◾▪Hotel Room #ห้องนี้มีแต่เรา▪◾บทที่ 22(เมฆินทร์-จุนเจือ) |22.1.20| P.4 -ตอนจบ-
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ◾▪Hotel Room #ห้องนี้มีแต่เรา▪◾บทที่ 22(เมฆินทร์-จุนเจือ) |22.1.20| P.4 -ตอนจบ-  (อ่าน 21454 ครั้ง)

ออฟไลน์ DrSlump

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3382
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +104/-2
 :pig4: :pig4: :pig4:

ควบสอง 3P ไปเลยหนูจุน  ถ้าตัดใจเลือกใครคนใดคนนึงไม่ได้  อิอิ

ออฟไลน์ ommanymontra

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3437
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +96/-0

ออฟไลน์ songte

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1425
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-1
อิพี่เมฆงอแงจริงเชียว แต่เอาจริงๆนะเอิร์ทจะไม่สงสัยเรื่องจุนกับเมฆบ้างเลยเหรอ น่าจะพอเดาได้มั่งป่ะ
ถ้าเอิร์ทดีก้อยากจะเชียร์แต่ระแวงๆอยู่หน่อยๆ

ออฟไลน์ CelestialBeing

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 69
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0
เกบเอิทให้น้องพี่เมฆได้ไหม

ออฟไลน์ seaz

  • รักอยู่ไหน...ใจเรียกหา
  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5385
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +381/-9
^^^^^
เห็นด้วยนะครับ เก็บเอิร์ทไว้ให้พี่ดินเถอะ ส่วนน้องจุนก็ให้คู่พี่เมฆ o13

ออฟไลน์ rinyriny

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 295
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +106/-1
บทที่ 20 คู่รัก









 

       จุนเจือเงียบก่อนจะตอบตกลงแล้วเดินตามไปที่นั่งชิงช้า มีเชือกขนาดใหญ่ผูกมัดเข้ากับกิ่งต้นไม้ใหญ่แน่นหนา ตัวชิงช้าอยู่ห่างไกลจากบีชบาร์ไม่มากนัก แต่แสงไฟก็ยังคงสาดส่องไม่ถึงตรงนี้อยู่ดี มีเพียงแสงจันทร์ลาง ๆ ส่องแสงนวลตกกระทบลงมาให้เห็นเค้าโครงใบหน้าของทั้งสอง

 

 

 

 

"จะคุยอะไรครับพี่เมฆ" จุนเจือยืนนิ่งมองคนที่ทิ้งตัวลงนั่งชิงแล้วเงยหน้ามามอง

 

 

 

 

"จุนตกลงเป็นแฟนกับเอิร์ทรึยังครับ?"  เมฆินทร์ถามขณะที่รวบเอวเด็กหนุ่มให้ลงมานั่งเบียดชิงช้าตัวเดียวกัน

 

"คะครับ? พี่เมฆ" จุนเจือตกใจตอนมือหนารั้งร่างเขาไปและพยายามสะกดอารมณ์หวั่นไหวตอนที่มือพี่เมฆยังคงโอบเอวไว้หลวม ๆ

 

 

 

 

"พี่ถามว่า จุนเป็นแฟนกับเอิร์ทรึยังครับ?"

 

 

 

"ยังครับ" จุนเจือนั่งก้มหน้าพลางเม้มปากแน่น

 

 

 

 

"แล้วจุนชอบเอิร์ทหรือเปล่าครับ?" เมฆยังคงยิงคำถามต่อด้วยน้ำเสียงจริงจัง เพราะคิดว่ามันถึงเวลาแล้วที่เมฆินทร์ต้องรู้ถึงสถานะอันชัดเจนกว่านี้ พอกันที กับการต้องเห็นจุนเจือไปอยู่กับคนอื่น เมฆินทร์ต้องข่มใจมากแค่ไหน ในการทำเหมือนไม่รู้สึกอะไรตอนที่เห็นจุนเจือหัวเราะและส่งยิ้มให้เอิร์ทอย่างมีความสุข ทั้ง ๆ ที่คนควรทำให้จุนเจือมีความสุขควรเป็นเขามากกว่า

 

 

 

 

"พี่ถามทำไมครับ?"

 

 

 

 

"พี่จะได้รู้ครับ ว่าพี่ควรเดินหน้าต่อหรือถอดใจ ถ้าจุนเป็นแฟนกับเอิร์ท พี่ก็คงไม่แย่งครับ" เมฆบอก

 

 

 

      จุนเจือชำเลืองมองพี่เมฆด้วยอาการใจสั่น มันถึงเวลาแล้วใช่ไหม ที่เขาต้องกล้าหาญตัดสินใจเลือกใครคนใด คนหนึ่ง โดยที่เราไม่มีทางรู้เลยว่า ทางเลือกนั้นจะส่งผลให้อนาคตออกมาดีหรือแย่




    แต่นั่นแหละความรัก...




     หากอยากรัก ก็ต้องพร้อมยอมเสี่ยง

   

     เด็กหนุ่มลังเล ก้มมองมือตัวเองที่สอดประสานกันแนบแน่น

 

     เมฆลอบมองโครงหน้าด้านข้างจุนเจือที่ก้มลง มือหนาที่ยังโอบเอวก็บีบกระชับยามได้ยินเด็กหนุ่มตอบว่าไม่แน่ใจ

 

       เมฆไม่เข้าใจว่าจุนเจือกำลังคิดอะไรอยู่ ราวกับว่าเด็กหนุ่มกำลังหลงในความสัมพันธ์ ติดกับอะไรบางอย่าง  เมฆยิ้มมุมปาก ไล้มือไล่ตามไรผม

 

"ทะเลตอนกลางคืนสวยนะครับว่าไหม?"

 

 

       จุนเจือเงยหน้าสบตามอง เกิดอาการงุนงงที่อีกฝ่ายเปลี่ยนเรื่องไปไม่มีปี่ มีขลุ่ย

 

 

 

"มืดขนาดนี้ ผมมองไม่เห็นอะไรเลยครับจะสวยได้ยังไง?"

 

"ลองหลับตาดูสิครับ แล้วปล่อยใจให้ทุกอย่างมันเป็นไปเอง จุนจะสัมผัสได้"

 

 

 

 

"มันจะเป็นไปได้ยังไงกันครับ ยิ่งหลับตา ผมก็ยิ่งไม่เห็นอะไรเลยน่ะสิครับ ผมไม่เชื่อหรอกพี่เมฆ"

 

 

 

"จุนมีสิทธิ์ที่จะไม่เชื่อ แต่จุนลองแล้วหรือครับ?" เมฆถาม ฟากจุนเจือชะงัก




กึก

 
 

     ไม่รู้ว่าเป็นการท้าทายกราย ๆ หรือเปล่า? แต่จุนเจือรู้สึกว่า เขายอมไม่ได้ถ้าจะมาว่ากันแบบนี้

 

 

 

      จุนเจือฮึดฮัดเล็กน้อย แต่สุดท้ายก็ยอมทำตาม ค่อย ๆ หลับตาแล้วลองปล่อยให้มันเป็นไป สายลมตกกระทบผิวกายเป็นระยะ เสียงลมโบกหวิว ๆ ของยอดทิวมะพร้าวและยอดไม้ เงี่ยหูฟังเสียงคลื่นทะเลชวนใจผ่อนคลายคล้ายสงบเสงี่ยม




     จุนเจือไม่สามารถบอกได้เลยว่า ทะเลสวยจริงไหม ? เขาแค่สัมผัสได้ว่า ณ ขณะนี้ จุนเจือมีความสุขกับการได้ฟังเสียง สัมผัสทุกสิ่งรอบกายที่ล้วนมาจากธรรมชาติที่เป็นธรรมชาติจริง ๆ

 

 

       สุขกาย สบายใจ จนเผลอผุดรอยยิ้ม ในขณะนั้น จุนเจือสัมผัสได้ถึงมืออุ่น ๆ วางทาบลงบนหลังมือเขาและในวินาทีนั้น...
 



จุ๊บ...

 

       ความนุ่มหยุ่นแตะลงบนกลีบปากบาง จุนเจือเบิกตาโพลงก็พบใบหน้าหล่อเหลาอยู่ตรงหน้าชัดเสียยิ่งกว่าชัด เผลอสบตามองพี่เมฆที่ขบเม้มงับริมฝีปากล่าง ก่อนจะเริ่มจูบจริงจัง มือหนึ่งประคองท้ายทอยส่วนอีกมือกระชับแผ่นหลังแน่น จุนเจือยกกำปั้นดันอกอีกฝ่าย แต่เหมือนต้านทานไม่ได้ ยามที่พี่เมฆมีโอกาสนำเรียวลิ้นรุกเข้าสู่ภายในโพรงปาก




    พี่เมฆเป็นแบบนี้ ทุกที แม้รู้ทั้งรู้ว่าพี่เมฆชอบเอาแต่ใจในเรื่องนี้ แต่ก็ไม่เคยปฏิเสธได้สักที

 

 

       จุนเจือใจวาบหวาม เท้าจิกเกร็งตอนที่พี่เมฆใช้ความเชี่ยวชาญปลุกความต้องการภายในของเขาที่มีอย่างรุนแรง


 

        จุนเจือยกมือโอบรอบคอคนแก่กว่า แต่แล้วก็นึกขึ้นได้ว่าควรหักห้ามใจไม่ใช่ปล่อยไปตามอารมณ์แบบนี้

 



"พี่เมฆโกหก พี่หลอกผม เพื่อจูบผม" จุนเจือผลักอก ลุกหนี ทั้ง ๆ ที่ความเร่าร้อนยังแผ่ซ่านทั่วกาย คล้ายร่างจวนระเบิด ฟากเมฆินทร์รีบลุกตามแล้วรวบเอวจุนเจือ

 

 

 

"พี่ไม่ได้หลอก แค่ทนไม่ไหวต่างหาก คนที่เคยได้สัมผัส พอไม่ได้สัมผัสเลยมันทรมานมากเลยนะครับ"

 


      เมฆินทร์ว่าพลางโน้มตัวไปใกล้กดจมูกไซ้ซอกคอ จนเด็กหนุ่มเคลิบเคลิ้มอีกครั้ง ยันอกอีกฝ่าย และได้แต่สบถในลำคอนึกโกรธตัวเองที่ไม่ยับยั้งชั่งใจ กระโดดหนีให้ห่างอีกครั้ง

 

"ผมกลับโต๊ะก่อนครับ"

 
 

"จุนยังชอบพี่ใช่ไหมครับ?"

 




      จุนเจือชะงักพลางลอบกลืนน้ำลายส่ายหน้ารัว
 

 

"มะ...ไม่ ผมไม่ได้.....ชอบพี่"

 

 

 

 

"การกระทำสำคัญกว่าคำพูดนะครับ"

 


"ผะ ผมบอกแล้วไงครับ ผมไม่ได้ชอบพี่เมฆ"

 

     เมฆินทร์มองจุนเจือด้วยแววตาเสียใจ ในขณะนั้น เขาลุกขึ้นแล้วยิ้ม

 

"ถ้ายืนยันขนาดนั้น พี่เข้าใจแล้วครับ" เมฆินทร์ไม่แน่ใจว่าจุนเจือคิดอะไรอยู่ แต่ถ้าจุนเจือจะพูดย้ำหลายรอบติดกัน เมฆก็ไม่ควรดื้อดึงอีกต่อไป

 

"โชคดีครับจุน งั้น ดูแลตัวเองด้วยนะ" เมฆินทร์บอกพลางแต้มยิ้มเล็กน้อย ก่อนหมุนตัวกลับหลัง

 

    เพียงจุนเจือเห็นพี่เมฆหันหลังให้ ก็ใจหายวาบ ทำไมมันเหมือนเป็นสัญญาณที่บอกว่า ทั้งสองจะไม่ได้เจอกันอีกแล้วอย่างไรอย่างนั้น




    จุนเจือรู้สึกโหวง เพียงชั่วขณะ ภาพอดีตระหว่างเขากับพี่เมฆก็ผุดขึ้นมาซ้อนมากมายจนสมองแทบประมวลผลไม่ทัน จุนเจือก้าวขาไปคว้ามืออีกฝ่าย จนเมฆินทร์หยุดชะงักแล้วหันหลังกลับมาสบตามองกันด้วยแววตาที่รู้ความหมาย




     ใบหน้าผิดหวังในตอนแรก กำลังเปื้อนยิ้ม เมื่อรู้ว่า มือเรียวที่คว้ามือเขาเอาไว้ นั่นแหละ คือ คำตอบ...




     วินาทีนั้น คนแก่กว่าจ้องมองเข้าไปยังแววตาสั่นไหวอีกฝ่าย ก่อนจะจู่โจมดึงจุนเจือไปจูบปากที่รสชาติคราวนี้หอมหวาน สุขสมกว่าทุกครั้ง.....

 

 

 

 

 

 

    จุนเจือเดินกลับมานั่งด้วยใบหน้าแดงจัด เพราะไม่คิดว่า การรั้งมือพี่เมฆไว้โดยอัตโนมัติจะทำให้ตอนนี้จุนเจือกับเขามีความสัมพันธ์ที่ดีขึ้น เด็กหนุ่มโล่งใจ แต่ยังโล่งไม่สุด เพราะยังเหลือใครอีกคนที่จุนเจือต้องบอกความจริงไป...




    ย้อนกลับไป ตอนที่พี่เอิร์ทขอจุนเจือเป็นแฟนที่ทะเลนั้น จุนเจือไม่ได้ตอบตกลง ซึ่งพี่เอิร์ทก็หน้าซึมนิดหน่อย แต่ยังคงยืนยันบอกว่า 'รอได้' นั่นยิ่งทำให้จุนเจือรู้สึกผิดต้องรีบตัดสินใจเลือกให้เร็วที่สุด




    ขณะเดียวกัน เมฆินทร์ลอบมองเด็กหนุ่มพลางอมยิ้ม




    ฟากจุนเจือหยุดคิดเรื่องความรักครู่หนึ่ง เพราะแปลกใจว่า ทำไมพี่เอิร์ทยังไม่กลับมาสักที เขาจึงหยิบมือถือเพื่อโทรหา

 
 

"พี่เอิร์ทอยู่ไหนครับ?"

 

 
[พี่ปวดหัว กำลังเดินกลับห้อง]
 

 

"อ้าว แล้วทำไมพี่เอิร์ทไม่บอกกันก่อนครับ ผมจะได้กลับไปด้วย"

 

 
[ไม่ต้องอยู่กับพี่เมฆเหอะ แค่นี้ก่อนนะ พี่กำลังเดินอยู่ครับ]

 

 

 
    ทำไมจุนเจือถึงรู้สึกแปลก ๆ ภายใต้สุ้มเสียงนั้น เขาวางสาย นั่งนิ่ง ครุ่นคิดว่า มันต้องเกิดอะไรขึ้นบางอย่าง จากน้ำเสียงนั้นไม่มีทางเป็นไปได้ที่คนพูดเล่น พูดทะลึ่งตึงตังก่อนหน้า จะกลายเป็นคนเสียงแข็งน่ากลัวจนทำให้เด็กหนุ่มคิดมาก




 
    'ทำอะไรผิดไปหรือเปล่าวะจุน?'

 

 

     จุนเจือเม้มปากแน่น จนคนข้าง ๆ วางมือลงมาประทับบนหลังฝ่ามือเรียว

 

 

 

"เป็นอะไรครับจุน" เมฆินทร์ถาม

 

"เปล่าครับ ผมกลับห้องก่อนนะครับ พี่เมฆ"

 

"แล้วไม่อยู่รอเอิร์ทเหรอ?"


 

"พี่เอิร์ทกลับห้องไปแล้วครับ พี่เมฆกินต่อเถอะครับ ผมขอกลับก่อน ผมไม่อยากให้เขาอยู่คนเดียว"


 

   เมฆินทร์เห็นสีหน้าจุนเจือเป็นกังวลเขาเอื้อมไปแตะมือ

 

"แล้วจุนคิดว่าพี่จะปล่อยให้จุนเดินไปคนเดียวหรือครับ พี่กลับด้วย และจุนรู้ไว้เลยนะครับว่าจากนี้ พี่จะไม่ให้จุน อยู่กับผู้ชายคนอื่นแบบสองต่อสองอีกแล้วล่ะครับ" เมฆินทร์ตอบเสียงหนักแน่นพร้อมกับกระชับมืออีกฝ่ายว่าจากนี้




     เด็กคนนี้จะต้องเป็นของเขาคนเดียวเท่านั้น...

.

.

.

.

     ทั้งสองเดินมาถึงกลางทาง ฝนก็ดันตกลงมา ยังดีหน่อยที่ฝนไม่ตกหนักมากเหมือนเมื่อวาน ก็พอรู้ว่า ช่วงนี้มรสุมเข้า แต่ไม่เคยคิดจะเตรียมการหรือระมัดระวังอะไรจนได้มาเจอกับตัว เรื่องที่ไม่ยอมพกร่ม

 

 

     เมื่อเห็นว่าฝนตกไม่หนักจึงพอรับได้ที่จะวิ่งฝ่าสายฝน พอเท้าเหยียบพื้นหน้ารีเซ็ปชั่น เมฆินทร์ก็กระชับมือจุนเจือให้เดินตาม


 

"พี่เมฆปล่อยผมสิครับ"

 

"ไปอาบน้ำห้องพี่ก่อนครับ"

 

 

"จะไปห้องพี่ทำไมครับ? ยังไงผมก็ต้องไปหาพี่เอิร์ทอยู่แล้ว"

 

 

 

"อย่าทำให้เอิร์ทไม่สบายใจเลยครับ ถ้าเอิร์ทเห็นจุนตัวเปียก เขาคงรู้สึกไม่ดีแน่ แค่ไปอาบน้ำให้สบายใจสักหน่อยค่อยกลับไปหาเอิร์ทนะครับ"

 

"แต่..."

 

"อย่าลังเลเลยครับ เดี๋ยวจะไม่สบาย"

 
 

     จุนเจือเม้มปากแน่น ก่อนจะเดินไปตามแรงจูงเพื่อไปห้องพี่เมฆ

 



    เพียงประตูปิดลง ยามที่ทั้งสองเดินเข้ามาภายในห้องแล้ว จุนเจือชะงักพลางสะดุ้งตกใจ ยามโดนสวมกอดจากด้านหลัง
 

"พี่คิดถึงจุนมากเลยครับ"

 

"..."

 

     เมฆจุมพิตตรงท้ายทอยเด็กหนุ่ม ก่อนจะคลายวงแขน จับไหล่จุนเจือให้หมุนตัวมามองหน้ากัน

 

"พี่จะดูแลจุนให้ดีที่สุด เชื่อพี่นะ"

 


"....." จุนเจือยังเงียบ

 

"ไหน ๆ จุนก็ลาออกแล้วพี่จะให้จุนมาอยู่กับพี่ พี่มีงานให้ทำ" เมฆินทร์บอก

 

"งานอะไรครับ?"

 

"ไปอาบน้ำก่อนครับ เดี๋ยวไม่สบาย"




"ไม่ครับ พี่เมฆพูดมาเลยครับ ผมอยากรู้"

 

    เมฆินทร์กลั้วหัวเราะ เดินไปคว้าผ้าขนหนูให้จุนเจือไปถอดเสื้อผ้าที่เปียกก่อน ส่วนเขาเองก็ถอดเสื้อผ้าของตัวเองเช่นกัน เสร็จเรียบร้อย เมฆินทร์เดินไปหยิบแท็บเล็ตในกระเป๋าสะพายข้าง หย่อนกายลงนั่งบนเตียง แล้วเรียกจุนเจือให้มาดูรายละเอียดด้วยกัน




"ลองอ่านดูตามข้อตกลงก่อนนะครับว่าทำงานนี้ได้ไหม?"



      จุนเจือรับแท็บเล็ตมาดู เพียงเห็นข้อความพลันเบิกตาโต ใจเต้นแรง และหน้าแดงก่ำ




     ข้อความตรงหน้าโดยรวมคล้ายเงื่อนไขในสัญญาระหว่างการมีเซ็กซ์ร่วมกัน ครั้งแรกตอนที่จุนเจือเจอเขา




     เพียงแต่ตอนนี้ มีบางคำที่แปลกออกไป

 

 สัญญาข้อตกลงของการเป็นคู่รัก

1. ความรัก เป็นสิ่งสำคัญที่สุดของข้อตกลงนี้ ทั้งสองต้องยินดีที่จะยอมรับข้อดีข้อเสียและปรับตัวเข้าหากัน

2. เมื่อตกลงแล้ว ห้ามมีคนอื่นในเชิงชู้สาว

3. ต้องรักษาความสะอาดเรือนร่าง

4.สามารถถามเรื่องส่วนตัวของคู่รักได้ทุกกรณี

5.สถานที่นัดพบ ไม่ใช่แค่โรงแรมแต่เป็นทุกที่ที่เราได้อยู่ด้วยกันอย่างมีความสุข


 

 

     อันที่จริง จุนเจืออ่านข้อความเหล่านั้นเสร็จนานแล้ว แต่เขายังคงไม่เชื่อสายตา ทวนอ่านอีกในขณะที่ใจก็ยังคงเต้นแรงจนน่ากลัวว่าจะเป็นโรคหัวใจ




"จุนครับ ให้โอกาสพี่ คบกับพี่นะครับจุน" เมฆินทร์เห็นจุนเจือเงียบไปนานจึงถามกลับ

 

"ถ้าผมคบกับพี่เมฆ ผมจะแน่ใจได้ยังไงว่าพี่เมฆจะไม่ทำให้ผมร้องไห้อีก?" จุนเจือว่าเสียงแผ่ว

 

"จุนครับ เราคบกันมันต้องมีร้องไห้ มีทะเลาะกันอยู่แล้ว แต่พี่จะพยายามให้มันเกิดขึ้นน้อยที่สุด แล้วพี่จะไม่ทำอะไรที่รุนเแรงเกินไปอีก"

 

     จุนเจือนั่งมองคนยิ้มในขณะที่มือกำลังลูบไล้ริมฝีปากเขาเล่น

 

"ถ้าจุนอยากรู้อะไร? คราวนี้พี่จะให้ถามพี่ได้ทุกเรื่องครับ"

 

     จุนเจือเงียบนิ่ง เขารู้สึกว่า พอพี่เมฆเข้าสู่โหมดแห่งความเป็นผู้ชายละมุน จุนเจือเขินเพราะไม่คุ้นเคยพี่เมฆในลุคส์นี้



"พี่เมฆโสดจริง ๆ เหรอครับ?"

 

     เมฆพยักหน้าแล้วยิ้ม ลูบแก้มจุนเจือ จูบเปลือกตา ต่อมา จูบรอยช้ำจาง ๆ ข้างแก้ม




"โสดครับ แต่พี่ผ่านการมีครอบครัวมาแล้วนะครับ พี่เคยแต่งงานมา ไม่ได้จดทะเบียนสมรส เรามีลูกชายด้วยกันหนึ่งคน ชื่อน้องภูเขา  แต่มีจุดเปลี่ยนวันที่เราทะเลาะกันรุนแรง เธอกลับหลุดพลั้งปากออกมาว่า ภูเขาไม่ใช่ลูกพี่ พี่เลยบอกเขาว่า ถ้างั้นจะไปตรวจดีเอ็นเอ ผลก็คือ ไม่ใช่ลูกพี่จริง ๆ จากนั้น ไม่นานเราก็แยกกันอยู่ มีบ้างที่ไปมาหาสู่กันเพราะน้องภูเขา จุนรับอดีตของพี่ได้ไหมครับ?"




    จุนเจือยอมรับว่าตกใจเล็กน้อย อาจไม่ใช่เรื่องของการแต่งงาน แต่มันเป็นเรื่องของการที่พี่เมฆรู้ว่า ลูกชายที่เคยคิดมาตลอดว่าเป็นลูกของตัวเอง กลับกลายเป็นลูกชายของคนอื่น




"ถ้าพี่บอกว่าแต่งงานกับผู้หญิง แต่ผมเป็นผู้ชาย" จุนเจือถามด้วยน้ำเสียงไม่มั่นใจ

 

"เอาเป็นว่าพี่ชอบจุนได้ก็แล้วกันครับ และก็ไม่คิดจะหลอกจุนด้วยครับ"

 

"พี่เมฆยังรักภรรยาเก่าอยู่ไหมครับ?"

 

"ไม่เลยครับ เราต่างทำหน้าที่พ่อและแม่ให้ดีที่สุดเท่านั้น"

 

"แต่พี่บอกว่า เด็กนั้นไม่ใช่ลูกของพี่..."




"ครับ พอพี่ตรวจดีเอ็นเอแล้วรู้ว่าไม่ใช่ลูกจริง ๆ ตอนแรกพี่ก็จะหยุดรับผิดชอบ แต่เธอขอร้องให้ช่วยเหลือ แลกกับการบอกความจริงว่า ผู้ชายที่เป็นพ่อของน้องภูเขาจริง ๆ เสียชีวิตไปแล้ว พี่เห็นใจ เลยพยายามทำหน้าที่พ่อเลี้ยงและส่งเสียเลี้ยงดูเท่าที่พอจะทำได้"




    แม้พี่เมฆบอกว่ามีอะไรให้ถาม และจริง ๆ จุนเจือก็ยังมีคำถามมากมาย แต่แค่นี้ก็น่าจะเพียงพอแล้ว เพราะหลังจากได้ยินเรื่องราวส่วนตัวที่มาจากปากพี่เมฆซึ่งแสดงออกมาอย่างจริงใจ ก็ไม่รู้จะคาดคั้นไปอีกทำไมกัน



"อยากถามอะไรอีกไหม?" เมฆินทร์ลูบแก้มเย็น ๆ จุนเจือแล้วยิ้ม

 

"ผม....จะเชื่อใจพี่เมฆได้ใช่ไหมครับ?"

 

"พี่ไม่รู้หรอกครับว่าจะสร้างความเชื่อใจให้จุนได้หรือเปล่า? แต่พี่รับปากว่าพี่จะไม่ทำลายความเชื่อใจของจุนอีกแน่นอนครับ"

 

     จุนเจือยิ้ม ก่อนถามกลับ

 

"ถ้าผมทำตามสัญญานี้ พี่จะให้ผมเริ่มงานเมื่อไหร่ครับ"

 

"ตอนนี้เลยครับ"



"งั้นผมไปอาบน้ำแล้วครับ"




"เดี๋ยว" เมฆินทร์รั้งเอวเด็กหนุ่ม ก่อนจะกดจูบหนัก ๆ ที่ริมฝีปากแล้วปล่อยให้จุนเจือไปอาบน้ำด้วยใบหน้าแดงจัด

 

      ใช้เวลาไม่นาน จุนเจืออาบน้ำเสร็จ เดินออกมา ก็พบพี่เมฆยืนชี้ไปที่เสื้อผ้าตัวใหม่ที่นำมาให้จุนเจือใส่วางอยู่ปลายตีนเตียง




     ในระหว่างที่พี่เมฆเข้าไปอาบน้ำ จุนเจือก็ใช้เวลาแต่งตัว เสร็จแล้วก็กลับมานั่งปลายเตียงรอ ครู่หนึ่ง สายตาที่กวาดมองข้าวของพี่เมฆที่วางเป็นจุด ๆ ตามห้อง สายตาก็ดันไปสะดุดกับของชิ้นเล็กที่วางตรงโต๊ะกระจกจนถึงขั้นลุกไปดู

 

     

     เด็กหนุ่มขมวดคิ้วตอนที่เห็นกล่องกำมะหยี่สีดำ ยืนมองมันอยู่นาน ว่าจะเปิดมันดีไหม? สุดท้าย ถือวิสาสะ หยิบกล่องนั้นขึ้นมาดู ทว่า ยังไม่ทันเปิดกล่อง จุนเจือก็สะดุ้งสุดตัวจนของที่ถือในมือเกือบหล่น

 

"จุนทำอะไรครับ?"

 

     เด็กหนุ่มรีบวางกล่องนั้นลงพลันหน้าซีดเผือก




"ปะ...เปล่าครับพี่เมฆ"




    เมฆินทร์หรี่ตามองจุนเจือสลับกับกล่องกำมะหยี่สีดำ แล้วส่ายหน้าน้อย ๆ ปรี่ไปหาเด็กหนุ่มแล้วตีก้นหนัก ๆ

 

"จุ้นจ้านเหมือนเดิมเลยนะครับ จุน"

 

     จุนเจือก้มหน้างุดรู้สึกผิดและยกมือขึ้นไหว้เพื่อขอโทษ

 

"ขอโทษครับ พี่เมฆ ผมแค่....คือ" จุนเจือยอมรับว่าพอเห็นกล่องกำมะหยี่นั้นก็รู้สึกไม่ดี และคิดไปไกล ไม่รู้ว่าพี่เมฆเอามาให้ใคร ถึงกับเกิดอาการน้อยใจเล็กน้อย




"เฮ้อ! ต่อไป พี่จะไม่เรียกจุนแล้วครับ พี่จะเรียกว่าจุ้นจ้าน ทำแบบนี้ พี่ก็ไม่ได้เซอร์ไพร์สน่ะสิครับ"

 

        จุนเจือเบิกตาโต อ้าปากพะงาบ ๆ

 

"แหวนของผมเหรอครับ?"

 

       เมฆินทร์พยักหน้าก่อนตอบ




"คิดว่าที่พี่พกมานี่พี่จะให้ใครล่ะครับ?"

 

"พี่พกแหวนมา? ทำเหมือนกับว่า พี่เมฆรู้อยู่แล้วอย่างนั้นล่ะ ว่าผมจะตอบตกลง"

 

"ไม่รู้หรอกครับ แต่พี่แค่....."




     เมฆินทร์ยิ้มกว้างขึ้นกว่าเก่า เขาหยิบกล่องกำมะหยี่สีดำเปิดมันออกมา แล้วจับแหวนเงินเกลี้ยงไร้ลวดลายใด ๆ พร้อมมือหนึ่งก็กุมมือเด็กหนุ่มไว้ ขยับเข้าไปใกล้ ๆ แล้วเอื้อนเอ่ยด้วยถ้อยคำหวานหู


"คิดภาพในหัวว่า พี่ต้องได้สวมแหวนวงนี้ให้จุนก็เท่านั้นเองครับ"

 

 

...........................................................


อิจคนหวานใส่กัน แต่ แต่ แต่  :katai3: :katai3: :katai3:อ๊าาาาาาาาาาาาาาาาาาา แล้วพี่เอิร์ทล่ะ? จุน? ;-) พี่เอิร์ทน่ะพี่เอิร์ทททททท 55555

แกทำแบบนี้กับพี่เอิร์ทได้ยังไง พี่เอิร์ทสุดเท่ของฉัน โอ้!!! ม่ายยยยยยย  :katai1: :katai1:

 ขอบคุณทุกท่านที่เข้ามาอ่านจ้า


ออฟไลน์ DrSlump

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3382
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +104/-2
 :pig4: :pig4: :pig4:

เก็บพี่เอิร์ธให้น้องชายพี่เมฆใช่ป่ะ?

ออฟไลน์ ommanymontra

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3437
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +96/-0

ออฟไลน์ seaz

  • รักอยู่ไหน...ใจเรียกหา
  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5385
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +381/-9
พี่เอิร์ทเก็บหัวใจไว้ให้พี่ดินนะครับ ^^

ออฟไลน์ ลูกกุญแจ

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 337
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +28/-2
เอิร์ทไปเห็นตอนที่จูบกันแน่ๆ เลยนอยด์กลับห้องเลยหรือเปล่า


CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ songte

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1425
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-1
สงสารเอริ์ทอ่ะ คือจุนน่าจะคุยกันให้รุ้เรื่องก่อนนี่ตามพี่เมฆเฉยๆเลย

ออฟไลน์ OoniceoO

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 975
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +35/-2
จ้า จุนจ้านจ้า อิจฉาตาร้อน

ออฟไลน์ klaew

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1258
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +36/-2
พี่เอิร์ทเห็นฉากนั้นหรือเปล่าน้า

ออฟไลน์ rinyriny

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 295
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +106/-1
บทที่ 21 ใจร้าย




 

 

         หลังได้ข้อสรุปเรื่องความรักระหว่างตัวเองกับพี่เมฆ เด็กหนุ่มรีบกลับมาหาพี่เอิร์ทที่ห้อง โดยกำชับพี่เมฆว่าไม่ต้องมาส่ง มันถึงเวลาแล้วที่จุนเจือต้องบอกความจริงกับพี่เอิร์ท ว่าตอนนี้ เขารู้สึกดีกับใคร

 

 

 

       เสียงเคาะประตูเนิ่นนานพอดู กว่าเอิร์ทจะเดินมาเปิดประตู แวบแรกที่เห็น จุนเจือเบิกตาโพลงตกใจอยู่ครู่หนึ่ง เมื่อสายตาที่สบกัน จุนเจือเห็นพี่เอิร์ทตาแดงก่ำ

 

        จุนเจือนึกว่าพี่เอิร์ทไม่สบาย จึงยื่นมือไปแตะลำคอ จับแขนสำรวจทุกสัดส่วน แต่เอิร์ทกลับสะบัดออก

 

 

 

 

"พี่เอิร์ท ไข้ขึ้นอีกหรือเปล่าครับ หรือที่เมื่อกี้ฝนตก พี่ตากฝนมาใช่ไหม?"

 

 

 

 

"จุน"

 

 

 

 

"ครับ?" จุนเจือขานรับยามที่พี่เอิร์ทถามด้วยใบหน้าขึงขัง เขาสัมผัสได้จากสายตา ท่าทีของอีกฝ่ายว่าต้องมีเรื่องไม่ชอบมาพากลแน่ ๆ

 

 

"พี่เมฆไม่ใช่แค่เพื่อนพี่ชายเหมือนที่เคยแนะนำใช่ไหม? เขาเป็นมากกว่านั้นใช่ไหม?"

 

กึก

 

      จุนเจือหน้าซีด ลอบกลืนน้ำลาย นึกเอะใจกับอาการที่พี่เอิร์ทแสดงออกมาว่าไม่เหมือนเดิม ที่แท้มันเรื่องนี้นี่เอง

 

 

 

 

"พี่เอิร์ทครับ คือ ผม..."

 

 

"เราหลอกพี่เหรอ จุน?"

 

 

 

"ผมขอโทษครับ ฟังผมอธิบายก่อนนะครับ คือ พี่เมฆ....เขา..."

 

 

 

"พี่ไม่ฟังแล้ว ขอคำเดียว...  เรากับพี่เมฆเป็นแฟนกันใช่ไหม?"

 

     จุนเจือไม่ชอบเลย การที่ต้องมาตกอยู่ในสถานการณ์กลืนไม่เข้า คายไม่ออก ปากบอกจะพูดความจริงทั้งหมด แต่พอมาอยู่ตรงนี้ คำที่อยากบอกกลับถูกกลืนไปหมด ความหวาดกลัวทำให้เด็กหนุ่มก้มหน้ามองมือตัวเอง จู่ ๆ ก็นึกปอดแหกขึ้นมา

 

 

"คือ...ผมเพิ่งตก.ลง.." จุนเจือละล่ำลักจนน้ำตาคลอหน่วย

 

 

"เฮอะ! เราแม่งโคตรใจร้ายกับพี่เลยว่ะ"

 

กึก

 

     'ใจร้าย' คำ ๆ เดียวกับที่จุนเจือชอบต่อว่าพี่เมฆอยู่เสมอ บัดนี้ มันกลับย้อนมาหาตัวจุนเจือเอง

 

     จุนเจือกัดปาก ขณะน้ำตาเปื้อนแก้ม เขาไม่คิดว่า ตัวเองจะเลวขนาดทำให้ใครอีกคนเจ็บช้ำน้ำใจจนร้องไห้

 

    พี่เอิร์ท ...คนที่พยายามทำให้เขามีความสุข คนที่คอยสร้างเสียงหัวเราะ คนที่ไม่มีพิษ ไม่มีภัย

 

   พี่เอิร์ทยังเป็นคนดี ในสายตาจุนเจือเสมอ...

 

   ...แต่ความจริงก็คือความจริง พี่เอิร์ทเป็นคนดีที่จุนเจือไม่ได้ต้องการ...

 

 

"ฮึก....พี่เอิร์ทจะออกไปไหนครับ มันดึกแล้วนะครับ ฮือ..." จุนเจือถามเสียงสั่นเครือ ตอนที่เห็นพี่เอิร์ทคว้าของสำคัญ สวมรองเท้าแตะ ดิ่งไปที่หน้าประตู

 

 

"พี่จะไปไหนมันไม่สำคัญอะไรกับเราอีกแล้ว"

 

 

"แต่ผมเป็นห่วงพี่จริง ๆ นะครับพี่เอิร์ท"

 

 

"เลิกพูดแบบนี้สักทีจุน แค่การที่พี่ต้องมารู้ความจริงจากการเห็นจุนจูบกับพี่เมฆ มันก็เกินพอแล้วว่ะ"

 

 

 

"พี่เอิร์ท" จุนเจือปรี่ไปจับต้นแขนพี่เอิร์ท แต่อีกฝ่าย กดสายตาลงมองที่มือเล็กอย่างเย็นชา ก่อนจะเงยหน้ามองด้วยสีหน้าเข้มขรึม

 

 

 

 

"ปล่อย! พี่อยากอยู่คนเดียว"

 

ปัง!!

 

 

 

    เสียงปิดประตูดังลั่น เหมือนทิ้งร่องรอยแห่งอารมณ์คุกรุ่นของพี่เอิร์ทไว้ให้เด็กหนุ่มรู้สึกผิดและกดดัน จุนเจือยกมือปิดหน้า ปิดตา ก่อนจะคว้ามือถือ เพื่อโทรหาพี่เมฆ

 

"พี่เมฆครับ พี่เอิร์ทรู้เรื่องเราก่อนที่ผมจะบอกอีกครับ พี่เมฆ ทำไงดีเรื่องมันแย่กว่าที่คิดครับ"

.

.

.

.

"พี่เมฆ เพราะผมแน่เลยครับ ทำไงดี ฮืออ"

 

"ใจเย็นครับ ไม่ใช่เพราะจุนหรอก มันเป็นอุบัติเหตุ มันเกิดขึ้นได้ทุกที่"

 

 

 

    เมฆินทร์มองจุนเจือที่ยืนพูดเสียงสั่นเครือ ซ้ำยังร้องไห้ไปด้วย หลังจากที่จุนเจือมาบอกว่า เอิร์ทจับได้และล่วงรู้ความจริงว่าเมฆและจุนเจือมีความสัมพันธ์ที่มากกว่าคนรู้จักกัน เมฆก็ไปรับจุนเจือกลับมาที่ห้อง จับเข่าคุยถึงปัญหาที่เกิดขึ้น แต่เวลาผ่านไปได้ไม่ถึงชั่วโมงดี ก็มีโทรศัพท์โทรเข้ามาหาจุนเจือ โดยปลายสายบอกว่า โทรมาจากโรงพยาบาล นั่นจึงทำให้ทั้งสองรีบลนลานออกไปยังที่หมาย เมื่อรู้สาเหตุของการโทรมา คือ เอิร์ทรถล้ม

 

       เมื่อทั้งสองถึงโรงพยาบาล เวลาค่ำมืดนี้ ควรจะเงียบฉี่ แต่กลับตรงกันข้าม เพราะคราคร่ำไปด้วยนักท่องเที่ยวต่างชาติมากกว่าคนไทย พูดส่งเสียงดังอื้ออึง บ้างก็เมาเรื้อนจนเกิดอุบัติเหตุ บ้างก็ป่วย บ้างก็มาเฝ้าเพื่อน จนทำให้โรงพยาบาลส่วนที่นั่งรอเต็มไปด้วยผู้คนจนรู้สึกลายตา

 

 

       'เอิร์ทปลอดภัย' นับว่าเป็นข่าวดี ตอนที่ทั้งสองได้ยินมาจากปากนางพยาบาล หลังจากตรวจสภาพทั้งภายในและภายนอก




       ร่างกายมีแค่แผลถลอก ส่วนสมองไม่ได้รับการกระทบกระเทือน โดยต้องนอนพักที่โรงพยาบาลราวสองถึงสามคืน ในขณะที่เมฆและจุนเจือรอพบหน้าคนเจ็บ พยาบาลนำคนแปลกหน้ามาที่อ้างตนว่าเป็นพลเมืองดีนำเอิร์ทมาส่งโรงพยาบาลนั้น เมฆจึงสอบถามว่าเห็นเหตุการณ์ไหม? รถล้มได้อย่างไร พลเมืองดีเล่าว่า ล้มเพราะถนนลื่น เนื่องจากฝนเพิ่งหยุดตก แต่โชคยังดีที่หัวไม่ฟาดพื้นมีแค่ลำตัวและรถไถลไปกับพื้นถนน รวมถึง มีโอกาสช่วยได้ทันท่วงที ผลลัพธ์จึงไม่สาหัสสากรรจ์มาก

 

 

    แม้ว่าคำตอบที่ได้รับนั้นน่าพอใจ แต่จุนเจือก็ยังไม่หยุดเศร้าจนเมฆต้องเอื้อมมือไปกุมไว้ เมื่อได้เวลาที่พยาบาลพาไปพบคนเจ็บ ทั้งคู่เดินตามไปจนถึงห้องรวม สภาพห้องกับเตียงค่อนข้างเก่า เห็นญาติผู้ป่วยที่มาเฝ้าบางคนก็นอนพื้นกันอย่างน่าหดหู่




     ก้าวขายาว ๆ มาจนถึงเตียงริมสุด เมฆและจุนเจือเห็นคนเจ็บนอนอยู่บนเตียงด้วยสีหน้าบ่งบอกถึงความทรมาน กดสายตามองแผลสดใหม่ จากรอยถลอกของแขนข้างซ้าย หัวเข่า และขาซ้ายเป็นแถบทางยาวน่ากลัว

 

 

"พี่เอิร์ทครับ"

 

    เอิร์ทมองหน้าคนทักสลับกับมองหน้าพี่เมฆด้วยแววตาเจ็บปวด

 

"เอิร์ท ไหวหรือเปล่า?" เมฆินทร์ถามลูกน้องตนเอง

 

"ไหว...ครับ" เอิร์ทตอบเจ้านายเสียงแข็ง เขากำหมัดแน่น ก่อนจะเบือนหน้าหนีไปทางอื่น

 

 

    สิ้นคำตอบ เมฆและจุนเจือมองหน้ากัน ก่อนที่เมฆินทร์จะบีบไหล่เด็กหนุ่ม

 

"พี่เอิร์ทครับ พี่เจ็บมากไหม พี่ไปล้มตรง...."

 

 

"มีอะไรกันอีกไหมครับ? ถ้าไม่มี ผมขอตัวพักก่อนนะครับ"

 

 

 

    จุนเจือพยายามสบตามองพี่เอิร์ทแต่อีกฝ่ายเอาแต่ไม่มองหน้ากัน พอจุนเจือเดินไปใกล้จะแตะตัว อีกฝ่ายกระถดตัวหนี และหลุดร้องเสียงโอดครวญ

   

"สัดเอ่ย เจ็บว่ะเหี้ย แม่ง!!"

 

     เอิร์ททำหน้าหงุดหงิด คิดก่นด่าตัวเองในใจ เจ็บตัวยังไม่พอ ยังต้องมาเจ็บหัวใจ ทนเห็นคนที่เขารักไปอยู่กับคนที่เขานับถือสุดใจ

 

     ถึงแม้เอิร์ทจะหลับตาหนี แต่เหมือนจะหนีไม่พ้น ลืมตามาก็เห็นความจริงที่ทั้งสองยืนอยู่ด้วยกัน แต่พอหลับตา ภาพที่จุนเจือกับพี่เมฆจูบกันก็ยิ่งชัดมากขึ้นทุกที ทุกที...

 

     เห็นท่าทีที่เอิร์ทแสดงออกชัดแจ้งขนาดนั้น เมฆินทร์พอจะรู้เค้าลางถึงเรื่องนี้ว่าจบไม่สวย เมฆจึงปล่อยให้จุนอยู่กับเอิร์ท ก่อนจะโทรหาน้องชายในเวลาดึกดื่น

 

"ฮัลโหล ดิน ทำอะไรอยู่"

 

[ไม่ได้ทำอะไรครับ พี่เมฆโทรหาผมมีอะไรหรอพี่]

 

 

"มีเรื่องจะให้ช่วย"

 

[ว่ามาซิครับ ถ้าทำได้ ผมก็จะช่วย]

 

"พรุ่งนี้ มาที่เกาะที"

 

"ห้ะ พี่เมฆไปทำอะไรล่ะนั่น? อย่าบอกนะว่า ไปง้อน้องคนนั้น?"

 

 

"อย่าเพิ่งถามมาก มาได้ไหม พอดีพรุ่งนี้ฉันต้องรีบกลับกรุงเทพฯ ด่วน" เมฆินทร์บอกน้องชาย เขาเพิ่งมีสายเขามาเรื่องที่มีงานจะต้องเข้าไปคุยกับลูกค้าวันมะรืนเช้า เขาจึงต้องกลับกรุงเทพฯกระทันหัน โดยที่จุนเจือก็ยังไม่รู้

 

[ไปได้ดิ แต่มีค่าเสียเวลา พี่จ่ายไหวอยู่แล้วล่ะ]

 

"นี่ไม่ตลก ฉันต้องการให้นายช่วย"

 

 

 

[แต่พรุ่งนี้ ผมมีงาน ถ้าโดดพ่อคงด่าผม]

 

"โอเค ก็ได้ จะเอาเท่าไหร่?"

 

 

[ไม่มาก พี่จ่ายไหว ว่าแต่ พี่ให้ผมไปทำอะไรครับ?]

 

 "มาเฝ้าเอิร์ท คนที่นายเคยเจอตอนฉันป่วยที่โรงพยาบาลและช่วยเป็นธุระแทนหน่อย"

 

[ทำไมผมต้องไปเฝ้าอะ?]

 

 

"เขารถล้ม และฉันน่าจะเป็นต้นเหตุ"

 

 

[ต้นเหตุ? เกิดอะไรขึ้นครับพี่เมฆ?]

 

 

"เดี๋ยวเล่าให้ฟังทีหลัง ส่วนเรื่องค่ารักษาพยาบาล ฉันจะรับผิดชอบเองทั้งหมด อย่าให้เอิร์ทจ่าย ฉันต้องวางสายแล้ว แค่นี้ก่อน"

 

"โอเค พี่ส่งรายละเอียดมาอีกทีนะ โรงพยาบาลอะไร? อยู่ที่ไหน ถือว่าผมสงสารพี่นะ เงินก็ไม่เอาแล้วกัน"

.

.

.

.

       ปฐพีเดินทางมาถึงตั้งแต่สี่โมงเศษ แต่กว่าจะนำกระเป๋าเสื้อผ้าไปเก็บยังห้องพักของพี่ชายที่โรงแรม กว่าจะทำนู้นนี่นั้นเสร็จ ก็ล่อไปห้าโมงกว่า และเวลานี้ ปฐพีกำลังเดินทางไปยังโรงพยาบาลกับจุนเจือ เด็กหนุ่มที่ทำหน้าเซื่องซึมมาตลอดทาง

 

"ทำไมเขาถึงรถล้มครับ เมาหรือว่าอะไร?"

 

      จุนเจือก้มหน้า แม้จะรู้แล้วว่า สาเหตุรถล้มคืออะไร? แต่จุนเจือยังคงคิดเอง เออเองว่ามันคือความผิดของเขา

 

 

"ถนนลื่นครับ แต่ผมคิดว่า ต้นเหตุส่วนหนึ่งคงมาจากผมเองด้วย เพราะเมื่อคืน ผมกับพี่เขามีปากเสียงกัน พี่เอิร์ทเลยออกไปข้างนอก จากนั้น ก็เกิดเรื่อง ..ถ้า...ผม.ไม่ทะเลาะ เรื่องนี้ก็คงไม่เกิด..."

 

      ดินนึกสงสัยปนประหลาดใจ ตอนที่พี่เมฆวานให้มาเป็นธุระให้ ก็บอกแบบนี้เหมือนกันว่า เขาน่าจะเป็นต้นเหตุ




      'นี่มันเรื่องอะไรกันวะ?'




       ปฐพีครุ่นคิดพลันเหลือบมองเด็กหนุ่มที่ยังมีสีหน้ายุ่งยากใจ จึงไม่อยากกดดันให้เด็กหนุ่มรู้สึกแย่ไปมากกว่านี้



 
     ใช้เวลาสักพักก็มาถึงห้องพักรวม ดินเห็นภาพตรงหน้าและรู้สึกแย่อย่างบอกไม่ถูก ร่างสูงเดินไปพร้อมกับเด็กหนุ่มด้วยแววตาสงสารทันทีที่เห็นคนนอนนิ่วหน้า ทรมาน

 

     ปฐพีมองสภาพคนเจ็บและปริมาณบาดแผลแล้วคงเจ็บน่าดู เพียงเอิร์ทเหลือบเห็นปฐพี เขามีทีท่าอย่างกับเห็นผี ใบหน้าเหวอตอนแรก แปรเปลี่ยนเป็นขรึมขลัง ขมวดคิ้วเข้าหากัน ยามน้องชายพี่เมฆส่งยิ้มพร้อมยื่นถุงในมือ ที่มองปราดเดียวก็รู้ว่าข้างในมีผลไม้และนมกล่อง

 

"เอาของมาเยี่ยมครับ" ปฐพียื่นให้ตรงหน้า แต่เอิร์ทไม่ยอมรับไปถือ

 

"คุณมาทำไม?"

 

"คุณนี่ไม่มีมนุษยสัมพันธ์เอาซะเลยนะครับ คุณพูดแบบนี้ กับคนที่มาเยี่ยมคุณได้ยังไง? คุณคิดว่าผมอยากมาเหรอ? พี่เมฆมีงานด่วนเลยให้ผมมาช่วยดูแลและเคลียร์ค่าใช้จ่าย"

 
 

     เอิร์ทมองหน้าคนที่ว่าเขาฉอด ๆ พลันเหลือบมองจุนเจือที่ยืนอยู่ข้างกันด้วยสีหน้าหงอยอย่างรู้สึกผิด

 

"ถ้างั้นก็กลับไป ผมไม่ได้ร้องขอให้มา ผมสบายดี ยังไม่ตายครับ"

 

"พี่เอิร์ทครับ อย่าพูดแบบนั้นสิครับ ทุกคนเป็นห่วงพี่กันจริง ๆ นะครับ และดูแผลพี่สิ....."

 

 

"เราไม่ต้องพูดอะไรแล้ว จุน ถ้าอยากให้พี่หายไว ๆ  เรานั่นแหละกลับไป อย่ามาให้พี่เห็นอีก"

 

กึก

 

 


     จุนเจือชะงักพลางเม้มปากแน่น เขายืนตัวลีบ ก้มหน้าซึม จนปฐพีหรี่ตามองอากัปกิริยาของทั้งสองคน แล้วปะติดปะต่อเรื่องราวจากการทึกทักเอาเอง เขาพรูลมหายใจออกมาเบา ๆ ยืนกอดอก มองความเงียบที่แผ่ปกคลุมทั่วบริเวณจนน่าอึดอัด

 

 

       'เป็นไปได้ว่า ไอ้หมอนี่ อาจผิดหวังจากจุนเจือ'

 

"เอาล่ะ ๆ ดูคุณจะอยากพักผ่อน งั้นก็พักเถอะ ผมจะวางของไว้ที่โต๊ะนะ"

 

"......"

 

"มือถือคุณอยู่ไหน? ขอหน่อย"

 

"จะเอาไปทำไมครับ?" เอิร์ทถามกลับทันที

 

"ผมกับจุนเจือจะออกไปข้างนอก เผื่อคุณมีอะไรด่วน จะได้โทรหาผม"

 

 
"ไม่ต้อง ขอบคุณครับ"

 

 

 "เอิร์ทครับ มือถือคุณอยู่ไหนครับ?" ดินถามเสียงเข้มจัด

 

 

      และไม่รู้ทำไม จู่ ๆ เอิร์ทก็นึกกลัวและชะงักตอนที่เห็นสายตาอีกฝ่ายมองมาราวกับมีอีกตัวตนคล้ายอสุรกายซ่อนอยู่ ขณะนั้น เอิร์ทกดสายตาไปยังมือถือที่วางอยู่บนเตียงข้างกาย

 

    ปฐพีมองตามสายตาคู่นั้น ก็คว้ามือถือของอีกฝ่ายมากรอกเบอร์ของตัวเองเสร็จสรรพ

 

"อยากกินอะไรไหม? ผมกับจุนจะไปหาอะไรกินข้างนอก จะได้แวะซื้อมาให้"

 

"ไม่....ครับ" เอิร์ทตอบเสร็จก็หันไปมองจุนเจือที่พอเขาต่อว่ากลับไปเด็กหนุ่มก็เงียบไม่พูดไม่จาอีกเลย

 

 

      สิ้นคำนั้น ปฐพีแตะแขนจุนเจือให้ออกไปข้างนอก จนกระทั่ง ทั้งสองพ้นลานสายตา เอิร์ทถอนหายใจออกมาเสียงดัง

 

 

 

     ยามนี้ เอิร์ทมีความรู้สึกหลากหลายประดังประเดเข้ามา ทั้ง โกรธ เกลียด โมโห ผิดหวัง เจ็บ เสียใจ  ปะปนกันมั่วไปหมด

 



     เขาทำตัวไม่ถูกจริง ๆ ว่า ต้องจัดการอารมณ์ไหนก่อนดี รู้แต่เพียงว่า ตอนนี้ มันมีแต่เสียงตะโกนด่าอยู่ในใจว่า ทำไมมึงถึงเป็นไอ้โง่มาได้นานขนาดนี้  เอิร์ทอยู่ตรงกลางระหว่างเรื่องราวสองคนนี้มาโดยตลอด แต่ไม่เคยนึกเฉลียวใจ หรือบางที เอิร์ทอาจมองโลกในแง่ดีเกินไป...



    ถ้า...วันนั้น เอิร์ทไม่ลืมกระเป๋าตังค์แล้วเดินกลับมา ถ้าพนักงานไม่บอกว่า จุนเจืออยู่ไหน เอิร์ทจะไม่มีโอกาสได้มาเห็นคนที่เขาเฝ้ารอคอยหวังเป็นแฟนมาตลอดจูบกับเจ้านายของตนเอง

 

    จูบเดียว ที่เฉลยทุกอย่าง



    จูบของสองคนนั้น ที่ทำให้เอิร์ทตาสว่าง

 

 

      เอิร์ทกำหมัดแน่น รู้สึกปวดหัวตุ๊บ ๆ จนต้องพักสายตา พยายามหาทางเบี่ยงเบนความสนใจไม่ให้นึกถึงจุนเจือ แต่ก็ทำได้ยากเหลือเกิน

.

.

.

.

     หลังจากที่ดินบอกว่าจะออกไปหาอะไรกินกับจุนเจือนั้น ครั้นพอกลับมาอีกหน เป็นดินที่กลับมาคนเดียว เพราะดินเห็นว่า การที่จุนเจือมาอยู่ด้วย จะยิ่งทำให้สถานการณ์ดูเลวร้ายลงกว่าเก่า

 

      ดินยิ้มมุมปาก ตอนลากเก้าอี้มานั่งชิดริมเตียง เพราะเห็นอีกฝ่ายนอนหลับสนิท อยากปลุกก็เกรงใจ กลัวจะลุกมาเถียงให้ปวดหู ปวดหัว ดินก็เลยทำได้แค่นั่งมองรอเวลาอีกฝ่ายตื่นเอง

 

      เนิ่นนานเท่าไหร่ไม่รู้ ที่เอิร์ทเผลอหลับไป ครั้นตื่นมาก็พบน้องพี่เมฆนั่งมองอยู่ เขากวาดตามองทั่วบริเวณ ก่อนจะชะงักเมื่อมีเสียงคนนั้นขัดขึ้น

 

"ไม่ต้องมองหาหรอก จุนกลับบ้านไปแล้วครับ"

 

"ผมไม่ได้มองหาเขาสักหน่อย"

 



     ดินมองคนปากแข็ง แล้วยิ้มมุมปาก

 

     การที่เห็นคนตรงหน้ามีอาการแบบนี้ มันก็ทำให้เขานึกย้อนไปตอนที่เขาอกหักจากปรางเหมือนกัน มันไม่ต่างกันเท่าไหร่ อาจจะดีหน่อยที่เขาไม่ได้เกิดอุบัติเหตุจนมานอนโรงพยาบาลแบบนี้...




"คุณมาอีกทำไม?"

 

"มาดูอาการหรือเผื่อคุณต้องการอะไร?"




"ขอบคุณครับ แต่ผมไม่ได้ต้องการอะไร?"




    ตอนที่เอิร์ทตอบแบบนั้นทำให้ทั้งสองเผลอประสานสายตา จนจดจ้องมองกันอย่างเอาเป็นเอาตาย แต่คนที่หลบสายตาก่อนอย่างเอิร์ททำได้แค่สบถในใจ เขาหงุดหงิดที่เป็นฝ่ายแพ้พ่าย และรู้สึกหน้าร้อนผ่าวเพราะโกรธ




"ผมก็เคยผิดหวัง" ดินโพล่งขึ้นมาทำให้คนที่ก้มหน้าหนี เงยขึ้นไปมองอย่างนึกประหลาดใจว่าพูดขึ้นมาทำไม

 

"ผมไม่ได้ถาม"

 

"ผมอยากเล่าให้คุณฟังไม่ได้เหรอ?"

 

    เอิร์ทมองหน้าอีกฝ่ายที่พยายามหาเรื่องชวนคุย พยายามจะเป็นเพื่อนด้วยการทลายกำแพงของเอิร์ท แต่ในเวลานี้ เอิร์ทไม่ได้ต้องการ

 

"มันเจ็บเนอะ คุณว่าไหม?"

 

      การที่น้องชายพี่เมฆพูดมาแบบนั้น ยิ่งจี้ใจดำกับความรู้สึกสดใหม่ที่มันเพิ่งเกิดขึ้นกับเอิร์ท

 

     เอิร์ทยังไม่พร้อมฟังอะไรทั้งนั้น เขาอยู่ในสภาพที่จิตใจเปราะบาง  การไม่รับรู้อะไรที่ส่งผลกระทบต่อจิตใจมันดีที่สุด

 

"คุณจะไปไหนก็ไปเถอะครับ ผมไม่อยากเห็นหน้าคุณ"

 

"เฮ้อ ผมไม่เคยต้องทำความรู้จักใครแล้วเหนื่อยเท่าคุณเลย ทำไมการจะเป็นเพื่อนกับคุณมันยากขนาดนี้ เปิดใจหน่อยสิคุณ"

 

"มันเรื่องของผมครับ"

 

      คราวนี้ ดินไม่พูดอะไรอีก เขาทำแค่จ้องมองเข้าไปยังนัยน์ตาเอิร์ท และเป็นเอิร์ทที่หลบตาหนีก่อนทุกครั้ง

 

"สัดแม่ง! มองอะไรนักหนาวะ?"  เอิร์ทบ่นพึมพำ

 

"โอเค ผมไปก็ได้ครับ ไว้จะมาใหม่พรุ่งนี้นะ เอิร์ท"

 

     เอิร์ทมองคนที่ลุกขึ้นยืนเต็มความสูง พลางลอบถอนหายใจ ในขณะที่เห็นอีกฝ่ายหมุนตัว แต่ทันใดนั้น...

 

"หายไว ๆ นะครับ เอิร์ท"

 

    เอิร์ทชะงักกับคำพูดนั้น หันไปมองคนที่เอ่ยด้วยรอยยิ้มแสนจริงใจ ก่อนจะเดินลับตาไป ทิ้งให้คนที่นอนเจ็บ กำมือที่วางไว้บนอกแน่น

 

   ทำไมคำว่า 'หายไว ๆ' ในที่นี้ เอิร์ทสัมผัสได้ว่าเขาไม่ได้หมายถึงร่างกายภายนอก

 


"สัดเอิร์ท อดทนไว้ดีวะ"




    เอิร์ทหลับตาลงนอนอีกครั้งด้วยริมฝีปากสั่นระริก และไม่นานน้ำตาก็ร่วงหล่นลงบนแก้มของคนเจ็บ

.

.

.

.

 "พี่ได้ข่าวเรื่องที่เราจะลาออก" เมฆินทร์ถามเอิร์ท




    ผ่านมาแล้วเก้าวัน ที่เมฆินทร์ปล่อยให้เอิร์ทใช้ลาป่วยแล้วนอนพักที่บ้าน เพื่อดูแลแผลของตนเอง แต่เมฆค่อนข้างตกใจที่พอกลับมาได้ไม่กี่วัน เอิร์ทก็เขียนใบลาออกให้กับแม็ค ทางนั้นถึงรีบมาบอกให้เมฆรู้

 


 

"ครับ"

 

 

 

"มีปัญหาเรื่องอะไร คุยกันก่อนไหม? ถ้าเป็นเรื่องของเงินเดือน พี่ตั้งใจจะปรับเงินเดือนขึ้นให้อยู่แล้วนะ"

 

 
    เจนภพมองหน้าเจ้านายด้วยความรู้สึกไม่เหมือนเดิม หรือจะเรียกอีกอย่างก็ได้ว่า เขากำลังอยู่ในสภาพที่เรียกได้ว่ามองหน้าไม่ติด

 

 

    พี่เมฆอาจไม่ผิดที่ได้หัวใจจุนเจือไป แต่สภาพหัวใจที่บอบช้ำแบบนี้ การทำงานร่วมกันย่อมไม่ส่งผลดีต่อตัวเอิร์ทแน่ ๆ

 

 

"ผมอยากออกไปพักก่อนครับ ถ้าทำงานช่วงนี้ ผมคงไม่มีอารมณ์อยู่ดี"

 

 

   เมฆินทร์มองหน้าเอิร์ท เขายอมรับว่าเสียดายคนมีคุณภาพอย่างเอิร์ทมาก

 

"คิดดีแล้วใช่ไหม? เอิร์ท ถ้าพี่จะให้เอิร์ทพักก่อนแล้วค่อยกลับมาทำงาน สนใจไหม?"

 

 

"ไม่ครับ ผมไม่อยากให้ใครมองผมไม่ดี ผมขอลาออกแหละครับ ถ้าพี่เมฆอยากให้ผมสบายใจจริง พี่แค่เซ็นต์ลาออกให้ผมเถอะครับ"

 

 

     เมฆินทร์เงียบมองกระดาษที่มีรายละเอียดของคนตรงหน้า ระบุวันเวลาที่ต้องการพ้นสภาพการเป็นพนักงานของที่นี่แล้วใจหาย




"มันมีทางเลือกอื่นไหม.? ที่เอิร์ทจะยอมทำงานกับพี่ต่อ" เมฆินทร์ถาม




"ไม่มีครับ ไม่ว่าจะตอนนี้ ตอนไหน พี่เมฆยังเป็นเจ้านายที่ผมเคารพรักเสมอ แต่ให้ผมไปเถอะครับ พี่อย่ารั้งผมไว้เลย ถ้าพี่เมฆจะเห็นแก่ความรู้สึกผม"




     เมฆินทร์มองเอิร์ทด้วยดวงตาเศร้า เขายิ่งรู้สึกเหมือนเป็นคนเลวเข้าไปใหญ่เมื่อได้ยินเอิร์ทพูดมาแบบนี้

 

"พี่ขอตัดสินใจก่อนนะ ถือว่ารับรู้แล้วกัน ไว้พี่จะเรียกเอิร์ทมาคุยอีกที"




"ได้ครับ ขอบคุณครับ"

 

 

     เมื่อเอิร์ทเดินออกไปแล้ว เมฆินทร์ยกสองมือมาประสานกันวางบนโต๊ะครุ่นคิดหาทางออกของเรื่องนี้ ก่อนจะคว้ามือถือ กดหาเบอร์อันคุ้นเคย

 

 

 

"ดิน ยุ่งไหม?"

 

[มีอะไร พี่เมฆ]

 

 
"ช่วยฉันอีกเรื่อง ช่วยเปิดตำแหน่งใหม่ หรือทำยังไงก็ได้ให้เอิร์ทสามารถไปทำงานกับนายได้ เขาเป็นคนเก่ง ฉันไม่อยากเสียเขาไปให้บริษัทอื่น"

 


[เขาลาออกจากบริษัทพี่เหรอ?]

 



"ใช่"

 
 

[อืมมมมมมโอเค ผมจะเอาไปคิดก่อนนะ ว่าพอมีทางช่วยไหม]

 

"ได้ ขอบใจมาก" เมฆินทร์ได้ยินเสียงน้องชายดูจริงจังก็พอโล่งใจคิดว่า ปฐพีคงจะพอช่วยเหลือเรื่องนี้ได้บ้างไม่มากก็น้อย

 



[เฮ้อ! นี่ผมไม่ได้อยากช่วยเลยนะ เอาจริง ๆ แต่เห็นว่าเป็นพี่เมฆนะ เดี๋ยวยังไงจะลองหาทาง ทำให้เขามาอยู่ที่นี่]




"ขอบใจนะ ดิน"

 

    เมฆินทร์เห็นน้องบ่นกระปอดกระแปด ก็ถอนหายใจ แต่สุดท้ายก็ยังมิวายขอบคุณน้องชายที่สุดท้ายก็ยอมช่วย

 

    วางสายได้สักพัก เมฆินทร์ทิ้งตัวเอนหลังพิงพนักเก้าอี้คล้ายคนหมดแรง เขาถอนหายใจ ในขณะที่สมองยังวนคิดถึงเรื่องราวเหล่านี้ไม่จบ

 

    มันถึงเวลาแล้วล่ะ ที่เมฆินทร์ต้องยอมรับความจริงว่า

   

    เมื่อได้สิ่งหนึ่ง ย่อมสูญเสียอีกสิ่งหนึ่ง....

 


 

    เมฆินทร์ถอนหายใจยาวอีกครั้ง ขณะนั้น เครื่องมือสื่อสารที่กำอยู่ในมือแผดเสียงดัง จนต้องหันไปมองข้อความที่เด้งมาจากแชทแอพพลิเคชั่นแล้วผุดรอยยิ้มขึ้นมุมปาก

 

 

Read

14.23

พี่เมฆครับ ผมว่างเลยลองทำอาหารดู ไม่รู้ จะอร่อยไหม แต่ผมอยากให้พี่เมฆมาชิมฝีมือผมดู ผมรอพี่เมฆอยู่ที่ห้องนะครับ ;-)






...................................................................



สงสารพี่เอิร์ท  :m15: :m15: :m15: :m15: :m15: :m15: :m15: :m15: :m15: :m15:

 

ออฟไลน์ AkuaPink

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2033
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +59/-1

ออฟไลน์ river

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2398
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +231/-3
เฮ้อ....จับคู่เอิร์ทกับดินแทน

ออฟไลน์ DrSlump

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3382
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +104/-2
 :pig4: :pig4: :pig4:

อ่าว......อิพี่เมฆกลายเป็นกามเทพให้กับน้องชายซะงั้น

ออฟไลน์ songte

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1425
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-1
ไม่ชอบอิพี่เมฆเลยอ่ะ แก้ปัญหาอะไรไม่ได้เลย

ออฟไลน์ ommanymontra

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3437
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +96/-0

ออฟไลน์ OoniceoO

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 975
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +35/-2
นั้นนะสิน้อ ได้สิ่งนึงต้องเสียสิ่งนึ่ง

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ rinyriny

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 295
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +106/-1

บทที่ 22 ห้องนี้ มีแต่เรา (ตอนจบ)
















"นั่งรอจีเอ็ม ในห้องนี้ก่อนนะคะ"

 

"ได้ครับ ผม ขอบคุณครับ"

 

      เจนภพเดินเข้ามาในห้องประชุมขนาดย่อม กรุกระจกใสรอบด้าน แต่ปิดทึบด้วยม่านมูลลี่ เอิร์ทนั่งลงบนเก้าอี้ วางเอกสารที่เป็นผลงานการทำงานของเขาอยู่บนโต๊ะ

 

      ผ่านมาแล้วเดือนกว่า ที่เอิร์ทออกจากบริษัทพี่เมฆ ขณะเดียวกัน เอิร์ทพยายามทำใจให้แข็งแรง โดยไม่ติดต่อกับจุนเจืออีก หากถามว่าโกรธไหม? เอิร์ทไม่ได้โกรธ แต่มันอยู่ในช่วงเวลาแห่งความเศร้า เสียใจ และยังไม่พร้อมพบหน้าใครในตอนนี้มากกว่า...

 

       เอิร์ทเดินทางมาบริษัทนี้ เพราะมีเจ้าหน้าที่โทรนัดให้มาสัมภาษณ์งานจากการเห็นประวัติที่เขาได้ลงไว้ผ่านเว็บไซต์ชื่อดัง

 

      ตอนนี้ คนที่นั่งรอผู้บริหารมาสัมภาษณ์ กวาดตามองรอบห้องสี่เหลี่ยมที่อีกฝั่งหนึ่งของผนังกระจกมีกระดาษเอสี่ที่เต็มไปด้วยข้อความอัดแน่นแปะเกือบเต็มพื้นที่ ไม่นานที่ชายหนุ่มวกสายตากลับมามองแขนข้างที่มีแผลเป็นของตัวเอง

 

      ทุกบาดแผลย่อมมีเรื่องราว และการมีบาดแผลของเอิร์ทครั้งนี้ มันควรจะเป็นแค่เรื่องราวพลาดท่าจากอุบัติเหตุ แต่ทว่า มันกลับพ่วงความทรงจำความผิดหวังแทรกแซงอยู่ในบาดแผลนั้นด้วย

 

      ยิ่งมองบาดแผลก็ยิ่งใจกระตุก แม้ว่าหัวใจของเอิร์ทจะเข้มแข็งแล้ว แต่ยังมีบ้างที่เจ็บจี๊ดยามนึกถึง

 

       ตอนนี้ แขนเสื้อเชิ้ตสีขาวที่ถูกพับไว้ถึงข้อศอก ถูกดึงลงมาเพื่อปกปิดบาดแผล ซึ่งเป็นจังหวะเดียวกับที่เอิร์ทได้ยินเสียงเปิดประตูพร้อมเสียงคนเอ่ยขึ้นว่าขอโทษที่ปล่อยให้รอนาน เอิร์ทที่นั่งหันหลังให้ประตูกระจกใส เพียงได้ยินเสียงทักทาย รีบหมุนเก้าอี้ หันหลังไป เตรียมจะลุกขึ้นยืนพร้อมยกมือไหว้ แต่พอเห็นเป็นคนคุ้นหน้า เขาชะงัก

 

"เชี่ยอะไรวะ?" เอิร์ทสบถในใจ

 

"อ้าว คุณเองหรอกเหรอ?"  ดินเลิกคิ้วขึ้นสูงพลางทำหน้าแปลกใจ

 

"ทำไมเป็นคุณ?" เอิร์ทถามกลับทันที มันจะไม่เป็นเรื่องบังเอิญไปหน่อยเหรอ? ที่อยู่ดี ๆ เอิร์ทก็ได้มาสัมภาษณ์งานที่บริษัทน้องชายพี่เมฆ

 

"หืม ? พูดอะไรครับ ผมไม่เห็นเข้าใจ?"

 

"คุณเรียกผมมาสัมภาษณ์งาน เพราะคุณรู้จากพี่เมฆใช่ไหมว่าผมลาออกแล้ว"

 

"ผมจะทำแบบนั้นทำไม? ผมไม่ได้เลือกคนแบบไหนก็ได้มาทำงานหรอกนะ อีกอย่าง เจ้าหน้าที่ฝ่ายบุคคลเขาเรียกคุณมาไม่ใช่หรือครับ"

 

 

      แม้สิ่งที่อีกฝ่ายพูดดูจะมีน้ำหนักพอสมควร แต่เอิร์ทยังไม่ปักใจเชื่อ เขานั่งนิ่งไม่อยากเถียง มองน้องชายพี่เมฆที่หย่อนก้นลงนั่งฝั่งตรงข้าม พร้อมในมือถือเอกสารประวัติการสมัครงานของเขา พลิกหน้าไปมา

 

"โอเค ผมแนะนำตัวก่อนแล้วกัน ผมชื่อปฐพี ดูแลในส่วนงานด้านการตลาดและภาพลักษณ์องค์กร ส่วนคุณช่วยแนะนำตัวเองให้ผมฟังหน่อยสิครับ"

 

     เอิร์ทมองคนที่นั่งตรงข้ามด้วยสายตาแห่งอคติ

 

"ผมไม่ทำ"

 

"หือ คุณเจนภพ ทำไมคุณทำแบบนี้ล่ะครับ ผมเรียกคุณมาสัมภาษณ์ ถ้าคุณไม่อยากทำ ทำไมไม่บอกตั้งแต่แรก ทำแบบนี้มันเสียเวลาผมและคนอื่น ๆ มากเลยนะครับ"

 

"แต่ถ้ายิ่งสัมภาษณ์ ผมว่าคุณจะเสียเวลามากกว่าเดิม ตัดบทตั้งแต่ตอนนี้แหละครับ ขอโทษที่ทำให้เสียเวลา"

 

      เอิร์ทยอมเสียประวัติ เขาไม่สนอะไรแล้ว ลุกขึ้นพร้อมยกมือไหว้ แม้จะเข้าใจดีว่า น้องพี่เมฆกับพี่เมฆเป็นคนละคนกัน แต่เขาก็ควรห่างจากตระกูลนี้คงดีกว่า



     อีกอย่าง เอิร์ทไม่ค่อยถูกชะตากับน้องพี่เมฆสักเท่าไหร่ เจอทีไรเป็นได้พูดจากวนประสาท ไม่รื่นหู และยิ่งฟังก็ยิ่งไม่อยากเข้าใกล้

 

"น้องเอิร์ทครับ"

 

กึก

 

      เอิร์ทชะงักทันทีที่มือหนากำลังจะผลักประตูกระจกใส หันไปเขม้นมองอีกฝ่าย และชักสีหน้าด้วยความไม่พอใจ

 

"ทำไมทำหน้าแบบนั้นล่ะครับ? ผมอ่านใบสมัคร แล้วรู้ว่าคุณอายุน้อยกว่าผม ผมเรียกน้อง มันผิดเหรอ?"

 

"คุณต้องการอะไรจากผมวะ?" เอิร์ทเดินกลับไปยืนชิดริมโต๊ะประชุมพร้อมขึ้นเสียงใส่

 

 

"ก็แค่อยากรู้จักคุณมากกว่านี้"

 

   เอิร์ทมองหน้าน้องชายพี่เมฆ ก่อนแสยะยิ้ม

 

"แต่ผมไม่เคยอยากจะรู้จักคุณ....และผมไม่ได้อยากทำงานกับคุณด้วย ทีหลัง ห้ามเรียกผมแบบนั้นอีก ผมไม่ชอบ ลาล่ะครับ คุณปฐพี"

.

.

.

.

"แอนท์ ไอ้เหี้ยนั้นมันอยู่ไหน?"

 

"ฮือ ๆ พี่เอิร์ท เห็นไหม แอนท์ไม่อยากบอกพี่เอิร์ทก็เพราะแบบนี้ไง"

 

    เอิร์ทกำหมัดแน่น นั่งมองน้องสาวตัวเองตัวสั่นงันงกร้องไห้อยู่ในโรงพยาบาล ตอนนี้ น้องสาวของเธอปล่อยโฮอย่างไม่อาย จนเอิร์ทได้แต่นั่งปลอบใจอยู่ข้าง ๆ....

 



"แอนท์พี่ขอโทษนะ โอเค ๆ พี่จะใจเย็น ๆ"



    ใครจะใจเย็นลงไหว หากได้ฟังเรื่องราว แต่เมื่อน้องสาวค้านไว้ เอิร์ทก็ทำได้แค่สะกดอารมณ์



     เหตุที่เอิร์ทฉุนเฉียว อารมณ์พุ่งพล่านไม่หยุดนั้น เพราะน้องสาวเพิ่งเล่ารายละเอียดทั้งหมดให้ฟังว่า เธอเกือบโดนพี่ชายเพื่อนเธอข่มขืน

 

    เรื่องมีอยู่ว่า แอนท์เรียนอยู่มอห้า แหละในคืนที่เกิดเหตุ เป็นวันเกิดเพื่อนในกลุ่มของเธอ ด้วยความที่อายุน้อย แม่เข้มงวดการไปสังสรรค์ที่ร้านเหล้า เพื่อนเธอจึงเลือกมาจัดปาร์ตี้เล็ก ๆ ที่ห้องพี่ชายแทน ในวันนั้นมีเพื่อนผู้หญิงในกลุ่มของเธอไปทั้งหมดสี่คน ซึ่งแต่ละคนก็พาแฟนไปด้วย ยกเว้น แอนท์ซึ่งไม่มีแฟน พี่ชายของเพื่อนเธอจึงพยายามชวนคุยไม่ให้ดูเหงาหรือโดดเดี่ยว ขณะที่ทุกคนคุยกันสนุกสนาน คลอเคล้าด้วยเสียงเพลงที่มีจังหวะบีทหนัก  ๆ และการดื่มเบียร์ แอนท์เองดื่มไปไม่มาก เธอเริ่มอยากกลับบ้านพราะง่วง  แต่เจ้าของวันเกิดเกิดงอแง ตัดพ้ออย่างน้อยใจว่าให้อยู่ด้วยกันก่อน พี่ชายเพื่อนจึงเสนอความเห็นให้เธอไปนอนพักในห้องนอน แอนท์ตอบรับตามที่เขาเสนอ



    ไม่รู้ว่าเพื่อนของเธอกลับไปตั้งแต่เมื่อไหร่ รู้ตัวอีกที ตอนที่แอนท์รู้สึกถึงความเย็นเยียบผิว หวิวท้องน้อย พอตื่นเต็มตา เธอกดสายตามองอย่างตกใจ ส่งเสียงกรี้ดทันทีที่เห็นพี่ชายเพื่อนใช้นิ้วสอดใส่ยังช่องทางสวาทของเธอเอง

 

    เสียงกรี้ดนั้นทำให้อีกฝ่ายสะดุ้งตกใจ ชะงักมือ เงยหน้ามองหญิงสาวที่ตื่นรู้ตัว แอนท์ดิ้นสะบัด ซัดส่าย ไปมาจนร่างเล็กกลิ้งหลุน ๆ หล่นลงจากเตียง เธอยันตัวจะลุกแต่อีกฝ่ายวิ่งมาล็อคตัว เธอกัดท่อนแขนอีกฝ่ายสุดแรง ทันใดนั้นเธอโดนตบหน้า และชกท้อง แอนท์จุกและเจ็บ จึงงอตัว มือกุมท้องไว้ ในจังหวะนั้น พี่ชายเพื่อนอุ้มร่างเล็กที่คุ้ดคู้ขดตัวเหวี่ยงลงบนเตียงอีกครั้ง เธอจำใจปล่อยเลยตามเลย เล่นตามน้ำไปก่อน เมื่อสบโอกาส ที่อีกฝ่ายจับของสงวนของตนเองเตรียมสอดใส่ แอนท์ร้องขอทำออรัลให้ เมื่ออีกฝ่ายยินดี เธอทำทีเป็นอ้าปาก แต่ใช้ทีเผลอจิกและบีบเข้าไปที่ลูกบอลกลมกลึงสุดแรง ก่อนจะฝืนตัวเองวิ่งออกจากห้องให้ไวที่สุด พ้นประตูห้อง เธอหายใจหอบถี่และอยู่ในสภาพที่ช่วงล่างเปลือยเปล่ามีเพียงเสื้อยืดตัวยาวของเธอที่ปกปิดของสงวนไว้...

.

    แม้จะรอดออกมาได้หวุดหวิด แต่เธอยังระบมจากการโดนตบหน้าและชกท้อง เธอต้องใช้ความพยายามอย่างหนักในการฝืนตัวเดินทีละก้าว พี่ชายของเพื่อนเธอยังมิวายไล่ตามออกมา เธอหมดหวังจะรอดแน่ตอนที่หมดแรงนั่งกุมท้องอยู่ตรงหน้าลิฟต์ แต่วินาทีนั้นเอง โชคดีที่คนออกมาจากลิฟต์ เธอตะโกนร้องไห้ชี้หน้าด่าว่าเขาเป็นคนข่มขืน พี่ชายเพื่อนรีบเดินกลับหวังไม่ให้เข้าเห็นหน้า

 

     พลเมืองดีเห็นสภาพหญิงสาว จึงวิ่งตามผู้ชายคนนั้นไปแต่ไม่ทันที่อีกฝ่ายปิดประตูห้อง พลเมืองดีจำเบอร์ห้องได้และลงไปคุยกับส่วนกลางเพื่อขอกล้องวงจรปิด เพื่อนำไปเป็นหลักฐานตอนแจ้งความ ขณะเดียวกัน เขาอาสาพาหญิงสาวไปโรงพยาบาลเพื่อตรวจเช็คร่างกายรวมถึงรักษาบาดแผลทางร่างกายด้วย

 

     ตอนนี้ แอนท์ยังไม่หยุดร้องไห้ แม้เธอมั่นใจว่ายังไม่มีการสอดใส่ แต่สภาพจิตใจเธอย่ำแย่และรู้สึกอับอายเกินกว่าจะสู้หน้าใคร ๆ เธอร่ำไห้ตัวสั่นเทา โดยเอิร์ทก็นั่งข้าง ๆ ไม่ไปไหน



"แล้วไหนล่ะ พี่พลเมืองดีที่แอนท์บอก"

 

"พี่เขาบอกจะไปซื้อน้ำมาให้ ฮืออออ"

 

    เอิร์ทพยักหน้ารับคำ ฟังจากที่น้องเล่า เขาซาบซึ้งในน้ำใจจนอยากขอบคุณชายคนนั้นมากแต่ยังไม่รู้จะต้องตอบแทนน้ำใจครั้งนี้ด้วยอะไรดีถึงจะเพียงพอและเหมาะสม

 

   จังหวะที่หญิงสาวยังคงปล่อยโฮ ดวงตาที่พร่าเลือนจากม่านน้ำตามองเห็นพี่คนนั้นที่เดินใกล้เข้ามา...

 

"พี่เขามาแล้ว พี่เอิร์ท ฮือออ" หญิงสาวทำหน้าพยักเพยิด เป็นจังหวะที่ได้ยินเสียงอีกฝ่าย

 

"เอ่อ พี่ขอโทษนะครับ ไม่รู้ว่า น้องมีแขก ถ้างั้นพี่กลับเลยแล้วกัน"

 

"เอ่อ เดี๋ยวครับ ผมยังไม่ได้ขอบคุณคุ...." เพียงเอิร์ทหันไป เขาชะงักทันที ที่เห็นชายร่างสูงมีใบหน้าคุ้นตา

 

 

"คะ คุณ......" เอิร์ทเบิกตาโต หน้าเหวอ

 

 

"อ้าว เอิร์ท" ปฐพีตกใจไม่ต่างกัน ไม่คิดว่าหญิงสาวแสนโชคร้ายผู้นั้น จะเป็นน้องสาวของคนที่ดินสนใจ

 

 

   เอิร์ทหน้าชา พลางเม้มปากแน่น จู่ ๆ ความรู้สึกทั้งดี และแย่ก็เกิดตีรวนกันในอก

 

 

     ตอนแรกที่นั่งคิดประโยคไว้จะพูดขอบคุณ พอถึงเวลาจริงกลับไม่กล้าเอ่ยออกไปไม่รู้ทำไม?...

 

"น้องมีพี่มาอยู่ด้วยแล้ว งั้นพี่กลับก่อนนะครับ เอ่อะ ผมกลับก่อนนะเอิร์ท"

 

"หนูขอบคุณพี่นะคะ ฮือออ ถ้าหนูไม่ได้พี่หนูคงแย่ หนูไม่เคยเจอผู้ชายคนไหนดีเท่าพี่เลยค่ะ"

 

"พี่ไม่ได้ดีขนาดนั้นหรอกครับ" ดินว่าจบเหลือบมองเอิร์ทที่นิ่งเงียบผิดสังเกต

 

     ปฐพีรู้ดีว่าเวลานี้ไม่ใช่เวลามาหยอกเล่นได้เหมือนทุกที เขายื่นเครื่องดื่มที่ซื้อมาฝากหญิงสาว แล้วเหลือบมองเอิร์ทอีกครั้ง

 

      เขาไม่ได้คาดหวังรางวัลคนดี หรือคำชมใด ๆ เขาก็แค่ทำหน้าที่ที่ควรจะทำในตอนนั้น ปฐพีหมุนตัวออกมาจากที่นั่งส่วนกลางในโรงพยาบาล เลี้ยวซ้าย เดินไปตามโถงทางเดินจนมาถึงโถงลิฟต์ ในระหว่างที่รอลิฟต์นั้นเอง

 

"คุณ..."

 

     ปฐพีหันกลับไปมองคนที่วิ่งตามเขาออกมาพลางเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย

 

"ครับ"

 



"ผมขอบคุณคุณมากนะที่ช่วยน้องผมไว้"

 

"ไม่เป็นไรครับ ผมเต็มใจช่วย" ปฐพียิ้ม อย่างน้อยอีกฝ่ายก็ยอมลดทิฐิวิ่งตามมาหาเขาจนหอบเหนื่อย

 

      ดินมองหน้าเอิร์ทที่เหมือนจะพูดต่อ แต่ก็อึก ๆ อัก  ๆ  จนสัญญาณลิฟต์ดังขึ้น ประตูเปิดออกกว้าง ปฐพีเหลือบมองอีกครั้ง แต่ยังเห็นเอิร์ทเงียบ เขาเลยเอ่ยขอตัว เดินเข้าไปในกล่องทึบสี่เหลี่ยม

 

"เดี๋ยวก่อน คุณว่างวันไหนบ้าง เอ่อ ....คือ...ผมอยากเลี้ยงข้าวตอบแทนที่ช่วยน้องสาวผม" เอิร์ทบอกไม่เต็มเสียง

 



"บอกมาแล้วกันครับวันไหน ถ้าผมว่าง ผมจะไป" ปฐพียิ้มจริงใจอีกครั้ง ก่อนจะเอื้อมมือไปกดปิดลิฟต์ แต่วินาทีนั้น

 

ปั่ก

 

"เดี๋ยวก่อน ผมยังไม่มีเบอร์คุณเลย ผมจะนัดคุณได้ยังไง?"

 

    ณ ตอนนั้น เอิร์ทไม่พูดเปล่า รีบยกท่อนแขนยันประตูลิฟต์ไว้

 

    ครู่หนึ่ง ปฐพีเหลือบมองแขนที่ยกกั้นประตู ก่อนจะเม้มปากกลั้นยิ้มที่เห็นอีกฝ่ายหน้าแดง สายตาหลุกหลิก ร้อนรน ผิดวิสัย เขาจ้องเข้าไปยังนัยน์ตาครู่นั้นเนิ่นนานก็พบว่า มันอ่อนแสงลง ดูเหมือนว่าสายตาแห่งอคติก็น่าจะหายไปแล้วด้วย

 

    ปฐพียิ้มทั้งปากและแววตาก่อนตอบ

 

"ไม่เป็นไร ผมมีเบอร์คุณ"

 

"....."

 

"ไว้ผมจะโทรหานะ เอิร์ท" ปฐพียิ้มให้

 

"เอ่ออืมครับ..ผมจะรอคุณโทรมา..เอ่อ..ละกัน"



>>>>>>>>>>>>>>>>>>ต่อด้านล่าง<<<<<<<<<<<<<<<<

ออฟไลน์ rinyriny

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 295
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +106/-1
.

.

.

.

.

    แม้ว่า การที่ทั้งสองได้กลับมาคบกัน อาจทำให้มีใครบางคนเสียใจ แต่ชีวิตมันก็อย่างนี้ เราทุกคนล้วนมีมุมดี และมีมุมเห็นแก่ตัว

 

    หลังจากนั้นหลายวันเมฆินทร์โทรถามความคืบหน้ากับน้องชาย แม้จะได้คำตอบชวนแปลกใจว่า เอิร์ทไม่ยอมร่วมงานกับดิน แต่ดินบอกว่า จะมีนัดเจอเพื่อกินข้าวกันพอคาดคั้น ก็ไม่ตอบ เมฆินทร์ก็ไม่อยากทำตัวสอดรู้ สอดเห็น แม้ลึก ๆ จะฉงนอยู่เหมือนกันว่า เรื่องราวสองคนนี้ดูมีลับลมคมในอย่างไรชอบกล

.

    ส่วนเรื่องของเมฆเองนั้น ตั้งแต่ที่เมฆินทร์และจุนเจือตกลงคบกันในสถานะที่ชัดเจนว่า เป็นคู่รัก ไม่ใช่แค่เพื่อเซ็กซ์อย่างแต่ก่อน เมฆก็เปิดพื้นที่ส่วนตัวให้จุนเจือได้เข้ามาทำความรู้จักตัวตนของเขามากขึ้น

.

    เมฆพาจุนเจือขึ้นคอนโดครั้งแรก ในตอนนั้น เมฆินทร์ยังจดจำภาพเด็กหนุ่มได้อยู่เลย คอนโดเมฆินทร์ไม่ได้ใหญ่โตหรูหราระดับเพนท์เฮาส์ ก็เป็นคอนโดขนาดกลาง แต่ไม่รู้ทำไมเด็กหนุ่มถึงดูตื่นเต้นและประหม่าอย่างน่าประหลาด ไหนจะท่าทางและคำพูดที่เด็กหนุ่มย้ำตลอดว่า ไม่คิดว่าจะได้มายืนอยู่ตรงนี้

.

    คืนนั้น จึงเป็นคืนที่ทั้งสองมีความสุขมากเหลือเกิน แม้เมฆินทร์และจุนเจือจะได้ร่วมรักกันแค่ครั้งเดียว แต่มันไม่สำคัญเท่ากับช่วงเวลาหลังจากนั้น ที่ทั้งสองนั่งกอดกัน พลางคุยกันตรงเก้าอี้หวายริมระเบียง มองท้องฟ้ากรุงเทพ ฯ ที่ไม่มีดาว มีเพียงลมเย็น ๆ และความมืด แต่ทำให้ทั้งสองสงบใจ ผ่อนคลายอย่างบอกไม่ถูก



    แม้ว่า จุดแรกเริ่มของทั้งสองไม่ได้เริ่มต้นด้วยดีสักเท่าไหร่ ไม่เหมือนความรักแบบฉบับที่คนปกติเขาพึงทำกัน ทั้งสองเริ่มจากการแลกเปลี่ยนเซ็กซ์ด้วยการซื้อ-ขาย หากมองผิวเผินก็อาจไม่มีใครคิดว่ามันจะแปรเปลี่ยนเป็นความรักจริง ๆ ได้

.

    แต่ก็นั่นแหละ...ไม่มีอะไรแน่นอนในโลก ในความสัมพันธ์  แม้กระทั่งในความรัก

     ทุกอย่างสามารถผลิกผันได้เสมอ...

.

    ไม่น่าเชื่อว่า แค่คืนนั้น คืนเดียว...กลับเป็นคืนที่ทั้งสองได้เปิดใจกัน เข้าใจกัน ยอมรับในตัวตนมากกว่า รักกันมากกว่าตลอดเวลาที่ผ่านมาที่ทั้งสองมัวเอาแต่ใช้กายแลกกายกันเสียอีก...

.

    และคืนนั้นนั่นเองที่น่าจะเป็นจุดเริ่มต้นของความรักอย่างแท้จริง....

 

    แต่ความเป็นจริงของคู่รักมันไม่ใช่การตัวติดกันตลอด ดังนั้น ตอนนี้ จุนเจือและเมฆินทร์เอง ต่างต้องอยู่ห่างกัน เนื่องจาก เมฆมีจัดกิจกรรมโรดโชว์ด้านเทคโนโลยีที่ภาคเหนือห้าจังหวัด จึงทำให้จุนเจือไม่ได้มีโอกาสอยู่กับเมฆินทร์เลยนับตั้งแต่วันนั้น แต่ทั้งสองก็พยายามจะโทรคุยกันให้ได้ทุกวัน

 

 

[ไม่ได้เจอหน้ากันเลย คิดถึงพี่บ้างไหมครับ?]

 

"คิดถึงสิครับ พี่เมฆถามได้ จะสามอาทิตย์แล้วนะ ที่เราไม่ได้เจอตัวเป็น ๆ เลยน่ะ" จุนเจือบ่นใส่คนที่อมยิ้ม ยามนี้ ทั้งสองกำลังคุยวีดีโอคอลกัน โดยก่อนหน้านี้ พี่เมฆโทรหาก็ไม่ถึงสิบนาทีก็ต้องวาง พอตกกลางคืนก็เพลียจนบางที หลับคามือถือไปเลยก็มี

 

    จุนเจือมีน้อยใจบ้าง แต่ก็เข้าใจว่าอีกฝ่ายงานเยอะจริง ๆ ช่วงนี้ จุนเจือเลยไม่อยากงอแงหรือทำตัวงี่เง่ามากเกินไปด้วย

 

[วันนี้พี่ว่าง แล้วนี่จุนอาบน้ำรึยังครับ?]

 

"อาบแล้วครับ"

 

[น่ารักมาก]

 

"พี่เมฆล่ะครับ?"

 

[พี่ก็อาบแล้วครับ กะว่าคุยกับจุนเสร็จพี่ก็ว่าจะนอนเลย]

 

"ครับ" จุนเจือยิ้มให้พี่เมฆที่นอนพิงพนักเตียง สบตาเขานิ่ง

 

[จุนครับ]

 

      ตอนนี้ จุนเจือขัดเขินที่เห็นสายตาของพี่เมฆมองมาอย่างหวามใจ เขาเริ่มเขินอาย ทั้ง ๆ ที่ดวงตาคู่นั้นก็แสนคุ้นเคยเพราะเห็นกันออกจะบ่อย

 



[เซ็กซ์โฟนกันไหม?]

 

"ห้ะ?? หาอะไรนะครับ"

 

[พี่คิดถึง]

 

"แต่ จุนไม่เคยนะ...แล้วก็..."

 

[จุนอายเหรอครับ?]



"...ก็...มัน..." จุนเงียบ หลุบตาลงจากหน้าจอมือถือ

 

[เรามีอะไรกันแล้วนะครับ จะเขินทำไมกัน ไม่ต้องอายนะ มาลองด้วยกันดีกว่าครับ จุน]

 

"...."

 

[นะครับ จุน ตอนนี้ แค่พี่เห็นหน้าจุน พี่ก็มีอารมณ์ แล้ว ช่วยพี่นะ นะครับนะ...]

 

 

    เสียงแผ่วเบา ไม่เท่าใบหน้าที่แสดงออกว่ากระหายจัด

 

 

"จุนต้องทำอะไรบ้าง?" จุนเจือจ้องหน้าอีกฝ่ายถามด้วยเสียงสั่น

 



[ทำตามที่พี่บอกก็พอ]

 

    เมฆินทร์ยิ้ม แต่เป็นรอยยิ้มที่ช่างน่ากลัวเหลือเกิน จุนเจือกัดปากจนเจ็บอย่างลังเลใจ

 

"อ่า...ก็ได้ครับ"

 

[พี่จะถอดกางเกง จุนถอดด้วยนะ]

 

 

"หา จุนต้องถอดด้วยเหรอพี่เมฆ"

 

 

[ใช่ครับ ถอดครับ]

 

 

   นาทีนี้ จุนเจือไม่เห็นใบหน้าพี่เมฆนอกจากเพดานห้องพร้อมภาพเคลื่อนไหวไปมาจนน่าปวดหัว จุนเจือจึงทำตามด้วยการวางมือถือ ถอดกางเกงบ็อกเซอร์ออกแล้วหยิบมือถือมาดูก็เห็นตัวกล้องหน้าของเครื่องมือสื่อสารพี่เมฆอยู่ในระยะที่ไกลออกไป...

 

    แม้จะอยู่ในห้องนอนลำพัง แต่จุนเจือรู้สึกอายมาก มีอาการวาบหวาม ท้องไส้ปั่นป่วนผิดปกติ

 

[จุน เอากล้องออกห่างหน่อยครับ และเลื่อนมือไปลูบของจุนหน่อย ตอนนี้ มันเป็นยังไงบ้าง?]

 

"พี่เมฆ จะเอาแบบนี้จริงเหรอ? คือ จุนอาย" จุนเจือไม่กล้าตอบ แม้จะผ่านการร่วมรักมาก็มาก แต่การทำแบบนี้ นับว่าเป็นอะไรที่ใหม่ ที่จุนเจือไม่เคยทำมาก่อน

 

[เถอะนะครับ พี่คิดถึงจุนมาก อยากกอด อยากสัมผัส แต่ตอนนี้มันทำไม่ได้]

 

 

"เอ่อครับ"

 

[ของจุนเป็นไงครับ]

 

"เอ่อ ปกติครับพี่เมฆ" จุนยอมรับว่าเสียงพี่เมฆช่างกระตุ้นอารมณ์ได้ดีนัก

 

[ลองรูดทีซิ ตอนนี้ ของพี่มันแข็งแล้วนะ]

 

  เพียงได้ยินเสียงกระเส่ามาจากที่ไกล แกนกายของจุนเจือก็ผงาดขึ้นมา จุนเจือไม่ตอบพี่เมฆว่าตอนนี้ น้องชายเขามีปฏิกิริยามากแค่ไหน

 

[ให้พี่ใช้ปากให้ไหมคะ?]

 

  กึก

 

     จุนเจือไม่อยากบอกเลยว่ายามนี้ เหมือนพี่เมฆจงใจยั่วเพื่อแกล้งกัน เขาทำเสียงหวานละมุนและสายตาที่เขามองมานั้น มันทำให้จุนเจือใจละลาย

 

"อ่า พี่เมฆ อย่าพูดแบบนั้นได้ไหม? จุนแบบ..." จุนเจือกัดปากแน่น ใจเต้นรุนแรงจนจะไม่ไหว

 

[ทำไม? มีอารมณ์หรือ?]

 



"อื้ออออ...พี่เมฆ จุนไม่ไหวแล้ว"

 

[รูดและครางให้พี่ฟังหน่อยสิครับ]

 

"พะ ...พี่เมฆ จุน"

 

[อ่าหหห์ จุน พี่จะเลียตรงนั้นแล้วนะ จุนไหวนะ]

 

"พะ...พี่เมฆ"



   จุนเจือเสียงแผ่ว หลับตาหนี เวลานี้ แม้จะไม่ได้สัมผัสเนื้อตัวกัน มีเพียงแค่จินตนาการแต่ทำไมถึงให้ความรู้สึกราวกับว่าเขามีความสัมพันธ์ลึกซึ้งกับพี่เมฆอย่างมีอารมณ์ร่วมสมจริงด้วยก็ไม่รู้



   จุนเจือลืมตาขึ้นอีกครั้ง พบพี่เมฆเลื่อนระดับมือถือไปตรงหว่างขาและเห็นแกนกายของพี่เมฆพร้อมเสียงพากย์กำกับเป็นระยะ ๆ...

 

[อ้าขากว้างอีกหน่อยครับ]

 

"....."

 

[ขยับกล้องให้พี่ทีได้ไหมครับ อืมมมห์ มุมดีพี่ชอบครับ]

 

"......"

 

[อย่างนั้นแหละครับ อืมมม จุนครับ จุน]

 

 

    เสียงครางกระเส่าของทั้งสองดังแทรกสลับกันกึกก้องทั่วห้อง

 

"พี่เมฆครับ จุนไม่ไหวแล้วนะ อ้ะ อาา"

 

[จุนครับ เสร็จพร้อมกันนะ]

 

"อ้ะอื้อออ"

 

    ยามนี้ จินตนาการสำคัญกว่าความรู้ ทั้งสองต่างครางฮึ่มในลำคอ บ้างก็เรียกชื่อกัน ในขณะที่มือยังรูดรั้งแกนกายของตัวเองในจังหวะว่องไว ยามนี้ ต่างฝ่ายต่างหลับตาจินตนาการภาพอิโรติกกันถึงพริกถึงขิง ก่อนก้าวไปสู่จุดสูงสุดยอดพร้อมกัน

 

    เสียงที่เคยประสานดังกึกก้องทั่วห้องหายไป มีเพียงเสียงหอบหายใจหนัก ๆ ก่อนจะได้ยินเสียงกึกกัก และเป็นจุนเจือที่หยิบมือถือมาก็พบว่าหน้าจอมือถือปรากฎ คนรักตัวเอง เอี้ยวตัวไปหยิบทิชชูมาเช็ดทำความสะอาด...เมื่อจัดการเสร็จก็ยิ้มมุมปากด้วยใบหน้ายังคงแดงก่ำ

 



[จุนชอบไหม?]

 

"เอ่อ ชอบครับ"

 

[ไว้ถ้าเราอยู่ไกลกันแบบนี้ น้า เราทำกันอีกนะ]

 

"อ่าาาครับ พี่เมฆ"

 

    ยามนี้ หากห่างกัน รักทางไกล จะไม่ใช่ปัญหาสำหรับทั้งคู่อีกต่อไป...

.

.

.

.

     ห่างกันไปเสียนาน พอรู้ว่าจะได้มาเจอกัน จุนเจือก็ตื่นเต้น วันนี้ เป็นวันที่ เมฆินทร์นัดแนะมาเจอจุนเจือที่ห้างสรรพสินค้า หลังจากไม่ได้พบหน้านานเกือบเดือน กลับจากต่างจังหวัดก็รีบบึ่งมาหาคนรัก ตั้งใจว่าจะหาอะไรกินง่าย  ๆ และซื้อของที่จุนเจืออยากได้ จากนั้น ก็กลับห้องไปนอนพักผ่อน เพราะเมฆเหนื่อยสะสมมาหลายวัน

 



"พี่คิดถึงจุนจังครับ"

 

"เหมือนกันครับ ถ้างั้นเราหาอะไรกินง่าย ๆ แล้วรีบกลับห้องไหมครับ?"

 

"ดีครับ แต่คืน พี่จองโรงแรมไว้นะ เราจะไปนอนกันที่นั่น"

 

 

"หือ?? ทำไมครับ ในเมื่อ...."

 

 

"พี่อยากเปลี่ยนบรรยากาศ"

 

   จุนเจือพยักหน้าเออออ เพราะเขาไม่รู้จะขัดพี่เมฆไปทำไม ในเมื่อเงินที่จ่ายค่าโรงแรมเหล่านั้นก็ไม่ใช่เงินจุนเจืออยู่ดี ยามนี้ ทั้งสองจึงทำหน้าที่แค่หาร้านคนน้อยไม่ค่อยวุ่นวาย นั่งกินได้เรื่อย ๆ สบาย ๆ จึงพบว่า ร้านอาหารไทย เป็นตัวเลือกที่ดีที่สุด

 



    แม้ว่าทั้งสองจะตกลงเป็นคู่รักกัน แต่ดูเหมือนว่าความสัมพันธ์ก็ไม่ได้หวานเลี่ยนจนน่าอิจฉา ทั้งสองยังคงใช้ชีวิตราบเรียบ หากหยิบยกเหตุการณ์มาเทียบเรื่องความหวานที่สุดที่มี ก็คงเป็นตอนที่เมฆินทร์ง้อจุนเจือตอนที่อยู่ที่เกาะแล้วมอบแหวนให้กัน จากนั้นก็ไม่ได้มีคำพูดหรือสถานการณ์แสนหวานอะไรอีก

 

    แม้ไม่หวานใส่กัน แต่สิ่งที่จุนเจือสัมผัสได้จากพี่เมฆนั้น คือ ความสม่ำเสมอ

.

.

.

.

 "พาพี่ไปซื้อของแปปนึงนะครับ  แล้วเดี๋ยวกลับเลย"

 

       หลังจากอิ่มท้อง และซื้อของที่จุนเจืออยากได้แล้ว ก็ถึงเวลาที่เมฆินทร์อยากตามใจตัวเองบ้าง จึงเอ่ยปากให้คนรักพาเข้าไปยังแผนกสตรี คนที่เดินตามไปเงียบ ๆ รู้สึกใจไม่ค่อยดี เมื่อทั้งแผนกนี้ มีแต่ของใช้ส่วนตัวผู้หญิงทั้งนั้น

 

      ไม่อยากหึง ไม่อยากน้อยใจ แต่อดไม่ได้ ที่จะคิด ทำงานมาเหนื่อย ๆ ยังมีแก่ใจ มาซื้อของแบบนี้อยู่อีกเหรอ....

 

     พี่เมฆซื้อให้ใคร?

 

       คนที่คิดเองเออเองเม้มปากแน่น ยามที่เดินตามหลังเขาต้อย ๆ มองข้างกันกับพี่เมฆมีพนักงานผู้หญิงแนะนำสินค้าด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม หลังจากพี่เมฆได้ของดั่งใจ พนักงานรับสินค้าแล้วพาไปยังจุดบริการชำระเงิน...

 

     คนที่เก็บความรู้สึกไว้ข้างใน แต่ไม่รอดสายตาของชายหนุ่มคนนี้ไปได้ ตั้งแต่ออกมาจากแผนกสตรี เมฆินทร์เห็นจุนเจือเงียบงันไปอย่างเห็นได้ชัด

 



    ถ้าไม่ให้เรียกว่า มันคือ อาการของคนน้อยใจจะให้เรียกว่าอย่างไรดี...???

 

    ยามที่รถเคลื่อนตัวมาได้สักพักเตรียมมุ่งสู่โรงแรมใจกลางเมือง จังหวะที่รถติด เมฆินทร์เอื้อมมือไปกุมมือเด็กหนุ่ม...

 

"เป็นอะไรครับ?"

 

"เปล่าครับ"

 

"นี่งอนพี่หรือ?"

 

"งอนทำไมครับ จุนไม่ได้งอน"

 

"ไม่ดื้อสิครับ บอกพี่มาเถอะจุนพี่จะได้รู้"

 

     จุนเจือเม้มปากแน่น

 

"พี่จะใจร้ายกับจุนไปถึงไหน ไหนว่าเราเป็นแฟนกัน แต่พี่เมฆก็ยังกล้าพาจุนมาซื้อของให้ผู้หญิงคนอื่น"

 

      ครู่หนึ่ง เมฆชะงักก่อนกลั้นยิ้ม

 

 

"คิดเองเออเองอีกแล้ว ไม่พอใจอะไรก็พูดมาตรง ๆ สิ ครับ พี่อยู่ตรงนี้กับจุนแท้ ๆ ทำไมไม่ถามพี่ครับ?"

 

"ถามทำไมในเมื่อสิ่งที่พี่ทำมันก็ชัดเจนอยู่แล้วนี่ครับว่าพี่ซื้อของให้ผู้หญิง"

 

     จุนเจือบอกอย่างหน้าบึ้งตึง

 

"จุนเป็นผู้หญิงหรือครับ?"

 

กึก

 

    จุนเจือชะงักเม้มปากมองพี่เมฆ

 

"พี่เมฆหมายถึงอะไร?"

 

"พี่ซื้อให้จุน" ในตอนแรก เมฆินทร์ตั้งใจจะไม่พูดเพราะอยากเอาไปเซอร์ไพร์สให้คนรักใส่ที่ห้อง แต่กลายเป็นว่าพอไม่พูด เรื่องทุกอย่างดูจะบานปลายและยิ่งแย่

 

"ซื้อให้ผม จะบ้าหรอครับ? ผมเคยใส่ถุงน่องที่ไหน?"

 

    เมฆยิ้มกรุ้มกริ่ม ก่อนส่งสายตาหื่นกระหาย จุนเจือเริ่มหน้าร้อนเห่อเหมือนจะรู้คำตอบที่แท้จริง

 

"ใส่ให้พี่ดูหน่อยนะครับ พี่อยากเห็น"

 

"บ้า...มะ...ไม่ครับ ผมไม่ใส่" จุนเจือเบือนหน้าหนี อย่างอาย ๆ

 

"นะครับ พี่อยากเห็นจุนใส่ยามที่เรามีเซ็กซ์กัน" เมื่อรู้ว่าจุนเจือได้แปรความน้อยใจเป็นความอาย เมฆินทร์ก็อมยิ้ม เห็นแล้วมันอยากแกล้ง

 



"ไม่มีทาง" จุนเจือยืนกรานอย่างหนักแน่น

.

.

.

.

    ยามนี้ทั้งสองอยู่ภายในห้องโฮเตลรูม แม้จะไม่ใช่ห้องเดิม แต่เป็นโรงแรมเดิมที่เมฆินทร์เคยพาจุนเจือมามีเซ็กซ์แลกเงินกันครั้งแรก เมฆินทร์ไม่ได้บอกเหตุผลหรอกว่าทำไมถึงพามาที่เดิม แต่มั่นใจว่าจุนเจือเองก็น่าจะรู้



    แหละเมื่อทั้งสองอาบน้ำอาบท่าเสร็จ ตอนนี้ เมฆินทร์นอนรอใครบางคนออกมาจากห้องน้ำ

 

     เพียงประตูส่งเสียงกึกกักเบา ๆ แล้วพบเด็กหนุ่มสวมเสื้อเชิ้ตสีขาวไม่ติดกระดุม ท่อนขาเรียวยาวถูกอำพรางด้วยถุงน่องลายลูกไม้สีดำที่สูงมาเหนือหัวเข่า

 

    แค่เห็นแวบแรก เมฆินทร์ก็ลอบกลืนน้ำลาย ใจเต้นแรงไม่เป็นส่ำ เขายิ้มพอใจกับจุนเจือในลุคนี้

 

"หืมมม...จุนครับ เซ็กซี่จังครับ ขึ้นมาบนเตียงที" เมฆินทร์ตบปุ ๆ ตรงพื้นที่ว่างข้าง ๆ

 

    เมฆินทร์ร้องฮึ่มในลำคอข่มใจ ยามเห็นเด็กหนุ่มตัวสั่นเหมือนลูกนกกำลังปีนป่ายขึ้นมาบนเตียงช้า ๆ ไม่รอให้เสียเวลา เมฆรีบโน้มกายไปหาและดึงตัวจุนเจือมาจุ๊บปากก่อนสอดมือเข้าใต้เสื้อเชิ้ตไปลูบหัวไหล่เนียน



"หืมมม จุนครับ จุนลุคนี้ทำพี่หัวใจจะวายนะรู้ไหม"



"พี่เมฆเลิกพูดเถอะครับ จุนอาย"



"มันกระตุ้นพี่ได้ดีมากเลย พี่แข็งแล้ว เห็นไหม?" เมฆินทร์ย้ำตอนที่มือของเขาลูบไล้ผ่านถุงน่องสีดำเนื้อบางบาง และเรียบลื่น

 

"พะ...พี่เมฆ"

 

"พี่ไม่ไหวแล้วครับ เริ่มเลยนะ"



"แต่....."



     ยังไม่ทันจะพูดจบ จุนเจือก็โดนพลิกให้อยู่ใต้ร่าง และจากนั้น เมฆินทร์ก็เริ่มบทรักอย่างเนิบนาบก่อนจะจบลงด้วยความเร่าร้อนดั่งไฟราคะ จนเหงื่อท่วมร่าง

 

    หลังจากเสร็จภาระกิจที่เติมเต็มความรักไป ทั้งสองนอนตระกองกอดกันด้วยความผ่อนคลายกายมากขึ้น เมฆินทร์จูบซับข้างขมับ แล้วสบตามองจุนเจือ พร้อมปลายนิ้วไล้วนไปตามแก้มนิ่ม ๆ ของคนรักไปด้วย

 

"พี่ชอบช่วงเวลาที่เราสองคนได้อยู่ด้วยกัน"

 

"จุนก็เหมือนกัน จุนชอบเวลาที่เราอยู่ด้วยกันแค่สองคน ได้คุยกันแบบเปิดใจ ไม่ต้องกั๊กความรู้สึก จุนมีความสุขมาก ๆ เลยครับพี่เมฆ"

 

"......" เมฆินทร์ไม่ตอบ เอาแต่อมยิ้มและจ้องหน้าจุนเจือ มือหนาก็เลื่อนไปลูบผมเด็กหนุ่ม

 

"พี่จะไม่ทิ้งจุนใช่ไหม?"

 

"ทำไมถามแบบนี้ครับ พี่ไม่ทิ้งง่าย ๆ หรอกครับ"

 

"จริงนะครับ" จุนเจือถามอย่างกระตือรือร้น ฟากเมฆินทร์อมยิ้ม แล้วจุ๊บข้างมุมปากคนรักเบา ๆ

 

"ขอบคุณจุนนะครับ ที่เข้ามาเติมความสุขให้พี่"

 

"ขอบคุณพี่เมฆเหมือนกันครับ จากนี้ เราจะมีความทรงจำดี ๆ ร่วมกัน และไม่ว่าจะอยู่ที่ไหน? จุนจะไม่มีวันลืมพี่เมฆเลย"

 

"ขอบคุณครับ"

 

    เมฆินทร์อมยิ้มก่อนกอดกระชับจุนเจือ พรมจูบข้างแก้มเบา ๆ แล้วนอนคุยกันไปเรื่อย ๆ  เขาแค่อยากใช้เวลาเอื่อย ๆ โดยไม่ได้เร่งรีบไปไหน...



    พออายุมากขึ้น มีทุกอย่างที่ดำรงชีวิตได้อย่างไม่ขัดสน เมฆินทร์ไม่ต้องการอะไรมากไปกว่าความสุขแบบเรียบง่าย แค่เสร็จจากการทำงานมาเหนื่อย ๆ แล้วพบคนรักนอนอยู่บนเตียงข้างกันถามไถ่ว่าวันนี้เป็นอย่างไรบ้าง? เหนื่อยไหม? กินอะไรมาแล้วหรือยัง? เท่านั้นมันก็ดีต่อใจมากพอแล้ว...

 

    ยามนี้ ทั้งสองยังคงอ้อยอิ่งไปกับการนอนมองหน้ากันด้วยรอยยิ้ม แต่ในวินาทีหนึ่ง จุนเจือโพล่งขึ้นอย่างสงสัย



"จ้องหน้าจุนนานแล้วนะ มีอะไรหรือเปล่าครับ?"



"กำลังคิดว่า ครั้งหน้าพี่จะให้จุนใส่อะไรดี" เมฆินทร์ตอบพลางกดจูบข้างแก้ม

 

"อื้อ ไม่เอาแล้วครับพี่เมฆ จุนอาย"



   จุนเจือขมวดคิ้วทันที เมื่อเห็นคนรักเอี้ยวตัวไปหยิบมือถือ ใช้นิ้วสไลค์หน้าจอไปมา ก่อนจะยื่นมือถือมาตรงหน้าจุนเจือ



"เอาแบบนี้ดีไหม? พี่ว่ามันเหมาะกับจุนมากเลย"



     ทันใดนั้น ใบหน้าเด็กหนุ่มก็แดงแปร๊ด

 

"พี่เมฆ หยุดเลยนะ จุนไม่คุยกับพี่แล้ว..." จุนเจือหยัดกายลุกขึ้นหนีเพราะอาย ก่อนจะมีเสียงไล่ตามหลัง



"หยุดไม่ทันแล้วครับ พี่กดสั่งซื้อทางเน็ตไปแล้ว"


"พี่เมฆ!!!!"



    ... และนี่ คือห้องที่อบอวลไปด้วยความสุข ห้องนี้ มีแต่เรา


 
...........จบบริบูรณ์..........


ดำเนินมาถึงจุดจบ

ไม่มีคำใดจะเอ่ยนอกจากสองคำนี้

ขอโทษที่หายไปนาน (ไม่มีข้อแก้ตัวใด ๆ ค่ะ ) และขอบคุณที่ยังมีคนอ่านมาอยู่ด้วยกันจนถึงตรงนี้นะคะ

ชอบ ไม่ชอบตรงไหน ขอโทษมา ณ ตรงนี้ด้วยน้า

 :mew1: :mew1: :mew1:

 

 

ออฟไลน์ DrSlump

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3382
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +104/-2
 :pig4: :pig4: :pig4:

มวยถูกคู่จริง ๆ

เซ็กส์จัดทั้งคู่  555

ออฟไลน์ songte

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1425
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-1

ออฟไลน์ ลูกกุญแจ

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 337
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +28/-2
ขอบคุณมากจ้าสำหรับนิยาย

ออฟไลน์ ommanymontra

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3437
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +96/-0

ออฟไลน์ sk_bunggi

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 399
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +24/-0

ออฟไลน์ BM_CBC

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 58
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0

ออฟไลน์ LadySaiKim

  • ▫▪□Dezine'Kim□▪▫
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1705
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +47/-0

ออฟไลน์ mareeyah

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 184
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด