incest : บาปร้ายในบ่วงรัก ตอนที่ 33
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: incest : บาปร้ายในบ่วงรัก ตอนที่ 33  (อ่าน 12350 ครั้ง)

ออฟไลน์ เส้นขอบฟ้า

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 137
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +22/-0
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ


ติดตามกฏเพิ่มเติมที่กระทู้นี้บ่อยๆ เมื่อมีการแก้ไขกฏจะแก้ไขที่กระทู้นี้นะครับ
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0

ประกาศทั่วไปติดตามอัพเดทกันที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.0

ประกาศ กฎที่อื่นมีไว้แหก แต่ห้ามมาแหกที่นี่

1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด
การสนใจและชื่นชอบนิยายและเรื่องเล่าของคนในเรื่องควรมีขอบเขตที่จะไม่สร้างความเดือดร้อนให้เจ้าของเรื่อง เช่นเดียวกับเป็ดที่ตอนนี้ถูกรังควานตามหาตัวจากคนด้านต่างๆ จนตัดสินใจไม่เล่าเรื่องต่อ.........เนื่องจากบางเรื่องเป็นเรื่องเล่า.....................บางคนไม่ได้เปิดเผยตัวตน  เขาพอใจจะมีความสุขในที่เล็กๆแห่งนี้โดยไม่ได้ตั้งใจให้คนภายนอกได้รับรู้เรื่องราวแล้วนำไปพูดต่อ   เพราะปฎิเสธไม่ได้ว่าสังคมไม่ได้ยอมรับพวกเราสักเท่าไหร่

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท,
หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง
หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์
และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด
การกระทำเช่นนั้นอาจทำให้คุณแบนทันที และถาวร . หมายเลข IP ของทุกโพสต์จะถูกบันทึกเพื่อใช้เป็นหลักฐาน
ในความเป็นจริงเป็นไปได้ยากมากที่จะให้แต่ละคนมีความคิดเห็นตรงกันทั้งหมด   คนเรามากมายต่างความคิดต่างความเห็น เติบโตมาภายใต้ภาวะแวดล้อมต่างกันการแสดงความคิดเห็นที่แตกต่าง   จึงควรทำเพื่อให้เกิดความเข้าใจกัน แบ่งปันประสบการณ์และมิตรภาพเพื่ออาจเป็นประโยชน์ในการใช้ชีวิต  และไม่ว่าจะอย่างไรก็ควรเคารพในความคิดเห็นที่แตกต่างของบุคคลอื่นช่วยกันสร้างให้บอร์ดนี้มีแต่ความรักนะครับ   

เรื่องบางเรื่องอาจจะเป็นทั้งเรื่องแต่งหรือเรื่องเล่าใดๆก็ขอให้ระลึกเสมอว่า  อ่านเพื่อความบันเทิงและเก็บประสบการณ์ชีวิตที่คุณไม่ต้องไปเจอความเจ็บปวดเล่านั้นเองเพื่อเป็นข้อเตือนใจ สอนใจในการตัดสินใจใช้ชีวิต   จึงไม่ต้องพยายามสืบหาว่าเรื่องจริงหรือเรื่องแต่งส่วนการพูดคุยนั้น   ก็ประมาณอย่าทำให้กระทุ้กลายพันธุ์ห้ามเอาเรื่องส่วนตัวมาปรึกษาพูดคุยกันโดยที่ไม่เกี่ยวพันกับเรื่องในกระทู้นิยาย  ถ้าจะวิจารณ์หรือแสดงความคิดเห็นทุกคนมีสิทธิแต่ขอให้ไปตั้งกระทู้ที่บอร์ดอื่นที่ไม่ใช่ที่นี่นะครับ

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อเจ้าของเรื่องเท่าที่จะทำได้หรือแจ้งมายังบอร์ดนี้ก่อนนะครับ  เนื่องจากเจ้าของเรื่องบางครั้งไม่ต้องการให้คนที่ไม่ได้ชื่นชอบนิยายชายรักชายเข้ามารับรู้  ลิขสิทธิ์ทั้งหมดเป็นของเจ้าของคนที่ทำขึ้นและเวปแห่งนี้นะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอมให้ส่งหรือติดต่อกันทางพีเอ็มจะปลอดภัยกว่าแล้วเมื่อมีการติดต่อสื่อสารกันให้พึงระวังถึงความปลอดภัย ความไม่น่าไว้ใจของผุ้คนทุกคนแม้จะมีชื่อเสียงในบอร์ดเป็นเรื่องส่วนตัวของแต่ละคนไป เพื่อลดความขัดแย้งภายในเล้า จึงไม่สนับสนุนให้มีการจีบกันในบอร์ดนะครับ

5.ห้ามจั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียวให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตาม
เพราะแม้จะเป็นเรื่องที่เขียนจากเรื่องจริง เมื่อนำมาพิมพ์เป็นเรื่องผ่านตัวอักษร ย่อมเลี่ยงไม่ได้ที่จะมีการเพิ่มเติมเพื่อให้เกิดสีสันในเนื้อเรื่อง ทางเล้าถือว่านั่นคือการเพิ่มเติมเนื้อเรื่อง จึงไม่อนุญาตให้จั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” แต่สามารถแจ้งว่าเป็น “นิยายที่อ้างอิงมาจากชีวิตจริง” ได้  มีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

6.การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insearch qoute  ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ

8.Administrator และ moderator ของ forum นี้ มีสิทธิ์อ่าน, ลบ หรือแก้ไขทุกข้อความ. และ administrator, moderator หรือ webmaster ไม่สามารถรับผิดชอบต่อข้อความที่คุณได้แสดงความคิดเห็น (ยกเว้นว่าพวกเขาจะเป็นผู้โพสต์เอง).

9.คุณยินยอมให้ข้อมูลทุกอย่างของคุณถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูล. ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกเปิดเผยต่อผู้อื่นโดยไม่ได้รับการยินยอมจากคุณ .Webmaster, administrator และ moderator ไม่สามารถรับผิดชอบต่อการถูกเจาะข้อมูล แล้วนำไปสร้างความเดือดร้อนต่างๆ

10.ห้ามลงประกาศลิงค์โปรโมทเวป  โฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ลงได้เฉพาะในห้องซื้อขาย ในเมื่อแนะนำเวปอื่นที่บอร์ดเรา ก็ช่วยแนะนำบอร์ดเราโดยลงลิงค์บอร์ดเรา เวป http://www.thaiboyslove.com  ในบอร์ดที่ท่านแนะนำมาให้เราด้วย  เมื่อจำเป็นต้องแนะนำลิงค์ให้ส่งลิงค์กันทาง personal message หรือพีเอ็มแทนนะครับจะสะดวกกว่า ส่วนในกรณีอยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนๆได้อ่านจริงๆนั้นพยายามลงให้ห้องซื้อขายซะ หรือถ้าม๊อดเดอเรเตอร์จะพิจารณาเป็นกรณีๆไป ถ้ารู้สึกว่าไม่ได้โปรโมทเวป แต่อยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนด้วยใจจริงจะให้กระทู้นั้นคงอยู่ต่อไป

11.บอร์ดนิยายที่โพสจนจบแล้วมีไว้สำหรับนิยายที่โพสในบอร์ด boy's love จนจบแล้วเท่านั้น จึงจะถูกย้ายมาเก็บไว้ที่นี่ หาอ่านนิยายที่จบแล้ว หรือคนเขียนไม่ได้เขียนต่อ แต่โดยนัยแล้วถือว่าพล็อตเรื่องโดยรวมสมควรแก่การจบแล้ว หากนักเขียนท่านใดได้พิมพ์เล่มกับสำนักพิมพ์ ต้องการลบเรือ่งบางส่วนออก โดยเฉพาะไคลแม๊ก หรือตอนจบที่สำคัญ ให้แจ้ง moderator ย้ายนิยายของท่านสู่ห้องนิยายไม่จบ เพื่อที่หากระยะเวลาเกินหกเดือนแล้ว เราจะได้ทำการลบทิ้ง หรือท่านจะลบนิยายดังกล่าวทิ้งเสียก็ได้ เนื่องจากบอร์ดนี้เก็บเฉพาะนิยายที่จบแล้ว

บอร์ดนิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบไว้สำหรับ
นิยายที่คนเขียนไม่ได้มาต่อนาน หายไปโดยไม่มีเหตุผลสมควร ไม่ได้แจ้งไว้หรือแจ้งแล้วก็ไม่มาต่อ 3 เดือน จะย้ายมาเก็บในนี้เมื่อครบหกเดือนจะทำการลบทิ้ง ส่วนเรื่องไหนที่จะต่อก็ต่อในนี้จนกว่าจะจบ แล้วถึงจะทำการย้ายไปสู่บอร์ดนิยายจบแล้วต่อไป

12.ห้ามนำเรื่องพิพาทต่างๆมาเคลียร์กันในบอร์ด

13.ผู้โพสนิยาย และเขียนนิยายกรุณาโพสให้จบ ตรวจสอบคำผิดก่อนนำมาลงด้วยครับ

14.ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน  ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ

15. การนำรูปภาพ บทความ ฯลฯ มาลงในเวปบอร์ด  ควรจะให้เครดิตกับ...
(1) ผู้ที่เป็นต้นตอเจ้าของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ
(2) เวปไซต์ต้นตอที่อ้างอิงถึง
....ในกรณีที่เป็นบทความที่ถูกอ้างอิงต่อมาจากเวปไซต์อื่นๆ
- ถ้ามีแหล่งต้นตอของเจ้าของบทความ  ให้โพสชื่อเจ้าของต้นตอของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ  พร้อมทั้งเวปไซต์ที่อ้างอิง
  (กรณีนี้จะโพสอ้างอิงชื่อผู้โพสหรือเวปไซต์ที่เรานำมาหรือไม่ก็ได้ แต่ควรมั่นใจว่าชื่อต้นตอของที่มาถูกต้อง)
- ถ้าไม่สามารถหาชื่อต้นตอของรูปภาพหรือเวปไซต์ที่นำมาได้ ควรอ้างอิงชื่อผู้โพสและเวปไซต์จากแหล่งที่เรานำมาเสมอ
- ควรขออนุญาติเจ้าของภาพหรือเจ้าของบทความก่อนนำมาโพสค่ะ(ถ้าเป็นไปได้) ยกเว้นพวกเวปไซต์สาธารณะ เช่น  หนังสือพิมพ์ออนไลน์ ฯลฯ ที่เปิดให้คนทั่วไปได้อ่านเป็นสาธารณะ ก็นำมาโพสได้ แต่ให้อ้างอิงเจ้าของชื่อและแหล่งที่มาค่ะ
- ไม่ควรดัดแปลงหรือแก้ไขเครดิตที่ติดมากับรูปหรือบทความก่อนนำมาโพส
- ถ้าเป็น FW mail  ก็บอกไปเลยว่าเอามาจาก FW mail

16.นิยายเรื่องไหนที่คิดว่าเมื่อมีการรวมเล่มขายแล้วจะลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออก กรุณาอย่าเอามาลงที่นี่ หรือสำหรับผู้ที่ขอนิยายจากนักเขียนอื่นมาลง ต้องมั่นใจว่าเรื่องนั้นจะไม่มีการลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออกเมื่อมีการรวมเล่มขาย อนึ่ง เล้าไม่ได้ห้ามให้มีการรวมเล่มแต่อย่างใด สามารถรวมเล่มขายกันได้ แต่อยากให้เคารพกฎของเล้าด้วย เล้าเปิดโอกาสให้ทุกคน จะทำมาหากิน หรืออะไรก็ตามแต่ขอความร่วมมือด้วย เผื่อที่ทุกคนจะได้อยู่อย่างมีความสุข

17.ห้ามแจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน  ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง  นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฏการซื้อขายของเล้่าก่อน ด้วยนะคะ)
ว่าด้วยเรื่องการจะรวมเล่มนิยายขายในเล้า จะต้องมี ID ซื้อขายก่อน ถึงจะสามารถประกาศ ..แจ้งข่าว.. ที่บนหัวกระทู้ของนิยายได้ ในกรณีที่ รวมเล่มกับ สนพ. ที่มี  ID ซื้อขายของเล้าแล้ว นักเขียนก็สามารถใช้ หมายเลข  ID ของ สนพ. ลงแจ้งในหน้าที่มีเนื้อหารายละเอียดการสั่งจองนิยายได้

18.ใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดเรื่องสั้น ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที  ส่วนเรื่องสั้นที่จบแล้วให้แก้ไขโพสแรก และต่อท้ายว่าจบแล้วจะได้ไม่ถูกลบทิ้งและจะเก็บไว้ที่บอร์ดเรื่องสั้นไม่ย้ายไปไหน   เช่นเดียวกับนิยายทุกเรื่องเมื่อจบให้แก้ไขโพสแรก และต่อท้ายว่าจบแล้ว จะได้ย้ายเข้าสู่บอร์ดนิยายจบแล้ว ไม่เช่นนั้นม๊อดอาจเข้าใจว่าไม่มาต่อนิยายนานเกินจะโดนลบทิ้งครับ

เอาข้อสำคัญก่อนนะครับเด่วอื่นๆจะทำมาเพิ่มครับเอิ้กๆหุหุ
admin
thaiboyslove.com.......................................                                                           

วันที่ 3 ธ.ค. 2551วันที่ 16 ก.ย. 2554 ได้เพิ่มกฏ ข้อที่ 7
วันที่ 21 ต.ค.2556 ได้ปรับปรุงกฏทั้งหมดเพื่อให้แก้ไข และติดตามได้ง่าย
วันที่ 11 พ.ย. 2557 เพิ่มเติมการลงเรื่องสั้นและการแจ้งว่านิยายจบแล้ว
วันที่ 4 ธ.ค. 2557 เพิ่มบอร์ดเรื่องสั้นจึงปรับปรุงกฏข้อ 18 เกี่ยวกับเรื่องสั้น และ เพิ่มเติมส่วนขยายของกฏข้อ 17



เวปไซต์แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่างประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม


***************************************************
 
ผลงานที่ผ่านมา
ภูรักฟ้า
ข้ามฟ้ามาสู่ดิน

 
    คำโปรย

ความรักเป็นสิ่งเย้ายวนชวนให้ลิ้มลอง หากใครลองได้รักก็สุดจะหักห้ามใจ

รู้ว่ารักนี้ผิดบาปก็ยังจะรัก ความรักที่คละเคล้าไปกับคราบน้ำตา

อุปสรรคทุกก้าวที่เท้าย่ำเดิน ปลายทางแห่งรักจะมีแสงสว่างหรือไม่

อยู่ที่คนสองคนเท่านั้นจะบอกได้



 
      ยูฟ่า

พี่ชายฝาแฝดที่มีดวงตาสวยแต่แฝงไว้ด้วยความเศร้า เขาไม่รู้เลย

ว่าเกิดอะไรขึ้นกับความเป็นพี่น้องของพวกเขา น้องชายที่เคยดีต่อกัน

คอยดูแลและปกป้อง...หายไปไหน นานมากแล้วที่ไม่ได้พูดกัน

แม้ว่าจะอยู่ภายใต้หลังคาเดียวกัน

‘กลับมาเป็นเหมือนเดิมได้ไหม’

‘ยูทำอะไรให้โดไม่ชอบ ไม่พอใจบอกกันสิ ยูจะเปลี่ยน’

‘เกลียดยูแล้วเหรอ’

‘ทำไมล่ะ’



   ยูโด

แฝดน้องที่มีร่างกายสูงใหญ่เกินกว่าแฝดพี่ ผิวสีเข้มกว่า ดวงตาคมดุ

เขารู้ว่าความเป็นพี่น้องของเรามันไม่เหมือนเดิม

'รอยยิ้มนั้น…ไม่อยากให้ใครได้เห็น'
 
‘กลิ่นกายนั้นอยากจะเก็บไว้แค่เพียงคนเดียว’

‘ร่างกายนั้นทำไมต้องหวง ทำไมกัน’

ใช่ผิดที่เขาเองทั้งหมด

‘อย่าเข้าใกล้ อย่าพูดกัน’

ต้องเกลียด…ทางเดียวที่จะไม่ทำให้แปดเปื้อน

ความผิดบาปใด ไม่ควรที่จะเกิด

‘ขอโทษนะยู’


   *** สารบัญ ***

ตอนที่ 1 เดิมพันรัก
ตอนที่ 2 หน้าที่กับหัวใจ
ตอนที่ 3 ดูแล
ตอนที่ 4 พรากจาก
ตอนที่ 5 ฟีนิกซ์ ~ ธาวิน (ห่วงใย)
ตอนที่ 6 รออย่างมีหวัง
ตอนที่ 7 ผองเพื่อน
ตอนที่ 8 สัญญาณเตือน
ตอนที่ 9 เวลาที่รอคอย
ตอนที่ 10 กลับมายืนข้างกัน
ตอนที่ 11 ไม่เหงาอีกต่อไป
ตอนที่ 12 งานของยูฟ่า
ตอนที่ 13 ดูแลคนของใจ
ตอนที่ 14 เรื่องรัก เรื่องลับ
ตอนที่ 15 มุมของพ่อ
ตอนที่ 16 กำลังใจ
ตอนที่ 17 ยาใจ

 
         *** ทักทายกันหน่อย ***

สวัสดีค่ะทุกคน ลืมกันไปหรือยัง วันนี้มาเปิดเรื่องใหม่ให้นะคะ

เรื่องนี้เป็นแนว incest ของคู่แฝด หากใครรับไม่ได้ก็ขออภัย

มันเป็นเพียงจินตนาการของผู้เขียนเท่านั้น อาจจะไม่สมเหตุสมผล

หน่วงจิตบ้าง ถ้าใครเคยอ่านงานเขียนของเราจะรู้ว่า กลิ่นอายยังคงเดิม

มีฉากฟินๆ ให้ด้วยนะ อย่าเพิ่งถอดใจกันน๊า

ทุกคอมเม้นมีผลต่อใจจริงๆ รักคนอ่านทุกคน
                                                                   
                              เส้นขอบฟ้า


Share This Topic To FaceBook
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 03-09-2022 22:31:13 โดย เส้นขอบฟ้า »

ออฟไลน์ เส้นขอบฟ้า

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 137
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +22/-0
ตอนที่ 1 เดิมพันรัก
«ตอบ #1 เมื่อ22-05-2019 20:12:40 »

ตอนที่ 1 เดิมพันรัก

บรรยากาศในสนามประลองความเร็วผู้คนคลาคล่ำกว่าทุกคืน
เสียงเพลงในจังหวะมันๆ ปลุกเร้าให้เกมการแข่งขันที่จะเริ่มขึ้น
ในอีกไม่กี่นาทีข้างหน้ามีสีสันมากขึ้น

เด็กหนุ่มผู้มีดวงตาประดุจนกอินทรี ภายใต้คิ้วหนาดกดำ
สันจมูกคมรับกับริมฝีปากหยักสวย เขาอัดบุหรี่หนักๆ
ก่อนจะพ่นควันพิษออกไปเป็นสาย ปล่อยให้ลอยคว้างบนชั้นบรรยากาศและเลือนหายไป

เขารู้ว่ามันเป็นของต้องห้ามมีแต่โทษทัณฑ์แต่ในยามที่จิตใจว้าวุ่นแบบนี้เขาก็เลือกที่จะหา
มันมาดับความขุ่นมัวของอารมณ์ ซึ่งมันก็ไม่ได้ช่วยให้เขาสงบลงได้เลย

“โดไหวเหรอ นานแล้วนะที่ไม่ได้ลงสนาม มือตีนจะยังคงเดิมเหรอหาวิธีอื่นเถอะวะ?”

หนุ่มน้อยผอมบางพยายามโน้มน้าวให้เพื่อนเปลี่ยนใจ และถอนตัวออกจากเกมนี้
เขามองคู่สนทนาที่ดูไม่มีสมาธิเอาเสียเลย

“หนม มึงจะให้กูนั่งดูพี่ชายหน้าโง่ต้องตกเป็นของเดิมพันเหรอวะ
ให้ไอ้วินกับพวกลากไปต่อหน้าต่อตาเนี่ยนะ มันพี่กูนะเว้ย
ถึงกูจะเกลียดมันมากก็เถอะ?”

ยูโดพูดพร้อมเหยียดริมฝีปากจนแทบจะเป็นเส้นตรง
ใบหน้าหล่อเข้มดูดุดันขึ้นมาในทันที ขนมมองเพื่อนที่สูงกินมาตรฐานชายไทยไปมาก

“กูไม่ได้ให้มึงอยู่เฉยๆ นี่หว่า แค่ให้เปลี่ยนวีธี  นู้น!
 ไอ้โชกับไอ้หนิกมากันแล้ว มึงอยู่นี่ก่อนนะ”

 ขนมโบกมือให้สองหนุ่มที่หุ่นราวกับนายแบบ ยูโดมองเพื่อนทั้งสามที่ยืนคุยกันห่างๆ
 พักใหญ่ๆ ต่างก็พร้อมใจกันเดินเข้ามา

“โดที่หนมมันเตือนก็เพราะห่วงมึงนะเว้ย อีกอย่างพลาดมาจะทำยังไง
 มึงร้างสนามมานานเต็มที คิดใหม่มั้ย”

ฟีนิกซ์หนุ่มหล่อลำตัวหนาพอๆ กับเพื่อนร่วมก๊วนทักท้วงขึ้นมาอีกเสียง

“มึงอีกคนแล้วสิที่มาเพื่อหยุดกูไอ้หนิก”

 ยูโดเริ่มไม่พอใจหนักขึ้น ฟีนิกซ์ยักไหล่อย่างจำยอม
ไม่มีใครหยุดมันได้ลองว่ามันได้ตัดสินใจแล้วอย่างนี้

“ก็ไม่ยังไงตามแต่มึงเลยแล้วกันไอ้โด!
 ที่เตือนเพราะพวกกูสามคนเป็นเพื่อนมึง!”

เมื่อเห็นว่าการขัดขวางครั้งนี้ไม่เป็นผล  สามหนุ่มจึงทยอยเข้าไปตบบ่า
ให้กำลังใจคนละป้าบเป็นการส่งท้าย

“เอ้า! คันนี้ลูกรักกูเลยนะมึง เครื่องมันแรง ระวังมากๆ
 ก็แล้วกันเพื่อพี่ชายที่คุณ…มึงบอกว่าเกลียดนักเกลียดหนา
ไม่ว่าจะอะไรก็ตามพวกกูขอให้มึงได้ชัยชนะในครั้งนี้แล้วกัน”

โชกุนยัดกุญแจรถใส่มือยูโด แววตามีความมุงหวังอย่างที่เพื่อนอวยพร

เขาก็หวังว่างานนี้จะสำเร็จด้วยดี



“ไอ้วินมันยังไม่มาอีกเหรอ ป่านนี้แล้ว จะลงสนามอีกไม่กี่นาที
 กูยังไม่ได้ยลโฉมของรางวัลของกูเลย แม่งจะตุกติกหรือเปล่าวะ”

เตชินท์ออกจะหัวเสียไม่ใช่น้อย ถึงขนาดยืดคอทุกห้านาที
แต่ไร้เงาของร่างระหงที่เขาอยากจะครอบครองเป็นเจ้าของ
นับแต่นาทีแรกที่พบกัน กวินพามาแนะนำให้ได้รู้จักเมื่อครั้งก่อน

แฟนเพื่อนก็จริงแต่ในเมื่อเงินที่ให้หยิบยืมไปมันดันหามาคืนให้ไม่ได้
หากคิดจะล้างหนี้กัน มันก็ต้องมีการแลกเปลี่ยนกันหน่อย ถึงจะสมน้ำสมเนื้อ

“ใจเย็นน่ะชินตะกี้มันโทรมา นู้นไง! โหเด็ดนี่หว่า
โคตรจะน่ารักเลยแบ่งบ้างนะมึง”

วรภพคู่หูของเตชินท์ที่ชอบความเร็วเหมือนกันและรสนิยมก็ไม่ต่างกัน
ทำท่ากะลิ้มกะเหลี่ยจนออกนอกหน้า

ท่าที่เจ้าตัวถูไม้ถูมือก็ ทำให้เตชินท์หัวคิ้วกระตุกได้ไม่ยาก
คนนี้เขายังไม่ได้เลยและดูเหมือนกวินเองก็ยังไม่ได้แอ้ม
เหมือนกัน เพื่อนกันน่ะแบ่งได้แต่ต้องหลังจากที่เขาเบื่อแล้ว

เตชินท์มองตามที่วรภพบุ้ยใบ้มา สองหนุ่มหน้าตาดีที่มุ่งหน้ามาทางนี้
คนนึงผอมสูงหน้าตาออกไปทางเกาหลีหน่อย เวลาเดินไปไหนมาไหน
เรียกสายตาบรรดาสาวๆ หนุ่มๆ ให้หันมองตามได้ไม่ยาก

แต่อีกคนที่เป็นเป้าหมายของเขาในค่ำคืนนี้นั้นที่ดูน่าสนใจกว่าด้วยเรือนร่าง
ผอมบาง ขาวใส เส้นผมสีอ่อนที่ยาวเคลียๆ ไหล่

พอเดินเข้ามาใกล้ทำให้เห็นแก้มที่อิ่มเต็ม
ดวงตาคมสวยแต่ออกจะเศร้าๆ จมูกโด่งและริมฝีปากบางเฉียบสีพีชทำให้
อยากจะประทับริมฝีปากลงไปทาบทับ เพื่อลิ้มชิมรสว่าจะนุ่มสักแค่ไหน

เสื้อคอเต่าสีขาวกับกางเกงยีนขาดๆ แนบเนื้อนั่นอีกทำให้ร่างที่มาหยุด
ตรงหน้าดูบอบบางน่ารักน่าอุ้มอีก

“สบายดีนะ ยู”

เตชินท์เอ่ยทักแฟนเพื่อน ดั่งคนที่รู้จักคุ้นเคยกันเป็นอย่างดี

“อื้ม…นี่จะลงสนามรึยังล่ะ”

ยูฟ่ายิ้มอ่อนให้เพื่อนของแฟน วันนี้กวินใจดีพามาดูแข่งรถ
ซึ่งปกติไม่เคยจะยอมให้มาด้วย

“ใกล้แล้วล่ะ เอ่อ! วินแล้วฝั่งนู้นรู้มั้ยเป็นใคร?”

 เตชินท์ถามถึงคู่แข่งในค่ำนี้

“ไม่รู้ว่ะไม่ว่าจะเป็นใครชัยชนะก็ไม่พ้นเป็นของมึงอยู่ดี
 อย่าไปสนเลยยูไปหาที่นั่งกันก่อนเถอะวินเมื่อยแล้ว”

กวินหันไปชวนแฟนตัวเล็กเพื่อไปหาที่นั่ง

“โชคดีนะชิน คว้าชัยชนะมาให้ได้เอาใจช่วยนะ”

คนตัวเล็กโบกมือให้เตชินท์และวรภพที่ขยับจะลงสนาม
สองหนุ่มยิ้มรับคำอวยพรแล้วสบตากันอย่างมีเลศนัย
ทั้งสองพากันเดินลงไปยังสนาม เมื่อได้ยินประกาศเรียก



ข้างฝ่ายยูโด ยืนทำสมาธินิ่งๆ อยู่พักหนึ่งก่อนที่จะรับหมวกนิรภัยจากโชกุนมาถือไว้

“ไปนะพวกมึง…ไม่ว่าผลคืนนี้จะออกมายังไง มึงต้องพายูฟ่ากลับบ้านให้ได้ ฝากด้วย”

ทั้งสามพยักหน้ารับพร้อมกัน  ยูโดในชุดแข่งรถสีเงินแถบดำพาดข้างลำตัวเดินลงสนาม
ตรงไปที่รถคันสีขาวแถบแดงที่โชกุนเป็นเจ้าของ คันนี้เขาเคยลองกันมาแล้ว
พอจะคุ้นเคยกับมันพอควร

“กูชักใจไม่ดีเลยว่ะ…แม่งเอ้ย!”

ฟีนิกซ์เตะเท้าในอากาศอย่างพลุ่งพล่าน ความเป็นห่วงเพื่อนท่วมท้น
แต่เขาหยุดมันไม่ได้แล้ว

“ทำไงได้ล่ะ ปากมันบอกว่าเกลียดๆ ดูมันทำสิ โคตรจะย้อนแย้งเลย”

ขนมส่ายหน้าด้วยจนปัญญาเหมือนกัน

“เราไปเฝ้าตัวปัญหากัน ไม่ชอบมาพากลจะได้ลากตัวมันออกทัน”

โชกุนพูดแล้วจับแก้มขนมยืดด้วยความมันเขี้ยว เวลาไม่ได้ดั่งใจ
มักจะเผลอทำแก้มป่องอมลม

“โอ้ย! ดึงทำไมนัก แก้มนะไม่ใช่หนังสติ๊ก…ห่านี่”

เพื่อนตัวเล็กแก้มใสไล่ถีบโชกุนทั้งที่ขาก็สั้นอย่างนั้น

นี่แหละความน่ารักประจำกลุ่มของพวกเขา



ยูฟ่านั่งหน้ายุ่ง ด้วยรู้สึกว่าด้านหลังของเขาจะมีกำแพงหนา ของพวกผู้ติดตาม
ที่ไม่เคยแตกแถวกันเลย แต่คราวนี้กลับต่างออกไป

ยูฟ่าหันขวับไปด้านหลัง ด้วยรู้สึกว่าตนถูกจ้องมอง จะขยับทำอะไรหางตา
ก็เหลือบไปเห็นพวกนี้ขยับตาม ทำอย่างกับว่าเขาเป็นนักโทษอย่างนั้น
ขนมเพื่อนตัวเล็กสุดของน้องชายส่งสัญญาณไม่ให้ทัก

ยูฟ่าแค่อยากรู้ว่าสามหนุ่มพากันมาดูแข่งรถอยู่ที่นี่
แล้วน้องชายตัวแสบของเขามันหายไปไหน

ยูฟ่าเลิกใส่ใจเมื่อเห็นรถเกือบ
สิบคันเคลื่อนไปยังจุดสตาร์ท สัญญาณปล่อยตัวเริ่มขึ้น

ยูฟ่ารู้สึกเหมือนตื่นเต้นเร้าใจอย่างกับได้ไปเล่นเครื่องเล่นผาดโผน
ในสวนสนุกครั้งแรกอย่างนั้น การได้เห็นเองกับตาในสนามจริง
กับการดูผ่านจอมันให้อารมณ์ต่างกันอย่างสิ้นเชิง

เสียงเครื่องยนต์ดังกระหึ่มสะท้อนเข้ามาในอก เร่งให้อะดรีนาลีน
ในสมองหลั่งออกมา จนนั่งนิ่งไม่ได้
ชะเง้อคอตามเมื่อช่วงโค้งของถนนทำให้พลาดการมองเห็น

“เตชินท์คันสีดำคาดขาวนะยู ช่วยลุ้นมันที”

กวินหันมาบอก ยูฟ่ามองตามมือกวินที่ชี้บอก ตอนนี้ผ่านไปแล้วหนึ่งรอบสนาม
รถทุกคันยังเกาะกลุ่มกันอยู่แต่ลีลาของเตชินท์ก็เหลือร้าย คันอื่นๆ ยังมองไม่ออก
ว่าจะเป็นอย่างไร อาจจะมีม้ามืดก็เป็นได้เขาคิด

“เตชินท์ก็ดูไม่เบาเลยนะวิน เคยเป็นแชมป์มาก่อนไม่ใช่เหรอ
 คงจะชนะแหละมือชั้นนั้นแล้ว”

ยูฟ่าพูด ดวงตาไม่ได้ละไปจากสนามเลย


“อีกสี่รอบจะเกมแล้ว ไอ้ชินมันเหมือนจะชนะ
แต่ไอ้คันสีขาวแถบแดงมันก็ไม่เบาเลยจริงๆ ว่ามั้ยยู”

สามหนุ่มเพื่อนซี้ที่เฝ้ามองการแข่งขันและลุ้นระทึกอยู่นั้น
ต่างนั่งไม่ติดที่แล้วโดยเฉพาะขนมที่ผุดลุกผุดนั่งมากกว่าเพื่อน

“โห่ไรวะ มันเล่นนอกกติกานี่หว่า หนิกไอ้โดแย่แน่ๆ มึงดูไอ้นั่นมันทำสิ
เหมือนจะชวนตีเลย ไอ้โดสู้ๆ นะโว้ย!”

ขนมตะโกนลั่นและโห่เมื่อรถที่เตชินท์ขับเบียดข้างรถของยูโดจนเป๋ไปหน่อย
แต่ก็กลับมาประคองตัวได้อย่างเดิม ทั้งคู่ดูจะสูสีกันมากจนเริ่มดูเกมออกว่า

ผู้ชนะคือหนึ่งในสองคันนั้น

‘เดี๋ยวนะ! …นี่อย่าบอกนะว่ายูโดลงแข่ง’

ยูฟ่าหันขวับไปมองขนมที่กระโดดเหยงๆ ลุ้นเพื่อน

“ไอ้หนิก ไอ้โช มึงดูไอ้เลวนั่น มันจะฆ่าไอ้โดแล้ว ดูสิ!”

ขนมเอามือปิดปากหมับเมื่อถูกเพื่อนอีกสองคนรั้งตัวให้นั่ง
ที่แล้วดวงตาที่ขนมเคยมองว่าสวยหวาน ตอนนี้กลับขุ่นข้อง
จนหมดความน่ารักไปถนัดตา

ขนมเสียวสันหลังวาบเมื่อสบตากับยูฟ่าอย่างลี่ยงไม่ทัน

“ขนม! รถคันสีขาวคาดแดงเป็นยูโดขับใช่มั้ย”

ขนมพยักหน้าเมื่อมันไม่เป็นความลับอีกต่อไป
กวินมองไปที่สนามเมื่อได้ยินบทสนทนานั้นเต็มสองหู

‘แย่แล้ว นั่นมันกระดูกขัดมันชิ้นโต งานนี้ชักจะยากแล้ว’

เตชินท์รู้สึกถึงอุปสรรคที่มารออยู่ข้างหน้า ถ้าหากรถคันนั้นเป็นแฝดนรก
ของยูฟ่าล่ะจะทำยังไง

ยูฟ่าหันขวับกลับไปมองในสนามเมื่อรู้คำตอบ ความหวาดหวั่นแล่นสู่หัวใจ
ใจสั่นระรัว ด้วยไม่คิดว่าน้องชายฝาแฝดของเขา ที่ชอบเกเรไปวันๆ
แต่ตอนยังชอบความเร็วท้าทายความตายเข้าไปอีก

‘ทำไมต้องทำอะไรเสี่ยงๆ ทำไมชอบทำให้ห่วงนักนะโด’

ยูฟ่ากระสับกระส่าย เมื่อมองเกมออกว่าเตชินท์กำลังเล่นนอกกติกา
อย่างที่ขนมพูดจริงๆ ทำเป็นขี้แพ้ชวนตียังไงยังงั้น

ฉับพลันก็เกิดเสียงชนกันดังสนั่นหวั่นไหว
เสียงและภาพเหมือนจะเข้ามากระชากหัวใจของเขาให้หลุด
จากขั้วเสียให้ได้ รถคันนั้นที่ยูโดขับหมุนคว้างอยู่หลายตลบ
ก่อนที่จะพลิกคว่ำในทันที

ยูฟ่ากระโจนไปข้างหน้าแต่ถูกมือใหญ่และเรี่ยวแรงที่
มากกว่ากระชากตัวเขาอย่างแรงจนละลิ่ว เขาถูกลากพร้อมๆ
กับบางจังหวะที่ถูกอุ้มจนเท้าไม่ติดพื้น

สติกลับมาเต็มก็ตอนที่ถูกยัดเข้าไปในรถยนต์
ยูฟ่าอ้าปากจะประท้วง แต่สีหน้าและแววตาที่ไม่เป็นมิตร
และอาการคุกคามอยู่ในที ทำให้ต้องถามออกไปเสียงเบา

“จะพาไปไหน เราจะไปหายูโด ปล่อยเรานะ”

“จะพากลับบ้าน ไม่ต้องถามอะไรทั้งนั้น”

โชกุนที่นั่งอยู่เบาะหน้าหันมาบอก น้ำเสียงคุกคาม

“แต่เราเป็นห่วงโด”

ยูฟ่าพูดม่านน้ำตาไหลรินลงมาตามร่องแก้ม อย่างห้ามไม่อยู่

“เงียบ! ที่มันเป็นแบบนี้ยังไม่รู้ตัวอีกหรือไง เป็นเพราะนาย!”

 ฟีนิกซ์ตะคอกอย่างหัวเสีย

“ไม่! เราไม่ได้ทำอะไร เรา…”

ยูฟ่าเถียงกลับ แต่ต้องปิดปากเมื่อโชกุนมองด้วยสายตาที่น่ากลัว
ยูฟ่าน้ำตานองหน้ามาตลอดทางกลับบ้าน พวกนี้กำลังตั้งแง่กับเขา

โกรธเกลียดกันมาเป็นชาติหรือไง

“ไอ้โดมันสั่ง ให้พานายกลับบ้าน มันขอแค่นั้นเราที่เป็นเพื่อนมัน
จะไม่ทำเพื่อมันหรือไง ช่วยให้ความร่วมมือด้วยและสังวรไว้ด้วย
ว่าเราไม่ได้อยากจะยุ่งกับนายเลยจริงๆ”

โชกุนเพื่อนสมัยมัธยมของยูโดที่คุ้นหน้าคุ้นตากันดีพูด คิ้วหนาขมวดยุ่ง
ดวงตาทอดมองออกไปข้างหน้า ขบฟันจนขึ้นสันนูน ส่วนฟีนิกซ์กำพวงมาลัยแน่น
นี่ก็เพื่อนเก่าอีกคนที่ตามกันไปทุกที่

ถ้าในห้องโดยสารไฟส่องสว่างกว่านี้
ยูฟ่าว่าแววตาของสองคนนี้คงไม่ต่างจากเสือร้ายแล้ว

“ไอ้โชมึงโทรหาไอ้หนมที ไอ้โดมันเป็นไงบ้าง กูเครียดเว้ย!”

ฟีนิกซ์ทุบพวงมาลัยรถดังปึกๆ เพื่อระบายอารมณ์
ยูฟ่าเห็นอย่างนั้นก็อดที่จะสะดุ้งไม่ได้

“ไอ้หนมไม่รับสายเลย กูใจไม่ดีเลยหนิก มึงขับให้มันเร็วอีกหน่อยได้มั้ยวะ
หมดธุระนี่! เราจะได้ตามไปดูมัน”

โชกุนเร่งให้คนขับเพิ่มความเร็วขึ้นอีก และทิ้งหางตาและน้ำเสียงใส่ยูฟ่า

“รู้ว่าอันตรายทำไมพวกนายไม่ห้ามล่ะ พอเกิดเรื่องแล้วพล่าน
 เป็นเพื่อนกันภาษาอะไร”

ยูฟ่าต่อว่าอย่างเหลืออดแล้วเหมือนกัน เขาเองก็ร้อนใจไม่แพ้พวกนี้
นั่นมันน้องชายของเขาเลยนะ ถึงแม้จะไม่ค่อยลงรอยกันนักก็ตาม

“หุบปาก! นายจะไปรู้อะไร ดีแต่สร้างเรื่อง ที่ไอ้โดมันลงแข่งก็เพราะนาย
 นายมันโง่! โง่อย่างที่ไอ้โดมันว่าจริง ๆ ขนาดไอ้วินพาไปสนามยังคิดว่า
มันอยากให้มาดูแข่งรถเหรอ"

"บ้าฉิบ! มันพานายไปเป็นของเดิมพัน
ใครชนะก็ได้ตัวนายไป ไอ้พี่หน้าโง่ที่ไอ้โดมันบอกว่าเกลียดๆ น่ะ
มันจะช่วยไว้ทำไมวะ โธ่โว้ย!!!”


ยูฟ่าหูอื้อเมื่อได้ยินอย่างนั้น  กวินที่ขอคบเป็นแฟนยังไม่ถึงเดือนเลยเนี่ยนะ
พาเขาไปเป็นของรางวัลในการเดิมพันครั้งนี้

‘บ้าไปแล้ว ไม่จริง นี่มันเรื่องโกหกกันชัดๆ’

“นายพูดบ้าอะไรฟีนิกซ์ กวินไม่มีทางทำอย่างนั้น เราเป็นแฟนกันนะ”

 ยูฟ่าเถียงกลับ น้ำหนักเสียงที่มารองรับขัดกับคำพูดขึ้นมาทันที
 เขาเกิดความไม่มั่นใจเมื่อคิดได้ว่าใครมันจะกุเรื่องแบบนี้
ยิ่งคนที่ไม่อยากจะสุงสิงกันด้วยยิ่งไม่มีสิ่งจูงใจให้ต้องโกหกเลย ถ้าอย่างนั้น…

“โวะ!…เลิกโง่ซะที ไอ้เตชินท์มันเป็นเจ้าหนี้ไอ้วินหลายแสน
ไอ้วินมันเสียพนันบอลแต่ได้เงินไอ้ชินไปล้างหนี้ พอไอ้ชินมันทวงเงิน
หนักเข้าไอ้วินมันก็ต้องเอานายไปแลกกับหนี้ก้อนโตนั่น"

"ค่าตัวนายก็สูงไม่ใช่ย่อยเลยนะว่ามั้ย แต่ตอนนี้เลิกบื้อ! ให้ได้ก่อน”

โชกุนพูดด้วยวาจาเสียดสีและด่าทอตามมา
ยูฟ่านิ่งงันเมื่อถ้อยคำเหล่านั้นพรั่งพรูออกมา หากโชกุนพูดมาเป็นเรื่องจริง
เขาก็สมควรที่จะถูกตราหน้าว่าโง่งมจริงๆ

ยูฟ่ารู้สึกผิดและเหมือนมีมือที่มองไม่เห็นมาบีบเค้นก้อนเนื้อหัวใจ
จนเจ็บแปลบ เขาเป็นต้นเหตุทำให้น้องเดือดร้อน และอยู่ในอันตราย

‘ทำไมต้องทำแบบนี้ ไหนว่าเกลียดกัน’

“ถึงแล้วเข้าบ้านไป อย่าออกมาเพ่นพ่าน อย่าให้ไอ้วินมันพาไปให้ไอ้ชินซะล่ะ
ภารกิจสุดท้ายที่ไอ้โดมันฝากจบแล้วนะ ไม่ต้องตามมา”

ฟีนิกซ์จอดรถที่บ้านหลังใหญ่ที่มีรั้วสูงสีขาวและบุ้ยใบ้ให้เข้าบ้าน

“เราอยากไปดูยูโด อยากรู้ว่าเป็นไงบ้าง ขอไปด้วยคนนะโช”

 ยูฟ่าเกาะแขนโชกุนที่ปัดทิ้งอย่างแรง

“เข้าบ้านซะ มีอะไรเดี๋ยวโทรบอก เบอร์พวกเรามีหรือยังของไอ้โดก็ได้”

ยูฟ่าส่ายหน้า อยู่บ้านเดียวกันหน้ายังไม่มองเลย เหมือนคนแปลกหน้าเข้าไปทุกที

“เอ้านี่! เบอร์ของเรา”

ฟีนิกซ์ส่งเศษกระดาษที่ฉีกมาจากคอนโซลยัดใส่มือให้
ยูฟ่ารับมาดูเงยหน้าจะท้วงรถก็เคลื่อนหนีออกไปก่อนแล้ว
ทิ้งไว้เพียงข้อความบนแผ่นกระดาษ


‘เลิกโง่ เลิกบื้อ ตาสว่างซะทีก่อนที่จะสายเกินไป…บื้อเอ้ย!’



« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 22-05-2019 21:03:23 โดย เส้นขอบฟ้า »

ออฟไลน์ snowboxs

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5467
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +124/-7
น่าสนๆ

ออฟไลน์ azure

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 772
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +37/-2
ตามค่า
หวังว่านายเอกจะไม่อ่อนแอเกินไปนะ :hao4:

ออฟไลน์ เส้นขอบฟ้า

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 137
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +22/-0
ตอนที่ 2 หน้าที่กับหัวใจ

ขนมถลันลงไปที่สนามเมื่อเห็นว่ารถของยูโดพลาดท่าถูกชน
และพลิกคว่ำต่อหน้าผู้ชมหลายพันคน แต่ไม่ทันที่ขนมจะเข้าไป
ถึงก็ถูกกันตัวออกมา มีเพียงเจ้าหน้าที่สนามกับแพทย์และผู้เกี่ยวข้อง
เท่านั้นที่สามารถเข้าไปได้

สภาพรถที่พังยับเยินขนาดต้องใช้เครื่องมือตัดถ่างเข้ามาช่วย
กว่าจะพาร่างของคนเจ็บออกมาจากตัวรถได้ก็ผ่านไปหลายนาที

ขนมเข่าอ่อนเมื่อเห็นใบหน้าของเพื่อนที่เต็มไปด้วยเลือด
ร่างนั้นไม่ไหวติง ชุดแข่งรถสีเงินที่ยูโดสวมเหมือนถูกย้อมด้วยสีแดง
แม้จะมองเห็นในระยะไกลๆ ก็ทำให้มือเท้าเย็นเฉียบ

‘ต้องโดนแรงขนาดไหนกันหมวกนิรภัยยังเอาไม่อยู่ อย่าเป็นอะไรนะมึง’

เสียงโทรศัพท์ดังกว่าสิบสาย ขนมไม่มีเรี่ยวแรงที่จะล้วงมันออกมาจากกระเป๋า
ด้วยซ้ำ รู้ว่าเพื่อนๆ เป็นห่วงมันมากแค่ไหน แต่เขาจะพูดบอกออกไปยังไง
เขาแค่เห็นไกลๆ

ขนมแทบประคองสติตัวเองไว้ไม่อยู่ด้วยซ้ำ เขาเงยหน้าและพยุงตัวให้ลุก
แต่จู่ๆ ก็มีเจ้าหน้าที่พยาบาลก็เข้ามาหา

“ตัวเล็ก คนเจ็บนั่นเพื่อนเราใช่ไหม ถ้าใช่ก็ตามไปที่โรงพยาบาลพงศดาเวชนะ”

ขนมพยักหน้า พยายามตั้งสติแล้วหมุนตัวกลับไปที่รถ เขาเดินอย่างอ่อนแรง
กว่าจะถึง เมื่อขึ้นนั่งบนรถ สตาร์ทเครื่องและฟุบหน้าลงกับพวงมาลัย

‘มึงต้องปลอดภัย มึงต้องไม่เป็นไรนะโด’
ได้แต่พร่ำภาวนาให้เพื่อนปลอดภัย
ขนมชั่งใจก่อนจะกดรับสายล่าสุดที่ดังเตือน

“เข้าใกล้มันได้ที่ไหนล่ะมึง เออ! สิ เขาให้ตามไปโรงพยาบาลพงศดาเวชนะโช
หน้าไอ้โอมีแต่เลือด …ชุดที่มันสวมมึงจำได้ป่ะ แทบจะเป็นสีแดง คิดดูเอาแล้วกัน”

ขนมเล่าเท่าที่มองเห็น

(หนมมึงค่อย ๆ ขับนะเว่ย ใจเย็น พวกกูจะรีบไป เดี๋ยวเจอกัน)

วางสายไปแล้วก็โน้มตัวลงไปพาดกับพวงมาลัยรีบรอบ ภาพที่เห็นยังติดตา
จนตอนนี้ เขาแข็งใจยืดตัวตรงและเป่าลมออกจากปาก

“ฟู่…สู้โว้ยมึง…ไอ้หนมทำได้”

ขนมเรียกพลัง ถ้าเป็นเวลาปกติเขาคงทำท่าเหล่าซุปเปอร์ฮีโร่ไปแล้ว
และรถก็ได้เคลื่อนตัวออกจากที่จอดเสียที เพราะมัวทอดอาลัยอยู่ทำให้
เสียเวลาไปหลายนาที



ขนมนั่งแกร่วรอเพื่อนๆ อยู่หน้าห้องฉุกเฉิน โรงพยาบาลเป็นสถานที่มา
ทีไรมันไม่ดีต่อใจเลยสักครั้ง ไม่ชินเอาเลย

ภาพความวุ่นวาย คนเจ็บ กลิ่นยา

แล้วยังตอนนี้ที่ต้องรอใครบางคน รออย่างมีความหวังว่าคนในนั้นจะปลอดภัย
ลุกเดินก็แล้วนั่งก็แล้ว ทุกอย่างก็ยังคงเดิม ขนมโน้มตัวลงไปกุมขมับ
และเสียงฝีเท้าเดินที่ดังเข้ามา จึงต้องเงยหน้าและพบว่าเพื่อนร่างหนาสองคน
เดินหน้าตาตื่นเข้ามา แต่พอมองเลยไปด้านหลังของฟีนิกซ์

นั่นบุคคลอันตรายตัวพ่อเลยล่ะ ที่ตามเข้ามาติดๆ

“สวัสดีครับคุณพ่อ คุณหมอยังไม่ออกมาเลยครับ”

 ขนมรีบลุกขึ้นรับหน้าพ่อของเพื่อนทันที

“ปางตายเลยรึไง ชอบนักเรื่องเสี่ยงๆ คงเห็นว่าพ่อว่างมากนักละมั้ง
ทำแต่เรื่องป่วนประสาทอยู่ได้”

พงศกรพ่อของยูโดพูดอย่าเอือมระอาใจ ไม่บ่งบอกเลยสักนิดว่าห่วงใยลูก
สามหนุ่มได้แต่มองตากันปริบๆ โดยไม่มีใครเอ่ยปากพูดอะไรอีก
 
‘พูดอะไรไปตอนนี้ก็ดูจะมองเป็นผิดไปเสียหมด ลูกชังสินะยูโด’

ทั้งสามคิดไปในทางเดียวกัน

ทันทีที่ประตูห้องฉุกเฉินเปิดออก พ่อของยูโดก็ปราดเข้าไปรับหน้าหมอ
และถ้อยคำที่หลุดออกมาจากปากของหมอทำเอาทุกคนถึงกับอึ้งไปตามๆ กัน

“คนไข้รู้สึกตัวแล้วครับ ศีรษะแตก แขนซ้ายหักและข้อไหล่ซ้ายหลุด
ที่น่าเป็นห่วงคือดวงตาที่ได้รับการกระทบกระเทือน ทำให้มีเลือดออก
ในช่องหน้าลูกตา ต้องอยู่ในการดูแลอย่างใกล้ชิดของแพทย์ครับ”

“วะ ว่าไงนะครับ คุณหมอหมายความว่าลูกชายผมมีสิทธิ์ที่จะ…ตาบอด?”

ท่านถามออกไปตรงๆ น้ำเสียงสั่นไหวต่างจากตอนที่เดินเข้ามาลิบลับ

“ตอนนี้เราต้องเฝ้าระวังว่าเลือดจะออกมาซ้ำอีกหรือเปล่า
ถ้าเลือดไม่หยุดไหลจะเป็นอันตรายต่อกระจกตาอย่างมากเลยทีเดียว”

“มะ หมายถึง…ทำให้ตาบอด…ใช่มั้ยครับหมอ”

 คุณพ่อของยูโดยิงคำถามสวนออกไป เป็นคำถามเดียวที่ทุกคนต่างจดจ่อรอฟัง

“ใช่ครับมีโอกาสที่จะเป็นอย่างนั้น ดังนั้นคนไข้ต้องอยู่ในความดูแล
ของแพทย์อย่างใกล้ชิด”

“ขอบคุณครับคุณหมอ”

คุณพ่อของยูโดพูดอย่างอ่อนแรง แล้วเจ้าหน้าที่ก็เข็นเตียงของยูโดออกมา

“อยู่เป็นเพื่อนยูโดสักครู่ได้มั้ย พ่อจะโทรให้หาแม่มัน
ให้มารับรู้ถึงความดื้อด้านของมันด้วยกัน”

วาจาที่บั่นทอนจิตใจคนกำลังเจ็บ ไม่น่าเชื่อว่าจะออกมาจากปากของผู้ให้
กำเนิดเลยด้วยซ้ำ

ขนมสงสารเพื่อนจับใจ ถ้าเป็นไปได้ก็อยากที่จะให้มันไม่ได้ยิน

“หนมอยู่แถวนี้มั้ย ทำไมหมอต้องปิดตากูด้วยวะ ขากูก็ยกได้นะเว่ย

 ขนมมึงอยู่ตรงนี้ใช่มั้ย พูดสิวะ”

 ริมฝีปากสีคล้ำขยับพูดไม่หยุด ดูคล้ายกับเด็กที่กำลังเสียขวัญ

“เออ อยู่กันครบแหละ อย่าเพิ่งคิดอะไร อย่าเคลื่อนไหวมาก
มันจะกระทบกับดวงตาของมึงนะ หมอบอกว่ามีเลือดออกใน
ช่องหน้าลูกตา อยู่เฉยๆ เดี๋ยวก็ดีเอง”

 ขนมปลอบใจเพื่อนซึ่งเป็นทางเดียวที่เขาพอจะช่วยได้

“อืม แม่กูมารึยัง พ่อน่ะพวกมึงไม่ต้องไปบอกเลยนะ กูขี้เกียจหูบวม”

โชกุนหัวคิ้วกระตุก แสดงว่ามันไม่ได้ยินที่พ่อมันบ่น นั่นแหละดีที่สุดแล้ว

“พ่อมึงน่ะมาแล้วกำลังโทรตามแม่มึง เดี๋ยวคงจะเข้ามา”
โชกุนตอบคำถามเพื่อน

“พวกมึงก็อย่าเพิ่งไปไหนนะ อยู่เป็นเพื่อนกูก่อน” ยูโดร้องขอ

“เออน่ะไอ้ลูกแหง่ เอาอะไรก็บอกแล้วกันพวกกูอยู่กันตรงนี้แหละ”

ฟีนิกซ์พูดพร้อมกับจับมือข้างที่ไม่ได้ใส่เฝือกขึ้นมาบีบ
เจ้าหน้าที่ทำการเข็นย้ายเตียงของยูโดไปที่ห้องปลอดเชื้อในเวลา
ต่อมาโดยมีพวกพ้องเดินตามไม่ห่าง

“ระวังนะคะห้ามไปสัมผัสหรือทำอะไรกับที่ครอบตา เพราะจะทำให้
เชื้อแบคทีเรียเข้าไปสู่ดวงตา อาจจะทำให้ดวงตาอักเสบและติดเชื้อได้ค่ะ”

พยาบาลสาวใหญ่บอกคนไข้ก่อนออกไปจากห้อง

“ขอน้ำหน่อยสิมึง แสบคอชะมัด”

ขนมขยับไปรินน้ำใส่แก้ว และให้ยูโดดูดผ่านหลอด
ไม่นานเกินรอบุคคลอันตรายแห่งปีที่เหล่าสหายแอบตั้งชื่อให้พ่อของเพื่อน
ก็ก้าวเท้าเข้ามา ท่านไปยืนที่ข้างเตียงลูกชาย

“พ่อจะกลับแล้วนะยูโด คราวนี้คงเลิกได้ซะทีนะเรื่องเสี่ยงๆ
แบบนี้น่ะ พ่อไม่ได้ว่างที่จะมาดูแลแกได้บ่อยๆ หรอกนะ
พ่อต้องทำงานหาเงินมาให้พวกแกกินแกใช้กัน"

พ่อบ่นและมีเสียงทอดถอนใจปนมาด้วย ยูโดนอนฟังเงียบๆ

"แล้วรถที่เอาของเพื่อนไปทำซะยับน่ะ ลากไปที่อู่แล้วให้เขาเขียนบิลออกมา
เดี๋ยวพ่อจัดการเอง ใครเป็นเจ้าของก็ตามๆ เรื่องด้วยนะ”

พ่อพูจบและมีเสียงฝีเท้าเดินห่างออกไป ไม่ถามสักคำว่าเขาเป็นอย่างไรบ้าง
เจ็บมากมั้ย นี่คงเป็นประโยคที่พ่อพูดได้ยาวที่สุดในรอบหลายปีที่เขาได้ยินได้ฟัง

“ดีนะที่ไม่ด่าอะไรกูมากไปกว่านี้ สมองยิ่งเบลอๆ จำไม่หมดหรอก”
ยูโดพูดประชดพ่อตัวเอง

รีบมารีบไปขนาดนี้ ตกลงเวลาของท่านมีค่ามากกว่าคนที่นอนเจ็บอยู่นี่หรือไง
ฟีนิกซ์นึกค่อนแคะในใจ

“เถอะน่ะชินๆ ซะทีสิกับพ่อมึงน่ะ” ขนมพูดแล้วตบปุๆ ที่หลังมือเพื่อนเบาๆ

“โดง่วงก็นอนเลยนะ ไม่ต้องถ่างตาไว้ พักซะบ้าง
 มึงรอดตายมาได้นับว่าเป็นบุญแล้ว”

โชกุนมองเพื่อนด้วยความสงสาร ถ้าพวกเขาพากันกลับออกไป
มันก็เหมือนจะเหลือตัวคนเดียว

“ที่รอดตายเพราะนรกยังไม่ต้องการกูต่างหากล่ะ”
 พูดอย่างไม่ยินดียินร้ายกับชีวิต

“ยูฟ่ากูส่งมันเข้าบ้านไปแล้ว มันจะตามมาดูมึงให้ได้เลยนะเว้ย
กูด่ามันแทนมึงแล้วเรื่องที่มันทั้งโง่แล้วก็บื้อให้ไอ้วินแฟนเลวๆ
หลอกได้น่ะ ฮ่าฮ่า ไม่มีตอบโต้เลยสักคำ”

โชกุนเล่าอย่างสะใจปนขบขัน

“มันยอมกลับบ้านก็ดีแล้ว ช่างเถอะ ขอบคุณพวกมึงที่เป็นธุระให้กูนะ”
 ยูโดพูด ถึงอย่างไรเขาก็ไม่อยากให้เพื่อนเกลียดคนของเขาอยู่ดี

แค่เขาคนเดียวที่ทำเป็นว่าเกลียด…แค่คนเดียวพอ

เพื่อนๆ อยู่คุยอีกสักพักและขอตัวกลับเมื่อแม่ของยูโดมาถึง

“ยูโดเป็นยังไงบ้างลูก เจ็บมากเลยสิ ทำไมต้องทำอะไรอย่างนี้กัน
นี่คุณพ่อก็โทรไปโวยวายกับแม่ ดีเท่าไหร่แล้วที่สมองไม่เป็นอะไรน่ะ”

คุณแม่เข้ามาและยกมือลูบที่ใบหน้าของเขาอย่างแผ่วเบา
แล้วท่านก็ชะงักมือ คงเพราะไอ้ที่ครอบตา

“หมอบอกต้องอยู่ใกล้หมอไประยะนึงก่อนจนกว่าจะดีขึ้น ทนเอาหน่อยนะลูก
 วันนี้ให้ยูฟ่าอยู่เป็นเพื่อนนะ”
มารดาพูดด้วยน้ำเสียงห่วงใยดังเดิม

“ผมอยู่ได้ครับคุณแม่” ยูโดตอบทันควัน

เขาไม่อยากเป็นภาระให้ใครต้องมาลำบากกับเขา แม้ว่าส่วนลึกในใจอยาก
ได้รับความห่วงใยและการดูแลก็ตามที โดยไม่รู้ว่าถ้อยคำที่พูดนั้นทำให้บางคน
ในห้องนี้ถึงกับเม้มริมฝีปากแน่น

“ไม่ดื้อนะลูก ถ้ายูอยู่ด้วยแม่จะได้กลับไปพักไง”
มารดาพูดทิ้งท้ายก่อนกลับไปจริงๆ


สองพี่น้องต้องอยู่เผชิญหน้ากัน ยูฟ่ามองสภาพคนเจ็บที่มีรอยฟกช้ำ
ให้เห็นหลายที่นอกร่มผ้า ศีรษะมีผ้าก๊อซชิ้นยาวปะไว้พาดไปเหนือกกหู
กะจากขนาดของผ้าก๊อซแล้วแผลคงยาว มีเฝือกที่แขนส่วน ส่วนหัวไหล่
มีตัวรัดช่วยพยุงไว้อีก

ที่น่าตกใจคือดวงตาทั้งสองข้างที่ปิดไว้ด้วยที่ครอบสีขาว
คนที่เคยแข็งแรงกว่าเขามาตลอดตั้งแต่จำความได้มานอนติดเตียงคนไข้แบบนี้

ไม่ชิน ไม่อยากให้มีวันนี้เลย ถุงน้ำเกลือพร่องไปแค่เล็กน้อย
ยูฟ่านั่งลงที่เก้าอี้หน้าเตียง จิตใจสั่นไหวอย่างที่ควบคุมไม่ได้
นี่เป็นการเข้าใกล้กันมากสุดในรอบปีเลยและเพราะไม่ได้คุยกัน
นานมากแล้วจึงไม่รู้ว่าจะเริ่มพูดคำไหนดี

จะถามออกไปว่าเป็นยังไงบ้างถ้าเขาไม่พูดด้วยจะทำยังไง

‘ยูอยู่นี่แล้วนะ อย่าไล่กันเลย’
ยูฟ่ารู้สึกตีบตัน น้ำตาปริ่มที่ขอบตาและทำท่าว่าจะไหล

‘เห็นหน้ากันทุกวันไม่พูดกันเลยสักคำยังดีเสียกว่า ใกล้แบบนี้
แล้วต้องมานอนเจ็บแบบนี้…อย่าใกล้กันเลย’

ถ้าเปลี่ยนตัวกันได้ก็อยากเป็นคนที่เจ็บแทน

น้ำตาหยดหนึ่งหล่นบนหลังมือ ยูฟ่าสะดุ้ง เขายกหลังมือขึ้นปาดน้ำตา

“ปวดฉี่พาไปหน่อย…ยู”
ยูฟ่าสะดุ้งแรงกว่าเดิม ไม่คิดว่าจะได้ยินคำเรียกขานนี้อีก 

 “ค่อยๆ ลุกนะ นั่งก่อน หย่อนเท้าลงที่พื้นช้าๆ ห้องน้ำอยู่ทางขวาใกล้กับประตู
 เดินไม่ถึงสิบก้าว นั่นแหละถึงแล้วยืนนิ่งๆ ก่อนเดี๋ยวจะเปิดประตูให้
ยกเท้าขึ้นนิดนึงพื้นมันต่างระดับ ตรงไปอีกสามก้าว ยูดึงกางเกงให้นะ”

ยูฟ่าทำตามที่พูด ร่นกางเกงยางยืดของยูโดลง และหนอนนั่นก็ดีดออกมา
เขาหน้าร้อนวูบแต่ก็เอื้อมมือไปจะให้อีกคนยืนให้ตรงทิศทาง

“ทำเองได้มือข้างนี้ไม่ได้เจ็บ โอ๊ะ บ้าชะมัด”
ยูโดเซเพราะความรีบร้อนทำให้ฉี่กระเซ็นลงพื้น ยูฟ่ารีบไปพยุงน้องไว้
ทำเป็นไม่ใส่ใจจับหมับให้ตรงกับโถมากขึ้น

‘ตามองไม่เห็นจะมาอายอะไรล่ะ เหมือนๆ กันมั้ย คนที่อายต้องเป็นเราสิ’

“โดอย่าดื้อ นี่เป็นหน้าที่ของยู อยู่เฉยๆ ไปเลย ดูสิ! เลอะเทอะเลยเนี่ย”

คนตัวเล็กข้างๆ แย่งหน้าที่ซึ่งไม่น่าจะกล้าทำไปจนได้ กลิ่นหอมอ่อนๆ
จากผิวกายกระทบปลายจมูกด้วยระยะที่ใกล้กันมาก อุ้งมืออุ่นนุ่ม
เขารู้สึกร้อนๆ ที่ใบหูและเสียงกดน้ำก็ตามมาทำให้อาการกระอักกระอ่วนหายไป

“โดล้างมือทางซ้ายนะ”
ยูฟ่าเอี้ยวตัวไปเปิดก๊อกกลุ่มผมนุ่มเฉียดจมูกของยูโดอีกแล้ว
ยูโดล้างมือแล้วถูกพาออกมาจากห้องน้ำ และกลับไปยังเตียงตามเดิม

ยูโดนั่งลงอย่างทุลักทุเลมียูฟ่าคอยจับประคอง และจัดท่านอนให้
ตัวก็เล็กออกอย่างนั้นยังจะมาพยุงคนที่ตัวหนาและใหญ่กว่ามาก
เดี๋ยวคงจะปวดหลังแน่ๆ ยูโดขมวดคิ้วมุ่น การที่ช่วยเหลือตัวเองแทบ
ไม่ได้แบบนี้ทำให้รู้สึกหงุดหงิด และตาก็มองไม่เห็นอีก

ถ้าเขาต้องตาบอดตลอดไปจะทำยังไง จะอยู่ยังไง

“นอนเลยนะโด อยากได้อะไรเรียกยูนะ แล้วนี่ปวดแขนมั้ย ตาล่ะ ปวดรึป่าว”

น้ำเสียงที่เอ่ยถามอย่างห่วงใย ซึ่งก็นานมากแล้วเหมือนกันที่ไม่ได้สัมผัส
ทำให้อารมณ์ที่ดำดิ่งถูกเรียกกลับมาได้หน่อยหนึ่ง

“แขนปวดตุบๆ ตาปวดแบบหน่วงๆ เหมือนตาจะหลุดเลย ทีนี้บอกตรงๆ
หัวก็มึนๆ ขึ้นมาอีกคงเพราะเคลื่อนไหวตัวเมื่อตะกี้”

ยูโดบอกไปตามอาการ

“เหรอ ยูขอไปถามพยาบาลก่อน เผื่อมียาให้กิน”

 ยูฟ่ากำลังจะออกไปจากห้องแต่ถูกมือใหญ่ควานมาและจับข้อแขนไว้ได้

“ไม่ต้องไปนะยู โดไม่เป็นไรมาก พยาบาลก็บอกให้เคลื่อนไหวน้อยที่สุด
 ตะกี้เราคงเดินกันเร็วไปด้วยมันจึงกระเทือนมาที่แผลน่ะ พักสักหน่อยก็คงดีขึ้น”

“อื้มๆ งั้นคราวหน้าก็เดินให้เบาๆ ช้าๆ ก็แล้วกันเนอะ กินแอปเปิลมั้ยแม่ซื้อมาให้
 เดี๋ยวยูไปปอกมาให้นะ”

 ยูโดปล่อยแขนพี่และนั่งกึ่งนอนรอ เสียงเดินห่างออกไป สักพักก็กลับมายืนใกล้ๆ ตามเดิม

“นี่นะ ยูวางไว้ให้บนตัก หยิบเองมั้ยหรือจะให้ป้อน”
ยูฟ่าถาม น้องชายหยิบแอปเปิลขึ้นมากินเองโดยไม่ตอบคำถาม นั่นเป็นอันรู้กัน

“กี่โมงแล้วยู กินข้าวเย็นมาหรือยัง”
 ยูโดถาม เคี้ยวแอปเปิลไปด้วยตุ้ยๆ

“กินมาแล้วสิ ตอนนี้ก็สามทุ่มสี่สิบห้า”
ยูโดชะงักมือพร้อมทั้งส่งจานแอปเปิลคืนให้

“กินต่อที จะนอนแล้ว”
ยูฟ่ารับแอปเปิลที่เหลืออีกสามชิ้นมากินต่อ มองคนเจ็บที่ไถลตัวลงนอน

“ต้องปรับเตียงอีกมั้ย พอดีรึยัง”

“ได้แล้ว ยูเตรียมตัวไปนอนเถอะ ดึกแล้วเดี๋ยวจะปวดหัว”
 ยูโดพูดเพราะคนเป็นพี่นอนดึกมักบ่นปวดหัวเสมอ ไม่รู้จะยังเป็นอีกหรือเปล่า

“อือ…เดี๋ยวจะนอน แปรงสีฟันของโดตอนเช้าจะลงไปซื้อให้นะ น้ำยาบ้วนปากด้วยใช่มั้ย”

“อืม…” เสียงตอบมาเบาๆ

ยูฟ่านั่งมองคนบนเตียง เหมือนจะหลับไปแล้วเพราะลมหายใจทอดยาว
และหน้าอกกระเพื่อมเป็นจังหวะที่สม่ำเสมอกัน

“อย่าดื้อนักเลย…เป็นห่วงนะ” ยูฟ่าพึมพำก่อนที่จะเดินห่างออกไป

คนบนเตียงย่นหัวคิ้วเมื่อได้ยินถ้อยคำ เสียงรื้อหาอะไรกุกกัก
พักนึงก็ตามมาด้วยเสียงอาบน้ำ

หากยูฟ่าออกมาแล้วเดินมาที่เตียงจะพบว่าคนเจ็บไม่ได้หลับอย่างที่คิด
เพราะคิ้วที่ขมวดกันยุ่งและเสียงทอดถอนใจที่หยุดในตอนนี้มันฟ้อง


ยูฟ่าตื่นกลางดึกมาอีกรอบ เนื่องจากหมอเข้ามาตรวจ คนเจ็บบอกกับหมอว่าปวด
จึงได้ยาเพิ่ม เมื่อหมอออกไปยูโดขอเข้าห้องน้ำอีกรอบหนึ่ง การเคลื่อนไหวครั้งนี้
เป็นไปอย่างระมัดระวังมากขึ้น และต่อมาคนเจ็บก็นอนได้ยาวขึ้นเพราะได้ยาลดปวดมาช่วยบรรเทา





ออฟไลน์ AkuaPink

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2033
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +59/-1
 :pig4:
 :3123:

ออฟไลน์ snowboxs

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5467
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +124/-7
ตอนสองมาแล้ว
ละมุนมาก น่ารักกันจริงๆพี่น้องคู่นี้ ยูกับโด

ออฟไลน์ azure

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 772
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +37/-2
ตอนนี้มีความน่ารัก ดีต่อใจคนอ่าน :hao7:

ออฟไลน์ เส้นขอบฟ้า

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 137
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +22/-0
ตอนที่ 3 ดูแล

ช่วงเช้ายูฟ่าตื่นนอนและเข้าไปดูยูโดเห็นว่ายังหลับ เขาจึงลงไปที่ร้านสะดวกซื้อชั้นล่าง
หาซื้อของใช้จำเป็นและขนมขบเคี้ยวมาด้วยถุงใหญ่ เมื่อกลับเข้ามาในห้องพบว่ายูโดตื่นแล้ว
และนั่งกึ่งนอนอยู่บนเตียง

ยูฟ่าวางของไว้บนโต๊ะ ก่อนจะเดินไปหาน้องชายที่หัวคิ้วแทบจะชนกัน…หงุดหงิดอยู่สินะ

“โดลุกมาแปรงฟัน อีกเดี๋ยวค่อยเช็ดตัว”

ยูฟ่าเข้าไปประคองให้คนตัวโตลงจากเตียง เมื่อวานยูฟ่าให้เกาะแขนพยุงเดิน
ตอนนี้กลายเป็นว่าคนตัวเล็กกว่าถูกฝ่ามือหนาโอบกระชับบ่าแทน

“ไปไหนมา เรียกตั้งนาน” ยูโดถามด้วยน้ำเสียงไม่ค่อยจะพอใจนัก

“ก็ไปซื้อแปรงสีฟันกับน้ำยาบ้วนปากมาให้ไง แชมพูด้วย ขนมของยูอีก”
 ยูฟ่าทอดเสียงอ่อน เมื่อรู้สาเหตุของความหงุดหงิดนี้แล้ว

“คราวหน้าไปไหนบอกกันก่อน มองไม่เห็นมันน่าหงุดหงิด”
เสียงที่พูด ยังติดจะเอาแต่ใจ เขาพาคนน้องมาจนถึงอ่างล้างหน้า
 
“ขอโทษนะ เห็นว่าหลับจึงไม่ได้บอก รอตรงนี้เดี๋ยว”
ยูฟ่าเดินกลับไปหยิบแปรงสีฟัน ยาสีฟันและน้ำยาบ้วนปาก

“อยากโกนหนวด” ยูโดออกปาก ยูฟ่ามองไรหนวดที่เริ่มขึ้นเขียว

“ได้สิ แต่ขอโทรศัพท์มาโทรหาขนมก่อน วานให้ซื้อมีดโกนเข้ามา ค่อยโกนนะ”
ยูฟ่าช่วยเป็นพี่เลี้ยงให้ยูโดในการทำกิจวัตรยามเช้า

“ยูไปรอข้างนอกก่อน”

ยูฟ่าเห็นใบหูแดงๆ ก็อมยิ้ม ก่อนจะเดินออกไปจากห้องน้ำ จนเมื่อยูโดเรียก
จึงกลับเข้าไปและพาออกมา

ยูฟ่าย้อนกลับไปยังห้องน้ำ เตรียมกะละมังและผ้าขนหนูเช็ดตัว

“โดเช็ดตัวหน่อยนะ ถอดเสื้อก่อน” น้ำเสียงนุ่มๆ ข้างๆ ที่เคลื่อนไหวให้ได้ยิน

ยูโดคิดไปเองว่าถ้าไม่เจ็บอย่างนี้ คงไม่มีทางกลับมาคุยกันแบบนี้เป็นแน่

ผ้าเปียกชื้นที่ลากผ่านใบหน้าและลำคอลงมา จนผ่านไปยังแนวลำตัวและขา
เจ้าตัวเว้นเฉพาะที่ไว้ให้ แต่เพราะยูโดตั้งใจจะทำเองจึงไม่ได้ทักถาม

“เปลี่ยนเสื้อชุดใหม่เลย เอ่อ…ที่นี้ก็นอนลงได้แล้ว”

ยูฟ่าเอาผ้าห่มมาคลุมช่วงล่างให้ ถอดกางเกงของเขาออก ยูโดจึงต้องยกก้นช่วย
รับรู้ถึงสัมผัสเปียกชื้นที่ลากผ่านส่วนกลางกาย และจับเขาพลิกตัวไปด้านที่ไม่เจ็บ
และผ้าหมาดๆ ผืนนั้นก็เช็ดที่แก้มก้นให้อีก ก่อนจะสวมกางเกงให้เสร็จสรรพ

“เหนื่อยมั้ยยู” ยูฟ่าชะงักมือตอนที่ผูกเชือกที่เสื้อให้

“ไม่ ยูทำให้ได้ เรามีกันแค่นี้ อีกอย่างที่โดเจ็บตัวเพราะช่วยยูไว้ ขอบคุณนะ”

น้ำเสียงอ่อนโยนและคำขอบคุณ ความหมกมุ่นเป็นกังวลและความวิตกต่างๆ คลายลง

“เรื่องที่เพื่อนโดบอกยูไป เป็นเรื่องจริง โดรู้มาสักพักแล้ว กวินไม่ใช่คนดีอย่างที่ยูเข้าใจ
 มันติดการพนันจริงๆ”

ยูโดเอ่ยเล่าเบื้องลึกของผู้ชายที่ยูฟ่าคบ

“อื้ม…ยูเชื่อ ยูจะบอกเลิกกับเขา ยูไม่มีก็ได้แฟน มันไม่ได้สำคัญอะไร”
ยูฟ่าพูดพร้อมกับเดินเอาผ้าเปียกและกะละมังใบเล็กไปเก็บ

ยูโดซ่อนรอยยิ้มพอใจ ความสบายใจและหมดห่วงเข้ามาแทนที่
 

ช่วงสายมารดามาเยี่ยมรวมถึงเพื่อนๆ ของยูโดที่มากันครบทีม
รอบนี้มีเด็กหนุ่มตัวผอมบางที่มีคิ้วเข้ม ตาโตและตัวสูงกว่าขนมเล็กน้อยมาด้วยอีกคน

“นี่ธามเพื่อนที่มหา’ลัย เป็นเพื่อนกลุ่มเดียวกัน”

ฟีนิกซ์แนะนำเพื่อนตัวเล็กที่ส่งยิ้มทักทายมาให้ กลุ่มเพื่อนของน้องชายลดท่าที่แข็งกร้าวลง
จากวันก่อน วันนั้นคงเพราะห่วงเพื่อนมากนั่นเอง ยูฟ่าไม่ได้ติดใจอะไร

“น่ารักมากเลย ไม่ยักจะเหมือนยูโดที่ถึกและเถื่อนในบางเวลา”
ธาวินชมคู่แฝดของเพื่อนที่ถึงจะเป็นแฝด แต่ข้อต่างก็เยอะ
จนแยกแยะออกได้ง่ายดายว่าใครเป็นใคร

“อะ เอ่อ…ชมว่าหล่อจะน่าฟังกว่ามั้ย" ยูฟ่าพูดอย่างเขินๆ และหันไปหาขนม

"ขนมของที่ฝากซื้อล่ะ”
ขนมยื่นถุงพลาสติกผ่านหน้าโชกุนไปให้เขา ที่รับมาเปิดดู

“ของโดมันใช่มั้ย ไม่เอาตังค์หรอก ฟรี” ยูฟ่าพยักหน้าและยิ้มรับ

“ปวดฉี่” ยูฟ่ากำลังจะเข้าไปพยุงแต่ธาวินเข้าประคองเพราะอยู่ใกล้สุด
แต่พอยูโดลงมายืนหน้าเตียงฟีนิกซ์ก็ปราดเข้าไปพยุงแทน

“เราพามันไปเอง นายตัวเล็กไม่ไหวหรอกธาม จะพากันล้มซะเปล่าๆ”
สองหนุ่มเพื่อนรักพากันไปที่ห้องน้ำ ฟีนิกซ์บอกระยะก้าวเดินให้ยูโดไปตลอดทาง
มีเสียงดังโวยวายออกมาจากในห้องน้ำ

“ยี้ ไอ้สกปรก นั่นมันของตัวเองนะเว้ย! จับไปเองดิ”
สักพักก็พากันเดินออกมา

“มีอะไรกัน” โชกุนถาม

“ไอ้โดสิ ฉี่กระฉอกออกมานอกโถ ดีนะกูกระโดดหลบทัน มือมีก็ไม่ยอมจับแม่ง
 ของๆ ตัวเองแท้ๆ หึ้ย” ฟีนิกซ์ทำท่าขนลุกขนพอง

“เห้ย! อย่าบอกนะ ก่อนหน้านี้ยูฟ่าก็ไปจับหนอนให้มัน บรึ๋ย”
ฟีนิกซ์โวยและลดเสียงลงต่ำในตอนท้าย ทุกคนหันมองที่ยูฟ่าเป็นตาเดียว

“อื้ม…” ยูฟ่ากลัวเพื่อนน้องชายไม่เชื่อก็พยักหน้าตอบรับอีกรัวๆ คนฟังพากันแตกตื่น

“มันไม่แปลกหรอกเว้ย เราเป็นแฝดกัน มีก็เหมือนๆ กัน” ยูโดพูดหน้าตาย
 ทุกคนหันมองคนพูดอย่างกับเห็นสิ่งประหลาดที่หลุดมาจากนอกโลก

‘ไหนมันบอกว่าเกลียดกัน…เกลียดแบบไหนของมันวะ’

ฟีนิกซ์ขบคิดถึงเรื่องที่ผ่านๆ มา เพื่อนเขาที่มักจะออกอาการพร่ำบ่น พร่ำด่า
อย่างกับหมีกินผึ้ง เมื่อเอาเรื่องของพี่ชายแฝดมาพูด และท้ายประโยคบอกเล่า
จะมีคำว่า กูเกลียดแม่งว่ะ ตามมาเสมอ

‘อะไร ยังไง ตอนนี้สองคนพี่น้อง ดีกันแล้วใช่มั้ย ใครบอกที’
 ฟีนิกซ์เก็บงำความสงสัยเอาไว้


ภาพรวมอาการของยูโด คุณหมอบอกว่าดีขึ้นมาก เฝือกแขนต้องใส่อีกระยะ
และหัวไหล่ก็ต้องสวมสายพยุงไปอีกยาว ส่วนที่ต้องรอลุ้นกันอย่างใจจดใจจ่อคือดวงตา

วันนี้เป็นวันที่หมอจะเช็กดวงตาด้วยเครื่อง ยูโดถูกพาเข้าไปนานพอดูกว่าจะพากลับออกมา
ที่ครอบตาถูกถอดออกแล้ว ใบหน้าของน้องที่เรียบนิ่ง และแววตาที่มองตรงมา
ไม่มีทีท่าว่าจะโฟกัสที่ใครเลย

ยูฟ่าใจยกมือปิดปากด้วยกลัวว่าตัวเองจะหลุดปากพูดอะไรออกไป

“มีปัญหาที่กระจกตานิดหน่อยต้องใช้เวลาแต่จะค่อยๆ ดีขึ้น ระหว่างนี้ต้องใส่แว่นกันแดดช่วย
หากปวดตา เคืองตา หรือน้ำตาไหลมากๆ อย่านิ่งนอนใจให้พบแพทย์ทันที”

จักษุแพทย์ให้คำแนะนำ ในระหว่างที่หมอพูดยูฟ่าจ้องมองหน้าของยูโดเพื่อจับอาการ
พบแต่ความเย็นชาและนิ่งเฉย


เมื่อกลับไปที่ห้องพักผู้ป่วย ยูโดขึ้นเตียงนอนอย่างเงียบๆ ครบเจ็ดวันก็วันนี้แล้ว
คุณพ่อไม่เคยมาเยี่ยมยูโดเลย กลางวันยูฟ่าไปเรียนได้มารดามาอยู่แทน
หลังเลิกเรียนยูฟ่าจึงมาเปลี่ยนให้ท่านได้กลับไปพัก

ระหว่างพ่อกับแม่เหมือนมีอะไรบางอย่างที่เปลี่ยนไป พักหลังคุณแม่ออกจะเหงาๆ
ส่วนคุณพ่อไม่ค่อยจะกลับบ้าน หรือสิ่งที่ยูฟ่าคิดมันจะเป็นจริง ยูฟ่าได้แต่เก็บซ่อนความสงสัยเอาไว้

“โดเครียดเหรอ อย่าเป็นแบบนี้ มีอะไรคุยกันนะ”
ยูฟ่าเกลี้ยกล่อมคนน้องให้หันมาคุย ไม่ใช่นอนนิ่งอย่างไร้ชีวิตจิตใจแบบนี้

“ถ้าโดตาบอดตลอดไป...”
ยูโดถามในสิ่งที่ลึก ๆ แล้วยูฟ่าก็กลัว คำถามที่พลอยทำให้ใจหล่นวูบ

“ไม่นะโด หมอว่าจะค่อยๆ ดีขึ้น แค่อย่าเครียด เพราะมันไม่เป็นผลดี
 ทำให้หายช้าเข้าไปอีก” ยูฟ่าปลอบประโลม

“คนตาบอดนิสัยแย่ๆ อย่างเราจะอยู่ยังไง ใครจะต้องการ ดูคุณพ่อสิตอนเราตาดีๆ
 ท่านยังไม่ชอบหน้าเราเลย นี่มาตาบอดอย่าให้คิดเลยยู”

ยูโดพูดน้ำเสียงแฝงไปด้วยความน้อยเนื้อต่ำใจ ดวงตาที่ยูฟ่ามองเห็นมีแต่ความมืด ดำ
เขาสัมผัสได้ว่ายูโดกำลังท้อแท้และสิ้นหวัง ความสงสารทำให้โน้มตัวเข้าไปใกล้
ยูฟ่ายื่นมือไปลูบแก้มสากเบาๆ พร้อมทั้งนวดขมับให้เบาๆ

“ยูจะเป็นดวงตาให้โดเอง อย่าห่วงกังวลอะไร เราเกิดมาเพื่อกัน เราจะไม่ทิ้งกัน”
ยูฟ่ายื่นหน้าผากไปแตะกับอีกคน พลันลำตัวของเขาก็ถูกรวบไปกอด
มือข้างที่ไม่เจ็บยกขึ้นกอดแผ่นหลังของเขา ร่างกายสั่นไหวด้วยแรงสะอื้นที่พยายาม
กักเก็บมานาน

ความอ่อนแอที่ยูโดไม่เคยเผยให้ใครเห็น

“ที่ผ่านมาเราอาจจะพลัดหลงกัน ห่างกัน จะด้วยเหตุใดก็ตามแต่เรากลับมาหากันแล้ว
 อย่าไปไหนอีก อยู่กับยู เราเคยดีต่อกัน อะไรที่ยูทำให้โดไม่ชอบใจ อะไรที่เคยทำให้เกลียด
จนไม่อยากมองหน้า…ยูจะไม่ทำ…ขอแค่โดบอกมา”

คนตัวเล็กในอ้อมกอดที่ตอนนี้ซบอยู่แผ่นอกกว้างและสะอื้น

“ขอโทษนะยูที่ทำเป็นไม่สนใจ ทำเป็นเกลียด ทั้งที่จริงมันตรงข้ามกันทั้งหมด
ในทุกๆ หากยูหันมองกลับมา ยูจะเห็นโด ทุกคนที่เข้าใกล้ยูไม่มีใครที่โดไม่รู้จัก
อาจจะรู้จักมากกว่ายูด้วยซ้ำ ไม่เคยที่จะไม่สนใจ ที่ทำแบบนั้นออกไปเพราะโดเลวไงยู"


ยูโดหยุดพูดและสะอื้นหนักกว่าเดิม

"โดคิดกับยูเกินกว่าพี่น้อง อยากกอด อยากสัมผัสและอยากเป็นเจ้าของยู
 ไม่อยากให้ยูไปเป็นของใคร อย่างนี้ไง โดจึงต้องอยู่ให้ห่าง…เพื่อไม่ให้ยูต้องแปดเปื้อน
…เพื่อว่าจะไม่ทำสิ่งที่ผิดบาปไปกว่านี้”

น้ำเสียงสั่นเครือ ทุกถ้อยคำ ทุกความรู้สึกและทุกๆ เหตุผล ถูกสารภาพออกมา
 
“รักยู รักจริงๆ ใช่ไหม…โดล่ะรู้บ้างหรือเปล่า…ยูก็รู้สึกเหมือนกันกับโด
ที่คบกับกวินเพราะอยากหนีใจตัวเอง อยากหนีให้ห่างความผิดบาปทั้งปวง"

"แต่สุดท้าย…ยูก็ยังคงเจ็บร้าวอัดแน่นอยู่ในอก ไม่อาจห้ามหัวใจที่รักไปแล้ว
ทำเป็นไม่รัก มันทำไม่ได้ทั้งๆ ที่พยายามแล้ว เราไม่น่าเกิดมาเป็นพี่น้องกัน
หากเราไม่ใช่สายเลือดเดียวกัน อะไรๆ มันคงจะง่ายกว่านี้ ฮึก ยูรักโดนะ”

ยูฟ่าพูดสิ่งที่ปกปิดซ่อนเร้นมานานปี ก้อนสะอื้นก็พลันวิ่งขึ้นมาจนแน่น
เจ้าตัวพยายามเก็บกดมันลงไป เพื่อที่จะพูดในสิ่งที่ยังค้างอยู่ในใจ

“รักมานานมาก เจ็บหน่วงทุกครั้งที่โดใจร้ายใส่ มันเจ็บ...เจ็บที่ต้องฝืนใจทำว่าไม่ได้รักกัน
ทำเป็นไม่แคร์ ไม่ว่าจะถูกโดเกลียดยังไง หลายครั้งที่ยูอยากหนีไปให้พ้น
แต่ใจก็สั่งให้ต้องกลับมาอยู่จุดเดิม รู้มั้ยทรมานแค่ไหน อึดอัดจนแทบหายใจไม่ออก
จนบางครั้งยูคิดอยากจะหยุดหายใจและหายไปจากโลกนี้”

ยูฟ่าสะอื้นจนตัวโยน

“ไม่นะยู อย่าพูดแบบนี้ อย่าคิดจะหายไป จะไม่มีอะไรแบบนั้นอีก โดจะดีต่อยู
เพราะยูเป็นหัวใจเป็นชีวิตของโด สัญญาแล้วนะว่าจะไม่ทิ้งกัน…ยูต้องทำตามสัญญา
อย่าหลอกกัน เราจะผ่านมันไปได้ เราจะไม่ปล่อยมือกันแล้วนะ”

 สองพี่น้องกอดกันร้องไห้ระงม

เสียงสะอื้นไห้มันบาดลึกลงไปในหัวใจของคนเป็นแม่ นานแค่ไหนแล้วที่ลูกของเธอ
ต้องพบเจอกับความเจ็บปวดทางใจแบบนี้ ความรวดร้าวที่ทั้งสองต้องเผชิญ
และแบกรับมันไว้จนท่วมท้นหัวใจ

แม่อย่างเธอคงทำได้เพียง…ทำเป็นไม่รู้ไม่เห็นและไม่ได้ยิน
เป็นทางออกเดียวที่จะทำเพื่อลูกที่เธอรักที่สุด  อุไรถอนหายใจอย่างหนักหน่วง
และเท้าคู่นั้นของเธอก้าวห่างจากหลังบานประตูออกมาและหันหลังให้กับบุตรชายทั้งสอง


วันนี้ยูฟ่ายังคงไปเรียนตามปกติเหมือนเช่นทุกวัน แต่ที่ไม่ปกติคือใจที่คอยแต่ห่วง
พะวงกับยูโด จนกระทั่งสมาธิในการเรียนไม่ค่อยดีนัก เพื่อนสนิทสามคนสังเกตเห็นจนได้
และต่างมองหน้ากัน 

เมื่อทานมื้อกลางวันเสร็จแทนที่ใครจะได้ถามไถ่อะไรออกไป ยูฟ่าก็รีบหลบไปคุยโทรศัพท์
แต่พอกลับเข้ามาอีกทีก็พบกับสายตาคาดคั้นของผองเพื่อนที่พุ่งตรงมา

“ยูมีอะไรที่พวกเรายังไม่รู้ใช่มั้ย จะบอกดีๆ หรือต้องให้พวกเราสืบกันเอง”
แกมม่า เพื่อนตัวเล็กผิวขาวใสที่สนิทมากที่สุดในกลุ่มเอ่ยถาม
ยูฟ่ามองทุกคนที่จ้องเขม็ง จึงถอนหายใจและยอมเปิดปาก

“เอ่อ..ก็ว่าจะเล่านั่นแหละ คือเรื่องมันเป็นอย่างนี้ ยูโดประสบอุบัติเหตุ
อยู่โรงพยาบาล เราต้องไปเฝ้าและให้คุณแม่กลับไปพักตอนกลางคืนน่ะ”
ยูฟ่าเล่าแค่พอให้เพื่อนคลายความสงสังลง

“อ้าว! ดีกับมันแล้วเหรอ น้องเลวๆ แบบนั้นน่ะ”
แกมม่าถามกลับทันที ยูฟ่าหน้าเจื่อนด้วยกลุ่มเพื่อนรู้ดีที่ว่าความสัมพันธ์
ระหว่างพี่น้องฝาแฝดของพวกเขามันไม่ดีนัก

“อืม อย่าไปว่าโดมันเลยนะแกม” ยูฟ่าพูดเสียงอ่อน

“ยูแกลืมที่มันทำกับแกแล้วหรือไง ทั้งก้าวร้าว ทั้งไม่เคยเห็นหัวใคร
 เจอหน้าถ้าไม่กระแทกของใส่ มันแทบจะเอาน้ำสาดไล่พวกเราเลยนะ
 ไอ้นิสัยแย่ๆ นั่นน่ะ”

แกมม่ายังฉุนไม่หายเมื่อพูดถึงแฝดน้องของเพื่อน เขาไม่เคยลืมว่าแฝดนรก
นั่นทำเพื่อนเขาร้องไห้จนนับครั้งไม่ถ้วน

“เรื่องที่มันแล้วก็ให้แล้วไปเถอะ นะแกม” ยูฟ่าพูดสีหน้าจืดเจื่อน

“โว๊ะ! ยูก็เป็นซะแบบนี้ ใจอ่อนอยู่เรื่อย”
เจแปนเป็นอีกคนที่ยังขุ่นเคืองอยู่ไม่น้อย

“แล้วมันเป็นมากเลยเหรอ ถึงขนาดทั้งคุณแม่และยูต้องเปลี่ยนกันไปเฝ้าน่ะ”
 เคมีเพื่อนตัวหนาสุดในกลุ่มถามขึ้นจากที่เงียบฟังมานาน

“ก็ตามองไม่เห็น ต้องรอลุ้นกันอีก”
 ยูฟ่าบอกไปเสียงเครือๆ เขายังโกรธตัวเองที่เป็นต้นเหตุของการบาดเจ็บในครั้งนี้ของแฝดน้อง

“ถึงขนาดตาบอด งั้นยูก็ต้องเหนื่อยกับคนขี้โมโหนั่นต่อไปอีกละสิ”
เคมีไม่วายค่อนแคะอยู่ดี 

“ไม่เหนื่อยเท่าไหร่หรอกเค โดก็พยายามเรียนรู้ที่จะทำอะไรเองหลายอย่างอยู่เหมือนกัน
 อีกอย่างที่โดเป็นแบบนี้เพราะช่วยเราไว้ เราเป็นคนทำให้โดต้องเป็นแบบนั้น”

ยูฟ่าตัดสินใจพูดออกมา เขาไม่อยากให้เพื่อนมองคู่แฝดของเขาว่าเป็นตัวปัญหาอีกแล้ว

“ห๊ะ! มันยังไง” เพื่อนสามคนผสานเสียง ด้วยไม่อยากจะเชื่อ
ยูฟ่าเล่าเหตุการณ์ในคืนนั้นทั้งหมดให้เพื่อนๆ ฟังอย่างไม่มีปิดบัง

ระหว่างที่เล่าก็มีคำสบถและคำด่าทอออกมาจากปากของทั้งสามคนตลอด
จนเมื่อเล่าจบและคนที่เป็นต้นเหตุแห่งเรื่องมาเดินให้เห็นเคมีจึงไม่คิดจะปล่อยผ่าน
เขาถลันไปคว้าคอเสื้อของกวิน ท่ามกลางเสียงแตกตื่นและคนที่ผ่านมาเห็นเหตุการณ์
เคมีพุ่งกำปั้นหนักๆ สามสี่หมัดไปยังใบหน้าของชายรูปหล่อที่สาวๆ ต่างชมชอบ
จนเลือดกบปาก เจแปนพุ่งเข้าไปรวบตัวเพื่อนและกันออกห่าง
แกมม่าเข้าไปช่วยล็อกแขนเคมีไว้อีกแรง

“ปล่อยสิวะ พวกมึงจะห้ามกูทำไม มันต้องโดน กูจะเอาเลือดชั่วมันออกอีก ปล่อย!”
เคมีฮึดฮัดและดึงดันจะเข้าไปเล่นงานกวินซ้ำอีกหน ใบหน้าคมคายบูดบึ้ง
เส้นผมที่หยักศกเป็นลอนสวยบัดนี้ยุ่งเหยิง

“อย่ามีเรื่องกันเลยเค ปล่อยเขาไปเถอะ คนแบบนี้แลกไปก็เปล่าประโยชน์”
 เป็นเสียงที่รั้งให้เคมีหยุดหัวร้อนลงได้บ้าง แต่ไม่ทั้งหมด

“ถ้ามึงยังไม่เลิกยุ่งกับยู มึงเจอดีแน่ ไอ้ชั่ว”
เคมียกเท้าขึ้นเตะลมด้วยว่าอารมณ์ยังไม่สงบเสียทีเดียว ซึ่งต่างจากคนที่โดนต่อย
ที่ยังคงมีสีหน้าเย้ยหยันและยิ้มกวน

“เหอะ! ไอ้อ่อนอย่างมึงเป็นได้แค่หมาเห็นปลากระป๋องแหละวะ
ยูเป็นแฟนกู เรายังไม่ได้เลิกกัน แค่เข้าใจผิดกันนิดหน่อยก็แค่นั้น จริงมั้ยครับยู”

กวินเยาะเย้ยและถากถางเคมีไปพร้อมๆ กัน แถมหันไปพูดกับยูฟ่าเหมือนเรื่องที่ทำไปนั้น
เป็นแค่เรื่องเล็กๆ น้อยๆ สร้างความขุ่นเคืองให้กับคนที่บอกเพื่อนให้ใจเย็นแต่เขากลับเย็นไม่ลง

“เข้าใจผิดงั้นเหรอ แล้วหางที่โผล่กับเรื่องที่มันแดงนี่ล่ะ ยังไม่ชัดเจนอีกหรือไง
จบกันตรงนี้เถอะกวิน อย่าข้องเกี่ยวกันอีก”

ยูฟ่าพูดน้ำเสียงเรียบนิ่ง พยายามสะกดกั้นอารมณ์ ยูโดเป็นหนักขนาดนั้น
กวินยังมีหน้ามาพูดว่าเป็นเรื่องเข้าใจผิดใครยังหลงเชื่ออีกก็โง่บรมโง่แล้ว

“ยู นั่นมันเรื่องเข้าใจผิดจริงๆ นะ มันเป็นอุบัติเหตุที่คู่แฝดยูโดน
 การแข่งขันก็เป็นแบบนี้ที่มันก็ต้องมีพลาดกันบ้าง ยูไม่เคยไปดุูแข่งสนามจริงไง
ยูถึงไม่รู้ วินไม่ได้รู้เรื่องอะไรด้วยเลย เชื่อวินเถอะนะ”

 กวินรีบพูดสีหน้าเผือดซีดเมื่อเห็นดวงตาคู่สวยที่บัดนี้ไหวระริกและยังกำหมัดแน่น

“หุบปากเน่าๆ ของมึงซะ ไอ้บัดซบ! ทำเรื่องน่าละอายขนาดนั้นยังตีหน้าซื่อได้อีก
อยากให้คนรู้กันทั้งมหา’ลัยเลยใช่มั้ย กูจัดให้มึงได้นะ ถ้ามึงยังขืนปั้นน้ำเป็นตัวมาพูด
ให้ยูฟังอีก ชาติชั่ว!”

 เจแปนโพล่งออกไปอย่างเหลืออด นึกเสียดายที่ไปแยกเคมีออกมาเร็วไปหน่อย มันน่าจะโดนหนักกว่านี้

“นี่มหา’ลัยนะเจ ใจเย็นๆ  ปล่อยให้มันบ้าน้ำลายไป ไม่กี่ชั่วโมงเราต้องไปเป็นพยาน
ให้ไอ้เคมัน นู้นไงพวกถ่ายคลิปกันแล้ว ไปกันเถอะยู ขืนอยู่เรื่องมันคงไม่จบแค่นี้”

 แกมมาเอ่ยเตือน พลางเสยผมที่ปรกหน้าขึ้นก่อนจะดันเพื่อนให้ออกเดิน
 ปากบางเหยียดยิ้มอย่างดูแคลนกวิน คนอย่างกวินไม่คู่ควรกับยูฟ่าตั้งแต่แรกแล้ว
 เขาเคยห้ามเพื่อนหลายครั้งหลายหนแล้วแต่เจ้าตัวก็พูดแค่ว่า

‘เออน่ะแกม แค่คบๆ ไปอย่างนั้นเองแหละ ไม่ได้ชอบมันจริงจังสักหน่อย สบายใจได้’
 แกมม่าเชื่อที่เพื่อนบอก ดูอย่างตอนนี้ไม่มีทีท่าว่าเพื่อนของเขาจะเสียใจหรือผิดหวังใดๆ
 กับการต้องเลิกรากัน นอกจากดวงตาคู่สวยที่เฉยชาให้เห็นเพียงเท่านั้น





ออฟไลน์ azure

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 772
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +37/-2
พ่อไปมีคนอื่นเหรอ ถ้าจริงก็สงสารแฝดกับแม่ ชีวิตรันทดจริง :mew6:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ เส้นขอบฟ้า

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 137
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +22/-0
ตอนที่ 4 พรากจาก

ยูฟ่าเข้าไปที่บ้านเพื่อเอาหนังสือไปคืนเพื่อน เขารอจังหวะที่ยูโดหลับจึงปลีกตัวออกมา
และนั่นทำให้เขาได้รับรู้เรื่องราวหนึ่งโดยไม่ได้ตั้งใจ

“อุไร ยังไงผมก็ไม่หย่า อย่าพยายามเลย คุณมีหน้าที่อะไรก็ทำของคุณไป
เงินทองผมก็ให้เหมือนเดิม ไม่มีอะไรเปลี่ยน คุณยังต้องการอะไรอีก”

พ่อพูดเสียงดังฟังชัดทุกถ้อยคำ กับอีกเสียงที่พูดด้วยน้ำเสียงร้าวราน

“ฉันไม่ได้ต้องการเงินพวกนั้น คุณมันก็ไอ้คนมักมาก ฉันเหมือนคนหูหนวกตาบอด
 ถ้าเพื่อนไม่หวังดีบอกให้รู้ ไม่ส่งรูปมาให้ดู ฉันก็คงจะมีเขาบนหัวไปอีกนาน
 พอเถอะพงศกร ฉันไม่ทนแล้ว หย่าให้ฉัน”

“นั่นแค่คู่นอน คุณจะอะไรนักหนา ใครๆ เขาก็มีกัน ผมจะไม่หย่าให้คุณ เรื่องนี้เราจะไม่พูดถึงมันอีก”

“พงศกรคนเห็นแก่ตัว ฉันทำอะไรผิด ถึงปล่อยฉันให้พ้นจากวงเวียนอุบาทว์ของคุณ
กับผู้หญิงหิวเงินนั่นไม่ได้ มันยากอะไรกับแค่เซ็นหย่า อย่าคิดว่าไอ้ทะเบียนสมรสนั่น
จะมีผลกับชีวิตของฉัน มาพูดกันให้รู้เรื่องเดี๋ยวนี้นะ กลับมา”

เสียงกระแทกประตูดังโครมครามตามมา พร้อมกับเสียงร้องไห้ของแม่ที่บาดลึก
เข้าไปในหัวใจของคนเป็นลูก แม่ที่กำลังทุกข์ทรมานด้วยน้ำมือของคนที่รัก

“คุณแม่ขา ลูกขอกลับบ้านเรานะค่ะ พอแล้ว ขอโทษที่ไม่เคยเชื่อฟัง
 รอให้ยูโดกลับมามองเห็นก่อนค่ะ ขอบคุณนะคะที่ยังต้อนรับลูก ขอบคุณจริงๆ”

เสียงมารดาที่คาดว่าคุยโทรศัพท์ ทำให้ยูฟ่าตัวชา คุณแม่จะไปจากบ้านหลังนี้
ท่านอยู่เพื่อรอเวลาเท่านั้นเอง บ้านที่เป็นศูนย์รวมแห่งครอบครัว บ้านจะมีความหมายอะไร
เมื่อผู้หญิงที่ยอมทิ้งทั้งหน้าที่การงานและสังคมเพื่ออยู่ดูแลคนที่เธอรัก แต่ความรักมันสูญสิ้น
เพราะผู้ชายที่ชื่อว่าเป็นสามี

‘คุณแม่อย่าเศร้าเลย ยูจะไปกับคุณแม่เอง’
ยูฟ่าตัดสินใจในทันที เขาหันหลังออกมาจากบ้าน หัวใจสั่งให้เท้าก้าวเดิน
…กลับไป …ใช้เวลาที่เหลืออย่างคุ้มค่า…ก่อนจะต้องแยกจากกัน


วันนี้เป็นวันที่แพทย์นัดเปิดตาของยูโดจากที่เข้ารับการผ่าตัดเมื่อครั้งก่อน นาทีที่รอคอยมาถึง
เปลือกตาที่ขยับยกขึ้นอย่างช้าๆ มันตรึงทุกสายตาให้เพ่งมองไปที่ร่างนั้น ทั้งเขาและแม่รวม
ทั้งกลุ่มเพื่อนของยูโดที่ยืนเรียงกันไม่ห่าง ต่างลุ้นจนสุดตัว และดวงตาสีน้ำตาลเข้มทอประกาย
มีชีวิตชีวาต่างจากครั้งแรก ยูฟ่าเผยอริมฝีปากและยิ้มกว้าง

“ผมมองเห็นแล้วครับคุณหมอ คุณแม่ ยู และทุกๆ คน”
สิ้นสุดคำพูดของคนไข้ จักษุแพทย์วัยกลางคนจึงขยับแว่นและพยักหน้า เมื่อผลการรักษาออกมาตามคาด

“หมอยินดีด้วย แต่ระหว่างนี้ห้ามก้มเงยมากๆ หรือยกของหนักๆ นะครับ”

“ขอบคุณมากๆ เลยค่ะคุณหมอ ขอบคุณจริงๆ ”
มารดายิ้มทั้งน้ำตาก่อนที่จะเดินไปโอบกอดลูกชายไว้ ยูฟ่าเข้าไปสวมกอดด้วยอีกคน
สามคนแม่ลูกกอดกันกลม หลังจากนั้นกลุ่มเพื่อนต่างก็เข้าไปแสดงความยินดีกันยกใหญ่

“ดีใจที่สุดเลย พ้นจากโลกมืดซะทีนะมึง” ขนมยิ้มจนเห็นฟันขาวเรียงตัวสวย

“อืม ขอบคุณทุกคนที่ไม่ทิ้งกัน” เสียงพูดคุยดังอยู่พักใหญ่ๆ ก่อนที่กลุ่มเพื่อนจะพากันกลับออกไป


ยูโดยังต้องอยู่โรงพยาบาลต่ออีกวัน หากไม่มีอะไรแทรกซ้อนจึงจะกลับบ้านได้
ตอนนี้ภายในห้องเหลือเพียงสองพี่น้องเท่านั้นเมื่อมารดากลับไป

“ยูเป็นอะไร ไม่ดีใจเหรอที่โดกลับมามองเห็น”
 ยูโดกุมมือของแฝดพี่ไว้ เขาจ้องเข้าไปในแววตาที่แสนเศร้า

“ดีใจมากๆ เลยต่างหากล่ะ ทำไมโดถามแบบนั้น” ยูฟ่าเลิกคิ้ว

“ก็ยูดูเศร้าๆ มีอะไรที่โดยังไม่รู้หรือเปล่า หืม”

ยูโดจับปอยผมที่ปรกข้างแก้มขึ้นทัดหลังใบหู นวลแก้มเปล่งจนเห็นเลือดฝาด
เขาอดใจไม่ไหวจึงกดปลายจมูกลงไปและสูดหายใจลึก ยูฟ่าทำเป็นเบี่ยงหน้าหนี
ทำทีว่าเขินอายแต่เป็นการซ่อนแววตาที่เขาไม่เคยปกปิดอะไรใครได้เลย

ทุกอารมณ์ความรู้สึกมันสะท้อนออกมาทางแววตาเสมอ ไม่ว่าจะรัก เกลียด
หรือแม้แต่ตอนนี้ที่กำลังบ่งบอกว่าภายในใจกำลังแสนเศร้า

‘เวลาที่เราจะอยู่ด้วยกันเหลืออีกไม่มากแล้วนะโด ยูจะจดจำช่วงเวลานี้ของเราเอาไว้ อย่าลืมกันนะ’

“เมื่อคืนยูนอนน้อยไปหน่อย กังวลแทนโด ลุ้นมากๆ เรื่องผลการรักษา ไม่มีไรหรอก
คืนนี้แหละจะเป็นคืนที่ยูหลับได้สนิทเสียที”
ยูฟ่ายิ้มกว้างเพราะช่วงเวลาแบบนี้มันมีค่า ไม่ควรปล่อยให้สูญเปล่า

“โอเค โดเชื่อยูก็ได้ครับ”
 ยูฟ่าถูกรวบตัวเข้าไปหาอกแกร่งและจมูกโด่งนั้นก็จรดลงกลางกลุ่มเส้นไหมนุ่มนิ่มสีน้ำตาลเข้ม
 เป็นการแสดงออกที่นุ่มนวลอบอวลและไออุ่นกรุ่นถึงหัวใจ ยูฟ่ากระชับกอดอีกคนไว้มั่น

 เขาบอกตัวเองให้จดจำทุกอย่างต่อจากนี้เอาไว้ จดจำไปเผื่อในวันข้างหน้า

“ขอบคุณนะยูที่ดูแลโดอย่างดี ยูไม่ต้องเหนื่อยกับโดอีกแล้ว ต่อไปโดจะดูแลยูเองนะ”
 เป็นเหมือนคำสัญญาจากปากของชายตัวโต

“อื้ม”
ยูฟ่าพยักหน้ากับบ่ากว้าง ดวงตาไหววูบและเม้มแน่นเพื่อไม่ให้หลุดความอ่อนแอออกมา

‘ขอโทษ ยูจะกลับมาให้โดดูแล…ถ้าหากวันนั้นมีอยู่จริง’

ยูโดกลับมาพักฟื้นร่างกายจนหายดี ถอดเฝือกและสายรัดหัวไหล่ออกแล้ว
เขากลับไปเรียนตามเดิม ตอนนี้พวกเขาเรียนมหา’ลัยปีสอง เขาเรียนบริหารธุรกิจ
สาขาการตลาด ส่วนยูฟ่าเรียนบริหารธุรกิจแต่เอกบัญชี สิ่งหนึ่งที่เปลี่ยนไปคือ
พี่น้องฝาแฝดที่ตัวติดกันอย่างกับเงา หากเจอใครคนใดคนหนึ่งที่นอกเวลาเรียนก็ต้อง
เห็นอีกคนด้วยเสมอ

กลุ่มเพื่อนของทั้งสองกลายเป็นเพื่อนร่วมก๊วนเดียวกันอย่างไม่ต้องสงสัย
และโดยที่ไม่ได้มีสัญญาณเตือนใดๆ ให้ยูโดได้ล่วงรู้มาก่อนเลยว่าจะมีวันที่
เขากลับเข้าบ้านแล้วพบว่า…แม่และพี่ชายฝาแฝดหายตัวไป

ยูโดเดินพล่านหาจนรอบบ้าน โทรไปก็ปิดเครื่อง ใจหวาดหวั่นอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน
และสิ่งที่เขากลัวมาตลอดก็เกิดขึ้นจนได้

…จดหมายเพียงฉบับเดียวที่เป็นลายมือของยูฟ่าที่วางไว้ใต้หมอน ข้อความที่เขียนเพียงสั้นๆ

‘โดที่รัก ยูต้องไปทำหน้าที่ของลูก ดูแลตัวเองให้ดี รักตัวเองให้มาก อย่าตามหา หากเราเกิดมาเพื่อคู่กัน
 โลกจะโคจรให้เราได้กลับมาเจอกันอีก เมื่อครั้งนั้นมาถึงยูจะยอมให้โดดูแล อย่างที่โดได้เคยบอกไว้นะ
 หากว่ายังต้องการกันอยู่…รักโดมากที่สุด’

ยูโดประคองจดหมายฉบับนั้นด้วยมืออันสั่นเทา จรดริมฝีปากไปบนแผ่นกระดาษ
นั้นเสมือนเป็นตัวแทนของยูฟ่าและกดแนบไว้กับแผ่นอกใกล้ตำแหน่งหัวใจ
สิ่งนี้เป็นสิ่งเดียวที่มันจะผนึกแน่นอยู่ในหัวใจของเขาอย่างไม่มีวันเสื่อมคลาย

“รักยูที่สุดเหมือนกัน อย่าลืมว่าต้องกลับมา โดจะรอจนลมหายใจสุดท้าย กลับมานะยู”

กว่ายูโดจะเค้นเสียงให้หลุดออกมาจากริมฝีปากได้ น้ำตาลูกผู้ชายก็ไหลรินลงมาเป็นสาย
หัวใจเหมือนถูกบีบเคล้นให้แหลกละเอียดลง

‘การจากเป็นเขาว่ากันว่ามันดีกว่าการจากตาย พอเจอกับตัวเองแบบนี้
 อย่างไหนก็ไม่ดีทั้งนั้นเพราะมันทรมานเหลือเกินแล้ว’

ข้าวของเครื่องใช้อยู่เกือบครบ เสื้อผ้าในตู้ยังมีอีกกว่าครึ่ง เตียงนอนยังคงกรุ่นกลิ่นกาย
ของเจ้าของห้อง กลิ่นที่วันหนึ่งมันจะจางลงทีละน้อย จนวันหนึ่งก็จะหมดไป

ยูโดทอดตัวลงนอนบนเตียงที่ตลอดหลายคืนที่ผ่านมาเขานอนบนนี้ข้างๆ กัน
เพื่อที่ว่าตอนเช้าได้ตื่นมาและเห็นอีกคนที่ซุกซบอยู่ที่อกของเขา

…ช่วงนาทีนั้น ความสุขนั้น …ไม่มีอีกแล้ว

‘หมาอ้วน อย่าแกล้งสิ ยังเช้าอยู่เลย…ขอยูอีกหน่อยนะ’
 ยูฟ่าเป็นคนขี้เซา หลับได้ทุกทีตรงที่เย็นๆ ยิ่งมีลมพัดโชยยิ่งเคลิ้มตาปรอย
 หากเขาอยู่ใกล้เจ้าตัวจะทิ้งศีรษะลงมาซบที่หัวไหล่ครั้ง

‘แมวเซาเอ้ย ก็ได้ๆ ยอมให้นอนก็ได้ ถ้ายูจะ..’
เขามักตั้งเงื่อนไข แต่คนอยากนอนรู้ทันจะรีบฉกริมฝีปากบางและนุ่มหยุ่นที่คาง
ของเขาก่อนที่เขาจะพูดจบ จนคนตั้งเงื่อนไขอดไม่ได้ที่จะจุดรอยยิ้ม
แมวขี้เซาก็จะมุดศีรษะทุยเข้ามาซุกที่อกเขาและหลับได้อีกตามที่ขอ



หลายวันต่อมาเมื่อผู้เป็นพ่อกลับมาบ้าน ทุกเรื่องราวที่เป็นปริศนาก็ได้ถูกเผยจากปากของท่าน

“ไปแล้วจริงๆ สินะ เขาจ้องแต่จะขอหย่า แค่ฉันมีคนอื่นมันผิดอะไรนักหนา บอกแล้วว่าทุกอย่าง
ยังคงเดิมก็ไม่ฟัง ทำให้เป็นเรื่องใหญ่เรื่องโตไปได้ แล้วนี่ยังจะพาเจ้ายูไปอีก ไม่ดูเลยว่าลูกยังต้องเรียน
 คิดกันได้แค่นั้นจริงๆ รึไง?”

ยูโดนิ่งฟังถ้าเป็นเมื่อก่อนพ่อคงไม่ได้พูดจบประโยคโดยที่เขาอยู่ฟัง แต่ตอนนี้เขาล้าเกินจะขัดแย้ง
แถมยังต้องรับรู้เพิ่มเติมอีกว่าพ่อเป็นต้นเหตุของเรื่อง ตอนนี้เขาทำได้เพียงนิ่งเฉย อยากจะพูดอะไร
ก็ปล่อยให้พูดไป พ่อพูดอย่างคนเห็นแก่ตัว เห็นแก่ได้

ลองพ่อมาเป็นแม่บ้างคงทำไม่ต่างจากท่าน หรืออาจจะทำยิ่งกว่าเสียอีก

“แกจะโกรธจะเกลียดฉันก็ไม่ว่า แต่มีอย่างหนึ่งที่อยากจะบอก แกต้องเรียนให้จบ
แล้วเข้ามาช่วยงานที่บริษัท วันหนึ่งเมื่อแม่อุไรและเจ้ายูกลับมาแกจะได้ดูแลสองคนนั้น
หากวันนั้นไม่มีฉันอยู่แล้ว”

ยูโดเงยหน้าขึ้นมอง พบแววตาหม่นแสง น้ำเสียงสิ้นหวัง เขาไม่คิดว่าจะได้เห็นอีกแง่มุมนั้นของท่าน
ที่แสดงออกมาว่าเสียใจ

‘คนอย่างพ่อ สิ้นหวังและรู้สึกผิดเป็นกับใครเขาด้วยรึไง ไม่อยากจะเชื่อเลย’

“แกไม่ต้องคิดตามหาสองคนนั้น เพราะต่อให้แกพลิกแผ่นดินหา แกก็ไม่มีทางที่จะหาเจอ
 ครอบครัวของอุไรลึกลับยิ่งกว่าอะไรเสียอีก ฉันเองยังไม่เคยล่วงรู้อะไรเกี่ยวกับเขาเลยเพราะ
เขาไม่ต้องการที่จะให้รู้ แกจะได้เจอสองคนนั้นเมื่อเขาอยากให้เจอ เชื่อฉัน”

พ่อพูดจบก็ยกมือนวดคลึงขมับ ส่วนเขาทำเพียงมองเหม่อออกไปนอกรั้วบ้านอย่างมีความหวัง
ความหวังเดียวที่ดูจะเลือนราง

‘แม่ครับ เข้มแข็งไวๆ แล้วช่วยพาดวงใจของผมกลับมาที ผมรออยู่ตรงนี้นะ’



ยูโดเปลี่ยนไปจากเดิม เขากลับมาตั้งใจเรียน มุ่งมั่น รอวันที่เขาจะได้เจอกับแม่และยูฟ่า
ตามความเชื่อเดียวที่ทีเหลืออยู่ หากวันนั้นมีจริงเขาจะดูแลทั้งสองคน ไม่ปล่อยให้ไปไหนอีก
เพื่อนๆ ต่างเห็นใจที่ได้รับรู้เรื่องนี้และไม่มีใครเอ่ยถึงยูฟ่า เพราะรู้ว่าจะทำให้เขาเศร้ามากกว่าที่เป็น
แต่แล้วเพื่อนตัวบางของเขาก็พูดขึ้นอีกจนได้ในตอนสายของวันหนึ่ง

“ยูโด นายจะโกรธเกลียดเรา เลิกคบเราเป็นเพื่อนก็ได้ แต่สิ่งหนึ่งที่เราอยากจะบอกนาย
เราขอโทษแทนแม่ของเรา ที่ทำให้ครอบครัวของนายเดือดร้อน เราขอโทษนะโด”

ธาวินพูดไปพร้อมกับน้ำตา เพื่อนตัวเล็กที่นิสัยดี วันๆ นอกจากตั้งใจเรียนแล้ว
ยังต้องทำงานพาร์ทไทม์ส่งตัวเองเรียน แถมมีพ่อที่ไม่เอาไหน ขี้เหล้าและมักจะตบตีลูกเสมอ
อย่างนี้แล้วเขาจะกล้าโกรธและตัดมันจากความเป็นเพื่อนได้ยังไง กับเรื่องที่ผู้ใหญ่สองคนได้ทำลงไป

“เลิกร้องเถอะธาม นายไม่ผิด อีกอย่างแม่ของนายท่านก็ไม่เคยมาดูดำดูดีนายเลย
 นายจะไปพูดถึงทำไม เราไม่โกรธนายหรอก ช่างเถอะอย่าใส่ใจเลย”

ยูโดพูดและนั่นทำให้เพื่อนๆ ที่รายล้อมอยู่ดึงเพื่อนตัวเล็กไปกอดและลูบหลังเพราะรู้ว่า
เพื่อนเขามันเป็นคนอ่อนไหว นี่ก็เป็นข่าวใหม่ที่เพิ่งรู้ว่าผู้หญิงที่เข้ามาพัวพันจนครอบครัว
เขาแตกแยกคือแม่ของธาวิน เพื่อนที่น่าสงสารที่มักจะมาเรียนพร้อมรอยฟกช้ำตามใบหน้าและมุมปาก

‘ไม่ต้องอยู่แล้วบ้านนั้นน่ะธาม ออกมาเถอะ พ่อมึงเขาเก่ง ปล่อยให้เขาอยู่คนเดียวไป
 มึงไม่ใช่กระสอบทรายนะเว้ย ซ้อมอะไรกันได้ทุกวัน บ้านกูมีห้องว่างเยอะแยะ มึงมาอยู่กับกูได้’
 ฟีนิกซ์พูดทุกครั้งที่เห็นร่องรอยบนใบหน้าของเพื่อน

‘ไอ้ธาม มึงมันเป็นโรคจิตหรือเปล่าว่ะ รู้ว่ากลับบ้านไปก็ไม่พ้นโดนมือโดนตีน มึงยังจะกลับไปอีก’
โชกุนเป็นอีกคนที่เอือมระอาที่จะพูด ได้แต่หาซื้อยามาให้เพื่อน

‘ธามถ้าไม่ไหวก็ร้องไห้ออกมา บ่ากูว่าง พ่อมึงจะอะไรนักวะ แค่มึงหน้าเหมือนแม่มึง
 พ่อมึงแทบจะฆ่ามึงเลยเหรอ’ ขนมดึงเพื่อนเข้ามากอดและลูบหลัง

แทบจะทุกวันที่ยูโดต้องมารับรู้เรื่องของธาวิน เขาสงสารเพื่อนจนไม่รู้จะช่วยยังไงแล้วเหมือนกัน
เมื่อมันพูดแต่เพียงว่า

‘เราเป็นห่วงพ่อ ไปให้เขาเห็นหน้าหน่อย ให้ตบสักทีสองทีเดี๋ยวเขาก็หลับไปเอง’

ธาวินก็เป็นเหยื่อของปัญหาการหย่าร้าง มาจากครอบครัวแตกแยกเหมือนกัน เขาจะไปโกรธมันลงได้ยังไง





ออฟไลน์ เส้นขอบฟ้า

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 137
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +22/-0
ตอนที่ 5  ฟีนิกซ์~ธาวิน # ห่วงใย

ฟีนิกซ์เดินลงมาชั้นล่างของตัวบ้าน เขามองออกไปหน้าบ้านตรงมุมประจำของมารดา
พบว่าท่านกำลังตัดแต่งกิ่งไม้อยู่ ท่านมีความสุขกับไม้พันธุ์หลากหลายที่คุณพ่อหามาฝากเสมอ
พ่อของเขาเป็นป่าไม้จังหวัดท่านประจำอยู่ทางภาคเหนือ ท่านกินอุดมการณ์มากกว่าเงิน
ด้วยฐานะทางบ้านมีอันจะกินอยู่ก่อนแล้ว คุณแม่จึงอยู่ได้อย่างสบาย

“หนิกลูก คืนนี้ทำงานอีกแล้วเหรอ คุณแม่เหงานะคะ เมื่อไหร่จะมีแฟนมาให้แม่สักคน
 แม่จะได้ลืมๆ ไปว่ามีลูกชายที่ขี้งกทำแต่งาน ไม่รู้จะเอาไปไว้ไหนแล้วเงินน่ะ
แม่ไม่ได้เลี้ยงให้ลูกลำบากเลย อยากได้อะไรก็แค่บอก นี่คุณพ่อโทรมาทุกวันเลย
ว่าเมื่อไหร่ลูกจะอยู่ติดบ้านบ้าง”

คุณซ่อนกลิ่นหยุดมือจากต้นไม้ใบไม้ หันมาร่ายยาวใส่ลูกชายเพียงคนเดียวของนาง

“คุณแม่ครับ ที่ไปทำงานทุกวันก็เพราะต้องไปเฝ้าว่าที่ลูกสะใภ้คุณแม่ไงล่ะครับ นะๆ
เดี๋ยวถ้าลูกจีบติดจะพามากราบเลยเอ้า” ลูกชายแย้มให้มารดามีลุ้นไปด้วย

“หืม ระดับลูกแม่ยังต้องจีบอีกเหรอคะ ชอบใครล่ะ แม่ไปคุยให้ไหมล่ะ รับรองต้องยอมเป็นแฟนลูกแน่ๆ”
 คุณซ่อนกลิ่นขันอาสายิ้มๆ

“อย่าเลยครับ ผมขอใช้ความสามารถของตัวเองก่อน” ฟีนิกซ์เข้าไปกอดประจบมารดา

“ตามใจนะ ถ้าไม่ไหวก็บอก เดี๋ยวแม่ช่วยเต็มที่”

 มารดาคลี่ยิ้มมุมปาก นางรู้รสนิยมของลูกชายดี ยังไงชาตินี้ไม่ได้อุ้มหลานเป็นแน่
 เพราะลูกชายเคยสนเสียที่ไหนล่ะผู้หญิง ยิ่งคนที่ไปเฝ้าอยู่ทุกวันยิ่งเป็นเอาหนัก
 รอแค่ให้ลูกชายตัวดีพาเข้ามาแนะนำเท่านั้น แต่จนแล้วจนรอดก็ปาเข้าไปเป็นปีแล้วก็ไม่เห็นจะมีวี่แวว

“ไปทานข้าวกันครับ ป้าอบมาชะเง้อมองแล้วนะฮะ”
ฟีนิกซ์ชวนมารดาให้เข้าบ้านด้วยแดดเริ่มร้อนแล้ว เขายืนตรงนี้แป๊บเดียวเหงื่อก็แข่งกันผุดจนไรผมเปียก

“ไปสิลูก แต่แม่ยังไม่ค่อยหิวเท่าไหร่เลย อีกสองวันคุณพ่อจะกลับบ้าน อยากได้อะไรไหม?”
มารดาถามและโอบเอวลูกชายพากันเข้าบ้าน

“ไม่ครับ ให้คุณพ่อกลับมาแบบตัวเบาๆ บ้างดีกว่า”

“เหอะๆ ทำอย่างกับทุกทีคุณพ่อจะไม่หากล้าไม้มาฝากแม่อย่างนั้นแหละ”

“นั่นสิครับ นี่เราต้องไปซื้อที่สักสิบไร่ ให้คุณพ่อย้ายป่ามาไว้ท่าจะดีนะ งานหลักเกษียณอายุ”

“แม่ว่าเราย้ายตามคุณพ่อไปอยู่ในป่าน่าจะง่ายกว่านะลูก” แล้วสองแม่ลูกก็พากันหัวเราะร่วน


ในระหว่างที่รับประทานอาหารอยู่นั้น ฟีนิกซ์ตัดสินใจว่าจะพูดเรื่องที่เขาไม่ได้ชอบผู้หญิง
 เพื่อที่มารดาจะได้ไม่คาดหวังกับเขาจนเกินไป

“แม่ฮะ ผม…เอ่อ ขอโทษที่คงหาสะใภ้ที่คุณแม่ถูกใจไม่ได้”
ฟีนิกซ์พูดและเอื้อมไปยกน้ำขึ้นมาจิบเป็นการลดอาการประหม่า

“อ้าว ทำไมล่ะ ไม่ต้องให้แม่ถูกใจหรอกค่ะ แค่เขาดีกับลูกและลูกรักเขาแค่นั้นก็พอแล้วนะ”
 คุณซ่อนกลิ่นยิ้มให้ลูกชาย วันที่ลูกจะยอมเปิดใจคงมาถึงแล้ว สีหน้าที่ทำกล้าๆ กลัวๆ
 และทำอมพะนำมานานนั่นอีก น่าแกล้งกลับจริงๆ

“ผมชอบ ผู้…เอ่อ ผู้ชายครับ”
พูดแล้วก็รีบก้มหน้าด้วยไม่รู้ว่าคนฟังจะรับได้มากน้อยเท่าไหร่ เขาไม่อยากเห็นความเสียใจ
และผิดหวังที่ฉายออกมาจากดวงตาคู่สวย ที่มองเขาด้วยความเอื้อเอ็นดูเสมอมา
 เขาไม่อยากให้ทุกอย่างเปลี่ยนไป…แต่ก็ถึงเวลาแล้วที่ท่านจำเป็นต้องรู้

“อ่อ…เหรอคะ” มารดาตอบรับสั้นๆ จนชายหนุ่มต้องรีบเงยหน้าขึ้น
 เขาไม่อยากเชื่อสายตาในตอนนี้เลยว่าจะพบกับดวงตาที่มองมาอย่างล้อๆ 

“คุณแม่ไม่ตกใจหรือว่าเสียใจหน่อยเลยเหรอครับ คิดว่าผมอำ?
 นี่ผมพูดเรื่องจริงอยู่นะที่บอกว่าชอบผู้ชายน่ะ”

ฟีนิกซ์พูดย้ำ แต่สายตาที่ท่านมองกลับมามีเพียงแววขบขำซะมากกว่า

“เอ…เรื่องจริงเรื่องไหนกันนะ เรื่องที่ว่าลูกยังไม่เคยบอกคนที่ไปเฝ้าว่ารักหรือชอบเลยสักครั้ง
 อ๋อ…เรื่องจริงที่เด็กคนนั้นทั้งตัวเล็กและน่ารักแต่ชีวิตจริงน่าสงสารหรือจะเป็นเรื่องจริงอะไรอีก
คะลูกชายที่คุณแม่ยังไม่ทราบน่ะ”

 ฟีนิกซ์อ้าปากค้าง จนเมื่อเห็นอาการกลั้นขำที่มารดาแสดงออกจึงลุกไปกอดและหอมแก้มท่านอย่างแสนรัก
 ความวิตกกังวลต่างๆ นานาหลายไปจนหมดสิ้น

“คุณแม่คนดีนี่ลูกก็เกร็งไปเถอะ กลัวไปหมด กลัวว่าจะทำให้คุณแม่ผิดหวังเสียใจและเสียน้ำตา
 แต่ดูสิคุณแม่เล่น สืบมาขนาดนี้ไม่ไปขอให้ลูกเลยล่ะครับ”

ฟีนิกซ์ถูกฟาดต้นแขนเสียงดังเพียะ เขาลูบแขนป้อยๆ เบะปากว่าเจ็บเสียเต็มประดา
 จนมารดาขำพรืดออกมาจนได้

“ทะเล้นนะเรา แม่ตีแปะเดียวมาทำสำออย …เอาอย่างนี้นะลูกชาย
 คืนนี้ไปพามานอนที่บ้านเราให้ได้ พรุ่งนี้เช้าแม่จะไปขอกับพ่อเขาให้
 ตกลงเป็นคนนี้แน่ๆ ใช่ไหม?”

มารดาพูดสีหน้าของท่านบ่งบอกว่าอารมณ์ดีจนปิดไม่มิด

“โอ้โห! นี่ยังไม่ทันไรก็จะให้ผมฉุดคร่าเขาแล้วเหรอครับ ไม่เอาน่าคุณแม่ คนนี้ผมรักจริงหวังแต่งเลยนะ”

“จ้ะอย่างนั้นก็รอคอย และลอยคอกันต่อไป ดีไม่ดีคนอื่นจะคว้าไปเสียก่อนถ้าไม่เฝ้าให้ดีๆ ลูกว่าไหม?”
มารดากระตุ้นลูกชายที่ออกอาการคิ้วกระตุกและทำท่าคิดตาม

‘นั่นสิถ้าไม่รีบรุกแล้วเมื่อไหร่กัน แต่มันก็ยากเย็นที่จะเอ่ยปาก ทุกวันที่ทำให้ยังชัดเจนไม่พอหรือไงนะ’

‘วิธีของคุณแม่อาจจะได้ผล ไม่ลองก็ไม่รู้สินะ’
ฟีนิกซ์ครุ่นคิดหาวิธี พลางดันกระพุ้งแก้มตัวเองไปมา เห็นทีเขาต้องพามาบ้านในคืนนี้ให้ได้

ฟีนิกซ์มัวตกอยู่ในภวังค์ ส่วนคนเป็นแม่คลี่ยิ้มที่ลูกชายดูจะยุขึ้นเสียด้วยงานนี้
อีกไม่นานคงจะได้พบเด็กคนนั้นเสียที



ธาวินทำงานในร้านอาหารไทยแห่งนี้มานาน แม้จะได้เงินเดือนน้อย มันก็ยังปลอดภัยกว่าผับบาร์
ที่ให้เงินมากกว่าแต่ไม่ปลอดภัยกับเพศและวัยของเขา ด้วยเคยไปทำแล้วถูกแขกลวนลาม
เกือบถูกหิ้วออกไปหากไม่ได้ฟีนิกซ์ที่มาพบเข้าเสียก่อนและช่วยไว้ได้ ป่านนี้ชีวิตเขาจะเป็นยังไง
ไปแล้วก็ไม่รู้

 มีหลายคนบอกว่าเขาน่ารักและไม่เหมาะที่จะได้แฟนเป็นหญิง ที่หนักหน่อยเขาเคยได้ยิน
บางคนพูดขนาดว่าเขาต้องเป็นเมียเท่านั้นอันนี้ฟังแล้วรับไม่ได้จริงๆ

ธาวินได้ฟีนิกซ์คอยรับส่งและไปทำงานเป็นเพื่อน จนกลายเป็นสิ่งที่ต้องมองหาทุกครั้งที่ทำงาน
 มองหาทุกทีที่อยากพักสายตา มองหาเพื่อให้เห็นว่าอีกคนยังอยู่ใกล้ๆ กัน

“ธาม กูต้องแวะบ้านก่อนนะ ต้องส่งอาหารให้คุณแม่ ท่านอยากทานหอยทอดเจ้าอร่อย
 ต้องไปต่อคิวรอด้วยสิ นายจะติดรถไปได้มั้ยวะ”
เขานึกวิธีนี้ออกเมื่อตะกี้นี้เองและยิ้มได้เมื่ออีกคนตอบรับ

“อื้อได้สิ เราไม่รีบหรอก พ่ออาจจะยังไม่เข้าบ้านก็ได้นะ”

“งั้นถอดผ้ากันเปื้อนออกสิ เดี๋ยวซักเครื่องที่บ้านมาให้”
 เขารู้ว่าเพื่อนต้องซักมือ อะไรที่พอจะแบ่งมาทำให้ได้
 ไม่สิอะไรที่จะทำให้อีกคนเหนื่อยน้อยลงเขาก็อยากทำให้

“ก็ได้ ๆ ถ้าไม่ยอมก็ถูกแย่งไปจนได้อยู่ดี”
 ธาวินพูดเพราะเคยมายื้อแย่งกันกับแค่ผ้ากันเปื้อนผืนเดียวมาแล้ว

“หึหึ นายนี่แสนรู้จริง”

 ฟีนิกซ์แกล้งว่าแต่คนตัวเล็กก็ไม่มีโต้กลับเป็นอย่างนี้เสมอ เขาไม่เคยได้ยินธามพูดคำหยาบ
หรือแทนตัวเองว่ากูเลยทั้งที่สนิทกันเป็นปีๆ ไม่เหมือนเขา เจอใครวันแรกๆ ก็ขึ้นมึงขึ้นกูแล้ว
 แรกๆ ธามก็มีเงียบใส่เพื่อต่อต้านไม่ให้เขาพูดหยาบ จนพักหลังๆ ทำเฉยคงเพราะชินหรือเพราะ
เขาระวังคำพูดมากขึ้นแต่ก็ยังมีหลุดบ้างแต่ไม่มากเหมือนก่อน


ฟีนิกซ์ต่อแถวซื้อหอยทอดมาได้สามห่อ เขาพาคนตัวเล็กมุ่งหน้าไปยังบ้านของเขาที่ไกลออก
ไปพอสมควร หน้าที่ต่อไปมารดาบอกจะจัดการเอง เขาก็หวังว่าท่านจะทำสำเร็จ

“หนิกเรายังเครียดเรื่องแม่ที่ทำกับครอบครัวของยูโดไม่หายเลย สงสารทั้งคุณแม่ของโดแล้วยังยูฟ่าอีก
 และที่น่าสงสารน่ะเพื่อนเราที่เศร้าเอามากๆ นานแล้วที่ไม่เคยเห็นรอยยิ้มของยูโด แม่ไม่น่าทำแบบนี้
 ถ้าไม่เห็นข่าวซุบซิบที่ออกมาและรูปที่ลงหราแบบนั้น เราก็คงไม่รู้”

 ธาวินพูดด้วยกระแสเสียงที่เศร้าหมองลง เจ้าตัวเป็นคนจิตใจดีและขี้สงสารเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว
 นี่ไงที่ทำให้เขาตกหลุมรัก

“ก็อย่างที่ยูโดมันพูด เราเป็นลูกอย่าสนใจไปเลย เดี๋ยวพ่อไอ้โดก็ทิ้งแม่ของนายแล้วแม่ของนายก็
จะไปมีคนอื่นต่ออีก อย่างนี้แล้วนายจะตามไปขอโทษคนพวกนั้นทุกครอบครัวแทนแม่ตัวเองเลยหรือไง”

ฟีนิกซ์พูด ธาวินมุ่นหัวคิ้ว เบิ่งตาโตพร้อมกับส่ายหน้าดิกจนแก้มกระเพื่อม

 ฟีนิกซ์นึกมันเขี้ยวอยากจะดึงพวงแก้มนี้นัก

“จริงของนาย พูดจนเราเห็นภาพเลย ชัดกว่าอัลตร้าซาวด์ 4 มิติอีก แหะๆ”
ธาวินหัวเราะออกมาเมื่อเขารู้สึกผ่อนคลายลงมาก

“นั่นสิ เรื่องของผู้ใหญ่ ขอบคุณนะหนิกที่ทำให้ความเศร้าของเรามันลดน้อยลงไปได้อีกหน่อย”



เมื่อถึงบ้านของฟีนิกซ์ ลุงไม้มาเปิดประตูรั้วให้ เขาเคลื่อนรถเข้าไปจอดด้านใน
และหันมองผู้โดยสารที่นั่งมาด้วยที่เหลียวมองเลิ่กลั่กเมื่อประตูรั้วบ้านปิดเข้าหากัน
 ฟีนิกซ์ก้าวลงจากรถและพยักพเยิดให้ธาวินเข้าไปภายในตัวบ้าน

ธาวินมองบ้านสองชั้นที่อุดมไปด้วยพันธุ์ไม้นานาพรรณเท่าที่แสงสว่างจะส่องถึง
 ตัวบ้านสวยโดดเด่นแม้เห็นในตอนมืดมากแล้วก็ตาม เขารู้สึกแปลกใจที่คุณแม่ของเพื่อน
อยากทานหอยทอด ยิ่งเป็นเวลาดึกมากแล้วแบบนี้ด้วย

“มาแล้วเหรอลูก นั่นเพื่อนหรือคะ น่าตาน่าเอ็นดู”
มารดาของฟีนิกซ์โผล่ออกมาและยิ้มหวานทักทาย ท่านดูสวยงามตามวัย
แม้ว่าตอนนี้ใบหน้าจะปราศจากเครื่องสำอางปรุงแต่ง ธาวินยกมือไหว้

“นี่ธามครับคุณแม่” ฟีนิกซ์แนะนำสั้น ๆ มารดายิ้มให้เพื่อนของลูก

“แม่อยากทานมานานแล้วหอยทอดเจ้านี้น่ะ เมื่อก่อนคุณพ่อมักจะไปต่อคิวรอ
ให้ทุกครั้งที่บ่นว่าอยากทาน หนิกไปหาจานมาใส่ทีลูก หนูธามก็ทานเป็นเพื่อนแม่ด้วยนะ”

ธาวินกำลังจะอ้าปากปฏิเสธก็ต้องหุบปากลงทันที ด้วยถูกท่านกดไหล่ให้นั่งลงที่เก้าอี้ในห้อง
รับประทานอาหารที่เขาเดินตามเข้ามาอย่างงงๆ ในตอนแรก

“แม่ทานคนเดียวมาเป็นปีแล้ว ตั้งแต่เจ้าหนิกไปทำงานพิเศษ นั่งทานคนเดียวไม่ค่อยอร่อยเอาเสียเลย”

คุณซ่อนกลิ่นแอบเอานิ้วชี้กับนิ้วกลางไขว้กัน เจ้าลูกตัวแสบทำให้นางต้องโกหก
 แม่อบช่างสรรหาเมนูขึ้นโต๊ะอาทิตย์หนึ่งแทบไม่เคยซ้ำอย่างแถมอร่อยทุกเมนูเสียด้วย

“รังเกียจที่ต้องกินข้าวกับคนแก่แทนที่จะเป็นสาวๆ หรือเปล่าลูก”
น้ำเสียงและท่าทางเหงาๆ ที่ท่านแสดงออกมาอย่างเปิดเผย ทำเอาธาวินรีบส่ายหน้า

“โอ๊ะไม่เลยฮะ ผมรู้สึกว่าได้รับเกียรติมากเกินไปด้วยซ้ำครับคุณน้า”

“น้าอะไรกัน เรียกแม่สิคะ” คุณซ่อนกลิ่นแย้มยิ้มเล็กน้อย เด็กคนนี้ดูใสซื่อ

“คุณแม่แกล้งอะไรธามหรือเปล่าครับ”
ฟีนิกซ์ถือจานมาสามใบเต็มอ้อมแขน หอยทอดพร้อมทาน ยังอุ่นๆ กลิ่นทำให้น้ำลายสอได้ไม่ยาก

“มาทานกันเถอะลูก แม่น้ำลายสอแล้วเนี่ย”
ท่านพูดแล้วกลืนน้ำลาย ธาวินก็เกิดอาการตาม กลิ่นแป้งหอยทอดที่เป็นกลิ่นเฉพาะเรียกน้ำย่อยได้ดีจริงๆ

ฟีนิกซ์เติมเครื่องปรุงทั้งพริกป่นและพริกน้ำส้มตามด้วยน้ำตาลและน้ำปลาเหยาะมาอีกหน่อย
ยิ่งทำให้รสชาติกลมกล่อมอร่อยจัดจ้านขึ้น เขามองจานของมารดาและเพื่อนที่ไม่ปรุงกันเลยแม้แต่น้อย

“อร่อยมั้ย ลองนี่หน่อยมั้ยแต่มึงต้องหุบปากไม่ลงแน่ๆ เพราะกูปรุงหนักไปทางเผ็ด”
 ฟีนิกซ์ปิดปากเมื่อมารดาชี้หน้า เขาหลุดพูดมึงกูให้ท่านได้ยินจนได้

“ฟีนิกซ์ถ้ายังหลุดพูดหยาบให้แม่ได้ยินอีกครั้งนะ พรุ่งนี้ไปล้างห้องน้ำให้ครบทุกห้องด้วย”

มารดาคาดโทษ ทำเอาลูกชายนั่งกินไปอย่างสงบเสงี่ยม ด้วยรู้ดีว่าท่านพูดจริงทำจริง
 ธาวินก้มหน้าเพื่อซ่อนขำจนเห็นแก้มขึ้นสีระเรื่อ

“ไม่ต้องมาแอบขำเลย เดี๋ยวจะโดน”
ฟีนิกซ์ทำเป็นพาลใส่เพื่อนแล้วก็ต้อง แม่ของเขาชวนคุยได้ตลอด จวบจนนาฬิกาบอกเวลาว่าเที่ยงคืน

“อ้าวหนิกดึกขนาดนี้ ไปหาเสื้อผ้าให้เพื่อนค้างที่นี่เลยแม่จะไปนอนแล้ว
 พรุ่งนี้วันหยุดด้วย ไปนอนกันไป ขอบใจนะธามที่มาให้คนแก่คลายเหงาได้
 คืนนี้แม่คงหลับฝันดี จากที่ต้องนอนหลับๆ ตื่นๆ เป็นห่วงลูกที่ยังไม่กลับเข้าบ้าน
 วันนี้อยู่ได้นะ หนิกมากอดทีค่ะ”

 สองคนแม่ลูกทำเนียนกอดกันกลม เป็นภาพที่ธาวินมองแล้วน้ำตาคลอ
 เขาไม่เคยมีโอกาสแบบนี้เลยในชีวิต อาการของเด็กหนุ่มไม่ได้รอดพ้นไปจากการมองเห็นของผู้สูงวัยไปได้

“ธามก็มาให้แม่กอดด้วยอีกคนมาๆ”
 นางลูบแผ่นหลังที่บอบบาง เห็นแววตาที่มองมาแล้วสงสารจับใจ คงเป็นเด็กที่ว้าเหว่เอามากๆ

‘แม่ช่วยได้แค่นี้นะหนิก ที่เหลือจัดการเอาเองล่ะ เด็กคนนี้น่าสงสาร’

ธาวินตามหลังฟีนิกซ์ขึ้นไปยังห้องนอนอย่างง่วงๆ งงๆ เป็นครั้งแรกที่เขาค้างบ้านเพื่อน
ห้องนอนอันกว้างขวาง มีเตียงนอนใหญ่ ผ้าปูที่นอนสีเข้มเรียบตึง น่านอน

 ธาวินถูกดุนหลังให้ไปอาบน้ำ ฟีนิกซ์ยัดผ้าเช็ดตัวและชุดนอนใส่มือมาให้  เขาใช้เวล
าในการอาบน้ำไม่นานนักด้วยง่วงเต็มทีจนตาแทบจะลืมไม่ขึ้น พอเปิดประตูห้องน้ำฟีนิกซ์ก็สวนเข้าไปอาบต่อ

ฟีนิกซ์ออกมาจากห้องน้ำ มองไปบนเตียงนอนที่มีคนตัวเล็กนอนขดตัวหลับปุ๋ย
 ตะแคงหน้ามาทางนี้ เขาจึงดึงผ้าห่มขึ้นมาคลุมให้ และตามลงไปนอนข้างๆ
โดยเปิดไฟที่ระเบียงทิ้งไว้ แสงสลัวที่ลอดเข้ามาพอให้เห็นใบหน้ายามหลับที่
เหมือนหนุ่มน้อยวัยมัธยม มุมปากยังมีร่องรอยของความบอบช้ำให้เห็น

‘เมื่อไหร่นะธาม นายจะพ้นจากเงื้อมมือของพ่อที่ตบตีลูกไม่เว้นแต่ละวันสักที มีทางไหนบ้างนะ’

คืนนี้ฟีนิกซ์เบาใจลงได้ว่าอย่างน้อยเพื่อนตัวบางก็พ้นฝ่ามือของพ่อขี้เมาไปได้อีกวัน

‘ธาม เราจะช่วยนายเอง’





ออฟไลน์ snowboxs

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5467
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +124/-7
โห แม่ไม่สงสารโดเลยเหรอ
โดต้องเศร้าทั้งแม่ไปแถมเอาน้องเอาคนรักไปอีก
โดเศร้าหลายเรื่องเลยนะนี่

ออฟไลน์ azure

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 772
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +37/-2
งั้นบองให้แม่มีสามรถน้อยบางซิคุณพ่อจะได้เข้าใจ :fire:

ออฟไลน์ เส้นขอบฟ้า

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 137
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +22/-0
ตอนที่ 6 รออย่างมีหวัง

วันหนึ่งมียี่สิบสี่ชั่วโมง ทุกคนทีเวลาเท่ากัน แต่ยูฟ่ากลับรู้สึกเหมือนแต่ละวันของเขา
มันยาวนานกว่าทุกคน สองเดือนที่เขาจากมาถ้าหากไม่ได้งานที่ทำอยู่นี่ เขาคงจะฟุ้งซ่านไม่น้อย
 
“พี่ยู พี่นัทแกล้งน้องเนยอีกแล้ว” เด็กหญิงตัวเล็กในชุดพื้นเมืองแก้มแดงวิ่งมาเรียก
ยูฟ่าวางบัตรคำที่กำลังเขียนลงบนโต๊ะไม้ และรีบไปหาเด็กหญิงที่กำลังร้องไห้จ้า

“โอ๋ๆ นะคะ ไม่ร้องนะเด็กดี” ยูฟ่าอุ้มเด็กหญิงตัวน้อยนั่งบนตัก
 ข้างๆ กันมีเด็กชายชาวเขานั่งอยู่ก่อนแล้ว ในมือกำของเล่นไว้แน่น

“พี่นัท ไม่หวงของสิครับ น้องเป็นผู้หญิงแบ่งน้องเล่นหน่อยนะ ได้มั้ยพี่นัทใจดีมากๆ เลย”
ยูฟ่าเข้าไปหาเด็กชายที่ช้อนตาขึ้นมองมาตาแป๋ว แล้วจึงยื่นของเล่นสีสวยมาให้
เขารับมาแล้วยื่นมือไปลูบหัวเด็กชาย

“น้องเนยเห็นมั้ย พี่นัทใจดีจริงๆ นะ” เด็กหญิงยิ้มทั้งน้ำตาเมื่อได้ของเล่นคืน
 ส่วนน้องนัทหันไปหยิบรถตักทรายมาเล่นแทน

ยูฟ่าปล่อยเด็กหญิงให้นั่งเล่นที่เดิม และมองไปรอบๆ ห้อง ที่นี่เป็นศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก
เขาสมัครเป็นพี่เลี้ยงเด็กที่มีอยู่ก่อนแล้วหนึ่งคน เด็กๆ มีกันอยู่สิบกว่าคน ซึ่งเป็นเด็กที่
พ่อแม่เอามาฝากเลี้ยงเพราะต้องออกไปรับจ้างทำงานในไร่ส้มเป็นส่วนใหญ่

ยูฟ่าสอนภาษาไทย เด็กๆ พูดไทยได้แต่ยังอ่านกันไม่ได้ และพี่เลี้ยงของศูนย์ที่มีอยู่เพียง
คนเดียวก็เป็นแค่เด็กหนุ่มตัวผอมสูงที่เพิ่งจบมัธยมปลายมาหมาดๆ เจ้าตัวเลือกเรียนมหาลัยเปิด
ครั้งแรกที่ได้คุยกันนั้นเด็กหนุ่มพูดด้วยรอยยิ้มเกลื่อนใบหน้าให้เขาฟัง

“ผมได้ดูแลน้องๆ กลุ่มนี้ เงินเดือนไม่ได้มากมายอะไรแต่ทำให้ผมมีความสุข
ยิ้มได้ทุกวัน…แค่นี้ก็พอแล้วครับ”

“พอใช้หรือไง พี่ว่าพวกเราคงต้องปลูกผักและเลี้ยงไก่กันแล้วละมั้ง”
เดย์ยิ้มยิงฟันเมื่อได้ฟังแนวคิดของคนที่ตัวโตกว่า

“เป็นความคิดที่ดีเลยนะฮะ งั้นวันหยุดผมจะหาคนมาทำเล้าไก่
และขุดบ่อเลี้ยงปลาด้วย พี่ว่าดีไหมครับ”
เด็กหนุ่มมีดวงตาเป็นประกายเมื่อพูดถึงโครงการในอนาคต

“เยี่ยมไปเลย ขาดอุปกรณ์อะไรบอกได้เลยนะเดย์ เดี๋ยวให้พี่ตะวันช่วยหามาให้”


ทั้งสองเริ่มทำโครงการอาหารกลางวัน ในคราวแรกได้แรงสนับสนุนจากบรรดานายจ้าง
ของพ่อแม่เด็กและชาวบ้านในละแวกใกล้ๆ แบ่งปันผลผลิตของตนมาให้

ยูฟ่าหัดทำอาหารง่ายๆ ที่อุดมไปด้วยคุณประโยชน์เพื่อให้เด็กๆ ได้รับประทานรวมทั้งเขา
และเดย์ก็พลอยได้อิ่มท้องไปด้วย เมนูไข่มีเกือบทุกวัน ถ้าชาวบ้านเอาเนื้อไก่หรือเนื้อหมูมาให้
วันนั้นเด็กๆ ก็จะได้กินเมนูทอดซึ่งถือเป็นเมนูโปรดของเด็กๆ เลยก็ว่าได้

เวลาห้าโมงเย็นพ่อแม่เด็กก็มารับลูกๆ กลับบ้าน บ้านของเดย์อยู่ไม่ห่างจากศูนย์รับเลี้ยงเด็กนี้มากนัก
ของยูฟ่าอยู่ตรงเชิงเขาซึ่งห่างไปพอสมควร เขามีตะวันฉายลูกชายคนเดียวของลุงไผทพี่ชายแท้ๆ
ของแม่อุไรเป็นธุระรับส่งแม้จะไม่ได้อยู่บ้านเดียวกัน บ้านคุณยายมีรถจอดว่างอยู่ แต่เขาไม่ได้รับอนุญาต
ให้ใช้ ด้วยทุกคนพากันอ้างถึงความปลอดภัยและความไม่คุ้นเคยกับสถานที่มาเป็นข้อจำกัด

“ถ้ายังจะดื้ออยากขับรถเอง แม่จะไม่ให้ไปทำงานแล้วนะนะยู”

“ก็ได้ฮะ ยูให้พี่ตะวันไปส่งก็ได้”

ยูฟ่าเพิ่งได้รู้ว่าครอบครัวของคุณแม่เป็นตระกูลเก่า สืบทอดกันเชื้อสายกันมาจากเจ้านาย
ทางฝ่ายเหนือหลายช่วงอายุคนแล้ว มารดาของเขาเองตอนนี้ถูกคุณยายส่งตัวให้ไปดูช่วย
ฝึกอบรมเด็กรับใช้ของคุ้มภูรินทร์ ค่ำๆ ท่านถึงจะกลับเข้าบ้าน โดยได้รถของทางคุ้มมาส่ง

แม่อุไรดูมีความสุขมากเสียจนก่อนหน้านี้ยูฟ่าเกือบลืมไปว่าท่านเคยผ่านเรื่องเศร้ามา
รอยยิ้มและเสียงหัวเราะในยามนี้หาไม่ได้จากบ้านในกรุงเทพฯ ซึ่งเขาก็อยากให้เป็นเช่นนี้ไปตลอด

“เหนื่อยมั้ยครับคุณแม่”
ยูฟ่าเข้าไปรับของจากมือของมารดามาถือ เดาได้ไม่ยากว่านั่นคงเป็นอาหารชาววัง
ที่ท่านเป็นคนปรุงและทางคุ้มภูรินทร์สั่งให้นำกลับมาทานที่บ้านด้วย

“นิดหน่อยจ้ะ กลับบ้านมาเห็นหน้าลูกแม่ก็หายเหนื่อยแล้ว ยูล่ะงานลงตัวหรือยัง
 หูย..นี่มือด้านมากเลยนะ สาวๆ จับไปนี่ร้องยี้กันเป็นแถวๆ แน่เลย”

แม่อุไรกระเซ้าและบีบคลึงที่ฝ่ามือลูกชายที่หยาบกร้านเมื่อสัมผัส
ใบหน้าที่มีความสุขของลูกทำให้เธออดที่จะยิ้มไม่ได้

“ลงตัวเยอะแล้วฮะ ก็มีออกกำลังทำเกษตรกันน่ะครับถึงมือด้านแบบนี้
 ยูมีความสุขที่ตัวเองมีประโยชน์และมีคุณค่ากับที่นี่แล้วฮะคุณแม่”
ยูฟ่าทำตาใสใส่มารดาจึงถูกท่านจับดึงจมูกไปหนึ่งที ท่านแต่งกายด้วยผ้าทอล้านนา
ที่มีลวดลายและสีสันสวยงามตา

“โถลูก…ทุกคนมีคุณค่าด้วยกันทั้งนั้นแค่ได้อยู่ถูกที่และถูกเวลา”
 ยูฟ่ายิ้มรับ เขาเห็นด้วยกับคำที่มารดาพูด แต่ก็รีบเปลี่ยนเรื่องด้วยกลัวว่าท่านจะนึกเปรียบเทียบ
ตัวท่านเองตอนอยู่กับคุณพ่อของเขา

“คุณแม่ฮะ เราไปทานข้าวกันเถอะ ยูอยากทานอาหารชาววังแล้วสิครับ”

“อ้อ..ไปจ้ะ ป่านนี้คุณยายคงรอแล้ว”
 สองแม่ลูกพากันเดินเข้าไปที่ห้องรับประทานอาหารที่มีโต๊ะอาหารขนาดสิบที่นั่ง
 โดยมีคุณยายนภาสุขนั่งรออยู่ที่หัวโต๊ะ

คุณยายนภาสุขที่มีรูปร่างผอมบาง ผิวหนังเหี่ยวย่นไปตามวัย ท่านเกือบๆ จะแปดสิบปีเข้าไปแล้ว
การแต่งกายของท่านบ่งบอกว่าเป็นผู้ดีเก่า ท่านสวมเสื้อลูกไม้เนื้อดีและผ้าซิ่นที่ตัดเย็บแบบประณีต
บรรจง ใบหน้าของท่านเคลือบรอยยิ้มเสมอ ท่านอารมณ์ดีและมีความสุขได้ตลอดเหมือนดั่งชื่อของท่าน
ที่แม่อุไรบอกว่า ‘สุขสบายดั่งท้องฟ้า’ ซึ่งยูฟ่าเห็นจริงเพราะความสุขที่เปล่งประกายออกมาจากตัวคุณยาย
ได้เผื่อแผ่มายังคนรอบข้าง มันกว้างใหญ่ดั่งท้องฟ้าจริงๆ

‘ดีที่สุดแล้วที่คุณแม่ได้คืนสู่ความสุขเช่นนี้’

“มากันแล้ว ยายเริ่มหิวหน่อยๆ แล้วสิ ส้มโอไปเอาจานมาใส่อาหารเพิ่มที
วันนี้ที่คุ้มทำอะไรขึ้นโต๊ะกันล่ะ”
คุณยายหันไปบอกสาวใช้ที่ยอบตัวและหายเข้าไปในครัว

“วันนี้มัสมั่นไก่ค่ะคุณแม่ คราวหน้าไม่ต้องรอจะดีกว่านะคะ หิวก็รับประทานก่อนเลยค่ะ”

“กินคนเดียวจะไปอร่อยอะไรล่ะ จริงมั้ยหนูยู” คุณยายหันมาขอเสียงสนับสนุนจากหลานชาย

“จริงที่สุดครับคุณยาย” ยูฟ่ายืนยันอีกเสียงทำเอาคุณยายหัวเราะชอบใจ
แม่อุไรหันมาค้อนที่ลูกไม่เข้าข้างตน

“แม่อุไรอย่ามาทำขี้อิจฉา แม่เห็นนะ” คุณยายพูด ทำเอามารดาของเขายิ้มเก้อ

แม่อุไรเทอาหารใส่จานและเลื่อนไปตรงหน้าคุณยาย ทั้งสามลงมือรับประทานอาหารกันทันที
ในระหว่างที่ยังทานอาหารไม่แล้วเสร็จคุณแม่จะย้ำว่าห้ามคุยเด็ดขาด เพราะคุณยายจะไม่ตอบ
และจะดุเอาได้ เขาจึงนั่งทานไปเงียบๆ จนตอนนี้ยูฟ่าชินกับการต้องเคี้ยวอาหารให้ละเอียดมากๆ
ก่อนกลืนแล้ว

ยูฟ่าได้เรียนรู้ขนบธรรมเนียมหลายๆ อย่างเมื่อได้มาเป็นส่วนหนึ่งของที่นี่


ช่วงวันแรกๆ ที่เข้ามาอยู่เรือนไทยของคุณยาย มารดาเปิดใจคุยกับเขา

‘แม่รู้ว่าแม่เห็นแก่ตัวที่ทิ้งยูโดไว้กับคุณพ่อ แม่รู้ว่าแม่พรากความรักของลูกสองคน’

‘เอ่อคุณแม่ หมายถึง…’ ยูฟ่าถามออกไปน้ำเสียงกระท่อนกระแท่น

‘แม่รู้ว่าลูกสองคนรักกัน…แบบคู่รัก’

‘คุณแม่รู้…เอ่อ ที่ยูกับโดรักกัน…’

‘ใช่แม่รู้ การพรากจากคนที่รักมันเจ็บปวดแม่รู้ดี…แต่เวลาจะช่วยเยียวยาหัวใจให้
 แม่ไม่ห้ามที่ยูรักน้อง วันหนึ่งแม่จะพายูกลับไปคืนให้กับยูโด’

‘วันนั้นถ้าหัวใจสองดวงยังเป็นดวงเดียวกัน แม่จะไม่ห้าม อยู่ที่นี่ตอนนี้ให้มีความสุข
…อย่าดิ้นรน…อย่าไขว่คว้า ลูกแค่อยู่เฉยๆ แล้วสิ่งนั้นที่เป็นของลูก…ก็จะกลับคืนสู่ตัวลูกเอง
…ถ้ามันใช่ เข้าใจแม่นะ’

วันนั้นเป็นวันสุดท้ายที่ยูฟ่าร้องไห้หนักที่สุด เขาร้องไห้และยิ้มไปพร้อมกับน้ำตา
เส้นทางข้างหน้ามีอีกคนยืนอยู่…

หวังว่าจะได้พบกัน…ตรงปลายทางเดียวกัน


ตะวันฉายหนุ่มมีรูปร่างสูงโปร่งผิวสีน้ำผึ้ง รูปหน้าเรียว จมูกโด่งสวย ดวงตาสีน้ำตาลเข้ม
ไม่ต่างกับสีผมมากนัก ริมฝีปากบางได้รูปสวย เขาเป็นหลานของคุณย่านภาสุข เพิ่งรับ
ปริญญาบัตรเมื่อเดือนก่อน เขาเพิ่งได้พบคุณอาอุไรน้องสาวของพ่อไผท และได้น้องชาย
เพิ่มมาด้วยอีกคน อายุเราห่างกันเกือบๆ สี่ปี ยูฟ่าเป็นเด็กหนุ่มตัวผอมบางสูงแค่ไหล่ของเขาเท่านั้น

วันแรกที่ได้พบกันอดสงสัยไม่ได้ว่าดวงตาสีน้ำตาลคู่สวยทำไมถึงได้เศร้านัก แต่หลังจากหนึ่งสัปดาห์
ให้หลังน้องชายตัวเล็กก็กลายเป็นอีกคนที่สดใส เป็นมิตรมากขึ้นและดวงตาสีสวยนั้นลดทอนความเศร้า
ลงไปมาก เจิดจรัสไปด้วยความหวังและความมุ่งมั่น

 ดวงตาที่เปิดเปลือย บ่งบอกว่าเจ้าตัวกำลังอยู่ในอารมณ์ใด

ตะวันฉายได้รับมอบหมายจากผู้ใหญ่ให้เป็นคนรับส่งน้องชายคนใหม่ไปทำงานที่ศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก
ที่นั่นยูฟ่าต้องไปบุกเบิกพัฒนาควบคู่กับเด็กหนุ่มตัวผอมเก้งก้าง เขามักจะเห็นเด็กนั่นในอิริยาบถ
ต่างๆ กันเกือบทุกครั้งที่มารับน้องชายกลับบ้าน

“ทำอะไรน่ะเดย์ ขุดหลุมเหรอ พี่ช่วยขุดนะ”
 ตะวันฉายคว้าจอบจากมือบางนั่นมาถือไว้

“อ้าวพี่ตะวัน ขอบคุณฮะ ผมได้ต้นกาสะลองมาใหม่ ผู้ปกครองของเด็กให้มาน่ะ”
 เดย์พูดและยิ้มตาหยี

“เดย์อยากให้ลึกแค่ไหนก็บอกนะ”

“ครับพี่ ก็ต้องลึกหน่อยครับ นู้นไงที่เราจะต้องเอาลงดิน”
เดย์ชี้ไปที่ต้นกาสะลองที่เจ้าตัวบอก และวิ่งหายเข้าไปในเรือนพักของเด็กๆ
เขาเดาว่าคงจะไปตามยูฟ่าแต่ผิดคาดเมื่อเด็กหนุ่มออกมาพร้อมกับขันน้ำใบจิ๋ว

“พี่ตะวันดื่มน้ำก่อนฮะ น้ำลอยดอกมะลิ หอมชื่นใจ”
 เดย์ส่งขันเงินใบจิ๋วมาให้ ตะวันฉายรับมาดื่ม กลิ่นหอมของดอกมะลิทำให้สดชื่น
อย่างที่คนตัวเล็กบอก เขาดื่มจนหายกระหายแล้วจึงส่งขันคืนให้เจ้าของ

“พี่ตะวันดูแข็งแรงจังเลยฮะ แป๊บเดียวก็ขุดหลุมเสร็จแล้ว ถ้าเป็นผมคงอีกนาน
 งั้นผมไปหิ้วมาปลูกเลยดีกว่า”

 เดย์พูดแล้วหันไปวางขันน้ำบนแคร่ไม้กระดานที่อยู่ไม่ห่าง เดินไปที่เจ้าต้นไม้ที่สูงกว่าคนปลูกตั้งเยอะ
 ตะวันฉายจึงเข้าไปช่วย จังหวะเดียวกันนั้นทำให้มือกุมกันอย่างไม่ตั้งใจ เด็กหนุ่มรีบปล่อยมือและยกมือ
เกาแก้ม ตะวันฉายทำหน้านิ่งไม่สนใจแต่เขาทันได้เห็นแก้มขาวๆ ขึ้นสีระเรื่อกับปากแดงๆ ที่เม้มเข้าหากัน

‘เขินจริงๆ สินะ… เจ้าลูกกระต่ายขาว’

“มาพี่ช่วย พี่อยากมีส่วนร่วมในการคืนความสดชื่นให้เพื่อนร่วมโลก” ตะวันฉายพูดไปตามที่ใจคิด

“ได้สิฮะ หากวันหนึ่งมาเจอเจ้านี่ตอนที่เป็นต้นไม้ใหญ่ เราจะได้จำมันได้ว่าเป็นต้นไม้ของเรา เนอะพี่ตะวัน”
 เดย์พูดอย่างไม่ได้คิดอะไร แต่คนฟังสะดุดและคิดไปไกลกว่านั้นแล้ว

‘ต้นไม้ของเรา อืม…ก็ดีนะ’

ไม่นานต้นไม้ของเราที่เด็กหนุ่มพูดก็ลงดินเป็นที่เรียบร้อย เจ้าตัวเดินไปตักน้ำที่บ่อขุดและหิ้วอย่างเก้กัง
 อีกตามเคย จนตะวันต้องสืบเท้าเข้าไปช่วย

“พี่รดน้ำเองรอบนี้ มันเป็นต้นไม้ของพี่ด้วยนี่นา” ตะวันพูดหน้าเรียบอย่างเคย

‘หน้าหวานๆ ทำไมชอบทำหน้านิ่งนักนะ ถ้ายิ้มจะดูดีขนาดไหนกัน’
เดย์แอบมองเสี้ยวหน้าใสเพลิน ยิ่งมีเม็ดเหงื่อผุดที่ขมับและสันจมูกยิ่งดูมีเสน่ห์น่ามอง
 เหมือนคุณชายในละครที่มารดาของเขาติดงอมแงม

“พี่ตะวัน เป็นชื่อจริงพี่เหรอครับ ตะวันน่ะฮะ” เดย์ชวนคุย เมื่ออีกคนรดน้ำให้จนเสร็จ

“ก็ไม่เชิง จริงๆ พี่ชื่อตะวันฉายน่ะ อ้าว…แล้วเราจะมาอยากรู้ไปทำไม
 จะเอาชื่อพี่ไปทำคุณไสยหรือไง”

ตะวันฉายย้อนถาม เขาพูดได้หน้านิ่งเอามากๆ จนคนที่มองอยู่เดาอารมณ์ไม่ถูกว่าคนพี่พูด
เพราะไม่ชอบใจที่เขาถามมากไปหรืออย่างไร

“ไม่ใช่ซะหน่อย ผมแค่อยากรู้เฉยๆ เอง” เดย์ปฏิเสธเสียงเบา

“แล้วเราล่ะ ชื่อจริงว่าอะไร ห้ามโกง บอกพี่มาเลย” ตะวันฉายรู้สึกสนุกที่ได้แกล้งคนตัวเล็ก

‘ดูจะอ่อนต่อโลก ใสซื่อและไม่มีเล่ห์เหลี่ยม บริสุทธิ์เกินไปหากต้องไปอยู่ในท่ามกลางกลุ่
มคนหลากหลายอีกสังคมจะเอาตัวรอดได้ไหมนะ น่าเป็นห่วง’

“ชื่อคล้ายๆ พี่นั่นแหละครับ”
เดย์พูด เขาคาดไม่ถึงว่าคนตรงหน้าจะมีชื่อที่มีความหมายไม่ต่างจากเขาเท่าไหร่นัก

“ชื่ออะไรล่ะ” ตะวันฉายถามย้ำอีกครั้งเขารู้สึกอยากรู้ขึ้นมาทันที

“เอ่อ…รวีกานต์ฮะ” เจ้าตัวพูดเสียงไม่ดังนัก แต่คนฟังได้ยินชัดเจน

‘ผู้เป็นที่รักดั่งตะวัน อืม…มั่นคงดี’
ชื่อนี้ที่เขารู้ความหมายเพราะเป็นชื่อในหมวดเดียวกับชื่อของเขา

‘ตะวัน ก็คือดวงอาทิตย์ หรือคำว่ารวิ หรือรวี ก็คือ ตะวัน’
 ตะวันกำลังคิดอะไรเพลินๆ ก็สะดุ้ง เมื่อน้องชายโผล่หน้ามาทักทาย

“เฮ้! พี่ตะวันมาเร็วจังครับ เด็กๆ ยังกลับไม่หมดเลยฮะ อ้าว!
 เดย์ปลูกต้นไม้เสร็จแล้วเหรอพี่ว่าจะช่วยอยู่พอดี เอ่อ…น้องเนยคุณพ่อมารับแล้วค่ะ”
 ยูฟ่ายังไม่ทันได้คุยอะไรต่อพ่อของน้องเนยก็มาและรับตัวลูกสาวกลับไป

“ผมได้พี่ตะวันมาช่วยปลูกครับ พี่ยูกลับเลยก็ได้นะ ผมก็จะกลับแล้วเหมือนกัน”

“อืม ข้างในพี่เก็บของหมดแล้วล่ะ … ไปหยิบกระเป๋าก่อน” ยูฟ่าหมุนตัวกลับ

“กลับพร้อมกันเลยสิ ไม่มีอะไรต้องทำแล้วนี่เดย์” ตะวันฉายพูด เดย์ยิ้มแล้วเดินตามหลัง
ยูฟ่าไปโดยมีสายตาคู่คมมองตามแผ่นหลังเล็กและเอวคอดอย่างไม่วางตา

เด็กหนุ่มสะพายเป้ใบเล็กไว้บนหลัง โบกมือให้สองพี่น้องก่อนจะขึ้นคร่อมมอเตอร์ไซค์
แล้วสตาร์ทเครื่องออกนำไปก่อน ตะวันฉายจึงไปที่รถกระบะแบบสี่ประตูสีขาวและขับตาม
หลังมอเตอร์ไซค์คันเก่าที่เขามองยังไงก็ไม่น่าจะพาเจ้าของไปได้เลย

“นั่นรถเหรอยู พี่มองยังไงมันก็ไม่ต่างจากซี่โครงไก่ เปลือยซะขนาดนั้น”

“พี่ตะวันก็ช่างเปรียบเปรย น้องมันยังขี่ได้อยู่เลยอย่าพูดไป พาเจ้าของไปถึงไหนๆ
 ได้อยู่นะ นั่นไงบ้านอยู่ใกล้ๆ แค่นี้ ตรงทางแยกด้านซ้ายน่ะ”
ยูฟ่าชี้มือไปที่บ้านหลังเล็กสีเขียว

ตะวันฉายมองบ้านชั้นเดียวสีเขียวอ่อนที่อยู่ท่ามกลางแมกไม้ บ้านหลังเล็กแต่น่าอยู่
และมีเด็กหนุ่มตัวผอมโบกมือให้ไหวๆ เมื่อเขาขับผ่าน





« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 28-05-2019 16:07:03 โดย เส้นขอบฟ้า »

ออฟไลน์ snowboxs

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5467
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +124/-7
Re: incest : บาปร้ายในบ่วงรัก ตอนที่ 6
«ตอบ #15 เมื่อ29-05-2019 11:03:58 »

ยูกีบโดอยู่กันคนล่ะแวดล้อมเลย

ออฟไลน์ เส้นขอบฟ้า

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 137
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +22/-0
ตอนที่ 7 ผองเพื่อน

“ยูโดค่ำนี้ไปดื่มกัน นัดพวกเราไว้  มึงจะจำศีลไปถึงไหนวะ”
ฝ่ามือใหญ่ของโชกุนตบปุๆ ลงบนบ่ากว้าง ดึงความสนใจให้ละสายตาจากหนังสือในมือ

“ไปกันเลยพวกมึง กูขอดูหนังสือ เสาร์อาทิตย์ต้องเข้าบริษัท พ่อกูกองงานไว้ให้เพียบ”
ยูโดปฏิเสธเหมือนเช่นทุกครั้ง

“เป็นมึงนี่ลำบากเนอะ บ้านก็ไม่ได้จน ยิ่งตอนนี้ไม่มีคนช่วยใช้เงินด้วย
ทำไปทำไมมากมายถามหน่อย” ฟีนิกซ์พลั้งปาก จะหยุดก็ไม่ทันแล้ว

ผลของความปากไวทำเอาคนฟังดวงตาไหววูบ ความเย็นชาและดวงหน้านิ่งๆ
ก็ฉายชัดออกมาอีกครั้ง นานเป็นปีที่ริมฝีปาก

“ช่างมันเถอะ โดมันต้องเข้าบริษัทไปเรียนรู้งานกับพ่อมัน
ไว้มันอยากไปก็ไปเองแหละ เพื่อนกันไม่หนีกันไปไหนหรอก”
ขนมพูดแก้สถานการณ์ให้

ยูโดมองหน้าเพื่อนๆ อยากซึ้งใจ ตลอดเวลากลุ่มเพื่อนก็ไม่เคยทิ้งเขาจริงๆ
แม้ว่าเขาจะไม่ได้ไปร่วมวงสังสรรค์เหมือนแต่ก่อน

“บ่ายนี้อาจารย์ยกคลาส เรากินอะไรกันก่อนนะโดค่อยกลับ”
 ขนมออกปากชวน ยูโดพยักหน้า เขายังไปไหนมาไหนกับเพื่อนๆ บ้าง
 แต่ที่เลิกอย่างเด็ดขาดเลยคืนการเที่ยวกลางคืน

“ธาม! มึงจะไปไหน พวกกูอยู่นี่ ไอ้นี่ท่าจะบ้านั่งกันหัวโด่ทำเป็นไม่เห็น”
โชกุนเรียกธาวิน และฟีนิกซ์ที่ได้ยินชื่อก็หันขวับตามทันที

คืนที่ธาวินไปค้างบ้านเขาก็ผ่านมาหลายเดือนแล้ว เขาสองคนมีพัฒนา
ความสัมพันธ์ที่คืบหน้าไปเยอะ โดยเพื่อนในกลุ่มไม่มีใครล่วงรู้
ธาวินกลายเป็นลูกชายอีกคนของบ้านฟีนิกซ์ไปแล้ว

เขาหวนนึกถึงเช้านั้นที่ตื่นนอนและพบว่าอีกคนหลับอยู่ในอ้อมแขน
ฟีนิกซ์จรดปลายจมูกโด่งบนหน้าผากนูนของคนตัวเล็กอย่างเผลอไผล
ธาวินลืมตาตื่น ดวงตากลมเบิกกว้าง แก้มขึ้นสีระเรื่อ ฟีนิกซ์รีบพูด

‘เราชอบธาม ชอบมานาน อยากดูแล เป็นไปได้มั้ยที่ธามจะเปิดใจ…คบกันนะธาม’

‘เอ่อ พวกเราเป็นผู้ชาย มันจะไม่แปลกประหลาดไปหน่อยเหรอ’

‘ไม่แปลกนี่ แค่นายเปิดใจ เราจริงจังนะ’

‘ขอเวลา เราหน่อย’

หลังจากนั้น จะว่าธาวินปฏิเสธก็ไม่เชิง ตอบรับก็ไม่ใช่

ฟีนิกซ์เข้าไปทำความรู้จักกับพ่อของธาวิน เขาแอบให้เงินท่านใช้ลับหลังธาวิน
และขอร้องไม่ให้ท่านทุบตีธาวินอีก ซึ่งเท่าที่รู้มาอาจด้วยเรื่องเงินที่เป็นปัญหา
ของพ่อลูกคู่นี้ ลูกชายหาเงินเพื่อเอามาใช้จ่ายในบ้านและค่าเทอมของตัวเอง
แต่คนเป็นพ่อต้องการจะเอาไปซื้อทั้งบุหรี่และสุราเพราะติดหนักมากแถมยังหวยใต้ดินอีก

บ่ายวันหนึ่งฟีนิกเข้าไปหาท่านขอร้องให้เลิกสุรา เมื่อคุยกันเป็นที่เข้าใจ
จึงทำสัญญาลูกผู้ชายด้วยกัน พ่อของธาวินบอกจะเลิกทั้งเหล้าและบุหรี่เพื่อลูก
 และเริ่มที่จะลงมือทำโดยมีฟีนิกซ์แวะเวียนเข้าไปหาในยามว่างเสมอ

‘เอ็งน่ะ ชอบเจ้าธามมันใช่มั้ย ข้าดูออกนะ’

‘ชอบสิครับ แต่ธามไม่มีทีท่าว่าจะชอบผมเลย’

‘ธามมันเคยให้ใครเข้ามาในชีวิตมันมากเท่านี้ล่ะ เออๆ ดูเอาเอง ข้าไม่ยุ่งดีกว่า’ 

ฟีนิกซ์มองเพื่อนตัวเล็กที่เดินเข้ามาตรงม้าหินอ่อนใต้ต้นหูกวางที่พวกเขานั่งปักหลักกันอยู่
“อ้าว! อยู่นี่กันเหรอ เราไม่ทันมอง ไม่เห็นจริงๆ นะ”

ธารินพูดและถูกฟีนิกซ์ลากมานั่งใกล้ๆ ฟีนิกซ์วางมือบนบ่าของเพื่อนตัวบางแบบเนียนๆ

“บ่ายเราไปหาไรกินกันนะ นายอยากกินอะไรไหมธาม” ขนมเอ่ยปากชวน

“อือ เราอยากกินส้มตำ ได้ไหม?”
 ธาวินพูดและกลืนน้ำลาย จนฟีนิกซ์คลี่ยิ้มที่เห็นอาการ น้อยครั้งที่ธาวินจะออกความคิดเห็น

“ได้สิ มีร้านเปิดใหม่หลังมอ อร่อยมั้ง เห็นคนรีวิวกันเยอะอยู่นะ” ขนมสรุป

“เฮ้ย! คืนนี้ไม่ได้ไปทำงานใช่มั้ยธาม ไปร้านเหล้ากัน?”
 โชกุนหาแนวร่วม เขารู้คำตอบอยู่แล้วแต่ก็ชวนเสียทุกครั้งไป

“ไปนะมึง ขากลับให้ไอ้หนิกมันไปส่ง เนอะหนิก มึงออกค่าเหล้าให้มันหน่อย”
 ขนมโยนให้ฟีนิกซ์เพราะเห็นสนิทกันมากกว่าใคร

“ธามมันไม่ดื่มจะชวนมันไปนั่งเฝ้าพวกมึงหรือไง?”
ยูโดพูด ธาวินมองหน้ายูโดอย่างขอบคุณ

“ไม่ดื่มก็กินกับแกล้มก็ได้นี่ นะๆ ไปเหอะมึง” ขนมตื้ออีก

“อืม…ไปก็ได้ แต่ไม่อยู่ดึกนะ”
ธาวินพูด ทำเอาคนอื่นๆ พากันมองเป็นตาเดียวอย่างไม่เชื่อหู
โดยเฉพาะฟีนิกซ์ที่บีบบ่าคนตัวเล็กข้างๆ เบาๆ อย่างแปลกใจ

“ไม่ดึกหรอกเชื่อสิ เพราะยังไงกูก็ต้องไปต่อคิวซื้อหอยทอด
เจ้าประจำให้คุณแม่ ให้คนแก่รอกินดึกๆ ไม่ดีนะ”

“อืมๆ ตามนั้น” ขนมพยักหน้า

“เออ งั้นกูไปด้วยก็ได้ แต่กูไม่ดื่มนะ แล้วก็ไม่อยู่ดึกด้วย”

“ห๊ะ! พวกเมิ๊ง! กูฟังไม่ผิดใช่มั้ยเฮ้ย!” ขนมออกอาการมากสุดในกลุ่ม

“เออ!!!” ทุกคนตบหัวขนมพร้อมกันจนหน้าเกือบทิ่ม


ยูโดยอมไปร้านเหล้ากับกลุ่มเพื่อน เขาแค่มาให้พวกมันเห็นหน้า เขาไม่ดื่มจริงๆ
อย่างที่บอกไว้ เขากินข้าวผัดกุ้งและสั่งหมึกไข่นึ่งมะนาวมากิน พลางคิดถึงคนที่ชอบ

‘อยู่ไหนน่ะยู เป็นยังไงบ้าง สบายดีหรือเปล่า คนตรงนี้รออยู่และคิดถึงมากๆ รู้มั้ย’
เพื่อนๆ ต่างสะกิดกันเมื่อเห็นว่ายูโดเขี่ยหมึกมะนาวไปมา เมนูนี้มีขึ้นโต๊ะทุกครั้ง
โดยที่ยูฟ่าจะเอ่ยปากสั่งก่อนที่จะรับเมนูไปกางดูเสียอีก และหลังๆ จะเป็นยูโดที่สั่งให้กับแฝดพี่ด้วยตัวเอง

‘สงสารมันว่ะ’
 เพื่อนๆ ต่างมองหน้ากัน แล้วก็ทานอาหารกันไปเงียบๆ

ยูโดรู้สึกตัวว่าเพื่อนๆ รอบข้างเงียบไป เขาจึงเลื่อนอาหารตรงหน้าออกไปจนพ้นตัว และเอาจานอื่นมาแทนที่

‘ขอโทษนะโด ขอให้ยูกับแม่ของนายกลับมาทีเถอะ’
 ธาวินก้มหน้าก้มตากินและเงยหน้าเมื่อฟีนิกซ์ตักอาหารมาใส่จานให้
 จึงพึมพำขอบคุณไป ถึงจะรู้ว่าเพื่อนไม่ติดใจเอาความกับสิ่งที่มารดาของเขาทำ
 แต่มันก็เป็นแผลร้ายในใจของเขาทุกครั้งที่เห็นยูโดเศร้า


สามทุ่มเป็นเวลาที่พอเหมาะแก่การบอกลา ยูโดลุกขึ้นและฟีนิกซ์กับธาวินก็ลุกตาม

“พวกเรากลับก่อนนะหนม โช แล้วเจอกันวันจันทร์ อย่าให้หนักนักนะเว้ย ดูแลไอ้หนมมันด้วย”
ยูโดตบบ่าเพื่อนที่นั่งตาเยิ้มบ่งบอกว่าอีกไม่นานคงจะฟุบ

“ใครควรที่จะดูแลใครวะ มึงนี่พูดไม่คิด ตามันเยิ้มขนาดนี้แล้ว กูนี่ จะต้องเก็บซากมันไปส่งบ้าน”
ยูโดส่ายหน้าเมื่อเห็นว่าก็คงไม่แคล้วอย่างขนมพูด

“เออๆ จะกลับแล้วเหมือนกัน หนมมึงขับนะ อ่ะมื้อนี้กูจ่ายเอง”
โชกุนใจป๋าเหมือนเดิม ครอบครัวมันรวยระดับต้นๆ ของเมืองไทย
เพื่อนๆ ไม่มีใครขัดความมีน้ำใจของมันอยู่แล้ว สรุปทุกคนก็พร้อมใจกันกลับ และขับตามๆ กันออกมา


ขนมมองโชกุนที่นั่งโงกเงกอยู่ที่เบาะข้าง เขาเป็นคนมาส่งมันกลับบ้านทุกครั้งที่มันเมา
และก็ต้องนอนบ้านมันอีกตามเคย

“ลุงหาญ เปิดประตูหน่อยครับ ไอ้โชมันเมาปลิ้นอีกแล้วเนี้ย”
ขนมลดกระจกให้ลุงยาม ลุงหาญแกก็ใกล้จะหลับยามแล้ว
แต่ด้วยหน้าที่แกก็ต้องเฝ้าประตู เพราะคุณหนูของบ้านกลับบ้าน
ไม่เป็นเวลาแบบนี้เสมอ ยิ่งคืนวันศุกร์อย่างนี้หากไม่ได้หิ้วสาวคนไหน
พาไปเปิดห้อง ขนมก็ต้องถ่างตามาส่งมันที่บ้านแบบนี้

“ครับคุณหนม รอเดี๋ยวนะ คุณหนมช่วยพาคุณหนูโชส่งห้องทีนะครับ”
 ลุงหาญแกรีบเลื่อนประตูเป็นการใหญ่ และรถยุโรปราคาแพงก็เคลื่อนไปยังที่จอด

 บ้านนี้มีแต่แม่บ้าน เด็กรับใช้หญิงและชาย คนสวนแก่ๆ และลุงหาญ
แต่เหมือนจะมีเด็กผู้ชายอีกคนตัวดำๆ ที่เป็นหลานของป้าแม่บ้านอยู่ด้วยอีกคน

“คุณหนม คุณหนูโชเมามาอีกแล้วเหรอคะ ป้าคงต้องฝากคุณหนมดูให้แล้วล่ะค่ะ
 คุณท่านไปต่างประเทศกลับอาทิตย์หน้านู้น”
ป้าพรออกมารับหน้าและเล่าเรื่องของคุณท่านบ้านนี้ให้ฟัง

“ครับป้าพร เดี๋ยวหนมจัดการมันเอง ป้าพรไปพักเถอะครับ”

“ขอบคุณนะคะคุณหนม ว่านๆ เรากลับห้องกันเถอะ คุณหนูมีคนมาอยู่เป็นเพื่อนแล้ว”
 ป้าพรขอบคุณเพื่อนเจ้านายที่เป็นธุระให้

“คุณหนูโช คงเหงาอีกแหละถูกทิ้งให้อยู่เองตั้งแต่เล็กๆ มีแฟนเมื่อไหร่พวกเราคงหมดห่วง”
 ป้าพรพูดให้หลานชายฟังจนเดินห่างกันออกไป

‘นั่นสิ ถ้ามันมีแฟนก็ดีจะได้มีคนดูแลมัน’

“เฮ้อ! ไอ้เมา เมื่อไหร่จะหาใครสักคนวะ จะได้ไม่เหงาแล้วก็พ้นๆ ไปจากกูซะที”
 ขนมพาเพื่อนไปจนถึงห้องนอน เขาเหนื่อยกับไอ้ยักษ์นี่เหลือเกิน
 ดีนะที่เขาแข็งแรง แม้ว่าจะตัวเล็กไปหน่อยก็พอลากมันกลับบ้านได้ทุกที

ขนมเช็ดตัวให้คนเมา เสร็จแล้วก็รื้อชุดนอนขาสั้นมาเปลี่ยนให้ เขาหาให้ตัวเองด้วย
ชุดหนึ่งก่อนจะหยิบผ้าเช็ดตัวเดินเข้าห้องน้ำไป เขามาบ้านนี้จนจะกลายเป็นบ้านอีกหลังของเขาไปแล้ว

 
กลางดึกขนมคิดว่าผีอำเมื่อถูกสวมกอดจากคนที่นอนข้างๆ กัน มันมักจะเป็นแบบนี้
 จากที่ถีบโชกุนออกไป แต่ก็ถูกคว้าตัวไปกอดอีก จนตอนนี้ต้องปล่อยมันไป
 เขาคงไม่ได้หลับเพราะผวาตื่นตลอดที่มันหันกลับมากอด

‘เออว่ะ ถูกกอดมันก็ไม่แย่ซะทีเดียว อย่างน้อยไอ้ขี้เมานี่ก็ไม่กวนอีก’
จนรุ่งสางที่แก้มและหน้าผากถูกซุกไซ้ ขนมเอามือดันหน้าเจ้ายักษ์
จนมันหยุดและลืมตามามอง ก่อนที่มันจะยกยิ้ม

“กูคิดว่าเมื่อคืนหิ้วสาวมาซะอีก แก้มมึงหอมและนุ่มดีนะหนม
 แต่มึงสระผมหน่อยจะดีกว่านี้นะ เริ่มเหม็นเปรี้ยวแล้ว”

“นี่แหน่ะ ไอ้บ้า กูสระเมื่อเช้าวาน พูดไม่คิด”
 ขนมยกสองเท้าคู่ถีบโชกุนหลุดออกจากตัวไปได้ ก่อนจะลุกขึ้นนั่ง

 ผมที่ยุ่งเหยิงไม่เป็นทรงทำให้หน้าตาของขนมดูเด็กลงไปอีก โชกุนอึ้งและเบนสายตา
ไปมองหน้าต่างที่แดดเริ่มส่องสว่าง เพื่อซ่อนแววตาอ่อนเชื่อม เขาเห็นเพื่อนตัวเล็กนี่น่ารักมานานแล้ว
ถึงแม้ท่าทางที่ก๋ากั่นของมันจะทั้งลุยทั้งบู้

แต่ลึกๆ ห้ามไม่ได้เลยที่เขาจะมองว่ามันน่ารักและเริ่มจะหลงรักมันทีละน้อย

ยิ่งตอนเมาเขาได้ขนมที่เป็นคนส่งถึงเตียงนอน มันเช็ดตัวเปลี่ยนเสื้อผ้าให้ทุกที
จะว่าเป็นความตั้งใจของเขา ก็ใช่ เขาอยากตื่นขึ้นมาแล้วเห็นหน้ามัน
แม้ว่าจะเดือนละหนก็ยังดี เหมือนเมื่อตะกี้ที่เขาตั้งใจหอมแก้มมัน

กลิ่นหอมอ่อนๆ ของครีมอาบน้ำยังติดอยู่ปลายจมูก

“หนมไปล้างหน้า แปรงสีฟันเห็นรึยังซื้อมาใหม่วางไว้ที่หน้ากระจกน่ะ”

“อืม ใช้ตั้งแต่เมื่อคืนแล้ว มึงไม่นอนอีกหน่อยเหรอ นี่วันหยุดนะเว้ย”

“ไม่ล่ะ ไปเดินเล่นกันหน่อยมั้ย หน้าหมู่บ้านมีตลาดนัดคนเคยรวย เผื่อหาไรกินกันแถวนั้นเลย”

“เออ ไปๆ รอแป๊บนึง เสื้อผ้าล่ะจะใส่ชุดไหนออกไป กูไม่มีชุดเปลี่ยน”
ขนมหันกลับมาถาม ขากลับฟีนิกซ์จะเป็นคนไปส่งเขาถึงบ้านทั้งชุดนอนของมันเลย

“เออ กูซื้อกางเกงขาสั้นมาตัว มันเล็กไปหน่อยกูใส่ไม่ได้ เสื้อก็ด้วย
มึงเอาไปใส่แทนทีซื้อมาเสียของเลย”
โชกุนตีเนียน ชุดนั้นเขานึกถึงมันกะขนาดรูปร่างว่าน่าจะใส่ได้จึงซื้อกลับมา และวันนี้มันก็ได้ใส่จนได้

“เออๆ เดี๋ยวจะลอง ถ้าใส่ได้กูยึดเลยนะ ขนมยักคิ้วก่อนจะผลุบหายเข้าห้องน้ำ

โชกุนฉีกยิ้ม เป็นเช้าที่สดใสจริงๆ สำหรับเขาก็ว่าได้



« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 01-06-2019 17:12:55 โดย เส้นขอบฟ้า »

ออฟไลน์ เส้นขอบฟ้า

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 137
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +22/-0
ตอนที่ 8 สัญญาณเตือน

ท่ามกลางสายลมหนาว เป็นปีที่สองแล้วที่ยูฟ่าต้องเผชิญกับความหนาวเย็นของอากาศ
ยูฟ่าไม่ชอบฤดูหนาวเพราะรู้สึกหนาวเย็นจนถึงกระดูกเลยก็ว่าได้

เขารู้ว่าร่างกายไม่มีภูมิต้านทานความหนาวเหมือนกับคนอื่นๆ

เขาที่หนาวจนแทบทนไม่ไหว แต่กับคนที่เกิดและโตที่นี่กลับพากันชิน

“พี่ยูจะไปยอดเขาเอเวอร์เรสต์เหรอฮะ ใส่มากี่ชั้นครับวันนี้”
รวีกานต์พูดพร้อมกับยิ้มขำที่เห็นคนพี่สวมชุดกันหนาวจนกลมไปทั้งตัว
เหมือนหมีอ้วนพุงพลุ้ยๆ ไม่มีผิด

“บรื๋อ…พี่หนาวนี่เดย์ อย่าล้อกันสิ พี่จะแข็งตายอยู่แล้วนะ”
เสียงที่ตอบก็สั่นๆ จนรวีกานต์ต้องจับหมุนตัวและดุนหลังให้เดินเข้าไปยังเรือนนอนของเด็กๆ
อย่างน้อยในห้องนั้นก็อุ่นกว่าที่โล่งแจ้งนี้มาก

“ไปๆ เข้าข้างในก่อน พี่ยูนี่คงหนาวเอามากๆ จริงๆ ด้วยเนอะ”
 รวีกานต์พูดและมองคนพี่ยิ้มๆ ขนาดว่ามือก็ไม่วายสวมถุงมือ

“อืมๆ ข้างนอกนี่หนาวเนอะ” ยูฟ่าพูดและรีบสาวเท้าเดิน

“เดย์ๆ มาเอานี่ไปให้ยูที นั่งสั่นมาตลอดทาง
 มีคนเอามาวางขายก็เลยซื้อมาให้ มีของนายด้วยนะ”

ตะวันฉายลดกระจกลงและกวักมือเรียกให้เด็กหนุ่มมาหาที่รถพร้อมทั้งยื่นถุงให้

“อะไรน่ะพี่ตะวัน”
 รวีกานต์รับถุงกระดาษสีสวยมาถือไว้

“ถ้าพันคอน่ะ อุดหนุนชาวบ้านเขาเสียหน่อย หึหึ”
 ตะวันฉายพูดและหัวเราะในลำคอเบาๆ

“อ่อ ขอบคุณครับ”
ตะวันฉายถอยรถออกไปแล้ว รวีกานต์มองตามจนรถสีขาวลับตา

ช่วงปีที่ผ่านมารวีกานต์ได้รับของฝากจากคนหน้านิ่งที่พักหลังๆ
มีทำหน้าอื่นๆ เพิ่มขึ้น ยกยิ้มมุมปากก็เป็น พูดเล่นก็ได้ พาเข้าเมือง
ถึงจะมีพี่ยูไปด้วยก็ชอบที่จะเลี้ยงข้าว แม้เขาจะเป็นผู้ติดตาม และคราวนี้
ยังมีผ้าพันคอที่บอกว่าซื้อมาจากชาวบ้านแถวนี้

เขาดูยังไงก็ไม่ใช่ เพราะน้ำหนักที่เบาและนุ่มเหมือนขนสัตว์แท้ๆ
ราคาคงจะไม่เบาตามน้ำหนักเป็นแน่ รวีกานต์อมยิ้มและเดินเข้าเรือนนอน
เพื่อเอาของฝากไปให้คนพี่เลือกก่อน ผืนที่ไม่ถูกเลือกจะเป็นสีอะไรเขาก็ยินดีรับ
ทั้งนั้นในเมื่อมันเป็นของฟรี

แต่พอเอาเข้าจริงเขาทำใจรับไม่ได้อย่างที่ตั้งใจแต่แรก

“พี่ยูเอาผืนนี้นะครับ ชมพูหวานๆ เหมาะกับพี่มากๆ นี่ไงดูสิ
เข้ากับถุงมือลายชมพูขาวของพี่ยูเป็นไหนๆ นะๆ มาครับ ผมพันให้จะได้อุ่น”

รวีกานต์เข้าไปจะพันผ้าให้ตามที่พูด เพื่อเป็นการมัดมือชกคนพี่

“มันจะเหมาะจริงเหรอเดย์ พี่เอาสีเทานั่นดีกว่าดูสีสุภาพ
และเป็นผู้ใหญ่หน่อยด้วย ส่งมาให้พี่สิ”

ยูฟ่ามองผ้าพันคอสีชมพูหวาน แล้วก็เบ้หน้า

“พี่ยูอย่าโอ้เอ้นะ หนาวไม่ใช่เหรอ มาครับอย่าดื้อสิฮะ
พี่ตะวันจะเสียใจเอานะ ถ้ารู้ว่าพี่ยูไม่ชอบของที่พี่เขาเลือกมาฝากน่ะ”

“เอ๊ะ! เด็กนี่ ก็สีนี้พี่ว่าพี่ตะวันไม่ได้เลือกมาให้พี่แน่ๆ
 เรานั่นแหละเหมาะกว่า @ # $ % # @ */...”

คำบ่นมากมายของยูฟ่าไม่เป็นผล

รวีกานต์แอบถอนหายใจเฮือกเมื่อเขาไม่ต้องใช้สีชมพู จริงๆ แล้วมันก็เหมาะมากกับพี่ยู
เพราะแก้มแดงๆ จากอากาศหนาวนั่น ยิ่งทำให้น่ารักเข้าไปอีก นึกไปถึงผู้ชายตัวสูงโปร่งคนนั้น

'ทำหน้ายังไงนะ ตอนเลือกของ'

“วันนี้เราจะทำอะไรให้เด็กๆ ทานกันดีนะ เราได้ฟักทองมาลูกนึงแล้ว
เนื้อกำลังน่าทานเลย เอ้อ! แกงบวดฟักทองเป็นของหวาน อีกส่วนหนึ่งก็ผัดใส่ไข่ดีมั้ยเดย์?”

“ดีฮะ เดี๋ยวผมจะคั้นกะทิให้ กะเพราไก่สับไม่ใส่พริกอีกอย่างก็ได้นะครับ
เดี๋ยวผมเตรียมเครื่องให้ อ้าวๆ พี่ภูมิจะไปไหนครับ หอบหมอนด้วย จะนอนแล้วเหรอ”

รวีกานต์เรียกเด็กชายที่เดินเข้ามุมไป

“ภูมิหนาว” เด็กชายหันมาตอบ

ยูฟ่ารีบเข้าไปคลำๆ ตามลำคอของหนูน้อยที่ปากเริ่มจะแดงๆ

“เดย์น้องภูมิมีไข้ ขอยาแก้ไข้หน่อย พี่ภูมิคนเก่งมานอนตรงนี้นะ
 เตรียมเช็ดตัวเหมือนน้องพอร์ช พี่ภูมิเก่งๆ ฮึบนะ ไม่งอแงนะครับ
 ทำโชว์เพื่อนๆ เลย ลูกผู้ชายต้องอดทน หูย…สีม่วงรสองุ่น
หรือจะเอาสีแดงรสสตรอว์เบอร์รี่ดีเลือกได้เลย”

ยูฟ่ารับยาแก้ไข้และหลอกล่อให้หนูน้อยเลือกยา

“ภูมิเอาสีแดง” เด็กชายตอบพร้อมกับน้ำตาคลอ
ยูฟ่ารับยาและปรอทวัดไข้มาวัดไข้ ไข้ยังต่ำๆ อยู่แต่ก็ต้องเฝ้าระวัง
ไม่นานนักเมื่อเด็กชายกินยาเรียบร้อย

รวีกานต์นำกะละมังใส่น้ำพร้อมกับผ้าขนหนูผืนเล็กอีกสองผืน และยังมีผ้าแห้งอีกผืนมาด้วย
เด็กคนอื่นๆ มานั่งล้อมลงดูคนป่วย รวีกานต์ก็จับมาวัดไข้ทุกคน

“เอาละ คนอื่นๆ ไม่มีไข้นะครับ ไปเล่นกันตรงนู้นไปให้พี่ภูมินอนก่อนนะ
จะได้หายป่วยแล้วจะได้เล่นด้วยกันได้”
เด็กๆ มีท่าทีอิดออดจะรอพาคนป่วยไปเล่นด้วย

กว่าเด็กๆ จะเข้าใจและยอมสลายตัวทำเอารวีกานต์ต้องหาทางกล่อมอยู่นาน


ยูฟ่าเฝ้าดูเด็กชายเป็นระยะไม่ได้ห่าง บ้านที่ไม่มีผู้ใหญ่อยู่จำเป็นต้องส่งเด็กๆ
มาไว้ที่นี่ทั้งที่เด็กป่วย ด้วยว่าพ่อแม่ต้องไปทำงาน ยูฟ่าและรวีกานต์ชินเสียแล้ว
แต่ก็ไม่เคยพบว่าจะมีเด็กคนไหนป่วยหนักไปกว่าการมีไข้ตัวร้อนธรรมดาเท่านั้น


หลังอาหารกลางวันเด็กๆ ทำกิจกรรมกันเล็กน้อย พอให้ได้ย่อยอาหาร
บ่ายสองโมงจึงพากันหลับปุ๋ย และเป็นช่วงเวลาที่สองหนุ่มจะได้พักเหนื่อยกันด้วย

น้องภูมิไม่มีไข้แล้วแต่ยูฟ่าก็ไม่ได้วางใจ เขานั่งเฝ้าน้องตลอด จนมีบางจังหวะที่เจ้าตัวสัปหงกไปเอง
จึงย้ายตัวเองไปนั่งพิงฝาผนังห้องและพักสายตา

รวีกานต์มองคนตัวบางน่ารักที่หลับไปแล้วและแอบถ่ายภาพไว้ล้อเมื่อเจ้าตัวตื่น
พี่ยูมาช่วยงานที่นี่ไม่ขอรับค่าแรงเลย ซึ่งเขาก็ซาบซึ้งใจมากๆ ที่เห็นคนพี่อุทิศตัว
เพื่องานด้วยใจ ทำงานไม่เคยงอแงสักครั้ง แล้วก็ไม่เคยหยุดงานตลอดสองปี

รวีกานต์พอรู้มาบ้างว่าทั้งพี่ตะวันและพี่ยูฟ่าเป็นหลานของคุณท่านเรือนไทยหลังงาม
ที่มีรั้วสูงมากจนคนภายนอกมองเข้าไปไม่เห็น สำหรับคนพื้นที่จะรู้ว่าเป็นครอบครัว
ขุนน้ำขุนนางเก่าที่ยังคงได้รับใช้ใกล้ชิดกับคุ้มภูรินทร์ที่นานๆ คนเมืองจะได้เห็น
เจ้านายชั้นสูงในงานสำคัญสักครั้ง ปีหนึ่งๆ นับครั้งได้

รวีกานต์มองว่าไม่ใช่เรื่องแปลกที่พี่ยูจะทำงานโดยไม่รับเงินเดือนเพราะสมบัติ
ที่ตกทอดกันมาจากรุ่นสู่รุ่นก็มากมายใช้กันไม่หมดแล้ว อย่างพี่ตะวันที่ตอนนี้ไป
เป็นอาจารย์สอนที่มหา’ลัยนั้นก็น่าจะได้สอนเต็มตัว เพราะเขายังคงเห็นพี่ตะวัน
ทำหน้าที่รับส่งพี่ยูได้ทุกวันไม่มีพลาดเลยสักครั้งทั้งที่มหา’ลัยก็อยู่ห่างจากที่นี่
หลายกิโลอยู่เหมือนกัน

“ไอ้เด็กแสบ! พี่เห็นนะแอบถ่ายรูปพี่อีกแล้ว เดี๋ยวเหอะ! อีกสามสิบนาที
ได้เวลาน้องๆ ตื่นแล้ว ไปเตรียมนมเลยไป”

ยูฟ่าตื่นมาเห็นพอดีตอนที่ถูกถ่ายภาพ ขนาดว่าถูกโวยรวีกานต์ก็ยังกดภาพไม่ยั้งมือ

“หึหึ พี่ยูตอนหลับน่ารักจะตาย นี่เหลือเวลาอีกตั้งเยอะจะรีบไล่ทำไมครับ
 ไหนผมดูสิน้องภูมิมีไข้อีกรึเปล่า”

พูดแล้วก็คลานไปหาเด็กชายที่นอนบนที่นอนพับได้ของเด็กอนุบาลสีน้ำเงินลายการ์ตูน

“อืม ตัวรุมๆ ไข้จะมาตอนยาลดไข้หมดฤทธิ์ นี่ต้องให้พ่อน้องภูมิคอยดูให้ดี
 กลางคืนถ้าไม่ระวังไข้สูงจะชักได้นะเด็กวัยนี้ด้วย”

“นั่นสิอากาศแบบนี้เชื้อโรคชอบนัก กระจายตัวแพร่เชื้อได้ดีเลยล่ะ”
 ยูฟ่าพูดอย่างกังวลแทนและเตรียมให้ยาลดไข้อีกรอบเมื่อหนูน้อยตื่น

 ยูฟ่าลุกขึ้นจะไปเปลี่ยนน้ำในกะละมังมาเช็ดตัวให้เด็กน้อยอีกรอบ

“พี่ยูนั่งเถอะ ผมขอทำเองรอบนี้”

 รวีกานต์คว้ากะละมังจากมือของคนพี่และเดินออกไป



ยูฟ่ารู้สึกครั่นเนื้อครั่นตัวเหมือนจะมีไข้ แพ้อากาศก็ไม่น่าใช่ ตกดึกเขาก็เป็นไข้จริงๆ
มารดามาเช็ดตัวให้และเอายาลดไข้มาให้สองเม็ด เขาแน่นจมูกและเจ็บคอ
คงเป็นอาการไข้หวัดแต่เขาเชื่อว่าไม่ได้ติดมาจากน้องภูมิ ไม่นานเขาก็หลับไป

ตื่นมาในตอนสายมีเด็กยกข้าวต้มมาให้ เหลียวมองนาฬิกาที่วางไว้ตรงโต๊ะเล็กข้างเตียง
จึงรู้ว่าสายมากแล้ว คงไม่ได้ไปดูเด็กๆ พี่ชายทิ้งโน๊ตว่าให้พักจนหายดีค่อยไปทำงาน

‘ยูไปเล่นกัน นะๆ’

‘โด พี่ยูไม่สบาย ไม่ไปกวนพี่นะครับ’

‘แต่โดเหงา เมื่อไหร่ยูจะหาย’

‘ถ้าโดยังมากวนแบบนี้ จะหายช้านะลูก’

‘ยู โดนอนด้วยสิ’

‘ตายจริง! เด็กสองคนนี้เดี๋ยวได้ติดไข้กันพอดี เฮ้อ!’

ยูฟ่าสะดุ้งเฮือกตื่นลืมตา…ความฝันในวัยเด็กวนเวียนเข้ามา

เขายิ้มทั้งที่ยังมึนหัวและวิงเวียนไม่หาย อ่อนเพลียเอามากๆ
จะเป็นเพราะเขานอนมากเกินไปหรือเปล่า

ป้าอุ่นเรือนยกก๋วยเตี๋ยวราดหน้าหมูนุ่มมาให้พร้อมทั้งยาแก้หวัด

“ขอบคุณครับป้าอุ่นเรือน ยูไม่ค่อยหิวเลย”

ยูฟ่านั่งพิงหัวเตียงมองมาที่ถาดใส่อาหาร

“ทานสักหน่อยเถอะนะคะคุณหนู สามคำก็ยังดี มาค่ะป้าป้อน
อ้าปากค่ะ อีกเดี๋ยวจะได้ทานยานะคะ”

ยูฟ่าจำต้องยอมให้ป้าอุ่นเรือนป้อน พอครบสามคำ เขาก็ส่ายหน้าไม่ยอมเปิดปากรับคำต่อไป

“ก็ได้ค่ะ ตามที่ตกลงกัน คุณหนูยูปวดศีรษะมากไหมคะ
 หน้าซีดมากๆ เลย คุณแม่โทรมาให้ป้าขึ้นมาดู ถ้าไม่ดีให้พาไปหาหมอ
 ไปนะคะป้าจะลงไปบอกตาน้อมให้เตรียมรถ”

 ยูฟ่าส่ายหน้า เขาเหนื่อย อยากนอนมากกว่าที่จะขยับกายไปไหน

“ขอยูนอนหน่อยนะป้า ยูง่วง ตื่นมาหายเลย เชื่อเถอะฮะ”

ป้าอุ่นเรือนมองเด็กหนุ่มที่ออกอาการดื้อตาใส แล้วจึงส่งยาและน้ำให้

“ทานยาค่ะ ก่อนค่ำถ้าป้ามาดูแล้วยังไม่หายต้องไปหาหมอเท่านั้นนะคะ
ตกลงนะคุณหนูยู”

ยูฟ่าพยักหน้ารับคำ เมื่อเห็นว่าป้าอุ่นเรือนเอาจริงแน่แล้วคราวนี้

“งั้นนอนค่ะ เดี๋ยวป้าจะให้น้ำอบมาอยู่เป็นเพื่อน”



ตลอดบ่ายยูฟ่าก็ยังคงหลับอีก รู้สึกเหมือนจะถูกใครบางคนเช็ดตัวให้
เปลือกตาหนักเอามากๆ จนได้ยินเสียงที่ออกจะแตกตื่นอยู่หลายเสียง
หนึ่งในนั้นมีพี่ตะวัน ป้าอุ่นเรือนและคุณยาย ทุกคนดูจะร้อนรนเอามากๆ
และสติรับรู้ของเขาก็ดับวูบลง

“ตะวันรีบไปเถอะ ย่าเป็นห่วงน้องเราเต็มที นี่อากนกวลัย เอ่อ อาอุไรของเราก็ร่ำๆ
 จะมาให้ได้ ดีนะที่ตะวันกลับบ้านเร็วมาดูน้อง ไปเลยลูกให้คุณลุงหมอตรวจให้ละเอียดเลยอย่าปล่อยไว้”

ผู้สูงวัยเดินตามมาส่งจนถึงรถ


ตะวันฉายรีบมุ่งหน้าเข้าเมือง เขาร้อนใจไม่ต่างจากคุณย่า
เขาแวะมาดูเจ้าน้องชายที่เรียกเท่าไหร่ก็ไม่หือไม่อือจนใจเสีย
รถแล่นถึงโรงพยาบาล เขาจอดรถและอุ้มน้องชายตัวบางวิ่งไปที่ลิฟต์

“ยูตื่นเถอะยู พี่ตะวันเองนะ นายทำใจดีๆ ไว้ ถึงโรงพยาบาลแล้ว”
 ตะวันฉายพร่ำเรียกยูฟ่าไม่หยุด

 เขากำลังกลัวว่าที่เจ้าเด็กปวกเปียกนี่ที่ป่วยจะไม่ใช่แค่ไข้หวัด

‘อย่าเป็นอะไรนะยู’

ตะวันฉายเดินกลับไปกลับมา เขานั่งไม่ติดเมื่อน้องถูกนำตัวเข้าห้องฉุกเฉินในทันทีที่มาถึง

ตะวันฉายลุกพรวดจากม้านั่งเมื่ออาอุไรมาปรากฏตัวหน้าห้อง
 ท่านมีสีหน้าไม่สู้ดีและมือยังกำกันแน่น ชายหนุ่มเห็นดังนั้นจึงเดินเข้าไปหา

“คุณอาครับ ใจเย็นๆ น้องคงไม่เป็นไรมาก เดี๋ยวคุณหมอก็คงจะออกมาครับ”

“ตะวัน อากลัว กลัวเหลือเกิน”

 ตะวันฉายใจเสียเมื่อเห็นแววตาที่สั่นไหวของผู้เป็นอา

“ถึงมือหมอน้องต้องปลอดภัย คุณอานั่งก่อนเถอะครับ”

 ตะวันฉายประคองท่านที่ยังไม่คลายความวิตกกังวล คิ้วที่โค้งได้รูปบัดนี้ขมวดเข้าหากัน
 ดวงตาไหวระริก ท่านเม้มปากแน่น

“คนดีของแม่ อย่าเป็นอะไร อย่าเป็นเหมือนคุณตา ลูกต้องไม่โชคร้าย ต้องไม่ใช่แบบนั้น”

 ตะวันฉายตัวชาวูบ คุณอาพูดอย่างนั้น เป็นอย่างคุณปู่เหรอ

'…ไม่นะ ทำไมอยู่ดีๆ คุณอาถึงคิดอย่างนั้น'
ทำให้เขาใจคอไม่ดีตามไปด้วย แค่คิดใจก็วูบแทบไปกองที่ตาตุ่มเลยก็ว่าได้

“คุณอา น้องแค่เป็นไข้หวัดเองนะครับ ยูไม่เป็นอย่างคุณปู่ ไม่ใช่แน่ๆ”

 เขารู้สึกว่ามือเท้าจะชุ่มไปด้วยเหงื่อ เขาหวาดหวั่นในสัญชาตญาณที่คุณอาคิดไปไกล

'ไม่ดีเลย ขออย่าได้เป็นเช่นนั้น น้องยังเด็กเกินไป…'






« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 01-06-2019 17:10:26 โดย เส้นขอบฟ้า »

ออฟไลน์ เส้นขอบฟ้า

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 137
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +22/-0
ตอนที่ 9 เวลาที่เฝ้ารอ

เมื่อแพทย์ออกมา คุณอาอุไรรีบถลาเข้าไปหาทันที ฝ่ายลุงหมอเมื่อเห็นหน้าคุณอา
ท่านก็ส่ายหน้า ทำเอาตะวันฉายเสียววาบที่ไขสันหลัง

“ก่อนหน้านี้ทำไมไม่หมั่นพาลูกไปตรวจสุขภาพ พี่เคยบอกเธอแล้วนะกนกวลัย ทำไมไม่ฟัง”

ลุงหมอตำหนิคุณอาอุไรที่ยืนหน้าซีด และออกอาการสั่นกลัว

ตะวันฉายดูออกว่าท่านไม่ได้กลัวหมอ แต่กลัวผลวินิจฉัยของหมอมากกว่า

“แกเป็นไข้ตัวร้อนไม่ใช่เหรอพี่หมอ ลูกไม่เคยต้องป่วยขนาดต้องนอนโรงพยาบาลด้วยซ้ำ
 นี่พี่หมอกำลังจะบอกว่ายูฟ่า ลูก…เป็นลูคีเมีย เหมือนคุณพ่อของวลัย…อย่างนั้นเหรอคะ”
 อาอุไรพูดด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ

“ไปคุยในห้องก่อนเถอะ ตามมา แล้วนี่ลูกชายไผทเหรอ หน้าเหมือนกันเชียว”

 ตะวันฉายยกมือไหว้ลุงหมอ ใบหน้าของท่านเครียดขึ้นมาทันทีที่รู้ว่าคนไข้เป็นลูกหลาน
ของคนที่ท่านคุ้นเคยดี แต่คำถามก็ยังไม่ได้รับคำตอบอยู่ดี

“ใช่ค่ะพี่หมอ ตะวันฉายลูกชายคนเดียวของพี่ไผท”
หมอมนัสพยักหน้า และผายมือให้ทั้งสองนั่งเมื่อเข้ามาในห้องแล้ว

“นั่งสิ ทีนี้เรามาคุยเรื่องลูกของเธอกัน แกเป็นลูคีเมียชนิดเฉียบพลัน แบบ ALL
ตอนนี้เกล็ดเลือดต่ำมาก ส่วนเม็ดเลือดขาวก็พุ่งสูงมาก เราต้องให้เกล็ดเลือด
และเลือดควบคู่กันไป แกมีภาวะซีด ช่วงนี้ต้องไม่ให้มีอาการแทรกซ้อนอื่นเข้ามา
ต้องให้แกอยู่ห้องปลอดเชื้อจนกว่าเกล็ดเลือดจะขึ้นมาเป็นปกติ
เมื่อโรคสงบแล้วเตรียมร่างกายเข้าเคมีบำบัด เธอก็รู้นี่กนกวลัยว่าขั้นตอนเป็นยังไง
หากผลการรักษาออกมาดี ลูกเธอก็ไม่ต้องรับการปลูกถ่ายไขกระดูก
 ซึ่งถ้าคนไข้มีพี่น้องก็เตรียมแผนสำรองนี้ไว้จะเป็นการดีเลยล่ะ”

“ผมเป็นญาติ ผมช่วยน้องได้ครับคุณลุงหมอ”
ตะวันฉายโพล่งออกมา เขาเหลือบมองอาอุไรที่น้ำตาไหลเป็นทาง
และพยายามอดกลั้นแต่ก็คงฝืนไม่ไหวแล้วจริงๆ

“ถ้าพี่น้องที่สืบสายตรงจะดีที่สุดนะเจ้าหนุ่ม แต่ก็เผื่อไว้ถ้า HLA เข้ากันได้”
 คุณหมอแนะนำเพิ่มเติม

ตะวันฉายหน้าเผือดลงด้วยเขาไม่ได้เป็นพี่น้องท้องเดียวกันกับยูฟ่า พันธุกรรมจะตรงกันก็ยาก
เข้าไปอีก ตะวันฉายเครียดเขม็งด้วยไม่รู้ว่าอาการของน้องตอนนี้อยู่ในระดับไหน หมอควบคุม
ได้ไหม น้องจะปลอดภัยหรือเปล่า ทำถามมากมายผุดขึ้นมาในหัวจนสมองขาวโพลนไปหมด
 
“ยูฟ่ามีฝาแฝดค่ะพี่หมอ” เสียงคุณอาอุไรยับยั้งความคิดฟุ้งซ่านในหัวของตะวันฉายลง

“ห๊ะ! จริงเหรอครับ แล้วน้องอีกคนตอนนี้อยู่ที่ไหนครับคุณอา”

“ยูโด น้องอยู่กับพ่อของเขาที่กรุงเทพฯ น่ะตะวัน” อาอุไรพูด สีหน้าเครียดลงกว่าเดิม
 
“แต่ว่า อาไม่ เอ่อ…ไม่อยากจะบอกให้ทางนั้นรู้ คือว่าเอ่อ…”
 ท่านพูดตะกุกตะกัก และท่าทีลังเลอย่างเห็นได้ชัด

“เป็นอีกทางเลือกที่คุณอาต้องเตรียมไว้ น้องกำลังต้องการความช่วยเหลือ
 บอกที่อยู่ทางนั้นมา ผมจะไปรับยูโดมาเองครับ”
 ตะวันฉายอาสา ด้วยมองว่าตอนนี้เรื่องช่วยคนป่วยสำคัญกว่าปัญหาครอบครัวที่อาของเขาเผชิญอยู่

“เอ่อ ถ้างั้น อาจะให้ตะวันไปรับยูโด แต่ตะวันอย่าเพิ่งบอกอะไรน้องนะ ให้อาบอกกับเขาเอง
 เขาเป็นคนที่ออกจะใจร้อนอยู่สักหน่อย อากลัวว่าตะวันจะรับมือน้องไม่ไหว”

“ได้ครับ ผมจะเดินทางคืนนี้เลย ถึงจะเป็นแผนสำรองแต่สายใยของความเป็นแฝด
 ผมว่าช่วยได้ดีในเรื่องของกำลังใจนะครับ ยูอาจจะดีขึ้น ถ้าเขารู้สึกว่ายังมีอีกคนที่
เคียงข้างเขา ผมพูดไปตามที่คิดนะครับ ไม่รู้ว่าจะช่วยได้มากน้อยแค่ไหน คุณอาวางใจนะครับ
 อยู่ทางนี้คุณอาก็ต้องเข้มแข็ง อย่าอ่อนแอให้ยูเห็นเด็ดขาดเลยนะครับ”

“จ้ะ อาจะพยายาม วิธีที่ตะวันบอกน่าจะเป็นทางเลือกที่ดี และจะให้ผลทางด้านจิตใจอย่างที่ตะวันพูดแน่นอน”

“เอาละนะ เธอก็อย่าเพิ่งวิตกให้มากความ ก็ยังถือว่าดีที่มาได้เร็ว ตอนนี้ลูกชายของเธอก็ไม่ถึงขนาดเข้าขั้นวิกฤติ”

 ตะวันฉายหันมองหน้าลุงหมอ ที่ขยับขาแว่น และยืนขึ้นเต็มความสูง

“ขอบคุณพี่หมอมากๆ ที่ช่วยลูกของวลัย” คุณอาอุไรลุกขึ้นตามอีกคน

“เอาน่ะ คนไข้ถึงมือหมอ หมอก็ต้องช่วยสุดความสามารถอยู่แล้วจริงไหม”
 หมอมนัสพูดและเดินนำออกมาจากห้อง



ตะวันฉายพาอาสาวกลับบ้าน เพราะคุณหมอบอกว่ายังไงวันนี้ยูฟ่าต้องอยู่ในความดูแลของแพทย์
อย่างใกล้ชิดในห้องปลอดเชื้อ ให้คุณอากลับบ้านเตรียมตัวเตรียมใจที่จะเจอศึกหนัก

“อามีปัญหากับพ่อของเจ้าแฝด เขามีคนอื่นอาจึงขอหย่า แต่เขาไม่ยอม อาทนความเห็นแก่ตัวของเขาไม่ได้
 อาจึงหนีมาโดยทิ้งยูโดไว้ที่นั่น ยูฟ่าเลือกที่จะมากับอา อาจเพราะสงสารทั้งที่แกรักน้องของแกมาก
 อาเห็นแก่ตัว รักแต่ตัวเอง จนพรากความรักของเด็กสองคนนั้น”
 อุไรเล่าความเป็นมาเป็นไปของชีวิตครอบครัวของเธอให้กับหลานชายฟัง

“เอ่อ! ตะวันคงสงสัยที่พี่หมอเรียกอาว่ากนกวลัย เป็นชื่อเดิมของอาเอง อาเปลี่ยนเมื่อได้
พบกับพ่อเจ้าแฝด อาทิ้งชีวิตที่นี่ไปเพื่อเลือกเค้า และไม่แปลกที่เขาจะตามหาอาไม่เจอ
 เพราะอาไม่เคยเผยว่าอาเป็นคนในตระกูลของคุณย่า อาไม่อยากให้ทางนี้เสื่อมเสีย
 เพราะอาได้ทำสิ่งแย่ๆ และครั้งนี้คงเป็นโอกาสที่อาจะแก้ไขเรื่องที่ปล่อยคาราคาซังมานาน
เสียทีแก้ไขความเห็นแก่ตัวของอาด้วย มันถึงเวลาแล้วที่อาจะต้องคืนยูฟ่าให้กับยูโดเสียที”

อุไรยอมพ่ายแพ้ เมื่อลูกที่เธอรักปานดวงใจต้องมาเจ็บป่วยแบบนี้ กำลังใจเท่านั้นที่จะสามารถ
นำพาให้ยูฟ่าสู้ และฝ่าฟันเพื่อเอาชนะกับโรคร้ายนี้ไปให้ได้ ถ้ามียูโดมาอยู่เคียงข้าง

“ผมไม่เข้าใจ ทำไม เอ่อ คุณอาพูดเหมือน เจ้าสองคนนั้น เป็น…คู่รักกัน เขาเป็นแฝดกันไม่ใช่เหรอครับ”

 ตะวันฉายไม่คิดที่จะเก็บซ่อนความสงสัยเอาไว้

“ก่อนหน้านี้ ยูโดประสบอุบัติเหตุจนตาบอด รับการผ่าตัดจนกลับมามองเห็น ตอนนั้นอาบังเอิญ
ไปได้ยินว่าเด็กสองคนนั้น ต้องอยู่กับความเจ็บปวด ยูโดทำเป็นเกลียดพี่ ดุด่าและกลั่นแกล้ง
สารพัดเป็นปีๆ แต่จริงๆ แล้วเจ้าเด็กนั่นมันทำตรงข้ามกับหัวใจตัวเอง และจำต้องออกห่างเพื่อ
ไม่ให้ทำเรื่องผิดบาปกับพี่ตัวเอง สองคนนั้นรักกันจ้ะตะวัน”

 อุไรบอกเล่าเรื่องราวทั้งหมดอย่างไม่คิดปิดบัง

“นี่มันเป็นเรื่องจริงเหรอครับ แล้วน้องอีกคนก็เป็นแฝดชายด้วยนะฮะ ทำไมถึง…”

 ตะวันฉายอึ้งกับเรื่องที่ได้ฟังจากปากของผู้เป็นอา

“ใช่จ้ะแฝดชาย ส่วนเจ้ายูก็หนีใจตัวเองหาแฟนมาบังหน้า อย่างนี้แล้วอาจะห้ามยังไงได้
 แต่ที่อาหนีมาไม่ใช่จะจับสองคนนั้นแยกกันนะตะวัน มันเป็นคนละเรื่องกัน อาสัญญากับ
ยูฟ่าไว้ว่าจะพากลับไปหายูโด หากใจของทั้งสองยังคงเดิม ถ้ายังรักกันอยู่”

“ผมสงสารน้องๆ จังครับคุณอา เรื่องของความรักมันห้ามใจกันไม่ได้เลยจริงๆ
 คงเจ็บปวดกันมากพอดู แล้วยังต้องมาพรากจากกันอีก”

ตะวันฉายพูดออกมา น้ำเสียงของเขาสั่นๆ มิน่าในช่วงแรกๆ ที่ได้เจอหน้ายูฟ่า
น้องเหมือนคนที่ไร้ซึ่งชีวิตจิตใจ

“ตามยูโดมาหายูฟ่าให้ได้ก็พอตะวัน ก็ถือว่าตะวันได้ช่วยน้องแล้ว
 แต่อย่าเพิ่งบอกอะไรกับยูโด อากลัวเจ้าเด็กขี้โมโหจะมาไม่ถึงนี่เอาน่ะ”

“ได้ครับ ถ้าดื้อนักผมจะจัดการให้เองครับคุณอา ไม่ต้องกังวลเข้าบ้านเถอะ
 ผมจะกลับไปเตรียมของ ผมจองเที่ยวบินไว้แล้ว”

“ขอบใจมากๆ เลยตะวัน อาฝากด้วย กลับมาอาจะคืนเงินค่าเดินทางให้นะ”

“ไม่เป็นไรครับคุณอา เรื่องแค่นี้เอง ถือเสียว่าผมทำเพื่อน้องสองคนครับ”

ตะวันฉายส่งยิ้มให้กับอาของตัวเองที่มีท่าทีอ่อนระโหยจนน่าสงสาร ผู้หญิงตัวเล็กๆ
ที่ต้องแบกรับปัญหาครอบครัวไว้อย่างมากมาย ช่วงปีหลังมานี่ท่านดูมีความสุขกับการ
ใช้ชีวิตที่นี่ไปแล้ว การที่ยูฟ่าป่วยอาจจะนำการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่มาให้ท่านอีกเป็นแน่

เขาคงทำได้เพียงเป็นกำลังใจให้ท่านและน้องๆ ฟันฝ่ามันไปให้ได้ แค่นั้นจริงๆ


ตะวันฉายได้ทั้งที่อยู่และเบอร์โทรศัพท์ของเด็กแฝดอีกคน เขาสะพายเป้ไปเพียงใบเดียวเท่านั้น
กะว่าเจอตัวเด็กนั่นก็จะรวบตัวมาเลย หากไม่ยอมคงต้องเอาเรื่องลับๆ ระหว่างสองคนพี่น้องมา
อ้างกันบ้าง เขาก็ได้รู้มาเยอะพอสมควร  การขับรถบนเส้นทางที่เงียบเชียบขนาดนี้ต้องใช้ความ
ระมัดระวังมากกว่าปกติเป็นเท่าตัว


จวบจนกระทั่งตะวันมาถึงกรุงเทพฯ และนั่งแท็กซี่มาลงที่บ้านหลังใหญ่ที่มีรั้วสูงท่วมหัว
เขายืนหาวหวอดๆ หน้ารั้วบ้าน ยกมือกดกริ่งแบบรัวๆ อย่างไม่เกรงใจใคร

‘นี่ก็ตีสามเข้าไปแล้ว ใครมันจะยอมตื่นมาเปิดประตูกันวะ’

เขายืนรอสิบนาทีก็ยังไม่มีคนโผล่ออกมา เขาโทรเข้าไปหลายสายตั้งแต่ตอนอยู่บนแท็กซี่
แต่ปลายสายก็ไม่กดรับ ตะวันฉายมองสุนัขประจำซอยที่เดินวนไปเวียนมา มันเห่ากรรโชก
คงเพราะไม่คุ้นกับคนแปลกหน้าทั้งคงจะผิดกลิ่นอีกด้วย เขาไม่ได้ญาติดีกับเจ้าสี่เท้านี้นักหรอก
เดาใจมันก็ไม่ถูกนึกไม่ชอบหน้าเขาขึ้นมา รุมกัดก็เละเหมือนกัน

“แม่งเอ๊ย! นอนซ้อมตายกันหรือไงวะ ไม่มีจะโผล่หัวออกมาเลยสักคน”

 ตะวันฉายเตะเท้าไปในอากาศอย่างหงุดหงิด ง่วงก็ง่วง บนเครื่องก็ตื่นตาตื่นใจจนนอนไม่หลับ

“มาหาใครเหรอครับ”

นั่นไงโผล่มาซะที เขาชะเง้อมองเข้าไปในบ้าน ตรงช่องว่างของลวดลายสลักของประตูอัลลอยด์
เจ้าเด็กยักษ์นี่มันไม่ใช่แฝดกับเจ้ายูแน่ๆ เจ้ายูตัวนิดเดียว แต่นี่ใหญ่กว่ากันเกือบเท่าตัวเผลอๆ
จะสูงกว่าเขาหลายเซนด้วยสิ ถ้าอาของเขาบอกว่าเจ้านี่เป็นพี่ชายของยูฟ่าเขาก็เชื่อ

ตะวันฉายนึกฉุนเมื่อสบเข้ากับสายตาที่มองมาแบบเอาเรื่อง คงเพราะรบกวนการนอนของมันเป็นแน่

“ยูโดสินะ พี่ชื่อตะวันฉาย เรียกว่าพี่ตะวันแล้วกัน ขอเข้าไปหน่อย ง่วงจะตายชักแล้วตอนนี้น่ะ”

 ตะวันฉายขยับแต่อีกคนก็มองมาเขม็งและไม่มีทีท่าจะขยับกายเปิดประตูให้

“คุณรู้จักผมแต่ผมไม่รู้จักคุณ แค่บอกชื่อไม่ได้หมายความว่าจะรู้จักกันได้  อีกอย่างจู่ๆ
จะมาขอเข้าบ้านคนอื่นยามวิกาลแบบนี้ ผมคงไม่เสียสติเปิดรับคุณง่ายๆ หรอก
คุณอย่ามาก่อกวนกันดีกว่า ถ้าเมาก็กลับไปนอน ผมยังไม่อยากจะมีเรื่องตอนนี้”

ยูโดพูดแล้วหันหลังจะเดินเข้าบ้าน แต่คำพูดที่ได้ยินจากปากของผู้มาเยือนทำให้ต้องหันขวับกลับไป

“เอ๊ะ! เจ้าเด็กนิสัยเสีย อาอุไรส่งพี่มา ไม่อยากรู้เหรอว่าแม่กับพี่ชายของนายอยู่ที่ไหนตอนนี้น่ะ”

ตะวันฉายขยายความอีก คำพูดของเขารั้งให้เด็กยักษ์หยุดกึกได้ดีเลยทีเดียว

“ว่าไง นาย เอ่อ พี่ตะวัน คุณแม่ให้มาหาผมเหรอ เขาสองคนเป็นอะไร มีเรื่องอะไรบอกผมสิพี่”

ยูโดเดินเข้าไปใกล้รั้วมากขึ้น เขาเพ่งมองหน้าคนตัวขาว ผอมสูงและหน้าตาดีมากๆ
 ที่ขนาดว่าร่างกายผมเผ้าจะไม่เรียบร้อยนักแต่ก็บ่งบอกได้ว่าผู้ชายคนนี้เป็นคนที่ดูดีคนหนึ่ง

“ยูโด พี่จะยังไม่พูดจนกว่าจะได้นอน พี่มาตั้งไกลอย่าถามมากยังไม่มีใครเป็นอะไรทั้งนั้นตอนนี้”

“พี่ตะวันอย่าหลอกผมนะ คุณแม่ให้พี่มาจริงๆ ใช่ไหมครับ”

 ตะวันฉายดูอาการที่อีกคนเป็นแล้วก็หายหงุดหงิด เจ้าเด็กยักษ์กลายร่างเป็นสุนัข
พันธุ์โกลเด้นรีทรีฟเวอร์ที่เคลื่อนไหวร่างใหญ่ๆ ส่ายหางดี๊ด๊ายามเจอเจ้าของยังไงยังงั้น

“อืม จะเปิดได้หรือยังล่ะ”
 ตะวันฉายเสียงอ่อนและเขากำลังล้าเต็มที

“ครับพี่ เปิดเดี๋ยวนี้แหละฮะ”
 เจ้าหมาตัวโต ยิ้มแล้วเปิดล็อกประตูออกให้ก่อนที่จะปิดกลับเหมือนเดิม

“คนรับใช้ไม่มีรึไง บ้านหลังใหญ่โต เงินก็ตั้งมากมาย”
 ตะวันฉายอดค่อนขอดไม่ได้เมื่อก้าวเท้าเข้ามาในบริเวณบ้าน

“ก็มีครับ ป้าแม่บ้านกับหลานสาว ดึกขนาดนี้ ผมเป็นผู้ชายมาเปิดเองก็ถูกต้องแล้วครับ”

“แค่สงสัย ถ้ามีแต่คนแก่กับผู้หญิงก็ถูกแล้วที่เปิดเอง”

“พี่ตะวันเป็นหลานของคุณแม่เหรอ เห็นเรียกคุณแม่ว่าอา”

“อื้ม พ่อพี่เป็นพี่ชายแม่เราน่ะ ลุงไผท”

“อ่อ ครับ งั้นผมกับยูก็เป็นน้องของพี่สิฮะ”

“ก็ใช่ไง ไว้พรุ่งนี้ค่อยคุยกัน พี่นอนตรงนี้ก็ได้นายไปนอนเถอะ
หลับให้สบายล่ะ พี่ง่วงเต็มแก่ อีกไม่กี่ชั่วโมงก็เช้าแล้ว”

“พี่ตะวันนอนห้องผมก็ได้ เพราะผมนอนห้องยู”

“ก็ได้แต่บอกไว้ก่อนนะ พี่ไม่อาบน้ำนะเว้ย ไว้รวบยอดตอนเช้าทีเดียว”

“เอ่อ ครับ” สองหนุ่มเปิดประตูห้องที่อยู่คู่กัน ก่อนจะหายเข้าไปห้องใครห้องมัน


ยูโดพยายามข่มตาให้หลับแต่มันยังคงเบิกค้าง ใครจะหลับได้เมื่อจู่ๆ คนที่เราคิดว่าไม่รู้อีกนาน
แค่ไหนจะได้เจอ หรือยังไม่รู้ว่ามารดาจะเปิดโอกาสให้ได้เจอกันเมื่อไหร่ เหมือนที่บิดาเขาบอกไว้
 แล้วก็เหมือนความหวังทั้งหมด การรอคอยที่ยาวนานนั้นมาถึงแล้ว เป็นใครจะข่มตาหลับลง

‘ถ้าเขาอยากให้เจอก็จะได้เจอเอง ไม่ต้องดิ้นรน ไขว่คว้า ยูเราจะได้พบกันแล้วใช่ไหม
คุณแม่ยอมให้โดเจอกับยูแล้ว จริงเหรอครับ’

กว่าเปลือกตาจะปิดลงได้ก็ค่อนรุ่ง


เสียงทุบประตูทำให้ยูโดกระเด้งตัวจากที่นอน เขาถลันไปที่ประตูเปิดผลัวะออก
 ผู้ชายที่ยังสวมใส่เสื้อผ้าชุดเดิมที่ยับย่นกับผมเผ้าที่ยุ่งเหยิง ยืนหน้าบึ้งตึงอยู่หน้าประตูห้อง

“เป็นอะไรหรือเปล่าครับพี่ตะวัน”

“ยืมสายชาร์จโทรศัพท์หน่อย แล้วก็ขอยืมผ้าเช็ดตัวด้วยจะอาบน้ำเหม็นตัวเองเต็มที
 นายเตรียมตัวเดินทางเลยนะ ไวหน่อยก็ดี” ตะวันฉายพูดแล้วยืนรอ

“เดี๋ยวครับพี่ จะให้ผมไปที่ไหน”

“เดินทางไกล อยากเจอก็เงียบปาก พี่ไม่ได้รับอนุญาตให้พูด
หรือบอกอะไรมากไปกว่านี้ เข้าใจนะ”

 ยูโดส่งของสองอย่างที่พี่ชายขอไปให้กับมือและยื้อไว้ แต่พอได้ฟังพี่ชายพูดอย่างนั้น
จึงรีบปล่อยมือ แล้วกลับมาทำตัวให้นิ่งมากที่สุด

“ครับ ผมจะได้เตรียมของไปให้พร้อม”

 เมื่อประตูห้องนอนปิดลงยูโดก็ยิ้มกว้าง เขาจะได้เจอคนสองคนที่รักที่สุดแล้ว

‘รอโดนะยู ขอบคุณนะครับแม่’


ไม่เกินหนึ่งชั่วโมงทุกอย่างก็พร้อม ยูโดคว้าของจำเป็นไปไม่กี่อย่าง เสื้อผ้าสี่ห้าชุด
 เขายัดโน๊ตบุ๊คลงไปในกระเป๋าเดินทางด้วย หันไปหยิบกระเป๋าเงินและโทรศัพท์เป็นอย่างสุดท้าย
 ยกมือจะเคาะประตูห้องนอนที่ให้คนที่อ้างว่าเป็นพี่ชายเข้าพัก แต่ประตูก็ถูกเปิดออกมาเสียก่อน

“เสร็จแล้วสิ ถ้างั้นอาหารเช้าไปหาที่แอร์พอร์ตนะ”

“ครับพี่”

 ยูโดรับคำและมองพี่ชายแบบผ่านๆ พี่ชายสวมเสื้อยืดกางเกงยีนและมีแจ็คเกตสีดำสวมทับอีกที
ทำให้พี่ชายดูเป็นหนุ่มที่ออกจะเซอๆ ไม่ใช่น้อย ส่วนเขาเองสวมเสื้อยืดสีขาวไว้ด้านในและสวมเสื้อ
กันหนาวแบบมีฮู้ดด้วยตอนนี้เมืองไทยเข้าสู่ฤดูหนาวมาสี่ห้าวันแล้ว ซึ่งปีนี้คาดว่าจะอากาศหนาวกว่า
ปีก่อนเล็กน้อยและกินเวลาเกือบเดือนตามที่พยากรณ์อากาศรายงาน

พี่ตะวันบอกโชเฟอร์แค่ให้ไปสนามบิน ยูโดพยายามหาเรื่องถามแบบอ้อมๆ
 แต่พี่ชายรู้ทันหันมาขู่ หน้าตาเอาเรื่องจนยูโดต้องยอมปิดปากเงียบไปตลอดทาง
 จนเมื่อเขารู้จุดหมายปลายทางถึงได้ยิ้มออก

‘เชียงใหม่’
สองปีมานี้มารดากับพี่ชายของเขาอยู่กันที่เชียงใหม่นี่เอง

“ยิ้มหน้าบานเลยนะ นี่ขนาดยังไม่ได้เจอหน้ากันยังขนาดนี้ ถ้าได้เจอนี่ไม่ดูดปากกันเลยหรือไง”
ตะวันฉายพูดประชด ทำเอาน้องชายยกมือขึ้นถูข้างจมูกแก้เก้อ

‘ทำได้อย่างนั้นก็ดีสิ อยากฟัดให้จมเขี้ยวด้วยสิ แต่…พี่ตะวันพูดเหมือน…รู้อะไรๆ อย่างงั้นแหละ’

 เจ้าหมาตัวโตหน้าระรื่นไม่หยุดจนตะวันฉายส่ายหน้า ท่าทางที่ล้นๆ แบบนี้ ไม่มีทางที่ยูฟ่าจะทำได้เหมือน
 สองคนนี้ต่างกันมากจริงๆ ตั้งแต่สีผิวยันรูปลักษณ์ เกือบจะทั้งตัว นิสัยก็คงจะต่างมากเหมือนกัน
 คนพี่ที่ทั้งน่ารักอ่อนโยนและขี้อ้อนอย่างกับแมว ส่วนคนน้องเหมือนหมาตัวโตๆ
แต่ถึงคราวที่จะอ้อนคงจะสุดๆ เหมือนกัน

‘อย่าสุขจนลืมเผื่อใจนะเจ้าน้องชาย…พี่เตือนไว้ก่อน’









ออฟไลน์ กาแฟมั้ยฮะจ้าว

  • Let me hug you tight, and I’ll make you feel how important you are.
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 920
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +570/-0
Re: incest : บาปร้ายในบ่วงรัก ตอนที่ 9
«ตอบ #19 เมื่อ11-06-2019 09:02:20 »

:กอด1: :pig4: :กอด1:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: incest : บาปร้ายในบ่วงรัก ตอนที่ 9
« ตอบ #19 เมื่อ: 11-06-2019 09:02:20 »





ออฟไลน์ snowboxs

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5467
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +124/-7
Re: incest : บาปร้ายในบ่วงรัก ตอนที่ 9
«ตอบ #20 เมื่อ14-06-2019 11:17:34 »

เตรียมผ้าเช็ดหน้ารอเลยล่ะกันนะคะ

ออฟไลน์ AkuaPink

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2033
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +59/-1
Re: incest : บาปร้ายในบ่วงรัก ตอนที่ 9
«ตอบ #21 เมื่อ14-06-2019 11:43:48 »

 :pig4:
 :3123:

ออฟไลน์ เส้นขอบฟ้า

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 137
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +22/-0
 ตอนที่ 10 กลับมายืนข้างกัน

เมื่อถึงสนามบินเชียงใหม่ ตะวันฉายพาน้องชายตัวโตไปยังรถกระบะคันสีขาวของเขา
เด็กยักษ์ยังคงมีสีหน้าที่มีความสุขอย่างเก็บไม่มิดเหมือนเดิม

“นั่งดีๆ นะ พี่จะซิ่งแล้ว”

“ซิ่งของพี่น่ะเหยียบเกินร้อยหรือเปล่าเหอะ”

“เฮอะ! เจ้าเด็กนี่ อย่ามาสบประมาทกันนะเว้ย!”

“ตามสบายเลยครับ ผมขอถึงที่หมายโดยปลอดภัยก็แล้วกัน”
ยูโดพูดหน้ายิ้มๆ เขาไม่กลัวว่าพี่ตะวันจะขับหรือพาเหาะ เพราะคนอย่างเขาผ่าน
สนามประลองความเร็วมาแล้วหลายสนาม


ตะวันฉายขับรถไปอย่างไม่เร่งรีบดั่งปากที่พูดเลย เขากำลังลุ้น หากทั้งสามพบกันในสถานการณ์แบบนั้น
อะไรจะเกิดขึ้น เห็นเด็กยักษ์ที่กวาดสายตามองสองฝั่งข้างทางเพื่อจดจำเส้นทาง เท่าที่เขาประเมิน
ยูโดคงต้องอยู่นานเลยหรือหากอาของเขาคิดจะกลับเข้ากรุงเทพฯ คงจะพากันกลับไปหมด
ซึ่งนั่นก็ต้องมาดูกันอีกทีว่าจะออกมาในทิศทางไหน
 
ตะวันฉายเลี้ยวรถเข้าไปยังโรงพยาบาล เด็กที่นั่งหน้ายิ้มมาตลอดทางกลับเปลี่ยนสีหน้า
จนดูจืดเจื่อนลงถนัดตา ดวงตามีประกายหวาดหวั่นเข้ามาแทนที่ ตะวันฉายเห็นอย่างนั้น
พาให้ใจวูบโหวงตามไปด้วย แม้ว่าเขายังไม่ได้พูดอะไรออกไปคนข้างๆ ก็เสียอาการแล้ว

“พี่ตะวัน ทำไมมาที่นี่ล่ะ มีใครเป็นอะไร พี่มาเยี่ยมใครครับ คนรู้จักของพี่เหรอฮะ
 แล้วพี่ไม่ส่งผมหาคุณแม่กับยูก่อนล่ะครับ หรือว่า…มันเกิดอะไรขึ้นกับสองคนนั้นครับ
 พี่ตะวันบอกผมสิครับ”

 ยูโดหันหน้าหันหลังอย่างร้อนรน และละล่ำละลักถาม

“ยูโด นายต้องเข้มแข็ง อย่าเพิ่งตื่นตกใจอะไร ไว้นายจะรู้เองในอีกไม่กี่นาทีนี้แหละ ใจเย็นเถอะ”

“ผมต้องเข้มแข็งจากอะไรฮะ มันเรื่องอะไรกัน มันไม่ใช่เรื่องดีแน่ๆ ยังไงเหรอครับพี่ บอกผม”

“ยูโด ใจเย็นๆ หน่อยสิ ถ้านายยังเป็นแบบนี้ ไม่ควบคุมอารมณ์ พี่จะไม่พานายเข้าไปในนั้นเด็ดขาด”
 ตะวันฉายพูดเสียงเฉียบขาด และทำท่าจะหยุดอย่างที่ปากพูด
 เท่านั้นก็สามารถหยุดอาการสติแตกของเด็กโข่งลงได้ เขาพรูลมหายใจออกมาอย่างหนักหน่วงเช่นกัน

“พี่ตะวัน ผมขอโทษ ผมจะควบคุมอารมณ์…”
ยูโดหยุดเท้า สูดหายใจยาวๆ หลายนาที ก่อนที่จะพยักหน้าและสู้ตากับพี่ชาย

“เอาหล่ะ ถ้านายพร้อม เราก็ไปกันได้แล้ว”
ตะวันฉายโอบบ่าน้องชายตัวโตที่ส่วนสูงมากกว่าเขาราวๆ หกเจ็ดเซนติเมตรได้

เขาพาเดินเข้าไปในลิฟต์ กดเลือกชั้น น้องมองตามทุกการเคลื่อนไหวของนิ้วมือ
และอ่านผังในลิฟต์ที่ระบุว่าเป็นชั้นของห้อง ICU ใบหน้าซีดเผือดลงไปกว่าเดิม

“พี่ตะวัน ผมไม่อยากรู้เลยว่าคนที่อยู่ที่นี่จะเป็นคุณแม่หรือยู ผมไม่อยากรู้แล้วครับ”
ตะวันบีบหัวไหล่น้องชาย ที่ก้มหน้ามองพื้น คิ้วขมวดจนจะเป็นปมอยู่แล้ว
เห็นเพียงปลายจมูกกับริมฝีปากที่เม้มเข้าหากันแน่น

‘เห็นแล้วก็สงสาร ทำยังไงได้ล่ะ คนเราต้องเผชิญกับความจริงด้วยกันทั้งนั้น’

“คนในนั้นต้องการนายมากนะยูโด พี่บอกได้แค่นี้แหละ”
 แล้วลิฟต์ก็ถึงที่หมาย


ยูโดเงยหน้าจากที่ก้มมองแต่ปลายเท้าตัวเอง แล้วก้าวเท้าตามหลังพี่ชายออกจากลิฟต์
เขามองข้ามไหล่พี่ชายไปข้างหน้า เห็นมารดานั่งสงบนิ่งอยู่ที่เก้าอี้ พอท่านเงยหน้ามาสบตากับเขา
ความดีใจที่ได้พบมารดาก็ถูกหักกลบล้างไปพร้อมกับข้อสรุปที่เขาได้ในตอนนี้ 

“โด แม่ขอโทษที่ปล่อยลูกไว้ที่นั่น แม่รู้ว่าลูกของแม่เข้มแข็งและผ่านมันไปได้
 วันนี้ลูกโตพอที่จะดูแลยูฟ่าแทนแม่ได้แล้ว”

เสียงของแม่สั่นเครือและเจือไปด้วยความรู้สึกผิด อ้อมแขนที่โอบรอบตัวเขาไว้
ชายหนุ่มกอดตอบจนร่างเล็กๆ ของคุณแม่จวนเจียนจะจมหายเข้าไปในแผ่นอกของเขา

“แม่ครับ ยูเป็นอะไร เกิดอะไรขึ้นกับยู”
ยูโดเค้นเสียงรอดไรฟัน น้ำลายเหนียวๆ ที่กว่าจะกลืนมันลงคอไปได้ กว่าจะเปล่งคำพูดออกมามันแสนยากลำบาก

“นั่งลงก่อนแล้วฟังแม่”
 มารดาคลายกอด พร้อมฉุดแขนให้ยูโดนั่งลงข้างๆ ห่างออกไปมีหลานชายนั่งสังเกตการณ์อยู่ด้วย

“ยูเป็น…ลูคีเมียน่ะลูก” ขาดคำที่มารดาพูด ยูโดก็ผุดลุกขึ้นในทันทีเหมือนกัน

“ไม่จริง ไม่ใช่ ต้องไม่ใช่แบบนั้น หมอ หมอต้องวินิจฉัยผิดแน่ๆ ถึงยูจะป่วยบ่อย อ่อนแอ
 ก็แค่ไข้หวัด ไม่มีทาง ไม่ใช่แน่ๆ แม่อย่าล้อกันเล่นแบบนี้ โดไม่มาเจอคุณแม่…โดไม่ขอเจอกับยูก็ได้
 มันต้องไม่ใช่แบบนี้สิ”

 ยูโดส่ายหน้าอย่างไม่เชื่อ เขาไม่เชื่อเด็ดขาด

“ใจเย็นนะลูก หมอบอกว่ายังทัน ยังมีทางรักษา ยูจะอยู่กับเราอีกนาน ถ้าได้โดมาช่วยอีกแรง ยูจะหายแม่เชื่ออย่างนั้น”

มารดาปลอบลูกชายที่แทบจะคุมสติไม่ได้ น้ำตาคลอๆ ที่หน่วยตา และตอนนี้กำลังไหลรินลงมาเป็นสาย

“คุณแม่จะให้โดเชื่อ ยอมรับว่ายูป่วยเป็นโรคร้าย แล้วคุณแม่ยังบอกว่าโดจะช่วยยูได้
นี่เป็นเรื่องจริงเหรอครับ เราไม่เจอกันสองปีเชียวนะ ทำไมคนที่ป่วยและนอนอยู่ในห้องนั้น
ไม่เป็นโด ทำไมต้องเป็นยู”

ยูโดทรุดตัวลงนั่ง เขาอ่อนล้าเต็มที สองปีที่ไม่เจอกันยังดีเสียกว่าการได้พบกันแล้วต้องเป็นแบบนี้
ต้องมารับรู้ว่าอีกคนเป็นโรคร้าย ‘มะเร็งเม็ดเลือดขาว’ ยูโดนั่งก้มหน้าปล่อยให้น้ำตาไหลรินอย่าง
ไม่แคร์ต่อสายตาของใคร พี่ตะวันบอกว่าคนในนั้นต้องการเขา

‘รอคอยมานานปี มันต้องไม่แย่ มันต้องดีสิ เราได้กลับมาพบกันแล้ว’

“ยูโด แม่ขอโทษที่ดูแลยูฟ่าไม่ดี ก่อนหน้านี้ยูก็เป็นไข้ทั่วๆ ไปนี่แหละ
 พอครั้งล่าสุดอยู่ดีๆ ก็แทบไม่มีสติ ยูกินยาลดไข้ทุกทีก็หาย แม่บ้านบอกว่ายูบ่นแต่ง่วง
 อยากแต่จะนอน อาหารก็กินไปสามสี่คำ ช่วงเย็นพี่ตะวันเข้าไปเยี่ยมเรียกเท่าไหร่ก็ไม่ตื่น
 มันแค่เพียงวันก่อนเอง แม่ก็ไม่อยากจะเชื่อเหมือนกัน”

 มารดาพูดไปสะอื้นไป ก่อนที่จะเล่าต่อ

“ถ้าโดเห็นยูตอนนี้ ลูกจะไม่เชื่อว่ายูป่วย เพียงแต่ว่าเขาซีดมากๆ แค่คืนเดียวจริงๆ
 ยูตัวผอมบางเป็นปกติของเขาอยู่แล้ว โดต้องเข้มแข็งและอยู่เคียงข้างพี่นะ
 หากการทำเคมีบำบัดผลไม่เป็นที่น่าพอใจ ลุงหมอให้เตรียมปลูกถ่ายสเต็มเซลล์
 แม่ถึงต้องให้โดมาอยู่ใกล้ๆ กับยูไงลูก ยูต้องการโดนะ แม่รู้ว่าที่ผ่านมาเขาไม่เคยเรียกร้อง
 ไม่เคยถามถึงโด แต่ยูเฝ้ารอวันที่จะได้กลับไปอยู่กับโด ที่ผ่านมาแม่ผิดเอง
 แม่เห็นแก่ตัว แม่อ่อนแอเกินไป”

ยูโดมองมารดารู้ว่าท่านปวดใจเพียงใดจึงดึงท่านเข้ามากอดไว้แนบอก เขาเกยคางบนบ่าของท่าน

“โดจะเข้มแข็งครับคุณแม่ พวกเราจะเป็นกำลังใจให้ยูข้ามผ่านเรื่องเลวร้ายนี้
 เหมือนครั้งหนึ่งที่ยูเคยเป็นดวงตาให้โดและทำให้โดข้ามพ้นมันมาได้
 ชีวิตของยูที่เหลือ…โดขอนะครับคุณแม่ โดจะดูแลยูเอง…จะรักให้เท่ากับชีวิตของโด
 คุณแม่อย่าห้ามเราอีกเลย เราสองคนเกิดมาเพื่อกัน โดไม่ขออะไรอีกแล้วนอกจากเรื่องนี้
 เท่านั้น ขอยูให้โดนะครับ”

ยูโดพูดทุกความรู้สึกจากก้นบึ้งของใจ เขาไม่กลัวอะไรอีกแล้ว ไม่กลัวเลยสักนิดว่าความจริง
ที่เขาสองคนเก็บไว้จะถูกเปิดเผย

“แม่รู้จ้ะ แม่รู้ว่าโดจะดูแลยูของแม่ได้ การที่คนสองคนจะมีใจตรงกัน รักกัน มันไม่ใช่เรื่องผิด
 แม่ไม่ห้ามแล้ว หากลูกคิดว่ากล้าพอจะเผชิญกับคนรอบข้างที่ต่อต้าน ทนรับกระแสสังคมได้
 นั่นก็แล้วแต่ลูกสองคนจะตัดสินใจ แม่จะอยู่กับลูกๆ ได้อีกนานสักเท่าไหร่ก็ยังไม่รู้เลย”

“ขอบคุณครับคุณแม่ ขอบคุณที่เข้าใจ รักแม่ที่สุดเลยฮะ”
ยูโดกระชับอ้อมกอดและโยกตัวมารดาไปด้วย อย่างคนที่ได้รับของขวัญถูกใจ

“ใกล้จะได้เวลาเข้าเยี่ยมแล้วไปเปลี่ยนชุดกันเถอะลูก”
มารดาผละตัวออกกวาดตามองหาหลานชาย

“ตะวัน อ้าว! นั่นเราไปเปลี่ยนชุดมาแล้วเหรอ”

“ฮะคุณอา สองคนแม่ลูกรีบเลยครับ ช้าผมไม่รอนะ”
 ตะวันฉายแกล้งพูดเพื่อดึงบรรยากาศหม่นๆ มัวๆ ออกไป

“จ้ะๆ รีบเดี๋ยวนี้แล้ว อาขอบใจตะวันมากเลยที่ไปรับน้องมาให้”

“ไม่เป็นไร เราครอบครัวเดียวกัน ยูโดเข้าไปในนั้นก็ห้ามไปทำดราม่าให้ยูเห็นนะ”
 ตะวันฉายคุยกับอา แล้วจึงหันไปกำชับน้องชายที่พยักหน้ารับอย่างเข้าใจ
 หมาหงอยเป็นแบบนี้เอง ตะวันฉายทอดถอนใจ มองตามสองแม่ลูกที่เดินไปยังห้องเปลี่ยนชุด


เมื่อได้เวลาเข้าเยี่ยมทั้งสามรีบก้าวพรวดเข้าไปโดยไม่มีใครรอใครเลย แต่พอจะถึงเตียงผู้ป่วย
ยูโดก็ก้าวขาให้ช้าลงไปและอยู่รั้งท้าย ทั้งๆที่เขาได้ทำใจก่อนจะเข้ามาแล้ว…ก็ยังรู้สึกว่ายังไม่พร้อม
ที่จะเผชิญกับคนตรงหน้าอยู่ดี 

“แม่ฮะ พี่ตะวันด้วยทำไมทิ้งยูไว้ที่นี่คนเดียวล่ะ ยูแค่เป็นไข้ปวดหัวเองนะ
 ยูอยากกลับบ้าน เป็นห่วงพวกเด็กๆ ป่านนี้เป็นยังไงบ้างก็ไม่รู้ เจ้าเดย์จะรับมือไหวหรือเปล่า
 อาหารกลางวันอีกใครจะช่วยทำ ไหนจะเด็กๆ ที่งอแง แม่พายูกลับบ้านเถอะนะฮะ นะพี่ตะวัน”

 ยูฟ่าทั้งต่อว่าต่อขานและทั้งอ้อนวอนในเวลาเดียวกัน ทั้งๆ ที่เสียงพูดก็ออกจะแหบแห้งเสียเหลือเกิน

“ยูฟ่าเด็กดี ลูกต้องอยู่ที่นี่ก่อน ไว้หายดีจริงๆ แม่จะไม่ห้ามเลยถ้าลูกจะกลับไปทำงานน่ะ”
มารดาลูบหัวลูกชายที่นอนหน้าตาซีดเซียวอยู่บนเตียง โดยมีสายอะไรต่อมิอะไรระโยงระยางไปหมด
จนคนเป็นแม่สะท้อนใจ

ครั้งหนึ่งครอบครัวของเธอก็ผจญมาแล้วกับผู้ป่วยโรคร้ายแบบนี้ นี่เป็นอีกครั้งแล้ว


“แล้วนี่เป็นไงบ้างลูก ยังปวดหัวอยู่ไหม ไข้ล่ะลดหรือยัง” มารดาถามไถ่อาการเพิ่มเติม

“มึนๆ ง่วงๆ เพลียๆ แค่นั้น ถ้ายูกลับไปนอนบ้านก็หายแล้วล่ะฮะ”
คนป่วยพูดด้วยคิดว่าตัวเองเป็นแค่ไข้หวัด

ยูโดนิ่งฟัง น้ำเสียงที่แหบแห้งยังคงพูดตอบโต้ไม่หยุดหย่อน

‘คิดถึงเหลือเกินแล้ว…คนดีของโด’

“ยู พี่พาคนมาเยี่ยมเราด้วยนะ ไม่รู้ว่าเราอยากจะเจอหรือเปล่าคนนี้น่ะ”
ตะวันฉายเอ่ยปาก เขายืนฟังคนป่วยร่ำร้องแต่จะกลับบ้านอย่างเงียบๆ มานาน

“ใครล่ะพี่ตะวัน จริงๆ ยูไม่อยากจะเจอใครในตอนนี้เลยนะ เอ่อ…ฮึก ฮือออ”

เสียงสะอื้นตามขึ้นมาทันที เมื่อพี่ชายเบี่ยงตัวออกให้เห็นว่ามีใครยืนอยู่ด้านหลังของเขา
ยูฟ่ามองคนตัวโตที่นานมากแล้วไม่ได้พบกัน ตัวสูงใหญ่กว่าเดิม สายตาที่ทอดมองมา
อย่างรักและคิดถึงไม่ต่างจากเดิมเลย แล้วดวงตาก็พร่างพรายไปด้วยน้ำตา

“ฮึก โด ยู…คิดถ…”
เสียงยังไม่ทันได้เปล่งออกมาครบดี คนป่วยก็ถูกรวบตัวไปกอดไว้เสียก่อน

“คิดถึงที่สุด ยูของโด” ยูโดกระซิบเสียงแตกพร่า


ตะวันฉายมองภาพที่อยู่เบื้องหน้าอย่างตื้นตันใจและจุกแน่นในอกไปด้วย
คนรักกันมากขนาดนี้ ห่างกันได้นานขนาดนั้น ทำได้ยังไงกัน เจ้าหมาตัวโตน้ำตาคลอๆ
แต่เจ้าลูกแมวน้ำตานองหน้าไปก่อนแล้ว ส่วนคุณอายืนยิ้มทั้งน้ำตาไม่ห่างกันนัก
และภาพที่ทั้งสองใช้มือเกลี่ยเช็ดน้ำตาให้กันไปมา เป็นใครจะทนดูต่อไปได้โดยไม่เสียน้ำตา

ตะวันฉายเบือนหน้าหนีและรู้สึกร้อนที่กระบอกตา จนต้องเงยหน้ามองเพดานเพื่อไล่น้ำตาที่มาปริ่มๆ
ที่ขอบตา เขาสูดหายใจยาวๆ หลายที

ยูฟ่าถูกน้องชายร่างยักษ์จูบซับน้ำตาให้จนทั่วใบหน้า มันเหนือการคาดหมายจริงๆ
ที่ตลอดสองปีมานี้ ทั้งสองไม่เคยได้เจอหรือได้รับข่าวคราวของกันและกันมาก่อน
แต่แล้วจู่ๆ วันนี้คนที่คิดถึงและโหยหามาตลอดกลับมายืนอยู่ตรงนี้ข้างๆกัน และเขา
ได้กลับคืนสู่อ้อมกอดของกันและกันอีกครั้ง

“โดมาได้ยังไง แล้วคุณแม่ท่านไม่…”
ยูฟ่ามองหน้ามารดา เขาผละออกจากกันแต่มือของเขายังถูกยูโดรวบไปไว้ในอุ้งมือหนา
สัมผัสอุ่นที่ทำให้รู้ว่าไม่ได้ฝันไป

“แม่ให้พี่ตะวันไปรับยูโดที่บ้านเมื่อคืนนี้จ้ะลูก”
 มารดาบอก ลูกชายมองกลับมาด้วยดวงตาที่เปล่งประกาย

“ขอบคุณครับคุณแม่ แล้วก็พี่ตะวันด้วยนะฮะ นี่คือคนที่ยูอยากพบที่สุดในชีวิตเลยล่ะ ขอบคุณจริงๆ”
ยูฟ่ายิ้มทั้งน้ำตาเมื่อถูกอุ้งมือหนาบีบกระชับ

“ไม่เป็นไรเลยเล็กน้อยมากๆ ไว้เราหายดีเลี้ยงข้าวพี่ด้วยแล้วกัน”

พี่ชายกระเซ้าน้องชายที่มีใบหน้าเกลื่อนไปด้วยรอยยิ้มยินดี มุมปากคลี่ออก
ถึงแม้ริมฝีปากบางจะซีดไปหน่อยก็ตาม

“ได้สิเดี๋ยวยูกับโดจะจัดให้ชุดใหญ่เลย เลือกร้านรอเลยนะฮะพี่ชาย”
ยูฟ่ายิ้มจนตาหยี

ตะวันฉายมองดูน้องที่ดูซูบซีดจนผิดตา แค่ผ่านไปวันเดียว หรือก่อนหน้านี้เขาไม่ทันได้สังเกตเห็นกันนะ
ว่าน้องป่วย แต่แค่เจ้าเด็กนี่ยิ้มได้ในสถานการณ์แบบนี้ ถือว่าการเดินทางเมื่อคืนของเขาคุ้มค่าแล้ว

“จะหมดเวลาเยี่ยมแล้วนะ ยูหายไวๆ ล่ะจะได้กลับบ้านกัน”
ตะวันฉายบอกกับน้องที่หน้าจ๋อยขึ้นมาทันตา

“คุณแม่ครับยูหายแล้วจริงๆ ยูอยากกลับบ้าน มีเรื่องอีกเยอะแยะที่ยูกับโดยังไม่ได้เล่าให้กันฟัง
 คุณแม่ให้ยูกลับบ้านเถอะนะ นะครับ ยูจะไม่ดื้อจะกินยาตามหมอสั่ง นะฮะ ให้ยูกลับนะ”

เจ้าตัวหันไปอ้อนมารดา เป็นกิริยาที่คนมองอยู่ตลอดสงสารจับใจ ยูโดใจกระตุกจนต้องรีบปลอบ

“ยูอยู่ต่ออีกหน่อยนะครับ โดไม่ได้จะไปไหน เดี๋ยวรอบบ่ายจะเข้ามาหายูอีก
ตอนนี้ยูต้องนอนนะคนดี พักผ่อนจะได้หายไวๆ ไง ไม่ดื้อนะ”
ยูโดก้มลงบอกให้รู้ว่าจะยังอยู่ไม่ไปไหน

“มาจริงๆ นะโด ยูจะรอ” ยูฟ่ากระตุกแขนอีกคนเพื่อขอคำยืนยัน

“มาสิครับ โดจะอยู่แถวๆ นี้แหละ แต่ยูต้องนอนนะ โดก็มีเรื่องอยากเล่าให้ยูฟังเยอะแยะเหมือนกัน”
ยูโดโน้มใบหน้าลงไปจูบที่หน้าผากของคนที่นอนทำตาละห้อย

“ขอแก้มหน่อยสิโด” ยูโดทำตามอย่างว่าง่าย เขาถูกหอมเสียงดังฟอด

“เอาแก้มพี่บ้างมั้ยยู พี่แถมให้”
ทั้งสองหันขวับมองแต่สายตาของเจ้ายักษ์ทำเอาพี่ชายไหวไหล่ ส่วนยูฟ่าย่นจมูกใส่ด้วยรู้ว่าพี่ชายสัพยอก

“ไม่เอาของแถมก็บอกกันดีๆ สิ ดูทำหน้าเข้า เจ้าเด็กขี้หวงนี่ หึหึ”
 ตะวันฉายลอยหน้าลอยตาพูด

“ตะวันอย่าไปแกล้งน้อง ยูโดพี่เค้าแค่หยอกเล่นเองนะลูก เดี๋ยวเหอะ! ทำตาแข็งใส่ได้ไง เรานี่นะ”
 มารดาตีแขนลูกชายคนรองไปที ยูโดจึงละสายตาที่มองพี่ชายอย่างคนหวงของ หันหายูฟ่า
 แล้วลูบหัวยูฟ่าเมื่อเห็นพยาบาลเดินมาส่งยิ้มให้

“เป็นแฝดกันเหรอคะเนี่ย”
พยาบาลสาวหน้าสวยถามขึ้น เมื่อเห็นสองคนพี่น้องอยู่พร้อมหน้ากัน

“ครับ” ยูโดตอบ แล้วโบกมือให้กับยูฟ่า ก่อนทั้งสามจะพากันเดินออกไปจากห้องผู้ป่วย






ออฟไลน์ snowboxs

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5467
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +124/-7
Re: incest : บาปร้ายในบ่วงรัก ตอนที่ 10
«ตอบ #23 เมื่อ15-06-2019 22:32:42 »

น้ำตาซึมสงสาร

ออฟไลน์ เส้นขอบฟ้า

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 137
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +22/-0
ตอนที่ 11 ไม่เหงาอีกต่อไป

ทั้งสามหาร้านข้าวไม่ห่างจากโรงพยาบาลมากนัก ต่างพูดคุยเล่าสู่กันฟังว่าตลอดสองปี
คนทางนี้ทำอะไรไปบ้าง และยูโดอยู่ยังไง

“แม่ภูมิใจในตัวลูกมากเลย ยูโดของแม่วันนี้โตเป็นผู้ใหญ่แล้ว แม่ขอโทษด้วยนะที่หนีมาไม่บอก
 แม่เห็นแก่ตัวและรักตัวเองมากเกินไป ลืมว่าสองปีหัวใจของแม่ดีขึ้นมากแต่อีกสองคนต้องเจ็บปวด
กันขนาดไหน ยกโทษให้แม่นะลูก”

มารดาเม้มปากแน่น และรวบช้อนเมื่อนางฝืนกลืนอาหารอีกต่อไปไม่ไหว

“ทานข้าวอีกหน่อยนะครับคุณแม่จะได้ไม่ป่วยไปอีกคน เราจะได้มีแรงที่จะช่วยกันดูแลยู
 เรื่องที่แล้วมาโดไม่เคยโกรธคุณแม่เลย ไม่เคยคิดโทษใคร ที่ผ่านมามันสอนให้โดเข้มแข็ง
และยืนขึ้นด้วยลำแข้ง แม้ว่าจะยังไม่ได้ทำงานเต็มตัวแต่โดทำได้ครับ โดสามารถดูแลให้
ทั้งแม่และยูไม่ต้องลำบากในอนาคตด้วยนะ”

ยูโดพูดอย่างภาคภูมิ

“ขอบใจนะคนเก่งของแม่ แล้วเรื่องเรียนของลูกที่นู้น หรือจะย้ายยูกลับไปรักษาที่กรุงเทพฯ
ยังไงดีแม่ก็มึนหัว คิดอะไรไม่ออกแล้วตอนนี้ เรื่องมันเกิดขึ้นเร็วมากๆ”
มารดาเขี่ยข้าวไปมา

“คุณอาครับไว้ค่อยคุยกันอีกทีเถอะ เจ้ายูจะยอมเหรอ เขามีความสุขที่ได้ทำงานที่นี่นะอย่าลืม
 อีกอย่างเขายังไม่รู้ว่าตัวเองป่วยเป็นอะไรด้วยนะครับ”

“นั่นสิฮะคุณแม่ ไว้เราค่อยๆ บอกยู ค่อยมาคิดหาวิธีกัน เรื่องเรียนของโดไม่เป็นไรฮะ
 ปีสุดท้ายแล้ว อาจจะต้องเดินทางบ่อยหน่อยแต่ไม่ใช่ปัญหา โดนั่งเครื่องไม่ถึงสองชั่วโมงด้วยซ้ำ
 อย่าห่วงเลย โดจัดการได้ครับ”

ยูโดพูด คำพูดจาบ่งบอกว่าลูกชายของเธอโตเป็นผู้ใหญ่แล้วในวันนี้

“ไว้พี่ตะวันพาผมไปดูที่ทำงานของยูหน่อยนะฮะ ผมอยากรู้ว่าเด็กๆ ที่โชคดีพวกนั้นมีใคร
บ้างที่ได้ใกล้ชิดกับคนที่ผมรัก”

ตะวันฉายมองหน้าคนพูด ในกระแสเสียงไม่บ่งบอกว่าน้อยใจอะไร

“อืม พรุ่งนี้ไหมล่ะ แวะก่อนที่จะมาเยี่ยมยู พี่ก็ลืมบอกเจ้าเดย์เหมือนกันที่อยู่ดีๆ
ก็ไม่ได้ไปส่งยูที่นั่น ป่านนี้เด็กนั่นคงจะอ่วมเอาการที่ต้องรับมือกับเด็กๆ ตั้งสิบกว่าคน”

ตะวันฉายพูด หากยูโดมองไม่ผิดเขาเห็นแววห่วงใยในน้ำเสียงทุ้มนุ่มที่พูดออกมานั้นด้วย
แต่แค่เพียงแวบเดียวเท่านั้น

‘ใครนะชื่อเดย์ ต้องไปทำความรู้จักหน่อยแล้ว ได้ทำงานร่วมกันกับยูของเราตั้งเป็นปีๆ’

“ขับรถได้ใช่มั้ย พรุ่งนี้พี่จะพาไปที่ทำงานของยู แล้วพี่จะเลยไปทำงาน ยังไงโดมาโรงพยาบาลเองถูกนะ”

“สบายมากครับพี่ตะวันขอแค่มีรถใช้เถอะถึงไหนถึงกันฮะ”

“ถนนหนทางก็ไม่คุ้น ระวังหน่อยนะลูกอย่าให้ซ้ำรอยเดิมอีก แม่คงขาดใจแน่ๆ”

“คราวนั้นมันเป็นเรื่องของพวกอันธพาลต่างหากล่ะครับ  โดไม่ใช่ตัวคนเดียวแล้ว
 ต้องถนอมชีวิตไว้ให้คุณแม่และยูอยู่แล้วล่ะฮะ อย่าห่วงไปเลย”

“จ้ะ พ่อคนเก่งทำให้ได้อย่างที่พูดก็แล้วกัน พวกเราเตรียมตัวเยี่ยมรอบบ่ายกันเถอะ เย็นๆ
 จะได้กลับบ้านหาคุณยายและไปทำความรู้จักกับลุงไผทพ่อของพี่ตะวันเขาด้วย”

“ฮะคุณแม่ ดีจังโดจะได้พบญาติที่พลัดพรากกันเสียที คุณยายคงจะใจดีอย่างคุณแม่แน่ๆ เลย ใช่มั้ยครับพี่ตะวัน”

“อืม…แน่นอนอยู่แล้ว พ่อของพี่ก็ใจดีแบบพี่เลยหล่ะ”
พี่ตะวันอวยพ่อขึ้นมาอีกคน ยูโดมองคนพี่ที่ดูจะเป็นคนที่น้องๆ เข้าถึงได้ง่าย

รอบบ่ายคุณแม่ได้คุยกับลุงหมอที่ดูแลเคสของยูฟ่า พี่ตะวันกระซิบให้ฟังว่าอาหมอ
เคยเป็นแพทย์ประจำตัวคุณตาด้วย เมื่อมารดากลับมา ท่านจึงเล่ารายละเอียดที่คุยกับอาหมอให้ฟัง

“ช่วงนี้ต้องเฝ้าระวังไม่ให้มีโรคแทรกซ้อน ตอนนี้เกล็ดเลือดของยูต่ำมาก รอให้เกล็ดเลือดขึ้นมาก่อน
 และระวังอย่าให้เกิดบาดแผลเพราะเลือดจะหยุดยาก ยูจะอ่อนเพลียและเบื่ออาหาร น้ำหนักจะลดลงอีก”

มารดาบอกความคืบหน้าอาการของยูฟ่าให้ยูโดฟัง เจ้าตัวมีสีหน้าเครียดและวิตก

“แม่ครับ ยูต้องเจออะไรเยอะขนาดนั้นแล้วยูจะรับไหวเหรอ แล้วโดจะช่วยอะไรยูได้บ้าง”
 ยูโดถามด้วยความร้อนรน

“โดช่วยอยู่ข้างๆ เป็นกำลังใจให้ยูแค่นั้นพอแล้วลูก”
 มารดาพูด และพากันเข้าเยี่ยมยูฟ่าอีกรอบ

ยูฟ่านอนมองประตู รู้ทั้งรู้ว่ายังไม่ถึงเวลาเยี่ยมแต่ด้วยความที่อยากเห็นหน้ายูโดจึงทำให้ฝืนตัวเองไม่ให้หลับ
แต่ก็เอาชนะความง่วงงุนไปไม่ได้ ตื่นขึ้นมาก็จ้องมองแต่ประตู ถามพยาบาลว่าทำไมต้องอยู่ห้องนี้
และเขาป่วยเป็นอะไร เธอก็ได้แต่ยิ้มและบอกว่าต้องถามกับทางคุณแม่เอาเอง

“โด ยูอยากกลับบ้าน”
ยูฟ่าเอ่ยปากทันทีที่พบหน้ายูโด

“ยังกลับไม่ได้ครับ ยูอย่าดื้อสิ” ยูโดบอกกับคนป่วยที่ร้องจะกลับบ้านให้ได้

“แต่ยูไม่ได้เป็นอะไรซะหน่อย จะมานอนให้เลือดและให้ยาทำไมนักทำอย่างกับยูเป็นอะไรมาก
อย่างนั้นแหละ หรือว่ายูเป็นอะไรที่ทุกคนปิดไม่ให้รู้ พี่ตะวัน คุณแม่บอกยูหน่อย ยูจะได้รู้ว่าตัวเอง
มีสิทธิ์ที่จะร้องกลับบ้านอีกมั้ย”

ยูฟ่าทำหน้าเง้า การนอนบนเตียงผู้ป่วยแบบนี้ไม่ใช่เรื่องดีเลยสำหรับเขา

“ยู อย่าดื้อสิคะลูก เชื่อลุงหมอนะ ลุงหมอยังไม่ให้ยูกลับตอนนี้” มารดาบอกกับลูก

“คุณอา มันถึงคราวจำเป็นแล้วนะครับที่ต้องบอกยู เด็กนี่เข้มแข็งจะตายไป เขาเก่ง
 เราอย่าไปสบประมาทว่าเขาไม่ไหวสิฮะ”
 ตะวันฉายพูด ทำให้ยูฟ่าจ้องหน้ามารดา ต้องมีอะไรมากกว่าการที่เขาเป็นไข้หวัดแน่ๆ

“เอ่อ จะดีเหรอตะวัน อาว่า…” มารดาอ้ำอึ้ง

“คุณแม่ครับ ยูเก่งคุณแม่ก็ทราบ นะฮะ บอกมาว่ายูเป็นอะไร”
ยูฟ่าพูดดวงตาคมที่หวานซึ้ง ในรอบนี้มีแววประหวั่นด้วยนึกไปในทางร้ายๆ ก่อนแล้ว
 ใบหน้าขาวที่เคยมีเลือดฝาดบัดนี้ขาวซีด ยูโดกระชับอุ้งมือบางเข้ามาและบีบเพื่อส่งผ่านกำลังใจไปให้

“ยูมีพวกเรา มีโดนะไม่ว่ายูจะเป็นยังไง เราจะสู้ไปด้วยกัน ยูบอกว่าครั้งนี้ถ้าเราได้กลับมา
เจอกันยูจะยอมให้โดดูแล ยังจำได้ใช่ไหม โดขอทวงสัญญาวันนี้เลย”
 ยูฟ่าพยักหน้าให้เมื่อมองเห็นดวงตาของคนตัวโตที่ฉายแววมาดมั่น

“ได้สิ ลองโดไม่เลี้ยง ไม่ดูแลยู ยูจะไปให้คนอื่น…อื้อเจ็บนะ”
ยูฟ่าพูดยังไม่ทันจบก็ถูกยูโดจับดึงแก้ม

“อย่ามาหวานออกสื่อแบบนี้ พี่ไม่ชินนะบอกก่อน” ตะวันฉายแกล้งแซว

“หวานอะไรล่ะ พี่ตะวันก็เห็นว่าโดรังแกยู เนี้ย” คนบนเตียงทำปากคว่ำใส่พี่ชาย

“เอาล่ะ แม่บอกก็ได้ ยูน่ะเป็นลูคีเมีย ตอนนี้ได้ยูโดตามมาดูแล กำลังใจดีเดี๋ยวก็หาย จริงไหมลูก”
เจ้าตัวกะพริบตาปริบๆ ไม่มีคำพูดใดหลุดออกมา นอกจากความเงียบงัน จนบรรยากาศในห้อง
ชวนอึดอัดแต่มียูโดที่กุมมือไปบีบไม่ปล่อย

“แล้วหมอว่าไงครับ” ในที่สุดยูฟ่าก็เอ่ยถามออกไป

“อาหมอให้เตรียมพร้อมร่างกาย รอให้เชื้อสงบและจะให้เคมีบำบัด
 ถ้าไม่ดีค่อยปลูกถ่ายสเต็มเซลล์จ้ะ เป็นการฟื้นฟูกระบวนการสร้างเม็ดเลือด
 ยูของแม่ไหวนะคะ ลูกเก่ง เชื่อมืออาหมอนะลูก”

มารดาปลอบ ยูฟ่าได้แต่พยักหน้าด้วยไม่อยากให้มารดาเป็นกังวลไปมากกว่านี้

“ความวิตกกังวลรวมถึงความเครียดของคนป่วยเป็นอาหารชั้นยอดของมะเร็งเลยนะ
ดังนั้นลูกแม่ต้องเข้มแข็ง ทำกายและใจให้พร้อม แค่นั้นพอ สู้นะยู
ทุกคนรักลูกและจะอยู่เป็นกำลังใจให้ยู”

ทั้งสามคนแม่ลูกประสานมือกุมกันไว้ เป็นภาพที่ตะวันฉายมองแล้วถึงกับยิ้มน้อยๆ ออกมา


หญิงชรามองเด็กหนุ่มร่างสูงใหญ่ หน้าตาไม่ผิดเพี้ยนไปจากยูฟ่ามากนัก นอกจากสีตาและรูปร่าง
ที่แตกต่างกันอย่างชัดเจน นางมองหลานคนนี้ที่ออกจะยิ้มยากสักหน่อย

“ตัวโตไม่เบา นี่ถ้าเจ้ายูไม่ป่วย ยายคงไม่ได้เจอหน้าเราเลยสิ แม่อุไรนี่ก็จริงๆ เลย
แทนที่จะพามาเยี่ยมมาหากันบ้าง ถ้าแม่ตายไปก่อนก็คงไม่ได้เห็นหน้าค่าตากันเลยล่ะสิ”

ยูโดไหว้หญิงสูงวัยที่อากัปกิริยาของท่านดูนุ่มนวล น้ำเสียงฟังแล้วอบอุ่น
ผิวหนังที่เหี่ยวย่นไปตามวัย แต่ผิวพรรณของท่านออกไปทางขาวเอามากๆ

“โธ่คุณแม่คะ พามาแล้วล่ะค่ะ” ลูกสาวเสียงอ่อนเมื่อถูกต่อว่าต่อขาน

“ช่างเถอะแม่อุไร แล้วนี่เราน่ะเรียนไปถึงไหนแล้วล่ะ”
คุณยายถามจนยูโดถึงกับสะดุ้ง ด้วยมัวแต่พินิจใบหน้าของท่านเพลิน

“ใกล้จบแล้วครับ ไม่น่าจะเกินสองเดือนครับคุณยาย”
ยูโดตอบ เขามองเห็นความเอื้อเอ็นดูจากแววตาของท่าน จนรู้สึกอุ่นวาบภายในอก 

“อุไร ไหนล่ะ คนไหนที่เจ้าตะวันมันไปรับมาน่ะ”
 เสียงที่ดังมาก่อนที่เจ้าของเสียงจะมาปรากฏตัวเสียอีก

“ยูโด นั่นไง! คุณลุงไผทพ่อพี่ตะวันเขาน่ะลูก”
มารดาหันมาบอก เขาจึงได้เห็นผู้ชายไทยผิวขาวตัวสูงท่าทางดูภูมิฐานที่มีใบหน้าละม้าย
กับพี่ตะวัน และท่าทางของท่านบ่งบอกว่าเป็นคนใจดี

“สวัสดีครับคุณลุง” ยูโดไหว้ท่านที่เดินมาตบบ่าเขา

“หน่วยก้านดีใช้ได้เลยล่ะ เรานี่แย่งส่วนดีของเจ้ายูไปจนหมด จนพี่เราเหลือตัวนิดเดียวเอง
อ้าว! หน้าเสียเลย ลุงล้อเล่นน่ะ”

ท่านผละไปนั่งที่เก้าอี้ติดกันกับมารดาของเขา จนทำให้เห็นว่าลุงไผทมีคิ้วและดวงตา
ที่เหมือนกับคุณแม่ของเขาอยู่มาก

“แล้วนี่ยูฟ่าล่ะ เห็นคุณแม่บอกว่าป่วย พาไปโรงพยาบาลตั้งแต่เมื่อวาน เป็นยังไงบ้างล่ะ นอนอยู่ในห้องเหรอ”

“เอ่อ คุณแม่คะ พี่ไผท คือว่ายูฟ่าเป็นเหมือน…คุณพ่อน่ะค่ะ”
 ทั้งสองต่างมองหน้าคนที่กว่าจะพูดออกมาได้ ก็ต้องมานั่งรอลุ้นกันจนเหนื่อย

“อุไร! เธอว่าไงนะ ยูฟ่าน่ะเหรอ เป็นไปไม่ได้”

ลุงไผทเรียกคุณแม่เสียงดัง ท่านส่ายหน้าไม่อยากจะเชื่อ ใบหน้าท่านซีดเผือดพอๆ กับคุณยาย

“จริงเหรออุไร ทำไมล่ะ เป็นไปได้ยังไงกัน”
หญิงชรามีแววตาสั่นไหวกับข่าวร้ายที่ได้ฟัง

โรคร้ายที่คร่าชีวิตชายที่นางรักไปก่อนวัยอันควร จนนางต้องเป็นหม้ายมาจนถึงวันนี้
แล้วนี่ยังต้องมาเกิดกับหลายชายวัยใสอีก…ไม่ยุติธรรมเลยสักนิดที่เฉพาะเจาะจงต้อง
มาเกิดกับคนในตระกูลของนางแบบนี้

“ใช่ค่ะ มะเร็งเม็ดเลือดขาว” ลูกสาวเอ่ย เหมือนเป็นการตอกย้ำว่าท่านฟังไม่ผิด


หลังมื้อค่ำของเรือนไทยหลังใหญ่มีแต่เสียงพูดคุย การเล่าทวนถึงคุณตาที่เคยป่วยด้วยโรคนี้
 ที่ท่านจากไปเกิดจากโรคที่แทรกซ้อนเพราะท่านก็ดื้อพอสมควร กว่าจะยอมไปหาหมอได้ 
แต่ทุกคนบอกว่ากรณีของยูฟ่าถือเป็นโชคดีที่รู้เร็วและอยู่ในเกณฑ์ที่หมอควบคุมได้


ห้องนอนของยูฟ่าขนาดปานกลาง เครื่องเรือนทำจากไม้สักทอง เตียงนอนขนาด 5 ฟุต
นอนคนเดียวได้อย่างสบาย ห้องสะอาดและมีกลิ่นหอมอ่อนๆ กลิ่นประจำตัวของเจ้าของห้อง
ยูโดเปิดตู้เสื้อผ้าเพื่อนำเสื้อผ้าที่ไม่มากนักเข้าเก็บด้านใน พบชุดกีฬาที่เขาใช้แข่งขันฟุตบอล
ตอนเรียนมัธยมปลายแขวนอยู่

‘รู้มั้ย โดน่ะตอนอยู่ในสนามเท่มากเลยล่ะ’

ยูโดยิ้ม เมื่อเห็นชุดนี้อีกครั้ง เขายิ้มกว้างกว่าเดิมเมื่อเห็นหมีเท็ดดี้สีน้ำตาลที่เขาพี่น้องติดหนักมากๆ
ตอนเข้าเรียนอนุบาลและพากันหอบขึ้นรถทุกเช้า และไม่นานเขาก็เลิกสนใจมันด้วยถูกเพื่อนล้อว่า
ผู้ชายเล่นตุ๊กตาจะเป็นตุ๊ด แต่ตอนนี้เจ้าหมีสองตัวมันนั่งคู่กันอยู่ในตู้เสื้อผ้าของยูฟ่านี่เอง

‘ขอโทษนะยู ทำใจร้ายใส่ยูเป็นปีๆ ต่อไปไม่ว่าอะไรจะเกิด โดจะไม่มีวันปล่อยมือจากยู’


อากาศหนาวเย็นลงอีกมากในช่วงกลางดึก ยูโดนอนขดกายภายใต้ผ้าห่มนวม ยังนึกไปถึงอีกคน
ที่ขี้หนาวเอามากๆ ป่านนี้คงจะหนาวถึงกระดูกไปแล้ว เขาตั้งใจว่าในตอนสายจะเอาชุดกันหนาว
ไปให้ยูฟ่ารวมทั้งถุงเท้าด้วย


ยูโดจัดเครื่องกันหนาวของยูฟ่าเป็นที่เรียบร้อย เขาคาดว่าวันนี้หมอคงให้ย้ายออกจาก ICU
 เขาจะได้ไปนอนเฝ้า วันนี้พี่ตะวันบอกให้เขาขับรถไปเอง แต่ก่อนไปโรงพยาบาลจะพาไปที่ทำงานของยูฟ่า

‘ดีเหมือนกัน จะได้รู้ว่างานที่ยูรักหน้าตาเป็นแบบไหน’

“ยูโดมาทานมื้อเช้ากันลูก แม่เตรียมอาหารอีกชุดให้ด้วย ไปทานที่โรงพยาบาลตอนกลางวันนะ
วันนี้ถ้าหมอให้ยูทานข้าวได้ลูกจะได้ทานเป็นเพื่อนยูเลย เมื่อคืนนอนหลับไหม?”

มารดาพูดและสาละวนกับการเตรียมอาหารใส่กล่อง

“หลับๆ ตื่นๆ ครับคุณแม่ ยังไม่ชินกับอากาศที่นี่ โดเตรียมชุดกันหนาวไปเผื่อยูด้วยครับ”

“อืม ยูน่ะขี้หนาวมาก วันก่อนเห็นใส่หลายชั้นอย่างกับนินจาเต่าเลย เราต้องมาเห็นเองตัวกลมไปทั้งตัว”
มารดาพูดและยิ้มน้อยๆ แม้จะเป็นรอยยิ้มที่ไม่แจ่มใสนัก

“สองแม่ลูกมาแล้ว มาจ้ะทานข้าวกัน ยังไงบอกยูฟ่าให้ยายด้วยนะว่าให้อดทนแล้วก็หายป่วย
กลับบ้านเราเร็วๆ ยายเหงาแล้ว”
คุณยายพูดเสียงเหงาๆ

“ครับคุณยาย โดจะบอกให้ครับ”

“ตะวันมาพอดี มาทานมื้อเช้าเป็นเพื่อนย่าหน่อย”

“ผมขอแค่กาแฟถ้วยเดียวพอครับ”
ตะวันฉายส่งยิ้มทักทายทุกคนและนั่งลงข้างๆ ยูโด

“ได้ไงกันตะวัน กว่าจะถึงมื้อเที่ยงหิวแย่ อาบอกเรากี่ครั้งแล้วว่ามื้อเช้าน่ะเป็นมื้อสำคัญ
อย่างนี้จะเอาสมองที่ไหนไปทำงานกัน ถ้าเจ้ายูอยู่คงเอาเยี่ยงอย่างตามกันอีกคนแน่ๆ”

“โธ่ คุณอาครับ เช้ามากมันทานไม่ลงนี่ครับ งั้นทานสักหน่อยก็ได้ฮะ
 คุณย่าอย่าทำตาเขียวอย่างนั้นสิครับ เดี๋ยวไม่สวยนะ”

หลานชายคนโตเย้าแหย่ผู้สูงวัยของบ้าน ยูโดแอบขำที่พี่ชายถูกบังคับให้ทานมื้อเช้าจนได้
และยังกล้าพูดเล่นกับคุณยายที่ได้ยินมาว่าเจ้าระเบียบมาก

“ตะวัน ย่าบอกว่าไงไม่ให้รีบ เคี้ยวให้ละเอียดก่อนค่อยกลืน นั่งกินไปจนหมดจานนั่นแหละ เดี๋ยวเถอะ”

ยูโดต้องพลอยเคี้ยวช้าๆ ตามไปด้วยเมื่อพี่ชายถูกดุ เขาเพิ่งรู้ว่าเมื่อคืนเป็นกรณีพิเศษที่คุณยายชวนคุย
ในโต๊ะอาหาร ปกติจะไม่อนุญาตให้พูดคุยในโต๊ะอาหารเว้นแต่มีเรื่องเร่งด่วน เขาเดาว่าตลอดสองปี
ที่ยูฟ่าอยู่ที่นี่ คงได้อะไรจากบ้านหลังนี้ไปไม่ใช่น้อยเลย


เป็นเช้าที่ตื่นมาแล้วพบว่าการมีญาติที่ห้อมล้อมมันดีกว่าสองปีที่ผ่านมาของเขาเป็นไหนๆ
เขาไม่ต้องเหงา และรู้สึกโดดเดี่ยวอีกแล้ว


‘ขอบคุณวันดีๆ อีกวัน ที่ยังมีลมหายใจได้ดูแลคนที่รัก’






ออฟไลน์ เส้นขอบฟ้า

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 137
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +22/-0
ตอนที่ 12 งานของยูฟ่า

ยูโดได้รถกระบะสีดำที่จอดอยู่ในโรงจอดรถมาใช้ ตะวันฉายขับนำไปก่อน
ยูโดขับตามไปเรื่อยๆ จนเมื่อรถทั้งสองคันมาจอดที่ 'ศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก'
ตามแผ่นป้ายชื่อที่ทำจากไม้ มองเห็นได้ในระยะสิบเมตร

ยูโดกวาดสายตามองไปโดยรอบ สิ่งหนึ่งที่สัมผัสได้คือความร่มรื่น สีเขียวขจีของหมู่แมกไม้
และลานดินกว้างสะอาดตา มีเด็กหนุ่มตัวผอมบางผิวขาวเดินแกมวิ่งออกมารับหน้า
ยูโดมองสิ่งปลูกสร้างที่ทำจากไม้และปูนในแบบง่ายๆ แต่ดูจะแข็งแรงคงทน เหมือนเรือนนอนยาวๆ นั่นเอง

“พี่ตะวัน สวัสดีครับ พี่ยูล่ะฮะ เอ๋นี่…”
เด็กหนุ่มเอ่ยทักและชะงักไป สีหน้าแตกตื่นเมื่อมองมาที่เขา ยูโดเดาว่าคงเป็นเพื่อนร่วมงานคนเดียวของยูฟ่าที่ชื่อเดย์

“เดย์ นี่คือยูโดเป็นฝาแฝดของยูฟ่า ตอนนี้ยูป่วยอยู่โรงพยาบาล อีกนานถึงจะกลับมาช่วยงานที่นี่ได้
เหนื่อยหน่อยนะเดย์ มีอะไรให้ช่วยก็บอกพี่ได้ อ่ะนี่เบอร์โทรของพี่”

พี่ตะวันส่งแผ่นกระดาษเล็กๆ ให้กับเด็กหนุ่มที่รับไปอย่างงงๆ เขาเองก็งงกับสองคนนี้
รู้จักกันมาเป็นปีๆ แต่ไม่มีเบอร์ติดต่อกันได้ยังไงแปลกมาก ยูโดมองทั้งสองไม่วางตา
เดย์หันมายิ้มให้เขานิดหน่อยก่อนจะหันไปให้ความสนใจกับคนคุ้นเคยแทน

“พี่ตะวัน พี่ยูป่วยเป็นอะไรมากเลยเหรอครับ ถึงขนาดว่า...ต้องนอนโรงพยาบาล”
รวีกานต์ถามออกไป ถ้าป่วยนานขนาดนี้ต้องเป็นเยอะมากแน่ๆ เด็กหนุ่มอดเป็นห่วงไม่ได้

“ยูเป็นลูคีเมียน่ะ เขาห่วงนายมากนะเดย์ รวมถึงเด็กๆ ที่นี่ด้วย ร้องจะกลับบ้านตลอด”
 ยูโดตอบแทนพี่ชายที่มองมา คำพูดของเขาแค่ไม่มีคำทำให้ได้เห็นน้ำตาที่ไหลลงมา
อย่างปัจจุบันทันด่วนของเด็กหนุ่มตรงหน้า

“พี่ยูโด พูดว่าพี่ยูเป็น เอ่อ…”
รวีกานต์น้ำตานอง กัดปากแน่น ตะวันฉายเห็นอย่างนั้นจึงรีบพูดขึ้น

“เดย์ ยูเขาเก่งเดี๋ยวก็หาย หมอสมัยนี้เก่งมากนะ อีกอย่างเราเจออาการของยูเร็ว
หมอบอกว่ามีโอกาสหาย ไว้พี่จะมารับไปเยี่ยมยู บ้านนายหลังสีเขียว พี่รู้จัก”
ตะวันฉายพูดรัวเร็ว แล้วก็ได้ผลเมื่อเดย์หันมองคนพูดพร้อมยกแขนเสื้อขึ้นซับน้ำตา

“พี่ตะวัน ผมฝากบอกพี่ยูให้สู้ๆ นะฮะ อย่าท้อ ผมจะคอยเป็นกำลังใจให้พี่ยู ส่วนน้องๆ ที่นี่
บอกพี่ยูไม่ต้องเป็นห่วง เดี๋ยวผมจะแจ้งไปที่หน่วยงานก็คงมีอาสาสมัครคนใหม่เข้ามาช่วยงานเองแหละครับ”

ขณะที่ยืนคุยกันอยู่ก็มีเด็กหญิงแก้มแดงเดินเข้ามาดึงชายเสื้อของยูโด ดวงตากลมสีดำมองมาอย่างอ้อนๆ
และชูมือให้อุ้ม ยูโดมองอย่างงงๆ แต่เด็กน้อยทำท่าจะเบะปากร้องไห้เมื่อไม่ได้อย่างใจ

ยูโดจึงก้มตัวลงไปอุ้มเด็กหญิงขึ้นมา

“น้องเนยคะนี่ไม่ใช่พี่ยูนะ นี่คือพี่ยูโด”
รวีกานต์บอกกับเด็กหญิงที่มองคนอุ้มแล้วส่ายหน้า เธอซบหน้าลงกับบ่ากว้างของคนอุ้มที่เธอคิดว่าเป็นยูฟ่า

“หน้าเหมือนกันขนาดนี้เด็กเล็กๆ เขาแยกแยะไม่ออกหรอกเดย์”
ตะวันฉายพูดแล้วยกยิ้ม เขาเห็นอาการของเจ้าเด็กยักษ์ที่ดูจะเก้กังชอบกล คงไม่เคยอุ้มเด็ก

“พี่ตะวันไปทำงานเถอะฮะ เดี๋ยวผมอยู่กับเด็กๆ อีกสักพัก ผมไปตอนนี้โรงพยาบาลก็ยังไม่ให้เข้าเยี่ยมอยู่ดี
 ขอบคุณนะพี่ที่พามารู้จักกับที่ทำงานของยู”
 ยูโดหันไปบอกกับพี่ชาย มือก็ลูบหลังหนูน้อยที่ดูจะติดยูฟ่าเอามากๆ

ด้วยพื้นฐานของยูฟ่าแล้วเป็นคนที่ชอบเด็ก ยิ่งเด็กที่คลอดใหม่ๆ ตัวแดงๆ นี่มองตาไม่กะพริบ
ดูได้จากตอนที่เดินผ่านห้องเด็กอ่อนของโรงพยาบาล เจ้าตัวเกาะกระจกยิ้มน้อยยิ้มใหญ่
เขาต้องลากตัวออกไปจากตรงนั้น ไม่อย่างนั้นก็คงยืนอีกนาน

‘โด เบบี๋น่ารัก ตัวแดงๆ อยากได้อ่ะ ให้คุณแม่มีน้องดีมั้ย? ว่าไง อย่าเงียบสิโด ยูอยากเลี้ยงเด็กอ่ะ’
 ยูโดฟังแฝดพี่พร่ำเพ้อไปตลอดทางเดิน

“พี่ไปทำงานก่อนนะ ฝากเยี่ยมยูด้วย เดย์มีอะไรก็ให้พี่โดช่วยได้
พี่น้องฝาแฝดนี่น่ะจิตอาสาเหมือนกัน เชื่อสิ หึหึ”

ยูโดมองหน้าพี่ชายที่ทิ้งระเบิดไว้ให้ก่อนทำทีจะเลี่ยงไปขึ้นรถ
เจ้าเด็กเดย์หันมายิ้มให้เขาแต่สายตาที่มองมาเหมือนไม่ค่อยเชื่อถือคำพูดพี่ตะวันนัก

‘เออ อย่าเชื่อเชียวนะ พี่ก็ไม่ได้ชอบเด็ก แค่พอจะเลี้ยงได้บ้าง…ถ้าจำเป็น’

“ขอบคุณครับพี่ตะวันที่มาส่งข่าวเรื่องพี่ยู”

“อื้อ ถ้ามีเวลารดน้ำต้นไม้ของเราบ้างนะใบเหลืองแล้ว ไว้พี่ว่างจะมาช่วย ไปก่อนนะเดย์”

ยูโดมองพี่ชายที่มองคนหนุ่มตัวเล็กผอมด้วยสายตาที่เขาเห็นก็รู้ว่าพี่ชายคิดกับเด็กนี่ยังไง
 แต่คนถูกมองนี่จะรับรู้หรือเปล่า ดูยังเด็กไปสักหน่อย

“ฮะพี่ จะรดให้วันนี้แหละ ขับรถดีๆ นะครับ”
 รวีกานต์ส่งยิ้มน้อยๆ ให้กับตะวันฉายที่โบกมือกลับ

“พี่ยูโดส่งน้องเนยมาให้ผมเถอะ นี่ถ้าน้องภูมิเห็นก็จะแย่งตัวพี่กับน้องเนยอีกคน พี่จะปวดหัวเอานะครับ”

“ไม่เป็นไร นี่ลูกรักของยูเหรอ น้องเนยน่ะ”

“ไม่หรอกฮะ พี่ยูเค้ารักเด็กทุกคน แต่เพราะน้องเนยเล็กสุดในกลุ่มก็จะอ้อนเยอะหน่อย
เมื่อวานมีมาอีกคนเล็กกว่านี้ ชื่อน้องนิวเยียร์ พี่ยูยังไม่ทันได้เจอก็มาป่วยเสียก่อน” เดย์พูดแล้วยิ้มเศร้า

“งั้นไปดูข้างในกัน พี่เหลือเวลาอีกตั้งเป็นชั่วโมง มีอะไรให้ช่วยบอกได้นะเดย์
 ถึงพี่จะไม่ได้ชอบเด็กเหมือนกับยู แต่ก็ไม่ถึงกับว่าช่วยเลี้ยงให้ไม่ได้ พี่ก็เลี้ยงตามสไตล์แข็งๆ แบบนี้แหละ หึหึ”
 ยูโดพูดและหัวเราะในลำคอ มองเดย์ที่เชื่อสนิทใจ

“พี่ยูโดพอยิ้มแล้ว หน้าตาเป็นมิตรขึ้นมาเลยนะฮะ”
รวีกานต์พูดอย่างที่ไม่ได้ทันคิดอะไร แต่คนฟังออกอาการเขินหน่อยๆ

“งั้นเหรอ ยูก็พูดอย่างนี้แหละ เรียกพี่ว่าพี่โดก็ได้สั้นลงหน่อย”

“ครับพี่โด พี่ยูจะหายจริงๆ ใช่มั้ยครับตามที่พี่ตะวันบอก”

“หายสิ ยังไงก็ต้องสู้กันถึงที่สุดแหละ”

“ผมก็หวังให้เป็นเช่นนั้น ผมไม่เคยรู้ว่าพี่ยูมีแฝดเลยนะ ไม่เคยพูดถึงเลย”

“อ่อ พอดีพ่อแม่เราแยกทางกันน่ะ ยูมาอยู่กับคุณแม่ ส่วนพี่อยู่กับคุณพ่อ จริงๆ แล้วก็เหมือนพี่
อยู่คนเดียวในบ้านที่ว่างเปล่า กับคนรับใช้ ยูโชคดีกว่าพี่มาก ที่นี่ยูไม่เหงาและดูจะรักงานที่ทำมากด้วย
ดีแล้วแหละความเหงามันเจ็บปวดนะเดย์ แต่การเฝ้ารอคอยใครสักคน มันเจ็บปวดกว่ากันเยอะ”

ยูโดเผลอเล่าเรื่องให้เพื่อนร่วมงานของยูฟ่าฟัง
 
“พี่โดพูดเหมือนพี่ถูกจับแยกจากคนรักอย่างนั้นแหละ แต่พี่เล่าเรื่องเศร้าได้ทั้งที่แววตาของพี่
ไม่ได้เศร้าเลย ตอนนี้พี่ได้พบแล้วสินะครับ คนที่พี่รอน่ะ ใช่มั้ยครับ”
รวีกานต์พูดตามที่สัมผัสได้

“อืม เจอแล้วล่ะ ครั้งนี้พี่ไม่มีวันปล่อยให้หายไปไหนอีกแล้ว”
 ยูโดพึมพำเหมือนจะบอกกับตัวเองเสียมากกว่า


ยูโดก้าวตามเดย์ไปยังเรือนนอนของบรรดาหนูน้อยทั้งหลาย น้องเนยขอลงไปหากลุ่มเพื่อน
ที่เล่นของเล่นกันอยู่มุมห้อง มีเด็กชายหน้าตาน่ารักแก้มใสวิ่งมากอดขายูโด

“พี่ยู อุ้มภูมิหน่อย”
 อ้าแขนให้อุ้มอีกแล้ว ดวงตากลมโตสีดำทำเอายูโดใจอ่อนจะอุ้ม แต่เขาเปลี่ยนใจนั่งยองๆ ลงไปแทน

“นี่พี่โดครับไม่ใช่พี่ยู เรียกพี่โดก่อนแล้วจะอุ้ม”
 น้องภูมิมองหน้าเดย์เหมือนต้องการตัวช่วย ด้วยไม่เชื่อสิ่งที่ยูโดพูด

“นี่คือพี่โดจริงๆ พี่ยูไม่สบาย นี่พี่โดครับน้องภูมิ”
 เดย์บอกเด็กชายที่ยังคงส่ายหน้าไม่ยอมท่าเดียว

ยูโดคงต้องรับสมอ้างเป็นยูฟ่าไปก่อน หรือไม่ก็ต้องมาพร้อมๆ กับยูฟ่าให้เด็กๆ
 แยกแยะว่าใครเป็นใครยูโดคิด เขาตัดใจอุ้มเด็กชายขึ้นมา

“ยูก็ยูแล้วกัน หึหึ เอ่อ…เดย์ตกลงมีงานอะไรให้พี่ช่วยมั้ย?”

“ไม่เป็นไรครับพี่โด ถ้าไม่มีเด็กป่วยงานก็จะไม่มีอะไรมาก พี่โดไม่หนาวเหรอครับ
ใส่เสื้อกันหนาวมาตัวเดียวเอง นี่ถ้าเป็นพี่ยูนะห่อตัวจนจะเป็นดักแด้เลยในแต่ละวัน”

“อืมพี่ตัวใหญ่ไขมันเยอะ ต้านทานความหนาวได้ดี ส่วนยูน่ะขี้หนาวเพราะตัวผอมบาง
 นี่พี่ก็เอาชุดกันหนาวไปเพิ่มให้ยูอีก ไม่รู้ว่าหนาวจนไม่ยอมหลับยอมนอนหรือเปล่าเมื่อคืนน่ะ”

 รวีกานต์ยิ้มๆ ที่ได้ฟัง คนตัวโตที่บุคลิกแตกต่างกับพี่ยูของเขาเยอะมาก แค่ใบหน้าที่เหมือนกัน
ส่วนอื่นต่างกันจนเห็นได้ชัด คนนี้ถึงจะดูแข็งกระด้างภายนอก แต่พอได้พูดคุยกันแล้วกลับให้ความเป็นกันเอง

“นี่ถ้าไม่มีอะไรให้ช่วยทำ พี่ขอไปหายูก่อนนะ พรุ่งนี้เช้าจะแวะเข้ามาใหม่ อ่ะนี่เบอร์พี่ แล้วพี่จะให้คุยกับยู”

“จริงนะพี่โดผมจะได้คุยกับพี่ยูจริงๆ ใช่มั้ย งั้นเอาโทรศัพท์พี่มาผมเมมเบอร์ให้เลยดีกว่า”
เดย์กระตือรือร้นจนยูโดต้องส่งโทรศัพท์ให้

“ขอบคุณครับพี่โด ฝากความคิดถึงให้พี่ยูด้วยนะครับ ถ้าพี่ตะวันมารับวันหยุดผมคงจะได้ไปเยี่ยมพี่ยู”

“อืม น้องภูมิพี่โดกลับก่อนนะ เป็นเด็กดีไม่ดื้อไม่ซน แล้วก็ไม่แกล้งน้องๆ ช่วยพี่เดย์ดูน้องๆ คนอื่นด้วยนะคนเก่ง”
 เด็กชายพยักหน้ารับคำแล้วจึงวิ่งเข้าไปหากลุ่มเพื่อน

“บายนะเดย์”
ยูโดโบกมือให้เดย์ ยูโดกวาดตามองไปทั่วห้องก่อนออกเดิน เขาคงต้องหาซื้อหนังสือนิทานที่มีไม่กี่เล่มมาเพิ่ม
 และของเล่นเสริมพัฒนาการ เด็กๆ ที่นี่เป็นชายเสียส่วนใหญ่ เด็กหญิงมีไม่ถึงห้าคน แผ่นรองนั่งที่เป็นตัวอักษร
ชำรุดแล้วชำรุดอีก ซ่อมจนจะรอบแผ่นแล้ว เขาคิดจะชวนพี่ตะวันไปช่วยเลือกซื้อ หรือพูดง่ายๆ คือหาคนช่วยหิ้ว
ของนั่นเอง ก่อนเคลื่อนรถยูโดมองไปที่ต้นไม้ที่พี่ตะวันใช้คำว่าต้นไม้ของเรากับเดย์ที่ใบเหลืองหน่อยๆ แล้วจึงอมยิ้ม

‘ไม่เบานะพี่ชาย วิธีเต๊าะเด็กเนี่ย’

ยูโดรู้สึกชอบที่นี่มันทำให้เขาใจเย็นลง นี่คงเป็นยาที่ทำให้ยูฟ่าไม่เหงา ทั้งสิ่งแวดล้อมและเด็กๆ อีก
เห็นว่าต้องทำอาหารกลางวันให้เด็กๆ เองด้วย ถ้ายูฟ่าแข็งแรงพอที่จะออกไปไหนมาไหนได้
เขาคงพามาที่นี่เป็นลำดับแรก พามาในสถานที่ที่เจ้าตัวรักและสบายใจดีที่สุด

Rrrrrr เสียงโทรศัพท์ดังขึ้น

เขาปล่อยให้มันดังอยู่อย่างนั้นเพราะรู้ว่าเป็นใคร ยังไม่ได้ถามมารดาว่าจะให้บอกหรือเปล่าว่าเขาอยู่ที่นี่
และลูกรักของคุณพ่อก็กำลังป่วยด้วย เขาไม่รู้ว่าคุณแม่ได้คิดไว้หรือยังกับอนาคตของเขาสองพี่น้อง
หรืออนาคตของคุณแม่เอง เขารู้จากคุณพ่อว่าจนถึงตอนนี้ท่านทั้งสองก็ยังไม่ได้หย่าขาดกัน

ลึกๆ แล้วยูโดแอบหวังว่าท่านทั้งสองจะหวนกลับมาคืนดีกันได้

หลังจากคุณแม่และยูไม่อยู่ ห้าเดือนจากนั้นพ่อกับผู้หญิงคนนั้นก็หันหลังให้กันไปแล้ว
และธาวินเพื่อนของเขาก็ไม่ต้องรู้สึกผิดอีก
อย่างที่เขาเคยบอกไปว่าเป็นเรื่องของผู้ใหญ่ไม่เกี่ยวกับลูกที่จะต้องมารับกรรมแทน นั่นคือเรื่องจริง

เมื่อบิดาโทรหาถี่ขนาดนี้เขาจึงจอดรถเข้าข้างทางและรับสายท่าน

“ครับพ่อ โดมาเยี่ยมเพื่อนที่ป่วยน่ะครับ  อยู่ต่างจังหวัดครับ ครับ คุณพ่อไม่ต้องห่วงโดเรียนจบแน่ๆ”

(ไม่เหลวไหลนะโด ยังไงต้องเรียนให้จบจริงๆ อย่าลืมสัญญาลูกผู้ชายที่ให้ไว้กับพ่อล่ะ)

“ไม่ลืมครับ ผมจะดูแลแม่และยูให้ดี คงอีกไม่นานนี้แล้วครับ”

(แกพูดอย่างกับว่าสองคนนั้นจะกลับมาแล้วอย่างนั้นแหละ ถ้าเขาไม่อยากเจอแกก็ไม่ได้เจอ
 อย่าลืม นี่คือเรื่องจริงที่พ่อเชื่อมาตลอด)

“ผมก็เชื่ออย่างนั้นเหมือนกันครับ”

(เสร็จธุระก็รีบกลับมาล่ะ พ่อกลับบ้านถามใครก็ไม่มีใครรู้ว่าแกไปไหน
 ยังไงก็อย่ารักเพื่อนจนลืมเรื่องเรียนไปล่ะ อีกไม่ถึงสองเดือนก็จะจบแล้วนี่)

“ครับพ่อ”

‘ธุระนี้น่ะสำคัญมากกว่าเรื่องเรียนที่พ่อพูดเสียอีก สำคัญมากกว่าชีวิตของโดอีกนะครับ รู้มั้ยครับพ่อ’

ไหนๆ ยูโดก็บอกพ่อเรื่องอยู่ต่างจังหวัดแล้ว เขาจึงโทรหาขนมอีกคน

“หนมกูอยู่ต่างจังหวัด มีเรื่องสำคัญเร่งด่วนต้องมาทำว่ะ เออ! น่ะ อย่าด่านักเลย เรื่องเรียนตัวไหนด่วนมาก
มึงบอกมาได้เลย กูจะบินด่วนกลับไป เออ! มึงต้องเข้าใจนะกูอยู่ไกลมากๆ ขับรถเป็นวันๆ แหละมึง
อย่าถามเยอะ ฝากด้วยหนม”

(กูว่ากูรู้แล้ว รู้ว่าธุระสำคัญของมึงคืออะไร หึหึ)

“ไม่ต้องเดาหนม กูจะจบไม่จบขึ้นอยู่กับมึงเลยนะ”

(มึงเจอยูฟ่าแล้วใช่มั้ยเพราะกูไม่เคยได้ยินเสียงมึงที่แสดงอารมณ์ในแบบนี้มาสองปีแล้ว)

“หนมอย่าเพิ่งถามอะไรกูตอนนี้ เออน่ะ เออแล้วกูจะเล่าให้ฟัง เมื่อถึงเวลา”

(เออ ได้ยินแบบนี้ กูก็สบายใจแล้ว มึงทำเรื่องของมึงไปเหอะ เอาโน๊ตบุ๊คไปด้วยใช่มั้ย แล้วกูจะส่งงานไปให้แล้วกัน)

“ขอบใจ รักมึงนะ”

(ไอ้โด...กูขนลุก อย่ามารักกู...กูมีคนรักแล้ว)

“ไอ้โชน่ะเหรอ”

(ไอ้โด มึงมันเลว)

“หึหึ”

ยูโดหัวเราะแล้วตัดสายขนมทันที แต่เสียงด่ามาตามสายก็สร้างรอยยิ้มให้เขาได้ดีเลย
สองปีมาแล้วที่เขาลืมวิธีหัวเราะ จนเมื่อได้กลับมาเจอยูฟ่าอีกครั้ง แม้จะในสถานการณ์ที่เลวร้ายแบบนี้

แต่เขาก็ยังได้กลับไปเป็นคนเดิม...ที่จะต้องดีกว่าเดิมแน่ๆ เพื่อคนที่เขารัก






ออฟไลน์ เส้นขอบฟ้า

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 137
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +22/-0
ตอนที่ 13 ดูแลคนของใจ

เช้านี้มารดาเตรียมอาหารใส่กล่องแล้วบอกว่าจะต้องไปทำงานที่คุ้มภูรินทร์ หากมีอะไรด่วนให้รีบบอก
ท่านจะให้รถของคุ้มมาส่ง ยูโดรับปากเพื่อให้ท่านคลายกังวล

เมื่อถึงเวลาเยี่ยมสีหน้าที่ยิ้มแย้มของคนที่นอนรอทำให้ยูโดก้าวเท้าไปหาอย่างเร็วรี่

“คิดถึงยูจัง วันนี้เป็นไง หายมึนหัวหรือยังครับ”

“ดีขึ้นมากแล้ว พี่พยาบาลบอกว่าสายๆ จะย้ายห้องให้ เกล็ดเลือดขึ้นมาเยอะแล้วด้วย แต่ยูอยากกลับบ้านอ่ะโด”

“ยังกลับไม่ได้นี่หมอให้กินข้าวได้หรือยัง คุณแม่ทำอาหารมาให้ด้วยนะ”

“กินได้ตั้งแต่มื้อเย็นเมื่อวานแล้ว ดีจังอยากกินฝีมือคุณแม่ แต่เช้านี้ยูกินไปแล้วน่ะสิ
 โดล่ะมีอาหารมามั้ย กินด้วยกันเนอะ”

“คุณแม่เตรียมมาเผื่อแล้ว ยูย้ายห้องโดก็นอนเฝ้าได้แล้วสิ”

“ใช่ๆ ดีเลยไม่ต้องนอนคนเดียว เมื่อคืนหนาวมากยูนอนไม่หลับ”

“โดเอาชุดกันหนาวมาให้ด้วยอยู่ในรถไม่คิดว่าจะได้ย้ายห้องวันนี้ เดี๋ยวลงไปเอาให้นะ”

“ยังก่อนก็ได้ ตอนนี้ไม่ค่อยหนาวแล้ว ยูอยากคุยกับโด”
ระหว่างที่พูดคุยกันสองพี่น้องกุมมือกันไม่ปล่อย ยูโดมองดวงตาคู่สวยของอีกคนแล้วอยากจูบซับ
ที่เปลือกตาจริงๆ แต่ด้วยห้องนี้มีเจ้าหน้าที่เดินผ่านไปมาจึงได้แต่นึกเสียดาย

“เอ่อ…โดมองหน้ายู มีอะไรเหรอ”

“ตายูสวย โดอยากจุ๊บ”

“บ้า…เราก็หน้าเหมือนกันไหมล่ะ”

“เหมือนอะไร ไม่เลยสักนิด นี่โดไปที่ทำงานยูมาด้วยนะเช้านี้น่ะ”

“เหรอๆ น่าอยู่ใช่มั้ยล่ะ อยากกลับไปทำงานจัง คิดถึงเด็กๆ”

ยูฟ่าทอดเสียงอ่อนในตอนท้าย

“ไว้หายก่อนนะคนดี ที่นั่นน่าอยู่จริงอย่างที่ยูบอกแหละ เด็กๆ น่ารัก
น้องเนยกับน้องภูมิมาให้โดอุ้มด้วยนะ ไม่ยอมเรียกชื่อโด ทำยังไงก็ไม่ยอมท่าเดียว
 พี่ตะวันบอกว่าเราเหมือนกันจนเด็กๆ แยกแยะไม่ออก”

“งื้อออ อยากกลับไปหาอ่ะโด”

“หึหึหึ เดี๋ยวโดพาไปแล้วจะไปช่วยงานยูด้วย นี่ว่าจะชวนพี่ตะวันไปซื้อหนังสือนิทาน
 ของเล่น…แล้วก็แผ่นรองนั่ง ซ่อมแล้วซ่อมอีกยังใช้กันอยู่ได้”

“อยากไปซื้อด้วยจัง เจ้าเดย์สิบ่นว่าแพง พูดแต่ว่าใช้ให้คุ้มๆ ก่อนค่อยเปลี่ยน
 คุ้มจนเกินจะคุ้มแล้วใช่มั้ยล่ะ เดย์เป็นเด็กดีนะ ใช้ได้เลยแหละคนนี้น่ะ”

“ยูไม่ชมผู้ชายคนอื่นต่อหน้าโดนะ โดหวง”

“อะไรกันโด นั่นน่ะของพี่ตะวันเค้านะ อุ๊บ”

“ปิดเหรอ มันเป็นความลับที่ไหนกันล่ะ พี่ชายเราเต๊าะเด็กขนาดนั้น ชัดเจนเสียยิ่งกว่าอะไร
นี่เห็นว่าจะพามาเยี่ยมยูด้วยนี่ วันหยุดน่ะ”

“อ้าว โดมองออกหรอกเหรอ ว่าแล้วเชียว พี่ตะวันน่ะทำมาเป็นเก็บซ่อนแววตา
 มันปิดไม่มิดหรอก เมื่อก่อนนะหน้านี่เรียบนิ่ง เดี๋ยวนี้นะ มียิ้มบ้าง หยอกเย้าบ้าง
 หัวใจพี่เราเป็นสีชมพูไปแล้วแน่ๆ แต่น้องมันเด็กเกินไปมั้ย”

“อืม ดูไม่มีพิษมีภัยจริงๆ พอรู้ว่ายูป่วยเป็นอะไรเท่านั้นแหละร้องไห้อย่างกับสั่งน้ำตาได้”

“เหรอ ก็เรามีกันสองคน ทำงานด้วยกันมาสองปีก็เหมือนพี่น้องแล้ว
โดไม่ต้องมาหวงยูเลย นั่นน่ะน้อง จริงๆ นะ”

“เชื่อก็ได้ครับ” ยูโดลูบแก้มเนียนนุ่มมือของอีกคนที่ทำตาอ้อน
 เจ้าแมวเซาจะหลับอีกหรือไง ตาปรอยเชียว

“หมดเวลาเยี่ยมแล้ว ยูนอนเถอะนะ โดอยู่แถวนี้ไม่ไปไหน เดี๋ยวย้ายห้องก็ได้อยู่ด้วยกันแล้วนะ”

“ขอแก้มก่อนสิ ยูนอนก็ได้”
ยูโดโน้มใบหน้าลงไปให้คนบนเตียงหอม เขาจึงใช้จังหวะนั้นหอมหน้าผากมนไปที
เป็นการเติมพลังให้ตัวเองไปด้วย

“เดี๋ยวเจอกันนะครับ”

ยูโดออกจากห้องและกลับไปที่รถ เขาหยิบเสื้อกันหนาวที่เป็นโค้ทยาวให้ใส่นอน
และซื้อของใช้เพิ่มรวมทั้งเอาโน๊ตบุ๊คมาดูงานที่ขนมส่งมาให้ทางอีเมลด้วย
ยูโดได้ที่นั่งในมุมหนึ่งที่มีคนนั่งคนบาง เขาลงมือทำงานและค้นคว้าข้อมูลเพิ่ม
รวมทั้งท่องเว็บเกี่ยวกับโรคที่ยูฟ่าเป็น เพื่อรับมือกับโรคนี้และจะได้เข้าใจโรคมากขึ้น
เขาขลุกอยู่กับมันจนได้เวลาที่จะให้คนป่วยทานกลางวัน

ยูฟ่าถูกย้ายไปยังห้องพักฟื้นใหม่เรียบร้อยแล้ว

“โด หายไปนานเลย ยูหิว”
ยูโดโผล่หน้าเข้าไปในห้องพักฟื้น คนไข้ที่มองมาก็บ่นหิวทันที

“ขอโทษครับ โดทำงานที่ขนมส่งมาเพลินไปหน่อย มากินข้าวกัน”
 ยูโดเอาของเข้าไปเก็บในตู้เก็บของและเปิดกล่องอาหาร เขาเร่งมือจนดูตลกในสายตาของคนรอกิน

“โดอย่ารีบ เดี๋ยวหก ยูรอได้”

“ก็ยูหิวนี่นา อ่ะได้แล้ว …ดูสิน่ากินนะ”

“น่ากินตรงไหนกันล่ะ ทำไมคุณแม่ทำอาหารหน้าตาแปลกๆ มาให้ยู”

“คุณแม่ท่านรู้ว่าอะไรที่เหมาะกับยูไง มาโดกินเป็นเพื่อน ปลานี่ย่อยง่าย
 ไข่นี่ก็มีประโยชน์ นะเด็กดี ไม่งอแงคุณแม่ตั้งใจทำเลยนะ ท่านเสียใจนะถ้ายูไม่กิน”

“ก็ได้ๆ นี่มันอาหารคนป่วยชัดๆ เลยนี่ งืมๆ”
คนป่วยยังคงบ่นอุบอิบ

“อร่อยนะเนี่ย รสมือคุณแม่ไม่เปลี่ยนเลยจริงๆ โดไม่ได้กินสองปีแล้ว”

“อื้อ อร่อยจริงๆ ด้วย ยูไม่บ่นแล้วก็ได้ มีโดมากินเป็นเพื่อนแบบนี้ ดีกว่าเป็นไหนๆ”

“ครับ อร่อยๆ”
 สองพี่น้องทานข้าวกันไปคุยกันไปไม่หยุด จนอาหารที่เตรียมมาหมดไปโดยที่คนป่วยไม่รู้ตัว

“อิ่มที่สุดเลยเนอะโด”
 ยูฟ่ายิ้มตาเป็นประกาย ยูโดขยี้ผมคนพูดไปทีก่อนจะเก็บกล่องใส่อาหารแล้วนำไปไว้ที่อ่างล้างชาม

“น้ำมะพร้าวหน่อยนะยู”

“ได้ๆ อีกหน่อยยูคงกลายร่างเป็นหมูแน่ๆ เลย”

“ให้เป็นจริงๆ เถอะ ผอมซะขนาดนี้”

“ถ้ายูให้เคมี ผมก็ต้องร่วง น่าเกลียดแน่ๆ เลย ผิวหนังก็ต้องลอก ทำไงดี”

“นั่นเป็นอาการข้างเคียง ไม่เป็นไรหรอก ยังไงโดก็รักยู อย่าคิดมากเลยครับ”

ยูฟ่าเงียบ เขาคงต้องรับมือกับมันให้ได้ เพราะป่วยนี่แหละทำให้เขากับยูโด
ได้กลับมาอยู่ด้วยกันอีกครั้ง มองแง่บวกก็แล้วกัน ถ้าไม่ป่วยคงไม่รู้ว่าอีกนานแค่ไหนถึงจะได้กลับมาเจอกัน

‘นั่นสินะ อาจเป็นลิขิต ทุกสิ่งถูกกำหนดไว้แล้วว่าต้องเป็นแบบนี้’

“ไม่เศร้านะยู โดอยู่นี่” ยูโดเดินเข้าไปกอดคนที่นั่งเงียบอยู่บนเตียง

“ไม่เศร้าครับ เพราะป่วยไงยูถึงได้เจอโด ช่างเถอะ”

“ดีมากที่รัก” ยูโดหอมหัวยูฟ่าไปที

“ยูยังไม่ได้สระผมเลย เหม็นนะ”

“เหม็นที่ไหนล่ะ เดี๋ยวโดสระให้นะ”

“ยูสระเองได้ แข็งแรงแล้ว นี่ไง” ยูฟ่าทำท่าว่าตัวเองสตรองเสียเหลือเกินให้คนน้องดู

“น่านะ โดจะอาบน้ำให้ยู สระผมให้ด้วย อย่างอแงสิยู รู้ว่าแข็งแรงแต่ให้โดได้ดูแลยูบ้างนะครับ”

“ไม่ต้องเลย ไว้ถ้ายูไม่ไหวจะบอกให้โดช่วย”
 ยูฟ่าหลบสายตาที่มองมา ตานั่นน่ะเจ้าเล่ห์ขึ้นทุกวัน ใครเขาจะไปแก้ผ้าให้เห็นกัน

ยูโดแอบขำที่เขาแกล้งให้คนตัวเล็กเขินได้ เอาจริงๆ เขาสองคนตั้งแต่โตมาก็ไม่เคยที่จะ
เปลือยกายต่อหน้ากัน เขารู้ว่าขอบเขตความสัมพันธ์มันอยู่ตรงไหน ซึ่งก็ไม่คิดที่จะเกินเลยกัน
ไปมากกว่าการกอดจูบลูบคลำกันเท่านั้น ยิ่งอีกคนมาป่วยแบบนี้ ยิ่งต้องทะนุถนอมดูแลเป็นกรณีพิเศษ


ตลอดบ่ายยูฟ่าไม่ยอมนอน จ้องแต่จะถามถึงเรื่องราวต่างๆ ของสองปีที่ห่างกัน
จึงกลายเป็นช่วงเวลาที่ทั้งสองคนแลกเปลี่ยนเรื่องราวแต่หนหลังกันเสียเป็นส่วนใหญ่

“ตกลงคุณพ่อเลิกกับผู้หญิงคนนั้นแล้วจริงเหรอ”

“อืม เลิกได้น่ะดีแล้ว โดสงสารธามที่ไม่ได้ผิดอะไร แต่คอยแต่จะขอโทษอยู่เรื่อยเลย”

“อื้อ ก็มันไม่เกี่ยวกับธามเลยนี่นา เรื่องของคนโต”

“เพื่อนๆ ของโดเป็นไงกันบ้างล่ะ”

“ธามคบกับเจ้าหนิก เพิ่งเปิดตัวไปไม่กี่เดือนนี้เอง เพื่อนๆ ก็เพิ่งรู้ว่าเจ้าหนิกที่ไปทำงานพิเศษ
เพราะไปตามดูแลเจ้าธามมัน และหนิกมันเล่าว่ารักธามตั้งแต่ปีหนึ่งแล้วด้วย”

“ไม่น่าเชื่อ ดีแล้วที่ลงเอยไปอีกคู่ ไม่ต้องเจออุปสรรคมากมายเหมือนอย่างเรา”

“อย่าคิดมากเลยยู อุปสรรคมีไว้ให้ข้ามผ่านไง อีกอย่างคู่นั้นระยะปีก็ไม่นานเท่าของเรา
 พวกเรารักกันตั้งแต่เกิดเลยต่างหากล่ะ”

“แหวะ เลี่ยนอ่ะ” ยูฟ่าพูดแล้วหลบตา แก้มแดงและใบหูแดง

“เขินเหรอยู” ยูโดชะโงกหน้าเข้าไปหาอย่างหยอกเย้า

“ไอ้บ้า เดี๋ยวเหอะ ห๊าว” คนป่วยปิดปากหาวหวอดๆ

“ง่วงก็นอนเลยสิ ไว้ค่อยเล่าให้ฟังใหม่ เย็นๆ คุณแม่คงจะมา
 พี่ตะวันก็ด้วย นี่คุณยายก็บ่นเหงาบอกให้ยูหายไวๆ”

“อืม ก็อยากหายเร็วๆ เหมือนกัน ยูนอนก่อนนะ โดก็ไปนอนบ้างเถอะ มาให้หอมทีนึงก่อน”
 ยูโดเอียงแก้มไปให้และหอมกลับเต็มรัก

“ทำตัวน่ารักอีกแล้ว เจ้าแมวเซาของโด” ยูโดลูบหัวคนที่ตาปรือเต็มทน

“รักมั้ย หมาอ้วน” ยูโดฉวยจังหวะนี้ประทับริมฝีปากบนเรียวปากนุ่ม

“รักมากเลยสิไม่ว่า นอนเถอะนะ”
ยูฟ่าพริ้มตาลง การได้ถูกรักมันดีอย่างนี้เอง

ยูโดมองมุมปากของคนหลับที่ยกยิ้มน้อยๆ น่าฟัดขึ้นทุกวัน




ออฟไลน์ เส้นขอบฟ้า

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 137
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +22/-0
ตอนที่ 14 เรื่องรัก เรื่องลับ

วันนี้เป็นครั้งแรกที่ยูฟ่าจะต้องเข้ารับเคมีบำบัด คนไข้มีความพร้อมทั้งร่างกายและจิตใจ
ส่วนคนเฝ้าไข้ก็ดูแลไม่ห่างตลอดสัปดาห์ มีบางวันที่ยูโดต้องเข้ากรุงเทพฯ เพื่อเคลียร์
เรื่องเรียนและเตรียมสอบ แต่การนั่งเครื่องไปกลับของเขาก็ผ่านไปได้ เขาจัดการตัวเอง
ได้อย่างที่บอกกับมารดา เพื่อนๆ ต่างก็แสดงความยินดีกับข่าวที่ว่าเขาได้ครอบครัวที่หายไปคืนมาแล้ว

“สู้ๆ นะยู ทุกคนเป็นกำลังใจให้”

“สู้อยู่แล้ว ยูเก่ง” ยูฟ่ายิ้มกว้าง กำลังใจล้นหลามขนาดนี้ เขาไม่ยอมแพ้แน่นอน

“เก่งที่สุด…ที่รักของโด” ยูโดก้มลงไปกระซิบที่ข้างหูยูฟ่าเรียกเลือดฝาดให้ปรากฏต่อสายตาทุกคน

“คนอยู่เยอะแยะ หวานกันอยู่ได้ เลี่ยนอ่ะ”
 ตะวันฉายแซะสองแฝดเมื่อเห็นคนพี่อายม้วน คนน้องก็ดูจะอบอุ่นเกิน ตาเขาร้อนจนอยู่เฉยไม่ได้

“พี่ตะวันนี่ยังไง โวะ! ถึงคราวตัวเองบ้างเถอะ จะเอาคืนให้หนักเลย”
 ยูโดแกล้งทำเสียงใส่พี่ชายที่มักจะหาช่องแซวเขา คนขี้อายนี่ก็แทบจะมุดผ้าห่มหนีแล้ว

“พี่ตะวัน ไม่แหย่น้อง เดี๋ยวเหอะ” ตะวันฉายหน้าจ๋อยที่ถูกอาของตนดุ

“คุณอา พี่น้องจะหยอกกัน เราไม่ตีกันซะหน่อย”

“ไปเต๊าะเด็กต่อเถอะพี่ ทำนิ่งนอนใจ ชักช้ายืดยาด ระวังหมาป่าจะคาบลูกแกะตัวน้อยไปขย้ำล่ะ หึหึ”

“อะไรของแกเจ้าโด ลูกแกะอะไร”

“นี่แอบเลี้ยงต้อยใครไว้ล่ะตะวัน พามาให้อารู้จักบ้างสิ”

“มีที่ไหนกันครับคุณอา เจ้าโดมันเพี้ยน”

“มีครับคุณแม่ ยูรู้”

“คงอยู่ไม่ได้แล้ว นี่เล่นแท็กทีมกันขนาดนี้ วาร์ปก่อนละกัน”

“ตะวันมาคุยกันก่อน นี่พี่เราซุกเด็กเหรอเจ้ายู”

“หมาป่ากับลูกแกะครับแม่ ลูกแกะไม่ได้รู้เรื่องด้วยเลย น่าสงสารหมาป่าจัง” ยูฟ่าพูดยิ้มๆ

“อ้าวเป็นงั้นไป”

หลังจากให้เคมีบำบัด ยูฟ่าก็นอนซม ผิดไปจากก่อนเข้ารับยา มีคลื่นไส้ อาเจียน
และดูอ่อนเพลียจนยูโดที่พรุ่งนี้ต้องไปเรียนก็กระวนกระวาย อดห่วงไม่ได้ ทำให้มารดา
ต้องเข้ามาปลอบคนเฝ้าไข้ให้คลายความกังวล

“เป็นผลข้างเคียงน่ะโด เดี๋ยวก็ดีขึ้นเอง มันเกิดได้กับทุกคนไม่ว่าจะมากหรือน้อย
 ท้องเสีย แผลในปาก เบื่ออาหารและผมร่วง พวกนี้ยูต้องเจออยู่แล้ว โดอย่าเครียดสิลูก
 กลับไปเรียนทำเรื่องของตัวเองให้ดี อีกไม่นานจะจบแล้ว อย่าลืมว่าโดยังต้องดูแลยูไปอีกนาน
 และตารางการเข้ารับยาลุงหมอจะบอกอีกที ยูจะผ่านมันไปได้”

“แม่ครับ โดทำไมไม่เป็นซะเอง…สงสารยู”

“แม่รู้ว่าลูกเป็นห่วงพี่ ไม่ว่าใครเป็น จะยูหรือโดแม่ก็สงสารทั้งนั้น ใจเย็นๆ นะ”

“ผมอยากจะเรียนให้จบๆ ซะวันนี้เลย”

“เอาน่ะ ถ้ายูฟ่าหาย แต่ก็คงอีกหลายเดือน แม่จะพายูกลับกรุงเทพฯ พากลับไปให้โดเลี้ยงจนเบื่อเลย
 ตอนนั้นโดก็คงเข้าทำงานที่บริษัทกับคุณพ่อแล้ว ใช่ไหมลูก”

“ครับ คุณแม่พูดจริงนะ พายูกลับจริงๆ นะครับ”

“จ้ะ ตั้งใจเรียนเถอะ ทางนี้แม่จัดการเอง”

“ขอบคุณฮะ โดจะทำให้ดีที่สุดเลยครับคุณแม่”

ยูโดกลับไปเรียน พอมีวันว่างเขาก็รีบนั่งเครื่องมาดูแลยูฟ่าทันที เขาผอมลงไปบ้างแต่ก็
พยายามฝืนกินเพื่อไม่ให้ผอมจนทำให้ยูฟ่าและมารดาเป็นห่วง

“โด มึงไปเชียงใหม่อีกเมื่อไหร่วะ” โชกุนถาม

“ศุกร์บ่าย อยากได้อะไรมึง”

“อ่อ จะชวนไปหาไรกินกัน ไม่ว่างก็ไว้คราวหน้า”

“สอบเสร็จกูไปด้วยนะ อยากเที่ยวเชียงใหม่”
 ขนมพูดเพราะรู้ว่าที่นั่นกลายเป็นบ้านของยูโดไปแล้ว

“ได้ๆ แต่กูไม่ว่างพาเที่ยวน่ะสิ ต้องดูแลยู”

“เออ พวกกูรู้น่ะ มึง…วันก่อนแกมม่ามาชวนไปกินข้าว เกือบเผลอเล่าเรื่องยู ดีนะเบรกไว้ทัน
 สรุปบอกได้มั้ยวะ พวกนั้นก็เป็นเพื่อนรักกับยูเหมือนกันนะ”

 โชกุนเล่าให้ฟัง และถามคำถามที่เพื่อนคนอื่นๆ ก็ตั้งตาฟังคำตอบ

“อืม จะบอกก็ได้ แล้วแต่เลย คนทั้งโลกรู้ได้ แต่ว่าคุณแม่คงไม่อยากให้คุณพ่อรู้ว่ะ”
 ยูโดตอบคำถามที่หลายคนคาใจ

“อืม แต่มึงบอกว่าแม่กับยูจะกลับมา ตอนนั้นทุกอย่างคงคลี่คลาย ไม่แน่นะพ่อกับแม่มึง
ก็คงหันหน้าคุยกันได้ เดี๋ยวก็ดีเองแหละมึง”  ขนมพูดให้กำลังใจ

“นั่นคือสิ่งที่กูกับยูคาดหวังให้เป็น” ยูโดพึมพำ

“พวกเราหาวันรวมตัว ไปเยี่ยมยูหน่อยก็ดีนะ ที่พักเราหากันเอง”
ฟีนิกซ์พูดขึ้น คนอื่นๆ พากันพยักหน้ารับเป็นทอดๆ

“เอาไงก็บอกแล้วกัน” ยูโดไม่ขัด เมื่อเพื่อนอยากจะไปเยี่ยมคนป่วย

“เราขอไปด้วยคนนะ ได้มั้ยโด” ธาวินร้องตาม

“ได้สิธาม เราเพื่อนกัน”
ยูโดพูดให้คนคิดมากสบายใจ เขารู้ว่าธาวินยังคงรู้สึกผิด ทั้งที่เรื่องก็ผ่านมานานมากแล้ว

“ขอบคุณนะโด” ริมฝีปากบางคลี่ยิ้ม แต่น้ำตาก็มาคลอๆ ที่หน่วยตาอย่างตื้นตัน

“ขี้แยจริงๆ เลย แฟนใครล่ะเนี่ย” ฟีนิกซ์จับศีรษะของคนอ่อนไหวโยกไปมา

“นี่มึง ตั้งแต่เปิดตัว ดูจะแสดงความเป็นเจ้าของตลอดเลยเนอะ มึงกลัวใครไม่รู้รึไง”
 ขนมแขวะด้วยความเป็นคนปากไว

“ปากดีไปเถอะมึง ตัวมึงเองก็ระวังไว้หน่อย ทำปิดหูปิดตาจะถูกลากสักวัน”
ฟีนิกซ์สวนกลับ เขาอยากช่วยโชกุนที่ดูจะอืดอาดเหลือเกิน ใกล้จะจบการศึกษา
แล้วและพวกเขาต่างก็ต้องแยกย้ายกันไปมีชีวิตในอีกรูปแบบหนึ่งของตัวเอง
แต่จนแล้วจนรอดความสัมพันธ์ของโชกุนกับขนมก็ยังเป็นแค่เพื่อนกัน ทั้งที่โชกุนคิดเกินเพื่อนมานานแล้ว

“ไรของมึงไอ้หนิก ใครมันจะลากกู” ขนมทำหน้าเหรอ

“ไม่อยากเป็นเพื่อนกับมันแล้วก็พูดไปสิไอ้โช มันยากตรงไหน”
ฟีนิกซ์พูดขึ้นมาแบบไม่มีเกริ่นนำก่อน 

“เออ กูไม่อยากเป็นเพื่อนกับมึงแล้วไอ้หนม” โชกุนตัดสินใจพูดออกไปในที่สุด

“ทะ ทำไม กะ กูทำอะไรผิดวะไอ้โช”
ขนมหน้าซีด ปากคอสั่นด้วยไม่รู้ตัวว่าทำอะไรผิดถึงขนาดโชกุนจะตัดเพื่อนกับเขา

“จริงดิ โชโกรธหนมเรื่องอะไร เราเป็นเพื่อนกันมานาน อยู่ดีๆ จะเลิกคบกันเลยเหรอ ค่อยๆ พูดกันเถอะนะ”
 ธาวินพูด เขาก็ตกใจและใจหายไม่ต่างกับขนม พวกเขาแกล้งกันแรงๆ

โกรธกันก็บ่อย แต่ก็คบกันมานาน แล้วทำไมจะเลิกคบกันง่ายๆ แบบนี้ ธาวินครุ่นคิด

“เอ่อ กูไม่ได้โกรธอะไรมัน คือว่า เอ่อ…ขนมกูรักมึง คบกับกูนะ”
 โชกุนอึกอัก แต่ก็โพล่งออกไปจนได้ท่ามกลางความตกตะลึงของธาวิน ส่วนขนมสวนกลับทันควัน

“ไอ้บ้าโช ไอ้ทุเรศ มึงอย่ามาทะลึ่งเล่นแรงๆ กูไม่ขำ เดี๋ยวกูนี่แหละที่จะเลิกคบกับมึงจริงๆ”
 ขนมลุกขึ้นชี้หน้าโชกุน

“ขนม มึงช่วยฟังไอ้โชมันก่อน กูมองมึงสองคนมานานแล้ว ชัดเจนกันได้แล้ว
จะจบจะจากกันอีกแค่เดือนกว่าๆ เอง”
ยูโดพูด ทำเอาทั้งขนมและโชกุนมองหน้ากัน

“ขนมกูจริงจัง กูรักมึง รักมานาน กูเลิกเที่ยว เลิกไปนอนกับคนอื่นเป็นปีแล้ว
 กูแกล้งเมาเพื่อให้มึงพากลับบ้าน เพื่อให้มึงดูแลกูแค่อาทิตย์ละวัน
 เพื่อที่จะตื่นมาพร้อมมึงในเช้าของอีกวัน กูรักมึง คบกับกูนะ”

โชกุนขยับไปยืนต่อหน้าขนมเมื่อสารภาพทุกอย่างจนหมด เขาจ้องมองเพื่อนตัวเล็กที่อึ้งไป

“ไอ้โชมึง…”
ขนมพูดไม่ออก เขากำลังตกใจและร้อนวูบที่ใบหน้าจนลามไปที่ใบหู เขาไม่คิดว่าโชกุน
เพื่อนที่คบกันยาวนานจะคิดไปไกลเกินเพื่อน

“ให้โอกาสกูนะหนม” โชกุนรุก เขาฉวยโอกาสที่ขนมกำลังเบลอๆ

“กูไม่ใช่เกย์ ไม่ได้ชอบผู้ชาย กูแค่ตัวเล็ก ถึงจะหน้าสวยไปหน่อย ไม่ได้หมายความว่ากูจะต้องเป็นเกย์”

“กูก็ไม่ได้เป็นเกย์ และกูก็ไม่ได้ชอบผู้ชายคนอื่น แต่กูชอบแค่มึง แล้วมันข้ามขั้นเป็นรักมึงไปแล้ว”

ขนมเงียบด้วยไม่รู้ว่าจะต้องพูดอะไรอีก เขาไม่ทันได้เตรียมตัว ไม่ได้เตรียมใจ
 จู่ๆ เขาที่เป็นผู้ชายที่ยังคงมองผู้หญิงและเห็นความสวยงามของพวกเธออยู่
 แต่กลับถูกผู้ชายด้วยกันบอกรัก เขาสับสนไปหมด

“ค่อยๆ เรียนรู้กันไปก่อนก็ได้ไอ้หนม ส่วนมึงไอ้โชอย่าเพิ่งเร่งรัดมันนัก
ขนมมันยังสับสน ให้เวลามันหน่อย”

ยูโดพูดเมื่อเห็นสถานการณ์อึดอัดเข้ามาแทน

“คุยกันก่อนแบบเราก็ได้นะหนม วันหนึ่งเราจะรู้เอง ว่าใช่หรือเปล่า ใจเราจะบอกเอง”
ธาวินตบบ่าของเพื่อนที่ตอนนี้ดูจะตกใจไม่หาย

“ขอโทษนะหนม ถ้าทำให้มึงลำบากใจ”

โชกุนหันหลังให้และเดินออกไปจากกลุ่ม ขนมมองตามร่างสูงและลาดไหล่กว้างที่ดูจะงุ้มลงเล็กน้อย
โชกุนถือเป็นเพื่อนที่ดีคนหนึ่ง มันคอยดูแลและไม่เคยทิ้งใครก่อน แต่ตอนนี้กำลังเดินห่างทุกคนไป
ซึ่งเป็นสิ่งที่ขนมยอมไม่ได้

“ไอ้โชมึงกลับมาเดี๋ยวนี้นะ มึงจะไม่ฟังคำตอบจากกูก่อนหรือไง ไอ้โชกลับมา”
 ขนมตะโกนเรียก คนตัวสูงหันขวับและเดินเกือบจะกลายเป็นวิ่งกลับมาหากลุ่มเพื่อน และมาหยุดตรงหน้าขนมพอดี

“ฟังสิ กูอยากฟังไม่ว่าคำตอบจะเป็นยังไง มึงว่ามาเลย” โชกุนสลัดท่าหมาหงอยออกไปในทันที

“ก็ลองดู อย่างที่ธามมันบอก”

“มึงจะลองคบกับกู มึงให้โอกาสกูแล้วใช่มั้ย เป็นอย่างนั้นใช่มั้ยหนม”

“อืม” ขนมตอบรับสั้นๆ

“กูจะพิสูจน์ให้มึงเห็นว่ากูรักมึงจริงๆ” โชกุนรวมมือของขนมไปกุมไว้ และฉีกยิ้มกว้าง

“กูไม่ชอบคนเจ้าชู้ และเกลียดมากๆ คือคนโกหก”
ขนมพูดด้วยสีหน้าจริงจังและมองเข้าไปในดวงตาของโชกุน

“ตกลง กูจะเลิกมองคนอื่น กูจะมองแค่มึงและมีแค่มึงคนเดียว กูจะไม่พูดเรื่องที่ไม่จริง”

“มึงไปขอกับพ่อแม่มันเลยไป แต่งพรุ่งนี้เลยนะ วันอื่นกูไม่ว่าง”
ฟีนิกซ์พูดจบก็ถูกเพื่อนๆ ถวายฝ่ามือไปคนละป้าบ ยกเว้นแฟนเจ้าตัวที่ไม่ร่วมลงไม้ลงมือด้วย

“ก็เท่านี้ ยึกยักมาเป็นปี”
ยูโดพูด เมื่อข้อสรุปออกมาว่าเพื่อนรักของเขาทั้งกลุ่มพวกมันหันมากินกันเอง

“เหลือแค่มึง เปิดตัวใครได้ยัง มีได้แล้วมั้งมึง”
ฟีนิกซ์พูด เมื่อมองว่าตลอดสี่ปีมานี้ เขายังไม่เคยเห็นยูโดจะสนใจใครเลยสักคน

“กูหาใครไม่ได้แล้วว่ะ กูมีคนสำคัญที่ต้องดูแลไปตลอดชีวิตแล้ว”

เกิดความเงียบงันที่มองไม่เห็นไปชั่วขณะ

‘รักที่ผิดบาป บอกใครไม่ได้จริงๆ …แค่ได้รักกันก็พอ’

“ความรักเป็นสิ่งสวยงาม ไม่ใช่จะเกิดกันได้ง่ายๆ บางคนทำดีแค่ไหน
 ทำให้แทบตายก็ไม่ได้รัก ดีที่สุดแล้วที่ความรักของพวกมึงมันเกิดขึ้น ดูแลความรักของพวกมึงให้ดี”

ยูโดพูดและทอดมองไกลออกไป เขากำลังนึกถึงความรักของเขาที่ไกลกันแค่เพียงระยะทางเท่านั้น

“เออ กูจะรัก เท่าที่จะรักได้” เป็นคำพูดที่ออกมาจากปากของฟีนิกซ์






ออฟไลน์ เส้นขอบฟ้า

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 137
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +22/-0
ตอนที่ 15 มุมของพ่อ

นายพงศกร นักธุรกิจหนุ่มใหญ่ที่คร่ำหวอดอยู่ในวงธุรกิจอสังหาริมทรัพย์
ชีวิตครอบครัวไม่เป็นที่เปิดเผย บ้างก็ว่าเขามีภรรยาและลูกแต่ไม่มีใครเคยได้เห็น เพราะไม่เคยพาออกงาน

‘พ่อครับ โดรักพ่อนะ’

‘พ่อครับ โดรักยู โตขึ้นโดจะแต่งงานกับยู’

‘โดกับยูเป็นพี่น้องกัน แต่งงานกันไม่ได้’

‘โดต้องเกลียดยูใช่มั้ย พ่อไม่น่ารักเลย’

‘……………’

‘โดไม่รักพ่อแล้ว โดรักยู โดรักยู’

พงศกรมองว่าแค่อาการของเด็กๆ ที่หวงของเล่นเพียงแต่เจ้าตัวห่วงพี่มากกว่าของเล่นก็แค่นั้น แต่นั่นไม่ใช่เลย

‘โด นายต่อยเอสปากแตก แล้วก็เตะบอสทำไม’

‘โดบอกยูแล้ว ไม่ให้เล่นกับคนอื่น ยูไม่ฟังเอง’

‘นั่นเพื่อนยู โดเกเร ยูจะฟ้องคุณพ่อ’

‘หยุดหาเรื่องคนอื่นได้แล้วโด พวกนั้นเป็นเพื่อนยู โดใจร้ายจะต่อยทุกคนที่เป็นเพื่อนยูเลยเหรอ ทำไม’

‘………………….’

‘ยูคบกับไอ้วินใช่มั้ย’

‘ใช่ วินเป็นแฟนยู’

‘โธ่เว้ย!!!’


พงศกรรู้ว่ายูโดตามยูฟ่าเป็นเสมือนเงา หวงและห่วง แสดงออกในทางก้าวร้าวอยู่บ่อยครั้งเขาก็เห็น
เขาเคยมองว่ายูโดเป็นแค่เด็กเอาแต่ใจ เรียกร้องความสนใจ แต่เหตุการณ์ในสนามแข่งคราวนั้น
เพื่อปกป้องคนที่รัก เกือบจะเสียดวงตายูโดก็ยังทำ เขาเสียอีกที่ไม่เคยที่จะปกป้องใคร แล้วยังไง
สุดท้ายไม่ว่าเขาหรือยูโดก็ถูกทิ้งเหมือนกัน

ความมักมากของเขา มองภรรยาที่แสนดีเป็นเพียงแค่ของตายอยู่กับบ้าน เขาย้อนเวลากลับไปแก้ไขไม่ได้
ห้ามลูกสองคนไม่ให้รักกันก็ทำไม่ได้ อ้อนวอนให้ภรรยาที่ทิ้งไปกลับมาก็ทำไม่ได้อีก ขอร้องให้เธอยกโทษ
และร้องขอให้เธออภัย เขาก็ยิ่งทำไม่ได้…ในเมื่อเธอเป็นใคร มาจากไหน เขายังไม่รู้เลยด้วยซ้ำไป

‘ขอโทษนะยูโด พ่อทำครอบครัวของเราพัง พ่อทำให้คนที่ลูกรักต้องจากไป พ่อขอโทษ’

ตอนนี้ทำได้เพียงอยู่กับปัจจุบันเท่านั้น เขาได้แต่ดึงและรั้งให้ลูกชายที่เหลือคนเดียวกลับมาเป็นคนที่เข้มแข็ง
และอยู่ให้ได้ เพื่อเฝ้ารออย่างมีความหวัง เขาเชื่อว่าวันหนึ่งสองแม่ลูกจะกลับมา แล้ววันนั้นยูโดจะได้รักและ
ดูแลสองคนนั้นอย่างที่เจ้าตัวต้องการ

‘พ่อก็หวังว่าจะได้เจอแม่ของลูกก่อนพ่อตาย’

ความเสียใจและสิ้นหวัง เขาจะให้ใครเห็นไม่ได้ในเมื่อมันเกิดจากเขาที่ทำตัวเอง…ก็ต้องเจ็บเอง

‘แกจะได้เจอสองคนนั้นเมื่อเขาอยากให้เจอ เชื่อฉัน’

ถ้าไม่อยากให้เจอต่อให้พลิกแผ่นดินหาก็อย่าหวังว่าจะได้เจอ เขาได้แต่บอกลูกและบอกตัวเองซ้ำๆ
อยู่อย่างนั้น จนกระทั่งวันหนึ่งที่คนอยู่อย่างสิ้นหวังมีความหวังเรืองรองขึ้นมา

‘มาเยี่ยมเพื่อนที่ป่วย โดอยู่ต่างจังหวัดครับพ่อ’

‘อย่าห่วงเพื่อนจนเสียการเรียนนะ’

ลูกชายหายไปเป็นอาทิตย์โผล่มาเรียนบ้างแค่บางวัน นั่งเครื่องไปเชียงใหม่เป็นว่าเล่น
 จนสุดท้ายพงศกรจึงต้องจ้างนักสืบและหลักฐานต่างๆ ที่เขาได้มาก็ทำเอาตื่นเต้น ยินดีแต่มันมาพร้อมกับข่าวร้าย

‘ยูฟ่าป่วยเป็นลูคีเมีย’

ยูโดขึ้นเหนือเป็นว่าเล่นเพราะไปเฝ้า ไปดูแล และเป็นกำลังใจอยู่เคียงข้างคนที่รัก
เขาก็รักลูกอยากทำหน้าที่ของพ่อ อยากพบเจอ แต่เขาจะทำอย่างนั้นได้อย่างไร
 ถ้าอุไรรู้ พาลูกหนีไปอีก เขาจะทำยังไง คงต้องปล่อยให้เป็นไปในแบบนี้ต่อไป

‘พ่อคิดถึงลูกนะยู อุไรผมคิดถึงคุณเหลือเกิน’ พงศกรกอดรูปถ่ายที่เขาได้มา น้ำตาลูกผู้ชายไหลริน
เขาเพิ่งรู้เมื่อสิ่งที่มีอยู่สูญหาย เพิ่งเห็นค่าตอนที่มันสายไป หลายคนอยากย้อนเวลา อยากกลับไป
ที่จุดเริ่มต้นเพื่อทำให้มันดี แต่จะมีสักกี่คนที่ได้รับโอกาสนั้น เขาก็เป็นหนึ่งคนในนั้นที่อยากแก้ไข
ความผิดพลาด…ซึ่งคงจะสายเกินไปแล้วจริงๆ


ยูโดกลับเข้าบ้าน วันนี้เขาแวะกินข้าวกับเพื่อนๆ ที่ร้านใกล้กับมหา’ลัยและขอตัวกลับเพื่อมาดูหนังสือ
เห็นรถของบิดาจอดอยู่ เป็นสิ่งที่น่าแปลกใจเอามากๆ พ่อมีแต่งานและกลับเข้าบ้านดึกดื่นตลอด
เขากับพ่อมีโอกาสคุยกันน้อยเต็มที

“วันนี้คุณพ่อกลับบ้านเร็วจังฮะ”

“อืม..พ่อมีตัวแทนไปงานน่ะ แล้วแกล่ะ ทำไมวันนี้กลับบ้านได้”

“ช่วงนี้เรียนหนักฮะ งานบริษัทของคุณพ่อผมขอเลื่อนไปสักพักนะครับ เคลียร์อะไรลงตัวแล้วจะเข้าไปช่วยนะครับ”

“ได้สิ เอาเรื่องเรียนก่อน อย่าลืมว่ามีคนที่แกจะต้องดูแลต่อจากฉันถึงสองคน”

“ไม่ลืมครับ แล้วคุณพ่อไม่คิดจะดูแลเองบ้างเหรอครับ”

“มันเป็นอย่างนั้นได้ก็ดีสิ จะมีทางไหนไหมล่ะ แกก็รู้ว่าไม่มีอีกแล้ว”

“คุณพ่อได้พยายามหรือยัง เอ่อ ขอโทษครับ”

“นั่นสินะ”

“พ่อคิดถึงเจ้ายู หมู่นี้ฝันถึงบ่อยๆ แกล่ะลืมเจ้ายูได้หรือยัง”

“ผมเคยบอกคุณพ่อไปแล้วว่าผมรักยู ไม่มีทางที่จะลืมเพราะยูคือคนสำคัญ”

“มั่นคง ตั้งแต่เล็กจนโตสินะ”

“พ่อครับคือ…..”
ยูโดมองหน้าท่าน หรือว่าตลอดเวลาที่เขาทำอะไรอยู่ ท่านจะรู้ หรือว่าเขาคิดไปเองนะ

“อืม”
พ่อพยักหน้าและไม่พูดอะไรอีก เป็นการยอมรับกลายๆ ว่า คุณพ่อรู้ว่าเขาหายไปไหนและทำอะไร

“ผมจะทำให้ดีที่สุด ผมจะพาคนที่ผมรักกลับมาครับ”
ยูโดพูดด้วยเห็นแววตาที่สื่อออกมาทุกความรู้สึกของท่าน อดที่จะสงสารไม่ได้ เขาก็เคยอยู่ในจุดเดียวกับท่านมาก่อน

“ขอให้แกทำสำเร็จก็แล้วกัน” พ่อพูดนำเสียงอ่อนล้า และแฝงแววตาเศร้าๆ

Rrrrrrr ยูฟ่าโทรมา วันนี้เขายังไม่ได้โทรบอกเลยว่าถึงบ้านแล้ว ยูโดลังเลด้วยไม่รู้จะเลี่ยงยังไง
เมื่อโทรศัพท์ก็วางกองอยู่ตรงหน้านี่เอง

“รับสิ พ่อก็อยากฟังเสียงของคนทางนั้นเหมือนกัน” ยูโดมองหน้าท่าน

“เอ่อ….คือ…ครับ” เขากดรับสายและเปิดสปีกเกอร์โฟน

(โด…ถึงบ้านหรือยัง จะมาหายูวันไหน)
 เสียงยูฟ่าที่ดังผ่านลำโพงทำเอาคุณพ่อนิ่งเงียบ แววตาของท่านสั่นไหว ลูกรักเลยคนนี้เขารู้ดี

“เพิ่งถึงบ้านน่ะยู ไปวันศุกร์นะ ถึงนั่นคงเกือบๆ เย็นแหละ”

(อีกตั้งสองวัน คิดถึงโดจัง คุณพ่อกลับบ้านมั้ย ได้เจอท่านหรือเปล่า) คุณพ่อสะดุ้งที่ลูกรักถามถึง

“อืม กลับเข้ามาก็เจอแล้ว อยากคุยมั้ย นั่งอยู่ด้วยกัน”

(อยากคุยดิ แต่อย่าเพิ่งเลยเดี๋ยวคุณแม่จะเข้ามาแล้ว ขอยูถามท่านก่อนว่าให้ยูคุยกับคุณพ่อได้มั้ย
 คิดถึงคุณพ่อจังไม่เจอตั้งสองปี ป่านนี้คุณพ่อคงลืมยูกับคุณแม่ไปแล้วมั้งโด)

 ยูฟ่าพูดจบ เขาจึงมองหน้าคนที่ถูกพูดถึงท่านมองออกไปนอกหน้าต่าง

“ไม่หรอกยู คุณพ่อต้องคิดถึงยูกับคุณแม่อยู่แล้ว อาการเป็นไงบ้าง กินข้าวได้มั้ย”
 ยูโดรีบเปลี่ยนเรื่อง ด้วยเห็นสีหน้าของคุณพ่อไม่สู้ดีนัก

(ก็ยังเบื่อๆ อาหาร เจ็บปากทำให้ไม่อยากกลืนอะไร รสชาติมันแย่ไปหมด
ไม่ใช่อาหารที่คุณแม่ทำแย่นะแต่ลิ้นยูไม่รู้รสเองตอนนี้ ยังคลื่นไส้วิงเวียน ผมเริ่มร่วงแล้วอ่ะโด ยูจะหัวล้านแล้วอ่ะ)

“เดี๋ยวกลับไปจะโกนผมให้ ใส่วิกผมก็ได้นะยูหรือใส่หมวกดี พอหายป่วยผมที่ขึ้นมาก็สลวยสวยเหมือนเดิม
 ถึงจะไม่มีผมโดก็รักยูอยู่ดี อย่าคิดมากนะครับ อาหารก็ต้องฝืนกลืนเอาหน่อย ไว้หายแล้วโดจะพาไปกินหมึก
ไข่นึ่งมะนาวของชอบยู ไม่ดื้อเนอะ”

(ก็ได้หมาอ้วน รอโดมาทำให้ก็ได้  ยูจะไม่ดื้อ อ๊ะ! คุณแม่มาแล้วมีเสบียงมาเยอะแยะเลยเนี่ย //
 คุยกับโดอยู่เหรอลูก บอกโดให้แม่ที ถ้ามีเรียนหนักก็ไม่ต้องมา ยูอยู่กับแม่ได้นะคะ // ไม่ๆ
 ยูจะไม่บอกแบบนั้นหรอก ว่างก็มานะโด ยูรออยู่ คิดถึงโดมากๆ // ยูเด็กดื้อแม่บอกอย่างหนึ่งกลับ
ไปพูดอีกอย่าง เรานี่แสบจริงๆ เลย)

ยูโดมองคุณพ่อที่นั่งฟังน้ำตาคลอ คงคิดถึงคุณแม่ เขาไม่อยากจะซ้ำเติมเลยจริงๆ
เวลาทำอะไรน่ะไม่คิดให้ดีเสียก่อน พอตอนนี้มานั่งเสียใจ ก็ได้แต่นึกในใจเท่านั้น

“ยูพักผ่อนเยอะๆ นะ รักยูมากๆ คนดี”

ยูโดไม่อายที่บอกรักยูฟ่าไป ถ้าไม่พูดสิเขาจะเสียใจมากกว่า เพราะชีวิตคนเราเมื่อมีโอกาสได้พูด
 และได้บอกตอนที่มีลมหายใจก็ต้องพูดออกไป ดีกว่ามาพูดในวันที่อีกคนไม่ได้อยู่ฟัง

(รักโดมากๆ รักนะหมาอ้วน)

“ตกลงจะรักโดหรือรักหมา …รักยูนะครับ”
 ปลายสายหัวเราะคิกคักก่อนจะวางไป พ่อยังคงนั่งเหม่อลอย ปล่อยความคิดล่องลอย คิ้วหนาขมวดมุ่น

“ยูฟ่าต้องเข้าเคมีกี่ชุด แล้วจะหายขาดใช่มั้ย”

“เอ่อ…คุณแม่บอกว่าไม่หกก็แปดชุดน่ะครับ ครั้งหนึ่งก็ห่างกันราวๆ
สามสัปดาห์ได้ ยูเข้ารับการรักษาเร็วมีโอกาสหายขาดครับคุณพ่อ ลุงหมอท่านบอกแบบนั้น”

“หลายเดือนเลยกว่าจะครบ คงทรมานน่าดู ดูแลพี่แกดีๆ ล่ะ”

“ครับ ถ้ายูหายคุณแม่จะให้ยูกลับมาที่นี่น่ะ เพราะว่าโดต้องช่วยงานที่บริษัท”

“จริงดิ แม่แกคงไม่ให้ยูอยู่ที่นี่โดยตัวแม่แกอยู่ทางนู้นหรอก ใช่มั้ย”

สีหน้าของพ่อดีขึ้น มีประกายความหวัง

“ไม่ทราบสิครับ”
 ยูโดพูดออกไปเหมือนกับว่าจะดับฝันของพ่อเสียอย่างนั้น เขาไม่รู้จริงๆ
ว่าคุณแม่จะตามมาด้วยหรือเปล่า ความคาดหวังอยู่ที่ห้าสิบเปอร์เซ็นต์เท่านั้น

“นั่นสิ เขาจะอภัยให้พ่อได้ยังไง พ่อทำเขาเจ็บขนาดนั้น”

 พ่อจมอยู่ในห้วงความคิดไปคนเดียวเงียบๆ เขาจึงลุกขึ้นเตรียมไปอ่านหนังสือ แต่พ่อพูดขึ้นมาเสียก่อน

“ดูแลยูกับแม่แกให้ดีนะ ถ้าขึ้นไปหาเขาอีก พ่อจะโอนเงินเพิ่มให้ พี่แกอยากได้อะไรก็ซื้อให้ด้วยล่ะ ไม่พอมาบอก”

“ขอบคุณครับพ่อ”


ยูโดเดินขึ้นห้องนอนไป สมองก็คิดทบทวนคำพูดของพ่อตั้งแต่เขาก้าวเท้าเข้าบ้านมา
 พ่อรู้ว่ายูฟ่าป่วย พ่อรู้ว่าเขารักยูฟ่าตั้งแต่ครั้งเป็นเด็ก พอคิดมาถึงตรงนี้จึงมองย้อนกลับไป
ที่พ่อไม่ชอบหน้าเขา เพราะพ่อรู้มาตลอดว่าเขาทำอะไร พ่อรู้มานานแค่ไหนกันนะ

‘ช่างเถอะ หากพ่อจะกีดกัน คงต้องพายูหนี เฮ้อ…แต่บอกรักยู พ่อก็ไม่ได้มีทีท่าว่าไม่พอใจอะไรนี่นา’


บ่ายสามโมงกว่าแล้ว ยูโดลงรถหน้าโรงพยาบาลพอดี เป้ใบโปรดกับโน๊ตบุ๊คอีกเครื่องก็ไม่ทำให้รุงรังสักเท่าไหร่
เขาก้าวเข้าไปในลิฟต์กดเรียกชั้นอย่างคล่องมือ ยูโดแวะเข้าห้องน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าชุดใหม่ ล้างมือและล้างหน้า
เขาไม่อยากเอาเชื้อโรคไปแพร่ให้กับคนป่วยที่ตอนนี้ภูมิต้านทานเชื้อโรคมีน้อยเต็มที
ยิ่งเชื้อรากับแบคทีเรียเป็นตัวร้ายเลยทีเดียว

“โด คิดถึง ยูรอตั้งแต่ชั่วโมงที่แล้วแน่ะ เหนื่อยมั้ยครับ”

“เห็นหน้ายู ก็หายเหนื่อยเลยครับ คุณแม่ที่รักจะหนีไปไหนล่ะฮะ”

“แม่จะไปหาซื้อของกินเพิ่มสักหน่อยค่ะคุณลูก แล้วก็ระวังมดจะขึ้นเตียงเจ้ายูเอานะ แม่ไปนะ”

“อ่อครับ เดี๋ยวถ้ามดมาโดจะบี้ไม่ให้เหลือซากเลย ริอ่านจะมากัดที่รักของผม หึหึ”

“จีบกันไปเลย แม่ไปก่อนแต่อย่าทำประเจิดประเจ้อนักเดี๋ยวใครๆ เขาจะเอาไปพูดได้”

“คร้าบ ด้วยเกียรติลูกเสือสำรองเลย”

“ตัวแสบนะเรา” มารดาเดินส่ายหน้าออกไปจากห้อง

“เบื่อมั้ยที่ความรักของเราต้องหลบๆ ซ่อนๆ แบบนี้”
ยูโดถามออกไปเสียงเบา ด้วยแคร์ความรู้สึกของคนที่นอนมองมาตาแป๋ว

“ไม่ครับ เรารักกันก็ไม่เห็นจำเป็นต้องป่าวประกาศบอกใคร ไม่ต้องแสดงความเป็นเจ้าของมากมาย
 แค่เราไม่นอกใจกันก็พอ” ยูฟ่าตอบกลับมาเสียงหนักแน่น

“น่ารักจริงๆ เลย ของใครกันนะคนนี้ มีเจ้าของหรือยัง” ยูโดเข้าไปบีบจมูก

“โสดครับ จะจีบมั้ยล่ะ”
 ยูฟ่าเล่นกลับ โดยทำแก้มป่องพองลมใส่ ทั้งๆ ที่ตอนนี้แก้มน้อยลงไปเยอะ

“ต้องเริ่มจีบใหม่เลยเหรอครับ แย่จัง”

“จะจีบติดรึเปล่าล่ะ คริคริ” ยูโดยีผมคนน่ารัก แล้วก็นึกขึ้นมาได้ว่าจะโกนผมให้

“ไหนล่ะ ไม่เห็นจะร่วงเลยผมยู ดูสิครับ ไม่มีติดมือสักเส้น” ยูโดสางผมของยูฟ่าแล้วส่งมือให้ดู

“ก็ยูสางออกเยอะแล้ว ค่อยโกนคราวหน้าก็ได้ ตอนนี้ยังไม่อยากหัวโล้น” ยูฟ่าพูด หน้าจ๋อยลงไปถนัดตา

“ตามใจเลยครับ”

สองพี่น้องนั่งคุยกันจนเวลาอาหารมาถึง มารดาเข้ามาพร้อมเสบียงเต็มสองมือ
สามคนแม่ลูกจึงจัดการกับอาหารตรงหน้าไปเรื่อยๆ อย่างไม่เร่งร้อน กินไปคุยกันไปจนหมดจาน


ออฟไลน์ เส้นขอบฟ้า

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 137
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +22/-0
ตอนที่ 16 กำลังใจ

ในตอนสายขนมโทรเข้ามาบอกว่าอยู่ที่สนามบินกันแล้ว พร้อมทั้งโพสต์รูปหมู่ทำเอายูโดชะงัก
ที่ขนมบอกว่าจะมาไม่ได้ล้อเล่นเลย แถมมากันกลุ่มใหญ่ด้วย เขาแชร์โลเคชันไปให้ และชั่วโมงกว่าๆ
ผ่านไปบรรดาเดอะแก๊งก็มาออกันอยู่หน้าห้อง ยูโดไล่ให้ไปเปลี่ยนชุดเพราะกลัวเชื้อโรคที่มากับเสื้อผ้า
ของเพื่อนๆ หนุ่มๆ ต่างหน้ามุ่ยแต่ก็ยอมทำตามโดยดี

ยูฟ่ากำลังนอนหลับจึงยังไม่ได้รับรู้ถึงการมาของผองเพื่อน หากลืมตามาเจอจะทำหน้ายังไง
ยูโดก็พลอยลุ้นไปด้วย

“ยูคิดถึง…ฮึก”
 แกมม่าก้าวเข้ามาในห้องและปราดเข้าไปสวมกอดเพื่อนที่กำลังงัวเงียขี้ตา

“แกม เค เจ คิดถึงทุกคนเลย มาได้ไงน่ะ ฮึก ฮือ” ยูฟ่าและแกมม่ากอดกันร้องไห้ไปก่อนแล้ว

“ขนมบอกน่ะ เลยร้องตาม ไม่บอกกันเลยนะยู ป่วยได้ก็หายได้เนอะ สู้ๆ” เคมีตัดพ้อกลายๆ

“ขอบคุณทุกคน ที่ไม่ลืมกัน” ยูฟ่าพูดเสียงอู้อี้

“เพื่อนกัน ต่อให้ไม่เจอเป็นสิบๆ ปี แต่มิตรภาพมันไม่หายไปไหนหรอกนะ”
 เคมีพูด ทำเอายูฟ่าน้ำตาคลอขึ้นมาอีกครั้ง

“รักพวกนายนะ” ยูฟ่าพูด เจแปนจึงเข้ามาสวมกอดอีกคน

“คิดว่าคงจะไม่ได้เจอกันแล้ว อย่าหายไปอีกนะ เราเป็นห่วงรู้มั้ย”
เจแปนพูด ยูฟ่ามองเพื่อนที่รูปลักษณ์ไม่เปลี่ยนไปจากเดิมเลย แม้จะไม่ได้เจอกันถึงสองปี
 ผิวขาวและหล่อแบบเกาหลีเช่นเดิม

“อืมๆ หายก็กลับไปกรุงเทพฯ คงสักครึ่งปีแหละเจ”

“เหรอๆ งั้นเอาเบอร์มาเลย ห้ามขาดการติดต่อนะยู”
 แกมม่ายื่นโทรศัพท์ให้ แต่ยูโดมาคว้าไปเมมเบอร์ให้เอง

“ขอบคุณนะโด” แกมม่ารับโทรศัพท์คืนกลับบมา

“ไม่เป็นไร เรารู้ว่าการที่คนสำคัญของเราหายไป มันเป็นยังไง” ยูโดพูด และส่งยิ้มให้กับแกมม่า

“ขอโทษนะทุกคนที่มาไม่ได้บอกลา”

ยูฟ่าขอโทษเพื่อนๆ ที่ยืนน้ำตาคลอกัน การได้มาเจอกันอีกครั้งถือเป็นช่วงเวลาดีๆ
 ที่น่าจดจำอีกช่วงเวลาหนึ่ง สามหนุ่มคุยกันต่ออีกพักใหญ่ๆ และเปลี่ยนให้กลุ่มของขนมเข้ามา
 ยูฟ่าพูดคุยและร่าเริงเป็นกันเองกับทุกคน

“เราต้องกลับเข้าที่พักกันแล้ว พรุ่งนี้จะเข้ามาหานะยู” ขนมบอกลาและคนอื่นๆ ก็ทยอยกันออกไป

“ยิ้มแก้มจะแตกแล้วนะยู”

“ก็ยูมีความสุข ได้เจอเพื่อนๆ ถ้าได้เจอคุณพ่ออีกคนคงดี”

“คุณพ่อคิดถึงยู ท่านให้โดดูแลยูดีๆ โอนเงินมาให้ตั้งเยอะด้วยนะ บอกโดให้ซื้อของที่ยูอยากได้
เงินไม่พอให้ขอได้อีก ยูน่ะลูกรักของคุณพ่อเลยนะว่ามั้ย”

“ขี้อิจฉาเหรอ สิ่งที่ยูอยากได้เงินซื้อไม่ได้หรอก”

“อะไรล่ะ โดหาให้ได้มั้ย”

“ถ้าเราช่วยกันก็อาจจะได้นะ…ยูอยากได้ครอบครัวของเราคืนมา”

“เงินซื้อไม่ได้จริงๆ ด้วย เฮ้อ!”
 ยูโดทอดถอนใจ และมองเข้าไปในแววตามุ่งมั่นของยูฟ่า คงต้องร่วมมือกันจริงๆ เพื่อนำพาคำว่าครอบครัวกลับมา


งานเลี้ยงอำลาในหมู่เพื่อนสนิทดำเนินไปกว่าค่อนคืน ยูโดเห็นพัฒนาการของคู่รักสองคู่ที่ใส่ใจกัน
เป็นอย่างดี รักแบบนี้มีให้เห็นมากขึ้น แต่จะมีสักกี่คู่ที่ยั่งยืนและอยู่ด้วยกันจนตายจากกัน

“โดมองพวกเราขนาดนั้น หาสักคนสิ เอาม่ะมีหนุ่มน้อยมองๆ นายอยู่นะตรงโน้นน่ะ” โชกุนคะยั้นคะยอ

“นี่แน่ะ โดมันบอกกี่ทีแล้ว ชีวิตมันไม่มีใครสำคัญเกินกว่ายูฟ่าแล้ว” ขนมโบกหัวคนพูดจนหน้าแทบคะมำ

“แค่กลัวมันจะเหงาแล้วก็เฉา ไม่ใช้ให้คุ้มล่ะชีวิตหนุ่ม”
 โชกุนแย้งขึ้นมาอีก เป็นเหตุผลที่เขายกมาเพื่อเชียร์ให้เพื่อนหาคนข้างกาย

“มึงรักพี่มึงน่ะพวกกูรู้ แต่นั่นพี่เปล่าวะ ไม่ใช่คู่ชีวิต วันนึงมึงก็ต้องมีครอบครัว
 ต้องแต่งงานมีลูก อย่าไปผูกติดกับพี่มึงมากนัก”
ฟีนิกซ์ชี้ให้เห็นถึงความเป็นจริงของชีวิต

“ที่พูดเนี่ยเพราะว่าพวกเรารักนายนะ เรียนจบโอกาสเจอกันก็น้อยลง พวกเราเห็นชีวิตสองปีที่ไม่มียูฟ่า
นายซังกะตายเหมือนไร้หัวใจ พอได้เจอกลับมามีชีวิตชีวาอีก เราไม่อยากเห็นนายต้องทุกข์ถ้าวันหนึ่ง
นายต้องอยู่คนเดียว นายจะเข้าใจความหวังดีของพวกเรามั้ย”

 ธาวินสรุปใจความสำคัญ เขาหวังว่าความห่วงใยสุดท้ายที่ส่งไปยูโดจะเข้าใจ

ยูโดนิ่งฟัง เขาเข้าใจความปรารถนาดีที่เพื่อนๆ มีให้มาตลอด ที่คบกันมาได้นานขนาดนี้เพราะความใส่ใจ
และความจริงใจนี้แหละ เขาคิดว่าวันนี้ไหนๆ พวกมันก็กล้าที่จะพาดพิงถึงยูฟ่าแล้ว ไม่อยากให้ทุกคนมอง
ว่ายูฟ่าเป็นตัวถวงชีวิตของเขา ที่เขายึดติดเพราะรักคำเดียวจริงๆ

“ขอบคุณทุกคน ขอบอกตรงๆ เลยนะพวกมึง กูไม่ต้องการใครอีกจริงๆ”

“มึงจะปิดกั้นตัวเอง เพื่อเอาชีวิตมึงทั้งชีวิตไปผูกไว้กับพี่มึง ทำไมวะโด”

 ขนมถามออกไป จนป่านนี้เขายังไม่เข้าใจว่ายูโดจะทำแบบนั้นไปเพื่ออะไร
 ทุกคนก็อยากที่จะมีอนาคต มีฝัน มีชีวิตกับใครสักคนที่อยู่ด้วยกันไปจนตายไม่ใช่เหรอ
 แล้วทำไมยูโดถึงเลือกที่จะปิดกั้นตัวเองอยู่กับพี่ชายฝาแฝดทั้งชีวิต ทำไมกัน?

คำถามมากมายผุดขึ้นมาในหัว เยอะจนไม่รู้จะถามอะไรก่อนแล้ว ได้แต่ยกน้ำเย็นขึ้นจิบดับความสงสัย

“นั่นสิ ไม่ใช่ว่ามึงรักพี่มึง แล้วมึงสองคนก็…หรือว่ามึงสองคน…”

โชกุนหลุดคำพูดออกไป และทิ้งท้ายไว้แค่นั้น

“กูรักยู รักแบบที่รักใครไม่ได้อีกชีวิตนี้ ยูเป็นชีวิตและลมหายใจของกู ต่อให้จะอดมื้อกินมื้อยากลำบาก
แค่ไหนกูยอม ขอแค่มียูอยู่กับกูในทุกวัน แค่นั้นจริงๆ”

ยูโดพูดสิ่งที่ปกปิดมาเนิ่นนานออกไป สร้างความตกตะลึงให้กับทุกคนที่ได้ยิน

“ห๊ะ! นี่มึงรักกัน! รักในแบบที่กูรักไอ้หนม ไอ้หนิกกับไอ้ธาม จริงเหรอวะ?”

โชกุนลุกพรวดและเป็นฟีนิกซ์ที่สำลักเครื่องดื่มจนหน้าดำหน้าแดงจนธาวินต้องลูบหลังให้

“ใช่จริงๆ เหรอโด กูไม่เคยรู้เลย” ขนมครางเสียงแผ่ว

“มิน่าล่ะ มึงเหมือนคนไม่มีชีวิตตอนที่ยูหายไป” ฟีนิกซ์งึมงำ

“เราขอโทษนะที่ไม่รู้มาก่อน ยังพูดทำนองไม่ให้ผูกติดกับยูอีก ไม่รู้จริงๆ”
ธาวินขอโทษ เขาไม่คาดคิดมาก่อนว่าเรื่องราวจะซับซ้อนขนาดนี้

“ไม่ต้องขอโทษ กูไม่ได้โกรธพวกมึง ที่ผ่านมาไม่ใช่ว่ากูไม่พยายามตัดยูออกไป
กูทำเป็นเกลียด แต่ตาสองข้างก็คอยแต่มองหา ด่าว่าแต่ก็ตามติดเป็นเงา ทุกแห่งหนที่ยูไป
จะมีกูอยู่ แม้ไม่ใช่ข้างๆ ตัวยู แต่ไม่เคยปล่อยให้หลุดออกนอกสายตาเลย กูเลิกรักยูไม่ได้ตราบใด
ที่ส่องกระจกแล้วเห็นหน้าตัวเอง ตอนที่ลงแข่งรถมันเป็นเหตุผลที่กูแพ้ไม่ได้ในครั้งนั้น”

“โธ่ มึงนะมึง” ขนมพึมพำ น้ำตาคลอด้วยสงสารเพื่อนจับใจ

“ขอบคุณทุกคนที่อยู่ข้างๆ กันในตอนที่ทุกข์ที่สุดในชีวิต กูข้ามผ่านมันมาได้แล้ว
ตอนนี้ถึงรู้ว่าต่อให้คนทั้งโลกจะด่า จะประณาม จับกูแยกออกจากกัน ยังไงกูก็เลิกรักยูไม่ได้
นี่คงเป็นลิขิตที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ นอกจากกูตายจากไปน่ะแหละ พวกมึงจะรังเกียจ ขยะแขยงยังไง
กูก็ได้นะเว้ย แต่ห้ามไม่ให้รักยู กูทำไม่ได้จริงๆ”

“ตลอดเวลาที่ผ่านมา มึงคงเจ็บปวดมากเลยสิ ทำไมไม่บอกกันเลย ใครจะไปรังเกียจอะไรมึง แค่คนจะรักกัน”

 ขนมเข้าไปสวมกอดยูโดและคนอื่นๆ ก็ตามเข้ามากอด พากันตบบ่าปลอบประโลม

“กูไม่เจ็บปวดอีกแล้ว ตอนนี้ได้เจอกัน กลับมารักกัน ถึงว่ารักนี้จะผิดบาปก็เถอะ กูยอม”

“ยูฟ่าก็ดูจะรักมึงมากเลยนะ” ขนมตั้งข้อสังเกต

“ใช่ๆ มองตามตลอดไม่ว่านายจะเดินไปทางไหน ทำอะไร สายตายูมีไว้มองนายคนเดียวจริงๆ
นี่ใจเดียวกันเลยเหรอ”
ธาวินเสริม และตั้งคำถามพร้อมสรรพ

“อืม” ยูโดรับคำในลำคอ

“เหนือความคาดหมาย ไม่มีอะไรจะพูดเลยตอนนี้ รักกันมาตั้งแต่เกิดเลยสิพวกมึง
งั้นพวกเราฉลองให้กับความรักของเพื่อนที่ไม่มีใครจะพรากไปได้ก็แล้วกัน ชนแก้วเว้ย!”

ฟีนิกซ์ชูแก้วและทุกคนพร้อมใจกันดื่มให้กับข่าวใหม่ที่พวกเขารู้ในวันสุดท้ายของการจบการศึกษาพอดี


ยูฟ่ากลับมาพักฟื้นที่บ้าน โดยมีมารดาหยุดงานมาอยู่ดูแล เขาต้องสวมหน้ากากอนามัย
 ดื่มน้ำที่เปิดจากขวดใหม่ๆ และอาหารที่ปรุงเสร็จใหม่ๆ ด้วยเช่นกัน เขาต้องระวังพวกเชื้อแบคทีเรีย
เพราะทำให้ติดเชื้อทางเดินอาหารได้ง่าย ผลไม้เปลือกบางก็รับประทานไม่ได้ ยิ่งพวกเนื้อสัตว์แปรรูป
เป็นอาหารต้องห้ามของผู้ป่วยมะเร็งเลยทีเดียว

“ยูโด มาแล้วเหรอ คิดถึงๆ”

“คิดถึงยูมากๆ เลยครับ นี่เรียนจบแล้วมาอยู่ดูแลยูได้ตลอดแล้วนะ”

“ดีที่สุด”

ยูฟ่ายิ้มยิงฟัน เขาไม่ต้องมานั่งเป็นกังวล ห่วงคนที่เดินทางไกลตลอดสองเดือนมานี้

“ยูกินข้าวบ้างไหม ผอมอีกแล้ว อ้าว! นี่ใครโกนผมให้ล่ะ”

“คุณแม่น่ะสิ ยูใส่หมวกไหมพรมไว้ตลอดเลยเนี่ย มันอายน่ะ น่าเกลียดมั้ยโด”
ยูฟ่าเปิดหมวกออกให้ยูโดมอง

“น่ารักดี เหม่งน้อยของโด”
ยูโดลูบเบาๆ ไปบนศีรษะที่สะท้อนแสงไฟจนขึ้นเงา ไม่มีรอยขีดข่วนหรือแผลเป็นใดๆ
ศีรษะได้รูปไม่มีบิดเบี้ยว หนำซ้ำยังโหนกนูนดีเสียอีก บ่งบอกว่าตอนเด็กคุณแม่ต้องใส่ใจดูแล
มาดีแน่ๆ ไม่เหมือนเขาที่มีแผลเป็นจากอุบัติเหตุในตอนแข่งรถ

“นี่ยูก็กินข้าวนะ แต่มันสุดๆ แล้วอ่ะ แผลในปากเพิ่งจะดีขึ้น เย็นนี้จะกินเยอะๆ เลย”

“ดีมากครับ”
ยูโดรวบมืออันผอมบางมาบีบเบาๆ ยูฟ่าผอมลงจนแก้มตอบ ใส่หน้ากากอนามัยตลอดเวลา
เห็นแล้วเขาก็รู้สึกอึดอัดแทน

“ยูเก่ง ถ้าหายโดจะพาเที่ยว พาไปกินแล้วก็กิน ดีมั้ยครับ”

“จริงนะ อยากหายจัง อยากไปทำงานด้วย อยากเจอเด็กๆ”

“พรุ่งนี้พาไปที่ทำงานก็ได้ แต่ยูต้องสัญญาก่อนว่าจะไม่อุ้มน้องๆ แล้วก็ต้องใส่แมสนี่ตลอดด้วย ทำได้มั้ยครับ”

“ได้ๆ ยูทำได้ ขอไปดูนิดหน่อยก็ดีใจมากแล้ว เดย์โทรมาบ่นว่าคิดถึง แต่พี่ตะวันไม่อยู่ไม่มีคนพาเข้ามาหา
บ้านนี้คนนอกเข้ายากจริงๆเลยเนอะ ถึงคุณแม่จะบอกว่าให้เพื่อนมาหาได้ แต่ยูก็เกรงใจคุณยายอยู่ดี
ท่านชอบความสงบน่ะ”

“ไม่เป็นไรโดอยู่ อยากไปไหนบอกนะครับ แต่ที่แออัดคนพลุกพล่านไปไม่ได้นะบอกไว้ก่อน”

“อื้อ รู้น่าหมาอ้วน”
ยูฟ่าพูดแล้วบึนปากใส่แม้ว่าจะใส่แมสไว้ ยูโดอดที่จะมันเขี้ยวไม่ได้จึงดึงจมูกไปสองที

“คุณแม่ไปไหนล่ะยู ตั้งแต่มายังไม่เห็นเลย”
ยูโดหันมองรอบๆ ห้องนั่งเล่น ที่มีนั่งกันอยู่แค่สองคน

“เข้าครัวน่ะ ไปจัดการเรื่องอาหารให้ยู นี่ถ้าทำเสร็จก็ต้องรีบไปกินเลยนะ
คุณแม่บอกว่าต้องกินอาหารที่ปรุงสุกและไม่ปล่อยไว้เกินสองชั่วโมง ท่านกลัวยูจะมีโรคแทรก”

“ก็ท่านเป็นห่วงยูนี่นา อีกสี่วันก็ต้องไปหาลุงหมอ ทีนี้ต้องนอนอีกกี่วันล่ะ”

“ถ้าเกล็ดเลือดไม่ต่ำมากแล้วค่าของเม็ดเลือดขาวอยู่ในเกณฑ์ก็นอนแป๊บเดียว โดเบื่อเหรอที่ต้องไปเฝ้า”

“ไม่ๆ เป็นห่วงยู รับยาทีไรกว่าร่างการจะเข้ากันได้กับยาเห็นทั้งอ่อนเพลียทั้งปวด บวม
สงสารจนอยากจะเป็นซะเอง ทำไมต้องมาเป็นกับยูที่ตัวเล็กๆ บางๆ แบบนี้ด้วย โดไม่น่าเกิดมา
แย่งยีนดีๆ ของยูเลย เฮ้อ…”

ยูโดพูดจบก็ถอนหายใจเฮือก

“ไม่เอาอย่าพูดแบบนี้ เราต้องรอไปเกิดใหม่อีกชาติถึงจะได้เจอกันสิ จะเอาอย่างงั้นเหรอ”

“ไม่เอา ไม่ขี้ใจน้อยนะ แค่โดไม่อยากให้ยูต้องมาเจ็บตัวหรือเป็นอะไรแค่นั้นเอง”

“เจ็บไม่นานเดี๋ยวก็จะหายแล้วไง อย่าเป็นแบบนี้สิโด ยูฟังแล้วจิตตก” ยูฟ่าทำทีเป็นขู่

“ครับ ไม่พูดแล้ว ไปหาคุณแม่กัน นี่ใกล้เวลาอาหารแล้วมั้ง” พี่น้องจูงมือกันออกไป

“อ้าว! โด มานานแล้วเหรอลูก ทานข้าวกันแม่กำลังจะไปตาม” มารดาละมือจากจัดอาหารขึ้นโต๊ะ

“ถึงสักพักแล้วครับ” ยูโดเลื่อนเก้าอี้ให้ยูฟ่านั่ง และหันไปสวัสดีคุณยาย

 “ยูโดมาก็ดี เจ้ายูจะได้ไม่เหงา นี่อีกไม่กี่วันก็จะต้องไปนอนโรงพยาบาลอีกรอบแล้ว”

คุณยายชวนคุยระหว่างรอสาวใช้ตักข้าว


ตลอดมื้ออาหารยูโดคอยตักอาหารที่มารดาทำเฉพาะให้ยูฟ่า เจ้าตัวมองอาหารอย่างอื่นบนโต๊ะ
และหน้ามุ่ย ของยูฟ่าออกจะเป็นประเภทต้มๆ แล้วก็จืดๆ ยูโดเห็นใจจึงเลี่ยงที่จะกินอาหารพวกนั้น
 แล้วหันมากินแบบเดียวกับยูฟ่าแทน

“กับข้าวของยูอร่อยดีนะครับ คราวหน้าคุณแม่ทำเพิ่มให้โดด้วยนะครับ จะได้ไม่ต้องแย่งของยู”

“ได้สิลูก เห็นมั้ยแม่ทำสุดฝีมือเลยนะ”

คุณแม่พูดเบาๆ เมื่อคุณยายหันมามอง พวกเขาลืมตัวคุยกันในโต๊ะอาหารจนได้
ยูฟ่ายิ้มทะเล้นให้เมื่อเห็นน้องชายนั่งกินข้าวอย่างสงบปากสงบคำ ยูโดลืมไปว่าที่นี่จะคุยหลังมื้ออาหารเท่านั้น


 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด