คุณครูพี่มิน :: ตอนที่ 27 {Up.270119} - จบแล้ว
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: คุณครูพี่มิน :: ตอนที่ 27 {Up.270119} - จบแล้ว  (อ่าน 31364 ครั้ง)

ออฟไลน์ แจซอล

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 133
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +40/-0
Re: คุณครูพี่มิน :: ตอนที่ 21 {Up.031218}
«ตอบ #90 เมื่อ03-12-2018 16:56:09 »

คุณครูพี่มิน 21



คนเป็นเจ้าของห้องทำเพียงแค่ปลดกระดุมเสื้อเชิ้ตและถอดถุงเท้า ไม่คิดแม้แต่จะอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า เขาทิ้งตัวลงบนเตียง หัวถึงหมอนแล้วหลับไปเลย

แพทนอนลงข้างกันบนเตียงซึ่งยังเหลือที่ว่างสำหรับเขาแล้วพลิกตัวตะแคงทอดสายตามองใบหน้าหล่อเหลาของคนที่กำลังหลับสนิท

มองอยู่อย่างนั้นทั้งที่ตนก็ง่วงจนแทบจะลืมตาไม่ขึ้นแล้วแท้ๆ

“เลิกมองได้ยัง” คนที่กำลังตกอยู่ในห้วงภวังค์ถึงกับสะดุ้งแล้วตอบด้วยเสียงอึกอัก

“แพทนึกว่าพี่มินหลับแล้วซะอีก”

“นอนเถอะ อีกเดี๋ยวก็เช้าแล้ว”

“กลัวตื่นขึ้นมาแล้วพี่มินหายไป”

“ไม่หายไปไหนหรอก”

“ครั้งที่แล้วก็ทิ้งแพทไว้แล้วตัวเองก็หนีไปมหา’ลัย”

“งั้นเดี๋ยวพรุ่งนี้จะปลุก แต่ต้องตื่นนะ”

“พี่มินต้องปลุกนะ สัญญานะ”

“ครับ สัญญา” มือเรียววางลงบนแก้มของแพท ในตอนที่มินหลับตาลงนั้นรอยยิ้มสวยยังคงปรากฏบนใบหน้า แพทเองเมื่อเห็นอย่างนั้นก็อดยิ้มไม่ได้เหมือนกัน

เขาหลับตาลง ในตอนนั้นเองที่รู้สึกเหมือนว่าถูกโอบกอดด้วยความอบอุ่น กระนั้นก็ไม่มีแรงที่จะลืมตาขึ้นมา ขอคิดว่าเป็นพี่มินก็แล้วกัน













“ถ้าไม่ตื่นตอนนี้ล่ะก็ถูกทิ้งจริงๆ นะ”

แพทกำลังฝันหวาน เขายิ้มออกมาในยามที่ถูกพี่มินกระซิบปลุกข้างหูในเช้าอันสดใส แสงแดดที่ส่องผ่านแนวผ้าม่านที่เปิดเอาไว้เข้ามาภายในห้องทำให้ภาพในฝันเป็นสีขาวฟุ้ง

“ยังเช้าอยู่เลยครับ”

“เช้าอะไรกันนี่มันใกล้เที่ยงแล้ว” มินฟาดแขนแพททีนึงอย่างนึกหมั่นไส้ เอาแต่นอนยิ้มอยู่ได้ฝันดีอะไรนักหนา โดยไม่รู้เลยว่ากำลังฝันถึงตัวเองนั่นแหละ

“แพทยังง่วงอยู่เลย”

“ถ้างั้นก็นอนต่อเถอะ” แล้วอย่ามางอแงเรื่องถูกทิ้งก็แล้วกัน

มินสำรวจตัวเองที่หน้ากระจกอีกครั้งก่อนเก็บของใส่กระเป๋าแล้วออกจากคอนโดมา แน่นอนว่าจุดหมายคือมหาวิทยาลัย

การเป็นอาจารย์เนี่ยไม่ง่ายเลย นอกจากต้องเตรียมตัวรับมือกับนักศึกษาแล้วยังต้องอัพเดตความรู้อยู่ตลอดเวลา มันก็สนุกแต่ก็ผลาญพลังงานชีวิตไปเยอะมากทีเดียว

กระนั้นก็เถอะ พอเห็นลูกศิษย์ที่เจริญก้าวหน้าเพราะวิชาที่เราเฝ้าสั่งสอนมันเหมือนกับว่าความเหนื่อยนั้นถูกปัดเป่าออกไปเหลือเพียงความตื้นตันใจ

หลังจากมินออกไปหลายชั่วโมงแพทค่อยงัวเงียตื่นขึ้นมา

คนหัวฟูเมาขี้ตาวาดแขนไปรอบกายแต่ก็พบเพียงความว่างเปล่าของเตียงนอน พอขยี้ตาแล้วมองหาเจ้าของห้องก็พบว่าอีกฝ่ายไม่อยู่ในห้องนี้แล้ว

ถูกทิ้ง...อีกแล้ว

แพทหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาดูแล้วก็ถึงบางอ้อ เพราะว่าตอนนี้เป็นเวลาบ่าย 2 กว่าแล้ว ดอกเตอร์เมฆคงออกไปตรวจข้อสอบที่มหา’ลัยล่ะมั้ง เหตุผลเข้าใจได้ แพทไม่งอนก็ได้

คนเป็นแขกลุกขึ้นมา เก็บเตียงให้อยู่ในสภาพเรียบร้อยอย่างที่ทำเป็นประจำ อย่างน้อยถ้าเจ้าของห้องกลับมาเห็นอาจจะได้รับคำชมบ้าง

แพทถือวิสาสะใช้ของใช้ส่วนตัวของพี่มินรวมทั้งเสื้อผ้า เมื่อจัดการกับตัวเองเสร็จก็พบว่ามีโพสอิทถูกแปะเอาไว้ที่หน้าทีวี ข้อความว่า ‘คนขี้เซา’ แน่นอนว่านั่นคือการตำหนิ แต่พออ่านแล้วรู้สึกเหมือนว่าได้ยินเสียงพี่มินดังมาจากที่ไหนซักแห่งก็อดเผยรอยยิ้มออกมาไม่ได้

ไม่รู้ว่าป่านนี้กินอะไรบ้างหรือยัง

คิดเช่นนั้นแพทก็ออกจากคอนโดมา เขาแวะซื้อแฮมเบอร์เกอร์ 2 ชุด สำหรับคนทำงานหนักกับตนที่เพิ่งตื่น

กลิ่นอาหารลอยเตะจมูกบรรดาพนักงานของมหาวิทยาลัยที่กำลังตั้งใจทำงานให้เงยหน้าขึ้นมาซุบซิบกัน ถึงอย่างนั้นแพทก็หาได้สนใจไม่ สองเท้ายังคงย่ำไปตามทางเดินเท้ามุ่งหน้าสู่ห้องดอกเตอร์เมฆ

เขาเคาะประตูแสดงมารยาทก่อนผลักประตูเข้าไป

ทั้งผู้มาใหม่ ทั้งคนในห้องต่างหยุดทำทุกสิ่งอย่าง มองหน้ากันเลิ่กลั่ก

แพทตกใจนิดหน่อย เขาคิดว่าในห้องทำงานดอกเตอร์เมฆคงมีแค่เจ้าของห้องที่กำลังนั่งทำงานหลังขดหลังแข็ง ทว่าภาพตรงหน้ากลับไม่ใช่เลย นอกจากคนเป็นดอกเตอร์แล้วยังมีนักศึกษาหญิงชายอีก 3 คน

“ขอโทษครับ” แพทเป็นฝ่ายเอ่ยก่อนพลางก้มหัวขอโทษ หันไปสบตากับเจ้าของห้องก่อนถอยหลังออกมา

ดอกเตอร์เมฆหันไปสั่งงานนักศึกษาที่มาช่วยงานเขานิดหน่อยก่อนจะตามแพทออกมาข้างนอก

“ตื่นแล้วเหรอ แล้วมาทำอะไรที่นี่”

“อาจารย์กินอะไรรึยัง”

“นั่นสิ ลืมไปเลย”

“ว่าแล้วเชียว ผมก็เลยซื้อนี่มาฝากไง” ถุงบรรจุอาหารถูกยกขึ้นในระดับสายตา

“แต่กินที่นี่ไม่ได้นะ รบกวนคนอื่นเขา”

“สวนข้างตึกดีมั้ย ถือโอกาสออกไปสูดอากาศบ้าง”

สวนข้างตึกเป็นเนินหญ้าขนาดไม่กว้างมากนัก มีม้านั่งยาวตั้งอยู่เพียงไม่กี่ตัว ถูกขั้นด้วยกระถางดอกไม้ที่ตอนนี้ไม่ออกดอก

หากเป็นช่วงเปิดเทอมบริเวณนี้นักศึกษาคงเดินกันอย่างพลุกพล่านเพราะเป็นทางเดินจากตึกนี้ไปอีกตึกนึง หากแต่ยามนี้มันกลับเงียบสงบเหมาะแก่การนั่งพักผ่อนอย่างถึงที่สุด

“ตรวจข้อสอบใกล้จะเสร็จรึยัง” แพทถามพร้อมกับแกะแฮมเบอร์เกอร์ส่งให้คนข้างกาย

มินรับมาและส่งเข้าปากทันที ก่อนหน้านี้ก็ไม่หิวหรอก แต่พอได้กลิ่นก็รู้สึกหิวขึ้นมาเลย

“แพททำข้อสอบได้ดีมากเลยนะ”

“หืม ดีพอจะได้เอมั้ย”

“ไม่รู้สิ นักศึกษาที่มาช่วยงานกำลังสรุปกันอยู่”

“ถ้าอย่างนั้นก็แปลว่าเคลียร์งานใกล้จะเสร็จแล้วสิ”

“ยังหรอก อีกเยอะเลย”

“พี่มิน” เสียงแผ่วเบาของแพททำให้มินละสายตาจากบ่อน้ำตรงหน้าหันไปมอง ทั้งคู่สบตากันพร้อมกับที่แพทยื่นมืออีกข้างมาบีบมือกันไว้ “ถ้ามีอะไรให้แพทช่วยก็บอกได้เลยนะ”

“แค่นี้ก็ช่วยได้มากแล้ว” มินบีบมือกลับ พร้อมส่งรอยยิ้มที่ทำให้แพทใจเต้นซะจนไม่สามารถอดทนต่อสายตาที่กำลังจ้องมองกันได้

คนอายุน้อยกว่าทำเป็นทอดสายตามองไปเบื้องหน้าพลางกัดแฮมเบอร์เกอร์คำโต

“วิวข้างหน้าน่ามองกว่าพี่เหรอ”

ให้ตายเถอะพี่มินกำลังเล่นตลกกับความรู้สึกแพทอยู่แน่ๆ

“เปล่าซะหน่อย”

“แล้วทำไมไม่มองพี่ล่ะ”

“กลัวอดใจไม่ไหวน่ะสิ”

“ถ้าอดใจไม่ไหวแล้วจะทำอะไร”

“ทำอะไรที่ถ้าถูกจับได้พวกเราสองคนต้องลำบากแน่ๆ เลย”













ตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมาแพทก็กลายเป็นคนขับรถส่วนตัวของดอกเตอร์เมฆไปโดยปริยาย

“รู้สึกเหมือนตายแล้วเกิดใหม่เลยอะ” มินว่าหลังจากขึ้นมานั่งข้างคนขับพลางบิดขี้เกียจอย่างไม่รักษามาดดอกเตอร์เมฆแม้แต่นิดเดียว

“ทีนี้ก็พักผ่อนได้แล้วใช่มั้ย”

“อยากนอนยาวๆ ซัก 48 ชั่วโมงเลย”

“แพทเคยนะ แต่ตื่นมาแล้วไม่สดชื่นเลยซักนิด”

“แล้วไปทำอีท่าไหนถึงต้องนอนยาวขนาดนั้น”

“ปั่นงานตอนใกล้ส่งอะ ไม่ได้หลับไม่ได้นอนตั้งหลายวัน พอส่งงานเสร็จก็สละร่างเลย ตอนนั้นถูกต๊อดบ่นจนหูชาเลยล่ะ ต๊อดน่ะตื่นตูมมาก”

“ต๊อดมันก็เป็นแบบนั้นแหละ พี่เองก็โดนมันบ่นบ่อยๆ”

“ก็สมควรหรอก เล่นหายไปเป็นปีๆ ติดต่อก็ไม่ได้ แพทเองก็อยากบ่นพี่มินเหมือนกัน”

“แล้วทำไมไม่บ่นล่ะ”

“พอเห็นหน้าแล้วใครมันจะไปบ่นได้ล่ะ”

“ต่อไปนี้แพทบ่นพี่ได้เท่าที่อยากบ่นเลยนะ”

“หือ หมายความว่าไง”

“ก็หมายความว่าอนุญาตให้บ่นได้ไง” แน่นอนว่าคำนั้นแฝงความหมายพิเศษอย่างที่แพทเองก็รู้ทันที เขาเหลือบมองคนที่ถอดสูทมาคลุมกายตน ปรับเบาะให้เอนลงหน่อยก่อนจะหลับไป

ถึงแม้ตลอดระยะเวลาหลายวันที่มินทำงานอย่างหนักแพทจะไม่สามารถช่วยอะไรได้มากนัก แต่เขาก็รู้สึกดีมากที่อย่างน้อยอีกฝ่ายเอ่ยปากขอให้เขามารับไปส่งและจัดการเรื่องอาหารการกินให้

สำหรับแพทแล้ว โอกาสที่ได้รับจากพี่มินไม่ว่าจะมากหรือน้อยก็พิเศษทั้งนั้น

รถยนต์คันสวยวิ่งอยู่บนถนนซึ่งมุ่งหน้าออกนอกเมืองโดยที่เจ้าของรถไม่รู้เรื่องรู้ราวแม้แต่น้อย ถ้าตื่นขึ้นมามินต้องตกใจมากแน่ และแพทก็อาจจะโดนดุแต่เขาก็เตรียมใจไว้ประมาณนึงแล้ว

กระเป๋าเสื้อผ้าและของใช้จำเป็นถูกเก็บไว้ท้ายรถอย่างพรักพร้อม

ในสมุดบันทึกของพี่แพท เจ้าเด็กนั่นวาดรูปห่วยๆ เอาไว้เป็นภาพของครอบครัวโดยมีพี่มินเป็นหนึ่งในนั้น พวกเขาไปเที่ยวทะเลด้วยกัน แถมยังใส่เสื้อเหมือนกันอีกด้วย

ตอนเด็กพี่แพทอาจจะยังทำอะไรไม่ได้มาก แต่ตอนนี้นายภัทรดนัยคนนี้จะทำความฝันของเจ้าเด็กนั่นให้เป็นจริงเอง

ที่จริงแล้ว การเจอพี่มินในตอนที่เขาอายุเพียง 5 ขวบเป็นช่วงเวลาที่ดีมาก

สมุดบันทึกของพี่แพทช่วยย้ำเตือนให้เขาไม่ลืมความรู้สึกที่ตนมีต่อคุณครูพี่มิน ย้ำให้มั่นใจว่าความรู้สึกที่เขามีต่ออีกฝ่ายไม่ใช่เรื่องลวงตาแต่มันเกิดขึ้นจริง ทุกเรื่องราวที่เกิดขึ้นในช่วงเวลาสั้นๆ แต่ก็ถูกบันทึกเอาไว้ในสมุดอย่างยาวนานเป็นสิบๆ ปี

ต้องขอบคุณเจ้าเด็ก 5 ขวบคนนั้นที่ทำให้วันนี้เขายังคงรอพี่มินและได้พบกับคนที่ทำให้เขามีความสุขที่สุดในโลก

“กำลังถูกลักพาตัวรึเปล่าเนี่ย” มินตื่นขึ้นมาตอนที่แพทแวะพักบนทางหลวงมุ่งหน้าสู่เมืองชายทะเล

“พี่มินเข้าห้องน้ำมั้ย หิวรึเปล่า”

“จะไปไหน”

“ทะเล”

ตอนที่กำลังคิดว่าต้องนั่งรถไปกลับและรู้สึกท้อแท้เหนื่อยอ่อนสายตาของเจ้าของรถก็เหลือบไปเห็นกระเป๋าเดินทางเข้าพอดี มินยกยิ้มพร้อมๆ กับส่ายหน้าให้กับความเจ้าแผนการของแพท นี่เตรียมแผนลักพาตัวเขาอย่างรัดกุมเลยนี่นา

“นั่นกระเป๋าเดินทางผมเหรอ”

“ช่าย”

“เตรียมให้หมดเลยเหรอ”

“แพทไม่ได้รื้อตู้พี่มินหรอก”

“หือ” ไม่ได้รื้อตู้แล้วเอาเสื้อผ้าเขามาจากไหน และไม่ต้องถามแพทก็ตอบให้

“แพทเตรียมของแพทมาเผื่อน่ะ”

“ขอบคุณครับ”

“ไม่โกรธเหรอ แพทคิดว่าพี่มินจะโกรธซะอีก”

“อยากให้โกรธรึไง”

“ไม่นะ นั่นเป็นสิ่งที่แพทกลัวที่สุดในโลกเลย”

“สิ่งที่กลัวที่สุดในโลกไม่ใช่คุณยายเหรอ”

“แค่ได้ยินชื่อคุณยายก็สยองแล้วอะ” แพทลูบแขนทำเหมือนกลัวสุดขีดก่อนเขาจะลงจากรถไปเข้าห้องน้ำ มินมองตามร่างสูงที่เดินอย่างคล่องแคล่วจนลับตาไป

จำได้ว่าเมื่อตอนที่แพทยังเด็กพวกเขาเคยสัญญากันว่าจะไปเที่ยวทะเลด้วยกัน กว่าจะทำตามสัญญาได้เวลาก็ผ่านมา 10 กว่าปีแล้ว

นั่นทำให้มินตระหนักได้ว่าข้อจำกัดของความเป็นเด็กมันมากมายเหลือเกิน













“ลมเย็นดีนะ” ระหว่างทางอยู่ๆ คนที่หลับมาตลอดก็ลืมตาขึ้นมา

มินจัดท่าให้ตัวเองนั่งในท่าที่สบายก่อนเปิดกระจกฝั่งตนแล้วยื่นมือออกไปปะทะกับสายลม แพทเหลือบมอง การกระทำแบบนั้นน่ะมันอันตรายจะตาย เช่นนั้นเขาจึงเปลี่ยนไปขับเลนซ้ายสุดทั้งยังลดความเร็วลง

“เล่นอะไรเป็นเด็กๆ ไปได้”

“เด็กๆ น่ะทำอะไรก็น่ารัก”

“ไม่ต้องเป็นเด็กหรอก พี่มินน่ะไม่ว่าจะเมื่อก่อนหรือตอนนี้ไม่ว่าจะทำอะไรก็น่ารักอยู่แล้ว”

“ชมคนอายุ 30 กว่าแบบนี้ก็ได้เหรอ”

“แล้วไม่ชอบเหรอครับ”

“ชอบสิ” มินตอบทันทีพลางหันไปเอียงคอส่งยิ้มให้คนข้างกาย แพทน่ะรู้สึกเหมือนร่างจะระเบิดออกมาในตอนนั้นเลยก็พี่มินเล่นระเบิดความน่ารักใส่กันแบบนี้ใครมันจะไปทนไหว

“ชอบแพทอะนะ”

“งั้นมั้ง”

“พี่มินอย่าเล่นแบบนี้สิ”

“คำพูดพี่ไม่น่าเชื่อถือเหรอ”

“เพราะแพทเชื่อพี่มินมาตลอด วันนี้เราถึงได้อยู่ด้วยกันแบบนี้ไง”

พอได้ยินอย่างนั้นก็อดไม่ได้ที่จะบอกอีกฝ่ายว่า ‘เป็นเด็กดีจังเลยนะ’ อยากยื่นมือไปลูบผมด้วยซ้ำแต่เพราะแพทกำลังขับรถมินจึงตั้งใจจะชักมือกลับหากในตอนนั้นเองที่อีกฝ่ายละมือจากพวงมาลัยแล้วคว้ามือกันไปกุมไว้ก่อนจะสอดนิ้วเข้ามาประสานฝ่ามือกัน

“เมื่อไหร่เราจะได้จับมือกันในฐานะแฟนซักทีล่ะ”

มินไม่ตอบคำถาม หากการที่เขาบีบมือแพทแน่นขึ้นนั้นก็ทำให้อีกฝ่ายใจชื้นขึ้นมา

ก็คงจะเร็วๆ นี้ล่ะมั้ง













ห้องพักที่แพทจองไว้ไม่ใช้รีสอร์ทหรูระดับ 5 ดาวแต่เน้นความเป็นส่วนตัวและบรรยากาศที่แสนผ่อนคลายเพราะคำนึงถึงที่คนทำงานหักโหมไม่ได้นอนเต็มอิ่มมานาน

ตลอดทางที่ขับรถกันมาแพทเฝ้าภาวนาให้พี่มินชอบสิ่งที่เขาเลือกไว้ให้ด้วยความตั้งใจ และการแสดงออกของมินตอนที่เปิดประตูเข้าห้องมาก็ไม่ทำให้ผิดหวัง

ทันทีที่ไฟในห้องถูกเปิดให้เห็นบรรยากาศในห้องและนอกห้องมินก็รีบก้าวเท้าไปยังประตูกระจกที่ขั้นระหว่างโลกภายในกับภายนอกเอาไว้ทันที

ดวงตาคู่สวยฉายแววสดใสขณะเปิดประตูออก เขาสูดลมหายใจเอาอากาศบริสุทธิ์เข้าปอดแล้วเอ่ยด้วยน้ำเสียงร่าเริงกว่าปกติ

“ห้องสวยมากแฮะ มีสระว่ายน้ำส่วนตัวด้วย” มือเรียวปลิดกระดุมเสื้อตนออกโดยไม่สนว่าคนเป็นเพื่อนร่วมห้องจะรู้สึกอย่างไร

แพทน่ะตื่นเต้นเป็นบ้าเลย

“พี่มินชอบมั้ย” คนถามเฝ้ารอคำตอบด้วยใจลุ้นระทึก

“ชอบสิ เป็นส่วนตัวมากเลย”

“ดีใจที่ชอบนะครับ” มินสัมผัสได้ถึงร่างสูงที่เข้ามายืนซ้อนหลัง ดังนั้นเขาจึงตั้งใจหมุนตัวกลับไปเผชิญหน้ากัน

“ไปว่ายน้ำกันเถอะ”

“ไม่หิวเหรอครับ”

“แพทโทรสั่งอาหารมาสิ เดี๋ยวระหว่างรอก็ไปว่ายน้ำกัน” ถ้าพี่มินออกคำสั่งเฉยๆ แพทคงไม่รู้สึกร้อนรนขนาดนี้ แต่นี่ทั้งพูดด้วยน้ำเสียงหวานๆ แล้วยังเอานิ้วมาเกี่ยวกระกระดุมเสื้อกันอีก

ไม่อยากกกินข้าวแล้วอะ อยากกินพี่มินมากกว่าอีก

แพทผละออกไปโทรสั่งอาหารตามที่อีกฝ่ายสั่ง หากสายตากลับไปละไปจากมินที่กำลังปลดเสื้อเชิ้ตออกแล้วตามด้วยเสื้อกล้ามที่สวมเอาไว้ด้านในจนเผยร่างกายท่อนบนอันเปลือยเปล่า

แพทรู้สึกว่าภายในห้องร้อนอบอ้าวมากๆ ทั้งที่เปิดแอร์ในอุณหภูมิที่เหมาะสมแล้ว ต้นเหตุของความร้อนนี้ต้องเป็นพี่มินที่กำลังปลดเข็มขัดแน่ๆ

คิดจะยั่วกันหรือไงน่ะ

“พี่มินเอาเบียร์มั้ย”

“เอาไวน์ดีกว่า” แพทพยักหน้ารับก่อนสั่งอาหารและวางสาย “เอากางเกงว่ายน้ำมาด้วยมั้ย”

“เดี๋ยวแพทหาให้ พี่มินรอแป๊บนึงนะ”

แพทรื้อกระเป๋าด้วยมืออันสั่นเทาพอๆ กับหัวใจ พี่มินตอนเปลือยท่อนบนก่อนหน้านี้ว่าเซ็กซี่น่าขยี้แล้วหากตอนที่สวมชุดคลุมกลับยิ่งยั่วยวนมากกว่า

จะรู้ตัวมั้ยเนี่ยว่ากำลังทำให้แพทลำบากใจแค่ไหน

ทำไมมินจะไม่รู้ล่ะ ตลอดเวลาหลายวันที่ผ่านมาแพทดูแลเขาดีมาก เพราะเป็นเช่นนั้นวันนี้จึงคิดว่าน่าจะเซอร์วิสให้แพทรู้สึกดีซักหน่อย แต่ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าจะเซอร์วิสกันถึงขั้นไหน

“นี่ครับ” มินยื่นมือไปรับกางเกงว่ายน้ำขาสั้นสีกรมท่ามาถือไว้พลางยิ้มขอบคุณและจัดการยกขาสวมกางเกงตรงนั้นให้คนที่เงยหน้าขึ้นมาพอดีถึงกับเบิกตากว้าง

มันจะไม่มากไปหน่อยเหรอวะพี่มิน

“พี่มิน”

“หือ”

“ตั้งแต่เมื่อกี้แล้วนะ”

“อะไรตั้งแต่เมื่อกี้”

“พี่มินน่ะตั้งใจยั่วแพทรึเปล่า”

“พี่ทำแบบนั้นเหรอ ไม่เห็นรู้ตัวเลย” ดูก็รู้ว่าตั้งใจยั่วแน่ๆ เพราะก่อนหน้านี้มินไม่เคยแสดงออกแบบนี้เลย

“ระวังตัวไว้เถอะ”

“ระวังตัวจากอะไร”

“พี่มินไม่รู้หรอกว่ากำลังเล่นกับอะไร”

“แล้วพี่กำลังเล่นกับอะไรอยู่ล่ะ”

“ก็...” แพทไม่พูดอะไรต่อจากนั้น หากเขากลับก้าวเข้าไปประชิดตัวมินซึ่งคนถูกคุกคามก็ไม่คิดจะถอยหนีแม้แต่น้อย ทั้งคู่สบตากันอย่างไม่มีใครยอมใครก่อนแพทจะยื่นมือไปไล้บนสาบเสื้อคลุมแล้วค่อยๆ ใช้นิ้วสอดผ่านเข้าไปสัมผัสผิวอุ่นๆ ด้านใน

ลมหายใจมินสะดุดไปวูบหนึ่ง ใบหน้าเขาเห่อร้อนโดยเฉพาะใบหู

สายตาที่แพทใช้มองกันเต็มไปด้วยไฟปรารถนาอย่างที่คนถูกมองอยากเบือนหน้าหนีเดี๋ยวนี้ แต่ใจนึงก็คิดว่าเป็นฝ่ายยั่วเองนี่นาจะให้ยอมแพ้ตอนนี้ก็เสียศักศรีแย่น่ะสิ

“ถอดทิ้งซะเลยดีมั้ยเนี่ย”

“ก็ไม่ได้ห้ามซักหน่อย”

“พี่มิน”

“ครับ” เพียงอีกฝ่ายตอบรับด้วยน้ำเสียงหวานหูความอดทนของแพทก็เหมือนถูกตัดให้ขาดลง

“ให้ตายเถอะว่ะ” เขาหยุดมือที่กำลังวุ่นวายอยู่กับปมเชือกพร้อมซบหน้าผากลงบนไหล่มนของคนตรงหน้า ลมหายใจอุ่นๆ ถูกทอดถอนออกมา

มินยกมือที่เคยทิ้งไว้ข้างลำตัวขึ้นมาลูบท้ายทอยของแพท ส่งนิ้วเรียวเข้าไปในกลุ่มผมนุ่ม

ยิ่งถูกสัมผัสแพทก็ยิ่งรู้สึกว่าเขาไม่สามารถรักษาความเป็นสุภาพบุรุษเอาไว้ได้อีกแล้ว



[TBC.]



คุณตำรวจคะตรงนี้มีโจรลักพาตัวและหัวใจ 1 อัตราค่ะ

มาจับเร้ววววววววววว



#คุณครูพี่มิน



ออฟไลน์ areenart1984

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4805
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-7
Re: คุณครูพี่มิน :: ตอนที่ 21 {Up.031218}
«ตอบ #91 เมื่อ03-12-2018 17:55:17 »

ต่อด่วนๆๆๆๆๆๆๆ  :haun4:  :hao6:

ออฟไลน์ DrSlump

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3360
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +104/-2
Re: คุณครูพี่มิน :: ตอนที่ 21 {Up.031218}
«ตอบ #92 เมื่อ03-12-2018 21:17:48 »

 :pig4: :pig4: :pig4:

งุย ๆ  ตอนหน้ามีได้เสียหรือเปล่าหนอ?  อิอิ

ออฟไลน์ Tiffany

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1147
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +24/-0
Re: คุณครูพี่มิน :: ตอนที่ 21 {Up.031218}
«ตอบ #93 เมื่อ03-12-2018 21:26:51 »

รอตอนต่อไปแทบไม่ไหวเลยจ้า

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7518
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
Re: คุณครูพี่มิน :: ตอนที่ 21 {Up.031218}
«ตอบ #94 เมื่อ03-12-2018 22:23:33 »

ค้างงงงงงงงงง   :z3: :z3: :z3:

ออฟไลน์ แจซอล

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 133
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +40/-0
Re: คุณครูพี่มิน :: ตอนที่ 22 {Up.111218
«ตอบ #95 เมื่อ11-12-2018 17:16:09 »

คุณครูพี่มิน 22



ปมเชือกในมือถูกกระตุกจนคลายออก หากเจ้าของมันก็ไม่ได้แสดงอาการตื่นตระหนกแม้แต่น้อย กระทั่งในยามที่แพทเลื่อนมือขึ้นมาแยกสาบเสื้อคลุมออกมินก็ทำเพียงยืนนิ่งๆ มองอีกฝ่ายด้วยแววตาสื่อความหมาย

แพทได้แต่ก่นด่าอีกฝ่ายอยู่ในใจ

ให้ตายเถอะ ถ้ามาถึงขั้นนี้แล้วทิ้งกันไว้กลางทางล่ะก็...

ไม่รู้เลยว่าต้องทำยังไงต่อไป

“ไม่ห้ามหน่อยเหรอ” คนถูกถามกระตุกยิ้ม มินแทบหลุดขำออกมาเมื่อได้ยินคำถามที่สื่อถึงว่าอีกฝ่ายกำลังลังเล

“อยากให้ห้ามเหรอ”

“ก็...” แพทก้มหน้าลงด้วยความไม่มั่นใจ จะว่าอย่างไรดี พวกเขายังไม่ได้อยู่ในสถานะที่จะทำเรื่องอย่างว่าได้ซักหน่อย ถึงแม้ร่างกายจะต้องการมากๆ ก็เถอะ ถึงแพทจะเป็นวัยรุ่นมีความคิดแบบคนสมัยใหม่กระนั้นเขาก็ยังอยากจะให้เกียรติคนที่ตัวเองรักมากๆ อยู่ดี

“ไปว่ายน้ำมั้ยจะได้ใจเย็นๆ”

มินผละออกมาในที่สุด เขามองแพทแล้วยิ้มอ่อนโยนเหมือนผู้ใหญ่มองเด็ก เมื่อก่อนแพทอาจจะชอบสายตาแบบนี้มาก แต่ตอนนี้ไม่แล้ว แพทอยากถูกมองด้วยสายตาแบบบคนรักมากกว่า

เสื้อคลุมที่ถูกปลดออกไม่ได้รับความสนใจ มินเมินเฉยต่อมันขณะยกมือขึ้นโอบแก้มพลางใช้นิ้วบีบคลึงใบหูแพทเล่น

“พี่มิน...” คนถูกสัมผัสหัวใจสั่นระรัว เม้มริมฝีปากแน่น

“เป็นเด็กดีจังเลย”

“บอกว่าไม่เด็กแล้วไง”

“ครับ ไม่เด็กก็ไม่เด็ก” มินยอมรับคำแต่โดยดี

ถึงจะพูดอย่างนั้นก็เถอะ ยอมรับว่าแพทโตเป็นผู้ใหญ่แล้ว แต่อย่างไรซะมินก็ยังมองว่าแพทเป็นเด็กดีเสมอนั่นแหละ คำว่าเด็กดีน่ะใช้กับผู้ใหญ่ก็ได้ไม่ใช่หรือไง เขาเองจนถึงตอนนี้ก็ยังรู้สึกเต็มตื้นในอกเสมอยามที่คุณแม่ชมด้วยคำนั้น

ถูกทิ้งไว้กลางทางจริงๆ ด้วย

แพททิ้งตัวลงบนเตียงนอน มองผ่านประตูที่ถูกเปิดเอาไว้ไปยังคนที่กำลังปลดเสื้อคลุมออกแล้วค่อยๆ หย่อนกายลงในสระว่ายน้ำ

เขาเองก็อยากตามไปเดี๋ยวนี้แต่ติดที่ว่าต้องรออาหารมาเสิร์ฟก่อน

รออีกซักพักทีเดียวกว่าอาหารที่สั่งจะถูกยกมาเสิร์ฟ

“พี่มินอาหารมาเสิร์ฟแล้วนะ”

คนถูกเรียกหยุดดำผุดดำว่ายแล้วหันมายิ้มให้พลางยกมือขึ้นทำสัญลักษณ์โอเค และไม่กี่วินาทีหลังจากนั้นมินก็ว่ายเข้ามาขอบสระ

เจ้าของร่างเพียวที่เปียกไปทั้งตัวก้าวขึ้นจากสระ

พี่มินแม่งโคตรใจร้าย

แพทคิดเช่นนั้นทันทีที่หันไปเห็นว่าอีกฝ่ายอยู่ในสภาพอย่างไร

กางเกงว่ายน้ำซึ่งเป็นเสื้อผ้าเพียงชิ้นเดียวเปียกลู่แนบไปกับร่างกายให้เห็นสรีระชัดเจน แผ่นอกที่กำลังสะท้อนขึ้นลงเพราะอาการเหนื่อหอบจากการว่ายน้ำสะกดสายตาและปลุกปั่นเสียจนแพทรู้สึกว่าลำคอตนแห้งผาก ทั้งผมที่เปียกลู่แนบกับใบหน้าโดยมีน้ำหยดแหมะๆ ลงมานั้นอีก ไม่คิดจะเช็ดหน่อยหรือไง

“ส่งผ้าขนหนูให้พี่หน่อยสิ”

คนถูกเรียกสะดุ้งทำตัวเลิ่กลักหันไปคว้าผ้าขนหนูมาส่งให้ หากสายตากลับเอาแต่มองไปทั่วไม่สนใจกันแม้แต่นิด ยิ่งเห็นแพทแสดงความไร้เดียงสาออกมามินก็ยิ่งอยากแกล้ง

“ช่วยเช็ดผมให้ได้มั้ย”

“หา!?”

“เช็ดให้ไม่ได้เหรอ” มินส่งสายตาอ้อนพลางนั่งลงบนเก้าอี้ข้างสระและแทนที่จะรับผ้าขนหนูมาก็เปลี่ยนเป็นดึงมือแพทให้ก้าวเข้ามายืนตรงหน้ากัน

หัวใจของคนถูกช้อนสายตามองเต้นระรัวอีกครั้ง แพทใช้มือกดหน้าอกเอาไว้ก่อนสูดลมหายใจเข้าลึกเพื่อเรียกขวัญและกำลังใจ

ขณะลงมือเช็ดเส้นผมของอีกฝ่ายก็ได้แต่คิดว่าวันนี้พี่มินกินยาผิดหรือเปล่าทำไมถึงได้ขยันยั่วกันนัก

“มือเบามากเลยนะเนี่ย”

“แล้วชอบมั้ย”

“ชอบสิ”

“ชอบแพทอะนะ”

“ชอบดีมั้ยนะ”

“ถ้าพี่มินยอมเป็นแฟนแพทล่ะก็แพทจะเช็ดผมให้พี่มินตลอดไปเลย”

“พูดเองนะ แล้วถ้าผิดสัญญาล่ะ”

“ให้ลงโทษได้ตามต้องการ”

“แพทรู้ใช่มั้ยว่าพี่ความจำดีมาก”

คนถูกถามหยุดมือก่อนก้มลงมาสบตากับมินที่เงยหน้ามองเขาอยู่ก่อนแล้ว ในตอนนี้เขาอยากล็อคปลายคางอีกฝ่ายเอาไว้แล้วบดริมฝีปากลงไปหนักๆ ซักทีเพื่อสั่งสอนให้รู้ว่าอย่ามายั่วกันแบบนี้อีก

แต่จะว่าไปตอนที่พี่มินยั่วมันก็ชุ่มชื่นหัวใจดีเหมือนกันล่ะนะ

ถ้าอย่างนั้นไม่สั่งสอนก็ได้

“พี่มินใส่เสื้อคลุมเถอะ เดี๋ยวก็ไม่สบายหรอก”

“เดี๋ยวก็ลงน้ำอีก”

“ยังไม่พออีกเหรอ พี่มินว่ายน้ำนานมากแล้วนะ”

“ว่ายน้ำแข่งกันมั้ย ถ้าใครแพ้นอนโซฟา”

“อะไรล่ะ” ที่แพทเลือกห้องเตียงเดี่ยวก็เพราะว่าคืนนี้เขาอยากนอนกอดพี่มินนี่นา อย่างไรก็ไม่ยอมรับข้อเสนอนั้นอย่างแน่นอน

“กลัวแพ้เหรอ” เมื่อเห็นว่าคนตรงหน้ามุ่นคิ้วครุ่นคิดมินจึงเอ่ยถาม

“เปล่า แต่ถึงแพทจะชนะแพทก็ไม่ยอมให้พี่มินนอนโซฟาหรอก”

“งั้นก็ยอมแพ้ซะสิ”

“ไม่เอาอะ แพทไม่อยากนอนโซฟา”

“งั้นก็เอาชนะให้ได้สิ”

“ก็บอกแล้วไงว่าไม่อยากให้พี่มินนอนโซฟา ไม่ต้องพนันหรอกแค่ว่ายน้ำด้วยกันเฉยๆ ก็พอนี่”

“แบบนั้นก็ไม่สนุกสิ”

“แพทจะทำให้พี่มินสนุกเอง”

อาหารที่รีสอร์ทยกมาเสิร์ฟรสชาติใช้ได้เลยแต่เพราะดึกมากแล้วมินจึงกินไปแค่ไม่กี่คำแต่ไปหนักที่ไวน์ ตอนนี้ไวน์ในขวดพร่องไปกว่าครึ่งแล้วและคนดื่มก็หน้าแดงลามลงมาถึงคอแล้วเช่นกัน

เมา ไม่สิ อาจจะแค่กรึ่มๆ ล่ะมั้ง

“ไปว่ายน้ำกัน” มินวางแก้วไวน์ลงก่อนจะลุกขึ้นปลดชุดคลุมออกแล้วดึงแขนแพทให้ลุกตาม

“พี่มินเมาแล้วยังจะลงน้ำอีกเหรอ”

“ไม่เมาซักหน่อย” คนเมาที่ไหนยอมรับว่าตัวเองเมากันล่ะ เอาเถอะ เล่นก็เล่นแล้วอย่ามาหาว่าแพทเอาเปรียบคนเมาก็แล้วกัน

เสื้อคลุม 2 ชุดถูกถอดแล้วกองไว้บนเก้าอี้ยาวข้างสระ

มินลงสระไปก่อนแล้วหันมากวักมือเรียก “ลงมาเร็วๆ สิ ในนี้เย็นมากเลย”

ก็ควรจะเย็นหรอก แพทส่ายหน้าให้กับคนอายุ 30 กว่าที่ทำตัวน่ารักได้น่าชังเหลือแสนก่อนกระโดดลงสระจนน้ำแตกกระจายเป็นวงกระเซ็นโดนอีกคนจนต้องหยีตา

“แกล้งเหรอ เปียกหมดเลย” มินใช้หลังมือปาดน้ำออกจากใบหน้าหล่อเหลาของตนพลางต่อว่าอีกฝ่ายให้แพทว่ายน้ำเข้าไปหา

“ลงสระก็ต้องเปียกอยู่แล้ว”

“แต่เมื่อกี้น้ำเข้าตานะ”

“ขอแพทดูหน่อย” แพทเข้ามาประชิดตัว จับมือมินไว้ แล้วใช้มืออีกข้างที่ว่างช่วยเสยผมและเช็ดน้ำบนใบหน้าออกให้

ความใกล้ชิดในสภาพเกือบเปลือยทำให้คนคิดไม่ดีเริ่มรู้สึกร้อนทั้งที่แช่อยู่ในน้ำทั้งตัวแท้ๆ

พี่มินเองก็ขยันยั่วกันซะเหลือเกิน ทั้งช้อนตามอง ทั้งโอบรอบคอ เดี๋ยวก็จับกินในน้ำให้มันรู้แล้วรู้รอดซะหรอก แล้วอย่ามาหาว่าไม่เตือน

“ถ้าเมาแล้วก็ไปนอนดีกว่า”

“บอกแล้วไงว่าไม่เมา” ถ้าไม่เมาแล้วจะดื้อแบบนี้เหรอ แบบนี้เนี่ยมันพี่มินตอนเมาชัดๆ

น่ารักเกินเบอร์ไปมากเลย

“พี่มินครับแพทขอร้อง”

“ร้องอะไร ร้องเพลงเหรอ ร้องเพลงเป็นด้วยเหรอ”

“ไม่ใช่ซักหน่อย แพทขอร้องให้พี่มินขึ้นสระแล้วไปเปลี่ยนเสื้อผ้าครับ ในน้ำมันหนาวเดี๋ยวจะไม่สบายนะ”

“ก็ทำให้อุ่นสิ”

ให้ตายเถอะว่ะพี่มิน แพทไม่ใช่พระอิฐพระปูนนะเว้ย













ทำให้อุ่นเหรอ แพทอยากจะหัวเราะให้ฟันร่วง

หลังจากปล่อยตัวให้แพทลูบๆ คลำๆ อยู่ในสระว่ายน้ำ พอขึ้นจากสระ อาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า หัวถึงหมอนเจ้าตัวก็ชิงหลับไปอีกแล้ว

ปล่อยให้แพทค้างอีกตามเคย ใหตายเถอะว่ะ อย่าให้ถึงคราวแพทบ้างก็แล้วกัน

แพทไม่เคยรู้สึกว่าตัวเองเป็นผู้ใหญ่ขนาดนี้มาก่อน จนมาเที่ยวกับพี่มิน เพราะเมื่อคืนดื่มเยอะเกินลิมิตตัวเองตื่นมาเจ้าตัวบอกว่าปวดหัว แพทต้องหาน้ำหายามาให้กิน จัดเตรียมข้าวเช้ากระทั่งเสื้อผ้าเอาไว้ให้

กว่าจะลุกจากเตียงก็เป็นเวลาบ่ายแล้ว

คนที่เพิ่งตื่นมองไปยังแพทที่นั่งก้มหน้ากดโน๊ตบุ๊กอยู่บนโซฟาแล้วมุ่นคิ้ว

ทั้งที่ปิดเทอมแล้วแท้ๆ

“มาเที่ยวทั้งทีเอางานมาทำด้วยเหรอ” เมื่อได้ยินเสียงแพทก็รีบเอี้ยวตัวไปมอง ภาพพี่มินผมเผ้ายุ่งเหยิงทำให้อดยิ้มออกมาไม่ได้

“ทำค่าเวลารอพี่มินตื่น”

“มาเที่ยวทั้งทีก็ควรจะพักผ่อนสิ”

“จะเลิกทำแล้วครับ”

บอกว่าจะเลิกทำก็จริงแต่จนมินเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จแพทก็ยังไม่เงยหน้าขึ้นมาเลย ตอนที่ยืนมองอีกฝ่ายจากด้านหลังนี่เองที่มินเริ่มเข้าใจความรู้สึกของแพทในยามเขาเอาแต่ทำงานโดยไม่สนใจกัน

“ไปเดินเล่นที่ชายหาดกัน” มินเดินเข้าไปกอดคออีกฝ่ายจากด้านหลังให้แพทหยุดนิ้วที่กำลังพิมพ์ข้อความคุยกับส้มโอผ่านโปรแกรมแชท ในตอนที่กำลังจะเอี้ยวตัวไปหานั้นเองที่สัมผัสแก้มของอีกฝ่ายที่แนบลงมา

แพทละมือจากคีย์บอร์ดมาลูบแขนมินขณะกำลังคิดว่าอยากหยุดเวลาเอาไว้ตรงนี้

“แอบนอกใจเหรอ”

“เพื่อน”

“เพื่อนผู้หญิง”

“หึงเหรอครับ”

“แล้วหึงได้มั้ย”

“ทำไมจะไม่ได้ล่ะ”

“ทำอะไรอะ” มินกวาดสายตามองสัญลักษณ์ต่างๆ ที่เขาไม่เข้าใจก่อนเอ่ยถาม ดูเหมือนว่าแพทกำลังทำโครงการอะไรบางอย่างและท่าทางคงยุ่งมากทีเดียวถึงได้หอบมาทำถึงนี่

“โครงการประกวดนวัตกรรมยานยนต์ครับ แพทกับเพื่อนพยายามจะพามันไปประกวดหลายปีแล้วแต่ไม่สำเร็จซักที”

“ทำไมล่ะ”

“มีหลายเรื่องที่เราไม่ยังไม่รู้ แต่ปีนี้ปีสุดท้ายแล้วยังไงก็ต้องไปให้ได้”

“งั้นก็ทำเถอะ เดี๋ยวเย็นๆ ค่อยออกไปเดินเล่นที่หาดกัน” มินผละออกมาอย่างแสนเสียดาย มาทะเลทั้งทีใจจริงก็อยากทำอะไรหลายๆ อย่างด้วยกัน แต่ในเมื่อแพทกำลังมุ่งมั่นกับงานขนาดนั้นเขาก็ไม่อยากขัด

“มินครับ” คนถูกเรียกชื่อเฉยๆ ถึงกับหัวใจกระตุก เมื่อเอี้ยวตัวมองก็พบกับสายตากรุ้มกริ่มที่ชวนให้ละลายลงตรงนี้

“อะไร”

“มานั่งนี่สิ” เพียงแค่อีกฝ่ายกวักมือเรียกมินก็เดินเข้าไปหาราวกับต้องมนต์สะกด

ตอนนี้เองที่เพิ่งสังเกตุว่าพวกเขาใส่เสื้อคู่

เหมือนที่พี่แพทเคยวาดภาพไว้ในสมุดบันทึก

มินเผลอยิ้มออกมา อดสงสัยไม่ได้ว่าสมุดไดอารี่พวกนั้นยังอยู่หรือเปล่า รวมถึงเจ้าฉลามที่เขาเคยให้แพทตอนชนะพนันโบลิ่งนั่นด้วย

“มินครับ” แพทกระซิบข้างหูด้วยคำเดิมเมื่อดึงเจ้าของชื่อให้นั่งลงบนโซฟาตรงระหว่างของตน

“ปีนเกลียว”

“ไม่ชอบเหรอ”

“ก็ยังดีกว่าเรียกอาจารย์นะ”

“ตื่นเต้นดีออก”

“จะอยากตื่นเต้นอะไรนักหนา”

“ที่จริงแค่ได้อยู่ใกล้มิน แพทก็ตื่นเต้นจะแย่แล้วล่ะ”

“อ้อนอะไรเนี่ย จะทำงานไม่ใช่เหรอ”

“ไม่อยากทำเลยอะ อยากเที่ยว”

“เอาไว้ทำงานนี้เสร็จแล้วเราค่อยไปเที่ยวด้วยกันเยอะๆ ก็ได้นี่”

“สัญญานะ” ดวงตาของแพทเป็นประกายขณะยกนิ้วก้อยขึ้นมา หากมินกลับเลือกที่จะเอี้ยวตัวกลับไปหาคนที่กอดเขาเอาไว้จากด้านหลัง วางมือลงบนแก้มอีกฝ่ายแล้วกดจูบลงบนเรียวปากแรงๆ

ตายไปเลยไอ้แพท หัวใจจะวายตายอยู่แล้ว













ชายหาดตอนเย็นที่พระอาทิตย์คล้อยต่ำบรรยากาศครึกครื้นเป็นพิเศษ

ทั้งที่จะเดินเล่นชมทะเลที่หาดส่วนตัวของรีสอร์ทก็ได้แต่มินกลับชวนแพทขับรถออกมายังหาดสาธารณะ ทั้งคู่ปั่นจักรยานกันไปจนสุดหาด ก่อนเลือกนั่งเล่นบนพื้นทรายทอดสายตามองผู้คนที่กำลังทำกิจกรรมต่างๆ ด้วยใบหน้าแจ่มใสเคล้าเสียงหัวเราะ

การได้เห็นรอยยิ้มและได้ยินเสียงหัวเราะของคนอื่นทำให้มีความสุขได้อย่างไม่น่าเชื่อ

“เล่นบานาน่าโบ๊ทกันมั้ย”

“แพทอยากเล่นเหรอ”

“มาถึงนี่ทั้งที หรือจะขี่เจทสกี แพทขี่เป็นนะ”

“จริงเหรอ” มินถามกลับด้วยดวงตาเป็นประกาย

“ก็ง่ายๆ เหมือนขี่มอเตอร์ไซค์แหละ” แพทตอบอย่างภูมิอกภูมิใจและยิ่งอีกฝ่ายพยักหน้ารับก็ยิ่งรู้สึกดีเข้าไปใหญ่

หลังจากใส่เสื้อชูชีพแล้วแพทก็ขึ้นนั่งประจำที่คนขับ มินลังเลนิดหน่อยแต่ไม่นานก็ก้าวขึ้นไปซ้อน

“กอดแพทแน่นๆ เลยนะ” แขนเรียวโอบกอดอีกฝ่ายไว้อย่างไม่ลังเล

ไม่อยากจะยอมรับแต่เชื่อเถอะว่าแพทที่กำลังขี่เจทสกีโต้คลื่นท้าลมพาเขาออกมากลางทะเลเท่ห์จนสุดจะบรรยาย

ทะเลที่มองเห็นจากชายหาดก็สวยไปอีกแบบ แต่ทะเลที่มองเห็นเมื่อทั้งคู่ลอยเท้งเต้งอยู่กลางทะเลก็ยิ่งสวย

“ลองมั้ย เดี๋ยวแพทสอน”

“ไม่เอา” คนอายุมากกว่าส่ายหน้าเป็นเด็กๆ “มีแพทอยู่ทั้งคนพี่ไม่จำเป็นต้องขี่เจทสกีเป็นหรอก”

“ปากหวานขึ้นทุกวัน” มินน้อมรับคำชม ที่จริงแล้วเขาไม่เคยรู้ตัวเลยว่าสามารถพูดและทำอะไรหวานเลี่ยนแบบนี้ได้ด้วย กระทั่งถูกกระตุ้นจากแพท

“ตอนนี้ไม่หวานหรอก น่าจะเค็มเหมือนน้ำทะเลมากกว่า”

“ไม่จริงอะ แพทไม่เชื่อ” สิ้นประโยคคางมนก็ถูกเชยขึ้นก่อนแพทจะโน้มใบหน้าเข้ามาใกล้แล้วชิมริมฝีปากนุ่มด้วยลิ้นก่อนจะผละห่างแล้วว่ากลั้วขำ “เค็มจริงด้วยแฮะ”

“นิสัยไม่ดี”

“แพทนิสัยไม่ดีได้มากกว่านี้อีกจะบอกให้”

โดยยังไม่ทันได้ตั้งตัว เอวของมินถูกเกี่ยวแล้วแพทก็พาเขาทิ้งตัวลงบนผิวน้ำ ทั้งคู่จมดิ่งลงใต้ทะเลเสี้ยววินาทีก่อนจะผุดขึ้นมาหอบหายใจ และยังไม่ทันหายตกใจแขนที่โอบรอบเอวก็กระชับกอดให้แน่นขึ้น ดันให้แผ่นหลังแนบไปกับเจทสกีที่จอดอยู่ด้านหลัง

ใบหน้าเจ้าเล่ห์ของแพทที่ปรากฏตรงหน้าทำให้เชื่อได้อย่างสนิทใจว่าเจ้าเด็กนี่ร้ายกาจอย่างที่พูดจริงๆ

“ตื่นเต้นเนอะ”

คนถูกถามมองตามสายตาของอีกฝ่ายที่กำลังทอดมองไปยังชายหาดที่นักท่องเที่ยวมากมายกำลังทำกิจกรรมกันอย่างสนุกสนาน ในขณะที่พวกเขากอดเกี่ยวกันอยู่กลางทะเลแบบนี้

ก็จริงอย่างแพทว่า ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าหัวใจกำลังเต้นรัวด้วยความตื่นเต้น

“พี่มินรู้มั้ยว่าตอนพี่มินตัวเปียกเซ็กซี่สุดๆ เลยล่ะ” แพทกระซิบด้วยเสียงทะเล้นพร้อมกับช่วยเสยผมที่ปรกตาขึ้นให้ ก่อนจะวาดนิ้วเรียวลูบไล้ใบหน้าหล่อเหลาของคนที่แม้จะอยู่เฉยๆ ก็ทำให้เขารักจนโงหัวไม่ขึ้น

“ไม่เคยรู้เลย”

เพราะไม่เคยมีความรักและคนรัก ไม่เคยเปิดใจให้ใคร อยู่ลำพังคนเดียวตลอดมามินจึงไม่เคยได้รับคำชมอื่นนอกจากคำว่า ‘เก่ง’ และ ‘เฉลียวฉลาด’

“ถ้าอย่างนั้นก็รู้ไว้ซะ แล้วอย่าไปทำแบบนี้กับใคร แพทหวง”

“ขี้หวงจัง”

“หวงสิ ก็แพทรักพี่มินนี่นา”

อยากได้ยินคำเดียวกัน หากพี่มินก็ทำให้ผิดหวังแต่ก็ไม่เสียใจหรอก เมื่ออีกฝ่ายละมือที่เคยโอบรอบคอกันมาลูบไล้เส้นผมก่อนจะโน้มใบหน้าเข้ามามอบจุมพิตรสน้ำทะเลให้กัน

แน่นอนว่ามันเป็นน้ำทะเลที่หวานที่สุดในโลก













อาจจะเป็นคืนแรกที่ทั้งคู่นอนบนเตียงเดียวกันในสภาพที่ปกติที่สุด

ไม่เมา ไม่เหนื่อย ไม่เพลีย และอดตื่นเต้นไม่ได้เลย

“นอนไม่หลับเหรอ” ในความมืด มินที่นอนตาค้างอยู่เป็นฝ่ายเอ่ยถามก่อน

“ทั้งที่เที่ยวเล่นมาทั้งวันแท้ๆ”

“นั่นสินะ”

“หาอะไรทำดีมั้ย” ได้ยินอย่างนั้นแล้วความตื่นเต้นก็ยิ่งเพิ่มทวีคูณเป็นร้อยเป็นล้านเท่า อะไรที่ทำบนเตียงตอนกลางคืนได้ถ้าไม่ใช่... “ขอดูรูปที่ถ่ายไปเมื่อกลางวันหน่อยสิ”

ใจแป้วเลย

แพทเกือบจะสบถออกมาด้วยความผิดหวังแต่ก็ยั้งตัวเองไว้ได้ทัน

ทั้งคู่ขยับลุกขึ้นนั่งพิงหลังกับหัวเตียงแล้วหยิบโทรศัพท์มือถือของตัวเองออกมา แพทเป็นฝ่ายเริ่มต้นเปิดแกลอรี่รูปถ่ายของตัวเองก่อน และนอกจากภาพเซลฟี่ไม่กี่ภาพของพวกเขาแล้วนอกนั้นก็เป็นภาพที่เขาถ่ายมินยามรู้ตัวบ้างยามเผลอบ้าง

“อันนี้รูปใคร” มินถามเมื่อภาพของนักศึกษาหญิงหน้าตาน่ารักปรากฏขึ้นบนหน้าจอมือถือของคนข้างกายเขา ปฏิเสธไม่ได้ว่าตอนนี้รู้สึกโกรธแต่ยังไม่มากจนควบคุมตัวเองไม่ได้

“เพื่อนในกลุ่ม”

“ทำไมมีรูปเซลฟี่ในมือถือแพทด้วยล่ะ”

“ส้มโอชอบเอามือถือไปถ่ายรูปอะ”

“เคยเป็นแฟนกันเหรอ”

“บ้า ไม่เคย แพทบอกแล้วไงว่าถ้าไม่ใช่พี่มินแพทก็ไม่เป็นแฟนกับใคร” ถึงแม้จะอยากเชื่อแต่ว่าความรักก็ทำให้คนมีเหตุผลงี่เง่าขึ้นมาได้

“แล้วทำไมไม่ลบ”

“แพทไม่รู้ด้วยซ้ำว่าส้มโอเอามือถือแพทไปถ่ายรูปตอนไหน”

“รู้รหัสมือถือกันด้วย คงจะพิเศษมาก”

“ไม่มีใครพิเศษเท่าพี่มินหรอก อะไรเนี่ยหึงเหรอครับ” แพทก้มหน้าลงมาถามพร้อมกับวาดแขนโอบไหล่มนแล้วดึงเข้ามาตัว

“มันก็...” จะว่าอย่างไรดี ถึงแม้การกระทำของพวกเขาจะชัดเจนแล้วก็ตามแต่มินก็ยังไม่เคยให้คำตอบที่ชัดเจนกับแพทเลยซักครั้ง

“พี่มินช่วยลบให้หน่อยสิ” แพทยัดมือถือที่หน้าจอดับลงแล้วใส่มือคนที่นั่งพิงอกเขาอยู่แล้วกระซิบบอกรหัสผ่าน

มินทำตามอย่างว่าง่าย พอลบรูปส้มโอเสร็จก็ส่งคืนเจ้าของหากแพทกลับไม่ยอมรับไป

“พี่มินจะใช้มือถือแพทถ่ายรูปตัวเองก็ได้นะ”

“ไม่เอาหรอก”

“ทำไมล่ะ”

“ไม่ชอบถ่ายรูป”

“สบายใจแล้วใช่มั้ย”  คนถูกถามพยักหน้ารับ มินรู้สึกว่ายิ่งอยู่กับแพทมากเท่าไหร่ก็เหมือนกับว่าเขาจะดูเล็กลงเรื่อยๆ ทุกวัน

หลังจากส่งมือถือคืนแพท มินก็ล้วงเอาของตัวเองออกมาบ้าง

เขาค่อยๆ กดรหัสผ่านมือถือทีละตัวให้แพทเห็น ถือซะว่าแลกกัน

“พี่มินไม่เห็นถ่ายรูปแพทบ้างเลย”

ในมือถือมินนอกจากรูปเซลฟี่ไม่กี่รูปกับรูปวิวทะเลก็ไม่มีรูปอะไรอีกเลย ถ้าไม่รู้จักกันมาก่อนแพทคงคิดว่าคนในอ้อมกอดเขาช่างจืดชืดเสียจริง

“ถ่ายแล้วแต่มันเบลอหมดเลย”

“เบลอว่ารักแถบป่าว”

มินไม่ตอบ เขาเอี้ยวตัวไปมองคนพูดแล้วเบ้หน้าเหมือนจะร้องไห้ให้กับมุกโคตรเสี่ยวนั่น เห็นเช่นนั้นแพทก็หัวเราะออกมา คิดว่าไม่ง่ายเลยจริงๆ ที่จะเล่นมุกพวกนี้ถ้าแพรวพราวไม่พอ

“พี่มินแพทขออะไรอย่างนึงสิ”

“อย่างเดียวเองเหรอ”

“อื้อ แค่อย่างเดียวก็พอแล้ว”

สายตาแพทที่มองมาเต็มไปด้วยความจริงจังกระนั้นก็ยังแฝงความหวานล้ำที่ทำเอาคนมองแทบจะหลอมละลายลงตรงนี้ มินคิดว่าเขารู้นะว่าอีกฝ่ายจะขออะไร และตอนนี้เขาก็พร้อมจะมอบให้

“เราเป็น...”

Rrrrrr...

ยังไม่ทันที่แพทจะเอ่ยจบประโยคโทรศัพท์มือถือก็ดังขึ้นขัดจังหวะซะก่อน มินลังเลที่จะรับมันด้วยความเกรงใจจนแพทพยักหน้าอนุญาตนั่นแหละนิ้วเรียวจึงกดรับสาย

ไข่มุก...

แพทเห็นชื่อบนหน้าจอชัดเจนเต็มสองตา อดหวั่นไหวไม่ได้เพราะนี่เป็นครั้งแรกที่เขาเห็นผู้หญิงโทรหาว่าที่คนรักตน

เริ่มเข้าใจความรู้สึกพี่มินตอนเห็นรูปเซลฟี่ส้มโอในมือถือแล้วสิ

มินที่เดินไปคุยโทรศัพท์นอกห้องมีสีหน้าที่เคร่งเครียด เขาเดินไปเดินมาไม่หยุด ท่าทางแบบนั้นทำให้แพทนึกหวั่นใจว่าสิ่งที่เขาตั้งใจจะขอวันนี้อาจจะต้องเลื่อนไปวันอื่น และก็คงจะจริงอย่างคาด

ประตูกระจกที่กั้นพวกเขาอยู่เปิดออก มินก้าวเข้ามาด้วยท่าทางเครียดจัด เขามองหน้าแพทอย่างลังเลทั้งรู้สึกผิดกับสิ่งที่กำลังจะเอ่ย

“พอดีเกิดเรื่องน่ะ เรากลับกรุงเทพกันเถอะ”



[TBC]



หวานพอยัง หวานกว่านี้กลัวเบาหวานจะขึ้นตานะ คริคริ
 :o8:



#คุณครูพี่มิน



ออฟไลน์ DrSlump

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3360
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +104/-2
Re: คุณครูพี่มิน :: ตอนที่ 22 {Up.111218
«ตอบ #96 เมื่อ11-12-2018 19:24:25 »

 :pig4: :pig4: :pig4:

นังไข่มุก  นังมารผจญ  ชิส์

ออฟไลน์ areenart1984

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4805
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-7
Re: คุณครูพี่มิน :: ตอนที่ 22 {Up.111218
«ตอบ #97 เมื่อ11-12-2018 23:24:36 »

พีแพทขึ้นบัญชีดำไว้แล้ว ขอไว้อาลัยให้ไข่มุก  :hao3:

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7518
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
Re: คุณครูพี่มิน :: ตอนที่ 22 {Up.111218
«ตอบ #98 เมื่อ12-12-2018 08:49:19 »

แพท ใจ....ไม่กล้า....พอ   :เฮ้อ:
โอกาสเปิด แต่ไม่กล้าก้าวข้าม
ไม่โทษพี่มินเล้ย   o18
คนที่ไม่กล้าก้าวข้ามคือแพทเห็นๆ   :serius2: :really2: :angry2:

พี่มิน  แพท   :กอด1: :กอด1: :กอด1:
       :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ Keane

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 247
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +192/-0
Re: คุณครูพี่มิน :: ตอนที่ 22 {Up.111218
«ตอบ #99 เมื่อ13-12-2018 16:55:47 »

 :L2:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: คุณครูพี่มิน :: ตอนที่ 22 {Up.111218
« ตอบ #99 เมื่อ: 13-12-2018 16:55:47 »
ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ แจซอล

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 133
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +40/-0
Re: คุณครูพี่มิน :: ตอนที่ 23 {Up.171218}
«ตอบ #100 เมื่อ17-12-2018 20:06:41 »



คุณครูพี่มิน 23

 

แม้ไม่รู้ว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่เพราะพี่มินไม่ยอมบอกอะไรเลย แต่แพทก็ยอมเก็บเสื้อผ้าใส่กระเป๋าแล้วเช็คเอาท์ในเวลาอันรวดเร็ว

หากขณะที่เขากำลังจัดการเรื่องต่างๆ พี่มินกลับเอาแต่คุยโทรศัพท์

“เราบอกต๊อดแล้ว อีก 20 นาทีมันน่าจะถึงร้าน”

“ต๊อดจะช่วยได้จริงๆ เหรอ” น้ำเสียงของไข่มุกเต็มไปด้วยความกังวลอย่างไม่ปิดบัง ก็แน่ล่ะ ลูกหายออกไปจากบ้านทั้งคนถ้ายังใจเย็นอยู่ได้สิแปลก

“ถึงต๊อดจะช่วยอะไรไม่ได้มาก แต่ก็ยังดีกว่าอยู่คนเดียวนะ”

“มินรีบกลับมาสิ”

“กำลังกลับนี่ไงครับ” แพทตวัดสายตามองคนข้างกายที่คุยโทรศัพท์ด้วยเสียงหวานๆ อย่างไม่พอใจ นึกสงสัยอยู่ไม่น้อยว่าพี่มินของเขาคุยกับใครทำไมต้องหวานขนาดนี้ แถมพอฝ่ายนั้นบอกให้กลับก็รีบกลับโดยไม่สนใจตนแม้แต่น้อย

ทั้งที่เมื่อกี้ยังมีความสุขกันอยู่แท้ๆ แต่ตอนนี้แพทกลับรู้สึกเหมือนถูกปลุกจากฝัน

“เร็วกว่านี้ได้มั้ยแพท”

“นี่ก็เร็วที่สุดแล้ว และถ้าเร็วกว่านี้จะอันตราย พี่มินรีบอะไรนักหนา”

“ก็...” ยังไม่ทันได้ตอบคำถามเสียงโทรศัพท์มือถือก็ดังขึ้นขัดจังหวะอีกครั้ง แพทถอนหายใจออกมาก่อนละสายตาจากคนข้างกายเพื่อมองตรงไปข้างหน้า

ดูเหมือนตั้งใจขับรถแต่เชื่อเถอะว่าแพทกำลังพยายามเงี่ยหูฟังบทสนทนาน่าสงสัย

“มึงถึงไหนแล้วเนี่ย”

“กูพาเมี่ยงไปด้วยได้มั้ย”

“จะพาใครไปก็รีบไปเถอะ ตอนนี้ไข่มุกสติแตกแล้ว”

“กูตื่นเต้นว่ะ คือแบบกูไม่เจอเขามาสิบกว่าปีแล้วนะมึง ละอยู่ๆ ก็...”

“มึงอย่าคิดมากน่า ถ้าไปไม่ถูกก็โทรถามไข่มุกได้เลย” มินชิงตัดสายเองก่อนที่ต๊อดจะได้เอ่ยคำใด หากหน้าจอยังไม่ทันดับสายเรียกเข้าจากคนใหม่ก็ดังขึ้นอีก

เป็นไข่มุกอีกเช่นเคย

มินเหลือบมองแพทนิดหน่อยก่อนรับสาย

ไข่มุกสติแตกไปแล้วจริงๆ เธอเอาแต่ร้องห่มร้องไห้ไม่ยอมวางสาย เอาแต่โทษว่าการที่ลูกสาวหายออกจากบ้านเป็นความผิดของตัวเอง

มินปลอบใจจนไม่รู้จะปลอบอย่างไรแล้วสุดท้ายก็ได้แต่ฟังเฉยๆ

ตลอดทางเขาแทบไมได้คุยกับแพทเลย พวกเขาขับรถยาวแบบไม่แวะพัก มินแวะส่งแพทที่บ้านก่อน และขับรถออกมาโดยไม่เอ่ยคำใด

โดยไม่รู้เลยว่ามีคนกำลังน้อยใจ

ทันทีที่ทิ้งตัวลงบนเตียงนอนแพทก็ต่อสายหาต๊อด หากคนรับสายกลับเป็นพี่เมี่ยง เพราะเกรงใจแพทจึงไม่ได้ถามอะไร หากเวลาไม่กี่วินาทีนั้นก็ยังพอให้ได้ยินเสียงบรรยากาศที่ดังผ่านมา

แพทได้ยินเสียงต๊อดปลอบใครบางคนที่กำลังร้องไห้สะอึกสะอื้น เจ้าของเสียงนั้นเป็นผู้หญิงอย่างแน่นอนและเป็นคนๆ เดียวกับที่โทรคุยกับพี่มินตลอดทาง

 

 

 

 

 

 

 

ไข่มุกโผเข้ากอดมินทันทีเมื่อเขาก้าวเข้ามาในร้านซึ่งตอนนี้นอกจากพวกเขาแล้วก็ไม่มีใครอยู่อีกเลย

หญิงสาวสะอึกสะอื้นปริ่มจะขาดใจขณะพูดไม่เป็นภาษา แต่กระนั้นมินก็ยังเข้าใจได้ แน่ล่ะเพราะคำพวกนี้เขาฟังมาตลอดทางแล้ว

มินไม่ได้เอ่ยคำปลอบโยนใดๆ เพราะเขารู้แล้วว่ามันไม่ช่วยอะไรในสถานการณ์แบบนี้ สิ่งที่ควรทำคือตามหาน้องสายไหม

“มุกมั่นใจใช่มั้ยว่าน้องไหมถูกเค้าพาตัวไป”

หญิงสาวพยักหน้าหงึกหงัก น้ำตาที่เหือดแห้งไหลรินออกมาจากดวงตาบวมเป่งอีกครั้ง

ต๊อดมองเพื่อนสมัยมัธยมของตนที่กำลังคุยกันด้วยเรื่องที่เขาไม่เข้าใจ พอมองหน้าแฟนก็พบว่าคุณหมอหนุ่มมีสีหน้าไม่ต่างจากตนแม้แต่น้อย

ไหนๆ ก็เรียกมาแล้วก็ควรเล่าเรื่องให้ฟังบ้างสิวะ

“มุกพยายามทุกวิธีแล้วแต่ก็ติดต่อไม่ได้เลย”

“มันต้องมีซักวิธีสิ มุกในฐานะที่เป็นแม่มุกต้องตั้งสติแล้วค่อยๆ คิดว่ามีที่ไหนมั้ยที่เขาจะพาน้องไหมไป สถานที่ที่เป็นความทรงจำอะไรแบบนี้”

“มันจะมีที่แบบนั้นได้ยังไง ในเมื่อพวกเราเพิ่งย้ายกลับมาอยู่ไทย หรือว่า...” ยังเอ่ยไม่ทันจบประโยคไข่มุกก็ปล่อยโฮออกมาอีก

มินดึงเพื่อนตนเข้ามากอดอีกครั้ง ปลอบใจกันอยู่นานจนดึกดื่นจนคุณแม่ของไข่มุกเข้ามาในร้านนั่นแหละพวกตนจึงหลบฉากออกมาได้

“นี่มันเรื่องบ้าอะไรกันวะมิน” ทันทีที่ทิ้งตัวนั่งลงบนม้านั่งหน้าร้านอาหารของไข่มุกต๊อดก็ก้าวเข้ามายืนตรงหน้าโดยมีคุณหมอหนุ่มยืนเคียงข้างแล้วยิงคำถามใส่

มินลังเลนิดหน่อย เพราะว่าเรื่องนี้เป็นความลับระหว่างเขากับไข่มุก เป็นเรื่องที่สัญญากันเอาไว้ว่าจะไม่บอกใคร แต่เมื่อมาถึงขั้นนี้แล้ว และเขาก็เป็นฝ่ายดึงต๊อดเข้ามายุ่งเองก็คงไม่มีทางเลี่ยงได้แล้ว

“น้องสายไหมคือใครวะ”

“ลูกสาวไข่มุก”

“ถ้างั้นก็แปลว่า...” เรื่องที่เพื่อนๆ ลือกันในกลุ่มแชทเป็นเรื่องจริงน่ะสิ

มินพยักหน้าแทนคำตอบ

“แล้วพ่อเด็กล่ะ อย่าบอกนะว่าเป็นมึง”

“กูบอกมึงได้แค่นั้นต๊อด กูบอกมึงมากกว่านี้ไม่ได้แล้ว”

“ไอ้มินกูเพื่อนมึงนะ”

“มุกก็เพื่อนกูเหมือนกัน มุกเขาขอไว้ว่าไม่ให้บอกเรื่องกับคนอื่น”

“มึงเห็นกูเป็นคนอื่นเหรอ มึงอย่าลืมนะว่ามึงเป็นคนดึงกูเข้ามาเกี่ยวกับเรื่องนี้เอง”

“รู้ต๊อด เพราะกูมีแค่มึงไง คนเดียวที่กูนึกถึงก็คือมึง”

“เด็กนั่นเป็นลูกมึงเหรอ”

“เปล่า”

“ตอบกูเสียงดังๆ แบบมั่นใจๆ หน่อยดิ๊ว่าเด็กนั่นเป็นลูกมึงเหรอ”

“ไม่ใช่ สายไหมไม่ใช่ลูกมิน” ไข่มุกที่เดินออกมาพอดีเป็นฝ่ายตอบคำถามเสียงดังฟังชัดให้ชายหนุ่มทั้งสามมองไปยังเธอเป็นตาเดียว

ได้ยินอย่างนั้นแล้วต๊อดก็พ่นลมหายใจออกมาอย่างโล่งอก อย่างน้อยเขาก็เบาใจว่าอดีตของมินจะไม่ทำให้แพทต้องเสียใจ

“แล้วเรื่องเป็นมายังไง”

“ต๊อดแค่ช่วยเราไม่ได้เหรอ ไม่รู้เรื่องของเราได้รึเปล่า”

“ก็ได้ แต่มันคาใจ แต่ถ้าเธอลำบากใจที่จะบอกก็ไม่ต้องบอกก็ได้ ถึงเราจะอยากรู้มากก็เถอะ”

“เอาไว้เจอน้องแล้วเราจะเล่าทุกเรื่องที่เธออยากรู้ให้ฟัง”

“ถ้าคนที่เอาตัวน้องไปคือพ่อน้อง เธออย่ากังวลไปเลย ยังไงซะคนเป็นพ่อก็ไม่ทำร้ายลูกตัวเองหรอก” ต๊อดไม่รู้หรอกว่าคำปลอบโยนของตนจะได้ผลหรือเปล่า แต่เชื่อเถอะว่าคำนั้นได้ใจคุณหมอสุดหล่อผู้ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆ กับเรื่องนี้ไปเต็มๆ

ต๊อดส่งพี่เมี่ยงกลับไปทำงานก่อนจะเข้ามานั่งล้อมวงกับคนอื่นๆ ที่โต๊ะตัวใหญ่ในร้านเพื่อปรึกษาหารือกันเรื่องนี้ เท่าที่ฟังคร่าวๆ ดูเหมือนว่าเพราะไข่มุกแจ้งตำรวจเรื่องลูกสาวถูกคนเป็นพ่อพาตัวออกจากบ้านไปบ่อยๆ และพากลับมาส่งทุกครั้งทางนั้นจึงไม่ค่อยให้ความสนใจนัก

ได้ฟังอย่างนั้นแล้วก็นึกท้อแท้ไม่เบา

แต่ก็ยังดีที่ความเป็นหัวหน้าแก็งค์เด็กแว้นซ์ทำให้ต๊อดพอมีเส้นสายอยู่บ้าง

คนที่ดูเหมือนจะไม่มีประโยชน์อะไรต่อสายหานายตำรวจชั้นผู้ใหญ่ที่พึ่งพาอาศัยกันมาตั้งแต่รุ่นพ่อให้ช่วยเช็คกล้องวงจรปิดหารถต้องสงสัยว่าเป็นคันที่พาน้องสายไหมไป

รอกันค่อนคืนกว่าจะได้รับข่าวดี

ดูเหมือนว่ารถคันนั้นจะขับออกจากกรุงเทพมุ่งหน้าไปทางภาคอีสาน

ขณะที่นั่งรถออกนอกเมือง มินที่เอาแต่กังวลไม่รู้เลยว่าโทรศัพท์มือถือตนกำลังกระพริบเพราะมีสายเรียกเข้า

ตั้งแต่มินขับรถออกไปด้วยท่าทางเร่งรีบและเป็นกังวลแพทก็ยังไม่ได้นั่งด้วยความสบายใจเลยแม้แต่วินาทีเดียว ทั้งที่อยากเป็นที่พึ่งให้แท้ๆ แต่พอเอาเข้าจริงเขากลับถูกมองข้ามเป็นอันดับต้นๆ

คิดแล้วก็อดน้อยใจไม่ได้เลย

แพทมองมือถือที่ดับลงเมื่อไม่ว่าจะต่อสายซักกี่ครั้งก็ไร้สัญญาณตอบรับจากอีกฝ่าย

มันจะอะไรกันนักหนา เอาแต่ห่วงคนอื่นไม่ห่วงความรู้สึกแพทบ้างเลยรึไง

โกรธไปก็เท่านั้น งอนไปก็เท่านั้นในเมื่อไม่ว่าอย่างไรมินก็ไม่มีทางรับรู้ความกระวนกระวายใจของเขา ว่าจะไม่พึ่งต๊อดแล้วเชียวแต่พอถึงทางตันก็มีแค่ต๊อดที่จะช่วยกันได้

เขาต่อสายหาต๊อดอย่างไม่ลังเล และคนนั้นก็ไม่ทำให้ผิดหวัง รอสายแค่ไม่กี่วินาทีปลายสายก็รับ

“ว่าไงมึง ดึกดื่นไม่หลับไม่นอน” ต๊อดนั่นแหละได้นอนบ้างรึยัง เสียงไม่ไหวแล้ว ได้ยินอย่างนั้นก็อดเป็นห่วงพี่มินไม่ได้เลย

“ขอคุยกับพี่มินหน่อยสิ” ต๊อดเหลือบมองเพื่อนตนที่กำลังขับรถพลางพูดแบบไม่มีเสียงบอกความประสงค์ของแพท

มินรู้ดีว่าแพทต้องกำลังเป็นกังวลเรื่องเขาแน่ ก็เจ้าเด็กนั่นน่ะรักเขายิ่งกว่าอะไรดี

“แล้วทำไมมึงไม่โทรหามัน” ถึงแม้มินจะบอกให้เปิดลำโพงแต่ต๊อดก็ยังเป็นต๊อดคนชอบกวนประสาททุกสถานการณ์เช่นเดิม

“ถ้าติดต่อพี่มินได้แพทคงไม่โทรหาต๊อดหรอก”

“อะ คุยกันเองละกัน” เพราะน้ำเสียงเคร่งเครียดกว่าครั้งไหนๆ ของแพททำให้ต๊อดหยุดเล่นแล้วเปิดลำโพงให้ทั้งคู่ได้คุยกัน

“ทำไมพี่มินไม่รับสายแพท รู้มั้ยว่าโทรหากี่ร้อยสายแล้ว”

“ขับรถอยู่ครับ”

“ไปไหนกัน”

“เพื่อนมีเรื่องนิดหน่อย แต่แพทไม่ต้องห่วงนะ เดี๋ยว...”

“ไม่ห่วงได้ไง พี่มินคิดว่าแพทไม่ห่วงพี่มินได้เหรอ”

ไม่ได้ มินรู้จักแพทดีกว่าคนในครอบครัวอีก แต่ถึงแม้จะรู้อย่างนั้นแต่ก็อยากบอกให้เบาใจว่าสถานการณ์ตอนนี้ไม่ได้เลวร้าย

“มีอะไรทำไมไม่บอกแพทวะ แพทบอกแล้วใช่มั้ยว่าตอนนี้แพทเป็นที่พึ่งให้พี่มินได้แล้ว”

“รู้ครับรู้ แต่นี่มันเรื่องส่วนตัวของเพื่อนพี่ไง ขอพี่จัดการเรื่องนี้เองได้มั้ย แล้วถ้าคราวหน้ามีเรื่องอีกพี่จะนึกถึงแพทคนแรกเลย”

“มันก็ต้องเป็นอย่างนั้นอยู่แล้ว แพทจะไม่ยอมปล่อยให้พี่มินคลาดสายตาอีกแน่”

มินยิ้มรับต่างจากต๊อดที่เบะปากเป็นรูปชามคว่ำด้วยความหมั่นไส้สุดติ่ง ขนาดยังไม่รับเป็นแฟนยังหวานเวอร์วังขนาดนี้ ไม่อยากคิดเลยว่าถ้าคบกันจริงจังแล้วจะหวานขนาดไหน

พวกคนไม่เคยมีแฟนก็เงี้ย

“พี่ต้องขับรถแล้วอะ ละเดี๋ยวจัดการเรื่องทางนี้เสร็จพี่จะโทรหานะ”

“แพทจะรอ”

“ไปนอนเลย”

“แพทนอนไม่หลับหรอก แพทจะรอนะ” สิ้นคำต๊อดก็ดึงมือถือกลับมาแล้ววางสาย

เสียงดังตู้ดๆ ที่ดังขึ้นทำให้แพทอดไม่ได้ที่จะก่นด่าต๊อด ทั้งที่อยากอ้อนพี่มินมากกว่านี้แท้ๆ ต๊อดนี่ขี้อิจฉาจริงๆ

“ไงอะดอกเตอร์ ไปทะเลด้วยกันไม่กี่วันกลับมาอีกทีต้องหวานกันเบอร์นี้เลยเหรอ”

“น้องมันก็แค่เป็นห่วงกู”

“ไม่มั้ง มึงอะ”

“กูทำไม”

“ถ้าจะขนาดนี้แล้ว พรุ่งนี้ก็ไปตกลงเป็นแฟนกันซะ” ไม่ต้องบอกมินก็ตั้งใจจะทำอย่างนั้นอยู่แล้ว ตลอดเวลาที่ผ่านมาพวกเขาใช้เวลาด้วยกันในสถานะคนไม่มีสถานะมามากพอแล้ว และตอนนี้ก็ไม่มีข้อจำกัดใดมาขีดเส้นขั้นความสัมพันธ์อีก

 

 

 

 

 

 

 

รถยนต์คันสวยของดอกเตอร์เมฆวิ่งไปตามทางอย่างไม่หยุดพัก พวกเขาแวะเติมน้ำมันแค่ครั้งเดียวก่อนวิ่งยาวโดยมีเจ้าของรถกับต๊อดเปลี่ยนกันขับเป็นระยะ

“พอนึกออกบ้างมั้ยว่าเขาน่าจะพาสายไหมไปที่ไหน” มินเอ่ยถามขณะเอี้ยวตัวไปมองไข่มุกที่นั่งร้องไห้อยู่ด้านหลัง

น้ำตาของหญิงสาวเหือดแห้งไปแล้วหากความกังวลใจยังไม่มีท่าทีจะบางเบาลงแม้แต่น้อย

ไข่มุกกำมือแน่นขณะเค้นเอาความทรงจำเก่าๆ สมัยคบกับพ่อของน้องสายไหม แต่มันก็นานมากแล้ว อีกอย่างเธอไปอยู่ต่างประเทศก็หลายปีทำให้เป็นการยากที่จะจำสถานที่ได้ชัวร์ๆ

“มันเป็นรีสอร์ท” ต๊อดถึงกับกลอกตาเมื่อคำบอกเล่าจากหญิงสาวไม่ได้ช่วยให้การค้นหาจำกัดวงแคบลงแม้แต่น้อย

“รีสอร์ทมีเป็นพันนะไข่มุก”

“มีสวนน้ำ ที่นั่นมีสวนน้ำด้วย”

“ใหญ่มากมั้ย”

“เป็นสวนน้ำของรีสอร์ท” ได้ยินอย่างนั้นมินจึงลงมือค้นหาจากเว็บเสิร์ชเอนจิ้น ทว่ารีสอร์ทที่มีสวนน้ำก็มีมากมายเช่นกัน

กระนั้นเขาก็ยังคงค้นหาอย่างใจเย็น ผิดกับต๊อดที่จิ๊ปากแล้วจิ๊อีกเมื่อไข่มุกดูรูปที่มินยื่นให้แล้วส่ายหน้าครั้งแล้วครั้งเล่า

และดูเหมือนว่าความพยายามอย่างใจเย็นของมินจะเป็นผล เมื่อไข่มุกพิจารณารูปๆ นึงนานกว่ารูปก่อน

“ใช่ที่นี่รึเปล่า”

“ไข่มุกไม่แน่ใจ รูปนี่มันคุ้นๆ แต่ว่า...”

“ไม่เป็นไรมุก เราแวะไปดูก่อนก็ได้ ดีกว่าขับรถไปเรื่อยๆ แบบนี้” ปลอบไข่มุกเสร็จมินก็หันไปบอกทางกับต๊อดที่ดูเหมือนจะอ่อนล้าจากการขับรถพอสมควรแล้ว “ถ้ามึงไม่ไหวเปลี่ยนได้นะต๊อด”

“ก็ดีว่ะ กูแม่งจะลืมตาไม่ขึ้นแล้ว”

รถยังคงวิ่งไปตามจีพีเอสบอกทาง ต๊อดที่นั่งข้างคนขับหลับไปแล้ว ไข่มุกเองก็เอาแต่ก้มดูรูปในมือถือ ยิ่งเข้าใกล้สถานที่แห่งนั้นมากเท่าไหร่มินก็ยิ่งรู้สึกหวาดหวั่นพิกล

ถ้าตอนนี้แพทอยู่ด้วยล่ะก็เขาต้องปลอบใจมินให้เย็นลงได้แน่ๆ

“มิน” เสียงไข่มุกดังขึ้นในห้องโดยสารอันเงียบงันให้มินมองเธอผ่านกระจกมองหลัง และก็พบว่ามีสายเรียกเข้าจากพ่อน้องสายไหม

“รับเลย” มินตัดสินใจจอดรถข้างทางเมื่อไข่มุกรับสายนั้นด้วยเสียงอันสั่นเทา

เขาจับใจความไม่ค่อยได้ว่าทั้งคู่คุยอะไรกันบ้าง ได้ยินแต่เสียงก่นด่าของไข่มุกในช่วงแรก และเสียงสะอื้นในช่วงหลังก่อนสายจะถูกตัดไป

“เราต้องไปที่นั่น” ที่นั่นที่ไข่มุกพูดถึงก็คือสถานที่ที่พวกเขาตั้งใจไปในตอนแรก

กว่าจะมาถึงรีสอร์ทแห่งนั้นก็เป็นเวลาเช้าแล้ว

ไข่มุกเล่าให้ฟังระหว่างทางว่ารีสอร์ทนั่นเป็นสถานที่ที่พวกเขามาเที่ยวกันในทุกวันครบรอบ แต่เพราะถูกทำร้ายจิตใจไว้มากไข่มุกจึงไม่เหลือความทรงจำดีๆ เหล่านี้เอาไว้แม้แต่น้อย

ไข่มุกต่อสายหาอดีตสามีอีกครั้ง รอไม่นานเขาก็จูงมือน้องสายไหมออกมา

เกลี่ยกล่อมกันอยู่นานทีเดียวกว่าเขาจะยอมปล่อยลูกสาวแล้วเข้าไปนั่งเคลียร์กับไข่มุกในรถ กระนั้นทุกอย่างก็ยังอยู่ในสายตาของมินและต๊อด

ถึงแม้จะไม่อยากยุ่งเรื่องของครอบครัวคนอื่นแต่อย่างไรก็อดห่วงไข่มุกไม่ได้อยู่ดี

“น้ามินมารับน้องสายไหมเหรอคะ” เด็กน้อยถามด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม ให้มินรู้สึกโล่งใจไปเปราะนึง

“ใช่แล้วค่ะ มาเที่ยวกับคุณพ่อสนุกมั้ย”

“สนุกมากๆ เลย เมื่อวานคุณพ่อพาน้องสายไหมไปเล่นสไลเดอร์ตรงนั้นด้วย” เด็กน้อยชี้ไปยังสไลเดอร์ตรงสระว่ายน้ำพลางเล่าด้วยน้ำเสียงสดใส ดวงตากลมโตที่ถอดแบบมาจากคุณแม่เป็นประกายนั่นทำให้มินเชื่อแน่ว่าอดีตสามีของไข่มุกทำหน้าที่พ่อได้เป็นอย่างดี

เขาพาน้องมาเพียงเพราะอยากใช้เวลาด้วยกันเหมือนครั้งก่อนๆ หากเพียงครั้งนี้เขาพาน้องมาไกลเกินไป

เมื่อคิดเช่นนั้นแล้วก็อดคิดไม่ได้ว่าหากผู้ใหญ่ตกลงกันได้ก็คงเป็นผลดีต่อคนเป็นลูกสาวมากทีเดียว

“น้ามินแล้วลุงคนนั้นเป็นใครอ่า”

คนถูกเรียกว่าลุงตวัดสายตาน่ากลัวมาให้เด็กน้อยรีบวิ่งหลบหลังน้ามินของตนพลางทำหน้าเหมือนจะร้องไห้ออกมา

น้องสายไหมทำแบบนั้นต๊อดก็เสียเซลฟ์สิ

อุตส่าห์เป็นที่รักของคุณหมอแต่กลับถูกเด็กแสดงท่าทีหวาดกลัวใส่ แบบนี้มันเกินไปแล้ว

“หน้าตากูดูโหดเหรอวะ”

มินก็ไม่รู้จะตอบยังไง ถามว่าโหดมั้ยก็ไม่หรอก แต่หนักไปทางไม่น่าไว้วางใจมากกว่า แต่ถึงกระนั้นต๊อดก็มีวิธีเข้าหาเด็กด้วยวิธีของตน พูดคุยกันได้ไม่นานน้องก็ยอมให้อุ้มแล้ว

ภาพตรงหน้าทำให้นึกถึงเมื่อก่อนขึ้นมา

แพทน่ะ ครั้งแรกที่เจอต๊อดก็ไม่ชอบขี้หน้ามากๆ เหมือนกัน แต่ตอนนี้สิเข้ากันดีเป็นปี่เป็นขลุ่ยเลย

“มึงยิ้มอะไร”

“กูขอโทรหาแพทหน่อย ฝากมึงสังเกตุการณ์ทางนี้ด้วย” ต๊อดพยักหน้ารับ กระชับอุ้มเด็กน้อยในอ้อมแขนพลางมองตามแผ่นหลังเพื่อนตนที่เดินห่างออกไป

คิดว่าป่านนี้แพทก็คงยังถูกความห่วงใยรบกวนจนไม่ได้หลับได้นอนนั่นแหละ

และก็เป็นอย่างที่ต๊อดคิด

แพทนอนไม่หลับเลย เขาผุดลุกขึ้นมานั่งบนโซฟาทันทีเมื่อเสียงโทรศัพท์มือถือดังขั้น เมื่อเห็นชื่อบนหน้าจอก็รู้สึกโล่งใจไปเปราะหนึ่งแต่ถ้ายังไม่ได้กอดพี่มินเขาก็ไม่มีทางหยุดความห่วงใยที่หน่วงอยู่ในอกนี้ได้

“ได้นอนบ้างหรือยัง”

“คำนี้ต้องเป็นแพทนะที่ถามพี่มิน” แพทกรอกเสียงของคนน้อยใจลงไป

“นอนไปงีบนึงเมื่อกี้”

“ไม่ต้องขับรถเลยนะ”

“ทำแบบนั้นไม่ได้หรอก”

“ทำไมจะไม่ได้ล่ะ ง่วงไม่ขับสิ”

“ถ้าพี่ไม่ขับแล้วใครจะขับ”

“พี่มินอยู่ไหนเดี๋ยวแพทไปขับรถให้ก็ได้”

“จะบ้าเหรอ กว่าแพทจะมาถึงพี่ก็กลับแล้ว”

“ไม่อยากให้แพทไปเหรอ มีเรื่องที่ไม่อยากให้แพทรู้รึเปล่า”

“ทำไมคิดแบบนั้น”

“ไม่รู้สิ พอพี่มินรับสายนั้นแล้วก็ไม่สนใจแพทเลย จะให้คิดไงอะ”

“เดี๋ยวค่อยคุยกันตอนพี่กลับถึงกรุงเทพแล้วละกัน”

“แพทไม่สบายใจเลย” แพทเอ่ยอย่างตรงไปตรงมา เขากลัวว่าคนที่พี่มินหุนหันพลันแล่นออกไปหาจะเป็นคนสำคัญมากกว่าตน

“พี่อยากให้แพทเชื่อใจพี่นะ”

“ถ้าอยากให้เชื่อใจกลับกรุงเทพคราวนี้ก็มาอ้อนสิครับ”

มินไม่ตอบอะไร แต่เชื่อเถอะว่าเจ้าตัวกำลังใช้ความคิดอย่างหนัก เกิดมาตั้ง 30 กว่าปีไม่เคยคิดจะอ้อนใคร แต่กลับต้องมาอ้อนเจ้าเด็กที่ตนเลี้ยงมากับมือ

แบบนั้นมัน...ถ้าต๊อดรู้เข้าล่ะก็อายตายเลย

 

 

 

 

 

 

 

ไข่มุกกอดน้องสายไหมเอาไว้ตลอดทางจากโคราชถึงกรุงเทพคล้ายกับว่ากลัวจะถูกแย่งลูกไปอีก

ก็เข้าใจได้ล่ะนะแต่การที่เธอไม่ยอมปริปากเล่าอะไรให้ฟังซักอย่างแบบนี้ต๊อดก็ไม่พอใจเหมือนกัน อุตส่าห์อดหลับอดนอนขับรถพามาก็ควรจะตอบแทนกันด้วยการบอกความคืบหน้าอะไรบ้างสิวะ

“ไข่มุกนี่แม่งยังนิสัยแย่เหมือนเดิม” ถึงแม้ภายนอกจะดูน่ารักน่าทนุถนอมแต่ตบตาใครก็ตบไปเถอะนะอย่างไรก็ไม่มีทางตบตาต๊อดได้แน่นอน

ต๊อดน่ะโตมากับกลุ่มเพื่อนของอาเจ๊ เพราะอยู่กับสาวๆ มาตั้งแต่เด็กจึงมีตาวิเศษมองออกว่าผู้หญิงคนไหนน่ารักจริง คนไหนแสร้งทำ

“ก็ไม่แปลกนะ มึงยังนิสัยเหมือนเดิมเลยต๊อด”

“เข้าข้างต๊อดบ้างเถอะมิน”

“ขนลุกเลยเนี่ย” ไม่บ่อยเลยที่ต๊อดจะแทนตัวเองด้วยชื่อแบบนี้ ซึ่งก็ไม่แปลกที่มินจะไม่ชิน

“แล้วนี่มึงส่งกูแล้วจะกลับคอนโดเลยมั้ย”

“จะแวะไปหาแพทหน่อย”

“อย่าไปเลย ปล่อยให้มันห่วงมึงจนอกแตกตายไปเถอะ”

“ไม่ล่ะ ถ้าแพทอกแตกตายกูคงเสียใจ”

“เสี่ยวสัดเลยว่ะไอ้ดอกเตอร์ ถ้าไอ้แพทมาได้ยินเข้ากูว่ามันสำลักความหวานตายไปเลยอะ”

“ต๊อด”

“หือ ทำไมอยู่ๆ จริงจังขึ้นมาวะ”

“กูมีเรื่องจะบอกมึง”

“อะไร จะสารภาพรักรึไง” มินพยักหน้าให้ต๊อดถอยกรูด เห็นอย่างนั้นแล้วก็อดขำกับจินตนาการอันสูงส่งของเพื่อนไม่ได้เลย คิดไปถึงไหนกันล่ะเนี่ย

“กูรักแพท กูคิดว่ากูอยากใช้ชีวิตกับเขาตลอดไป”

“บอกกูทำไม มึงต้องไปบอกไอ้แพทโน่น”

“เพราะมึงเป็นเพื่อนรักกูไงกูก็เลยอยากให้มึงรู้เป็นคนแรก”

ต๊อดไม่รู้จะตอบคำใด ทั้งที่รู้อยู่แล้วว่าตนเป็นเพื่อนรักเพียงคนเดียวของมิน แต่เมื่อได้ยินคำนั้นจากปากเพื่อนก็อดซาบซึ้งใจไม่ได้เลย นั่นแหละ และอยู่ๆ น้ำตาก็ไหลออกมาซะงั้น

“มึงร้องไห้ทำไมเนี่ย”

“ไม่รู้อะ อยู่ๆ แม่งก็ไหล กูห้ามไม่ได้เลย”

“ซึ้งอะดิ”

“อือ มึงอย่าทำแบบนี้อีกนะเว้ย กูไม่ชอบ”

“ขี้แยว่ะต๊อด ตอนพี่เมี่ยงบอกรักมึงร้องไห้ด้วยป่ะเนี่ย”

“เสือกว่ะดอกเตอร์” ต๊อดว่าพลางเช็ดน้ำตาตัวเองป้อยๆ เหมือนเด็ก เพราะแบบนี้ล่ะมั้งพี่เมี่ยงถึงได้ตกหลุมรักต๊อดจนถอนตัวไม่ขึ้น

มินเองก็อยากมีความรักดีๆ แบบนี้บ้างเหมือนกัน แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าเขาคาดหวังในตัวแพทหรอก ที่จริงแค่มีแพทอยู่ด้วยกันนั่นก็ดีแสนดีแล้ว

“เอาไว้เดี๋ยวกูเล่าเรื่องไข่มุกให้ฟังวันหลัง” มินบอกเมื่อต๊อดลงจากรถไปแล้วให้เจ้าตัวชะโงกหน้าเข้ามามุ่นคิ้วไม่เข้าใจ

“ไหนมึงบอกว่าเป็นความลับ”

“ไข่มุกรู้ว่ามึงอยากรู้ก็เลยอนุญาตให้รู้ได้”

“แล้วไม่คิดว่ากูจะไปเล่าให้คนอื่นฟังรึไง”

“นั่นมันก็เป็นความรับผิดชอบของมึงแล้ว”

“กูไม่ฟังได้มั้ยวะ”

“แล้วแต่นะ กูมีเวลาให้มึงตลอดช่วงปิดเทอมนี้ อยากฟังเมื่อไหร่ก็โทรมา”

ต๊อดถอนหายใจออกมา อยากรู้ก็จริงแต่ก็ไม่มีอะไรมาการันตีได้ว่าวันนึงเขาจะไม่เผลอตัวเอาความลับนี้ไปเล่าให้คนอื่นฟัง คิดไปคิดมานี่มันอย่างกับแบกอะไรก็ไม่รู้ว่าบนบ่าโดยใช่เหตุเลยนี่หว่า

 

[TBC]



เราโคตรชอบความเพื่อนของต๊อดกับมินเลยค่ะ
เพื่อนที่มีอะไรก็อยากเล่าให้กันฟัง ถึงต๊อดจะไม่ค่อยเอาไหนก็เถอะ
อย่าเพิ่งโกรธพี่มินกันนะที่ทิ้งเจ้าแพทมาแบบนี้ พลีสสสสสสส
 :mew3:


#คุณครูพี่มิน







ออฟไลน์ areenart1984

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4805
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-7
Re: คุณครูพี่มิน :: ตอนที่ 23 {Up.171218}
«ตอบ #101 เมื่อ17-12-2018 20:10:49 »

เกือบเข้าใจมินผิดแล้ว  :เฮ้อ:

ออฟไลน์ DrSlump

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3360
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +104/-2
Re: คุณครูพี่มิน :: ตอนที่ 23 {Up.171218}
«ตอบ #102 เมื่อ17-12-2018 21:45:10 »

 :pig4: :pig4: :pig4:

ต๊อดน่ารัก  ต๊อดเป็นเพื่อนที่ดีที่สุดเลยอ่ะ

ส่วนไข่มุก  นางคงฟอนเฟะตั้งแต่สมัยเรียนอ่ะแหละ ประเภทแรดเงียบไรเงี้ยะ

ออฟไลน์ แจซอล

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 133
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +40/-0
Re: คุณครูพี่มิน :: ตอนที่ 24 {Up.231218}
«ตอบ #103 เมื่อ23-12-2018 17:31:38 »

คุณครูพี่มิน 24



ขับรถเลยบ้านต๊อดเข้ามาจนสุดซอยก็เจอบ้านแพท

ทันทีที่ได้ยินเสียงเครื่องยนต์คนเป็นเจ้าของบ้านก็กุลีกุจอวิ่งออกมา

พี่มินที่อยู่ตรงหน้าดูอ่อนล้าจนน่าเป็นห่วง ที่จริงภาพนั้นก็ไม่ต่างจากที่จินตนาการไว้ซักเท่าไหร่ สภาพอย่างนั้นยังไม่เจียมตัวขับรถพาคนอื่นไปถึงไหนต่อไหน

“ขับรถมาถึงนี่ได้ไง”

“เก่ง” ยังมีหน้ามาบอกด้วยท่าทางภูมิอกภูมิใจอีก มันน่าภูมิใจตรงไหนไม่ทราบครับดอกเตอร์

“สภาพตัวเองโคตรแย่เลย รู้บ้างป่าว”

“รู้ ง่วงมากเลย”

“งั้นเดี๋ยวแพทไปส่งคอนโด”

“ซื่อบื้อเหรอ” มินว่าพลางกระแทกไหล่อีกฝ่ายแล้วเดินเข้าบ้านทั้งที่เจ้าของบ้านยังไม่ได้เชิญ แพทมองตามอย่างไม่ค่อยเข้าใจนัก แต่ถ้าพี่มินจะเข้าบ้านแพทก็เต็มใจล่ะนะ

คนเป็นเจ้าของบ้านวิ่งตามมาทันก่อนที่มินจะเอื้อมมือไปเปิดประตูบ้าน เขาจึงใช้จังหวะนี้แสดงความเป็นสุภาพบุรุษเปิดประตูและผายมือให้อีกฝ่ายเดินเข้าไปก่อน

มินไม่ได้สนใจเสียงปิดประตูที่ดังตามหลังมา เมื่อเห็นโซฟาที่ห้องรับแขกเขาก็ถลาเข้าใส่ ล้มตัวนอนลงฝังใบหน้าไว้กับหมอนนุ่มๆ

สบายจัง ไม่เคยคิดเลยว่านอนโซฟาจะสบายตัวได้ขนาดนี้

หากยังไม่ทันได้ซึมซับความสบายให้ฉ่ำปอดคนเป็นเจ้าของบ้านก็เรียกชื่อให้ปรือตาขึ้นมามองซะก่อน

“ถ้าจะนอนก็ไปอาบน้ำสิ พี่มินใส่ชุดนั้นตั้งแต่วันที่ไปทะเลกับแพทแล้วไม่ใช่เหรอ”

“ออกไปเอาเสื้อผ้าในรถให้หน่อยสิ ไม่อยากเดินอะ”

“ให้แพทอุ้มไปห้องน้ำด้วยเลยมั้ยล่ะ”

“เป็นความคิดที่ดี” ถึงแม้จะตกใจอยู่นิดหน่อยแต่ทันทีที่อีกฝ่ายพูดจบแพทก็ย่างสามขุมเข้าไปหาแล้วช้อนร่างมินขึ้นมา ทว่ายังนับ 1 ไม่ถึง 3 ก็ล้มไม่เป็นท่าทั้งคู่

ก็นึกว่ามันจะง่ายแต่เอาเข้าจริงการอุ้มคนที่ตัวเท่าๆ กันแถมยังเป็นผู้ชายอกสามศอกเหมือนกันนี่ยิ่งยากเข้าไปใหญ่

“อ่อนจัง” มินว่ากลั้วขำไม่จริงจัง

“ไม่ไหวอะ พี่มินก็ไม่ใช่ตัวเล็ก”

“ลดน้ำหนักดีมั้ย”

“ไม่ต้องเลย แค่นี้ตัวก็บางจนจะหักอยู่แล้ว”

“ก็แพทบอกว่าตัวพี่หนัก”

“เปลี่ยนเป็นขี่หลังแทนละกันงั้น” สิ้นประโยคแพทก็นั่งคุกเข่าลงตรงหน้าคนบนโซฟา และมินก็ไม่ลังเลเลยที่จะขี่หลังพลางกอดคอเอาไว้กันตก

แพทรวบรวมกำลังกายทั้งหมดลุกขึ้นยืนพลางส่งเสียงดังฮึบ

พอเท้าลอยเหนือพื้นก็ทำให้นึกไปถึงเมื่อก่อน ตอนที่พี่แพทอ้อนขอขี่หลังบ่อยๆ

และพอนึกถึงความทรงจำวัยเยาว์ทีไรความสุขก็มักล้นออกมาจนเผลอยิ้มเสมอ

ขายาวที่กำลังก้าวขึ้นบันไดหยุดชะงักก่อนแพทจะเอี้ยวตัวกลับมามองคนบนหลัง ใบหน้ามินเกยอยู่บนไหล่ กลิ่นหอมประจำกายจางไปมากแล้วแต่ก็ไม่แย่

“แพทได้นอนบ้างรึยัง” คนเป็นแขกเอ่ยถามขณะขึ้นบันได

“นอนหลับที่ไหน”

“ขอโทษนะ พี่ทำให้แพทเป็นห่วงอยู่เรื่อย”

“”ทำไมวันนี้น่ารักจัง

“ไม่ดีเหรอ”

“ก็ดีแต่มันก็รู้สึกแปลกๆ ไงไม่รู้” แพทว่าพลางเลี้ยวเข้าห้องนอนของตนแล้ววางคนบนหลังลงบนเตียงนอนที่ไม่ได้ใช้งานมาหลายคืนแล้ว

ขณะที่มินวุ่นวายอยู่กับเรื่องของคนอื่น คนที่รออยู่ทางนี้อย่างแพทก็ไม่เป็นอันทำอะไรเลย เขาปักหลักรออีกฝ่ายอยู่บนโซฟาในห้องรับแขก โทรศัพท์มือถือก็เอาติดตัวไว้ตลอดเผื่อพี่มินจะโทรมาขอความช่วยเหลือ อย่าว่าสกปรกเลย เขาเองก็ยังไม่ได้อาบน้ำเหมือนกัน

“ไม่ชอบให้พี่ทำตัวน่ารักเหรอ” ก็มินน่ะอายุสามสิบต้นๆ แล้วบางทีการทำตัวน่ารักอาจจะดูขัดหูขัดตาก็ได้ พอคิดว่าแพทไม่ชอบ ความมั่นใจมากมายก่อนหน้านี้ก้ลดฮวบฮาบลง

“ไม่ใช่อย่างนั้นซะหน่อย ก็ทุกครั้งที่พี่มินทำตัวน่ารัก ทำดีกับแพทมากๆ วันต่อมาพี่มินก็หายไปทุกที”

ได้ยินอย่างนั้นแล้วมินก็ค่อยโล่งใจขึ้นมาหน่อย รอยยิ้มสวยผุดขึ้นบนใบหน้าขณะยื่นมือไปจับมือแพทมากุมไว้ให้คนที่ยืนอยู่ก่อนหน้านี้นั่งลงบนพื้นตรงหน้า

ทั้งคู่มองลึกเข้าไปในดวงตาของกันและกัน

อยากจูบ

ถึงแม้จะอยากทำเช่นนั้นใจจะขาดแต่ก็ต้องยั้งตัวเองเอาไว้

“ไม่หายไปไหนหรอกน่า สัญญา”

“ถ้าพี่มินผิดสัญญาล่ะ”

“พี่ไม่มีทางหายไปไหนอีกแน่นอน”

ถึงแม้จะไม่มีอะไรการันตีคำพูดนั้นได้ แต่แพทน่ะก็พร้อมที่จะเชื่อพี่มินสุดหัวใจ















ตอนขอให้แม่ซื้อบ้านหลังนี้ แพทก็คิดมาตลอดเลยว่าซักวันนึงเขาจะได้มีโอกาสต้อนรับพี่มิน คนที่เขารอมาทั้งชีวิต และวันนี้ก็ยิ่งกว่าที่หวังซะอีก

มินกำลังนอนหลับอยู่บนเตียงขนาด 5 ฟุตที่แพทคิดว่ามันกว้างขวางและชวนให้รู้สึกเหงาตลอดเวลา หากตอนนี้พอมีอีกคนมานอนอยู่บนนั้นความเหงาที่เคยสัมผัสได้ก็พลันหายไป

ฟูกนอนที่ยวบลงทำให้คนที่กำลังจมอยู่ในห้วงนิทราขยับกายนิดหน่อย แพทนั่งนิ่งชั่ววินาทีก่อนจะนอนลงข้างกันอย่างเงียบเชียบที่สุด

อย่างกับฝันแหนะ

ทั้งที่ง่วงจนแทบลืมตาไม่ขึ้น แต่อีกใจก็กลัวว่าถ้าหลับไปแล้ว เมื่อลืมตาตื่นอีกครั้งคนที่เคยนอนข้างกันจะหายไป

กระนั้นก็ไม่มีใครต่อสู้กับความง่วงได้

มินลืมตาตื่นขึ้นมาหลังจากแพทหลับไปแล้ว

ขนาดยามหลับยังขมวดคิ้วมุ่นคล้ายมีเรื่องให้คิดตลอดเวลา คนอายุมากกว่าขยับเข้าไปใกล้อีก นอนหนุนหมอนใบเดียวกัน วางมือข้างหนึ่งลงบนแก้มใสขณะใช้นิ้วเกลี่ยเบาๆ

คิ้วที่ขมวดเอาไว้คลายออกแล้ว แบบนี้สิค่อยสมกับเป็นแพทคนที่เปรียบดั่งความสดใสของมินหน่อย

อาจเป็นเพราะไม่ได้นอนมาหลายคืนแล้วถึงแม้จะเป็นตอนกลางวันแต่แพทก็ยังคงหลับสนิท เมื่อลืมตาตื่นก็พบว่าเป็นเวลาโพล้เพล้

เพราะห้องนอนของเขาตั้งอยู่ทางทิศตะวันตก ยามนี้แสงของพระอาทิตย์จึงลอดเข้ามากระทบกับเตียงนอนพอดี

แพทก้มมองคนที่นอนกอดเขาเอาไว้หลวมๆ แล้วก็อดยิ้มออกมาไม่ได้

แอบมากอดกันตั้งแต่เมื่อไหร่กันเนี่ย แต่จะเมื่อไหร่ก็ตาม ไม่ว่ายามหลับหรือตื่นแพทก็เต็มใจให้พี่มินกอดอยู่แล้ว

ทั้งที่ตั้งใจว่าจะลุกจากเตียงแล้วแท้ๆ แต่พอขยับตัวอ้อมแขนที่สวมกอดกันอยู่กลับกระชับแน่นกว่าเดิมซะอย่างนั้น คนเป็นเจ้าของเตียงขยับตัวลุกขึ้นกึ่งนั่งกึ่งนอนจัดท่าให้มินกอดเอวเขาไว้แล้วหนุนที่ตัก

แบบนี้มันเหมือนคนรักเลยไม่ใช่เหรอ

แสงแดดอ่อนๆ ตกกระทบบนใบหน้าของคนที่กำลังหลับพริ้ม แพทก็อยากลุกไปปิดม่านหรอกนะแต่พี่มินเล่นกอดกันด้วยใบหน้าเปี่ยมสุขแบบนี้คงไม่สามารถตัดใจทำลายความสุขของอีกฝ่ายได้หรอก

จำได้ว่าเคยเห็นฉากแบบนี้ในซีรีส์ผ่านตาตอนที่ส้มโอชวนดูด้วยกัน เป็นฉากที่นางเอกกำลังฟุบนอนหลับบนโต๊ะเรียนริมหน้าต่างที่มีแสดงแดดตกกระทบแล้วพระเอกก็เอามือมาบังให้ ตอนที่เห็นส้มโอกรี๊ดกร๊าดบอกว่าโคตรโรแมนติกแพทไม่อินด้วยเลยซักนิด แต่ตอนนี้เขากลับกำลังทำเหมือนฉากนั้นในซีรี่ส์

มือหนายกขึ้นบังแสงแดดที่ตกกระทบเสี้ยวใบหน้าด้านข้างของมิน คนที่ตื่นได้ซักพักแล้วเผลอยิ้มออกมาอย่างห้ามไม่ได้ ก็รู้สึกประทับใจอยู่หรอกแต่แบบนี้มันคงเมื่อยไม่ใช่เล่นเลย

แกล้งให้แพทยกมือค้างไว้อย่างนั้นครู่หนึ่งนั่นมินจึงลืมตาแล้วเงยหน้าขึ้นมายิ้มให้

ดวงตากลมจ้องค้างอยู่ที่ฝ่ามือหนาก่อนจะยื่นมือออกไปจับเอาไว้

“โรแมนติกชะมัด”

“ถ้าทำอย่างอื่นด้วยจะโรแมนติกกว่านี้อีก”

“ทำอะไรล่ะ”

“ก็...” ยิ้มละลายใจบนใบหน้างัวเงียของคนที่เพิ่งตื่นจางลงเมื่อแพทโน้มใบหน้าหล่อเหลาลงมา

ไม่ต้องบอกก็รู้ได้ทันทีว่าอีกฝ่ายต้องการจะทำอะไรกันแน่

แพทหยุดชะงักไปเล็กน้อยเมื่อแขนที่เคยกอดรอบเอวตนเปลี่ยนมาโอบรอบคอ

ให้ตายเถอะ พี่มินเมาขี้ตาเหรอทำไมถึงยั่วเก่ง

มินหลับตาลงเมื่อความอุ่นซ่านจรดลงบนหน้าผาก ที่จริงก็แอบผิดหวังอยู่เล็กน้อยที่แพทไม่จูบปากแต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าจูบหน้าผากก็ให้ความรู้สึกดีที่ต่างออกไป

“พี่มินหิวรึยัง” พอได้นอนเต็มอิ่มท้องก็เริ่มโหยหาอาหาร

“ค่ำแล้วอะหาอะไรง่ายๆ กินดีกว่ามั้ย”

“อะไรง่ายๆ อย่างเช่นอะไรล่ะ แพททำอาหารไม่เป็นหรอกนะ”

ก็ไม่ได้หวังว่าแพทจะเข้าครัวแล้วลงมือทำกับข้าวให้กินหรอก แต่ถ้าหวังพึ่งมินล่ะก็บอกเลยว่า...

“พี่เองก็ทำไม่เป็นเหมือนกัน”

เพราะไม่มีใครสามารถโชว์ฝีมือทำอาหารได้แพทจึงคว้าโทรศัพท์มือถือมาค้นข้อมูลร้านอาหาร มินขยับขึ้นกึ่งนั่งกึ่งนอนข้างๆ กันพลางทอดสายตามองหน้าจอในมือแพท

“อยากกินเบียร์จังเลย”

“ไม่ได้ครับ ต้องกินข้าวก่อน”

“ดุจัง”

“ขอโทษครับ” พอนึกได้ว่าตนกำลังดุคนอายุมากกว่าก็เอ่ยขอโทษออกมาจากใจจริงให้มินหลุดขำออกมานิดหน่อย

“ขอโทษทำไม เมื่อกี้แพทเท่ห์ดีออก”

“ชอบให้ดุเหรอครับ”

“มันก็รู้สึกแปลกดี พี่จำไม่ได้แล้วอะว่าถูกดุครั้งสุดท้ายเมื่อไหร่” ดวงตาของมินหม่นแสงลงเมื่อเอ่ย

ตลอดมามีแต่พี่มินที่รับฟังและคอยช่วยเหลือ แต่แพทกลับไม่รู้อะไรเกี่ยวกับพี่มินเลย ไม่เคยรู้ว่าอีกฝ่ายใช้ชีวิตอย่างไร โดดเดี่ยวแค่ไหน อย่างน้อยเขาก็อยากแชร์ความรู้สึกกัน

“พี่มินเล่าเรื่องของพี่มินให้แพทฟังบ้างสิ”

“เอาไว้วันหลังเหอะ”

“ทำไมล่ะ” ได้ยินอย่างนั้นก็อดคิดไม่ได้ว่าอีกฝ่ายไม่อยากให้ตนรู้เรื่องส่วนตัว

“ยังมีเวลาอยู่ด้วยกันอีกเยอะ จะรีบไปทำไม”

ค่อยเบาใจหน่อย















“คืนนี้ต้องนอนไม่หลับแน่ๆ เลย” แหงล่ะก็เล่นหลับไปตั้งแต่เช้ายันเย็นเลยนี่นา

“นอนไม่หลับก็หาอย่างอื่นทำสิ” มินที่กำลังล้างจานอยู่หน้าซิงค์ในครัวหันมาออกความคิดเห็นให้แพทเอียงคอคิดนิดหน่อยก่อนรอยยิ้มเจ้าเล่ห์จะผุดขึ้นบนใบหน้าหล่อเหลา

เจ้าของร่างสูงวางแก้วน้ำที่ดื่มจนหมดลงบนโต๊ะก่อนเดินเข้าไปยืนซ้อนหลังอีกฝ่ายที่ยืนอยู่หน้าซิงค์

มินตกใจนิดหน่อยกับแผ่นอกแกร่งที่แนบลงบนแผ่นหลังของเขาอย่างจงใจ

“ให้แพทช่วยนะ”

“จริงใจให้มันมากกว่านี้หน่อยนะ”

“รู้ได้ไงว่าแพทไม่จริงใจ”

“ล้างจานจะเสร็จแล้วเนี่ย” มินว่าพร้อมกับวางจานล้างสะอาดใบสุดท้ายลงแล้วหมุนตัวไปเผชิญหน้ากัน

“พี่มินแพทถามอะไรหน่อยสิ”

“ว่ามาสิ”

“ผู้หญิงคนนั้นเป็นใคร สำคัญกับพี่มินมากกว่าแพทอีกเหรอ”

ตลอดเวลาที่ผ่านมาจากคำบอกเล่าและสิ่งที่เขาเจอด้วยตัวเองมันทำให้ค่อนข้างมั่นใจว่าเขาเป็นหนึ่งในคนสำคัญอันดับต้นๆ ที่มินคิดถึง แต่สายจากผู้หญิงคนนั้นก็ทำให้ความมั่นใจนั้นลดลงจนกลายเป็นความกังวล

มินมองใบหน้าแพทที่จริงจังกว่าครั้งไหนๆ ความไม่มั่นใจฉายชัดในดวงตาคมให้มินค่อนข้างเป็นกังวล

มันไม่ใช่เรื่องยากที่จะบอกเล่าถึงความสัมพันธ์ระหว่างเขากับไข่มุก แต่คิดว่าถ้าแค่เล่าเฉยๆ ก็ไม่แน่ว่าแพทจะเชื่อทั้งหมดและคลายความกังวลลง

“ไปหยิบกุญแจรถให้หน่อยสิ”

“หือ” แพทคิดว่าตัวเองหูฝาด เพราะแทนที่จะตอบแต่กลับพูดถึงกุญแจรถซะงั้น “พี่มินไม่อยากตอบคำถามแพทก็เลยจะหนีกลับบ้านเหรอ”

“คิดว่าพี่เป็นคนแบบนั้นรึไงล่ะ” มินผลักแพทออกห่างก่อนจะเดินออกจากครัวไปหยิบกุญแจรถเอง พอเดินใกล้จะถึงประตูบ้านค่อยเรียกให้แพทตามออกมา

ตลอดทางที่นั่งอยู่บนรถด้วยกัน บรรยากาศของทั้งคู่เต็มไปด้วยความเงียบจนอึดอัด มินเหลือบมองแพทเป็นระยะ แพทเองก็ทำเช่นนั้นและถึงแม้จะเผลอสบตากันอยู่บ่อยๆ แต่ก็ไม่มีใครพูดอะไร

กระทั่งรถเลี้ยวเข้ามาในร้านอาหารที่วันนี้ปิดทำการและเดินนำเข้าไปในร้านที่เปิดไฟเอาไว้แค่สลัวๆ แพทจึงปลดเบลท์แล้วเดินตามเข้าไป

“อะไรเนี่ย เพิ่งแยกกันไปเมื่อเช้าเอง คิดถึงไข่มุกจนต้องมาหาถึงนี่เลยเหรอ” ใบหน้าสวยดูสดใสกว่าเมื่อวานและเมื่อเช้ามาก

มินยักไหล่นิดหน่อยก่อนจะเดินตามสาวเจ้าขึ้นไปยังชั้นสอง แพทไม่แน่ใจว่าเขาควรจะเดินตามไปด้วยหรือเปล่า แต่พี่มินเป็นฝ่ายชวนมาเพราะงั้นก็คงอยากให้เดินตามไปนั่นแหละ

“สายไหมอยู่มั้ย”

“ถ้าไม่อยู่แล้วจะให้ไปไหนได้ล่ะเด็กตัวแค่นั้น”

“เคลียร์กันไม่ได้เหรอ”

“ก็ได้แหละ แต่ก็ไม่รู้ว่าต่อไปจะเป็นยังไง”

“อย่าคิดมาก ไงไข่มุกก็ยังมีเรากับต๊อด”

“พูดถึงต๊อดก็ดีเลย หมอนั่นนิสัยเสียไม่เปลี่ยนเลยนะ”

“ก็คนๆ เดิม”

“ก็จริงแหละ จะว่าไปมุกยังไม่ทันได้ขอบคุณต๊อดเลย”

“หาลูกค้ากระเป๋าหนักๆ ให้ต็อดซักรายสองรายสิ คงช่วยได้เยอะเลย”

“ต็อดกำลังมีปัญหาเหรอ ดูไม่ออกเลย”

“ตอนนี้ธุรกิจของต๊อดไปได้ไม่ค่อยสวยเท่าไหร่”

ในหัวของแพทเต็มไปด้วยคำถาม ข้อ 1 ผู้หญิงคนนี้เป็นใคร แต่ฟังจากเสียงแล้วคงเป็นคนที่โทรหาพี่มินเมื่อวันก่อนโน้น ข้อ 2 เรื่องร้านต๊อดแพทไม่เคยรู้เลยว่าที่นั่นกำลังประสบปัญหา และข้อ 3

“คุณพ่อขา” เด็กที่วิ่งเข้ามากอดพี่มินแล้วเรียกว่าคุณพ่อนี่เป็นใครกัน

“น้องไหมคุณแม่บอกแล้วไงคะว่าอย่าเลี้ยงน้ามินว่าคุณพ่อ”

“ก็น้องไหมอยากให้น้ามินมาเป็นพ่อจริงๆ นี่นา”

ไม่มีทาง!! แพทเถียงเด็กน้อยอยู่ในใจ และถึงแม้จะไม่เอ่ยออกมาแต่สีหน้าก็บอกทุกอย่างให้มินที่หันมามองพอดีหลุดขำออกมา

“ว่าจะถามตั้งแต่ข้างล่างแล้ว มินพาใครมาด้วยน่ะ” ดวงตาคู่สวยจ้องมองมาพลางถาม

“แพทน่ะ”

“แพท?” ไข่มุกทวนคำพลางครุ่นคิด “คุ้นๆ แฮะ เคยเจอกันรึเปล่า”

“ตอนเราอยู่มัธยมไง”

“เดี๋ยวนะ อย่าบอกนะว่า...” ถึงแม้ว่าจะผ่านมา 10 กว่าปีแล้วแต่สายไหมไม่มีทางลืมคนที่ทำให้รักครั้งแรกของเธอพังไม่เป็นท่าได้หรอก “เด็กที่อยู่กับมินเมื่อก่อนเหรอ”

“ใช่”

“แล้วพามาด้วยทำไม”

“ช่วยบอกเขาหน่อยสิว่าเราไม่ได้เป็นอะไรกัน”

“หา!” ไข่มุกร้องเสียงหลงแต่เพราะเป็นคนที่เข้าใจอะไรง่ายเป็นทุนเดิมอยู่แล้วจึงเข้าใจได้ทันทีถึงความสัมพันธ์ไม่ธรรมดาของทั้งคู่ “นั่งก่อนสิ ยืนคุยคงเมื่อยแย่ มินก็รู้ว่าเรื่องของเรามันยาว”

เพราะเป็นเช่นนั้นตอนนี้ทั้งหมดจึงมานั่งกันอยู่ที่โซฟาหน้าทีวี โดยบนตักของมินมีเด็กน้อยนั่งแสดงความเป็นเจ้าของ

ซะทีไหนล่ะ พี่มินเป็นของแพทต่างหาก

ที่จริงแล้วแพทจำไข่มุกไม่ได้ด้วยซ้ำ อาจเพราะตอนเจอกันเขายังเด็กมากแถมในบันทึกของพี่แพทยังไม่ได้พูดถึงเรื่องนี้เอาไว้

“เธอคงจำไม่ได้เลยสินะว่าเมื่อก่อนทำกับฉันไว้แสบขนาดไหน”

แพทได้แค่ฟังเฉยๆ โดยไม่มีคำพูดใด

“แต่คิดไม่ถึงเลยว่าเด็กแสบอย่างเธอจะรอเก่งขนาดนี้”

“ถ้านั่นเป็นคำชมก็ขอบคุณมากครับ” แพทตอบรับเสียงเรียบ

“ชอบมินมากแค่ไหนเหรอ”

“ผมคิดว่านั่นไม่เกี่ยวกับคุณนะครับ”

“ทำไมจะไม่เกี่ยวล่ะ เธอไม่รู้หรอกว่ามินสำคัญกับฉันและลูกขนาดไหน” แพทไม่รู้ว่าที่เธอพูดเป็นเรื่องจริงเท็จแค่ไหนแต่ความจริงก็คือมันทำให้ในอกของเขาวูบโหวงเหมือนชิ้นส่วนบางอย่างถูกเฉือนทิ้งไป

“ไข่มุก เรามาให้เธอช่วยนะไม่ได้มาให้หาเรื่อง”

“รู้แล้วน่า ล้อเล่นหน่อยไม่ได้รึไง”

“ไม่ตลกครับ” เป็นแพทที่เอ่ยจากใจจริงให้คนฟังถึงกับขำพรืด

ไข่มุกจ้องมองเด็กน้อยคนนั้นที่โตเป็นหนุ่มอย่างไม่ค่อยเชื่อเรื่องที่กำลังเกิดขึ้นตอนนี้มากนัก โลกนี้กว้างใหญ่มากไม่คิดไม่ฝันว่าจะโคจรกลับมาเจอกันอีก แถมเด็กนั่นยังกำลังจะเลื่อนขั้นเป็นคนรักของรักแรกของตนอีกต่างหาก

“เธอนี่ไม่เปลี่ยนไปเลยนะ ทั้งตอนเป็นเด็กและตอนนี้”

“ผมโตขึ้นครับ”

“ฉันหมายถึงความรักที่มีให้มินต่างหาก ไม่ว่าจะเมื่อก่อนหรือตอนนี้ฉันก็สู้เธอไม่ได้เลย”

หลังจากตัดสินใจบอกรักมินในวันที่พวกเขาไปเลี้ยงส่งกันแล้วถูกปฏิเสธ ไข่มุกก็คิดมาตลอดเลยว่าเธาจะลืมอีกฝ่ายได้ เธอเริ่มเปิดใจให้คนอื่นเมื่อกลายเป็นนักศึกษามหา’ลัย แต่ไม่ว่าจะคบกันใคร โปรไฟล์ดีแค่ไหนก็ไปกันไม่รอดซักราย

กระทั่งเมื่อประมาณ 4 ปีก่อน

เธอได้พบมินอีกครั้งในงานพบปะสังสรรของกลุ่มเพื่อน ทันทีที่ได้สบตากันเธอก็รู้คำตอบทันทีว่าเพราะอะไรความรักตลอดหลายปีที่ผ่านมาถึงไม่ประสบความสำเร็จ นั่นก็เพราะว่าเธอยังลืมมินไม่ได้นั่นเอง

สำหรับไข่มุกมินก็ยังคงเป็นมินคนเดิม คนที่มองเธอด้วยสายตาอ่อนโยน พร้อมช่วยเหลือตลอดเวลา คนที่ไม่เคยคิดกับเธอเกินเพื่อนเลยซักครั้ง

ชั่ววูบหนึ่งเธอคิดว่าถ้าใช้ความใจดีนั้นทำให้เขาเป็นของเธอได้ก็คงดี

คืนนั้นเธอย้อมใจด้วยเหล้าหลายแก้วแต่กระนั้นก็ไม่ถึงกับเมาจนไม่ได้สติ เธอขอให้มินไปส่งที่คอนโด แน่นอนว่าคนใจดีอย่างมินไม่มีทางปฏิเสธแน่

เหมือนทุกอย่างจะเป็นไปตามที่หวัง ทว่าเหตุไม่คาดฝันก็เกิดขึ้น

ตอนที่มินช่วยเปิดประตูห้องนั่นเองอยู่ๆ แฟนเก่าที่เธอเพิ่งบอกเลิกไปเมื่อไม่นานมานี้ก็ปรากฏตัว พอเห็นภาพนั้นเขาก็โกรธหัวฟัดฟัวเหวี่ยงผลักมินจนล้มลง พอจะตามไปกระทืบไข่มุกก็เข้ามาห้าม ไอ้คนชั่วตวัดสายตามองมาแล้วลากเธอเข้าห้อง

ขณะที่กำลังปวดร้าวทั้งร่างกายและหัวใจ เสียงทุบประตูผสมกับเสียงเรียกของมินก็แว่วเข้ามาให้ได้ยิน

ตอนนั้นเองที่เธอระลึกได้ว่าทั้งหมดเกิดจากความชั่วร้ายของเธอเอง ถ้าไม่ลากมินมาเรื่องแบบนี้ก็คงไม่เกิดขึ้น

หลังจากคืนนั้นเธอจึงตัดสินใจบอกลาประเทศไทย แต่โลกของไข่มุกช่างกลมจนน่าใจหาย เธอได้พบมินอีกครั้งที่อเมริกาแถมยังอาศัยอยู่ในย่านเดียวกันอีก

มินช่วยเหลือเธอที่กำลังตั้งครรภ์จากใจจริง ยิ่งเห็นแบบนั้นความรู้สึกผิดก็ยิ่งทวีความรุนแรงมากขึ้น

เธอคิดว่าหากบอกความจริงเรื่องคืนนั้นไปมินจะต้องโกรธและไม่ติดต่อเธออีกแน่แต่นั่นก็เป็นความคิดที่ผิด มินไม่แสดงความโกรธแถมยังบอกว่าเป็นความผิดตนที่ปกป้องเธอไม่ได้อีกต่างหาก

เขาดูแลเธอจนคลอดลูก ในคืนที่สายไหมลืมตาดูโลกเขาก็ทิ้งงานอันยุ่งเหยิงไปเป็นกำลังใจให้ในห้องคลอด พอคลอดเสร็จก็ช่วยเลี้ยงดูน้องแถมยังปิดความลับได้อย่างดีเยี่ยม

กระทั่งตอนที่เธอตัดสินใจบินกลับมาไทยเพื่อทำธุรกิจมินก็ช่วยเรื่องเงินทุนโดยยอมเป็นหุ้นส่วนด้วย

ตลอดหลายปีที่ผ่านมาไข่มุกคิดว่าตนติดหนี้บุญคุณมินมากมายเหลือเกิน

ถ้าหากการที่เธอบอกความจริงทุกอย่างเพื่อยืนยันความสัมพันธ์ให้คนรักของมินสบายใจ เธอก็พร้อมจะบอกทุกอย่างอย่างไม่ปิดบัง



[TBC]



เธอ ไข่มุกนังก็ไม่ได้ร้ายขนาดนั้น ส่วนพี่มินน่ะก็คือคนดีของโลกใบนี้ที่แท้จริง
ตอนนี้ยังหวานไม่มากนะ
รอตอนหน้า...อย่าลืมเตรียมหมอนไว้จิกด้วย
เจอกันๆ



#คุณครูพี่มิน



ออฟไลน์ areenart1984

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4805
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-7
Re: คุณครูพี่มิน :: ตอนที่ 24 {Up.231218}
«ตอบ #104 เมื่อ23-12-2018 18:52:26 »

อย่าบอกนะว่าแพทจะเปลี่ยนเป็นหึงสายไหมแทน  :hao4:

ออฟไลน์ DrSlump

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3360
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +104/-2
Re: คุณครูพี่มิน :: ตอนที่ 24 {Up.231218}
«ตอบ #105 เมื่อ23-12-2018 19:02:10 »

 :pig4: :pig4: :pig4:

เธอแพ้ภัยตัวเองอย่างแท้ทรูจริง ๆ นะ ยัยไข่มุก

ถือว่าสวรรค์มีตาที่ไม่ปล่อยให้เธอทำสำเร็จ  อิอิ

ออฟไลน์ แจซอล

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 133
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +40/-0
Re: คุณครูพี่มิน :: ตอนที่ 25 {Up.070119}
«ตอบ #106 เมื่อ07-01-2019 22:22:58 »

คุณครูพี่มิน 25



 “พี่มินเป็นคนดีขนาดนั้นได้ยังไง” ถ้าคนในเรื่องเล่าของไข่มุกไม่ใช่มิน แพทคงไม่มีทางเชื่อแน่ว่าคนๆ นึงจะแสนดีได้ขนาดนั้น

“ถ้าไข่มุกไม่ใช่เพื่อนที่เคยมีความรู้สึกดีๆ ให้กันพี่ก็คงไม่ช่วยขนาดนี้หรอก”

“พี่ไข่มุกเป็นรักแรกของพี่มินเหรอ”

คนถูกถามส่ายหน้าแทนคำตอบให้แพทผ่อนลมหายใจออกมาอย่างเบาใจ “รักแรกของพี่น่ะ...”

มินใช้ดวงตาคู่สวยจ้องมองเจ้าของใบหน้าหล่อเหลาที่นั่งอยู่ข้างกันบนโซฟาในบ้าน

“เพิ่งเกิดขึ้นเมื่อ 4 ปีก่อนต่างหาก”

“ใครอะ แพทรู้จักรึเปล่า”

“รู้จักดีเลย”

“คงไม่ใช่ต๊อดหรอกใช่มั้ย”

“จะบ้าเหรอ”

“หรือว่าเป็นคนต่างชาติ แต่ก็ไม่น่าจะใช่นะ เพราะพี่มินบอกว่าแพทรู้จักดี” ตอนนี้เองที่แพทนึกเอะใจ ทั้งสายตาอ่อนโยนที่พี่มินใช้มองตนก็ยิ่งชัดเจนว่าสิ่งที่เขากำลังคิดตอนนี้เป็นเรื่องจริงร้อยเปอร์เซ็น

“เธอนี่โคตรเด็กเลยว่ะ”

แพทไม่เคยเอะใจซักครั้งเวลาที่ถูกมินเรียกว่าเธอแทนที่จะใช้ชื่อ แต่ครั้งนี้เขาเอะใจแล้ว เอะใจหลายเรื่องพร้อมๆกัน

“รักแรกของพี่มินคือแพทรึเปล่า”

“ยังต้องให้พูดอีกเหรอ”

“พูดเถอะแพทอยากได้ยิน”

“งั้นก็ตั้งใจฟังล่ะ”

คนอายุน้อยกว่าขยับนั่งตัวตรงตั้งอกตั้งใจอย่างที่อีกฝ่ายบอก

มินขยับเข้าไปใกล้จนทั้งคู่ที่นั่งขัดสมาธิอยู่บนโซฟาเข่าชนกันทั้งสองข้าง มือเรียวยกขึ้นกอบกุมข้างแก้มอีกฝ่ายก่อนโน้มใบหน้าเข้าไปหา แพทแทบจะขาดใจตายเมื่อความตื่นเต้นทำให้เขาไม่กล้าแม้แต่จะหายใจ

บทจะน่ารักก็น่ารักได้เบอร์นี้เลยนะคนเรา

มินสูดลมหายใจเข้าแล้วผ่อนออก ทั้งที่ตั้งใจเอาไว้แล้วว่าอย่างไรวันนี้ต้องพูดคุยเรื่องสถานะความสัมพันธ์อันคลุมเครือนี้ให้ชัดเจน แต่เอาเข้าจริงก็อดตึ่นเต้นไม่ได้อยู่ดี

ทั้งคู่จ้องตากันเนิ่นนานจนขาเริ่มเป็นตะคริว

“ถ้าพี่มินไม่พูดแพทจะพูดเองแล้วนะ”

“หือ”

“ไม่ได้ใจร้อนอะไรนะ แต่นั่งท่านี้ไม่ไหวแล้วอะ” คนพูดขยับตัวยุกยิกให้มินหลุดยิ้มออกมา

บรรยากาศตอนนี้ไม่ตรึงเครียดเหมือนนาทีที่แล้วอีกต่อไป

“เป็นแฟนกันมั้ย”

“ฮะ? โอ้ย!” คนที่กำลังขยับตัวเปลี่ยนท่าตกใจจนร่วงลงไปนั่งหมดสภาพอยู่บนพื้นให้มินรีบกุลีกุจอลงไปนั่งด้วยกัน

“เป็นอะไรรึเปล่า”

“เป็นครับ”

“เจ็บขาเหรอหรือเจ็บตรงไหน” มินยื่นมือเข้าไปจับขาจับแขนเพื่อสำรวจดูว่าแพทเจ็บตรงไหนรึเปล่าทว่าในวินาทีต่อมาเขากลับเป็นฝ่ายถูกจับเอาไว้แล้วดึงเข้าไปใกล้

“ไม่ได้เจ็บตรงไหนซักหน่อย”

“อ้าว ก็เมื่อกี้...” บอกว่าเจ็บ

“ที่บอกว่าเป็นคือ เป็นแฟนต่างหาก”

มินเขินจนพูดอะไรไม่ออก เพราะไม่เคยรู้สึกแบบนี้จึงไม่รู้ว่าควรจัดการกับตัวเองอย่างไร แพทเองก็ไม่ต่างกัน

“เหมือนฝันเลยอะ”

เพี้ยะ!!

สิ้นประโยคแก้มก็ถูกตบเข้าอย่างจัง คนตบเองก็ตกใจไม่แพ้กัน ก็เมื่อกี้แพทบอกว่าเหมือนฝันมินก็เลยอยากย้ำให้รู้ว่านี่คือเรื่องจริง

“ตบแพททำไมอะ ปลอบเลย” แพทว่าพลางเอียงแก้มที่ขึ้นรอยมือมาให้ ไม่ต้องบอกวิธีปลอบมินก็รู้ได้ทันที่ว่าต้องทำอย่างไร

เขายื่นหน้าเข้าไปหา หากยังไม่ทันได้ปลอบท้ายทอยก็โดนล็อคเอาไว้ และในวินาทีต่อมาริมฝีปากก็ถูกครอบครอง

“ลืมบอกไปว่า พี่มินตบแพทจูบนะ” แพทบอกเมื่อผละริมฝีปากออกก่อนจะแนบลงมาใหม่ คราวนี้เขาทั้งดึงทั้งขบเม้มราวกับว่าริมฝีปากของมินเป็นเจลลี่รสหวาน

ถ้าริมฝีปากของมินเป็นเจลลี่รสหวาน ริมฝีปากของแพทก็คงเป็นอาหารจานโปรดล่ะมั้ง

สำหรับมินแล้ว จูบที่ผ่านมาระหว่างพวกเขากับความสัมพันธ์ที่ไม่ชัดเจนทำให้ไม่กล้าแสดงความรู้สึกมากนักหากตอนนี้สถานะเปลี่ยนแล้ว เขาจะตอบรับจูบนี้อย่างไรก็ย่อมได้

เมื่อแพทผละออกอีกครั้งในยามที่รู้สึกคล้ายจะหมดลม มินกลับเป็นฝ่ายรั้งใบหน้าของอีกฝ่ายเข้ามาแล้วขบเม้มริมฝีปากนั่นเหมือนกำลังลิ้มรสผลไม้หวานฉ่ำอย่างเชื่องช้าก่อนจะแทรกปลายลิ้นเข้าไปในโพรงปากของอีกฝ่ายอย่างใจปรารถนา

พอถูกคลอเคลียมีเหรอที่แพทจะอดใจไหว เขาส่งปลายลิ้นมากระหวัดเกี่ยวอย่างร้อนแรงก่อนจะพลิกเกมไล่ต้อนอีกฝ่ายให้จนมุม

ปลายลิ้นถูกดูดดึง โพรงปากถูกสำรวจ แผ่นหลังถูกมือแกร่งที่สอดผ่านชายเสื้อเข้ามาตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้ลูบไล้สำรวจ

ร่างกายของมินอ่อนปวกเปียกจนเกือบจะหลอมละลายไหลลงไปกับพื้นหากแพทก็ไม่ยอมให้เป็นเช่นนั้น

เขาประครองแผ่นหลังแฟนหมาดๆ ของตนไว้พลางมอบจุมพิตที่เจ้าตัวก็ไม่รู้ว่าจะจบเมื่อไหร่

มันคงดำเนินไปยาวนานกว่านี้ถ้าหากว่าไม่มีใครก็ไม่รู้มาขัดจังหวะด้วยการกดกริ่งหน้าบ้าน

“ไอ้ฉิบหายเอ้ย ใครวะแม่ง”

มินลืมตาขึ้นเมื่อแพทผละออกแล้วสบถอย่างหัวเสีย แก้มใสแดงปลั่งแววตาสั่นระริก แน่นอนว่าถูกกระตุ้นขนาดนี้กลางกายคงนอนหลับสนิทอยู่ไม่ได้เป็นแน่

“เหี้ยแพท ไอ้มินอยู่นี่มั้ย โทรไม่รับไอ้สัด”

ต๊อดชะเง้อคอมองเข้ามาในบ้านก่อนผลักประตูรั้วที่ไม่ได้ล็อคเข้ามา

คนในบ้านทั้งคู่เลิกลั่กทำตัวไม่ถูก มินคิดว่าถ้าหากเผชิญหน้ากับต๊อดตอนนี้ เจ้าคนฉลาดเรื่องไร้สาระต้องรู้แน่เมื่อซักครู่พวกเขาทำอะไรกันอยู่

“พี่มินขึ้นไปรอแพทบนห้องก่อนก้ได้” อย่าว่าแต่มินเลยที่ไม่อยากเจอต๊อดตอนนี้ แพทเองก็ไม่อยากให้ต๊อดเห็นหน้าแฟนตนตอนนี้เหมือนกัน

ใบหน้าพี่มินตอนนี้น่ะยั่วยวนจนอดหวงไม่ได้ อยากเก็บไว้ดูคนเดียวก็พอ ถ้าหากต๊อดไม่มาขัดจังหวะซะก่อนแพทก็คงไม่หยุดหรอก

กระทั่งมินเดินพ้นสายตาเจ้าของบ้านจึงยอมเดินไปเปิดประตู

เชื่อเถอะว่าต๊อดไม่ใช่คนโง่ แค่เห็นหน้าแพทก็รู้ทันทีว่าเพื่อนตนอยู่ที่นี่อย่างแน่นอน

“ต๊อดมีอะไร พี่มินไม่ได้อยู่ที่นี่หรอก” รู้ว่าเขาหลอกแต่เต็มใจให้หลอกล่ะนะ

“แล้วมันไปไหน โทรศัพท์ติดต่อไม่ได้”

“อยู่คอนโดมั้ง เดี๋ยวแพทไปดูให้ละโทรบอกต๊อดนะ”

“เดี๋ยวกูไปดูเองก็ได”

“แพทจะไปหาพี่มินอยู่พอดี ว่าแต่ต๊อดมีธุระอะไรกับพี่มินล่ะ”

“กูเป็นเพื่อนสนิทมัน เจอมันต้องมีธุระด้วยรึไง”

“ก็ไม่จำเป็นหรอก และถ้าต๊อดจะอยู่ที่นี่นานก็เข้าไปนั่งก่อนดีมั้ย”

“จริงใจมากเลยไอ้ห่า มึงไม่อยากให้กูอยู่นานหรอก กูรู้”

“ทำไมต๊อดมองแพทให้แง่ร้ายแบบนั้นล่ะ”

“กูรู้จักมึงมากี่ปี เป็นเพื่อนสนิทไอ้มินมากี่ปี คบกับแฟนมากี่ปี ทำไมกูจะไม่รู้”

“รู้อะไรล่ะ”

“อยากให้กูพูดจริงๆ เหรอ” ต๊อดเจ้าเล่ห์มาก ถ้าแพทพยักหน้าล่ะก็รับรองว่าเขาต้องพูดทุกอย่างออกมาแน่ ทำไมต๊อดต้องมาทำตัวเหมือนคนฉลาดตอนนี้ด้วยก็ไม่รู้













“ต๊อดกลับไปแล้วนะ เพื่อนพี่มินกวนประสาทชะมัด”

“ยังไม่ชินอีกเหรอ” มินว่าขณะที่นั่งกอดตุ๊กตาฉลามสภาพกลางเก่ากลางใหม่ที่ตนเคยให้แพทเป็นของขวัญในอดีต

“ก็นะ” เจ้าของห้องไหวไหล่ก่อนก้าวเขามานั่งข้างกัน

“ปล่อยห้องทิ้งไว้หลายวันแล้ว เดี๋ยวพี่จะกลับแล้วล่ะ”

“อะไรเล่า”

“ทำไม”

“เพิ่งเป็นแฟนกันเองไม่ใช่เหรอ”

“แล้วทำไม”

“ก็น่าจะอยู่ด้วยกันนานกว่านี้อีกหน่อยสิ”

“ยังมีเวลาอยู่ด้วยกันอีกนาน”

“แพทต้องคิดถึงพี่มินมากแน่ๆ เลย”

“เวอร์”

“ไม่เวอร์หรอก”

ก็คงไม่เวอร์อย่างที่แพทว่าจริงๆ เมื่อภาพของแพทที่โบกมือส่งเขาหายไปด้วยระยะทาง ความคิดถึงก็แล่นพลานอยู่ภายในอกจนอยากวนรถกลับเดี๋ยวนี้

อดคิดไม่ได้ว่าความรักช่างมีพลังมหาศาลจนน่ากลัว กระนั้นก็เป็นความน่ากลัวที่แสนหวาน เหมือนบุพเฟต์สำหรับคนที่กำลังลดความอ้วน













เสียงโทรศัพท์ที่ดังขึ้นกลางดึกปลุกมินให้ตื่นขึ้นมา

มองนาฬิกาบนผนังในห้องที่เปิดไฟสว่างก็พบว่าเป็นเวลาเกือบเที่ยงคืนแล้ว

ทั้งที่นอนมาก็มาก แต่เมื่อกลับมาถึงห้องเมื่อตอนบ่ายหัวถึงหมอนก็หลับไปอีกอย่างง่ายดาย อาจจะเพราะความกังวลต่างๆ ได้ถูกยกออกจากอกไปแล้วล่ะมั้ง

โทรศัพท์ยังคงแผดเสียงให้เจ้าของมันรีบคว้ามา ไม่ต้องมองหน้าจอก็รู้ว่าใครที่โทรมาดึกดื่นป่านนี้

“ทำอะไรอยู่” ปกติแพทก็เป็นคนขี้อ้อนอยู่แล้วแต่พอเลื่อนสถานะมาเป็นแฟนความออดอ้อนก็ยิ่งทวีความรุนแรง

มินยิ้มให้กับโทรศัพท์ก่อนกรอกเสียงลงไป “นอน”

“ขี้โกงนี่”

“อะไร ขี้โกงอะไรล่ะ”

“แพทนอนไม่หลับเพราะคิดถึงแฟนอยู่คนเดียวรึไง”

มินยิ้มกว้างขึ้นอีก ตอนนี้เขาสามารถเอ่ยความในใจได้ทั้งหมดแล้วเพราะฉะนั้นไม่มีความจำเป็นใดที่จะต้องเก็บเอาไว้ “พี่ก็คิดถึงนะ”

“อยากเจอพี่มินตอนนี้เลย”

“พรุ่งนี้ก็มาที่คอนโดสิ”

“ไปทำอะไรที่คอนโดดีน๊า”

“มีไม่กี่อย่างมั้งที่ทำในห้องได้”

ไม่รู้ว่ากี่อย่างที่ว่านั่นมีอะไรบ้างแต่คนอายุน้อยกว่ากลับคิดได้แค่เรื่องเดียว

เรื่องบนเตียง

อาจจะดูหมกมุ่นไปนิดแต่ว่าในเมื่อเป็นแฟนกันแล้วเรื่องแบบนี้มันก็ปกติใช่มั้ยล่ะ ใครๆ ก็อยากเป็นหนึ่งเดียวกับแฟนตัวเองทั้งนั้น อีกอย่าง แพทน่ะรอพี่มินโดยไม่วอกแวกมานานมากแล้ว มากเกินกว่าที่คนปกติธรรมดาจะรอได้ซะอีก

“อยากให้ถึงพรุ่งนี้เร็วๆ จัง”

“รีบนอนสิ”

“จะนอนแล้วแหละแต่ทนคิดถึงพี่มินไม่ไหว”

“ใช้คำว่าคิดถึงเปลืองจัง”

“ไม่เปลืองหรอก แพทใช้คำนี้กับพี่มินมาสิบกว่าปีแล้วแต่ก็ไม่ลดลงซักที”

“พี่ก็คงใช้เปลืองเหมือนกันแหละถ้างั้น” หมายความว่าตลอดเวลาที่ผ่านมาพี่มินเองก็คิดถึงแพทเหมือนกันสิงั้น เมื่อคิดอย่างนั้นแล้วรอยยิ้มก็ผุดขึ้นมาจนเต็มแก้ม

“ที่จริงแพทมีเรื่องอยากถามพี่มินเยอะแยะเลยนะ”

“ถามสิ”

“อยากถามตอนเห็นหน้ากันมากกว่า”

“ถึงได้บอกให้รีบไปนอนไง”

“พี่มินอาบน้ำรึยัง”

“อาบตั้งแต่ตอนกลับมาถึงห้องแล้ว”

“เสื้อผ้าแพทที่พี่มินใส่ไปวันนี้เก็บไว้ที่คอนโดเลยได้มั้ย”

“ทำไมจะไม่ได้ล่ะ”

“วันหลังก็เอาเสื้อผ้าพี่มินมาทิ้งไว้ที่บ้านแพทบ้างนะ”

“อืม”

“อืมอะไรกันล่ะ ตอบว่าครับสิ”

“ทำไมล่ะ คำว่าอืมไม่ดีตรงไหน”

“อยากได้ยินเสียงมากกว่าไง”

“เป็นเอามากแล้วนะเรา”

พวกเขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่าบทสนทนาจบลงตรงไหน ไม่รู้ว่าหาเรื่องอะไรมาคุยนักหนา แต่กระนั้นก็ไม่ใช่ว่าไม่รู้อะไรเลย ความสุขที่แผ่ซ่านออกมาจากบทสนทนาไร้สาระคือใจความสำคัญ

รู้ตัวอีกทีก็เมื่อตื่นแล้วพบว่าโทรศัพท์วางอยู่บนหมอนข้างหูนั่นแหละ













แขกที่คุยกันจนหลับเมื่อคืนบุกมาห้องมินตั้งแต่เช้าตรู่

พอเปิดประตูแล้วเห็นหน้ากันแพทก็สำรวจร่างเจ้าของห้องในชุดนอนด้วยสายตาแพรวพราวน่าขนลุกทันที

“แต่งตัวแบบนี้นอนเหรอ”

“อือ ทำไม”

“ถ้าเมื่อคืนแพทนอนนี่พี่มินไม่ได้นอนแน่ๆ”

ชุดแบบนี้ที่แพทพูดถึงก็แค่เสื้อยืดโอเวอร์ไซส์ตัวบางและย้วยที่ใส่มานานแล้วแต่เพราะมันใส่สบายมินก็เลยตัดใจทิ้งไม่ลงซักที กับกางเกงบอกเซอร์ที่ขากว้างๆ และสั้นเหนือเข่าขึ้นมาประมาณคืบนึง แต่ถึงอย่างนั้นถ้าไม่สังเกตุดีๆ ก็อาจจะไม่เห็นกางเกงเลย

“คิดมากจัง”

“อย่าไปใส่แบบนี้ให้ใครเห็นนะแพทหวง”

พอหมุนตัวเพื่อเดินเข้าห้องเอวบางก็ถูกรั้งเอาไว้ด้วยวงแขนแกร่งก่อนที่แพทจะจงใจก้มลงมาจนปลายจมูกคลอเคลียที่ท้ายทอยให้ขนอ่อนทั้งกายของผู้ถูกกระทำพร้อมใจกันลุก

“คนยังไม่อาบน้ำจำเป็นต้องตัวหอมขนาดนี้เลยเหรอ”

“ไม่ต้องมาปากหวานเลย”

“ไม่นะ ปากแพทหวานไม่เท่าปากพี่มินหรอก” ก็เป็นซะแบบนี้ เว้นช่องไม่ได้พอสบโอกาสก็หยอดกันตลอด และถึงแม้แพทจะพูดบ่อยๆ แต่หัวใจมินก็ตื่นเต้นไปกับคำเหล่านั้นเสมอ ไม่ว่าอย่างไรก็ไม่ชินซักที

“ปล่อยได้ยัง”

“ไม่อยากปล่อยเลยอะ” ถึงแม้จะว่าอย่างนั้นด้วยน้ำเสียงงอแงเหมือนเด็กถูกแย่งขนมแต่แพทก็ยอมคลายอ้อมกอดแล้วเดินนำเจ้าของห้องไปยังโซฟาหน้าทีวี

ภายในห้อง นอกจากเสียงฝีเท้าเบาๆ แล้วก็มีเสียงข่าวตอนเช้านี่แหละที่ขับกล่อมให้ห้องไม่เงียบเกินไป

แพทนั่งลงบนโซฟาพลางกวาดสายตามองเจ้าของห้องในชุดวาบหวิวโชว์ไหล่โชว์ต้นขาสวยๆ ด้วยหัวใจที่เต้นตุบๆ ผิดจังหวะ

อยากทำมากกว่ากอดจัง

คิดเช่นนั้นแล้วขาทั้งสองข้างก็พาเจ้าของร่างสูงมาหยุดด้านหลังมินซึ่งกำลังง่วนอยู่กับการชงกาแฟและปิ้งขนมปังในครัว

คนอายุมากกว่าสะดุ้งนิดหน่อยเมื่อสัมผัสได้ถึงร่างกายแข็งแกร่งที่ทาบเข้ามากับแผ่นหลัง เขาหมุนตัวกลับไปเผชิญหน้ากัน แต่ยังไม่ทันได้มองหน้าปลายคางก็ถูกเชยขึ้นก่อนความอ่อนนุ่มจะทาบทับลงมา

มินทำตัวไม่ค่อยถูกในวินาทีแรก หากความเร่งเร้าตั้งแต่เริ่มต้นก็ทำให้ได้สติและจูบตอบอย่างไม่เกี่ยงงอน

“พี่มิน” จุมพิตยุติลงเมื่อแพทถอนริมฝีปากออก ในตอนที่กำลังจะขานรับร่างของมินก็ถูกอีกฝ่ายอุ้มขึ้นนั่งบนเคาน์เตอร์ด้านหลัง

ดวงตาคู่คมที่มองมาเต็มไปด้วยความปรารถนาอย่างที่มินเองก็เข้าใจดี

ขนอ่อนลุกชันเมื่อต้นขาถูกสัมผัสเพียงแผ่วเบา

มินไม่แน่ใจว่าที่ทำอยู่ตอนนี้มันถูกต้องหรือเปล่า แต่ในเมื่ออยู่ในสถานะคนรักก็ย่อมทำอะไรต่อมิอะไรในแบบคนรักได้สิ

ขาเรียวแยกออกเล็กน้อยเพื่อให้ร่างสูงแนบลงมา มือทั้งสองข้างยกขึ้นมาโอบแก้มพลางใช้สองนิ้วคลึงใบหูเล่นให้แพทเคลิบเคลิ้มก่อนจะย้ายไปลูบไล้ที่ท้ายทอย

แน่นอนว่าริมฝีปากที่คล้ายมีแม่เหล็กคนละขั้วติดตั้งเอาไว้ถูกดึงดูดให้แนบชิดจนแนบแน่นเป็นเนื้อเดียวกันอีกครั้ง

เสียงหอบหายใจแรงๆ ประสานกับเสียงเฉอะแฉะของน้ำหวานที่ถูกผลิตจากจุมพิตดังสะท้อนในห้องครัว

มือแกร่งของแพทเลื้อยผ่านชายกางเกงขากว้างเข้าไปสัมผัสผิวอ่อนตรงโคนขา คนถูกสัมผัสสะดุ้งนิดหน่อยแต่ก็ไม่ได้ห้ามปราม ไม่มีเหตุผลที่ต้องทำอย่างนั้นอยู่แล้วในเมื่อมินเองก็ปรารถนาให้มันดำเนินไป

“ทำยังไงดี” แพทถามเสียงพร่าพลางแนบหน้าผากลงบนไหล่เปลือยขณะแนบระหว่างกายที่พรักพร้อมเข้ามา “ถ้าพี่มินไม่ห้ามตอนนี้แพทไม่หยุดจริงๆ นะ”

“ถ้าแพทอยากทำ...”

สายตาปรือปรอยกับคำพูดแผ่วเบาที่ยังไม่จบประโยคทำให้แพททรุดนั่งคุกเข่าลงบนพื้นทันที เขาไม่สามารถอดรนทนรอได้อีกต่อไปแล้ว

กางเกงตัวเล็กถุกรูดออกจากขาเรียว แพททิ้งมันลงบนพื้นอย่างไม่ใยดี

เจ้าของกางเกงสัมผัสถึงความเย็นของเครื่องปรับอากาศที่ลูบไล้ท่อนขาเปลือย หากมินก็หาได้สนใจมันไม่ในเมื่อเรียวลิ้นที่กำลังกระหวัดเลียและริมฝีปากที่กำลังพรมจูบท่อนขาเขามันชวนให้รู้สึกวาบหวามมากกว่า

แพทสัมผัสมินด้วยความรักทั้งหมดที่เขามี ทั้งอ่อนโยนและรุ่มร้อนเสียจนคนถูกดูแลต้องเปล่งเสียงหวานออกมาอย่างยากจะห้ามปราม

เมื่อสัมผัสจนพอใจเขาจึงยืนขึ้นเต็มความสูง ตั้งใจจะถอดเสื้อมินทิ้งแต่ก็ถูกห้ามเอาไว้ซะก่อน

แพทชอบวิธีการห้ามของพี่มินจัง

ในยามที่เขากำลังรั้งชายเสื้อขึ้นอยู่ๆ มินก็วางมือลงบนกลางกายอันโป่งพองของเขาแล้วคลึงเบาๆ ให้คนที่ไม่เคยถูกสัมผัสโดยมือคนอื่นถึงกับครางฮึมในลำคอ มืออ่อนปวกเปียก จ้องหน้าคนที่กำลังหยอกล้อด้วยท่าทีเงอะงะน่าเอ็นดู

จนถึงตอนนี้แพทก็ยังสงสัยอยู่ว่าคนอายุสามสิบกว่าน่ารักขนาดนี้ได้ยังไงกัน

นอกจากน่ารักแล้วยังทำอะไรไม่คาดฝันเก่งเหลือเกิน

แพทถึงกับเบิกตากว้างเมื่อกางเกงเขาถูกปลดแล้วรั้งลงมาค้างไว้ใต้สะโพก คนบนเคาน์เตอร์ยกสะโพกขึ้นนิดหน่อยจงใจให้ตรงนั้นสัมผัสกัน

“ไม่ทำเหรอ ตรงนี้มัน...” มินว่าเสียงแผ่วเบาติดกระเส่าขณะใช้มือลูบไล้ส่วนแข็งขืนที่สัมผัสกันตรงระหว่างขา

แค่เป็นฝ่ายปลดกางเกงแพทแล้วควักเจ้าน้องชายออกมาก็อายจะแย่แล้ว อย่าให้เขาเป็นฝ่ายขยับเลย แบบนั้นตัวต้องระเบิดเพราะความร้อนจัดในกายอย่างแน่นอน

“พี่มินแม่ง” แพทสบถเบาๆ ก่อนขยับสะโพกเหมือนกับว่าร่างกายหลอมรวมกันแล้วจริงๆ

แพทมองหน้าอีกฝ่ายไม่วางตา ยิ่งถูกมองมินก็ยิ่งรู้สึกว่าร่างกายไม่ใช่ของตัวเอง เขาควบคุมอะไรไม่ได้เลย ในยามที่แพทโน้มใบหน้าเข้ามาเหมือนจะจูบเขาก็เผยอริมฝีปากรอ หากพออีกฝ่ายไม่ทำอย่างที่หวังก็เป็นมินเองที่ส่งลิ้นออกมาเลียริมฝีปากแพทเพื่อขอจูบ

เสียงเฉอะแฉะของการแลกเปลี่ยนน้ำหวานในปากดังสะท้อนในห้องครัวอีกครั้งประสานกับเสียงของสองมือที่ช่วยกันโอ๋เจ้าลูกชาย

มินรู้สึกราวกับว่าร่างกายกำลังล่องลอยอยู่บนอากาศเหมือนลูกโป่งสวรรค์ หากพอลมข้างในถูกปลดปล่อยก็ลอยคว้างด้วยความเร็วอย่างไร้ทิศทางแล้วตกลงสู่พื้นโลกอีกครั้ง

“พี่มิน”

เขาได้ยินเสียงกระเส่าของแพทดังข้างหู เป็นคำที่ทำให้ร่างกายร้อนรุ่มอีกครั้ง

”ครั้งหน้าแพทขอเข้าไปนะ”



[TBC]



ก็คือ... 5555
ไม่พูดเยอะละกัน เจ็บคออ่ะ
หวังว่าจะชอบความหวานแบบนี้นะคะ
อีก 2 ตอนก็จบแล้ว แต่จะเปิดให้อ่านจนกว่าหนังสือจะออกนะ
น่าจะราวๆ มีนา ไม่ก็เมษาค่ะ เดี๋ยวจะมาบอกอีกรอบนะคะ
เลิฟ
 :hao3:


#คุณครูพี่มิน



ออฟไลน์ DrSlump

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3360
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +104/-2
Re: คุณครูพี่มิน :: ตอนที่ 24 {Up.231218}
«ตอบ #107 เมื่อ07-01-2019 22:40:03 »

 :pig4: :pig4: :pig4:

หวัย ๆ  เขาฟีเจอริ่งกันแล้ว  แค่แค่เบาะ ๆ ภายนอกเท่านั้น  555

ออฟไลน์ แจซอล

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 133
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +40/-0
Re: คุณครูพี่มิน :: ตอนที่ 25 {Up.170119}
«ตอบ #108 เมื่อ17-01-2019 16:26:09 »


คุณครูพี่มิน 26



มินตื่นขึ้นมาบนเตียงที่ไม่ใช่ของตัวเองในห้องนอนซึ่งอดีตเคยเป็นของเขา

แสงแดดจ้าลอดผ่านแนวผ้าม่านเข้ามากระทบใบหน้าคนที่ยังคงนอนหลับให้ต้องซุกหน้าลงบนหมอนนุ่มๆ

“ตื่นได้แล้ว นี่มันสายแล้วนะ” มินโน้มใบหน้าเข้าไปป้องปากกระซิบปลุกข้างหูให้เจ้าของห้องนอนคลี่ยิ้มทั้งที่ยังหลับตา

มือเรียวถูกคนหลับคว้าเอาไว้แล้วดึงเข้าหาจนลำตัวเกยอยู่บนอกแกร่ง

“ปิดเทอมวันสุดท้ายทั้งทีขอนอนตื่นสายหน่อยไม่ได้เหรอครับอาจารย์” มินยู่หน้าไม่พอใจสรรพนามที่ถูกเรียก

“ผมไม่ได้เป็นอาจารย์ผู้สอนคุณแล้วนะ”

“อาจารย์” แม้จะรู้ว่าอีกฝ่ายไม่ชอบให้เรียกอาจารย์แต่แพทก็ยังคงเรียกด้วยรู้ดีว่าพอถูกเรียกว่า ‘อาจารย์’ ทีไรมินจะตื่นเต้นเสมอ

แน่นอนว่าหากต้องการบทรักที่ร้อนแรง ยามที่ร่างกายกำลังคลอเคลียกันจนแทบหลอมเป็นหนึ่งเดียวการกระซิบเรียกมินด้วยเสียงหวานๆ ว่า อาจารย์ครับ บทรักนั้นจะเพิ่มความร้อนแรงขึ้นมาอีกระดับจนแพทแทบจะคลั่งตายให้ได้

“อยากนอนก็นอนไปเถอะงั้น”

“นอนด้วยกันต่ออีกหน่อยสิ”

“ไม่เอาหรอก ผมหิวแล้ว”

“กินแพทรองท้องไปก่อนสิ”

“จะบ้าเหรอ กินได้ที่ไหน”

“เมื่อคืนก็กินแล้วนี่ครับ”

“ทะลึ่ง”

“ทะลึ่งอะไรล่ะ แพทพูดความจริง”

“ไม่คุยด้วยแล้ว ปล่อยเลย ผมไม่อยากนอนต่อ”

“แต่แพทอยากให้พี่มินนอนต่อนี่นา นะครับอาจารย์”

อย่าเรียก!! มินร้องประท้วงได้แค่ในใจเมื่อริมฝีปากถูกครอบครอง ให้ตายเถอะ นี่คงเป็นอีกเช้าที่มินต้องพ่ายแพ้ให้แก่จุมพิตหวานๆ จนร่างกายระทวยอยู่บนเตียงในอ้อมกอดของคนเด็กกว่า

ทั้งคู่คลอเคลียกันบนเตียงนอนแคบๆ นานทีเดียว จูบกันซ้ำๆ อย่างไม่รู้เบื่อจนตื่นเต็มตาแพทจึงยอมปล่อยทั้งปากเจ่อๆ และร่างกายที่ขึ้นสีระเรื่อเพราะอุณหภูมิในร่างกายที่สูงขึ้นของมินให้เป็นอิสระ

“พี่มิน แพทอาบน้ำด้วยสิ” แพทร้องขอให้ยามที่นิ้วซึ่งเกาะเกี่ยวกันอยู่ผละห่าง กระนั้นมินก็ไม่ยอมใจอ่อนง่ายๆ

เขาจำได้ดีว่าเคยใจอ่อนครั้งนึง กว่าจะได้อาบน้ำก็โดนแพทเล่นงานเสียจนหมดเรี่ยวแรงไม่มีแม้กระทั่งแรงจะยืน จำต้องปล่อยให้อีกฝ่ายชำระร่างกายให้แล้วแบกออกจากห้องน้ำมา

เหตุการณ์นั้นทำให้มินเข็ดหลาบ ถ้าไม่ใช่โอกาสพิเศษจริงๆ เขาสาบานกับตัวเองไว้แล้วว่าจะไม่ยอมแก้ผ้าเข้าห้องน้ำพร้อมแพทอีกเด็ดขาด

อาหารเช้าของวันนี้ยังเป็นแบบเดิม

โกโก้ร้อนคนละแก้วกับขนมปังปิ้งคนละ 2 แผ่น พอกินอิ่มก็ช่วยกันล้างแก้วเช็ดโต๊ะ

หลังจากนั้นก็ย้ายมานั่งหน้าทีวี ดูหนังที่ฉายเมื่อหลายปีก่อนด้วยกัน พอง่วงก็ล้มตัวลงนอนตัก หากมองตากันแล้วอยากจูบก็จูบ อยากหอมก็หอม

ตลอดเวลา 3 สัปดาห์ที่ผ่านมาพวกเขาใช้ชีวิตด้วยกันเหมือนกับจะไม่มีพรุ่งนี้แล้ว อยากทำอะไรก็ทำโดยไม่ต้องหักห้ามใจใดๆ

สำหรับแพทการมีพี่มินเป็นแฟนนอกจากจะทำให้ช่องว่างในหัวใจถูกเติมเต็มแล้ว บรรยากาศในบ้านของเขายังดีขึ้นมากด้วย ครัวที่แทบจะไม่ได้ใช้งานก็ได้ใช้ ห้องที่นานๆ จะเก็บกวาดซักทีพอพี่มินมาบ่อยๆ ก็จำต้องหยิบจับช่วยกันทำความสะอาด รวมไปถึงสวนเล็กๆ หน้าบ้านที่อีกฝ่ายชวนเขาไปซื้อไม้ประดับที่ดูแลง่ายๆ มาลงไว้

ส่วนที่คอนโดมิน พวกเขาก็ซื้อกระบองเพ็ชรมาช่วยกันเลี้ยง

ตั้งแต่เลื่อนสถานะ ทั้งคู่ก็ใช้ชีวิตประจำวันด้วยกันเหมือนฝาแฝดทำตัวติดกันตลอดเวลาจนต๊อดแซวแล้วแซวอีก แซวจนเบื่อและเลิกไปเอง

ถ้าวันนี้นอนบ้านแพท พรุ่งนี้หรืออีก 2 วันข้างหน้าก็จะย้ายไปนอนคอนโดมิน อยู่บ้านนั้นที อยู่บ้านนี้ทีเพื่อที่อีกฝ่ายจะได้อยู่ในที่ของตัวเองบ้าง

แต่ช่วงเวลาแห่งความสุขก็มักผ่านไปเร็วเสมอ เผลอแป๊บเดียวพรุ่งนี้ก็เปิดเทอมแล้ว

แพทเคยถามมินว่าไม่วางแผนการสอนเหรอ ก็ได้คำตอบง่ายๆ ว่าคนระดับดอกเตอร์เมฆเตรียมพร้อมตลอดเวลาอยู่แล้ว ได้ยินแล้วก็ยอมรับว่าแอบหมั่นไส้เล็กๆ ก็เลยจับมาฟัดซะจนลุกไม่ขึ้น

“วันหลังเราไปดูหนังในโรงกันบ้างเถอะ”

“ขี้เกียจอะ คนเยอะ”

“เป็นบุญหูมากนะที่ได้ยินคำว่าขี้เกียจจากปากดอกเตอร์เมฆเนี่ย แต่นี่แฟนกำลังชวนไปเดทนะครับ”

“แล้วอยากดูหนังเรื่องอะไร”

“ไม่รู้”

“แล้วมาชวนไปดูเนี่ยนะ”

“ก็อยากไปนั่งกุมมือแฟนในโรงหนังบ้างนี่นา” เหตุผลโคตรเด็กเลย และมินก็แทบไม่เชื่อว่าแพทจะจริงจังกับเหตุผลเด็กๆ มากขนาดนี้

“อยู่ที่ไหนก็กุมมือได้น่า”

“ก็จริง แพทรู้ แต่การนั่งจับมือกันในโรงหนังและให้พี่มินซบไหล่เป็นหนึ่งในสิ่งที่แพทอยากทำร่วมกันนี่นา” ตั้งแต่ตอนเรียนมัธยมมั้งที่พวกเพื่อนชอบมาเล่าประสบการณ์เดทให้ฟัง จากนั้นมาแพทก็จดบันทึกสิ่งที่ต้องทำตอนเป็นแฟนกับมินเอาไว้เป็นข้อๆ

ตอนนี้ได้ทำไปหลายข้อแล้ว แต่ก็ยังมีอีกมากที่ยังไม่มีโอกาส

“งั้นเอาไว้ว่างๆ แล้วค่อยไปกัน”

“วันนี้ไง”

“วันนี้ไม่ว่างแล้ว”

“หือ” ดวงตาของแพทฉายแววสงสัยหากมินกลับประสานมือเข้าด้วยกันแล้วซบลงบนไหล่กว้างขณะทอดสายตามองไปยังจอทีวีซึ่งกำลังฉายอนิเมะแนวสืบสวนที่พวกเขาเริ่มดูตอนที่ 1 ด้วยกันเมื่อสามสัปดาห์ก่อน จนถึงตอนนี้เพิ่งถึงตอนที่ 10 เอง

“คิดว่าใครเป็นคนร้าย”

“พี่มินนั่นแหละร้าย” ก็ชอบอ้อนกันแบบนี้เพื่อต้อนให้แพทจนมุม ร้ายที่สุดอย่างที่ไม่เคยจินตนาการไว้เลยด้วยซ้ำ

“ถ้าอย่างผมร้ายบนโลกนี้ก็ไม่มีคนดีแล้ว”

“เอางี้เลยเหรอ”

“ทำไม หรือจะเถียง” มินช้อนสายตาขึ้นมามองอย่างเอาเรื่องให้แพทยิ้มจนตาหยีก่อนยื่นมือไปล็อคปลายคางมนเอาไว้ในท่านั้น

“ไม่เถียงครับ” ไม่เถียงจริงแต่เล่นก้มหน้าลงมาปิดปากกัน ถึงจะไม่ได้ล่วงล้ำเข้ามาแต่การจูบย้ำๆ หนักๆ ก็ทำเอาปากมินเจ่อขึ้นมานิดๆ

“แพทอย่ากัดสิ” คนถูกกัดปากล่างแล้วดึงร้องห้ามเสียงอู้อี้ให้อีกฝ่ายปล่อย

“อยากกัดทั้งตัวเลยอะ”

“นี่ไม่คิดว่าตัวเองหมกมุ่นเกินไปรึไง”

“ไม่นะ ให้แพทไม่ได้เหรอ เพราะเดี๋ยวเปิดเทอมนี้เราอาจจะไม่มีเวลาให้กันก็ได้”

นั่นสินะ มินจำได้คร่าวๆ ว่าแพทเคยบอกเรื่องโครงการนวัตกรรมยานยนต์ที่เจ้าตัวกับเพื่อนกำลังทำเพื่อส่งเข้าประกวด ดูเหมือนว่าระยะเวลากระชั้นชิดเข้ามาทุกที กระนั้นตลอดเวลาสามสัปดาห์ที่ผ่านมานี้แพทก็ยังทุ่มเวลาให้เขาทั้งหมด

“หลังจากพรุ่งนี้เป็นต้นไปแพทต้องยุ่งมากแน่ๆ เลย เทอมนี้มีแต่ตัวหนักๆ ไหนจะโครงการนวัตกรรมอีก” ถึงแม้คำพูดที่สื่อจะดูเหมือนเบื่อหน่ายแต่ในน้ำเสียงไม่ให้ความรู้สึกอย่างนั้นเลยแม้แต่น้อย

“ไม่เจอกันเลยเป็นปียังทำได้เลย แค่ไม่เจอกันนิดๆ หน่อยๆ ไม่กี่วันคงไม่เป็นไรหรอก”

“ไม่เป็นไรได้ไง ต้องเป็นสิ”

“เป็นอะไร”

“ก็คิดถึงไง” ก็รู้อยู่แล้วล่ะว่าคนปากหวานต้องตอบแบบนี้ แต่ก็จริงอย่างแพทว่า เมื่อถึงตอนนั้นต้องคิดถึงแน่ๆ เลย













เปิดเทอมผ่านมา 1 เดือนเต็มแล้ว

ถึงแพทจะบอกว่าอาจไม่ค่อยได้เจอแต่เอาเข้าจริงเจ้าเด็กนั่นก็แวะมาหามินที่ห้องทำงานทุกวันพร้อมกับถือขนมติดไม้ติดมือมาฝากนักศึกษาที่มาช่วยงานเสมอจนกลายเป็นขวัญใจกันไปแล้ว

มินทิ้งตัวลงนอนบนเตียงหลังจากอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จแล้ว

ในตอนที่กำลังจะเอื้อมมือไปปิดโคมไฟหัวเตียงโทรศัพท์มือถือก็ดังขึ้น

เป็นใครไม่ได้เลยนอกจากคนที่เพิ่งแยกกันเมื่อชั่วโมงที่แล้ว

“พี่มินแพทวิดีโอคอลไปได้มั้ย” ถึงจะชอบเอาแต่ใจตัวเองในบางเรื่องแต่กับบางเรื่องก็ขอก่อนเสมออย่างเช่นเรื่องนี้หากมินก็เลือกที่จะปฏิเสธ

สำหรับมินแค่ฟังเสียงก่อนนอนก็พอช่วยให้หลับฝันดีแล้ว

“โป๊อยู่เหรอ”

“อือ”

“อยากเปิดกล้องอะ”

“ล้อเล่นน่า งอแงอะไรเนี่ย”

“อยากเห็นหน้า”

“เราเพิ่งแยกกันเองไม่ใช่เหรอ”

“ก็ใช่แหละ พี่มินแพทถามอะไรหน่อยสิ”

“ถามอะไร”

“วันนี้ใส่กางเกงตัวนั้นนอนป่ะ”

“ตัวไหน” มินถามพลางก้มมองกางเกงนอนตัวสั้นที่สวมอยู่ หวังว่าฝ่ายนั้นคงไม่ขอให้ทำอะไรแผลงๆ หรอกนะ

“ถ่ายรูปมาให้ดูหน่อยสิ”

“นี่!!!”

“เถอะนะ ไม่ได้กอดก็ขอดูรูปก็ยังดี” อาการหนักแล้วเด็กนี่ กระนั้นมินก็ยอมถ่ายรูปท่อนล่างตั้งแต่ช่วงเอวไปจนถึงปลายเท้าส่งข้อความไปให้

แพทดูรูปที่แฟนตัวเองส่งมาพลางยิ้มกริ่ม ถ้ามินเห็นเข้าคงดุเขาแล้วบอกว่ายิ้มโคตรหื่นอะไรประมาณนี้ แต่ใครจะสนในเมื่อพี่มินก็แค่ดุไปอย่างนั้นหากไม่เคยห้ามซักครั้งเวลาเขาขอ

“อยากไปหาเลยอะ”

“นอนมั้ย พรุ่งนี้ต้องไปมหา”ลัยแต่เช้าอีก”

“ไม่อยากให้ถึงพรุ่งนี้เลย เหนื่อยอะ งานโคตรเยอะ”

แพทงอแงอยู่อีกหลายคำก่อนจำใจตัดสายอย่างช่วยไม่ได้

มินทิ้งตัวนอนลงบนเตียงนอนโดยวางมือถือไว้ข้างตัว ซักพักไฟ LED ที่หน้าจอก็กระพริบเตือนข้อความเข้า เมื่อเปิดดูก็พบว่าเป็นแพทที่ส่งรูปตัวเองเปลือยท่อนบนมาพร้อมข้อความว่า ‘ส่งมาส่งกลับไม่โกงแน่นอน’

ที่จริงจะโกงก็ได้แหละ ใครอยากจะดูกัน

ถึงแม้จะพูดลอยๆ คนเดียวในห้องอย่างนั้นแต่เอาเข้าจริงมินก็มองรูปนั้นอยู่นานทีเดียว

มีหลายเรื่องเกี่ยวกับแพทที่ทำให้มินค่อนข้างประหลาดใจ เรื่องแรกเลยคือเพื่อนที่ชื่อส้มโอ ดูด้วยตาเปล่าก็รู้ว่าเธอคนนั้นชอบแพท เมื่อถามก็ได้ความว่าชอบมาตั้งนานแล้ว บอกรักหลายครั้งหลายคราแต่แพทก็ปฏิเสธเสมอมา แน่นอนว่าเหตุผลหลักคือเขามีคนที่รักอยู่แล้ว แม้ความหวังจะริบหรี่แต่ก็ยังรอ

การรอคอยทำให้แพทมีแรงบันดาลใจในการดำเนินชีวิต ส้มโอเองก็คล้ายกัน ดูเหมือนว่าการได้อยู่ข้างแพททั้งที่รู้อยู่เต็มอกว่าสุดท้ายต้องผิดหวังไม่ได้ทำให้ชีวิตเธอเศร้าหม่นเลยแม้แต่น้อย คล้ายกับว่ารู้ทั้งรู้ว่าปลายทางคือทางตันแต่ก็สนใจแต่สองข้างทางที่เต็มไปด้วยสีสัน

ทฤษฎีที่ว่าโลกมักเหวี่ยงคนประเภทเดียวกันมาเจอกันเห็นทีคงเป็นเรื่องจริง

ที่คณะวิศวกรรมศาสตร์รวมถึงคณะข้างเคียงแพทค่อนข้างป๊อบปูลาร์มากทีเดียว เจ้าตัวเคยเปิดรูปในเพจคิวท์บอยให้ดู ยอดไลค์เยอะอยากไม่น่าเชื่อ เห็นโม้ว่าเคยมีโมเดลลิ่งมาติดต่อไปถ่ายแบบแต่เพราะรวยอยู่แล้วก็เลยไม่สนใจเรื่องพวกนั้น ได้ยินแล้วก็อดหมั่นไส้นิดๆ ไม่ได้เลย

คำพูดของแพทหลายๆ อย่างฟังแล้วเกินจริงไปมาก แต่การกระทำของเจ้าเด็กคนนั้นน่ะจริงยิ่งกว่าคำพูดเสียอีก

มินไม่เสียใจเลยที่เขาตัดสินใจทิ้งหนทางที่ปูด้วยกลีบกุหลาบเพื่อกลับมาที่นี่ ที่ซึ่งไม่มีอีกแล้วความเดียวดายเมื่อคนโดดเดี่ยวสองคนโคจรมาเจอกัน















ไม่เดียวดายอย่างนั้นเหรอ

มินมองอดีตคนเคยโดดเดี่ยวที่ยืนทำหน้าเคร่งเครียดอยู่ในห้องทำงานเขา ใต้ตาแพทดำจนสังเกตุได้ มินรู้ว่าแพทกำลังวุ่นวายกับการทำโครงการนวัตกรรมยานยนต์เพื่อส่งเข้าประกวดแต่ก็ไม่คิดว่ามันจะหนักหนาจนสภาพกลายเป็นอย่างนี้

หลังจากคืนนั้นที่ส่งรูปแลกกัน แพทก็ไม่โทรมาหาก่อนนอนอีกเลย คราแรกก็สงสัยแต่ตอนนี้มินเข้าใจแล้ว คงเพราะไม่ได้นอนสินะถึงโทรหาเขาก่อนนอนไม่ได้

“มีอะไรรึเปล่า” มันก็แปลกอยู่ที่แพทไม่ซื้อของกินติดมือมาอย่างเช่นทุกครั้ง อีกอย่างคนรักกันพอได้เจอกันหลังจากไม่ได้เจอมาซักพักมันต้องดูมีความสุขกว่านี้สิ

“ว่าจะคืนให้ตั้งนานแล้ว แต่ก็ลืมตลอดเลย” แพทว่าพลางล้วงเข้าไปในกระเป๋าเสื้อ

คูปองสะสมความดีห้าใบที่มินเคยให้ไว้ใช้ยามจำเป็นถูกวางลงบนโต๊ะ เจ้าของโต๊ะตกใจนิดหน่อยที่อยู่ๆ ก็เอามาคืนกันแบบนี้

“คืนทำไม”

“มันไม่จำเป็นสำหรับแพทแล้ว” คนฟังจุกไปทั้งอก ยังไม่ทันได้ถามอะไรโทรศัพท์มือถือของแพทก็ดังขึ้น เจ้าตัวรับมันด้วยท่าทีร้อนรนแล้วออกจากห้องไปเลย

ถ้าฟังไม่ผิด เสียงที่ดังผ่านสายมาเมื่อครู่เป็นเสียงผู้หญิงอย่างแน่นอน ถึงแม้จะไว้ใจแพทมากแต่ในฐานะคนรักก็อดหึงไม่ได้เลย และยิ่งรู้ว่าปลายสายคิดกับคนรักตนมากกว่าเพื่อนแถมยังใช้เวลาด้วยกันตลอดเวลาที่ช่วยกันทำงาน มินก็ยิ่งควบคุมความรู้สึกตัวเองไม่ได้

“ให้ตายเถอะ” ดอกเตอร์เมฆสบถออกมาอย่างหัวเสีย

โชคยังดีที่วันนี้นักศึกษาที่มาช่วยงานกลับบ้านกันไปหมดแล้ว ไม่อย่างนั้นเขาคงอึดอัดจนตัวระเบิดเป็นแน่

เจ้าของมือเรียวกำคูปองสะสมความดีแน่นก่อนทิ้งตัวลงบนเก้าอี้ทำงานที่เคยนั่งแล้วสบายที่สุดแต่ตอนนี้เขาไม่รู้สึกอย่างนั้นแล้ว

 เขารู้สึกเหมือนตัวเองเป็นลูกโป่งสวรรค์ที่ลอยอยู่ดีๆ ก็ถูกนกบินมาชนจนลูกโป่งแตกแล้วลอยคว้างอยู่กลางอากาศ

ไม่จำเป็นแล้วอย่างนั้นเหรอ

พูดแบบนั้นด้วยท่าทางเครียดจัดหมายความว่ายังไงกัน

ทั้งที่รอกันมาตั้งนานบทจะขอเลิกก็ทิ้งกันง่ายๆ แบบนี้อะนะ

บ้าไปแล้ว แพทต้องบ้าไปแล้วแน่ๆ















แพทกำมือถือแน่นเขายืนหันรีหันขวางอยู่ตรงโถงบันได กำลังคิดว่าควรกลับไปพูดอะไรเท่ห์ๆ อย่างที่ตั้งใจไว้ตอนคืนคูปองนั่นกับพี่มินหรือต้องรีบไปสานต่องานเร่งด่วนที่ทำค้างเอาไว้

หากเมื่อเสียงโทรศัพท์ในมือดังขึ้นอีกหน ขาทั้งสองข้างก็จำต้องวิ่งออกจากตึกอย่างช่วยไม่ได้

แม่งเอ้ย! รอให้รอดพ้นจากโปรเจ็คนี่ไปได้ก่อนเถอะ















มินบึ่งรถมาหาต๊อดที่ร้านทันทีหลังจากตั้งสติได้

อย่างไรต๊อดก็เป็นคนดียวที่รู้เรื่องของพวกเขาโดยละเอียดและก็เป็นเพื่อนเพียงคนเดียวที่เขางอแงใส่ได้อย่างไม่อาย

แต่พอมาถึงมินก็ต้องผิดหวังเมื่อพบว่าพวกต๊อดกำลังตั้งวงปาร์ตี้กันอยู่

เขาถูกเชื้อเชิญให้ร่วมวงและแนะนำตัวกับเพื่อนใหม่หลากหลายอาชีพหากความรักในสิ่งเดียวกันก็เหวี่ยงคนเหล่านี้มาเจอกันจนได้

เอาก็เอาวะ ไหนๆ ก็ไหนๆ แล้วกินเหล้าย้อมใจหน่อยแล้วกัน

มินคิดอย่างนั้นพลางรับแก้วมาดื่มรวดเดียวหมดก่อนจะส่งแก้วใบเดิมกลับไปให้ผู้เชี่ยวชาญชงให้ใหม่

“กูไม่รู้ว่ามึงเครียดอะไรนะไอ้ดอกเตอร์แต่ช่วยทำหน้าให้มันดีๆ หน่อยเถอะว่ะ” ต๊อดหันมาเอ็ดเมื่อมินเอาแต่ทำหน้าบึ้งพลางซดเหล้าเอื้อกๆ

นี่มันงานเลี้ยงเปิดตัวแก็งค์สิงห์นักบิดรุ่นใหญ่นะโว้ย ดื่มให้มันน้อยๆ หน่อยเถอะ เงินก็ไม่ได้จ่ายซักบาท

“แพทไม่รับสายกู 5 วันเต็มแล้ว ส่งข้อความไปก็ไม่อ่าน”

“มันเบื่อมึงแล้วมั้ง”

“ปากมึงนี่นะ พูดอะไรให้เป็นมงคลหน่อยไม่ได้รึไง”

“มึงก็ทำหน้าให้มันเป็นมงคลต่อชาวแก็งค์บิ๊กไบค์กูก่อนสิวะ”

“เรื่องมากฉิบหาย แต่มึงช่วยฟังกูให้จบก่อนได้มั้ย” พอเห็นว่ามินกำลังจะเล่าเรื่องส่วนตัวต๊อดก็ลากเขาเข้าบ้าน

“มีเรื่องอะไรกัน”

“ก็วันนี้น่ะสิ...” แล้วเรื่องที่คาอยู่ในใจก็พรั่งพรูออกมาเหมือนเขื่อนแตก

“ก็ไม่เห็นแปลก”

“ไม่แปลกยังไง”

“มึงกับมันก็คบกันจริงจังแล้ว คูปองสะสมความดีนั่นก็ไม่จำเป็นต้องใช้แล้วไม่ใช่เหรอวะ” มินถึงกับอึ้งไปเมื่อได้ยินคำนั้นจากปากต๊อด สมแล้วที่เป็นผู้มีประสบการณ์ด้านความรัก คิดอยู่แล้วว่าต๊อดต้องไม่ทำให้ผิดหวัง

พอมาคิดดูดีๆ ตรรกะง่ายๆ แค่นั้นทำไมมินถึงคิดไม่ได้

“พอมีความรักแล้วมึงก็ดูเป็นเด็กน้อยไปเลยเนอะ” นั่นสินะ ไม่ว่าอย่างไรก็แย้งต๊อดไม่ได้เลย

“ตอนมึงอยู่กับพี่เมี่ยงก็กลายเป็นหมาน้อยเหมือนกันแหละ”

“หมาเหี้ยไร”

“มึงแหละหมา”

“งั้นมึงก็เป็นหมาเหมือนกันแหละ พอคิดว่าไอ้แพทจะไม่รักก็หูตูบหางตกเชียว”

“มึงแม่ง”

ประโยคที่ว่า ‘คนมีความรักมักจะดูเด็กลง’ คงจะจริงแล้วล่ะมั้ง

แพทน่ะชอบนิสัยเด็กๆ ของเขาหรือเปล่านะ















ถึงแม้จะโล่งใจเรื่องคูปองแล้วแต่เรื่องที่ติดต่อแพทไม่ได้ก็ยังคงค้างอยู่ในใจมินไม่คลาย

เขาเดินไปตามทางเดินเท้าในซอยที่มีเพียงแสงสลัวส่องทางหลังจากตัดสินใจทิ้งรถไว้ที่บ้านต๊อดเมื่อรู้สึกว่าถูกฤทธิ์แอลกอร์ฮอลทำลายระบบความคิดและตัดสินใจ

ระหว่างทางก็ลองโทรหาแพทอีกหลายสายแต่ก็ไม่มีสัญญาณตอบรับเช่นเคย

มินยอมแพ้แล้วเก็บโทรศัพท์มือถือใส่กระเป๋ากางเกง

มันจะมีประโยชน์อะไรในเมื่อมาถึงบ้านเขาแล้วแต่ไม่เจอเจ้าของบ้าน มินเดินคลำทางขึ้นไปยังห้องนอนของแพท ไม่มีเหตุจำเป็นใดที่ต้องเปิดไฟชั้นล่างเอาไว้ให้สินเปลืองพลังงาน เมื่อเห็นเตียงก็ทิ้งตัวลงนอนทั้งสภาพนั้น ไม่คิดจะอาบน้ำด้วยซ้ำ

ความรักทำให้ความคิดถึงรุนแรงกว่าครั้งไหนๆ

มินฝังใบหน้าลงบนหมอน เขารู้สึกว่าตัวเองเหมือนพวกโรคจิตเข้าไปทุกวัน แม้รู้อยู่เต็มอกแต่ก็ยังคงสูดดมกลิ่นหอมประจำกายแพทจนเต็มปอด ผ้าห่มนวมผืนใหญ่ถูกดึงเข้ามากอด แม้จะไม่อุ่นเท่าถูกเจ้าของมันกอดแต่ก็พอคลายหนาวได้บ้าง

เหงาชะมัด มินไม่เคยเหงาเท่านี้มาก่อนเลย















เสียงหวอรถฉุกเฉินดังผ่านโทรศัพท์มาให้ต๊อดที่นอนหลับอยู่บนโซฟาตื่นเต็มตา จากที่ตั้งใจจะด่าคนโทรมาซักหน่อยก็จำต้องเปลี่ยนเป็นถามไถ่

“เกิดเรื่องอะไรขึ้นไอ้เซียน”

“พี่ต๊อด ไอ้แพทมัน...”

“แพททำไม มึงอย่าลน ตั้งสติแล้วเล่า”

“แพทมัน ฮือ พี่ต๊อดผมทำตัวไม่ถูกอะ”

“ไอ้เวรกูบอกให้มึงตั้งสติ เมื่อกี้ได้ยินเสียงหวอ เกิดอะไรขึ้นกับไอ้แพท” ต๊อดตะคอก เขาเองก็ตื่นตกใจแต่พอได้ยินเสียงเซียนที่ตกใจกว่าจึงจำต้องตั้งสติให้สมเป็นผู้ใหญ่

“มอ’ไซค์มันเกี่ยวกับรถกระบะอะพี่ต๊อด”

“แล้วมันตายมั้ย”

“ทำไมพี่ต๊อดปากเสียงี้ล่ะ” เสียงสะอื้นเงียบลงเปลี่ยนเป็นตัดพ้อ

“แปลว่ามันยังไม่ตาย”

“อือ ไม่ตาย”

“แล้วมึงร้องไห้ทำเหี้ยไร มันฉุกเฉินเหรอ”

“เปล่า เลือดอาบขาไอ้แพทน่ากลัวมากพี่ต๊อด สงสัยขาหักแน่เลย”

“แค่ขาหักมึงจำเป็นต้องร้องไห้เบอร์นี้เลยเหรอ”

“รถพังยับเลยนะพี่”

“มึงร้องไห้เพราะรถมันพังเนี่ยนะ ถ้ากูเป็นไอ้แพทกูรักมึงตายเลย”

“รถมันเหี้ยไรล่ะพี่ต๊อด รถกูเนี่ย เพิ่งถอยออกมาเมื่อเดือนที่แล้ว เงินเก็บทั้งชีวิตกู” ว่าจบเซียนก็ปล่อยโฮออกมาอย่างไม่อายใครหน้าไหน

ถึงตรงนี้ต๊อดก็เข้าใจแล้วว่าทำไมมันถึงต้องร้องไห้ขนาดนั้น เซียนน่ะรักรถพอๆ กับกีตาร์นั่นแหละ

พอวางสายคนส่งข่าวก็รีบบึ่งไปที่บ้านแพทในซอย เคาะประตูจนเกือบพังคนในบ้านก็ไม่มีท่าทีจะออกมาเปิดให้ เห็นมีแต่ข้างบ้านที่เปิดหน้าต่างออกมาด่า

ต๊อดเดินวนรอบบ้าน จำได้ว่าตอนเด็กเคยแอบเข้าบ้านนี้ผ่านหน้าต่างซักบ้าน งัดแงะอยู่ซักพักกว่าจะลอดผ่านเข้ามาได้

ต๊อดเดินขึ้นบันไดพลางถามตัวเองว่าทำไมเขาต้องทุ่มเทเพื่อมินขนาดนี้ หากยังไม่ทันได้คำตอบก็เข้ามาหยุดในห้องนอนเจ้าของบ้านแล้ว

นอนหลับสบายเชียวนะมึง เห็นเพื่อนหลับสบายแล้วก็หมั่นไส้ คิดว่าถ้าหลอกให้ตื่นเต้นคงบันเทิงดี



[TBC]



ตอนหน้าก็จบแล้วค่ะ

ใจหายนิดหน่อยเนอะ

ยังไงก็ฝากเอ็นดูน้องด้วยนะคะ



#คุณครูพี่มิน


ออฟไลน์ areenart1984

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4805
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-7
Re: คุณครูพี่มิน :: ตอนที่ 25 {Up.170119}
«ตอบ #109 เมื่อ17-01-2019 21:33:16 »

มันเกิดอะไรขึ้น  :katai1:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: คุณครูพี่มิน :: ตอนที่ 25 {Up.170119}
« ตอบ #109 เมื่อ: 17-01-2019 21:33:16 »





ออฟไลน์ DrSlump

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3360
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +104/-2
Re: คุณครูพี่มิน :: ตอนที่ 25 {Up.170119}
«ตอบ #110 เมื่อ17-01-2019 22:03:35 »

 :pig4: :pig4: :pig4:

ตอนหน้าจบ  จบแบบไหนหล่ะเนี่ย?

ออฟไลน์ แจซอล

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 133
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +40/-0
Re: คุณครูพี่มิน :: ตอนที่ 27 {Up.270119}
«ตอบ #111 เมื่อ27-01-2019 16:50:26 »

คุณครูพี่มิน 27



มินวิ่งสุดแรงเกิดเมื่อต๊อดจอดรถส่งเขาที่หน้าตึกในโรงพยาบาล วิ่งมาซักพักก็เจอเซียนที่เหมือนกับนั่งรออยู่ก่อนแล้ว เจ้าของร่างเพียวก้มตัวหอบนิดหน่อยก่อนโบกมือส่งสัญญาณให้เซียนเดินนำ

“แพทเป็นไงบ้าง” ผู้มาใหม่ถามอย่างร้อนรนทั้งกายและใจ

“ยังไม่ฟื้นเลยพี่”

“เซียนอยู่ที่นี่ตลอดเลยเหรอ”

“ครับ”

“แล้วหมอว่ายังไงบ้าง”

“ต้องรอมันฟื้นก่อนครับถึงจะบอกได้ว่าอาการเป็นยังไง” ยิ่งฟังหัวใจที่เคยพองโตก็พลันห่อเหี่ยวลง มินไม่เคยนึกถึงเรื่องนี้เลยซักครั้ง เพราะเป็นเช่นนั้นเขาจึงไม่รู้ว่าต้องจัดการกับความหน่วงในอกนี้อย่างไร

เซียนแค่เดินมาส่งมินที่ห้องพักของแพทแล้วก็ขอตัวกลับบ้านไปพักผ่อน

ตอนที่นั่งมองแพทอยู่ในห้องเพียงลำพังมินไม่รู้เลยว่าหัวใจเขากับบรรยากาศรอบกายอันไหนเงียบงันกว่ากัน

มือของแพทยังคงให้ความอบอุ่นเช่นทุกครั้งที่ได้สัมผัส ก็ได้แต่ภาวนาให้คนบนเตียงฟื้นขึ้นมากุมมือกันอย่างที่เคยสัญญาเอาไว้

“แพท เช้าแล้วนะ ตื่นได้แล้ว”

“อือ ขออีก 5 นาทีนะครับ”

“หืม” มินลองก้มตัวลงไปเงี่ยหูฟังเพื่อย้ำว่าตัวเองไม่ได้ห่วงอีกฝ่ายจนหูฟาดไปเอง “แพทสายแล้วนะ”

“พี่มินเหรอ” คนป่วยค่อยๆ ลืมตาขึ้นมาเมื่อเห็นหน้าคนรักแพทก็เผยรอยยิ้มกว้าง

ไอ้ต๊อด ไอ้เพื่อนเหี้ย

มินค่อนข้างมั่นใจแล้วว่าโดนต๊อดหลอกเข้าให้แล้ว เขากวาดสายตามองรอบห้องอีกครั้ง คนป่วยอยู่ในอาการโคม่าอย่างนั้นเหรอ เฮอะ ทั้งห้องมีแค่สายน้ำเกลือ โคม่าพ่อมึงไอ้ต๊อด

“พี่มินโกรธแพทเหรอ” สีหน้ามินตอนนี้เหมือนจะฆ่าคนได้เลย เห็นอย่างนั้นแล้วแพทก็เสียวสันหลังวาบๆ

“ลุกขึ้นมาคุยกันซิ”

ก่อนจะไปจัดการกับทางโน้นคงต้องจัดการทางนี้ก่อน

เมื่อได้รับคำสั่งแพทก็ค่อยๆ พยุงตัวลุกขึ้นนั่ง ขาที่ถลอกเป็นทางยาวทำให้การขยับตัวค่อนข้างลำบากแต่ถึงอย่างนั้นเขาก็รู้สึกขอบคุณอะไรก็ตามที่ทำให้เขาไม่เจ็บตัวมากไปกว่านี้

“ลุกไหวรึเปล่า ถ้าไม่ไหวก็นอนลงไป”

“ไหวครับ” ปากเก่งไปเถอะ ที่จริงแพทน่ะปวดไปทั้งตัวเลย

“มอเตอร์ไซค์ใช่มั้ย”

แพทได้แต่พยักหน้า เขาไม่กล้าสบตาคนรักด้วยซ้ำ รู้ชะตากรรมตัวเองเลยว่าต้องโดนบ่นเรื่องแว้นซ์อย่างแน่นอน

“คราวหน้าก็ระวังหน่อย ซื้อชุดเกราะมาใส่เลยดีมั้ย”

“บ้า เวอร์ไปพี่มิน”

“ก็ในเมื่อห้ามไม่ได้ก็ต้องป้องกัน”

“แพทจะระวัง”

“คุณก็พูดแบบนี้ตลอดแหละ แพท...” มินมองหน้าคนรักตนด้วยสายตาจริงจังกว่าครั้งไหนๆ ก่อนจะขึ้นมานั่งบนเตียงแล้วกุมมืออีกฝ่ายเอาไว้พลางนวดเบาๆ “ก่อนจะทำอะไรถ้าไม่คิดตัวเองก็คิดถึงคนที่รักคุณหน่อยสิ”

“แพทขอโทษนะ”

“ช่างเถอะ แล้วงานล่ะ สภาพนี้จะเอายังไงต่อ”

“สภาพแบบนี้พี่มินคิดว่าไงอะ” อีกไม่กี่วันก็จะถึงวันแข่งขันแล้ว เมื่อก้มมองสภาพตัวเองแพทก็คิดได้อย่างเดียวว่าคงทำได้แค่ส่งกำลังใจไปให้เพื่อน

“อุตส่าห์ลงแรงไปตั้งเยอะ”

“แต่แพทก็ได้อะไรกลับมาเยอะนะ ไม่เป็นไรหรอกแค่นี้ก็ดีแล้ว”

“ไม่เสียใจเหรอ”

“ไม่หรอก แค่ได้ลงมือทำก็ถือว่าเป็นประสบการณ์ที่โคตรเจ๋งแล้ว”

“ปากไม่ตรงกับใจเลย น้ำตาไหลแล้วรู้ตัวมั้ยเนี่ย”

“ก็อุตส่าห์ห่างพี่มินไปทุ่มเทให้งานขนาดนั้นนี่นา” ร่างของมินถูกดึงเข้าไปกอดอย่างที่เขาเองก็ไม่คิดจะปฏิเสธอ้อมกอดที่ห่างหายไปหลายวัน

ถึงแม้จะบอกว่าไม่เสียใจเต็มปากเต็มคำแต่มินก็สัมผัสได้ว่าแท้จริงแล้วแพทเจ็บใจแค่ไหน

คนเราน่ะถ้าได้เริ่มทำอะไรแล้วอย่างไรก็ต้องการที่จะทำจนสำเร็จ และมีเหรอที่คนอย่างแพทจะตัดใจง่ายๆ

มินโอบและลูบแผ่นหลังคนที่กำลังร้องไห้เป็นเด็กเพื่อปลอบโยน เผลอคิดไปว่าครั้งสุดท้ายที่แพทร้องไห้แบบนี้คือเมื่อไหร่กันนะ

คงจะเป็นตอนนั้นที่พวกเราบอกลากันครั้งแรก

ทั้งที่ตั้งใจจะดุแท้ๆ แต่กลายเป็นว่าต้องมานั่งกอดปลอบกัน...ซะงั้นอะ















รักษาตัวนานทีเดียวกว่าแผลที่ขาจะหายดี แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังเหลือร่องรอยเอาไว้ให้จดจำ

“ไม่น่าเลยอะ ขาแพทโคตรน่าเกลียด” แพทบ่นขณะนั่งดูมินลงดอกไม้ต้นใหม่ที่เพิ่งซื้อมาเมื่อไม่นานมานี้

“ก็ดีแล้วจะได้จำ”

“นี่แฟนไง”

“ก็เพราะเป็นแฟนไงถึงได้พูดตรงๆ”

“จำแล้วอะ จะไม่แตะอีกแล้วมอเตอร์ไซค์”

“พูดอีกที” มินหยุดสิ่งที่กำลังทำแล้วถอดถุงมือก่อนล้วงหยิบมือถือออกมากดอัดเสียง “จะอัดไว้ให้คุณฟัง”

“อะไรล่ะ เชื่อใจกันบ้างเถอะ”

“เชื่อได้มากเลยนะเราน่ะ”

“หิวข้าวอะหาอะไรกินหน้าปากซอยเถอะ”

“มีตังค์รึไง” คนถูกถามทำเป็นล้วงกระเป๋า แน่นอนว่าไม่มี ก็จะมีได้อย่างไรกันในเมื่อเอาเงินไปซื้อรถคันใหม่ใช้เซียนแล้ว

เจ็บตัวแล้วยังหมดตัวอีก โคตรแย่ เพราะเป็นเช่นนั้นช่วงนี้แพทจึงต้องเกาะมินกินไปก่อน

“การได้เป็นแฟนกับพี่มินอาจจะเป็นโชคดีอย่างเดียวของแพทล่ะมั้ง”

แพทว่าขณะเดินตามมินเข้าไปในบ้าน เขาหยุดมองโล่รางวัลจากการประกวดนวัตกรรมยานยนต์ที่ได้มาเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว นึกขอบคุณคนรักของตนที่อุตส่าห์ไปคุยกับอาจารย์ที่คณะแถมยังลางานตามไปดูแลเขาตอนแข่งขันอีก

แพทอาจจะโชคร้ายในฐานะเด็กบ้านแตก แต่ในความโชคร้ายนั้นโชคดีก็เดินเข้ามาทักทายเขา มอบความรักและแรงบันดาลใจให้มากมาย

“มันก็ผ่านมาอาทิตย์นึงแล้ว ยังไม่เลิกเห่ออีกเหรอ”

“ขนาดเป็นแฟนกับพี่มินมาตั้งนานแพทยังไม่เลิกเห่อเลย” และดูเหมือนว่าแพทจะไม่เบื่อการหยอดคำหวานใส่กันง่ายๆ เลยด้วย จนมินต้องเอ่ยถาม

“ไม่เบื่อบ้างเหรอ”

“เบื่อเรื่องอะไร”

“ก็จีบทุกวันเลย”

“พี่มินเบื่อเหรอ แบบนี้แพทก็เสียใจแย่สิ ง้อเลย”

“ทำไมต้องง้อ ไม่เอาด้วยเหรอ”

“ง้อเดี๋ยวนี้เลยนะ” มินก้าวถอยหลังเมื่อแพทเข้ามาประชิดตัวด้วยท่าทางคุกคาม สายตาเจ้าเล่ห์ที่จ้องมองมาทำให้รู้ได้ทันทีเลยว่าอีกฝ่ายต้องการให้ง้อแบบไหน

ไม่เอาด้วยหรอก มินยกมือขึ้นดันอกแกร่งเอาไว้ แต่แพทก็คว้าข้อมือเขาแล้วดึงเข้าหาจนร่างกายแนบชิดกัน

อันตรายเกินไป แต่ถึงจะคิดว่าไม่ควรเริ่มตอนนี้แต่ก็นานแล้วที่พวกเขาไม่ได้ทำเรื่องอย่างว่า อาจจะตั้งแต่ก่อนแพทเข้าโรงพยาบาล คิดๆ ดูมันก็นานมากแล้วจริงๆ

ดวงตาของมินกำลังสั่นไหว และแพทก็รู้ทันทีว่าเขาไม่ควรปล่อยโอกาสนี้ผ่านไป

แพทก้าวเข้ามาประชิด และยังไม่ทันได้ตั้งตัวริมฝีปากก็ถูกช่วงชิงไป สัมผัสที่ห่างหายทำให้สติหลุดลอย รู้ตัวอีกทีก็ตอนที่แผ่นหลังแนบไปกับโซฟาโดยที่มีร่างของคนเป็นเจ้าของบ้านคร่อมอยู่ด้านบน

แม้อีกฝ่ายจะผละริมฝีปากออกไปเพื่อสัมผัสส่วนอื่นบนร่างกายของมินแล้วหากเขากลับรู้สึกว่ายังไม่พอ

อยากได้จูบอีก และแน่นอนว่าไม่มีเหตุผลอะไรที่ต้องเก็บความรู้สึกไว้

มินวาดแขนโอบลำคอแกร่งของคนบนร่าง สอดนิ้วเข้าไปในกลุ่มเส้นผมแล้วดึงเบาๆ บอกผ่านการกระทำว่าให้หยุด และแพทก็พร้อมจะทำตามเสมอ

ทั้งคู่สบตากันอีกครั้ง และแพทก็ต้องยิ้มออกมาเมื่อได้ยินคำขอของอีกฝ่าย

“จูบอีกสิ” ริมฝีปากแนบลงมาอีกครั้งอย่างที่ใจปรารถนา ดูดดึงกัดกินราวกับมันเป็นอาหารรสเลิศ แต่ไม่มีอาหารจานใดบนโลกใบนี้ที่ให้ความรู้สึกซาบซ่านได้เท่านี้

ไม่มีใครสนใจน้ำใสๆ ที่ไหลเลอะขอบปากจนถึงลำคอ ทั้งคู่ยังคงมัวเมากับเรียวลิ้นที่กระหวัดเกี่ยวอย่างไม่มีใครคิดจะยอมแพ้ เมื่อแพทถอยมินก็ตามไล่ต้อน หากเมื่อมินอ่อนล้าแพทก็เป็นฝ่ายปลุกเร้า กระทั่งเสียงหอบสะท้อนในห้องรับแขกในบ้านที่เจ้าของไม่คิดจะเสียเวลาลุกไปปิดประตู

หากมินไม่คิดอย่างนั้น

คนอายุมากกว่ารู้สึกเหมือนตนจะขาดอากาศหายใจเดี๋ยวนี้ เขาบอกให้แพทหยุดแถมยังสั่งให้ไปปิดประตูบ้านซะ และถึงแม้จะรู้สึกขัดใจหากแต่คนเป็นเจ้าของบ้านก็ยอมผละห่างอย่างอ้อยอิ่งก่อนจะเดินเร็วๆ จนเกือบเป็นวิ่งไปปิดประตูโดยไม่ลืมที่จะลงกลอนอย่างแน่นหนา

เมื่อหมุนตัวกลับมาก็ถูกสวมกอด เสียงกระซิบข้างหูดังว่า “ไปทำบนห้องกัน”

ให้ตายเถอะว่ะ ถ้าวันนี้พี่มินยังลุกจากที่นอนได้อย่าเรียกแพทว่าแพทให้เรียกว่าไอ้อ่อนไปเลย

แพทไม่เคยรู้สึกว่าระยะทางจากหน้าบ้านเขาไปถึงห้องนอนไกลเลยกระทั้งวันนี้ หลายครั้งที่เขาเกือบจะจับพี่มินกินซะให้มันรู้แล้วรู้รอดไม่ต้องรอให้ถึงห้องนอนหรอก

ไม่เป็นแพทไม่รู้หรอกว่าพี่มินร้ายแค่ไหน ยั่วกันไม่ว่างเว้นตั้งแต่ประตูบ้านแบบนี้เดี๋ยวจะโดนไม่ใช่น้อย

หากพอทั้งคู่ไปถึงจุดหมาย คนที่ตั้งใจจะจับคนอายุมากกว่ากดกลับต้องตกใจเมื่อเขาเป็นฝ่ายโดนทุ่มซะเอง

แพทเบิกตากว้างด้วยความตกใจเมื่ออยู่ๆ พี่มินก็นั่งลงบนพื้นระหว่างขาของเขา ไม่ต้องอธิบายให้มากความเมื่ออีกฝ่ายปรนเปรอให้เขาด้วยปากอย่างที่ไม่เคยคิดเลยว่าจะได้รับประสบการณ์ที่แสนดีแบบนี้

แน่นอนว่าคนไม่เคยถูกคนอื่นช่วยในลักษณะนี้ไม่มีทางห้ามตัวเองไหว แพทปลดปล่อยออกมาจนคนที่ยังไม่ทันตั้งตัวไอแค่ก

ดวงตากลมบนใบหน้าแดงก่ำสั่นระริกรื้นน้ำตาช้อนมอง ริมฝีปากบวมเจ่อและเปื้อนนิดหน่อย

ภาพนั้นทำให้สติของแพทขาดผึง เขาดึงคนบนพื้นขึ้นมา จับกดลงบนเตียงให้นอนคว่ำแล้วฟัดเสียจนเสื้อผ้าหลุดลุ่ยผมเผ้ายุ่งเหยิง

ความห่วงหาและคิดถึงทำให้ไม่สามารถห้ามใจตัวเองได้อีกต่อไป

เสื้อผ้าถูกโยนทิ้งราวกับเป็นของไร้ค่าจนเหลือเพียงร่างกายเปลือยเปล่า

ผ้าห่มถูกดึงทึ้งจนไปกองอยู่อีกฝั่งของเตียง หมอนถูกโยนทิ้งลงบนพื้น บนเตียงกว้างมีเพียงสองร่างที่กอดเกี่ยวกันราวกับกลัวว่าถ้าหากปล่อยมือแม้ซักวินาทีอีกฝ่ายจะหายไป

เสียงหอบหายใจค่อยๆ เบาลงเมื่อร่างกายเข้าสู่สภาวะปกติ

มินวิ่งไม่เก่ง เขาไม่ถนัดเรื่องใช้แรงและไม่เคยคิดเลยว่าเขาจะสามารถใช้แรงกับแพทบนเตียงได้นานขนาดนี้

“ไหวมั้ยครับ”

“ไม่เอานะ” มินปฏิเสธด้วยน้ำเสียงหวาดๆ พลางตั้งท่าจะผละออกจากอกของอีกฝ่ายที่ตนอิงแอบมาได้ซักพักหากแพทก็กอดเอาไว้แน่นไม่ยอมปล่อย

“คิดเรื่องลามกอีกแล้ว” แพทล้อให้คนคิดไปเองหน้าแดงก่ำ

“ปล่อยได้ยัง จำได้ว่าเมื่อชั่วโมงที่แล้วบอกว่าหิว”

“ก็ได้กินแล้วนี่ไง” ไหล่เปลือยเปล่าของมินถูกลูบไล้เบาๆ ราวกับจงใจยั่วเย้า แต่ในยามนี้ไม่ว่าแพทจะพยายามปลุกเร้าเพียงใดมินก็สู้ไม่ไหวหรอก

“ไม่ให้กินอีกนะ”

“ถ้าพี่มินไม่อนุญาตแพทก็ไม่ทำหรอกน่า”

“เป็นเด็กดีจัง”

“เรามาทำคูปองสะสมความดีกันอีกมั้ย ถ้าสะสมครบ 1 ใบ พี่มินต้องตามใจแพท 1 อย่าง”

“จะทำไปทำไมในเมื่อสุดท้ายคุณก็ทิ้งมัน” จนถึงตอนนี้มินก็ยังไม่หายเคืองเรื่องที่อยู่ๆ แพทก็เอาคูปองสะสมความดีมาคืนเขาเลย ไหนๆ ก็พูดถึงเรื่องนี้แล้วก็ถือโอกาสเคลียร์เลยก็แล้วกัน

“แพทไม่ได้ทิ้งซักหน่อย เก็บไว้อย่างดีอีกต่างหากพี่มินก็เห็น” ดูเหมือนว่าแพทจะยังไม่รู้ตัวว่ากำลังถูกเคืองเขาถึงกล้าเอ่ยออกมาอย่างมั่นอกมั่นใจ

“คุณไม่ได้ทิ้งแต่คุณก็เอามาคืนผม”

“ก็แพท...”

ยังไม่ทันได้แก้ตัวก็ถูกคนบนอกแทรกขึ้นมาซะก่อน

“ตอบมาสิว่าคืนคูปองสะสมความดีทำไม” คนถูกถามอ้าปากค้าง ก็คิดอยู่ว่าพักหลังมานี้พี่มินดูตึงๆ ที่แท้ก็คิดมากเรื่องนี้นี่เอง

“จูบแพทสิ”

“ทำไมต้องจูบ”

“จูบก่อนแล้วจะบอก”

เพราะอยากได้คำตอบมินจึงพลิกตัวขึ้นไปนอนบนร่างคนรักแล้วประทับจูบลงบนเรียวปากแผ่วเบา เมื่อผละออกรอยยิ้มกว้างก็ปรากฏบนใบหน้าหล่อเหลาทันที

“พี่มินยอมแพททุกอย่างขนาดนี้ คูปองนั่นไม่เห็นจำเป็นเลย อีกอย่างแพทไม่อยากบังคับพี่มินแล้ว”

ยอมรับว่าเหตุผลของแพททำให้มินประทับใจอยู่ไม่น้อย ดังนั้นจึงตอบแทนด้วยการมอบจุมพิตแสนหวานให้อีกครั้งหนึ่ง

ถ้าพี่มินจะหวานขนาดนี้ แพทขอเป็นเด็กดีของพี่มินตลอดไปเลย



[The end]



จบแล้วจริงๆ แหละ ทำไมตอนจบมันสั้นจังล่ะ
แต่ความหวานของพี่มินเนี่ยเพิ่มขึ้นทุกตอนเลยว่าป่ะ กว่าจะแก่เจ้าแพทคงไม่เป็นเบาหวานไปก่อนใช่มั้ย
ทุกครั้งที่นิยายที่เราเขียนเดินทางมาถึงตอนจบ อดไม่ได้จริงๆ ที่จะรู้สึกใจหาย
ขอบคุณนักอ่านทุกท่านนะคะ
วันๆ นึงมีนิยายฟรีถูกอัพบนในเว็บให้อ่านมากมาย แต่คุณก็เลือกอ่านนิยายของเรา ขอบคุณจริงๆ ค่ะ
หวังว่าจะได้เจอกันอีกในเรื่องต่อไป เมื่อไหร่นะ 555
รักนะคะ
แจ๊ส



พูดคุยกันต่อได้ที่แฮชแท๊ก #คุณครูพี่มิน
แล้วก็...ขอฝากคุณครูพี่มินฉบับหนังสือจะตีพิมพ์กับ สนพ.เซ้นส์บุ๊ก ประมาณเดือนเมษายนนะคะ
มีความพิเศษมากมายอัดแน่นอยู่ในเล่ม ความหวานก็เช่นกัน







ออฟไลน์ DrSlump

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3360
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +104/-2
Re: คุณครูพี่มิน :: ตอนที่ 27 {Up.270119}
«ตอบ #112 เมื่อ27-01-2019 18:06:09 »

 :pig4: :pig4: :pig4:

ว้า...จบซะแระ

แทงคิ้วผู้แต่งนาจา

ออฟไลน์ areenart1984

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4805
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-7
Re: คุณครูพี่มิน :: ตอนที่ 27 {Up.270119}
«ตอบ #113 เมื่อ28-01-2019 04:37:21 »

จบแบบเข้าใจกันได้ก็ดี แต่ขอที  :fcuk: เอาเรื่องอุบัติเหตุมาล้อเล่นไม่ดีนะจ๊ะ  :กอด1:

ออฟไลน์ titansyui

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2386
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +119/-0

ออฟไลน์ FeRnChOi

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 25
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
สนุกมากเลย ชอบพี่แพทตอนเด็กมากๆน่าเอ็นดู
แต่ตอนโตชอบมากกว่าอีก เป็นผู้ใหญ่มากอบอุ่น~

ขอบคุณคนแต่งนะคะสนุกมากเลย

ออฟไลน์ seaz

  • รักอยู่ไหน...ใจเรียกหา
  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5383
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +381/-9
น่ารักมาก ๆ เลยครับ

ออฟไลน์ Fakewinx

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 1
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
ตอนที่ 21 อยู่ไหนอ่าา

ออฟไลน์ nOn†ღ

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4390
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +502/-6

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด