอ้ข้าว ..แต่เป็นไอ้ปรินซ์ ไม่ใช่แค่ไอ้ปรินซ์.. แต่เป็นพวกเราทั้งหมดนี่แหละที่โคตรน่าเป็นห่วง เสือกหลวมตัวมานั่งอยู่ในดงนักเลง พวกมึงดูพนักงานแต่ละคนในร้าน..”
“... / ...”
“..นักมวยอย่างกูยังน้ำลายเหนียว กูว่ากลับกันเถอะ ทิ้งไอ้ปรินซ์ไว้นี่แหละ”
“เห้ยพี่ ไม่สมเป็นพี่เลยว่ะ”
“ไอ้เชี่ยธาม.. งั้นมึงอยู่รอคนของมึงเองเลย เอางี้ เดี๋ยวกูโทร 1669 ให้มึง จะให้มาแม่งทั้งเฮียปอเฮียร่วมเลย”
“ไอ้เหี้ยพี่โบ้ท..”
“โหไอ้เป้! ถ้ามึงจะให้เกียรติเรียกกูขนาดนี้ มึงไม่ตบหัวเรียกกูไปเลยล่ะ”
“ได้เหรอพี่..”
“ไม่ได้!”
“เรามากันตั้งกี่ตีน กลัวไรวะ”
“ก็เท่าที่กูดูเนี่ย พวกมึงมีตีนไว้วิ่ง ไม่ได้มีตีนไว้ถีบ แต่ละคนแม่งบอบบางจะตายห่า แผนหนีนี่แหละดีสุด”
“พี่ๆ เงียบก่อน..”
“อาหารมาเสิร์ฟแล้วครับ” พนักงานร่างล่ำทั้งสองคนที่ถูกเรียกว่า ‘ไอ้หำไอ้เกตุ’ ยกถาดที่เต็มไปด้วยจานข้าวขาหมูมาจัดวางบนโต๊ะ “ครบตามจำนวน.. เฮียบอกให้ดูแลอย่างดี ถ้าต้องการอะไรเพิ่มก็เรียกได้”
………
“อะ แต่รู้ใช่ม่ะว่าครัวจะปิดแล้ว.. ไม่สั่งไรเพิ่มเน๊อะ..”

“ชัดเลยพวกมึง ค่าข้าวขาหมูจะคุ้มค่าน้ำเกลือไหมวะ..”
.
..หลังร้าน
...!!!!
เสียงของวัตถุทรงกลมแบนที่ทำจากวัสดุเซรามิกกระทบกับพื้นปูนฉาบหยาบดังเรียกความสนใจจากกลุ่มคนจำนวนหนึ่งที่รวมตัวกันอยู่ ด้วยหน้าที่ความรับผิดชอบที่แตกต่างกันในห้องขนาดพื้นที่ประมาณแปดคูณห้าเมตร
“ไอ้ปรินซ์ มึงจะโยนจานทำไม”
“กูไม่เข้าใจว่าทำไมกูต้องมาทำเหี้ยอะไรตรงนี้”
“ก็เพราะเป็นคำสั่งของไอ้โจ๊ก”
“ออ ไอ้ ‘เฮีย’ นั่นชื่อโจ๊ก ส่วนมึงชื่อข้าวต้ม..” ผมหันหน้ามองไอ้ข้าวที่ยืนล้างจานอยู่ข้างๆ “ชื่อเหมือนกัน เป็นญาติกัน.. มันถึงได้เหี้ยเหมือนกัน”
ไอ้ข้าววางจานที่อยู่ในมือก่อนเดินเข้ามากระชากคอเสื้อของผม “กูไปทําเหี้ยไรให้มึง”
ผมปัดมือมันออกจากตัวแล้วใช้มือกดเข้าที่ลําคอของมันและดันจนร่างไอ้ข้าวติดผนังเปล่า “มึงทําเหี้ยไรไว้มึงจําไม่ได้รึไงว่ะ! มึงบอกกูว่ามึงจะถอยเรื่องธาม แต่ไอ้ที่มึงทํา.. มันจะทําให้ธามเกลียดกูไปตลอดชีวิต”
“กูบอกมึงเลยว่ากูยังไม่ทันทําเหี้ยไรทั้งนั้น”
“ไอ้ทีมันบอกกูว่าไม่ใช่มึง..”
“...”
“แต่กูบอกมันว่า.. อย่างมึงคงต้องรอให้เลือดกลบปากก่อนถึงจะยอมรับ” ผมอัดหมัดหนักเข้าที่หน้าของไอ้ข้าว ของเหลวสีแดงสาดกระเซ็นออกจากปากของมันในทันที มันยกแขนขึ้นปาดเลือดและหันมายิ้มแสยะใส่ผม
“มึงยิ้มหาเหี้ยไร!”
“กูไม่รู้ว่ามึงพูดเรื่องอะไร แต่กูดีใจที่ไอ้ทีเชื่อกู..”
“มันก็แค่ยังไม่รู้ว่ามึงน่ะชั่วแค่ไหน!” ผมง้างมือเพื่อจะซํ้า แต่หมัดของผมกลับกระทบเข้ากับหน้าของไอ้ทีที่เบียดเข้ามาบังหน้าของไอ้ข้าวแทน ..ผมยั้งแรงไว้ไม่ทัน ร่างของไอ้ทีเซล้มลง แต่มันก็ได้ไอ้ข้าวที่ไวพอยื่นแขนมารองรับร่างของมันไว้ก่อนที่จะกระแทกลงกับพื้น
“ไอ้ทีมึงจะมาขวางทำไม!”
“ก็เพราะมึงมาหาเรื่องผิดคน”
“นี่มึงปกป้องมันเพราะว่ามึงชอบมัน?”
“!!! / !!!“
“..หรือเพราะว่ามึงเห็นด้วยกับเรื่องเหี้ยๆของมัน”
“..ไม่ใช่ กูแค่ไม่อยากให้ธามมองมึงไม่ดีไปมากกว่านี้..”
“…”
“..มึงฟังกู พี่โบ้ทกับไอ้เป้เช็คมาแล้วว่าใครเป็นคนปล่อยข่าวเป็นคนอื่นไม่ใช่ไอ้ข้าว และตอนนี้ทุกคนก็รอมึงอยู่ข้างนอก ..ธามก็ด้วย”
ธาม..
“ถ้ามึงทำไอ้ข้าวซึ่งไม่ใช่คนผิด มึงว่าธามจะรู้สึกยังไง”
“...”
“มึงเชื่อกู..”

..ไม่มีประโยชน์ที่ผมจะยังดื้อหาเรื่องไอ้ข้าว ในเมื่อไม่ใช่มัน ..ผมไม่ควรทำให้ธามรู้สึกแย่ในตัวผมไปมากกว่านี้..
..ผมเดินถอยห่างจากไอ้ทีไอ้ข้าว หมดธุระที่นี่แล้ว.. คนของผมรออยู่ข้างนอกนั่น ผมควรรีบไปปรับความเข้าใจกับธาม.. แค่นี้เรื่องราวก็เลวร้ายมากพอแล้ว..

“มึงคิดว่ามึงจะเดินกลับออกไปได้ง่ายๆ เหรอวะ” เสียงของไอ้ข้าวดังขึ้น มันหยุดการเดินของผม
“กูขอโทษ” ผมพูดโดยที่ไม่หันหลังไปมอง แต่มันคงเป็นการเสียมารยาท ไอ้ข้าวถึงได้กระชากไหล่ของผมให้หันไปหามันก่อนซัดหมัดเข้าที่หน้าของผมเต็มแรงจนผมที่ไม่ทันตั้งตัวเซไถลลงไปกองกับพื้น พาลเอาชุดหม้อกาละมังสแตนเลสที่ถูกวางซ้อนกันอยู่ที่ตำแหน่งด้านหลังของผมกลิ้งกระจัดกระจายส่งเสียงดังราวกับระฆังต่างขนาดที่ถูกแขวนอยู่ตามวัดที่สะบัดตามแรงตีของผู้มาทำบุญ..ไอ้ข้าวได้ทีย่างเท้าเข้ามาคุกเข่าคร่อมร่างของผม และซัดหมัดที่สอง.. แรงสั่นสะเทือนจากครั้งแรกยังไม่ทันจางหาย สมองของผมก็รับผลกระทบจากแรงกระทำของหมัดที่สองต่อเนื่อง.. ผมหลับตาเพื่อขับไล่ความมึนก่อนลืมตาขึ้นมาพบว่าไอ้ข้าวกำลังง้างหมัดที่สาม..
“มึงมาให้กูแก้แค้นถึงที่ก็ดี!”
“ไอ้ข้าว!พอแล้ว!!” เสียงห้ามของไอ้ทีไม่ได้มีผลอะไรกับไอ้ข้าว หมัดของมันยังคงลอยเข้ามาใกล้ผม..แต่จู่ๆ มือหนาของไอ้เฮียโจ๊กก็เข้ามารับหมัดของไอ้ข้าวไว้ก่อนที่จะปะทะเข้ากับหน้าผม
“ไอ้ที่กูให้พวกมึงล้างจานมันไม่ได้ทําให้พวกมึงหายบ้าใช่ไหม!” ไอ้เฮียโจ๊กพูดเสียงดังขณะที่ยังกําหมัดของไอ้ข้าวอยู่ ก่อนบิดแขนของมันตะหวัดไพ่หลังแล้วกระชากดันร่างไอ้ข้าวให้กระเด็นออกไปจากตัวของผม ไอ้เฮียโจ๊กเดินตามติดเข้ากระชากคอเสื้อของไอ้ข้าวให้ลอยขึ้นจนมันลุกยืนเต็มความสูง
“กูจำไม่ได้ว่ากูเคยสอนให้มึงมีนิสัยเหี้ยๆ” ไอ้เฮียโจ๊กพูดก่อนปล่อยหมัดตรงเข้าที่ท้องของไอ้ข้าว มันทรุดตัวงอทันทีด้วยความเจ็บปวด
“!!! / !!!”
“กูไม่เคยบอกให้มึงไปแก้แค้น” ไอ้เฮียโจ๊กเสยหมัดต่อเข้าใต้คางของไอ้ข้าวจนหน้ามันหงายเงยมองเพดาน เท้าของมันเซก้าวถอยไปสามก้าว
“กูไม่เคยคิดโทษใครที่ทุกอย่างมันเป็นอย่างนี้!!” ไอ้เฮียโจ๊กง้างมือจะปล่อยหมัดไปที่หน้าของไอ้ข้าว แต่ไอ้ทีเข้ามาคว้าท่อนแขนลํ่าๆของไอ้เฮียโจ๊กไว้
“พอเหอะว่ะพี่!!”
“มึงไม่ต้องมาห้ามกู ไอ้หํามึงมาลากตัวไอ้ทีออกไป!!”
“ครับเฮีย” ไอ้ทีโดนกระชากลากตัวให้เดินออกไปทันที ถึงมันจะพยายามขัดขืนแต่ก็สู้แรงของคนที่ถูกเรียกว่า ‘ไอ้หำ’ ไม่ได้
“ส่วนมึงไอ้เกตุ มึงออกไปเคลียโต๊ะสําหรับพรุ่งนี้ ปิดประตูเหล็กหน้าร้านซะ ก่อนปิดก็ไล่พวกของมันทั้งหมดออกไป ไอ้ทีก็ด้วย บอกพวกมันว่า ถ้ารอได้ก็รอไป!!”
“ครับเฮีย”
………..
“มาต่อกันดีกว่า.. คราวนี้ก็ไม่มีใครมาขัดจังหวะได้แล้ว”
“เดี๋ยวก่อน! กูอยากรู้ว่ากูไปทําอะไรให้พวกมึงต้องแค้น!!” ไอ้เฮียโจ๊กหันหน้ามองผม
“นี่มึงจํากูไม่ได้?”
“กูจําไม่ได้!!”
“งั้นกูจะช่วยมึงรื้อฟื้นความจํา..” ไอ้เฮียโจ๊กผละจากร่างของไอ้ข้าวสาวเท้าเข้ามาหาผม มันมองหน้าผมในระยะประชิด แววตาดุดันแข็งกร้าวของมันบอกผมว่ามันเอาจริง..
ไอ้เฮียโจ๊กต่อยผม! หมัดของมันหนักกว่าของไอ้ข้าว ผมได้กลิ่นคาวเลือดทันที ..มันยิ่งทำให้ใจของผมเต้นระทึกเพราะผมเองก็ไม่คิดที่จะยอมเป็นแค่เพียงฝ่ายถูกกระทำ ผมง้างหมัดสวนต่อยไอ้เฮียโจ๊กในทันที ..มันหลบได้และใช้เท้าถีบที่ท้องของผม ผมกระเด็นไปไกลราวสองเมตรอัดกับผนังหนา ..ผมจุก แต่แรงดื้อดึงภายในบอกผมให้เดินเข้าหาไอ้เฮียโจ๊กราวกับโดนขั้วแม่เหล็กดึงดูด ..เป็นมันที่เข้าถึงตัวผมก่อน!! มันซ้ำหมัดหนักๆ เข้าที่ท้องของผมอีกครั้ง..
“อ่อนแอลงไปเยอะเลยนะมึง..ไอ้ปรินซ์”
..ชั่วสองสามวินาทีนี้เองที่ทำให้ผมหวนนึกถึงเรื่องราวที่ผ่านมานาน.. ความทรงจำที่ครั้งหนึ่งเคยเกิดขึ้นเมื่อตอนที่ผมยังเด็กทางความคิด.. ประสบการณ์ที่เลือดในร่างกายสูบฉีดเพราะการฟาดฟันด้วยแรงกายในสนามนักเลงกับศัตรูต่างสถาบัน.. และรุ่นพี่คนหนึ่งที่เคยช่วยผมไว้จากตำรวจ..

‘ไอ้เชี่ยปรินซ์มึงต้องวิ่งแล้ว ปล่อยมันไป พ่อมึงแห่มาแล้ว เร็วววว เดี๋ยวโดนจับ’

“เร็วสิโว้ยย!!!”

“ไอ้ปรินซ์มึงเงียบ!!!!”

“มึงหลบอยู่ตรงนี้ อย่าออกไป”

ผมเงยหน้ามองคนตรงหน้า ..พี่โจ๊ก

ผมไม่ทันรู้ตัวว่าน้ำตาของตัวเองไหล.. ความรู้สึกหวาดกลัวในตอนนั้นกำลังคุกคามผม..ภาพตอนที่ผมหลบอยู่ในซอยแคบๆ กับพี่โจ๊กรุ่นพี่มอห้ากำลังฉายซ้ำ.. เสียงเกือกม้าของบูทตำรวจที่ทำใจผมเต้นระทึกและความเจ็บปวดหลังจากสงครามครั้งนั้น..ผมไม่เคยลืม
“พี่โจ๊ก..” ไอ้เฮียโจ๊กที่กำลังง้างหมัดชุดต่อไปชะงักทันทีเมื่อได้ยินเสียงเรียกของผม
“จำกูได้สักที..”
“ผมขอโทษ..” คำพูดประโยคเดียวที่ผมนึกออกในตอนนี้ ความรู้สึกที่อยากพูดตั้งแต่เมื่อตอนนั้น.. ผมทรุดตัวลงคุกเข่าให้กับคนตรงหน้า.. น้ำตาของผมไหลอาบสองแก้ม.. ผมไม่อายที่จะต้องก้มหัวให้กับพี่โจ๊ก ถ้าวันนั้นไม่มีพี่มัน.. ชีวิตของผมในวันนี้คงยากสุดคาดเดา.. ผมอาจเป็นคนมีประวัติ.. ไม่มีวันได้เป็นนักกีฬา.. และจะไม่มีธาม..
“แค่คำว่าขอโทษมันจะพอเหรอวะ!!!” เสียงของไอ้ข้าว “เพราะมึง!! ไอ้โจ๊กถึงได้โดนจับ เพราะมึง.. ในวันที่พ่อกูตาย ไอ้โจ๊กถึงไม่ได้เจอหน้าพ่อเป็นครั้งสุดท้าย และเพราะมึง.. แม่กูถึงตรอมใจ แล้วก็ตายไปอีกคน พี่กู.. ครอบครัวกู.. ทุกอย่างแม่งเป็นเพราะมึง!!!”
“!!!!!” ผมมองไอ้ข้าว.. ในที่สุดผมก็ได้รู้.. ความแค้นที่มันพูดถึงตั้งแต่ครั้งแรกๆที่เจอหน้ากัน..
ไอ้ข้าวเดินเข้ามาหาผมด้วยใบหน้าที่อาบด้วยน้ำตา มันกระชากคอเสื้อของผม มองผมด้วยสายตาเคียดแค้นชิงชัง..

สมควรแล้ว..
สมควรที่มันจะแค้น..
.
.
.


ออฟไลน์ After5p.m.

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 83
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +18/-1
038
เคลียร์
.
.
สมควรแล้ว..
สมควรที่มันจะแค้น..

“แต่กูไม่เคยโทษไอ้ปรินซ์..” พี่โจ๊กพูด
“..เพราะถ้าจะหาคนผิด คนคนนั้นคือกูเอง”ไอ้ข้าวหันมองพี่โจ๊กทั้งที่มือของมันยังคาอยู่บนเสื้อของผม
“มึงหมายความว่าไงไอ้โจ๊ก!!”
“ก็ถ้ากูไม่ไปตีกับใคร..”
“แต่ถ้ามึงไม่ช่วยมัน มึงก็ไม่โดนจับ! มึงต้องเสียอนาคตก็เพราะมัน มึงควรจะได้เรียนต่อ..ไม่ต้องทำงานหนักหาเงินเลี้ยงกูอยู่แบบนี้!!”
“..มึงฟังกูไอ้ข้าว กูเป็นพี่มึง กูทำงานหาเงินเลี้ยงมึง มันก็ถูกแล้ว ที่กูไม่เรียนไม่ใช่เพราะไม่มีเงินเรียน แต่กูไม่อยากเรียนเอง ทุกวันนี้กูก็มีความสุขกับร้านข้าวขาหมู กับมึง กับเมีย แล้วก็ลูก..”
“...”
“..กูไม่เคยรู้สึกว่ากูเสียอะไร พลาดอะไร เข้าใจที่กูพูดใช่ไหมไอ้ข้าว..”
“...”
“มึงก็ภูมิใจในตัวกูไม่ใช่รึไง..”
“...”
“..มันถูกลิขิตมาแล้วว่าเราจะต้องเจอ มันคือบททดสอบของชีวิต.. และกูกับมึงก็กําหนดเส้นทางที่เหลืออยู่ได้.. จริงๆกูว่ากูกับมึงก็วิ่งแซงหน้าชะตาบ้าๆมาไกลแล้วด้วย”

..ไอ้ข้าวปล่อยมือจากเสื้อของผม

พี่โจ๊กคุกเข่าลง และแตะบ่าของทั้งผมกับไอ้ข้าว
“มึงก็เหมือนกันไอ้ปรินซ์ กูดีใจนะ ที่วันนั้นกูช่วยมึงไว้..”
ผมมองหน้าพี่โจ๊ก.. พยายามกลั้นน้ำตาไม่ให้ไหล..
“ลุกได้แล้วพวกมึงทั้งคู่คงมีคนรออยู่”
.
..หน้าร้าน
“ไอ้ปรินซ์กับไอ้ข้าวจะเป็นไงบ้างวะเนี่ย!!” พี่โบ้ทบ่นเสียงเครียดหลังจากที่เดินวนไปมาตลอดระยะทางหน้าร้านข้าว (ขาใหญ่)
“โอยย กูล่ะกลุ้ม กูว่าพวกเราไปหาชุดปฐมพยาบาลมาเตรียมไว้ก่อนดีไหมวะ หรือว่า..โทรตามรถโรงบาลเลย!”
“ใจเย็นก่อนพี่ มันคงไม่แย่ขนาดนั้น” พี่เป้พูด “แล้วพี่ก็เงียบทีเหอะว่ะ ดูหน้าไอ้ธามไอ้ที.. มันเครียดไปกันใหญ่แล้ว”
“ก็ไอ้ทีมันบอกเองว่าพี่ไอ้ข้าวก็จัดหนักไอ้ข้าวเหมือนกัน ไหนจะสหบาทาของพนักงานในร้านอีก จะไม่ให้กูห่วงโอเวอร์ได้ไงวะ! ขนาดคนเป็นพี่เป็นน้องแม่งยังไม่ยั้ง!”
“...”
เสียงประตูเหล็กม้วนดังขึ้น เรียกความสนใจของพวกเราให้ตั้งใจมอง ..ขาของคนสามคนค่อยๆปรากฏอยู่ด้านหลังของประตูที่ค่อยๆถูกดึงเลื่อนให้เปิดขึ้น..
..ปรินซ์ในสภาพไร้สติอยู่ในการพยุงของสองพนักงานร่างล่ำที่พวกเราคุ้นเคยมาตลอดเวลาเย็นของวันนี้
“ปรินซ์!!!! / ไอ้ปรินซ์!!!!” พวกเรารีบเข้าประชิดร่างของปรินซ์ทันที
“พวกมึงก็รับมันไปดูแลต่อล่ะกัน”
“แล้วไอ้ข้าว?”
“ถ้ามึงอยากรู้.. ก็เข้าไปดูดิ” พี่ทีรีบวิ่งกลับเข้าไปในร้าน ก่อนที่ประตูเหล็กจะถูกดึงปิดลง

“ไอ้เหี้ยเอ๊ย! ต้องทำกันขนาดนี้เลยเหรอวะ แจ้งความเลยไหม!!”
“ผมว่าพาปรินซ์ไปโรงบาลก่อนดีกว่าพี่!!”
“ใช่พี่”
“..ไม่ต้อง” ปรินซ์พูดเสียงพึมพำในลำคอ
“มึงว่าไงนะไอ้ปรินซ์”
“ไม่ต้องไปโรงบาล ..แค่พากลับบ้านธามก็พอ”
“..มึงโดนขนาดนี้เสือกจะไปบ้านไอ้ธาม บ้านไอ้ธามมีหมอรึไงวะ!!”
“บ้านผมไม่มีหมอนะพี่”
“สงสัยมันเข้าขั้นเพ้อแล้วว่ะ! ไอ้เป้ไปสตาร์ทรถ รีบไปโรงบาล!!”
“...” ปรินซ์ที่โดนผมกับพี่โบ้ทหิ้วปีกอยู่คนละฝั่ง เอนหัวไปทางพี่โบ้ทเพื่อกระซิบอะไรบางอย่างซึ่งผมไม่ได้ยิน
“เปลี่ยนแผนๆ!เอาไอ้ปรินซ์ไปฝากไว้ที่บ้านธามก่อน พวกเรายังต้องสแตนด์บายรอไอ้ข้าวมันด้วย ปรินซ์มันบอกว่าไอ้เชี่ยข้าวโดนหนักกว่ามันอีก!!”
“!!! / !!! / !!!”
“เอางี้ ไอ้เป้มึงขับไปส่งธามกับไอ้ปรินซ์ แล้วกลับมาหาพวกกูที่นี่.. ส่วนรถไอ้ปรินซ์..” พี่โบ้ทล้วงกระเป๋ากางเกงปรินซ์ “อ่ะไอ้บอส มึงเก็บรีโมทรถไอ้ปรินซ์ไว้ เผื่อพวกเรารอไอ้เป้ไม่ได้.. โอเคเอาตามนี้ พวกมึงไปก่อนเลย..”

“พี่ปรินซ์จะไม่เป็นไรเหรอวะพี่ ผมว่าน่าจะพาไปโรงบาลมากกว่าบ้านไอ้ธามไหมวะ”
“ถูกของมึง คนเจ็บมันก็ต้องอยู่ใกล้หมอ เพราะฉะนั้นไปบ้านไอ้ธามน่ะถูกแล้ว”
“?? / ??”
“ไอ้บอสไปสตาร์ทรถ เดี๋ยวกูจะพาพวกมึงไปหาอะไรเย็นๆ จิบผ่อนคลาย”
“อ้าวพี่! แล้วพี่ข้าวพี่ที..”
“กูว่าทางนี้ก็ไม่มีอะไรต้องห่วงแล้ว ไปกันเหอะว่ะ กูหิวแล้วด้วย เมื่อกี้กินข้าวขาหมูไปได้แค่ครึ่งจานก็โดนไล่ออกจากร้านซะงั้น อร่อยด้วย เสียดายฉิบหาย..”
“?? / ??”
.
.
..ห้องนอนข้าว

..10 นาทีก่อน
..หลังร้าน
“ไอ้ปรินซ์ กูหวังว่ามึงจะเคลียกับแฟนมึงได้ แล้วถ้ามึงต้องการกำลังเสริมไปลุยไอ้เหี้ยที่ปล่อยข่าวเรื่องมึง บอกกู.. เด็กกูเยอะ”
“ขอบคุณพี่”
“ส่วนมึงไอ้ข้าว”
“...”
“มึงชอบไอ้ทีรึเปล่า”
“!!!”
“ตอบกูมา”
“เห้ยพี่.. เรื่องแบบนี้ผมว่ามันบังคับใจกันไม่..”
“มึงเงียบไอ้ปรินซ์.. ว่าไง ชอบหรือไม่ชอบ”
“..ชอบ”
“ดี! ยอมรับแบบแมนๆ สมเป็นน้องกู ถ้ามึงชอบไอ้ที มึงก็ลุยเลยคืนนี้ อย่าให้พลาด”
“??? / ???”
“กูดูออกมาสักพักล่ะ ตัวแม่งติดกันหยั่งกับตังเม ผู้หญิงก็เสือกไม่มีมาให้กูเลิกระแวง แล้วกูก็คุยกับเมียกูแล้วว่าจะไม่บังคับมึง ลูกกูก็มีไว้สืบนามสกุลเรียบร้อย..”
“!!! / !!!”
“ตอนนี้กูสนแค่ว่ามึงจะมีปัญญาจัดการไอ้ทีรึเปล่า หลังๆไอ้ทียิ่งออกห่างจากมึงด้วย”
“รู้ได้ไง..”
“ก็ปกติมันต้องคอยโทรมารายงานเรื่องมึง แต่พักนี้มันเงียบ.. สงสัยแม่งเบื่อมึงแล้ว..”
“...”
“จะทำไรก็ทำให้มันจบๆ ซะคืนนี้ ไหนๆ ก็เจ็บตัวแล้ว ใช้ให้เป็นประโยชน์ มึงก็ด้วยไอ้ปรินซ์.. จำไว้ อ้อนตอนป่วย ยังไงก็ใจอ่อน..”

ผมนอนหลับตาทบทวนคำพูดของไอ้โจ๊ก ..คืนนี้จะต้องไม่พลาด

เสียงประตูห้องดังขึ้น.. ผมประหม่า..
“เป็นไงมั่งวะไอ้ข้าว!!!”
“..ไอ้ที”
“เออกูเอง.. มึงเป็นไงมั่งวะ ไปหาหมอไหม”
“กูไหว..”
“ไหวเหี้ยไรวะ!หน้ามึงโคตรไม่ไหว โดนพี่โจ๊กขนาดนั้นไม่ชํ้าในรึไงไปลุก!” ไอ้ทีสอดมือเข้าที่หลังของผม เอาแขนผมพาดที่บ่าของมัน พยายามประคองให้ผมลุกจากเตียง ..ผมแอบยิ้ม ก่อนออกแรงดันร่างไอ้ทีให้ลงนอนแทนที่ และขึ้นคร่อมตัวมันไว้
“เห้ย! ทําไรของมึง”
“กูแค่อยากคุยกับมึง”
คุยเรื่องอะไร! แล้วนี่มึงไม่เจ็บแล้วรึไงวะ”
“ไอ้เจ็บน่ะยังเจ็บอยู่ เพราะฉะนั้น มึงช่วยฟังกูพูดดีๆ ก่อนได้ไหม”
“นั่งคุยก็ได้ไหมวะ!”
“ไม่ได้ กูกลัวมึงหนีกูไปอีก แล้วกูก็อยากดูชัดๆ ด้วยว่ามึงจะมีปฏิกิริยายังไง”
“ปฏิกิริยา? อะไรของมึง! แล้วก็ปล่อยมือกูด้วย กูอึดอั..”
………..
“ไอ้เหี้ยข้าว!! มึงจูบกูทําเหี้ยไรเนี่ย”
“มึงบอกกูมาก่อนว่ามึงชอบกูรึเปล่า”
“ห่ะ!! มึงจูบกูเพื่อให้กูตอบคําถามมึงเนี่ยนะ?”
“เออ ถ้ามึงไม่ตอบ กูก็จะจูบมึงอีก”
“ตรรกะเหี้ยไรของมึงเนี่ย!”
………
“..ไอ้ข้าว งั้นมึงบอกกูมาก่อนว่ามึงคิดยังไงกับกู”
“..กูชอบมึง กูทนไม่ได้ถ้าไม่มีมึงอยู่ข้างๆ”
“มึงแน่ใจ? มันอาจจะเป็นเพราะกูเป็นเพื่อนสนิทมึงก็ได้ มึงแค่สับสน”
“ตอนแรกกูสับสน แต่พอกูเห็นมึงอยู่กับไอ้พี่โบ้ท กูก็รู้ตัวว่ากูคิดยังไงกับมึง..”
“...”
“ตามึงล่ะ ตอบมาว่าคิดยังไงกับกู”
ไอ้ทียิ้ม.. ก่อนอาศัยจังหวะผมเผลอพลิกตัวมันเองให้อยู่ด้านบนแทน ไอ้ทีจูบผมหนักหน่วง มันยอมปล่อยริมฝีปากของผมให้เป็นอิสระหลังจากที่เราทั้งคู่เริ่มหายใจหอบระรัว.. มันค่อยๆไล่สัมผัสนุ่มๆไปตามคอของผมก่อนมาหยุดอยู่ที่ขอบของใบหู..
“มึงได้คําตอบจากกูรึยัง?”
..ผมพยักหน้า หลากหลายอารมณ์กําลังตีกันอยู่ภายในหัว
“สรุปคือมึงก็ชอบกูใช่ไหม”
“อืม กูก็เพิ่งรู้ตัว.. กูพยายามที่จะไม่หวงมึงตอนที่มึงจะจีบธาม.. แต่กูก็ทนไม่ได้.. กูถึงหายไป..”
“..แล้วก็เป็นกูที่ทนไม่ได้ ..พอมึงหายไป”

“..ที”
“อะไร..”
“...”
“..มึงเจ็บอยู่นะ จะทําอะไรได้วะ นอนไปเลย!” ไอ้ทีทําท่าจะลุกจากตัวผม..
“มึงแน่ใจจริงๆ เหรอว่าอยากให้กูนอน..”
“...”
“ถ้ามึงยอม..”
“..มันก็ขึ้นอยู่กับว่ามึงจะทําให้กูยอมได้รึเปล่า..”
ผมยิ้ม..
ผมใช้มือทั้งสองข้างค่อยๆ โน้มคอไอ้ทีเข้ามาใกล้ก่อนจูบแบบค่อยเป็นค่อยไป ก่อนพลิกร่างของตัวเองคร่อมเหนือไอ้ที ซึ่งมันก็ยินยอม.. โอนอ่อน..
..จูบครั้งแรกจากผม คือจูบที่มีแต่ความประหม่า
..จูบครั้งที่สองของไอ้ที คือจูบที่มีแต่ความเร่งเร้า
..แต่จูบครั้งนี้จะเป็นจูบของเราที่มีอารมณ์ร่วมไปด้วยกัน ค่อยๆ ซึมซับทุกสัมผัสและทุกความรู้สึกที่มีอยู่อย่างไม่เร่งรีบ..

“พี่โจ๊กจะไม่ไล่กระทืบกูเหรอวะ”
“ก็มันนั่นแหละที่บอกให้กูจัดการมึงให้ได้คืนนี้”
“แล้วมึงก็เชื่อ?”
“ไม่ นี่ความต้องการของกูล้วนๆ”
“...”
.
.
..บ้านธาม
…!!!
“ม๊า!!! ม๊าเปิดประตูหน่อย”
“ม๊า!!! ป้าเจ็ง ป้าหมวยเปิดประตูให้ธามหน่อย!”
ประตูถูกเปิดออกในที่สุด พร้อมกับการปรากฏตัวของม๊า สีหน้าของม๊ากำลังสับสนไม่น้อย คงเพราะเวลานี้เป็นเวลานอน และผมก็ไม่ได้บอกม๊าว่าจะกลับมาคืนนี้..
“ธาม! ทำไมมาตอนนี้.. แล้วนั่น? ปรินซ์!! ปรินซ์เป็นอะไร?!?!”
“สวัสดีครับม๊า” พี่เป้รีบทักทายม๊าของผม แม้ทั้งสองแขนจะไม่ว่างเพราะประคองร่างของปรินซ์อยู่
“จ้ะ? แล้วนี่ปรินซ์เป็นอะไร? ทำไมสภาพเป็นแบบนี้!!”
“ให้ธามพาปรินซ์ขึ้นไปข้างบนก่อนนะม๊า!!”
“อื้อๆ ค่อยๆนะ!”
ม๊าตื่นตระหนกกับสภาพของปรินซ์.. ซึ่งไม่น่าแปลกใจ เพราะปรินซ์เป็นลูกรักของม๊า และเพราะปรินซ์ไม่เคยอยู่ในสภาวะย่ำแย่แบบนี้มานานแล้ว..

พี่เป้กับผมค่อยๆ วางร่างของปรินซ์ลงบนเตียงประจำตัวของปรินซ์.. ม๊าและป้าป้าก็ตามเข้ามาดูไม่ห่างด้วยความเป็นห่วง..
“ถ้าไงพี่ขอตัวก่อนนะ ไม่รู้ว่าทางนั้นเป็นไงมั่ง มีอะไรก็รีบโทรหาพี่”
“ครับพี่เป้ ขอบคุณมากนะครับ”
“ไอ้ปรินซ์มันก็เพื่อนพี่ ฝากด้วยนะ สวัสดีครับม๊า”
“ขับรถดีๆ นะ”
.
“ฮัลโหลพี่ ทางนู้นเป็นไงมั่ง”
[ไม่มีอะไรน่าห่วง มึงตามมาที่ร้าน ‘กินลมชงเล่า’ รู้จักใช่ม่ะ]
“หึ ..ว่าแล้วเชียว เดี๋ยวตามไป”
.
“มาธาม ม๊าดูแผลของปรินซ์ให้”
“ม๊าไม่ต้องเลย”
“ทำไมล่ะ ตอนเด็กๆม๊าก็ทำแผลให้ปรินซ์ตลอด”
“ก็ตอนนี้ปรินซ์มันโตแล้ว.. ม๊าจะดูแผลของผู้ชายตัวโตๆได้ยังไง!”
“เอ๊า แล้วใครจะทำแผลให้ปรินซ์..”
“เดี๋ยวธามทำเอง ม๊าแค่เอากล่องปฐมพยาบาลมาก็พอ”
“อืมๆ ก็ได้ ไปกันเถอะเจ็ง หมวย ลงไปเตรียมของให้ธามกัน”
ป้าป้ากับม๊าออกจากห้องไปแล้ว.. ผมมองคนตัวสูงที่นอนไม่ได้สติ ผมค่อยๆ ปลดกระดุมเสื้อเชิ้ตที่ปรินซ์ใส่อยู่ ได้ข่าวว่าโดนซ้อม คงมีแผลที่ท้อง..

“ธาม กล่องยาได้แล้ว” เสียงของม๊า ผมรีบจับเสื้อเชิ้ตของปรินซ์ให้ปิดเข้าหากัน
“ขอบคุณครับม๊า ม๊าออกไปได้แล้ว” ผมกดล็อกประตูทันทีที่ผมรับของจากม๊าเสร็จ เอาล่ะ.. เริ่มภารกิจได้

กระดุมเสื้อของปรินซ์ถูกปลดเรียบร้อย.. มีร่องรอยช้ำที่ท้องตามคาด.. ดูคล้ายรอยเท้า! ..ต้องเจ็บมากแน่ๆผมต้องใช้ความพยายามอย่างมากในการถอดเสื้อของปรินซ์ ..ไหนจะออกแรงดึงคนตัวสูงให้นั่งขึ้นอย่างทุลักทุเล ..แถมร่างเปลือยอุ่นๆที่ซบผมอยู่ยังทำใจผมเต้นแรง ทั้งที่ผมควรจดจ่อกับการดึงเอาแขนเสื้อออกจากตัวของปรินซ์ถ้าปรินซ์ตื่นขึ้นมาตอนนี้ ต้องคิดดีไม่ได้แน่..ผมค่อยๆ ใช้ผ้าชุบน้ำอุ่นหมาดๆ เช็ดไล่ไปตามตัวของปรินซ์อย่างเบามือ เพราะกลัวว่าจะทำปรินซ์ตื่น ..ผมเขิน ชักอยากรู้ว่าตอนปรินซ์เช็ดตัวให้ผมตอนผมป่วยจะรู้สึกแบบนี้บ้างรึเปล่า

“ธาม!”
“ครับม๊า” ผมสะดุ้ง และรีบไปเปิดประตู แต่ก็ไม่รีบเกินกว่าจะเอาผ้าห่มคลุมร่างเปลือยท่อนบนของปรินซ์ไว้..
“ม๊าเห็นแว่บๆ ว่ามือปรินซ์พองๆ เอ้านี่.. บัวหิมะเย็นๆ รีบทามือปรินซ์นะ ทาเยอะๆเลยไม่ต้องกลัวหมด เข้าใจไหม”
“เข้าใจครับ.. ม๊านอนได้เลยนะ ธามดูแลปรินซ์ได้ ฝันดีนะม๊า” ผมกอดม๊าเบาๆ หนึ่งที และล็อกประตู
ฮู่ววววว เอาล่ะ ทำไรต่อดี? เช็ดตัวเสร็จแล้ว งั้นทาบัวหิมะ.. ผมสำรวจมือทั้งสองข้างของปรินซ์.. เป็นข้างซ้ายที่มีรอยแดงๆ คงโดนน้ำร้อนลวก.. ต้องเจ็บมากแน่ๆ ผมค่อยๆ ทาบัวหิมะบนมือของปรินซ์..

“ธาม!”
“ครับม๊า” ผมรีบไปเปิดประตู
“ธามล้างแผลด้วยแอลกอฮอล์หรือน้ำเกลือ?”
“เอ่อ ..กำลังจะล้างม๊า”
“งั้นใช้น้ำเกลือเพราะมันเบากว่า จะได้แสบน้อยกว่า ค่อยๆ เช็ดนะ”
“ครับม๊า” ผมปิดประตู และล็อก..
..งั้นล้างแผลต่อ ..ด้วยน้ำเกลือ
ผมมองหน้าปรินซ์ แผลแตกเท่าที่เห็นก็ที่ปาก.. เลือดยังซึมๆ ต้องเจ็บมากแน่ๆ ผมเอาสำลีเยาะน้ำเกลือในปริมาณไม่มากนัก ค่อยๆ ซับเลือดที่บางส่วนเริ่มแห้งแล้ว.. ทำไงให้ออกวะ เปลี่ยนสำลีก้อนใหม่ เยาะน้ำเกลือชุ่มขึ้นอีกนิด ค่อยๆ ซับ.. อืม ออก.. แล้วก็ตามด้วยเบตาดีน..

“ธาม”
“ครับม๊า” ผมรีบไปเปิดประตู
“ม๊ามียานวดตัวนี้ ตัวนี้ดีนะ น่าจะดีกว่าตัวที่อยู่ในกล่อง ธามทาตรงที่มีรอยช้ำนะ อาจจะเย็นหน่อย ทาบางๆ เดี๋ยวปรินซ์จะทรมานนอนไม่หลับ พรุ่งนี้ค่อยทาแบบร้อน ออ แต่ก่อนทา.. ประคบเย็นก่อนด้วยนะ อ่ะ ม๊าเตรียมมาให้แล้ว”
“ครับม๊า ม๊านอนได้เลยนะ ไม่ต้องห่วง ของน่าจะครบแล้ว”
“อื้อ ม๊าก็ง่วงแล้ว” ผมปิดประตู และล็อก..
โอเค รอยช้ำมีที่หน้ากับที่ท้อง.. ผมดูแลใบหน้าของปรินซ์ก่อนเป็นอันดับแรก ก่อนจะเปิดผ้าห่มออก รอยช้ำที่หน้าท้องอยู่ค่อนไปทางใต้สะดือ.. ผมเผลอกลืนน้ำลาย.. คิดไรอยู่เนี่ยไอ้ธาม! นี่มันคือการล่วงละเมิดสิทธิของผู้ป่วยนะ จรรยาบรรณน่ะมีไหม ผมเรียกสติของตัวเอง ..ผมวางที่ประคบเย็นลงบนรอยช้ำ ทำได้สักพักก็เปิดฝายานวด ค่อยๆใช้นิ้วมือทายานวดให้บางและเบามือ.. ไม่รู้ว่าปรินซ์ที่สลบไปแล้วจะรู้สึกอะไรไหม ..แต่มือของผมที่สัมผัสหน้าท้องไร้ไขมันของคนเจ็บกำลังสั่น ..เหงื่อเม็ดเล็กกำลังซึมเปียก ยิ่งมองใบหน้าคนตัวสูงที่หลับพริ้มในเวลานี้..

“ธาม” เสียงม๊าเรียกสติของผมไว้ ผมไม่วายคว้าผ้าห่มขึ้นปิดร่างเปลือยของปรินซ์
“ครับม๊า” ผมรีบไปเปิดประตู
“นี่โจ๊กร้อนๆ ร้อนมาก ยังไม่ต้องกิน ทั้งของธามแล้วก็ปรินซ์เลย ถ้าปรินซ์ลุกไหวก็ปลุกให้กินหน่อย แล้วตามด้วยยา เข้าใจไหม เอ้าถือดีๆ ทั้งถาดเลย”
“ขอบคุณครับม๊า ผมรักม๊าจัง”
“ม๊าก็รักธาม รักปรินซ์ด้วย ดูแลปรินซ์ดีๆ นะ ม๊าไปนอนจริงๆ ล่ะ”
“คร๊าบบบ” ม๊าหยิกแก้มผมเบาๆ หนึ่งที ก่อนดึงประตูปิดให้ผมที่มือไม่ว่าง..
ผมวางถาดโจ๊กบนเตียงของตัวเองที่อยู่ข้างๆ ผมถอนหายใจเบาๆ เอาล่ะ เหลือกระบวนการไหนอีก.. น่าจะครบหมดแล้ว งั้นเอาน้ำไปเปลี่ยน เผื่อปรินซ์ไข้ขึ้นจะได้เช็ดตัว.. ผมรีบลุกเพื่อจะเดินไปห้องน้ำ แต่ก็ไม่เร็วพอที่จะพ้นการจับกุมของปรินซ์ ..ปรินซ์คว้าข้อมือของผมไว้
“เห้ย ตื่นแล้วเหรอ!”
“อื้ม..”
“เจ็บตรงไหนไหม”
“..เจ็บ เจ็บที่หัวใจ..”
“เป็นไร!! โดนกระแทกเหรอ ถ้างั้นไปโรงบาล”
“ไม่ต้องไปหรอก.. แค่มีธาม..พี่ก็หายเจ็บแล้ว”
“?”
ปรินซ์ดึงผมให้นั่งลงบนเตียงขนาดสามฟุตครึ่ง ก่อนเอาผ้าห่มลงให้ผมเห็นร่างท่อนบน
“ทำไรเนี่ย!”
“ก็ธามยังทายาไม่เสร็จ”
“ม๊าบอกว่าทาหนาไม่ได้ เดี๋ยวปรินซ์จะทนไม่ไหว”
“ทาอีกนิดก็ได้ พี่ทนไหว ..แล้วทำไมไม่ให้มาม๊ามาทำแผลให้พี่ล่ะ”
“ก็..”
“หวงมาม๊าหรือหวงพี่..”
“ก็หวง.. หวงม๊าดิ! เป็นสาวเป็นนางจะให้มานั่งมองผู้ชายเปลือยได้ไง”
“เสียใจจัง นึกว่าธามหวงพี่..”
“...” ผมทายาให้ปรินซ์ต่ออย่างเบามือ ..หวงมึงนั่นแหละ!

….......

“ธาม.. เรื่องลลิน..”
“...”
“ธามโกรธพี่ไหม..”
“โกรธ.. โกรธที่ปรินซ์เป็นคนไม่ดี โคตรรับไม่ได้..”
“ตอนนั้นพี่ไม่มีสติเอง.. พี่ผิด..”
“...”
“..แต่ธามรู้ไหม ตลอดเวลาที่อยู่กับลลิน..พี่ทรมานมาก เพราะพี่คิดว่าพี่กำลังทำผิดกับธาม กำลังนอกใจธาม ทั้งที่ตอนนั้นธามกับพี่.. ก็ยังไม่ได้เป็นอะไรกัน และถ้าเรื่องนี้จะทำให้ความรักของพี่พัง พี่คงให้อภัยตัวเองไม่ได้..”
“..พี่เป้เล่าให้ฟังแล้ว เล่าละเอียดด้วย..”
“...”
“..พี่เป้เล่าว่าปรินซ์น่ะโง่”
“...”
“โง่ที่โดนเขาหลอก..”
“อืม พี่โง่จริงๆนั่นแหละ แต่ก็เพราะลลิน ..ที่ทําให้พี่รู้ว่าพี่รู้สึกกับธามมากแค่ไหน”
“...”
“ธามหายโกรธพี่แล้วใช่ไหมครับ”
“อืม.. เรื่องมันก็จบไปนานแล้ว.. และปรินซ์ก็ได้รับบทลงโทษจากจิตใต้สำนึกของตัวเองไปแล้วด้วย”
ปรินซ์ลุกขึ้นนั่งเอาหน้ามาใกล้ผม “ขอบคุณนะครับ ..คนดีของพี่” เราสบตากันนาน.. ความเข้าใจระหว่างเราทั้งสองคนคือสิ่งที่ดีที่สุด.. ผมชอบช่วงเวลาแบบนี้.. เวลาที่เป็นของเราสองคน..
“ปรินซ์กินโจ๊กนะ.. จะได้กินยา..” ผมตั้งท่าจะลุกจากเตียงเพราะเริ่มสู้สายตาชวนใจสั่นของปรินซ์ไม่ไหว ถ้าเป็นปลากัด ผมคงท้องไปแล้ว
“พี่อยากกินอย่างอื่นมากกว่าโจ๊ก..”
“!!!”
“ธามให้พี่กินได้ไหม..”
“เจ็บอยู่ก็ต้องนอนดิ! จะมาทำอะไรอย่างนั้น แบบนั้นได้ยังไง!!”
ปรินซ์ยิ้ม “ธามคิดว่าพี่จะกินอะไร..” ไม่วายทำหน้าทะเล้นใส่ผมที่กลืนน้ำลายไปหลายอึก “พี่แค่จะขอกินน้ำ คอพี่แห้ง.. ธามคิดไปถึงไหน?”
“ออ ก็.. กินน้ำ ได้ดิ! ทำไมจะกินไม่ได้” ผมรีบลุกไปคว้าแก้วเทน้ำจากเหยือกที่อยู่บนโต๊ะเขียนหนังสือ ก่อนจะดื่มเอง..
“กินน้ำแก้เขินเหรอ..”
“เปล่าเว้ย! ก็หิวน้ำเหมือนกัน เอ้า กินซะ”
…........
“ถ้าธามไม่หิว พี่ว่าเรานอนกันเถอะ”
“อืม”
“นอนข้างๆ พี่นะ..”
“ได้ไง เตียงมันแคบนะ ปรินซ์จะอึดอัด”
“พี่ไม่อึดอัดหรอก นะ.. นอนกับพี่..”
“..แต่ว่า”
“พี่ไม่มีแรงทำอะไรธามหรอก..”
….........
“..ก็ได้”
ปรินซ์ยิ้มปรินซ์ขยับตัวจนชิดขอบเตียงอีกฝั่งเพื่อให้ผมนอน.. นอนบนแขนของปรินซ์ที่ใช้แทนหมอน..
“จะไม่เมื่อยเหรอ..”
“ไม่เมื่อยหรอก..
“...”
“กอดพี่ได้นะ พี่ไม่หวง..”
“...” ผมมองหน้าคนตัวสูงอย่างนึกหมั่นไส้

..ผมกอดปรินซ์ ..ผมนอนหลับอยู่ในอ้อมกอดของปรินซ์..คนที่ผมรัก ..ตลอดคืน
.
.
..แม้แสงตะวันจะเริ่มสาดส่อง ผมกับปรินซ์ก็ยังคงหลับสนิท โดยที่ไม่รู้เลยว่าประตูห้องได้ถูกเปิดออกอย่างแผ่วเบา.. และปิดลง..

..พายุกำลังจะสัดสาด แม้ในฤดูที่ไร้ซึ่งคลื่นลม
.
.
.

ออฟไลน์ JokerGirl

  • ∀Σ❤∀ΔΣ Forever^^
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2938
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +128/-3
อ่อเรื่องมันเป็นแบบนี้นี่เอง ข้าวกับทีพอเข้าใจกันบอกรักกันก็จัดเลยหรา o13 ส่วนปริ้นซ์ต้องรอก่อนนะจ๊ะ อดทนต่อไป5555 ตอนท้ายคือจะมีอะไรอีกเนี้ย

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด