พิมพ์หน้านี้ - incest : บาปร้ายในบ่วงรัก ตอนที่ 33

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Boy's love => Boy's love story => ข้อความที่เริ่มโดย: เส้นขอบฟ้า ที่ 22-05-2019 19:37:59

หัวข้อ: incest : บาปร้ายในบ่วงรัก ตอนที่ 33
เริ่มหัวข้อโดย: เส้นขอบฟ้า ที่ 22-05-2019 19:37:59
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ


ติดตามกฏเพิ่มเติมที่กระทู้นี้บ่อยๆ เมื่อมีการแก้ไขกฏจะแก้ไขที่กระทู้นี้นะครับ
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0

ประกาศทั่วไปติดตามอัพเดทกันที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.0

ประกาศ กฎที่อื่นมีไว้แหก แต่ห้ามมาแหกที่นี่

1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด
การสนใจและชื่นชอบนิยายและเรื่องเล่าของคนในเรื่องควรมีขอบเขตที่จะไม่สร้างความเดือดร้อนให้เจ้าของเรื่อง เช่นเดียวกับเป็ดที่ตอนนี้ถูกรังควานตามหาตัวจากคนด้านต่างๆ จนตัดสินใจไม่เล่าเรื่องต่อ.........เนื่องจากบางเรื่องเป็นเรื่องเล่า.....................บางคนไม่ได้เปิดเผยตัวตน  เขาพอใจจะมีความสุขในที่เล็กๆแห่งนี้โดยไม่ได้ตั้งใจให้คนภายนอกได้รับรู้เรื่องราวแล้วนำไปพูดต่อ   เพราะปฎิเสธไม่ได้ว่าสังคมไม่ได้ยอมรับพวกเราสักเท่าไหร่

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท,
หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง
หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์
และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด
การกระทำเช่นนั้นอาจทำให้คุณแบนทันที และถาวร . หมายเลข IP ของทุกโพสต์จะถูกบันทึกเพื่อใช้เป็นหลักฐาน
ในความเป็นจริงเป็นไปได้ยากมากที่จะให้แต่ละคนมีความคิดเห็นตรงกันทั้งหมด   คนเรามากมายต่างความคิดต่างความเห็น เติบโตมาภายใต้ภาวะแวดล้อมต่างกันการแสดงความคิดเห็นที่แตกต่าง   จึงควรทำเพื่อให้เกิดความเข้าใจกัน แบ่งปันประสบการณ์และมิตรภาพเพื่ออาจเป็นประโยชน์ในการใช้ชีวิต  และไม่ว่าจะอย่างไรก็ควรเคารพในความคิดเห็นที่แตกต่างของบุคคลอื่นช่วยกันสร้างให้บอร์ดนี้มีแต่ความรักนะครับ   

เรื่องบางเรื่องอาจจะเป็นทั้งเรื่องแต่งหรือเรื่องเล่าใดๆก็ขอให้ระลึกเสมอว่า  อ่านเพื่อความบันเทิงและเก็บประสบการณ์ชีวิตที่คุณไม่ต้องไปเจอความเจ็บปวดเล่านั้นเองเพื่อเป็นข้อเตือนใจ สอนใจในการตัดสินใจใช้ชีวิต   จึงไม่ต้องพยายามสืบหาว่าเรื่องจริงหรือเรื่องแต่งส่วนการพูดคุยนั้น   ก็ประมาณอย่าทำให้กระทุ้กลายพันธุ์ห้ามเอาเรื่องส่วนตัวมาปรึกษาพูดคุยกันโดยที่ไม่เกี่ยวพันกับเรื่องในกระทู้นิยาย  ถ้าจะวิจารณ์หรือแสดงความคิดเห็นทุกคนมีสิทธิแต่ขอให้ไปตั้งกระทู้ที่บอร์ดอื่นที่ไม่ใช่ที่นี่นะครับ

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อเจ้าของเรื่องเท่าที่จะทำได้หรือแจ้งมายังบอร์ดนี้ก่อนนะครับ  เนื่องจากเจ้าของเรื่องบางครั้งไม่ต้องการให้คนที่ไม่ได้ชื่นชอบนิยายชายรักชายเข้ามารับรู้  ลิขสิทธิ์ทั้งหมดเป็นของเจ้าของคนที่ทำขึ้นและเวปแห่งนี้นะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอมให้ส่งหรือติดต่อกันทางพีเอ็มจะปลอดภัยกว่าแล้วเมื่อมีการติดต่อสื่อสารกันให้พึงระวังถึงความปลอดภัย ความไม่น่าไว้ใจของผุ้คนทุกคนแม้จะมีชื่อเสียงในบอร์ดเป็นเรื่องส่วนตัวของแต่ละคนไป เพื่อลดความขัดแย้งภายในเล้า จึงไม่สนับสนุนให้มีการจีบกันในบอร์ดนะครับ

5.ห้ามจั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียวให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตาม
เพราะแม้จะเป็นเรื่องที่เขียนจากเรื่องจริง เมื่อนำมาพิมพ์เป็นเรื่องผ่านตัวอักษร ย่อมเลี่ยงไม่ได้ที่จะมีการเพิ่มเติมเพื่อให้เกิดสีสันในเนื้อเรื่อง ทางเล้าถือว่านั่นคือการเพิ่มเติมเนื้อเรื่อง จึงไม่อนุญาตให้จั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” แต่สามารถแจ้งว่าเป็น “นิยายที่อ้างอิงมาจากชีวิตจริง” ได้  มีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

6.การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insearch qoute  ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ

8.Administrator และ moderator ของ forum นี้ มีสิทธิ์อ่าน, ลบ หรือแก้ไขทุกข้อความ. และ administrator, moderator หรือ webmaster ไม่สามารถรับผิดชอบต่อข้อความที่คุณได้แสดงความคิดเห็น (ยกเว้นว่าพวกเขาจะเป็นผู้โพสต์เอง).

9.คุณยินยอมให้ข้อมูลทุกอย่างของคุณถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูล. ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกเปิดเผยต่อผู้อื่นโดยไม่ได้รับการยินยอมจากคุณ .Webmaster, administrator และ moderator ไม่สามารถรับผิดชอบต่อการถูกเจาะข้อมูล แล้วนำไปสร้างความเดือดร้อนต่างๆ

10.ห้ามลงประกาศลิงค์โปรโมทเวป  โฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ลงได้เฉพาะในห้องซื้อขาย ในเมื่อแนะนำเวปอื่นที่บอร์ดเรา ก็ช่วยแนะนำบอร์ดเราโดยลงลิงค์บอร์ดเรา เวป http://www.thaiboyslove.com  ในบอร์ดที่ท่านแนะนำมาให้เราด้วย  เมื่อจำเป็นต้องแนะนำลิงค์ให้ส่งลิงค์กันทาง personal message หรือพีเอ็มแทนนะครับจะสะดวกกว่า ส่วนในกรณีอยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนๆได้อ่านจริงๆนั้นพยายามลงให้ห้องซื้อขายซะ หรือถ้าม๊อดเดอเรเตอร์จะพิจารณาเป็นกรณีๆไป ถ้ารู้สึกว่าไม่ได้โปรโมทเวป แต่อยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนด้วยใจจริงจะให้กระทู้นั้นคงอยู่ต่อไป

11.บอร์ดนิยายที่โพสจนจบแล้วมีไว้สำหรับนิยายที่โพสในบอร์ด boy's love จนจบแล้วเท่านั้น จึงจะถูกย้ายมาเก็บไว้ที่นี่ หาอ่านนิยายที่จบแล้ว หรือคนเขียนไม่ได้เขียนต่อ แต่โดยนัยแล้วถือว่าพล็อตเรื่องโดยรวมสมควรแก่การจบแล้ว หากนักเขียนท่านใดได้พิมพ์เล่มกับสำนักพิมพ์ ต้องการลบเรือ่งบางส่วนออก โดยเฉพาะไคลแม๊ก หรือตอนจบที่สำคัญ ให้แจ้ง moderator ย้ายนิยายของท่านสู่ห้องนิยายไม่จบ เพื่อที่หากระยะเวลาเกินหกเดือนแล้ว เราจะได้ทำการลบทิ้ง หรือท่านจะลบนิยายดังกล่าวทิ้งเสียก็ได้ เนื่องจากบอร์ดนี้เก็บเฉพาะนิยายที่จบแล้ว

บอร์ดนิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบไว้สำหรับ
นิยายที่คนเขียนไม่ได้มาต่อนาน หายไปโดยไม่มีเหตุผลสมควร ไม่ได้แจ้งไว้หรือแจ้งแล้วก็ไม่มาต่อ 3 เดือน จะย้ายมาเก็บในนี้เมื่อครบหกเดือนจะทำการลบทิ้ง ส่วนเรื่องไหนที่จะต่อก็ต่อในนี้จนกว่าจะจบ แล้วถึงจะทำการย้ายไปสู่บอร์ดนิยายจบแล้วต่อไป

12.ห้ามนำเรื่องพิพาทต่างๆมาเคลียร์กันในบอร์ด

13.ผู้โพสนิยาย และเขียนนิยายกรุณาโพสให้จบ ตรวจสอบคำผิดก่อนนำมาลงด้วยครับ

14.ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน  ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ

15. การนำรูปภาพ บทความ ฯลฯ มาลงในเวปบอร์ด  ควรจะให้เครดิตกับ...
(1) ผู้ที่เป็นต้นตอเจ้าของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ
(2) เวปไซต์ต้นตอที่อ้างอิงถึง
....ในกรณีที่เป็นบทความที่ถูกอ้างอิงต่อมาจากเวปไซต์อื่นๆ
- ถ้ามีแหล่งต้นตอของเจ้าของบทความ  ให้โพสชื่อเจ้าของต้นตอของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ  พร้อมทั้งเวปไซต์ที่อ้างอิง
  (กรณีนี้จะโพสอ้างอิงชื่อผู้โพสหรือเวปไซต์ที่เรานำมาหรือไม่ก็ได้ แต่ควรมั่นใจว่าชื่อต้นตอของที่มาถูกต้อง)
- ถ้าไม่สามารถหาชื่อต้นตอของรูปภาพหรือเวปไซต์ที่นำมาได้ ควรอ้างอิงชื่อผู้โพสและเวปไซต์จากแหล่งที่เรานำมาเสมอ
- ควรขออนุญาติเจ้าของภาพหรือเจ้าของบทความก่อนนำมาโพสค่ะ(ถ้าเป็นไปได้) ยกเว้นพวกเวปไซต์สาธารณะ เช่น  หนังสือพิมพ์ออนไลน์ ฯลฯ ที่เปิดให้คนทั่วไปได้อ่านเป็นสาธารณะ ก็นำมาโพสได้ แต่ให้อ้างอิงเจ้าของชื่อและแหล่งที่มาค่ะ
- ไม่ควรดัดแปลงหรือแก้ไขเครดิตที่ติดมากับรูปหรือบทความก่อนนำมาโพส
- ถ้าเป็น FW mail  ก็บอกไปเลยว่าเอามาจาก FW mail

16.นิยายเรื่องไหนที่คิดว่าเมื่อมีการรวมเล่มขายแล้วจะลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออก กรุณาอย่าเอามาลงที่นี่ หรือสำหรับผู้ที่ขอนิยายจากนักเขียนอื่นมาลง ต้องมั่นใจว่าเรื่องนั้นจะไม่มีการลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออกเมื่อมีการรวมเล่มขาย อนึ่ง เล้าไม่ได้ห้ามให้มีการรวมเล่มแต่อย่างใด สามารถรวมเล่มขายกันได้ แต่อยากให้เคารพกฎของเล้าด้วย เล้าเปิดโอกาสให้ทุกคน จะทำมาหากิน หรืออะไรก็ตามแต่ขอความร่วมมือด้วย เผื่อที่ทุกคนจะได้อยู่อย่างมีความสุข

17.ห้ามแจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน  ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง  นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฏการซื้อขายของเล้่าก่อน ด้วยนะคะ)
ว่าด้วยเรื่องการจะรวมเล่มนิยายขายในเล้า จะต้องมี ID ซื้อขายก่อน ถึงจะสามารถประกาศ ..แจ้งข่าว.. ที่บนหัวกระทู้ของนิยายได้ ในกรณีที่ รวมเล่มกับ สนพ. ที่มี  ID ซื้อขายของเล้าแล้ว นักเขียนก็สามารถใช้ หมายเลข  ID ของ สนพ. ลงแจ้งในหน้าที่มีเนื้อหารายละเอียดการสั่งจองนิยายได้

18.ใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดเรื่องสั้น ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที  ส่วนเรื่องสั้นที่จบแล้วให้แก้ไขโพสแรก และต่อท้ายว่าจบแล้วจะได้ไม่ถูกลบทิ้งและจะเก็บไว้ที่บอร์ดเรื่องสั้นไม่ย้ายไปไหน   เช่นเดียวกับนิยายทุกเรื่องเมื่อจบให้แก้ไขโพสแรก และต่อท้ายว่าจบแล้ว จะได้ย้ายเข้าสู่บอร์ดนิยายจบแล้ว ไม่เช่นนั้นม๊อดอาจเข้าใจว่าไม่มาต่อนิยายนานเกินจะโดนลบทิ้งครับ

เอาข้อสำคัญก่อนนะครับเด่วอื่นๆจะทำมาเพิ่มครับเอิ้กๆหุหุ
admin
thaiboyslove.com.......................................                                                           

วันที่ 3 ธ.ค. 2551วันที่ 16 ก.ย. 2554 ได้เพิ่มกฏ ข้อที่ 7
วันที่ 21 ต.ค.2556 ได้ปรับปรุงกฏทั้งหมดเพื่อให้แก้ไข และติดตามได้ง่าย
วันที่ 11 พ.ย. 2557 เพิ่มเติมการลงเรื่องสั้นและการแจ้งว่านิยายจบแล้ว
วันที่ 4 ธ.ค. 2557 เพิ่มบอร์ดเรื่องสั้นจึงปรับปรุงกฏข้อ 18 เกี่ยวกับเรื่องสั้น และ เพิ่มเติมส่วนขยายของกฏข้อ 17



เวปไซต์แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่างประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม


***************************************************
 
ผลงานที่ผ่านมา
 ภูรักฟ้า  (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=69042.msg3916463#msg3916463)
 ข้ามฟ้ามาสู่ดิน  (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=69771.0)

 
    คำโปรย

ความรักเป็นสิ่งเย้ายวนชวนให้ลิ้มลอง หากใครลองได้รักก็สุดจะหักห้ามใจ

รู้ว่ารักนี้ผิดบาปก็ยังจะรัก ความรักที่คละเคล้าไปกับคราบน้ำตา

อุปสรรคทุกก้าวที่เท้าย่ำเดิน ปลายทางแห่งรักจะมีแสงสว่างหรือไม่

อยู่ที่คนสองคนเท่านั้นจะบอกได้



 
      ยูฟ่า

พี่ชายฝาแฝดที่มีดวงตาสวยแต่แฝงไว้ด้วยความเศร้า เขาไม่รู้เลย

ว่าเกิดอะไรขึ้นกับความเป็นพี่น้องของพวกเขา น้องชายที่เคยดีต่อกัน

คอยดูแลและปกป้อง...หายไปไหน นานมากแล้วที่ไม่ได้พูดกัน

แม้ว่าจะอยู่ภายใต้หลังคาเดียวกัน

‘กลับมาเป็นเหมือนเดิมได้ไหม’

‘ยูทำอะไรให้โดไม่ชอบ ไม่พอใจบอกกันสิ ยูจะเปลี่ยน’

‘เกลียดยูแล้วเหรอ’

‘ทำไมล่ะ’



   ยูโด

แฝดน้องที่มีร่างกายสูงใหญ่เกินกว่าแฝดพี่ ผิวสีเข้มกว่า ดวงตาคมดุ

เขารู้ว่าความเป็นพี่น้องของเรามันไม่เหมือนเดิม

'รอยยิ้มนั้น…ไม่อยากให้ใครได้เห็น'
 
‘กลิ่นกายนั้นอยากจะเก็บไว้แค่เพียงคนเดียว’

‘ร่างกายนั้นทำไมต้องหวง ทำไมกัน’

ใช่ผิดที่เขาเองทั้งหมด

‘อย่าเข้าใกล้ อย่าพูดกัน’

ต้องเกลียด…ทางเดียวที่จะไม่ทำให้แปดเปื้อน

ความผิดบาปใด ไม่ควรที่จะเกิด

‘ขอโทษนะยู’


   *** สารบัญ ***

 ตอนที่ 1 เดิมพันรัก (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=70358.msg3976259#msg3976259)
 ตอนที่ 2 หน้าที่กับหัวใจ (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=70358.msg3976464#msg3976464)
 ตอนที่ 3 ดูแล (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=70358.msg3976622#msg3976622)
 ตอนที่ 4 พรากจาก (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=70358.msg3977364#msg3977364)
 ตอนที่ 5 ฟีนิกซ์ ~ ธาวิน (ห่วงใย) (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=70358.msg3977365#msg3977365)
 ตอนที่ 6 รออย่างมีหวัง  (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=70358.msg3977686#msg3977686)
 ตอนที่ 7 ผองเพื่อน (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=70358.msg3978508#msg3978508)
 ตอนที่ 8 สัญญาณเตือน  (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=70358.msg3978517#msg3978517)
 ตอนที่ 9 เวลาที่รอคอย (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=70358.msg3978846#msg3978846)
 ตอนที่ 10 กลับมายืนข้างกัน (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=70358.msg3982733#msg3982733)
 ตอนที่ 11 ไม่เหงาอีกต่อไป (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=70358.msg3983373#msg3983373)
 ตอนที่ 12 งานของยูฟ่า (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=70358.msg3984515#msg3984515)
 ตอนที่ 13 ดูแลคนของใจ (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=70358.msg3984528#msg3984528)
 ตอนที่ 14 เรื่องรัก เรื่องลับ (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=70358.msg3984869#msg3984869)
 ตอนที่ 15 มุมของพ่อ
 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=70358.msg3985573#msg3985573)  ตอนที่ 16 กำลังใจ  (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=70358.msg3985578#msg3985578)
 ตอนที่ 17 ยาใจ  (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=70358.msg3985588#msg3985588)

 
         *** ทักทายกันหน่อย ***

สวัสดีค่ะทุกคน ลืมกันไปหรือยัง วันนี้มาเปิดเรื่องใหม่ให้นะคะ

เรื่องนี้เป็นแนว incest ของคู่แฝด หากใครรับไม่ได้ก็ขออภัย

มันเป็นเพียงจินตนาการของผู้เขียนเท่านั้น อาจจะไม่สมเหตุสมผล

หน่วงจิตบ้าง ถ้าใครเคยอ่านงานเขียนของเราจะรู้ว่า กลิ่นอายยังคงเดิม

มีฉากฟินๆ ให้ด้วยนะ อย่าเพิ่งถอดใจกันน๊า

ทุกคอมเม้นมีผลต่อใจจริงๆ รักคนอ่านทุกคน
                                                                   
                              เส้นขอบฟ้า


หัวข้อ: ตอนที่ 1 เดิมพันรัก
เริ่มหัวข้อโดย: เส้นขอบฟ้า ที่ 22-05-2019 20:12:40
ตอนที่ 1 เดิมพันรัก

บรรยากาศในสนามประลองความเร็วผู้คนคลาคล่ำกว่าทุกคืน
เสียงเพลงในจังหวะมันๆ ปลุกเร้าให้เกมการแข่งขันที่จะเริ่มขึ้น
ในอีกไม่กี่นาทีข้างหน้ามีสีสันมากขึ้น

เด็กหนุ่มผู้มีดวงตาประดุจนกอินทรี ภายใต้คิ้วหนาดกดำ
สันจมูกคมรับกับริมฝีปากหยักสวย เขาอัดบุหรี่หนักๆ
ก่อนจะพ่นควันพิษออกไปเป็นสาย ปล่อยให้ลอยคว้างบนชั้นบรรยากาศและเลือนหายไป

เขารู้ว่ามันเป็นของต้องห้ามมีแต่โทษทัณฑ์แต่ในยามที่จิตใจว้าวุ่นแบบนี้เขาก็เลือกที่จะหา
มันมาดับความขุ่นมัวของอารมณ์ ซึ่งมันก็ไม่ได้ช่วยให้เขาสงบลงได้เลย

“โดไหวเหรอ นานแล้วนะที่ไม่ได้ลงสนาม มือตีนจะยังคงเดิมเหรอหาวิธีอื่นเถอะวะ?”

หนุ่มน้อยผอมบางพยายามโน้มน้าวให้เพื่อนเปลี่ยนใจ และถอนตัวออกจากเกมนี้
เขามองคู่สนทนาที่ดูไม่มีสมาธิเอาเสียเลย

“หนม มึงจะให้กูนั่งดูพี่ชายหน้าโง่ต้องตกเป็นของเดิมพันเหรอวะ
ให้ไอ้วินกับพวกลากไปต่อหน้าต่อตาเนี่ยนะ มันพี่กูนะเว้ย
ถึงกูจะเกลียดมันมากก็เถอะ?”

ยูโดพูดพร้อมเหยียดริมฝีปากจนแทบจะเป็นเส้นตรง
ใบหน้าหล่อเข้มดูดุดันขึ้นมาในทันที ขนมมองเพื่อนที่สูงกินมาตรฐานชายไทยไปมาก

“กูไม่ได้ให้มึงอยู่เฉยๆ นี่หว่า แค่ให้เปลี่ยนวีธี  นู้น!
 ไอ้โชกับไอ้หนิกมากันแล้ว มึงอยู่นี่ก่อนนะ”

 ขนมโบกมือให้สองหนุ่มที่หุ่นราวกับนายแบบ ยูโดมองเพื่อนทั้งสามที่ยืนคุยกันห่างๆ
 พักใหญ่ๆ ต่างก็พร้อมใจกันเดินเข้ามา

“โดที่หนมมันเตือนก็เพราะห่วงมึงนะเว้ย อีกอย่างพลาดมาจะทำยังไง
 มึงร้างสนามมานานเต็มที คิดใหม่มั้ย”

ฟีนิกซ์หนุ่มหล่อลำตัวหนาพอๆ กับเพื่อนร่วมก๊วนทักท้วงขึ้นมาอีกเสียง

“มึงอีกคนแล้วสิที่มาเพื่อหยุดกูไอ้หนิก”

 ยูโดเริ่มไม่พอใจหนักขึ้น ฟีนิกซ์ยักไหล่อย่างจำยอม
ไม่มีใครหยุดมันได้ลองว่ามันได้ตัดสินใจแล้วอย่างนี้

“ก็ไม่ยังไงตามแต่มึงเลยแล้วกันไอ้โด!
 ที่เตือนเพราะพวกกูสามคนเป็นเพื่อนมึง!”

เมื่อเห็นว่าการขัดขวางครั้งนี้ไม่เป็นผล  สามหนุ่มจึงทยอยเข้าไปตบบ่า
ให้กำลังใจคนละป้าบเป็นการส่งท้าย

“เอ้า! คันนี้ลูกรักกูเลยนะมึง เครื่องมันแรง ระวังมากๆ
 ก็แล้วกันเพื่อพี่ชายที่คุณ…มึงบอกว่าเกลียดนักเกลียดหนา
ไม่ว่าจะอะไรก็ตามพวกกูขอให้มึงได้ชัยชนะในครั้งนี้แล้วกัน”

โชกุนยัดกุญแจรถใส่มือยูโด แววตามีความมุงหวังอย่างที่เพื่อนอวยพร

เขาก็หวังว่างานนี้จะสำเร็จด้วยดี



“ไอ้วินมันยังไม่มาอีกเหรอ ป่านนี้แล้ว จะลงสนามอีกไม่กี่นาที
 กูยังไม่ได้ยลโฉมของรางวัลของกูเลย แม่งจะตุกติกหรือเปล่าวะ”

เตชินท์ออกจะหัวเสียไม่ใช่น้อย ถึงขนาดยืดคอทุกห้านาที
แต่ไร้เงาของร่างระหงที่เขาอยากจะครอบครองเป็นเจ้าของ
นับแต่นาทีแรกที่พบกัน กวินพามาแนะนำให้ได้รู้จักเมื่อครั้งก่อน

แฟนเพื่อนก็จริงแต่ในเมื่อเงินที่ให้หยิบยืมไปมันดันหามาคืนให้ไม่ได้
หากคิดจะล้างหนี้กัน มันก็ต้องมีการแลกเปลี่ยนกันหน่อย ถึงจะสมน้ำสมเนื้อ

“ใจเย็นน่ะชินตะกี้มันโทรมา นู้นไง! โหเด็ดนี่หว่า
โคตรจะน่ารักเลยแบ่งบ้างนะมึง”

วรภพคู่หูของเตชินท์ที่ชอบความเร็วเหมือนกันและรสนิยมก็ไม่ต่างกัน
ทำท่ากะลิ้มกะเหลี่ยจนออกนอกหน้า

ท่าที่เจ้าตัวถูไม้ถูมือก็ ทำให้เตชินท์หัวคิ้วกระตุกได้ไม่ยาก
คนนี้เขายังไม่ได้เลยและดูเหมือนกวินเองก็ยังไม่ได้แอ้ม
เหมือนกัน เพื่อนกันน่ะแบ่งได้แต่ต้องหลังจากที่เขาเบื่อแล้ว

เตชินท์มองตามที่วรภพบุ้ยใบ้มา สองหนุ่มหน้าตาดีที่มุ่งหน้ามาทางนี้
คนนึงผอมสูงหน้าตาออกไปทางเกาหลีหน่อย เวลาเดินไปไหนมาไหน
เรียกสายตาบรรดาสาวๆ หนุ่มๆ ให้หันมองตามได้ไม่ยาก

แต่อีกคนที่เป็นเป้าหมายของเขาในค่ำคืนนี้นั้นที่ดูน่าสนใจกว่าด้วยเรือนร่าง
ผอมบาง ขาวใส เส้นผมสีอ่อนที่ยาวเคลียๆ ไหล่

พอเดินเข้ามาใกล้ทำให้เห็นแก้มที่อิ่มเต็ม
ดวงตาคมสวยแต่ออกจะเศร้าๆ จมูกโด่งและริมฝีปากบางเฉียบสีพีชทำให้
อยากจะประทับริมฝีปากลงไปทาบทับ เพื่อลิ้มชิมรสว่าจะนุ่มสักแค่ไหน

เสื้อคอเต่าสีขาวกับกางเกงยีนขาดๆ แนบเนื้อนั่นอีกทำให้ร่างที่มาหยุด
ตรงหน้าดูบอบบางน่ารักน่าอุ้มอีก

“สบายดีนะ ยู”

เตชินท์เอ่ยทักแฟนเพื่อน ดั่งคนที่รู้จักคุ้นเคยกันเป็นอย่างดี

“อื้ม…นี่จะลงสนามรึยังล่ะ”

ยูฟ่ายิ้มอ่อนให้เพื่อนของแฟน วันนี้กวินใจดีพามาดูแข่งรถ
ซึ่งปกติไม่เคยจะยอมให้มาด้วย

“ใกล้แล้วล่ะ เอ่อ! วินแล้วฝั่งนู้นรู้มั้ยเป็นใคร?”

 เตชินท์ถามถึงคู่แข่งในค่ำนี้

“ไม่รู้ว่ะไม่ว่าจะเป็นใครชัยชนะก็ไม่พ้นเป็นของมึงอยู่ดี
 อย่าไปสนเลยยูไปหาที่นั่งกันก่อนเถอะวินเมื่อยแล้ว”

กวินหันไปชวนแฟนตัวเล็กเพื่อไปหาที่นั่ง

“โชคดีนะชิน คว้าชัยชนะมาให้ได้เอาใจช่วยนะ”

คนตัวเล็กโบกมือให้เตชินท์และวรภพที่ขยับจะลงสนาม
สองหนุ่มยิ้มรับคำอวยพรแล้วสบตากันอย่างมีเลศนัย
ทั้งสองพากันเดินลงไปยังสนาม เมื่อได้ยินประกาศเรียก



ข้างฝ่ายยูโด ยืนทำสมาธินิ่งๆ อยู่พักหนึ่งก่อนที่จะรับหมวกนิรภัยจากโชกุนมาถือไว้

“ไปนะพวกมึง…ไม่ว่าผลคืนนี้จะออกมายังไง มึงต้องพายูฟ่ากลับบ้านให้ได้ ฝากด้วย”

ทั้งสามพยักหน้ารับพร้อมกัน  ยูโดในชุดแข่งรถสีเงินแถบดำพาดข้างลำตัวเดินลงสนาม
ตรงไปที่รถคันสีขาวแถบแดงที่โชกุนเป็นเจ้าของ คันนี้เขาเคยลองกันมาแล้ว
พอจะคุ้นเคยกับมันพอควร

“กูชักใจไม่ดีเลยว่ะ…แม่งเอ้ย!”

ฟีนิกซ์เตะเท้าในอากาศอย่างพลุ่งพล่าน ความเป็นห่วงเพื่อนท่วมท้น
แต่เขาหยุดมันไม่ได้แล้ว

“ทำไงได้ล่ะ ปากมันบอกว่าเกลียดๆ ดูมันทำสิ โคตรจะย้อนแย้งเลย”

ขนมส่ายหน้าด้วยจนปัญญาเหมือนกัน

“เราไปเฝ้าตัวปัญหากัน ไม่ชอบมาพากลจะได้ลากตัวมันออกทัน”

โชกุนพูดแล้วจับแก้มขนมยืดด้วยความมันเขี้ยว เวลาไม่ได้ดั่งใจ
มักจะเผลอทำแก้มป่องอมลม

“โอ้ย! ดึงทำไมนัก แก้มนะไม่ใช่หนังสติ๊ก…ห่านี่”

เพื่อนตัวเล็กแก้มใสไล่ถีบโชกุนทั้งที่ขาก็สั้นอย่างนั้น

นี่แหละความน่ารักประจำกลุ่มของพวกเขา



ยูฟ่านั่งหน้ายุ่ง ด้วยรู้สึกว่าด้านหลังของเขาจะมีกำแพงหนา ของพวกผู้ติดตาม
ที่ไม่เคยแตกแถวกันเลย แต่คราวนี้กลับต่างออกไป

ยูฟ่าหันขวับไปด้านหลัง ด้วยรู้สึกว่าตนถูกจ้องมอง จะขยับทำอะไรหางตา
ก็เหลือบไปเห็นพวกนี้ขยับตาม ทำอย่างกับว่าเขาเป็นนักโทษอย่างนั้น
ขนมเพื่อนตัวเล็กสุดของน้องชายส่งสัญญาณไม่ให้ทัก

ยูฟ่าแค่อยากรู้ว่าสามหนุ่มพากันมาดูแข่งรถอยู่ที่นี่
แล้วน้องชายตัวแสบของเขามันหายไปไหน

ยูฟ่าเลิกใส่ใจเมื่อเห็นรถเกือบ
สิบคันเคลื่อนไปยังจุดสตาร์ท สัญญาณปล่อยตัวเริ่มขึ้น

ยูฟ่ารู้สึกเหมือนตื่นเต้นเร้าใจอย่างกับได้ไปเล่นเครื่องเล่นผาดโผน
ในสวนสนุกครั้งแรกอย่างนั้น การได้เห็นเองกับตาในสนามจริง
กับการดูผ่านจอมันให้อารมณ์ต่างกันอย่างสิ้นเชิง

เสียงเครื่องยนต์ดังกระหึ่มสะท้อนเข้ามาในอก เร่งให้อะดรีนาลีน
ในสมองหลั่งออกมา จนนั่งนิ่งไม่ได้
ชะเง้อคอตามเมื่อช่วงโค้งของถนนทำให้พลาดการมองเห็น

“เตชินท์คันสีดำคาดขาวนะยู ช่วยลุ้นมันที”

กวินหันมาบอก ยูฟ่ามองตามมือกวินที่ชี้บอก ตอนนี้ผ่านไปแล้วหนึ่งรอบสนาม
รถทุกคันยังเกาะกลุ่มกันอยู่แต่ลีลาของเตชินท์ก็เหลือร้าย คันอื่นๆ ยังมองไม่ออก
ว่าจะเป็นอย่างไร อาจจะมีม้ามืดก็เป็นได้เขาคิด

“เตชินท์ก็ดูไม่เบาเลยนะวิน เคยเป็นแชมป์มาก่อนไม่ใช่เหรอ
 คงจะชนะแหละมือชั้นนั้นแล้ว”

ยูฟ่าพูด ดวงตาไม่ได้ละไปจากสนามเลย


“อีกสี่รอบจะเกมแล้ว ไอ้ชินมันเหมือนจะชนะ
แต่ไอ้คันสีขาวแถบแดงมันก็ไม่เบาเลยจริงๆ ว่ามั้ยยู”

สามหนุ่มเพื่อนซี้ที่เฝ้ามองการแข่งขันและลุ้นระทึกอยู่นั้น
ต่างนั่งไม่ติดที่แล้วโดยเฉพาะขนมที่ผุดลุกผุดนั่งมากกว่าเพื่อน

“โห่ไรวะ มันเล่นนอกกติกานี่หว่า หนิกไอ้โดแย่แน่ๆ มึงดูไอ้นั่นมันทำสิ
เหมือนจะชวนตีเลย ไอ้โดสู้ๆ นะโว้ย!”

ขนมตะโกนลั่นและโห่เมื่อรถที่เตชินท์ขับเบียดข้างรถของยูโดจนเป๋ไปหน่อย
แต่ก็กลับมาประคองตัวได้อย่างเดิม ทั้งคู่ดูจะสูสีกันมากจนเริ่มดูเกมออกว่า

ผู้ชนะคือหนึ่งในสองคันนั้น

‘เดี๋ยวนะ! …นี่อย่าบอกนะว่ายูโดลงแข่ง’

ยูฟ่าหันขวับไปมองขนมที่กระโดดเหยงๆ ลุ้นเพื่อน

“ไอ้หนิก ไอ้โช มึงดูไอ้เลวนั่น มันจะฆ่าไอ้โดแล้ว ดูสิ!”

ขนมเอามือปิดปากหมับเมื่อถูกเพื่อนอีกสองคนรั้งตัวให้นั่ง
ที่แล้วดวงตาที่ขนมเคยมองว่าสวยหวาน ตอนนี้กลับขุ่นข้อง
จนหมดความน่ารักไปถนัดตา

ขนมเสียวสันหลังวาบเมื่อสบตากับยูฟ่าอย่างลี่ยงไม่ทัน

“ขนม! รถคันสีขาวคาดแดงเป็นยูโดขับใช่มั้ย”

ขนมพยักหน้าเมื่อมันไม่เป็นความลับอีกต่อไป
กวินมองไปที่สนามเมื่อได้ยินบทสนทนานั้นเต็มสองหู

‘แย่แล้ว นั่นมันกระดูกขัดมันชิ้นโต งานนี้ชักจะยากแล้ว’

เตชินท์รู้สึกถึงอุปสรรคที่มารออยู่ข้างหน้า ถ้าหากรถคันนั้นเป็นแฝดนรก
ของยูฟ่าล่ะจะทำยังไง

ยูฟ่าหันขวับกลับไปมองในสนามเมื่อรู้คำตอบ ความหวาดหวั่นแล่นสู่หัวใจ
ใจสั่นระรัว ด้วยไม่คิดว่าน้องชายฝาแฝดของเขา ที่ชอบเกเรไปวันๆ
แต่ตอนยังชอบความเร็วท้าทายความตายเข้าไปอีก

‘ทำไมต้องทำอะไรเสี่ยงๆ ทำไมชอบทำให้ห่วงนักนะโด’

ยูฟ่ากระสับกระส่าย เมื่อมองเกมออกว่าเตชินท์กำลังเล่นนอกกติกา
อย่างที่ขนมพูดจริงๆ ทำเป็นขี้แพ้ชวนตียังไงยังงั้น

ฉับพลันก็เกิดเสียงชนกันดังสนั่นหวั่นไหว
เสียงและภาพเหมือนจะเข้ามากระชากหัวใจของเขาให้หลุด
จากขั้วเสียให้ได้ รถคันนั้นที่ยูโดขับหมุนคว้างอยู่หลายตลบ
ก่อนที่จะพลิกคว่ำในทันที

ยูฟ่ากระโจนไปข้างหน้าแต่ถูกมือใหญ่และเรี่ยวแรงที่
มากกว่ากระชากตัวเขาอย่างแรงจนละลิ่ว เขาถูกลากพร้อมๆ
กับบางจังหวะที่ถูกอุ้มจนเท้าไม่ติดพื้น

สติกลับมาเต็มก็ตอนที่ถูกยัดเข้าไปในรถยนต์
ยูฟ่าอ้าปากจะประท้วง แต่สีหน้าและแววตาที่ไม่เป็นมิตร
และอาการคุกคามอยู่ในที ทำให้ต้องถามออกไปเสียงเบา

“จะพาไปไหน เราจะไปหายูโด ปล่อยเรานะ”

“จะพากลับบ้าน ไม่ต้องถามอะไรทั้งนั้น”

โชกุนที่นั่งอยู่เบาะหน้าหันมาบอก น้ำเสียงคุกคาม

“แต่เราเป็นห่วงโด”

ยูฟ่าพูดม่านน้ำตาไหลรินลงมาตามร่องแก้ม อย่างห้ามไม่อยู่

“เงียบ! ที่มันเป็นแบบนี้ยังไม่รู้ตัวอีกหรือไง เป็นเพราะนาย!”

 ฟีนิกซ์ตะคอกอย่างหัวเสีย

“ไม่! เราไม่ได้ทำอะไร เรา…”

ยูฟ่าเถียงกลับ แต่ต้องปิดปากเมื่อโชกุนมองด้วยสายตาที่น่ากลัว
ยูฟ่าน้ำตานองหน้ามาตลอดทางกลับบ้าน พวกนี้กำลังตั้งแง่กับเขา

โกรธเกลียดกันมาเป็นชาติหรือไง

“ไอ้โดมันสั่ง ให้พานายกลับบ้าน มันขอแค่นั้นเราที่เป็นเพื่อนมัน
จะไม่ทำเพื่อมันหรือไง ช่วยให้ความร่วมมือด้วยและสังวรไว้ด้วย
ว่าเราไม่ได้อยากจะยุ่งกับนายเลยจริงๆ”

โชกุนเพื่อนสมัยมัธยมของยูโดที่คุ้นหน้าคุ้นตากันดีพูด คิ้วหนาขมวดยุ่ง
ดวงตาทอดมองออกไปข้างหน้า ขบฟันจนขึ้นสันนูน ส่วนฟีนิกซ์กำพวงมาลัยแน่น
นี่ก็เพื่อนเก่าอีกคนที่ตามกันไปทุกที่

ถ้าในห้องโดยสารไฟส่องสว่างกว่านี้
ยูฟ่าว่าแววตาของสองคนนี้คงไม่ต่างจากเสือร้ายแล้ว

“ไอ้โชมึงโทรหาไอ้หนมที ไอ้โดมันเป็นไงบ้าง กูเครียดเว้ย!”

ฟีนิกซ์ทุบพวงมาลัยรถดังปึกๆ เพื่อระบายอารมณ์
ยูฟ่าเห็นอย่างนั้นก็อดที่จะสะดุ้งไม่ได้

“ไอ้หนมไม่รับสายเลย กูใจไม่ดีเลยหนิก มึงขับให้มันเร็วอีกหน่อยได้มั้ยวะ
หมดธุระนี่! เราจะได้ตามไปดูมัน”

โชกุนเร่งให้คนขับเพิ่มความเร็วขึ้นอีก และทิ้งหางตาและน้ำเสียงใส่ยูฟ่า

“รู้ว่าอันตรายทำไมพวกนายไม่ห้ามล่ะ พอเกิดเรื่องแล้วพล่าน
 เป็นเพื่อนกันภาษาอะไร”

ยูฟ่าต่อว่าอย่างเหลืออดแล้วเหมือนกัน เขาเองก็ร้อนใจไม่แพ้พวกนี้
นั่นมันน้องชายของเขาเลยนะ ถึงแม้จะไม่ค่อยลงรอยกันนักก็ตาม

“หุบปาก! นายจะไปรู้อะไร ดีแต่สร้างเรื่อง ที่ไอ้โดมันลงแข่งก็เพราะนาย
 นายมันโง่! โง่อย่างที่ไอ้โดมันว่าจริง ๆ ขนาดไอ้วินพาไปสนามยังคิดว่า
มันอยากให้มาดูแข่งรถเหรอ"

"บ้าฉิบ! มันพานายไปเป็นของเดิมพัน
ใครชนะก็ได้ตัวนายไป ไอ้พี่หน้าโง่ที่ไอ้โดมันบอกว่าเกลียดๆ น่ะ
มันจะช่วยไว้ทำไมวะ โธ่โว้ย!!!”


ยูฟ่าหูอื้อเมื่อได้ยินอย่างนั้น  กวินที่ขอคบเป็นแฟนยังไม่ถึงเดือนเลยเนี่ยนะ
พาเขาไปเป็นของรางวัลในการเดิมพันครั้งนี้

‘บ้าไปแล้ว ไม่จริง นี่มันเรื่องโกหกกันชัดๆ’

“นายพูดบ้าอะไรฟีนิกซ์ กวินไม่มีทางทำอย่างนั้น เราเป็นแฟนกันนะ”

 ยูฟ่าเถียงกลับ น้ำหนักเสียงที่มารองรับขัดกับคำพูดขึ้นมาทันที
 เขาเกิดความไม่มั่นใจเมื่อคิดได้ว่าใครมันจะกุเรื่องแบบนี้
ยิ่งคนที่ไม่อยากจะสุงสิงกันด้วยยิ่งไม่มีสิ่งจูงใจให้ต้องโกหกเลย ถ้าอย่างนั้น…

“โวะ!…เลิกโง่ซะที ไอ้เตชินท์มันเป็นเจ้าหนี้ไอ้วินหลายแสน
ไอ้วินมันเสียพนันบอลแต่ได้เงินไอ้ชินไปล้างหนี้ พอไอ้ชินมันทวงเงิน
หนักเข้าไอ้วินมันก็ต้องเอานายไปแลกกับหนี้ก้อนโตนั่น"

"ค่าตัวนายก็สูงไม่ใช่ย่อยเลยนะว่ามั้ย แต่ตอนนี้เลิกบื้อ! ให้ได้ก่อน”

โชกุนพูดด้วยวาจาเสียดสีและด่าทอตามมา
ยูฟ่านิ่งงันเมื่อถ้อยคำเหล่านั้นพรั่งพรูออกมา หากโชกุนพูดมาเป็นเรื่องจริง
เขาก็สมควรที่จะถูกตราหน้าว่าโง่งมจริงๆ

ยูฟ่ารู้สึกผิดและเหมือนมีมือที่มองไม่เห็นมาบีบเค้นก้อนเนื้อหัวใจ
จนเจ็บแปลบ เขาเป็นต้นเหตุทำให้น้องเดือดร้อน และอยู่ในอันตราย

‘ทำไมต้องทำแบบนี้ ไหนว่าเกลียดกัน’

“ถึงแล้วเข้าบ้านไป อย่าออกมาเพ่นพ่าน อย่าให้ไอ้วินมันพาไปให้ไอ้ชินซะล่ะ
ภารกิจสุดท้ายที่ไอ้โดมันฝากจบแล้วนะ ไม่ต้องตามมา”

ฟีนิกซ์จอดรถที่บ้านหลังใหญ่ที่มีรั้วสูงสีขาวและบุ้ยใบ้ให้เข้าบ้าน

“เราอยากไปดูยูโด อยากรู้ว่าเป็นไงบ้าง ขอไปด้วยคนนะโช”

 ยูฟ่าเกาะแขนโชกุนที่ปัดทิ้งอย่างแรง

“เข้าบ้านซะ มีอะไรเดี๋ยวโทรบอก เบอร์พวกเรามีหรือยังของไอ้โดก็ได้”

ยูฟ่าส่ายหน้า อยู่บ้านเดียวกันหน้ายังไม่มองเลย เหมือนคนแปลกหน้าเข้าไปทุกที

“เอ้านี่! เบอร์ของเรา”

ฟีนิกซ์ส่งเศษกระดาษที่ฉีกมาจากคอนโซลยัดใส่มือให้
ยูฟ่ารับมาดูเงยหน้าจะท้วงรถก็เคลื่อนหนีออกไปก่อนแล้ว
ทิ้งไว้เพียงข้อความบนแผ่นกระดาษ


‘เลิกโง่ เลิกบื้อ ตาสว่างซะทีก่อนที่จะสายเกินไป…บื้อเอ้ย!’



หัวข้อ: Re: incest : บาปร้ายในบ่วงรัก ตอนที่ 1
เริ่มหัวข้อโดย: snowboxs ที่ 22-05-2019 20:41:53
น่าสนๆ
หัวข้อ: Re: incest : บาปร้ายในบ่วงรัก ตอนที่ 1
เริ่มหัวข้อโดย: azure ที่ 23-05-2019 01:08:12
ตามค่า
หวังว่านายเอกจะไม่อ่อนแอเกินไปนะ :hao4:
หัวข้อ: Re: incest : บาปร้ายในบ่วงรัก ตอนที่ 2 หน้าที่กับหัวใจ
เริ่มหัวข้อโดย: เส้นขอบฟ้า ที่ 23-05-2019 18:17:03
ตอนที่ 2 หน้าที่กับหัวใจ

ขนมถลันลงไปที่สนามเมื่อเห็นว่ารถของยูโดพลาดท่าถูกชน
และพลิกคว่ำต่อหน้าผู้ชมหลายพันคน แต่ไม่ทันที่ขนมจะเข้าไป
ถึงก็ถูกกันตัวออกมา มีเพียงเจ้าหน้าที่สนามกับแพทย์และผู้เกี่ยวข้อง
เท่านั้นที่สามารถเข้าไปได้

สภาพรถที่พังยับเยินขนาดต้องใช้เครื่องมือตัดถ่างเข้ามาช่วย
กว่าจะพาร่างของคนเจ็บออกมาจากตัวรถได้ก็ผ่านไปหลายนาที

ขนมเข่าอ่อนเมื่อเห็นใบหน้าของเพื่อนที่เต็มไปด้วยเลือด
ร่างนั้นไม่ไหวติง ชุดแข่งรถสีเงินที่ยูโดสวมเหมือนถูกย้อมด้วยสีแดง
แม้จะมองเห็นในระยะไกลๆ ก็ทำให้มือเท้าเย็นเฉียบ

‘ต้องโดนแรงขนาดไหนกันหมวกนิรภัยยังเอาไม่อยู่ อย่าเป็นอะไรนะมึง’

เสียงโทรศัพท์ดังกว่าสิบสาย ขนมไม่มีเรี่ยวแรงที่จะล้วงมันออกมาจากกระเป๋า
ด้วยซ้ำ รู้ว่าเพื่อนๆ เป็นห่วงมันมากแค่ไหน แต่เขาจะพูดบอกออกไปยังไง
เขาแค่เห็นไกลๆ

ขนมแทบประคองสติตัวเองไว้ไม่อยู่ด้วยซ้ำ เขาเงยหน้าและพยุงตัวให้ลุก
แต่จู่ๆ ก็มีเจ้าหน้าที่พยาบาลก็เข้ามาหา

“ตัวเล็ก คนเจ็บนั่นเพื่อนเราใช่ไหม ถ้าใช่ก็ตามไปที่โรงพยาบาลพงศดาเวชนะ”

ขนมพยักหน้า พยายามตั้งสติแล้วหมุนตัวกลับไปที่รถ เขาเดินอย่างอ่อนแรง
กว่าจะถึง เมื่อขึ้นนั่งบนรถ สตาร์ทเครื่องและฟุบหน้าลงกับพวงมาลัย

‘มึงต้องปลอดภัย มึงต้องไม่เป็นไรนะโด’
ได้แต่พร่ำภาวนาให้เพื่อนปลอดภัย
ขนมชั่งใจก่อนจะกดรับสายล่าสุดที่ดังเตือน

“เข้าใกล้มันได้ที่ไหนล่ะมึง เออ! สิ เขาให้ตามไปโรงพยาบาลพงศดาเวชนะโช
หน้าไอ้โอมีแต่เลือด …ชุดที่มันสวมมึงจำได้ป่ะ แทบจะเป็นสีแดง คิดดูเอาแล้วกัน”

ขนมเล่าเท่าที่มองเห็น

(หนมมึงค่อย ๆ ขับนะเว่ย ใจเย็น พวกกูจะรีบไป เดี๋ยวเจอกัน)

วางสายไปแล้วก็โน้มตัวลงไปพาดกับพวงมาลัยรีบรอบ ภาพที่เห็นยังติดตา
จนตอนนี้ เขาแข็งใจยืดตัวตรงและเป่าลมออกจากปาก

“ฟู่…สู้โว้ยมึง…ไอ้หนมทำได้”

ขนมเรียกพลัง ถ้าเป็นเวลาปกติเขาคงทำท่าเหล่าซุปเปอร์ฮีโร่ไปแล้ว
และรถก็ได้เคลื่อนตัวออกจากที่จอดเสียที เพราะมัวทอดอาลัยอยู่ทำให้
เสียเวลาไปหลายนาที



ขนมนั่งแกร่วรอเพื่อนๆ อยู่หน้าห้องฉุกเฉิน โรงพยาบาลเป็นสถานที่มา
ทีไรมันไม่ดีต่อใจเลยสักครั้ง ไม่ชินเอาเลย

ภาพความวุ่นวาย คนเจ็บ กลิ่นยา

แล้วยังตอนนี้ที่ต้องรอใครบางคน รออย่างมีความหวังว่าคนในนั้นจะปลอดภัย
ลุกเดินก็แล้วนั่งก็แล้ว ทุกอย่างก็ยังคงเดิม ขนมโน้มตัวลงไปกุมขมับ
และเสียงฝีเท้าเดินที่ดังเข้ามา จึงต้องเงยหน้าและพบว่าเพื่อนร่างหนาสองคน
เดินหน้าตาตื่นเข้ามา แต่พอมองเลยไปด้านหลังของฟีนิกซ์

นั่นบุคคลอันตรายตัวพ่อเลยล่ะ ที่ตามเข้ามาติดๆ

“สวัสดีครับคุณพ่อ คุณหมอยังไม่ออกมาเลยครับ”

 ขนมรีบลุกขึ้นรับหน้าพ่อของเพื่อนทันที

“ปางตายเลยรึไง ชอบนักเรื่องเสี่ยงๆ คงเห็นว่าพ่อว่างมากนักละมั้ง
ทำแต่เรื่องป่วนประสาทอยู่ได้”

พงศกรพ่อของยูโดพูดอย่าเอือมระอาใจ ไม่บ่งบอกเลยสักนิดว่าห่วงใยลูก
สามหนุ่มได้แต่มองตากันปริบๆ โดยไม่มีใครเอ่ยปากพูดอะไรอีก
 
‘พูดอะไรไปตอนนี้ก็ดูจะมองเป็นผิดไปเสียหมด ลูกชังสินะยูโด’

ทั้งสามคิดไปในทางเดียวกัน

ทันทีที่ประตูห้องฉุกเฉินเปิดออก พ่อของยูโดก็ปราดเข้าไปรับหน้าหมอ
และถ้อยคำที่หลุดออกมาจากปากของหมอทำเอาทุกคนถึงกับอึ้งไปตามๆ กัน

“คนไข้รู้สึกตัวแล้วครับ ศีรษะแตก แขนซ้ายหักและข้อไหล่ซ้ายหลุด
ที่น่าเป็นห่วงคือดวงตาที่ได้รับการกระทบกระเทือน ทำให้มีเลือดออก
ในช่องหน้าลูกตา ต้องอยู่ในการดูแลอย่างใกล้ชิดของแพทย์ครับ”

“วะ ว่าไงนะครับ คุณหมอหมายความว่าลูกชายผมมีสิทธิ์ที่จะ…ตาบอด?”

ท่านถามออกไปตรงๆ น้ำเสียงสั่นไหวต่างจากตอนที่เดินเข้ามาลิบลับ

“ตอนนี้เราต้องเฝ้าระวังว่าเลือดจะออกมาซ้ำอีกหรือเปล่า
ถ้าเลือดไม่หยุดไหลจะเป็นอันตรายต่อกระจกตาอย่างมากเลยทีเดียว”

“มะ หมายถึง…ทำให้ตาบอด…ใช่มั้ยครับหมอ”

 คุณพ่อของยูโดยิงคำถามสวนออกไป เป็นคำถามเดียวที่ทุกคนต่างจดจ่อรอฟัง

“ใช่ครับมีโอกาสที่จะเป็นอย่างนั้น ดังนั้นคนไข้ต้องอยู่ในความดูแล
ของแพทย์อย่างใกล้ชิด”

“ขอบคุณครับคุณหมอ”

คุณพ่อของยูโดพูดอย่างอ่อนแรง แล้วเจ้าหน้าที่ก็เข็นเตียงของยูโดออกมา

“อยู่เป็นเพื่อนยูโดสักครู่ได้มั้ย พ่อจะโทรให้หาแม่มัน
ให้มารับรู้ถึงความดื้อด้านของมันด้วยกัน”

วาจาที่บั่นทอนจิตใจคนกำลังเจ็บ ไม่น่าเชื่อว่าจะออกมาจากปากของผู้ให้
กำเนิดเลยด้วยซ้ำ

ขนมสงสารเพื่อนจับใจ ถ้าเป็นไปได้ก็อยากที่จะให้มันไม่ได้ยิน

“หนมอยู่แถวนี้มั้ย ทำไมหมอต้องปิดตากูด้วยวะ ขากูก็ยกได้นะเว่ย

 ขนมมึงอยู่ตรงนี้ใช่มั้ย พูดสิวะ”

 ริมฝีปากสีคล้ำขยับพูดไม่หยุด ดูคล้ายกับเด็กที่กำลังเสียขวัญ

“เออ อยู่กันครบแหละ อย่าเพิ่งคิดอะไร อย่าเคลื่อนไหวมาก
มันจะกระทบกับดวงตาของมึงนะ หมอบอกว่ามีเลือดออกใน
ช่องหน้าลูกตา อยู่เฉยๆ เดี๋ยวก็ดีเอง”

 ขนมปลอบใจเพื่อนซึ่งเป็นทางเดียวที่เขาพอจะช่วยได้

“อืม แม่กูมารึยัง พ่อน่ะพวกมึงไม่ต้องไปบอกเลยนะ กูขี้เกียจหูบวม”

โชกุนหัวคิ้วกระตุก แสดงว่ามันไม่ได้ยินที่พ่อมันบ่น นั่นแหละดีที่สุดแล้ว

“พ่อมึงน่ะมาแล้วกำลังโทรตามแม่มึง เดี๋ยวคงจะเข้ามา”
โชกุนตอบคำถามเพื่อน

“พวกมึงก็อย่าเพิ่งไปไหนนะ อยู่เป็นเพื่อนกูก่อน” ยูโดร้องขอ

“เออน่ะไอ้ลูกแหง่ เอาอะไรก็บอกแล้วกันพวกกูอยู่กันตรงนี้แหละ”

ฟีนิกซ์พูดพร้อมกับจับมือข้างที่ไม่ได้ใส่เฝือกขึ้นมาบีบ
เจ้าหน้าที่ทำการเข็นย้ายเตียงของยูโดไปที่ห้องปลอดเชื้อในเวลา
ต่อมาโดยมีพวกพ้องเดินตามไม่ห่าง

“ระวังนะคะห้ามไปสัมผัสหรือทำอะไรกับที่ครอบตา เพราะจะทำให้
เชื้อแบคทีเรียเข้าไปสู่ดวงตา อาจจะทำให้ดวงตาอักเสบและติดเชื้อได้ค่ะ”

พยาบาลสาวใหญ่บอกคนไข้ก่อนออกไปจากห้อง

“ขอน้ำหน่อยสิมึง แสบคอชะมัด”

ขนมขยับไปรินน้ำใส่แก้ว และให้ยูโดดูดผ่านหลอด
ไม่นานเกินรอบุคคลอันตรายแห่งปีที่เหล่าสหายแอบตั้งชื่อให้พ่อของเพื่อน
ก็ก้าวเท้าเข้ามา ท่านไปยืนที่ข้างเตียงลูกชาย

“พ่อจะกลับแล้วนะยูโด คราวนี้คงเลิกได้ซะทีนะเรื่องเสี่ยงๆ
แบบนี้น่ะ พ่อไม่ได้ว่างที่จะมาดูแลแกได้บ่อยๆ หรอกนะ
พ่อต้องทำงานหาเงินมาให้พวกแกกินแกใช้กัน"

พ่อบ่นและมีเสียงทอดถอนใจปนมาด้วย ยูโดนอนฟังเงียบๆ

"แล้วรถที่เอาของเพื่อนไปทำซะยับน่ะ ลากไปที่อู่แล้วให้เขาเขียนบิลออกมา
เดี๋ยวพ่อจัดการเอง ใครเป็นเจ้าของก็ตามๆ เรื่องด้วยนะ”

พ่อพูจบและมีเสียงฝีเท้าเดินห่างออกไป ไม่ถามสักคำว่าเขาเป็นอย่างไรบ้าง
เจ็บมากมั้ย นี่คงเป็นประโยคที่พ่อพูดได้ยาวที่สุดในรอบหลายปีที่เขาได้ยินได้ฟัง

“ดีนะที่ไม่ด่าอะไรกูมากไปกว่านี้ สมองยิ่งเบลอๆ จำไม่หมดหรอก”
ยูโดพูดประชดพ่อตัวเอง

รีบมารีบไปขนาดนี้ ตกลงเวลาของท่านมีค่ามากกว่าคนที่นอนเจ็บอยู่นี่หรือไง
ฟีนิกซ์นึกค่อนแคะในใจ

“เถอะน่ะชินๆ ซะทีสิกับพ่อมึงน่ะ” ขนมพูดแล้วตบปุๆ ที่หลังมือเพื่อนเบาๆ

“โดง่วงก็นอนเลยนะ ไม่ต้องถ่างตาไว้ พักซะบ้าง
 มึงรอดตายมาได้นับว่าเป็นบุญแล้ว”

โชกุนมองเพื่อนด้วยความสงสาร ถ้าพวกเขาพากันกลับออกไป
มันก็เหมือนจะเหลือตัวคนเดียว

“ที่รอดตายเพราะนรกยังไม่ต้องการกูต่างหากล่ะ”
 พูดอย่างไม่ยินดียินร้ายกับชีวิต

“ยูฟ่ากูส่งมันเข้าบ้านไปแล้ว มันจะตามมาดูมึงให้ได้เลยนะเว้ย
กูด่ามันแทนมึงแล้วเรื่องที่มันทั้งโง่แล้วก็บื้อให้ไอ้วินแฟนเลวๆ
หลอกได้น่ะ ฮ่าฮ่า ไม่มีตอบโต้เลยสักคำ”

โชกุนเล่าอย่างสะใจปนขบขัน

“มันยอมกลับบ้านก็ดีแล้ว ช่างเถอะ ขอบคุณพวกมึงที่เป็นธุระให้กูนะ”
 ยูโดพูด ถึงอย่างไรเขาก็ไม่อยากให้เพื่อนเกลียดคนของเขาอยู่ดี

แค่เขาคนเดียวที่ทำเป็นว่าเกลียด…แค่คนเดียวพอ

เพื่อนๆ อยู่คุยอีกสักพักและขอตัวกลับเมื่อแม่ของยูโดมาถึง

“ยูโดเป็นยังไงบ้างลูก เจ็บมากเลยสิ ทำไมต้องทำอะไรอย่างนี้กัน
นี่คุณพ่อก็โทรไปโวยวายกับแม่ ดีเท่าไหร่แล้วที่สมองไม่เป็นอะไรน่ะ”

คุณแม่เข้ามาและยกมือลูบที่ใบหน้าของเขาอย่างแผ่วเบา
แล้วท่านก็ชะงักมือ คงเพราะไอ้ที่ครอบตา

“หมอบอกต้องอยู่ใกล้หมอไประยะนึงก่อนจนกว่าจะดีขึ้น ทนเอาหน่อยนะลูก
 วันนี้ให้ยูฟ่าอยู่เป็นเพื่อนนะ”
มารดาพูดด้วยน้ำเสียงห่วงใยดังเดิม

“ผมอยู่ได้ครับคุณแม่” ยูโดตอบทันควัน

เขาไม่อยากเป็นภาระให้ใครต้องมาลำบากกับเขา แม้ว่าส่วนลึกในใจอยาก
ได้รับความห่วงใยและการดูแลก็ตามที โดยไม่รู้ว่าถ้อยคำที่พูดนั้นทำให้บางคน
ในห้องนี้ถึงกับเม้มริมฝีปากแน่น

“ไม่ดื้อนะลูก ถ้ายูอยู่ด้วยแม่จะได้กลับไปพักไง”
มารดาพูดทิ้งท้ายก่อนกลับไปจริงๆ


สองพี่น้องต้องอยู่เผชิญหน้ากัน ยูฟ่ามองสภาพคนเจ็บที่มีรอยฟกช้ำ
ให้เห็นหลายที่นอกร่มผ้า ศีรษะมีผ้าก๊อซชิ้นยาวปะไว้พาดไปเหนือกกหู
กะจากขนาดของผ้าก๊อซแล้วแผลคงยาว มีเฝือกที่แขนส่วน ส่วนหัวไหล่
มีตัวรัดช่วยพยุงไว้อีก

ที่น่าตกใจคือดวงตาทั้งสองข้างที่ปิดไว้ด้วยที่ครอบสีขาว
คนที่เคยแข็งแรงกว่าเขามาตลอดตั้งแต่จำความได้มานอนติดเตียงคนไข้แบบนี้

ไม่ชิน ไม่อยากให้มีวันนี้เลย ถุงน้ำเกลือพร่องไปแค่เล็กน้อย
ยูฟ่านั่งลงที่เก้าอี้หน้าเตียง จิตใจสั่นไหวอย่างที่ควบคุมไม่ได้
นี่เป็นการเข้าใกล้กันมากสุดในรอบปีเลยและเพราะไม่ได้คุยกัน
นานมากแล้วจึงไม่รู้ว่าจะเริ่มพูดคำไหนดี

จะถามออกไปว่าเป็นยังไงบ้างถ้าเขาไม่พูดด้วยจะทำยังไง

‘ยูอยู่นี่แล้วนะ อย่าไล่กันเลย’
ยูฟ่ารู้สึกตีบตัน น้ำตาปริ่มที่ขอบตาและทำท่าว่าจะไหล

‘เห็นหน้ากันทุกวันไม่พูดกันเลยสักคำยังดีเสียกว่า ใกล้แบบนี้
แล้วต้องมานอนเจ็บแบบนี้…อย่าใกล้กันเลย’

ถ้าเปลี่ยนตัวกันได้ก็อยากเป็นคนที่เจ็บแทน

น้ำตาหยดหนึ่งหล่นบนหลังมือ ยูฟ่าสะดุ้ง เขายกหลังมือขึ้นปาดน้ำตา

“ปวดฉี่พาไปหน่อย…ยู”
ยูฟ่าสะดุ้งแรงกว่าเดิม ไม่คิดว่าจะได้ยินคำเรียกขานนี้อีก 

 “ค่อยๆ ลุกนะ นั่งก่อน หย่อนเท้าลงที่พื้นช้าๆ ห้องน้ำอยู่ทางขวาใกล้กับประตู
 เดินไม่ถึงสิบก้าว นั่นแหละถึงแล้วยืนนิ่งๆ ก่อนเดี๋ยวจะเปิดประตูให้
ยกเท้าขึ้นนิดนึงพื้นมันต่างระดับ ตรงไปอีกสามก้าว ยูดึงกางเกงให้นะ”

ยูฟ่าทำตามที่พูด ร่นกางเกงยางยืดของยูโดลง และหนอนนั่นก็ดีดออกมา
เขาหน้าร้อนวูบแต่ก็เอื้อมมือไปจะให้อีกคนยืนให้ตรงทิศทาง

“ทำเองได้มือข้างนี้ไม่ได้เจ็บ โอ๊ะ บ้าชะมัด”
ยูโดเซเพราะความรีบร้อนทำให้ฉี่กระเซ็นลงพื้น ยูฟ่ารีบไปพยุงน้องไว้
ทำเป็นไม่ใส่ใจจับหมับให้ตรงกับโถมากขึ้น

‘ตามองไม่เห็นจะมาอายอะไรล่ะ เหมือนๆ กันมั้ย คนที่อายต้องเป็นเราสิ’

“โดอย่าดื้อ นี่เป็นหน้าที่ของยู อยู่เฉยๆ ไปเลย ดูสิ! เลอะเทอะเลยเนี่ย”

คนตัวเล็กข้างๆ แย่งหน้าที่ซึ่งไม่น่าจะกล้าทำไปจนได้ กลิ่นหอมอ่อนๆ
จากผิวกายกระทบปลายจมูกด้วยระยะที่ใกล้กันมาก อุ้งมืออุ่นนุ่ม
เขารู้สึกร้อนๆ ที่ใบหูและเสียงกดน้ำก็ตามมาทำให้อาการกระอักกระอ่วนหายไป

“โดล้างมือทางซ้ายนะ”
ยูฟ่าเอี้ยวตัวไปเปิดก๊อกกลุ่มผมนุ่มเฉียดจมูกของยูโดอีกแล้ว
ยูโดล้างมือแล้วถูกพาออกมาจากห้องน้ำ และกลับไปยังเตียงตามเดิม

ยูโดนั่งลงอย่างทุลักทุเลมียูฟ่าคอยจับประคอง และจัดท่านอนให้
ตัวก็เล็กออกอย่างนั้นยังจะมาพยุงคนที่ตัวหนาและใหญ่กว่ามาก
เดี๋ยวคงจะปวดหลังแน่ๆ ยูโดขมวดคิ้วมุ่น การที่ช่วยเหลือตัวเองแทบ
ไม่ได้แบบนี้ทำให้รู้สึกหงุดหงิด และตาก็มองไม่เห็นอีก

ถ้าเขาต้องตาบอดตลอดไปจะทำยังไง จะอยู่ยังไง

“นอนเลยนะโด อยากได้อะไรเรียกยูนะ แล้วนี่ปวดแขนมั้ย ตาล่ะ ปวดรึป่าว”

น้ำเสียงที่เอ่ยถามอย่างห่วงใย ซึ่งก็นานมากแล้วเหมือนกันที่ไม่ได้สัมผัส
ทำให้อารมณ์ที่ดำดิ่งถูกเรียกกลับมาได้หน่อยหนึ่ง

“แขนปวดตุบๆ ตาปวดแบบหน่วงๆ เหมือนตาจะหลุดเลย ทีนี้บอกตรงๆ
หัวก็มึนๆ ขึ้นมาอีกคงเพราะเคลื่อนไหวตัวเมื่อตะกี้”

ยูโดบอกไปตามอาการ

“เหรอ ยูขอไปถามพยาบาลก่อน เผื่อมียาให้กิน”

 ยูฟ่ากำลังจะออกไปจากห้องแต่ถูกมือใหญ่ควานมาและจับข้อแขนไว้ได้

“ไม่ต้องไปนะยู โดไม่เป็นไรมาก พยาบาลก็บอกให้เคลื่อนไหวน้อยที่สุด
 ตะกี้เราคงเดินกันเร็วไปด้วยมันจึงกระเทือนมาที่แผลน่ะ พักสักหน่อยก็คงดีขึ้น”

“อื้มๆ งั้นคราวหน้าก็เดินให้เบาๆ ช้าๆ ก็แล้วกันเนอะ กินแอปเปิลมั้ยแม่ซื้อมาให้
 เดี๋ยวยูไปปอกมาให้นะ”

 ยูโดปล่อยแขนพี่และนั่งกึ่งนอนรอ เสียงเดินห่างออกไป สักพักก็กลับมายืนใกล้ๆ ตามเดิม

“นี่นะ ยูวางไว้ให้บนตัก หยิบเองมั้ยหรือจะให้ป้อน”
ยูฟ่าถาม น้องชายหยิบแอปเปิลขึ้นมากินเองโดยไม่ตอบคำถาม นั่นเป็นอันรู้กัน

“กี่โมงแล้วยู กินข้าวเย็นมาหรือยัง”
 ยูโดถาม เคี้ยวแอปเปิลไปด้วยตุ้ยๆ

“กินมาแล้วสิ ตอนนี้ก็สามทุ่มสี่สิบห้า”
ยูโดชะงักมือพร้อมทั้งส่งจานแอปเปิลคืนให้

“กินต่อที จะนอนแล้ว”
ยูฟ่ารับแอปเปิลที่เหลืออีกสามชิ้นมากินต่อ มองคนเจ็บที่ไถลตัวลงนอน

“ต้องปรับเตียงอีกมั้ย พอดีรึยัง”

“ได้แล้ว ยูเตรียมตัวไปนอนเถอะ ดึกแล้วเดี๋ยวจะปวดหัว”
 ยูโดพูดเพราะคนเป็นพี่นอนดึกมักบ่นปวดหัวเสมอ ไม่รู้จะยังเป็นอีกหรือเปล่า

“อือ…เดี๋ยวจะนอน แปรงสีฟันของโดตอนเช้าจะลงไปซื้อให้นะ น้ำยาบ้วนปากด้วยใช่มั้ย”

“อืม…” เสียงตอบมาเบาๆ

ยูฟ่านั่งมองคนบนเตียง เหมือนจะหลับไปแล้วเพราะลมหายใจทอดยาว
และหน้าอกกระเพื่อมเป็นจังหวะที่สม่ำเสมอกัน

“อย่าดื้อนักเลย…เป็นห่วงนะ” ยูฟ่าพึมพำก่อนที่จะเดินห่างออกไป

คนบนเตียงย่นหัวคิ้วเมื่อได้ยินถ้อยคำ เสียงรื้อหาอะไรกุกกัก
พักนึงก็ตามมาด้วยเสียงอาบน้ำ

หากยูฟ่าออกมาแล้วเดินมาที่เตียงจะพบว่าคนเจ็บไม่ได้หลับอย่างที่คิด
เพราะคิ้วที่ขมวดกันยุ่งและเสียงทอดถอนใจที่หยุดในตอนนี้มันฟ้อง


ยูฟ่าตื่นกลางดึกมาอีกรอบ เนื่องจากหมอเข้ามาตรวจ คนเจ็บบอกกับหมอว่าปวด
จึงได้ยาเพิ่ม เมื่อหมอออกไปยูโดขอเข้าห้องน้ำอีกรอบหนึ่ง การเคลื่อนไหวครั้งนี้
เป็นไปอย่างระมัดระวังมากขึ้น และต่อมาคนเจ็บก็นอนได้ยาวขึ้นเพราะได้ยาลดปวดมาช่วยบรรเทา




หัวข้อ: Re: incest : บาปร้ายในบ่วงรัก ตอนที่ 1
เริ่มหัวข้อโดย: AkuaPink ที่ 23-05-2019 20:00:03
 :pig4:
 :3123:
หัวข้อ: Re: incest : บาปร้ายในบ่วงรัก ตอนที่ 1
เริ่มหัวข้อโดย: snowboxs ที่ 23-05-2019 20:05:48
ตอนสองมาแล้ว
ละมุนมาก น่ารักกันจริงๆพี่น้องคู่นี้ ยูกับโด
หัวข้อ: Re: incest : บาปร้ายในบ่วงรัก ตอนที่ 1
เริ่มหัวข้อโดย: azure ที่ 23-05-2019 22:31:01
ตอนนี้มีความน่ารัก ดีต่อใจคนอ่าน :hao7:
หัวข้อ: Re: incest : บาปร้ายในบ่วงรัก ตอนที่ 3 ดูแล
เริ่มหัวข้อโดย: เส้นขอบฟ้า ที่ 24-05-2019 08:35:47
ตอนที่ 3 ดูแล

ช่วงเช้ายูฟ่าตื่นนอนและเข้าไปดูยูโดเห็นว่ายังหลับ เขาจึงลงไปที่ร้านสะดวกซื้อชั้นล่าง
หาซื้อของใช้จำเป็นและขนมขบเคี้ยวมาด้วยถุงใหญ่ เมื่อกลับเข้ามาในห้องพบว่ายูโดตื่นแล้ว
และนั่งกึ่งนอนอยู่บนเตียง

ยูฟ่าวางของไว้บนโต๊ะ ก่อนจะเดินไปหาน้องชายที่หัวคิ้วแทบจะชนกัน…หงุดหงิดอยู่สินะ

“โดลุกมาแปรงฟัน อีกเดี๋ยวค่อยเช็ดตัว”

ยูฟ่าเข้าไปประคองให้คนตัวโตลงจากเตียง เมื่อวานยูฟ่าให้เกาะแขนพยุงเดิน
ตอนนี้กลายเป็นว่าคนตัวเล็กกว่าถูกฝ่ามือหนาโอบกระชับบ่าแทน

“ไปไหนมา เรียกตั้งนาน” ยูโดถามด้วยน้ำเสียงไม่ค่อยจะพอใจนัก

“ก็ไปซื้อแปรงสีฟันกับน้ำยาบ้วนปากมาให้ไง แชมพูด้วย ขนมของยูอีก”
 ยูฟ่าทอดเสียงอ่อน เมื่อรู้สาเหตุของความหงุดหงิดนี้แล้ว

“คราวหน้าไปไหนบอกกันก่อน มองไม่เห็นมันน่าหงุดหงิด”
เสียงที่พูด ยังติดจะเอาแต่ใจ เขาพาคนน้องมาจนถึงอ่างล้างหน้า
 
“ขอโทษนะ เห็นว่าหลับจึงไม่ได้บอก รอตรงนี้เดี๋ยว”
ยูฟ่าเดินกลับไปหยิบแปรงสีฟัน ยาสีฟันและน้ำยาบ้วนปาก

“อยากโกนหนวด” ยูโดออกปาก ยูฟ่ามองไรหนวดที่เริ่มขึ้นเขียว

“ได้สิ แต่ขอโทรศัพท์มาโทรหาขนมก่อน วานให้ซื้อมีดโกนเข้ามา ค่อยโกนนะ”
ยูฟ่าช่วยเป็นพี่เลี้ยงให้ยูโดในการทำกิจวัตรยามเช้า

“ยูไปรอข้างนอกก่อน”

ยูฟ่าเห็นใบหูแดงๆ ก็อมยิ้ม ก่อนจะเดินออกไปจากห้องน้ำ จนเมื่อยูโดเรียก
จึงกลับเข้าไปและพาออกมา

ยูฟ่าย้อนกลับไปยังห้องน้ำ เตรียมกะละมังและผ้าขนหนูเช็ดตัว

“โดเช็ดตัวหน่อยนะ ถอดเสื้อก่อน” น้ำเสียงนุ่มๆ ข้างๆ ที่เคลื่อนไหวให้ได้ยิน

ยูโดคิดไปเองว่าถ้าไม่เจ็บอย่างนี้ คงไม่มีทางกลับมาคุยกันแบบนี้เป็นแน่

ผ้าเปียกชื้นที่ลากผ่านใบหน้าและลำคอลงมา จนผ่านไปยังแนวลำตัวและขา
เจ้าตัวเว้นเฉพาะที่ไว้ให้ แต่เพราะยูโดตั้งใจจะทำเองจึงไม่ได้ทักถาม

“เปลี่ยนเสื้อชุดใหม่เลย เอ่อ…ที่นี้ก็นอนลงได้แล้ว”

ยูฟ่าเอาผ้าห่มมาคลุมช่วงล่างให้ ถอดกางเกงของเขาออก ยูโดจึงต้องยกก้นช่วย
รับรู้ถึงสัมผัสเปียกชื้นที่ลากผ่านส่วนกลางกาย และจับเขาพลิกตัวไปด้านที่ไม่เจ็บ
และผ้าหมาดๆ ผืนนั้นก็เช็ดที่แก้มก้นให้อีก ก่อนจะสวมกางเกงให้เสร็จสรรพ

“เหนื่อยมั้ยยู” ยูฟ่าชะงักมือตอนที่ผูกเชือกที่เสื้อให้

“ไม่ ยูทำให้ได้ เรามีกันแค่นี้ อีกอย่างที่โดเจ็บตัวเพราะช่วยยูไว้ ขอบคุณนะ”

น้ำเสียงอ่อนโยนและคำขอบคุณ ความหมกมุ่นเป็นกังวลและความวิตกต่างๆ คลายลง

“เรื่องที่เพื่อนโดบอกยูไป เป็นเรื่องจริง โดรู้มาสักพักแล้ว กวินไม่ใช่คนดีอย่างที่ยูเข้าใจ
 มันติดการพนันจริงๆ”

ยูโดเอ่ยเล่าเบื้องลึกของผู้ชายที่ยูฟ่าคบ

“อื้ม…ยูเชื่อ ยูจะบอกเลิกกับเขา ยูไม่มีก็ได้แฟน มันไม่ได้สำคัญอะไร”
ยูฟ่าพูดพร้อมกับเดินเอาผ้าเปียกและกะละมังใบเล็กไปเก็บ

ยูโดซ่อนรอยยิ้มพอใจ ความสบายใจและหมดห่วงเข้ามาแทนที่
 

ช่วงสายมารดามาเยี่ยมรวมถึงเพื่อนๆ ของยูโดที่มากันครบทีม
รอบนี้มีเด็กหนุ่มตัวผอมบางที่มีคิ้วเข้ม ตาโตและตัวสูงกว่าขนมเล็กน้อยมาด้วยอีกคน

“นี่ธามเพื่อนที่มหา’ลัย เป็นเพื่อนกลุ่มเดียวกัน”

ฟีนิกซ์แนะนำเพื่อนตัวเล็กที่ส่งยิ้มทักทายมาให้ กลุ่มเพื่อนของน้องชายลดท่าที่แข็งกร้าวลง
จากวันก่อน วันนั้นคงเพราะห่วงเพื่อนมากนั่นเอง ยูฟ่าไม่ได้ติดใจอะไร

“น่ารักมากเลย ไม่ยักจะเหมือนยูโดที่ถึกและเถื่อนในบางเวลา”
ธาวินชมคู่แฝดของเพื่อนที่ถึงจะเป็นแฝด แต่ข้อต่างก็เยอะ
จนแยกแยะออกได้ง่ายดายว่าใครเป็นใคร

“อะ เอ่อ…ชมว่าหล่อจะน่าฟังกว่ามั้ย" ยูฟ่าพูดอย่างเขินๆ และหันไปหาขนม

"ขนมของที่ฝากซื้อล่ะ”
ขนมยื่นถุงพลาสติกผ่านหน้าโชกุนไปให้เขา ที่รับมาเปิดดู

“ของโดมันใช่มั้ย ไม่เอาตังค์หรอก ฟรี” ยูฟ่าพยักหน้าและยิ้มรับ

“ปวดฉี่” ยูฟ่ากำลังจะเข้าไปพยุงแต่ธาวินเข้าประคองเพราะอยู่ใกล้สุด
แต่พอยูโดลงมายืนหน้าเตียงฟีนิกซ์ก็ปราดเข้าไปพยุงแทน

“เราพามันไปเอง นายตัวเล็กไม่ไหวหรอกธาม จะพากันล้มซะเปล่าๆ”
สองหนุ่มเพื่อนรักพากันไปที่ห้องน้ำ ฟีนิกซ์บอกระยะก้าวเดินให้ยูโดไปตลอดทาง
มีเสียงดังโวยวายออกมาจากในห้องน้ำ

“ยี้ ไอ้สกปรก นั่นมันของตัวเองนะเว้ย! จับไปเองดิ”
สักพักก็พากันเดินออกมา

“มีอะไรกัน” โชกุนถาม

“ไอ้โดสิ ฉี่กระฉอกออกมานอกโถ ดีนะกูกระโดดหลบทัน มือมีก็ไม่ยอมจับแม่ง
 ของๆ ตัวเองแท้ๆ หึ้ย” ฟีนิกซ์ทำท่าขนลุกขนพอง

“เห้ย! อย่าบอกนะ ก่อนหน้านี้ยูฟ่าก็ไปจับหนอนให้มัน บรึ๋ย”
ฟีนิกซ์โวยและลดเสียงลงต่ำในตอนท้าย ทุกคนหันมองที่ยูฟ่าเป็นตาเดียว

“อื้ม…” ยูฟ่ากลัวเพื่อนน้องชายไม่เชื่อก็พยักหน้าตอบรับอีกรัวๆ คนฟังพากันแตกตื่น

“มันไม่แปลกหรอกเว้ย เราเป็นแฝดกัน มีก็เหมือนๆ กัน” ยูโดพูดหน้าตาย
 ทุกคนหันมองคนพูดอย่างกับเห็นสิ่งประหลาดที่หลุดมาจากนอกโลก

‘ไหนมันบอกว่าเกลียดกัน…เกลียดแบบไหนของมันวะ’

ฟีนิกซ์ขบคิดถึงเรื่องที่ผ่านๆ มา เพื่อนเขาที่มักจะออกอาการพร่ำบ่น พร่ำด่า
อย่างกับหมีกินผึ้ง เมื่อเอาเรื่องของพี่ชายแฝดมาพูด และท้ายประโยคบอกเล่า
จะมีคำว่า กูเกลียดแม่งว่ะ ตามมาเสมอ

‘อะไร ยังไง ตอนนี้สองคนพี่น้อง ดีกันแล้วใช่มั้ย ใครบอกที’
 ฟีนิกซ์เก็บงำความสงสัยเอาไว้


ภาพรวมอาการของยูโด คุณหมอบอกว่าดีขึ้นมาก เฝือกแขนต้องใส่อีกระยะ
และหัวไหล่ก็ต้องสวมสายพยุงไปอีกยาว ส่วนที่ต้องรอลุ้นกันอย่างใจจดใจจ่อคือดวงตา

วันนี้เป็นวันที่หมอจะเช็กดวงตาด้วยเครื่อง ยูโดถูกพาเข้าไปนานพอดูกว่าจะพากลับออกมา
ที่ครอบตาถูกถอดออกแล้ว ใบหน้าของน้องที่เรียบนิ่ง และแววตาที่มองตรงมา
ไม่มีทีท่าว่าจะโฟกัสที่ใครเลย

ยูฟ่าใจยกมือปิดปากด้วยกลัวว่าตัวเองจะหลุดปากพูดอะไรออกไป

“มีปัญหาที่กระจกตานิดหน่อยต้องใช้เวลาแต่จะค่อยๆ ดีขึ้น ระหว่างนี้ต้องใส่แว่นกันแดดช่วย
หากปวดตา เคืองตา หรือน้ำตาไหลมากๆ อย่านิ่งนอนใจให้พบแพทย์ทันที”

จักษุแพทย์ให้คำแนะนำ ในระหว่างที่หมอพูดยูฟ่าจ้องมองหน้าของยูโดเพื่อจับอาการ
พบแต่ความเย็นชาและนิ่งเฉย


เมื่อกลับไปที่ห้องพักผู้ป่วย ยูโดขึ้นเตียงนอนอย่างเงียบๆ ครบเจ็ดวันก็วันนี้แล้ว
คุณพ่อไม่เคยมาเยี่ยมยูโดเลย กลางวันยูฟ่าไปเรียนได้มารดามาอยู่แทน
หลังเลิกเรียนยูฟ่าจึงมาเปลี่ยนให้ท่านได้กลับไปพัก

ระหว่างพ่อกับแม่เหมือนมีอะไรบางอย่างที่เปลี่ยนไป พักหลังคุณแม่ออกจะเหงาๆ
ส่วนคุณพ่อไม่ค่อยจะกลับบ้าน หรือสิ่งที่ยูฟ่าคิดมันจะเป็นจริง ยูฟ่าได้แต่เก็บซ่อนความสงสัยเอาไว้

“โดเครียดเหรอ อย่าเป็นแบบนี้ มีอะไรคุยกันนะ”
ยูฟ่าเกลี้ยกล่อมคนน้องให้หันมาคุย ไม่ใช่นอนนิ่งอย่างไร้ชีวิตจิตใจแบบนี้

“ถ้าโดตาบอดตลอดไป...”
ยูโดถามในสิ่งที่ลึก ๆ แล้วยูฟ่าก็กลัว คำถามที่พลอยทำให้ใจหล่นวูบ

“ไม่นะโด หมอว่าจะค่อยๆ ดีขึ้น แค่อย่าเครียด เพราะมันไม่เป็นผลดี
 ทำให้หายช้าเข้าไปอีก” ยูฟ่าปลอบประโลม

“คนตาบอดนิสัยแย่ๆ อย่างเราจะอยู่ยังไง ใครจะต้องการ ดูคุณพ่อสิตอนเราตาดีๆ
 ท่านยังไม่ชอบหน้าเราเลย นี่มาตาบอดอย่าให้คิดเลยยู”

ยูโดพูดน้ำเสียงแฝงไปด้วยความน้อยเนื้อต่ำใจ ดวงตาที่ยูฟ่ามองเห็นมีแต่ความมืด ดำ
เขาสัมผัสได้ว่ายูโดกำลังท้อแท้และสิ้นหวัง ความสงสารทำให้โน้มตัวเข้าไปใกล้
ยูฟ่ายื่นมือไปลูบแก้มสากเบาๆ พร้อมทั้งนวดขมับให้เบาๆ

“ยูจะเป็นดวงตาให้โดเอง อย่าห่วงกังวลอะไร เราเกิดมาเพื่อกัน เราจะไม่ทิ้งกัน”
ยูฟ่ายื่นหน้าผากไปแตะกับอีกคน พลันลำตัวของเขาก็ถูกรวบไปกอด
มือข้างที่ไม่เจ็บยกขึ้นกอดแผ่นหลังของเขา ร่างกายสั่นไหวด้วยแรงสะอื้นที่พยายาม
กักเก็บมานาน

ความอ่อนแอที่ยูโดไม่เคยเผยให้ใครเห็น

“ที่ผ่านมาเราอาจจะพลัดหลงกัน ห่างกัน จะด้วยเหตุใดก็ตามแต่เรากลับมาหากันแล้ว
 อย่าไปไหนอีก อยู่กับยู เราเคยดีต่อกัน อะไรที่ยูทำให้โดไม่ชอบใจ อะไรที่เคยทำให้เกลียด
จนไม่อยากมองหน้า…ยูจะไม่ทำ…ขอแค่โดบอกมา”

คนตัวเล็กในอ้อมกอดที่ตอนนี้ซบอยู่แผ่นอกกว้างและสะอื้น

“ขอโทษนะยูที่ทำเป็นไม่สนใจ ทำเป็นเกลียด ทั้งที่จริงมันตรงข้ามกันทั้งหมด
ในทุกๆ หากยูหันมองกลับมา ยูจะเห็นโด ทุกคนที่เข้าใกล้ยูไม่มีใครที่โดไม่รู้จัก
อาจจะรู้จักมากกว่ายูด้วยซ้ำ ไม่เคยที่จะไม่สนใจ ที่ทำแบบนั้นออกไปเพราะโดเลวไงยู"


ยูโดหยุดพูดและสะอื้นหนักกว่าเดิม

"โดคิดกับยูเกินกว่าพี่น้อง อยากกอด อยากสัมผัสและอยากเป็นเจ้าของยู
 ไม่อยากให้ยูไปเป็นของใคร อย่างนี้ไง โดจึงต้องอยู่ให้ห่าง…เพื่อไม่ให้ยูต้องแปดเปื้อน
…เพื่อว่าจะไม่ทำสิ่งที่ผิดบาปไปกว่านี้”

น้ำเสียงสั่นเครือ ทุกถ้อยคำ ทุกความรู้สึกและทุกๆ เหตุผล ถูกสารภาพออกมา
 
“รักยู รักจริงๆ ใช่ไหม…โดล่ะรู้บ้างหรือเปล่า…ยูก็รู้สึกเหมือนกันกับโด
ที่คบกับกวินเพราะอยากหนีใจตัวเอง อยากหนีให้ห่างความผิดบาปทั้งปวง"

"แต่สุดท้าย…ยูก็ยังคงเจ็บร้าวอัดแน่นอยู่ในอก ไม่อาจห้ามหัวใจที่รักไปแล้ว
ทำเป็นไม่รัก มันทำไม่ได้ทั้งๆ ที่พยายามแล้ว เราไม่น่าเกิดมาเป็นพี่น้องกัน
หากเราไม่ใช่สายเลือดเดียวกัน อะไรๆ มันคงจะง่ายกว่านี้ ฮึก ยูรักโดนะ”

ยูฟ่าพูดสิ่งที่ปกปิดซ่อนเร้นมานานปี ก้อนสะอื้นก็พลันวิ่งขึ้นมาจนแน่น
เจ้าตัวพยายามเก็บกดมันลงไป เพื่อที่จะพูดในสิ่งที่ยังค้างอยู่ในใจ

“รักมานานมาก เจ็บหน่วงทุกครั้งที่โดใจร้ายใส่ มันเจ็บ...เจ็บที่ต้องฝืนใจทำว่าไม่ได้รักกัน
ทำเป็นไม่แคร์ ไม่ว่าจะถูกโดเกลียดยังไง หลายครั้งที่ยูอยากหนีไปให้พ้น
แต่ใจก็สั่งให้ต้องกลับมาอยู่จุดเดิม รู้มั้ยทรมานแค่ไหน อึดอัดจนแทบหายใจไม่ออก
จนบางครั้งยูคิดอยากจะหยุดหายใจและหายไปจากโลกนี้”

ยูฟ่าสะอื้นจนตัวโยน

“ไม่นะยู อย่าพูดแบบนี้ อย่าคิดจะหายไป จะไม่มีอะไรแบบนั้นอีก โดจะดีต่อยู
เพราะยูเป็นหัวใจเป็นชีวิตของโด สัญญาแล้วนะว่าจะไม่ทิ้งกัน…ยูต้องทำตามสัญญา
อย่าหลอกกัน เราจะผ่านมันไปได้ เราจะไม่ปล่อยมือกันแล้วนะ”

 สองพี่น้องกอดกันร้องไห้ระงม

เสียงสะอื้นไห้มันบาดลึกลงไปในหัวใจของคนเป็นแม่ นานแค่ไหนแล้วที่ลูกของเธอ
ต้องพบเจอกับความเจ็บปวดทางใจแบบนี้ ความรวดร้าวที่ทั้งสองต้องเผชิญ
และแบกรับมันไว้จนท่วมท้นหัวใจ

แม่อย่างเธอคงทำได้เพียง…ทำเป็นไม่รู้ไม่เห็นและไม่ได้ยิน
เป็นทางออกเดียวที่จะทำเพื่อลูกที่เธอรักที่สุด  อุไรถอนหายใจอย่างหนักหน่วง
และเท้าคู่นั้นของเธอก้าวห่างจากหลังบานประตูออกมาและหันหลังให้กับบุตรชายทั้งสอง


วันนี้ยูฟ่ายังคงไปเรียนตามปกติเหมือนเช่นทุกวัน แต่ที่ไม่ปกติคือใจที่คอยแต่ห่วง
พะวงกับยูโด จนกระทั่งสมาธิในการเรียนไม่ค่อยดีนัก เพื่อนสนิทสามคนสังเกตเห็นจนได้
และต่างมองหน้ากัน 

เมื่อทานมื้อกลางวันเสร็จแทนที่ใครจะได้ถามไถ่อะไรออกไป ยูฟ่าก็รีบหลบไปคุยโทรศัพท์
แต่พอกลับเข้ามาอีกทีก็พบกับสายตาคาดคั้นของผองเพื่อนที่พุ่งตรงมา

“ยูมีอะไรที่พวกเรายังไม่รู้ใช่มั้ย จะบอกดีๆ หรือต้องให้พวกเราสืบกันเอง”
แกมม่า เพื่อนตัวเล็กผิวขาวใสที่สนิทมากที่สุดในกลุ่มเอ่ยถาม
ยูฟ่ามองทุกคนที่จ้องเขม็ง จึงถอนหายใจและยอมเปิดปาก

“เอ่อ..ก็ว่าจะเล่านั่นแหละ คือเรื่องมันเป็นอย่างนี้ ยูโดประสบอุบัติเหตุ
อยู่โรงพยาบาล เราต้องไปเฝ้าและให้คุณแม่กลับไปพักตอนกลางคืนน่ะ”
ยูฟ่าเล่าแค่พอให้เพื่อนคลายความสงสังลง

“อ้าว! ดีกับมันแล้วเหรอ น้องเลวๆ แบบนั้นน่ะ”
แกมม่าถามกลับทันที ยูฟ่าหน้าเจื่อนด้วยกลุ่มเพื่อนรู้ดีที่ว่าความสัมพันธ์
ระหว่างพี่น้องฝาแฝดของพวกเขามันไม่ดีนัก

“อืม อย่าไปว่าโดมันเลยนะแกม” ยูฟ่าพูดเสียงอ่อน

“ยูแกลืมที่มันทำกับแกแล้วหรือไง ทั้งก้าวร้าว ทั้งไม่เคยเห็นหัวใคร
 เจอหน้าถ้าไม่กระแทกของใส่ มันแทบจะเอาน้ำสาดไล่พวกเราเลยนะ
 ไอ้นิสัยแย่ๆ นั่นน่ะ”

แกมม่ายังฉุนไม่หายเมื่อพูดถึงแฝดน้องของเพื่อน เขาไม่เคยลืมว่าแฝดนรก
นั่นทำเพื่อนเขาร้องไห้จนนับครั้งไม่ถ้วน

“เรื่องที่มันแล้วก็ให้แล้วไปเถอะ นะแกม” ยูฟ่าพูดสีหน้าจืดเจื่อน

“โว๊ะ! ยูก็เป็นซะแบบนี้ ใจอ่อนอยู่เรื่อย”
เจแปนเป็นอีกคนที่ยังขุ่นเคืองอยู่ไม่น้อย

“แล้วมันเป็นมากเลยเหรอ ถึงขนาดทั้งคุณแม่และยูต้องเปลี่ยนกันไปเฝ้าน่ะ”
 เคมีเพื่อนตัวหนาสุดในกลุ่มถามขึ้นจากที่เงียบฟังมานาน

“ก็ตามองไม่เห็น ต้องรอลุ้นกันอีก”
 ยูฟ่าบอกไปเสียงเครือๆ เขายังโกรธตัวเองที่เป็นต้นเหตุของการบาดเจ็บในครั้งนี้ของแฝดน้อง

“ถึงขนาดตาบอด งั้นยูก็ต้องเหนื่อยกับคนขี้โมโหนั่นต่อไปอีกละสิ”
เคมีไม่วายค่อนแคะอยู่ดี 

“ไม่เหนื่อยเท่าไหร่หรอกเค โดก็พยายามเรียนรู้ที่จะทำอะไรเองหลายอย่างอยู่เหมือนกัน
 อีกอย่างที่โดเป็นแบบนี้เพราะช่วยเราไว้ เราเป็นคนทำให้โดต้องเป็นแบบนั้น”

ยูฟ่าตัดสินใจพูดออกมา เขาไม่อยากให้เพื่อนมองคู่แฝดของเขาว่าเป็นตัวปัญหาอีกแล้ว

“ห๊ะ! มันยังไง” เพื่อนสามคนผสานเสียง ด้วยไม่อยากจะเชื่อ
ยูฟ่าเล่าเหตุการณ์ในคืนนั้นทั้งหมดให้เพื่อนๆ ฟังอย่างไม่มีปิดบัง

ระหว่างที่เล่าก็มีคำสบถและคำด่าทอออกมาจากปากของทั้งสามคนตลอด
จนเมื่อเล่าจบและคนที่เป็นต้นเหตุแห่งเรื่องมาเดินให้เห็นเคมีจึงไม่คิดจะปล่อยผ่าน
เขาถลันไปคว้าคอเสื้อของกวิน ท่ามกลางเสียงแตกตื่นและคนที่ผ่านมาเห็นเหตุการณ์
เคมีพุ่งกำปั้นหนักๆ สามสี่หมัดไปยังใบหน้าของชายรูปหล่อที่สาวๆ ต่างชมชอบ
จนเลือดกบปาก เจแปนพุ่งเข้าไปรวบตัวเพื่อนและกันออกห่าง
แกมม่าเข้าไปช่วยล็อกแขนเคมีไว้อีกแรง

“ปล่อยสิวะ พวกมึงจะห้ามกูทำไม มันต้องโดน กูจะเอาเลือดชั่วมันออกอีก ปล่อย!”
เคมีฮึดฮัดและดึงดันจะเข้าไปเล่นงานกวินซ้ำอีกหน ใบหน้าคมคายบูดบึ้ง
เส้นผมที่หยักศกเป็นลอนสวยบัดนี้ยุ่งเหยิง

“อย่ามีเรื่องกันเลยเค ปล่อยเขาไปเถอะ คนแบบนี้แลกไปก็เปล่าประโยชน์”
 เป็นเสียงที่รั้งให้เคมีหยุดหัวร้อนลงได้บ้าง แต่ไม่ทั้งหมด

“ถ้ามึงยังไม่เลิกยุ่งกับยู มึงเจอดีแน่ ไอ้ชั่ว”
เคมียกเท้าขึ้นเตะลมด้วยว่าอารมณ์ยังไม่สงบเสียทีเดียว ซึ่งต่างจากคนที่โดนต่อย
ที่ยังคงมีสีหน้าเย้ยหยันและยิ้มกวน

“เหอะ! ไอ้อ่อนอย่างมึงเป็นได้แค่หมาเห็นปลากระป๋องแหละวะ
ยูเป็นแฟนกู เรายังไม่ได้เลิกกัน แค่เข้าใจผิดกันนิดหน่อยก็แค่นั้น จริงมั้ยครับยู”

กวินเยาะเย้ยและถากถางเคมีไปพร้อมๆ กัน แถมหันไปพูดกับยูฟ่าเหมือนเรื่องที่ทำไปนั้น
เป็นแค่เรื่องเล็กๆ น้อยๆ สร้างความขุ่นเคืองให้กับคนที่บอกเพื่อนให้ใจเย็นแต่เขากลับเย็นไม่ลง

“เข้าใจผิดงั้นเหรอ แล้วหางที่โผล่กับเรื่องที่มันแดงนี่ล่ะ ยังไม่ชัดเจนอีกหรือไง
จบกันตรงนี้เถอะกวิน อย่าข้องเกี่ยวกันอีก”

ยูฟ่าพูดน้ำเสียงเรียบนิ่ง พยายามสะกดกั้นอารมณ์ ยูโดเป็นหนักขนาดนั้น
กวินยังมีหน้ามาพูดว่าเป็นเรื่องเข้าใจผิดใครยังหลงเชื่ออีกก็โง่บรมโง่แล้ว

“ยู นั่นมันเรื่องเข้าใจผิดจริงๆ นะ มันเป็นอุบัติเหตุที่คู่แฝดยูโดน
 การแข่งขันก็เป็นแบบนี้ที่มันก็ต้องมีพลาดกันบ้าง ยูไม่เคยไปดุูแข่งสนามจริงไง
ยูถึงไม่รู้ วินไม่ได้รู้เรื่องอะไรด้วยเลย เชื่อวินเถอะนะ”

 กวินรีบพูดสีหน้าเผือดซีดเมื่อเห็นดวงตาคู่สวยที่บัดนี้ไหวระริกและยังกำหมัดแน่น

“หุบปากเน่าๆ ของมึงซะ ไอ้บัดซบ! ทำเรื่องน่าละอายขนาดนั้นยังตีหน้าซื่อได้อีก
อยากให้คนรู้กันทั้งมหา’ลัยเลยใช่มั้ย กูจัดให้มึงได้นะ ถ้ามึงยังขืนปั้นน้ำเป็นตัวมาพูด
ให้ยูฟังอีก ชาติชั่ว!”

 เจแปนโพล่งออกไปอย่างเหลืออด นึกเสียดายที่ไปแยกเคมีออกมาเร็วไปหน่อย มันน่าจะโดนหนักกว่านี้

“นี่มหา’ลัยนะเจ ใจเย็นๆ  ปล่อยให้มันบ้าน้ำลายไป ไม่กี่ชั่วโมงเราต้องไปเป็นพยาน
ให้ไอ้เคมัน นู้นไงพวกถ่ายคลิปกันแล้ว ไปกันเถอะยู ขืนอยู่เรื่องมันคงไม่จบแค่นี้”

 แกมมาเอ่ยเตือน พลางเสยผมที่ปรกหน้าขึ้นก่อนจะดันเพื่อนให้ออกเดิน
 ปากบางเหยียดยิ้มอย่างดูแคลนกวิน คนอย่างกวินไม่คู่ควรกับยูฟ่าตั้งแต่แรกแล้ว
 เขาเคยห้ามเพื่อนหลายครั้งหลายหนแล้วแต่เจ้าตัวก็พูดแค่ว่า

‘เออน่ะแกม แค่คบๆ ไปอย่างนั้นเองแหละ ไม่ได้ชอบมันจริงจังสักหน่อย สบายใจได้’
 แกมม่าเชื่อที่เพื่อนบอก ดูอย่างตอนนี้ไม่มีทีท่าว่าเพื่อนของเขาจะเสียใจหรือผิดหวังใดๆ
 กับการต้องเลิกรากัน นอกจากดวงตาคู่สวยที่เฉยชาให้เห็นเพียงเท่านั้น




หัวข้อ: Re: incest : บาปร้ายในบ่วงรัก ตอนที่ 3 ลงแล้วน๊าาา :)
เริ่มหัวข้อโดย: azure ที่ 25-05-2019 09:57:28
พ่อไปมีคนอื่นเหรอ ถ้าจริงก็สงสารแฝดกับแม่ ชีวิตรันทดจริง :mew6:
หัวข้อ: Re: incest : บาปร้ายในบ่วงรัก ตอนที่ 4 พรากจาก
เริ่มหัวข้อโดย: เส้นขอบฟ้า ที่ 27-05-2019 08:32:12
ตอนที่ 4 พรากจาก

ยูฟ่าเข้าไปที่บ้านเพื่อเอาหนังสือไปคืนเพื่อน เขารอจังหวะที่ยูโดหลับจึงปลีกตัวออกมา
และนั่นทำให้เขาได้รับรู้เรื่องราวหนึ่งโดยไม่ได้ตั้งใจ

“อุไร ยังไงผมก็ไม่หย่า อย่าพยายามเลย คุณมีหน้าที่อะไรก็ทำของคุณไป
เงินทองผมก็ให้เหมือนเดิม ไม่มีอะไรเปลี่ยน คุณยังต้องการอะไรอีก”

พ่อพูดเสียงดังฟังชัดทุกถ้อยคำ กับอีกเสียงที่พูดด้วยน้ำเสียงร้าวราน

“ฉันไม่ได้ต้องการเงินพวกนั้น คุณมันก็ไอ้คนมักมาก ฉันเหมือนคนหูหนวกตาบอด
 ถ้าเพื่อนไม่หวังดีบอกให้รู้ ไม่ส่งรูปมาให้ดู ฉันก็คงจะมีเขาบนหัวไปอีกนาน
 พอเถอะพงศกร ฉันไม่ทนแล้ว หย่าให้ฉัน”

“นั่นแค่คู่นอน คุณจะอะไรนักหนา ใครๆ เขาก็มีกัน ผมจะไม่หย่าให้คุณ เรื่องนี้เราจะไม่พูดถึงมันอีก”

“พงศกรคนเห็นแก่ตัว ฉันทำอะไรผิด ถึงปล่อยฉันให้พ้นจากวงเวียนอุบาทว์ของคุณ
กับผู้หญิงหิวเงินนั่นไม่ได้ มันยากอะไรกับแค่เซ็นหย่า อย่าคิดว่าไอ้ทะเบียนสมรสนั่น
จะมีผลกับชีวิตของฉัน มาพูดกันให้รู้เรื่องเดี๋ยวนี้นะ กลับมา”

เสียงกระแทกประตูดังโครมครามตามมา พร้อมกับเสียงร้องไห้ของแม่ที่บาดลึก
เข้าไปในหัวใจของคนเป็นลูก แม่ที่กำลังทุกข์ทรมานด้วยน้ำมือของคนที่รัก

“คุณแม่ขา ลูกขอกลับบ้านเรานะค่ะ พอแล้ว ขอโทษที่ไม่เคยเชื่อฟัง
 รอให้ยูโดกลับมามองเห็นก่อนค่ะ ขอบคุณนะคะที่ยังต้อนรับลูก ขอบคุณจริงๆ”

เสียงมารดาที่คาดว่าคุยโทรศัพท์ ทำให้ยูฟ่าตัวชา คุณแม่จะไปจากบ้านหลังนี้
ท่านอยู่เพื่อรอเวลาเท่านั้นเอง บ้านที่เป็นศูนย์รวมแห่งครอบครัว บ้านจะมีความหมายอะไร
เมื่อผู้หญิงที่ยอมทิ้งทั้งหน้าที่การงานและสังคมเพื่ออยู่ดูแลคนที่เธอรัก แต่ความรักมันสูญสิ้น
เพราะผู้ชายที่ชื่อว่าเป็นสามี

‘คุณแม่อย่าเศร้าเลย ยูจะไปกับคุณแม่เอง’
ยูฟ่าตัดสินใจในทันที เขาหันหลังออกมาจากบ้าน หัวใจสั่งให้เท้าก้าวเดิน
…กลับไป …ใช้เวลาที่เหลืออย่างคุ้มค่า…ก่อนจะต้องแยกจากกัน


วันนี้เป็นวันที่แพทย์นัดเปิดตาของยูโดจากที่เข้ารับการผ่าตัดเมื่อครั้งก่อน นาทีที่รอคอยมาถึง
เปลือกตาที่ขยับยกขึ้นอย่างช้าๆ มันตรึงทุกสายตาให้เพ่งมองไปที่ร่างนั้น ทั้งเขาและแม่รวม
ทั้งกลุ่มเพื่อนของยูโดที่ยืนเรียงกันไม่ห่าง ต่างลุ้นจนสุดตัว และดวงตาสีน้ำตาลเข้มทอประกาย
มีชีวิตชีวาต่างจากครั้งแรก ยูฟ่าเผยอริมฝีปากและยิ้มกว้าง

“ผมมองเห็นแล้วครับคุณหมอ คุณแม่ ยู และทุกๆ คน”
สิ้นสุดคำพูดของคนไข้ จักษุแพทย์วัยกลางคนจึงขยับแว่นและพยักหน้า เมื่อผลการรักษาออกมาตามคาด

“หมอยินดีด้วย แต่ระหว่างนี้ห้ามก้มเงยมากๆ หรือยกของหนักๆ นะครับ”

“ขอบคุณมากๆ เลยค่ะคุณหมอ ขอบคุณจริงๆ ”
มารดายิ้มทั้งน้ำตาก่อนที่จะเดินไปโอบกอดลูกชายไว้ ยูฟ่าเข้าไปสวมกอดด้วยอีกคน
สามคนแม่ลูกกอดกันกลม หลังจากนั้นกลุ่มเพื่อนต่างก็เข้าไปแสดงความยินดีกันยกใหญ่

“ดีใจที่สุดเลย พ้นจากโลกมืดซะทีนะมึง” ขนมยิ้มจนเห็นฟันขาวเรียงตัวสวย

“อืม ขอบคุณทุกคนที่ไม่ทิ้งกัน” เสียงพูดคุยดังอยู่พักใหญ่ๆ ก่อนที่กลุ่มเพื่อนจะพากันกลับออกไป


ยูโดยังต้องอยู่โรงพยาบาลต่ออีกวัน หากไม่มีอะไรแทรกซ้อนจึงจะกลับบ้านได้
ตอนนี้ภายในห้องเหลือเพียงสองพี่น้องเท่านั้นเมื่อมารดากลับไป

“ยูเป็นอะไร ไม่ดีใจเหรอที่โดกลับมามองเห็น”
 ยูโดกุมมือของแฝดพี่ไว้ เขาจ้องเข้าไปในแววตาที่แสนเศร้า

“ดีใจมากๆ เลยต่างหากล่ะ ทำไมโดถามแบบนั้น” ยูฟ่าเลิกคิ้ว

“ก็ยูดูเศร้าๆ มีอะไรที่โดยังไม่รู้หรือเปล่า หืม”

ยูโดจับปอยผมที่ปรกข้างแก้มขึ้นทัดหลังใบหู นวลแก้มเปล่งจนเห็นเลือดฝาด
เขาอดใจไม่ไหวจึงกดปลายจมูกลงไปและสูดหายใจลึก ยูฟ่าทำเป็นเบี่ยงหน้าหนี
ทำทีว่าเขินอายแต่เป็นการซ่อนแววตาที่เขาไม่เคยปกปิดอะไรใครได้เลย

ทุกอารมณ์ความรู้สึกมันสะท้อนออกมาทางแววตาเสมอ ไม่ว่าจะรัก เกลียด
หรือแม้แต่ตอนนี้ที่กำลังบ่งบอกว่าภายในใจกำลังแสนเศร้า

‘เวลาที่เราจะอยู่ด้วยกันเหลืออีกไม่มากแล้วนะโด ยูจะจดจำช่วงเวลานี้ของเราเอาไว้ อย่าลืมกันนะ’

“เมื่อคืนยูนอนน้อยไปหน่อย กังวลแทนโด ลุ้นมากๆ เรื่องผลการรักษา ไม่มีไรหรอก
คืนนี้แหละจะเป็นคืนที่ยูหลับได้สนิทเสียที”
ยูฟ่ายิ้มกว้างเพราะช่วงเวลาแบบนี้มันมีค่า ไม่ควรปล่อยให้สูญเปล่า

“โอเค โดเชื่อยูก็ได้ครับ”
 ยูฟ่าถูกรวบตัวเข้าไปหาอกแกร่งและจมูกโด่งนั้นก็จรดลงกลางกลุ่มเส้นไหมนุ่มนิ่มสีน้ำตาลเข้ม
 เป็นการแสดงออกที่นุ่มนวลอบอวลและไออุ่นกรุ่นถึงหัวใจ ยูฟ่ากระชับกอดอีกคนไว้มั่น

 เขาบอกตัวเองให้จดจำทุกอย่างต่อจากนี้เอาไว้ จดจำไปเผื่อในวันข้างหน้า

“ขอบคุณนะยูที่ดูแลโดอย่างดี ยูไม่ต้องเหนื่อยกับโดอีกแล้ว ต่อไปโดจะดูแลยูเองนะ”
 เป็นเหมือนคำสัญญาจากปากของชายตัวโต

“อื้ม”
ยูฟ่าพยักหน้ากับบ่ากว้าง ดวงตาไหววูบและเม้มแน่นเพื่อไม่ให้หลุดความอ่อนแอออกมา

‘ขอโทษ ยูจะกลับมาให้โดดูแล…ถ้าหากวันนั้นมีอยู่จริง’

ยูโดกลับมาพักฟื้นร่างกายจนหายดี ถอดเฝือกและสายรัดหัวไหล่ออกแล้ว
เขากลับไปเรียนตามเดิม ตอนนี้พวกเขาเรียนมหา’ลัยปีสอง เขาเรียนบริหารธุรกิจ
สาขาการตลาด ส่วนยูฟ่าเรียนบริหารธุรกิจแต่เอกบัญชี สิ่งหนึ่งที่เปลี่ยนไปคือ
พี่น้องฝาแฝดที่ตัวติดกันอย่างกับเงา หากเจอใครคนใดคนหนึ่งที่นอกเวลาเรียนก็ต้อง
เห็นอีกคนด้วยเสมอ

กลุ่มเพื่อนของทั้งสองกลายเป็นเพื่อนร่วมก๊วนเดียวกันอย่างไม่ต้องสงสัย
และโดยที่ไม่ได้มีสัญญาณเตือนใดๆ ให้ยูโดได้ล่วงรู้มาก่อนเลยว่าจะมีวันที่
เขากลับเข้าบ้านแล้วพบว่า…แม่และพี่ชายฝาแฝดหายตัวไป

ยูโดเดินพล่านหาจนรอบบ้าน โทรไปก็ปิดเครื่อง ใจหวาดหวั่นอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน
และสิ่งที่เขากลัวมาตลอดก็เกิดขึ้นจนได้

…จดหมายเพียงฉบับเดียวที่เป็นลายมือของยูฟ่าที่วางไว้ใต้หมอน ข้อความที่เขียนเพียงสั้นๆ

‘โดที่รัก ยูต้องไปทำหน้าที่ของลูก ดูแลตัวเองให้ดี รักตัวเองให้มาก อย่าตามหา หากเราเกิดมาเพื่อคู่กัน
 โลกจะโคจรให้เราได้กลับมาเจอกันอีก เมื่อครั้งนั้นมาถึงยูจะยอมให้โดดูแล อย่างที่โดได้เคยบอกไว้นะ
 หากว่ายังต้องการกันอยู่…รักโดมากที่สุด’

ยูโดประคองจดหมายฉบับนั้นด้วยมืออันสั่นเทา จรดริมฝีปากไปบนแผ่นกระดาษ
นั้นเสมือนเป็นตัวแทนของยูฟ่าและกดแนบไว้กับแผ่นอกใกล้ตำแหน่งหัวใจ
สิ่งนี้เป็นสิ่งเดียวที่มันจะผนึกแน่นอยู่ในหัวใจของเขาอย่างไม่มีวันเสื่อมคลาย

“รักยูที่สุดเหมือนกัน อย่าลืมว่าต้องกลับมา โดจะรอจนลมหายใจสุดท้าย กลับมานะยู”

กว่ายูโดจะเค้นเสียงให้หลุดออกมาจากริมฝีปากได้ น้ำตาลูกผู้ชายก็ไหลรินลงมาเป็นสาย
หัวใจเหมือนถูกบีบเคล้นให้แหลกละเอียดลง

‘การจากเป็นเขาว่ากันว่ามันดีกว่าการจากตาย พอเจอกับตัวเองแบบนี้
 อย่างไหนก็ไม่ดีทั้งนั้นเพราะมันทรมานเหลือเกินแล้ว’

ข้าวของเครื่องใช้อยู่เกือบครบ เสื้อผ้าในตู้ยังมีอีกกว่าครึ่ง เตียงนอนยังคงกรุ่นกลิ่นกาย
ของเจ้าของห้อง กลิ่นที่วันหนึ่งมันจะจางลงทีละน้อย จนวันหนึ่งก็จะหมดไป

ยูโดทอดตัวลงนอนบนเตียงที่ตลอดหลายคืนที่ผ่านมาเขานอนบนนี้ข้างๆ กัน
เพื่อที่ว่าตอนเช้าได้ตื่นมาและเห็นอีกคนที่ซุกซบอยู่ที่อกของเขา

…ช่วงนาทีนั้น ความสุขนั้น …ไม่มีอีกแล้ว

‘หมาอ้วน อย่าแกล้งสิ ยังเช้าอยู่เลย…ขอยูอีกหน่อยนะ’
 ยูฟ่าเป็นคนขี้เซา หลับได้ทุกทีตรงที่เย็นๆ ยิ่งมีลมพัดโชยยิ่งเคลิ้มตาปรอย
 หากเขาอยู่ใกล้เจ้าตัวจะทิ้งศีรษะลงมาซบที่หัวไหล่ครั้ง

‘แมวเซาเอ้ย ก็ได้ๆ ยอมให้นอนก็ได้ ถ้ายูจะ..’
เขามักตั้งเงื่อนไข แต่คนอยากนอนรู้ทันจะรีบฉกริมฝีปากบางและนุ่มหยุ่นที่คาง
ของเขาก่อนที่เขาจะพูดจบ จนคนตั้งเงื่อนไขอดไม่ได้ที่จะจุดรอยยิ้ม
แมวขี้เซาก็จะมุดศีรษะทุยเข้ามาซุกที่อกเขาและหลับได้อีกตามที่ขอ



หลายวันต่อมาเมื่อผู้เป็นพ่อกลับมาบ้าน ทุกเรื่องราวที่เป็นปริศนาก็ได้ถูกเผยจากปากของท่าน

“ไปแล้วจริงๆ สินะ เขาจ้องแต่จะขอหย่า แค่ฉันมีคนอื่นมันผิดอะไรนักหนา บอกแล้วว่าทุกอย่าง
ยังคงเดิมก็ไม่ฟัง ทำให้เป็นเรื่องใหญ่เรื่องโตไปได้ แล้วนี่ยังจะพาเจ้ายูไปอีก ไม่ดูเลยว่าลูกยังต้องเรียน
 คิดกันได้แค่นั้นจริงๆ รึไง?”

ยูโดนิ่งฟังถ้าเป็นเมื่อก่อนพ่อคงไม่ได้พูดจบประโยคโดยที่เขาอยู่ฟัง แต่ตอนนี้เขาล้าเกินจะขัดแย้ง
แถมยังต้องรับรู้เพิ่มเติมอีกว่าพ่อเป็นต้นเหตุของเรื่อง ตอนนี้เขาทำได้เพียงนิ่งเฉย อยากจะพูดอะไร
ก็ปล่อยให้พูดไป พ่อพูดอย่างคนเห็นแก่ตัว เห็นแก่ได้

ลองพ่อมาเป็นแม่บ้างคงทำไม่ต่างจากท่าน หรืออาจจะทำยิ่งกว่าเสียอีก

“แกจะโกรธจะเกลียดฉันก็ไม่ว่า แต่มีอย่างหนึ่งที่อยากจะบอก แกต้องเรียนให้จบ
แล้วเข้ามาช่วยงานที่บริษัท วันหนึ่งเมื่อแม่อุไรและเจ้ายูกลับมาแกจะได้ดูแลสองคนนั้น
หากวันนั้นไม่มีฉันอยู่แล้ว”

ยูโดเงยหน้าขึ้นมอง พบแววตาหม่นแสง น้ำเสียงสิ้นหวัง เขาไม่คิดว่าจะได้เห็นอีกแง่มุมนั้นของท่าน
ที่แสดงออกมาว่าเสียใจ

‘คนอย่างพ่อ สิ้นหวังและรู้สึกผิดเป็นกับใครเขาด้วยรึไง ไม่อยากจะเชื่อเลย’

“แกไม่ต้องคิดตามหาสองคนนั้น เพราะต่อให้แกพลิกแผ่นดินหา แกก็ไม่มีทางที่จะหาเจอ
 ครอบครัวของอุไรลึกลับยิ่งกว่าอะไรเสียอีก ฉันเองยังไม่เคยล่วงรู้อะไรเกี่ยวกับเขาเลยเพราะ
เขาไม่ต้องการที่จะให้รู้ แกจะได้เจอสองคนนั้นเมื่อเขาอยากให้เจอ เชื่อฉัน”

พ่อพูดจบก็ยกมือนวดคลึงขมับ ส่วนเขาทำเพียงมองเหม่อออกไปนอกรั้วบ้านอย่างมีความหวัง
ความหวังเดียวที่ดูจะเลือนราง

‘แม่ครับ เข้มแข็งไวๆ แล้วช่วยพาดวงใจของผมกลับมาที ผมรออยู่ตรงนี้นะ’



ยูโดเปลี่ยนไปจากเดิม เขากลับมาตั้งใจเรียน มุ่งมั่น รอวันที่เขาจะได้เจอกับแม่และยูฟ่า
ตามความเชื่อเดียวที่ทีเหลืออยู่ หากวันนั้นมีจริงเขาจะดูแลทั้งสองคน ไม่ปล่อยให้ไปไหนอีก
เพื่อนๆ ต่างเห็นใจที่ได้รับรู้เรื่องนี้และไม่มีใครเอ่ยถึงยูฟ่า เพราะรู้ว่าจะทำให้เขาเศร้ามากกว่าที่เป็น
แต่แล้วเพื่อนตัวบางของเขาก็พูดขึ้นอีกจนได้ในตอนสายของวันหนึ่ง

“ยูโด นายจะโกรธเกลียดเรา เลิกคบเราเป็นเพื่อนก็ได้ แต่สิ่งหนึ่งที่เราอยากจะบอกนาย
เราขอโทษแทนแม่ของเรา ที่ทำให้ครอบครัวของนายเดือดร้อน เราขอโทษนะโด”

ธาวินพูดไปพร้อมกับน้ำตา เพื่อนตัวเล็กที่นิสัยดี วันๆ นอกจากตั้งใจเรียนแล้ว
ยังต้องทำงานพาร์ทไทม์ส่งตัวเองเรียน แถมมีพ่อที่ไม่เอาไหน ขี้เหล้าและมักจะตบตีลูกเสมอ
อย่างนี้แล้วเขาจะกล้าโกรธและตัดมันจากความเป็นเพื่อนได้ยังไง กับเรื่องที่ผู้ใหญ่สองคนได้ทำลงไป

“เลิกร้องเถอะธาม นายไม่ผิด อีกอย่างแม่ของนายท่านก็ไม่เคยมาดูดำดูดีนายเลย
 นายจะไปพูดถึงทำไม เราไม่โกรธนายหรอก ช่างเถอะอย่าใส่ใจเลย”

ยูโดพูดและนั่นทำให้เพื่อนๆ ที่รายล้อมอยู่ดึงเพื่อนตัวเล็กไปกอดและลูบหลังเพราะรู้ว่า
เพื่อนเขามันเป็นคนอ่อนไหว นี่ก็เป็นข่าวใหม่ที่เพิ่งรู้ว่าผู้หญิงที่เข้ามาพัวพันจนครอบครัว
เขาแตกแยกคือแม่ของธาวิน เพื่อนที่น่าสงสารที่มักจะมาเรียนพร้อมรอยฟกช้ำตามใบหน้าและมุมปาก

‘ไม่ต้องอยู่แล้วบ้านนั้นน่ะธาม ออกมาเถอะ พ่อมึงเขาเก่ง ปล่อยให้เขาอยู่คนเดียวไป
 มึงไม่ใช่กระสอบทรายนะเว้ย ซ้อมอะไรกันได้ทุกวัน บ้านกูมีห้องว่างเยอะแยะ มึงมาอยู่กับกูได้’
 ฟีนิกซ์พูดทุกครั้งที่เห็นร่องรอยบนใบหน้าของเพื่อน

‘ไอ้ธาม มึงมันเป็นโรคจิตหรือเปล่าว่ะ รู้ว่ากลับบ้านไปก็ไม่พ้นโดนมือโดนตีน มึงยังจะกลับไปอีก’
โชกุนเป็นอีกคนที่เอือมระอาที่จะพูด ได้แต่หาซื้อยามาให้เพื่อน

‘ธามถ้าไม่ไหวก็ร้องไห้ออกมา บ่ากูว่าง พ่อมึงจะอะไรนักวะ แค่มึงหน้าเหมือนแม่มึง
 พ่อมึงแทบจะฆ่ามึงเลยเหรอ’ ขนมดึงเพื่อนเข้ามากอดและลูบหลัง

แทบจะทุกวันที่ยูโดต้องมารับรู้เรื่องของธาวิน เขาสงสารเพื่อนจนไม่รู้จะช่วยยังไงแล้วเหมือนกัน
เมื่อมันพูดแต่เพียงว่า

‘เราเป็นห่วงพ่อ ไปให้เขาเห็นหน้าหน่อย ให้ตบสักทีสองทีเดี๋ยวเขาก็หลับไปเอง’

ธาวินก็เป็นเหยื่อของปัญหาการหย่าร้าง มาจากครอบครัวแตกแยกเหมือนกัน เขาจะไปโกรธมันลงได้ยังไง




หัวข้อ: Re: incest : บาปร้ายในบ่วงรัก ตอนที่ 5 ฟีนิกซ์ ~ ธาวิน (ห่วงใย)
เริ่มหัวข้อโดย: เส้นขอบฟ้า ที่ 27-05-2019 08:53:17
ตอนที่ 5  ฟีนิกซ์~ธาวิน # ห่วงใย

ฟีนิกซ์เดินลงมาชั้นล่างของตัวบ้าน เขามองออกไปหน้าบ้านตรงมุมประจำของมารดา
พบว่าท่านกำลังตัดแต่งกิ่งไม้อยู่ ท่านมีความสุขกับไม้พันธุ์หลากหลายที่คุณพ่อหามาฝากเสมอ
พ่อของเขาเป็นป่าไม้จังหวัดท่านประจำอยู่ทางภาคเหนือ ท่านกินอุดมการณ์มากกว่าเงิน
ด้วยฐานะทางบ้านมีอันจะกินอยู่ก่อนแล้ว คุณแม่จึงอยู่ได้อย่างสบาย

“หนิกลูก คืนนี้ทำงานอีกแล้วเหรอ คุณแม่เหงานะคะ เมื่อไหร่จะมีแฟนมาให้แม่สักคน
 แม่จะได้ลืมๆ ไปว่ามีลูกชายที่ขี้งกทำแต่งาน ไม่รู้จะเอาไปไว้ไหนแล้วเงินน่ะ
แม่ไม่ได้เลี้ยงให้ลูกลำบากเลย อยากได้อะไรก็แค่บอก นี่คุณพ่อโทรมาทุกวันเลย
ว่าเมื่อไหร่ลูกจะอยู่ติดบ้านบ้าง”

คุณซ่อนกลิ่นหยุดมือจากต้นไม้ใบไม้ หันมาร่ายยาวใส่ลูกชายเพียงคนเดียวของนาง

“คุณแม่ครับ ที่ไปทำงานทุกวันก็เพราะต้องไปเฝ้าว่าที่ลูกสะใภ้คุณแม่ไงล่ะครับ นะๆ
เดี๋ยวถ้าลูกจีบติดจะพามากราบเลยเอ้า” ลูกชายแย้มให้มารดามีลุ้นไปด้วย

“หืม ระดับลูกแม่ยังต้องจีบอีกเหรอคะ ชอบใครล่ะ แม่ไปคุยให้ไหมล่ะ รับรองต้องยอมเป็นแฟนลูกแน่ๆ”
 คุณซ่อนกลิ่นขันอาสายิ้มๆ

“อย่าเลยครับ ผมขอใช้ความสามารถของตัวเองก่อน” ฟีนิกซ์เข้าไปกอดประจบมารดา

“ตามใจนะ ถ้าไม่ไหวก็บอก เดี๋ยวแม่ช่วยเต็มที่”

 มารดาคลี่ยิ้มมุมปาก นางรู้รสนิยมของลูกชายดี ยังไงชาตินี้ไม่ได้อุ้มหลานเป็นแน่
 เพราะลูกชายเคยสนเสียที่ไหนล่ะผู้หญิง ยิ่งคนที่ไปเฝ้าอยู่ทุกวันยิ่งเป็นเอาหนัก
 รอแค่ให้ลูกชายตัวดีพาเข้ามาแนะนำเท่านั้น แต่จนแล้วจนรอดก็ปาเข้าไปเป็นปีแล้วก็ไม่เห็นจะมีวี่แวว

“ไปทานข้าวกันครับ ป้าอบมาชะเง้อมองแล้วนะฮะ”
ฟีนิกซ์ชวนมารดาให้เข้าบ้านด้วยแดดเริ่มร้อนแล้ว เขายืนตรงนี้แป๊บเดียวเหงื่อก็แข่งกันผุดจนไรผมเปียก

“ไปสิลูก แต่แม่ยังไม่ค่อยหิวเท่าไหร่เลย อีกสองวันคุณพ่อจะกลับบ้าน อยากได้อะไรไหม?”
มารดาถามและโอบเอวลูกชายพากันเข้าบ้าน

“ไม่ครับ ให้คุณพ่อกลับมาแบบตัวเบาๆ บ้างดีกว่า”

“เหอะๆ ทำอย่างกับทุกทีคุณพ่อจะไม่หากล้าไม้มาฝากแม่อย่างนั้นแหละ”

“นั่นสิครับ นี่เราต้องไปซื้อที่สักสิบไร่ ให้คุณพ่อย้ายป่ามาไว้ท่าจะดีนะ งานหลักเกษียณอายุ”

“แม่ว่าเราย้ายตามคุณพ่อไปอยู่ในป่าน่าจะง่ายกว่านะลูก” แล้วสองแม่ลูกก็พากันหัวเราะร่วน


ในระหว่างที่รับประทานอาหารอยู่นั้น ฟีนิกซ์ตัดสินใจว่าจะพูดเรื่องที่เขาไม่ได้ชอบผู้หญิง
 เพื่อที่มารดาจะได้ไม่คาดหวังกับเขาจนเกินไป

“แม่ฮะ ผม…เอ่อ ขอโทษที่คงหาสะใภ้ที่คุณแม่ถูกใจไม่ได้”
ฟีนิกซ์พูดและเอื้อมไปยกน้ำขึ้นมาจิบเป็นการลดอาการประหม่า

“อ้าว ทำไมล่ะ ไม่ต้องให้แม่ถูกใจหรอกค่ะ แค่เขาดีกับลูกและลูกรักเขาแค่นั้นก็พอแล้วนะ”
 คุณซ่อนกลิ่นยิ้มให้ลูกชาย วันที่ลูกจะยอมเปิดใจคงมาถึงแล้ว สีหน้าที่ทำกล้าๆ กลัวๆ
 และทำอมพะนำมานานนั่นอีก น่าแกล้งกลับจริงๆ

“ผมชอบ ผู้…เอ่อ ผู้ชายครับ”
พูดแล้วก็รีบก้มหน้าด้วยไม่รู้ว่าคนฟังจะรับได้มากน้อยเท่าไหร่ เขาไม่อยากเห็นความเสียใจ
และผิดหวังที่ฉายออกมาจากดวงตาคู่สวย ที่มองเขาด้วยความเอื้อเอ็นดูเสมอมา
 เขาไม่อยากให้ทุกอย่างเปลี่ยนไป…แต่ก็ถึงเวลาแล้วที่ท่านจำเป็นต้องรู้

“อ่อ…เหรอคะ” มารดาตอบรับสั้นๆ จนชายหนุ่มต้องรีบเงยหน้าขึ้น
 เขาไม่อยากเชื่อสายตาในตอนนี้เลยว่าจะพบกับดวงตาที่มองมาอย่างล้อๆ 

“คุณแม่ไม่ตกใจหรือว่าเสียใจหน่อยเลยเหรอครับ คิดว่าผมอำ?
 นี่ผมพูดเรื่องจริงอยู่นะที่บอกว่าชอบผู้ชายน่ะ”

ฟีนิกซ์พูดย้ำ แต่สายตาที่ท่านมองกลับมามีเพียงแววขบขำซะมากกว่า

“เอ…เรื่องจริงเรื่องไหนกันนะ เรื่องที่ว่าลูกยังไม่เคยบอกคนที่ไปเฝ้าว่ารักหรือชอบเลยสักครั้ง
 อ๋อ…เรื่องจริงที่เด็กคนนั้นทั้งตัวเล็กและน่ารักแต่ชีวิตจริงน่าสงสารหรือจะเป็นเรื่องจริงอะไรอีก
คะลูกชายที่คุณแม่ยังไม่ทราบน่ะ”

 ฟีนิกซ์อ้าปากค้าง จนเมื่อเห็นอาการกลั้นขำที่มารดาแสดงออกจึงลุกไปกอดและหอมแก้มท่านอย่างแสนรัก
 ความวิตกกังวลต่างๆ นานาหลายไปจนหมดสิ้น

“คุณแม่คนดีนี่ลูกก็เกร็งไปเถอะ กลัวไปหมด กลัวว่าจะทำให้คุณแม่ผิดหวังเสียใจและเสียน้ำตา
 แต่ดูสิคุณแม่เล่น สืบมาขนาดนี้ไม่ไปขอให้ลูกเลยล่ะครับ”

ฟีนิกซ์ถูกฟาดต้นแขนเสียงดังเพียะ เขาลูบแขนป้อยๆ เบะปากว่าเจ็บเสียเต็มประดา
 จนมารดาขำพรืดออกมาจนได้

“ทะเล้นนะเรา แม่ตีแปะเดียวมาทำสำออย …เอาอย่างนี้นะลูกชาย
 คืนนี้ไปพามานอนที่บ้านเราให้ได้ พรุ่งนี้เช้าแม่จะไปขอกับพ่อเขาให้
 ตกลงเป็นคนนี้แน่ๆ ใช่ไหม?”

มารดาพูดสีหน้าของท่านบ่งบอกว่าอารมณ์ดีจนปิดไม่มิด

“โอ้โห! นี่ยังไม่ทันไรก็จะให้ผมฉุดคร่าเขาแล้วเหรอครับ ไม่เอาน่าคุณแม่ คนนี้ผมรักจริงหวังแต่งเลยนะ”

“จ้ะอย่างนั้นก็รอคอย และลอยคอกันต่อไป ดีไม่ดีคนอื่นจะคว้าไปเสียก่อนถ้าไม่เฝ้าให้ดีๆ ลูกว่าไหม?”
มารดากระตุ้นลูกชายที่ออกอาการคิ้วกระตุกและทำท่าคิดตาม

‘นั่นสิถ้าไม่รีบรุกแล้วเมื่อไหร่กัน แต่มันก็ยากเย็นที่จะเอ่ยปาก ทุกวันที่ทำให้ยังชัดเจนไม่พอหรือไงนะ’

‘วิธีของคุณแม่อาจจะได้ผล ไม่ลองก็ไม่รู้สินะ’
ฟีนิกซ์ครุ่นคิดหาวิธี พลางดันกระพุ้งแก้มตัวเองไปมา เห็นทีเขาต้องพามาบ้านในคืนนี้ให้ได้

ฟีนิกซ์มัวตกอยู่ในภวังค์ ส่วนคนเป็นแม่คลี่ยิ้มที่ลูกชายดูจะยุขึ้นเสียด้วยงานนี้
อีกไม่นานคงจะได้พบเด็กคนนั้นเสียที



ธาวินทำงานในร้านอาหารไทยแห่งนี้มานาน แม้จะได้เงินเดือนน้อย มันก็ยังปลอดภัยกว่าผับบาร์
ที่ให้เงินมากกว่าแต่ไม่ปลอดภัยกับเพศและวัยของเขา ด้วยเคยไปทำแล้วถูกแขกลวนลาม
เกือบถูกหิ้วออกไปหากไม่ได้ฟีนิกซ์ที่มาพบเข้าเสียก่อนและช่วยไว้ได้ ป่านนี้ชีวิตเขาจะเป็นยังไง
ไปแล้วก็ไม่รู้

 มีหลายคนบอกว่าเขาน่ารักและไม่เหมาะที่จะได้แฟนเป็นหญิง ที่หนักหน่อยเขาเคยได้ยิน
บางคนพูดขนาดว่าเขาต้องเป็นเมียเท่านั้นอันนี้ฟังแล้วรับไม่ได้จริงๆ

ธาวินได้ฟีนิกซ์คอยรับส่งและไปทำงานเป็นเพื่อน จนกลายเป็นสิ่งที่ต้องมองหาทุกครั้งที่ทำงาน
 มองหาทุกทีที่อยากพักสายตา มองหาเพื่อให้เห็นว่าอีกคนยังอยู่ใกล้ๆ กัน

“ธาม กูต้องแวะบ้านก่อนนะ ต้องส่งอาหารให้คุณแม่ ท่านอยากทานหอยทอดเจ้าอร่อย
 ต้องไปต่อคิวรอด้วยสิ นายจะติดรถไปได้มั้ยวะ”
เขานึกวิธีนี้ออกเมื่อตะกี้นี้เองและยิ้มได้เมื่ออีกคนตอบรับ

“อื้อได้สิ เราไม่รีบหรอก พ่ออาจจะยังไม่เข้าบ้านก็ได้นะ”

“งั้นถอดผ้ากันเปื้อนออกสิ เดี๋ยวซักเครื่องที่บ้านมาให้”
 เขารู้ว่าเพื่อนต้องซักมือ อะไรที่พอจะแบ่งมาทำให้ได้
 ไม่สิอะไรที่จะทำให้อีกคนเหนื่อยน้อยลงเขาก็อยากทำให้

“ก็ได้ ๆ ถ้าไม่ยอมก็ถูกแย่งไปจนได้อยู่ดี”
 ธาวินพูดเพราะเคยมายื้อแย่งกันกับแค่ผ้ากันเปื้อนผืนเดียวมาแล้ว

“หึหึ นายนี่แสนรู้จริง”

 ฟีนิกซ์แกล้งว่าแต่คนตัวเล็กก็ไม่มีโต้กลับเป็นอย่างนี้เสมอ เขาไม่เคยได้ยินธามพูดคำหยาบ
หรือแทนตัวเองว่ากูเลยทั้งที่สนิทกันเป็นปีๆ ไม่เหมือนเขา เจอใครวันแรกๆ ก็ขึ้นมึงขึ้นกูแล้ว
 แรกๆ ธามก็มีเงียบใส่เพื่อต่อต้านไม่ให้เขาพูดหยาบ จนพักหลังๆ ทำเฉยคงเพราะชินหรือเพราะ
เขาระวังคำพูดมากขึ้นแต่ก็ยังมีหลุดบ้างแต่ไม่มากเหมือนก่อน


ฟีนิกซ์ต่อแถวซื้อหอยทอดมาได้สามห่อ เขาพาคนตัวเล็กมุ่งหน้าไปยังบ้านของเขาที่ไกลออก
ไปพอสมควร หน้าที่ต่อไปมารดาบอกจะจัดการเอง เขาก็หวังว่าท่านจะทำสำเร็จ

“หนิกเรายังเครียดเรื่องแม่ที่ทำกับครอบครัวของยูโดไม่หายเลย สงสารทั้งคุณแม่ของโดแล้วยังยูฟ่าอีก
 และที่น่าสงสารน่ะเพื่อนเราที่เศร้าเอามากๆ นานแล้วที่ไม่เคยเห็นรอยยิ้มของยูโด แม่ไม่น่าทำแบบนี้
 ถ้าไม่เห็นข่าวซุบซิบที่ออกมาและรูปที่ลงหราแบบนั้น เราก็คงไม่รู้”

 ธาวินพูดด้วยกระแสเสียงที่เศร้าหมองลง เจ้าตัวเป็นคนจิตใจดีและขี้สงสารเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว
 นี่ไงที่ทำให้เขาตกหลุมรัก

“ก็อย่างที่ยูโดมันพูด เราเป็นลูกอย่าสนใจไปเลย เดี๋ยวพ่อไอ้โดก็ทิ้งแม่ของนายแล้วแม่ของนายก็
จะไปมีคนอื่นต่ออีก อย่างนี้แล้วนายจะตามไปขอโทษคนพวกนั้นทุกครอบครัวแทนแม่ตัวเองเลยหรือไง”

ฟีนิกซ์พูด ธาวินมุ่นหัวคิ้ว เบิ่งตาโตพร้อมกับส่ายหน้าดิกจนแก้มกระเพื่อม

 ฟีนิกซ์นึกมันเขี้ยวอยากจะดึงพวงแก้มนี้นัก

“จริงของนาย พูดจนเราเห็นภาพเลย ชัดกว่าอัลตร้าซาวด์ 4 มิติอีก แหะๆ”
ธาวินหัวเราะออกมาเมื่อเขารู้สึกผ่อนคลายลงมาก

“นั่นสิ เรื่องของผู้ใหญ่ ขอบคุณนะหนิกที่ทำให้ความเศร้าของเรามันลดน้อยลงไปได้อีกหน่อย”



เมื่อถึงบ้านของฟีนิกซ์ ลุงไม้มาเปิดประตูรั้วให้ เขาเคลื่อนรถเข้าไปจอดด้านใน
และหันมองผู้โดยสารที่นั่งมาด้วยที่เหลียวมองเลิ่กลั่กเมื่อประตูรั้วบ้านปิดเข้าหากัน
 ฟีนิกซ์ก้าวลงจากรถและพยักพเยิดให้ธาวินเข้าไปภายในตัวบ้าน

ธาวินมองบ้านสองชั้นที่อุดมไปด้วยพันธุ์ไม้นานาพรรณเท่าที่แสงสว่างจะส่องถึง
 ตัวบ้านสวยโดดเด่นแม้เห็นในตอนมืดมากแล้วก็ตาม เขารู้สึกแปลกใจที่คุณแม่ของเพื่อน
อยากทานหอยทอด ยิ่งเป็นเวลาดึกมากแล้วแบบนี้ด้วย

“มาแล้วเหรอลูก นั่นเพื่อนหรือคะ น่าตาน่าเอ็นดู”
มารดาของฟีนิกซ์โผล่ออกมาและยิ้มหวานทักทาย ท่านดูสวยงามตามวัย
แม้ว่าตอนนี้ใบหน้าจะปราศจากเครื่องสำอางปรุงแต่ง ธาวินยกมือไหว้

“นี่ธามครับคุณแม่” ฟีนิกซ์แนะนำสั้น ๆ มารดายิ้มให้เพื่อนของลูก

“แม่อยากทานมานานแล้วหอยทอดเจ้านี้น่ะ เมื่อก่อนคุณพ่อมักจะไปต่อคิวรอ
ให้ทุกครั้งที่บ่นว่าอยากทาน หนิกไปหาจานมาใส่ทีลูก หนูธามก็ทานเป็นเพื่อนแม่ด้วยนะ”

ธาวินกำลังจะอ้าปากปฏิเสธก็ต้องหุบปากลงทันที ด้วยถูกท่านกดไหล่ให้นั่งลงที่เก้าอี้ในห้อง
รับประทานอาหารที่เขาเดินตามเข้ามาอย่างงงๆ ในตอนแรก

“แม่ทานคนเดียวมาเป็นปีแล้ว ตั้งแต่เจ้าหนิกไปทำงานพิเศษ นั่งทานคนเดียวไม่ค่อยอร่อยเอาเสียเลย”

คุณซ่อนกลิ่นแอบเอานิ้วชี้กับนิ้วกลางไขว้กัน เจ้าลูกตัวแสบทำให้นางต้องโกหก
 แม่อบช่างสรรหาเมนูขึ้นโต๊ะอาทิตย์หนึ่งแทบไม่เคยซ้ำอย่างแถมอร่อยทุกเมนูเสียด้วย

“รังเกียจที่ต้องกินข้าวกับคนแก่แทนที่จะเป็นสาวๆ หรือเปล่าลูก”
น้ำเสียงและท่าทางเหงาๆ ที่ท่านแสดงออกมาอย่างเปิดเผย ทำเอาธาวินรีบส่ายหน้า

“โอ๊ะไม่เลยฮะ ผมรู้สึกว่าได้รับเกียรติมากเกินไปด้วยซ้ำครับคุณน้า”

“น้าอะไรกัน เรียกแม่สิคะ” คุณซ่อนกลิ่นแย้มยิ้มเล็กน้อย เด็กคนนี้ดูใสซื่อ

“คุณแม่แกล้งอะไรธามหรือเปล่าครับ”
ฟีนิกซ์ถือจานมาสามใบเต็มอ้อมแขน หอยทอดพร้อมทาน ยังอุ่นๆ กลิ่นทำให้น้ำลายสอได้ไม่ยาก

“มาทานกันเถอะลูก แม่น้ำลายสอแล้วเนี่ย”
ท่านพูดแล้วกลืนน้ำลาย ธาวินก็เกิดอาการตาม กลิ่นแป้งหอยทอดที่เป็นกลิ่นเฉพาะเรียกน้ำย่อยได้ดีจริงๆ

ฟีนิกซ์เติมเครื่องปรุงทั้งพริกป่นและพริกน้ำส้มตามด้วยน้ำตาลและน้ำปลาเหยาะมาอีกหน่อย
ยิ่งทำให้รสชาติกลมกล่อมอร่อยจัดจ้านขึ้น เขามองจานของมารดาและเพื่อนที่ไม่ปรุงกันเลยแม้แต่น้อย

“อร่อยมั้ย ลองนี่หน่อยมั้ยแต่มึงต้องหุบปากไม่ลงแน่ๆ เพราะกูปรุงหนักไปทางเผ็ด”
 ฟีนิกซ์ปิดปากเมื่อมารดาชี้หน้า เขาหลุดพูดมึงกูให้ท่านได้ยินจนได้

“ฟีนิกซ์ถ้ายังหลุดพูดหยาบให้แม่ได้ยินอีกครั้งนะ พรุ่งนี้ไปล้างห้องน้ำให้ครบทุกห้องด้วย”

มารดาคาดโทษ ทำเอาลูกชายนั่งกินไปอย่างสงบเสงี่ยม ด้วยรู้ดีว่าท่านพูดจริงทำจริง
 ธาวินก้มหน้าเพื่อซ่อนขำจนเห็นแก้มขึ้นสีระเรื่อ

“ไม่ต้องมาแอบขำเลย เดี๋ยวจะโดน”
ฟีนิกซ์ทำเป็นพาลใส่เพื่อนแล้วก็ต้อง แม่ของเขาชวนคุยได้ตลอด จวบจนนาฬิกาบอกเวลาว่าเที่ยงคืน

“อ้าวหนิกดึกขนาดนี้ ไปหาเสื้อผ้าให้เพื่อนค้างที่นี่เลยแม่จะไปนอนแล้ว
 พรุ่งนี้วันหยุดด้วย ไปนอนกันไป ขอบใจนะธามที่มาให้คนแก่คลายเหงาได้
 คืนนี้แม่คงหลับฝันดี จากที่ต้องนอนหลับๆ ตื่นๆ เป็นห่วงลูกที่ยังไม่กลับเข้าบ้าน
 วันนี้อยู่ได้นะ หนิกมากอดทีค่ะ”

 สองคนแม่ลูกทำเนียนกอดกันกลม เป็นภาพที่ธาวินมองแล้วน้ำตาคลอ
 เขาไม่เคยมีโอกาสแบบนี้เลยในชีวิต อาการของเด็กหนุ่มไม่ได้รอดพ้นไปจากการมองเห็นของผู้สูงวัยไปได้

“ธามก็มาให้แม่กอดด้วยอีกคนมาๆ”
 นางลูบแผ่นหลังที่บอบบาง เห็นแววตาที่มองมาแล้วสงสารจับใจ คงเป็นเด็กที่ว้าเหว่เอามากๆ

‘แม่ช่วยได้แค่นี้นะหนิก ที่เหลือจัดการเอาเองล่ะ เด็กคนนี้น่าสงสาร’

ธาวินตามหลังฟีนิกซ์ขึ้นไปยังห้องนอนอย่างง่วงๆ งงๆ เป็นครั้งแรกที่เขาค้างบ้านเพื่อน
ห้องนอนอันกว้างขวาง มีเตียงนอนใหญ่ ผ้าปูที่นอนสีเข้มเรียบตึง น่านอน

 ธาวินถูกดุนหลังให้ไปอาบน้ำ ฟีนิกซ์ยัดผ้าเช็ดตัวและชุดนอนใส่มือมาให้  เขาใช้เวล
าในการอาบน้ำไม่นานนักด้วยง่วงเต็มทีจนตาแทบจะลืมไม่ขึ้น พอเปิดประตูห้องน้ำฟีนิกซ์ก็สวนเข้าไปอาบต่อ

ฟีนิกซ์ออกมาจากห้องน้ำ มองไปบนเตียงนอนที่มีคนตัวเล็กนอนขดตัวหลับปุ๋ย
 ตะแคงหน้ามาทางนี้ เขาจึงดึงผ้าห่มขึ้นมาคลุมให้ และตามลงไปนอนข้างๆ
โดยเปิดไฟที่ระเบียงทิ้งไว้ แสงสลัวที่ลอดเข้ามาพอให้เห็นใบหน้ายามหลับที่
เหมือนหนุ่มน้อยวัยมัธยม มุมปากยังมีร่องรอยของความบอบช้ำให้เห็น

‘เมื่อไหร่นะธาม นายจะพ้นจากเงื้อมมือของพ่อที่ตบตีลูกไม่เว้นแต่ละวันสักที มีทางไหนบ้างนะ’

คืนนี้ฟีนิกซ์เบาใจลงได้ว่าอย่างน้อยเพื่อนตัวบางก็พ้นฝ่ามือของพ่อขี้เมาไปได้อีกวัน

‘ธาม เราจะช่วยนายเอง’




หัวข้อ: Re: incest : บาปร้ายในบ่วงรัก ตอนที่ 4 - 5
เริ่มหัวข้อโดย: snowboxs ที่ 27-05-2019 09:51:23
โห แม่ไม่สงสารโดเลยเหรอ
โดต้องเศร้าทั้งแม่ไปแถมเอาน้องเอาคนรักไปอีก
โดเศร้าหลายเรื่องเลยนะนี่
หัวข้อ: Re: incest : บาปร้ายในบ่วงรัก ตอนที่ 4 - 5
เริ่มหัวข้อโดย: azure ที่ 28-05-2019 00:25:01
งั้นบองให้แม่มีสามรถน้อยบางซิคุณพ่อจะได้เข้าใจ :fire:
หัวข้อ: Re: incest : บาปร้ายในบ่วงรัก ตอนที่ 6 รออย่างมีหวัง
เริ่มหัวข้อโดย: เส้นขอบฟ้า ที่ 28-05-2019 15:53:57
ตอนที่ 6 รออย่างมีหวัง

วันหนึ่งมียี่สิบสี่ชั่วโมง ทุกคนทีเวลาเท่ากัน แต่ยูฟ่ากลับรู้สึกเหมือนแต่ละวันของเขา
มันยาวนานกว่าทุกคน สองเดือนที่เขาจากมาถ้าหากไม่ได้งานที่ทำอยู่นี่ เขาคงจะฟุ้งซ่านไม่น้อย
 
“พี่ยู พี่นัทแกล้งน้องเนยอีกแล้ว” เด็กหญิงตัวเล็กในชุดพื้นเมืองแก้มแดงวิ่งมาเรียก
ยูฟ่าวางบัตรคำที่กำลังเขียนลงบนโต๊ะไม้ และรีบไปหาเด็กหญิงที่กำลังร้องไห้จ้า

“โอ๋ๆ นะคะ ไม่ร้องนะเด็กดี” ยูฟ่าอุ้มเด็กหญิงตัวน้อยนั่งบนตัก
 ข้างๆ กันมีเด็กชายชาวเขานั่งอยู่ก่อนแล้ว ในมือกำของเล่นไว้แน่น

“พี่นัท ไม่หวงของสิครับ น้องเป็นผู้หญิงแบ่งน้องเล่นหน่อยนะ ได้มั้ยพี่นัทใจดีมากๆ เลย”
ยูฟ่าเข้าไปหาเด็กชายที่ช้อนตาขึ้นมองมาตาแป๋ว แล้วจึงยื่นของเล่นสีสวยมาให้
เขารับมาแล้วยื่นมือไปลูบหัวเด็กชาย

“น้องเนยเห็นมั้ย พี่นัทใจดีจริงๆ นะ” เด็กหญิงยิ้มทั้งน้ำตาเมื่อได้ของเล่นคืน
 ส่วนน้องนัทหันไปหยิบรถตักทรายมาเล่นแทน

ยูฟ่าปล่อยเด็กหญิงให้นั่งเล่นที่เดิม และมองไปรอบๆ ห้อง ที่นี่เป็นศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก
เขาสมัครเป็นพี่เลี้ยงเด็กที่มีอยู่ก่อนแล้วหนึ่งคน เด็กๆ มีกันอยู่สิบกว่าคน ซึ่งเป็นเด็กที่
พ่อแม่เอามาฝากเลี้ยงเพราะต้องออกไปรับจ้างทำงานในไร่ส้มเป็นส่วนใหญ่

ยูฟ่าสอนภาษาไทย เด็กๆ พูดไทยได้แต่ยังอ่านกันไม่ได้ และพี่เลี้ยงของศูนย์ที่มีอยู่เพียง
คนเดียวก็เป็นแค่เด็กหนุ่มตัวผอมสูงที่เพิ่งจบมัธยมปลายมาหมาดๆ เจ้าตัวเลือกเรียนมหาลัยเปิด
ครั้งแรกที่ได้คุยกันนั้นเด็กหนุ่มพูดด้วยรอยยิ้มเกลื่อนใบหน้าให้เขาฟัง

“ผมได้ดูแลน้องๆ กลุ่มนี้ เงินเดือนไม่ได้มากมายอะไรแต่ทำให้ผมมีความสุข
ยิ้มได้ทุกวัน…แค่นี้ก็พอแล้วครับ”

“พอใช้หรือไง พี่ว่าพวกเราคงต้องปลูกผักและเลี้ยงไก่กันแล้วละมั้ง”
เดย์ยิ้มยิงฟันเมื่อได้ฟังแนวคิดของคนที่ตัวโตกว่า

“เป็นความคิดที่ดีเลยนะฮะ งั้นวันหยุดผมจะหาคนมาทำเล้าไก่
และขุดบ่อเลี้ยงปลาด้วย พี่ว่าดีไหมครับ”
เด็กหนุ่มมีดวงตาเป็นประกายเมื่อพูดถึงโครงการในอนาคต

“เยี่ยมไปเลย ขาดอุปกรณ์อะไรบอกได้เลยนะเดย์ เดี๋ยวให้พี่ตะวันช่วยหามาให้”


ทั้งสองเริ่มทำโครงการอาหารกลางวัน ในคราวแรกได้แรงสนับสนุนจากบรรดานายจ้าง
ของพ่อแม่เด็กและชาวบ้านในละแวกใกล้ๆ แบ่งปันผลผลิตของตนมาให้

ยูฟ่าหัดทำอาหารง่ายๆ ที่อุดมไปด้วยคุณประโยชน์เพื่อให้เด็กๆ ได้รับประทานรวมทั้งเขา
และเดย์ก็พลอยได้อิ่มท้องไปด้วย เมนูไข่มีเกือบทุกวัน ถ้าชาวบ้านเอาเนื้อไก่หรือเนื้อหมูมาให้
วันนั้นเด็กๆ ก็จะได้กินเมนูทอดซึ่งถือเป็นเมนูโปรดของเด็กๆ เลยก็ว่าได้

เวลาห้าโมงเย็นพ่อแม่เด็กก็มารับลูกๆ กลับบ้าน บ้านของเดย์อยู่ไม่ห่างจากศูนย์รับเลี้ยงเด็กนี้มากนัก
ของยูฟ่าอยู่ตรงเชิงเขาซึ่งห่างไปพอสมควร เขามีตะวันฉายลูกชายคนเดียวของลุงไผทพี่ชายแท้ๆ
ของแม่อุไรเป็นธุระรับส่งแม้จะไม่ได้อยู่บ้านเดียวกัน บ้านคุณยายมีรถจอดว่างอยู่ แต่เขาไม่ได้รับอนุญาต
ให้ใช้ ด้วยทุกคนพากันอ้างถึงความปลอดภัยและความไม่คุ้นเคยกับสถานที่มาเป็นข้อจำกัด

“ถ้ายังจะดื้ออยากขับรถเอง แม่จะไม่ให้ไปทำงานแล้วนะนะยู”

“ก็ได้ฮะ ยูให้พี่ตะวันไปส่งก็ได้”

ยูฟ่าเพิ่งได้รู้ว่าครอบครัวของคุณแม่เป็นตระกูลเก่า สืบทอดกันเชื้อสายกันมาจากเจ้านาย
ทางฝ่ายเหนือหลายช่วงอายุคนแล้ว มารดาของเขาเองตอนนี้ถูกคุณยายส่งตัวให้ไปดูช่วย
ฝึกอบรมเด็กรับใช้ของคุ้มภูรินทร์ ค่ำๆ ท่านถึงจะกลับเข้าบ้าน โดยได้รถของทางคุ้มมาส่ง

แม่อุไรดูมีความสุขมากเสียจนก่อนหน้านี้ยูฟ่าเกือบลืมไปว่าท่านเคยผ่านเรื่องเศร้ามา
รอยยิ้มและเสียงหัวเราะในยามนี้หาไม่ได้จากบ้านในกรุงเทพฯ ซึ่งเขาก็อยากให้เป็นเช่นนี้ไปตลอด

“เหนื่อยมั้ยครับคุณแม่”
ยูฟ่าเข้าไปรับของจากมือของมารดามาถือ เดาได้ไม่ยากว่านั่นคงเป็นอาหารชาววัง
ที่ท่านเป็นคนปรุงและทางคุ้มภูรินทร์สั่งให้นำกลับมาทานที่บ้านด้วย

“นิดหน่อยจ้ะ กลับบ้านมาเห็นหน้าลูกแม่ก็หายเหนื่อยแล้ว ยูล่ะงานลงตัวหรือยัง
 หูย..นี่มือด้านมากเลยนะ สาวๆ จับไปนี่ร้องยี้กันเป็นแถวๆ แน่เลย”

แม่อุไรกระเซ้าและบีบคลึงที่ฝ่ามือลูกชายที่หยาบกร้านเมื่อสัมผัส
ใบหน้าที่มีความสุขของลูกทำให้เธออดที่จะยิ้มไม่ได้

“ลงตัวเยอะแล้วฮะ ก็มีออกกำลังทำเกษตรกันน่ะครับถึงมือด้านแบบนี้
 ยูมีความสุขที่ตัวเองมีประโยชน์และมีคุณค่ากับที่นี่แล้วฮะคุณแม่”
ยูฟ่าทำตาใสใส่มารดาจึงถูกท่านจับดึงจมูกไปหนึ่งที ท่านแต่งกายด้วยผ้าทอล้านนา
ที่มีลวดลายและสีสันสวยงามตา

“โถลูก…ทุกคนมีคุณค่าด้วยกันทั้งนั้นแค่ได้อยู่ถูกที่และถูกเวลา”
 ยูฟ่ายิ้มรับ เขาเห็นด้วยกับคำที่มารดาพูด แต่ก็รีบเปลี่ยนเรื่องด้วยกลัวว่าท่านจะนึกเปรียบเทียบ
ตัวท่านเองตอนอยู่กับคุณพ่อของเขา

“คุณแม่ฮะ เราไปทานข้าวกันเถอะ ยูอยากทานอาหารชาววังแล้วสิครับ”

“อ้อ..ไปจ้ะ ป่านนี้คุณยายคงรอแล้ว”
 สองแม่ลูกพากันเดินเข้าไปที่ห้องรับประทานอาหารที่มีโต๊ะอาหารขนาดสิบที่นั่ง
 โดยมีคุณยายนภาสุขนั่งรออยู่ที่หัวโต๊ะ

คุณยายนภาสุขที่มีรูปร่างผอมบาง ผิวหนังเหี่ยวย่นไปตามวัย ท่านเกือบๆ จะแปดสิบปีเข้าไปแล้ว
การแต่งกายของท่านบ่งบอกว่าเป็นผู้ดีเก่า ท่านสวมเสื้อลูกไม้เนื้อดีและผ้าซิ่นที่ตัดเย็บแบบประณีต
บรรจง ใบหน้าของท่านเคลือบรอยยิ้มเสมอ ท่านอารมณ์ดีและมีความสุขได้ตลอดเหมือนดั่งชื่อของท่าน
ที่แม่อุไรบอกว่า ‘สุขสบายดั่งท้องฟ้า’ ซึ่งยูฟ่าเห็นจริงเพราะความสุขที่เปล่งประกายออกมาจากตัวคุณยาย
ได้เผื่อแผ่มายังคนรอบข้าง มันกว้างใหญ่ดั่งท้องฟ้าจริงๆ

‘ดีที่สุดแล้วที่คุณแม่ได้คืนสู่ความสุขเช่นนี้’

“มากันแล้ว ยายเริ่มหิวหน่อยๆ แล้วสิ ส้มโอไปเอาจานมาใส่อาหารเพิ่มที
วันนี้ที่คุ้มทำอะไรขึ้นโต๊ะกันล่ะ”
คุณยายหันไปบอกสาวใช้ที่ยอบตัวและหายเข้าไปในครัว

“วันนี้มัสมั่นไก่ค่ะคุณแม่ คราวหน้าไม่ต้องรอจะดีกว่านะคะ หิวก็รับประทานก่อนเลยค่ะ”

“กินคนเดียวจะไปอร่อยอะไรล่ะ จริงมั้ยหนูยู” คุณยายหันมาขอเสียงสนับสนุนจากหลานชาย

“จริงที่สุดครับคุณยาย” ยูฟ่ายืนยันอีกเสียงทำเอาคุณยายหัวเราะชอบใจ
แม่อุไรหันมาค้อนที่ลูกไม่เข้าข้างตน

“แม่อุไรอย่ามาทำขี้อิจฉา แม่เห็นนะ” คุณยายพูด ทำเอามารดาของเขายิ้มเก้อ

แม่อุไรเทอาหารใส่จานและเลื่อนไปตรงหน้าคุณยาย ทั้งสามลงมือรับประทานอาหารกันทันที
ในระหว่างที่ยังทานอาหารไม่แล้วเสร็จคุณแม่จะย้ำว่าห้ามคุยเด็ดขาด เพราะคุณยายจะไม่ตอบ
และจะดุเอาได้ เขาจึงนั่งทานไปเงียบๆ จนตอนนี้ยูฟ่าชินกับการต้องเคี้ยวอาหารให้ละเอียดมากๆ
ก่อนกลืนแล้ว

ยูฟ่าได้เรียนรู้ขนบธรรมเนียมหลายๆ อย่างเมื่อได้มาเป็นส่วนหนึ่งของที่นี่


ช่วงวันแรกๆ ที่เข้ามาอยู่เรือนไทยของคุณยาย มารดาเปิดใจคุยกับเขา

‘แม่รู้ว่าแม่เห็นแก่ตัวที่ทิ้งยูโดไว้กับคุณพ่อ แม่รู้ว่าแม่พรากความรักของลูกสองคน’

‘เอ่อคุณแม่ หมายถึง…’ ยูฟ่าถามออกไปน้ำเสียงกระท่อนกระแท่น

‘แม่รู้ว่าลูกสองคนรักกัน…แบบคู่รัก’

‘คุณแม่รู้…เอ่อ ที่ยูกับโดรักกัน…’

‘ใช่แม่รู้ การพรากจากคนที่รักมันเจ็บปวดแม่รู้ดี…แต่เวลาจะช่วยเยียวยาหัวใจให้
 แม่ไม่ห้ามที่ยูรักน้อง วันหนึ่งแม่จะพายูกลับไปคืนให้กับยูโด’

‘วันนั้นถ้าหัวใจสองดวงยังเป็นดวงเดียวกัน แม่จะไม่ห้าม อยู่ที่นี่ตอนนี้ให้มีความสุข
…อย่าดิ้นรน…อย่าไขว่คว้า ลูกแค่อยู่เฉยๆ แล้วสิ่งนั้นที่เป็นของลูก…ก็จะกลับคืนสู่ตัวลูกเอง
…ถ้ามันใช่ เข้าใจแม่นะ’

วันนั้นเป็นวันสุดท้ายที่ยูฟ่าร้องไห้หนักที่สุด เขาร้องไห้และยิ้มไปพร้อมกับน้ำตา
เส้นทางข้างหน้ามีอีกคนยืนอยู่…

หวังว่าจะได้พบกัน…ตรงปลายทางเดียวกัน


ตะวันฉายหนุ่มมีรูปร่างสูงโปร่งผิวสีน้ำผึ้ง รูปหน้าเรียว จมูกโด่งสวย ดวงตาสีน้ำตาลเข้ม
ไม่ต่างกับสีผมมากนัก ริมฝีปากบางได้รูปสวย เขาเป็นหลานของคุณย่านภาสุข เพิ่งรับ
ปริญญาบัตรเมื่อเดือนก่อน เขาเพิ่งได้พบคุณอาอุไรน้องสาวของพ่อไผท และได้น้องชาย
เพิ่มมาด้วยอีกคน อายุเราห่างกันเกือบๆ สี่ปี ยูฟ่าเป็นเด็กหนุ่มตัวผอมบางสูงแค่ไหล่ของเขาเท่านั้น

วันแรกที่ได้พบกันอดสงสัยไม่ได้ว่าดวงตาสีน้ำตาลคู่สวยทำไมถึงได้เศร้านัก แต่หลังจากหนึ่งสัปดาห์
ให้หลังน้องชายตัวเล็กก็กลายเป็นอีกคนที่สดใส เป็นมิตรมากขึ้นและดวงตาสีสวยนั้นลดทอนความเศร้า
ลงไปมาก เจิดจรัสไปด้วยความหวังและความมุ่งมั่น

 ดวงตาที่เปิดเปลือย บ่งบอกว่าเจ้าตัวกำลังอยู่ในอารมณ์ใด

ตะวันฉายได้รับมอบหมายจากผู้ใหญ่ให้เป็นคนรับส่งน้องชายคนใหม่ไปทำงานที่ศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก
ที่นั่นยูฟ่าต้องไปบุกเบิกพัฒนาควบคู่กับเด็กหนุ่มตัวผอมเก้งก้าง เขามักจะเห็นเด็กนั่นในอิริยาบถ
ต่างๆ กันเกือบทุกครั้งที่มารับน้องชายกลับบ้าน

“ทำอะไรน่ะเดย์ ขุดหลุมเหรอ พี่ช่วยขุดนะ”
 ตะวันฉายคว้าจอบจากมือบางนั่นมาถือไว้

“อ้าวพี่ตะวัน ขอบคุณฮะ ผมได้ต้นกาสะลองมาใหม่ ผู้ปกครองของเด็กให้มาน่ะ”
 เดย์พูดและยิ้มตาหยี

“เดย์อยากให้ลึกแค่ไหนก็บอกนะ”

“ครับพี่ ก็ต้องลึกหน่อยครับ นู้นไงที่เราจะต้องเอาลงดิน”
เดย์ชี้ไปที่ต้นกาสะลองที่เจ้าตัวบอก และวิ่งหายเข้าไปในเรือนพักของเด็กๆ
เขาเดาว่าคงจะไปตามยูฟ่าแต่ผิดคาดเมื่อเด็กหนุ่มออกมาพร้อมกับขันน้ำใบจิ๋ว

“พี่ตะวันดื่มน้ำก่อนฮะ น้ำลอยดอกมะลิ หอมชื่นใจ”
 เดย์ส่งขันเงินใบจิ๋วมาให้ ตะวันฉายรับมาดื่ม กลิ่นหอมของดอกมะลิทำให้สดชื่น
อย่างที่คนตัวเล็กบอก เขาดื่มจนหายกระหายแล้วจึงส่งขันคืนให้เจ้าของ

“พี่ตะวันดูแข็งแรงจังเลยฮะ แป๊บเดียวก็ขุดหลุมเสร็จแล้ว ถ้าเป็นผมคงอีกนาน
 งั้นผมไปหิ้วมาปลูกเลยดีกว่า”

 เดย์พูดแล้วหันไปวางขันน้ำบนแคร่ไม้กระดานที่อยู่ไม่ห่าง เดินไปที่เจ้าต้นไม้ที่สูงกว่าคนปลูกตั้งเยอะ
 ตะวันฉายจึงเข้าไปช่วย จังหวะเดียวกันนั้นทำให้มือกุมกันอย่างไม่ตั้งใจ เด็กหนุ่มรีบปล่อยมือและยกมือ
เกาแก้ม ตะวันฉายทำหน้านิ่งไม่สนใจแต่เขาทันได้เห็นแก้มขาวๆ ขึ้นสีระเรื่อกับปากแดงๆ ที่เม้มเข้าหากัน

‘เขินจริงๆ สินะ… เจ้าลูกกระต่ายขาว’

“มาพี่ช่วย พี่อยากมีส่วนร่วมในการคืนความสดชื่นให้เพื่อนร่วมโลก” ตะวันฉายพูดไปตามที่ใจคิด

“ได้สิฮะ หากวันหนึ่งมาเจอเจ้านี่ตอนที่เป็นต้นไม้ใหญ่ เราจะได้จำมันได้ว่าเป็นต้นไม้ของเรา เนอะพี่ตะวัน”
 เดย์พูดอย่างไม่ได้คิดอะไร แต่คนฟังสะดุดและคิดไปไกลกว่านั้นแล้ว

‘ต้นไม้ของเรา อืม…ก็ดีนะ’

ไม่นานต้นไม้ของเราที่เด็กหนุ่มพูดก็ลงดินเป็นที่เรียบร้อย เจ้าตัวเดินไปตักน้ำที่บ่อขุดและหิ้วอย่างเก้กัง
 อีกตามเคย จนตะวันต้องสืบเท้าเข้าไปช่วย

“พี่รดน้ำเองรอบนี้ มันเป็นต้นไม้ของพี่ด้วยนี่นา” ตะวันพูดหน้าเรียบอย่างเคย

‘หน้าหวานๆ ทำไมชอบทำหน้านิ่งนักนะ ถ้ายิ้มจะดูดีขนาดไหนกัน’
เดย์แอบมองเสี้ยวหน้าใสเพลิน ยิ่งมีเม็ดเหงื่อผุดที่ขมับและสันจมูกยิ่งดูมีเสน่ห์น่ามอง
 เหมือนคุณชายในละครที่มารดาของเขาติดงอมแงม

“พี่ตะวัน เป็นชื่อจริงพี่เหรอครับ ตะวันน่ะฮะ” เดย์ชวนคุย เมื่ออีกคนรดน้ำให้จนเสร็จ

“ก็ไม่เชิง จริงๆ พี่ชื่อตะวันฉายน่ะ อ้าว…แล้วเราจะมาอยากรู้ไปทำไม
 จะเอาชื่อพี่ไปทำคุณไสยหรือไง”

ตะวันฉายย้อนถาม เขาพูดได้หน้านิ่งเอามากๆ จนคนที่มองอยู่เดาอารมณ์ไม่ถูกว่าคนพี่พูด
เพราะไม่ชอบใจที่เขาถามมากไปหรืออย่างไร

“ไม่ใช่ซะหน่อย ผมแค่อยากรู้เฉยๆ เอง” เดย์ปฏิเสธเสียงเบา

“แล้วเราล่ะ ชื่อจริงว่าอะไร ห้ามโกง บอกพี่มาเลย” ตะวันฉายรู้สึกสนุกที่ได้แกล้งคนตัวเล็ก

‘ดูจะอ่อนต่อโลก ใสซื่อและไม่มีเล่ห์เหลี่ยม บริสุทธิ์เกินไปหากต้องไปอยู่ในท่ามกลางกลุ่
มคนหลากหลายอีกสังคมจะเอาตัวรอดได้ไหมนะ น่าเป็นห่วง’

“ชื่อคล้ายๆ พี่นั่นแหละครับ”
เดย์พูด เขาคาดไม่ถึงว่าคนตรงหน้าจะมีชื่อที่มีความหมายไม่ต่างจากเขาเท่าไหร่นัก

“ชื่ออะไรล่ะ” ตะวันฉายถามย้ำอีกครั้งเขารู้สึกอยากรู้ขึ้นมาทันที

“เอ่อ…รวีกานต์ฮะ” เจ้าตัวพูดเสียงไม่ดังนัก แต่คนฟังได้ยินชัดเจน

‘ผู้เป็นที่รักดั่งตะวัน อืม…มั่นคงดี’
ชื่อนี้ที่เขารู้ความหมายเพราะเป็นชื่อในหมวดเดียวกับชื่อของเขา

‘ตะวัน ก็คือดวงอาทิตย์ หรือคำว่ารวิ หรือรวี ก็คือ ตะวัน’
 ตะวันกำลังคิดอะไรเพลินๆ ก็สะดุ้ง เมื่อน้องชายโผล่หน้ามาทักทาย

“เฮ้! พี่ตะวันมาเร็วจังครับ เด็กๆ ยังกลับไม่หมดเลยฮะ อ้าว!
 เดย์ปลูกต้นไม้เสร็จแล้วเหรอพี่ว่าจะช่วยอยู่พอดี เอ่อ…น้องเนยคุณพ่อมารับแล้วค่ะ”
 ยูฟ่ายังไม่ทันได้คุยอะไรต่อพ่อของน้องเนยก็มาและรับตัวลูกสาวกลับไป

“ผมได้พี่ตะวันมาช่วยปลูกครับ พี่ยูกลับเลยก็ได้นะ ผมก็จะกลับแล้วเหมือนกัน”

“อืม ข้างในพี่เก็บของหมดแล้วล่ะ … ไปหยิบกระเป๋าก่อน” ยูฟ่าหมุนตัวกลับ

“กลับพร้อมกันเลยสิ ไม่มีอะไรต้องทำแล้วนี่เดย์” ตะวันฉายพูด เดย์ยิ้มแล้วเดินตามหลัง
ยูฟ่าไปโดยมีสายตาคู่คมมองตามแผ่นหลังเล็กและเอวคอดอย่างไม่วางตา

เด็กหนุ่มสะพายเป้ใบเล็กไว้บนหลัง โบกมือให้สองพี่น้องก่อนจะขึ้นคร่อมมอเตอร์ไซค์
แล้วสตาร์ทเครื่องออกนำไปก่อน ตะวันฉายจึงไปที่รถกระบะแบบสี่ประตูสีขาวและขับตาม
หลังมอเตอร์ไซค์คันเก่าที่เขามองยังไงก็ไม่น่าจะพาเจ้าของไปได้เลย

“นั่นรถเหรอยู พี่มองยังไงมันก็ไม่ต่างจากซี่โครงไก่ เปลือยซะขนาดนั้น”

“พี่ตะวันก็ช่างเปรียบเปรย น้องมันยังขี่ได้อยู่เลยอย่าพูดไป พาเจ้าของไปถึงไหนๆ
 ได้อยู่นะ นั่นไงบ้านอยู่ใกล้ๆ แค่นี้ ตรงทางแยกด้านซ้ายน่ะ”
ยูฟ่าชี้มือไปที่บ้านหลังเล็กสีเขียว

ตะวันฉายมองบ้านชั้นเดียวสีเขียวอ่อนที่อยู่ท่ามกลางแมกไม้ บ้านหลังเล็กแต่น่าอยู่
และมีเด็กหนุ่มตัวผอมโบกมือให้ไหวๆ เมื่อเขาขับผ่าน





หัวข้อ: Re: incest : บาปร้ายในบ่วงรัก ตอนที่ 6
เริ่มหัวข้อโดย: snowboxs ที่ 29-05-2019 11:03:58
ยูกีบโดอยู่กันคนล่ะแวดล้อมเลย
หัวข้อ: Re: incest : บาปร้ายในบ่วงรัก ตอนที่ 7 ผองเพื่อน
เริ่มหัวข้อโดย: เส้นขอบฟ้า ที่ 31-05-2019 09:41:24
ตอนที่ 7 ผองเพื่อน

“ยูโดค่ำนี้ไปดื่มกัน นัดพวกเราไว้  มึงจะจำศีลไปถึงไหนวะ”
ฝ่ามือใหญ่ของโชกุนตบปุๆ ลงบนบ่ากว้าง ดึงความสนใจให้ละสายตาจากหนังสือในมือ

“ไปกันเลยพวกมึง กูขอดูหนังสือ เสาร์อาทิตย์ต้องเข้าบริษัท พ่อกูกองงานไว้ให้เพียบ”
ยูโดปฏิเสธเหมือนเช่นทุกครั้ง

“เป็นมึงนี่ลำบากเนอะ บ้านก็ไม่ได้จน ยิ่งตอนนี้ไม่มีคนช่วยใช้เงินด้วย
ทำไปทำไมมากมายถามหน่อย” ฟีนิกซ์พลั้งปาก จะหยุดก็ไม่ทันแล้ว

ผลของความปากไวทำเอาคนฟังดวงตาไหววูบ ความเย็นชาและดวงหน้านิ่งๆ
ก็ฉายชัดออกมาอีกครั้ง นานเป็นปีที่ริมฝีปาก

“ช่างมันเถอะ โดมันต้องเข้าบริษัทไปเรียนรู้งานกับพ่อมัน
ไว้มันอยากไปก็ไปเองแหละ เพื่อนกันไม่หนีกันไปไหนหรอก”
ขนมพูดแก้สถานการณ์ให้

ยูโดมองหน้าเพื่อนๆ อยากซึ้งใจ ตลอดเวลากลุ่มเพื่อนก็ไม่เคยทิ้งเขาจริงๆ
แม้ว่าเขาจะไม่ได้ไปร่วมวงสังสรรค์เหมือนแต่ก่อน

“บ่ายนี้อาจารย์ยกคลาส เรากินอะไรกันก่อนนะโดค่อยกลับ”
 ขนมออกปากชวน ยูโดพยักหน้า เขายังไปไหนมาไหนกับเพื่อนๆ บ้าง
 แต่ที่เลิกอย่างเด็ดขาดเลยคืนการเที่ยวกลางคืน

“ธาม! มึงจะไปไหน พวกกูอยู่นี่ ไอ้นี่ท่าจะบ้านั่งกันหัวโด่ทำเป็นไม่เห็น”
โชกุนเรียกธาวิน และฟีนิกซ์ที่ได้ยินชื่อก็หันขวับตามทันที

คืนที่ธาวินไปค้างบ้านเขาก็ผ่านมาหลายเดือนแล้ว เขาสองคนมีพัฒนา
ความสัมพันธ์ที่คืบหน้าไปเยอะ โดยเพื่อนในกลุ่มไม่มีใครล่วงรู้
ธาวินกลายเป็นลูกชายอีกคนของบ้านฟีนิกซ์ไปแล้ว

เขาหวนนึกถึงเช้านั้นที่ตื่นนอนและพบว่าอีกคนหลับอยู่ในอ้อมแขน
ฟีนิกซ์จรดปลายจมูกโด่งบนหน้าผากนูนของคนตัวเล็กอย่างเผลอไผล
ธาวินลืมตาตื่น ดวงตากลมเบิกกว้าง แก้มขึ้นสีระเรื่อ ฟีนิกซ์รีบพูด

‘เราชอบธาม ชอบมานาน อยากดูแล เป็นไปได้มั้ยที่ธามจะเปิดใจ…คบกันนะธาม’

‘เอ่อ พวกเราเป็นผู้ชาย มันจะไม่แปลกประหลาดไปหน่อยเหรอ’

‘ไม่แปลกนี่ แค่นายเปิดใจ เราจริงจังนะ’

‘ขอเวลา เราหน่อย’

หลังจากนั้น จะว่าธาวินปฏิเสธก็ไม่เชิง ตอบรับก็ไม่ใช่

ฟีนิกซ์เข้าไปทำความรู้จักกับพ่อของธาวิน เขาแอบให้เงินท่านใช้ลับหลังธาวิน
และขอร้องไม่ให้ท่านทุบตีธาวินอีก ซึ่งเท่าที่รู้มาอาจด้วยเรื่องเงินที่เป็นปัญหา
ของพ่อลูกคู่นี้ ลูกชายหาเงินเพื่อเอามาใช้จ่ายในบ้านและค่าเทอมของตัวเอง
แต่คนเป็นพ่อต้องการจะเอาไปซื้อทั้งบุหรี่และสุราเพราะติดหนักมากแถมยังหวยใต้ดินอีก

บ่ายวันหนึ่งฟีนิกเข้าไปหาท่านขอร้องให้เลิกสุรา เมื่อคุยกันเป็นที่เข้าใจ
จึงทำสัญญาลูกผู้ชายด้วยกัน พ่อของธาวินบอกจะเลิกทั้งเหล้าและบุหรี่เพื่อลูก
 และเริ่มที่จะลงมือทำโดยมีฟีนิกซ์แวะเวียนเข้าไปหาในยามว่างเสมอ

‘เอ็งน่ะ ชอบเจ้าธามมันใช่มั้ย ข้าดูออกนะ’

‘ชอบสิครับ แต่ธามไม่มีทีท่าว่าจะชอบผมเลย’

‘ธามมันเคยให้ใครเข้ามาในชีวิตมันมากเท่านี้ล่ะ เออๆ ดูเอาเอง ข้าไม่ยุ่งดีกว่า’ 

ฟีนิกซ์มองเพื่อนตัวเล็กที่เดินเข้ามาตรงม้าหินอ่อนใต้ต้นหูกวางที่พวกเขานั่งปักหลักกันอยู่
“อ้าว! อยู่นี่กันเหรอ เราไม่ทันมอง ไม่เห็นจริงๆ นะ”

ธารินพูดและถูกฟีนิกซ์ลากมานั่งใกล้ๆ ฟีนิกซ์วางมือบนบ่าของเพื่อนตัวบางแบบเนียนๆ

“บ่ายเราไปหาไรกินกันนะ นายอยากกินอะไรไหมธาม” ขนมเอ่ยปากชวน

“อือ เราอยากกินส้มตำ ได้ไหม?”
 ธาวินพูดและกลืนน้ำลาย จนฟีนิกซ์คลี่ยิ้มที่เห็นอาการ น้อยครั้งที่ธาวินจะออกความคิดเห็น

“ได้สิ มีร้านเปิดใหม่หลังมอ อร่อยมั้ง เห็นคนรีวิวกันเยอะอยู่นะ” ขนมสรุป

“เฮ้ย! คืนนี้ไม่ได้ไปทำงานใช่มั้ยธาม ไปร้านเหล้ากัน?”
 โชกุนหาแนวร่วม เขารู้คำตอบอยู่แล้วแต่ก็ชวนเสียทุกครั้งไป

“ไปนะมึง ขากลับให้ไอ้หนิกมันไปส่ง เนอะหนิก มึงออกค่าเหล้าให้มันหน่อย”
 ขนมโยนให้ฟีนิกซ์เพราะเห็นสนิทกันมากกว่าใคร

“ธามมันไม่ดื่มจะชวนมันไปนั่งเฝ้าพวกมึงหรือไง?”
ยูโดพูด ธาวินมองหน้ายูโดอย่างขอบคุณ

“ไม่ดื่มก็กินกับแกล้มก็ได้นี่ นะๆ ไปเหอะมึง” ขนมตื้ออีก

“อืม…ไปก็ได้ แต่ไม่อยู่ดึกนะ”
ธาวินพูด ทำเอาคนอื่นๆ พากันมองเป็นตาเดียวอย่างไม่เชื่อหู
โดยเฉพาะฟีนิกซ์ที่บีบบ่าคนตัวเล็กข้างๆ เบาๆ อย่างแปลกใจ

“ไม่ดึกหรอกเชื่อสิ เพราะยังไงกูก็ต้องไปต่อคิวซื้อหอยทอด
เจ้าประจำให้คุณแม่ ให้คนแก่รอกินดึกๆ ไม่ดีนะ”

“อืมๆ ตามนั้น” ขนมพยักหน้า

“เออ งั้นกูไปด้วยก็ได้ แต่กูไม่ดื่มนะ แล้วก็ไม่อยู่ดึกด้วย”

“ห๊ะ! พวกเมิ๊ง! กูฟังไม่ผิดใช่มั้ยเฮ้ย!” ขนมออกอาการมากสุดในกลุ่ม

“เออ!!!” ทุกคนตบหัวขนมพร้อมกันจนหน้าเกือบทิ่ม


ยูโดยอมไปร้านเหล้ากับกลุ่มเพื่อน เขาแค่มาให้พวกมันเห็นหน้า เขาไม่ดื่มจริงๆ
อย่างที่บอกไว้ เขากินข้าวผัดกุ้งและสั่งหมึกไข่นึ่งมะนาวมากิน พลางคิดถึงคนที่ชอบ

‘อยู่ไหนน่ะยู เป็นยังไงบ้าง สบายดีหรือเปล่า คนตรงนี้รออยู่และคิดถึงมากๆ รู้มั้ย’
เพื่อนๆ ต่างสะกิดกันเมื่อเห็นว่ายูโดเขี่ยหมึกมะนาวไปมา เมนูนี้มีขึ้นโต๊ะทุกครั้ง
โดยที่ยูฟ่าจะเอ่ยปากสั่งก่อนที่จะรับเมนูไปกางดูเสียอีก และหลังๆ จะเป็นยูโดที่สั่งให้กับแฝดพี่ด้วยตัวเอง

‘สงสารมันว่ะ’
 เพื่อนๆ ต่างมองหน้ากัน แล้วก็ทานอาหารกันไปเงียบๆ

ยูโดรู้สึกตัวว่าเพื่อนๆ รอบข้างเงียบไป เขาจึงเลื่อนอาหารตรงหน้าออกไปจนพ้นตัว และเอาจานอื่นมาแทนที่

‘ขอโทษนะโด ขอให้ยูกับแม่ของนายกลับมาทีเถอะ’
 ธาวินก้มหน้าก้มตากินและเงยหน้าเมื่อฟีนิกซ์ตักอาหารมาใส่จานให้
 จึงพึมพำขอบคุณไป ถึงจะรู้ว่าเพื่อนไม่ติดใจเอาความกับสิ่งที่มารดาของเขาทำ
 แต่มันก็เป็นแผลร้ายในใจของเขาทุกครั้งที่เห็นยูโดเศร้า


สามทุ่มเป็นเวลาที่พอเหมาะแก่การบอกลา ยูโดลุกขึ้นและฟีนิกซ์กับธาวินก็ลุกตาม

“พวกเรากลับก่อนนะหนม โช แล้วเจอกันวันจันทร์ อย่าให้หนักนักนะเว้ย ดูแลไอ้หนมมันด้วย”
ยูโดตบบ่าเพื่อนที่นั่งตาเยิ้มบ่งบอกว่าอีกไม่นานคงจะฟุบ

“ใครควรที่จะดูแลใครวะ มึงนี่พูดไม่คิด ตามันเยิ้มขนาดนี้แล้ว กูนี่ จะต้องเก็บซากมันไปส่งบ้าน”
ยูโดส่ายหน้าเมื่อเห็นว่าก็คงไม่แคล้วอย่างขนมพูด

“เออๆ จะกลับแล้วเหมือนกัน หนมมึงขับนะ อ่ะมื้อนี้กูจ่ายเอง”
โชกุนใจป๋าเหมือนเดิม ครอบครัวมันรวยระดับต้นๆ ของเมืองไทย
เพื่อนๆ ไม่มีใครขัดความมีน้ำใจของมันอยู่แล้ว สรุปทุกคนก็พร้อมใจกันกลับ และขับตามๆ กันออกมา


ขนมมองโชกุนที่นั่งโงกเงกอยู่ที่เบาะข้าง เขาเป็นคนมาส่งมันกลับบ้านทุกครั้งที่มันเมา
และก็ต้องนอนบ้านมันอีกตามเคย

“ลุงหาญ เปิดประตูหน่อยครับ ไอ้โชมันเมาปลิ้นอีกแล้วเนี้ย”
ขนมลดกระจกให้ลุงยาม ลุงหาญแกก็ใกล้จะหลับยามแล้ว
แต่ด้วยหน้าที่แกก็ต้องเฝ้าประตู เพราะคุณหนูของบ้านกลับบ้าน
ไม่เป็นเวลาแบบนี้เสมอ ยิ่งคืนวันศุกร์อย่างนี้หากไม่ได้หิ้วสาวคนไหน
พาไปเปิดห้อง ขนมก็ต้องถ่างตามาส่งมันที่บ้านแบบนี้

“ครับคุณหนม รอเดี๋ยวนะ คุณหนมช่วยพาคุณหนูโชส่งห้องทีนะครับ”
 ลุงหาญแกรีบเลื่อนประตูเป็นการใหญ่ และรถยุโรปราคาแพงก็เคลื่อนไปยังที่จอด

 บ้านนี้มีแต่แม่บ้าน เด็กรับใช้หญิงและชาย คนสวนแก่ๆ และลุงหาญ
แต่เหมือนจะมีเด็กผู้ชายอีกคนตัวดำๆ ที่เป็นหลานของป้าแม่บ้านอยู่ด้วยอีกคน

“คุณหนม คุณหนูโชเมามาอีกแล้วเหรอคะ ป้าคงต้องฝากคุณหนมดูให้แล้วล่ะค่ะ
 คุณท่านไปต่างประเทศกลับอาทิตย์หน้านู้น”
ป้าพรออกมารับหน้าและเล่าเรื่องของคุณท่านบ้านนี้ให้ฟัง

“ครับป้าพร เดี๋ยวหนมจัดการมันเอง ป้าพรไปพักเถอะครับ”

“ขอบคุณนะคะคุณหนม ว่านๆ เรากลับห้องกันเถอะ คุณหนูมีคนมาอยู่เป็นเพื่อนแล้ว”
 ป้าพรขอบคุณเพื่อนเจ้านายที่เป็นธุระให้

“คุณหนูโช คงเหงาอีกแหละถูกทิ้งให้อยู่เองตั้งแต่เล็กๆ มีแฟนเมื่อไหร่พวกเราคงหมดห่วง”
 ป้าพรพูดให้หลานชายฟังจนเดินห่างกันออกไป

‘นั่นสิ ถ้ามันมีแฟนก็ดีจะได้มีคนดูแลมัน’

“เฮ้อ! ไอ้เมา เมื่อไหร่จะหาใครสักคนวะ จะได้ไม่เหงาแล้วก็พ้นๆ ไปจากกูซะที”
 ขนมพาเพื่อนไปจนถึงห้องนอน เขาเหนื่อยกับไอ้ยักษ์นี่เหลือเกิน
 ดีนะที่เขาแข็งแรง แม้ว่าจะตัวเล็กไปหน่อยก็พอลากมันกลับบ้านได้ทุกที

ขนมเช็ดตัวให้คนเมา เสร็จแล้วก็รื้อชุดนอนขาสั้นมาเปลี่ยนให้ เขาหาให้ตัวเองด้วย
ชุดหนึ่งก่อนจะหยิบผ้าเช็ดตัวเดินเข้าห้องน้ำไป เขามาบ้านนี้จนจะกลายเป็นบ้านอีกหลังของเขาไปแล้ว

 
กลางดึกขนมคิดว่าผีอำเมื่อถูกสวมกอดจากคนที่นอนข้างๆ กัน มันมักจะเป็นแบบนี้
 จากที่ถีบโชกุนออกไป แต่ก็ถูกคว้าตัวไปกอดอีก จนตอนนี้ต้องปล่อยมันไป
 เขาคงไม่ได้หลับเพราะผวาตื่นตลอดที่มันหันกลับมากอด

‘เออว่ะ ถูกกอดมันก็ไม่แย่ซะทีเดียว อย่างน้อยไอ้ขี้เมานี่ก็ไม่กวนอีก’
จนรุ่งสางที่แก้มและหน้าผากถูกซุกไซ้ ขนมเอามือดันหน้าเจ้ายักษ์
จนมันหยุดและลืมตามามอง ก่อนที่มันจะยกยิ้ม

“กูคิดว่าเมื่อคืนหิ้วสาวมาซะอีก แก้มมึงหอมและนุ่มดีนะหนม
 แต่มึงสระผมหน่อยจะดีกว่านี้นะ เริ่มเหม็นเปรี้ยวแล้ว”

“นี่แหน่ะ ไอ้บ้า กูสระเมื่อเช้าวาน พูดไม่คิด”
 ขนมยกสองเท้าคู่ถีบโชกุนหลุดออกจากตัวไปได้ ก่อนจะลุกขึ้นนั่ง

 ผมที่ยุ่งเหยิงไม่เป็นทรงทำให้หน้าตาของขนมดูเด็กลงไปอีก โชกุนอึ้งและเบนสายตา
ไปมองหน้าต่างที่แดดเริ่มส่องสว่าง เพื่อซ่อนแววตาอ่อนเชื่อม เขาเห็นเพื่อนตัวเล็กนี่น่ารักมานานแล้ว
ถึงแม้ท่าทางที่ก๋ากั่นของมันจะทั้งลุยทั้งบู้

แต่ลึกๆ ห้ามไม่ได้เลยที่เขาจะมองว่ามันน่ารักและเริ่มจะหลงรักมันทีละน้อย

ยิ่งตอนเมาเขาได้ขนมที่เป็นคนส่งถึงเตียงนอน มันเช็ดตัวเปลี่ยนเสื้อผ้าให้ทุกที
จะว่าเป็นความตั้งใจของเขา ก็ใช่ เขาอยากตื่นขึ้นมาแล้วเห็นหน้ามัน
แม้ว่าจะเดือนละหนก็ยังดี เหมือนเมื่อตะกี้ที่เขาตั้งใจหอมแก้มมัน

กลิ่นหอมอ่อนๆ ของครีมอาบน้ำยังติดอยู่ปลายจมูก

“หนมไปล้างหน้า แปรงสีฟันเห็นรึยังซื้อมาใหม่วางไว้ที่หน้ากระจกน่ะ”

“อืม ใช้ตั้งแต่เมื่อคืนแล้ว มึงไม่นอนอีกหน่อยเหรอ นี่วันหยุดนะเว้ย”

“ไม่ล่ะ ไปเดินเล่นกันหน่อยมั้ย หน้าหมู่บ้านมีตลาดนัดคนเคยรวย เผื่อหาไรกินกันแถวนั้นเลย”

“เออ ไปๆ รอแป๊บนึง เสื้อผ้าล่ะจะใส่ชุดไหนออกไป กูไม่มีชุดเปลี่ยน”
ขนมหันกลับมาถาม ขากลับฟีนิกซ์จะเป็นคนไปส่งเขาถึงบ้านทั้งชุดนอนของมันเลย

“เออ กูซื้อกางเกงขาสั้นมาตัว มันเล็กไปหน่อยกูใส่ไม่ได้ เสื้อก็ด้วย
มึงเอาไปใส่แทนทีซื้อมาเสียของเลย”
โชกุนตีเนียน ชุดนั้นเขานึกถึงมันกะขนาดรูปร่างว่าน่าจะใส่ได้จึงซื้อกลับมา และวันนี้มันก็ได้ใส่จนได้

“เออๆ เดี๋ยวจะลอง ถ้าใส่ได้กูยึดเลยนะ ขนมยักคิ้วก่อนจะผลุบหายเข้าห้องน้ำ

โชกุนฉีกยิ้ม เป็นเช้าที่สดใสจริงๆ สำหรับเขาก็ว่าได้



หัวข้อ: Re: incest : บาปร้ายในบ่วงรัก ตอนที่ 8 สัญญาณเตือน
เริ่มหัวข้อโดย: เส้นขอบฟ้า ที่ 31-05-2019 10:28:53
ตอนที่ 8 สัญญาณเตือน

ท่ามกลางสายลมหนาว เป็นปีที่สองแล้วที่ยูฟ่าต้องเผชิญกับความหนาวเย็นของอากาศ
ยูฟ่าไม่ชอบฤดูหนาวเพราะรู้สึกหนาวเย็นจนถึงกระดูกเลยก็ว่าได้

เขารู้ว่าร่างกายไม่มีภูมิต้านทานความหนาวเหมือนกับคนอื่นๆ

เขาที่หนาวจนแทบทนไม่ไหว แต่กับคนที่เกิดและโตที่นี่กลับพากันชิน

“พี่ยูจะไปยอดเขาเอเวอร์เรสต์เหรอฮะ ใส่มากี่ชั้นครับวันนี้”
รวีกานต์พูดพร้อมกับยิ้มขำที่เห็นคนพี่สวมชุดกันหนาวจนกลมไปทั้งตัว
เหมือนหมีอ้วนพุงพลุ้ยๆ ไม่มีผิด

“บรื๋อ…พี่หนาวนี่เดย์ อย่าล้อกันสิ พี่จะแข็งตายอยู่แล้วนะ”
เสียงที่ตอบก็สั่นๆ จนรวีกานต์ต้องจับหมุนตัวและดุนหลังให้เดินเข้าไปยังเรือนนอนของเด็กๆ
อย่างน้อยในห้องนั้นก็อุ่นกว่าที่โล่งแจ้งนี้มาก

“ไปๆ เข้าข้างในก่อน พี่ยูนี่คงหนาวเอามากๆ จริงๆ ด้วยเนอะ”
 รวีกานต์พูดและมองคนพี่ยิ้มๆ ขนาดว่ามือก็ไม่วายสวมถุงมือ

“อืมๆ ข้างนอกนี่หนาวเนอะ” ยูฟ่าพูดและรีบสาวเท้าเดิน

“เดย์ๆ มาเอานี่ไปให้ยูที นั่งสั่นมาตลอดทาง
 มีคนเอามาวางขายก็เลยซื้อมาให้ มีของนายด้วยนะ”

ตะวันฉายลดกระจกลงและกวักมือเรียกให้เด็กหนุ่มมาหาที่รถพร้อมทั้งยื่นถุงให้

“อะไรน่ะพี่ตะวัน”
 รวีกานต์รับถุงกระดาษสีสวยมาถือไว้

“ถ้าพันคอน่ะ อุดหนุนชาวบ้านเขาเสียหน่อย หึหึ”
 ตะวันฉายพูดและหัวเราะในลำคอเบาๆ

“อ่อ ขอบคุณครับ”
ตะวันฉายถอยรถออกไปแล้ว รวีกานต์มองตามจนรถสีขาวลับตา

ช่วงปีที่ผ่านมารวีกานต์ได้รับของฝากจากคนหน้านิ่งที่พักหลังๆ
มีทำหน้าอื่นๆ เพิ่มขึ้น ยกยิ้มมุมปากก็เป็น พูดเล่นก็ได้ พาเข้าเมือง
ถึงจะมีพี่ยูไปด้วยก็ชอบที่จะเลี้ยงข้าว แม้เขาจะเป็นผู้ติดตาม และคราวนี้
ยังมีผ้าพันคอที่บอกว่าซื้อมาจากชาวบ้านแถวนี้

เขาดูยังไงก็ไม่ใช่ เพราะน้ำหนักที่เบาและนุ่มเหมือนขนสัตว์แท้ๆ
ราคาคงจะไม่เบาตามน้ำหนักเป็นแน่ รวีกานต์อมยิ้มและเดินเข้าเรือนนอน
เพื่อเอาของฝากไปให้คนพี่เลือกก่อน ผืนที่ไม่ถูกเลือกจะเป็นสีอะไรเขาก็ยินดีรับ
ทั้งนั้นในเมื่อมันเป็นของฟรี

แต่พอเอาเข้าจริงเขาทำใจรับไม่ได้อย่างที่ตั้งใจแต่แรก

“พี่ยูเอาผืนนี้นะครับ ชมพูหวานๆ เหมาะกับพี่มากๆ นี่ไงดูสิ
เข้ากับถุงมือลายชมพูขาวของพี่ยูเป็นไหนๆ นะๆ มาครับ ผมพันให้จะได้อุ่น”

รวีกานต์เข้าไปจะพันผ้าให้ตามที่พูด เพื่อเป็นการมัดมือชกคนพี่

“มันจะเหมาะจริงเหรอเดย์ พี่เอาสีเทานั่นดีกว่าดูสีสุภาพ
และเป็นผู้ใหญ่หน่อยด้วย ส่งมาให้พี่สิ”

ยูฟ่ามองผ้าพันคอสีชมพูหวาน แล้วก็เบ้หน้า

“พี่ยูอย่าโอ้เอ้นะ หนาวไม่ใช่เหรอ มาครับอย่าดื้อสิฮะ
พี่ตะวันจะเสียใจเอานะ ถ้ารู้ว่าพี่ยูไม่ชอบของที่พี่เขาเลือกมาฝากน่ะ”

“เอ๊ะ! เด็กนี่ ก็สีนี้พี่ว่าพี่ตะวันไม่ได้เลือกมาให้พี่แน่ๆ
 เรานั่นแหละเหมาะกว่า @ # $ % # @ */...”

คำบ่นมากมายของยูฟ่าไม่เป็นผล

รวีกานต์แอบถอนหายใจเฮือกเมื่อเขาไม่ต้องใช้สีชมพู จริงๆ แล้วมันก็เหมาะมากกับพี่ยู
เพราะแก้มแดงๆ จากอากาศหนาวนั่น ยิ่งทำให้น่ารักเข้าไปอีก นึกไปถึงผู้ชายตัวสูงโปร่งคนนั้น

'ทำหน้ายังไงนะ ตอนเลือกของ'

“วันนี้เราจะทำอะไรให้เด็กๆ ทานกันดีนะ เราได้ฟักทองมาลูกนึงแล้ว
เนื้อกำลังน่าทานเลย เอ้อ! แกงบวดฟักทองเป็นของหวาน อีกส่วนหนึ่งก็ผัดใส่ไข่ดีมั้ยเดย์?”

“ดีฮะ เดี๋ยวผมจะคั้นกะทิให้ กะเพราไก่สับไม่ใส่พริกอีกอย่างก็ได้นะครับ
เดี๋ยวผมเตรียมเครื่องให้ อ้าวๆ พี่ภูมิจะไปไหนครับ หอบหมอนด้วย จะนอนแล้วเหรอ”

รวีกานต์เรียกเด็กชายที่เดินเข้ามุมไป

“ภูมิหนาว” เด็กชายหันมาตอบ

ยูฟ่ารีบเข้าไปคลำๆ ตามลำคอของหนูน้อยที่ปากเริ่มจะแดงๆ

“เดย์น้องภูมิมีไข้ ขอยาแก้ไข้หน่อย พี่ภูมิคนเก่งมานอนตรงนี้นะ
 เตรียมเช็ดตัวเหมือนน้องพอร์ช พี่ภูมิเก่งๆ ฮึบนะ ไม่งอแงนะครับ
 ทำโชว์เพื่อนๆ เลย ลูกผู้ชายต้องอดทน หูย…สีม่วงรสองุ่น
หรือจะเอาสีแดงรสสตรอว์เบอร์รี่ดีเลือกได้เลย”

ยูฟ่ารับยาแก้ไข้และหลอกล่อให้หนูน้อยเลือกยา

“ภูมิเอาสีแดง” เด็กชายตอบพร้อมกับน้ำตาคลอ
ยูฟ่ารับยาและปรอทวัดไข้มาวัดไข้ ไข้ยังต่ำๆ อยู่แต่ก็ต้องเฝ้าระวัง
ไม่นานนักเมื่อเด็กชายกินยาเรียบร้อย

รวีกานต์นำกะละมังใส่น้ำพร้อมกับผ้าขนหนูผืนเล็กอีกสองผืน และยังมีผ้าแห้งอีกผืนมาด้วย
เด็กคนอื่นๆ มานั่งล้อมลงดูคนป่วย รวีกานต์ก็จับมาวัดไข้ทุกคน

“เอาละ คนอื่นๆ ไม่มีไข้นะครับ ไปเล่นกันตรงนู้นไปให้พี่ภูมินอนก่อนนะ
จะได้หายป่วยแล้วจะได้เล่นด้วยกันได้”
เด็กๆ มีท่าทีอิดออดจะรอพาคนป่วยไปเล่นด้วย

กว่าเด็กๆ จะเข้าใจและยอมสลายตัวทำเอารวีกานต์ต้องหาทางกล่อมอยู่นาน


ยูฟ่าเฝ้าดูเด็กชายเป็นระยะไม่ได้ห่าง บ้านที่ไม่มีผู้ใหญ่อยู่จำเป็นต้องส่งเด็กๆ
มาไว้ที่นี่ทั้งที่เด็กป่วย ด้วยว่าพ่อแม่ต้องไปทำงาน ยูฟ่าและรวีกานต์ชินเสียแล้ว
แต่ก็ไม่เคยพบว่าจะมีเด็กคนไหนป่วยหนักไปกว่าการมีไข้ตัวร้อนธรรมดาเท่านั้น


หลังอาหารกลางวันเด็กๆ ทำกิจกรรมกันเล็กน้อย พอให้ได้ย่อยอาหาร
บ่ายสองโมงจึงพากันหลับปุ๋ย และเป็นช่วงเวลาที่สองหนุ่มจะได้พักเหนื่อยกันด้วย

น้องภูมิไม่มีไข้แล้วแต่ยูฟ่าก็ไม่ได้วางใจ เขานั่งเฝ้าน้องตลอด จนมีบางจังหวะที่เจ้าตัวสัปหงกไปเอง
จึงย้ายตัวเองไปนั่งพิงฝาผนังห้องและพักสายตา

รวีกานต์มองคนตัวบางน่ารักที่หลับไปแล้วและแอบถ่ายภาพไว้ล้อเมื่อเจ้าตัวตื่น
พี่ยูมาช่วยงานที่นี่ไม่ขอรับค่าแรงเลย ซึ่งเขาก็ซาบซึ้งใจมากๆ ที่เห็นคนพี่อุทิศตัว
เพื่องานด้วยใจ ทำงานไม่เคยงอแงสักครั้ง แล้วก็ไม่เคยหยุดงานตลอดสองปี

รวีกานต์พอรู้มาบ้างว่าทั้งพี่ตะวันและพี่ยูฟ่าเป็นหลานของคุณท่านเรือนไทยหลังงาม
ที่มีรั้วสูงมากจนคนภายนอกมองเข้าไปไม่เห็น สำหรับคนพื้นที่จะรู้ว่าเป็นครอบครัว
ขุนน้ำขุนนางเก่าที่ยังคงได้รับใช้ใกล้ชิดกับคุ้มภูรินทร์ที่นานๆ คนเมืองจะได้เห็น
เจ้านายชั้นสูงในงานสำคัญสักครั้ง ปีหนึ่งๆ นับครั้งได้

รวีกานต์มองว่าไม่ใช่เรื่องแปลกที่พี่ยูจะทำงานโดยไม่รับเงินเดือนเพราะสมบัติ
ที่ตกทอดกันมาจากรุ่นสู่รุ่นก็มากมายใช้กันไม่หมดแล้ว อย่างพี่ตะวันที่ตอนนี้ไป
เป็นอาจารย์สอนที่มหา’ลัยนั้นก็น่าจะได้สอนเต็มตัว เพราะเขายังคงเห็นพี่ตะวัน
ทำหน้าที่รับส่งพี่ยูได้ทุกวันไม่มีพลาดเลยสักครั้งทั้งที่มหา’ลัยก็อยู่ห่างจากที่นี่
หลายกิโลอยู่เหมือนกัน

“ไอ้เด็กแสบ! พี่เห็นนะแอบถ่ายรูปพี่อีกแล้ว เดี๋ยวเหอะ! อีกสามสิบนาที
ได้เวลาน้องๆ ตื่นแล้ว ไปเตรียมนมเลยไป”

ยูฟ่าตื่นมาเห็นพอดีตอนที่ถูกถ่ายภาพ ขนาดว่าถูกโวยรวีกานต์ก็ยังกดภาพไม่ยั้งมือ

“หึหึ พี่ยูตอนหลับน่ารักจะตาย นี่เหลือเวลาอีกตั้งเยอะจะรีบไล่ทำไมครับ
 ไหนผมดูสิน้องภูมิมีไข้อีกรึเปล่า”

พูดแล้วก็คลานไปหาเด็กชายที่นอนบนที่นอนพับได้ของเด็กอนุบาลสีน้ำเงินลายการ์ตูน

“อืม ตัวรุมๆ ไข้จะมาตอนยาลดไข้หมดฤทธิ์ นี่ต้องให้พ่อน้องภูมิคอยดูให้ดี
 กลางคืนถ้าไม่ระวังไข้สูงจะชักได้นะเด็กวัยนี้ด้วย”

“นั่นสิอากาศแบบนี้เชื้อโรคชอบนัก กระจายตัวแพร่เชื้อได้ดีเลยล่ะ”
 ยูฟ่าพูดอย่างกังวลแทนและเตรียมให้ยาลดไข้อีกรอบเมื่อหนูน้อยตื่น

 ยูฟ่าลุกขึ้นจะไปเปลี่ยนน้ำในกะละมังมาเช็ดตัวให้เด็กน้อยอีกรอบ

“พี่ยูนั่งเถอะ ผมขอทำเองรอบนี้”

 รวีกานต์คว้ากะละมังจากมือของคนพี่และเดินออกไป



ยูฟ่ารู้สึกครั่นเนื้อครั่นตัวเหมือนจะมีไข้ แพ้อากาศก็ไม่น่าใช่ ตกดึกเขาก็เป็นไข้จริงๆ
มารดามาเช็ดตัวให้และเอายาลดไข้มาให้สองเม็ด เขาแน่นจมูกและเจ็บคอ
คงเป็นอาการไข้หวัดแต่เขาเชื่อว่าไม่ได้ติดมาจากน้องภูมิ ไม่นานเขาก็หลับไป

ตื่นมาในตอนสายมีเด็กยกข้าวต้มมาให้ เหลียวมองนาฬิกาที่วางไว้ตรงโต๊ะเล็กข้างเตียง
จึงรู้ว่าสายมากแล้ว คงไม่ได้ไปดูเด็กๆ พี่ชายทิ้งโน๊ตว่าให้พักจนหายดีค่อยไปทำงาน

‘ยูไปเล่นกัน นะๆ’

‘โด พี่ยูไม่สบาย ไม่ไปกวนพี่นะครับ’

‘แต่โดเหงา เมื่อไหร่ยูจะหาย’

‘ถ้าโดยังมากวนแบบนี้ จะหายช้านะลูก’

‘ยู โดนอนด้วยสิ’

‘ตายจริง! เด็กสองคนนี้เดี๋ยวได้ติดไข้กันพอดี เฮ้อ!’

ยูฟ่าสะดุ้งเฮือกตื่นลืมตา…ความฝันในวัยเด็กวนเวียนเข้ามา

เขายิ้มทั้งที่ยังมึนหัวและวิงเวียนไม่หาย อ่อนเพลียเอามากๆ
จะเป็นเพราะเขานอนมากเกินไปหรือเปล่า

ป้าอุ่นเรือนยกก๋วยเตี๋ยวราดหน้าหมูนุ่มมาให้พร้อมทั้งยาแก้หวัด

“ขอบคุณครับป้าอุ่นเรือน ยูไม่ค่อยหิวเลย”

ยูฟ่านั่งพิงหัวเตียงมองมาที่ถาดใส่อาหาร

“ทานสักหน่อยเถอะนะคะคุณหนู สามคำก็ยังดี มาค่ะป้าป้อน
อ้าปากค่ะ อีกเดี๋ยวจะได้ทานยานะคะ”

ยูฟ่าจำต้องยอมให้ป้าอุ่นเรือนป้อน พอครบสามคำ เขาก็ส่ายหน้าไม่ยอมเปิดปากรับคำต่อไป

“ก็ได้ค่ะ ตามที่ตกลงกัน คุณหนูยูปวดศีรษะมากไหมคะ
 หน้าซีดมากๆ เลย คุณแม่โทรมาให้ป้าขึ้นมาดู ถ้าไม่ดีให้พาไปหาหมอ
 ไปนะคะป้าจะลงไปบอกตาน้อมให้เตรียมรถ”

 ยูฟ่าส่ายหน้า เขาเหนื่อย อยากนอนมากกว่าที่จะขยับกายไปไหน

“ขอยูนอนหน่อยนะป้า ยูง่วง ตื่นมาหายเลย เชื่อเถอะฮะ”

ป้าอุ่นเรือนมองเด็กหนุ่มที่ออกอาการดื้อตาใส แล้วจึงส่งยาและน้ำให้

“ทานยาค่ะ ก่อนค่ำถ้าป้ามาดูแล้วยังไม่หายต้องไปหาหมอเท่านั้นนะคะ
ตกลงนะคุณหนูยู”

ยูฟ่าพยักหน้ารับคำ เมื่อเห็นว่าป้าอุ่นเรือนเอาจริงแน่แล้วคราวนี้

“งั้นนอนค่ะ เดี๋ยวป้าจะให้น้ำอบมาอยู่เป็นเพื่อน”



ตลอดบ่ายยูฟ่าก็ยังคงหลับอีก รู้สึกเหมือนจะถูกใครบางคนเช็ดตัวให้
เปลือกตาหนักเอามากๆ จนได้ยินเสียงที่ออกจะแตกตื่นอยู่หลายเสียง
หนึ่งในนั้นมีพี่ตะวัน ป้าอุ่นเรือนและคุณยาย ทุกคนดูจะร้อนรนเอามากๆ
และสติรับรู้ของเขาก็ดับวูบลง

“ตะวันรีบไปเถอะ ย่าเป็นห่วงน้องเราเต็มที นี่อากนกวลัย เอ่อ อาอุไรของเราก็ร่ำๆ
 จะมาให้ได้ ดีนะที่ตะวันกลับบ้านเร็วมาดูน้อง ไปเลยลูกให้คุณลุงหมอตรวจให้ละเอียดเลยอย่าปล่อยไว้”

ผู้สูงวัยเดินตามมาส่งจนถึงรถ


ตะวันฉายรีบมุ่งหน้าเข้าเมือง เขาร้อนใจไม่ต่างจากคุณย่า
เขาแวะมาดูเจ้าน้องชายที่เรียกเท่าไหร่ก็ไม่หือไม่อือจนใจเสีย
รถแล่นถึงโรงพยาบาล เขาจอดรถและอุ้มน้องชายตัวบางวิ่งไปที่ลิฟต์

“ยูตื่นเถอะยู พี่ตะวันเองนะ นายทำใจดีๆ ไว้ ถึงโรงพยาบาลแล้ว”
 ตะวันฉายพร่ำเรียกยูฟ่าไม่หยุด

 เขากำลังกลัวว่าที่เจ้าเด็กปวกเปียกนี่ที่ป่วยจะไม่ใช่แค่ไข้หวัด

‘อย่าเป็นอะไรนะยู’

ตะวันฉายเดินกลับไปกลับมา เขานั่งไม่ติดเมื่อน้องถูกนำตัวเข้าห้องฉุกเฉินในทันทีที่มาถึง

ตะวันฉายลุกพรวดจากม้านั่งเมื่ออาอุไรมาปรากฏตัวหน้าห้อง
 ท่านมีสีหน้าไม่สู้ดีและมือยังกำกันแน่น ชายหนุ่มเห็นดังนั้นจึงเดินเข้าไปหา

“คุณอาครับ ใจเย็นๆ น้องคงไม่เป็นไรมาก เดี๋ยวคุณหมอก็คงจะออกมาครับ”

“ตะวัน อากลัว กลัวเหลือเกิน”

 ตะวันฉายใจเสียเมื่อเห็นแววตาที่สั่นไหวของผู้เป็นอา

“ถึงมือหมอน้องต้องปลอดภัย คุณอานั่งก่อนเถอะครับ”

 ตะวันฉายประคองท่านที่ยังไม่คลายความวิตกกังวล คิ้วที่โค้งได้รูปบัดนี้ขมวดเข้าหากัน
 ดวงตาไหวระริก ท่านเม้มปากแน่น

“คนดีของแม่ อย่าเป็นอะไร อย่าเป็นเหมือนคุณตา ลูกต้องไม่โชคร้าย ต้องไม่ใช่แบบนั้น”

 ตะวันฉายตัวชาวูบ คุณอาพูดอย่างนั้น เป็นอย่างคุณปู่เหรอ

'…ไม่นะ ทำไมอยู่ดีๆ คุณอาถึงคิดอย่างนั้น'
ทำให้เขาใจคอไม่ดีตามไปด้วย แค่คิดใจก็วูบแทบไปกองที่ตาตุ่มเลยก็ว่าได้

“คุณอา น้องแค่เป็นไข้หวัดเองนะครับ ยูไม่เป็นอย่างคุณปู่ ไม่ใช่แน่ๆ”

 เขารู้สึกว่ามือเท้าจะชุ่มไปด้วยเหงื่อ เขาหวาดหวั่นในสัญชาตญาณที่คุณอาคิดไปไกล

'ไม่ดีเลย ขออย่าได้เป็นเช่นนั้น น้องยังเด็กเกินไป…'






หัวข้อ: Re: incest : บาปร้ายในบ่วงรัก ตอนที่ 9 เวลาที่เฝ้ารอ
เริ่มหัวข้อโดย: เส้นขอบฟ้า ที่ 01-06-2019 17:02:39
ตอนที่ 9 เวลาที่เฝ้ารอ

เมื่อแพทย์ออกมา คุณอาอุไรรีบถลาเข้าไปหาทันที ฝ่ายลุงหมอเมื่อเห็นหน้าคุณอา
ท่านก็ส่ายหน้า ทำเอาตะวันฉายเสียววาบที่ไขสันหลัง

“ก่อนหน้านี้ทำไมไม่หมั่นพาลูกไปตรวจสุขภาพ พี่เคยบอกเธอแล้วนะกนกวลัย ทำไมไม่ฟัง”

ลุงหมอตำหนิคุณอาอุไรที่ยืนหน้าซีด และออกอาการสั่นกลัว

ตะวันฉายดูออกว่าท่านไม่ได้กลัวหมอ แต่กลัวผลวินิจฉัยของหมอมากกว่า

“แกเป็นไข้ตัวร้อนไม่ใช่เหรอพี่หมอ ลูกไม่เคยต้องป่วยขนาดต้องนอนโรงพยาบาลด้วยซ้ำ
 นี่พี่หมอกำลังจะบอกว่ายูฟ่า ลูก…เป็นลูคีเมีย เหมือนคุณพ่อของวลัย…อย่างนั้นเหรอคะ”
 อาอุไรพูดด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ

“ไปคุยในห้องก่อนเถอะ ตามมา แล้วนี่ลูกชายไผทเหรอ หน้าเหมือนกันเชียว”

 ตะวันฉายยกมือไหว้ลุงหมอ ใบหน้าของท่านเครียดขึ้นมาทันทีที่รู้ว่าคนไข้เป็นลูกหลาน
ของคนที่ท่านคุ้นเคยดี แต่คำถามก็ยังไม่ได้รับคำตอบอยู่ดี

“ใช่ค่ะพี่หมอ ตะวันฉายลูกชายคนเดียวของพี่ไผท”
หมอมนัสพยักหน้า และผายมือให้ทั้งสองนั่งเมื่อเข้ามาในห้องแล้ว

“นั่งสิ ทีนี้เรามาคุยเรื่องลูกของเธอกัน แกเป็นลูคีเมียชนิดเฉียบพลัน แบบ ALL
ตอนนี้เกล็ดเลือดต่ำมาก ส่วนเม็ดเลือดขาวก็พุ่งสูงมาก เราต้องให้เกล็ดเลือด
และเลือดควบคู่กันไป แกมีภาวะซีด ช่วงนี้ต้องไม่ให้มีอาการแทรกซ้อนอื่นเข้ามา
ต้องให้แกอยู่ห้องปลอดเชื้อจนกว่าเกล็ดเลือดจะขึ้นมาเป็นปกติ
เมื่อโรคสงบแล้วเตรียมร่างกายเข้าเคมีบำบัด เธอก็รู้นี่กนกวลัยว่าขั้นตอนเป็นยังไง
หากผลการรักษาออกมาดี ลูกเธอก็ไม่ต้องรับการปลูกถ่ายไขกระดูก
 ซึ่งถ้าคนไข้มีพี่น้องก็เตรียมแผนสำรองนี้ไว้จะเป็นการดีเลยล่ะ”

“ผมเป็นญาติ ผมช่วยน้องได้ครับคุณลุงหมอ”
ตะวันฉายโพล่งออกมา เขาเหลือบมองอาอุไรที่น้ำตาไหลเป็นทาง
และพยายามอดกลั้นแต่ก็คงฝืนไม่ไหวแล้วจริงๆ

“ถ้าพี่น้องที่สืบสายตรงจะดีที่สุดนะเจ้าหนุ่ม แต่ก็เผื่อไว้ถ้า HLA เข้ากันได้”
 คุณหมอแนะนำเพิ่มเติม

ตะวันฉายหน้าเผือดลงด้วยเขาไม่ได้เป็นพี่น้องท้องเดียวกันกับยูฟ่า พันธุกรรมจะตรงกันก็ยาก
เข้าไปอีก ตะวันฉายเครียดเขม็งด้วยไม่รู้ว่าอาการของน้องตอนนี้อยู่ในระดับไหน หมอควบคุม
ได้ไหม น้องจะปลอดภัยหรือเปล่า ทำถามมากมายผุดขึ้นมาในหัวจนสมองขาวโพลนไปหมด
 
“ยูฟ่ามีฝาแฝดค่ะพี่หมอ” เสียงคุณอาอุไรยับยั้งความคิดฟุ้งซ่านในหัวของตะวันฉายลง

“ห๊ะ! จริงเหรอครับ แล้วน้องอีกคนตอนนี้อยู่ที่ไหนครับคุณอา”

“ยูโด น้องอยู่กับพ่อของเขาที่กรุงเทพฯ น่ะตะวัน” อาอุไรพูด สีหน้าเครียดลงกว่าเดิม
 
“แต่ว่า อาไม่ เอ่อ…ไม่อยากจะบอกให้ทางนั้นรู้ คือว่าเอ่อ…”
 ท่านพูดตะกุกตะกัก และท่าทีลังเลอย่างเห็นได้ชัด

“เป็นอีกทางเลือกที่คุณอาต้องเตรียมไว้ น้องกำลังต้องการความช่วยเหลือ
 บอกที่อยู่ทางนั้นมา ผมจะไปรับยูโดมาเองครับ”
 ตะวันฉายอาสา ด้วยมองว่าตอนนี้เรื่องช่วยคนป่วยสำคัญกว่าปัญหาครอบครัวที่อาของเขาเผชิญอยู่

“เอ่อ ถ้างั้น อาจะให้ตะวันไปรับยูโด แต่ตะวันอย่าเพิ่งบอกอะไรน้องนะ ให้อาบอกกับเขาเอง
 เขาเป็นคนที่ออกจะใจร้อนอยู่สักหน่อย อากลัวว่าตะวันจะรับมือน้องไม่ไหว”

“ได้ครับ ผมจะเดินทางคืนนี้เลย ถึงจะเป็นแผนสำรองแต่สายใยของความเป็นแฝด
 ผมว่าช่วยได้ดีในเรื่องของกำลังใจนะครับ ยูอาจจะดีขึ้น ถ้าเขารู้สึกว่ายังมีอีกคนที่
เคียงข้างเขา ผมพูดไปตามที่คิดนะครับ ไม่รู้ว่าจะช่วยได้มากน้อยแค่ไหน คุณอาวางใจนะครับ
 อยู่ทางนี้คุณอาก็ต้องเข้มแข็ง อย่าอ่อนแอให้ยูเห็นเด็ดขาดเลยนะครับ”

“จ้ะ อาจะพยายาม วิธีที่ตะวันบอกน่าจะเป็นทางเลือกที่ดี และจะให้ผลทางด้านจิตใจอย่างที่ตะวันพูดแน่นอน”

“เอาละนะ เธอก็อย่าเพิ่งวิตกให้มากความ ก็ยังถือว่าดีที่มาได้เร็ว ตอนนี้ลูกชายของเธอก็ไม่ถึงขนาดเข้าขั้นวิกฤติ”

 ตะวันฉายหันมองหน้าลุงหมอ ที่ขยับขาแว่น และยืนขึ้นเต็มความสูง

“ขอบคุณพี่หมอมากๆ ที่ช่วยลูกของวลัย” คุณอาอุไรลุกขึ้นตามอีกคน

“เอาน่ะ คนไข้ถึงมือหมอ หมอก็ต้องช่วยสุดความสามารถอยู่แล้วจริงไหม”
 หมอมนัสพูดและเดินนำออกมาจากห้อง



ตะวันฉายพาอาสาวกลับบ้าน เพราะคุณหมอบอกว่ายังไงวันนี้ยูฟ่าต้องอยู่ในความดูแลของแพทย์
อย่างใกล้ชิดในห้องปลอดเชื้อ ให้คุณอากลับบ้านเตรียมตัวเตรียมใจที่จะเจอศึกหนัก

“อามีปัญหากับพ่อของเจ้าแฝด เขามีคนอื่นอาจึงขอหย่า แต่เขาไม่ยอม อาทนความเห็นแก่ตัวของเขาไม่ได้
 อาจึงหนีมาโดยทิ้งยูโดไว้ที่นั่น ยูฟ่าเลือกที่จะมากับอา อาจเพราะสงสารทั้งที่แกรักน้องของแกมาก
 อาเห็นแก่ตัว รักแต่ตัวเอง จนพรากความรักของเด็กสองคนนั้น”
 อุไรเล่าความเป็นมาเป็นไปของชีวิตครอบครัวของเธอให้กับหลานชายฟัง

“เอ่อ! ตะวันคงสงสัยที่พี่หมอเรียกอาว่ากนกวลัย เป็นชื่อเดิมของอาเอง อาเปลี่ยนเมื่อได้
พบกับพ่อเจ้าแฝด อาทิ้งชีวิตที่นี่ไปเพื่อเลือกเค้า และไม่แปลกที่เขาจะตามหาอาไม่เจอ
 เพราะอาไม่เคยเผยว่าอาเป็นคนในตระกูลของคุณย่า อาไม่อยากให้ทางนี้เสื่อมเสีย
 เพราะอาได้ทำสิ่งแย่ๆ และครั้งนี้คงเป็นโอกาสที่อาจะแก้ไขเรื่องที่ปล่อยคาราคาซังมานาน
เสียทีแก้ไขความเห็นแก่ตัวของอาด้วย มันถึงเวลาแล้วที่อาจะต้องคืนยูฟ่าให้กับยูโดเสียที”

อุไรยอมพ่ายแพ้ เมื่อลูกที่เธอรักปานดวงใจต้องมาเจ็บป่วยแบบนี้ กำลังใจเท่านั้นที่จะสามารถ
นำพาให้ยูฟ่าสู้ และฝ่าฟันเพื่อเอาชนะกับโรคร้ายนี้ไปให้ได้ ถ้ามียูโดมาอยู่เคียงข้าง

“ผมไม่เข้าใจ ทำไม เอ่อ คุณอาพูดเหมือน เจ้าสองคนนั้น เป็น…คู่รักกัน เขาเป็นแฝดกันไม่ใช่เหรอครับ”

 ตะวันฉายไม่คิดที่จะเก็บซ่อนความสงสัยเอาไว้

“ก่อนหน้านี้ ยูโดประสบอุบัติเหตุจนตาบอด รับการผ่าตัดจนกลับมามองเห็น ตอนนั้นอาบังเอิญ
ไปได้ยินว่าเด็กสองคนนั้น ต้องอยู่กับความเจ็บปวด ยูโดทำเป็นเกลียดพี่ ดุด่าและกลั่นแกล้ง
สารพัดเป็นปีๆ แต่จริงๆ แล้วเจ้าเด็กนั่นมันทำตรงข้ามกับหัวใจตัวเอง และจำต้องออกห่างเพื่อ
ไม่ให้ทำเรื่องผิดบาปกับพี่ตัวเอง สองคนนั้นรักกันจ้ะตะวัน”

 อุไรบอกเล่าเรื่องราวทั้งหมดอย่างไม่คิดปิดบัง

“นี่มันเป็นเรื่องจริงเหรอครับ แล้วน้องอีกคนก็เป็นแฝดชายด้วยนะฮะ ทำไมถึง…”

 ตะวันฉายอึ้งกับเรื่องที่ได้ฟังจากปากของผู้เป็นอา

“ใช่จ้ะแฝดชาย ส่วนเจ้ายูก็หนีใจตัวเองหาแฟนมาบังหน้า อย่างนี้แล้วอาจะห้ามยังไงได้
 แต่ที่อาหนีมาไม่ใช่จะจับสองคนนั้นแยกกันนะตะวัน มันเป็นคนละเรื่องกัน อาสัญญากับ
ยูฟ่าไว้ว่าจะพากลับไปหายูโด หากใจของทั้งสองยังคงเดิม ถ้ายังรักกันอยู่”

“ผมสงสารน้องๆ จังครับคุณอา เรื่องของความรักมันห้ามใจกันไม่ได้เลยจริงๆ
 คงเจ็บปวดกันมากพอดู แล้วยังต้องมาพรากจากกันอีก”

ตะวันฉายพูดออกมา น้ำเสียงของเขาสั่นๆ มิน่าในช่วงแรกๆ ที่ได้เจอหน้ายูฟ่า
น้องเหมือนคนที่ไร้ซึ่งชีวิตจิตใจ

“ตามยูโดมาหายูฟ่าให้ได้ก็พอตะวัน ก็ถือว่าตะวันได้ช่วยน้องแล้ว
 แต่อย่าเพิ่งบอกอะไรกับยูโด อากลัวเจ้าเด็กขี้โมโหจะมาไม่ถึงนี่เอาน่ะ”

“ได้ครับ ถ้าดื้อนักผมจะจัดการให้เองครับคุณอา ไม่ต้องกังวลเข้าบ้านเถอะ
 ผมจะกลับไปเตรียมของ ผมจองเที่ยวบินไว้แล้ว”

“ขอบใจมากๆ เลยตะวัน อาฝากด้วย กลับมาอาจะคืนเงินค่าเดินทางให้นะ”

“ไม่เป็นไรครับคุณอา เรื่องแค่นี้เอง ถือเสียว่าผมทำเพื่อน้องสองคนครับ”

ตะวันฉายส่งยิ้มให้กับอาของตัวเองที่มีท่าทีอ่อนระโหยจนน่าสงสาร ผู้หญิงตัวเล็กๆ
ที่ต้องแบกรับปัญหาครอบครัวไว้อย่างมากมาย ช่วงปีหลังมานี่ท่านดูมีความสุขกับการ
ใช้ชีวิตที่นี่ไปแล้ว การที่ยูฟ่าป่วยอาจจะนำการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่มาให้ท่านอีกเป็นแน่

เขาคงทำได้เพียงเป็นกำลังใจให้ท่านและน้องๆ ฟันฝ่ามันไปให้ได้ แค่นั้นจริงๆ


ตะวันฉายได้ทั้งที่อยู่และเบอร์โทรศัพท์ของเด็กแฝดอีกคน เขาสะพายเป้ไปเพียงใบเดียวเท่านั้น
กะว่าเจอตัวเด็กนั่นก็จะรวบตัวมาเลย หากไม่ยอมคงต้องเอาเรื่องลับๆ ระหว่างสองคนพี่น้องมา
อ้างกันบ้าง เขาก็ได้รู้มาเยอะพอสมควร  การขับรถบนเส้นทางที่เงียบเชียบขนาดนี้ต้องใช้ความ
ระมัดระวังมากกว่าปกติเป็นเท่าตัว


จวบจนกระทั่งตะวันมาถึงกรุงเทพฯ และนั่งแท็กซี่มาลงที่บ้านหลังใหญ่ที่มีรั้วสูงท่วมหัว
เขายืนหาวหวอดๆ หน้ารั้วบ้าน ยกมือกดกริ่งแบบรัวๆ อย่างไม่เกรงใจใคร

‘นี่ก็ตีสามเข้าไปแล้ว ใครมันจะยอมตื่นมาเปิดประตูกันวะ’

เขายืนรอสิบนาทีก็ยังไม่มีคนโผล่ออกมา เขาโทรเข้าไปหลายสายตั้งแต่ตอนอยู่บนแท็กซี่
แต่ปลายสายก็ไม่กดรับ ตะวันฉายมองสุนัขประจำซอยที่เดินวนไปเวียนมา มันเห่ากรรโชก
คงเพราะไม่คุ้นกับคนแปลกหน้าทั้งคงจะผิดกลิ่นอีกด้วย เขาไม่ได้ญาติดีกับเจ้าสี่เท้านี้นักหรอก
เดาใจมันก็ไม่ถูกนึกไม่ชอบหน้าเขาขึ้นมา รุมกัดก็เละเหมือนกัน

“แม่งเอ๊ย! นอนซ้อมตายกันหรือไงวะ ไม่มีจะโผล่หัวออกมาเลยสักคน”

 ตะวันฉายเตะเท้าไปในอากาศอย่างหงุดหงิด ง่วงก็ง่วง บนเครื่องก็ตื่นตาตื่นใจจนนอนไม่หลับ

“มาหาใครเหรอครับ”

นั่นไงโผล่มาซะที เขาชะเง้อมองเข้าไปในบ้าน ตรงช่องว่างของลวดลายสลักของประตูอัลลอยด์
เจ้าเด็กยักษ์นี่มันไม่ใช่แฝดกับเจ้ายูแน่ๆ เจ้ายูตัวนิดเดียว แต่นี่ใหญ่กว่ากันเกือบเท่าตัวเผลอๆ
จะสูงกว่าเขาหลายเซนด้วยสิ ถ้าอาของเขาบอกว่าเจ้านี่เป็นพี่ชายของยูฟ่าเขาก็เชื่อ

ตะวันฉายนึกฉุนเมื่อสบเข้ากับสายตาที่มองมาแบบเอาเรื่อง คงเพราะรบกวนการนอนของมันเป็นแน่

“ยูโดสินะ พี่ชื่อตะวันฉาย เรียกว่าพี่ตะวันแล้วกัน ขอเข้าไปหน่อย ง่วงจะตายชักแล้วตอนนี้น่ะ”

 ตะวันฉายขยับแต่อีกคนก็มองมาเขม็งและไม่มีทีท่าจะขยับกายเปิดประตูให้

“คุณรู้จักผมแต่ผมไม่รู้จักคุณ แค่บอกชื่อไม่ได้หมายความว่าจะรู้จักกันได้  อีกอย่างจู่ๆ
จะมาขอเข้าบ้านคนอื่นยามวิกาลแบบนี้ ผมคงไม่เสียสติเปิดรับคุณง่ายๆ หรอก
คุณอย่ามาก่อกวนกันดีกว่า ถ้าเมาก็กลับไปนอน ผมยังไม่อยากจะมีเรื่องตอนนี้”

ยูโดพูดแล้วหันหลังจะเดินเข้าบ้าน แต่คำพูดที่ได้ยินจากปากของผู้มาเยือนทำให้ต้องหันขวับกลับไป

“เอ๊ะ! เจ้าเด็กนิสัยเสีย อาอุไรส่งพี่มา ไม่อยากรู้เหรอว่าแม่กับพี่ชายของนายอยู่ที่ไหนตอนนี้น่ะ”

ตะวันฉายขยายความอีก คำพูดของเขารั้งให้เด็กยักษ์หยุดกึกได้ดีเลยทีเดียว

“ว่าไง นาย เอ่อ พี่ตะวัน คุณแม่ให้มาหาผมเหรอ เขาสองคนเป็นอะไร มีเรื่องอะไรบอกผมสิพี่”

ยูโดเดินเข้าไปใกล้รั้วมากขึ้น เขาเพ่งมองหน้าคนตัวขาว ผอมสูงและหน้าตาดีมากๆ
 ที่ขนาดว่าร่างกายผมเผ้าจะไม่เรียบร้อยนักแต่ก็บ่งบอกได้ว่าผู้ชายคนนี้เป็นคนที่ดูดีคนหนึ่ง

“ยูโด พี่จะยังไม่พูดจนกว่าจะได้นอน พี่มาตั้งไกลอย่าถามมากยังไม่มีใครเป็นอะไรทั้งนั้นตอนนี้”

“พี่ตะวันอย่าหลอกผมนะ คุณแม่ให้พี่มาจริงๆ ใช่ไหมครับ”

 ตะวันฉายดูอาการที่อีกคนเป็นแล้วก็หายหงุดหงิด เจ้าเด็กยักษ์กลายร่างเป็นสุนัข
พันธุ์โกลเด้นรีทรีฟเวอร์ที่เคลื่อนไหวร่างใหญ่ๆ ส่ายหางดี๊ด๊ายามเจอเจ้าของยังไงยังงั้น

“อืม จะเปิดได้หรือยังล่ะ”
 ตะวันฉายเสียงอ่อนและเขากำลังล้าเต็มที

“ครับพี่ เปิดเดี๋ยวนี้แหละฮะ”
 เจ้าหมาตัวโต ยิ้มแล้วเปิดล็อกประตูออกให้ก่อนที่จะปิดกลับเหมือนเดิม

“คนรับใช้ไม่มีรึไง บ้านหลังใหญ่โต เงินก็ตั้งมากมาย”
 ตะวันฉายอดค่อนขอดไม่ได้เมื่อก้าวเท้าเข้ามาในบริเวณบ้าน

“ก็มีครับ ป้าแม่บ้านกับหลานสาว ดึกขนาดนี้ ผมเป็นผู้ชายมาเปิดเองก็ถูกต้องแล้วครับ”

“แค่สงสัย ถ้ามีแต่คนแก่กับผู้หญิงก็ถูกแล้วที่เปิดเอง”

“พี่ตะวันเป็นหลานของคุณแม่เหรอ เห็นเรียกคุณแม่ว่าอา”

“อื้ม พ่อพี่เป็นพี่ชายแม่เราน่ะ ลุงไผท”

“อ่อ ครับ งั้นผมกับยูก็เป็นน้องของพี่สิฮะ”

“ก็ใช่ไง ไว้พรุ่งนี้ค่อยคุยกัน พี่นอนตรงนี้ก็ได้นายไปนอนเถอะ
หลับให้สบายล่ะ พี่ง่วงเต็มแก่ อีกไม่กี่ชั่วโมงก็เช้าแล้ว”

“พี่ตะวันนอนห้องผมก็ได้ เพราะผมนอนห้องยู”

“ก็ได้แต่บอกไว้ก่อนนะ พี่ไม่อาบน้ำนะเว้ย ไว้รวบยอดตอนเช้าทีเดียว”

“เอ่อ ครับ” สองหนุ่มเปิดประตูห้องที่อยู่คู่กัน ก่อนจะหายเข้าไปห้องใครห้องมัน


ยูโดพยายามข่มตาให้หลับแต่มันยังคงเบิกค้าง ใครจะหลับได้เมื่อจู่ๆ คนที่เราคิดว่าไม่รู้อีกนาน
แค่ไหนจะได้เจอ หรือยังไม่รู้ว่ามารดาจะเปิดโอกาสให้ได้เจอกันเมื่อไหร่ เหมือนที่บิดาเขาบอกไว้
 แล้วก็เหมือนความหวังทั้งหมด การรอคอยที่ยาวนานนั้นมาถึงแล้ว เป็นใครจะข่มตาหลับลง

‘ถ้าเขาอยากให้เจอก็จะได้เจอเอง ไม่ต้องดิ้นรน ไขว่คว้า ยูเราจะได้พบกันแล้วใช่ไหม
คุณแม่ยอมให้โดเจอกับยูแล้ว จริงเหรอครับ’

กว่าเปลือกตาจะปิดลงได้ก็ค่อนรุ่ง


เสียงทุบประตูทำให้ยูโดกระเด้งตัวจากที่นอน เขาถลันไปที่ประตูเปิดผลัวะออก
 ผู้ชายที่ยังสวมใส่เสื้อผ้าชุดเดิมที่ยับย่นกับผมเผ้าที่ยุ่งเหยิง ยืนหน้าบึ้งตึงอยู่หน้าประตูห้อง

“เป็นอะไรหรือเปล่าครับพี่ตะวัน”

“ยืมสายชาร์จโทรศัพท์หน่อย แล้วก็ขอยืมผ้าเช็ดตัวด้วยจะอาบน้ำเหม็นตัวเองเต็มที
 นายเตรียมตัวเดินทางเลยนะ ไวหน่อยก็ดี” ตะวันฉายพูดแล้วยืนรอ

“เดี๋ยวครับพี่ จะให้ผมไปที่ไหน”

“เดินทางไกล อยากเจอก็เงียบปาก พี่ไม่ได้รับอนุญาตให้พูด
หรือบอกอะไรมากไปกว่านี้ เข้าใจนะ”

 ยูโดส่งของสองอย่างที่พี่ชายขอไปให้กับมือและยื้อไว้ แต่พอได้ฟังพี่ชายพูดอย่างนั้น
จึงรีบปล่อยมือ แล้วกลับมาทำตัวให้นิ่งมากที่สุด

“ครับ ผมจะได้เตรียมของไปให้พร้อม”

 เมื่อประตูห้องนอนปิดลงยูโดก็ยิ้มกว้าง เขาจะได้เจอคนสองคนที่รักที่สุดแล้ว

‘รอโดนะยู ขอบคุณนะครับแม่’


ไม่เกินหนึ่งชั่วโมงทุกอย่างก็พร้อม ยูโดคว้าของจำเป็นไปไม่กี่อย่าง เสื้อผ้าสี่ห้าชุด
 เขายัดโน๊ตบุ๊คลงไปในกระเป๋าเดินทางด้วย หันไปหยิบกระเป๋าเงินและโทรศัพท์เป็นอย่างสุดท้าย
 ยกมือจะเคาะประตูห้องนอนที่ให้คนที่อ้างว่าเป็นพี่ชายเข้าพัก แต่ประตูก็ถูกเปิดออกมาเสียก่อน

“เสร็จแล้วสิ ถ้างั้นอาหารเช้าไปหาที่แอร์พอร์ตนะ”

“ครับพี่”

 ยูโดรับคำและมองพี่ชายแบบผ่านๆ พี่ชายสวมเสื้อยืดกางเกงยีนและมีแจ็คเกตสีดำสวมทับอีกที
ทำให้พี่ชายดูเป็นหนุ่มที่ออกจะเซอๆ ไม่ใช่น้อย ส่วนเขาเองสวมเสื้อยืดสีขาวไว้ด้านในและสวมเสื้อ
กันหนาวแบบมีฮู้ดด้วยตอนนี้เมืองไทยเข้าสู่ฤดูหนาวมาสี่ห้าวันแล้ว ซึ่งปีนี้คาดว่าจะอากาศหนาวกว่า
ปีก่อนเล็กน้อยและกินเวลาเกือบเดือนตามที่พยากรณ์อากาศรายงาน

พี่ตะวันบอกโชเฟอร์แค่ให้ไปสนามบิน ยูโดพยายามหาเรื่องถามแบบอ้อมๆ
 แต่พี่ชายรู้ทันหันมาขู่ หน้าตาเอาเรื่องจนยูโดต้องยอมปิดปากเงียบไปตลอดทาง
 จนเมื่อเขารู้จุดหมายปลายทางถึงได้ยิ้มออก

‘เชียงใหม่’
สองปีมานี้มารดากับพี่ชายของเขาอยู่กันที่เชียงใหม่นี่เอง

“ยิ้มหน้าบานเลยนะ นี่ขนาดยังไม่ได้เจอหน้ากันยังขนาดนี้ ถ้าได้เจอนี่ไม่ดูดปากกันเลยหรือไง”
ตะวันฉายพูดประชด ทำเอาน้องชายยกมือขึ้นถูข้างจมูกแก้เก้อ

‘ทำได้อย่างนั้นก็ดีสิ อยากฟัดให้จมเขี้ยวด้วยสิ แต่…พี่ตะวันพูดเหมือน…รู้อะไรๆ อย่างงั้นแหละ’

 เจ้าหมาตัวโตหน้าระรื่นไม่หยุดจนตะวันฉายส่ายหน้า ท่าทางที่ล้นๆ แบบนี้ ไม่มีทางที่ยูฟ่าจะทำได้เหมือน
 สองคนนี้ต่างกันมากจริงๆ ตั้งแต่สีผิวยันรูปลักษณ์ เกือบจะทั้งตัว นิสัยก็คงจะต่างมากเหมือนกัน
 คนพี่ที่ทั้งน่ารักอ่อนโยนและขี้อ้อนอย่างกับแมว ส่วนคนน้องเหมือนหมาตัวโตๆ
แต่ถึงคราวที่จะอ้อนคงจะสุดๆ เหมือนกัน

‘อย่าสุขจนลืมเผื่อใจนะเจ้าน้องชาย…พี่เตือนไว้ก่อน’








หัวข้อ: Re: incest : บาปร้ายในบ่วงรัก ตอนที่ 9
เริ่มหัวข้อโดย: กาแฟมั้ยฮะจ้าว ที่ 11-06-2019 09:02:20
:กอด1: :pig4: :กอด1:
หัวข้อ: Re: incest : บาปร้ายในบ่วงรัก ตอนที่ 9
เริ่มหัวข้อโดย: snowboxs ที่ 14-06-2019 11:17:34
เตรียมผ้าเช็ดหน้ารอเลยล่ะกันนะคะ
หัวข้อ: Re: incest : บาปร้ายในบ่วงรัก ตอนที่ 9
เริ่มหัวข้อโดย: AkuaPink ที่ 14-06-2019 11:43:48
 :pig4:
 :3123:
หัวข้อ: Re: incest : บาปร้ายในบ่วงรัก ตอนที่ 10 กลับมายืนข้างกัน
เริ่มหัวข้อโดย: เส้นขอบฟ้า ที่ 15-06-2019 09:58:13
 ตอนที่ 10 กลับมายืนข้างกัน

เมื่อถึงสนามบินเชียงใหม่ ตะวันฉายพาน้องชายตัวโตไปยังรถกระบะคันสีขาวของเขา
เด็กยักษ์ยังคงมีสีหน้าที่มีความสุขอย่างเก็บไม่มิดเหมือนเดิม

“นั่งดีๆ นะ พี่จะซิ่งแล้ว”

“ซิ่งของพี่น่ะเหยียบเกินร้อยหรือเปล่าเหอะ”

“เฮอะ! เจ้าเด็กนี่ อย่ามาสบประมาทกันนะเว้ย!”

“ตามสบายเลยครับ ผมขอถึงที่หมายโดยปลอดภัยก็แล้วกัน”
ยูโดพูดหน้ายิ้มๆ เขาไม่กลัวว่าพี่ตะวันจะขับหรือพาเหาะ เพราะคนอย่างเขาผ่าน
สนามประลองความเร็วมาแล้วหลายสนาม


ตะวันฉายขับรถไปอย่างไม่เร่งรีบดั่งปากที่พูดเลย เขากำลังลุ้น หากทั้งสามพบกันในสถานการณ์แบบนั้น
อะไรจะเกิดขึ้น เห็นเด็กยักษ์ที่กวาดสายตามองสองฝั่งข้างทางเพื่อจดจำเส้นทาง เท่าที่เขาประเมิน
ยูโดคงต้องอยู่นานเลยหรือหากอาของเขาคิดจะกลับเข้ากรุงเทพฯ คงจะพากันกลับไปหมด
ซึ่งนั่นก็ต้องมาดูกันอีกทีว่าจะออกมาในทิศทางไหน
 
ตะวันฉายเลี้ยวรถเข้าไปยังโรงพยาบาล เด็กที่นั่งหน้ายิ้มมาตลอดทางกลับเปลี่ยนสีหน้า
จนดูจืดเจื่อนลงถนัดตา ดวงตามีประกายหวาดหวั่นเข้ามาแทนที่ ตะวันฉายเห็นอย่างนั้น
พาให้ใจวูบโหวงตามไปด้วย แม้ว่าเขายังไม่ได้พูดอะไรออกไปคนข้างๆ ก็เสียอาการแล้ว

“พี่ตะวัน ทำไมมาที่นี่ล่ะ มีใครเป็นอะไร พี่มาเยี่ยมใครครับ คนรู้จักของพี่เหรอฮะ
 แล้วพี่ไม่ส่งผมหาคุณแม่กับยูก่อนล่ะครับ หรือว่า…มันเกิดอะไรขึ้นกับสองคนนั้นครับ
 พี่ตะวันบอกผมสิครับ”

 ยูโดหันหน้าหันหลังอย่างร้อนรน และละล่ำละลักถาม

“ยูโด นายต้องเข้มแข็ง อย่าเพิ่งตื่นตกใจอะไร ไว้นายจะรู้เองในอีกไม่กี่นาทีนี้แหละ ใจเย็นเถอะ”

“ผมต้องเข้มแข็งจากอะไรฮะ มันเรื่องอะไรกัน มันไม่ใช่เรื่องดีแน่ๆ ยังไงเหรอครับพี่ บอกผม”

“ยูโด ใจเย็นๆ หน่อยสิ ถ้านายยังเป็นแบบนี้ ไม่ควบคุมอารมณ์ พี่จะไม่พานายเข้าไปในนั้นเด็ดขาด”
 ตะวันฉายพูดเสียงเฉียบขาด และทำท่าจะหยุดอย่างที่ปากพูด
 เท่านั้นก็สามารถหยุดอาการสติแตกของเด็กโข่งลงได้ เขาพรูลมหายใจออกมาอย่างหนักหน่วงเช่นกัน

“พี่ตะวัน ผมขอโทษ ผมจะควบคุมอารมณ์…”
ยูโดหยุดเท้า สูดหายใจยาวๆ หลายนาที ก่อนที่จะพยักหน้าและสู้ตากับพี่ชาย

“เอาหล่ะ ถ้านายพร้อม เราก็ไปกันได้แล้ว”
ตะวันฉายโอบบ่าน้องชายตัวโตที่ส่วนสูงมากกว่าเขาราวๆ หกเจ็ดเซนติเมตรได้

เขาพาเดินเข้าไปในลิฟต์ กดเลือกชั้น น้องมองตามทุกการเคลื่อนไหวของนิ้วมือ
และอ่านผังในลิฟต์ที่ระบุว่าเป็นชั้นของห้อง ICU ใบหน้าซีดเผือดลงไปกว่าเดิม

“พี่ตะวัน ผมไม่อยากรู้เลยว่าคนที่อยู่ที่นี่จะเป็นคุณแม่หรือยู ผมไม่อยากรู้แล้วครับ”
ตะวันบีบหัวไหล่น้องชาย ที่ก้มหน้ามองพื้น คิ้วขมวดจนจะเป็นปมอยู่แล้ว
เห็นเพียงปลายจมูกกับริมฝีปากที่เม้มเข้าหากันแน่น

‘เห็นแล้วก็สงสาร ทำยังไงได้ล่ะ คนเราต้องเผชิญกับความจริงด้วยกันทั้งนั้น’

“คนในนั้นต้องการนายมากนะยูโด พี่บอกได้แค่นี้แหละ”
 แล้วลิฟต์ก็ถึงที่หมาย


ยูโดเงยหน้าจากที่ก้มมองแต่ปลายเท้าตัวเอง แล้วก้าวเท้าตามหลังพี่ชายออกจากลิฟต์
เขามองข้ามไหล่พี่ชายไปข้างหน้า เห็นมารดานั่งสงบนิ่งอยู่ที่เก้าอี้ พอท่านเงยหน้ามาสบตากับเขา
ความดีใจที่ได้พบมารดาก็ถูกหักกลบล้างไปพร้อมกับข้อสรุปที่เขาได้ในตอนนี้ 

“โด แม่ขอโทษที่ปล่อยลูกไว้ที่นั่น แม่รู้ว่าลูกของแม่เข้มแข็งและผ่านมันไปได้
 วันนี้ลูกโตพอที่จะดูแลยูฟ่าแทนแม่ได้แล้ว”

เสียงของแม่สั่นเครือและเจือไปด้วยความรู้สึกผิด อ้อมแขนที่โอบรอบตัวเขาไว้
ชายหนุ่มกอดตอบจนร่างเล็กๆ ของคุณแม่จวนเจียนจะจมหายเข้าไปในแผ่นอกของเขา

“แม่ครับ ยูเป็นอะไร เกิดอะไรขึ้นกับยู”
ยูโดเค้นเสียงรอดไรฟัน น้ำลายเหนียวๆ ที่กว่าจะกลืนมันลงคอไปได้ กว่าจะเปล่งคำพูดออกมามันแสนยากลำบาก

“นั่งลงก่อนแล้วฟังแม่”
 มารดาคลายกอด พร้อมฉุดแขนให้ยูโดนั่งลงข้างๆ ห่างออกไปมีหลานชายนั่งสังเกตการณ์อยู่ด้วย

“ยูเป็น…ลูคีเมียน่ะลูก” ขาดคำที่มารดาพูด ยูโดก็ผุดลุกขึ้นในทันทีเหมือนกัน

“ไม่จริง ไม่ใช่ ต้องไม่ใช่แบบนั้น หมอ หมอต้องวินิจฉัยผิดแน่ๆ ถึงยูจะป่วยบ่อย อ่อนแอ
 ก็แค่ไข้หวัด ไม่มีทาง ไม่ใช่แน่ๆ แม่อย่าล้อกันเล่นแบบนี้ โดไม่มาเจอคุณแม่…โดไม่ขอเจอกับยูก็ได้
 มันต้องไม่ใช่แบบนี้สิ”

 ยูโดส่ายหน้าอย่างไม่เชื่อ เขาไม่เชื่อเด็ดขาด

“ใจเย็นนะลูก หมอบอกว่ายังทัน ยังมีทางรักษา ยูจะอยู่กับเราอีกนาน ถ้าได้โดมาช่วยอีกแรง ยูจะหายแม่เชื่ออย่างนั้น”

มารดาปลอบลูกชายที่แทบจะคุมสติไม่ได้ น้ำตาคลอๆ ที่หน่วยตา และตอนนี้กำลังไหลรินลงมาเป็นสาย

“คุณแม่จะให้โดเชื่อ ยอมรับว่ายูป่วยเป็นโรคร้าย แล้วคุณแม่ยังบอกว่าโดจะช่วยยูได้
นี่เป็นเรื่องจริงเหรอครับ เราไม่เจอกันสองปีเชียวนะ ทำไมคนที่ป่วยและนอนอยู่ในห้องนั้น
ไม่เป็นโด ทำไมต้องเป็นยู”

ยูโดทรุดตัวลงนั่ง เขาอ่อนล้าเต็มที สองปีที่ไม่เจอกันยังดีเสียกว่าการได้พบกันแล้วต้องเป็นแบบนี้
ต้องมารับรู้ว่าอีกคนเป็นโรคร้าย ‘มะเร็งเม็ดเลือดขาว’ ยูโดนั่งก้มหน้าปล่อยให้น้ำตาไหลรินอย่าง
ไม่แคร์ต่อสายตาของใคร พี่ตะวันบอกว่าคนในนั้นต้องการเขา

‘รอคอยมานานปี มันต้องไม่แย่ มันต้องดีสิ เราได้กลับมาพบกันแล้ว’

“ยูโด แม่ขอโทษที่ดูแลยูฟ่าไม่ดี ก่อนหน้านี้ยูก็เป็นไข้ทั่วๆ ไปนี่แหละ
 พอครั้งล่าสุดอยู่ดีๆ ก็แทบไม่มีสติ ยูกินยาลดไข้ทุกทีก็หาย แม่บ้านบอกว่ายูบ่นแต่ง่วง
 อยากแต่จะนอน อาหารก็กินไปสามสี่คำ ช่วงเย็นพี่ตะวันเข้าไปเยี่ยมเรียกเท่าไหร่ก็ไม่ตื่น
 มันแค่เพียงวันก่อนเอง แม่ก็ไม่อยากจะเชื่อเหมือนกัน”

 มารดาพูดไปสะอื้นไป ก่อนที่จะเล่าต่อ

“ถ้าโดเห็นยูตอนนี้ ลูกจะไม่เชื่อว่ายูป่วย เพียงแต่ว่าเขาซีดมากๆ แค่คืนเดียวจริงๆ
 ยูตัวผอมบางเป็นปกติของเขาอยู่แล้ว โดต้องเข้มแข็งและอยู่เคียงข้างพี่นะ
 หากการทำเคมีบำบัดผลไม่เป็นที่น่าพอใจ ลุงหมอให้เตรียมปลูกถ่ายสเต็มเซลล์
 แม่ถึงต้องให้โดมาอยู่ใกล้ๆ กับยูไงลูก ยูต้องการโดนะ แม่รู้ว่าที่ผ่านมาเขาไม่เคยเรียกร้อง
 ไม่เคยถามถึงโด แต่ยูเฝ้ารอวันที่จะได้กลับไปอยู่กับโด ที่ผ่านมาแม่ผิดเอง
 แม่เห็นแก่ตัว แม่อ่อนแอเกินไป”

ยูโดมองมารดารู้ว่าท่านปวดใจเพียงใดจึงดึงท่านเข้ามากอดไว้แนบอก เขาเกยคางบนบ่าของท่าน

“โดจะเข้มแข็งครับคุณแม่ พวกเราจะเป็นกำลังใจให้ยูข้ามผ่านเรื่องเลวร้ายนี้
 เหมือนครั้งหนึ่งที่ยูเคยเป็นดวงตาให้โดและทำให้โดข้ามพ้นมันมาได้
 ชีวิตของยูที่เหลือ…โดขอนะครับคุณแม่ โดจะดูแลยูเอง…จะรักให้เท่ากับชีวิตของโด
 คุณแม่อย่าห้ามเราอีกเลย เราสองคนเกิดมาเพื่อกัน โดไม่ขออะไรอีกแล้วนอกจากเรื่องนี้
 เท่านั้น ขอยูให้โดนะครับ”

ยูโดพูดทุกความรู้สึกจากก้นบึ้งของใจ เขาไม่กลัวอะไรอีกแล้ว ไม่กลัวเลยสักนิดว่าความจริง
ที่เขาสองคนเก็บไว้จะถูกเปิดเผย

“แม่รู้จ้ะ แม่รู้ว่าโดจะดูแลยูของแม่ได้ การที่คนสองคนจะมีใจตรงกัน รักกัน มันไม่ใช่เรื่องผิด
 แม่ไม่ห้ามแล้ว หากลูกคิดว่ากล้าพอจะเผชิญกับคนรอบข้างที่ต่อต้าน ทนรับกระแสสังคมได้
 นั่นก็แล้วแต่ลูกสองคนจะตัดสินใจ แม่จะอยู่กับลูกๆ ได้อีกนานสักเท่าไหร่ก็ยังไม่รู้เลย”

“ขอบคุณครับคุณแม่ ขอบคุณที่เข้าใจ รักแม่ที่สุดเลยฮะ”
ยูโดกระชับอ้อมกอดและโยกตัวมารดาไปด้วย อย่างคนที่ได้รับของขวัญถูกใจ

“ใกล้จะได้เวลาเข้าเยี่ยมแล้วไปเปลี่ยนชุดกันเถอะลูก”
มารดาผละตัวออกกวาดตามองหาหลานชาย

“ตะวัน อ้าว! นั่นเราไปเปลี่ยนชุดมาแล้วเหรอ”

“ฮะคุณอา สองคนแม่ลูกรีบเลยครับ ช้าผมไม่รอนะ”
 ตะวันฉายแกล้งพูดเพื่อดึงบรรยากาศหม่นๆ มัวๆ ออกไป

“จ้ะๆ รีบเดี๋ยวนี้แล้ว อาขอบใจตะวันมากเลยที่ไปรับน้องมาให้”

“ไม่เป็นไร เราครอบครัวเดียวกัน ยูโดเข้าไปในนั้นก็ห้ามไปทำดราม่าให้ยูเห็นนะ”
 ตะวันฉายคุยกับอา แล้วจึงหันไปกำชับน้องชายที่พยักหน้ารับอย่างเข้าใจ
 หมาหงอยเป็นแบบนี้เอง ตะวันฉายทอดถอนใจ มองตามสองแม่ลูกที่เดินไปยังห้องเปลี่ยนชุด


เมื่อได้เวลาเข้าเยี่ยมทั้งสามรีบก้าวพรวดเข้าไปโดยไม่มีใครรอใครเลย แต่พอจะถึงเตียงผู้ป่วย
ยูโดก็ก้าวขาให้ช้าลงไปและอยู่รั้งท้าย ทั้งๆที่เขาได้ทำใจก่อนจะเข้ามาแล้ว…ก็ยังรู้สึกว่ายังไม่พร้อม
ที่จะเผชิญกับคนตรงหน้าอยู่ดี 

“แม่ฮะ พี่ตะวันด้วยทำไมทิ้งยูไว้ที่นี่คนเดียวล่ะ ยูแค่เป็นไข้ปวดหัวเองนะ
 ยูอยากกลับบ้าน เป็นห่วงพวกเด็กๆ ป่านนี้เป็นยังไงบ้างก็ไม่รู้ เจ้าเดย์จะรับมือไหวหรือเปล่า
 อาหารกลางวันอีกใครจะช่วยทำ ไหนจะเด็กๆ ที่งอแง แม่พายูกลับบ้านเถอะนะฮะ นะพี่ตะวัน”

 ยูฟ่าทั้งต่อว่าต่อขานและทั้งอ้อนวอนในเวลาเดียวกัน ทั้งๆ ที่เสียงพูดก็ออกจะแหบแห้งเสียเหลือเกิน

“ยูฟ่าเด็กดี ลูกต้องอยู่ที่นี่ก่อน ไว้หายดีจริงๆ แม่จะไม่ห้ามเลยถ้าลูกจะกลับไปทำงานน่ะ”
มารดาลูบหัวลูกชายที่นอนหน้าตาซีดเซียวอยู่บนเตียง โดยมีสายอะไรต่อมิอะไรระโยงระยางไปหมด
จนคนเป็นแม่สะท้อนใจ

ครั้งหนึ่งครอบครัวของเธอก็ผจญมาแล้วกับผู้ป่วยโรคร้ายแบบนี้ นี่เป็นอีกครั้งแล้ว


“แล้วนี่เป็นไงบ้างลูก ยังปวดหัวอยู่ไหม ไข้ล่ะลดหรือยัง” มารดาถามไถ่อาการเพิ่มเติม

“มึนๆ ง่วงๆ เพลียๆ แค่นั้น ถ้ายูกลับไปนอนบ้านก็หายแล้วล่ะฮะ”
คนป่วยพูดด้วยคิดว่าตัวเองเป็นแค่ไข้หวัด

ยูโดนิ่งฟัง น้ำเสียงที่แหบแห้งยังคงพูดตอบโต้ไม่หยุดหย่อน

‘คิดถึงเหลือเกินแล้ว…คนดีของโด’

“ยู พี่พาคนมาเยี่ยมเราด้วยนะ ไม่รู้ว่าเราอยากจะเจอหรือเปล่าคนนี้น่ะ”
ตะวันฉายเอ่ยปาก เขายืนฟังคนป่วยร่ำร้องแต่จะกลับบ้านอย่างเงียบๆ มานาน

“ใครล่ะพี่ตะวัน จริงๆ ยูไม่อยากจะเจอใครในตอนนี้เลยนะ เอ่อ…ฮึก ฮือออ”

เสียงสะอื้นตามขึ้นมาทันที เมื่อพี่ชายเบี่ยงตัวออกให้เห็นว่ามีใครยืนอยู่ด้านหลังของเขา
ยูฟ่ามองคนตัวโตที่นานมากแล้วไม่ได้พบกัน ตัวสูงใหญ่กว่าเดิม สายตาที่ทอดมองมา
อย่างรักและคิดถึงไม่ต่างจากเดิมเลย แล้วดวงตาก็พร่างพรายไปด้วยน้ำตา

“ฮึก โด ยู…คิดถ…”
เสียงยังไม่ทันได้เปล่งออกมาครบดี คนป่วยก็ถูกรวบตัวไปกอดไว้เสียก่อน

“คิดถึงที่สุด ยูของโด” ยูโดกระซิบเสียงแตกพร่า


ตะวันฉายมองภาพที่อยู่เบื้องหน้าอย่างตื้นตันใจและจุกแน่นในอกไปด้วย
คนรักกันมากขนาดนี้ ห่างกันได้นานขนาดนั้น ทำได้ยังไงกัน เจ้าหมาตัวโตน้ำตาคลอๆ
แต่เจ้าลูกแมวน้ำตานองหน้าไปก่อนแล้ว ส่วนคุณอายืนยิ้มทั้งน้ำตาไม่ห่างกันนัก
และภาพที่ทั้งสองใช้มือเกลี่ยเช็ดน้ำตาให้กันไปมา เป็นใครจะทนดูต่อไปได้โดยไม่เสียน้ำตา

ตะวันฉายเบือนหน้าหนีและรู้สึกร้อนที่กระบอกตา จนต้องเงยหน้ามองเพดานเพื่อไล่น้ำตาที่มาปริ่มๆ
ที่ขอบตา เขาสูดหายใจยาวๆ หลายที

ยูฟ่าถูกน้องชายร่างยักษ์จูบซับน้ำตาให้จนทั่วใบหน้า มันเหนือการคาดหมายจริงๆ
ที่ตลอดสองปีมานี้ ทั้งสองไม่เคยได้เจอหรือได้รับข่าวคราวของกันและกันมาก่อน
แต่แล้วจู่ๆ วันนี้คนที่คิดถึงและโหยหามาตลอดกลับมายืนอยู่ตรงนี้ข้างๆกัน และเขา
ได้กลับคืนสู่อ้อมกอดของกันและกันอีกครั้ง

“โดมาได้ยังไง แล้วคุณแม่ท่านไม่…”
ยูฟ่ามองหน้ามารดา เขาผละออกจากกันแต่มือของเขายังถูกยูโดรวบไปไว้ในอุ้งมือหนา
สัมผัสอุ่นที่ทำให้รู้ว่าไม่ได้ฝันไป

“แม่ให้พี่ตะวันไปรับยูโดที่บ้านเมื่อคืนนี้จ้ะลูก”
 มารดาบอก ลูกชายมองกลับมาด้วยดวงตาที่เปล่งประกาย

“ขอบคุณครับคุณแม่ แล้วก็พี่ตะวันด้วยนะฮะ นี่คือคนที่ยูอยากพบที่สุดในชีวิตเลยล่ะ ขอบคุณจริงๆ”
ยูฟ่ายิ้มทั้งน้ำตาเมื่อถูกอุ้งมือหนาบีบกระชับ

“ไม่เป็นไรเลยเล็กน้อยมากๆ ไว้เราหายดีเลี้ยงข้าวพี่ด้วยแล้วกัน”

พี่ชายกระเซ้าน้องชายที่มีใบหน้าเกลื่อนไปด้วยรอยยิ้มยินดี มุมปากคลี่ออก
ถึงแม้ริมฝีปากบางจะซีดไปหน่อยก็ตาม

“ได้สิเดี๋ยวยูกับโดจะจัดให้ชุดใหญ่เลย เลือกร้านรอเลยนะฮะพี่ชาย”
ยูฟ่ายิ้มจนตาหยี

ตะวันฉายมองดูน้องที่ดูซูบซีดจนผิดตา แค่ผ่านไปวันเดียว หรือก่อนหน้านี้เขาไม่ทันได้สังเกตเห็นกันนะ
ว่าน้องป่วย แต่แค่เจ้าเด็กนี่ยิ้มได้ในสถานการณ์แบบนี้ ถือว่าการเดินทางเมื่อคืนของเขาคุ้มค่าแล้ว

“จะหมดเวลาเยี่ยมแล้วนะ ยูหายไวๆ ล่ะจะได้กลับบ้านกัน”
ตะวันฉายบอกกับน้องที่หน้าจ๋อยขึ้นมาทันตา

“คุณแม่ครับยูหายแล้วจริงๆ ยูอยากกลับบ้าน มีเรื่องอีกเยอะแยะที่ยูกับโดยังไม่ได้เล่าให้กันฟัง
 คุณแม่ให้ยูกลับบ้านเถอะนะ นะครับ ยูจะไม่ดื้อจะกินยาตามหมอสั่ง นะฮะ ให้ยูกลับนะ”

เจ้าตัวหันไปอ้อนมารดา เป็นกิริยาที่คนมองอยู่ตลอดสงสารจับใจ ยูโดใจกระตุกจนต้องรีบปลอบ

“ยูอยู่ต่ออีกหน่อยนะครับ โดไม่ได้จะไปไหน เดี๋ยวรอบบ่ายจะเข้ามาหายูอีก
ตอนนี้ยูต้องนอนนะคนดี พักผ่อนจะได้หายไวๆ ไง ไม่ดื้อนะ”
ยูโดก้มลงบอกให้รู้ว่าจะยังอยู่ไม่ไปไหน

“มาจริงๆ นะโด ยูจะรอ” ยูฟ่ากระตุกแขนอีกคนเพื่อขอคำยืนยัน

“มาสิครับ โดจะอยู่แถวๆ นี้แหละ แต่ยูต้องนอนนะ โดก็มีเรื่องอยากเล่าให้ยูฟังเยอะแยะเหมือนกัน”
ยูโดโน้มใบหน้าลงไปจูบที่หน้าผากของคนที่นอนทำตาละห้อย

“ขอแก้มหน่อยสิโด” ยูโดทำตามอย่างว่าง่าย เขาถูกหอมเสียงดังฟอด

“เอาแก้มพี่บ้างมั้ยยู พี่แถมให้”
ทั้งสองหันขวับมองแต่สายตาของเจ้ายักษ์ทำเอาพี่ชายไหวไหล่ ส่วนยูฟ่าย่นจมูกใส่ด้วยรู้ว่าพี่ชายสัพยอก

“ไม่เอาของแถมก็บอกกันดีๆ สิ ดูทำหน้าเข้า เจ้าเด็กขี้หวงนี่ หึหึ”
 ตะวันฉายลอยหน้าลอยตาพูด

“ตะวันอย่าไปแกล้งน้อง ยูโดพี่เค้าแค่หยอกเล่นเองนะลูก เดี๋ยวเหอะ! ทำตาแข็งใส่ได้ไง เรานี่นะ”
 มารดาตีแขนลูกชายคนรองไปที ยูโดจึงละสายตาที่มองพี่ชายอย่างคนหวงของ หันหายูฟ่า
 แล้วลูบหัวยูฟ่าเมื่อเห็นพยาบาลเดินมาส่งยิ้มให้

“เป็นแฝดกันเหรอคะเนี่ย”
พยาบาลสาวหน้าสวยถามขึ้น เมื่อเห็นสองคนพี่น้องอยู่พร้อมหน้ากัน

“ครับ” ยูโดตอบ แล้วโบกมือให้กับยูฟ่า ก่อนทั้งสามจะพากันเดินออกไปจากห้องผู้ป่วย





หัวข้อ: Re: incest : บาปร้ายในบ่วงรัก ตอนที่ 10
เริ่มหัวข้อโดย: snowboxs ที่ 15-06-2019 22:32:42
น้ำตาซึมสงสาร
หัวข้อ: Re: incest : บาปร้ายในบ่วงรัก ตอนที่ 11 ไม่เหงาอีกต่อไป
เริ่มหัวข้อโดย: เส้นขอบฟ้า ที่ 17-06-2019 19:48:28
ตอนที่ 11 ไม่เหงาอีกต่อไป

ทั้งสามหาร้านข้าวไม่ห่างจากโรงพยาบาลมากนัก ต่างพูดคุยเล่าสู่กันฟังว่าตลอดสองปี
คนทางนี้ทำอะไรไปบ้าง และยูโดอยู่ยังไง

“แม่ภูมิใจในตัวลูกมากเลย ยูโดของแม่วันนี้โตเป็นผู้ใหญ่แล้ว แม่ขอโทษด้วยนะที่หนีมาไม่บอก
 แม่เห็นแก่ตัวและรักตัวเองมากเกินไป ลืมว่าสองปีหัวใจของแม่ดีขึ้นมากแต่อีกสองคนต้องเจ็บปวด
กันขนาดไหน ยกโทษให้แม่นะลูก”

มารดาเม้มปากแน่น และรวบช้อนเมื่อนางฝืนกลืนอาหารอีกต่อไปไม่ไหว

“ทานข้าวอีกหน่อยนะครับคุณแม่จะได้ไม่ป่วยไปอีกคน เราจะได้มีแรงที่จะช่วยกันดูแลยู
 เรื่องที่แล้วมาโดไม่เคยโกรธคุณแม่เลย ไม่เคยคิดโทษใคร ที่ผ่านมามันสอนให้โดเข้มแข็ง
และยืนขึ้นด้วยลำแข้ง แม้ว่าจะยังไม่ได้ทำงานเต็มตัวแต่โดทำได้ครับ โดสามารถดูแลให้
ทั้งแม่และยูไม่ต้องลำบากในอนาคตด้วยนะ”

ยูโดพูดอย่างภาคภูมิ

“ขอบใจนะคนเก่งของแม่ แล้วเรื่องเรียนของลูกที่นู้น หรือจะย้ายยูกลับไปรักษาที่กรุงเทพฯ
ยังไงดีแม่ก็มึนหัว คิดอะไรไม่ออกแล้วตอนนี้ เรื่องมันเกิดขึ้นเร็วมากๆ”
มารดาเขี่ยข้าวไปมา

“คุณอาครับไว้ค่อยคุยกันอีกทีเถอะ เจ้ายูจะยอมเหรอ เขามีความสุขที่ได้ทำงานที่นี่นะอย่าลืม
 อีกอย่างเขายังไม่รู้ว่าตัวเองป่วยเป็นอะไรด้วยนะครับ”

“นั่นสิฮะคุณแม่ ไว้เราค่อยๆ บอกยู ค่อยมาคิดหาวิธีกัน เรื่องเรียนของโดไม่เป็นไรฮะ
 ปีสุดท้ายแล้ว อาจจะต้องเดินทางบ่อยหน่อยแต่ไม่ใช่ปัญหา โดนั่งเครื่องไม่ถึงสองชั่วโมงด้วยซ้ำ
 อย่าห่วงเลย โดจัดการได้ครับ”

ยูโดพูด คำพูดจาบ่งบอกว่าลูกชายของเธอโตเป็นผู้ใหญ่แล้วในวันนี้

“ไว้พี่ตะวันพาผมไปดูที่ทำงานของยูหน่อยนะฮะ ผมอยากรู้ว่าเด็กๆ ที่โชคดีพวกนั้นมีใคร
บ้างที่ได้ใกล้ชิดกับคนที่ผมรัก”

ตะวันฉายมองหน้าคนพูด ในกระแสเสียงไม่บ่งบอกว่าน้อยใจอะไร

“อืม พรุ่งนี้ไหมล่ะ แวะก่อนที่จะมาเยี่ยมยู พี่ก็ลืมบอกเจ้าเดย์เหมือนกันที่อยู่ดีๆ
ก็ไม่ได้ไปส่งยูที่นั่น ป่านนี้เด็กนั่นคงจะอ่วมเอาการที่ต้องรับมือกับเด็กๆ ตั้งสิบกว่าคน”

ตะวันฉายพูด หากยูโดมองไม่ผิดเขาเห็นแววห่วงใยในน้ำเสียงทุ้มนุ่มที่พูดออกมานั้นด้วย
แต่แค่เพียงแวบเดียวเท่านั้น

‘ใครนะชื่อเดย์ ต้องไปทำความรู้จักหน่อยแล้ว ได้ทำงานร่วมกันกับยูของเราตั้งเป็นปีๆ’

“ขับรถได้ใช่มั้ย พรุ่งนี้พี่จะพาไปที่ทำงานของยู แล้วพี่จะเลยไปทำงาน ยังไงโดมาโรงพยาบาลเองถูกนะ”

“สบายมากครับพี่ตะวันขอแค่มีรถใช้เถอะถึงไหนถึงกันฮะ”

“ถนนหนทางก็ไม่คุ้น ระวังหน่อยนะลูกอย่าให้ซ้ำรอยเดิมอีก แม่คงขาดใจแน่ๆ”

“คราวนั้นมันเป็นเรื่องของพวกอันธพาลต่างหากล่ะครับ  โดไม่ใช่ตัวคนเดียวแล้ว
 ต้องถนอมชีวิตไว้ให้คุณแม่และยูอยู่แล้วล่ะฮะ อย่าห่วงไปเลย”

“จ้ะ พ่อคนเก่งทำให้ได้อย่างที่พูดก็แล้วกัน พวกเราเตรียมตัวเยี่ยมรอบบ่ายกันเถอะ เย็นๆ
 จะได้กลับบ้านหาคุณยายและไปทำความรู้จักกับลุงไผทพ่อของพี่ตะวันเขาด้วย”

“ฮะคุณแม่ ดีจังโดจะได้พบญาติที่พลัดพรากกันเสียที คุณยายคงจะใจดีอย่างคุณแม่แน่ๆ เลย ใช่มั้ยครับพี่ตะวัน”

“อืม…แน่นอนอยู่แล้ว พ่อของพี่ก็ใจดีแบบพี่เลยหล่ะ”
พี่ตะวันอวยพ่อขึ้นมาอีกคน ยูโดมองคนพี่ที่ดูจะเป็นคนที่น้องๆ เข้าถึงได้ง่าย

รอบบ่ายคุณแม่ได้คุยกับลุงหมอที่ดูแลเคสของยูฟ่า พี่ตะวันกระซิบให้ฟังว่าอาหมอ
เคยเป็นแพทย์ประจำตัวคุณตาด้วย เมื่อมารดากลับมา ท่านจึงเล่ารายละเอียดที่คุยกับอาหมอให้ฟัง

“ช่วงนี้ต้องเฝ้าระวังไม่ให้มีโรคแทรกซ้อน ตอนนี้เกล็ดเลือดของยูต่ำมาก รอให้เกล็ดเลือดขึ้นมาก่อน
 และระวังอย่าให้เกิดบาดแผลเพราะเลือดจะหยุดยาก ยูจะอ่อนเพลียและเบื่ออาหาร น้ำหนักจะลดลงอีก”

มารดาบอกความคืบหน้าอาการของยูฟ่าให้ยูโดฟัง เจ้าตัวมีสีหน้าเครียดและวิตก

“แม่ครับ ยูต้องเจออะไรเยอะขนาดนั้นแล้วยูจะรับไหวเหรอ แล้วโดจะช่วยอะไรยูได้บ้าง”
 ยูโดถามด้วยความร้อนรน

“โดช่วยอยู่ข้างๆ เป็นกำลังใจให้ยูแค่นั้นพอแล้วลูก”
 มารดาพูด และพากันเข้าเยี่ยมยูฟ่าอีกรอบ

ยูฟ่านอนมองประตู รู้ทั้งรู้ว่ายังไม่ถึงเวลาเยี่ยมแต่ด้วยความที่อยากเห็นหน้ายูโดจึงทำให้ฝืนตัวเองไม่ให้หลับ
แต่ก็เอาชนะความง่วงงุนไปไม่ได้ ตื่นขึ้นมาก็จ้องมองแต่ประตู ถามพยาบาลว่าทำไมต้องอยู่ห้องนี้
และเขาป่วยเป็นอะไร เธอก็ได้แต่ยิ้มและบอกว่าต้องถามกับทางคุณแม่เอาเอง

“โด ยูอยากกลับบ้าน”
ยูฟ่าเอ่ยปากทันทีที่พบหน้ายูโด

“ยังกลับไม่ได้ครับ ยูอย่าดื้อสิ” ยูโดบอกกับคนป่วยที่ร้องจะกลับบ้านให้ได้

“แต่ยูไม่ได้เป็นอะไรซะหน่อย จะมานอนให้เลือดและให้ยาทำไมนักทำอย่างกับยูเป็นอะไรมาก
อย่างนั้นแหละ หรือว่ายูเป็นอะไรที่ทุกคนปิดไม่ให้รู้ พี่ตะวัน คุณแม่บอกยูหน่อย ยูจะได้รู้ว่าตัวเอง
มีสิทธิ์ที่จะร้องกลับบ้านอีกมั้ย”

ยูฟ่าทำหน้าเง้า การนอนบนเตียงผู้ป่วยแบบนี้ไม่ใช่เรื่องดีเลยสำหรับเขา

“ยู อย่าดื้อสิคะลูก เชื่อลุงหมอนะ ลุงหมอยังไม่ให้ยูกลับตอนนี้” มารดาบอกกับลูก

“คุณอา มันถึงคราวจำเป็นแล้วนะครับที่ต้องบอกยู เด็กนี่เข้มแข็งจะตายไป เขาเก่ง
 เราอย่าไปสบประมาทว่าเขาไม่ไหวสิฮะ”
 ตะวันฉายพูด ทำให้ยูฟ่าจ้องหน้ามารดา ต้องมีอะไรมากกว่าการที่เขาเป็นไข้หวัดแน่ๆ

“เอ่อ จะดีเหรอตะวัน อาว่า…” มารดาอ้ำอึ้ง

“คุณแม่ครับ ยูเก่งคุณแม่ก็ทราบ นะฮะ บอกมาว่ายูเป็นอะไร”
ยูฟ่าพูดดวงตาคมที่หวานซึ้ง ในรอบนี้มีแววประหวั่นด้วยนึกไปในทางร้ายๆ ก่อนแล้ว
 ใบหน้าขาวที่เคยมีเลือดฝาดบัดนี้ขาวซีด ยูโดกระชับอุ้งมือบางเข้ามาและบีบเพื่อส่งผ่านกำลังใจไปให้

“ยูมีพวกเรา มีโดนะไม่ว่ายูจะเป็นยังไง เราจะสู้ไปด้วยกัน ยูบอกว่าครั้งนี้ถ้าเราได้กลับมา
เจอกันยูจะยอมให้โดดูแล ยังจำได้ใช่ไหม โดขอทวงสัญญาวันนี้เลย”
 ยูฟ่าพยักหน้าให้เมื่อมองเห็นดวงตาของคนตัวโตที่ฉายแววมาดมั่น

“ได้สิ ลองโดไม่เลี้ยง ไม่ดูแลยู ยูจะไปให้คนอื่น…อื้อเจ็บนะ”
ยูฟ่าพูดยังไม่ทันจบก็ถูกยูโดจับดึงแก้ม

“อย่ามาหวานออกสื่อแบบนี้ พี่ไม่ชินนะบอกก่อน” ตะวันฉายแกล้งแซว

“หวานอะไรล่ะ พี่ตะวันก็เห็นว่าโดรังแกยู เนี้ย” คนบนเตียงทำปากคว่ำใส่พี่ชาย

“เอาล่ะ แม่บอกก็ได้ ยูน่ะเป็นลูคีเมีย ตอนนี้ได้ยูโดตามมาดูแล กำลังใจดีเดี๋ยวก็หาย จริงไหมลูก”
เจ้าตัวกะพริบตาปริบๆ ไม่มีคำพูดใดหลุดออกมา นอกจากความเงียบงัน จนบรรยากาศในห้อง
ชวนอึดอัดแต่มียูโดที่กุมมือไปบีบไม่ปล่อย

“แล้วหมอว่าไงครับ” ในที่สุดยูฟ่าก็เอ่ยถามออกไป

“อาหมอให้เตรียมพร้อมร่างกาย รอให้เชื้อสงบและจะให้เคมีบำบัด
 ถ้าไม่ดีค่อยปลูกถ่ายสเต็มเซลล์จ้ะ เป็นการฟื้นฟูกระบวนการสร้างเม็ดเลือด
 ยูของแม่ไหวนะคะ ลูกเก่ง เชื่อมืออาหมอนะลูก”

มารดาปลอบ ยูฟ่าได้แต่พยักหน้าด้วยไม่อยากให้มารดาเป็นกังวลไปมากกว่านี้

“ความวิตกกังวลรวมถึงความเครียดของคนป่วยเป็นอาหารชั้นยอดของมะเร็งเลยนะ
ดังนั้นลูกแม่ต้องเข้มแข็ง ทำกายและใจให้พร้อม แค่นั้นพอ สู้นะยู
ทุกคนรักลูกและจะอยู่เป็นกำลังใจให้ยู”

ทั้งสามคนแม่ลูกประสานมือกุมกันไว้ เป็นภาพที่ตะวันฉายมองแล้วถึงกับยิ้มน้อยๆ ออกมา


หญิงชรามองเด็กหนุ่มร่างสูงใหญ่ หน้าตาไม่ผิดเพี้ยนไปจากยูฟ่ามากนัก นอกจากสีตาและรูปร่าง
ที่แตกต่างกันอย่างชัดเจน นางมองหลานคนนี้ที่ออกจะยิ้มยากสักหน่อย

“ตัวโตไม่เบา นี่ถ้าเจ้ายูไม่ป่วย ยายคงไม่ได้เจอหน้าเราเลยสิ แม่อุไรนี่ก็จริงๆ เลย
แทนที่จะพามาเยี่ยมมาหากันบ้าง ถ้าแม่ตายไปก่อนก็คงไม่ได้เห็นหน้าค่าตากันเลยล่ะสิ”

ยูโดไหว้หญิงสูงวัยที่อากัปกิริยาของท่านดูนุ่มนวล น้ำเสียงฟังแล้วอบอุ่น
ผิวหนังที่เหี่ยวย่นไปตามวัย แต่ผิวพรรณของท่านออกไปทางขาวเอามากๆ

“โธ่คุณแม่คะ พามาแล้วล่ะค่ะ” ลูกสาวเสียงอ่อนเมื่อถูกต่อว่าต่อขาน

“ช่างเถอะแม่อุไร แล้วนี่เราน่ะเรียนไปถึงไหนแล้วล่ะ”
คุณยายถามจนยูโดถึงกับสะดุ้ง ด้วยมัวแต่พินิจใบหน้าของท่านเพลิน

“ใกล้จบแล้วครับ ไม่น่าจะเกินสองเดือนครับคุณยาย”
ยูโดตอบ เขามองเห็นความเอื้อเอ็นดูจากแววตาของท่าน จนรู้สึกอุ่นวาบภายในอก 

“อุไร ไหนล่ะ คนไหนที่เจ้าตะวันมันไปรับมาน่ะ”
 เสียงที่ดังมาก่อนที่เจ้าของเสียงจะมาปรากฏตัวเสียอีก

“ยูโด นั่นไง! คุณลุงไผทพ่อพี่ตะวันเขาน่ะลูก”
มารดาหันมาบอก เขาจึงได้เห็นผู้ชายไทยผิวขาวตัวสูงท่าทางดูภูมิฐานที่มีใบหน้าละม้าย
กับพี่ตะวัน และท่าทางของท่านบ่งบอกว่าเป็นคนใจดี

“สวัสดีครับคุณลุง” ยูโดไหว้ท่านที่เดินมาตบบ่าเขา

“หน่วยก้านดีใช้ได้เลยล่ะ เรานี่แย่งส่วนดีของเจ้ายูไปจนหมด จนพี่เราเหลือตัวนิดเดียวเอง
อ้าว! หน้าเสียเลย ลุงล้อเล่นน่ะ”

ท่านผละไปนั่งที่เก้าอี้ติดกันกับมารดาของเขา จนทำให้เห็นว่าลุงไผทมีคิ้วและดวงตา
ที่เหมือนกับคุณแม่ของเขาอยู่มาก

“แล้วนี่ยูฟ่าล่ะ เห็นคุณแม่บอกว่าป่วย พาไปโรงพยาบาลตั้งแต่เมื่อวาน เป็นยังไงบ้างล่ะ นอนอยู่ในห้องเหรอ”

“เอ่อ คุณแม่คะ พี่ไผท คือว่ายูฟ่าเป็นเหมือน…คุณพ่อน่ะค่ะ”
 ทั้งสองต่างมองหน้าคนที่กว่าจะพูดออกมาได้ ก็ต้องมานั่งรอลุ้นกันจนเหนื่อย

“อุไร! เธอว่าไงนะ ยูฟ่าน่ะเหรอ เป็นไปไม่ได้”

ลุงไผทเรียกคุณแม่เสียงดัง ท่านส่ายหน้าไม่อยากจะเชื่อ ใบหน้าท่านซีดเผือดพอๆ กับคุณยาย

“จริงเหรออุไร ทำไมล่ะ เป็นไปได้ยังไงกัน”
หญิงชรามีแววตาสั่นไหวกับข่าวร้ายที่ได้ฟัง

โรคร้ายที่คร่าชีวิตชายที่นางรักไปก่อนวัยอันควร จนนางต้องเป็นหม้ายมาจนถึงวันนี้
แล้วนี่ยังต้องมาเกิดกับหลายชายวัยใสอีก…ไม่ยุติธรรมเลยสักนิดที่เฉพาะเจาะจงต้อง
มาเกิดกับคนในตระกูลของนางแบบนี้

“ใช่ค่ะ มะเร็งเม็ดเลือดขาว” ลูกสาวเอ่ย เหมือนเป็นการตอกย้ำว่าท่านฟังไม่ผิด


หลังมื้อค่ำของเรือนไทยหลังใหญ่มีแต่เสียงพูดคุย การเล่าทวนถึงคุณตาที่เคยป่วยด้วยโรคนี้
 ที่ท่านจากไปเกิดจากโรคที่แทรกซ้อนเพราะท่านก็ดื้อพอสมควร กว่าจะยอมไปหาหมอได้ 
แต่ทุกคนบอกว่ากรณีของยูฟ่าถือเป็นโชคดีที่รู้เร็วและอยู่ในเกณฑ์ที่หมอควบคุมได้


ห้องนอนของยูฟ่าขนาดปานกลาง เครื่องเรือนทำจากไม้สักทอง เตียงนอนขนาด 5 ฟุต
นอนคนเดียวได้อย่างสบาย ห้องสะอาดและมีกลิ่นหอมอ่อนๆ กลิ่นประจำตัวของเจ้าของห้อง
ยูโดเปิดตู้เสื้อผ้าเพื่อนำเสื้อผ้าที่ไม่มากนักเข้าเก็บด้านใน พบชุดกีฬาที่เขาใช้แข่งขันฟุตบอล
ตอนเรียนมัธยมปลายแขวนอยู่

‘รู้มั้ย โดน่ะตอนอยู่ในสนามเท่มากเลยล่ะ’

ยูโดยิ้ม เมื่อเห็นชุดนี้อีกครั้ง เขายิ้มกว้างกว่าเดิมเมื่อเห็นหมีเท็ดดี้สีน้ำตาลที่เขาพี่น้องติดหนักมากๆ
ตอนเข้าเรียนอนุบาลและพากันหอบขึ้นรถทุกเช้า และไม่นานเขาก็เลิกสนใจมันด้วยถูกเพื่อนล้อว่า
ผู้ชายเล่นตุ๊กตาจะเป็นตุ๊ด แต่ตอนนี้เจ้าหมีสองตัวมันนั่งคู่กันอยู่ในตู้เสื้อผ้าของยูฟ่านี่เอง

‘ขอโทษนะยู ทำใจร้ายใส่ยูเป็นปีๆ ต่อไปไม่ว่าอะไรจะเกิด โดจะไม่มีวันปล่อยมือจากยู’


อากาศหนาวเย็นลงอีกมากในช่วงกลางดึก ยูโดนอนขดกายภายใต้ผ้าห่มนวม ยังนึกไปถึงอีกคน
ที่ขี้หนาวเอามากๆ ป่านนี้คงจะหนาวถึงกระดูกไปแล้ว เขาตั้งใจว่าในตอนสายจะเอาชุดกันหนาว
ไปให้ยูฟ่ารวมทั้งถุงเท้าด้วย


ยูโดจัดเครื่องกันหนาวของยูฟ่าเป็นที่เรียบร้อย เขาคาดว่าวันนี้หมอคงให้ย้ายออกจาก ICU
 เขาจะได้ไปนอนเฝ้า วันนี้พี่ตะวันบอกให้เขาขับรถไปเอง แต่ก่อนไปโรงพยาบาลจะพาไปที่ทำงานของยูฟ่า

‘ดีเหมือนกัน จะได้รู้ว่างานที่ยูรักหน้าตาเป็นแบบไหน’

“ยูโดมาทานมื้อเช้ากันลูก แม่เตรียมอาหารอีกชุดให้ด้วย ไปทานที่โรงพยาบาลตอนกลางวันนะ
วันนี้ถ้าหมอให้ยูทานข้าวได้ลูกจะได้ทานเป็นเพื่อนยูเลย เมื่อคืนนอนหลับไหม?”

มารดาพูดและสาละวนกับการเตรียมอาหารใส่กล่อง

“หลับๆ ตื่นๆ ครับคุณแม่ ยังไม่ชินกับอากาศที่นี่ โดเตรียมชุดกันหนาวไปเผื่อยูด้วยครับ”

“อืม ยูน่ะขี้หนาวมาก วันก่อนเห็นใส่หลายชั้นอย่างกับนินจาเต่าเลย เราต้องมาเห็นเองตัวกลมไปทั้งตัว”
มารดาพูดและยิ้มน้อยๆ แม้จะเป็นรอยยิ้มที่ไม่แจ่มใสนัก

“สองแม่ลูกมาแล้ว มาจ้ะทานข้าวกัน ยังไงบอกยูฟ่าให้ยายด้วยนะว่าให้อดทนแล้วก็หายป่วย
กลับบ้านเราเร็วๆ ยายเหงาแล้ว”
คุณยายพูดเสียงเหงาๆ

“ครับคุณยาย โดจะบอกให้ครับ”

“ตะวันมาพอดี มาทานมื้อเช้าเป็นเพื่อนย่าหน่อย”

“ผมขอแค่กาแฟถ้วยเดียวพอครับ”
ตะวันฉายส่งยิ้มทักทายทุกคนและนั่งลงข้างๆ ยูโด

“ได้ไงกันตะวัน กว่าจะถึงมื้อเที่ยงหิวแย่ อาบอกเรากี่ครั้งแล้วว่ามื้อเช้าน่ะเป็นมื้อสำคัญ
อย่างนี้จะเอาสมองที่ไหนไปทำงานกัน ถ้าเจ้ายูอยู่คงเอาเยี่ยงอย่างตามกันอีกคนแน่ๆ”

“โธ่ คุณอาครับ เช้ามากมันทานไม่ลงนี่ครับ งั้นทานสักหน่อยก็ได้ฮะ
 คุณย่าอย่าทำตาเขียวอย่างนั้นสิครับ เดี๋ยวไม่สวยนะ”

หลานชายคนโตเย้าแหย่ผู้สูงวัยของบ้าน ยูโดแอบขำที่พี่ชายถูกบังคับให้ทานมื้อเช้าจนได้
และยังกล้าพูดเล่นกับคุณยายที่ได้ยินมาว่าเจ้าระเบียบมาก

“ตะวัน ย่าบอกว่าไงไม่ให้รีบ เคี้ยวให้ละเอียดก่อนค่อยกลืน นั่งกินไปจนหมดจานนั่นแหละ เดี๋ยวเถอะ”

ยูโดต้องพลอยเคี้ยวช้าๆ ตามไปด้วยเมื่อพี่ชายถูกดุ เขาเพิ่งรู้ว่าเมื่อคืนเป็นกรณีพิเศษที่คุณยายชวนคุย
ในโต๊ะอาหาร ปกติจะไม่อนุญาตให้พูดคุยในโต๊ะอาหารเว้นแต่มีเรื่องเร่งด่วน เขาเดาว่าตลอดสองปี
ที่ยูฟ่าอยู่ที่นี่ คงได้อะไรจากบ้านหลังนี้ไปไม่ใช่น้อยเลย


เป็นเช้าที่ตื่นมาแล้วพบว่าการมีญาติที่ห้อมล้อมมันดีกว่าสองปีที่ผ่านมาของเขาเป็นไหนๆ
เขาไม่ต้องเหงา และรู้สึกโดดเดี่ยวอีกแล้ว


‘ขอบคุณวันดีๆ อีกวัน ที่ยังมีลมหายใจได้ดูแลคนที่รัก’





หัวข้อ: Re: incest : บาปร้ายในบ่วงรัก ตอนที่ 12 งานของยูฟ่า
เริ่มหัวข้อโดย: เส้นขอบฟ้า ที่ 22-06-2019 08:33:30
ตอนที่ 12 งานของยูฟ่า

ยูโดได้รถกระบะสีดำที่จอดอยู่ในโรงจอดรถมาใช้ ตะวันฉายขับนำไปก่อน
ยูโดขับตามไปเรื่อยๆ จนเมื่อรถทั้งสองคันมาจอดที่ 'ศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก'
ตามแผ่นป้ายชื่อที่ทำจากไม้ มองเห็นได้ในระยะสิบเมตร

ยูโดกวาดสายตามองไปโดยรอบ สิ่งหนึ่งที่สัมผัสได้คือความร่มรื่น สีเขียวขจีของหมู่แมกไม้
และลานดินกว้างสะอาดตา มีเด็กหนุ่มตัวผอมบางผิวขาวเดินแกมวิ่งออกมารับหน้า
ยูโดมองสิ่งปลูกสร้างที่ทำจากไม้และปูนในแบบง่ายๆ แต่ดูจะแข็งแรงคงทน เหมือนเรือนนอนยาวๆ นั่นเอง

“พี่ตะวัน สวัสดีครับ พี่ยูล่ะฮะ เอ๋นี่…”
เด็กหนุ่มเอ่ยทักและชะงักไป สีหน้าแตกตื่นเมื่อมองมาที่เขา ยูโดเดาว่าคงเป็นเพื่อนร่วมงานคนเดียวของยูฟ่าที่ชื่อเดย์

“เดย์ นี่คือยูโดเป็นฝาแฝดของยูฟ่า ตอนนี้ยูป่วยอยู่โรงพยาบาล อีกนานถึงจะกลับมาช่วยงานที่นี่ได้
เหนื่อยหน่อยนะเดย์ มีอะไรให้ช่วยก็บอกพี่ได้ อ่ะนี่เบอร์โทรของพี่”

พี่ตะวันส่งแผ่นกระดาษเล็กๆ ให้กับเด็กหนุ่มที่รับไปอย่างงงๆ เขาเองก็งงกับสองคนนี้
รู้จักกันมาเป็นปีๆ แต่ไม่มีเบอร์ติดต่อกันได้ยังไงแปลกมาก ยูโดมองทั้งสองไม่วางตา
เดย์หันมายิ้มให้เขานิดหน่อยก่อนจะหันไปให้ความสนใจกับคนคุ้นเคยแทน

“พี่ตะวัน พี่ยูป่วยเป็นอะไรมากเลยเหรอครับ ถึงขนาดว่า...ต้องนอนโรงพยาบาล”
รวีกานต์ถามออกไป ถ้าป่วยนานขนาดนี้ต้องเป็นเยอะมากแน่ๆ เด็กหนุ่มอดเป็นห่วงไม่ได้

“ยูเป็นลูคีเมียน่ะ เขาห่วงนายมากนะเดย์ รวมถึงเด็กๆ ที่นี่ด้วย ร้องจะกลับบ้านตลอด”
 ยูโดตอบแทนพี่ชายที่มองมา คำพูดของเขาแค่ไม่มีคำทำให้ได้เห็นน้ำตาที่ไหลลงมา
อย่างปัจจุบันทันด่วนของเด็กหนุ่มตรงหน้า

“พี่ยูโด พูดว่าพี่ยูเป็น เอ่อ…”
รวีกานต์น้ำตานอง กัดปากแน่น ตะวันฉายเห็นอย่างนั้นจึงรีบพูดขึ้น

“เดย์ ยูเขาเก่งเดี๋ยวก็หาย หมอสมัยนี้เก่งมากนะ อีกอย่างเราเจออาการของยูเร็ว
หมอบอกว่ามีโอกาสหาย ไว้พี่จะมารับไปเยี่ยมยู บ้านนายหลังสีเขียว พี่รู้จัก”
ตะวันฉายพูดรัวเร็ว แล้วก็ได้ผลเมื่อเดย์หันมองคนพูดพร้อมยกแขนเสื้อขึ้นซับน้ำตา

“พี่ตะวัน ผมฝากบอกพี่ยูให้สู้ๆ นะฮะ อย่าท้อ ผมจะคอยเป็นกำลังใจให้พี่ยู ส่วนน้องๆ ที่นี่
บอกพี่ยูไม่ต้องเป็นห่วง เดี๋ยวผมจะแจ้งไปที่หน่วยงานก็คงมีอาสาสมัครคนใหม่เข้ามาช่วยงานเองแหละครับ”

ขณะที่ยืนคุยกันอยู่ก็มีเด็กหญิงแก้มแดงเดินเข้ามาดึงชายเสื้อของยูโด ดวงตากลมสีดำมองมาอย่างอ้อนๆ
และชูมือให้อุ้ม ยูโดมองอย่างงงๆ แต่เด็กน้อยทำท่าจะเบะปากร้องไห้เมื่อไม่ได้อย่างใจ

ยูโดจึงก้มตัวลงไปอุ้มเด็กหญิงขึ้นมา

“น้องเนยคะนี่ไม่ใช่พี่ยูนะ นี่คือพี่ยูโด”
รวีกานต์บอกกับเด็กหญิงที่มองคนอุ้มแล้วส่ายหน้า เธอซบหน้าลงกับบ่ากว้างของคนอุ้มที่เธอคิดว่าเป็นยูฟ่า

“หน้าเหมือนกันขนาดนี้เด็กเล็กๆ เขาแยกแยะไม่ออกหรอกเดย์”
ตะวันฉายพูดแล้วยกยิ้ม เขาเห็นอาการของเจ้าเด็กยักษ์ที่ดูจะเก้กังชอบกล คงไม่เคยอุ้มเด็ก

“พี่ตะวันไปทำงานเถอะฮะ เดี๋ยวผมอยู่กับเด็กๆ อีกสักพัก ผมไปตอนนี้โรงพยาบาลก็ยังไม่ให้เข้าเยี่ยมอยู่ดี
 ขอบคุณนะพี่ที่พามารู้จักกับที่ทำงานของยู”
 ยูโดหันไปบอกกับพี่ชาย มือก็ลูบหลังหนูน้อยที่ดูจะติดยูฟ่าเอามากๆ

ด้วยพื้นฐานของยูฟ่าแล้วเป็นคนที่ชอบเด็ก ยิ่งเด็กที่คลอดใหม่ๆ ตัวแดงๆ นี่มองตาไม่กะพริบ
ดูได้จากตอนที่เดินผ่านห้องเด็กอ่อนของโรงพยาบาล เจ้าตัวเกาะกระจกยิ้มน้อยยิ้มใหญ่
เขาต้องลากตัวออกไปจากตรงนั้น ไม่อย่างนั้นก็คงยืนอีกนาน

‘โด เบบี๋น่ารัก ตัวแดงๆ อยากได้อ่ะ ให้คุณแม่มีน้องดีมั้ย? ว่าไง อย่าเงียบสิโด ยูอยากเลี้ยงเด็กอ่ะ’
 ยูโดฟังแฝดพี่พร่ำเพ้อไปตลอดทางเดิน

“พี่ไปทำงานก่อนนะ ฝากเยี่ยมยูด้วย เดย์มีอะไรก็ให้พี่โดช่วยได้
พี่น้องฝาแฝดนี่น่ะจิตอาสาเหมือนกัน เชื่อสิ หึหึ”

ยูโดมองหน้าพี่ชายที่ทิ้งระเบิดไว้ให้ก่อนทำทีจะเลี่ยงไปขึ้นรถ
เจ้าเด็กเดย์หันมายิ้มให้เขาแต่สายตาที่มองมาเหมือนไม่ค่อยเชื่อถือคำพูดพี่ตะวันนัก

‘เออ อย่าเชื่อเชียวนะ พี่ก็ไม่ได้ชอบเด็ก แค่พอจะเลี้ยงได้บ้าง…ถ้าจำเป็น’

“ขอบคุณครับพี่ตะวันที่มาส่งข่าวเรื่องพี่ยู”

“อื้อ ถ้ามีเวลารดน้ำต้นไม้ของเราบ้างนะใบเหลืองแล้ว ไว้พี่ว่างจะมาช่วย ไปก่อนนะเดย์”

ยูโดมองพี่ชายที่มองคนหนุ่มตัวเล็กผอมด้วยสายตาที่เขาเห็นก็รู้ว่าพี่ชายคิดกับเด็กนี่ยังไง
 แต่คนถูกมองนี่จะรับรู้หรือเปล่า ดูยังเด็กไปสักหน่อย

“ฮะพี่ จะรดให้วันนี้แหละ ขับรถดีๆ นะครับ”
 รวีกานต์ส่งยิ้มน้อยๆ ให้กับตะวันฉายที่โบกมือกลับ

“พี่ยูโดส่งน้องเนยมาให้ผมเถอะ นี่ถ้าน้องภูมิเห็นก็จะแย่งตัวพี่กับน้องเนยอีกคน พี่จะปวดหัวเอานะครับ”

“ไม่เป็นไร นี่ลูกรักของยูเหรอ น้องเนยน่ะ”

“ไม่หรอกฮะ พี่ยูเค้ารักเด็กทุกคน แต่เพราะน้องเนยเล็กสุดในกลุ่มก็จะอ้อนเยอะหน่อย
เมื่อวานมีมาอีกคนเล็กกว่านี้ ชื่อน้องนิวเยียร์ พี่ยูยังไม่ทันได้เจอก็มาป่วยเสียก่อน” เดย์พูดแล้วยิ้มเศร้า

“งั้นไปดูข้างในกัน พี่เหลือเวลาอีกตั้งเป็นชั่วโมง มีอะไรให้ช่วยบอกได้นะเดย์
 ถึงพี่จะไม่ได้ชอบเด็กเหมือนกับยู แต่ก็ไม่ถึงกับว่าช่วยเลี้ยงให้ไม่ได้ พี่ก็เลี้ยงตามสไตล์แข็งๆ แบบนี้แหละ หึหึ”
 ยูโดพูดและหัวเราะในลำคอ มองเดย์ที่เชื่อสนิทใจ

“พี่ยูโดพอยิ้มแล้ว หน้าตาเป็นมิตรขึ้นมาเลยนะฮะ”
รวีกานต์พูดอย่างที่ไม่ได้ทันคิดอะไร แต่คนฟังออกอาการเขินหน่อยๆ

“งั้นเหรอ ยูก็พูดอย่างนี้แหละ เรียกพี่ว่าพี่โดก็ได้สั้นลงหน่อย”

“ครับพี่โด พี่ยูจะหายจริงๆ ใช่มั้ยครับตามที่พี่ตะวันบอก”

“หายสิ ยังไงก็ต้องสู้กันถึงที่สุดแหละ”

“ผมก็หวังให้เป็นเช่นนั้น ผมไม่เคยรู้ว่าพี่ยูมีแฝดเลยนะ ไม่เคยพูดถึงเลย”

“อ่อ พอดีพ่อแม่เราแยกทางกันน่ะ ยูมาอยู่กับคุณแม่ ส่วนพี่อยู่กับคุณพ่อ จริงๆ แล้วก็เหมือนพี่
อยู่คนเดียวในบ้านที่ว่างเปล่า กับคนรับใช้ ยูโชคดีกว่าพี่มาก ที่นี่ยูไม่เหงาและดูจะรักงานที่ทำมากด้วย
ดีแล้วแหละความเหงามันเจ็บปวดนะเดย์ แต่การเฝ้ารอคอยใครสักคน มันเจ็บปวดกว่ากันเยอะ”

ยูโดเผลอเล่าเรื่องให้เพื่อนร่วมงานของยูฟ่าฟัง
 
“พี่โดพูดเหมือนพี่ถูกจับแยกจากคนรักอย่างนั้นแหละ แต่พี่เล่าเรื่องเศร้าได้ทั้งที่แววตาของพี่
ไม่ได้เศร้าเลย ตอนนี้พี่ได้พบแล้วสินะครับ คนที่พี่รอน่ะ ใช่มั้ยครับ”
รวีกานต์พูดตามที่สัมผัสได้

“อืม เจอแล้วล่ะ ครั้งนี้พี่ไม่มีวันปล่อยให้หายไปไหนอีกแล้ว”
 ยูโดพึมพำเหมือนจะบอกกับตัวเองเสียมากกว่า


ยูโดก้าวตามเดย์ไปยังเรือนนอนของบรรดาหนูน้อยทั้งหลาย น้องเนยขอลงไปหากลุ่มเพื่อน
ที่เล่นของเล่นกันอยู่มุมห้อง มีเด็กชายหน้าตาน่ารักแก้มใสวิ่งมากอดขายูโด

“พี่ยู อุ้มภูมิหน่อย”
 อ้าแขนให้อุ้มอีกแล้ว ดวงตากลมโตสีดำทำเอายูโดใจอ่อนจะอุ้ม แต่เขาเปลี่ยนใจนั่งยองๆ ลงไปแทน

“นี่พี่โดครับไม่ใช่พี่ยู เรียกพี่โดก่อนแล้วจะอุ้ม”
 น้องภูมิมองหน้าเดย์เหมือนต้องการตัวช่วย ด้วยไม่เชื่อสิ่งที่ยูโดพูด

“นี่คือพี่โดจริงๆ พี่ยูไม่สบาย นี่พี่โดครับน้องภูมิ”
 เดย์บอกเด็กชายที่ยังคงส่ายหน้าไม่ยอมท่าเดียว

ยูโดคงต้องรับสมอ้างเป็นยูฟ่าไปก่อน หรือไม่ก็ต้องมาพร้อมๆ กับยูฟ่าให้เด็กๆ
 แยกแยะว่าใครเป็นใครยูโดคิด เขาตัดใจอุ้มเด็กชายขึ้นมา

“ยูก็ยูแล้วกัน หึหึ เอ่อ…เดย์ตกลงมีงานอะไรให้พี่ช่วยมั้ย?”

“ไม่เป็นไรครับพี่โด ถ้าไม่มีเด็กป่วยงานก็จะไม่มีอะไรมาก พี่โดไม่หนาวเหรอครับ
ใส่เสื้อกันหนาวมาตัวเดียวเอง นี่ถ้าเป็นพี่ยูนะห่อตัวจนจะเป็นดักแด้เลยในแต่ละวัน”

“อืมพี่ตัวใหญ่ไขมันเยอะ ต้านทานความหนาวได้ดี ส่วนยูน่ะขี้หนาวเพราะตัวผอมบาง
 นี่พี่ก็เอาชุดกันหนาวไปเพิ่มให้ยูอีก ไม่รู้ว่าหนาวจนไม่ยอมหลับยอมนอนหรือเปล่าเมื่อคืนน่ะ”

 รวีกานต์ยิ้มๆ ที่ได้ฟัง คนตัวโตที่บุคลิกแตกต่างกับพี่ยูของเขาเยอะมาก แค่ใบหน้าที่เหมือนกัน
ส่วนอื่นต่างกันจนเห็นได้ชัด คนนี้ถึงจะดูแข็งกระด้างภายนอก แต่พอได้พูดคุยกันแล้วกลับให้ความเป็นกันเอง

“นี่ถ้าไม่มีอะไรให้ช่วยทำ พี่ขอไปหายูก่อนนะ พรุ่งนี้เช้าจะแวะเข้ามาใหม่ อ่ะนี่เบอร์พี่ แล้วพี่จะให้คุยกับยู”

“จริงนะพี่โดผมจะได้คุยกับพี่ยูจริงๆ ใช่มั้ย งั้นเอาโทรศัพท์พี่มาผมเมมเบอร์ให้เลยดีกว่า”
เดย์กระตือรือร้นจนยูโดต้องส่งโทรศัพท์ให้

“ขอบคุณครับพี่โด ฝากความคิดถึงให้พี่ยูด้วยนะครับ ถ้าพี่ตะวันมารับวันหยุดผมคงจะได้ไปเยี่ยมพี่ยู”

“อืม น้องภูมิพี่โดกลับก่อนนะ เป็นเด็กดีไม่ดื้อไม่ซน แล้วก็ไม่แกล้งน้องๆ ช่วยพี่เดย์ดูน้องๆ คนอื่นด้วยนะคนเก่ง”
 เด็กชายพยักหน้ารับคำแล้วจึงวิ่งเข้าไปหากลุ่มเพื่อน

“บายนะเดย์”
ยูโดโบกมือให้เดย์ ยูโดกวาดตามองไปทั่วห้องก่อนออกเดิน เขาคงต้องหาซื้อหนังสือนิทานที่มีไม่กี่เล่มมาเพิ่ม
 และของเล่นเสริมพัฒนาการ เด็กๆ ที่นี่เป็นชายเสียส่วนใหญ่ เด็กหญิงมีไม่ถึงห้าคน แผ่นรองนั่งที่เป็นตัวอักษร
ชำรุดแล้วชำรุดอีก ซ่อมจนจะรอบแผ่นแล้ว เขาคิดจะชวนพี่ตะวันไปช่วยเลือกซื้อ หรือพูดง่ายๆ คือหาคนช่วยหิ้ว
ของนั่นเอง ก่อนเคลื่อนรถยูโดมองไปที่ต้นไม้ที่พี่ตะวันใช้คำว่าต้นไม้ของเรากับเดย์ที่ใบเหลืองหน่อยๆ แล้วจึงอมยิ้ม

‘ไม่เบานะพี่ชาย วิธีเต๊าะเด็กเนี่ย’

ยูโดรู้สึกชอบที่นี่มันทำให้เขาใจเย็นลง นี่คงเป็นยาที่ทำให้ยูฟ่าไม่เหงา ทั้งสิ่งแวดล้อมและเด็กๆ อีก
เห็นว่าต้องทำอาหารกลางวันให้เด็กๆ เองด้วย ถ้ายูฟ่าแข็งแรงพอที่จะออกไปไหนมาไหนได้
เขาคงพามาที่นี่เป็นลำดับแรก พามาในสถานที่ที่เจ้าตัวรักและสบายใจดีที่สุด

Rrrrrr เสียงโทรศัพท์ดังขึ้น

เขาปล่อยให้มันดังอยู่อย่างนั้นเพราะรู้ว่าเป็นใคร ยังไม่ได้ถามมารดาว่าจะให้บอกหรือเปล่าว่าเขาอยู่ที่นี่
และลูกรักของคุณพ่อก็กำลังป่วยด้วย เขาไม่รู้ว่าคุณแม่ได้คิดไว้หรือยังกับอนาคตของเขาสองพี่น้อง
หรืออนาคตของคุณแม่เอง เขารู้จากคุณพ่อว่าจนถึงตอนนี้ท่านทั้งสองก็ยังไม่ได้หย่าขาดกัน

ลึกๆ แล้วยูโดแอบหวังว่าท่านทั้งสองจะหวนกลับมาคืนดีกันได้

หลังจากคุณแม่และยูไม่อยู่ ห้าเดือนจากนั้นพ่อกับผู้หญิงคนนั้นก็หันหลังให้กันไปแล้ว
และธาวินเพื่อนของเขาก็ไม่ต้องรู้สึกผิดอีก
อย่างที่เขาเคยบอกไปว่าเป็นเรื่องของผู้ใหญ่ไม่เกี่ยวกับลูกที่จะต้องมารับกรรมแทน นั่นคือเรื่องจริง

เมื่อบิดาโทรหาถี่ขนาดนี้เขาจึงจอดรถเข้าข้างทางและรับสายท่าน

“ครับพ่อ โดมาเยี่ยมเพื่อนที่ป่วยน่ะครับ  อยู่ต่างจังหวัดครับ ครับ คุณพ่อไม่ต้องห่วงโดเรียนจบแน่ๆ”

(ไม่เหลวไหลนะโด ยังไงต้องเรียนให้จบจริงๆ อย่าลืมสัญญาลูกผู้ชายที่ให้ไว้กับพ่อล่ะ)

“ไม่ลืมครับ ผมจะดูแลแม่และยูให้ดี คงอีกไม่นานนี้แล้วครับ”

(แกพูดอย่างกับว่าสองคนนั้นจะกลับมาแล้วอย่างนั้นแหละ ถ้าเขาไม่อยากเจอแกก็ไม่ได้เจอ
 อย่าลืม นี่คือเรื่องจริงที่พ่อเชื่อมาตลอด)

“ผมก็เชื่ออย่างนั้นเหมือนกันครับ”

(เสร็จธุระก็รีบกลับมาล่ะ พ่อกลับบ้านถามใครก็ไม่มีใครรู้ว่าแกไปไหน
 ยังไงก็อย่ารักเพื่อนจนลืมเรื่องเรียนไปล่ะ อีกไม่ถึงสองเดือนก็จะจบแล้วนี่)

“ครับพ่อ”

‘ธุระนี้น่ะสำคัญมากกว่าเรื่องเรียนที่พ่อพูดเสียอีก สำคัญมากกว่าชีวิตของโดอีกนะครับ รู้มั้ยครับพ่อ’

ไหนๆ ยูโดก็บอกพ่อเรื่องอยู่ต่างจังหวัดแล้ว เขาจึงโทรหาขนมอีกคน

“หนมกูอยู่ต่างจังหวัด มีเรื่องสำคัญเร่งด่วนต้องมาทำว่ะ เออ! น่ะ อย่าด่านักเลย เรื่องเรียนตัวไหนด่วนมาก
มึงบอกมาได้เลย กูจะบินด่วนกลับไป เออ! มึงต้องเข้าใจนะกูอยู่ไกลมากๆ ขับรถเป็นวันๆ แหละมึง
อย่าถามเยอะ ฝากด้วยหนม”

(กูว่ากูรู้แล้ว รู้ว่าธุระสำคัญของมึงคืออะไร หึหึ)

“ไม่ต้องเดาหนม กูจะจบไม่จบขึ้นอยู่กับมึงเลยนะ”

(มึงเจอยูฟ่าแล้วใช่มั้ยเพราะกูไม่เคยได้ยินเสียงมึงที่แสดงอารมณ์ในแบบนี้มาสองปีแล้ว)

“หนมอย่าเพิ่งถามอะไรกูตอนนี้ เออน่ะ เออแล้วกูจะเล่าให้ฟัง เมื่อถึงเวลา”

(เออ ได้ยินแบบนี้ กูก็สบายใจแล้ว มึงทำเรื่องของมึงไปเหอะ เอาโน๊ตบุ๊คไปด้วยใช่มั้ย แล้วกูจะส่งงานไปให้แล้วกัน)

“ขอบใจ รักมึงนะ”

(ไอ้โด...กูขนลุก อย่ามารักกู...กูมีคนรักแล้ว)

“ไอ้โชน่ะเหรอ”

(ไอ้โด มึงมันเลว)

“หึหึ”

ยูโดหัวเราะแล้วตัดสายขนมทันที แต่เสียงด่ามาตามสายก็สร้างรอยยิ้มให้เขาได้ดีเลย
สองปีมาแล้วที่เขาลืมวิธีหัวเราะ จนเมื่อได้กลับมาเจอยูฟ่าอีกครั้ง แม้จะในสถานการณ์ที่เลวร้ายแบบนี้

แต่เขาก็ยังได้กลับไปเป็นคนเดิม...ที่จะต้องดีกว่าเดิมแน่ๆ เพื่อคนที่เขารัก





หัวข้อ: Re: incest : บาปร้ายในบ่วงรัก ตอนที่ 13 ดูแลคนของใจ
เริ่มหัวข้อโดย: เส้นขอบฟ้า ที่ 22-06-2019 09:48:51
ตอนที่ 13 ดูแลคนของใจ

เช้านี้มารดาเตรียมอาหารใส่กล่องแล้วบอกว่าจะต้องไปทำงานที่คุ้มภูรินทร์ หากมีอะไรด่วนให้รีบบอก
ท่านจะให้รถของคุ้มมาส่ง ยูโดรับปากเพื่อให้ท่านคลายกังวล

เมื่อถึงเวลาเยี่ยมสีหน้าที่ยิ้มแย้มของคนที่นอนรอทำให้ยูโดก้าวเท้าไปหาอย่างเร็วรี่

“คิดถึงยูจัง วันนี้เป็นไง หายมึนหัวหรือยังครับ”

“ดีขึ้นมากแล้ว พี่พยาบาลบอกว่าสายๆ จะย้ายห้องให้ เกล็ดเลือดขึ้นมาเยอะแล้วด้วย แต่ยูอยากกลับบ้านอ่ะโด”

“ยังกลับไม่ได้นี่หมอให้กินข้าวได้หรือยัง คุณแม่ทำอาหารมาให้ด้วยนะ”

“กินได้ตั้งแต่มื้อเย็นเมื่อวานแล้ว ดีจังอยากกินฝีมือคุณแม่ แต่เช้านี้ยูกินไปแล้วน่ะสิ
 โดล่ะมีอาหารมามั้ย กินด้วยกันเนอะ”

“คุณแม่เตรียมมาเผื่อแล้ว ยูย้ายห้องโดก็นอนเฝ้าได้แล้วสิ”

“ใช่ๆ ดีเลยไม่ต้องนอนคนเดียว เมื่อคืนหนาวมากยูนอนไม่หลับ”

“โดเอาชุดกันหนาวมาให้ด้วยอยู่ในรถไม่คิดว่าจะได้ย้ายห้องวันนี้ เดี๋ยวลงไปเอาให้นะ”

“ยังก่อนก็ได้ ตอนนี้ไม่ค่อยหนาวแล้ว ยูอยากคุยกับโด”
ระหว่างที่พูดคุยกันสองพี่น้องกุมมือกันไม่ปล่อย ยูโดมองดวงตาคู่สวยของอีกคนแล้วอยากจูบซับ
ที่เปลือกตาจริงๆ แต่ด้วยห้องนี้มีเจ้าหน้าที่เดินผ่านไปมาจึงได้แต่นึกเสียดาย

“เอ่อ…โดมองหน้ายู มีอะไรเหรอ”

“ตายูสวย โดอยากจุ๊บ”

“บ้า…เราก็หน้าเหมือนกันไหมล่ะ”

“เหมือนอะไร ไม่เลยสักนิด นี่โดไปที่ทำงานยูมาด้วยนะเช้านี้น่ะ”

“เหรอๆ น่าอยู่ใช่มั้ยล่ะ อยากกลับไปทำงานจัง คิดถึงเด็กๆ”

ยูฟ่าทอดเสียงอ่อนในตอนท้าย

“ไว้หายก่อนนะคนดี ที่นั่นน่าอยู่จริงอย่างที่ยูบอกแหละ เด็กๆ น่ารัก
น้องเนยกับน้องภูมิมาให้โดอุ้มด้วยนะ ไม่ยอมเรียกชื่อโด ทำยังไงก็ไม่ยอมท่าเดียว
 พี่ตะวันบอกว่าเราเหมือนกันจนเด็กๆ แยกแยะไม่ออก”

“งื้อออ อยากกลับไปหาอ่ะโด”

“หึหึหึ เดี๋ยวโดพาไปแล้วจะไปช่วยงานยูด้วย นี่ว่าจะชวนพี่ตะวันไปซื้อหนังสือนิทาน
 ของเล่น…แล้วก็แผ่นรองนั่ง ซ่อมแล้วซ่อมอีกยังใช้กันอยู่ได้”

“อยากไปซื้อด้วยจัง เจ้าเดย์สิบ่นว่าแพง พูดแต่ว่าใช้ให้คุ้มๆ ก่อนค่อยเปลี่ยน
 คุ้มจนเกินจะคุ้มแล้วใช่มั้ยล่ะ เดย์เป็นเด็กดีนะ ใช้ได้เลยแหละคนนี้น่ะ”

“ยูไม่ชมผู้ชายคนอื่นต่อหน้าโดนะ โดหวง”

“อะไรกันโด นั่นน่ะของพี่ตะวันเค้านะ อุ๊บ”

“ปิดเหรอ มันเป็นความลับที่ไหนกันล่ะ พี่ชายเราเต๊าะเด็กขนาดนั้น ชัดเจนเสียยิ่งกว่าอะไร
นี่เห็นว่าจะพามาเยี่ยมยูด้วยนี่ วันหยุดน่ะ”

“อ้าว โดมองออกหรอกเหรอ ว่าแล้วเชียว พี่ตะวันน่ะทำมาเป็นเก็บซ่อนแววตา
 มันปิดไม่มิดหรอก เมื่อก่อนนะหน้านี่เรียบนิ่ง เดี๋ยวนี้นะ มียิ้มบ้าง หยอกเย้าบ้าง
 หัวใจพี่เราเป็นสีชมพูไปแล้วแน่ๆ แต่น้องมันเด็กเกินไปมั้ย”

“อืม ดูไม่มีพิษมีภัยจริงๆ พอรู้ว่ายูป่วยเป็นอะไรเท่านั้นแหละร้องไห้อย่างกับสั่งน้ำตาได้”

“เหรอ ก็เรามีกันสองคน ทำงานด้วยกันมาสองปีก็เหมือนพี่น้องแล้ว
โดไม่ต้องมาหวงยูเลย นั่นน่ะน้อง จริงๆ นะ”

“เชื่อก็ได้ครับ” ยูโดลูบแก้มเนียนนุ่มมือของอีกคนที่ทำตาอ้อน
 เจ้าแมวเซาจะหลับอีกหรือไง ตาปรอยเชียว

“หมดเวลาเยี่ยมแล้ว ยูนอนเถอะนะ โดอยู่แถวนี้ไม่ไปไหน เดี๋ยวย้ายห้องก็ได้อยู่ด้วยกันแล้วนะ”

“ขอแก้มก่อนสิ ยูนอนก็ได้”
ยูโดโน้มใบหน้าลงไปให้คนบนเตียงหอม เขาจึงใช้จังหวะนั้นหอมหน้าผากมนไปที
เป็นการเติมพลังให้ตัวเองไปด้วย

“เดี๋ยวเจอกันนะครับ”

ยูโดออกจากห้องและกลับไปที่รถ เขาหยิบเสื้อกันหนาวที่เป็นโค้ทยาวให้ใส่นอน
และซื้อของใช้เพิ่มรวมทั้งเอาโน๊ตบุ๊คมาดูงานที่ขนมส่งมาให้ทางอีเมลด้วย
ยูโดได้ที่นั่งในมุมหนึ่งที่มีคนนั่งคนบาง เขาลงมือทำงานและค้นคว้าข้อมูลเพิ่ม
รวมทั้งท่องเว็บเกี่ยวกับโรคที่ยูฟ่าเป็น เพื่อรับมือกับโรคนี้และจะได้เข้าใจโรคมากขึ้น
เขาขลุกอยู่กับมันจนได้เวลาที่จะให้คนป่วยทานกลางวัน

ยูฟ่าถูกย้ายไปยังห้องพักฟื้นใหม่เรียบร้อยแล้ว

“โด หายไปนานเลย ยูหิว”
ยูโดโผล่หน้าเข้าไปในห้องพักฟื้น คนไข้ที่มองมาก็บ่นหิวทันที

“ขอโทษครับ โดทำงานที่ขนมส่งมาเพลินไปหน่อย มากินข้าวกัน”
 ยูโดเอาของเข้าไปเก็บในตู้เก็บของและเปิดกล่องอาหาร เขาเร่งมือจนดูตลกในสายตาของคนรอกิน

“โดอย่ารีบ เดี๋ยวหก ยูรอได้”

“ก็ยูหิวนี่นา อ่ะได้แล้ว …ดูสิน่ากินนะ”

“น่ากินตรงไหนกันล่ะ ทำไมคุณแม่ทำอาหารหน้าตาแปลกๆ มาให้ยู”

“คุณแม่ท่านรู้ว่าอะไรที่เหมาะกับยูไง มาโดกินเป็นเพื่อน ปลานี่ย่อยง่าย
 ไข่นี่ก็มีประโยชน์ นะเด็กดี ไม่งอแงคุณแม่ตั้งใจทำเลยนะ ท่านเสียใจนะถ้ายูไม่กิน”

“ก็ได้ๆ นี่มันอาหารคนป่วยชัดๆ เลยนี่ งืมๆ”
คนป่วยยังคงบ่นอุบอิบ

“อร่อยนะเนี่ย รสมือคุณแม่ไม่เปลี่ยนเลยจริงๆ โดไม่ได้กินสองปีแล้ว”

“อื้อ อร่อยจริงๆ ด้วย ยูไม่บ่นแล้วก็ได้ มีโดมากินเป็นเพื่อนแบบนี้ ดีกว่าเป็นไหนๆ”

“ครับ อร่อยๆ”
 สองพี่น้องทานข้าวกันไปคุยกันไปไม่หยุด จนอาหารที่เตรียมมาหมดไปโดยที่คนป่วยไม่รู้ตัว

“อิ่มที่สุดเลยเนอะโด”
 ยูฟ่ายิ้มตาเป็นประกาย ยูโดขยี้ผมคนพูดไปทีก่อนจะเก็บกล่องใส่อาหารแล้วนำไปไว้ที่อ่างล้างชาม

“น้ำมะพร้าวหน่อยนะยู”

“ได้ๆ อีกหน่อยยูคงกลายร่างเป็นหมูแน่ๆ เลย”

“ให้เป็นจริงๆ เถอะ ผอมซะขนาดนี้”

“ถ้ายูให้เคมี ผมก็ต้องร่วง น่าเกลียดแน่ๆ เลย ผิวหนังก็ต้องลอก ทำไงดี”

“นั่นเป็นอาการข้างเคียง ไม่เป็นไรหรอก ยังไงโดก็รักยู อย่าคิดมากเลยครับ”

ยูฟ่าเงียบ เขาคงต้องรับมือกับมันให้ได้ เพราะป่วยนี่แหละทำให้เขากับยูโด
ได้กลับมาอยู่ด้วยกันอีกครั้ง มองแง่บวกก็แล้วกัน ถ้าไม่ป่วยคงไม่รู้ว่าอีกนานแค่ไหนถึงจะได้กลับมาเจอกัน

‘นั่นสินะ อาจเป็นลิขิต ทุกสิ่งถูกกำหนดไว้แล้วว่าต้องเป็นแบบนี้’

“ไม่เศร้านะยู โดอยู่นี่” ยูโดเดินเข้าไปกอดคนที่นั่งเงียบอยู่บนเตียง

“ไม่เศร้าครับ เพราะป่วยไงยูถึงได้เจอโด ช่างเถอะ”

“ดีมากที่รัก” ยูโดหอมหัวยูฟ่าไปที

“ยูยังไม่ได้สระผมเลย เหม็นนะ”

“เหม็นที่ไหนล่ะ เดี๋ยวโดสระให้นะ”

“ยูสระเองได้ แข็งแรงแล้ว นี่ไง” ยูฟ่าทำท่าว่าตัวเองสตรองเสียเหลือเกินให้คนน้องดู

“น่านะ โดจะอาบน้ำให้ยู สระผมให้ด้วย อย่างอแงสิยู รู้ว่าแข็งแรงแต่ให้โดได้ดูแลยูบ้างนะครับ”

“ไม่ต้องเลย ไว้ถ้ายูไม่ไหวจะบอกให้โดช่วย”
 ยูฟ่าหลบสายตาที่มองมา ตานั่นน่ะเจ้าเล่ห์ขึ้นทุกวัน ใครเขาจะไปแก้ผ้าให้เห็นกัน

ยูโดแอบขำที่เขาแกล้งให้คนตัวเล็กเขินได้ เอาจริงๆ เขาสองคนตั้งแต่โตมาก็ไม่เคยที่จะ
เปลือยกายต่อหน้ากัน เขารู้ว่าขอบเขตความสัมพันธ์มันอยู่ตรงไหน ซึ่งก็ไม่คิดที่จะเกินเลยกัน
ไปมากกว่าการกอดจูบลูบคลำกันเท่านั้น ยิ่งอีกคนมาป่วยแบบนี้ ยิ่งต้องทะนุถนอมดูแลเป็นกรณีพิเศษ


ตลอดบ่ายยูฟ่าไม่ยอมนอน จ้องแต่จะถามถึงเรื่องราวต่างๆ ของสองปีที่ห่างกัน
จึงกลายเป็นช่วงเวลาที่ทั้งสองคนแลกเปลี่ยนเรื่องราวแต่หนหลังกันเสียเป็นส่วนใหญ่

“ตกลงคุณพ่อเลิกกับผู้หญิงคนนั้นแล้วจริงเหรอ”

“อืม เลิกได้น่ะดีแล้ว โดสงสารธามที่ไม่ได้ผิดอะไร แต่คอยแต่จะขอโทษอยู่เรื่อยเลย”

“อื้อ ก็มันไม่เกี่ยวกับธามเลยนี่นา เรื่องของคนโต”

“เพื่อนๆ ของโดเป็นไงกันบ้างล่ะ”

“ธามคบกับเจ้าหนิก เพิ่งเปิดตัวไปไม่กี่เดือนนี้เอง เพื่อนๆ ก็เพิ่งรู้ว่าเจ้าหนิกที่ไปทำงานพิเศษ
เพราะไปตามดูแลเจ้าธามมัน และหนิกมันเล่าว่ารักธามตั้งแต่ปีหนึ่งแล้วด้วย”

“ไม่น่าเชื่อ ดีแล้วที่ลงเอยไปอีกคู่ ไม่ต้องเจออุปสรรคมากมายเหมือนอย่างเรา”

“อย่าคิดมากเลยยู อุปสรรคมีไว้ให้ข้ามผ่านไง อีกอย่างคู่นั้นระยะปีก็ไม่นานเท่าของเรา
 พวกเรารักกันตั้งแต่เกิดเลยต่างหากล่ะ”

“แหวะ เลี่ยนอ่ะ” ยูฟ่าพูดแล้วหลบตา แก้มแดงและใบหูแดง

“เขินเหรอยู” ยูโดชะโงกหน้าเข้าไปหาอย่างหยอกเย้า

“ไอ้บ้า เดี๋ยวเหอะ ห๊าว” คนป่วยปิดปากหาวหวอดๆ

“ง่วงก็นอนเลยสิ ไว้ค่อยเล่าให้ฟังใหม่ เย็นๆ คุณแม่คงจะมา
 พี่ตะวันก็ด้วย นี่คุณยายก็บ่นเหงาบอกให้ยูหายไวๆ”

“อืม ก็อยากหายเร็วๆ เหมือนกัน ยูนอนก่อนนะ โดก็ไปนอนบ้างเถอะ มาให้หอมทีนึงก่อน”
 ยูโดเอียงแก้มไปให้และหอมกลับเต็มรัก

“ทำตัวน่ารักอีกแล้ว เจ้าแมวเซาของโด” ยูโดลูบหัวคนที่ตาปรือเต็มทน

“รักมั้ย หมาอ้วน” ยูโดฉวยจังหวะนี้ประทับริมฝีปากบนเรียวปากนุ่ม

“รักมากเลยสิไม่ว่า นอนเถอะนะ”
ยูฟ่าพริ้มตาลง การได้ถูกรักมันดีอย่างนี้เอง

ยูโดมองมุมปากของคนหลับที่ยกยิ้มน้อยๆ น่าฟัดขึ้นทุกวัน



หัวข้อ: Re: incest : บาปร้ายในบ่วงรัก ตอนที่ 14 เรื่องรัก เรื่องลับ
เริ่มหัวข้อโดย: เส้นขอบฟ้า ที่ 23-06-2019 14:53:07
ตอนที่ 14 เรื่องรัก เรื่องลับ

วันนี้เป็นครั้งแรกที่ยูฟ่าจะต้องเข้ารับเคมีบำบัด คนไข้มีความพร้อมทั้งร่างกายและจิตใจ
ส่วนคนเฝ้าไข้ก็ดูแลไม่ห่างตลอดสัปดาห์ มีบางวันที่ยูโดต้องเข้ากรุงเทพฯ เพื่อเคลียร์
เรื่องเรียนและเตรียมสอบ แต่การนั่งเครื่องไปกลับของเขาก็ผ่านไปได้ เขาจัดการตัวเอง
ได้อย่างที่บอกกับมารดา เพื่อนๆ ต่างก็แสดงความยินดีกับข่าวที่ว่าเขาได้ครอบครัวที่หายไปคืนมาแล้ว

“สู้ๆ นะยู ทุกคนเป็นกำลังใจให้”

“สู้อยู่แล้ว ยูเก่ง” ยูฟ่ายิ้มกว้าง กำลังใจล้นหลามขนาดนี้ เขาไม่ยอมแพ้แน่นอน

“เก่งที่สุด…ที่รักของโด” ยูโดก้มลงไปกระซิบที่ข้างหูยูฟ่าเรียกเลือดฝาดให้ปรากฏต่อสายตาทุกคน

“คนอยู่เยอะแยะ หวานกันอยู่ได้ เลี่ยนอ่ะ”
 ตะวันฉายแซะสองแฝดเมื่อเห็นคนพี่อายม้วน คนน้องก็ดูจะอบอุ่นเกิน ตาเขาร้อนจนอยู่เฉยไม่ได้

“พี่ตะวันนี่ยังไง โวะ! ถึงคราวตัวเองบ้างเถอะ จะเอาคืนให้หนักเลย”
 ยูโดแกล้งทำเสียงใส่พี่ชายที่มักจะหาช่องแซวเขา คนขี้อายนี่ก็แทบจะมุดผ้าห่มหนีแล้ว

“พี่ตะวัน ไม่แหย่น้อง เดี๋ยวเหอะ” ตะวันฉายหน้าจ๋อยที่ถูกอาของตนดุ

“คุณอา พี่น้องจะหยอกกัน เราไม่ตีกันซะหน่อย”

“ไปเต๊าะเด็กต่อเถอะพี่ ทำนิ่งนอนใจ ชักช้ายืดยาด ระวังหมาป่าจะคาบลูกแกะตัวน้อยไปขย้ำล่ะ หึหึ”

“อะไรของแกเจ้าโด ลูกแกะอะไร”

“นี่แอบเลี้ยงต้อยใครไว้ล่ะตะวัน พามาให้อารู้จักบ้างสิ”

“มีที่ไหนกันครับคุณอา เจ้าโดมันเพี้ยน”

“มีครับคุณแม่ ยูรู้”

“คงอยู่ไม่ได้แล้ว นี่เล่นแท็กทีมกันขนาดนี้ วาร์ปก่อนละกัน”

“ตะวันมาคุยกันก่อน นี่พี่เราซุกเด็กเหรอเจ้ายู”

“หมาป่ากับลูกแกะครับแม่ ลูกแกะไม่ได้รู้เรื่องด้วยเลย น่าสงสารหมาป่าจัง” ยูฟ่าพูดยิ้มๆ

“อ้าวเป็นงั้นไป”

หลังจากให้เคมีบำบัด ยูฟ่าก็นอนซม ผิดไปจากก่อนเข้ารับยา มีคลื่นไส้ อาเจียน
และดูอ่อนเพลียจนยูโดที่พรุ่งนี้ต้องไปเรียนก็กระวนกระวาย อดห่วงไม่ได้ ทำให้มารดา
ต้องเข้ามาปลอบคนเฝ้าไข้ให้คลายความกังวล

“เป็นผลข้างเคียงน่ะโด เดี๋ยวก็ดีขึ้นเอง มันเกิดได้กับทุกคนไม่ว่าจะมากหรือน้อย
 ท้องเสีย แผลในปาก เบื่ออาหารและผมร่วง พวกนี้ยูต้องเจออยู่แล้ว โดอย่าเครียดสิลูก
 กลับไปเรียนทำเรื่องของตัวเองให้ดี อีกไม่นานจะจบแล้ว อย่าลืมว่าโดยังต้องดูแลยูไปอีกนาน
 และตารางการเข้ารับยาลุงหมอจะบอกอีกที ยูจะผ่านมันไปได้”

“แม่ครับ โดทำไมไม่เป็นซะเอง…สงสารยู”

“แม่รู้ว่าลูกเป็นห่วงพี่ ไม่ว่าใครเป็น จะยูหรือโดแม่ก็สงสารทั้งนั้น ใจเย็นๆ นะ”

“ผมอยากจะเรียนให้จบๆ ซะวันนี้เลย”

“เอาน่ะ ถ้ายูฟ่าหาย แต่ก็คงอีกหลายเดือน แม่จะพายูกลับกรุงเทพฯ พากลับไปให้โดเลี้ยงจนเบื่อเลย
 ตอนนั้นโดก็คงเข้าทำงานที่บริษัทกับคุณพ่อแล้ว ใช่ไหมลูก”

“ครับ คุณแม่พูดจริงนะ พายูกลับจริงๆ นะครับ”

“จ้ะ ตั้งใจเรียนเถอะ ทางนี้แม่จัดการเอง”

“ขอบคุณฮะ โดจะทำให้ดีที่สุดเลยครับคุณแม่”

ยูโดกลับไปเรียน พอมีวันว่างเขาก็รีบนั่งเครื่องมาดูแลยูฟ่าทันที เขาผอมลงไปบ้างแต่ก็
พยายามฝืนกินเพื่อไม่ให้ผอมจนทำให้ยูฟ่าและมารดาเป็นห่วง

“โด มึงไปเชียงใหม่อีกเมื่อไหร่วะ” โชกุนถาม

“ศุกร์บ่าย อยากได้อะไรมึง”

“อ่อ จะชวนไปหาไรกินกัน ไม่ว่างก็ไว้คราวหน้า”

“สอบเสร็จกูไปด้วยนะ อยากเที่ยวเชียงใหม่”
 ขนมพูดเพราะรู้ว่าที่นั่นกลายเป็นบ้านของยูโดไปแล้ว

“ได้ๆ แต่กูไม่ว่างพาเที่ยวน่ะสิ ต้องดูแลยู”

“เออ พวกกูรู้น่ะ มึง…วันก่อนแกมม่ามาชวนไปกินข้าว เกือบเผลอเล่าเรื่องยู ดีนะเบรกไว้ทัน
 สรุปบอกได้มั้ยวะ พวกนั้นก็เป็นเพื่อนรักกับยูเหมือนกันนะ”

 โชกุนเล่าให้ฟัง และถามคำถามที่เพื่อนคนอื่นๆ ก็ตั้งตาฟังคำตอบ

“อืม จะบอกก็ได้ แล้วแต่เลย คนทั้งโลกรู้ได้ แต่ว่าคุณแม่คงไม่อยากให้คุณพ่อรู้ว่ะ”
 ยูโดตอบคำถามที่หลายคนคาใจ

“อืม แต่มึงบอกว่าแม่กับยูจะกลับมา ตอนนั้นทุกอย่างคงคลี่คลาย ไม่แน่นะพ่อกับแม่มึง
ก็คงหันหน้าคุยกันได้ เดี๋ยวก็ดีเองแหละมึง”  ขนมพูดให้กำลังใจ

“นั่นคือสิ่งที่กูกับยูคาดหวังให้เป็น” ยูโดพึมพำ

“พวกเราหาวันรวมตัว ไปเยี่ยมยูหน่อยก็ดีนะ ที่พักเราหากันเอง”
ฟีนิกซ์พูดขึ้น คนอื่นๆ พากันพยักหน้ารับเป็นทอดๆ

“เอาไงก็บอกแล้วกัน” ยูโดไม่ขัด เมื่อเพื่อนอยากจะไปเยี่ยมคนป่วย

“เราขอไปด้วยคนนะ ได้มั้ยโด” ธาวินร้องตาม

“ได้สิธาม เราเพื่อนกัน”
ยูโดพูดให้คนคิดมากสบายใจ เขารู้ว่าธาวินยังคงรู้สึกผิด ทั้งที่เรื่องก็ผ่านมานานมากแล้ว

“ขอบคุณนะโด” ริมฝีปากบางคลี่ยิ้ม แต่น้ำตาก็มาคลอๆ ที่หน่วยตาอย่างตื้นตัน

“ขี้แยจริงๆ เลย แฟนใครล่ะเนี่ย” ฟีนิกซ์จับศีรษะของคนอ่อนไหวโยกไปมา

“นี่มึง ตั้งแต่เปิดตัว ดูจะแสดงความเป็นเจ้าของตลอดเลยเนอะ มึงกลัวใครไม่รู้รึไง”
 ขนมแขวะด้วยความเป็นคนปากไว

“ปากดีไปเถอะมึง ตัวมึงเองก็ระวังไว้หน่อย ทำปิดหูปิดตาจะถูกลากสักวัน”
ฟีนิกซ์สวนกลับ เขาอยากช่วยโชกุนที่ดูจะอืดอาดเหลือเกิน ใกล้จะจบการศึกษา
แล้วและพวกเขาต่างก็ต้องแยกย้ายกันไปมีชีวิตในอีกรูปแบบหนึ่งของตัวเอง
แต่จนแล้วจนรอดความสัมพันธ์ของโชกุนกับขนมก็ยังเป็นแค่เพื่อนกัน ทั้งที่โชกุนคิดเกินเพื่อนมานานแล้ว

“ไรของมึงไอ้หนิก ใครมันจะลากกู” ขนมทำหน้าเหรอ

“ไม่อยากเป็นเพื่อนกับมันแล้วก็พูดไปสิไอ้โช มันยากตรงไหน”
ฟีนิกซ์พูดขึ้นมาแบบไม่มีเกริ่นนำก่อน 

“เออ กูไม่อยากเป็นเพื่อนกับมึงแล้วไอ้หนม” โชกุนตัดสินใจพูดออกไปในที่สุด

“ทะ ทำไม กะ กูทำอะไรผิดวะไอ้โช”
ขนมหน้าซีด ปากคอสั่นด้วยไม่รู้ตัวว่าทำอะไรผิดถึงขนาดโชกุนจะตัดเพื่อนกับเขา

“จริงดิ โชโกรธหนมเรื่องอะไร เราเป็นเพื่อนกันมานาน อยู่ดีๆ จะเลิกคบกันเลยเหรอ ค่อยๆ พูดกันเถอะนะ”
 ธาวินพูด เขาก็ตกใจและใจหายไม่ต่างกับขนม พวกเขาแกล้งกันแรงๆ

โกรธกันก็บ่อย แต่ก็คบกันมานาน แล้วทำไมจะเลิกคบกันง่ายๆ แบบนี้ ธาวินครุ่นคิด

“เอ่อ กูไม่ได้โกรธอะไรมัน คือว่า เอ่อ…ขนมกูรักมึง คบกับกูนะ”
 โชกุนอึกอัก แต่ก็โพล่งออกไปจนได้ท่ามกลางความตกตะลึงของธาวิน ส่วนขนมสวนกลับทันควัน

“ไอ้บ้าโช ไอ้ทุเรศ มึงอย่ามาทะลึ่งเล่นแรงๆ กูไม่ขำ เดี๋ยวกูนี่แหละที่จะเลิกคบกับมึงจริงๆ”
 ขนมลุกขึ้นชี้หน้าโชกุน

“ขนม มึงช่วยฟังไอ้โชมันก่อน กูมองมึงสองคนมานานแล้ว ชัดเจนกันได้แล้ว
จะจบจะจากกันอีกแค่เดือนกว่าๆ เอง”
ยูโดพูด ทำเอาทั้งขนมและโชกุนมองหน้ากัน

“ขนมกูจริงจัง กูรักมึง รักมานาน กูเลิกเที่ยว เลิกไปนอนกับคนอื่นเป็นปีแล้ว
 กูแกล้งเมาเพื่อให้มึงพากลับบ้าน เพื่อให้มึงดูแลกูแค่อาทิตย์ละวัน
 เพื่อที่จะตื่นมาพร้อมมึงในเช้าของอีกวัน กูรักมึง คบกับกูนะ”

โชกุนขยับไปยืนต่อหน้าขนมเมื่อสารภาพทุกอย่างจนหมด เขาจ้องมองเพื่อนตัวเล็กที่อึ้งไป

“ไอ้โชมึง…”
ขนมพูดไม่ออก เขากำลังตกใจและร้อนวูบที่ใบหน้าจนลามไปที่ใบหู เขาไม่คิดว่าโชกุน
เพื่อนที่คบกันยาวนานจะคิดไปไกลเกินเพื่อน

“ให้โอกาสกูนะหนม” โชกุนรุก เขาฉวยโอกาสที่ขนมกำลังเบลอๆ

“กูไม่ใช่เกย์ ไม่ได้ชอบผู้ชาย กูแค่ตัวเล็ก ถึงจะหน้าสวยไปหน่อย ไม่ได้หมายความว่ากูจะต้องเป็นเกย์”

“กูก็ไม่ได้เป็นเกย์ และกูก็ไม่ได้ชอบผู้ชายคนอื่น แต่กูชอบแค่มึง แล้วมันข้ามขั้นเป็นรักมึงไปแล้ว”

ขนมเงียบด้วยไม่รู้ว่าจะต้องพูดอะไรอีก เขาไม่ทันได้เตรียมตัว ไม่ได้เตรียมใจ
 จู่ๆ เขาที่เป็นผู้ชายที่ยังคงมองผู้หญิงและเห็นความสวยงามของพวกเธออยู่
 แต่กลับถูกผู้ชายด้วยกันบอกรัก เขาสับสนไปหมด

“ค่อยๆ เรียนรู้กันไปก่อนก็ได้ไอ้หนม ส่วนมึงไอ้โชอย่าเพิ่งเร่งรัดมันนัก
ขนมมันยังสับสน ให้เวลามันหน่อย”

ยูโดพูดเมื่อเห็นสถานการณ์อึดอัดเข้ามาแทน

“คุยกันก่อนแบบเราก็ได้นะหนม วันหนึ่งเราจะรู้เอง ว่าใช่หรือเปล่า ใจเราจะบอกเอง”
ธาวินตบบ่าของเพื่อนที่ตอนนี้ดูจะตกใจไม่หาย

“ขอโทษนะหนม ถ้าทำให้มึงลำบากใจ”

โชกุนหันหลังให้และเดินออกไปจากกลุ่ม ขนมมองตามร่างสูงและลาดไหล่กว้างที่ดูจะงุ้มลงเล็กน้อย
โชกุนถือเป็นเพื่อนที่ดีคนหนึ่ง มันคอยดูแลและไม่เคยทิ้งใครก่อน แต่ตอนนี้กำลังเดินห่างทุกคนไป
ซึ่งเป็นสิ่งที่ขนมยอมไม่ได้

“ไอ้โชมึงกลับมาเดี๋ยวนี้นะ มึงจะไม่ฟังคำตอบจากกูก่อนหรือไง ไอ้โชกลับมา”
 ขนมตะโกนเรียก คนตัวสูงหันขวับและเดินเกือบจะกลายเป็นวิ่งกลับมาหากลุ่มเพื่อน และมาหยุดตรงหน้าขนมพอดี

“ฟังสิ กูอยากฟังไม่ว่าคำตอบจะเป็นยังไง มึงว่ามาเลย” โชกุนสลัดท่าหมาหงอยออกไปในทันที

“ก็ลองดู อย่างที่ธามมันบอก”

“มึงจะลองคบกับกู มึงให้โอกาสกูแล้วใช่มั้ย เป็นอย่างนั้นใช่มั้ยหนม”

“อืม” ขนมตอบรับสั้นๆ

“กูจะพิสูจน์ให้มึงเห็นว่ากูรักมึงจริงๆ” โชกุนรวมมือของขนมไปกุมไว้ และฉีกยิ้มกว้าง

“กูไม่ชอบคนเจ้าชู้ และเกลียดมากๆ คือคนโกหก”
ขนมพูดด้วยสีหน้าจริงจังและมองเข้าไปในดวงตาของโชกุน

“ตกลง กูจะเลิกมองคนอื่น กูจะมองแค่มึงและมีแค่มึงคนเดียว กูจะไม่พูดเรื่องที่ไม่จริง”

“มึงไปขอกับพ่อแม่มันเลยไป แต่งพรุ่งนี้เลยนะ วันอื่นกูไม่ว่าง”
ฟีนิกซ์พูดจบก็ถูกเพื่อนๆ ถวายฝ่ามือไปคนละป้าบ ยกเว้นแฟนเจ้าตัวที่ไม่ร่วมลงไม้ลงมือด้วย

“ก็เท่านี้ ยึกยักมาเป็นปี”
ยูโดพูด เมื่อข้อสรุปออกมาว่าเพื่อนรักของเขาทั้งกลุ่มพวกมันหันมากินกันเอง

“เหลือแค่มึง เปิดตัวใครได้ยัง มีได้แล้วมั้งมึง”
ฟีนิกซ์พูด เมื่อมองว่าตลอดสี่ปีมานี้ เขายังไม่เคยเห็นยูโดจะสนใจใครเลยสักคน

“กูหาใครไม่ได้แล้วว่ะ กูมีคนสำคัญที่ต้องดูแลไปตลอดชีวิตแล้ว”

เกิดความเงียบงันที่มองไม่เห็นไปชั่วขณะ

‘รักที่ผิดบาป บอกใครไม่ได้จริงๆ …แค่ได้รักกันก็พอ’

“ความรักเป็นสิ่งสวยงาม ไม่ใช่จะเกิดกันได้ง่ายๆ บางคนทำดีแค่ไหน
 ทำให้แทบตายก็ไม่ได้รัก ดีที่สุดแล้วที่ความรักของพวกมึงมันเกิดขึ้น ดูแลความรักของพวกมึงให้ดี”

ยูโดพูดและทอดมองไกลออกไป เขากำลังนึกถึงความรักของเขาที่ไกลกันแค่เพียงระยะทางเท่านั้น

“เออ กูจะรัก เท่าที่จะรักได้” เป็นคำพูดที่ออกมาจากปากของฟีนิกซ์





หัวข้อ: Re: incest : บาปร้ายในบ่วงรัก ตอนที่ 15 มุมของพ่อ
เริ่มหัวข้อโดย: เส้นขอบฟ้า ที่ 26-06-2019 12:44:56
ตอนที่ 15 มุมของพ่อ

นายพงศกร นักธุรกิจหนุ่มใหญ่ที่คร่ำหวอดอยู่ในวงธุรกิจอสังหาริมทรัพย์
ชีวิตครอบครัวไม่เป็นที่เปิดเผย บ้างก็ว่าเขามีภรรยาและลูกแต่ไม่มีใครเคยได้เห็น เพราะไม่เคยพาออกงาน

‘พ่อครับ โดรักพ่อนะ’

‘พ่อครับ โดรักยู โตขึ้นโดจะแต่งงานกับยู’

‘โดกับยูเป็นพี่น้องกัน แต่งงานกันไม่ได้’

‘โดต้องเกลียดยูใช่มั้ย พ่อไม่น่ารักเลย’

‘……………’

‘โดไม่รักพ่อแล้ว โดรักยู โดรักยู’

พงศกรมองว่าแค่อาการของเด็กๆ ที่หวงของเล่นเพียงแต่เจ้าตัวห่วงพี่มากกว่าของเล่นก็แค่นั้น แต่นั่นไม่ใช่เลย

‘โด นายต่อยเอสปากแตก แล้วก็เตะบอสทำไม’

‘โดบอกยูแล้ว ไม่ให้เล่นกับคนอื่น ยูไม่ฟังเอง’

‘นั่นเพื่อนยู โดเกเร ยูจะฟ้องคุณพ่อ’

‘หยุดหาเรื่องคนอื่นได้แล้วโด พวกนั้นเป็นเพื่อนยู โดใจร้ายจะต่อยทุกคนที่เป็นเพื่อนยูเลยเหรอ ทำไม’

‘………………….’

‘ยูคบกับไอ้วินใช่มั้ย’

‘ใช่ วินเป็นแฟนยู’

‘โธ่เว้ย!!!’


พงศกรรู้ว่ายูโดตามยูฟ่าเป็นเสมือนเงา หวงและห่วง แสดงออกในทางก้าวร้าวอยู่บ่อยครั้งเขาก็เห็น
เขาเคยมองว่ายูโดเป็นแค่เด็กเอาแต่ใจ เรียกร้องความสนใจ แต่เหตุการณ์ในสนามแข่งคราวนั้น
เพื่อปกป้องคนที่รัก เกือบจะเสียดวงตายูโดก็ยังทำ เขาเสียอีกที่ไม่เคยที่จะปกป้องใคร แล้วยังไง
สุดท้ายไม่ว่าเขาหรือยูโดก็ถูกทิ้งเหมือนกัน

ความมักมากของเขา มองภรรยาที่แสนดีเป็นเพียงแค่ของตายอยู่กับบ้าน เขาย้อนเวลากลับไปแก้ไขไม่ได้
ห้ามลูกสองคนไม่ให้รักกันก็ทำไม่ได้ อ้อนวอนให้ภรรยาที่ทิ้งไปกลับมาก็ทำไม่ได้อีก ขอร้องให้เธอยกโทษ
และร้องขอให้เธออภัย เขาก็ยิ่งทำไม่ได้…ในเมื่อเธอเป็นใคร มาจากไหน เขายังไม่รู้เลยด้วยซ้ำไป

‘ขอโทษนะยูโด พ่อทำครอบครัวของเราพัง พ่อทำให้คนที่ลูกรักต้องจากไป พ่อขอโทษ’

ตอนนี้ทำได้เพียงอยู่กับปัจจุบันเท่านั้น เขาได้แต่ดึงและรั้งให้ลูกชายที่เหลือคนเดียวกลับมาเป็นคนที่เข้มแข็ง
และอยู่ให้ได้ เพื่อเฝ้ารออย่างมีความหวัง เขาเชื่อว่าวันหนึ่งสองแม่ลูกจะกลับมา แล้ววันนั้นยูโดจะได้รักและ
ดูแลสองคนนั้นอย่างที่เจ้าตัวต้องการ

‘พ่อก็หวังว่าจะได้เจอแม่ของลูกก่อนพ่อตาย’

ความเสียใจและสิ้นหวัง เขาจะให้ใครเห็นไม่ได้ในเมื่อมันเกิดจากเขาที่ทำตัวเอง…ก็ต้องเจ็บเอง

‘แกจะได้เจอสองคนนั้นเมื่อเขาอยากให้เจอ เชื่อฉัน’

ถ้าไม่อยากให้เจอต่อให้พลิกแผ่นดินหาก็อย่าหวังว่าจะได้เจอ เขาได้แต่บอกลูกและบอกตัวเองซ้ำๆ
อยู่อย่างนั้น จนกระทั่งวันหนึ่งที่คนอยู่อย่างสิ้นหวังมีความหวังเรืองรองขึ้นมา

‘มาเยี่ยมเพื่อนที่ป่วย โดอยู่ต่างจังหวัดครับพ่อ’

‘อย่าห่วงเพื่อนจนเสียการเรียนนะ’

ลูกชายหายไปเป็นอาทิตย์โผล่มาเรียนบ้างแค่บางวัน นั่งเครื่องไปเชียงใหม่เป็นว่าเล่น
 จนสุดท้ายพงศกรจึงต้องจ้างนักสืบและหลักฐานต่างๆ ที่เขาได้มาก็ทำเอาตื่นเต้น ยินดีแต่มันมาพร้อมกับข่าวร้าย

‘ยูฟ่าป่วยเป็นลูคีเมีย’

ยูโดขึ้นเหนือเป็นว่าเล่นเพราะไปเฝ้า ไปดูแล และเป็นกำลังใจอยู่เคียงข้างคนที่รัก
เขาก็รักลูกอยากทำหน้าที่ของพ่อ อยากพบเจอ แต่เขาจะทำอย่างนั้นได้อย่างไร
 ถ้าอุไรรู้ พาลูกหนีไปอีก เขาจะทำยังไง คงต้องปล่อยให้เป็นไปในแบบนี้ต่อไป

‘พ่อคิดถึงลูกนะยู อุไรผมคิดถึงคุณเหลือเกิน’ พงศกรกอดรูปถ่ายที่เขาได้มา น้ำตาลูกผู้ชายไหลริน
เขาเพิ่งรู้เมื่อสิ่งที่มีอยู่สูญหาย เพิ่งเห็นค่าตอนที่มันสายไป หลายคนอยากย้อนเวลา อยากกลับไป
ที่จุดเริ่มต้นเพื่อทำให้มันดี แต่จะมีสักกี่คนที่ได้รับโอกาสนั้น เขาก็เป็นหนึ่งคนในนั้นที่อยากแก้ไข
ความผิดพลาด…ซึ่งคงจะสายเกินไปแล้วจริงๆ


ยูโดกลับเข้าบ้าน วันนี้เขาแวะกินข้าวกับเพื่อนๆ ที่ร้านใกล้กับมหา’ลัยและขอตัวกลับเพื่อมาดูหนังสือ
เห็นรถของบิดาจอดอยู่ เป็นสิ่งที่น่าแปลกใจเอามากๆ พ่อมีแต่งานและกลับเข้าบ้านดึกดื่นตลอด
เขากับพ่อมีโอกาสคุยกันน้อยเต็มที

“วันนี้คุณพ่อกลับบ้านเร็วจังฮะ”

“อืม..พ่อมีตัวแทนไปงานน่ะ แล้วแกล่ะ ทำไมวันนี้กลับบ้านได้”

“ช่วงนี้เรียนหนักฮะ งานบริษัทของคุณพ่อผมขอเลื่อนไปสักพักนะครับ เคลียร์อะไรลงตัวแล้วจะเข้าไปช่วยนะครับ”

“ได้สิ เอาเรื่องเรียนก่อน อย่าลืมว่ามีคนที่แกจะต้องดูแลต่อจากฉันถึงสองคน”

“ไม่ลืมครับ แล้วคุณพ่อไม่คิดจะดูแลเองบ้างเหรอครับ”

“มันเป็นอย่างนั้นได้ก็ดีสิ จะมีทางไหนไหมล่ะ แกก็รู้ว่าไม่มีอีกแล้ว”

“คุณพ่อได้พยายามหรือยัง เอ่อ ขอโทษครับ”

“นั่นสินะ”

“พ่อคิดถึงเจ้ายู หมู่นี้ฝันถึงบ่อยๆ แกล่ะลืมเจ้ายูได้หรือยัง”

“ผมเคยบอกคุณพ่อไปแล้วว่าผมรักยู ไม่มีทางที่จะลืมเพราะยูคือคนสำคัญ”

“มั่นคง ตั้งแต่เล็กจนโตสินะ”

“พ่อครับคือ…..”
ยูโดมองหน้าท่าน หรือว่าตลอดเวลาที่เขาทำอะไรอยู่ ท่านจะรู้ หรือว่าเขาคิดไปเองนะ

“อืม”
พ่อพยักหน้าและไม่พูดอะไรอีก เป็นการยอมรับกลายๆ ว่า คุณพ่อรู้ว่าเขาหายไปไหนและทำอะไร

“ผมจะทำให้ดีที่สุด ผมจะพาคนที่ผมรักกลับมาครับ”
ยูโดพูดด้วยเห็นแววตาที่สื่อออกมาทุกความรู้สึกของท่าน อดที่จะสงสารไม่ได้ เขาก็เคยอยู่ในจุดเดียวกับท่านมาก่อน

“ขอให้แกทำสำเร็จก็แล้วกัน” พ่อพูดนำเสียงอ่อนล้า และแฝงแววตาเศร้าๆ

Rrrrrrr ยูฟ่าโทรมา วันนี้เขายังไม่ได้โทรบอกเลยว่าถึงบ้านแล้ว ยูโดลังเลด้วยไม่รู้จะเลี่ยงยังไง
เมื่อโทรศัพท์ก็วางกองอยู่ตรงหน้านี่เอง

“รับสิ พ่อก็อยากฟังเสียงของคนทางนั้นเหมือนกัน” ยูโดมองหน้าท่าน

“เอ่อ….คือ…ครับ” เขากดรับสายและเปิดสปีกเกอร์โฟน

(โด…ถึงบ้านหรือยัง จะมาหายูวันไหน)
 เสียงยูฟ่าที่ดังผ่านลำโพงทำเอาคุณพ่อนิ่งเงียบ แววตาของท่านสั่นไหว ลูกรักเลยคนนี้เขารู้ดี

“เพิ่งถึงบ้านน่ะยู ไปวันศุกร์นะ ถึงนั่นคงเกือบๆ เย็นแหละ”

(อีกตั้งสองวัน คิดถึงโดจัง คุณพ่อกลับบ้านมั้ย ได้เจอท่านหรือเปล่า) คุณพ่อสะดุ้งที่ลูกรักถามถึง

“อืม กลับเข้ามาก็เจอแล้ว อยากคุยมั้ย นั่งอยู่ด้วยกัน”

(อยากคุยดิ แต่อย่าเพิ่งเลยเดี๋ยวคุณแม่จะเข้ามาแล้ว ขอยูถามท่านก่อนว่าให้ยูคุยกับคุณพ่อได้มั้ย
 คิดถึงคุณพ่อจังไม่เจอตั้งสองปี ป่านนี้คุณพ่อคงลืมยูกับคุณแม่ไปแล้วมั้งโด)

 ยูฟ่าพูดจบ เขาจึงมองหน้าคนที่ถูกพูดถึงท่านมองออกไปนอกหน้าต่าง

“ไม่หรอกยู คุณพ่อต้องคิดถึงยูกับคุณแม่อยู่แล้ว อาการเป็นไงบ้าง กินข้าวได้มั้ย”
 ยูโดรีบเปลี่ยนเรื่อง ด้วยเห็นสีหน้าของคุณพ่อไม่สู้ดีนัก

(ก็ยังเบื่อๆ อาหาร เจ็บปากทำให้ไม่อยากกลืนอะไร รสชาติมันแย่ไปหมด
ไม่ใช่อาหารที่คุณแม่ทำแย่นะแต่ลิ้นยูไม่รู้รสเองตอนนี้ ยังคลื่นไส้วิงเวียน ผมเริ่มร่วงแล้วอ่ะโด ยูจะหัวล้านแล้วอ่ะ)

“เดี๋ยวกลับไปจะโกนผมให้ ใส่วิกผมก็ได้นะยูหรือใส่หมวกดี พอหายป่วยผมที่ขึ้นมาก็สลวยสวยเหมือนเดิม
 ถึงจะไม่มีผมโดก็รักยูอยู่ดี อย่าคิดมากนะครับ อาหารก็ต้องฝืนกลืนเอาหน่อย ไว้หายแล้วโดจะพาไปกินหมึก
ไข่นึ่งมะนาวของชอบยู ไม่ดื้อเนอะ”

(ก็ได้หมาอ้วน รอโดมาทำให้ก็ได้  ยูจะไม่ดื้อ อ๊ะ! คุณแม่มาแล้วมีเสบียงมาเยอะแยะเลยเนี่ย //
 คุยกับโดอยู่เหรอลูก บอกโดให้แม่ที ถ้ามีเรียนหนักก็ไม่ต้องมา ยูอยู่กับแม่ได้นะคะ // ไม่ๆ
 ยูจะไม่บอกแบบนั้นหรอก ว่างก็มานะโด ยูรออยู่ คิดถึงโดมากๆ // ยูเด็กดื้อแม่บอกอย่างหนึ่งกลับ
ไปพูดอีกอย่าง เรานี่แสบจริงๆ เลย)

ยูโดมองคุณพ่อที่นั่งฟังน้ำตาคลอ คงคิดถึงคุณแม่ เขาไม่อยากจะซ้ำเติมเลยจริงๆ
เวลาทำอะไรน่ะไม่คิดให้ดีเสียก่อน พอตอนนี้มานั่งเสียใจ ก็ได้แต่นึกในใจเท่านั้น

“ยูพักผ่อนเยอะๆ นะ รักยูมากๆ คนดี”

ยูโดไม่อายที่บอกรักยูฟ่าไป ถ้าไม่พูดสิเขาจะเสียใจมากกว่า เพราะชีวิตคนเราเมื่อมีโอกาสได้พูด
 และได้บอกตอนที่มีลมหายใจก็ต้องพูดออกไป ดีกว่ามาพูดในวันที่อีกคนไม่ได้อยู่ฟัง

(รักโดมากๆ รักนะหมาอ้วน)

“ตกลงจะรักโดหรือรักหมา …รักยูนะครับ”
 ปลายสายหัวเราะคิกคักก่อนจะวางไป พ่อยังคงนั่งเหม่อลอย ปล่อยความคิดล่องลอย คิ้วหนาขมวดมุ่น

“ยูฟ่าต้องเข้าเคมีกี่ชุด แล้วจะหายขาดใช่มั้ย”

“เอ่อ…คุณแม่บอกว่าไม่หกก็แปดชุดน่ะครับ ครั้งหนึ่งก็ห่างกันราวๆ
สามสัปดาห์ได้ ยูเข้ารับการรักษาเร็วมีโอกาสหายขาดครับคุณพ่อ ลุงหมอท่านบอกแบบนั้น”

“หลายเดือนเลยกว่าจะครบ คงทรมานน่าดู ดูแลพี่แกดีๆ ล่ะ”

“ครับ ถ้ายูหายคุณแม่จะให้ยูกลับมาที่นี่น่ะ เพราะว่าโดต้องช่วยงานที่บริษัท”

“จริงดิ แม่แกคงไม่ให้ยูอยู่ที่นี่โดยตัวแม่แกอยู่ทางนู้นหรอก ใช่มั้ย”

สีหน้าของพ่อดีขึ้น มีประกายความหวัง

“ไม่ทราบสิครับ”
 ยูโดพูดออกไปเหมือนกับว่าจะดับฝันของพ่อเสียอย่างนั้น เขาไม่รู้จริงๆ
ว่าคุณแม่จะตามมาด้วยหรือเปล่า ความคาดหวังอยู่ที่ห้าสิบเปอร์เซ็นต์เท่านั้น

“นั่นสิ เขาจะอภัยให้พ่อได้ยังไง พ่อทำเขาเจ็บขนาดนั้น”

 พ่อจมอยู่ในห้วงความคิดไปคนเดียวเงียบๆ เขาจึงลุกขึ้นเตรียมไปอ่านหนังสือ แต่พ่อพูดขึ้นมาเสียก่อน

“ดูแลยูกับแม่แกให้ดีนะ ถ้าขึ้นไปหาเขาอีก พ่อจะโอนเงินเพิ่มให้ พี่แกอยากได้อะไรก็ซื้อให้ด้วยล่ะ ไม่พอมาบอก”

“ขอบคุณครับพ่อ”


ยูโดเดินขึ้นห้องนอนไป สมองก็คิดทบทวนคำพูดของพ่อตั้งแต่เขาก้าวเท้าเข้าบ้านมา
 พ่อรู้ว่ายูฟ่าป่วย พ่อรู้ว่าเขารักยูฟ่าตั้งแต่ครั้งเป็นเด็ก พอคิดมาถึงตรงนี้จึงมองย้อนกลับไป
ที่พ่อไม่ชอบหน้าเขา เพราะพ่อรู้มาตลอดว่าเขาทำอะไร พ่อรู้มานานแค่ไหนกันนะ

‘ช่างเถอะ หากพ่อจะกีดกัน คงต้องพายูหนี เฮ้อ…แต่บอกรักยู พ่อก็ไม่ได้มีทีท่าว่าไม่พอใจอะไรนี่นา’


บ่ายสามโมงกว่าแล้ว ยูโดลงรถหน้าโรงพยาบาลพอดี เป้ใบโปรดกับโน๊ตบุ๊คอีกเครื่องก็ไม่ทำให้รุงรังสักเท่าไหร่
เขาก้าวเข้าไปในลิฟต์กดเรียกชั้นอย่างคล่องมือ ยูโดแวะเข้าห้องน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าชุดใหม่ ล้างมือและล้างหน้า
เขาไม่อยากเอาเชื้อโรคไปแพร่ให้กับคนป่วยที่ตอนนี้ภูมิต้านทานเชื้อโรคมีน้อยเต็มที
ยิ่งเชื้อรากับแบคทีเรียเป็นตัวร้ายเลยทีเดียว

“โด คิดถึง ยูรอตั้งแต่ชั่วโมงที่แล้วแน่ะ เหนื่อยมั้ยครับ”

“เห็นหน้ายู ก็หายเหนื่อยเลยครับ คุณแม่ที่รักจะหนีไปไหนล่ะฮะ”

“แม่จะไปหาซื้อของกินเพิ่มสักหน่อยค่ะคุณลูก แล้วก็ระวังมดจะขึ้นเตียงเจ้ายูเอานะ แม่ไปนะ”

“อ่อครับ เดี๋ยวถ้ามดมาโดจะบี้ไม่ให้เหลือซากเลย ริอ่านจะมากัดที่รักของผม หึหึ”

“จีบกันไปเลย แม่ไปก่อนแต่อย่าทำประเจิดประเจ้อนักเดี๋ยวใครๆ เขาจะเอาไปพูดได้”

“คร้าบ ด้วยเกียรติลูกเสือสำรองเลย”

“ตัวแสบนะเรา” มารดาเดินส่ายหน้าออกไปจากห้อง

“เบื่อมั้ยที่ความรักของเราต้องหลบๆ ซ่อนๆ แบบนี้”
ยูโดถามออกไปเสียงเบา ด้วยแคร์ความรู้สึกของคนที่นอนมองมาตาแป๋ว

“ไม่ครับ เรารักกันก็ไม่เห็นจำเป็นต้องป่าวประกาศบอกใคร ไม่ต้องแสดงความเป็นเจ้าของมากมาย
 แค่เราไม่นอกใจกันก็พอ” ยูฟ่าตอบกลับมาเสียงหนักแน่น

“น่ารักจริงๆ เลย ของใครกันนะคนนี้ มีเจ้าของหรือยัง” ยูโดเข้าไปบีบจมูก

“โสดครับ จะจีบมั้ยล่ะ”
 ยูฟ่าเล่นกลับ โดยทำแก้มป่องพองลมใส่ ทั้งๆ ที่ตอนนี้แก้มน้อยลงไปเยอะ

“ต้องเริ่มจีบใหม่เลยเหรอครับ แย่จัง”

“จะจีบติดรึเปล่าล่ะ คริคริ” ยูโดยีผมคนน่ารัก แล้วก็นึกขึ้นมาได้ว่าจะโกนผมให้

“ไหนล่ะ ไม่เห็นจะร่วงเลยผมยู ดูสิครับ ไม่มีติดมือสักเส้น” ยูโดสางผมของยูฟ่าแล้วส่งมือให้ดู

“ก็ยูสางออกเยอะแล้ว ค่อยโกนคราวหน้าก็ได้ ตอนนี้ยังไม่อยากหัวโล้น” ยูฟ่าพูด หน้าจ๋อยลงไปถนัดตา

“ตามใจเลยครับ”

สองพี่น้องนั่งคุยกันจนเวลาอาหารมาถึง มารดาเข้ามาพร้อมเสบียงเต็มสองมือ
สามคนแม่ลูกจึงจัดการกับอาหารตรงหน้าไปเรื่อยๆ อย่างไม่เร่งร้อน กินไปคุยกันไปจนหมดจาน

หัวข้อ: Re: incest : บาปร้ายในบ่วงรัก ตอนที่ 16 กำลังใจ
เริ่มหัวข้อโดย: เส้นขอบฟ้า ที่ 26-06-2019 13:11:48
ตอนที่ 16 กำลังใจ

ในตอนสายขนมโทรเข้ามาบอกว่าอยู่ที่สนามบินกันแล้ว พร้อมทั้งโพสต์รูปหมู่ทำเอายูโดชะงัก
ที่ขนมบอกว่าจะมาไม่ได้ล้อเล่นเลย แถมมากันกลุ่มใหญ่ด้วย เขาแชร์โลเคชันไปให้ และชั่วโมงกว่าๆ
ผ่านไปบรรดาเดอะแก๊งก็มาออกันอยู่หน้าห้อง ยูโดไล่ให้ไปเปลี่ยนชุดเพราะกลัวเชื้อโรคที่มากับเสื้อผ้า
ของเพื่อนๆ หนุ่มๆ ต่างหน้ามุ่ยแต่ก็ยอมทำตามโดยดี

ยูฟ่ากำลังนอนหลับจึงยังไม่ได้รับรู้ถึงการมาของผองเพื่อน หากลืมตามาเจอจะทำหน้ายังไง
ยูโดก็พลอยลุ้นไปด้วย

“ยูคิดถึง…ฮึก”
 แกมม่าก้าวเข้ามาในห้องและปราดเข้าไปสวมกอดเพื่อนที่กำลังงัวเงียขี้ตา

“แกม เค เจ คิดถึงทุกคนเลย มาได้ไงน่ะ ฮึก ฮือ” ยูฟ่าและแกมม่ากอดกันร้องไห้ไปก่อนแล้ว

“ขนมบอกน่ะ เลยร้องตาม ไม่บอกกันเลยนะยู ป่วยได้ก็หายได้เนอะ สู้ๆ” เคมีตัดพ้อกลายๆ

“ขอบคุณทุกคน ที่ไม่ลืมกัน” ยูฟ่าพูดเสียงอู้อี้

“เพื่อนกัน ต่อให้ไม่เจอเป็นสิบๆ ปี แต่มิตรภาพมันไม่หายไปไหนหรอกนะ”
 เคมีพูด ทำเอายูฟ่าน้ำตาคลอขึ้นมาอีกครั้ง

“รักพวกนายนะ” ยูฟ่าพูด เจแปนจึงเข้ามาสวมกอดอีกคน

“คิดว่าคงจะไม่ได้เจอกันแล้ว อย่าหายไปอีกนะ เราเป็นห่วงรู้มั้ย”
เจแปนพูด ยูฟ่ามองเพื่อนที่รูปลักษณ์ไม่เปลี่ยนไปจากเดิมเลย แม้จะไม่ได้เจอกันถึงสองปี
 ผิวขาวและหล่อแบบเกาหลีเช่นเดิม

“อืมๆ หายก็กลับไปกรุงเทพฯ คงสักครึ่งปีแหละเจ”

“เหรอๆ งั้นเอาเบอร์มาเลย ห้ามขาดการติดต่อนะยู”
 แกมม่ายื่นโทรศัพท์ให้ แต่ยูโดมาคว้าไปเมมเบอร์ให้เอง

“ขอบคุณนะโด” แกมม่ารับโทรศัพท์คืนกลับบมา

“ไม่เป็นไร เรารู้ว่าการที่คนสำคัญของเราหายไป มันเป็นยังไง” ยูโดพูด และส่งยิ้มให้กับแกมม่า

“ขอโทษนะทุกคนที่มาไม่ได้บอกลา”

ยูฟ่าขอโทษเพื่อนๆ ที่ยืนน้ำตาคลอกัน การได้มาเจอกันอีกครั้งถือเป็นช่วงเวลาดีๆ
 ที่น่าจดจำอีกช่วงเวลาหนึ่ง สามหนุ่มคุยกันต่ออีกพักใหญ่ๆ และเปลี่ยนให้กลุ่มของขนมเข้ามา
 ยูฟ่าพูดคุยและร่าเริงเป็นกันเองกับทุกคน

“เราต้องกลับเข้าที่พักกันแล้ว พรุ่งนี้จะเข้ามาหานะยู” ขนมบอกลาและคนอื่นๆ ก็ทยอยกันออกไป

“ยิ้มแก้มจะแตกแล้วนะยู”

“ก็ยูมีความสุข ได้เจอเพื่อนๆ ถ้าได้เจอคุณพ่ออีกคนคงดี”

“คุณพ่อคิดถึงยู ท่านให้โดดูแลยูดีๆ โอนเงินมาให้ตั้งเยอะด้วยนะ บอกโดให้ซื้อของที่ยูอยากได้
เงินไม่พอให้ขอได้อีก ยูน่ะลูกรักของคุณพ่อเลยนะว่ามั้ย”

“ขี้อิจฉาเหรอ สิ่งที่ยูอยากได้เงินซื้อไม่ได้หรอก”

“อะไรล่ะ โดหาให้ได้มั้ย”

“ถ้าเราช่วยกันก็อาจจะได้นะ…ยูอยากได้ครอบครัวของเราคืนมา”

“เงินซื้อไม่ได้จริงๆ ด้วย เฮ้อ!”
 ยูโดทอดถอนใจ และมองเข้าไปในแววตามุ่งมั่นของยูฟ่า คงต้องร่วมมือกันจริงๆ เพื่อนำพาคำว่าครอบครัวกลับมา


งานเลี้ยงอำลาในหมู่เพื่อนสนิทดำเนินไปกว่าค่อนคืน ยูโดเห็นพัฒนาการของคู่รักสองคู่ที่ใส่ใจกัน
เป็นอย่างดี รักแบบนี้มีให้เห็นมากขึ้น แต่จะมีสักกี่คู่ที่ยั่งยืนและอยู่ด้วยกันจนตายจากกัน

“โดมองพวกเราขนาดนั้น หาสักคนสิ เอาม่ะมีหนุ่มน้อยมองๆ นายอยู่นะตรงโน้นน่ะ” โชกุนคะยั้นคะยอ

“นี่แน่ะ โดมันบอกกี่ทีแล้ว ชีวิตมันไม่มีใครสำคัญเกินกว่ายูฟ่าแล้ว” ขนมโบกหัวคนพูดจนหน้าแทบคะมำ

“แค่กลัวมันจะเหงาแล้วก็เฉา ไม่ใช้ให้คุ้มล่ะชีวิตหนุ่ม”
 โชกุนแย้งขึ้นมาอีก เป็นเหตุผลที่เขายกมาเพื่อเชียร์ให้เพื่อนหาคนข้างกาย

“มึงรักพี่มึงน่ะพวกกูรู้ แต่นั่นพี่เปล่าวะ ไม่ใช่คู่ชีวิต วันนึงมึงก็ต้องมีครอบครัว
 ต้องแต่งงานมีลูก อย่าไปผูกติดกับพี่มึงมากนัก”
ฟีนิกซ์ชี้ให้เห็นถึงความเป็นจริงของชีวิต

“ที่พูดเนี่ยเพราะว่าพวกเรารักนายนะ เรียนจบโอกาสเจอกันก็น้อยลง พวกเราเห็นชีวิตสองปีที่ไม่มียูฟ่า
นายซังกะตายเหมือนไร้หัวใจ พอได้เจอกลับมามีชีวิตชีวาอีก เราไม่อยากเห็นนายต้องทุกข์ถ้าวันหนึ่ง
นายต้องอยู่คนเดียว นายจะเข้าใจความหวังดีของพวกเรามั้ย”

 ธาวินสรุปใจความสำคัญ เขาหวังว่าความห่วงใยสุดท้ายที่ส่งไปยูโดจะเข้าใจ

ยูโดนิ่งฟัง เขาเข้าใจความปรารถนาดีที่เพื่อนๆ มีให้มาตลอด ที่คบกันมาได้นานขนาดนี้เพราะความใส่ใจ
และความจริงใจนี้แหละ เขาคิดว่าวันนี้ไหนๆ พวกมันก็กล้าที่จะพาดพิงถึงยูฟ่าแล้ว ไม่อยากให้ทุกคนมอง
ว่ายูฟ่าเป็นตัวถวงชีวิตของเขา ที่เขายึดติดเพราะรักคำเดียวจริงๆ

“ขอบคุณทุกคน ขอบอกตรงๆ เลยนะพวกมึง กูไม่ต้องการใครอีกจริงๆ”

“มึงจะปิดกั้นตัวเอง เพื่อเอาชีวิตมึงทั้งชีวิตไปผูกไว้กับพี่มึง ทำไมวะโด”

 ขนมถามออกไป จนป่านนี้เขายังไม่เข้าใจว่ายูโดจะทำแบบนั้นไปเพื่ออะไร
 ทุกคนก็อยากที่จะมีอนาคต มีฝัน มีชีวิตกับใครสักคนที่อยู่ด้วยกันไปจนตายไม่ใช่เหรอ
 แล้วทำไมยูโดถึงเลือกที่จะปิดกั้นตัวเองอยู่กับพี่ชายฝาแฝดทั้งชีวิต ทำไมกัน?

คำถามมากมายผุดขึ้นมาในหัว เยอะจนไม่รู้จะถามอะไรก่อนแล้ว ได้แต่ยกน้ำเย็นขึ้นจิบดับความสงสัย

“นั่นสิ ไม่ใช่ว่ามึงรักพี่มึง แล้วมึงสองคนก็…หรือว่ามึงสองคน…”

โชกุนหลุดคำพูดออกไป และทิ้งท้ายไว้แค่นั้น

“กูรักยู รักแบบที่รักใครไม่ได้อีกชีวิตนี้ ยูเป็นชีวิตและลมหายใจของกู ต่อให้จะอดมื้อกินมื้อยากลำบาก
แค่ไหนกูยอม ขอแค่มียูอยู่กับกูในทุกวัน แค่นั้นจริงๆ”

ยูโดพูดสิ่งที่ปกปิดมาเนิ่นนานออกไป สร้างความตกตะลึงให้กับทุกคนที่ได้ยิน

“ห๊ะ! นี่มึงรักกัน! รักในแบบที่กูรักไอ้หนม ไอ้หนิกกับไอ้ธาม จริงเหรอวะ?”

โชกุนลุกพรวดและเป็นฟีนิกซ์ที่สำลักเครื่องดื่มจนหน้าดำหน้าแดงจนธาวินต้องลูบหลังให้

“ใช่จริงๆ เหรอโด กูไม่เคยรู้เลย” ขนมครางเสียงแผ่ว

“มิน่าล่ะ มึงเหมือนคนไม่มีชีวิตตอนที่ยูหายไป” ฟีนิกซ์งึมงำ

“เราขอโทษนะที่ไม่รู้มาก่อน ยังพูดทำนองไม่ให้ผูกติดกับยูอีก ไม่รู้จริงๆ”
ธาวินขอโทษ เขาไม่คาดคิดมาก่อนว่าเรื่องราวจะซับซ้อนขนาดนี้

“ไม่ต้องขอโทษ กูไม่ได้โกรธพวกมึง ที่ผ่านมาไม่ใช่ว่ากูไม่พยายามตัดยูออกไป
กูทำเป็นเกลียด แต่ตาสองข้างก็คอยแต่มองหา ด่าว่าแต่ก็ตามติดเป็นเงา ทุกแห่งหนที่ยูไป
จะมีกูอยู่ แม้ไม่ใช่ข้างๆ ตัวยู แต่ไม่เคยปล่อยให้หลุดออกนอกสายตาเลย กูเลิกรักยูไม่ได้ตราบใด
ที่ส่องกระจกแล้วเห็นหน้าตัวเอง ตอนที่ลงแข่งรถมันเป็นเหตุผลที่กูแพ้ไม่ได้ในครั้งนั้น”

“โธ่ มึงนะมึง” ขนมพึมพำ น้ำตาคลอด้วยสงสารเพื่อนจับใจ

“ขอบคุณทุกคนที่อยู่ข้างๆ กันในตอนที่ทุกข์ที่สุดในชีวิต กูข้ามผ่านมันมาได้แล้ว
ตอนนี้ถึงรู้ว่าต่อให้คนทั้งโลกจะด่า จะประณาม จับกูแยกออกจากกัน ยังไงกูก็เลิกรักยูไม่ได้
นี่คงเป็นลิขิตที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ นอกจากกูตายจากไปน่ะแหละ พวกมึงจะรังเกียจ ขยะแขยงยังไง
กูก็ได้นะเว้ย แต่ห้ามไม่ให้รักยู กูทำไม่ได้จริงๆ”

“ตลอดเวลาที่ผ่านมา มึงคงเจ็บปวดมากเลยสิ ทำไมไม่บอกกันเลย ใครจะไปรังเกียจอะไรมึง แค่คนจะรักกัน”

 ขนมเข้าไปสวมกอดยูโดและคนอื่นๆ ก็ตามเข้ามากอด พากันตบบ่าปลอบประโลม

“กูไม่เจ็บปวดอีกแล้ว ตอนนี้ได้เจอกัน กลับมารักกัน ถึงว่ารักนี้จะผิดบาปก็เถอะ กูยอม”

“ยูฟ่าก็ดูจะรักมึงมากเลยนะ” ขนมตั้งข้อสังเกต

“ใช่ๆ มองตามตลอดไม่ว่านายจะเดินไปทางไหน ทำอะไร สายตายูมีไว้มองนายคนเดียวจริงๆ
นี่ใจเดียวกันเลยเหรอ”
ธาวินเสริม และตั้งคำถามพร้อมสรรพ

“อืม” ยูโดรับคำในลำคอ

“เหนือความคาดหมาย ไม่มีอะไรจะพูดเลยตอนนี้ รักกันมาตั้งแต่เกิดเลยสิพวกมึง
งั้นพวกเราฉลองให้กับความรักของเพื่อนที่ไม่มีใครจะพรากไปได้ก็แล้วกัน ชนแก้วเว้ย!”

ฟีนิกซ์ชูแก้วและทุกคนพร้อมใจกันดื่มให้กับข่าวใหม่ที่พวกเขารู้ในวันสุดท้ายของการจบการศึกษาพอดี


ยูฟ่ากลับมาพักฟื้นที่บ้าน โดยมีมารดาหยุดงานมาอยู่ดูแล เขาต้องสวมหน้ากากอนามัย
 ดื่มน้ำที่เปิดจากขวดใหม่ๆ และอาหารที่ปรุงเสร็จใหม่ๆ ด้วยเช่นกัน เขาต้องระวังพวกเชื้อแบคทีเรีย
เพราะทำให้ติดเชื้อทางเดินอาหารได้ง่าย ผลไม้เปลือกบางก็รับประทานไม่ได้ ยิ่งพวกเนื้อสัตว์แปรรูป
เป็นอาหารต้องห้ามของผู้ป่วยมะเร็งเลยทีเดียว

“ยูโด มาแล้วเหรอ คิดถึงๆ”

“คิดถึงยูมากๆ เลยครับ นี่เรียนจบแล้วมาอยู่ดูแลยูได้ตลอดแล้วนะ”

“ดีที่สุด”

ยูฟ่ายิ้มยิงฟัน เขาไม่ต้องมานั่งเป็นกังวล ห่วงคนที่เดินทางไกลตลอดสองเดือนมานี้

“ยูกินข้าวบ้างไหม ผอมอีกแล้ว อ้าว! นี่ใครโกนผมให้ล่ะ”

“คุณแม่น่ะสิ ยูใส่หมวกไหมพรมไว้ตลอดเลยเนี่ย มันอายน่ะ น่าเกลียดมั้ยโด”
ยูฟ่าเปิดหมวกออกให้ยูโดมอง

“น่ารักดี เหม่งน้อยของโด”
ยูโดลูบเบาๆ ไปบนศีรษะที่สะท้อนแสงไฟจนขึ้นเงา ไม่มีรอยขีดข่วนหรือแผลเป็นใดๆ
ศีรษะได้รูปไม่มีบิดเบี้ยว หนำซ้ำยังโหนกนูนดีเสียอีก บ่งบอกว่าตอนเด็กคุณแม่ต้องใส่ใจดูแล
มาดีแน่ๆ ไม่เหมือนเขาที่มีแผลเป็นจากอุบัติเหตุในตอนแข่งรถ

“นี่ยูก็กินข้าวนะ แต่มันสุดๆ แล้วอ่ะ แผลในปากเพิ่งจะดีขึ้น เย็นนี้จะกินเยอะๆ เลย”

“ดีมากครับ”
ยูโดรวบมืออันผอมบางมาบีบเบาๆ ยูฟ่าผอมลงจนแก้มตอบ ใส่หน้ากากอนามัยตลอดเวลา
เห็นแล้วเขาก็รู้สึกอึดอัดแทน

“ยูเก่ง ถ้าหายโดจะพาเที่ยว พาไปกินแล้วก็กิน ดีมั้ยครับ”

“จริงนะ อยากหายจัง อยากไปทำงานด้วย อยากเจอเด็กๆ”

“พรุ่งนี้พาไปที่ทำงานก็ได้ แต่ยูต้องสัญญาก่อนว่าจะไม่อุ้มน้องๆ แล้วก็ต้องใส่แมสนี่ตลอดด้วย ทำได้มั้ยครับ”

“ได้ๆ ยูทำได้ ขอไปดูนิดหน่อยก็ดีใจมากแล้ว เดย์โทรมาบ่นว่าคิดถึง แต่พี่ตะวันไม่อยู่ไม่มีคนพาเข้ามาหา
บ้านนี้คนนอกเข้ายากจริงๆเลยเนอะ ถึงคุณแม่จะบอกว่าให้เพื่อนมาหาได้ แต่ยูก็เกรงใจคุณยายอยู่ดี
ท่านชอบความสงบน่ะ”

“ไม่เป็นไรโดอยู่ อยากไปไหนบอกนะครับ แต่ที่แออัดคนพลุกพล่านไปไม่ได้นะบอกไว้ก่อน”

“อื้อ รู้น่าหมาอ้วน”
ยูฟ่าพูดแล้วบึนปากใส่แม้ว่าจะใส่แมสไว้ ยูโดอดที่จะมันเขี้ยวไม่ได้จึงดึงจมูกไปสองที

“คุณแม่ไปไหนล่ะยู ตั้งแต่มายังไม่เห็นเลย”
ยูโดหันมองรอบๆ ห้องนั่งเล่น ที่มีนั่งกันอยู่แค่สองคน

“เข้าครัวน่ะ ไปจัดการเรื่องอาหารให้ยู นี่ถ้าทำเสร็จก็ต้องรีบไปกินเลยนะ
คุณแม่บอกว่าต้องกินอาหารที่ปรุงสุกและไม่ปล่อยไว้เกินสองชั่วโมง ท่านกลัวยูจะมีโรคแทรก”

“ก็ท่านเป็นห่วงยูนี่นา อีกสี่วันก็ต้องไปหาลุงหมอ ทีนี้ต้องนอนอีกกี่วันล่ะ”

“ถ้าเกล็ดเลือดไม่ต่ำมากแล้วค่าของเม็ดเลือดขาวอยู่ในเกณฑ์ก็นอนแป๊บเดียว โดเบื่อเหรอที่ต้องไปเฝ้า”

“ไม่ๆ เป็นห่วงยู รับยาทีไรกว่าร่างการจะเข้ากันได้กับยาเห็นทั้งอ่อนเพลียทั้งปวด บวม
สงสารจนอยากจะเป็นซะเอง ทำไมต้องมาเป็นกับยูที่ตัวเล็กๆ บางๆ แบบนี้ด้วย โดไม่น่าเกิดมา
แย่งยีนดีๆ ของยูเลย เฮ้อ…”

ยูโดพูดจบก็ถอนหายใจเฮือก

“ไม่เอาอย่าพูดแบบนี้ เราต้องรอไปเกิดใหม่อีกชาติถึงจะได้เจอกันสิ จะเอาอย่างงั้นเหรอ”

“ไม่เอา ไม่ขี้ใจน้อยนะ แค่โดไม่อยากให้ยูต้องมาเจ็บตัวหรือเป็นอะไรแค่นั้นเอง”

“เจ็บไม่นานเดี๋ยวก็จะหายแล้วไง อย่าเป็นแบบนี้สิโด ยูฟังแล้วจิตตก” ยูฟ่าทำทีเป็นขู่

“ครับ ไม่พูดแล้ว ไปหาคุณแม่กัน นี่ใกล้เวลาอาหารแล้วมั้ง” พี่น้องจูงมือกันออกไป

“อ้าว! โด มานานแล้วเหรอลูก ทานข้าวกันแม่กำลังจะไปตาม” มารดาละมือจากจัดอาหารขึ้นโต๊ะ

“ถึงสักพักแล้วครับ” ยูโดเลื่อนเก้าอี้ให้ยูฟ่านั่ง และหันไปสวัสดีคุณยาย

 “ยูโดมาก็ดี เจ้ายูจะได้ไม่เหงา นี่อีกไม่กี่วันก็จะต้องไปนอนโรงพยาบาลอีกรอบแล้ว”

คุณยายชวนคุยระหว่างรอสาวใช้ตักข้าว


ตลอดมื้ออาหารยูโดคอยตักอาหารที่มารดาทำเฉพาะให้ยูฟ่า เจ้าตัวมองอาหารอย่างอื่นบนโต๊ะ
และหน้ามุ่ย ของยูฟ่าออกจะเป็นประเภทต้มๆ แล้วก็จืดๆ ยูโดเห็นใจจึงเลี่ยงที่จะกินอาหารพวกนั้น
 แล้วหันมากินแบบเดียวกับยูฟ่าแทน

“กับข้าวของยูอร่อยดีนะครับ คราวหน้าคุณแม่ทำเพิ่มให้โดด้วยนะครับ จะได้ไม่ต้องแย่งของยู”

“ได้สิลูก เห็นมั้ยแม่ทำสุดฝีมือเลยนะ”

คุณแม่พูดเบาๆ เมื่อคุณยายหันมามอง พวกเขาลืมตัวคุยกันในโต๊ะอาหารจนได้
ยูฟ่ายิ้มทะเล้นให้เมื่อเห็นน้องชายนั่งกินข้าวอย่างสงบปากสงบคำ ยูโดลืมไปว่าที่นี่จะคุยหลังมื้ออาหารเท่านั้น

หัวข้อ: Re: incest : บาปร้ายในบ่วงรัก ตอนที่ 17 ยาใจ
เริ่มหัวข้อโดย: เส้นขอบฟ้า ที่ 26-06-2019 16:05:38
ตอนที่ 17 ยาใจ

ยูโดขออนุญาตมารดานอนห้องเดียวกับยูฟ่า นางเห็นคนพี่ทำหน้าอ้อนจึงยอมตามใจ
แต่ก็อดแย้งไปว่าเตียงเล็กเกินไปจะนอนเบียดกันให้อึดอัดทำไม

“คุณแม่ ยูตัวนิดเดียว นอนไม่กินที่หรอก เตียงที่โรงพยาบาลเล็กกว่านี้โดยังนอนมาแล้ว อุ๊บ”

“นั่นไงเรานี่นะ แสบจริงๆ ทั้งพี่ทั้งน้อง” มารดาชี้หน้าและโคลงศีรษะ

“มีคนกอดนอนทำให้หลับรวดเดียวเลยนะครับ” ยูฟ่ายังพยายามหาข้ออ้าง

“จ้ะตามใจ เจ้าตัวดี เจ้าเด็กขี้อ้อน” มารดาค้อนให้วงใหญ่ สองพี่น้องฉีกยิ้มเมื่อได้รับอนุญาต

เตียงนอนห้าฟุตไม่ใช่ปัญหา ยูฟ่าซุกตัวเข้าหาอ้อมกอดอุ่นและวาดแขนไปกอดกระชับเอวของยูโด

“ตัวหอมจังเลยนะครับยู”
ยูโดพึมพำและพรมจูบมาบนเหม่งของยูฟ่า ไออุ่นจากลมหายใจที่พ่นบนศีรษะทำให้เจ้าตัวอมยิ้ม

“โดก็ตัวหอมเหมือนกันนั่นแหละ จุ๊บ”
 ยูฟ่าจุ๊บปลายคางของคนตัวโตกว่าอย่างเอาใจ และเลื่อนมือไปลูบไล้ที่แผ่นอกหนาแน่นเล่น
 แต่ถูกมือใหญ่รวบไว้เสียก่อน

“นอนนะคนดี พรุ่งนี้ไปดูเด็กๆ กัน รักยูนะ”
ยูโดประทับริมฝีปากลงที่หน้าผากมน ย้ายไปที่เปลือกตาทั้งสองข้างอย่างแผ่วเบา

“ฝันดีเช่นกันโดของยู”
ยูฟ่างึมงำและไม่นานก็หลับไป ยูโดดึงผ้าห่มขึ้นมาห่มให้จนถึงหน้าอก
กระชับวงแขนและปิดเปลือกตาลง หลับตามกันไปอีกคน


ยูโดจอดรถหน้าเรือนนอนของเด็กๆ แต่รถที่จอดอยู่ก่อนทำให้ต้องยกยิ้ม เขาแต่งกายสบายๆ
ด้วยเสื้อยืดคอกลมสีครีมนวลตากับกางเกงยีนสีสนิมคู่กับรองเท้าผ้าใบ

ส่วนยูฟ่าสวมเสื้อผ้าฝ้ายสีขาวตัวหลวมแขนยาวกับกางเกงผ้าลินินสีน้ำตาลขอบเป็นยางยืด
รองเท้าถักแบบเก๋ๆ สวมหมวกไหมพรมสีรุ้งสดใสมาด้วย ทั้งสองลงจากรถก้าวเท้าไปได้หน่อยเดียว
ก็พบกับเจ้าของรถที่เดินออกมาพอดี รวีกานต์และเด็กสาวผมยาวหน้าตาสวยหวานตามออกมาด้วย

“พี่ยู คิดถึงมากๆ อยากไปหาแต่พี่ตะวันก็งานยุ่งตลอดๆ พี่โดสวัสดีฮะ”
ยูโดยิ้มให้เด็กหนุ่มที่ออกอาการดีใจจนล้น และเขาส่งสายตาล้อๆ ไปให้พี่ชายที่ยิ้มเก้อๆ อยู่ไม่ห่างกันนัก

“เดย์สบายดีมั้ย พี่ตะวันนี่ก็น้องนุ่งไม่เข้าไปหาเลย แอบมาอยู่นี่เอง แล้วนี่ใครล่ะผู้ช่วยคนใหม่เหรอ”
 ยูฟ่าแสร้งตัดพ้อพี่ชาย

“ผมสบายดีครับพี่ยู นี่ใบตองครับเป็นอาสาสมัครคนใหม่มาทำแทนพี่ยูน่ะ ส่วนนี่พี่ยูโดกับพี่ยูฟ่าน่ะใบตอง”
รวีกานต์รีบแนะนำให้ทั้งสองฝ่ายรู้จักกัน

“สวัสดีค่ะพี่ยูฟ่า พี่ยูโด ได้ยินแต่เดย์เล่าให้ฟัง ได้เจอตัวจริงแล้ว น่ารักจังค่ะตัวจริงของพี่ยู”
เด็กสาวยิ้มโชว์ฟันที่เรียงตัวสวย

“ไปนั่งก่อนเถอะยู ตรงแคร่ไม้นั่นก็ได้ อ้าว! นั่นลูกสาวกับลูกชายมาแล้วล่ะยู”
 ยูโดเตรียมจัดแจงหาที่นั่งให้ยูฟ่า แต่เด็กน้อยชายหญิงวิ่งเข้ามาหาเสียก่อน

“พี่ยู เอ๋…”
 น้องเนยมาดึงชายเสื้อของยูโดแล้วหันมองหน้ายูฟ่า แต่เพราะสวมทั้งหมวกและมีหน้ากากอนามัยปิดมาด้วย
เด็กน้อยจึงแค่คุ้นๆ ตาเท่านั้น แต่สุดท้ายก็เข้าไปหายูโดแทน

“พี่ยูอุ้มๆ”
น้องภูมิดึงเสื้อยูโดอีกคน ยูฟ่ายิ้มจนตาหยีเมื่อเห็นน้องชายทำหน้าพิกล
 แต่เพียงครู่เดียวก็โน้มตัวลงไปอุ้มทั้งสองคนมาไว้ในวงแขน ข้างละคน

“เรียกว่าพี่โดสิครับ พี่ยูคนนั้น” หนูน้อยจ้องมองตาแป๋วและส่ายหน้า

“ช่างเถอะโด ใส่ทั้งแมสทั้งหมวกเด็กๆ จำไม่ได้หรอก”

“พี่ยูตาสวยจัง” เด็กสาวมองหน้ายูฟ่าและยิ้มเขิน

“ไม่ต้องไปชมเลยใบตอง สองคนนี้น่ะมีแฟนกันแล้ว ไม่ได้โสดหรอกนะ”
ตะวันฉายรีบบอกด้วยเกรงว่าใบตองจะหลงเสน่ห์เจ้าแฝดเข้า

“แหมๆ พี่ตะวัน ใบตองก็มีแล้วเถอะแค่ชมเอง แต่พี่ยูตาสวยจริงๆ นี่คะ”
ใบตองหันไปค้อนตะวันฉาย ยูฟ่าได้แต่ยิ้มขำ เขาเดาว่าพี่ชายคงมาที่นี่บ่อยจนคุ้นเคยกับใบตองด้วยอีกคน
 
“พี่โดปล่อยเด็กๆ ลงเถอะฮะ เดี๋ยวจะปวดแขนเอานะ หลายกิโลอยู่นะสองคนนี้
 เอาละเด็กๆ เข้าไปเล่นข้างในไปเดี๋ยวพี่เดย์กับพี่ใบตองตามไปนะ”

“ไม่เอา ภูมิจะอยู่กับพี่ยู” น้องภูมิเริ่มงอแง

ไม่เอาจะหาพี่ยู”
 เด็กหญิงเบะปากบ้าง ทำเอายูฟ่าจำต้องปลดแมสออกและพูดขึ้น

“น้องเนย น้องภูมิ คนเก่งของพี่ยู หนูเป็นเด็กดีนะลูก พี่ยูไม่สบายฝากคนเก่งไปช่วยดูเพื่อนๆ
 ในนั้นให้พี่ยูหน่อยได้มั้ยเอ่ย พี่ยูหายป่วยสัญญาจะมาหาทุกวันเลย ตกลงมั้ย”

เด็กๆ มองหน้ายูฟ่าแล้วน้ำตาคลอๆ ก่อนจะผงกหัวและยอมลงจากวงแขนของคนที่คิดว่าเป็นพี่ยูในทีแรก

“จริงๆ นะพี่ยู”
น้องภูมิพูดกับยูฟ่าและหันมาโบกมือให้ น้ำเสียงที่ยูฟ่าเคยใช้กับเด็กๆ
 แม้ทิ้งช่วงห่างไปแต่ทั้งสองก็ยังจำได้ดี รวมถึงรอยยิ้มที่พวกเขาจำได้แม่นยำเลย

“ต้องมาสิครับน้องภูมิคนดี เป็นเด็กดีกันนะทั้งสองคนเลย”
 ยูฟ่าโบกมือให้ทั้งสองที่วิ่งกลับเข้าไปด้านใน

“ฝีมือไม่ตกเลยพี่ยู ลูกรักยอมจนได้สิ”
รวีกานต์ยกนิ้วให้ ยูฟ่ายิ้มๆ ก่อนจะใส่แมสกลับไปตามเดิม

“นี่พี่ชายงานการไม่ไปทำเหรอครับ แล้วของที่ฝากมาให้เด็กๆ ล่ะได้รับแล้วใช่มั้ยเดย์”
 ยูโดหันไปเหน็บพี่ชาย ก่อนจะคุยกับรวีกานต์

“ได้แล้วครับพี่ น้องๆ ชอบกันมากเลยทั้งของเล่นและหนังสือนิทาน”
 ยูฟ่ามองพี่ชายที่ไม่ได้ตอบคำถามที่ยูโดถามแต่ก็ทำเป็นเดินเตร็ดเตร่ไม่ห่างนัก

“พี่ตะวันอย่าลืมทานข้าวกลางวันด้วยนะ ถ้าโทรไปพี่ลืมอีก ผมก็จะไม่กินบ้างเหมือนกัน”
 ยูโดหูผึ่งที่ได้ยินแบบนั้น

“เดี๋ยวเถอะตัวแสบ พี่บอกว่ากินก็กินสิ งานพี่เริ่มลงตัวไม่ยุ่งแบบนั้นแล้ว มีเวลากินข้าวแล้วล่ะ
 งั้นพี่ไปทำงานก่อนนะ ยูไว้เย็นๆ พี่จะแวะเข้าไปหานะ”

ตะวันฉายพูดกับรวีกานต์แล้วหันบอกน้องชาย ก่อนจะผละไปขึ้นรถ ยูฟ่ายังไม่ทันได้เอ่ยถามอะไร
 เขามองความสัมพันธ์ของพี่ชายกับเด็กหนุ่มตรงหน้าว่าพัฒนาไปเยอะกว่าแต่ก่อน

“พี่ตะวันแวะเอาขนมมาฝากน่ะค่ะ”
 ใบตองพูดยิ้มๆ ยูโดสบตากับยูฟ่าและพากันยกยิ้ม รวีกานต์มองหน้าพี่ๆ อย่างงงๆ

“พี่ๆ จะเข้าไปข้างในก่อนมั้ยครับ มีน้องมาใหม่ชื่อนิวเยียร์ สองขวบเองนะพี่ยู” รวีกานต์ถามคู่แฝด

“เข้าไม่ได้นะยู แต่ถ้าแค่มองเฉยๆ น่ะได้ ที่สำคัญต้องไม่อุ้มไม่คลุกคลี ทำได้มั้ยล่ะ” ยูโดรีบห้ามไว้ก่อน

“เอ่อ ยังไม่ต้องเข้าก็ได้พี่ ไว้หายดีก่อน”
รวีกานต์พูด พี่ยูโดดูจะเข้มงวดกับคนป่วยเอามากๆ ซึ่งเขามองสายตาละห้อยของพี่ยูแล้วก็อดสงสาร
 คงอยากเห็นบรรยากาศและเด็กๆ ด้วย

“ยูขอไปดูนิดนึงไม่ได้เหรอโด รับรองจะไม่ดื้อ จะเชื่อฟังโดทุกย่าง นะๆ”
ยูฟ่าหันไปอ้อน คนตัวใหญ่ที่ถูกอ้อนจำต้องพยักหน้า

 “อืม”
รวีกานต์เดินนำและมีใบตองเดินตาม ส่วนยูโดจูงมือยูฟ่าตามไปไม่ห่าง พอไปถึงประตู
 ยูฟ่าเดินเข้าไปแค่พอพ้นกรอบประตูไม่เกินหนึ่งเมตร กวาดสายตามองไปรอบๆ
 แผ่นรองนั่งผืนใหม่ถูกปูไว้เต็มพื้นที่ เด็กๆ นั่งเล่นของเล่นอยู่ห้าคน เด็กหญิงสามคนเปิดหนังสือนิทาน
ไปมาชี้ชวนกันดู และน้องภูมิกับน้องเนยนอนกลิ้งไปมาบนพื้นพากันหัวเราะเอิ๊กอ๊าก
 มีเด็กหญิงที่มาใหม่ถือขวดนมเดินขาปัดไปมา
 
“เด็กๆ น้อยจังเลยเดย์วันนี้ หายไปไหนตั้งหลายคน”

“ลูกหว้า โลมา ไปต่างจังหวัด ส่วนจีน่ากับว่าน ป่วยครับ”
 รวีกานต์แจกแจงให้คนช่างสังเกตฟัง

“เนเน่ล่ะ ไม่เห็นเลย” นั่นไงจำลูกๆ ได้หมดทุกคน

“อ้อ น้องไม่ได้มาแล้วครับ ครอบครัวพากันย้ายไปทำงานที่อื่นแล้วฮะ”

“พี่ยูนี่จำเด็กๆ ได้ทุกคนเลยนะคะ มิน่าเด็กๆ ถึงได้รัก”
ใบตองก้มเก็บของเล่นที่กระเด็นมาส่งคืนให้กับเด็กชายแก้มแดงที่ตามมารับคืนไป

“พี่อยู่กับพวกเขาสองปีนะใบตอง ถึงจะมีเด็กๆ ผลัดเปลี่ยนคนเก่าไป
 คนใหม่มา ยังไงก็จำได้ไม่ลืมหรอก”

 ยูฟ่าพูดยิ้มๆ และใบตองก็ผงกหัวอย่างเข้าใจ เขามองจนทั่วและหายคิดถึงจึงเดินกลับไปหายูโด
ซึ่งเกาะขอบหน้าต่างและชะโงกหน้าเข้ามาฟังตลอด

“พี่กลับก่อนดีกว่า ไว้จะมาหาใหม่นะเดย์ ใบตอง”

“หายไวๆ นะพี่”
ยูฟ่ายิ้มให้ทั้งสองและก้าวออกมาจากห้อง ยูโดโอบบ่าพากลับไปที่รถแต่ก่อนจะขึ้นรถ
ยูฟ่ากระตุกชายเสื้อยูโดไว้เสียก่อน

“ยูอยากมีต้นไม้ของเราที่นี่บ้างจังโด”
 ยูฟ่าพูดขึ้น เมื่อมองไปที่ต้นไม้ที่พี่ชายกับรวีกานต์ช่วยกันปลูกที่กำลังยืนต้นโดดเด่นอยู่

“ได้สิ ไว้ไปหาซื้อ ค่อยมาปลูกคู่กับต้นนั้นเนอะ” ยูโดพูดเอาใจ

“ยูขอเป็นต้นพญาเสือโคร่งนะโด เหมือนกับดอกซากุระเลย สวยมากๆ ยูชอบ”

“ได้ๆ เราซื้อต้นที่ดตหน่อยสักสองต้น ปลูกให้เป็นคู่ๆ ฤดูที่ออกดอกลานนี้จะได้เต็มไป
ด้วยกลีบดอกตามที่ยูบอก”

 ยูฟ่าพยักหน้ารัวๆ แล้วสองหนุ่มก็พากันขึ้นรถ ตลอดทางยูฟ่าชี้ชวนให้ยูโดดูสองข้างทาง
ปากเรียวบางเจื้อยแจ้วไม่รู้เบื่อ ยูโดยิ้มกว้าง เขามีความสุขที่สุดที่ได้อยู่ด้วยกันตรงนี้
ได้เห็นอีกมุมหนึ่งของยูฟ่า ได้เห็นดวงตาที่ทอประกายความสุข ตัวบางกับใจดวงเล็กที่แกร่งกล้า
และไม่ย่อท้อต่ออุปสรรค กล้าเผชิญทั้งเรื่องราวการพลัดพราก การรอคอย และโรคร้าย
ด้วยกำลังใจและความหวังว่าสักวันจะสุข สมหวังและหายจากโรคภัยนี้

“มัคคุเทศก์คนเก่งของโด รักที่สุดเลยครับ” ยูโดพูดไปตามที่ใจคิด

“อารมณ์ไหนล่ะเนี่ย…แต่ยูก็รักโดเหมือนกัน”
 ยูฟ่าส่งความรักผ่านสายตามาให้คนขับที่ยกยิ้มเมื่อได้ยิน

“ไม่มีอะไร แค่อยากบอกว่ารักที่สุดไง ยูอยากไปไหนอีกหรือเปล่า”
ยูฟ่ายิ้มเขิน แต่ไม่รอดพ้นจากสายตาของยูโดไปได้ เขาเห็นจากแววตายิบหยี
แม้ริมฝีปากจะถูกบดบังไว้ด้วยผ้าปิดปากก็ตาม

“กลับบ้านเลยก็ได้ เรายังมีวันอื่นๆ อีกตั้งมากมายที่ได้ใช้ ไว้ค่อยไป”

ยูโดยิ้มรับกับวาจาน่ารักของคนข้างตัว จึงพากลับบ้านตามที่คนตัวเล็กบอก
เมื่อถึงบ้านเป็นเวลาของอาหารว่างพอดี ยูฟ่าเคี้ยวตุ้ยๆ จนแก้มป่อง และส่งใส่ปาก
คนน้องด้วย มารดาเดินมาเมียงๆ มองๆ ท่านส่งยิ้มมาให้แล้วก็หายไปทางห้องคุณยาย
คงจะไปอ่านหนังสือให้คุณยายฟังอีกตามเคย

“ยูครับ เข้าไปนอนหน่อยดีมั้ย เขาว่าคนป่วยต้องหาเวลานอนสักสองชั่วโมงในตอนกลางวันนะ”

“ยูขอกินกลางวันก่อน สักบ่ายแก่ๆ ค่อยนอน ตอนนี้เราไปหาหนังดูกันดีกว่า
วันก่อนเดย์ฝากซีดีหนังกับพี่ตะวันมาให้ตั้งหลายสิบเรื่อง ยังไม่ได้ดูเลย ยูกะจะดูพร้อมกับโดเลยนะ”

“หนังอะไร ผีละซีถึงต้องหาเพื่อนดูน่ะ” ยูโดพูดอย่างรู้ทัน

“หือใครว่าล่ะ มีหลายแนวออก แค่บางเรื่องเท่านั้นที่แค่ปกก็น่ากลัวแล้ว น่านะ ดูเป็นเพื่อนยูหน่อย”
 ยูฟ่าไม่ยอมรับง่ายๆ ว่ากลัว

“กลัวผีแต่ยังจะอยากดูอีกนะเรานี่ หึหึ” ยูโดเอื้อมไปบิดปลายจมูกอย่างมันเขี้ยว

“เถอะน่ะ ดูเป็นเพื่อนหน่อย มันก็น่ากลัวหน่อยๆ ละมั้ง ยูกางนิ้วปิดๆ เปิดๆ ตา มันก็ไม่น่ากลัวแล้วเนาะ”
ยูฟ่ากางนิ้วออกทำเป็นตัวอย่าง

“ฮ่าฮ่า ดูก็ดู ลุยเลย! แต่เรื่องเดียวพอก่อนนะ หนังจบก็มื้อกลางวันพอดี”
ยูโดมองนาฬิกาแล้วลุกจากโซฟาโดยดึงอีกคนให้ลุกตาม

“ป้าอุ่นเรือน มาดูหนังผีกัน คิกคิก” ยูฟ่าโน้มหน้าไปชวนป้าอุ่นเรือนที่เดินผ่านมาพอดี

“คุณหนูยูดูไปเองเลย คนอะไรประเดี๋ยวก็กรี๊ด ประเดี๋ยวก็ผวา ทั้งเรื่องเลยก็ว่าได้
 ยิ่งตอนผีออกนะป้าจะหัวใจวายตามไปด้วย ป้าไม่ไปนั่งเป็นเพื่อนด้วยแล้วนะ”

ป้าอุ่นเรือนส่ายหน้าดิกแล้วรีบเดินหนีเข้าครัว ยูโดมองยูฟ่าที่ขมวดคิ้วยุ่งอย่างขำๆ

“ใครโดนดึงให้มานั่งเป็นเพื่อนยูบ้างแล้วล่ะคนบ้านนี้น่ะ ฮ่ะฮ่า” ยูโดอดที่จะหัวเราะไม่ได้

“บ้านนี้เหรอ ป้าอุ่นเรือนดูแล้ว คุณแม่ก็มาแล้ว เอ…เหลือคุณยายคนเดียวที่ยูยังไม่เคยชวน”
ยูฟ่าพาซื่อตอบออกไป โดยไม่รู้ว่าที่ยูโดถามน่ะเพราะล้อเลียนกลายๆ อยู่ แต่เจ้าตัวน่ะไม่รู้ตัว

“หืม จริงเหรอ พลาดไปได้ไงล่ะนู เอามั้ย เดี๋ยวโดไปชวนคุณยายมาให้” ยูโดนึกสนุกที่ได้เย้า

“บ้าน่ะซี คุณแม่รู้ได้ตียูตายพอดี คุณยายน่ะท่าจะขวัญอ่อนกว่ายูอีกนะ โดไม่รู้อะไร”
ยูฟ่าพูดอย่างออกรสชาติ ยูโดขำพรืดในคำตอบของยูฟ่า

กว่าหนังจะจบ ยูโดอยากจะบันทึกภาพไว้ให้ใครต่อใครได้ดูจริงๆ ในการโอเวอร์แอคติ้งของยูฟ่า
ที่ผวาทั้งเรื่องเดี๋ยวเข้ามากอด เอาหน้ามาซุก เดี๋ยวคว้าหมอนปิดหน้า ทั้งกรี๊ด สารพัดท่าทางที่ทำ
ตอนเผลอ นี่ถ้าไปดูกับคนอื่นที่โรงภาพยนตร์ยูโดมีเคืองแน่ๆ ถ้าเจ้าตัวจะทั้งซุกทั้งซบได้ขนาดนี้

หัวข้อ: Re: incest : บาปร้ายในบ่วงรัก ตอนที่ 15 - 17 update!!
เริ่มหัวข้อโดย: AkuaPink ที่ 26-06-2019 17:12:35
 :pig4:
 :กอด1:
หัวข้อ: Re: incest : บาปร้ายในบ่วงรัก ตอนที่ 18 ดูตัว
เริ่มหัวข้อโดย: เส้นขอบฟ้า ที่ 01-07-2019 15:46:55
ตอนที่ 18 ดูตัว

ค่ำนี้มารดาให้เด็กรับใช้ไปบอกคู่แฝดว่าจะมีแขกมาร่วมรับประทานอาหารเย็นที่บ้าน
ให้ทั้งสองรักษาเวลากันด้วย

เวลา 15.30 น. สองพี่น้องพากันไปที่ห้องรับประทานอาหาร ยูโดเดินนำโดยยูฟ่าเดินตาม
ที่โต๊ะอาหารมีคุณยายนั่งเป็นประธานหัวโต๊ะ ถัดมาเป็นลุงไผทกับหญิงวัยกลางคนที่แต่งกาย
ประณีต หน้าตาจัดว่าเคยสวยมากมาก่อนและข้างๆ กันมีสาวน้อยน่ารักนั่งอยู่ และตามด้วยพี่ตะวัน
ส่วนฝังซ้ายมีคุณแม่ของเขา ยูฟ่าก้าวไปนั่งถัดมาตามด้วยยูโดที่นั่งรั้งท้ายแถวเดียวกัน

“ยูฟ่า ยูโด นี่คุณอาอรดีกับหนูอรภัคลูกสาว รู้จักกันไว้อาอรดีเป็นน้องสาวของแม่พี่ตะวันเขาน่ะลูก”
มารดาของคู่แฝดแนะนำแขก

“สวัสดีครับ” สองแฝดยกมือไหว้คุณอาอรดี ส่วนลูกสาวของท่านก็ไหว้สองหนุ่มเช่นกัน

“แหมคุณพี่มีหลานแฝดโตเป็นหนุ่มหล่อขนาดนี้เลยเหรอคะ เรียนจบหรือยังจ้ะ”

“ครับเพิ่งจบเมื่อไม่นานนี้เองครับ” ยูโดตอบคำถามคุณอาอรดี

“เหรอคะ นี่น้องอรเพิ่งปีสอง เทอมหน้าก็ขึ้นปีสามแล้วล่ะค่ะ”
 เมื่ออาหารมาเสิร์ฟทุกคนจึงหยุดคุยและทานอาหารกันไป ตะวันฉายคอยตักอาหารให้น้องสาว
 ส่วนยูโดก็คงทำหน้าที่ของตน และยังคงเลือกที่จะกินกับข้าวแบบเดียวกับของคนป่วยอย่างไม่มีอิดออด

ตลอดมื้ออาหารยูโดสังเกตว่าทุกครั้งที่เขาเงยหน้าจะเห็นดวงตายาวรีดำขลับของเด็กสาวมองมาที่ตนทุกครั้ง
เขาเริ่มไม่สบายใจเมื่อเห็นว่าคุณยายก็ยิ้มๆ และมองมาที่เขาเหมือนกัน ส่วนพี่ตะวันเหมือนมีอะไรจะคุยกับเขา

เมื่อทานอาหารกันเป็นที่เรียบร้อยยูโดฉวยมือยูฟ่าจะพากันไปเดินเล่นที่สนามหญ้าหน้าบ้าน
 ตามที่คุยกันไว้แต่ถูกคุณยายเรียกตัวไว้ก่อน

“ยูกับโด ตามไปคุยเป็นเพื่อนน้องที่ห้องนั่งเล่นนะลูก เผื่อน้องจะถามเรื่องเรียน”

“พี่ยู เรียนบัญชีใช่ไหมคะ แล้วพี่ยูโดล่ะคะ”

“พี่ดรอปไว้น่ะ พอดีย้ายมาอยู่ที่นี่ โดน่ะเรียนการตลาด”

“เหรอคะ อรเรียนบัญชีค่ะ”

“พี่ยูน่ะเก่งนะ เทพเลยล่ะ” ยูโดโยนไปให้อีกคนที่สะดุ้งทันทีที่ถูกพาดพิง

“แต่พี่เรียนไม่จบซะหน่อย คงช่วยน้องอรไม่ได้แล้วละ”

“แหม ไม่เป็นไรเลยค่ะ อรไม่รบกวนพี่ๆ หรอก” เด็กสาวแย้มยิ้มอย่างเป็นธรรมชาติ

“พี่ยูโดจะทำงานที่ไหนคะ วางเป้าหมายไว้หรือยังคะ”

“ต้องกลับไปช่วยงานคุณพ่อที่บริษัทน่ะครับ”

“ที่กรุงเทพฯ เหรอคะ งั้นก็อยู่ใกล้อรเลยสิ เพราะเปิดเทอมอรก็ต้องกลับไปเรียน”

“ยังไงอาฝากยูโดด้วยนะ อยู่ทางโน้นอาก็ห่วง มีลูกสาวคนเดียวด้วยสิ”
คุณอาอรดีหันมาฝากฝังกับเขา ยูโดรู้สึกว่าเรื่องยุ่งยากกำลังจะตามมา

“เจ้าโดมันจะดูยัยอรให้ได้ยังไงงานมันก็ยุ่ง ทั้งเจ้ายูนั่นก็ป่วยต้องดูแล”
ลุงไผทพูดขึ้นมา ทำให้ยูโดพลอยโล่งอก

“เอ่อ…ยูไม่ได้อยู่ที่นี่เหรอคะคุณพี่” คุณอาอรดีย้อนถามกับพี่เขยทันที

“ไม่หรอกยัยวลัยเดี๋ยวก็พากันกลับกรุงเทพฯ แล้ว แค่รอให้เจ้ายูอาการดีกว่านี้อีกสักหน่อย”

“อะไรแม่วลัย นี่จะกลับกรุงเทพฯ เหรอ แม่ไม่เห็นรู้เรื่อง”
 คุณยายพูดขึ้น น้ำเสียงท่านดูจะไม่ชอบใจนัก

“เอ่อ ก็อีกหลายเดือน พี่ไผทก็พูดให้คุณแม่เคืองน้องจนได้สิคะ”

“อ้าว! พี่จะรู้มั้ยล่ะว่าเรายังไม่ได้เรียนให้คุณแม่ท่านทราบ”

“ขอโทษค่ะคุณแม่ ที่ยังไม่ได้เรียนให้ทราบก่อน แต่ไปแล้วก็กลับมาเยี่ยมได้บ่อยๆ
นี่คะ แค่นี้เอง เดินทางไม่ถึงสองชั่วโมง”

“ตามใจเธอเถอะ”
คุณยายพูด น้ำเสียงออกจะเคืองหน่อยๆ พี่น้องฝาแฝดมองหน้ากันที่เพิ่งได้รับรู้เรื่องที่น่ายินดี
คุณแม่ของเขาจะกลับกรุงเทพฯ ด้วย ช่างเป็นข่าวดีในรอบสองปีเลยก็ว่าได้

“เจ้าตะวัน นี่จะก้มหน้าก้มตาเล่นโทรศัพท์อย่างเดียวเลยหรือไง เด็กสมัยนี้นี่เป็นกันไปหมด”
ตะวันฉายสะดุ้งที่หวยมาออกที่เขาจนได้ และนึกตงิดที่พ่อของเขาหลุดพูด จนผู้อาวุโสของบ้านอารมณ์เสีย

“คุณย่าที่รักครับ ผมตรวจงานของนิสิตครับ เด็กๆ เขาส่งงานมาทางเมลล์ ไม่ได้เล่นนะครับ นี่งานนะฮะ”
 ตะวันฉายละสายตาจากหน้าจอมือถือมาตอบคุณย่า

“จ้ะพ่อคุณ พ่อคนขยัน แล้วเรื่องที่แม่คุยไว้ล่ะเอายังไงกัน ไผทกับวลัย เธอคิดว่ายังไง”

“เอ่อ ยังไม่ได้ถามลูกเลยค่ะคุณแม่” สองแฝดมองไปที่มารดา ด้วยสงสัยว่าผู้ใหญ่คุยอะไรกันไว้

“ก็ถามกันเลยสิ ตรงนี้แหละจะได้รู้กันไปเลย”
 คุณยายออกปาก อย่างคนที่ไม่น่าที่จะเป็นคนใจร้อนไปได้ ต้องเป็นเรื่องที่สำคัญแน่ๆ
 ยูโดและยูฟ่าคิดเหมือนๆ กัน

“เจ้ายูโดน่ะ ไหนๆ ก็เรียนจบแล้ว คู่รักก็ไม่มี ผู้ใหญ่ก็เลยเห็นควรว่าจะให้หมั้นหมายกับหนูอร
พอยัยหนูเรียนจบแล้วค่อยแต่งงานกัน เห็นเป็นยังไง”
ลุงไผทพูดขึ้น ยูฟ่าหน้าเสียและยูโดก็ร้อนตัว เขาใจหายวาบ ทำไมจู่ๆ
เขาถึงกลายเป็นเป้าหมายของเรื่องในค่ำนี้ไปได้ ชีวิตจะสงบสุขเป็นไม่มี อยู่ดีๆ เรื่องก็วิ่งมาชนจนได้

“ไม่ครับ ผมไม่หมั้น ผมมีหน้าที่รับผิดชอบมากมาย ทั้งงานที่บริษัทคุณพ่อ ทั้งต้องดูแลยูฟ่าอีก
 ผมยังไม่คิดจะผูกพันกับใครครับ”

ยูโดปฏิเสธออกไปทันควัน

“นี่เล่นปิดประตูใส่หน้ากันเลยเหรอเจ้าเด็กคนนี้ ไม่ลองศึกษาดูใจกันก่อนล่ะ ไหนๆ ก็ไม่ได้คบใครไว้นี่นา”

“คุณลุงครับ ผมบอกตามตรงเลยนะครับ ชีวิตนี้ผมไม่คิดจะมีใครครับ”

“ชัดเจนจริงๆ เอาล่ะ ได้คำตอบกันแล้วนะ ลุงก็หมดหน้าที่แล้ว ยังไงเจ้าตะวันแกอย่ามามองตาใส
 แกก็อีกคนเดี๋ยวพ่อหาสาวให้”

“ไม่ครับพ่อ ผมมีคนรักแล้วครับ” ตะวันฉายออกปากบอกกลางวงสนทนา

“จริงเหรอคะพี่ตะวัน พามาให้น้องรู้จักบ้างสิ”
เด็กสาวปรับสีหน้าจากเศร้าๆ กลับมาสดใสได้ในทันทีเหมือนกัน

“จริงสิคะน้องอร” ตะวันฉายหันไปคุยกับน้องสาว

“นี่ยายจะให้หนูอรมาดองกับทางเรานะเนี่ย หลานเรานี่ก็ไม่เล่นด้วย เสียดายจริงๆ
เจ้ายูก็อีกคนคงจะอ้างนู่นนี่อีกละมั้ง”

“คุณยาย ยูจะอยู่กับคุณแม่กับน้องไปจนตายครับ ไม่แต่งงานฮะ”

“นั่นไง ให้มันได้อย่างนี้ เฮ้อ” ประมุขของบ้านทอดถอนใจเสียงดัง

การสนทนามีไปอีกพักใหญ่ๆ ก็ยุติแยกย้ายกันกลับ ยูโดรีบฉวยมือของยูฟ่าพาขึ้นห้องนอนในทันที
 มารดามองตามหลังของลูกชายทั้งสอง นางพรูลมหายใจออกมาอย่างโล่งอก เกือบจะสร้างปัญหา
หนักอกให้ลูกอีกแล้ว ความรักของสองคนนี้ดูท่าจะมีอุปสรรคมาหาอยู่เรื่อย เห็นทีต้องพากลับกรุงเทพฯ
 ให้สองคนนั้นไปใช้ชีวิตในแบบที่ตัวเองเลือก เธอไม่อยากจะพรากความรักของทั้งสองคนอีก

 ที่ผ่านมาก็ชดใช้ให้ไม่ไหวแล้ว เพราะความหุนหันของเธอทำให้ลูกชายคนโตเรียนได้แค่ครึ่งๆ กลางๆ
 คนน้องก็ต้องมาเหนื่อยเทียวไปเทียวมา สุดท้ายเรื่องคู่ชีวิตของเธอก็ยังคงคาราคาซัง ที่หนีมาเป็นเพียง
แค่หนีมาพักใจ…ได้แค่นั้นเอง

ยูโดปิดประตูห้องนอน เขารวบตัวยูฟ่าเข้ามากอดไว้แนบอก ยูฟ่าตกใจแต่ก็กอดตอบ
เมื่อนึกได้ว่าคงจะเพราะเรื่องที่คุยกันสักครู่นั่นเอง

“ไม่เป็นไรนะโด ยูรักโด เราไม่มีวันแยกจากกันอีกแน่ ตราบใดที่เรายังไม่ปล่อยมือจากกัน”

“โดไม่ไหวจริงๆ ทำไมนะ ใครๆ ถึงชอบขีดเส้นชีวิตพวกเรา จะมากำหนดทางเดินให้เรากันทำไม
 การที่เราเกิดมาเป็นพี่น้องกันก็ยากลำบากเกินพอแล้ว แถมยังเป็นผู้ชายด้วยกันอีก
 มีใครรู้มั้ยว่าเราต้องเผชิญกับอะไรมาบ้าง” ยูโดพูดอย่างอัดอั้นตันใจ

“ไม่เอาครับ โดรู้แค่ว่ายูรักโดก็พอ เชื่อมั่นในกันนะ”
ยูฟ่าลูบหลังให้ยูโดและตบเบาๆ เขาทำอยู่อย่างนี้จนคนตัวโตคลายความวิตกและโยกตัวเขาไปมา

“โดพี่ตะวันมีคนรักแล้วจริงเหรอ สองปีมานี่ยูไม่เคยเห็นพี่ตะวันจะมองใครเลยนะ”

“คนใกล้ตัวยูนั่นแหละ วันนี้เราก็เจอ”

“ใครล่ะ หือ ใบตองเหรอ ใช่มั้ยเพราะใบตองก็พูดว่ามีคนรักแล้ว”

“หึหึ ดูเองดีกว่ามั้ย”

“อ้าว ไม่ใช่เหรอ ถ้างั้น…เฮ้ย! พี่ตะวันกับเด็กนั่นจริงๆ เหรอ ยูก็รู้อยู่ แต่ทำไมถึงกล้าใช้คำว่าคนรักให้ทุกคนฟังล่ะ”

“หึหึ เขาก็คงปักใจ เลือกแล้วแหละน่ะ”

“ลุงไผทจะว่าไงนะ ไม่ได้อุ้มหลานเหมือนคุณแม่เราเลย”


ตลอดทางกลับบ้านไผทพยายามตะล่อมถามเรื่องที่ลูกชายพูดว่ามีคนรักแล้ว
 เขาพยายามถามว่าเป็นใคร อยู่ที่ไหน จะไปสู่ขอให้ ด้วยลูกชายเพียงคนเดียวตอนนี้ก็เลยวัยเบญจเพสไปแล้ว

“พ่ออยากอุ้มหลาน แกจะอมพะนำทำไมนัก เปิดปากพูดมาเลย
ไม่งั้นพ่อจะไม่เชื่อแก จะนัดดูตัวให้แกอีกรอบหน้า”

“ไม่นะพ่อ ผมมีคนที่ชอบแล้วจริงๆ ขอผมเคลียร์กับน้องก่อนนะ น้องยังเด็ก ยังไม่รู้ว่าผมชอบด้วยซ้ำ”

“นี่แกอย่าริอ่านพรากผู้เยาว์นะ ติดคุก พ่อช่วยไม่ได้เลยบอกไว้ก่อน
 ไม่ใช่ว่าไปสอนแล้วไปชอบพอกับลูกศิษย์นะ”

“พ่อครับ ไม่ใช่อย่างนั้น แต่ผมทำหลานให้พ่อไม่ได้หรอกครับ ผมเป็นหมัน”

 ตะวันฉายโกหกคำโต ด้วยไม่อยากให้พ่อของเขามีความหวัง

“พูดบ้าอะไรของแก ตระกูลเราไม่มีประวัติว่าใครจะเป็นหมัน
 แกพูดอย่างนี้ทำให้เราสิ้นตระกูลได้เลยนะ เจ้าบ้านี่”

“ก็ผมทำลูกให้ไม่ได้จริงๆ นี่ครับ อย่าเอาเลยเนอะ เด็กเล็กน่ารำคาญเลี้ยงกว่าจะโต
 สมัยนี้มียั่วยุ สิ่งเร้ามันเยอะ เลี้ยงเด็กไม่ใช่เรื่องง่ายๆ นะครับ”

“แกจะพูดทำไมเยอะแยะเจ้าตะวัน ถ้าแกไม่คิดจะหาเมีย ไม่มี ไม่เอา
 ไม่แต่ง อะไรร้อยแปดที่แกจะอ้างก็เรื่องของแก อย่าไปคว้าผู้ชายที่ไหนเข้าบ้านก็พอ
 ไม่งั้นพ่อคงอกแตกตาย ที่แกอยู่ดีๆ ไปเป็นเมียใครเขาเข้า เฮ้อ!”

 ตะวันฉายสะดุ้งเฮือก เขาจะเป็นเมียใครได้ ถึงเขาจะหน้าตาหล่อเหลาสำอางไม่ใช่ว่าจะต้องไปเป็นเมียใครนี่นา

“ผมเป็นสามีเท่านั้นครับ พ่อสบายใจได้ เพียงแต่มีลูกให้ไม่ได้ ก็แค่นั้น”

“เออ ค่อยยังชั่วหน่อย” ตะวันฉายจอดรถหน้าเรือนไทยที่เปิดไฟไว้สว่างไสว
 เพื่อรอการกลับมาของประมุขของบ้านและลูกชายโทน

~โฮ่ง ~ โฮ่ง ~ หงิง

“ผงฟู ว่าไง คิดถึงเหรอ เด็กดี พ่อกลับมาแล้วครับ”

เจ้าโกลเด้นรีทรีฟเวอร์ สีครีมนวล ขนยาว ตัวแสบของบ้านที่ซนมากๆ
อายุสองปีแล้ว แสนรู้ ขี้เล่น และที่สำคัญขี้เหงาเหมือนกับเขาไม่มีผิด

 “มิน่าล่ะ บอกว่ามีลูกไม่ได้ ก็มีแล้วนี่ไง ลูกแกหึ่ม!
พรุ่งนี้พ่อจะเรียกทนายมาทำพินัยกรรมยกทรัพย์สินให้ลูกชายแกให้หมด”

บิดาหน้าตึงใส่แถมแขวะไม่เลิกอีกด้วย

“พ่อครับ ก็คนมันมีลูกสองขาไม่ได้พ่อก็บ่นจริง”

 ตะวันฉายนั่งยองๆ ลูบเจ้าผงฟูไปมาอย่างมันมือและขว้างลูกเทนนิสออกไป
 เจ้าผงฟูสไลด์ตัวออกไปจากจุดนี้ และไม่นานก็คาบลูกเทนนิสมาคืนให้

“เก่งที่สุดเลยลูก อีกรอบ เอ้า! ตามไป!”

พ่อลูกเล่นกันสักพักเจ้าตัวแสบก็อุ้ยอ้ายกลับมา และย้ายก้นพากันเดินเข้าบ้านไป
ตะวันฉายนั่งลงที่โซฟายาว เขามองไปรอบๆ บ้านที่หลังใหญ่แต่เหงาเกินไป

ความเงียบมันอยู่กับเขามานานจนเกินพอ

‘รวีกานต์มาอยู่ด้วย ช่วยเลี้ยงผงฟูให้หน่อย…มันเหงา พี่ก็ด้วย’



หัวข้อ: Re: incest : บาปร้ายในบ่วงรัก ตอนที่ โชกุน~ขนม (ขนมหวาน)
เริ่มหัวข้อโดย: เส้นขอบฟ้า ที่ 01-07-2019 22:13:48
ตอนที่ 19  โชกุน ~ ขนม (ขนมหวาน)

“อือ จะนอน ”
ขนมคว้ามือที่ยุ่มย่ามแถวหน้าท้องและขอบกางเกงนอนออก เมื่อคืนขนมกับเพื่อนมีสังสรรค์กัน
และโชกุนที่เมาจนขนมต้องขับรถพากลับบ้าน แต่รอบนี้แทนที่จะส่งโชกุนที่บ้านอย่างเคยเขา
จำต้องพาเพื่อนที่รั้งตำแหน่งแฟนมานอนที่บ้านของเขาเสียเอง

‘หนมเจ้าวาทิตจะแต่งงานพรุ่งนี้ พ่อกับแม่จะไปภูเก็ตเช้านี้ ห้ามทิ้งบ้านนะลูก’

‘พ่อครับ แม่ครับ หนมไปด้วย อย่าทิ้งลูก’

‘แม่กับพ่อจะสวีทกันต่ออีกสองวัน ไว้คราวหน้านะคะลูก’

‘อยากดำน้ำดูปะการัง นั่งเรือเฟอร์รี่ แงๆ หนมจะไปด้วย’

‘แม่วางตังค์ไว้ให้กินหนมหน้าโต๊ะแป้งแล้ว ไปก่อนนะคะ รักลูกนะ’

‘ก็ได้ๆ เฝ้าบ้านใช่มั้ย คอยดูหนมจะช็อปไม่ให้เหลือเลยเถอะ’

ขนมช็อปปิ้งจนข้าวของเต็มสองมือด้วยเงินค่าจ้างเฝ้าบ้าน พอจะกลับบ้านก็ถูกโชกุน
และผองเพื่อนโทรจิกให้ไปนั่งดื่มกัน พอเมามายเขาจึงต้องลากยักษ์ขี้เมากลับมาบ้านด้วย
ก่อนหน้าเขาบอกโชกุนไปแล้วว่าต้องเฝ้าบ้าน

‘หนมจะให้โชนอนไหนก็ได้ อย่าทิ้งไว้ข้างถังขยะเป็นพอ’ โชกุนบอกกับขนม

นี่คือที่มาของหนวดปลาหมึกที่ยุ่มย่ามบนเรือนร่างอันบอบบางของเขาไม่ได้หยุด รบกวนการนอนสุดๆ

“โช ถ้าไม่หยุด ถีบสองขาคู่แล้วนะ!”

“อย่าใจร้ายเลยนะ หนมตัวหอมผิวเนียน ขอพี่โชชื่นใจหน่อยครับ”

~ ตุ๊บ! ~ โอ๊ย! ~

“อูย..ที่รัก…ทำไมใจร้าย”

ขนมหันหลังและคว้าหมอนข้างมากอด ปิดเปลือกตาลง แอบยิ้มขำ
เขาไม่ใส่ใจกับเสียงกุกกักข้างเตียง สักพักที่นอนข้างๆ ก็ยวบลง
ขนมสะดุ้งเมื่อถูกรวบกอดไว้อย่างแน่นหนา

“ลงไม้ลงมือ ต้องถูกทำโทษ”

โชกุนยกยิ้มและรั้งใบหน้าของขนมไม่ให้หันหนีก่อนจะทาบทับริมฝีปากจูบแบบไม่เร่งรีบ
ขบเม้มริมฝีปากของขนมอย่างช้าๆ เหมือนกำลังชิมความหวานอย่างนั้น
ดูดดึงหยอกล้อกลายๆ ขนมเบี่ยงหน้าหนี

“โช! ไม่เล่น อ๊ะ”

ขนมหดคอหนีใช้มือดันแผ่นอกของโชกุน แต่กลับถูกโชกุนกดต้นคอให้รับสัมผัสหวาน
ที่เจ้าตัวส่งไปให้ ลมหายใจอุ่นถูกพ่นเบาๆ ที่ใบหูอย่างจงใจ และตามติดด้วยฟันคมที่งับ
ใบหูที่เป็นศูนย์รวมความอ่อนไหวในกายบางนี้

“โช ยะ อย่า”

ขนมพลิกตัวจากท่าตะแคงเพื่อเล่นงานคนที่คุกคามเขาแต่กลาย
เป็นเปิดซอกคอให้อีกคนจู่โจมได้ถนัด เขาเจ็บจี๊ดที่ถูกฟันคมๆ ฝังรอยไว้และตามมา
ด้วยความเปียกชื้นที่ลากผ่าน ขนมเปิดปากประท้วงแต่เป็นการเปิดทางให้ลิ้นแหลมสอด
แทรกเข้าสำรวจโพรงปากอันอ่อนนุ่ม ขนมหลีกหลบแต่ถูกรุกไล่และเกี่ยวกระหวัดรัดรึง
ไม่ปล่อย สร้างความหวามไหวประหลาด น้ำสีใสไหลลงมาทางมุมปากเป็นสาย
ฝ่ามืออุ่นลูบไล้ไปทั่วแผ่นอก หยอกล้อกับตุ่มไตทั้งสองข้าง โชกุนคร่อมช่วงกลางลำตัว
ไม่ให้ขยับหนี เก็บน้ำหวานจนหมด ไซ้จมูกดอมดมลงมาตามลำคอ สันกราม
แนวกระดูกไหปลาร้า เสื้อนอนหลุดลุ่ยจนค้างอยู่ที่ข้อแขน

“คนดี เป็นของโชนะ”

โชกุนอ้อนขอ คนมากประสบการณ์นำพาขนมล่องลอย เผลอไผล
ซวนซบและซุกใบหน้าไว้ที่บ่ากว้าง เคลื่อนนิ้วมือเรียวนุ่มไปตามบ่าไหล่
ข้างลำตัวและวกเข้ามาที่แผ่นอกที่แน่นไล้มือลงที่ลอนกล้ามอย่างหลงใหล
ลมหายใจร้อนที่เป่ารดทำเอาขนมวูบวาบและขนลุกชัน วูบไหวในช่องท้อง
อย่างไม่เคยเป็นมาก่อน ขนมหยัดกายขึ้นเมื่อตุ่มไตถูกริมฝีปากอุ่นร้อนครอบครองอย่างเต็มคำ
ความร้อนลามไปทั่วตัว เสื้อนอนถูกถอดออกไปจากกายจนช่วงบนเปล่าเปลือยอย่างไม่รู้ตัว
สัมผัสปลุกเร้าที่เพิ่มระดับขึ้น ยิ่งกระตุ้นให้เสียวซ่านหวามไหว เขาต้องการสัมผัสที่แนบแน่นกว่านี้
อยากรู้ว่าปลายทางจะเป็นอย่างไร

“อะ อ้า โช อื้อออ” ขนมหลุดครางเสียงหวานอย่างกลั้นไม่อยู่

“ขนมหวาน หวานไปทั้งตัวเลยครับ”

โชกุนไล้ฝ่ามือร้อนไต่ลงมาข้างลำตัว สำรวจเรือนกายขาว ไล้วนปลายนิ้วเบาๆ
ที่แผ่นหน้าท้องแบนราบ เขาได้ยินเสียงหอบหายใจหนักๆ และอาการเขม็งเกร็ง
ที่หน้าท้องของขนม เมื่อนิ้วมือลากผ่าน จึงย้ายไปปัดป่ายแถวสะโพกที่ยังมีกางเกงตัวจิ๋วอยู่
ก่อนจะฟอนเฟ้นหน้าท้องของคนใต้ล่างด้วยปลายจมูกและลิ้นสาก ลมหายใจอุ่นรวยรินผะผ่าว
ลงบนผิวหน้าท้อง ขบกัดเบาๆ อย่างทักทาย ลากลิ้นชื้นแฉะรอบๆ หลุมร่องสะดือ ขนมผวาตามติด

ขนมรอคอยอยากได้รับสัมผัสที่มากกว่านี้ โชกุนยกยิ้มเมื่อเห็นอาการเอาแต่ใจของคนตัวเล็ก
หัวคิ้วมุ่นอย่างขัดใจ เขาจึงส่งมือไปนวดเฟ้นและคลึงเคล้นหน้าท้องให้อีกครั้ง ก่อนจะรูดกางเกง
นอนให้พ้นไปจากร่างบาง โชกุนจงใจพ่นลมหายใจต้องผิว สร้างความซ่านใจจนขนมผวากายหลาย
ต่อหลายครั้งและยกก้นลอย โชกุนยกยิ้มมุมปากอีกครั้ง เขากอบกุมแท่งร้อนของขนมมาไว้ในอุ้งมือ
ก่อนขยับรูดรั้งไปเรื่อยๆ อย่างไม่เร่งร้อนทั้งที่ใจตอนนี้อยากจะโจนจ้วงเข้าหากายบางใจแทบขาด

ขนมแทรกนิ้วมือเรียวในกลุ่มผมดกดำของเขาดึงทึ้งอย่างซ่านใจ บิดกายเร่าเมื่อส่วนอ่อนไหวที่แข็ง
ขืนถูกปลายลิ้นร้อนของเขาแตะต้องชิมน้ำหวานมันวาวที่ไหลรินออกมาจากส่วนปลาย
โชกุนถอดชุดนอนของตัวเองออกอย่างรีบร้อนจนกายเปล่าเปลือย เขาครอบปากลงไปรองรับ
เอาความแข็งขืนขนาดพอดีมือไว้ในกระพุ้งแก้ม ขยับริมฝีปากดูดดุนชักรูดจนขนมส่ายก้นลอย
อย่างลืมตัวตน แสงสลัวเลือนจากโคมไฟดวงเล็กทำให้เห็นร่างขาวโพลนดูยวนตา
โชกุนรูดรั้งจับจังหวะหนักบ้างเบาบ้าง สัมผัสหยอกล้อที่ลูกบอลไปด้วยอย่างเบามือ

“โช อื้อ ไม่ไหว ปล่อยก่อน”

ขนมพยายามดันหน้าของโชกุนออกแต่ไม่เป็นผล เขาสุดที่จะกลั้นเมื่อความเสียววาบ
แล่นสู่ไขสันหลัง หน้าท้องเขม็งเกร็งและปลดปล่อยลาวาร้อนออกมาจนเต็มกระพุ้งแก้ม
ของคนตัวโตที่ดูดกลืนอย่างไม่รังเกียจ และมีเสียงสะอื้นตามมา

“คนดี เป็นอะไร หืม” โชกุนขยับกายและรวบกอดคนงอแงไว้

“มึงแกล้งกู ฮือออ”
โชกุนจูบปลอบและไล้ฝ่ามือไปที่กรอบหน้าและก้มลงขบเม้มเบาที่ใบหูเพื่อเบี่ยงเบน

“ไม่ร้องนะ รักหนมนะครับ”
โชกุนสุภาพอย่างที่ไม่เคยเป็น เขาทาบกายลงไปกอดก่าย
ความปวดหนึบของกึ่งกลางกายที่ยังไม่ได้ปลดปล่อยทำเอาแทบจะทนไม่ไหว

“อ๊ะ อื้อออ”
โชกุนเคล้นฝ่ามือที่สะโพกกลมไม่หยุด ความร้อนจากผิวกายที่เสียดสีกัน
เร่งเร้าให้ความปรารถนาลุกโหมขึ้นมาอีก โชกุนกัดกรามแน่น กอบกุมส่วนอ่อนไหว
ของขนมมาไว้ในอุ้งมือขยับรูดรั้งอีกครั้งเพื่อปลุกเร้าให้ตื่นตัวและมันได้ผล

“เรามามีความสุขไปพร้อมๆ กันนะ”
 ขนมถูกปลุกเร้าอย่างหนักหน่วงกว่าเดิม ใจสั่นไหวและขนลุกเกรียวไปทั้งกาย
 จมูกและปากของโชกุนตะโบมจูบทั่วตัว ฝากรอยรักไว้ทุกจุดที่ริมฝีปากพาดผ่าน

‘ไม่ไหว มากไป น่ากลัว’

“โชอย่า กลัว กูกลัว อึ่ก” ขนมพยายามจะกระถดตัวหนี

“ผ่อนคลาย ไม่ต้องกลัว โชจะอ่อนโยนกับหนม นะครับ”

โชกุนใช้คราบคาวที่หลงเหลืออยู่มาเป็นตัวหล่อลื่น เขากดคลึงที่รอยจีบสีหวานก่อน
จะส่งนิ้วเข้าไปสำรวจภายในโพรงอ่อนนุ่ม ทีละนิ้วจนครบทั้งสามนิ้ว ขนมน้ำตาคลอ
และกัดปากแน่นเขาจึงค่อยๆ ขยับนิ้วเข้าออกอยู่สักพักเพื่อให้ช่องทางของขนมคุ้นชิน
และขยายอย่างที่เขาต้องการ ขนมถอนหายใจเฮือกเมื่อโชกุนถอนนิ้วออก ความวูบโหวง
เข้ามาแทนที่ โชกุนขยับส่วนที่ปวดหนึบของเขาให้บดเบียดเสียดสีกับของคนใต้ร่างสักพัก
และกอบกุมมันเข้าไว้ด้วยกันแล้วชักรูดช้าๆ ทำเอาขนมครางผะแผ่ว

“อะ อื้อ โช”
ขนมห่อปากและสูดปากอย่างเสียวซ่าน โชกุนจึงกดจูบที่ริมฝีปากบาง ซอกคอ
และไล่ลงที่แผ่นอก หยอกล้อกับตุ่มไต่ที่ชูชันรับสัมผัส ส่วนมือยังคงรูดรั้งอยู่อย่างนั้น
โชกุนอยากจะฝังกายในช่องทางสีสวยเต็มทีแต่เขาต้องให้ขนมตื่นตัวเต็มทีเสียก่อน
ทั้งสองหอบหายใจถี่ ความเสียวซ่านแล่นไปยังส่วนปลายจนแทบจะปลดปล่อยออกมา

“โช ทำเถอะ มันทรมาน อ๊ะ”
โชกุนได้ยินอย่างนั้นจึงนำแท่งร้อนที่กำลังเขม็งเกร็งมาจ่อกับปากทางเข้าที่คับแคบ

“อดทนนะหนม อย่าเกร็ง โชจะหยุดถ้าหนมไม่ไหว ไม่ต้องกลัวนะ”
 ขนมดันหน้าท้องของโชกุนไว้

“จูบก่อน มันจะดีจริงๆ ใช่มั้ย”
ขนมถามย้ำเพื่อให้แน่ใจ ดวงตาปรือปรอยและปากที่บวมเจ่อพาให้คนมองใจสั่นระรัว
โอกาสที่ขนมจะเป็นของเขามาถึงแล้ว

“ครับ เจ็บแค่ช่วงแรก ผ่านไปได้จะรู้สึกดี”

โชกุนปลอบเขารู้ว่าขนมกลัว เขาเองก็ไม่ต่างกัน เขากลัวว่าเซ็กส์ครั้งแรกของพวกเขา
จะออกมาไม่ดี และกลัวขนมจะเข็ดขยาดถ้าเขาไม่ใส่ใจพอ โชกุนจึงป้อนจูบจากแผ่วเบา
นำไปก่อนและเร่าร้อนขึ้นเรื่อยๆ จนขนมเคลิบเคลิ้ม มัวเมา เขาจึงใช้จังหวะนี้กดส่วนหัว
เข้าไปมันผ่านไปได้กว่าครึ่ง

“อึ่ก เจ็บ อ่ะ อ่า”
ขนมตัวสั่นและทุบอกโชกุน เม็ดเหงื่อผุดออกมาจนไรผมเปียกทั้งที่แอร์ในห้องเย็นฉ่ำ
จนได้สิ เขายอมเป็นฝ่ายเจ็บตัวเสียเองจนได้ โชกุนลูบแผ่นหลังของเขาเพื่อปลอบประโลม
นี่ขนาดมันยังเข้ามาไม่หมดเขายังจุกและเจ็บอย่างกับถูกใครฉีกร่าง

“ผ่อนคลายนะ อีกนิดเดียวเท่านั้น”
เสียงกระซิบแผ่วและแหบพร่าบ่งบอกว่าโชกุนอดกลั้นตัวเองมากเหมือนกัน
ขนมจึงยกมือขึ้นลูบไล้แผ่นหลังและหน้าอกของโชกุนและบอกให้ทำต่อ
และอาการจุกเสียดจนหายใจแทบไม่ออกก็ตามมา

“ขอโทษนะหนม โชนุ่มนวลที่สุดแล้ว ไม่เกร็ง ไม่ร้องนะ”

โชกุนบรรจงจูบซับน้ำตาให้และเริ่มขยับช้าๆ เมื่อขนมหยุดสะอื้น
และเป็นไปอย่างอ่อนโยนจนขนมคุ้นชินและเริ่มปัดปายมือไปยังลอนกล้ามท้อง
ของเขาอีกครั้งแล้ว ลูบไล้อย่างแผ่วเบาและเผลอจิกเล็บลงที่สีข้างเมื่อเขากระแทก
ถูกจุดที่เสียดเสียวเข้า

ขนมกำผ้าปูที่นอนเอาไว้แน่น ความเสียดเสียวเริ่มเข้ามาแทนที่ คนบนร่างเริ่มกระแทกกระทั้น
ถี่ระรัวจนร่างของเขาโยกคลอนไปตามแรงกระทั้น ขนมครางดังกว่าเดิมเมื่อโชกุนกระแทกถูก
จุดกระสันเข้าอย่างจัง เขาจึงขมิบตอดรัดแท่งร้อนของโชกุนแน่นจนได้รับคำชม และได้รับจูบ
แสนหวานและดูดดื่มเพิ่มอีกด้วย จนครางกระเส่า

“อื้อ ตรงนั้น อ้า โช”
โชกุนเน้นย้ำจนขนมร่อนก้นตาม โชกุนขบกรามจนขึ้นเป็นสันนูนเมื่อถูกขนมตอดรัด
ไว้แน่นจนปวดหนึบ ความรู้สึกอยากปลดปล่อยทะยานขึ้นสูง จนโถมกายกระแทกกระทั้น
อย่างไม่มีผ่อนปรน ยิ่งขนมรบเร้าขอแรงๆ เขายิ่งได้ใจจับสองขาของขนมพาดบ่าและฝังลึก
ตอกอัดเข้าไปอย่างไม่ออมแรง

“คนดี หนมน่ารักมาก รู้ตัวมั้ย เป็นของโชแล้วนะ อ่าห์”
โชกุนสอบสะโพกเข้าหาจนหน้าขากระทบกันเสียงดังหยาบโลน นาทีนี้แม้ฟ้าจะถล่ม
แผ่นดินจะแยกก็ไม่มีสิ่งใดจะแยกทั้งสองออกจากกันได้ ห้วงอารมณ์ที่ดำดิ่ง เวิ้งว้าง
ล่องลอย หฤหรรษ์ทุกอารมณ์ต่างโถมเข้าใส่ ทั้งสองเห็นแสงสว่างอยู่ปลายทาง

“โช แรงอีก อ๊ะ ยะ อย่าหยุด อื้ออออ”
ขนมเกร็งกระตุกและฉีดพ่นน้ำของเหลวขุ่นข้นรินรดหน้าท้อง 

“ไม่รอเลยนะครับ อ๊ะ อ่าห์”
โชกุนกระแทกแท่งร้อนในช่องทางที่เริ่มช้ำแดงอีกสามสี่ทีติดๆ ก่อนที่จะเกร็งเขม็ง
กระตุกกายแกร่งฉีดพ่นธารน้ำรักจนท่วมท้นช่องทางสีช้ำและมีบางส่วนที่ไหลล้น
ทะลักออกมาด้านนอก เหงื่อท่วมกายของทั้งสองคนจนผิวมันลื่น

“มันไม่แย่ใช่มั้ย ขอบคุณนะหนม”
โชกุนจูบซับน้ำตาที่หางตาให้และค่อยๆ ถอดถอนกายออก ภาพที่เห็นทำเอาใจสั่นระริก
ขนมตัวแดงและลายพร้อยไปทั้งตัว หลังและบ่าของเขาเองก็แสบไปหมดจากกรงเล็บที่
ทั้งจิกและครูดลงบนผิวกายจนเป็นทางยาว ยิ่งช่องทางของขนมที่มีน้ำรักของเขาเอ่อท้นแบบนี้
เขาอยากจะเข้าไปสำรวจอีกสักสองสามรอบ แต่เห็นร่างที่นอนตัวอ่อนปวกเปียกตาปรือปรอยใกล้ปิด
เขาจึงตัดใจ

โชกุนจัดการเช็ดตัวและทำความสะอาดให้คนที่หลับไม่รู้เรื่อง เขาเดินไปที่กระเป๋าหยิบยาออกมา
นำไปทารอบๆ รอยจีบและสอดยารักษาแผลฉีกขาดภายในให้คนรัก อยากปลุกให้กินยาแก้อักเสบ
และแก้ไข้แต่กลัวว่าจะงอแง เขาจึงได้แต่เฝ้าระวังไม่ให้คนรักมีไข้คอยคลำคอยจับเนื้อตัวไม่หยุด
จนผล็อยหลับในตอนใกล้สว่าง

ขนมตื่นขึ้นมาในตอนสาย เขาปวดเมื่อยตามร่างกาย ยิ่งช่องทางที่ถูกรุกล้ำด้วยแล้วยิ่งเจ็บระบบ
ทุกครั้งที่ขยับเท้าก้าวเดิน เขาใช้เวลาอาบน้ำชำระร่างกายนานกว่าทุกวัน เห็นตัวเองในกระจกอย่าง
กับคนเป็นโรคเลือด เนื้อตัวลายพร้อยแทบไม่มีที่ว่างเว้น ตั้งแต่ลำคอลงมาจนถึงโคนขา
ถ้าพ่อกับแม่มาเห็นเขาในตอนนี้คงได้พากันวิ่งวุ่นจับเขาส่งโรงพยาบาลเป็นแน่  ท่านจะรู้กันบ้างมั้ย
ว่าเพราะทิ้งลูกไปสวีท ลูกรักเพียงคนเดียวถึงได้พลาดท่าเสียตัว ส่วนคนทำก็ไม่เห็นจะมาดูดำดูดี

 นึกแล้วก็โมโห

~ ~ ก็อก ก็อก ~~

“หนมครับ เป็นอะไร ทำไมเข้าห้องน้ำนานจัง”
โชกุนเคาะเรียกอยู่หน้าห้องน้ำ เขายกมือจะเคาะซ้ำแต่ประตูก็เปิดออกเสียก่อน
คนตัวเล็กยืนหน้าบึ้งตึงมองอย่างกรุ่นโกรธ ตัวขาวๆ เต็มไปด้วยรอยรักบ่งบอกว่า
เมื่อคืนผ่านคืนอันเร่าร้อนมาขนาดไหน โชกุนทำเป็นมองผ่านเพราะเขาเห็นแล้วตอน
ที่เช็ดทำความสะอาดให้

“ไหนดูสิครับ ตัวร้อนมั้ย ตัวก็ไม่ร้อน เดี๋ยวไปหาข้าวกินกัน ขออาบน้ำแป๊บนึงนะ”
 พูดจบแล้วคนงอนก็ยังคงหน้างอง้ำไม่หาย ไม่ต่อปากต่อคำผิดไปจากปรกติ
 ทำเอาโชกุนใจเสียจึงรวบตัวมากอดและจูบที่เรือนผมนุ่ม

“รักหนมนะครับ อย่าโกรธโชเลย เอ้า! ให้ข่วนหรือจะกัดก็ได้ เยอะๆ เลยถ้าหนมจะหายโกรธ”
โชกุนพูดแล้วหันแผ่นหลังที่เปลือยเปล่าให้ขนม ยืนรอไม่เห็นว่าขนมจะขยับหรือลงมือทุบตี
เขาจึงหันมองและเห็นเจ้าตัวก้มหน้านิ่งใบหูแดงเถือก

“ไม่ข่วนเหรอครับ งั้นเราดีกันแล้วนะ”

โชกุนหอมแก้มขนมไปฟอดใหญ่และเดินเข้าห้องน้ำ

‘หน้าด้าน ไม่เหลือที่ว่างให้ข่วนแล้ว รอยฟันที่หัวไหล่นั่นอีก บ้าที่สุด’
ขนมเม้มปากและคลายออกก่อนจะเดินไปหาเสื้อผ้าใส่ หวนนึกไปถึงเหตุการณ์
เมื่อคืนและคำพูดนั่นอีก ใบหน้ายิ่งเห่อร้อนจนแทบระเบิด

‘ขนมหวาน’
ขนมรีบสวมเสื้อผ้าและมองไปยังประตูห้องน้ำอย่างระแวง
สุดท้ายเขาก็หนีการตกเป็นเบี้ยล่างของผู้ชายคนนี้ไปไม่ได้

ชีวิตแสนเศร้าของไอ้ขนมคนหล่อสุดเกรียนหมดท่าแล้ว

‘เพราะพ่อกับแม่นั่นแหละทิ้งหนม กลับมาได้ลูกเขยเลย งื้อ’
ขนมโถมตัวลงบนหมอนเกลือกกลิ้งใบหน้าไปมา กำมือและทุบบนที่นอนเพื่อระบายความอับอาย






หัวข้อ: Re: incest : บาปร้ายในบ่วงรัก ตอนที่ 19 update!!
เริ่มหัวข้อโดย: เส้นขอบฟ้า ที่ 06-07-2019 21:25:19
ตอนที่ 20  ฟีนิกซ์~ธาวิน (วิหคเพลิง 1)

ตั้งแต่เลี้ยงสังสรรค์กันคราวก่อนกับเพื่อนๆ ฟีนิกซ์ก็มัวยุ่งอยู่กับการจัดแต่งร้านกาแฟ ส่งพนักงานไปเทรนด์
รวมทั้งหาเชฟมาประจำร้านและอื่นๆ อีกหลายเรื่อง จนเขากับธาวินไม่มีเวลาเจอกันเลย
เขาแค่โทรถามไถ่สารทุกข์สุกดิบกันก่อนนอนเท่านั้น ธาวินทำงานกับบริษัทที่เคยไปฝึกงานด้วย
ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากบ้านของเจ้าตัวนัก ชีวิตความเป็นอยู่ทางบ้านของธาวินดีขึ้นกว่าแต่ก่อน
บิดาเลิกได้เหล้า และมีงานประจำที่เงินเดือนมากพอใช้จ่ายในแต่ละเดือน

“คิดถึงธาม มีคนมาวอแวมั้ยเนี่ย หวงนะ”

(หวงอะไรเล่า ไม่มาให้เจอเองนะ หนิกนั่นแหละซ่อนใครไว้หรือเปล่า)

“จะมีใครได้ล่ะ รักแค่ธามคนเดียว”

(พูดเต็มปากเต็มคำ อย่าให้รู้ว่านอกใจ)

“ไม่มีแน่นอน เชื่อสิ อีกไม่นานครับ จะไปให้เห็น ทั้งก่อนเข้านอนและหลังตื่นนอนเลย”

(จะรอ อย่าหลอกล่ะ)

“ครับ รักธามนะ ฝันดี”

(รักเหมือนกัน ฝันดี)

“พ่อทูนหัว ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่เชียว คุยกับลูกสะใภ้ของแม่เหรอ แม่ไม่เจอนานแล้วนะ คิดถึงจัง”

“คุณนายครับ แค่ว่าที่สะใภ้เองครับ เฮ้อ! คิดถึงมากด้วย”

“คิดถึงก็ไปพามาสิคะ รวบหัวรวบหางกินกลางตลอดตัวเลยค่ะคุณ รออะไรล่ะ”

“แม่อ่ะ ธามได้ฟาดผมหัวแบะสิ ถ้าทำแบบนั้นได้ไม่ปล่อยไว้จนตอนนี้หรอกครับ”

“ต๊าย! ลูกสะใภ้แม่ยังซิง พ่อสุภาพบุรุษของแม่ ไปบวชดีมั้ยคะ” มารดาแกล้งทำตกอกตกใจ

“คุณนาย อย่าล้อสิครับ ไม่ใช่ไม่มีน้ำยานะครับ รอทำร้านเสร็จก่อน นั่นสินสมรสเลยนะ”

“จ้ะ พ่อบุญทุ่ม ระวังลูกแกะให้ดี ยิ่งน่ารักแบบนั้น ทำงานเจอคนมากหน้าหลายตา
 เอวบางร่างน้อยคงมีคนอยากจะดูแล ไปดีกว่าคิกคิก” มารดาพูดทิ้งท้าย

“คุณแม่ ผมไม่หึง ผมเชื่อใจธาม”

“จ้ะ แม่จะรอดู อย่าน้ำตาเช็ดหัวเข่ามาล่ะ แม่ไม่ปลอบ”
 มารดากรีดนิ้วเดินผ่านหน้าไป ฟีนิกซ์นิ่วหน้าที่ท่านพูดก็มีเหตุผล เขาเชื่อใจธามแต่เขาลืม
ไปว่าผู้ชายคนอื่นล่ะจะเชื่อใจได้แค่ไหน ลองได้ร่วมงานกับคนน่ารักแถมใจดีแบบนั้น เป็นใครจะไม่ชอบธามของเขา

‘ไม่ได้การ พรุ่งนี้ต้องไปแสดงความเป็นเจ้าของเสียหน่อยแล้ว’

ธาวินออกจากลิฟต์ เดินตรงเข้าออฟฟิศ กำลังจะไปที่โต๊ะทำงานประจำแต่กลับถูกเรียกตัวไว้เสียก่อน

“ธาม บ่ายนี้ไปพบลูกค้ากับพี่ ทานกลางวันที่นั้นเลย ไม่ไกลจากที่นัดหมายเท่าไหร่”ภาสุพูด และยิ้มพราย

“ครับคุณภาสุ” ธาวินรับคำผู้บังคับบัญชาสายตรงของเขา และทำทีจะเดินเลี่ยงไป
 แต่บทสนทนาต่อมาก็ยังตามมาอีกจนต้องหยุดฟัง

“บอกให้เรียกว่าพี่ภาพไม่เคยจะทำ สงสัยต้องสั่งหักเงินเดือนแล้วล่ะ” ธาวินจับกระแสเย้าหยอกนั้นได้

“เอ่อ ก็มันไม่ชินนี่ครับพี่ภาพ”

“ก็แค่นั้น หึหึ” ภาสุหัวเราะแล้วเดินจากไป

ธาวินรู้ว่าอีกคนเข้าหา ทำเป็นเอ็นดูแต่เขาไม่อยากทำตัวให้สนิทจนเกินขอบเขต
คราวที่มาฝึกงานที่นี่เขาเคยได้ยินคำร่ำรือของผู้ชายคนนี้ รสนิยมที่ชื่นชอบเด็กผู้ชาย
เพื่อนที่มาฝึกงานด้วยกันเคยเล่าให้ฟังว่าถูกชักชวนบ่อยๆ แต่เพื่อนก็หลบเลี่ยงเสียทุกครั้ง
และครั้งนี้ธาวินต้องมาเป็นลูกน้องใต้บังคับบัญชาของภาสุ ผู้ชายที่เป็นตัวอันตราย
ความหนักใจจึงแล่นลิ่วเมื่อมีคำสั่งให้ออกไปพบลูกค้าด้วยกันในครั้งนี้

“น้องธามจะไปกับพี่ภาพน่ะ ระวังตัวให้มากๆ นะ เสร็จงานแล้วให้กลับบ้านเลย ห้ามไปต่อล่ะ
 เข้าใจนะ พี่เป็นห่วงเรานะธาม”

“ครับพี่เจี๊ยบ ผมจะระวังตัวครับ”

ธาวินทำงานอย่างใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว เขามองแต่นาฬิกายิ่งใกล้เวลานัดเขาก็ยิ่งเครียด
 และยิ่งมีพี่เจี๊ยบเตือนมาแบบนั้นด้วย เขายิ่งกลัวมากกว่าเดิมเป็นเท่าตัว

 
ฟีนิกซ์ตั้งใจจะรับธาวินไปกินมื้อเที่ยงด้วยกัน เขาจอดรถที่ลานจอดรถหน้าบริษัท
กำลังจะกดโทรศัพท์ไปหาแต่สายตาก็เหลือบไปเห็นธาวินที่กำลังเปิดประตูรถสปอร์ตสีขาว
และก้าวขึ้นรถไปเสียก่อน เขารีบเก็บโทรศัพท์และขับรถตามไป ใจของฟีนิกซ์ตอนนี้ร้อนรุ่มดั่งไฟสุม
ถ้อยคำที่มารดาพูดไว้เมื่อคืนก็พรั่งพรูเข้ามาในห้วงความคิด วนเวียนกลับไปมาอย่างกับการเล่นแผ่นซีดี
วนซ้ำๆ อยู่อย่างนั้น

‘ระวังลูกแกะไว้ให้ดีล่ะ ยิ่งน่ารักแบบนั้น ทำงานเจอคนมากหน้าหลายตา
 เอวบางร่างน้อย มีแต่คนอยากจะดูแล’

 “ธามไม่มีทางเป็นอย่างนั้น…ไม่แน่นอน”
ฟีนิกซ์พึมพำ ดวงตาจับจ้องไปยังป้ายทะเบียนของรถคันหน้าอย่างไม่ยอมให้คลาดสายตา
พอถูรถคนอื่นแทรกกลางทำให้ทิ้งระยะห่างจนเกือบคลาดกัน ฟีนิกซ์ตบไฟเปลี่ยนเลนส์และแซงกลับ
แต่ไม่นานรถคันหน้าก็เลี้ยวเข้าซอย เขาจึงเลี้ยวตามไปติดๆ และพากันไปโผล่อีกแยกหนึ่ง
และข้างหน้าเป็นจุดหมายปลายทาง

อาคารสูงกว่าห้าสิบชั้น โรงแรมหรูใจกลางเมืองซึ่งค่าห้องพักสนนราคาหนึ่งหมื่นสามพันบาท
 จนราคาเป็นแสนๆ บาทต่อคืน ฟีนิกซ์จอดรถห่างกันสามช่องคันจอดรถ เขาไลน์ไปหาธาวินทันทีที่รถจอดสนิท

Phoenix: คิดถึงธาม ทานข้าวหรือยัง

Thawin: มีนัดกับลูกค้าตอนบ่าย แต่จะทานข้าวก่อน คิดถึงเหมือนกัน

Phoenix: รักธามนะ

Thawin: รูปกระต่ายชูหัวใจ

Phoenix:  เปิดระบบติดตามตัวให้ด้วย จะไปรับกลับ

Thawin:  ok

“ธามมีอะไรดี ยิ้มไม่หุบ คุยกับใครน่ะ หืม” หนุ่มใหญ่ที่ภาพรวมดูดีหันไปถามลูกน้อง

“เอ่อ เพื่อนน่ะครับ” ธาวินเลี่ยงที่จะบอกว่าคุยกับแฟน ด้วยไม่อยากที่จะสนทนาให้มากความไปกว่านี้

“อ่อ เราเข้าไปข้างในกันเถอะ พี่สั่งอาหารไว้แล้ว”ภาสุเดินนำ

“ครับ แล้วเรานัดลูกค้าที่ไหนกันเหรอครับ”
 ธาวินถามด้วยเก็บความสงสัยไว้ไม่อยู่ โรงแรมหรูระดับนี้ ต้องเป็นลูกค้าคนสำคัญมากแน่ๆ

“ที่นี่แหละ เดี๋ยวคงมา คุณพิธาน JSKL รู้จักใช่มั้ย”
 ธาวินได้รับคำตอบก็มุ่นหัวคิ้ว ลูกค้าท่านนี้ปกติจะเข้าออกบริษัทเขาประจำอยู่แล้ว
 แต่ทำไมคราวนี้ถึงนัดคุยงานนอกบริษัท

“อ่อ ครับ วันก่อนยังได้ทักทายกันอยู่เลยครับ” ธาวินพูด รู้สึกไม่สบายใจขึ้นมา

ฟีนิกซ์ลงจากรถและเข้าไปนั่งร้านกาแฟ เขาสั่งกาแฟมาหนึ่งแก้ว แซนด์วิชหนึ่งชิ้น
สองอย่างเป็นราคาที่คนที่เป็นพนักงานประจำจ่ายค่อนข้างลำบากอยู่สักหน่อย แพงไม่ใช่เล่น
แต่เพื่อคนรักของเขาแล้วแค่นี้เขาพอจ่ายไหว

ชายหนุ่มจิบกาแฟที่เผลอสั่งเมนูปั่น ซึ่งเป็นเมนูที่คนโปรดของเขาชื่นชอบอีกด้วย
มองกาแฟตรงหน้าและยกยิ้มกับตัวเอง อาการหนักแต่ยังทำเป็นว่าไม่เป็นไร
คิดถึงมากขนาดนี้แต่ปล่อยเวลาให้ล่วงเลยมาเดือนกว่า หัวใจเรียกร้องหากันก็
คงไม่แปลก เท่าที่เห็นในแวบแรกธาวินดูผอมลงกว่าเดิม จนตัวเล็กลงอีก พอกันทีกับการจะเก็บ
เป็นเซอร์ไพรส์ เขาไม่อาจห่างได้อีกแล้ว มีไลน์แจ้งเข้ามาจนฟีนิกซ์สะดุ้ง

Thawin: ลูกค้ายกเลิกนัด ง่วงตาจะปิด อยากนอน

Phoenix: จะกลับหรือยัง

Thawin: กลับๆ

Phoenix: รอนะที่ลานจอด

Thawin: จริงๆ นะ

Thawin: ส่งรูปหัวใจ

ฟีนิกซ์ออกจากร้านกาแฟและเดินดุ่มๆ ไปที่รถ ติดเครื่องยนต์รอ เห็นธาวินแล้ว
แต่ทำไมโงนเงนแปลกๆ ผู้ชายอีกคนเปิดประตูรถให้ ฟีนิกซ์พุ่งออกไปคว้าแขนของธาวินไว้

“ธามกลับบ้าน! ทำไมเป็นแบบนี้”
 ฟีนิกซ์รวบร่างบางไว้ในวงแขน เห็นเพียงดวงตาที่ปรือปรอย

“กลับๆ ง่วงจัง” เสีงที่พูดก็อู้อี้จนฟังแทบไม่รู้เรื่อง

“เห้ย! อะไร ธามมากับผม นายเป็นใคร นี่ก็เวลางาน”

“จะนอน”
ธาวินซบลงที่แผ่นอกของเขาย่างไม่ผ่อนแรงจนเขาเซไปสองก้าว จึงช่วยประคองไม่ให้ล้ม

“ธามกลับกับพี่! ขึ้นรถ!” ภาสุเสียงดังและเข้าไปฉุดแขน

“ธามจะกลับกับผมเท่านั้น คุณทำอะไรธาม อย่าคิดว่าผมดูไม่ออก
 ง่วงจนยืนไม่ติดแบบนี้ มันปกติหรือไง”
 ฟีนิกซ์เสียงดังใส่เช่นกัน รูปร่างหน้าตาคนตรงหน้าก็ดี แต่กิริยาส่อว่ามีเจตนาไม่ดีกับคนของเขาแน่ๆ

“มันไม่ใช่เรื่องของนาย นี่คนของผม มากับผมก้ต้องกลับกับผมเท่านั้น”
 ภาสุยืนกราน และพยายามจะยัดธาวินเข้าไปในรถ

“คนของมึงเหรอ แต่นี่ธามเมียกู มึงรู้เอาไว้ด้วย ไอ้งานเฮงซวยนั่นน่ะไม่ให้ทำแล้ว
 ออกไปเลย เมียคนเดียวกูเลี้ยงได้ หลีกไปเลย ถ้ายังขวางอีกมึงเจอดีแน่”

“นี่แก ไอ้ๆ เมียบ้าบออะไร หึ้ย”
 ภาสุชี้หน้าคนที่อ้างตัวและคิดจะชุบมือเปิบด้วยมืออันสั่นเทา กระต่ายที่เขาเฝ้ามองมาหลายเดือน
กำลังจะถูกหมาป่าคาบไป

ฟีนิกซ์ยกเท้าถีบประตูรถดังโครมคนเจ้าของรถหน้าซีด เขาพยุงธาวินที่แทบจะรูดลงไปกองกับพื้นไปที่รถ
 วางลงกับเบาะและปรับเบาะให้นอน ก่อนจะออกรถ เขาโกรธตัวเองที่ปล่อยปละละเลยธาวินจนเกือบเสีย
ท่าพวกมากเล่ห์ ฟีนิกซ์ก่นด่าตัวเองไปตลอดทางจนถึงบ้าน

“ธามครับ ตื่นเถอะ” ฟีนิกซ์ตบแก้มนุ่มเบาๆ แต่คนหลับก็ไม่มีทีท่าจะรู้สึกตัว

“ลุงไม้เก็บรถให้ที บอกคุณแม่ให้ด้วยว่าธามไม่สบายนะครับ”
 ฟีนิกซ์ส่งกุญแจรถให้ลุงไม้ที่รับไปและมองคนหลับเลิ่กลั่ก ฟีนิกซ์อุ้มธาวินเข้าบ้านไป
 เปิดประตูห้องนอนเข้าไป ค่อยๆ วางธาวินลงบนเตียง จัดท่านอนให้ เอาหมอนข้างมาให้ก่ายเกย
 และหันไปเปิดแอร์ ก่อนจะกลับมานั่งลงข้างๆ ลูบกลุ่มผมนุ่มไปมา

“เจอแต่เรื่องแย่ๆ ตลอดเลยนะธาม ไม่ปล่อยให้พ้นสายตาแล้ว
 ไอ้หมอนั่นถ้ามันมายุ่งกับธามอีก มันไม่ตายดีแน่”

ฟีนิกซ์นั่งมองคนรักที่หลับลึก และดูท่าว่าจะหลับนานเสียด้วย เขาจึงปล่อยให้นอนและเดินลงไปชั้นล่าง
เพื่อคุยกับผู้เป็นมารดา ไปขอบคุณที่ท่านเตือนสติเขาเมื่อคืนทำให้เขาได้คิดและไปช่วยคนรักไว้ได้

หัวข้อ: Re: incest : บาปร้ายในบ่วงรัก ตอนที่ 21 ฟีนิกซ์~ธาวิน(วิหคเพลิง 2)
เริ่มหัวข้อโดย: เส้นขอบฟ้า ที่ 06-07-2019 21:39:27
ตอนที่ 21  ฟีนิกซ์ ~ ธาวิน (วิหคเพลิง 2)

ธาวินลืมตาตื่นอย่างงงๆ เขามาอยู่บนเตียงนอนที่แสนจะคุ้นเคยนี้ได้ยังไง
ล่าสุดเขานั่งทานอาหารกับคุณภาสุก่อนที่ลูกค้าจะโทรมาเลื่อนนัด พอทานอาหารเสร็จ
ก็พากันกลับ เขารู้สึกง่วงนอนเอามากๆ เหมือนจะได้เจอกับฟีนิกซ์

“ธามครับ ตื่นแล้วเหรอ นอนไปหลายชั่วโมงเลยนะ ไปทานข้าวกันคุณแม่รอ
 โทรบอกพ่อธามด้วยนะว่านอนบ้านนี้น่ะคืนนี้”
ฟีนิกซ์ดึงคนที่ยังมีอาการง่วงอยู่หน่อยๆ ขึ้นนั่ง

“หนิกบอกพ่อให้ทีสิ นะๆ เรากลัวพ่อจะบ่นเอาน่ะ”
ธาวินช้อนตาขึ้น และกะพริบปริบๆ อย่างอ้อนๆ

“ได้สิเดี๋ยวโทรให้ ไปล้างหน้าหน่อยไป คุณแม่บ่นคิดถึงลูกสะใภ้”
ฟีนิกซ์จับแก้มคนรักยืดออกอย่างมันเขี้ยว

“อ๊ะ เจ็บนะ บ้าสิลูกสะใภ้อะไร” ธาวินพูดและเม้มปาก

“หึหึ จะฟ้องคุณแม่ ธามว่าท่านบ้า” ฟีนิกซ์ทำตาพราวแสง

“เราว่าหนิก ไม่ได้ว่าคุณแม่ซะหน่อย”
ธาวินลงจากเตียงด้วยไม่อยากต่อล้อต่อเถียงกับคนเจ้าเล่ห์ ออกอาการเซเล็กน้อย ฟีนิกซ์จึงช่วยพยุง

“เราก็นอนไม่ดึกนะเมื่อคืน ทำไมง่วงแบบนี้ล่ะ”
 ธาวินเปรยๆ ด้วยไม่รู้ว่าเกิดเรื่องอะไรกับตนในช่วงบ่าย

“ล้างหน้าก่อน เดี๋ยวเล่าให้ฟัง”
ธาวินเดินหายเข้าไปในห้องน้ำ สักพักก็ออกมาและรับผ้าขนหนูผืนเล็กไปซับน้ำที่ใบหน้าและลำคอ

“เรียบร้อยแล้ว เล่ามาสิ มีอะไรที่เรายังไม่รู้”
 ธาวินที่ใบหน้าดูสดชื่นขึ้นถามออกมาและทำท่าจะนั่งลงที่ขอบเตียง

“ไปข้างล่าง ทานข้าวก่อน กลางวันยังไม่ได้กินเลยหิวแล้วเนี่ย”

“อ้าว! ทำไมไม่กินล่ะ นิสัยไม่ดี ให้แต่เรากิน ตัวเองเป็นซะอย่างนี้”
 ธาวินทำปากคว่ำใส่อย่างขัดใจ เดินหน้ามุ่ยนำออกไป พอไปถึงห้องรับประทานอาหาร
 ก็พบว่ามารดาของคนรักนั่งรออยู่ก่อนแล้ว

“สวัสดีครับคุณแม่ สบายดีมั้ยครับ”

“จ้ะ สบายดี คิดถึงหนูธาม ตาหนิกไม่ยอมไปรับมาให้แม่ คนแก่ถามถึงทุกวัน ไม่ได้อย่างใจเลยลูกคนนี้”

“งานผมเยอะคุณแม่ก็รู้” ฟีนิกซ์นั่งลงฝั่งตรงข้ามท่าน

“ถ้าไม่พูดว่าป่านนี้หนูธามถูกหนุ่มๆ รุมจีบแล้ว แม่คงไม่ได้เจอหน้า”

“เอ่อ ผมไม่ได้มีใครครับคุณแม่ หนิกยุ่งเลยไม่อยากมากวนน่ะครับ”
ธาวินรีบปฏิเสธด้วยกลัวว่าท่านจะเข้าใจผิด

“ทำตัวเองทั้งนั้น พูดยังไม่ทันจะขาดคำ เกิดเรื่องจนได้”

“เอ่อ มีอะไรกันเหรอครับ” ธาวินหน้าเหวอ

“เราถูกวางยาในอาหาร หลับตรงลานจอดรถเลย นี่ขนาดเจ้าหนิกพามาถึงบ้านปลุกก็ไม่ตื่น อุ้มกันทุลักทุเล”

“แม่ครับ ผมอุ้มของผมได้ ตัวเบาจะตายไป”

“หนิก เราโดนยามาเหรอ ทำไมเป็นแบบนั้น?”
ธาวินถามออกไปเสียงเบา เรื่องที่กลัวเกิดขึ้นจนได้ ขนาดว่าระวังตัวแล้วเชียว ยังพลาดท่า

“อืม ตอนไปพาออกมา ไอ้นั่นมันยังบอกไม่ให้ยุ่งกับธาม มันว่าธามเป็นคนของมัน
 ตกลงธามเป็นคนของใครกันแน่ นี่เรางงไปหมดแล้วนะ”
 ฟีนิกซ์แสร้งทำเป็นน้อยเนื้อต่ำใจและตัดพ้อกลายๆ

“หนิกอย่าเสียงดังสิลูก ดูสิหนูธามหน้าซีดเลย พูดกันดีๆ ไหนลูกบอกว่าเชื่อใจธามไงคะ”
 มารดาปรามลูกชาย

“ขอโทษครับ อยู่ดีๆ ไอ้นั่นจะพาคนรักของผมไปทำปู้ยี่ปู้ยำ ผมไม่ซัดมันคว่ำก็ดีขนาดไหนแล้ว”
 ฟีนิกซ์ยังกรุ่นโกรธไม่เลิกเมื่อพูดเรื่องนี้ขึ้นมา

“เราไม่รู้เลย เค้ากล้าทำอะไรแบบนั้นได้ยังไง จะมองหน้ากันติดได้ไงแบบนี้
 สายงานเราขึ้นตรงกับเขาด้วยสิ”

ธาวินมีสีหน้าลำบากใจและวิตกกังวล งานที่กำลังไปได้สวยต้องมาสะดุดด้วยคนเพียงคนเดียว

“ยังคิดจะกลับไปทำอีกเหรอ ไม่ให้ทำแล้ว ออกไปเลย”
ฟีนิกซ์ขึ้นเสียงอย่างเหลืออด ทำไมไม่รู้จักหลาบจำนะ

“หนิกอย่าใช้อารมณ์สิลูก ธามเป็นฝ่ายเสียหาย อันที่จริงเราฟ้องเอาเรื่องเขาได้นี่ลูก”
 มารดาออกความคิดเห็นและคอยปรามลูกที่ดูจะหัวร้อนมากขึ้นทุกที

“ไม่ฟ้อง ผมจะกลับไปกระทืบมัน คนแบบนั้นต้องสั่งสอนให้สำนึก เลวนัก”
 ฟีนิกซ์พูดด้วยอารมณ์ที่คุกรุ่น

“โหดไป อันที่จริงเรายังปลอดภัยดีอยู่” ธาวินพูดไม่เต็มเสียงนัก

“จะรอให้เสียหายก่อนเหรอถึงค่อยเอาเรื่องมัน เราไม่เข้าใจธามเลย คิดอะไรอยู่เนี่ย
 รู้บ้างมั้ยว่าเราน่ะอยากห่ามันซะด้วยถ้าทำได้ ทำไมธามไม่อะไรเลย”
 ฟีนิกซ์ขบกรามจนเป็นสันนูน

“แม่ว่าธามเลิกเป็นคนใจดีได้แล้ว เรื่องบางเรื่องถ้าเรายอม คนผิดก็จะได้ใจ
 และไปก่อเรื่องกับคนอื่นอีกเรื่อยไป”
 มารดาเตือนสติ คนรักของลูกดูจะอ่อนต่อโลกมากเกินไป

“นั่นสิครับคุณแม่” ลูกชายเห็นด้วยกับมารดา

“เราจะไม่ไปทำงานที่นั่นแล้ว ขอให้เลิกแล้วต่อกันเถอะ นะหนิก ธามขอ”

“ว่าไงลูก รับปากสิ ธามเครียดแล้ว อ้าว! น้ำตาร่วงเลย”

“ก็ได้ๆ อย่าร้องไห้เลย กินข้าวเถอะ เราหิวแล้ว” ฟีนิกซ์ใจอ่อนยวบที่เห็นน้ำตาของคนรัก

“ขอโทษที่ทำให้หนิกไม่ได้กินกลางวัน”

“ไม่เป็นไร กินแซนด์วิชกับกาแฟไปแล้วแหละ ระหว่างที่รอธาม”

“นี่หนิกตามเราไปถึงที่นั่นเหรอ ไม่เห็นรู้เลย” ดวงตายาวรีเบิกกว้าง

“ตามตั้งแต่หน้าบริษัท จะรับออกมากินมื้อเที่ยงด้วยกัน”

“แย่จัง ฮึก ขอโทษนะหนิก ลำบากหนิกเลย”

“ขี้แยจริงหนูธาม พากันกินข้าวเถอะ เดี๋ยวเจ้าลูกชายแม่จะโมโหหิวจับเรากินแทนข้าวเอานะ
 แม่ยิ่งอยากได้ลูกสะใภ้เร็วๆ อยู่ด้วยสิ”

มารดาเย้าจนธาวินต้องรีบเช็ดน้ำตา และเก้อเขินกับคำพูดของท่าน

“เอ่อ ทานข้าวกันครับ นี่น่าทานมากเลยฮะ”
 ธาวินหันมาสนใจมารดาของคนรัก เพื่อเปลี่ยนเรื่อง เพราะตอนนี้หน้าของเขาร้อนวูบวาบไปหมดแล้ว

“เข้าใจเลี่ยงนะ”
ฟีนิกซ์มองหน้าคนรักที่แก้มขึ้นสีระเรื่อ ขี้เขินอีกแล้ว จับกินซะคืนนี้เลยเป็นไง
จะไม่ให้เหลือซากเลยคอยดู ฟีนิกซ์หมายมาดภายในใจ

ฟีนิกซ์ชำเลืองดูคนรักที่ดูจะเก้ๆ กังๆ ตั้งแต่อาบน้ำเสร็จ ทำอย่างกับว่าไม่เคยมาค้างด้วยกัน
เขายกยิ้มคว้าผ้าเช็ดตัวเดินเข้าห้องน้ำ ใช้เวลาอาบน้ำนานพอควร อยากให้คนที่เข้านอนก่อน
ลดอาการตื่นตูมลง พอออกจาห้องน้ำมองไปบนเตียง คนที่นอนหงายอยู่ดีๆ ก็เปลี่ยนท่าหันหลังให้เขาฉับพลัน

“ยังไม่นอนเหรอ โกรธอะไรหรือเปล่า ดูแปลกๆ นะ”

“ไม่ๆ ง่วงแล้ว” ธาวินปิดปากหาวหวอด

“เราก็คบกันมานาน ธามรักเราบ้างมั้ย”

“รักสิ หนิกไม่มั่นใจอะไร เรื่องวันนี้เราไม่ได้อยากให้มันเกิด เราไม่ได้มีใครนะ”
ธาวินพลิกกลับมา พูดเสียงสั่นเครือ

“เราให้ครอบครัวที่สมบูรณ์ไม่ได้ ไม่มีงานแต่ง มีลูกให้ก็ไม่ได้
 ธามคงอยากหาผู้หญิงที่จะมาเป็นแม่ของลูก ในสักวันก็เป็นได้ใครจะรู้”

ฟีนิกซ์พูด น้ำเสียงไม่มั่นคงและหวั่นวิตกจนคนฟังรู้สึกได้

“ทำไมล่ะหนิก ทำไมถึงคิดแบบนั้น เราไม่ได้ต้องการแบบนั้น เราขอแค่คนที่รักเราจริงๆ
 ดูแลกันยามเจ็บไข้ ไม่ทิ้งกันในตอนที่เจอเรื่องร้ายๆ และไม่ปล่อยมือเมื่อเราทำตัวน่าเบื่อ
 แค่นี้เองที่เราต้องการ หนิกให้เราไม่ได้แล้วเหรอ ไหนบอกว่ารักเรา หนิกบอกรักเราก่อนนะเราจำได้
…พอเรารักตอบ ฮึก ทำไมล่ะ ทำไมเปลี่ยนใจไม่รักเราแล้ว ทำไมล่ะฮึก”

 ธาวินซบหน้ากับหมอนสะอื้นจนตัวโยน ฟีนิกซ์ตกใจรีบถลาเข้าไปรวบกอด

“ไม่ร้องนะธาม เรารักธาม รักมากขึ้นทุกวันไม่เคยเปลี่ยน ธามน่ารักใครเห็นใครก็รัก
 เรามีเวลาให้กันน้อยลง เจอกันยากขึ้น เราแค่กลัวใครจะมาพรากธามไปจากเรา”

“เราไม่ได้ใจง่ายรักใครไปทั่วนะ เราไม่ต้องการแต่งงาน เราไม่ได้อยากมีลูก
 ขอแค่มีลมหายใจและได้รักกันก็เพียงพอแล้วจริงๆ”

 ทั้งสองกอดกันอย่างแนบแน่น ธาวินพรมจูบไปทั่วใบหน้าของฟีนิกซ์อย่างขวัญเสีย
 ด้วยกลัวจะสูญเสียคนตรงหน้าไป  ธาวินช้อนตาขึ้นมองคนตัวโตกว่าที่ยกยิ้มพอใจกับคำพูดของเขา

นี่เป็นครั้งแรกก็ว่าได้ที่ธาวินเป็นฝ่ายเริ่มก่อน ธาวินผลักฟีนิกซ์ให้นอนราบลงกับเตียงก่อนที่จะตามขึ้นคร่อม

“……………” เกิดความเงียบงันไปชั่วครู่

ธาวินประคองใบหน้าของฟีนิกซ์ไว้ด้วยสองมือ ก่อนที่จะกดจูบลงบนริมฝีปากหนา
อย่างรวดเร็วและสอดลิ้นร้อนเข้าไปในโพรงปากฉกชิมความหวานข้างใน
ฟีนิกซ์อ้าปากให้ร่างเล็กดูดลิ้นของเขาได้ถนัด ดวงตาปรือฉ่ำน้ำพริ้มปิดลง
เขาตื่นเต้นและไม่คิดว่าธาวินจะกล้าแสดงออกด้วยภาษากาย กล้าเข้าหาทั้งที่หัวค่ำ
ยังดูเก้อกระดากที่จะอยู่กันตามลำพัง และการกระทำนี้ธาวินหารู้ไม่ว่านับแต่วินาทีนี้
มันจะไม่เหมือนเดิมอีกต่อไปสำหรับความสัมพันธ์ของพวกเขา

ตอนนี้ฟีนิกซ์เองก็ไม่สามารถที่จะจัดการกับอารมณ์ความต้องการที่กำลังปะทุอยู่ภายใน
มันเต้นเร่า สูบฉีด และกู่ร้องอยู่ภายในใจ อยาก ครอบครองเป็นเจ้าของ ฟีนิกซ์โอบมือ
ไปรั้งต้นคอของธาวิน เขาผละปากออกและตวัดร่างของคนรักลงมานอนราบ
สลับตำแหน่งอย่างที่ควรจะเป็น ดวงตาเรียวสีสวยมองสบมา ไม่มีอาการหวั่นหวาดให้เห็น

“รักธาม” ฟีนิกซ์ฝังใบหน้าลงที่ต้นคอหอมกรุ่น งับเบาๆ และทิ้งรอยแสดงความเป็นเจ้าของ

“อื้ออ อ๊ะ” ธาวินครางลอดลำคอออกมา รู้สึกขนลุกและเสียววาบไปยังไขสันหลังเมื่อถูกสัมผัสแนบชิด
และลมหายใจที่อีกคนรินรดต้นคอและหลังใบหู ทำให้ธาวินเกิดอารมณ์ร่วมและใคร่ที่จะเรียนรู้มากกว่านี้
เปิดประสบการณ์ใหม่และคนที่จะสอนก็อยู่ตรงหน้าแล้ว เขาจึงเอื้อมมือไปสัมผัสแผ่นหลังเปลือย
และผ้าเช็ดตัวที่พันช่วงล่างไว้หมิ่นเหม่ก็หลุดร่วงไป ร่างกายกำยำ สมส่วนและกล้ามแขนบวกกับกล้ามท้อง
ที่เรียงตัวสวยนั้นทำให้ตาพร่าจนเผลอป่ายมือไปลูบไล้ เสียงหอบหายใจหนักและออกจะสั่นน้อยๆ ของฟีนิกซ์
ทำให้ธาวินย่ามใจ เขาไล้มือต่ำลงและยกยิ้มเมื่อคนบนร่างหลุดคราง

“อึ่ก อื้มม ไม่กลัวแล้วหรือไง อ่าห์”
เสียงพูดกระเส่าข้างใบหูและปากชื้นอุ่นก็ฉกมาที่ติ่งหูยิ่งทำให้ธาวินขนลุกและตัวสั่นสะท้าน

“มะ ไม่ ถ้าเป็นหนิก” เสียงที่พูดออกไปเบาหวิว

“เด็กดี น่ารัก”
ชุดนอนหลุดลุ่ยและพ้นไปจากตัวเมื่อยินยอมให้ฟีนิกซ์ปลดออก
ฟีนิกซ์คลี่ยิ้มอย่างพึงพอใจก่อนจะประกบปากจูบกันต่อ

“อืม ดี อย่างงั้นแหละคนเก่ง”
ทั้งสองตวัดลิ้นรุกไล่กันอย่างไม่มีใครยอมใคร และฟีนิกซ์ก็ผละริมฝีปากออก
พร้อมกับซุกไซ้ซอกคอขาว สูดดมความหอมเฉพาะตัว กลิ่นกายที่คุ้นเคยและตอนนี้
มันได้กระตุ้นความต้องการดิบเถื่อนภายในได้เป็นอย่างดี เขาสูดดมความหอมเข้าไป
จนสุดปอดและแลบปลายลิ้นเบาๆ ที่รอยรักที่เขาฝากไว้สองรอย ธาวินเจอเข้ากับลิ้นร้อน
และสัมผัสแนบชิดที่ดุนดันที่หน้าขาอดที่จะตัวสั่นไม่ได้

“อื้อ หนิก สะ เสียว อ๊ะ เจ็บ!”
ธาวินสะท้านกาย ไหวระริกด้วยความเสียวซ่านเมื่อถูกขบเม้มยอดอกพร้อมกับสร้างรอยรักไปด้วย
และสัมผัสบีบเคล้นหนักเบาที่ก้อนเนื้อสะโพกอย่างเต็มๆ มือพาให้หวามไหวในอก

“อื้อ หนิก” เสียงสั่นพร่าเรียกชื่อของเขาไม่หยุด ฟีนิกซ์จับมือของธาวินมากอบกุมที่แกนกายของเขา
 ทันทีที่ความแข็งขืนสัมผัสกับมืออุ่นนุ่มเขาก็สูดปากเมื่อธาวินแตะต้องลูบไล้ใช้นิ้ววนคลึงเบาๆ ส่วนหัวที่ปริ่มน้ำ

“อ่า คนดี เก่งมาก”
ฟีนิกซ์เอ่ยชมและเอื้อมจับส่วนอ่อนไหวของคนรักที่สงบนิ่ง ใช้มือรูดรั้งขึ้นลงช้าๆ ตามความยาว
จนมันขยายขนาดขึ้นมา คนตัวเล็กครางออกมาเสียงสั่นและหอบหายใจ กัดริมฝีปากด้วยความเสียดเสียว
และปล่อยมือจากแท่งร้อนของเขา ไต่มือมาลูบไล้เรือนกายของเขาจนเขาต้องก้มลงขบเม้มตุ่มไตเป็นรางวัล
มือของฟีนิกซ์ยังคงชักรูดไม่หยุดและเร่งจังหวะเร็วขึ้นเมื่อธาวินเกร็งหน้าท้องกระตุกและปลดปล่อยน้ำรัก
ออกมาเต็มฝ่ามือของเขา ธาวินอ่อนปวกเปียกหายใจหอบ ฟีนิกซ์ยิ้มหื่นและจับร่างของธาวินให้นอนคว่ำ
หยิบหมอนมารองใต้สะโพก ทำให้เห็นถึงความขาวเนียนที่ลอยเด่นยั่วสายตาจนลมหายใจสะดุด
ช่องทางสีชมพูที่ปิดสนิททำให้ความกระสันอยากพุ่งขึ้นสูง

“น่ารักเกินไปแล้วธาม” พูดเสร็จก็ละเลงน้ำรักจนชุ่มนิ้วเรียวก่อนจะสอดนิ้วเข้าไปในช่องทางสีชมพูหนึ่งนิ้วก่อน
 ธาวินสะดุ้งส่ายหน้ากับหมอน เขาจึงลูบคลึงสะโพกปลอบขวัญก่อนจะสำรวจความลึกและแคบนั้นต่อไปอย่างช้าๆ
 และพานิ้วที่สองและสามตามไป เขาแช่ข้อนิ้วในโพรงอุ่นที่เต้นตุบโอบรัดนิ้วทั้งสามแน่นเข้า

“อย่าเกร็งสิธาม ผ่อนคลายนะ”
 ฟีนิกซ์กัดกรามด้วยความที่เห็นภาพตรงหน้าแล้วจินตนาการว่าหากเป็นแท่งร้อนที่เสียบคา
และถูกรัดแบบนี้คงดีไม่น้อย ตัวตนของเขาที่แข็งชันปวดหนึบขึ้นมาอีกระลอก เขาเริ่มขยับนิ้วเรื่อยๆ
 และถูกจุดเสียวกระสันเข้าทำเอาธาวินโก่งก้นเข้าหาจนสุดปลายนิ้ว

‘แม่ง เอ็กซ์ชิบ จะฆ่ากันหรือไงวะ’
ฟีนิกซ์ย้ำๆ ตรงศูนย์รวมความสุข ก้นขาวๆ ของธาวินลอยโด่งและส่ายไปมา
เขาหมดความอดกลั้นจึงถอนนิ้วออกจนหมดและรูดรั้งแท่งร้อนก่อนจะสอดเข้าไปที่รอยจีบที่ขมิบรอ
ฟีนิกซ์คืบตัวตนของเขาเข้าไป พอส่วนหัวผลุบเข้าไปได้จึงดันอีกหนึ่งจังหวะผ่านไปได้เพียงครึ่งลำ
ธาวินก็ผวาเฮือก มือกำผ้าปูที่นอนแน่นและช้อนตาที่คลอไปด้วยน้ำใสๆ มองมา ฟีนิกซ์จึงหยุดและนวดเฟ้น
หน้าท้องเนียนและลูบไล้สะโพกกลมอย่างปลอบขวัญ เขากำลังปวดหนึบจนต้องขบกรามและดันแท่งร้อน
เข้าไปในความอุ่นจัดของธาวินอีกครั้งจนสุดและแช่ตัวอยู่อย่างนั้น

“ขอโทษนะธาม เจ็บใช่มั้ย อย่าเกร็ง ผ่อนคลายนะ”

“อือ เจ็บ หนิกๆ อย่าเพิ่งขยับนะ”
 คนตัวเล็กร้องบอก และเมื่อคุ้นชินความรัดรึงก็คลายลง

“ขยับเถอะ อ้า ช้าๆ นะ อ๊ะ เบาๆ”
ร่างแกร่งค่อยๆ สาวสะโพกสอบจากช้าๆ เบาๆ กดย้ำซ้ำๆ ตรงจุดกระสันของธาวิน
เขาแหงนหน้าและจับเอวคอดดึงเข้าหาตัวเป็นจังหวะ ตีเบาๆ ที่ก้อนเนื้อกลมเพราะผิวขาวใส
ทำให้ขึ้นรอยง่าย แต่ยิ่งเห็นความใหญ่โตที่ถูกธาวินกลืนหายเข้าไปในช่องทางสีสวยด้วยแล้ว
อารมณ์ดิบเถื่อนยิ่งทวีขึ้นตามลำดับ เขาจับธาวินมาอุ้มไว้โดยแขนแกร่งรองใต้แก้มก้นไว้

 ธาวินหวีดร้องและคว้าคอเขาไว้กันตก เขาขยับโยกกดคนรักลง คนตัวเล็กฝังรอยฟันที่หัวไหล่ของเขา
ท่านี้ทำให้แนบชิดจนไม่มีช่องว่าง

“อื้อ หนิก ลึกไป สะ เสียว”

“คนดี เสียวก็ครางออกมา หนิกอยากได้ยิน ไม่ต้องกลั้น”

“อะ อื้อ หนิก เบาๆ อ้า”
เราร่วมรักกันในท่านี้จนเหงื่อผุด กลิ่นเหงื่อผสมกับกลิ่นกายอบอวลไปทั้งห้อง

ฟีนิกซ์นั่งลงพิงหัวเตียงทั้งที่เรายังเชื่อมกันอยู่ เขายกก้นของธาวินขึ้นและดึงลงสามสี่ครั้ง

“ธามลองทำ เหนื่อยก็หยุดได้ครับ ให้ธามคุมเกมเองเลย”
 ฟีนิกซ์พูด ความแนบชิดและการเห็นตัวตนของกันมาขนาดนี้ ไม่หลงเหลือความอายอีกต่อไป
 ธาวินทำตามที่คนรักบอก ถึงจะไม่เคยมาก่อนแต่เมื่อคิดที่จะเรียนรู้แล้วเขาจึงไม่มีอิดออด

“อื้มม อย่างนั้น คนเก่ง อ่าห์”

“ซี๊ด หนิกๆ อ่า สะ เสียว อ๊ะ”
ธาวินขึ้นควบเองเสียวเอง ฝ่ามือนุ่มกดลงที่หน้าท้องของฟีนิกซ์และยกตัวขึ้นขยับเร็วขึ้น
หนักหน่วงขึ้น ใบหน้าแหงนเงยไปข้างหลัง หอบหายใจถี่กระชั้น ฟีนิกซ์เสียวจนแทบอดกลั้นไม่ไหว
 เขาจึงจับคนตัวเล็กลงนอนและเป็นคนควบคุมเกมนี้เสียเอง

~ พั่บ พั่บ พั่บ ~

“อื้อ หนิก แรงอีก อ๊ะ อย่าหยุด หนิก หนิก จะไปแล้ว อ๊ะ!!”
ธาวินเสียววาบในช่องท้องจนร้องขออย่างลืมอาย

“พร้อมกันนะที่รัก ซี๊ด อ่าห์”
ฟีนิกซ์กระหน่ำตอกอัดแท่งร้อนในร่องรักจนธาวินไถลไปตามจังหวะกระแทกกระทั้นนั้น
มือแกร่งดึงสะโพกของคนตัวเล็กเข้าหา เป็นการเมคเลิฟที่ดิบเถื่อนและเร้าอารมณ์อย่าง
ที่ไม่เคยพบเจอจากใครมาก่อน การได้ครอบครองในครั้งนี้จึงเป็นการปลดปล่อยที่ถึงพริกถึงขิง
ที่สุดและยาวนานที่สุด ก่อนที่สองร่างจะเกร็งกระตุกและฉีดพ่นน้ำรักออกมาท่วมท้นหน้าท้อง
และส่วนที่เชื่อมต่อกันก็เอ่อท้น เขาขยับอีกสามสี่ที มันอุ่นร้อนและไม่ฝืดอีก ฟีนิกซ์ทิ้งตัวลงซบที่อกของคนตัวเล็ก

“หยุด อย่าขยับ ธามง่วง เอาออกก่อน”

“ขออยู่แบบนี้สักพักนะ รักธามนะ”

“อื้ออ รักเหมือนกัน ไม่คิดมากแล้วนะหนิก”

“ครับ ไม่คิดแล้วเรื่องนั้น แต่กำลังคิดเรื่องนี้…”
ฟีนิกซ์ขยับแท่งร้อนที่ยังไม่สงบลงง่ายๆ

“อ๊ะ บอกว่าอย่าขยับไงหนิก อื้อออ”
ฟีนิกซ์ยกยิ้มเมื่อถูกฝ่ามือบางฟาดที่แผ่นหลังของเขา รอคอยมานานจะปล่อยให้นอนง่ายๆ
ได้ยังไง อีกอย่างปล่อยให้นอนมาเยอะแล้วตั้งแต่บ่าย แล้วนกผีก็จับธามน้อยกินจนแสงทอง
ของวันใหม่สาดส่องเข้ามาทางหน้าต่าง 



หัวข้อ: Re: incest : บาปร้ายในบ่วงรัก ตอนที่ 22 มันคืออะไร?
เริ่มหัวข้อโดย: เส้นขอบฟ้า ที่ 06-07-2019 21:51:54
ตอนที่ 22 มันคืออะไร?

หนึ่งปีผ่านไป ยูฟ่าหายจากโรคร้ายและยูโดกลับเข้ามาช่วยงานบริษัทของบิดาตามที่เคยรับปากไว้
ธุรกิจเติบโตขึ้น ยูโดเป็นที่รู้จักในวงการอสังหาริมทรัพย์ เขาก้าวขึ้นมาแทนที่บิดาได้อย่างภาคภูมิ
สองพี่น้องยังคงให้การดูแลใส่ใจกันเหมือนเดิม มารดาเดินทางขึ้นเหนือเป็นว่าเล่น

ยูฟ่ามองความสัมพันธ์ของพ่อกับแม่อยู่ห่างๆ แม้ทั้งสองจะยังไม่หย่าร้างกันในทางกฎหมายด้วยบิดายื้อไว้
แต่สองคนพี่น้องก็หวังว่าในท้ายที่สุดมารดาของพวกเขาก็คงอภัยและยอมจับจูงมือกันไปจนวาระสุดท้ายของชีวิต

“คุณแม่จะไปเชียงใหม่เหรอครับ ยูขับรถไปส่งที่สนามบินให้มั้ย”

“เดี๋ยวพ่อไปส่งเอง ยูอยู่บ้านก็ทบทวนบทเรียนเถอะ หาที่เรียนไปพลางๆ
 สนใจที่ไหนหรืออยากกลับไปเรียนที่เดิมก็บอกเดี๋ยวพ่อจัดการให้”

“ยูจะเรียนทางด้านอาหารครับคุณพ่อ”

“งั้นเหรอ ชอบที่ไหนก็บอกพ่อแล้วกัน”

“ครับคุณพ่อ แล้วนี่คุณพ่อให้โดไปดูงานกี่วันครับ นี่ก็สองวันแล้วยูติดต่อโดไม่ได้เลย”

“คงจะราวๆ ห้าวัน”

“อ่อ…ครับ” ยูฟ่าทำหน้ามุ่ย เห็นมารดายกกระเป๋าลงมาจึงรีบเข้าไปช่วย

“ยูช่วยครับ คุณแม่อย่าไปหลายวันนะ ยูเหงา” ยูฟ่าเอนศีรษะพิงไหล่มารดาอย่างอ้อนๆ

“จ้ะ สามวันก็กลับ อยากเลี้ยงขนฟูมั้ยพี่ตะวันฝากถามมา” อุไรลูบหัวลูกชายอย่างรักใคร่

“เอาๆ อยากได้ คราวหน้ายูไปด้วยดีกว่า แล้วชีวิตรักพี่ตะวันล่ะเป็นยังไงบ้างครับ”
 ยูฟ่ากระดกหัวมองมารดาและยิ้มประจบ

“เอ่อ ลุงเราน่ะยังไม่ยอมรับง่ายๆ หรอกเรื่องแบบนี้ แต่เท่าที่แม่ดูนะ ลุงไผทแค่ท่ามากไปอย่างนั้นเอง
 เด็กคนนั้นก็น่ารักดีนะ ใสซื่อเสียด้วย แต่ป่านนี้ยังเหมือนไม่รู้ตัวว่าพี่ชายเราน่ะขายขนมจีบให้นะ”

“เดย์น่ะเด็กดีจริงๆ นะครับ พี่ตะวันถึงหลงรักไงครับ พี่ตะวันงุ่มง่ามไปหน่อยมั้ย เฝ้าเป็นปีๆ ยังไม่ก้าวหน้า”

“จ้ะ เชียร์กันเข้าไป นี่พี่เราไปหาขนฟูตัวน้อยมาอีกสองตัวเพราะหนูเดย์รักสุนัข พี่เราน่ะเจ้าเล่ห์มั้ยล่ะใช้แผนนี้น่ะ”
 ริมฝีปากสีสวยที่เคลือบลิปสติกจนมันวาวขยับพูดไม่หยุด

“งั้นยูขอถอนคำพูด บอกพี่ตะวันเลี้ยงไว้เองเถอะถ้าจะลงทุนขนาดนั้น ยูให้โดพาไปเลือกซื้อเองดีกว่า
 จะส่งมาให้ยังไงหนทางไม่ใช่ใกล้ๆ”

“จ้ะ ตามใจเรา แม่ไปแล้วนะเดี๋ยวตกเครื่อง ดูแลตัวเองดีๆ นะลูก”

“ครับคุณแม่” แม่ลูกกอดและหอมกันไปสักพักก่อนที่จะผละไปขึ้นรถที่ติดเครื่องยนต์รออยู่

‘อยู่คนเดียวอีกแล้ว คิดถึงโดจัง’

(ฮัลโหล ยูว่างมั้ย ไปซื้อของเป็นเพื่อนหน่อย ไปทานกลางวันด้วยเลย)

“ว่างมากๆ มาเลยนะแกม”

(อืม เจอกันนะ)

ยูฟ่าวางสาย วันเหงาๆ วันนี้ได้แกมม่าเพื่อนรักมาพาออกไปเปิดโลกอีกวัน ยูฟ่าขึ้นไปเปลี่ยนชุด
เปลี่ยนเป็นเสื้อเชิ้ตสลิมฟิตสีเทากับกางเกงยีนผ้ายืด เขามองตัวเองในกระจกที่ดูเพรียวบาง
ผมสีน้ำตาลที่ยาวประบ่า ดวงตาหวานสวยทำให้คนรอบข้างมักพูดให้ได้ยินบ่อยๆ ว่าน่ารัก
รองเท้าผ้าใบสีขาวมีลวดลายเล็กน้อยทำให้ดูคูลเข้าไปอีก คว้าเป้ใบย่อมขึ้นสะพายหลัง

รีบออกจากห้องนอนเมื่อได้ยินเสียงรถ

“เฮ้! แกม รอเดี๋ยว อ้าว!”

เท้าเป็นอันต้องหยุดกึก เมื่อเป็นรถของยูโดและยูโดกำลังเปิดประตูให้หญิงสาวที่มีใบหน้ารูปไข่สวยหวาน
 ปากที่ยกยิ้มหุบลงในทันที คิ้วขมวดมุ่นและเย็นวาบไปถึงไขสันหลังเมื่อยูโดประคองเด็กสาวคนนั้นพาเดินเข้าบ้าน
และนั่นเธออยู่ในชุดคลุมท้องด้วย

“อ้าว! ยูกำลังจะไปไหนน่ะ กนกรดานี่ไงพี่ยูคู่แฝดของพี่ ยูนี่น้องดาจะมาอยู่กับเราที่นี่”
เด็กสาวพนมมือไหว้ทักทายและส่งยิ้มมาให้ ยูฟ่าพยักหน้ารับ เด็กสาวคนนี้จะมาอยู่ที่นี่
เธอเป็นใครและมาอยู่ในฐานะอะไร คำถามผุดขึ้นมาในหัว

“พี่ให้คนจัดห้องไว้ให้แล้ว เข้าไปนั่งก่อนเถอะ”

“ยู นี่ยังไม่บอกเลยนะว่าจะไปไหนน่ะ” ยูโดหันมาทวงถามเอาคำตอบ

“ไปข้างนอก เดี๋ยวแกมจะมารับ นั่นไงมาพอดี ไปก่อนนะ”

“เดี๋ยวก่อนสิยู อย่าเพิ่งไป ยู” ยูโดตะโกนเรียกแต่ยูฟ่าเดินไม่เหลียวหลัง

“พี่โดคะ น้องดาปวดหลัง”

“เอ่อ งั้นเข้าบ้านกัน”

ยูฟ่าหันมองน้องชายที่ประคองคนท้องเข้าบ้าน เอาใจใส่อย่างกับตัวเองเป็นพ่อของเด็กในท้อง
ตกลงมันยังไงกันนะ ภาพที่เห็นคิดเป็นอย่างอื่นไปไม่ได้เลยจริงๆ หรือตลอดเวลาที่เขาป่วย
และยูโดเดินทางเข้ากรุงเทพฯ บ่อยๆ และช่วงนี้ที่หายไปบ่อยครั้งและครั้งละหลายวัน

 จะให้คิดเป็นอย่างอื่นได้ยังไงกัน

“ยูฟ่า เห้ย! เป็นอะไร เรียกจนคอจะแตกแล้ว เหม่ออะไร มีเรื่องเครียด?”

“เอ่อ ไม่มีอะไร แค่กำลังหาร้านนั่งชิลด์และคิดหาที่เที่ยวก็เท่านั้นเอง”

“น่าเชื่อตายละ เราเป็นเพื่อนกันมากี่ปี ดวงตาคู่นี้ของยูน่ะเคยซ่อนอะไรได้บ้าง ไหนบอกมาซิว่าเป็นอะไร?”

“ฮึก ไม่มีอะไร จริงๆ นะแกม ฮึก”
ยูฟ่ากลั้นสะอื้น น้ำตาเริ่มรินไหลอย่างกักเก็บไว้ไม่อยู่อีกต่อไป

“อ้าว!” แกมม่าอุทานได้เพียงคำเดียวเมื่อหันไปมองคนนั่งข้างๆ ที่ตอนนี้เผยความอ่อนไหวออกมา
 คงต้องปล่อยไปก่อน เขาจึงเลี้ยวรถเข้าไปยังสวนสุขภาพข้างหน้า จอดรถใต้แนวต้นไม้ใหญ่
และปล่อยให้เพื่อนรักร้องไห้จนพอใจ สักพักจึงดึงเข้ามากอดลูบหลังไปเบาๆ

ถ้าเดาไม่ผิดคงเป็นเรื่องของคู่แฝดอีกตามเคย ยูฟ่าดันตัวออกจากบ่าของเขา

“ขอบคุณนะแกม ยูไม่เป็นไรแล้ว เราไปต่อกันเถอะ” ยูฟ่าพูดไปเช็ดน้ำตาไป ปลายจมูกแดงก่ำ

“ยูโดทำอะไรให้เสียใจอีกล่ะสิ เห็นก็รักกันดีนี่นา ดูแลใส่ใจยิ่งกว่าพี่น้องบ้านอื่นอีก
 แล้วยังไงตอนนี้ ไม่สนใจ ไม่มีเวลาให้หรือว่าติดหญิง เห้ย! ขอโทษ พูดอะไรผิดวะ
 ไม่ร้องแล้วนะยูตาช้ำหมดแล้วเนี่ย”

แกมม่าต้องดึงยูฟ่าเข้ามากอดปลอบอีกครั้ง คงมีสักคำที่ไปจี้โดนใจเข้าให้
 แกมม่ามองว่าครั้งนี้เขาคงต้องรับหน้าที่หนักแน่ๆ 

“แกม โดพาผู้หญิงท้องเข้ามาเมื่อตะกี้ ฮึก ขะ เข้ามาที่บ้าน บอกว่าเธอจะมาอยู่ด้วย
 มันหมายความว่าไง ฮึก สองคนนั้นเป็นอะไรกัน ฮือออ”

 แกมม่านิ่งอึ้ง อาการหวงน้องนี่เอง รูปการณ์ก็บอกอยู่แล้วตามที่เห็น
 หากจะให้แน่นอนก็คงต้องถาม แต่อาการขวัญเสียอย่างหนักขืนออกความเห็นอะไรออกไป
จะไม่ยิ่งไปกันใหญ่หรือไง แกมม่ากลุ้มใจรู้สึกหนักอึ้งในหัวสมองตอนนี้เหลือเกิน 

‘ถ้านั่นเป็นเมียของยูโด ทำไมยูฟ่าต้องเสียใจอย่างกับคนรักนอกใจ หึ้ย หรือว่า…สองพี่น้อง?
 ชักจะยังไงแล้วสิ ถ้ายูหลงรักน้องตัวเอง หรือว่าสองคนนี้มีอะไรที่คนนอกไม่รู้ โอ๊ย…’

“แกมบอกยูที สองคนนั้นเป็นอะไรกัน ฮือออ”
 เสียงคร่ำครวญอย่างกับเจ็บปวดเสียเต็มประดา คำถามที่ยากจะตอบนี่อีก

‘หากพูดไปแล้วมันไม่ใช่ ถ้าไม่ใช่ขึ้นมาล่ะ’

“ยูเราเป็นเพื่อนรักกันมานาน ยังมีเรื่องที่แกมไม่รู้อีกใช่ไหมระหว่างยูกับโด
บอกได้มั้ย ขอถามนะ ยูรักโดเกินกว่าความเป็นพี่น้องหรือเปล่า?”

 แกมม่าถามสิ่งที่ค้างคาใจ ยูฟ่าผละตัวออกจากบ่าของเขาและมองมาทั้งน้ำตา

“อื้ม”
ยูฟ่าพยักหน้า คำตอบรับสั้นๆ ที่ได้ยินทำเอาแกมม่าใจหาย ยิ่งกว่าฟ้าถล่มลงมาตรงหน้าเสียอีก

‘นั่นไง คราวนี้จะทำไงต่อล่ะ ถ้ายูโดจะพาเมียเข้าบ้านจริงๆ ตายแน่ๆ
ไอ้เพื่อนบ้าสองตัวเวลาต้องการตัวช่วยมันหายหัวไปไหนกันหมดนะ
 ทำไงได้ตอนนี้ก็รับผิดชอบไปดิแกม ไปล่วงรู้ความลับเขาเข้าแล้วนี่’

“เอิ่ม…แล้วโดล่ะ มันรักยูแบบนั้นด้วยหรือเปล่า” แกมม่าถามคำถามต่อมา

“…อื้ม” เป็นคำตอบรับสั้นๆ อีกตามเคยที่คนฟังเข้าใจได้ไม่ยาก
ที่ยากในตอนนี้ก็คือ…ในเมื่อทั้งสองใจตรงกัน แล้วเรื่องผู้หญิงท้องตอนนี้ล่ะ คืออะไร?

“ยูต้องกลับไปถาม อย่าปล่อยให้คาใจ ถ้าว่ารักกัน…ก็ต้องพูดความจริงต่อกัน”

“ไม่นะแกม ยูไม่อยากรู้คำตอบ ถ้าเป็นอย่างที่ยูคิด ถ้านั่นเป็นคนของโด เด็กในท้องนั่นด้วย ไม่นะ ฮือออ”

“ยูใจเย็นๆ ก่อน ยูจะมาปวดใจคนเดียว หลบปัญหาแบบนี้ ไม่กล้าสู้ความจริง
อย่าเลย…อย่าปล่อยให้มันคาใจถ้าไม่รักกันแล้วก็ปล่อยกันไปไม่ดีกว่าเหรอ…ถึงมันจะยาก…ก็ต้องทำนะยู”

“ยูยังไม่พร้อม แกมอย่าบังคับ วันนี้ขออยู่กับแกมนะ คุณแม่ก็ไม่อยู่ ยูไม่รู้จะทำตัวยังไงกับสองคนนั้น
 สับสนไปหมด กลัวด้วย” ยูฟ่าส่ายหน้าและคว้ามือเขาไปบีบอย่างทำอะไรไม่ถูก ดูสับสน
และทั้งความเศร้าและความเสียใจต่างๆ ดูจะประดังประเดจนจัดการกับอารมณ์ตัวเองไม่ถูก
 เขาคงปล่อยให้กลับบ้านตอนนี้ไม่ได้จริงๆ

“ได้ๆ ยูยังไม่ต้องกลับบ้านก็ได้ จนกว่ายูจะพร้อม เราอยู่ตรงนี้นะข้างๆ ยู เลิกร้องได้แล้ว
 ไปหาข้าวกินกัน ไปไกลหน่อยก็ได้ ออกนอกเมืองไปเลยดีมั้ย?” แกมม่าหันมาเอาใจเพื่อน

“ขอบคุณนะแกม ขอบคุณจริงๆ” แกมม่าตบบ่ายูฟ่าไปเบาๆ เจ้าตัวผละไปนั่งหลับตานิ่ง
และตลอดการเดินทางยูฟ่าไม่ปริปากพูดอะไรออกมาอีกเลย แกมม่าเหลือบมอง
เขายังเห็นปลายหางตาของเพื่อนมีน้ำตาขัง นึกเห็นใจ รักที่เปิดเผยไม่ได้และยังหาความแน่นอน
ไม่ได้แบบนี้คงแย่เอาการ

‘เข้มแข็งนะยู ก้าวผ่านมันไปให้ได้ ขออย่างเดียวอย่าหนีปัญหา อย่าหายไปอีก’

แกมม่าพายูฟ่าออกมากินกุ้งแม่น้ำที่เจ้าตัวโปรดปราน ทุกทีจะกินคนเดียวหมดเป็นกิโล
แต่วันนี้กินนับตัวได้เลย สุดท้ายก็นั่งเขี่ยข้าวอย่างใจลอย

“ยูกินอีกหน่อยเถอะนะ เดี๋ยวเราพาไปดูพระอาทิตย์ตกที่ท้องทะเล ไปนอนเกาะสักคืน”

“แกมทำงานไม่ใช่เหรอ ยูไม่เป็นไร”

“เราฝากงานกับลูกน้องไว้แล้ว เถอะน่าเราพาไปได้ อย่าคิดมาก เสื้อผ้าใส่ของเราไปก่อน ท้ายรถมี”

“อื้ม…” ยูฟ่ารับคำอย่างล่องลอย

“ไม่กินแล้วก็ไปกันเถอะ จองที่พักไว้คืนนึงแล้ว ไปเหอะเดี๋ยวเรือข้ามฟากจะหมดซะก่อน”
แกมม่าฉุดแขนยูฟ่าให้ลุกจากเก้าอี้ เจ้าตัวทำตัวไร้กระดูกไม่พอ ยังทำซะไร้ชีวิตชีวาด้วย
เขาจะเติมสีสันให้ชีวิตเพื่อนยังไงดีนะ

‘จะดึงรั้งมันออกมาจากไอ้สีเทาๆ หม่นๆ นี่ยังไงได้บ้าง เฮ้อ…’

แกมม่าขนสัมภาระไปหนึ่งกระเป๋า ทั้งสองใช้เวลาอยู่ในเรือสี่สิบห้านาที
ท้องน้ำสีเขียว ฝูงนกที่บินว่อนและโฉบลงบนผิวน้ำเพื่อจับปลากินเป็นอาหารมีให้เห็นตลอดเส้นทางเดินเรือ
สายลมที่ปะทะใบหน้ามาพร้อมกับไอร้อนเพราะเป็นช่วงปลายของฤดูร้อน ฝนตั้งเค้ามาแต่ไกล

ยูฟ่าทอดตามองไกลออกไปอย่างไม่มีจุดหมาย ดวงตาภายใต้กรอบแว่นกันแดดสีดำไม่สามารถบ่งบอก
ได้เลยว่าเจ้าตัวกำลังรู้สึกเช่นไร นอกจากอากัปกิริยาที่สิ้นหวังและเหนื่อยล้าที่แกมม่าพอจะดูออก
ไม่มีสายโทรเข้าจากยูโดเลยเท่าที่แกมม่าสังเกต นี่ก็ล่วงเข้าบ่ายจัดแล้ว

‘รักกันแบบไหนนะ ปล่อยให้คนที่ตัวเองรักพ้นจากสายตาไปได้เกือบเต็มวันแบบนี้’

หัวข้อ: Re: incest : บาปร้ายในบ่วงรัก ตอนที่ 23 เติมพลังให้ชีวิต
เริ่มหัวข้อโดย: เส้นขอบฟ้า ที่ 30-08-2019 19:57:56
ตอนที่ 23 เติมพลังให้ชีวิต

เมื่อขึ้นจากเรือ ยูฟ่าจึงสะพายเป้ใบน้อยไว้ด้านหลัง แกมม่าเกรงว่าเกาะเล็กๆ
แห่งนี้สัญญาณโทรศัพท์อาจจะไม่มี จึงเอ่ยกับเพื่อนรัก

“ยูไม่โทรบอกคุณพ่อล่ะว่าไม่กลับบ้าน”

“บอกแล้วตอนเข้าห้องน้ำที่ท่าเรือ ก่อนลงเรือน่ะ อีกอย่างไม่มีใครห่วงยูแล้วนอกจากคุณพ่อ”
 น้ำเสียงเหงาๆ และริมฝีปากที่เม้มเข้าหากันแน่นทำให้แกมม่าไม่กล้าเซ้าซี้อะไรต่ออีก

 ‘ยูไม่เหมาะกับความเศร้าเลย รู้ตัวมั้ย?’ แกมม่ามองอย่างเห็นใจ

“เช่ามอไซค์นะ เดี๋ยวเราให้ยูซ้อนท้าย พาไปหาที่ถ่ายภาพสวยๆ ที่นี่มีเยอะเลย” แกมม่าเปลี่ยนเรื่องคุย

“อื้อ…ขี่ได้แน่นะคุณหนูแกม อย่าพาตกเขาล่ะ ยูกลัวเจ็บ” ยูฟ่าตบบ่าแกมม่าเบาๆ อย่างหยอกเย้า

“เฮอะๆ ก็เคยมีคนเกาะท้ายเป็นสก๊อยมาก่อนหรอกน่าตอนมัธยมน่ะ ทำเป็นลืม”
แกมม่าค่อยคลายกังวลลงบ้าง เมื่อเพื่อนตัวเล็กกว่าเริ่มจะปรับอารมณ์

“เช่าเหมาสามร้อยแต่ถ้าไม่อยากขี่เอง นู่นเลยครับพี่ สองร้อยห้าสิบมีคนขับสามล้อน่ะฮะ
 แวะจุดสำคัญหลักๆ ก็สี่จุดฮะ สนใจแบบไหนบอกได้” เด็กหนุ่มผิวกร้านแดดนำเสนอ

“พี่ขอเช่าเหมาแล้วกัน สามร้อยใช่มั้ยคืนเดียว”

“ใช่ครับ นี่ฮะกุญแจ ถ้ายังไงพรุ่งนี้พี่จะกลับก็เอารถมาจอดบริเวณนี้ได้เลยนะ
กุญแจเสียบคาไว้ได้ไม่มีหายครับ” เด็กหนุ่มเจ้าของรถจักรยานยนต์ให้เช่าพูดอย่างเป็นกันเอง

“ดีเนอะที่เกาะนี้ไม่มีขโมย”

“ครับ เราชุมชนชาวเกาะอยู่แบบพี่แบบน้อง หากไม่ได้รับความสะดวกอะไรบอกได้นะครับ
โทรมาตามเบอร์นี้ได้เลยหลังแผ่นพับครับ เป็นแผนที่ท่องเที่ยวของเกาะเรา”
 เด็กหนุ่มยื่นแผ่นพับให้กับแกมม่า เจ้าตัวรับมาและยูฟ่าคว้าไปเปิดดู

“เจ๋ง! เราลุยกันเลยเถอะยู” แกมม่าทำท่ากระตือรือร้นจนออกนอกหน้า

“ที่พักจองไว้แล้วใช่ไหมฮะ เที่ยวให้สนุกนะ” เด็กหนุ่มยิ้มโชว์ฟันขาว

“อืม พักบนเขาโน้นแน่ะ” แกมม่าตอบก่อนหันไปขึ้นคร่อมและยูฟ่าซ้อนท้าย
 สองหนุ่มออกตัวไปตามเส้นทางของแผนที่ ยูฟ่าเคยใฝ่ฝันว่าจะไปเที่ยวเกาะทางใต้กับยูโด
 นึกอยากดำน้ำดูปะการังที่มีหลายๆ คนคิดว่าเป็นหินหรือพืชน้ำแต่จริงๆ พวกมันคือสัตว์ทะเล

 เขาอยากจะลองพายเรือคายัคผ่านช่องแคบของหุบเขา สำรวจทิวทัศน์ชายน้ำที่ไม่เคยเห็น
 แต่ความฝันมาพังทลายไม่เป็นท่า

‘ไม่เป็นไรการมาเกาะครั้งแรกกับเพื่อนรักก็คงไม่แย่เกินไป
 อีกอย่างทะเลภาคตะวันออกก็สวยเหมือนกัน ออกจะเงียบสงบดีด้วย’

‘เติมพลังสักหน่อย…จะมีอะไรแย่ไปกว่าที่เห็นก็ให้มันรู้ไป เอาชนะโรคร้ายมาได้
 ชีวิตที่เหลือก็ต้องใช้มันต่อไป เมื่อถึงเวลาทุกคนก็ต้องไปยังจุดที่ตนมา’
 เขาคิดอย่างทดท้อและปลงๆ ในเวลาเดียวกัน เขาคงใกล้จะเป็นไบโพลาร์เข้าไปทุกทีแล้ว

ยูฟ่าชี้ชวนให้ดูฝูงหมูป่าที่เดินตัดข้ามทางอย่างไม่ได้กลัวรถที่ผ่านไปมาเลยสักนิด
เนื้อตัวเจ้าพวกนี้ก็เปรอะเปื้อนไปด้วยดินโคลน ตัวเล็กสุดก็เดินตามเจ้าตัวโตไม่ห่าง

“หมูป่า น่ารักเนอะยู”

“อื้อ น่ารัก นั่นๆ ลิง แกมขี่ช้าๆ สิ หูย…หน้าเหมือนๆ กันด้วย แฝดรึเปล่านะพวกนายน่ะ”
 ยูฟ่าร้องถามออกไปตามนิสัยแต่เดิมไม่มีผิด

“เออว่ะ ลงไปถามหน่อยมั้ยยู” แกมม่าพูดพร้อมกับกลั้วหัวเราะจึงถูกมือน้อยๆ โบกมาบนหัวดังป้าบ
 เขาอมยิ้ม พอสถานที่เปลี่ยนอารมณ์คนก็เปลี่ยนได้อย่างไม่น่าเชื่อ

“แกม แวะเลยจะไหว้พระขอพร แต่จะเดินไหวรึเปล่าต้องขึ้นไปบนนู่น
 ฮึ้บ…ไหวสิเนอะไหนๆ ก็มาถึงแล้ว” ยูฟ่าพูดเองเออเองเสร็จสรรพ

“ช้าๆ ค่อยๆ เดินสิยูจะรีบไปไหน เรามีเวลาอีกเยอะ เดี๋ยวไหว้พระเสร็จเรามาเสี่ยงเซียมซีกันนะ”

“ได้สิ นี่หวยใกล้ออกเหรอมีลอตเตอรี่ขายเยอะขนาดนี้”

“ก็แหล่งท่องเที่ยวไง ที่ไหนๆ ก็มีขาย ยูจะซื้อเหรอ”

“ไม่ๆ ยูไม่เคยมีโชคลาภหรอกซื้อไปก็ไม่ถูก สู้เอาเงินไปหยอดตู้บริจาคตรงนั้นดีกว่า”
 ยูฟ่าชี้ไปที่ตู้บริจาคที่วางเรียงราย

“ชู่วว พูดซะคนขายลอตเตอรี่ไม่กล้าเข้ามาตื้อเลย”
 ทั้งสองไหว้พระขอพรเสร็จก็พากันเสี่ยงใบเซียมซี แกมม่าชะโงกหน้าไปอ่านของเพื่อน

“แม้นเนื้อคู่ ก็แสนดี เป็นที่หนึ่ง อย่าพรั่นพรึง บอกตรง ไม่มีสอง จะสมรส สมรัก นักปกครอง
 ไร้จิตหมอง มีแต่สุข ทุกเวลา ดีมากๆ เลยนะยู เราว่านะอาจจะแค่เรื่องเข้าใจผิดก็เป็นได้นะ”

แกมม่าลูบตบบ่าเพื่อนที่ส่งยิ้มเนือยๆ มาให้

“ไหนของแกม ยูดูบ้างสิ” ยูฟ่าชะโงกไปขอดูของแกมม่าแต่เจ้าตัวเอาไปซ่อน

“ไม่มีอะไรมาก แค่ว่ายังไม่มีโชคลาภ…ให้รอไปก่อน”

“อ้าว! อะไร ทำไมสั้นนักล่ะ ทีของยูมายืนอ่านออกเสียง ขี้โกงนี่หว่า” ยูฟ่าเหลือบตามองบน

“หึหึ ไปกันต่อเถอะหนูยู เขางดใช้เสียงครับ คนมองกันใหญ่แล้ว”
 แกมม่าลากเพื่อนออกมาหลังจากที่แวะเติมน้ำมันตะเกียงแล้ว เพื่อชีวิตที่สว่างไสว
พ้นความมืดมน ความรักโชติช่วง พวกเขาจึงทำตามความเชื่อที่บอกต่อๆ กันมาอย่างไม่มีตกหล่น

“กลับไปความรักสมหวัง เปล่งประกาย โอม…เพี้ยง”

“เฮ้ย! มาเป่าใส่ยูทำไม เดี๋ยวเหอะ” ยูฟ่าเหลือบตาใส่แกมม่าที่ยักคิ้วและยิ้มกวนๆ

“ค่อยๆ ลงนะยูทางมันชัน จับราวด้วยกันพลาด เดี๋ยวแกมพาไปจุดชมวิวข้างหน้า
แดดกำลังอ่อนแสงหน่อยแล้ว” แกมม่าแวะตามที่บอกไว้ซึ่งอยู่ไม่ห่างจากจุดแรกที่พวกเขาจากมา

ทั้งสองถ่ายภาพด้วยกันไปหลายต่อหลายภาพ แกมม่ามองเพื่อนรักที่ดูผ่อนคลายลง

สองหนุ่มไปที่ชายหาดซึ่งมีคนต่างชาติพอประปราย แต่กลุ่มคนไทยที่พากันมาแบบยกครัวก็มีให้เห็น
มากเหมือนกัน ทั้งเด็กเล็กและคนชรา เพียงแค่สั่งอาหารเขาสองคนก็ได้นั่งเตียงผ้าใบแล้ว

ลมทะเลที่พัดเข้าหาฝั่งเย็นสบาย มีไอฝนปะปนมาด้วย

แกมม่าสั่งอาหารทะเลที่สดใหม่ เนื้อหวาน ราคาไม่แพงแถมรสชาติถูกปากอีก
 ยูฟ่าจ้วงยำคนเดียวเกือบหมดจาน

“แกมซื้อเสื้อมัดย้อมตรงหัวมุมนั้นหน่อยนะ สีสวยดี ได้ยินว่าเป็นผ้ามัดย้อมมาจากทางเหนือ”
นิ้วเรียวชี้ไปยังร้านค้าบนเนินสูง

“ได้ๆ เอามาซักน้ำเปล่า ปล่อยให้ลมโกรกไม่นานก็แห้ง เช้าใส่ได้เลย”
แกมม่าพูดนำ คนฟังตาวาวพยักหน้าเห็นด้วย ใครเห็นคงไม่ว่าเขาเห่อหรอกนะ

ยูฟ่าซื้อแบบคอกลมสีน้ำเงินสองตัว และสำหรับสตรีด้วยตัวหนึ่ง แต่เสื้อตัวที่ซื้อต่างไซส์ออกไปนั้น
แกมม่าเดาว่าคงไม่พ้นซื้อไปฝากยูโด แกมม่ามองความเคยชินที่เพื่อนรักมีให้กับคู่แฝด
ซื้ออย่างไม่รู้เนื้อรู้ตัว ซื้อทั้งที่ยังคาใจ แกมม่าได้แต่มองและไม่ได้ทักท้วงอะไร
เขาซื้อด้วยเช่นกันตั้งใจใส่พรุ่งนี้เช้า

ทั้งสองแวะจุดชมวิวสุดท้ายเพื่อเก็บภาพ พวกเขาเจอคู่แต่งงานที่มาถ่ายพรีเวดดิ้งที่จุดนี้พอดี
 แนวต้นไม้ใหญ่ที่เรียงรายเป็นทิวแถวเป็นองค์ประกอบที่ทำให้จุดนี้ดูมีมนต์ขลัง
 แม้ว่าจะเหลือใบไม้คาต้นไม่มากเพราะเป็นช่วงที่ต้นไม้ผลัดใบแต่ความงามของฤดูกาลก็ไม่ได้
ลดน้อยลงมากนัก หากผลิใบใหม่ก็จะกลับมาให้ร่มเงากับหมู่นกกาและผู้คนเหมือนเดิม

เขาอดไม่ได้ที่จะทอดสายตาไกลออกไปทางโพ้นทะเล อดไม่ได้ที่จะย้อนคิดเรื่องของตนเอง

‘ดีแค่ไหนที่ชีวิตยังคงอยู่ ได้เห็นผู้คน ท้องฟ้า ท้องน้ำ รวมทั้งผืนดินที่หยัดยืน
 แล้วยังได้เห็นเพื่อนที่ดีคนหนึ่งที่อยู่ข้างๆ กันแบบนี้’

“แกม…ขอกอดหน่อย” ยูฟ่าพูดเสียงแผ่ว
แกมม่าจึงสวมกอดตามคำขอพลางยกยิ้มและวางคางไว้บนบ่าของยูฟ่า
 เส้นผมอ่อนนุ่มปลิวไปตามกระแสลม ไม่มีคำพูดใดหลุดจากปากของพวกเขา
จนกระทั่งยูฟ่าเป็นฝ่ายเอ่ยขึ้นก่อน

“ขอบคุณนะแกมที่เรายังได้พบเจอและอยู่ตรงนี้ด้วยกัน ขอบคุณ”

“ไม่เป็นไร” แกมม่ากระชับกอดและลูบแผ่นหลังเป็นจังหวะเบาๆ ถือว่าการมาครั้งนี้ไม่สูญเปล่าจนเกินไป

ที่พักของสองหนุ่มอยู่บนเนินเขาสูง ทางลาดชันมาก ทั้งสองต้องเดินเท้าไปตามขั้นบันได
 มีเด็กหนุ่มตัวผอมดำมานำทางไปยังที่พัก

“ยูเหมือนคนอายุสักแปดสิบเลยแกม  เหนื่อยมากๆ หายใจแทบไม่ทัน
 ไม่เคยเดินเยอะเหมือนวันนี้เลย แถมต้องขึ้นบันไดสูงนี่อีก ถ้ามีผู้สูงอายุมาด้วยคงต้องให้ขี่คอ
พากันกระย่องกระแย่งขึ้นมาแหงๆ เลย” ยูฟ่าพูดไปหอบหายใจไปด้วย

“มีรางเลื่อนให้ใช้ครับสำหรับคนชราและคนท้อง” หนุ่มน้อยพูด ทำเอาแกมม่าอุทานเสียงดัง

“อ้าว! เฮ้ย! ทำไมไม่ให้พวกเราขึ้นกันล่ะ อ้อ…เออก็เรายังไม่เข้าข่ายชรานี่เนอะ
 แต่ก็ใกล้เคียงแล้วล่ะ ฮะฮ่า” แกมม่าพูดเสร็จก็ลงท้ายด้วยเสียงหัวเราะ

ทั้งสองขึ้นบันไดกันมาอย่างทุลักทุเลพอควร

“เฮ้อ…ถึงซักที ยูขอดูวิวนอกระเบียงก่อนนะ” ยูฟ่ารีบเดินไปเปิดประตูระเบียง

“อู้ฮู!! แกมๆ สวยมาก มาดูๆ เห็นทั้งท้องฟ้า ท้องน้ำและแนวเขา นั่นๆ
 ตรงนู้นน่ะมีที่สำหรับตกหมึกด้วยนะ โอ้โห…ดีเลยแหละ ราคาก็ไม่แพง
แถมไม่ต้องเดินทางไกลเป็นวันๆ แต่มาหมดสภาพตรงขึ้นที่พักนี่แหละ”

 ยูฟ่าพูดไม่หยุดเมื่อได้เห็นทิวทัศน์ทะเลจากมุมห้องพัก

“ห้องพักก็พอใช้ได้แต่มีคนรีวิวไว้ว่าเอ่อ…ไฟตกเกือบทั้งคืนทำให้นอนไม่ค่อยหลับ
 เพิ่งอ่านเจอน่ะยู ขอโทษด้วยนะพามาลำบาก”

 แกมม่าพูดเสียงไม่ดังนัก เพราะว่ารีบร้อนมากันทำให้ไม่ได้ดูให้ดีก่อนจอง

“ช่างเหอะไหนๆ พวกเราก็มากันแล้ว ถ้าจะเอาสะดวกสบายเห็นทีต้องอยู่บ้านแล้วแหละ
ไม่ซีเรียสน่าแกม แค่พามาก็ขอบคุณมากแล้ว”

 ยูฟ่าเอ่ยปากเมื่อเห็นเพื่อนรักหงอยๆ เพื่อนยอมอุทิศเวลางานมาอยู่เป็นเพื่อนทั้งวันทั้งคืนถือว่าดีมากแล้ว
 เขาจะกล้าเอาความอะไรได้อีกล่ะ

“อืม บอกให้เตรียมตัวเตรียมใจไว้ก่อนน่ะ ไปอาบน้ำได้แล้วหนูยู จะได้มานอนพัก”
แกมม่าจัดแจงให้ยูฟ่าอาบน้ำก่อนเพราะดูท่าทางล้าเต็มที

ยูฟ่าหยิบผ้าเช็ดตัวสีขาวที่พับวางไว้ที่ปลายเตียงแล้วเดินเข้าห้องน้ำ
ไม่นานก็ออกมาพร้อมเสื้อยืดคอกลมสีขาวกับกางเกงขาสั้นตัวจิ๋วที่แกมม่าให้ยืม

สองเกลอนอนคุยเล่นพักเดียวก็เงียบเสียงกันไป แกมม่าห่มผ้าให้เพื่อนที่หลับไปแล้ว
 ใบหน้าดูอ่อนวัยน่าถนอม เขาแอบหวังว่าเรื่องที่ยูฟ่าปรับทุกข์ให้ฟังคงเป็นเรื่องเข้าใจผิด
 พรุ่งนี้ยูโดคงมีคำอธิบายและคำตอบดีๆ ให้กับยูฟ่าก็อาจเป็นไปได้

‘ไม่ชอบเลย ไม่อยากให้ยูเศร้า’

ก่อนจะปิดเปลือกตาลงแกมม่าเหลือบไปเห็นข้อความในแชทไลน์ของยูฟ่า
 ข้อความมากมายไหลลื่นเข้ามา แม้ไม่ต้องกดเข้าไปอ่านก็อ่านจากหน้าจอนี้ได้เลย

Judo: ยูครับอยู่ไหน อย่าเป็นแบบนี้ โดเป็นห่วงยูมากที่สุดเลยนะ

Judo: กลับมาคุยกัน มันไม่ใช่อย่างที่ยูเห็น

Judo: ตอบหน่อยคนดี โดใจจะขาดแล้ว

Judo: กลับมานะ…โดจะเล่าให้ฟังทั้งหมด

Judo: อย่าเงียบแบบนี้ รักยูคนเดียว

แกมม่ามองแชทไลน์เหล่านั้น เขาได้แต่ทอดถอนใจ เรื่องของคนสองคนที่ไม่รู้ว่าทิศทาง
จะเป็นยังไงกันต่อไป คงช่วยได้แค่อยู่เป็นเพื่อนปลอบใจแค่นั้น ที่เหลือให้สองคนคุยกันเอาเอง





หัวข้อ: Re: incest : บาปร้ายในบ่วงรัก ตอนที่ 24 เชื่อได้ไหม
เริ่มหัวข้อโดย: เส้นขอบฟ้า ที่ 30-08-2019 20:08:59
ตอนที่ 24 เชื่อได้ไหม

ในห้องรับประทานอาหาร ช่วงค่ำของบ้านโสภณวิชญ์ ยูโดนั่งหน้าบอกบุญไม่รับ
คอยแต่ชะเง้อคอมองออกไปตรงรั้วบ้าน ค่ำแล้วเขายังติดต่อยูฟ่าไม่ได้จนพาลให้กินอะไรไม่ลง

“พี่โดคะ น้องดาขอผัดผักเพิ่มอีกหน่อยค่ะ” หญิงสาวเพียงคนเดียวที่ร่วมโต๊ะพูดขึ้น

“อ่อ..เอาสิ” ยูโดเลื่อนจานไปให้ตรงหน้า เขาไม่มีอารมณ์จะบริการใครแล้วตอนนี้

“พี่โดยังไม่เห็นทานเลยสักคำ เป็นอะไรหรือเปล่าคะ” กนกรดาถามขึ้น

“นั่นสิ กินๆ เข้าไปจะรออะไร เอ่อ! ถ้ารอเจ้ายูน่ะ ไม่ต้องรอเลย วันนี้บอกกับพ่อว่าไม่กลับบ้าน”

~ เคร้ง ~

ยูโดรวบช้อนและผลักจานข้าวออกห่างตัว ท่ามกลางสายตางงงวยของทั้งผู้สูงวัยและหญิงสาวที่นั่งอยู่ข้างๆ

“ยูโทรบอกพ่อตั้งแต่บ่าย ไม่ได้บอกแกไว้เหรอไง” บิดาเลิกคิ้วถาม

“เปล่าครับ โทรหาไม่ติด” ยูโดพูดเสียงออกจะตึงๆ

“พี่แกน่ะโตแล้วให้เขามีอิสระในการไปไหนมาไหนบ้าง อยู่แต่กับบ้านคงจะอุดอู้
 คงอยากจะออกไปเปิดหูเปิดตาละมั้ง ปล่อยๆ ไปบ้างเถอะ” พ่อพูดอย่างไม่ทุกข์ร้อน

“ยูไม่ค่อยระวังตัว เกิดเป็นอะไรขึ้นมาล่ะครับ” ยูโดพูดแถมสีหน้ายังเรียบตึงและน้ำเสียงก็กระด้างไปด้วย

“ไม่มีอะไรหรอกน่ะ แกก็ห่วงไม่เข้าเรื่อง กินข้าวไป” บิดาส่ายหน้าที่เห็นท่าทีของลูกชาย ห่วงกันไม่เข้าท่า

“ผมไม่หิว ขอไปเดินเล่นหน่อยครับ” ยูโดลุกพรวดแล้วเดินออกไปหน้าบ้าน

“หนูดากินเข้าไปเยอะๆ อย่าไปสนใจเจ้าโดเลย มันก็เป็นแบบนี้แหละ เข้าใจยากไม่เหมือนเจ้ายู
 รายนั้นน่ะอ่อนโยนไม่เคยจะมาทำฟึดฟัดใส่แบบนี้หรอก”

“คุณพ่อดูจะรักพี่ยูนะคะ” กนกรดาชวนคุย

“รักมันทั้งสองคนนั่นแหละ แต่เจ้ายูมันบอบบางน่าเป็นห่วงมากกว่าเจ้าโดก็เท่านั้นเอง”

“อ้อ อย่างนี้นี่เอง”เด็กสาวพยักหน้าและแย้มยิ้มก่อนจะลงมือรับประทานอาหารต่อ

“อีกสองวันแม่เจ้าพวกนี้ก็กลับแล้ว ตอนนั้นเราคงไม่เหงาแล้วล่ะ”

“อ่อ…ค่ะ ดีจัง” เด็กสาวพึมพำ

ยูโดเดินวนไปวนมาอยู่สนามหน้าบ้าน เขากดโทรหายูฟ่าก็ยังคงไม่มีสัญญาณตามเคย
ป่านนี้คงจะร้องไห้งอแง ร้องจนปวดหัวไปแล้ว แกมม่าจะเอาอยู่หรือเปล่า
ไม่ได้เจอกันสองวันพอมาเจอหน้ายังไม่ทันได้กอดให้หายคิดถึงก็หนีออกไป
มีเรื่องที่จะบอกให้รู้ก็ไม่อยู่ฟัง ถ้าให้เดาป่านนี้คงจะคิดอะไรไปเยอะแยะมากมายไปกันใหญ่
ยูโดเดินเข้าบ้านเพื่อไปดูแลคนท้องตามหน้าที่

“พี่โดไม่ทานข้าวหน่อยเหรอคะ เดี๋ยวปวดท้องนะคะ”

“เดี๋ยวพี่หาอะไรเบาๆ ทาน เราเถอะจะอ่านหนังสือหรือว่าจะดูหนัง”

“อ่านหนังสือก็ได้ค่ะ”

“งั้นไปที่ห้องนั่งเล่น อ่านหนังสือแนวไหนล่ะ” ทั้งสองพากันไปที่ห้องนั่งเล่นที่มีโซฟ่าชุดใหญ่ให้นั่ง

“การ์ตูนค่ะ น้องดาเห็นของพี่โดในห้องนอนหลายเล่มเลย นี่ไงคะ หยิบลงมาแล้ว”
กนกรดาหยิบการ์ตูนเล่มหนาชูให้ดู

“อ่านรู้เรื่องเหรอ มันเป็นแนวแฟนตาซีนะพวกนั้น” ยูโดพูดและนั่งลงที่โซฟาตรงข้ามกัน

“อ่านได้ค่ะ ไม่ใช่แนวสยองขวัญเป็นใช้ได้” หน้าหวานๆ ตอบกลับ ยูโดชะงักเมื่อหวนนึก
ไปถึงอีกคนที่กลัวผีแต่ชอบที่จะดูแม้ว่าจะต้องดูไปผวาไปก็ตาม

“ไว้พี่จะหาหนังสืออ่านเล่นมาให้ แต่รอพี่ยูกลับมาก่อน รายนั้นชอบเข้าร้านหนังสือ”
อดไม่ได้ที่จะพูดถึงอีกคนอยู่ดี

“พี่ยูนี่น่ารักนะคะ ทั้งคุณพ่อและพี่โดพูดถึงตลอดเลย แต่ตอนเจอกันเมื่อเช้าไม่เห็นจะยิ้มให้น้องดา
 หน้าก็ออกจะดุๆ ด้วยสิคะ”

“คงเพราะรีบไปน่ะ ปกติยูเป็นคนคุยเก่ง ไม่ดุเลยสักนิด”
 ยูโดพูดและค้านในใจว่าถ้าเรื่องไม่ถึงที่สุดคนนั้นไม่มีทางดุใครแล้วก็ไม่มีใครได้เห็นแน่นอน
 ใจเย็นและใจดีกว่าเขาเยอะ

“ดีค่ะ น้องดาจะได้ไม่เหงาถ้าพี่ยูกลับมา”
 คนท้องพูดอย่างคาดหวัง ถ้าคู่แฝดอีกคนเป็นอย่างที่ได้ฟังคงจะดีไม่น้อย

“อ่อ…อืม” ยูโดปล่อยให้กนกรดาอ่านหนังสือในมือไปเงียบๆ
ส่วนเขาลุกขึ้นเดินไปยังห้องนอนเพื่อไปอาบน้ำ และจะลงมาหานมอุ่นๆ ดื่ม
 ไม่เห็นหน้าคนที่คิดถึงแบบนี้คงหลับไม่ลง ที่สำคัญเขากำลังเป็นห่วงมากๆ เลยด้วย

ชายหนุ่มเดินเข้าไปในห้องนอน กลิ่นหอมประจำตัวของเจ้าของห้องโชยมาปะทะจมูก
จนต้องสูดหายใจเข้าไปจนเต็มปอด สายตาพลันเหลือบไปเห็นเอกสารสมัครเรียน
 เขาพลิกดูอย่างสงสัย หัวคิ้วขมวดเข้าหากันเมื่อเห็นเป็นครอสเกี่ยวกับอาหาร
 หลักสูตรต่างประเทศ สถาบันในเมืองไทยมีออกถมเถที่มีชื่อเสียง ทำไมถึงจะไปเรียนต่างประเทศ
 ใครจะยอมให้ไปไกลหูไกลตาขนาดนั้น เขาคนนึงไม่มีทางให้ไปเด็ดขาด!

ยูฟ่าเดินเข้ามาในบ้านเมื่อช่วงบ่ายจัด เขาเพลียทั้งแดดและง่วงมาก กลางดึกไฟที่เกาะติดๆ
 ดับๆ ตลอดทั้งคืน ทำให้เขานอนหลับๆ ตื่นๆ แทบจะทั้งคืนเหมือนกัน

“กลับมาแล้วเหรอคะคุณยู รับของว่างเลยมั้ยคะ”
 มดแดงเอ่ยทักเมื่อเห็นเจ้านายอีกคนเข้าบ้านมาด้วยท่าทีอิดโรย

“ไม่ล่ะ ขอนอนสักงีบ ง่วงมาก” ยูฟ่ายิ้มอ่อนให้สาวใช้

“ค่ะๆ คุณยูขึ้นไปพักเถอะ”

มดแดงยิ้มให้เจ้านายหนุ่มคนน่ารักของบ้าน ถ้าป้าวรรณรู้ว่ากลับบ้านแล้วคงดีใจ
 รายนั้นเป็นห่วงเป็นใยอย่างกับคุณยูเป็นคุณหนูเล็กๆ ของบ้านเลยทีเดียว
 มดแดงจึงเดินเข้าครัวไปรายงานป้าวรรณเพื่อที่แกจะได้ไม่กระวนกระวาย
คอยแต่จะชะเง้อคอมองออกไปนอกบ้าน

“ป้าวรรณขา คุณหนูยูของป้ากลับมาแล้วนะคะ หน้าตานี่นะอย่างกับไปอดนอนมาทั้งคืนเลยแหละ
 นี่ก็ขึ้นห้องไปแล้วค่ะ บ่นว่าง่วง” มดแดงจีบปากจีบคอรายงานคนเก่าแก่ของบ้าน

“ตายจริง! ที่หลับที่นอนคงไม่สบายตัวละซี คุณยูน่ะหลับง่ายจะตายไป เลี้ยงง่ายมาแต่เล็กๆ แล้ว
 ทำอะไรให้ทานตอนตื่นนอนดีนะ เมนูยำหรือข้าวต้มดีล่ะมดแดง คุณหนูดาอีกคน
 แกไปถามมาทีว่าคุณเขาอยากทานอะไร ถ้าหลับอยู่ก็อย่าไปกวนเธอล่ะ”

ป้าวรรณสาละวนรื้อค้นตู้เย็นไปด้วยและพูดไปด้วย

“งั้นรอแป๊บนะคะ เอ่อ..ป้าวรรณอย่าว่าอย่างงั้นอย่างงี้เลยนะคะ
หนูยังสงสัยไม่หายเลยคุณโดของเราไปรักกับคุณหนูดาของป้าตั้งแต่เมื่อไหร่กัน
 คุณสองคนพี่น้องเคยมีข่าวกับสาวๆ ซะที่ไหน หนูยังเดาว่าทั้งสองคงไม่คิดจะแต่งงานด้วยซ้ำ
 จู่ๆ ก็มีลูก สงสัยนะเนี่ย” มดแดงยังอ้อยส้อยชวนคุยไม่ไปไหน

“เรื่องของเจ้านายน่ะ แกจะรู้ไปทำไม ไปทำหน้าที่ของตัวเองก่อนไป๊
 อีกสามเดือนต้องช่วยเลี้ยงคุณหนูเล็กกันแล้ว” ป้าวรรณใช้มืออันอวบอ้วนของแกโบกไล่

“จ้ะๆ ไม่อยากรู้แล้วก็ได้” มดแดงถอยฉากออกไปก่อนที่ป้าวรรณจะหงุดหงิด
แล้วคว้าตะหลิวมาเคาะหัวแทน ความสงสัยของเธอสุดท้ายก็ยังไม่ได้รับความกระจ่าง


“คุณดาขา ป้าวรรณให้มาถามว่าเย็นนี้อยากจะทานอะไรคะ”

“อะไรก็ได้จ้ะมดแดง แค่พี่โดห้ามไม่ให้ทานรสจัดๆ นอกนั้นทานได้หมด”
คนท้องละสายตาจากหนังสือในมือมาตอบ

“งั้นมดแดงไปบอกป้าวรรณตามนี้นะคะ” มดแดงเดินกลับเข้าไปในครัว

 กนกรดาได้ยินว่าลูกชายคนโตของบ้านนี้กลับมาแล้ว แต่ว่าหนีขึ้นไปนอน
เธออยากจะทำความรู้จักให้มากกว่านี้แต่ยังไม่มีโอกาส มื้อเย็นคงจะได้คุยกัน

“อ้าว! พี่โดเลิกงานไวจังเลยวันนี้” กนกรดาทักขึ้นเมื่อเห็นคนหน้านิ่งของบ้านกลับเข้ามาแต่หัววัน

“อืม พี่เพลียๆ น่ะ ขอตัวไปพักสักหน่อย ค่ำๆ เจอกันนะ”
พูดแค่นั้นแล้วแผ่นหลังกว้างสมส่วนก็ผละขึ้นชั้นบน

ยูโดบิดลูกบิดประตู เท้าก้าวเข้าไปภายในห้องนอน แอร์เย็นฉ่ำสัมผัสผิวกาย
จึงเหลือบตาขึ้นมองตัวเลขแสดงอุณหภูมิ ขี้หนาวแต่ปรับแอร์เย็นขนาดนี้
 แล้วดูตอนนี้ห่มผ้าเกือบมิดเห็นเพียงเส้นผมสีน้ำตาลบางส่วนที่พ้นออกมาเท่านั้น

 สองเท้าก้าวไปหยิบรีโมทมาปรับอุณหภูมิให้อุ่นขึ้น และเดินไปยังร่างที่ขดเป็นก้อนกลมตรงกลางเตียง
 เขาคลายผ้าห่มออกจัดท่านอนให้ใหม่ สอดมือเข้าใต้ร่างและอุ้มร่างที่หลับลึกไม่มีทีท่าจะตื่นนอนวางบนหมอน
 ร่างนุ่มที่แสนจะคิดถึงตลอดทั้งวัน

 เสื้อนอนย้วยๆ กับกางเกงนอนขาสั้นจู๋ หลับตาพริ้ม มีตุ่มคันแดงๆ ตามแขนและขา
แพ้ยุงยังปล่อยให้กัดจนขาลาย ยูโดเลื่อนเปิดช่องเก็บของที่หัวเตียงหยิบตลับยาทาแก้คัน
จากแมลงสัตว์กัดต่อยและควักออกมาแตะแต้มบนตุ่มคันที่เห็นจนทั่วแต่คนขี้เซาก็ไม่มีทีท่าจะตื่น

 ยูโดถอดเสื้อเชิ้ตที่รัดรึงของตัวเองออกและทอดตัวลงนอนตาม ดึงร่างบางนุ่มนิ่มเข้ามากอด
 กดจมูกที่เรือนผมหอม ดึงผ้าห่มมาคลุมแค่ไหล่ก่อนจะปิดเปลือกตาและหลับตามกันไป


ยูฟ่าขยับเปลือกตาก่อนจะลืมตาขึ้น ท่อนแขนที่กอดกระชับและแผ่นอกเปลือยเปล่า
ที่แก้มของเขาแนบอยู่นี้เป็นใครไปไม่ได้เลย ยูฟ่าค่อยๆ คลายแขนที่โอบกระชับตัวเขาออกอย่างแผ่วเบา

‘ไม่ทำงานหรือไง มาทำเนียนกอดกันอยู่ได้ ยังโกรธอยู่นะ’
ยูฟ่ามองเสี้ยวหน้ายามหลับ แม้ว่าจะยังค้างคาใจกับเรื่องเมื่อวานก็ยังอดที่จะใช้มือลูบไล้ดวงหน้าหล่อคมไม่ได้
ชะโงกตัวขึ้นไปกดจูบที่เปลือกตาทั้งสองข้างอย่างคิดถึงและงับเบาๆ ที่ปลายจมูกอย่างเผลอไผล

“จะลักหลับกันหรือไง ตื่นนานหรือยัง หืม…” ดวงตาคมกล้ามองสบกับดวงตาคู่สวย

“อะ เอ่อ เพิ่งตื่น ทำไมกลับเร็วล่ะวันนี้” ยูฟ่าถามกลับแบบตะกุกตะกักด้วยไม่คิดว่าอีกคนจะรู้สึกตัวไว

“ทิ้งงานมา คิดถึงยูจะแย่” ยูโดดึงคนตัวนุ่มเข้าหาและประกบปากทาบทับกับเรียวปากบาง
 ขบเม้มดูดดึงกลีบปากทั้งบนและล่างอย่างโหยหาและแสนรัก

“อื้อ…หมาอ้วนพอก่อน” ยูฟ่าขยุ้มกลุ่มผมของคนตัวหนาอย่างเคยมือ

“ยังไม่หายคิดถึงเลย หนีไปเที่ยวไหนมา โกรธได้ไหมครับ หืม”

“ใครน่าจะโกรธมากกว่า อธิบายมาเลยนะ เดี๋ยวนี้!”
ยูฟ่าดันตัวออกจากแขนแกร่งทันทีและฉุดให้คนตัวโตลุกตาม
 ดวงตาวาววับอย่างกับมีลูกไฟ เมื่อเรื่องเมื่อวานผุดขึ้นมาในหัว

“ผู้หญิงของโด เธอกำลังอุ้มท้องลูกของโดด้วยใช่มั้ย บอกยูมานะ”
คำถามที่ยูฟ่าเตรียมมาตลอดทางกลับบ้าน คำตอบยังไม่ทันได้รับ
 หัวใจเจ้ากรรมกลับสั่นระรัวอย่างหวาดหวั่น ภายในอกเสียดแน่น
 อึดอัดราวกับจะหายใจไม่ออก

 ยูฟ่ากัดริมฝีปากจนรู้สึกเจ็บจึงต้องคลายออก
ก้อนสะอื้นวิ่งขึ้นมาจุกลำคอ กระบอกตาร้อนผ่าวและน้ำตาแห่งความอ่อนแอก็ห้ามไม่อยู่อีกต่อไป
ยูโดกอบกุมแก้มนวลด้วยสองมืออันสั่นเทา กรีดปลายนิ้วปาดน้ำตาออกให้อย่างเบามือ
 เสมือนว่ายูฟ่าเป็นกระเบื้องเคลือบเนื้อบางหากสัมผัสหนักมือไปจะแตกร้าวไปเสียก่อน

“เธอไม่ใช่ผู้หญิงของโดแต่เด็กในท้องเป็นลูกของโด แล้วเด็กก็จะเป็นลูกของเราในอนาคตนะครับยู”
 ยูโดพูดอย่างระมัดระวังถ้อยคำที่สุด และรวบร่างบางเข้าสู่แผงอกอีกครั้ง

“วะ ว่าไงนะ! เด็กในท้องลูกโด ทำไม โดทำแบบนี้กับยู ไม่รักแล้วทำไมไม่บอก
ให้ยูกลับมาที่นี่อีกทำไม เกลียดอะไรยูนักถึงต้องทำกันขนาดนี้ ใจร้าย! ฮึก เลือดเย็น!
 อยากเห็นยูตายทั้งเป็น โดทำมันสำเร็จแล้ว เจ็บ เจ็บจนจะตายอยู่แล้ว ฮึก ฮือ”

ยูฟ่าสะบัดตัวออกจากกกกอดแต่ถูกรั้งไว้ด้วยกอดที่กระชับแน่นกว่าเดิม

“ปล่อย! เราไม่มีอะไรต้องพูดกัน เชิญนายอยู่กับคนของนายและเด็กคนนั้น
 ไม่ต้องทำอะไร นายชนะ ฮึก เรายอม พอแค่นี้…แค่นี้ก็เกินพอแล้ว ปล่อยสิ!
 ฮึก เจ็บเจียนตายเป็นแบบนี้เอง ฮือออ”

ยูฟ่าดิ้นหนี ภายในใจเจ็บปวดเหมือนมีมือที่มองไม่เห็นมาบีบเคล้นหัวใจจนแทบแหลกเหลว
 อยากหยุดหายใจตั้งแต่วินาทีแรกที่ได้ยิน ลูกของยูโดจริงอย่างที่เขาคิดไว้ไม่มีผิด

“ยู ที่รัก อย่าเป็นแบบนี้ ฟังโดอธิบายก่อน ทั้งหมดเพราะคุณพ่ออยากได้ทายาท
คุณพ่อจะไม่ยุ่งกับเรา ขอเพียงแค่มีหลานให้ท่าน ไม่ใช่ว่าโดอยากจะมีลูก
โดไม่ได้อยากมี โดไม่ชอบเด็กยูก็รู้”

 ยูโดละล่ำละลักบอก เขาจะไม่ปล่อยคนในอ้อมกอดนี้ไปไหน หากยังไม่เข้าใจกัน

“หน้าไม่อาย นายนอนกับเธอจนมีลูกด้วยกัน เมื่อวานก็พาเธอเข้ามาอยู่ในบ้าน
นายทำได้ยังไงทั้งที่เรายังอยู่ทั้งคน นายยังจะโยนความผิดไปให้คุณพ่อ
 นายมันเลวเกินคนแล้ว เรามันโง่ที่หลงรักคนอย่างนาย พอเถอะไม่ต้องพูดแล้ว
 ตลอดเวลาที่ผ่านมาที่เคยบอกว่ารัก มันเรื่องโกหกสินะ ฮึก”

 ยูฟ่ากลั้นสะอื้นจนตัวโยนและพยายามใช้สองมือผลักยูโดออกจากการกอดรัด

“ที่บอกว่ารักหมดหัวใจและชีวิตนี้จะรักยูไปจนวันตาย มันคือเรื่องจริง เชื่อในรักและหัวใจของโดเถอะนะยู”

ยูโดร้องไห้ เขาเจ็บจนจะทนไม่ไหวเหมือนกันที่ยูฟ่าไม่เชื่อในความรักที่เขามีให้
 จากวันนั้นจนวันนี้ความรักนั้นไม่เคยน้อยลงเลย

“โดไม่ได้นอนกับเธอ ไม่เคยสักครั้ง เธอท้องเพราะวิธีทางการแพทย์ เชื่อโดนะ ถามคุณพ่อก็ได้
 เด็กคนนั้นเกิดจากการทำกิ๊ฟท์จริงๆ พอเธอคลอด เด็กในท้องจะเป็นสิทธิ์ของเรา
 เธอจะได้เงินแล้วไปจากที่นี่มันเป็นข้อสัญญา จริงๆ นะยู”

 ยูโดพูดพร้อมกับกอดรัดยูฟ่าแนบอก เขาปล่อยยูฟ่าตอนนี้ไม่ได้
 หากปล่อยให้หลุดออกไปได้ เขาคงต้องสูญเสียยูฟ่าไปตลอดกาล
 คนคนนี้ใจเด็ดและเกินจะคาดเดาทำไมเขาจะไม่รู้

“เชื่อโดเถอะคนดี คุณพ่อถามว่าเราสองคนใครจะเป็นคนให้น้ำเชื้อ
 ตอนนั้นโดตัดสินใจเป็นตัวเลือกให้คุณพ่อแทนยู ถ้าผิดก็แค่เรื่องนี้ที่ไม่ได้ถามยูก่อน
จริงนะยู เชื่อเถอะนะ” ยูโดพยายามเกลี้ยกล่อม

“หยุดซักที! เห็นยูโง่นักใช่ไหม ฮึกฮือ นายมันใจร้าย!”

“โดไม่อาจรักใครหรือมีใครได้ชีวิตนี้ นอกกายก็ไม่เคยสักครั้ง
 คนที่โดจะมีสัมพันธ์ด้วยแค่ยูเพียงคนเดียวจริงๆ”
ยูโดคลายวงแขนออก พรมจูบไปทั่วดวงหน้านวลที่มีคราบน้ำตาเปรอะเปื้อนไม่ต่างจากเขา

“จะให้เชื่อได้ยังไง อยู่ดีๆ ก็พาคนท้องเข้าบ้าน ถ้ายูเชื่อ ยูก็คงเป็นคนโง่เป็นตัวตลกให้โดหัวเราะ ฮือ”
ยูฟ่ามีท่าทีอ่อนลง ไม่บ่อยนักที่จะเห็นน้ำตาของยูโด อาจจะนับครั้งได้ตั้งแต่โตมาด้วยกันแต่เขาก็ยังเชื่อไม่ลง
 มันหวาดระแวงไปหมด ความเชื่อใจถูกบั่นทอนไปกว่าครึ่งแล้วตอนนี้

“คุณหมอบอกกับคุณพ่อว่าแม่เด็กอยู่ในสภาวะเครียดและมันจะส่งผลเสียกับเด็กในท้อง
เสี่ยงกับภาวะครรภ์เป็นพิษ คุณพ่อจึงให้รับเด็กคนนั้นมาอยู่ที่นี่ เพราะแม่ของกนกรดา
ป่วยเป็นมะเร็งที่ก้านสมอง คุณพ่อรู้จักครอบครัวนั้นและยื่นข้อเสนอให้ไป
 ช่วงนี้แม่เด็กเครียดจากคนป่วยในบ้านและท้องที่โตขึ้นทุกวัน ละแวกบ้านที่เธออยู่มีแต่คนสอดรู้สอดเห็น
 คุณพ่อถึงต้องให้แยกเธอออกมาอยู่ที่บ้านเรา”

ยูโดเล่าไป สายตาคู่คมไม่ละไปจากดวงหน้าคนฟังเลย

 “หลังคลอดทางเราก็จะปล่อยเธอกลับไปใช้ชีวิตตามปกติ ที่เล่าทั้งหมดคือเรื่องจริงนะยู”
 ยูโดจูบปิดปากบางที่มีท่าทีเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง เขาไม่อยากจะได้ยินคำตัดพ้อที่มันเชือดเฉือนบีบรัดหัวใจอีกแล้ว
ถ้อยคำที่ได้ฟังพาให้รู้สึกเจ็บปวดราวกับมีเข็มเป็นพันเป็นหมื่นเล่มมาทิ่มแทง

“ล้างหน้าแล้วลงไปข้างล่าง เรื่องนี้จริงหรือเท็จ เดี๋ยวได้รู้กัน”
ยูฟ่าพูดเสียงแข็งแล้วเบี่ยงตัวออก ลำคอเชิดตั้งตรง นี่สินะคนดื้อเงียบที่พยศขึ้นมาก็ยากที่ใครจะรับมือ
ยูโดเจอฤทธิ์เดชมาก็เยอะ แต่ครั้งนี้ดูจะสาหัสกว่าทุกที

หัวข้อ: Re: incest : บาปร้ายในบ่วงรัก ตอนที่ 25 เพราะรัก
เริ่มหัวข้อโดย: เส้นขอบฟ้า ที่ 30-08-2019 20:46:59
ตอนที่ 25 เพราะรัก

ทั้งสองล้างหน้าเปลี่ยนเสื้อผ้าและลงไปที่โต๊ะอาหาร ผู้เป็นพ่อกลับจากทำงานพอดี
 ใบหน้าของท่านยิ้มแย้มเมื่อลูกชายอยู่กันพร้อมหน้าพร้อมตา

“เที่ยวมาสนุกละสิ ปล่อยให้หมาบ้าที่นี่พล่านทั้งวัน ข้าวปลาก็ไม่ยอมกิน
คราวหน้าจะไปไหนมาไหนบอกมันหน่อยนะยู”
ยูฟ่าเหลือบมองคนที่ถูกเปรียบว่าเป็นหมาบ้า คนร้อนตัวก็ขยับยุกยิก

“โดเป็นห่วงยูนี่ครับ หากเป็นอะไรไปใครจะเห็น นี่ก็ถูกยุงกัดมาขาลายไปหมด ยาตลับเดียวเกือบไม่พอทา”
ยูฟ่าสะดุ้ง ยกแขนขึ้นมาสำรวจตุ่มคัน

“นั่นปะไร คราวหน้าบอกพ่อคนนั้นเขาด้วยล่ะ ห่วงยังกับยูเป็นลูกเล็กๆ ของมันไปแล้ว หึหึ”
พ่อพูดและหัวเราะอย่างเห็นเป็นเรื่องขำขัน

ยูฟ่าชำเลืองมองลูกสะใภ้ของบ้านที่หลุดขำด้วยอีกคน ใบหน้านวลปากนิดจมูกหน่อยกลั้นขำจนหน้าแดง
 คุณพ่อของเขาก็ช่างเลือกแม่พันธุ์เพื่อให้หลานออกมาเบ้าหน้าดีเหลือเกิน

“อ้าว เจ้ายูรู้จักหนูดาหรือยังล่ะ”

“เจอกันเมื่อวานแล้วค่ะคุณพ่อ”
 เสียงเล็กตอบออกมา เรียกพ่อได้แบบไม่มีเคอะเขิน ยังจะให้เชื่ออะไรอีก ยูฟ่าทำเป็นไม่ใส่ใจ

“พี่โดคะน้องดาขอปลาเพิ่มอีกหน่อยสิคะ ลูกคงอยากทาน”
ยูฟ่าเผลอกัดโดนลิ้นตัวเองไปทีจนได้กลิ่นคาวเลือดในปาก ยูโดทำตามที่คนท้องร้องขออย่างว่าง่าย

“พี่ยูไม่เห็นพูดอะไรบ้างเลยคะ” กนกรดาถาม ตั้งแต่มานั่งยังไม่เห็นคนพี่จะปริปากพูดอะไรเลยสักคำ

“ยูคงติดมารยาทการทานอาหารมาจากบ้านคุณยาย ที่นั่นไม่อนุญาตให้พูดคุยในโต๊ะอาหารเว้นแต่จะเป็นเรื่องด่วนจริงๆ”
 ยูโดตอบแทน กนกรดาพยักหน้าเข้าใจและมองคนที่ยังคงทานอาหารไปเงียบๆ
 สีหน้าดูไม่สบอารมณ์และใต้ตาก็บวมช้ำเหมือนเพิ่งผ่านการร้องไห้มาอย่างนั้น

“ไว้ค่อยคุยหลังมื้ออาหาร” ยูฟ่าหันไปพูดกับเด็กสาวที่มีสีหน้าดีขึ้นทันทีเมื่อเขาเอ่ยปาก

“แต่ยูบอกมีเรื่องจะถามคุณพ่อ งั้นเข้าไปคุยกับคุณพ่อก่อน ถามให้หายสงสัยไปเลย
 ไม่ควรปล่อยให้คาราคาซังจะคาใจกันเปล่าๆ เดี๋ยวจะเครียดพากันนอนไม่หลับไปด้วย”
ยูฟ่าสบตาคนพูดที่จงใจกระทบกระทั่งกันชัดๆ

‘ดีเหมือนกัน ถ้าไม่เป็นอย่างที่เล่ามา เราจะได้ตัดสินใจอะไรๆ ได้ง่ายขึ้น’
ยูฟ่าคิดคำนึงไปเงียบๆ อาหารก็รสชาติเดิม ของชอบด้วยแต่ฝืนกลืนไปได้แค่ครึ่งจานก็ต้องเลิกกิน


หลังอาหารค่ำจบลงกนกรดาเข้าไปดูทีวีที่ห้องนั่งเล่น ส่วนพ่อกับลูกๆ
 พากันเดินเข้าไปยังห้องทำงานที่อยู่อีกฟากของห้องกินข้าว ยูฟ่าเดินรั้งท้าย

“นั่งที่โซฟานั่นแหละ พ่อขอหาเอกสารหน่อยไม่รู้ว่าวางไว้ตรงไหน อ่อ…อยู่นี่เองหาเสียหัวหมุน
 เอ้า! ว่ามาใครมีอะไร ยูสินะแววตามันฟ้องตั้งแต่นั่งกินข้าวแล้ว อยากรู้อะไรล่ะ”
บิดาพูด ท่านมองอะไรมักจะไม่พลาดและครั้งนี้ก็เหมือนกัน

“ยูสงสัยเรื่องที่กนกรดาท้อง ผมพูดไปก็ไม่เชื่อ หาว่าผมโกหก”
น้ำเสียงเจือไปด้วยความน้อยใจ

“เจ้าโดมันว่ายังไงก็ยังงั้นแหละ อยากจะมีลูกขึ้นมาอีกคนรึไง เอามั้ยล่ะพ่อหาแม่พันธุ์ให้”
 คุณพ่อพูดด้วยน้ำเสียงเย้าหยอก อย่างกับเห็นเป็นเรื่องปรกติธรรมดาทั่วไปอย่างนั้น
 แต่กับยูฟ่ามองเป็นเรื่องคอขาดบาดตาย

“ยูเป็นพ่อได้โดยไม่ต้องไปนอนกับผู้หญิงเหรอฮะ”
ยูฟ่าหยั่งเชิงทั้งที่ใจก็ไม่อยากจะยอมรับ

“ใช่ไง อยากจะได้แบบขาว ผิวสีน้ำผึ้งหรือแบบไหนล่ะ แต่พ่อต้องดูไอคิวแม่พันธุ์ก่อนนะ
ค่าใช้จ่ายสูงมากบอกเลย ถ้าไม่ได้อาหมอพวกกันช่วยน่ะ พ่อก็หมดสิทธิ์มีหลานเหมือนกันแหละ”

“ไม่พูดเป็นเล่นสิครับคุณพ่อ ผมกำลังถูกยูโกรธอยู่นะ นี่เตรียมจะหนีไปต่างประเทศเลยนะ
 ถ้าไปไกลแบบนั้นผมจะตามเจอไหมล่ะ”

“ใครให้ไป พ่อไม่อนุญาต แม่แกได้มาฆ่าพ่อตายแน่ๆ ปล่อยลูกรักไปไกลตาแบบนั้น อย่าหาเรื่องน่ายู”
บิดาหน้าเจื่อนที่รู้ว่าลูกชายเตรียมไปไกลขนาดนั้น

“คุณพ่อให้ยูหาที่เรียนไง ตามที่คุยกัน ปีเดียวเอง คุณพ่อจะกลับคำไม่ให้นะ
ไหนบอกให้เลือกที่เรียนได้เลยแล้วทำไม…”
ยูฟ่าทวงข้อตกลงที่บิดาให้ไว้ เขาพูดยังไม่ทันจบก็ต้องสะดุ้งแรง

“ไม่ได้! ไม่ให้ไป! ยูต้องอยู่บ้านดูแลโดและลูก” ยูโดทุบโต๊ะดังปังไม่รอให้ยูฟ่าพูดจบ

“อะไร! ลูกใครก็ดูกันเอาเองสิ แม่เด็กก็อยู่ เกี่ยวอะไรกับยูล่ะ”
 ยูฟ่าหน้าบูดบึ้งขึ้นทันตา อยู่ดีๆ จะให้เขาต้องมาเลี้ยงเด็ก
 ลูกก็ไม่ใช่เขายังไม่หายโกรธเลยนะ ทำอะไรกันไม่มีจะบอกกล่าวให้รู้
ดังนั้นเรื่องที่เขาจะไปเรียนต่างประเทศก็ไม่ผิดที่ไม่ได้บอกเหมือนกันนั่นแหละ

“หนูดาคลอดก็ไม่อยู่แล้ว สิทธิ์ในการเลี้ยงดูลูกอยู่ที่บ้านเราตามข้อสัญญา”
บิดาขยายความ ยูฟ่าอึ้งเมื่อได้รู้ความจริงทั้งหมด เหมือนที่ยูโดเล่าไว้ก่อนหน้านี้ แต่เขาก็ยังตงิดๆ ไม่หาย

“พ่อหาหลานให้ยูเลี้ยงจะได้ไม่เหงาไงลูก ไม่ต้องไปเรียนไกลขนาดนั้นหรอก
 เมืองไทยเราก็มีเยอะไปสถาบันดังๆ พ่อไม่ได้ให้ยูไปทำงานนอกบ้าน ยูเรียนเพิ่มพูนความรู้ก็พอ
 ถ้าอยากมีร้านอาหารเป็นของตัวเองก็จ้างเชฟเก่งๆ เอาสิ ยากอะไรล่ะ เงินทองก็มี”

ยูฟ่าเบ้ปากอย่างขัดใจ ให้เรียนได้แต่นอกราชอาณาจักรไม่อนุญาต แล้วก็ยังไม่ให้ไปทำงานนอกบ้านอีก
 เรื่องนี้เขาไม่รู้มาก่อนเลยว่าท่านคิดไว้แบบนี้

“คุณพ่อจะมาดับฝันกันง่ายๆ อย่างนี้ ยูไม่ยอมนะ ให้ลูกสะใภ้อยู่เลี้ยงไปสิหลานของคุณพ่อน่ะ
 เผื่อจะได้หลานขึ้นมาอีกคน”
ยูฟ่าส่ายหน้าไม่ยินยอมกับความคิดของท่าน ปรายตามองยูโดอย่างงอนๆ


“น้ำเชื้อของแกรึไงเจ้ายู ดีเลยจะได้ทำสัญญาต่ออีกปี มีลูกให้ทางเราอีกสักคน
 กลับไปนี่หนูดาก็กลายเป็นเศรษฐีย่อยๆ เลยสิ หึหึ”

“พ่อ! ผมไม่ขำนะ เรื่องอะไรจะให้หมอมาเห็นของๆ ยู ผมไม่ยอมเด็ดขาด!”
 ยูโดออกอาการหวงของจนยูฟ่าหน้าขึ้นสีระเรื่อ ความโกรธความเสียใจหายไปหมด

“หวงไม่เข้าเรื่อง ถ้าพ่อไม่จ้างคนมาท้อง ชาตินี้พ่อจะได้หลานสักคนมั้ย เฮ้อ…พวกแกนี่นะ”

“พ่อครับ มีแค่คนเดียวนี่แหละ ถ้าอยากได้อีกคนก็แค่ขอเด็กมาเลี้ยง ให้ยูเป็นพ่อก็แค่นั้น” ยูโดเริ่มหัวเสีย

‘น่าสนนะ ค่อยคุยกับคุณพ่อดีกว่า’ ยูฟ่าทำท่าสนอกสนใจ และเผลอยิ้มออกมา

“ยูไม่ต้องอยากจะทำอะไรแผลงๆ เลย โดไม่เห็นด้วยถ้าจะทำกริฟท์น่ะ แค่นี้ชีวิตก็ยุ่งมากแล้ว
พรุ่งนี้คุณแม่กลับมาคุณพ่อเตรียมคำตอบให้คุณแม่ด้วยก็แล้วกัน ผมไม่ยุ่งด้วยแล้ว
 แค่คนเดียวก็ง้อจนปวดใจ หาว่าผมโกหกหลอกลวงบ้างละ ใจร้ายบ้างละสารพัดจะต่อว่าต่อขาน”
ยูโดพูดน้ำเสียงขื่นๆ อย่างไม่ปิดบัง

“นั่นมันเรื่องของแก พ่อไม่เกี่ยวด้วยนะ ใครใช้ให้แกไม่เล่าให้กันฟังล่ะ พ่อถามแล้วว่าสองคนใครจะทำ
 แกรับจะทำเอง แกเล่นคิดเองตัดสินใจเอาเองไม่ปรึกษาคนของแก โทษพ่อไม่ได้
 ถ้าลองยูพาคนท้องเข้าบ้านมาบ้าง แกรู้ทีหลังก็บ้านแตกเหมือนกันแหละ เฮอะ! ช่วยไม่ได้”

 ยูโดคิ้วกระตุกเมื่อบิดาไม่ช่วยแบกรับความผิดไว้บ้างเลย เขาพลาดไปแล้วจริงๆ
 ที่ตัดสินใจเองไม่ปรึกษายูฟ่าก่อน สุดท้ายถูกพ่อลอยแพ

“พ่อบีบผม บอกจะพรากความรักของผมถ้าผมไม่ทำตามที่พ่อต้องการนะ นี่พ่อลืมหรือไง”
 ยูโดโวย นี่เขากลายเป็นคนผิดอยู่คนเดียว พ่อนะพ่อ ไม่คิดจะช่วยกันบ้างเลย
 เขาพลาดอย่างไม่น่าให้อภัยตัวเองเลยจริงๆ

“มันก็แค่อุบายนิดๆ หน่อยๆ ใครจะไปแยกแกออกจากกันได้ล่ะ พ่อเนี่ยนะจะทำได้”
ยูโดมองหน้าพ่อตัวเองตาแทบถลน เขาตกหลุมที่พ่อขุดไว้ แถมตะกายขึ้นไม่ได้อีกต่างหาก
ถ้าพ่อจะกลบหลุมฝังกันขนาดนี้ก็ตายลูกเดียว

“จบนะยู ชัดเจนพอหรือยัง”
 ยูโดพูดใส่หน้ายูฟ่าอย่างพาลๆ ยูฟ่ามองน้องชายที่ตอนนี้มาทำให้คดีพลิก
เขากลายเป็นคนผิดที่ไปเหยียบย่ำหัวใจซะอย่างนั้น

‘นี่ต้องตามง้อเจ้าหมาอ้วนอีกหรือไงนะ’

สองแฝดเดินออกจากห้องทำงานและเดินไปยังห้องนั่งเล่น กนกรดามองมายิ้มๆ

“คุยกับคุณพ่อเสร็จแล้วเหรอคะ”

“อืม คุณพ่อดื้อ คุยด้วยแล้วปวดหัวชะมัด”
ยูโดตอบและนั่งลงที่โซฟาตัวถัดไป ส่วนยูฟ่าก็นั่งตรงข้ามกับคนท้อง

“พ่อลูกก็น่าจะถอดแบบกันมาหรือเปล่าคะ”

“เรานี่ท่าจะแสบนะ” ยูฟ่าพูดตามที่คิด เด็กสายห่อปากทำตาโตและพูดเสียงตื่นเต้น

“พี่ยูพูดแล้ว นี่น้องดาคิดว่าพี่ยูจะไม่คุยตลอดไปซะอีก ทำเอาเครียดเหมือนกัน”
กนกรดาปรับท่านั่งใหม่เมื่อบรรยากาศดูจะผ่อนคลายลง

“คนท้องเครียดได้หรือไง ไม่เพราะว่าชอบคิดมากเหรอถึงต้องมาอยู่ที่นี่น่ะ” ยูฟ่าย้อนถาม

“ก็จริงนั่นแหละค่ะ ไม่เครียดดีกว่าเดี๋ยวลูกเครียดตาม คงไม่ได้นอนกันทั้งคืน
 ถีบจนหน้าท้องนูนเลย โอ๊ย! ดูสิพูดว่านิดหน่อยเป็นไม่ได้ ท่าจะแสบนะคะหลานพี่ยู”

กนกรดาพูดด้วยใบหน้าเคลือบรอยยิ้ม และลูบหน้าท้องตัวเองไปมา

 “แล้วนี่เราไม่แพ้เลยเหรอ” ยูฟ่าต่อบทสนทนาออกไป

“ไม่เลยค่ะ ถือว่าโชคดี” เด็กสาวแย้มยิ้มมุมปากอีกตามเคย ดูสดใสสมวัย
ยิ่งท้องผิวพรรณยิ่งผุดผ่อง ยูฟ่าว่าเด็กที่เกิดมาคงตัวขาวมากแน่ๆ

“ดีแล้ว ตัวยิ่งเล็กๆ ถ้าเกิดแพ้จนกินอะไรไม่ได้เลยจะผอมเอา เอ่อ! ว่าไงมดแดง”
มดแดงเดินถือแก้วนมเข้ามา

“ป้าวรรณให้นำนมอุ่นๆ มาให้คุณยูกับคุณดาค่ะ กำชับว่าคุณยูต้องดื่มให้ได้ด้วยนะคะ”
 มดแดงวางแก้วนมให้ทั้งสองคน และยังรีรอไม่ไปไหน

“อืม ฝากขอบคุณป้าวรรณให้ด้วย”
ยูฟ่าพูดและไม่มีทีท่าว่าจะหยิบขึ้นมาดื่ม ผิดกับคนท้องที่ยกแก้วขึ้นดื่มจนหมดแก้ว

“คุณยูต้องดื่มให้มดแดงเห็นด้วยค่ะจะได้กลับไปบอกป้าวรรณได้ถูก”
มดแดงจ้องมองแก้วนมที่คุณหนูยูของป้าวรรณไม่แม้แต่จะแตะต้อง

“หึหึหึ” ยูโดหัวเราะในลำคอ คุณหนูยูของป้าวรรณจะไปไหนได้อีกล่ะ
 ใครๆ ต่างก็ตามรักตามห่วงแบบนี้

“มีบังคับกันด้วยเหรอคะ พี่ยูนี่มีแต่คนรักคนห่วงนะคะ”
กนกรดาพูด เธอนึกทึ่งในความใส่ใจที่คนบ้านนี้ปฏิบัติต่อพี่ชายฝาแฝดของบ้านมากกว่าใคร

“ก็เขาน่าทะนุถนอมมาแต่ไหนแต่ไรแล้ว”
ยูโดจงใจเน้นคำว่าน่าทะนุถนอมทำเอายูฟ่าแก้มร้อนฉ่า

“พี่ยูตัวเล็กนี่คะ น่ารักจริงๆ ด้วย พี่โดบอกว่าจะให้พี่ยูช่วยแนะนำหนังสืออ่านเล่นให้น้องดา
 บอกอีกว่าพี่ยูชอบเข้าร้านหนังสือ น้องดาฝากด้วยนะคะถ้าไปครั้งหน้า”

ปากบางๆ ช่างเจรจา ยูฟ่ามองความช่างพูดของเธอแล้วนึกเอ็นดูขึ้นมาหน่อย

“ได้สิ ไปด้วยกันมั้ยล่ะ” ยูฟ่าออกปากชวน

“ได้เหรอคะ น้องดาไปได้จริงๆ เหรอ” คนท้องออกอาการตื่นเต้นจนปิดไม่มิด

“ได้สิ ไว้พี่จะหาเวลาพาไป” ยูโดรับปาก ทำเอาคนท้องยิ้มจนตาแทบเป็นสระอิ

“หาของอร่อยๆ ทานกันด้วย ไว้ชวนคุณแม่ไปด้วยอีกคน น่าสนุก” ยูฟ่าพูดเสริม

ยูโดรู้สึกผ่อนคลาย การได้ไปคุยกับบิดาทำให้อาการหน้าตึงคอตั้งของคนตัวเล็กข้างๆ หายไป

ยูโดเปิดประตูห้องนอนเข้าไป ยูฟ่ากำลังนั่งเช็ดผมอยู่หน้ากระจก
 ร่างแกร่งเห็นดังนั้นจึงสาวเท้าเข้าไปหาและฉวยผ้าเช็ดผมจากมือบางมาบรรจงเช็ดผมที่เริ่มหมาดๆ
 อย่างเบามือ ยูฟ่าช้อนตาขึ้นมองผ่านกระจกเงา

เหมือนมีแรงดึงดูดที่ยากจะต้านทาน ยูโดฉกริมฝีปากชิมความหวานละมุนบนกลีบปากที่เผยอรับ
ลิ้นเรียวสอดเข้าไปกวาดมวลน้ำหวานภายในโพรงปากอันอ่อนนุ่ม ละเลียดชิมอย่างอ้อยอิ่ง
ยูฟ่าตวัดลิ้นเกี่ยวกระหวัดปลายลิ้นที่รุกล้ำเข้ามา ยูโดประคองกอดและรั้งให้คนพี่ลุกขึ้น
ผ้าเช็ดผมผืนเล็กร่วงลงไปกองกับพื้น เรียวลิ้นทั้งสองต่างดูดดึงซึ่งกันและกันไม่ยอดปล่อย
เนื้อตัวแนบชิดจนแทบไม่เหลือช่องว่าง ยูฟ่าถอยหนีเมื่อคนตัวโตรุกไล่จนเขาล้มลงบนเตียงนอนกว้าง
ฝ่ามือร้อนของยูโดสอดเข้าไปในร่มผ้า ลูบไล้เคล้นคลึงผิวเนียนนุ่มจนร่างบางเตลิดเพริด
ไปตามความหอมหวานที่ยูโดชักนำ เผลอบิดกายเร่าเมื่อทั้งร่างก่อเกิดความอุ่นซ่านหวามไหว
จนต้องเบียดเนื้อตัวเข้าหาร่างหนาที่ทาบทับและแทรกตัวอยู่ระหว่างกลาง
ความร้อนและความแข็งขืนของพวกเขาต่างดุนดันซึ่งกัน

“หอม หวานไปทั้งตัวเลยครับยู อืม” ปากพูดแต่มือก็ปัดป่ายลูบไล้เรือนร่างบางไม่หยุด

“อื้อ โด สะ เสียว แปลกๆ อ๊ะ”
ยูโดใช้ปากงับเบาๆ ที่ลำคอขาวนวลและลากลิ้นร้อนไปที่ติ่งหูจนยูฟ่าขนลุกชูชันไปทั้งตัว
มือที่โอบอยู่หลังคอของยูโดก็ขยับลูบไล้สำรวจและแทรกปลายนิ้วเข้าไปในกลุ่มผมดกดำอย่างซ่านใจ
ส่ายใบหน้าหนีเมื่อใบหูของเขาถูกดูดเม้มจนความอุ่นร้อนฉาบวาบจากใบหน้าวิ่งลงสู่ปลายเท้า

“รักยูนะ โดฝันว่าเราจะมีคืนหวานๆ ด้วยกัน โดรอนานแล้วนะครับ รู้ว่าผิดแต่ก็ห้ามใจไม่ได้ โดขอรักยูนะ”
เป็นอีกครั้งที่ยูโดอ้อนขอที่มากกว่าการกอดจูบลูบไล้เนื้อตัว

“คนดี ขอนะ โดอยากรู้ว่าหากโดได้อยู่ในตัวของยูมันจะเป็นยังไง
โดจะสำลักความสุขตายมั้ย นะยู นะครับ”
วอนขอแบบนี้ซ้ำๆ และก็ไม่เคยจะสำเร็จสักครั้งและครั้งนี้เขาก็คิดว่าต้องเป็นรูปแบบเดิมอีกตามเคย







หัวข้อ: Re: incest : บาปร้ายในบ่วงรัก ตอนที่ 26 ความผิดบาปที่แสนหวาน
เริ่มหัวข้อโดย: เส้นขอบฟ้า ที่ 30-08-2019 21:32:09
ตอนที่ 26 ความผิดบาปที่แสนหวาน

ร่างเปลือยยืนเต็มความสูงอยู่ปลายเตียง ยูโดมองสบกับดวงตาหวานเชื่อมที่ปราศจากเสื้อผ้าติดกาย
 กว่าเขาจะวอนขอและคนพี่ยินยอมไม่ใช่ง่าย ขายาวก้าวเข้าไปหาคนที่รู้ตัวแล้วว่ายังไงคืนนี้ก็ไม่พ้น
อุ้งมือของหมาป่าที่ห่มหนังแกะตัวนี้ไปได้ จ้องจะจับเขากินกว่าครึ่งปีมาแล้ว

“ขอบคุณที่ยูยอมสร้างความทรงจำดีๆ ร่วมกัน ไม่ต้องจินตนาการอีกแล้วว่าภายใต้ผิวเนียนนุ่มจะน่ารัก
 หอมหวานและน่ากินขนาดไหน”
ยูโดทอดกายตระกองกอดร่างบางไว้แนบอก ผิวกายบดเบียดเข้าหากันสร้างความอุ่นซ่าน ยูฟ่ายิ้มทั้งปากและดวงตา

“โดจะไม่ทำยูเจ็บ ถะ ถ้าจะเจ็บก็อย่ามากจนเดินไม่ไหวนะ”
นิ้วมือนุ่มลากไล้ไปตามโครงหน้าอย่างบางเบา ดวงตาคู่คมมองมาอย่างจะกลืนกินเขาแทบทั้งตัว

“แน่นอนที่รัก โดจะอ่อนโยนกับยู เชื่อเถอะ”

ริมฝีปากชื้นแต้มสัมผัสแผ่วเบาบริเวณหน้าผากมนไล่เรื่อยมายังเปลือกตาทั้งสองข้าง
ขบเม้มปลายจมูกและจรดริมฝีปากกับกลีบปากอันนุ่มนวลเพื่อเรียกร้องให้อีกคนตอบรับสัมผัสจากเขา
 กายนุ่มเผยอกลีบปากรับเรียวลิ้นร้อนที่ขยับสอดแทรกหวังจะเข้าไปสำรวจภายในโพรงอุ่นนุ่ม
 ทั้งสองตวัดปลายลิ้นเกี่ยวกวัดรัดรึงและใช้ฟันขบปลายลิ้นเบาๆ อย่างทักทายหยอกล้อ
 ฝ่ามืออุ่นจัดของยูโดปัดป่ายไปฟอนเฟ้นหน้าอกชูชันสู้มือ หัวแม่มือคลึงเคล้าสลับกันไป
 มุมปากเกิดน้ำหวานเป็นสายเมื่อยูโดปล่อยกลีบปากให้เป็นอิสระ และก้มลงไปตวัดปลายลิ้น
เก็บกลืนน้ำหวานสายนั้นจนไม่มีหลงเหลือ

“อ๊ะ อื้อ โด ซี้ดด”

 ยูฟ่าห่อปากเมื่อถูกฟันคมขบเม้มดูดดึงยอดอกทั้งสองข้าง ขนอ่อนในกายชูชันพร้อมกับหายใจสะท้าน
วาบหวามอย่างบอกไม่ถูกจนเผลอแอ่นอกเมื่อตุ่มไตของเขาถูกครอบครองในอุ้งปากอุ่นจัด
 มือเรียวลูบไล้ไปตามโครงร่างหนาอย่างเผลอไผล เกิดความวูบไหวในช่องท้องทำให้ยูฟ่าเผลอกดเล็บ
ลงบนหลังคอของคนบนร่าง

“อ๊ะ เจ็บ ระวังเสือดุนะยู กินยูไม่เหลือซากแน่ถ้าเจ็บน่ะ อ่าห์”
ยูโดบอกคนใต้ล่างเสียงแตกพร่า เขาต้องอดกลั้นอย่างมากไม่ให้ทำอะไรตามใจ 

“ยะ อย่านะ ยูกลัว”
ยูโดคลี่ยิ้มเมื่อคนตัวเล็กดูจะตื่นกลัวตามคำขู่ อยากจะขย้ำเสียเดี๋ยวนี้ให้รู้แล้วรู้รอด
 แต่เขาทำได้เพียงไล้ฝ่ามือลงต่ำที่หน้าท้องแบนราบ ละเลียดฉกชิมไปเรื่อยๆ
จนถึงหลุมร่องสะดือ ยูฟ่าส่งมือประคองใบหน้าของเขาเพื่อรั้งเอาไว้แต่ไม่เป็นผล
เมื่อยูโดฉกลิ้นและริมฝีปากจู่โจมในทันที ยูฟ่าหลุดครางเสียงหวานและยกสะโพก
เมื่อส่วนอ่อนไหวถูกแตะสัมผัสด้วยฝ่ามือเป็นการทักทาย

“อื้ออ ไม่นะโด สะ เสียว อืออ”
ยูโดแทรกกายระหว่างกลางลำตัว ดันหน้าขาของยูฟ่าออกกว้าง คว้าหมอนมารองใต้เอวคอด
เผยให้เห็นส่วนอ่อนไหวและรอยจีบสีหวานเด่นหราตรงหน้า เขาจะคลั่งให้ได้เลยนาทีนี้

ยูฟ่าไม่เคยเปิดเปลือยให้เห็นมากขนาดนี้มาก่อน เขาลดใบหน้าต่ำลงแลบเลียริมฝีปาก

“ไม่นะ โด อื้อ”
ยูฟ่าผวาเฮือกเมื่อถูกลิ้นร้อนสัมผัสตรงรอยจีบสีสวย และฝ่ามืออุ่นจัดก็เคลื่อนไล้แก้มก้นไม่หยุด
 ความฉ่ำวาวไหลริน ยูโดแลบเลียและครอบปากลงไปแสดงความเป็นเจ้าของ
 เขารูดรั้งเป็นจังหวะ ยูฟ่าส่ายก้นหนีด้วยไม่เคยพานพบสัมผัสปลุกเร้ามากมายขนาดนี้มาก่อน
 แต่ถูกมือแกร่งยึดไว้ไม่ให้หนี จังหวะที่เร่งเร้าทำให้ความเสียวซ่านมากมายจวนเจียนถึงขีดระเบิดอีกไม่นาน

“ซี้ดดด โด อย่าทรมานยู ปล่อยก่อน อ๊ะ”
ยูโดรูดรั้งดูดดุนหนักขึ้น เร็วขึ้น เพื่อส่งคนตัวเล็กไปยังฝั่งฝัน ไม่นานยูฟ่าก็ชันเข่าและจิกปลายเท้า
ลงบนที่นอนบิดกายเร่า กระตุกเกร็งหน้าท้องพร้อมทั้งฉีดพ่นความเหนียวข้นเต็มกระพุ้งแก้มของยูโด
ทุกหยาดหยดถูกกลืนหายไป ยูฟ่าหายใจหอบ ดวงตาพร่างพราว

ยูฟ่ามองตามร่างสูงที่ลุกไปเปิดลิ้นชักหยิบหลอดเจลออกมาบีบน้ำใสๆ วาวๆ ลงบนฝ่ามือ
ชโลมบนแท่งร้อนของตัวเองที่แข็งขืนตั้งตระหง่าน นำบางส่วนมาป้ายตรงช่องทางรักของเขา
 ความเย็นที่สัมผัสได้ทำเอาสะดุ้ง ความใหญ่โตแข็งขืนที่เห็นทำเอาใจสั่นไหวแทบลืมวิธีหายใจ
 นิ้วเรียวยาวสอดนำทางเข้ามาในร่องรักจนรู้สึกคับแน่น อึดอัดแต่กลไกร่างกายกลับบีบรัดต่อต้าน
สิ่งแปลกปลอมที่ล่วงล้ำเข้ามา

“อ้า อย่ารัดแน่นสิครับยู ผ่อนคลายไม่เกร็งนะครับ ดีมากคนเก่ง โดเพิ่มอีกนิ้วนะที่รัก”
 ยูโดขยับนิ้วสร้างความคุ้นชินภายในจนครบสามนิ้ว ขยับเข้าออกและหมุนวนอยู่อย่างนั้น
ดวงตาสีสวยสบมา ริมฝีปากบวมเจ่อ ทั้งใบหน้าและใบหูแดงซ่าน ก้นขาวๆ ลอยเด่นสร้าง
ความกระสันซ่านเสียวจนยูโดต้องถอนนิ้วออกและชักรูดแท่งร้อนของตนที่ปวดหนึบเต้นตุบ
จนเขาทนไม่ไหวอีกต่อไป นำมาจดจ่อตรงทางเข้าที่พร้อมรับ เขาจับขาของยูฟ่าพาดบ่า
และดันแก่นกายเข้าไปยังโพรงสีสวย ฟาดฝ่ามือเบาๆ ที่สะโพกกลมจนเกิดรอย
 นวดคลึงที่หน้าท้องแบนเมื่อเห็นยูฟ่าส่ายหน้าน้ำตาปริ่ม

“ยูคนเก่ง อีกนิดเดียวเท่านั้น อืม”
ยูโดสวนแท่งร้อนอีกครึ่งเข้าไปจนสุดความยาว ยูฟ่าจิกเล็บลงบนที่นอน
 ยูโดเห็นอย่างนั้นจึงวางขาของยูฟ่าลงและรวบตัวมากอด แพขนตายาวชุ่มน้ำ
 เขารอคอยมานาน รักมานาน เซ็กส์ไม่ใช่สิ่งที่เป็นที่สุด แต่การได้หลอมรวม
เป็นหนึ่งเดียวของกันมันให้ความรู้สึกที่บรรยายออกมาเป็นคำพูดไม่ได้เลยในตอนนี้

“ขอโทษครับ เจ็บมากใช่ไหม”
 ยูโดกอดปลอบคนรักไว้แนบอก เขาหันไปนั่งพิงกับหัวเตียง ใครว่าเขาเป็นไก่อ่อนก็ยอม
เขาไม่สามารถไปต่อได้เมื่อคนตรงหน้าสะอื้นไม่หยุดจึงปาดน้ำตาออกให้อย่างเบามือ

“โดหยุดแค่นี้ก็ได้ สงสารยู” ยูโดมองเข้าไปในดวงตาคูสวยที่ฉ่ำวาวไปด้วยน้ำตา

“มะ ไม่เป็นไร ยูร้องเพราะไม่คิดว่าจะได้เป็นของโด อย่างตอนนี้ ฮึก”
ยูฟ่ามุดหน้ากับแผ่นอกด้วยความเขินอายที่ต้องมาพูดอะไรแบบนี้ ได้ฟังอย่างนั้นยูโดจึงเผยรอยยิ้มกว้าง

“โดให้ยูขยับเองนะ ถ้าไม่ไหวก็หยุดนะครับ อ่าห์”
ยูโดสอนจังหวะให้คนที่อยู่บนกายของเขา เขากัดกรามแน่นเมื่อคนตัวเล็กขยับขึ้นลงตามจังหวะที่เขาส่งให้
 นิ้วเรียวยังวางทาบบนหน้าท้องของเขาอีก ยูโดพบประสบการณ์ใหม่ที่เฝ้ารอมานาน ยูฟ่าทำได้ดี
 ยิ่งเห็นตัวตนของเขาที่ผลุบหายเข้าไปในช่องทางสีสวยด้วยแล้ว ความรู้สึกที่เคยคิดจินตนาการ
เทียบกันไม่ได้เลย เขาจับแท่งร้อนของยูฟ่าและรูดรั้งตามจังหวะที่คนบนร่างขยับขึ้นลง

“เก่งแบบนี้ ยูทำโดตายได้เลยนะ อื้ม”
 ยูโดครางแผ่ว คนตัวเล็กหน้าแดงและหอบหายใจถี่เมื่อถูกอุ้งมือร้อนรูดรั้งหนักมือขึ้น

“อือ โด ยู อ่า เสียวแต่มันหยุดไม่ได้ เหนื่อยด้วย อ๊ะ”
 ยูฟ่าพูดจบก็ถูกคนใต้ร่างสวนสะโพกเข้าใส่ ยูโดจับมือยูฟ่าให้จัดการกับแท่งร้อนของตัวเอง
 ส่วนเขาใช้สองมือประคองแก้มก้นของยูฟ่าขึ้นลงไม่หยุด ยูฟ่ากัดปากแน่นใบหน้าแหงนเงย
และรูดรั้งยูน้อยในมือถี่รัว ยูโดเห็นดังนั้นจึงจับคนเก่งของเขาเอนลงบนที่นอน และส่งความสุข
ให้ด้วยตัวเองอย่างเน้นๆ และหนักหน่วงจนคนใต้ร่างคว้าหมอนมากัด มือก็จิกที่ข้างเอวของเขา
ตามจังหวะที่ร่างหนาโถมเข้าใส่ เมื่อผิวกายเจ็บแสบยิ่งกระตุ้นให้เกิดอารมณ์ดิบเถื่อนขึ้น
จึงกระทั้นกายเข้าใส่ไม่ยั้งแรง ยูฟ่าเสียววาบถึงขีดสุดเมื่อแท่งร้อนสัมผัสถูกจุดกระสันเข้าอย่างจัง
หลายๆ ครั้งติดจนแผ่นท้องเกร็งและปลดปล่อยน้ำรักออกมาจนเปรอะเปื้อนหน้าท้องของกันและกันอีกครั้ง
 ยูโดสาวสะโพกถี่รัวและกระตุกเกร็งปลดปล่อยจนตัวเบาโหวง เขาถอนตัวออกและนอนลงข้างๆ
หันมองคนตัวบางที่มองมาตาฉ่ำเยิ้ม

“ขอบคุณนะยู รักนะครับ”
ยูโดลูบผมนุ่มลื่นมือและกดจูบที่เปลือกตาทั้งสองข้างก่อนจะแตะเบาๆ ที่กลีบปากที่บวมเจ่อ

“อื้อ รักเหมือนกัน”
ยูฟ่างึมงำบอกรักและผล็อยหลับไปด้วยความเหนื่อยอ่อน เขากับยูฟ่าได้กระทำบาปที่แสนหวานร่วมกัน
หากจะตกนรกก็เป็นนรกที่เขาสองคนได้เลือกกันเอง

คนน้องจัดการเช็ดตัวและทำความสะอาดให้คนพี่จนสะอาด เขาสวมเสื้อผ้ากลับให้ตามเดิมและห่มผ้าให้ด้วย
 ยูฟ่าหลับไปพร้อมรอยยิ้มที่แต้มตรงมุมปาก เขาทอดตัวลงนอนกอดร่างนุ่มไว้แนบอก ยูโดหลับๆ ตื่นๆ ทั้งคืน
ด้วยกังวลว่ายูฟ่าจะมีไข้ เพราะประสบการณ์จากกลุ่มเพื่อนที่เล่าให้ฟังว่าครั้งแรกของพวกมันทำเอาคนรักไข้ขึ้น
 เพราะส่วนนั้นอักเสบจนต้องวิ่งซื้อทั้งยากินแก้อักเสบและยาสำหรับสอดช่วยเรื่องแผลภายใน

เขาไม่คาดคิดว่าจะมีวันนี้เหมือนคนอื่นๆ แต่ก็แอบซื้อยาเตรียมพร้อมไว้แล้ว ถึงยังไงเขาก็ยังกลัวอยู่ดีว่ายูฟ่าจะป่วย
ยูฟ่าที่บอบบางอย่างนั้นต้องมารองรับตัวตนของเขา ถ้าไม่จับไข้ถือเป็นเรื่องเหลือเชื่อจริงๆ

‘มึงได้กันยังวะ กูถามจริงเหอะ’ ฟีนิกซ์กระซิบถามแทบทุกครั้งที่เจอหน้ากัน

‘ยัง ยูไม่ให้’

‘มึงมันอ่อน กูกับธามนะ ถ้ามีลูกก็ขวบกว่าๆ แล้วมั้ง’

‘………………….’ เขาได้แต่เงียบฟังเพื่อนคุยโว

‘ขนมหวานของกูนะมึง จากไม่เป็นเลยสักนิด เดี๋ยวนี้เด็ด ขึ้นให้กูตลอด’

‘สัส! แมร่งอวยเมีย’ ฟีนิกซ์ด่าโชกุนที่ยักคิ้วใส่ไม่มีอาย

‘มึงรอใครไปตัดริบบิ้นให้วะ ยูมันหายป่วยจะเป็นปีแล้วนะ’

‘มึงดูปากกูดีๆ นะไอ้โด มึงมันอ่อน’

‘………………...’ ความเงียบงันดีที่สุดสำหรับเขา



‘หนม กูถามอะไรหน่อยสิ’

‘อะไรของมึง’

‘เสียซิงครั้งแรกให้ไอ้โช…’

‘เฮ้ย! อย่าบอกนะ มึงจะยอมให้ยูกด โอ๊ย! ตบหัวกูทำไมวะ’

‘มึงคิดได้ไง ที่กูถามเพราะกูกลัวยูเจ็บ’

‘แล้วไม่บอกก่อน ไม่ตายหรอกมึง ตูดฉีก เจ็บ แสบ ระบบ เดินทีร้าวยันตับ ไต ม้าม’

‘แย่ขนาดนั้นเลยเหรอวะ’

‘อยู่ที่มึงจะอ่อนโยนหรือดุดันตอนทำ ตอนนั้นมันก็จะมีฟินๆ อยู่แหละ ไม่รู้ว่ะ กูจำไม่ได้แล้ว
 ที่มึงถามกู อย่าบอกนะว่ายังไม่ได้?’

‘อืมมม’

‘มึงก็ถนอมมันดีเนอะ ก็ดีถ้ามึงจะสุภาพบุรุษขนาดนั้น’

‘…………….’ ยูโดพูดอะไรไม่ได้เลยจริงๆ
เขาก็อยากจะบอกพวกมันเหมือนกัน (ยูมันไม่ให้กูเว้ย!!! พวกมึง!) ได้แต่ตะโกนก้องภายในใจ
จะป่าวประกาศออกไปได้ยังไง ก็เขาน่ะมันอ่อนจริงๆ นั่นแหละ


โชคดีที่ยูฟ่าไม่มีไข้ ตื่นมามีทำหน้าตูมใส่เขานิดหน่อย หน้าเหยเกเวลาเดินและหย่อนก้นนั่งลง
อย่างนิ่มนวลและสง่างาม ไม่ค่อยจะสบตาด้วยเท่าไหร่นัก ตอนเขากลับจากทำงาน
ถ้าเป็นช่วงปรกติยูฟ่าจะถามไถ่เรื่องงาน แต่เย็นนี้กลับปิดปากเงียบ พอคุณแม่มาเท่านั้นแหละ
 เขากลายเป็นหมาหัวเน่าทันที ตอนทำก็ขอแล้วนะ นี่ไงที่กลัวนักหนาว่าจะไม่เหมือนเดิม
 กลัวการเปลี่ยนแปลงก็เจอเข้าจริงๆ คืนนี้จะกอดปลอบเสียหน่อยจะยอมให้เข้าใกล้หรือเปล่ายังไม่รู้เลย

‘ไก่อ่อนอย่างเราก็อย่างนี้แหละ ง้อไปดิ’

ยูโดยิ่งคิ้วกระตุกหนักขึ้นที่เห็นยูฟ่าให้การดูแลคนท้องจนออกหน้าออกตา ไม่ว่าคนท้องจะเอ่ยปากอะไร
ยูฟ่าก็ถึงตัวก่อนเสมอ ตกลงเขากลายเป็นตัวอะไรไปแล้วใครช่วยบอกที


หัวข้อ: Re: incest : บาปร้ายในบ่วงรัก ตอนที่ 27 เชื่อมสัมพันธ์
เริ่มหัวข้อโดย: เส้นขอบฟ้า ที่ 31-08-2019 10:17:23
ตอนที่ 27 เชื่อมสัมพันธ์

มารดาของเขาพอรู้เรื่องกนกรดา ท่านนั่งเงียบกริบ จนผ่านไปสักพักท่านจึงถอนใจและพูดขึ้น

“หลานน่ะ แม่ไม่ได้รังเกียจอะไรหรอก ก็เลือดเนื้อเชื้อไข แต่ไม่คิดเลยว่าจะใช้วิธีแบบนี้กัน”

“มันไม่มีอะไรยุ่งยากนี่คุณ หนูดาได้เงิน เราก็ได้หลานไง”

“หนูดาอุ้มท้องตั้งเก้าเดือนก็ต้องรักต้องผูกพันสิคุณ จู่ๆ ต้องแยกแม่ไปทางแยกลูกไปทาง
คิดกันบ้างไหมเด็กเกิดมาจะไขว่คว้าหาความรักจากแม่ขนาดไหน เพื่อนคนอื่นๆ มีแม่แต่ตัวเองไม่มี
 หาคำตอบไว้ให้ลูกให้หลานกันหรือเปล่า ข่าวคราวฟ้องร้องกันก็มีให้เห็น ตอนเด็กคลอดมาก็ผิดข้อตกลง
กันน่ะ ยอมกันไม่ได้มีตั้งกี่คดีที่เป็นข่าวน่ะ” มารดาพูดหน้าเครียด

“เอ่อ…ยูเป็นอะไรร้องไห้ทำไมกันล่ะลูก”

“คุณแม่ ฮึก ก็คุณแม่พูดจนยูเห็นภาพเลย ตัวเล็กต้องโดดเดี่ยวและโหยหาความรักอย่างที่คุณแม่พูดแน่ๆ ฮือ”

“อ้าว! หนูดา โอ๊ย! ร้องไห้กันใหญ่เลยทีนี้ อ่อนไหวกันเข้าไปสิ” คนเป็นต้นคิดของเรื่องพลอยทำอะไรไม่ถูกไปด้วย

“เอาเป็นว่าหลานก็ให้แม่ลูกไปมาหาสู่กันบ้างได้ตามสมควร”
พงศกรเห็นบรรยากาศที่กรุ่นไปด้วยความเศร้าจึงพูดไปแบบนั้น

“จริงนะคะคุณพ่อ ขอบคุณค่ะ”
 กนกรดายิ้มทั้งน้ำตาเมื่อประมุขของบ้านให้สิทธิ์ในการไปมาหาสู่ลูกกับเธอ

“เอาล่ะ ค่อยแก้กันไปทีละเรื่อง แล้วเจ้าตัวเล็กเป็นชายหรือหญิงล่ะ”

“ผู้ชายครับคุณแม่” ยูโดตอบผู้เป็นมารดา

“อืมๆ เดี๋ยวแม่เลี้ยงให้เองแล้วกัน”

“ยูล่ะลูก อยากมีบ้างไหม ไปขอสักคนก็ได้ แม่รักทั้งนั้น”

“ได้จริงๆ เหรอครับ” ยูฟ่าดวงตาสุกสกาวอย่างมีความหวัง

“พี่ๆ ก็หาแฟนกันสิคะ หากอยากมีทายาทจริงๆ ไม่เห็นต้องใช้วิธีนี้เลย
 ทำอย่างกับชาตินี้จะไม่แต่งงานกันอย่างนั้นแหละ”
 กนกรดาออกความเห็น ซึ่งทางเลือกและคำพูดที่เธอบอกทำเอาฝาแฝดหน้าตึง

“ไม่ได้!!” สองหนุ่มเปล่งเสียงออกมาพร้อมๆ กัน ทำเอาทุกคนสะดุ้ง

“เอ่อ พวกพี่ไม่คิดจะผูกมัดกับใครน่ะ เราเป็นพวกไร้ใจกันดูแลใครไม่ได้หรอก” ยูฟ่าหาเหตุผลมาอ้าง

“เหรอคะ เสียดายหน้าตาดีๆ ทั้งสองคนเลย แบบเนี่ยเป็นผู้ชายในฝันของสาวๆ เลยนะคะ ยิ่งพี่ยูนะอย่างน่ารัก”

“เรานี่แก่แดดซะจริง เป็นผู้หญิงชมหนุ่มๆ ได้ไง” ยูฟ่าติงไม่จริงจังนัก ส่วนคนฟังหัวเราะคิกคัก

“พี่ยูนี่หัวโบราณจัง โลกเราก้าวล้ำจนสัญญาณโทรศัพท์ยังพุ่งไปกี่ G แล้วล่ะ”
กนกรดาพูดยิ้มๆ และสาวใช้ก็เดินมาหาเธอ พูดอะไรกันหงุงหงิง

 “กระซิบอะไรกันสองคนนี้” มารดาถาม

“ละครค่ะคุณผู้หญิง กำลังฟินเลย จิ้นกระจายทั้งในจอและนอกจอ บอกไปคุณผู้หญิงก็คงไม่ทราบหรอกค่ะ”

“ที่พระเอกเป็นเพื่อนรุ่นเดียวกันมา แล้วก็เจ้าตัวเล็กแอบรักอยู่ข้างเดียวมานาน
 กว่าพระเอกจะรู้ตัวคงอีกนาน ใช่เรื่องนั่นหรือเปล่า”

“ว๊าย! คุณดาขา คุณผู้หญิงทราบด้วย มดแดงกับคุณดาเป็น FC เลยนะคะนั่นน่ะ”

“เชิญเถอะแม่คุณ ค่อยๆ ลุกนะ นี่ถ้าเจอผู้ชายในชีวิตจริงมารักกันให้เห็นนี่ไม่ดิ้นตายเลยหรือไง เฮ้อ”

“จากคู่จิ้นกลายเป็นคู่จริงเหรอคะ ฟินจนตัวแตกเลยแหละค่ะ” มดแดงพูดไปยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ไปด้วย

“หึหึหึ” เสียงของยูโดทำเอายูฟ่าหันมอง แล้วต้องหลบตาลงเมื่ออีกคนจ้องกลับมา

“คุณแม่ครับยูไปขอเด็กมาเลี้ยงได้จริงหรือเปล่า ยูจะได้เลี้ยงคู่กับลูกของโด”

“โดว่าไงล่ะ คุยกันดีๆ เพราะแม่ไม่รู้ว่าจะอยู่จนหลานโตหรือเปล่า ชีวิตคนเราไม่แน่ไม่นอน”

“คุณแม่น่ะอยู่จนหลานมีเหลนให้นู่น…เชื่อเถอะ” ยูฟ่าดักคอ

“ตามใจยู แต่แม่บอกไว้ก่อนห้ามรักลำเอียง จะให้อะไรก็ต้องให้เหมือนๆ กัน”

“ได้ๆ ยูจะเลี้ยงให้พี่น้องรักกัน ดูแลกันและไม่ทิ้งกันเลยคอยดู”

“เหมือนเราสองคนน่ะเหรอ เฮอะ!” บิดาแขวะจนได้

“ก็ๆ ไม่เห็นจะเสียหาย รักกันดีกว่าเกลียดกันนี่นา” ยูฟ่าทำปากยู่

“ไว้ว่างๆ ไปทำเรื่องไว้สิ กว่าเขาจะตรวจสอบมายังเรา กว่าจะอนุมัติไม่ใช่ว่าจะได้เด็กมาเลี้ยงง่ายๆ นะ”
คุณพ่อพูดกับลูกชาย

“เนี่ยเป็นวิธีที่ดี ไม่สร้างปัญหาสังคมเพิ่มด้วย ตอนแรกไม่เห็นจะคิดกันอย่างนี้เลยล่ะ เฮ้อ!”
มารดาถอนใจเสียงดัง

“ผมก็อยากมีหลานจริงๆ นี่คุณ” คุณพ่อพูดแบบไม่เต็มเสียงนัก

“นั่นไง ยังไม่ทันไรเลยพูดเรื่องหลานจริง หลานไม่จริงกันแล้ว คิดให้ดีก่อนตัดสินใจแล้วกัน
 แม่น่ะยังไงก็ได้ เลี้ยงเท่าที่ยังเลี้ยงให้ไหวนั่นแหละ”

“เอ่อ ผมเปรียบเปรยเฉยๆ จะทำยังไงกันก็เชิญ ไม่กล้าแล้ว”
คุณพ่อพูดไม่เต็มเสียงนัก สองแฝดมองหน้ากันและกลั้นยิ้ม คุณพ่อมาถึงจุดที่ภรรยาว่าอะไรก็ว่าตามกันไปได้ยังไง


สามวันต่อมายูโดว่างจากงาน เขาจึงเข้าไปรับคนที่บ้านอันประกอบด้วยคุณแม่
ยูฟ่าและกนกรดาออกมาที่ห้างสรรพสินค้า ทานมื้อกลางวันและแวะร้านหนังสือตามที่วางแผนไว้
ยูฟ่าให้การดูแลกนกรดาเป็นอย่างดี ถ้าคนนอกมองมาก็คงคิดว่าเป็นคู่สามีดูแลภรรยา


ล่วงเข้าสู่เวลานอน ยูโดยังคงนัวเนียทั้งกอดและหอมยูฟ่าไม่ห่าง จับฟัดพุงไปหลายที
จึงถูกยูฟ่ากัดแก้มจนร้องลั่น จากที่มีอะไรกันในคราวนั้นยูฟ่าก็ไม่ยอมอีกเลย ยูโดครุ่นคิดหาวิธีเผด็จศึก
อยู่ทุกคืนแต่ไม่เป็นผลครั้งนี้ก็เหมือนกัน

“ยูครับ ขอเถอะ คราวนี้ไม่เจ็บแล้ว”

“เฮอะ! ลองมาโดนบ้างมั้ยล่ะ”

“อย่าใจร้ายสิครับ นะๆ กระชับความสัมพันธ์กันหน่อย นะครับ” ยูโดตื้อและยูฟ่าก้เงียบไม่ได้โต้แย้ง

“ยูก็รู้ไม่ใช่เหรอผู้ชายเราน่ะ อยากปลดปล่อยแทบทุกวันนั่นแหละ
 ยิ่งพวกเรายังอยู่ในวัยนี้กันด้วย นะครับ เชื่อมสัมพันธ์กันให้แนบแน่นเนอะ”

ยูโดไต่มือขึ้นไปทางขากางเกง ยิ่งขาขาวๆ กับกางเกงขาสั้นจู๋ที่เห็นไปถึงโคนขา
และยิ่งเห็นอะไรวอมแวมด้วยยิ่งพาให้ใจกระเจิง

‘นี่ไม่ได้ยั่วกัน ใช่มั้ย ฮึ่ม’

ยูโดดึงผ้าเช็ดตัวที่ห่อหุ้มช่วงล่างออกและกระโจนเข้าใส่ยูฟ่าอย่างเหลืออด
 เป็นไงเป็นกัน กัดแก้มก็ให้กัดแล้วยังจะยากอีก

“อะ อื้ออออ”
 ยูโดประกบปากลงบดขยี้กับริมฝีปากบางอย่างกระหายอยากและจาบจ้วง
 เขาแทรกลิ้นพรวดเข้าไปเกี่ยวกระหวัดขบเม้มดูดดึงเรียวลิ้นและกลีบปากของคนตัวเล็ก
ที่ดูจะอ่อนระทวยเมื่อถูกสัมผัสที่ร้อนเร่ากว่าที่เคยทำกันมา เสียงแลกน้ำลายกันดังจ๊วบจ๊าบ
 ความแข็งขืนดุนดันถูไถที่หน้าขาของยูฟ่าไม่หยุด มือหนาตะโบมลูบไล้ไปทั่วเรือนกายหนักบ้าง
 เบาบ้าง คละเคล้ากันไป กางเกงนอนถูกร่นลงไปค้างเติ่งตรงเข่า กลางกายเสียดสีกันทันที
เมื่อยูโดทาบทับตัวเองลงตาม ยูโดเคลื่อนกายอย่างเจาะจงให้บดเบียด จงใจปลุกเร้าให้อารมณ์ตื่นเพริดขึ้น
 ยูฟ่าประท้วงเสียงอึงอล

“โด ช้าๆ ใจเย็นๆ ยูไม่หนี ยูยอม” ยูฟ่าจิกเล็บลงบนแผ่นหลังของยูโดเพื่อให้รู้สึกตัว

“ยูดื้อ ต้องถูกลงโทษนะครับ”
ยูโดรวบส่วนขยายของพวกมาไว้ในอุ้งมือ บดเบียดกันไม่เบานักและ
เมื่อยูโดรูดรั้งทั้งสองพร้อมๆ กัน ทำเอายูฟ่าซี๊ดปาก

“ซี้ดดด อ่า โด อย่าแกล้ง”
ยูโดหยุดมือและจับยูฟ่านอนตะแคงเขาเข้าไปซ้อนหลังและยกขาของยูฟ่าขึ้นข้างนึง
และนำส่วนที่แข็งขืนไปถูตรงร่องก้น ปากก็ขบเม้มที่ใบหูขาวไปด้วย ลมหายใจที่รินรดต้นคอ
ทำให้ขนอ่อนลุกพรึบ มังกรที่งอแงจะเข้าสำรวจถ้ำทำเอายูฟ่าหน้าร้อน ยูโดดูเอาจริงเอาจัง
และร้อนแรงกว่าครั้งแรก ยูฟ่าเห็นดังนั้นจึงยินยอมให้ความร่วมมือ เขาโน้มคอของยูโดลงมา
มอบจูบหวานฉ่ำและอ้อยอิ่งให้โดยที่ไม่รู้ว่าส่วนล่างได้ชำแรกเข้ามาแล้วทีละนิดและจังหวะที่
เขาเผลอมันก็มุดหัวเข้ามาและฝังตัวนิ่งก่อนจะค่อยๆ เคลื่อนตัวอย่างเนิบช้าและค่อยเพิ่มจังหวะ
ให้ร้อนแรงขึ้น ยูฟ่าถูกจับให้คู้เข่าและยกก้นลอยโด่ง มังกรไม่โผล่หัวออกมาอีกเลยจวบจนยูฟ่าต้องร้องขอ

“โด แรงอีก อ๊า ตรงนั้น อื้ออ”
ยูโดซอยสะโพกเข้าไปอย่างดิบเถื่อนกว่าเดิมเขาไล่ขบกัดไปบนผิวขาวๆ อย่างมันเขี้ยว
 เม็ดเหงื่อที่ผุดพรายยิ่งทำให้เรือนกายที่เปล่าเปลือยมีเสน่ห์มากขึ้นไปอีก
 ยูฟ่าครางกระเส่าและงับนิ้วของยูโดไว้ในปาก ดูดดุนอย่างเผลอตัว ใบหน้าเห่อแดง
ตามอารมณ์ปรารถนาที่ไต่สูงขึ้น ก้นส่ายไปมาตามแรงกระแทก ช่องทางสีสวยกลืนกินมังกรไปทั้งตัว
 ช่างเป็นภาพที่ยูโดชอบและใฝ่ฝันถึงมาตลอด

“โด อื้อ กอดหน่อย”
 ยูโดยืนขึ้นและจับคนตัวเล็กหันเข้าหาอกแกร่งทั้งที่ส่วนนั้นของเขายังเชื่อมกันอยู่
ยูฟ่าผวากอดที่ถูกอุ้มขึ้นมาทั้งตัวแบบนี้ ยูโดเดินเครื่องเต็มกำลัง เขายกก้นยูฟ่าขยับขึ้นลง
บนแท่งร้อนของเขา เมื่อต้องการให้ลึกกว่าเดิมก็โน้มตัวลงและสวนสะโพกเข้าใส่
ยูฟ่ากัดลงบนเนื้อที่บ่าจนยูโดต้องซี้ดปาก

“คนเก่งของโด อืม รักที่สุด”
 ยูฟ่าใช้ขาโอบเอวของยูโดไว้กันตก มือก็ลูบไล้ไปที่หลังคอและงับเนื้อเนินหน้าอกของร่างหนาไว้เต็มปาก
 แลบลิ้นเลีย ยิ่งเห็นยูโดแหงนหน้าครางต่ำยิ่งได้ใจ ใช้ฟันขบกัดดูดดึงไม่หยุด

“ยูครับ จะทำให้หลงไปถึงไหนกัน หืม”

“โดเป็นของยู”

“แน่นอนครับ โดเป็นของยู เราเป็นของกัน อย่างนี้ต้องให้รางวัลเพิ่มเนอะ”

“อื้ออ โด ลึกไป อ้า”
 ยูโดพายูฟ่าไปที่โซฟาและจัดท่ายืนขาเดียวให้คนตัวเล็ก เขาซอยสะโพกเข้าหา
 เสียงเนื้อกระทบกันดังก้องในความเงียบของรัตติกาล

“โด แรงอีก อื้อ ยูจะไปแล้ว อ่าห์”

“อย่าเพิ่งนะยู กลั้นไว้ก่อน รอพร้อมๆ กัน นะครับ”
ยูฟ่าหันมารับจูบเร่าร้อนอีกครั้ง มือก็ลูบไล้หน้าท้องตัวเองด้วยความซ่านเสียว

“โด ทำไมนาน ยูไม่รอแล้วนะ อ๊ะ”
ยูฟ่ากลั้นความเสียวไว้จนหน้าเห่อแดงไปหมด ความหวามไหวแทรกไปทุกรูขุมขน
จนขนอ่อนในกายลุกชัน เสียดเสียวในช่องท้องเป็นอย่างมาก

“งั้นไปที่เตียงกัน”
ยูฟ่าผวากอดเมื่อถูกคว้าตัวเข้ามาอุ้มอีกแล้ว การก้าวเดินทั้งที่ยังมีกันอยู่สร้างความปั่นป่วน
จนต้องเกร็งหน้าท้อง ยูฟ่าถูกวางลงที่ขอบเตียง ยูโดจัดท่าคลานเข่าให้แต่คราวนี้คนตัวโต
ยืนอยู่ที่พื้น และสาวสะโพกเข้าออกที่ช่องทางสีสวยไม่มีออมแรง เน้นย้ำตรงจุดกระสัน
ยูฟ่าขยุ้มผ้าปูที่นอนแน่นและเอี้ยวตัวมามอง ดวงตาสีหวานฉ่ำน้ำ

“อื้ม รัดแน่นดีจริงๆ ยูน่ารักมาก รักยูนะ รักโดมั้ยครับ”

~ปึ่ก~ปึ่ก~ปึ่ก~

“ระ รัก อื้ออ”
 ยูโดกระหน่ำตอกอัดแท่งร้อนไม่หยุด ฟาดฝ่ามือลงที่แก้มก้นขาวจนเกิดรอยแดง
 ยูฟ่าหลุดเสียงครางหวาน ทั้งสองกระตุกเกร็งก่อนที่จะฉีดพ่นธารรักออกมาพร้อมๆ กัน
ยูฟ่าทิ้งตัวลงบนที่นอน คว่ำหน้ากับหมอน ยูโดเข้าไปรวบกอดคนตัวเล็ก

“รักยูนะ” ยูโดขยับส่วนที่ยังเชื่อมกันอยู่ไปมา

“โด ยังไม่พออีกเหรอ อ๊ะ”

“มันรักยู ดูสิ นะครับ อีกครั้งนะ”

“ยูเหนื่อย อ๊ะ ง่วง”

“ยูก็นอนไปสิครับ นะๆ โดทำเอง ยูครางเสียงหวานๆ ก็พอเนอะ”
ยูฟ่าช้อนตามองเจ้ายักษ์ที่คงยากจะปล่อยให้เขาได้พัก พอได้กินไปแล้วคงรูดเนื้อหนัง
จนเหลือแต่กระดูกขาวโพลนก็คราวนี้ และกว่าที่ยูโดจะปล่อยให้ยูฟ่าได้นอนก็ผ่านการรีดน้ำ
ไปถึงสามรอบจนคนตัวเล็กเสียงแหบเสียงแห้งและหลับไม่รู้เรื่อง

ยูโดพาไปล้างตัวสอดยาและสวมเสื้อผ้าให้ จัดท่านอนให้โดยที่อีกคนหลับคาอกและคืนนี้ยูโดก็หลับยาวไปจนกระทั่งรุ่งเช้า

หัวข้อ: Re: incest : บาปร้ายในบ่วงรัก ตอนที่ 28 ทดสอบภูมิคุ้มกัน?
เริ่มหัวข้อโดย: เส้นขอบฟ้า ที่ 31-08-2019 10:31:06
ตอนที่ 28 ทดสอบภูมิคุ้มกัน?

เช้านี้ยูฟ่าและยูโดไม่ได้ลงไปร่วมโต๊ะอาหารเนื่องจากคนตัวเล็กมีไข้ บ่นปวดหัวและเมื่อยตามเนื้อตัว
จนยูโดต้องลงมาสั่งข้าวต้มและยกขึ้นไปให้ที่ห้องนอน

“ปวดหัว ปวดตัว เมื่อคืนยูโดนสิบล้อทับมาแน่ๆ นี่ยูรอดมาได้ยังไงน่ะ”
ยูฟ่าตัดพ้อและน้ำตารื้นขึ้นมา พอป่วยแล้วก็อยากอ้อน อ่อนไหวจนบอกไม่ถูก

“โดเองที่ทับยูไม่ใช่สิบล้อ ขอโทษนะครับ เจ็บมากเลยสิ หืม”
ยูโดลูบหัวคนตัวเล็กและโน้มใบหน้าเข้าไปจูบที่ปากเรียวบางที่ขึ้นสีเพราะพิษไข้

“กินข้าวนิดนะครับ จะได้กินยา”
ยูโดประคองให้ขึ้นนั่งและเลื่อนถาดอาหารเข้ามา เจ้าตัวมองอาหารตรงหน้าเฉยและส่ายหน้า

“กินนิดนึงนะ โดป้อนครับ ถ้าอย่างงั้นก็สลับกันกินคนละคำแล้วกัน”
ยูฟ่าพยักหน้าและยอมกินไปเงียบๆ จนข้าวหมดชามและดื่มน้ำปิดท้าย

“กอดหน่อย” ยูฟ่าโผเข้าไปซบที่อกคนตัวโต

“ปวดหัวมั้ย เดี๋ยวค่อยกินยานะ โดต้องไปทำงาน ยูนอนพักเยอะๆ นะครับ”

“ไม่ให้ไปนะ อยู่กับยู โดจับยูกินจนเจ็บไปหมด ยังจะทิ้งไปอีก ฮึก ฮือ”

“โอ๋ ยูคนดี ไม่ทิ้งครับใครจะกันล่ะ งั้นโดบอกคุณพ่อก่อนนะว่าวันนี้ไม่เข้าบริษัท”

“ไม่ๆ โดจะหนีไปทำงานยูรู้นะ ยูไม่อยู่คนเดียว”
ยูโดลูบหลังคนป่วยที่ทั้งขี้อ้อนและงอแง ยูฟ่าไม่เคยเป็นอย่างนี้มาก่อนเลย
ขนาดตอนเป็นมะเร็งก็ยังไม่ร้องไห้ให้เห็น ยูโดยกยิ้ม พอเปลี่ยนสถานะแล้วกลายเป็นอีกคนไปเลย
น่าจับกินตั้งนานแล้ว ชีวิตของเขาดูมีสีสันและรอยยิ้มเมื่อมียูฟ่าในอ้อมอกแบบนี้

~ ก๊อก ~ ก๊อก ~ ก๊อก ~
เสียงเคาะประตูและตามมาด้วยร่างผอมบางของมารดา

“ไม่ลงไปทานข้าวกันล่ะลูก ยูป่วยเหรอ แล้วนั่นร้องไห้ทำไม”

“เป็นไข้น่ะครับ” ยูโดตอบแทนคนป่วย มารดานั่งลงและยกหลังมืออังที่หน้าผากลูกรัก

“ตัวรุมๆ กินยาหรือยัง แล้วโดไม่ไปทำงานหรือไง ยูน่ะเดี๋ยวแม่ดูเอง”

“เพิ่งให้ทานข้าวต้มไปครับ อีกประเดี๋ยวจะให้ทานยาลดไข้”
ยูโดตอบมารดาและลูบหัวคนป่วยที่กอดเอวเขาไม่ปล่อยและช้อนตาที่มีน้ำตาคลอมองมารดา

“ยูป่วยอยู่ครับคุณแมแล้วก็ไม่ให้โดไปทำงานด้วย โดต้องอยู่กับยู”

“ทำไมอ้อนน้องล่ะ น้องต้องไปทำงานนะ ยูอยู่กับแม่ไงคะ”

“ไม่ๆ ยูจะอยู่กับโด ฮึก ฮือ คุณแม่ใจร้ายจะพรากโดไปจากยูอีกแล้ว”
มารดาอ้าปากเหวอ อยู่ๆ ก็ถูกกล่าวหา

“โดไม่ไปทำงานครับ ไม่งอแงนะ ไม่ว่าคุณแม่นะเด็กดี” ยูโดรีบปลอบ

“ทำไมดื้อจังป่วยรอบนี้ นี่น้องตามใจจนพี่เสียคนหรือเปล่า” มารดาพูดขึ้น ยูฟ่าเบะปากและส่ายหน้า

“ไม่ๆ ยูไม่ดื้อแล้ว คุณแม่อย่าให้โดไปไหนนะ ยูจะไม่ดื้อ”

“ตายจริงร้องใหญ่เลย ไม่ดื้อเลยค่ะ ยูไม่เคยดื้อกับแม่ กินยาแล้วนอนซะนะ
โดก็ดูแลพี่เราดีๆ แล้วกัน เดี๋ยวแม่ลงไปอยู่เป็นเพื่อนคนท้องก่อน เฮ้อ
เป็นอะไรของเขานะ ถ้ายูหลับลงไปคุยกับแม่หน่อยนะโด”

“ครับคุณแม่” ยูโดรับปากและมองตามร่างผอมบางไปจนพ้นประตู

“กินยาหน่อยนะ คนดี”
ยูโดเอี้ยวตัวไปหยิบยาแก้ปวดและแก้อักเสบมาให้ พร้อมทั้งรินน้ำใส่แก้วก่อนจะเรียกยูฟ่าอีกที
คนป่วยอิดออดแต่เมื่อคนตัวโตนำยามาจ่อให้ที่ริมฝีปากจึงอ้าปากงับเม็ดยาและรับแก้วน้ำไป
ดื่มอึกใหญ่ ก่อนจะส่งแก้วคืนให้

“เอาละทีนี้ก็นอนได้แล้วนะ” ยูฟ่าไถลตัวลงไปนอนแต่ก็กอดเอวของยูโดไว้ไม่ยอมปล่อย

“อย่าทิ้งยูนะ”
คนป่วยงึมงำและปิดเปลือกตาลง ยูโดมองหน้าที่ออกสีระเรื่อเพราะพิษไข้
เดี๋ยวต้องเช็ดตัว แต่คงต้องให้หลับสนิทแล้วนั่นแหละ ป่วยคราวนี้ทำเอาคุณแม่รับมือ
ไม่ถูกและยูโดหวั่นๆ ว่าเรื่องที่ท่านจะคุยด้วยคงเป็นเรื่องคนป่วยนี่แหละ จนเวลาผ่านไปครู่ใหญ่ๆ
ยูฟ่าก็หลับสนิท ยูโดเตรียมหาผ้าชุบน้ำมาเช็ดตัวพอไข้ลดแล้วจึงลงไปหามารดาตามที่ท่านสั่ง


ยูโดก้าวเข้าไปยังห้องทำงานพบว่าคุณแม่นั่งรออยู่ที่โซฟาตัวยาวมุมห้อง
 ใบหน้าของท่านเรียบนิ่ง แววตาที่มองมาไร้ซึ่งอารมณ์ใดๆ ยูโดเสียวสันหลังวาบ
รู้สึกว่าเรื่องที่จะคุยนี้เป็นเรื่องใหญ่

“มาแล้วสินะ ไหนบอกแม่ที พี่เราป่วยได้ยังไง”
 น้ำเสียงที่ถามออกจะแข็งๆ ต่างจากเดิมจนคนฟังสัมผัสได้

“เอ่อ ตื่นมาก็บ่นว่าปวดหัว จับดูก็มีไข้แล้วครับ”
 ยูโดตอบไม่ค่อยเต็มเสียงนักและไม่กล้าที่จะสบกับสายตาคนถาม

“จะพูดความจริงมั้ยอัครวินท์”
ยูโดสะดุ้งเฮือกเมื่อถูกมารดาเรียกด้วยชื่อจริง ซึ่งจะโดนเรียกเมื่อตอนี่ท่านจะลงโทษเพราะทำผิดเท่านั้น

“คุณแม่ก็คงทราบสาเหตุที่ยูป่วยแล้ว ยังจะต้องให้โดพูดอะไรอีกล่ะครับ”

“แม่จะทำยังไงกับเราดียูโด พี่เราก็เพิ่งหายป่วย ร่างกายยังไม่ปรกติเหมือนอย่างเราๆ
ทำไมยังทำเรื่องแบบนั้น ถ้าคุณพ่อทราบจะให้แม่ทำยังไง ทำอย่างนี้คิดจะเปิดเผยแล้วใช่ไหม
 ที่ผ่านๆ มาแม่ไม่พูดและไม่ได้ห้ามปราม เพราะเห็นว่านานไปเราจะเปลี่ยนความคิดได้เอง
 ครั้งแรกที่รู้ว่าหนูดาอุ้มท้องลูกของโด แม่ยังหวังว่าหนูดาจะมาเป็นภรรยาที่ถูกต้องของลูกได้ในอนาคต
 แต่ดูสิว่าวันนี้มันเกิดเรื่องแบบนั้นขึ้นมาจนได้ เคยคิดถึงผลที่จะตามมาบ้างไหมยูโด”

“คุณแม่ครับ ผมจะพูดอีกแค่ครั้งนี้เป็นครั้งสุดท้ายนะครับ ต่อให้คนทั้งโลกจะเกลียดชังพวกเรา
จะประณามหรือตราหน้ายังไงก็ได้ครับ แต่มีเพียงสิ่งเดียวที่ผมจะไม่ยอม คือการที่คุณแม่หรือใครๆ
 คิดจะพรากความรักของเรา ถ้าวันนั้นมาถึงคุณแม่คงได้เห็นเพียงร่างที่ไร้วิญญาณของผมเท่านั้น”

“อัครวินท์ พูดอะไรออกมา กล้าพูดจาแบบนี้กับแม่เชียวรึ แม่ไม่น่าปล่อยให้กลับมาเจอกันอีก ไม่น่าเลยจริงๆ”

“ผมมองคุณแม่ผิดไปจริงๆ ตลอดเวลาที่ผ่านมาผมยังคิดว่าโชคดีที่มีคุณแม่ที่เข้าใจ แต่จริงๆ
 แล้วมันเป็นเรื่องโกหกทั้งเพ คุณแม่ที่ทำเหมือนว่ารักลูกคนนั้นน่ะ คุณแม่คนนั้นไม่ได้มีอยู่จริงๆ ใช่ไหม?
 บอกผมสิครับ ถ้าการที่ผมเป็นแบบนี้มันทำให้วงศ์ตระกูลและชื่อเสียงของคุณพ่อและคุณแม่ต้องเสื่อมเสีย
 ถ้าอย่างนั้นเชิญอยู่กับชื่อเสียงและเกียรติยศนั้นต่อไป ชีวิตนี้ผมขอแค่มียูเท่านั้น ปล่อยเราสองคนไป
ถ้ามันจะเลวร้ายไปกว่านี้ผมก็จะยอมรับมันครับ”

ยูโดพูดด้วยดวงตาที่แดงก่ำ ขบกรามจนขึ้นเป็นสันนูน

 เขาไม่คิดเลยว่าวันนี้จะมาถึง วันที่คนในครอบครัวไม่ยอมรับในการกระทำของเขา
ยอมรับในความผิดบาปและความรักของพวกเขาไม่ได้

“กล้ามาก! กล้าที่จะร้องขอ ถ้าอย่างนั้นก็ไปเลยสิ แต่ไปคนเดียว…ห้ามพายูฟ่าไปลำบาก! ไปเลย!”
 อุไรตวาดออกมาเสียงกร้าวเมื่อเห็นลูกชายถือดีและแข็งกระด้างใส่ และก่อนที่เหตุการณ์จะเลวร้ายลงไปอีก
 ประตูห้องทำงานก็ถูกเปิดเข้ามาพร้อมร่างที่บอบบางและอ่อนระโหย

 ยูฟ่าทรุดตัวลงนั่งที่พื้นต่อหน้ามารดาและกราบลงแทบเท้าของท่าน
 ก่อนที่จะเงยหน้าที่นองไปด้วยน้ำตาขึ้นมองสบกับท่าน

“คุณแม่ครับพอเถอะนะครับ อย่าทำแบบนี้ เรื่องทั้งหมดยูผิดเอง ยูปล่อยให้มันเกิดขึ้นทั้งๆ
ที่คุณแม่ก็เคยร้องขอไว้ ยูผิดเอง คุณแม่จะเกลียดยูหรือลงโทษยูยังไงก็ได้ แต่ยูขอร้องนะครับ
คุณแม่อย่าเกลียดโด อย่าไล่ให้โดไปจากยู อย่าพรากความรักของเรา ยูอยู่ไม่ได้ เราสองคนเกิดมาคู่กัน
ได้โปรดอย่าแยกเรา ที่ผ่านมายูมีชีวิตมีลมหายใจก็เพื่อรอวันที่จะได้พบกับโด ยูอยู่ได้เพราะครั้งนั้นยูมีความหวัง
หากคุณแม่จะพรากเรา ครั้งนี้คุณแม่คงต้องได้เห็นร่างที่ไม่มีลมหายใจของยูแทน ฮึก”

ยูฟ่าสะอื้นไห้จนเนื้อตัวสั่นเทาไปหมด ยูโดรวบตัวคนป่วยที่ฝืนตัวออกมาเพื่อปกป้องความรัก
ปกป้องเขาทั้งที่ความผิดทั้งหมดมันเกิดจากเขาที่เป็นฝ่ายเริ่มก่อน

“ยูคนดี ไม่ร้องนะ โดอยู่ตรงนี้ ยูไม่ผิดอย่าพูดแบบนั้น โดเป็นคนเริ่มเอง โดหักหาญน้ำใจ
โดรังแกยู ชีวิตยูที่เหลือโดจะรับผิดชอบและดูแลจนลมหายใจสุดท้าย จะไม่มีใครมาพรากความรักของเรา
จากกันเป็นครั้งที่สอง นอกจากความตาย ไม่ต้องกลัวนะคนดี โดจะไม่ทิ้งยู”

ยูโดพร่ำพูดและกอดร่างบางไว้แนบกับอก และเหมือนวันนี้มันจะเป็นวันสิ้นสุดของทุกปัญหา
และทุกเรื่องราวเมื่อจู่ๆ ร่างสูงใหญ่และภูมิฐานของประมุขของบ้านก็มาปรากฏตรงหน้า
ทุกคนต่างพากันมองเป็นตาเดียว

“ผมฟังมานานแล้ว เรื่องนี้ควรจะจบเสียที พวกเราปล่อยให้มันคาราคาซัง
ปล่อยให้เป็นแผลร้ายที่รอการเยียวยามานานเหลือเกินคงถึงเวลาแล้ว เรื่องนี้ไม่ใช่ว่าผมปิดหูปิดตา
ผมไม่ได้หูหนวกหรือตาบอด ผมรู้ผมเห็นมานาน รู้ตั้งแต่เจ้าโดมันเป็นเด็กเล็กๆ ด้วยซ้ำ
 คุณรู้มั้ยมันวิ่งมาบอกผมว่ามันรักยูและจะแต่งงานกับยู มันพูดตอนที่ฟันน้ำนมซี่แรกหลุดหรือยังเถอะ
ผมบอกมันว่าพี่น้องรักกันไม่ได้ มันย้อนถามว่าจะให้มันเกลียดยูหรือไง มันพูดว่าไงอีกคุณรู้มั้ย มันว่า
พ่อไม่น่ารัก โดเกลียดพ่อ ผมยังจำไม่เคยลืมจนตอนนี้”

“พ่อครับ ตอนนั้นโดยังเด็กถึงพูดไปอย่างนั้น โดไม่ได้จะเกลียดพ่อจริงๆ เสียหน่อย”

 ยูโดค้านขึ้นมา ตอนนี้เขาไม่ได้เกลียดท่านอย่างที่พูดในตอนเด็กเลย

“หลังจากนั้นมันก็เที่ยวต่อยตีผู้ชายทุกคนที่เข้าหาเจ้ายู ไม่ให้ยูเล่นกับใคร โตมาก็ไม่เลิกนิสัยขี้หวง
 มันยังตามไปทุกที่อย่างกับพวกโรคจิต ทำเป็นเกลียดกันทั้งที่รักกันแทบตายทั้งสองคน
 อีกคนก็ไปคบกับคนอื่นอุปโลกน์ขึ้นมาเป็นแฟน นี่ไงเรื่องที่ผมรู้มาตลอดแต่ไม่เคยพูดให้ใครฟังน่ะ”

“นี่คุณรู้ทุกเรื่อง รู้มาโดยตลอดเลยเหรอคุณพงศกร” ภรรยาหน้าเจื่อนจากขาวสลับแดงไปมา

“ใช่ผมรู้ แล้วยังไงล่ะ พอตอนนี้วันนี้ที่คุณเข้ามาจัดการ เพราะกลัวผมจะรู้ใช่มั้ย
เมื่อคืนถ้าหูไม่ได้หนวกใครๆ ผ่านไปหน้าห้องมันก็ต้องรู้ว่ามันสองคนทำอะไรกัน
แล้วเป็นไงเช้านี้เจ้ายูป่วย ให้พูดชัดๆ คือถูกเจ้าน้องจอมหื่นนั่นมันจับกินจนค่อนคืน”

 ยูฟ่าเงยหน้า สีแดงที่แก้มและใบหูก็บ่งบอกได้ดีว่าเขาอายมากแค่ไหน

“คุณพ่อ//คุณพงศกร”
ทั้งสามเรียกชื่อคนพูดเป็นเสียงเดียวกัน ยูฟ่าอายจนแทบแทรกแผ่นดินหนี
ยูโดรู้สึกเสียหน้าที่เรื่องลับของเขามันไม่เป็นความลับอีกต่อไป

“ตกใจอะไรกัน เฮอะ! ที่นี้ก็มาจบปัญหากันได้แล้ว”
 คุณพ่อพูดสีหน้าเรียบจนเดาอารมณ์และเจตนาไม่ออก

“คุณจะทำยังไงกับสองคนนี้” สามีหันไปถามความคิดเห็นภรรยา

“ก็ให้เลิกพฤติกรรมนี้ อยู่กันอย่างสงบ อย่าทำเรื่องน่าละอายแบบนั้นอีก”

“คนรักกันทำเรื่องอย่างว่ามันน่าละอายตรงไหนครับ ถ้าคุณแม่จะให้เราสองคนทำลืม
 ทั้งที่มันข้ามขั้นมาแล้ว ทำลืมว่าเราเป็นอะไรกัน ผมสองคนคงต้องขอออกไปจากบ้านนี้ครับ”
ยูโดสวนกลับ เขาทำอย่างที่ท่านพูดไม่ได้เด็ดขาด ยูฟ่าเป็นของเขาและเขาจะไม่ปล่อยไป

“ปากกล้าดีจริงๆ” มารดาพูดเสียงแข็ง

“พ่อตัดสินเอง แล้วให้ถือคำตัดสินนี้เป็นยุติ เราจะไม่มาพูดกันให้เสียเวลาอีก”

“ไม่ครับเราสองคนไม่รับคำตัดสินอะไรทั้งนั้น” ยูโดเสียงกร้าวและกอดยูฟ่าไว้แน่น

“อัครวิชญ์ อัครวินท์ จะไม่ฟังคำพูดสุดท้ายที่คนเป็นพ่อจะพูดหรือไง”

“คุณพ่ออย่าบีบบังคับเราสองคนเลยครับ ยูรักคุณพ่อและคุณแม่นะครับ”
 ยูฟ่าพูดโดยไม่มองหน้าท่านและส่ายหน้ากับแผ่นอกของยูโดอย่างเสียขวัญ

“ถือเป็นการฟังครั้งสุดท้ายก็แล้วกันนะยู ให้คุณพ่อท่านพูด ให้ท่านทำหน้าที่ของท่าน
เราก็ฟังในฐานะที่เราเป็นลูกก็เท่านั้น” ยูโดและยูฟ่าผละออกจากกันและนั่งตัวตรงที่พื้นเบื้องหน้า
บิดามารดาที่นั่งคู่กันบนโซฟาหนังสีดำ

“ที่พ่อจะพูดก็แค่ว่าจะรักก็รักกันไป แต่รักด้วยสติ อย่าเอาคำพูดว่าหากถูกแยกจากกันจะยอมตาย
 คำพูดนั้นมันไม่สมควรอย่างยิ่งที่จะใช้พูดกับผู้ให้กำเนิดของตัวเอง โตๆ กันแล้วดูแลกันให้ดี
 อีกหน่อยก็ต้องรับผิดชอบเลี้ยงดูลูกที่กำลังจะเกิด พ่อพูดแค่นี้ล่ะแกจะเข้าใจหรือไม่ก็เรื่องของพวกแกแล้ว”

 ผู้เป็นพ่อพูดจบก็สร้างความตะลึงงันให้สองพี่น้องเป็นอย่างมาก ทั้งสองอ้าปากค้างและโผเข้ากอดกันแน่น
เมื่อเข้าใจถ้อยคำที่ผู้เป็นพ่อพูดและตามมาด้วยเสียงสะอื้นไห้

“ไม่ร้องนะยู เราได้รักกัน คุณพ่อเข้าใจเราไม่ห้ามเราแล้วนะ”
 
ทั้งสองผละออกจากกันและก้มลงกราบแทบเท้าของผู้ให้กำเนิดทั้งสองพร้อมๆ กัน

“โดขอโทษที่พูดจาก้าวร้าวคุณพ่อกับคุณแม่ครับ ขอบคุณที่เข้าใจเรา”

“คุณล่ะว่ายังไง” พงศกรหันไปพยักพเยิดถามภรรยาที่นั่งปั้นหน้าใส่ลูกไม่คลาย

“สองคนนี้ก็ลูกของคุณ บ้านนี้ก็ต้องฟังคุณสิ ขออย่างเดียวอย่าทำอะไรประเจิดประเจ้อแบบเมื่อคืนอีก
ทำเอาไม่ได้หลับได้นอนกันเลยไอ้ลูกบ้า ไม่รู้ได้เชื้อหื่นมาจากไหนสิ”

มารดาพูดและค้อนขวับๆ ใส่ลูกชายทั้งสอง

“นี่คุณแม่อภัยให้เราเหรอครับ คุณแม่ไม่โกรธเราสองคนใช่ไหมครับ ขอบคุณฮะ ขอบคุณ”
ยูโดละล่ำละลักถาม หน้าตาเหลอหลาจนผู้เป็นมารดาได้แต่ส่ายหน้าและขำพรืดออกมา
จบลงเสียทีละครฉากใหญ่ที่เธอต้องเหน็ดเหนื่อยเคี่ยวกรำกลัวว่าจะไม่สมบทบาท

“แม่บอกตั้งแต่คราวนั้นว่าถ้าทนคนรอบข้างได้ ก็รักกันไป และนี่ก็พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าไม่มีอะไร
มาพรากความรักของลูกสองคนได้ แม่จะโกรธอะไรได้ล่ะ แม่ก็แค่ตรวจดูภูมิต้านทานของเรา…ก็แค่นั้น”

พอมารดาพูดจบสองหนุ่มนั่งอ้าปากค้างกันอีกรอบ ก่อนที่ยูโดจะหลุดคำพูดออกมา

“โธ่…นี่คุณแม่ทำถึงขนาดนี้เลยเหรอครับ ทำเอาคนของผมร้องไห้มากมาย ผมเองก็ใจสลายไปด้วยเลยเนี่ย”

“ไม่ทำอย่างนี้แม่จะรู้ได้ยังไงว่าวันหนึ่งถ้าลูกต้องอยู่กันเองสองคน ไม่มีทั้งคุณพ่อและแม่แล้ว
 ชีวิตเราจะเป็นยังไงกันต่อไป จะไปคนละทิศละทางหรือเปล่า แต่ยังไงวันนี้ก็ทำให้แม่รู้ว่าลูกจะไม่ทิ้งกัน
 แค่นี้แม่ก็พอใจแล้วล่ะ”

“คุณแม่…ยูกับโดไม่ทิ้งกันอยู่แล้วครับ เราไม่มีวันลืมว่าที่ผ่านมาน่ะ การต้องอยู่คนเดียวและใช้ชีวิต
โดยที่ปราศจากกันมันทรมานแค่ไหน เราไม่มีวันลืมได้หรอก”
ยูฟ่าพูดดวงตายังฉ่ำน้ำไม่หาย

“อืม แต่ยังไงแม่ก็ยังเสียใจไม่หายที่ลูกตัดพ้อ หาว่าแม่เห็นแก่ชื่อเสียงวงศ์ตระกูล
 เห็นความรักของแม่ที่ผ่านมาเป็นเรื่องไม่จริง แม่ปวดใจ”
มารดาพูดเสียงเศร้า สองหนุ่มรีบผวาเข้าไปโอบกอดท่าน

“ไม่น้อยใจนะครับคุณแม่คนดี ลูกก็ปวดใจเหมือนกัน โอ๋ๆ” ยูโดหอมแก้มมารดา อย่างเอาใจ

“อุไรไปเข้าห้องกัน เดี๋ยวผมปลอบคุณเอง”
คุณพ่อพูดหน้าตายทำเอาลูกชายหันขวับมามองหน้ากัน แล้วคนเป็นแม่ก็เอื้อมมือไปบิดเนื้อคนเป็นพ่อ
จนท่านร้องโอดโอย

“นี่ไงเจอตัวแล้ว ที่เจ้าโดมันหื่นน่ะ มันได้คุณมานี่เอง”

“ยังไงก็อย่าปลอบกันหนักนักนะครับ หึหึ”
ยูโดแซวกลับเพราะบรรยากาศมัวหม่นได้อันตรธานไปแล้ว จนตอนนี้ทั้งห้องถูกปกคลุมด้วยสีชมพูแทน

“นี่แน่ะ ตัวดี ตัวแสบพอกัน” ยูโดถูกมารดาบิดจนใบหูแดงร้องโอดโอยไปด้วยอีกคน

“ไปดูคนท้องเถอะป่านนี้นั่งเหงาแล้วมั้ง พวกเราหายเข้ามาจะครึ่งวันแล้ว คุณพงศกรงานการไม่ไปทำหรือไง”

“ไปจ้ะที่รัก ไปเดี๋ยวนี้แหละ พ่อไปทำงานก่อนนะ เย็นๆ เจอกันไอ้เสือ ยูไปนอนพักไป
หาหยูกยากินซะด้วยล่ะ แล้วช่วงนี้ก็อย่าเพิ่งไปยอมให้ไอ้หื่นนี่มันจับกินอีกล่ะหรือถ้าจะให้ดี
รอให้พ่อหาช่างมาแก้ไขผนังห้องให้มันเก็บเสียงซะหน่อยก็จะเข้าท่ากว่านะ”

“คุณพ่ออ่ะ ชิ”
ยูฟ่าหน้ามุ่ยสลับกับแดงที่ถูกบิดากระเซ้า แล้วก็อดที่จะมองคนตัวโตที่เป็นต้นเหตุให้เขาถูกแซว
 มันน่าทุบให้ตายคามือนัก




หัวข้อ: Re: incest : บาปร้ายในบ่วงรัก ตอนที่ 29 ก่อนเกิดเรื่อง
เริ่มหัวข้อโดย: เส้นขอบฟ้า ที่ 31-08-2019 10:40:41
ตอนที่ 29 ก่อนเกิดเรื่อง

บ่ายวันเดียวกัน บ้านโสภณวิชญ์ก็ได้เปิดบ้านรับบรรดาหนุ่มๆ เพื่อนร่วมแก๊งที่ชักแถวกันเข้ามาพร้อมหน้าพร้อมตา

“ไงเสือ เฝ้าถ้ำได้เนอะ” โชกุนเปิดบทสนทนาก่อนเพื่อน

“ยูป่วยน่ะ ว่าแต่พวกมึงมาได้ไงร้อยวันพันปีไม่เคยจะโผล่หัวมา”

“มาดูว่ามึงยังอยู่ดีมั้ย เอ่อ…แล้วนั่นญาติเหรอ คนท้องนั่นน่ะ”
ฟีนิกซ์บุ้ยใบ้ไปทางกนกรดาที่นั่งอ่านหนังสืออยู่ในห้องนั่งเล่น

“เปล่าไม่ใช่ญาติ นั่นแม่ของลูกกูเอง น้องดา” ยูโดพูดหน้าตาเฉย

“ห๊ะ!!! นี่มันเรื่องบ้าอะไร แล้วยูของกูล่ะ มึงเอายูไปไว้ที่ไหน”
ขนมแหกปากลั่น ส่วนคนอื่นๆ พากันตกตะลึงไม่ต่างกัน มีแต่ธาวินที่ลุกพรวดจากที่นั่งก่อนใคร

“ทำไมทำกับยูแบบนั้น ใจร้าย ทำร้ายจิตใจยูได้ยังไง ไหนว่ารักกันมาก ทำไมเปลี่ยนใจง่ายๆ แบบนี้”
ธาวินตัดพ้อเสียงสั่นเครือพร้อมกับน้ำตาที่เริ่มคลอเบ้า ฟีนิกซ์รีบโอบคนรักให้นั่งลง

“เฮ้ย! ไม่ใช่ๆ พวกมึงฟังกูก่อน น้องดาเป็นแม่ของลูกกูพ่อใช่แต่ด้วยการทำกิ๊ฟท์
พอคลอดก็กลับไปใช้ชีวิตใบแบบของตัวเองแล้ว กูกับยูต้องช่วยกันเลี้ยงลูกต่อไง
 ที่นี้เข้าใจกันรึยัง ดีนะที่พวกมึงไม่มีใครต่อยปากกูซะก่อน”

 ยูโดพูดไปออกท่าออกทาง มือไม้ไปหมดกลัวเพื่อนๆ จะเข้าใจผิด

“เฮอะ! มึงนี่นะ แทนที่จะบอกกันก่อน กูน่ะปวดใจแทนยูไปเยอะเลย เพราะมึงเลยไอ้โด
เลี้ยงข้าวปลอบใจพวกกูเลย เอ่อ….ใครเห็นแกมม่าบ้าง มันก็เข้ามาพร้อมพวกกูนะ”

ขนมเหมือนกับยกภูเขาออกจากอกเมื่อได้ฟัง   

“มันขึ้นห้องไปหายูตั้งแต่มาแล้ว ไม่รู้สองคนนั้นแอบกิ๊กกันหรือเปล่า น่าสงสัยว่ะ”
 ยูโดตั้งข้อสงสัยขึ้นมาลอยๆ

“อืมๆ เหมือนจะมีเงื่อนงำนะ” โชกุนช่วยเติมเชื้อเพลิง

“นั่นสิ กูว่าเข้าเค้าว่ะ ตัวนี่ติดกันตลอด” ฟีนิกซ์เป็นลูกคู่ให้อีกแรง

“โว๊ะ! พวกนี้รับกันเป็นปี่เป็นขลุ่ย ระวังนั่งๆ อยู่หัวจะคะมำไม่รู้ตัว”
ขนมชะโงกหน้าเข้าไปในวงสนทนาและถลึงตาพวกลูกคู่ทั้งหลาย

“นั่นไงลงมากันแล้ว ฟ้องหน่อยน่าจะดี” ธาวินเปรยทำเอาฟีนิกซ์รีบตะครุบปากคนรักไว้และส่ายหน้า

“นินทาอะไรกันพวกมึง เดี๋ยวแม่งโดน” แกมม่าส่งเสียงมาแต่ไกล

“มีคนว่าแกมกิ๊กกับยูน่ะสิ” ธาวินรีบพูดเมื่อดิ้นหลุดจากฟีนิกซ์มาได้

“อ้อ…เป็นแฟนกันครับรุ่นนี้ทำอะไรต้องชัดเจนไม่มีคลุมเครือ ไม่แอบบางคนจับกินแบบไม่บันยะบันยัง”
 แกมม่าแสดงออกว่าเคือง เพื่อนตัวเล็กบอบบางน่าทะนุถนอมของเขาต้องตกอยู่ในสภาพตัวลายพร้อย
อย่างกับตุ๊กแกตอนที่ยูฟ่าเปลี่ยนชุด

“หูย…แรงเนอะมึงแอบตีท้ายครัวไอ้โดจนได้ แล้วใครจับใครกินวะ”
ขนมถามทั้งที่เดาว่าต้องเป็นยูฟ่าที่ถูกกินไม่อย่างนั้นคงไม่ป่วย ยูฟ่าวางหน้าไม่ถูกเมื่อกลายมาเป็น
เป้าสายตาของกลุ่มเพื่อน จึงบิดหมับที่พุงของแกมม่าที่พูดให้เขาได้อาย แกมม่าสะดุ้งโหยงและยกมือกุมท้อง

“หิวเหรอแกมหรือว่าปวดขี้” โชกุนแซวเขาทันเห็นสองคนที่เล่นพุงกัน

“เออ! ปวดขี้ งั้นตรงนี้เลยละกัน” เพื่อนๆ ต่างร้องเฮ้ย! พร้อมๆ กัน

ตลอดบ่ายเพื่อนๆ ตัวแสบก็ยังคงปักหลักในห้องรับแขกของบ้านไม่ย้ายไปไหน  ช่วงเย็นจึงมีปาร์ตี้เล็กๆ
 ในสนามหน้าบ้าน คนท้องถูกห้อมล้อมด้วยบรรดาหนุ่มๆ ความสดใส น่ารักและคุยเก่งของเธอเรียกเสียง
หัวเราะได้เป็นระยะๆ กว่าทุกคนจะพากันแยกย้ายกลับฟ้าก็มืดพอดี

“มดแดงเหนื่อยหน่อยนะวันนี้ มาช่วยกันเก็บจะได้ไปพัก”
 ยูโดเอ่ยปากช่วยเก็บข้าวของให้ ส่วนคนป่วยขอขึ้นไปอาบน้ำก่อนแล้ว

เมื่อยูโดช่วยเก็บข้าวเป็นที่เรียบร้อย จึงถือแก้วที่บรรจุนมอุ่นๆ ที่มดแดงไปเอามาจากป้าวรรณ
ขึ้นไปให้ยูฟ่าบนห้องนอนด้วยตนเอง

“ยูดื่มนมก่อนนอนหน่อยนะจะได้หลับสบาย ตื่นเช้ามาวิ่งได้ปร๋อเลย” ยูโดพูดอย่างเอาใจ

“อะไรเล่า ยูไม่ใช่เด็กนะ”
 ยูฟ่าสะบัดหน้าใส่อย่างแสนงอน ยูโดยิ้มและอังหน้าผากคนบนเตียงที่รับแก้วนมไปดื่มจนหมดแก้ว

“ไม่มีไข้แล้ว ขอโทษนะครับยูวันนี้ทำให้ยูต้องขายหน้าเพื่อนๆ” ยูโดพูดอย่างสำนึกผิด

“ไม่เป็นไรหรอกโด แค่เพื่อนรู้ว่ายูกับโดมีอะไรกันเอง แค่นั้น”
 ยูฟ่าพูดแล้วเอาหน้ามุดลงไปกับหมอนซ่อนความอาย ยูโดเห็นแล้วอดไม่ได้ที่จะเข้าไปนัวเนียคลอเคลีย
 ยูฟ่าทำทีเป็นจะหอมแก้มแต่พอยูโดเอียงแก้มให้เจ้าตัวก็งับจนคนถูกกัดร้องลั่นห้อง เขาเดาว่าต้องขึ้นรอยฟันแน่ๆ

“อยากถูกจับกินอีกหรือไง เดี๋ยวเถอะนะ” ยูโดทำเป็นขู่

“ไม่มีทาง! อดไปเลย ยูน่ะขายหน้าให้ทั้งคุณพ่อทั้งกับคุณแม่ด้วย
จนไม่รู้จะเอาหน้าไปซุกไว้ไหนแล้ว ยังจะเพื่อนๆ อีก ฮึ้ย!”

“อย่านะ! ถ้างดเรื่องนั้นโดแห้งตายแน่ๆ ขอโทษครับ คราวหน้าโดจะไม่ให้ใครมาเห็นรอย
บนตัวยูเลย นะครับ ไม่งอนนะ” ยูโดลงไปดิ้นเร่าๆ จนยูฟ่าอดขำไม่ได้ กว่าสองหนุ่มจะพา
กันนอนก็ทั้งกอดและหอมกันอยู่อีกพักใหญ่

ยูฟ่าหลับไปแล้ว ยูโดยังคงลูบกลุ่มผมนุ่มไปมา มองใบหน้ายามหลับอย่างรักใคร่
ช่วงนี้คนตัวเล็กของเขามีแต่เรื่องให้เสียน้ำตา

‘จะดูแลและไม่ปล่อยให้ยูต้องเสียน้ำตาอีก โดสัญญา’


วันนี้สองแฝดพาคนท้องไปพบแพทย์ตามนัด การมาครั้งนี้มีการอัลตร้าซาวด์แบบ 4 มิติด้วย
 ยูฟ่าเข้าไปในห้องด้วยพอภาพปรากฏให้เห็นที่จอมอนิเตอร์ ยูฟ่าออกอาการกระตือรือร้นราวกับ
เป็นพ่อตัวจริงเสียอีกเพราะส่วนตัวแล้วรักเด็กเป็นทุนเดิมอยู่ก่อนแล้ว

พอได้เห็นหน้าหนูน้อยก่อนที่จะคลอดในอีกไม่ถึงสองเดือนทำให้ยูฟ่าตื่นเต้น
และให้การดูแลเอาใจใส่กนกรดามากขึ้นกว่าเดิมอีกเป็นเท่าตัว

“ยูเป็นพ่อเจ้าหนูไปเองเลยนะ โดยกให้” ยูโดบอกกับคนตัวเล็กข้างๆ

“จริงสิโด เอาๆ ยูชอบเด็ก รักเด็กคนนี้ตั้งแต่แรกเห็นแล้วเนี่ย โดให้ยูจริงๆ นะ อย่าคืนคำล่ะ”
ยูฟ่าทำตาโตเหมือนกับเด็กเล็กๆ ที่ได้รับของเล่นถูกใจยังไงยังงั้น ยูโดมองอย่างเอ็นดู

“อืม เราก็เป็นพ่อเจ้าหนูด้วยกันอยู่แล้ว เรื่องจะขอเด็กมาเลี้ยงน่ะ ยูอายุยังไม่ถึง 25 ปี
อีกเกือบๆ สองปีจะรอไหมล่ะ หรือจะไปเดินเรื่องไว้ก่อน จองตัวเด็กไว้ พอได้สิทธิ์ก็รับมาเลี้ยงเลย
 เดี๋ยวโดจะหาวันพาไปแล้วกัน”

“ไม่เอา ไม่ขอแล้วล่ะ ยูมีแต่เรื่องปวดใจอยู่เรื่อย ถ้าวันหนึ่งวันใดยูเป็นอะไรไป
หรือจำตัวเองไม่ได้ขึ้นมา ลูกจะอยู่ยังไง เลี้ยงเจ้าหนูคนนี้คนเดียวก็พอ”

จากอาการลิงโลดเมื่อสักครู่เปลี่ยนเป็นหงอยเหงาขึ้นมาทันที ยูโดโอบบ่าคนคิดมาก

“โธ่ยูน่ะไม่เป็นอะไรแบบนั้นหรอก เราจะผ่านเรื่องทั้งดีและร้ายไปด้วยกัน อย่ากลัวไปเลยโดอยู่ทั้งคน
 ลูกคนเดียวก็ดีไปอย่าง เตรียมตั้งชื่อไว้ให้เจ้าหนูเลยนะ ต้องเรียกกันตั้งแต่ตอนนี้”

ยูโดปลอบใจและให้สิทธิ์ในการตั้งชื่อลูกกับยูฟ่า คนได้รับสิทธิ์กลับมามีใบหน้าแจ่มใสดังเดิม

“ให้ยูตั้งชื่อลูกเหรอ ดีจัง งั้นขอคิดดูก่อนคงไม่เกินสัปดาห์นี้ น่าจะหาชื่อที่เหมาะๆ ได้ ขอบคุณนะโด”
ยูฟ่าเขย่งปลายเท้าจูบปลายคางเป็นการขอบคุณ

 คำขอบคุณในความหมายของเขาคือ…ขอบคุณที่มารักกันและให้ความสำคัญกับเขา
 แค่นี้เขาก็มีความสุขที่สุดแล้ว สองหนุ่มสวมกอดกัน


ยูโดโทรบอกยูฟ่าว่าต้องไปพบลูกค้าต่างจังหวัด น่าจะกลับบ้านดึกหน่อยให้ยูฟ่านอนไปก่อนไม่ต้องรอ
 ยูฟ่ากับคนท้องพากันดูการ์ตูนตลอดบ่าย กนกรดานอนไปชั่วโมงกว่าๆ ตื่นมาก็ได้ของว่างที่ป้าวรรณทำ
เอาใจคุณหนูยูของแกเป็นพิเศษ


หลังมื้อเย็นยูฟ่าจึงหาหนังสือไปนั่งอ่านเป็นเพื่อนคนท้อง มารดาของเขาไปเชียงใหม่เยี่ยมคุณยาย
เหมือนเช่นเคย ส่วนบิดาติดงานเลี้ยง ยูฟ่ารู้สึกว่าช่วงเวลาที่ยูโดไม่อยู่ด้วยกันแบบนี้
เหมือนเข็มนาฬิกาจะเดินช้ากว่าทุกวัน เผลอทีไรก็หันมองแต่นาฬิกา

ก่อนขึ้นนอนมดแดงนำน้ำผลไม้มาวางให้ทั้งสองคนคนละแก้ว ยูฟ่านึกขึ้นได้ว่าชาร์จโทรศัพท์ทิ้ง
ไว้บนห้องนอนจึงกลับขึ้นไป เขาห่วงว่าจะพลาดการได้คุยกับยูโด โดยปล่อยให้คนท้องนั่งดูทีวีอยู่ชั้นล่างตามลำพัง

ยูฟ่าอาบน้ำสระผมและนั่งเช็ดผมอยู่ที่ปลายเตียง อดที่จะนึกไปถึงคนที่ยังไม่กลับบ้านอีกไม่ได้
ยูโดจะเข้ามาช่วยเช็ดผมจนแห้งทุกครั้งหลังสระ เฝ้าวนเวียนทั้งกอดจูบและหอมหัวเขาอยู่นั่นจนบางที
เขาก็ต้องไล่ให้ออกไปให้ห่างๆ พอไม่มีคนมาวอแวเหมือนที่เคยก็เหมือนขาดสิ่งสำคัญไป

เขามองตัวเองในกระจกและส่ายหน้ากับความไม่พอดีของตัวเอง

~ก๊อก~ก๊อก~ เสียงเคาะประตูและตามมาด้วยร่างอุ้ยอ้ายที่เดินเข้ามาหน่อยหนึ่ง

“อ้าว! น้องดา ยังไม่เข้านอนอีกเหรอ อย่านอนดึกนักล่ะแล้วนี่มีอะไร เป็นอะไรหรือเปล่า”
 ยูฟ่าสาวเท้าเข้าไปหา

“พี่ยูลืมดื่มน้ำส้มน่ะ น้องดาขึ้นนอนพอดีจึงถือติดมือมาให้ แต่มันก็ไม่เย็นแล้วนะคะ”
กนกรดายื่นแก้วมาให้ ยูฟ่ารับมาถือไว้

“ขอบคุณนะ พี่ลืมจริงๆ ด้วยสิ ไม่เป็นไรพี่ดื่มได้” พูดแล้วยูฟ่าก็ยกแก้วน้ำส้มดื่มรวดเดียวหมดแก้ว

“โอ๊ย! อูย…” กนกรดาร้องและหน้านิ่ว ยกมือขึ้นกุมท้อง

“อะไร! ลูกดิ้นหรือว่าเจ็บท้อง เป็นอะไรน่ะ?” ยูฟ่าวางแก้วแล้วรีบเข้าประคองคนท้องอย่างร้อนใจ

“เสียดท้องค่ะพี่ยู ไม่เป็นไรมากหรอก งั้นน้องดากลับห้องก่อน ฝันดีค่ะ”
กนกรดาหมุนตัวจะออกไปจากห้องแต่ยูฟ่าคว้าข้อมือไว้เสียก่อน

“เอ่อ เดี๋ยวพี่ไปส่งที่ห้องดีกว่า เผื่อมีอะไรจะได้ช่วยทัน”
 ยูฟ่าเปิดประตูให้คนท้องและเดินไปส่งยังห้องนอนที่อยู่ข้างๆ กัน
 ห้องนี้เป็นห้องนอนเดิมของยูโด พอเข้ามาข้างในก็พบว่าห้องได้ถูกตกแต่งภายใน
จนออกแนวหวานขึ้นหน่อย เขายินคุณพ่อพูดว่าห้องนี้จะปรับเปลี่ยนให้เป็นห้องนอนเด็กในอนาคตด้วย

 บนเตียงนอนเต็มไปด้วยตุ๊กตา ยูฟ่ายกยิ้มในนิสัยเด็กๆ ของคนที่อีกเพียงเดือนเศษๆ ก็จะกลายเป็นแม่คนแล้ว

“ขอบคุณนะคะพี่ยู น้องดาคิดแล้วว่าพี่ยูต้องใจดี แบบนี้เป็นหนุ่มในฝันของสาวๆ เลยจริงๆ นะคะ
 น่าเสียดายที่พี่ยูไม่คิดจะชอบผู้หญิงคนไหนเลยสักคน”

 เสียงเล็กๆ กับริมฝีปากที่เผยอเอื้อนเอ่ยวาจาแต่ยูฟ่ามองสีหน้าของเธอไม่ค่อยชัดแล้ว

“น้องดาอยากรู้จริงๆ เลยว่าพี่ยูเคยคิดชอบหรือมองผู้หญิงคนไหนบ้างหรือเปล่าที่แล้วๆ
มาน่ะ ผู้ชายด้วยกันมีอะไรดีถึงได้ชอบ ยิ่งคนอย่างพี่โดไม่เห็นจะน่ารัก ทำไมพี่ยูถึงยอมให้
พี่โดทำอะไรแบบนั้น ทำไมถึงยอม พี่ยูไม่คิดตะขิดตะขวงใจบ้างเลยหรือไง เป็นสายเลือดเดียวกันด้วย พี่ยู…”

ยูฟ่าฟังคำพูดยืดยาว สมองเขาเบลอจนฟังไม่รู้เรื่อง เขารู้สึกว่าเปลือกตาหนักราวกับมีใครเอาหินมาถ่วง
 จนไม่สามารถลืมตาขึ้นมาฟังคนท้องพูดจนจบได้ สติรับรู้ทั้งหมดของเขาก็ดับวูบลง


ยูฟ่าได้ยินเสียงทะเลาะกัน เป็นเสียงที่อยู่ไกลๆ เสียงที่คุ้นหู เขาได้ยินเสียงผู้หญิงร่ำไห้
ใครมาทะเลาะกันแถวนี้ แต่มันไม่ใช่เรื่องที่เกี่ยวกับเขา คิดได้ดังนั้นคนง่วงก็หลับไปอีก


ยูฟ่าขยับกายและยืดแขนออกไปเพื่อขับไล่ความเกียจคร้าน เขานอนและฝันอะไรมากมาย
 ได้ยินเสียงเรียก เสียงคนทะเลาะกันและเสียงร้องไห้ผสมปนเปกันไปหมด เขาคงไม่ได้ถูกผีอำ
ทั้งคืนหรอกนะ ยูฟ่าเปิดเปลือกตาขึ้น สายตาของเขาสบเข้ากับดวงตาคม แววตาที่เขาชอบ
แต่ทำไมเช้านี้ถึงดูต่างออกไป

“กอดหน่อย”
ยูฟ่าชูแขนให้คนตัวโตสวมกอดอย่างทุกเช้าที่ตื่นนอน แต่รอแล้วรอเล่าก็ไม่มีทีท่าว่าจะได้รับอ้อมกอด
ที่ร้องขอเลย ดวงตาเปิดกว้างกว่าเดิมและหายง่วงเป็นปลิดทิ้งเมื่อภายในห้องนอนมีคุณพ่อมายืนจ้องมองเขา
พอมองเลยออกไปเห็นกนกรดายืนอยู่ด้วยอีกคน

“แหะๆ ตื่นสายไปหน่อย มาปลุกถึงที่นอนเลยเหรอฮะ คุณพ่อไม่ไปทำงานเหรอ มีเรื่องอะไรหรือเปล่าฮะ”
 ยูฟ่ายิ้มแบบเก้อๆ ใครจะไปรู้ว่าลืมตามาจะเจอใครต่อใครแบบนี้ ดีนะที่เขาไม่ทำอะไรน่าอายออกไป

“ทำเรื่องอะไรไว้ล่ะเจ้าตัวดี ล้างหน้าล้างตาแล้วลงไปคุยกันข้างล่าง รีบหน่อยนะ”

“ครับๆ แค่นี้ต้องทำเสียงแข็งใส่ด้วย คุณพ่อนี่ชักจะไม่น่ารักเหมือนที่โดพูดไว้ตอนเด็กๆ เลย”
 ยูฟ่าลุกขึ้นนั่งและก้าวเท้าลงจากเตียงซวนเซเล็กน้อยจนยูโดต้องคว้าตัวไว้ไม่ให้ล้ม

“มึนๆ แปลกๆ แฮะเช้านี้ ยูไม่ได้นอนดึกเลยนะ ทำไมยังง่วงๆ อยู่ก็ไม่รู้”
ยูฟ่าบอกคนตัวโตที่ขมวดคิ้วยุ่ง เป็นอะไรของเขาหน้าตาเหมือนโกรธคนทั้งโลกมาอย่างนั้น

ยูโดพาคนตัวเล็กไปส่งยังห้องน้ำเพราะเดินเป๋ไปเป๋มาจนเขานึกเป็นห่วงกลัวจะลื่นล้มในห้องน้ำเข้า

“ยูจะฉี่ โดจะคอยเหรอ ก็ได้ๆ อยากมองนักก็มองไปเลย”
คนตัวเล็กงึมงำและบึนปากใส่ เขาชะงักเมื่อเห็นว่าชุดนอนที่สวมอยู่กับตัวไม่ได้ชุดที่ใส่เมื่อคืน

“โดกลับมากี่โมงเมื่อคืน ทำไมไม่ปลุกยูล่ะ ยูนั่งรอตั้งแต่หัวค่ำเลยนะ พอโดไม่อยู่ยูเหงารู้ไหม”
ยูฟ่าพูดแล้วไปที่อ่างล้างหน้าหยิบแปรงสีฟันที่ยูโดบีบยาสีฟันไว้ให้ขึ้นมาแปรง

“ตีสองน่ะ เห็นหลับสบายจึงไม่ได้ปลุก” ยูฟ่าพยักหน้าหันไปทำกิจธุระของตนต่อ

“เมื่อคืนยูไม่ได้ใส่ชุดนอนสีนี้นะ เอ…มันต้องเป็นสีครีมสิ แต่นี่มันสีน้ำตาลชัดๆ หรือโดลักหลับยู
 แต่ยูก็…ปรกติดีนะ มันยังไงกันนะ…”

ยูฟ่ายังคงสงสัยกับชุดนอนที่เขาสวมอยู่ไม่หายและพึมพำตลอดทางที่ลงไปยังชั้นล่าง
โดยมียูโดประกบข้างคอยระวังไม่ให้ล้ม





หัวข้อ: Re: incest : บาปร้ายในบ่วงรัก ตอนที่ 30 เสียน้ำตา
เริ่มหัวข้อโดย: เส้นขอบฟ้า ที่ 31-08-2019 10:51:00
ตอนที่ 30 เสียน้ำตา

ยูฟ่าและยูโดเข้าไปในห้องนั่งเล่นที่บิดานั่งรออยู่ก่อนแล้ว เบาะนั่งข้างๆ ท่านมีกนกรดานั่งก้มหน้านิ่ง
 เธอไม่เงยหน้าขึ้นมามองด้วยซ้ำทั้งที่รู้ว่ามีคนถึงสองคนเข้ามา

“เอ้อ! มากันแล้ว นั่งสิ”

“คุณพ่อจะคุยอะไรกับยูเหรอครับ” ยูฟ่าถามเมื่อนั่งลงตรงข้ามท่าน

“ก่อนอื่นพ่ออยากรู้ว่า ยูเข้านอนกี่โมงเมื่อคืน” คุณพ่อถาม ใบหน้าเรียบไม่บ่งบอกว่าอยู่ในอารมณ์ไหน

“ประมาณสามทุ่มเห็นจะได้ ทำไมเหรอฮะ”
 ยูฟ่าเลิกคิ้ว เขายังเบลอๆ ง่วงๆ อยู่เลย ยิ่งเจอคำถามที่ธรรมดามากๆ ก็งงหนักเข้าไปใหญ่

“ก็ราวๆ ตีสองน่ะสิ เจ้าโดมาทุบประตูห้องนอนพ่อโวยวายว่ายูหายตัวไป โทรศัพท์กับกระเป๋าสตางค์ก็อยู่ครบ
 แล้วตกลงเราหายไปไหนมา ถ้าว่านอนสามทุ่มเจ้าโดก็ต้องเห็นแล้วสิ”
คุณพ่อพูดน้ำเสียงไม่เปลี่ยนไปจากเดิม และย้อนถามเขาในท้ายประโยคทำเอายูฟ่าแทบหายง่วง

“ยูก็นอนที่ห้องนะครับ ตะกี้ก็ตื่นบนเตียงนอนตัวเอง คุณพ่อกับทุกคนก็เห็น
คุณพ่อจะหาเรื่องอะไรยูแต่เช้ากันล่ะ ยูยังง่วงๆ อยู่เลย ยูไม่ได้หนีเที่ยวซะหน่อย
ไม่ได้ไปไหนด้วย หลับรวดเดียวยันเช้า”

ยูฟ่าเริ่มออกอาการงอแงให้เห็น เขาไม่รู้เจตนาของผู้เป็นพ่อเลยว่าจะมาถามอะไรแปลกๆ
 เห็นกันอยู่ว่าเขานอนอยู่ที่ห้อง

“มันไม่ใช่อย่างนั้นน่ะสิ พ่อกับเจ้าโดหาเราจนทั่วบ้าน สุดท้ายไปเคาะถามหนูดา
พบว่าเราน่ะหลับอยู่บนเตียงนอนเขา เนื้อตัวล่อนจ้อนไม่มีเสื้อผ้าติดกายสักชิ้น
 พอๆ กับหนูดานั่นแหละ ส่วนหนูดาก็เอาแต่ร้องไห้ ถามอะไรก็ไม่พูด
จากภาพที่เพวกเราเห็นมันจะเป็นอื่นไปไม่ได้ นั่นคนท้องใกล้จะคลอดนะยู
 เราหน้ามืดตามัวไปล่วงเกินเขาทำไม หากรักชอบกันน่ะ อดใจรอให้คลอดก่อนไม่ดีกว่าเหรอ”

 ยูฟ่าอ้าปากพะงาบจะค้านก็ไม่มีช่องว่างให้ค้าน ดูจากสีหน้าของคุณพ่อไม่ได้แสดงออกว่า
ท่านพูดเล่นแม้แต่น้อย คำพูดของท่านที่ว่าเขาล่วงเกินคนท้องน่ะพ่อคิดอะไรอยู่กัน
คนอย่างเขาเนี่ยนะจะล่วงเกินคนท้อง ผู้หญิงคนอื่นที่ไม่ท้องเขายังไม่เคยคิดอะไรแบบนั้นเลย

“คุณพ่อ!! ฟังยู ไม่มีอะไรทั้งนั้น มันเป็นเรื่องเข้าใจผิดกัน ยูไม่เคยคิดเกินเลย คุณพ่ออย่าหาเรื่องมาให้ยูดีกว่า
 ยูไม่ได้ทำ ยูไม่ได้ทำแบบนั้นนะโด เชื่อยู”

ยูฟ่าปากคอสั่น หันมองทั้งพ่อและยูโดอย่างร้อนรน หวังให้ทั้งสองเชื่อ แต่ทั้งสองไม่มองหน้าเขาเลยด้วยซ้ำ

‘นี่มันเรื่องบ้าบออะไรกัน หาเรื่องกันชัดๆ’

“สรุปว่าแกจะปฏิเสธ แล้วไอ้ที่พ่อกับเจ้าโดเห็นเต็มสองตาล่ะ จะว่ายังไง?” คุณพ่อถามย้ำ

“ยูแค่เดินไปส่งเธอที่ห้อง อืม…ก็เขาบ่นจุกเสียดแน่นท้อง ยูกลัวว่าเธอจะเป็นอะไรขึ้นมาแล้วไม่มีใครเห็น
 ไม่มีอะไรมากกว่านั้นจริงๆ เธอเอาน้ำส้มที่ยูลืมขึ้นมาให้ พอยูดื่มเสร็จก็ไปส่งเธอเข้านอน แค่นั้นจริงๆ
 ยูไม่ได้ทำอะไรอย่างที่คุณพ่อพูดนะ น้องดาช่วยพูดกับคุณพ่อให้พี่ทีสิ บอกท่านว่าพี่ไม่ได้ทำอะไรอย่างนั้นกับเธอ”

 ยูฟ่าลำดับเหตุการณ์ให้ทุกคนฟังอย่างช้าๆ เท่าที่เขาพอจะจำได้ เขามองหน้าคนท้องอย่างขอความช่วยเหลือ
แต่กนกรดากลับนั่งนิ่งไม่แม้แต่จะเงยหน้าขึ้นมามอง ความหวังที่จะให้เธอช่วยกลายเป็นศูนย์

“พ่อขอถามตรงๆ ทำไปเพื่ออะไร?”
บิดาเน้นย้ำแบบชัดถ้อยชัดคำ ยูฟ่านิ่วหน้าน้ำตารื้นขึ้นมาจนกระบอกตาร้อนผ่าว
เขาพยายามกลั้นมันเอาไว้ไม่ให้ไหล ตลอดเวลาที่ผ่านมาเขาไม่เคยพูดคำเท็จ

 ทำไมครั้งนี้ถึงไม่มีใครเชื่อเลยสักคน เขากลายเป็นจำเลยไปแล้วหรืออย่างไร

“คุณพ่อ! ยูน่ะนะ ยูทำอะไร ทำไมไม่เชื่อกันบ้าง”

 ยูฟ่าตกใจและงุนงงในเวลาเดียวกัน เขาหันมองคนข้างๆ ที่นั่งฟังเงียบๆ
 มีเพียงสันกรามที่ขึ้นนูนและมือที่กำแน่นเท่านั้นที่บ่งบอกว่าคนข้างๆ ยังมีความรู้สึก
 ที่แน่ๆ กำลังโกรธมากๆ ด้วย ก่อนที่ยูฟ่าจะได้พูดอะไรออกไป เขาก็ต้องสะดุ้งจนสุดตัว
เมื่อยูโดทุบโต๊ะเสียงดังปัง กระจกโต๊ะแทบจะแหลกคามือถ้ามันไม่หนามากพอแบบที่เป็นอยู่

‘น่ากลัว ดุดัน แววตาวาวโรจน์และสั่นระริก ผีเข้าแน่ๆ จะหันมาฆ่ากันหรือเปล่า
โดอย่าเป็นแบบนี้สิ เชื่อยูเถอะ ยูพูดความจริง ยูไม่ได้ทำ’ ยูฟ่าได้แต่ร่ำร้องอยู่ภายในใจ

“เพื่ออะไร พูด! บอกให้พูดไง! พูดสิโว้ย!”
ยูฟ่าตาเบิกกว้างกับน้ำเสียงที่เกรี้ยวกราดดุดัน เขาขบกัดริมฝีปากเข้าหากันแน่น
ไม่มีคำพูดใดๆ ที่จะบอกให้กับสองคนพ่อลูกที่คาดคั้นอย่างเอาเป็นเอาตายนี้อีกแล้ว
ถ้าหากจะปักใจเชื่ออย่างนั้นเขาก็จนใจที่จะพูดแล้ว

‘ยังต้องการความจริงอะไรอีก เกินไป ใจร้าย’

“โด ใจเย็นหน่อยลูก” พ่อปรามลูกชาย

“พี่โดลดเสียงลงหน่อย ดูสิ ลูกตกใจใหญ่แล้ว ถีบจนน้องดาเจ็บระบบท้องไปหมด”

 คนท้องพูดเสียงสั่นๆ คงจะกลัวจริงๆ ยูฟ่าจึงเงยหน้าขึ้นมองว่ายูโดจะว่ายังไง
 แต่แววตาแข็งกระด้างและดวงตาที่แดงก่ำที่เห็นทำให้รู้ว่าคำพูดนั้นไม่เป็นผลสักกี่มากน้อย
 แต่น้ำเสียงก็ลดระดับลงบ้างแต่ก็ยังถือว่าดังอยู่ดี

“งั้นก็ตอบให้ตรงคำถาม อย่าเอาเด็กมาอ้าง ก็ได้ใจเย็นก็ได้ งั้นพูดมา
 เธอ! ต้องการอะไรที่ทำลงไปทั้งหมดเมื่อคืน พูดว่าห่วงลูก กลัวลูกจะมีอันตราย
เธอคงไม่ทำเรื่องน่ารังเกียจลงไป อยากได้นักเหรอผู้ชายคนนี้ จนต้องใช้วิธีสกปรกน่ะ”
ยูโดจ้องหน้าคนท้องอย่างกับจะกินเลือดกินเนื้อถ้าทำได้

คำถามที่ทั้งพ่อและยูโดถามตั้งแต่ต้นนั้นเป็นการถามกนกรดาใช่ไหม?

ไม่ได้คาดคั้นเอาคำตอบจากเขาไหม?

“น้องดาชอบพี่ยู ไม่เข้าใจว่าพี่โดมีอะไรดีพี่ยูถึงยอมทำเรื่องผิดศีลธรรมและมองข้ามความสวยงาม
ของผู้หญิงไป น้องดาแค่ต้องการพิสูจน์ว่าจริงๆ พี่ยูก็ยังต้องการผู้หญิงอยู่ ไม่ได้เป็นเกย์อย่างที่พี่โดยัดเยียดให้เป็น”

 เนื้อความที่ตอบมา ทำเอาคนฟังอึ้งหนัก โดยเฉพาะยูฟ่า เขาถูกคนท้องบอกว่าชอบ
อยากพิสูจน์ความเป็นผู้ชายของเขาว่าแท้หรือไม่ บ้าไปแล้ว คิดวิธีบ้าๆ แบบนี้ได้ยังไง

“ทำไมพูดแบบนั้น จะพิสูจน์บ้าบออะไรของเธอ พี่ไม่มีทางทำอะไรอย่างนั้นไม่ว่ากับเธอ
หรือผู้หญิงคนไหน ที่บอกว่าชอบพี่น่ะมันเป็นไปไม่ได้หรอก คนเราจะชอบกันง่ายๆ
 ได้เลยหรือไง พี่กับโดจะทำเรื่องผิดศีลธรรมนั่นก็เรื่องของเราสองคน มันไปเกี่ยวกับเธอตรงไหน
 เธอบ้าไปแล้วหรือไง พี่จะเป็นเกย์จริงหรือเกย์เทียมมันไม่ใช่เรื่องที่เธอจะต้องมาพิสูจน์”

ยูฟ่าโต้กลับปากคอสั่นอย่างพยายามอดกลั้นความโกรธ เขาหลงเชื่อใบหน้าน่ารัก
 ดวงตาใสซื่อนี้ไปได้ยังไง มันจอมปลอมชัดๆ

“นั่นสิ! เธอมันบ้า! ถึงขนาดวางยานอนหลับ เธอจัดฉากว่ายูล่วงเกินทั้งที่ใกล้คลอด
 มันไม่แนบเนียนเพราะอะไรรู้ไหม เพราะเธอใส่ยามากเกินไป แค่ปลุกแล้วยูไม่ตื่น
เด็กประถมยังดูออกว่าโดนวางยา แผนตื้นๆ อย่างนั้นใครจะไปเชื่อเธอ หน้าไม่อาย! ไร้สมอง!”

 ยูโดพูดด้วยน้ำเสียงกดต่ำ จ้องมองหญิงสาวเพียงคนเดียวอย่างกรุ่นโกรธ
 วาจาที่เจ็บแสบก็ถูกนำมาใช้เป็นครั้งแรก คนอย่างเขาไม่เคยต้องต่อว่าต่อขานผู้หญิงมาก่อน
 แต่ผู้หญิงคนนี้จุ้นจ้านและกล้าวุ่นวายกับคนของเขา

ถ้าไม่ท้องคงได้เจอดีกว่านี้แน่!

“ยูไม่เคยทำไม่ว่ากับใคร โดเชื่อยูแล้วใช่ไหม”
ยูฟ่าน้ำตาคลอเต็มดวงตาคู่สวยและไม่นานก็ไหลลงมาเป็นทางตามร่องแก้ม

 ทุกอย่างถูกเปิดเผย เรื่องที่คลุมเครือก็ดูชัดเจนขึ้น เด็กสาวที่เขาหลงให้ความเอ็นดู
ทั้งยังเป็นแม่ของเจ้าตัวเล็กด้วยนั้นไม่น่าเชื่อว่าจะกระทำเรื่องสิ้นคิดแบบนั้นได้

‘ร้องไห้ กี่ครั้งกี่หนแล้วที่ยูฟ่าต้องร้องไห้ เขาไม่สามารถปกป้องคนของตัวเอง
ไม่สามารถปกป้องให้รอดพ้นจากคนที่คิดจะครอบครอง ไม่สามารถห้ามน้ำตาไม่ให้รินไหล’

ยูโดดึงยูฟ่าเข้ามากอด จรดปลายจมูกลงบนกลุ่มผมอ่อนนุ่มสีสวยและลูบหลังปลอบประโลม

“โดเชื่อยู ไม่ร้องนะคนดี ขอโทษที่ทำให้ยูต้องเสียน้ำตาอีกแล้ว โดเชื่อยูเสมอ”
 ยูโดพร่ำพูดอย่างอ่อนโยน น้ำเสียงแบบนี้มีไว้ใช้กับยูฟ่าเพียงคนเดียว

“ยูกลัวเหลือเกิน กลัวว่าโดจะไม่เชื่อ”
 ยูฟ่าข่มน้ำตาไม่ให้ไหลลงมาอีก จึงทำให้สะอื้นจนตัวโยน

“เชื่อสิ โดเชื่อยู เชื่อโดยไม่ต้องถามด้วยซ้ำ เราผ่านเรื่องอะไรมานักต่อนักแล้ว
 เรื่องแค่นี้ทำไมโดจะดูไม่ออกล่ะ” ยูโดพูดย้ำเบาๆ

“พ่อขอให้เลิกแล้วต่อกันนะ ไม่กี่วันหนูดาก็จะคลอด รักใครชอบใครหลังคลอดค่อยมาคุยกัน
 ทั้งสองคนก็ปล่อยผ่านเรื่องนี้ไปนะ พ่อไม่อยากให้กระทบถึงเจ้าตัวเล็ก”

คุณพ่อพูดเพื่อยุติปัญหา ยูโดดูอ่อนลงบ้าง

“ยูไม่มีอะไรจะพูด ยูไม่ได้ชอบเธอ พ่อก็รู้ว่ายูรักใครไม่ได้อีก”
ยูฟ่าหันไปหาผู้เป็นพ่อเป็นการประกาศว่ายังไงเขาก็ไม่มีทางที่จะชอบกนกรดาต่อให้หลังคลอดแล้วก็ตามที

“นี่สินะเหตุผลที่พวกพี่ไม่หาแม่ให้ลูก เพราะแบบนี้นี่ไง เป็นผู้ชายทั้งคู่แถมยังเป็นพี่น้องกันอีก”
กนกรดาอดไม่ได้ที่จะค่อนขอด คำพูดของเธอไปกระตุ้นให้ยูโดที่สงบลงแล้วขุ่นเคืองขึ้นมาอีกจนได้
 แต่ยูฟ่ารวบมือของยูโดมากุมไว้เสียก่อนและส่งสายตาแกมขอร้องไม่ให้เรื่องมันบานปลาย

“เธอไม่มีสิทธิ์มาวิพากษ์วิจารณ์เรื่องของพวกเรากนกรดา เงินเธอก็ได้สำหรับงานนี้ เ
ราต่างก็ได้ประโยชน์เหมือนๆ กัน เธออย่าได้คิดทำอะไรให้เรื่องมันยุ่งยาก อย่าลืมหน้าที่
และข้อตกลงสิ ที่เธอมาอยู่บ้านนี้และอุ้มท้องนั่นคืองาน ทำหน้าที่ของเธอให้ดีเถอะ”

ยูโดสวนกลับทันควัน

“ก็ได้ๆ ผิดเพศ ไม่อายฟ้าไม่อายดิน ไม่สนแล้วก็ได้ ช่างเรื่องของพวกพี่สิ”
กนกรดาพูดแล้วสะบัดหน้าพรืด ก่อนจะเดินลงส้นเท้าออกไป

ไม่มีท่าทีสำนึกผิดแม้แต่น้อย จนคนเป็นประมุขของบ้านได้แต่ส่ายหน้า

“อยู่ให้ห่างเธอจะเป็นการดี ตั้งแต่นี้ไปให้มดแดงมาดูแลจนกว่าเธอจะคลอด
แค่ไม่กี่วันทนเอาหน่อยทั้งสองคน พ่อต้องขอโทษด้วยสำหรับเรื่องนี้
พ่อไม่ตรวจสอบเธอให้ดีก่อนจะจ้างมารับงาน คิดไม่ถึงว่าเด็กที่ใสซื่อจนทำให้หลงเชื่อ
ว่าไม่มีพิษมีภัยจะกล้าทำเรื่องน่าละอายได้ พ่อดูคนผิดไปจริงๆ”

 ยูฟ่ามองบิดาที่ดูจะอ่อนล้าเต็มที

“คุณพ่อไม่ผิดครับ อย่าโทษตัวเองเลย กนกรดายังเด็ก คิดอะไรก็คงคิดแบบเด็กๆ
 วันหนึ่งเธอคงคิดได้เอง ดีแล้วที่พวกเราไม่เอาผิดเธอ คนเรารู้หน้าไม่รู้ใจจริงๆ ยูไม่เป็นไรฮะ
 คุณพ่อก็ไม่ต้องเครียดแล้วนะ”

ยูฟ่าพูดกับผู้เป็นพ่อเสียงอ่อน

“ไม่เป็นไรได้ยังไงโดนยาไปเยอะขนาดนั้น ปลุกเท่าไหร่ก็ไม่ตื่น เดี๋ยวพ่อกับเจ้าโดไปทำงาน
ก็หาข้าวหาปลากินแล้วก็ขึ้นไปนอนซะนะ เย็นๆ แม่แกคงจะกลับบ้าน เด็กนั่นคงไม่กล้ามายุ่ง
อะไรกับแกอีกแล้วล่ะ เจ้าของก็หวงมากมายเหลือเกิน ถ้ายังกล้าอีกคงได้ตายคามือมันแน่
 เมื่อคืนถ้าพ่อไม่ห้ามไว้คงตายไปแล้ว กล้ามากที่จับแกลอกคราบจนล่อนจ้อน
 เห็นหมดว่าขี้แมลงวันมีกี่เม็ดต่อกี่เม็ด ตัวยิ่งขาวๆ ยิ่งเห็นชัด ภาพยังติดตาไม่หายเลย”

 ผู้เป็นพ่อกระเซ้า ยูฟ่าหน้าร้อนผ่าวขึ้นมาอีกจนได้แต่ผิดกับยูโดที่เกิดอาการคอตั้งหน้าตึงเมื่อได้ฟังแบบนั้น

“โว๊ะ! คุณพ่อ! ใครใช้ให้จำ ลบภาพนั้นออกจากสมองไปเลย ไม่งั้นยัยนั่นได้ตายจริงๆ แน่”

ยูโดโวยวายอย่างเด็กหวงของ

“เฮ้ย! อย่านะเว้ยเจ้าโด พ่อล้อเล่น เออๆ พ่อจะลืมเดี๋ยวนี้แหละ คนแก่ลืมง่ายจะตายไป
ลุกออกไปจากห้องนี้ก็ลืมปุ๊บแล้ว ไอ้ขี้หวงเอ้ย! พ่อไปทำงานดีกว่าอยู่กันดีๆ
ถ้าปลอบกันเสร็จก็ตามไปทำงานด้วย มีงานมีการรอแกเคลียร์อีกเพียบ”

พงศกรพูดก่อนจะลุกออกไปจากห้องทิ้งให้สองหนุ่มอยู่กันตามลำพัง

“กอดกัน เมื่อเช้าโดเมินยูนะ”
 ยูฟ่าอ้อน พอคนตัวโตอ้าแขน ยูฟ่าก็โถมตัวเข้าหาอ้อมกอดอุ่น แผ่นอกกว้างที่เชื่อมั่นว่า
จะปลอดภัยทุกคราที่ได้แอบอิง เขาซบใบหน้าลงบนอกซ้ายที่มีเสียงเต้นของเลือดเนื้อก้อนหนึ่ง
ที่ดังในจังหวะที่คุ้นเคย

“ดีกัน ยูไม่เคยเหลวไหล โดก็รู้”

ไม่มีการพูดคุยใดๆ ระหว่างคนสองคน มีเพียงลมหายใจอุ่นๆ ที่สัมผัสเบาๆ ที่สองข้างแก้มของกันและกันเท่านั้น






หัวข้อ: Re: incest : บาปร้ายในบ่วงรัก ตอนที่ 30
เริ่มหัวข้อโดย: AkuaPink ที่ 25-10-2019 07:40:25
 :pig4:
 :3123:
หัวข้อ: Re: incest : บาปร้ายในบ่วงรัก ตอนที่ 31 ตอนใหม่
เริ่มหัวข้อโดย: เส้นขอบฟ้า ที่ 02-09-2022 16:32:22
ตอนที่ 31 คู่รักคู่ใหม่ 1 (ตะวันฉาย ~ รวีกานต์)

วันต่อมา สิบโมงกว่าๆ มารดาก็เดินทางกลับมาบ้าน โดยมีสองหนุ่มจากเมืองเหนือตามมาด้วย เพราะไม่ได้เจอหน้ากันนาน

ยูฟ่ากับเด็กหนุ่มตัวเล็กจึงกอดกันกลม

“คิดถึงที่สุดเลยพี่ตะวัน เดย์ด้วยนะ ไม่เจอกันตั้งครึ่งปีแน่ะ”

“พี่ยูก็ดูจะอ้วนขึ้นด้วยนะ แบบนี้ก็ดีครับ น่ารักดี”
คนถูกทักว่าอ้วนหน้าตูมขึ้นมาทันที

“เราก็ใช่ย่อย เป็นหนุ่มหล่อ ตัวสูงขึ้นมาอีกแล้วสิ มีแฟนรึยังล่ะ”

“ไม่มีหรอกฮะ ใครจะมาชอบ คนแบบผม”
 รวีกานต์พูดโดยที่ไม่ทันสังเกตว่าอีกหนึ่งหนุ่มที่มาด้วยยืนปั้นหน้าตึงไม่ห่าง

“ยูให้สองคนนั้นพักดื่มน้ำเย็นๆ กันก่อน อย่าเพิ่งชวนคุยแม่เห็นเราพูดไม่ได้หยุดเลยนะ เก็บกดหรือไงอยู่บ้าน”

“คุณแม่อ่า…พวกเราไม่เจอกันนานนี่ฮะ” ยูฟ่าทำปากยู่เมื่อถูกเบรก

“พี่ตะวันอยู่ได้กี่วันฮะ ยูจะได้จัดโปรแกรมท่องเที่ยวให้ถูก”

“สามสี่วันมั้ง อยู่ได้ใช่ไหมเดย์” ตะวันฉายตอบและหันไปถามคนตัวเล็กข้างๆ ที่พยักหน้ารับ

 “ดีจัง เดี๋ยวยูจะถามโดว่าพอจะพาคนป่าไปเที่ยวที่ไหนได้บ้าง”

“เดี๋ยวเหอะเจ้ายู พี่เป็นคนดอยนะ มองยังไงว่าเป็นคนป่าน่ะ” พี่ชายพูดสีหน้ายิ้มๆ

“ถ้าพี่ตะวันพูดแบบนี้ผมก็คงเป็นคนภูเขาไปแล้วเหอะ”
ตะวันฉายยกมือขึ้นยีหัวคนพูดที่ทำแก้มป่องอมลม โดยไม่รู้ว่าการกระทำแบบนั้นของเขาทำเอาน้องชายตัวเองจ้องมองตาปริบๆ
และคิดไปไกล


เมื่อผู้มาเยือนทั้งสองได้พักดื่มทั้งน้ำและของว่างเป็นที่เรียบร้อย การพูดคุยถามไถ่สารทุกข์สุกดิบก็เริ่มขึ้น
และลากยาวไปจนกระทั่งตะวันฉายถามหากนกรดา

“ไหนล่ะยู แม่ของเจ้าตัวเล็กน่ะ” ตะวันฉายมองหาคนท้องตามที่ได้ฟังมา

“นั่นสิ คุณแม่พี่ยูบอกว่าน่ารักด้วยสิ ตัวเล็กเกิดมาต้องหล่อแน่ๆ เลย” รวีกานต์ชะเง้อมองอีกคน

“อื้ม เขาคงอยู่ในห้องนอนของเขานั่นแหละ ใกล้คลอดแล้วด้วย มื้อเที่ยงคงจะลงมาให้เห็นหน้า”

“อ้าว อยู่ยังไงคนเดียวบนนั้น”
ตะวันฉายถามด้วยรู้สึกว่าผิดแปลกไปหน่อย ยิ่งคนใกล้คลอดให้อยู่ในที่ลับตาคนเดียวได้ยังไง

“ไม่หรอกพี่ตะวัน มดแดงไปอยู่เป็นเพื่อนแล้ว อย่าพูดถึงเธอเลยครับ” ยูฟ่าตัดบทเสียดื้อๆ

“อ้าว ทำไมพูดงั้นล่ะ แม่ไม่อยู่สามวันมีเรื่องผิดใจอะไรกันหรือเปล่า ไม่ได้นะลูก เจ้าตัวเล็กจะพลอยเครียด
ตามไปด้วย คนท้องอารมณ์แปรปรวนยังไงก็หยวนๆ ให้เธอหน่อย อย่าได้ถือสาหาความเลยลูก”
มารดาปรามแต่ไม่จริงจังนัก

“เหอะ ยูไม่อะไรกับเธอหรอกครับ โดน่ะสิ แรงกว่ายูเป็นร้อยเท่า” ยูฟ่าหน้าง้ำเมื่อมารดาเข้าใจตนผิด

“มีเรื่องแน่ๆ  มีอะไรเล่ามาให้หมดเลยนะอัครวิชญ์ เดี๋ยวนี้!”

มารดาขยับนั่งหลังตรงจากที่กำลังนั่งเอนหลังสบายๆ บนโซฟานุ่ม

“คุณแม่อ่า..ยูไม่อยากจะพูดถึงเลย เรื่องมันก็จบไปแล้ว เอ่อ…อย่าทำตาดุสิฮะ นี่ลูกเองครับ”
ยูฟ่าบ่นกระปอดกระแปดแต่ก็ยอมเล่าเรื่องให้มารดาฟังทั้งหมด ท่านมีสีหน้าไม่สบายใจแถมยังส่ายหน้าไปมา
ปากก็งึมงำแต่ว่าไม่น่าเชื่อ ไม่อยากจะเชื่อ เด็กคนนั้นเนี้ยนะทำเรื่องอย่างนี้ฃ

ส่วนแขกสองคนนั่งฟังกันเงียบๆ

“เฮ้อ แม่ล่ะไม่เข้าใจเลย เอาล่ะๆ ไหนๆ เรื่องมันก็ผ่านไปแล้วอย่างที่ยูบอก อภัยได้ก็อภัยให้เธอนะลูก
ยังเด็กอยู่แท้ๆ ผ่านโลกได้ไม่เท่าไหร่ แม่ว่านะเธอคงจะอินกับละครมากไปหน่อยถึงทำอะไรแบบนั้นลงไป อุบายตื้นเขินเสียจริง”

“ก็ต้องปล่อยผ่านอย่างที่คุณแม่ว่าครับ ทำไงได้ล่ะ เธอกำลังท้องและยังเป็นแม่ของหลานเราทั้งคน”
 ยูฟ่าพูดอย่างจำยอม ด้วยเห็นแก่เจ้าตัวเล็กที่จะลืมตาดูโลกในอีกไม่กี่วันข้างหน้า


มื้อกลางวัน กนกรดาดูจะพูดคุยกับแขกได้อย่างไม่เก้อเขินใดๆ ความสดใสที่เห็นตรงหน้าทำให้เผลอนึกถึงเรื่องที่เธอก่อ
ที่เหนือความคาดคิดของทุกคน ว่าเธอคนนี้จะกระทำเรื่องทำนองนั้นได้ลง

สำหรับเขาทำได้ดีที่สุดคือการระลึกถึงเจ้าตัวน้อยให้มาก เมื่อคิดมาถึงตรงนี้จึงพูดคุยกับเธอเหมือนว่าก่อนหน้านี้ไม่เคยมี
เรื่องหมางใจกันมาก่อน

หลังมื้ออาหารผ่านไปทุกคนจึงแยกย้ายกันไปพักผ่อน


ยูฟ่าจัดห้องพักโดยให้สองหนุ่มจากเมืองเหนือพักห้องเดียวกัน พี่ชายของเขาให้ความเอ็นดูและใส่ใจเด็กหนุ่มที่พามาด้วย
อย่างออกนอกหน้าถึงกับพามากรุงเทพฯ ดูยังไงความสัมพันธ์ของทั้งคู่ก็เกินธรรมดาไปมากแล้วเป็นแน่

“พี่ตะวันไม่นอนเหรอฮะ ผมไม่นอนดิ้นหรอกน่า เตียงออกจะกว้าง” รวีกานต์ตบที่นอนข้างๆ ตัวดังปุๆ

“อ่อ เอ้อ นอนสิ นอน เตียงกว้างจริงๆ นั่นแหละ”

ตะวันฉายออกจะเลิ่กลั่กและเก้อกระดากอยู่มากที่จู่ๆ ก็มีหนุ่มน้อยหน้าใสที่เขาแอบชอบชวนขึ้นเตียง

เจ้าเด็กนี่ไม่ได้คิดอะไรน่ะใช่แต่ปีศาจร้ายในตัวเขานี่สิมันกู่ก้องในความคิดให้เตลิด คิดไปไกล...อยู่เรื่อย

“บ้านพี่ยูน่าอยู่มากๆ เลยนะฮะ ผมก็เพิ่งได้นอนที่นอนนุ่มๆ แบบนี้เป็นครั้งแรกเลยก็ว่าได้”
รวีกานต์พูดอย่างพาซื่อ นี่แหละเสน่ห์ของเจ้าตัว

เจ้าเดวิลที่เกาะบนบ่ากระซิบเตือนให้เขาพูดตามบทของมัน

“เรือนไทยท่ามกลางธรรมชาติของพี่ สู้ที่นี่ไม่ได้เลยเหรอ ที่นอนหนานุ่มน่านอนกว่าเป็นไหนๆ
ไปทดสอบได้นะ พี่ยินดี”

“เอ่อ คิดอะไรกับผมหรือเปล่าชวนกันแบบนี้จะให้คิดเป็นอื่นได้ยังไง นอกเสียแต่ว่า…เอ่อ คือ..”

เด็กหนุ่มยั้งคำพูดไว้ได้ทัน


“พี่ชอบเดย์ จีบอยู่ เกือบเป็นปีแล้วรู้ตัวเสียทีครับ” บทพูดที่มาจากใจแบบที่ไม่ต้องมีใครบอก

“พี่ตะวันล้อกันแรงไปแล้วนะ ผมนอนดีกว่า”
รวีกานต์ตัดบทและหันหน้าหนีโดยคว้าหมอนข้างมากอดไว้แน่นปิดบังใบหน้าที่ร้อนผ่าว

คนที่นั่งคุยอยู่ข้างๆ เห็นดังนั้นจึงทอดตัวลงนอนตามและรั้งเจ้าก้อนกลมข้างๆ มากอด
รวีกานต์สะดุ้งแต่ก็ไม่ได้ขืนตัวไว้แต่อย่างใด

“พี่ไม่ได้ล้อเล่นนะเดย์ พี่ชอบเดย์จริงๆ หันหน้ามาคุยกันก่อนครับ ว่าไง รังเกียจพี่เหรอครับ หืม”
ตะวันฉายทอดเสียงอ่อน การสารภาพความในใจออกไปผลลัพธ์จะเป็นยังไง เขาก็สุดจะคาดเดาแต่อย่างไรเสีย
เวลาก็ไม่อาจปล่อยให้ล่วงผ่านไปโดยไม่ทำอะไรเลย

รวีกานต์ขยับตัวห่างออกไปและหันมองคนพูด ดวงตาสีน้ำตาลเข้มไหวน้อยๆ บ่งบอกว่าเจ้าตัวรู้สึกสับสน

“พี่ตะวันครับ ผมเป็นผู้ชายนะฮะ แล้วก็ไม่เคยชอบผู้ชายด้วยครับ” เด็กหนุ่มตอบตามความรู้สึกตน

“พี่รู้ครับ พี่ไม่เคยชอบผู้ชายคนไหนมาก่อนเหมือนกัน พี่ซื่อตรงกับหัวใจของตัวเองครับ ใจพี่มันชอบเดย์ครับ รังเกียจพี่มั้ย”
ตะวันฉายถามย้ำคำถามเดิมที่ยังไม่ได้คำตอบ มือหนึ่งลูบศีรษะทุยอย่างแผ่วเบา อ่อนโยน ใส่ใจ
ส่วนอีกมือยังรั้งอยู่ที่เอวบางไม่คลาย

“เอ่อ ไม่ได้รังเกียจ แต่ว่า ผม เอ่อ…มองว่ามันออกจะแปลกๆ พี่ตะวันว่ามันไม่ผิดแปลกไปหน่อยเหรอฮะ
เอ่อ…จะต้องมีผู้ชายคนหนึ่งที่คอยดูแลใส่ใจอีกคนในฐานะแบบว่า แบบแม่บ้านอะไรทำนองนั้นน่ะ…พี่ตะวันว่ามันทะแม่งๆ มั้ยล่ะ
ไม่ใช่หญิงต้องคู่กับชายเหรอครับ”

คนฟังแอบยกยิ้มที่ได้ฟัง

“พี่ไม่คิดว่าจะแปลกที่ตรงไหน แค่คนสองคนที่ใจตรงกัน ดูแล ใส่ใจ และรักกัน ไม่จำเป็นว่าต้องเป็นชายกับหญิงเสมอไป
ให้โอกาสพี่สิครับ แล้วพี่จะพิสูจน์ให้เดย์เห็นว่ามันเป็นเรื่องของคนที่รักกันเท่านั้น"

ตะวันฉายชักจูงให้คนอายุน้อยกว่าคล้อยตาม

“พี่ตะวันคิดแบบนั้นเหรอฮะ” รวีกานต์มีลังเล สองจิตสองใจอยู่บ้าง ใจหนึ่งนั้นก็กลัว อีกใจก็อยากจะทดสอบ

“ครับ สามวันที่นี่เรามาพิสูจน์กัน ให้โอกาสพี่ หากว่ามันไม่ใช่..พี่จะไม่ยื้อครับ”

ปากพูดออกไปอย่างนั้นแต่ภายในใจสวนทางกันอย่างสิ้นเชิง


‘พี่ไม่มีปล่อยเดย์หลุดมือ’


“เอ่อ กะ ก็ได้ฮะ”

รวีกานต์ตอบรับไม่เต็มเสียงนัก เด็กหนุ่มผู้อ่อนต่อโลกหารู้ไม่ว่าการตอบรับในครั้งนี้
วันเวลาต่อมาเขาไม่สามารถหลุดจากวงโคจรของผู้ชายตรงหน้าได้อีกเลย


ตะวันฉายใจเต้นไม่เป็นส่ำ เดิมทีไม่คาดคิดว่าจะได้รับการตอบรับ เขาโน้มใบหน้าลงสบกับดวงตาใสซื่อ
บริสุทธิ์ืัี่ปราศจากเล่ห์เหลี่ยม ดวงตาที่เขาหลงใหลื ริมฝีปากแนบลงบนกลีบปากสีระเรื่อที่เฝ้ามองมานานวัน
ขยับบดเบียดและละเลียดชิม สัมผัสนุ่มหยุ่นทำให้อดที่จะดูดดึงอย่างย่ามใจจนเสียงหายใจของคนเด็กกว่าดังฟืดฟาด
เขาจำต้องหยุดตัวเองลงอย่างสุดแสนจะเสียดาย

เขาทำให้กวางน้อยตระหนกเสียแล้ว

“เอ่อ พี่ขอโทษครับเดย์ คือแบบว่า นี่ก็เป็นบทเรียนแรกเหมือนกันนะ นี่อย่ามองพี่แบบนั้นครับ เดี๋ยวจะไม่ได้นอนนะ”

“ผมก็มองเหมือนทุกที” รวีกานต์พูดเสียงอู้อี้ในลำคอ

“หึหึ”

ตะวันฉายทิ้งตัวนอนหงาย ใช้ฝ่ามือใหญ่ลูบไล้สัมผัสเส้นผมนุ่มของคนข้างๆ ไปมาอยู่อย่างนี้ ไม่นานเจ้าเด็กกินง่ายนอนง่าย
ก็หลับไปก่อนแล้ว

‘น่ารักจริง’

ตะวันฉายปิดเปลือกตาลง พ้นวัยเบญจเพสแล้วแต่กลับต้องจำนนต่อหัวใจ หลงรักคนที่อายุห่างกันถึงหกปีคนนี้

ไม่เคยคาดคิดมาก่อนว่าจะมีวันนี้ที่ต้องมาสารภาพรักกับผู้ชายด้วยกัน



ยูฟ่าเป็นเจ้าบ้านที่ดีโดยรับหน้าที่พาคู่รักคู่ใหม่ไปเที่ยวไม่เว้นแต่ละวัน เดินห้างสรรพสินค้า ทานมื้อเที่ยงแล้วพากันไปชมภาพยนตร์

จบจากดูหนังก็ไปรับยูโดจากที่ทำงาน แล้วสรรหาอาหารเย็นต่ออีก ร้านอาหารเลียบฝั่งแม่น้ำบ้างหรือร้านอาหารชานเมืองบ้างแล้ว

แต่จะพากันไป จบทริปด้วยการยกโขยงไปดูพระอาทิตย์ตกที่ทะเลตะวันออก


รวีกานต์ดูจะดื่มด่ำกับบรรยากาศมากเป็นพิเศษเพราะเป็นครั้งแรกที่เขาได้เห็นทะเล


ยูฟ่าย้อนนึกถึงเมื่อครั้งที่รวีกานต์เกิดสงสัยในความสัมพันธ์ระหว่างเขากับยูโด ดวงตาจึงทอดมองออกไปสุดโพ้นทะเล

‘พี่สองคนเหมือนคู่รักกันเลยนะครับ เอ่อ…ขอโทษครับ ผมมองเป็นอย่างนั้น ยิ่งตอนพี่โดดูแลพี่ไม่ห่าง ห่วงใยสารพัด
ตอนพี่ป่วยมันทำให้ผมรู้สึกแบบนั้น ขอโทษอีกครั้งครับหากพูดแล้วพี่รู้สึกไม่ดี’

‘ขอโทษอะไรกันล่ะเดย์ มันจริงนี่นะ พี่ก็ไม่ได้ปิดบัง เรื่องของพี่ไม่ใช่ความลับครับเราสองคนรักกัน เป็นแบบที่เดย์คิดเลยแหละ
ไม่ต้องตกใจถึงพี่จะรู้ว่ามันผิดแต่เรื่องหัวใจมันห้ามกันไม่ได้…’

‘พี่ว่าไม่แปลกเหรอ คนรอบข้างอีก พี่ไม่กลัวหรือครับ’

`พี่ว่าไม่นะ ไม่แปลก ใครจะคิดกันยังไงนั้นพี่ไม่กลัว สิ่งที่พี่กลัวมีเรื่องเดียวคือเราจะไม่ได้รัก
แล้วก็การที่ต้องแยกจากกันทั้งที่ยังมีลมหายใจมันทรมานมากนะ ความหวังแม้เพียงน้อยนิดว่าจะได้พบกันอีก
เป็นสิ่งยึดเหนี่ยวและหล่อเลี้ยงให้ชีวิตยังคงอยู่ มันเป็นอย่างนั้นจริงๆ สำหรับพี่’

‘เหมือนที่พี่มาอยู่ที่นี่และรอคอยพี่ยูโด จนพี่ได้พบกันเหรอครับ’

‘ใช่และเพราะหวังว่าจะได้พบกัน จึงรออย่างมีความหวัง สุดท้ายเราก็ได้กลับมาอยู่ด้วยกัน’

‘ไม่อยากเชื่อเลยว่าพี่สองคนจะรักกันมากขนาดนี้’

‘หากนายเจออย่างพี่ นายจะรักโดยไม่ต้องการเหตุผลใดๆ มารองรับว่าเหตุใดจึงได้รักคนคนนั้น

ความรักถ้าลองเกิดขึ้นไม่ว่ากับใคร อานุภาพของมันยิ่งใหญ่จนเราไม่รู้ว่าเราน่ะสามารถทำอะไร

ต่อมิอะไรได้มากมาย …เพื่อความรัก นายอย่าได้มองข้ามสิ่งเล็กๆ ใกล้ตัว มองให้เห็นและหาให้เจอ

เมื่อวันนั้นมาถึงนายจะรู้ว่ารักมันดียังไง บอกไปตอนนี้นายก็ยังไม่รู้ซึ้งอยู่ดีเพราะนายยังสัมผัสมันไม่ได้ด้วยตัวเอง’


‘ขนาดนั้นเลยเหรอพี่ ผมว่านะ ผมคงไม่โชคดีที่จะเจอคนที่รักผมมากๆ และผมรักเขามากๆ เหมือนอย่างพี่หรอกครับ’

‘ไม่แน่นะนายอาจจะเจอคนๆ นั้นแล้วก็ได้’



“ยูครับ มีอะไรดีๆ ยิ้มไม่หุบเลย หืม” ยูฟ่าสะดุ้งพลันหลุดจากภวังค์ความคิด

“อ่อ ยูมองคู่พี่ตะวันน่ะ เด็กนั่นเพิ่งจะหายสงสัยในรักของเรา คราวนี้คงได้คำตอบให้ตัวเองเสียที

ว่าความรักในแบบของเราสองคนมันแปลกอย่างที่เจ้าตัวสงสัยหรือเปล่า ดูพี่ตะวันสิ นี่คงเป็นช่วงโปรโมชั่นล่ะจัดเต็มเหลือเกิน”

“อืม แววตาเด็กนั่นเปลี่ยนไปแล้วจริงๆ พี่ชายเราก็ใช่ย่อย ตระกูลเรานักรักตัวยงเลย ยูว่ามั้ย”

“เหรอๆ ลองไปเจ้าชู้นอกบ้านกับคนอื่นสิ มีแหลกกันไปข้างแน่” ดวงตาวาวโรจน์อย่างกับแม่เสือ

“หึหึ คนนี้เด็ดสุดจะไปมีใครได้อีก รักมากขึ้นทุกวันครับ”

คนน้องใช้คารมสยบความร้ายกาจในแววตาของคนพี่สำเร็จจนได้เมื่อเจ้าตัวเบี่ยงหน้าหลบปลายจมูกที่โฉบผ่านข้างแก้ม

“อื้อออ นี่มันนอกบ้านนะ”

“ที่รักครับ อาทิตย์ลับฟ้าแถมตรงนี้ก็สลัวด้วย ยังจะมีใครมาเห็นอีกว่าเรากำลังรักกันน่ะ”

ยูโดป้อนจูบที่หวานละมุนให้คนตัวบางที่อิงแอบอยู่ในอ้อมกอดอุ่น


ห่างออกไปตะวันฉายก็ไม่ได้น้อยหน้าไปกว่าคู่น้องชาย ในวงแขนของเขามีร่างนุ่มนิ่มอ่อนระทวยซุกซบอยู่เช่นกัน
กลีบปากบางชุ่มฉ่ำวาวบวมเจ่อต่างจากขามา














หัวข้อ: Re: incest : บาปร้ายในบ่วงรัก ตอนที่ 32 ตอนใหม่ค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: เส้นขอบฟ้า ที่ 02-09-2022 22:09:47
ตอนที่ 32 คู่รักคู่ใหม่ 2 (ตะวันฉาย ~ รวีกานต์)

ท่วงทำนองแว่วหวานจากสายกีต้าร์ที่ดังคลอๆ กันไปกับเสียงขับขานอันไพเราะเสนาะหู
สองแฝดมารู้อีกทีตอนที่พี่ชายหลุดปากพูดว่าเคยเป็นมือกีตาร์ของวงดนตรีมหา’ลัย
และยังพาวงไปร้อง เล่น เต้น ตามงานต่างๆ เปิดหมวกตามถนนคนเดินหรือแหล่งชอปปิ้งต่างๆ
ก็ทำกันมาแล้วไม่ผิดจากคำบอกเล่าที่คู่แฝดได้รับ

พวกเขาปักหลักกันกลางสนามหญ้าหน้าบ้าน นักร้องนำตอนนี้ยังคงเป็นคนตัวขาวที่แอบร้องคลอเบาๆ มาก่อนหน้า
ร้องได้ทุกเพลงและน้ำเสียงก็มีกังวานใสจนมือกีตาร์หลุดโน๊ตไปบ้างด้วยมัวแต่ส่งสายตาลึกซึ้งเข้าถึงอารมณ์เพลงมากไปหน่อย

“เดย์เก่งจังเนอะ ร้องดีและไม่ผิดคีย์ด้วย สุดยอดอ่ะ พี่ตะวันมองตาเชื่อมขนาดนั้น นั่นพี่สะใภ้เราใช่มั้ยโด”
ยูฟ่ากระซิบกระซาบถามคนข้างกาย
 
“พี่ตะวันออกอาการขนาดนี้ ดิ้นไม่หลุดหรอกเจ้าหนูนั่นน่ะ ว่าแต่ดึกแล้วเราขึ้นห้องกันเถอะ” ยูโดพูดพร้อมกับปิดปากหาว

“บอกพี่ตะวันก่อนสิ เดี๋ยวจะหาว่าพวกเราทิ้ง”

“ไม่หรอก พวกนั้นกำลังสร้างโลกสีชมพูกัน เราแยกไปเป็นการดีเสียอีก เชื่อเหอะ” ยูฟ่าจึงหาจังหวะบอกพี่ชายเมื่อเพลงจบ

“พี่ตะวัน เดย์ ขอตัวก่อนนะ ง่วงแล้ว”

“ครับพี่ อีกสักพักเราก็จะเข้าเหมือนกัน” รวีกานต์พูดพร้อมกับส่งแก้วเครื่องดื่มให้ตะวันฉาย

“เข้านอนกันไวจริง” พี่ชายโบกมือและส่งแก้วเปล่าคืนให้คนตรงหน้า พร้อมขึ้นเพลงใหม่
รอบกายสองหนุ่มถูกปกคลุมไปด้วยสีชมพูอีกครั้ง จวบจนคนตัวเล็กตาปรอย ตะวันฉายจึงหยุดมือและลุกขึ้น
เก็บข้าวของกลับเข้าบ้าน

“ไปอาบน้ำเถอะ พี่เอากีตาร์ไปคืนเจ้าโดมันก่อน”

“ผมไปด้วย อยากบอกฝันดีพี่ๆ ด้วยอีกอย่างพรุ่งนี้เราก็กลับกันแล้ว”

“ตามใจครับแต่สองคนนั้นอาจจะหลับไปแล้วก็ได้นะ”

“ยังละมั้ง เมื่อวานคุยกันดึกกว่านี้อีกนะฮะ” รวีกานต์คาดเดา



สองหนุ่มเดินตามกันไปจนถึงหน้าห้องนอนของคู่แฝด ตะวันฉายทำท่าจะเคาะเรียกแต่เสียงที่ลอดออกมา
ทำเอาตะวันฉายยกมือค้างกลางอากาศ เด็กน้อยที่ตามมาด้วยพลันก้มหน้างุด แก้มใสขึ้นสีระเรื่อลามไปจนถึงใบหู

‘อื้ออ โด อ๊ะ อ่าห์ แรงอีก’

‘อื้ม ที่รัก รัดแน่นจังครับ อ่าห์’

ปึ่ก~ปึ่ก~พั่บ~พั่บ

ตะวันฉายคว้าหมับที่ข้อมือเด็กหนุ่มที่ยังยืนตัวแข็งค้าง เขาสับขาอย่างเร็วจนแทบจะเป็นวิ่งเพื่อพาคนน้องกลับเข้าห้อง
ที่อยู่อีกฟากหนึ่ง

‘นี่สินะ บอกว่าง่วงจะเล่นดนตรีเข้าจังหวะสองคนสิไม่ว่า ฮึ’ ตะวันฉายนึกค่อนขอดภายในใจ



เมื่อเปิดประตูห้องพักได้ตะวันฉายรีบคว้าผ้าขนหนูยัดใส่มือรวีกานต์ที่ยืนเคว้งอยู่กลางห้องอย่างคนสติหลุด

“อาบน้ำนะเด็กดี จะได้นอน พรุ่งนี้เราต้องเดินทางกันแต่เช้า”
ตะวันฉายดุนหลังรวีกานต์จนแทบจะเป็นการจับยัดเข้าไปภายในห้องน้ำเสียด้วยซ้ำ



เมื่อประตูห้องน้ำปิดลงชายหนุ่มจึงพรูลมหายใจและใช้สองมือขึ้นลูบแรงๆ ที่ใบหน้าและแขนตน
เสียงที่ได้ยินเมื่อครู่ยังคงชัดเจน ไม่คิดว่าเจ้าพวกนั้นจะมีบทรักเร่าร้อนถึงเพียงนี้
ใครได้ยินก็ต้องมีร้อนรุ่มกันบ้างล่ะ ยิ่งตัวเขาเองด้วยแล้วไม่บ่อยครั้งนักจะได้ปลดปล่อย ลองกลางกาย
ได้ผงาดง้ำก็ยากนักที่จะให้มันสงบลงโดยง่าย
 
‘หึ้ย ไอ้แสบ ไอ้เด็กบ้าเอ้ย! รอแขกกลับก่อนไม่ได้รึไง’
ตะวันฉายก่นด่าทั้งเด็กแสบและตัวเองที่ทะเล่อทะล่าไปได้ยินได้ฟังเข้า
ได้แต่ฮึดฮัดอยู่เพียงลำพังภายในใจเท่านั้น

“พี่ตะวันอาบต่อได้เลยครับ”

“อ้าว!  เร็วจัง” ตะวันฉายมุ่นหัวคิ้วด้วยความสงสัย เหลือบมองแก้มที่ยังคงขึ้นสีระเรื่อไม่หายของอีกคน

‘รึว่า ไม่หรอกมั้ง อาจจะมีแค่เราที่ความรู้สึกไว แต่เราก็ไม่ใช่คนลามกหมกมุ่นเสียหน่อย’
ตะวันฉายทะเลาะกับตัวเองในใจก่อนจ้ำอ้าวๆ เข้าห้องน้ำ


เขารีบพาดผ้าเช็ดตัวไว้ที่ราวแขวนก่อนจะเปลื้องผ้าออกจากกายก่อนจะโยนไปกองไว้บนเคาน์เตอร์อ่างล้างหน้า
เขาสาวเท้าไปยังฝักบัวใหญ่ กายเปลือยที่มีมัดกล้ามเรียงตัวสวยยืนเด่นใต้สายน้ำที่ถูกปรับระดับความแรงของน้ำ
ในระดับสุด สายน้ำราดรดตั้งแต่เส้นผมลงมา ความเย็นของสายน้ำช่วยดับความร้อนรุ่มที่สุมกายลงได้ในระดับหนึ่ง
แต่เสียงเริงรักที่ได้ยินก่อนหน้ายังคงวนเวียนในห้วงคำนึง แม้จะขับไล่ไม่ให้นึกคิดก็ไม่อาจลบออกไปจากจิต

ท้ายที่สุดท้ายจึงต้องลงมือปลอบประโลมลูกรักด้วยตนเอง ใบหน้าของแฟนหมาดๆ เด่นชัดในภวังค์ นาทีนี้จึงทำได้เพียง
ใช้อุ้งมือกอบกุมและรูดรั้งแท่งร้อนเป็นจังหวะหนักเบา

“เดย์ เด็กดี อื้ม” ตะวันฉายเรียกขานคนในภาพจำเสียงต่ำ เด็กหนุ่มบิดกายเร่าแถมส่ายก้นขาวถูไถส่วนแข็งขืนของเขาไปมา
มังกรตัวร้ายผงกหัวไปมาสอดส่ายหาทางเข้าไปสำรวจช่องทางคับแคบสัมผัสผนังอ่อนนุ่ม
ผิวกายเจ้ามังกรครูดถูกผนังมันเลื้อยตัวอย่างค่อยเป็นค่อยไป จนดำดิ่งไปสุดทาง พอส่วนหัวกระทบเข้ากับผนังถ้ำ มันจึงแช่ตัว
อยู่ในความร้อนชื้น ทำความคุ้นชินก่อนเคลื่อนลำตัวเร็วขึ้น

“อ้า เดย์  สุดยอด ตอดแน่นๆ เก่งมาก อ๊ะ เห้ย!!!  เดย์ คือพี่ เอ่อ..”
ตะวันฉายสะดุ้งสุดตัวเมื่อถูกรวบกอดจากด้านหลัง ภาพในจินตนาการของเขากระเด็นกระดอนออกมาจนแนบชิดขนาดนี้
 
“ช่วยที ผมร้อนไปทั้งกายในหัวมีแต่เสียงพี่ยูกับพี่โด ผมนอนไม่ได้ ฮึก”

ตะวันฉายหมุนกายอันเปลือยเปล่าและเปียกปอนเผชิญหน้ากับคนรักที่สะอื้นจนตัวโยน เจ้าก้อนนุ่มนิ่มอยู่ในสภาพเปลือยไม่ต่างกันเลย

สองมือของเขาจึงประคองดวงหน้าให้เงยสบกัน ดวงตาปริ่มน้ำ ความรู้สึกสงสารจึงจรดริมฝีปากซับหยาดน้ำตาให้ทางหางตา

หนุ่มน้อยเผยอเรียวปากตอบรับกลีบปากอุ่นที่แนบลงมาทักทายกัน ปลายลิ้นร้อนแทรกซอนหยอกเย้าไปมา

ต่างฝ่ายต่างสัมผัสดูดดึงอ่อนโยน นุ่มนวลแล้วค่อยทวีความเร่งเร้า รวีกานต์หัวไวจนคนสอนยกยิ้มพอใจ

ตลอดสามวันมานี้ไม่มีวันไหนที่จะไม่ถูกคนพี่จับจูบ


ตะวันฉายก้าวนำคนน้องไปยังเคาน์เตอร์อ่างล้างหน้าที่เขากองเสื้อผ้าไว้ ป่ายมือไปทีเดียวด้านบนก็ว่างเปล่าพอที่คนเด็กกว่า
จะแทนนี่ได้ เขาจูบซุกไซ้ไล่ตั้งแต่หน้าผาก เปลือกตา สันจมูก ผ่านริมฝีปากที่เริ่มบวมเจ่อจากการที่เขาขบดึงมาก่อนหน้า
สองข้างแก้มถูกฟอนเฟ้นและปลายจมูกโด่งยังกดย้ำดอมดมแถววอกคอระเรื่อยลงมาลาดไหล่จนพบจุกสีหวานที่ชูชัน
ฟันคมจึงงับเบาๆ อย่างหยอกเอิน
เดย์ยกมือขึ้นจับบ่าของคนตัวหนา จิกปลายเล็บด้วยความเสียวซ่าน

“พี่ตะวัน อื้อ” เสียงผะแผ่วหวานจนคนฟังยิ้มร้าย

“หวาน หอมทั้งตัวเลย เด็กดี”
ลมหายใจร้อนรินรดหน้าท้อง ลิ้นสากลากไล้ต่ำลงเรื่อยๆ ฟันคมขบกัดสร้างความสะท้านไหวไม่หยุดหย่อน
เสียงครางเครือหลุดเป็นระยะ ชายหนุ่มดันหน้าขาขาวนวล สิ่งที่น่าหลงใหลเปิดเปลือยต่อสายตา
ทุกความอดกลั้นใดๆ ในตอนนี้ของตะวันฉายหมดสิ้นลง ชายหนุ่มโน้มใบหน้าลงไปฟอนเฟ้นโคนขาด้านใน
วกวนรอบส่วนอ่อนไหวที่ขนาดพอดีมือ จงใจละเลยไม่สัมผัสแตะต้องมุ่งควาสนใจกับรอยจีบสีสวยที่ขมิบเกร็ง
ยามปลายลิ้นร้อนทักทายเพียงบางเบา เป็นการสัมผัสที่ทำเอาเด็กน้อยผวาเฮือกและหุบขา
ตะวันฉายลูบไล้เรียวขาเนียนฉกปลายลิ้นสากโจนจ้วงบนรอยจีบ มือน้อยขยุ้มบ่ากว้างอย่างประท้วง
ชายหนุ่มจึงปลอบโยนเจ้าลูกบอลสีสวยแทน คนตัวเล็กหวีดร้องเบาๆ เมื่อถูกรุกล้ำภายใน

“พี่ตะวัน อื้อ” ชายหนุ่มจึงเบนความสนใจโดยการกอบกุมชักรูดเจ้าตัวน้อยสีสวยไปพลาง
ตอนที่คนเด็กกว่าเผลอไผลเขาจึงนำอาวุธคู่กายที่พร้อมรบของตนจดจ่อที่ช่องทางเข้าและกดส่วนหัว
นำพามังกรไปยังที่พักพิง อันอุ่นร้อน ตะวันฉายกระชับกอดและขยับโยกส่งตัวตนไปจนสุดทาง

"ฮึก เจ็บ อ๊ะ”

"คนดี ผ่อนคลายนะครับ"

"แบบนั้น เก่งครับ รัดแน่นแบบนี้พี่จะตายเอานะ”

“สะ เสียว อื้อ อ๊ะ” ใบหน้าแดงซ่านส่ายไปมา

“ปลดปล่อยครับ อื้ม” ตะวันฉายกระแทกเข้าสุด ดึงแทบหลุดและกดกลับเข้าไปอย่างเร็ว
ไม่นานน้ำรักขาวขุ่นก็เปรอะเปื้อนหน้าท้องของทั้งสองคน คราบน้ำตายังคงไม่จางหาย

“ไม่เป็นไรนะคนดี อื้ม พี่จะถึง อ่าห์” ตะวันฉายซอยถี่ระรัวก่อนจะพ่นธารรักของตนจนเอ่อท้น
ชายหนุ่มถอดถอนตัวตน เปิดน้ำและล้างทำความสะอาดให้คนตัวเล็กที่ตาปรือปรอยยืนแทบไม่อยู่
ไม่ว่าจะจับหันไปทางไหนเจ้าตัวก็ยินยอม จนเนื้อตัวสะอาดคนพี่จึงเช็ดตัวและห่อหุ้มกายบาง
พาไปยังเตียงนอน ไม่นานก้อนนุ่มนิ่มก็หลับไปทั้งที่ยังไม่ทันสวมชุดนอน


เขาจัดท่านอนพร้อมห่มผ้าให้จนถึงคอ ยืนมองคนหลับก่อนหันไปจัดการกับตัวเอง

ตะวันฉายไลน์ไปขอยาทากับยากินอะไรต่างๆ จากยูโด เพราะครั้งแรกมันไม่ดีต่อฝ่ายรับ
เขาศึกษามาเป็นแนวทาง และมันก็ใช้ได้จริงจากบทรักเมื่อครู่ที่เขาไม่บุ่มบ่ามจนเกินไป

“รอบเดียวนะ ครั้งแรกน่ะ ไม่งั้นป่วยแน่ๆ  ยานี่ใช้สำหรับสอดรักษาแผลภายใน ลูกๆ ของพี่เอาออกหรือยัง
ถ้ายังไปจัดการเลย” ยูโดแนะนำด้วยมีประสบการณ์ตรงมาก่อน

“เออน่ะ รู้ แกเลยเจ้าตัวดี กินกันไม่สนโลก ร้อนแรงเกิ๊น เฮอะ!” ตะวันฉายทำเป็นฉุนกลบเกลื่อน
แต่ภายในใจมีเพียงเขาที่รู้ดีว่ายินดีปรีดาเสียเหลือเกินแล้ว

“ชู่วว อย่าดังไป พี่จะแอบฟังทำไมล่ะ” ยูโดป้องปากด้วยกลัวว่าคนในห้องจะได้ยินเข้า

“โวะ! แอบฟังบ้าสิ แค่เอากีตาร์มาคืนใครจะไปรู้ว่าพวกแกจะเล่นกิจกรรมเข้าจังหวะกันอยู่ล่ะ ถามจริงยูเด็ดมากเหรอวะ”
ตะวันวันฉายชะโงกหน้าเข้าใกล้แต่น้องชายกลับผละหนี

“วุ้ย! ของแบบนี้ใครจะบอก นู้นเลยไปเทรนด์เด็กของตัวโน่น สอนไม่น่าจะยากมั้ง”
ยูโดยัดยาใส่มือพี่ชายก่อนจะผลุบหัวอันยุ่งเหยิงกลับเข้าห้องไป ตะวัยฉายส่ายหน้ายิ้มๆ

`เด็กขี้หวง มองออกอยู่นะ'



ยูฟ่ามองคอของเด็กตรงหน้า ตะวันฉายถลึงตาและส่ายหน้าไม่ให้เขาพูดหรือถามอะไร

“ตะวันกลับไปบ้านก็พาน้องไปกราบพ่อเราด้วยล่ะ ทำอะไรก็ให้มันถูกต้องเสียหน่อยถึงจะเป็นผู้ชายด้วยกันก็เถอะ
แล้วก็เบามือหน่อย น้องยังเด็กอย่าโจ่งแจ้งนัก” ผู้เป็นอาปรามหลานชายที่ยิ้มเจื่อนๆ เขาเผลอทำรอยที่คอคนข้าง
กายจนเป็นที่สังเกตเห็นของคนทั้งบ้าน

“ครับคุณอา”
ตะวันฉายรับปากพลางเหลือบมองคนที่กินมื้อเช้าอย่างไม่รู้ตัวว่าตนเป็นจุดสนใจของสองแม่ลูก

“เจ้ายูอย่าเป็นเด็กขี้สงสัย เราเองก็เคยผ่านช่วงเวลานั้นมาเหมือนกันไม่ใช่รึไง”
มารดาหันไปหาลูกชายที่สำลักข้าวและไอจนตัวโยน ยูโดรีบจ่อแก้วน้ำที่ริมฝีปากและลูบหลังให้อย่างใส่ใจ
เรื่องมันก็ผ่านมานานแล้วมารดาของเขาก็ยังจำจนกระทั่งวันนี้ เขาช้อนตามองคนเด็กกว่าที่มองยังไงก็ไม่ยักจะไข้ขึ้น
แบบเขา หรือว่าเจ้าเดย์มันจะถึกทนกันนะ


บ่ายวันเดียวกันสองหนุ่มก็ได้เวลาเดินทางกลับเชียงใหม่ ยูโดเป็นคนพาไปส่งขึ้นเครื่องโดยที่ยูฟ่าขอตามไปส่งด้วยอีกคน
จากกันคราวนี้คงอีกนานกว่าพวกเขาจะได้กลับมาพบกันอีก












หัวข้อ: Re: incest : บาปร้ายในบ่วงรัก ตอนที่ 33
เริ่มหัวข้อโดย: เส้นขอบฟ้า ที่ 03-09-2022 22:30:31
ตอนที่ 33   รัก -ไม่ลับ

   กนกรดาครบกำหนดผ่าคลอด ทุกคนพากันตื่นเต้นจนแทบเก็บอาการกันแทบไม่อยู่
การได้เห็นภาพอัลตร้าซาวด์เจ้าหนูในครั้งแรกยูฟ่าก็เตรียมตั้งชื่อรอแล้ว

‘แอลฟ่า - อติวิชญ์’

   นาทีที่ยูฟ่าได้เห็นหน้าเจ้าตัวน้อย เขาถึงกับหลั่งน้ำตา ความสุขมากมายจนยากเกินบรรยาย
หนูน้อยที่เลือดเนื้อในกายครึ่งหนึ่งเป็นของยูโด เขารักเจ้าก้อนน้อยๆ อย่างเต็มหัวใจโดยปราศจากเงื่อนไข

“แม่ต้องเก็บภาพวันนี้ให้เจ้าหนูแอลฟ่าดูตอนโตแล้วล่ะ”
มารดากระเซ้าลูกชายที่ซับน้ำตาออกจากหัวตาไม่หยุดหย่อน

“คุณแม่อ่ะ น่าอายออก ไม่ถ่ายนะครับ” ยูฟ่าบ่นอุบและพยายามแอบซ่อนใบหน้าจากผู้เป็นมารดา

“หึหึ” ยูโดหลุดขำ

   กนกรดาจุดรอยยิ้มมุมปาก เธอรู้สึกโล่งใจและเป็นสุขกับอิสรภาพที่รอคอย
แต่อีกใจก็อดใจหายไม่ได้ สายใยแม่ลูกอันเปราะบางและบางเบากำลังจะสิ้นสุดลง
แต่ทั้งนี้และทั้งนั้นเธอก็ไมาสามารถตีอกชกตัวหรือฟูมฟายอะไรได้อีก ชีวิตที่ปรกติสุขอยู่ข้างหน้า
หญิงสาวอายุยี่สิบเอ็ดปีเช่นเธอยังทำอะไรได้อีกมากมาย เธอวางแผนที่จะเรียนให้จบ จากนั้นหางาน
ทำและสร้างครอบครัวกับใครสักคนที่รักเธอ

“พี่สองคนต้องเลี้ยงลูกได้ดีแน่ๆ ฝากลูกด้วย”
กนกรดาแข็งแรงเร็ววันและกำลังจะกลับภูมิลำเนาของตนโดยมีรถจากทางนี้ไปส่ง

“ไม่ต้องห่วง พี่จะเลี้ยงเค้าให้เป็นคนดี อีกอย่างน้องแอลก็ถือว่าเป็นลูกของพี่เหมือนกัน”
ยูฟ่ายิ้มเต็มดวงหน้า ประกายความสุขเจิดจ้า

“ขอบคุณนะคะพี่ยู ขอบคุณจริงๆ”

“แล้วพี่จะพาลูกไปเยี่ยมเธอ เดินทางปลอดภัยนะ”

“ขอบคุณอีกครั้งค่ะพี่โด พี่สองคนเกิดมาเพื่อกันจริงๆ” กนกรดาส่งยิ้มที่ออกมาจากหัวใจ
 
“พี่โดนี่ขี้หวงใช่เล่นเลยนะพี่ยู ดีนะที่น้องดารอดเงื้อมมือมาได้” หญิงสาวกระซิบบอก

“เด็กแสบ! ทะเล้นนะเรา” ยูฟ่าไม่วายต่อปากต่อคำกับหญิงสาวอีกหลายประโยค
หากไม่เกิดเรื่องซะก่อนเขาและเธอยังสามารถเป็นเพื่อนกันได้

“อย่าลืมที่บอกจะพาลูกไปหา ห้ามลืมนะคะพี่โด”
 กนกรดาย้ำและโบกมือลาอีกครั้งตอนที่รถเคลื่อนตัวออกไปจากรั้วบ้าน สองหนุ่มมองส่งจนลับตา

“เออจริงสิ ยูตั้งชื่อลูกได้คล้ายทั้งชื่อจริงและชื่อเล่นของยูเลยเหรอครับ กลัวใครไม่รู้ว่าเจ้าหนูเป็นลูกยูรึไง”

“แน่นอนอยู่แล้ว เด็กชายอติวิชญ์ต้องสอดคล้องกับนายอัครวิชญ์สิ
ส่วนคุณอัครวินท์ก็เป็นคุณอาไปนั่นแหละ เหมาะสม คิกคิก”
ยูโดได้ยิ้มเอ็นดูก่อนจะโอบบ่าพากันเดินเข้าบ้าน

“ลูกจะตื่นหรือยังนะ”
ยูฟ่ากำลังจะสาวเท้าไปยังห้องเป้าหมายแต่ก็ชะลอฝีเท้าลงเมื่อนึกขึ้นได้ว่าวันนี้ไม่ใช่วันหยุดของคนตัวสูง

“ไม่เข้าบริษัทเหรอ”

“ไม่ครับ ป่านนี้รถติดจะตาย ฝ่าการจราจรไปถึงคาดได้เวลาคนทางนั้นเก็บของกลับบ้านกันพอดีไม่สู้เอาเวลา
ไปทำอย่างอื่นดีกว่า ยูครับเข้าห้องกัน” แววตาคนพูดวิบวับทอประกาย หากมองมาจากดาวอังคารยังมองออก

“ลามก!”

“ความผิดของยูนะ ใครใช้ให้น่ารักน่ากินไปทั้งตัวขนาดนี้ล่ะ” จบคำแผ่นหลังของเขาก็ร้อนผ่าว

“โอ๊ย! เจ็บครับ เขินทีเป็นต้องลงไม้ลงมือทุกทีเลย หืม” ยูโดประกบมือที่สองข้างแก้มนุ่มและป้อนจูบแสนหวานให้
 
“อุ้ย! คุณยู คิกคิก”
มดแดงยิ้มเขินบิดมือไปมากับฉากรักตรงหน้า หากมีหมอนในมือสักใบเธอคงฉีกทึ้งกระจุยกระจายเป็นแน่

“คนบ้านนี้เป็นอะไรกันไปหมด เฮ้อ” ยูฟ่าส่ายหน้าเอือมและเลี่ยงเข้าบ้านโดยมีเจ้าหมาตัวโตตามติด

“เดย์ส่งภาพต้นไม้ของเราที่ปลูกไว้มาให้  ดูสิ มองยังไงก็ต้นเล็กกว่าของสองคนนั้นทั้งที่ปลูกลงดินพร้อมๆ กัน”
 ยูฟ่าเปรย

“คงจะโตไปพร้อมๆ กับเจ้าลูกชายของเรา ถึงตอนนั้นที่ดอกผลิบานเราก็พาลูกไปดูด้วยเลย”

“อืม เป็นความคิดที่ดี ถ้างั้นในระหว่างนี้ก็ให้สองคนนั้นช่วยรดน้ำพรวนดินให้เราไปก่อน” ยูฟ่ายิ้มพราย

“ป่านนี้ลุงไผทจะรู้รึยังนะว่าลูกชายหาสะใภ้ให้เป็นที่เรียบร้อยแล้ว”
ยูโดชี้ที่ภาพของเดย์ที่ถ่ายพร้อมเจ้าก้อนขนที่ขนาดต่างๆ กัน

“รู้เร็วก็ดี ลุงไผทจะได้เลิกบังคับให้พี่ตะวันไปดูตัวซะที”

“อืม ง่วงมั้ย เรางีบกันสักหน่อยดีมั้ยค่อยไปเปลี่ยนคุณแม่” ยูโดรั้งให้ยูฟ่าลงมานอนหนุนหมอนใบเดียวกัน

“สามหนุ่มบอกจะมาเยี่ยมหลาน พวกเราย้ายไปรอที่ห้องนั่งเล่นกันเถอะ”
ยูฟ่าทำทีจะลุกแต่ถูกตรึงไว้กับที่นอนและกายหนาก็ตามไปทาบทับ

"อ๊ะ ไม่ได้นะโด เดี๋ยวเพื่อนๆ จะมา" ยูฟ่าขืนตัวไว้แต่เขาสู้แรงของอีกคนไม่ไหว
ฝ่ามืออุ่นร้อนที่สอดผ่านชายเสื้อเข้ามาลูบไล้สัมผัสปลุกเร้าผิวกายจากแผ่วเบา
แปรเปลี่ยนเป็นฟอนเฟ้นเคล้นคลึงหนักหน่วงขึ้นอย่างย่ามใจ ยูฟ่าใจสะท้าน ไหว
เนื้อตัวเปล่าเปลือยในเวลาต่อมา สองร่างแนบชิดเกาะเกี่ยวจนไม่มีช่องว่างให้อากาศแทรกผ่าน

“อื้อออ ช้าหน่อยโด จะแทงให้ถึงตับไตเลยหรือไง อะ อื้อ”
ยูฟ่าจำเสียงตัวเองแทบไม่ได้เมื่อส่วนอ่อนไหวตกไปอยู่ในกำมือของอีกคน

“อย่าถ่วงเวลาสิยู อืม นั่นแหละเด็กดี”
มือหนาเคล้นคลึงอย่างมีจังหวะและชั้นเชิง

“โดครับ อ๊ะ อื้อ” ยูฟ่าจิกทิ้งผ้าปูที่นอนไว้แน่น

“ฮึ่ม พร้อมกันนะ อ่าห์” ยูโดเร่งสาวสะโพก เสียงเนื้อกระทบกันดังหยาบโลน
ใบหน้าหล่อคมมีไรหนวดเขียวเสริมส่งให้คนผู้นี้มีเสน่ห์ชวนมองและน่าหลงใหล
บทรักดำเนินต่อไปตามครรลองจวบจนกายหนาสัมผัสถึงปลายเล็บที่ครูดลงบนแผ่นหลัง
จนแสบร้อน บ่งบอกว่าคนพี่เสียดเสียวและใกล้ฝั่งฝัน ชายหนุ่มกระทั้นกายติดๆ กันอีกหลายที
ก่อนจะทิ้งกายซบซุกซอกคอขาว

“รักยูที่สุดเลยครับ”
น้ำเสียงทุ้มนุ่มกระซิบคำรักให้ฟัง จู่ๆ ประตูห้องนอนก็ถูกเปิด
ยูโดคว้าผ้าห่มมาคลุมกายในทันทีทันใด เขาหันขวับไปมองผู้บุกรุกทั้งสาม
ยูฟ่าเบิกตากว้างและซุกดวงหน้าไว้ภายใต้ผ้าห่มผืนหนา มีเพียงดวงตาที่กระพริบปริบๆ พ้นขอบผ้าเท่านั้น

แกมม่าหน้าเจื่อนเขาเผยอริมฝีปากจะกล่าวคำแต่คำพูดล้วนถูกเก็บลงลำคอไปเสียหมด จึงได้แต่ยืนนิ่งงัน

“นะ นาย สะ สองคน ทะ ทำ”
เจแปนหาเสียงของตนเจอก่อนใครๆ แต่แล้วก็ไม่สามารถเรียบเรียงออกมาเป็นประโยคที่สมบูรณ์ได้

“อืม เป็นแบบที่เห็น” ยูโดเอ่ยถ้อยคำที่เสมือนเป็นการดับฝันของใครบางคน
เขาซึ่งพยามกดข่มอารมณ์ความรู้สึกและพยายามหลอกตัวเองว่าสิ่งที่พบเห็นตรงหน้าเป็นเพียงเรื่อง
ที่เขาเข้าใจผิดกันไปเองแต่คำพูดไม่กี่คำจากปากของคนต้นเรื่องนั้นชัดเจนจนเขาบิดเบือนความจริง
ไปไม่ได้

“ได้ไงวะ นั่นๆ พี่แกนะเว้ย! แล้วๆ นายล่ะรับได้เหรอ”
เคมีเอ่ยวาจาร้อนรนออกไป และยิงคำถามกลับไปที่แกมม่า
หากเขาขาดความยับยั้งอีกสักนิดคงพุ่งไปอัดหน้าหล่อๆ แบบไม่ยั้งมือ
ความปวดหนึบรวดร้าวดั่งมีเหล็กแหลมทิ่มแทงอยู่ในอกเป็นเช่นนี้เอง
 
“ใจเย็นน่าเค มันสองคนรักกัน”
แกมม่าพูดได้เพียงเท่านั้น เขาเป็นเพียงคนเดียวในกลุ่มเพื่อนที่รับรู้เรื่องนี้
เพียงแต่เขาไม่คาดคิดว่าตนจำต้องมาเป็นสักขีพยานในคราวนี้

“ออกไปกันก่อน ดูสิ! ยูโกรธแล้ว”
ยูโดโบกมือไล่เพื่อนๆ ออกไป ไม่มีเรื่องใดสำคัญไปกว่าการทำให้คนข้างกายหายขุ่นเคืองโดยเร็ว

“เอ่อ…ตามมาล่ะ” แกมม่าเดินนำคนอื่นๆ 

“ยูครับ ไม่โกรธกันนะ ช่างพวกนั้นปะไรเราไม่ได้ทำไม่ดีกับเขาซะหน่อย
 ใครรับไม่ได้จะเลิกคบก็ช่าง นะครับนะ อย่าเครียดเลย” ยูโดฉุดรั้งคนตัวหอมเข้าสู่อ้อมกอด

“ไม่เกี่ยวกับเรื่องนั้น ยูอาย! ที่เราทำกันตะกี้ ไม่รู้ใครเห็นอะไรไปบ้าง งื้อ…ยูจะสู้หน้าเพื่อนได้ไง
 หื่นไม่เลือกเวลา ยูบอกแล้วใช่มั้ยว่าสามคนนั้นจะมา ฟังบ้างมั้ยล่ะ”
ยูฟ่าต่อว่าต่อขานคนที่พาเขาทำเรื่องขายหน้า
เขากระถดร่างห่างแต่อ้อมแขนยิ่งกระชับแน่นเข้า

“ขอโทษครับ ยกโทษให้โดนะ พวกนั้นไม่ทันได้เห็นยูหรอก จะเห็นก็คงเป็นก้นโดนี่แหละ”
ยูโดพูดและกลิ้งปลายคางสากลงบนกลุ่มผมนุ่มไปมา

“หึ้ย…นั่นแหละ ยิ่งแย่เข้าไปใหญ่ ต้องไม่ใช่แบบนี้ ยูไม่ให้ใครมองโด งื้อ”
ยูฟ่ายังคงโอดครวญไม่หยุด ส่ายหัวดุกดิกไปมา คนฟังยกยิ้มพึงพอใจ จะมีอะไรสุขใจยิ่งไปกว่านี้ไม่มีแล้ว

“เขาแค่เห็นเท่านั้น เอาไปไม่ได้สักหน่อย โดเป็นของยูคนเดียว หายโกรธแล้วนะ
 เราไปล้างตัวกันดีกว่า ไปครับเดี๋ยวโดช่วย”

“ไม่ต้องเลย ยูจัดการตัวเองได้” น้ำเสียงอ่อนลงมาก คนฟังยกยิ้มวางใจ

“เถอะน่าอย่างอแง โดช่วยครับ”