พิมพ์หน้านี้ - YR Mine นายผู้ปกครอง - รักลุ้นๆ ของคนพี่ Ep.041 : บทสรุป : สัญญา - เวลา - ความรัก

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Boy's love => Boy's love story => นิยายที่โพสจนจบแล้ว => ข้อความที่เริ่มโดย: After5p.m. ที่ 07-06-2019 11:38:05

หัวข้อ: YR Mine นายผู้ปกครอง - รักลุ้นๆ ของคนพี่ Ep.041 : บทสรุป : สัญญา - เวลา - ความรัก
เริ่มหัวข้อโดย: After5p.m. ที่ 07-06-2019 11:38:05
***************************************************************************************
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ


ติดตามกฏเพิ่มเติมที่กระทู้นี้บ่อยๆ เมื่อมีการแก้ไขกฏจะแก้ไขที่กระทู้นี้นะครับ
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0

ประกาศทั่วไปติดตามอัพเดทกันที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.0

ประกาศ กฎที่อื่นมีไว้แหก แต่ห้ามมาแหกที่นี่

1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิ์ส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด
การสนใจและชื่นชอบนิยายและเรื่องเล่าของคนในเรื่องควรมีขอบเขตที่จะไม่สร้างความเดือดร้อนให้เจ้าของเรื่อง เช่นเดียวกับเป็ดที่ตอนนี้ถูกรังควานตามหาตัวจากคนด้านต่างๆ จนตัดสินใจไม่เล่าเรื่องต่อ.........เนื่องจากบางเรื่องเป็นเรื่องเล่า.....................บางคนไม่ได้เปิดเผยตัวตน  เขาพอใจจะมีความสุขในที่เล็กๆแห่งนี้โดยไม่ได้ตั้งใจให้คนภายนอกได้รับรู้เรื่องราวแล้วนำไปพูดต่อ   เพราะปฎิเสธไม่ได้ว่าสังคมไม่ได้ยอมรับพวกเราสักเท่าไหร่

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรูปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ
หมิ่นประมาท,
หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง
หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสต์กระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์
และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด
การกระทำเช่นนั้นอาจทำให้คุณแบนทันที และถาวร . หมายเลข IP ของทุกโพสต์จะถูกบันทึกเพื่อใช้เป็นหลักฐาน
ในความเป็นจริงเป็นไปได้ยากมากที่จะให้แต่ละคนมีความคิดเห็นตรงกันทั้งหมด   คนเรามากมายต่างความคิดต่างความเห็น เติบโตมาภายใต้ภาวะแวดล้อมต่างกันการแสดงความคิดเห็นที่แตกต่าง   จึงควรทำเพื่อให้เกิดความเข้าใจกัน แบ่งปันประสบการณ์และมิตรภาพเพื่ออาจเป็นประโยชน์ในการใช้ชีวิต  และไม่ว่าจะอย่างไรก็ควรเคารพในความคิดเห็นที่แตกต่างของบุคคลอื่นช่วยกันสร้างให้บอร์ดนี้มีแต่ความรักนะครับ   

เรื่องบางเรื่องอาจจะเป็นทั้งเรื่องแต่งหรือเรื่องเล่าใดๆก็ขอให้ระลึกเสมอว่า  อ่านเพื่อความบันเทิงและเก็บประสบการณ์ชีวิตที่คุณไม่ต้องไปเจอความเจ็บปวดเล่านั้นเองเพื่อเป็นข้อเตือนใจ สอนใจในการตัดสินใจใช้ชีวิต   จึงไม่ต้องพยายามสืบหาว่าเรื่องจริงหรือเรื่องแต่งส่วนการพูดคุยนั้น   ก็ประมาณอย่าทำให้กระทู้กลายพันธุ์ห้ามเอาเรื่องส่วนตัวมาปรึกษาพูดคุยกันโดยที่ไม่เกี่ยวพันกับเรื่องในกระทู้นิยาย  ถ้าจะวิจารณ์หรือแสดงความคิดเห็นทุกคนมีสิทธิแต่ขอให้ไปตั้งกระทู้ที่บอร์ดอื่นที่ไม่ใช่ที่นี่นะครับ

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพสต์ หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อเจ้าของเรื่องเท่าที่จะทำได้หรือแจ้งมายังบอร์ดนี้ก่อนนะครับ  เนื่องจากเจ้าของเรื่องบางครั้งไม่ต้องการให้คนที่ไม่ได้ชื่นชอบนิยายชายรักชายเข้ามารับรู้  ลิขสิทธิ์ทั้งหมดเป็นของเจ้าของคนที่ทำขึ้นและเว็บแห่งนี้นะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล์ บอกเมล์ แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอมให้ส่งหรือติดต่อกันทางพีเอ็มจะปลอดภัยกว่าแล้วเมื่อมีการติดต่อสื่อสารกันให้พึงระวังถึงความปลอดภัย ความไม่น่าไว้ใจของผุ้คนทุกคนแม้จะมีชื่อเสียงในบอร์ดเป็นเรื่องส่วนตัวของแต่ละคนไป เพื่อลดความขัดแย้งภายในเล้า จึงไม่สนับสนุนให้มีการจีบกันในบอร์ดนะครับ

5.ห้ามจั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียวให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตาม
เพราะแม้จะเป็นเรื่องที่เขียนจากเรื่องจริง เมื่อนำมาพิมพ์เป็นเรื่องผ่านตัวอักษร ย่อมเลี่ยงไม่ได้ที่จะมีการเพิ่มเติมเพื่อให้เกิดสีสันในเนื้อเรื่อง ทางเล้าถือว่านั่นคือการเพิ่มเติมเนื้อเรื่อง จึงไม่อนุญาตให้จั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” แต่สามารถแจ้งว่าเป็น “นิยายที่อ้างอิงมาจากชีวิตจริง” ได้  มีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

6.การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสต์นิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insert quote ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ

8.Administrator และ moderator ของ forum นี้ มีสิทธิ์อ่าน, ลบ หรือแก้ไขทุกข้อความ. และ administrator, moderator หรือ webmaster ไม่สามารถรับผิดชอบต่อข้อความที่คุณได้แสดงความคิดเห็น (ยกเว้นว่าพวกเขาจะเป็นผู้โพสต์เอง).

9.คุณยินยอมให้ข้อมูลทุกอย่างของคุณถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูล. ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกเปิดเผยต่อผู้อื่นโดยไม่ได้รับการยินยอมจากคุณ .Webmaster, administrator และ moderator ไม่สามารถรับผิดชอบต่อการถูกเจาะข้อมูล แล้วนำไปสร้างความเดือดร้อนต่างๆ

10.ห้ามลงประกาศลิงค์โปรโมทเวป  โฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ลงได้เฉพาะในห้องซื้อขาย ในเมื่อแนะนำเวปอื่นที่บอร์ดเรา ก็ช่วยแนะนำบอร์ดเราโดยลงลิงค์บอร์ดเรา เว็บ http://www.thaiboyslove.com  ในบอร์ดที่ท่านแนะนำมาให้เราด้วย  เมื่อจำเป็นต้องแนะนำลิงค์ให้ส่งลิงค์กันทาง personal message หรือพีเอ็มแทนนะครับจะสะดวกกว่า ส่วนในกรณีอยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนๆได้อ่านจริงๆนั้นพยายามลงให้ห้องซื้อขายซะ หรือถ้าม้อดเดอเรเตอร์จะพิจารณาเป็นกรณีๆไป ถ้ารู้สึกว่าไม่ได้โปรโมทเว็บ แต่อยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนด้วยใจจริงจะให้กระทู้นั้นคงอยู่ต่อไป

11.บอร์ดนิยายที่โพสต์จนจบแล้วมีไว้สำหรับนิยายที่โพสต์ในบอร์ด boy's love จนจบแล้วเท่านั้น จึงจะถูกย้ายมาเก็บไว้ที่นี่ หาอ่านนิยายที่จบแล้ว หรือคนเขียนไม่ได้เขียนต่อ แต่โดยนัยแล้วถือว่าพล็อตเรื่องโดยรวมสมควรแก่การจบแล้ว หากนักเขียนท่านใดได้พิมพ์เล่มกับสำนักพิมพ์ ต้องการลบเรื่องบางส่วนออก โดยเฉพาะไคลแม๊ก หรือตอนจบที่สำคัญ ให้แจ้ง moderator ย้ายนิยายของท่านสู่ห้องนิยายไม่จบ เพื่อที่หากระยะเวลาเกินหกเดือนแล้ว เราจะได้ทำการลบทิ้ง หรือท่านจะลบนิยายดังกล่าวทิ้งเสียก็ได้ เนื่องจากบอร์ดนี้เก็บเฉพาะนิยายที่จบแล้ว

บอร์ดนิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบไว้สำหรับ
นิยายที่คนเขียนไม่ได้มาต่อนาน หายไปโดยไม่มีเหตุผลสมควร ไม่ได้แจ้งไว้หรือแจ้งแล้วก็ไม่มาต่อ 3 เดือน จะย้ายมาเก็บในนี้เมื่อครบหกเดือนจะทำการลบทิ้ง ส่วนเรื่องไหนที่จะต่อก็ต่อในนี้จนกว่าจะจบ แล้วถึงจะทำการย้ายไปสู่บอร์ดนิยายจบแล้วต่อไป

12.ห้ามนำเรื่องพิพาทต่างๆมาเคลียร์กันในบอร์ด

13.ผู้โพสต์นิยาย และเขียนนิยายกรุณาโพสต์ให้จบ ตรวจสอบคำผิดก่อนนำมาลงด้วยครับ

14.ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน  ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ

15. การนำรูปภาพ บทความ ฯลฯ มาลงในเว็บบอร์ด  ควรจะให้เครดิตกับ...
(1) ผู้ที่เป็นต้นตอเจ้าของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ
(2) เว็บไซต์ต้นตอที่อ้างอิงถึง
....ในกรณีที่เป็นบทความที่ถูกอ้างอิงต่อมาจากเวปไซต์อื่นๆ
- ถ้ามีแหล่งต้นตอของเจ้าของบทความ  ให้โพสต์ชื่อเจ้าของต้นตอของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ  พร้อมทั้งเว็บไซต์ที่อ้างอิง
  (กรณีนี้จะโพสต์อ้างอิงชื่อผู้โพสต์หรือเว็บไซต์ที่เรานำมาหรือไม่ก็ได้ แต่ควรมั่นใจว่าชื่อต้นตอของที่มาถูกต้อง)
- ถ้าไม่สามารถหาชื่อต้นตอของรูปภาพหรือเว็บไซต์ที่นำมาได้ ควรอ้างอิงชื่อผู้โพสต์และเว็บไซต์จากแหล่งที่เรานำมาเสมอ
- ควรขออนุญาติเจ้าของภาพหรือเจ้าของบทความก่อนนำมาโพสต์ค่ะ(ถ้าเป็นไปได้) ยกเว้นพวกเว็บไซต์สาธารณะ เช่น  หนังสือพิมพ์ออนไลน์ ฯลฯ ที่เปิดให้คนทั่วไปได้อ่านเป็นสาธารณะ ก็นำมาโพสต์ได้ แต่ให้อ้างอิงเจ้าของชื่อและแหล่งที่มาค่ะ
- ไม่ควรดัดแปลงหรือแก้ไขเครดิตที่ติดมากับรูปหรือบทความก่อนนำมาโพสต์
- ถ้าเป็น FW mail  ก็บอกไปเลยว่าเอามาจาก FW mail

16.นิยายเรื่องไหนที่คิดว่าเมื่อมีการรวมเล่มขายแล้วจะลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออก กรุณาอย่าเอามาลงที่นี่ หรือสำหรับผู้ที่ขอนิยายจากนักเขียนอื่นมาลง ต้องมั่นใจว่าเรื่องนั้นจะไม่มีการลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออกเมื่อมีการรวมเล่มขาย อนึ่ง เล้าไม่ได้ห้ามให้มีการรวมเล่มแต่อย่างใด สามารถรวมเล่มขายกันได้ แต่อยากให้เคารพกฎของเล้าด้วย เล้าเปิดโอกาสให้ทุกคน จะทำมาหากิน หรืออะไรก็ตามแต่ขอความร่วมมือด้วย เผื่อที่ทุกคนจะได้อยู่อย่างมีความสุข

17.ห้ามแจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน  ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง  นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฎการซื้อขายของเล้าก่อน ด้วยนะคะ)
ว่าด้วยเรื่องการจะรวมเล่มนิยายขายในเล้า จะต้องมี ID ซื้อขายก่อน ถึงจะสามารถประกาศ ..แจ้งข่าว.. ที่บนหัวกระทู้ของนิยายได้ ในกรณีที่ รวมเล่มกับ สนพ. ที่มี  ID ซื้อขายของเล้าแล้ว นักเขียนก็สามารถใช้ หมายเลข  ID ของ สนพ. ลงแจ้งในหน้าที่มีเนื้อหารายละเอียดการสั่งจองนิยายได้

18.ใครจะโพสต์เรื่องสั้นให้มาโพสต์ที่บอร์ดเรื่องสั้น ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที  ส่วนเรื่องสั้นที่จบแล้วให้แก้ไขโพสต์แรก และต่อท้ายว่าจบแล้วจะได้ไม่ถูกลบทิ้งและจะเก็บไว้ที่บอร์ดเรื่องสั้นไม่ย้ายไปไหน   เช่นเดียวกับนิยายทุกเรื่องเมื่อจบให้แก้ไขโพสต์แรก และต่อท้ายว่าจบแล้ว จะได้ย้ายเข้าสู่บอร์ดนิยายจบแล้ว ไม่เช่นนั้นม๊อดอาจเข้าใจว่าไม่มาต่อนิยายนานเกินจะโดนลบทิ้งครับ

เอาข้อสำคัญก่อนนะครับเด่วอื่นๆจะทำมาเพิ่มครับเอิ้กๆหุหุ
admin
thaiboyslove.com.......................................                                                           

วันที่ 3 ธ.ค. 2551วันที่ 16 ก.ย. 2554 ได้เพิ่มกฏ ข้อที่ 7
วันที่ 21 ต.ค.2556 ได้ปรับปรุงกฎทั้งหมดเพื่อให้แก้ไข และติดตามได้ง่าย
วันที่ 11 พ.ย. 2557 เพิ่มเติมการลงเรื่องสั้นและการแจ้งว่านิยายจบแล้ว
วันที่ 4 ธ.ค. 2557 เพิ่มบอร์ดเรื่องสั้นจึงปรับปรุงกฏข้อ 18 เกี่ยวกับเรื่องสั้น และ เพิ่มเติมส่วนขยายของกฏข้อ 17



เว็บไซต์แห่งนี้เป็นเว็บไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฎหมายภายในและระหว่างประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเว็บไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเว็บไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเว็บไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม

*****************************************************************************************

"สำหรับพี่ ทุกอย่างระหว่างเรามันไม่ใช่ความบังเอิญ ..แต่มันคือพรหมลิขิต" - พี่ข้าว                               
"สำหรับธาม มันไม่มีหรอกนะคำว่าบังเอิญ มันมีแต่ความตั้งใจ และเจตนา.." - ปรินซ์

โปรย..

มือหนาแกร่งๆของใครสักคนจับแน่นที่ข้อมือของผม พร้อมกับแรงกระชาก ร่างของผมเอนไปตามแรงนั้นได้อย่างง่ายดาย ผมมองตามมือนั้น มือของปริ้นท์.. ปริ้นท์กำลังมองผมด้วยสายตาอ่อนโยน และพยักหน้าเหมือนกับบอกผมว่าให้เดินตามมันออกไปได้แล้ว ไม่ต้องกังวล ไม่ต้องกลัวอะไร
     “คุณเป็นใครไม่ทราบ!” พี่ข้าวยังคงคอนเซ็ปต์ความเป็นพี่ว๊าก ปริ้นท์ไม่ตอบ แถมไม่แยแสพี่ข้าวสักนิด ปริ้นท์ออกแรงดึงมือผมอีกครั้ง เท้าผมขยับออกจากที่ยืนเรียบร้อยแล้ว ซึ่งผมก็ดีใจมากที่ปริ้นท์เข้ามาช่วยผม ถึงขี้ใกล้จะเล็ด แต่ผมก็ซึ้งจนน้ำตาจะไหล แต่อีกใจนึงของผมก็รู้สึกว่ามันไม่ถูกต้อง ผมกำลังแหกกฎ แถมคนที่มาแทรกแซงห้องเชียร์ก็เป็นคนคณะอื่นอีก แต่นาทีนี้ผมต้องการไปห้องน้ำให้เร็วที่สุด ผลของมันจะเป็นยังไงผมก็ไม่รู้เหมือนกัน ไม่อยากคิด… แต่ยังไม่ทันที่ผมจะก้าวเท้าเดินไป มือหนาของใครอีกคนก็จับเข้าที่ข้อมืออีกข้างของผม .. พี่ข้าววว!!! เมื่อร่างของผมไม่สามารถก้าวเดินตามแรงดึงของปริ้นท์ต่อได้ ปริ้นท์ก็หันหลังกลับมามอง สองร่างใหญ่กำลังเข้าสู่สงครามสายตา ฝั่งนึงก็ดวงตาดุเข้มใต้กรอบแว่น อีกฝั่งนึงก็ส่งสายตาเฉี่ยวคมโต้ตอบ ท่าทางศึกนี้จะยืดเยื้อ ผมไม่สนอะไรแล้ว ผมสะบัดข้อมือของตัวเองให้หลุดจากการจับกุมของทั้งสองคนแล้วรีบวิ่งตรงไปที่ห้องน้ำ

สารบัญ
Ep.01 ปริ้นซ์..ธาม : https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=70487.msg3980500#msg3980500
Ep.02 คณะนิเทศศาสตร์ : https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=70487.msg3980502#msg3980502
Ep.03 ภาวะนำใจ : https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=70487.msg3980503#msg3980503
Ep.04 การจากกัน : https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=70487.msg3980504#msg3980504
Ep.05 สายลม แสงเดือน : https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=70487.msg3980913#msg3980913
Ep.06 ลลิน : https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=70487.msg3981805#msg3981805
Ep.07 ผิดพลาด : https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=70487.msg3982133#msg3982133
Ep.08 ปลดปล่อย : https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=70487.msg3982338#msg3982338
Ep.09 ห้องเชียร์ : https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=70487.msg3982756#msg3982756
Ep.010 ข้าว : https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=70487.msg3983194#msg3983194
Ep.011 ความใกล้ - https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=70487.msg3983535#msg3983535
Ep.012 - ปรินซ์..ข้าว : https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=70487.msg3983814#msg3983814
Ep.013 - จูบ : https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=70487.msg3984016#msg3984016
Ep.014 - จูบแรก : https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=70487.msg3984249#msg3984249
Ep.015 - ระยะใกล้ : https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=70487.msg3984701#msg3984701
Ep.016 - ประกาศตัว : https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=70487.msg3984825#msg3984825
Ep.017 - ความฝัน : https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=70487.msg3985062#msg3985062
Ep.018 - สายรหัส : https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=70487.msg3985321#msg3985321
Ep.019 - ตามหา : https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=70487.msg3985559#msg3985559
Ep.020 - ลุงรหัส : https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=70487.msg3985586#msg3985586
Ep.021 - ความใน : https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=70487.msg3985714#msg3985714
Ep.022 -การกลับมาของปรินซ์ : https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=70487.msg3985921#msg3985921
Ep.023 - เจอหน้า : https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=70487.msg3986157#msg3986157
Ep.024 - ขอได้ไหม? : https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=70487.msg3986402#msg3986402
Ep.025 - ชมรม : https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=70487.msg3986641#msg3986641
Ep.026 - ความรู้สึกของที : https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=70487.msg3986890#msg3986890
Ep.027 - เลี้ยงชมรม เลี้ยงสาย : https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=70487.msg3987029#msg3987029
Ep.028 - เมา : https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=70487.msg3987246#msg3987246
Ep.029 - เป้ : https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=70487.msg3987455#msg3987455
Ep.030 - ยอมรับ : https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=70487.msg3988017#msg3988017
Ep.031 - รถไฟ : https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=70487.msg3988320#msg3988320
Ep.032 - แผน : https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=70487.msg3988690#msg3988690
Ep.033 - ความในใจ : https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=70487.msg3988775#msg3988775
Ep.034 - ไอ้เชี่ยบอส : https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=70487.msg3989052#msg3989052
Ep.035 - ลงดอย : https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=70487.msg3989276#msg3989276
Ep.036 - ไอ้ ‘เฮีย’ : https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=70487.msg3989578#msg3989578
Ep.037 - ความแค้น : https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=70487.msg3989940#msg3989940
Ep.038 - เคลียร์ : https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=70487.msg3990025#msg3990025
Ep.029 - ..พายุ : https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=70487.msg3990261#msg3990261
Ep.040 - การเจรจา.. : https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=70487.msg3990447#msg3990447
Ep.041 : บทสรุป : สัญญา - เวลา - ความรัก : https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=70487.msg3990649#msg3990649
หัวข้อ: Re: YR Mine นายผู้ปกครอง - รักลุ้นๆ ของคนพี่ที่ดันมีพี่ว๊ากเข้าเผือก Ep.01-04
เริ่มหัวข้อโดย: After5p.m. ที่ 07-06-2019 11:39:17
01
ปรินซ์..ธาม

“อายุวัณโณ สุขัง พลัง”
“สาธุ”
“วันนี้ใส่บาตรคนเดียวรึ เจ้าธาม”
“ครับหลวงตา แม่บอกว่าให้ใส่บาตรคนเดียว จะได้รับแต้มบุญคนเดียวเต็มๆ สํารองไว้ใช้ตอนไปอยู่ที่มอน่ะครับ”
“แล้วจะไปเมื่อไหร่ล่ะ”
“เช้านี้แล้วครับ”
“ตั้งใจเรียนล่ะ”
“ครับหลวงตา”
หลวงตามิ่งยิ้มบางๆ ก่อนจะเดินจากไป ผมลดมือที่พนมไว้ลง มองตามหลวงตามิ่งด้วยความเลื่อมใสศรัทธา ถ้าไม่ติดว่าผมเป็นห่วงม๊ากับป้าอีกสองคน ผมคงจะขอออกบวชไปตั้งแต่อายุยังน้อย เพราะว่าเกิดมาชีวิตก็ติดวัดแล้ว บ้านที่อยู่ก็อยู่หลังวัด โรงเรียนที่เรียนก็โรงเรียนวัด
“ใส่บาตรเสร็จรึยัง” ม๊าตะโกนเสียงดังลั่นมาจากหลังบ้าน
“เสร็จแล้วม๊า” ผมตะโกนกลับไปจากหน้าบ้าน

“ธามจะไปยัง” เสียงที่แสนคุ้นเคยนี้จะเป็นของใครไปไม่ได้นอกจากคนที่ผมสนิทที่สุดในชีวิต ..ปรินซ์
“แป๊บนึงนะปรินซ์” ผมตอบโดยที่ไม่มองร่างสูงที่เดินใกล้เข้ามาเพราะกำลังก้มเก็บอุปกรณ์ใส่บาตร ปรินซ์ทักทายผมด้วยการเอาแขนข้างนึงรัดเข้าที่คอของผมหลวมๆ แต่ถึงอย่างนั้นมันก็เจ็บอยู่ดีเพราะโดนเข้ากับลูกกระเดือกของผมเต็มๆ
“เรียกพี่สิ โตแล้วนะ เมื่อไหร่จะเรียกพี่สักที”
“อ่อยอ่อนน!!” ผมอ้อนวอนคนตัวสูงกว่าปรินซ์ปล่อยมือแทบจะทันทีเมื่อเห็นว่าผมเจ็บจริงๆ
“แค่ก แค่ก”
“โทษที ไม่คิดว่าจะบอบบางขนาดนี้” คนร่างสูง 180 กว่าอย่างปรินซ์คงไม่รู้ตัวว่าตัวเองเป็นนักกีฬาที่แข็งแกร่งขนาดไหน ลงเตะบอลแต่ละที ทําเอาคู่แข่งหวาดๆ ไม่กล้าตามประกบ เพราะกลัวว่าจะต้องปะทะร่างใหญ่แล้วล้มเองให้อับอายขายขี้หน้าประชาชีในสนาม ต่างจากผมที่เป็นแค่หนอนหนังสือตัวบางๆ นั่งๆ นอนๆ หลบมุมอยู่ในห้องสมุด
“จะเสร็จแล้วรอแป๊บ เดี๋ยวเข้าไปลาม๊าแล้วก็ไปได้” ผมบอกปรินซ์ขณะที่เทน้ำที่กรวดเสร็จแล้วลงกระถางต้นไม้หน้าบ้าน
“สวัสดีครับมาม๊า” เสียงของคนที่ผมกําลังคุยด้วยกลับไปดังจากในบ้านของผมซะงั้นไม่ได้ฟังกูเลย..เชี่ยปรินซ์!
“ปรินซ์มาแล้วเหรอ เจี่ยปึง กินข้าวด้วยกันก่อนนะ” ม๊าผมใจดีกับปรินซ์เสมอ ปรินซ์เคยเป็นเด็กข้างบ้านผมก่อนที่จะย้ายไปอยู่ในคฤหาสต์หลังใหญ่ย่านฝั่งธน เพราะว่าพ่อของปรินซ์ทํามาค้าขึ้น หลังจากหนักเอาเบาสู้ ตระเวนท่องขึ้นเหนือลงใต้จนกลายมาเป็นเศรษฐีหน้าใหม่ในวงการขายส่งหลอดไฟทุกยี่ห้อ ปรินซ์เองเลยโตมาแบบขาดๆ เกินๆ เพราะหลายครั้งที่ต้องเดินทางไกล พ่อแม่ของปรินซ์ก็จะขอฝากลูกชายไว้กับคนข้างบ้านอย่างม๊าของผมเสมอ
จะว่าไป.. ผมเองก็มีปรินซ์อยู่ข้างๆ ตัวมาตลอดตั้งแต่จำความได้เวลาเล่นก็เล่นด้วยกัน เวลากินข้าวก็กินด้วยกัน เวลาโดนม๊าดุม๊าตีก็โดนด้วยกันพอโตขึ้นมาก็เรียนโรงเรียนเดียวกัน กลับบ้านก็กลับด้วยกัน ทำการบ้านก็ช่วยกันทำเป็นแบบนี้มาตั้งแต่อนุบาล ประถม มัธยม และตอนนี้ก็ในรั้วมหาวิทยาลัยเดียวกัน..
“กินไม่ทันแล้วอ่ะม๊า เดี๋ยวสายแล้วรถติด” ผมบอกม๊าที่คะยั้นคะยอให้เราสองคนกินข้าว ม๊าทำหน้ามุ่ยลงทันที
“ใส่กล่องไปก็ได้ครับมาม๊า เอาไปกินบนรถ” ม๊ายิ้มกว้างทันทีที่ไอ้ปรินซ์ตอบ
“ดีๆ มาม๊ารีบไปจัดให้นะ” ม๊ารีบจัดอาหารใส่กล่องทัพเพอร์แวร์อย่างไว คงกลัวว่าถ้าช้าปรินซ์จะเปลี่ยนใจ..เอาอกเอาใจออกนอกหน้านอกตาเลยนะม๊า ผมจำได้ดีว่าตอนปรินซ์กับที่บ้านจะย้ายออก ม๊าร้องไห้เสียใจนอนซมไปหลายวัน ไม่ได้สนเลยว่าลูกชาย (แท้ๆ) จะรู้สึกยังไง ผมไม่ได้น้อยใจนะ แถมยังเข้าใจม๊าดีด้วย ก็ม๊าเลี้ยงปรินซ์เหมือนปรินซ์เป็นลูกชายอีกคน จะรักจะเศร้าก็ไม่แปลกส่วนผมก็รู้สึก..เหงา เพราะห้องนอนที่เคยมีปรินซ์นอนด้วยกันมันกว้างเกินไป

“ฝากธามด้วยนะปรินซ์” ม๊าบอกปรินซ์แล้วก็มองไอ้คนตัวสูงกว่าผมด้วยสายตารักใคร่แบบสุดๆ
“ธามมีอะไรก็ปรึกษาปรินซ์เขานะ อย่าคิดเองตัดสินใจเอง เชื่อปรินซ์เขา” ม๊าพูดเสียงหนึ่งใส่ผมทีกับไอ้ปรินซ์ล่ะเสียงสองเสียงสี่ สายตาที่มองมาก็ต่างมาก ก็รู้นะว่าม๊าเองก็รักผม แค่การแสดงออกมันต่างกัน
“ไปแล้วนะม๊า ฝากบอกป้าๆ ด้วย”
ผมมีป้าอีกสองคน.. ทั้งคู่รักผมมาก คงได้ซับน้ำตาแน่ถ้าต้องเห็นผมขึ้นรถแล้วจากไป ทั้งคู่เลยไปลุยไหว้พระ 9 วัด ตระเวนขอพรให้ผมแทน นี่ผมไม่ได้จะไปออกรบที่ไหนนะ ..แค่ไปเรียน แล้วผมก็ออกเดินทางพร้อมเป้หนักๆ เพียงหนึ่งใบ เพราะของอย่างอื่นปรินซ์ช่วยขนไปไว้ที่หอให้หมดแล้ว ..เป็นคนดีสมกับเป็นลูกรักของม๊าจริงๆ
“หิว”
“หิวก็กินดิ” ผมยื่นข้าวกล่องของม๊าให้คนขับรถ
“จะกินได้ยังไง พี่ขับรถอยู่ มือไม่ว่าง”
“งั้นก็รอติดไฟแดง”
“..แล้วบอสล่ะจะไปถึงกี่โมง”
“มันน่าจะไปถึงบ่ายๆ”
บอสคือหนึ่งในเพื่อนรักของผมที่มีอยู่ไม่กี่คน เราสอบติดที่เดียวกัน ถึงจะต่างคณะ แต่ก็อยู่หอเดียวกัน ห้องเดียวกัน
“แล้วนี่ทำไมต้องรีบไปคณะด้วย อีกตั้งสองอาทิตย์ถึงจะเปิดเทอม” ปรินซ์ถามผม
“ที่คณะมีรับน้องแรกเข้า”
“...”
“คณะปรินซ์ไม่มีเหรอ”
“มีมั้ง”
“โคตรไม่ใส่ใจงานคณะ”
“ก็นี่ปีสามแล้ว”
“ออ ลืมไปว่าปรินซ์แก่แล้ว”
“เลิกเรียกแต่ชื่อได้ไหม”
“ก็เรียกแบบนี้มาตลอด ไม่เห็นเคยว่านิ”
ปรินซ์ถอนหายใจเบาๆ “..อยากเรียกไรก็เรียก”
ผมกับปรินซ์มีเรื่องให้เถียงกันได้ตลอด เถียงมันตั้งแต่ยังใส่ผ้าอ้อม (ม๊าบอก) แต่ถึงอย่างนั้นตลอดเวลา 19 ปีของผมก็มีปรินซ์อยู่ข้างๆเสมอ ปรินซ์เป็นทั้งพี่ เป็นทั้งเพื่อน แล้วก็เป็นทั้งเบ๊ ผมต้องการอะไร ลำบากอะไร การบ้านยากขนาดไหน ต้องไปหาข้อมูลทำรายงานในที่แสนไกลยังไง ปรินซ์ก็จะคอยช่วยคอยทําคอยหาให้ทุกอย่าง ปรินซ์คงรักผมประหนึ่งน้องชายที่คลานตามกันมา อย่างว่า ปรินซ์มันไม่มีน้องเป็นของตัวเอง ผมเองก็ไม่มีพี่ชายเหมือนกัน ..ลูกชายคนเดียวทั้งคู่
“ถึงแล้ว”
“ฮะ ฮื้มมมมม”
“หลับสบายเชียวนะ น้ำลายไหลเปื้อนเบาะแล้วเนี่ย”
“ห๊ะ!! จริงเหรอ ไหนๆ” ผมขยับพลิกตัวหารอยน้ำลายที่ทำไว้ น่าอายชะมัด ได้โดนล้อจนลูกแต่งงานแน่ ผมทำอย่างนั้นอยู่สักพัก เสียงหัวเราะของไอ้ปรินซ์ก็ดังลั่นรถ
“พี่ล้อเล่น”
“เชี่ยปรินซ์”
“นี่พี่นะ สุภาพด้วย”
“อย่ามาอ้างความเป็นพี่ มึงหลอกกูก่อน”
“พูดไม่เพราะเลยนะ เสียชื่อเด็กธัมมะธัมโมหมด”
“เกี่ยวไรกับธัมมะวะ ธัมมะน่ะอยู่ในใจ ขอแค่เรารู้จักผิดชอบชั่วดี ไม่เผลอทำอะไรที่เป็นบาปก็เพียงพอแล้ว แล้วก็ไอ้การพูดจาไม่สุภาพเล็กๆ น้อยๆ เนี่ย ..ไม่นับ”
“หยุดเทศน์เลยธาม อย่าไปทำอย่างนี้กับเพื่อนใหม่ล่ะ เดี๋ยวเขาจะเบื่อกัน ต่อให้เราหน้าตาดีแค่ไหน ก็ไม่มีใครเขาอยากมีเพื่อนเป็นพระหรอกนะ”
“...” อยากจะเถียงกลับ แต่ก็เถียงไม่ออก เพราะปรินซ์ทั้งด่าและชม
“ถ้าเก็บของเสร็จแล้วจะทำอะไรต่อ”
“สำรวจโรงอาหาร หาข้าวกิน ขี่จักรยานสำรวจมหาลัย รอไอ้บอสมา หาข้าวกิน เล่นเกม อ่านการ์ตูน นอน”
“สรุปคือว่าง”
“อืม”
“งั้นไปเก็บของ แล้วพี่จะพาไปสำรวจโรงอาหาร”
”ไปคนเดียวได้”
“แต่มาม๊าฝากธามไว้กับพี่ ..ให้ไวด้วยล่ะ”
“เออ ก็ได้” แม่งหยั่งกับม๊ามาเอง ชีวิตมหาวิทยาลัยคงไม่อิสระอย่างที่คิด
   .
[มึงอยู่ไหน]
“กูอยู่หน้าหอ”
[ไหนวะกูก็อยู่หน้าหอเหมือนกันเนี่ย]
ผมมองหาไอ้บอสทั่วลานจอดรถ หลังกลับจากมินิทัวร์มหาลัยบายปรินซ์
[ไอ้ธามมมมมมมมม]
“ไอ้ธามมมมมมมมมม” ไอ้บอสตะโกนสุดเสียง
“พี่ปรินซ์ซ์ซ์ซ์ซ์” ไอ้บอสวิ่งมาด้วยความเร็วร้อยกว่า กางแขนออกกว้างอย่างกับภรรยาวิ่งเข้าหาสามีที่เพิ่งรอดตายจากการรบ
แปะ
ปรินซ์ยกมือใหญ่แปะเข้าไปที่หน้าผากของไอ้บอส เบรกร่างของมันให้หยุดอยู่ที่ระยะห่างเท่าความยาวแขนของปรินซ์
“โคตรคิดถึงพี่ ไม่ได้เจอตั้งนาน”
“เออ แต่ไม่ต้องแสดงมากกว่านี้ เดี๋ยวมึงขายไม่ออก”
“โธ่พี่ ระดับผม แค่ส่งยิ้มให้ ก็เดินมาหาผมแล้ว”
ไอ้บอสเป็นเพื่อนกับผมตั้งแต่มอต้น มันเป็นคนเฟรนด์ลี ต่างกับผมลิบ มันชอบพูด ผมชอบฟัง เราเลยเข้ากันได้ดีแล้วถ้ามันไปทําอะไรชั่วๆ มา มันบอกว่าแค่มาเล่าให้ผมฟัง มันก็จะรู้สึกดีขึ้น เหมือนว่าได้สารภาพบาปกับบาทหลวงในโบสถ์
“ไปเก็บของไป เดี๋ยวพี่พาไปกินนอกมอ”
“พี่ปรินซ์รู้ใจผมสุด งานนี้ต้องฉลอง”
“ฉลองในโอกาสอะไรวะ มึงนี่เอะอะหาเรื่องเมา”
“ก็ฉลองที่ได้เจอพี่ปรินซ์ไอดอลในดวงใจไงมึง”
ไอ้บอสยิ้มแบบร่าเริงสุด คือถ้าตอนนี้บอกมันว่า เห้ย อะดิดาสรุ่นลิมิเต็ดของมึงเหยียบขี้หมาอยู่ มันก็คงไม่รู้สึกอะไร ต่างจากปรินซ์ ที่หน้าไร้อารมณ์ร่วมสิ้นดี
..ไอ้บอสปลื้มปรินซ์มาก เพราะปรินซ์มันดังที่สุดในโรงเรียน (โรงเรียนมัธยมชายล้วน) เรียนเก่ง เกรดไม่เคยตํ่ากว่า 3.5 นักปราชญ์ในหมู่เด็กเนิร์ด ครูบาอาจารย์พากันเอ็นดรู เล่นกีฬาก็ดี เป็นตัวจริงมันทุกสนาม เล่นบอลแบบใสสะอาด จะไม่เข้าชนใครถ้าคนนั้นไม่เข้ามาปะทะมันก่อน และถ้าใครในโรงเรียนโดนคู่อริไล่กระทืบโดยไม่มีสาเหตุอันสมควร (แก่การโดนกระทืบ) ปรินซ์จะลุยเอาคืนแก้แค้นให้เต็มที่ขอแค่แจ้งพิกัด และจํานวนคนของฝ่ายนู้นมา เอาเป็นว่าความคูล ความแมน ความน่านับถือของปรินซ์ส่งให้มันขึ้นแท่นเป็น ‘ตํานาน’ ของโรงเรียน
ส่วนผมน่ะเหรอ แข่งกับปรินซ์ได้เรื่องเดียวคือเรื่องเรียน ไม่ใช่ว่าเก่งเท่ามันนะ แต่เป็นเรื่องเดียวที่ผมพอใช้ได้ ไม่ถึงกับโง่ แต่ก็ไม่ถึงกับฉลาด ปรินซ์เลยได้เป็นติวเตอร์ให้ผมตลอด ไอ้บอสคือหนึ่งในเพื่อนกลุ่มผม เลยได้อานิสงค์ไปด้วย ได้ใกล้ชิดเข่าชนเข่ากับปรินซ์ กินนํ้าเหยือกเดียวกับปรินซ์ ได้ฟังเสียงปรินซ์มันได้ติวกับปรินซ์ที ละเมอเพ้อไปเป็นเดือน
.
.
..ร้านซำบายเป๋า
ปรินซ์บอกว่าถ้าเปิดเทอมต้องโทรจองโต๊ะล่วงหน้าก่อนถึงจะได้กิน แต่นี่ขนาดยังไม่เปิดเทอม เรายังต้องรอหน้าร้านสิบห้านาที ไม่ใช่เพราะอาหารอร่อย ราคากันเอง (เหมือนชื่อร้านหรอกนะ) แต่เพราะเจ้าของร้าน นักร้อง แม่ครัว คนเสิร์ฟ ยันคนโบกรถ เป็นหญิงสาวหน้าตาดี หุ่นเป๊ะปังทั้งนั้น ทั้งที่ร้านนี้มีนโยบายไม่ขายแอลกอฮอล์ เพราะกลัวความปลอดภัยของสาวๆ แต่ไม่มีกฎห้ามถ้าจะมาจีบพนักงาน แต่ขออย่างเดียว ..เชิญนอกร้าน
“ปรินซ์ซ์ซ์ซ์มาาาาาาาาาา” ผู้หญิงคนนึงร้องทักปรินซ์เสียงดังมาแต่ไกล จนใครๆ พากันหันมามอง สาวๆ หลายคนพากันยืนยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ บางคนก็หยิบตลับแป้งขึ้นมาเช็คหน้าเช็คผม
“อืม”
“ยังไม่เปิดเทอมเลยน้า มาก่อนแบบนี้ หรือว่าคิดถึงเค้าเหรอ”
“...” ปรินซ์ไม่ตอบ แถมเอาแต่มองเมนู
“แล้วนี่ใครล่ะ เด็กปีหนึ่ง?”
“คร๊าบบบบ ผมบอสนะครับ คุณ..”
“ส้มโอจ๊ะ เรียกเจ๊ส้มโอล่ะกัน”
“แหมมมม ใครเป็นคนตั้งชื่อให้ครับเนี่ย เหมาะกับเจ๊มาก” ไอ้บอสไม่พูดเปล่า ยังส่งสายตาชำเลืองเหลือบมองต่ำ ขนาดผมยังรู้เลยว่ามันมองอะไร
“แล้วอีกคนล่ะ หน้าตาจิ้มลิ้มน่ารัก” เจ๊ส้มโอพูดพลางเอานิ้วมาจิ้มแก้มผม ผมอดตกใจไม่ได้เพราะผมไม่เคยถูกผู้หญิงแตะเนื้อต้องตัวมาก่อน (เว้นม๊ากับป้า) ไม่ได้ถือตัวนะ แค่คิดว่าการสัมผัสตัวกันระหว่างชายหญิงที่ไม่ได้เป็นคู่หมั้นคู่หมายเนี่ย มันคือสิ่งที่ไม่เหมาะสมที่สุด ลืมบอกไป นอกจากผมจะธัมมะธัมโมแล้ว ยังหัวโบราณตัวพ่อด้วย
“ไม่ต้องรู้หรอก” เสียงเย็นของปรินซ์เล่นเอาเจ๊ส้มโอเงิบ ความลั๊ลลาหายไป 95.5 เปอร์เซ็นต์
“เอาไข่เจียวกุ้งสับ ต้มแซ่บกระดูกอ่อนไม่เผ็ดมาก ไก่ทอด บอสเอาไรเพิ่ม” ปรินซ์ถามไอ้บอส
“ผมเอาหมูแดดเดียว แล้วก็ไก่หมักซอสเอ็กซ์โอ”
“ข้าวเปล่าสาม แล้วก็น้ำเปล่า เอาเท่านี้” ปรินซ์พูดจบก็ส่งเมนูคืนให้เจ๊ส้มโอ
“กูยังไม่ได้สั่งเลย” ผมมองหน้าปรินซ์อย่างเอาเรื่อง
“พี่สั่งให้แล้วไง ไอ้ที่สั่งก็ของโปรดไม่ใช่เหรอ”
“...” ผมเถียงไม่ออก ยอมรับว่าเมนูที่ปรินซ์สั่งคือของชอบของผมทั้งหมด
“โอยยยย อยากให้พี่ปรินซ์รู้ใจผมบ้างงง” ไอ้บอสทำเสียงน่ารำคาญ ส่วนผมก็ทำหน้ากระอักกระอ่วนไปไม่เป็น ขณะที่เจ๊ส้มโอที่ยังยืนอยู่ทำหน้าเหมือนเหม็นอะไรบางอย่าง
.
.
หัวข้อ: Re: YR Mine นายผู้ปกครอง - รักลุ้นๆ ของคนพี่ที่ดันมีพี่ว๊ากเข้าเผือก Ep.01-04
เริ่มหัวข้อโดย: After5p.m. ที่ 07-06-2019 11:40:02
02
คณะนิเทศศาสตร์
เช้าวันนี้แสนสดใส แสงอาทิตย์สาดส่องทะลุม่านขาวละมุน (ที่ป้าๆ เลือกให้) ดวงตาค่อยๆ ปรับโฟกัสสแกนเพดานไปรอบๆ แต่มันยังคงไม่ค่อยชัด อาจเพราะขี้ตา ผมขยี้เบาๆ หวังว่าจะดีขึ้น
ที่นี่ไม่ใช่บ้าน
ที่นี่ไม่มีม๊า ไม่มีป้าๆ
ที่นี่ไม่มีนาฬิกาปลุก (ยังไม่ต้องปลุก เพราะยังไม่มีเรียน)
แต่ที่ที่นี่มีคืออิสระเสรี!
“เย้” ผมตะโกนเสียงดัง ไม่แคร์หรอกนะว่าเพื่อนข้างห้องจะได้ยินรึเปล่า ก็ผมมันคนที่อยู่ในโลกแคบๆมาตลอด มีแต่ม๊ากับป้าๆ วันหยุดก็อยู่แต่กับบ้าน จะได้ไปข้างนอกก็ต่อเมื่อปรินซ์มารับ
“ตื่นแล้วเหรอ” ผมหันหน้าแรงไปมองเจ้าของเสียง
“เชี่ย!” ปรินซ์ยืนเช็ดผมอยู่หน้าห้องน้ำ มีผ้าเช็ดตัวอีกผืนพันปิดส่วนล่างอยู่อย่างลวกๆ แผงอกของปรินซ์ขาวนวลเนียนไร้ตำหนิ ถึงตาจะสะดุดเข้ากับท่อนแขนที่มีสองสี เพราะต้องเตะบอลตากแดดกลางสนาม ถึงอย่างนั้นกล้ามเนื้อใต้ร่มผ้าก็ยังขาวชวนมองอยู่ดีถ้ากูเป็นผู้หญิงคงกรี๊ดสลบไปแล้ว ไม่ดิ เผลอๆ ไอ้บอสก็กรี๊ด
“ทำไมมาอยู่นี่”
ปรินซ์ไม่ตอบแต่กลับเดินเข้ามาขยี้หัวผมเบาๆ แล้วนั่งลงข้างๆ กลิ่นหอมของแชมพู (ของผม) ชวนสดชื่น
“ธามกินอิ่มก็ง่วงหลับคาโต๊ะ ปลุกยังไงก็ไม่ยอมตื่น”
“แล้วไอ้บอส..”
“บอสช่วยจับธามขึ้นหลังพี่ ส่งขึ้นรถเสร็จก็ขอตัวเลย”
“แล้วทำไมปรินซ์ไม่กลับห้อง”
“พี่อยู่ด้วยไม่ได้? อย่าลืมนะว่าอยู่นี่ พี่เป็นผู้ปกครองของธาม”
“เออๆ อยู่ก็อยู่ไอ้ผู้ปกครองขี้เบ่ง กูไปอาบนน้ำล่ะ”
   .
..ปรินซ์
“เออๆ อยู่ก็อยู่ไอ้ผู้ปกครองขี้เบ่ง กูไปอาบน้ำล่ะ”
ผมมองธามที่ลุกเดินไปห้องน้ำด้วยท่าทีหงุดหงิด ต่างจากผมที่กำลังนั่งยิ้มมองธาม..น้องข้างบ้าน อีกไม่นานสถานะระหว่างผมกับธามจะไม่ใช่พี่ไม่ใช่น้องอีกต่อไป เพราะผมจะคบธามในฐานะ..แฟน
ผมปรินซ์-อชิระ ผมแอบชอบธามมานาน นานจนบางทีก็อดรู้สึกชื่นชมตัวเองไม่ได้ว่าทำไมถึงได้มั่นคงในความรักของตัวเองขนาดนี้ ทั้งที่ต้องอดทนรอให้ธามโตพอที่จะรับความรู้สึกของผมได้ มันเป็นการรอโดยที่ห้ามคาดหวังรอแบบไม่มีเงื่อนไขผูกมัด การเฝ้ามองคนที่ตัวเองรักอยู่ใกล้ๆ คงไม่ต่างอะไรจากงูจงอางที่หวงไข่ ผมไม่ได้เปรียบความรักของตัวเองว่าเหมือนความรักของแม่ที่มีต่อลูกนะ แค่อยากจะยืมเลเวลความหวงของแม่จงอางที่ผมมีต่อธามเท่านั้น ซึ่งตลอดเวลาที่นานขนาดนี้ ไอ้เด็กซื่อที่ชื่อธาม กลับไม่เคยสัมผัสได้เลยว่าผมรักเขามากแค่ไหน

“ตอนเย็นไม่ต้องมารับนะ กลับเองได้” ธามบอกผมเมื่อรถของผมจอดเทียบริมฟุตบาทด้านข้างตึกของคณะนิเทศศาสตร์
“...” ผมไม่ตอบ แค่ยิ้มเย็นมุมปาก..ธามห้ามพี่ไม่ได้หรอก
   .
   .
   .
..คณะนิเทศศาสตร์
..ธาม

“สวัสดีจ้า ลงชื่อตรงนี้ได้เลย”
“อออ น้องธาม สายรหัส 153 หนูไปนั่งรวมกับเพื่อนตรงโน้นได้เลย มีน้ำกับขนมให้กินนะ” พี่ปีสองคนนึงบอกผม จริงๆ ผมยังอิ่มจากข้าวเช้าที่ปรินซ์พาผมไปกินก่อนมาคณะ ผมเลยรับแค่น้ำจากพี่ๆ ที่โต๊ะสวัสดิการเท่านั้น
บรรยากาศของการรับน้องแรกเข้าสนุกมาก รุ่นพี่มาเต็มคณะ มีสันทนาการมีประธานเชียร์นำเชียร์ นำเต้นอย่างไม่รู้จักคำว่าเหน็ดเหนื่อยไม่เพราะฤทธิ์เอ็ม150 ก็คงเพราะที่นี่คือคณะนิเทศศาสตร์ คณะที่มีแต่ความสดใส เปี่ยมไปด้วยพลังงานติดนิดเดียวตรงที่ประชากรผู้ชายอย่างผมค่อนข้างจะน้อย แต่ก็เป็นข้อดีให้เราชาวแมนๆ รวมตัวกันได้อย่างรวดเร็ว ออกแนวรวมกันเราอยู่ แยกอยู่เราจะหากันไม่เจอ
“เอาล่ะน้องๆ คะ พรุ่งนี้เราจะมาเจอกันที่ใต้ตึกเวลาเดิม แต่ว่าพรุ่งนี้เราจะมีกิจกรรมพิเศษเพิ่มขึ้นมา นั่นก็คือ พี่จะให้น้องๆ แต่งชุดเข้ากับตีมของละครเวทีคณะที่จะมีขึ้นในปีนี้ นั่นก็คือ ละครที่มีชื่อเรื่องว่า หว่ออ้ายหนี่ ศึกรักพิทักษ์เธอ” พี่ปาน ประธานเชียร์ปีสามพูดพร้อมกับมองหน้าน้องกว่าเกือบสองร้อยชีวิตที่นั่งเหงื่อเหม็นเต็มใต้ถุนตึก
“แค่ชื่อก็รู้แล้วนะว่าเป็นละครสัญชาติจีน ดังนั้น ตีมของการแต่งกายเพื่อเข้ากิจกรรมพรุ่งนี้คือลุคจีน จะแต่งยังไงก็ได้ ออ ถ้าแต่งดี แต่งโดน มีรางวัลนะ”
เสียงฮือฮาดังลั่นในใต้ถุน
“เอาล่ะๆ เงียบกันก่อน พรุ่งนี้คงต้องกลับดึกกัน ถ้าไงพี่ขอให้น้องๆ แจ้งผู้ปกครองด้วย พี่ขอจบกิจกรรมรับน้องของวันนี้เพียงเท่านี้ แยกย้ายกันพักผ่อนได้จ้า”
“น้องธามกลับยังไงลูก” พี่บีบี้ พี่ปีสองสาวสวยในร่างสูงทักผม ถ้าพี่บีบี้ไม่ส่งเสียงออกมา ให้ตายเหอะ ผมคงตกหลุมรักพี่แกแน่ๆ สวยหยาดเยิ้ม ดวงตาคู่หวานชวนมอง ต่อให้สูงกว่าผมจนต้องแหงนมองก็ไม่หวั่นนะ
“เดี๋ยวผมเดินกลับหอน่ะครับ”
“อยู่หอในนี่เอง ให้พี่ไปส่งไหม แต่ไปหาอะไรกินกันก่อน”
“เห้ยไม่เป็นไรครับพี่” ทำไมต้องมาเอ็นดูผมออกนอกหน้าด้วยละเนี่ย หรือว่าพี่เขาจะเป็นพี่รหัสผม
คณะผมมีธรรมเนียมปฏิบัติมาช้านานก็คือการปกปิดตัวตนของพี่รหัสเป็นความลับกับน้อง

“พวกพี่เขาอยากให้น้องรู้กันเองว่าใครเป็นพี่รหัสพวกเราแม่งต้องแสดงให้เห็นถึงความพยายามที่คู่ควร ถ้าพวกเราหาพี่เขาเจอก่อนวันเฉลย พี่เขาก็จะเป็นปลื้มมม” บรีส ..หนึ่งในเพื่อนใหม่ของผมบอกไว้

“เอ่อพี่ ผมเปลี่ยนใจล่ะ” โห กว่ากูจะคิดได้ พี่บีบี้เขาหน้าสลดเป็นผักข้ามวันไปล่ะ
“ดีเลย งั้นไปร้านซำบายเป๋ากัน”
ร้านเดิมที่ปรินซ์พาไปเมื่อวาน ..ไม่มีร้านอื่นรึไง “ได้หมดครับพี่”
“พี่ขอชวนเพื่อนไปอีกสองคนนะ”
“...”
“ธาม” เสียงเรียกคุ้นๆ ดังมาจากอีกฟากของใต้ถุน ปรินซ์มา.. มาทำไม
“มารับ” ปรินซ์ตอบหยั่งกับได้ยินว่าผมกำลังคิดอะไรอยู่
“กรี๊ดดดดด พี่ปรินซ์ซ์ซ์” พี่บีบี้ร้องเสียงหลง “พี่ปรินซ์มานี่มีอะไรรึเปล่าเอ่ย” เสียงพี่แกแม่งอ่อนนุ่มกว่าตอนคุยกับผมยี่สิบเท่า
“มารับน้องน่ะ”
“กรี๊ดดดด น้องของพี่ปรินซ์อยู่คณะนี้เหรอ คนไหน เดี๋ยวบีบี้จะดูแลอย่างดี”
ปรินซ์เอานิ้วชี้มาที่ผม
“ออออ น้องธามมมม โอ้ยยย ต่อให้ไม่ใช่น้องของพี่ปรินซ์ บีบี้ก็ว่าจะดูแลอย่างดีอยู่แล้ว คนอะไรหน้าตาน่าเอ็นดู นี่ก็ว่าจะจีบน้องไปเป็นลีดอยู่น้า”
“ไม่ต้องดูแลเป็นพิเศษหรอก”
“ได้ไงเล่า” พูดไป พี่บีบี้ก็บิดไป
“งั้นพี่ขอตัวก่อนนะ” ปรินซ์ส่งสัญญาณให้ผมเดินตาม
“ต้องไปกินข้าวกับพี่บีบี้” ผมบอกคนตัวสูงกว่าทันทีปรินซ์ส่งสายตาเย็นยะเยือกมาให้ผม
“กลับยังไง”
“เดี๋ยวบีบี้ไปส่งเอง พี่ปรินซ์ไปกินด้วยกันไหม” พี่บีบี้ส่งสายตาออดอ้อนปรินซ์ไม่สนใจแต่กลับเอาแต่มองมาที่ผม
“ตามใจ” แล้วปรินซ์ก็เดินไปขึ้นรถที่จอดอยู่ข้างคณะ
เชี่ย เย็นชาฉิบ
“งั้นเราไปกันเถอะน้องธาม” พี่บีบี้เก็บหน้าที่โคตรเหวออย่างรวดเร็ว ปั้นหน้าแบบว่า ‘ฉันยังโอเค’ มาพูดกับผม
   .
..ร้านซำบายเป๋า
โต๊ะเรามีพี่บีบี้ พี่เนท พี่บัว แล้วก็ผมพี่เนทกับพี่บัวเป็นสองสาวสวยดีกรีลีดคณะ สวยของจริง ขนาดว่าหน้าพี่เขามีแค่เครื่องสำอางบางๆ แสงไฟในร้านก็สว่างแค่สลัวผมเนียนมองหน้าพี่ๆ เขาที่นั่งฝั่งตรงข้ามอย่างเจตนา มองสลับไปสลับมา ..ฟิน
“นะน้องธาม มาเป็นลีดให้พวกพี่เถอะ”
บทสนทนาหลักระหว่างรออาหารก็คือการชวนผมไปเป็นลีดของคณะ ผมเนี่ยนะ! แต่ก็พอเดาได้แหละว่าทําไมต้องเป็นผม ก็คณะนี้มีประชากรผู้ชายน้อย ตัวเลือกก็เลยน้อย
“ไม่ไหวหรอกพี่ เดี๋ยวได้อับอายกันทั้งคณะ” ผมรู้ตัวดี ร่างกายก็ไม่ได้สตรองถึงขนาดให้ไปยืนทนแดดทนฝนกลางสนามได้ เรื่องออกท่าทางนับจังหวะยิ่งไม่ต้องพูดถึง สกิลต่ำเตี้ยเรี่ยพื้นราบ
“หน้าหนูผ่านเลยลูก ส่วนเรื่องท่า เรื่องสเต็ป ของมันฝึกกันได้” พี่บีบี้พูดไปก็เอามือมาไล้ๆตรงไหล่ผมไป
“ใช่เลยน้องธาม พวกพี่ก็ไม่มีใครเคยเป็นนะ ก็แค่ต้องฝึกแล้วก็ฝึก มันเป็นเกียรตินะ เป็นหน้าตาคณะด้วย” พี่บัวพูดพลางเอื้อมมือมาจับมือผมที่ถือช้อนอยู่บนโต๊ะ
“เอ่อ”
“ยังไม่ต้องให้คําตอบพวกพี่ก็ได้ เก็บไปคิดนะ พี่ให้เวลาอาทิตย์นึงไปตัดสินใจ”
“ว่าแต่ธามเป็นน้องแท้ๆ ของพี่ปรินซ์เหรอ” พี่เนทถาม ถ้าผมมองไม่ผิด พี่แกกำลังเขิน เพราะนอกจากหน้าจะแดงแล้ว พี่เนทยังเอานิ้วเรียวพันปลายผมม้วนไปม้วนมาอีก ..โคตรน่ารัก
“ไม่ใช่น้องแท้ๆหรอกครับ”
“ก็ว่าอยู่ แค่ขาวเหมือนกันสินะ” พี่บีบี้พูดไม่พอยังกลอกตาสแกนร่างกายของผมด้วย
ขนลุกกกกกกกก ไม่ใช่ผมไม่เคยเผชิญสถานการณ์นี้มาก่อน ตอนอยู่โรงเรียนเพื่อนสาวก็เยอะ ผมชอบด้วยซ้ำเพราะดูมีความจริงใจดี เลยไม่ได้รังเกียจอะไร แต่พวกมันแค่แซะผมเล่นไง ไม่ได้ดูเอาจริงเหมือนพี่บีบี้
“เอ่อ ผมว่าพวกเรากลับกันเลยไหมครับ พอดีเมทรอผมไปเปิดประตูให้น่ะครับพี่” ดีที่กินกันเสร็จพอดี ถ้าอยู่นานกว่านี้มึงเสร็จพี่บีบี้แน่ แต่ที่แย่กว่านั้นคือมึงกำลังโกหกอยู่ ถึงจะโกหกเพื่อเอาตัวรอดก็เหอะ ..ผิดข้อศีลมุสา
“อ่ะ โอเคๆ เอางี้ พี่ไปส่งน้องธามก่อนแล้วกัน พวกแกก็นั่งกินต่อกันไปก่อน” พี่บีบี้บอกเพื่อนสาว
“ไม่เป็นไรพี่ ผมกลับเองได้”
“หอในตั้งไกล ไปๆ เดี๋ยวเมทรอนานนะ”
ผมปฏิเสธยังไงพี่บีบี้ก็ยืนกรานจะไปส่ง ผมเลยยกมือไหว้ลาพี่เนทกับพี่บัวแล้วลุกเดินตามพี่บีบี้

“จะกลับแล้วใช่ไหม”
เสียงเย็นดังลอยมาเข้าหูผมทันทีที่ผมเดินพ้นประตูร้านซำบายเป๋าไอ้ปรินซ์อีกแล้ว!
ไอ้คนตัวสูงกว่าพูดทั้งที่ตัวเองยังติดภารกิจพัวพันอยู่ในวงล้อมของสาวสาวดูมันจะไม่ได้สนใจอะไรใครเท่าไหร่เพราะเล่นเดินผ่ากลางวงออกมาหาผม
“พี่ปรินซ์ เจออีกแล้ว สงสัยเพราะเมื่อเช้าบีบี้ทำบุญมาแน่เลย วันนี้เลยได้เจอตั้งสองครั้ง จะมีครั้งที่สามไหมน้า ในฝันคืนนี้ใช่ไหมเอ่ย” พี่บีบี้พูดทักทายปรินซ์ทันทีที่ปรินซ์เดินมาถึงในระยะได้ยินเสียง
“กลับเลยไหม” ปรินซ์ไม่ตอบพี่บีบี้ แต่กลับหันหน้ามายิงคำถามใส่ผม
“...”
พอปรินซ์เห็นว่าผมไม่ตอบ ปรินซ์เลยหันไปเปิดบทสนทนากับพี่บีบี้ “เอ่อน้อง..”
“บีบี้ค่ะ” พี่บีบี้ยิ้มหวานตอบ
“ออ น้องบีบี้ ถ้าไงพี่ขอพาคนของพี่กลับก่อนนะ”
“..คนของพี่ปรินซ์..เหรอคะ”
“…” ปรินซ์ยิ้มรับคำ ส่วนผมก็ยืนยิ้มเจื่อนๆ ‘คนของพี่’ หมายถึงผมงั้นเหรอ? ผมมองพี่บีบี้ที่กำลังทำหน้าไม่เข้าใจ ผมรู้ในทันทีว่าพี่เขาคิดอะไรอยู่
“ผมเป็นแค่น้องข้างบ้านที่โตมาด้วยกันกับปรินซ์น่ะพี่บีบี้ เราเลยค่อนข้างสนิทกัน ปรินซ์ก็ไม่มีน้อง ผมเลยเป็นของเล่นของปรินซ์มาตลอดน่ะครับ พี่บีบี้อย่าคิดไปไกล”
“อออออ อย่างนี้นี่เอง” พี่บีบี้พยักหน้าอย่างพยายามเข้าใจ
“งั้นผมขอตัวกลับก่อนนะครับพี่บีบี้ สวัสดีครับ” ผมลากปรินซ์เดินห่างจากพี่บีบี้อย่างเร็ว จะไม่รอให้ปรินซ์พูดอะไรคลุมเครือจนเป็นมลทินให้กับตัวผมได้อีก ผมรีบจ้ำอย่างไว ไอ้คนตัวสูงกว่าก็ยอมเดินตามมาโดยดี พอถึงลานจอดรถ ผมก็เดินไปหยุดหอบที่รถปรินซ์ทันที ผมจำได้อยู่แล้วว่ารถของปรินซ์คันไหน
“ไมพูดแบบนั้นวะ”
“...”
“มึงพูดเหมือนกับว่ากูกับมึงเป็นอะไรกัน ถ้าพี่บีบี้เขาเข้าใจแบบนั้นแล้วถ้าเขาไปบอกต่อล่ะ กูไม่ต้องมานั่งรับมือกับแฟนคลับของมึงรึไง” รู้เลยว่าตัวเองกำลังโมโหไอ้คนตัวสูงกว่าจริงๆ ผมอาจจะคิดมากเกินไปก็ได้ แต่ไม่ว่าจะยังไง ..คิดมากก็ดีกว่าคิดน้อย
ปรินซ์ไม่ตอบแถมยิ้มมุมปาก เอามือหนักๆ มาขยี้หัวผมหนึ่งที แล้วก็กดรีโมทรถ เปิดประตูให้ผมขึ้นไปนั่ง ใครจะไปยอมกลับกับไอ้คนที่เพิ่งสร้างปัญหาให้วะ..แต่ถ้ากลับเองก็ต้องเดินอีกไม่ต่ำกว่ายี่สิบนาที ถ้าจะรอแท็กซี่ก็น่าจะนาน เปลืองตังอีกตังหากเออ.. ขึ้นรถไอ้ปรินซ์ก็ได้วะ
“ทำไมนั่งข้างหลัง” ปรินซ์ถามผมทันทีเมื่อผมหย่อนก้นลงนั่งบนเบาะนุ่มด้านหลังราวกับเป็นเจ้าของรถที่มีสารถีส่วนตัวคอยขับรถรับส่ง
“ก็จะนั่งข้างหลัง”
“จะมานั่งข้างหน้าดีๆ หรือจะให้พี่โทรหามาม๊าครับ” น้ำเสียงอ่อนโยนแถมยังคำลงท้ายแบบนั้นของไอ้ปรินซ์ทำผมขนลุก ไหนจะดวงตาคู่คมที่มองผ่านกระจกหน้ารถนั่นอีก
“..อย่าเอาม๊ามาอ้าง ตอนนี้ม๊านอนแล้ว”
ถึงผมจะพูดแบบนั้น แต่ปรินซ์มันก็ยังหยิบมือถือสุดแพงของมันขึ้นมามันกดชื่อม๊าบนหน้าจอโทรออกให้ผมเห็นจะจะ
เชี่ยปรินซ์!
รีแอคชั่นของร่างกายผมมันตอบโต้เร็ว เผลอๆ สมองยังไม่ทันได้ออกคำสั่งด้วยซ้ำ ผมพุ่งตัวไปนั่งหน้ารถอย่างไว
ผมแพ้มันจนได้!!
.
.
..หอ
..บอส / ธาม
“หงุดหงิดไรวะไอ้ธาม” ไอ้บอสเพื่อนเลิฟที่กำลังนอนเอกเขนกอยู่บนเตียงถามผมทันทีที่ผมโผล่ตัวเข้าไปในห้อง
“กลับมาได้แล้วเหรอมึง หายหัวไปทั้งคืนเลยนะ ทิ้งเพื่อนอย่างกูได้”
“เออ ก็เมื่อคืนสาวๆรั้งกูไว้ จะใจร้ายไม่สนใจคำขอมันก็จะดูไม่สุภาพบุรุษว่ะ”
“เหรออออ”
“นี่พี่ปรินซ์มาส่งอ่ะดิ”
“เออ มึงรู้ม่ะ ปรินซ์แม่งทำตัวเป็นแม่กูเลย ตามไปรับที่คณะไม่พอ ยังตามไปรับที่ซำบายเป๋าอีก กูโตแล้วนะเว้ย”
“โอยยยยย อิจฉาโว้ยยยยย เทพของโรงเรียนตามรับตามส่งมึง กูอยากมีประสบการณ์นี้บ้าง”
“มึงหยุดทำหน้าเคลิ้มเลย ปรินซ์มันเป็นผู้ชายนะเว้ย มึงจะปลื้มอะไรกันนักกันหนาวะ หรือมึงชอบผู้ชาย”
“เอาจริงๆ ป่ะ หญิงก็ได้ชายก็ดีเว้ย”
“...” ผมอึ้งกับคำตอบของมัน
“ไอ้ธาม นี่มันยุคไหนแล้ว ยุคนี้ความรักมันไม่จำกัดเพศแล้วโว้ย”
“แต่การขยายเผ่าพันธุ์จะไม่เกิดขึ้นถ้าเพศเดียวกันแม่งได้กันเอง ..ไหมวะ”
“หลอดแก้วก็ได้ไหมมึง แม่อุ้มบุญก็มี อีกอย่างตอนนี้ปริมาณมนุษย์ก็ล้นโลกแล้วคนยิ่งเยอะคุณภาพชีวิตก็ยิ่งแย่ ทรัพยากรก็ร่อยหรอ ไงมึง คล้อยตามกูเลยไหม”
“...”
“ไอ้ธาม ความรักน่ะ มึงเลือกไม่ได้หรอกว่ามันจะเกิดขึ้นที่ไหน เมื่อไหร่ กับใคร มันเป็นเรื่องของหัวใจที่บางทีมึงเอาเหตุผลจากสมองมาอ้างอิงไม่ได้”
“…”
“และมึง อย่ามาทําเป็นรําคาญพี่ปรินซ์เด็ดขาด มึงต้องไม่ลืมว่าพี่ปรินซ์คือแรร์ไอเท็ม ใครได้พี่ปรินซ์ไปครองคือปรินซ์เซสเลยนะเว้ยยยยย”
“ปรินซ์เซสเชี่ยไร กูไม่ขำ”
“ก็ม๊าสั่งพี่เขามา มึงจะคิดไรเยอะวะ”
“แต่กูว่ามันเยอะไปไง”
“เดี๋ยวเปิดเทอม เขาก็ไม่ว่างมาดูแลปรินซ์เซสอย่างมึงแล้ว มึงอย่ามาบ่นคิดถึงพี่เขาให้กูได้ยินก็แล้วกัน”
..มึงจะไม่มีวันได้ยินแน่นอน
.
.
.
หัวข้อ: Re: YR Mine นายผู้ปกครอง - รักลุ้นๆ ของคนพี่ที่ดันมีพี่ว๊ากเข้าเผือก Ep.01-04
เริ่มหัวข้อโดย: After5p.m. ที่ 07-06-2019 11:40:48
03
ภาวะนำใจ
.
.
..ปรินซ์
..หกปีก่อน
   
“ไอ้ปรินซ์วิ่งเร็วมึงงงงง!!!!” เสียงของพี่โจ๊ก รุ่นพี่มอห้าขาโจ๋ประจำโรงเรียนมัธยมที่ผมกำลังเรียนอยู่เสียงพี่มันดังขึ้นในระยะห่างจากผมประมาณแค่สองเมตร แต่ถึงพี่มันจะตะโกนเสียงดังมากแค่ไหนก็ดึงสติของผมให้ทําตามที่พี่มันบอกไม่ได้ หูผมดับ ปิดการรับรู้ไปเรียบร้อยแล้ว เพราะผมกําลังเมาหมัดซัดคู่อริต่างสถาบันไม่สนใจด้วยซ้ำว่ามันใช่คู่อริไหม อาจจะเป็นพวกเดียวกันที่โดนผลักโดนดันจนมายืนเสนอหน้าใกล้ๆ ก็ได้ เอาเป็นว่าใครเข้ามาในรัศมีสายตา ผมก็ง้างหมัดอัดหน้ามันหมดคงเพราะตอนนี้ฟ้ามืดเหมือนฝนใกล้ตก ทัศนวิสัยเลยแย่ หรือจริงๆ แล้วเพราะตาของผมมันบวมจนเกือบปิดจากที่โดนต่อย ..มองเชี่ยไรแม่งไม่ชัดสักอย่าง
“ไอ้เชี่ยปรินซ์มึงต้องวิ่งแล้ว ปล่อยพวกมันไป พ่อมึงแห่มาแล้ว เร็วววว เดี๋ยวโดนจับ!!” พี่โจ๊กทั้งพูดทั้งกระชากคอเสื้อนักเรียนของผม แต่เลือดมันเข้าตาผมซะแล้ว ผมสะบัดตัวเองออกจากการดึงรั้งของรุ่นพี่ครั้งแล้วครั้งเล่า ผมว่าผมน่าจะเผลอต่อยพี่มันเข้าสักหมัดสองหมัดด้วยซํ้า
.
.
..สามชั่วโมงก่อนหน้านั้น
..แท็งก์นํ้าข้างโรงเรียน
“วันนี้ศึกใหญ่พวกเราไม่ตํ่ากว่าห้าสิบ มึงจะไปไหม”
“ไม่พลาด”
“ดีมากไอ้น้อง อย่าลืมตามเพื่อนมึงมาด้วย ศักดิ์ศรีของพวกเราจะให้ใครมาหยามไม่ได้ ศักดาของพวกเราแม่งต้องระบือไกล” บทสนทนาสั้นๆ แต่เข้าใจไม่ยากระหว่างพี่โจ๊กกับผม มันเป็นการเชิญชวนให้ยกเพื่อนพาพวกไปตีกันกับคู่อริต่างสถาบัน..
พวกเราดักรอใกล้ๆ ป้ายรถเมล์หน้าโรงเรียนของพวกมัน อาวุธที่พอหาได้ถูกเหน็บอยู่ในกางเกงพร้อม ส่วนผมนั้นอาวุธไม่ต้องมี แค่พาร่างนักกีฬาที่สูงใหญ่ กล้ามเนื้อที่แข็งแกร่งจากการวอร์มทุกวันมาก็พอ รุ่นพี่หลายคนชอบผมก็ด้วยเหตุผลเหล่านี้ ใจกล้าร่างแกร่ง
เวลาผ่านไปราวครึ่งชั่วโมง แม้เหงื่อจะไหลเพราะอากาศร้อน แต่ความอดทนของพวกเราก็ไม่ลดลง ทันทีที่กลุ่มศัตรูปรากฏตัว พวกเราก็พุ่งเข้าหาราวเข็มที่ถูกซัดออกไปจากมือของจอมยุทธ พวกมันมากันเจ็ดคน ฝั่งเราเป็นต่อ งานนี้คงไม่ยืดเยื้อ แต่ผมคิดผิด พวกของมันแห่มากันแทบจะทั้งโรงเรียน บางทีพวกเราคงเลือกโลเคชั่นผิด มันใกล้กับถิ่นพวกมันมากเกินไป ถ้าเทียบกันเรื่องจํานวน พวกผมแพ้สนิท แต่แทนที่จะวิ่งหนีต่อข้อเสียเปรียบนี้ พวกผมกลับฮึกเหิม แลกหมัดแลกอาวุธไม่ยั้ง เกิดเป็นลูกผู้ชายทั้งที ศักดิ์ศรีที่มีแม่งต้องรักษาให้ได้!!
.
..ปัจจุบัน
“ไอ้ปรินซ์ซ์ซ์ซ์พ่อมึงมานู้นแล้วววว! พอก่อน!! เดี๋ยวติดคุกกก!!” ในที่สุดเสียงของพี่โจ๊กก็ดึงสติของผมออกจากการแลกหมัดอย่างเมามันได้สำเร็จ และได้สติว่าเรื่องร้ายกําลังวิ่งใกล้เข้ามา
“เร็วสิโว้ยย!!!” พี่โจ๊กส่งเสียงเร่งผม
ศัตรูเองก็เปลี่ยนท่าที พวกมันมองหน้ากันเลิ่กลั่ก คงชั่งใจว่าจะซัดต่อหรือว่าจะวิ่งหนี ถ้ามีใครสักคนนําพวกมันก็จะทําตาม แต่ถ้าเสียเชิงเป็นคนเปิดก่อน ก็จะกลายร่างเป็นหมาในสายตาพรรคพวกทันที..ผมก็เช่นกัน
ทุกอย่างเกิดขึ้นเร็วจนผมแทบจะประมวลภาพตามไม่ทันตํารวจทั้งกองวิ่งล้อมกรอบพวกเราเข้ามา ในมือของแต่ละคนมีทั้งโล่กําบังกับไม้กระบอง ผมเองเมื่อกวาดสายตาไปรอบๆ ก็เริ่มตื่นตระหนก การตีกันครั้งนี้มันคงเป็นครั้งใหญ่ที่สุดที่ผมเคยเข้าร่วม เพราะไม่เคยมีครั้งไหนที่ตํารวจจะแห่มาเยอะขนาดนี้นาทีนั้นเองที่พวกเราเปลี่ยนสถานะจากศัตรูเป็นมิตรรู้ใจ พร้อมเพรียงพากันออกวิ่งกระจัดกระจายไปทุกทิศทุกทางที่ตรงกันข้ามกับกองกำลังอันถูกกฎหมาย
มือของพี่โจ๊กกุมกระชากข้อมือของผมแน่นในหัวคิดอะไรไม่ออกแค่ปล่อยให้ขาสองข้างวิ่งตามแรงลากของพี่มันผมตัวสั่น หัวใจเต้นแรงความหวาดหวั่นเกิดขึ้นในใจ ผมกลัวที่จะต้องโดนจับ กลัวป๊าม๊าจะรู้ กลัวที่จะไม่ได้ไปโรงเรียน กลัวที่จะสูญเสียเวลาวัยรุ่นไปกับการติดคุก ผมกลัว..

ผมกับพี่โจ๊กซ่อนตัวอยู่ภายในซอยแคบๆ ขณะที่เสียงเกือกม้าของบูทตํารวจกําลังดังใกล้เข้ามา
“มึงเงียบๆ” พี่โจ๊กที่กำลังนั่งยองๆ อยู่ข้างตัวกระซิบบอกผมเบาๆ ไม่รู้ตัวเลยว่ากำลังสะอื้นออกมาอย่างคนไร้สติ พยายามจะกลืนเสียงในลำคอให้หยุดเงียบ แต่ผมก็กดปิดเสียงของตัวเองไม่ได้
เสียงรองเท้าตำรวจดังใกล้เข้ามามากขึ้น ..ไม่ใช่แค่หนึ่งหรือสอง แต่อาจจะเป็นสิบ!
“ไอ้ปรินซ์มึงเงียบ!!” เสียงดุที่เบาที่สุดของพี่โจ๊กกระซิบที่ข้างหูผม ผมพยักหน้ารับ แต่ผมก็ควบคุมร่างกายของตัวเองไม่ได้ มันสะอื้นหนักขึ้น สั่นมากขึ้น หัวใจเต้นแรงขึ้น
“มึงหลบอยู่ตรงนี่ อย่าออกไป” พี่โจ๊กออกคําสั่งกับผมเสร็จก็ลุกขึ้นเต็มความสูง พี่มันวิ่งไปหน้าปากซอยก่อนจะหายตัวไปทางด้านซ้ายของปากซอย..หลังจากนั้นเพียงอึดใจ ตํารวจก็วิ่งไล่ตามพี่มันไปเสียงรองเท้าของทุกคนค่อยๆเบาลงเพราะระยะความห่างที่ค่อยๆ ไกลออกไป..ในที่สุดผมก็ได้ยินแค่เสียงสะอื้นของตัวเอง

เวลาผ่านไปนานแค่ไหนผมไม่รู้ รู้แค่ว่าซ่อนตัวอยู่ตรงนั้นนาน นานจนเหน็บกินไปทั้งตัว เพราะผมไม่กล้าขยับตัวแม้สักนิด ผมหยุดสะอื้นสติเริ่มกลับมา ในหัวคิดอยู่สองอย่าง หนึ่งคือภาวนาให้พี่โจ๊กรอด และสองไปหาธาม..
.
.
..บ้านธาม
จู่ๆ ฝนก็ตกกระหน่ำหนักในค่ำคืนนี้ทั้งที่พยากรณ์ไม่ได้บอกแจ้ง ร่างบางของธามซุกตัวอยู่ใต้ผ้านวมหนาพร้อมพักผ่อนเพราะอากาศเย็นชวนนอน ไม่ก็เพราะงานกีฬาสีของโรงเรียนในวันนี้หนักหนาจนเขาเพลียเหนื่อย ถึงจะรับหน้าที่เป็นเพียงกองเชียร์นั่งส่งเสียงบนสแตนด์ก็เถอะ คืนนี้เขาเลยเข้านอนเร็วกว่าปกติ แต่ถึงสติที่มีจะใกล้ปิดเต็มที เขาก็ยังได้ยินเสียงโวยวายของม๊ากับป้าๆดังเบาๆจากชั้นล่างอยู่ดี
“ปรินซ์ซ์ซ์ ตายแล้ว! เกิดอะไรขึ้น!! เข้ามาเร็ว” เสียงของมาม๊าดังโหวกเหวก “เจ็งไปหยิบกล่องยาหมวยไปเอาผ้าเช็ดตัว!”
เสียงของม๊าดังซ้อนกันกับเสียงฝน ดังอยู่อย่างนั้นจนผมเริ่มมีสติตื่นแล้วก็คิดว่าตัวเองควรลงไปรับรู้ได้แล้วว่ามันเกิดอะไรขึ้นข้างล่าง ถ้าได้ยินไม่ผิดเมื่อกี้ม๊าพูดชื่อปรินซ์.. เออไอ้ปรินซ์ นี่มันกี่โมงแล้วทำไมเพิ่งกลับมาวะ ผมลุกจากเตียงแบบงัวเงีย สองเท้าเดินลงไปตามบันไดไม้ ผมเห็นม๊ากับป้าป้ากำลังรุมล้อมใครสักคนอยู่ ..มองไม่ถนัด ผมเลยค่อยๆเดินใกล้เข้าไปแล้วก็ใกล้เข้าไป
ปรินซ์กำลังนั่งอยู่บนเก้าอี้ที่มีพนักพิง ม๊ากำลังเอาสำลีเช็ดเลือดที่ไหลอยู่ตรงมุมปากของคนตัวสูง ป้าเจ็งกำลังเตรียมสำลีลูกต่อไปเพื่อส่งให้ม๊า ส่วนป้าหมวยกำลังเช็ดหัวเช็ดตัวให้ปรินซ์ด้วยความเบามือ ร่างหนาของปรินซ์กำลังสั่น คงหนาวจากไอฝนที่สาดเปียกไปทั้งตัว
ปรินซ์ไม่พูดไม่จา เอาแต่พยักหน้ากับส่ายหน้าเมื่อม๊าถามว่าเจ็บไหม แรงไปไหม ปรินซ์ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าผมอยู่ตรงนั้น ทั้งที่ผมยืนจ้องมองอยู่ใกล้จนแทบหายใจรดคงเพราะตาทั้งสองข้างของปรินซ์บวมเป่งปิดจนมองไม่เห็นอะไรอีกแล้ว ผมยกมือขึ้นปิดปากแน่น กลัวว่าตัวเองจะเผลอส่งเสียงอะไรออกมา ม๊าหันมามองผม เอานิ้วมือทาบที่ปากเพื่อบอกให้ผมเงียบเสียงไว้ ถึงม๊าไม่บอก ผมก็ไม่กล้าส่งเสียงให้ปรินซ์มันรู้..มันต้องอายมากแน่ๆ
ปรินซ์ฝืนกินโจ๊กอุ่นๆ ด้วยความทรมานเพราะปากที่บวมปวด กินไปได้แค่สองคำปรินซ์ก็ส่ายหัวปฏิเสธก่อนจะรับยาแก้ปวด ยาแก้อักเสบ ที่ม๊าเตรียมไว้ให้ แล้วกลืนลงคอไป ม๊ายิ้มพอใจก่อนจะหันมาลากผมหลบออกห่างจากปรินซ์ ม๊ากระซิบบอกให้ผมขึ้นไปห้องนอน เตรียมเสื้อผ้าให้ปรินซ์เปลี่ยน ผมรีบทำตามที่ม๊าสั่ง พอเสร็จก็กระโดดขึ้นเตียงนอน เอาผ้าห่มคลุมตัวทำเหมือนว่านอนหลับไปแล้ว ไม่นานม๊ากับป้าก็ช่วยกันพยุงปรินซ์เข้ามาในห้อง ปรินซ์ยืนยันกับม๊าว่าเปลี่ยนเสื้อผ้าเองไหว ม๊ากับป้าป้าจึงออกจากห้องไป
ปรินซ์นอนห้องเดียวกันกับผมมาตลอดตั้งแต่เด็ก ก็ทุกครั้งที่พ่อแม่ของปรินซ์ต้องไปทำงานไกล จนในห้องต้องมีเตียงอีกเตียงสำหรับปรินซ์โดยเฉพาะแต่นั่นก็หลังจากที่ทั้งผมทั้งปรินซ์ตัวโตขึ้นจนนอนเตียงเดียวกันไม่ได้
ร่างใหญ่ของปรินซ์หายเข้าไปในห้องน้ำนาน นานจนน่าเป็นห่วง ผมเลยลุกจากเตียง ย่องเข้าไปใกล้หน้าประตูห้องน้ำจู่ๆ เสียงลูกบิดประตูหมุนดัง ผมหันตัวกลับรีบกระโจนกลับขึ้นเตียง หวังว่าปรินซ์จะไม่ทันเห็น
ปรินซ์นอนลงที่เตียง อีกพักใหญ่ปรินซ์ถึงหลับสนิทผมสังเกตจากเสียงลมหายใจที่สม่ำเสมอ ผมถอนหายใจ ..หลับได้สักที
.
.
..ตี 5
..หน้าห้องนอน Vs ในห้องนอน
..ปรินซ์
“ธามเป็นอะไร ทำไมมานั่งอยู่ตรงนี้”
“...”
เสียงเบาๆ ดังมาจากข้างนอกห้อง มันเล็ดลอดเข้ามาในความง่วงของผม..บทสนทนาระหว่างม๊าของธามกับธาม
“หยุดร้องได้แล้ว เป็นอะไร ทำไมไม่นอน”
“ปรินซ์ครางทั้งคืนเลย..”
“ธามเลยนอนไม่หลับ?”
“ไม่ใช่”
“...ห่วงปรินซ์เหรอ”
“...”
“เจ้าเด็กติ๊งต๊องของม๊า มาๆ กอดที”
“หยุดร้องได้แล้ว เดี๋ยวปรินซ์จะตื่น ต้องให้ปรินซ์นอนพักเยอะๆรู้ไหม อย่าไปกวน”
“ก็นี่ไง เลยออกมาข้างนอก”
“ยังจะเถียงอีกนะ ไปนอนห้องม๊าก่อนไหม อีกตั้งเป็นชั่วโมงกว่าจะต้องเตรียมตัวไปโรงเรียน”
“..ไอ้เอา เอี๊ยวอับไออู่เอ็นเอื่อนอิ๊น”
“ม๊าขอแปลก่อน ไม่เอา เดี๋ยวกลับไปอยู่เป็นเพื่อนปรินซ์ ใช่ไหม”
“อือ”
“ขี้แยจริงๆลูกใครเนี่ย ปรินซ์เขาเจ็บขนาดนั้นยังไม่ร้องสักแอะ”
“...”
ผมจินตนาการภาพของธามในตอนนี้ได้ไม่ยากเพราะเห็นบ่อย ความขี้สงสาร ความขี้เห็นใจ ความขี้เซนสิทีฟ ธามมีครบทุกขี้ บางทีแค่ฟังข่าวของคนตกทุกข์ได้ยากก็น้ำตาคลอ เห็นหญิงชรานั่งขอบริจาคก็ต้องรีบหยิบเงินให้ หลายครั้งที่ผมเคยคัดค้านการทำความดีของธาม ก็โลกทุกวันนี้มันมีแต่ความหลอกลวง ธามกลับตอบผมด้วยน้ำเสียงเย็นว่า
“ความดีน่ะทำไปเถอะ แค่เรารู้สึกว่ามันโอเค ไม่ผิดบาป ไม่ผิดต่อใคร มันก็ดีต่อใจของเราแล้ว ส่วนเขาจะชั่วจะเลวจะหลอก มันก็เป็นส่วนของเขา ถ้าเรารับรู้มากไป จับผิดมากเกินไป การทำดีของเรามันก็จะเสียเปล่า”
..สาธุ

ธามกลับเข้ามาในห้องด้วยการเดินที่เบาเสียงที่สุด คงกลัวทําผมตื่น ธามเดินเข้ามาหาผมที่เตียง ลมหายใจอุ่นๆของธามรดหน้าผม ธามเอามือเล็กมาแตะที่หน้าผากผมเบาๆ และถอนหายใจ
“ต้องเจ็บมากแน่เลย” ธามไม่ได้ถามผม แต่ธามกําลังพูดกับตัวเอง
“ตีกันมันน่าสนุกตรงไหน ตีกันแล้วได้อะไร”
“...”
“ออ ได้แผล”
“...”
ผมเกือบจะหลุดขำ แต่ก็ทําไม่ได้อยู่ดี เพราะปากได้แผลเหมือนที่ธามว่า
“หายไวๆ นะปรินซ์”
ผมยิ้ม หวังว่าธามจะไม่เห็น
.
เช้าวันต่อมา มาม๊าของธามจัดการลาหยุดที่โรงเรียนให้ผม มาม๊ารู้ดีว่าร่างกายของผมมันสะบักสะบอมจนขยับแทบไม่ได้..มาม๊าของธามรู้ใจผมเสมอ และที่ยิ่งไปกว่านั้นคือมาม๊าไม่โทรไปบอกป๊ากับม๊าของผมที่กำลังเดินทางไกล คงกลัวว่าจะเป็นห่วง หรือไม่ก็กลัวว่าผมจะโดนป๊าตี ป๊าตีผมทุกครั้งที่ผมมีเรื่องชกต่อย ดีที่ครั้งนี้ป๊าม๊าไปจีนสองอาทิตย์ หวังว่ารอยแผลรอยช้ำจะดีขึ้น ก่อนที่พวกมันจะทําให้ผมโดนตีซํ้า ป๊าไม่เคยปรานีผมเลยทั้งที่ผมยังเจ็บอยู่ ผมเคยได้ยินป๊าพูดกับมาม๊าของธามว่า
“ตีให้เจ็บจะได้จำ โดนซ้ำจะได้รู้ว่าสิ่งที่มันทำ จะทำให้มันเจ็บซ้ำๆ”
ป๊าจะไปรู้อะไร ในวงการตีกัน ใครๆ ก็ยอมรับผมทั้งที่ผมเพิ่งเข้าร่วมได้ไม่นาน ผมไม่สนใจว่าป๊าจะคิดยังไง..คนที่ไม่มีเวลาให้ ไม่ควรมีสิทธิ์สั่งสอนว่าอะไรควรหรือไม่ควร ..ผมโตแล้ว เลือกเองได้ว่าตัวเองจะเป็นอะไร จะทำอะไร
..แต่ผมไม่เคยเห็นว่าป๊าแอบไปปาดน้ำตาทุกครั้งที่ตีผมเสร็จ
.
ธามหยิบกระเป๋าเตรียมไปเรียนตามปกติ ไม่มองผมด้วยซ้ำตอนที่จะออกจากห้องนอน
“จะไปเรียนแล้วเหรอ”
“ตื่นแล้วเหรอ”
“อืม”
“ไปเรียนไม่ไหวดิ”
“...”
“ทำตัวโง่ว่ะ”
ธามด่าผม ด่ามันทั้งที่ไม่หันหน้ามามอง
“เท่ตรงไหนวะ เจ็บปางตาย”
“...”
“ไม่ดิ ถ้าเก่งจริง คงไม่เละขนาดนี้”
“...”
ธามพูดถูก ผมมันไม่เก่งจริง คิดเข้าข้างตัวเองมาตลอดว่าตัวใหญ่ แรงเยอะ ผลักใครใครก็ล้ม ..มันไม่จริงสักนิด ต่อให้แกร่งแค่ไหนก็ไม่มีใครรอดในเวทีมวยหมู่ที่คำขู่เรื่องศักดิ์ศรีไม่มีน้ำหนัก อีกอย่างคือไอ้ความคิดที่ว่าเจ็บแค่นี้เดี๋ยวก็หาย ร่างกายมันฉลาด ..โคตรจะเชื่อถือไม่ได้ ครั้งนี้ผมเจ็บหนัก แผลภายนอกอาจไม่หนักเท่าแผลชํ้าข้างใน ตอนนี้จะขยับกระทั่งแค่นิ้วเท้าก็ยังทำไม่ได้ ไอ้ที่พอขยับได้ก็มีแต่ปาก
“เดี๋ยวไปบอกม๊าให้ว่าปรินซ์ตื่นแล้ว”
“...”
ธามหันหน้ามามองผมในที่สุด ก่อนที่ธามจะหายไปหลังประตูที่ปิดลง
..ธามกําลังร้องไห้
ผมอึ้งเพราะไม่เคยเห็นธามทําหน้าเศร้าขนาดนี้ ..เป็นเพราะผมงั้นเหรอ
.
.
หัวข้อ: Re: YR Mine นายผู้ปกครอง - รักลุ้นๆ ของคนพี่ที่ดันมีพี่ว๊ากเข้าเผือก Ep.01-04
เริ่มหัวข้อโดย: After5p.m. ที่ 07-06-2019 11:41:31
04
การจากกัน
.
.
มาม๊ากับป้าป้าของธามผลัดกันขึ้นมาดูแลผมอย่างดี ผมมีหน้าที่แค่กินกับนอน พอตื่น เบื่อๆ ก็ลุกอย่างยากลําบากไปหยิบการ์ตูนบนชั้นมาอ่าน เป็นการ์ตูนที่ผมกับธามเอามาจัดไว้ เราชอบอ่านการ์ตูนเรื่องเดียวกัน อย่างวันพีช นารุโตะ บลีช คินดะอิจิ โคนัน เราจะนั่งดูการ์ตูนอนิเมะด้วยกันหลังทำการบ้านเสร็จ ไม่ก็นอนอ่านการ์ตูนบนเตียง ผมกับธามอยู่ด้วยกันแทบจะตลอดเวลาเว้นแค่เวลาเข้าห้องเรียนหรือเวลาที่เราจะต้องอยู่ในโลกของตัวเองบ้างอย่างตอนเข้าห้องน้ำ ผมว่านี่คือช่วงเวลาที่โคตรดี มีคนที่คุยภาษาเดียวกัน สนใจในเรื่องเดียวกัน แชร์เวลาสนุกด้วยกัน แต่พอธามขึ้นมอหนึ่ง ธามมีเวลาให้ผมน้อยลง เพราะต้องปรับตัวเข้ากับเพื่อนใหม่ สังคมใหม่ การเรียนแบบใหม่ๆ ไหนจะเรียนพิเศษ ทำกิจกรรม ผมรู้แล้วก็เข้าใจเพราะผ่านมาก่อน แต่ต่างกันตรงที่ผมไม่เคยคิดจะเข้าร่วม หรือทำไรเหมือนกับที่ธามทำ แค่เข้าเรียนกับเล่นบอลก็พอ ส่วนผม..พอขึ้นมอสามก็โดนย้ายจากห้องเด็กเก่งไปเรียนอยู่ในห้องที่มีพวกเด็กเกเรกว่าครึ่ง ผมเป็นเด็กใหม่หน้าละอ่อนร่างยักษ์ที่ดูยียวนในสายตาพวกนั้น หลังเลิกเรียนวันแรกของวันเปิดเทอม ผมเลยโดนนัดเจอหลังโรงเรียนตามสูตร
“หนึ่งต่อหนึ่ง” พวกนั้นบอก
“...” ผมไม่ตอบอะไร แค่ปล่อยให้สัญชาตญาณการเอาตัวรอดจากหมัดและตีนมันทำงานไปเองตามธรรมชาติ
ครึ่งชั่วโมงให้หลัง ผมก็กลายเป็นคนที่พวกนั้นยอมรับและเคารพ ผมรู้สึกดี การได้เป็นผู้นำในคนกลุ่มๆนึง มันทำให้ผมศรัทธาในตัวเองแล้วก็ภูมิใจกับการอยู่ในกลุ่มก้อนที่ให้ความเชื่อมั่นในตัวผม ..ผมถลำลึก ผมกลายเป็นพลเมืองคนสำคัญของกลุ่มเด็กเกเรประจำโรงเรียน ใครมีเรื่อง มีปัญหาทะเลาะวิวาทที่ไหนกับใคร ผมเป็นต้องโดดเข้าไปร่วม มันคือความกระหายเลือดของวัยรุ่น ชัยชนะที่รออยู่ข้างหน้าคือรางวัลตอบแทนที่แลกมาด้วยความเจ็บปวด เสียงเยินยอจากคนร่วมสถาบันยิ่งโหมความกล้าบ้าบิ่นให้มีมากขึ้นในทุกครั้งที่ทำศึก และสุดท้ายผมก็ลืมว่าช่วงเวลาความสุขที่แท้จริงคือตอนไหนกันแน่

Rrrrr
“ค่ะ แม่ของธัญญ์ค่ะ” เสียงของมาม๊าดังอยู่ไม่ไกลจากห้องของธาม
“ตอนนี้อยู่ที่โรงพยาบาลไหนคะ!! ค่ะ ค่ะ จะรีบไปด่วนเลยค่ะ ฝากดูแลธามด้วยนะคะคุณครู” เสียงของมาม๊าฟังดูทั้งตกใจ กระวนกระวาย ..ต้องเกิดเรื่องแน่ ผมรีบกะเผลกไปที่ประตูแล้วเงี่ยหูฟัง
“อาหมวยเอารถออก อาเจ็งเร็วเข้า!!” มาม๊าร้องเรียกป้าป้าของธามเสียงดังลั่นบ้าน
“มาม๊าครับ เกิดอะไรขึ้น” ผมตะโกนลงจากบันไดชั้นสอง ขณะที่สองเท้าค่อยๆ เดินลงบันได มาม๊าเงยหน้าขึ้นมามองผม มาม๊าหน้าซีดไร้สี ดวงตาแดงก่ำใกล้ร้องไห้
“ธามมมม ธามมมม ครูโทรมาให้มาม๊ารีบไป อยู่โรงพยาบาล บอกว่าเจอพวกเด็กโรงเรียนอื่น ธามเดินอยู่หน้าโรงเรียน แล้ว แล้วก็..” มาม๊าตอบไม่เป็นภาษา ผมรีบเดินลงบันไดไปจับมือมาม๊าไว้ มือมาม๊าของธามเย็นเฉียบ
“ผมไปด้วยนะ”
“...” มาม๊าพยักหน้า

พวกเราใช้เวลาอยู่บนรถแค่สิบห้านาที แต่เป็นสิบห้านาทีที่แสนยาวนาน ผมเห็นน้ำตาของมาม๊าจากที่นั่งด้านหลังผ่านกระจกมองข้าง ปกติมาม๊าของธามจะเป็นคนที่แกร่งที่สุดในบ้านถึงจะเป็นน้องคนเล็ก ส่วนป้าหมวยกำลังตัวสั่น ขับรถไปด่าการจราจรไปทั้งที่ปกติเป็นคนใจเย็นที่สุดในบ้าน ส่วนป้าเจ็งที่นั่งข้างผม ก็เอาแต่หลับตาสวดภาวนาอะไรสักอย่างอยู่ในใจ ขณะที่ผมเอง ..กำลังนั่งจินตนาการภาพของธามในหัว ..กลัว ผมกลัวจินตนาการของตัวเอง

“คุณแม่ของธามใช่ไหมคะ”
“ใช่ค่ะธามเป็นยังไงบ้างคะ!”
“อาธามไม่เป็นอะไรมากใช่ไหมคะ!!”
“อาธามฟื้นแล้วใช่ไหม!!!”
มาม๊ากับป้าป้าของธามส่งเสียงถามครูโดยไม่คิดเปิดโอกาสให้คุณครูได้ตอบ
“คือ..” คุณครูชี้ไปที่รถเข็นนอนที่บุรุษพยาบาลคนหนึ่งกำลังเข็นมา
“ธามมมมมมมม!!! ฮือออออ ธามของม๊าาา”
“อาธามมมมมม!!!!”
“อาธามมมมมม!!!!”
มาม๊ากับป้าป้าของธามกรีดร้องเสียงหลงแหลมปานจะขาดใจขณะโผตัวไปที่ร่างบนเตียงนั้น ..ผมยืนนิ่งมองเหตุการณ์อยู่ห่างๆ เวลาของโลกมันหยุด ทุกสิ่งรอบๆตัวไม่เคลื่อนไหว แม้แต่ภาพของมาม๊ากับป้าป้าของธามยังกลายเป็นภาพฟิล์มขาวดำที่ไม่มีเสียงผมเดินเข้าไปใกล้เตียงที่ธามนอนอยู่ผมยืนมองร่างที่ไม่ไหวติง..

ธาม..    “เวรย่อมระงับด้วยการไม่จองเวร”
ผม..    “ตาต่อตาฟันต่อฟัน”
ธาม..   “สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม”
ผม..   “แก้แค้นสิบปีไม่สาย”

บทสนทนาที่เราเคยโต้เถียงกันเมื่อไม่นานมานี้ หลังจากที่เราไม่ได้เจอหน้ากันหลายวัน เพราะผมมัวแต่ยกพวกไปตีกับอริ

ธาม..   “ระวังไว้นะ กรรมใดใครก่อ กรรมนั้นจะตามคืนสนอง”

..กรรมควรมาสนอง มาลงที่ผม ไม่ใช่กับเด็กดีอย่างธาม..ธามไม่น่าจะมารู้จักกับคนอย่างผม.. ธามไม่ควรต้องมา..ตาย ..เพราะความเลวของผม
ภาพของธามเริ่มเบลอ ผมมองธามไม่ชัด คงเป็นเพราะตาของผมมันยังบวมปิด หรือไม่ก็เพราะม่านน้ำตาที่ไหลนองท่วมอยู่เต็มสองตาผมเอื้อมมือไปจับมือของธาม ..มือเล็กนั้นเย็นเยียบ
..ผมเสียธามไปแล้ว
ภาพความทรงจำที่ผมเคยคิดว่านั่นแหละคือความสุขที่แท้จริงย้อนกลับมาในความคิด
ผมย้อนเวลากลับไปได้ไหม..กลับไปนั่งอ่านการ์ตูนกับธามเหมือนที่เราทำเป็นประจำ..กลับไปมีช่วงเวลาที่ได้อยู่กันแค่สองคน..ผมกับธาม มันคือความสุขจริงๆที่ผมมีมาตลอด ..มันเคยมีผมลืมมันไปได้ยังไง ตอนนี้ผมจำได้แล้ว และขอมันคืนได้ไหม ..ขอธามคืนกลับมาให้ผม

“ปรินซ์”
..ผมได้ยินเสียงของธามที่ผมกำลังจินตนาการถึง
“ปรินซ์”
..เป็นไปได้ไหมที่ผมจะได้ยินเสียงของธามอีกสักครั้ง
“ปรินซ์”
..เสียงเรียกของธามที่ผมโหยหายังคงดังอยู่
“ไอ้ปรินซ์!! ปล่อยมือได้แล้ววววว”
เสียงของธาม..ธามกำลังเรียกผมจริงๆ! นี่ผมกำลังฝันไป หรือว่าสวรรค์ต่อเวลาให้ผมได้มีช่วงเวลาสุดท้ายกับธามผมเงยหน้าขึ้นมองหน้าของคนที่นอนอยู่ แม้มันจะยังไร้ซึ่งสีเลือดแต่มันก็ยังแสดงถึงความมีชีวิตผมไม่ได้ฝัน.. ธามของผมกลับมาผมปาดน้ำตาที่อาบท่วมหน้าจับมือของธามไว้แน่น ทั้งที่เจ้าของมือเพิ่งบอกให้ผมปล่อย ไม่.. ผมจะไม่ปล่อยมือนี้ แค่ห้านาทีที่ผมรู้ว่าธามหายไปจากชีวิต ผมก็รู้สึกไม่อยากมีชีวิตต่อแล้ว ..ผมกลัว กลัวว่าถ้าปล่อยมือเล็กนี้ไป ดวงวิญญาณของธามจะหลุดหายออกไปอีก
“คือว่าธามแค่สลบไปน่ะค่ะคุณแม่ แต่เพื่อนอีกคนของธามโดนตีหัวแตก โชคดีมีคุณตำรวจผ่านมา เหตุการณ์ก็เลยไม่บานปลายค่ะ”
ขณะที่มาม๊ากับป้าๆของธามยกมือกล่าวขอบคุณคุณพระคุณเจ้าสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่คุ้มครองธาม ผมกลับเอาแต่มองธาม ธามเองก็มองผม เรามองกันและกัน ผมไม่คิดจะหลบตาคู่งามคู่นี้ เพิ่งรู้ว่าคิดถึงมันใต้เปลือกตาของเจ้าของมากแค่ไหน ธามยิ้มจางให้ผม เหมือนกำลังบอกผมว่า ไม่เป็นไร ไม่เป็นไรแล้ว เลิกร้องได้แล้ว เพราะธามพยายามเอื้อมมือที่ไร้แรงขึ้นแตะบนใบหน้าของผม..
“เกิดอะไรขึ้นอาเหมย!!” เสียงของป๊าผม ผมหันหลังกลับไปมองทันที ป๊ากับม๊าของผมกำลังเดินตรงมาอย่างรีบร้อน
“อั๊วไปหาพวกลื้อที่บ้าน แต่อาเต็ง (ข้างบ้าน) บอกว่าอาธามอยู่โรงพยาบาล อั๊วเลยรีบตามมา อาธามเป็นอะไรมากไหม” ม๊าของผมถามแม่ของธามโดยที่ยังไม่ทันสังเกตเห็นผม
“..อาธามแค่สลบ ตอนนี้ฟื้นแล้ว”
“ค่อยยังชั่ว” ป๊าม๊าของผมถอนหายใจ แล้ววินาทีนั้นเองที่ป๊าสังเกตเห็นผม ..ผมในสภาพยับเยิน ตาบวมแทบปิด น้ำหูน้ำตาไหลอาบสองแก้ม รอยช้ำ และรอยตีนที่เสื้อผ้าปกปิดไม่มิด
.
“ผมจะไม่ย้ายไปไหน!!!!” ผมในวัยสิบห้ากําลังยืนกัดริมฝีปากแน่นเพื่อข่มไม่ให้นํ้าตาไหลออกมาไปมากกว่านี้ ..มันเป็นเรื่องน่าอาย ที่ลูกผู้ชายอย่างผม กําลังต่อรองกับพ่อแม่ในเรื่องที่ผมควบคุมไม่ได้ ผมรู้แค่ผมไม่อยากไปจากที่นี่!!
“พอกันที อั๊วจะไม่ยอมให้ลื้อทำตัวไม่รู้จักโตแบบนี้อีกแล้ว อั๊วเหนื่อยที่จะตีลื้อ อาทิตย์หน้าเราจะย้ายบ้าน ลื้อต้องย้ายโรงเรียน อั๊วจะส่งลื้อไปเรียนต่อเมืองนอก!!” ป๊าพูดกับผมหลังจากพาผมเดินห่างออกมาจากธาม ..ไกลพอที่จะไม่มีใครได้ยิน
“...” ผมช็อก ผมเพิ่งรู้ตัวว่าต้องการอะไร แม้ผมจะยังไม่มีข้อสรุปที่ดีให้กับความรู้สึกที่เป็นอยู่แต่แล้วจู่ๆ ป๊าก็ใช้สิทธิ์ความเป็นพ่อมาทำให้ทุกอย่างมันจบ ทั้งที่ผมยังไม่ได้เริ่ม ตอนนี้ผมต้องการเวลาปรับปรุงตัว ผมต้องการทวงเวลาที่ผมไม่ได้มีร่วมกับธามคืน และผมต้องอยู่..เพื่อดูแลปกป้องธาม..คนของผม
“ผมจะไม่ไปไหนทั้งนั้น! ผมจะอยู่ข้างบ้านธาม! ผมจะเรียนโรงเรียนเดียวกับธาม! จะอยู่ดูแลธาม! ผมจะ..อยู่กับธาม!!!” ผมตะโกนใส่หน้าป๊า อาจจะเพราะผมเพิ่งผ่านวินาทีเป็นตายของธามมา มันเลยทำให้ผมเพิ่งรู้ตัวดีมากว่าธามสำคัญกับผมมากแค่ไหน
“...”
“..เพราะธาม ธาม..” น้ำตาของผมมันไหลหลากอย่างสุดกลั้น กรรมกำลังตามสนองผม ถ้าผมไม่ทำตัวเลวๆ เวลานี้ผมกับธามน่าจะดูการ์ตูนอยู่ด้วยกันสักเรื่อง ไม่ก็อยู่ที่สนามบอลของโรงเรียน ผมเตะบอลอยู่กลางสนาม ส่วนธามก็นั่งเชียร์ผมอยู่ข้างสนาม
“ทำไม.. ทำไมต้องธาม” ป๊าถามเสียงอ่อนลง ผมรู้ดีว่าป๊าเอ็นดูธามมาก เพราะธามเป็นเด็กดี หัวอ่อน แต่มีความคิดเป็นผู้ใหญ่ ป๊าเคยบอกว่า ถ้าประชากรบนโลกรู้จักคิด รู้จักผิดชอบแบบเด็กอย่างธาม โลกเราคงไม่วุ่นวายขนาดนี้
“ลื้อก็แค่ไลน์คุยกัน วิดีโอคอลหากัน..”
“...”
“...”
“ป๊า.. ผมขอ” ผมมองหน้าป๊าอย่างที่ไม่เคยมองมาก่อนในชีวิตผมกำลังอ้อนวอนผู้ชายตรงหน้าที่ผมไม่เคยศรัทธา
“ลื้อ.. คิดอะไรกับธาม”
“...” ผมตกใจกับคำถามของป๊า
“ลื้อ.. คิดอะไรกับธาม ลื้อเห็นธามเป็นอะไร”
“...”
“ลื้อเห็นธามเป็นน้อง.. หรือลื้อ..”
“ผมไม่รู้ ตอนนี้ผมรู้แค่ว่า ผมอยากอยู่กับธาม ผมอยากดูแลธาม”
“...”
ป๊าถอนหายใจเฮือกใหญ่ก่อนจะพูด “ลื้อรู้ใช่ไหม ในโลกของการค้าขาย กำไรจะได้มาก็จากการลงทุน อั๊วอยากจะลองลงทุนกับความรู้สึกที่ลื้อมีในตอนนี้ กับสิ่งที่ลื้อพูดออกมา แล้วลื้อจะกล้าลงทุนด้วยสิ่งที่ลื้อมีตอนนี้ไหม เพื่อแลกเปลี่ยนกับสิ่งที่อั๊วจะได้จากลื้อ”
“...” ผมยังไม่ค่อยเข้าใจในสิ่งที่ป๊าพูด ผมเป็นแค่เด็กมอสามที่หันหลังให้การเรียนมาเกือบปี สอบก็แค่พอให้ไม่ตก จุดประสงค์ของป๊าคืออะไรกันแน่ ผมต้องแลกเปลี่ยนอะไรกับป๊า ป๊าจะได้กำไรอะไรจากผม แล้วผมล่ะจะได้กําไร หรือขาดทุน..
   .
ผมคุยกับป๊าต่อเนื่องอยู่สองวันหลังจากเหตุการณ์วันนั้น เราคุยกันแบบคนโตๆแล้ว ป๊าบอกเงื่อนไขกับผม ข้อดีข้อเสียข้อได้เปรียบเสียเปรียบ อะไรที่ผมจะต้องเสีย แล้วอะไรคือสิ่งที่ผมจะได้ผมเซ็นสัญญาในเอกสารนั้นทันทีที่ป๊าอธิบายเงื่อนไขทุกข้อจบ
   .
“ไม่เกินไปเหรอเฮีย”
“เชื่อป๊าเถอะม๊า ป๊าดูคนออก แล้วนี่ลูกชายตัวเองแท้ๆทำไมป๊าจะดูมันไม่ออก เชื่อใจป๊านะม๊า ทุกอย่างจะดีกับปรินซ์มัน ตอนนี้ป๊าปูทางทุกอย่างให้มันแล้ว เหลือแค่ปรินซ์มันจะทำสำเร็จไหม”
.
.
.
หัวข้อ: Re: YR Mine นายผู้ปกครอง - รักลุ้นๆ ของคนพี่ Ep.05 Update **
เริ่มหัวข้อโดย: After5p.m. ที่ 08-06-2019 18:29:50
05
สายลม แสงเดือน
.
.
..ธาม
เช้าวันที่สองของการรับน้องก่อนเปิดเทอม ..ปรินซ์ก็ยังคงมารับที่หออยู่ดี ถึงผมจะอ้อนวอนขอปั่นจักรยานไปคณะเอง
“แล้วจะมีจักรยานไว้ทําไม?” ผมถามปรินซ์
“พี่โทรหามาม๊านะ”
แม่งงงง ก็เอาแต่อ้างม๊า แล้วได้ผลไหม.. ก็ได้ผลสิ
                .
วันนี้กิจกรรมในคณะก็สนุกไม่แตกต่างจากเมื่อวาน สันทนาการกําลังละลายพฤติกรรมพวกเรา (รวมถึงพลังงานทั้งหมด) ถึงยังรู้จักกันไม่หมดทุกคน แต่พวกเราก็พอจะคุ้นหน้าคุ้นตากัน เจอหน้ากันตรงห้องนํ้าก็ยิ้มทักกัน เวลากินข้าวพวกเราก็นั่งเรียงเป็นแถวตอนแน่นๆ มีพวกพี่ๆ คอยแจกอาหารกล่อง กินนํ้าจากถังเดียวกันมีเพียงหลอดหลากสีที่เสียบไว้ให้ได้เลือกดูด ความไม่แบ่งแยกกันของน้องปีหนึ่งหน้าใหม่ที่มาจากที่ต่างๆ ค่อยๆ ทลายลงทีละน้อยๆ เป็นบรรยากาศที่อบอุ่นดีจริงๆ ..อุณหภูมิของใต้ถุนก็เช่นกัน
“เดี๋ยวพอทานข้าวเสร็จ พี่จะเรียงแถวน้องๆ ขึ้นไปยังห้องประชุมด้านบนกันนะคะ” พี่ปานพูดผ่านโทรโข่งเสียงดัง เพราะต้องต่อสู้กับเสียงนกกระจาบแตกรังของพวกเรา
ตึกเก่าของคณะนิเทศศาสตร์ยังคงความขลังอยู่เสมอ เพราะผ่านการใช้งานมากว่าสี่สิบปี รุ่นพี่บอกระหว่างทางว่า อีกไม่นานตึกเก่ารวมถึงใต้ถุนก็จะโดนทุบทิ้งแล้ว ขนาดพวกเราที่เพิ่งมาใหม่ ยังรับรู้ได้ถึงความผูกพันธ์ที่พวกพี่ๆ มีต่ออาคารหลังนี้ผ่านนํ้าเสียง และแววตาของพวกพี่เขา
พวกเราสนุกสนานไปกับมุกขำขำของพวกพี่บนเวที และเริ่มรับรู้ถึงการจะได้ร่วมเป็นส่วนหนึ่งในละครนิเทศที่จะมีขึ้นทุกปี แต่คนที่ดูจะมีความสุขที่สุดในค่ำคืนนี้ก็คือบรีส บรีสได้รางวัลขวัญใจจากพวกพี่ๆ ที่โหวตให้การแต่งกายของบรีสเข้ากับตีมละครได้ดีที่สุด
“ผมคิดอยู่ทั้งคืนครับว่าผมจะแต่งตัวยังไงดี แต่เมื่อผมเห็นตัวเองในกระจก ตัวผมเองในกระจกบานนั้นบอกผมว่า ก็แค่แต่งเป็นตัวเองครับ” คำให้สัมภาษณ์ของบรีสเรียกเสียงโห่ฮิ้วได้ทั้งห้อง บรีสดูจะเป็นคนหลงตัวเองไม่น้อย แต่ผมว่าบรีสเป็นคนตลก และจริงใจดี
พวกเราอยู่ในห้องสี่เหลี่ยมนั้นกันอย่างอบอุ่น (เพราะว่าทั้งห้องนั้นไม่ได้มีเพียงพวกเราชั้นปีหนึ่ง แต่รวมเอาชาวนิเทศตั้งสี่ชั้นปี!!) ผมเองก็ไม่สังเกตเลยว่าเวลาได้ล่วงเลยไปแค่ไหนแล้ว จนกระทั่งถึงเวลาแยกย้าย
เมื่อออกจากห้องที่แสนอุ่น ผิวกายก็ปะทะเข้ากับลมเย็นยามค่ำคืน เสียงจักจั่นพากันทักทายงึมงำ ดวงตาสบเข้ากับดวงจันทร์เต็มดวงแสนละมุนตา จู่ๆ ผมก็ยิ้มกับตัวเอง และนึกถึงใครสักคน.. ถ้าผมมีใครสักคนเดินอยู่ข้างๆ ในเวลานี้คงจะดีไม่น้อย เสพบรรยากาศที่แสนโรแมนติกนี้ไปด้วยกัน ผมไม่ได้เหงา ไม่ได้ไขว่คว้าหาความรัก แต่ผมก็โตพอที่จะเริ่มมีความรู้สึกว่าตัวเองต้องการใครสักคน..
 
“ธาม”
ผมได้ยินเสียงเรียกชื่อของตัวเองที่คุ้นเคย ..เสียงของปรินซ์ ผมว่าผมได้ยินนะทั้งที่ปรินซ์ไม่ได้เปิดปากสักนิด
“ปรินซ์”
ผมเองก็เลยเรียกชื่อปรินซ์ตอบบ้าง ..เรียกในใจ ..ผ่านสายตา
เรายืนมองหน้ากันอยู่พักใหญ่ในระยะห่างเพียงเอื้อม ขณะที่ก็มีใครมากมายกำลังเดินขวางเราสองคนอยู่ ผมยิ้ม.. ผมไม่รู้ว่าทำไมผมยิ้มให้ปรินซ์ คงเพราะบรรยากาศพาไป หรืออาจเพราะผมกำลังมีความสุขจากช่วงเวลาดีๆ ที่ผมได้สัมผัสมาตลอดทั้งวันก็ได้
                .
..ปรินซ์
ธามยิ้มให้ผม ยิ้มที่แสนอ่อนโยน ยิ้มที่ผมเฝ้าคิดถึงมาตลอด ผมอยากหยุดเวลานี้ไว้จริงๆ ผมอยากถ่ายรูปของธามในเวลานี้เก็บไว้ดูในยามที่ไม่ได้เจอตัว ไว้ดูตอนที่ผมคิดถึง หรือไว้ดูตอนที่เขาไม่เหลียวแลแม้แต่เงาของผม..สามปีที่ผมอยู่ในลู่ในทาง ‘ตํานาน’ ของผมเป็นแค่คําบอกเล่าที่ส่งต่อกันเพียงลมปาก ไม่เหลือภาพศึกใหม่ใดๆ ให้รุ่นน้องได้อ้างอิงว่าทําไมพี่ปรินซ์ถึงคือ ‘ตํานาน’
ผมเริ่มนับหนึ่งใหม่กับชีวิตของตัวเองหลังจากที่เซ็นสัญญากับป๊า ผมเริ่มเรียนรู้หัวใจของตัวเอง ตั้งคําถาม และหาคําตอบตามที่ป๊าบอก ลองพิสูจน์ว่าความรู้สึกที่ผมมีให้ธาม มันมากพอที่ผมจะแลก ‘ตัวตน’ ของตัวเอง กับสิ่งที่ผมก็ไม่แน่ใจว่าในท้ายที่สุดผมจะได้มันตอบแทนกลับมาไหม
ผมตั้งใจเรียนจนครูทุกคนในโรงเรียนลืมความเกเรในอดีตของผม ผมกลับมาเป็นนักบอลที่น่าเกรงขามในสนาม ไม่ว่าจะแข่งในหรือนอกโรงเรียน และผมก็ยังได้เจอธามเหมือนก่อนที่มันเคยเป็น แต่แล้วช่วงเวลาที่ผมต้องห่างจากธามก็มาถึง ผมเรียนจบมัธยม ต้องเข้ามหาลัย และจะไม่ได้เจอธามเป็นปี ป๊าบอกว่า ถ้ายังหาคําตอบดีๆ ให้ตัวเองไม่ได้ว่าคิดอะไรกับธาม ธามสําคัญมากแค่ไหน ก็ลองใช้เวลาที่ต้องห่าง ลองสัมผัสคนหน้าใหม่ๆ ที่จะผ่านเข้ามา ..ลองเปิดโอกาสให้ตัวเอง
.
.
.
 
หัวข้อ: Re: YR Mine นายผู้ปกครอง - รักลุ้นๆ ของคนพี่ Ep.05 Update **
เริ่มหัวข้อโดย: กาแฟมั้ยฮะจ้าว ที่ 11-06-2019 14:10:31
:กอด1: :pig4: :กอด1:
หัวข้อ: Re: YR Mine นายผู้ปกครอง - รักลุ้นๆ ของคนพี่ Ep.06 Update ** 11 06 62
เริ่มหัวข้อโดย: After5p.m. ที่ 11-06-2019 15:32:39
06
ลลิน
.
.
..ปรินซ์
..ปีหนึ่ง
ผมคบลลิน ลลินเป็นลีดคณะนิเทศ ที่ได้เป็นลีดมหาลัย เราเจอกันเพราะงานมหาลัย เพราะผมถูกลากมาเป็นทีมสวัสดิการในงานกีฬามหาลัยประจำปี จริงๆ ผมควรได้ลงเป็นนักบอลคณะ แต่เพราะเวลาซ้อม เวลารับน้อง มันทับซ้อนกันจนผมทำให้มันลงตัวไม่ได้ ไอ้เป้เพื่อนผมเลยชวนผมมาเป็นสวัสดิการแทน มันบอกว่าผมจะได้ซ้อมเดินอยู่ข้างสนามก่อน ซึ่งผมก็ว่าดี ผมควรใช้เวลาที่ห่างธามให้เกิดประโยชน์มากที่สุด หรือเพราะมันจะทำให้ผมนึกถึงธามน้อยลงได้บ้าง
“หวัดดี เราชื่อลลิน” เธอเดินเข้ามาทักทายผมที่กำลังนั่งว่างๆ ในตอนที่ว่างๆ ระหว่างฟังพวกพี่ปีสูงประชุมฝ่ายงาน
“ออ เราปรินซ์”
“นั่งด้วยคนได้ไหม”
“...” ผมพยักหน้าตอบ
“หวังว่าวันนี้คงจะไม่ดึก” ลลินพูดขึ้น หลังจากที่เดดแอร์ราวห้านาที
“ลีดเคยกลับเร็วด้วยเหรอ” ผมที่ไม่ได้อยากจะเป็นคนมารยาทแย่เลยตอบเธอไป อีกอย่างผมปฏิเสธไม่ได้ว่าลลินเป็นสาวหน้าตาน่ารัก หุ่นดี ดวงตากลมโต ปากบางชมพูได้รูป เป็นความลงตัวที่ชวนมองไม่น้อย ใครจะไปกล้าปล่อยให้เธอเหวอได้ลงคอ
“โอเคค่ะทุกคน สำหรับการประชุมครั้งแรกก็จบเท่านี้ล่ะกันเน๊อะ” เสียงพี่ปีสี่ที่เป็นเฮดงานพูดปิด สีหน้าของทุกคนในที่ประชุมล้วนอารมณ์เดียวกัน ..จบสักที แม้วันนี้จะไม่ได้ความคืบหน้าอะไรมาก แต่เฮดของทุกฝ่ายก็รู้แล้วว่าจะต้องไปแจกงานอะไรภายในฝ่ายของตัวเอง
“ส่วนน้องๆ ลีดทั้งหลาย..” พี่เฮดลีดพูดขึ้น
“งือ เราอยากกลับแล้วอ่ะวันนี้” ลลินกระซิบเบาๆ กับผม เธอทำหน้าออดอ้อน ผมยิ้มแห้งตอบเธอ
“..วันนี้พวกพี่เหนื่อยแล้วอ่ะ ถ้ายังไงเจอกันพรุ่งนี้บ่ายสี่นะคะน้องลีดทุกคน”
“เย้” ลลินเผลอพูดดัง ทำเอาคนทั้งห้องหันมามอง เธอมุดหน้ามาแอบหลังผม ผมว่าเธอก็ดูน่ารักดีนะ และนั่นคือวันแรกที่เราได้ทำความรู้จักกัน เจอกัน พูดกัน และสนิทขึ้นเรื่อยๆ ตลอดการเตรียมงานกีฬาประจำปีของมหาลัย
“เฮ้ยปรินซ์ สรุปว่ายังไงวะกับลลินเนี่ย” ไอ้เป้ถามผมตอนเย็นวันนึงหลังจากที่เราส่งข้าวส่งน้ำให้ทุกฝ่ายที่มาประชุมความคืบหน้าของงานเรียบร้อย
“ยังไงวะ”
“มึงอ่ะตัวติดกับลลินตลอด ใครๆ ก็คิดว่าพวกมึงน่ะคบกันชัวร์ สาวก็สวยสุด ไอ้คุณมึงเนี่ยก็ดันเล่นตัวไม่เป็นลีดเอง สมกันหยั่งกับกิ่งไม้ใบมะม่วง”
“ทำไมต้องมะม่วงวะ”
“ก็กูชอบกินมะม่วง”
“...”
“สรุปยังไง พี่โบ้ทเขาก็ฝากกูมาถามเนี่ย”
“ทำไมวะ พี่โบ้ทเกี่ยวไรด้วย ขี้เผือก?”
ไอ้เป้ยกมือจะโบกหัวผม แต่มันก็ทำท่าง้างขู่ไปอย่างนั้น
“พี่โบ้ทเขาอยากจีบ”
“จีบลลิน?”
“จีบมึง”
“สัดดดด”
“จีบลลินอยู่แล้ว ถึงมึงจะหน้าตาดี แต่กูว่าแมนๆ อย่างพี่โบ้ทเขาไม่เล่นมึงหรอก ตัวหยั่งกับหมี”
“...”
“ว่าแต่เรื่องลลิน?”
“กูกับลลินเป็นเพื่อนกัน มึงก็รู้”
“กูก็ว่างั้น กูถามมึงก่อนเพื่อความชัวร์ไง จะได้ไม่รักสามเส้า นั่นก็พี่ นี่ก็เพื่อน กูขี้เกียจเคาะระฆังห้ามมวย”
ผมเข้าใจว่าไอ้เป้คงจะเป็นนกพิราบสื่อสารคาบข่าวไปบอกพี่โบ้ทเรียบร้อย เพราะผมเห็นพี่โบ้ทเข้าหาลลินอย่างเป็นทางการ แถมยิ้มให้ผมแต่ไกล คงพูดประมาณว่า เออ งั้นกูจีบล่ะนะ ส่วนผมก็พยักหน้าตอบ ..เรื่องของมึงไม่ต้องมาแจ้งกู
.
.
คืนนี้ผมอยู่เป็นสวัสดิการรอบดึก ต้องรอเคลียร์อุปกรณ์การประชุม เคลียร์ขวดน้ำ เคลียร์ขยะของฝ่ายต่างๆ ที่ทำงานอยู่ในโซนสนามกีฬากลาง
“ปรินซ์” เสียงตะโกนของลลินดังมาแต่ไกลผมหันหน้าไปมองต้นเสียง ลลินกำลังวิ่งมาอย่างรีบร้อนหยั่งกับหนีสัตว์ประหลาดข้ามมิติมา
“ปรินซ์” ลลินส่งเสียงหอบ เธอยกมือขอเวลาหายใจก่อนจะพูดต่อ
“คืนนี้ปรินซ์ไปส่งเราที่หอได้ไหม” จริงๆ แล้วผมก็มักขับรถไปส่งลลินในคืนที่ผมอยู่ดึก แต่หลังๆ ผมก็ขอบายลลินเพราะไม่อยากไปปิดโอกาสไอ้พี่โบ้ทมัน
“คืนนี้ไม่มีใครไปส่งเหรอ” ผมไม่ได้รังเกียจที่จะส่งลลิน ก็แค่ขับรถไปจอดหน้าหอ ปล่อยเธอลง
“ม่ะ ไม่มี” ลลินตอบตะกุกตะกัก
“...”
“นะปรินซ์ ขอล่ะ” ลลินเลื่อนมือมาจับต้นแขนของผม เธอทำหน้าเหมือนจะร้องไห้ หรือเธอกำลังร้องไห้ ผมแยกไม่ออกจริงๆ ว่าหยดน้ำบนหน้าของลลินเป็นน้ำตาหรือแค่เหงื่อ
“ก็ได้ รอที่รถนะ” จะให้ปฏิเสธก็ดูจะโหดร้ายเกินไป ยังไงเธอก็เป็นผู้หญิง
 
เวลาผ่านไปหนึ่งชั่วโมงกับการเคลียร์อะไรมากมาย เป็นสวัสดิการใครว่าไม่เหนื่อย เหนื่อยจะตาย แล้วนี่ไอ้เพื่อนเป้มันหายหัวไปไหน ปล่อยให้ผมต้องทำงานอยู่คนเดียว ยังดีที่มีพี่สวัสดิการคนอื่นๆ คอยช่วย ผมมองนาฬิกา ..ห้าทุ่ม จะได้กลับสักที ถึงหอเมื่อไร อาบน้ำ ล้มตัวลงนอนได้เลย เพราะผมใช้เวลาว่างก่อนหน้านี้ทวนชีทที่เรียนวันนี้เรียบร้อยแล้ว และยังใช้เวลาอีกนิดเสิร์ชหาข้อมูลที่จะทำรายงานตอนปลายเทอมเรียบร้อยแล้วด้วย ..ผมขยัน ขยันอย่างที่ผมเป็นมาตลอดตั้งแต่หลังการลงนามในสัญญาครั้งนั้น ผมไม่ได้รู้สึกว่ามันเป็นความรับผิดชอบที่จะต้องพยายาม แต่ผมรู้ตัวว่าผมกำลังทำอะไรเพื่ออะไร อนาคตที่จะเป็นของผมเอง ..ทั้งอนาคตของตัวเอง แล้วก็อนาคตของธาม
“ปรินซ์รีบไปกันเถอะ!!” ลลินแทบจะกระโดดขึ้นนั่งบนรถทันทีที่ผมกดรีโมท เธอดูรีบร้อน และร้อน ทั้งที่ตอนนี้อากาศกำลังเย็นสบาย
“...”
“จะไม่ถามอะไรลลินหน่อยเหรอ” ลลินพูดขึ้นหลังจากผมออกรถได้สามนาที
“...”
“พี่โบ้ทจีบเรา”
“ออ อืม”
“เราไม่ชอบพี่โบ้ท”
“...”
“เรามีคนที่ชอบอยู่แล้ว”
“...”
“เราชอบปรินซ์” คำพูดของลลินทำผมเผลอเหยียบเบรก ผมรีบหันหน้าไปมองลลินด้วยความเป็นห่วงว่าจะบาดเจ็บรึเปล่า เลยสบตาเข้ากับลลินที่มองผมอยู่ก่อนแล้ว
“...”
“ปรินซ์ไม่ได้ชอบเราเหรอ”
“...”
“แล้วที่ปรินซ์ไปส่งเรากลับหอได้ตลอด.. คุยกับเรา..” ลลินกำลังตัดพ้อด้วยความน้อยใต สายตาเธอกำลังบอกผมแบบนั้น
“คือ.. ลลินเป็นผู้หญิง กลับคนเดียวดึกๆ มันไม่ดี” ผมอยากจะบอกลลินว่าเธอมโนไปเอง
ลลินก้มหน้าลง น้ำตาเริ่มหยดลงบนกระโปรงพลีทสีดําของเธอ “ปรินซ์แค่ใจดีสินะ”
“...”
“แต่เราไม่ใช่สิ่งของนะ พอปรินซ์ไม่ต้องการก็่เลยโยนเราไปให้พี่โบ้ท”
“โยนให้พี่โบ้ท?”
“พี่โบ้ทบอกเราว่าปรินซ์เบื่อเรา เราเป็นแค่ผู้หญิงน่ารำคาญสำหรับปรินซ์ และที่สำคัญ ปรินซ์บอกพี่เขาว่า อย่างปรินซ์ต้องหาได้ดีกว่านี้”
“มันพูดแบบนั้น?” ลลินพยักหน้าพลางปาดนํ้าตา ขณะที่ผมกําหมัดแน่น ความเป็นพงเป็นพี่ไม่ต้องให้มันแล้ว จะจีบสาวทั้งทีแม่งใช้วิธีตํ่าๆ โคตรไร้ศักดิ์ศรี แถมยังเอากูไปพูดเชี่ยๆ แบบนั้นอีก ปีหน้าธามอาจจะมาเรียนที่นี่ ถึงเวลานั้นถ้าธามได้ยินข่าวลือบ้าๆ นี่แล้วเกิดเชื่อ ธามจะเห็นผมคนเป็นยังไง คนเลวชัดๆ ตบะคนดีที่ผมสั่งสมไว้แม่งคงได้พังทลายเพราะลมปากเน่าๆ ของมัน
“ไอ้เชี่ยโบ้ท!!” ผมหมุนพวงมาลัยเลี้ยวกลับทางเดิมทันที เสียงล้อรถบดกับพื้นถนนดังชวนเสียวไส้ ผมรู้ว่ามันยังไม่กลับแน่ๆ มันต้องยังอยู่ที่นั่น ..ที่ห้องประชุมสนามกีฬากลาง งานนี้ต้องมีเลือด..
.
.
 
 
หัวข้อ: Re: YR Mine นายผู้ปกครอง - รักลุ้นๆ ของคนพี่ Ep.06 Update ** 11 06 62
เริ่มหัวข้อโดย: After5p.m. ที่ 12-06-2019 22:23:32
07
ผิดพลาด
.
.
เสียงเบรกรถลั่นของผมเรียกสายตาทุกคู่ที่นั่งอยู่บนม้านั่งนอกสนามกีฬากลางให้หันมา ผมเห็นไอ้เชี่ยโบ้ทแต่ไกลเพราะไฟหน้ารถที่สาดสว่างในความมืดที่เกือบสนิท ผมลงจากรถโดยที่ไม่สนเสียงคัดค้านของลลิน คุ้นๆ ว่าเธอน่าจะออกแรงแขนทั้งหมดในการดึงตัวผมให้ไม่ตรงไปที่โต๊ะตัวนั้น ..เธอทําไม่สําเร็จ ผมว่าลลินน่าจะกระเด็นไปไกลจากแรงเหวี่ยงของผม ผมไม่สนใจ ผมไม่เห็นอะไรในขอบเขตสายตาอีกแล้วยกเว้นแต่ไอ้เชี่ยโบ้ทที่ยืนหัวโด่กว่าคนอื่น สัญชาตญาณการต่อสู้ของผมที่มันมอดไปนานตั้งแต่ศึกใหญ่ตอนมอสามมันปะทุขึ้นมา บางทีผมอาจจะแค่อยากตอบสนองต่อความรุนแรงของตัวเองก็ได้ แล้วไอ้เชี่ยโบ้ทก็กําลังจะทําให้ผมได้ปลดปล่อย
“เป็นอะไรของมึงเชี่ยปรินซ์” เสียงของไอ้เป้ ผมมองหน้ามัน ไอ้สัดดด ตอนกูเก็บขยะมึงเสือกทิ้งกู แต่ตอนนี้มึงดันมาเสนอหน้า เพื่อนเชี่ย!!!
“ทําไมมึงหมาขนาดนี้วะ!!!” ผมเดินผ่านหน้าไอ้เป้ไปหาไอ้เชี่ยโบ้ท มันเองก็ดูจะพอรู้ตัว เพราะมันลุกจากโต๊ะมารอประจันหน้าผม มันกับผมสูงไล่เลี่ยกัน ตัวก็พอๆ กัน ผมเป็นนักบอล ส่วนมัน.. นักมวย ถึงดีกรีความบู๊แม่งจะต่างกัน แต่กูก็ ‘ตํานาน’ โรงเรียนมาก่อน กูจะไม่เป็นแค่กระสอบทรายของมึงแน่ ผมพุ่งตัวซัดหมัดหนักๆ เข้าไปที่หน้ามันหนึ่งที เลือดแทบจะไหลตามมือของผมในวินาทีที่มือของผมพ้นออกมาจากหน้าของมัน ผมคว้าปกเสื้อนิสิตของมันลอยสูงขึ้น หน้าของมันกับผมแทบจะจูบกัน ไอ้เชี่ยโบ้ทมันมองตาผมนิ่ง ไม่มีความสั่นไหวแม้สักนิด
“ทําไมมึงพูดเชี่ยแบบนั้นกับลลิน!!”
“กูพูดเชี่ยไร” ไอ้เชี่ยโบ้ทพูดด้วยเสียงปกติ ปกติจนผมรู้สึกว่าแม่งกําลังโดนหยาม
“เชี่ยปรินซ์กูว่าพอเหอะวะ เชี่ยมึง นี่พี่นะเว้ย!!”
“มึงเงียบไปเลยไอ้เป้!!” ผมพูดใส่ไอ้เป้ทั้งที่ตายังจ้องมองหาเรื่องไอ้เชี่ยโบ้ทอยู่ “ถ้ามึงจะจีบเขาก็อย่าเอาคนอื่นเข้าไปเกี่ยว”
“พอเหอะปรินซ์ไปกันเถอะ” ลลินยังคงพยายามจะดึงตัวผม
“กูถามมึงว่ากูพูดอะไร มึงได้ยินอะไรมา” ไอ้เชี่ยโบ้ทยังคงมองหน้าผม มันกําลังทําสงครามประสาทกับผม ถ้าผมตอบแบบที่ลลินเล่ามาผมว่ามันดูไม่แมน แถมมันดูเหมือนเด็กงี่เง่าที่แม่งโคตรไร้เหตุผล แต่นาทีนี้ถ้าผมถอยคือแม่งโคตรเสียหน้า!!
“ไอ้สัดดดด!!” ผมเลยกําหมัดง้างจะซัดมันอีกสักที แต่ไอ้เชี่ยโบ้ทมันไวกว่า มันยัดหมัดแน่นๆ ของมันเข้าที่กลางท้องของผม แค่ทีเดียวเท่านั้น มือของผมคลายจากเสื้อของมันแทบจะในทันที ร่างทั้งร่างทรุดลงคุกเข่าให้กับมัน มันทําท่าเหมือนจะยกเท้าขึ้นมาซํ้า แต่ลลินเข้ามาขวางไว้
“พี่โบ้ทคะ ลลินขอ” นํ้าเสียงของเธอเศร้ามาก นํ้าตาคงพรั่งพรู ผมคาดเดาล้วนๆ เพราะผมกําลังนั่งก้มหน้าอยู่ด้านหลังของลลิน แทบไม่อยากเงยหน้าขึ้นเผชิญกับความพ่ายแพ้น่าอับอายครั้งนี้
“...”
ผมไม่ได้ยินว่าพี่โบ้ทพูดอะไร รู้แค่ว่าไอ้เป้กับรุ่นพี่แถวนั้นอีกคนช่วยกันหิ้วปีกผมขึ้นรถ มีไอ้เป้เป็นคนขับรถพาผมออกไป
ลลินตามไปส่งผมที่คอนโด และขอตามขึ้นมาส่งพร้อมกันกับไอ้เป้ แล้วไอ้เชี่ยเป้ก็เสือกไม่ไปส่งลลิน ปล่อยให้เธออยู่กับผม มันไม่รู้เลยหรือไงว่าเลือดลมในร่างกายของผมมันกําลังพลุ่งพล่าน ไหนจะโกรธ ไหนจะอาย ผมแม่งกําลังจะคลั่ง พอลลินเข้ามานั่งใกล้ตัวผมที่โซฟาห้องนั่งเล่น เธอเอามือสัมผัสหน้าผมเบาๆ ปลายนิ้วเรียวของเธอค่อยๆ ลากไล่ทิ้งนํ้าหนักอย่างรู้จังหวะสัมผัส จะด้วยความเป็นห่วง ความรู้สึกผิดหรืออะไรก็แล้วแต่ เธอขยับตัวมาใกล้ผมแล้วโน้มตัวเอาริมฝีปากนุ่มมาเคล้าคลึงที่ใบหน้าของผม แต่มันไม่ได้มาแค่อวัยวะส่วนเดียว ส่วนนุ่มนิ่มใต้เสื้อนักศึกษาก็พาลแนบเข้ากับตัวผม สติของผมขาดแทบจะในทันที ผมดันไหล่ทั้งสองของลลินออก มองหน้าเธอชัดๆ เธอไม่ใช่คนของผม คนของผมมีเพียงคนเดียวคือธาม และผมคือคนของธาม ผมพยายามฝืนกับแรงขับ แรงต้องการภายในอย่างบ้าคลั่ง ถ้าลลินหยุด ทุกอย่างมันจะยังคงถูกต้อง ผมจะเป็นปรินซ์ที่รอธามอย่างปราศจากมลทินใดๆ ให้ธามนึกรังเกียจ ผมคิดอย่างนั้นแม้ในเศษเสี้ยววินาทีก่อนที่ลลินจะลุกลํ้าเข้ามาสานสัมผัสลึกซึ้งกับริมฝีปากของผม เธอชํานาญ ผมเข้าใจอย่างนั้น แล้วผมก็ปล่อยให้มันเกิดขึ้น ผมปล่อยให้สัญชาตญาณอยากของความเป็นชายพวยพุ่งไปตามเกมของลลินอย่างรวดเร็ว ร่างอ่อนถูกจับให้อยู่ด้านล่างทันทีที่ผมถูกกระตุ้นโดยเธอ..
                .
ผมยืนนิ่งอยู่ใต้ฝักบัวนาน นานจนผมรู้สึกหนาว ความเย็นมันอาจช่วยให้ความคลั่งของผมลดลง สายนํ้ามันอาจช่วยล้างคราบเหงื่อคราบใคร่ทั้งของผมและของลลินออกจากร่างกายนี้ได้ ผมถอนตัวเองออกจากร่างของลลินแทบจะทันทีที่เธอทําให้ผมถึงจุดที่จะต้องปลดปล่อย ลลินตกใจไม่น้อย ทําปากเหมือนจะสบถอะไรบางอย่าง ผมเดินเข้าห้องนํ้าทันที ใจนึงนึกอยากจะร้องไห้ แต่ผมว่านั่นน่าจะเป็นลลินสิที่ร้อง ไม่ใช่ผม ผมข่มขืนเธอ!! ผมต้องรับผิดชอบ.. เสี้ยวความคิดนึงที่ผมอยากหยิบมีดมาปาดเอาของของผมทิ้ง แม่งเอ๊ยยย เพราะมันอันเดียว!! ..หรือจริงๆ ผมแค่อยากหาอะไรมารับผิดชอบต่อความพลั้งเผลอที่ตัวเองพลาดทําลงไป ไม่ใช่ว่าผมไม่เคย.. แต่ผมก็ไม่เคยจริงๆ เคยแค่ทําให้มันไม่ค้างด้วยสัมผัสของตัวเอง แต่นี่..
“ปรินซ์..” ลลินเรียกชื่อผม หลังจากผมเดินออกมาจากห้องนํ้า ผมอยู่ในนั้นนาน นานจนหวังว่าเธอจะกลับไปแล้ว ผมแม่งคิดอะไรโคตรเชี่ย เขาเสียหายไหมวะ แล้วนี่มันกี่โมงกี่ยาม!!
ลลินยังคงนั่งอยู่ตรงโซฟา เธอคลุมตัวเองด้วยเสื้อนักศึกษาที่ยับยู่ด้วยแรงกระทําของผม มันน่าจะขาดจนใช้การไม่ได้อีกแล้ว เพราะผมยังคงเห็นเนื้อขาวอิ่มโผล่ออกมาอย่างหมิ่นเหม่ เธอมองผมด้วยตาเว้าวอน
“ลลินไปอาบนํ้าเถอะ”
ผมเดินไปหยิบเสื้อตัวหนากับกางเกงตัวใหม่ของผมให้เธอ หวังว่าเธอจะพอใส่ได้ ลลินเดินมาสวมกอดผมจากด้านหลัง ผมหันหลังแล้วดันตัวเธอทันที ตอนนี้ผมมีสติดี
“เราชอบปรินซ์มากนะ”
“...”
“เราไม่โกรธนะที่ปรินซ์..”
“ลลินคือเรา..”
“เราเป็นแฟนกันนะ”
“???” ลลินกอดผมแน่น ตัวเธอสั่น และกําลังร้องไห้ ผมรู้สึกได้เพราะหน้าอกเสื้อของผมเริ่มเปียก
“...”
“...”
“อืม”
ผมเลยได้รับสถานะที่ตัวเองไม่ต้องการ “ปรินซ์..แฟนลลิน” ผมคบกับเธอโดยมีภารกิจประจําคือไปรับไปส่งเธอเพื่อไปเรียน ไปซ้อมลีด พาเธอไปช็อปปิ้ง เทคแคร์เธอเท่าที่จะทําได้ มันไม่ได้ลําบาก แต่มันไม่มีความสุข ยิ่งผมโดนผูกติดกับเธอ ความเจ็บปวดที่มีก็ยิ่งเพิ่มมากขึ้น ผมจะมองหน้าธามได้ยังไง..
เหมือนผ่านไปนานเป็นชาติ ทั้งที่แค่คบกับลลินตั้งแต่งานกีฬาประจําปีต่อเนื่องมาจนจบเทอมนึงเท่านั้น
“ไอ้ปรินซ์!!” ไอ้เป้วิ่งตะโกนเรียกชื่อผมมาแต่ไกล
“มีไร คะแนนออกแล้ว?”
“มึงแคร์คะแนนมึงด้วยเหรอ มึงก็รู้ยังไงมึงก็ผ่าน”
“...”
“กูมีเรื่องมาเล่าสู่กันฟัง และมีเรื่องจะถามมึง”
“เล่ามา”
“ไม่ กูอยากถามก่อนค่อยเล่า”
“เออ แล้วแต่มึง”
ไอ้เป้ หรือเชี่ยเป้เป็นเพื่อนตั้งแต่มอปลาย มันกับผมไม่ได้เรียนโรงเรียนเดียวกัน ผมเจอมันที่ที่เรียนพิเศษช่วงก่อนสอบเข้ามหาลัย เรานั่งข้างกันตลอด มันชวนผมคุย อัธยาศัยดี จริงใจ เรื่องที่มันสนใจกับผมค่อนข้างตรงกันแทบจะทุกอย่าง ผมกับมันเลยสนิทกันง่าย ทั้งเรายังเลือกเรียนคณะเดียวกัน มอเดียวกัน ตอนนี้ไอ้เป้เลยได้ตำแหน่งเพื่อนสนิทของผมไป
“จริงๆ กูก็ไม่อยากเม้าท์นะ มันจะดูไม่คูล”
“งั้นมึงก็เงียบปากไป”
“กูไปได้ยินมาว่าลลินแฟนมึงอ่ะ”
“ไม?” ได้ยินแค่ชื่อผมก็นึกสาปแช่งตัวเองแล้ว
“มึงข่มขืนเขา”
“ไอ้สัดเป้ มึง!!” ผมแทบจะเอาหัวแข็งๆ ของผมโหม่งเข้ากับหัวของมัน มันรู้เรื่องของผม ผมเล่าเรื่องคืนนั้นให้มันฟัง เหมือนเด็กน้อยสารภาพผิด เพราะผมเครียดมาก มากจนอยากระเบิดตัวเองให้แตกออกเป็นพันๆ ชิ้น
“มึงใจเย็นนนนนนสิคร๊าบบบ”
“...”
“ที่กูได้ยินมาคือพี่ลลินเนี่ยนางซิ่วมาจากที่อื่น”
“แล้วไง มึงจะบอกกูว่าเขาแก่กว่ากู แค่นั้น”
ไอ้เป้ยกนิ้วชี้ของมันทําท่าปัดไปมา “โนๆ ไม่ใช่แค่นั้น แต่เหตุผลที่นางต้องซิ่วตังหาก”
“...”
“ลลินมีปัญหาเรื่องผู้ชายที่มอเก่าใหญ่โตขนาดที่คณบดีเชิญทั้งสองฝ่ายออกทั้งคู่”
“!!!”
“เออ เรื่องนี้กูกรองมาอย่างดี มึงอย่ามาทําหน้าไม่เชื่อ มึงต้องไม่เชื่อแน่ว่ากูน่ะลงทุนไปตามสืบถึงมอนู้น”
“แต่นั่นก็ไม่เกี่ยวอะไรกับกูไหม นั่นมันอดีต กูสิเสือกไปเป็นปัจจุบันของเขา”
“เออ มึงอ่ะควาย ไม่ใช่เพราะมึงควายไปทําเขา เอางี้กูจะถามมึงล่ะ ตอบมาแบบจริงๆ ไม่ต้องตอบแบบสุภาพบุรุษปกป้องผู้หญิง”
“เออว่ามา”
“ก่อนที่มึงจะไปหาเรื่องพี่โบ้ท ลลินพูดอะไรกับมึงบ้าง”
“เขาพูดอะไรกับกูแล้วมันจะยังไงวะ”
“มึงนี่ควายแล้วควายอีกนะ เก่งแต่เรื่องเรียน มึงตอบกูมาก็พอ เดี๋ยวกูวิเคราะห์วิพากย์ให้มึงเอง”
“เออๆ ลลินก็แค่เล่าให้กูฟังว่าพี่โบ้ทบอกลลิน ว่ากูน่ะเบื่อลลินนู่นนี่ เอาเป็นว่าเชี่ยพี่โบ้ทของมึงใส่ร้ายกู”
“ประมาณนี้ งั้นกูขอยืนยันเลยมึงโคตรควายยยย”
.
.
หัวข้อ: Re: YR Mine นายผู้ปกครอง - รักลุ้นๆ ของคนพี่ Ep.08 Update ** 13 06 62
เริ่มหัวข้อโดย: After5p.m. ที่ 13-06-2019 21:34:27
08
ปลดปล่อย
.
.
“ลลิน ปล่อยเราไปนะ” ผมคุยกับลลินในเย็นวันนั้น วันที่ไอ้เป้มาถางเอาความควายของผมออก
“...”
“รู้ไม่ใช่เหรอว่าเราอึดอัดเวลาอยู่ด้วยกัน”
“แค่นั้นเหรอปรินซ์ปรินซ์ก็แค่ยังไม่เปิดใจให้เราเอง เรารอได้ แค่ปรินซ์อยู่ข้างๆ เราอย่างนี้” ลลินเอื้อมมือมาจับแขนผมแน่น ผมค่อยๆ แกะมือเล็กนั้นออกอย่างถนอมนํ้าใจ
“...”
“แล้วเรื่องคืนนั้น ปรินซ์จะให้เรา..”
“...” ครับ มีแค่คืนนั้นที่ผมเผลอไผล เพราะหลังจากคืนนั้น แม้ผมจะต้องไปรับส่งเธอตลอด แต่ผมก็ไม่เคยเปิดโอกาสให้ความอยากของผมก่อตัวขึ้นมาอีก ‘โคตรควาย’ คงใช้ได้กับผม ของดีอยู่ตรงหน้า แทบจะแอ่นรอผมอยู่ทุกเมื่อ แต่ผมดันเย็นชาเป็นพระอิฐพระปูนไม่สนไม่มองอะไรใดๆ ผมพอดูออกว่าลลินเองก็คงรู้สึกขัดใจไม่น้อย เพราะผมจะปัดมือเธอออกทุกครั้งที่เธอแตะตัวผม ร่างกายผมมันไม่ใช่ของผมเพียงคนเดียว แต่มันเป็นของธามด้วย แค่นี้ผมก็รู้สึกสกปรกตัวเองมากพอแล้ว
“พอเหอะ อย่าให้เราพูดไปมากกว่านี้เลย เรารู้เรื่องจากพี่โบ้ทหมดแล้ว”
“เรื่องอะไร?” สีหน้าลลินเปลี่ยนเล็กน้อย
“..เราจบกันแค่นี้นะ”
“ไม่อ่ะ เราทําอะไรผิด!!”
“น้องลลิน” เสียงใครสักคนดังมาจากใต้ต้นใม้ใกล้ๆ
“พี่โบ้ท..”
“ลลินปล่อยไอ้ปรินซ์มันไปเถอะ ให้เรื่องมันจบง่ายๆ อย่าให้มันบานปลาย”
“พี่โบ้ทอย่ามายุ่ง! ไม่ได้เกี่ยวอะไรด้วย!!”
“พี่บอกมันไปแล้วว่าพี่ไม่ได้พูดอะไรเหมือนที่ลลินไปเล่าให้มันฟัง เลิกสร้างเรื่องจับปรินซ์มันสักที” ผมที่ฟังอยู่นํ้าตาแทบไหล ไอ้พี่โบ้ทมันเท่มาก มันกล้าพูดในสิ่งที่ผมคิด
“อะไรของพี่!” ลลินพูดเสียงดัง ขัดกับร่างเล็กๆ ของเธอ   
“พี่จะยุ่งอะไรด้วย เป็นพี่ก็อยู่ส่วนพี่ไปสิ!!”
“ก็พี่เป็นพี่ไง แล้วไอ้ปรินซ์มันก็ขอร้องพี่ไว้ เลิกยุ่งกับปรินซ์เหอะ ปรินซ์มันก็ไม่ได้เต็มใจจะคบ เรื่องคืนนั้นก็แค่ความสนุกร่วม วินวินกันไป”
“...”
“นี่พูดดีๆ แล้วนะ ตัวเองก็มีประวัติจากมอเก่า อย่าทําให้ต้องเป็นเรื่องใหญ่” พี่โบ้ทพูดขู่จนผมเองก็เริ่มรู้สึกว่าแม่งโคตรไม่แมนรึเปล่าไอ้การมายืนด่าผู้หญิงเนี่ย แต่พอหันไปมองลลิน ผมก็รู้สึกว่าสิ่งที่พี่โบ้ทกําลังทําแม่งไม่ได้แรงอะไรเลย ลลินไม่สะทกสะท้านสักนิด
“ถามจริงๆ นะ เรื่องนี้มันเป็นเรื่องของปรินซ์ จะมายุ่งทําไม หรือว่าหวง?” ลลินกอดอกถามพี่โบ้ท ทีท่าที่เคยอ่อนหวานเปลี่ยนไปเป็นคนละคน
“ใช่ หวง พอใจไหม” ผมมองหน้าพี่โบ้ท โอเค พี่มึงหวงลลิน! ทุกอย่างลงตัวกูจะได้หลุดพ้น “..พี่หวงปรินซ์” ไอ้พี่โบ้ทมันหันมามองผม สายตาจริงจังของพี่มันทําผมหยุดหายใจไปหนึ่งจังหวะ ..อะไรของพี่มึงเนี่ย
“ออ ที่แท้ก็เป็น.. จะเก็บไว้เองสินะ หึ เห็นทำตัวเท่ ทำตัวแบดก็นึกว่าจะแมน ออ ไม่สิ ก็แมน แมนเหนือแมน เอ๊ะ หรือแมนใต้แมน”
“เอาเป็นว่าเข้าใจก็ดีแล้ว อย่ายุ่งกับปรินซ์อีก จบจบไปซะ พี่ไม่ชอบทำร้ายผู้หญิง” พี่โบ้ทปั้นหน้ายิ้มใส่ลลิน
ลลินมองพี่โบ้ทหยั่งกับว่ากำลังมองตัวอะไรที่น่าขยะแขยง ไอ้พี่โบ้ทก็ยังคงยืนนิ่งอยู่ สมควรแล้วที่พี่มันเรียนจิตวิทยา ถึงนิ่งได้ขนาดนี้ เป็นผมเจอคนพูดจาหมาขนาดนี้ ผมต่อยหน้าไปแล้ว แถมนี่ยังเป็นผู้หญิงอีก ผมขอยกให้มันเป็นเทพในทุกสนามสงครามประสาท
“เราขอโทษนะลลิน แต่เรามีคนที่เราชอบอยู่แล้วจริงๆ” ผมที่เห็นสถานการณ์เริ่มเหลือแต่ควันจางเลยรีบตัดจบสรุปเสร็จสรรพ
“ซึ่งก็คือพี่เอง หวังว่าลลินจะเข้าใจพวกเรานะ” ไอ้เชี่ยพี่โบ้ท กูขอถอนคำพูดชื่นชมมึง แถมยังเอามือหนามาโอบไหล่กูอีก
“แต่ถ้าลลินยังอยากได้ตัวปรินซ์ไว้แก้ขัดจริงๆ พี่ว่าเรื่องนี้คงต้องถึงพี่เบิ้ม”
‘พี่เบิ้ม’ คือใครผมไม่รู้ แต่แค่ชื่อก็ดูจะศักดิ์สิทธิ์ ลลินหน้าสลดลงทันที
“ถ้ารู้ดีขนาดนี้.. ก็คงต้องยอมล่ะนะ” ลลินจิกตามองพี่โบ้ท แล้วก็หันมามองผมด้วยดวงตาที่ปรับกลับไปเป็นลลินกวางน้อยใสซื่ออีกครั้ง
“แต่ถ้าปรินซ์ต้องการ จะโทรหาเราก็ได้ เมื่อไหร่เราก็พร้อมถ้าเป็นปรินซ์..” เธอกระซิบที่ข้างหูผมก่อนเดินจากไป ผมถอนหายใจอย่างโล่งอก ..จบสักที
“ไงมึง แค่นี้ถึงกับเหนื่อย” ไอ้พี่โบ้ทยิ้มยียวนใส่ผม ผมมองหน้าพี่มันนิ่ง ความรู้สึกผิด รู้สึกขอโทษ รู้สึกขอบคุณมันตีกันมั่วไปหมด
“ผมขอโทษ แล้วก็ขอบคุณที่พี่ช่วย”
“ไอ้เรื่องขอบคุณอ่ะไม่ต้องหรอก เพราะลลินแม่งเอาชื่อกูไปพัวพัน ส่วนเรื่องขอโทษก็สมควร เพราะมึงต่อยกู ทำกูกินข้าวไม่อร่อยไปหลายวัน มึงต้องพากูไปเลี้ยง และมึงต้องขอบคุณอีกหลายคนด้วย ที่เขาเข้าร่วม ‘พิทักษ์ปรินซ์’ โปรเจ็กต์”
“???”
               
มื้อนี้ผมคงต้องจ่ายหนักมาก เพราะคณะทำงาน ‘พิทักษ์ปรินซ์’ โปรเจ็กต์แม่งมีประชากรเกือบยี่สิบคน มีทั้งเพื่อนในคณะผม เพื่อนที่คณะนิเทศ (คณะของลลิน) น้องคณะไอ้พี่โบ้ท ไหนจะคนประสานข้อมูลที่มอเก่าของลลินอีก โดยทั้งหมดมีหัวหน้าคือไอ้เป้ ไอ้นี่ก็อีกคน มึงควรลาออกแล้วไปสอบตำรวจ ไม่ก็ไปอยู่หน่วยข่าวกรอง มึงทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมาก
“กูน่ะดูออกตั้งแต่วันที่กูเดินเข้าไปคุยกับลลินแล้ว ดวงตาแม่งหน้าต่างหัวจายยยยย” ไอ้พี่โบ้ทพูดอวดเป็นครั้งที่ยี่สิบ มันพูดพร้อมอาการคอเอียงๆ ตามสไตล์คนกรึ่มๆ จะหลับไม่หลับแหล่
“ตาแม่งส่อ เหมือนมึงงงง…” ไอ้พี่โบ้ทชี้หน้าผม
“...”
“มึง มึงไม่ชอบผู้หญิงงงงง…”
“...” ผมไม่แคร์กับคำพูดของไอ้พี่โบ้ท ต่อให้มันโพสท์ขึ้นเฟสบุ๊คเพื่อป่าวประกาศก็เถอะ เพราะมันคือเรื่องจริง ผมนึกขอบคุณที่พี่มันพูดตอกย้ำสิ่งที่ผมเป็นให้ชัด หลังจากเหตุการณ์ของลลิน ผมว่าผมได้คำตอบที่ป๊าให้หาเรียบร้อยแล้ว ผมรู้ว่าผมชอบธามแบบไหน รู้สึกกับธามมากแค่ไหน และต่อจากนี้ผมต้องทำอะไร เพื่อให้ธามเป็นคนของผมให้ได้ การลงทุนของผมจะต้องไม่เสียเปล่า
ผมยังคงนั่งจิบน้ำอัดลมไปเรื่อย  เพราะรู้ว่านอกจากจะต้องสละทรัพย์เลี้ยงคนทั้งฝูงแล้ว เรื่องเมาก็ต้องงด ทั้งที่ตอนนี้ผมโคตรมีความสุขครึ้มอกครึ้มใจ เหมาะแก่การเมามาย แต่ถ้าผมเมาใครจะเก็บซากพวกมันทั้งฝูง
 
แต่มันก็คุ้ม..
 
คืนนี้ผมคงจะนอนหลับฝันถึงธามได้อย่างสบายใจสักที
.
.
.
..ปัจจุบัน
ผมอดนึกถึงความทรงจำที่ไม่อยากจำไม่ได้ เวลานั้นแม่งโคตรแย่ โคตรดาวน์ พอผ่านเหตุการณ์นั้นมาได้ ผมก็กลับมาตั้งใจเรียน ตั้งใจเล่นบอลในทุกสนาม แล้วในที่สุดวันนี้ก็มาถึง วันที่ธามจะมาอยู่ใกล้ผมอีกครั้ง ถึงตลอดสองปีผมจะได้เจอธามอยู่บ้าง แต่มันก็ไม่เหมือนเมื่อก่อน ผมพยายามหาข้ออ้างดีๆ อย่างติวหนังสือให้ธามจนดึก เพื่อให้ได้ค้างบ้านธาม ได้มีเวลากับธาม ได้มองหน้าธามนานๆ แต่ทุกครั้งป๊าก็จะส่งข้อความมาเตือน
“อย่าลืมสัญญา”
เชี่ยเอ๊ย!! คือคําที่ผมสบถอยู่ในใจ ผมไม่ได้ด่าป๊านะ แต่ผมด่าตัวเอง ทําไมตอนนั้นถึงโง่ไปเซ็นสัญญาของป๊าได้!!
แล้วกว่าจะกล่อมให้ธามสนใจมอที่ผมเรียนได้ก็ช่างยากเย็น เหตุผลของธามคือ อยากไปเรียนที่ที่ไกลแสงสี ไกลผู้คน ถ้าเป็นไปได้ก็อยากเรืยนมอที่อยู่แถวภูเขา อากาศดี วันที่ไม่มีเรียนจะได้ไปหามุมสงบนั่งฝึกจิตในป่า.. เหตุผลของธามทําผมปวดหัวไปเป็นอาทิตย์ หนึ่งคือมอที่ผมเรียนไม่ใช่ที่ที่ธามอยากเรียน  และสอง หรือจริงๆ ผมไม่ควรไปฝืนทางธรรมของธาม!! แต่คิดแทนธามไปก็เท่านั้น รอให้ถึงเวลาที่ผมได้พยายามให้สุดทางก่อน ถึงเวลานั้นถ้าธามจะเดินเส้นทางนั้น ผมก็จะสนับสนุนธามเต็มที่ และก็เหมือนฟ้าส่งไอ้เด็กบอสนั่นมา มันเลือกมอผม แถมยังหว่านล้อมธามเก่งกว่าผมซะอีก สุดท้ายธามเลยยอมเลือกที่นี่ตามบอส
คืนนี้ผมนอนไม่หลับ มัวแต่ตื่นเต้น คิดอะไรไว้มากมาย เพราะภารกิจของผมจะเริ่มนับตั้งแต่พรุ่งนี้เป็นต้นไป ภารกิจของการเป็นผู้ปกครอง..
.
.
.
หัวข้อ: Re: YR Mine นายผู้ปกครอง - รักลุ้นๆ ของคนพี่ Ep.09 Update ** 15 06 62
เริ่มหัวข้อโดย: After5p.m. ที่ 15-06-2019 13:22:58
09
ห้องเชียร์
.
.
..ธาม
กว่าผมจะผ่านการรับน้องช่วงก่อนเปิดเทอมตลอดเกือบสองอาทิตย์มาได้ก็แทบตาย ร่างกายน่ะเหนื่อยมาก แต่ว่าก็สนุกมาก สมกับที่เป็นคณะนิเทศศาสตร์ จริงๆก็ไม่มั่นใจในการเรียนในคณะที่จะต้องแสดงตัวตนมากขนาดนี้ เพราะผมเป็นคนนิ่งๆ ดูภายนอกก็คือคนเรียบร้อยคนนึงเลย แต่ตัวตนจริงของผมก็คือคนบ้าๆคนนึงเลยเหมือนกัน แค่ผมแสดงออกไม่ค่อยเก่ง
เสื้ออยู่ในกางเกงเรียบร้อย ไทค์ก็ผูกตรงเรียบร้อย รองเท้าหนังสีดำก็เงางามเรียบร้อย ผมก็เรียบร้อย หน้าตาก็..พอใช้ได้ เช้านี้เป็นเช้าวันเปิดเทอม ซึ่งผมก็มีเรียนมันแต่เช้านี่แหละ ผมก้มลงหยิบเป้สีดำใบเก่งขึ้นหลัง พร้อมสำหรับช่วงเวลาชีวิตใหม่ๆ
“มึงจะไปเรียนแล้วเหรอ ไม่เช้าไปเหรอวะ” ไอ้บอสส่งเสียงทักทายทั้งที่ยังเมาขี้ตาอยู่บนเตียงข้างๆ
“เออ กูอยากไปนั่งโรงอาหารคณะ อยากเสพบรรยากาศตอนคนน้อยๆ”
“ติสสัดให้กูไปเป็นเพื่อนไหม”
“ไปดิ”
“เชี่ย! มึงก็รู้ กูพูดตามมารยาท ไม่ไปด้วยหรอก”
“เออ กูรู้ มึงนอนไปเลยไป” ผมตอบไอ้บอสไปก็ล้วงเอามือถือในกระเป๋ากางเกงออกมาดู ..ปรินซ์โทรมา
“ฮัลโหล ว่าไงปรินซ์”
[เปิดประตู]
“ห่ะ เปิดประตู? ประตูไหน?”
[ก็ประตูห้องไง]
“เห้ย! อยู่หน้าห้องเหรอ”ตลอดอาทิตย์ปรินซ์มันจะรอผมอยู่ใต้ตึก (ทั้งที่ผมไม่ได้ขอ) จะว่าไปมันก็ไม่ได้ขึ้นมาอีกเลยหลังจากที่มันมาค้างเมื่อคืนที่ผมอิ่มจนหลับคาโต๊ะที่ร้านซำบายเป๋า
“พี่ปรินซ์อยู่หน้าห้องเหรอวะ” ไอ้บอสถามเสียงกระซิบ ผมพยักหน้า ไอ้บอสรีบลุกมาใส่กางเกงวอร์มทับบ็อกเซอร์ของมัน พยายามดึงชายเสื้อยืดยับให้เรียบขึ้น ไม่รู้มันจะอะไรขนาดนั้น ก็แค่ปรินซ์มา..
ผมเดินไปเปิดประตูให้ปรินซ์ ไม่เข้าใจว่ามันจะมาทำไม ก็บอกไปแล้วว่าผมจะปั่นจักรยานไปเรียนเอง ไอ้ที่มารับๆส่งๆตลอดสองอาทิตย์เนี่ยมันก็มากเกินพอแล้ว ไม่ได้คิดเกรงใจอะไรหรอกนะ แต่ผมอยากขี่จักรยานไง อยากเอาหน้าต้านลม ดมกลิ่นต้นไม้ใบหญ้าสองข้างทาง
“สวัสดีครับพี่” ปรินซ์พยักหน้ารับรู้ทีนึงให้ไอ้บอสมัน
“มาไม” ผมถามแบบไม่สบอารมณ์
“ก็มารับไปกินข้าว แล้วก็ไปคณะ”
“นี่มันยังเช้าอยู่เลย ยังไม่ไปคณะหรอก”
“แน่ใจ? เตรียมตัวออกจากห้องแล้วชัดๆ”
“…” ไม่รู้จะแก้ตัวยังไง หลักฐานมันคาตา
“พี่กะแล้วว่าธามต้องอยากไปแต่เช้า”
“รู้ดีไปป่ะ” ปรินซ์เดินเข้ามาใกล้ผม มันยื่นมือมาขยับเนคไทค์ของผม แถมยังมองผมด้วยสายตา.. สายตาแบบที่ว่าสาวๆ คงมีละลาย แต่กูไม่ไงครับผมมองมันตอบแบบมีคำถาม กูว่าไทค์กูน่ะตรงเป๊ะเรียบร้อยดีอยู่แล้ว จะจับเพื่อ?
“ปีหนึ่งน่ะ ไทค์เบี้ยวนิดเดียวมันก็ดูไม่ดี เข้าใจไหมครับ” ปรินซ์ยังคงจ้องมองลึกเข้ามาในตาของผม ..เป็นผมที่ต้องหลบตามัน
“เออๆ ไปก็ไป” ผมปัดมือปรินซ์ออก ผมว่ามันน่ารำคาญนิดๆ นี่ผมโตจนหมากระโดดงับตูดไม่ถึงแล้วนะ ยังต้องมาจัดเสื้อผ้าให้อีก ขนาดม๊ายังเลิกยุ่งกับการแต่งตัวของผม ซึ่งนั่นก็นานมาแล้วด้วย
.
.
วันนี้ผมมีเรียนวิชารวมกับปีหนึ่งหลายๆ คณะ วาดภาพคาบแรกไว้ว่าจะได้นั่งฟังอาจารย์เกริ่นเนื้อหาสักครึ่งชั่วโมงแล้วก็ปล่อยให้เรียนรู้ตามอัธยาศัย ผมเดาจากตอนเรียนสมัยมัธยม แต่มันหาได้เป็นอย่างนั้นไม่ อาจารย์เดินเข้ามาพร้อมกับอาจารย์ผู้ช่วย แล้วพวกเราทุกคนก็ได้รับชุดข้อสอบ! สอบมันตั้งแต่คาบแรก!!
“ไม่ต้องตกใจไป” เสียงอาจารย์พูดดังผ่านไมค์ก้องไปทั่วห้องขนาดความจุห้าร้อยคน เสียงหึ่งๆของนักศึกษาเงียบลงแทบจะทันที
“นี่ไม่ใช่การเก็บคะแนน แต่คะแนนที่ได้ในครั้งนี้จะเป็นตัวบอกให้พวกคุณรู้ตัวว่าตัวเองจะต้องพยายามมากแค่ไหนในการเรียนวิชานี้”
“เชี่ยยย คมว่ะ” บรีสที่นั่งอยู่ข้างๆผมพูด
“เออคม ได้แผลแหละเนี่ย”
หมดกันวันแรกที่แสนสดใสในชีวิตการเป็นนักศึกษาปีหนึ่ง นี่ขนาดแค่วิชาแรกนะ
 
สี่โมงเย็นวันนี้พวกเรามีนัดกับรุ่นพี่ที่คณะเพื่อเข้าห้องเชียร์ ผมได้ยินเรื่องห้องเชียร์มาบ้าง แต่ก็ยังนึกไม่ออกหรอกว่าห้องเชียร์ของนิเทศจะเป็นยังไง และก็รู้ด้วยว่าเป้าหมายของการเข้าห้องเชียร์คืออะไร ผมเลยไม่คิดต่อต้าน ผมว่าระบบพวกนี้ถูกคิดขึ้นก็เพื่อให้ประโยชน์อยู่แล้ว เพราะถ้ามันไม่ก่อให้เกิดประโยชน์อะไร ก็คงไม่มีใครมานั่งสืบทอดรุ่นต่อรุ่นเรื่อยมาหรอก
ใต้ถุนตึกเย็นนี้แสนอบอ้าว แม้จะมีพัดลมหมุนสุดกําลังอยู่บนหัวถึงสี่ตัว แต่มันก็ไม่ได้ช่วยอะไร พวกเราเกือบสองร้อยคนกำลังยืนเข้าแถวกันตามคำบอกของรุ่นพี่ปีสองที่คุ้นหน้าคุ้นตากันจากตอนรับน้องก่อนเปิดเทอม แต่วันนี้พวกพี่มาโหมดอึมครึม ไม่มีพี่คนไหนชวนน้องปีหนึ่งคุย จะมีก็แต่ประโยคสั้นๆ ที่ดูเป็นทางการ อย่าง..
“น้องค่ะ เสื้อเข้ากางเกงให้เรียบร้อยนะ”
“น้องครับ จัดเนคไทค์ให้ตรงด้วยครับ”
“น้องค่ะ ผมด้านหน้าเก็บให้เรียบร้อยด้วยค่ะ”
“น้องๆครับ แถวตรงนะครับ อย่าหันไปมา”
“น้องค่ะ อย่าคุยกันนะ”
..และอีกหลายประโยคบอกเล่าที่เป็นคำสั่งกลายๆ
ตอนแรกผมว่ามันคือความตื่นเต้น ตื่นเต้นว่าพวกพี่เขาจะทำอะไรกับพวกเราบ้าง และจากสองอาทิตย์ที่สนุกมากๆ ผมเลยคิดว่า ‘ห้องเชียร์’ ก็ต้องมีอารมณ์คล้ายกัน คือสนุกสนานหรรษา แต่พอเวลาที่พวกเรายืนมันกินเวลานานขึ้นเรื่อยๆ จากสิบห้านาทีเป็นครึ่งชั่วโมง จากครึ่งชั่วโมงเป็นชั่วโมง หรืออาจจะนานกว่านั้น ผมว่าตอนนี้มันคือความท้าทาย ท้าทายว่าตัวเองจะทนได้มากแค่ไหน แล้วก็เกิดคำถามต่อว่ามันจะสิ้นสุดลงเมื่อไหร่ เพราะเหงื่อของผมกำลังผุดเต็มใบหน้า แขนขาที่ยืนเกร็งตรงอยู่นานเริ่มจะไม่ไหว บางครั้งก็รู้สึกว่าลำตัวเอียงยวบไปข้างนึง แต่ผมก็รีบปรับท่าให้มันกลับมาตรงได้อีกครั้ง
“น้องค่ะ ถ้าคนไหนไม่ไหวให้ยกมือเลยนะ”
แม่งก็ควรมีคนไม่ไหว ขนาดผมเป็นผู้ชายยังเริ่มรู้สึกล้า แล้วพวกผู้หญิงล่ะ..
“ตามองตรงไปข้างหน้า!!!”
“ตามองตรงไปข้างหน้า!!!”
“ตามองตรงไปข้างหน้า!!!”
“ตามองตรงไปข้างหน้า!!!”
จู่ๆ ก็มีเสียงจากกลุ่มคนปริศนาตะโกนดังสนั่นลั่นทั่วใต้ถุน ขนาดผมยังเผลอสะดุ้ง มันดังจากทุกทิศทางรอบๆ และกำลังตรงมาที่พวกเรา ผมอยากจะหันไปมองใจแทบขาดว่ามันเกิดอะไรขึ้น ใครวะที่มารุมตะโกนตะคอกพวกเราอยู่
“พวกคุณ! กำลังทำอะไรกันอยู่!!” เสียงรุ่นพี่ผู้หญิงตะโกนเสียงดัง ตอนนี้พวกพี่เขาเข้ามาอยู่ในระยะสายตาของผมแล้ว ประมาณจากสายตาที่เห็นน่าจะมีพวกพี่เขาประมาณแปดคน มีทั้งผู้หญิงและผู้ชาย ทั้งหมดอยู่ในชุดนักศึกษาเรียบร้อย ไม่สิ เรียบร้อยกว่าพวกเราปีหนึ่งด้วยซ้ำ เว้นแค่ว่าพวกพี่ผู้ชายไม่ต้องผูกไทค์แล้ว
“นี่มันกี่โมงแล้ว!!” คราวนี้เป็นเสียงของพี่ผู้ชายพูดขึ้นบ้าง
“พวกเราให้โอกาสพวกคุณอยู่นาน นานมาก!! แต่พวกคุณทำได้แค่นี้เหรอ!!” เสียงของพี่ผู้หญิงอีกคน
“จะต้องให้พวกเรารออีกนานแค่ไหน!!”
“แค่ยืนแล้วตามองตรงไปข้างหน้า ยังทำไม่ได้เลย!!!”
“พวกคุณจะมาเป็นน้องเราจริงๆเหรอเนี่ย ทำไมผมถึงไม่เห็นอยากรับพวกคุณเป็นน้องผมเลย!!”
“สปิริตมีแค่นี้เหรอ ทำแค่นี้มันยากเหรอ!!!”
“ผมยังเห็นพวกคุณคุยกันอยู่เลย!!”
ผมไม่รู้นะว่าเพื่อนคนอื่นรู้สึกยังไง แต่ผมแม่งขนลุก เหงื่อซึมหนักขึ้นกว่าเดิม ความรู้สึกนี้มันคืออะไรวะ กำลังยืนให้โดนด่า โดนด่าแบบที่ต้องพยายามแกะรหัสให้ได้ว่าพวกพี่กำลังด่าเรื่องอะไร
“พวกคุณมากันกี่คน!” เสียงพี่ยังคงตะโกนต่อ
“...”
“ทำไมไม่มีใครตอบ!!!”
“ที่ยืนอยู่ข้างๆไม่ใช่เพื่อนคุณรึไง ทําไมไม่รู้ว่ามากันทั้งหมดกี่คน!!!”
“นี่น่ะเหรอคนที่จะมาเป็นน้องของเรา!!”
“พวกเราไม่มีวันยอมรับพวกคุณที่ไม่สนใจเพื่อน บอกได้ไหมว่ามากันกี่คน!!!”
“...” ทั้งใต้ถุนเงียบจนเสียงพัดลมดังอย่างกับเสียงใบพัดเฮลิคอปเตอร์
“พวกคุณนับเลยครับ พวกคุณมากันกี่คน!!”
เชี่ย!! ทําไงวะ สถานการณ์นี้มันจะจบเมื่อไหร่ จบยังไง มันมีแต่รังสีความอึดอัด ความมาคุคลุมอยู่ทั่วใต้ถุน
“...”
“หัวแถวนับสิคะ!! ต้องให้บอกรึไง!!” ผมว่าคนที่ยืนหัวแถวโคตรซวย เพราะเจอพี่ตะโกนใส่หน้าเต็มๆ
“หนึ่ง”
“สอง”
“สาม”
.
.
“สามสิบห้า”
“หยุดก่อน คุณได้ยินไหมว่าเพื่อนนับถึงเท่าไหร่แล้ว!!” เสียงพี่ผู้ชายถามจากแถวด้านหลัง
“ไม่ทราบค่ะ”
“ไม่ทราบ เห็นไหมว่าเพื่อนคุณไม่ได้ยิน!! พวกคุณมีแรงแค่นี้เหรอ!! หรือคุณไม่สนใจ ไม่ใส่ใจว่าเพื่อนของคุณจะได้ยินไหม!!!”
“รักแต่ตัวเอง!!!” พี่อีกคนตะโกนจากด้านหน้า
“แค่ขานเลขแค่นี้ยังทําเต็มที่ไม่ได้ พวกคุณยังจะมีหน้ามาเป็นน้องของเราอีกเหรอ!!!”
“เราต้องการความเต็มที่จากพวกคุณ!!”
“นับใหม่!!”
“หนึ่ง”
“สอง”
“สาม”
.
.
.
“หนึ่งร้อยห้าสิบสาม”
“วันนี้พวกคุณมาหนึ่งร้อยห้าสิบสามคน!!! รู้ไหมว่ารุ่นคุณมีทั้งหมดกี่คน!!”
“...”
“ไม่รู้งั้นเหรอ!!”
“สองร้อยสิบห้าคนค่ะ” เสียงของใครสักคนดังขึ้นจากอีกฟากที่ผมยืน เจ๋งว่ะ รู้ได้ไง
“ยกมือขึ้น พูดขออนุญาตก่อน แล้วค่อยพูด!!”
เธอคนนั้นยกมือขึ้นชี้ตรงไปในอากาศ “ขออนุญาตค่ะ”
“เชิญ!!”
“รุ่นเรามีสองร้อยสิบห้าคนค่ะ”
“สองร้อยสิบห้าคน แล้วทําไมมาแค่นี้!!”
“เพื่อนคุณหายไปไหน!!”
“ไม่ใส่ใจเพื่อนเลยใช่ไหม!!!”
“เขาไม่ใช่เพื่อนรึไง!!!”
“...”
ตอนนี้เสียงของพวกพี่ยังคงดังอยู่ในการรับรู้ของผมนะ แต่การที่จะต้องเอาแต่มองไปข้างหน้า ซึ่งก็คือการมองต้นคอ กับหัวดําๆของคนข้างหน้าเป็นชั่วโมงๆ ก็ทําเอาผมเริ่มจะเมื่อย (ลูกตา) เลยแอบกลอกตาไปทางขวา ดีนะที่ผมยืนอยู่ค่อนไปทั้งท้ายห้อง ฝังตัวเองตรงกลางๆ แถว ถ้าอยู่แถวริม ผมคงต้องเกร็งมากกว่านี้แน่ๆ เพราะคงจะแอบขยับลูกตาอย่างนี้ไม่ได้
ณ ที่ตรงที่พวกพี่ๆชั้นปีอื่นกำลังยืนจับกลุ่มมองมาที่พวกเรา ผมเห็นพี่ผู้ชายคนหนึ่งที่ชวนสะดุดตา เพราะว่าร่างนั้นสูงโดดเด่นเหนือคนที่อยู่รายล้อม ชุดนักศึกษาที่สวมใส่ก็พอดีตัวจนเห็นสัดส่วนร่างกายได้อย่างชัดเจน ไหล่กว้างที่เหมาะรับเข้ากันกับสะโพกเล็ก ถึงจะดูเหมือนบอบบาง แต่กล้ามเนื้อบนแขนทั้งสองที่แน่นจนเกือบคับอยู่ในเสื้อนักศึกษากลับบอกว่าร่างกายนี้ผ่านการออกกำลังกายมาอย่างเหมาะสม ดวงตาคมๆถูกซ่อนอยู่ใต้แว่นกลมใสกรอบบางที่เข้ากันดีกับใบหน้าเรียว จมูกโด่งเป็นสันสูงและปากสีชมพูอ่อนถูกจัดวางอยู่บนเรือนหน้าผิวสีน้ำผึ้งที่ไร้ซึ่งจุดน่าตำหนิ จะมีก็แค่ไรหนวดอ่อนๆที่เพิ่งขึ้นระบายอยู่เหนือริมฝีปากเท่านั้น น่าแปลกที่ผมรู้สึกว่าเขาดูมีเสน่ห์ทั้งที่น่าจะสูงแค่พอๆกันกับผม แต่พี่เขาดูเป็นผู้ใหญ่ ดูน่าเคารพ ดูน่าศรัทธา..
พี่เขากำลังทำหน้าเคร่งเครียด พลางกระซิบกระซาบกับพี่ผู้หญิงอีกคน แล้วชี้ไปทางด้านซ้ายของแถวพวกเรา ผมเผลอมองตามนิ้วที่ชี้นั้น นั่นเป็นแถวของผู้หญิง และถ้าผมมองไม่ผิด ร่างของเพื่อนผมคนหนึ่งกำลังโงนเงนเต็มที เธอกำลังจะล้มลงแล้ว!!แต่ยังไม่ทันที่ผมจะคิดว่าเธอจะล้มด้วยซ้ำ กลุ่มพี่ผู้หญิงที่คุยอยู่กับพี่ผู้ชายคนเมื่อกี้ก็เข้าไปรับร่างที่ใกล้ไร้สตินั้นไว้ได้ทัน แล้วพาเธอออกจากแถวไปทางด้านหลัง ผมเข้าใจว่าน่าจะพาออกไปพัก และปฐมพยาบาล
เฮ้ออออ โล่งอก…
“คุณกำลังมองอะไรครับ” เสียงทุ้มเข้มเรียกสติของผมให้กลับคืนมา ผมหันกลับมามองต้นเสียงนั้นทันที พี่ผู้ชายคนเมื่อกี้กำลังยืนจ้องผมด้วยระยะที่ต้องกลั้นหายใจใส่กัน เพราะพี่เขาเล่นเข้ามายืนแทรกระหว่างแถวที่ยืนกันแบบแน่นๆ เขาสูงกว่าผมนะ น่าจะสูงพอๆกันกับปรินซ์ และถึงหัวใจของผมจะกําลังเต้นโครมคราม ผมก็อดเงยหน้ามองพี่เขาไม่ได้ คือไม่ได้จะกวนตีนอะไร ก็แค่ผมถูกสอนมาว่า การเป็นผู้ฟังที่ดีจะต้องมองหน้าผู้พูดก็แค่นั้น หรือจะให้ผมมองอกของผู้พูดมันก็ดูจะแปลกประหลาด
“ผมถามว่าคุณกำลังมองอะไร!!” พี่เขาเริ่มดันระดับเสียงของตัวเองให้ดังขึ้นไปอีก ผมเผลอสะดุ้ง พวกเพื่อนๆที่ยืนข้างผมก็คงสะดุ้งไปกับผมด้วยเหมือนกัน
“เอ่อ มองพี่ครับ” เชี่ยธาม!! มึงตอบอะไรไปเนี่ยยยยย
พี่เขาโน้มหน้าลงมาตรงหน้าผม “..จะกวนตีนผมเหรอ”  พี่เขาจ้องตาผมด้วยดวงตาคมๆคู่นั้น ผมเองก็สู้ตาพี่เขา แต่อยู่ได้สักวินาทีก็ก้มหน้าหนี
“..ผมขอโทษครับ ไม่ได้ตั้งใจจะมองพี่ มันเผลอมองไปเอง..” ผมตอบเสียงเบาจนเหมือนว่ากําลังพูดกับตัวเอง
“...”
ผมเผลอถอนหายใจตอนที่พี่เขายอมเดินจากไปโดยดี แล้วพาตัวเองกลับเข้าสู่โหมดตามองตรงไปข้างหน้าอีกครั้ง ตอนนี้ผมมีแรงที่จะยืนตรงต่อแล้วเพราะเหตุการณ์เมื่อกี้ทำผมตื่นตัว หรือเพราะผมได้ขยับหัว ขยับปากด้วยละมั้ง หัวใจเองก็ค่อยๆกลับเข้าสู่จังหวะการเต้นที่ปกติ ผมว่าหน้าร้อนๆของผมก็ค่อยๆอุ่นขึ้น ผมว่าผมกำลังเม้มปากตัวเองแน่นเพื่อกลั้นความรู้สึกบางอย่าง ใบหน้าของพี่มันยังลอยอยู่ตรงหน้าผมอยู่เลย เชี่ย!! ผมเป็นอะไรไปเนี่ย
 
“วันนี้เป็นวันแรกที่เราได้เจอหน้ากัน หน้าของคนที่เรายังไม่อยากรับเป็นน้อง!!” เสียงของพี่ว๊ากยังคงดังอยู่
“อย่าคิดว่าแค่สอบติดเข้ามาก็จะได้เป็นน้องเรา!!”
“สำหรับพวกแหกกฎ..
รู้ไว้ด้วยว่าต้องได้รับโทษแน่นอน!!!” เสียงทุ้มเข้มนี้ เสียงของพี่ผู้ชายคนเมื่อกี้ พี่มันพูดเสียงดังแหวกอากาศมาเลย คงยืนอยู่ห่างจากผมไปทางขวาสุด ผมแอบกลอกตาไปมอง แต่ก็ยังไม่เห็นพี่มันในระยะเกือบร้อยแปดสิบองศาของสายตา แอบหันหัวนิดนึงคงไม่เป็นไร ผมเห็นพี่มันแล้ว และพี่มันก็มองผมอยู่พอดี!! สายตาพี่มันแม่งเย็นเยือกอย่างกับผีดูดเลือด แล้วไอ้ที่พี่มันว่าเมื่อกี้ นั่นมันหมายถึงผมใช่ไหม!! มึงตายแน่ไอ้ธามมมมม!!
.
.
.
หัวข้อ: Re: YR Mine นายผู้ปกครอง - รักลุ้นๆ ของคนพี่ Ep.09 Update ** 15 06 62
เริ่มหัวข้อโดย: AkuaPink ที่ 15-06-2019 13:47:26
 :pig2:
 :katai2-1:
หัวข้อ: Re: YR Mine นายผู้ปกครอง - รักลุ้นๆ ของคนพี่ Ep.10 Update ** 17 06 62
เริ่มหัวข้อโดย: After5p.m. ที่ 17-06-2019 00:40:51
010
ข้าว
   .
   .
   ..ห้องประชุมคณะนิเทศศาสตร์
   ..ข้าว
“สำหรับพวกแหกกฎ..รู้ไว้ด้วยว่าต้องได้รับโทษแน่นอน!!”เสียงพี่หลินเฮดว๊ากปีสี่ที่กำลังล้อเลียนคำพูดของผม
ภายในห้องประชุมนี้จะมีก็แค่พวกเราชาวพี่ว๊ากและคณะกรรมการห้องเชียร์ที่จะมีกันทั้งปีสอง ปีสาม และปีสี่ พวกเราจะสรุปปัญหาที่เกิดขึ้น และช่วยกันหาทางแก้ไขปัญหานั้นร่วมกัน และเพราะมีแต่คนกันเอง การล้อเลียนของพี่หลินเลยสร้างความเฮฮาผ่อนคลายให้กับพวกเราทุกคน ขนาดผมเองที่โดนล้อก็ยังยิ้มเก้อๆ พร้อมกับดื่มน้ำแก้กระหาย นี่ขนาดวันแรก ยังทำเอาผมแสบคอขนาดนี้ กลัวจริงๆ ว่าวันต่อๆ ไปจะไอให้อายน้องมัน
“ไอ้ข้าว ห้องเชียร์เรามีทำโทษด้วยเหรอวะ นี่นิเทศนะเว้ย เราสายเฮฮาป่ะวะ”
”นั่นดิ พอกูได้ยินมึงพูดอย่างนั้น กูนี่ไปไม่เป็นเลย สตั้นท์ว่ะ เชี่ยแม่ง มีทำโทษด้วยเว้ย นึกว่ากูวาปไปว๊ากอยู่วิดวะซะแล้ว”
“โทษทีพี่ อารมณ์มันพาไป พอดีเจอเด็กกวนตีน” ผมนึกถึงหน้าไอ้เด็กปีหนึ่งนั่นทันที
“แต่หวานว่าน้องธามไม่ได้ดูกวนอะไรนะ ตอนที่น้องเห็นว่าเพื่อนจะล้ม น้องมันยังทำท่าเหมือนจะพุ่งตัวไปเลย แต่พวกเราไวกว่าไง ดีที่ข้าวมาชี้ให้พวกเราเห็นก่อน เลยไปรับไว้ทัน”
“...”
“เอาเป็นว่าพรุ่งนี้ก็ยังคงคอนเซ็ปต์นะ ต้องสอนน้องมันหลายอย่างอยู่…”
เสียงการประชุมยังคงดังต่อเนื่องอยู่เป็นชั่วโมง ผมเองซึ่งรู้หน้าที่ของการเป็นพี่ว๊ากดีอยู่แล้วจึงแค่พยักหน้ารับรู้หัวข้อเพิ่มเติมของการว๊ากในวันพรุ่งนี้ ไม่ได้ตื่นเต้นอะไรมากเพราะนี่เป็นปีที่สองที่ผมได้รับเกียรติให้มาทำหน้าที่นี้ แต่มันกลับมีบางอย่างกำลังกวนใจผม
“..ผมขอโทษครับ ไม่ได้ตั้งใจจะมองพี่ มันเผลอมองไปเอง..” คำพูดของเด็กนั่น นักศึกษาชายร่างบาง เตี้ยกว่าผมน่าจะราวสิบเซนต์ ผิวขาวเหมือนไม่ค่อยได้โดนแดด ตาไม่โตไม่ตี่แต่ก็มีสองชั้นไว้ใช้งาน จมูกไม่ใหญ่มากพอดีกับปากเล็กๆที่น่าจะกินข้าวคำใหญ่ไม่ได้ โดยรวมหน้าตาไม่ได้ดีโดดเด่นอะไร แต่น่ามอง อาจเพราะแก้มป่องๆบนใบหน้ารูปวงรีที่น่าหยิกสักสองทีก็ได้
“ข้าวยิ้มไรอยู่คนเดียววะ”
“ออ เปล่านิพี่” นี่ผมกำลังยิ้มเพราะวิเคราะห์หน้าไอ้เด็กยียวนคนนั้น ทั้งที่มองมันไม่ถึงหนึ่งนาทีเนี่ยนะ
.
..ธาม
“มึงนี่มันสุดยอดเลยว่ะไอ้ธาม” ไอ้บรีสพูดกับผมหลังเลิกจากห้องเชียร์ มันพาผมมากินน้ำปั่นที่ร้านยอดนิยมของคณะครุศาสตร์ คณะเพื่อนบ้านของพวกเรา
“อะไรของมึงวะ”
“กูเห็นไง ว่ามึงได้คุยกับพี่ว๊ากคนนั้นด้วย”
“คุยเชี่ยไรวะ กูเกือบจะได้โดนว๊ากแบบเอ็กคลูซีฟแล้ว”
“กูก็ลุ้นว่ามึงจะโดนว๊ากว่าอะไร ตื่นเต้นแทนมึงฉิบ” แล้วไอ้บรีสมันก็หัวเราะ ไม่รู้จะขำอะไรหนักหนา ตอนนั้นผมกลัวจะตาย พอเบื่อไอ้การหัวเราะไม่จบไม่สิ้นของไอ้บรีส ผมเลยเปลี่ยนอารมณ์ด้วยการหยิบมือถือขึ้นมาดูหลังจากที่ไม่ได้มีโอกาสหยิบมันขึ้นมาเลยตลอดเวลาเกือบสองชั่วโมงในห้องเชียร์ ..สิบสายไม่ได้รับจากปรินซ์ และข้อความไลน์จากปรินซ์ ผมเปิดดูไลน์ทันที
[อยู่ตรงไหน รับสายด้วย]
[อยู่ใต้ถุน อยู่ตรงไหน]
[ถ้าไม่โทรกลับจะโทรไปแจ้งความ]
[ถ้าไม่โทรมาจะฟ้องมาม๊า]
เวลาของข้อความสุดท้ายระบุว่าส่งมาเมื่อครึ่งชั่วโมงที่แล้ว
“เชี่ย!!”
“ด่ากูไมวะ”
“กูไม่ได้ด่ามึง กูต้องกลับคณะแล้วว่ะ พี่ชายมารับ”
“เห้ยมึงมีพี่อยู่นี่ด้วยเหรอวะ พี่อยู่คณะไร” บรีสพูดพลางขยับลุกจากม้านั่งพร้อมๆ กันกับผม
“บัญชี-บริหาร”
“งี้พี่มึงก็คงสายนุ่มนิ่มสิว่ะ ผู้ชายเรียนบัญชี”
“บริหารไหมวะ”
“มันก็บัญชีนั่นแหละ หนุ่มบัญชีก็ต้องนุ่มนิ่มอยู่แล้ว”
“กูท้าให้มึงไปพูดต่อหน้าพี่มันเลย แล้วมึงจะรู้ว่าตีนมันอ่ะไม่นุ่มนิ่ม”
ผมกับบรีสเดินกึ่งวิ่งข้ามถนนสองเลนระหว่างคณะนิเทศกับครุ ตรงไปยังใต้ถุน จริงๆ ผมเห็นปรินซ์แต่ไกลแล้วแหละ มันกำลังยืนคุยกับสาวอยู่ใต้ต้นไม้นอกใต้ถุน พอมันเห็นผมมันก็เดินมาหาผม ทั้งที่ผู้หญิงคนนั้นก็ยังยืนอยู่ที่เดิมและยังมองตามร่างมัน
“จะกลับยัง รอนานแล้วนะ”
“แล้วใครใช้ให้มารอวะ” ผมตอบปรินซ์แบบห้วนๆ ตามเคยทั้งที่ก็เห็นนะว่าหน้าปรินซ์แม่งงอเป็นปลาทูแม่กลองแล้ว ผมว่ามันตลกดี เพราะมันขัดกับหน้าหล่อๆ ของมัน
“สวัสดีครับพี่ ผมบรีสเพื่อนธามครับ” บรีสที่เห็นช่องว่างของบทสนทนาระหว่างผมกับปรินซ์รีบพูดขึ้น
“อืม เห็นอยู่กับธามหลายทีล่ะ ฝากดูแลธามเวลาอยู่คณะด้วยนะ”
“เชี่ยปรินซ์ นี่ปอตรีแล้วป่ะ ไม่ใช่เด็กน้อยในเนอสซารี ฝากกูเป็นแม่ลูกอ่อนไปได้”
“ก็คนมันห่วง” ปรินซ์หันมามองผมด้วยสายตาอ่อนโยน มึงเป็นไรเนี่ย ฮอร์โมนความเป็นแม่เข้าร่างรึไง กูเริ่มขนลุกแล้วเนี่ย
“บรีส กูว่ากูพาแม่อีกคนกลับก่อนนะ พรุ่งนี้เจอกันโรงอาหาร”
“เออๆ เจอกันมึง หวัดดีครับพี่” พอปรินซ์พยักหน้าตอบไอ้บรีสเสร็จผมรีบคว้าข้อมือไอ้คนตัวสูงกว่าแล้วจูงมันไปที่รถ (ของมัน) ทันที
.
.
“จะพาไปไหน ไม่ใช่ทางไปหอ”
“ก็กำลังจะพาไปหอไง แต่หอนอกของพี่นะ”
“ไปทำไม”
“ไปก่อนค่อยว่ากันนะครับ” เสียงอ่อนๆ ของปรินซ์.. เก็บไปไว้ใช้กับสาวๆ ไหมครับ
ผมยังไม่เคยไปห้องของปรินซ์เลยทั้งที่จริงๆแล้วผมเกือบจะได้อยู่ห้องของปรินซ์ด้วยซ้ำ ทั้งม๊า ป้าป้าและปรินซ์สนับสนุนกันเต็มที่เพราะว่าผมจะได้มีปรินซ์คอยดูแล ม๊ากับป้าป้าจะได้ไม่ต้องห่วง แต่พ่อของปรินซ์ไม่สนับสนุน พ่อของปรินซ์บอกว่าไม่สะดวกหรอก สู้หอในไม่ได้ เพราะหอในน่ะอยู่ในตัวมหาลัยเลย ปลอดภัยกว่า ไปเรียนก็ง่ายกว่า ตื่นสายได้อีกนิดด้วย ผมเองก็เห็นด้วยกับพ่อของปรินซ์นะ อีกอย่างผมอยากได้อิสระไง แถมบอสมันก็บอกว่าจะอยู่กับผมด้วย ผมเลยเลือกอยู่หอในในที่สุด
“นั่งที่โซฟาก่อน เดี๋ยวหาไรให้กิน หิวแล้วป่ะ”
“อือ หิว” ผมไม่ปฏิเสธ ก็มันหิวจริงๆ เมื่อกี้ก็ได้แค่น้ำหวานไปเพิ่มน้ำตาลในเลือดให้มีแรงขึ้นมาหลังจากยืนเหงื่อแตกอยู่เกือบสองชั่วโมง
ปรินซ์หายไปหลังเคาเตอร์เล็กๆ ที่ระบุตัวตนว่ามุมนั้นคือห้องครัว ส่วนผมก็หยิบมือถือขึ้นมาไถดูเรื่อยเปื่อย เวลาผ่านไปสักห้านาทีกลิ่นหอมๆ ที่เดาไม่ยากว่ามันคือกลิ่นของอาหารก็ลอยมาเตะจมูกผม (ได้เวลาอาหารสักที) ผมพยายามไม่ยิ้มให้กับกลิ่นของมัน กลิ่นนี้น่าจะเป็นกะเพราหมูสับ ส่วนอีกกลิ่นก็น่าจะเป็นไข่เจียวกุ้ง ผมค่อยๆ สูดดมกลิ่นของพวกมันที่ลอยเข้ามาใกล้มากขึ้น และชัดเจนขึ้นทุกที
“หลับตาพริ้มเชียวนะ พอได้กลิ่นของกิน”
ผมลืมตาขึ้น ปรินซ์พูดถูก ผมไม่เถียง เพราะผมโตมากับการช่วยงานเล็กๆน้อยๆ ในครัว ผมเลยมีประสาทสัมผัสในการรับกลิ่นเป็นพิเศษ อย่างกลิ่นไหม้นิดๆ ของกระเทียมเจียว หรือกลิ่นเค็มของเห็ดหอมที่ถูกเจียวน้ำมันใส่ซีอิ๊วนิดหน่อย ก่อนที่ส่วนผสมทั้งคู่จะลงไปอยู่ในเมนูข้ามต้มทรงเครื่องที่แสนกลมกล่อม ม๊าเคยบอกว่าผมเป็นคนกินง่าย และกินอร่อย แม่ครัวคนไหนมาปรุงอาหารให้ผมกินเป็นต้องปลื้มแน่นอน เพราะผมจะกินจนลืมไปเลยว่าจานใบนี้ต้องล้าง แต่เมนูนั้นต้องอร่อยนะปรินซ์วางจานสองจานลงบนโต๊ะหน้าโซฟาที่ผมนั่งอยู่ ผมรีบมองดูของที่อยู่ในจาน เพราะอยากรู้ว่าต่อมรับกลิ่นของตัวเองทำงานพลาดรึเปล่า และก็ไม่พลาด
“ทำเองเหรอ” ปรินซ์ไม่ตอบ แค่ยิ้มให้ผม แล้วก็เอามือหนามาขยี้หัวผม ก่อนผละไปหยิบจานข้าวมาสองจาน
“เวฟเอาสิ พี่ทำเป็นที่ไหนล่ะ”
“เออแหะ ไม่น่าถาม แค่อยู่หอสองปีไม่น่าจะทำให้คนเราทำอาหารเป็นได้”
“กัดได้ตลอดเลยนะ พูดดีๆ กับพี่บ้างไม่ได้รึไงครับ”
“ก็พูดกันอย่างนี้มาตลอดแล้วป่ะวะ จู่ๆ นึกยังไงจะให้พูดจาดีๆ ด้วย”
“...”
“ธามกินก่อนเลยนะ” ปรินซ์ลุกขึ้นจากที่นั่งอยู่ข้างผมแทบจะทันที แล้วเดินหายเข้าไปในห้องนอน คงจะต้องการความเป็นส่วนตัวล่ะมั้ง รีบกินแล้วรีบกลับดีกว่า

ผมก็กินเสร็จเรียบร้อยแบ่งกับข้าวส่วนของปรินซ์ไว้เรียบร้อย และอาหารก็เย็นหมดเรียบร้อย แต่ปรินซ์ก็ยังไม่ออกมา ทั้งที่เวลาผ่านไปเลยครึ่งชั่วโมงแล้ว จะไปเรียกก็กลัวจะกวน จะกลับก่อนโดยไม่บอกก็กลัวเสียมารยาท ถึงจะสนิทกันมาก แต่ก็รอให้ปรินซ์ออกมาก่อนล่ะกัน อีกอย่าง ปรินซ์เป็นคนพามา ก็ต้องเป็นคนพากลับดิว่ะ ระหว่างรอก็หลับล่ะกัน ผมขยับตัวหามุมสบายแล้วเอนศีรษะพิงพนักโซฟา เหนื่อยก็เหนื่อย เพลียก็เพลีย อิ่มก็อิ่ม ง่วงก็ง่วง 
.
..ปรินซ์
ผมไม่เคยรู้เลยว่ามันจะยากขนาดนี้ ..การจีบคนที่ตัวเองรัก ผมเคยคิดมาตลอดว่ามันไม่น่าจะยาก ยิ่งกับคนที่ใช้ชีวิตร่วมกันมาตั้งแต่เด็ก ผมคงเข้าใจผิดไปมาก

“กัดได้ตลอดเลยนะ พูดดีๆ กับพี่บ้างไม่ได้รึไงครับ”
“ก็พูดกันอย่างนี้มาตลอดแล้วป่ะวะ จู่ๆ นึกยังไงจะให้พูดจาดีๆ ด้วย”

ธามพูดถูก ผมกำลังคาดหวังอะไรอยู่วะ มันจะเป็นไปได้ยังไงที่จะให้ธามพูดหวานๆ กับผม ในเมื่อมันมีแค่ผมคนเดียวที่คิดไปเอง สถานะของเราก็คือพี่น้อง เพื่อน ที่โตมาด้วยกัน สนิทกัน ผมเป็นแค่นั้นสำหรับธาม และเป็นผมฝ่ายเดียวที่กำลังพยายามเพื่อให้ตัวเองได้เป็นมากกว่านั้นสำหรับธาม
ผมนั่งพิงหลังประตูตั้งแต่เดินหนีธามเข้ามาในห้องนอน เพราะไม่รู้ว่าตัวเองจะทนต่อคำพูดของธามได้มากแค่ไหน ใจนึงอยากจะพูดบอกความรู้สึกของตัวเองออกไปตรงๆ ธามจะได้รู้ว่าผมชอบธามแบบคนรัก และรักธามมานาน แต่ถ้าผมพูดออกไป ก็ไม่มีอะไรจะการันตีได้เลยว่าผมจะไม่เสียธามไปโดยที่ธามยังไม่ได้ทันเห็นความพยายาม และความตั้งใจของผมเลยสักนิด การรักใครสักคน ผมว่ามันต้องลงทุน ต้องเสี่ยง และสุดท้ายคือต้องลุ้น ลุ้นให้เขาเห็นความดีในตัวเรามากพอที่เขาจะรัก ตอนนี้ผมจึงควรต้องรอ รอที่วันนั้นจะมาถึง วันที่ธามจะเห็นผมในแบบที่ผมเห็นธามอย่างที่ผมเป็นมาตลอดหลายปี
เสียงช้อนส้อมของธามเงียบลงไปแล้ว ตอนนี้ธามคงหลับเหมือนทุกครั้งที่กินจนอิ่ม ไหนจะเพลียจากการเข้าห้องเชียร์อีก ธามไม่มีวันรู้เลยว่าวันนี้ผมไปยืนมองธามตั้งแต่เวลาของห้องเชียร์เริ่มขึ้น ธามยืนโอนเอนหลายทีจนผมเกือบเผลอจะเข้าไปคว้าเจ้าคนตัวบางนั้นออกมาจากแถว ทั้งที่ผมก็รู้ว่าธามไม่ได้อ่อนแอขนาดนั้น เขาต้องผ่านมันไปได้อยู่แล้ว ถึงอย่างนั้น ผมก็ไม่อยากเห็นคนที่ผมรักยืนทรมานอยู่แบบนั้น และสิ่งที่ผมเห็นจากการไปยืนเฝ้าอยู่ห่างๆ ก็คือ ธามมองหนึ่งในพี่ว๊ากที่ยืนอยู่ด้านล่างของจุดที่ผมกำลังยืนอยู่ หนำซ้ำพี่ว๊ากคนนั้นยังเดินเข้าไปหาเรื่องธามอีก ตอนแรกผมกลัวว่าธามจะโดนว๊าก กลัวธามจะทนต่อคำพูดที่ทำร้ายจิตใจไม่ได้ แต่พอธามเงยหน้าขึ้นสบตาไอ้พี่ว๊ากนั่น แค่วินาทีเดียวผมก็ว่ามันนานเกินไปแล้ว ในความรู้สึกของผมมันเหมือนกับการได้เห็นคนรักของตัวเองกำลังนอกใจไปกับไอ้บ้าที่ไหนก็ไม่รู้ พายุอารมณ์ของผมกำลังก่อตัวขึ้น ยิ่งมันเอาหน้าลงไปใกล้หน้าของธาม มือของผมยิ่งกำหมัดแน่น ดีที่ผมเห็นธามก้มหน้าหลบมันในที่สุด ธามเหมือนพูดพึมพำอะไรสักอย่างกับไอ้พี่ว๊ากนั่น หลังจากนั้นมันก็เดินออกจากแถว โดยไม่ได้ว่าอะไรธาม ผมเลยพยายามสงบสติอารมณ์ให้เป็นปกติมากที่สุด ถึงร่างแยกของผมพุ่งตัวเข้าไปกระชากคอเสื้อไอ้พี่ว๊ากนั่นตั้งแต่ที่มันเดินเข้าไปใกล้ธามเรียบร้อยแล้ว
ธามกำลังหลับอยู่จริงๆ และหลับสนิท เพราะมีเสียงกรนเบาๆออกจากคนที่ตัวเล็กกว่าผมนิดเดียว หน้าธามตอนหลับน่ามองที่สุดผมรู้ดี ผมชอบแอบมองธามเวลาหลับ ชอบแอบเอามือไปลูบหัวของธามเบาๆ ผมเส้นไม่หนาของธามนั้นนุ่มชวนสัมผัส
“อยากผมนุ่มก็ใช้ครีมนวดด้วยดิ”
ธามเคยบอกผมเมื่อนานมาแล้วตอนที่ผมเริ่มสังเกตทุกสิ่งที่เป็นธาม
“แมนๆใครเขาใช้ครีมนวด”
“แมนๆ เนี่ยผมนุ่มไม่ได้รึไงวะ”
ตอนนี้ผมก็กำลังลูบผมของคนที่ผมแอบรักอยู่อีกครั้ง มันจะมีวันนั้นไหม วันที่ผมไม่ต้องแอบสัมผัสธามแค่ตอนนอน ตอนที่ธามไม่รู้ตัว
.
..ธาม

น้ำท่วมเหรอวะ ทำไมขาถึงรู้สึกเปียกๆ เชี่ยแล้ว!! น้ำท่วมจริงๆด้วย ต้องรีบไปบอกม๊ากับป้าป้า แล้วนี่จะทำไงดี ถ้าน้ำสูงกว่านี้ธามน้อยก็เปียกดิวะ ยังไม่ได้เตรียมถุง เตรียมรองเท้า เตรียมเรือเลย ถ้าเชื้อโรคเข้าธามน้อย ธามใหญ่จะทำไง!! แล้วปรินซ์รู้เรื่องยังเนี่ย!! น้ำจะท่วมโลกแล้ว ต้องรีบไปบอกปรินซ์ บอกพ่อแม่ปรินซ์จะได้หนีขึ้นเหนือไปด้วยกัน แต่ว่าจะไปยังไงดีวะ ขึ้นรถ ลงเรือ หรือขึ้นเครื่อง! ทางไหนก็ได้! เพราะกูว่ายน้ำไม่เป็นนนนนนนน ช่วยด้วย!!!

ผมสะดุ้งตัวแรงมาก หายใจหอบเหนื่อย แต่พอมองไปรอบๆก็สบายใจ แม้ไฟจะสลัวไปนิด แต่ผมก็ยังนั่งอยู่บนโซฟาในห้องของปรินซ์ และมีปรินซ์กำลังคุกเข่าอยู่ตรงหน้าผม หน้าและตัวของปรินซ์เปียกอย่างกับโดนใครสาดน้ำสงกรานต์ใส่ หยดน้ำบนเส้นผมดำขลับของปรินซ์กำลังไหลแล่นไปทั่วหน้า
“ตื่นแล้วเหรอ ฝันร้ายใช่ไหม” ปรินซ์พูดทั้งที่ยังก้มหน้าผมเลยยิ่งมองปรินซ์ไม่ค่อยถนัดเพราะผมของปรินซ์ก็เปียกปิดหน้าปิดตาปรินซ์อยู่
“...” ผมก้มลงไปมองที่เท้าของตัวเอง เพราะรู้สึกเหมือนว่ามันกำลังแช่อยู่ในน้ำ มันแช่อยู่ในน้ำจริงๆ น้ำอุ่นๆในกะละมังใบไม่ใหญ่ แต่ก็ไม่เล็กไปกว่าเท้าทั้งสองข้างของผม และมีมือของปรินซ์ที่กำลังจับอยู่ที่น่องขาของผม
“เห้ย! ทำไรอ่ะปรินซ์”
“กำลังนวดเท้าให้ไง เห็นยืนมาตั้งสองชั่วโมง”
“เห้ย ไม่ต้อง ปล่อยเลยปรินซ์!!”
“อยู่เฉยๆ เถอะ ใกล้เสร็จแล้ว”
“...” จู่ๆผมก็รู้สึกว่าระหว่างเรามันมีความเงียบชวนอึดอัดขึ้นมา ระหว่างปรินซ์กับผมมันไม่เคยมีช่วงเวลาแบบนี้ เราเคยต่างคนต่างนอนอ่านการ์ตูนในห้องเดียวกันมาก็ตลอด แต่ความรู้สึกนี้มัน.. ผมอดเม้มปากไมได้ ใจก็อดเต้นแรงไม่ได้
“แล้วทำไมตัวเปียกวะ อาบน้ำแล้วลืมเช็ดตัว?”
“ไม่ได้อาบน้ำ แต่มันมีใครบางคนฝันร้ายแล้วก็ยกเท้าสะบัดน้ำขึ้นมา..”
“ห่ะ???” ผมจินตนาการตามแล้วระเบิดเสียงหัวเราะออกมาอย่างกลั้นไม่อยู่ นั่นมันน้ำที่แช่เท้าผมนี่หว่า โถ ปรินซ์ผู้น่าสงสาร ผมเอื้อมมือทั้งสองข้างไปจับหน้าของคนตรงหน้า แล้วลูบผมของปรินซ์ให้เปิดขึ้น ผมมองตาปรินซ์ทั้งที่ยังขำอยู่ ตอนนี้ระดับสายตาของเราสูงเท่ากันแล้ว ไม่สิ ตอนนี้ปรินซ์เตี้ยกว่าผมแล้วเพราะผมนั่งสูงกว่า ปรินซ์มองตาผมนิ่ง สายตาแข็งกร้าวเหมือนคนกำลังอยู่ในอารมณ์โกรธ ตัดพ้อ แต่ก็ดูอ่อนโยนอยู่ในที บวกกับหน้าเปียกๆ ผมเปียกๆของปรินซ์ในเวลานี้อีก เรียกว่าเซ็กซี่จะถูกไหม ผมเผลอมองขนตาดำยาวของปรินซ์ ขนตาของผมยาวไม่เท่าของปรินซ์ หน้าของผมเลยดูจะจืดๆเมื่อเทียบกับปรินซ์ที่มีดวงตาเข้มๆ ทั้งขนคิ้วของปรินซ์ก็หนาดำขลับเรียงเส้นสม่ำเสมอ จมูกของปรินซ์ก็โด่งดี ปากก็ไม่เล็กไม่ใหญ่พอเหมาะกับใบหน้าที่เรียวยาว แม้แต่กรามของปรินซ์เอง ผมก็ว่ามันดูลงตัวกับปรินซ์ไปซะหมด ผมไม่เคยมองหน้าปรินซ์นานขนาดนี้มาก่อน ผมว่าผมคงตกอยู่ในภวังค์ของอะไรสักอย่าง ปรินซ์เองก็ยังคงสบตาผมอยู่อย่างนั้น เหมือนปล่อยให้ผมได้มีเวลาพินิจหน้าของตัวเองเท่าที่ผมจะพอใจ ผมว่าการมองปรินซ์นี่ก็เพลินดี จนไม่รู้ตัวเลยว่า ตัวเองได้ยื่นหน้าเข้าไปใกล้ปรินซ์มากแค่ไหนแล้ว
“ถ้าธามไม่ถอย พี่จะจูบธามนะ”
“!!!!!”
.
.
.

หัวข้อ: Re: YR Mine นายผู้ปกครอง - รักลุ้นๆ ของคนพี่ Ep.11 Update ** 18 06 62
เริ่มหัวข้อโดย: After5p.m. ที่ 18-06-2019 07:47:56
011
ความใกล้
.
.
“กลับมาแล้วเหรอคร๊าบคุณธาม นึกว่าจะไม่กลับมานอนซะแล้ว นี่ก็กำลังคิดถึ๊งคิดถึง” บอสทักทายแบบหมาๆตั้งแต่ผมยังไม่ทันถอดรองเท้าเสร็จ
“...”
“เป็นไงมั่งวะห้องเชียร์ ได้ข่าวว่าหนัก”
“...”
“เลิกกันกี่โมงวะถึงกลับมามืดขนาดนี้ อีกยี่สิบนาทีมึงก็เข้าหอไม่ได้แล้วเนี่ย”
“...”
“แล้วนี่มีใครมาส่งมึงป่ะเนี่ย อย่าบอกนะว่าเดินกลับมาเอง เนี่ยแหละหนาให้พี่ปรินซ์ไปส่ง ถ้าเขาไม่ไปรับกลับก็ลำบากอีก จักรยานมึงก็จอดง่าวอยู่นี่”
“...”
“อ้าวเชี่ยธามคร๊าบบ ฮัลโหล ทำไมไม่ตอบวะคร๊าบบบ”
“...” ผมไม่นึกอยากตอบคำถามของบอสมันเลยสักนิด จะว่าไปผมก็เกือบเป็นใบ้ตั้งแต่ที่ปรินซ์พูดอย่างนั้นกับผม

“ถ้าธามไม่ถอย พี่จะจูบธามนะ”

ตอนนั้นผมถอนมือออกจากหน้าของปรินซ์แทบจะในทันที แล้วรีบลุกขึ้นยืนโดยลืมไปเลยว่าเท้าของผมยังอยู่ในการจับกุมของปรินซ์ในกะละมังที่มีน้ำอุ่น และเพราะอย่างนั้นผมเลยเสียหลักถลาหน้าคะมำไปข้างหน้าอย่างที่ไม่มีแรงฉุดไหนจะรั้งผมไม่ให้ล้มทับปรินซ์ได้ ผมหลับตาปี๋ ไม่อยากที่จะรับรู้ว่าตัวเองจะล้มในท่าที่น่าตลกมากแค่ไหน แล้วก็กลัวด้วยว่ามันจะต้องเจ็บแน่ๆ หน้าของผมน่าจะฟาดเข้ากับพื้นกระเบื้องแข็งๆ แน่ ผมน่าจะได้แผลแตก อาจจะต้องถึงขั้นไปเย็บ ต้องมีแผลเป็นแน่

ไม่เจ็บแหะ แต่ผมก็ไม่กล้าลืมตาอยู่ดี กลัวว่าตัวเองจะอยู่ในท่าที่โคตรน่าอาย
“เจ็บตรงไหนไหม” เสียงของปรินซ์ดังอยู่ใกล้หูของผมมาก ลมหายใจอุ่นๆ ของปรินซ์รดอยู่ตรงคอของผม
“ไอ้เอ็บ”
“ถ้างั้นก็ลุกขึ้น”
“ไอ้เอา”
“แต่พี่เจ็บนะ” ผมลืมตาทันที หน้าของผมกำลังซุกอยู่ใต้คอของปรินซ์ ด้วยความตกใจเลยยกหน้าของตัวเองขึ้นเสยเข้ากับปลายค้างของปรินซ์ปรินซ์กำลังมองผมอยู่ เชี่ยเอ๊ย!!! ใกล้กว่าเมื่อกี้อีก แถมตอนนี้ร่างของผมทั้งร่างยังทับอยู่บนตัวปรินซ์
“ไม่เจ็บก็ลุก” ผมรีบยันตัวเองขึ้นเพื่อไม่ให้ทับคนตัวใหญ่ที่บ่นว่าเจ็บ ตอนนี้ผมเลยกำลังคร่อมตัวปรินซ์อยู่ เราทั้งคู่เปียกเพราะโดนน้ำในกาละมังสาด แต่ปรินซ์ดูจะเปียกมากกว่าผม ผมอดไม่ได้ที่จะมองเสื้อยืดเปียกที่แนบเข้ากับกล้ามท้องแบนราบของปรินซ์ หุ่นของปรินซ์ดีสมกับเป็นนักบอล
“จะมองอีกนานไหมครับ” ผมไล่สายตาขึ้นสบตาปรินซ์ มันกำลังส่งสายตาพลังทำลายล้างสูงใส่ผม สายตาแบบนี้มันต้องให้คำจำกัดความยังไงวะ สายตาแบบที่ใครเผลอมองจะต้องละลายเป็นไอติมหน้าร้อน แม่งงงง เซ็กซี่ได้อีก นี่ขนาดกูเป็นผู้ชายเหมือนกันยังรู้สึกได้!
ขณะที่ผมกำลังคุยกับตัวเองอยู่ ปรินซ์ก็ดันร่างตัวเองขึ้นนั่ง นั่นทำให้ผมที่กำลังเหม่อไม่ทันตั้งตัวจึงหลบร่างใหญ่แทบไม่ทัน ร่างของเราใกล้กันอีกครั้ง หัวใจของผม!! หัวใจของผม!!! หัวใจของของผมหยุดเต้นไปแล้ววววว
“ธามไปอาบน้ำไป เดี๋ยวพี่หยิบเสื้อผ้าให้เปลี่ยน” ปรินซ์กระซิบที่ข้างหูผม เชี่ย! ผมที่ได้สติเกือบจะทันทีรีบลุกแล้วเดินไปห้องน้ำอย่างเร็วเกือบจะเท่าความไวแสง หัวใจของผมกลับมาเต้น เต้นเร็ว และแรงมาก หน้ากำลังร้อนผ่าว ไม่ใช่แค่หน้า แต่ผมร้อนไปทั้งตัวทั้งที่ตัวผมเองก็เปียกน้ำ
ผมรีบเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วออกจากห้องน้ำอย่างไว ปรินซ์กำลังถูพื้นอยู่เพราะน้ำแช่เท้าของผมนองไปทั่วพื้น
“รอแป๊ปนึงนะ เดี๋ยวพี่ไปส่ง” ปรินซ์พูดโดยที่ไม่มองหน้าผม หลังจากนั้นก็ด้วย ทั้งตอนปรินซ์ออกมาจากห้องน้ำ ตอนอยู่ในรถเพื่อมาส่งผม และจนผมลงจากรถ ไม่ใช่ปรินซ์ที่ไม่มองผม แต่เป็นผมมากกว่าที่ไม่มองปรินซ์เลยไม่รู้ว่าปรินซ์มันมองผมบ้างรึเปล่า ไม่รู้มันทำหน้ายังไง แต่ในส่วนของผมนั้น แม่ง ทำหน้าไม่ถูกกกก!

..ปัจจุบัน
“หน้ามึงแดงๆนะไอ้ธาม เป็นไข้เหรอวะ” เกือบลืมไปเลยว่าไอ้บอสมันเล่นเกมยี่สิบคำถามกับผมอยู่ และผมยังไม่ได้ตอบมันเลยสักคำถาม
“กูเปล่า กูจะนอนล่ะ” ผมคลุมโปงทันที
“มึงไม่อาบน้ำก่อนเหรอวะ”
“กูอาบมาแล้ว”
“แน่ะ ไปลงอ่างไหนมาล่ะมึงงงง”
สัดดดดด ผมไม่ได้ตอบไอ้บอส แต่ชิงหนีมันด้วยผืนผ้าห่มที่คลุมโปงปิดหน้า
.
.
..บอส
ผมชื่อนายธวัชชัย หรือบอส เพื่อนสนิทของนายธัญญ์ หรือธาม จากการสังเกตการณ์แบบไม่ห่างมากของผม ผมรู้สึกว่าคู่นี้มันชักจะยังไงๆ ไม่ใช่ว่าผมไม่เคยเห็นเขาอยู่ด้วยกันนะ แต่เพราะเห็นมาตลอดไง เลยรู้สึกได้ว่าพี่ปรินซ์มาแปลก สองปีที่พี่มันต้องห่างจากไอ้ธามไป ซึ่งผมเองก็เจอพี่มันน้อยลงไปด้วย แต่ไม่ใช่ว่าจะจำไม่ได้ว่าพี่ปรินซ์สนิทกับธามแบบไหน หรือเพราะผมไม่เคยสังเกตให้ดีก็ไม่รู้ คืนนั้นที่ร้านซำบายเป๋า ผมที่สนิทกับไอ้ธามมาตลอดรู้อยู่แล้วว่ามันต้องหลับแน่ๆ ก็เล่นกินเข้าไปซะขนาดนั้น ผมเลยเตรียมตัวพร้อมเพราะต้องแบกกระสอบข้าวขึ้นหลังไปเรียกรถกลับหอแน่นอน แต่พอพี่ปรินซ์จ่ายเงินเสร็จเท่านั้นแหละ พี่มันเอาธามขึ้นหลังพี่มันตั้งแต่อยู่ในร้านเลย เล่นเอาสาวน้อยสาวใหญ่ในร้านกรี๊ดลั่น อิจฉาไอ้เพื่อนธามของผมกันใหญ่ นึกว่ายืนดูซีรี่ส์เกาหลี พระเอกแบกนางเอกที่เมาโซจู แต่นี่พระเอกแบกนายเอกที่กินอิ่ม.. แถมพี่มันยังทำเท่โยนกุญแจหอของตัวเองให้ผมอีก สั่งผมว่าให้ไปนอนที่ห้องพี่มันแทน ผมนี่อยากจะกรี๊ดเป็นภาษาโปรตุเกส เพื่อนธามของกูกับไอดอลของผมมมมม!! ไม่อยากจะคิดว่าคืนนี้แม่งจะเกิดอะไรขึ้น ห่วงเพื่อนก็ห่วง หวงไอดอลก็หวง แต่ไอดอลดันสั่งให้ไป กูจะอยู่เป็นก้างได้ยังไงล่ะครับ นั่นคือส่วนของพี่ปรินซ์มัน เรื่องเมื่อหลายคืนก่อน แล้วส่วนของเพื่อนผมล่ะ คืนนี้อาการมันดูแปลกๆ ดูเหม่อๆ ถามไรก็ไม่ตอบ คนใสซื่ออย่างไอ้ธาม หญิงไม่เคยจีบ หนุ่มไม่เคยยุ่ง ถึงจะเคยดูหนังอย่างว่า แต่มันก็ไม่ได้เป็นพวกหื่นอย่างที่แมนๆ ควรเป็น เพราะมันมีความระลึกตัวอยู่เสมอ รู้ว่าอะไรควรทำไม่ควรทำ อะไรควรเสพไม่ควรเสพ ทำยังไงให้ไม่เกิดสาเหตุแห่งทุกข์.. สาธุ แต่พอเห็นมันมีอาการเหมือนโดนใครขโมยจูบแรกไปเนี่ย บอกตรงๆ เลือดรักเพื่อนมันขึ้นหน้า ผมคงต้องคอยดูแลปกป้องไอ้ธามเพื่อนผมอย่างเต็มที่ ใครจะเข้ามาหาเพื่อนผม ต่อให้เป็นพี่ปรินซ์ไอดอลของผม ตำนานของโรงเรียน ก็ต้องผ่านด่านผมก่อน
.
..ธาม
“ไอ้ธาม ไอ้ธาม.. มึงตื่นได้แล้ว” ไอ้บอสส่งเสียงงัวเงียปลุกผม สงสัยเมื่อคืนลืมตั้งนาฬิกาปลุก
“ห่ะ ออ อือ อีกแป็บได้ป่ะวะ” 
“ไม่ได้ว่ะมึง มึงควรต้องตื่นแล้วว่ะ”
“เชี่ยบอส มึงก็ยังไม่ตื่นเหมือนกันนั่นแหละ จะเสือกมารีบปลุกกูทำไมวะ”
“ไอ้เชี่ยธาม งั้นมึงก็แหกตาดูบุคคลที่ยืนอยู่ข้างเตียงมึงหน่อย”
“...” ผมฝืนเปิดเปลือกตาขึ้นมองตามที่ไอ้บอสมันบอก ..ออ ปรินซ์ ผมรับรู้แบบเบลอๆ ก่อนจะได้สติ
“เชี่ย!! ตกใจหมด นึกว่าเจ้าที่”
“ถ้าเป็นเจ้าที่จริงๆ ธามจะทำยังไง”
“ก็ยกมือไหว้ แล้วบอกว่าขอนอนต่ออีกห้านาที” ผมพูดกับปรินซ์แต่ก็เนียนหลับต่อ บอกตรงๆ ว่าตอนนี้ผมยังไม่พร้อมเจอหน้ามัน
“โอเคห้านาที งั้นพี่รอ” ปรินซ์นั่งลงบนเตียงของผม ..ทำไมดื้อขนาดนี้วะ!
“พี่ปรินซ์ ผมว่าพี่ไปก่อนเถอะ วันนี้ผมกับไอ้ธามมีเรียนบ่ายอ่ะพี่ พวกผมไม่รีบ” ไอ้บอสออกตัวแทนผม ..ขอบใจมึงมากเพื่อนเลิฟ
“แน่ใจ?”
“ใช่ครับพี่”
“งั้นก็แต่งตัวลงไปหาไรกิน”
“โธ่พี่ ให้ไอ้ธามมันนอนต่อเถอะ เมื่อคืนกว่ามันจะนอนหลับ ผมต้องเล่านิทานกล่อมมันตั้งหลายเรื่อง”
“ทำไมถึงนอนไม่หลับครับ” แค่คำถามของปรินซ์บวกกับหางเสียง ‘ครับ’ ก็ทำใจผมเต้นรัวแล้ว แต่ที่หนักกว่านั้น ก็คือลมหายใจของมันที่รดอยู่ใกล้หน้าผม เชี่ย!
“เรื่องของกู”
“นะพี่ ปล่อยมันนอนต่ออีกนิดเหอะพี่ เดี๋ยวตอนบ่ายมันเรียนไม่รู้เรื่อง”
“อืม ก็ได้”

“พี่มันไปแล้วมึง ไม่ต้องมาทำเป็นหลับ”
“ดีนะที่มึงพูดจนปรินซ์มันยอมไป” เพราะกูยังไม่พร้อมเจอหน้า..
“แต่กูว่าพี่เขาดูโกรธๆ ว่ะ”
“ช่างมันเหอะ มึงอย่าสนใจเลย” ผมตอบไอ้บอสไปอย่างนั้น แต่ทำไมผมกลับรู้สึกตงิดๆ กับตัวเอง หรือเพราะผมสนใจวะ..

วันนี้ผมมีเรียนบ่ายจริงๆ นั่นแหละ เป็นวิชารวมอีกตัวที่ว่าด้วยเรื่องการชื่นชมงานศิลป์ ตึกที่เรียนก็เป็นตึกคณะครุ ผมเลยปั่นจักรยานไปนั่งรอเวลาเรียนที่คณะตัวเอง บรีสบอกว่าเจอกันที่โรงอาหารคณะ จะว่าไปการที่ผมมีบรีสเป็นเพื่อนถือว่าเป็นการใช้แต้มบุญของผมก็ได้ ผมเป็นคนเงียบๆ ไม่ค่อยเข้าหาใคร ต่างจากบรีส บรีสมันสามารถเข้าได้กับทั้งเพื่อนและพี่ มันสามารถรู้ความเป็นไปในคณะได้ลึกซึ้งทุกซอกทุกมุมทั้งที่มันก็เพิ่งเข้ามาเหยียบคณะนี้ด้วยเวลาพอๆ กันกับผมเท่านั้น
“พี่ว๊ากคนนั้นอ่ะ ชื่อพี่ข้าว”
“...”
“ก็พี่ว๊ากคนที่จะมาว๊ากมึงแบบเอ็กคลูซีฟไง มึงจำไม่ได้รึไงวะ”
“ออ เออ กูลืมไปเลย” เมื่อคืนดันมี กาละมัง - น้ำ - ปรินซ์ เข้ามากวนความทรงจำ
“พี่เขาอยู่ปีสาม เอกแมสคอม (Mass Communication) ส่วนสูง 180 หนัก 65 โล เป็นพี่ว๊ากตั้งแต่ปีสอง ไม่มีแหล่งข้อมูลใดระบุว่าโสดหรือสมรสแล้ว”
“โอ้โหมึง รู้ได้ไงวะ”
“กูถามพี่รหัสกู”
“เห้ย มึงรู้แล้ว?”
“ง่ายจะตาย”
“ก็สมุดขอลายเซ็นปีสองอ่ะ มึงก็แค่แอบสืบจากพวกพี่มันตอนที่มึงขอให้เขาเซ็นให้ไง”
“แต่เขาไม่ให้บอกป่ะว่ะ”
“จริงๆ ก็ใช่ แต่ตอนกูไปขอลายเซ็นพี่รหัสตัวเอง ซึ่งกูก็ไม่รู้ไงว่าเป็นพี่กู แล้วพี่มันดันพูดกับพี่แอ้วที่นั่งอยู่ข้างๆ ว่า เนี่ยใครได้เป็นพี่น้องบรีสต้องดีใจแน่ๆ เลย น้องบรีสเฟรนด์ลี น้องบรีสหน้าตาน่าเอ็นดู น้องบรีสโน่นนี่นั่น ก็เลยถามไง พี่ดีใจดิที่มีผมเป็นน้อง เท่านั้นแหละ ความแตก ไอ้พี่แอ้วยังฮาขี้แตกขี้แตน”
“สรุปใครพี่มึง”
“พี่ฝน”
“ออออ พี่ที่ตัวเล็กๆ ใส่แว่น”
“เออนั่นแหละ กูเลยเอาความเป็นน้องเข้าแลกกับข้อมูลพี่ข้าวให้มึงได้ไง มึงต้องรู้ข้อมูลพี่เขาก่อน รู้เขารู้เรา รบร้อยครั้ง ชนะร้อยครั้ง”
“มึงก็เวอร์ พี่เขาไม่ทำอะไรกูหรอก”
“แต่เรื่องที่มึงจะต้องจำไว้เลยคือ ต่อให้พี่มันไม่ทำอะไรมึง แต่แฟนคลับพี่มันอ่ะไม่แน่”
“แฟนคลับพี่มัน แฟนคลับพี่ข้าว คือไงวะ”
“ก็พี่เขาเป็นที่รักของคนในคณะ”
“เชี่ย มึงก็มโนไปถึงไหนล่ะ ต่างคนต่างอยู่ไหมมึง กูเองก็คงไม่กล้าเข้าใกล้พี่เขาอยู่แล้ว น่ากลัวฉิบหาย”
“กูกลัวแค่พี่มันจะมาเข้าใกล้มึงมากกว่า”
“...”
.
วันแรกของทุกวิชาในมหาลัยมันเป็นอย่างนี้เหรอวะ มันไม่มีความชิลในคาบเรียนเลย แม้แต่วิชาการชื่นชมงานศิลป์ ชื่อก็ดูออกจะเบาๆ แต่เนื้อไม่เบาเลย สไลด์มาเต็ม ชีทมาหนา เนื้อหาก็แน่น ผมที่นั่งแถวหลังสุดในห้องที่ปิดไฟสลัวจึงหลับแบบไม่ต้องคิดอะไรเลย แต่ผมสัญญากับตัวเองไว้นะ ว่าคราวหน้าและครั้งต่อๆ ไปผมจะตั้งใจเรียน ไม่งั้นวิชาที่ดูเบาๆ คงได้เจิมเอฟให้ผมแน่ๆ
“มึงไม่ต้องหาวเป็นเพื่อนกูก็ได้” ผมที่เพิ่งหาวเสร็จหมาดๆ ทักไอ้บรีสที่นั่งข้างกัน หลังจากที่อาจารย์เปิดไฟของห้องขนาดความจุหนึ่งร้อยคนให้กลับมาสว่าง
“กูกลัวมึงเหงาไง เลยหาวเป็นเพื่อน”
“เออๆ”
“บรีส ธาม จะเข้าห้องเชียร์ไหมอ่ะ” เสียงของมะนาวที่ยืนรวมกลุ่มกับแก๊งค์เพื่อนสาวหน้าขาวไฮโซเอ่ยทักพวกผมขณะที่พวกผมกำลังจะเดินออกจากห้องเรียน
“เข้าดิ” ผมพยักหน้าให้กับคำตอบของบรีส
“เหรอ พวกเราว่าจะไม่เข้า”
“เห้ย ทำไมอ่ะ”
“ก็เมื่อยอ่ะแก รู้ป่ะว่าเมื่อวานปวดน่องมาก ปวดข้ามวันแล้วเนี่ย”
“แกไม่ปวดกันรึไง”
“ก็ปวดนะ” บรีสตอบไปอย่างนั้น แต่ทำไมผมไม่ค่อยปวดล่ะ คงเพราะผมอึดล่ะมั้ง ..หรือเพราะ กาละมัง - น้ำ - ปรินซ์ พอคิดถึงตรงนี้ หน้าปรินซ์ก็ลอยเข้ามาในหัว “ถ้าธามไม่ถอย พี่จะจูบธามนะ” ผมรีบสะบัดไล่ความคิดบ้าๆ ของผมให้ไปหลบอยู่อีกซีกของสมอง
“น่องก็จะใหญ่อ่ะแก วันนี้พวกเราเลยว่าจะโดด”
“แต่ว่าถ้าพวกแกไม่เข้า พวกเราที่เหลือจะยิ่งแย่นะ” คำพูดของบรีสทำสาวๆ ชะงักไปนิดนึง
“...”
“แล้วพวกพี่เขาก็จะเสียใจไหมอ่ะ” ผมพูดบ้าง หวังว่าพวกมะนาวจะคล้อยตามคำพูดของเราสองคน แต่พวกผมก็ไม่ได้อยู่คุยต่อกับพวกเธอ เพราะใกล้เวลาเข้าห้องเชียร์แล้ว พวกเราควรรีบหาอะไรรองท้องไว้ เพราะเมื่อวานแทบจะตายคาห้องเชียร์ หิวทั้งน้ำ หิวทั้งข้าว ไหนจะต้องฉี่ให้สุดเผื่อไว้ก่อน ก็ไม่ใช่ว่าพวกพี่เขาจะไม่ให้ออกไปห้องน้ำนะ แต่ผมว่า แมนๆ อย่างเรามันต้องไม่มีข้อแม้ในการหลบเลี่ยงสิ่งที่เรากำลังทำ แม้แต่การหาข้ออ้างไปพักเมื่อยสักห้านาทีในห้องน้ำก็เหอะ แต่แม่งต้องไม่ใช่กับการปวดท้องอุจจาระ!!

ผมปวดท้อง!! ปวดท้องมากๆ คงเพราะน้ำหวานโซดาเมื่อกี้ที่กินคู่กันกับขนมจีนน้ำยากะทิ มันเอาผมแล้ววว!! แถมเป็นตอนที่พี่ว๊ากมากันแล้วด้วยยย!! เอาวะ จะอึแตกตรงนี้แม่งก็โคตรน่าอาย ผมรีบยกมือขึ้น เพราะความปวดเสียวสะท้านไปทั่วร่าง อันเป็นสัญญาณอันตรายใกล้จะกลายเป็นความหายนะ!!
“คุณมีปัญหาอะไรครับ!!” แล้วทำไมจะต้องเป็นพี่ข้าว! จะว่าไปตั้งแต่เริ่มห้องเชียร์ ผมก็เห็นจากหางตาแล้วว่าพี่มันมายืนว๊ากอยู่ปลายแถวด้านขวาของผม สงสัยพี่มันจะพยายามจับผิดผม แต่ผมก็ตามองตรงไปข้างหน้าตลอด แต่ตอนนี้ผมต้องการแต้มบุญครับหลวงตา ช่วยผมด้วยย!
พี่ข้าวเข้ามายืนเบียดแถวอยู่ตรงหน้าผมอีกแล้วครับ ผมยังคงตามองตรงไปข้างหน้าอย่างถูกกฎ  เลยมองเห็นแค่ปกคอเสื้อนักศึกษาของพี่มัน
“ผมขออนุญาตเข้าห้องน้ำครับ” ผมพูดแบบดีๆ หวังว่าพี่มันจะปรานีเห็นแก่เหงื่อที่แตกชุ่มของผม
“ทำไมคุณไม่มองหน้าผม!!”
เชี่ยย!! ก็เดี๋ยวพี่มึงก็หาว่ากูกวนตีนอี๊กกก
“...”
“ถ้าคุณจะพูดกับผม ก็ต้องมองหน้าผมสิครับ แสดงความจริงใจหน่อย!!!” ผมเม้มปากแน่น ไม่ใช่เพราะโมโห เคือง หรืออะไรพี่มันเลยครับ แต่ลำไส้ของผมมันใกล้ถึงจุดปะทุแล้ว!! ผมค่อยๆ เงยหน้าขึ้นมองหน้าพี่ข้าว ผมมองปลายจมูกมันครับ เดี๋ยวหาว่าผมกวนตีนอีก
“มองตาผม แล้วพูดเสียงดังฟังชัดให้เพื่อนได้ยิน ใครจะรู้ว่าคุณไม่ได้หาเรื่องอู้ หาทางเอาเปรียบเพื่อนด้วยการหนีไปห้องน้ำ!!!”
เชี่ยยย!!! พี่มึงได้โปรดดดด ผมเลยต้องสบตาพี่มันเพื่อแสดงความจริงใจ และพูดเสียงดังฟังชัด
“ผมปวดท้องจริงๆ ครับ พี่ข้าวจะตามไปเฝ้าผมที่ห้องน้ำก็ได้ครับ!” เชี่ยธามมมม มึงพูดอะไรออกไป มึงจะได้ไปไหมห้องน้ำ!!!
.
.

หัวข้อ: Re: YR Mine นายผู้ปกครอง - รักลุ้นๆ ของคนพี่ Ep.12 Update ** 19 06 62
เริ่มหัวข้อโดย: After5p.m. ที่ 19-06-2019 07:44:50
012
ปรินซ์..ข้าว
.
.
“มองตาผม แล้วพูดเสียงดังฟังชัดให้เพื่อนได้ยิน ใครจะรู้ว่าคุณไม่ได้หาเรื่องอู้ หาทางเอาเปรียบเพื่อนด้วยการหนีไปห้องน้ำ!!!”
“ผมปวดท้องจริงๆ ครับ พี่ข้าวจะตามไปเฝ้าผมที่ห้องน้ำก็ได้ครับ!” นาทีนี้ผมยอมแล้วทุกอย่าง ขอแค่ให้ผมได้ก้าวเท้าออกจากแถวแล้วไปห้องน้ำเท่านั้น พี่ข้าวยังคงมองผม จ้องตาผมซึ่งผมคิดว่าตัวเองได้สื่อสารความจริงใจผ่านสายตาอย่างสุดความสามารถแล้ว แม้กระทั่งเม็ดเหงื่อบนหน้าของผมก็ผุดไหลประกาศความต้องการของร่างกายแล้วเหมือนกัน ..แต่ดูเหมือนพี่ข้าวจะยังสัมผัสมันไม่ได้ แล้วจู่ๆ ก็มีมือหนาแกร่งของใครสักคนจับเข้าที่ข้อมือของผมพร้อมกับแรงกระชาก ร่างของผมเอนไปตามแรงนั้นได้อย่างง่ายดาย ผมมองตามมือนั้น มือของปรินซ์.. ปรินซ์กำลังมองผมด้วยสายตาอ่อนโยน และพยักหน้าเหมือนกับจะบอกผมว่าให้เดินตามมันออกไปได้ ไม่ต้องกังวล ไม่ต้องกลัวอะไร
“คุณเป็นใครไม่ทราบ!” พี่ข้าวยังคงคอนเซ็ปต์ความเป็นพี่ว๊าก ปรินซ์ไม่ตอบ แถมไม่สนใจพี่ข้าวสักนิด ปรินซ์ออกแรงดึงมือผมอีกครั้ง เท้าของผมขยับออกจากที่ยืนเรียบร้อยแล้ว ผมดีใจที่ปรินซ์มา ซึ้งใจมากด้วย ถึงอีกใจจะบอกว่ามันไม่ถูกต้อง ผมกำลังแหกกฎ แถมคนที่มาแทรกแซงห้องเชียร์ก็เป็นคนคณะอื่นอีก แต่นาทีนี้ผมต้องการไปห้องน้ำให้เร็วที่สุด ผลของมันจะเป็นยังไงผมก็ไม่รู้เหมือนกัน ไม่อยากคิด..แต่ยังไม่ทันที่ผมจะก้าวเท้าเดินตามปรินซ์ไป มือหนาของใครอีกคนก็จับเข้าที่ข้อมืออีกข้างของผม ..พี่ข้าววว! เมื่อร่างของผมไม่สามารถก้าวเดินตามแรงดึงของปรินซ์ต่อได้ ปรินซ์ก็หันหลังกลับมามอง สองร่างใหญ่กำลังเข้าสู่สงครามสายตา ฝั่งนึงก็ดวงตาดุเข้มใต้กรอบแว่น อีกฝั่งนึงก็ส่งสายตาเฉี่ยวคมโต้ตอบ ท่าทางศึกนี้จะยืดเยื้อ ผมไม่สนอะไรแล้ว ผมสะบัดข้อมือของตัวเองให้หลุดจากการจับกุมของทั้งสองคนแล้วรีบวิ่งตรงไปที่ห้องน้ำ

เฮ้อ.. โล่งงงง..
ผมนั่งเหม่อมองเพดานห้องน้ำ หยุดสนโลกไปราวสิบนาทีได้ อุณหภูมิในร่างกายค่อยๆ ลดลง สติก็ค่อยๆ กลับมา ดึงผมให้คืนสู่โลกปัจจุบัน ข้างนอกจะเป็นไงมั่งวะ ห้องเชียร์คงยังไม่จบ ปรินซ์กลับไปรึยัง ..แล้วปรินซ์มาทำอะไร? ปรินซ์กับพี่ข้าวจะมีเรื่องกันไหม? เออ ช่างแม่ง หนีกลับเลยดีไหม เออ น่าสนใจ แต่ถ้าตอนนี้ไม่กลับไปเข้าห้องเชียร์.. แล้วเพื่อนที่เหลือล่ะ  งี้ก็กลายเป็นคนหนีห้องเชียร์เหมือนที่พี่ข้าวมันพูดจริงๆ ดิ.. ออกไปดูลาดเลาก่อนแล้วกัน
แอ๊ด
ในห้องน้ำโล่ง ไม่มีใครสักคน คงเพราะทุกคน ทุกชั้นปีไปยืนให้กำลังใจพวกเรากันหมด ผมยิ้มให้กับตัวเองในกระจกอีกรอบก่อนออกไปเจอสถานการณ์ตึงเครียด ขอโทษพวกพี่เขาดีๆ เขาคงจะเข้าใจ พร้อม! ผมเปิดประตูห้องน้ำ แต่ยังไม่ทันที่ผมจะก้าวเท้าออกไป ผมเห็นเศษหนึ่งส่วนสองของด้านหลังชายร่างสูงสองคนที่ยืนอยู่กันคนละฝั่งของขอบประตู คนหนึ่งกำลังกอดอก อีกคนกำลังเอามือล้วงกระเป๋ากางเกง ผมอยากจะปิดประตูแล้วปีนหนีขึ้นไปบนฝ้าเพดานห้องน้ำ แต่การเผชิญหน้ากับความจริงย่อมดีกว่าการหนีปัญหา
“เรียบร้อยแล้ว?” ปรินซ์หันหน้ามาถาม ผมยิ้มแห้งตอบ แต่ก็อดรู้สึกดีไม่ได้ที่ปรินซ์ยืนอยู่ตรงนี้ รู้สึกอุ่นใจอย่างบอกไม่ถูก ผมกลั้นใจหันหน้าไปมองอีกคน ภาวนาให้เป็นบรีส แต่จากส่วนสูงยังไงก็ไม่ใช่บรีส เพราะบรีสสูงพอๆ กันกับผม แล้วคนนี้คือ..
“เอ่อพี่ข้าว ..มาทำอะไรตรงนี้ครับ”
“คุณบอกให้ผมมาเฝ้าคุณที่ห้องน้ำ จำไม่ได้?”
“!!!” ใช่ ผมพูดแบบนั้น
“ผมขอโทษครับ ผมปวดท้องมาก เลยอาจจะพูดจาอะไรที่มันฟังไม่ค่อยได้”
“...”
“น้องมันขอโทษแล้ว ก็จบแล้วป่ะวะ” ปรินซ์สาวเท้าเดินประจันหน้าพี่ข้าว พี่ข้าวเองก็ทำเหมือนกัน ผู้ชายสองร่างที่ขนาดพอกัน ยืนใกล้กันจนอกแทบจะชนกันอยู่แล้ว นี่เหตุเกิดเพราะแค่ผมปวดท้องท้อง?
“ถ้าคุณเสร็จธุระแล้วก็กลับเข้าห้องเชียร์ได้แล้ว!” พี่ข้าวพูดกับผมทั้งที่ยังมองหน้าปรินซ์ ผมสัมผัสได้ถึงรังสีอาฆาตจากสายตาพี่ข้าว ไอ้ปรินซ์เองก็ดูจะเขม่นๆ พี่ข้าวแปลกๆ ทั้งที่เพิ่งเจอหน้ากัน
“ครับพี่” ผมรีบเดินกลับไปเข้าแถวอย่างไว โดยไม่สนว่าสงครามหน้าห้องน้ำจะจบยังไง
.
.
..19.05 น.
..ห้องประชุมคณะนิเทศศาสตร์
..ข้าว

“วันนี้น้องเริ่มร้องเพลงคณะล่ะ ดูมีความพยายาม”
“วันนี้ถึงคนจะเข้าไม่ครบ แต่พวกที่เข้าก็ดูตั้งใจดีมาก”
“น้องผู้หญิงวันนี้เกือบเป็นลมไปสองคน เพราะอากาศร้อนมากวันนี้ ถ้ายังไงรบกวนทีมพี่ว๊ากช่วยอะลุ่มอะล่วยให้น้องๆ ขึ้นไปห้องบนตึกเร็วอีกนิดนึงนะคะะ”
“ใช่ๆ เวลาฝึกร้องเพลง เวลาพูดคุยจะได้มีมากขึ้นด้วย”
“จริง เพราะน้องต้องเริ่มเตรียมตัวขึ้นสแตนด์เชียร์งานกีฬาประจำปีได้แล้ว เดี๋ยวไม่ทัน”
“ไหนจะเรื่องที่พวกน้องต้องเลือกฝ่ายทำงานในละครเวทีคณะอีก”
“โห งานน้องแม่งล้นมือวะ”
“ออ ขอกลับมาที่ประเด็นเรื่องการว๊าก ปัญหาของวันนี้โดยรวมก็ไม่มีอะไร น้องที่ดูจะต่อต้านก็ไม่มีนะ ทุกคนดูสู้จริง”
“แต่..” พี่หลินเฮดว๊ากปีสี่พูด ก่อนจะหันหน้ามาทางผม
“ถ้าน้องดูไม่ไหวจริงๆ อย่างที่น้องธามเป็นวันนี้ มันคือเหตุสุดวิสัยนะ อย่าไปดื้อดึงใส่น้องดิวะ”
“...” พี่หลินกำลังพูดกับผม
“ถ้าน้องแม่งราดอยู่ตรงนั้น น้องต้องอับอายต่อหน้าเพื่อน ห้องเชียร์เรา ระบบว๊ากของเราก็จะต้องเสื่อมเสียไปด้วย เราไม่ได้แค่เสีย ‘ใจ’ ของน้องดีๆ ไปคนนึง แต่เราแม่ง จะไม่ได้ใจของน้องเลยสักคน”
“...”
“ยังดีที่ปรินซ์เข้ามาแก้สถานการณ์ให้มันไม่บานปลาย”
“แต่ผมไม่ค่อยเห็นด้วยนะครับ”
“...”
“มาแทรกแซงกระบวนการของพวกเรา ผมว่ามันไม่ถูก คนในคณะก็ไม่ใช่!”
“...”
“งั้นถ้าปรินซ์ไม่เข้ามา ข้าวจะทำยังไงต่อ”
“...”
“จากเหตุการณ์นี้นะ พี่ขอเลยกับทีมพี่ว๊ากทุกคน ถ้าน้องมันไม่ได้แกล้ง ไม่ได้เกรียน ก็ปล่อยน้องมันไป นี่ห้องเชียร์เว้ยไม่ใช่ห้องเชือด”
“...” ผมพยักหน้าแทนคำตอบ สายตาที่มองพี่หลินบอกถึงความสลด และเสียใจอย่างเต็มที่ แต่จริงๆ ใครจะรู้ว่าผมกําลังคิดอะไรอยู่..
..มึง ..ไอ้เชี่ยปรินซ์!!
.
.
..19.10 น.
..ธาม
“พรุ่งนี้กูมีเรียนแบดที่วิทย์กีฬาว่ะ มึงลงตัวนั้นไว้ป่ะ”
“ลงดิ ตัวนี้พี่เขาว่าปล่อยเกรดง่าย”
“เออดี เอาไง เจอนู่นหรือเจอคณะ”
“เจอนู่นเลยล่ะกัน” ผมนัดหมายกับบรีสหลังห้องเชียร์เลิก ซึ่งนี่ก็ปาเข้าไปทุ่มกว่าแล้ว
“เดี๋ยวก่อนๆ นี่มึงจะไม่เล่าโมเม้นท์ตอนมึงวิ่งไปขี้หน่อยเหรอวะ”
“เชี่ย จะให้กูเล่าไรได้วะ ก็แค่คนไปขี้”
“แต่มึงคงไม่รู้ว่าพอมึงวิ่งไป..”
“ไมวะ”
“เกือบมีมวยกลางใต้ถุนดิวะะ”
“!!!”
“เอออออ พี่ปรินซ์ของมึงอ่ะทำท่าจะเดินตามมึงไป แต่..” บรีสลดเสียงเบาลง เพราะยังอยู่ในอาณาเขตคณะ “..พี่ข้าวดันเดินมาขวาง เชี่ยยย แล้วพี่มึงอ่ะกระซิบอะไรพี่ข้าวไม่รู้เว้ย แล้วก็ชนไหล่พี่ข้าวเดินไปเลย กูแม่งเห็นพี่ข้าวกำหมัดแน่นเลยมึง!”
“!!!”
“ขนาดพี่ว๊ากยังเงียบกริบ แม่งลุ้นกันทั้งห้องเชียร์ กูก็ลุ้น คิดว่าพี่ข้าวแม่งต้องมีง้างหมัดแน่นอนแต่ไม่เว้ย พี่ข้าวแค่เดินตามพี่มึงไป”
“เออยังดีที่ไม่มีเรื่อง” ผมถอนหายใจ พอฟังบรีสมันเล่าเลยพอเข้าใจว่าทำไมผมถึงกลายเป็นจุดสนใจให้ใครต่อใครมองกันเต็มคณะไปหมด ทั้งพี่แล้วก็เพื่อน
“แต่กูว่าอีกไม่นานคงมีเรื่องว่ะ”
“ทำไมวะ”
“ก็ถ้าพี่มึงยังมาเฝ้ามึงที่คณะทุกวัน นั่นไงพี่มึงเดินมาแหละ งั้นกูไปก่อนล่ะกัน เจอกันพรุ่งนี้เว้ย” ผมพยักหน้ารับคํากับบรีส ก่อนจะหันไปเผชิญหน้ากับคนตัวสูงกว่าที่เดินมาจากอีกฝั่ง
“ไป กลับได้สักที”
“กูเอาจักรยานมา”
“ก็จอดไว้ที่นี่ ไม่ก็เอาขึ้นท้ายรถพี่”
“...”
“พี่อยากไปส่งธาม ยืนเมื่อยแล้วถ้ายังต้องขี่จักรยานกลับอีก พรุ่งนี้จะมีแรงยืนไหม”
“ถ้างั้นบอกมาก่อนว่าพูดอะไรกับพี่ข้าวในห้องเชียร์ แล้วก็..หน้าห้องน้ำด้วย”
“มันไม่มีอะไรหรอก ธามอย่ารู้เลย แล้วก็อย่าคิดมาก” ปรินซ์เอามือใหญ่ขยี้หัวผมเบาๆ ผมมองค้อนปรินซ์ทันที
“งั้นขอขี่จักรยานกลับหอเองนะ” ผมเดินตัวปลิวไปหาจักรยานตัวเองทันที ก็คนมันอยากรู้เว้ย เล่าให้ฟังแค่นี้ก็ไม่ได้ ไอ้คนขี้งก!!
.
..ปรินซ์
ผมมองตามหลังของธามไป คงงอน.. แปลกนะที่พอเห็นธามงอนแล้วผมกลับยิ้ม มันคงเป็นความฟินรูปแบบหนึ่งล่ะมั้ง เหมือนเราได้มีอารมณ์โกรธกันงอนกัน มันคงเป็นความสนิทรูปแบบหนึ่ง แต่ผมก็หุบยิ้มแทบทันทีเมื่อหันไปสบตากับมันเข้า มันน่าจะยืนดูผมกับธามอยู่ตั้งแต่เมื่อกี้ที่มุมนั้น ผมไม่รู้ว่ามันกำลังทำหน้ายังไง เพราะมันค่อนข้างมืดและไกล แล้วมันก็เดินหายกลับเข้าไปในตึกคณะ ..ไอ้เชี่ยข้าว!! มันเป็นใคร ผมไม่รู้ เพราะผมไม่เคยรู้จัก แต่ต่อจากนี้ชื่อกับหน้าของมันผมคงต้องใส่ใจจำ จะให้มันใกล้ธามไปมากกว่านี้ไม่ได้..

..สองชั่วโมงก่อน
วันนี้ผมโดดซ้อมบอลตามเคย จะให้ทำไงได้ ผมเป็นห่วงธาม ห้องเชียร์ของนิเทศขึ้นชื่อเรื่องความโหด ถึงจะไม่เท่าวิดวะ แต่ผมก็ห่วงคนของผมอยู่ดี
ผมยืนอยู่ที่เดียวกันกับเมื่อวาน ธามเองก็ยืนอยู่ในตำแหน่งของแถวเหมือนเมื่อวานเช่นกัน ผมมองเห็นธามได้ถนัด แต่ที่รู้สึกขัดสายตาแบบสุดๆ คือการที่ไอ้พี่ว๊ากหน้าโหดนั่นมันมายืนอยู่แถวๆ ที่ธามยืน นี่มึงกะหาเรื่องธามแน่ๆ กูรู้ แต่วันนี้ธามไม่ขี้สงสัยเหมือนเมื่อวาน ตามองตรงไปข้างหน้าอย่างดี ไงล่ะ เด็กดีของกู อยู่ในระเบียบน่าชื่นชม ผมชมธามอยู่ในใจ แต่หลังจากเวลาผ่านไปได้ครึ่งชั่วโมง จู่ๆ หน้าของธามก็ดูไม่ดี เหงื่อมันออกมากเกินไป หน้าก็เริ่มซีดๆตัวงอลง ใจคอผมเริ่มไม่ค่อยดี แล้วธามก็ยกมือขึ้น ดีที่ธามไม่ฝืน
“คุณมีปัญหาอะไรครับ!!” เป็นไอ้พี่ว๊ากนั่นจนได้ที่พุ่งเข้าไปหาธาม ธามเองก็ขออนุญาตดีๆ แม่งยังเสือกกวนตีน ผมเลยเดินเข้าไปในแถวนั่น ไม่ทันได้สนใจรุ่นพี่รุ่นน้องนิเทศที่ยืนอยู่ มีสองสามคนที่พยายามหยุดผมไม่ให้เดินเข้าไป แต่ผมก็สะบัดหลุดหมด ตาของผมมองแต่คนตัวเล็กกว่าที่กำลังยืนทรมาน ยังไงก็ต้องพาธามออกมาก่อน ยังไงนี่ก็ไม่ใช่คณะผมอยู่แล้วด้วย

“ธามคือคนของกู” นี่คือคำพูดที่ผมกระซิบบอกไอ้ข้าวที่ห้องเชียร์ หลังจากที่ธามวิ่งไปห้องน้ำเรียบร้อยแล้ว

“กูจะแย่งธามของมึง” คือคำพูดของมัน ก่อนที่มันจะเดินตามหลังธามกลับเข้าห้องเชียร์

..จริงๆ ธามก็ยังไม่ใช่คนของผม ผมยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตัวเองจะทำให้ธามรักได้ไหม แล้วนี่เสือกมีเชี่ยแม่งมารอแย่งอีก..
.
.
.
หัวข้อ: Re: YR Mine นายผู้ปกครอง - รักลุ้นๆ ของคนพี่ Ep.13 Update ** 20 06 62
เริ่มหัวข้อโดย: After5p.m. ที่ 20-06-2019 05:47:09

จูบ
.
.
“ได้เรียนด้วยกันสักทีนะมึง”
“เออ”
บอสโอบไหล่ผมเดินลงจากหอไปที่จอดจักรยานหน้าตึก อดแปลกใจไม่ได้ที่วันนี้ปรินซ์ไม่มาป้วนเปี้ยน ใจนึงก็อยากเจอ เพราะอยากรู้เรื่องเมื่อวานระหว่างมันกับพี่ข้าว แต่อีกใจก็ยังไม่อยากเจอ เพราะ.. เพราะอะไรวะ เออช่างมันเถอะ ปรินซ์คงมีเรียน แต่ก็ควรจะบอกกันก่อนไหมว่าจะไม่มา

รายวิชาการกีฬาเพื่อสุขภาพ (แบดมินตัน) เป็นวิชาที่ผมได้ลงเรียนกับบอส นักศึกษาชั้นปีที่หนึ่ง คณะจิตวิทยา ไอ้บอสมันมีความมุ่งมั่นอย่างแรงกล้าที่จะทำงานอะไรสักอย่างที่เกี่ยวกับการวิเคราะห์จิตใจมนุษย์ มันบอกว่าทุกครั้งที่มันได้มอง ได้เฝ้าสังเกตพฤติกรรมของใครสักคน มันจะรู้สึกเพลิดเพลิน และถ้ามันคาดเดาถูกว่าคนคนนั้นกำลังคิดอะไร มันก็จะยิ่งฟิน หวังว่าผมคงจะไม่ตกเป็นกรณีศึกษาของมัน
“เพื่อนกูที่คณะก็จะมาเรียนด้วย” ผมบอกไอ้บรีส
“เพื่อนกูก็มา แต่ว่ามากันได้แค่สามคน วิชานี้ใครๆ ก็อยากลง”
“กูว่าต้องอาศัยแต้มบุญว่ะ”
“กูว่าเนทต้องแรงตังหากโว้ย แม่งการแข่งขันสูง”
“เออ จริงของมึง” ผมกับบอสนั่งคุยกันข้างคอร์ทแบดหลังจากเปลี่ยนเสื้อผ้าเรียบร้อย พวกเรามาก่อนเวลาเรียนเพราะกลัวว่าจะหาคอร์ทแบดไม่เจอ
“นั่นไงเพื่อนที่คณะกูมาแล้ว” บรีสเดินมากับแพม แพมเป็นผู้หญิงตัวเล็กๆ ถ้าบอกว่าหุ่นไซส์เด็กประถมก็คงไม่ผิด ยิ่งพอยืนกับแก็งค์ผู้ชายตัวเคื่องสูงเฉลี่ยร้อยเจ็ดสิบแล้ว แพมก็ยิ่งดูตัวเล็กเข้าไปอีก
“นี่บรีส แพม แล้วก็นี่บอสเพื่อนเรา อยู่จิตวิทยา”
ผมแนะนำเพื่อนคณะให้ไอ้บอสรู้จัก ไอ้บอสทักทายกับเพื่อนผมได้แป็บเดียว เพื่อนคณะของมันก็มา มีนก เอย แล้วก็วินวิน นกกับเอย สองสาวร่างไม่เล็ก พวกเธอเตี้ยกว่าผมนิดเดียว ส่วนวินวิน ก็ตัวพอๆ กันกับพวกผม พวกเราทําความรู้จักกันพอให้จําชื่อกับหน้าได้อย่างรวดเร็ว เพราะอาจารย์เดินหน้านิ่งมาแล้ว

เวลาผ่านไปได้สักพักกับการสอนทฤษฎีการตี การรับ การเสิร์ฟลูกโดยอาจารย์ที่เป็นกันเองกว่าที่จินตนาการ
“เอาล่ะพวกเราก็ฝึกเสิร์ฟกันได้ค่อนข้างดีล่ะ อีกครึ่งชั่วโมงที่เหลือผมจะให้พวกคุณจับคู่กับเพื่อนรับส่งลูก เอาแบบโต้นะ คราวหน้าจะมีเก็บคะแนน พวกคุณต้องตีโต้ประคองลูกให้ได้ยี่สิบครั้ง โอเคนะ”
ผมหันมองกลุ่มเพื่อน บรีสคู่กับแพม นกคู่กับเอย บอสมันก็ต้องคู่กับวินวิน ส่วนผม..
“พวกมึงคู่กันได้เลยเว้ย เดี๋ยวกูไปหาคนที่ยังไม่มีคู่เอง” ผมพูดเพื่อนๆ แบบแมนๆ ทั้งที่ยังนึกไม่ออกเลยว่าตัวเองจะหาคู่ได้ยังไง ก็ในเมื่อผมเป็นคนเงียบๆ นิ่งๆ
“คุณยังไม่มีคู่ล่ะสิ” อาจารย์ทักผมทันทีที่เห็นผมเดินแยกออกมาจากกลุ่ม
“ครับ” ผมเอามือเกาหลังหัว โชว์คูลต่อหน้าเพื่อน มาหงอยหน้าอาจารย์ ..โคตรหล่อ
“นั่นไงคู่คุณเดินมานู้นแล้ว ว่างใช่ไหม มาเป็นคู่ให้น้องมันหน่อย” อาจารย์ตะโกนข้ามหัวผมไป คงทักทายใครสักคนที่เพิ่งเดินเข้ามา ซึ่งต้องไม่ใช่เด็กปีหนึ่งแน่นอน เพราะดูจะสนิทสนมกับอาจารย์เป็นอย่างดี เอาเป็นว่าผมมีคู่ซ้อมล่ะ ถึงจะชั่วคราวก็เหอะ
“ได้ครับอาจารย์ พอดีผมไม่มีเรียนเลยว่าจะมาเรียกเหงื่อสักหน่อย” ผมหันหน้าไปมองร่างของคนข้างๆที่เพิ่งเดินมาถึง จริงๆผมน่าจะคุ้นเสียงของเขานะ แต่คงเพราะตอนนี้เขาพูดแบบสุภาพไม่ได้ว๊าก.. ..เชี่ยพี่ข้าว!
ผมจำหน้าของพี่ข้าวไม่ได้ในตอนแรก เพราะพี่มันถอดแว่นพอไร้ซึ่งสิ่งปิดบังดวงตาคู่คมที่มองมาทำเอาผมอึ้งไปเล็กน้อย เคยคิดมาตลอดว่าคนที่ใส่แว่นส่วนใหญ่ตาจะปูดโปน แต่ไม่ใช่กับพี่ข้าว.. ถ้าบอกว่าส่วนไหนของใบหน้าพี่เขามีเสน่ห์สุด ก็คงเป็นดวงตา
พี่ข้าวเดินเข้าไปพูดอะไรเบาๆกับอาจารย์โดยที่ผมไม่ได้ยิน อาจารย์พยักหน้าตกลงแทบจะทันที
“ตามผมมา..” พี่ข้าวพูดกับผม ผมทำหน้างงๆ แต่ก็เดินตามพี่เขาไป ส่วนไอ้พวกเพื่อนๆ ที่ซ้อมกันอยู่ก็คงไม่ทันมองว่าผมหายไปไหน หายไปกับใคร

ผมเดินตามพี่ข้าวมาคอร์ทแบดข้างๆ ที่ไม่มีใครอยู่สักคน บรรยากาศดูน่ากลัวมากกว่าจะน่ามายืนตีแบดแบบชิลๆได้แม้ทันใดนั้นห้องกว้างจะสว่างขึ้นเพราะพี่ข้าวกดสวิตช์เปิดไฟก็ตาม
ผมมองร่างสูงที่ยืนไกลออกไปอีกฝั่งของตาข่าย พี่ข้าวยืนยืดกล้ามเนื้ออยู่สักพักจึงเงยหน้ามองผม
“พร้อมแล้วใช่ไหม”
“คะครับ” เอาวะก็แค่ตีแบดฝีมือก็พอมี ถึงไม่ใช่มือตบ มืองัด แต่ผมก็รับได้เกือบทุกลูก อีกอย่างยังไงผมก็น้องคณะ พี่ข้าวคงไม่ใจร้าย แถมใครจะรู้ ฝีมือพี่ข้าวอาจจะอ่อนกว่าผมก็ได้ ไหนจะสายตาสั้นอีก (เพราะถอดแว่น) คิดประมาณนี้ก็เริ่มใจชื้น เดินไปประจำที่ฝั่งตรงข้ามพี่ข้าว
พี่ข้าวโยนลูกขนไก่ในมือขึ้นกลางอากาศก่อนจะเอาไม้ฟาดเข้ากับลูกนั้นข้ามตาข่ายแหวกอากาศเสียงดังฟ้าววว มันพุ่งมาเร็วมากจนผมมองไม่ทัน และลูกนั้นเฉียดตัวผมไปนิดเดียว เชี่ยยยย นี่แค่ลูกเสิร์ฟไหมวะ! ผมก้มลงเก็บและตั้งท่าจะเสิร์ฟบ้าง แต่พี่ข้าวอยู่ในท่าเตรียมพร้อมที่จะเสิร์ฟต่อแล้ว ผมยืนตัวแข็ง ลูกที่สองความแรงไม่ต่างจากลูกแรก และมันก็ยังมาตกอยู่ข้างตัวผมอีก! พี่มันต้องการอะไรจากผมวะ!
“พี่ข้าวครับ” ผมรีบพูดก่อนที่พี่ข้าวจะอัดลูกเสิร์ฟลูกต่อไปใส่ผม
“...”
“คืออาจารย์ให้ฝึกตีโต้น่ะครับพี่”
“...” เหมือนว่าคำพูดของผมจะทำให้พี่ข้าวนึกขึ้นได้ พอพี่ข้าวเสิร์ฟอีกครั้งผมจึงรับได้ แต่.. ก็โดนพี่ข้าวตีหลอกให้วิ่งไปรับทางซ้ายทีขวาทีหน้าเนททีท้ายคอร์ทที และยิ่งคนที่เล่นกับพี่เขาเป็นผม บุคคลซึ่งออกกำลังกายแทบนับครั้งได้ ครึ่งชั่วโมงที่วิ่งรับลูกที่รับได้ กับวิ่งเก็บลูกที่รับไม่ได้ ทำเอาผมรู้สึกว่าตัวเองใกล้จะตายเต็มที ขาของผมล้าจนแทบจะวิ่งต่อไม่ไหว อาการขาดน้ำทำเอาไร้เรี่ยวแรงทั้งที่ตัวของผมเปียกไปหมดเหราะเหงื่อ ความร้อนในตัวพุ่งขึ้นสูงจนน่าจะเอาหมูสไลด์มาจี่ให้สุกได้ ผมยกมือขอพักเบรกทันที ก่อนจะพาตัวเองเดินไปนั่งพิงกำแพงที่มีพัดลมส่ายไปมาอย่างขี้เกียจผมหลับตาหายใจหอบอยู่อย่างนั้น พลางคิดว่าพี่ข้าวมันโกรธแค้นอะไรผมหนักหนา ถ้าเพราะผมกวนตีน..ก็อาจใช่ หรือเพราะปรินซ์ที่ดันเผือกเข้ามาช่วยผม..ก็อาจใช่ เพราะพี่ข้าวคงรู้สึกเสียหน้า และโกรธไม่ใช่น้อยที่มีคนมาท้าทายตอนพี่มันว๊าก.. เออว่ะมีเหตุผล พี่เขาจะโมโหแล้วมาลงกับผมก็ไม่ใช่เรื่องแปลก ผมนึกไปก็ภาวนาให้ตัวเองหายเหนื่อยเร็วๆแล้วกลับไปรองรับความโกรธของพี่ข้าวต่อ แต่คงเพราะผมมัวแต่หอบและอยู่กับความคิดของตัวเอง เลยไม่ทันได้ยินเสียงพื้นรองเท้าผ้าใบที่บดกับพื้นสนามใกล้เข้ามา จู่ๆ ปากของผมก็ถูกประกบด้วยปากของใครสักคนที่อยู่ตรงหน้า ผมตกใจรีบเปิดตามองทันที สายตาสองคู่ประสานกันในอารมณ์ที่แตกต่าง คู่หนึ่งกําลังเบิกโพลงเพราะตกใจสุดขีด ส่วนอีกคู่กําลังมองลึกดุดันราวกับแวมไพร์ที่หมายจะดูดเลือดของเหยื่อให้เหือดแห้ง ผมออกแรงทั้งหมดที่พอมีดันอกเปียกชุ่มของพี่ข้าวให้ผละออก แต่มันก็ไม่ได้ผล แขนของผมล้าเกินไป พี่ข้าวจับข้อมือของผมล็อกไว้กับกำแพงเพื่อกันไม่ให้ผมขัดขวางอะไรพี่มันได้อีก พี่ข้าวยังคงบดเบียดริมฝีปากของผม ลุกลํ้าผมอย่างไม่คิดจะเปิดช่องว่างให้ผมได้หายใจ ..ผมกําลังจะตายจริงๆ แล้ว ..ผมต้องการออกซิเจน

“ไอ้ธามไปหาไรแดกกัน…”
“!!!!” ผมจําเสียงไอ้บอสได้ มันน่าจะอยู่ตรงทางเข้าด้านนอกก่อนถึงส่วนของสนาม พี่ข้าวปล่อยมือของผม และยอมถอนริมฝีปากที่กดร่างผมในที่สุด แต่ก็ช่างอ้อยอิ่ง เหมือนกับต้องการให้ผมจดจําได้ในทุกวินาทีที่พี่มันสัมผัสผมได้ พี่ข้าวยังคงจ้องผมด้วยสายตาคม ทั้งที่ค่อยๆ ถอยหน้าห่างออกจากผมไป แต่แล้วจู่ๆ พี่มันก็ยื่นหน้าเข้ามาหาผม ผมหันหน้าหนี หลับตาแน่นสนิททันที
“เจอกันห้องเชียร์” พี่ข้าวพูดเสียงแหบพร่าที่ข้างหูผม ตัวผมเกร็ง และหัวใจเต้นแรง

“ไปมึง กูก็หามึงตั้งนาน พอถามอาจารย์เลยรู้ว่ามึงมาซ้อมอยู่สนามนี้ แล้วนั่นคู่ซ้อมมึงเหรอวะ ใครวะ รุ่นพี่หรือรุ่นเดียวกัน คณะไรวะ” ไอ้บอสยิงคำถามใส่ผมเป็นชุดหลังจากมันเดินสวนพี่ข้าวเข้ามา
“...”
“เดี๋ยวมึงเป็นเชี่ยไรเนี่ย!! ทําไมหน้าแดงแจ๊ขนาดนี้วะ แล้วทําไมปากมึง..”
“มึงอย่าเพิ่งถาม! กูอยากอาบนํ้า”
ไอ้บอสยื่นมือมาดึงผมให้ลุกขึ้นจากพื้น ตัวของผมกำลังสั่น ลมหายใจยังไม่เป็นปกติ ผมรีบตรงดิ่งไปที่ล็อกเกอร์หยิบของที่จำเป็นแล้วพาตัวเองเข้าห้องน้ำ
“มึงเป็นไรรึเปล่าวะไอ้ธาม” ไอ้บอสถามผมด้วยความเป็นห่วงอยู่หน้าห้องน้ำ
“กูไม่เป็นไร” ผมเปิดฝักบัวเพื่อกลบเสียงของไอ้บอสที่กําลังจะตั้งคําถามต่อทันที ถึงจะตอบไอ้บอสไปอย่างนั้น แต่ร่างกายผมกำลังเป็น.. มันหวั่นไหวกับแรงปลุกเร้าเมื่อกี้ นี่มันเรื่องเชี่ยไรเนี่ย!!
.
.
“มึงเป็นอะไรวะ” บอสกระซิบถามทันทีที่มันเดินอยู่ข้างๆผมระหว่างทางเดินไปสนามกีฬากลาง หลังเดินออกจากโรงอาหารกลาง
บ่ายนี้ผมกับบรีสไม่มีเรียน เมื่อวานบรีสจึงชวนผมมาเดินดูงานเปิดโลกกิจกรรมของมหาลัย ตลอดทั้งอาทิตย์จะมีงานออกบูทของชมรมต่างๆ ในมหาลัยให้เหล่าเฟรชชี่อย่างพวกผมเลือกสมัครเพื่อเรียนรู้โลกใบใหม่ รู้จักคนใหม่ๆ เพิ่มประสบการณ์ชีวิต บรรยากาศรอบทางเดินตามแนวอัฒจรรย์ของสนามกีฬากลางครึกครื้น นักศึกษาปีหนึ่งพากันจับกลุ่มเดินไปมาตามบูทต่างๆ ของรุ่นพี่ ที่ล้วนประดับตกแต่งดึงดูดเด็กหน้าใหม่อย่างพวกเรา ไอ้บอสที่ไม่มีเรียนเหมือนกันเลยตามมาด้วย ผมรู้ว่ามันคงเป็นห่วงผมด้วยส่วนหนึ่ง
“พวกมึงมานี่ นี่บูทพี่โรงเรียนเก่ากูเอง” พอบรีสกวักมือเรียก ผมเลยเดินไปทันที โดยยังไม่ตอบคำถามของบอส
“หวัดดีครับพี่โบ้ท พี่จอม พี่เป้ พี่ที” บรีสทักทายรุ่นพี่ในบูทอย่างสนิทสนม ผมกับบอสเลยยกมือไหว้อย่างนอบน้อมตามบรีส
“เพื่อนคณะเหรอวะ”
“นี่ธามเพื่อนนิเทศ แล้วก็บอสเด็กจิตวิทยาครับพี่”
“อยู่จิตเหรอวะไอ้น้อง”
“ออครับพี่” ไอ้บอสตอบ ผมเข้าใจว่าคนที่ถามคือพี่ที่ชื่อโบ้ท
“งั้นพวกมึงเข้าชมรมกูเลย”
“…” ผมเงยหน้าดูแผ่นป้ายผ้าที่ห้อยลงมาเหนือหัว ‘เดินดอย’
“กูเห็นเพื่อนมึงทำหน้าสงสัยแล้วสลดเลยว่ะ” พี่โบ้ทเอามือใหญ่ปิดหน้าเหมือนจะร้องไห้ แอคติ้งชัดๆ “น้องเป้เล่าความ ‘เดินดอย’ ของเราสิ”
“ชมรมของเราเนี่ยก็คือชมรมค่ายอาสาชมรมนึงนั่นแหละ เหมือนอีกสองชมรมข้างๆ” พี่เป้พูดพลางผายมือไปบูทด้านข้าง พี่โบ้ทเอามือตบเข้าที่ผมหนาๆ ของพี่เป้ทันที
“มึงจะไปเรียกแขกให้ชมรมอื่นทำไมวะ”
“เจ็บนะเว้ยพี่! เออนั่นแหละ เราก็คือชมรมออกค่ายอาสา ส่วนใหญ่ก็ไปช่วงปิดเทอมล่ะนะ แต่ที่ที่เราจะไปน่ะพิกัดจะอยู่แต่บนดอยเท่านั้น” ผมยืนมองพี่เป้ตาแป๋ว การขึ้นดอยขึ้นภูเขาเป็นความชอบของผมอยู่แล้ว เพราะบนเขามักจะสงบร่มเย็นเป็นสุข.. แต่ไอ้บอสคงไม่คิดอย่างนั้นมันเดินไปชมรมข้างๆแล้ว ผมเห็นรุ่นพี่สาวสวยอยู่บูทนั้นเพียบ
“มึงจะไปไหน” เสียงพี่โบ้ทดังขึ้น พี่โบ้ทไม่พูดเปล่า แต่เดินไปล็อกคอลากไอ้บอสกลับมาเลยทีเดียว
“กูปีสี่จิต พี่มึงอยู่นี่ มึงก็ต้องอยู่นี่ ลงชื่อซะ”
“เห้ยพี่ นี่มันสิทธิ์ส่วนบุคคลป่ะวะ แถมนี่ก็นอกคณะด้วย” ไอ้บอสเถียงทั้งที่คอมันยังโดนล็อกอยู่
“แต่กูรู้ว่าเพื่อนมึงจะเข้าชมรมกูแน่นอน ตาแม่งบอก เพราะงั้นมึงก็ต้องเข้าชมรมกู”
“ไอ้เชี่ยธามมึงจะเข้าชมรมนี้เหรอวะ!”
ผมส่งยิ้มให้มันแทนคำตอบ
“...”
“เห็นม่ะ”
“พี่แม่งโคตรเอาแต่ใจ ลูกคนเดียวล่ะสิ”
“ใช่ กูลูกคนเดียว ส่วนมึงน่ะ.. กำลังอยากลองเปลี่ยนรสนิยม” ประโยคสุดท้ายผมไม่ได้ยินว่าพี่โบ้ทพูดอะไรกับไอ้บอส เพราะพี่มันกระซิบเอา แต่ทำเอาไอ้บอสหน้าง้ำหงิกพยายามแกะมือของพี่โบ้ทวุ่นวายแต่ก็คงยากน้อยเพราะร่างกำยำของพี่โบ้ทนั้นหนาแน่นกว่าถึงจะความสูงใกล้เคียงกันก็เถอะ
ในที่สุดพวกเราทั้งสามคนก็ลงชื่อเข้าชมรม ‘เดินดอย’ บรีสนั้นตั้งใจจะอยู่กับศิษย์พี่ร่วมสํานักอยู่ก่อนแล้ว..ฟิน ส่วนผมนอกจากจะได้ทํางานบุญได้กุศลแล้วยังได้ขึ้นดอยไปฝึกจิตฝึกร่างกายเป็นของแถม..ฟิน มีก็แต่ไอ้บอสที่แสดงความหงุดหงิดตลอดทางที่พวกเราเดินแวะชมบูทอื่นๆ ผมอดขํากับท่าทีของมันไม่ได้ ท่าทางพี่โบ้ทจะจับทางไอ้เพื่อนจอมวิเคราะห์ของผมได้ จะเรียกว่าเหนือฟ้ามีฟ้า เหนือบอสมีโบ้ทก็คงได้ นี่ขนาดเพิ่งเจอกันครั้งแรก อยู่ชมรมนี้คงมีเรื่องน่าสนุกแน่นอน ทําเอาผมลืมเรื่องเมื่อเช้าไปเกือบสนิท ถ้าไม่ใช่เพราะว่าใกล้จะได้เวลาห้องเชียร์อีกแล้ว..
“เจอกันห้องเชียร์”
คำพูดของพี่ข้าวเมื่อเช้าผุดขึ้นมาให้นึกถึงนี่ผมจะต้องทําหน้ายังไงเวลาเจอพี่มันกัน
“มึงโอเคเปล่าวะ จู่ๆหน้ามึงก็แย่” ไอ้บอสเปลี่ยนท่าทีจากที่เซ็งๆ อยู่ทันทีแล้วรีบยกมือขึ้นแตะที่หน้าผากของผม
“ไอ้บรีสกูว่าไอ้ธามตัวร้อนวะ”
“ไหนดูดิ” ไอ้บรีสเอามือแตะหน้าผากผมอีกคน
“เออว่ะ มึงไหวไหม กูว่ามึงโดดห้องเชียร์เหอะว่ะวันนี้ เดี๋ยวมึงก็ไปล้มให้พี่ข้าวด่าซํ้าเปล่าๆ”
“พี่ข้าวคือใครวะ?”
“พี่ว๊ากอ่ะมึง เข้าห้องเชียร์มาสองวันก็มีประเด็นแต่กับไอ้เชี่ยธามตลอด”
“กูไหวเว้ย แค่ปวดหัวนิดหน่อย”
“แต่หน้ามึงบอกว่ามึงไม่ไหว”
“แล้วนี่มึงยังมาเดินตากลมตากแดดกับพวกกูอีก กูว่ามึงกลับหอเหอะว่ะ”
“เชี่ยไรของพวกมึงเนี่ย อย่าเวอร์ดิวะ กูไหว ไอ้บรีสกลับคณะกัน ส่วนมึงไอ้บอส เจอกันที่ห้อง”
“เออๆ แล้วแต่มึง ดื้อฉิบ ฝากมันด้วยนะไอ้บรีส นี่เบอร์กู มีไรโทรตามได้เลย เอางี้ห้องเชียร์เลิกเมื่อไหร่มึงโทรหากู เดี๋ยวกูปั่นจักรยานมารับ” ผมพยักหน้าตอบไอ้บอส อย่างหนักแน่น ไม่งั้นมันคงไม่ยอมไปแน่ๆ
.
.
บรรยากาศของห้องเชียร์ยังคงเหมือนกันกับทุกวัน พวกเราเริ่มเคยชินกับการเข้าแถวในที่เดิม ตำแหน่งเดิม และตามองตรงไปข้างหน้า น่องขาของพวกเราก็เริ่มเคยชินกับการยืนนานๆ โดยที่คิดว่าการไม่ได้ขยับเท้าเลยก็ไม่ได้ยากลำบากอะไรมาก แต่ที่ยังคงไม่ชินก็คือการที่พี่ว๊ากเดินว๊ากมาจากทุกทิศทาง และตั้งคำถามที่เราอาจจะหาคำตอบที่ดีให้ไม่ได้ อย่างเช่น ทำไมเพื่อนพวกคุณจึงมาไม่ครบทั้งชั้นปี..
วันนี้พี่ข้าวไม่ได้ยืนว๊ากอยู่ใกล้ๆแถวผม นั่นทำให้ผมมีสมาธิในการยืนนิ่งๆมากขึ้น แต่อาจเพราะผมกำลังยืนนิ่งว่างๆอยู่ก็ได้ ในหัวถึงได้อดเก็บเอาภาพเหตุการณ์เมื่อเช้ามาทบทวนไม่ได้ ทำไมพี่ข้าวต้องทำกับผมแบบนั้น คนเราจะจูบกันได้เพราะอะไรบ้าง ถึงอีกฝ่ายจะไม่เต็มใจ แต่พี่ข้าวต้องมีเหตุผลที่ทำอย่างนั้นกับผมหลังจากที่แกล้งให้ผมเหนื่อยแทบจะตาย.. แล้วผมล่ะ ผมรู้สึกอะไร ผมควรจะโกรธไหม มีคนมาขโมยจูบ แถมเป็นผู้ชายยยย เชี่ยยย ฟ้าต้องผ่าแน่ๆ หรือผ่าไปแล้วผมอยู่ในตึกเลยไม่ทันรู้ว่าฟ้าพิโรธแค่ไหน ผมคิดวนเวียนไปทั้งที่ความปวดหนึบในหัวเพิ่มขึ้นทุกขณะ ทำไมวันนี้ห้องเชียร์ไม่ร้อนอบอ้าวอย่างที่เคยเป็น ผมรู้สึกหนาวสะท้านทั้งที่สวมชุดนักศึกษามิดชิด ขาทั้งสองของผมเริ่มโงนเงนแต่ผมก็ยังมีสติพอที่จะใช้สมองสั่งการให้พวกมันกลับมายืนตรงได้อีกครั้ง แต่มันก็คงจะยากสุดพลังรั้งของประสาทสั่งการแล้ว ถ้าระบบในร่างกายพากันประท้วงพร้อมกัน..
ตัวผมกำลังหล่นวูบแต่ยังไม่ทันที่ร่างของผมจะปะทะกับพื้นแข็ง พี่ข้าวก็เข้ามารับร่างของผมไว้ ผมทิ้งน้ำหนักทั้งหมดไว้กับร่างสูงของพี่ข้าว มีเพียงเปลือกตาหนักที่ยังคงเปิดทางให้รูม่านตารับภาพจากภายนอก พี่ข้าวกลับมาใส่แว่นกลมใสอีกครั้ง หน้าของพี่ข้าวตอนนี้ไม่ได้ดุดันเหมือนตอนที่จู่โจมผมเมื่อเช้า แต่ดูตระหนกและแฝงด้วยความเป็นห่วง คงกลัวว่าผมจะตายคาห้องเชียร์.. ผมโดนหิ้วปีกออกมานั่งพักที่ด้านหลังของห้องเชียร์ พี่หลายคนช่วยกันปฐมพยาบาลผม หาอุปกรณ์มาพัด ก้อนแอมโมเนียถูกจ่อใกล้จมูกของผมทันทีโดยอ้อมอกของพี่ข้าวที่นั่งลงเป็นผนังแกร่งให้ผมพิง
“ฝ้ายฝากถือหน่อย” พี่ข้าวยื่นก้อนสำลีที่ชุบแอมโมเนียจนชุ่มไปให้พี่ฝ้ายถือให้ผมดมแทน แล้วพี่ข้าวก็เอามือที่เพิ่งว่างของตัวเองมาขยับเนคไทของผมออกและปลดกระดุมเสื้อนักศึกษาของผม
“โอเคขึ้นไหม”
“...” ผมพยายามพยักหน้าแทนคำตอบ
“พี่ข้าวค่ะ ให้พวกเราดูแลน้องธามต่อก็ได้ค่ะ”
“อืม ฝากด้วย” พี่ข้าวค่อยๆลุกขึ้นหลังจากที่ได้พี่ฝ้ายมานั่งให้ผมพิงแทน ก่อนเดินไปพี่ข้าวยังหันมามองผม.. พี่เขาคงหายโกรธแล้วมั้ง แล้วสติการรับรู้ของผมก็ดับลง
.
.
.
หัวข้อ: Re: YR Mine นายผู้ปกครอง - รักลุ้นๆ ของคนพี่ Ep.14 Update ** 21 06 62
เริ่มหัวข้อโดย: After5p.m. ที่ 21-06-2019 07:22:06
014
จูบแรก
.
.
ผมกระพริบตาเพราะรู้สึกอยากตื่น ร่างกายยังรู้สึกชาคงเพราะฤทธิ์ไข้ หน้าผากของผมน่าจะมีผ้าชุบนํ้าวางอยู่ ขณะที่ตัวของผมถูกห่ออยู่ในผ้านวมหนาอย่างกับตัวเองเป็นไส้ในซูชิโรล พอมองไปรอบๆ ห้องที่ที่ผมนอนอยู่ช่างไม่คุ้นเคย ที่นี่ที่ไหน.. ผมขยับร่างกายเพราะเริ่มรู้สึกอึดอัด ร้อน และหิวน้ำ
“ตื่นแล้วเหรอวะมึง เพิ่งตีห้าครึ่งเอง มึงนอนต่อเหอะ ไม่มีเรียนด้วยนิวันนี้” หน้างัวเงียของไอ้บอสโผล่มาที่ขอบประตู
“อืออ ที่นี่ที่ไหนวะ”
“ก็ห้องไอดอลกูไง”
“ห้องปรินซ์??”
“เออ เมื่อคืนมึงอ่ะนอนนี่ ส่วนกูเนี่ยเพิ่งมาถึง”
“..”
“เอางี้ กูว่ามึงนอนต่ออีกหน่อย เดี๋ยวค่อยคุยกัน กูขอไปนอนต่อก่อน” แล้วมันก็หายตัวไปพร้อมกับประตูที่ปิดลง
“...” ผมยอมนอนต่อตามที่ไอ้บอสบอก แต่ก่อนที่เปลือกตาหนักจะปิดลงอีกรอบ ผมมองสำรวจห้องสลัวอีกครั้ง เพราะนี่เป็นครั้งแรกที่ผมได้เข้ามาในห้องนี้ ห้องนอนของปรินซ์เรียบง่าย มีเพียงเฟอร์นิเจอร์ที่จำเป็นอย่างเตียงที่ผมนอนอยู่ ตู้เสื้อผ้า และเก้าอี้โซฟาด้านหน้าเตียงอีกตัว ผมไล่สายตาจนไปสะดุดเข้ากับกรอบรูปขนาดเล็กที่วางอยู่บนโต๊ะหัวเตียง คงจะดีถ้าผมสามารถมองเห็นมันได้ชัดกว่านี้.. รอสว่างก่อนล่ะกัน
.
“เอ้ามึง ตื่นมากินโจ๊กก่อน แล้วค่อยนอนต่อ” เสียงใสของไอ้บอสต่างจากเมื่อสองชั่วโมงที่แล้วลิบลับ มันอยู่ในชุดนักศึกษาเกือบเรียบร้อย
“กูขอกินนํ้าก่อนได้ป่ะวะ”
“ได้ดิวะ นํ้าเปล่าในแก้วของพี่ปรินซ์ซ์ซ์” ไอ้บอสยื่นแก้วน้ำเปล่าส่งให้ผม
“กูมาอยู่นี่ได้ไงวะ แล้วปรินซ์อ่ะ”
“แหมตื่นมาก็ถามหาปรินซ์เลยน้า”
“...”
“อ่ะนี่โจ๊กมึง โจ๊กใส่แต่หมูสับ ไข่สุก และนี่โจ๊กกู พี่ปรินซ์แม่งเขียนมาบนถุงเลยเว้ยว่าถุงไหนของมึง ดีนะยังมีใจซื้อเผื่อกูด้วย นํ้าตาจะไหล ปลื้มว่ะ”
“...”
“ให้กูป้อนไหมปรินซ์เซส”
“เดี๋ยวเหอะมึง”
“เมื่อวานมึงอ่ะล้มคาแถวห้องเชียร์ บรีสมันก็รีบแอบโทรหากู แต่กูน่ะดันติดประชุมกับเพื่อนที่คณะ กูก็เลยโทรหาพี่ปรินซ์ พี่ปรินซ์ก็เลยไปอุ้มปรินซ์เซสอย่างมึงออกมาสลบไสลต่อที่หอคอยนี้แหละ”
“ไอ้สัดบอส!” ผมเกือบจะได้ยันมันลงจากเตียง แต่ไอ้บอสดันดีดตัวหลบทัน
..คลับคล้ายคลับคลาในความทรงจําว่า เมื่อวานปรินซ์มาเขย่าตัวผมที่ไม่ค่อยจะมีสติ
“เดินไหวไหม” ปรินซ์ถามผม ผมพยักหน้าตอบ แต่แล้วจู่ๆ ปรินซ์ก็ช้อนเอาร่างหนักของผมลอยขึ้น มีเสียงวี๊ดว๊ายของพวกพี่ผู้หญิงดังขึ้นทันที ผมมองหน้าปรินซ์แบบงงๆ พยายามจะขืนตัวให้หลุดจากการอุ้ม ผู้ชายอุ้มผู้ชาย!! เชี่ย!!ขนาดสติที่เหลือน้อยนิดของผมตอนนั้นยังบอกเลยว่าแม่งโคตรน่าอาย!! 
“ธามอย่าฝืน ถ้าหล่นจะเจ็บนะ”
“...”
“ถ้าไงพี่ขอพาตัวธามไปก่อนนะ ถ้าไม่ดีขึ้นจะได้พาไปหาหมอ” ปรินซ์พูดกับพวกพี่ๆ ตรงนั้น ผมที่อยากจะปกป้องศักดิ์ศรีของลูกผู้ชายแมนๆ แทบตาย แต่ก็ไม่มีแรงต่อต้าน เลยได้แต่นอนตัวหนักในอ้อมแขนของปรินซ์อย่างช่วยไม่ได้ ถึงจะรู้สึกอายโคตร ไม่อยากจะจินตนาการว่าตัวเองจะถูกคนมากมายในคณะมองยังไงเลยหลับตาแม่งให้สนิทปิดการรับรู้ไปซะ แต่ในใจก็อดผ่อนคลายไม่ได้ รู้สึกอุ่นใจที่ปรินซ์มารับ ตอนนี้ผมคงหมดสติได้จริงๆ สักที

“ไอ้ธาม อ้ามมมม มากูป้อนนนน” หน้าไอ้บอสที่ยื่นมาใกล้ทำเอาผมสะดุ้งสุดตัว
“ทำเชี่ยไรเนี่ยมึง!”
“ก็กูเห็นมึงถือช้อนอยู่นานล่ะ คานิ่งหยั่งกะมึงถ่ายเดอะแมททริกอยู่ กูเลยนึกว่ามึงวาปไปอยู่ในช่องว่างมิติเวลาซะแหละ” บอสร่ายยาวแล้วก็ตักเอาโจ๊กเข้าปาก
“กูพยายามนึกตอนที่ปรินซ์มันไปรับกูอยู่”
“พูดถึงพี่ปรินซ์ กูว่าพี่มันแม่งไม่ได้นอนชัวร์ ตอนไปรับกูมานี่ ตาแม่งดำหยั่งกับโดนใครป้ายมาสคาร่าแล้วสีแม่งตก”
“ภาพแม่งโคตรชัด” ผมหัวเราะ
“กูล่ะอยากจะโคฟเป็นมึงจริงๆ เมื่อคืนคงเป็นค่ำคืนแสนหวานนนนนน”
“แสนหวานเชี่ยไรของมึง”
“อ่ะ มึงคิดดู พี่ปรินซ์แม่งต้องแก้ผ้าให้มึง เช็ดตัวให้มึง เฝ้ามึง มองมึง เช็ดตัวให้มึง เฝ้ามึง มองมึง วนไปเรื่อยๆ ทั้งคืน แล้วถ้ามึงบ่นว่าหนาว พี่มันก็อาจจะเอาเนื้อห่มเนื้อให้มึงหายหนาว..”
“มึงหยุดมโนเลยไอ้เชี่ยบอส กูขนลุกหมดแล้วเนี่ย!!”
“เออๆ กูไม่แกล้งแล้ว”
“ปรินซ์มันเป็นพี่ป่ะวะ มันก็ดูแลกูอย่างนี้ตลอดนั่นแหละ”
“อออออแล้วมึงหน้าแดงทำไมวะ หรือว่ามึงนึกภาพตาม??”
“สัดดดด”
“เดี๋ยวนี้ทะลึ่งใหญ่แล้วน้าาาา”
“...”
“เออไอ้ธาม กูถามไรมึงอย่างได้ไหมวะ”
“ไร”
“เมื่อวานที่คอร์ทแบด..” ผมวางช้อนในมือทันที นึกอยู่สองวิว่าผมจะเล่าหรือไม่เล่า
“กูโดนจูบ..” ไอ้บอสพ่นโจ๊กที่เพิ่งเข้าปากออกมาทันที
“ไอ้เชี่ยบอสสสส!! เล่นไรเนี่ย ไปหาทิชชู่มาเช็ดเลย”
บอสรีบกระวีกระวาดไปหาทิชชู่อย่างไว
“มึงเล่ามาเลย เอาละเอียด”
“พี่คนนั้นเขาชื่อพี่ข้าว เป็นพี่ว๊ากที่คณะ ตอนฝึกตีโต้แม่งก็แกล้งกูฉิบหาย กูวิ่งรับลูกเก็บลูกจนกูไม่ไหวเลยขอไปนั่งพักหายใจ แต่จู่ๆ พี่มันก็..จูบกู”
“เชี่ยยยย!! แล้วมึงก็นั่งนิ่งให้เขาจูบเนี่ยนะ??”
“กูพยายามดันแม่งออกแล้ว แต่กูสู้แรงไม่ไหวจริงๆ ดีที่มึงมาก่อน”
“กูมาขัดจังหวะมึงล่ะสิ”
“สัดดด!!”
“แล้วมึงรู้สึกไง?”
“กูว่ากูอึ้ง งง แล้วก็..”
“ชอบม่ะ?”
“...”
“ทำไมมึงไม่ตอบ”
“กูไม่รู้ แต่กูพยายามดันพี่มันออกแล้ว”
“มึงรังเกียจป่ะล่ะ”
“...”
“แสดงว่าไม่ได้รังเกียจจูบจากผู้ชาย แล้วรู้สึกโกรธม่ะ?”
“กูว่ากูงง อึ้งมากกว่าจะโกรธว่ะ แล้วพอมาคิดอีกที สองวันก่อนในห้องเชียร์กูก็โคตรป่วน ถ้าพี่มันจะไม่พอใจจะแกล้งกูกูก็เข้าใจ อีกอย่างตอนกูจะร่วงในห้องเชียร์ พี่ข้าวก็มารับกูไว้”
“ออออ ทำบุญไถ่บาปว่างั้น เจ๊ากันไป??”
“...”
“แต่นั่นมันจูบแรกของมึงเลยนะเว้ย!! มึงต้องมีอารมณ์อยากชกหน้าพี่มันป่ะวะ”
“มึงอย่ามารู้ดี!”
“ห่ะยังไง กูรู้ดีเรื่อง? เรื่องที่มึงไม่อยากต่อยพี่มันกลับ หรือเรื่องที่..นี่ไม่ใช่จูบแรกของมึง?”
“...”
“งั้นกูขอฟันทิ้งในส่วนของพี่ข้าวอะไรนี่ก่อนเลย พี่มันชอบมึงชัวร์”
“กูว่าพี่มันแค่แกล้งเปล่าวะ”
“แกล้งเชี่ยไร คนเราจะแกล้ง จะลงโทษมันมีวิธีอื่นเยอะแยะไหมวะ แค่ลากมึงออกไปซ้อมอีกคอร์ทกูก็ว่าทะแม่งๆ แหละ แล้วนี่ยังฉวยโอกาสกับมึงอีกจะคิดอย่างอื่นแม่งไม่ได้ล่ะ นี่ถ้าเป็นสาวๆ คงปลื้มตาย พี่ว๊ากเท่ๆ มาแจกจูบใส่ กูชอบนะคนจริง คิดไรก็ลงมือลุยเลย”
“...”
“แล้วทีนี้พี่ปรินซ์ของกูล่ะจะทำไง”
“เกี่ยวไรกับปรินซ์วะ”
“ไอ้ธามมม นี่มึงไม่รู้สึกอะไรมั่งเหรอวะ”
“ให้รู้สึกอะไรวะ”
“พี่ปรินซ์น่ะจีบมึงออกนอกหน้าขนาดนี้” ไอ้บอสเอื้อมมือมาตบหัวคนป่วยอย่างผมเบาๆ
“ไปรับ ไปส่ง ไปเฝ้า เป็นห่วงเป็นใย เอาใจใส่ ไม่สนโลก ไม่แคร์ใคร ถ้าไม่ใช่ว่าพี่มันมีใจให้ กูว่าไม่ต้องทำขนาดนี้ก็ได้ป่ะวะ”
“...”
“มึงฟังกู ไอ้ที่พี่มันบุกคณะมึง ไปแหกกฎห้องเชียร์ของคณะอื่น มึงว่าคนอื่นจะมองพี่มันยังไงวะ เยอะ วุ่นวาย ยุ่มย่าม พ่อแม่ก็ไม่ใช่ มึงอ่ะคงไม่รู้ว่าพี่ปรินซ์ของมึงอ่ะดังแค่ไหนในมหาลัย ไอ้ที่มันไปทำตัวอย่างนี้ชื่อเสียงจะเสียเลยนะ แล้วถ้าบานปลายถึงหูคณบดีล่ะ”
“...” ผมคิดมาตลอดว่าที่มันคอยดูแลผมเพราะม๊าสั่งมา ก็เห็นปรินซ์ชอบอ้างม๊าตลอด แต่พอฟังไอ้บอสพูด ทั้งหมดก็ดูจะมากเกินไปจริงๆ ..มันเอาตัวเองมาเสี่ยงกับผมมากเกินไป
“พี่ปรินซ์น่ะคิดกับมึงเกินน้องเกินเพื่อนแน่นอน เชื่อกู”
“...”
“ฮอตนะเนี่ยเพื่อนกู มีหนุ่มเท่ๆ คูลๆ มารุมจีบทีเดียวสองคน ยังไงดีล่ะมึง”
“กูควรดีใจเหรอวะ มันแม่งโคตรไม่ใช่ ผู้ชายก็ต้องคู่กับผู้หญิงมีนมดิวะ”
“มึงนี่โบชะมัด โลกมันไปถึงไหนแล้ว อีกอย่างนะเว้ย ชอบก็คือชอบ รักก็คือรัก เราเลือกไม่ได้ด้วยซ้ำว่ามันจะเกิดขึ้นกับใคร กับเพศไหน ขอแค่ใจคนทั้งคู่มันตรงกันก็พอแล้ว”
“...”
“เอางี้ ส่วนของพี่ข้าวอะไรนั่น มึงต้องดูยาวๆไป แต่มึงอยากรู้ม่ะว่าพี่ปรินซ์คิดยังไงกับมึง”
“เออ ก็อยาก”
“เออออ กูรู้ว่ามึงก็ต้องมีหวั่นไหวบ้างแหละ ยังไงพี่ปรินซ์แม่งก็โคตรดี โคตรเท่ ถ้าพี่มันจะชอบมึงจริงๆ และมึงจะชอบพี่มัน กูก็ดีใจนะ ถึงกูจะหวงไอดอลของกู แต่ถ้าเป็นมึงกูก็ยอมหลีกทางให้”
“มึงก็อย่าเพิ่งสรุปอะไรได้ไหมวะ”
“เออๆ เอางี้ ถ้ามึงเจอหน้าพี่ปรินซ์ มึงก็ลองเล่าเรื่องที่คอร์ทแบด แล้วมึงก็ดูว่าเขาทำหน้ายังไง”
.
..ทางเดินริมสนามฟุตบอล
..ปรินซ์ / โบ้ท

“โอะโอววววว นี่มันนักบอลมหาลัยสุดหล่อนี่หว่า ไงมึง ทําไมมาวิ่งแต่เช้าวะ”
“โดนโค้ชทําโทษว่ะพี่”
“น่าสงสาร เอ้า พวกมึงวิ่งนําไปก่อนเลย เดี๋ยวกูอยู่ประกบนักบอลก่อน” พี่โบ้ทสั่งกลุ่มชายฉกรรจ์ที่วิ่งตามหลังมา
“ไมโดนทําโทษวะ”
“ผมโดดซ้อมหลายวัน”
“เออสม มัวแต่ไปเฝ้าหนุ่มเหรอวะ” ผมยิ้มตอบ ตั้งแต่เหตุการณ์เมื่อตอนปีหนึ่ง ผมเลยนับถือพี่โบ้ท และก็ฝากตัวเป็นรุ่นน้องของพี่มันตามไอ้เป้ไป ถ้าว่างก็ตามไปกินเหล้ากับก๊วนเพื่อนพี่มัน
“หนุ่มคณะไหนวะ”
“นิเทศ” ผมตอบแบบไม่ต้องคิด พี่โบ้ทมองผมขาดอยู่แล้ว ไม่มีความจำเป็นที่จะต้องปิด และผมก็ไม่คิดจะปิดบังใครด้วย
“นิเทศอีกล่ะ ว่าแต่คนมีความรักมันต้องยิ้มแย้ม แล้วทำไมมึงทำหน้าเหม็นขี้อย่างนี้วะ มีอะไรในใจ?”
“รู้สึกเหมือนมีคู่แข่งว่ะพี่”
“โหวว เสน่ห์แรงด้วย กูอยากเห็นหน้าหนุ่มของมึงเลยเนี่ย”
“ก็น้องมันน่ารัก..” ผมอดนึกถึงหน้าของธามเมื่อคืนไม่ได้ ธามไม่มีสติเลยสักนิด ทั้งที่โดนผมจับถอดเสื้อผ้า ตัวมันโอนอ่อนไปหมด จะจับคว่ำ จับตะแคงยังไงก็ได้ เนื้อตัวเปล่าอุ่นๆ ของธามทำผมแทบคลั่ง ต้องกัดริมฝีปากตัวเองแน่น ธามตอนนี้เซ็กซี่ฉิบ.. นึกอยากรังแกคนป่วยแทบแย่แต่ก็ทำได้แค่เช็ดตัว เปลี่ยนเสื้อผ้าให้ แล้วก็ห่อธามให้มิดชิดที่สุด ผมจะได้ทำอะไรธามไม่ได้ แต่แค่ผ้าห่มผืนเดียวคงห้ามอะไรผมไม่ได้หรอก ถ้าผมจะทำ..
“แล้วคู่แข่งมึงน่ากลัวไหม”
“เป็นพี่ว๊ากอยู่คณะเดียวกันกับน้องมัน”
“พี่ว๊ากส่วนใหญ่จะฮอตซะด้วย เป็นคู่แข่งที่สมน้ำสมเนื้อกับมึงเลย แถมน้ำตาลยังใกล้มด ระวังจะโดนมดเลียจนละลายล่ะมึง” ขาของผมที่วิ่งอยู่หยุดกึกทันที
“มึงก็แค่ต้องทำอะไรให้มันชัดเจน ถ้าน้องมันยังไม่รู้ตัว มึงก็ต้องบอก กูเห็นหลายคนล่ะ มัวแต่ช้าสุดท้ายก็โดนหมาคาบไปแดก แค่พฤติกรรมที่แสดงออกอ่ะ มันไม่มีทางชัดเท่าคำพูดนะ”
“...”
.
..คอนโดปรินซ์
..ธาม

“เออมึงพี่ปรินซ์ฝากบอกว่าชุดนักศึกษาอ่ะ ซักรีดให้แล้ว เผื่อมึงต้องไปเรียน แต่กูก็บอกพี่มันแล้วนะว่ามึงไม่มีเรียน น่าอิจฉาเน๊อะ”
ไอ้บอสบอกผมก่อนออกไปเรียน ส่วนผมก็ลุกขึ้นมาล้างชามสะอาดเก็บเรียบร้อย แล้วก็เดินกลับเข้าไปนอนกลิ้งไปกลิ้งมาอยู่บนเตียงของปรินซ์เพราะยังอยากนอนต่ออีกนิด กลิ่นหอมอ่อนๆ ที่ติดอยู่บนหมอนกับผ้าห่มเป็นกลิ่นของปรินซ์ กลิ่นที่ผมคุ้นเคยมาตลอด ..กลิ่นเฉพาะของปรินซ์
กรอบรูปเล็กที่ผมมองไม่ออกว่ามันคือรูปอะไรเมื่อตอนเช้ามืดยังวางนิ่งอยู่ที่เดิม ผมเขยิบตัวเล็กน้อยเพื่อจะหยิบเอามันมาดูใกล้ๆ ผมจำมันได้แทบจะในทันที ..รูปถ่ายของผมกับปรินซ์เมื่อสองปีก่อน ตอนที่ปรินซ์อยู่ ม.6 และผมอยู่ ม.4 งานกีฬาสีโรงเรียนครั้งสุดท้ายของปรินซ์ เราได้อยู่สีเดียวกัน ..สีฟ้า ปรินซ์เป็นนักกีฬาฟุตบอล ส่วนพวกผมชั้น ม.4 มีหน้าที่ดูแลสแตนด์เชียร์ คุมน้องๆ ที่อยู่บนสแตนด์ ตลอดการแข่งบอลรอบชิงผมเลยได้ดูปรินซ์ตลอดการแข่งขัน ปรินซ์เป็นกองหลังที่ดี เป็นกำแพงที่แกร่งกล้า ถึงจะตัวสูงหนาแต่กลับคล่องตัว ตัดบอลเก่ง และจ่ายบอลแม่น ผมเคยถามว่าทำไมถึงเป็นกองหลัง ทำไมไม่ไปเป็นกองหน้า ตัวทำแต้มเท่กว่าเป็นไหนๆ ปรินซ์ก็ตอบผมว่า ในเกมฟุตบอลน่ะ ไม่ว่าจะเล่นตำแหน่งไหนก็สำคัญทั้งหมด แล้วก็เท่ได้เหมือนกัน ถ้าเราเล่นแบบเต็มที่ เล่นแบบตั้งใจ เหมือนอย่างตัวปรินซ์มันเองที่เท้าแตะลูกทีไรก็มีเสียงเชียร์ดังสนั่น พอปรินซ์พูดจบผมทำหน้าเหมือนจะอ้วกใส่ หมั่นไส้คำพูดหล่อๆ กับความหลงตัวเองสุดๆ ของปรินซ์ แต่ถึงอย่างนั้น ผมก็ไม่เคยปฏิเสธในความเก่งของปรินซ์ และก็อดเห็นด้วยไม่ได้ว่า ตอนปรินซ์อยู่ในสนามน่ะโคตรเท่
บ่ายวันนั้นทีมฟุตบอลสีเราชนะได้เหรียญทองตามความคาดหมาย ปรินซ์พาร่างร้อนๆหลังจบเกมเก้าสิบนาทีมาหาผมที่สแตนด์
“พาไปห้องพักของสีเราหน่อยดิ”
“ได้” ผมตะโกนแข่งกับเสียงเชียร์สนั่นกลางสนาม บอกเพื่อนที่ยืนข้างกันให้ช่วยดูสแตนด์ต่อ

“เหนื่อยดิ”
“โคตรเหนื่อยอ่ะ ไอ้พี่เฮง (ศิษย์เก่าที่อาสามาเป็นโค้ช) แม่งไม่เปลี่ยนตัวเลย”
“เห็นอยู่ ก็เป็นตัวจริงนิ”
“ตัวจริงก็คนป่ะ จะให้ออกมาพักมั่งก็ไม่ได้”
ผมเดินพาปรินซ์มาที่ชั้นสองของตึกวิทย์ที่ตอนนี้โดนแปลงสภาพมาเป็นห้องพักของสีฟ้า กระเป๋าเป้ พู่เชือก และข้าวของอีกมากมายถูกวางระเกะระกะอยู่เต็มห้อง และเพราะตอนนี้ใกล้จะจบงานแล้ว ทุกคนจึงลงไปอยู่ที่สนามกันหมด เพื่อรอคอยเวลาประกาศชัยชนะว่าปีนี้ถ้วยเกียรติยศอันทรงเกียรติจะเป็นของสีใด
“เดี๋ยวกูไปหาน้ำมาให้” ผมบอกปรินซ์ ก่อนจะเดินออกไปจากห้อง ซึ่งก็หลังจากที่ปรินซ์ถอดเสื้อบอลออกแล้วพับเป็นก้อนใช้นอนแทนหมอน

“ลุกขึ้นมากินน้ำก่อน” ปรินซ์ลุกขึ้นมานั่งทันที และรับน้ำจากผมไปกิน
“รีบไปไหนป่ะ” ปรินซ์ถามผม
ผมส่ายหน้าแทนคำตอบ งานใกล้เลิกแล้ว ไม่มีอะไรต้องห่วง
“งั้นยืมตักหน่อย สักสิบนาทีนะ” มือหนาของปรินซ์ดึงมือผมให้นั่งลง ก่อนจะเอาหัวหนักๆวางลงบนตักผม มันไม่รอฟังด้วยซ้ำว่าผมจะอนุญาตรึเปล่า..อยากจะขัดใจ แต่ก็ทำไม่ลง เพราะรู้ดีว่าปรินซ์เพลียมากจริงๆ ปรินซ์ซ้อมหนักมาตลอดเดือนต่อเนื่องเพื่อแมตช์สุดท้ายในรั้วโรงเรียนนี้
แป๊บเดียวปรินซ์ก็หลับไปผมนั่งเกร็งไม่กล้าขยับกลัวว่าจะไปปลุกคนตัวโตให้ตื่น ใจนึกอยากจะหยิบมือถือในกระเป๋ากางเกงแต่ก็ทำไม่ได้ เลยได้แต่สอดส่ายสายตามองสิ่งต่างๆ ที่อยู่ในห้อง กระดานดำที่ไอ้พวกเวรทั้งหลายเขียนด่ากันเล่นระหว่างเตรียมตัวขึ้นสแตนด์ บอร์ดข้างกระดานดำที่จัดหัวข้อวันวิสาขบูชาซึ่งมันมีความรู้ให้อ่านฆ่าเวลา แต่ผมก็ดันนั่งอยู่ไกลจนอ่านอะไรไม่ออก กระเป๋าเป้ใบดำเขื่องนั่นของไอ้พลัม มันใส่อะไรมาวะ ส่วนกระเป๋าลายโคนันของไอ้นา กูชอบลายวันพีชของมึงมากกว่า ผมมองไปเรื่อยๆ จนหมดความสนใจจากสิ่งต่างๆ รอบห้องเลยลดสายตามามองคนที่อยู่ใกล้ตัวแทน
กล้ามเนื้อท้องพองยุบเป็นจังหวะสม่ำเสมอแสดงว่าหลับสนิท ลำแขนที่วางอยู่ด้านข้างมีสองสีเพราะตากแดดไม่เท่ากัน หน้าอกมีกล้ามแน่น อ๊ะ หัวนมสีชมพูซะด้วย ลำคอหนาแต่ก็จัดว่ายาว เป็นยีราฟกลับชาติมาเกิดรึไงรูปหน้าจัดว่าเรียว ตาไม่โตมาก แต่ขนตาก็ยาวเป็นแพ.. เอาไว้ถ่อล่องน้ำตกได้ จมูกเรียกว่าโด่งก็ได้มั้ง ส่วนปากก็..
ผมมองซ้ายมองขวา ไม่มีใครในห้อง มีแค่มันกับผม ปรินซ์น่ะหลับลึกแน่นอน ถ้าแค่ลองแตะดูคงไม่เป็นไรมั้ง ผมเอามือไปแตะริมฝีปากนั้นเบาๆ นุ่มดีแหะ แล้วถ้า.. เป็นปากกับปากล่ะ.. ผมค่อยๆ ก้มหน้าของตัวเองลงไปใกล้ รู้สึกว่าหน้าตัวเองร้อนขึ้นเรื่อยๆ ขณะที่ก็กลั้นหายใจแน่นเพราะกลัวจะไปปลุกเอาคนร่างหนาให้ตื่นขึ้นมารับรู้ว่าตัวเองโดนขโมยจูบ อีกนิดนึงไอ้ธาม อีกนิดเดียว ผมก้มหน้าลงไปเรื่อยๆ จนรับรู้ในที่สุดทั้งที่หลับตาแน่น ริมฝีปากของผมสัมผัสกับริมฝีปากของปรินซ์แล้ว มันนุ่มจริงๆ ด้วย นุ่มกว่าใช้มือสัมผัสซะอีก ผมอยากจะลองกดแรงลงไปอีกนิด แต่จู่ๆ เจ้าของริมฝีปากนุ่มก็ขยับร่างกาย ผมรีบเงยหน้าตั้งหลังตรงทันที ทำท่าเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ปรินซ์ยังคงหลับอยู่.. ผมถอนหายใจ แล้วอีกห้านาทีต่อจากนั้นผมก็นั่งสำนึกผิดอยู่กับตัวเอง ทั้งเทศนา ทั้งบ่นตัวเองว่าทำอะไรลงไป มันผิดธรรมชาติมนุษย์ ชายหญิงสิคือของคู่กัน แล้วไอ้การล่วงละเมิดโดยที่ไม่ได้รับการยินยอมเนี่ยมันก็ผิดกฎหมาย หนำซ้ำการเผลอใจทดลองอะไรแบบนี้มันก็ดูไม่ใช่ผม ผมต้องมีสติไม่เผลอไผลไม่ปล่อยตัวปล่อยใจไปตามความต้องการของตัวเองง่ายๆ ต่อให้มันเป็นธรรมชาติของมนุษย์ผู้อยู่ในวัยเจริญพันธุ์ก็เถอะ ผมด่าตัวเองวนไปจนปรินซ์ตื่น
“เมื่อยไหม”
“ไม่”
“ทำไมหน้าแดงๆ”
“ก็ตากแดดมาทั้งวัน”
ปรินซ์เอามือหนามาแตะหน้าผากผม“คงแค่เพราะแดด เพราะตัวไม่ร้อน งั้นเราลงไปข้างล่างกันเถอะ”
“อือ” ผมเดินตามหลังปรินซ์ลงไปชั้นล่าง รู้สึกอายตัวเองอย่างบอกไม่ถูก แต่ก็ลืมเรื่องนี้ทันทีเมื่อรับรู้ว่าพวกเราสีฟ้าเป็นเจ้าเหรียญทอง ภาพของพี่ใจ ประธานสีฟ้าขึ้นรับถ้วยรางวัลแห่งชัยชนะทำเอาผมตื้นตัน ผลจากความสามัคคี ความตั้งใจ ความพยายามของพวกเราในทุกส่วนงานส่งผลให้พวกเราชนะ แต่ถ้วยรางวัลนี้ก็พร้อมจะผลัดเปลี่ยนมือไปยังสีอื่นที่มีความพยายามในปีต่อๆ ไป ในทุกเกมการแข่งขันมีฝ่ายที่แพ้ก็ต้องมีฝ่ายที่ชนะ มีมานะก็ต้องมีมานี ใครที่มีความตั้งใจมากกว่า อดทนมากกว่า พยายามมากกว่า ก็สมควรที่จะได้รับผลแห่งความตั้งใจนั้นเสมอ
พอเสร็จสิ้นพิธีการบนเวที พวกเราทุกคน ทุกสี ทุกชั้นปีจับมือไขว่กันเป็นวงกลมหลายชั้นโดยไม่แบ่งแยกว่าใครอยู่สีอะไร ชั้นปีอะไร เราร้องเพลงสามัคคีชุมนุมดังกระหึ่มไปทั่วโรงเรียน ผมจับมือปรินซ์กระชับแน่น มันช่างอบอุ่นจริงๆ ทั้งงานกีฬาสี และมือของปรินซ์ เรายิ้มให้กันอย่างมีความสุข ผมจะไม่มีวันบอกปรินซ์เด็ดขาดว่าปรินซ์คือจูบแรกของผม จูบที่ผมแอบขโมยตอนปรินซ์หลับ รู้ถึงไหนอายถึงนั่น ได้โดนปรินซ์แบล็คเมล์ไม่จบสิ้นแน่ๆ
“พี่ปรินซ์คร๊าบบบบ ไอ้ธามคร๊าบบบ ยืนคู่กันหน่อยคร๊าบบบบ จะถ่ายรูปล่ะนะคร๊าบบบ หนึ่ง สอง สี่ ชีสสสสสส”

..และรูปคู่ของพวกเรารูปนี้ก็ได้มาเพราะบอสคะยั้นคะยอที่จะถ่ายให้พวกเรา ปรินซ์ยังเก็บมันไว้ ผมก็ยังเก็บมันไว้เหมือนกัน..
.
.
หัวข้อ: Re: YR Mine นายผู้ปกครอง - รักลุ้นๆ ของคนพี่ Ep.15 Update - ระยะใกล้ ** 22 06 62
เริ่มหัวข้อโดย: After5p.m. ที่ 22-06-2019 22:40:46
015
ระยะใกล้
.
.
..ธาม
“อะอืออออ” เสียงสั่นของมือถือดังอยู่บนโต๊ะหัวเตียง มันสั่นครืดคราดอยู่นาน นานจนดับ แล้วก็ดังอีก ผมทนรําคาญไม่ไหวเลยเอื้อมมือไปหยิบ นิ้วมือลากสไลด์บนหน้าจอด้วยความเคยชิน ใครสักคนโทรมา..สภาพร่างกายเริ่มกลับมามีแรงอีกครั้งหลังได้ยากับอาหารเช้า ก่อนจะเผลอหลับไปอีกทั้งที่ในหัวยังคิดถึงเรื่องราวที่เหมือนเพิ่งเกิดขึ้น เมื่อวาน
“อืมมมมม” ผมครางตอบปลายสายที่ไม่รู้ว่าเป็นใคร
“ธามยังอยู่ที่ห้องพี่ใช่ไหม”
“อืมมม”
“เดี๋ยวพี่เอาข้าวกลางวันไปให้ รอก่อนนะ”
“อืมมม”
ผมวางสายปรินซ์แล้วพลิกตัวนอนตะแคงไปอีกข้าง ยกขาพาดหมอนข้างที่วางอยู่ ยังรู้สึกอยากนอนต่อ เมื่อกี้ใครนะ กำลังจะเอาข้าวมา ข้าวกลางวัน ปรินซ์เป็นคนโทรมา ปรินซ์กําลังจะมา..
“เชี่ยปรินซ์กําลังจะมา!” พอประมวลบทสนทนาเมื่อกี้ได้ผมก็สะดุ้งลุกขึ้นนั่งอย่างไว มองสภาพตัวเองที่สุดแสนโทรม หน้ายังไม่ได้ล้าง ฟันก็ยังไม่ได้แปลง ยกเสื้อขึ้นดมกลิ่นของตัวเอง เสื้อของปรินซ์น่ะหอม แต่ตัวของผมนี่สิ หมักมาตั้งแต่เมื่อวาน ผมรีบลุกขึ้นแล้วคว้าผ้าเช็ดตัวเข้าห้องนํ้าทันที เดี๋ยวได้โดนปรินซ์แซวว่าซกมกเป็นสมาชิกพรรคกะยาจกพอดี

..ปรินซ์
“ธาม โจ๊กมาแล้ว”

ไม่มีเสียงตอบจากคนตัวเล็กผมเปิดประตูห้องนอนเมื่อไม่เห็นว่าธามอยู่ที่ส่วนของห้องนั่งเล่น แต่ธามก็ไม่อยู่ในห้องนอนเหมือนกัน เหลืออยู่ที่เดียวคือห้องน้ำ ผมเดินเข้าไปใกล้ ได้ยินเสียงน้ำจากฝักบัวที่กำลังสาดจากด้านบนสู่เบื้องล่าง คนตัวเล็กของผมคงกำลังอาบน้ำอยู่ อาการคงดีขึ้นแล้ว ผมยิ้มสบายใจ แล้วเดินไปโซนห้องครัว เทโจ๊กที่หาซื้อแสนยากในเวลาอันเป็นมื้อกลางวันอย่างตอนนี้ จริงๆ ถ้าเพียงผมเลือกเดินเข้าร้านสะดวกซื้อ ก็น่าจะได้โจ๊กซอง โจ๊กถ้วยพร้อมปรุง แค่ฉีกซอง เติมนํ้าร้อน ออกแรงคนอีกนิด เป็นอันจบ แต่ผมอยากให้ธามได้กินของอร่อยๆ ได้กินโจ๊กที่ผ่านการใช้เวลาปรุงจากในหม้อ เลยถ่อไปหาโจ๊กไกลถึงตลาดใหญ่ที่ไกลออกไปจากมหาลัยหลังเลิกเรียนช่วงเช้า ..ธามจะรู้ถึงความพยายามของผมไหมนะ
เสียงประตูห้องน้ำดังขึ้น มันค่อยๆ แง้มออก พร้อมกับกลุ่มไอน้ำที่พวยพุ่งออกมาเป็นม่านจางๆ อย่างกับใครเอาเครื่องทำควันสโม๊คเข้าไปไว้ในนั้น เด็กน้อยของผมคงอาบน้ำอุ่น
“มาแล้วเหรอ” ธามที่มีแค่ผ้าเช็ดตัวผืนเดียวพันร่างกายส่วนล่างอยู่เดินออกมาจากห้องน้ำพร้อมกับผมที่เปียกปรกหน้า ผมมองร่างบางละเอียดอย่างกับเครื่องสแกนอาวุธ แม้เมื่อคืนจะถือวิสาสะมอง (และสัมผัส) ไปแล้วก็เถอะ
“อาบน้ำนานรึเปล่า”
“ก็เปล่านะ”
“อือดี อาบนานเดี๋ยวไข้กลับ มานั่งนี่” ผมเลื่อนเก้าอี้ให้ธาม ธามเดินมานั่งโดยดี
“เดี๋ยวพี่เอาผ้ามาเช็ดหัวให้” ผมเดินไปหยิบผ้าเช็ดตัวอีกผืนในห้องนอน ก่อนจะวางมันลงบนหัวคนตัวเล็กกว่าและเริ่มขยี้ผมของธามเบาๆ กลิ่นแชมพู กลิ่นสบู่ บวกกับไอร้อนอุ่นๆ ที่ออกมาจากตัวธามทำผมเคลิ้ม
“ไม่ต้อง เอามานี่ เช็ดเองได้”
“มีแรงเช็ดแล้วเหรอ”
“…”
“เอางี้ ธามนั่งกินโจ๊กไปเลย เดี๋ยวพี่เอาไดร์มาเป่าให้ จะได้แห้งไวๆ”
“ก็ได้” ธามยอมตักโจ๊กกินอย่างว่าง่าย เด็กดีจริงๆ อยู่ในโอวาท

“ไม่ร้อนไปใช่ไหม” ผมถามขณะที่กำลังใช้ไดร์เป่าผมให้ธาม
“อือ พอดีกิน โจ๊กอร่อยดีนะ แต่คนละเจ้ากับเมื่อเช้าใช่ป่ะ”
“อืม” เซนส์เรื่องการกินของธามไม่เคยพลาด ผมยิ้ม
“มีเรียนตอนบ่ายรึเปล่า”
“มี”
“นี่ของปรินซ์ใช่ป่ะ” ธามชี้ไปที่โจ๊กอีกชามที่วางอยู่
“ใช่”
“งั้นก็มากินได้แล้ว ไม่ต้องเป่าแล้ว เดี๋ยวไปเรียนไม่ทันหรอก”
“งั้นธามก็ป้อนพี่..”
“ก็เลิกเป่าแล้วมากินเองดิ มือก็มี”
“ก็อยากให้ป้อน..”
“...”
“ก็แค่ตักมาส่งที่ปากให้หน่อย ไม่เสียเวลาเป่าผมให้ธามด้วย จะได้เสร็จแล้วก็ออกไปพร้อมกันไง ธามจะเข้าคณะไม่ใช่เหรอ”
“รู้ได้ไง”
“ธามน่ะนอนนิ่งๆทั้งวันไม่ได้หรอก พี่รู้”
“เออ ไอ้คนรู้ดี”
“งั้นก็ป้อนดิ จะได้เสร็จพร้อมๆ กัน”
“...” คนตัวเล็กทำหน้างอ ผมชอบจริงๆ เวลาที่ผมต้อนธามจนจนมุมได้
ธามตักโจ๊กในชามของผม
“เป่าให้พี่ด้วย” ธามหน้างอขึ้นอีกนิด ผมยิ้ม
“อ่ะ อ้าปาก” ผมก้มหน้าลงไปใกล้ธาม หน้าของเราห่างกันแค่ช้อนกั้น จมูกของเราแทบจะสัมผัสกัน โจ๊กนั้นเข้าปากผมเรียบร้อยแล้ว แต่ตาของผมนั้นจ้องนิ่งสบกับดวงตาของธามอย่างเจตนา ผมอยากรู้ว่าธามจะทำยังไง จะมีปฏิกิริยายังไงกับความใกล้ขนาดนี้ของเราอีกครั้ง คืนนั้นธามนิ่งไปอาจจะเพราะธามเพิ่งตื่นนอน แต่ตอนนี้ธามรู้ตัวดีมีสติ ถ้าธามเลือกจะผลักผมออก ผมคงปวดใจไม่น้อย
.
..ธาม
ผมมองตาปรินซ์อยู่นาน (นานในความรู้สึก) เหมือนเรากำลังแข่งเล่นเกมจ้องตากัน มันก็แค่เกม แต่ทำไมในดวงตาของปรินซ์เหมือนกำลังบอกอะไรบางอย่างกับผม.. หรือปรินซ์มันกําลังด่าผมอยู่ ปรินซ์มองตาผมนิ่ง ดวงตาอ่อนโยนแต่ก็กวนประสาทแปลกๆ ทั้งชวนมองแต่ก็ชวนตั้งคําถาม ผมไม่ทันรู้ตัวเลยว่าตัวเองเผลอกระพริบตาไปหลายที กลืนน้ำลายไปหลายครั้ง เม้มปากแน่น แถมยังแอบมองปากชมพูที่คาบช้อนอยู่ของคนตรงหน้า จูบแรกของผม.. ผมเองยังอยากมองตาปรินซ์ต่อไป ไม่อยากยอมแพ้ง่ายๆ ทั้งที่หัวใจก็กำลังเต้นรัวหยั่งกับมีใครมาตีกลองเชิดสิงโตวันตรุษจีน ..ใกล้กันแบบนี้อีกแล้ว ทำยังไงดีว่ะเนี่ย!
.
..ปรินซ์
ธามดึงช้อนออกจากปากของผม พร้อมกับก้มหน้าก้มตาหลบก่อนพูดเสียงเบา
“ไง อร่อยดีเน๊อะ” ธามหน้าแดง.. ผมเห็นอย่างนั้นก็รู้สึกพอใจ ผมยิ้ม อย่างน้อยธามก็ไม่ได้รังเกียจผม ผมถอนใบหน้าออกจากธามช้าๆ ใจเย็นไว้ไอ้ปรินซ์ ธามยิ่งหัวโบราณอยู่ ธามไม่กระโดดถีบแถมเทศนาอีกหนึ่งย่อหน้าก็บุญเท่าไหร่แล้ว
.
..ธาม
“..เอางี้ ถ้ามึงเจอหน้าพี่ปรินซ์ มึงก็ลองเล่าเรื่องที่คอร์ทแบด แล้วมึงก็ดูว่าเขาทำหน้ายังไง” ไอ้บอสมันสอนผมไว้ แต่ตอนนี้แค่ทำหัวใจตัวเองให้เต้นช้าลงยังทำได้ยาก จะหาเรื่องให้หัวใจทำงานหนักเพิ่มขึ้นอีกทำไม ถึงจะอยากรู้ก็เถอะว่าปรินซ์มันจะรู้สึกยังไงถ้ารู้ว่าผมโดนพี่ข้าวจูบ.. แล้วปรินซ์ชอบผมเกินน้องจริงเหรอ? ผู้ชายกับผู้ชายเนี่ยนะ!
ผมก้มหน้าก้มตากินโจ๊กต่ออย่างตั้งใจ ปล่อยให้เสียงไดร์เป่าผมกลบเสียงความคิดของตัวเอง แน่นอนผมเลิกป้อนไอ้ปรินซ์แล้ว และปรินซ์เองก็ไม่ได้คะยั้นคะยอจะให้ป้อนต่อด้วย
“อิ่มแล้วเหรอครับ”
“อือ”
“งั้นไปเปลี่ยนเสื้อผ้า ผมแห้งแล้ว”
“อือ” ปรินซ์นั่งลงจัดการโจ๊กของตัวเองบ้าง ส่วนผมก็เดินเข้าห้องนอนไป ชุดนักศึกษาที่ซักรีดเรียบร้อยของผมแขวนอยู่ที่หน้าตู้เสื้อผ้า มันมีกลิ่นเดียวกันกับเสื้อผ้าของปรินซ์.. อดคิดไม่ได้ว่า นอกจากปรินซ์จะต้องเฝ้าไข้ผมทั้งคืนแล้ว ยังต้องซักแล้วก็รีดเสื้อผ้าให้ผมอีก สมกับที่เป็นผู้ปกครองของผมจริงๆ ม๊าเลือก (ใช้) คนไม่ผิด ผมหัวเราะ

“คืนนี้พี่จะมารับนะ” ปรินซ์บอกผมเมื่อรถของปรินซ์ขับมาถึงคณะนิเทศ
“...”
“อย่าลืมสิ วันนี้ธามไม่ได้เอาจักรยานมานะ อย่าดื้อ เพิ่งหายป่วยด้วย”
“...” ปรินซ์เอื้อมมือมาขยี้หัวของผมเบาๆ
“เออ จะรอ”

“ไงมึง ดีขึ้นแล้วดิ” ไอ้บรีสเดินเข้ามาทักทายผมทันทีที่ผมเดินเข้ามาในเขตของใต้ถุน ตอนนี้ที่นี่เต็มไปด้วยรุ่นพี่ปีสองและน้องปีหนึ่งอย่างพวกผม พวกเราปีหนึ่งที่ตารางเรียนคล้ายๆ กันล้วนแต่ต้องมาคณะเพื่อล่าลายเซ็นของพี่ปีสองให้ครบ (ไม่ก็ให้ได้มากที่สุด) เพื่อแสดงถึงความพยายามที่อยากจะเป็นน้องของพวกพี่ๆ พี่ปีสองเองก็รู้หน้าที่ดีถึงได้มานั่งรวมตัวกันเกือบเต็มพื้นที่ของใต้ถุนเช่นกัน ยิ่งใกล้เวลาเฉลยพี่รหัสด้วยแล้ว น้องๆ ก็ขยันเข้าหาพี่ พี่ๆ เองก็ขยันมาให้ลายเซ็นอย่างเต็มใจเช่นกัน
“สวัสดีครับพี่บีบี้ ผมมาขอลายเซ็นพวกพี่ๆ ครับ”
“น้องธามน่ะเอง มามาพี่เซ็นให้ รู้รึยังว่าใครเป็นพี่รหัส”
“ยังเลยครับ”
“ไม่เป็นไรๆ ขอให้หาเจอไวๆ พี่เราเขาน่ารักนะ ว่าแต่เรื่องลีดที่พี่เคยชวน”
“...” ผมลืมไปซะสนิท
“ผมว่าผมไม่เหมาะครับพี่”
“อย่าถ่อมตัวสิ เราน่ะออกจะหุ่นดี ถึงจะดูบางไปหน่อย หน้าตาก็โอเคเลย ฟิตซ้อมนิด แต่งหน้า แต่งหล่อหน่อย รับรองปัง”
“...”
“น้าน้องธาม รุ่นเราก็มีผู้ชายอยู่แค่นี้เอง จะให้พี่ไปหาเพื่อนเราคนไหนได้อีก ที่พี่เล็งไว้ก็ตอบตกลงหมดแล้ว เริ่มซ้อมไปบ้างแล้วด้วย” พี่บีบี้ กับพี่ๆ ปีสองที่เป็นลีดมองหน้าผม ตาเป็นประกาย ไม่มีใครหรอกที่ไม่อยากเป็นลีด ตำแหน่งที่จะการันตีความฮอตในระดับคณะ เผลอๆ อาจจะในระดับมหาลัยด้วย
“คือ.. ขอโทษจริงๆ ครับพี่ ผมจะทำให้พวกพี่ผิดหวังมากกว่า” ผมมองตอบอย่างรู้สึกผิดจริงๆ จะให้ผมรับปากเป็นลีดได้ยังไงในเมื่อผมรู้ตัวเองดีว่าสกิลการเต้นของตัวเปองน่ะเทียบเท่าเด็กอนุบาล (เผลอๆ เด็กอนุบาลบางคนอาจจะเต้นดีกว่าผมในตอนนี้ด้วยซ้ำ) ดูอย่างตอนที่จะต้องเต้นแสดงความพร้อมเพียงในงานกีฬาสีมอสาม ผมน่ะเรียนรู้ท่าได้ช้าสุดจนรุ่นพี่ขอร้องให้ผมออกมาเป็นทีมสวัสดิการส่งน้ำส่งขนมให้เพื่อนแทน หรืออย่างตอนเรียนวิชาลีลาศเบื้องต้น ครูที่สอนยังต้องกินพาราไปหลายเม็ดกว่าจะสอนผมให้เต้นจังหวะชะชะช่าได้ ไม่ต้องพูดถึงความน่าสงสารของคนที่ต้องสอบเต้นคู่กับผมอย่างไอ้บอส..
“เฮ้ออออ ไม่อยากเชื่อเลยว่าน้องธามจะปฏิเสธ พวกพี่คิดว่ายังไงก็ต้องได้น้องธามมาเป็นหน้าเป็นตาคณะเราแน่ๆ”
“นั่นสิ น่าเสียดาย”
“แต่โอเค ไม่เป็นไร พวกพี่ไม่บังคับเราหรอกมามา พี่เซ็นชื่อให้”
“ขอบคุณครับ”
“ว่าแต่เมื่อคืนกลับไปนอนหอรึเปล่าเอ่ย โดนอุ้มออกไปแบบนั้น พวกพี่ตกใจหมด” พี่บีบี้เป็นคนถาม ส่งสายตาเย้าแหย่
“เมื่อคืนผมไปนอนหอนอกน่ะครับ”
“ห้องเพื่อนเหรอ” พี่อีกคนถามบ้าง
“ออ ห้องพี่น่ะครับ”
“ห้องพี่ปรินซ์รึเปล่าเอ่ย”
“ออใช่ครับ ห้องปรินซ์”
“น่าอิจฉาอ่ะ ได้นอนห้องพี่ปรินซ์ด้วยยยยย”
“โอยแก แค่เดินเฉียดพี่เขาฉันยังใจเต้นแรงเลย”
“แล้วนี่ถ้าได้อยู่ห้องหอเดียวกัน อ๊ายยยยย”
“อินี่ก็ขี้มโนนนนนน” พี่บีบี้และผองเพื่อนพากันเม้าท์มอยออกรสออกชาติ ส่วนผมพอรับสมุดลายเซ็นคืนเรียบร้อยก็ยกมือไหว้ขอบคุณและขอตัว ยังมีพี่อีกหลายคนที่ผมยังไม่ได้เข้าไปทำความรู้จัก

บรรยากาศของใต้ถุนในยามบ่ายนี้เต็มไปด้วยเสียงพูดคุยหัวเราะสนุกสนานระหว่างน้องใหม่กับพี่ปีสอง ก่อนที่พวกเราทุกคนจะช่วยกันเคลียม้านั่งออกจากใต้ถุนเมื่อใกล้ถึงเวลา ปรับสถานที่ให้พร้อมสำหรับการเป็นห้องเชียร์ พวกเรายืนเข้าแถว ณ ตำแหน่งเดิม วันนี้เป็นวันที่สี่ของการเข้าห้องเชียร์แล้ว พวกเราเรียนรู้ว่าจะต้องทำตัวยังไงในห้องเชียร์ ผมเองก็เช่นกัน ถึงจะเป็นคนเดียวด้วยซ้ำที่แหกกฎมาตลอด แต่มันก็ล้วนเกิดขึ้นจากความไม่เจตนาทั้งนั้น
“แพรวๆ นับได้เลยจ๊ะ” เทนนิสตะโกนเสียงสองบอกแพรวผู้ที่ยืนอยู่หัวแถวเมื่อเห็นว่าเพื่อนในรุ่นเริ่มยืนประจำที่กันเรียบร้อย ตั้งแต่วันแรกที่โดนถามเรื่องจำนวนเพื่อนในรุ่นที่มา วันต่อมาพวกเราก็เริ่มนับกันเองก่อนที่เวลาของห้องเชียร์จะเริ่ม อย่างน้อยก็เอาตัวรอดจากการว๊ากของพี่ๆ ไปได้หนึ่งเรื่อง ส่วนเรื่องที่ว่าเพื่อนบางคนที่ไม่เข้าห้องเชียร์หายไปไหน พวกเราก็ยังตอบไม่ได้อยู่ดี ก็ไอ้คนที่ไม่เข้าห้องเชียร์มันไม่ได้บอกว่าจะไปไหนแล้วถ้าจะให้ไปถามหาเหตุผล มันก็ดูยุ่ง (เรื่องของคนอื่น) มากเกินไป ผมว่าเราทุกคนล้วนมีสิทธิเสรีภาพ โตแล้วก็คงจะคิดเองได้ว่าอะไรควรทำไม่ควรทำ การเข้าห้องเชียร์มันไม่ได้ยากขนาดนั้น ผมว่านะ อีกอย่างห้องเชียร์ทำให้เราได้รู้จักเพื่อนและพี่ๆ เร็วขึ้น เวลาออกไปเจอกันนอกคณะจะได้อุ่นใจว่านี่เพื่อนเราพี่คณะเรา มีอะไรก็ช่วยกันได้
“ไอ้ธาม มึงจะกลับเลยป่ะวะ” บรีสถามผมหลังจากเราเดินลงมาจากห้องเชียร์ด้านบนจนมาถึงใต้ถุนที่ยังสว่างไสวและมีพวกพี่ๆ หลายชั้นปีนั่งกระจายตัวกันเต็มทุกม้านั่ง
“อีกแป๊บนึงว่ะ อยากขอลายเซ็นเพิ่ม เมื่อวานกูก็ดันกลับก่อน”
“เออๆ งั้นกูอยู่ขอด้วยดีกว่า”

“มึงเป็นอะไรกับพี่ปรินซ์วะ” พี่ผู้ชายคนนึงถามผมหลังจากเซ็นสมุดเชียร์ให้ คงไม่มีอะไรเป็นความลับในคณะนี้จริงๆ  และดูเหมือนผมจะเป็นที่รู้จัก เป็นที่จับจ้องของใครๆ ในคณะไปเรียบร้อยแล้ว
“ผมเป็นน้องข้างบ้านปรินซ์น่ะครับ”
“โหเรียกแต่ชื่อด้วย แสดงว่าสนิทมากดิ”
“ก็นิดนึงพี่”
“กูโคตรชอบเวลาพี่มันครองบอล” พี่ผู้ชายอีกคนร่วมวง
“เออ กูก็ด้วย กระชากบอลหลบทีกูแม่งลุกขึ้นยืนดูเลยมึง”
“ตัวอย่างหนาแต่โคตรพลิ้ว”
“วิ่งทีกูนึกว่าเหาะ เออ แล้วกูก็โคตรฮาเวลามีไอ้พวกวิ่งเข้าปะทะพี่มันแล้วมันล้มเอง” พวกพี่เขาแลกเปลี่ยนความชื่นชมในฝีเท้าของปรินซ์กันอยู่นาน
“ถ้ามึงเจอพี่เขาก็ฝากบอกด้วยว่ามีแฟนบอลอยู่นิเทศ” ผมยิ้มรับคําน่าปลื้มใจแทนปรินซ์

“บี้ คนไหนน้องธาม”
“บีบี้ย่ะ”
“เออๆ”
“แกจะเซ็นให้น้องมันใช่ม่ะ”
“ก็ด้วย แต่อยากเห็นหน้าไง”
“แสดงว่าแกพลาดช็อตเด็ดล่ะสิ”
“ก็เออน่ะสิ”
“ไว้จะชี้ตัวให้ น้องน่าจะกลับแล้ว”
“แกว่าน้องธามกับพี่ปรินซ์เขาเป็นอะไรกัน”
“นั่นดิ ฉันก็ว่าชักจะยังไงๆ นะ แกจำคืนที่เราพาน้องเขาไปกินซำบายเป๋าได้ป่ะ”
“จำได้ๆ”
“ทําไมวะ”
“ฉันน่ะเจอพี่ปรินซ์ทั้งที่คณะกับที่ร้านเลยจ้าาา”
“ว๊ายพรหมลิขิต!”
“แหมมมม ถ้าได้ก็ดี แต่ฮีมารับน้องธามจ้า”
“!!!”
“..จะเม้าท์”
“มา..”
“ตอนรับน้องแรกเข้า ฮีก็มารับน้องธามที่คณะ แต่น้องธามต้องไปกินข้าวกับพวกฉันไง พี่ปรินซ์ก็กลับสิ”
“แล้วๆ”
“พอตอนน้องธามกินเสร็จจะขอกลับก่อน ฉันก็เดินออกมาส่งหน้าร้านไง”
“…”
“พี่ปรินซ์ก็มารอรับแล้วววว”
“!!!”
“ไงช็อกสิ อิฉันก็ช็อกจ้าาาา”
“ฉันว่าต้องมีอะไรในกอไผ่แน่นอนเชื่อเซ้นส์แม่หมอได้เลยยย”
“น้องบอกว่า น้องเป็นเด็กข้างบ้านน่ะ อาจจะแค่สนิทกันนนน”
“โนวโนว ฟังไม่ขึ้นจ้ะ”
“แต่แกน่ะยังได้ข่าวไม่ครบนะจ๊ะ”
“อะไรกันอีกล่ะ ฉันแค่กลับมาช้าไปอาทิตย์เดียวววว”
“พี่ข้าวน่ะ..”
“พี่ข้าว.. ทำไมพี่ข้าวของฉันทำไม??”
“ฮีน่ะเข้าไปยืนว๊ากระยะประชิดน้องธามเกือบทุกวัน”
“พี่ข้าวเนี่ยนะ!”
“เออสิ ฉันก็คิดว่าตายแน่น้องธามตายแน่ โดนพี่ข้าวล็อกเป้า”
“ตายตาย!”
“แต่เมื่อวานน้องธามอ่ะ จะเป็นลม.. พี่ข้าวน่ะพุ่งเข้าไปหาตัวน้องธามอย่างไวเลยจ้าาา”
“ฉันน่ะก็เพ่งเล็งน้องอยู่ตลอด พี่ข้าวไม่ได้ยืนอยู่แถวน้องธามด้วยนะตอนนั้น”
“โคตรใส่ใจอ่ะแก๊”
“มากเกินไปป่ะวะ”
“พี่ข้าว?”
“น้องธามไรเนี่ย”
“?”
“เพิ่งเข้ามาก็อ่อยไปทั่ว”
“แกก็เกินไป น้องไม่น่าจะเป็นคนอย่างนั้น”
“ใช่ น้องไม่ยอมเป็นลีดด้วยนะ ถ้าจะอ่อย จะพาวก็เป็นลีดไปเลยม่ะ”
“ก็นี่ขนาดไม่เป็น ยังได้ไปสอง ทั้งตัวท็อปคณะตัวท็อปมหาลัย”
“แกอคติป่ะวะ”
“แกรอดู”

แม้เสียงจอแจของทุกคนจะดังรายรอบ ผมก็ยังได้ยินเสียงพูดคุยของกลุ่มพี่บีบี้ อาจเพราะผมยืนหันหลังอยู่ไม่ไกลจากโต๊ะพวกพี่เขา หรือเพราะมนุษย์เรามักจะหูดีเวลาที่ชื่อของตัวเองกําลังถูกคนอื่นพูดถึง
.
.
.
หัวข้อ: Re: YR Mine นายผู้ปกครอง - รักลุ้นๆ ของคนพี่ Ep.16 Update - ประกาศตัว ** 23 06 62
เริ่มหัวข้อโดย: After5p.m. ที่ 23-06-2019 10:14:59
016
ประกาศตัว
.
.
ผมเดินจํ้าออกไปจากตรงนั้นทันที มุมมืดของตึกด้านนอกใต้ถุนเป็นที่ที่ผมจะได้ใช้เวลากับคําพูดของพวกพี่ๆที่ได้ยินเมื่อกี้

อ่อยไปทั่ว..
นี่ขนาดไม่เป็น (ลีด) ยังได้ไปสอง..
ตัวท็อปคณะ ท็อปมหาลัย..

ผมเนี่ยนะ ผู้ชายอย่างผมกําลังอ่อยผู้ชายด้วยกัน นี่มันเรื่องเชี่ยไรกัน!!ผมมาเรียนหนังสือหาความรู้ ได้ปริญญา ไม่ได้มาหาผู้ชาย เชี่ย! หาผู้ชาย! หาผู้ชายเนี่ยนะ มันไม่ใช่ป่ะวะ!! แค่คิดยังรู้สึกย้อนแย้ง
“น้องธาม”
ผมหันหน้าไปหาเจ้าของเสียง คงเป็นพี่ผู้หญิงในคณะสักชั้นปี ผมแน่ใจจากกระโปรงที่พี่เขาใส่ มันไม่ใช่พีทสําหรับปีหนึ่ง
“เอ่อครับ พี่..”
“พี่ชื่อฟ้า”
“ครับพี่ฟ้า”
“พี่อยากคุยอะไรด้วยหน่อยน่ะ”
“ออได้ครับ” ผมพยายามปรับอารมณ์เพื่อคุยกับพี่ที่มาใหม่ อย่าปล่อยให้อารมณ์โมโหอยู่เหนือสติ เพราะมันจะมีแต่เรื่องแย่ๆ ตามมา
“ได้ยินที่พวกบีบี้คุยกันใช่ป่ะ”
“ครับ”
“พี่ไม่รู้หรอกว่าความจริงเป็นยังไง แต่..มันเป็นเรื่องส่วนตัวของธาม ของพี่ปรินซ์ ของพี่ข้าว คนอื่นจะมอง จะรู้สึกยังไง อย่าไปเก็บมาคิด เพราะพวกเขาก็ไม่ได้มารู้ความสัมพันธ์จริงๆ ระหว่างธามกับพี่พี่ทั้งสองคน”
“...”
“อีกอย่างนะน้องธาม เรื่องความรักน่ะ มันเป็นเรื่องดีๆ ของชีวิต ตราบใดที่มันไม่ได้ทำร้ายใคร หรือมาทำให้ชีวิตเราแย่ลง ดาวน์ลง เข้าใจที่พี่พูดใช่ป่ะ”
“...”
“เห้ย ทำไมมองพี่อย่างนั้นล่ะ อย่าร้องนะ พี่ปลอบคนไม่เก่ง”
“เห้ยเปล่าสักหน่อยพี่ แค่ซึ้งน่ะพี่”
“เออก็ดีแล้ว อีกอย่างนึงนะ พี่ว่าดีออกที่ใครๆ พากันสนใจธาม มองธาม”
“?”
“หรือว่าไม่จริง การมีตัวตนในคณะที่โคตรจะมีสีสันแบบคณะเราเนี่ย ไม่ง่ายนะจ๊ะ ไม่หล่อเวอร์ ก็ต้องสวยขาว ไม่ก็ต้องติสสุด อีกทีก็ต้องตุ๊ดแรดเท่านั้นแหละ” ทั้งผมทั้งพี่ฟ้าพากันหัวเราะ ที่พี่ฟ้าพูดคือโคตรจริง
“พี่ฟ้าเป็นพี่รหัสผมใช่ป่ะ” ผมยืมมุกบรีสมาใช้บ้าง แอบคิดว่าถ้ามีพี่ฟ้าเป็นพี่รหัสคงจะดีไม่น้อย
“..คือ”
“ถ้าใช่ผมคงโคตรดีใจ”
“..เออ ใช่ก็ใช่”
“ผมว่าแล้ว” เพราะถ้าไม่ใช่ พี่คงไม่มายืนปลอบผมอยู่อย่างนี้หรอก ตอนนี้ผมรู้สึกดีขึ้นแล้ว การมีพี่มันดีอย่างนี้นี่เอง
“นี่ครับสมุดเชียร์ เซ็นชื่อให้ผมด้วย”
.
..ปรินซ์

“เชี่ย!! ตายยากสัด”
“อะไรของมึงวะ ใครตายยาก”
“นั่นไง เดินมานู้นล่ะ”
“เชี่ย!! ตายยากจริง มาทั้งชุดบอลด้วย สงสัยซ้อมอยู่แน่เลยว่ะ”
“มาคณะเราทําไมวะ”
“มาไมไม่รู้ กูรู้แค่ว่าห้ามพลาด”
“พี่มันเดินไปโต๊ะแก็งค์ลีดว่ะ”
“มาจีบใครป่ะวะ”

“กรี๊ดดดด พี่ปรินซ์ซ์ซ์”
“เจอกันอีกแล้วนะ น้อง…”
“บีบี้ค่ะพี่ปรินซ์ จำชื่อน้องยังไม่ได้อีกเดี๋ยวตีเลย”
“พี่ปรินซ์มีอะไรรึเปล่าคะ”
“หรือว่ามาหาใครเอ่ย”
“พี่อยากคุยกับพวกเราหน่อยน่ะ”
“?”
“พี่อยากบอกพวกเราว่า ธามน่ะไม่ได้อ่อยพี่หรอก เป็นพี่เองที่พยายามอ่อยธามอยู่..”
“!!!!/ !!!! / !!!!!”
“..เป็นกำลังใจให้พี่ด้วยนะ”
“กรี๊ดดดดด / กรี๊ดดดดด / อ๊ายยยยย”
ผมไม่ได้อยู่ฟังเสียงกรี๊ดปรอทแทบแตกของพวกรุ่นน้องต่างคณะ ไม่อยากรู้ด้วยซ้ำว่าพวกเธอจะคิดยังไงกับการที่ผมเข้าไปอธิบายสิ่งที่พวกเธอกำลังเข้าใจคลาดเคลื่อน แต่ก็หวังว่าพวกเธอนี่แหละจะเป็นลำโพงกระจายข่าวที่ถูกต้อง ธามจะต้องไม่ลำบากเพราะผมที่เข้ามาวุ่นวายถึงในคณะ
ผมเดินออกมานอกใต้ถุนเพราะรู้อยู่แล้วว่าธามเดินไปทางไหน ธามอยู่ตรงนั้นกับรุ่นพี่ สีหน้าของธามดูดีขึ้นในความมืดของไฟทางสลัว ผมก้าวเท้าเดินเข้าไปใกล้ธาม แต่แล้วสายตาที่เหลือบมองไกลออกไปก็สะดุดเข้ากับร่างสูง ผมหยุดเดินทันที ..ไอ้ข้าวยืนอยู่ตรงนั้น ตอนนี้ธามกับรุ่นพี่สาวยืนอยู่ระหว่างผมกับไอ้ข้าว ผมหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาโทรออก โดยที่สายตายังคงจับจ้องไปที่ไอ้ข้าว..
.
..ธาม
“มึง.. ไอ้เชี่ยธามมมมมม อยู่นี่นี่เอง กูหาซะทั่ว ที่สว่างๆไม่มีให้ยืนรึไงมึง” บอสพูดเสียงหอบ แต่ก็ยังร่ายยาวเหมือนเดิม
“อ้าวมึงมาทำไร”
“ก็.. กู.. ออ หวัดดีครับพี่”
“เออๆ นี่พี่รหัสกูเอง พี่ฟ้า”
“หวัดดีครับพี่ฟ้า ผมชื่อบอสครับ เป็นเพื่อนไอ้ธาม อยู่จิตวิดยา”
“จ้ะ เออธาม งั้นพี่ไปก่อนดีกว่า อย่ากลับดึกล่ะ ไว้คุยกัน ไปก่อนนะน้องบอส”
“หวัดดีคร๊าบบบ / หวัดดีครับ”
“อ่ะ มึงมาไม”
“กูโดนพี่ปรินซ์ผู้ปกครองมึงอ่ะโทรตามให้มารับมึง”
“รับกู? เพื่อ?”
“เออกูก็ไม่รู้ว่าทำไมปล่อยให้มึงกลับเองไม่ได้ และที่น่างงกว่านั้นคือ รถพี่ปรินซ์แม่งจอดอยู่นอกคณะมึงเนี่ย ถ้าจะรับมึงกลับก็กลับรถพี่มันไม่ได้รึไง ทำไมต้องโทรตามให้กูขี่จักรยานสองล้อมารับมึง แล้วนี่กูก็มาไกลจากสนามกีฬากลางฝั่งนู้นโน่น”
“แล้วมึงไปทำไรตรงโน้นว่ะ”
“กูไปเป็นสวัสดิการคร๊าบบน้องธาม”
“สวัสดิการ?”
“เออสวัสดิการกลางน่ะ ก็ไปช่วยดูแลนักกีฬา ดูแลข้าวของ ดูแลลีดมหาลัยงี้”
“อออ เพื่อจะได้ดูแลลีดล่ะสิมึง”
“เออ กูไม่เถียง แล้วนี่เอาไง กลับเลยม่ะ”
“ก็อยากกลับ แต่มึงบอกว่ารถปรินซ์อยู่แถวนี้ แสดงว่าตัวมันก็ต้องอยู่แถวนี้ดิวะ กูอยากเจอมันก่อนกลับ” ก็ไอ้คนตัวสูงกว่าบอกว่าจะมารับนิ!
“มีอยากเจอด้วยยยย ตอนที่วิ่งหามึงรอบคณะอ่ะกูไม่เห็นนะ แต่ถ้ามึงอยากเจอก็ไปกับกูนี่ เจอชัวร์ตัวอุ่นๆ”
.
..ปรินซ์
“มีอะไรก็ว่ามา”
ไอ้ข่าวถามผมทันทีที่เราสองอยู่ในที่ที่จะไม่มีใครเดินมารบกวน
“...”
“ถ้ามึงไม่มีอะไร..”
“ทําไมต้องเป็นธาม”
“ก็เพราะเป็นมึงไง”
“เพราะเป็นกู? กูไปเดินเหยียบหางมึงตอนไหน”
“...”
“หรือมึงแอบชอบกู”
“กูไม่มีวันชอบหน้าตัวเมียอย่างมึงหรอก”
“สัดดดด!!” ผมกระชากคอเสื้อนักศึกษาของไอ้ข้าว มันมีสิทธิ์อะไรมาด่าผมแบบนี้
“เอาเลย มึงต่อยกูเลย กูก็อยากรู้ว่าธามจะเห็นมึงเป็นคนยังไง”
“!!!”
“มึงรู้ไว้เลยนะ ถ้ามึงเผลอเมื่อไหร่.. ธามเสร็จกูแน่”
ผมมองหน้าไอ้ข้าวอย่างไม่เข้าใจ ผมไปทำอะไรมันไว้
.
.
..ข้าว
“มึงจะทำอย่างนั้นจริงๆเหรอวะ” ไอ้ที เพื่อนสนิทที่รู้จักตัวตนของผมดี และรู้จักแม้กระทั่งครอบครัวของผม ครอบครัวที่ครั้งหนึ่งมันเคยสุขสมบูรณ์..

ไอ้ทีแยกตัวผมออกจากไอ้ปรินซ์ที่กำลังเกาะกุมคอเสื้อนักศึกษาของผมจนกระดุมหลุดหายไปสองเม็ด แววตาของมันบอกว่ามันพร้อมที่จะซัดผมให้สลบคาที่ แต่ก็ต้องยั้งเอาไว้เพราะมัวแต่ห่วงความรู้สึกของธาม โคตรสะใจ!! ป๊อดฉิบหาย!

“เออ กูจะทำ” ผมตอบคำถามไอ้ที
“มึงไม่ควรลากน้องธามมาเกี่ยวกับการล้างแค้นของมึงไหมวะ”
“กูไม่สน ใครที่อยู่ข้างๆไอ้เชี่ยปรินซ์ ก็ต้องหารความเลวของมันไปด้วย”
“กูว่าไม่ใช่แล้วว่ะ”
“ทำไมวะ ทำไมมึงต้องเดือดร้อนแทนพวกเชี่ยนี่ด้วย”
“ก็เพราะมึงไม่แยกแยะไง!”
“...”
“มึงแค้นไอ้ปรินซ์ มึงก็ไปต่อยมันดิ ไปเอาคืนมันนู้น น้องมันเกี่ยวไรด้วย”
“ถ้ากูเล่นงานมัน ต่อให้เจ็บปางตาย แต่เดี๋ยวมันก็หาย แต่ถ้ากูได้ธาม.. มันจะเจ็บไปตลอดชีวิต”
“หึ กูว่ามึงกำลังหาข้ออ้างให้ตัวเองมากกว่า”
“ข้ออ้าง ข้ออ้างเชี่ยไร”
“กูว่ามึงน่ะสนใจน้องธาม”
“ไอ้เด็กนั่นมันมีเหมือนกูทุกอย่าง กูไม่เอามันมาทำพ่อกูหรอก!”
“กูจะรอดู และกูขอบอกมึงไว้ตรงนี้เลย ถ้ามึงเจ็บมาอย่าหวังว่ากูจะสงสาร เพราะไอ้ที่มึงจะทําแค่คิดแม่งก็ผิดแล้ว”
.
..ปรินซ์
ผมนึกไม่ออก ผมไปทําเชี่ยไรไว้กับไอ้ข้าว มันถึงได้แค้นฝังร่างขนาดนี้ ช่างมัน! ต้นเหตุคืออะไรยังไม่อยากคิด แต่ผลของมันต่างหากที่ผมต้องกังวล สายตาของไอ้ข้าวบอกผมว่ามันเอาจริงแน่
“หายไปไหนมา!” ผมหันขวับทันที ถึงไม่หันไปมองผมก็รู้ดีอยู่แล้วว่าเป็นเสียงของใคร.. โค้ชเหี้ยม โค้ชหน้าดุ แถมไม่ได้ดุแค่ชื่อกับหน้า ชื่อเล่นนี้คงได้มาจากนิสัย ‘เหี้ยมๆ’ ที่เล่นเอานักเตะชูธงขาวยอมแพ้ขอลาออกจากทีมไปแล้วหลายคน แต่ก็นะ ถ้าไม่อึด ใจไม่รัก โดนพัฒนาแค่นี้ก็ไม่สู้ ไม่ทน ไม่พยายาม ก็สมควรออกไป
“ผมมีธุระด่วนน่ะครับโค้ช ขอโทษด้วยครับ ผมจะไปวิ่งรอบสนามสามรอบตอนนี้เลยครับ” ผมรีบระบุบทลงโทษตัวเองอย่างรู้งาน แต่ความจริงคือ ถ้ารอให้โค้ชสั่งเองคงไม่ตํ่ากว่าห้ารอบ
“เดี๋ยวก่อน”
“ครับโค้ช”
“จะเปลี่ยนคําตอบไหม”
“..ถ้าเรื่องไปกีฬามหาลัยโลก ผมยังขอปฏิเสธเหมือนเดิมครับ”
“เอาเหตุผลจริงๆ มาบอกผมสิ”
“...”
“โอกาสมันไม่ได้มาถึงมือง่ายๆ นะ ถ้าไปแข่งรายการนี้ โอกาสทําผลงาน โชว์ศักยภาพมันมีไง คุณอาจได้ไปไกลถึงทีมชาติ”
“โค้ชครับ ..ผมไม่อยากเสียการเรียน”
“นั่นมันแค่ข้ออ้างหลอกๆ อย่างคุณน่ะแค่หายไปสองอาทิตย์ หรือต่อให้ขาดเรียนเป็นเดือน คุณก็กลับมาตามเรียนทันอยู่แล้ว เพราะอะไร.. เพราะคุณขยัน มีความพยายาม แล้วก็มีเป้าหมายในชีวิตที่ชัดเจน”
“...”
“ไงหมดข้ออ้างดีๆแล้วใช่ไหม ผมสรุปก่อนเลยว่าคุณจะไป จนกว่าจะหาข้ออ้างที่ดีกว่านี้มาบอกผมได้ก่อนซ้อมเสร็จคืนนี้”
“แต่โค้ชครับ..”
“ออ สามรอบน่ะมันน้อยไป จะไปเป็นตัวแทนนักศึกษาของประเทศมันต้องถึก ไปวิ่งเจ็ดรอบ แล้วก็ซ้อมต่อในสนามปฏิบัติ!”
โธ่เว๊ย! อยากตะโกนไล่หลังโค้ช แต่ก็กลัวว่าจะเพิ่มรอบวิ่งไห้ตัวเองเปล่าๆ
“เชี่ยปรินซ์!”
ผมหันหลังไปมองหาต้นเสียง รู้อยู่แล้วว่าเป็นเสียงของคนตัวเล็กกว่า
“ธาม.. มาทําอะไรที่นี่”
.
.
.

หัวข้อ: Re: YR Mine นายผู้ปกครอง - รักลุ้นๆ ของคนพี่ Ep.17 Update - ความฝัน** 24 06 62
เริ่มหัวข้อโดย: After5p.m. ที่ 24-06-2019 10:08:02
017
ความฝัน
.
.
..ห้าปีก่อน
..โรงเรียนมัธยม
..ธาม

“น่าอายว่ะ” ผมพูดกับปรินซ์
“สีตัวเองชนะนิ อยากพูดไรก็พูด”
แม้แดดจะร่มลงในยามบ่ายแก่ค่อนไปเย็น แต่อากาศโดยรอบก็ยังร้อนอบอ้าว อาจเพราะอุณหภูมิในหน้าร้อนอันเป็นธรรมดา หรือไม่ก็เพราะความคุกรุ่นของเกมการแข่งขันระหว่างสองสีที่เพิ่งจบลง ผมกับปรินซ์กำลังนั่งอยู่บนสแตนท์โล่งที่ไร้ผู้คน คงจะมีเหลืออยู่แต่เพียงกลุ่มพี่ๆ บางส่วน ที่ต้องคอยดูแลเรื่องขยะ และความเรียบร้อยของพื้นที่หลังจากการแข่งจบลงอยู่ตรงบริเวณสนามฟุตบอลไกลออกไป มันเป็นงานกีฬาสีปีแรกของผมในโรงเรียนมัธยม ผมนั่งอยู่บนสแตนด์ของสีเขียวแต่สายตาของผมคอยจับจ้องแต่นักกีฬาฟุตบอลของสีตรงข้ามตลอดเก้าสิบนาที ผมรู้อยู่แล้วว่าปรินซ์เป็นนักบอลที่มีฝีมือมาแต่ไหนแต่ไร วันนี้ผมจึงตื่นเต้นมากที่จะได้ดูปรินซ์วิ่งในสนามที่ใหญ่ขึ้น และจะต้องเท่ขึ้นตามประสบการณ์ที่ปรินซ์มีแน่ๆ
“จะกลับบ้านเลยไหม..” ปรินซ์ถาม
“อุตส่าห์ตัดบอลได้แล้ว ทำไมถึงปล่อยให้พี่วิทย์ตามฉกกลับได้ง่ายๆวะ” ผมยังอินอยู่กับแมตช์ฟุตบอลเมื่อครู่
“...”
“แล้วไอ้ลูกที่จ่ายไปให้กองกลาง โคตรจะไม่แม่น จะส่งให้เขาเล่นต่อ หรือจะให้เขาวิ่งตามเก็บลูกกันแน่”
“...”
“ไหนจะตอนที่เขาบุกมาถึงหน้าโกลแล้ว ทำไมกันไว้ไม่อยู่วะ ปล่อยหลุดแบบง่ายๆ”
“...”
“ใครๆก็บอกว่าปรินซ์เป็นกองหลังที่สุดยอด ขนาดพี่ในสีเขียวยังบอกว่าปรินซ์เป็นคนเดียวที่ต้องระวัง แต่แม่งไม่ใช่เลย โคตรจะไม่ภูมิใจเลยอ่ะ ดีนะที่โรงเรียนไม่ให้ผู้ปกครองเข้ามาดู ไม่งั้นทั้งม๊า ทั้งป้าป้าที่ปลื้มปรินซ์เว่อร์ๆ คงได้ร้องไห้แงๆ แน่”
“ใครมันจะไปเก่งมันทุกเกม แล้วยิ่งถ้าเก่งอยู่คนเดียว แต่คนอื่นมันไม่เก่ง มันก็แพ้ไปด้วยกันนั่นแหละ!”
“ไม่ใช่หรอก นี่ไม่รู้ตัวจริงๆเหรอ ว่าวันนี้ปรินซ์คือตัวถ่วงของทีม”
“ธาม!! จะมากไปแล้วนะ” ปรินซ์ลุกขึ้นยืนมองหน้าผม
“คิดดูดีๆ คนอื่นเขาก็พยายามกันเองโคตรๆ เขาพยายามไม่ต่อบอลให้ปรินซ์ พยายามไม่พึ่งปรินซ์ เขารู้ไงว่าปรินซ์น่ะไม่พร้อม ทำไมรู้ไหม ก็เพราะพอเขาจ่ายบอลให้ ปรินซ์แม่งก็ทำลูกหลุดตลอด ใครกันแน่วะที่ไม่เก่ง ใครกันแน่วะที่ทำทีมแพ้!”
“เชี่ยธาม!!” ปรินซ์ก้มลงกระชากคอเสื้อผม
“ใครวะที่บอกว่าอยากเก่งเหมือนเมสซี่ ใครวะที่บอกว่าพรสวรรค์มันต้องคู่กับพรแสวง แล้วใครวะที่บอกว่าจะไปเป็นกองหลังทีมชาติที่เท่ที่สุด หล่อที่สุด แกร่งที่สุด”
“เออ กูเองไง!”
“แต่ตอนนี้ปรินซ์มึงแม่งกลืนน้ำลายตัวเองไปแล้วไง!”
ผมในตอนนั้นพยายามที่จะกลั้นน้ำตาไม่ให้ไหล จำได้ว่าไม่ได้กลัวโดนปรินซ์ต่อย แต่ผมว่าผมกำลังอายแทนปรินซ์ เจ็บใจแทนปรินซ์ เสียใจแทนปรินซ์ ผมอยู่กับมันมาตั้งแต่เด็ก ต่อให้มันเกเรไปบ้าง แต่ผมก็ยังคิดว่าตัวเองรู้จักปรินซ์ดีที่สุด
“...” ปรินซ์ปล่อยมือออกจากคอเสื้อของผม แล้วนั่งลงบนสแตนด์ข้างผมอีกครั้ง
“เงียบเลยธาม จะร้องทำไม” ปรินซ์เอามือหนามาปาดน้ำตาของผม ผมสะอื้น พอได้เริ่มร้องแล้ว มันก็คงหยุดไม่ได้ง่ายๆปรินซ์ลูบหัวผมเบาๆ ก่อนจะรั้งเอาหัวของผมซบเข้ากับบ่าหนาของมัน มืออีกข้างของปรินซ์ลูบไปมาที่หลังของผม
“มอหนึ่งแล้วนะ ทำไมยังร้องเป็นเด็กงอแงจะขอกินลูกอม”
“…”
“ที่ธามด่าน่ะ..ถูกหมดนั่นแหละ” เสียงของปรินซ์อ่อนลง
“…”
“ตอนนี้ปรินซ์ของธามมันห่วย โคตรห่วย”
“...”
“ขอโทษนะ ทำให้ธามผิดหวังมากใช่ไหม”
“...” ผมพยักหน้าแทนคำตอบโดยที่หน้าของตัวเองยังฝังอยู่ตรงบ่าของคนตัวสูง
“อืม จะพยายามให้มากกว่านี้ จะขยันซ้อมให้มากกว่านี้นะ”
“...” ผมพยักหน้า
“ธามก็ต้องอยู่เป็นกำลังใจให้ปรินซ์ตลอดไปด้วยนะ”
“...” ผมยังคงพยักหน้า
.
.
..ปัจจุบัน
..สนามบอล
..ปรินซ์

“เชี่ยปรินซ์!”
“ธาม.. มาทําอะไรที่นี่” ผมพยายามปั้นหน้ายิ้ม หวังว่าธามจะเพิ่งมาถึง และไม่ได้ยินบทสนทนาระหว่างผมกับโค้ชเหี้ยม
“ไหนบอกว่าจะไปรับ”
“ออ.. ดีใจนะที่ธามรอให้พี่ไปรับ”
“ถ้าไม่ว่างก็บอกดิ”
“โทษที พอดีมีซ้อมน่ะ ก็เลย..”
“แต่ก็ขับรถไปถึงคณะแล้ว..”
“คือ..”
“เรื่องนั้นช่างมันก่อน ตอนนี้โคตรผิดหวังว่ะทําไมจะไม่ไป ทําไมจะทิ้งโอกาสวะ”
“?” ผมทำหน้าตาไม่เข้าใจในสิ่งที่ธามพูด
“ก็เรื่องกีฬามหาลัยโลก.. ทำไมจะไม่ไป จะได้เข้าใกล้ความฝันอีกก้าวนึงแล้ว ไปเลย”
“พี่ไม่อยากไป”
“ทําไมถึงไม่อยากไป”
“...”
“พูดมาดิ”
“ก็เพราะเรื่องเรียนไง มันต้องไปตั้งเกือบเดือน กลัวเรียนตามไม่ทัน กลัวพลาดสอบย่อย กลัวคะแนนไม่ถึง กลัวติดเอฟ กลัวต้องเรียนซํ้าคลาส กลัวเรียนไม่จบในสี่ปี..” ผมหาข้ออ้างมากมายมาตอบคนตัวเล็กกว่า แต่จริงๆ คือ เพราะพี่ไม่อยากห่างธาม..
“พอเลยปรินซ์ อย่างปรินซ์อ่ะทําได้อยู่แล้ว หัวก็ดี ขยันก็ขยัน โค้ชยังพูดเลย มันต้องมีอะไรมากกว่านี้แน่ๆ” ผมกําลังถูกคนตัวเล็กกว่าต้อนจนจนมุม ดวงตาใสกําลังส่งอารมณ์ขุ่นเคืองมาที่ผม ..มันน่ามองมากในสายตาผม
“จะยิ้มทําไมวะปรินซ์ นี่ซีเรียสอยู่นะ”
“ก็ขําธามไง จริงจังกว่าพี่อีก”
“ก็นี่มันโอกาสที่หาได้ยากไง”
“...”
“เอาจริงๆ ทําไมถึงไม่อยากไป” ธามกอดอกเงยหน้ามองผม อาการบึ้งตึงของคนตรงหน้าทําผมคิดหนัก.. ถ้าไม่บอกเหตุผลจริงๆ ธามคงโกรธมาก ผมเคยจินตนาการไว้ว่าจะค่อยๆ ทําให้ธามตกหลุมรักผม เห็นความดี (ที่มีอยู่แล้ว) เห็นความจริงใจของผม แล้ววันนั้นผมก็จะสารภาพความรู้สึกที่มีกับธาม ซึ่งก็น่าจะเป็นวันที่ธามเองก็รู้สึกเหมือนกันกับผมแล้ว แต่คืนนี้ผมหมดข้ออ้างอื่นที่จะแก้ตัวแล้วว่าทำไมถึงไม่อยากไป.. ผมคงต้องสารภาพความรู้สึกของตัวเอง.. ไม่รู้ว่าธามจะมีปฏิกิริยายังไง หวังว่าบรรยากาศในคืนข้างขึ้นที่ไร้เมฆทึบบดบังแสงนวลจากดวงจันทร์จะทําให้ธามเข้าใจ และยอมรับความรู้สึกของผม
ผมจูงมือธามพาเดินไปยังบริเวณข้างสนาม ที่ที่แสงสว่างจากเสาไฟสปอตไลท์ดวงใหญ่ในสนามส่องมาไม่ค่อยถึง คนตัวเล็กกว่ายอมเดินตามผมมาโดยดี ธามยกสองแขนขึ้นกอดอกทันทีที่ผมปล่อยมือธามให้เป็นอิสระ อารมณ์ของธามยังคงบูดตึง
“อ่ะพูดมาได้แล้ว”
“...” ผมรวบตัวธามเข้ามากอดกระชับ
“เห้ยปรินซ์! ทําไรเนี่ย!!” ธามโวยวาย พยายามจะต้านแรงกอดรัดของผม
“อยู่เฉยๆ นะครับ แล้วพี่จะบอกว่าทําไมถึงไม่อยากไป” ธามหยุดดิ้นแทบจะทันที หัวใจผมเต้นแรง แต่ผมก็พยายามข่มนํ้าเสียงตัวเองให้เป็นปกติ ก่อนกระซิบที่ข้างหูธาม
“ที่ไม่อยากไป.. เพราะพี่ไม่อยากห่างธาม”
“!!!”
“มันอาจจะกะทันหันสําหรับธามนะ แต่พี่ชอบธามมานานแล้ว ชอบมาตลอด..”

ธามนิ่งไปจนผมเริ่มหวั่นใจ

“ปรินซ์ ปล่อยก่อน..”
ผมยอมคลายอ้อมแขนออกเพราะไม่อยากขัดใจธาม แต่ผมก็จับข้อมือของธามไว้ข้างหนึ่ง ผมกลัวธามจะวิ่งหนีไป..
“เอาไว้คุยกันหลังกลับมา..” ธามหลบตาผมพูดอ้อมแอ้ม ผมนึกด่าตัวเองที่พาธามมาคุยในที่มืดๆ เลยไม่ได้เห็นสีหน้าของธามชัดๆ ใครจะรู้ ธามอาจจะกำลังเขินผมก็ได้
“คือ.. ไปโฟกัสเรื่องเตะบอลก่อนได้ไหม มันก็ไม่ได้ต้องไปนานเป็นปีเป็นชาติสักหน่อย”
“...”
“..จะรอดูตอนถ่ายทอด”
“...”
“..อยากเห็นปรินซ์ในสนาม”
..ผมยิ้มกว้าง คําพูดของธามกำลังทำให้หัวใจของผมพองโต ต่อให้ธามอาจจะแค่หลอกให้ผมยอมไปเตะ แต่มันก็โคตรรู้สึกดี
“ขอมือถือหน่อย” ผมยืมมือถือของธามและกดโทรออก “บรีส นี่พี่ปรินซ์ พี่ของธาม พี่มีเรื่องจะกวนหน่อย”
[ว่ามาเลยครับพี่]
“ช่วงที่พี่ไม่อยู่ ฝากดูแลธามด้วย อย่าให้ใครเข้ามายุ่งกับคนของพี่ได้ เข้าใจใช่ไหม” ผมบอกกับบรีสต่อหน้าธาม ผมอยากให้ธามรู้ว่าผมจริงจังและจริงใจกับความรู้สึกที่ผมมีต่อธามมากพอที่จะเปิดเผยกับคนที่อยู่รอบตัวธาม ที่สำคัญ.. ผมต้องการคนที่จะคอยกันไอ้ข้าวที่เพิ่งประกาศสงครามกับผม
ผมคืนมือถือให้ธามหลังจากที่พูดกับบรีสเสร็จ “ถ้าอยู่ในคณะต้องอยู่กับบรีส ถ้าอยู่นอกคณะก็ต้องอยู่กับบอส รับปากพี่”
“เห็นเป็นเด็กห้าขวบรึไง โตแล้วนะดูแลตัวเองได้”
“ถ้าธามไม่รับปาก พี่ก็จะไม่ไป”
“เออ.. ก็ได้ๆ”
“...”
“ทำให้เต็มที่ล่ะ”
.
.
..ธาม

‘ที่ไม่อยากไป.. เพราะพี่ไม่อยากห่างธาม’
‘มันอาจจะกะทันหันสําหรับธามนะ แต่พี่ชอบธามมานานแล้ว ชอบมาตลอด..’

“เป็นไรของมึงเนี่ยไอ้ธาม มึงดูกระวนกระวายนะ นั่งดีๆ” ไอ้บอสถามผมโดยที่ไม่ได้หันหลังมามอง มันกําลังตั้งใจปั่นจักรยานกลับหอโดยมีผมนั่งเป็นกระสอบทรายถ่วงอยู่เบาะหลัง
“กู..” ..กําลังนึกถึงคําพูดของปรินซ์
“สรุปพี่ปรินซ์ยอมไปเตะสินะ”
“เออ”
“แล้วนี่มึงเป็นอะไร”
“กูกําลังสับสนว่ะ”
“สับสน? สับสนเชี่ยไร เออ จู่ๆ พี่มันก็มาพูดจาแปลกๆ กับกู พี่มันสั่งกูให้ดูแลมึง อย่าปล่อยให้มึงคลาดสายตา ถ้าเป็นไปได้ ไม่ดิ พี่มันสั่งว่า ทุกคืนกูต้องไปรับมึงที่คณะ นี่พี่มันแค่ไปเตะบอลป่ะวะหรือว่าพี่มันจะไปออกรบ สั่งลาเป็นตํารวจตระเวนชายแดนห่างเมียไปได้”
“สัดดด กูไม่ใช่เมียมัน!”
“แหมมมม ร้อนตัวเชียวน้าาา”
“!!!”
“เออ แล้วเมื่อกี้มึงบอกว่าสับสน”
“ก็ไอ้ปรินซ์นี่แหละที่ทํากูสับสน”
“ยังไงวะ”
“มันบอกว่ามันชอบกู”
บอสเบรกจักรยานแรงจนหน้าผมทิ่มเข้าไปเต็มหลังของมัน
“เชี่ยบอสสสสส! จมูกกูแทบหัก”
“ไอดอลกู!! ชอบมึงจริงๆ เหรอเนี่ย!”
“เออ กูก็ไม่รู้โว้ยยยย! มันบอกกูมาแบบนี้!”
“เชี่ยธามมมม กูซึ้งจนน้ำตาจะไหล ระฆังวิวาห์ของเพื่อนรักกูใกล้จะลั่นแล้วสินะ”
“สัดดด!! กูเพิ่งบอกมึงว่ากูกำลังสับสน”
“มึงบอกมาว่ามึงสับสนอะไร” บอสออกแรงปั่นจักรยานต่อ
“ข้อหนึ่ง ผู้ชายบอกชอบผู้ชาย โคตรผิดธรรมชาติ กูว่ากูยอมรับได้ยาก”
“...”
“ข้อสอง ปรินซ์กับกูเนี่ย กูว่าเราแม่งคือพี่น้องคือเพื่อนสนิท มันจะกลายเป็นอย่างอื่นได้ไงวะ”
“...”
“ข้อสาม …”
“ก่อนที่มึงจะพยายามหาข้ออ้างมากมายมาซัพพอตความสับสนของมึง กูถามมึงข้อเดียวเลย ตอนที่ปรินซ์บอกชอบมึง มึงรู้สึกอะไร”
“กูก็.. ใจเต้นแรงมาก เขิน เชี่ยย ไม่อ่ะกูไม่ได้เขิน กูแค่ไม่กล้าสู้ตาปรินซ์ กูทนมองตามันไม่ได้ เหมือนตัวกูจะละลาย เหมือนว่าสู้ไม่ไหว ยังไงก็แพ้.. กูว่ากูก็ดีใจ แต่ว่า.. กูว่ากูอาจจะแค่.. เออ ดีใจก็ได้ ยังไงมันก็เป็นไอดอลคนนึงของกูเหมือนกัน แล้วก็.. ไม่ได้รังเกียจที่โดนมันกอด.. ออกจะรู้สึกดีตะหงิดๆ แต่มันก็อาจเหมือนกอดจากญาติสนิทคนนึงก็ได้.. แล้วตอนนี้กูก็ยังคิดถึงแต่คำพูดของมัน.. หน้าของมัน...”
“อ๊ากกกก กูอยากได้หมอนมาขยำฉีกให้ขนเป็ดกระจุย มึงกับพี่ปรินซ์กอดกัน!! ทำไมมึงไม่ตามกูไปดู! นี่ขนาดแค่ฟังมึงเล่ากูยังเขินแทนเลยเชี่ยธามมมมม มึงคือปรินซ์เซสสสสส”
“มึงเวอร์ไปล่ะ”
“กูไม่ได้เวอร์ ถ้ามึงไม่เชื่อ มึงลองไปโพสต์โมเมนท์ถูกสารภาพรักในพันธ์ทิพย์ รับรองโพสต์มึงได้ติดเทรนด์ฮิตแน่นอน”
“...”
“ส่วนอาการของมึง.. ทั้งเขิน ทั้งรู้สึกดี ไหนจะละลาย กูว่ามึงน่ะตกหลุมผู้ปกครองมึงชัดๆ”
“กูว่าไม่ มันจะเป็นไปได้ยังไงวะ”
“มึงนี่มันดื้อฉิบ!! ไม่ยอมเชื่อความรู้สึกตัวเอง”
“...”
“คิดถึงแต่คำพูดของพี่มัน นี่ยังบอกว่าไม่ได้คิด.. แล้วนี่มึงตอบพี่มันไปว่าไง”
“กูบอกว่าไว้ค่อยคุยหลังจากที่มันกลับมา..”
“เออดี อย่างน้อยมึงก็ไม่ได้โง่ปฏิเสธพี่มันไป ไม่งั้นกูว่านอกจากพี่มันจะไม่ไปเตะบอลแล้วเนี่ย กูว่าพี่ปรินซ์กูมีทิ้งเรียนทิ้งชีวิตแน่ๆ เสียเซวฟ์ฉิบหาย โดนเด็กข้างบ้านปฏิเสธรักหักอกกลางสนามกีฬา รู้ถึงไหนอายถึงนั่น”
“...”
“เอาเหอะ เรื่องอย่างนี้มันต้องใช้เวลา มึงก็ค่อยๆดูความพยายามของพี่มันต่อไป แล้วก็สำรวจใจของตัวเองไป แต่อย่านานล่ะมึง เดอะปรินซ์ของกูอาจจะเปลี่ยนใจจากเดอะปรินซ์เซสอย่างมึงก็ได้”
“...”
ผมคิดตามสิ่งที่ไอ้บอสพูด ผมคิดยังไงกับปรินซ์กันแน่
.
.
.

หัวข้อ: Re: YR Mine นายผู้ปกครอง - รักลุ้นๆ ของคนพี่ Ep.18 Update - สายรหัส ** 25 06 62
เริ่มหัวข้อโดย: After5p.m. ที่ 25-06-2019 09:59:01
018
สายรหัส
.
.
อาทิตย์แรกของการเข้าห้องเชียร์กำลังจะสิ้นสุดลง คืนนี้หลังจากที่เลิกห้องเชียร์เราจะได้รู้สักทีว่าใครคือพี่รหัส เพื่อนหลายคนยังคงมืดแปดด้าน ขณะที่หลายคนก็รู้แล้วว่าพี่รหัสของตัวเองคือใครเหมือนผมกับบรีส
ใต้ถุนคืนนี้ประชากรหนาแน่นกว่าทุกคืน เพราะพี่ปีสองทุกคนจะมารอต้อนรับน้องรหัสของตัวเอง ผมกับบรีสที่รู้จักพี่ของตัวเองอยู่แล้วจึงแยกกันเดินตามหาพี่ใครพี่มัน
“พี่ฟ้าครับ”
“จ้าน้องธามมมม เซ็งอ่ะ ธามชิงรู้ก่อน ว่าจะเตรียมแผนเซอร์ไพรส์สักหน่อย”
“ไม่ต้องหรอกพี่ แค่พี่ปลอบผมคืนก่อนผมก็โคตรเซอร์ไพรส์แล้ว”
“มาๆกอดที” ผมกอดพี่ฟ้าหลวมๆ ถึงจะรู้สึกไม่เหมาะเท่าไรก็เถอะ แต่คงเพราะคืนนั้นพี่ฟ้าทําลายกําแพงความเป็นคนแปลกหน้าต่อกันระหว่างเราไปบ้างแล้ว และผมก็รู้สึกเคารพพี่ฟ้า ถึงจะเป็นผู้หญิงตัวเล็กๆ แต่ว่าความคิดและความห้าวของพี่แกกลับไม่ได้เล็กตามตัว
“ยินดีต้อนรับน้องธามมาเป็นน้องคนใหม่ของสายเรานะ” พี่ฟ้าลูบหลังผมเบาๆ
“เอ้านี่ พี่มีของเล็กๆน้อยๆมารับขวัญ ยื่นมือมา เอาข้างที่ไม่ได้ใช้ล้างตูด” พี่ฟ้าสวมสร้อยข้อมือถักเองที่ข้อมือซ้ายของผม
“โธ่พี่ สายฉีดตูดก็มี ไม่ก็ถอดออกก่อนก็ได้”
“เออว่ะ พี่ลืมไป ขอให้มีความสุขกับคณะที่ธามเลือกเข้ามานะ มีอะไรก็ปรึกษาพี่ได้ตลอด ไม่ว่าจะเรื่องเรียนหรือเรื่องหัวใจ”
“ครับพี่” ผมยิ้มตอบ
“อออ เดี๋ยวพรุ่งนี้พี่จะขนหนังสือ ขนชีทเรียนมาให้นะ เตรียมเคลียร์ล็อกเกอร์ไว้ได้เลย”
“ได้พี่ เยอะไหมอ่ะ”
พี่ฟ้ามองบนแทนคำตอบ ก่อนเราสองคนจะหลุดหัวเราะพร้อมกัน ผมไม่น่าถาม มันต้องเยอะอยู่แล้ว จะว่าไปหนึ่งในหลายๆ ความต่างระหว่างการเรียนมหาลัยกับการเรียนมัธยมก็คือ ตอนเรียนมัธยมเราเก็บความรู้ส่วนใหญ่ในรูปแบบเล่มหนังสือ เก็บง่าย พกสะดวก แต่ตอนเรียนมหาลัย เราเก็บความรู้ส่วนใหญ่ในรูปแบบชีท เมื่อเราโตขึ้นก็ต้องเรียนยากขึ้น หนักขึ้น การไล่ตามเก็บทุกชีทให้ครบก็อาจเป็นมิชชั่นหนึ่งในการวัดความรับผิดชอบของเราที่ต้องมีเพิ่มขึ้นก็ได้ ความรู้ที่ยิ่งใหญ่ มาพร้อมกับความรับผิดชอบที่ใหญ่ยิ่ง..
“แล้วก็นี่ คำใบ้แรกของลุงเรา”
“ลุง?”
“ก็พี่รหัสของพี่อีกทีไง”
“?”
“เอางี้ นึกถึงภาพผังลำดับญาตินะ ธามเป็นน้องปีหนึ่งมีพี่รหัสก็คือพี่ปีสอง ซึ่งก็คือพี่” ผมพยักหน้า
“ลำดับต่อไปก็คือพี่ปีสามในสายรหัสเรา เขาจะเรียกกันว่าลุง ถ้าเป็นพี่ผู้ชาย แล้วก็เรียกว่าป้า ถ้าเป็นพี่ผู้หญิง” ผมพยักหน้า
“ลำดับต่อไปก็คือพี่ปีสี่ในสาย ก็จะเรียกว่าปู่ย่า แต่ถ้ารุ่นเหนือขึ้นไปกว่านี้อีกก็เรียกว่าทวดงี้” ผมก็ยังคงพยักหน้า
“ทีนี้พี่ปีสามในสายเราเนี่ยเป็นพี่ผู้ชาย ก็เลยเรียกว่าลุง”
“ออออออออ เข้าใจล่ะพี่”
“ธามทำพี่เหนื่อยเลยเนี่ย” พี่ฟ้าแอคติ้งทําท่าปาดเหงื่อ
“โทษทีพี่ ก็ผมโตขนาดนี้แล้ว จู่ๆ ก็จะมีลุง เลยนึกว่าแม่ผมเจอพี่ชายที่พลัดพรากอะไรงี้”
“เรานี่มาเป็นสตอรีเลยนะ ไปเรียนเขียนบทไป๊ เอ้านี่คําใบ้แรกจากพี่ เอากระดาษแผ่นนี้ไปหาพวกพี่ปีสอง ทุกคนจะเขียนคำใบ้เพิ่มให้ เอาไว้เป็นข้อมูลตามหาตัวลุงเราได้” ผมเปิดกระดาษสีขนาดเท่าโพสท์อิทออกดู
‘คนดีของคณะ’
“โหพี่ งี้พี่คนอื่นก็เป็นคนชั่วดิ”
“ช่างคิดเน๊อะะะ” พี่ฟ้าตบแขนของผมเบาๆ คงหมั่นไส้ในความกวนของผม
“คือพี่เขาน่ะเป็นคนดีจริงๆ ไง ดีสุดๆ”
“ยังไงอ่ะ”
“อย่ามาเนียนขอคําใบ้เพิ่ม ไปนู้นเลย ไปขอจากคนอื่น”
“...”
“แต่ไว้ขอวันอื่นนะ คืนนี้ให้ทุกคนเขาคุยกับน้องของตัวเองกันก่อน”
“ครับผม”

“กูมารับคุณมึงแล้วคร๊าบบบ” ไอ้บอสเดินตรงมาหาผมที่กําลังนั่งชิลๆ มองผู้คนในคณะอยู่นอกใต้ถุน
“มึงนี่ก็ยังบ้าจี้ทำตามคำสั่งปรินซ์มัน”
“กูเคารพไอดอลกู ศรัทธา มึงเข้าใจไหมศรัทธา ว่าแต่มึงเหอะ เอาแต่ว่ากู มึงก็รอกูมารับไม่ใช่รึไง”
“เออๆ ไปๆ” ผมตัดบทรีบลุกเดินนำบอสไปที่ที่จอดจักรยานด้านนอกคณะ ขี้เกียจจะเถียงกับไอ้เพื่อนเวร ไม่ได้กลัวจะเถียงสู้ไม่ได้ แค่ไม่มีอารมณ์จะเถียง
“ไอ้บอส กูหิวว่ะ ไปหาไรกินกัน”
“งั้นกลั้นใจปั่นกลับห้อง เดี๋ยวกูปรุงรามยอนใส่กิมจิให้มึงกิน”
“เอาเรื่องจริง”
“มาม่าใส่ไข่ กูให้มึงสองฟองเลย”
“เออ แค่นี้ก็หรูแล้ว”

เป็นอีกคืนที่ผมได้ปั่นจักรยานในรั้วมหาลัยอย่างที่ตั้งใจ สายลมเย็นยามคํ่าตีหน้าเบาๆ ตามความเร็วที่เท้าผมออกแรง ปรินซ์เดินทางไปอิตาลีเพื่อเก็บตัวฝึกซ้อมก่อนแข่งจริงได้สองวันแล้ว ถ้ารวมเวลาเก็บตัวและเวลาแข่งขันเข้าด้วยกัน ก็เกือบเดือนที่ผมจะไม่ได้เจอปรินซ์ คืนที่ปรินซ์สารภาพความในใจกับผมเป็นคืนสุดท้ายก่อนออกเดินทาง แต่พอปรินซ์คอนเฟิร์มกับโค้ชในคืนนั้นว่าพร้อมจะไปโดยไม่มีข้อติดขัดอะไรแล้ว มันก็ต้องหงุดหงิดสุดขีดแทบจะเขวี้ยงสตั๊ดตามหลังโค้ช เพราะโค้ชบอกมันว่าพรุ่งนี้หกโมงเช้าให้ตื่นมารอรถตู้ที่หน้าหอได้เลย เตรียมแค่ของใช้ส่วนตัว เพราะของที่จำเป็นต่อการฝึกซ้อม โค้ชประสานงานกับทีมที่จะคอยดูแลตลอดการแข่งขันเรียบร้อยแล้ว ผมยังจำใบหน้างอหงิกของปรินซ์ได้ ถึงจะโมโหแต่ก็ทําอะไรไม่ได้แล้ว ต้องไปอย่างเดียว ส่วนผมก็ทั้งขํา ทั้งสงสาร โค้ชก็เกินไป ถึงจะมีเหตุผลที่สมควรก็เถอะ
“โค้ช (พี่) หยวนเขาอยากให้ไปเก็บตัวเร็วขึ้นสามสี่วัน จะได้มีทีมเวิร์กที่ดี แล้วก็จะได้คุ้นกับสภาพอากาศก่อนแข่งด้วย ไหนจะติวเข้มเรื่องแทคติก กับเรื่องแผนรุกรับทั้งของทีมเราแล้วก็ของฝ่ายตรงข้าม” ผมเห็นปรินซ์แอบพ่นลมหายใจเบาๆ ทั้งที่ยังยืนตรงต่อหน้าโค้ชเหี้ยม
“แล้วก็.. ผมฝากไว้อีกเรื่อง หลังฝึกซ้อมทุกครั้งที่นู้น วิ่งรอบสนามอีกสามรอบด้วย ไม่สิ อย่างน้อยสามรอบ”
“!!”
“อย่าลืมว่าความอึดเป็นสิ่งสําคัญ ทราบไหม!!!”
“ทราบครับ!!!” ผมที่ยืนอยู่ไม่ไกลฟังแล้วนึกปวดขาแทน เข้าใจแล้วว่าทําไมถึงได้ฉายาว่าโค้ชเหี้ยม และถ้าปรินซ์จะเขวี้ยงสตั๊ด (ลงพื้น หลังโค้ชเดินห่างไปไกล) ผมก็เห็นด้วยนะ ต่อให้มันเป็นพฤติกรรมก้าวร้าว ก็ความไม่ได้ดั่งใจ มักทําให้เราหงุดหงิดได้เสมอ เหมือนที่ผมเองก็กําลังเป็น แม้ปรินซ์จะไม่ได้ขาดการติดต่อจนเหมือนอยู่กันคนละกาแล็กซี่ แต่การไม่ได้เจอหน้าคนที่มาปรากฏตัวทุกเช้าเย็น มันก็อดทําให้รู้สึกลึกๆ ไม่ได้ว่ามีอะไรบางอย่างขาดหายไป แล้วยิ่งก่อนไปเจ้าคนตัวสูงกว่าเพิ่งจะมาทำให้ผมสับสนด้วย

[ซ้อมหนักมาก เป็นกำลังใจให้พี่ด้วย]
[อือ สู้ๆ - _ - ]
[จะรอเชียร์นะ...]
แอพสีเขียวบอกผมว่าปรินซ์อ่านข้อความของผมเรียบร้อยแล้ว มันเป็นบทสนทนาเดียว และเป็นบทสนทนาสุดท้ายก่อนที่ปรินซ์จะเงียบหายไป..
“มึงถอนหายใจมาสามรอบล่ะ ทำไมวะมาม่าไข่คู่ของกูไม่อร่อยรึไง”
“มันก็อร่อยเป็นมาตฐานสากลอยู่แล้วป่ะวะ”
“แล้วมึงเป็นไร”
“ไม่รู้ว่ะ” ผมเขี่ยเส้นมาม่าที่เริ่มอืดอยู่ในชาม
“ไหนมึงบอกว่าหิว กินให้หมดเลย กูอุตส่าห์ตั้งใจทำ”
“...”
“หรือมึงตรอมใจเพราะว่าสามีเดินทางไกลไปต่างแดนจนกินไม่ได้นอนไม่หลับ แต่นี่มันเพิ่งสองวันเองนะเว้ย”
“ไม่ใช่แหละไอ้เชี่ยบอส”
“งั้นมึงก็ตั้งใจกินมาม่ากูหน่อยสิคร๊าบบบ เอาแต่มองมือถืออยู่ได้”
“เออๆ”
“มึงรู้เปล่าว่าทำไมเขาต้องให้นักกีฬาไปเก็บตัวก่อนแข่ง”
“ก็จะได้เอาแต่ซ้อมซ้อมแล้วก็ซ้อม”
“เก่งนิมึง”
“ไม่ต้องเก่งก็รู้ไหมวะ”
“ก็รู้นิหว่า เขาต้องเอาแต่ซ้อมไง มันจะได้มีทีมเวิร์ก มีสมาธิ จะให้เอาแต่สนใจส่งไลน์หาเมียได้ไงวะ”
“ไอ้เชี่ยบอส!”
“เผลอๆ แม่งโดนยึดมือถือด้วยซ้ำเอาน่ามึง แค่ครึ่งเดือนกว่าๆ เอง”
“กูจะไปอาบน้ำนอนแล้ว มึงกินต่อด้วย เอาให้หมดเสียดายของ” ผมวางชามมาม่าไว้บนโต๊ะเตี้ยก่อนหยิบผ้าเช็ดตัวหนีไอ้บอสจอมชงเข้าห้องน้ำ ใครเมียไอ้ปรินซ์วะ!
“เห้ยยยยยมึงงง พี่ปรินซ์ไลน์มา!”
“!!!!”
“แหมมมม วิ่งสี่คูณร้อยมาเลยน้าาาาน้องธามมมมม”
“สัดบอสสส!”..ไอ้เชี่ยบอสมันหลอกผม
.
.
เสาร์อาทิตย์แรกหลังจากเปิดเทอม ผมกับบอสยังคงใช้ชีวิตในมหาลัย ไม่ได้แยกย้ายกันกลับบ้าน เพราะต่างคนต่างก็มีสิ่งที่ต้องทํา ไอ้บอสพาตัวเองไปเป็นสวัสดิการกลางควบคู่กับทํากิจกรรมของคณะ เหมือนกับเด็กปีหนึ่งทั้งมหาลัย พวกเราเด็กนิเทศเองก็เหมือนกัน เรานัดกันมาเตรียมอุปกรณ์สําหรับขึ้นสแตนด์เชียร์ในงานกีฬามหาลัยประจําปี
“ฉันว่าเราต้องมีคอนเซ็ปต์” เทนนิสเปิดประเด็น “เสนอมาค่ะ เราจะช่วยกันคิด”
“เอาให้เกี่ยวกับละครดีไหมเมิงง”
“เออฉันก็ว่าดีนะแกร ใครว่าไงมั่ง”
“งั้นก็มีพร็อพแต่งตัวกันด้วยดีม่ะ จะได้เลอเลิศสมเป็นนิเทศ”
“มีพร็อพที่เหมือนกัน แต่แต่งตัวไม่เหมือนกันงี้ดิ ง่ายดีด้วย”
“เออก็ดี”
พวกเราถกกันนานเป็นชั่วโมงจึงได้คอนเซ็ปต์ของสแตนด์ สแตนด์ที่จะเป็นหน้าเป็นตาของนิเทศ ซ้ำยังจะต้องประกวดกับสแตนด์ของคณะอื่นอีก เราจึงเต็มที่และตั้งใจมาก ฝ่ายงานถูกจัดแบ่งตามความถนัดและความสมัครใจ ฝ่ายทำพู่เชือก ฝ่ายทำพร็อพ ฝ่ายจัดหาของอุปกรณ์ แล้วพวกเราก็ลงมือทำอุปกรณ์กันเลยในตอนบ่ายหลังจากแยกย้ายไปหาอะไรกินที่โรงอาหารเรียบร้อยแล้ว
“แพมมาทำพู่กับเราดิ” บรีสเอ่ยปากชวนแพมที่เพิ่งกลับเข้ามาในใต้ถุน
“เอาดิๆ สอนเราด้วย” แพมนั่งลงตรงที่ว่างข้างบรีส
“เออไอ้ธาม”
“ว่า..”
“ไมกูไม่เห็นพี่ปรินซ์ของมึงเลยวะ”
“ก็มันไปเก็บตัวกีฬามหาลัยโลกแล้ว”
“โหยยย งี้พี่มันก็ไม่ทันลงเตะในกีฬามอดิวะ”
“เออ จริงด้วย” นึกแล้วก็เซ็ง อดเห็นปรินซ์เตะสดๆ ใกล้ๆ
“เสียดายว่ะ อยากเห็นฝีเท้าพี่มึง”
“มึงก็ดูนัดที่ไปแข่งมอโลกก่อน”
“โหมึง ไม่ดูก็รู้ผลแล้วป่ะวะ ลุ้นยาก ฝรั่งแม่งตัวหยั่งกับยักษ์”
“เออก็จริงของมึง”
“น้องๆ จ๊ะ น้องธามอยู่นี่ไหมเอ่ย” เสียงพี่ผู้หญิงสักคนดังจากทางด้านหลังของผม ผมรีบหันไปหา
“อยู่นี่เอง อ่ะนี่จ๊ะน้องธาม ลุงเราเขาฝากมาให้” ผมยื่นมือขึ้นไปรับขนมถุงใหญ่ที่รุ่นพี่ส่งมาให้
“ลุงฝากบอกว่าแบ่งเพื่อนๆ ทานได้เลยนะ ออ แล้วก็เอากระดาษคำใบ้ลุงเรามาป่ะ พี่จะช่วยใบ้ให้”
“เอามาครับพี่” ผมรีบเปิดกระเป๋าเป้ที่วางอยู่ใกล้ตัว หยิบเอากระดาษแผ่นเล็กขึ้นมา
“นี่ครับ” พี่เขารับกระดาษไปและเขียนอะไรอยู่สักพัก
“อ่ะนี่จ้ะคำใบ้ ส่วนพวกเราคนไหนอยากได้คำใบ้ ก็ทยอยไปขอพวกพี่ได้เลยนะ”
“ครับ/ค่ะ”
“งั้นกูไปขอคำใบ้ก่อนนะ ไปกันแพม” ผมพยักหน้าเออออ เพื่อนที่ยังเหลืออีกสี่ห้าคนก็ยังคงจดจ่อกับการทำงานต่อไป รอให้บรีสกับแพมกลับมาก่อน จึงค่อยผลัดกันไปขอคำใบ้บ้าง
“ลุงแกใจดีว่ะ ซื้อขนมมาให้ตั้งเยอะ”
“เออนั่นดิ พวกแกเปิดกินเลยเว้ย จะได้เพลินๆ”
ผมเปิดกระดาษคำใบ้ออกดู
‘ลุงน้องธามน่ากิน ขอพี่เป็นป้าได้ไหม’
ผมตกใจกับคำใบ้ คือมันไม่ได้ช่วยให้ผมหาลุงได้ ส่วนไอ้ที่มาขอเป็นป้าเนี่ย ผมอนุญาติแทนเจ้าตัวได้ด้วยเหรอ
“ไงมึงคำใบ้ รู้ตัวเลยไหมวะ” บรีสที่กลับมาจากโต๊ะพี่ปีสองถามผม
“กูว่ามันไม่ได้ช่วยไรเลยว่ะ”
“โต๊ะพี่เขามีอีกสองคน มึงไปขอเพิ่มดิ”
“แล้วมึงอ่ะ อย่าบอกว่ารู้แล้ว”
“กูว่ามันโหดไปว่ะ แต่ว่ามันก็พอมีทางเว้ย เราแค่ต้องเอาคําใบ้ไปสืบจากพี่ปีสามอีกที ซับซ้อนฉิบ ใครคิดวะเนี่ย” ขนาดบรีสผู้แสนเฟรนด์ลียังโอดครวญ
“เออ เดี๋ยวกูลองไปขอเพิ่มดู”

“หวัดดีครับพี่ๆ ผมธามครับ”
“จ้าน้องธาม สายอะไรเอ่ย”
“153 ครับ”
“พวกพี่ดูโพยแป๊บ”
“...”
“ว๊ายยยย ลุงน้องธามเหรอเนี่ย โอยยยย ตายแล้วววว พรหมลิขิต”
“แกทำน้องตกใจแล้ว ดูหน้า..”
“โทษทีๆ พี่แค่ตกใจน่ะ โอยยย อิจฉาน้องงงง มาๆ พี่ใบ้ให้”
“ฉันด้วย ฉันก็อยากใบ้” ดูท่าลุงของผมคนนี้จะไม่ใช่คนธรรมดาแน่ๆ
“อ่ะเสร็จแล้วจ้ะ”
“ขอบคุณครับ”
“ขอให้เจอลุงไวๆนะ แต่พี่ว่าน่าจะยากหน่อยอ่ะ เน๊อะแก” พวกพี่พี่ดูจะสนุกกับการตามหาลุงของผม..ผมยิ้มแห้งตอบผมก้มหน้าอ่านคำใบ้ที่ได้รับหลังจากเดินห่างออกมาจากพวกพี่เขา
‘ไม่เตี้ยกว่าน้องธาม’
‘หาตัวยาก ปกติว่ายาก ตอนนี้ยิ่งยากใหญ่’
ผมอ่านคำใบ้แล้วปวดใจจริงๆ ภารกิจนี้มันจบแล้ว
‘หาตัวยาก ปกติว่ายาก ตอนนี้ยิ่งยากใหญ่’
แล้วผมจะไปหาลุงแกเจอได้ยังไง..
.
.
หัวข้อ: Re: YR Mine นายผู้ปกครอง - รักลุ้นๆ ของคนพี่ Ep.18 Update - สายรหัส ** 25 06 62
เริ่มหัวข้อโดย: kajeaw ที่ 25-06-2019 22:16:09
น่าติดตาม ใครน้อ ลุงรหัส
หัวข้อ: Re: YR Mine นายผู้ปกครอง - รักลุ้นๆ ของคนพี่ Ep.19 Update - ตามหา ** 26 06 62
เริ่มหัวข้อโดย: After5p.m. ที่ 26-06-2019 10:32:17
019
ตามหา
.
.
“ไงธาม”
“อ้าวพี่ฟ้า หวัดดีครับ”
“มาแต่เช้าเลยนะวันนี้”
“ผมมีเรียนเช้าน่ะพี่”
“แต่นี่ก็เช้าไปนะ” พี่ฟ้าพูดพลางมองนาฬิกาข้อมือของตัวเองที่กำลังบอกเวลาเลยเจ็ดโมงเช้ามาเล็กน้อย
“แล้วพี่ฟ้าล่ะ ก็มาแต่เช้าเหมือนกัน”
“พี่ก็มีเรียนเช้า แล้วก็อยากมานั่งแจกคำใบ้ให้พวกเราก่อนไง” ผมพยักหน้าพลางตักเอาหมูสับในโจ๊กเข้าปาก
“ว่าแต่ธามล่ะ รู้ตัวลุงรึยังอีกสองวันเองนะ
“ยังเลยพี่ แต่คำใบ้น่ะ ผมได้มาแทบจะล้นแผ่น”
“เอ๊า แล้วทำไมยังไม่รู้” พี่ฟ้าทำหน้าค้อนแบบไม่จริงจังนัก
“ก็พอผมไปสืบจากพวกพี่ปีสาม พวกพี่เขาไม่บอกอะไรเลย เอาแต่ถามเรื่องผมมากกว่า”
“ยังไง”
“ก็.. คิดว่าห้องเชียร์เป็นยังไง อยากเรียนภาคอะไร ตั้งแต่เข้าคณะมาประทับใจพี่คนไหน..”
“แล้วธามตอบว่า..”
“ห้องเชียร์น่ะ ผมโอเค ท้าทายดี ฝึกความอดทน อนาคตถ้าผมจะต้องไปเป็นนักข่าว เป็นตากล้อง ผมอาจจะต้องยืนนานๆเหมือนอย่างตอนเข้าห้องเชียร์ก็ได้”
“อืมๆ น่าคิด”
“เรื่องเรียนภาคไหน ยังไม่ได้ตัดสินใจ ลองเรียนไปก่อน”
“พี่ก็คล้ายธาม ค่อยๆดูว่าตัวเองชอบอะไร แต่อย่านาน”
“ครับ ส่วนประทับใจพี่คนไหน..ก็ต้องพี่ฟ้าคนนี้อยู่แล้ว”
“แหมมมมม ตอบงี้จริงเหรอ”
“จริงพี่ ไม่เชื่อไปถาม”
“อ่ะโอเค เชื่อๆ เห็นเป็นธามคนซื่อหรอกนะถึงเชื่อ แล้วมีคำถามไรอีก”
“ก็.. ในกลุ่มพี่ว๊ากเนี่ย ชอบพี่คนไหน”
“อืม คนไหนล่ะ”
“ก็ทุกคนนะพี่ ผมว่าพวกพี่เขาน่าจะเหนื่อย คงต้องกินยาแก้เจ็บคอทุกวัน”
พี่ฟ้าหัวเราะ “เออๆ แล้วมีอะไรอีก”
“ระหว่างคนดีที่มาทีหลังกับคนสนิทที่มีประวัติไม่ค่อยดี ถ้าคนทั้งคู่มาจีบพร้อมกัน ผมจะเลือกใคร นี่คำถามล่าสุดเลย”
“จำได้ป่ะว่าพี่คนไหนถาม”
“พี่เขาชื่อ.. พี่ที”
“พี่ทีที่ขาวๆ หน้าตาโอเคๆ ดูสะอาดๆ ใช่ม่ะ”
“ใช่พี่”
“แล้วธามตอบว่า”
“ผมว่าคนดีก็ต้องดีกว่าอยู่แล้ว คนดีแสดงว่าดีในทุกเรื่อง ไม่มีอะไรให้ต้องกังวล แต่คนที่เคยทำไม่ดีในอดีต ก็ไม่ใช่ว่าเขาจะกลับตัว เปลี่ยนตัวเองไม่ได้ แต่มันก็ไม่มีอะไรบอกว่าเขาจะไม่กลับไปเป็นคนไม่ดีอีกไม่ได้เหมือนกัน”
“ฟังแล้วงงแหะ สรุปว่าถ้าคนดีที่มาทีหลังมาจีบ ธามก็จะเอนเอียงไปทางนั้นสินะ”
“หึ ถ้าเป็นผู้หญิงมาจีบผู้ชายอย่างผมก่อน ผมก็ไม่เอาทั้งสองคนนะ ผมว่าผู้ชายต้องเป็นฝ่ายเริ่มก่อนสิ ถึงจะถูก”
“หัวโบราณนะเรา”
“…” ผมไม่ปฏิเสธ
“แล้วถ้าเป็นผู้ชายมาจีบธามก่อนล่ะ..”
“…” ผมนึกถึงหน้าของคนตัวสูงกว่าที่อยู่ไกลออกไปเกือบค่อนโลก
“ทำไมหน้าแดง.. เอ้า ตอบพี่มาตรงๆ พี่อยากรู้”
“ผม.. ผมว่ามันเป็นเรื่องผิดธรรมชาติ”
“อือออ งี้ไม่ว่าจะหญิงหรือชาย ถ้ามาจีบธามก่อนก็อาจจะกินแห้ว ต้องเป็นธามที่เป็นฝ่ายเดินไปจีบเขาก่อนสินะ”
“..ก็คงใช่แหละพี่”
“จะไม่หวั่นไหวเลยเหรอ..”
“...”
“ว่าไง..”
“ผมกินเสร็จแล้ว ขอเอาชามไปเก็บก่อนนะ”
“โธ่ธาม ไม่ต้องมาทำเป็นหาเรื่องชิ่งเลย ไม่ตอบก็ไม่ตอบ งั้นพี่เตรียมตัวไปเรียนก่อนดีกว่า ไปล่ะ”
“ครับพี่ฟ้า” แล้วพี่ฟ้าก็เดินห่างไปทางบันไดขึ้นตึก
หวั่นไหวงั้นเหรอ.. ไม่มีทาง!
.
.
ในที่สุด.. คืนนี้ก็มาถึง คืนแห่งการเฉลยสายรหัสปีสาม จนแล้วจนรอด ผมก็ยังหาว่าใครเป็นลุงรหัสไม่ได้ ต่างจากเพื่อนคนอื่น ผมถามคนไหน คนนั้นก็ตอบว่ารู้แล้วๆ กันหมด ทั้งที่มันไม่ง่าย ..บรีสก็เหมือนกัน
“พี่เจียวเว้ยลุงกู” มันอวดผมในบ่ายวันที่สามของสัปดาห์ที่สองก่อนห้องเชียร์เริ่ม “ก็ยากหน่อย แต่ไม่เกินพยายาม” ไอ้เชี่ยบรีสมันพูดซะจนผมดูขี้เกียจไปเลย ทั้งที่ผมโคตรตั้งใจ แต่ไหงรู้สึกเหมือนโดนพี่ปีสามทุกคนช่วยกันพยายามปกปิดไม่ให้ผมรู้ว่าใครคือลุงของผม
“เอาหน่ามึง เดี๋ยวคืนนี้ก็รู้เอง กูว่าพี่มึงต้องไม่ใช่มนุษย์แน่นอน อาจจะเป็นอุลตร้าแมนไม่ก็พิคโกโร่พอช่วยโลกเสร็จก็ต้องกลับดาวนาเม็กงี้”
“พอๆ เพ้อไปไกลล่ะมึง”

บรรยากาศของห้องเชียร์ยังคงดุดันท้าทายความอดทนของพวกเราแต่วันนี้ผมไม่ได้สนใจห้องเชียร์มากนัก เพราะมัวแต่ตื่นเต้นที่จะได้เจอ ‘ลุง’ ลุงที่แสนจะไม่ธรรมดาของตัวเอง..
“ไงมึง เจอลุงมึงยัง” ไอ้บรีสรีบถามหลังจากเราเลิกห้องเชียร์ อันเป็นเวลาที่น้องปีหนึ่งจะได้เจอพี่ปีสามสายรหัสของตัวเองอย่างเป็นทางการ
“ยัง”
“งั้นมึงไปกับกู ไปถามลุงกูกัน”

“หวัดดีครับพี่เจียว” ผมสวัสดีพี่เจียวลุงรหัสไอ้บรีสทันทีที่เดินถึงโต๊ะที่พี่มันนั่งอยู่
“เห้ยย รู้จักกูด้วย”
“พอดีไอ้บรีสมันมาอวดตั้งแต่วันก่อนแล้วพี่”
“อาวเหรอ ไอ้บรีสมันฉลาด ขนาดกูหลบไม่เข้าคณะเลยนะ มันยังอุตส่าห์สืบจนรู้ ได้ข่าวว่ามันไปตามสืบถึงอาจารย์ในภาคด้วย” พี่เจียวไม่พูดเปล่า ล็อกเอาคอไอ้บรีสที่นั่งอยู่ดูท่าจะเอ็นดู ไม่ก็หมั่นไส้หลานอย่างไอ้บรีสมาก
“ก็ผมอยากรู้ไง แต่จริงๆ คือพี่เจียวไม่ได้หลบกูหรอกเว้ย” ไอ้บรีสหันมาคุยกับผม “เรื่องจริงคือพี่มันไม่เข้าเรียน”
“อาวไอ้หลานรหัส มึงได้ข่าวมาจากแหล่งไหนเนี่ย” พี่เจียวทำท่าหยิกเข้าที่พุงของไอ้บรีสแบบทีเล่นทีจริง
“มันมั่วใช่ไหมพี่” ผมเริ่มรู้สึกสนุก
“แม่งงงง ข่าวจริง” แล้วพวกเราทั้งสามคนก็พากันหัวเราะเสียงดังจนหลายคนหันมามอง
“แล้วนี่มึงเจอลุงมึงยัง” พี่เจียวหันมาถามผม
“ยังเลยพี่ ยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าใคร”
“มึงรหัสอะไร”
“153”
“กูนึกก่อน กูไม่เคยจำรหัสคนอื่น” พี่เจียวทำหน้าเหมือนคุยกับแม่ซื้อได้สักพัก ก็ลุกไปกระซิบกับพี่ผู้หญิงอีกคน พูดไปก็มองหน้าผมไป ก่อนจะเดินกลับมา
“ว่าไงพี่ ใครเป็นพี่มัน” ไอ้บรีสชิงถามก่อนผม มันเองก็คงอยากรู้ไม่ต่างจากผม
“...”
“พี่ถอนหายใจไมวะ”
“ก็..”
“ธาม ธาม อยู่นี่เอง อ๊ะ พี่เจียวหวัดดีค่ะ วันนี้เข้าคณะได้ด้วยเหรอพี่ ไม่ร้อนเหรอ” เป็นพี่ฟ้าพี่รหัสผมที่เดินเข้ามาร่วมวง
“แหม น้องฟ้าาาาาาาา ห้าวตลอดเลยน้าาา นี่พี่เองงงงง”
“ก็เพราะเป็นพี่ไง ไว้คุยกัน ฟ้าขอตัวธามก่อน ไปกันธาม”
“งั้นหวัดดีครับพี่เจียว ไปก่อนเว้ยมึง” ผมรีบลุกแบบงงๆ
“เออๆ มึงอย่าลืมโทรหาไอ้บอสให้มันมารับด้วยล่ะ”
“เอออออออออ” แม่งอยู่ในโอวาทปรินซ์กันหมด!!

“พี่ฟ้า ผมยังไม่เจอลุงเลย..”
“พี่ก็เลยมาแทนลุงนี่ไง”
“?”
“คือพี่เขามาไม่ได้จริงๆ”
“...”
“แต่ว่าพี่เขาสัญญานะว่าวันเฉลยสายรหัสปีสี่จะมาแน่นอน”
“อาทิตย์หน้าเลยดิพี่”
“อืม ใช่ แต่พี่เขาฝากของมาให้ธามด้วย” พี่ฟ้ายื่นถุงกระดาษใบเล็กๆ ให้ผม
“พี่เขารู้สึกผิดมากนะ แต่ว่าเขาติดธุระจริงๆ ธามอย่าน้อยใจล่ะ”
“ไม่น้อยใจหรอก เรื่องแค่นี้เอง ไว้เจอวันอื่นก็ได้” ถึงผมจะพูดไปอย่างนั้นแต่ก็อดรู้สึกเซ็งไม่ได้ ก็คนอุตส่าห์ตื่นเต้นมาทั้งวัน สุดท้ายก็ไม่ได้เจอ
.
ผมปั่นจักรยานกลับหอพร้อมไอ้บอส หลังจากถ่อไปนั่งรอมันทำงานสวัสดิการที่สนามกีฬากลาง ไม่เข้าใจจริงๆว่ามันจะขยันทำกิจกรรมอะไรเบอร์นี้ งานคณะก็มี ทําอย่างกับมีร่างแยก
“วันจริงมึงจะขึ้นสแตนด์หรือจะมาทำสวัสดิการ” ผมถามมันระหว่างทางเดินไปที่จอดจักรยาน
“กูก็ต้องขึ้นสแตนด์ดิวะ ถ้าไม่ขึ้นไอ้พี่โบ้ทเวรได้ด่ากูหูชาแน่”
“พี่โบ้ท..?”
“ก็ไอ้พี่ประธานชมรมเดินดอยไง แม่ง จ้องจับผิดกูตลอดเวลา ตั้งแต่รู้จักพี่มันวันนั้น พอเจอกันในคณะทีไร ต้องมารัดคอกูตลอด”
“เอ็นดูไงมึง”
“เอ็นดูเชี่ยไร แม่งเอาเหงื่อเหม็นๆของมันมาเช็ดกูชัดๆ”
“…” ผมกลั้นขำ หน้าของไอ้บอสแม่งดูมีอารมณ์
“พี่มันเป็นนักมวย แล้วกูก็ซวยเจอมันทุกครั้งหลังมันซ้อมเสร็จ”
“เออ ซวยฉิบ มึงก็เปลี่ยนเส้นทางดิวะ”
“กูทําแล้ว แม่งก็ยังบังเอิญเจอได้อี๊กกกกกก” ผมสุดกลั้นเลยหลุดหัวเราะอย่างสะใจให้กับชะตากรรมที่น่าสมนํ้าหน้าของไอ้บอส อาจเพราะมันไปกวนตีนพี่โบ้ทตั้งแต่ครั้งแรกที่เจอ ไม่ก็หน้ากวนๆของมันคงไปเตะตาพี่โบ้ทเข้า ผมฟังไอ้บอสบ่นยาวๆขณะเดินเลียบข้างสนามบอลมาเรื่อยๆ มันเป็นคนละฝั่งกับตอนขามา แต่ที่ตรงนี้เป็นที่ที่ปรินซ์กอดผม..

“ถุงไรวะ” ไอ้บอสตั้งคำถามกับถุงที่ผมหยิบออกจากเป้และวางลงบนโต๊ะน้อยกลางห้อง
“ลุงรหัสให้กูมา”
“กินได้ม่ะ”
“ไม่รู้ กูยังไม่ได้ดู”
“มึงก็เปิดดูสิคร๊าบบบบไอ้ธาม”
“อ่ะมึงอยากรู้ มึงก็เปิดดูเอง กูจะไปอาบน้ำ”

“เป็นกล่องช็อกโกแลตว่ะ ในกล่องมีการ์ดของลุงมึงด้วย” ไอ้บอสรายงานผมหลังจากผมออกมาจากห้องน้ำ
“การ์ดไรวะ” ผมปิดไดร์เป่าผมถามไอ้บอส
“ไม่รู้โว๊ย กูไม่ได้เปิดดู กู..คนมีมารยาท”
“เออเออ ไอ้คนมีมารยาท” ผมเดินผ่านหน้ามันไปที่โต๊ะน้อย แต่แวะเอาเท้าเตะเข้าที่น่องของคนมีมารยาทหนึ่งที
“เจ็บนะไอ้เชี่ยธามมมม” มันเงยหน้าขึ้นจากโคนันในมือทันที
“...” ผมเปิดการ์ดนั้นออกอ่าน
“เขียนว่าไงวะ”
“ไหนบอกมีมารยาท”
“ก็กูถามตรงๆ แบบมีมารยาท”
“เออๆ” ระหว่างบอสกับผมไม่เคยมีความลับที่เล่าสู่กันฟังไม่ได้อยู่แล้ว
“ถึงน้องธาม ยินดีต้อนรับสู่สายรหัส ลงชื่อ ลุง”
“แค่นี้!!”
“เออ แค่นี้”
.
.
.
หัวข้อ: Re: YR Mine นายผู้ปกครอง - รักลุ้นๆ ของคนพี่ Ep.19 Update - สายรหัส ** 26 06 62
เริ่มหัวข้อโดย: kajeaw ที่ 26-06-2019 13:08:13
ลุงยังลึกลับอยู่ต่อไป…ฮ่วย
หัวข้อ: Re: YR Mine นายผู้ปกครอง - รักลุ้นๆ ของคนพี่ Ep.20 - ลุงรหัส ** บ่าย 26 06 62
เริ่มหัวข้อโดย: After5p.m. ที่ 26-06-2019 15:14:52
020
ลุงรหัส
.
.
เฮ้อออออ อยากจะมีเวลา และอารมณ์ตั้งใจดูแมทช์แข่งขันของปรินซ์มากกว่านี้ ทั้งที่ตอนนี้ผมก็กำลังดูย้อนหลัง (เพราะเวลาไทยเร็วกว่าอิตาลีห้าชั่วโมง เวลาจริงที่ปรินซ์เตะผมก็จะกำลังนอน..) ตลอดเก้าสิบนาทีที่ปรินซ์ลงสนาม ผมทำได้แค่ฟังเสียงจากเว็บไซต์ที่เปิดในโน้ทบุ๊ค แต่สายตา สติและสมาธิของผมกลับต้องจดจ่ออยู่กับชีท และการบ้านตรงหน้า ถึงบางครั้งจะเหลือบมองหน้าจอโดยหวังว่าจะเป็นจังหวะที่กล้องกำลังถ่ายไปที่ปรินซ์พอดี ..แต่ก็ไม่บ่อยนัก ถึงอย่างนั้น ผมก็ได้เห็นโมเม้นท์เท่ๆ ของปรินซ์ตอนตัดบอล และจ่ายลูกต่อไปยังผู้เล่นคนอื่นอย่างแม่นยำ สายตาปรินซ์จดจ่อแต่กับลูกฟุตบอลและเพื่อนร่วมทีม ผมชอบ.. ชอบมองปรินซ์เวลาที่ปรินซ์ตั้งใจทำอะไรสักอย่าง โดยไม่สนสิ่งรอบข้าง แม้กระทั่งเสียงเชียร์ที่ดังทั่วสนามไม่ว่าผลจะเป็นยังไง แต่ผมก็รู้ว่าปรินซ์จะพยายาม และวิ่งอย่างเต็มที่ในทุกนัด
ถึงจะเป็นเพียงสัปดาห์ที่สามของการเปิดเทอม แต่การเรียนในมหาลัยก็ไม่ได้เมตตาปรานีต่อผู้เพิ่งมาใหม่ บางวิชาก็สอบย่อยเกือบทุกครั้งที่เรียน บางวิชาก็แจ้งโปรเจ็กต์ที่จะต้องทำส่งปลายเทอมแล้ว ขณะที่บางวิชาที่ดูสบายๆ เนื้อหาไม่ยากเน้นความเข้าใจ ไม่มีสอบเก็บคะแนนใดๆ ไม่มีการบ้านให้ต้องทำ แต่รุ่นพี่ที่มีประสบการณ์มาก่อนก็จะเตือนว่าอย่าประมาท! เพราะตอนสอบแทบจะต้องต้มชีทเรียนกิน (ที่หนาหนักเกือบกิโล) ให้ร่างกายดูดซึมเข้าเส้นเลือดแทนอาหาร เพื่อให้เนื้อหาที่เรียนมาทั้งเทอมถูกคลุกเคล้าส่งตรงไปยังสมอง ประมวลผลออกมาแล้วใช้เขียนตอบลงในแผ่นกระดาษขาวสะอาดแลกกับคะแนนที่จะชี้ชะตาในคราเดียวว่าจะผ่านหรือไม่ผ่าน!
สำหรับเด็กปีหนึ่งคณะนิเทศศาสตร์ แม้เรื่องเรียนจะต้องเป็นเรื่องใหญ่ (สำหรับผมนะ)  แต่เรื่องทุ่มทั้งใจให้กับกิจกรรมคณะก็ต้องมี พวกเราที่ไม่มีเรียนจะผลัดกันมาทำพร็อพและซักซ้อมการขึ้นสแตนด์ที่ใกล้เข้ามา ทั้งจะต้องตามหาปู่ย่าของตัวเองด้วยวิธีที่เหมือนจะง่ายอย่างการ ‘เดินเข้ามาถามหน้าด้านๆ ..แล้วจะตอบ’ ซึ่งเป็นเงื่อนไขที่พี่ปีสี่ระบุมาให้
“สวัสดีครับ ผมธาม รหัส 153 พี่ชื่ออะไร รหัสอะไรครับ”
ผมจำได้ว่าผมถามพี่ปีสี่เกินห้าสิบคนแล้ว (ไม่นับที่ผมเดินเข้าไปถามซ้ำเพราะผมดันจำหน้าพี่เขาไม่ได้)และตอนเย็นก็ต้องเข้าห้องเชียร์ที่บรรยากาศอึมครึมขึ้นทุกวัน แม้สัปดาห์นี้จะเป็นสัปดาห์สุดท้ายแล้วก็ตาม..

“พวกเราไม่เข้าใจพวกคุณเลย!!! นี่มันสัปดาห์สุดท้าย และเป็นวันสุดท้ายของห้องเชียร์แล้ว!!! ไม่คิดจะพัฒนาตัวเองให้พวกเราเห็นเลยรึไง!!!”
“เพื่อนของคุณก็ยังเข้าห้องเชียร์ไม่ครบ!!! ไม่คิดจะนับพวกเขาเป็นเพื่อนรึไง!!!”
“เห็นแก่ตัว!!! คิดแต่จะเอาตัวรอด!!! คิดแต่ว่าตัวเองจะได้เป็นน้องของพวกเราอยู่กลุ่มเดียว ก้อนเดียว!!! แล้วเพื่อนที่หายไป.. ไม่คิดจะให้เขาได้มีพี่บ้างรึไง!!!”
“ดิฉันเห็นนะคะ!!! ที่พวกคุณกำลังพยายาม..!!! แต่พยายามกันได้แค่นี้เหรอ!!!”
“คิดเหรอว่าไอ้ที่พยายามทำกันอยู่!!! พวกเราจะพอใจ!!!”
“คิดว่าพี่ทั้งสองชั้นปีที่ได้มา!!! เขาเต็มใจที่จะรับพวกคุณเป็นน้องจริงๆน่ะเหรอ!!! น้องที่ไม่ได้มีความเต็มที่จริงๆเขาก็ไม่ได้อยากจะรับเป็นน้องหรอกนะ!!!”
“เพราะอะไรรู้ไหม!!! เพราะพวกเราเห็นไง!!! เห็นว่าพวกคุณหลายคนเข้าห้องเชียร์แค่วันที่เฉลยสายรหัส!!! ความเต็มที่น่ะมีกันบ้างไหม..!!!”
“อย่าคิดนะว่าพวกเราทั้งหมดในคณะนี้ จะยอมรับคนแปลกหน้าอย่างพวกคุณเข้ามาเป็นน้อง!!!”
“พวกเราทั้งสามชั้นปีเป็นเพื่อนเป็นพี่เป็นน้อง!!!”
“แต่พวกคุณหลายคนกำลังทำให้พี่เรา เพื่อนเราร้องไห้!!! พวกคุณไม่เห็นความสําคัญของห้องเชียร์!!! ห้องเชียร์ที่พวกเราทุกชั้นปีต้องผ่านร่วมกัน และภาคภูมิใจ!!!”
“พวกคุณรู้ไหม!!! ไม่เคยมีใครไม่เข้าห้องเชียร์ในรุ่นของพวกเรา!!! เพราะอะไร!!! เพราะเราเห็นทุกคนในรุ่นเป็นเพื่อน!!! และใส่ใจความรู้สึกของรุ่นพี่!!!”
“ความไม่เต็มที่ของพวกคุณ ทําให้เรารู้ว่าพวกคุณก็แค่คนแปลกหน้า!!! คนแปลกหน้าที่เข้ามาทําร้ายจิตใจเพื่อนเราพี่เรา!!!”
“อย่าคิดว่าพอจบห้องเชียร์แล้วจะได้เป็นน้อง!!!”
“พวกเราจะไม่มีวันยอมรับพวกคุณเข้ามาเป็นน้องของเรา!!!”

ความกดดันขั้นสุดที่ผมได้ยินขณะที่ปิดตาแน่นสนิททำให้ผมเผลอหลั่งนํ้าตาอุ่น ความจุกแน่นในอกกําลังโดนเสริมแรง ภายในห้องเชียร์ด้านบนที่พวกเราทั้งชั้นปีกำลังนั่งอยู่เงียบสงัดลงหลังจากเสียงเดินของกลุ่มพี่ว๊ากจากไปและประตูบานใหญ่ปิดดัง ผมจินตนาการภาพตามแม้ว่าจะไม่เห็นด้วยตาที่ปิดสนิทอยู่ ตอนนี้คงไม่ใช่ผมเพียงคนเดียวที่มีอาการอย่างนี้ เพราะเสียงสะอื้นเบาๆ ดังอยู่ทั่วห้องจากการรับรู้ของผม ใครวะที่เข้าห้องเชียร์แค่วันเฉลยสายรหัส ใครวะที่ทำให้วันสุดท้ายในห้องเชียร์พังไม่เป็นท่า แล้วแบบนี้จะได้เจอปู่ย่าไหม! ความพยายามที่ทำมาทั้งหมด..แม่งจะสูญเปล่าเพราะคนไม่กี่คน อย่าให้รู้นะว่าเป็นใคร! ..คงเป็นคำถามที่เกิดขึ้นในหัวของพวกเรา ผมก็เองก็ด้วย
“น้องๆ คะ” เสียงอ่อนโยนดังขึ้นในความเงียบของห้องกว้าง
“ค่อยๆลืมตากันนะ” แต่ถึงอย่างนั้น ภายในน้ำเสียงก็มีความขุ่นเคือง และหม่นหมอง
“พวกพี่รู้ว่ามันอาจจะน่าผิดหวังสำหรับน้องๆ ทั้งที่วันนี้เป็นวันสุดท้ายของห้องเชียร์.. มันก็ควรจะปิดแบบดีๆ ละเน๊อะ..” หางเสียงและรอยยิ้มโศกของพี่เขายิ่งทำให้ผมรู้สึกแย่
“แต่ไม่เป็นไรนะคะ พวกเราก็ทำกันมาเต็มที่แล้ว..” เสียงสะอื้นกลับยิ่งทวีดังเพิ่มขึ้นไปทั่วห้อง แม้แต่ในกลุ่มผู้ชาย..
“เอาล่ะ.. ยังไงวันนี้พวกน้องก็จะได้เจอพี่ปีสี่ของตัวเอง.. ตอนเจอก็อย่าทำให้พี่ๆ เขาผิดหวังนะ”
“หัวแถวลุกเลยค่ะ” พวกเราลุกขึ้นเดินออกจากห้องเชียร์โดยไร้ซึ่งเสียงสนทนาเหมือนทุกครั้ง แต่บรรยากาศวันนี้มันต่างออกไป ความรู้สึกผิดถาโถมอัดแน่นอยู่ในใจ ความผิดหวังที่คิดว่าวันนี้มันจะจบแบบแฮปปี้เอนด์ดิง และความผิดคาดเหมือนการได้ดูหนังที่หักมุมในตอนจบแบบไม่เคยรู้สปอยมาก่อน พวกเราคาดหวังว่าวันนี้พวกเราจะได้รู้จักตัวตนของพี่ว๊ากที่ทำหน้าที่หนักมาตลอดเกือบเดือนสักที.. อยากรู้ว่าพี่ผู้หญิงผมยาวใส่แว่นที่ดูเนี๊ยบที่สุด ดูเป็นผู้ใหญ่ที่สุด ชื่อพี่อะไร (ไม่ใช่พี่ว๊ากทุกคนที่ไอ้บรีสมันจะสามารถสืบหาตัวตนของพี่เขาได้) อยากรู้ว่าพี่พีท (ที่เสียงหล่อที่สุด) พี่เกลือ (ที่ตัวเตี้ยที่สุด) พี่ดาว (ที่ร่างบางที่สุด แต่เสียงดังที่สุด) พี่ข้าว (ที่ดูใครๆจะสนใจที่สุดเพราะหน้าตาที่ดุแต่กลับน่ามองที่สุด) และพี่ว๊ากอีกหลายคน จริงๆแล้วพวกพี่เขาเป็นคนยังไงกันแน่ จะดุโหด จะขี้เล่น หรือจริงๆอาจจะตลกสดใส อย่างที่พวกเราเคยสรุปกันไว้.. พวกเราน่าจะเผลอเคารพ หลงรัก และศรัทธาในตัวพี่ว๊ากไปแล้ว พวกเราติดการโดนว๊าก ถ้าวันไหนที่พี่ว๊ากว๊ากน้อย หรือมีพี่ว๊ากคนไหนหายไป พวกเราก็จะรู้สึกว่ามันไม่ครบ ไม่ชิน ไม่ฟิน และไม่อินกับห้องเชียร์ซะอย่างงั้น.. หรือจริงๆ พวกเราอาจจะเสพติดความเจ็บปวดไปแล้วก็ได้..

“ก่อนจะถึงใต้ถุน น้องๆ จะถูกปิดตานะ ไม่ต้องตกใจ”
ผมเห็นพวกเพื่อนที่ยืนอยู่ก่อนผมพยักหน้าเข้าใจ ตอนนี้จะมีอะไรดีไปกว่าการได้เจอปู่ย่าที่รอคอยมาตลอดอาทิตย์ และมันอาจจะช่วยรักษาอารมณ์แย่ๆ ของพวกเราให้ดีขึ้นมาได้บ้าง
ผมเห็นพี่ฟ้าทันทีที่ตัวเองเดินมาถึงปลายบันได น้ำตาของผมร่วงหล่นพรั่งพรูแบบห้ามไม่ได้ พี่ฟ้ายิ้มอ่อนโยนและกอดผมกระชับ
“ไม่เป็นไรนะธาม ไม่ต้องร้องๆ” ผมผละออกและเช็ดน้ำตาของตัวเอง
“ก้มหน่อย เดี๋ยวพี่จะผูกผ้าปิดตาให้ ลุงกับย่าเขารอธามอยู่” ลุงกับย่า! นี่พวกเรายังมีหน้าไปเจอพวกเขาจริงๆเหรอ ทั้งที่เพิ่งทําห้องเชียร์พังไม่เป็นท่า
“ครับ” พี่ฟ้าผูกผ้าปิดตาให้ผมเรียบร้อย และเช็คว่าผมมองเห็นอะไรภายใต้ผ้าผืนไม่หนาไม่บางรึไม่ ก่อนจะคว้าข้อมือผมให้ไปจับกับมือของใครสักคน
“น้องๆ ทุกคนผูกผ้ากันเสร็จแล้วนะ ขอให้จับมือกันแน่นๆ ตอนนี้พวกน้องทั้งชั้นปีกำลังจะเดินทางไปหาพี่คนโตที่สุดของสายรหัสพร้อมๆ กัน ไปทำให้พี่เขารับเราเป็นน้องให้ได้ อย่าทำให้พวกพี่ผิดหวังนะ บทเรียนสุดท้ายที่ห้องเชียร์จะให้น้องๆ ได้คือความเชื่อใจ และไว้ใจ เชื่อใจในเพื่อนที่จะไม่มีวันปล่อยมือกันไม่ว่าจะในคืนนี้หรือในอนาคต และไว้ใจในพวกพี่ที่จะคอยดูแลไม่ให้พวกน้องต้องล้มระหว่างทางไม่ว่าปัจจุบันหรือจะอีกสิบปีข้างหน้า.. เพราะพวกเราเป็นเด็กนิเทศ และจะเป็นเพื่อน เป็นพี่น้องกันตลอดไป ขอให้น้องๆ ทุกคนผ่านคืนนี้ไปได้ และผ่านมันไปด้วยกันค่ะ”
“...”
“น้องๆ ค่อยเดินตามแรงที่เพื่อนดึงนะ ไม่ต้องรีบ” ตอนนี้เท้าของผมเริ่มขยับย่างก้าว พวกผมกำลังออกเดินไปที่ใดสักที่หนึ่งที่ยากคาดเดา

“น้องระวังค่ะ เดินไปทางซ้ายอีกนิด”
“น้องแพรวยกเท้าขึ้นสูงอีกนิดนะลูก”
“น้องเพชรก้มตัวลงนะ น้องหญิงก็เตรียมก้มตัวด้วยจ้ะ
“น้องธามระวังชน ค่อยๆ เดิน”
พี่ผู้หญิงและพี่ผู้ชายสลับกันส่งเสียงตลอดทาง มือของเพื่อนทั้งซ้ายทั้งขวาทำให้ผมอุ่นใจพอๆ กันกับเสียงของรุ่นพี่ พวกเราแค่ต้องไว้ใจและเชื่อใจกัน.. ในความมืดมิดเช่นนี้อดทำให้ผมกลัวไม่ได้ว่าผมจะเผลอไปสะดุดอะไร และลากเอาเพื่อนล้มไปด้วยผมจึงตั้งสติกับการฟังเสียงของพวกพี่ๆ เราเดินกันอยู่นาน ผมว่ามันนานเพราะไม่รู้ว่าเรากำลังเดินอยู่ตรงไหน และจะกำลังเดินไปไหน..

ในที่สุดการเดินทางก็หยุดลง เพื่อนข้างหน้าบอกผมล่วงหน้าว่ากำลังจะนั่งลง ผมเองก็ทำตามด้วยการหันไปบอกต่อเพื่อนที่อยู่ถัดไป มือทั้งสองข้างที่ยังคงไม่ว่างทำให้การนั่งลงขัดสมาธิออกจะลำบากเล็กน้อย
“ธามปล่อยมือเพื่อนได้แล้ว” เสียงพี่ผู้หญิงคนนึงดังจากทางด้านหน้า ผ้าปิดตาของผมค่อยๆถูกเลื่อนลงไปที่คอ
“ค่อยๆ ลืมตานะ” ผมทำตาม ผมกระพริบตาเล็กน้อย ปรับสายตาเพื่อเผชิญกับแสง.. แสงจากเทียนส่องสว่างนวลอยู่ตรงหน้าผม มันส่องสลัวแต่อบอุ่น
ผมหันมองภาพทั้งซ้ายและขวาแล้วอดทึ่งไม่ได้ ทุกคนในชั้นปีเองก็กำลังมีโมเม้นท์ดีๆ กับพี่สายรหัสของตัวเองแสงเทียนถูกจุดเป็นแถวคดเคี้ยวตามสภาพพื้นที่ริมฟุตบาท และทางเดินรอบคณะ ใช่รอบคณะ!พวกเราเดินกันอยู่นานทั้งที่จริงๆ พวกเราไม่ได้เดินไปไหนไกลเลย
“ขอต้อนรับน้องธามสู่สายรหัส 153 นะ”
“เห้ยพี่!”
“ไงเราจำพี่ได้ไหม”
“พี่ตาว นี่พี่ตาวเป็นย่าผมเหรอ”
“เออใช่ เห้ยฟ้า โคตรปลื้มว่ะ ธามมันจำฉันได้ด้วย” พี่ตาวหันหลังไปพูดกับพี่ฟ้า ผมเพิ่งสังเกตเห็นว่าพี่ฟ้านั่งซ้อนอยู่ข้างหลังของพี่ตาว
“แต่ผมถามพี่ตาวตั้งสองรอบเลยนะ ไม่เห็นพี่บอกเลยว่าเป็นพี่ผม”
พี่ตาวหัวเราะ “ช่วยไม่ได้ มิชชั่นของพวกฉันคือ ต่อให้พวกแกหน้าด้านมาถามสักกี่รอบ พวกฉันก็ต้องปฏิเสธว่าไม่ใช่”
“โหพวกพี่โคตรใจร้าย เพื่อนผมหลายคนใจเสียหมดเลย โคตรท้อ”
“ถ้ารับกันง่ายๆ ก็ไม่ใช่ปีสี่ดิ”
“...” ผมแอบค้อนเบาๆ
“ธามยื่นมือมา” ผมยื่นมือให้พี่ตาว สายสิญจน์เส้นขาวพร้อมรออยู่แล้วในมือของพี่เขา
“ขอให้ธามเรียนก็สุข เล่นก็สนุก มีชีวิตมหาลัยตลอดสี่ปีที่ดี เรียนจบก็ขอให้มีงานทำ จะมีแฟนก็ขอให้ได้แฟนที่รักแต่ธาม แต่ถ้ามีไรจะถามก็โทรหาพี่ได้ตลอดเวลา”
ผมมองตามมือเล็กของพี่ตาวที่ผูกสายสิญจน์ให้ พี่เขาผูกเสร็จและเงียบไป จนผมต้องเงยหน้ามอง
“อาว จบแล้วเหรอพี่”
“ไอ้เด็กนี่มันกวนตีนพี่อ่ะฟ้าาาาา”
“ก็ผมเห็นพี่ตาวอ่านโพยก็เลยคิดว่าน่าจะยาวกว่านี้”
“เดี๋ยวเหอะ เอ้าผูกสายสิญจน์เสร็จล่ะตามธรรมเนียม มันเป็นน้องเราแล้ว ฟ้าลงโทษมันเลย มันกวนตีนพี่ นี่คือคำสั่ง”
“พี่ตาวทำตัวเป็นเด็กอีกล่ะเราแก่แล้วนะ”
“ฟ้าใจร้ายกับพี่อีกแล้วววววว ธามดูดิ ช่วยพี่ด้วย”
ภาพของผู้หญิงตัวเล็กสองคนหยอกล้อกันทำผมยิ้มและผ่อนคลาย ผมจำพี่ตาวได้ไม่ยากนัก หนึ่งเพราะพี่ตาวเป็นคนที่ผมเดินเข้าไป ‘หน้าด้าน’ ถามถึงสองรอบ และรอบที่สอง ผมโดนพี่ตาวสั่งให้ลุกนั่งยี่สิบครั้งโทษฐานที่จำไม่ได้ว่าเคยถามพี่เขาแล้ว
“แล้วลุงของผมล่ะพี่” ผมถามพี่ทั้งสองคนที่เหมือนจะหลุดไปอยู่อีกโลกนึงเรียบร้อยแล้ว
“เออใช่พูดถึงไอ้..”
“อออออ” พี่ฟ้ารีบพูดแทรกพี่ตาว ผมว่าผมเห็นพี่ฟ้าบีบต้นแขนของพี่ตาวด้วย
“เออ ไอ้ลุงของเราน่ะ มันรออยู่ แป๊บนะ ขอดูเวลาก่อน ฟ้าาาา ดูเวลาในมือถือให้หน่อย พี่ลืมใส่นาฬิกามา” พี่ตาวก็ยังหาเรื่องอ้อนพี่ฟ้าต่อไป สภาพแบบนี้ใครเป็นพี่ใครเป็นน้องกันแน่
“ได้เวลาล่ะ พวกพี่จะพาไปหามัน มามา ปิดตาอีกทีนะ”
“เห้ยพี่ ยังต้องปิดอีกเหรอ”
“อือออ”
“ลุงผมเป็นคนสั่งเหรอพี่”
“ใช่ มันอยากทรมานธามอีกนิด โทษฐานที่สืบไม่ได้ว่าลุงตัวเองเป็นใคร”
“โธ่พี่ ก็พวกพี่ปีสามแกล้งผม”
“ไม่ต้องมาอิดออด ทำๆ ไปเถอะพวกฉันต้องพาแกเดินไปเนี่ย ลำบากกว่าเยอะ”
“พี่ตาวอย่ามาบ่น ได้ข่าวว่ารอให้ธามโดนปิดตาก่อนแล้วจะชิ่ง”
“ฟ้าาาา พูดเรื่องจริงอย่างนี้พี่ก็แย่ดิ ก็จะกลับไปทำกับข้าวรอไง..”
“...” จู่ๆ พี่ฟ้าก็ไม่เถียงพี่ตาว แถมยังหลบตาพี่ตาวด้วย
“เออๆ รู้แล้ว จะกลับก็กลับก่อน งั้นธามบอกลาพี่ตาวมันตอนนี้เลย”
“หวัดดีครับพี่”
“เดี๋ยวไว้พี่จะนัดเลี้ยงสายนะ ไว้เจอกัน”
“คร๊าบบบบ” ผมมองตามหลังพี่ตาวไป พี่ตาวแวะทักทายเพื่อน และน้องๆตลอดทางที่เดินผ่าน
“มาๆ ส่วนธามต้องไปกับพี่ ปิดตาอีกทีนะ เชื่อใจพี่..” พี่ฟ้าพูดลากเสียงยาวในตอนท้าย ผมกับพี่ฟ้าต่างก็หัวเราะ ผมรู้ว่าพี่ฟ้าไม่ได้จะแซวหรือแดกดันกระบวนการห้องเชียร์ แต่คงเพราะมันดูเป็นประโยคที่ชวนจักกระจี๋ในเวลาผ่อนคลายเช่นนี้

“พี่มาส่งธามแค่นี้นะ” พี่ฟ้ากระซิบบอกผม ตอนนี้เสียงผู้คนที่ดังอยู่รอบข้างเบาลงจนเงียบงัน คงมีแต่เสียงลมที่พัดอ่อนๆเป็นระยะ ตรงที่ผมยืนอยู่นี้คงเป็นพื้นที่โล่ง
..พี่เขาจะเป็นคนที่เคยเห็นหน้าแล้วป่ะวะ
..เป็นคนดีของคณะดีๆ เป็นคนดีก็ต้องดีกว่าเป็นคนชั่ว จะได้ไม่ลำบากใจกัน
..จะสูงสักเท่าไรวะ..สูงกว่ากู งั้นก็สักร้อยเจ็ดสิบเอ็ดล่ะกัน สูงกว่าหนึ่งเซนก็เรียกว่าสูงกว่าแล้ว
..สรุปแล้วพี่เขาเป็นคนยังไงวะ?? ไหนๆ ก็ว่างอยู่ ลองวิเคราะห์จากพฤติกรรมของพี่ในสาย (ซึ่งก็ไม่น่าเกี่ยวกัน)
..พี่ตาวคุยสนุก เข้าถึงง่าย แต่นิสัยเด็กโคตร
..พี่ฟ้าห้าว ดูแมนๆ แต่ก็คุยได้ แถมจริงใจสุดๆ
..เห้ยยย! นี่หมดเรื่องจะคุยกับตัวเองแล้วนะ จะให้รอนานไปถึงไหนเนี่ย!
..แม่ง! เมื่อไหร่พี่มันจะมาวะ!!
ผมเริ่มหมดความอดทน อากาศก็เริ่มเย็นลงแล้ว ผมขยับมือข้างหนึ่งเพื่อจะเอาผ้าปิดตาออก ทันใดนั้นข้อมือของผมก็ถูกคว้าไว้ก่อนที่มันจะไปถึงผ้าปิดตา..
“พี่ พี่เป็นลุงของผมใช่ไหมครับ” ไอ้เชี่ยลุง! กว่าจะมาได้
“...” ไม่มีเสียงตอบจากความมืดมิด แต่ข้อมือหนารั้งเอามือของผมเลื่อนลงมาช้าๆและจับมือของผมให้แบออก ก่อนวางวัตถุฐานกลมที่มีอุณหภูมิอุ่นลงบนฝ่ามือของผม มันมีน้ำหนักนิดหน่อย ผมคิดว่าผมควรถือมันนิ่งๆ ทั้งที่ไม่รู้ว่ามันคืออะไร
“ขอโทษที่ปล่อยให้รอนาน” เสียงนุ่มๆ อุ่นๆ กระซิบที่ข้างหูผม ใจผมเต้น พี่มึงจะกระซิบที่หูกูเพื่ออออ! ขนลุกโว๊ยยยยยย!!
ผ้าปิดตาของผมค่อยๆถูกเลื่อนลงโดยคนมือหนา ผมลืมตามองคนตรงหน้าทันที สำหรับค่ำคืนนี้คงเจอแสงที่แรงสุดก็คือแค่แสงจากเทียน ..และก็แค่แสงเทียนจริงๆ ท่ามกลางความมืดสนิทของลานหน้าหอสมุด แสงเทียนในมือของผมกำลังส่องแสงสลัวให้ผมเห็นคนตรงหน้าได้ถนัด ไม่ใช่เพราะแรงเทียนที่จุดสว่างไสว แต่เพราะคนตรงหน้ายืนอยู่ใกล้ผมมาก ..ห่างกันระยะแค่คืบ ผมกระพริบตาถี่ ภาพเหตุการณ์แบบนี้มันเคยเกิดขึ้นกับผมแล้ว.. พี่ข้าว!
“รู้ไหมว่ามันไม่มีหรอกนะความบังเอิญ..”
“...”
“..มันมีแต่พรหมลิขิตเท่านั้นแหละ”
“...”
“เรามาเริ่มกันใหม่นะ”
“!!!”
.
.
.
มาต่อไวให้คุณ kajeaw ^ ^
หัวข้อ: Re: YR Mine นายผู้ปกครอง - รักลุ้นๆ ของคนพี่ Ep.20 - ลุงรหัส *Upบ่าย 26 06 62
เริ่มหัวข้อโดย: AkuaPink ที่ 26-06-2019 17:00:13
 :pig4: :pig4: :pig4:

 :katai2-1:
หัวข้อ: Re: YR Mine นายผู้ปกครอง - รักลุ้นๆ ของคนพี่ Ep.21 - ความใน *Update 27 06 62
เริ่มหัวข้อโดย: After5p.m. ที่ 27-06-2019 09:46:30
021
ความใน
.
.
..บอส
แม่งจะทำอะไรไอ้ธามอีกวะ! ผมขยับเท้าจะพุ่งไปหาคนทั้งคู่ที่ผมแอบดูอยู่นาน ตอนแรกผมจำไอ้คนตัวสูงไม่ได้ แต่รู้สึกว่าคุ้นหน้า ตอนนั้นมันไม่มีแว่น.. แล้วในที่สุดก็นึกออก ไอ้พี่คนที่อยู่กับไอ้ธามที่คอร์ทแบท คนที่ขโมยจูบเพื่อนของผม! ผมจำชื่อมันไม่ได้ทั้งที่ไอ้ธามเคยบอกไว้ ก็ผมไม่ได้ยินชื่อพี่มันมาสักพัก เลยคิดว่าเหตุการณ์วันนั้นคงเป็นแค่การหยอกล้อ หรือไม่ก็การเข้าใจผิด จู่ๆ ผมก็สังหรณ์หรือเป็นเพราะไอ้พี่คนนี้รึเปล่า พี่ปรินซ์ไอดอลของผมถึงได้สั่งให้มาคอยดูแลไอ้ธาม คืนนี้ก็เหมือนกัน ผมรู้ว่าเป็นคืนปิดห้องเชียร์ ผมมาถึงตอนที่พวกปีหนึ่งนั่งกันเป็นแถวรอบคณะแล้ว เดินตามหาไอ้ธามอยู่สักพักสายตาก็บังเอิญเหลือบไปเห็นไอ้ธามกับพี่ฟ้ากำลังลุกขึ้น ผมเลือกที่จะเดินตามมาและแอบมองอยู่ไม่ใกล้ไม่ไกล ไอ้ธามมันยืนอยู่คนเดียวได้สักพัก ไอ้พี่แว่นมันก็มา แถมยังยืนมองไอ้ธามเพื่อนผมทั้งที่ไอ้ธามยังโดนปิดตาอยู่ แม่ง โรคจิตชัดๆ พี่ปรินซ์สั่งมา จะให้ใครเข้าใกล้ไม่ได้ ผมสาวเท้าเดินออกจากที่มั่นทันที แต่จู่ๆ ไหล่ขวาของผมก็ถูกดึงรั้งไว้ ผมหันหน้าไปมองทันที
“มึงใจเย็น”
“ไอ้เชี่ยบรีสสส มึงปล่อยกู มึงดูโน่น”
“พี่ข้าวเขาเป็นลุงรหัสของไอ้ธาม”
“ลุงรหัส?”
“เออ เขาเป็นสายรหัสกัน มึงใจเย็น”
“แต่ว่ามึงดู..”
“ก็แค่พี่สายรหัส มึงอย่าคิดเยอะดิวะ”
“...”
“งั้นมึงกับกูรอดูอยู่ตรงนี้ ถ้ามันไม่โอเคก็ค่อยเข้าไป”
“...”
“แล้วอีกอย่างนะเว้ย ถึงพี่ปรินซ์จะมาก่อน แต่กูว่าพี่ข้าวของกูก็มีสิทธิ์ป่ะวะ”
“!!!”
.
..ธาม
“รู้ไหมว่ามันไม่มีหรอกนะความบังเอิญ..”
“...”
“..มันมีแต่พรหมลิขิตเท่านั้นแหละ”
“...”
“เรามาเริ่มกันใหม่นะ”
“!!!”
“เอ่อคือ.. พี่ข้าวเป็นลุงของผม?” ผมพยายามปั้นหน้าให้เห็นว่าตอนนี้ผมโคตรจะปกติ ทั้งที่จริงๆ ใจแม่งเต้นระทึก ไอ้ที่พี่มันพูดเมื่อกี้มันคืออะไรวะ!
“ใช่ พี่เป็นลุงของธาม”
ผมฝืนยิ้ม ตอนนี้ผมโคตรเชื่อเลยว่าความบังเอิญมันแม่งมีจริง
“พวกเพื่อนต้องอิจฉาแน่ๆ ได้เป็นน้องพี่ว๊ากที่โคตรฮอต..”
“เหรอ แล้วธามดีใจไหมที่มีพี่เป็นพี่”
“ก็.. ดีใจดิ ใครได้พี่ข้าวเป็นลุงก็ต้องโคตรดีใจอยู่แล้ว..” ผมยิ้มกลบเกลื่อนความตื่นประหม่าและกังวล
“อืม”
“ผมโทรหาพี่ฟ้าดีกว่า บอกว่าผมเจอพี่ข้าวแล้ว..” ผมรีบหาทางออกจากสถานการณ์ชวนอึดอัด จะพูดอะไรกับพี่เขาต่อดีวะเนี่ย กดดันโว๊ยยยย
“ทำไมต้องโทร เขิน?”
“เขิน???” พี่มึงพูดเชี่ยไรเนี่ย “ผมเนี่ยนะเขินพี่ ทำไมต้องเขินวะ พี่ไม่ใช่ผู้หญิงน่ารักๆ สักหน่อย”
“เหรอ ก็นึกว่าเขินที่วันนั้นโดนพี่จูบ..”
ผมยืนสตั้นท์นิ่ง พี่ข้าวเขยิบเข้ามาใกล้ผมอีกนิด แล้วก้มหน้าลงมามองผม
“คือผม.. ผมลืมไปแล้ว”
“ให้พี่ช่วยทวนความจำไหม”
“!!!”
“ไม่ต้องเม้มปากแน่นขนาดนั้นก็ได้” พี่ข้าวเงยหน้าขึ้นและใช้มือดันแว่นของตัวเองให้สูงกระชับ
“พี่จะไม่ทำอะไรธามแบบนั้นอีกแล้ว”
“...”
“พี่บอกแล้วไง ว่าเราจะมาเริ่มกันใหม่ เริ่มกันใหม่แบบดีๆ วันนั้นพี่ใจร้อนไปหน่อย แต่ต่อจากนี้ พี่จะดีและสุภาพกับธาม ..พี่อยากให้ธามเห็นความจริงใจ ว่าพี่ตั้งใจจะจีบธามจริงๆ”
“!!!”
“และนี่.. ของรับขวัญจากพี่” จี้เงินรูปเม็ดข้าวห้อยอยู่บนสายสร้อยสีดำถูกยกขึ้นมาให้ผมเห็นในระดับสายตา แล้วมันก็ถูกพาดลงบนคอของผม พี่ข้าวเดินเข้ามาเกือบชิดร่างของผมที่นิ่งแข็ง ก่อนใช้แขนทั้งสองข้างอ้อมไปหลังคอของผมเพื่อติดตะขอสร้อย หน้าของพี่ข้าวแทบจะแนบเข้ากับแก้มของผม
“นี่ของรับขวัญจากลุง.. ห้ามถอด” ลมหายใจอุ่นกระทบใบหู ส่วนสัมผัสอันอ่อนไหวของผม.. ผมได้สติแทบจะทันทีรีบก้าวเท้าถอยห่างออกจากร่างของพี่ข้าวที่ยังคงยืนนิ่งในท่านั้น.. ท่าทางที่น่ามอง และยิ่งชวนมองใต้แสงเทียนสลัวนี้
“ธามหน้าแดง คงเขินพี่จริงๆ”
“ไม่ใช่เว๊ยพี่ เพราะเทียนตังหาก!!”
“เวลาธามเขิน.. น่ารักดีนะ”
“!!!”
“น่ารักพอๆ กันกับตอนกวนตีน พี่ชอบ”
“!!!” พี่ข้าวเอื้อมมือมาใกล้หน้าผม..
“ไอ้ธามมมมมม!” ผมหันไปมอง ถึงไม่มองก็รู้อยู่แล้วว่าเป็นเสียงของไอ้บอส ขอบคุณมึงมากกก กูกลั้นหายใจจนจะตายอยู่แล้ว!
“ไอ้บอส ไอ้บรีส” ดีๆ มึงมาเป็นคู่ กูยิ่งอุ่นใจ
“สวัสดีครับพี่ข้าว ผมบรีสครับ น้องปีหนึ่ง”
“พี่รู้แล้ว บรีส ยุทธนา รหัส 167”
“โหพี่ โคตรเจ๋งงง”
“เป็นพี่ว๊ากก็ต้องรู้อยู่แล้วป่ะวะ” ไอ้บอสส่งเสียงเข้มดังแหวกอากาศเข้ากลางวง
“นั่นสินะ มันคงธรรมดาไป แล้วถ้าพี่ก็รู้ว่าเราชื่อบอส ธวัชชัย ปีหนึ่งจิตวิทยาล่ะ
“!!!” ไอ้บอสทำหน้าไปไม่เป็น ขณะที่ไอ้บรีสปรบมือรัว
“พี่จำเป็นต้องรู้จักผม?”
“..ก็จำเป็น เพราะน้องเป็นเพื่อนสนิทของธาม ใครที่อยู่รอบตัวธาม พี่ก็ต้องทำความรู้จักไว้” พี่ข้าวมองตรงไปที่ไอ้บอส สายตาดุคมใต้กรอบแว่นทําผมรู้สึกหนาว
“พี่จะจีบไอ้ธาม..?”
“!!!” ไอ้บอสมึงงง
“ใช่ พี่จะจีบธาม” ผมทําได้แค่มองซ้ายขวาสลับไปมา ส่วนไอ้บรีสคงช็อกไปเรียบร้อยแล้ว เพราะผมเห็นมันอ้าปากค้าง
“มันคงไม่ง่ายเท่าไหร่” ไอ้บอสบอกพี่ข้าว
“ก็ไม่คิดว่ามันจะง่าย”
พลังงานบางอย่างระหว่างพี่ข้าวกับไอ้บอสถูกส่งออกมารุนแรงจนผมสัมผัสได้
“กูว่าดึกแล้ว กลับกันดีไหมวะไอ้บรีส” ถ้าผมไม่ทำอะไรสักอย่าง อีกสักพักคงได้เป็นกรรมการเคาะระฆังมวยแน่ๆ
“เออใช่ นี่ใกล้เที่ยงคืนแล้วพวกมึงต้องรีบกลับเข้าหอแล้วนิ”
“ไอ้บอสกลับได้แล้ว พี่ข้าวครับพวกผมกลับก่อนนะครับ” ผมคว้าเอาแขนของไอ้บอสที่ขืนแข็งสู้แรงผมเล็กน้อย
“เออ กลับก็กลับ”
“หวัดดีครับพี่ข้าว/หวัดดีครับ/…” ยังดีที่ไอ้บอสยอมยกมือไหว้พี่ข้าว..

“พวกมึง เมื่อกี้กูไม่ได้ฟังผิดใช่ป่ะวะ ที่พี่ข้าวบอกว่าจะจีบมึง” ไอ้บรีสชี้มาทางผม มันถามทําลายความเงียบหลังจากที่พวกเราเดินห่างจากพี่ข้าวมาไกล และมั่นใจว่าพี่ข้าวไม่ได้เดินตามมา
“เออ เต็มหกหูนี่แหละ” ไอ้บอสตอบ
“โอวววว”
“โอววว เชี่ยไรของมึงวะ”
“คือนั่นมันพี่ข้าวไงมึง แล้วมาจีบไอ้ธามเนี่ยนะ”
“เป็นไอ้พี่ข้าวแล้วมันจะยังไงวะ”
“มึงไม่รู้ไร ในคณะกูเนี่ย พี่ข้าวดังสุดแล้ว ลองพี่มันกล้าประกาศต่อหน้าพวกเราขนาดนี้ แสดงว่าพี่ข้าวเอาจริง นี่มันข่าวใหญ่ของคณะเลยนะเว้ย”
“งั้นว่าแปลกล่ะ”
“ยังไงวะ” ผมถามบ้าง
“ก็เพราะมึงเป็นไอ้ธาม เด็กเนิร์ดๆ ซื่อๆ หัวโบราณ กวนตีน มีดีก็แค่น้ำใจ”
“มึงก็พูดซะ ถึงกูจะเพิ่งรู้จักไอ้ธาม กูก็รู้เว้ยว่าไอ้ธามเนี่ยมันเป็นคนจริงใจ”
“กูซึ้งเลยไอ้บรีส”
“ได้ข้อเดียววะมึง”
“ไอ้เชี่ยยย พวกมึงรุมกู”
“เห็นม่ะ นิสัยมึงอาจจะผ่าน แต่พี่มันเพิ่งรู้จักมึงไงจะมารู้จักมึงดีได้ยังไงวะ แล้วมึงก็ไม่ได้แบบ หล่อวิ๊งปิ๊งประกาย เปล่งแสงใสไร้สิวเสี้ยน หุ่นดีน่าขบน่ามอง มึงก็แค่พอดูได้ หน้าใสสไตล์ตี๋ น่าเอ็นดูดูสะอาด แต่ก็ผอมบางปราศจากกล้ามเนื้อ แล้วพี่มันจะเอาตรรกะ เอาอารมณ์ เอาเหตุผลอะไรมาชอบมึงวะ”
“…” ไอ้บอสมันถอดรหัสความเป็นผมซะละเอียดเอาซะผมเถียงไม่ออก
“ก็จริงของมึงไอ้บอส แล้วมึงจะเอาไงต่อไอ้ธาม”
“เอาไงไรวะ”
“กูน่ะไม่ได้โง่นะ พี่ปรินซ์เขาก็จีบมึงอยู่ ดูจะหวงมึงมากด้วย ส่วนพี่ข้าวเนี่ยก็ประกาศเจตนารมณ์ชัดเจน”
“กูไม่ได้ชอบผู้ชาย!”
“หึ/หึ”
“พวกมึงประสานเสียง ‘หึ’ ใส่กูเพื่อ?”
“กูกลับก่อนดีกว่า กูฝากมึงดูแลเด็กน้อยด้วยล่ะกันไอ้บอส”
“เออ” ไอ้บอสตอบไอ้บรีส แล้วไอ้บรีสก็เดินแยกไปอีกทางเมื่อพวกเราเดินมาถึงที่จอดจักรยานข้างคณะนิเทศ
“ไอ้ธาม กูถามมึงจริงๆ ทำไมมึงไม่หลบไอ้พี่ข้าว”
“หลบ หลบอะไรวะ หลบตอนไหน”
“ก็ตอนพี่มันเอาหน้าเข้าไปใกล้ๆมึง”
“...กูตกใจ กูก็เลยทำอะไรไม่ถูก”
“พี่ปรินซ์เคยทำแบบนี้กับมึงไหม” ผมมองหน้าไอ้บอส ตอนนี้มันทำหน้าอย่างกับผมเป็นจำเลยที่กำลังถูกเค้นสอบในห้องควบคุม ระหว่างมันกับผมมีโต๊ะตัวเล็กกั้น และแสงไฟสีเหลืองกำลังสาดใส่หน้าผม
“..ก็ ก็เคย”
“มึงถอยไหม”
“กู.. กูก็ถอย”
“มึงหลบทันทีเลยไหม หรือมึงสตั้นท์ ค้างแข็ง นับหนึ่ง สอง สาม แล้วค่อยถอย”
“เอ่อ ก็ประมาณนั้น” ผมหันหน้าหลบตาไอ้บอส
“แบบไหน เอาชัดๆ”
“แบบหลัง..”
“หึ”
“หึหา..”
“มึงรู้ม่ะ ถ้ามึงหลบทันทีที่ผู้ชายมาอ่อยมึง คือมึงรังเกียจไง แต่ถ้ามึงสตั้นท์ ค้าง นิ่ง รอ จนได้สติแล้วค่อยถอยน่ะ คือมึงไม่ได้รังเกียจไง เผลอๆ กูว่ามึงชอบด้วยซ้ำ”
“!!!”
“มึงอย่าเพิ่งอึ้ง ตอบกูมาอีกข้อ”
“...”
“ระหว่างพี่ข้าวกับพี่ปรินซ์ มึงรู้สึกดีตอนที่ใครพยายามอ่อยมึงมากกว่ากัน”
“ทำไมกูต้องตอบมึง”
“ก็เรื่องมันจะได้ง่ายขึ้นไง”
“ก่อนอื่นมึงฟังกู ไอ้การที่มึงสรุปว่ากูไม่ได้รังเกียจเนี่ย จริงๆ มันก็แค่เพราะว่ากูตกใจเลยทำอะไรไม่ถูก ดังนั้นคำถามข้อต่อมาของมึงกูก็จะไม่มีคำตอบให้ เพราะมึงไม่สามารถสรุปได้ชัดๆ ว่ากูชอบ หรือกูไม่ชอบผู้ชาย”
“โอ้โหมึง จู่ๆ มึงก็กลายร่างเป็นมนุษย์ตรรกะ ไว้กูไปหาหลักฐานพยานมาซักค้านเอาให้คําให้การของมึงตกจมธรณีไปเลย ส่วนวันนี้กูยอมแพ้ให้กับความพยายามแถของมึง”
“...” เอออออ.. กูแถ..ก็เพราะมันเป็นครั้งแรกของกูไง ครั้งแรกของหัวใจกู!
.
.
..ข้าว
...ถ้ามันง่ายก็คงไม่สนุก
ผมนัดแนะฟ้ากับพี่ตาวไว้เรียบร้อย คืนนี้จะเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีของความสัมพันธ์ระหว่างผมกับธาม จากที่เห็นธามเป็นเด็กใสซื่อ หัวอ่อน ถึงจะมีความกวนเล็กๆ แต่ก็ดูเป็นเสน่ห์ชวนให้อยากแกล้ง
ร่างบางของธามยืนอยู่ท่ามกลางความมืดที่ไม่สนิทเพราะได้แสงจากเสาไฟรายทางที่ห่างออกไป ผมรออยู่ก่อนแล้วที่ลานหน้าหอสมุดธามยืนนิ่งได้สักพักก็ยกมือขึ้นกอดอก ธามไม่รู้ตัวสักนิดว่าผมยืนอยู่ตรงหน้า คิ้วไม่หนาไม่บางแต่ได้รูปยกขึ้นขมวดเล็กน้อย คงจะเริ่มหงุดหงิดที่ลุงอย่างผมไม่ปรากฏตัวสักที ผมนึกขํา.. ใช่ ผมขําเด็กคนนี้ตั้งแต่วันแรกในห้องเชียร์ ธามมองผมทั้งที่ตาจะต้องมองตรงไปข้างหน้า แถมยังหันหน้ามองเพื่อนที่กําลังจะล้ม ผมเห็นธามทำท่าจะก้าวเท้าออกไป คงเป็นห่วงเพื่อน.. ช่างน่าประทับใจ แต่การที่เอาตากลมโตมามอง แล้วตอบโต้ผมด้วยความกวนที่ใสซื่อ..
“ผมถามว่าคุณกำลังมองอะไร!!”
“เอ่อ มองพี่ครับ”
“..จะกวนตีนผมเหรอ” 
“..ผมขอโทษครับ ไม่ได้ตั้งใจจะมองพี่ มันเผลอมองไปเอง..”
..นั่นทําให้ผมเกือบจะเสียอาการ ทั้งขํา ทั้งรู้สึกดี แทบจะว๊ากต่อไม่ได้ ผมจดจําธามได้ตั้งแต่วันนั้น ธามจึงอยู่ในสายตาของผมตลอด แล้ววันต่อมาในห้องเชียร์ ธามทําหน้านิ่วตัวเริ่มงอ ผมจึงเข้าไปว๊ากตามหน้าที่ทั้งที่อีกใจนึกอยากจะถามดีๆมากกว่าว่าเป็นอะไรเพราะผมเป็นห่วงในฐานะที่เป็นรุ่นพี่ที่ดี ธามก็ยังไม่วายพูดจากวนแบบใสซื่อใส่ผม จนไอ้ปรินซ์มันมา.. ผมจําไอ้ปรินซ์ได้แทบจะทันทีถึงมันจะไม่รู้จักผมก็ตาม มันประกาศชัดเจนว่าธามคือคนพิเศษของมัน ตอนแรกผมไม่เข้าใจ ..นี่มันกำลังหวงเด็กคนนี้?? มันเป็นความบังเอิญจริงๆ ที่ผมนึกเอ็นดู ถูกชะตาธามก่อนที่จะสนใจว่าธามคือหลานรหัส แต่ตอนนี้ผมยกระดับความสําคัญของธามขึ้นไปอีก ..วันไหนที่ผมได้ใจของธาม วันนั้นจะเป็นวันที่ผมมีความสุขที่สุด เพราะไอ้ปรินซ์มันคงเหมือนตายทั้งที่ยังหายใจ ส่วนธาม.. ก็หมดประโยชน์ อาจจะฟังดูโหดร้าย แต่ใครใช้ให้ธามดันเป็นคนที่ไอ้ปรินซ์มันหมายปอง ยิ่งธามเจ็บ ไอ้ปรินซ์มันก็ยิ่งเจ็บ.. ถึงจะไม่มีทางเทียบกันได้กับสิ่งที่พี่ชาย และผมต้องเจอ..
.
.
หัวข้อ: Re: YR Mine นายผู้ปกครอง - รักลุ้นๆ ของคนพี่ Ep.21 - ความใน *Update 27 06 62
เริ่มหัวข้อโดย: kajeaw ที่ 27-06-2019 13:32:10
ข้าวใจร้ายอ่ะ
หัวข้อ: Re: YR Mine นายผู้ปกครอง - รักลุ้นๆ ของคนพี่ Ep.22 - การกลับมาของปรินซ์ 28 06 62
เริ่มหัวข้อโดย: After5p.m. ที่ 28-06-2019 09:55:32
022
การกลับมาของปรินซ์
.
.
“พี่ปรินซ์พลาดเหรียญ..”
“เออ กูเห็นข่าวล่ะ” ไอ้บอสพูดกับผมหลังจากมันเดินออกจากห้องนํ้าในตอนเช้าก่อนไปเรียน
ผมตามข่าว ตามดูย้อนหลังทุกนัด ถึงจะเน้นฟังมากกว่าดูก็เถอะ ถึงทั้งทีมจะทําได้ดี เล่นอย่างตั้งใจ แต่ผมว่าเราคงต้องพัฒนาอีกเยอะเมื่ออยู่ในการแข่งขันระดับโลก หวังว่าปรินซ์มันจะไม่ท้อไปซะก่อน
“แล้วนี่พี่ปรินซ์จะกลับมาก่อนเลยป่ะวะ เผื่อจะทันลงเตะกีฬามอ”
“ไม่รู้ว่ะ แต่ถ้าให้กูเดากูว่าคงไม่ทัน น่าจะต้องอยู่ร่วมขบวนในพิธีปิดก่อน”
“เออว่ะ”
ผมยังคงนอนไถดูอะไรเรื่อยเปื่อยในเฟสบุ๊ค ทั้งที่ควรลุกไปอาบนํ้า
“แล้วพี่ปรินซ์ไม่ได้ไลน์หามึงเลยรึไง?”
ผมชะงัก “เออ” ทําไมมันจะต้องไลน์หากู! คิดแล้วก็หงุดหงิดนิดๆ นี่ไอ้ปรินซ์มันยังไม่ได้มือถือคืนอีกรึไง แข่งจบก็ต้องว่างแล้วไหมวะ พ่อแม่มันจะเป็นห่วงขนาดไหนแล้ว ติดต่อลูกชายคนเดียวไม่ได้
“แล้วนี่มึงจะไม่ถอดสร้อยนั่นเหรอวะ”
“สร้อย? ออ สร้อยลุงกูน่ะเหรอ”
“เอออ ก็สร้อยลุงมึงนั่นแหละ”
“ก็ลุงกูบอกห้ามถอด”
“ไอ้หัวอ่อน! ถ้ามึงไม่ถอดแล้วพี่ปรินซ์กลับมาเห็น ไม่ต้องโทรตามกูไปช่วยจับเขาแยกนะ”
“กูว่ามึงคิดมากไปว่ะ”
“ก่อนไปพี่ปรินซ์พูดกับมึงว่าไง แล้วไอ้พี่ข้าวเพิ่งพูดกับมึงว่าไง” ผมนึกตาม
“แล้วมันจะยังไงวะ กูก็ยังไม่ได้เป็นอะไรกับใคร ส่วนสร้อยเนี่ยพี่ข้าวเขาให้เพราะเป็นของรับขวัญจากลุง กูจะต้องกลัวอะไรวะ”
“กูพูดกับมึงแล้วเหนื่อย กูว่ากูต้องไปหาพาราตามหลังโจ๊กสักสองเม็ด ปวดหัวโว๊ยย”
ผมยังนึกไม่ออกว่ามันจะเกิดอะไรขึ้น ปรินซ์เห็นสร้อยนี้แล้วมันจะยังไง..

หลังจากห้องเชียร์ผ่านพ้นไป พวกเราก็หายใจโล่งขึ้น ถึงแม้ลึกๆจะรู้สึกคว้างๆ ว่างๆในยามเย็น แต่เวลาที่ได้คืนมาพวกเราก็กําลังทุ่มเทให้กับการขึ้นสแตนด์ครั้งแรกในรั้วมหาลัย พวกพี่ว๊ากที่ค่อยๆปรากฏตัวในใต้ถุนทีละคนสองคนเรียกเสียงฮือฮากระซิบกระซาบของพวกเราชั้นปีหนึ่งอย่างกับนกกระจิบกระจาบแอบคุยกัน เพื่อนมั่นๆของผมบางคนก็กล้าพอที่จะเดินเข้าไปเปิดบทสนทนากับพวกพี่เขาและขอลายเซ็นเพราะช่วงตามหาพี่สายรหัส พวกพี่ว๊ากจะไม่ได้รับอนุญาตให้พูดคุยกับน้องๆคนไหนรวมถึงน้องสายรหัสของตัวเอง เรื่องนี้ผมก็เพิ่งจะรู้ รอยยิ้มแทนที่คิ้วที่มักขมวดตึง เสียงหัวเราะแทนที่การตะเบ็งแสนโกรธเกรี้ยว พวกเราพอเห็นรีแอคชั่นเหล่านั้นของอดีตพี่ว๊ากก็จะพากันทยอยเข้าไปขอลายเซ็นบ้าง แนะนําตัวบ้าง ผมว่า..มันโคตรจะดี เหมือนเราได้ใกล้ชิดพี่ที่โคตรฮอตแบบใกล้ชิดจริงๆ ..แล้วตกลงพี่เขารับเราเป็นน้องยังวะ? เป็นคำถามที่ยังเป็นปริศนาต่อไปในใจผม..
“มึง พี่ข้าวมา แต่ทำไมกูว่าแปลกๆ”
“...” ผมค่อยๆหันหน้าไปมองตามการพยักเพยิดของไอ้บรีส พี่ข้าวมาจริงๆ มาแบบไม่มีแว่นลุคที่พี่ข้าวไม่มีแว่นทำให้ผมนึกย้อนไปถึงการตีลูกขนไก่สุดโหดและจูบที่ไม่มีที่มาที่ไป
“แกๆ แกว่าพี่เขาสายตาสั้น แต่ตอนนี้ใส่คอนแทค?”
“หรือว่าจริงๆไม่ได้ใส่แว่นอยู่แล้วป่ะ”
“หรือว่าพี่เขาลืมใส่แว่น”
“หรือว่าพี่เขาทำแว่นหาย”
“โอ๊ยยยย นี่พวกแกรรรรร จะมานั่งมโนหรือว่า หรือว่า หรือว่า บลาๆอีกนานไหม” เทนนิสพูดเบรกการคาดคะเนของกลุ่มเพื่อนสาวที่กระซิบกันอย่างออกรส ผมเองก็นั่งฟังเพลิน ไม่น่าแปลกใจที่ตอนนี้เด็กปีหนึ่งที่นั่งทำอุปกรณ์อยู่ใต้ถุนจะหันมองพี่ข้าวเป็นจุดเดียว ก็ในเมื่อพี่ข้าวเป็นพี่ว๊ากที่โดดเด่นที่สุด ทั้งหน้าตา และน้ำเสียง ..แม่งดุฉิบ
“ก็แค่เดินเข้าไปถามพี่เขาตรงๆ..” เทนนิสลากหางเสียงอ้อยอิ่งแบบสวยๆ พร้อมรูปปากเจ่อๆ
“แกจะไปถามใช่ป่ะนิด”
“เทนนิส!! แอคเซ้นสิ์ สึ.. ยูโน้ว!”
“เออ แกจะไปเป็นหน่วยกล้าตายใช่ไหม”
“โนววววว ฉันแพ้สายตาเขา ยิ่งถอดแว่นมาขนาดนี้ บอกเลยยยย ว่ายอมมมมม”
“ยอมพลีกาย?”
“ม่ายยย ยอมแล้วครับพี่ อย่าทำอะไรผมเลยยยย” เทนนิสพูดเสียงผู้ชายแทนที่จะพูดเสียงสอง พวกเราทั้งโต๊ะพากันหัวเราะครื้นเครง เวลาเม้ามอยนินทามันก็จะสนุกๆอย่างนี้แหละนะ
“แต่แกรรรร พี่ข้าวเดินมาทางนี้แล้วววว”
“กรี๊ดดดด (แบบไร้เสียง) ทำไงกันดีแกรรรรร!” เทนนิสออกท่าทางจนผมลืมอะไรไปบางอย่าง.. ไม่ทันแล้วว!ผมลืมว่าตัวเองนั่งอยู่ตรงนี้ด้วย!
“กรี๊ดดดด พี่ข้าว / พี่ข้าว / พี่ข้าว / พี่ข้าวววววว” พี่ข้าวยิ้มตอบแบบโคตรละมุน แถมมองสบตากับทุกคนอย่างเป็นกันเอง
“รู้จักพี่กันหมดแล้วดิ”
“รู้จักดีเลยค่ะพี่” เทนนิสยังทำหน้าที่เป็นกระบอกเสียงแทนทุกคนได้เป็นอย่างดี “แล้วพี่ข้าวรู้จักพวกเราดีรึยังเอ่ยยย” ผมอดนับถือในความกล้าหาญของคุณเทนนิสไม่ได้
“โห นี่กะเอาให้พี่ต้องอับอายเลยใช่ไหม” รอยยิ้มยังคงระบายอยู่บนหน้าของพี่ข้าว นี่มันร่างสามของพี่มันใช่ไหม ดุ/หื่น/ดี มีทีมันสามบุคลิกไปเลย
“แล้วพี่ข้าวกล้ารับคำท้าของเทน…”
“...นิส เราชื่อเทนนิส พี่พูดถูกไหม”
“กรี๊ดดดดด ถูกค่ะน้องชื่อเทนนิสค๊าาาาา ดีใจจังพี่ข้าวจำชื่อเราได้ น้ำตาจะไหลเลยอ่ะแกรรร” เทนนิสหันมาอวดเพื่อนที่นั่งอยู่รายล้อม
“ส่วนเราก็น้องน้ำหวาน น้องพลอย น้องอร น้องต้นน้ำ น้องพล น้องพี น้องใหม่ น้องโมทย์ น้องตั้น น้อง…” พี่ข้าวค่อยๆพูดทีละชื่อเรียงตามลำดับการนั่ง พวกเรานั่งอึ้งเงียบกันทั้งโต๊ะ ผมเองก็เช่นกัน
“น้องบรีส แล้วก็สุดท้าย.. ธาม” ผมเผลอสบสายตาอ่อนโยนที่มองมา
“อ๊ายยยย พี่ข้าวกินแปะก๊วยปั่นแทนน้ำเหรอคะ ถึงได้ความจำดีขนาดนี้” เทนนิสยังคงหาญกล้า ภาพพี่ข้าวในห้องเชียร์คงมลายสลายสิ้นจากความทรงจำไปแล้วเรียบร้อย
“พี่ก็ไม่ได้กินอะไรเป็นพิเศษนะ พี่กินได้ทุกน้ำ”
“กรี๊ดดดดด ทุกน้ำเลยเหรอคะ” มันน่ากรี๊ดตรงไหน ผมไม่เห็นจะเข้าใจ มันมีอะไรพิเศษรึไง คุณเทนนิสถึงได้สะดิ้งเลเวลอัพขึ้นไปอีก แต่ไม่ใช่แค่คุณเทนนิสสิ เกือบทั้งโต๊ะก็บิดเขินไปมาหน้าแดงหน้าร้อนกันใหญ่
“ไอ้บรีส ไอ้บรีส กินได้ทุกน้ำนี่มันเป็นแสลงอะไรเหรอวะ” ผมหันไปกระซิบถามไอ้บรีสที่นั่งอยู่ข้างๆ
“มึงน่ะเด็กน้อย ไม่ต้องรู้หรอก” โอเค กูไม่อยากรู้ก็ได้
“พี่ข้าวววว น้องเทนนิสมีคำถามค่ะ”
“...”
“พี่ข้าวสายตาสั้นรึเปล่าค่ะ”
“ไม่นะ พี่สายตาปกติ ออกจะสายตาดีด้วยซ้ำ” พี่ข้าวมองผ่านคุณเทนนิสมาหยุดที่ผม
“แล้วพี่ข้าวใส่แว่นทำไมล่ะคะ”
“เพื่อนมันบอกให้ใส่แว่นเพิ่มความดุน่ะ แล้วเรากลัวพี่ไหม” จะแว่นหรือไม่แว่นผมว่าพี่ข้าวก็ดุมันทุกลุค ผมก้มหน้าก้มตาคิด ในมือก็ฉีกพู่เชือกต่อไป แล้วจู่ๆ ก็มีมือหนาของใครมาแตะที่ไหล่ซ้ายของผม ผมหันหน้าไปมองทางซ้ายทันที แต่ก็ไม่เห็นใคร มีแต่ไอ้บรีสนั่งทำหน้าแปลก ผมเลยหันไปทางขวาแทน เลยประจันเข้ากับหน้าของพี่ข้าวที่กำลังมองมาใกล้จนผมต้องหดคอหนีพี่มันเดินมาตอนไหนวะ!
“ว่าไง ธามกลัวพี่ไหม”
เชี่ยยยพี่มึง! จะมาถามแบบเอ็กคลูซีฟกับกูต่อหน้าพลเมืองปีหนึ่งเพื่อ! ผมแอบเห็นสายตางงงันของหลายๆ คนที่พากันมองมาเป็นตาเดียว
“เอ่ออคือ..”
“โหไอ้เชี่ยธามมึงได้ลุงดีสุดๆ อ่ะ มีรีเช็คความรู้สึกกันด้วย” ไอ้บรีสโพล่งขึ้นมากลบเดดแอร์และดูเหมือนจะได้ผล
“ลุง?”
“ใช่ลุง พี่ข้าวเป็นลุงไอ้ธามมัน โคตรน่าอิจฉา”
“ว๊ายยยย น่าอิจฉาขั้นสูงสุด” เสียงวี๊ดว๊ายเม้ามอยดังงึมงําทั่วโต๊ะ “ฉันอยากมีลุงแบบนี้”
ผมแอบถอนหายใจ ดีที่ไอ้บรีสไหวพริบดี ว่าแต่ทำไมพี่ข้าวยังไม่ยอมถอยหน้าออกไป..
“จะไม่ตอบพี่หน่อยเหรอ” ระหว่างที่บรีสทำหน้าที่แก้ไขสถานการณ์ชวนน่าเข้าใจผิดให้ผม พี่ข้าวที่ยังคงโอบไหล่ผม ก็กระซิบถามเบาๆ ที่ข้างหู
“กลัวดิพี่” ผมก้มหน้าก้มตาตอบ
“ว่าแต่.. พี่ดีใจนะที่ธามทำตามที่พี่ขอ”
“ขอ?” ผมเงยหน้าหาพี่ข้าว พี่ข้าวขอไรกูไว้วะ
“ก็ธามไม่ถอดสร้อยที่พี่ให้” พี่ข้าวไม่ได้แค่พูด แต่เอานิ้วของมือข้างที่ว่างมาเขี่ยที่สายสร้อย ..เลยมาถึงผิวเนื้อส่วนคอของผม..เชี่ยพี่ข้าวว กูขนลุก!
“พี่จะคิดว่าธามชอบนะ”
“!!!” พี่ข้าวยอมยืดตัวถอยห่างออกจากผม ..ที่ไม่ถอดเพราะไม่กล้าถอดโว๊ยยยยยพี่มึงจะมาสรุปแบบนี้ไม่ได้!
“ไอ้ข้าว ทำไมวันนี้เข้าใต้ถุนได้วะ” พี่เจียวที่เดินมากับพี่ทีตะโกนเสียงดังมาแต่ไกล เรียกเอาความสนใจของคนทั้งโต๊ะ
“ก็อยากเข้า มึงมีปัญหาอะไรไหมไอ้เจียว”
“กูไม่กล้ามีปัญหากับพี่ว๊ากหรอกคร๊าบบบ เดี๋ยวโดนน้องรุมมมม”
“สวัสดีค่ะ / หวัดดี / หวัดดีครับ พี่ที พี่เจียว”
“กูไปก่อนนะ” พี่ทีพูดกับพี่เจียว หน้าตาเหมือนกําลังไม่พอใจอะไรสักอย่าง
“อ้าวมึงไม่รอไปพร้อมปาท่องโก๋ของมึงเหรอ”
พี่ทีไม่ตอบแถมยังเดินจากไปแบบเย็นๆ ผมว่าบรรยากาศที่พี่ทีทิ้งไว้มันชวนเย็นยะเยือก ผมแอบมองไปที่พี่ข้าว สายตาขรึมของพี่ข้าวกำลังมองตามหลังของพี่ทีไป ก่อนจะปรับอารมณ์ที่ปรากฏเพียงชั่ววินาทีมาสนใจพวกผมต่อ คงมีปัญหากันสินะ..
.
.
..ในที่สุดวันนี้ก็มาถึง วันขึ้นสแตนด์เชียร์ของปีหนึ่งทุกคณะ ซึ่งเป็นวันสุดท้ายของกิจกรรมกีฬามหาลัยประจำปี จริงๆแล้วผมไม่รับรู้เลยว่าเขาแข่งกีฬาอะไรยังไงกัน มีแข่งกีฬาอะไรกันบ้าง แข่งกันที่ไหน แล้วใครไปแข่ง เพราะตั้งแต่ก่อนเปิดเทอม ผมก็รู้แค่ว่ามีหน้าที่เข้าห้องเชียร์ ซึ่งแค่นี้พวกเราก็ไม่มีเวลาไปทำอย่างอื่นแล้ว
“โอเคค่ะทุกคน” เทนนิสที่รับหน้าที่เป็นผู้นำ (ซึ่งพวกเราทั้งชั้นปีโหวตเลือกในทางลับ) กำลังยืนพูดเสียงดังผ่านโทรโข่งอันจิ๋วอยู่บนม้านั่งที่ใช้เพิ่มระดับความน่าสนใจให้กับตัวเองต่อหน้าคนเกือบสองร้อย ณ ใต้ถุนที่กลับมาดูคับแคบอีกครั้ง “
เช็คความพร้อมของตัวเองกันนะคะ หนึ่งคือที่พร้อพบนหัวและหน้ากากค่ะ” เทนนิสชูอุปกรณ์ทั้งสองโบกไปมา “และสองก็คือพู่เชือกในมือค่ะ โอเค ทุกคนมีครบแล้วเน๊อะ ทีนี้ย้ำอีกทีนะ ช่วงพิธีการที่เขาห้ามใช้เสียง เราจะสันเงียบกัน (สันทนาการโดยไม่ออกเสียง ออกแต่ท่าทาง) พวกเราต้องสนใจลิสเพลงที่เทนนิสกับคนนำจะชูบอกนะจ๊ะ มีใครจะพูดไรอีกป่ะ ฉันว่าได้เวลาต้องมูฟล่ะ” พวกเราพากันส่ายหน้า “งั้นก็ไปสนุกให้เต็มที่กันคร๊าาาา”
พวกเราเดินเรียงแถวออกจากคณะโดยมีพี่ปีสองคอยนำทาง พูดคุย และควบคุมความเป็นระเบียบของพวกเรา สีสันสดใสของเครื่องแต่งกายของพวกเราดึงดูดสายตาของเหล่านักศึกษาต่างคณะให้หันมาสนใจตั้งแต่เดินออกจากคณะ เรื่อยไปจนถึงตอนที่พวกเราขึ้นสแตนด์ของสนามกีฬากลาง ไม่รู้หรอกว่าปีก่อนๆ ที่ผ่านมาพวกพี่เขาทำสแตนด์กันแบบไหน แต่.. ‘นิเทศชนะประกวดสแตนด์เชียร์ทุกปีนะ’ ข้อมูลนี้ทำให้พวกเราเกิดอาการกดดันกันทั้งรุ่น ประวัติศาสตร์แห่งชัยชนะจะมาขาดช่วงที่รุ่นเราไม่ได้ ความเต็มที่มีแค่ไหนจะใส่มันให้หมดในวันนี้
“ไอ้ธาม พี่ปรินซ์ได้ลงเตะไหมวะ”ไอ้บรีสตะโกนถามผมหลังจากที่เรานั่งบนสแตนด์เชียร์เรียบร้อย และกำลังรอสัญญาณจากแก๊งค์เทนนิสที่รับผิดชอบในการนำเชียร์ทําไมพวกมึงต้องถามถึงแต่ปรินซ์วะ และที่ไอ้พวกมึงถามกูเนี่ยกูก็อยากรู้เหมือนพวกมึงนั่นแหละ
“กูไม่รู้” ผมตะโกนตอบแข่งกับเสียงร้องเพลงเชียร์ที่ดังสนั่นเซ็งแซ่ตีกันจนฟังแทบไม่ออกว่ากำลังร้องเป็นภาษาอะไรของเหล่าปีหนึ่งคณะต่างๆที่นั่งอยู่เต็มทั่วทุกอัฒจรรย์ จนเมื่อช่วงเวลาพิธีการมาถึง ทั้งสนามจึงค่อยเงียบสงบลง
“..เอาล่ะ ขอให้วันนี้เป็นหนึ่งในความทรงจำของพวกคุณทุกคน ขอบคุณครับ” เสียงประธานในพิธีพูดจบลงในที่สุด สันทนาการเงียบของพวกเราก็เช่นกัน ต่อจากนี้จะได้สันกันแบบเต็มที่ เสียงมีเท่าไหร่ตะโกนออกมาให้ดังที่สุด..

“..กิตติชัยลากบอลยาวใกล้หน้าประตูเต็มทีแล้วครับ ผ่านกองกลางบัญชีไปอย่างไม่ยากเย็น”
“ต้องมาดูกันว่าแผงหลังบัญชีจะต้านพลังแชมป์เก่าสองสมัยอย่างวิศวะได้รึไม่”
“มาแล้วครับมาแล้วครับกิตติชัยไม่ยิงเองครับ ส่งต่อสมพล สมพลลากหลบปีติ ยังไงดีครับจะส่งต่อหรือจะยิงเอง”
“สมพลตัดสินใจยิงเองครับ แหม ชนคานแฉลบออกหลังไปอย่างน่าเสียดาย”
“เสียงโห่ดังมากเลยครับ ผมเดาว่าน่าจะมาจากทางฟากแชมป์เก่าครับคุณคมสัน”
“ผมก็ว่าอย่างนั้นครับคุณชัยชนะ กองเชียร์วิศวะเริ่มนั่งไม่ติดแล้วครับ เพราะวิศวะยังตีไข่ไม่แตกสักที ถือว่าผิดฟอร์มจากนัดก่อนๆ มากครับ”
“นี่ก็ใกล้จะจบครึ่งแรกแล้วครับแต่ทั้งสองฝ่ายยังทำอะไรกันไม่ได้”
“ผมว่าเราคงจะได้เห็นไข่แตกเอาช่วงครึ่งหลังเลยครับ”
“อา เสียงนกหวีดดังแล้วครับ ตามที่คาดไว้ครับจบครึ่งแรกไปโดยที่ทั้งสองฝ่ายทำอะไรกันไม่ได้ ศูนย์ประตูต่อศูนย์”
“จริงๆ ก็มีหลายลูกนะครับที่น่าจะเป็นประตูให้กับฝั่งวิศวะได้”
“ใช่เลยครับ แต่ก็พลาดไปอย่างฉิวเฉียด หวังว่าเราจะได้ยินเสียงเฮจากทั้งสองคณะในช่วงครึ่งหลัง ไม่เอาชนะลูกโทษนะครับ..”
ครึ่งแรกของแมทช์ฟุตบอลรอบชิงชนะเลิศจบลงโดยที่พวกเราชาวนิเทศ โดยเฉพาะปีหนึ่งอย่างพวกผมไม่ได้สนใจ ใส่ใจ หรือรับรู้อะไรเกี่ยวกับการแข่งขันที่ดำเนินอยู่ในสนามตรงหน้า ผมว่าสแตนด์คณะอื่นก็คงเหมือนกัน อาจจะยกเว้นวิศวะกับบัญชี ที่น่าจะสนใจเชียร์เกมการแข่งขันมากกว่า
“คุณคมสันครับ”
“ครับคุณชัยชนะ”
“นอกจากการแข่งแมตช์ฟุตบอลหยุดมหาลัยแล้วเนี่ย วันนี้ยังมีการประกวดสแตนด์ของเหล่าเฟรชชี่จากแต่ละคณะด้วยครับ”
“สำหรับปีนี้เนี่ยผมยอมใจความสร้างสรรค์ของทุกคณะเลยนะ”
“ระหว่างนี้ เรามาทักทายน้องๆของทุกคณะกันดีกว่านะครับ”
“เริ่มจากด้านขวามือของผมครับคุณคมสัน”
“ไม่ครับ เอาเป็นด้านขวามือของผมดีกว่า”
“มันก็ข้างเดียวกันนั่นแหละครับ”
“โอะ จริงด้วยครับ”
“เราเลิกเล่นมุกแล้วเริ่มกันเลยดีกว่าครับ”
“เริ่มจากคณะนี้เลยครับ อยากเป็นคนไข้ให้เธอดูแล แพท-ทา-ยะ-ศาสตร์”เสียงกรี๊ดดังสนั่นสั่นสะเทือนไปทั่ว ไม่น่าเชื่อว่านี่คือพลังของเหล่าว่าที่หมอในอนาคตที่เจอในห้องตรวจทีไรก็แสนคีบลุค
“คบกับเธอไม่ต้องพูดอะไรมาก เพราะเธอรู้ดีว่าเราคิดอะไร จิต-ตา-วิท-ทา-ยา”
“คบกับเธอไม่ต้องกังวลเรื่องกินแล้วอ้วน เพราะมีเธอเป็นเทรนเนอร์ส่วนตัว วิท-ทา-ยาศาสตร์การกีฬา”
“ก่อนที่จะไปคณะต่อไป มีคำถามจากทางบ้านครับคุณคมสัน”
“ว่าไงครับคุณชัยชนะ”
“ใครเป็นคนคิดคำแนะนำตัวให้แต่ละคณะค่ะ”
“ทำไมเหรอครับ”
“แหม โดนใจมากเลยคร๊าาาา”
“ถ้าโดนใจ แอดไลน์มาได้เลยครับที่ไอดีดับเบิ้ลเอ็ม..”
“พอเลยครับคุณคมสัน ผมว่าเรารีบต่อที่คณะต่อไปเลยดีกว่าครับ นักบอลรอจนจะหลับไปอีกตื่นแล้วครับ”
“โอเคครับ ต่อกันเลยกับคณะที่มีแต่สาวสวย จนอยากให้เธอมาบริหารทรัพยากรชีวิตร่วมกัน บัญชี”
“คณะต่อไปก็มีสาวสวยเยอะไม่แพ้กัน ถ้ามีเธอเคียงข้าง จะพาเดินห้างทุกวันเล้ย อักษรศาสตร์”
“เดี๋ยวครับคุณคมสัน ไม่มีที่อื่นให้ไปเดินเหรอครับ”
“มีครับ แต่ผมชอบเดินห้าง”
“ทําไมครับ”
“เดินห้างมันไม่ร้อน จะได้อ้อนเธอได้ไม่หงุดหงิด ถ้าเธอหนาวเราก็เนียนได้ใกล้ชิด ตีสนิทเธอได้จนห้างวาย”
“โอ้โหคุณคมสันครับ”
“ครับคุณชัยชนะ”
“เสียเวลามากครับมึงครับ โอ๊ะขออภัยในความไม่สุภาพครับ”
“คุณชัยชนะครับ แต่นี่เรื่องจริงจากประสบการณ์ของผมเลยนะครับ”
“ไม่ทราบว่าคุณพาสาวคนไหนไปเดินห้างเหรอครับ”
“ผมก็เดินแค่กับคุณคนเดียวนะครับ”
“ไอ้…!!!”
ตุบบบ วี๊ดดด.. เสียงไมค์หล่นและหอนดัง ทําเอาผู้คนทั่วทั้งสนามต้องยกมือปิดหู
“ขออภัยครับ พอดีคุณชัยชนะจะเผลอหลุดคําไม่เหมาะสม ผมเลยต้องดูดเสียงคุณชัยชนะก่อน ตอนนี้ขอให้คุณชัยชนะพักหายใจก่อนนะครับ ดูจากสีหน้าแล้ว ท่าจะใจเต้นแรงกับเหตุการณ์เมื่อสักครู่อยู่นะครับ ..งั้นเรามาฟังเสียงคณะสุดท้ายกันเลยดีกว่าครับ คณะนิเทศศาสตร์”
…..
“เสียงกระหึ่มสมกับเป็นคณะนิเทศครับ เป็นไงบ้างครับคุณชัยชนะสำหรับสแตนด์เชียร์ของตัวเต็งปีนี้”
“ครับ ยังโดดเด่นเหมือนเดิมครับ”
“พูดน้อยจังเลยนะครับคุณชัยชนะ”
“พ่…!!”
“เอาล่ะครับ ครึ่งหลังเริ่มขึ้นแล้วครับ หวังว่าเราจะได้เฮกันบ้างนะครับ”
“คุณคมสันครับ”
“ครับ”
“ผมไม่แน่ใจว่าเบอร์สิบที่กำลังวอร์มอยู่ข้างสนามของทางฟากบัญชี..”
“โอะ ใช่เลยครับ จริงๆ ผมเห็นในรายชื่อผู้เล่นสำรองนะครับ แต่ไม่เห็นลงเล่นเลยตลอดครึ่งแรก”
“จริงๆ แล้วอชิระเดินเข้าสนามตั้งแต่เริ่มเกมนะครับ แต่ที่ไม่ได้ลงคงเพราะอาจจะยังไม่พร้อม”
“นั่นสิครับ อิตาลีกับไทยเวลาต่างกันหลายชั่วโมง แค่เห็นว่ามีรายชื่อเป็นตัวสํารองผมยังแปลกใจเลยครับ ไม่คิดว่าจะกลับมาทันแมตช์นี้ด้วยซํ้า”
“ต้องบอกก่อนครับว่าอชิระเนี่ยได้เป็นหนึ่งในนักเตะที่ไปท้าแข้งรายการกีฬามหาวิทยาลัยโลก ซึ่งถึงจะพลาดเหรียญแต่ก็โชว์ฟอร์มได้น่าประทับใจ”
“ใช่ครับ มีคําชื่นชมจากโค้ชคู่แข่งด้วยครับ”
“เอาล่ะครับถ้าลุกมาวอร์มร่างกายแบบนี้ คงพร้อมลงเตะแล้วครับ”
“ฟากวิศวะคงต้องทํางานหนักมากขึ้นนะครับ”
“ครับ อชิระขึ้นชื่อว่าเป็นกองหลังตัวอันตราย ความสามารถในการตัดบอลที่เด็ดขาด จ่ายบอลยาวแม่น แถมเป็นกําแพงเสริมใยเหล็ก แกร่งจนตัวทํากองหน้าหลายคนบอกว่าไม่อยากเจอ ผมว่าแมตช์นี้ไข่อาจแตกเอาตอนดวลลูกโทษท้ายเกมเลยก็ได้นะครับ”
.
“ไอ้ธามๆ” บรีสตะโกนแข่งกับเสียงดังระบบเซอร์ราวด์รอบทิศทางทั้งจากเพื่อนๆ ร่วมคณะต่างคณะและเสียงโฆษก
“อะไรมึง”
“พี่ปรินซ์มึงลงเตะด้วยเว๊ย”
“ห่ะ?”
“มึงดูที่สนามพี่ปรินซ์มึงลงเตะด้วยยย”
ผมสแกนสายตาไปทั่วทั้งสนาม ดีที่ผมอยู่แค่แถวสามจากด่านล่างของสแตนด์ และที่นั่งนักเตะคณะบัญชีก็อยู่ห่างออกไปไม่ไกล ..ผมเห็นปรินซ์ ร่างหนาสูงโปร่งกําลังยืนหันหลังอยู่ที่ข้างสนาม คงกําลังรอเปลี่ยนตัว เขาว่าถ้าเราพยายามจ้องมองใครสักคนหนึ่งอย่างตั้งใจ มันจะมีแรงดึงดูดบางอย่างทําให้คนคนนั้นรู้ตัวว่ากําลังถูกจ้องมอง และหันมา.. ..ปรินซ์หันหน้ามาทางผม เหมือนมันรู้ว่าผมนั่งอยู่ตรงนี้ทั้งที่มีระยะทางหลายเมตรกั้นกลาง ผมเดาว่าปรินซ์คงกําลังยิ้มให้ผมแบบเท่ๆ เหมือนที่มันทําทุกครั้ง ก่อนที่ขายาวๆ ของคนตัวสูงจะก้าวเข้าไปสู่พื้นที่ของเขตสนาม..
.
.
.
หัวข้อ: Re: YR Mine นายผู้ปกครอง - รักลุ้นๆ ของคนพี่ Ep.22 - การกลับมาของปรินซ์ 28 06 62
เริ่มหัวข้อโดย: AkuaPink ที่ 28-06-2019 12:06:48
 :3123: :L1: :L2:
 :pig4:
หัวข้อ: Re: YR Mine นายผู้ปกครอง - รักลุ้นๆ ของคนพี่ Ep.22 - การกลับมาของปรินซ์ 28 06 62
เริ่มหัวข้อโดย: kajeaw ที่ 28-06-2019 13:06:57
เย้ ปรินซ์กลับบมาแล้ว
หัวข้อ: Re: YR Mine นายผู้ปกครอง - รักลุ้นๆ ของคนพี่ Ep.23 - เจอหน้า 29 06 62
เริ่มหัวข้อโดย: After5p.m. ที่ 29-06-2019 11:32:29
023
เจอหน้า
.
.
“อีกไม่กี่นาทีก็จะหมดเวลาแล้วครับ”
“ต้องลุ้นกันต่อหลังจากที่ทั้งสองคณะเสมอกันที่หนึ่งประตูต่อหนึ่งครับ”
“กิตติชัยส่งต่อสมพล สมพลส่งกลับไปที่กิตติชัย”
“ยังคงต่อบอลกันสั้นๆ เพื่อหาช่องเข้าทํานะครับ”
“กิตติชัยส่งต่อสิทธิโชค สิทธิโชคไม่รอแล้วครับ ลุยทะลวงเข้ามา อชิระรออยู่แล้วครับ! สิทธิชัยเลี้ยงหลบแต่อชิระใช้ความไวเข้าขวาง!”
.
“ไอ้ธาม ไอ้ธาม”ไอ้บรีสกระตุกชายเสื้อของผม
“อะไร..” ผมตอบบรีสโดยที่ไม่ได้หันไปมอง
“มึงยืนทำไมวะ”
“ห่ะ” ผมหันไปมองรอบตัว เพื่อนทั้งคณะยังคงร้องเพลงเชียร์ ลีดก็ยังเต้นอยู่หน้าสแตนด์ เชี่ยยย กูยืนทำไรว่ะเนี่ย! ผมรีบนั่งลง
“แหมมมม”
“แหมเชี่ยไรของมึง”
“ก็มึงลุกทุกครั้งที่พี่ปรินซ์ครองบอล กูเรียกมึงจนกูไม่ต้องร้องเพลงแล้วเนี่ย”
“มึงเวอร์”
“กูไม่เวอร์ ไม่เชื่อมึงหันไปข้างหลัง” ผมหันไปข้างหลังทันที แซม ชล และเพื่อนอีกสองสามคนข้างหลังพยักหน้าแรงแข็งขันยืนยันคำพูดของไอ้บรีส
“ก็มันลุ้น”
“นั่งลุ้นก็ได้มึง เดี๋ยวไอ้เทนนิสมันได้ด่ามึงหูดับ”
“เออๆ”
.
“สิทธิชัยเตะบอลย้อนกลับไปให้กิตติชัย บอลไปไม่ถึงครับ อชิระวิ่งตามไปสกัดได้ทัน ก่อนเปลี่ยนทางบอลเตะโด่งไปไกลเลยครึ่งสนาม..”
.
“พี่ปรินซ์แม่งโคตรเท่เลยนี่หว่า” ไอ้บรีสแอบกระซิบทั้งที่มันกําลังเต้นไก่ย่างอยู่ ผมเองก็เนียนๆ ไปโดยที่ไม่รับรู้ว่ากําลังทําท่าอะไรอยู่ ..มันก็เท่ตลอดนั่นแหละ
.
“ลูกจากอชิระส่งเข้าเท้าของธนาราวจับวางครับ ธนาได้โอกาสพาบอลไปหน้าประตู พีรพลมาขวางไว้ครับ ธนาตัดสินใจส่งต่อณภัทน์ ณภัทน์เลี้ยงหลบสุธี มีช่องให้ยิงแล้วครับ ณภัทน์ยิงเข้าไปแล้วครับบบบบัญชีนำวิศวะไปแล้วครับ สองประตูต่อหนึ่ง”เสียงเฮดังสนั่นลั่นจนสแตนด์สั่น
“เป็นการต่อบอลที่ดีมากลูกนึงเลยครับคุณคมสัน”
“ใช่ครับ ผมก็ลุ้นไปด้วย แต่เกมยังไม่จบนะครับคุณชัยชนะ”
“อีกไม่ถึงนาที วิศวะจะสามารถเอาคืนได้รึไม่”

ปี๊ดดดดดดดดด
“บัญชีเป็นฝ่ายเฉือนชนะวิศวะไปได้ด้วยสกอร์สองประตูต่อหนึ่งครับ เป็นชัยชนะที่ได้ลุ้นกันตลอดท้ายเกม”
“ถึงจะน่าเสียดายแทนแชมป์เก่า แต่ผมว่าวันนี้ทั้งสองทีมเล่นได้ดีมากนะครับ”
.
ผมมองร่างสูงที่กอดคอกับเพื่อนร่วมทีมอย่างมีความสุข ภาพบนจอขนาดใหญ่เหนือสนามกําลังฉายภาพของทีมผู้ชนะในระยะใกล้ ทําให้ผมได้เห็นหน้าของปรินซ์ได้ชัดขึ้น จู่ๆ ปรินซ์ที่เห็นกล้องใกล้เข้ามาก็ทําหน้าแปลกใส่กล้องแถมขยับปากเหมือนพูดอะไรสักอย่าง..
“กูออกไปก่อนได้ป่ะวะ”
“เป็นไรมึง ปวดขี้?”
“...”
“รออีกแป๊บ เขาจะประกาศผลสแตนด์แล้ว”
“เออๆ”
.
“คุณคมสันครับ”
“ครับคุณชัยชนะ”
“นอกจากผลบอลที่เราเพิ่งทราบเมื่อสักครู่นี้แล้ว ผลการประกวดสแตนด์เชียร์ก็อยู่ในมือผมแล้วครับ”
“ผมลุ้นไมค์สั่นเลยครับ จะเป็นสแตนด์ของคณะสาวสวยอย่างอักษรรึเปล่าาาา” เสียงกรี๊ดตอบดังลั่นจากสแตนด์ของชาวอักษร
“รู้สึกว่าคุณจะมีประเด็นกับสาวอักษรตลอดเลยนะครับคุณคมสัน”
“ก็คุณอยู่อักษรนิครับ”
กรี๊ดดดดดดดด คราวนี้ดูเหมือนเสียงกรี๊ดจะดังมาจากทุกสแตนด์รอบสนาม
“ฮะฮึ่ม เอาล่ะครับคุณคมสันครับ เรามารู้กันเลยดีกว่าครับว่าสแตนด์ใดจะคว้าชัยในปีนี้”
“และคณะนั้นคือ..”
“คือ..”
อักษร! / วิศวะ!/ แพทย์! / นิเทศ! / บัญชี! / ฯลฯเสียงเชียร์ของแต่ละคณะดังสนั่น
“..คณะนั้นก็คือ แชมป์เก่าสามปีรวด นิเทศศาสตร์”
“เย้! / เฮ!!” พวกเราชาวนิเทศศาสตร์ส่งเสียงเฮลั่น ผลัดกันกอดคอไปมาอย่างควบคุมอาการดีใจไว้ไม่อยู่ เรานี่มันโคตรเจ๋ง
“ไอ้บรีส กูไปก่อนนะ”
“จะรีบไปไหนวะ เออๆ งั้นกูออกไปด้วยล่ะกัน เดี๋ยวแวะบอกเทนนิสมันไว้หน่อย”

“สรุปมึงจะไปไหน”
“กูจะเอาน้ำไปให้ปรินซ์มัน”
“ห่ะน้ำ?”
“อืม”
ผมกับบรีสเดินลงจากสแตนด์ด้านบนมาเรียบร้อย ฝูงชนจำนวนหนึ่งเดินขวักไขว่อยู่ด้านล่าง คงจะเป็นรุ่นพี่ของคณะต่างๆ และทีมงานของสภานักเรียน
“นักกีฬาเขาก็มีน้ำมีเกลือแร่ของเขาอยู่แล้วป่ะวะ”
“ก็ปรินซ์มันบอก..”
“บอก? บอกมึงตอนไหน”
“เมื่อกี้ในจอ..”
“มึงแน่ใจเหรอวะ มึงดูผิดรึเปล่า”
“...”
“อ่ะ เอาเป็นว่าแล้วทีนี้มึงจะเข้าไปหาพี่ปรินซ์ยังไง โดนรุมอยู่ในสนามนู้น กูเห็นสาวๆ เข้าไปขอถ่ายรูปให้พรึบ”
“..ก็จริงของมึง” ผมลืมคิดไปเลยทั้งเรื่องที่มันไม่จำเป็นต้องมาขอน้ำจากผม และเรื่องที่มันยังต้องอยู่ให้ใครต่อใครเข้าหา ไหนจะเพื่อนในทีม ไหนจะแฟนคลับ..
“เอาไงมึง กลับคณะเลยไหม”
“...”
ผมรู้สึกเจ็บแปลกๆ ผมเข้าใจว่าตัวเองสำคัญขนาดว่าปรินซ์ต้องกำลังรอน้ำจากผม ไม่ก็สรุปเอาเองว่ามันกำลังรอเจอผม.. พอคิดแล้ว ..มันแม่งไม่ใช่ผมไม่ได้เป็นอะไรกับปรินซ์ทั้งนั้น เป็นแค่น้องข้างบ้านธรรมดาๆ คนนึง..
“เออ กลับคณะ”
ผมกับบรีสค่อยๆ เดินห่างจากสนามกีฬากลาง อีกสักพักนักศึกษานับพันคงเดินออกมากันแน่นขนัดทั่วบริเวณ ผมเดินเงียบๆโดยมีบรีสเดินอยู่ข้างๆ เมื่อสิบนาทีที่แล้วผมยังรู้สึกมีความสุขอยู่ แต่ทำไมจู่ๆ บรรยากาศในใจถึงขุ่นมัว
“ธาม..” เท้าของผมหยุดเดิน และหันหลังกลับไปมองคนที่กำลังวิ่งใกล้เข้ามา
“พี่หาตั้งนาน ทำไมออกมาก่อน”
“คือผม..”
“คือไอ้ธามมันรู้สึกอึดอัดน่ะครับพี่ข้าว เลยขอออกมาก่อน”
“เป็นไรมากไหม” พี่ข้าวยกมือขึ้นแตะเบาๆที่หน้าผากของผม
“ตัวก็ไม่ร้อนนะ แต่อาจจะเพลียแดดก็ได้” พี่ข้าวยิ้มอ่อนโยน “ถ้าไงไปห้องพยาบาลก่อนดีกว่า หายากินกันไว้ก่อน”
“ไม่ต้องหรอกพี่ เดี๋ยวผมหาไรกินก็โอเคแล้ว”
“ธามดื้อกว่าที่พี่คิดไว้นะ”
“ผมไม่เป็นไรจริงๆ พี่”
“แต่หน้าธามไม่ได้บอกอย่างนั้น”
“...”
“งั้นพี่พาไปหาอะไรกิน ถ้าไม่ดีขึ้นค่อยไปห้องพยาบาล.. บรีสก็ไปด้วย โอเคไหม” ผมมองหน้าไอ้บรีส มันพยักหน้าเบาๆ ถ้าผมฝืนปฏิเสธต่อไปคงจะไม่ดีแน่ๆ
“ก็ได้ครับ” พี่ข้าวใช้สองมือดันไหล่ผมให้หันหลังกลับแล้วดันให้ผมเดินไปข้างหน้า ..คงไปโรงอาหารกลางที่อยู่ไม่ไกลจากตรงนี้
“ธามมมม” เสียงไอ้ปรินซ์! ผมหันหลังกลับไปทันที พี่ข้าวเองก็ด้วย คนตัวสูงกำลังเหนื่อยหอบ.. ปรินซ์ค่อยๆเดินเข้ามาหาผม ใบหน้าขาวซีดหลังจากออกกำลัง เหงื่อเม็ดเล็กที่ยังเกาะกรอบหน้า ผมดำดกที่ยังเปียกปรกรกยุ่ง ดวงตาคมของปรินซ์กำลังมองผมแบบไม่สบอารมณ์ ปรินซ์หยุดยืนตรงหน้าผม ไร้คำพูดใดๆ
“อ่ะ น้ำ” ผมยื่นขวดน้ำในมือให้ ไม่รู้เหมือนกันว่ามันยังอยากได้น้ำจากผมไหม ผมมองหน้าคนที่ไม่ได้เจอกันมาครึ่งเดือนชัดๆ หน้ามันตอบลงนิดหน่อย คงเพราะอาหาร ไม่ก็ยังปรับสภาพร่างกายไม่ได้ ..อย่างน้อยปรินซ์ก็มาตามหาผม ผมไม่ได้เข้าข้างตัวเองอยู่ใช่ไหม สายตาของปรินซ์อ่อนลง ใบหน้าบึ้งตึงเมื่อกี้ค่อยผ่อนคลาย
“รู้ใช่ไหมว่าหิวน้ำ” ปรินซ์ยิ้มบาง พร้อมกับรับขวดน้ำในมือของผม
“อื้ม” จะไม่รู้ได้ยังไง ในเมื่อทุกครั้งหลังจากปรินซ์ซ้อมเสร็จ แข่งเสร็จ มันก็จะต้องมากวนให้ผมหาน้ำให้กินทุกครั้ง
“ไปกันเถอะ” ปรินซ์ยื่นมือมาจะจับมือผม แต่มือของปรินซ์กลับโดนมือหนาของพี่ข้าวปัดออก แถมพี่ข้าวยังขยับยืนขวางตัวผมไว้จากปรินซ์
“ธามต้องไปกับพี่” พี่ข้าวพูดกับผมแต่กลับมองหน้าปรินซ์ คนตัวสูงสองคนกำลังประจัญหน้ากัน นี่มันครั้งที่สองแล้วใช่ไหม
“ทำไมธามต้องไปกับมึง”
“เพราะกูชวนน้องมันก่อน”
ปรินซ์ยิ้มกวนตีนที่สุดในความคิดของผม
“แต่กูเป็นผู้ปกครองของธาม”
“มึงเป็นพ่ออีกคนของธามเหรอ”
“เออ มึงก็ไหว้กูซะ”
เชี่ยยยยย ผมกับไอ้บรีสยืนเหวอกันอยู่สองคน ในใจผมนึกถึงคำพูดของไอ้เชี่ยบอส
‘ไม่ต้องโทรตามกูไปช่วยจับเขาแยกนะ’
“อ้าวเห้ยไอ้ข้าวววว”เสียงของใครสักคนที่กำลังเดินมา มีฉากหลังเป็นฝูงชนที่ค่อยๆ กรูกันออกมาจากสนาม
“มึงจะเข้าชมรมได้วันไหนเนี่ย กูอยากคุยเรื่องค่าย..แล้วก็..” เสียงของพี่โบ้ทประธานชมรมเดินดอยค่อยๆเบาลงเมื่อเดินเข้ามาใกล้
.
..โบ้ท
“อ้าวเห้ยไอ้ข้าวววว” ผมเห็นไอ้ข้าวยืนอยู่กับใครไกลๆ เจอมันได้ก็ดี ตามหาตัวยากฉิบ   
“มึงจะเข้าชมรมได้วันไหนเนี่ย กูอยากคุยเรื่องค่าย..แล้วก็..” ผมมองหน้ากลุ่มคนที่ยืนอยู่กับไอ้ข้าว
“อ้าวไอ้ปรินซ์ ไงมึง โชว์เทพตลอดเลยนะ กูล่ะรำคาญฉิบ โฆษกสองตัวนั่นก็อวยมึงตลอด ทำหยั่งกับมึงเล่นอยู่คนเดียว อ๊ะ ไอ้บรีส น้องธามก็อยู่ด้วย”
“สวัสดีครับ / หวัดดีครับพี่โบ้ท”
“แล้วนี่พวกมึงรู้จักกันด้วยเหรอ ยืนคุยไรกันตรงนี้วะ ไปหาไรกินกัน กูหิวล่ะ ช่วยสภาดูภาพรวมจนเหนื่อย ไปหาไรขมๆกินกัน”
..ไม่มีเสียงตอบรับจากใครๆ
“ไรของพวกมึง นี่รุ่นพี่ชวน ไปกันหมดนี่แหละ ไป”
“ไม่อ่ะพี่ วันนี้ขอตัวนะ” ไอ้ปรินซ์พูดกับผมก่อนมันจะหันไปหาน้องธาม “ไปธาม”
“กูบอกแล้วไงว่าธามต้องไปกับกู” ไอ้ข้าวมันพูดสวนไอ้ปรินซ์ หน้าของมันสองตัวดูมีอารมณ์ผมมองหน้าไอ้ปรินซ์กับไอ้ข้าวและน้องธาม ฉิบหายล่ะ! ไอ้ปรินซ์เคยเล่าว่ามันชอบน้องคนหนึ่งที่ดันมีไอ้พี่ว๊ากตัวนึงมาเผือกจะยุ่งกับเด็กของมัน.. ไอ้ข้าวเป็นพี่ว๊าก.. แล้วนี่น้องธาม.. แล้วนี่ไอ้ปรินซ์.. โลกกลมฉิบหาย!แล้วนี่น้องธามเพิ่งเข้าชมรมกู ส่วนไอ้ข้าวก็เป็นพี่ในชมรม.. กูไปแจ้งสภาขอปิดชมรมตอนนี้ได้ไหมมมมม
.
..ธาม
“ไอ้เชี่ยยยธามมมม” ผมหันไปมอง หวังว่าจะเป็นใครก็ได้ที่จะมาช่วยให้สถานการณ์ตอนนี้มันคลี่คลาย ถ้าเป็นมึงได้ก็คงดี แล้วมึงก็มาจริงๆ ..ไอ้เชี่ยบอสสสส กูกำลังคิดถึงมึง
“มึง อยู่ นี่ เอง..” ไอ้บอสพูดไปหอบไปหายใจไป ไอ้บรีสที่ยืนอยู่ข้างๆ หันมาพยักหน้าเบาๆ ให้ผม คงเป็นไอ้บรีสที่โทรไปตามไอ้บอส
“มึงนัดกูไว้ไง ลืมตลอดเลยนะ ไปกัน” ผมทำท่าจะขยับตามบอส แต่พี่ข้าวขยับมาขวางไว้ ส่วนพี่ปรินซ์ก็เดินมาขวางพี่ข้าวอีกที
“ถ้าธามจะไปกับบอส พี่อนุญาติ”
“ทำไมไม่ให้ธามเลือกเองว่าจะไปกับใคร”
“กูว่าก็ไปกันทั้งหมดนี่แหละ” พี่โบ้ทพยายามจะไกล่เกลี่ย
“ไม่ / ไม่”
“ไอ้เชี่ยปรินซ์!” พวกเราทุกคนหันหน้าไปทางต้นเสียง
“มีอะไรไอ้เป้” ปรินซ์ถามคนที่เพิ่งมาใหม่
“มึงนั่นแหละมัวทำอะไร ทำไมไม่รีบไปสอบวะ แล้วนี่คือมึงยังเอาเวลามาเตะบอล!”
“ไอ้เป้มึงใจเย็น บ่นเป็นเมียมันเลยนะ”
“ไอ้พี่โบ้ทตอนนี้กูไม่ขำนะ ไอ้ปรินซ์ จารย์กรุณาโทรมาตามกูเพราะจารย์ติดต่อมึงไม่ได้ จารย์ฝากบอกว่าจะรออีกแค่สิบนาที ถ้ามึงไปไม่ทัน อย่าหาว่าจารย์ใจร้าย”
“อะไรของมึงเนี่ยไอ้ปรินซ์ มีสอบแต่ยังเผือกมาเตะบอลโชว์สาว”
“มึงรีบไปเลย เอ้านี่ กูเก็บของมาให้มึงล่ะ นี่มือถือ”
“แต่กู..” ปรินซ์หันมามองผม
“จารย์เก็บคะแนนดิบยี่สิบคะแนน มึงจะเอาไง”
นี่ปรินซ์มันมาเตะเพราะผม..ในวันที่มีสอบ ถ้าเป็นเพราะผมจริงๆ ผมควรจะดีใจมากๆ หรือควรจะรู้สึกผิดมากๆ กัน ผมเดินเข้าไปใกล้คนตัวสูง
“ไปสอบก่อน.. ไว้ค่อยคุยกัน”
“...”
“ถ้าไม่ไป กูจะรู้สึกผิด” ผมมองคนตัวสูง ปรินซ์ถอนหายใจ ดวงตาคมอ่อนแรงลง ปรินซ์ยอมรับของจากพี่เป้แล้วเดินจากไปโดยดี ถึงจะอ้อยอิ่งอย่างที่สุด
.
..ปรินซ์
ทำไมต้องมีสอบวันนี้ ทำไมไอ้ข้าวต้องอยู่ตรงนั้น ทำไมธามต้องอยู่กับมัน ทำไมวะ! ผมยอมเดินจากมา กึ่งเดินกึ่งวิ่ง รู้อยู่แก่ใจว่าสอบครั้งนี้สำคัญ มันมีผลกับเกรดปลายเทอมแน่นอน แค่อาจารย์กรุณายอมให้สอบเพราะเหตุผลที่ว่าผมไปเป็นตัวแทนมหาลัยก็ถือว่าดีเท่าไหร่แล้ว แต่การที่ต้องปล่อยให้ธามอยู่กับไอ้เชี่ยข้าวนั่น.. ผมจะเอาสติที่ไหนไปนั่งทำข้อสอบ! มือถือที่อยู่ในมือผมสั่นรัว คงมีข้อความเข้า
[เดี่ยวกูดูเด็กมึงให้ - พี่โบ้ท]
[เดี๋ยวผมดูไอ้ธามให้ - บอส]
…..
[จะไม่ไปกับพี่ข้าว สัญญา ทำข้อสอบให้ได้ - ธาม]
ข้อความของธามทำผมยิ้มออก ผมรีบวิ่งอย่างเร็ว เวลาเหลือไม่มากแล้ว.. รู้สึกสบายใจและมีแรงฮึดที่จะสอบ ผมรู้ดีคําพูดของธามเชื่อถือได้ ..เพราะมันเป็นอย่างนั้นเสมอ
.
..ธาม
“กูขอสรุปเลย ไอ้ข้าว ไอ้เป้ มึงทั้งคู่ไปคุยกับกูที่ชมรม ส่วนพวกเด็กปีหนึ่งก็แยกย้าย”
พี่ข้าวไม่ได้โต้แย้งอะไร คงเพราะเห็นไอ้บอสตั้งป้อมจะกันผมเต็มที่ ไหนจะมีพี่โบ้ทที่ยืนอาศัยความอาวุโสบอกบทจบเสร็จเรียบร้อยอีก ..เฮ้อ กูจะป่วยก็เพราะผู้ชายตัวสูงสองคนนี่แหละ

“ไงล่ะมึง เขาเกือบได้ต่อยกันเพราะมึงล่ะ”
“...”
“ไอ้บอสมึงก็พูดเกินไป พี่ข้าวกูไม่มีทางต่อยใครก่อนแน่นอน”
“มึงนี่ก็อวยรุ่นพี่มันจังนะ มึงรู้จักพี่มันดีแล้วรึไง?”
“แล้วทำไมมึงถึงตั้งป้อมกับพี่ข้าวจังวะ?”
“เห้ยพวกมึงจะเถียงกันทำไมวะ”
“ก็เพราะมึงนั่นแหละ / ก็เพราะมึงไง”
“?”
“ไอ้ธาม ถ้ามึงชอบพี่ปรินซ์มึงก็คบกับพี่มันไปซะ จะได้จบๆ”
“เออ สักคน”
“เชี่ยพวกมึงคบกับผู้ชายเนี่ยนะ กูยังยืนยันกับพวกมึง มันเป็นเรื่องที่กูยังรับไม่ได้ ไม่ว่ากับใครทั้งนั้น”
“!!! / !!!”
“กูพูดกับมึงจริงๆ นะเว้ยไอ้ธาม ขนาดกูเพิ่งรู้จักมึง กูยังรู้สึกเลยว่ามึงอ่ะโคตรผูกพันธ์กับพี่ปรินซ์ ตอนมึงนั่งสแตนด์มึงโคตรไม่สนโลก ตามึงอ่ะมองแต่พี่ปรินซ์ในสนาม ตอนพี่มันพึมพำอะไรใส่กล้อง มึงก็รู้อีกว่าพี่มันจะเอาอะไร มึงว่าทั้งหมดที่มึงเป็นคืออะไรวะ”
“กูแค่รู้จักมัน รู้ใจมัน แล้วก็..”
“ทำไมมึงเอาแต่มองพี่มัน”
“ก็กู.. ก็มันเป็นพี่ที่กูสนิทมากไง กูก็ต้องเชียร์มัน.. ลุ้นไปกับมันไง”
“โอเคไอ้ธาม กูยอมแพ้ความดื้อของมึง.. ตามึงล่ะไอ้บอส”
“กูแพ้ความแถมันไปหลายยกล่ะ เอาเป็นว่ามึงจะแถกับพวกกูยังไงก็ได้เว้ย แต่มึงเตรียมคำตอบไปตอบพี่ปรินซ์มันได้เลย” ไอ้บอสยื่นมือถือของมันมาให้ผม
[เย็นนี้พี่จะไปหาธาม อย่าให้ธามคลาดสายตา ฝากด้วยน้องรัก]
.
.
.
จากใจเค้า ขอฝากนิยายอีกเรื่องด้วยง่ะ The Mission ลุ้นรักภารกิจ Love >_< https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=70486.0
หัวข้อ: Re: YR Mine นายผู้ปกครอง - รักลุ้นๆ ของคนพี่ Ep.023- เจอหน้า 29 06 62
เริ่มหัวข้อโดย: AkuaPink ที่ 29-06-2019 20:17:12
 :pig4:
 :katai2-1:
หัวข้อ: Re: YR Mine นายผู้ปกครอง - รักลุ้นๆ ของคนพี่ Ep.024- ขอได้ไหม? 30 06 62
เริ่มหัวข้อโดย: After5p.m. ที่ 30-06-2019 13:02:39
024
ขอได้ไหม?
.
.
..ห้องชมรมเดินดอย

“มึงชอบธาม?” พี่โบ้ทถามผม
“...”
“คือกูรู้จักกับมึงทั้งคู่ กูเลยไม่อยากให้มีปัญหากัน”
“...”
“เชี่ยข้าว เอาจริงๆ นะ มึงไปชอบน้องมันตอนไหนวะ นี่ก็เพิ่งเปิดเทอม มึงรู้จักน้องมันไม่ถึงเดือนด้วยซ้ำ”
“ชอบก็คือชอบ แค่มองหน้าแล้วรู้สึกว่าใช่ มันก็คือชอบแล้วป่ะวะพี่”
“เออ มันก็ใช่ งั้นทำไมถึงชอบ”
“ก็น้องมันน่ารัก”
“สาดดดด ตอบแบบไม่ต้องคิด”
“...”
“แล้วมึงล่ะไอ้เป้ ทําเป็นนั่งเงียบ นี่มึงแอบสืบข่าวไปบอกไอ้ปรินซ์ใช่ม่ะ”
“เรื่องนี้ผมไม่ยุ่ง แค่มันไม่ต่อยกันก็พอ อีกอย่าง มันขึ้นอยู่กับน้องธามนู้น พวกมันทั้งคู่จะทำไรได้ ถ้าน้องมันไม่เอา”
“เออ ก็จริงของมึง”
“แต่กูบอกมึงไว้เลยไอ้ข้าว ไอ้ปรินซ์จริงจังกับน้องคนนี้มาก นี่มันก็ตีตั๋วบินกลับมาเองก่อนตั้งสองวัน รีบตามชีท ตามอ่าน ตามสอบ เอาซะเรียบร้อยจนเหลือแค่วิชาจารย์กรุณา แล้วมันก็อยากจะทันลงเตะแมทช์ชิงด้วย”
“นี่มึงอย่าบอกนะว่าครึ่งแรกที่มันไม่ลงเพราะมัวแต่อ่านชีท”
“ก็ไม่รู้ว่ะพี่ แต่ตอนไปตามหามันในสนาม เพื่อนมันเอาชีทที่มันลืมไว้ฝากมาคืนมันด้วย”
“โอ้โห กูกราบในความฟิตของมัน จะสอบอยู่แล้วยังจะมาเตะ อย่าบอกนะว่ามันมาเตะโชว์น้องธาม?”
“ก็คงใช่”
“...”
“มึงฟังกูนะไอ้เชี่ยข้าว ถ้ามึงยังไม่ได้อะไรกับน้องมันมากมาย มึงถอยเหอะว่ะ กูขอ น้องมันแม่งขุมพลังชีวิตของไอ้ปรินซ์ชัดๆ”
“ก็ดีดิวะ ถ้าไม่มีธามไอ้ปรินซ์คงถึงขั้นอยู่ไม่ได้แน่”
“!!! / !!!”
“เห้ย ผมล้อเล่น ก็ถ้าธามเลือกมันผมจะไปทําไรได้ แต่ตอนนี้ผมก็ยังมีสิทธิ์..”
ปัง!! เสียงประตูห้องชมรมถูกปิดดังจนทุกคนสะดุ้ง
“ไอ้ที กว่าจะมาได้นะมึง”
“ถ้ายังไม่ประชุมค่าย ผมขอตัวนะ” ไอ้ทีตอบพี่โบ้ทเสียงเย็นเฉียบ
“เห้ย รออีกแป๊บดิวะ พวกกูกําลังคุยเรื่องไอ้ข้าวอยู่ มึงก็มาร่วมวงเลย”
“ไม่ล่ะพี่ ขอตัว มันไร้สาระ”
“เป็นเชี่ยไรของมึงไอ้ที” ไอ้เป้เริ่มขึ้นเสียง แต่เสียงคงไปไม่ถึงไอ้ที เพราะไอ้ทีเดินออกจากห้องไปเรียบร้อยแล้ว
“มันเป็นเชี่ยไรว่ะไอ้ข้าว”
“เดี๋ยวกูมา” ไอ้ข้าวลุกเดินตามไอ้ทีออกไป
“หยั่งกับผัวเมียงอนกัน กูไม่เคยเห็นไอ้ทีโหมดนี้ แม่งน่ากลัวฉิบหาย”
“มันคงมีเรื่องอะไรกัน แต่ว่านะพี่ วันนี้แม่งฤกษ์ไม่ดี เรานัดกันวันหลังเหอะว่ะ”
“เออ ก็ได้ ปิดไฟปิดพัดลม กูล่ะตรมหาสักกลมสงบใจ ไปกับกูเลยไอ้เป้”
“กินกันสองคนเนี่ยนะ”
“เอออออ”
.
..ข้าว
“ไอ้ที”
ผมคว้าแขนคนที่สูงพอกันไว้ไม่ให้เดินห่างไปไกลมากกว่านี้ ตลอดทางเดินในตึกสภานักเรียนเงียบสงัดอย่างกับตึกร้าง มีแค่เสียงพูดคุยของผู้คนจากภายนอกตึกที่ยังเดินทยอยกันกลับออกจากสนามกีฬาดังอยู่ไกลๆ พอให้ได้ยิน และทําให้ได้รู้ว่าตึกนี้ยังคงมีพิกัดอยู่บนพื้นโลกไม่ใช่มิติคู่ขนานที่ปราศจากซึ่งสิ่งมีชีวิต
“...” ไอ้ทีสะบัดแขนออกจากการจับกุม เราสองคนกําลังยืนอยู่ตรงชานพักบันไดระหว่างชั้นสามกับชั้นสี่ แสงไฟสลัวจากหลอดนีออนที่อ่อนแรง บวกกับแสงสุดท้ายของพระอาทิตย์ใกล้ตกที่ลอดแนวระแนงเหล็กของกําแพงตึก ทําให้เราทั้งคู่อยู่ในสภาวะสถานที่ที่โคตรชวนอึดอัด
“มึงเป็นเชี่ยไรวะ หรือมึงโกรธกูที่กูจะแก้แค้นไอ้ปรินซ์”
“...” ไอ้ทีไม่มองหน้าผม ทั้งที่ผมก้าวเท้าประชิดใกล้ และมันก็ถอยจนหลังของมันติดกําแพง
“แค่กูจะแก้แค้นมัน กูผิดมากนักเหรอวะ”
“...”
“ออ หรือมึงห่วงธาม ถ้ามึงจะห่วงคนอื่น มึงช่วยห่วงความรู้สึกกูก่อนได้ไหม”
“ก็เพราะกูห่วงมึงไง ..แล้วกูก็ห่วงตัวกูเองด้วย”
“!!!” ไอ้ทีมองตาผมด้วยสายตาที่แข็งกร้าว
“กูห่วงมึงเพราะกูกลัวมึงเจ็บ ไม่ว่ามึงจะชอบน้องมันจริงหรือแค่แกล้งชอบเพราะจะแก้แค้น แต่มึงก็รู้อยู่แก่ใจอยู่แล้วว่าน้องมันชอบไอ้ปรินซ์แน่ๆ”
“...”
“แล้วกูก็ห่วงตัวเอง เพราะถ้ากูต้องเห็นมึงเจ็บ ..กูก็เจ็บไปด้วย”
“ไอ้ที คือกู..”
“นี่จะเป็นครั้งสุดท้ายที่กูจะพูดกับมึงเรื่องนี้..” ไอ้ทีเบือนหน้าหนีผม แต่ผมทันเห็นนัยน์ตาของมันที่เริ่มแดง มันชนร่างผมเพื่อเปิดทางให้ตัวเองได้เดินจากผมไป
..ไอ้ทีพูดถูกทุกอย่าง การที่ธามแสดงออกชัดเจนขนาดนั้นในเหตุการณ์วันนี้ ผมก็รู้แล้วว่าธามมีใจให้กับไอ้ปรินซ์ แต่ผมก็ยังอยากใช้ประโยชน์จากความความอ่อนโลกของธามแม้มันจะเป็นแค่การถ่วงเวลาความสุขของไอ้ปรินซ์ให้มาช้าเพียงชั่วครู่ แต่ตอนนี้สิ่งที่ไอ้ทีพูดเมื่อกี้มันติดอยู่ในหัวของผม‘..ถ้ากูต้องเห็นมึงเจ็บ ..กูก็เจ็บไปด้วย’ทําไมผมรู้สึกอ่อนไหวกับประโยคบอกเล่าของไอ้ที เชี่ยที มึงทําอะไรกับความรู้สึกของกู
.
.
..ธาม
..หอใน

“ไอ้ธาม! นี่คือมึงเตรียมนอน?”
“เออ กูจะนอนแล้ว”
“ยังไม่ทุ่มนึงเลยนะ?”
“เออ วันนี้กูเหนื่อย กูใช้พลังงานไปเยอะ”
“แล้วนี่มึงจะไม่กินข้าวเย็นก่อนรึไง”
“ไม่ กูไม่หิว”
โครกกกกกก
“กูว่าท้องมึงร้อง ท้องกูก็ร้อง ไปหาไรกินกันเหอะว่ะ”
“ไม่ กูจะนอน”
“นี่คือมึงจะชิงหลับหนีพี่ปรินซ์ หรือมึงจะอยู่รอให้พี่ปรินซ์มารับมึงกันแน่”
“กูแค่จะนอน..”
“เออ ไอ้ปากแข็ง”

Rrrrrrr
“ฮัลโหล ครับพี่” ไอ้บอสมันรับโทรศัพท์ที่โทรมาจากใครสักคน
[....]
“ไอ้ธามมันหลับไปแล้วครับ”
[....]
“ครับพี่ พักผ่อนนะพี่”

“ใครโทรมา”
“ก็พี่ปรินซ์ไง”
“แล้ว?”
“พี่มันบอกว่า โอเค งั้นพี่ไม่ไปกวนธามล่ะกัน”
“!!!”
“ก็มึงจะหลับแล้วนิ ได้ตามที่มึงต้องการ กูไล่พี่มันให้มึงล่ะ”
ไอ้เชี่ยบอส! “เออ ถูกใจกูมาก”
“กูจะไปหาอะไรกินล่ะ ตกลงมึงจะไม่กินอะไรใช่ไหม”
“เออออออ”
ไอ้เพื่อนเวรหยิบกระเป๋าตังมือถือก่อนพาร่างที่ใส่เสื้อยืดกางเกงขาสั้นตัวหลวมเดินออกจากห้องไป คงไปแค่ร้านชําใกล้หอ ผมลุกขึ้นมานั่งทั้งที่เมื่อกี้กำลังคลุมโปงเตรียมนอน รู้สึกหงุดหงิดอย่างบอกไม่ถูก ไม่ใช่ว่าอยากจะเจอปรินซ์ แต่ไหนใครบอกว่าเย็นนี้จะมาหา ผมว่าผมคงบ้าไปแล้วที่มานั่งถกความรู้สึกของตัวเองกับตัวเอง นอนก็นอน! ถึงเวลาที่จะต้องชาร์จพลังชีวิต เผื่อว่าพรุ่งนี้จะต้องเจอทั้งพี่ข้าว ทั้งไอ้ปรินซ์จะได้มีสติสมาธิหาทางออกจากปัญหาทั้งมวลได้
.
..บอส
ทําไมเป็นกูที่ต้องโดนระเห็จออกจากห้องตัวเองทุกครั้งด้วยวะ

(3 นาทีก่อนหน้า)
Rrrrrrr
“ฮัลโหล ครับพี่”
[พี่อยู่ใต้หอล่ะกำลังจะขึ้นไปหาธามนะ]
ตู๊ดดดดด ตู๊ดดดดด ตู๊ดดดดด พี่ปรินซ์พูดแค่นั้นก็วางหูใส่ผม
“ไอ้ธามมันหลับไปแล้วครับ”
....
“ครับพี่ พักผ่อนนะพี่”

..ใช่ ผมแกล้งไอ้ธามล้วนๆ หมั่นไส้ไอ้คนปากไม่ตรงกับใจ ไม่บอกให้มันรู้ก่อนหรอกว่าพี่ปรินซ์กำลังจะขึ้นไป แต่ผมก็คนดีไง.. รีบชิ่งออกมาให้ห้องแม่งสีชมพูอยู่กันแค่สองเรา
“อ้าว บอสไปไหน พี่ซื้อของกินมาเผื่อแล้ว”
“ขอบคุณพี่ แต่ไม่เป็นไร ผมไม่อยากอยู่เป็นก้าง” ผมเจอพี่ปรินซ์ระหว่างบันได
“เออ ขอบใจ”
“มีเรื่องนึงที่พี่ควรรู้ไว้”
“ว่า..”
“สร้อยที่ไอ้ธามมันใส่อยู่”
“?”
“..ของพี่ข้าว พี่ข้าวเป็นลุงสายรหัสมัน”
“โอเค เดี๋ยวพี่จัดการเอง”
“พี่รู้ใช่ป่ะ ว่าเพื่อนผมมันเป็นผู้ร้ายปากแข็ง”
“อืมม ขอบใจที่อยู่ข้างพี่ หวังว่าบอสจะเข้าใจถูกนะ”
.
..ธาม
กึกกัก แอ๊ด
ไอ้บอสคงกลับมาแล้ว ถึงสติของผมจะใกล้ชัตดาวน์เต็มที แต่ประสาทสัมผัสของผมก็ยังรับรู้ได้ว่ามีกลิ่นของอาหารเข้ามาลอยอยู่ในห้อง คงเป็นไอ้บอส กูจะไม่กินเด็ดขาด ถ้ามึงไม่อัญเชิญ ผมตั้งปณิธานกับตัวเอง ทั้งที่ก็ไม่รู้จะตั้งแง่อะไรกับความหิว และน้ำใจของเพื่อน (ถ้ามันเรียก)
“ธาม..” เชี่ยยย เสียงปรินซ์ ผมยังคงนอนนิ่งอยู่ใต้ผ้าห่มผืนบาง
“ถ้าธามไม่ลุก พี่จะกลับ” มันรู้ได้ไงว่าผมยังไม่หลับ เมื่อกี้เผลอสะดุ้งเหรอวะ ผมรีบเปิดผ้าห่มที่ปิดหน้าออก เลยได้เจอเข้ากับสายตาคู่คมที่มองจ้องผมอยู่ก่อนแล้ว
“จะแกล้งหลับหนีพี่เหรอครับ” ปรินซ์โน้มตัวลงมาใกล้ผม จนผมต้องหลับตาหนี เปลือกตาปิดสนิทชิด ผมเผลอกลั้นหายใจ ลุ้นว่าไอ้ปรินซ์มันจะทําอะไรผม ... ไม่มีอะไรเกิดขึ้น ผมแอบลืมตาขึ้นหนึ่งข้าง ปรินซ์ยังจ้องผมอยู่ แถมยังยิ้มน่าหมั่นไส้ ก่อนที่มันจะขยี้หัวผมด้วยมือหนา ก่อนยืดตัวสูงเดินถอยไปที่โต๊ะน้อยกลางห้อง
“ลุกขึ้นมากินมื้อเย็นก่อน ท้องร้องเสียงดังขนาดนี้ ยังไงธามก็หลับไม่สนิทหรอก”
อยากจะตัดขาดกับกระเพาะตัวดีจริงๆ ทำผมอับอายขายขี้หน้าคนตัวสูงจนได้ ผมยอมลุกจากเตียงแล้วเดินไปนั่งลงหน้าโต๊ะน้อย ที่มีปรินซ์นั่งรออยู่พร้อมกับ..
“ก๊วยจั๊บใส่แต่หมูกรอบ กระเพาะ แล้วก็เซี่ยงจี๊ที่ธามชอบ”
“เห้ย ไปซื้อจากไหนเนี่ย แถวนี้มีขายด้วย?” ผมอดตาลุกวาวกับเมนูโปรดที่หากินยากในย่านนี้ไม่ได้ เผลอลืมรักษาฟอร์มไปสนิทใจ
“ก็ไม่ได้ซื้อแถวนี้ ต้องไปที่ตลาดใหญ่เลยมอเราไป”
“โคตรไกลเลยนะ”
“ก็มีรถ..”
“ไม่เหนื่อยรึไง วันนี้ทั้งเตะบอล ไหนจะสอบอีก”
“ก็พี่รู้ว่าธามชอบ..” ผมเงยหน้ามองปรินซ์ปรินซ์เองก็กำลังมองผม เราสองคนสบตากัน..
หนึ่ง.. สอง.. สาม.. สี่.. ห้า..
‘..ถ้ามึงสตั้นท์ ค้าง นิ่ง รอ ..กูว่ามึงชอบด้วยซ้ำ’ไอ้บอสเคยบอกผม
ผมก้มหน้าหลบตาปรินซ์ เชี่ยแล้วไอ้ธาม นี่คือมึงชอบ.. มึงตั้งใจมองปรินซ์..!
“ทำไมไม่มองต่อล่ะ พี่ชอบนะเวลาที่ธามมองพี่” ไอ้ปรินซ์ยิ้มมุมปาก
“..แค่ไม่แน่ใจว่ามีอะไรติดอยู่ที่หน้าตังหาก”
“แล้วตกลงมีไหมครับ”
“ไม่มี”
“งั้นก็กินได้แล้ว เดี๋ยวหายร้อน”
.
“ทำข้อสอบได้ป่ะ” ผมถามหลังจากที่ทั้งผมและปรินซ์กินก๋วยจั๋บไปได้สักพัก
“สบายมาก ดีที่ไอ้เป้มันจดละเอียด”
พี่เป้..
“ทุกทีมันจดน้อยมาก เพราะแค่ฟังมันก็เข้าใจหมดแล้ว แต่นี่คงเผื่อให้พี่อ่าน มันเลยจดซะทุกประโยคที่อาจารย์พูด ตอนสอบเลยไม่พลาดอะไร”
“...”
“ไม่ใช่แค่วิชาเดียวด้วยนะ มันจัดเต็มทุกวิชา”
“..พี่เป้เขาเป็นคนดีเนอะ”
“อื้ม ใช่”
“...”
“ทำไมทำหน้าแบบนั้น อิ่มแล้วเหรอ หรือว่าไม่อร่อย”
“ออ ไม่ อร่อยดี” ทำไมจู่ๆ ผมถึงรู้สึกแย่ขึ้นมาก็ไม่รู้ และมันคงดูได้ไม่ยากจากสีหน้าของผม
“ธาม..” ผมเงยหน้าขึ้นมองปรินซ์
“จำที่พี่พูดก่อนไปอิตาลีได้ใช่ไหม”
“อืม จำได้”
“คบกับพี่ได้ไหม ..เป็นแฟนพี่” ปรินซ์ยิ้มอ่อนโยนให้ผม สายตาแน่วแน่ของปรินซ์บอกผมว่ามันกำลังจริงจังกับสิ่งที่เพิ่งพูดออกมา
“มันอาจจะฟังดูแปลกๆ แต่พี่รอธามมาตลอด ตอนนี้ธามก็โตพอที่จะรับรู้ความในใจของพี่ได้แล้ว แค่ธามเปิดใจให้พี่”
...…
“ปรินซ์.. คือกูยังไม่แน่ใจ คือกูไม่เคยคบใคร แล้วกูก็ยังสรุปไม่ได้ว่า ที่กูรู้สึกดีกับมึงมากๆ มันเป็นแค่ความรู้สึกของคนที่เป็นพี่น้องกันรึเปล่า” รอยยิ้มของปรินซ์สลดลง หัวใจของผมก็เต้นช้าลงเช่นกัน เหมือนว่ามันจะอยากหยุดทํางานไปดื้อๆเพื่อประท้วงผม ..สมองกับหัวใจ ตอนนี้ผมคงกําลังทําตามคําสั่งของสมอง ..แทนที่จะเป็นหัวใจ
“อืม อย่างน้อยธามก็รู้สึกดีกับพี่” ปรินซ์เอื้อมมือหนามาลูบหัวผมแผ่วเบา
“ไม่เป็นไร พี่รอธามได้ พี่จะทำให้ธามมั่นใจในความรู้สึกของตัวเอง ..ว่าธามก็ชอบพี่เหมือนกัน” ปรินซ์ส่งยิ้มสดใสให้ผม อยากรู้จริงๆว่าอะไรทำให้ปรินซ์มั่นใจในตัวเองขนาดนั้น
“แต่พี่มีเรื่องนึงจะขอธาม ธามจะให้พี่ได้ไหม.. ..จนกว่าจะถึงวันที่ธามมั่นใจว่ารู้สึกเหมือนกันกับพี่ อย่าเผลอให้ความหวังใคร.. ถอดสร้อยไอ้ข้าวซะ..”
.
.
หัวข้อ: Re: YR Mine นายผู้ปกครอง - รักลุ้นๆ ของคนพี่ Ep.024 - ขอได้ไหม? 30 06 62
เริ่มหัวข้อโดย: AkuaPink ที่ 01-07-2019 01:11:59
 :3123: :L1: :L2:
 :pig4:
หัวข้อ: Re: YR Mine นายผู้ปกครอง - รักลุ้นๆ ของคนพี่ Ep.024 - ขอได้ไหม? 30 06 62
เริ่มหัวข้อโดย: kajeaw ที่ 01-07-2019 08:32:01
ธามก็อย่ามัวแต่คิดมากสิ
หัวข้อ: Re: YR Mine นายผู้ปกครอง - รักลุ้นๆ ของคนพี่ Ep.025 - ชมรม 1 07 62
เริ่มหัวข้อโดย: After5p.m. ที่ 01-07-2019 14:45:27
025
ชมรม
.
.
ไอ้บอสหัวเราะเสียงดังลั่น จนใครๆ ที่เดินอยู่บนฟุตบาทพากันหันมามอง ดีที่พวกเราขี่จักรยานอยู่ เลยไม่มีใครมองตามทัน
“สรุปว่ามึงก็เลยเต็มใจถอดสร้อยพี่ข้าวววววววววว” น้ำเสียงไอ้บอสชวนให้ผมอยากจะถีบจักรยานมันให้ล้ม
“ก็ปรินซ์มันขอความร่วมมือจากกู”
“พี่ปรินซ์พูดกับมึงว่า..”

“..จนกว่าจะถึงวันที่ธามมั่นใจว่ารู้สึกเหมือนกันกับพี่ อย่าเผลอให้ความหวังใคร.. ถอดสร้อยไอ้ข้าวซะ..”
ปรินซ์ลุกขึ้นอ้อมโต๊ะมาอยู่ด้านหลังของผมก่อนกระซิบที่ข้างหู ทั้งที่เราก็อยู่ในห้องกันแค่สองคน แถมยังปลดสร้อยของพี่ข้าวเองเลย โดยที่ไม่รอถามความยินยอมจากผม แต่นาทีนั้น แค่ผมบังคับหัวใจตัวเองไม่ให้เต้นแรงจนไอ้ปรินซ์จับได้ยังยาก แล้วจะเอาปากที่ไหนไปห้ามมันได้ พี่ข้าวก็เคยทําแบบนี้กับผม ใจของผมเต้นแรงไม่ต่างกัน พี่ข้าวจู่โจมจนผมตกใจเพราะไม่คาดคิด และผมอยากถอยห่าง แต่พอเป็นปรินซ์.. ผมนึกอยากให้เวลาในตอนนี้หยุดอยู่หรือยืดยาวออกไปให้นานที่สุด ผมอยากหันหน้าไปมองปรินซ์ในระยะที่ใกล้จนไร้ซึ่งหน่วยวัดใดๆ จะบอกขนาดได้ แต่ผมยังไม่กล้าพอ.. ขอเวลากูอีกนิดนะปรินซ์ ให้กูหาเหตุผลมาแก้ตัวกับตัวกูเองไม่ได้ก่อน ..ว่ากูเองก็ชอบมึงแบบนั้น แบบที่ไม่ใช่ทั้งพี่ ไม่ใช่ทั้งเพื่อน..

“ทำไมกูต้องบอกมึง!”
“แล้วทำไมมึงต้องหน้าแดง”
“ก็แดดมันแรง”
“โอ้โห แดดแปดโมงเช้า แรงมากกกก คงไม่ใช่ว่ามึงกําลังคิดอะไรใจเต้นแรงอยู่เหรอวะ หน้าถึงแดง”
“เมื่อคืนมันไม่มีอะไรนะเว้ย กินก๊วยจั๊บเสร็จปรินซ์มันก็กลับ”
“ก็แค่กินก๊วยจั๊บทําไมร้อนตัววะ แสดงว่ามีอะไร”
“ไม่มี หรือถึงจะมี กูก็ไม่จําเป็นต้องเล่าให้มึงฟังป่ะ”
“เดี๋ยวนี้มีความลับกับเพื่อนแล้วเหรอน้องธาม พี่บอสเสียใจนะ”
“อย่ามาเป็นพี่กู มันขนลุก”
“ทํามาเป็นรับไม่ได้ ก็นี่กูไง ไม่ใช่พี่ปรินซ์”
“มึงพอเลย”
“เออ กูหยุดก็ได้ ตอนนี้มึงไม่ได้แดงแค่หน้าล่ะ ทั้งหู ทั้งคอ แดงมันยันไหปลาร้าล่ะ”
“จริงเหรอว่ะ!”
“เออ ว่าแต่แล้วไอ้พี่ข้าวของมึงจะไม่ว่าอะไรเหรอวะ ไปถอดสร้อยจองตัวของเขาออกน่ะ”
“กูก็ไม่รู้ว่ะ แต่กูว่าพี่เขาน่าจะเข้าใจ”
“มึงก็เตรียมเหตุผลดีๆไปตอบล่ะกัน ไม่ใช่ว่าฟังมึงจบปุ๊บ ไปมีเรื่องกันปั๊บ”
“...”

“เย็นนี้เจอกันที่ชมรม ฝากน้องธามด้วยครับคุณบรีส แล้วคุณมึงก็อย่าเชียร์คุณพี่ข้าวของมึงเกินหน้าเกินตาคุณพี่ปรินซ์ของกูด้วย” ไอ้บอสสั่งไอ้บรีส แล้วไถเท้าบนพื้นถนนเล็กน้อยก่อนถีบจักรยานไปต่อ
“เออ กระผมจะพยายามไม่ทำตามคุณบอกนะขอรับ” ไอ้บรีสส่งเสียงไล่หลังไอ้บอสไป
“แล้วนี่พี่ปรินซ์มึงไม่มาส่ง?”
“เออ มันมีเรียนเช้า”
“แล้วเมื่อวาน..”
“มึงนี่ได้เชื้อเผือกจากไอ้บอสมาใช่ม่ะ”
“กูเป็นของกูอยู่แล้วเว้ย กูก็แค่อยากรู้ รู้เขารู้เรารบร้อยครั้ง ก็ชนะร้อยครั้ง พี่ข้าวกูก็ต้องมีข้อมูลบ้างดิวะ”
“นี่คือมึงเป็นสปายให้พี่ข้าว?”
“ใช่ กูทีมพี่ข้าว”
“เอาจริงๆนะเว้ย กับพี่ข้าว กูยังคิดว่าพี่แม่งแค่อำกูว่ะ”
“ชัดเลยเพื่อนกู มึงเอียงไปทางพี่ปรินซ์”
“กูรู้จักปรินซ์มานานมากแล้วเว้ย นานจนรู้ว่าแม่งนิสัยยังไง แต่พี่ข้าวเนี่ย กูว่าทั้งกูทั้งมึงก็ยังไม่ได้รู้จักพี่เขาจริงๆ ป่ะวะ”
“กูก็แค่อยากให้มึงอย่าปิดโอกาสพี่ข้าว ไม่รู้ดิวะ เซ้นส์กูบอกว่าพี่มันแม่งไม่ได้เลวร้าย ออกจะคูลด้วยซ้ำ”
“ทำไมมึงเชียร์พี่มันจังวะ”
“กูก็ไม่ได้รู้จักพี่ปรินซ์ของมึงเหมือนกันไง กูเลยรู้สึกว่า ถ้าพี่มันทั้งคู่จะจีบมึง มึงก็ควรให้โอกาสทั้งคู่แบบแฟร์ๆ เท่าๆ กันดิวะ”
“พอได้แล้ว ไปเรียน”
จริงของไอ้บอส ถ้าผมชัดเจน ไอ้บรีสคงไม่ต้องมานั่งทวงความยุติธรรมอะไรแบบนี้จากผมอีก แต่เรื่องหัวใจ.. มันต้องใช้เวลาหน่อยดิวะ

บ่ายวันนี้อากาศแสนอบอ้าว ผมยืนดูดโกโก้โอริโอ้ปั่นอยู่ในอาณาเขตของคณะครุศาสตร์ วิชาแสนรื่นรมย์ของใครหลายคนกำลังทำพิษกับผม ไม่ใช่เพราะเนื้อหายากแสนยาก แต่เพราะเนื้อหาที่สุดไพเราะอย่างการนั่งฟังเพลงคลาสสิคที่ผมเข้าไม่ถึงต่างหาก เพราะผมตีความความรู้สึกของผู้ประพันธ์ระดับโลกไม่ออก เพลงไหนกำลังบอกเราว่ารื่นเริงรื่นรมย์ ท่อนไหนกำลังบอกเราถึงความเศร้าสุดรันทด สำหรับผมวิธีที่ง่ายสุดคือการเดาเอาจากชื่อเพลง..
“ตลกล่ะไอ้ธาม กูว่าตรรกะมึงไม่น่าใช้ได้ว่ะ”
“เออ กูก็ว่างั้นแหละ”
“ไปชมรมเลยไหมวะ”
“อืม ไปดิ”
“อ้าว นั่นพี่ข้าวนิหว่า เข้าไปทักลุงมึงดิ”
“กูว่าไม่ต้องก็ได้มั้ง”
“มึง ลำเอียงว่ะ”
“เออๆ ก็ได้” มึงเป็นทนายฝั่งพี่ข้าวใช่ไหม ขยันหาช่องช่วยพี่มันตลอด
“หวัดดีครับพี่ข้าวพี่ที / หวัดดีครับพี่ๆ” พี่ข้าวรีบลุกขึ้นจากม้านั่ง ส่วนพี่ทีที่ยังคงนั่งอยู่ก็ยิ้มตอบให้พวกผม
“ธามกับบรีสมาทำอะไรแถวนี้”
“พวกผมมาเรียนดนตรีงานศิลป์น่ะพี่” ไอ้บรีสตอบพี่ข้าว
“ออ พี่หลับตลอดนะ”
“พวกผมก็หลับ”
“แล้วนี่จะไปไหนกันต่อรึเปล่า”
“จะไปชมรมต่อครับพี่”
“ขยันแหะ ชมรมอะไร”
“ชมรมเดินดอยพี่”
“จริงดิ โคตรบังเอิญ พวกพี่ก็อยู่ชมรมนี้” พี่ข้าวที่ถามตอบอยู่กับไอ้บรีสแค่สองคนหันหน้ามาทางผม “เหมือนที่พี่บอกไหม ว่ามันคือพรหมลิขิต” พี่ข้าวพูดพร้อมกับยิ้มบางๆ ส่วนผมก็ยิ้มตอบบางๆ เช่นกัน
“ธาม..” พี่ข้าวเดินขยับเข้าใกล้ผม สายตาของพี่ข้าวเหมือนกำลังสำรวจอะไรผมอยู่
“ครับ?”
“สร้อย?”
“สร้อย.. คือผมเอามือไปเกี่ยวถูกตอนอาบน้ำ แล้วตะขอมันเลยหลุดครับ” เชี่ยธาม! มึงกำลังโกหก กรรมจะตามสนองมึงแน่!
“ไว้พี่หาสร้อยให้ใหม่นะ”
นั่นไงกูว่าแล้ว “ไม่เป็นไรพี่ จริงๆผมก็ไม่ค่อยใส่อะไรพวกนี้อยู่แล้วด้วย”
“มึงก็อย่าขัดน้ำใจพี่เขาดิวะ” ไอ้เชี่ยบรีส!
“สรุปว่าพี่หาสร้อยมาให้นะ”
“เอ่อ.. ครับ”
“พี่ว่าเราน่าจะไปกันได้แล้ว” พี่ทีพูดเสียงเย็น ขณะที่ลุกขึ้นยืนมองพวกเราด้วยตาคู่เรียว คิ้วของพี่ทีกำลังขมวดเบาๆ
“แล้วธามกับบรีสไปยังไง” พี่ข้าวถาม ซึ่งผมก็มีไอ้บรีสคอยตอบให้เหมือนเดิม
“เดี๋ยวพวกผมกลับคณะไปเอาจักรยานแล้วปั่นไปพี่”
“..พี่ว่าพวกเราไปบัสมหาลัยพร้อมกันนี่แหละ จะได้ไม่เสียเวลา ขากลับค่อยมาเอาจักรยาน”
“ก็ดีพี่ ผมยังไม่เคยขึ้นบัสมหาลัยเลย มึงว่าไงไอ้ธาม” ไอ้บรีสหันหน้าโอเวอร์แอคติ้งมาทางผม ไอ้เพื่อนเวรรถบัสก็คือรถบัสไหมวะ ทำมาเป็นไม่เคยขึ้น
“เอ่อคือ..”
“เอาตามนี้แหละ มัวแต่ถามไปถามมาก็ยิ่งช้า” พี่ทีพูดสรุปก่อนจะเดินนำไป ผมว่าผมเห็นเมฆฝนก่อตัวลอยอยู่ทั่วบริเวณ ถ้าขืนนานกว่านี้อาจจะถึงขั้นสายฟ้าฟาดลงกลางวง เพราะอารมณ์บนใบหน้าของพี่ทีบอกผมอย่างนั้น ต่างจากไอ้บรีสที่ไม่ได้สลดกับสถานการณ์ตรงหน้าสักนิด ทีนี้ล่ะไม่ฉลาดนะเพื่อนกู.. ส่วนพี่ข้าว..
“ไปกันเถอะ” พี่ข้าวพูดกับผม ทั้งที่สายตาเหม่อมองตามหลังเพื่อนสนิทที่เดินห่างออกไป

ประชากรบนบัสมหาลัยตอนนี้โคตรจะแน่นเพราะทุกคนพากันเดินทางหลังเลิกเรียน โดยเฉพาะเด็กปีหนึ่งที่มีจุดหมายเดียวกันก็คือการไปชมรมทำให้สายเส้นทางเดินรถที่พวกผมขึ้นยิ่งแออัดหนักเข้าไปอีก อยากจะเห็นหน้าของไอ้บรีสจริงๆ ปั่นจักรยานเองดีๆ ชิลๆ ไม่ชอบ ไงล่ะมึง.. โดนเบียดจนไหลไปอยู่ในสุดของรถ ส่วนผม พี่ข้าว พี่ที ก็ยืนกองอยู่ใกล้กันห่างออกมา
“นั่งดิ” พี่ข้าวพูดกับพี่ทีเมื่อเก้าอี้ระหว่างกลางว่าง และรอบข้างไม่มีสุภาพสตรีสักคน
“มึงก็ให้ธามนั่ง”
“ก็กูจะให้มึงนั่ง”
“มึงจะจีบน้องมัน หรือมึงจะจีบกู”
..เป็นพี่ทีที่ถอนสายตาออกจากพี่ข้าวก่อน หลังจากสบตากันชั่วอึดใจ ส่วนผมที่เห็นท่าไม่ดีก็รีบขยับร่างออกให้ห่างขึ้นอีกนิด แต่คงไม่มากพอ เพราะข้อมือของผมถูกฉุดกระชากด้วยแรงเบาๆ ของพี่ข้าวให้นั่งลงที่เก้าอี้ว่างท่ามกลางบรรยากาศเย็นเยือกของคนทั้งคู่
“ธามนั่งนะ อีกสักพักกว่าจะถึง” พี่ข้าวก้มหน้าบอกกับผมพร้อมกับยิ้มบางๆ
ตลอดระยะทางที่ไม่ไกลนักเมื่อโดยสารด้วยยานพาหนะคันโต พี่ทีเอาแต่มองออกนอกหน้าต่าง ส่วนพี่ข้าวก็มองพี่ทีสลับกับวิวนอกรถ บรรยากาศหนักๆ ระหว่างคนทั้งคู่ทำผมรู้สึกว่านั่งรถอยู่นานอย่างกับระยะทางจากกรุงเทพฯ ไปสระบุรี ..แม่งโคตรอึดอัด

นี่เป็นครั้งแรกของผมที่ห้องชมรม ‘เดินดอย’ ชมรมที่อยากอยู่เพราะได้ทำดีแก่สังคม แต่เหตุผลที่สำคัญกว่าก็คือการได้ขึ้นเขา.. เสพบรรยากาศธรรมชาติอันปลอดโปร่ง
“มาแล้วเหรอ”
“ปรินซ์!” ปรินซ์ทักทายผมขณะกำลังยืนเท้ากรอบประตูบานที่สองจากบันไดทางขึ้น ซึ่งถ้าผมเข้าใจไม่ผิด..
“ทำไมมึงช้าจังวะ” ไอ้บอสที่โผล่หน้าอยู่ข้างๆปรินซ์ทำให้ผมรู้ทันทีเลยว่าห้องนั้นคือห้องของชมรมเดินดอย
“รถมันช้า..” ผมมองหน้าคนตัวสูงที่ยังคงยืนวางท่าเท่ๆ
“แล้วนี่มาทำอะไร?”
“ก็มาเข้าชมรมไงครับ” ปรินซ์ยิ้มมุมปาก เป็นยิ้มที่ผมว่าน่ามอง ถึงจะน่าหมั่นไส้ด้วยก็เถอะ
“ไอ้เป้มันบอกว่าธามอยู่ชมรมนี้ พี่ก็เลยตามมาเข้าด้วย” หัวใจผมพองโต ผมคิดว่าผมกำลังดีใจกับคำพูดของปรินซ์
“เพิ่งมาเข้าเอาตอนปีสาม.. ไม่ช้าไปหน่อยเหรอวะ” พี่ข้าวที่เดินตามมาพูดผ่านผมไปปะทะเข้าหน้าปรินซ์
“กูจะเข้าปีไหน แล้วมึงยุ่งอะไรด้วย”
“ไอ้เชี่ยพวกมึง! เจอหน้ากันปุ๊บก็จะกัดกันปั๊บ เข้าไปข้างในเลย กูอายชมรมอื่นเขา” เป็นพี่โบ้ทที่ออกมาห้ามศึก

“สวัสดีครับน้องๆ ทุกคน พี่ชื่อโบ้ท ปีสี่จิตวิทยา เป็นประธานชมรมเดินดอย”
พี่โบ้ทพูดหลังจากที่สมาชิกในชมรมกว่าสามสิบคนนั่งพื้นและนั่งเก้าอี้เรียบร้อย
“สโลแกนของชมรมเราคือ ถึงจะสูงจะหนาวก็ไม่หวั่น เพราะใจเรานั้นอยู่ที่เธอ”
……. เสียงยุงบิน แมลงวันทำความสะอาดขาหน้ายังอาจจะดังกว่าเสียงเงียบของคนทั้งห้อง เฮ้ออออออ.. ขอไว้อาลัยกับสโลแกนสุดเสี่ยวของพี่มัน
“จริงๆก็ไม่ได้มีสโลแกนอะไรแบบนั้นหรอกนะ.. กิจกรรมชมรมเราก็คือขึ้นดอย เพื่อทำสาธารณประโยชน์ที่พวกเราพอจะทำได้อย่างงานใช้แรงงาน งานใช้สมองนิดๆหน่อยๆ ส่วนผลพลอยได้ก็คือการได้สูดหายใจเต็มปอดบนดอยนั่นเอง คราวนี้พี่อยากให้ทุกคนแนะนำตัวเอง คณะ แล้วก็บอกว่าทำไมถึงมาเข้าชมรมนี้”

“ขอเสียงปรบมือให้กับสมาชิกใหม่ทุกคน” เสียงปรบมือดังเท่าที่คนเกือบครึ่งร้อยจะทำได้หลังจากสมาชิกใหม่แนะนำตัวเสร็จครบ
“วันนี้ก็เป็นวันแรกของการมาเจอหน้ากัน พี่เองก็มีเรื่องต้องชี้แจงเอาไว้ล่วงหน้า เพราะดันมีไอ้บ้าสองตัวเข้ามาอยู่ในชมรมเดียวกัน ไอ้เป้ อ่านกฎที่พี่เพิ่งตั้งเมื่อยี่สิบนาทีที่แล้วสิ”
“ห้ามไม่ให้มีการทะเลาะ ตี ต่อย เตะ กัดกันในระหว่างอยู่ชมรมไม่ว่าจะอยู่ในหรือนอกมหาลัย หากเกิดเรื่องขึ้น ประธานชมรมมีสิทธิ์ใช้อำนาจตามมาตรา 15 บรรทัดที่ 3 วรรคที่ 2 ในวงเล็บที่ 1 ในการพิจารณาให้คู่กรณีออกจากชมรมได้ทั้งสองฝ่าย”
“พวกมึงได้ยินแล้วนะ ชมรมนี้ถูกสืบทอดมาอย่างดีโดยศิษย์เก่าหลายรุ่น พวกมึงไม่กี่ตัวจะมาทำให้ชมรมดีๆ ด่างพร้อยไม่ได้” พี่โบ้ทพูดเสียงดังฟังชัดทั่วทั้งห้องพื้นที่หกคูณหกเมตร ขณะที่ปรินซ์กับพี่ข้าวกำลังฟาดฟันทำสงครามด้วยสายตาทั้งที่นั่งห่างกันคนละฟากฝั่งของห้อง
“ไอ้เป้มึงเขียนเพิ่ม ทะเลาะกันผ่านรูม่านตาก็ไม่ได้”

หลังจากประชุมได้เป็นชั่วโมง พวกเราก็ได้ข้อสรุปคร่าวๆของการเดินดอยในปิดเทอมที่จะถึงนี้ เป้าหมายคือการกลับไปวัดผลการเดินดอยที่ดอยเขาไม้งามเมื่อสองปีก่อน
“พี่เพิ่งโทรไปสอบถามลุงข่างที่เป็นผู้ใหญ่บ้านว่ามีปัญหาอะไรที่พวกเราพอจะไปช่วยได้ ก็จะมีเรื่องคู่มือการกินยา เพราะชาวบ้านส่วนใหญ่ไม่เข้าใจภาษาไทย ใครมีไอเดียดีๆ เสนอบ้าง”
นี่เป็นครั้งที่สามที่ผมได้เจอพี่เป้ เพื่อนสนิทของปรินซ์ พี่เป้ดูเป็นผู้ใหญ่ เป็นการเป็นงาน น่าเชื่อถือ และที่สำคัญคือรู้จักปรินซ์ดี ไม่แน่อาจจะดีกว่าผมด้วยซ้ำ.. ผมแอบมองไปที่คนตัวสูงกว่าที่มีสถานะเป็นน้องใหม่ในชมรมเหมือนกันปรินซ์กำลังตั้งใจมองและตั้งใจฟังพี่เป้ ไม่เห็นมีอะไรแปลก.. ก็เขาเพื่อนกัน สมองซีกซ้ายบอกผมอย่างนั้น
“กูว่าทำเป็นรูปภาพ” ปรินซ์พูดขึ้นมาเมื่อพี่เป้พูดจบเพียงสามวิ พี่เป้ทำหน้าดุเล็กๆ ใส่ปรินซ์ “อ่อ โทษทีที่ไม่สุภาพ ผมว่าเราน่าจะทำเป็นรูปภาพสอนวิธีการกินยา ภาพเป็นภาษาสากลอยู่แล้ว”
.
“ไงมึง เขารู้ใจกันดีเน๊อะ” ไอ้บอสกระซิบบอกผม
.
“ไอเดียน่าสนใจ คนอื่นว่าไงกันบ้าง” พี่โบ้ทพูด “น้องแพมล่ะมีความเห็นว่าไง”
“แพมว่าดีเลยค่ะ เราน่าจะทำเป็นกราฟฟิกรูปภาพสัญลักษณ์ต่างๆ อย่างพระอาทิตย์ รูปนาฬิกา อะไรทำนองนี้ค่ะ แล้วแปะข้างฉลากยาไป พร้อมกับอธิบายให้เข้าใจความหมายกันอีกทีน่ะค่ะ”
“มึงว่าไงไอ้ข้าว”
“ก็น่าจะดี”
“มีใครเสนอเพิ่มหรือแย้งไหม” … “โอเค ไม่มี เดี๋ยวเราค่อยแบ่งทีมกันทํา ไอ้เป้ เรื่องต่อไป”
“เรื่องปากท้องชาวบ้าน การทำมาหากิน คราวที่แล้วที่ไป เรามีข้อมูลว่าปัญหาของชาวบ้านคือผลผลิตที่หาช่องทางจำหน่ายไม่ได้”
“เราน่าจะทำเป็นคลิปโปรโมต แล้วก็อัดเสียงไปเป็นโฆษณาตามวิทยุชุมชนในตัวตำบล แล้วก็ตัวจังหวัด”
“เออ ไอเดียไอ้ข้าวดี”
“แต่ก่อนจะทำคลิปโปรโมตอัดเสียงนู่นนี่ เราต้องดูเรื่องคุณภาพของสินค้า ช่องทางการจำหน่ายที่เป็นไปได้จริงก่อน”
“เออ ไอ้ปรินซ์ก็พูดถูก”
“งั้นขอสรุปเลย ปรินซ์กับไอ้เป้ดูแลเรื่องสินค้า ส่วนไอ้ข้าวน้องธาม รับผิดชอบเรื่องวิธีโปรโมต”
“เออ ไอ้ทีสรุปได้ดี”
“ทำไมธามต้องทำกับมันวะ”
“ก็เพราะเรียนนิเทศเหมือนกัน” พี่ทีตอบปรินซ์หน้าตาย ไอ้เด็กใหม่ลุกขึ้นจากเก้าอี้ทันทีแบบมีอารมณ์
“มึงก็เรียนนิเทศ ทำไมมึงไม่ทำกับเพื่อนมึง”
“ก็กูไม่อยากทำกับมัน”
“!! / !! / !! / !!”
“ไอ้เชี่ยพวกมึงใจเย็น! ไอ้ปรินซ์มึงนั่งลง ส่วนไอ้ทีมึงก็..”
“ทำไมมึงไม่อยากทำกับกู” พี่ข้าวเองก็ลุกขึ้นยืน ก่อนจะพูดเสียงเย็นมองไปทางพี่ทีที่นั่งอยู่บนโต๊ะหน้าห้อง
“เพราะกูไม่อยากอยู่เป็นก้างของมึง” พี่ทีมองพี่ข้าวด้วยสายตาเย็นชาที่สุด ซึ่งถ้าเป็นผม.. ถ้าปรินซ์มองผมแบบนี้ ผมคงจะทนไม่ได้ เพราะมันเหมือนกับว่าเราไม่มีแม้แต่สถานะคนรู้จักในความรู้สึกของเขา
.
..ข้าว
ไอ้ทีมันมองผมด้วยสายตาที่เย็นชาที่สุด ตั้งแต่ผมพูดกับมันเรื่องแก้แค้น มันเริ่มที่จะตีตัวออกห่างผมมากขึ้นทุกที ผมเข้าใจว่านั่นคือการแสดงออกถึงความไม่เห็นด้วยทางความคิดของมัน แต่เหตุการณ์สองสามวันที่ผ่านมา ผมกลับไม่เข้าใจการกระทำของมัน ..ช่วยผมจีบธามอย่างนั้นเหรอ แต่บางคำพูดของมัน ทำไมมีความย้อนแย้งกับสิ่งที่มันพยายามทำ เหมือนมันประชด แดกดัน มากกว่าจะตั้งใจส่งเสริมความชั่วที่ผมกำลังทำอย่างจริงใจ อะไรของมันว่ะ! แทนที่ผมจะรู้สึกดีกับสิ่งที่มันพยายามช่วย ผมกลับนั่งกังวลกับความรู้สึกของมันแทน ผมมองไอ้ทีเพื่อนที่ผมสนิทมาตลอดแทนที่จะมองธาม..
.
.
.
หัวข้อ: Re: YR Mine นายผู้ปกครอง - รักลุ้นๆ ของคนพี่ Ep.026 - ความรู้สึกของที 2 07 62
เริ่มหัวข้อโดย: After5p.m. ที่ 02-07-2019 17:57:47
026
ความรู้สึกของที
.
.
“เพราะกูไม่อยากอยู่เป็นก้างของมึง”
คําพูดของพี่ทีทําเอาทุกคนต่างพากันหันไปมองหน้าพี่ข้าว เกินครึ่งห้องทําหน้าไม่เข้าใจโดยเฉพาะเด็กปีหนึ่งที่เพิ่งเข้าชมรม ส่วนคนที่รู้เรื่องและทําหน้าไม่ถูกก็คงไม่พ้นผม
“พวกมึงพอเลย! อย่าเอาเรื่องส่วนตัวมาทําให้งานเสียได้ไหมวะ แล้วก็หัดอายน้องที่มันนั่งอยู่ด้วย” พี่เป้พูด ถ้าไม่นับความรู้สึกแปลกๆ ที่ผมรู้สึกลึกๆ ผมว่าผมนับถือที่พี่เป้พูดอะไรโคตรตรง
“แล้วเรื่องแบ่งทีมทำงาน มันก็ต้องช่วยกันทั้งหมดนั่นแหละ ชมรมนี้มีตั้งสามสิบกว่าคน คงไม่ปล่อยให้คนแค่สี่คนทำงานกันเองหรอก”
“เอาเป็นว่าตอนนี้เฮดดูแลสินค้าคือไอ้ปรินซ์เฮดดูเรื่องโปรโมตก็คือไอ้ข้าว ซึ่งพวกมึงอย่าลืมว่า พวกมึงเองก็ต้องทำงานร่วมกัน แล้วก็อย่าลืมด้วยว่าเรากำลังจะไปทำเพื่อประโยชน์ส่วนรวม ประโยชน์ของชาวบ้าน ไม่ใช่ทำเอาเท่” พี่โบ้ทพูดพร้อมกับมองไปทางปรินซ์ทีพี่ข้าวที “ส่วนมึงไอ้ที หลังเลิกชมรมอยู่คุยกับกูก่อน”
หลังจากความวุ่นวายผ่านไป ความเงียบสงบก็กลับคืน อีกราวหนึ่งชั่วโมงต่อมา ก็ได้เวลาชมรมเลิก
“เอาล่ะ วันนี้พวกเราจะไปฉลองวันแรกพบกันนนนนนนน”
“พี่โบ้ทค่ะ วันนี้แพมมีนัดแล้วอ่ะ”
“พวกเราก็ด้วยพี่” พอมีน้องหลายคนปฏิเสธ พี่โบ้ทเองก็ทำหน้าสลดลง
“งั้นเอางี้ งั้นพี่นัดเย็นพรุ่งนี้ห้าโมงนะที่ชมรม แต่ถ้าใครสะดวกไปรอที่ร้าน ‘นั่งกิน’ หลังมอก่อนได้เลย บอกเขาว่าพี่โบ้ทสุดแกร่งจองไว้ ทุกคนต้องมา เข้าใจนะ”
.
“เออธาม พี่ตาวฝากให้พี่มาบอกว่า เย็นพรุ่งนี้เราจะเลี้ยงสายรหัสกันนะ”
“เหรอครับพี่ แล้วที่ชมรม..”
“พี่ตาวก็นัดร้านนี้เหมือนกัน พรุ่งนี้ไปพร้อมกัน พี่รอใต้ถุนนะ”
ผมพยักหน้าตอบพี่ข้าว “ครับ”
“ธาม กลับกันเถอะ” ปรินซ์ที่เพิ่งเดินเข้ามามองพี่ข้าวตาขวาง “บรีสกับบอสรออยู่นะ” ปรินซ์ไม่พูดเปล่า ยังโอบไหล่เอาร่างผมเข้าไปชิด กลิ่นตัวอ่อนๆ กับร่างอุ่นๆของปรินซ์ทําผมหายใจติดขัด
“ธามต้องกลับคณะนิ งั้นก็กลับพร้อมพี่”
“ธามต้องกลับกับกู”
“ตอนมาน้องมันมากับกู ตอนกลับ ก็ต้องกลับพร้อมกู”
“แต่กูจะไปส่งธามมึงยุ่งอะไรด้วย”
“กูแค่รู้สึกว่ามึงกําลังบังคับน้องมัน ว่าไงธาม”
“พี่บังคับธามเหรอ”
คนตัวสูงทั้งสองคนมองมาที่ผมเป็นตาเดียว คนนึงใช้สายตาจริงจังมีความดุกลายๆ ส่วนอีกคนก็ทําหน้าคล้ายกับกําลังออดอ้อน แม่ง! ผมดันตัวเองออกจากการเกาะกุมของปรินซ์
“ผมจะกลับพร้อมไอ้บอสไอ้บรีส พวกพี่ไม่ต้องเป็นห่วง” ผมพูดจบก็หันหลังไปลากเพื่อนบอสเพื่อนบรีสจํ้าออกจากชมรมทันที คนนึงก็พี่คณะพ่วงตําแหน่งลุงสายรหัส อีกคนก็.. ความสัมพันธ์ยังไม่ชัดเจน เลือกทางนี้ดีที่สุด ผมไม่รู้เลยว่าพอผมคล้อยหลังปรินซ์จะยิ้มปลาบปลื้มอยู่ตรงนั้นกับพี่ข้าว
.
..ข้าว
“มึงรู้ป่ะ ธามไม่เคยเรียกกูว่าพี่..” ไอ้ปรินซ์มันพูดกับผม ตามันยังมองตามหลังของธามที่กำลังเดินออกจากห้อง ก่อนที่มันจะหันมาพูดกับผม “กูว่ามึงควรอยู่รอเพื่อนนะ”..ไอ้ที
“…”
“ไปเว้ยไอ้เป้กลับไปทวนวิชาจารย์กรุณาสักสามรอบ”
“อารมณ์ไหนของมึงวะ”
“กูมีแรงฮึดเว๊ยยยย ธามเรียกกูว่าพี่”
“แค่เนี้ย?”
“เออแค่นี้แหละ” เสียงไอ้ปรินซ์ไอ้เป้ค่อยๆ เบาลงเมื่อมันทั้งคู่เดินห่างออกไปไกล ผมหันไปมองไอ้ทีที่ยืนอยู่หน้าห้องไม่ห่างจากพี่โบ้ท ภายในห้องเหลือน้องอีกไม่กี่คนที่กำลังเตรียมตัวกลับ ผมเองก็ไม่ควรอยู่ในห้องนี้เช่นกัน..
.
.
“คุยเสร็จแล้วเหรอ” ผมยืนอยู่ใกล้ริมบันไดเลยห้องชมรมผมให้เกียรติการสนทนาระหว่างพี่โบ้ทกับไอ้ทีด้วยการไม่แอบฟัง
“อืม” ไอ้ทีตอบและเดินเลยผมไป ผมคว้าแขนข้างนึงของไอ้ทีไว้
“พี่โบ้ทคุยอะไรกับมึง”
“ก็แค่เตือนกูว่าอย่าทำอะไรให้มันกระทบกับชมรม”
“กูถามจริงๆ มึงเป็นอะไรวะ ไอ้ที่มึงทำ.. คือมึงต้องการอะไรกันแน่”
“ที่กูทำไปเพราะกูเป็นเพื่อนมึง” ไอ้ทีมองหน้าผม “กูเลยตัดสินใจว่ากูจะช่วยมึงจีบธาม”
“?”
“แต่กูอยากให้มึงคบกับน้องมันจริงๆ ไม่ใช่คบเพื่อแก้แค้น”
“...”
“แล้วกูก็อยากให้มึงทำให้มันชัดๆ มันจะได้จบเร็วๆ”
“มึงคิดอย่างนั้นจริงๆ ใช่ไหม..”
“ใช่”
“..งั้นกูก็จะได้สบายใจ ไม่ใช่เพราะมึงจะช่วยกูจีบธาม แต่เพราะมึงไม่ได้โกรธอะไรกู” ผมดึงตัวไอ้ทีเข้ามากอดหลวมๆ
“เออ กูไม่ได้โกรธอะไรมึง ในเมื่อมึงตัดสินใจแล้ว กูก็จะช่วยมึง”
“ขอบใจเว้น ไปหาไรกินกัน” ผมคลายอ้อมแขนและมองหน้าไอ้ที มันยิ้มให้ผม ผมกอดคอไอ้ทีเดินลงบันได ผมดีใจ.. คงเพราะผมไม่ชอบบรรยากาศที่โคตรเย็นชาระหว่างเราทั้งสองคน
.
..ห้านาทีก่อนหน้านั้น
“สารภาพมาไอ้ที ประชดไอ้ข้าวแรงขนาดนี้ ชอบมันใช่ไหม”
“...”
“ชอบเพื่อนน่ะมันไม่ผิด แต่มึงทำแบบนี้ ไม่เจ็บรึไงวะ”
“ขอแค่มันสุข..”
“เฮ้อ เออ เอาตามที่มึงตั้งใจ กูก็ไม่มีสิทธิ์ห้ามหรือเบรกมึงได้อยู่แล้ว แต่ถ้ามึงอยากระบาย ก็..เดินมาหากู”
“..”
มึงจะทนได้จริงๆ เหรอวะไอ้ที
.
.
..ธาม
[อย่าลืมเอาจี้มานะ พี่เตรียมสายไว้แล้ว]
ข้อความจากพี่ข้าวที่ได้อ่านหลังตื่นนอนทําเอาผมเกาหัวยุ่ง สร้อยพี่ข้าววางอยู่บนโต๊ะอ่านหนังสือของผมและยังคงอยู่ในสภาพสมบูรณ์เหมือนตอนที่ผมได้มา คนนึงก็ขอให้ใส่อีกคนก็ขอให้ถอด ปวดหัวโว๊ยยย ผมแกะจี้เงินรูปเม็ดข้าวออกจากสายสร้อย ยังไงก็พกไปก่อน

“เย็นนี้มึงจะไปชมรมก่อนไหม”
“ไม่ว่ะ กูไปที่ร้านพร้อมพวกพี่สายรหัสกูเลย” ผมตอบไอ้บอสขณะเดินลงบันไดของหอ
“โอเค งั้นเจอกันที่ร้าน”
บอสกับผมสรุปการนัดหมายอีกครั้งก่อนจะแยกกันเดินทางไปเรียน วันนี้พวกผมไม่เอาจักรยานไปเพราะขากลับคงไม่มีสติปั่นแน่ๆ
“ธาม บอส” ปรินซ์เรียกพวกผมจากบนรถที่จอดเทียบด้านหน้าหอ
“หวัดดีคร๊าบบพี่ปรินซ์”
“ขึ้นมาทั้งคู่ เดี๋ยวพี่ไปส่ง”
“โอะ รถผมมาแล้วพี่ พี่ไปส่งไอ้ธามเหอะ มึง กูไปล่ะ” ไอ้บอสรีบชิ่งวิ่งไปขึ้นบัสมหาลัยที่จอดไกลออกไปอีกฝั่งของถนน ..ไอ้เพื่อนเวร
“ธามขึ้นมาได้แล้ว”
“...”
“เห็นไหมว่าข้างหลังรถติดแล้ว”
“...”
“เขินพี่รึไง”
“เปล่าเว้ย”
“ถ้าเปล่าก็ขึ้นมา”
“เออ” ผมขึ้นรถปรินซ์จนได้

“นี่คือบังเอิญผ่านมา?”
“สําหรับธามมันไม่มีคําว่าบังเอิญ มีแต่ความตั้งใจ ..แล้วก็เจตนา” ปรินซ์ยิ้มทั้งที่ตามองทาง
“แล้วรู้ได้ไงว่า..”
“พี่ถามบอสน่ะ” ไอ้คนขายเพื่อน!
“ทําไมถามไอ้บอส”
“ก็ถ้าถามธาม ธามก็หาเรื่องหลบหน้าพี่”
“...”
“ทําไมเงียบ พี่พูดถูกล่ะสิ ขออีกเรื่องได้ไหม อย่าปิดโอกาสพี่ ..แล้วก็โอกาสของตัวเอง”
“โอกาสอะไร..” ปรินซ์หันมามองผม แถมยังยิ้มกวนตีนอีก
“ก็โอกาสที่ธามจะเป็นแฟนพี่”
“!!”
“เขินพี่เหรอ ถึงหน้าแดง..”
“ไม่ได้แดง ไม่ได้เขิน! หันไปมองทางได้แล้ว”
“ครับ”
กว่าจะได้ลงจากรถ ปรินซ์ก็เล่นเอาซะหัวใจผมต้องทำงานหนักตลอดทาง ..มันเต้นแรง มันฟูเพราะคำพูดของปรินซ์ที่ไม่คิดจะปิดความรู้สึกใดๆ เลย ..มันจีบผมแบบตรงไปตรงมา ไม่รู้ว่าผมหลุดยิ้มไปบ่อยแค่ไหน แล้วก็ไม่รู้ว่าหน้าตัวเองแดงมันตลอดทางเหมือนที่ปรินซ์ว่าหรือเปล่า แต่รู้สึกได้ว่าหน้าตัวเองร้อนผ่าวเหมือนมีไข้จริงๆ เชี่ยแล้วไอ้ธามมมม มึงอย่าใจง่ายเพราะเห็นเป็นปรินซ์นะเว้ย ผมเป่าลมออกปากแต่ก็ยังอดอมยิ้มไม่ได้ ขณะที่มองตามรถปรินซ์ที่ขับออกไป
“ธาม”
“พี่ข้าว” ผมหันไปมองตามเสียงเรียกพี่ข้าวเดินตรงมาหาผมที่ยังยืนอยู่นอกใต้ถุน
“กินข้าวมารึยัง”
“ออ เอ่อ ยังพี่”
“งั้นก็ไปกินข้าวกัน”
“ครับ” ผมเดินไปโรงอาหารคณะที่อยู่ถัดจากใต้ถุนไป
“เห้ยไอ้ธามมมม” ไอ้บรีสโบกมือเรียกผมอยู่ เฮ้อ ค่อยยังชั่ว ผมรีบเดินนำพี่ข้าวไปที่โต๊ะที่ไอ้บรีสนั่งอยู่
“หวัดดีครับพี่ ไงมึง วันนี้มาพร้อมพี่ข้าวเลยเหรอวะ” ไอ้เชี่ยบรีส!
“เปล่าเว้ยกูเจอพี่ข้าวหน้าคณะ”
“จริงๆ พี่ก็อยากมาพร้อมธามนะ”
“!!!”
“ทำไมธามทำหน้างั้นล่ะ พี่เสียใจนะ”
“ใช่ มึงนี่ ถ้าอยากให้พี่เขาไปรับก็บอกพี่เขาดิ” ไอ้สัดดดบรีสสส
“พี่ข้าว ถ้าไงผมฝากเพื่อนผมหน่อยนะ ผมต้องไปหาพี่ฝนก่อน เจอกันในห้องนะมึง อย่ามัวแต่อยู่ให้พี่เขาจีบจนลืมเวลาเรียนล่ะ”
ประโยคสุดท้ายไอ้บรีสกระซิบบอกผม แต่แม่งมันตั้งใจให้พี่ข้าวได้ยินด้วยชัดๆ พี่ข้าวหัวเราะเบาๆ แล้วมันก็ทิ้งให้ผมนั่งอยู่ที่โต๊ะกับพี่ข้าวสองคน
“บรีสตลกดีนะ ว่าแต่ธามจะกินอะไรดี เดี๋ยวพี่ไปซื้อให้”
“เห้ย ไม่เป็นไรพี่ ผมไปซื้อเองได้”
“ลืมอะไรไปรึเปล่า พี่เป็นพี่ของธามนะ” พี่ข้าวลุกขึ้นยืนและเดินมาฝั่งที่ผมนั่ง วางมือข้างหนึ่งบนไหล่ของผม พร้อมกับลดส่วนสูงลงมาคุย “..และก็อยากจะเป็นมากกว่านั้นด้วย” ผมกระพริบตาถี่เมื่อดวงตาคมจ้องผม ก่อนพี่ข้าวจะยิ้มพร้อมกับยืดตัวขึ้น “เอาเป็นว่ามื้อนี้พี่เลี้ยงเอง ธามอาจจะยังไม่เคยกินเมนูเด็ดของที่นี่ก็ได้ เอาตามนี้นะ เดี๋ยวพี่มา” พี่ข้าวเดินไปมาระหว่างสองร้านและไปกลับโต๊ะสองรอบ อาหารก็วางอยู่ตรงหน้าผม
“นี่เลย ลาปวุ้นเส้น ต้มแซ่บ ข้าวสวยร้อนๆ รับรองธามชอบแน่ๆ”
“ขอบคุณครับพี่” ผมตักน้ำต้มแซ่บขึ้นซด
“เป็นไง อร่อยไหม”
“อะอร่อยครับพี่ แค่กๆ” ผมไอรัวเป็นชุด ต้มแซ่บอร่อยจริงๆ แต่.. “พอดีผมกินเผ็ดมากไม่ได้น่ะพี่”
“อ้าวเหรอ! โทษทีพี่ไม่รู้” พี่ข้าวรีบวิ่งออกจากโต๊ะไป และกลับมาพร้อมกับน้ำหวานหนึ่งแก้ว และไข่เจียว
“พี่ไม่รู้จริงๆ ยังไงก็กินไข่เจียวคู่กันไปนะ”
“ผมเลยทำให้พี่ลำบาก..”
“ไม่เห็นจะลำบากเลย พี่จะค่อยๆ เรียนรู้นะว่าธามชอบอะไรไม่ชอบอะไร” พี่ข้าวยิ้มอ่อนโยนให้ผม มันต่างจากตอนที่เป็นพี่ว๊ากมาก และต่างอย่างที่สุดกับใบหน้าตอนนั้นที่คอร์ทแบด จริงๆ ผมก็ลืมเหตุการณ์นั้นไปแล้ว
“ทำไมจู่ๆ ทำหน้าอย่างนั้น”
“ผมแค่รู้สึกว่าพี่มีหลายบุคลิก…”
พี่ข้าวหัวเราะ “ขอโทษนะที่ทำให้คิดอย่างนั้น แต่ที่ธามเห็นอยู่ตอนนี้คือตัวตนของพี่ ส่วนตอนอื่นๆที่มันมากไป พี่บอกธามได้เลยว่า..พี่ไม่ได้ตั้งใจจริงๆ”
“ออ ครับ” ผมก้มหน้าหลบสายตารู้สึกผิดของพี่ข้าว
“อือ แล้วธามเอาจี้มาใช่ไหม”
ผมล้วงเข้าไปช่องภายในเป้ “นี่ครับ”
“แล้วพี่จะคืนให้นะ”
.
..ที
“อ้าวไอ้ที ทำไมมานั่งกินข้าวคนเดียววะ” ไอ้เจียวแกว่งปากวอนหาตีนแต่เช้า
“กูกินข้าวคนเดียวไม่ได้?”
“ก็ได้ไง แต่ทุกทีมันต้องมีไอ้ข้าวด้วยไงสไตล์เพื่อนซี้”
“ก็มีมึงมานี่แล้วไง”
“เออๆ นี่เห็นว่ามึงนั่งหง่าวอยู่คนเดียวหรอกนะ ตอนแรกว่าจะไปนั่งเนียนกับน้องๆ ปีหนึ่งสักหน่อย”
“โคตรซึ้ง”
“เมื่อกี้กูเห็นไอ้ข้าวมันนั่งอยู่กับน้องอะไรน้า ที่เป็นเพื่อนไอ้บรีส”
“น้องธาม หลานมัน”
“นี่คือมันเห็นน้องดีกว่าเพื่อน?”
“ไอ้เจียว มึงเลิกพูดมากเหอะว่ะ รีบแดกจะได้รีบไปเรียน”
“โอเค๊”
.
.
..ธาม

[มึง รีบมาเลย พี่ปรินซ์แม่งจะแดกหัวกูอยู่แล้ว!]
[ไมวะ]
[พอกูบอกว่ามึงจะไปที่ร้านพร้อมสายรหัส เท่านั้นแหละ ทั้งกูทั้งไอ้พี่โบ้ทเอาแม่งแทบไม่อยู่ เกือบแลกหมัด!]
[มึงเวอร์ล่ะ]
[เออ กูเวอร์ แต่ไม่ใช่ก็ใกล้อ่ะ มึงรีบมาที่ร้านเลยไอ้พี่ปรินซ์มันจองโต๊ะต่อเผื่อสายรหัสมึงแล้วเนี่ย]
[0_o!!!]
[กูล่ะกลัวจะมีเรื่องฉิบหาย!!!]

“ไอ้บอสเหรอ”ไอ้บรีสที่นั่งอยู่ข้างๆ ถาม หลังจากที่มันเห็นผมหยุดเก็บข้าวของหลังอาจารย์เลิกคลาสแล้วเอาแต่จ้องมองมือถือ
“เออ มันส่งไลน์มาเร่งบอกว่าให้รีบไปที่ร้าน”
“กูว่ากูไปยืมกล่องปฐมพยาบาลของคณะไปด้วยดีกว่า ..เผื่อต้องใช้”
“!!!”
.
.
.
หัวข้อ: Re: YR Mine นายผู้ปกครอง - รักลุ้นๆ ของคนพี่ Ep.026 - ความรู้สึกของที 2 07 62
เริ่มหัวข้อโดย: AkuaPink ที่ 02-07-2019 18:47:30
 :pig4:
 :katai2-1:
หัวข้อ: Re: YR Mine นายผู้ปกครอง - รักลุ้นๆ ของคนพี่ Ep.026 - ความรู้สึกของที 2 07 62
เริ่มหัวข้อโดย: kajeaw ที่ 02-07-2019 22:31:28
ชักเริ่มรำคาญธามแล้วสิครับ จะอะไรนักหนาน้อ
หัวข้อ: Re: YR Mine นายผู้ปกครอง - รักลุ้นๆ ของคนพี่ Ep.027 - เลี้ยงชมรมเลี้ยงสาย 3 7 62
เริ่มหัวข้อโดย: After5p.m. ที่ 03-07-2019 09:39:56
027
เลี้ยงชมรม เลี้ยงสาย
.
.
“ห้ามกินเยอะนะพี่ตาว รู้ใช่มะว่าต้องเป็นคนขับรถกลับ”
“รู้แล้วจ้าคุณแม่ รู้ว่าต้องไปส่งทุกคนให้ถึงที่พักกกก ว่าแต่ฟ้าจองโต๊ะไว้แล้วใช่ป่ะ”
“เห้ย! ลืมไปเลย คืนวันศุกร์ด้วยดิ ทำไงดี!”
“ไม่เป็นไรๆ อย่าเครียด ไม่มีโต๊ะก็เปลี่ยนร้าน โอไหมข้าวธาม” พี่ตาวมองผมกับพี่ข้าวผ่านกระจกมองหลัง
“ยังไงก็ได้พี่”
“เปลี่ยนร้านก็ดีเหมือนกันนะ” พี่ข้าวมองผมที่นั่งอยู่ข้างๆ
“เออๆ ลองคิดช้อยส์อื่นไว้เลย ส่วนน้องบรีส ไม่ต้องห่วงนะพี่จะส่งถึงโต๊ะเลย”
“คร๊าบบบพี่ตาว” ไอ้บรีสตอบพี่ตาวจากที่นั่งอีกด้านนึงของผม

“‘ร้าน ‘นั่งกิน’ หลังมอ ร้านนั่งดื่มชิลๆ กับแกล้มอร่อย มีดนตรีสดเล่น เป็นร้านดังประจำใจของเด็กมอทุกคน หนึ่งในเหตุผลที่ไม่สามารถหาแหล่งที่มาได้เล่าขานกันว่า ถ้าใครอยากสมหวังในความรัก ให้พาคนที่แอบชอบมากินที่ร้านนี้ โดยที่จะต้องนั่งดื่มเสพบรรยากาศปลอดภัยดีไม่มีใครมาจีบมาแย่งคนที่เราหมายตาไว้ตลอดค่ำคืน.. รับรองจะสมหวัง แต่ถ้าผ่านช่วงเวลานี้ไปไม่ได้ ก็ทำใจเตรียมหาคนใหม่ได้เลย” ข้อมูลของร้าน ‘นั่งกิน’ ที่ไอ้บอสเคาะหาจากอากู๋แล้วกรอกหูผมเมื่อคืน
“กูว่านะ ไม่ต้องร้านนี้ก็ได้ป่ะว่ะ พาไปนั่งร้านอื่นก็เหมือนกันนั่นแหละ ถ้าแม่งนั่งกินด้วยกันแล้วมันไม่ฟินไม่อิน มันก็คือไม่ใช่ไง กูว่าเรื่องนี้ตลกว่ะ” แต่ทำไมผมถึงรู้สึกเชื่อเรื่องที่บอสมันอ่านล่ะ หรือผมกำลังกังวลว่าถ้ามันเป็นเรื่องจริง.. มันจะมีผลอะไรกับผมและปรินซ์ไหม..
“แล้วที่ใครๆในมอเราต้องไปกิน จริงๆก็เพราะแม่งเป็นกิจการของศิษย์เก่ารุ่นพี่ที่นี่นั่นแหละ แล้วก็นะใครอยากมีรายได้พิเศษก็ไปรับจ็อบได้ ทีนี้เพื่อนใครมันก็อยากตามไปให้กำลังใจไงมึง ร้านเลยรุ่งโรจน์..” ประโยคที่เป็นความจริงจากไอ้บอสที่ไม่เข้าหูผม..

“โอเค ทุกคนลงจากรถได้จ้า”
“โห คนเยอะ สงสัยได้เปลี่ยนร้านแน่” พี่ฟ้าพูดเสียงสลด
“ลองเข้าไปดูก่อนล่ะกัน พวกเรามาแค่สี่คนเอง อาจจะพอมีที่ว่าง”
“อืม ถูกของข้าว”
พวกเราเดินจากที่จอดรถที่แออัดคับแคบเพราะปริมาณรถที่หนาแน่นไปที่ตัวร้านซึ่งมีที่นั่งทั้งแบบอินดอเอาท์ดอ พี่ตาวเดินนำลิ่วไปหาพนักงานทันที ผลของการหาที่นั่งดูได้จากหน้าของพี่ตาวที่อ่อนแรงไหล่ลู่
“ไป ย้ายร้าน”
“ขอโทษนะทุกคน ฟ้าลืมจริงๆ”
“ไปร้าน ‘กินดื่ม’ ก็ได้” พี่ข้าวพูดและตบบ่าของพี่ฟ้าเบาๆ
“เออใช่ ลืมร้านนั้นไปได้ยังไง ร้านนั้นก็ดี ฟ้าไม่ต้องเครียด ไปกัน ส่วนน้องบรีสก็แยกไปเลี้ยงชมรมได้เลยนะ”
“ครับพี่ เสียดายเลยไม่ได้อยู่ร้านเดียวกันเลย”
“โอเคมึงไว้เจอที่คณะ” ผมกล่าวลาไอ้บรีส ..ใจผมก็เสียดายไม่แพ้กัน
“ไอ้ธาม” ไอ้บอสกำลังวิ่งมาหาผม ผมรู้อยู่แล้วว่าปรินซ์จองโต๊ะเผื่อ แต่ถ้าพี่ข้าวจะเลี่ยงการพบหน้ากันกับปรินซ์ได้ก็น่าจะดีกว่า ผมเองก็ไม่อยากให้พี่ตาวกับพี่ฟ้ามาหมดสนุก เพราะการเจอกันของสองคนตัวสูงยังทำผมปวดหัวทุกครั้ง
“โอะ หวัดดีครับพี่ฟ้า พี่ข้าว แล้วก็พี่..”
“นี่พี่ตาว พี่ปีสี่สายรหัสกู ส่วนนี่ไอ้บอส เพื่อนผมอยู่จิตวิทยาพี่”
“หวัดดีครับพี่ตาว พวกผมจองโต๊ะเผื่อแล้วนะ”
“เห้ยจริงดิ! เจ๋งไปเลยเพื่อนน้องธามเนี่ย” พี่ตาวหยิกเข้าที่แก้มของไอ้บอส “นอกจากจะหน้าตาไม่เลวแล้วเนี่ย ยังรู้งานด้วย”
“ไม่ใช่ผมหรอกพี่ พี่ปรินซ์เป็นคนจอง แล้วก็ต่อโต๊ะรอเรียบร้อย”
“ต่อโต๊ะ?”
“พอดีผมกับธามมีเลี้ยงชมรมวันนี้พอดี ก็คงต่อโต๊ะยาวติดกันไปเลย” พี่ข้าวอธิบายทั้งที่ทำหน้านิ่ง ดูไม่ค่อยสบอารมณ์เท่าไหร่
“โห ดีๆ จะได้ครึกครื้น ว่าแต่น้องบอส เมื่อกี้บอกว่าพี่ปรินซ์จองไว้ พี่ปรินซ์ไหนอ่ะ” บทสนทนาระหว่างทางไปยังที่นั่งอินดอร์จบลง เมื่อทั้งหมดหยุดอยู่ที่หน้าประตูกระจกสีชา และมันถูกกระชากเปิดออกโดยใครสักคนที่อยู่ภายในร้าน
“..น้องบอส อย่าบอกนะว่าปรินซ์นี้..”
“ใช่ครับพี่ตาว ปรินซ์นี้แหละ” เป็นปรินซ์ที่ยืนยิ้มเท่ๆ อยู่หลังประตู หน้าตาไม่ได้บอกเลยว่าคนตัวสูงกำลังอยู่ในโหมดกินหัวใครได้ ออกจะดูอารมณ์ดีมากด้วยซ้ำ แล้วที่ไอ้บอสส่งข้อความมาเร่งผมให้รีบมาแล้วบอกว่าปรินซ์แทบจะแลกหมัดกับพี่โบ้ท.. นี่คือมึงหลอกกูเหมือนไอ้บอสมันจะจับความรู้สึกผมได้ มันเลยรีบเดินผ่านประตูเข้าไปแอบหลังปรินซ์
..ไอ้เพื่อนเวร
“พี่รหัสธามใช่ไหมครับ ตามผมมาทางนี้ได้เลย” ปรินซ์พูดโคตรสุภาพ แถมยังผายมือให้พวกพี่ตาว ..โคตรน่าหมั่นไส้
“ฟ้าๆ บอกพี่ดิว่านี่ไม่ได้ฝันอยู่ เราจะได้นั่งโต๊ะเดียวกันกับปรินซ์จริงๆ อ่ะ”
“จริง แต่พี่ตาวอย่าเยอะได้ป่ะ อายเขา”
“ฟ้า โต๊ะเราจะมีทั้งข้าวทั้งปรินซ์ โอ๊ยยย พี่ฟินไปอีกเป็นเดือนแน่ๆ คนหล่อๆ สองคนนนนน เตือนให้พี่ขอถ่ายรูปกับปรินซ์ด้วยนะ”
“อืมมมม” พี่ตาวกับพี่ฟ้ากระซิบกระซาบกันอยู่ด้านหน้า ส่วนผมก็เดินตามหลังสองสาว และมีพี่ข้าวเดินปิดท้าย พี่ตาวที่เดินตามหลังปรินซ์ติดๆได้นั่งข้างปรินซ์ ถัดจากพี่ตาวก็พี่ฟ้า ส่วนผมก็นั่งข้างไอ้บรีสที่นั่งติดกับไอ้บอส และพี่ข้าวที่เดินตามหลังมาก็นั่งปิดโต๊ะอยู่ข้างๆผม ปรินซ์ทำหน้าผิดหวังที่ได้แค่นั่งเยื้องผม ส่วนผมก็ยิ้มสมน้ำหน้าอย่างไม่ปิดบัง ปรินซ์ในตอนนี้ทำหน้าเหมือนกับแมวที่อดกินปลาทูแม่กลอง น่าสงสาร..

กะหล่ำปลีผัดน้ำปลา ถั่วเค็มอบเกลือ ปลาหมึกแห้งย่างไฟ ข้าวเกรียบกุ้งกรอบๆ ถูกจัดวางอยู่บนโต๊ะ พร้อมโถน้ำแข็ง น้ำอัดลม ขวดน้ำเมา โซดา และถ้วยประจำตัวของแต่ละคน พี่ตาวรับหน้าที่ชงเครื่องดื่มแจกทุกคน โดยส่วนของผมนั้นบางสุดอ่อนสุดเจือจางที่สุดตามความแข็งแกร่งที่ผมรู้ตัวดีและแจ้งพี่ตาวไว้ล่วงหน้า แสงไฟภายในร้านนั้นสว่างสลัวพอให้เห็นเครื่องดื่มได้ชัดและมองอารมณ์บนใบหน้าของคนรอบๆ ได้ เสียงดนตรีและเสียงร้องเพลงมีทั้งเพลงที่ผมรู้จักบ้างไม่รู้จักบ้างแต่ก็โยกหัวตามจังหวะได้ไม่ยาก  แต่ระดับเสียงที่ดังเพราะระยะห่างระหว่างโต๊ะกับเวทีที่แสนใกล้ทำให้ทุกครั้งที่เราจะคุยอะไรกันต้องตะโกนเอาพร้อมกับต้องเอาปากไปกระซิบใกล้หูของคู่สนทนา
“น้องปรินซ์ ทำไมถึงเล่นเป็นกองหลัง” พี่ตาวตะโกนถามปรินซ์ที่ข้างหู และปรินซ์ก็กระซิบตอบพี่ตาวที่ข้างหูเช่นกัน ผมไม่ได้ยินว่าปรินซ์ตอบพี่ตาวว่าอะไร แต่การที่พี่ตาวหัวเราะหลังจากฟังคำตอบ แถมยังตีที่แขนปรินซ์เบาๆ ทำผมรู้สึกไม่ค่อยพอใจภาพตรงหน้าที่เห็นอยู่ ไม่นับการที่สาวๆ อีกหลายคนเดินมาขอถ่ายรูปกับปรินซ์ถึงที่โต๊ะ แม่ง ถ่ายเซลฟี่อยู่นั่น ทำหน้าระรื่นเชียวนะ นมทั้งนั้นเลยนิ
“พี่ปรินซ์นี่ฮอตเนอะ กูเห็นสาวๆมองกันเกือบทั้งร้าน” ไอ้บรีสตะโกนกรอกหูผม “น่ารักๆ ทั้งนั้น”
“พี่ตาว! ขออีกแก้วครับ”
“เห้ยธาม ค่อยๆ กินก็ได้นะเรา คอไม่แข็งไม่ใช่เหรอ”
“พี่ตาวเขากลัวว่าธามจะไปอ้วกบนรถน่ะ”
“โธ่ฟ้าพูดงี้พี่เสียภาพลักษณ์หมด เอาเป็นว่าถ้าอ้วก ก็แค่จ่ายค่าล้างรถให้พี่ด้วย” คำพูดทีเล่นทีจริงของพี่ตาวเรียกเสียงหัวเราะจากพวกเราทั้งโต๊ะ ไม่ต่างจากความครึกครื้นของโต๊ะชมรมเดินดอยที่อยู่ติดกัน
“ไม่ต้องห่วงนะธาม อยากกินแค่ไหนก็กิน พี่ดูแลธามเอง” พี่ข้าวกระซิบข้างหูผม เออใช่มีพี่ข้าวอยู่ และกูก็อยู่ในสายตาพี่ข้าวด้วย ไม่เหมือนใครบางคน.. แม่งเอาแต่แคร์เอาแต่ตอบกลับไมตรีของสาวทุกคนที่รุมเข้าหา
“ธาม”
ผมหันหน้าไปหาพี่ข้าว พี่ข้าวยิ้มให้ผมพร้อมกับสวมสร้อยเส้นใหม่ลงบนคอของผม
“ผมใส่เองก็ได้พี่”
“จะใส่เองได้ยังไง ติดตะขอก็ไม่สะดวก” พี่ข้าวขยับเข้าใกล้คอผม ระดับการนั่งคงไม่สะดวก พี่ข้าวถึงได้เอาหน้าอ้อมหลังคอของผม เชี่ย!ใกล้ไปแล้วพี่ข้าว ผมเริ่มขยับคอออกห่าง เพราะรู้สึกหายใจไม่สะดวก ไหนจะพะวงคนที่นั่งเยื้องกันอีก ซึ่งก็ไม่รู้ว่ามันจะสนใจไหม
“ธามอึดอัดเหรอ” พี่ข้าวกระซิบที่ข้างหูผม
“ก็นิดนึงพี่ ผมหันหลังดีกว่าไหม จะได้เห็นตะขอ”
“ธามกลัวอะไร”
“!!”
“มืดๆอย่างนี้ แถมทุกคนก็กําลังสนุก ไม่มีใครสนใจต่อให้พี่จะแอบหอมแก้มธามด้วยซ้ำ”
“!!!”
“พี่ล้อเล่น แค่พี่ได้ใกล้ธามขนาดนี้ พี่ก็โอเคแล้ว บอกแล้วไง พี่จะทําให้ธามเห็นว่าพี่จริงใจกับธาม และรอวันที่ธามจะชอบพี่” ลมหายใจอุ่นๆของพี่ข้าวรดอยู่คอของผม
ตึง!!!
เสียงของแก้วหนาที่ถูกกระแทกลงบนโต๊ะไม้เสียงดังทำผมสะดุ้งและหันหลังไปมอง ปรินซ์กําลังมองมาทางผมกับพี่ข้าว ระยะห่างระหว่างผมกับพี่ข้าวช่างหมิ่นเหม่ชวนเข้าใจผิด พี่ข้าวเองก็เหมือนจะไม่ยอมผละออกจากผมง่ายๆ ปรินซ์สบตาผม สายตาดุดันของปรินซ์ทําผมรู้สึกผิด แล้วไงล่ะทีตัวเองยังเอาแต่สนใจสาวๆรอบตัว แล้วไหนจะพี่เป้ที่นั่งอยู่ข้างๆอีก ปรินซ์ยกแก้วที่ถืออยู่ขึ้นดื่มจนหมดภายในครั้งเดียว
“ทำไมน้องธามถึงมีสร้อยด้วยอ่ะข้าวววว” พี่ตาวที่เริ่มอาการหัวเอียงร้องทัก พี่ข้าวเลยหันกลับไปตอบพี่ตาว
“ก็สร้อยจองตัว เอ้ย สร้อยรับขวัญไงพี่ตาว ก็คล้ายๆสายสิญจน์”
“พี่อยากได้มั่งจัง”
“ไว้ผมจะหาให้ทั้งพี่ตาวกับฟ้านะครับ”
“ดีจางงงงง ข้าวคนดี” พี่ตาวเอื้อมมือมาหยิกแก้มพี่ข้าว ส่วนผมก็เสมองไปทางเวที รู้ตัวดีว่าตอนนี้ปรินซ์ก็คงกำลังมองผมอยู่ ผมรู้ว่าการที่ผมรับสร้อยของพี่ข้าวมันหมายความว่าผมไม่ทำตามสิ่งที่ปรินซ์เคยขอไว้ ผมไม่ได้ลืม แต่ไม่รู้จะปฏิเสธพี่ข้าวยังไงให้ฟังดูมีเหตุผล
.
..ที
“ไอ้ที! ไม่มานานเลยนะมึง” ไอ้ปองนักร้องนำของวงต่อไปที่กำลังจะขึ้นเล่นถามผมที่ตั้งใจเดินมาหามัน
“กูก็มาอยู่เรื่อยๆมึงนั่นแหละที่ไม่เห็นกูเอง”
“เออๆ”
“กูมีเรื่องจะกวนว่ะ”
“ไรวะ”
“ให้ไอ้ข้าวมันยืมเวทีแป๊บดิ”
“ไอ้ข้าวอ่ะนะ ไม่เอา”
“ไมวะ”
“ก็ไอ้ข้าวขึ้นทีไรกูก็ไม่ต้องขึ้นต่อมันแล้ว แฟนคลับแม่งเยอะ ลงยากฉิบหาย”
“มันก็ไม่ได้ขึ้นนานแล้วไหมวะ เผลอๆไม่มีใครจำมันได้ด้วยซ้ำ”
“มึงไม่รู้อะไร ล่าสุดที่มันมาแล้วมันขึ้นไปร้อง วันต่อมาแม่งมีแต่คนมาถามหามัน พี่โจเจ้าของร้านด่ากูฉิบหาย บอกว่าเตือนกูแล้วว่าอย่าให้มันขึ้น ตอนมันเลิกมาร้อง ร้านแม่งเกือบเจ๊ง คนหายไปตามหาว่ามันไปเล่นอยู่ร้านไหนแทน กว่าลูกค้าจะกลับมาก็แทบตาย”
“ช่วยมันหน่อยเหอะว่ะ มันกำลังจีบน้องคนหนึ่งอยู่”
“เห้ย!ใครวะระดับไอ้ข้าวจีบต้องโคตรน่ารักแน่ๆ”
“มึงอย่ารู้เลย เอาเป็นว่ามึงตกลงนะ อ่ะนี่ มันจะร้องแค่นี้แหละ กล่าวเชิญมันด้วย”
“ตายยยยห่าาาา ถ้ามันเล่นขนาดนี้แล้วพวกกูไม่ต้องเก็บของกลับเลยเหรอวะ แค่มันเอาหน้ามันขึ้นไปก็แย่ล่ะ”
“มึงก็เล่นเพลงที่โดนๆต่อเอาล่ะกัน”
“มายืนคุยไรกันหน้าส้วมวะ เกะกะฉิบหาย”
“อ้าวพี่โบ้ท หวัดดีพี่”
“อ้าว ไอ้ปองนี่มึงไม่ต้องขึ้นไปเล่นเหรอวะ”
“ก็คิวต่อไปนี่แหละพี่ แต่ไอ้ทีดิดันจะมาขอซีนให้ไอ้ข้าวมันจีบสาว”
“ออ มึงนี่ช่างเป็นเพื่อนที่ดีเน๊อะ” พี่โบ้ทหันมามองผม
“ผมไปเตรียมตัวก่อนล่ะกันพี่”
“เออๆ” ไอ้ปองเดินจากไป ปล่อยให้ผมยืนอยู่กับพี่โบ้ทสองคน
“นี่มึงอย่าบอกนะว่ามึงจัดการให้ไอ้ข้าวมัน”
“...” ผมพยักหน้าตอบ
“กูนับถือจิตใจมึงจริงๆ เอางี้เดี๋ยวพอไอ้ข้าวมันขึ้นไปเล่น กูจะพามึงไปซับน้ำตานอกร้านเอง”
.
“สวัสดีครับทุกคน พวกเราวงสีสัน กลับมาเจอกันอีกแล้วทุกค่ำคืนวันศุกร์ในบรรยากาศอุ่นๆโรแมนติกๆแบบนี้ ใครที่มีคู่ก็จงรู้ไว้ว่ามีใครหลายคนกำลังอิจฉา แต่สำหรับคนที่กำลังเหงาเราก็จะมาเติมความสุขไปด้วยกัน เพราะพรุ่งนี้.. ไม่มีเรียนนนน” เสียงกรี๊ดดังสนั่นทั่วทั้งร้าน “แต่ก่อนที่พวกเราจะมาเต็มที่ในค่ำคืนนี้กับพวกเราสีสัน ผมได้รับหน้าที่ให้มาเป็นคิวปิดตัวน้อยๆให้กับคนๆหนึ่งครับ เขามีความในใจจะบอกออกไปผ่านเสียงเพลง จะเป็นใครไปไม่ได้เลย อดีตนักร้องที่ขึ้นเล่นกี่ครั้งก็กระชากใจสาวๆ ได้ทุกครั้ง เรามาลุ้นความในใจของเขาไปพร้อมๆ กันเลยยยย” เสียงตอบรับจากทั้งสาวๆ และหนุ่มๆ ดังอวลไปทั่ว คงเพราะใครๆ ก็อยากร่วมมีประสบการณ์กับการสารภาพรักออกสื่ออย่างนี้ และดูว่าใครกันที่เป็นผู้ห้าวหาญคนนั้น แถมได้ลุ้นด้วยว่าจะปังหรือจะแป๊ก
.
..ข้าว
“มึงอ่ะ”
“กู?”
“อืม มึงนั่นแหละ กูบอกไอ้เชี่ยปองไว้แล้วว่ามึงจะขึ้น อ่ะนี่ ลิสเพลง”
“...”
“ขึ้นไปดิ เดี๋ยวไอ้ปองมันก็หน้าแหกพอดี”
ผมถอนหายใจก่อนที่จะลุกขึ้นจากเก้าอี้ ผมคิดว่าผมเข้าใจความหวังดีของไอ้ที แต่นี่มันไม่มากไปหน่อยรึไง ผมก้มมองกระดาษในมือ เพลงที่ผมคุ้นเคย และมันรู้ว่าผมร้องได้
“มึงจะเล่นกับกูด้วยใช่ป่ะ”
ไอ้ทีมันยิ้มให้ผม “เปล่าว่ะ เดี๋ยวกูต้องออกไปกับพี่โบ้ท เต็มที่นะมึง มึงต้องเป็นพระเอกของคืนนี้ ไม่ใช่ไอ้ปรินซ์” ไอ้ทีเปิดทางให้ผมเดินไปยังหน้าเวที ผมหันมามองธามที่กำลังมองมา มันเป็นโอกาสที่ผมจะทำคะแนน ทำเท่ในสายตาธาม ผมเดินไปที่ข้างเวที นัดแนะกับวงที่เคยรู้มือกันดี เสียงกรี๊ดดังลั่นไปทั่วบริเวณ ผมไม่ได้รู้สึกเก้อเขินหรือตื่นกังวลกับการขึ้นเวที มันเคยเป็นที่ของผมมาตลอดเมื่อตอนปีหนึ่ง ในยามที่ผมต้องการเงินเพื่อไปช่วยครอบครัว เพราะมัน.. ไอ้ปรินซ์ ชั่ววินาทีที่ผมมองไอ้ปรินซ์ที่นั่งอยู่ข้างล่างด้วยความโกรธแค้น ก่อนจะมองไปที่ธาม เด็กซื่อๆ คนหนึ่งที่ผมสะดุดตาตั้งแต่วันแรกที่เข้าห้องเชียร์ ถ้าตอนนี้ผมกำลังลงทุนกับการเอาคืนไอ้ปรินซ์..การได้คบกับธามก็คือผลกำไร ส่วนไอ้ปรินซ์.. มันจะต้องล้มละลาย เพราะมันจะต้องขาดทุนย่อยยับเพราะเสียธาม.. ผมตอกย้ำความรู้สึกของตัวเองอีกครั้ง แต่แล้วสายตาก็มองเลยออกไปสะดุดเข้ากับแผ่นหลังของคนสองคน ผมจำได้ในทันทีถึงแม้ว่าภายในร้านจะมืดสลัว พี่โบ้ทกำลังกอดไหล่ของไอ้ทีเดินออกไปที่ประตูร้าน.. ผมกำมือตัวเอง พยายามสะกดอารมณ์บางอย่าง นอกจากมึงจะไม่เล่นกีต้าร์กับกูเหมือนทุกครั้ง มึงยังไม่อยู่ดูกู แล้วมึงจะวางแผนให้กูทำอย่างนี้เพื่ออะไร! ผมกำลังโมโห!
“ไอ้เชี่ยข้าว มึงเล่นสักทีสิวะ!” ไอ้ปองเดินขึ้นมากระซิบผม “คนเขากรี๊ดจนหมดเสียงเงียบกันทั้งร้านแล้ว”
ผมระบายลมหายใจก่อนวางนิ้วทั้งสิบลงบนคีย์บอร์ด ต่อให้นึกอยากจะวิ่งลงไปกระชากคอเสื้อทั้งไอ้พี่โบ้ททั้งไอ้ที แต่ตอนนี้คงต้องทำทุกอย่างให้มันจบๆ ไปก่อนผมจดนิ้วเรียวที่คุ้นเคยกับเครื่องดนตรีตรงหน้าอย่างแผ่วเบา เสียงโน๊ตดังขึ้นก่อนจะหยุดลงอย่างรอจังหวะ เรียกเสียงกรี๊ดจากผู้ฟังด้านล่างได้เป็นอย่างดี ผมรู้เสมอว่าการเป็นนักเอนเตอร์เทนด์บนเวทีที่ดีคือการรอจังหวะ ไม่เร็ว และไม่ช้าจนเกินไป ผมโซโลคีย์บอร์ดคนเดียวพร้อมร้องเพลงที่ไอ้ทีเลือกไว้ให้..
“..เธอคงยังไม่รู้ ว่ามีหนึ่งคนแอบรักเธอแอบดูแลแต่เธอทำอะไรเพื่อเธอเหมือนไม่ตั้งใจ..ถ้าเธอได้ฟังเพลงนี้ ก็อาจจะพอได้รู้ใจกับความจริงข้างในที่มันทำยังไงก็ไม่กล้าพูดออกไปสักทีว่าใครที่อยู่ตรงนี้..” ผมกดลากเสียงคีย์อีกสองสามตัวเพื่อให้ปลายเสียงยังคงก้องกังวาล.. ทุกคนในร้านต่างพากันนิ่งเงียบราวต้องมนต์สะกด ผมเงยหน้าขึ้นมองธาม และพยายามจะมองหาใครอีกสองคนที่ยังคงไม่อยู่ที่โต๊ะ ผมปรับอารมณ์เล็กน้อย ทันใดนั้นเสียงกลองก็ดังขึ้น เสียงเบส และกีต้าร์ก็ร่ำร้องสอดประสานเข้าด้วยกัน จังหวะที่เปลี่ยนไปทำให้คนทั้งร้านต่างกรีดร้องและลุกขึ้นโบกมืออย่างมีอารมณ์ร่วมไปกับทํานองเพลงที่คุ้นหู ผมคว้าเอาไมค์ออกจากขาตั้งที่วางอยู่กลางเวที..
“เป็นเพราะความบังเอิญหรือใครลิขิต
ให้ชีวิตฉันได้พบกับเธอ
คนที่ธรรมดาแต่ดูช่างเลิศเลอ
อยู่ข้างฉันด้วยกันตอนนี้

ยิ่งใกล้เท่าไร ก็ยิ่งหวั่นไหว
อยากจะถามเธอมากับใครหรือไม่มี
แต่ทำได้แค่มอง ไม่ยอมทำอะไรสักที

แล้วฉันจะพูดอย่างไร เพื่อให้เธอได้เข้าใจ
ให้รู้ว่ามีความรัก มาจากคนข้างๆ กาย
จะต้องทำยังไงช่วยบอกฉัน
เพื่อไม่ให้เธอนั้นเดินผ่านไป

ความรักมันเต็มท่วมหัว ตัวกับใจยังไม่กล้า
หลงรักคนยืนข้างซ้าย ตรงที่เก้านาฬิกา
ก่อนเสียงเพลงบรรเลงท่อนสุดท้าย
ฉันต้องทำยังไงเพื่อได้เธอมา
ก่อนที่ใครจะคว้าไป

..เธอจะพอ มองเห็นกันบ้างไหม
คนที่ยืนไม่ไกล แค่ข้างๆ
เธอจะพอมีใจให้ฉัน บ้างไหม..”

“มึงเลือกเพลงได้ดีจริงๆไอ้ที มึงไม่ต้องกลั้นไว้ เดี๋ยวคืนนี้มันจะผ่านไป.. มึงทำได้ กูรู้”
.
.
.

หัวข้อ: Re: YR Mine นายผู้ปกครอง - รักลุ้นๆ ของคนพี่ Ep.028 - เมา
เริ่มหัวข้อโดย: After5p.m. ที่ 04-07-2019 10:29:42
028
เมา
.
.
..โบ้ท
“มึงเลือกเพลงได้ดีจริงๆ ไอ้ที มึงไม่ต้องกลั้นไว้ เดี๋ยวคืนนี้มันจะผ่านไป.. มึงทำได้ กูรู้” ไอ้ทีทรุดลงนั่งบนพื้นพร้อมกับก้มหน้า น้ำตาของมันกำลังอาบทั่วทั้งสองแก้มทั้งที่ปอยผมบังดวงตาทั้งคู่ของมันอยู่ ดีที่โซนเอาท์ดอคนเริ่มบางเบา เพราะใครๆ ก็อยากเข้าไปฟังเสียงสดๆ ของอดีตนักร้องดัง “ลุกขึ้นไอ้ที กูจะไปส่ง”
“แต่ผมอยากเมา..”
“เออได้ แต่มึงต้องไปเมาต่อที่อื่น ต้องไม่ใช่ที่นี่ มึงจะต้องไม่อ่อนแอต่อหน้ามัน” ไอ้ทียอมลุกขึ้นทั้งที่ยังก้มหน้า
“เห้ยไอ้มร ฝากบอกพี่โจด้วยว่า โต๊ะที่ต่อยาวที่สุดในร้านอ่ะ ลงบัญชีกูไว้ เดี๋ยวพรุ่งนี้กูมาเคลียร์ ไม่มีหนีไม่มีเบี้ยว”
“ได้พี่”
“ออ แล้วก็.. ถ้ามีใครถามหาไอ้ที ก็บอกมันว่า ไอ้ทีไปกับกู เข้าใจนะ”
“ได้พี่”
“เออ ขอบใจ พรุ่งนี้กูจะซื้อขนมมาฝาก” ไอ้มรเด็กพาร์ทไทม์มอเดียวกันที่ผมคุ้นเคยเดินจากไป ผมหันมองไอ้ที สภาพเหมือนซอมบี้ของมันทำผมอดส่ายหัวไม่ได้ หมดกัน อิมเมจคูลๆ ฉลาดๆ ของมึง ถ้าสาวๆ ที่แอบปลื้มมึงมาเห็น คงแม่งยืนไว้อาลัยทำใจไม่ได้ หมดสภาพสัด “ไปไอ้ที” ผมกอดคอมันเดินออกไปที่รถ
.
..ธาม
จังหวะเร็วๆ เบสแน่นๆ กลองรัวๆ และเสียงร้องที่มีเสน่ห์ปลุกเร้าให้คนเกือบทั้งร้านเดินไปยังหน้าเวทีเพื่อเข้าถึงอารมณ์ของเพลงตามที่นักร้องสุดเท่กำลังถ่ายทอดอย่างสุดสนุก ส่วนที่ยังนั่งอยู่ก็โยกหัวตามจังหวะและโบกมือไปมา ผมก็เช่นกัน ทุกเพลงที่พี่ข้าวร้องล้วนเป็นเพลงที่ผมคุ้นหู ถึงจะร้องตามได้ไม่หมด แต่ก็ฮัมตามได้ พี่ข้าวไม่ได้ลงจากเวทีมาได้สักพัก เพราะเสียงเรียกร้องจากผู้ฟังที่ไม่ยอมให้ลงจากเวที
“โคตรเท่อ่ะพี่ข้าวกู ไม่เห็นรู้เลยว่ามีมุมนี้ด้วย” ไอ้บรีสสายชงก็ยังตั้งหน้าตั้งตาชง “แล้วกูว่านะสองเพลงแรกอ่ะร้องให้มึงชัวร์”
“กรี๊ดดดด น้องข้าววววว”เสียงพี่ตาวที่แผดขึ้นอย่างไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ยเรียกให้ผมหันไปมอง พี่ตาวตะโกนเพราะกําลังเคลิ้มไปกับรสดนตรี และรสนํ้าเมา ผมแอบมองต่อไปทางขวา ปรินซ์ยังคงนั่งหน้าเครียด ในมือมีเครื่องดื่มแอลกอฮอล์สีเข้ม ปรินซ์ยกขึ้นดื่มรวดเดียวหมดเมื่อสบตาเข้ากับผม
“เดี๋ยวก็ขับรถกลับไม่ไหวหรอก” ผมอดพูดกับคนตัวสูงไม่ได้
“ห่วงด้วยเหรอ”
“...”
“เห็นเอาแต่มองมัน..” ปรินซ์คงไม่พอใจผมรู้ได้จากสายตาที่แข็งขืน
“ไอ้ปรินซ์!!” พี่เป้ที่นั่งลงข้างๆ ปรินซ์พูดด้วยสีหน้าตระหนกเล็กน้อย ก่อนกระซิบที่ข้างหูปรินซ์ราวกับกลัวว่าผมจะได้ยิน
ปรินซ์เปลี่ยนสีหน้าทันทีและหันไปมองหน้าพี่เป้ แล้วทั้งคู่ก็พากันลุกออกไป ปรินซ์ไม่แม้แต่จะมองผมด้วยซํ้า ผมยกแก้วที่อยู่ในมือขึ้นดื่ม
“ขอเพิ่มครับพี่ตาว” ตาของผมยังคงมองตามหลังคนตัวสูงที่กําลังเดินออกไปด้านนอก
“พี่ตาวคงชงไม่ไหวแล้วอ่ะธาม แล้วพี่ว่าธามก็น่าจะพอได้แล้วนะ หน้าแดงหมดแล้ว” พี่ฟ้าพูดกับผม
“พี่ฟ้าให้ไอ้ธามมันกินเถอะ ถ้ามันเมาก็มีพี่ข้าวแบก เดี๋ยวผมชงให้มันเอง” ไอ้บรีสตะโกนบอก
“อือๆ ก็ได้ แต่อ่อนๆพอนะ”
“คร๊าบบบบบ”
“ไอ้เชี่ยบรีส มึงคงไม่ได้จะมอมไอ้ธามใช่ม่ะ”
“ไอ้บอส ไอ้ธามก็เพื่อนกู กูเห็นมันอยากแดก กูก็จะชงให้มันไง มึงคิดมากว่ะ”
“เออ ยังไงกูก็ยังอยู่ ต่อให้มึงมอมมัน ไอ้พี่ข้าวก็ไม่ได้ไอ้ธามไปหรอก”
“มึงก็อย่าเสือกสลบก่อนล่ะกัน กูเห็นมึงแดกเอาๆ”
“เออ”

“ไอ้ธามกูว่ามึงพอได้แล้วว่ะ”
“ไงล่ะมึง มันเมาเป็นหมาแล้วเนี่ย”
“กูไม่รู้นิหว่าว่าแม่งจะยกซดยกซดหยั่งกับประชดใครอยู่”
“แล้วไอ้พี่ข้าวของมึงน่ะ คืนนี้น่าได้ค่าจ้างแทนนักร้องตัวจริงล่ะ”
“เออ ฮอตฉิบหาย”
“ไอ้ปรินซ์!!”
“อะไรของมึงไอ้ธาม โวยวายไรวะ”
“แม่งยังไม่กลับมาอีกเหรอวะ!”
“เออ พี่ปรินซ์ของมึงยังไม่กลับมา มึงเลิกชี้หน้าพี่ตาวได้แล้ว เอามือลง”
“พี่ปรินซ์แม่งไปกับพี่เป้นานล่ะ”
“นานเกินไปแล้ววว!”
“เวลาไอ้ธามเมามันขี้โวยวายเหรอวะ”
“คำว่าเมาไม่เคยได้ใช้กับมันนะ กูว่าคืนนี้พีคสุดล่ะ ต้องจดลงประวัติศาสตร์ชาติไอ้ธามมัน”
“มึงจะลุกไปไหนไอ้ธาม”
“กูปวดฉี่! กูจะไปฉี่!!”
“เดี๋ยวกูไปเป็นเพื่อนมึง”
“มึงไม่ต้อง! ไอ้บอสมึงนั่งลงเลย!!”
“นี่กูไอ้บรีส”
“เออนั่นแหละ กูจะไปเองงง! พวกมึงนั่ง!!!”
“เออ พวกกูรออยู่นี่แหละ”

“เดี๋ยวกูตามมันไปเอง เผื่อมันร่วงจะได้เก็บทัน”
“เออๆ เมาแล้วแม่งดื้อฉิบหาย”
“ไม่เมามันก็ดื้อ”
.
..ปรินซ์
“ดีนะที่มึงไปด้วย ไม่งั้นเมทกูได้จมกองเลือดแน่” ไอ้เป้พูดกับผมหลังลงจากรถในลานจอดโล่งๆ เพราะเวลาที่ล่วงเลยจนย่างเข้าขอบเขตของอีกวัน นักเที่ยวบางส่วนจึงทยอยกันกลับไปแล้ว
“เรื่องเล็กว่ะ ดีที่มันเป็นรุ่นน้องโรงเรียนเก่ากูเลยยอมฟังกู ไม่งั้นกูว่าทั้งมึงทั้งกูทั้งเมทมึงได้หิ้วกันไปนอนที่โรงพยาบาลแน่ๆ กลุ่มนี้มันนักเลงเก่ากันทั้งนั้น ว่าแต่เมทมึงก็นะ ไม่มีคนอื่นให้จีบรึไงวะ”
“มันไม่รู้เว้ยว่าสาวที่มันคุยอยู่ดันเก็บมันไว้เป็นแค่ตัวเลือก นี่ก็เพิ่งรู้เพราะแม่งสับรางผิด เจอหน้ากันเต็มๆ”
“ดีนะที่มันกดโทรออกมาหามึงก่อนโดนยำตีน”
“เมื่อกี้มันบอกกูว่าไงรู้ป่ะ ถ้าหนึ่งต่อหนึ่งมันไม่โทรตามกูหรอก แต่แม่งเสือกโทรตามพวก”
“แล้วนี่เมทมึงจะเอาไงต่อ”
“จบเว้ย ระดับมันต้องไม่เป็นแค่ตัวเลือก”
“เออดี”
“มึงก็เหมือนกัน เป็นแค่ตัวสำรอง หรือว่าเป็นตัวจริงวะ”
“..กูมั่นใจว่ากูเป็นตัวจริงของธาม ตอนนี้ก็แค่รอ”
“เออ มึงก็ระวังไอ้ข้าวล่ะกัน กูน่ะเชียร์มึงอยู่แล้ว รีบเข้าไปกันเหอะวะ ไอ้ข้าวมันจะคาบน้องมึงไปแดกล่ะ คืนนี้มันแม่งปล่อยของเต็มที่ซะด้วย”
“เออ แต่มึงเข้าไปก่อน กูจะไปห้องน้ำ”
“เออ ให้ไวล่ะมึง”
.
..ธาม
“ใครปูพื้นวะเนี่ย เอียงฉิบหาย!!” ผมพยายามลืมตาทั้งที่เบลอเต็มที การเดินผ่านอ้อมวนไปมาระหว่างกลุ่มคนที่ทั้งนั่งทั้งยืนอยู่ทั่วร้านกำลังทำผมมึนหนักเข้าไปอีก
“จำได้ว่าห้องน้ำอยู่ทางนี้!!” ผมเดินออกจากตัวอาคารเพื่อไปยังห้องน้ำที่มีคนมากมายกำลังยืนกระจายตัวกันเต็มพื้นที่ มีทั้งที่กำลังเอาของเก่าออกใต้ต้นไม้ มีทั้งที่ยืนรอเพื่อนพร้อมกันกับไลฟ์สดหน้าส้วม และมีทั้งที่กำลังพลอดรักดูดดื่มไม่สนใครหน้าไหน มือผมป่ายไปทั่วกำแพงที่มีป้ายรูปผู้ชายห้อยอยู่ด้านบน เท้าของผมจิกเกาะบนพื้นเอียงๆ เข้าไปด้านใน มิชชั่นคอมพลีทถึงโถสักที ผมจัดการธุระของตัวเอง ความเมาไม่ได้ทำให้ประสบการณ์การการปลดปล่อยที่มีมาตลอดชีวิตหายไป ถึงจะไม่ค่อยแน่ใจว่าผมล็อกพิกัดตรงหรือเปล่าก็เหอะ
.
..บอส
“บอส! บอสใช่ป่ะ”
“ใช่? เธอ..”
“เราปอยไง นึกออกยัง”
“ปอย? ปอยที่อยู่เซ็นต์พลีซป่ะ”
“ใช่ ความจำดีนะเนี่ย”
“ปอยก็ความจำดี จำเราได้ด้วย”
“ก็บอสออกจะเด่น”
“จริงอ่ะ แล้วนี่ปอยมาเที่ยวเหรอ”
“ใช่ เพื่อนที่อยู่มอนี้ชวนมาน่ะ นี่ก็จะกลับล่ะ”
“เหรอ งั้น.. เราเดินไปส่งที่รถ”
“อื้อ”
..ผมว่าผมลืมอะไรบางอย่างไปสนิทใจ
.
..ธาม
“เสร็จเรียบร้อย!” ผมยิ้มให้กับความสำเร็จของตัวเอง เฮ้อ โล่งงงง “ไปไอ้บรีส เอ๊ะหรือไอ้บอส เออเอาเหอะ ไปมึง ไปกินต่อ!” ผมคว้าเข้าที่คอของคนที่ยืนอยู่โถข้างๆ
“ปล่อย”
“โหมึง แค่นี้ต้องขึ้นเสียงด้วยเหรอวะ! นี่กูเพื่อนมึงนะ!!” ผมใช้มืออีกข้างตบกระโหลกไอ้บรีสไปหนึ่งที
“กูบอกให้มึงปล่อย!! แล้วกูก็ไม่ใช่เพื่อนของมึง!!”
“เพื่อนเมาแค่นี้.. มึงถึงกับตัดขาด! มึงนี่มันเชี่ยจริงๆ” ผมตบกระโหลกมันไปอีกหนึ่งที
“กูพูดกับมึงดีๆ แล้วนะไอ้เหี้ย!!” ไอ้บรีสเอาแขนของผมที่คล้องอยู่บนคอของมันออก และกำลังจะส่งหมัดเข้ามาที่หน้าของผม ผมเห็นการเคลื่อนไหวของไอ้บรีสแบบสโลว์ๆอย่างกับหนังเดอะแมททริก
“เด็กว่ะ.. กูหลบมึงได้สบายมาก” ผมค่อยๆ โยกหัวของตัวเองไปทางขวา ..แค่นี้กูก็หลบหมัดมึงได้ล่ะ “กระจอกว่ะ..”
.
..ปรินซ์
ผมใช้มือซ้ายของตัวเองเข้ารับหมัดตรงแทนหน้าของธาม ซึ่งถ้าโดนเต็มแรง หน้าธามคงได้เลือดแน่ๆ ส่วนมือขวาของผมก็ช้อนเข้ากับร่างบางที่ไม่เบาของเจ้าคนตัวเล็กกว่าที่ใกล้สิ้นสติเต็มที ธามทิ้งน้ำหนักตัวทั้งหมดตามแรงโน้มถ่วงของโลกมาที่ร่างหนาของผม
“ไอ้เหี้ย!! มึงยุ่งอะไรด้วย!!”
“น้องมันเมามึงก็เห็น อย่ามีเรื่องเลยว่ะ”
“เมาเหี้ยไร!! เมาแล้วตบหัวใครก็ได้เหรอวะ!!!”
“เอาเป็นว่ากูขอโทษแทนเด็กกู มึงพอใจรึยัง”
“เด็กมึง? เดี๋ยวนะ.. หน้ามึงแม่งโคตรคุ้น”
“แต่กูไม่คุ้นหน้ามึง” ผมรั้งตัวธามให้ออกเดิน อย่างน้อยขาธามก็ยังพอจะมีแรงออกก้าวเดินตามการลากของผม
“แต่กูคุ้น!!!” ไอ้บ้านี่เดินตามมาดักหน้า
“มึง.. ไอ้ปรินซ์ กองหลังดาวเด่น เด่นแม่งกว่ากองหน้า..” ผมพยายามจะเบี่ยงหลบทางเพื่อเดินต่อ ถ้ามีแค่ผมตัวคนเดียว ผมคงไม่มานั่งต่อรองอะไรกับไอ้บ้านี่แน่ๆ แต่ตอนนี้ข้างกายผมมีธาม ธามที่ช่วยอะไรตัวเองแทบไม่ได้ ธามที่หลับตาพริ้มกำลังซบอกของผม พร้อมกับพูดจางึมงำฟังไม่เป็นประโยค สร้างเรื่องไว้แล้วก็ชิงหลับเลยนะ.. ผมอดคิดไม่ได้ว่า หน้าธามตอนหลับโคตรน่ารัก เวลาอย่างตอนนี้ ผมก็ยังมามีอารมณ์ปลาบปลื้มกับการได้ใกล้ชิดธาม
“มึงยิ้มหาเหี้ยไร!!!”
“กูว่ามึงก็เมาแล้ว พอเหอะว่ะ กูไม่อยากมีเรื่อง”
“แต่กูอยากมีเรื่อง!! เพราะมึง กูถึงโดนเปรียบเทียบตลอดพอกูไม่ได้เป็นตัวจริง พิมพ์ก็มาทิ้งกูไป!!” มันเดินเข้ามาผลักอกผมและมองหน้าอย่างท้าทาย
“กูว่าไปกันใหญ่แล้วว่ะ กูว่ามึงควรไปนอน..”
“มึงนั่นแหละที่ต้องนอน!!!”
หมัดขวาของมันต่อยเข้ามาเต็มแรงจนหน้าผมสะบัด ผมมองเห็นภาพซ้อนกันจนต้องส่ายหัวเรียกสติ กลิ่นคาวเลือดของตัวเองกำลังท้าทายอารมณ์พลุ่งพล่านในตัว ผมเช็ดเลือดที่มุมปาก “กูจะพูดดีๆ กับมึงเป็นครั้งสุดท้าย”
“ไม่ต้องมาทำตัวเท่!! ตอนนี้ไม่มีกล้องตัวไหนถ่ายมึงอยู่” ผมยังนึกไม่ออกว่าไปทำเหี้ยอะไรให้มันแค้นขนาดนี้ คนชื่อพิมพ์ผมก็ไม่รู้จัก ที่พูดมาทั้งหมดมันก็เรื่องของมึงล้วนๆ เกี่ยวกับกูตรงไหน
“อย่างมึงแม่งก็มีดีแค่หน้าแหละวะ!”
มันยังไม่เลิกพล่าม ผมวางธามลงนั่งกับพื้นพิงกับกำแพงนอกห้องน้ำซึ่งเป็นมุมอับสายตา หรือต่อให้จะมีใครหลงเดินผ่านมา ก็คงจะไม่มีสติพอที่จะห้ามอะไรได้
“ถ้ามึงจะพูดไม่รู้ขนาดนี้ กูว่ากูส่งมึงเข้านอนเลยดีกว่า..” 

“กลับได้แล้วบอส” ผมโยนกุญแจรถของตัวเองให้ไอ้เป้ หลังจากเดินกลับเข้ามาในร้าน แขนข้างหนึ่งยังคงโอบรั้งเอาร่างอ่อนปวกเปียกของธามไว้
“มึงเอารถกูไปขับส่งไอ้พวกนี้ เสร็จแล้วค่อยมารับกูที่หอใน” ผมพูดกับไอ้เป้
“เห้ยไอ้ธาม! ผมลืมมันไปเลย.. มันเป็นไรพี่”
“แค่หลับ อย่าเพิ่งถามมาก ไปเรียกแท็กซี่”
“มึงจะกลับเลยเหรอวะ”
“เออ กูว่าธามไม่ไหวล่ะ”
“กูว่ามึงต่างหากที่ไม่ไหว มึงไปฟัดกับหมาที่ไหนมาวะ”
“กูยังไหว ไว้ค่อยคุย”
“เออๆ ไม่ต้องห่วง เดี๋ยวกูส่งพวกน้องในชมรมเอง แล้วจะตามไปรับมึง”
“อืม”
บอสรีบเดินนําผมออกจากร้าน ดีที่คืนนี้เป็นคืนวันศุกร์ แท็กซี่ก็เลยมีมากพอตามปริมาณคนที่มาเที่ยว ผมนั่งเบาะหลังเพื่อประคองธาม ..คนก่อเรื่องที่ชิงหลับ สร้อยของไอ้ข้าวที่ยังอยู่บนคอของธาม ทําให้ผมรู้สึกขุ่นเคือง จะทรมานพี่ไปถึงไหน.. อย่าเป็นคนดีที่ปฏิเสธใครไม่เป็น.. ความมีเหตุผลของพี่มันอาจสิ้นสุดเข้าสักวัน เพราะพี่จะคิดว่าธามมีใจให้กับมัน.. ไม่ใช่พี่
.
..ข้าว
“ไงมึง ลงจากเวทีได้แล้วเหรอวะ”
“เออ มึงเห็นไอ้เชี่ยทีป่ะ” ไอ้เป้ส่ายหน้าตอบผม
“พี่ทีออกไปกับพี่โบ้ทพี่” ไอ้มรที่ยืนอยู่ตอบแทน
“ออกไปนานรึยัง”
“นานแล้วนะ ก็ตั้งแต่พี่ขึ้นเวที”
“แล้วนี่คือยังไม่กลับมา?”
“น่าจะไม่กลับมาแล้วนะพี่ เพราะว่าพี่โบ้ทสั่งให้ผมบอกพี่โจว่าพรุ่งนี้พี่มันค่อยเข้ามาเคลียร์เงินเอง”
“เห้ยไอ้พี่โบ้ทจะเลี้ยงเหรอวะเนี่ย กูลืมไปว่าพี่มันแม่งรวย สั่งเพิ่มตอนนี้ทันป่ะวะ” ไอ้เป้พูดแทรก
“แล้วมึงรู้ม่ะว่าเขาพากันไปไหน”
“ไม่รู้ดิพี่ แต่หน้าพี่ทีดูไม่ค่อยดี”
“ไม่ดียังไง!”
“ก็.. ก้มหน้าก้มตา ดูเครียดๆ ดูมีปัญหา..”
“ปัญหาเหี้ยไร!แล้วมึงไม่ได้ยินเหรอว่าเขาคุยอะไรกัน!!”
“เห้ยไอ้ข้าว! กูว่ามึงใจเย็นๆ มึงถามเยอะไปแล้วป่ะวะ ก็น้องมันไม่รู้จะให้มันตอบอะไรได้วะ ไอ้มร มึงไปไหนก็ไปไป”
“...”
“แล้วจริงๆมึงควรจะถามถึงอีกคนไม่ใช่เหรอวะแทนที่จะเป็นไอ้ที”
“ใคร?”
“เอ๊า! ก็ธามไง.. ธามมันก็ไม่อยู่ ไม่เห็นมึงจะถามหาสักคำ เอาแต่ถามถึงไอ้ที”
“เออ กูลืม.. แล้วนี่ธามไปไหน”
“เมาหลับกลับกับไอ้ปรินซ์ไอ้บอสไปแหละ”
“เหรอ”
“มึงเป็นเชี่ยไรวะ หงุดหงิดขนาดนี้ หรือมึงอยากรู้ว่าไอ้ทีกับไอ้พี่โบ้ทอยู่ไหนกัน?”
“...กูไม่ได้อยากรู้! เชี่ยแม่งจะอยู่ไหนกัน.. ก็ไม่เกี่ยวอะไรกับกู!”
“อืมอืม แต่ถ้ากูรู้ล่ะว่าเขาพากันไปต่อที่ไหน..”
“...ที่ไหน!”
“ไหนบอกไม่อยากรู้ไง..”
“ไอ้สัดเป้!!”
“เห้ยใจเย็นดิวะ”
“!!!”
“เอาเป็นว่ากูรู้..”
“ที่ไหน?!!”
“ก็ที่..”
“พี่ข้าว”
“ฟ้าว่าไง”
“พี่ตาวสลบไปแล้วอ่ะ”
“อืม งั้นพี่ขับไปส่งพี่ตาวกับฟ้าเอง ส่วนมึงไอ้เป้.. รอกูอยู่นี่!”
“แน่นอนอยู่แล้ว เพราะมึงต้องมาช่วยกูส่งไอ้พวกเมาคอพับนี่ด้วย”

“เห้ยมึง! ขับช้าๆ ได้ป่ะวะ!! กูยังอยากแก่ตายนะเว้ย!!”
“...”
“มึงนี่ก็แปลกนะ แทนที่มึงจะไปตามหาธาม เสือกมาตามหาไอ้ที”
“..ก็มันแกล้งกู”
“แกล้งมึง? แกล้งเชี่ยไรวะ?”
“มันให้กูขึ้นเวที..”
“ก็ใช่ไง ให้มึงร้องเพลงจีบธาม”
“แต่มันทิ้งกูไว้แล้วแม่งก็หายไป!!”
“เอ๊า ก็มึงเป็นคนจีบธาม จะให้มันอยู่เพื่อ?”
“!!!”
“ซับซ้อนนะมึงเนี่ย”
.
..คอนโดโบ้ทนอกมหาลัย
..โบ้ท
“ไอ้เชี่ยใครวะ! มึงจะเคาะหาอะไรหนักหนา!” ผมเปิดประตูหลังไอ้บ้าที่ไหนก็ไม่รู้เคาะประตูรัวโคตรน่ารำคาญ แล้วก็พบว่าหลังประตูคือไอ้ข้าวที่กําลังยืนทำหน้าเครียด ส่วนไอ้เป้ยืนทำหน้าระรื่นอยู่ด้านหลังไอ้ข้าว
“พวกมึงมีไร.. แล้วนี่ส่งน้องๆ กลับเสร็จแล้วใช่ม่ะ”
“ใช่ดิ พี่แม่งทิ้งงานไว้นี่หว่า”
“กูก็เป็นคนจ่ายแล้วไง”
“...”
“ถ้าพวกมึงมาบอกกูแค่นี้.. ก็แยกย้ายกลับไปนอนได้ล่ะ”
“โอเค เจอกันพรุ่งนี้พี่” ไอ้เป้ทำท่าคล้ายจะออกเดิน ส่วนไอ้ข้าวที่ยืนแข็งเป็นอิฐเป็นปูนก็ยังคงนิ่งอยู่อย่างนั้น ผมดันประตูปิด แต่ไอ้ข้าวใช้มือของมันยันประตูไว้
“มึงมีอะไรอีกไอ้ข้าว?”
“ไอ้ทีอยู่ไหน..”
“..ก็อยู่ข้างในไง” 
“...”
“...”
“ออ มันเมาหลับไปแล้วใช่ไหมพี่ งั้นก็ให้มันนอนนี่แหละ ส่วนพวกเราก็กลับกันเหอะว่ะ อย่าไปกวนมันเลย”
“แต่กูจะไม่กลับ ถ้ามันไม่กลับไปพร้อมกับกู”
“งั้นมึงก็ต้องดูว่ามันอยากกลับไปกับมึงไหม..” ผมมองหน้าไอ้ข้าว
“!!!”
“..คืนนี้กูจะนอนนี่” ไอ้ทีเดินออกมายืนข้างผม หน้าตามันโอเคขึ้นหลังจากได้อาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า ผ้าเช็ดตัวยังคล้องอยู่บนคอของมัน กลิ่นแชมพูสบู่อาบน้ำอ่อนๆ ก็ยังหอมเกาะร่างของมันมา และแน่นอน.. ร่างของไอ้ทีมีเสื้อยืดตัวหลวมกับกางเกงมวยของกู.. ไงไอ้ข้าว.. ดีนะกูคำนวณเผื่อไว้ว่ามึงจะมา มึงเห็นแบบนี้แล้วมึงจะทำไงต่อ? แค่คิดก็สนุกฉิบหายล่ะ..
“กูมารับมึง”
“กูมาเองได้ ก็กลับเองได้”
ไอ้ข้าวพ่นลม “แต่กูมีเรื่องจะคุยกับมึง”
“ไว้พรุ่งนี้ค่อยคุย กูง่วงแล้ว” ไอ้ทีเดินหันหลังกลับ ไอ้ข้าวก้าวเท้าเข้ามาคว้าข้อมือไอ้ทีไว้ แม่งงงงง ฉากในละครชัดๆ  ไอ้ทีหันมามองข้อมือของมัน กับหน้าของไอ้ข้าว
“มึงปล่อยมือกู แล้วพูดมา”
“..ขอบใจ ที่มึงช่วยกูจีบธาม”
“!!! / !!!”
“ก็กูเป็นเพื่อนมึงไง มึงกลับไปได้ล่ะ” ไอ้ทีพยายามฝืนยิ้ม ตอบด้วยเสียงสั่นเครือบางๆ ก่อนหันหลัง
“เดี๋ยวก่อน กูมีอีกเรื่อง..”
“...” ไอ้ทียังคงหันหลังให้ไอ้ข้าว
“..คืนนี้กูมีความสุขมาก” ผมดันประตูให้ปิดลงโดยไม่คิดรอจังหวะที่จะนรกไปกว่านี้อีก ไอ้ทีเดินเข้าห้องได้สองสามก้าวก็ทรุดตัวลงกับพื้น ผ้าขนหนูถูกใช้ซับนํ้าตาไอ้ทีตลอดสามชั่วโมงที่ผ่านมา คืนนี้คงอีกยาวไกล.. กูเกลียดมึงไอ้เชี่ยข้าว!
.
..ข้าว
“ที่มึงพูด.. คือมึงคิดอย่างนั้นจริงๆใช่ม่ะ” ไอ้เป้พูดหลังจากที่ประตูปิดสนิทลง
“...”
กูอยากพูดกับมันว่า กลับไปกับกูได้ไหม..
.
หัวข้อ: Re: YR Mine นายผู้ปกครอง - รักลุ้นๆ ของคนพี่ Ep.029 - เป้
เริ่มหัวข้อโดย: After5p.m. ที่ 05-07-2019 10:20:55
029
- เป้า -
.
.
..ธาม
“อือ ปวดหัว ปวดหัววว..”
“นี่คือมึงละเมออยู่ใช่ม่ะ”
“กูปวดหัว..”
“มึงตื่นแล้วใช่ม่ะ”
ผมพยายามลืมตา ปรินซ์กำลังมองผม ยิ้มให้ผม ..ดวงตาอ่อนโยนและยิ้มละมุนเหมือนทุกครั้ง ผมเองก็ยิ้มตอบปรินซ์ เป็นเช้าที่ดีจริงๆ..
“ปรินซ์.. กูปวดหัว”
“นี่แน่ะมึง!” ผมโดนปรินซ์ดีดเข้าที่ปลายจมูก
“เจ็บนะเว้ยเชี่ยปรินซ์!” ผมยกสองแขนขึ้นพยายามจะคว้าคนตรงหน้ามากอดรัด จะเอาให้หายใจไม่ออกเลย จู่ๆ ก็แปลงร่างจากเทวดาเป็นซาตานซะงั้น
“ไอ้เชี่ยธามมมม! ปล่อยกู! มึงลืมตาสิโว๊ยยยย กูไม่ใช่พี่ปรินซ์! มึงจะไม่ปล่อยใช่ไหม กูเตือนมึงแล้วนะ” ผมสะดุ้งตัวตื่นเพราะแรงกระทำหนักๆ กระทบเข้าที่ใบหน้า..
“เห้ยเกิดอะไรขึ้น!
“ไม่มีเชี่ยไรทั้งนั้นแหละมีแต่มึงครวญครางละเมอหาพี่ปรินซ์ แถมยังกอดกูเพราะคิดว่าเป็นพี่มันอีก”
“ไม่ต้องมาหลอกกู”
“เออ แล้วแต่มึง”
“กูปวดหัวว่ะ”
“มึงรอแป๊บ กูอุ่นโจ๊กอยู่ เดี๋ยวมึงก็กินโจ๊ก กินน้ำส้มคั้น กินยาแก้ปวด แล้วก็นอนซะ..”
“โอ้โห แค่มีโจ๊กกูก็อึ้งแล้วนะ แต่นี่มีน้ำส้มคั้นด้วย น้ำตากูจะไหลเลยว่ะเพื่อน”
“มึงเตรียมน้ำตาไหลได้เลย ถ้ามึงรู้ว่าทั้งหมดนี้ กูไม่ได้เตรียมเอง”
“?”
“พี่ปรินซ์ของมึงเตรียมมาให้มึงตั้งแต่เช้า มีเผื่อกูด้วยนะเว้ย”
“..แต่เช้า? มันลุกไหวได้ไงวะ กูเห็นแม่งกินตั้งเยอะ”
“กินแค่นํ้าชาผสมโซดา ต่อให้พี่มันกินยันเช้าแม่งก็ไม่เมา”
“ห๊ะ?”
“เออ พี่มันเตรียมมาเอง คงไม่อยากเมาเพราะจะเฝ้ามึงมั้ง แต่ก็ไม่อยากเสียฟอร์ม”
“มึงรู้ได้ไง”
“ก็กูเสือกไปหยิบขวดเหล้าของพี่มันมาเหยาะ เชี่ย เฝื่อนลิ้นฉิบ”
“ออ แล้วนี่คือมันมา.. แล้วก็กลับ”
“ใช่ สงสัยดิว่าทำไมไม่อยู่เจอมึง”
“...”
“ก็เพราะพี่มันไม่อยากเจอมึงไง กูสังเกตตั้งแต่เมื่อคืนล่ะ แบกมึงมาส่งถึงห้อง เช็ดหน้าเช็ดตาให้มึงเสร็จก็กลับเลย กูก็นึกว่าเมื่อคืนพี่มันจะพามึงไปห้องตัวเอง ดูแลแบบวีไอพีเหมือนคราวที่แล้วที่มึงป่วยสลบคาห้องเชียร์ ไหงพามานี่ก็ไม่รู้”
“...”
“เออ แล้วเมื่อคืนไปมีเรื่องกับใครวะ ตอนพี่ปรินซ์ลากมึงเข้ามาในร้าน พี่มันปากแตกเลือดยังซึมๆ หยั่งกับโดนใครต่อยมา”
“มีเรื่อง?? เรื่องไรวะ กูจําไม่ได้”
“จำได้ก็แปลกล่ะ มึงเล่นกระดกทีหมดแก้ว พอเมาก็โวยวาย บ่นอยู่ได้ว่าพี่ปรินซ์กับพี่เป้หายไปนาน.. นี่กูคิดเลยนะว่ามึงหึงพี่ปรินซ์”
“กูเนี่ยนะ!!!”
“เออดิ ไม่เชื่อมึงไปถามไอ้บรีส”
“...”
“แล้วนี่มึงจะกลับบ้านไหม”
“คงไม่ว่ะ ตอนนี้กูก็โคตรปวดหัว”
“งั้นเย็นนี้ไปชมรมไหวไหมมึง”
“ไหว”
“ตอบไวเชียวน้าาาา ไม จะไปเจอใครเหรออออ”
“ก็.. เจอพี่ข้าวไง เมื่อคืนกูก็ไม่ได้ลา”
“อ๋อออ ลืมไปว่ามึงโดนพี่มันจีบกลางที่สาธารณะ ไง รู้สึกดีม่ะ”
“..มึงไม่ต้องมายุ่งกับความรู้สึกกู”
“เออๆ ไม่อยากให้ยุ่งก็ไม่ยุ่ง มึงก็กิน แล้วก็นอน บ่ายๆค่อยไปกัน”
“อืม” ผมมองดูชามโจ๊ก แก้วน้ำส้มคั้น และแผงยา.. ไอ้คนตัวสูงกว่ามันกำลังคิดอะไรอยู่.. ทำไมไม่อยู่รอกูตื่นวะ ผมกำลังสำคัญตัวเองอย่างที่เป็นมาตลอด.. แต่ตอนนี้ผมชักไม่มั่นใจในตัวเอง กูยังสำคัญสำหรับมึงใช่ไหมปรินซ์..

ก่อนที่ผมกับไอ้บอสจะก้าวเท้าถึงชั้นสี่ของตัวอาคารอันเป็นที่ตั้งของชมรมต่างๆ เสียงพูดคุยเสียงโห่เสียงเฮก็ดังลั่นจนทั้งผมและไอ้บอสต้องหันหน้ามองกัน พวกเราทั้งคู่รีบสาวเท้าเดินตรงไปยังห้องชมรมเดินดอย เสียงต่างๆดังมาจากภายในห้องนี้ตามคาด ทุกคนกำลังรุมดูอุปกรณ์สื่อสารในมือของไอ้บรีส
“ไอ้บอสไอ้ธาม กว่าจะมาได้นะพวกมึง” ทุกคนที่อยู่รอบไอ้บรีสพากันหลบทางให้ผมกับไอ้บอส
“ก็ไอ้ธามดิ หลับยาวกว่าจะยอมตื่น” ไอ้บอสตอบแทนผม
“มาได้แล้วเหรอไอ้น้อง คนอื่นเขาช่วยกันทำอะไรไปตั้งเยอะล่ะ” พี่โบ้ทตบหัวผมกับไอ้บอสคนละที
“พี่ขี้บ่นว่ะ”
“เออๆ กูก็บ่นตามประสา..”
“..คนแก่” พี่โบ้ทตบหัวไอ้บอสเพิ่มอีกหนึ่งที
“เอออออ กูแก่.. อย่าเผลอหลงเสน่ห์คนแก่อย่างกูล่ะกัน”
“พี่พูดไรวะเนี่ย! ขนลุกว่ะ”
“ก็กูอยากอินเทรนด์ คนรอบตัวกูตอนนี้แม่ง.. อินเลิฟฟฟ”
“อ๋อ ที่แท้ก็เปลี่ยว.. ไม่มีใครเอาอ่ะดิ..”
“กูน่ะเอาตลอด เอาจนไม่มีเวลาพักผ่อน แล้วมึงล่ะ สนใจเอากับกูม่ะ กูจะได้จัดคิวให้”
“หึ ถ้าอ่อยกันขนาดนี้ นัดวันมาเลยดีกว่า”
“คืนนี้เลยม่ะ ห้องกู”
“พี่อาบนํ้ารอได้เลย ผมจะจัดให้อย่างหนัก ..เอาไม่หยุด เอาจน..” ไอ้บอสย่างเท้าเข้าหาพี่โบ้ทแบบไม่กลัวเจอตีน แถมยังจ้องตาพี่โบ้ทไม่สะทกสะท้าน โจ๊กชามมึงใส่ดีหมีรึไงวะ ใจมึงถึงได้แกร่งกล้า ข่มนักมวยมหาลัยไม่เกรงใจกล้ามแขนของพี่มัน
“มึงหยุดเลยไอ้เชี่ยบอส!วันนี้กูยอมแพ้!”
“โธ่ ก็นึกว่าจะแน่ ถ้าพี่อ่อยต่ออีกนิด รับรองไม่ต้องรอถึงคืนนี้..” ไอ้บอสเอียงหน้ากระซิบที่ข้างหูพี่โบ้ท “..จัดมันตอนนี้เลย”
“!!!” พี่โบ้ทกับไอ้บอสต่อความกันอยู่นาน นานจนไม่รู้ว่าที่พูดออกมาน่ะแอบคิดกันจริงๆรึเปล่า

“มึงดูนี่” ไอ้บรีสยื่นโทรศัพท์ในมือมันมาให้ผม “พี่โบ้ทบอกว่าพี่โจเจ้าของร้านเมื่อคืนเขาส่งมาให้ เก็บไว้เผื่อเป็นหลักฐานให้พี่ปรินซ์”
“หลักฐานไรวะ?”
“ก็หลักฐานแก้ต่างเผื่อพี่มันโดนจับข้อหาทำร้ายร่างกายไง”
“โดนจับ.. โดนจับเชี่ยไรวะ! ใครทำร้ายร่างกายใคร”
“แน่ะมึง.. ห่วงพี่มันอ่ะดิ”
“เออห่วง! มึงบอกกูสักทีว่าเรื่องอะไร!”
“ใจร่มๆ ดิวะ มึงดูคลิปก่อน”
“กูดูด้วย” ไอ้บอสกับผมจ้องมือถือขนาดหน้าจอ 6.2 นิ้ว คลิปที่ฉายอยู่เป็นภาพเกือบขาวดำของกล้องวงจรปิดตัวหนึ่ง.. ผมเดินเซออกจากห้องน้ำพร้อมกับผู้ชายคนหนึ่งที่ผมไม่รู้จัก ผมตบหัวผู้ชายคนนั้นไปสองที แล้วมุมกล้องก็เปลี่ยนเป็นภาพจากกล้องอีกมุมนอกห้องน้ำ ..ผมกำลังจะโดนต่อย! แต่ปรินซ์รับหมัดนั้นเอาไว้!!
“เท่เหี้ยๆพี่ปรินซ์กู”
..ปรินซ์ทำท่าจะเดินหนี แต่ชายคนนั้นยังเดินขวาง แล้วปล่อยหมัดเข้าที่หน้าของปรินซ์!
“เหี้ยเอ๊ย! แม่งทำพี่กู!!”
“ไอ้เชี่ยบอส!มึงใจเย็น ดูต่อไปก่อน กวนสมาธิไอ้ธามมัน”
ปรินซ์วางผมลงที่พื้น.. ปล่อยหมัดใส่ผู้ชายคนนั้น.. ทีเดียว.. ชายคนนั้นนอนนิ่ง! ปรินซ์หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาแนบหู ก่อนหันกลับมาพยุงผมอีกครั้งและเดินออกจากตรงนั้น..
“หมดจดมากไอดอลกู” ไอ้บอสทำหน้าปลื้มปีติ
“ไงมึงไอ้ธาม.. เมาจนได้เรื่องเลยนะ ส่วนมึงไอ้บอส หายหัวไปไหนวะ มึงตามไอ้เชี่ยธามไปไม่ใช่เหรอวะ”
“เออ กูก็ตามมันไป แต่กูดันเจอคนรู้จักก่อน ก็เลย..”
“..เลยลืมไอ้ธามมัน ดีนะที่พี่ปรินซ์เจอมันก่อน ไม่งั้นกูว่าไอ้ธามได้นอนหยอดน้ำข้าวแน่..”
“โทษทีว่ะไอ้ธาม.. ไอ้ธาม.. ไอ้ธาม!”
“ห่ะเรียกกูเหรอ”
“เออ จิตหลุดเหรอวะ ดูคลิปแค่นี้”
“ไอ้บรีส ปรินซ์ยังไม่มาเหรอวะ”
“เออ กูได้ยินพี่โบ้ทมันบอกว่าพี่ปรินซ์ติดซ้อมบอลคงมาไม่ได้ นี่ก็มีคนรอสัมภาษณ์พี่มันอยู่เนี่ยว่าต่อยอิท่าไหนหมัดเดียวจอด สงสัยหมัดอรหันต์วัดเส้าหลินวะ”
“...”
“หรือมึงจะไปหาพี่มันที่สนามบอล” ไอ้บอสถามผม
“เออ กูจะไป”
“ให้พวกกูไปด้วยไหม”
“ไม่ต้อง พวกมึงอยู่นี่แหละ”
“เออๆ”
.
..ข้าว
บทสนทนาระหว่างผมกับไอ้ทีทางโทรศัพท์เมื่อสิบห้านาทีก่อน..
“มึงอยู่ไหน”
[มึงมีไร]
“มึงก็ตอบกูมาก่อนว่าตอนนี้มึงอยู่ไหน”
[มึงก็บอกกูมาว่ามึงมีเรื่องอะไร]
“ไอ้เชี่ยที!”
[กูอยู่บนรถ]
“รถ? รถอะไร? มึงจะไปไหน”
[รถตู้ ส่วนกูไปไหน ก็เรื่องของกู สรุปมึงมีเรื่องอะไร]
“กูจะคุยกับมึงเรื่องเมื่อคืน..”
[เห้ยไอ้ข้าว กูเห็นธามกําลังเดินไปทางสนามกีฬากลาง มึงรีบมา]

..ผมทําตามที่ไอ้ทีบอกทั้งที่ผมสนใจว่ามันอยู่ไหนมากกว่า กูอาจจะเจอมึงที่นั่นก็ได้ ผมคาดหวังอะไรที่คิดยังไงก็ไม่น่าเป็นไปได้ การนั่งรถตู้กับระยะทางแค่จากหอถึงสนามกีฬากลาง..ไม่จําเป็นต้องรถตู้ ..มึงกำลังจะไปไหนวะไอ้ที ทําไมบอกกูไม่ได้ทั้งที่เราไม่เคยมีความลับต่อกัน..
.
..ธาม
ผมเดินออกจากห้องชมรมทันที สนามกีฬาอยู่ใกล้แค่นี้ ใจของผมอยากไปเจอหน้าคนตัวสูงเร็วๆ แต่ขาทั้งสองกลับก้าวช้าลง.. สมองของผมต้องการเวลาในการทบทวนความรู้สึกของตัวเอง ผมคิดอะไรอยู่ถึงได้อยากเจอปรินซ์เดี๋ยวนี้..ผมเป็นห่วงปรินซ์ที่โดนต่อยเพราะผม หรือผมแค่อยากรู้ว่าตัวเองยังสําคัญสําหรับปรินซ์อยู่ไหม หรือผมแค่มีข้ออ้างที่ดีพอที่จะไปหา..เพราะอยากเจอ ..ผมควรพูดอะไรกับปรินซ์ แล้วถ้าปรินซ์เมินผม.. ผมจะทำยังไงให้ปรินซ์ไม่รู้ว่าผมกำลังเสียอาการ..
สนามกีฬากลางที่ผมเคยมาทั้งในเวลาพระอาทิตย์อยู่กลางฟ้าและในยามที่พระจันทร์ครองอาณาเขต ผมไม่ควรจะตื่นเต้นมือไม้เย็นแบบนี้ถ้าไม่ใช่ว่าผมกำลังกังวลกับการเจอหน้าคนตัวสูงที่คุ้นเคยมาตลอดชีวิต การที่ปรินซ์ไม่เอาใจใส่ผมเหมือนทุกครั้งทำผมว้าวุ่น..
แดดยามบ่ายคล้อยยังคงระอุร้อน สนามหญ้าจริงยังดูเขียวสดถึงจะมีบางหย่อมแบนราบไม่เหลือรากเพราะโดนเหยียบย่ำแบบไม่เจตนา ปรินซ์ยืนอยู่ไกลออกไปตรงนั้น ตรงกลางของสนามกับนักบอลอีกจำนวนหนึ่ง คนตัวสูงยังคงโดดเด่นและเท่เสมอ เท้าที่วิ่งเตะบอลสลับซ้ายขวาไปมาตามกรวยสีแสด ร่างหนาแข็งแกร่งที่เต็มไปด้วยกล้ามเนื้อชวนมอง ผมเดินและมองตามการเคลื่อนไหวของปรินซ์ไปเรื่อยๆจนสุดทางของรั้วกั้นก่อนเข้าเขตพื้นที่ของขอบสนาม ผมกำลังหวั่นใจกับการปรากฏตัวของตัวเองต่อหน้าปรินซ์ ผมยืนอยู่ตรงนั้น..
“ธาม!”ปรินซ์เห็นผม และรีบวิ่งมา อย่างน้อยปรินซ์ก็วิ่งมา..
“ธามมาหาพี่เหรอ”
“อืม ใช่ ก็เห็นไม่ไปชมรม”
ปรินซ์ยิ้ม “แค่พี่ไม่ไป ธามถึงกับต้องมาหาถึงนี่”
“ก็ใกล้แค่นี้เอง”
“อือ วันนี้ไปไม่ได้ ต้องอยู่ซ้อมให้พวกน้องๆมัน”
“เหรอ..”
“...”
“ธามมีอะไรอีกรึเปล่า”
“เจ็บไหม?”
“ห่ะ?”
“ก็ที่โดนต่อยไง เจ็บไหม”
“ก็นิดหน่อย” ผมมองปากของปรินซ์ มันยังคงบวมอยู่ “หรือที่มาหาเพราะว่าห่วง”
“ก็มึงเจ็บเพราะกู”
ปรินซ์วางมือหนาบนหัวของผม “ถ้าต้องเจ็บแทนธาม พี่โอเค.. แต่ถ้าพี่ต้องเจ็บเพราะธาม พี่อาจจะอยู่ไม่ได้..”
ผมเงยหน้ามองคนตัวสูง ถึงใบหน้าปรินซ์จะเปื้อนยิ้ม แต่แววตากลับเศร้าลึก“..แล้วจะเป็นอะไรไหม จะโดนแจ้งความรึเปล่า”
“ไม่หรอก พอมันสลบไป พี่ก็โทรตามรถโรงบาล ออกค่าใช้จ่ายให้ ไปเยี่ยมมันมาแล้วด้วยเมื่อเช้า พอมันหายเมามันก็พูดรู้เรื่องนะ ไม่ได้จะเอาเรื่องอะไร มันบอกว่าไงรู้ป่ะ มันบอกว่าสะใจมากที่ได้ต่อยพี่ทีนึง เก็บไปอวดเพื่อนมันได้ แม่งโคตรต๊อง”
“..ดีแล้ว ที่ไม่มีเรื่องไปมากกว่านี้”
“อืม” จู่ๆความเงียบระหว่างผมกับปรินซ์ก็เกิดขึ้น ผมควรพูดอะไรต่อ..
“ไอ้ปรินซ์!กูมีของมาฝากกกก” พี่เป้วิ่งมาจากอีกมุมของขอบสนาม พร้อมกับของในมือ
“เครปเค้กวานิลลาซอสสตรอเบอรี.. อ้าวธาม มาทําไร”
“ผม..” ผมกําลังอึ้งกับเครปที่อยู่ในมือของพี่เป้.. จะมีสักกี่คนที่รู้ว่าปรินซ์ชอบสตรอเบอรีแทนที่จะเป็นช็อกโกแลตถ้าไม่ใช่ผม.. ผมมองปรินซ์ที่กําลังมองผม ขณะที่พี่เป้ก็กําลังรอคําตอบจากผม “ผมมา…” คําถามง่ายๆ แต่ผมกลับตอบไม่ได้
“ธาม”
.
..ปรินซ์
“ธาม” เป็นไอ้ข้าวที่เดินใกล้เข้ามา
“เห็นที่ชมรมบอกว่าธามมานี่ พี่เลยมาตาม”
“ธามมาหากู” ผมมองหน้าไอ้ข้าว
“แต่เท่าที่ดูธามคงมาขัดจังหวะของมึงกับ..”
“พี่ข้าว! กลับกันเถอะ”
คนตัวเล็กกว่าหันหลังให้ผมและเดินจากไปโดยมีไอ้ข้าวเดินอยู่ข้างๆ
“เอาไงมึง ตามน้องมันไปม่ะ”
“..ไม่ว่ะ”
“ยังไงวะเนี่ย วันนี้มึงไม่มีซ้อมก็เสือกมาซ้อม หรือมึงโดดชมรมเพราะมึงจะหลบหน้าธาม”
“...”
“ทําไมวะ”
“กูแค่อยากถอยออกมาให้ธามมีเวลาของตัวเอง แล้วกูก็อยากรู้ว่ากูสําคัญสําหรับธามไหม”
“แล้วได้คําตอบยัง”
“ได้ล่ะ” ผมยิ้ม ใบหน้าของผมตอนนี้น่าจะประมาณผู้เล่นกองหน้าตัวทำ ยิงลูกชัยชนะให้ทีมด้วยการตีลังกาฟาดลูกเข้าโกลด์ฝ่ายตรงข้ามในช่วงทดเวลาสามวินาทีสุดท้าย
“เออ ยังไงก็เผื่อเปอร์เซ็นต์ความเจ็บปวดไว้บ้าง อ่ะ มึงกินเครปจากแฟนคลับมึงได้ล่ะ กูถือจนกล้ามกูล้าล่ะ”
“...”
“เออ แล้วมึงก็ไปเพิ่มเมนูอื่นในลิสของกินที่มึงชอบด้วย จะทวิตเตอร์ จะไอจี จะที่ไหนก็ได้ กูกับพวกน้องๆเบื่อกินเครปล่ะ”
“แต่กูไม่เบื่อนะ กูชอบ”
“เวร แทนที่มึงจะชอบของคาว เสือกชอบของหวาน แล้วดันไปให้สัมภาษณ์อีกว่าโคตรชอบ กินได้ไม่มีเบื่อ”
“...” ผมหยักไหล่ก่อนตักเครปเข้าปาก
.
.
[อาหารที่ช่วยเสริมพละกำลังในการเป็นนักบอลของคุณ]
“ก็อาหารจำพวกโปรตีนนะครับ จริงๆ ก็แค่ทานให้ครบห้าหมู่ ส่วนตัวผมชอบกินเครปวานิลลาราดซอสสตรอเบอรีมากครับ”
[ทำไมถึงเป็นของหวาน แถมยังเป็นซอสสตรอเบอรี]
“ผมชอบของหวานครับ โดยเฉพาะสตรอเบอรี แต่ไม่กล้าบอกใคร เพราะมันน่าอายที่ผู้ชายอย่างผมจะชอบรสชาตินี้แทนที่จะเป็นช็อกโกแลต หรือดาร์กช็อก”
[แล้วทำไมวันนี้ถึงยอมรับล่ะ?]
“เพราะมีคนคนหนึ่งที่เขารู้ดีว่าผมชอบรสชาตินี้บอกผมว่า ถ้าเราชอบก็แค่ยอมรับว่าชอบ ไม่เห็นต้องแคร์ใครว่าเราควรจะชอบอะไรหรือไม่ควรชอบอะไร”
[...]
“เป็นเพราะเขาครับที่ทำให้ผมรู้ว่าถ้าผมชอบอะไรก็ควรแสดงออกไปตรงๆ จะได้ไม่เสียเวลาปกปิด หรือได้ในสิ่งที่ไม่ชอบ”
[วันนี้เลยกล้าสารภาพความชอบส่วนตัวสินะ]
“ครับ และผมก็จะชอบตลอดไปครับ ไม่สิ รัก และจะไม่มีวันเลิกรักด้วยครับ”
..บทสัมภาษณ์ในนิตยสารกีฬาเล่มหนึ่งของผม ..ถ้าธามได้ผ่านมาอ่าน คงรู้ว่าคนคนนั้นก็คือธาม..
.
.

หัวข้อ: Re: YR Mine นายผู้ปกครอง - รักลุ้นๆ ของคนพี่ Ep.030 - ยอมรับ
เริ่มหัวข้อโดย: After5p.m. ที่ 07-07-2019 09:22:13
030
ยอมรับ
.
.
..ชมรมเดินดอย
“ทำไมทำหน้างั้นวะ แล้วนี่มึงไปหาพี่่ปรินซ์แต่ทำไมกลับมากับพี่ข้าว” ไอ้บอสถามผมทันทีที่พี่ข้าวปลีกตัวไปคุยกับพี่โบ้ท
“กูก็เจอปรินซ์ แล้วก็เจอพี่เป้.. พอพี่ข้าวไปตามกู กูก็เลยกลับ..”
“ที่มึงทำหน้างี้เพราะพี่เป้ใช่ม่ะ”
“...”
“จริงๆ พี่เป้อยู่ตรงนั้นก็ไม่เแปลกนะเว้ย พี่เขาเป็นทีมสวัสดิการกลาง”
“สวัสดิการกลาง?”
“เออ พี่เป้อยู่สวัสจริงๆ กูไม่โกหกมึงหรอก เลิกทำหน้าเป็นแมวเศร้าได้แล้ว เขาแค่อยู่ตามหน้าที่”
“...”
“ทําไมวะ หรือมีอะไรมากกว่านี้”
“..กูแค่รู้สึกว่าพี่เป้โคตรใส่ใจ แล้วก็รู้ใจปรินซ์..”
“คิดมากว่ะ ก็เขาเพื่อนกัน เหมือนกูกับมึงไง”
“...”
“เห้ย”
“อะไรของมึง”
“ไอ้ธาม นี่มึงรู้ใจตัวเองแล้วใช่ม่ะ”
“ห่ะ??”
“ก็มึงกําลังหึงพี่ปรินซ์อยู่เนี่ย ทั้งหึงทั้งหวง มึงเลิกปฏิเสธเลย ว่ามึงไม่ได้คิดอะไรกับพี่มัน”
“ไม่เว้ย!คือกูก็แค่..”
“ไอ้ธาม กูว่ามึงเลิกลีลา เลิกหาตรรกะเหตุผลเชี่ยไรมาสู้กับความรู้สึกที่มึงเป็นอยู่ตอนนี้เหอะว่ะ”
ความจริงก็คือผมเถียงตัวเองไม่ชนะมาได้สักพัก และทุกครั้งที่เห็นพี่เป้อยู่ใกล้ปรินซ์ปรินซ์พูดถึงพี่เป้ ผมก็รู้สึกโคตรหงุดหงิด โคตรแย่ โคตรโมโห “..เออ กูยอมรับก็ได้”
“ก็แค่เนี้ย ในที่สุดไอดอลกูก็ไม่แห้วแล้วโว้ย”
“ไอ้เชี่ยบอส! มึงพูดเบาๆ ได้ป่ะวะ!”
“ก็กูดีใจนี่หว่า กูลุ้นจนกูท้อแทนพี่ปรินซ์แล้วเนี่ย”
“แต่กูไม่มั่นใจว่ะ”
“ไม่มั่นใจอะไรวะ”
“กูว่า.. ปรินซ์มันเมินกูแล้ว”
“มึงใช้อะไรคิดวะเนี่ย จีบมึงยังไม่ทันติด คนอย่างพี่ปรินซ์ของกูไม่มีทางยอมแพ้แน่นอน”
“มึงพูดเหมือนมึงนั่งอยู่ในหัวของปรินซ์”
“กูน่ะเอฟซีพี่ปรินซ์น่ะโว้ย มึงเองก็เหอะ รู้จักพี่ปรินซ์ดีกว่ากูอีก มึงเคยเห็นพี่มันยอมแพ้อะไรง่ายๆ เหรอวะ”
“เออ ไม่เคย” ..ไม่ว่าจะเรื่องบอล เรื่องเรียน หรือแม้แต่เรื่องต่อยคน ปรินซ์จริงจังตั้งใจในทุกเรื่อง
“มั่นใจในตัวเองหน่อยดิวะ มึงแค่อย่าเล่นตัว อย่าเยอะ ใจมึง ร่างกายมึงบอกว่าต้องการอะไร อยากทำอะไร มึงก็ปล่อยให้มันทำไปตามธรรมชาติ อย่าไปฝืน”
“ทำไมกูฟังแล้วมันดู..”
“เอาเป็นว่ามึงเชื่อกู แค่มึงเป็นตัวเองก็พอ ว่าแต่มึงคิดบ้างยังว่ามึงจะรุกหรือ..รับ”
“ไอ้เชี่ยบอส! สรุปที่มึงพูดมาทั้งหมดเนี่ย มึงกำลังบอกให้กูไปทําหื่นใส่ไอ้ปรินซ์”
“ก็ไม่ต้องถึงกับหื่น เพราะมันไม่ใช่ทางมึง กูก็แค่คิดว่าถ้ามึงขี้อ่อยอีกสักนิด พี่ปรินซ์กูจะได้เหนื่อยน้อยลง ตามเกมพี่มันไปบ้าง พี่มันจ้องมาก็อย่าไปหลบ พี่มันเข้าใกล้ก็อย่าไปถอย เพราะที่ผ่านมามึงดันไม่ไม่ไม่อยู่ท่าเดียว เป็นกูนะ เปลี่ยนใจตั้งแต่เห็นมึงใส่สร้อยไอ้พี่ข้าวล่ะ แม่ง แค่กูเห็นมึงยังใส่อยู่กูยังหงุดหงิดแทนพี่มันเลย”
“ก็กูไม่รู้จะบอกพี่ข้าวยังไงนี่หว่า”
“มึงรู้ม่ะ คนเราน่ะเว้ย ถ้าเห็นความเป็นไปได้แค่เปอร์เซ็นต์เดียวว่าจะผิดหวัง สมองก็จะตีความไปก่อนแล้วว่าโอกาสที่จะสมหวังเหลือแค่ครึ่ง ดังนั้น การที่มึงใส่สร้อยของพี่ข้าว ก็สรุปได้เลยว่าใจมึงเอนไปทางพี่ข้าวแล้วครึ่งทาง มึงลองคิดดูว่าทุกครั้งที่พี่ปรินซ์เห็นสร้อยของพี่ข้าวบนคอมึง พี่มันจะรู้สึกแย่แค่ไหน”
“...”
“ถ้ามึงมั่นใจในความรู้สึกของมึงว่ามึงชอบพี่ปรินซ์จริงๆ กูว่ามึงรีบถอดสร้อยพี่ข้าวเถอะว่ะ เชื่อกู.. ออ แล้วก็แก้ตัวด้วยการอ่อยพี่ปรินซ์ชดใช้ความผิดนี้ซะ”
“...” เออ กูจะพยายามเพื่อหัวใจกู ..หวังว่าจะไม่ช้าไปนะ
.
..ข้าว“ไอ้ทีไปไหน!”
“ไอ้ข้าว นี่กูพี่มึงนะ ทําหน้าเชี่ยขนาดนี้ มึงอยากมีเรื่องกับกูรึไง”
ผมผ่อนลมหายใจ “โทษทีพี่ มันไม่ยอมบอกว่าไปไหน เลยหงุดหงิดนิดหน่อย”
“มันจําเป็นต้องบอกมึงทุกเรื่องรึไงวะ”
“...”
“เมื่อคืนมันอยู่กับกูทั้งคืน.. ก็ไม่เห็นบอกนะว่าจะไปไหน”
“!!!”
“แต่กูเป็นคนใจกว้างอยู่แล้ว มันอยากไปไหนกับใคร กูให้อิสระเต็มที่”
“พี่มึงพูดแบบนี้หมายความว่าไงว่ะ!” ผมกระชากปกคอเสื้อยืดของพี่โบ้ทไว้แน่น ความโมโหกําลังพลุ่งพล่าน คําพูดของพี่มันกําลังป่วนอารมณ์ของผม ไหนจะสีหน้ากวนตีนยิ้มมุมปากของพี่มันอีก
“มึงตังหาก เป็นเหี้ยอะไร มึงเป็นอะไรกับไอ้ที มึงมีสิทธิ์ไรมาหวงมันวะ มึงก็เป็นแค่เพื่อน”
ผมคลายมือที่กําปกคอเสื้อของพี่มัน ไม่รู้เพราะเสียงของคนในห้องชมรมที่เงียบลง หรือเพราะคําพูดของพี่มัน.. ผมค่อยๆ ถอยหลังออกห่างจากพี่โบ้ท แล้วเดินออกจากห้องชมรม..

‘..เป็นเหี้ยอะไร มึงเป็นอะไรกับไอ้ที มึงมีสิทธิ์ไรมาหวงมันวะ..’
ใช่.. ผมไม่มีสิทธิ์อะไรที่จะไปหวงมัน ..ก็แค่เพื่อน
.
..ไอ้เชี่ยข้าว มึงนี่มันปั่นหัวง่ายฉิบหาย
.
.
.
..สองอาทิตย์ผ่านไป
“กลับมาได้แล้วเหรอวะไอ้เชี่ยที จารย์เมตตาถามหามึงจนมึงใกล้จะโดนเขี่ยกระเด็นจากทําเนียบศิษย์รักล่ะ ดีนะที่กูกับไอ้ข้าวพยายามโน้มน้าวให้อาจารย์เข้าใจ ว่าทำไมมึงถึงต้องขาดเรียนตั้งสองอาทิตย์์”
“...”
“ไอ้ที มึงหัวเราะไรวะ”
“กูเพิ่งไปหาอาจารย์เมตตามา จารย์ไม่เห็นว่าอะไรกูสักคำ มึงไม่ต้องมาแต่งเรื่องเลย”
“เอ๊ามึงนี่ เพราะพวกกูหรอกเว้ย ที่คอยเป่าหูอาจารย์ให้มึง ว่ามึงน่ะไปทำคุณประโยชน์ต่อรุ่นพี่ในคณะให้เรียบจบได้ปริญญาเป็นฝั่งเป็นฝาเป็นหน้าเป็นตาเป็นเกียรติ..”
“พอๆ มึงพอเลย ถ้าเป็นไอ้ข้าวไปพูดกับอาจารย์กูจะเชื่อ แต่ถ้าเป็นมึง กูว่าอาจารย์จะยิ่งโกรธกูมากกว่า”
“เซ็งมึงว่ะ แม่งรู้ทัน ก็เป็นไอ้เชี่ยข้าวนั่นแหละที่ไปพูดกับอาจารย์ แล้วก็เก็บชีทให้มึงอย่างดีครบทุกวิชา อ่ะเอาไป มึงอ่านลายมือเชี่ยข้าวออกนิ”
“...”
“มึงรู้ม่ะ ตอนแรกที่กูบอกมันว่ามึงไปไหน มันโกรธมึงเหี้ยๆ จนกูยังงงว่ามันจะโกรธอะไรมึงขนาดนั้น แค่มึงไปช่วยพี่สงทำโปรเจ็กต์จบที่ต่างจังหวัด”
“...”
“มันบอกว่าเรื่องแค่นี้ทำไมบอกมันไม่ได้ จู่ๆ แม่งก็หาย ไลน์ก็ไม่ตอบ แถมมึงยังบอกกูแทนที่จะบอกมัน เห็นมันไม่ใช่เพื่อนรึไง โอ้โหมึง มันบ่นเรื่องมึงอยู่เป็นชั่วโมง ขนาดกูปวดฉี่ยังไม่กล้าขออนุญาตไปห้องน้ำ กลัวขัดจังหวะการบ่นของมัน”
“...”
“มึงไม่ต้องมาหัวเราะเลย แล้วมันก็สั่งกูด้วยนะ ว่าอย่าเล่าให้มึงฟังว่ามันบ่นมึง แต่มึงเพื่อนกูไง กูเลยต้องเล่า”
“เออ ดีมากเพื่อนรัก แล้วกูก็รู้ด้วยว่ามึงน่ะตัวขยี้ เรื่องแม่งแค่ห้าแต่มึงเล่าไปแปด อย่างที่มึงเล่าว่าไอ้ข้าวบ่นกูเป็นชั่วโมงเนี่ย กูว่าเต็มที่แค่สามนาที” 
“มึงนี่แสนรู้จริงๆ มันบ่นได้แค่ครึ่งชั่วโมงเพราะต้องเบรกไปเข้าเรียนโว้ย แต่ไอ้โกรธน่ะโกรธจริง กูไม่เคยเห็นแม่งโกรธขนาดนี้
“มันจะโกรธกูทำไมวะ”
“กูก็ไม่รู้มัน มึงถามมันดิ มันเดินมานู้นล่ะ”

..ข้าว
“สวัสดีครับพี่ทีพี่เจียว” ธามกล่าวทักทายไอ้เจียวที่นั่งอยู่กับไอ้ที..
“มาด้วยกันอีกแล้วนะคู่ซี้สายรหัส แล้วนี่ไอ้บรีสน้องรักของพี่หายไปไหน”
“มันกินข้าวอยู่น่ะพี่ เดี๋ยวมันตามมา”
“เอ้า ไอ้ข้าว ไอ้เชี่ยทีมันกลับมาให้มึงบ่นล่ะ บ่นมันซะ”
“ใครจะกล้าไปบ่นอะไรมันวะ..”
“เอ๊า แล้วไอ้ที่มึงบ่นมันเช้าเย็นกับอีกสามเวลาหลังอาหารล่ะวะ”
“..กูก็บ่นให้มึงฟังจนกูไม่เหลืออะไรจะบ่นมัน..” ผมมองหน้าไอ้ที “เดี๋ยวกูขึ้นไปก่อนล่ะกัน ไปธาม พี่ไปส่งที่ห้องมืด”
“ไม่ต้องหรอกพี่ มันคนละตึก ไอ้บรีสมานู่นแล้ว ถ้าไงผมไปก่อนนะพี่ข้าวพี่ทีพี่เจียว”
“เออๆ อย่าลืมเปิดไฟตอนล้างฟิล์มด้วยล่ะ”
“ถ้าผมเชื่อพี่ผมก็โง่ล่ะ”
“ฉลาดมากน้องธามมมมมมม”

“งั้นพวกเราก็ขึ้นเรียนเหอะว่ะ”
“เดี๋ยวก่อนไอ้ข้าว กูมีเรื่องจะกวน” ไอ้ทีเรียกผม ..ดีใจนิดๆ ผมพยายามปั้นหน้าให้นิ่งเฉยที่สุด และหันกลับไปมองมันที่ยังยืนอยู่ข้างๆ ไอ้เจียว
“..ว่ามาดิ”
“คืนนี้มึงมาที่ห้องกูได้ป่ะ เมทกูไปค้างหอเพื่อนมัน ห้องเลยว่าง”
..ชวนกูไปห้อง? อารมณ์ไหนของมึงวะไอ้ที แล้วทำไมกูต้องรู้สึกดี รู้สึกเหมือนว่ามึงกำลังง้อกูอยู่่
“กูอยากให้มึงกับไอ้เจียวติวให้กู”
..ไอ้เจียว!? “ไอ้เจียวมันจะติวอะไรให้มึงได้”
“โหไอ้เชี่ยข้าว มึงพูดอะไรช่วยให้เกียรติกูนิดนึง กูยังยืนอยู่ตรงนี้นะเว้ยย”
“กูไม่ได้จะให้ไอ้เจียวติวให้กูอยู่แล้ว แต่ไหนๆ มึงจะต้องติวให้กู มึงก็ติวให้ไอ้เจียวด้วยเลยไง”
“โอ้โหมึงทั้งสองตัว พอกันเลยนะ กูโกรธเลยนะ! ขึ้นแล้วเนี่ย!”
“หรือมึงจะไม่ติว / งั้นมึงก็ไม่ต้องไป” ผมกับไอ้ทีมองไอ้เจียวพร้อมกัน ก่อนที่ผมจะหันมามองหน้าไอ้ที ไม่เข้าใจว่าจะให้ไอ้เชี่ยเจียวไปด้วยทำไม ในเมื่อทุกครั้งเราก็ติวกันเองแค่สองคน
“เสียงแตก เสียงแตก คนนึงอยากให้กูไป อีกคนไม่อยากให้กูไป.. งานนี้แม่งมีกลิ่น กูจะให้คำตอบพวกมึงเย็นนี้ พวกมึงทั้งคู่จะต้องเรียนแบบไม่มีความสุข เรียนแบบอัดอั้น เรียนแบบทุกข์ทรมาน เรียนไปลุ้นไปแม่งทั้งวันเพราะคนอย่างกู!”
ไอ้เจียวเดินงอนเป็นตุ๊ดจากไป ผมไม่รู้ว่าไอ้ทีคิดอะไรอยู่ ..แต่ถ้ามึงไปนะไอ้เจียว กูจะติวจนมึงไม่กล้ามาให้กูติวอีกเลย
“แล้วนี่มึงจีบธามติดเรียบร้อยแล้วใช่ป่ะ” ไอ้ทีถามผม
“...”
“อย่าบอกว่ายังไม่มีอะไรคืบหน้า?”
“เออ” ผมตอบไอ้ทีส่งๆ
“จริงจังหน่อยดิวะ ไม่เป็นไร กูกลับมาล่ะ เดี๋ยวกูจะช่วยมึงจีบน้องมันเอง”
“ไอ้ที มึงพูดเรื่องนี้ก็ดีแล้ว กูอยากคุยกับมึงเรื่องคืนนั้น..”
“คืนไหนวะ” มันถามผมโดยที่มันยังคงเดินและตามองแต่ทางเท้าข้างหน้า
“ก็คืนที่มีเลี้ยงชมรม..”
“...”
“ทำไมคืนนั้นมึงทิ้งกูไว้แล้วไปกับพี่โบ้ท.. ทำไมคืนนั้นมึงไม่กลับกับกู..” ผมหยุดยืนนิ่ง มองตามแผ่นหลังของไอ้ทีที่ก้าวนำผมไปหนึ่งก้าว มันหยุดยืนเช่นกัน.. มันนิ่งอยู่ได้สักพักก็หันหลังกับมามองผมด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้มจาง
“ถ้ากูพร้อมเมื่อไหร่ กูจะบอก แต่ตอนนี้ไปเรียนก่อนเหอะว่ะ” ไอ้ทีเดินเข้ามากอดคอผมแล้วลากให้ออกเดิน ..ทำไมมึงบอกกูไม่ได้ มึงรู้ไหม.. กูกำลังจะคลั่งเพราะมึง..
.
..ธาม
“ทําหน้าแบบนี้ อย่าบอกนะว่ามึงคิดถึงพี่ข้าว เพิ่งแยกกันเมื่อกี้เองนะเว้ย”
“มึงเลิกแซวกูกับพี่ข้าวเหอะว่ะ”
“เอ๊า ก็ช่วงนี้กูเห็นมึงกับพี่ข้าวตัวติดกันตลอดนี่หว่า”
“ก็แค่ในคณะ ในชมรม แล้วก็ใต้ถุนเวลารอเรียนไหมวะ มึงเข้าใจคําว่าจังหวะและความบังเอิญม่ะ”
“ออออ แล้วที่มึงหน้าบูดขนาดอยู่ในห้องมืดยังเห็นคือมึงเป็นอะไร”
“...”
“แน่ะ ไม่ใช่พี่ข้าวก็ต้องเป็นพี่ปรินซ์”
“...”
“ไม พี่มันเลิกสนใจมึงแล้วใช่ม่ะ”
“...”
“อย่าไปสนเว้ย มึงยังมีพี่ข้าวคนคูลของกูอีกคน”
“...”
“เออๆ กูเลิกชงก็ได้ ไม่ใช่ว่ากูจะดูมึงไม่ออก ต่อให้ไอ้บอสไม่คาบข่าวมาบอกกูก็เหอะ”
“..ช่วงนี้ปรินซ์มันไม่ค่อยว่าง กูก็เลยไม่ค่อยได้เจอ”
“แล้วไมมึงไม่โทรคุยไลน์หาล่ะวะ”
“ก็กูไม่รู้จะเริ่มยังไง ทุกทีเป็นปรินซ์ที่ติดต่อกูก่อน”
“สมน้ำหน้า กว่ามึงจะคิดได้ พี่ปรินซ์คงถอดใจจากมึงไปแล้วมั้ง”
“...”
“ช่วงนี้ใกล้สอบแล้ว พี่มันคงยุ่งเหมือนพวกเรานั่นแหละ.. มึงฟังกู มึงยังมีโอกาสกู้สถานการณ์ได้นะเว้ย”
“ยังไงวะ”
“ก็ตอนขึ้นดอยช่วงปิดเทอมไง มึงได้มีเวลาอยู่กับพี่ปรินซ์แน่ๆ ถ้ามีโอกาสเหมาะๆ มึงก็ต้องบอกพี่มันไปเลยว่ามึงคิดยังไงกับพี่มัน อ้อนวอนให้พี่มันกลับมาได้้รึเปล่า..กลับมาหาฉันทีได้ไหม..”
“...”
“มึงไม่ต้องห่วง กูกับไอ้บอสจะหาโอกาสให้มึงเอง แต่ตอนนี้ มึงต้องตั้งสมาธิกับน้ำยาล้างรูปก่อนนะ กูว่ามึงแช่น้ำยานานไปแล้ว”
“เชี่ยเอ๊ย! ทำไมไม่บอกกูเร็วกว่านี้ รูปเสียเลยมึง”
“ก็เหมือนมึงที่บอกพี่ปรินซ์ช้าไง เป็นไง เข้าใจความรู้สึกพี่ปรินซ์เลยไหม”
“โห ไอ้เชี่ยบรีส มึงนี่มัน..”
“ไอ้ธามมมม มึงอย่าสะบัดน้ำยาใส่กู!!”
.
.
.
..ชมรมเดินดอย
“เอาล่ะครับน้องๆ ทุกคน พี่ขอย้ำเรื่องการเดินทางของพวกเราที่จะไปดอยเขาไม้งามเป็นครั้งสุดท้ายนะ” พี่เป้พูดอยู่หน้าห้องของชมรม “พวกเราจะเจอกันก่อนสามทุ่มที่หัวลำโพง เพื่อขึ้นรถไฟด่วนขบวน 51 ที่จะออกเวลาสี่ทุ่มตรง เป็นรถไฟชั้นสาม โชคดีที่อีกชมรมเขาก็ไปเชียงใหม่เหมือนกันแต่คนละดอย พวกพี่เลยตกลงเหมาโบกี้รถไฟไปด้วยกัน จะได้มีความเป็นส่วนตัวแล้วก็ปลอดภัย ส่วนเรื่องสัมภาระน่ะ ขอให้น้อยแต่มาก เพราะเราจะไปหนาวด้วยกันบนดอย พี่เช็คมาแล้วต่ำสุดน่าจะประมาณสิบองศา แล้วก็เราน่าจะไม่ค่อยได้อาบนํ้ากัน ที่ไม่ได้อาบไม่ใช่เพราะหนาว แต่เพราะน้ำบนดอยมีค่อนข้างจำกัด ดังนั้น เตรียมเสื้อผ้าสำหรับใส่เจ็ดวัน แต่พยายามให้น้อยชิ้นจะดีมาก ใครมีไรสงสัยไหม”
“ผมครับพี่เป้”
“ว่าไงบอส”
“ทำไมวันนี้พี่ปรินซ์ไม่มาพี่”
“..ปรินซ์ติดเตะบอลกับน้องในคณะ ..ว่าไงบรีส”
“พี่ปรินซ์จะไปขึ้นดอยด้วยใช่ไหมพี่”
“อืม ไป ..ไม่มีใครสงสัยอะไรเกี่ยวกับการเดินทางแล้วนะ”
“...”
“โอเค ส่วนหน้าที่รับผิดชอบงานก็ตามที่พวกเราวางแพลนกันไว้ อ่ะ พี่โบ้ทพูดสรุป”
“เจอกันวันเดินทาง”
.
.
..บ้านธาม
..ธาม

..ถ้าเวลาที่ผมใช้คิดหาคำตอบที่จะบอกปรินซ์์มันใช้เวลานานเกินไป ก็หวังว่าเวลาต่อจากนี้ที่ผมจะให้ปรินซ์ ..มันจะชดเชยได้ และรั้งคนตัวสูงไม่ให้จากผมไปในวันที่ผมเพิ่งรู้ใจตัวเอง..

[คืนนี้พี่จะไปรับตอนทุ่มครึ่ง]
ปรินซ์ส่งไลน์มาหาผม.. ที่ผ่านมาปรินซ์จะส่งประโยคสั้นๆ ง่ายมาเสมอ อย่าง ขยันอ่านหนังสือนะใกล้สอบแล้ว, ทำข้อสอบให้ได้ล่ะ, โชคเอนะพรุ่งนี้ และอื่นๆ ที่ไม่ได้ทำให้หัวใจผมพองโตเลย แต่แค่ปรินซ์ส่งมาก็ดีเท่าไหร่แล้ว ผมก็ตอบไปเพียง อืม, เหมือนกัน, สู้ๆ, ขอให้ทำข้อสอบได้ และอื่นๆ ข้อความอวยมาอวยกลับที่แสนเบสิค จนเหมือนเราเป็นแค่คนแปลกหน้าที่แค่ผ่านมารู้จัก ..แม่ง โคตรห่างเหิน ผมต้องยอมรับใช่ไหมว่าผมผิดเองที่ปล่อยให้เวลามันเนิ่นนานเกินไป..
“ธาม ลงมากินข้าวเย็นได้แล้ว” เสียงของม๊ากำลังเรียกผม ผมถอนหายใจก่อนยกเป้ใบใหญ่ขึ้นหลังและเดินลงมาตามบันได ผมกลับมาอยู่บ้านได้สองวันก่อนจะออกเดินทางไปค่ายกับชมรม เป็นสองวันที่ม๊ากับป้าๆ ทำอาหารโชว์ฝีมือเต็มที่ให้สมกับที่ผมไม่ได้กลับบ้านมาเป็นเดือน
“ปรินซ์กินเยอะๆ เลยนะ ม๊ากับป้าๆ ทำรอเลย พอรู้ว่าปรินซ์จะมารับธาม”
ห่ะ ปรินซ์ปรินซ์มาแล้วเหรอ แต่นี่มัน.. ผมเงยหน้ามองนาฬิกาที่ห้อยตัวอยู่บนกำแพงด้านหนึ่งของบ้านก่อนตัวเองจะเดินถึงมุมโต๊ะอาหาร ..เพิ่งหกโมง ทำไมรีบมาวะ ผมรีบดึงเสื้อยืดแขนยาวที่สวมอยู่ให้ตึง ไม่ยับย่นแม้ถูกเป้หนักรั้งปลายเสื้อ ยกมือขึ้นเสยผมให้เข้าที่ ผมควรทำหน้ายังไงที่ได้เจอปรินซ์..
“ธามมายืนทำไรตรงนี้ ไปกินข้าว ปรินซ์กินไปเกือบครึ่งจานแล้ว”
“ครับป้าหมวย” ก็แค่เป็นตัวเอง.. ผมเรียกสติตัวเองกลับมาก่อนเดินเลี้ยวโค้งออกไปเจอหลังของคนตัวสูงที่กำลังนั่งอยู่
“เร็วๆ เลยธาม ปรินซ์บอกว่ากลัวรถติดเลยรีบมาก่อน”
“ไม่ใช่หรอกครับมาม๊า ผมอ้างรถติด แต่จริงๆ ผมอยากมากินข้าวฝีมือมาม๊ากับป้าๆ มากกว่า”
“ปากหวานจริงๆ เลยน้าปรินซ์เนี่ย มามา มาให้ม๊ากอดทีนึง คิดถึงจังเลยยยยยย” ม๊ายื่นตัวมากอดคนตัวสูงที่นั่งอยู่ข้างๆ ไม่ได้สนใจเลยว่าผมกำลังยืนมองอยู่ด้วยสายตาแบบไหน ผมยืนนิ่งอยู่อย่างนั้น ทุกทีผมจะนึกอิจฉาปรินซ์เพราะม๊าชอบแสดงออกว่ารักปรินซ์ แต่ตอนนี้ผมกลับโมโหปรินซ์ที่เอาแต่อ้อนม๊ากอดม๊า! ไม่รู้ว่าตอนนี้ตัวเองกำลังหวงม๊า หรือหวงปรินซ์กันแน่.. ในเมื่อภาพตรงหน้าทำผมอารมณ์ไม่ดี ปรับสีหน้าไม่ได้ ผมจึงเดินย้อนกลับไปทางห้องครัว เดินหาน้ำผลไม้ในตู้เย็นมากินสักกล่องเผื่อจิตใจจะสดชื่นขึ้น..

“มายืนหน้าบึ้งทำไมในตู้เย็น..” เสียงไอ้ปรินซ์ ผมยืดตัวและหันหน้าไปด้านหลังทันที รอยยิ้มของคนตัวสูงกว่ากำลังลอยอยู่ใกล้ผม สายตาของปรินซ์กําลังมองมา
“มาอยู่ตรงนี้ได้ไง” ผมอดสะดุ้งไม่ได้ ปรินซ์กำลังยืนเอามือข้างหนึ่งจับที่ขอบตู้เย็น และอีกมือที่ขอบประตูตู้เย็น หลังของผมกำลังพิงแนบกับแผ่นอกของปรินซ์ที่ก้มมาใกล้ ..ผมรู้สึกดีกับความใกล้ชิดของเราที่ผมไม่รู้ว่าผมต้องการมัน และเริ่มรู้สึกคิดถึงมันตั้งแต่เมื่อไหร่..
“พี่ก็ตามธามมาไง” ปรินซ์กระซิบข้างหูผม
“..ตามมาทำไม” ผมเองก็พูดเบาลง คงเพราะไม่อยากให้ม๊ากับป้าๆ ผ่านมาได้ยินสิ่งที่เราพูด ยิ่งถ้าเห็นความใกล้ชิดที่ชวนเข้าใจถูกอย่างตอนนี้ด้วย
“ก็มาม๊าให้มาตาม” ปรินซ์ยืดตัวขึ้นก่อนถอยหลังออกไปเล็กน้อย “รีบไปกินข้าวเถอะ” แล้วคนตัวสูงกว่าก็เดินจากไป ทิ้งผมไว้กับอารมณ์งงงวย แค่นี้เองเหรอ? ผมคงหวังอะไรมากกว่านี้ ก็กว่าจะได้เจอหน้ากัน.. และสิ่งที่ไอ้ปรินซ์ทํามันคือการกวนประสาทกันชัดๆ มันเจตนาหรือเย็นชาจริงๆ กันแน่
.
.

หัวข้อ: Re: YR Mine นายผู้ปกครอง - รักลุ้นๆ ของคนพี่ Ep.031 - รถไฟ
เริ่มหัวข้อโดย: After5p.m. ที่ 08-07-2019 10:10:56
031
รถไฟ
.
.
“สมาชิกชมรมเดินดอยที่มาถึงแล้ว เช็คชื่อรับตั๋วที่นั่งได้เลยนะคะ แล้วก็จับชื่อบัดด็อกที่เราต้องดูแลตลอดทริปด้วยค่ะ” เสียงของแพมที่ประกาศผ่านโทรโข่งตัวเล็กดังพอให้พวกเราที่นั่งไม่ไกลได้ยินในระยะห้าเมตร ข้าวของสำหรับจัดกิจกรรมและสัมภาระบางส่วนถูกวางกองรวมกันอยู่ตรงกลางวงของสมาชิกชมรมเดินดอย
“พี่โบ้ทครับ สรุปว่าเป็นบัดด็อก แบบชั่วๆ ใช่ไหมครับ”
“ใช่ครับน้องบอส บทบาทนี้พี่ว่าน้องบอสต้องทำได้ดีแน่ๆ เลย ไม่เหมือนพี่ เรื่องแกล้งคนนี่พี่โคตรไม่ถนัด”
“ทำไมพี่ถ่อมตัวอย่างนั้นล่ะครับ หน้าพี่ก็บอกอยู่แล้วว่าพี่เนี่ยโคตร…”
“ไอ้บอส มึงไปไกลๆ เลย มึงชักจะปีนเกลียวมากไปแล้วนะ กูไม่ชอบ”
“เห้ยพี่..ทำไมจู่ๆ ซีเรียสวะ..”
“...”
“เออ ผมขอโทษ.. ผมไปก็ได้”
“เดินไปจริงๆ ด้วยเว้ย มึงมานี่เลยจะหนีกูไปไหนนนน”
“ไอ้พี่โบ้ทปล่อยเลย! จะรัดคอผมทำไมเนี่ย! หายใจไม่ออกกก”
“ไง กูโฉดพอม่ะ”
“เออ พี่แม่งโคตรชั่ว! หลอกผมซะเชื่อสนิท.. ปล่อยได้แล้วโว้ยยย ไอ้พี่โบ้ท!”
“เลิกเล่นเป็นเด็กเหอะว่ะพี่” ไอ้ทีพูดหน้านิ่งใส่พี่โบ้ทที่กำลังกอดรัดคอบอสด้วยกล้ามแน่นๆ
“ก็ไอ้บอสมันกวนตีนพี่อ่ะที”
“มึงก็ปล่อยให้พี่มันเล่นกับไอ้บอสไปเหอะ”
“ไม่ได้เว้ย พี่มันโตแล้ว จะมาเล่นเป็นเด็กๆ งี้ได้ไงวะ เสียภาพลักษณ์ประธานค่ายหมด”
“ก็ได้คร๊าบบพี่ที.. เห็นเป็นทีหรอกนะพี่เลยเชื่อฟัง เลิกเล่นเว้ยไอ้บอส มาช่วยกันขนของ”
.
..ธาม
“เดี๋ยวพี่ยกน้ำเอง ธามไปยกกล่องขนมล่ะกัน”
“เห้ยพี่ ผมยกได้”
“มันยกได้พี่ข้าว ไอ้ธามมันถึกจะตายไป ตอนกีฬาสีมอปลาย มันต้องยกน้ำขึ้นไปส่งนักกีฬาบนห้องพักชั้นสามตั้งหลายรอบ เห็นมันงี้ มันคือเดอะฮัลค์ตอนยังไม่กลายร่าง”
“ไอ้เชี่ยบอส มึงอยากเจอกูตอนกลายร่างม่ะ”
“หูยยยย น่ากลัวเชียวววว”
ข้าวของที่เราเตรียมไว้นั้นมีไม่น้อย กลุ่มผู้ชายจะมีหน้าที่ในการลำเลียงของขึ้นรถไฟ โดยที่กลุ่มผู้หญิงจะคอยเฝ้าของอยู่ภายในสถานี และคอยดูความเรียบร้อยอยู่บนรถไฟ สมาชิกของทั้งชมรมเดินดอย และอีกชมรมมาครบเรียบร้อย พร้อมออกเดินทาง ผมคงจะรู้สึกตื่นเต้นกับการเดินทางยาวๆ โดยรถไฟ และการไปเจอที่ใหม่ๆ มากกว่านี้ ถ้าทุกอย่างมันเริ่มด้วยดี..

ตลอดทางที่อยู่บนรถ ปรินซ์จะพูดคำตอบเท่าที่ผมถาม และหันหน้ามองออกไปนอกรถแทบตลอดเวลา ยังดีที่พี่คนขับแท็กซี่คอยชวนพูดคุย ไม่อย่างนั้น ผมคงรู้สึกอยากร้องไห้ ยิ่งเสียงเพลงจากคลื่นวิทยุบางเพลงที่ดังครางอยู่เบาๆ คอยสะกิดเอาอารมณ์ความผิดหวังที่ผมกำลังมีให้ยิ่งผุดขึ้นมาอย่างห้ามไม่ได้ ..และพอมาถึง ปรินซ์ก็เอาแต่อยู่กับพี่เป้..

“มึงนั่งไหนวะไอ้ธาม”
“กูนั่งริมหน้าต่างตัวนี้”
“ออ กูนั่งตรงข้ามมึง แล้วมึงอ่ะไอ้บรีส”
“กูก็นั่งข้างมึงไงไอ้บอส”
“แล้วใครนั่งข้างมึงวะไอ้ธาม”
“กูก็ไม่รู้..”
“พี่เอง” พี่ข้าวยิ้มให้ผม
“ออ พี่ข้าว…”
“แหม ใครช่างจัดที่นั่งกันน้าาาาาาาาาา” ไอ้บอสยิ้มกว้างใส่ผม
“นั่นสิ อย่างกับรู้ว่าพี่็อยากนั่งข้างธาม”
ผมหันมองที่นั่งอีกฝั่งที่อยู่ถัดไปจากพี่ข้าว เป็นที่นั่งของพี่ทีที่มีพี่โบ้ทนั่งอยู่ข้างๆ และตรงข้ามพี่โบ้ทก็เป็นปรินซ์..
“พี่เป้นั่งกับพี่ปรินซ์ด้วยว่ะ” ไอ้บอสกระซิบคุยกับผมหลังจากเก็บสัมภาระบางส่วนขึ้นบนชั้นเหนือหัว
“เออ กูเห็นแล้ว”
“มึงใจเย็นนะเว้ย ท่องไว้ เขา..เพื่อน..กัน..”
“เออ กูรู้แล้ว กูท่องอยู่”
“อูยยยย กูชอบมึงตอนนี้นะ” ไอ้บอสยิ้มกวนประสาทใส่ผม ผมยื่นหน้าข้ามตัวพี่ข้าวไปแอบมองคนตัวสูงที่นั่งอยู่ริมหน้าต่างของเก้าอี้ที่อยู่ถัดไป ปรินซ์กำลังหันหน้ามาคุยกับพี่เป้หน้าระรื่น ไม่สนใจมองผมสักนิด ความหวงที่มันเคยมีเวลาพี่ข้าวอยู่ใกล้ผมก็ไม่มีให้เห็น
“ธามเป็นไรรึเปล่า สีหน้าไม่ค่อยดีนะ”
“ไม่ได้เป็นไรพี่ คงง่วงแล้วมั้ง”
“อืม งั้นก็นอนก่อนก็ได้นะ รถไฟใกล้ออกแล้ว”
“ครับ” ผมเอาหัวพิงแนบเข้ากับผนังข้างหน้าต่างของรถไฟ ในใจตอนนี้มีแต่ความหงุดหงิด และผิดหวัง.. ทริปนี้อาจจะไม่ได้สนุกอย่างที่คิดก็ได้
.
.
..ข้าว
เพราะเสียงล้อเหล็กที่พูดคุยกับรางรองรับตลอดทาง ลมเย็นสบายที่พัดผ่านกระทบใบหน้า และวิวทิวทัศน์สองข้างทางที่มืดทึบเว้นแค่บางช่วงที่มีแสงไฟติดอยู่ ทุกองค์ประกอบในเวลานี้ล้วนทำให้ทุกชีวิตบนรถไฟหลับใหลเมื่อเวลาแห่งการตื่นตัวผ่านไปได้เพียงชั่วโมง
“ไอ้ที มึงไปห้องน้ำเป็นเพื่อนกูหน่อย”
“อื้มม ก็ได้ ดีนะที่ยังไม่หลับ” เสียงพูดคุยที่แทรกเสียงสายลมดังเข้าหู ..เสียงของไอ้พี่โบ้ทกับไอ้ที
“เออๆ กูขอโทษ” เสียงเดินที่ค่อยๆ เบาลงเป็นสัญญาณบอกว่าคนทั้งคู่เดินห่างออกไปแล้ว ผมลืมตามอง ไอ้ทีกำลังเดินนำพี่โบ้ทไปห้องน้ำ ทำไมต้องไปตอนนี้ พี่มันเพิ่งไปมาไม่ใช่เหรอวะ!
.
..ปรินซ์
หึ ไอ้ข้าว.. ผมยิ้มให้กับภาพที่เห็น ภาพผู้ชายสามคนที่เดินตามกันไปห้องน้ำในยามวิกาล ถึงไอ้ข้าวจะทิ้งช่วงสามก้าวค่อยเดินตามไป.. ผมมองข้ามไปยังคนตัวเล็กกว่าที่ยังคงนั่งเอาหัวพิงผนังอยู่อย่างนั้นตั้งแต่ขึ้นรถมา ไอ้เป้ที่นั่งอยู่ข้างผมหลับไปแล้ว ผมลุกเดินไปยังที่นั่งที่ว่างลงของไอ้ข้าว ใบหน้าตอนหลับของธามยังคงน่ามองเหมือนเดิม ผมค่อยๆ จับเอาหัวของธามให้โน้มลงนอนลงบนขาของผม ข้อเสียของธามนอกจากการอิ่มแล้วนอนก็คือความขี้เซา ลองถ้าได้หลับสนิทแล้ว สาดน้ำใส่หน้าคงเป็นวิธีเดียวที่จะปลุกธามได้ แต่ผมยังไม่เคยลองนะ สงสารธาม..
“พี่ปรินซ์!”
“ชู่วว เดี๋ยวธามตื่น”
“คร๊าบบบพี่” บอสยิ้มให้ผม ธามอดคิ้วขมวดและส่งเสียงครางฮึมฮัมรําคาญเบาๆ ในลําคอไม่ได้ที่ถูกกวนให้เปลี่ยนท่านอนทั้งที่ตายังคงหลับสนิท ยังไงก็ไม่ตื่นสินะ.. คนตัวเล็กกว่าขยับร่างกายเล็กน้อยเพื่อหาท่าที่รู้สึกสบายที่สุด ผมมองทุกการเคลื่อนไหวของธาม ตอนนี้ธามไม่ใช่เด็กที่ผมต้องคอยทะนุถนอม แต่เป็นว่าที่แฟน..ที่ผมพร้อมจะคอยดูแลและเอาใจใส่ ผมยิ้มกับตัวเอง ใช้ปลายนิ้วเขี่ยปอยผมที่ชวนน่ารำคาญให้ธาม ผมมองหน้าธามอยู่สักพักก็คิดว่าตัวเองควรจะได้เวลานอนเช่นกัน..
.
..หน้าห้องนํ้า
“อ้าวไอ้ข้าว ยังไม่หลับเหรอวะ”
“มันยังหัวค่ำอยู่น่ะพี่ เลยยังนอนไม่หลับ”
“อืม เออทีเข้าไปก่อนได้เลย ไม่ต้องรอ พี่จะโทรศัพท์”
“ตอนปวดก็บอกให้มาเป็นเพื่อน พอเสร็จก็ไล่กลับ”
“โอ๋ๆ ทีก้อ ก็พี่ไม่อยากให้ทียืนเมื่อยรอพี่นิ เข้าใจพี่นะ”
“อืม โอเค ตามนั้นล่ะกันพี่ มึงเสร็จแล้วป่ะ”
“อืม”
“งั้นก็กลับกัน” ผมเดินนำไอ้ทีกลับเข้ามาตามทางเดินเพื่อไปยังที่นั่งของตัวเอง ..!! ภาพของไอ้เชี่ยปรินซ์ที่นั่งหลับอยู่แถมมีธามกึ่งนั่งกึ่งนอนบนขาของมันทำผมอึ้งไปเล็กน้อย
“ให้กูปลุกธามตื่น แล้วไล่ไอ้ปรินซ์กลับที่ม่ะ”
“กูว่าไม่ต้องว่ะ น้องมันก็หลับไปแล้วด้วย”
“งั้นมึงจะนั่งไหน”
“ก็นั่งกับมึงไง”
“อ้าว แล้วไอ้พี่โบ้ท?”
“ก็ให้พี่มันนั่งข้างไอ้เป้แทนไอ้ปรินซ์ไปดิ” ผมพูดจบก็เดินเข้าไปนั่งที่ที่นั่งริมหน้าต่างของไอ้พี่โบ้ททันที “มึงก็นั่งดิ จะได้รีบนอน ดึกแล้วนะ”
“เมื่อกี้ใครบอกว่ายังหัวค่ำอยู่วะ”
“ก็นี่มันผ่านมาหลายนาทีแล้วก็ดึกแล้วป่ะวะ”
“.. เออๆ” ไอ้ทียอมนั่งลงในที่สุด แค่นี้ก็กันท่าไอ้พี่โบ้ทได้แล้ว.. ‘..กันท่า’ ผมคิดต่อทั้งที่หลับตาลง.. ทำไมกูต้องกันท่ามึงจากไอ้พี่โบ้ท? ทำไม..
.
..ความคิดของโบ้ทเมื่อเดินกลับมาที่ที่นั่งของตัวเอง
..ไอ้เชี่ยข้าว ทำเนียนเชียวนะ เออ คืนนี้กูยกให้มึงคืนนึง ส่วนไอ้ปรินซ์.. มึงแมนมาก ขอให้ลงเอยสักทีเหอะว่ะ
.
.
.
ฮื้มมมมม ..ยังอยากนอนต่ออีกนิด ผมรู้สึกเมื่อยที่ลำตัวเล็กน้อย ที่นอนคงจะแคบ ผมพยายามพลิกตะแคงลำตัวไปอีกด้าน.. อืม ขาชนผนัง หลังก็โหวงๆ คงเป็นโซฟาแคบๆ ไม่ใช่เตียง แต่ถ้าหดขาเพิ่มอีกสักนิดก็น่าจะพอได้ ผมฝืนทำมัน ในดินแดนแห่งความฝันนี้ขาของผมคงสั้นลงสักยี่สิบเซน ผมใช้มือขวาจับยึดเอาหมอนใบใหญ่ไว้แน่นจะได้ไม่ร่วงตกโซฟา ขยับหัวของตัวเองให้นอนถนัดขึ้น อีกนิดหน้าของผมคงจะจูบเข้ากับผนังนิ่ม..
..เสียงคนหัวเราะเบาๆ กำลังทำให้ผมนึกรำคาญ ทั้งที่เพิ่งจะหาท่าที่เหมาะแก่การนอนต่อได้
“กูว่าปลุกมันเหอะว่ะ สงสารพี่ปรินซ์”
“ปลุกทำไมวะ มันกำลังหลับ อีกอย่าง.. พี่ปรินซ์อาจจะชอบก็ได้นะเว้ย”
..ปรินซ์ ถึงผมจะยังอยากหลับต่อ แต่ชื่อของปรินซ์กลับกวนใจผม
“มึงดูหน้าพี่ปรินซ์ก่อนไอ้บอส เมื่อยไหมพี่”
“อืม นิดหน่อย” ..เสียงปรินซ์?
“เห็นม่ะ กูว่าปลุกเหอะว่ะ”
“ไม่ต้องหรอกบรีส ให้ธามนอนไปเหอะ”
“แค่นี้พี่ปรินซ์ของกูทนได้เว้ยยยย” แล้วเสียงก็เงียบลง เหลือแต่เสียงรถไฟที่กำลังแล่น.. เสียงรถไฟ เออใช่! นี่มันบนรถไฟ.. ควรได้เวลาตื่นสักที.. ผมค่อยๆกระพริบตาลืมขึ้น ผนังสีฟ้าของเบาะที่หน้าตาเหมือนกางเกงยีนส์แถมยังมีตะเข็บส่วนของซิปด้วย.. ซิป! ผมค่อยๆ เงยหน้าขึ้นมองด้านบน ปลายคางขาวของ..
“ตื่นจนได้” ปรินซ์ก้มหน้าลงมองผม
“เห้ย!” ผมรีบยันตัวลุกขึ้นในท่าที่โคตรทุลักทุเล ไม่รู้ว่าตัวเองนอนท่านี้ไปได้ยังไง
“ตื่นก็ดีแล้ว.. ไอ้เป้”
“เออ ไปได้สักทีมึง” พี่เป้ตอบเสียงเรียกของปรินซ์ และลุกจากเก้าอี้ก่อนเดินมาใกล้ ปรินซ์ลุกขึ้นเดินไปโดยมีพี่เป้ประคอง ผมมองตาม และกำลังงงว่าตัวเองควรจะรู้สึกอะไรก่อน ระหว่างตกใจที่ตัวเองนอนตักปรินซ์ กับหงุดหงิดใจที่ปรินซ์เดินไปกับพี่เป้ โดยที่ไม่สนใจผมสักนิด
“หลับสบายไหมครับน้องธามมมม” ไอ้บอสลากเสียงยียวน
“พวกมึงตื่นนานแล้วเหรอวะะ”
“ก็ตื่นนานพอมานั่งลุ้นว่ามึงจะตื่นเมื่อไหร่” ไอ้บรีสทำหน้าประหลาดใส่ผม
“ปรินซ์มันมานั่งตั้งแต่เมื่อไหร่วะ ทำไมกูไม่รู้้”
“กูน่ะเพิ่งเห็นตอนตื่น แต่ไอ้บอสบอกเห็นตั้งแต่เมื่อคืน”
“...”
“เออ กูเห็นตั้งแต่เมื่อคืน.. พี่ข้าวน่ะลุกไปห้องน้ำ พี่ปรินซ์ก็มานั่งคุยกับกู จู่ๆมึงก็นอนทับขาพี่ปรินซ์ ทีนี้พี่ปรินซ์กูก็คนดีไง เลยปล่อยให้มึงนอนสบายยันเช้า กูล่ะเมื่อยแทน”
“กูบอกจะปลุก พี่มันก็ไม่ยอมให้กูปลุก”
“...”
“ถ้าเป็นกูนะ ลุกเดินไม่ได้แน่นอน แต่สงสัยตบะนักบอลของพี่มันเข้าขั้นเซียนถึงได้ลุกปุ๊บเดินได้ปั๊บ”
“มึงก็เกินไป พี่ปรินซ์ก็คนนะเว้ย แล้วนี่ตั้งเกือบเก้าชั่วโมง ไอ้ธามแม่งนอนตั้งนาน ดีเท่าไหร่ที่พี่มันไม่โกรธ เอ๊ะ หรือว่าโกรธวะ ถึงได้เดินไปกับพี่เป้ ไม่สนใจมึงสักนิด”
“แย่ล่ะมึงไอ้ธาม ตั้งใจจะมาง้อเขา ดันมาทำเขาโกรธอีก งานนี้ยาก”
“นี่พวกมึงกำลังทำกูเครียดทั้งที่เพิ่งตื่นนอน..”
“เออๆ กูก็แค่อยากให้มึงรู้สถานการณ์ตอนนี้ ว่ามึงต้องพยายามมากแค่ไหนเว้ย”
“...”
.
..ที่นั่งฝั่งตรงข้าม
“ไอ้ข้าว..”
“อะไรวะ”
“ไอ้ปรินซ์มันลุกไปล่ะ มึงก็กลับไปนั่งกับธามได้แล้ว”
“...”
“ยังไม่ลุกอีก เดี๋ยวมันก็กลับมาก่อนพอดี”
ก็กูไม่อยากลุก.. “เออๆ”
.
“หลับสบายไหมธาม”
“ออ ก็ดีครับพี่ข้าว”
“ไปห้องน้ำหน่อยไหม จะได้ยืดเส้นยืดสาย”
“..ก็ดีครับพี่ พวกมึงไปไหมวะ” ผมถามไอ้บอสไอ้บรีส
“พวกกูไปมาแล้ว” ผมพยักหน้ารับรู้แล้วลุกขึ้นยืนสลัดความเมื่อยจากการนอนท่าเดิมมาตลอดทาง ..ขนาดผมยังมีอาการแล้วปรินซ์ที่นั่งนิ่งขยับร่างกายไม่ได้ตั้งหลายชั่วโมง.. ผมเดินตามหลังพี่ข้าว.. สวนทางกับพี่เป้ พี่เป้ยิ้มสดใสทักทายผม ด้านหลังของพี่เป้คือปรินซ์ที่กำลังเดินตามมา ปรินซ์ใส่แว่นกันแดดสีชาเข้มปกปิดสายตาเรียบร้อยแล้ว ผมมองหน้าคนตัวสูงที่เดินเข้ามาใกล้ ดูจากมุมของใบหน้าแล้ว.. ปรินซ์ไม่ได้มองผม.. และผมก็ไม่มีทางรู้ได้เลยว่าภายใต้เลนส์มืดนั้น ดวงตาคู่เรียวของปรินซ์กำลังมองผมแทบทุกระยะการย่างก้าว และยิ้มกับตัวเองหลังผมเดินผ่านไป
.
..ปรินซ์
“มึงยิ้มอะไรวะ” ไอ้เป้ถามผม
“กูมีความสุขกูก็ยิ้ม”
“ความสุขที่นั่งเป็นหมอนให้น้องมัน?”
“ก็ใช่”
“แมนโคตรมึงเนี่ย เอาซะเดินแทบไม่ได้”
“...”
“ยังไงมึงก็ปิดจ๊อบคบกับธามให้ได้ก่อนจบค่ายนะเว้ย กูเห็นน้องมันหงอยเพราะมึงเมินแล้วโคตรน่าสงสาร”
“เออ กูก็สงสาร”
“สงสารแต่ก็ยังแกล้งน้องมัน”
“กูแค่อยากให้ชัวร์”
“ก็อย่ารอให้ชัวร์จนไอ้ข้าวคาบไปรับประทาน”
“ไม่มีทาง..” เพราะสายตาของไอ้ข้าวตอนนี้มีไว้มองอีกคน..ที่ไม่ใช่ธาม
.
.
..ธาม
ภาพวิวข้างทางน่าประทับใจ อาหารตามสถานีจอดมีให้เลือกซื้อไม่น่าเบื่อและอิ่มท้อง ไอ้บอสไอ้บรีสพากันพูดคุยและถ่ายรูป ทุกอย่างล้วนลงตัวกับการเป็นทริปที่ดี แต่ผมกลับรู้สึกไม่สนุกไปกับมัน เราลงรถไฟเลยเที่ยงเล็กน้อยตามกําหนดการ ช่วยกันขนของย้ายไปรถกระบะของชาวบ้านที่มาจอดรอพร้อมขึ้นเขา
“รถจะมีแค่สองคัน ดังนั้นเราจะทยอยกันไปแบ่งเป็นสองรอบพร้อมกับข้าวของสัมภาระ” พี่เป้พูดกับพวกเรา ก่อนที่กลุ่มรุ่นพี่จะจัดการเรื่องการแบ่งสัมภาระขึ้นรถแต่ละคัน และจัดสรรเหล่าสมาชิกให้ขึ้นรถ
“ไอ้ข้าว มึงไปกับธาม ไอ้บอส ไอ้บรีส น้องแพม แล้วก็น้องอีกสามคนขึ้นคันแรกไปก่อนเลย” พี่โบ้ทพูด “ส่วนคันที่สองก็เป็นมึงมึง แล้วก็น้องอีกห้านะ ส่วนรอบสอง คันแรกก็จะมีไอ้ปรินซ์ไอ้เป้แล้วก็น้องอีกหก ส่วนคันสุดท้ายก็จะมีกูไอ้ทีแล้วก็น้องที่เหลือ”
ผมมองคนตัวสูงที่ยืนจับกลุ่มอยู่ไกลออกไป ปรินซ์ไม่ได้สนใจผมสักนิด..
“อย่าเพิ่งรู้สึกแย่สิว่ะไอ้ธาม โอกาสยังมีอีกเยอะ”
“ไอ้บรีสพูดถูก ไปๆ รีบยกของแล้วขึ้นรถกันเหอะว่ะ งานต้องมาก่อนนะเว้ยมึง”
“เออๆ”
ผมนั่งข้างพี่ข้าวบนท้ายกระบะที่ไม่มีหลังคาคลุม หนทางขรุขระเมื่อรถเริ่มไต่ระดับไปตามทางลาดที่ชันบ้างคดโค้งบ้าง พวกเราล้วนสนุกสนานเหมือนกับกําลังได้เล่นเครื่องเล่นในสวนสนุกที่ไม่รู้ว่าจะจบเมื่อไหร่

“เอาล่ะพวกเรา สวัสดีลุงข่างผู้ใหญ่บ้านของหมู่บ้านไม้งาม” พี่ข้าวพูดหลังจากพวกเราทยอยลงจากรถเรียบร้อย
“สวัสดีครับ / ค่ะ”
“ยินดีต้อนฮับครับ ขอบใจ๋ตี้มากั๋น” ลุงข่าง ชายวัยกลางคนตอนปลายยิ้มทักทายพวกเราแบบผู้ใหญ่ใจดีที่ผ่านการพบปะผู้คนมามากมาย แม้สําเนียงจะไม่ชัดเพราะความเป็นคนดอยแต่ก็ชวนฟังและฟังเข้าใจ
“พวกเราช่วยกันยกของลงก่อน รถจะได้กลับไปรับคนที่เหลือ” พี่ข้าวพูดและเริ่มลงมือปฏิบัติ ความเป็นผู้นำของพี่ข้าวทำให้พวกเรารู้สึกอุ่นใจ และไม่ยืนเก้ๆ กังๆ ต่อหน้าชาวบ้านที่พวกเราไม่คุ้นเคย เมื่อรถคันที่สองที่ตามหลังมาติดๆมาถึง พี่ข้าวก็คอยจัดการ จัดระบบ รวมถึงประสานงานเรื่องที่ทางกับลุงข่างอย่างลื่นไหล สมกับการเป็นรุ่นพี่ในชมรม
“โหมดน่าเคารพก็มีนะไอ้พี่ข้าว”
“ไอ้บอส นั่นมันพี่ข้าวเชียวนะเว้ย”
“เออๆ มึงนี่ก็เคารพพี่ข้าวมึงตลอดนะไอ้บรีส”
“มึงก็เคารพพี่ปรินซ์มึงตลอดเหมือนกันนั่นแหละ”
“พวกมึงนี่เอาแต่เถียงเรื่องพวกพี่มัน ไปๆ ยกของเข้าโรงเรียน”

“แย่แล้วป้อข่าง!!”เสียงชาวบ้านคนนึงวิ่งร้องโหวกเหวกดังเข้ามายังพื้นที่โรงเรียนที่ใช้เป็นสถานที่ต้อนรับและที่นอนของพวกเรา..
“มีอะหยั๋ง!”
“มีรถพวกหมู่เขาคันนึงยางล้อหน้าระเบิด!”
“มีไผเป็นอะไรก่อ!!!”
“บ่อฮู๊เลยป้อข่าง! บ่าวน้อยขี่มอเตอร์ไซต์มาแจ้งข่าวก่อน”
“ลุงข่างครับ ลุงครับ รถคันไหนครับ รู้ไหม!” ผมเองก็ยืนร้อนลนไม่ต่างจากพี่ข้าวที่วิ่งมาเมื่อได้ยินเสียงเรียกลุงข่างตะโกนดังลั่นท่ามกลางความสงบเงียบของหมู่บ้าน
“บ่อฮู๊เลยพ่อหนุ่ม”
“ผมขอยืมมอเตอร์ไซต์ได้ไหมครับ”
“เอ่อ ได้ๆ แต่ว่าขี่ไหวแต๊ก๋ะ”
“ไหวครับ ขอผมไปดูนะครับว่ามีใครเป็นไรไหม เผื่อจะได้ช่วยกัน” ลุงข่างพยักหน้าตอบพี่ข้าว
“พี่ข้าว ผมขอไปด้วย”
“แต่ว่าธาม..”
“ขอผมไปด้วยนะพี่ สองหัวดีกว่าหัวเดียว”
“ก็ได้ บรีสบอสอยู่นี่”
“ได้พี่ / ครับพี่”
“มึงทำอะไรมีสตินะเว้ย” ไอ้บอสแตะไหล่บอกผมก่อนพี่ข้าวสตาร์ทรถแล้ววิ่งไปตามทางลงเขา

..ข้าว
ไม่มีบทสนทนาใดๆระหว่างผมกับธามตลอดทาง ผมรู้ว่าธามกำลังห่วงใคร แล้วผมล่ะ.. ผมกำลังห่วงใคร.. ใจที่เต้นเพราะความตื่นกลัวนี้กำลังเป็นไปเพราะใคร.. ความเร็วของรถช้าจนผมหงุดหงิดทั่งที่ร่างของผมและธามลอยเหนือเบาะตลอดความขรุขระของผิวถนน ผมไม่คิดชะลอแรงบิดด้วยซ้ำ แค่นี้ก็ช้าเกินไปแล้ว

..ธาม
..!! เสียงแตรจากรถกระบะคันหนึ่งที่กำลังขับสวนทางขึ้นมาเรียกสติของผมที่กำลังคิดหวาดกลัวอะไรไปต่างๆนานา พี่ข้าวชะลอรถและจอดในที่สุด รถกระบะที่อยู่ห่างออกไปราวห้าเมตรก็เช่นกัน ผมจำได้.. มันเป็นรถคันที่ผมนั่งขึ้นมา.. และเป็นคันที่ปรินซ์กับพี่เป้จะนั่งตามมา ผมยิ้มโล่งใจ รีบลงจากมอเตอร์ไซต์ ทั้งผมและพี่ข้าวรีบวิ่งไปที่หลังรถกระบะ

“..ไอ้ข้าว?”
.
.
.

หัวข้อ: Re: YR Mine นายผู้ปกครอง - รักลุ้นๆ ของคนพี่ Ep.031 - รถไฟ
เริ่มหัวข้อโดย: After5p.m. ที่ 08-07-2019 10:15:15
***************************************************************************************
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ


ติดตามกฏเพิ่มเติมที่กระทู้นี้บ่อยๆ เมื่อมีการแก้ไขกฏจะแก้ไขที่กระทู้นี้นะครับ
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0

ประกาศทั่วไปติดตามอัพเดทกันที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.0

ประกาศ กฎที่อื่นมีไว้แหก แต่ห้ามมาแหกที่นี่

1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิ์ส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด
การสนใจและชื่นชอบนิยายและเรื่องเล่าของคนในเรื่องควรมีขอบเขตที่จะไม่สร้างความเดือดร้อนให้เจ้าของเรื่อง เช่นเดียวกับเป็ดที่ตอนนี้ถูกรังควานตามหาตัวจากคนด้านต่างๆ จนตัดสินใจไม่เล่าเรื่องต่อ.........เนื่องจากบางเรื่องเป็นเรื่องเล่า.....................บางคนไม่ได้เปิดเผยตัวตน  เขาพอใจจะมีความสุขในที่เล็กๆแห่งนี้โดยไม่ได้ตั้งใจให้คนภายนอกได้รับรู้เรื่องราวแล้วนำไปพูดต่อ   เพราะปฎิเสธไม่ได้ว่าสังคมไม่ได้ยอมรับพวกเราสักเท่าไหร่

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรูปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ
หมิ่นประมาท,
หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง
หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสต์กระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์
และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด
การกระทำเช่นนั้นอาจทำให้คุณแบนทันที และถาวร . หมายเลข IP ของทุกโพสต์จะถูกบันทึกเพื่อใช้เป็นหลักฐาน
ในความเป็นจริงเป็นไปได้ยากมากที่จะให้แต่ละคนมีความคิดเห็นตรงกันทั้งหมด   คนเรามากมายต่างความคิดต่างความเห็น เติบโตมาภายใต้ภาวะแวดล้อมต่างกันการแสดงความคิดเห็นที่แตกต่าง   จึงควรทำเพื่อให้เกิดความเข้าใจกัน แบ่งปันประสบการณ์และมิตรภาพเพื่ออาจเป็นประโยชน์ในการใช้ชีวิต  และไม่ว่าจะอย่างไรก็ควรเคารพในความคิดเห็นที่แตกต่างของบุคคลอื่นช่วยกันสร้างให้บอร์ดนี้มีแต่ความรักนะครับ   

เรื่องบางเรื่องอาจจะเป็นทั้งเรื่องแต่งหรือเรื่องเล่าใดๆก็ขอให้ระลึกเสมอว่า  อ่านเพื่อความบันเทิงและเก็บประสบการณ์ชีวิตที่คุณไม่ต้องไปเจอความเจ็บปวดเล่านั้นเองเพื่อเป็นข้อเตือนใจ สอนใจในการตัดสินใจใช้ชีวิต   จึงไม่ต้องพยายามสืบหาว่าเรื่องจริงหรือเรื่องแต่งส่วนการพูดคุยนั้น   ก็ประมาณอย่าทำให้กระทู้กลายพันธุ์ห้ามเอาเรื่องส่วนตัวมาปรึกษาพูดคุยกันโดยที่ไม่เกี่ยวพันกับเรื่องในกระทู้นิยาย  ถ้าจะวิจารณ์หรือแสดงความคิดเห็นทุกคนมีสิทธิแต่ขอให้ไปตั้งกระทู้ที่บอร์ดอื่นที่ไม่ใช่ที่นี่นะครับ

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพสต์ หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อเจ้าของเรื่องเท่าที่จะทำได้หรือแจ้งมายังบอร์ดนี้ก่อนนะครับ  เนื่องจากเจ้าของเรื่องบางครั้งไม่ต้องการให้คนที่ไม่ได้ชื่นชอบนิยายชายรักชายเข้ามารับรู้  ลิขสิทธิ์ทั้งหมดเป็นของเจ้าของคนที่ทำขึ้นและเว็บแห่งนี้นะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล์ บอกเมล์ แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอมให้ส่งหรือติดต่อกันทางพีเอ็มจะปลอดภัยกว่าแล้วเมื่อมีการติดต่อสื่อสารกันให้พึงระวังถึงความปลอดภัย ความไม่น่าไว้ใจของผุ้คนทุกคนแม้จะมีชื่อเสียงในบอร์ดเป็นเรื่องส่วนตัวของแต่ละคนไป เพื่อลดความขัดแย้งภายในเล้า จึงไม่สนับสนุนให้มีการจีบกันในบอร์ดนะครับ

5.ห้ามจั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียวให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตาม
เพราะแม้จะเป็นเรื่องที่เขียนจากเรื่องจริง เมื่อนำมาพิมพ์เป็นเรื่องผ่านตัวอักษร ย่อมเลี่ยงไม่ได้ที่จะมีการเพิ่มเติมเพื่อให้เกิดสีสันในเนื้อเรื่อง ทางเล้าถือว่านั่นคือการเพิ่มเติมเนื้อเรื่อง จึงไม่อนุญาตให้จั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” แต่สามารถแจ้งว่าเป็น “นิยายที่อ้างอิงมาจากชีวิตจริง” ได้  มีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

6.การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสต์นิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insert quote ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ

8.Administrator และ moderator ของ forum นี้ มีสิทธิ์อ่าน, ลบ หรือแก้ไขทุกข้อความ. และ administrator, moderator หรือ webmaster ไม่สามารถรับผิดชอบต่อข้อความที่คุณได้แสดงความคิดเห็น (ยกเว้นว่าพวกเขาจะเป็นผู้โพสต์เอง).

9.คุณยินยอมให้ข้อมูลทุกอย่างของคุณถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูล. ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกเปิดเผยต่อผู้อื่นโดยไม่ได้รับการยินยอมจากคุณ .Webmaster, administrator และ moderator ไม่สามารถรับผิดชอบต่อการถูกเจาะข้อมูล แล้วนำไปสร้างความเดือดร้อนต่างๆ

10.ห้ามลงประกาศลิงค์โปรโมทเวป  โฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ลงได้เฉพาะในห้องซื้อขาย ในเมื่อแนะนำเวปอื่นที่บอร์ดเรา ก็ช่วยแนะนำบอร์ดเราโดยลงลิงค์บอร์ดเรา เว็บ http://www.thaiboyslove.com  ในบอร์ดที่ท่านแนะนำมาให้เราด้วย  เมื่อจำเป็นต้องแนะนำลิงค์ให้ส่งลิงค์กันทาง personal message หรือพีเอ็มแทนนะครับจะสะดวกกว่า ส่วนในกรณีอยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนๆได้อ่านจริงๆนั้นพยายามลงให้ห้องซื้อขายซะ หรือถ้าม้อดเดอเรเตอร์จะพิจารณาเป็นกรณีๆไป ถ้ารู้สึกว่าไม่ได้โปรโมทเว็บ แต่อยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนด้วยใจจริงจะให้กระทู้นั้นคงอยู่ต่อไป

11.บอร์ดนิยายที่โพสต์จนจบแล้วมีไว้สำหรับนิยายที่โพสต์ในบอร์ด boy's love จนจบแล้วเท่านั้น จึงจะถูกย้ายมาเก็บไว้ที่นี่ หาอ่านนิยายที่จบแล้ว หรือคนเขียนไม่ได้เขียนต่อ แต่โดยนัยแล้วถือว่าพล็อตเรื่องโดยรวมสมควรแก่การจบแล้ว หากนักเขียนท่านใดได้พิมพ์เล่มกับสำนักพิมพ์ ต้องการลบเรื่องบางส่วนออก โดยเฉพาะไคลแม๊ก หรือตอนจบที่สำคัญ ให้แจ้ง moderator ย้ายนิยายของท่านสู่ห้องนิยายไม่จบ เพื่อที่หากระยะเวลาเกินหกเดือนแล้ว เราจะได้ทำการลบทิ้ง หรือท่านจะลบนิยายดังกล่าวทิ้งเสียก็ได้ เนื่องจากบอร์ดนี้เก็บเฉพาะนิยายที่จบแล้ว

บอร์ดนิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบไว้สำหรับ
นิยายที่คนเขียนไม่ได้มาต่อนาน หายไปโดยไม่มีเหตุผลสมควร ไม่ได้แจ้งไว้หรือแจ้งแล้วก็ไม่มาต่อ 3 เดือน จะย้ายมาเก็บในนี้เมื่อครบหกเดือนจะทำการลบทิ้ง ส่วนเรื่องไหนที่จะต่อก็ต่อในนี้จนกว่าจะจบ แล้วถึงจะทำการย้ายไปสู่บอร์ดนิยายจบแล้วต่อไป

12.ห้ามนำเรื่องพิพาทต่างๆมาเคลียร์กันในบอร์ด

13.ผู้โพสต์นิยาย และเขียนนิยายกรุณาโพสต์ให้จบ ตรวจสอบคำผิดก่อนนำมาลงด้วยครับ

14.ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน  ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ

15. การนำรูปภาพ บทความ ฯลฯ มาลงในเว็บบอร์ด  ควรจะให้เครดิตกับ...
(1) ผู้ที่เป็นต้นตอเจ้าของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ
(2) เว็บไซต์ต้นตอที่อ้างอิงถึง
....ในกรณีที่เป็นบทความที่ถูกอ้างอิงต่อมาจากเวปไซต์อื่นๆ
- ถ้ามีแหล่งต้นตอของเจ้าของบทความ  ให้โพสต์ชื่อเจ้าของต้นตอของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ  พร้อมทั้งเว็บไซต์ที่อ้างอิง
  (กรณีนี้จะโพสต์อ้างอิงชื่อผู้โพสต์หรือเว็บไซต์ที่เรานำมาหรือไม่ก็ได้ แต่ควรมั่นใจว่าชื่อต้นตอของที่มาถูกต้อง)
- ถ้าไม่สามารถหาชื่อต้นตอของรูปภาพหรือเว็บไซต์ที่นำมาได้ ควรอ้างอิงชื่อผู้โพสต์และเว็บไซต์จากแหล่งที่เรานำมาเสมอ
- ควรขออนุญาติเจ้าของภาพหรือเจ้าของบทความก่อนนำมาโพสต์ค่ะ(ถ้าเป็นไปได้) ยกเว้นพวกเว็บไซต์สาธารณะ เช่น  หนังสือพิมพ์ออนไลน์ ฯลฯ ที่เปิดให้คนทั่วไปได้อ่านเป็นสาธารณะ ก็นำมาโพสต์ได้ แต่ให้อ้างอิงเจ้าของชื่อและแหล่งที่มาค่ะ
- ไม่ควรดัดแปลงหรือแก้ไขเครดิตที่ติดมากับรูปหรือบทความก่อนนำมาโพสต์
- ถ้าเป็น FW mail  ก็บอกไปเลยว่าเอามาจาก FW mail

16.นิยายเรื่องไหนที่คิดว่าเมื่อมีการรวมเล่มขายแล้วจะลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออก กรุณาอย่าเอามาลงที่นี่ หรือสำหรับผู้ที่ขอนิยายจากนักเขียนอื่นมาลง ต้องมั่นใจว่าเรื่องนั้นจะไม่มีการลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออกเมื่อมีการรวมเล่มขาย อนึ่ง เล้าไม่ได้ห้ามให้มีการรวมเล่มแต่อย่างใด สามารถรวมเล่มขายกันได้ แต่อยากให้เคารพกฎของเล้าด้วย เล้าเปิดโอกาสให้ทุกคน จะทำมาหากิน หรืออะไรก็ตามแต่ขอความร่วมมือด้วย เผื่อที่ทุกคนจะได้อยู่อย่างมีความสุข

17.ห้ามแจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน  ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง  นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฎการซื้อขายของเล้าก่อน ด้วยนะคะ)
ว่าด้วยเรื่องการจะรวมเล่มนิยายขายในเล้า จะต้องมี ID ซื้อขายก่อน ถึงจะสามารถประกาศ ..แจ้งข่าว.. ที่บนหัวกระทู้ของนิยายได้ ในกรณีที่ รวมเล่มกับ สนพ. ที่มี  ID ซื้อขายของเล้าแล้ว นักเขียนก็สามารถใช้ หมายเลข  ID ของ สนพ. ลงแจ้งในหน้าที่มีเนื้อหารายละเอียดการสั่งจองนิยายได้

18.ใครจะโพสต์เรื่องสั้นให้มาโพสต์ที่บอร์ดเรื่องสั้น ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที  ส่วนเรื่องสั้นที่จบแล้วให้แก้ไขโพสต์แรก และต่อท้ายว่าจบแล้วจะได้ไม่ถูกลบทิ้งและจะเก็บไว้ที่บอร์ดเรื่องสั้นไม่ย้ายไปไหน   เช่นเดียวกับนิยายทุกเรื่องเมื่อจบให้แก้ไขโพสต์แรก และต่อท้ายว่าจบแล้ว จะได้ย้ายเข้าสู่บอร์ดนิยายจบแล้ว ไม่เช่นนั้นม๊อดอาจเข้าใจว่าไม่มาต่อนิยายนานเกินจะโดนลบทิ้งครับ

เอาข้อสำคัญก่อนนะครับเด่วอื่นๆจะทำมาเพิ่มครับเอิ้กๆหุหุ
admin
thaiboyslove.com.......................................                                                           

วันที่ 3 ธ.ค. 2551วันที่ 16 ก.ย. 2554 ได้เพิ่มกฏ ข้อที่ 7
วันที่ 21 ต.ค.2556 ได้ปรับปรุงกฎทั้งหมดเพื่อให้แก้ไข และติดตามได้ง่าย
วันที่ 11 พ.ย. 2557 เพิ่มเติมการลงเรื่องสั้นและการแจ้งว่านิยายจบแล้ว
วันที่ 4 ธ.ค. 2557 เพิ่มบอร์ดเรื่องสั้นจึงปรับปรุงกฏข้อ 18 เกี่ยวกับเรื่องสั้น และ เพิ่มเติมส่วนขยายของกฏข้อ 17



เว็บไซต์แห่งนี้เป็นเว็บไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฎหมายภายในและระหว่างประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเว็บไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเว็บไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเว็บไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม

*****************************************************************************************

"สำหรับพี่ ทุกอย่างระหว่างเรามันไม่ใช่ความบังเอิญ ..แต่มันคือพรหมลิขิต" - พี่ข้าว                               
"สำหรับธาม มันไม่มีหรอกนะคำว่าบังเอิญ มันมีแต่ความตั้งใจ และเจตนา.." - ปรินซ์

โปรย..

มือหนาแกร่งๆของใครสักคนจับแน่นที่ข้อมือของผม พร้อมกับแรงกระชาก ร่างของผมเอนไปตามแรงนั้นได้อย่างง่ายดาย ผมมองตามมือนั้น มือของปริ้นท์.. ปริ้นท์กำลังมองผมด้วยสายตาอ่อนโยน และพยักหน้าเหมือนกับบอกผมว่าให้เดินตามมันออกไปได้แล้ว ไม่ต้องกังวล ไม่ต้องกลัวอะไร
     “คุณเป็นใครไม่ทราบ!” พี่ข้าวยังคงคอนเซ็ปต์ความเป็นพี่ว๊าก ปริ้นท์ไม่ตอบ แถมไม่แยแสพี่ข้าวสักนิด ปริ้นท์ออกแรงดึงมือผมอีกครั้ง เท้าผมขยับออกจากที่ยืนเรียบร้อยแล้ว ซึ่งผมก็ดีใจมากที่ปริ้นท์เข้ามาช่วยผม ถึงขี้ใกล้จะเล็ด แต่ผมก็ซึ้งจนน้ำตาจะไหล แต่อีกใจนึงของผมก็รู้สึกว่ามันไม่ถูกต้อง ผมกำลังแหกกฎ แถมคนที่มาแทรกแซงห้องเชียร์ก็เป็นคนคณะอื่นอีก แต่นาทีนี้ผมต้องการไปห้องน้ำให้เร็วที่สุด ผลของมันจะเป็นยังไงผมก็ไม่รู้เหมือนกัน ไม่อยากคิด… แต่ยังไม่ทันที่ผมจะก้าวเท้าเดินไป มือหนาของใครอีกคนก็จับเข้าที่ข้อมืออีกข้างของผม .. พี่ข้าววว!!! เมื่อร่างของผมไม่สามารถก้าวเดินตามแรงดึงของปริ้นท์ต่อได้ ปริ้นท์ก็หันหลังกลับมามอง สองร่างใหญ่กำลังเข้าสู่สงครามสายตา ฝั่งนึงก็ดวงตาดุเข้มใต้กรอบแว่น อีกฝั่งนึงก็ส่งสายตาเฉี่ยวคมโต้ตอบ ท่าทางศึกนี้จะยืดเยื้อ ผมไม่สนอะไรแล้ว ผมสะบัดข้อมือของตัวเองให้หลุดจากการจับกุมของทั้งสองคนแล้วรีบวิ่งตรงไปที่ห้องน้ำ

สารบัญ
Ep.01 ปริ้นซ์..ธาม : https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=70487.msg3980500#msg3980500
Ep.02 คณะนิเทศศาสตร์ : https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=70487.msg3980502#msg3980502
Ep.03 ภาวะนำใจ : https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=70487.msg3980503#msg3980503
Ep.04 การจากกัน : https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=70487.msg3980504#msg3980504
Ep.05 สายลม แสงเดือน : https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=70487.msg3980913#msg3980913
Ep.06 ลลิน : https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=70487.msg3981805#msg3981805
Ep.07 ผิดพลาด : https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=70487.msg3982133#msg3982133
Ep.08 ปลดปล่อย : https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=70487.msg3982338#msg3982338
Ep.09 ห้องเชียร์ : https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=70487.msg3982756#msg3982756
Ep.010 ข้าว : https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=70487.msg3983194#msg3983194
Ep.011 ความใกล้ - https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=70487.msg3983535#msg3983535
Ep.012 - ปรินซ์..ข้าว : https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=70487.msg3983814#msg3983814
Ep.013 - จูบ : https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=70487.msg3984016#msg3984016
Ep.014 - จูบแรก : https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=70487.msg3984249#msg3984249
Ep.015 - ระยะใกล้ : https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=70487.msg3984701#msg3984701
Ep.016 - ประกาศตัว : https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=70487.msg3984825#msg3984825
Ep.017 - ความฝัน : https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=70487.msg3985062#msg3985062
Ep.018 - สายรหัส : https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=70487.msg3985321#msg3985321
Ep.019 - ตามหา : https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=70487.msg3985559#msg3985559
Ep.020 - ลุงรหัส : https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=70487.msg3985586#msg3985586
Ep.021 - ความใน : https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=70487.msg3985714#msg3985714
Ep.022 -การกลับมาของปรินซ์ : https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=70487.msg3985921#msg3985921
Ep.023 - เจอหน้า : https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=70487.msg3986157#msg3986157
Ep.024 - ขอได้ไหม? : https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=70487.msg3986402#msg3986402
Ep.025 - ชมรม : https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=70487.msg3986641#msg3986641
Ep.026 - ความรู้สึกของที : https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=70487.msg3986890#msg3986890
Ep.027 - เลี้ยงชมรม เลี้ยงสาย : https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=70487.msg3987029#msg3987029
Ep.028 - เมา : https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=70487.msg3987246#msg3987246
Ep.029 - เป้ : https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=70487.msg3987455#msg3987455
Ep.030 - ยอมรับ : https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=70487.msg3988017#msg3988017
Ep.031 - รถไฟ : https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=70487.msg3988320#msg3988320
หัวข้อ: Re: YR Mine นายผู้ปกครอง - รักลุ้นๆ ของคนพี่ Ep.031 - รถไฟ
เริ่มหัวข้อโดย: JokerGirl ที่ 08-07-2019 22:30:26
สนุกมากๆเลย พี่ปริ๊นส์รักเดียวใจเดียวมายาวนานมากเลย รอน้องธามตลอด ธามรู้ใจตัวเองแล้วก็บอกพี่เค้าไปชัดๆนะลูก ส่วนพี่ข้าวขนาดน้แล้วยังไม่รู้ใจตัวเองอีกหรา
หัวข้อ: Re: YR Mine นายผู้ปกครอง - รักลุ้นๆ ของคนพี่ Ep.032 - แผน
เริ่มหัวข้อโดย: After5p.m. ที่ 09-07-2019 22:26:37
ก่อนจะต่อ..
ขอบคุณ ‘ตอบ’ ทุกตอบ แม้จะน้อย แต่เป็นกําลังใจดีมากกับคนเขียนตัวหนาคนนี้ โดยเฉพาะ ‘ตอบ’ ข้างบน หัวใจฟูมากฮะ
หลับฝันดีนะฮะ ^^

032
แผน..
.
.
“ไอ้ข้าว?” พี่โบ้ททำหน้าสงสัยใส่ผม ส่วนไอ้ที..
“มึงมาทำอะไรวะไอ้ข้าว”
ผมกระชากร่างไอ้ทีลงมาจากท้ายรถกระบะ รั้งร่างคนสูงพอกันเข้าแนบอก “มึงไม่เป็นไรใช่ไหม” ผมพูดตะกุกตะกัก ไอ้ทีตบหลังผมเบาๆ
“มึงนั่นแหละไม่เป็นไรมากใช่ไหม เป็นเหี้ยไรเนี่ย” ไอ้ทีดันตัวผมออก ผมเองก็ไม่คิดฝืนแรงนั้น ซ้ำยังมีดวงตาหลายสิบคู่กำลังมองมาทางผม
“กูได้ยินว่ามีรถคันนึงล้อระเบิด กูก็เลย..”
“เป็นห่วงกู?”
“เออ กู.. เป็นห่วงมึง”
“แล้วมึงไม่ห่วงพี่อย่างกูรึไงวะไอ้ข้าว” เสียงไอ้พี่โบ้ททำผมนึกเซ็งก่อนหันไปมองพี่มันอย่างเสียไม่ได้
“โทษทีพี่ แต่ผมห่วงไอ้ทีมากกว่า”
“อืมๆ ดีๆ ก็ที ‘เพื่อน’ มึงนิเนอะ ไม่ห่วงสิแปลก ทีขึ้นรถได้แล้ว ..เดี๋ยวก่อนนะ ถ้างั้นคันที่ยางระเบิดก็คันไอ้ปรินซ์ไอ้เป้!”
“พี่ข้าว ช่วยพาผมไป..” ธามที่ยืนอยู่ด้านหลังพูดขึ้น
“ไอ้ข้าวมึงไปกับไอ้ทีก่อนเลย เดี๋ยวกูไปกับธามเอง” พี่โบ้ทพูดด้วยสีหน้าจริงจัง
“ผมชินทางบนดอยมากกว่าพี่แล้วก็ไอ้ข้าว ผมไปเอง ธามไปกับพี่” ไอ้ทีพูดพลางแบมือขอกุญแจมอเตอร์ไซต์จากผม
“กูไม่ให้มึงไป ถ้ามึงไปอีก กูก็ต้องมานั่งห่วงมึงอีก เพราะฉะนั้นกูไปเอง”
“แค่มึงขับลงมาถึงนี่ มือมึงก็ล้าพอล่ะ กูขับเอง กูจะได้ไม่ต้องมานั่งห่วงทั้งมึงห่วงทั้งธาม” ไอ้ทีพูดเสียงแข็งทำหน้าดุใส่ผม ผมจึงต้องยอมส่งกุญแจรถให้มัน
“เบาๆนะมึง”
“อืม กูรู้แล้ว” ไอ้ทีรีบวิ่งไปที่มอเตอร์ไซต์โดยมีธามวิ่งตามไป
“พวกมึงนี่สนิทกันดีนะ ต่างคนต่างห่วงกันและกัน”
“..ก็ไอ้ทีมันเป็นเพื่อนของผม”
“อืม..ดีที่เป็นแค่เพื่อน กูจะได้ไม่มีคู่แข่ง”
“...”
.
..ธาม
ถ้าการขึ้นดอยโดยรถกระบะเมื่อราวครึ่งชั่วโมงก่อนคือเครื่องเล่นผาดโผนเลเวลหก การนั่งซ้อนท้ายมอเตอร์ไซต์พี่ข้าวเป็นเครื่องเล่นเลเวลเจ็ด ตอนนี้ผมคงกำลังอยู่บนเครื่องเล่นเลเวลเก้า เพราะวิวสองข้างทางแทบจะละลายกลายเป็นเส้นแนวยาวด้วยความเร็วที่สายตาบันทึกภาพแล้วส่งต่อให้สมองประมวลไม่ทัน นาทีนี้ผมไม่มีเวลามารู้สึกตื่นเต้นหรือหวาดเสียวไปกับประสบการณ์ที่กำลังสัมผัส เพราะผมกำลังนึกภาวนาให้คนขับกระบะคันที่ปรินซ์นั่งมีความชำนาญมากพอที่จะควบคุมการทรงตัวของรถได้ และผมกําลังเจรจาขอใช้แต้มบุญทั้งหมดของตัวเองแลกกับพรใดๆก็ตามที่จะทำให้ปรินซ์ปลอดภัย
“พี่เห็นแล้ว อยู่หลังเนินโค้งข้างหน้า” พี่ทีตะโกนข้ามหลังสู้กับเสียงลมที่ดังเสียดหู
ภาพของกระบะที่จอดเทียบอยู่ชิดขอบไหล่ทางทำผมหายใจติดขัด.. ล้อหน้าข้างหนึ่งเกยอยู่นอกขอบถนน หากมองเลยออกไปคือหุบเขาลึกที่มีเพียงเหล็กไหล่ทางกั้นแบ่งแยกสิ่งที่มนุษย์สร้างกับสรรพสิ่งที่ธรรมชาติรังสรร ภาพของกลุ่มคนชาวเดินดอยที่ยืนบ้างนั่งบ้างอยู่ด้านหลังกระบะ และชายสามคนที่กําลังรุมอยู่ที่ล้อหน้าอีกข้างทําผมหายใจโล่ง ปรินซ์กําลังยืนอยู่ตรงนั้น มีพี่เป้อยู่ข้างๆ และลุงคนขับรถ
“มึงก็ออกแรงหน่อยดิวะไอ้เป้ ไม่ยาก มึงลองดู”
“แต่กูไม่มีรถให้ต้องเปลี่ยนล้อไหมวะ”
“ก็รถที่บ้านมึงไง ไหนจะรถกูอีก”
“รถมึงเกี่ยวไรกับกูวะ”
“ก็มึงต้องนั่งรถกูอยู่แล้ว มึงจะได้ช่วยกูเปลี่ยนไง”
“แต่มึงเป็นเจ้าของรถ มึงก็ต้องเปลี่ยนเองดิวะ”
“แต่มึงเป็นคนนั่ง มึงก็ต้องช่วยกูเปลี่ยน ไม่ต้องเถียงเลย ลุงเขารอมึงจนเบื่อแล้วเนี่ย”
“เออๆ”
เสียงโต้เถียงกันของคนสองคนดังอยู่ฝั่งตรงข้ามของถนนสองเลน คนตัวสูงกําลังยืนคร่อมซ้อนเหนืออีกร่างที่กําลังโน้มตัวตํ่าข้างล้อรถ สมองกําลังสรุปความบอกผมว่า ความสนิทสนมที่ผมเคยคิดว่าเป็นผมคนเดียวที่ได้รับมันจากปรินซ์ ตอนนี้.. มันไม่ใช่อีกแล้ว และคำว่า ‘ก็แค่เพื่อน’ ที่ไอ้บอสมันพยายามกรอกใส่หูผมก็ปลิวหายไปกับสายลมบนความสูงพันเมตรเหนือระดับนํ้าทะเล ปรินซ์ของผมกำลังหยอกล้อเล่นสนุกอยู่กับพี่เป้ คนที่ผมชื่นชมในความเป็นผู้ใหญ่ และตอนนี้กําลังเป็นคนที่ผมอิจฉา..
พี่ทีบังคับรถข้ามฝั่งถนนที่ร้างผู้คนมาจอดตรงด้านหน้าของรถกระบะ
“ไอ้เป้ไอ้ปรินซ์ เป็นไงมั่งวะ”
“ไอ้ที อ้าว ธามก็มาด้วย” พี่เป้เงยหน้าขึ้นจากล้อรถพูดด้วยท่าทีตกใจเล็กน้อย ส่วนปรินซ์เองก็หันมามองเช่นกัน
“มีคนไปบอกที่หมู่บ้านว่ารถพวกเราล้อระเบิด ไอ้ข้าวกับธามเลยลงมาดู เจอคันกูก่อน แต่ก็ไม่รู้อีกว่าใช่คันพวกมึงรึเปล่า กูกับธามเลยลงมาดูเผื่อมีอะไรจะได้ช่วยกัน”
“เออ คันพวกกูนี่แหละ เล่นเอาเสียวกันทั้งรถ ดีนะลุงแกขับเก่ง”
“ดีที่ไม่เป็นไร แล้วมีไรให้พวกกูช่วยไหม”
“ก็..”
“แต่เท่าที่ดู ก็ไม่เห็นมีอะไรให้พวกกูช่วย..”
“ก็ช่วยเปลี่ยนล้อรถนี่ไง ไอ้ปรินซ์มันแม่งใช้กูอยู่คนเดียว”
“ก็มึงมันน่าใช้นี่หว่า อีกอย่าง มึงก็เป็นหัวหน้าค่ายด้วย” ปรินซ์พูดแหย่พี่เป้ที่กำลังทำหน้าย่น
“หัวหน้าค่ายก็ใช่เว้ย แต่ไอ้ที่มึงใช้กูอยู่คนเดียวนี่มันจงใจแกล้งกูชัดๆ น้องๆ ก็มีให้เรียกมาช่วย มึงเองก็ออกจะลํ่า แต่แม่งก็เอาแต่สั่งกู ธามช่วยพี่ด้วยดิ ไอ้ปรินซ์มันรังแกพี่”
“แค่นี้ก็ต้องฟ้องคนอื่นด้วย”
“กูไม่ได้ฟ้องคนอื่นเว้ย กูฟ้องน้องธามตังหาก”
“...”
“งั้นธามอยู่ช่วยไอ้เป้ก่อนไหม พี่จะขึ้นไปบอกพวกนั้นก่อนว่าทุกคนปลอดภัยดี”
“..ผมขอกลับกับพี่ทีล่ะกันครับ ผมอยู่ไปก็น่าจะเกะกะพวกพี่เขา” ผมมองหน้าพี่ทีแทนที่จะมองหน้าคนตัวสูง ผมจะอยู่ต่อทำไมในเมื่อตั้งแต่ผมมาถึง.. ปรินซ์ก็ไม่ได้สนใจผม ถ้าอยู่ต่อ ก็คงไม่ต่างจากก๊าซคาร์บอนไดออกไซต์ ..ลอยอยู่รอบตัวปรินซ์ ..มีสถานะแต่ไม่มีประโยชน์
“...”
“อืม เอาตามนี้ ไอ้ข้าวก็คงเป็นห่วงธามเหมือนกัน ถ้ามีสัญญาณโทรศัพท์คงไม่ต้องมานั่งห่วงกันขนาดนี้ พวกมึงก็รีบๆเปลี่ยนล้อ อย่าลืมน้องคนไหนไว้ล่ะ เจอกันข้างบน ฝากด้วยนะครับลุง”
“บ่อต้องห่วงเจ้า”

“มึงว่าธามแปลกๆเปล่าวะ แทนที่จะอยากอยู่กับมึง ดันขอไปก่อนนซะงั้น”
“ก็คงงอนเพราะหวงกู”
“หวงมึง? หวงมึงจากใคร จากอะไรวะ”
“หวงกูที่อยู่กับมึงไง”
“ห่ะ กูเนี่ยนะ!”
“เออ ไม่ต้องถาม รีบๆ ขันน็อตซะ จะได้รีบไป”
“อ๋ออออ ที่มึงเอาแต่แกล้งกู ไม่สนใจธาม ก็เพื่อยั่วให้ธามหึงมึง”
“มึงเอามาเลย กูขันเองดีกว่า”
“ทีนี้ล่ะรีบ เป็นห่วงธามอ่ะดิ”
“เออ หน้าธามโคตรแย่”
“ก็เพราะมึงเองนั่นแหละ ถ้าน้องมันเอาไอ้ข้าวขึ้นมา กูจะสมน้ำหน้าให้”   
“มึงเพื่อนกูป่ะเนี่ย”
“กูเพื่อนมึงคร๊าบบบบ รีบเปลี่ยนล้อเลย! น้องมันรอมึงอยู่”
.
.
“เป็นไงมั่งที เจอไหม”
“เจอพี่ ปลอดภัยดี เปลี่ยนล้อกันอยู่”
“ผมขอตัวไปหาเพื่อนก่อนนะพี่”
“ทำไมหน้าธามดูไม่ดีเลยวะ ทีขับเร็วเหรอ”
“ไม่ได้ผิดที่ผมพี่ ไอ้ข้าว มึงไปดูธามดิ”
“ทำไมวะ”
“ธามเจอเรื่องแย่ๆ มา มึงไปปลอบน้องมันซะ”
“...”

“ไอ้ที มึงจะเชียร์ไอ้ข้าวกับธามไปถึงเมื่อไหร่วะ”
“ก็จนกว่ามันจะได้กันมั้งพี่”
“แต่กูว่าคู่เนี่ยลุ้นยาก ..มึงกับไอ้ข้าวยังดูมีลุ้นกว่า”
“พี่มึงพูดไรเนี่ย”
“กูดูมันออก ไม่เชื่อมึงก็รอดู”
.
“ธาม”
“...”
“เป็นอะไรรึเปล่า”
“ผมแค่เบื่อๆ น่ะพี่”
“เล่าให้พี่ฟังได้นะ”
“...”
“เอางี้ เดี๋ยวพี่พาไปท้ายหมู่บ้าน ถือว่าเป็นทริปพิเศษสำหรับธามคนเดียว”

บรรยากาศยามบ่ายบนดอยชวนให้อยากเดินทอดน่องไปเรื่อยๆ ต่างจากพื้นราบที่พวกเราจากมา บ้านไม้ยกสูงของชาวบ้านมีให้เห็นตลอดทางที่เดินผ่าน พี่ข้าวยกมือไหว้ทักทายชาวบ้านที่บ้างกลับมาจากไร่บ้างออกมาพบปะเพื่อนบ้าน
“คนที่นี่ส่วนใหญ่จะพูดไทยไม่ค่อยได้ แต่ว่าพวกเราก็มีล่ามเป็นเด็กๆ ที่เข้าโรงเรียนแล้ว”
“ทำไมเราเลือกกลับมาที่นี่อีกล่ะครับ”
“ปีที่แล้วน่ะมีปัญหาเยอะมาก ชาวบ้านยังไม่ค่อยเข้าใจว่าเรามากันทำไม มาทำอะไร พวกเราคือคนแปลกหน้าที่น่าจะมาสร้างความวุ่นวายซะมากกว่า ประมาณนั้น แต่ก่อนกลับชาวบ้านก็เข้าใจเรามากขึ้น แล้วพวกเราก็รู้ปัญหาที่พอจะช่วยได้ ปีนี้พวกเราเลยกลับมาอีกครั้ง..”
“มาทำให้แย่ลง..”
“ใช่ มาทำให้แย่ลง ..เห้ย ต้องดีขึ้นดิธาม”
“...”
“..ยิ้มได้สักที เมื่อกี้ทําหน้าเหมือนจะร้องไห้ เหมือนว่าวันนี้เป็นวันอวสานโลก”
“พี่ข้าวเวอร์ไปรึเปล่า โลกมันก็ยังอยู่เหมือนเดิม มันจะอวสานง่ายๆได้ไง”
“ก็นั่นน่ะสิ ว่าไง เป็นอะไร ปรึกษาพี่ได้นะ รับรองความลับของธามจะจบที่พี่” ผมหยุดยืนนิ่งอยู่ข้างพี่ข้าวหลังเราเดินเลี้ยวผ่านพ้นซุ้มต้นไม้ใหญ่ที่พยายามยืนบดบังทัศนียภาพด้านหลัง ผมตะลึงกับสิ่งที่เห็น ภาพพาโนรามาของไร่ชา ไร่สตรอเบอรี่ที่ถูกปลูกเป็นขั้นบันไดอยู่เบื้องล่าง มีฉากหลังไกลๆ เป็นภูเขาเบลอๆ และท้องฟ้าสีหม่นๆ ของฤดูหนาว
“โคตรสวยอ่ะพี่!”
“ดีใจนะที่ธามชอบ พี่ไม่เคยบอกใครเลยนะว่าจริงๆแล้วทั้งหมดเนี่ยของพี่เอง”
“เห้ย ทั้งหมดเลยเหรอพี่”
“ใช่”
“ปลูกชาพันธุ์ไรพี่”
“ชา.. เจียวกู่หลาน”
“สตรอเบอรีล่ะ”
“สตรอ.. ก็พันธุ์ 82”
“เขามีแต่ 80 88 90 พี่”
“อ้าวเหรอ พอดีปลูกหลายพันธุ์ไง เลยสับสน”
“พอเหอะพี่”
“โธ่ธาม ทำเป็นเชื่อพี่หน่อยก็ไม่ได้”
“ก็มันเชื่อยาก”
“...”
ผมยิ้มและขำให้กับความพยายามเล่นมุก กับสีหน้าสลดของพี่ข้าว และกับบรรยากาศรอบตัว ..ผมรู้สึกดีขึ้น
“..ผมกําลังโกรธตัวเอง แล้วก็ผิดหวัง..”
“ที่ผิดหวัง.. เพราะธามคาดหวัง?”
“ก็คงใช่”
“แล้วที่โกรธตัวเองล่ะ”
“โกรธที่รู้จักตัวเองช้าเกินไป จนทุกอย่างมันสายไปแล้ว..”
“พี่ว่า.. ไม่มีอะไรที่สายเกินไปหรอก ขอแค่เรามั่นใจในตัวเอง แน่ใจในความรู้สึกของตัวเอง เชื่อพี่” พี่ข้าวขยี้หัวผมอย่างอ่อนโยน
“ขอบคุณครับพี่ข้าว”
.
..ปรินซ์
“ไงล่ะมึง มัวแต่แกล้งน้องมัน” ไอ้เป้พึมพําอยู่ข้างๆ ขณะที่ผมเอาแต่มองด้านหลังของธามกับไอ้ข้าว
.
..15 นาทีก่อน
“ปลอดภัยดีกันทุกคนก๋า”
“ครับลุงข่าง เกือบแย่เหมือนกัน”
“สุมาเต๊อะ”
“ไม่เป็นไรครับลุง มันเป็นอุบัติเหตุนะครับ” ไอ้เป้ยิ้มตอบลุงข่าง
“ใช่ครับลุง พวกเราก็ไม่มีใครเป็นไรด้วย”
“พี่..” ผมกระซิบถามพี่โบ้ท
“ว่าไงไอ้ปรินซ์”
“ธามอยู่ไหน”
“มาถึงปุ๊บก็ถามถึงปั๊บ”
“ว่าไงพี่ ธามอยู่ไหน”
“เห็นเดินไปกับไอ้ข้าว”
“!!!”
“เออ เดินไปได้สักพักล่ะ”
“ไอ้ปรินซ์มึงจะไปไหนวะ”
“กูจะไปหาธาม!”
“แล้วมึงรู้เหรอว่าธามอยู่ไหน”
“พวกเปิ้นหมายถึงป้อชายสองคนแม่นก่อ”
“ใช่ครับลุงข่าง”
“เปิ่นเห็นเดินไปท้ายหมู่บ้านเจ้า”
“ขอบคุณครับลุงข่าง”
“เดี๋ยวไอ้ปรินซ์ รู้รึไงว่าท้ายหมู่บ้านไปทางไหน” ไอ้เป้ถามผม
“มึงก็พากูไปดิ”

“เข้าไปฉุดน้องมันเลยม่ะ..”
ผมหันหลังเดินกลับทันที รอยยิ้มของธามที่มีให้ไอ้ข้าวกําลังทําผมหงุดหงิด
.
.
“แจวมาแจวจ้ำจึก น้ำนิ่งไหลลึกนึกถึงคนแจว แจวเรือไปซื้อน้ำตาลโตนดๆ ขอเชิญพี่โบ้ทลุกขึ้นมาแจว..”
“แจวมาแจวจ้ำจึก น้ำนิ่งไหลลึกนึกถึงคนแจว แจวเรือไปซื้อน้ำมันปาล์มๆ ขอเชิญละอ่อนเขาไม้งามลุกขึ้นมาแจว..”

“ร่าเริงหน่อยดิวะไอ้ธาม”
“นี่กูก็ร่าเริงที่สุดแล้ว”
“เดี๋ยวจับคู่ไปบ้านเด็กๆ มึงไปกับกู”
“ไม่ว่ะ กูชวนพี่ข้าวไว้แล้ว”
“เอ๊าไอ้เชี่ยธาม อย่าบอกนะว่ามึง..”
“เออ กูว่ากูไปกับพี่ข้าวน่าจะสบายใจสุด”
“แล้วพี่ปรินซ์กูล่ะ”
“ก็ให้แม่งอยู่กับพี่เป้”
“!!!”
ใช่!ให้มันรู้ไปว่าใครจะทนไม่ไหวก่อนกัน ..หวังว่าจะไม่ใช่ผม

..ตลอดห้าวัน ณ บ้านไม้งาม ผมใช้เวลาส่วนใหญ่อยู่แต่กับพี่ข้าว ไม่ว่าจะตอนสอนหนังสือให้กับเด็กๆ หรือตอนสันทนาการเล่นเกม จริงๆ คือเป็นการจัดกลุ่มรับผิดชอบตามความสนใจและความถนัดที่ทั้งผมและพี่ข้าวบังเอิญลงชื่อไว้ตรงกัน ในขณะที่ปรินซ์พี่เป้จัดตัวเองไปอยู่กลุ่มพูดคุยกับชาวบ้าน บ้านใดที่ต้องการแรงงาน อย่างก่ออิฐเทปูนซ่อมบ้านซ่อมฝาย กลุ่มนี้ก็จะเป็นทัพหน้า ขณะที่พวกผมเมื่อเสร็จจากภารกิจหลักก็จะจูงมือเด็กๆ มาเป็นทีมสนับสนุน
“ครูๆ” เด็กชายชัวะเรียกผมขณะที่มือนึงของผมกําลังถือหินขนาดพอเหมาะสำหรับส่งต่อให้หน่วยซ่อมฝาย
“ว่าไงหึ” ผมใช้มือข้างที่ว่างโอบบ่าของชัวะ เด็กผู้ชายแก่นซนวัยเจ็ดขวบที่ติดผมแจ
“ปี้คนนั้น เล่นบอลเก่งแต๊” ชัวะชี้นิ้วไปที่คนตัวสูงที่ยืนอยู่ในลำธาร
“พี่เขาเป็นนักบอลระดับประเทศ ต้องเก่งอยู่แล้ว”
“เปิ้นสอนหมู่เฮาให้เฮี๊ยงลูก ฉับ ฉับ..” ชัวะเล่าออกท่าออกทางอย่างออกรสออกชาติ ความรู้สึกสนุก มีความสุข ถูกส่งออกมาผ่านดวงตาหยีๆของชัวะ ผมเองก็พอจะนึกภาพตามได้ไม่ยากถึงจะไม่ได้เห็นกับตา เพราะติดพันหน้าที่ช่วยทำอาหารมื้อค่ำในครัวของโรงเรียนกับเหล่าแม่อุ๊ย ซึ่งก็คงเพราะผมอยู่กับม๊าและป้าๆ ที่ชอบการทำอาหารมาตลอด ผมจึงรับหน้าที่นี้ได้โดยไม่ขัดกับการเป็นผู้ชายมาดแมน อีกอย่างผมว่าการมีแรงงานคอยช่วยจับตะหลิวคนส่วนผสมจำนวนมากในกระทะใบใหญ่ก็น่าจะดี
“ชัวะชอบพี่เขาเหรอ”
“ใจ้ ให้เป็นปี้ชายชัวะ”
“แล้วครูล่ะ”
“ครูก็เป็นปี้ชายชัวะ” ผมยิ้มเอ็นดูในคำตอบของชัวะ
“ครูก็ชอบพี่เขาเหมือนกัน”
“ครูให้เปิ้นเป็นปี้ชาย?”
“ไม่ล่ะ ครูจะให้เขาเป็นอย่างอื่น”
“?”
.
..ปรินซ์
“ไอ้น้องบอส มึงจะไปไหนครับ”
“จะไปหาไอ้ธามครับพี่ปรินซ์”
“บัดด็อกธามฝากไรมาอีก”
“คราวนี้ไม่มีของกินแปลกๆ แล้วพี่”
“งั้นมันให้มาทําอะไร”
“จะดีเหรอพี่ พี่รับแทนไอ้ธามตลอดเลยอ่ะ ไปไม่ถึงมันสักที”
“บอกมา”
“คือมันให้มาผลักไอ้ธามตกนํ้า”
“ไม่มากไปเหรอวะ นํ้าเย็นฉิบหาย ไอ้บอสมึงบอกมาใครเป็นบัดด็อกธาม”
“ผมบอกผมก็หมาดิ”
“หรือว่าเป็นมึง”
“ไม่ใช่ผม เอาไงพี่ ถ้าพี่ไม่ยอมเปียกแทนไอ้ธาม ผมก็จะไปผลักมันตกนํ้าตามคําสั่ง”
“เออๆ แต่กูก็อยู่ในนํ้าแล้วนิ”
“ไม่ได้ว่ะพี่ มันต้องเปียกทั้งตัว”
“อ่ะ แค่นี้พอใจยัง” ผมจุ่มตัวเองทั้งตัวลงในน้ำโดยไม่ลังเล
“โห ปลื้มว่ะ พี่แม่งคนจริง นํ้าเย็นเจี๊ยบขนาดนี้ ถ้าไอ้ธามรู้มันรักตาย”
“ฝากบอกไอ้เชี่ยบัดด็อกด้วย เฉลยเมื่อไรหลบกูให้ไว”
“ได้คร๊าบบบพี่ ผมไปนะ”
“ไอ้เป้ ดึงกูทีดิ๊”
“มึงก็เชื่อคนง่ายเน๊อะ ถ้าเกิดไอ้บอสมันแค่อยากแกล้งมึงล่ะ”
“กูเป็นไอดอลมัน มันไม่แกล้งกูหรอก ว่าแต่มึงเหอะ เหงื่อออกเต็มเลยนี่หว่า เล่นน้ำเป็นเพื่อนกูมา”
“ไอ้เชี่ยปริ้น! กูไม่เล่น! นํ้าเย็นฉิบหาย!!”
.
..ธาม
เสียงเอะอะเล่นสนุกจากทางลำธารดังขึ้นเรียกร้องความสนใจจากผม พร้อมกับไอ้บอสที่ปรากฏตัวอยู่ข้างๆ ด้วยลมหายใจหอบ
“มึงดูดิ๊ พองานใกล้เสร็จก็เล่นเลิฟซีนกันในนํ้าไม่แคร์เจ้าป่าเจ้าเขาเล้ย”
“...”
“มึงไม่รู้สึกอะไรเลยเหรอวะ”
“ให้กูรู้สึกเชี่ยไรวะ”
“น้ำเสียงกับหน้ามึงคนละมู้ดแอนท์โทนกับไอ้ที่มึงพูดเลยว่ะ”
“ชัวะ ..เรากลับโรงเรียนกันเถอะ ได้เวลาทำอาหารเย็นแล้ว”
“ครูจะปิ๊กแล้วก่อ?”
“ใช่ เดี๋ยวทำกับข้าวไม่ทัน จะโดนแม่อุ๊ยดุเอาด้วย” ถึงจะทำหน้าเซ็ง แต่ชัวะก็พยักหน้าตอบรับไปกับผมอยู่ดี “กูไปก่อนล่ะกัน” ผมบอกไอ้บอส
“เออๆ อย่าหงุดหงิดใส่กับข้าวล่ะมึงงงงง”
.
“ไอ้เชี่ยบอสมึงทำอะไรของมึงเนี่ยกูได้ยินนะไอ้ที่มึงไปบอกพี่ปรินซ์ว่าบัดด็อกไอ้ธามสั่งมา”
“อืม แล้ว?”
“ก็กูเนี่ยแหละบัดด็อกไอ้ธาม แล้วกูก็ยังไม่ได้เทคไม่ได้แกล้งอะไรมันสักอย่างด้วย”
“กูก็เทคแทนมึงแล้วนี่ไง ทั้งเรื่องกินเรื่องแกล้ง”
“แต่มึงตั้งใจแกล้งพี่ปรินซ์ชัดๆ”
“ก็พี่มันแม่งทำร้ายจิตใจเพื่อนกู เสือกอยู่แต่กับพี่เป้ กูเลยจัดให้หนัก”
“แบบนี้ก็ได้เหรอวะ”
“อีกอย่าง กูต้องทำหน้าที่เป็นตัวเร่งปฏิกิริยาเว้ย”
“เร่งเชี่ยไรของมึง”
“ก็เร่งให้ไอ้ธามกับไอ้พี่ปรินซ์มันหึงกันจนถึงจุดเดือด”
“เดือดจนระเบิดกระจัดกระจายไปคนละทิศ งี้ป่ะ”
“ไม่ใช่โว๊ยย ไอ้บรีสมึงลองคิดดู พอคนเรามันหึงพีคๆเว้ย มันก็จะมีความโมโห มีความอยากกระทำ อยากแสดงความเป็นเจ้าของ มันต้องมีฉุดมีกระชาก มีลากไปตบจูบตบจูบ แล้วก็เข้าใจกันแบบฟินๆในที่เงียบๆ ..แค่สองคน”
“โอ้โห มึงดูละครหลังข่าวมากไปป่ะวะ แล้วอย่างไอ้ธามเนี่ย ต่อให้มันหึงยังไง แม่งก็ไม่มีทางฉุดพี่มันแน่ๆ ส่วนไอ้พี่ปรินซ์ กูว่าพี่มันก็ไม่ใช้ความรุนแรงกับไอ้ธามแน่นอน แม่งถนอมจะตาย”
“แต่กูมีวิธีให้พี่มันหึง หึงแบบไม่มีใครเอาอยู่”
“วิธีไหนวะ”
“ก็แค่กูบอกเรื่องเหี้ยๆที่ไอ้พี่ข้าวมันเคยทำไว้กับไอ้ธาม..”
“?”
.
.
.
หัวข้อ: Re: YR Mine นายผู้ปกครอง - รักลุ้นๆ ของคนพี่ Ep.032 - แผน
เริ่มหัวข้อโดย: JokerGirl ที่ 09-07-2019 23:50:08
พี่ปริ้นซ์ก็เล่นเกินไป เดี๋ยวน้องก็เล่นบ้างหรอก แล้วเมื่อไหร่จะเข้าใจกันสักที ตอนแรกนึกว่าน้องบอสเป็นบัดด็อกของพี่ปริ้นซ์อ่อไม่ใช่จ้าอยากแก้แค้นแทนเพื่อนล้วนๆ ทำดีมากน้องบอส5555
หัวข้อ: Re: YR Mine นายผู้ปกครอง - รักลุ้นๆ ของคนพี่ Ep.033 - ความในใจ
เริ่มหัวข้อโดย: After5p.m. ที่ 10-07-2019 06:10:12
.
.
..ธาม
“อืม วันนี้กูก็ไปกับพี่ข้าว”
“ไอ้ธาม มึงติดพี่ข้าวมากไปป่ะวะ” ไอ้บอสพูดกับผมหลังจากเตรียมตัวพร้อมสำหรับกิจกรรมในวันนี้
“กูไม่ได้ติดพี่มัน ไอ้ที่ทำนู้นนี่ด้วยกันก็เพราะว่าลงชื่อไว้เหมือนกัน แล้วอย่างวันนี้เนี่ย จะไปถ่ายวิดีโอสินค้า เก็บภาพของชาวบ้าน กูเรียนนิเทศฯ กูก็เหมือนได้ไปเรียนวิชา มันไม่ดีตรงไหนวะ”
“ก็ไม่ใช่ว่ามึงพยายามหลบหน้าใครหรอกนะ”
“ถึงกูไม่หลบ แม่งก็ไม่ได้มาให้กูเห็นหน้าอยู่แล้วไหม”
“นี่คือมึงโมโห?”
“กูขี้เกียจพูดเรื่องนี้แล้ว กูต้องไปเตรียมอุปกรณ์ ออ แล้วกูก็ไม่ได้ไปกับแค่พี่ข้าวด้วย ไอ้บรีส แพม นา ปิ่น ก็ไป กูไปก่อนนะ”
..ไอ้พี่ปรินซ์แม่งทําเชี่ยไรอยู่วะ!

ข้าวเที่ยง (ที่เลยเที่ยง) พวกเราฝากท้องไว้กับชาวบ้านที่คอยอํานวยความสะดวกตลอดเวลาที่ถ่ายทํา ผมประทับใจอาหารพื้นเมืองที่ดูเรียบง่ายแต่หาทานได้ยาก คิดว่าต้องแอบจําไปทําบ้าง หวังว่าจะได้รสแบบนี้ ม๊ากับป้าป้าน่าจะชอบ เพราะอาหารส่วนใหญ่มีส่วนผสมเป็นผักหลากสีซึ่งดีต่อสุขภาพ แต่ด้วยรสชาติแปลกใหม่น่าสนใจนี่สิที่ต้องนําเสนอให้ได้อย่างที่ลิ้มรสต้นตํารับมา
การถ่ายทําที่ต้องใช้พลังกายพลังสมองทําให้ผมลืมความหนาวเย็นที่อุณหภูมิสิบกว่าไปซะสนิท ทั้งที่วันนี้ใส่เพียงแจ็กเกตตัวบาง พวกเราเดินขึ้นๆ ลงๆ ไปตามไร่ชา ไร่สตรอเบอรี โรงเรือนที่ใช้แปรรูปผลผลิตทางการเกษตร  หามุมถ่าย คิดวิธีการเล่า เพื่อให้ตรงกับสิ่งที่ทีมปริ้นสรุปแนวทางการตลาดมาให้
“ครูๆ ไปผ่อตางปู๊นกันเต๊อะ งามแต๊”
“งามแต๊ก๋า” ผมลองพูดภาษาเหนือที่ซึมซับมาตลอดหลายวันกับเจ้าถิ่นอย่างชัวะ
“แต๊ๆ”
“งั้นเราไปกัน แต่ครูไปบอกครูข้าวก่อน”

“พี่ข้าว เดี๋ยวผมไปกับชัวะนะ ชัวะบอกมีที่สวยๆ ผมจะลองไปดูก่อน”
“งั้นพี่ไปด้วยดีกว่า เผื่อได้ถ่ายเก็บมาเลย แล้วนี่พวกเราก็ได้ภาพมาพอใช้ตัดล่ะ บรีส แพม บอกเพื่อนๆนะ กลับไปที่โรงเรียนก่อนได้เลย ส่วนพี่ ธามแล้วก็ชัวะ จะไปเก็บภาพอินเซิทเพิ่มอีกหน่อย”
“มึงจะไปสวีทกับพี่ข้าวสองคนเหรอวะ” ไอ้บรีสกระซิบถามผม
“สวีทเชี่ยไร ไปทํางานโว้ย แล้วก็มีเด็กไปด้วยไหมมึง”
“ถ้าไม่มีเด็กก็สวีทได้ดิ”
“มึงก็คิดได้เนอะ เอางี้ มึงไปด้วยกันเลย จะได้ช่วยกันถ่าย”
“ไม่ว่ะ เมื่อยแขน แล้วก็ไม่อยากเป็นก้าง”
.
..โรงเรียน
“ทีมไอ้ข้าวกลับมาแล้วพี่”
“เออดี จะได้มีแรงงานเพิ่ม ..ไอ้น้องบรีส เป็นไงมั่ง”
“ดีพี่ ภาพสวย พี่ข้าวโคตรเจ๋งอ่ะ”
“มันเจ๋งอยู่แล้ว ใช่ไหมไอ้ที”
“เออ มันเก่งอยู่แล้ว เรื่องกํากับภาพ”
“แล้วไอ้ข้าวอยู่ไหน”
“ออ พี่ข้าวไปกับไอ้ธาม แล้วก็ชัวะน่ะพี่ ไปถ่ายอินเซิทเพิ่ม”
“!!”
“แล้วทําไมไม่ไปด้วยกันทั้งหมดวะ”
“ก็พี่ข้าวบอกให้พวกผมกลับมาก่อนได้เลย เห็นว่าไปเก็บอีกหน่อยเองพี่”
“เออๆ ไปกับชัวะด้วย คงไม่เป็นไร งั้นพวกมึงมาเลย มาช่วยกันทาสี”
“ครับ / ค่ะ”
“ไงครับน้องที เขาแอบไปหวานกันสองคนเลยน้า”
“ก็ดีแล้วไงพี่ เรื่องมันจะได้จบๆ สักที”
.
..อีกมุมของโรงเรียน
..15 นาทีต่อมา หลังจากทีมถ่ายทำกลับมา
..ปรินซ์
“เฮ้อ.. ทาไปได้ตั้งเยอะ ฝนตกซะงั้น”
“ก็นี่บนยอดดอยไหมมึง ฝนตกก็ไม่แปลกป่ะวะ”
“แต่ก็ไม่ตกมาตั้งหลายวันนี่หว่า มาตกทําม๊ายยยวันนี้”
“อย่าบ่นเลยว่ะไอ้เป้ คนขี้บ่นคือคนแก่นะเว้ย”
“พี่ปรินซ์ๆ!”
“ไงบอส มีไร”
“พี่รู้ยังว่าไอ้ธามยังไม่กลับมา”
“ยังไม่กลับมา?”
“ทีมพี่ข้าวน่ะกลับมาตั้งนานแล้ว ยกเว้นตัวพี่ข้าว ไอ้ธาม แล้วก็ชัวะ”
“แล้วทําไมไม่กลับมาด้วยกันวะ!”
“เห็นไอ้บรีสมันเล่าว่า จู่ๆ พี่ข้าวก็ลากธามออกไปตอนถ่ายเสร็จ บอกว่าจะไปเก็บฟุตวีดิโอเพิ่มกันสองคน แต่มีชัวะที่ขอตามไปด้วย แล้วนี่ก็ไปเป็นชั่วโมงแล้วยังไม่กลับมา”
“…”
“ก็แค่ไปทํางาน อีกอย่าง มีเด็กไปด้วยนะเว้ย” ไอ้เป้พยายามพูดไม่ให้ผมคิดอะไร
“มันก็ไม่แน่นะพี่เป้ ขนาดในคอร์ทแบทที่มอไอ้พี่ข้าวยัง..”
“ยังอะไร มึงพูดมาให้จบ”
“..คือ ผมว่ามันก็เรื่องตั้งนานแล้วอ่ะพี่ ตั้งแต่เปิดเทอมใหม่ๆ”
“กูบอกให้มึงพูดมา”
“ไอ้สัดบอสมึงก็ลีลาเล่ามาเลย!” เป็นไอ้เป้ที่ชักทนไม่ไหว
“พี่ข้าวมันจูบไอ้ธาม..”
“!!!!!!”
“แต่ไอ้ธามมันไม่ได้เต็มใจนะพี่ ไอ้พี่ข้าวมันทําตอนที่ไอ้ธามมันหมดแรงสู้เพราะพี่มันแกล้งให้ไอ้ธามเก็บลูกจนเหนื่อย ดีนะที่ผมเข้าไปก่อน ไม่งั้นพี่มันแม่งคงไม่หยุดแค่นั้นแน่ ก็วันที่ไอ้ธามมันป่วย วันนั้นแหละพี่”
“ทําไมมึงไม่บอกกูว่ามันทําเหี้ยกับธาม!”
“ก็ไอ้ธามมันบอกว่าพี่ข้าวคงโกรธที่มันแหกกฎห้องเชียร์ เลยลงโทษมันแบบนั้น”
“น้องมึงมันมองโลกในแง่ดีไปเปล่าวะ!”
“!!!”
“แล้วนี่พี่มันก็พาไอ้ธามหายไปนานขนาดนี้ ไม่รู้จะทําอะไรไอ้ธามอีกรึเปล่า”
“ไอ้เป้ กูจะไปหาธาม!”
“มึงจะไปหาที่ไหน แล้วนี่ฝนก็ตกหนักอยู่น่ะเว้ย!”
“ไม่รู้! กูรู้แค่กูต้องไปหาธาม!”
“ไอ้เชี่ยปรินซ์มึงใจเย็น ..ไอ้บอส มึงไปบอกไอ้พี่โบ้ทว่ากูกับมันจะไปหาธาม จะหาแค่รอบๆ หมู่บ้าน ไม่ต้องห่วง ถ้าธามกลับมาก่อนก็ไม่ต้องไปตาม”
“ได้พี่”
.
.
..ยอดดอยไกลออกไป
..ธาม
“ดีนะที่ตามชัวะมา เลยได้ภาพสวยๆ”
“แต่ดูไม่เกี่ยวกับคลิปโปรโมตเลยนะพี่”
“ธามไม่รู้อะไร ภาพสวยๆ จะช่วยดึงความสนใจของคนดูนะ เขาจะตัดสินใจดูต่อหรือไม่ดู ก็ตรงภาพต้นคลิปนี่แหละ อีกอย่าง พี่ว่ามุมที่ชัวะพามาน่ะมันเจ๋งมากนะ ขอบผาที่เห็นพื้นที่ทั้งหมด ถึงจะมายากก็เหอะ”
“นั่นสิ แต่ชัวะรู้จักที่นี่ได้ยังไง” ผมก้มลงมองหน้าเด็กน้อยที่เดินอยู่ข้างๆ
“ชัวะมาแอ่วกับป้อ แต่ป้อบ่อค่อยยอมให้มา ป้อบอกว่าอันตราย”
“ก็จริงนะ ทางมันชัน”
“ชัวะต้องเชื่อพ่อรู้ไหม” ชัวะพยักหน้ารับพร้อมกับยิ้มตาหยี ก่อนจะกลับไปเดินนําหน้าเป็นไกด์นําทางอีกครั้ง
“ธามระวังด้วยทางมันลื่น”
“ครับพี่”
“ตอนขึ้นมาว่ายากแล้วนะ ตอนลงนี่ยิ่งยากใหญ่ ธามไหวนะ อ่ะ จับมือพี่ ตรงนี้มันลื่นมาก”
“ไม่เป็นไรพี่ ขนาดชัวะยังเดินเองได้เลย แถมนําไปไกลแล้วด้วย”
“ก็ชัวะเป็นเด็กพื้นที่ มา ส่งมือมาให้พี่”
ผมยอมยื่นมือให้พี่ข้าว เพราะทางที่ชันและลื่น ถึงจะมั่นใจว่าตัวเองเดินลงไปได้แน่นอน อย่างมากก็แค่ลงคลานกับพื้น
“เห้ยธามระวัง!!!” มือเปียกชื้นของผมหลุดจากการจับกุมของมือพี่ข้าว ผมก้าวพลาด!! รองเท้าที่ใส่ลื่นเพราะผืนดินชุ่มชื้นจากฝนที่ตกหนักมาตลอดครึ่งชั่วโมง ผมนึกอยากจะปิดตาให้สนิทปิดการรับรู้ที่เกิดขึ้น ร่างของผมไถลกลิ้งสไลด์ไปตามทางลาดด้านข้างของภูเขา มันคงกินเวลาไม่นานก่อนที่ร่างของผมจะหยุดนิ่งอยู่ ณ จุดพักของทางลาด แม้จะรู้สึกว่ามันค่อยๆเกิดขึ้นราวกับหนังที่ถูกปรับเวลาให้ช้าลง สติของผมเริ่มรับรู้ความเจ็บปวดของศีรษะลําตัวและแขนขาที่ฝาดเข้ากับกิ่งไม้ทั้งหนาและบาง
“ธามได้ยินพี่ไหม!!”
เสียงพี่ข้าว… “ดะ.. ได้ยินพี่” ผมฝืนตะโกนตอบดังเท่าที่จะทําได้ทั้งที่สมองกําลังมึนงง
“ธามรอก่อนนะ!! พี่จะบอกชัวะให้ตามคนมาช่วย แล้วพี่จะลงไปหาธาม!! ไม่ต้องกลัวนะ...” ผมได้ยินสิ่งที่พี่ข้าวพูด มันดังมาจากที่ไกลๆ และไกลออกไปเรื่อยๆ จนผมไม่ได้ยินอะไรอีก..
.
.
“ไอ้ธาม!! ไอ้ธาม!! มึงได้ยินกูไหม!!” เสียงของไอ้บอส.. ผมค่อยๆลืมตาขึ้น คงเพราะเสียงของมันดังจนผมรําคาญ ไม่งั้นก็เพราะการขยับขึ้นลงของร่างกายผมกําลังถูกแบก.. แผ่นหลังนี้คงเป็นของใครสักคน.. ใครสักคนที่ตัวสูง.. สูงเหมือนปรินซ์.. เป็นปรินซ์ก็คงดี.. ไม่สิ ผมมั่นใจว่านี่คือหลังของปรินซ์.. แผ่นหลังที่ผมคุ้นเคยมาตั้งแต่เด็ก.. ผมกระชับแขนของตัวเองที่วางพาดอยู่บนบ่าของปรินซ์ ปรินซ์เองก็กระชับมือที่พยุงร่างผมเช่นกัน ผมรู้สึกปลอดภัย.. ผมวางหัวของตัวเองข้างลําคอของคนตัวสูงและหลับไปอีกครั้งด้วยความอุ่นใจ
.
.
..โรงเรียน
“ไงมึง ตื่นได้แล้วเหรอวะ แหม ตกเขาแค่นี้สลบซะนานเชียวนะ” ผมมองหน้าไอ้บอสไอ้บรีสก่อนมองไปรอบๆ คงเป็นห้องพยาบาลของโรงเรียน
“มึงบ่นยาวจนกูฟังแทบไม่ทัน”
“นี่กูยังบ่นไม่จบเลยนะ ใช่ไหมไอ้บรีส”
“เออ เขาวุ่นวายกันทั้งหมู่บ้านเพราะมึงเนี่ย”
“?”
“ไม่ต้องมาทําหน้าไม่เชื่อ”
“พอมึง พี่ข้าว ชัวะ หายไปนาน พี่ปรินซ์ของมึงวิ่งหาให้ทั่วหมู่บ้าน ฝนตกหนักฉิบหายก็ยังหาอยู่นั่น ใครห้ามก็ไม่ฟัง จนสุดท้ายก็กลับมาที่โรงเรียน พอดีกับที่ชัวะวิ่งมาบอกว่ามึงตกเขา”
“ทั้งผู้ใหญ่ใครต่อใครก็รุมกันไป พี่ปรินซ์นี่ทัพหน้าเลยมึง พอไปถึงที่ ก็ไถตัวฝ่าดงไม้ลงไปหามึงอย่างไว ไม่มีหยุดคิดเลยว่าแม่งโคตรอันตราย”
“ออ พี่ข้าวก็อยู่กับมึงนะ แต่ไม่รู้ว่าจะพามึงขึ้นมายังไง ดีที่ชาวบ้านบอกว่ามีทางให้เดินอ้อม พี่ปรินซ์เลยแบกมึงตลอดทาง ไม่เปลี่ยนไม้ให้ใครด้วย หน้าแม่งก็เครียดฉิบหาย เพราะมึงสลบ แต่จู่ๆ หน้าพี่มันก็ดีขึ้น บอกกูว่าธามฟื้นแล้ว”
“อือ กูรู้ตัวแป็บนึงเพราะเสียงมึงเรียก แล้วก็ภาพตัดว่ะ”
“อ๋อออออ ถึงว่า พอพี่มันพามึงมานอนปุ๊บ เลยมีอารมณ์ต่อยพี่ข้าวปั๊บ”
“ต่อย?”
“เออต่อย หมัดหนักๆ เลยมึง ดีนะแค่ทีเดียว แถมไม่เต็มแรง เพราะแบกมึงมาตลอดทาง ไม่งั้นกูว่าไอ้พี่ข้าวมีล้ม”
“แล้วพี่ข้าว..”
“พี่ข้าวเหรอ พอโดนต่อยเสร็จก็มองหน้าไอ้พี่ปรินซ์แป็บนึง แล้วก็เดินออกไป”
“ปรินซ์มันต่อยพี่ข้าวทําไมวะ”
“ก็เพราะมึงไง”
“กู?”
“กูไม่รู้หรอกว่าต่อยเพราะพี่ปรินซ์โทษที่พี่ข้าวไม่ดูแลมึง ปล่อยให้มึงตกเขา หรือเพราะว่าพี่มันรู้ว่าพี่ข้าวเคยจูบมึง”
“!!!”
“ห่ะจูบ! พี่ข้าวกูจูบไอ้ธาม!!”
“ไอ้สัดบอส!มึงจะบอกแม่งทําไมวะ”
“ก็กูอยากให้พี่มันรู้ไง ว่าไอ้พี่ข้าวชิงเปิดซิงปากมึงไปแล้ว ถ้าพี่มันชอบมึงจริง ก็ต้องทําอะไรสักอย่างแล้วเว้ย จะมาชิลอยู่แต่กับไอ้พี่เป้ไม่ได้ ขนาดกูเห็นแล้วยังโมโห”
“ไอ้เหี้ยบอส! ป่านนี้แม่งไม่มีเรื่องจนตายห่ากันไปแล้วเหรอวะ”
“มึงไม่ต้องห่วงหรอก คนห้ามมีตั้งเยอะ ทั้งไอ้พี่โบ้ท พี่ที แถมมีไอ้พี่เป้ที่รอเสียบแทนมึงอีก”
“!!!!”
.
..ท้ายหมู่บ้าน
..ข้าว / ที
“ไงมึง เจ็บไหม”
“ไม่เท่าไหร่”
“เพราะไอ้ปรินซ์มันล้าหรอก ไม่งั้นมึงได้นอนสลบอยู่ข้างธามแน่ๆ”
“อืม”
“...”
“ไอ้ที..”
“...”
“กูว่ากูจะเลิกยุ่งกับธาม..”
“อ้าว! ทําไมวะ กูว่าตอนนี้มึงก็เริ่มสนิทกับน้องมัน แล้วน้องมันก็ดูจะชอบอยู่กับมึง”
“กูว่ากูกับธามสนิทกันแบบพี่น้องที่พูดภาษาเดียวกัน แค่นั้น มึงรู้ม่ะ ตอนธามสลบ ธามเพ้อหาไอ้ปรินซ์ แล้วตอนไอ้ปรินซ์มันลงมา มันรีบพุ่งเข้าไปหาธาม เช็คแขนขาของธามว่ามีอะไรผิดปกติ สีหน้าของมันคือโคตรร้อนรน โคตรเป็นห่วง พอลุงหย่งลงมาแล้วบอกมีทางกลับ มันก็เอาธามขึ้นหลังแบบไม่ต้องให้ใครช่วย มันเดินไปหลบกิ่งไม้ไป ไต่ขึ้นเนิน เดินไกลเหี้ยๆ แต่มันก็ยังแบกธามอยู่อย่างนั้น กูยอมใจมันจริงๆ”
“แล้วมึงจะไม่แก้แค้น?”
“กูคงไปแก้แค้นมันวิธีอื่น”
“อืม ก็ดี”
“แล้วมึงไม่ห่วงกู ตอนที่กูหายไป..” ผมถามไอ้ที มองหน้ามัน หวังว่าผมจะรับรู้ได้ว่ามันกำลังคิดอะไร
“..”
“ว่าไง?”
“มึงเป็นเพื่อนกู กูก็ต้องห่วงมึงอยู่แล้ว”
“...”
“ไอ้ที.. คือกู..”
“กูว่าเราไปหาอะไรกิน แล้วมึงจะได้แดกยา” ไอ้ทีพูดจบก็ลุกขึ้นเดินไป มันไม่ยอมอยู่ฟังสิ่งที่ผมจะพูด คําตอบที่ผมคิดหามาตลอดเพื่อตอบว่าตัวเองรู้สึกอะไรเวลาที่อยู่ใกล้กับธาม ขณะที่ไอ้ทีพาตัวเองออกห่างจากผมไป กับธามคือความเป็นพี่เป็นน้อง แต่สําหรับมึงไอ้ที ..กูว่ากูอยู่โดยที่ไม่มีมึงไม่ได้ ..กูชอบมึง
.
..ห้องพยาบาล
..ธาม
ก็อกๆ
“พี่ปรินซ์ไอ้ธามฟื้นแล้วพี่” ผมมองคนตัวสูงที่ค่อยๆ เดินเข้ามา แขนของปรินซ์มีแผ่นพลาสเตอร์ รอยยาเบตาดีนคล้ายผมถึงจะจํานวนน้อยกว่า ใบหน้าผ่อนคลายแต่เรียบเฉยของปรินซ์ทําผมประหม่า
“พี่มาก็ดีแล้ว ผมกับไอ้บรีสจะไปหาไรกินพอดี แล้วผมจะหาโจ๊กมาให้ไอ้ธามมันกินก่อนกินยาด้วย แต่อาจจะนานหน่อยนะพี่ เผื่อแม่อุ๊ยต้องใช้เวลาต้ม ไปไอ้บรีส” มันทั้งคู่รีบลุกแล้วเดินออกจากห้อง ปล่อยผมอยู่กับปรินซ์ในความเงียบของห้องพยาบาลขนาดกระทัดรัด ผมรู้สึกดีที่เราได้อยู่ด้วยกันเพียงลําพัง ถึงความเงียบและสายตาดุๆ ของปรินซ์จะทําผมเผลอกลั้นหายใจเป็นระยะๆ
“ปวดตรงไหนไหม”
“ก็ปวดตัวนิดหน่อย”
“หัวล่ะ”
“ก็มึนๆ แต่ดีขึ้นแล้ว”
“พอถึงกรุงเทพฯ พี่จะพาไปสแกนสมอง”
“ไม่ต้องหรอก ไม่ได้เป็นอะไรมาก”
“ธามอย่าดื้อเลย พี่จะได้สบายใจ มาม๊ากับป้าป้าก็ด้วย ตอนนี้ก็นอนเถอะ เดี๋ยวค่อยลุกมากินโจ๊ก” ปรินซ์หันหลังเดินกลับไปที่ประตูที่อยู่ไม่ห่าง
“เดี๋ยวก่อน! กูมีเรื่องจะคุยด้วย” ปรินซ์หยุดเดินและหันกลับมามองผม
“เรื่อง?”
“เรื่อง..”
“ถ้าเรื่องที่พี่ต่อยไอ้ข้าว ไว้พี่จะไปขอโทษมัน ธามจะได้สบายใจ”
“ไม่ใช่เรื่องนั้น”
“งั้นเรื่องอะไร”
“..ทําไมถึงต่อยพี่ข้าว”
“ก็แค่หมั่นไส้ อยากต่อย”
“ไม่ใช่เพราะเรื่องจูบใช่ไหม” ผมโพล่งออกไป ปรินซ์เดินเข้ามาใกล้เตียงที่ผมนอน ผมเองก็พยายามยันร่างตัวเองให้ลุกขึ้นนั่ง
“ถ้าพี่บอกว่าใช่ พี่ต่อยมันเพราะเรื่องที่มันทํากับธาม ธามจะโกรธพี่ไหม”
“โกรธ..”
.
.
.
หัวข้อ: Re: YR Mine นายผู้ปกครอง - รักลุ้นๆ ของคนพี่ Ep.033 - ความในใจ
เริ่มหัวข้อโดย: After5p.m. ที่ 10-07-2019 06:13:13
***************************************************************************************
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ


ติดตามกฏเพิ่มเติมที่กระทู้นี้บ่อยๆ เมื่อมีการแก้ไขกฏจะแก้ไขที่กระทู้นี้นะครับ
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0

ประกาศทั่วไปติดตามอัพเดทกันที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.0

ประกาศ กฎที่อื่นมีไว้แหก แต่ห้ามมาแหกที่นี่

1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิ์ส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด
การสนใจและชื่นชอบนิยายและเรื่องเล่าของคนในเรื่องควรมีขอบเขตที่จะไม่สร้างความเดือดร้อนให้เจ้าของเรื่อง เช่นเดียวกับเป็ดที่ตอนนี้ถูกรังควานตามหาตัวจากคนด้านต่างๆ จนตัดสินใจไม่เล่าเรื่องต่อ.........เนื่องจากบางเรื่องเป็นเรื่องเล่า.....................บางคนไม่ได้เปิดเผยตัวตน  เขาพอใจจะมีความสุขในที่เล็กๆแห่งนี้โดยไม่ได้ตั้งใจให้คนภายนอกได้รับรู้เรื่องราวแล้วนำไปพูดต่อ   เพราะปฎิเสธไม่ได้ว่าสังคมไม่ได้ยอมรับพวกเราสักเท่าไหร่

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรูปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ
หมิ่นประมาท,
หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง
หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสต์กระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์
และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด
การกระทำเช่นนั้นอาจทำให้คุณแบนทันที และถาวร . หมายเลข IP ของทุกโพสต์จะถูกบันทึกเพื่อใช้เป็นหลักฐาน
ในความเป็นจริงเป็นไปได้ยากมากที่จะให้แต่ละคนมีความคิดเห็นตรงกันทั้งหมด   คนเรามากมายต่างความคิดต่างความเห็น เติบโตมาภายใต้ภาวะแวดล้อมต่างกันการแสดงความคิดเห็นที่แตกต่าง   จึงควรทำเพื่อให้เกิดความเข้าใจกัน แบ่งปันประสบการณ์และมิตรภาพเพื่ออาจเป็นประโยชน์ในการใช้ชีวิต  และไม่ว่าจะอย่างไรก็ควรเคารพในความคิดเห็นที่แตกต่างของบุคคลอื่นช่วยกันสร้างให้บอร์ดนี้มีแต่ความรักนะครับ   

เรื่องบางเรื่องอาจจะเป็นทั้งเรื่องแต่งหรือเรื่องเล่าใดๆก็ขอให้ระลึกเสมอว่า  อ่านเพื่อความบันเทิงและเก็บประสบการณ์ชีวิตที่คุณไม่ต้องไปเจอความเจ็บปวดเล่านั้นเองเพื่อเป็นข้อเตือนใจ สอนใจในการตัดสินใจใช้ชีวิต   จึงไม่ต้องพยายามสืบหาว่าเรื่องจริงหรือเรื่องแต่งส่วนการพูดคุยนั้น   ก็ประมาณอย่าทำให้กระทู้กลายพันธุ์ห้ามเอาเรื่องส่วนตัวมาปรึกษาพูดคุยกันโดยที่ไม่เกี่ยวพันกับเรื่องในกระทู้นิยาย  ถ้าจะวิจารณ์หรือแสดงความคิดเห็นทุกคนมีสิทธิแต่ขอให้ไปตั้งกระทู้ที่บอร์ดอื่นที่ไม่ใช่ที่นี่นะครับ

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพสต์ หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อเจ้าของเรื่องเท่าที่จะทำได้หรือแจ้งมายังบอร์ดนี้ก่อนนะครับ  เนื่องจากเจ้าของเรื่องบางครั้งไม่ต้องการให้คนที่ไม่ได้ชื่นชอบนิยายชายรักชายเข้ามารับรู้  ลิขสิทธิ์ทั้งหมดเป็นของเจ้าของคนที่ทำขึ้นและเว็บแห่งนี้นะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล์ บอกเมล์ แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอมให้ส่งหรือติดต่อกันทางพีเอ็มจะปลอดภัยกว่าแล้วเมื่อมีการติดต่อสื่อสารกันให้พึงระวังถึงความปลอดภัย ความไม่น่าไว้ใจของผุ้คนทุกคนแม้จะมีชื่อเสียงในบอร์ดเป็นเรื่องส่วนตัวของแต่ละคนไป เพื่อลดความขัดแย้งภายในเล้า จึงไม่สนับสนุนให้มีการจีบกันในบอร์ดนะครับ

5.ห้ามจั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียวให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตาม
เพราะแม้จะเป็นเรื่องที่เขียนจากเรื่องจริง เมื่อนำมาพิมพ์เป็นเรื่องผ่านตัวอักษร ย่อมเลี่ยงไม่ได้ที่จะมีการเพิ่มเติมเพื่อให้เกิดสีสันในเนื้อเรื่อง ทางเล้าถือว่านั่นคือการเพิ่มเติมเนื้อเรื่อง จึงไม่อนุญาตให้จั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” แต่สามารถแจ้งว่าเป็น “นิยายที่อ้างอิงมาจากชีวิตจริง” ได้  มีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

6.การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสต์นิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insert quote ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ

8.Administrator และ moderator ของ forum นี้ มีสิทธิ์อ่าน, ลบ หรือแก้ไขทุกข้อความ. และ administrator, moderator หรือ webmaster ไม่สามารถรับผิดชอบต่อข้อความที่คุณได้แสดงความคิดเห็น (ยกเว้นว่าพวกเขาจะเป็นผู้โพสต์เอง).

9.คุณยินยอมให้ข้อมูลทุกอย่างของคุณถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูล. ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกเปิดเผยต่อผู้อื่นโดยไม่ได้รับการยินยอมจากคุณ .Webmaster, administrator และ moderator ไม่สามารถรับผิดชอบต่อการถูกเจาะข้อมูล แล้วนำไปสร้างความเดือดร้อนต่างๆ

10.ห้ามลงประกาศลิงค์โปรโมทเวป  โฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ลงได้เฉพาะในห้องซื้อขาย ในเมื่อแนะนำเวปอื่นที่บอร์ดเรา ก็ช่วยแนะนำบอร์ดเราโดยลงลิงค์บอร์ดเรา เว็บ http://www.thaiboyslove.com  ในบอร์ดที่ท่านแนะนำมาให้เราด้วย  เมื่อจำเป็นต้องแนะนำลิงค์ให้ส่งลิงค์กันทาง personal message หรือพีเอ็มแทนนะครับจะสะดวกกว่า ส่วนในกรณีอยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนๆได้อ่านจริงๆนั้นพยายามลงให้ห้องซื้อขายซะ หรือถ้าม้อดเดอเรเตอร์จะพิจารณาเป็นกรณีๆไป ถ้ารู้สึกว่าไม่ได้โปรโมทเว็บ แต่อยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนด้วยใจจริงจะให้กระทู้นั้นคงอยู่ต่อไป

11.บอร์ดนิยายที่โพสต์จนจบแล้วมีไว้สำหรับนิยายที่โพสต์ในบอร์ด boy's love จนจบแล้วเท่านั้น จึงจะถูกย้ายมาเก็บไว้ที่นี่ หาอ่านนิยายที่จบแล้ว หรือคนเขียนไม่ได้เขียนต่อ แต่โดยนัยแล้วถือว่าพล็อตเรื่องโดยรวมสมควรแก่การจบแล้ว หากนักเขียนท่านใดได้พิมพ์เล่มกับสำนักพิมพ์ ต้องการลบเรื่องบางส่วนออก โดยเฉพาะไคลแม๊ก หรือตอนจบที่สำคัญ ให้แจ้ง moderator ย้ายนิยายของท่านสู่ห้องนิยายไม่จบ เพื่อที่หากระยะเวลาเกินหกเดือนแล้ว เราจะได้ทำการลบทิ้ง หรือท่านจะลบนิยายดังกล่าวทิ้งเสียก็ได้ เนื่องจากบอร์ดนี้เก็บเฉพาะนิยายที่จบแล้ว

บอร์ดนิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบไว้สำหรับ
นิยายที่คนเขียนไม่ได้มาต่อนาน หายไปโดยไม่มีเหตุผลสมควร ไม่ได้แจ้งไว้หรือแจ้งแล้วก็ไม่มาต่อ 3 เดือน จะย้ายมาเก็บในนี้เมื่อครบหกเดือนจะทำการลบทิ้ง ส่วนเรื่องไหนที่จะต่อก็ต่อในนี้จนกว่าจะจบ แล้วถึงจะทำการย้ายไปสู่บอร์ดนิยายจบแล้วต่อไป

12.ห้ามนำเรื่องพิพาทต่างๆมาเคลียร์กันในบอร์ด

13.ผู้โพสต์นิยาย และเขียนนิยายกรุณาโพสต์ให้จบ ตรวจสอบคำผิดก่อนนำมาลงด้วยครับ

14.ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน  ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ

15. การนำรูปภาพ บทความ ฯลฯ มาลงในเว็บบอร์ด  ควรจะให้เครดิตกับ...
(1) ผู้ที่เป็นต้นตอเจ้าของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ
(2) เว็บไซต์ต้นตอที่อ้างอิงถึง
....ในกรณีที่เป็นบทความที่ถูกอ้างอิงต่อมาจากเวปไซต์อื่นๆ
- ถ้ามีแหล่งต้นตอของเจ้าของบทความ  ให้โพสต์ชื่อเจ้าของต้นตอของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ  พร้อมทั้งเว็บไซต์ที่อ้างอิง
  (กรณีนี้จะโพสต์อ้างอิงชื่อผู้โพสต์หรือเว็บไซต์ที่เรานำมาหรือไม่ก็ได้ แต่ควรมั่นใจว่าชื่อต้นตอของที่มาถูกต้อง)
- ถ้าไม่สามารถหาชื่อต้นตอของรูปภาพหรือเว็บไซต์ที่นำมาได้ ควรอ้างอิงชื่อผู้โพสต์และเว็บไซต์จากแหล่งที่เรานำมาเสมอ
- ควรขออนุญาติเจ้าของภาพหรือเจ้าของบทความก่อนนำมาโพสต์ค่ะ(ถ้าเป็นไปได้) ยกเว้นพวกเว็บไซต์สาธารณะ เช่น  หนังสือพิมพ์ออนไลน์ ฯลฯ ที่เปิดให้คนทั่วไปได้อ่านเป็นสาธารณะ ก็นำมาโพสต์ได้ แต่ให้อ้างอิงเจ้าของชื่อและแหล่งที่มาค่ะ
- ไม่ควรดัดแปลงหรือแก้ไขเครดิตที่ติดมากับรูปหรือบทความก่อนนำมาโพสต์
- ถ้าเป็น FW mail  ก็บอกไปเลยว่าเอามาจาก FW mail

16.นิยายเรื่องไหนที่คิดว่าเมื่อมีการรวมเล่มขายแล้วจะลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออก กรุณาอย่าเอามาลงที่นี่ หรือสำหรับผู้ที่ขอนิยายจากนักเขียนอื่นมาลง ต้องมั่นใจว่าเรื่องนั้นจะไม่มีการลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออกเมื่อมีการรวมเล่มขาย อนึ่ง เล้าไม่ได้ห้ามให้มีการรวมเล่มแต่อย่างใด สามารถรวมเล่มขายกันได้ แต่อยากให้เคารพกฎของเล้าด้วย เล้าเปิดโอกาสให้ทุกคน จะทำมาหากิน หรืออะไรก็ตามแต่ขอความร่วมมือด้วย เผื่อที่ทุกคนจะได้อยู่อย่างมีความสุข

17.ห้ามแจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน  ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง  นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฎการซื้อขายของเล้าก่อน ด้วยนะคะ)
ว่าด้วยเรื่องการจะรวมเล่มนิยายขายในเล้า จะต้องมี ID ซื้อขายก่อน ถึงจะสามารถประกาศ ..แจ้งข่าว.. ที่บนหัวกระทู้ของนิยายได้ ในกรณีที่ รวมเล่มกับ สนพ. ที่มี  ID ซื้อขายของเล้าแล้ว นักเขียนก็สามารถใช้ หมายเลข  ID ของ สนพ. ลงแจ้งในหน้าที่มีเนื้อหารายละเอียดการสั่งจองนิยายได้

18.ใครจะโพสต์เรื่องสั้นให้มาโพสต์ที่บอร์ดเรื่องสั้น ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที  ส่วนเรื่องสั้นที่จบแล้วให้แก้ไขโพสต์แรก และต่อท้ายว่าจบแล้วจะได้ไม่ถูกลบทิ้งและจะเก็บไว้ที่บอร์ดเรื่องสั้นไม่ย้ายไปไหน   เช่นเดียวกับนิยายทุกเรื่องเมื่อจบให้แก้ไขโพสต์แรก และต่อท้ายว่าจบแล้ว จะได้ย้ายเข้าสู่บอร์ดนิยายจบแล้ว ไม่เช่นนั้นม๊อดอาจเข้าใจว่าไม่มาต่อนิยายนานเกินจะโดนลบทิ้งครับ

เอาข้อสำคัญก่อนนะครับเด่วอื่นๆจะทำมาเพิ่มครับเอิ้กๆหุหุ
admin
thaiboyslove.com.......................................                                                           

วันที่ 3 ธ.ค. 2551วันที่ 16 ก.ย. 2554 ได้เพิ่มกฏ ข้อที่ 7
วันที่ 21 ต.ค.2556 ได้ปรับปรุงกฎทั้งหมดเพื่อให้แก้ไข และติดตามได้ง่าย
วันที่ 11 พ.ย. 2557 เพิ่มเติมการลงเรื่องสั้นและการแจ้งว่านิยายจบแล้ว
วันที่ 4 ธ.ค. 2557 เพิ่มบอร์ดเรื่องสั้นจึงปรับปรุงกฏข้อ 18 เกี่ยวกับเรื่องสั้น และ เพิ่มเติมส่วนขยายของกฏข้อ 17



เว็บไซต์แห่งนี้เป็นเว็บไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฎหมายภายในและระหว่างประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเว็บไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเว็บไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเว็บไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม

*****************************************************************************************

"สำหรับพี่ ทุกอย่างระหว่างเรามันไม่ใช่ความบังเอิญ ..แต่มันคือพรหมลิขิต" - พี่ข้าว                               
"สำหรับธาม มันไม่มีหรอกนะคำว่าบังเอิญ มันมีแต่ความตั้งใจ และเจตนา.." - ปรินซ์

โปรย..

มือหนาแกร่งๆของใครสักคนจับแน่นที่ข้อมือของผม พร้อมกับแรงกระชาก ร่างของผมเอนไปตามแรงนั้นได้อย่างง่ายดาย ผมมองตามมือนั้น มือของปริ้นท์.. ปริ้นท์กำลังมองผมด้วยสายตาอ่อนโยน และพยักหน้าเหมือนกับบอกผมว่าให้เดินตามมันออกไปได้แล้ว ไม่ต้องกังวล ไม่ต้องกลัวอะไร
     “คุณเป็นใครไม่ทราบ!” พี่ข้าวยังคงคอนเซ็ปต์ความเป็นพี่ว๊าก ปริ้นท์ไม่ตอบ แถมไม่แยแสพี่ข้าวสักนิด ปริ้นท์ออกแรงดึงมือผมอีกครั้ง เท้าผมขยับออกจากที่ยืนเรียบร้อยแล้ว ซึ่งผมก็ดีใจมากที่ปริ้นท์เข้ามาช่วยผม ถึงขี้ใกล้จะเล็ด แต่ผมก็ซึ้งจนน้ำตาจะไหล แต่อีกใจนึงของผมก็รู้สึกว่ามันไม่ถูกต้อง ผมกำลังแหกกฎ แถมคนที่มาแทรกแซงห้องเชียร์ก็เป็นคนคณะอื่นอีก แต่นาทีนี้ผมต้องการไปห้องน้ำให้เร็วที่สุด ผลของมันจะเป็นยังไงผมก็ไม่รู้เหมือนกัน ไม่อยากคิด… แต่ยังไม่ทันที่ผมจะก้าวเท้าเดินไป มือหนาของใครอีกคนก็จับเข้าที่ข้อมืออีกข้างของผม .. พี่ข้าววว!!! เมื่อร่างของผมไม่สามารถก้าวเดินตามแรงดึงของปริ้นท์ต่อได้ ปริ้นท์ก็หันหลังกลับมามอง สองร่างใหญ่กำลังเข้าสู่สงครามสายตา ฝั่งนึงก็ดวงตาดุเข้มใต้กรอบแว่น อีกฝั่งนึงก็ส่งสายตาเฉี่ยวคมโต้ตอบ ท่าทางศึกนี้จะยืดเยื้อ ผมไม่สนอะไรแล้ว ผมสะบัดข้อมือของตัวเองให้หลุดจากการจับกุมของทั้งสองคนแล้วรีบวิ่งตรงไปที่ห้องน้ำ

สารบัญ
Ep.01 ปริ้นซ์..ธาม : https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=70487.msg3980500#msg3980500
Ep.02 คณะนิเทศศาสตร์ : https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=70487.msg3980502#msg3980502
Ep.03 ภาวะนำใจ : https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=70487.msg3980503#msg3980503
Ep.04 การจากกัน : https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=70487.msg3980504#msg3980504
Ep.05 สายลม แสงเดือน : https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=70487.msg3980913#msg3980913
Ep.06 ลลิน : https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=70487.msg3981805#msg3981805
Ep.07 ผิดพลาด : https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=70487.msg3982133#msg3982133
Ep.08 ปลดปล่อย : https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=70487.msg3982338#msg3982338
Ep.09 ห้องเชียร์ : https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=70487.msg3982756#msg3982756
Ep.010 ข้าว : https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=70487.msg3983194#msg3983194
Ep.011 ความใกล้ - https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=70487.msg3983535#msg3983535
Ep.012 - ปรินซ์..ข้าว : https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=70487.msg3983814#msg3983814
Ep.013 - จูบ : https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=70487.msg3984016#msg3984016
Ep.014 - จูบแรก : https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=70487.msg3984249#msg3984249
Ep.015 - ระยะใกล้ : https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=70487.msg3984701#msg3984701
Ep.016 - ประกาศตัว : https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=70487.msg3984825#msg3984825
Ep.017 - ความฝัน : https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=70487.msg3985062#msg3985062
Ep.018 - สายรหัส : https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=70487.msg3985321#msg3985321
Ep.019 - ตามหา : https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=70487.msg3985559#msg3985559
Ep.020 - ลุงรหัส : https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=70487.msg3985586#msg3985586
Ep.021 - ความใน : https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=70487.msg3985714#msg3985714
Ep.022 -การกลับมาของปรินซ์ : https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=70487.msg3985921#msg3985921
Ep.023 - เจอหน้า : https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=70487.msg3986157#msg3986157
Ep.024 - ขอได้ไหม? : https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=70487.msg3986402#msg3986402
Ep.025 - ชมรม : https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=70487.msg3986641#msg3986641
Ep.026 - ความรู้สึกของที : https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=70487.msg3986890#msg3986890
Ep.027 - เลี้ยงชมรม เลี้ยงสาย : https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=70487.msg3987029#msg3987029
Ep.028 - เมา : https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=70487.msg3987246#msg3987246
Ep.029 - เป้ : https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=70487.msg3987455#msg3987455
Ep.030 - ยอมรับ : https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=70487.msg3988017#msg3988017
Ep.031 - รถไฟ : https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=70487.msg3988320#msg3988320
Ep.032 - แผน : https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=70487.msg3988690#msg3988690
Ep.033 - ความในใจ : https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=70487.msg3988775#msg3988775
หัวข้อ: Re: YR Mine นายผู้ปกครอง - รักลุ้นๆ ของคนพี่ Ep.033 - ความในใจ
เริ่มหัวข้อโดย: AkuaPink ที่ 10-07-2019 20:42:34
 :pig4:
 :L2: :3123: :L1:
หัวข้อ: Re: YR Mine นายผู้ปกครอง - รักลุ้นๆ ของคนพี่ Ep.034 - ไอ้เชี่ยบอส!!
เริ่มหัวข้อโดย: After5p.m. ที่ 11-07-2019 09:31:04
034
ไอ้เชี่ยบอส!!
.
.
“ถ้าพี่บอกว่าใช่ พี่ต่อยมันเพราะเรื่องที่มันทํากับธาม ธามจะโกรธพี่ไหม”
“โกรธ..”
“..พี่เข้าใจล่ะ ธามคงช็อกมากตอนนั้น แต่ก็คงรู้สึกดีกับจูบแรกของไอ้ข้าว ขอโทษที่พี่เข้ามาแทรกระหว่างธามกับมัน ถ้าพี่รู้เรื่องเร็วกว่านี้ ทุกอย่างคงไม่วุ่นวาย” ปรินซ์รีบเดินไปที่ประตู จนผมต้องก้าวเท้าลงจากเตียงโดยที่ไม่รู้ว่า..
“...!!!!” ผมส่งเสียงร้องเจ็บปวดแม้ไม่ดังมากแต่มันก็พอจะทําให้ปรินซ์หันมาสนใจผมที่นั่งกองอยู่กับพื้น
“ธาม!! ลุกขึ้นมาทําไม แล้วนี่เจ็บตรงไหน! ที่หัวรึเปล่า!!”
“ที่เท้า..” ผมปวดแปล๊บที่เท้าจริงๆ ปรินซ์รีบจับข้อเท้าของผม
“ข้างไหน”
“ข้างซ้าย..”
“นี่ใช่ไหม”
“อือ เจ็บๆ”
“น่าจะข้อเท้าพลิก คงเป็นตอนกลิ้งตกเขา ปวดมากไหม”
“ปวด แต่ไม่มาก.. ทนได้..”
พอผมพูดจบ ปรินซ์ก็ช้อนเอาร่างของผมลอยขึ้นกลับวางบนเตียง แม้แค่เพียงเสี้ยววินาที แต่ผมก็อดใจเต้นแรงไม่ได้
“พี่หาผ้าพันก่อน ในห้องนี้น่าจะมี” ผมมองตามร่างคนตัวสูงที่ขยับเท้าหาของที่ต้องการด้วยความรีบเร่ง “เดี๋ยวกินโจ๊กเสร็จก็รีบกินยาแก้ปวดยาลดบวม กลับไปคงต้องไปเอ็กซเรย์เท้าเพิ่ม” ปรินซ์หาผ้าพันเคล็ดเจอในที่สุด คนตัวสูงพันผ้าพันที่ข้อเท้าของผมอย่างคล่องแคล่ว ก่อนหาผ้าห่มอีกผืนมาม้วนกลมให้ผมวางเท้า
“นอนนิ่งๆ อย่าขยับล่ะ” ปรินซ์ขยับตัวจะลุกจากเตียง ผมรีบคว้ามือของปรินซ์ไว้
“ฟังกูพูดก่อนได้ไหม..” ผมมองตาปรินซ์ที่มองมา
“อืม”
“ที่โกรธ.. ไม่ได้โกรธปรินซ์ที่ต่อยพี่ข้าว.. แต่โกรธตัวเอง.. ที่รู้ใจตัวเองช้า..”
“...”
“ยังทันไหม..”
“ธามกําลังพูดเรื่องอะไร พี่ไม่เข้าใจ”
“ก็พูดเรื่อง.. เรื่อง..” เชี่ยเอ๊ย! ทีงี้เสือกไม่เข้าใจ
“ก็เรื่องที่มึงบอกชอบกู แล้วกูก็ขอเวลาคิดไง มึงจําไม่ได้หรือเปลี่ยนใจแล้ว!”ไอ้เชี่ยปรินซ์! ทําไมกูต้องมานั่งพูดอะไรแบบนี้ น่าอายฉิบหายยยย
“...” ปรินซ์ทําหน้าว่างเปล่าใส่ผม
“เออ จะไปไหนก็ไป กูจะนอน!” ผมดึงผ้าห่มขึ้นปิดหน้า คลุมโปงหนีปรินซ์แม่ง ต่อไปจะมองหน้าปรินซ์ได้ยังไงไม่น่าพูดเลยไอ้ธาม! เจ็บไหมล่ะ เสือกรู้ตัวช้าจนปรินซ์มันเฉยชา สมนํ้าหน้า!!
…..
“จะหลบหน้าพี่ทําไมครับ” ปรินซ์จับมือผมพลางดึงผ้าห่มให้ลดลงจากใบหน้า
“เขินเหรอ” ปรินซ์ยิ้มเจ้าเล่ห์ใส่ผม
“...”
“ไม่ตอบ.. งั้นพี่ไปนะ”
“เออๆ เขินก็เขิน นี่คือมึงแกล้งกู?”
“ถ้าพูดไม่สุภาพกับพี่ พี่ก็จะไป..”
“ได้คืบเอาศอก คนเชี่ยไรเนี่ย”
“...”
“อืม ผมเขินครับพี่ปรินซ์ ..พอใจยัง” ผมยกผ้าห่มขึ้นบังหน้าของตัวเองไปครึ่งนึง แถมหลบตาของปรินซ์ที่ยังคงจ้องผม รอยยิ้มที่ยียวนบอกผมว่าปรินซ์กําลังสนุกที่ได้แกล้ง
“พอใจครับน้องธาม พอใจมาก”
“...”
“สรุปว่าธามรู้ใจตัวเองแล้ว แต่ก็ยังไม่ได้บอกว่ารู้ใจตัวเองว่า?”
“..กูชอบมึง” ผมพูดเสียงเบา ปรินซ์ขยับหน้าเข้ามาใกล้ “เห้ย! ทําไมต้อง..”
“ก็ธามพูดเบา พี่ฟังไม่ชัด” หัวใจของผมที่เต้นแรงอยู่แล้วยิ่งเต้นรัวเร็วขึ้น
“กูชอบมึง!ชัดไหม” ผมตะโกนใส่หูปรินซ์
“อืมชัดแล้ว” ปรินซ์ยิ้มสดใส แต่จู่ๆ สีหน้าก็เปลี่ยนเป็นจริงจังเคร่งขรึม
“พี่ขออะไรธามได้ไหม”
“ขออะไร”
“ขอจูบธาม..”
“!!!” หน้าของผมร้อนผ่าว ใจเต้นโครมคราม ยิ่งปรินซ์สบตาผมใกล้ๆ ผมเกือบลืมว่าผมต้องหายใจ
“พี่อยากลบจูบของไอ้ข้าว ถึงพี่จะไม่ใช่จูบแรกของธาม ได้ไ..”
ผมใช้สองแขนรั้งเอาคอของปรินซ์โน้มเข้ามาใกล้ ก่อนใช้ริมฝีปากของตัวเองปิดปากของคนตัวสูงแทนคําอนุญาต ปากนุ่มๆของเราสัมผัสแนบเนิบนาน ผมค่อยๆ ลืมตามองดวงตาคู่เรียวที่จ้องผมอยู่ ก่อนปล่อยแขนที่รั้งไว้อย่างนึกกระดากอายในสิ่งที่เพิ่งทําลงไป
“จูบกับพี่ข้าวไม่ใช่จูบแรก..”
“?”
“แต่จูบแรกของกูคือ..” ผมมองหน้าปรินซ์ก่อนหลบตา
“อย่าบอกนะว่าเป็นพี่”
“ใช่ ก็มึง.. ก็ปรินซ์นั่นแหละ.. จูบแรก”
“เห้ย! ตอนไหน พี่ไม่เห็นจําได้ว่าพี่เคย..”
“..ตอนกีฬาสีมอสี่”
“??”
“ตอนปรินซ์หลับหลังแข่ง..”
“..ถ้าพี่หลับ ก็แสดงว่า.. ธามขโมยจูบพี่!”
“แค่แตะๆ เอง..” ผมอยากจะหายตัวไปจากตรงนี้จริงๆ
“ถ้าพี่ไม่หลับก็คงจะดี”
“ดียังไง”
“ก็ถ้าพี่รู้ตัว พี่จะได้จูบธามกลับ ไม่ปล่อยให้ธามเอาเปรียบพี่”
“...”
“แต่ไม่เป็นไร พี่เอาคืนทั้งจูบตอนนู้นกับจูบเมื่อกี้เลยล่ะกัน” ปรินซ์โน้มหน้าเข้ามาใกล้ผมก่อนกดริมฝีปากลงบนปากของผม อาจเพราะปรินซ์เริ่มมันโดยที่ผมไม่ทันตั้งตัว ผมจึงพยายามที่จะดันตัวปรินซ์ออกจากการคร่อมทับร่างท่อนบนของผม ปรินซ์มองตาผมเมื่อรับรู้ถึงแรงผลัก..

‘..มึงแค่อย่าเล่นตัว อย่าเยอะ ใจมึง ร่างกายมึงบอกว่าต้องการอะไร อยากทำอะไร มึงก็ปล่อยให้มันทำไปตามธรรมชาติ อย่าไปฝืน..’

สิ่งที่ไอ้บอสเคยบอกผมไว้ดังพึมพำมาจากรอยหยักเล็กๆในมุมหนึ่งของสมอง ผมแค่ต้องปล่อยให้มันเป็นไปตามความรู้สึก ตอบรับสิ่งที่ตัวเองต้องการ คนตรงหน้าคือปรินซ์ คนที่ผมรู้จักดีที่สุด ไว้ใจ เชื่อใจ และศรัทธามากที่สุด ถึงจะยังไม่กล้าสรุปความรู้สึกที่มีว่าเป็นความรัก แต่ผมแน่ใจว่าปรินซ์คือคนที่ผมอยากอยู่ใกล้ และอยากให้อยู่ด้วยกันตลอดไป ผมจะกังวลหรือกลัวอะไรในเมื่อคนตรงหน้าคือปรินซ์ของผม..

ผมมองตาปรินซ์ทั้งที่ความใกล้ของเราทำให้สบตากันได้ไม่ถนัดนัก ปรินซ์เลือกที่จะถอนร่างหนาเมื่อคิดว่าผมต่อต้าน ..ผมหรี่ตาลงก่อนจะใช้มือทั้งสองของตัวเองรั้งปรินซ์ให้ทิ้งน้ำหนักลงบนตัวของผม ครั้งนี้จะไม่รีรอ ลังเล และปล่อยให้มันผ่านเลยจนต้องมานึกเสียใจ ปรินซ์ยิ้ม ก่อนเอียงหน้าโน้มลงจูบผมอีกครั้ง สัมผัสของปรินซ์ช่างอ่อนโยน นุ่มนวล ถึงจะยังไม่ค่อยเข้าใจว่าผมควรจะโต้ตอบอย่างไร ควรจะผ่อนจังหวะเมื่อไหร่ และพักหายใจได้ตอนไหน..

‘..ตามเกมพี่มันไปบ้าง พี่มันจ้องมาก็อย่าไปหลบ พี่มันเข้าใกล้ก็อย่าไปถอย..’

..ผมแอบขำกับการสั่งสอนให้ผมแรดของไอ้บอส
“ธามขำอะไร” ปรินซ์ถอนริมฝีปากจากผมทันที
“ขำไอ้บอส”
“?”
“ไอ้บอสมันบอกว่าให้อ่อยปรินซ์..”
ปรินซ์ยิ้มขำ “บอสพูดถูก ธามต้องทำตามที่บอสสอนรู้ไหม พี่จะได้ไม่เหนื่อย สงสัยพี่ต้องพาบอสไปเลี้ยงขอบคุณที่เป็นทีมพี่ ..แต่ตอนนี้ พี่ขอชิมธามต่ออีกนิดนะครับ”
ผมมองดวงตาคู่เรียวของปรินซ์ ไล่ลงมายังจมูกโด่งๆ ของปรินซ์ และริมฝีปากนุ่มๆ ของปรินซ์ และกลับมาสบตาของคนตัวสูงอีกครั้ง ผมพยักหน้าตอบเบาๆ ผมยอมรับว่าผมยังต้องการมันเช่นกัน ความสุขซ่านที่คนของผมมอบให้..
“โจ๊กมาแล้วคร๊าบบบน้องธาม!”
ไอ้เชี่ยบอส!!
เสียงของมันทำผมสะดุ้ง รีบคว้าผ้าห่มขึ้นปิดหน้าของตัวเอง ต่างจากปรินซ์ที่ดูจะไม่แคร์อะไร เพราะยังคงนั่งคร่อมร่างของผมอยู่
“โอ๊ะโอ๋ ผมกับไอ้บรีสมาขัดจังหวะอะไรรึเปล่า?”
“...”
“โทษทีนะพี่ ของมันต้องกินตอนร้อน”
“งั้นเอาโจ๊กมาให้พี่ แล้วบอสบรีสก็ออกไปได้เลย”
“ไม่ได้ว่ะพี่ บัดด็อกของไอ้ธามมันสั่งมาว่า พวกเราต้องอยู่เป็นก้าง เอ้ย อยู่กับไอ้ธามจนกว่ามันจะกินโจ๊กหมด บัดด็อกมันเป็นห่วง กลัวว่าจะมัวทำอย่างอื่นจนไม่ได้กินข้าวกินยา”
“บัดด็อกของธามเป็นคนดีจังเลยนะ อืม คืนนี้ก็จะได้เจอตัวแล้วนิ พี่คงต้องเอาคืน ไม่สิ ต้องตอบแทนชุดใหญ่ ทบต้นทบดอก…”
“.../!!!”
“งั้นฝากบอสบรีสดูแลธามต่อล่ะกัน พี่จะไปช่วยงานข้างนอก แล้วก็เตรียมรับขวัญบัดด็อกของธาม”
เสียงเปิดและปิดประตูบอกให้รู้ว่าปรินซ์ออกจากห้องพยาบาลไปเรียบร้อย
“ไอ้เชี่ยบอส! ถ้ากูตายคาตีนพี่ปรินซ์กูจะเป็นผีมาหลอกมึง!!”
“มึงไม่ต้องห่วง กูมีแผนสำหรับคืนนี้แล้ว”
“แผนเชี่ยไรวะ”
“แผนกูชื่อว่า มอมให้เมา..เอาไอ้ธามเข้าแลก”
“เชื่อได้เหรอวะแผนมึง?”
“เชื่อไม่เชื่อ มึงดูผลของแผนที่แล้วของกูก่อน ชื่อแผน ยุให้หึง..ดึงมาจ๊วบ”
“ชื่อแผนอุบาทฉิบหาย”
“ก็กูเพิ่งคิดเว้ย”
“...”
“ไอ้น้องธามคร๊าบบบบ ไม่ต้องมาทำเป็นปิดหน้าแกล้งหลับเลยมึง”
“...”
“แน่ะ มึงคงไม่รู้อะไร ผนังที่นี่ไม่หนานะเว้ย พวกกูได้ยินหมดทุกอย่าง”
“ไอ้เชี่ยบอส”
“แหมๆ ทำเป็นโกรธ ลุกขึ้นมากินโจ๊กเลย”
“...”
“ว่าแต่.. ถึงไหนแล้ววะ”
“ถึงไหนเชี่ยไรวะ”
“ก็พวกกูอุตส่าห์ต่อเวลาให้ตั้งเยอะ เน๊อะไอ้บรีส เผื่อว่าจะถึงไหนถึงไหน..”
“พอเลยมึง! กูจะกินโจ๊ก แล้วไอ้แผนมอมให้เมา..เอาไอ้ธามเข้าแลก คือแผนเชี่ยไรของมึง”
“มึงไม่ต้องรู้หรอก เอาเป็นว่ามึงไม่ได้เสียอะไร มีแต่ได้กับได้ เชื่อกู”
“...”
“แล้วนี่ขามึงเป็นไรเนี่ย” ไอ้บรีสถามผมบ้าง
“ปรินซ์บอกว่าน่าจะเท้าพลิก”
“มีแฟนเป็นนักกีฬามันก็ดีงี้แหละน้า ดูแลได้ทั้งหัวใจทั้งร่างกาย” ไอ้บอสยังไม่เลิกแซะผม
“แค่กๆ แฟนเชี่ยไรว่ะ!”
“เอ๊าก็มึงกับพี่ปรินซ์ไงแฟนกัน”
“แค่กๆ”
“ถึงกับไอไม่หยุด สงสัยสำลักความรักว่ะ”
“กูว่ามึงพอเหอะว่ะไอ้บอส ไอ้ธามมันหน้าแดงหมดแล้วเนี่ย”
“มันเขินไงมึง คนมีความรักหน้ามักจะสีชมพู”
“เฮ้อ.. กูไม่ไหวแล้วว่ะไอ้ธาม กูไปช่วยข้างนอกดีกว่า กูทนความเน่าของมันไม่ไหวล่ะ”
“รอเดี๋ยวดิว่ะไอ้บรีสกูไปด้วย ส่วนมึงไอ้ธาม กินโจ๊กเสร็จก็กินยา แล้วก็นอนซะ ตอนใกล้ๆ ปาร์ตี้เลี้ยงลา กูจะมารับ”
“เออๆ”
“นอนนะเว้ย อย่ามัวแต่เพ้อหาพี่ปรินซ์จนธาตุไฟเข้าแทรก มันจะทรมานนอนไม่หลับกระสับกระส่ายยยย”
“สัดดด”กูเกลียดมึง
.
.
สนามบอลกลางโรงเรียนถูกใช้เป็นที่เลี้ยงลาพวกเรา แม้ค่ำคืนนี้ท้องฟ้าจะไม่สว่างเพราะเมฆหนาบดบังแสงจากดวงจันทร์ แต่สถานที่นี้กลับสว่างด้วยแสงจากกองไฟกองใหญ่ที่ถูกจุดขึ้นอยู่กลางวงล้อมของคนชาวเดินดอย เด็กๆ และชาวหมู่บ้านไม้งาม เสียงเพลงที่ฟังออกบ้างไม่ออกบ้าง คุ้นหูบ้างไม่คุ้นบ้าง ถูกขับกล่อมสลับไปมาจากนักร้องและนักดนตรีวงไม้งามและวงเดินดอย เสียงหัวเราะ เสียงพูดคุย เสียงความสุขดังอยู่ทั่วบริเวณ ความสัมพันธ์ตลอดหกวันทำให้ความผูกพันธ์ระหว่างทุกคนที่ต่างวัฒนธรรม ต่างภาษา ต่างประเพณี เกิดขึ้นไม่มากก็น้อย

ไอ้บอสทำหน้าที่เป็นไม้ค้ำให้ผมเกาะเดินมาที่บริเวณจัดงานหลังจากแย่งชิงหน้าที่นี้มาจากปรินซ์ได้สำเร็จด้วยการอ้างว่าบัดด็อกของผมสั่งมา ถ้ากูขาไม่เจ็บนะไอ้เชี่ยบอส!ไม่ต้องถึงมือปรินซ์หรอก กูเนี่ยแหละจะจัดให้มึงสักสองสามจุก ไอ้เพื่อนเวร
“ครูๆ สุมาเต๊อะ” เด็กชายชัวะจอมซนวิ่งเข้ามากอดผมด้วยสีหน้ารู้สึกผิด “เพราะชัวะพาครูไปผ่อ ครูเลยผะเริด (ลื่น) เจ๊บตั๊วเพราะชัวะ”
ผมลูบหัวชัวะเบาๆ “ครูต่างหากที่ซุ่มซ่ามเอง ชัวะไม่ผิดสักหน่อย”
“...” ชัวะยังคงกอดผมนิ่ง ชัวะคงไม่เลิกโทษตัวเองแน่ๆ ถ้าไม่ได้ทำอะไรเพื่อให้หายรู้สึกผิดบ้าง
“เอางี้ งั้นคืนนี้ชัวะต้องคอยดูแลครู ตกลงไหม”
“คั๊บ” ชัวะเงยหน้ามองผมพร้อมรอยยิ้ม
“ตอนนี้ครูหิวแล้ว ชัวะไปหาอะไรมาให้ครูกินหน่อยได้ไหม”
“ได้คั๊บ” เด็กชายชัวะผละจากผมและวิ่งหายไปในขอบความมืดสลัวทันทีที่ห่างจากกองไฟ
“ใจดีจังเลยน้ากับเด็กเนี่ย”
“กูก็ใจดีกับทุกคนนั่นแหละ ไม่เหมือนมึง”
“กูทําไม”
“ไหนมึงบอกมึงเชียร์พี่ปรินซ์ไอดอลของมึง แล้วทําไมทําตัวเป็นไม้กันพี่มันวะ”
“ตอนนี้กูไม่ได้แกล้งพี่มันอยู่นะ แต่กูแกล้งมึง พี่มันน่ะรอมึงได้ตั้งนาน รอต่ออีกสักหน่อยคงไม่อกแตกตาย แต่มึงเนี่ย ควรรู้รสการรอคอยบ้างเว้ย”
“..กูหมดคำพูดเลย มึงอยากทำไรก็ทำ!”
“โอ๋ๆ เอาเป็นว่าคืนนี้กูจะให้พี่ปรินซ์ดูแลมึง กูจะไม่อยู่เป็นก้างล่ะ”
“...”

“ขอบใจ๋พวกเปิ้นที่มากั๋น คราวหน้ามากั๋นอีกเน้อ หมู่เฮายิ๋นดีต้อนฮับเสมอ”
“ขอบคุณครับลุงข่าง พวกเราก็ดีใจมากครับที่ได้มาทำประโยชน์ให้กับชาวไม้งาม ถ้ามีสิ่งใดที่พวกผมทำผิดพลาดไปโดยไม่รู้ตัว สุมาเต๊อะนะครับ” พี่เป้เป็นตัวแทนของพวกเรากล่าวปิดงานภาคพิธีการตามเวลาอันสมควรแก่การสิ้นสุดงานเลี้ยงลา เพราะชาวบ้านและเด็กๆควรจะนอนพักผ่อนเพราะเวลาได้ล่วงเลยเข้าสู่เช้าวันใหม่แล้ว
“พวกเปิ้นก็บ่ดีนอนเดิ๊ก กำเดวจะลุกขวาย (อย่านอนดึก เดี๋ยวจะตื่นสาย)”
“ครับลุงข่าง อีกไม่เกินชั่วโมง ผมจะไล่ให้ไปนอน ไม่ต้องห่วงครับ”ลุงข่างพยักหน้าตอบรับก่อนเดินนำชาวบ้าน และเด็กๆ เดินกลับไปทางหมู่บ้าน
“วันพู๊ก (วันพรุ่งนี้) ชัวะจะมาหาครูเน้อ”
“ครูจะรอนะ” ผมลูบหัวชัวะอีกครั้งก่อนดันตัวชัวะเบาๆให้ออกเดิน
“พี่ก็อยากให้ธามลูบหัวพี่นะ” ปรินซ์กระซิบข้างหูผม
“ไม่ถือเหรอ ธามอายุน้อยกว่าปรินซ์นะ”
“...” ปรินซ์ทำหน้าตื่นเต้นใส่ผม
“ทำไมทำหน้า..”
“ก็ธามแทนตัวเองว่าธาม..”
“แล้ว..”
“พี่ชอบ..”
“..มาบอกชอบอะไรตอนนี้วะ” ผมก้มหน้างุด ดีที่แสงจากกองไฟทำให้ใครๆก็หน้าแดง ไม่งั้นทุกคนคงรู้แน่ว่าผมกำลังเขิน..
“..ไว้ธามลูบหัวพี่บ้างนะ”
“โรคจิตเหรอ ชอบให้เด็กลูบหัว”
“ก็แค่ธามคนเดียว..” ปรินซ์ยิ้ม

“เอาล่ะทุกคน ก่อนที่เราจะแยกย้ายกันไปนอน และตื่นในเวลาตีห้าเพื่อเก็บของและขึ้นรถตอนหกโมงเช้า เวลาที่ทุกคนรอคอยก็ได้มาถึงแล้ว เวลาเฉลยบัดด็อก!” พี่โบ้ทพูดเสียงดังพอประมาณโดยไม่ต้องพึ่งพาโทรโข่ง เพราะยามนี้เสียงที่ดังที่สุดคงจะเป็นเพียงเสียงของกองฟืนที่แตกลั่นเป็นระยะ และเสียงลมที่พัดวีดวิ๊วรอบบริเวณ 
“วิธีเฉลยก็คือ ให้บัดด็อกเป็นคนเดินเข้าไปหาคนที่เราแกล้ง เอ้ย เทคมาตลอดหกวัน พูดจากับเขาดีๆ ทำอะไรก็ได้ที่คิดว่าเขาจะยกโทษให้ เอ้า เริ่มได้”

..ข้าว / ที
“มึงไม่ต้องไปหาใครเหรอวะ”
“กูไม่ได้เล่นตั้งแต่แรกอยู่แล้ว”
“เหมือนกูเลยว่ะ” ผมแอบยิ้มกับตัวเอง ไม่คิดว่าไอ้ทีจะคิดเหมือนผม
“อ้าว ทีกับมึงก็ไม่ได้เล่นบัดด็อกเหรอวะ” ..ไอ้เชี่ยพี่โบ้ท
“ใช่พี่ ก็เล่นมันมาทุกปี เล่นจนหมดมุกแล้ว ก็เลยไม่เล่น” ไอ้ทีตอบไอ้พี่โบ้ท
“คิดเหมือนพี่เลยที” ไอ้พี่โบ้ทนั่งลงข้างๆไอ้ที “ถ้างั้นทีเล่นกีต้าร์ให้พี่ฟังสักเพลงดิ พี่มีเพลงที่อยากร้องให้ทีฟัง”
“พี่เนี่ยนะ จะร้องเพลง”
“ก็พี่อยากร้องให้ทีฟังไง ร้องตอนนี้ยิ่งโรแมนติกเข้าไปใหญ่ ใช่ไหมว่ะไอ้ข้าว”
“...”
“เห็นม่ะ ขนาดไอ้ข้าวยังเห็นด้วย”
“เขามีแต่เล่นกีต้าร์เอง ร้องเอง..” ผมมองหน้าไอ้พี่โบ้ท
“ก็กูอยากให้ทีมันมีส่วนร่วมในเพลงด้วยไง มันจะได้ยิ่งอิน ยิ่งฟิน..”
“ไอ้ที มึงเอากีต้าร์มานี่ กูเล่นเอง มึงเล่นมาเป็นชั่วโมงล่ะ อ่ะพี่ว่ามา อยากร้องเพลงอะไร”
“เออใช่!พี่ลืมเรื่องนี้ไปเลย ทีคงเจ็บมือแล้ว งั้นเรารีบไปนอนดีกว่า เดี๋ยวพี่หายามานวดมือให้” ไอ้พี่โบ้ทลุกขึ้นยืนแล้วหันมาดึงแขนของไอ้ที
“..ไอ้ที มึงอยู่เป็นเพื่อนกูก่อนได้ป่ะ” ผมคว้ามือไอ้ทีไว้ และมองหน้ามัน..
…….
“แต่กูง่วงแล้วว่ะ.. มึงก็เล่นเพลงให้น้องๆ มันฟังไป อย่าดึกล่ะ คอยดูอย่าให้พวกมันตีกันด้วย”
“...” ไอ้ทีกําลังจะเดินจากผมไปพร้อมพี่โบ้ท ผมขยับนิ้วมือไล่ไปตามสายของกีต้าร์อย่างคุ้นเคย หวังว่าไอ้ทีจะหันหลังกลับมาหาผม..
“..กลับมาได้หรือเปล่า
กลับมาหาฉันทีได้ไหม คนดี
หากว่าใจของเธอไม่ได้เปลี่ยนไป
ก็ให้โอกาสฉันอีก จะได้ไหม
ได้โปรดอย่าทิ้งรักไปเลย..”

ไอ้ทีหยุดเดิน..
..ผมใจชื้นแต่ก็เพียงเสี้ยววินาที ก่อนที่มันจะก้าวเท้าเดินต่อไป โดยไม่หันหลังกลับมา..

“..อาจจะจริงที่ฉันเองยังไม่เข้าใจ
จึงทำให้เธอผิดหวังและร้องไห้
อยากจะขอเธออย่าเพิ่งไป
อย่าเพิ่งหมดหวังในตัวฉัน ได้หรือเปล่า

เมื่อก่อนนี้เคยมีเธอคอยปลอบฉันเมื่อเจ็บช้ำมา
วันนี้ไม่เหลือใคร เหลือแต่ตัวฉันและน้ำตา
จะต้องทำยังไงให้เธอคืนกลับมาหา
ตอนนี้รู้แล้วว่ารักเธอมีค่า เหลือเกิน

กลับมาได้หรือเปล่า
กลับมาหาฉันทีได้ไหม คนดี
หากว่าใจของเธอไม่ได้เปลี่ยนไป
ก็ให้โอกาสฉันอีก จะได้ไหม
ได้โปรดอย่าทิ้งรักไปเลย..”

เพลงของผมยังคงดังต่อไปอยู่อย่างนั้น แต่มันคงไปไม่ถึง..
.
.
.
หัวข้อ: Re: YR Mine นายผู้ปกครอง - รักลุ้นๆ ของคนพี่ Ep.034 - ไอ้เชี่ยบอส!!
เริ่มหัวข้อโดย: JokerGirl ที่ 11-07-2019 15:09:50
ดีนะที่ธามไม่เป็นอะไรมาก แต่มีเรื่องดีๆ คือพี่ปริ้นซ์กับธามเข้าใจกันแล้ว o18 ส่วนข้าวต้องพยายามอีกเยอะเลย ทีน่าจะใจอ่อนยากนะ สู้ๆ
หัวข้อ: Re: YR Mine นายผู้ปกครอง - รักลุ้นๆ ของคนพี่ Ep.035 - ลงดอย
เริ่มหัวข้อโดย: After5p.m. ที่ 12-07-2019 07:40:10
035
ลงดอย
.
.
“ไหนมึงบอกว่าพี่มันจะเมา”
“มึงไม่เห็นเหรอวะ กูก็เท ส่ง เท ส่ง จนกูไม่ว่างแดกเองแล้วเนี่ย พี่มันแม่งก็เสือกไม่เมา”
“แล้วกูจะเข้าไปเฉลยบัดด็อกได้ไงวะ พี่ปรินซ์นั่งอยู่ข้างๆไอ้ธามด้วยเนี่ย”
“จริงๆ กูว่ามึงเดินเข้าไปหาไอ้ธามตอนนี้โคตรปลอดภัยนะเว้ย เพราะมีมันนี่แหละที่ห้ามพี่ปรินซ์ได้”
“ก็ถ้าขามันไม่เดี้ยง”
“เอางี้ กูเดินเข้าไปพร้อมมึง ถ้าพี่มันกําหมัดเมื่อไหร่ กูสัญญา กูจะกันพี่มันไว้ให้”
“เชื่อได้เหรอวะ”
“กูขอเอาเกียรติของลูกเสือสามัญรุ่นใหญ่รับรองความปลอดภัยของชีวิตมึง”
“?”
“กูน่ะเซียนทั้งใช้ผ้าพันคอดามแขนดามขา วิธีห้ามเลือด นับจังหวะปั้มหัวใจ ผายปอดให้ถูกท่า เพราะฉะนั้นมึงเชื่อใจกูได้”
“คือกูต้องบาดเจ็บแน่ๆ?”
“เอาหน่าาาา พี่ปรินซ์ไม่ได้โหดร้ายขนาดนั้น”
“ไม่รู้แหละ ถ้ามึงทิ้งกู กูจะบอกพี่มันว่าฝีมือมึงล้วนๆ”
“เออๆ” หึ ถ้าพี่มันเชื่อมึงนะ.. อีกอย่าง ยังไงกูก็น้องคนสนิทเว้ย

“ไอ้ธาม”
“พวกมึงไปยืนคุยอะไรเครียดๆตรงนั้นวะ”
“เรื่องบัดด็อก แล้วนี่มึงไปหาคนที่มึงเทคยังวะ ให้กูพาเดินไปหาม่ะ”
“ไม่ต้องแล้วว่ะมึงปรินซ์พากูไปหาแพมมาล่ะ”
“ออ..แพม แล้วโอเคม่ะ”
“ก็โอเคนะ กูเทคเขาดี”
“เหรอ..”
“..มึงเป็นไรป่ะเนี่ย ดูเครียดๆ”
“กู.. เป็นบัดด็อกมึงว่ะ”
“มึงอ่ะนะไอ้บรีส?”
“เออ..”
“ที่แท้ก็เป็นบรีสนี่เอง”
“..ชะใช่พี่ ผมเป็นบัดด็อกไอ้ธาม”
“มึงเป็นด็อกภาษาไรวะ แทบไม่ทําเชี่ยไรเลย กูนึกออกแค่เรื่องโจ๊กเมื่อวานในห้องพยาบาล เล่นแค่นี้แล้วจะสนุกได้ไงวะ”
“..คือกู”
“พี่ว่าบรีสคงไม่อยากแกล้งอะไรธาม เลยไม่ได้เทค ..แต่ถ้าเป็นบอสก็ไม่แน่”
“เห้ยพี่! ผมเกี่ยวไรด้วย”
“เกี่ยวดิ ก็บอสมาเทคตามคําสั่งของบัดด็อกของธามทุกครั้ง”
“ทุกครั้ง?เทคตอนไหนวะ ทําไมกูไม่เห็นรู้เรื่อง”
“ก็เพราะพี่รับแทนธามทุกครั้ง”
“!!!”
“ทุกครั้งบอสจะตั้งใจมาเดินผ่านพี่ แล้วแต่ละอย่างที่จะให้ธามกิน ก็เป็นของที่พี่ไม่ชอบทั้งนั้น แสดงว่าตั้งใจแกล้งพี่ ไม่ใช่ธาม ซึ่งข้อมูลพวกนี้ ก็มีแต่เอฟซีพี่เท่านั้นแหละที่จะรู้.. ซึ่งก็คือบอส”
“โหพี่.. โคตรเจ๋ง สมแล้วที่เป็นไอดอลในใจผม สมมติฐานเป๊ะ โคนันชัดๆ”
“ไอ้เชี่ยบอส! นี่ขนาดปรินซ์เป็นไอดอลของมึง ..ว่าแต่ แล้วทําไมปรินซ์ต้องรับแทนด้วย?” ผมหันหน้ามองปรินซ์ ตอนนี้ปรินซ์เองก็หน้าแดง คงเพราะแสงจากกองไฟ ไม่ก็ฤทธิ์แอลกอฮอล์
“โธ่มึง ใครๆ ก็อยากปกป้องแฟนตัวเองป่ะวะ”
“!!”
“พูดได้ดี งั้นพี่จะไม่เอาเรื่องที่แกล้งพี่ แต่ต่อจากนี้ ช่วยทําตัวเป็นเพื่อนแฟนที่ดีด้วย”
“แน่นอนคร๊าบบบบ เน๊อะไอ้บรีส”
“กูไม่เคยชั่วเหมือนมึงเว้ย อย่ามาเหมา”
“อย่าเถียง มึงน่ะทีมพี่ข้าว”
“แต่กูก็ไม่เคยกันท่าพี่ปรินซ์ม่ะ” ไอ้บอสไอ้บรีสยังเถียงกันไปมาถึงความเป็นหัวคะแนนของตัวเอง

“ใครเป็นแฟนปรินซ์? อย่าสรุปเอาเองดิ” ผมหันมองคนตัวสูง ที่กําลังมองผมอยู่เช่นกัน
“พี่ชอบธาม ธามก็ชอบพี่ เราก็เป็นแฟนกันแล้ว”
“ยังไม่ได้บอกสักคําว่าจะคบ..”
“โทษทีพี่คงข้ามขั้นตอน.. ธาม.. คบกับพี่นะครับ”
เชี่ยปรินซ์ ทําไมต้องมาทําหน้าเท่ๆใส่กูด้วย แค่นี้กูก็เขินจะตายอยู่แล้ว “อืม คบก็คบ..”
“งั้นถอดสร้อยไอ้ข้าว สัญญากับพี่ ต่อไปจะไม่รับของจากคนแปลกหน้าอีก”
“สอนเป็นผู้ปกครองเลยนะ โตแล้วป่ะ ไม่ใช่เด็กๆ..”
“ก็ธามปฏิเสธใครไม่เป็น ขี้เกรงใจ แล้วก็ใจดีกับทุกคน”
“...”
“มา พี่แกะให้”
“แกะเองได้”
“ตอนใส่ยังให้ไอ้ข้าวใส่ได้”
“ก็นั่นมันพี่ข้าวไม่ใช่ปรินซ์ ขยับตัวทีถึงได้มีแต่คนมอง ดูดิ พวกผู้หญิงเอาแต่มองปรินซ์ขืนให้ปรินซ์ถอดให้ มีหวังได้โดยเขม่นแน่”
“พี่ไม่สนนะ ขนาดที่คณะธาม พี่ยังเคยไปประกาศเลยว่าพี่จีบธามอยู่”
“!!!!!!!”
“ธาม.. พี่ไม่เคยสนความคิดของคนอื่น เพราะมันไม่ได้มีผลอะไรกับชีวิตพี่ แต่สิ่งที่พี่ให้ความสําคัญ คือความรู้สึกของคนที่พี่รัก ซึ่งตอนนี้ และต่อจากนี้ ..คนคนนั้นก็คือธาม เพราะฉะนั้น..” ปรินซ์ลุกขึ้นมาคุกเข่าข้างหนึ่งตรงหน้าผม “รู้ตัวใช่ไหมครับ.. ว่าพี่หวงมาก” ปรินซ์กระซิบข้างหูผม ขณะใช้มือทั้งสองปลดสร้อย “แก้มธามหอมดีนะ”
“เชี่ยปรินซ์พอเลย.. กูขนลุกหมดแล้ว..”
ปรินซ์ยอมถอนใบหน้าจากซอกคอมามองผมตรงๆ ในระยะหายใจรด ปรินซ์ยิ้มสดใส หน้าของปรินซ์กำลังมีสีแดงระบายอยู่ทั่ว
“เดี๋ยวพี่มานะ เอาสร้อยไปคืนเจ้าของก่อน”
“จะไม่มีเรื่องกันใช่ป่ะ..”
“ถ้ามี ธามจะห่วงใคร”
“ห่วงพี่ข้าว”
“ทำไม”
“ก็ปรินซ์หมัดหนัก ถ้าพี่ข้าวต้องเข้าโรงบาล ปรินซ์ก็ซวยได้ขึ้นโรงพักพอดี”
ปรินซ์ลูบหัวผม “พูดตรงๆ ก็ได้ว่าห่วงพี่”
“ก็รู้อยู่แล้ว ยังจะถาม”
“นั่นสิ ธามก็ห่วงพี่มาตั้งแต่เด็กอยู่แล้ว แต่ว่า นอกจากจะห่วง ต้องหวงด้วยนะ”
“ก็รู้ตัวเพราะหวงเนี่ยแหละ ไปได้แล้ว ทำหน้าไม่ถูกแล้วเนี่ย”
“พี่ชอบเวลาธามเขินนะ” พูดจบปรินซ์ก็ลุกขึ้นเดินไปหาพี่ข้าว
“พวกเรากลายเป็นอากาศไปแล้วว่ะไอ้บรีส”
“เออ กูเห็นด้วย”
“อ้าว นี่พวกมึงยังอยู่?”
“โห พอมีแฟน ลืมเพื่อนเลยนะมึง”
“กูล้อเล่น กูไม่มีทางลืมพวกมึงหรอกเว้ย”
“กูดีใจกับมึงนะไอ้ธาม ในที่สุดทุกอย่างก็แฮปปี้”
“หวังว่าจะไม่มีเรื่องให้พวกกูลุ้นอีกนะ”
“ไอ้เชี่ยบอส มึงจะพูดให้เป็นลางทำไมวะ มึงดูหน้าไอ้ธาม”
“กูก็พูดไปงั้น กูปากหมา มึงก็รู้”
“...”
.
..ปรินซ์ / ข้าว
“เอาของของมึงคืนไป..” ผมยื่นสร้อยคืนไอ้ข้าว มันยอมรับโดยดี
“กูอาจจะยอมถอยให้มึงเรื่องธาม แต่มึงคอยระวังกูไว้ล่ะกัน”
“ไม่ว่ามึงจะแค้นกูเรื่องอะไร แค่มึงไม่เอาธามเข้ามาเกี่ยว กูก็พร้อมเคลียเสมอ”
“...”
“แต่ก่อนจะเคลียกับกู กูว่ามึงน่าจะเคลียตัวเองกับเพื่อนมึงก่อน ปล่อยไว้นาน ระวังจะโดนคาบไปแดก”
“...”
.
.
งานเลี้ยงลาเมื่อคืนจบลงตอนไหน จบยังไง ผมไม่ค่อยแน่ใจ รู้แต่ว่าได้ยินเสียงเพลงเศร้าๆ ของพี่ข้าวตลอดคืนแม้ในความฝัน.. ผมคงเผลอหลับไป และมีใครสักคนหิ้วปีกมานอนอยู่ตรงนี้..ในห้องเรียนที่ถูกใช้เป็นที่นอนของพวกเราชาวเดินดอย โดยแบ่งแยกห้องหญิงชายอยู่กันคนละชั้นเพื่อความสบายใจ และเมื่อคืนคงเป็นอีกคืนที่ผมไม่ได้อาบน้ำ แต่ก็ไม่ได้เป็นเรื่องใหญ่อะไรแม้กับตัวผมที่เป็นคนรักสะอาด ในเมื่ออากาศบนดอยนี้ช่างหนาวเย็น อีกอย่าง พลเมืองชาวเดินดอยกว่าครึ่งก็เลือกวิธีซักแห้งเหมือนผม..
“ขามึงค่อยยังชั่วยัง” ไอ้บอสถามผม
“กูว่ามันไม่เจ็บแล้วว่ะ” ผมขยับข้อเท้าไปมา
“ก็ได้ยาดีนิหว่า ไหนจะสมุนไพรที่ชัวะหามาให้ ไหนจะยาใจ..”
“คิดซะว่ากูขอนะ กูยังไม่อยากอ้วกแต่เช้า แล้วนี่เมื่อคืนกูกลับมานอนได้ไงวะ”
“แน่ะ คิดว่าพี่ปรินซ์อุ้มมึงเป็นเจ้าชายอุ้มเจ้าหญิงอ่ะดิ”
“...”
“เสียใจด้วยนะ เป็นกูกับไอ้บรีสที่ช่วยกันลากมึงขึ้นมา ตัวแม่งหนักฉิบหาย ปลุกก็เสือกไม่ตื่นอีก น่าจะปล่อยให้นอนเฝ้ากองไฟซะ”
“แล้วปรินซ์?”
“พี่มันป่วย จริงๆ คือพี่มันกำลังจะอุ้มมึงนั่นแหละ แต่จู่ๆ ก็วูบ ดีที่ไอ้บรีสเห็นท่าไม่ดีตั้งแต่แรก เลยชาร์จตัวพี่มันได้ทันก่อนลงไปกองกับพื้น”
ไรเป็นไรมากป่ะวะ!!”
“ก็ตัวร้อน ไข้ขึ้น สงสัยเพราะตากฝน ใช้แรงแบกมึงขึ้นเขา แถมยังโดนอัดเหล้าอีก เล่นเอากูรู้สึกผิดไปเลย”
“แล้วนี่ปรินซ์อยู่ไหน”
“ก็สลบอยู่ที่ห้องพยาบาล มีพี่เป้ดูอยู่.. อุปปส์”
ผมรีบลุกเดินออกจากห้องตรงไปห้องพยาบาลที่อยู่ไม่ไกลกัน..

ปรินซ์นอนหน้าซีดอยู่บนเตียงเดียวกับที่ผมนอนเมื่อวาน หน้าผากของคนตัวสูงร้อนระคายหลังมือผมทันทีที่สัมผัส
“อ้าวธาม ตื่นแล้วเหรอ”
ผมหันหลังไปมองเจ้าของเสียง.. “ครับพี่เป้”
“ขาหายยัง”
“ไม่ค่อยเจ็บแล้วครับ”
“เป็นห่วงไอ้ปรินซ์อ่ะดิ”
“...” ผมพยักหน้าตอบ
“งั้นพี่ฝากธามดูมันต่อ พี่จะไปเก็บของมันให้ แล้วก็ไปดูความเรียบร้อยของทุกคนด้วย”
“ได้ครับพี่” พี่เป้ตบบ่าผม และยิ้มบางให้ ก่อนเดินออกจากห้องไป

..ผมมองนักกีฬาร่างแกร่งที่ไม่เคยรู้จักคำว่าพ่ายให้กับโรคภัย เว้นแต่การบาดเจ็บจากศึกท้ารบแลกเลือด ซึ่งนั่นก็นานมาแล้ว.. ผมบิดผ้าขนหนูผืนบางให้แห้งหมาดจากน้ำเย็นในขันน้ำที่พี่เป้ทิ้งไว้ให้ และวางมันลงบนหน้าผากของปรินซ์ อดคิดไม่ได้ว่ามันควรเป็นผมที่ดูแลปรินซ์ ..ไม่ใช่พี่เป้
“ทำไมทำหน้ายังงั้น..”
“ตื่นแล้วเหรอ”
ปรินซ์หรี่ตามองผม “ทำหน้าแบบนี้ หึงพี่อยู่ล่ะสิ” แม้น้ำเสียงจะอ่อนแรง แต่ปรินซ์ก็ยังยิ้มกวนได้
“หึงไรใครหึง..”
“ไอ้เป้มันเป็นเพื่อนที่ดี แล้วพี่ก็รู้ ว่าถ้าธามไม่หลับไปก่อน ธามก็จะอยู่ดูแลพี่แน่ๆ ถูกไหมคนขี้เซา”
“...” ผมพยักหน้าเบาๆ
“แล้วก็.. ไอ้เป้น่ะมีแฟนแล้ว แฟนมันเป็นถึงลีดมหาลัย สบายใจขึ้นไหม”
“ทำไมไม่รีบบอก”
“ก็พี่ชอบให้ธามหึง”
“...”
.
.
เป็นหกโมงเช้าของชาวชมรมเดินดอยที่มีสถานะของสถานการณ์ใกล้เคียงกับคำว่าโคตรวุ่นวาย แม้ข้าวของส่วนรวมจะแทบไม่มีให้ต้องดูแลเพราะส่วนใหญ่นำขึ้นมาเพื่อส่งมอบแก่ชาวไม้งาม แต่เพราะสติลางเลือนอันเกิดจากการพักผ่อนน้อยและฤทธิ์ของเมาที่จัดเต็มกันด้วยเพราะเป็นคืนสุดท้าย ณ สถานที่อันจะกลายเป็นความทรงจำดีดีในอีกไม่กี่นาทีข้างหน้า ..แค่ข้าวของอันน้อยนิดของแต่ละคนเลยจะดูเป็นเรื่องวุ่นวายไม่ใช่น้อยในยามเช้าที่ชวนนอนต่ออย่างตอนนี้
“ไม่มีใครลืมอะไรแล้วนะ” พี่เป้พูดกับพวกเราที่ยืนตาปรือ ไร้ซึ่งปฏิกิริยาตอบโต้ ปรินซ์ที่กำลังนั่งพิงผมอยู่ก็เช่นกัน แทบจะไร้ซึ่งสติ
“..ถ้าไม่มี เราก็จะแบ่งกลุ่มขึ้นรถเหมือนขามานะ”
“ครับ/ค่ะ”
.
“ครูๆ”
“นึกว่าชัวะจะไม่มาส่งครูซะแล้ว”
ชัวะมองปรินซ์ที่นั่งอยู่ข้างผม “เปิ้นเป๋นเม่ย (ไม่สบาย) ก่อ?”
“อื้อ พี่เขาไม่สบายนิดหน่อย ไม่ต้องเป็นห่วงนะชัวะ พี่จะดูแลพี่ชายชัวะอย่างดีเลย”
ชัวะยิ้มตาหยีให้ผม “ครูต้องปิ๊กมาหาชัวะบ้างเน้อ พาเปิ้นมาโตย”
ผมพยักหน้า ใช้แขนอีกข้างที่ว่างอยู่กอดเด็กชายชัวะ ผมชอบความใสซื่อ ความจริงใจของชัวะ แม้เวลาที่อยู่ด้วยกันจะไม่นานแต่เรากลับผูกพันธ์กันเหมือนพี่น้อง คงเพราะผมไม่เคยมีน้อง จะมีก็แค่อดีตพี่ชายที่นั่งซบไหล่ของผมอยู่

“ธามนั่งหน้ากับไอ้ปรินซ์นะ คันแรกเลย พี่บอกลุงคนขับแล้ว” พี่โบ้ทบอกผม
“ขอบคุณพี่”
“อย่าไปทำอะไรกันบนรถล่ะ เกรงใจลุงเขา”
“พี่!!”
“ก็แค่แซวเล่น ไปไป ไปถึงก่อน จะได้ขึ้นไปพักบนรถไฟก่อน”

..ปรินซ์หลับแทบจะตลอดทางบนรถกระบะ และตลอดเวลาที่อยู่บนรถไฟ ปรินซ์ยอมนอนตักของผมโดยไม่คิดค้าน นั่นบอกให้รู้ว่าอาการของคนตัวสูงแย่ไม่น้อย ถึงท้ายที่สุดผมจะงัวเงียตื่นก่อนเข้าตัวเมืองกรุงเทพฯ แล้วพบว่าตัวเองนอนอยู่บนขาของปรินซ์แทน   
“กูล่ะอิจฉาจริงจริ๊ง คนมีแฟนเนี่ย ดูแลกันไปดูแลกันมา” ไอ้บอสพึมพำทันทีที่เห็นผมตื่น
ผมไม่สนใจมัน แต่รีบลุกขึ้นสังเกตอาการคนตัวสูง ปรินซ์ยังคงหลับอยู่
“แล้วนี่มึงจะกลับบ้านเลยป่ะ”
“กูว่ากูจะไปคอนโดปรินซ์ รอให้ดีขึ้น แล้วค่อยกลับบ้านพร้อมกัน”
“แน่ะเดี๋ยวนี้ริอาจไปคอนโดผู้ชาย”
“ไอ้สัดบอส กูก็ผู้ชายไหม”
“แซวแค่นี้ทําเป็นหน้าแดง แล้วนี่ให้พวกกูไปช่วยแบกพี่ปรินซ์ก่อนไหม”
“ไม่ต้องว่ะ เดี๋ยวพี่เป้ไปด้วย”
“จะดีเหรอวะ?”
“ดี ไม่มีไรหรอก”
“โอเค ไว้ว่างๆ ค่อยนัดกัน”
“เออ”
.
.
..คอนโดปรินซ์
“วางพร้อมกันนะธาม หนึ่ง สอง สาม..”
ผมทำตามสัญญาณจังหวะที่พี่เป้ให้ ร่างของปรินซ์ถูกวางลงบนเตียงเรียบร้อยโดยการร่วมมือกันของผมกับพี่เป้
“งั้นพี่ไปก่อนนะ”
“ขอบคุณครับพี่เป้”
“ธาม.. พี่ดีใจนะที่ธามเลือกเพื่อนพี่ มันรอธามมานาน”
“?”
“ไว้ค่อยคุยกัน พี่ไปล่ะ โคตรง่วง”
“ครับพี่”
ผมปิดประตูห้องเมื่อพี่เป้เดินเลี้ยวหายไปตามทางเพื่อลงลิฟท์ของคอนโด และเดินกลับไปที่ห้องนอนที่คนตัวสูงนอนไร้เรี่ยวแรงอยู่.. ผมนั่งลงบนเตียงข้างปรินซ์ที่นอนหลับอยู่ใต้ผ้านวมหนา
“ขอโทษนะ ที่ทำให้ป่วย” ผมพูดกับคนตัวสูงกว่าที่นอนหลับสนิท
“งั้นพี่จะให้ธามไถ่โทษ..ด้วยการหอมแก้มพี่ทีนึง”
“ตื่นตั้งแต่เมื่อไหร่”
“ก็ตั้งแต่รู้ตัวว่าได้อยู่กับธามแค่สองคนสักที”
“...”
“ว่าไงครับ พี่ป่วยเพราะธามนะ หอมแก้มพี่ซะ”
“ป่วยอยู่นะ ยังจะ..”
“ยิ่งป่วยก็ยิ่งต้องตามใจ แค่หอมแก้มเอง..ไม่ใช่ ‘จูบ’ สักหน่อย”
ปรินซ์หันหน้ายื่นแก้มป่องชวนหยิกบวกสายตาเว้าวอนชวนสงสารมาให้ผม บทจะอ้อนเป็นเด็กก็น่ารักจนน่าหมั่นไส้ ..ผมขยับหน้าเข้าไปใกล้ เป้าหมายอยู่ที่แก้มของปรินซ์ ..แต่มันกลับไม่ใช่พื้นที่เนียนๆ บนใบหน้าคนตัวสูงที่ผมกำลังสัมผัส.. แต่เป็นปากของปรินซ์ที่รับเข้ากับริมฝีปากของผม! ไอ้คนเจ้าเล่ห์!! ..ถึงจะตกใจ แต่ผมก็ยินดีที่จะรับรสสัมผัสหวานละมุนจากปรินซ์อยู่อย่างนั้น..
“ธาม..”
ปรินซ์เรียกชื่อผม เมื่อเราหยุดพักหายใจจากการประกบปากที่เนิ่นนาน ใจผมกําลังเต้นแรง ร่างกายกําลังสั่นไหว..
“...”
“พี่ว่า.. ธามไปอาบน้ำ.. จะได้มานอน”
“อะอืม..” ผมไม่ปฏิเสธคำแนะนำของปรินซ์ สติของผมกำลังกระเจิงไร้ทิศทางยากควบคุม ผมรับรู้ได้ถึงอารมณ์ของตัวเองที่กำลังสั่นไหวเพราะความต้องการบางอย่างที่อยู่ภายใน.. การอาบน้ำน่าจะทำให้ผมสงบความรู้สึกของตัวเองได้

ผมใกล้จะคลั่งเต็มที ถ้าไม่ใช่เพราะสัญญานั่น.. ผมกับธามคงไม่ต้องมาทนทรมานแบบนี้ ..อดทนหน่อยนะ อีกไม่นานหรอก..
.
.
.
Rrrr…
เสียงสั่นครืดคราดบวกเสียงดนตรีครางเบาๆ จากห้องด้านนอก.. เป็นมือถือของผมแน่ๆ ถ้าไม่ลุกไปรับ ปรินซ์ได้ตื่นพอดี
……….
ปรินซ์จะตื่นเพราะเสียงมือถือ..
ว่าแต่ทำไมต้องกลัวปรินซ์ตื่น.. ในเมื่อปรินซ์ไม่ได้อยู่แถวนี้..ผมหันไปมองอีกด้านหนึ่งของเตียง ก่อนมองฝ้าเพดานอีกครั้งเพื่อประมวลสิ่งที่ตาเห็น ..นั่นมันปรินซ์เมื่อคืนผมนอนที่คอนโดปรินซ์เชี่ย เมื่อคืนกูนอนกับปรินซ์!!ผมรีบยกผ้านวมขึ้นและมุดหน้าตัวเองลงไปดู.. เสื้อผ้ายังอยู่ครบ.. ทั้งชิ้นบนชิ้นล่าง เฮ้อ..โล่ง เดี๋ยวนะไอ้ธาม นี่คือมึงกำลังทำตัวเป็นนางเอกละครที่ตื่นมาตอนเช้าแล้วมโนว่าโดนพระเอกละเมิดพรหมจรรย์! นึกแล้วก็ขำ ถ้ามีอะไรกันจริงๆ จะไม่รู้ตัวเลยรึไง

ผมหันมองคนตัวสูงที่ยังนอนหลับอยู่ข้างๆ ปรินซ์หายใจสม่ำเสมอ แสดงว่ายังหลับสนิท.. ไข้ก็ลดลงจนเกือบปกติแล้ว..
Rrrrr…
โทรศัพท์ยังคงดังอุทธรณ์วอนให้ผมไปรับ เออใช่ โทรศัพท์!ผมรีบลุกพุ่งตรงไปที่ประตู แต่ก็ไม่ลืมที่จะปิดมันให้เบาเงียบที่สุด เพื่อไม่ให้กวนปรินซ์
ผมรับสายของไอ้บรีส..“ไงมึง มีไรวะ”
[มึงยังอยู่กับพี่ปรินซ์รึเปล่า]
“อืม อยู่ มีไรด่วนเปล่าวะปรินซ์ยังหลับอยู่ กูไม่อยากปลุก”
[มึงดูรูปในไลน์ กูแคปจากเพจเด็กมอเรา]
……….
[เอาไงมึง]
“มึงไปเจอกูที่คณะ..”
[ได้ เดี๋ยวกูจะลองโทรหาพี่เจียวดูด้วย ยังไงพี่มันก็รุ่นเดียวกัน คงพอรู้อะไรบ้าง]
“...”
[ทำไมมึงไม่ถามพี่มันตรงๆไปเลยวะ]
“..กูว่ากูทนฟังความจริงจากปากปรินซ์ไม่ไหวว่ะ ตอนนี้แค่คิดว่าถ้ามันเป็นเรื่องจริง.. กูอาจจะทนมองหน้าปรินซ์ไม่ได้ด้วยซ้ำ”
[ไอ้ธาม ..มึงใจเย็นนะเว้ย เรื่องมันอาจจะไม่ได้แย่ขนาดนั้น]
“...”
..ตอนนี้ผมกำลังโกรธและรู้สึกผิดหวังในตัวปรินซ์.. ถึงอย่างนั้น ผมก็ย้ำกับตัวเองว่า จะมีสติให้มากที่สุดเพื่อจะกลั่นกรองเรื่องราว และจะไม่ยอมเชื่ออะไรง่ายๆ.. แต่ถ้ามันเป็นเรื่องจริง ผมคงทําใจยอมรับในตัวปรินซ์ไม่ได้เหมือนกัน..
.
.
.
หัวข้อ: Re: YR Mine นายผู้ปกครอง - รักลุ้นๆ ของคนพี่ Ep.035 - ลงดอย
เริ่มหัวข้อโดย: JokerGirl ที่ 12-07-2019 19:23:10
อย่าบอกนะว่าเรื่องผู้หญิงคนนั้น :hao3:
หัวข้อ: Re: YR Mine นายผู้ปกครอง - รักลุ้นๆ ของคนพี่ Ep.036 - ไอ้ ‘เฮีย’
เริ่มหัวข้อโดย: After5p.m. ที่ 13-07-2019 15:15:26
036
ไอ้ ‘เฮีย’
.
.
..ปรินซ์
เป็นคืนที่ผ่านไปได้ยากเย็น ทั้งที่เป็นคืนที่ผมมีธามนอนอยู่ข้างๆ เฮ้อ.. คนตัวเล็กกว่าก็ชิงนอนหลับทิ้งผมให้กระวนกระวายใจอยู่คนเดียวเกือบค่อนคืน ผมที่นอนหลับมาเยอะเพราะฤทธิ์ไข้ พอหายดีเลยไม่อยากนอนก็เลยทําได้แค่นอนมองหน้าธาม.. มองไปก็ยิ้มไป ยิ้มไปก็คิดไป....คิดไปว่าผมเพิ่งทําสําเร็จไปแค่ครึ่งทาง อีกครึ่งทางที่เหลือก็คงไม่ง่าย และคงไม่ต่างจากที่ผ่านมา..
Rrrrr..
“อืม” ผมกดรับสายไอ้เป้ทั้งที่ขี้เกียจจะคุย
[มึงได้เข้าเฟสยัง]
“ยัง”
[ธามยังอยู่กับมึงรึเปล่า]
“อยู่ น่าจะอยู่ในห้องนํ้า”
[งั้นมึงรีบเข้าเพจมอเรา]
“มีไรว่ะไอ้เป้”
[มึงอยากอ่านเองหรือมึงจะให้กูอ่านให้ฟัง]
“มึงอ่านมาเลยกูขี้เกียจ”
[ได้.. ‘ลือสนั่น! ดาวรุ่งกองหลัง ป.อ. เคยข่มขืนเพื่อนนิเทศ!’..]
“ก็แค่ข่าวไร้สาระ ทําไมต้องทําเสียงตกใจขนาดนั้นด้วยวะ”
[ไอ้ปรินซ์.. กูจะอ่านให้มึงฟังอีกรอบ ‘ลือสนั่น! กองหลังดาวรุ่ง ป.อ. เคยข่มขืนเพื่อนนิเทศ!’.. ป ก็ปรินซ์ อ ก็อชิระ เสือกเป็นกองหลังอีก นี่มันมึงชัดๆ มึงยังคิดว่ามันเป็นข่าวไร้สาระอีกไหม!]
“!!!!!!!!!!”
[..เชี่ยปรินซ์มึงยังอยู่ไหม!!]
“..อยู่ ใครเป็นคนโพสต์”
[มันแชร์ต่อๆกันมา ยังไม่รู้ว่าใครเป็นโพสต์แรก แต่กูกําลังให้เพื่อนกูสืบอยู่]
“...”
[..ธามจะรู้เรื่องยังวะ]
“เดี๋ยวกูโทรกลับ” ผมวางสายจากบอสแล้วลุกจากเตียงออกไปนอกห้องนอน.. ..ผมไม่เห็นธาม แม้แต่ในห้องนํ้าที่ผมเข้าใจว่าธามคงอยู่ในนั้น..ผมกดโทรออกหาธามทันที ก่อนสายตาจะเหลือบเห็นชามใบหนึ่งวางอยู่บนโต๊ะหน้าโซฟาพร้อมกระดาษโน๊ต ผมหยิบมันขึ้นอ่าน..
‘กินข้าวต้ม แล้วก็นอน’
..ธามออกไปโดยที่ไม่บอกผมและตอนนี้ ธามไม่ยอมรับสายผม..

“ไอ้เป้มึงมีเบอร์ไอ้ทีใช่ไหม”
[ใช่ จะเอาเบอร์มันไปทําไรวะ]
“...”
.
.
..คณะนิเทศฯ
..พี่ตาว / พี่ฟ้า
“ดีนะที่พี่กับพี่ตาวยังไม่กลับบ้าน” พี่ฟ้าพูดกับผมด้วยรอยยิ้มสดใส ในขณะที่ผมก็พยายามทําหน้าไม่ให้เครียด ทั้งที่ใจของผมกําลังหวั่นกลัว..
“เห็นโพสต์แล้วดิ” พี่ตาวพูดขึ้น “แบบว่าเห็นปุ๊บ นึกถึงพี่ปั๊บ ดูมีความร้อนใจ แน่ะ แสดงว่ากับปรินซ์ ยังไงยังไงน้า..”
“พี่ตาว! มันใช่เวลาแซวน้องมันเหรอ วันหลังฟ้าจะไม่เล่าอะไรให้ฟังแล้ว”
“โธ่ฟ้า ก็พี่ไม่อยากให้เครียดกันไง อีกอย่างนะ คนเราเมื่อมีรักก็มักจะชนะได้ทุกอุปสรรค”
“เฮ้อ.. พี่ว่าธามเข้าเรื่องเลยเหอะ”
“..ผมแค่อยากรู้ว่าพวกพี่เคยได้ยินเรื่องนี้ไหม”
“พี่เข้ามาไม่ทันนะ พี่ตาวอ่ะ?”
“เอาจริงๆนะ ได้ยินมาบ้าง แต่ก็ไม่รู้หรอกว่าเรื่องจริงๆ เป็นยังไง เอาเป็นว่า พี่เคยเห็นปรินซ์มานั่งรอลลินอยู่นอกใต้ถุน มารับนางขึ้นรถ ตอนนั้นปรินซ์ยังไม่ได้เป็นนักกีฬานะ แต่ก็เป็นจุดสนใจที่เด่นมากๆ เพราะว่าออร่ามาเต็ม แต่หน้าโคตรไม่เป็นมิตร เหมือนไม่ได้อยากมา เหมือนโดนบังคับ ต่างจากลลินนะ ดูนางจะพราวด์ทูควงพราวด์ทูโชว์ใครต่อใคร..”
“...”
“แต่ก็เห็นมาอยู่พักเดียวเอง เทอมนึงได้มั้ง หลังจากนั้นปรินซ์ก็ไม่มาอีก ส่วนลลิน.. ยังไม่จบปีหนึ่งก็ออก..น่าจะซิ่วไปที่อื่น เอ้อ ช่วงรับน้องรุ่นธาม นางก็มานะ พี่ยังเห็นยืนคุยกับปรินซ์ คงแวะมาหาสายรหัส ส่วนปรินซ์.. ก็มาหาธามไง”
“พี่ตาวยังไม่เลิกแซวอีก”
“...”

..พี่เจียว
“จริงๆมันก็ไม่ใช่วิสัยลูกผู้ชายนะเว้ยที่จะมานั่งเม้าผู้หญิง”
“พี่เจียวมาไวขนาดนี้ ไม่ใช่ว่าจะรีบมาแฉ?”
“ไอ้บรีสน้องรัก.. กูแค่มีจรรยาบรรณของการเป็นนักสื่อสารมวลชนเว้ย มันต้องตีแผ่ความจริง กูรู้ โลกก็ต้องรู้”
“ผมว่าพี่แถลงมาเลยดีกว่า”
“ได้ ก่อนอื่นพวกมึงถามถูกคนแล้ว”
“...”
“รุ่นกูส่วนใหญ่ก็รู้จักลลินทั้งนั้น สวย เซ็กซี่ หุ่นดี เป็นลีดมหาลัย ในกลุ่มผู้ชายสายหื่น ไม่มีใครไม่มองลลิน แถมดูตาก็รู้แล้วว่า..ไม่เบา
“...”
“แต่ก็ได้แค่มอง เพราะคุณเธอแม่งไม่สนใครในคณะ ขนาดไอ้ข้าวไอ้ทีที่เป็นหน้าเป็นตาของรุ่นกู ลลินแม่งยังเมิน จริงๆไอ้สองตัวนี้มันก็ไม่สนลลินเหมือนกัน ..เอาล่ะ กลับมาที่ลลิน พอกูเห็นไอ้ปรินซ์มารอรับ.. กูเลยรู้ว่า ลลินแม่งนางฟ้า เพราะมีสเป็กเป็นเทวดา เล่นเอาพวกกูหงอยแดก หำหด ร้องเอ๋งเป็นหมาโดนทิ้ง.. เห็นว่าคุยง่าย เข้าหาง่าย กูก็นึกว่านางจะง่ายไม่เลือกมาก ที่ไหนได้..”
“ที่เล่ามามันไม่แรงไปเหรอพี่”
“ไม่เลยคร๊าบบน้องธามผู้ใสซื่อ”
“...”
“ผีเห็นผี มึงเคยได้ยินม่ะ จริงๆถึงพวกมึงไม่หื่นแบบกูก็น่าจะดูออกนะ แต่ก็ไม่แน่แหะ รู้จักกันวันแรกลลินก็จะใสๆแบ๊วๆ แต่พอโดนหยอก โดนเบียดหน่อย โอ้โห ของกูแทบขึ้น สายตาของลลินเวลามองมามันจะมีความจิก ความสะกด เวลาคุยด้วยก็ชอบเอามือปัดผมโชว์คอขาวๆ กลิ่นตัวแม่งก็หอมฉิบหาย โคตรน่าดูด แล้วถ้ามึงมองปากนะ โอ้โห เผยอรอจูบชัดๆ ยิ่งในชุดชิลๆชิคๆนะพวกมึง กูเลือกไม่ถูกเลยว่าจะมองล่างมองบน นี่ขนาดแค่นึกถึงยังอยากจับขยี้”
“..พี่แม่งสายหื่นตัวจริง”
“ไว้พี่จะสอนวิถีสายหื่นที่แท้ทรูให้น้องๆ เอง จะได้เติบโตสมกับที่เกิดมาเป็นลูกผู้ชาย”
“แต่พี่ไม่ต้องสอนไอ้ธามมันนะ”
“ทำไมวะ”
“มันมีวิถีลูกผู้ชายของมันแล้ว”
“ไอ้สัดบรีส”
“ชายเหนือชายเหรอวะ”
“!!!!!!”
“นี่สิวะ แมนที่แท้ทรู”
“…”
“..แล้วหลังจากนั้นล่ะพี่ ทำไมพี่ลลินถึงออกจากคณะ”
“หลังจากควงไอ้นักบอลได้สักพัก ก็เปลี่ยนคนใหม่ แต่คราวนี้สเป็กแม่งเพี้ยนว่ะ เป็นติสผมยาวหนวดเฟิ้ม ทำเอากูมโนดับ ถ้าเป็นไอ้ปรินซ์ กูว่าเทสดีนะ สมกันอยู่ กูยอมได้ กูโอเค แต่พอเป็นไอ้ติสนี่ กูบอกเลย กูว่าของกูดีกว่าเยอะ พอคบกับไอ้เวรนี่ก็ได้ยินว่ามีเรื่องกันที่คณะนั้น ศึกชิงลลินคนชิลๆ ผัวปะทะผัว ถึงกับต้องเรียกรถพยาบาลมารับถึงที่ เป็นเรื่องฮอตของมอเลยนะเว๊ย สุดท้ายเลยถูกเชิญออกจากมหาลัย ..ดีนะที่กูไม่ไปพัวพัน ไม่งั้น.. กูคงกลายเป็นศพหื่นๆ เพราะคุณแฟนตัวจริงของลลินเป็นเจ้าพ่อเงินกู้ ต้องขอบคุณตัวเองที่ไม่หล่อเพอร์เฟ็ค ไม่หนวดไม่ติส เลยรอดมาได้”
“...”
“และถ้าถามกู กูว่าข่าวนี้แม่งมั่ว ถ้าบอกว่าลลินข่มขืนไอ้ปรินซ์ กูว่ายังจะน่าเชื่อกว่า”

“เท่าที่ฟัง กูว่า.. พี่ลลินแรงว่ะ”
“...”
“กูว่าคนโพสต์มันคงเกลียดพี่ปรินซ์ ถึงได้ใส่ไข่เพิ่มหลายฟอง ตอกฝาโลงเลยว่าพี่ปรินซ์มันผิด”
“แต่ปรินซ์ก็ตามดูแล..”
“กูว่ามันคงมีเหตุผลอะไรบางอย่างที่คนวงในตอบได้ และคนๆนั้นเดินมานู้นล่ะ”

..พี่เป้
“ขอบใจนะบรีสที่โทรบอกว่าอยู่กันที่นี่”
“ไม่เป็นไรพี่”
“...”
“ทำไมไม่รับสายไอ้ปรินซ์ ออกมาแบบนี้ รู้ไหมว่ามัน..” พี่เป้พูดกับผมด้วยท่าทีที่หงุดหงิดไม่น้อย
“...”
“..เรื่องไอ้ปรินซ์เอาไว้ก่อน แสดงว่าธามรู้เรื่องโพสต์แล้ว?”
“...” ผมพยักหน้าตอบ
“พี่พูด ก็ไม่รู้ว่าธามจะเชื่อไหม แต่ขอให้ฟังพี่ เพราะพี่จะเล่าแบบไม่เข้าข้างไอ้ปรินซ์ เพราะความจริงจะอยู่ข้างไอ้ปรินซ์”
“...”
.
..ปรินซ์
“ไอ้ที.. นี่กู..ปรินซ์”
[..มึงมีอะไร]
“มึงรู้ใช่ไหมว่าไอ้ข้าวมันอยู่ไหน”
[..กูรู้ แต่ทำไมกูต้องบอกมึง]
“เพราะถ้ามึงบอกกูตอนนี้ มันจะเจ็บตัวน้อยลง แต่ถ้ามึงไม่บอก ..มันได้เข้าโรงบาลแน่!”
[..งั้นมึงมาหากูที่หน้าตึกชมรม ..กูจะพาไปหามัน]
“...”
.
..ธาม
“..ลลินเป็นลีดมหาลัย แล้วก็บังเอิญเจอกันกับไอ้ปรินซ์ที่ไปเป็นสวัสดิการกลาง” พี่เป้พูดหลังพาผมเดินหลบมุมไกลออกจากความวุ่นวายของใต้ถุนคณะ
“พี่ขอสรุปง่ายๆ ลลินอ่อยไอ้ปรินซ์ สร้างเรื่องโกหกเอาพี่โบ้ทมาอ้าง จนไอ้ปรินซ์ ไปหาเรื่องไอ้พี่โบ้ท แล้วไอ้ปรินซ์ก็เสือกสู้พี่มันไม่ได้ ธามก็รู้ เวลาไอ้ปรินซ์มันแพ้ สติแม่งหลุด ..มันก็เลยเสร็จลลิน มารยาหญิงล้วนๆ ไอ้โพสต์บ้าๆเนี่ย ถ้าจะให้ถูกคือ ไอ้ปรินซ์ถูกใช้เป็นเครื่องมือเสร็จสมอารมณ์ของลลิน ..แต่มันบอกนะ ว่ายังไม่ทันเสร็จ มันก็ถอยแล้ว.. เพราะมันได้สติ ..ขอโทษนะที่พี่ต้องพูดอะไรแบบนี้ มันอาจฟังดูไม่ดี แต่นี่คือเรื่องจริง และที่พี่จะบอกก็คือ ตลอดเทอมนึงที่มันต้องจำใจคบลลิน ก็เพราะมันคิดว่านั่นเรียกว่าการข่มขืน มันไม่รู้ด้วยซ้ำว่ามันโดนหน้าแบ๊วๆ ของลลินหลอก เพราะที่จริงแล้ว ลลินโดนเชิญออกจากมอเก่าเพราะเรื่องผู้ชายมาก่อนแล้ว ลลินไม่ใช่สาวใสไร้ประสบการณ์ ธามเข้าใจนะ ..ทีนี้พวกพี่ก็ช่วยกันสืบเรื่องนี้จนรู้ว่าแฟนโหดของลลินคือใคร ก็เลยเอามางัดกับลลินจนลลินยอมปล่อยปรินซ์ให้เป็นอิสระ..”
“...”
“และที่สำคัญคือ ตลอดเวลาที่คบกับลลิน.. มันไม่เคยมีความสุขเลย”
“...”
“สบายใจขึ้นไหม”
“...”
“ตอนนี้พวกพี่กำลังหาตัวอยู่ว่าใครเป็นคนปล่อยข่าว เพราะมันมีผลกับไอ้ปรินซ์ ธามรู้ใช่ไหม ..ทั้งอนาคตนักบอลของมัน”
“...”
“..แล้วก็อนาคตของมันกับธาม”
“!!!”
“มันแค่เผลอ แล้วก็พลาด มันรู้สึกผิด แล้วก็ทรมาน เข้าใจมันนะธาม”
“...” ผมมองหน้าพี่เป้ คนที่ผมเชื่อถือในคำพูด ในความเป็นผู้ใหญ่ ความมีเหตุมีผล ครั้งนี้ก็เช่นกัน แค่ตลอดเวลานั้นปรินซ์ได้รับบทลงโทษทางจิตใจ มันก็ควรจะเพียงพอแล้วกับความผิดที่ปรินซ์ไม่ได้ตั้งใจให้มันเกิดขึ้น..
“ตอนนี้ปรินซ์อยู่ไหนครับพี่เป้”
พี่เป้ยิ้มบางให้ผม “..ถ้าให้พี่เดา พี่ว่ามันคงไปหาคนที่มันคิดว่ามีความแค้นกับมัน คนที่ปล่อยข่าวเรื่องนี้.. ไอ้ข้าว”
“!!!”
.
.
..ปรินซ์
การจราจรในเมืองหลวงกำลังเร่งปฏิกิริยาอารมณ์ของผมให้ใกล้ถึงจุดเดือดเต็มที ความเร็วที่ศูนย์บนมาตรวัดกำลังจะทำให้เต่าเดินแซงชนะเพราะไฟสัญญาณสีเขียวไม่มีผลต่อการเคลื่อนที่ ทั้งที่มันกำลังอนุญาตให้ผมเร่งเครื่องและพุ่งตัวไป ผมถอนหายใจเป็นครั้งที่ร้อยจนคาร์บอนไดออกไซต์เต็มยานพาหนะ..
“มึงจะไปหาไอ้ข้าวทำไม” ไอ้ทีพูดเบรกความเงียบที่ทำหน้าที่ได้ดีมาตลอดทาง
“มึงก็น่าจะรู้อยู่แล้ว”
“..กูว่ามันไม่ได้ทำ”
“หึ ลองให้มันชิมเลือดตัวเองก่อน แล้วมึงจะได้รู้ว่ามันทำ ..หรือไม่ได้ทำ”
“...”
.
..มหาลัย
“พี่เป้ ไอ้ธามไอ้บรีส!”
“...”
“ว่าไงบอส พี่โบ้ท ได้เรื่องไหม”
“เชื่อมือกูได้อยู่แล้วไอ้น้องเป้ ไอ้คนที่มันทำน่ะไม่ใช่ไอ้ข้าว แต่เป็น..”
“แค่รู้ว่าไม่ใช่ไอ้ข้าวก็พอ ส่วนว่าเป็นใครไว้ไปคุยต่อบนรถ ตอนนี้พวกเราต้องรีบไปได้แล้วเพราะไอ้ปรินซ์มันกำลังไปหาไอ้ข้าว”
“!!! / !!!”
.
..16.45 น.
..ปรินซ์
ในที่สุดก็มาถึง..
..ตึกแถวสองคูหาในซอยใหญ่ที่มีถนนสี่เลนป้ายหน้าร้านขนาดราวสองคูณศูนย์จุดหกศูนย์เมตรระบุว่าที่นี่คือ‘ร้านข้าว (ขาใหญ่)’ ผมจอดรถเลยหน้าร้านมาเล็กน้อย..
“มึงแน่ใจนะว่าที่นี่”
ไอ้ทีพยักหน้าตอบ
ผมลงจากรถและเดินตรงไปที่ร้าน ลูกค้ากำลังแน่นขนัดเต็มทุกโต๊ะของร้านที่ผมเข้าใจว่าขายข้าวขาหมู เพราะดูได้จากอุปกรณ์ที่วางอยู่หน้าร้าน
ไอ้ข้าว.. ผมเห็นมันแทบจะทันที มันกำลังยืนหันหลังอยู่กลางร้าน.. ผมสาวเท้าเข้าไปหามันทันที และออกแรงกระชากแขนของมันให้หันหลังกลับมา.. ผมปล่อยหมัดเข้าที่หน้าของไอ้ข้าวโดยไม่สนเลยว่าในมือมันมีอะไร หรือว่าวิถีที่ร่างมันจะเซจะไปกวาดเอาอะไรบนโต๊ะไหนเสียงกรี๊ดร้องดังขึ้นแทบจะทันที ขณะที่ไอ้ข้าวเงยหน้ามองผมหลังจากมันสะบัดหัวให้หายมึนจากแรงปะทะเมื่อครู
“..มึง?”
“...”
“อะไรของมึง คิดถึงกูมากเหรอเลยต้องตามกูมาถึงนี่”
“มึงทําเหี้ยไว้ขนาดนั้น มึงจะไม่ให้กูคิดถึงมึงได้ยังไง”
“กูทําเหี้ยไร?”
ผมง้างหมัดต่อยเข้าที่ตําแหน่งเดิมอีกครั้ง แต่ครั้งนี้มันหลบได้ทัน หรือไม่ก็เพราะมีใครอีกคนมาผลักร่างไอ้ข้าวกระเด็นออกไปและเข้ามาคว้าหมัดของผมไว้
“พวกมึงจะมามีเรื่องกันในร้านนี้ไม่ได้..” ผมหันมองตามเสียง ชายรูปร่างสูงใหญ่ขนาดลําตัวไม่ต่างจากผม แม้จะเริ่มมีสัดส่วนของความเป็นผู้ใหญ่คือพุงที่ยื่นลํ้า แต่ก็ไม่ได้ทําให้บุคลิกท่าทางน่าเกรงขามลดน้อยลง.. ใบหน้าที่มีส่วนละม้ายคล้ายไอ้ข้าวบอกผมว่าคนๆ นี้คงเป็นใครสักคนในวงนามสกุลของมัน แต่ทําไมผมถึงรู้สึกคุ้นเคยใบหน้านี้..
“ขออภัยลูกค้าทุกท่านสําหรับเหตุการณ์เมื่อครู่ ก็แค่เด็กมันมาลองของร้านเฮีย โต๊ะไหนตกใจ โต๊ะไหนขวัญหาย เฮียไม่เก็บตัง ขอให้ทุกคนกินต่อด้วยความอร่อย” พอพูดจบ ผู้คนทั้งร้านก็กลับมาพูดคุยกินดื่มด้วยเสียงเจ๊าะแจะตามปกติ ราวกับเมื่อกี้เป็นเรื่องปกติที่เกิดขึ้นเป็นประจํา
“ไอ้หํา ไอ้เกตุ”
“ครับเฮีย / ครับเฮีย” ชายบึกบึนร่างลํ่ากล้ามแน่นสองคนในเครื่องแบบพนักงานร้านรีบเดินมาหาชายผู้ที่ถูกเรียกว่า ‘เฮีย’
“ไอ้เกตุ มึงเอาแอลกอฮอล์มาราดไอ้ข้าวต้ม แล้วเอาพลาสเตอร์ปะ ส่วนมึงไอ้หํา มึงไปเอาถังนํ้าแข็งมาให้ไอ้หน้าหล่อนี่แช่มือ ควายป่ะวะ โดนนํ้าร้อนสาดมือขนาดนั้นเสือกไม่รู้สึก”
..นํ้าร้อนสาดมือ? ผมก้มลงมองมือตัวเอง หนังของมันกําลังเปลี่ยนเป็นสีแดง ..ที่อยู่ในมือไอ้ข้าวเมื่อกี้คงเป็นนํ้าแกงร้อนๆ
“พอเสร็จ.. พวกมึงก็ดูให้พวกมันสองตัวทําความสะอาดให้เรียบร้อย เก็บเศษอย่าให้เหลือ พื้นอย่าให้ลื่น โต๊ะอย่าให้มัน ต่อจากนั้นก็ให้พวกมันไปล้างจานต่อ”
ล้างจาน? “ทําไมกูจะต้องเก็บต้องล้างวะ”
ไอ้ ‘เฮีย’ กระชากคอเสื้อของผม แม้ความสูงที่ต่างกันเล็กน้อย แต่ไอ้ ‘เฮีย’ ก็ไม่ทําให้ความสูงที่น้อยกว่าของตัวเองเสียเปรียบ ขณะที่ผมเองก็มองตอบอย่างไม่เกรงกลัว
“มึงควรเรียนรู้วัฒนธรรมการหาเรื่องที่ดีใหม่นะ ยิ่งถ้าในที่ที่ไม่ใช่ถิ่นของมึง.. ไอ้ปรินซ์”
..ทําไมไอ้ ‘เฮีย’ รู้จักผม
.
.
.
หัวข้อ: Re: YR Mine นายผู้ปกครอง - รักลุ้นๆ ของคนพี่ Ep.037 - ความแค้น
เริ่มหัวข้อโดย: After5p.m. ที่ 14-07-2019 22:45:48
037
..ความแค้น
.
.
..ธาม
..45 นาทีต่อมา พวกเราก็มาถึงร้านข้าว (ขาใหญ่) ในที่สุด
“ไอ้เป้ อากู๋พามาถูกเปล่าวะ กูยังไม่หิวนะโว้ย”
“ถูกแล้วพี่ ไอ้ทีมันบอกว่าบ้านไอ้ข้าวเป็นร้านอาหาร นั่นไงไอ้ที”
พี่ทีเดินมาที่รถและถามด้วยสีหน้าตึงเครียดทันทีที่พี่โบ้ทลดกระจกที่นั่งข้างคนขับลง “ได้เรื่องไหมพี่”
“ระดับพวกกู ไม่มีคดีไหนที่จะสืบไม่ได้”
“สรุปว่าฝีมือใคร..”
“ก็ไอ้ข้าวของมึงไง..”
“ไม่ตลกว่ะ”
“เออๆ ไม่ใช่ไอ้ข้าว”
ผมว่าผมเห็นรอยยิ้มบนหน้าของพี่ที..

..ร้านข้าว (ขาใหญ่)
..หน้าร้าน
“โอ้โห มากันกลุ่มใหญ่ รับกี่ที่ดี”
“คือพวกผมมาหาเพื่อนน่ะครับ” พี่เป้เป็นตัวแทนพูดกับพนักงานของร้านที่รีบรุดมาต้อนรับพวกเราที่หน้าร้านทันทีที่พวกเราเคลื่อนพลมาถึงด้วยสีหน้ายิ้มแย้มเป็นกันเอง แม้จะขัดกับลักษณะร่างหนามีกล้ามเนื้อ ที่แลดูน่ากลัว น่าเกรงใจ และน่ายำเกรง..
“เพื่อน?เพื่อนชื่อ”
“ชื่อปรินซ์กับข้าวครับ”
“...” พนักงานของร้านทำหน้าว่างเปล่า
“พวกมึง.. นี่พี่ไอ้ข้าว เจ้าของร้าน” พี่ทีที่เดินตามหลังมารีบแทรกบทสนทนาที่บรรยากาศชักจะดูตึงๆเมื่อพี่เป้พูดชื่อของคนที่พวกเรามาตามหาจบ
“สวัสดีครับ / หวัดดีครับ” พวกผมพร้อมใจกันยกมือไหว้พี่ชายของพี่ข้าว
“พวกมึงเป็นเพื่อนไอ้ข้าวต้ม.. งั้นพวกมึงนั่งเลย เดี๋ยวกูเลี้ยงเอง ถึงหมูจะหมด ข้าวจะไม่เหลือ ก็แดกเกลือกันหิวไปก่อนล่ะกัน”
“!!! / !!!”
“กูล้อเล่น..ไอ้หำไอ้เกตุ”
“ครับเฮีย / ครับเฮีย”
“มึงจัดชุดใหญ่ให้โต๊ะพวกมันด้วย”
“ครับเฮีย / ครับเฮีย”
“ส่วนมึง..ไอ้ที มึงตามกูมานี่”

“แม่งน่ากลัวฉิบหาย”
“เออ กูก็ว่างั้น” ผมแอบกระซิบไอ้บอสที่นั่งอยู่ติดกัน เมื่อพี่ทีและพี่ของพี่ข้าวเดินห่างออกไป
“เมื่อกี้พวกมึงได้ยินเปล่าวะ” ไอ้บรีสหันมาพูดเสียงเบา
“ได้ยินว่าไรวะ” ผมถาม
“พี่เขาเรียกพี่ข้าวว่า ‘ข้าวต้ม’ ว่ะ”
“กูก็ว่ากูได้ยินนะ แต่ไม่มั่นใจ..”
“แต่ก็ช่างแม่งเหอะ ..มันไม่ใช่ประเด็นสำคัญ”
“พวกมึง..” พี่โบ้ทเอนหัวมาร่วมวง “กูว่าพี่ไอ้ข้าวน่าจะท่องยุทธภพมาไม่น้อยว่ะ”
“ท่องยุทธภพอะไรของพี่มึงวะ” ไอ้บอสส่งเสียงหงุดหงิด
“ยุทธภพของเหล่าจอมยุทธไง ควงกระบี่มีดดาบไล่แทงศัตรู เมื่อกี้กูเห็นรอยฟันที่ใต้แขนเสื้อด้วย กูบอกเลย เกมพลิก คนที่น่าห่วงไม่ใช่ไอ้ข้าว ..แต่เป็นไอ้ปรินซ์ ไม่ใช่แค่ไอ้ปรินซ์.. แต่เป็นพวกเราทั้งหมดนี่แหละที่โคตรน่าเป็นห่วง เสือกหลวมตัวมานั่งอยู่ในดงนักเลง พวกมึงดูพนักงานแต่ละคนในร้าน..”
“... / ...”
“..นักมวยอย่างกูยังน้ำลายเหนียว กูว่ากลับกันเถอะ ทิ้งไอ้ปรินซ์ไว้นี่แหละ”
“เห้ยพี่ ไม่สมเป็นพี่เลยว่ะ”
“ไอ้เชี่ยธาม.. งั้นมึงอยู่รอคนของมึงเองเลย เอางี้ เดี๋ยวกูโทร 1669 ให้มึง จะให้มาแม่งทั้งเฮียปอเฮียร่วมเลย”
“ไอ้เหี้ยพี่โบ้ท..”
“โหไอ้เป้! ถ้ามึงจะให้เกียรติเรียกกูขนาดนี้ มึงไม่ตบหัวเรียกกูไปเลยล่ะ”
“ได้เหรอพี่..”
“ไม่ได้!”
“เรามากันตั้งกี่ตีน กลัวไรวะ”
“ก็เท่าที่กูดูเนี่ย พวกมึงมีตีนไว้วิ่ง ไม่ได้มีตีนไว้ถีบ แต่ละคนแม่งบอบบางจะตายห่า แผนหนีนี่แหละดีสุด”
“พี่ๆ เงียบก่อน..”
“อาหารมาเสิร์ฟแล้วครับ” พนักงานร่างล่ำทั้งสองคนที่ถูกเรียกว่า ‘ไอ้หำไอ้เกตุ’ ยกถาดที่เต็มไปด้วยจานข้าวขาหมูมาจัดวางบนโต๊ะ “ครบตามจำนวน.. เฮียบอกให้ดูแลอย่างดี ถ้าต้องการอะไรเพิ่มก็เรียกได้”
………
“อะ แต่รู้ใช่ม่ะว่าครัวจะปิดแล้ว.. ไม่สั่งไรเพิ่มเน๊อะ..”

“ชัดเลยพวกมึง ค่าข้าวขาหมูจะคุ้มค่าน้ำเกลือไหมวะ..”
.
..หลังร้าน
...!!!!
เสียงของวัตถุทรงกลมแบนที่ทำจากวัสดุเซรามิกกระทบกับพื้นปูนฉาบหยาบดังเรียกความสนใจจากกลุ่มคนจำนวนหนึ่งที่รวมตัวกันอยู่ ด้วยหน้าที่ความรับผิดชอบที่แตกต่างกันในห้องขนาดพื้นที่ประมาณแปดคูณห้าเมตร
“ไอ้ปรินซ์ มึงจะโยนจานทำไม”
“กูไม่เข้าใจว่าทำไมกูต้องมาทำเหี้ยอะไรตรงนี้”
“ก็เพราะเป็นคำสั่งของไอ้โจ๊ก”
“ออ ไอ้ ‘เฮีย’ นั่นชื่อโจ๊ก ส่วนมึงชื่อข้าวต้ม..” ผมหันหน้ามองไอ้ข้าวที่ยืนล้างจานอยู่ข้างๆ “ชื่อเหมือนกัน เป็นญาติกัน.. มันถึงได้เหี้ยเหมือนกัน”
ไอ้ข้าววางจานที่อยู่ในมือก่อนเดินเข้ามากระชากคอเสื้อของผม “กูไปทําเหี้ยไรให้มึง”
ผมปัดมือมันออกจากตัวแล้วใช้มือกดเข้าที่ลําคอของมันและดันจนร่างไอ้ข้าวติดผนังเปล่า “มึงทําเหี้ยไรไว้มึงจําไม่ได้รึไงว่ะ! มึงบอกกูว่ามึงจะถอยเรื่องธาม แต่ไอ้ที่มึงทํา.. มันจะทําให้ธามเกลียดกูไปตลอดชีวิต”
“กูบอกมึงเลยว่ากูยังไม่ทันทําเหี้ยไรทั้งนั้น”
“ไอ้ทีมันบอกกูว่าไม่ใช่มึง..”
“...”
“แต่กูบอกมันว่า.. อย่างมึงคงต้องรอให้เลือดกลบปากก่อนถึงจะยอมรับ” ผมอัดหมัดหนักเข้าที่หน้าของไอ้ข้าว ของเหลวสีแดงสาดกระเซ็นออกจากปากของมันในทันที มันยกแขนขึ้นปาดเลือดและหันมายิ้มแสยะใส่ผม
“มึงยิ้มหาเหี้ยไร!”
“กูไม่รู้ว่ามึงพูดเรื่องอะไร แต่กูดีใจที่ไอ้ทีเชื่อกู..”
“มันก็แค่ยังไม่รู้ว่ามึงน่ะชั่วแค่ไหน!” ผมง้างมือเพื่อจะซํ้า แต่หมัดของผมกลับกระทบเข้ากับหน้าของไอ้ทีที่เบียดเข้ามาบังหน้าของไอ้ข้าวแทน ..ผมยั้งแรงไว้ไม่ทัน ร่างของไอ้ทีเซล้มลง แต่มันก็ได้ไอ้ข้าวที่ไวพอยื่นแขนมารองรับร่างของมันไว้ก่อนที่จะกระแทกลงกับพื้น
“ไอ้ทีมึงจะมาขวางทำไม!”
“ก็เพราะมึงมาหาเรื่องผิดคน”
“นี่มึงปกป้องมันเพราะว่ามึงชอบมัน?”
“!!! / !!!“
“..หรือเพราะว่ามึงเห็นด้วยกับเรื่องเหี้ยๆของมัน”
“..ไม่ใช่ กูแค่ไม่อยากให้ธามมองมึงไม่ดีไปมากกว่านี้..”
“…”
“..มึงฟังกู พี่โบ้ทกับไอ้เป้เช็คมาแล้วว่าใครเป็นคนปล่อยข่าวเป็นคนอื่นไม่ใช่ไอ้ข้าว และตอนนี้ทุกคนก็รอมึงอยู่ข้างนอก ..ธามก็ด้วย”
ธาม..
“ถ้ามึงทำไอ้ข้าวซึ่งไม่ใช่คนผิด มึงว่าธามจะรู้สึกยังไง”
“...”
“มึงเชื่อกู..”

..ไม่มีประโยชน์ที่ผมจะยังดื้อหาเรื่องไอ้ข้าว ในเมื่อไม่ใช่มัน ..ผมไม่ควรทำให้ธามรู้สึกแย่ในตัวผมไปมากกว่านี้..
..ผมเดินถอยห่างจากไอ้ทีไอ้ข้าว หมดธุระที่นี่แล้ว.. คนของผมรออยู่ข้างนอกนั่น ผมควรรีบไปปรับความเข้าใจกับธาม.. แค่นี้เรื่องราวก็เลวร้ายมากพอแล้ว..

“มึงคิดว่ามึงจะเดินกลับออกไปได้ง่ายๆ เหรอวะ” เสียงของไอ้ข้าวดังขึ้น มันหยุดการเดินของผม
“กูขอโทษ” ผมพูดโดยที่ไม่หันหลังไปมอง แต่มันคงเป็นการเสียมารยาท ไอ้ข้าวถึงได้กระชากไหล่ของผมให้หันไปหามันก่อนซัดหมัดเข้าที่หน้าของผมเต็มแรงจนผมที่ไม่ทันตั้งตัวเซไถลลงไปกองกับพื้น พาลเอาชุดหม้อกาละมังสแตนเลสที่ถูกวางซ้อนกันอยู่ที่ตำแหน่งด้านหลังของผมกลิ้งกระจัดกระจายส่งเสียงดังราวกับระฆังต่างขนาดที่ถูกแขวนอยู่ตามวัดที่สะบัดตามแรงตีของผู้มาทำบุญ..ไอ้ข้าวได้ทีย่างเท้าเข้ามาคุกเข่าคร่อมร่างของผม และซัดหมัดที่สอง.. แรงสั่นสะเทือนจากครั้งแรกยังไม่ทันจางหาย สมองของผมก็รับผลกระทบจากแรงกระทำของหมัดที่สองต่อเนื่อง.. ผมหลับตาเพื่อขับไล่ความมึนก่อนลืมตาขึ้นมาพบว่าไอ้ข้าวกำลังง้างหมัดที่สาม..
“มึงมาให้กูแก้แค้นถึงที่ก็ดี!”
“ไอ้ข้าว!พอแล้ว!!” เสียงห้ามของไอ้ทีไม่ได้มีผลอะไรกับไอ้ข้าว หมัดของมันยังคงลอยเข้ามาใกล้ผม..แต่จู่ๆ มือหนาของไอ้เฮียโจ๊กก็เข้ามารับหมัดของไอ้ข้าวไว้ก่อนที่จะปะทะเข้ากับหน้าผม
“ไอ้ที่กูให้พวกมึงล้างจานมันไม่ได้ทําให้พวกมึงหายบ้าใช่ไหม!” ไอ้เฮียโจ๊กพูดเสียงดังขณะที่ยังกําหมัดของไอ้ข้าวอยู่ ก่อนบิดแขนของมันตะหวัดไพ่หลังแล้วกระชากดันร่างไอ้ข้าวให้กระเด็นออกไปจากตัวของผม ไอ้เฮียโจ๊กเดินตามติดเข้ากระชากคอเสื้อของไอ้ข้าวให้ลอยขึ้นจนมันลุกยืนเต็มความสูง
“กูจำไม่ได้ว่ากูเคยสอนให้มึงมีนิสัยเหี้ยๆ” ไอ้เฮียโจ๊กพูดก่อนปล่อยหมัดตรงเข้าที่ท้องของไอ้ข้าว มันทรุดตัวงอทันทีด้วยความเจ็บปวด
“!!! / !!!”
“กูไม่เคยบอกให้มึงไปแก้แค้น” ไอ้เฮียโจ๊กเสยหมัดต่อเข้าใต้คางของไอ้ข้าวจนหน้ามันหงายเงยมองเพดาน เท้าของมันเซก้าวถอยไปสามก้าว
“กูไม่เคยคิดโทษใครที่ทุกอย่างมันเป็นอย่างนี้!!” ไอ้เฮียโจ๊กง้างมือจะปล่อยหมัดไปที่หน้าของไอ้ข้าว แต่ไอ้ทีเข้ามาคว้าท่อนแขนลํ่าๆของไอ้เฮียโจ๊กไว้
“พอเหอะว่ะพี่!!”
“มึงไม่ต้องมาห้ามกู ไอ้หํามึงมาลากตัวไอ้ทีออกไป!!”
“ครับเฮีย” ไอ้ทีโดนกระชากลากตัวให้เดินออกไปทันที ถึงมันจะพยายามขัดขืนแต่ก็สู้แรงของคนที่ถูกเรียกว่า ‘ไอ้หำ’ ไม่ได้
“ส่วนมึงไอ้เกตุ มึงออกไปเคลียโต๊ะสําหรับพรุ่งนี้ ปิดประตูเหล็กหน้าร้านซะ ก่อนปิดก็ไล่พวกของมันทั้งหมดออกไป ไอ้ทีก็ด้วย บอกพวกมันว่า ถ้ารอได้ก็รอไป!!”
“ครับเฮีย”
………..
“มาต่อกันดีกว่า.. คราวนี้ก็ไม่มีใครมาขัดจังหวะได้แล้ว”
“เดี๋ยวก่อน! กูอยากรู้ว่ากูไปทําอะไรให้พวกมึงต้องแค้น!!” ไอ้เฮียโจ๊กหันหน้ามองผม
“นี่มึงจํากูไม่ได้?”
“กูจําไม่ได้!!”
“งั้นกูจะช่วยมึงรื้อฟื้นความจํา..” ไอ้เฮียโจ๊กผละจากร่างของไอ้ข้าวสาวเท้าเข้ามาหาผม มันมองหน้าผมในระยะประชิด แววตาดุดันแข็งกร้าวของมันบอกผมว่ามันเอาจริง..
ไอ้เฮียโจ๊กต่อยผม! หมัดของมันหนักกว่าของไอ้ข้าว ผมได้กลิ่นคาวเลือดทันที ..มันยิ่งทำให้ใจของผมเต้นระทึกเพราะผมเองก็ไม่คิดที่จะยอมเป็นแค่เพียงฝ่ายถูกกระทำ ผมง้างหมัดสวนต่อยไอ้เฮียโจ๊กในทันที ..มันหลบได้และใช้เท้าถีบที่ท้องของผม ผมกระเด็นไปไกลราวสองเมตรอัดกับผนังหนา ..ผมจุก แต่แรงดื้อดึงภายในบอกผมให้เดินเข้าหาไอ้เฮียโจ๊กราวกับโดนขั้วแม่เหล็กดึงดูด ..เป็นมันที่เข้าถึงตัวผมก่อน!! มันซ้ำหมัดหนักๆ เข้าที่ท้องของผมอีกครั้ง..
“อ่อนแอลงไปเยอะเลยนะมึง..ไอ้ปรินซ์”
..ชั่วสองสามวินาทีนี้เองที่ทำให้ผมหวนนึกถึงเรื่องราวที่ผ่านมานาน.. ความทรงจำที่ครั้งหนึ่งเคยเกิดขึ้นเมื่อตอนที่ผมยังเด็กทางความคิด.. ประสบการณ์ที่เลือดในร่างกายสูบฉีดเพราะการฟาดฟันด้วยแรงกายในสนามนักเลงกับศัตรูต่างสถาบัน.. และรุ่นพี่คนหนึ่งที่เคยช่วยผมไว้จากตำรวจ..

‘ไอ้เชี่ยปรินซ์มึงต้องวิ่งแล้ว ปล่อยมันไป พ่อมึงแห่มาแล้ว เร็วววว เดี๋ยวโดนจับ’

“เร็วสิโว้ยย!!!”

“ไอ้ปรินซ์มึงเงียบ!!!!”

“มึงหลบอยู่ตรงนี้ อย่าออกไป”

ผมเงยหน้ามองคนตรงหน้า ..พี่โจ๊ก

ผมไม่ทันรู้ตัวว่าน้ำตาของตัวเองไหล.. ความรู้สึกหวาดกลัวในตอนนั้นกำลังคุกคามผม..ภาพตอนที่ผมหลบอยู่ในซอยแคบๆ กับพี่โจ๊กรุ่นพี่มอห้ากำลังฉายซ้ำ.. เสียงเกือกม้าของบูทตำรวจที่ทำใจผมเต้นระทึกและความเจ็บปวดหลังจากสงครามครั้งนั้น..ผมไม่เคยลืม
“พี่โจ๊ก..” ไอ้เฮียโจ๊กที่กำลังง้างหมัดชุดต่อไปชะงักทันทีเมื่อได้ยินเสียงเรียกของผม
“จำกูได้สักที..”
“ผมขอโทษ..” คำพูดประโยคเดียวที่ผมนึกออกในตอนนี้ ความรู้สึกที่อยากพูดตั้งแต่เมื่อตอนนั้น.. ผมทรุดตัวลงคุกเข่าให้กับคนตรงหน้า.. น้ำตาของผมไหลอาบสองแก้ม.. ผมไม่อายที่จะต้องก้มหัวให้กับพี่โจ๊ก ถ้าวันนั้นไม่มีพี่มัน.. ชีวิตของผมในวันนี้คงยากสุดคาดเดา.. ผมอาจเป็นคนมีประวัติ.. ไม่มีวันได้เป็นนักกีฬา.. และจะไม่มีธาม..
“แค่คำว่าขอโทษมันจะพอเหรอวะ!!!” เสียงของไอ้ข้าว “เพราะมึง!! ไอ้โจ๊กถึงได้โดนจับ เพราะมึง.. ในวันที่พ่อกูตาย ไอ้โจ๊กถึงไม่ได้เจอหน้าพ่อเป็นครั้งสุดท้าย และเพราะมึง.. แม่กูถึงตรอมใจ แล้วก็ตายไปอีกคน พี่กู.. ครอบครัวกู.. ทุกอย่างแม่งเป็นเพราะมึง!!!”
“!!!!!” ผมมองไอ้ข้าว.. ในที่สุดผมก็ได้รู้.. ความแค้นที่มันพูดถึงตั้งแต่ครั้งแรกๆที่เจอหน้ากัน..
ไอ้ข้าวเดินเข้ามาหาผมด้วยใบหน้าที่อาบด้วยน้ำตา มันกระชากคอเสื้อของผม มองผมด้วยสายตาเคียดแค้นชิงชัง..

สมควรแล้ว..
สมควรที่มันจะแค้น..
.
.
.

หัวข้อ: Re: YR Mine นายผู้ปกครอง - รักลุ้นๆ ของคนพี่ Ep.038 - เคลียร์
เริ่มหัวข้อโดย: After5p.m. ที่ 15-07-2019 10:48:35
038
เคลียร์
.
.
สมควรแล้ว..
สมควรที่มันจะแค้น..

“แต่กูไม่เคยโทษไอ้ปรินซ์..” พี่โจ๊กพูด
“..เพราะถ้าจะหาคนผิด คนคนนั้นคือกูเอง”ไอ้ข้าวหันมองพี่โจ๊กทั้งที่มือของมันยังคาอยู่บนเสื้อของผม
“มึงหมายความว่าไงไอ้โจ๊ก!!”
“ก็ถ้ากูไม่ไปตีกับใคร..”
“แต่ถ้ามึงไม่ช่วยมัน มึงก็ไม่โดนจับ! มึงต้องเสียอนาคตก็เพราะมัน มึงควรจะได้เรียนต่อ..ไม่ต้องทำงานหนักหาเงินเลี้ยงกูอยู่แบบนี้!!”
“..มึงฟังกูไอ้ข้าว กูเป็นพี่มึง กูทำงานหาเงินเลี้ยงมึง มันก็ถูกแล้ว ที่กูไม่เรียนไม่ใช่เพราะไม่มีเงินเรียน แต่กูไม่อยากเรียนเอง ทุกวันนี้กูก็มีความสุขกับร้านข้าวขาหมู กับมึง กับเมีย แล้วก็ลูก..”
“...”
“..กูไม่เคยรู้สึกว่ากูเสียอะไร พลาดอะไร เข้าใจที่กูพูดใช่ไหมไอ้ข้าว..”
“...”
“มึงก็ภูมิใจในตัวกูไม่ใช่รึไง..”
“...”
“..มันถูกลิขิตมาแล้วว่าเราจะต้องเจอ มันคือบททดสอบของชีวิต.. และกูกับมึงก็กําหนดเส้นทางที่เหลืออยู่ได้.. จริงๆกูว่ากูกับมึงก็วิ่งแซงหน้าชะตาบ้าๆมาไกลแล้วด้วย”

..ไอ้ข้าวปล่อยมือจากเสื้อของผม

พี่โจ๊กคุกเข่าลง และแตะบ่าของทั้งผมกับไอ้ข้าว
“มึงก็เหมือนกันไอ้ปรินซ์ กูดีใจนะ ที่วันนั้นกูช่วยมึงไว้..”
ผมมองหน้าพี่โจ๊ก.. พยายามกลั้นน้ำตาไม่ให้ไหล..
“ลุกได้แล้วพวกมึงทั้งคู่คงมีคนรออยู่”
.
..หน้าร้าน
“ไอ้ปรินซ์กับไอ้ข้าวจะเป็นไงบ้างวะเนี่ย!!” พี่โบ้ทบ่นเสียงเครียดหลังจากที่เดินวนไปมาตลอดระยะทางหน้าร้านข้าว (ขาใหญ่)
“โอยย กูล่ะกลุ้ม กูว่าพวกเราไปหาชุดปฐมพยาบาลมาเตรียมไว้ก่อนดีไหมวะ หรือว่า..โทรตามรถโรงบาลเลย!”
“ใจเย็นก่อนพี่ มันคงไม่แย่ขนาดนั้น” พี่เป้พูด “แล้วพี่ก็เงียบทีเหอะว่ะ ดูหน้าไอ้ธามไอ้ที.. มันเครียดไปกันใหญ่แล้ว”
“ก็ไอ้ทีมันบอกเองว่าพี่ไอ้ข้าวก็จัดหนักไอ้ข้าวเหมือนกัน ไหนจะสหบาทาของพนักงานในร้านอีก จะไม่ให้กูห่วงโอเวอร์ได้ไงวะ! ขนาดคนเป็นพี่เป็นน้องแม่งยังไม่ยั้ง!”
“...”
เสียงประตูเหล็กม้วนดังขึ้น เรียกความสนใจของพวกเราให้ตั้งใจมอง ..ขาของคนสามคนค่อยๆปรากฏอยู่ด้านหลังของประตูที่ค่อยๆถูกดึงเลื่อนให้เปิดขึ้น..
..ปรินซ์ในสภาพไร้สติอยู่ในการพยุงของสองพนักงานร่างล่ำที่พวกเราคุ้นเคยมาตลอดเวลาเย็นของวันนี้
“ปรินซ์!!!! / ไอ้ปรินซ์!!!!” พวกเรารีบเข้าประชิดร่างของปรินซ์ทันที
“พวกมึงก็รับมันไปดูแลต่อล่ะกัน”
“แล้วไอ้ข้าว?”
“ถ้ามึงอยากรู้.. ก็เข้าไปดูดิ” พี่ทีรีบวิ่งกลับเข้าไปในร้าน ก่อนที่ประตูเหล็กจะถูกดึงปิดลง

“ไอ้เหี้ยเอ๊ย! ต้องทำกันขนาดนี้เลยเหรอวะ แจ้งความเลยไหม!!”
“ผมว่าพาปรินซ์ไปโรงบาลก่อนดีกว่าพี่!!”
“ใช่พี่”
“..ไม่ต้อง” ปรินซ์พูดเสียงพึมพำในลำคอ
“มึงว่าไงนะไอ้ปรินซ์”
“ไม่ต้องไปโรงบาล ..แค่พากลับบ้านธามก็พอ”
“..มึงโดนขนาดนี้เสือกจะไปบ้านไอ้ธาม บ้านไอ้ธามมีหมอรึไงวะ!!”
“บ้านผมไม่มีหมอนะพี่”
“สงสัยมันเข้าขั้นเพ้อแล้วว่ะ! ไอ้เป้ไปสตาร์ทรถ รีบไปโรงบาล!!”
“...” ปรินซ์ที่โดนผมกับพี่โบ้ทหิ้วปีกอยู่คนละฝั่ง เอนหัวไปทางพี่โบ้ทเพื่อกระซิบอะไรบางอย่างซึ่งผมไม่ได้ยิน
“เปลี่ยนแผนๆ!เอาไอ้ปรินซ์ไปฝากไว้ที่บ้านธามก่อน พวกเรายังต้องสแตนด์บายรอไอ้ข้าวมันด้วย ปรินซ์มันบอกว่าไอ้เชี่ยข้าวโดนหนักกว่ามันอีก!!”
“!!! / !!! / !!!”
“เอางี้ ไอ้เป้มึงขับไปส่งธามกับไอ้ปรินซ์ แล้วกลับมาหาพวกกูที่นี่.. ส่วนรถไอ้ปรินซ์..” พี่โบ้ทล้วงกระเป๋ากางเกงปรินซ์ “อ่ะไอ้บอส มึงเก็บรีโมทรถไอ้ปรินซ์ไว้ เผื่อพวกเรารอไอ้เป้ไม่ได้.. โอเคเอาตามนี้ พวกมึงไปก่อนเลย..”

“พี่ปรินซ์จะไม่เป็นไรเหรอวะพี่ ผมว่าน่าจะพาไปโรงบาลมากกว่าบ้านไอ้ธามไหมวะ”
“ถูกของมึง คนเจ็บมันก็ต้องอยู่ใกล้หมอ เพราะฉะนั้นไปบ้านไอ้ธามน่ะถูกแล้ว”
“?? / ??”
“ไอ้บอสไปสตาร์ทรถ เดี๋ยวกูจะพาพวกมึงไปหาอะไรเย็นๆ จิบผ่อนคลาย”
“อ้าวพี่! แล้วพี่ข้าวพี่ที..”
“กูว่าทางนี้ก็ไม่มีอะไรต้องห่วงแล้ว ไปกันเหอะว่ะ กูหิวแล้วด้วย เมื่อกี้กินข้าวขาหมูไปได้แค่ครึ่งจานก็โดนไล่ออกจากร้านซะงั้น อร่อยด้วย เสียดายฉิบหาย..”
“?? / ??”
.
.
..ห้องนอนข้าว

..10 นาทีก่อน
..หลังร้าน
“ไอ้ปรินซ์ กูหวังว่ามึงจะเคลียกับแฟนมึงได้ แล้วถ้ามึงต้องการกำลังเสริมไปลุยไอ้เหี้ยที่ปล่อยข่าวเรื่องมึง บอกกู.. เด็กกูเยอะ”
“ขอบคุณพี่”
“ส่วนมึงไอ้ข้าว”
“...”
“มึงชอบไอ้ทีรึเปล่า”
“!!!”
“ตอบกูมา”
“เห้ยพี่.. เรื่องแบบนี้ผมว่ามันบังคับใจกันไม่..”
“มึงเงียบไอ้ปรินซ์.. ว่าไง ชอบหรือไม่ชอบ”
“..ชอบ”
“ดี! ยอมรับแบบแมนๆ สมเป็นน้องกู ถ้ามึงชอบไอ้ที มึงก็ลุยเลยคืนนี้ อย่าให้พลาด”
“??? / ???”
“กูดูออกมาสักพักล่ะ ตัวแม่งติดกันหยั่งกับตังเม ผู้หญิงก็เสือกไม่มีมาให้กูเลิกระแวง แล้วกูก็คุยกับเมียกูแล้วว่าจะไม่บังคับมึง ลูกกูก็มีไว้สืบนามสกุลเรียบร้อย..”
“!!! / !!!”
“ตอนนี้กูสนแค่ว่ามึงจะมีปัญญาจัดการไอ้ทีรึเปล่า หลังๆไอ้ทียิ่งออกห่างจากมึงด้วย”
“รู้ได้ไง..”
“ก็ปกติมันต้องคอยโทรมารายงานเรื่องมึง แต่พักนี้มันเงียบ.. สงสัยแม่งเบื่อมึงแล้ว..”
“...”
“จะทำไรก็ทำให้มันจบๆ ซะคืนนี้ ไหนๆ ก็เจ็บตัวแล้ว ใช้ให้เป็นประโยชน์ มึงก็ด้วยไอ้ปรินซ์.. จำไว้ อ้อนตอนป่วย ยังไงก็ใจอ่อน..”

ผมนอนหลับตาทบทวนคำพูดของไอ้โจ๊ก ..คืนนี้จะต้องไม่พลาด

เสียงประตูห้องดังขึ้น.. ผมประหม่า..
“เป็นไงมั่งวะไอ้ข้าว!!!”
“..ไอ้ที”
“เออกูเอง.. มึงเป็นไงมั่งวะ ไปหาหมอไหม”
“กูไหว..”
“ไหวเหี้ยไรวะ!หน้ามึงโคตรไม่ไหว โดนพี่โจ๊กขนาดนั้นไม่ชํ้าในรึไงไปลุก!” ไอ้ทีสอดมือเข้าที่หลังของผม เอาแขนผมพาดที่บ่าของมัน พยายามประคองให้ผมลุกจากเตียง ..ผมแอบยิ้ม ก่อนออกแรงดันร่างไอ้ทีให้ลงนอนแทนที่ และขึ้นคร่อมตัวมันไว้
“เห้ย! ทําไรของมึง”
“กูแค่อยากคุยกับมึง”
คุยเรื่องอะไร! แล้วนี่มึงไม่เจ็บแล้วรึไงวะ”
“ไอ้เจ็บน่ะยังเจ็บอยู่ เพราะฉะนั้น มึงช่วยฟังกูพูดดีๆ ก่อนได้ไหม”
“นั่งคุยก็ได้ไหมวะ!”
“ไม่ได้ กูกลัวมึงหนีกูไปอีก แล้วกูก็อยากดูชัดๆ ด้วยว่ามึงจะมีปฏิกิริยายังไง”
“ปฏิกิริยา? อะไรของมึง! แล้วก็ปล่อยมือกูด้วย กูอึดอั..”
………..
“ไอ้เหี้ยข้าว!! มึงจูบกูทําเหี้ยไรเนี่ย”
“มึงบอกกูมาก่อนว่ามึงชอบกูรึเปล่า”
“ห่ะ!! มึงจูบกูเพื่อให้กูตอบคําถามมึงเนี่ยนะ?”
“เออ ถ้ามึงไม่ตอบ กูก็จะจูบมึงอีก”
“ตรรกะเหี้ยไรของมึงเนี่ย!”
………
“..ไอ้ข้าว งั้นมึงบอกกูมาก่อนว่ามึงคิดยังไงกับกู”
“..กูชอบมึง กูทนไม่ได้ถ้าไม่มีมึงอยู่ข้างๆ”
“มึงแน่ใจ? มันอาจจะเป็นเพราะกูเป็นเพื่อนสนิทมึงก็ได้ มึงแค่สับสน”
“ตอนแรกกูสับสน แต่พอกูเห็นมึงอยู่กับไอ้พี่โบ้ท กูก็รู้ตัวว่ากูคิดยังไงกับมึง..”
“...”
“ตามึงล่ะ ตอบมาว่าคิดยังไงกับกู”
ไอ้ทียิ้ม.. ก่อนอาศัยจังหวะผมเผลอพลิกตัวมันเองให้อยู่ด้านบนแทน ไอ้ทีจูบผมหนักหน่วง มันยอมปล่อยริมฝีปากของผมให้เป็นอิสระหลังจากที่เราทั้งคู่เริ่มหายใจหอบระรัว.. มันค่อยๆไล่สัมผัสนุ่มๆไปตามคอของผมก่อนมาหยุดอยู่ที่ขอบของใบหู..
“มึงได้คําตอบจากกูรึยัง?”
..ผมพยักหน้า หลากหลายอารมณ์กําลังตีกันอยู่ภายในหัว
“สรุปคือมึงก็ชอบกูใช่ไหม”
“อืม กูก็เพิ่งรู้ตัว.. กูพยายามที่จะไม่หวงมึงตอนที่มึงจะจีบธาม.. แต่กูก็ทนไม่ได้.. กูถึงหายไป..”
“..แล้วก็เป็นกูที่ทนไม่ได้ ..พอมึงหายไป”

“..ที”
“อะไร..”
“...”
“..มึงเจ็บอยู่นะ จะทําอะไรได้วะ นอนไปเลย!” ไอ้ทีทําท่าจะลุกจากตัวผม..
“มึงแน่ใจจริงๆ เหรอว่าอยากให้กูนอน..”
“...”
“ถ้ามึงยอม..”
“..มันก็ขึ้นอยู่กับว่ามึงจะทําให้กูยอมได้รึเปล่า..”
ผมยิ้ม..
ผมใช้มือทั้งสองข้างค่อยๆ โน้มคอไอ้ทีเข้ามาใกล้ก่อนจูบแบบค่อยเป็นค่อยไป ก่อนพลิกร่างของตัวเองคร่อมเหนือไอ้ที ซึ่งมันก็ยินยอม.. โอนอ่อน..
..จูบครั้งแรกจากผม คือจูบที่มีแต่ความประหม่า
..จูบครั้งที่สองของไอ้ที คือจูบที่มีแต่ความเร่งเร้า
..แต่จูบครั้งนี้จะเป็นจูบของเราที่มีอารมณ์ร่วมไปด้วยกัน ค่อยๆ ซึมซับทุกสัมผัสและทุกความรู้สึกที่มีอยู่อย่างไม่เร่งรีบ..

“พี่โจ๊กจะไม่ไล่กระทืบกูเหรอวะ”
“ก็มันนั่นแหละที่บอกให้กูจัดการมึงให้ได้คืนนี้”
“แล้วมึงก็เชื่อ?”
“ไม่ นี่ความต้องการของกูล้วนๆ”
“...”
.
.
..บ้านธาม
…!!!
“ม๊า!!! ม๊าเปิดประตูหน่อย”
“ม๊า!!! ป้าเจ็ง ป้าหมวยเปิดประตูให้ธามหน่อย!”
ประตูถูกเปิดออกในที่สุด พร้อมกับการปรากฏตัวของม๊า สีหน้าของม๊ากำลังสับสนไม่น้อย คงเพราะเวลานี้เป็นเวลานอน และผมก็ไม่ได้บอกม๊าว่าจะกลับมาคืนนี้..
“ธาม! ทำไมมาตอนนี้.. แล้วนั่น? ปรินซ์!! ปรินซ์เป็นอะไร?!?!”
“สวัสดีครับม๊า” พี่เป้รีบทักทายม๊าของผม แม้ทั้งสองแขนจะไม่ว่างเพราะประคองร่างของปรินซ์อยู่
“จ้ะ? แล้วนี่ปรินซ์เป็นอะไร? ทำไมสภาพเป็นแบบนี้!!”
“ให้ธามพาปรินซ์ขึ้นไปข้างบนก่อนนะม๊า!!”
“อื้อๆ ค่อยๆนะ!”
ม๊าตื่นตระหนกกับสภาพของปรินซ์.. ซึ่งไม่น่าแปลกใจ เพราะปรินซ์เป็นลูกรักของม๊า และเพราะปรินซ์ไม่เคยอยู่ในสภาวะย่ำแย่แบบนี้มานานแล้ว..

พี่เป้กับผมค่อยๆ วางร่างของปรินซ์ลงบนเตียงประจำตัวของปรินซ์.. ม๊าและป้าป้าก็ตามเข้ามาดูไม่ห่างด้วยความเป็นห่วง..
“ถ้าไงพี่ขอตัวก่อนนะ ไม่รู้ว่าทางนั้นเป็นไงมั่ง มีอะไรก็รีบโทรหาพี่”
“ครับพี่เป้ ขอบคุณมากนะครับ”
“ไอ้ปรินซ์มันก็เพื่อนพี่ ฝากด้วยนะ สวัสดีครับม๊า”
“ขับรถดีๆ นะ”
.
“ฮัลโหลพี่ ทางนู้นเป็นไงมั่ง”
[ไม่มีอะไรน่าห่วง มึงตามมาที่ร้าน ‘กินลมชงเล่า’ รู้จักใช่ม่ะ]
“หึ ..ว่าแล้วเชียว เดี๋ยวตามไป”
.
“มาธาม ม๊าดูแผลของปรินซ์ให้”
“ม๊าไม่ต้องเลย”
“ทำไมล่ะ ตอนเด็กๆม๊าก็ทำแผลให้ปรินซ์ตลอด”
“ก็ตอนนี้ปรินซ์มันโตแล้ว.. ม๊าจะดูแผลของผู้ชายตัวโตๆได้ยังไง!”
“เอ๊า แล้วใครจะทำแผลให้ปรินซ์..”
“เดี๋ยวธามทำเอง ม๊าแค่เอากล่องปฐมพยาบาลมาก็พอ”
“อืมๆ ก็ได้ ไปกันเถอะเจ็ง หมวย ลงไปเตรียมของให้ธามกัน”
ป้าป้ากับม๊าออกจากห้องไปแล้ว.. ผมมองคนตัวสูงที่นอนไม่ได้สติ ผมค่อยๆ ปลดกระดุมเสื้อเชิ้ตที่ปรินซ์ใส่อยู่ ได้ข่าวว่าโดนซ้อม คงมีแผลที่ท้อง..

“ธาม กล่องยาได้แล้ว” เสียงของม๊า ผมรีบจับเสื้อเชิ้ตของปรินซ์ให้ปิดเข้าหากัน
“ขอบคุณครับม๊า ม๊าออกไปได้แล้ว” ผมกดล็อกประตูทันทีที่ผมรับของจากม๊าเสร็จ เอาล่ะ.. เริ่มภารกิจได้

กระดุมเสื้อของปรินซ์ถูกปลดเรียบร้อย.. มีร่องรอยช้ำที่ท้องตามคาด.. ดูคล้ายรอยเท้า! ..ต้องเจ็บมากแน่ๆผมต้องใช้ความพยายามอย่างมากในการถอดเสื้อของปรินซ์ ..ไหนจะออกแรงดึงคนตัวสูงให้นั่งขึ้นอย่างทุลักทุเล ..แถมร่างเปลือยอุ่นๆที่ซบผมอยู่ยังทำใจผมเต้นแรง ทั้งที่ผมควรจดจ่อกับการดึงเอาแขนเสื้อออกจากตัวของปรินซ์ถ้าปรินซ์ตื่นขึ้นมาตอนนี้ ต้องคิดดีไม่ได้แน่..ผมค่อยๆ ใช้ผ้าชุบน้ำอุ่นหมาดๆ เช็ดไล่ไปตามตัวของปรินซ์อย่างเบามือ เพราะกลัวว่าจะทำปรินซ์ตื่น ..ผมเขิน ชักอยากรู้ว่าตอนปรินซ์เช็ดตัวให้ผมตอนผมป่วยจะรู้สึกแบบนี้บ้างรึเปล่า

“ธาม!”
“ครับม๊า” ผมสะดุ้ง และรีบไปเปิดประตู แต่ก็ไม่รีบเกินกว่าจะเอาผ้าห่มคลุมร่างเปลือยท่อนบนของปรินซ์ไว้..
“ม๊าเห็นแว่บๆ ว่ามือปรินซ์พองๆ เอ้านี่.. บัวหิมะเย็นๆ รีบทามือปรินซ์นะ ทาเยอะๆเลยไม่ต้องกลัวหมด เข้าใจไหม”
“เข้าใจครับ.. ม๊านอนได้เลยนะ ธามดูแลปรินซ์ได้ ฝันดีนะม๊า” ผมกอดม๊าเบาๆ หนึ่งที และล็อกประตู
ฮู่ววววว เอาล่ะ ทำไรต่อดี? เช็ดตัวเสร็จแล้ว งั้นทาบัวหิมะ.. ผมสำรวจมือทั้งสองข้างของปรินซ์.. เป็นข้างซ้ายที่มีรอยแดงๆ คงโดนน้ำร้อนลวก.. ต้องเจ็บมากแน่ๆ ผมค่อยๆ ทาบัวหิมะบนมือของปรินซ์..

“ธาม!”
“ครับม๊า” ผมรีบไปเปิดประตู
“ธามล้างแผลด้วยแอลกอฮอล์หรือน้ำเกลือ?”
“เอ่อ ..กำลังจะล้างม๊า”
“งั้นใช้น้ำเกลือเพราะมันเบากว่า จะได้แสบน้อยกว่า ค่อยๆ เช็ดนะ”
“ครับม๊า” ผมปิดประตู และล็อก..
..งั้นล้างแผลต่อ ..ด้วยน้ำเกลือ
ผมมองหน้าปรินซ์ แผลแตกเท่าที่เห็นก็ที่ปาก.. เลือดยังซึมๆ ต้องเจ็บมากแน่ๆ ผมเอาสำลีเยาะน้ำเกลือในปริมาณไม่มากนัก ค่อยๆ ซับเลือดที่บางส่วนเริ่มแห้งแล้ว.. ทำไงให้ออกวะ เปลี่ยนสำลีก้อนใหม่ เยาะน้ำเกลือชุ่มขึ้นอีกนิด ค่อยๆ ซับ.. อืม ออก.. แล้วก็ตามด้วยเบตาดีน..

“ธาม”
“ครับม๊า” ผมรีบไปเปิดประตู
“ม๊ามียานวดตัวนี้ ตัวนี้ดีนะ น่าจะดีกว่าตัวที่อยู่ในกล่อง ธามทาตรงที่มีรอยช้ำนะ อาจจะเย็นหน่อย ทาบางๆ เดี๋ยวปรินซ์จะทรมานนอนไม่หลับ พรุ่งนี้ค่อยทาแบบร้อน ออ แต่ก่อนทา.. ประคบเย็นก่อนด้วยนะ อ่ะ ม๊าเตรียมมาให้แล้ว”
“ครับม๊า ม๊านอนได้เลยนะ ไม่ต้องห่วง ของน่าจะครบแล้ว”
“อื้อ ม๊าก็ง่วงแล้ว” ผมปิดประตู และล็อก..
โอเค รอยช้ำมีที่หน้ากับที่ท้อง.. ผมดูแลใบหน้าของปรินซ์ก่อนเป็นอันดับแรก ก่อนจะเปิดผ้าห่มออก รอยช้ำที่หน้าท้องอยู่ค่อนไปทางใต้สะดือ.. ผมเผลอกลืนน้ำลาย.. คิดไรอยู่เนี่ยไอ้ธาม! นี่มันคือการล่วงละเมิดสิทธิของผู้ป่วยนะ จรรยาบรรณน่ะมีไหม ผมเรียกสติของตัวเอง ..ผมวางที่ประคบเย็นลงบนรอยช้ำ ทำได้สักพักก็เปิดฝายานวด ค่อยๆใช้นิ้วมือทายานวดให้บางและเบามือ.. ไม่รู้ว่าปรินซ์ที่สลบไปแล้วจะรู้สึกอะไรไหม ..แต่มือของผมที่สัมผัสหน้าท้องไร้ไขมันของคนเจ็บกำลังสั่น ..เหงื่อเม็ดเล็กกำลังซึมเปียก ยิ่งมองใบหน้าคนตัวสูงที่หลับพริ้มในเวลานี้..

“ธาม” เสียงม๊าเรียกสติของผมไว้ ผมไม่วายคว้าผ้าห่มขึ้นปิดร่างเปลือยของปรินซ์
“ครับม๊า” ผมรีบไปเปิดประตู
“นี่โจ๊กร้อนๆ ร้อนมาก ยังไม่ต้องกิน ทั้งของธามแล้วก็ปรินซ์เลย ถ้าปรินซ์ลุกไหวก็ปลุกให้กินหน่อย แล้วตามด้วยยา เข้าใจไหม เอ้าถือดีๆ ทั้งถาดเลย”
“ขอบคุณครับม๊า ผมรักม๊าจัง”
“ม๊าก็รักธาม รักปรินซ์ด้วย ดูแลปรินซ์ดีๆ นะ ม๊าไปนอนจริงๆ ล่ะ”
“คร๊าบบบ” ม๊าหยิกแก้มผมเบาๆ หนึ่งที ก่อนดึงประตูปิดให้ผมที่มือไม่ว่าง..
ผมวางถาดโจ๊กบนเตียงของตัวเองที่อยู่ข้างๆ ผมถอนหายใจเบาๆ เอาล่ะ เหลือกระบวนการไหนอีก.. น่าจะครบหมดแล้ว งั้นเอาน้ำไปเปลี่ยน เผื่อปรินซ์ไข้ขึ้นจะได้เช็ดตัว.. ผมรีบลุกเพื่อจะเดินไปห้องน้ำ แต่ก็ไม่เร็วพอที่จะพ้นการจับกุมของปรินซ์ ..ปรินซ์คว้าข้อมือของผมไว้
“เห้ย ตื่นแล้วเหรอ!”
“อื้ม..”
“เจ็บตรงไหนไหม”
“..เจ็บ เจ็บที่หัวใจ..”
“เป็นไร!! โดนกระแทกเหรอ ถ้างั้นไปโรงบาล”
“ไม่ต้องไปหรอก.. แค่มีธาม..พี่ก็หายเจ็บแล้ว”
“?”
ปรินซ์ดึงผมให้นั่งลงบนเตียงขนาดสามฟุตครึ่ง ก่อนเอาผ้าห่มลงให้ผมเห็นร่างท่อนบน
“ทำไรเนี่ย!”
“ก็ธามยังทายาไม่เสร็จ”
“ม๊าบอกว่าทาหนาไม่ได้ เดี๋ยวปรินซ์จะทนไม่ไหว”
“ทาอีกนิดก็ได้ พี่ทนไหว ..แล้วทำไมไม่ให้มาม๊ามาทำแผลให้พี่ล่ะ”
“ก็..”
“หวงมาม๊าหรือหวงพี่..”
“ก็หวง.. หวงม๊าดิ! เป็นสาวเป็นนางจะให้มานั่งมองผู้ชายเปลือยได้ไง”
“เสียใจจัง นึกว่าธามหวงพี่..”
“...” ผมทายาให้ปรินซ์ต่ออย่างเบามือ ..หวงมึงนั่นแหละ!

….......

“ธาม.. เรื่องลลิน..”
“...”
“ธามโกรธพี่ไหม..”
“โกรธ.. โกรธที่ปรินซ์เป็นคนไม่ดี โคตรรับไม่ได้..”
“ตอนนั้นพี่ไม่มีสติเอง.. พี่ผิด..”
“...”
“..แต่ธามรู้ไหม ตลอดเวลาที่อยู่กับลลิน..พี่ทรมานมาก เพราะพี่คิดว่าพี่กำลังทำผิดกับธาม กำลังนอกใจธาม ทั้งที่ตอนนั้นธามกับพี่.. ก็ยังไม่ได้เป็นอะไรกัน และถ้าเรื่องนี้จะทำให้ความรักของพี่พัง พี่คงให้อภัยตัวเองไม่ได้..”
“..พี่เป้เล่าให้ฟังแล้ว เล่าละเอียดด้วย..”
“...”
“..พี่เป้เล่าว่าปรินซ์น่ะโง่”
“...”
“โง่ที่โดนเขาหลอก..”
“อืม พี่โง่จริงๆนั่นแหละ แต่ก็เพราะลลิน ..ที่ทําให้พี่รู้ว่าพี่รู้สึกกับธามมากแค่ไหน”
“...”
“ธามหายโกรธพี่แล้วใช่ไหมครับ”
“อืม.. เรื่องมันก็จบไปนานแล้ว.. และปรินซ์ก็ได้รับบทลงโทษจากจิตใต้สำนึกของตัวเองไปแล้วด้วย”
ปรินซ์ลุกขึ้นนั่งเอาหน้ามาใกล้ผม “ขอบคุณนะครับ ..คนดีของพี่” เราสบตากันนาน.. ความเข้าใจระหว่างเราทั้งสองคนคือสิ่งที่ดีที่สุด.. ผมชอบช่วงเวลาแบบนี้.. เวลาที่เป็นของเราสองคน..
“ปรินซ์กินโจ๊กนะ.. จะได้กินยา..” ผมตั้งท่าจะลุกจากเตียงเพราะเริ่มสู้สายตาชวนใจสั่นของปรินซ์ไม่ไหว ถ้าเป็นปลากัด ผมคงท้องไปแล้ว
“พี่อยากกินอย่างอื่นมากกว่าโจ๊ก..”
“!!!”
“ธามให้พี่กินได้ไหม..”
“เจ็บอยู่ก็ต้องนอนดิ! จะมาทำอะไรอย่างนั้น แบบนั้นได้ยังไง!!”
ปรินซ์ยิ้ม “ธามคิดว่าพี่จะกินอะไร..” ไม่วายทำหน้าทะเล้นใส่ผมที่กลืนน้ำลายไปหลายอึก “พี่แค่จะขอกินน้ำ คอพี่แห้ง.. ธามคิดไปถึงไหน?”
“ออ ก็.. กินน้ำ ได้ดิ! ทำไมจะกินไม่ได้” ผมรีบลุกไปคว้าแก้วเทน้ำจากเหยือกที่อยู่บนโต๊ะเขียนหนังสือ ก่อนจะดื่มเอง..
“กินน้ำแก้เขินเหรอ..”
“เปล่าเว้ย! ก็หิวน้ำเหมือนกัน เอ้า กินซะ”
…........
“ถ้าธามไม่หิว พี่ว่าเรานอนกันเถอะ”
“อืม”
“นอนข้างๆ พี่นะ..”
“ได้ไง เตียงมันแคบนะ ปรินซ์จะอึดอัด”
“พี่ไม่อึดอัดหรอก นะ.. นอนกับพี่..”
“..แต่ว่า”
“พี่ไม่มีแรงทำอะไรธามหรอก..”
….........
“..ก็ได้”
ปรินซ์ยิ้มปรินซ์ขยับตัวจนชิดขอบเตียงอีกฝั่งเพื่อให้ผมนอน.. นอนบนแขนของปรินซ์ที่ใช้แทนหมอน..
“จะไม่เมื่อยเหรอ..”
“ไม่เมื่อยหรอก..
“...”
“กอดพี่ได้นะ พี่ไม่หวง..”
“...” ผมมองหน้าคนตัวสูงอย่างนึกหมั่นไส้

..ผมกอดปรินซ์ ..ผมนอนหลับอยู่ในอ้อมกอดของปรินซ์..คนที่ผมรัก ..ตลอดคืน
.
.
..แม้แสงตะวันจะเริ่มสาดส่อง ผมกับปรินซ์ก็ยังคงหลับสนิท โดยที่ไม่รู้เลยว่าประตูห้องได้ถูกเปิดออกอย่างแผ่วเบา.. และปิดลง..

..พายุกำลังจะสัดสาด แม้ในฤดูที่ไร้ซึ่งคลื่นลม
.
.
.
หัวข้อ: Re: YR Mine นายผู้ปกครอง - รักลุ้นๆ ของคนพี่ Ep.038 - เคลียร์
เริ่มหัวข้อโดย: JokerGirl ที่ 16-07-2019 12:10:08
อ่อเรื่องมันเป็นแบบนี้นี่เอง ข้าวกับทีพอเข้าใจกันบอกรักกันก็จัดเลยหรา o13 ส่วนปริ้นซ์ต้องรอก่อนนะจ๊ะ อดทนต่อไป5555 ตอนท้ายคือจะมีอะไรอีกเนี้ย
หัวข้อ: Re: YR Mine นายผู้ปกครอง - รักลุ้นๆ ของคนพี่ Ep.039 - ..พายุ
เริ่มหัวข้อโดย: After5p.m. ที่ 16-07-2019 14:01:24
039
..พายุ
.
.
..เป็นคืนที่ผมนอนหลับสนิท และฝันดี เพราะฝันว่าตัวเองกําลังนอนอยู่ข้างๆ ปรินซ์ และคนตัวสูงยังคงนอนหลับใหลไม่ได้สติ ..ผมเอื้อมมือไปบีบจมูกโด่งๆ ของคนข้างๆ ..ก็ในนี้เป็นเพียงมิตินิทรา ปรินซ์คงไม่ว่าอะไรถ้าจะโดนผมแกล้งบ้าง
..ได้ผล ปรินซ์คิ้วขมวด ทั้งยังยกมือขึ้นมาคว้าเอามือของผมไว้แน่น ใครจะไปยอม ผมพยายามดึงมือของตัวเองให้หลุดออกจากการควบคุม แต่ก็ไม่เป็นผล ซํ้ามือของปรินซ์ยังยิ่งกุมกระชับแน่น!
“แกล้งพี่แต่เช้าเลยนะ..”
“..แต่มันเป็นเช้าในความฝันของธาม ขอแกล้งหน่อยไม่ได้รึไง”
ปรินซ์เลื่อนมือที่มีมือของผมอยู่ไปสัมผัสยังอกเปลือยเปล่าของตัวเอง!
“!!!!!”
“..ธามฝันแบบนี้อยู่รึเปล่า”
หน้าของผมร้อนผ่าว รีบชักมือของตัวเองกลับ แต่ก็สู้แรงของปรินซ์ไม่ได้ ปรินซ์ได้ทียิ่งโอบร่างผมแน่น.. ใจผมเต้นรัว
“หรือว่า.. เอาพี่มานอนข้างๆ ในฝันตลอด?”
“หลงตัวเองไปป่ะ” ผมที่เพิ่งยอมรับว่านี่ไม่ใช่ความฝันรีบฝังหน้าของตัวเองลงกับอกขาวของปรินซ์ ..ไม่รู้ว่าเป็นทางเลือกที่ดีไหม แต่ก็ดีกว่าสู้ตาปรินซ์ที่มองจ้องอยู่
“เขินเหรอ..”
“เออ เขิน”
“ทําไงถึงจะหาย?”
“ไม่รู้..”
“งั้นพี่บอกให้..” ผมเอียงหูเพราะอยากรู้ ขณะที่ปรินซ์เองก็เอียงหน้าลงมากระซิบ..
…..........
“เชี่ยปรินซ์!”
“พี่จะบอกว่า.. พี่รู้แค่ว่าจะทําไงให้ธามเขินกว่าเดิม” ตอนนี้หน้าของผมคงแดงแรงยิ่งกว่าเฉดสีบนจอ LED!!
…..........
“ธาม!” เสียงของม๊า
ผมกับปรินซ์มองหน้ากันปรินซ์พยักหน้าให้ผม แม้สีหน้าจะตกใจไม่แพ้กัน..
“ครับม๊า” ผมพยายามปรับสีหน้า ก่อนเดินไปเปิดประตู..

..เชี่ย ประตูไม่ได้ล็อก!!

ผมเปิดประตู..
“คนรถที่บ้านปรินซ์มารับแล้วนะ บอกปรินซ์ให้รีบลงไปได้แล้ว” ม๊าพูดเสียงเย็น
“คนรถ?”
“..ม๊าโทรไปบอกพ่อปรินซ์เองว่าให้ส่งคนมารับ นอนบ้านตัวเอง.. ยังไงก็ดีกว่านอนบ้านคนอื่น..”
“แต่ปรินซ์ยังเจ็บอยู่เลยนะม๊า”
“..ก็ยิ่งต้องอยู่บ้านตัวเอง รีบแต่งตัวแล้วลงไป อย่าให้รอนาน..”

…............

ผมปิดประตู.. หันหน้ามองคนตัวสูงที่ยิ้มบางให้ผม “ไม่เป็นไร.. เราจะต้องผ่านไปได้ เชื่อพี่..”

ผมกับปรินซ์พากันเดินลงมาจากบันได.. เดินผ่านป้าป้าที่ยังคงยิ้มแย้มให้ปรินซ์เป็นปกติ และถามไถ่อาการปรินซ์ด้วยความเป็นห่วง ขณะที่ม๊านั่งนิ่งอยู่ที่ชุดเก้าอี้หน้าทีวี..

‘ต่อไปข่าวใหญ่วงการกีฬาครับ’
‘...’
‘เป็นข่าวไม่ค่อยดีของวงการนักกีฬาระดับมหาวิทยาลัยครับ สองวันที่ผ่านมามีโพสต์ในสื่อสังคมออนไลน์ระบุว่านักกีฬาฟุตบอลดาวรุ่งของมหาวิทยาลัยชื่อดังแห่งหนึ่ง มีชื่ออักษรย่อว่า ป.อ. ซึ่งเป็นหนึ่งในตัวแทนนักกีฬาไปแข่งกีฬามหาวิทยาลัยโลกด้วย ตามข่าวบอกว่านาย ป.อ. เคยข่มขืนเพื่อนสาวต่างคณะ ซึ่งจากหลากหลายแหล่งข่าวก็คาดเดากันว่า นาย ป.อ. อาจจะเป็น ปรินซ์ อชิระ กองหลังดาวรุ่งครับ แต่ตอนนี้ก็ยังไม่มีความเคลื่อนไหวจากทั้งทางมหาวิทยาลัย และทางนายอชิระนะครับ ว่าข้อเท็จจริงเป็นเช่นไร..’
‘ถ้าเป็นเรื่องจริงก็น่าเป็นห่วงนะคะว่าเส้นทางการเป็นนักกีฬาอาจจะต้องจบลง’
‘ครับ แล้วก็อาจมีผลทั้งเรื่องการเรียน และในส่วนของคดีความด้วยนะครับ..’

..ผมมองหน้าปรินซ์ที่เดินตามหลัง ปรินซ์ยังคงยิ้ม.. ต่างจากผมที่ใกล้ร้องไห้เต็มที..
“ผมกลับก่อนนะครับมาม๊า..”
“...”
..ปรินซ์กับผมเดินผ่านหลังของม๊าไปเงียบๆ ..ม๊าไม่แม้แต่จะหันหลังมามองตั้งแต่เกิดมาผมไม่เคยเห็นม๊าเป็นแบบนี้ ม๊าทําเหมือนกับว่าปรินซ์และผมเป็นเพียงอากาศธาตุ

ปรินซ์ยิ้มให้ผมหลังจากหยุดยืนที่ข้างประตูรถยนต์ขนาดเจ็ดที่นั่ง.. ขณะที่ผม..
“เข้าบ้านได้แล้ว..” ม๊าเดินมาประชิดที่ข้างกายผม ก่อนจูงมือผมกลับเข้าบ้าน และปิดประตูบ้านทันทีทั้งที่ปรินซ์ยังคงยืนมองผมอยู่..
.
.
..ปรินซ์
“ไงลูกชาย..” พ่อ..ที่ไม่ค่อยได้เจอหน้ากล่าวทักทายลูกชายคนเดียวอย่างผมเมื่อเราทั้งคู่นั่งข้างกันบนรถ
“...”
“ไปทําอีท่าไหนให้ถูกจับได้.. หรือว่าเมื่อคืน..”
“ผมไม่เคยละเมิดสัญญา..”
“...”
“ป๊าก็อย่าลืมเงื่อนไขในส่วนของป๊า..”
“ใช้ได้นิหว่า รู้จักเอาสัญญามาต่อรอง..”
“..ก็ผมลงทุนไปด้วยชีวิตของผม และผมก็รู้ว่าสัญญานั่นจะต้องคืนกําไรให้ผมในท้ายที่สุดตามที่ป๊าสัญญาไว้”
“..สมกับที่เป็นลูกอั๊ว มองขาดแต่เด็ก”
“...”
“..แล้วลื้อจะเอาไงต่อ?”
“ก็ทำตามเงื่อนไขข้อสุดท้าย.. ป๊าเองก็อย่าทำให้ผมผิดหวัง เพราะป๊าบอกผมเอง ..ว่ามันจะคุ้มค่ากับที่ผมลงทุนไป”
“...”
.
.
..ธาม
“ม๊า..”
“...”
“ม๊าโกรธอะไรปรินซ์.. ถ้าเรื่องข่าวเมื่อกี้ ธามอธิบายให้ม๊าฟังได้นะ มันเป็นเรื่..”
“ธาม.. เรื่องข่าวก็เรื่องหนึ่ง แต่อีกเรื่อง.. ธามรู้ใช่ไหมว่าเรื่องอะไร..”
“...”
“ม๊าเห็น..”
“ม๊า.. คือธามกับปรินซ์..”
“ม๊าบอกธามไว้ตรงนี้เลยนะ ม๊ารับไม่ได้ และก็จะไม่มีวันรับได้.. ธามเป็นลูกชายคนเดียวของตระกูล วันนึงธามก็ต้องแต่งงาน มีลูก เพราะฉะนั้น ต่อไปนี้ เลิกยุ่งกับปรินซ์ซะ”
“แต่ม๊า! ธามโตแล้วนะ เรื่องนี้ให้ธามเลือก ให้ธามตัดสินใจเองไม่ได้เหรอ”
“แต่ในสายตาของม๊า.. ธามก็ยังคงเป็นเด็ก เด็กที่ยังไม่รู้จักโลก! ธามจะอยู่ได้ยังไงถ้าไม่มีครอบครัวที่ดี ที่ถูกต้อง คนอื่นเขาจะมองธามยังไง ไม่อายเขาเหรอ!”
“ม๊า.. ปรินซ์ก็เป็นคนดี ม๊าเลี้ยงปรินซ์มา แล้วม๊าก็รักปรินซ์.. รักมากกว่าธามอีก.. แล้วทำไมเป็นปรินซ์ไม่ได้..”
“ยังไงก็เป็นไปไม่ได้!! ธามต้องเชื่อฟังม๊า! เพราะม๊าคือคนที่รักและหวังดีกับธามที่สุด! กลับขึ้นไปได้แล้ว..” ผมมองหน้าม๊า.. ม๊าเป็นเคยแม่ที่ใจดีที่สุด.. ม๊าเป็นแม่ที่ผมรักมากที่สุด.. แต่ตอนนี้ม๊ากลายแม่ใจร้ายในสายตาของผม ผมเข้าใจม๊า.. อยากยอมรับว่าที่ม๊าพูดมามันไม่ผิด ..แต่ใจผมล่ะ ใจของผมจะยังคงเต้นอยู่อย่างมีชีวิตได้ยังไง ในเมื่อผมเพิ่งรู้ตัวว่าผมรักปรินซ์.. เพิ่งยอมรับความจริงที่ตัวเองเป็นได้ ..แล้วความสุข ช่วงเวลาดีๆ ที่เพิ่งได้สัมผัสกลับมาถูกม๊าตอกตะปูปิดตายเรียบร้อยว่ามันจะไม่มีอีกต่อไป ผมควรจะทำยังไง..
“ม๊า.. ให้โอกาสธามกับปรินซ์นะ..” ผมจับแขนของม๊า ภาวนาให้ม๊าใจอ่อนเหมือนทุกครั้งที่ผมอ้อนวอนต้องการขอในสิ่งที่อยากได้
“โอกาสให้ชาวบ้านเขาเอาไปนินทารึไง อยากให้ม๊า ป้าเจ็ง ป้าหมวยต้องเอาปี๊บคลุมหัวเดินรึไง! มันจะไม่มีโอกาสอะไรทั้งนั้น แล้วก็เอามือถือมาให้ม๊า”
“...” ผมไม่ฝืนแรงของม๊า เมื่อม๊ากระชากเอาโทรศัพท์ไปจากมือของผม
“เราจะไม่พูดเรื่องนี้กันอีก.. กลับขึ้นไปบนห้องซะ..”
…..........
.
.
..มหาวิทยาลัย

“หวัดดีพี่ / สวัสดีพี่”
“เออ ไอ้ปรินซ์มันเรียกพวกมึงมาด้วยเหรอ”
“ใช่พี่โบ้ท น่าจะเป็นเรื่องข่าว..”
“ข่าวที่ตอนนี้รู้กันค่อนประเทศ”
“เออ ลามเร็วฉิบหาย”
“หวัดดีพี่”
“เอ๊า ไอ้เชี่ยข้าว มึงมาได้ไงเนี่ย กูว่ากูตามไอ้ทีนะ ไม่ได้ตามมึง”
“ก็ไอ้ทีมันบอกให้มา..”
“ออ เป็นตัวแทนไอ้ที.. แล้วทำไมไอ้ทีไม่มา..”
“ก็.. มันลุกไม่ค่อยไหว ก็เลยให้ผมมา เผื่อจะช่วยอะไรไอ้ปรินซ์ได้บ้าง”
“..ลุกไม่ไหว?ทำไมวะ.. เมื่อคืนจัดหนักเหรอพวกมึง??”
“มันดันนอนดึกเพราะมัวแต่เล่นเกม.. แถมเมื่อเช้าตัวมันก็ร้อนเหมือนจะมีไข้อ่อนๆ ด้วย.. มันก็เลยอยากนอนต่อแล้วขอให้ผมมาแทนนี่ไง..”
“อื้มมมมมมม ..งั้นเดี๋ยวคุยเรื่องไอ้ปรินซ์เสร็จ กูจะตามไปเยี่ยมไอ้ที”
“ไม่ต้อง!”
“?”
“มันอยากพัก พี่ก็อย่าไปกวนดิวะ!”
“เออๆ หวงฉิบหาย ได้กันแล้วก็อย่าทิ้งกันล่ะ”
“ไม่ทิ้งหรอก”
“นั่นไง กูว่าแล้ว ว่าพวกมึงได้กันแล้ว”
“!!!”
“ไม่ใช่ดิ! มึงได้ไอ้ทีแล้วตังหาก”
“พอเลไอ้เชี่ยพี่โบ้ท”
“นี่กูเป็นพี่พวกมันรึเปล่าวะไอ้บอสไอ้บรีส กูโดนทั้งไอ้เป้ไอ้ข้าวจิกเรียกชื่อกูตลอด”
“ก็สมควรไหมล่ะพี่”
“มึงก็อีกตัวนะไอ้บอส”
“ผมว่าเราเบรกเรื่องบันเทิงไว้ก่อนไหมพี่ พี่ปรินซ์พี่เป้เดินหน้าเครียดมานู้นแล้ว”
“...”
“หวัดดีพี่ / หวัดดีพี่”
“เออๆ ไหว้พระ”
“ไอ้เป้มันเล่าให้ฟังล่ะว่าเป็นไอ้เวรที่ร้านเหล้าคืนนั้น..”
“มันเป็นคราวซวยของมึงจริงจริ๊ง ที่ลลินเสือกเห็นตอนมึงกับมันมีเรื่องกัน.. แล้วดันไปแลกเปลี่ยนข้อมูลปมความแค้นที่มีกับมึง”
“...”
“นี่ขนาดตอนนั้นมึงไม่เอาเรื่องที่มันต่อยมึง มันก็ยังจะชงความเลวเข้มๆให้มึงจนได้”
“มันคงอิจฉาพี่ปรินซ์ ดันเทพไปหมดทุกเรื่อง โดยเฉพาะเรื่องบอล”
“แล้วมึงจะจัดการกับมันยังไง.. จัดให้เข้าโรงบาลอีกสักรอบม่ะ.. คราวที่แล้วโดนหมัดเดียวของมึงยังหยอดน้ำข้าวต้ม รอบนี้เอาให้แดกอะไรไม่ได้เลยไหม”
“ไม่ว่ะ ผมจะไม่ทำอะไรมัน..”
“!!!! / !!!!!!! / !!!!!!!!! / !!!!!!! / !!!!!!!”
“กูว่า.. ถ้ามึงจะเป็นคนดี ก็เอาให้ถูกเวลาหน่อยก็ได้นะ เรื่องอย่างนี้มันก็ต้องเอาคืนเปล่าวะ”
“ไอ้ข้าวพูดถูก มึงจะยอมมันง่ายๆ เนี่ยนะ!”
“ผมไม่ได้จะยอม แต่แค่เรื่องที่มันโพสต์ ก็มีส่วนที่จริงอยู่.. แล้วจริงๆ ก็ต้องขอบใจมัน.. ที่ทําให้เรื่องมันง่ายขึ้น”
“เรื่องอะไรวะไอ้ปรินซ์”
“..ก็เรื่องลาออกจากการเป็นนักบอล”
“!!!! / !!!!!!! / !!!!!!!!! / !!!!!!! / !!!!!!!”
“ไอ้เชี่ยปรินซ์! ถ้ามึงไปลาออก ก็เท่ากับมึงยอมรับดิวะว่ามันเป็นเรื่องจริง”
“ใช่พี่”
“คนอื่นจะคิดยังไงผมไม่สน ผมสนแค่คนของผม..”
“โอ้โห กูล่ะซาบซึ้ง ชื่อเสียงที่มึงสั่งสมมามึงจะยอมแลกกับขี้ปากของคนหมาๆเพียงคนเดียว?”
“ใช่ แต่ผมไม่ได้แลกกับไอ้เชี่ยนั่น ..ผมแค่แลกกับธาม”

“เอาไงดีวะพี่..”
“ก็มันตัดสินใจไปแล้วนี่หว่า”
“พวกเราทำอะไรไม่ได้เลยเหรอวะพี่”
“กูก็จนปัญญาว่ะ มันบอกโค้ชก่อนมาเจอพวกเราด้วยซ้ำ กูล่ะนับถือจิตใจของมันจริงๆ ถึงกูจะยังไม่เข้าใจว่าไอ้การออกจากการเป็นนักบอล มันจะเกี่ยวยังไงกับไอ้ธาม..”
“...”
“ไอ้ข้าว.. มึงมีไอเดียอะไรบ้างไหม”
“พี่ช่วยเล่าก่อนได้ป่ะว่าเรื่องที่ร้านเหล้ามันเรื่องอะไร”
“เออว่ะ ตอนนั้นมึงมัวแต่โชว์หล่อบนเวที.. ก็ไอ้ธามมันเมาไปเข้าห้องน้ำ แล้วเสือกไปทักทายคนอื่นแรงไปหน่อยเพราะคิดว่าเป็นเพื่อน ไอ้เวรนั่นก็ไม่พอใจจะต่อยไอ้ธาม แต่ไอ้ปรินซ์มันเข้าไปขวางไว้ทัน ไอ้ปรินซ์ก็พยายามลากไอ้ธามหนีแล้ว แต่ไอ้เวรนั่นเสือกไม่ยอม แล้วดันต่อยไอ้ปรินซ์ก่อน ไอ้ปรินซ์มันก็เลยซัดหมัดเดียวไอ้เวรนั่นหลับ แต่ไอ้ปรินซ์ก็ยังตามรถโรงบาลมารับ ซึ่งมันก็โอเค ไม่ได้ติดใจอะไรกัน จนมันไปเจอลลิน แล้วก็เสือกโพสต์หมาๆนั่นแหละ”
“แสดงว่ามันเจ็บใจเพราะโดนต่อย..”
“เห้ยพี่”
“อะไรไอ้บอส”
“ผมว่าเรามีวิธีเอาคืนมันแล้วพี่”
“?”
.
.
.
..ธาม
..สองวันที่ผ่าน ผมเหมือนถูกจำคุกเพราะความผิดข้อหาอะไรสักอย่างในห้องของตัวเอง มีป้าหมวยคอยเอาข้าวเอาน้ำมาให้ผม ทั้งที่ผมควรจะลงไปช่วยอะไรในบ้านในครัวเหมือนทุกครั้งที่ผมอยู่บ้าน
..ผมถูกตัดขาดจากโลกภายนอกเหมือนตัวเองหลงเข้ามาในดินแดนที่ถูกรีเซ็ทให้ย้อนเวลากลับไปในยุคที่ไร้ซึ่งเครื่องมือสื่อสาร แม้แต่ช่องทางในการรับข่าวสารอย่างวิทยุหรือทีวีก็ยังไม่ถือกำเนิดเกิดขึ้น
..ผมอ่านการ์ตูนที่คุ้นเคยเล่มแล้วเล่มเล่าจนแทบหมดตู้ จริงๆผมไม่ได้อ่าน.. ไม่มีตัวหนังสือ หรือลายเส้นอารมณ์ของตัวละครตัวไหนซึมผ่านเข้ามาในการรับรู้ของผม ..ผมเปิดพวกมันเพียงแค่ฆ่าเวลาให้ผ่านเลยไปอย่างรวดเร็วและรวดเร็ว

..ทำไมถึงไม่มีข่าวจากคนตัวสูง
..ตอนนี้จะยังเจ็บแผลอยู่ไหม
แล้วตอนนี้.. จะยังคิดถึงกันอยู่รึเปล่า

..น้ำตาผมไหลทุกครั้งที่คิดว่าเรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้นเป็นเพียงความฝันที่เมื่อตื่นขึ้นก็เป็นแค่เรื่องราวที่จิตใต้สำนึกร่ายกลให้ผมหลงมีความสุขเพียงแค่ชั่วการหลับ.. แต่ภาพของกล่องยา ผ้าห่มที่ยังคงยับยู่อยู่บนเตียงของปรินซ์.. ก็คอยย้ำเตือนว่าเรื่องทั้งหมดเป็นเรื่องจริง..

……!!!!!!!
เสียงเบาๆของอะไรสักอย่างที่กระทบกับหน้าต่างที่ถูกปิดไว้ดังอยู่ในการรับรู้อันบางเบาของผม.. มันดังเบาๆ ต่อเนื่องอยู่อย่างนั้นจนผมเริ่มสนใจว่ามันคือเสียงอะไร..
..คงเป็นนกน้อยที่คาบเอาเส้นไม้กวาดมาทำรัง
..คงเป็นแมวที่อยากฝนเล็บตัวเองให้พร้อมกับการแย่งชิงอาณาเขต
..คงเป็นสไปเดอร์แมนที่เที่ยวชักใยฝากไว้ตามตึกที่กระโดดผ่านไปทั่ว

..ถ้าเป็นปรินซ์ก็คงดี

“ธาม.. นี่พี่เอง”
“ธาม.. ได้ยินพี่ใช่ไหม..”
..เสียงของปรินซ์
มันเป็นเสียงของปรินซ์จริงๆ ผมไม่ได้กําลังถูกหลอนหลอกโดยความคิดของตัวเอง ผมรีบลุกไปที่หน้าต่างที่ถูกปิดอยู่ ในใจก็แอบคิดว่ามันจะเป็นไปได้เหรอในเมื่อพื้นที่ใต้หน้าต่างมันน้อยมากจนไม่น่าจะยืนเหยียบอยู่ได้..
“ธาม.. ค่อยๆ เปิดหน้าต่าง เปิดบานซ้ายก่อนนะ ไม่งั้นพี่ร่วงแน่”
“ซ้ายธามหรือซ้ายปรินซ์”
“ซ้ายธาม”
“ถ้าเปิดผิด..”
“ไม่ต้องกังวล เปิดเถอะ ถ้าไม่รีบ เดี๋ยวจะมีคนผ่านมาเห็นนะ”
..ผมค่อยๆ เปิดหน้าต่างฝั่งซ้าย แสงจากไฟทางที่ถูกเปิดเพราะเป็นเวลาพลบค่ำฉายใบหน้าของปรินซ์ให้ปรากฏขึ้นที่หลังหน้าต่างฝั่งขวา ใบหน้าที่ผมไม่ได้เจอแค่สองวัน แต่กลับเหมือนผมไม่ได้เห็นใบหน้านี้มาเป็นปี..
“อย่าเพิ่งยิ้ม เก็บไว้ยิ้มให้พี่ตอนพี่เข้าไปได้..”
ปรินซ์จับยึดขอบหน้าต่างไว้แน่น ก่อนค่อยๆ เบี่ยงตัวและปีนเข้ามาภายในได้สำเร็จ ..หน้าต่างถูกปิดลงอย่างแผ่วเบาโดยคนตัวสูงผมเฝ้ามองคนตัวสูงด้วยความปลื้มใจ น้ำตารื้นไหลคลอเคล้าเต็มดวงตาจนเห็นภาพเป็นโมเสคฟุ้ง.. ผมโผกอดหลังของปรินซ์ทันทีที่คิดว่ากระบวนการการแอบย่องเข้าห้องผมเสร็จสิ้น.. ผมต้องการการสัมผัส.. สัมผัสให้แน่ใจว่านี่ไม่ใช่ความฝัน..
“คิดถึงพี่ใช่ไหม..”
“อื้ม.. คิดถึงมาก..”
“งั้นให้พี่ดูหน้าหน่อยได้ไหม”
“ไม่ได้..”
“ทำไม..”
“เพราะร้องไห้อยู่..”
ปรินซ์หัวเราะเบาๆ “ไหนว่าคิดถึง คิดถึงแล้วไม่อยากเห็นหน้าพี่เหรอ..”
“...”
ผมยอมคลายอ้อมกอดที่รัดตัวปรินซ์ไว้หลังจากที่คิดว่าหน้าตัวเองดีขึ้นนิดหน่อยเพราะได้ซับน้ำตาฝากไว้ที่เสื้อของปรินซ์บางส่วนแล้ว..
..ปรินซ์กลับตัวมามองผม “ขี้แยเป็นเด็กๆ”
“..ก็มึงหายไป แล้วม๊าก็..”
“ไม่เจอแค่สองวัน.. ไม่สุภาพกับพี่อีกแล้วนะ”
“ก็กูไม่รู้จะทำยังไง โดนขัง มือถือก็โดนยึด โดนม๊าสั่งว่าไม่ให้เจอมึง แล้วมึงก็หายไป..” สองมือของผมกำอกเสื้อปรินซ์ไว้แน่น น้ำมูกน้ำตาไหลพราก.. ปรินซ์จะเข้าใจไหมว่าผมกลัวมากแค่ไหน..
..คนตัวสูงมองหน้าผม ยิ้มอ่อนโยนระบายอยู่บนใบหน้า ปรินซ์โน้มหน้าเข้ามาใกล้ผม ก่อนประคองลำคอของผมขึ้น และมอบจูบอันอ่อนโยนให้ผม.. ผมหลับตาเพื่อซึมซับความรู้สึกทั้งหมดที่ปรินซ์ส่งให้ผม.. ความอบอุ่นใจ ความปลอดภัย และการรับรู้ถึงการมีอยู่ของกันและกัน..

..ปรินซ์กอดผมหลังจากที่เราถอนริมฝีปากออกจากกัน
“พี่อยู่นี่แล้ว.. ไม่ต้องกลัว ไม่ต้องห่วง เรื่องของเราสองคน พี่จะไม่ยอมแพ้ ธามแค่อดทนอีกหน่อย เชื่อพี่นะ..”
.
.
.
หัวข้อ: Re: YR Mine นายผู้ปกครอง - รักลุ้นๆ ของคนพี่ Ep.039 - ..พายุ
เริ่มหัวข้อโดย: JokerGirl ที่ 16-07-2019 21:52:49
คุณม๊าาาาา :sad4:
หัวข้อ: Re: YR Mine นายผู้ปกครอง - รักลุ้นๆ ของคนพี่ Ep.040 : การเจรจา..
เริ่มหัวข้อโดย: After5p.m. ที่ 17-07-2019 10:16:46
040
การเจรจา..
.
.
..ไลน์กรุ๊ปคอล [We are ARMY!!]
ปทุมเนทคาเฟ่ :    “ไอ้บอส..”
พระประแดง 5.0 :    “เรียบร้อยพี่”
ปทุมเนทคาเฟ่ :    “ไอ้บรีส..”
ดาวคะนองฮับ :    “เรียบร้อยครับพี่โบ้ท”
ปทุมเนทคาเฟ่ :    “ไอ้เป้..”
พระปฐมเจดีย์มีเนท : “เรียบร้อย แต่ทําไมผมต้องมาไกลขนาดนี้ด้วยวะ!”
ปทุมเนทคาเฟ่ :    “ก็มึงมีรถไง..”
พระปฐมเจดีย์มีเนท : “!!”
ปทุมเนทคาเฟ่ :    “แล้วทางมึงเป็นไงไอ้ข้าว..”
บ้านน้องนนท์อินเตอร์เนท : “..เรียบร้อย”
ปทุมเนทคาเฟ่ :    “ดีมากทุกคน ออกจากจุดเดิม เปลี่ยนพิกัด อย่าลืมว่าเรากําลังปฏิบัติภารกิจสําคัญให้เดอะปรินซ์!”

“ครับ / ครับ / … / …”
.
.
‘..เป็นข่าวใหญ่ตลอดสองสามวันที่ผ่านมาเลยนะครับ สําหรับกรณีของปรินซ์ อชิระ กองหลังดาวรุ่ง หลังจากที่มีข่าวลือในสื่อสังคมออนไลน์ว่านายอชิระเคยข่มขืนเพื่อนสาวต่างคณะ ซึ่งก็ไม่มีการยืนยันนะครับว่าข่าวนี้จริงเท็จประการใด จนกระทั่งเวลาสายของเมื่อวานนี้มีการยืนยันจากทางมหาวิทยาลัยที่นายอชิระศึกษาอยู่ว่า เจ้าตัวได้แจ้งความประสงค์ที่จะออกจากการเป็นนักบอลของมหาวิทยาลัย คราวนี้เลยเกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์ต่างๆ นานาเลยครับ ว่าการที่นายอชิระตัดสินใจเช่นนี้ หรือจะเป็นเพราะยอมรับในข้อกล่าวหาดังกล่าว จึงรับผิดชอบต่อชื่อเสียงของการเป็นนักบอลของมหาวิทยาลัยด้วยการลาออก แต่หลังจากที่ข่าวนี้ถูกเผยแพร่ออกไปไม่นาน กลับมีคลิปวิดีโอปริศนาคลิปหนึ่งถูกแชร์ส่งต่อๆกันอย่างรวดเร็ว เป็นภาพจากกล้องวงจรปิดของร้านอาหารแห่งหนึ่ง ในวิดีโอนั้นปรากฏเป็นภาพของนายอชิระที่พยายามจะหลบเลี่ยงนักศึกษาคนหนึ่งที่ต้องการจะทำร้ายนายอชิระ และเพื่อนที่มาด้วยกัน โดยนักศึกษาคนดังกล่าวเป็นฝ่ายลงมือต่อยนายอชิระก่อน ก่อนที่จะโดนนายอชิระสวนกลับจนสลบไป โดยทางผู้สื่อข่าวได้ลงสำรวจพื้นที่ของร้านที่น่าจะเป็นร้านที่เกิดเหตุ ก็พบว่าเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นจริง โดยทางเจ้าของร้านยืนยันว่านายอชิระไม่ได้เป็นฝ่ายลงมือก่อนตามภาพที่ปรากฏในคลิป ซ้ำยังเป็นผู้โทรตามรถโรงพยาบาลมารับผู้ก่อเหตุด้วย และเมื่อเราติดตามไปที่โรงพยาบาล ทางโรงพยาบาลเปิดเผยว่านายอชิระเป็นผู้ดูแลค่าใช้จ่ายทั้งหมด ซึ่งเหตุการณ์นี้จะไม่มีความเชื่อมโยงใดๆ กับข่าวฉาวของนายอชิระเลยครับ ถ้าไม่มีการขุดคุ้ยจากนักสืบโซเชียลว่านายคนนี้นี่แหละคือคนที่โพสต์ข่าวฉาวของนายอชิระ คราวนี้แหละครับ เกิดกระแสตีกลับว่า จริงๆแล้วเนี่ยนายคนนี้น่าจะผูกใจเจ็บที่โดนนายอชิระทำร้ายจนสลบ ทำให้เกิดความอับอายเลยกุข่าวเพื่อหวังทำลายชื่อเสียงของนายอชิระ ซ้ำนายคนนี้ยังเป็นนักกีฬาฟุตบอลต่างคณะในรั้วมหาวิทยาลัยเดียวกันอีกด้วย ก็อาจเป็นอีกสาเหตุหนึ่งของความเจ็บแค้นนอกสนาม ซึ่งถ้าเป็นเรื่องจริง ก็จะเข้าข่ายทําผิด พ.ร.บ. คอมพิวเตอร์ ฐานนําเข้าข้อมูลอันเป็นเท็จ รวมถึงข้อหาหมิ่นประมาท หากนายอชิระต้องการฟ้องร้องฐานที่ทําให้เสื่อมเสียชื่อเสียง และต้องรอดูครับว่า หลังจากความจริงปรากฏออกมาเช่นนี้แล้ว ทางมหาวิทยาลัยจะสามารถดึงตัวนายอชิระให้กลับเข้าเป็นนักกีฬาของมหาวิทยาลัยต่อได้รึไม่ และมีผู้ตั้งข้อสงสัยมากมายถึงเหตุผลที่แท้จริงที่ทําให้นายอชิระขอลาออกจากการเป็นนักกีฬาของมหาวิทยาลัย ว่าเพราะจะไปค้าแข้งกับสโมสรในลีกต่างประเทศ หรือเพราะเหตุผลส่วนตัวบางอย่าง แต่ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใด บรรดาแฟนคลับที่ชื่นชอบในฝีเท้าต่างออกมาให้กําลังใจผ่านช่องทางต่างๆ บอกว่าจะรอคอย และขอให้ผ่านช่วงเลวร้ายนี้ไปได้..”
.
.
..ปรินซ์
ผมเดินเข้าไปในบ้านของธามที่ถูกเปิดไว้ ..มาม๊าของธามกำลังนั่งดูทีวีอยู่ตรงนั้น
“สวัสดีครับมาม๊า”
“..มาทำไม”
“ผมอยากมาคุยกับมาม๊า ..เรื่องของผมกับธาม”
“กลับไปซะ..”
“มาม๊าให้โอกาสผม.. ผมสัญญาว่าผมจะดูแลธาม..”
“พอได้แล้ว.. แล้วก็กลับไปได้แล้ว..”
“มาม๊าครับ ผมรักธามจริงๆ แล้วก็รักมาก..” มาม๊าลุกขึ้นจากเก้าอี้และกำลังจะเดินหนีผม..
“อาเหมย..” เสียงของป๊าผม ป๊าเดินผ่านประตูเข้ามาและหยุดยืนตรงหน้าผม “ปรินซ์.. ลื้อไปรอที่รถ”
“...” ผมเดินออกจากบ้านธามตามคำสั่งของป๊า ..ธามจะรู้ไหมว่าเรื่องของเรากำลังจะเป็นประเด็นเคร่งเครียดในการเจรจาระหว่างป๊าของพี่กับมาม๊าของธาม
“อั๊วมีเรื่องจะคุยกับลื้อ”
“เรื่องอะไร..”
“เรื่องของอาธามกับไอ้ปรินซ์”
“นี่เฮียก็รู้เรื่อง!?!?”
“ใช่ และอั๊วก็รู้มาตลอด”
.
..ธาม
เมื่อวาน..หลังจากที่ปรินซ์แอบปีนเข้ามาหาผมได้ไม่นานก็กลับออกไป.. แม้เวลาจะเพียงไม่กี่นาทีที่ได้พบ ..แต่มันกลับทำให้ผมลืมความหวาดหวั่นตลอดสองวันที่ผ่านมาได้หมดสิ้น ถึงไม่รู้ว่าอนาคตจะเป็นยังไง แต่อย่างน้อยผมก็อุ่นใจที่ปรินซ์จะไม่ยอมแพ้ และผมก็เชื่อมั่นในตัวปรินซ์..
สายวันนี้ผมตื่นขึ้นด้วยอารมณ์ที่ไม่ขุ่นมัว ผมแต่งตัวและพร้อมที่จะลงไปเจอหน้าม๊า ..อย่างน้อยถ้าทำให้ม๊าอารมณ์ดีขึ้นได้บ้าง อะไรดีๆก็อาจจะเกิดขึ้นก็ได้ผมลงบันได และเดินออกมาใกล้ส่วนของห้องรับแขก แต่แล้วก็ต้องหยุดยืนอยู่ตรงนั้น ..เพราะม๊าของผมอยู่กับป๊าของปรินซ์ ระยะที่ผมยืนอยู่ไม่อาจรู้ได้เลยว่าทั้งคู่กำลังคุยอะไร ผมจึงทำได้เพียงยืนมองอยู่ห่างๆ และคาดหวัง..
“นี่เฮียก็รู้เรื่อง!?!?”
“ใช่ และอั๊วก็รู้มาตลอด”
“แล้วทำไมเฮียไม่ห้าม!”
“จะให้อั๊วห้ามความรู้สึกของมันได้ยังไง!”
“!!!”
“แต่อั๊วบอกเลย ว่าอั๊วพยายามกันไอ้ปรินซ์ออกจากอาธามแล้ว แต่ไอ้ปรินซ์มันทำให้อั๊วต้องยอมใจมัน จนอั๊วต้องมาคุยกับลื้อ เพื่อขอให้ลื้อ.. อนุญาตให้อาธามคบกับมัน”
“เฮียบ้าไปแล้วเหรอ! นั่นลูกชายคนเดียวของเฮียนะ”
“อั๊วก็ไม่ได้อยากให้มันเป็นอย่างนี้! อาธามก็ลูกชายคนเดียวของลื้อ แล้วอั๊วเองก็รักอาธามเหมือนลูก อั๊วก็ไม่ได้อยากให้ไอ้ปรินซ์ไปทําให้อาธามเป็นไปกับมันด้วย!!”
“...”
“..ลื้ออ่านสัญญานี่ แล้วลื้อจะรู้ว่าทำไมอั๊วถึงยอมมาพูดกับลื้อให้มัน..”
“...”
กระดาษขนาดเอสี่ถูกดึงออกจากซองกระดาษสีกากีวางลงตรงหน้าของม๊า..ม๊าหยิบขึ้นอ่าน
…….…….
“ถ้าลื้อคิดว่าความจริงใจของไอ้ปรินซ์มันยังไม่มากพ..”
“..ปรินซ์ไม่ใช่ลูกเฮียรึไง!”
.
ม๊ามองหน้าป๊าของปรินซ์ ม๊ากําลังตัวสั่นด้วยความโกรธ และเสียงสั่นเหมือนใกล้จะร้องไห้!ม๊าเป็นอะไร!!ผมก้าวเท้าจะเดินออกไปหาม๊า ไม่รู้ว่ามีอะไรในกระดาษนั่น แต่มันกําลังทําม๊าผมทั้งโกรธทั้งเสียใจ
“ให้ผู้ใหญ่เขาคุยกัน..” ป้าหมวยกระซิบบอกผมเบาๆ พร้อมกับดึงแขนของผมไว้ไม่ให้เดินออกไป ..ผมพยักหน้ารับคําพร้อมกับถอนหายใจด้วยความกังวล
.
“..เฮียบอกว่าเฮียจะมาขอให้อั๊วยอมให้ธามคบกับปรินซ์ แต่อั๊วยังไม่เห็นว่ามีข้อไหนในสัญญาที่บอกว่าเฮียสนับสนุนพวกอี!”
“ก็อย่างที่อั๊วบอกลื้อไงอาเหมย ว่าอั๊วพยายามกันไอ้ปรินซ์ออกจากอาธาม.. และสัญญาเนี่ยอั๊วก็ไม่คิดว่าไอ้ปรินซ์จะยอมทำตาม.. ถึงมันจะยังทำสำเร็จไม่ทั้งหมด แต่อั๊วก็ทนดูไม่ได้ถ้าลื้อจะตัดความหวังความตั้งใจของมัน..”
“..เฮียกล้าพูดได้ยังไงว่าเฮียทนดูไม่ได้ ในเมื่อเฮียเองนั่นแหละที่บีบปรินซ์ด้วยสัญญาบ้าๆนี่!เฮียทำได้ยังไง เฮียไม่รู้รึไงว่าความฝันของลูกตัวเองคือเป็นนักบอลทีมชาติ ปรินซ์เป็นลูกเฮียนะ! เฮียไม่สนใจความรู้สึกของปรินซ์มันเลยรึไงถึงได้บังคับกันขนาดนี้”
“อั๊วรู้ว่าไอ้ปรินซ์ชอบเตะบอล แต่มันเป็นลูกคนเดียวของอั๊ว! มันมีหน้าที่ต้องสืบทอดกิจการของครอบครัว ไม่ใช่ไปเป็นนักกีฬาเตะบอลไปวันๆ แล้วถ้ามันจะต่อรองให้อั๊วยอมรับอาธาม มันก็ต้องยอมแลก”
“!!!!!!”
“..อั๊วใช้อาธามเป็นข้อต่อรองให้ไอ้ปรินซ์อยู่ในกรอบเส้นทางที่อั๊วขีดไว้ให้ เพราะอะไรลื้อรู้ไหม เพราะตอนนั้นอั๊วเองก็รู้สึกไม่ต่างจากลื้อในตอนนี้ อั๊วอยากได้ลูกสะใภ้ไม่ใช่ลูกเขย! อั๊วอยากมีลูกมีหลานไว้สืบสกุล ลื้อรู้ไหม.. ตอนแรกอั๊วตั้งใจจะส่งมันไปดัดนิสัยที่ต่างประเทศ แต่มันไม่ยอมท่าเดียว มันบอกว่ามันจะอยู่กับอาธาม ลื้อคิดว่าอั๊วจะยอมรับได้ไหมลูกชายคนเดียวดันรู้สึกอยากอยู่กับผู้ชายด้วยกัน อั๊วถึงต้องบีบมันด้วยสัญญานี่ ภาวนาให้มันทนไม่ได้ เพราะถ้ามันเลือกตัวเอง เลือกฟุตบอล มันก็จะอ้อนวอนอั๊วขอฉีกสัญญา แต่ถ้ามันทำได้.. อั๊วก็จะยอมรับ และที่อั๊วยอมก็เพราะบังเอิญว่าคนที่มันรัก..เป็นอาธาม ลูกชายของลื้อ”
“!!!”
………..
“..อาเหมย อั๊วรู้ว่ามันทำใจยาก.. แต่ทั้งอั๊วทั้งลื้อ.. ไม่มีใครที่จะอยู่ดูแลพวกมันได้ตลอดไป ทำไมไม่ปล่อยให้พวกมันได้อยู่กับคนที่จะรักพวกมันแทนเราได้ล่ะ”
“...”
“ลื้อรักอาธาม อั๊วก็รักไอ้ปรินซ์ อยากให้พวกมันมีความสุข ก็นี่ไง ความสุขที่พวกมันต้องการ..”
“...”
“..เชื่ออาเฮียคนนี้เถอะ เวลาหกปี.. นานพอให้เฮียต้องยอมในความตั้งใจ และเชื่อว่ามันรักอาธามจริงๆ”
“...”
“เชื่อในตัวลูกชายของเฮียนะ..อาเหมย”
“...”
.
..ม๊านั่งนิ่งอยู่สักพักหลังจากป๊าของปรินซ์กลับไป ก่อนจะออกไปข้างนอกและกลับเข้ามาในบ้านอีกครั้ง..
“ธาม”
ม๊าเรียกผมจากบันไดด้านล่าง ผมรีบลงมาหาม๊าทันที..
“ครับม๊า..”
“นั่งลง ม๊ามีเรื่องจะคุยด้วย” ผมนั่งลงที่เก้าอี้ตัวข้างๆม๊าม๊ายื่นซองสีกากีให้ผม ..มันน่าจะเป็นซองเดียวกันกับที่ป๊าของปรินซ์เอาให้ม๊าอ่าน
“ธามอ่านดู..” ผมหยิบกระดาษที่อยู่ภายในซองออกอ่าน

[สัญญา ระหว่าง นายอชิระ เจตน์ติณห์  และ นายดิษย์เจตน์ติณห์
………..
[วันที่ 27 มีนาคม พ.ศ. …….]

..ใบหน้าของผมเปียกชื้น
..ผมมองหน้าม๊าที่นั่งอยู่ข้างๆ ม๊าดึงตัวผมมากอดไว้ ผมร้องไห้..

..หกปีที่ผ่านมา ผมไม่รู้เลยว่าทุกครั้งที่เท้าของปรินซ์สัมผัสลูกกลมๆ ปรินซ์จะรู้สึกเศร้าใจเพียงไหน ในเมื่อรู้อยู่แก่ใจว่าวันหนึ่ง ปรินซ์จะต้องละทิ้งความฝันที่วาดหวังไว้..
..หกปีที่ผ่านมา ผมไม่รู้เลยว่าปรินซ์จะรู้สึกว่าหวั่นใจแค่ไหนกับสัญญาที่ปรินซ์ผูกมัดตัวเองไว้ ทั้งที่ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าความรักที่ปรินซ์เลือกจะตอบรับสมกับที่ต้องเสียตัวตนของตัวเองไป..

“ธาม.. ม๊าเห็นความตั้งใจจริงของปรินซ์..” ผมกอดม๊ากระชับแน่นขึ้น..
“แต่ม๊าก็ยังทําใจยอมรับไม่ได้..” ผมคลายอ้อมกอดและมองหน้าม๊า ม๊ากำลังยิ้มบางให้ผม.. “..จนกว่าจะถึงเวลานั้น ทําตามที่ม๊าขอได้ไหม” ..ม๊าพูดสิ่งที่ม๊าต้องการจากผมและปรินซ์ผมพยักหน้าตอบ.. พยายามกลั้นน้ำตาไม่ให้ไหลออกมา..

“..ไอ้บอส มึงว่าทำไมพี่ปรินซ์ถึงออกจากการเป็นนักบอลมหาลัยวะ”
“กูก็ไม่รู้ แต่ถ้าให้กูเดา.. คงเกี่ยวกับไอ้ธามมั้ง”
“..มันจะคุ้มเหรอวะ ความรักกับอนาคต..”
“อนาคตของคนเรามันก็มีได้หลายทางป่ะวะ แต่ถ้าเป็นทางที่มีคนที่เรารักเดินไปด้วย.. กูว่านั่นแหละ อนาคตที่โคตรเจ๋ง.. แล้วพี่ปรินซ์ของกูก็โคตรเท่ที่ยอมแลกอะไรบางอย่างเพื่อให้ได้ไอ้ธามเพื่อนกู..”
“..มันไม่มากไปเหรอวะ”
“ก็ถ้ามึงรักใครจริงๆ รักมากๆ ..มันก็ไม่มีอะไรมากเกินการที่จะได้รักกับคนที่มึงรักป่ะวะ”
“...”
.
.
.

ตอนหน้าก็จะอําลาจอแล้ว มาเป็นกําลังใจให้พี่ปรินซ์น้องธามด้วยนะฮะ #ปรินซ์ธาม #yrmine #yrmineนายผู้ปกครอง
หัวข้อ: Re: YR Mine นายผู้ปกครอง - รักลุ้นๆ ของคนพี่ Ep.040 - การเจรจา..
เริ่มหัวข้อโดย: JokerGirl ที่ 17-07-2019 22:22:38
ขนาดป๊าของพี่ปริ๊นส์ยังยอมใจเลย แล้วม๊าธามล่ะจะยอมรับได้เมื่อไหร่ ต้องให้เวลาม๊าหน่อยเนอะ 
หัวข้อ: Re: YR Mine นายผู้ปกครอง - รักลุ้นๆ ของคนพี่ Ep.041 : บทสรุป : สัญญา - เวลา - ความรัก
เริ่มหัวข้อโดย: After5p.m. ที่ 18-07-2019 12:25:37
041
บทสรุป : สัญญา - เวลา – ความรัก

[สัญญา ระหว่าง นายอชิระ เจตน์ติณห์  และ นายดิษย์เจตน์ติณห์]

1.นายอชิระจะไม่ทำการสิ่งใดที่จะนําความเสื่อมเสียมาสู่ตัวเอง และครอบครัว
2.เมื่อสําเร็จการศึกษาในระดับปริญญาตรี นายอชิระจะต้องเดินทางไปศึกษาต่อในระดับปริญญาโทที่ต่างประเทศทันที ในระหว่างศึกษาต่อที่ต่างประเทศ นายอชิระจะไม่ได้รับอนุญาติให้เดินทางกลับมาประเทศไทยจนกว่าจะสําเร็จการศึกษา
3.เมื่อสําเร็จการศึกษา นายอชิระจะต้องเข้าปฏิบัติงานที่บริษัทของครอบครัวเท่านั้น
4.นายอชิระจะต้องยุติบทบาทการเป็นนักกีฬาฟุตบอล
หากนายอชิระสามารถทําตามเงื่อนไขที่ระบุในสัญญาได้ครบถ้วน นายดิษย์จะยอมรับนายธัญญ์ตามที่นายอชิระต้องการ และจะเป็นผู้เจรจากับครอบครัวของนายธัญญ์จนสําเร็จตามที่ได้ให้คํามั่นไว้กับนายอชิระ* แต่หากนายอชิระไม่สามารถดําเนินการตามเงื่อนไขในสัญญาได้ แม้เพียงข้อเดียว ข้อตกลงตามสัญญาที่นายดิษย์ได้ให้คํามั่นไว้จะเป็นโมฆะทันที แต่นายอชิระยังคงต้องรับผิดชอบต่อเงื่อนไขของสัญญาตามข้อ 1 - 4 และนายอชิระจะไม่ได้รับเสรีภาพในการเลือกคู่ครองอีกต่อไป
*จะเป็นเมื่อใดนั้น ให้ขึ้นอยู่กับการพิจารณาของนายดิษย์ เจตน์ติณห์

ลงชื่อ
นายอชิระ เจตน์ติณห์
นายดิษย์ เจตน์ติณห์
[วันที่ 27 มีนาคม พ.ศ. …….]
.
.
.
..4 ปีก่อน

“ธามเห็นสัญญา..”
“อืม เห็นแล้ว ม๊าให้อ่าน..”
“...”
“..อีกปีกว่าปรินซ์ก็จะไปแล้วใช่ไหม”
“ใช่ พี่เตรียมทุกอย่างไว้พร้อมหมดแล้ว.. สอบเสร็จเมื่อไหร่.. ก็เดินทาง..”
“...”
“มาม๊าว่ายังไงบ้าง..” ผมมองหน้าคนตัวสูงที่นั่งข้างๆบนม้านั่งสีเขียวในสวนหย่อมแถวบ้าน บรรยากาศรอบตัวที่แสนร่มรื่นและอุณหภูมิที่เย็นสบายไม่ได้ทำให้ผมรู้สึกดีขึ้นเลยสักนิด
“ม๊าบอกว่า..”
“...”
ผมเงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้า หมู่เมฆสีเทาๆพากันลอยบดบังแสงจากดวงอาทิตย์เป็นจังหวะๆตามความเร็วของกระแสลมที่พัดพา ความจริงคือผมกำลังพยายามหลอกใช้แรงโน้มถ่วงของโลกให้ช่วยดึงดูดของเหลวในดวงตาของผมให้ไหลย้อนกลับคืนไปสู่จุดกำเนิดของมัน..
“..ม๊าบอกว่าต่อจากนี้ไป ห้ามพูดถึงปรินซ์ แล้วก็ห้ามปรินซ์มาที่บ้าน ..จนกว่าม๊าจะทําใจได้..” เสียงของผมในตอนนั้นสั่นเครือ
“ธามเข้าใจมาม๊าใช่ไหม..”
“อืม แล้วปรินซ์ล่ะ..”
“เข้าใจดิ แค่นี้ก็ถือว่ามาม๊าใจดีกับพี่มากแล้ว ว่าแต่ธามจะรอพี่ไหวใช่ไหม..”
ผมมองหน้าคนตัวสูงของผม “รอไหว ทั้งม๊า.. ทั้งปรินซ์..”
ปรินซ์ลูบหัวผมแผ่วเบา..

..หลังจากวันนั้น ผมกับปรินซ์ยังคงใช้ชีวิตตามปกติ ไปเรียนหนังสือเมื่อเปิดเทอม เจอหน้ากัน กินข้าวด้วยกัน โทรคุยกัน ห่างกันบ้างเมื่อปรินซ์ต้องไปฝึกงานในที่ที่ปรินซ์เดินทางมาหาผมลำบาก ขณะที่ผมก็ต้องตั้งใจเรียนเพื่อให้ม๊าเห็นว่าการมีปรินซ์ไม่ได้ทำให้ชีวิตผมแย่ลง สถานะของพวกเราตอนนี้ยังคงอยู่ระหว่างรอการอนุมัติจากม๊าเพียงคนเดียว.. ซึ่งทั้งผมและปรินซ์ก็พร้อมที่จะรอ..

..เวลาปีกว่าผ่านไปอย่างรวดเร็ว
..คืนสุดท้ายก่อนการจากกันไกล ปรินซ์ขอมานอนที่หอของผม (ส่วนไอ้บอสก็รู้หน้าที่ดีว่ามันต้องไปนอนที่อื่น) เรานอนกอดกันสนิทแนบแต่กลับหลับไม่ลงตลอดทั้งคืน.. ผมกังวลและใจหาย ปรินซ์ก็คงเป็นเหมือนผม.. เราหาเรื่องคุยกัน ไม่ก็ปล่อยให้ความเงียบคอยแอบฟังเสียงที่พวกเราไม่ได้พูดออกมา..

..สนามบินพลุกพล่านไปด้วยผู้คนแม้ดวงอาทิตย์จะเพิ่งไต่ระดับขึ้นพ้นขอบฟ้ามาเพียงครึ่งดวงเรายืนมองกันและกันด้วยรอยยิ้มที่ระบายอยู่บนใบหน้า และเก็บน้ำตาให้ไหลท่วมอยู่ข้างใน.. ผมอยากจะกอดคนตัวสูงของผมอีกสักครั้ง ..แต่ก็ทําไม่ได้ เพราะพวกเรากำลังอยู่ในสายตาของคนในครอบครัว ทั้งป๊าม๊าของปรินซ์ และม๊ากับป้าป้าของผม.. อย่างน้อยม๊าของผมก็ยอมมา.. หลังจากที่ไม่ยอมเจอหน้าปรินซ์เลยตลอดเวลาปีกว่า..
“ตั้งใจเรียน.. แล้วรีบกลับมานะ” ม๊าพูดกับปรินซ์หลังจากที่กอดปรินซ์
“ครับมาม๊า”
..ทั้งผมทั้งปรินซ์ยิ้มให้กัน
.
.
.
..ผมเรียนจบมาได้ปีกว่า มีงานทำเรียบร้อย ทุกอย่างลงตัว และเป็นไปได้ด้วยดี ผมมีความสุขกับชีวิตตอนนี้ แต่มันจะดีกว่านี้ถ้าปรินซ์กลับมา และม๊ายอมรับพวกเรา..
“ปรินซ์จะกลับมาเมื่อไหร่..” คําถามของม๊าดังขึ้นในเย็นวันหนึ่งซึ่งผมกําลังทอดไข่เจียวหมูสับเพื่อกินคู่กับต้มยํากุ้งนํ้าข้น และปลากระพงทอดนํ้าปลา
“ห่ะ!! ม๊าถามว่าไรนะ”
“..ถ้าไม่ได้ยินก็ไม่ต้องตอบ”
“โธ่ม๊าก็เสียงในกระทะมันดัง ธามได้ยินไม่ชัด ม๊าถามอีกทีนะ”
“ไม่ได้ยินก็ไม่ต้องได้ยิน” แล้วม๊าก็เดินจากไป ทิ้งให้ผมยืนหัวใจพองโตอยู่หน้าเตา อย่างน้อยม๊าก็เริ่มนึกถึงคนตัวสูงของผม..

.
.

..เวลานี้
..หมู่บ้านไม้งาม

..ผมนั่งนึกถึงเหตุการณ์ที่ผ่านมาอยู่ท้ายหมู่บ้าน ที่ที่ผมตกเขา ที่ที่ปรินซ์แบกผม และที่ที่เราเข้าใจกัน.. ผมตอบตกลงทันทีที่ไอ้บรีสไอ้บอสชวนผมให้มาด้วยกันกับรุ่นน้องชมรมเดินดอยในช่วงลาพักร้อนปลายปี ภารกิจของชมรมยังคงไม่เปลี่ยนแปลง แม้สถานที่และคนที่นี่จะผันแปรไปบ้างตามกาลเวลา..

“ครูๆ”
“ว่าไงชัวะ” เด็กชายตัวน้อยที่สูงขึ้นมาอีกหลายเซนแต่ยังคงซน ขี้เล่น และติดผมเหมือนเดิมไม่เปลี่ยนแปลง คงเป็นเพราะผมน่าจะเป็นผู้ชายคนเดียวที่เข้าครัว ชัวะเลยจำผมได้แม่น และยังจำใครอีกคนได้ด้วย..
“ทำไมปี้ชายชัวะไม่มากับครู”
..คำถามที่ชัวะถามผมทันทีที่เจอหน้าทำผมยิ้ม ถ้าปรินซ์รู้ว่าแฟนคลับตัวน้อยยังคงคิดถึง..คงยิ้มแก้มปริ

“มานั่งทำเอ็มวีอะไรตรงนี้วะ” ไอ้บอสถามผมเมื่อมันเดินเข้ามาใกล้
“ก็มานั่งมองวิว มองฟ้า มองภูเขา มองไร่สตรอเบอรี่ มองไร่ชา มอง..”
“พอล่ะ มึงอยากมองอะไรก็มองไป”
“...”
“แล้วนี่พี่ปรินซ์ยังไม่กลับมาอีกเหรอวะ จะสามปีแล้วนะเว้ย เรียนนานไปเปล่าวะ”
“เรียนน่ะ..จบแล้ว แต่ว่าโปรเฟสเซอร์ดันดึงตัวไว้ให้ช่วยทำงานวิจัยต่อ.. ก็เลยยังกลับไม่ได้..”
“ไม่ใช่ว่าติดสาวติดหนุ่มที่นู้นนะเว้ย”
“มึงนี่ปากดีไม่เปลี่ยนเลยนะไอ้บอส” ไอ้บรีสที่เดินตามมาสมทบพูดขึ้น
“เออ กูก็ปากอย่างนี้แหละ แต่มึงไม่ต้องห่วง ไอ้ธามมันชินแล้ว ไม่คิดมาก.. ใช่ไหมมึง”
“...”
“มึงไม่ต้องไปกวนไอ้ธามเลย ไปช่วยน้องมันดูมุมกล้องถ่ายทำคลิปโปรโมตภาคต่อเลย”
“ดูมุมกล้อง? ต้องเป็นไอ้ธามไหมวะกูจบจิตวิทยานะไม่ใช่นิเทศ”
“เออๆ กูลืมไป ก็น้องฟักแฟงถามหาแต่มึง มึงก็ต้องเป็นคนไปสิวะ”
“?”
“เอาหน่า อย่าถามมาก ไปกับกูสักที” ไอ้บรีสลากไอ้บอสให้เดินตามไปอย่างยากลำบากเพราะไอ้บอสดูจะไม่เต็มใจเท่าไหร่.. ส่วนผม.. ขออู้งาน นั่งดื่มด่ำบรรยากาศตรงนี้อีกสักพัก..

ถ้าปรินซ์มาด้วยก็คงดี..
.
.
“เดินกลับมาได้แล้วเหรอคร๊าบบบบคุณธามมม”
“...”
“กูกำลังจะไปตามมึง..”
“ตาม? ตามทำไมวะไอ้บรีส”
“ก็ชัวะอ่ะดิ ตามหามึง บอกว่าอยากอวดพี่ชาย”
“พี่ชายไรวะ พี่ชายไหน”
“เห็นว่าเตะบอลเก่งมาก” ..จะมีใครเก่งเกินคนของผม ชัวะนะชัวะ.. เมื่อวานยังถามหาปรินซ์อยู่เลย ผมรู้สึกหงุดหงิดใจเล็กๆ แต่ก็เดินไปตามทางของหมู่บ้านเพื่อตรงไปยังสนามฟุตบอลของโรงเรียน จะไปดูว่าพี่ชายของชัวะเก่งแค่ไหนกัน

..สายตาของผมสแกนไปทั่วสนาม.. ผู้เล่นสองฝ่ายที่ถูกแบ่งแยกเป็นสองทีมด้วยการถอดและใส่เสื้อ กําลังวิ่งไปมาเพื่อส่งต่อและสกัดกั้นลูกกลมๆ ให้ไปและไม่ให้ไปยังทิศทางของประตูฝั่งตัวเอง.. กองหลังคนหนึ่งของฝ่ายถอดเสื้อพยายามอย่างเต็มที่ในการวิ่งไล่ชิงเอาลูกกลับมาจากฝ่ายตรงข้าม ..เขาทำสำเร็จ และส่งต่อไปยังเพื่อนในทีม ..ปรินซ์ คนร่างสูงยังคงวิ่งได้เร็วเหมือนทุกครั้งที่ลงสนาม.. รวมทั้งการตัดลูกที่แม่นยําและการจ่ายบอลที่แทบไม่เคยพลาด ..แม่ง กลับมาก็ไม่บอก ผมยืนดูและลุ้นอยู่เงียบๆที่ข้างสนาม ผมไม่ได้เห็นปรินซ์เตะบอลนานแค่ไหนแล้ว.. ปรินซ์ยังคงเท่เหมือนทุกครั้ง.. ..ทันทีที่นกหวีดส่งเสียงบอกทุกคนว่าหมดเวลาการแข่งขัน ทีมถอดเสื้อต่างพากันตะโกนกู่ร้องแสดงความดีใจ ขณะที่อีกทีมก็พากันวิ่งไล่เพื่อนๆที่อยู่ในทีมที่ชนะอย่างสนุกสนานด้วยความหมั่นไส้ ส่วนปรินซ์ของผมก็ตกอยู่ในวงล้อมของเหล่าแฟนคลับตัวน้อยตัวโต ถ้าเด็กๆแบกคนร่างยักษ์ของผมได้ ปรินซ์คงได้โดนโยนตัวลอยแน่.. ผมมองภาพคนตัวสูงยิ้มและหัวเราะอย่างมีความสุขได้สักพักก็เดินเลี่ยงไปทางครัวของโรงเรียน.. ได้เวลาเตรียมทำอาหารเย็นแล้ว.. แต่ยังไม่ทันที่ผมจะเดินพ้นจากขอบเขตของสนามบอล..
“ธามจะไปไหนครับ” เสียงหอบเหนื่อยของคนตัวสูงกระซิบที่ข้างหูของผม ผมไม่สนใจและยังคงเดินต่อ..
“ถ้าไม่ตอบ.. พี่จะกอดธามให้เด็กๆดู..” ผมหยุดยืนทันที ผมยิ้ม ก่อนจะหันหลังกลับไปมองคนตัวสูง
“จะกลับมาทำไมไม่บอก..”
“ก็พอพี่จะบอก พี่ก็ติดต่อธามไม่ได้แล้ว”
“แล้วรู้ได้ไงว่าอยู่นี่”
“ไว้พี่ค่อยบอกนะ”
“ไม่อยากบอกก็ไม่ต้องบอก”
“เจอหน้าพี่ปุ๊บก็จะงอนพี่เลยเหรอ” ปรินซ์ยิ้ม“ยังไม่ตอบพี่เลยว่าจะไปไหน”
“..จะไปทำข้าวเย็น”
“แต่พี่อยากอาบน้ำ..”
“ก็ไปอาบดิ” ..อารมณ์ไหนวะเนี่ย อ้อนเป็นเด็กๆ
“งั้นก็ไปกับพี่นะครับ”
“ห้องน้ำอยู่แค่นี้เอง ยังไม่มืดด้วย ไปเองไม่ได้เหรอ”
“ธามใจร้ายกับพี่..” ปรินซ์ทำหน้าสลด.. แต่ผมกลับยิ้ม
“เออๆ ไปด้วยก็ได้” ผมเดินตามปรินซ์.. แอบมองแผ่นหลังเปลือยเปล่าของคนตัวสูงที่มีเสื้อยืดสีขาวพาดอยู่บนบ่า.. “ปรินซ์.. ห้องน้ำต้องไปทางนู้นนะ”
“พี่ไม่ได้บอกสักหน่อยว่าจะอาบน้ำที่นี่”
“แล้วจะไปอาบที่ไหน?”
“ครูๆ” ผมหันหลังไปมอง เด็กชายชัวะของผมถอดเสื้ออยู่เหมือนกัน เมื่อกี้คงอยู่ทีมเดียวกันกับปรินซ์ แต่ผมไม่ทันสังเกตเห็น คงเพราะผมมัวแต่มองคนตัวสูง
“ครูจะปิ๊กแล้วก่อ”
“คือครู..”
“ใช่ พี่ขอพาตัวครูของชัวะกลับก่อนนะ ตามที่ตกลงไว้..”
“อื้ม ไว้ปี้ปิ๊กมาเล่นบอลกันอีกเน้อ” ชัวะยิ้มตาหยีใส่ปรินซ์ก่อนวิ่งจากไปพร้อมกับโบกมือลา
“ตกลงอะไรกัน?”
“ก็ตกลงกันไว้ว่า.. ถ้าพี่ทำให้ทีมชัวะชนะได้ ชัวะจะยอมปล่อยครูของชัวะให้กลับไปกับพี่”
“กลับ.. กลับไปไหน? กลับกรุงเทพฯ?”
“เดี๋ยวก็รู้..”
ไอ้บอสกับไอ้บรีสวิ่งหอบมาหาผมกับปรินซ์ “อ่ะพี่ เรียบร้อย” ไอ้บอสยื่นกระเป๋าเดินทางของผมให้ปรินซ์ ส่วนไอ้บรีสยื่นกระเป๋าสะพายใบย่อมของผมให้ผม
“อะไรของพวกมึงวะ?”
“เอ๊า ก็ของของมึงไง พวกกูเก็บเสร็จพร้อมให้พวกมึง เอ๊ยโทษทีพี่ พวกกูเก็บเสร็จพร้อมให้พวกคุณทั้งคู่ได้ออกเดินทาง..”
“เดินทาง.. เดินทางไปไหนวะ?” ผมมองหน้าคนตัวสูง
“ไปฮันนีมูนไงครับ”
“!!!!!!!!!!”

..ภาพตลอดสองข้างทางบนทิวเขาสูงดูไม่แตกต่างกันมากนัก ..เขียวชะอุ่มปกคลุมด้วยต้นไม้เหมือนๆกันหมด หรือเพราะผมไม่ได้ใส่ใจมอง..
“ธามมองพี่จนพี่ขนลุกแล้วนะ”
“ก็ใส่เสื้อดิ.. จะมานั่งโป๊ตากแอร์ทำไม..” เสียงผมแผ่วเบาลง
“นั่นสิเนอะ” ปรินซ์ขับรถจอดข้างทางก่อนใส่เสื้อยืดตัวบางที่วางพาดอยู่บนบ่า
“นี่เราจะไปไหนกัน..”
“ไปรีสอร์ทที่ดอยชมดาว”
“ไปทำไม..”
“ก็พี่บอกไปแล้วไง.. ว่าไปฮันนีมูน”
“ไม่ตลกนะปรินซ์!”
ปรินซ์ยิ้ม..
.
.
“พี่อาบน้ำก่อนนะ”
“...
“หรือว่า.. ธามจะไปอาบพร้อมพี่”
“ไม่”
“ใจร้ายจัง”
“...” ปรินซ์ยอมเข้าห้องน้ำแต่โดยดี ส่วนผมก็เดินสำรวจพื้นที่..

..ที่ที่เราอยู่เป็นห้องพักที่มีความเป็นส่วนตัว เพราะห้องพักแต่ละหลังถูกสร้างให้อยู่ห่างกันท่ามกลางต้นไม้สูงใหญ่เล็กไล่ระดับปะปนกันเป็นกําแพงธรรมชาติ เมื่อออกไปยืนที่ชานระเบียงไม้ด้านนอกก็จะเห็นภาพของทิวภูเขาที่ตั้งหลักโอบล้อมเป็นป้อมปราการสูงอยู่ไกลออกไป.. ตอนเช้าคงจะมีทะเลหมอก.. และตอนกลางคืนก็คงจะมีทะเลดาว..

“ธาม.. ไปอาบน้ำได้แล้ว”
“จะรีบอาบไปไหน ยังไม่ได้จะนอนสักหน่อย”
“ก็อาบน้ำเสร็จ จะได้กินข้าว กินข้าวเสร็จ ก็จะได้นอน..”
“...”
“อาบเถอะ.. นะครับ.. พี่อยากกอดธามตอนธามตัวหอมๆ” ..คนตัวสูงมองผมด้วยสายตาคู่เรียวในระยะใกล้ ใกล้จนผมต้องกลั้นหายใจ ใบหน้าเปียกชื้น กลิ่นสบู่หอม หยดน้ำจากเส้นผมที่ยังเช็ดไม่แห้ง และร่างขาวของปรินซ์.. ผมทำตัวไม่ถูก ผมรีบเดินหนีปรินซ์ไปห้องน้ำทันที

“ธาม พี่ออกไปข้างนอกแป๊บนึงนะ เดี๋ยวพี่กลับมารับ พี่เตรียมเสื้อผ้าไว้ให้แล้ว” เสียงปรินซ์พูดดังอยู่หน้าห้องนํ้า
“อืม” เสื้อผ้าอะไร? ปรินซ์คงไม่ได้มีรสนิยมแปลกๆ ใช่ไหมแล้วไอ้ที่พูดว่าฮันนีมูน..มันยังไงกันแน่ภาพหน้าของม๊าลอยขึ้นมาในความคิด.. ถ้าปรินซ์ทําอะไรเกินเลยผมจะไม่ยอมเด็ดขาด
ผมเดินออกจากห้องนํ้าพร้อมผ้าขนหนูผืนหนา.. เสื้อผ้าที่ปรินซ์พูดถึงถูกวางอยู่บนเตียงขนาดคิงไซส์ ..เสื้อเชิ้ตสีขาวเนื้อไม่หนา กับกางเกงผ้าขาสามส่วนสีครีมดูใส่สบาย.. ก็ไม่มีอะไรแปลกนิหว่า.. ผมแต่งตัวเรียบร้อย รอ.. และหลับไป..

ผมคงหลับไปนาน.. เพราะสีของท้องฟ้าด้านนอกเปลี่ยนเป็นสีนิลเข้ม.. คนตัวสูงของผมยืนอยู่ที่ระเบียงด้านนอก ผมเดินออกไปยืนอยู่ข้างๆ
“หิวรึยัง..” ปรินซ์ถามผม
“อือ หิวแล้ว” ปรินซ์โอบไหล่ผมพาเดินไปนั่งที่ชุดโต๊ะไม้ที่อยู่อีกด้านของระเบียง
“กินกันเถอะ พี่ก็หิวแล้ว” แสงจากแรงเทียนของตะเกียงไฟบนโต๊ะ และแสงจากโคมไฟสีส้มที่ถูกประดับไว้ตรงหัวมุมบนเสาของชานระเบียง ช่วยส่องสว่างให้อาหารบนโต๊ะชวนรับประทาน ทั้งผมทั้งปรินซ์เอาแต่สนใจการกินเพราะเวลาอาหารเย็นที่ล่วงเลย.. พวกเรารวบช้อนในที่สุด.. ช่างเป็นคืนที่โรแมนติก..
“พี่มีของจะให้ธาม..”
“...” ปรินซ์หยิบกล่องแหวนขึ้นมาไว้ในมือ.. ใช่กล่องแหวน ใครดูก็รู้ว่ากล่องแหวน
“..พี่ไม่รู้จะเริ่มยังไง เอาเป็นว่า ธามใส่แหวนของพี่นะ”
“ทำไมต้องใส่..”
“ก็ใครๆ จะได้รู้ว่าธามมีเจ้าของแล้วไง”
“ใส่น่ะใส่ได้.. แต่เข้าบ้านก็ต้องถอดออกนะ เดี๋ยวม๊าว่า..”
ปรินซ์ยิ้ม.. “มาม๊าไม่ว่าหรอก เพราะพี่ขออนุญาติมาม๊าเรียบร้อยแล้ว”
“!!!”
“คนที่บอกพี่ว่าธามอยู่ไหน..ก็คือมาม๊า”
“!!!”
“มาม๊ายอมรับเรื่องของเราแล้วนะ”
“..พูดจริงป่ะเนี่ย!” ผมยังรู้สึกไม่อยากเชื่อ
“งั้นธามดูนี่” ปรินซ์หยิบมือถือของตัวเองขึ้นและเปิดคลิปวิดีโอให้ผมดู..
“ป๊าส่งมาให้พี่ก่อนที่พี่จะเจอธาม”
..ภาพในคลิปคือภาพของคนในครอบครัวของผมและปรินซ์ ป๊าม๊าของปรินซ์ ม๊าและป้าป้าของผม ทุกคนอยู่ด้วยกันและกำลังกินโต๊ะจีนเหมือนมีงานเลี้ยงอะไรสักอย่าง..
“งานเลี้ยงฉลองงานแต่งของเราสองคน..”
“ห่ะ! งานแต่งของเราสองคน”
“..แล้วทุกคนก็ฝากคำอวยพรมาถึงพวกเราด้วย” ผมแปลกใจแต่ก็ตั้งใจดูและฟัง..

“ขอให้พวกลื้อรักกันตลอดไป แล้วรีบกลับมาทำงานด้วย!” ป๊าของปรินซ์ที่หน้าเริ่มแดงพูดไปยิ้มไป
“เฮียเมาแล้วนะ! ออ ธาม.. ฝากดูแลปรินซ์ของมาม๊าด้วยนะ” ม๊าของปรินซ์ยิ้มอ่อนหวานให้ผม
“ปรินซ์ / อาปรินซ์ ฝากดูแลธามของพวกอั๊วด้วยนะ” ป้าเจ็งกับป้าหมวยพูดแทบจะเหมือนกันและพร้อมกัน

“..ม๊าดีใจนะที่ธามมีปรินซ์ แล้วม๊าก็ดีใจกับปรินซ์ที่มีธาม.. คอยดูแลซึ่งกันและกันนะ มีเรื่องอะไรก็ค่อยๆคุยกัน ถ้าธามงอแงก็มาบอกมาม๊านะปรินซ์ เดี๋ยวมาม๊าจัดการให้.. มาม๊ารักทั้งคู่นะ..” ผมนํ้าตารื้นด้วยความดีใจ ม๊ายอมรับผมกับปรินซ์แล้วจริงๆ ผมยิ้มและเอาแต่มองภาพของทุกคนที่กําลังมีความสุขอยู่อย่างนั้น..

ปรินซ์เดินอ้อมมานั่งข้างผมก่อนคว้ามือถือออกจากมือของผมไปเก็บ.. ปรินซ์จับมือของผมไว้และสวมแหวนที่นิ้วนางข้างซ้ายของผม..
“..แต่งงานกับพี่แล้วนะ”
“อืม แต่งก็แต่ง” ปรินซ์ใช้มือนุ่มเช็ดคราบน้ำตาที่หน้าของผม
“แล้วทำไมเราไม่ได้อยู่ในงานเลี้ยง..” มันเป็นงานแต่งของเรา..ผมไม่เข้าใจว่าทำไมเราไม่ได้กินเลี้ยงร่วมกับครอบครัว
“ก็พี่ใจร้อน.. พี่อยากเจอธาม.. กว่าธามจะกลับก็อีกหลายวัน แล้วก็.. พี่อยากเข้าหอแล้วด้วย..” ปรินซ์ยิ้มเจ้าเล่ห์
“!!!” ผมรีบหลบหน้าหลบตาปรินซ์ ตอนนี้หัวหูของผมคงแดงจนปรินซ์จับได้แล้วว่าผมเขินเบอร์ไหน
“..คืนเข้าหอเนี่ยเค้าต้องทำอะไรกันบ้างน้า”
“..นับซอง ..พี่โน๊ตอุดมบอกไว้” ผมพยายามปั้นหน้าตอบเสียงแข็ง
ปรินซ์หัวเราะ “..แต่ตอนนี้เราไม่มีซองให้นับ..”

…….……

“รอธามหลับก่อนได้ไหม..”
“ทําไม.. เขินพี่?”
“เปล่าสักหน่อย!” เออ กูเขิน!“แค่อยากทดลองทฤษฎีลักหลับน่ะ..”
“..ก็ได้นะ แต่ว่าธามจะหลับลงเหรอ ถ้ามีพี่นอนมองธามอยู่ข้างๆ”
“...” หน้าผมร้อนผ่าว
ปรินซ์ยิ้ม..“ธามรู้ไหมว่าพี่ต้องอดทนมากแค่ไหน ..ทุกครั้งที่เราอยู่ด้วยกันแค่สองคน”
“..ทําไมต้องอดทน ..ไม่มีใครรู้สักหน่อย”
“แต่ตัวพี่รู้.. พี่อยากให้เกียรติธาม ให้เกียรติครอบครัวของธาม แล้วพี่ก็อยากรู้ว่าตัวเองจะอดทนได้มากแค่ไหน”
..ผมมองหน้าคนตัวสูงก่อนมอบสัมผัสเบาๆที่ริมฝีปากของปรินซ์ และซุกร่างของตัวเองเข้าหาไออุ่นจากอกหนาของคนตัวสูง ปรินซ์กอดผม..
“คิดถึงพี่มากใช่ไหม..”
“อืม.. ก็เห็นแต่หน้าสองมิติบนไอแพตตั้งเกือบสามปี..”
“พี่ก็คิดถึง..”
“...”

…………..

“ธามเริ่มง่วงแล้วใช่ไหม กินไปตั้งเยอะ”
“...”
..ปรินซ์ช้อนร่างของผมลอยขึ้นและอุ้มผมเดินกลับเข้าไปในห้อง ก่อนวางผมลงบนเตียงอย่างอ่อนโยน.. ปรินซ์จูบผมที่หน้าผากอย่างแผ่วเบา.. ห่มผ้าให้ผมและ.. ผมคว้าข้อมือของปรินซ์ไว้..
“!!!”
“..คืนนี้ ..คืนเข้าหอ” ผมพูดงึมงำในลำคอทั้งที่หลับตาอยู่
“แสดงว่าคืนนี้..”
“อืม..”

…………..

..ปรินซ์เงียบไป จนผมต้องแอบลืมตาขึ้นมอง..
“พี่รักธามนะ”
“...”
“และพี่ก็จะรักธามตลอดไป”
“...”
“ขอบคุณที่รอพี่..”
“กูต่างหากที่ต้องขอบคุณ..” ปรินซ์จูบปากผม!
“ถ้าพูดไม่สุภาพกับพี่ พี่จะจูบ..”
ผมยิ้ม.. “งั้นกู..”
ปรินซ์จูบผมอีก
“ไม่ต้องตั้งใจพูดไม่สุภาพก็ได้.. ถ้าธามอยากให้พี่จูบ พี่ก็จะจูบ พี่จะไม่มีวันเบื่อที่จะจูบธาม..” ..ปรินซ์จูบผม.. นุ่มนวลชวนฝัน ตื้นตัน และตื่นตัว

“ธามรักปรินซ์นะ..”
“อื้ม.. พี่รู้แล้วครับ..”   

..พยากรณ์อากาศ : อุณหภูมิที่หนาวเย็นบนยอดดอยจะกลับกลายเป็นอุ่นร้อน..ตั้งแต่ตอนนี้.. และตลอดคืน
.
.
.
.
.

The End


จบแล้วฮะ ขอบคุณนักอ่านทุกคนที่เข้ามาอ่านกัน ฝากเรื่องสอง The Mission ลุ้นรักภารกิจ LOVE ด้วยนะฮะ อีกสามวัน.. จะมาแปะภาคพิเศษของปรินซ์ธาม ไม่รู้จะมีใครรออ่านไหมฮะ ><
หัวข้อ: Re: YR Mine นายผู้ปกครอง - รักลุ้นๆ ของคนพี่ Ep.041 : บทสรุป : สัญญา - เวลา - ความรัก
เริ่มหัวข้อโดย: titansyui ที่ 18-07-2019 16:01:43
 :pig4: :pig4: :L2:
หัวข้อ: Re: YR Mine นายผู้ปกครอง - รักลุ้นๆ ของคนพี่ Ep.041 : บทสรุป : สัญญา - เวลา - ความรัก
เริ่มหัวข้อโดย: JokerGirl ที่ 18-07-2019 23:37:44
มาม๊ายอมรับแล้ว ดีใจจะได้มีความสุขกันซะที ขอบคุณค่ะ รอตอนพิเศษค่ะ
หัวข้อ: Re: YR Mine นายผู้ปกครอง - รักลุ้นๆ ของคนพี่ Ep.041 : บทสรุป : สัญญา - เวลา - ความรัก
เริ่มหัวข้อโดย: nOn†ღ ที่ 16-04-2020 11:47:02
 :pig4: