◾▪Hotel Room #ห้องนี้มีแต่เรา▪◾บทที่ 22(เมฆินทร์-จุนเจือ) |22.1.20| P.4 -ตอนจบ-
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ◾▪Hotel Room #ห้องนี้มีแต่เรา▪◾บทที่ 22(เมฆินทร์-จุนเจือ) |22.1.20| P.4 -ตอนจบ-  (อ่าน 21462 ครั้ง)

ออฟไลน์ rinyriny

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 295
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +106/-1
4ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ

ติดตามกฏเพิ่มเติมที่กระทู้นี้บ่อยๆ เมื่อมีการแก้ไขกฏจะแก้ไขที่กระทู้นี้นะครับ
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0

ประกาศทั่วไปติดตามอัพเดทกันที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.0

ประกาศ กฎที่อื่นมีไว้แหก แต่ห้ามมาแหกที่นี่

1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท,
หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง
หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์
และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อเจ้าของเรื่องเท่าที่จะทำได้หรือแจ้งมายังบอร์ดนี้ก่อนนะ ครับ  เนื่องจากเจ้าของเรื่องบางครั้งไม่ต้องการให้คนที่ไม่ได้ชื่นชอบนิยายชายรัก ชายเข้ามารับรู้  ลิขสิทธิ์ทั้งหมดเป็นของเจ้าของคนที่ทำขึ้นและเวปแห่งนี้นะครับ

4.ห้าม แจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอมให้ส่งหรือติดต่อกันทางพีเอ็มจะ ปลอดภัยกว่าแล้วเมื่อมีการติดต่อสื่อสารกันให้พึงระวังถึงความปลอดภัย ความไม่น่าไว้ใจของผุ้คนทุกคนแม้จะมีชื่อเสียงในบอร์ดเป็นเรื่องส่วนตัวของ แต่ละคนไป เพื่อลดความขัดแย้งภายในเล้า จึงไม่สนับสนุนให้มีการจีบกันในบอร์ดนะครับ

5.ห้าม จั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิด เดียวให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตาม

6.การ พูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insearch qoute  ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ

8.Administrator และ moderator ของ forum นี้ มีสิทธิ์อ่าน, ลบ หรือแก้ไขทุกข้อความ. และ administrator, moderator หรือ webmaster ไม่สามารถรับผิดชอบต่อข้อความที่คุณได้แสดงความคิดเห็น (ยกเว้นว่าพวกเขาจะเป็นผู้โพสต์เอง).

9.คุณยินยอม ให้ข้อมูลทุกอย่างของคุณถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูล. ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกเปิดเผยต่อผู้อื่นโดยไม่ได้รับการยินยอมจากคุณ .Webmaster, administrator และ moderator ไม่สามารถรับผิดชอบต่อการถูกเจาะข้อมูล แล้วนำไปสร้างความเดือดร้อนต่างๆ

10.ห้าม ลงประกาศลิงค์โปรโมทเวป  โฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ลงได้เฉพาะในห้องซื้อขาย ในเมื่อแนะนำเวปอื่นที่บอร์ดเรา ก็ช่วยแนะนำบอร์ดเราโดยลงลิงค์บอร์ดเรา เวป http://www.thaiboyslove.com  ในบอร์ดที่ท่านแนะนำมาให้เราด้วย  เมื่อจำเป็นต้องแนะนำลิงค์ให้ส่งลิงค์กันทาง personal message หรือพีเอ็มแทนนะครับจะสะดวกกว่า ส่วนในกรณีอยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนๆได้อ่านจริงๆนั้นพยายามลงให้ห้องซื้อ ขายซะ หรือถ้าม๊อดเดอเรเตอร์จะพิจารณาเป็นกรณีๆไป ถ้ารู้สึกว่าไม่ได้โปรโมทเวป แต่อยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนด้วยใจจริงจะให้กระทู้นั้นคงอยู่ต่อไป

11.บอร์ด นิยายที่โพสจนจบแล้วมีไว้สำหรับนิยายที่โพสในบอร์ด boy's love จนจบแล้วเท่านั้น จึงจะถูกย้ายมาเก็บไว้ที่นี่ หาอ่านนิยายที่จบแล้ว หรือคนเขียนไม่ได้เขียนต่อ แต่โดยนัยแล้วถือว่าพล็อตเรื่องโดยรวมสมควรแก่การจบแล้ว หากนักเขียนท่านใดได้พิมพ์เล่มกับสำนักพิมพ์ ต้องการลบเรือ่งบางส่วนออก โดยเฉพาะไคลแม๊ก หรือตอนจบที่สำคัญ ให้แจ้ง moderator ย้ายนิยายของท่านสู่ห้องนิยายไม่จบ เพื่อที่หากระยะเวลาเกินหกเดือนแล้ว เราจะได้ทำการลบทิ้ง หรือท่านจะลบนิยายดังกล่าวทิ้งเสียก็ได้ เนื่องจากบอร์ดนี้เก็บเฉพาะนิยายที่จบแล้ว

บอร์ดนิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบไว้สำหรับ
นิยาย ที่คนเขียนไม่ได้มาต่อนาน หายไปโดยไม่มีเหตุผลสมควร ไม่ได้แจ้งไว้หรือแจ้งแล้วก็ไม่มาต่อ 3 เดือน จะย้ายมาเก็บในนี้เมื่อครบหกเดือนจะทำการลบทิ้ง ส่วนเรื่องไหนที่จะต่อก็ต่อในนี้จนกว่าจะจบ แล้วถึงจะทำการย้ายไปสู่บอร์ดนิยายจบแล้วต่อไป

12.ห้ามนำเรื่องพิพาทต่างๆมาเคลียร์กันในบอร์ด

13.ผู้โพสนิยาย และเขียนนิยายกรุณาโพสให้จบ ตรวจสอบคำผิดก่อนนำมาลงด้วยครับ

14.ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน  ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ

15. การนำรูปภาพ บทความ ฯลฯ มาลงในเวปบอร์ด  ควรจะให้เครดิตกับ... 
(1) ผู้ที่เป็นต้นตอเจ้าของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ
(2) เวปไซต์ต้นตอที่อ้างอิงถึง

16.นิยาย เรื่องไหนที่คิดว่าเมื่อมีการรวมเล่มขายแล้วจะลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วน หรือทั้งหมดออก กรุณาอย่าเอามาลงที่นี่ หรือสำหรับผู้ที่ขอนิยายจากนักเขียนอื่นมาลง ต้องมั่นใจว่าเรื่องนั้นจะไม่มีการลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมด ออกเมื่อมีการรวมเล่มขาย อนึ่ง เล้าไม่ได้ห้ามให้มีการรวมเล่มแต่อย่างใด สามารถรวมเล่มขายกันได้ แต่อยากให้เคารพกฎของเล้าด้วย เล้าเปิดโอกาสให้ทุกคน จะทำมาหากิน หรืออะไรก็ตามแต่ขอความร่วมมือด้วย เผื่อที่ทุกคนจะได้อยู่อย่างมีความสุข

17.ห้าม แจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน  ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง  นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฏการซื้อขายของเล้่าก่อน ด้วยนะคะ)

18.ใคร จะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดเรื่องสั้น ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที  ส่วนเรื่องสั้นที่จบแล้วให้แก้ไขโพสแรก และต่อท้ายว่าจบแล้วจะได้ไม่ถูกลบทิ้งและจะเก็บไว้ที่บอร์ดเรื่องสั้นไม่ ย้ายไปไหน   เช่นเดียวกับนิยายทุกเรื่องเมื่อจบให้แก้ไขโพสแรก และต่อท้ายว่าจบแล้ว จะได้ย้ายเข้าสู่บอร์ดนิยายจบแล้ว ไม่เช่นนั้นม๊อดอาจเข้าใจว่าไม่มาต่อนิยายนานเกินจะโดนลบทิ้งครับ

เอาข้อสำคัญก่อนนะครับเด่วอื่นๆจะทำมาเพิ่มครับเอิ้กๆหุหุ
admin
thaiboyslove.com.......................................                                                           

วันที่ 3 ธ.ค. 2551วันที่ 16 ก.ย. 2554 ได้เพิ่มกฏ ข้อที่ 7
วันที่ 21 ต.ค.2556 ได้ปรับปรุงกฏทั้งหมดเพื่อให้แก้ไข และติดตามได้ง่าย
วันที่ 11 พ.ย. 2557 เพิ่มเติมการลงเรื่องสั้นและการแจ้งว่านิยายจบแล้ว
วันที่ 4 ธ.ค. 2557 เพิ่มบอร์ดเรื่องสั้นจึงปรับปรุงกฏข้อ 18 เกี่ยวกับเรื่องสั้น และ เพิ่มเติมส่วนขยายของกฏข้อ 17

เวปไซต์ แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่าง ประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม
Share This Topic To FaceBook
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 22-01-2020 20:35:19 โดย rinyriny »

ออฟไลน์ rinyriny

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 295
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +106/-1
บทนำ







 

 









[จุนครับ วันนี้พี่ ออกไปหาลูกค้า มีกินเลี้ยงด้วย น่าจะกลับดึก พี่ไม่อยากให้จุนเคว้ง จุนกลับไปนอนที่ห้องจุนก่อนนะ]

 

 

"ครับ"

 



     จุนเจือรับคำพลางลอบถอนหายใจนิดหน่อย ก็วันนี้ เป็นวันครบรอบแปดเดือนของจุนเจือและพี่บอมบ์แท้ ๆ แต่พี่บอมบ์กลับไม่ว่าง ครั้นจะอยากงอแง เรียกร้องอย่างคนเอาแต่ใจ พี่บอมบ์ก็เคยบอกไว้ก่อนคบกันว่าไม่ชอบคบคนขี้งอนแบบไม่มีเหตุผล จุนเจือไม่อยากเป็นคนงี่เง่าในสายตาพี่บอมบ์ถึงยอมเงียบ ได้แต่กลับมานั่งน้อยใจเพียงคนเดียวระหว่างวัน

 

 

      เวลาบ่ายแก่ ๆ จุนเจือยังคงนั่งทำงานที่โต๊ะตัวเดิม ขวามือมีขนมและชานมไข่มุก ซ้ายมือคืองานเอกสารที่กองพะเนินบนโต๊ะ จุนเป็นพนักงานบริษัทเอกชนแห่งหนึ่งที่ทำเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์อาหารเสริม จุนเจือทำหน้าที่ประสานงานทั้งกับลูกค้า และระหว่างแผนก นอกจากนี้ จุนเจือยังทำหน้าที่เสมือนกึ่งเลขา บางเรื่องที่กรรมการผู้จัดการต้องการอะไร จุนเจือก็ต้องคอยช่วยหาข้อมูลให้บ้าง และคอยดูแลทุกอย่างให้เป็นไปด้วยความเรียบร้อย จุนเจือมองว่า ถ้าเขาทำอะไรได้ก็ทำไปก่อน เพราะอย่างน้อยมันก็คือประสบการณ์ และที่สำคัญ แม้ว่าที่แห่งนี้ จะทำงานหนักและเหนื่อยแค่ไหน จุนเจือก็ยังไม่คิดจะลาออกจากงาน เพราะมันเป็นจุดที่ทำให้จุนเจือได้พบรัก พบพี่บอมบ์ ผู้ชายที่อายุมากกว่าจุนห้าปี พี่บอมบ์มาจีบจุนเจือก่อน จนกระทั่งจุนเจือใจอ่อนกับการป้อนคำหวาน การตามจีบ เอาอกเอาใจ จึงตัดสินใจคบเป็นแฟน จนบัดนี้ก็ล่วงเลยมาได้เก้าเดือนแล้ว พี่บอมบ์เป็นเซลล์ขายผลิตภัณฑ์ เขาพูดเก่ง และทำงานเก่ง จุนเจือจึงชอบเป็นพิเศษ จุนเจือชอบผู้ชายที่ทำงานเก่ง มันรู้สึกว่าผู้ชายคนนั้นมีความมุ่งมั่นตั้งใจทำอะไรสักอย่างจนกลายมาเป็นเสน่ห์ ถึงแม้ว่า พี่บอมบ์จะติดเซ็กซ์ไปหน่อย มีความต้องการที่สวนทางกันบ้าง แต่จุนเจือรับได้ เพราะคนเราก็ต้องมีจุดบกพร่องทางด้านนิสัยกันนิดหน่อย คงไม่มีใครจะมาสมบูรณ์แบบเต็มร้อย

 

 

     คนที่พยายามมองข้ามเรื่องที่ชวนจะเป็นปัญหาใหญ่ กำลังถอนหายใจ ก่อนจะผุดรอยยิ้มขึ้นมาใหม่ เมื่อนึกได้ว่า พี่บอมบ์จำวันครบรอบเราไม่ได้ไม่เป็นไร จุนเจือจะแอบไปเซอรไพร์สเขาเอง

 



      พี่บอมบ์ออกจากบริษัทไปหาลูกค้าตั้งแต่ตอนบ่ายโมง ส่วนจุนเจือเมื่อเลิกงานแล้วก็แวะซื้ออาหารหมาที่หมดแล้ว ให้เจ้าละมุดสักหน่อย รวมถึงจะซื้อเค้กไปฉลองกันสองคน

 

       ได้ของให้ทั้งสุนัขและคนเรียบร้อย จุนเจือก็หิ้วของทั้งหมดขึ้นรถแท็กซี่เพื่อมุ่งไปหาพี่บอมบ์ เมื่อถึงหมู่บ้านคุ้นเคยที่จุนเจือมาเป็นประจำ ก็บอกทางอย่างชำนาญ จนกระทั่งถึงหน้าบ้านรั้วเหล็กเตี้ยสีดำ จุนเจือดึงกลอนขึ้น เปิดประตูเข้าไป จนหยุดเท้าตรงหน้าบ้านกระจกใสที่เห็นรองเท้าไม่คุ้นตาถอดอยู่หน้าบ้าน

 

    จุนเจือแค่สงสัย แต่ก็เดินเข้าบ้านไปอย่างเงียบ ๆ วางเค้กไว้บนเคาน์เตอร์ครัวและอาหารสุนัข แต่เจ้าละมุดที่นอนอุตุอยู่ตรงพื้นครัวพอได้ยินเสียงกอกแกกก็ผงกหัวเห่าเสียงแหลมจนจุนเจือรีบย่อตัวลงไปลูบหัว ลูบหลังจนละมุดหยุดเห่าเปลี่ยนมาส่งเสียงร้องครางอิ๋ง ๆ ใกล้ๆ

 

    คนที่ยังเล่นกับสุนัข ก็ได้ยินเสียงคนคุยกัน

 



"ใครน่ะ บอมบ์"

 

 

    เสียงสองคนตะโกนคุยกันทำจุนเจือชะงัก คนที่นั่งลูบหมาอยู่ข้างเคาน์เตอร์อ่างล้างหน้า ผุดลุกขึ้นพร้อมกับสายตาที่เห็นพี่บอมบ์สวมแค่บ็อกเซอร์ ยืนจ้องตาโตตกใจ

 

 

"จุน มาได้ไง กลับไปก่อน พี่ไม่สะดวก"

 

 

"ทำไมล่ะครับ?" จุนเจือยืนงง เพิ่งมาถึงแท้ ๆ แต่ทำไมพี่บอมบ์กลับไล่กันอย่างหน้าตาเฉย

 

 

       จุนเจือคงไม่ต้องรอคำตอบจากแฟนตัวเอง เพราะสายตาของจุนเลื่อนมองข้ามไหล่พี่บอมบ์เห็นผู้ชายหน้าตี๋ใส่แว่นสายตากรอบดำ เดินลงมาจากบันไดในสภาพกางเกงบ็อกเซอร์เช่นเดียวกัน เขาเดินมาซบไหล่พี่บอมบ์ด้วยใบหน้าง่วงงุน จุนเจือตาร้อนผ่าวตอนที่กวาดตามองเรือนร่างคนที่จุนเจือไม่รู้จักพบรอยจ้ำแดงหลายแห่ง

 

 

"นี่คือลูกค้าพี่บอมบ์หรือครับ?"

 

 

"......"

 

 

"จุนถาม ตอบจุนสิพี่" จุนเจือโมโหและหน้าชาดิกจนตวาดออกไป แต่ใต้เสียงที่ถามออกไป ลึก ๆ จุนเจือเองก็ไม่มั่นใจ มันเหมือนว่าจุนเจือก็มีคำตอบให้ตัวเองอยู่แล้ว

 



"กล้าดียังไงมาตวาดใส่บอมบ์"

 

"ทำไมผมจะกล้าไม่ได้ล่ะครับ ก็พี่บอมบ์คือแฟนผม"

 

 

"เฮอะ! แฟน? คบกันมากี่ปีหรอครับ ตอบผมหน่อย ตัวผมกับบอมบ์น่ะคบกันมาห้าปีแล้ว" เสียงหัวเราะเยาะในตอนแรกและเสียงหัวเราะเยาะในตอนท้ายทำจุนเจือเจ็บปวดจริง ๆ  แต่เหนืออื่นใด สิ่งที่เพิ่มความเจ็บปวดเป็นเท่าทบทวีก็ตอนที่ได้ยินระยะเวลาความสัมพันธ์ของทั้งคู่ที่คบกัน

 

 

      ผู้ชายคนนั้นบอกว่าห้าปี แต่กับจุนเจือมันเพียงเก้าเดือนเท่านั้น นี่จุนเจือกลายเป็นชู้คนอื่นโดยไม่รู้ตัวหรือนี่...

 

       จุนเจืออึกอักพูดไม่ออก เพราะเขาจะเอาอะไรไปอ้างสิทธิ์ได้อีก แค่นี้ จุนเจือก็ไม่รู้จะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน จุนเจือมองพี่บอมบ์ด้วยความเสียใจและเสียความรู้สึก พี่บอมบ์ก็ยื่นเงียบไม่คิดจะช่วยอธิบายหรือแก้ตัวแทนกันสักนิดเลย

 



"พี่หลอกจุนหรอครับ?" จุนถามพี่บอมบ์ เขาเลือกที่จะไม่ตอบผู้ชายคนนั้นเพราะอาย จุนเจือรู้แล้วว่าตอนนี้ สถานะเขาคืออะไร?





      คนโง่ดี ๆ นี่เอง...

 

 

"พี่ไม่ได้หลอกอะไรจุนครับ เราเป็นพี่-น้องกันมาโดยตลอด แล้วอะไรคือหลอกครับ? จุนกำลังคิดอะไรอยู่?"

 

"บอมบ์คงเหงา เขาก็แค่หาเศษหาเลยน่ะ กลับบ้านเถอะ มีตังค์กลับบ้านไหมล่ะ" คนที่อ้างตัวว่าคบมาก่อนก็เสริมด้วยน้ำเสียงของผู้ชนะ

 

   จุนเจือไม่ต่างกับหมาหัวเน่า เขายืนนิ่ง น้ำตารื้น ความรู้สึกโกรธ เสียใจ และอับอายตีตื้นขึ้นมาจนจุกอก ตลอดเวลาที่จุนเจือทุ่มใจ มอบความรู้สึกดี ๆ ให้ไป สิ่งที่ได้กลับมาคือ การหลอกลวงกันอย่างนั้นหรือ?

 

      น้ำตาไหลตอนที่ได้ยินคำตอบคนเห็นแก่ตัว จุนเจือเดินกลับไปที่ครัว คว้ากล่องเค้กเหวี่ยงเข้าหน้าพี่บอมบ์



 

"โชคดีนะ ไอ้ชั่ว"

.

.

.

.

       เขาว่ากันว่า หากใจสลาย รักษาได้ด้วยการใช้เวลาเยียวยาจิตใจ แล้วมันจะดีขึ้นเอง

 

 

        สำหรับจุนเจือ เขาใช้เวลาสี่สิบห้าวันแห่งการเยียวยาตัวเอง หลังจาก เรื่องนี้เกิดขึ้น จุนเจือลาออกจากที่ทำงาน และตระเวนหางานใหม่ โดยทุกนาทีที่ผ่านไป หัวใจของจุนเจือช่างทรมาน





        สี่สิบห้าวันนี้...จุนเจือร้องไห้ทุกวัน จุกอก และเจ็บปวดใจอย่างหนัก แต่พอร้องไห้ทุกวัน ร้องไห้จนไม่มีน้ำตา และการร้องไห้นี่แหละก็ได้เรียนรู้ว่า มันก็ไม่ใช่เรื่องเลวร้ายจนเกินไป เพราะการร้องไห้ ไม่ได้หมายถึงการแสดงความอ่อนแออย่างเดียว แต่การร้องไห้ยังให้เราได้ระบายมันออกไปด้วย





       ตลอดระยะเวลาสี่สิบห้าวันนี้ก็ทำให้จุนเจือดีขึ้นจริง ๆ แม้ว่า จุนเจือจะมีบางห้วง ช่วงขณะที่ยังคงมีความรู้สึกคั่งค้างอยู่ในจิตใจ มีเผลอคิดถึงพี่บอมบ์ และสถานที่เราเคยไปเที่ยวด้วยกันบ้าง แต่หากถามถึงตอนนี้ จุนเจือรู้สึกใจเบา อาการทุเลาลงกว่าแต่ก่อน อย่างน้อย จุนเจือเริ่มยิ้มได้แล้ว



   

       สำหรับเรื่องการอกหัก ครอบครัวจุนเจือไม่มีใครรู้ มีแต่เพื่อนสนิทไม่กี่คนที่รู้และทำได้แค่รับฟังและปลอบใจ และจากจุดนี้เองที่ทำให้จุนเจืออยากลองหนีไปใช้ชีวิตให้ไกล ๆ เมื่อโสด เมื่อไม่มีใคร เขาจะไปไหน ทำอะไรก็ได้ จุนเจือเลยเสี่ยงที่จะลองไปทำงานต่างถิ่นดู

 

 

      จังหวัดสุราษฎร์ธานี คือ สถานที่ที่จุนเจือจะไปเริ่มงานแห่งใหม่ จุนเจือเลือกมาพัก หลบเลียแผลใจที่ตั้งอยู่บนเกาะเล็ก ๆ  แห่งหนึ่ง

 

 

      เขาหวังว่าการได้เห็นทิวทัศน์ธรรมชาติ และท้องทะเล จะช่วยสร้างประสบการณ์ใหม่ ๆ และลืมเรื่องราวร้าย ๆ ในอดีตที่เพิ่งผ่านพ้นมาได้

     

 

     แม้ว่าคนในครอบครัวจะเป็นห่วงที่จุนเจือต้องมาทำงานไกลขนาดนี้ เพราะเดิมทีจุนเป็นคนกรุงเทพโดยกำเนิด แต่ถ้าไม่ลองก็ไม่รู้ จุนเจือไม่อยากให้พ่อ แม่ และพี่สาวเป็นห่วง จุนเจือจึงโกหกว่า เพื่อนทำงานอยู่ก่อนแล้ว ทั้ง ๆ ที่ความจริงแล้ว จุนเจือไม่มีใครที่จุนรู้จักเลยสักคน

 

 

      จุนเจือแบกเสื้อผ้ายัดเต็มกระเป๋าเป้ใบใหญ่และกระเป๋าลากใบโตหนึ่งใบ ในเวลานี้ จุนเจือเหมือนเด็กน้อยที่พยายามหัดเป็นหนุ่มแบ็คแพ็คเกอร์ ท่องเที่ยวโลกใบใหญ่ เขาเดินไปไหนต่อไหนก็แทบกลืนไปกับผู้คน ทั้ง ๆ ที่จุนเจือคิดว่าความสูงร้อยเจ็ดสิบสองเซนติเมตรนั้นถือว่าไม่เตี้ยจนเกินไปสำหรับหนุ่มเชื้อสายไทย แต่พอมาอยู่ในสถานที่ท่องเที่ยวแบบนี้ มองไปทางไหนก็เจอแต่หนุ่มฝรั่งตาน้ำขาวสูงราวร้อยแปดสิบเซ็นต์ขึ้นไป จึงไม่แปลกที่ยามนี้ จุนเจือจะกลายเป็น 'ลิ้ตเติ้ลบอย' ไปโดยปริยาย





      เวลานี้ จุนเจือนั่งเรือเฟอร์รีข้ามฟากจนถึงเกาะอีกฟากฝั่ง เขาเดินลงจากเรือปะปนไปกับฝูงชนที่เดินไหลเรื่อย ๆ ราวกับสายน้ำ เมื่อหลุดพ้นวงโคจรนั้นมาได้ จุนเจือพรูลมออกมาทางปากเบา ๆ เขายกมือขึ้นปาดเหงื่อ และอากาศของเมืองไทย ในเวลาบ่ายสองสี่สิบห้านาทีนี้ ช่างร้อนแรงจนอยากแก้ผ้าเดินเสียเหลือเกิน





      จุนเจือกระหายน้ำอย่างหนัก เขาลืมพกน้ำดื่มติดตัวมาด้วย จุนเจือลากกระเป๋าเดินมาจนถึงศาลารวมพล อากาศร้อนจนชวนอึดอัดถ้าต้องนั่งรอคนขับรถของโรงแรมที่จะมารับอยู่ในนี้ จุนเจือไม่อยากอุดอู้ จึงเดินออกไปหาอะไรกินข้างนอก จุนเจือเดินไปสอบถามคนท้องถิ่นว่าร้านสะดวกซื้ออยู่ตรงไหน ได้ที่หมาย จุนเจือขอบคุณและกำลังเดินข้ามถนนไปยังร้านสะดวกซื้อ







       เสื้อยืดสีขาวตัวโคร่งที่ใส่มายามนี้เปียกชุ่มด้วยเหงื่อ จุนเจือเดินอาบเหงื่อลากกระเป๋าใบโตไปด้วย จังหวะที่จุนเจือลากกระเป๋าข้ามฝั่ง ล้อของกระเป๋าลากเกิดตกหลุมระหว่างถนนช่างลงล็อกพอดิบพอดี จุนเจือหลับตาสบถอย่างหงุดหงิดแล้วหันไปกระตุกกระเป๋า แต่มันยังคงติดหลุมอยู่ พอจุนเจือกำลังจะยกกระเป๋า รถกระบะที่ต้องใช้เส้นทางนี้ก็บีบแตรไล่จนจุนเจืออายและสะดุ้งด้วยความตกใจ มาต่างถิ่นก็เจอเรื่องเข้าให้แล้ว จุนเจือพยายามจะยกกระเป๋าแต่มันหนักเกินไป และแล้ว ทันใดนั้น จุนเจือได้ชายหนุ่มน้ำใจงามวิ่งเข้ามาช่วยจุนยกกระเป๋าลากออกจากหลุม ชายผู้นั้นโค้มศรีษะให้กับคนขับรถกระบะคันสีดำและเป็นฝ่ายลากกระเป๋าจองจุนเจือมาจอดพักไว้ตรงหน้าร้านสะดวกซื้อ

 

 

"เอ่อ ขอบคุณนะครับ" จุนเจือยิ้มให้ผู้ชายหน้าคล้ายคนญี่ปุ่น

 

 

"ไม่เป็นไรครับ ตัวคนเดียวแบบนี้ ทำอะไรดูที่ ดูทาง ด้วยนะครับ"

 

 

"ครับ" จุนเจือตาโต ดีใจที่ได้เจอคนไทยด้วยกันมีน้ำใจขนาดนี้ จุนเจือรีบยกกระเป๋าไปวางหลบมุม และรีบเข้าร้านสะดวกซื้อ หยิบตะกร้ามาใส่ของเบ็ดเตล็ดและขนมมากมายหวังจะซื้อตุนเอาไว้เพราะไม่รู้ว่าแถวโรงแรมจะมีร้านสะดวกซื้อแบบนี้หรือเปล่า



     

      จุนเจือหยิบของใส่จนเต็มตระกร้า และมารอเข้าแถวเพื่อจ่ายเงิน คนที่ยืนรออยู่ จู่ ๆ โดนคนข้างหลังกระแทกจนจุนเจือถลาไปข้างหน้า และหัวโขกกับกระเป๋าเป้ใบโตของฝรั่ง ครู่หนึ่งจุนเจือสัมผัสได้ว่าอีกฝ่ายจับข้อแขนแต่ก็รีบดึงมือออกไป





       จุนเจือสบถเบา ๆ ยกมือลูบหน้าผากตัวเองป้อย ๆ หันหลังไปชักสีหน้าไม่พอใจ แต่ยังไม่ถึงกับจะอ้าปากด่า ก็ชะงักที่เห็นว่าเป็นคนไทยสวมแว่นกันแดดทรงวินเทจ ใส่เสื้อฮาวายพื้นสีฟ้า ลอยดอกสีแดงปนครีมที่ปลดกระดุมลงมาสองเม็ดจนเห็นแผงอกรำไร ความหล่อดูดีถึงกับทำให้จุนเจือเผลอกวาดสายตามองตั้งแต่ใบหน้าไล่ต่ำลงมา และก็เป็นจุนเจือเองที่รีบเบนหน้าหนีตอนที่อีกฝ่ายเอ่ยขอโทษ

 

 

        แม้จะหันหลังมาแล้ว แต่สิ่งหนึ่งที่ยังติดตรึง นั่นคือ กลิ่นน้ำหอมราคาแพงจากตัวอีกฝ่าย ที่เตะจมูก จุนเจือรู้สึกถึงความสดชื่น แต่ขณะเดียวกันก็ดูน่าค้นหา



     

        ตอนนี้ จุนเจือยังรู้สึกเสียวสันหลัง และไม่รู้ว่าคิดไปเองหรือเปล่าที่จุนเจือรู้สึกถึงไออุ่นตรงบริเวณข้างลำคอและไหล่ จุนเจือรีบสลัดไล่ความคิดเรื่องคนแปลกหน้าทิ้งไป ตอนที่มาถึงคิวของตัวเอง รอสักพัก พนักงานคิดเงิน แต่ไม่ยอมใส่ถุงพลาสติกให้สักที จุนเจือจึงถาม

 



"ขอโทษนะครับ ทำไมไม่ใส่ถุงล่ะครับ"

 



"เกาะเรา เข้าร่วมโครงการรณรงค์ลดโลกร้อนค่ะ หากลูกค้าจะซื้อของ ลูกค้าต้องนำถุงผ้ามาใส่ของเองค่ะ"

 

"ห้ะ?" จุนเจือไม่รู้มาก่อน แล้วเขาซื้อของตั้งมากมายจะทำยังไง แบกออกไปแบบนี้เพื่อยัดใส่กระเป๋าอีกใบนะเหรอ? จุนเจือตัดสินใจจะซื้อถุงผ้าเพิ่ม พนักงานบอกว่าของหมดสต็อกอีก

 

 

        จุนเจือลอบถอนหายใจ ก่อนจะยื่นแบงค์พันไปและรอรับเงินทอน ระหว่างนั้น จุนเจือก็ค่อย ๆ กวาดของที่อยู่ตรงเคาน์เตอร์มาอุ้มไว้ในอ้อมแขน จุนเจือต้องประคองทั้งตัวเองและประคองทั้งสติเพื่อเดินออกไปข้างนอก จุนเจือเดินด้วยความทุลักทุเล ส่วนหนุ่มฝรั่งตัวสูงสองคนที่เดินคุยกันอยู่ข้างหน้าจุนเจือ  จู่ ๆ ก็หยุดกระทันหัน จนจุนเจือเดินชนกระเป๋าเป๋ใบสูงใหญ่อีกรอบ ที่สำคัญใบหน้าของจุนเจืออยู่ในระดับเดียวกับรองเท้าที่ฝรั่งคนนั้นมันผูกติดไว้กับกระเป้าเป้  จุนเจือสบถทันทีที่ของในมือหล่นกระจัด กระจาย

 

 

'โอ้ย นี่การมาต่างถิ่นคนเดียวครั้งแรกมันจะต้องซวยและยากเย็นขนาดนี้เลยหรือไงวะ'

 

      จุนเจือรู้สึกว่าวันนี้ ทำอะไรก็ดูจะผิดที่ผิดทางไปทุกอย่าง  จุนเจือรีบเก็บของตรงบันไดให้ไว เพราะจุดนี้เป็นจุดที่นักท่องเที่ยวเดินมาซื้อของกันอย่างพลุกพล่าน

 

       มือเล็กชะงักตอนที่เหลือบเห็นมือของคนอื่นยื่นมาช่วยเหลือเก็บของที่หล่น พอหันไปมองก็เห็นผู้ชายที่จุนเจือชื่นชมในใจว่าหล่อในตอนแรก นั่งก้มเก็บของโดยไม่พูดอะไร

 

"อะ...เอ่อ ขอบคุณครับ" พอเขาเดินถือของมาให้ จุนเจือยิ้มกว้างที่ได้คนมีน้ำใจมาช่วยเขาอีกหน และการได้อยู่ใกล้ ๆ กันก็ทำให้กลิ่นน้ำหอมสดชื่นแต่น่าค้นหาวนเวียนมาแตะจมูกจุนเจืออีกครั้ง

 

 

        จุนเจือไม่รู้ว่าเขามองอยู่หรือเปล่า เพราะเขาใส่แว่นกันแดด แต่จุนเจือก็ยังมองอีกฝ่ายอย่างไม่อยากละสายตา จนเสียงใครอีกคนทักท้วงขึ้นมา จุนเจือถึงเบือนหน้าหนีเม้มปากแน่น



 

"ผมก็นึกว่าพี่ไปเหมาขนมทั้งร้านมาซะอีก รอโคตรนาน อ้าว!"



      เสียง'อ้าว' ของคนมาใหม่ทำให้จุนเจือชะงักและหันไปมอง พอเห็นว่าเป็นคนที่ช่วยจุนเจือยกกระเป๋าลากตรงกลางถนน จุนเจือยิ้มแห้ง และคิดว่าเขาคงอุทานในทำนองที่ว่า ไอ้คนเด๋อด๋าคนนั้นอีกแล้วเหรอ? แน่ ๆ



        จุนเจือกอดขนมและของใช้ทุกอย่างไว้ในอ้อมแขน แล้วพยักหน้าน้อย ๆ พร้อมกับขอบคุณอีกครั้ง จุนเจือยังคงมองทั้งสองคนเดินพ้นลานสายตา และก็เพิ่งมาเอะใจว่า ทั้งสองคนนั้นรู้จักกันอย่างนั้นเหรอ?

 

 

       จุนเจือสลัดไล่ความคิดอีกหนและเก็บของทุกอย่างยัดใส่กระเป๋าลากใบโต เพื่อเดินไปตามจุดนับพบที่คนขับรถรออยู่





         จุนเจือเดินไปยิ้มไปที่แม้จะพบเจออุปสรรค ระหว่างทางจนน่าหงุดหงิดใจ แต่อย่างน้อยจุนเจือก็โชคดีที่ได้พบคนน้ำใจงาม ช่วยเหลือจุนเจือเสมือนพบเจ้าชายขี่ม้าขาว แถมมาช่วยถึงสองคนเสียด้วย....





         จุนเจือจะเก็บไว้เป็นความทรงจำครั้งแรกของการเดินทางมายังที่แปลกใหม่ แม้ว่า จุนเจือจะรู้ตัวดีว่า จุนเจือคงไม่ได้พบหน้าชายหนุ่มน้ำใจงามนั่นอีกแล้ว.ก็ตาม...









................................

 
ฝากตัวกับเรื่องใหม่ด้วยนะคะ
ขอบคุณค่า  :mew1: :mew1: :mew1: :mew1:


 
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 01-10-2019 19:24:47 โดย rinyriny »

ออฟไลน์ AkuaPink

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2033
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +59/-1

ออฟไลน์ rinyriny

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 295
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +106/-1
   

บทที่ 1 เจอกันอีกครั้ง











"พอจะตอบได้ไหมครับว่า สาเหตุที่ช่วงนี้ คุณเมฆินทร์เสน่ห์แรงเหลือล้นขนาดนี้ ลงนะหน้าทอง ที่วัดไหนครับ" เมฆินทร์ หันไปถลึงตาดุใส่ปฐพี น้องชายขี้แซวที่สามารถทำให้ทุกเรื่องจริงจังกลายเป็นเรื่องไร้สาระได้





"ไม่ขำน่ะสิ"





"โถ่ ชีวิตเราไม่ได้มีไว้เครียดนะพี่ หัดไร้สาระอย่างผมบ้าง จะจริงจังไปไหน? พี่เมฆไม่เห็นจริง ๆ เหรอว่าผู้ชายคนนั้นมองพี่ตาเป็นประกายอย่างกับรักแรกพบ? ผมว่าเขาชอบพี่เมฆนะ" ใบหน้าคมคายที่เรียบเฉยในตอนแรกกลับมุ่นคิ้วจนแทบจะติดกัน ตอนที่น้องชายบอกมาอย่างนั้น





"ผู้ชาย? ฉันนึกว่า ผู้หญิงห้าว ๆ ที่ตัดผมสั้น ไม่ใช่หรอกหรือ?" เมฆินทร์ถามออกไปอย่างซื่อ ๆ ไม่รู้ตัวเลยว่าสายตาการมองคนของตัวเขาเองผิดพลาดมหันต์ขนาดนี้





     คงเป็นเพราะตัวเองไม่เคยเจอบุคลิกชายไทยที่มีความละม้ายคล้ายผู้หญิง ทั้งรูปร่าง โครงหน้า โดยเฉพาะริมฝีปากที่เมฆินทร์ยอมรับว่าไม่เคยสะดุดตากับริมฝีปากใครเท่านี้มาก่อน





     ริมฝีปากเป็นรูปกระจับ ยามยิ้มที่มุมปากยกขึ้นราวกับปีกนกโผบินลอยล่อง รอยยิ้มที่ดูสดใส ราวกับว่าชีวิต ไม่เคยประสบพบเจอเรื่องร้ายมาก่อน...





     ทุกอย่างก็เป็นแค่ความคิดเชิงสงสัย เมฆินทร์ไม่ได้สนใจอะไรมากนัก วันนี้อาจนำมาหยิบยกพูดถึงเป็นประเด็นคุยได้มากมาย แต่พรุ่งนี้ เดี๋ยว เมฆินทร์ก็ลืม





"ผู้ชายพี่ แต่ผู้ชายสายแมนไหม อันนี้ ผมว่าไม่ใช่ เรดาร์ ผมแม่น รับประกัน? หรือเปล่าวะ? ฮ่า ๆ" ตอนนี้ ทั้งสองพี่น้องกำลังเถียงกันเป็นเรื่อง เป็นราว ในระหว่างทางที่จะไปร่วมแสดงความยินดีกับการเปิดร้านใหม่ของเพื่อนสนิทของเมฆินทร์ ที่สนิทกันเข้าขั้นขนาดจะเป็นลูกอีกคนของตระกูล อุดมโชคพิศไพศาลไปเสียแล้ว



"ฉันว่าพอเถอะ นายไม่ควรเอาเรื่องของคนอื่นมาพูดสนุกปาก"



"ไม่ได้สนุก ไม่ได้เหยียดด้วยครับ ผมแค่พูดถึงเขาเพราะว่า เขาดูน่ารักดี ป้ำ ๆ เป๋อ ๆ อยู่รอด ผ่านสังคมอันโหดร้ายมาทุกวันนี้ได้ไงวะ"

 



        เมฆินทร์ส่ายหน้ากลับบทสนทนาไร้สาระ เขาหยิบมือถือมาไถหน้าจอดูข่าวการตลาดไปเรื่อย ๆ ในขณะที่สายตายังคงจ้องมองโทรศัพท์มือถือ เมฆินทร์ก็ย้ำ





"ดิน พอไหม? ไม่ใช่เรื่องของเราเลยสักนิด ถ้าเหงาปากมาก มีลูกอมนะ เอาไหม?"





"พี่เมฆว่าผมปากเหม็นหรือวะ?"





     เมฆินทร์หัวเราะหึในลำคอพลางส่ายหน้าระอา บางที ที่เขาเคยได้ยินเพื่อนในกลุ่มที่มีน้องชายร่วมสายเลือดแล้วบอกว่าไม่สนิทหรือไม่ลงรอยกัน ด้วยนิสัยไปถึงปัจจัยหลายอย่างจนเคยถึงขั้นลงไม้ลงมือชกต่อยกัน บางที เมฆินทร์ก็คิดนะว่า หากเขามีน้องชายนิสัยแบบนั้น จะดีกว่าน้องชายที่เอาแต่กวนประสาท พูดมาก ไร้สาระไปวัน ๆ แบบนี้ไหม?





      ครู่หนึ่ง เมฆินทร์หันหน้าไปหาน้องชาย กระตุกยิ้มมุมปากก่อนจะหุบยิ้มตอนที่ดินหันกลับมาเอียงคอมอง





      น้องชายแบบปฐพีนี่แหละ ที่เมฆินทร์คิดว่าดีและเหมาะที่สุดแล้ว...





"พี่เรามาพนันกันสนุก ๆ ดีกว่าว่ะ แก้เบื่อ?"





"....." เมฆินทร์หันไปหาน้องชายตัวดีอีกครั้ง แม้ว่า ปฐพีจะอายุแตะเลขสามมาสด ๆ ร้อน ๆ แต่ในสายตาเขาก็ยังมองว่า ปฐพี ทำตัวเป็นเด็กอยู่เสมอ





"พี่ว่าเราจะได้เจอเขาอีกไหม?"





"ไม่" เมฆินทร์ตอบเต็มปากเต็มคำ ไม่ต้องใช้เวลาคิดให้เสียเวลา ผิดกับปฐพีที่หัวเราะเริงร่า เพราะเขารู้อยู่แล้วว่าพี่ชายต้องตอบคำนี้ แม้ลึก ๆ ปฐพีก็มีคำตอบแบบเดียวกับพี่ชาย แต่ถ้าตอบเหมือนกัน มันก็จะไม่มีคำว่า แพ้..หรือ ชนะ..แล้วมันจะไปสนุกอะไร ตอนนี้ คำตอบปฐพีเต็มไปด้วยความเสี่ยง แต่ก็น่าสนใจ มันกระตุ้นความท้าทาย ให้น่าลองอยู่เหมือนกัน





     และพนันกันอย่างเดียวคงไม่สนุกเท่ามีการเดิมพัน





"พี่ว่าไม่เจอใช่ไหม แต่ผมว่าเจอ ถ้าภายในสองสัปดาห์ที่เราอยู่เกาะนี้ ไม่เจอเขา ผมให้พี่ห้าพัน แต่ถ้าเจอ พี่ต้องให้เงินผมมาห้าพัน"





"ทำไมต้องลงเงิน ไร้สาระ ฉันไม่เอาด้วย"





"หรือพี่เมฆกลัว? แค่ห้าพันเอง จ่ายค่าอ่าง ค่าพริตตี้ บางทียังมากกว่านี้ ถ้าแพ้ก็เหมือนให้ค่าขนมน้องชายนะครับ น้องชายสายเลือดเดียวกันนะ เผื่อพี่ลืม" เมฆินทร์ตวัดสายตาดุมองน้องชายที่ยียวน และกำลังท้าทายอีโก้ของเขาที่ก็มีพอตัวเสียด้วย





       เมฆินทร์ค่อนข้างมั่นใจว่าคำตอบของเขายังไงก็ถูกแน่นอน





       คนไม่ได้รู้จักหรือสนิทกันมาก่อน ก็แค่จังหวะที่เอื้อต่อการต้องช่วยเหลือกันเท่านั้น คงไม่มีทางได้พบเจอกันอีกครั้งหรอก เพราะไม่ได้มีเหตุให้ต้องมาพบเจอกัน และมันก็ไม่ได้สำคัญอะไรกับชีวิตเมฆินทร์เสียด้วย เมฆินทร์คิดอย่างมั่นใจและเสริมเพิ่มไปอีกให้น้องชายรู้ว่าคำตอบของเมฆินทร์นั่นถูกร้อยเปอร์เซ็นต์แน่ ๆ





"โอเคฉันรับคำท้า ฉันยืนยันคำตอบว่าไม่มีทางได้เจอ แต่ถ้าเจอขึ้นมา ฉันจะขอเบอร์เขาเลย" หนักแน่นในอุดมการณ์เสียขนาดนั้น จนปฐพีแอบเป๋ไปนิดหนึ่ง ผู้เป็นน้องยืดตัวตรง และระบายยิ้ม



"คำพูดถ้าออกมาจากปาก ศักดิ์สิทธิ์นะครับ"



"ใช่ ฉันรู้ ก็ตามนั้นล่ะ"





    ไม่คิดว่าจากเกมส์ไร้สาระ ขำ ๆ จะกลายเป็นเรื่องสนุกและท้าทายตอนที่ได้ยินพี่ชายเอ่ยประโยคหลัง ปฐพีต้องไปบนบานศาลกล่าววัดใดที่จะพอช่วยลูกช้างตาดำ ๆ ให้เอาชนะพี่ชายหนนี้ได้สักครั้ง

.

.

.

.   

      หลังจากมาร่วมแสดงความยินดีกับเพื่อน พูดคุยกันได้นานสองนาน จนเวลาล่วงเลยมาจนถึงหกโมงเย็น ยามนี้ วิวทิวทัศน์กำลังงดงามใช้ได้ ทำให้ญาติสนิท มิตรสหายและครอบครัวของ พงศ์ พงศกร เพื่อนสนิทของเมฆินทร์ ไม่เว้นแม้แต่ปฐพี ต่างปรี่ไปชายหาดเพื่อถ่ายรูปวิวที่หาชมได้ยากในเมืองกรุง ที่ตรงนี้จึงเหลือแค่เมฆินทร์กับพงศกรเท่านั้น เมฆินทร์กวาดตามองร้านอาหารติดชายทะเล ที่ตกแต่งในสีขาวล้วนด้วยสไตล์มินิมอลก็แอบดีใจแทนเพื่อนที่เป้าหมายว่าอยากจะมีร้านริมทะเลก็สำเร็จไปอีกหนึ่งเป้าหมาย





"ไว้ถ้ากูว่างจะมาบ่อย ๆ" เมฆินทร์เอ่ยปากบอกเพื่อน





"เปิดโฮสเทลเล็ก ๆ ไหม? กูเห็นพอมีที่มีทางอยู่ บ้านมึงก็ทำอยู่แล้วน่าจะไม่ต้องเรียนรู้อะไรมาก" พงศกรถามเมฆินทร์ด้วยเสียงจริงจัง อันที่จริงร้านอาหารนี้ พงศ์ก็เคยเอ่ยปากชวนเมฆินทร์ร่วมหุ้นด้วยกัน แต่เมฆินทร์ไม่ได้มีความถนัดทางเรื่องอาหารเท่าไหร่ อีกอย่าง เมฆินทร์ยังมีหลายอย่างที่ยังไม่สามารถจะมาลงหลักปักฐานเต็มตัวที่นี่ได้ ดังนั้น การมาอุดหนุนเพื่อน คือสิ่งที่เมฆินทร์ถนัดมากกว่า





"แค่งานที่กูทำอยู่ก็พอก่อนดีกว่า" เมฆินทร์เอ่ยถึงธุรกิจส่วนตัวที่เขาเปิดบริษัทเอเจนซี่ อีเวนท์รับทำทุกอย่างให้กับภาครัฐและเอกชน เมฆินทร์ต้องยกความดีความชอบให้น้องชายที่อยากสานต่อธุรกิจอสังหา ฯ ของครอบครัว จึงไม่เกิดปัญหาระหว่างครอบครัวว่าพ่อแม่บังคับให้ลูกสืบทอดกิจการ และการชอบของปฐพี จึงมีส่วนให้เมฆินทร์ปลีกตัวมาทำธุรกิจของตัวเองได้แบบนี้



"เออ แต่ถ้าเบื่อรถติด เบื่อเมืองกรุง มาพักยาว ๆ ที่นี่ได้นะมึง"



"อืม"



"กูไปหาแม่ก่อน เอาอะไรสั่งเต็มที่เลยนะเมฆ เดี๋ยวกูมา"





"อืม" เมฆินทร์ตอบรับ ก่อนจะลุกจากโต๊ะตัวใน เดินไปสั่งเบียร์กับพนักงานที่เคาน์เตอร์ บาร์ และหย่อนกายลงนั่งที่เก้าอี้สตูลตัวกลม ท้าวแขนไปด้านหลังและเอนตัวพิงขอบเคาน์เตอร์ เมฆินทร์ยกขวดกระดกขึ้นดื่มเพียงลำพัง ในขณะที่ น้องชายยังคงหมกมุ่นอยู่กับการถ่ายวิวทะเลไม่หยุดพัก



      เมฆินทร์รู้สึกถึงความผ่อนคลาย การทำงานที่ไม่มีวันหยุดและเหนื่อยจนแทบไม่ได้พักมาตลอดสี่ปี พอจัดตาราง หาวันหยุดลงล็อกเพื่อมาที่นี่เที่ยวแบบนี้ก็รู้สึกดี มาที่นี่ เมฆินทร์ยังไม่มีแผนจะไปไหน แต่ตั้งใจว่าพรุ่งนี้ คงจะหาร้านนวดแผนโบราณดี ๆ สักร้าน มานวดคลายเส้นแก้ความตึงสักหน่อย แต่วันนี้ เมฆินทร์เลือกให้แอลกอฮออล์เป็นตัวคลายความเครียดเรียกน้้ำย่อย





          เมฆินทร์ยังคงกระดกเบียร์ไปหลายอึก แต่แล้ว อึกที่เพิ่งเข้าปากแทบพุ่ง มือหนาที่จับขวดหยุดชะงัก  เมื่อเห็นผู้ชายที่เมฆินทร์ช่วยไว้ช่วงบ่ายแก่ ๆ เดินด้วยท่าทีมองซ้าย มองขวา เด๋อ ๆ ด๋า ๆ เหมือนหาอะไรบางอย่าง เมฆินทร์กำลังจะหมุนตัวเองหันหน้าเข้าบาร์ แต่ยังไม่ทันที่เก้าอี้สตูลจะขยับหมุน เขาเม้มปากกลั้นขำตอนที่ผู้ชายปากสวยสะดุดเนินลูกระนาดจนเกือบหน้าคะมำ จากนั้น เมฆินทร์เห็นเขาลอบมองซ้ายมองขวาเหมือนจะสำรวจว่ามีใครเห็นความกะเปิ๊ปกะป๊าปของตัวเองหรือเปล่า  แล้วจู่ ๆ เมฆินทร์เผลอกลั้นหายใจตอนที่เจ้าตัวเดินผ่านหน้าร้าน แต่คงเพราะความอายผู้ชายคนนั้นจึงได้แต่ก้มหน้า ก้มตา ไม่กล้าสบตาใคร จึงไม่รู้เลยว่ากำลังเดินผ่านร้านอาหารซึ่งมีคนช่วยเขาไว้นั่งอยู่ตรงนี้







'เป็นคนตลกดี'





    พอชายปากสวยเดินผ่านร้านของเพื่อนเมฆินทร์ไป เมฆินทร์ก็เพิ่งนึกขึ้นได้ เขาหน้าชาและตัวแข็งทื่อตอนคำพูดน้องชายวกเข้ามาในหัว





'พี่ว่าไม่เจอใช่ไหม แต่ผมว่าเจอ ถ้าภายในสองสัปดาห์ที่เราอยู่เกาะนี้ ไม่เจอเขา ผมให้พี่ห้าพัน แต่ถ้าเจอ พี่ต้องให้เงินผมห้าพัน'






ปึก!





    เมฆินทร์สะดุ้ง ตอนที่น้องชายเดินมาตบไหล่





"เป็นอะไรวะพี่? ทำหน้าอย่างกับเจอผี" ดินถามพี่ชายที่นั่งตัวแข็งเกร็ง





"เปล่า สงสัยคงมึน" เมฆินทร์ลดมือที่ถือเบียร์ลงก่อนจะหมุนตัวไปทางบาร์ แล้ววางขวดเบียร์ลงบนเคาน์เตอร์หินอ่อน





"อะไร? แค่ครึ่งขวดเอง กลายเป็นคนคออ่อนตั้งแต่เมื่อไหร่กัน"





     เมฆินทร์เงียบกริบ เขาปล่อยให้น้องชายบ่นไป ส่วนตัวเองก็ได้แต่นั่งคิดเรื่องที่เจอคน ๆ นั้น แต่ไม่ได้บอกน้องชาย เพราะเขายังไม่แน่ใจว่า เมื่อกี้ที่เห็น นั่นของจริงหรือตาฝาด



     แต่แล้วคนที่มั่นใจว่าใช่ แต่หลอกความรู้สึกตัวเองให้โลเล กลับรู้สึกจุกอก อึดอัด และแล้วความรู้สึกผิดก็ตีตื้นขึ้นมา เหมือนมีคนกรอกหูว่าที่เราทำอยู่ ไม่ต่างกับโกงน้องชาย





     เมฆินทร์ถอนหายใจ เอาเป็นว่า ถ้ามีจังหวะที่เหมาะเมื่อไหร่ เมฆินทร์จะหาทางบอกความจริงน้องชายแล้วให้เงินทีหลังแล้วกัน เพราะถึงอย่างไร เกมส์ก็คงจบสิ้น เมฆินทร์มั่นใจว่ามันไม่มีโอกาสจะได้เจออีกเป็นครั้งที่สาม

.

.

.

.

"เฮ้ย...ขอโทษที กูก็เพิ่งรู้ ว่านี่ช่วงไฮซีซันของฝรั่ง เลยไม่คิดว่าจะเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น" ตอนนี้ ในเวลาบ่ายโมงตรง พงศกรกำลังขอโทษ ขอโพยที่จองโรงแรมให้เพื่อนและครอบครัวได้พักจากความเป็นจริงที่จองไว้คือ สิบสี่วัน-สิบสามคืน แต่กลายเป็นว่า พักได้แค่ห้าวัน-สี่คืน ทางโรงแรมแจ้งว่าที่พักเต็มจะขอนำส่งแขกไปพักที่รีสอร์ทอื่น





"มึงไม่เกี่ยว แต่กูเสียความรู้สึกที่เขาไล่ลูกค้าไทย เพื่อรับลูกค้าต่างชาติ" แม้ว่าจะฉุนจัด แต่ในน้ำเสียงของเมฆินทร์ก็ไม่ได้มีทีท่าตวาดหรือขึ้นเสียงใส่เพื่อน เมฆินทร์รู้ดีว่า เรื่องแบบนี้ผิดพลาดกันได้  แต่ถ้าเกิดกับเมฆินทร์ครั้งแรกจะไม่เท่าไหร่ แต่มันเกิดขึ้นเป็นครั้งที่สองแล้ว ซึ่งครั้งแรกก็ให้เขากับน้องชายย้ายจากชั้นหนึ่งไปอีกชั้นที่สูงขึ้น ห้องที่วิวไม่สวยและเล็กกว่า





"แต่โรงแรมที่เขาส่งต่อ กูไปสำรวจมาให้ก็ใช้ได้อยู่นะ"





"ไม่โอเคแล้วล่ะ กูว่าจะขอเงินคืนแล้วไปจองโรงแรมอื่น" เมฆินทร์ว่าอย่างนั้น ทั้ง ๆ ที่เขาพักโรงแรมนี้มาได้ที่แล้ว กลับต้องถูกย้ายไปที่อื่น จนเมฆินทร์กำลังจะหมดสนุก เวลานี้ ครอบครัวของพงศกรก็ถูกย้ายไปเช่นกัน แต่พวกเขาไม่ได้อิดออดอะไร เพราะระยะเวลาการพักของพวกนั้นสั้นกว่าเมฆินทร์และน้องชาย เพราะพรุ่งนี้ ทางครอบครัวและภรรยาของพงศกรก็เดินทางกลับกรุงเทพ ฯ กันแล้ว





"ดิน ได้ที่พักใหม่หรือยัง?"





"พี่เมฆ ผมดูในเว็บมันก็ยังพอมีห้องว่าง แต่ถ้าจองเดี๋ยวนี้ ราคาแม่งแพงมากว่ะ"



"ไม่สน เลือกมาสักที่ ตามใจนาย"



"อ่าโอเคครับพี่เมฆ" ปฐพีนั่งจิ้มนิ้วลงไปในโทรศัพท์มือถือ เมื่อพี่ชายลงคำสั่งมาแล้ว ปฐพีก็รับคำสั่งและปฏิบัติตาม จนเจ้าตัวสรรหาจนได้ที่ถูกใจ





"พี่ผมจองแล้ว ห้องโฮเทล รูมคืนละพันเก้ารวมอาหารเช้า เอาสองห้องนะ"





"อืมไปกันเลย" เมฆินทร์ไม่ได้ดูเลยว่าน้องจองที่พักอะไร เป็นแบบไหน เขาขอแค่ต้องการไปให้พ้นจากที่ตรงนี้  พงศกรเห็นท่าไม่ดีจึงรีบไปประกบข้างเมฆินทร์ที่กำลังเดินไปคุยกับผู้จัดการโรงแรมว่าจะไม่ไปตามตัวเลือกที่โรงแรมเสนอมาให้ แต่จะไปพักที่อื่นเอง และจะขอเงินคืน ทางผู้จัดการก็ขอโทษและบอกว่าคืนได้ แต่ไม่ทั้งหมด เมฆินทร์ไม่อยากเรื่องมากเพราะเริ่มเหนื่อย เขาเลยตอบตกลง แล้วหลังจากนั้นไม่เกินสามวัน ทางโรงแรมจะโอนเงินเข้าบัญชีให้





"เมฆ กูขอโทษนะที่ทำให้มึงหมดสนุก"





"ช่างเถอะ"





"เดี๋ยวกูพาไปส่งที่โรงแรมใหม่ ชื่ออะไรวะ ดิน"  พงศกรหันไปถามน้องชายเพื่อนที่เป็นคนเลือกที่พักแห่งใหม่ พอปฐพีตอบกลับ ทั้งสามก็เดินไปยังจุดที่จอดรถกระบะโฟร์วีล เพื่อเดินทางไปยังโรงแรมแห่งใหม่ที่ตั้งอยู่อีกหาดแต่ยังอยู่ในเกาะเดียวกัน



"ขอบใจมาก ไว้เจอกันตอนค่ำ"



"เออ โทรมานะเมฆ"





    เมฆินทร์พยักหน้ารับ ใช้เวลาราวสิบห้านาทีก็ถึงโรงแรมอีกแห่ง เพียงลงจากรถ ความร้อนของอากาศเมืองไทยก็ปะทะเข้าทั้งผิวกายและใบหน้าจนแทบทำให้เมฆินทร์เป็นบ้า แต่ว่า เขาใจเย็นลงยามที่เห็นน้องแมวลายส้มนอนยกขาข้างหนึ่งและเลียขนตัวเอง เมฆินทร์เคยเลี้ยงแมวไว้ตัวหนึ่ง แต่แล้วมันได้ตายจากไป เพราะคนที่ไม่รักสัตว์ได้มองว่าชีวิตมันไม่มีความหมายจึงพรากชีวิตมันไป ตั้งแต่นั้น เมฆินทร์ถึงไม่คิดเลี้ยงสัตว์ตัวไหนอีก ด้วยความกลัวว่าทั้งใจและความรู้สึกเขาจะไปยึดติดกับมันจนเสียใจมากแน่ ๆ







       เมฆินทร์ยิ้มมุมปากเดินลงจากบันได ปรี่ไปย่อตัวลงนั่งเล่นกับแมว เขาทั้งลูบ ทั้งเกาท้องจนมันแสดงอาการเคลิบเคลิ้ม หลับตาพริ้ม  อย่างน้อยการได้เจอแมวและวิวทะเลก็ช่วยทำให้ความโมโหจากการถูกย้ายโรงแรมก่อนหน้าได้ทุเลาลง





     เล่นมาพอสมควร เมฆินทร์ผุดลุกขึ้นยืดตัวตรงตอนที่ได้ยินเสียงฝีเท้าหนัก ๆ เดินลงมา น้องชายเขาคงสูบบุหรี่เสร็จแล้ว เมฆินทร์หมุนตัวไปทางรีเซ็ปชั่น หวังจะเดินไปเช็กอินเข้าที่พักแต่ชะงักเมื่อเจ้าแมวเหมียวเดินมาคลอเคลียและเอาหน้าถูไถตรงเหนือข้อเท้า



"หืมม? ชอบล่ะสิ" เมฆินทร์ยิ้มพลางพึมพำตอนที่แมวเหมียวเดินมาคลอเคลียไม่หยุด





เมี้ยววววว!!...





     เมฆินทร์ยิ้มและเผลอหลุดหัวเราะตอนที่เจ้าแมวมันออดอ้อนจนเริ่มใจอ่อน แต่เมฆินทร์ก็ยังไม่หยุด เขาก้าวเท้าไปเรื่อย ๆ เงยหน้าหวังจะถามพนักงานที่นี่ว่าเจ้าแมวชื่ออะไร แต่เมฆินทร์ชะงักอีกรอบเมื่อเห็นใครนั่งต้อนรับพวกเขาอยู่





     'ไม่จริงใช่ไหม นี่มันเรื่องบ้าอะไรกัน'





      ผู้ชายปากสวยคนนั้น!....

 



      ขอบคุณตัวเองที่เมฆินทร์ยังไม่ได้ถอดแว่นกันแดด อย่างน้อยก็ช่วยอำพรางสายตาแห่งความช็อกตะลึงที่ได้เจอผู้ชายปากสวยอีกครั้ง....





     เมฆินทร์มองคนที่ยิ้มกว้างอย่างจริงใจ เขาทิ้งตัวลงนั่งเก้าอี้ไม่ทันไร น้องชายก็ตามมานั่งที่เก้าอี้อีกตัวแล้วหัวเราะหึ ๆ ก่อนจะหันมาหาเมฆินทร์ที่นั่งนิ่ง แต่ในใจเต้นไม่เป็นส่ำ





"เงินสดหรือออกเป็นเช็คครับ?" เมฆินทร์นั่งมองน้องชายก่อนจะเหล่มองคนตรงหน้าที่พอสวมชุดยูนิฟอร์มโรงแรมก็ดูเป็นผู้ เป็นคนต่างจากตอนที่เห็นครั้งแรกที่ดูเหมือนเด็กใจแตกหนีพ่อแม่มาเที่ยว





"เงินสด!"





"ได้เลย"  ปฐพียิ้มกรุ้มกริ่ม พลันเหลือบมองพนักงานที่นั่งหน้าแดงก่อนจะขออนุญาตและลุกไปไหนก็ไม่รู้





"อ้อ แล้วก็อย่าลืมนะครับ"





      เมฆินทร์เงียบ เพื่อรอฟังน้องชายพูดให้จบ





"เบอร์โทรด้วย เผื่อพี่ลืม" ปฐพีส่งสายตาพยักเพยิดคนที่หายเข้าไปข้างในส่วนออฟฟิศและยืดตัวขึ้นมาอย่างภาคภูมิใจที่เอาชนะพี่ชายได้ แถมเป็นการเดิมพันที่น่าสนุกเสียด้วย



"อืม"



     เมฆินทร์ ไม่อยากเชื่อสายตาตัวเอง ว่าจะเจอคนนี้อีกครั้ง... เขาลอบถอนหายใจ ไม่นาน พนักงานคนเดินกลับมายื่นผ้าเย็นและน้ำอัญชันมาให้



     พอเพ่งมองดี ๆ คนตรงหน้าก็ดูเด็กกว่าเมฆินทร์เป็นไหน ๆ  แต่จะเด็กกว่าเท่าไหร่ เมฆินทร์ไม่อาจรู้ได้





    และแล้วเมฆินทร์ก็ถอนหายใจอีกครั้ง มันจะไม่ยากเย็นเลย ถ้าเป็นการขอเบอร์ผู้หญิง แต่นี่เป็นผู้ชายและไม่รู้ด้วยว่าอีกฝ่ายจะให้เบอร์กันง่าย ๆ หรือเปล่า?..





     เมฆินทร์พูดคำไหน คำนั้น เขานั่งมองหน้าพนักงานคนเดิม แต่น่าแปลก ทั้ง ๆ ที่เขาใส่แว่นตาดำ แต่อีกฝ่ายกลับทำหน้าเลิ่กลั่ก พลางกัดปาก ก่อนจะหลุบตาลงต่ำ ทันทีที่เห็นเขาจ้องมอง





'เอาน่า ก็แค่ทำให้จบภารกิจ ตามที่เมฆินทร์ให้คำมั่นกับน้องชาย ว่าจะเอาเบอร์เขามาให้ได้ เท่านั้นก็พอ'





 

.........................................


บอกแค่ห้าพันก็จบไปนานแล้ว 555  :hao6: :hao6: :hao6:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 24-05-2019 19:44:17 โดย rinyriny »

ออฟไลน์ AkuaPink

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2033
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +59/-1

ออฟไลน์ Chompoo reangkarn

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1089
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-0

ออฟไลน์ rinyriny

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 295
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +106/-1
 

บทที่ 2 ห่างกัน 14 ปี











           หลังจากที่เปลี่ยนสังคม เปลี่ยนสภาพแวดล้อมการทำงานที่แตกต่างจากเดิมอย่างสิ้นเชิง จุนเจือก็ปล่อยโฮไปตั้งแต่สองวันแรก เพราะไม่เคยทำงานด้านโรงแรมมาก่อน จึงไม่รู้ว่า ระบบการทำงานมันเป็นอย่างไร แต่วันนั้นจนถึงวันนี้ก็เกือบสัปดาห์ที่จุนเจือพอจะปรับตัวกับการทำงานและสภาพแวดล้อมได้ดีขึ้น คงเพราะจุนเจือได้พบปะกับแขกผู้เข้าพักมากมาย ทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ เลยทำให้จุนเจือหายเครียดและสนุกในการทำงานมากขึ้น ยามนี้ จุนเจือเพิ่งไปส่งลูกค้าเข้าห้องพักก็มานั่งพักเหนื่อย เช็ดหน้า เช็ดตาที่โต๊ะทำงาน ในขณะนั้น สายตาที่นั่งเหม่อมองไปเรื่อย ๆ กลับมาหยุดลงตรงที่ผู้ชายคนหนึ่งเดินเข้ามาอยู่ในลานสายตา จุนเจือเห็นผู้ชายคนนั้นเดินลงมาจากบันไดและทิ้งตัวลงนั่งยอง ๆ ลูบแมวลายส้มที่นอนหงายปล่อยให้คนแปลกหน้าเกาท้องอย่างเคลิบเคลิ้ม

 



         แค่มองเห็นจากด้านข้าง เห็นการกระทำที่ลูบไล้แมวช้า ๆ อย่างเอ็นดู ไม่รู้ทำไม จุนเจือสัมผัสได้ถึงความอบอุ่น อ่อนโยน แผ่รังสีกระจายออกมาจากตัวบุคคลนั้น จุนเจือนั่งมองไปเรื่อย ๆ จนกระทั่ง ลูกค้าคนนั้นลุกขึ้นยืนเต็มความสูงและปรี่ตรงมา จุนเจือใจสั่นรัว เมื่อลูกค้าหน้าหล่อคนนั้น เป็นคนเดียวกับที่ช่วยจุนเก็บของเมื่อคราวก่อน

 

 

        วันนั้น กับวันนี้ แทบไม่ต่างกัน เขายังคงสวมแว่นตากันแดดเช่นเคย และการแต่งกายก็ยังคง เป็นเสื้อเชิ้ตลายฮาวายพื้นสีดำ ลายดอกไม้สีฟ้า เหลือง แดง กางเกงสีขาว รองเท้าแตะรัดส้นทำจากหนัง

 

        เขาเดินมาก่อนหน้าไม่นานก็มีคนเดินตามมา พอจุนเจือมองข้ามไหล่ก็จำได้ว่าผู้ชายคนนั้นเป็นคนช่วยจุนเจือเช่นเดียวกัน จุนเจือส่งยิ้มการค้าพร้อมพนมมือไหว้ตามมารยาทของงานบริการจากพนักงานต้อนรับ





        ทั้งสองนั่งลงแล้ว แต่จุนเจือได้ยินเขาพูดถึงเงินและมองมาทางจุนเจือก็ชักไม่แน่ใจว่าคุยเรื่องอะไรกัน จุนเจือไม่อยากเสียมารยาทที่ไปแอบฟังบทสนทนาจึงขอตัวไปเตรียมน้ำอัญชันและผ้าเย็น เสร็จเรียบร้อยจุนเจือถือถาดมาเสิร์ฟด้วยรอยยิ้มกว้างเพื่อให้ลูกค้าประทับใจ

 

"สวัสดีครับคุณลูกค้า รับผ้าเย็นและเวลคัมดริ้งค์เพื่อความสดชื่นหน่อยนะครับ"

 

 

    ชายหนุ่มที่มาด้วยกันรับผ้าเย็นไปพร้อมรับน้ำไปดื่ม ในระหว่างที่ให้ลูกค้าได้พักผ่อน จุนเจือก็ขอบัตรประชาชนเพื่อถ่ายสำเนาด้วย

 

 

"หน้าคุ้น ๆ ใช่คนที่ผมช่วยกลางถนนรึเปล่าครับ?" จุนเจือชะงัก อุตส่าห์เงียบแล้วแท้ ๆ ไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะยังจำกันได้ เรื่องความอับอาย ใครเขาให้ทักกัน จุนเจืออยากจะค้อนใส่ แต่เพราะเห็นเป็นลูกค้าก็เลยทำได้แค่ส่งยิ้มให้

 

 

          รอยยิ้ม เป็นปราการด่านแรกที่จะทำให้ปัญหาทุเลาลงได้ (แน่ใจเหรอ? จุน)

 

 

"ครับ อ๋อ คุณลูกค้าที่ช่วยผมนี่เอง บังเอิญมากเลยนะครับ นี่กลับมาเที่ยวอีกแล้วหรอครับ?" จุนเจือจำได้ตั้งแต่ทีแรก แต่ก็ต้องแสร้งทำเป็นคลับคล้าย คลับคลาบ้าง

 

 

"กลับมาเที่ยวอะไรกันครับ ยังไม่กลับไปไหนเลยต่างหาก พอดีพี่ชายมาหาเพื่อนน่ะครับเลยอยู่ยาวหน่อย"

 

 

"อ้อครับ"

 

 

 

     จุนเจือรับฟังอย่างยิ้มกว้าง ในขณะที่ยืนรอถ่ายเอกสารจากบัตรประชาชนของผู้เข้าพัก จุนเจือใจสั่นกว่าเดิมตอนที่เห็นผู้ชายที่ช่วยเขาไว้คราวก่อนถอดแว่นตากันแดดออกจากกรอบหน้า ยิ่งเผยให้เห็นทุกอย่างชัดเจนกว่าเดิม จุนเจือเผลอมองตาไม่กระพริบยอมรับว่า เขาดูดีทีเดียว สันกรามที่ดูคมชัดรับกับจมูกที่โด่งเป็นสันช่วยสร้างเสน่ห์ได้เหลือหลาย ไหนจะทรงผมแสกข้างสีดำที่ยุ่งนิด ๆ ราวกับไม่ได้ตั้งใจเซ็ตทรง มันดึงดูดจนจุนเจือยากจะละสายตาได้ จนกระทั่งเขาได้ยินเสียงกระแอมไอของใครอีกคนมันดังเรียกสติให้จุนเจือวกสายตาไปมองกระดาษที่กำลังไหลออกมาจากเครื่องปริ้นเตอร์จุนเจือกลับมานั่งที่เดิม คืนบัตรประชาชนตัวจริงและเก็บสำเนาไว้ พร้อมกับบอกให้แขกผู้เข้าพักกรอกรายละเอียด ระหว่างนั้น จุนเจือแอบอ่านรายละเอียดบนบัตรประชาชนของผู้เข้าพัก จุนเจือตกใจตอนที่เห็น พ. ศ. เกิดของอีกฝ่าย

 



ปฐพี อุดมโชคพิศไพศาล

12 ธันวาคม 2530

 

เมฆินทร์ อุดมโชคพิศไพศาล

1 มิถุนายน 2522

 

 

       จุนเจือเบิกตาโตครู่หนึ่ง

 

      สองคนเป็นพี่น้องกัน?  แล้วผู้ชายคนที่เราชื่นชมความหล่อไปก่อนหน้า อายุสามสิบแปดแล้วเหรอ? หน้ายังเด็กอยู่เลยแฮะ นึกว่าอายุสามสิบเอ็ด สามสิบสองซะอีก จะว่าไป เป็นคนที่ถ่ายบัตรประชาชนออกมาดูดีซะด้วย"

 


 

       คนที่ถามเอง ตอบเองในสมองกำลังมองสำเนาบัตรประชาชนและยังมีคำถามสงสัยเต็มหัวไปหมด ก่อนจะละจากกระดาษเอสี่ จ้องมองใบหน้าคนที่ชื่อ เมฆินทร์ และไม่รู้ว่าเขารู้ตัวหรือเปล่า ถึงได้เงยหน้ามาสบตากัน





        หลงใหลดวงตาสีน้ำตาลอัลมอนด์คู่นั้น...

   

"คุณครับ"

 

"ครับ?" จุนเจือละสายตาจากการมองผู้ชายที่อายุมากกว่าเขาหลายปี หันไปขานรับกับผู้ชายอีกคน

 

"พี่ชายผมหล่อ ขนาดมองตาไม่กระพริบเลยหรอครับ?"

 



    จุนเจือชะงักกึกไม่คิดว่าลูกค้าอีกคนจะลอบสังเกต และที่สำคัญยังกล้าพูดออกมาตรง ๆ พอคนที่นั่งกรอกรายละเอียดโดนพาดพิง เขาเงยหน้ามองจุนเจืออีกครั้ง แต่เพียงครู่หนึ่งก็ก้มลงไปกรอกรายละเอียดต่อ

 

 

"ความจริง ผมมองคุณก่อนจะมองพี่ชายคุณด้วยซ้ำครับ แค่นึกว่าลูกค้าทั้งสองคน ทำไมถึงหน้าตาดีและดูหน้าเด็กกว่าอายุจัง ผมขอโทษที่เสียมารยาทนะครับ แต่ผมรู้สึกอย่างนั้นจริง ๆ " จุนเจือก้มหน้ารับผิด

 

 

"ฮ่า ๆ ไม่ต้องขอโทษเลย ถ้าชมว่าผมกับพี่ชายผมหน้าเด็กนี่ให้อภัยได้ครับ แล้วคุณล่ะครับ อายุเท่าไหร่?" จุนเจือค่อยสบายใจหน่อยที่เจอลูกค้าเป็นกันเอง ไม่ได้วางตัวแบบคนละชนชั้น

 



"ผมยี่สิบสี่ครับ"

 



"อ้าวก็เด็กกว่าพวกพี่น่ะสิ" จุนเจือมองคนที่เปลี่ยนสรรพนาม แล้วอมยิ้ม

 

"ใช่ครับ เอ้! หรือหน้าผมแก่เหรอครับ ถึงดูแปลกใจขนาดนั้น" จุนเจือแซวกลับ เมื่อลูกค้าคนนึงหลุดหัวเราะ ฟากเมฆินทร์พิงพนักกอดอกมองสองคนคุยกันอย่างเงียบ ๆ

 

"ฮ่า ๆ ไม่ใช่ ๆ "

 

"ค่อยยังชั่วครับ" จุนเจือยิ้มแล้วว่าต่อ "โอเคครับ ห้องที่คุณลูกค้าจอง คือ ห้องโฮเทลรูม สองห้องรวมอาหารเช้า นี่คือคูปองอาหารเช้าลูกค้าสามารถทานได้ที่ห้องอาหารด้านล่างตั้งแต่เวลาเจ็ดโมงเช้าถึงสิบโมงเช้านะครับ ส่วนรหัสวายฟาย-พาสเวิร์ดจะวางอยู่บนโต๊ะหัวเตียงในห้องพักนะครับ"



"โอเคครับ แล้วที่นี่ สระว่ายน้ำปิดกี่โมงครับ"



"สองทุ่มครึ่งครับ"



"อ่าครับ"



"และนี่คือกุญแจของคุณลูกค้านะครับ"





     เมื่ออธิบายเสร็จสรรพ  จุนเจือเดินไปพร้อมลูกค้า เพื่อจะไปส่งที่ห้อง จังหวะที่จุนเจือกำลังก้มลงจะยกกระเป๋าเป้ที่วางตรงพื้น ลูกค้าวัยสามสิมแปดก็เป็นคนมาห้ามไว้



 

"ไม่ต้องผมถือเองได้"

 



        จุนเจือมองหน้าเขา ก่อนจะพยักหน้าแล้วใช้อาวุธด้วยการยิ้มกว้าง สู้รบกันคนหน้าหงิกงอ



        เมื่อพามาถึงก็เปิดกุญแจไขห้อง ให้เสร็จสรรพ แนะนำอีกเล็กน้อยก่อนจะเดินกลับไปยังที่ทำงานของตัวเอง

.

.

.

.

         ผ่านไปจนถึงรอบหัวค่ำ จุนเจือที่เพิ่งเสร็จจากการคุยกับลูกค้าที่เดินมาถามรอบรถบริการฟรีของโรงแรม ก็ต้องรับสายทางโทรศัพท์ที่ดังขึ้นอยู่หลายครัิง





"Junjuea speaking. May I help you?

 

 

[สวัสดีครับ ผมโทรมาจากห้องหนึ่งศูนย์สามนะครับ]

 

 

       จุนเงียบ มันคือห้องของคุณเมฆินทร์นี่นา จุนเจือจำได้

 

 

"ครับ คุณลูกค้า?"

 

 

[ผมเพิ่งมานอนบนเตียงและผมได้กลิ่นเหม็นอับ เลยลองดึงปลอกหมอนออกมาดู มีแต่คราบน้ำลายและเชื้อรา เต็มไปหมด พอจะจัดการอย่างไรได้บ้างครับ?]

 

"เอ่อ ลูกค้ารอวันพรุ่งนี้ได้ไหมครับ?" จุนเจือตอบไปแบบนั้น เพราะเวลานี้ แม่บ้านกลับไปหมดแล้ว

 

[แต่ผมอยากได้ของใหม่ตอนนี้ครับ]

 



"พอดีว่าแม่บ้านเลิกงานแล้วครับ"

 

[แล้วคุณจะให้ผมนอนแบบนี้หรือครับ?]

 



    จุนเจือเงียบกริบ เมื่อคิดว่า ได้เจอฤทธิ์ลูกค้าเรื่องมากเข้าให้แล้ว



 

[คุณมาลองนอนกับผมไหม?]

 

กึก

 

     คนที่กำลังโกรธชะงักกึกยามที่ได้ยินคำถามแบบนั้นแล้วทำไมจุนเจือต้องใจหวิวกับประโยคที่ลูกค้าพูดแบบนั้นด้วยแต่เพราะประโยคต่อมาทำให้จุนเจือเริ่มจะหน้าแดงด้วยความโกรธอีกรอบ

 

[จะได้รู้ว่ามันสกปรกและเหม็นแค่ไหน? ผมนอนไม่ลงหรอกครับ]

 

"โอเคครับ รอสักครู่นะครับคุณลูกค้า แล้วผมจะโทรแจ้งกลับไปนะครับว่าจะเข้าไปเปลี่ยนให้ตอนไหน?"

 

 

     หลังจากนั้นจุนเจือวางสายด้วยความโมโห ในหัวสมองมีแต่คำด่าลูกค้าคนนี้เต็มไปหมด ทั้งเรื่องมาก น่ารำคาญ จากที่ชื่นชมความหล่อก็ชักจะไม่มีอารมณ์ชื่นชอบซะแล้ว เขาสะกดอารมณ์ ก่อนจะโทรไปขอคำปรึกษาผู้จัดการถึงปัญหาที่ลูกค้าเรียกร้องมา จนได้ข้อสรุปว่า เขาจะเปลี่ยนห้องให้ลูกค้าใหม่ จุนเจือต่อสายไปยังห้องลูกค้าคนนั้นอีกครั้ง

 

 

"สวัสดีครับคุณลูกค้า ผมโทรมาจากรีเซฟชั่นนะครับ"

 

[ครับ]



 

"ทางเราต้องขออภัยในความไม่สะดวก เดี๋ยวทางเราจะเปลี่ยนห้องพักให้อยู่ห้องใหม่แทนเลยครับ รบกวนลูกค้ารอที่ห้องสักครู่นะครับ ผมจะเอากุญแจไปให้ครับ"

 

[ครับ]

 

 

   จุนเจือคว้ากุญแจห้องใหม่ แล้วก้าวเดินไปในขณะที่ในใจก็ท่องพุธโธ เพื่อความใจเย็น เมื่อถึงห้องแล้ว จุนเจือเคาะประตู  เพียงลูกค้าเปิดประตูกว้าง กลิ่นน้ำหอมจากตัวเขาเป็นสิ่งแรกที่ผ่านจมูก จุนเจือมองลูกค้าที่เดินออกมาด้วยสภาพชุดใหม่ที่ไม่ใช่ชุดนอนสงสัยคืนนี้คงออกเที่ยวแน่ ๆ



 

"ห้องใหม่ของคุณลูกค้าอยู่ชั้นสองครับ ตามผมมาเลยครับ"



 

    เมฆมองเด็กหนุ่มพลางลอบถอนหายใจก่อนจะเดินตามไปดูห้องที่อยู่ชั้นสอง

 

     จุนเจือไขกุญแจประตูห้อง ก่อนจะเสียบคีย์การ์ดและเปิดไฟ

 

    เมฆินทร์ถอดรองเท้าแตะ เช็คหมอน เช็คผ้าปูที่นอน รวมไปถึงความเย็นของเครื่องปรับอากาศและทุกอย่างทั่วห้อง จนได้ข้อสรุป

 



"ห้องนี้ก็ได้ครับ"

 

"ครับ ถ้างั้นผมขอกุญแจห้องเก่าคืนด้วยนะครับ แล้วมีกระเป๋าอะไรให้ผมช่วยขนไหมครับ?"

 

"ไม่เป็นไร ผมขนเอง"



"ครับ"

 

      ทั้งสองเดินออกมาจากห้องหนึ่งหนึ่งสาม และขณะที่เดินบันไดคนที่เดินนำหน้าอย่างจุนเจือหันไปหาเรื่องชวนคุยลูกค้าอย่างเป็นมิตร

 



"แล้วพรุ่งนี้ ลูกค้ามีแพลนไปไหนรึยัง ครั....โอ้ย!!"

 

 

      จุนเจือคุยเพลินจนเดินตกบันไดเพราะก้าวพลาด ฟากเมฆยืนงงกับความป้ำ เป๋อ ๆ ของอีกฝ่ายก่อนจะเดินตามลงไปดูคนที่ล้มลงนั่งไปกองกับพื้น เมฆย่อตัวลงไปนั่งแล้วถาม

 

 

"ไหวหรือเปล่า?"

 



      จุนเจือมองหน้าลูกค้าที่น้ำเสียงช่างตรงกันข้ามกว่าตอนแรก ตอนนี้ เขาพูดจาอ่อนโยน นุ่มนวล จนจุนเจือแปลกใจแต่ในขณะเดียวกันก็หัวใจสั่นสะท้าน



 "ไหวครับ แค่นี้เอง เดี๋ยวผมขอกุญแจห้องเก่าคืนด้วยนะครับ"



 

       จุนเจือกลัวลูกค้าจะต่อว่าถึงความไม่เป็นมืออาชีพ แม้ว่าเขาจะข้อเท้าแพลงแล้วแต่จุนเจือต้องฝืน แต่แล้วทันใดนั้น 



หมับ



"ผมว่าไม่ไหว ไปห้องผมก่อน"



 

     จุนเจือก้มมองท่อนแขนตรงเหนือข้อศอกตัวเองที่ถูกอีกฝ่ายจับไว้ ส่วนมืออีกข้างของลูกค้ากำลังประคองเอวจุนเจือไว้จนเจ้าตัวเผลอรู้สึกไม่ดีกับความชิดใกล้อันแปลกประหลาดเช่นนี้ จุนเจือพยายามกัดฟัน ฝืน เดินกะเผลกไปห้องพักเก่าของลูกค้า

 



"แล้วจะทำยังไง เวลางานแบบนี้ ไปหาหมอได้ไหม?"

 

 

    จุนเจือเงียบ นั่นสิเขาไม่รู้ว่าจะไปหาหมอได้หรือเปล่า? กะกลางคืนก็มีเพียงเขาคนเดียวที่ทำงานเสียด้วย



 

"คงไม่ได้ครับ"

 

     จุนเจือทิ้งตัวลงนั่งที่ปลายเตียงอย่างรู้สึกเกรงใจ ที่อยู่ ๆ ก็กลายเป็นภาระให้ลูกค้าเสียอย่างนั้น



 

"เอ่อ ลูกค้าครับ ผมไม่อยากรบกวนเวลาของคุณลูกค้าอะครับ ลูกค้ามาพักที่นี่เพื่อต้องการพักผ่อน ไม่ต้องมาช่วยผมหรอกครับ ผมดูแลตัวเองได้"



 

"เรสเตอรองค์ ต่อเบอร์อะไร?" เมฆินทร์ไม่ได้สนใจสิ่งที่พนักงานบ่นออกมา เขายังคงยึดมั่นในสิ่งที่เขาต้องการจะทำ ก็คือ การช่วยเหลือคนอื่น

 

 

"ครับ?" จุนเจือทวนถาม เขาพูดไปตั้งยืดยาว กลับไม่ฟัง แต่ดันถามในสิ่งที่ไม่เกี่ยวกับสิ่งที่จุนเจือบอกก่อนหน้าเลย



"ผมว่าคุณได้ยินนะ"





     จุนเจือหน้ามุ่ยตอนที่ได้ยิน คุณเมฆินทร์ดุ จึงบอกเบอร์ต่อร้านอาหาร เขาก็เดินตรงไปยังเครื่องโทรศัพท์กดพูดกับปลายสาย เสร็จแล้วก็กลับมานั่งข้างเตียง





"อย่าขยับ"





     จุนเจือสะดุ้งอีกครั้ง ตอนที่คุณเมฆินทร์โพล่งขึ้นมา จุนเจือแค่จะลองขยับขาดูว่าเป็นอะไรมากหรือเปล่า แต่พอเจอดุเข้าไปอีกรอบ จุนเจือนั่งเงียบ





     กลายเป็นว่าบรรยากาศอึดอัดกว่าเดิม พอโดนเอ็ดไป ทั้งห้องก็เหลือไว้เพียงความเงียบ จนกระทั่งมีเสียงเคาะประตู เมฆินทร์รีบลุก แต่จุนเจือนึกขึ้นได้รีบรั้งข้อแขนอีกฝ่ายเอาไว้แน่น จนเมฆินทร์เอี้ยวตัวมองอย่างแปลกใจ





"ลูกค้าครับ ให้พนักงานเสิร์ฟเข้ามาไม่ได้นะครับ ถ้าเขาเห็นว่าผมอยู่ในนี้และเอาไปฟ้องผู้จัดการ ผมจะโดนใบเตือนได้ มันมีกฎอยู่ครับ"





"แต่มันเป็นอุบัติเหตุ เฮ้อ! ช่างเถอะ..."





      เมฆินทร์เดินไปที่ประตู  พูดคุยสักพักเขาเดินมาพร้อมกล่องกระดาษบรรจุอาหารและถังน้ำแข็ง หายเข้าไปห้องน้ำอีกพักหนึ่งถึงเดินมาหาจุนเจือที่ปลายเตียง จุนเจือจ้องมองคุณเมฆินทร์ที่หย่อนกายลงนั่งที่พื้นตรงหน้าของเขา

 



"เจ็บตรงไหน?"

 

"ค...ครับ?"

 

"ผมถามว่าเจ็บตรงไหน?"

 

 

      จุนเจือชี้ไปที่เท้าขวาบริเวณช่วงตาตุ่ม และทันใดนั้น จุนเจือชะงัก เมื่ออีกฝ่ายจับข้อเท้าเขาอย่างเบามือ และอีกมือก็ประคองฝ่าเท้าจุนเจือไว้

 



"อย่า....ครับ!!" จุนเจือโน้มตัวเข้าไปใกล้พร้อมยื่นมือไปจะจับมืออีกฝ่ายหวังจะห้ามไม่ให้ทำเพราะเท้าจุนเจือมันสกปรก แต่การยับยั้งของจุนเจือมันเป็นจังหวะเดียวกับที่คุณเมฆินทร์ยืดตัวขึ้นและเงยหน้ามามองจึงทำให้ปลายจมูกทั้งสองเฉียดผ่านกัน ราวกับไฟฟ้าสถิตย์จนรู้สึกแปล๊ป ๆ จุนเจือผงะและถอยตัวกลับพลางเม้มปากแน่นเบือนหน้าหนีไปทางอื่น





      จุนเจือไม่กล้าพูดอะไรอีก เขาหน้าร้อนผ่าว ตัวเกร็ง ประหม่าไปหมดที่ต้องมาตกอยู่ในสถานการณ์สองต่อสองแบบนี้ สถานการณ์ที่สุ่มเสี่ยงต่อการมโนไปไกล จุนเจืออยากห้ามความคิดให้หยุดแค่ตรงนี้ แต่พอเห็นอีกฝ่ายปรนนิบัติเป็นอย่างดี จุนเจือก็เผลอใจ จุนเจือรู้สึกแปลก ๆ ใจหวิวทุกครั้งที่มือหนาบรรจงใช้ผ้าชุบน้ำเย็นจัดประคบเท้าเขาอย่างทะนุถนอม ไหนจะกลิ่นน้ำหอมจากกายอีกฝ่ายที่จุนเจือสูดดมกลิ่นนั้นแล้วมันทำให้เขาหลงใหลอย่างบอกไม่ถูก






       จากเหตุการณ์เมื่อครู่ ยังไม่มีใครพูดอะไร ฟากจุนเจือก็แอบลอบมองคุณเมฆินทร์ที่ยังคงใช้ผ้าประคบตรงจุดที่ข้อเท้าแพลง พอหายเย็นแล้ว เขาก็จุ่มผ้าลงในถังน้ำแข็งแล้วมาประคบใหม่อีกรอบ ภาพตรงหน้าทำจุนเจือรู้สึกผิดขึ้นมาทันทีที่ก่อนหน้านี้ยังก่นด่าว่าคุณเมฆินทร์เป็นลูกค้าเรื่องมากอยู่เลย สักพักหนึ่ง คุณเมฆินทร์ถึงเงยหน้าขึ้นมอง





"ดีขึ้นไหม?"



"ครับ? อ่าดีครับ" จุนเจือเว้นวรรคไปนิดและพูดขึ้นอีกครั้ง



"ขอบคุณมาก ๆ ครับ คุณเมฆินทร์ที่ช่วยผม แต่ผมคงต้องกลับไปทำงานแล้วครับ"



      ดูเหมือนคุณเมฆินทร์จะชะงักไปตอนที่จุนเจือเปลี่ยนจากการเรียกลูกค้าเป็นชื่อจริงของเขา




      เมฆินทร์พยักหน้า ก่อนจะผุดลุกขึ้น หายไปทางห้องน้ำ แล้วกลับมามองหน้าจุนเจืออย่างคนมีคำถาม



"เมื่อกี้ตอนที่ผมโทรไปห้องอาหาร ผมใช้โทรศัพท์ของโรงแรมใช่ไหม?"





"ใช่ครับ" จุนเจือตอบรับ





"เอ้ แล้วผมเอาโทรศัพท์ตัวเองไปวางไว้ไหน คุณได้เอาโทรศัพท์มาหรือเปล่า?"





"อ้อ เอามาครับ" จุนเจือรีบบอก ตอนที่เห็นอีกฝ่ายดูหน้าเครียดขึง





"ผมขอยืมมือถือคุณ โทรเข้าเบอร์ผมหน่อยได้ไหมครับ?"





"ได้สิครับ"





     จุนเจือยิ้มกว้าง กับอีแค่ยืมโทรศัพท์โทรเข้าเบอร์คุณเมฆินทร์มันเรื่องเล็กน้อยจะตายไปถ้าเทียบกับสิ่งที่คุณเมฆินทร์ทำให้ จุนเจือคว้าโทรศัพท์มือถือ ยื่นให้คุณเมฆินทร์ ไม่นาน  จุนเจือเห็นดวงตาสีน้ำตาลอัลมอนด์จองอีกฝ่ายกดสายตาลงต่ำมองกระเป๋ากางเกงขาสั้นของตัวเขาเอง



      จุนเจือรับโทรศัพท์มือถือคืนด้วยอาการมือสั่น ใจสั่น ตอนที่เห็นคุณเมฆินทร์จุดรอยยิ้มมุมปาก



"เฮ้อ สงสัยผมคงจะแก่แล้วจริง ๆ ไม่คิดว่าตัวเองจะความจำเลอะเลือนขนาดนี้!"





"แก่อะไรกันครับ ยังไม่ถึงสี่สิบไม่เรียกว่า แก่หรอกครับ คุณเมฆินทร์" จุนเจือรีบแก้ตัวแทน แต่ในใจก็ยังมีประโยคต่อจากนี้อีกยืดยาว 'ว่าทั้งหล่อและหน้าเด็กขนาดนี้ สำหรับผมไม่เรียกว่าแก่หรอกครับ!'





     จุนเจือเอ่ยขณะที่คุณเมฆินทร์ช่วยพาประคองออกจากห้อง แต่แล้วทันใดนั้น จุนเจือเห็นคุณเมฆินทร์ขมวดคิ้วกันเป็นปม และถาม





"แล้วคุณรู้ได้ยังไงครับว่าผมอายุไม่ถึงสี่สิบ ถ้าคุณไม่แอบจำวันเกิดผมจากในบัตรประชาชน"



กึก



        จุนเจือกัดปากแน่น หน้าชา ทำตัวไม่ถูก ถ้าคุณเมฆินทร์ย้อนถามมาแบบนี้ มันทำให้จุนเจือรู้สึกตัวเองเหมือนคนโรคจิตที่เฝ้าติดตาม อยากรู้ข้อมูลส่วนตัวจากอีกฝ่ายอย่างไรไม่รู้





         จุนเจือยังเงียบกริบเพราะกำลังหาคำแก้ตัวให้สวยหรู จนเมื่อได้แล้วก็รีบตอบกลับ





"ใช่ครับ ผมจำวันเกิดคุณเมฆินทร์ได้ เพราะผมถือคติที่ว่า ผมต้องใส่ใจชื่อและรายละเอียดของลูกค้าทุกคนที่เข้าพักที่นี่ครับ" ไม่รู้ว่าเหตุผลนี้มีน้ำหนักพอหรือเปล่า? แต่จุนเจือเห็นคุณเมฆินทร์อมยิ้มแปลก ๆ และเหมือนจะพูดอะไรต่อ แต่พอเปิดประตูออกกว้าง จุนเจือเห็นเขาเม้มปากแน่น พอหันไปมองบ้างก็ตกใจที่เห็นน้องชายคุณเมฆินทร์ยืนจังก้า และยกมือค้างกลางอากาศ





"พนักงานสะดุดจนข้อเท้าแพลง ฉันเลยพามาพักในนี้" เมฆินทร์รู้ว่าน้องสงสัยเรื่องอะไร เลยรีบเฉลยคำตอบให้คลายสงสัย





"ผมก็ยังไม่ได้ว่าอะไร" ปฐพียิ้มเริงร่าและบอกกับพี่ชายว่ารถแท็กซี่ที่โทรให้นัดมารับ ตอนนี้รออยู่ตรงส่วนลานจอดรถแล้ว





       เมฆินทร์พยักหน้า และบอกน้องชายช่วยกันพยุงพนักงานคนนี้พาไปส่งที่รีเซฟชั่นก่อน เมื่อถึงที่หมาย จุนเจือก็ขอบคุณแล้ว ขอบคุณอีก ก่อนที่ลูกค้าทั้งสองจะแยกย้ายไป เหลือเพียงความรู้สึกในใจที่ตอนนี้มันคุกรุ่นไปด้วยความรู้สึกหลากหลาย แต่เหนืออื่นใดมีความรู้สึกหนึ่งที่ชัดแจ้งอยู่ในนั้น



 

     แค่เขาดูแลดีนิดหน่อย ก็เผลอใจ หลงใหล ได้ปลื้ม คุณเมฆินทร์เข้าให้แล้ว

 



      จุนเจือรู้ทั้งรู้ว่ามันไม่สมควร เพราะนอกจาก คุณเมฆินทร์จะเป็นแขกเข้าพักของที่นี่ เขายังเป็นผู้ชายที่อายุห่างกว่าจุนเจือถึง 14 ปีเสียด้วย...





 

...............................................




 :o8: :o8: :o8: :o8:
อายุเป็นเพียงตัวเลข ...นะคะ เนอะ ^^
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 29-05-2019 23:29:51 โดย rinyriny »

ออฟไลน์ DrSlump

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3382
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +104/-2

ออฟไลน์ rinyriny

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 295
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +106/-1
 





บทที่ 3 หมดหวัง



 

 

 

       ในวันต่อมา ก่อนจะเข้างาน จุนเจืออาศัยรถโรงแรมเพื่อไปตรวจเช็คอาการให้แน่ใจอีกทีว่าจะไม่ได้ร้ายแรงอย่างที่คิดไว้ เขาค่อนข้างเดินทางลำบากเพราะจะลงน้ำหนักขาข้างที่ข้อเท้าแพลงมากก็ไม่ได้ เมื่อถึงคลีนิค ตรวจเอ็กซเรย์รวมไปถึงเช็คอาการต่าง ๆ ก็พบว่ายังปลอดภัยเส้นเอ็นไม่ได้ฉีกขาดจนถึงขั้นอันตราย แต่ก็ต้องหมั่นประคบเย็นและพักการขยับหรือเคลื่อนไหวอย่างน้อย 7-15 วันนั้น จุนเจือโล่งใจแต่พอตอนคิดเงิน และรับยามาเรียบร้อยแล้ว แทบกุมขมับเมื่อราคาค่ารักษาแพงหูฉี่ จุนเจือต้องจำใช้เงินเก็บออกมาใช้ ลำพังเงินเดือนก็ไม่ได้มากมาย เจอค่าหมอเข้าไปร่วมครึ่งหมื่น จุนเจือก็พยายามมองในแง่ดีว่าฟาดเคราะห์ไปก็แล้วกัน ยามนี้ จุนเจือต้องเรียกแท็กซี่เพื่อกลับไปยังโรงแรม ตอนนี้ จุนเจือช่างเหมือนคนแก่ทำอะไรก็เชื่องช้า อืดอาด กว่าจะสอดตัวนั่งบนรถแท็กซี่ได้ก็ใช้เวลานานกว่าที่ควรจะเป็น

 

 

       อย่างน้อยก็ยังมาทันเวลาเข้างาน พอจุนเจือเดินมานั่งที่นั่งประจำ เพื่อนร่วมงานผู้หญิงทั้งสองคนก็ตกใจที่เห็นจุนเจือมีผ้าพันแผลที่ข้อเท้า พวกเธอถามไถ่กันใหญ่จนเมื่อได้คำตอบพวกเธอก็ย้ายก้นกลับไปนั่งกันที่เดิม จุนเจือบอกตรง ๆ ว่ายังไม่ค่อยสนิทสนมเท่าไหร่ เพราะจากที่คุยมาได้สักพัก จุนเจือรู้สึกว่า นิสัยและเคมีไม่ค่อยจะตรงกัน

 

 

      จุนเจือเปิดระบบหลังบ้านจากคอมพิวเตอร์ เพื่อเช็คว่าวันนี้ มีลูกค้าเช็คอินจำนวนกี่ห้อง นั่งสักพัก หางตาเขาเห็นมีคนกำลังมุ่งหน้ามาทางรีเซฟชั่น จึงละสายตาจากหน้าจอคอมพิวเตอร์ไปดู ปรากฎว่าเป็น คุณเมฆินทร์เดินมากับน้องชาย ครู่หนึ่งเขาเห็นคุณเมฆินทร์หันมามอง จุนเจือเลยยิ้มให้แต่คุณเมฆินทร์กลับไม่ส่งยิ้มอะไร เขากลับเดินไปสอบถามอะไรบางอย่างกับพนักงานอีกคนแทนจุนเจือแอบเสียเซลฟ์ตรงที่เมื่อวานก็ทักทายชวนคุยอย่างเป็นกันเอง แต่ทำไมวันนี้ เขาไม่คิดถามไถ่เลยรึไงว่า แผลเขาเป็นไงบ้าง

 


      จุนเจือเกิดอาการคาดหวังขึ้นมา





      คาดหวังให้เขาถามว่าแผลหายดีหรือยัง หมอว่าอย่างไรบ้าง จุนเจือไม่ควรรู้สึกแบบนี้

 



      คนที่มัวแต่เหม่อครุ่นคิดถึงคุณเมฆินทร์ ก็ถูกดึงสติจากเสียงของเพื่อนร่วมงานคนเดิมที่ถึงกับเดินมานั่งตรงโต๊ะเพียงเพื่อนินทา หลังจาก ลูกค้าไทยหน้าตาดีทั้งสองคนคล้อยหลังไปแล้ว

 



"ผู้ชายไทยสองคนนั้นเป็นลูกค้าโรงแรมเราเหรอ เช็คอินเมื่อไหร่?" ส้มโอ เดินมาถามเป็นคนแรก เพราะเมื่อวานเป็นวันหยุดของเธอ เธอจึงไม่คุ้นหน้าลูกค้าคนนี้

 

"เมื่อวาน ทำไมเหรอ?" จุนเจือถามกลับ

 

 

"ก็เมื่อคืนเราไปพูล ปาร์ตี้มา เห็นผู้ชายสองคนนี้ด้วย อย่างแซ่บ แถมนัวเนียกับผู้หญิงฝรั่งถึงพริกถึงขิงเลยจ้า"

 

       จุนเจือชะงักกึก เมื่อนึกถึงใบหน้าคนที่จุนเจือสนใจกำลังนัวเนียกับผู้หญิงคนอื่นนี่จะเป็นยังไงกันนะ ในขณะนั้น เชอร์รี่ก็ตาวาว ถามแทรกอย่างอยากรู้

 

"จริงเหรอแก?"

 

"จริงสิ ไม่อยากจะพูดนะ ทั้ง ๆ ที่คนก็เยอะนะ  แต่ผู้ชายคนนั้นกลับไม่สนใจว่าใครจะมองยังไงเลยจ้า ยืนจูบกับสาวในสระว่ายน้ำเลยอะแก คือ ถ้าเปลื้องผ้าเอากันได้ก็คงทำกันไปแล้ว"

 

"แต่อย่างว่า หุ่นเขาก็แน่นอะ ตัวใหญ่ ผิวแทน สาวฝรั่งคงจะชอบ"

 

 

        จุนเจือเงียบมานานจนตัดสินใจเอ่ย

 

 

"บางทีสิ่งที่เราเห็น อาจไม่ใช่อย่างที่เราคิดก็ได้ เราว่าอย่าเพิ่งไปตัดสินเขาเลยดีกว่าไหม?"

 

       จากตอนแรกเริ่มเชื่อและคล้อยตาม พอเริ่มมีการนินทาที่เลยเถิดจนเกินงาม จุนเจือเลยปรามแต่ดูเหมือนว่าการค้านของจุนเจือทำให้พวกเธอไม่สบอารมณ์ เพราะทั้งส้มโอและเชอร์รี่ต่างมองแล้วเบะปาก

 

"แหม ทำตัวเป็นคนดี พ่อพระเลยนะจุนเจือออออออ"

 

        จุนเจือเงียบอีกครั้งเพราะไม่อยากถือสาคนที่ตั้งใจประชดประชัน แล้วเป็นจังหวะเดียวกับที่ลูกค้าต่างชาติแบกกระเป๋าใบใหญ่เพื่อมาเช็คเอาท์

.

.

.

.

       ผ่านมาแล้วสามวันที่จุนเจือไม่เห็นคุณเมฆินทร์เดินผ่านมาทางนี้อีกเลย แม้จุนเจือจะมีคิดบ้างประปราย แต่เขาก็ยังคงต้องทำงานต่อไป ส่วนขาของจุนเจือก็ยังคงพักการเคลื่อนไหว เขาแค่ทำงานนั่งโต๊ะ ไม่ต้องไปส่งแขกที่ห้องพักแล้ว

 



        ในเวลาหนึ่งทุ่มครึ่ง คนที่นั่งทำสรุปลิสต์แขกที่จะเช็คอิน - เช็คเอาท์ในวันพรุ่งนี้ สะดุ้งเล็กน้อยตอนที่มีเสียงโทรศัพท์ดังขึ้น เมื่อจุนเจือรับสาย เขาใจเต้นตอนที่ได้ยินว่าแขกห้องไหนโทรมา

 

 

[สวัสดีครับ ผมโทรมาจากห้องหนึ่งหนึ่งสามนะครับ]

 

 

"เอ่อ สวัสดีครับคุณเมฆินทร์"

 

 

      จุนเจือรอฟัง ในขณะที่อีกฝ่ายไม่ตอบกลับในทันที แต่ทิ้งระยะสักพักถึงบอก

 



[ผมไม่อยากจะเรื่องมากเลย แต่แม่บ้านที่เข้ามาทำความสะอาด เขาเอาผ้าเช็ดมือตรงอ่างล้างหน้าผืนเก่าออกไปและไม่ได้เอาผืนใหม่เข้ามาให้ เป็นแบบนี้มาสองวันแล้วครับ]

 

"เอ่อ ขอโทษนะครับ ผมจะรีบเอาไปให้วันนี้เลยครับ" จุนเจือรีบบอก

 

 

[ผมไม่รีบครับ แค่โทรมาบอกไว้กันลืม พรุ่งนี้ตอนที่แม่บ้านมาทำความสะอาด ช่วยแจ้งเขาด้วยนะครับ แล้วก็แชมพูแม่บ้านก็ไม่ได้เข้ามาเติมให้นะครับ]

 

"ได้ครับ! ต้องขอโทษในความไม่สะดวกด้วยนะครับ คุณลูกค้า"

 

        จุนเจือตอบเสียงดังฟังชัด ตั้งแต่ที่มองคุณเมฆินทร์ผิดไป จุนเจือก็รู้สึกผิดและอยากทำดีกลับเพื่อตอบแทน จุนเจือรีบโทรหาแม่บ้านเพื่อถามหาสโตร์เก็บผ้าและอุปกรณ์เบ็ดเตล็ด พอเห็นว่าห้องเก็บของอยู่ตึกเดียวกับที่คุณเมฆินทร์พักอยู่แล้วก็เลยจะไปทำเอง ที่นี่ ผู้จัดการเคยบอกว่า ถ้าไม่เหนือบ่ากว่าแรง มีอะไรก็ต้องช่วยกัน จุนเจือเดินกระเผลก ๆ ไปเคาะห้อง กว่าจะเดิน กว่าจะหาของจนครบ จากหนึ่งทุ่มครึ่งตอนนี้ก็ล่อไปสองทุ่มกว่า

 



         จุนเจือเคาะประตูสามสี่ครั้ง จากนั้น เขาได้ยินเสียงโครมคราม ตึงตังด้านใน ยิ่งตกใจ ไม่รู้ว่า คุณเมฆินทร์เกิดล้มหรือเกิดอุบัติเหตุจนเป็นอะไรมากหรือเปล่า จุนเจือจึงเคาะประตูรัว ๆ กว่าเดิม

 

         ไม่นาน ลูกค้าเปิดประตูมา

 

"เฮ้! คุณ"

 

          จุนเจือสะดุ้งตอนที่คุณเมฆินทร์ตะโกนเสียงดัง จุนเจือรีบพนมมือไหว้แล้วเอ่ยเสียงนุ่มนวลเพื่อขอโทษจากใจ

 



"ผมได้ยินเสียงดังโครมครามเลยไม่รู้ว่าคุณเมฆินทร์เป็นอะไรหรือเปล่าเลยเป็นกังวลครับ ผมขอโทษที่มารบกวนเวลาส่วนตัว แต่ผมเอาผ้าขนหนูมาให้และจะมาเติมแชมพูครับ" จุนเจือขอโทษแล้ว ขอโทษอีกพร้อมโค้งศีรษะ แล้วยื่นมือที่ถือผ้าไปข้างหน้าพร้อมกับผงกศีรษะขึ้น จุนเจือชะงักเมื่ออีกฝ่ายอยู่ในสภาพเหงื่อโซมกาย คอแดง หน้าแดงแถมริมฝีปากบวมเจ่อ จุนเจือก้มลงมองมัดกล้ามเนื้อสวยงามเป็นลอน ไล่สายตาต่ำลงเห็นวีไลน์พร้อมไรขนสีอ่อนขึ้นเป็นทิวไล่ลงมาตามหน้าท้องและหายลับไปกับขอบผ้าขนหนูที่พันสะโพกไว้อย่างหมิ่นเหม่

 

 

"ผมขอโทษนะครับ คุณเมฆินทร์" จุนเจือบอกแล้วก้มศรีษะลงต่ำอย่างรู้สึกผิด ไม่ได้แค่รู้สึกผิดที่มาในเวลาไม่สมควร แต่ผิดที่เขาดันมีอารมณ์กับการเห็นคุณเมฆินทร์อยู่ในสภาพแบบนี้

 

"ผมไม่รู้จะด่าคุณยังไงดี เฮ้อ! แล้วเรื่องผ้า ผมบอกแล้วไงครับว่าให้มาพรุ่งนี้"

 

"ผมแค่คิดว่า ไม่อยากให้คุณเมฆินทร์ร...อ..."

 

"แต่ผมไม่อยากให้คุณลำบาก คุณเจ็บขาอยู่ไม่ใช่หรือไง?"

 

กึก

 

        จุนเจือเงยหน้ามองเขาที่แสดงถึงถ้อยคำห่วงใยแล้วพลอยดีใจ

 

 

"ไม่เป็นไรครับ เดี๋ยวผมเข้าไปเติมแชมพูให้ครับ"




        พอจุนเจือจะเข้าไป เมฆินทร์ยกมือขึ้นห้าม ก่อนจะเดินสาวเท้าไปใกล้แล้วจับต้นแขนจุนเจือทั้งสองข้างดันออกไปนอกห้องและเอ่ยเสียงสุภาพ




"ขอบคุณครับ  วันนี้ยังไม่ต้อง ผมไม่สะดวก พรุ่งนี้ให้แม่บ้านมาเติมนะครับ" เมฆินทร์ตอบแล้วจู่ ๆ เขาเผลอกดสายตามองต่ำแล้วเลิกคิ้วขึ้นข้างหนึ่งเมื่อเห็นแกนกลางลำตัวอีกฝ่ายนูนพองจนดันกางเกงขึ้นมา

         

"หืม? คุณเป็นอะไรไหม?"

 

"เอ่อ ขอโทษครับ ผมไม่เป็นอะไรครับ"

 

"แน่ใจนะ?"

 

"ครับ"

 

     จุนเจือเห็นลูกค้าถามคำนั้นและกดสายตาลงมามองช่วงล่างของจุนเจือ จุนเจือรู้ตัวว่ามีอารมณ์ แต่ไม่คิดว่าา ช้างน้อยของเขามันนูนพองจนตึงคับเป้ากางเกงไปหมด จุนเจือหน้าแดงทันทีที่รู้ว่าอีกฝ่ายแอบสังเกตเห็น มันเป็นเรื่องน่าอายอย่างใหญ่หลวง ที่ช้างน้อยของจุนเจือตื่นตัวอย่างเก็บไม่อยู่

 

"ขอโทษอีกครั้งนะครับที่มารบกวนเวลา" จุนเจือยิ้มหวาน พอหมุนตัวกลับมาเท่านั้นแหละ

 

 

"พี่เมฆ ผ้าเช็ดตัวอีกผืนอยู่ไหนคะ? หนูหาไม่เจอ"

 

 

    จุนเจือชะงักทันที สิ่งที่เขาดีใจกับถ้อยคำแสดงความห่วงใย มันกลายเป็นความว่างเปล่า เมื่อเสียงหวานแหลมของผู้หญิงที่อยู่ในห้องดับจินตนาการของจุนเจือที่มโนไว้สวยหรูลงฉับพลัน

 

 

'เขาเป็นคนรักสนุกอย่างนั้นเหรอ? ไม่น่าล่ะ เขาถึงเลือกนอนแยกห้องกับน้องชาย อาจจะเป็นเพราะสาเหตุนี้ล่ะมั้ง'


 

 
     จุนเจือได้แต่มโนคิดเอง เออเอง จนลืมไปว่า คุณเมฆินทร์อาจไม่ชอบผู้ชาย และการที่จุนเจือสนใจคุณเมฆินทร์มันเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้อยู่แล้ว การจะได้กลับมามีโอกาสคุยกันแทบเป็นศูนย์

 

 

      กลับมาถึงที่นั่งด้วยความทุลัก ทุเล จุนเจือปาดเหงื่อที่หน้าผาก แล้วดึงกระดาษออกมาจากกระเป๋าสะพายข้าง จุนเจือมองสำเนาบัตรประชาชนและรายละเอียดที่คุณเมฆินทร์กรอกไว้ตอนที่จุนเจือแอบถูกซีรอกซ์ไว้ก่อนจะลอบถอนหายใจ

 

 

       หมดหวัง จุนเจือไม่มีความจำเป็นต้องเก็บข้อมูลอะไรไว้ดูอีก จุนเจือฉีกกระดาษเป็นชิ้นเล็ก ชิ้นน้อย ทิ้งลงในถังขยะ ในเมื่อจุนเจือควรรู้ได้แล้วว่า การแอบรู้สึกดีกับแขกเข้าพักมันไม่มีวันเป็นจริงได้

 

 

        เขามาเที่ยว เดี๋ยวเดียวก็ไป  ไม่ต่างกับสายลมที่พัดผ่านมาแล้วมันก็ผ่านไปไม่อาจพัดหวนคืน

.

.

.

.

        สองเดือนแล้วที่เมฆินทร์กลับจากพักผ่อน จากนั้น เมฆินทร์ก็ลุยงานจนแทบไม่ได้พัก ทั้ง การทำบูธอาหารเพื่อออกงานแฟร์ที่เมือง ทองธานี ไหนจะจัดงานแถลงข่าวเปิดตัวนาฬิกาที่ห้างสรรพสินค้าชานเมือง แหละเช่นตอนนีั ที่เขาต้องแบ่งงานกัน มาช่วยลูกน้อง ลงมาคุมงานอีเวนท์ มาร์เก็ตแถวห้างสรรพสินค้าย่านสยาม แสควร์

 

 

       ตอนนี้ เวลาสี่ทุ่มครึ่ง เมฆินทร์ดูซัพพลายเออร์ขึ้นโครงสร้างของงานอี เวนท์ มาร์เก็ต ในขณะที่กำลังสั่งงานผ่านโทรศัพท์มือถือกับทีมงานที่กำลังขึ้นโครงบูธอีกแห่ง และกำลังรายงานถึงความคืบหน้าและปัญหา  เมฆินทร์อธิบายและช่วยหาทางแก้ปัญหาให้เสร็จสรรพก็วางสาย และเดินออกมาข้างนอกตัวห้าง ตั้งใจจะไปหาซื้ออะไรเติมพลังที่ร้านสะดวกซื้อ แต่เมฆหยุดเท้าไปครู่หนึ่งเพื่อล้วงกระเป๋ากางเกงหยิบเครื่องมือสื่อสารตอนที่มันแผดเสียงดังและสั่นไม่หยุด

 

 

       เป็นสายของน้องชายที่โทรมาถามว่าเมฆอยู่ที่ใดเพื่อตั้งใจจะมาหา หลังจากนัดแนะกันเรียบร้อยแล้ว เมฆินทร์เข้าไปซื้อของที่ร้านสะดวกซื้อเดินออกมาก็เห็นน้องชายตัวเองยืนสูบบุหรี่อยู่ไม่ใกล้ ไม่ไกล

 



       จะว่าไปแล้ว ตั้งแต่วันที่กลับมาจากทะเลคราวนั้น ต่างคนต่างงานยุ่งจนเมฆเพิ่งจะได้เจอน้องชายอีกครั้งก็คราวนี้

 

 



"มีอะไรหรือ? ดิน"

 

 

"มารอแฟนกินข้าวกับเพื่อน เลยแวบมาหาพี่ไง เห็นว่ามาเซ็ตงานที่นี่"

 

 

"แล้วทำไมไม่กินกับเขาด้วยล่ะ"

 



"ไม่ชอบเพื่อนปรางคนนี้ ดูแปลก ๆ ช่างเหอะพี่ ผมรบกวนอะไรพี่เมฆหน่อยสิ"

 

"อะไร?"

 

"พี่ช่วยคิดแผนให้ผมหน่อย"

 

"แผน? อะไร?"

 

"ผมจะทำเซอร์ไพร์ส ขอปรางแต่งงาน"

 



      เมฆชะงัก โดยปกติเขาไม่ค่อยรู้เรื่องราวเชิงลึกเกี่ยวกับความรักน้องชายเท่าไหร่ แต่เท่าที่ผ่านมา น้องชายเขาค่อนข้างเปลี่ยนคู่ควงค่อนข้างบ่อย จึงแปลกใจที่อยู่ดี ๆ ดินนึกอยากจะจริงจังจนอยากขอเธอแต่งงาน

 



"เอาสิ ตั้งใจว่าจะขอเมื่อไหร่?"

 

"ไม่เกินเดือนนี้ พี่ช่วยเคลียร์คิวให้ผมหน่อยได้ไหม?"

 

 

"มั่นใจนะว่าคนนี้จริงจัง ไปเที่ยวรอบที่ผ่านมา เห็นยังคุยกับหญิงคนอื่นอยู่เลย" เมฆจำได้ดีว่า ตอนที่ไปพูลปาร์ตี้ น้องชายเขาแอบไปคุยกับสาวฝรั่งวัยยังไม่ถึงยี่สิบเสียด้วย

 

"โห ก็แค่คุยหรือเปล่า? ใครจะไปเหมือนพี่ รู้นะว่าพาใครมาห้อง เสียงดังมายังห้องผม"

 

"จะดังขนาดนั้นได้ยังไง นายคงลืมไปสินะ ว่าฉันย้ายห้องไปชั้นสอง" เมฆตอบ ฟากปฐพีที่ว่าจะแซวพี่กลับยิ้มเก้อเมื่อพี่ชายจับได้ว่าโดนอำ

 

 

"แหะ ๆ รู้ทัน เอาเป็นว่า พี่เมฆจะทำอะไร ชอบใคร รักใคร ผมเห็นดีเห็นงามหมดแหละครับ ส่วนเรื่องของผม พี่เมฆช่วยผมหน่อยนะ"

 

 

"อืมได้ ว่าแต่แฟนคนนี้ เด็กกว่านายใช่ไหม?"

 

 

"ใช่ ปรางอายุน้อยกว่าผมสองปี"

 

 

"จีบเด็กนี่ยากหรือเปล่า?" เมฆถามน้องชาย

 



"หืม?" น้องชายเลิกคิ้วขึ้นสูง คนที่พอจะได้ยินเรื่องราวความรักของพี่ชาย ค่อนข้างแปลกใจในคำถาม เพราะโดยปกติ พี่เมฆไม่เคยคบใครที่อายุน้อยกว่า เพราะแกเคยบ่นว่าไม่ชอบคนที่อายุห่างกันมาก ๆ กลัวคุยกันไม่รู้เรื่อง เมื่อเห็นพี่ชายยังคงเฝ้ารอคำตอบ ดินจึงตอบเท่าที่ประสบการณ์เขามี

 

 

"ก็ขึ้นอยู่ความห่างของอายุด้วยอะพี่ แต่ผมว่าเด็กชอบคนใจป้ำ ทำนองสายเปย์ อยากได้อะไรก็ต้องได้ ประมาณนั้นมั้ง อย่าบอกนะว่าพี่เมฆคิดจะเลี้ยงเด็ก?"

 

"เปล่า แค่สงสัยเลยถามดู"

 

 

         ปฐพีมองพี่ชายพลางอมยิ้มกรุ้มกริ่ม แต่ไม่นาน โทรศัพท์ปฐพีก็ดังขึ้น ฝั่งนั้นเดินไปรับสายไกลออกไป ก่อนจะเดินกลับมาบอกว่าต้องไปแล้ว

 

 

"ฝากเรื่องผมด้วยนะ ได้ที่ไหนก็บอกด้วยนะครับ"

 

 

"อืม"

 

 

      ดูเหมือนช่วงนี้ โทรศัพท์เมฆจะขายดี โทรกันมาทั้งวัน แทบไม่มีเว้นพัก หลังจากแยกย้ายกับน้องชายได้ไม่ทันเท่าไหร่ ก็มีสายเรียกเข้าจนเมฆินทร์ล้วงกระเป๋าไปคว้าขึ้นมาดูว่าใคร พอเห็นเบอร์ที่เมมไว้ว่า 'แม่เฟย์' เมฆินทร์นิ่งไปนิดก่อนรับสาย

 
 

"ว่าไงครับ เฟย์"

 

[พี่เมฆอยู่ไหนเหรอ? คุณแม่เฟย์อยากเจอ เรานัดกินข้าวสักสัปดาห์หน้า พอว่างไหม?]

 

 

    เมฆินทร์เงียบพลางลอบถอนหายใจ

 

 

"พี่เพิ่งไปเจอท่านเมื่อสัปดาห์ที่แล้วนี่ เฟย์"

 

 

[ก็คุณแม่ อยากคุยเรื่อง....]



 

"แม่หรือเฟย์ที่อยากเจอ ช่วงนี้ พี่มีหลายงานที่ต้องสะสาง ถ้าว่างเมื่อไหร่ พี่จะโทรกลับไปบอกครับ  แต่คงไม่ใช่ช่วงนี้ เฟย์ พี่ขอทำงานก่อนนะ เท่านี้ก่อน"

 

 

     เมฆินทร์พูดรัวแทบไม่หายใจเพื่อไม่ให้อีกฝ่ายมีจังหวะแทรกเข้ามาได้ เมื่อวางสายแล้ว เมฆินทร์ถอนหายใจยาวอีกครั้ง ยกมือนวดขมับข้างขวา ก่อนที่จู่ ๆ สมองก็พาลพาไปนึกถึงโรงแรมที่เคยไปพักกับน้องชาย แต่มันควรจะจดจำเรื่องราวแค่นั้น ถ้าไม่มีเรื่องของการที่เด็กหนุ่มคนนั้นมีแกนกายตื่นตัวพ่วงมาด้วย  เมฆินทร์กัดปากครุ่นคิดและตัดสินใจโทรกลับหาน้องชาย ไม่นานเลยที่ปฐพีจะรับเสียงใส

 

 

"ดิน ฉันจะเคลียร์คิวให้ ประมาณสองสัปดาห์ เราจะไปที่เดิมที่เราเคยไปพักกันคราวก่อน ส่วนเซอร์ไพร์สยังไงเดี๋ยวบอกอีกที"

 

 
...........................................................

 :mew1: :mew1: :mew1: :mew1:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 01-10-2019 19:20:05 โดย rinyriny »

ออฟไลน์ DrSlump

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3382
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +104/-2
 :pig4: :pig4: :pig4:

เอ๋...พี่เมฆสนใจนุ้งจุนหรา?

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ rinyriny

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 295
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +106/-1
บทที่ 4 Your smell drives me crazy











        เวลาผ่านไปไวโกหก เผลอแป๊ปเดียว จุนเจือผ่านการทดลองงานแล้ว และเนื่องจากที่ผ่านมาเป็นช่วงไฮ ซีซั่น ทำให้แขกผู้เข้าพักอยู่เต็มครบจำนวนห้องทั้งเจ็ดสิบห้าห้องของโรงแรม จึงทำให้จุนเจือทำงานหนักและเหนื่อยจนไม่มีวันหยุดพัก เพิ่งจะพอมีวันสองวันมานี้ ที่จุนเจือพอได้มีเวลาว่างอยู่บ้าง เพราะเข้าสู่โลว์ ซีซั่น วันหยุดที่จุนเจือเก็บสะสมไว้หลายวัน จะได้ถูกนำมาใช้หยุดยาวเพื่อจะได้หยุดพักผ่อนและเที่ยวให้หนำใจ





       เรื่องของร่างกายผ่านพ้นไปแล้ว ส่วนเรื่องของหัวใจ อย่างเรื่องคุณเมฆินทร์ ยามนี้ จุนเจือทำใจจากคุณเมฆินทร์ได้เกือบร้อยเปอร์เซ็นต์ มีบ้างที่เผลอคิดถึง แต่จุนเจือก็พยายามยึดถือมาโดยตลอดว่าความสัมพันธ์นี้เป็นไปไม่ได้ จุนเจือเลยกลับมาตั้งหลัก ใช้ชีวิตแบบคนโสดต่อไป เหงาบ้าง สนุกบ้างก็ปะปนกันไป

 

"จุน  เพิ่งมีลูกค้ามาบุ๊คห้องพักตอนเช้า เป็นคนไทยจะมาเช็คอินวันนี้ เขาโน๊ตตอนจองห้องว่า พรุ่งนี้จะทำเซอร์ไพร์สขอแฟนแต่งงาน อย่าลืมแจ้งห้องอาหารว่า พรุ่งนี้ช่วงค่ำ ๆ ขอกันพื้นที่ด้วยนะ" เชอร์รี่บอกจุนขณะที่อีกฝ่ายเดินมาแสกนนิ้ว เพื่อเข้างาน

 



"อืม" จุนเจือตอบรับด้วยเสียงปกติ

 

    เวลาผ่านไป ทำให้เริ่มรู้ทุกอย่างว่าอะไรเป็นอะไร เช่นตอนนี้ เชอร์รี่กับจุนไม่ค่อยลงรอยกันเท่าไหร่ เพราะมีความเห็นไม่ตรงกัน ทำให้ทุกวันที่ทำงานประจำนั้น ทั้งสองคุยกันแค่เรื่องงานเท่านั้น

 

 

   หลังจากที่เชอร์รี่บอกจุนเจือแล้ว จุนเจือรับเอกสารการจองห้องพักของลูกค้าล่าสุดมาดูแล้วชะงักงัน เมื่อเห็นชื่อผู้ทำการจอง เป็นชื่อคุณเมฆินทร์



 

   'อย่าบอกนะ ว่า คุณเมฆินทร์ จะเซอร์ไพร์สขอแฟนแต่งงาน'

 

 

     มันเป็นอาการหลากหลายที่ตีรวนขึ้นมาในอก ดีใจ เศร้าใจ ประหลาดใจ จุนเจือนั่งใจวูบหวิว เขาดีใจที่จะได้เจอหน้าคุณเมฆินทร์อีกครั้ง หลังจากไม่ได้เจอกันราวสามเดือน แต่ที่มีความเศร้าใจปะปนอยู่ก็ตรงข้อความที่ระบุไว้ว่า จะเซอร์ไพร์สขอแฟนแต่งงาน จุนเจือพยายามยกมุมปากขึ้นอย่างฝืน ๆ



      นี่แหละคือความเป็นจริง....

 

      สุดท้าย ชีวิตคนเราก็ต้องก้าวต่อไป จุนเจือและคุณเมฆินทร์ไม่มีทางมาบรรจบกันได้หรอก....

 

 

 

      จุนเจือนั่งทำงานตั้งแต่บ่ายจนบัดนี้ก็ผ่านไปแล้วทุ่มครึ่ง รับลูกค้ามาเช็คอินที่เข้าพักวันนี้เกือบครบทุกห้อง คงขาดก็แต่ห้องของคุณเมฆินทร์เท่านั้นที่ยังไม่มาเช็คอิน ป่านนี้ไม่รู้อยู่ไหน แหละเพราะไม่รู้ว่า ตื่นเต้นที่จะได้เจอคุณเมฆินทร์หรือเพราะกินส้มตำเข้าไป จุนเจือชักปวดหนัก จึงรีบไปเข้าห้องน้ำ ใช้เวลาผ่านไปสักพัก จุนเจือเดินออกมาจากห้องน้ำ ก็ชะงักและตกใจที่เห็นลูกค้าสามคน ทั้งนั่งและยืนรออยู่บริเวณส่วนรีเซฟชั่น

 



       จุนเจือรีบก้าวเท้าไว ๆ พอเห็นแผ่นหลังคนคุ้นเคย จุนเจือก็ใจเต้นไม่เป็นส่ำ





"ขอโทษด้วยนะครับที่ทำให้รอ" จุนเจือเอ่ยขอโทษพร้อมพนมมือไหว้ลูกค้าอย่างรู้สึกผิด

 

"ไม่เป็นไรครับ"

 

 

     จุนเจือรีบเข้าไปในส่วนสำนักงาน ยืนตระเตรียมน้ำอัญชัน และผ้าเย็นมาเสิร์ฟ เมื่อเดินออกมาก็ยื่นให้ลูกค้า

 

"ผมจำคุณลูกค้าทั้งสองคนได้ ชอบที่นี่หรือครับ เห็นมาเที่ยวอีกแล้ว" จุนเจือชวนคุยอย่างเป็นกันเอง และเป็นปฐพีที่อมยิ้ม

 

"นึกว่าจำกันไม่ได้นะครับเนี่ย"

 

"จำได้สิครับ" จุนเจือยิ้มหวาน และหลังจากนั้น ก็เป็นปฐพีที่ชวนคุยเสียมากกว่า ว่ามาทำอะไร และจุนเจือก็ยังคงทำหน้าที่เดิม คือ ถ่ายเอกสารบัตรประชาชนของผู้เข้าพัก / กรอกรายละเอียด / แจ้งข้อมูลของโรงแรมไปจนถึงการพาไปส่งที่ห้องพัก และขณะนี้ จุนเจือกำลังจะช่วยยกกระเป๋า แต่ระหว่างนั้น คุณเมฆินทร์โพล่งขึ้น

 

"ที่นี่ไม่มีเบลบอยหรือครับ?"

 



"ไม่มีครับ" จุนเจือตอบเจือรอยยิ้ม เมฆินทร์พยักหน้าเออออ และในจังหวะที่น้องชายกับแฟนของเขาเดินนำไปก่อน เมฆินทร์ลดความเร็วของฝีเท้าลงและเรียกจุนเจือให้หยุด ฟากจุนเจือหันมาหาคุณเมฆินทร์

 



"ขอโทษนะครับ พรุ่งนี้ ค่ำ ๆ น้องชายผมจะทำเซอร์ไพรส์ขอแฟนแต่งงานที่ห้องอาหาร รบกวนช่วยแจ้งพนักงานหน่อยนะครับ" เมฆินทร์ย้ำกับจุนเจือ เพราะกลัวว่าที่ ส่งคำขอตอนทำการจองห้องพักกลัวว่าจะไม่มีคนได้อ่านข้อความนั้น ฟากจุนเจือเงียบไปตอนที่บอกว่าเซอร์ไพร์สงานแต่งน้องชาย จุนเจือแอบดีใจลึก ๆ

 

"ครับ ถ้าผมแจ้งห้องอาหารแล้ว ทางนั้นโอเคหรือไม่ยังไง ผมจะต่อไปที่เบอร์ห้องคุณเมฆินทร์นะครับ"

 

"คุณยังจำชื่อผมได้"





"จำได้สิครับ ก็ผมเพิ่งซีรอกซ์บัตรประชาชนคุณเมฆินทร์เมื่อกี้ไงครับ"





      จุนเจือแอบเห็นคุณเมฆินทร์ยิ้มขำ จากนั้นทั้งสองก็ไม่ได้พูดอะไรกันอีก ปล่อยให้จุนเจือทำหน้าพนักงานต้อนรับ นำพาแขกเข้าห้องพักโดยสวัสดิภาพ





      จุนเจือพาคุณปฐพีไปส่งที่ห้องก่อน เสร็จแล้ว จึงพาคุณเมฆินทร์เข้าพักห้องใกล้กัน  จุนเจือไขกุญแจ วางกระเป๋าเรียบร้อย เตรียมลา คุณเมฆินทร์ก็ควักเงินยื่นแบงค์พันสองใบให้จุนเจือ

 

 

"ทิปส์"

 

 

"หือ มันเยอะไปหรือเปล่าครับ?" จุนเจือกระพริบตาปริบ ๆ มองธนบัตรสีเทาในมือคุณเมฆินทร์ด้วยความไม่เข้าใจว่าการให้ทิปส์ของเขามันมากเกินไปหรือเปล่า ?



     ตั้งแต่มาทำงานที่นี่ จุนเจือเคยได้ทิปส์มือมากสุด คือ ยี่สิบบาท จุนเจือถึงแปลกใจว่าคุณเมฆินทร์ยื่นแบงค์ผิดไหม? จึงต้องถามย้ำไปอีกที





"ไม่เยอะสำหรับผม รับไปเถอะ"

 



     จุนเจือไม่อยากตอบปฏิเสธจนน่ารำคาญ จึงพนมมือไหว้พร้อมเอ่ยขอบคุณแถมส่งยิ้มหวาน ๆ ไปหนึ่งที ไม่คิดเลยว่า การที่จุนเจือแบกกระเป๋าหนัก ๆ  มาคราวนี้จะได้ทิปส์มือมาตั้งสองพันบาท

.

.

.

.

"พี่พงศ์จะมากี่โมง?" หกโมงเย็นของวันต่อมา ปฐพีเดินเข้ามาในห้องพี่ชายที่อีกฝ่ายแต่งตัวหล่อด้วยเสื้อโปโลสีกรมท่ารัดพอดีตัวกับกาวเกงขายาวสีครีม





"ทุ่มนึง ส่วนเพื่อนนายที่ว่าจะบินตามมา ตอนนี้ ถึงเกาะหรือยัง?" เมฆินทร์ถาม



        สำหรับการมาเที่ยวครั้งนี้ ดินโกหกแฟนว่าพามาเที่ยว เพื่อฉลองวันเกิดพี่ชายที่ปรางก็ไม่เคยเจอหน้ามาก่อน โดยที่ปรางไม่รู้เลยว่าวันนี้จะเป็นวันที่ดินขอเธอแต่งงาน

 

"พวกไอ้บูมเพิ่งโทรมาว่ากำลังเช็คอินอยู่พี่เมฆ พวกมันพักห้องบังกะโลกัน" ดินบอกพี่ชาย ถึงเรื่องเพื่อนสนิททั้งสามคนของดินที่เดินทางตามมาพักโรงแรมนี้เช่นเดียวกัน



"อืม"



 

       ดินกำลังโทรหาเพื่อน ส่วนเมฆก็จัดแจงของทุกอย่างที่ต้องใช้นำออกมาเตรียมรอไว้ เมื่อได้เวลาแล้ว ดินพาแฟนของเธอไปห้องอาหารก่อน ส่วนเมฆรอเพื่อนสนิทอยู่ที่ห้อง





      มื้อค่ำ ดำเนินไปด้วยความเรียบง่าย สำหรับการรับประทานอาหารเพียงแค่สี่คน คือ เมฆ พงศ์ น้องชายและแฟนของเขา ระหว่างมื้ออาหารก็มีการต่อยอดบทสนทนาไม่ให้โต๊ะอาหารเงียบจนน่าเบื่อเกินไป





       เมฆินทร์เพิ่งเคยเจอหน้าแฟนดินเป็นครั้งแรก  แต่เขาก็มีความรู้สึกแปลก ๆ ว่า แฟนน้องชายคนนี้ไม่ธรรมดา เพราะตลอดเวลา ที่นั่งรับประทานอาหารร่วมกัน เมฆเห็นเธอลอบมองเขามาโดยตลอด แต่เมฆินทร์ยังไม่อยากเชื่อความคิดตัวเองมากนักจึงได้แต่ปล่อยเลยตามเลยไปก่อน เพราะวันนี้ ถือว่า เป็นวันดีของน้องชาย เขาไม่อยากเป็นคนทำมันล่ม





       บทสนทนาที่เคล้าคลอไปกับการนั่งจัดการอาหารกันตรงหน้าก็สิ้นสุดลง เมื่อเมฆเป็นคนเข้าเรื่องการเป่าเค้กวันเกิดว่าถึงเวลาอันสมควรแล้ว



 

       ไม่นานเท่าไหร่ที่พนักงานนำเค้กก้อนกลมมาวางตรงกลางโต๊ะอาหารอย่างระมัดระวัง ก่อนที่จะโค้งศีรษะแล้วก้าวถอยหลังเดินจากไป เหลืไว้เพียงเจ้าของโต๊ะทั้งสี่ที่จ้องมองก้อนเค้ก ข้อความบนหน้าเค้กเขียนว่า



      When you're happy. I am happy  ไม่ใช่ข้อความ Happy birthday   เหมือนทั่ว ๆ ไป





     หญิงสาวเบิกตาโตนิดหนึ่งกับเค้กที่ประดับด้วยผลสตรอเบอร์รี่ชิ้นโตน่ารับประทาน



 

"สุขสันต์วันเกิดนะคะพี่เมฆ ขอให้มีความสุขมาก ๆ นะคะ ทั้งเรื่องความรักและเรื่องการงานเลยค่ะ" ปรางว่าจบ ก็มีคนอวยพรตาม ๆ กัน แต่แล้ว ปรางชะงักมาตอนที่พี่ชายแฟนหันมาส่งยิ้มอบอุ่น อ่อนโยน

 

"ปราง เป่าเทียนวันเกิดให้พี่หน่อยสิครับ!" เมฆินทร์เอ่ยเสียงนุ่ม พลางพยักเพยิดไปทางเทียนหกเล่มที่ปักอยู่รอบเค้ก

 

"เทียนเล่มบนหรือเล่มล่างดีคะ?" ปรางท้าวคางเอียงคอและยิ้มมุมปากข้างหนึ่ง จนทุกคนที่ได้ยินต่างชะงัก เหมือนทุกคนจะตีความหมายไปทางเดียวกัน ฟากปรางเห็นทุกคนเงียบ จึงกลั้วหัวเราะ



"ฮ่า ๆ ปรางล้อเล่นค่ะ แหม? ไม่อยากให้เครียดกันไปใหญ่ ถ้าพี่เมฆอยากให้เป่า ปรางก็จะเป่าค่ะ" ปรางยิ้มพลางกัดปาก ฟากเมฆเงียบหน้านิ่ง จู่ ๆ เขาดันรู้สึกห่วงความรู้สึกน้องชายขึ้นมา





    'ถ้าไม่อยากให้ดินแต่งงานกับคนนี้แล้วจะได้ไหม?'





      หลังจากที่ปรางเป่าเทียนจนมอดดับ เมฆินทร์ก็ยังคงเล่นละครตามแผนที่วางไว้

 



"เป่าเสร็จแล้วก็ตัดเลยครับ" ปรางเริ่มเอะใจ ว่าทำไมทุกอย่างถึงให้เธอเป็นคนทำเองทั้งหมด ทั้ง ๆ ที่วันนี้ วันเกิดพี่ชายดินเองแท้





      ปรางยิ้มก่อนจะรับมีดพลาสติกมาตัดเค้ก  พอเธอค่อย ๆ กดปลายมีดลงเพื่อตัดแบ่งชิ้นเค้ก ปลายมีดทิ่มไม่ลงเพราะติดกับของแข็งบางอย่าง เธอจึงแหวกเนื้อเค้กออกดู ถึงรู้ว่าข้างในก้อนเค้กพบถุงพลาสติกห่อหุ้มกล่องกำมะหยี่สีดำ เธอหันไปหาดินทันที



 

"แผนของดินใช่ไหม?"

 



        ดินยิ้มพยักหน้า จากนั้น เพื่อนของดินที่ได้สัญญาณ จึงเดินออกมาจากมุมตรงทางเข้าห้องอาหาร เพื่อนของดินแบกช่อดอกกุหลาบสีชมพูแอปเปิ้ลกว่าห้าดอก ที่ห่อด้วยกระดาษสีครีมพันด้วยริบบิ้นสีชมพูกลีบบัว ฟากปรางยกมือขึ้นปิดปากอย่างตกใจไม่คิดว่าดินจะทำเซอร์ไพร์สได้น่ารักขนาดนี้  แขกของโรงแรมคนอื่น ๆ ที่มานั่งรับประทานอาหารมื้อค่ำอยู่ละแวกนั้น ต่างมองอย่างสนอก สนใจ ฟากดินรับดอกไม้มาจากเพื่อนแล้วยื่นให้แก่ปราง จังหวะนั้น บริกรสี่คนก็เดินมายืนอยู่ด้านหลังเมฆินทร์ ซึ่งหันหน้าไปทางหญิงสาว พนักงานชูป้ายผ้าสีขาวพร้อมข้อความสีชมพูเข้มตัวโตว่า



'Will you marry me?'



       ปรางละสายตาจากป้ายผ้านั้น แล้วหันมาสบตากับดิน



"ปรางแต่งงานกันนะ" ดินถามในขณะที่มือถือกล่องกำมะหยี่ที่เปิดฝาไว้เห็นด้านในเป็นแหวนเพชรน้ำงามหนึ่งเม็ดตรงกลางล้อมรอบด้วยเพชรขนาดเล็กรอบแหวน



 

"ค่ะ ที่รัก"





      ปรางตอบกลับพลางน้ำตารื้น สิ้นเสียงนั้น ทุกคนเฮและปรบมือกันเสียงดัง จนดินยิ้มกว้าง คว้าร่างเล็กมากอดรัดแนบแน่นและจูบกันเบา ๆ ทำเอาคนที่นั่งรายล้อมตรงนั้น ทั้งยิ้มและตาร้อนผ่าวไปตาม ๆ กัน

 



      สมหวังกันไปอีกคู่ ยามนี้ จึงได้เวลาสังสรรค์ จัดแอลกอฮออล์ปาร์ตี้กันไปให้เต็มที่

.

.

.

.

'บันทึกสำเร็จค่ะ'

 

      เสียงแสกนนิ้วดังขึ้นในเวลาสี่ทุ่ม เป็นเวลาที่จุนเจือเลิกงาน เขาเก็บของเรียบร้อยเตรียมกลับบ้าน ขณะที่เท้าเดินออกห่างจากส่วนต้อนรับของโรงแรม จู่ ๆ โทรศัพท์ก็ดังขึ้น จุนเจือรีบวิ่งไปรับ





[สวัสดีครับ ผมโทรมาจากห้อง สองหนึ่งหนึ่งครับ]


"ครับ"

 

[พอดี ผมใช้สบู่เหลวหมดครับ ช่วยมาเติมได้ไหมครับ?]



     'เวลานี่เนี่ยนะ? จุนเจืออยากจะบ้าตาย'



       ถ้าจุนเจือปฏิเสธเดี๋ยวได้มีปัญหาอีก

 

"เอ่อ! ได้ครับ"


       จุนเจือคิดในใจ จะกลับบ้านอยู่แล้วแท้ ๆ  แต่เพราะมันคือหน้าที่ที่จุนเจือต้องเอื้ออำนวยความสะดวกสบายแก่ลูกค้า ก่อนกลับบ้าน จุนเจือจึงตัดสินใจแวะไปห้องเก็บของ หยิบแชมพูออกมาเพื่อนำไปเติมให้คุณเมฆินทร์



     

       จุนเจือทำตาเศร้าพลางลอบถอนหายใจตอนมายืนอยู่หน้าประตูห้องคุณเมฆินทร์ บางที จุนเจือก็ไม่เข้าใจว่า ทำไมพอเขาทำใจได้แล้วถึงต้องเจอะกับเหตุการณ์ชวนเข้าใกล้คุณเมฆินทร์อีกด้วยก็ไม่รู้





       เมื่อสิ้นเสียงเคาะประตู ไม่นานคุณเมฆินทร์ก็เดินมาเปิดประตูออกกว้าง ปล่อยให้ จุนเจือขออนุญาตก่อนจะเดินเข้าห้องและเลี้ยวซ้ายเข้าห้องน้ำไปเติมแชมพูตรงช่องกด เสร็จเรียบร้อย จุนเจือหมุนตัวจะเดินออกจากห้องน้ำ เขาชะงักเมื่อเห็นคุณเมฆินทร์ยืนขวางทาง



"เสร็จแล้วครับ คุณเมฆินทร์" จุนเจือยิ้มแล้วโค้งศีรษะ ฟากเมฆเบี่ยงตัวหลบให้จุนเดินออก แต่ทันใดนั้น มื้อเย็นกลับคว้าข้อมือจุนเจือ จนเจ้าตัวตกใจ



"คุณชื่ออะไรนะ?"



"จุนเจือครับ เรียกจุน เฉย ๆ ก็ได้ครับ" จุนเจือมองหน้าคุณเมฆินทร์ที่ถามด้วยใบหน้าแดงก่ำ ตั้งแต่เดินเข้ามาจุนเจือก็ได้กลิ่นแอลกอฮอล์ผสมผสานไปกับกลิ่นน้ำหอมประจำตัวของเขาลอยตลบอบอวลอยู่ในห้อง





"เลิกงานแล้วหรือ?" เมฆถามเด็กหนุ่มที่ดูจะประหม่าแปลก ๆ





“ครับ” จุนเจือชักรู้สึกปั่นป่วน มวนท้อง เมื่อคนตัวโตสาวเท้าเข้ามาใกล้ จนจุนต้องขยับเท้าถอยหนีอย่างกลัวว่าอีกฝ่ายจะทำอะไร





“จุนนอนที่นี่ไหม?”

 

“ห้ะ? อะไรนะครับ?” จุนตกใจกับคำถามนั้น เขาเพิ่งจะมาเข้าใจตอนนี้นี่เองว่าทำไมก่อนเข้ามาทำงานถึงมีกฎหนึ่งข้อเกี่ยวกับการบริการอาหารแบบรูม เซอร์วิสว่าห้ามพนักงานเสิร์ฟผู้หญิงมาเสิร์ฟอาหารให้ลูกค้าที่ห้อง เพราะขนาดจุนเจือเป็นผู้ชายยังโดนแทะโลม ทั้งภาษาและสายตาที่โลมเลียทั่วเรือนร่าง





"ไม่เป็นไรครับ เสร็จธุระผมแล้ว ผมขอตัวกลับก่อนนะครับ"



 

      จุนเจือยิ้มอย่างพยายามใจดีสู้เสือ เขายกมือไหว้ร่ำลา และปรี่ไปที่บานประตู มือคว้าที่จับประตูแล้ว แต่วินาทีนั้น มือหนาของเมฆินทร์กระชากต้นแขนจุนเจือให้หันกลับมาจนร่างเล็กปะทะอกแกร่ง ไม่รีรอ เมฆดันไหล่จุนเจือผลักจนแผ่นหลังติดผนัง ก่อนจะใช้ลำตัวทาบทับและใช้ต้นขาล็อกขาอีกฝ่ายไม่ให้ขยับดิ้นหนี





 "คะ...คุณเมฆินทร์จะทำอะไรครับ คุณเมฆินทร์เมามากนะครับ พักเถอะครับ" จุนเจือรู้ตัวว่าตัวเองกำลังเจอกับอะไร จึงรีบบอก

 



      เมฆกระตุกยิ้มไม่พูดอะไรเคลื่อนหน้าเข้าไปใกล้อีกฝ่ายตั้งใจให้ปลายจมูกเฉียดผิวแก้มร้อน ๆ เมฆก้มลงเชยชมกลิ่นหอมอ่อน ๆ ที่ซอกคอเนียนขาว จนจุนเจือสัมผัสได้ถึงลมหายใจร้อนระอุเป่ารดลำคอจนเจ้าตัวเกิดมีอารมณ์ขึ้นมา



"ไอ้จุน อย่ามาว้อนท์ตอนนี้นะ สงบจิต สงบใจไว้ ไอ้บ้าเอ้ย อย่าโด่นะเฮ้ย"



       จุนเจือเริ่มอึดอัดช่วงล่าง เขาเม้มปากแน่น เมื่อคุณเมฆินทร์เลื่อนใบหน้ามาหยุดอยู่ตรงที่ริมฝีปาก จุนเจือเบี่ยงหน้าหลบ มันใกล้เกินไป ใกล้จนใจไม่ดี แล้วในจังหวะนั้น คุณเมฆินทร์ขยับใบหน้าตามไปหากลีบปากบางที่หลีกหนี และเอ่ยเสียงแหบพร่า



"Your smell drives me crazy"



         สิ้นเสียงนั้น เมฆินทร์ก้มลงสูดดมกลิ่นหอมที่ซอกคอของจุนเจืออีกฝั่ง ก่อนจะขบเม้มผิวเนียนเบา ๆ เป็นการหยอกเย้า จุนเจือกำลังจะอ้าปากห้าม แต่ช้ากว่าอีกฝ่ายเลื่อนริมฝีปากอุ่น ๆ มาประทับลงบนกลีบปากบาง แล้วบดจูบหนัก ๆ จนร่างกายจุนเจืออ่อนยวบ





           เพราะไม่ทันตั้งตัว และยังอยู่ในช่วงอารามตกใจ จุนเจือจึงเผลอให้อีกฝ่ายสอดเรียวลิ้นร้อนล่วงผ่านซอกซอนไปทั่วโพรงปากอุ่น ลิ้มชิมน้ำหวาน กระทั่งเรียวลิ้นเล็กถูกรัดร้อยดูดดุนจนจุนเจือจะยืนไม่ไหว ในวินาทีนั้น จุนเจือผลักอกคุณเมฆินทร์ออก ก่อนทุกอย่างจะสายเกินไป





"ขอโทษครับ คุณเมฆินทร์เมามากเลย ผมขอตัวก่อนครับ"

 

        จุนเจือบอกและรีบวิ่งออกไป ทั้ง ๆ ที่ยังหน้าแดงและใจเต้นแรงกระหน่ำจนต้องยกมือถูอกแรง ๆ จุนเจือกัดปากที่บวมเจ่อและเจือไว้ด้วยความอบอุ่นของอีกคนที่ได้ฝากประทับไว้





        จุนเจือยังช็อคและตกใจกับสิ่งที่เกิดขึ้น มันเกินคาดมาก ๆ ที่คุณเมฆินทร์ทำแบบนี้กับเขา ระหว่างเดินกลับที่พักของพนักงานที่อยู่ไม่ไกลจากโรงแรม จุนเจืออึดอัดอยากระบายให้ใครสักคนได้รับฟัง



       คน ๆ นั้น ก็ คือ เพื่อนรักที่สนิทกันตั้งแต่สมัยประถม


"แพรคุยได้ไหมวะ?"



 

[ได้สิ ยังไม่นอน]

 



"ทำไงดีวะ เจอลูกค้าเมาแล้วลวนลาม" จุนเจือไม่พูดพร่ำทำเพลง เข้าประเด็นตรงเผง



[เฮ้ยยยย จริงดิ เล่ามาด่วน ลวนลามถึงขั้นไหน?]



 

"จูบแบบดูดดื่มเลยว่ะมึง" จุนเจือว่าจบ ก็ยกมือลูบริมฝีปากพลางเลียริมฝีปากตัวเองซ้ำ ๆ ด้วยอาการใจสั่น

 

"ทำไงดีแพร เครียดว่ะ" จุนเจือระบายก็ยกมือขยี้ผมตัวเองและลูบหน้าแรง ๆ

 



[มึงก็แจ้งผู้จัดการเลย เขาควรรู้จะได้จัดการลูกค้าโรคจิตแบบนี้ ถ้ามึงไม่บอก แม่งก็ทำกับคนอื่นต่อไปเรื่อย ๆ  เลวจริง ๆ เลยว่ะ ไอ้ห่าพวกนี้แม่ง] เพื่อนด่าด้วยความเป็นเดือดเป็นร้อนแทน

 

 

"ไม่ได้ดิ ถ้ากูฟ้อง มีสิทธิ์โดนใบเตือน และถ้าครบสามครั้งกูโดนไล่ออกแน่ อีกอย่างนะ เกิดผู้จัดการย้อนถามกลับมาว่าแล้วเข้าไปห้องลูกค้ายามวิกาลได้ยังไง กูจะตอบไปยังไงดีล่ะ ตอบแบบไหนก็ไม่มีทางฟังขึ้น"



 

[แล้วมึงจะทำยังไงวะ ถ้าไม่บอก มึงจะยอมเป็นฝ่ายเสียเปรียบแบบนี้น่ะเหรอ? มึงจะปล่อยให้ไอ้พวกโรคจิตได้ใจแบบนี้ไปตลอดไม่ได้"





        ทั้ง ๆ ที่จุนเจือเดินห่างออกมาไกลแล้วแท้ ๆ แต่หัวใจยังเต้นกระหน่ำรุนแรง จนต้องลูบอกตัวเองซ้ำ ๆ ยกมือลูบริมฝีปากของตัวเองในขณะที่ยังนึกถึงใบหน้าคุณเมฆินทร์ไปด้วย



[อ้าว ถามไม่ตอบ]





"คือ แพร ที่จะกูเล่ามันซับซ้อนกว่านั้น"

 

[อะไรอะ?]

 

"กูแม่งเสือกโอเคกับที่เขาจูบ และที่เครียดตอนนี้ คือ กลัวตัวเองจะคิดไปไกล"

 

      ความเงียบกริบเข้ามาอยู่ในระหว่างบทสนทนา และแล้ว เสียงด่าก็ตามมาในไม่ช้า

 

 

[อีจุนนนนนนน!!! มึงเอาความหวังดีของกูคืนมา อุตส่าห์ผรุสวาจาออกไปเสียมากมาย อีเพื่อนไม่รักดี]


     จุนเจือเงียบ ที่พอเพื่อนล่วงรู้ความจริง จุนเจือก็โดนด่ายับ

 

"ก็มันเป็นคนเดียวกับที่เคยเล่าให้มึงฟัง ลูกค้าคนนั้นแหละ"  จุนเจือขยายความเพิ่มเติม เพราะเรื่องที่จุนเจือแอบปลื้มคุณเมฆินทร์ก่อนหน้านั้น แพรก็รู้เรื่องนี้ จากนั้น จุนเจือเอาเครื่องมือสื่อสารออกห่างจากหู เมื่อได้ยินเสียงกรี้ดดังลั่น

 



[อ้ายยยยยยย!จุน จริงหรือเปล่า โอ้ยยยย แล้วมัวทำบ้าอะไรวะ อ่อยกลับสิยะ เป็นกูนะ กระโดดขึ้นเตียงไม่รอให้เสียเวลาเลยจ้า!]

 

"ความแรดนี้ มึงได้แต่ใดมาวะ แพร"



[อ้าว ด่าเพื่อนเฉยเลย นี่ให้คำปรึกษาอยู่นะ ไป ๆ รีบเดินกลับไปเคาะประตูห้อง แล้วบอกเขาไปค่ะว่า Please , love me harder]



     จุนเจือเงียบเสียงพลางส่ายหน้าระอา เมื่อเพื่อนดันทำเสียงครางกระเส่าใส่



"ไอ้แพร ทำได้ง่ายอย่างนั้นก็ดีดิ กูกับเขามันเป็นแค่ลูกค้ากับพนักงาน อีกอย่างมันก็อยู่ในช่วงระหว่างปฏิบัติงาน กูทำอะไรมากไม่ได้ มันดูน่าเกลียด"





[คิดไปเองหรือเปล่า อย่าคิดมากสิ จุน ถ้าคนมันจะได้แฟน มันห้ามกันได้ด้วยเหรอวะ ของแบบนี้]

 

 "......."





       จุนเจือก็ดีใจนะที่เพื่อนบอกแบบนั้น แต่เขากลัวจะหลงตัวเองไป ก็แค่บทจูบบทเดียว แถมเป็นจูบจากคนเมา มันจะมีโอกาสขยับสถานะเลื่อนเป็นแฟนได้เหรอ

      ไม่น่าเลย!! จุนเจืออุตส่าห์ทำใจได้แล้ว พอเจอจูบนี้เข้าไป จุนเจือกลับไปหวั่นไหวอีกครั้ง
 

[เอาเป็นว่า โอกาสแบบนี้ ไม่ได้มีบ๊อยบ่อย...เป็นกู กูลุยจ้า มึงไม่เคยได้ยินที่เขาพูดกันเหรอว่า...ทุกการลงทุนมีความเสี่ยง ความรักก็เช่นกันนะมึง...]





    นั่นสินะ ...

   อยากรักก็ต้องเสี่ยง



    จุนเจือลอบถอนหายใจ ก่อนจะโดนเพื่อนด่าอีกยาว จนกระทั่งเขาวางสายแล้วพรูลมหายใจอีกครั้ง





    อีกสองวันที่คุณเมฆินทร์พักอยู่ที่โรงแรมแห่งนี้ แล้วจะให้จุนเจือทำอย่างไรดีที่จะหาโอกาสเข้าใกล้เพื่อบอกความรู้สึก..





...................................................

 
 :hao6: :hao6: :hao6: :hao6: :hao6:

*พี่เมฆฆฆฆ!!! (5555)
.
เรื่องนี้ ได้แรงบันดาลใจมาจากการไปเที่ยวและพักที่โรงแรมแห่งหนึ่ง เผลอไปได้ยินพนักงานนินทาลูกค้ามา นั่นจึงเป็นที่มาของการอยากเขียนเรื่องนี้ค่ะ และต่อจากนี้ ตัวละครไม่มีตัวตนจริง ๆ นะคะ มันคือ จินตนาการล้วน ๆ ก็แค่อยากเขียนอย่างเดียวเลยค่ะ  (5555)

ฝาก #ห้องนี้มีแต่เรา ด้วยนะคะ
ขอบคุณค่ะ   
:mew1:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 30-05-2019 20:58:49 โดย rinyriny »

ออฟไลน์ ashbyipcet

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 243
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-2
อิลุงรุกได้โหดมากอะน้องกลัวแล้ว

ออฟไลน์ rinyriny

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 295
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +106/-1
 





บทที่ 5  ผมจะรับผิดชอบคุณเอง











 

   "จุน เดี๋ยวพาลูกค้าไปส่งที่คลีนิคด่วน"

 

 

      จุนเจือตกใจตอนที่ได้ยินคำสั่งเด็ดขาดจากผู้จัดการสั่งให้เขานั่งรถโรงแรมไปส่งลูกค้าที่คลีนิค เนื่องจาก ลูกค้าลงไปเดินเล่นที่สระว่ายน้ำ แล้วไม่รู้ว่าไปเหยียบเศษแก้วหรืออะไรถึงทำให้เลือดไหลออกมาก และก่อนที่จะไปคลีนิคนั้น ต้องให้พนักงานที่บาร์ทำแผล ปฐมพยาบาลเบื้องต้น

 

 

       ตั้งแต่เข้ามาทำงาน จุนเจือพบเจอปัญหาของลูกค้าหลายเคสแตกต่างกันไป แต่ยังไม่เคยเจอเกี่ยวกับเรื่องที่ลูกค้าเกิดอุบัติเหตุภายในโรงแรม จุนเจือรีบวิ่งไปรออยู่ที่ลานจอดพร้อมคนขับที่เตรียมพร้อม ไม่นาน พนักงานเสิร์ฟพยุงลูกค้ามาส่งตรงที่จุนเจือรอ พอหันไป ใบหน้านิ่งในตอนแรกแปรเปลี่ยนเป็นเบิกตาโพลงอย่างตกใจ เมื่อเห็นคนที่จุนเจือเอาแต่นั่งคิดถึงอยู่ทั้งวันนั่น คือ คนที่ได้รับอุบัติเหตุ



"คุณเมฆินทร์" จุนเจือพึมพำเบา ๆ ตอนที่คุณเมฆินทร์เดินมาถึงตรงนี้





"โชคไม่ค่อยดีเท่าไหร่" เมฆินทร์ว่าพลางกัดปากเมื่อรู้สึกเจ็บบาดแผล จุนเจือรับช่วงต่อมาจากพนักงานอีกคนรีบพาคุณเมฆินทร์ขึ้นท้ายรถกระบะมีหลังคาและนั่งประกบข้าง

     



"ระวัง ๆ หน่อยนะครับ"



"คุณชื่ออะไรนะครับ?"

 

 

       เมื่อรถเคลื่อนตัวไปได้ไม่ถึงนาที เมฆินทร์ก็ถามขึ้น ฟากจุนเจือนิ่งไปครู่หนึ่ง พลางคิดถึงเรื่องเมื่อคืน





        'แสดงว่าคุณเมฆินทร์เมามากจนจำไม่ได้จริง ๆ'

 



"จุนครับ" จุนเจือว่าพลันกดสายตาลงมองผ้าพันแผลสีขาวที่ตอนนี้กลายเป็นสีขุ่นจากฝุ่น แถมมีเลือดสีแดงสดซึมออกมาเป็นวงกว้าง





"คุณเมฆินทร์ ไปเหยียบโดนอะไรมาครับ?"

 

"ปะการังครับ"





"แล้ว น้องคุณเมฆินทร์ล่ะครับ?"

 

 

"เขาเข้าเมืองไปกับแฟนตั้งแต่บ่ายแล้วครับ"



 

"อ้าว หรอครับ เจ็บมากไหมครับเนี่ย ดูแผลน่าจะลึกเลย” จุนเจือกัดปากพลางทำหน้าเหยเกราวกับเจ็บแทน เมื่อมองบาดแผลแล้วเขารู้สึกเสียววาบที่ปลายเท้า





       จุนเจือไม่ได้เป็นโรคกลัวเลือด แต่ถ้าได้เห็นบ่อย ๆ จุนเจือก็ไม่ค่อยชอบเท่าไหร่ เพราะเวลาที่เห็นอะไรแบบนี้ จุนเจือมักชอบจำจนเป็นภาพติดตาซะด้วย

 



“ก็น่าจะนะครับ เพราะตอนเดินก็ไม่ได้ยั้งน้ำหนักด้วย” เมฆินทร์ตอบ ทางจุนเจือก็เหล่มองใบหน้าที่แสดงถึงความเจ็บปวด

 

 “คุณเมฆินทร์จะไม่เป็นอะไรนะครับ ทำใจให้สบาย เดี๋ยวก็ถึงคลินิกแล้วครับ”



 

    เมฆินทร์ยิ้มขำ



“ขำอะไรครับ” จุนเจือถามและทำหน้างง

 

“เปล่าครับ ขอบคุณนะครับ ที่เป็นห่วง"

 

 

        จุนเจือเงียบกริบ ก็เป็นห่วงในนามของพนักงานที่ต้องดูแลลูกค้าหรอก แต่พอเห็นสายตาที่คุณเมฆินทร์มองมาพร้อมคำที่ตอบออกมาว่า.. ขอบคุณที่เป็นห่วง .. ทำไมจุนเจือถึงรู้สึกไหววูบแปลก ๆ ด้วยก็ไม่รู้





      ยามนี้ จุนเจือจึงไม่ชวนคุยอะไรอีก แต่พอความเงียบก่อตัว มันก็ทำให้จุนเจือเผลอไปคิดเรื่องเดิมอีกครั้ง เรื่องเมื่อคืนที่จุนเจือกับคุณเมฆินทร์จูบกัน ซึ่งอีกฝ่ายก็ดูนิ่งเฉย ไม่มีพิรุธอะไร เหมือนไม่รู้ว่า ตัวคุณเมฆินทร์ได้ทำอะไรลงไป เมื่อคุณเมฆินทร์ไม่พูด จุนเจือก็คงไม่มีสิทธิ์ไปทักท้วง

 

 

        และในจังหวะที่รถโครงเครง โยกไปมาตามผิวถนนขระขระ จุนเจือก็เผลอหาที่มั่นด้วยการยึดต้นขาคุณเมฆินทร์ จุนเจือรีบขอโทษและดึงมือกลับ แต่จู่ ๆ คุณเมฆินทร์คว้ามือจุนมาวางลงตรงที่เดิมอีกครั้ง

 



“วางเถอะครับ” เมฆินทร์หันไปบอก

 

“......”

 

“วางตรงนี้แล้วผมรู้สึกเหมือนเจ็บแผลน้อยลงกว่าเดิม”

 

กึก





      เหมือนเลือดมากองรวมกันตรงหน้า จุนเจือถึงกับพูดไม่ออก เขาสับสนไปหมดแล้ว ว่าทำไมคุณเมฆินทร์ถึงพูดจาแบบนี้ ยิ่งคุณเมฆินทร์พูดจาหวานหูมากเท่าไหร่ จุนเจือก็ยิ่งรู้สึกไม่ดีมากเท่านั้น....





      แม้จะคิดหาคำตอบจนหัวจะแตกกับคำพูดและการกระทำของอีกฝ่าย แต่จุนเจือกลับไม่ต่อต้าน ค้านอะไร เขาปล่อยให้มือตัวเอง วางบนต้นขาอีกฝ่าย ในขณะที่มีมือหนาวางทับบนมือที่สั่นระริก





 

        พาลูกค้าไปส่งได้อย่างปลอดภัย จุนเจือกลับมาทำงานดังเดิม เขาไม่ได้รอรับคุณเมฆินทร์ เนื่องจากเจ้าตัวเอ่ยว่าจะให้เพื่อนมารับแทน เวลาผ่านไปจวนใกล้เลิกงาน ในเวลาสามทุ่มที่จุนเจือเพิ่งทำสรุปยอดเงินสดและยอดเงินผ่านบัตรเครดิตเสร็จ ก็เผลอปล่อยตัวตามสบาย ทิ้งตัวลงพิงพนัก ยกมือเหยียดแขนเพื่อบิดขี้เกียจ





        จุนเจือพรูลมหายใจออกมา และทอดสายตามองไปข้างหน้า ในท่ามกลางแสงไฟสีส้มที่ไม่ได้สว่างมากมาย โทนสีของแสงไฟชวนเร่งให้จุนเจืออยากปิดเปลือกตา ไหนจะเพลงแจ๊สที่เปิดคลอเบา ๆ  จุนเจือก็เกือบผล็อยหลับ ส่วนหนึ่งคงเป็นเพราะช่วงนี้ จุนเจือนอนไม่ค่อยหลับ สะดุ้งตื่นขึ้นมาตีสอง ตีสามทุกครั้ง จุนเจือคิดว่าคงเพราะความความเครียดสะสม





        จุนเจือตบแก้มตัวเองเบา ๆ กำลังจะตัดสินใจลุกไปเข้าห้องน้ำ ก็เลิกคิ้วขึ้นสูง เมื่อเห็นคุณเมฆินทร์กำลังเดินกระเผลกมาหากันที่รีเซฟชั่น จุนเจือกดสายตาลงต่ำมองแผลที่มีการพันผ้าก็อตใหม่ สวยงามดูดีกว่าตอนขาไปคลีนิค

 



“คุณเมฆินทร์ เป็นยังไงบ้างครับ?”

 

“เจ็บครับ เย็บเป็นสิบเข็ม”

 

“ปลอดภัยก็ดีแล้วครับ แล้วมีอะไรให้ผมช่วยหรือเปล่าครับ? ” จุนเจือเห็นคุณเมฆินทร์มาช่วงเวลาดึกดื่นจึงถามกลับ

 

“ผมมีคำถามน่ะครับ?”



"อ่อครับ ถ้างั้นคุณเมฆินทร์เชิญนั่งก่อนครับ" จุนเจือกลับไปนั่งที่เดิม เขาเห็นคุณเมฆินทร์ทิ้งตัวลงนั่งทั้งยังกวาดสายตามองทั่วบริเวณ ก่อนถาม

 

“นี่คุณอยู่คนเดียวหรือครับ?”

 

“ใช่ครับ ถ้าเป็นกะกลางคืน ผมอยู่คนเดียวถึงสี่ทุ่มครับ แต่ถ้าคุณเมฆินทร์มีปัญหาอะไร ที่ผมไม่มีอำนาจตัดสินใจได้ ผมสามารถโทรหาผู้จัดการได้ทุกเมื่อเลยนะครับ”

 



         เมฆินทร์ยิ้มมุมปาก



“แล้วทำงานที่นี่นานหรือยังครับ?”

 

“ไม่นานเลยครับ ผมเพิ่งเข้ามาทำงานเองครับ” จุนเจือยิ้ม แต่ข้างในตื่นเต้นแปลก ๆ ที่คุณเมฆินทร์ถามเรื่องส่วนตัว



 

“เป็นคนที่นี่หรือเป็นคนต่างจังหวัดครับ? ถึงมาทำงานที่เกาะนี้"

 

“ผมเป็นคนกรุงเทพครับ แต่อยากลองเปลี่ยนที่มาทำงานไกล ๆ ดู เผื่อจะได้ประสบการณ์ใหม่ ๆ” เมฆินทร์พยักหน้า





       ฟากจุนเจือชักประหลาดใจที่คุณเมฆินทร์ยิงคำถามมากมายเกี่ยวกับเรื่องส่วนตัวจองเขามากขึ้นเรื่อย ๆ ตั้งแต่มานั่ง คุณเมฆินทร์ไม่มีเอ่ยถามเรื่องโรงแรมสักคำ

 



“แล้วมาทำงานไกล ๆ ตัวคนเดียวแบบนี้ แฟนปล่อยให้มาด้วยหรือครับ? ไม่คิดถึงกันแย่เลยหรือ?”





“คือ ผมไม่มีแฟนครับ ถึงตัดสินใจมา แล้วคุณเมฆินทร์ล่ะครับ? มาเที่ยวกับน้องชาย แล้วแฟ.."

 

     

"เมื่อคืน ผมจำได้นะว่าเกิดอะไรขึ้น" เมฆินทร์ไม่ได้ตอบคำถามนั้น แต่กลับเลือกที่จะบอกเรื่องอื่น

 



        ได้ยินดังนั้น จุนเจือชะงักพลันหน้าแดงก่ำ จุนเจือเห็นเขามีปฏิกิริยาเรียบเฉย นิ่ง เงียบ ก็นึกว่าจะจำไม่ได้ แล้วพอมาพูดต่อหน้า แถมมองตาไม่กระพริบ จุนเจือก็เริ่มทำตัวไม่ถูก จะต่อว่าก็ดูกระดากกระเดื่อง ในเมื่อจุนเองก็ชอบกับรสจูบนั้น

 



"ผมรู้ตัวครับและขอโทษที่จู...บ"

 

"เอ่อ ช่างมันเถอะครับ ผมรู้ว่าคุณเมฆินทร์เมา คุณไม่ได้ตั้งใจหรอก" จุนเจือตอบไปทั้ง ๆ ที่ใบหน้าก็ดูจะร้อนเห่อกว่าเดิม



 

"ผมตั้งใจครับ และผมจะรับผิดชอบคุณเอง"





     จากตอนแรกที่เขินจนเบนสายตาหนีไปมองวิวด้านนอกตัวอาคารที่ดำมืดสนิทแทบไม่เห็นอะไร นอกจากไฟดวงเล็ก ๆ ของเรือตกปลา จุนวกสายตากลับมาหาคุณเมฆินทร์อีกครั้ง สถานการณ์ยามนี้ มันชวนอึดอัด จุนเจือรู้สึกอิหลักอิเหลื่อ ครั้นจะเล่นมุกให้เป็นเรื่องโจ๊กขำขันก็ยังไม่สนิทกัน

 



"ไม่ต้องรับผิดชอบหรอกครับ ก็แค่จูบ ยังไม่ถึงขั้นเกินเลยกัน ผมไม่ถือสาหรอกครับ"





"แล้วคุณทำงานทุกวันเลยหรือ? ผมไม่เคยเห็นคุณหยุด"



 

“ผมหยุดพรุ่งนี้ครับ” จุนเจือตอบอย่างยิ้ม ๆ มือที่เขาวางบนตักตัวเองเย็นเยียบและชื้นเหงื่อ

 



“โอเคครับ ถ้างั้น  พรุ่งนี้ ผมขอนัดคุณไปกินข้าวได้ไหม?”

 

“เอ่อ คือ...” จุนเจือกัดปากครุ่นคิด ลังเล

 

"ผมอยากรับผิดชอบด้วยการซื้อตัวคุณไปทำงานกับผม พรุ่งนี้ ผมอยากคุยเรื่องขอบเขตการทำงาน เงินเดือน พอจะออกมาเจอกันได้ไหมครับ?”

 



       จุนเจือเงียบเสียงอีกครั้ง นี่คือเหตุผลของการรับผิดชอบหรอกหรือ? คุณเมฆินทร์จะพาจุนเจือไปทำงานที่บริษัทที่เขาทำอยู่อย่างนั้นเหรอ? แล้วคุณเมฆินทร์ทำงานเกี่ยวกับอะไร? คงทำงานสุจริต ไม่ใช่งานค้าไม้เถื่อน ค้าประเวณีอะไรอย่างนั้นหรอกนะ

 

     

“แต่...ผมกลัวจะมีพนักงานไปเห็นตอนที่ผมพบคุณ"

 

“เพื่อนผมเพิ่งเปิดร้านอาหารที่นี่ ผมพอจะหาที่หลบมุมได้ เราจะไปเจอกันที่นั่นครับ"

 

“เอ่อ ก็ได้ครับ”

 

“พรุ่งนี้หกโมงเย็น เจอกันที่ร้านแบล็ค เบอร์รี่ ผมจะคุยเรื่องงานอย่างละเอียดอีกครั้ง"

 

“ครับ”

 

      เมื่อได้คำตอบ คุณเมฆินทร์ก็ผุดลุก หมุนตัวเดินกลับไป แต่ในขณะนั้น



 

“เอ่อ คุณเมฆินทร์ครับ แล้วผมจะติดต่อคุณได้ยังไงครับ? ถ้าผมหาคุณไม่เจอ" จุนเจือลุกขึ้นพูด เมฆินทร์หันหลังกลับมาแล้วยิ้มบางเบา

 



“คุณไปร้านนั้น ตามเวลาที่บอก เจอผมแน่นอน ถ้าไม่เจอ ผมจะเป็นฝ่ายโทรหาคุณเองครับ ผมมีเบอร์คุณอยู่”





"เบอร์ผม?"





"ครับ"

 

      สิ้นเสียงนั้น จุนเจือจำไม่ได้และนึกไม่ออกจริง ๆ ว่าคุณเมฆินทร์ไปมีเบอร์โทรเขาได้ไง และได้ไปตอนไหน?





      แต่ช่างมันก่อน  สรุปแล้ว จุนเจือจะลองไปตามนัด ถ้าทำงานที่ได้เงินเดือนดี มีเนื้องานที่น่าสนใจมันก็น่าลอง





[ว่าไงมึง มีอะไรอัพเดทแน่นอน ไม่งั้น ไม่โทรมา]

 



         จุนเจือโทรหาเพื่อนสนิทตอนเลิกงานระหว่างทางเดินกลับห้องพัก

 



“ทำนองนั้น เรื่องที่กูเล่าให้มึงฟังว่า เมื่อคืนมีลูกค้าจูบกูน่ะ วันนี้กูเจอเขาว่ะ เขาบอก เขาจำได้ว่าจูบกู”

 



“เฮ้ย จริงดิ อย่างนี้ก็หมายความว่าเขาไม่เมา เขาตั้งใจจูบมึงอย่างนั้นเหรอวะ?"



 

"เออ เขาบอกกูมาแบบนั้น แต่ที่กูจะเล่ามันมีมากกว่านั้นอีก"

 



[อะไรอีก มึงก็เล่ามาให้หมด ๆ รวดเดียวสิ จะกั๊กทำไมวะ]





"ไม่ได้กั๊กเว้ย แค่ค่อย ๆ เล่า คือคุณเมฆินทร์ชวนกูไปทำงานด้วย"

 

[เฮ้ย น่าสนใจ ได้ทำงานกับคนที่มึงก็รู้สึกดีด้วย แล้วเขาให้เงินเดือนเท่าไหร่?]

 



"ยังไม่รู้ รอคุยพรุ่งนี้ เขานัดกูไปร้านอาหารคุยเรื่องงานละเอียดอีกที" จุนเจือว่าทั้ง ๆ ที่สมองยังคิดไม่ตก





[ก็ลองดูนะมึง ถ้าฟังแล้วมันน่าสนใจก็ทำเหอะ โอกาสมีเข้ามา ก็คว้ามันไว้ล่ะ]





"ขอบใจว่ะแพร"





[อาจจะเป็นจุดเปลี่ยนในชีวิตมึงก็ได้นะ]

 





        นั่นสิ หรืออาจจะเป็นจุดเปลี่ยนก็ได้



        หลังจากที่จุนเจือได้ปรึกษาเพื่อนและวางสายไปแล้ว จุนเจือก็ยังคงคิดเรื่องเดิม เขากัดปากกลั้นยิ้ม ชักอยากให้ถึงวันพรุ่งนี้ไว ๆ ซะแล้วสิ....







..........................................


 :mew1: :mew2: :mew2:  :z1:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 03-06-2019 12:51:25 โดย rinyriny »

ออฟไลน์ DrSlump

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3382
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +104/-2

ออฟไลน์ rinyriny

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 295
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +106/-1
บทที่ 6 แค่เซ็กซ์



















"ผมนั่งอยู่ตรงระเบียงครับ" เมื่อถึงเวลานัดตามสัญญา เมฆที่เลือกที่นั่งหลบมุมและค่อนข้างเป็นส่วนตัว เฝ้ามองคนที่เดินเก้ ๆ กัง ๆ มาจนถึงระเบียงไม้พลางกวาดตามองจนทั่วก็ยังไม่เห็น เมฆินทร์จึงต้องโทรหา พร้อมลุกขึ้นยืนโบกไม้ โบกมือไปด้วย





      จุนเจือหันไปตามตำแหน่งที่คุณเมฆินทร์บอกอีกครั้งถึงเห็น จุนเจือวางสายเก็บโทรศัพท์เข้ากระเป๋า สาวเท้าไปหาคุณเมฆินทร์ที่นั่งอยู่โต๊ะด้านในสุดของระเบียงไม้ที่ยื่นออกไปทางชายหาด จุนยกมือไหว้และหย่อนกายลงนั่ง





"ผมชักชอบเวลาจุนแต่งชุดนอกมากกว่ายูนิฟอร์ม" เมฆว่าเช่นนั้น เพราะเวลาเขาเจอจุนเจือทีไร ก็เป็นในช่วงเวลางานที่แต่งยูนิฟอร์มเป็นทางการซึ่งดูเป็นผู้ใหญ่ แต่พอได้กลับมาเห็นจุนเจือสวมใส่ชุดนอกอย่างเสื้อยืดสีขาวตัวโคร่งกับกางเกงยีนส์เดฟสีดำขาดเข่า ที่ดูท่วงท่าสบาย แถมแก่นเซี้ยวและลดอายุลงก็ดูน่ารัก น่ามองไปอีกแบบ



"ขอบคุณครับ" จุนเจือยิ้มรับ และยังไม่ชินกับการได้ยินคุณเมฆินทร์เปลี่ยนสรรพนามการเรียกระหว่างกัน





"สั่งอาหารก่อนแล้วค่อยคุยเรื่องงานนะ"



   

       จุนเจือพยักหน้า ปรายตามองขวามือของคุณเมฆินทร์พบแก้วและขวดเบียร์ที่พร่องไปกว่าครึ่งวางตั้งตระหง่าน





"เพิ่งเย็บแผลมาเมื่อวาน ทำไมคุณเมฆินทร์กินเบียร์แล้วล่ะครับ แผลจะยิ่งหายช้าหรือเปล่า?"





"ผมดื่มแค่แก้วเดียว พอดีอยากน่ะ" เมฆตอบ ฟากจุนเจือนั่งมองหน้าคุณเมฆินทร์ ก่อนจะละสายตาจากดวงหน้าหล่อเหลารับเมนูที่คุณเมฆินทร์เลื่อนมาวางตรงหน้า





        พลิกเมนูไปเรื่อย ๆ เพื่อหารายการอาหารที่ถูกใจ จุนเจือสั่งอาหารกับพนักงาน เสร็จสรรพ ระหว่างรออาหาร จุนเจือเงยหน้าเป็นจังหวะสบตากับคุณเมฆินทร์ที่เหมือนจ้องมองอยู่ก่อน



"เราคุยเรื่องงานกันหรือยังครับ?"



"ได้สิ ว่าแต่จุนโอเครึเปล่า ดูเครียด ๆ" เมฆถาม ตั้งแต่ที่มานั่ง ก็สังเกตเห็นอีกฝ่ายดูไม่ค่อยยิ้มแย้ม หากมีรอยยิ้มผุดออกมาก็ดูรู้ว่าฝืนและเหนื่อยล้าเต็มที





"โอเคครับ แล้วงานของคุณเมฆินทร์เกี่ยวกับอะไรครับ? ผมต้องทำหน้าที่อะไรบ้าง?" จุนเจือไม่อยากเสียเวลา จึงเข้าเรื่องทันที



     

       เมฆินทร์ยิ้ม หยิบไอแพดและพิมพ์อะไรลงไปสักอย่าง ไม่นาน เขายื่นมาให้จุนเจือดู





      จุนเจือเอียงคอมองอย่างฉงนใจ แต่ยังไม่พูดอะไร ขอลองอ่านข้อความที่ปรากฎอยู่บนหน้าจอเสียก่อนจะได้รวบรวมคำถามทีเดียว





"คุณเมฆินทร์!!! นี่อะไรกันครับ มันไม่ใช่งานบริษัททั่วไปนี่ครับ!"





"ใช่ครับ ไม่ใช่ในรูปแบบนั้น" เมฆตอบเสียงจริงจัง เขาก็พอรู้ว่าการทำข้อตกลงแบบนี้ มันอาจดูบ้าไปหน่อย แต่ถ้าเขาถูกใจใคร เมฆไม่รีรอจะคว้ามาไว้ในครอบครอง ไม่ว่าจะต้องทำด้วยวิธีไหนก็ตาม





"เดี๋ยวนะครับ คุณเมฆินทร์เข้าใจอะไรผิดหรือเปล่า? ผมไม่ได้ขายบริการนะครับ นี่คุณดูถูกผมเหรอ?"

 



“ไม่ใช่อย่างนั้น ผมไม่เคยคิดดูถูกจุน สำหรับความคิดของผม การที่ผมอยากมีเซ็กซ์กับจุนแล้วให้เงิน แสดงว่าจุนมีค่า มีราคา ผมถึงให้จุนเป็นคนเสนอค่าตัวให้ผมเอง ตอนที่ผมจูบจุน ผมถูกใจจริง ๆ จะเป็นไปได้ไหม ถ้าต่อจากนี้ เราจะมีเซ็กซ์กันอีก" เมื่อจุนเจือดูมีสีหน้าเปลี่ยนไป เมฆินทร์ยิ่งต้องรีบอธิบายขยายความเพื่อกันเข้าใจผิด





       ฟากจุนเจือนั่งเงียบนานและใช้ความคิด จนเมฆินทร์ต้องย้ำไปอีกครั้ง





"ผมไม่เคยทำกับใครมาก่อน วิธีการพูดของผมอาจดูแปลกสำหรับจุน แต่ที่ผมตั้งเงื่อนไขแบบนี้เพราะผมพึงพอใจจุนก็เท่านั้น"

 



“ผมไม่เคยทำอะไรแบบนี้ และผมคงไม่รู้วิธีปรนเปรอหรือเอาใจหรอกนะครับ" จุนเจือย้ำไปอีก เขาไม่เคยขายบริการ เลยไม่รู้ว่ามันต้องดูแลอีกฝ่ายเป็นพิเศษมากแค่ไหนกัน





 “แค่เป็นตัวจุนแบบที่จุนเป็น และผมขอถามหน่อยครับ ไม่เคยทำแบบนี้ คือไม่เคยมีเซ็กซ์กับใคร ? หรือครับ?”

 



“เอ่อ ผมไม่ใช่คนบริสุทธิ์หรอกครับ ผมเคยมีเซ็กซ์แล้ว คุณเมฆินทร์ไม่ได้แกล้งลองใจผมใช่ไหม?" จุนเจือถามอย่างอยากรู้ และต้องการความแน่ใจเพราะโดยปกติหากการจะซื้อ-ขายกันแบบนี้ ไม่ใช่มีแค่พวกสถานบริการหรือพวกที่มีโมเดลลิ่ง แม่เล้าจัดหาลูกค้าให้อย่างนั้นหรอกเหรอ?





"ทำไมผมต้องแกล้งครับ? ผมซีเรียส จุนลองอ่านเงื่อนไขอีกทีก็ได้ว่าทำได้ไหม?" จู่ ๆ เมฆินทร์ก็ตีหน้าขรึมให้รู้ว่า การที่เมฆินทร์ยอมเปิดใจคุยเรื่องแบบนี้กับคนที่เพิ่งเจอไม่กี่ครั้ง ทั้งหมดทั้งมวลไม่ใช่เรื่องล้อเล่น

 



         เมฆินทร์ยังคงจ้องดูท่าทีอีกฝ่ายที่นั่งก้มหน้าเงียบไปนาน แต่เพียงใบหน้าขาวเงยขึ้นมาด้วยสภาพน้ำตาคลอหน่วย เมฆินทร์ตกใจ เห็นท่าไม่ดี กลัวจุนเจือจะโวยวายใหญ่โต เมฆินทร์คิดว่า เขาคงยื่นข้อเสนอผิดคนเสียแล้ว





"ถ้าจุนลำบากใจ ผมขอโทษนะ เดี๋ยวผมลบข้อความทั้งหมดทิ้ง แล้วลืมไปนะครับว่าเราเคยคุ...."



"ผมตกลงครับ"





"หืมมมม?" เมฆตัดบท ตัดใจไปเป็นที่เรียบร้อย หลังจากเห็นเด็กหนุ่มมีน้ำตา แต่พอคำตอบรับออกมาจากปากจุนเจือ ทำให้เมฆินทร์เกิดความสงสัย เมฆเงยหน้ามองพลางเลิกคิ้วขึ้นข้างหนึ่ง





 "ผมตกลงครับ คุณเมฆินทร์ แล้วเรื่องเงินล่ะครับ ผมเรียกเท่าไหร่ก็ได้เลยเหรอครับ?"





"จุนครับ ผมย้ำอีกที จุนคิดดีแล้วใช่ไหม?" ยังไม่อยากเชื่อในสิ่งที่ได้ยิน จึงถามซ้ำ โดยไม่สนคำถามของจุนเจือก่อนหน้า





"ใช่ครับ แต่ผมไม่อยากลาออกจากงาน จากที่ผมอ่านที่คุณเมฆินทร์จะยื่นข้อเสนอเป็นรายเดือน ผมขอให้คุณเมฆินทร์จ่ายเป็นรายครั้งเวลาที่เรามีเซ็กซ์กันได้ไหม?" จุนเจือเสนอทางเลือก





"ได้สิครับ เรียกมาเลย ถ้าผมไหว"





      จุนเจือพยักหน้าพร้อมเสนอราคาต่อครั้ง เมฆยิ้มมุมปากก่อนบอก





"โอเค ผมจ่ายไหวอยู่"



"แต่ผมไม่เข้าใจ คุณเมฆินทร์อยู่กรุงเทพ สามารถหาใครที่นั่นก็ได้ไม่ใช่หรือครับ ทำไมถึงต้องเป็นผม?"





"วัน ๆ ผมทำแต่งาน การจะไปเจอคนที่ถูกใจจริง ๆ มันค่อนข้างยากกว่าสมัยก่อน"




"แต่แค่คืนนั้น คืนเดียวที่คุณเอ่อ...ทำแบบนั้นน่ะครับ สติคุณก็ไม่เต็มร้อย คุณตอบได้เต็มปากเลยหรอครับ ว่าถูกใจ"





"ความจริงก็มีหลายเหตุผลรวมกัน ที่จุนถามผมอีกครั้งแบบนี้ สรุปจุนโอเคหรือเปล่า ?"





"ผมโอเคครับ แต่ผมแค่สงสัย" จุนเจือบอก





      ส่วนเมฆินทร์พยักหน้าช้า ๆ ก่อนจะย้ำในเงื่อนไขที่ระบุในไอแพด





"ผมไม่หลอกจุนแน่นอน แต่ผมขอแค่ให้จุนทำตามเงื่อนไขที่ผมขอจะได้ไหม?"





      เท่าที่อ่านข้อความที่คุณเมฆินทร์ระบุมา จุนเจือว่ามันไม่ยากเกินไป เพราะสิ่งที่คุณเมฆินทร์ขอมันเป็นเรื่องที่ไม่ใช่ทางการอะไร มันเหมือนข้อตกลงร่วมกันมากกว่า

 

 

1. เซ็กซ์ เป็นสิ่งสำคัญที่สุดของข้อตกลงนี้ ทั้งสองต้องมีความพึงพอใจ จะต้องไม่มีการขัดขืนใจระหว่างมีเซ็กซ์กันเด็ดขาด

2. เมื่อตกลงแล้ว ห้ามมีคนอื่นในเชิงชู้สาว

3. ต้องรักษาความสะอาดเรือนร่าง

4.ห้ามถามเรื่องส่วนตัวของผู้ว่าจ้าง

5.สถานที่นัดพบโรงแรมเท่านั้น






"ครับ"



"อ้อ แล้วก็จากนี้ ช่วยเรียกผมว่า พี่เมฆแทนนะครับ"



"เอ่อ!...ได้ครับพี่เมฆ"





"ดีครับ" เมฆินทร์แต้มยิ้มทันที พอได้ยินอีกฝ่ายเรียกเขาว่า 'พี่' ฟังแล้วรื่นหูกว่าเยอะ



"พี่เมฆครับ"





"ครับผม"





"เราเริ่มกันคืนนี้เลยได้ไหมครับ?"





      เมฆินทร์โคลงศีรษะมองจุนเจืออย่างมีคำถาม





"เกิดอะไรขึ้นหรือเปล่า? จุน" เมฆินทร์รู้สึกประหลาดใจในตัวจุนเจือหลายครั้งแล้ว ทั้งอาการร้องไห้ และการตั้งคำถามมากมาย แต่แล้วจู่ ๆ คนที่ดูลังเลในการตอบรับข้อตกลงบ้า ๆ กลับอยากมีเซ็กซ์กันเสียตั้งแต่วันนี้





      จุนเจือมองหน้าคุณเมฆินทร์





"ไม่มีอะไรหรอกครับ? ผมแค่อยากลองกับพี่"





"แต่พี่ยังเจ็บเท้า มีเซ็กซ์คงไม่สะดวกเท่าไหร่"





"ไม่เป็นไรครับ พี่เมฆ ผมช่วยให้พี่เมฆเสร็จก่อนก็ได้ครับ"





      เมฆินทร์แปลกใจตอนที่น้องรบเร้าจะเอาให้ได้ ตัวเมฆินทร์เอง ใช่ว่าไม่อยาก จากการสัมผัสรสจูบคืนนั้น เขายอมรับว่า เด็กหนุ่มคนนี้ กระตุ้นกามราคะเขาได้ดีทีเดียว





"ตามเงื่อนไข การมีเซ็กซ์กันต้องมีความพึงพอใจทั้งสองฝ่าย ถ้าจุนแค่ต้องการเงิน แล้วไม่ได้อยากช่วยพี่ พี่จะไม่ตกลงสำหรับคืนนี้"





"ผมอยากช่วยพี่จริง ๆ ครับ ผมยอมเปิดห้องใหม่ด้วยเงินผมเองเลยครับ เพราะผมคงไม่สามารถจะทำอะไรในพี้นที่โรงแรมที่ผมทำงานได้" จุนเจือบอก เพราะจำได้ว่า คืนนี้ พี่เมฆยังคงนอนพักที่โรงแรมที่จุนเจือทำงานอยู่





"จุนต้องไม่มีใคร!" เมฆินทร์ย้ำ แม้ว่ามันจะเป็นข้อเสนอแรกที่บอกว่า เซ็กซ์เป็นเรื่องสำคัญ และในเงื่อนไขก็ไม่ได้ระบุว่าทั้งสองต้องรักกัน แต่ระหว่างที่มีเซ็กซ์กันนั้น เมฆินทร์ก็ไม่อยากใช้ของร่วมกับใคร ฉะนั้น จุนเจือต้องโสด





"ครับ ตอนนี้ ผมไม่มีแฟนครับ"

.

.

.

.

      เสียงจูบจ๊วบจ๊าบดังขึ้นภายในห้องพักที่ทั้งคู่มาเปิดพักในกรณีพิเศษ และเป็นพี่เมฆที่ออกค่าใช้จ่ายให้ทั้งหมด  เพียงทั้งสองเดินเข้ามาในห้องถอดรองเท้า ล้างหน้า ล้างตา ต่างฝ่าย ต่างก็แทบไม่ได้สนใจการตกแต่งของห้องพักเลยว่าสวยงามแค่ไหน ขอแค่มีแอร์เย็น ๆ เตียงนุ่ม ๆ เท่านั้นก็พอ เวลาสามทุ่มนี้ จึงเป็นเวลาได้ที่ที่ทั้งสองจะแลกจูบกันและกัน จุนเจือไม่ใช่เด็กอ่อนหัด เขาเคยร่วมรักกับพี่บอมบ์มาแล้ว และรู้แล้วว่า ขั้นตอนการมีเซ็กซ์ คงมีไม่กี่อย่าง เพียงแต่ตอนแรกอาจจะมีเกร็ง ๆ พราะจุดเริ่มต้นของจุนเจือกับพี่เมฆ ไม่ได้เกิดจากความรักกัน การจุดติดเพื่อสปาร์คกันจึงต้องใช้เวลาอยู่พอสมควร





       แต่พอได้จูบกันอย่างถนัดถนี่และปรับความคุ้นชินกันแล้ว จุนเจือกลับชอบใจ เขายึดไหล่อีกฝ่าย เมื่อไออุ่นจากริมฝีปากของพี่เมฆทำจุนโอนอ่อน มันเป็นจูบที่แสนจะนุ่มนวล แผ่วเบาและเนิ่นนาน ถ้าไม่ติดว่าหายใจไม่ทัน จุนเจือก็ไม่อยากถอนริมฝีปากออก หลังจากละริมฝีปากสีสดที่บวมเจ่อ เมฆใช้ริมฝีปากคลอเคลียเล่นริมฝีปากนั้นไม่หยุด ก่อนเสียงทุ้มดังขึ้นเบา ๆ





"ชอบไหม?"



      จุนเจือพยักหน้า ก่อนจะจูบปากนุ่มนั้นอีกครั้ง และผละออก





"ผมทำให้พี่เมฆนะ" จุนเจือยิ้ม ก่อนจะขยับตัวออกห่าง แล้วดึงกางเกงขาสั้นสีขาวของอีกฝ่ายให้หลุดจากช่วงล่าง จุนเจือโยนมันทิ้งไว้ข้างเตียง ใช้มือจับข้อเท้าอีกฝ่ายแยกขาออกกว้างช้า ๆ เพราะฝ่าเท้าของพี่เมฆยังมีแผล ในระหว่างนั้น จุนเจือแทรกกายไปอยู่กึ่งกล่างหว่างขาแข็งแกร่งสองข้าง โน้มตัวลงต่ำจนใบหน้าใกล้ของเล่นแท่งยาวที่กระตุกรับเป็นจังหวะ

 

       พอเห็นของอีกฝ่ายที่ชัดเจนเนื่องจากอยู่ในระดับเดียวกับใบหน้า จุนเจือแอบตกใจเล็กน้อย เมื่อตอนแรกที่แกนกายอ่อนตัว พอแข็งขืนขึ้นมา ขนาดมันค่อนข้างแตกต่างกว่าตอนแรก ความใหญ่โตมโหฬารทำให้จุนไม่รู้ว่าจะยัดลูกชายของพี่เมฆเข้าปากไปได้ยังไง


 
       จุนเจือเลยเลือกที่จะจูบส่วนปลายสีสดคล้ายทำใจ ก่อนใช้ปลายลิ้นชื้นเลียไปตามแนวยาวของแกนกลางลำตัว เขาไล้ปลายลิ้นลากยาวมายังลูกกลมด้านล่าง จุนอม ดึงดูด และเลียเบา ๆ จนจุนเจือเผลอได้ยินเสียงครางกระเส่าหลุดรอดออกมา



"อื้มมมมมมมมม อ่าห์"

           


           ยามนี้ ลิ้นชื้นแฉะของจุนเจือยังคงไล้เลียปาดเป็นเส้นตรงจนถึงส่วนหัวแกนกายอีกครั้ง ฟากเมฆินทร์ที่กึ่งนั่งกึ่งนอน มองจุนเจืออยู่เบื้องล่าง ที่กำลังช่วยสร้างความสุขสม ปลุกปั้นอารมณ์หวามที่แทบจะขาดใจ โดยเฉพาะอย่างยิ่งตอนที่จุนเจือรับแกนกายเข้าริมฝีปากอุ่น ๆ แล้วเริ่มต้นดูดอม เมฆก็เผลอสูดปากด้วยความเสียวกระสัน



          ตอนนี้ ความต้องการมันพุ่งสูงจนทะลุเพดานของขีดจำกัด บทแห่งการออรัล เซ็กซ์มันมาไกลเกินกว่าจะหยุดได้ เมื่อเมฆินทร์เห็นจุนเจือผงกศีรษะขึ้นลงอย่างเป็นงาน เมฆจึงดันตัวเข้าไปในปากของเด็กหนุ่มทั้งลำ มือหนากดศีรษะของจุนเจือแน่น และกระเด้งรับกลับริมฝีปากอุ่น ๆ นั้น


"แค่ก ๆ ๆ" จุนเจือดันตัวออก เมื่อแท่งร้อนอีกฝ่าย ดุนดันจนแทบแตะลิ้นไก่ เขารีบผละออกเพราะสำลัก


"พี่ขอโทษ จุนไหวไหม?" เมฆินทร์มองคนแดงก่ำ ตาแดง น้ำตาคลอแล้วนึกสงสาร



"ไหวครับ"  จุนเจือยิ้มแล้วรับแท่งร้อนเข้าปากอีกครั้ง ก่อนจะขยับศรีษะอย่างรัวเร็ว



        ยามนี้ แท่งร้อนถูกใส่เข้าปากของจุนเจือไปทั้งลำ  เมฆินทร์หอบหายใจถี่รัว สะโพกควบคุมเอาไว้แทบไม่อยู่ เขาเด้งรับกับริมฝีปากที่ห่อตัวรับแกนกายให้ความสุดแสนจะวาบหวาม ไหนจะความเสียวซ่านมากขึ้นยามที่จุนเจือดูดส่วนหัวสีสด และไม่น่าแปลกใจ เมื่อได้เสพสุขทางกามารมณ์อย่างเต็มที่ วินาที คนที่ถูกกระทำก็ถึงฝั่งฝัน ปล่อยของเหลวเข้าปากอีกฝ่าย และเกร็งสุดตัว สองมือหนาที่ล็อคศรีษะไว้ไม่ให้หนีถอยตอนปล่อยน้ำรัก ก็ค่อย ๆ คลายมือออก พร้อมกับคลายแกนกายที่อ่อนตัวลงแล้วช้า ๆ



"ขอบคุณนะจุน พี่ชอบมากครับ"  เมฆบอก ตอนที่ขยับตัว โน้มไปหาเด็กหนุ่ม ใช้ปลายนิ้วไล้เช็ดขอบปากจุนเจือที่มีคราบของเหลวสีขาวขุ่นเหลือทิ้งไว้



       ฟากจุนเจือก็ไม่ได้ตั้งรับว่าพี่เมฆจะปล่อยน้ำรักเพื่อให้จุนเจือกลืนกิน จึงไม่คุ้นชินกับรสชาติฝาดเฝื่อน  จุนเจือเลียริมฝีปากตัวเองหลังจากพี่เมฆช่วยทำความสะอาดเพิ่มเติมด้วยการจูบดูดดื่มของเขา เสร็จเรียบร้อย จุนเจือขยับตัวเลื่อนลงจากเตียง
 

   

"พี่เมฆครับ?"



"ครับ?"



"ช่วงนี้ ผมลาหยุดยาวพอดี ผมไปกรุงเทพ ฯ กับพี่ได้ไหม?"





"จุนลาได้กี่วันครับ?"





"สิบวันครับ"





"......" เมฆนิ่งไป เขายังไม่ได้ให้คำตอบแก่จุนเจือ





"ถ้าพี่เมฆกลัวน้องชายสงสัย ผมตามไปทีหลังก็ได้นะ"



"จุนร้อนเงินหรือครับ?" เมฆว่ามันดูแปลก ๆ ที่จุนเจือดูเร่งรัด ใจร้อนเกินเหตุ



"ก็นิดหน่อยครับ พอดีแม่ไม่สบาย ต้องใช้เงินไปหาหมอ" จุนเจือโกหก แต่ถึงจะโกหกหรือพูดความจริง พี่เมฆก็ไม่เห็นจำเป็นต้องรับรู้ ในเมื่อเขาก็ต้องการแค่เซ็กซ์





"พี่ขอดูคิวก่อนนะ เพราะถ้าจุนว่าง แต่พี่ไม่ว่างมาเจอ การไปกรุงเทพฯ ของจุนมันจะสูญเปล่า"





"ครับผม"





           จุนเจือยิ้มกว้างพร้อมเดินกลับไปจุ๊บปากพี่เมฆทิ้งท้าย ก่อนจะขอตัวไปเข้าห้องน้ำเพื่อชำระร่างกาย เพียงบานประตูปิดลง คนที่เก็บความรู้สึกไว้ข้างในก็ระเบิดออกมา จุนเจือปล่อยโฮ ยืนมองตัวเองตรงหน้ากระจกเงาด้วยดวงตาเศร้าสร้อยที่เคลือบไปด้วยน้ำใสวาววับ



.



แปดชั่วโมงก่อนหน้านี้

     



"พี่บอมบ์ใช่ไหม?"





[ปลดบล็อคเบอร์พี่แล้วเหรอ? พี่ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าจุนจะโทรมาหาพี่?]





"พี่บอมบ์ พี่ทำแบบนี้กับจุนได้ไงวะ?"





[พี่ทำอะไรครับ?]





"ตอนเราคบกัน พี่ใช้บัตรจุนผ่อนทั้งมือถือ ตู้เย็น แล้วพี่เป็นคนบอกจุนเองว่า แค่ยืมใช้บัตร เดี๋ยวพี่จะผ่อนจ่ายเอง แต่ตอนนี้ หลายธนาคารโทรมาหาจุน ทวงค่างวดกับจุน หมายความว่าไงครับ?"





           เมื่อยามที่เราคบกันครั้งความรักยังหวานชื่น พี่บอมบ์ต้องการอะไร จุนเจือหาประเคนมาให้ได้ทุกอย่าง กับแค่การยืมบัตรเครดิตของจุนเจือไปผ่อนซื้อสินค้า โดยที่พี่บอมบ์บอกเองว่าจะเป็นคนจ่ายค่างวดเอง มันไม่ใช่เรื่องเหนือบ่ากว่าแรงอะไร จุนเจือก็เลยไม่ได้เอะใจหรือคิดถึงผลกระทบภายหลัง เพราะเห็นว่าอย่างน้อยคนรักกัน ก็ควรช่วยเหลือกันไป แต่จุนไม่เคยรู้เลยว่า การคิดไม่ถี่ถ้วนจะส่งผลเสียตามมาในช่วงจังหวะที่พอถึงเวลาเลิกกัน นิสัยเสีย ๆ ของแฟนเก่าอาจผุดโผล่มาให้เห็นก็เป็นได้





            เพียงแค่เชื่อใจ ไว้ใจ และหวังอยากให้คนรักได้สิ่งที่ดีที่สุด ไม่คิดว่าการทำแบบนั้นจะกลายเป็นการทำคุณบูชาโทษ

 



[ก็จุนบล็อคเบอร์พี่ พี่เลยไม่มีโอกาสได้อธิบาย จุนครับ พี่ขอโทษ ช่วงนี้พี่ต้องใช้เงินมากจริงๆ จุนผ่อนแทนพี่ก่อนได้ไหม? พอดี แม่พี่ไม่สบายครับ]





"แม่พี่จะเป็นอะไรก็เรื่องของพี่ แต่เราเลิกกันแล้ว หรือไม่พี่บอมบ์ก็ไปบอกไอ้คนนั้น ให้เอาเงินมาคืนจุนสิ"





[พี่เลิกกับเขาแล้วจุน ตอนนี้ พี่ไม่มีใคร  และพี่เพิ่งรู้ว่าแม่พี่เป็นมะเร็งเต้านม ต้องใช้เงินมาก  จุนช่วยพี่ก่อนนะครับ แล้วพี่สัญญาจะหามาใช้ภายหลัง]





"ไม่ได้ หลายธนาคารที่โทรมาทวง จุนไม่มีเงินจ่ายไหวหรอก พี่บอมบ์ใจร้ายกับจุนขนาดนี้ได้ยังไง? บัตรกดเงินสดพี่ก็กดใช้จนเต็มวงเงิน" จุนเจือด่าว่าด้วยความไม่พอใจและเพิ่งมาระลึกได้ตอนนี้ว่า จุนโง่เอง ที่ปล่อยให้แฟนผ่อนของทุกอย่าง ภายใต้ชื่อบัตรของเขา ไหนจะรวมไปถึงบัตรกดเงินสดที่จุนเผลอลืมไว้กับพี่บอมบ์ พอโทรไปเช็คกับธนาคาร เงินก็ถูกกดออกมาใช้จนเต็มวงเงินเป็นที่เรียบร้อย



   



[จุนครับ ฟังพี่ พี่ไม่ได้อยากเลว  แต่พี่จ่ายไม่ไหว พี่เลยต้องดึงเงินส่วนนี้ เอาไปรักษาแม่ก่อน จุนครับ ช่วยพี่สักครั้งนะ อย่างน้อยเราก็เคยรักกัน ไม่ใช่เหรอ?]





          แค่คำขอร้อง อ้อนวอนจากแฟนเก่า ทำเอาจุนเจือชะงักนิ่ง





"แต่ผม...ไม่..."





[หรือจุนไม่ต้องจ่ายก็ได้ ปล่อยไว้ ให้เรื่องถึงชั้นศาล แล้วค่อยประนอมหนี้ทีเดียว ถึงเวลานั้น พี่คงมีเงินก้อนเอาไปโปะหนี้ให้จุนได้นะ เอาอย่างนั้นก็ได้ครับ] จุนเจือเงียบ ถ้าทำแบบนั้น ชื่อของจุนเจือก็คงเสียประวัติ ติดแบล็กลิสต์ไปอีกหลายปี





"ที่ผ่านมา จุนรักพี่ ยอมพี่ทุกอย่าง แล้วทำไมพี่เหี้ยกับจุนแบบนี้วะ"





[พี่บอกแล้วไงว่าพี่ต้องใช้เงินช่วงนี้พอดี พี่ไม่ได้อยากทำแบบนี้ จุนครับแค่นี้ก่อน ไว้พี่โทรหา อย่าบล็อคเบอร์กันนะ]





      พี่บอมบ์วางสายไปแล้ว ดูเหมือนเขาจะไม่เดือดเนื้อร้อนใจเท่าไหร่ ผิดกับจุนเจือที่ยืนหน้าชาและเครียดกับภาระหนี้ที่ตัวเองไม่ได้ก่อ







          มีแฟนผิดคิดจนตัวตาย ส่วนเรื่องหนี้บัตรเครดิตและบัตรกดเงินสด จุนเจือจะให้คนในครอบครัวรู้เรื่องนี้ไม่ได้ ขืนรู้ มีหวัง จุนเจือตายแน่ ๆ....





          กลับมายังปัจจุบัน คนที่นึกเรื่องเมื่อกลางวันตอนคุยกับแฟนเก่าก็สะบัดศีรษะไล่ความคิด ก่อนลูบน้ำตาออกจากดวงตาเศร้า





           เวลานี้ มันควรจะเป็นเรื่องที่ดี ที่จุนเจือได้มีเซ็กซ์กับคนที่จุนเจือสนใจ แต่กลายเป็นว่า ความรู้สึกดีที่มีให้คุณเมฆินทร์ถูกแทนที่ด้วยความเครียด ความกังวลจากการเป็นหนี้ การมีเซ็กซ์ที่ทำเพราะความจำเป็นและหน้าที่ที่จุนเจือไม่สนุกเลย





           จุนเจือถอนหายใจ หากอยากพ้นบ่วงเวรกรรมกับแฟนเก่า จุนเจือจะต้องทำใจหาเงินมาจ่ายหนี้เอง เพื่อจะได้จบปัญหา ไม่ต้องคาราคาซังให้ยืดยาว แต่ถ้าจะจ่ายหนี้ทั้งหมดเพื่อปิดบัตรเครดิต ลำพังเงินเดือนคงไม่พอ





          จุนเจือกัดปากจนเจ็บ นี่เขาต้องมีอะไรกับคุณเมฆินทร์กี่ครั้งถึงจะใช้หนี้ที่ตัวเองไม่ได้ก่อจำนวนหนึ่งแสนหนึ่งหมื่นบาทได้หมดสิ้น....






....................................................


 :man1: :man1: :man1: :man1: :กอด1: :กอด1: :กอด1:
โถถถน้องจุนของพี่
[/b]

ออฟไลน์ กาแฟมั้ยฮะจ้าว

  • Let me hug you tight, and I’ll make you feel how important you are.
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 920
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +570/-0

ออฟไลน์ MM04

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 12
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
ไม่น่าเลย สงสารจุนแทน ต้องมาใช้หนี้แทนอีก :z3:

ออฟไลน์ DrSlump

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3382
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +104/-2

ออฟไลน์ Quatree

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 279
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-1

ออฟไลน์ DrSlump

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3382
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +104/-2

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ klaew

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1258
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +36/-2
คนเลวก็คือคนเลว!

ออฟไลน์ AkuaPink

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2033
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +59/-1

ออฟไลน์ rinyriny

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 295
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +106/-1
 

 บทที่ 7 ช่วงเวลาที่อยู่ด้วยกัน



 

 

 

 

"สวัสดีครับ พี่เมฆ ผมอยู่ตรงล็อบบี้ จะไปห้องพี่นี่ชั้นอะไรครับ?" จุนเจือถามด้วยเสียบหอบเหนื่อย หลังจากที่เขากึ่งเดินกึ่งวิ่งเข้าสู่ตัวโรงแรมได้ไม่ถึงห้านาที

 

 

[ชั้นเก้าครับ]

 

 

     เมฆินทร์บอกรายละเอียดต่ออีกเล็กน้อย หลังวางสาย จุนเจือรีบเร่ง สาวเท้าไว ๆ ออกจากโถงล็อบบี้เดินเชื่อมไปส่วนโถงลิฟต์ กดลิฟต์และรอ จนกระทั่ง กล่องสี่เหลี่ยมเคลื่อนต่ำลงมาถึงชั้นล่าง จุนเจือเดินเข้าไปในลิฟต์ทึบเพื่อมุ่งหน้าไปยังที่หมาย แค่ประตูลิฟต์เปิดอ้าไม่สุด จุนเจือถลาตัวออกไปอย่างเร็วไว เพราะเวลานี้ มันช้ากว่าเวลาที่พี่เมฆนัดหมายไว้ไปเกือบชั่วโมง เด็กหนุ่มวิ่งพลางกวดสายตามองหาห้องพักจนพาตัวเองมาหยุดอยู่ที่ประตูหน้าห้อง

 

      909 คือ ตัวเลขหน้าห้องที่ปรากฏและตรงกันกับที่คุณเมฆินทร์บอก จุนเจือหอบหายใจแรง ก่อนจะสูดลมหายใจเข้าเต็มปอด สงบสติอารมณ์ และเคาะประตู

 

ก๊อก ก๊อก

 

      จุนเจือยังร้อนรนเพราะรู้สึกผิดที่มาช้ากว่ากำหนด ไม่ถึงห้านาที ประตูไม้บานหนาหนักก็ถูกเปิดจากคนด้านใน จุนเจือยกมือไหว้พร้อมก้มหัวขอโทษ

 

 

“พี่เมฆครับ ผมขอโทษที่มาช้า” จุนเจือบอกหน้าเจื่อน

 

“เข้ามาก่อน”

 

          แรกสัมผัสของการเดินเข้ามาด้านใน จุนเจือได้กลิ่นหอมอ่อน ๆ ของเปลือกส้มลอยตลบอบอวลภายในห้อง ถัดมาเป็นอากาศเย็น ๆ จากเครื่องปรับอากาศ เด็กหนุ่มถอดรองเท้าผ้าใบไว้ชิดตู้เสื้อผ้า วางกระเป๋าเป้ลงตรงข้างเตียง เขามองทั่วห้องที่ดูหรูหราไม่ต่างกับตัวโรงแรมด้านนอกที่โอ่อ่า หรูหราจากการตกแต่งด้วยของสะสมโบราณ เข้ากันกับวัสดุหินอ่อน สอดรับกับเฟอร์นิเจอร์สีดำวาววับ ดูดีเสียจนรู้สึกว่ามันเหมือนไม่ใช่ที่ของตัวเอง




    คนที่เก็บรายละเอียดภายในห้องคร่าว ๆ รีบย้ำถามพี่เมฆอีกครั้ง

 

“พี่เมฆไม่โกรธผมใช่ไหมครับ”

 

“โกรธจนหายโกรธ” จุนเจือหน้าสลดลง ตอนที่คุณเมฆินทร์เอ่ยมาอย่างนั้น ดวงตาไร้แววล้อเล่น เด็กหนุ่มเดินคอตก ตัวลีบ ก่อนจะสาวเท้าไปใกล้คนอายุมากกว่าจนห่างกันแค่คืบและพนมมือไหว้ช้อนตามองอย่างอ้อนวอน

 

“ขอโทษนะครับ ผมสำนึกผิดจริงๆ ผมหลงทางด้วยครับ”

 

        ใบหน้าน่าสงสารราวกับสุนัขโดนทิ้ง เมฆินทร์จ้องมองไม่วางตา

 

"คิดว่าควรลงโทษยังไงดี"




        จุนเจือไม่หือ ไม่อือ เพราะไม่รู้ว่า การมาสายนั้น จะต้องมีบทลงโทษอะไร มันถึงจะเหมาะสม




“เฮ้อ เอาล่ะ ช่างเถอะเรื่องนั้น แล้วแม่ไม่ถามเหรอว่าทำไมกลับมากรุงเทพแล้วไม่นอนที่บ้าน”




     หลังจากทำข้อตกลงระหว่างกัน ตั้งแต่ตอนที่จุนเจืออยู่ที่เกาะ ประจวบเหมาะกับเมฆินทร์มีเวลาว่างตรงกันกับช่วงที่จุนเจือลา ทั้งสองจึงนัดแนะมาเจอที่โรงแรม โดยตอนที่จุนเจือเดินทางกลับมาที่กรุงเทพ เขาแวะไปนอนพักที่บ้านก่อนแค่คืนเดียวเท่านั้น

 

"ก็ถามครับ แต่ผมบอกว่ามาทำธุระ"

 

     ว่าจบก็เกิดความเงียบขึ้นมาในทันที เวลานี้ จุนเจือยืนเก้ ๆ กัง ๆ ทำตัวไม่ถูก เพราะ ถือว่าเป็นการนัดหมายเพื่อมามีเซ็กซ์กันแบบจริง ๆ จัง ๆ เขาควรต้องเริ่มฉากรักเลยหรือไม่ หรือควรต้องทำอะไรก่อนก็ไม่แน่ใจ ความรู้สึกมันต่างจากการร่วมรักกับแฟนอย่างบอกไม่ถูก

 

"เป็นอะไร?" เมฆินทร์ถาม หลังจากที่เห็นจุนเจือดูประหม่าและหน้าแดง

 

    จุนเจือตื่นเต้นหนัก พออยู่กันสองต่อสองในห้องปิด โดยที่ต่างฝ่ายต่างก็รู้ว่าที่จุดประสงค์ในการมาพบเจอนั้นคืออะไรก็ยิ่งชวนให้จุนเจือเขินจัดและเริ่มปอดแหกขึ้นมา

 

"เอ่อ พี่เมฆครับ ผมไม่ทำแล้วได้ไหมครับ"

 

        เมฆินทร์เลิกคิ้วขึ้นสูง เดินเข้าไปใกล้แล้วดึงมือจุนเจือมาลูบไล้เบา ๆ ให้คลายกังวล

 

"ตื่นเต้นเหรอ?"

 

"คือ...ผม คิดว่า ผม...จะพูดยังไงดี..."

 

"พี่ถามย้ำตอนทำข้อตกลงกันแล้วนะ"

 

      จุนเจือสับสน ลังเลใจ ยังยืนนิ่งจนเมฆินทร์ต้องช่วยแก้สถานการณ์ให้

 

"เดินทางมาเหนื่อย ไปอาบน้ำให้สบายใจก่อน แล้วค่อยว่ากัน"

 

 

        จุนเจือสบตามองคุณเมฆินทร์ก่อนพยักหน้ารับ ก็ดีเหมือนกัน เจอน้ำชะโลมกายเสียหน่อย อาจพอช่วยให้กายและใจคลายกังวลได้บ้าง

 

 

“ก็ได้ครับ”

 

       จุนเจือรับคำเสร็จก็เดินไปที่เตียงคว้าผ้าขนหนูสีขาวผืนใหญ่ของโรงแรมที่จัดเตรียมไว้ให้ เขาหมุนตัวไปทางห้องน้ำ ก็หยุดเท้า หันหลังไปเห็นร่างสูงเดินตามมาด้วย

 

 

"แล้วพี่เมฆเดินตามผมมาทำไมครับ"

 

 

"อาบน้ำด้วยกันไง"

 

"หา อะไรนะครับ พี่เม...”




“หยุดทำไม เดินสิ” เมฆินทร์ส่งสายตาพยักพเยิดไปทางห้องน้ำ จุนเจือเดินนำอย่างงง ๆ ไหนตอนแรกบอกให้เขาอาบน้ำเพื่อความสบายใจ แต่การอาบน้ำด้วยกันแบบนี้ ไม่ได้ช่วยให้ความประหม่า ตื่นเต้นลดลงได้เลย

 

         เพียงประตูห้องน้ำปิดลง จุนเจือรู้แล้วว่าล่ะ ว่ากิจกรรมสวาทกำลังเริ่มขึ้น หมุนตัวหวังจะขอต่อเวลาเพื่อเตรียมความพร้อมก็โดนประกบจูบยังไม่ทันตั้งตัว

 

 

        แม้เมฆินทร์จะดูบุ่มบ่ามอย่างคนเอาแต่ใจ แต่พอถึงจังหวะมอบจูบให้กันกลับไม่รุนแรง จาบจ้วง ป่าเถื่อน ทว่า เนิบนาบ นุ่มนวล  เมฆินทร์ขบเม้มริมฝีปากล่าง ดึงดูดช้า ๆ เบา ๆ ก่อนลากไล้ไปขบเม้มริมฝีปากบน มือข้างหนึ่งล็อคท้ายทอยจุนเจือไม่ให้ขยับหนี ส่วนมืออีกข้างก็ล้วงเข้าไปในเสื้อเนื้อบางที่ยังชื้นจากเหงื่อ เมฆินทร์ใช้ปลายนิ้วสะกิดตุ่มไตกระตุกอารมณ์หวาม จนจุนเจือเผลอแสดงปฏิกิริยาตอบรับ แอ่นอก จิกเท้าอย่างรู้สึกเสียวกระสัน

 

 

         บทจูบดูดดื่มชวนจุนเจือลืมความประหม่าไปหมดสิ้น เมฆินทร์เล้าโลม ลิ้มรสหวานช้า ๆ จังหวะที่จุนเจือเปิดปากกว้างกว่าเก่า เมฆินทร์ใช้ปลายลิ้นหยอกเย้า ทักทายปลายลิ้นอีกฝ่าย  เกี่ยวตวัดรัดรึงกันไปมาขณะเดียวกัน เมฆก็แทรกกายไปอยู่หว่างขาเด็กหนุ่ม ลดมือจากสะกิดตุ่มไตไล่เค้นคลึงแก่นกายจุนเจือผ่านเนื้อผ้าที่กำลังตื่นตัว เมื่อสังเกตการขยับขยายพองนูนชัดแจ้งแล้ว เมฆินทร์ผละออก

 

 

"หายตื่นเต้นแล้วใช่ไหม?" เมฆินทร์มองคนหน้าแดง ปากบวมเจ่อ แล้วเผลอยิ้ม




      จุนเจือหลุบตา ยอมรับว่าการที่พี่เมฆใช้วิธีนี้แก้ปัญหามันได้ผลดีทีเดียว เพราะนอกจากจะลดความตื่นเต้นแล้ว จุนเจือกลับมีอารมณ์ร่วมจากการจุดไฟราคะ จากนี้ การไปต่อคงไม่ยาก




"หะ หายแล้วครับ พี่เมฆ"

 

       สิ้นเสียงการตอบรับ ไม่ต้องมีสัญญาอะไรมากไปกว่านี้ ข้อตกลงที่เคยคุยกันไว้ตอนอยู่ที่เกาะก็เริ่มขึ้นทันที ยามที่เสื้อผ้าถูกปลดเปลื้องทีละชิ้น ๆ จนหมด




       ดูเหมือนว่า การมีเซ็กซ์กันครั้งแรก เมฆินทร์จะเป็นคนคุมเกมส์ซะส่วนใหญ่ แต่เอาเถอะ จากอาการประหม่าตัวสั่นแบบนั้น เมฆินทร์ก็พอให้อภัยและเข้าใจได้ว่าเด็กหนุ่มคงไม่ชินกับการมีเซ็กซ์ลักษณะแบบนี้ ยามนี้ จึงเป็นเมฆินทร์ที่คอยกระตุกอารมณ์เป็นระยะ เมฆกดจูบหนัก ๆและดึงมือจุนเจือให้มากำแกนกายของเขาบังคับให้จุนเจือรูดรั้งแกนกายและไม่กี่วินาที จุนเจือก็เริ่มรู้ว่าการมีเซ็กซ์กับพี่เมฆก็ไม่ต่างกันการมีเซ็กซ์กับแฟนที่ผ่านมา ดังนั้น จุนเจือรู้แล้วว่าจากนี้ต้องทำอะไร




       เด็กหนุ่มรูดรั้งจนสัมผัสได้ถึงความแข็งขืนขึ้น จุนเจือผละจากจูบปาก มาจูบแก้ม ไล่มาที่ซอกคอหอม ๆ ของชายวัยแก่กว่า จุนเจือทรุดตัวลงนั่ง อ้าปากรับแกนกายพี่เมฆ ขยับโยกศรีษะไปตามจังหวะ การทำของอีกฝ่ายทำให้เมฆินทร์มีอารมณ์เสียวกระสัน ยึดท้ายทอยจุนเจือไว้มั่นแล้วดันสะโพกตัวเองสอดรับกับจังหวะปากที่อีกฝ่ายขยับเข้าออก




    จุนเจือช้อนตามองพี่เมฆที่หลับตาพริ้ม ส่งเสียงครางกระเส่าออกมาตลอดยามที่จุนเจือขยับ




       เด็กหนุ่มปฏิบัติการออรัลได้สักพักใหญ่  ๆ เมฆินทร์รั้งไหล่จุนเจือให้ลุกขึ้นยืน แล้วพาไปที่อ่างล้างหน้าอุ้มอีกฝ่ายขึ้นไปนั่งตรงพื้นที่ว่าง จับเรียวขาแยกออกกว้าง และรูดรั้งแท่งร้อนให้จุนเจือ




       จุนเจือยอมรับว่า การได้มองรูปร่างที่ดี มีมัดกล้ามที่แน่น แสดงถึงความกำยำแข็งแรง มันเป็นส่วนหนึ่งที่กระตุกอารมณ์วาบหวามของจุนเจือได้เป็นอย่างดี




      ใช้เวลาไม่นาน ร่างเด็กหนุ่มกระตุกเกร็ง วูบหวิว วาบหวาม ก่อนจะปลดปล่อยอารมณ์ใคร่ผ่านของเหลวสีขุ่นที่เปรอะตรงหน้าท้องของเด็กหนุ่มเองและเลอะไปที่มือของเมฆินทร์ จุนเจืออายที่เขาดันเสร็จก่อนพี่เมฆ เจ้าตัวก้มหน้างุด จนเมฆินทร์ต้องเชยคางให้เด็กหนุ่มสบตาแล้วจูบปาก




    จังหวะนั้น เมฆใช้นิ้วปาดของเหลวอีกฝ่าย ยกขึ้นมาเลียวนรอบนิ้วตัวเอง ส่งสายตาหื่นกระหาย ยิ้มร้าย ก่อนจะยื่นนิ้วนั้นให้จุนเจือทำแบบเดียวกัน




    ใบหน้าเด็กหนุ่มแดงเรื่อ ตอนที่กำลังใช้ลิ้นเลียวนนิ้วพี่เมฆ ปรายตามองอีกฝ่ายที่ส่งเสียงครางกระเส่าอย่างสุขสม




    เมฆินทร์ชักนิ้วออกจากปากจุนเจือ ก่อนจะใช้นิ้วเดียวกันนั้นสอดเข้าไปในช่องทางรักของจุนเจือเอง เมฆเล่นคลอคลอที่ริมฝีปากอีกฝ่ายก่อนว่า




“ถึงตาของพี่แล้วนะ"

 

    จากการใช้นิ้วชุ่มน้ำใสเพื่อขยายช่องทางรัก เตรียมเสิร์ฟสุขราคะ ก็ถึงเวลาที่แก่นกายของเมฆินทร์จะเข้าไปสำรวจช่องทางคับแคบ เพียงแค่แก่นกายชุ่มเจลหล่อลื่นเดินทางเข้าสู่ภายใน จุนเจือก็เผลอใช้ฟันคมกัดริมฝีปากล่างจนได้กลิ่นคาวเลือด มันเจ็บและเสียวซ่านในคราวเดียวกัน และแล้ว ความสุขสม ซาบซ่านก็เกิดขึ้นยามที่แท่งไฟร้อนผ่าวกดลึกเข้าไปในกายผอมรู้สึกถึงแรงตอดถี่แรงเป็นระยะ เสียงครวญครางดังก้องในห้องน้ำไม่หยุด บ่งบอกว่า ห้องน้ำแห่งนี้กำลังร้อนเป็นไฟด้วยเพลิงราคะ และอีกไม่นาน ทุกตำแหน่งในห้องน้ำจะถูกใช้งานจากการร่วมรักกันอย่างไม่มีว่างเว้น

.

.

.

.

"พรุ่งนี้ เราไม่ไปไหนเลยได้ไหมครับ" หลังจากที่ทั้งสองมีเซ็กซ์กันเสร็จ อาบน้ำอาบท่าเสร็จเรียบร้อย ยามนี้ เวลาก็ผ่านไปจนค่ำมืด เมฆที่นั่งพิงพนักเตียงดูข้อความในมือถือ เหลือบมองคนที่นอนอยู่ข้างกันที่ดูเพลียและอ่อนแรงอย่างเห็นได้ชัด

 

"อืมได้"

 

"ถ้างั้นวันนี้ ผมขอนอนก่อนนะครับ" จุนเจือบอกหลังจากรู้สึกได้ว่าเสียงตัวเองเริ่มแหบพร่า

 

"จุนโอเคหรือเปล่า?" เมฆินทร์ถามอย่างเป็นกังวล แม้ว่าเขาจะมีความต้องการทางเพศและหวังหาใครสักคนไว้คอยเป็นที่ระบายเพียงอย่างเดียว แต่ลึก ๆ เขาเกิดเป็นห่วงคนตรงหน้าขึ้นมา

 

        หากถามถึงความรู้สึกนั้น จุนเจือโอเคมาก มันนิยามออกมาเป็นภาษาได้ยาก แต่ เขารู้สึกดีที่มีเซ็กซ์กับพี่เมฆ มันดีกว่าที่จินตนาการไว้ เพียงแต่การมีเซ็กซ์ติดต่อกันโดยไม่พักมากกว่าที่ทำให้จุนเจืออ่อนแรง

 

"โอเคครับ ร่างกายยังแข็งแรงดี เพียงแต่ผมง่วงแล้วครับ"

 

       เมฆินทร์ไม่ตื้อ จึงปล่อยให้เด็กหนุ่มได้พักผ่อน ในขณะเดียวกัน จุนเจือที่ไถลตัวลงนอน ชำเลืองมองใบหน้าเนียนละเอียดของพี่เมฆที่ละสายตาจากเขาไปมองหน้าจอมือถือ เด็กหนุ่มนึกอะไรขึ้นได้ว่าวันนี้เขายังทำหน้าที่บริการได้ไม่เต็มที่กับเงินที่พี่เมฆต้องจ่ายเลย



       ดังนั้น เด็กหนุ่มจึงโน้มตัวไปจูบแก้มอีกฝ่ายแรง ๆ




จุ๊บ จุ๊บ

 

"ฝันดีนะครับ พี่เมฆ"




    ฟากเมฆินทร์ตกใจเล็กน้อยเพราะไม่คิดว่าจุนเจือจะทำ เมฆินทร์ส่ายหน้าขำเล็กน้อย พลางคิดในใจ

 

"มีอะไรกับเด็กมันดีอย่างนี้นี่เอง"

.

.

.

.

.

         สายวันต่อมา หลังจากที่ทั้งสองตื่นเช้าเพื่อลงไปกินอาหารเช้าตามแพ็คเก็จที่รวมมากับตอนจ้องห้องพักประเภท Hotel room ไว้




     เมื่อจัดการอาหารเช้าเสร็จทั้งสองก็ขึ้นมามีเซ็กซ์กันระหว่างอาบน้ำอีกหนึ่งหน




      จุนเจือยอมรับว่า ตั้งแต่โสดมาเขาก็ไม่เคยได้ร่วมรักกับใคร  พอได้กลับมามีเซ็กซ์หนนี้ ยอมรับว่ามันสุข สนุกอย่างเหลือเชื่อ เสียอย่างเดียว ที่พี่เมฆเหมือนชายวัยกลัดมัน เขาสามารถมีเซ็กซ์ต่อกันได้หลายรอบโดยไม่รู้จักเหน็ดจัดเหนื่อย จุนเจือไม่รู้ว่าเอาเรี่ยวแรงและพละกำลังมาจากไหน

 

        เบ็ดเสร็จวันนี้ จึงไม่มีกิจกรรมพิเศษอะไรมากไปกว่ามีเซ็กซ์กันแล้วนอนพัก ตื่นมามีเซ็กซ์กันแล้วนอนพักทำวนไปแบบนี้

 

        สี่ครั้ง คือจำนวนที่ทั้งสองสร้างสัมพันธ์สวาทกันภายในวันเดียว และในเวลาหกโมงครึ่ง คือเวลาที่เมฆินทร์สบตามามองจุนเจือที่ยกมือบิดขี้เกียจอยู่บนเตียงข้าง ๆ กัน




"ได้เวลากินข้าวเย็นแล้วครับ จะสั่งขึ้นมาหรือลงไปกินที่ห้องอาหาร" เมฆินทร์ถามจุนเจือพลางท้าวศรีษะมองคนที่ตาปรือและผมยุ่งเหยิง

 

"ผมอยากกินอย่างอื่น เราออกไปข้างนอกได้ไหมครับ?” จุนเจือตะแคงข้างไปบอกใกล้ ๆ เขาชักรู้สึกถึงความอุดอู้จนอยากออกไปเห็นแสงสีด้านนอกบ้าง




"อยากกินอะไร?"

 

"พวกข้าวต้มโต้รุ่งครับ"

 

"ได้"

 

“เย้ ผมไปแต่งตัวก่อนนะครับ” แค่นึกเมนูอาหารที่อยากกิน จุนเจือก็น้ำลายสอ เขาหยัดกายขึ้น ลงจากเตียงไปล้างหน้า ล้างตา

        ทั้งสองต่างแยกย้ายไปแต่งตัวด้วยชุดเสื้อผ้าที่เตรียมมาจากบ้าน

 

         จัดการธุระตัวเองเสร็จ ทั้งคู่ออกเดินทางไปยังร้านอาหารที่จุนเจือเลือกร้านมาจากการดูรีวิวทางอินเตอร์เน็ต  ถึงที่หมาย แล้วกับร้านอาหารใหญ่โตที่ตั้งอยู่ริมถนน โดยตัวร้านกว้างขวาง สะอาดตาโดยการประดับไฟนีออนสีขาวสว่างโร่

 

         ทั้งสองยืนมองรอบร้านเพื่อหาที่นั่งว่างจนลูกจ้างที่เห็นลูกค้าใหม่ เดินมาหาเพื่อนำไปยังโต๊ะด้านใน ตลอดทางแคบที่ทั้งสองเดินผ่านนั้นเต็มไปด้วยผู้คนที่นั่งเต็มร้าน แสดงว่า ร้านนี้ มีโอกาสอร่อยสูง

 

 

"ผมขอดื่มเบียร์ด้วยได้ไหมครับ?" จุนเจือถามขณะที่พลิกเมนูไปดูด้วย

 

"ได้สิ"

 

"พี่เมฆดื่มด้วยกันไหม?”

 

ไม่ครับ”

 

“อ่อ พี่เมฆครับ คืนนี้ ผมขอพักนิดนึงนะครับ” จุนเจือโน้มตัวไปพูดเบา ๆ กลัวคนรอบข้างได้ยิน ฝั่งเมฆินทร์มองหน้าจุนเจือครู่หนึ่ง ถึงค่อยพยักหน้า ในวันนี้ ก็ถือว่าคุ้มค่าแล้วกับการร่วมรักกัน ถ้าจะปล่อยให้เด็กพักร่างสักหน่อยก็คงไม่เสียหายอะไร

 

"จุนอยากกินอะไร สั่งเลยนะ" เมฆินทร์ปิดสมุดเมนูแล้วปล่อยให้จุนเจือจัดการ

 

"โอเค แล้วพี่เมฆกิน ไม่กินอะไรบ้างครับ ผมจะได้สั่งให้ถูก"

 

"พี่ไม่กินเนื้อวัวครับ นอกนั้นกินได้หมด"

 

"โห พลาดของอร่อยได้ไงครับเนี่ย เนื้อนี้ทั้งหอม ทั้งอร่อย ตัวยั่วน้ำลายชั้นดีเลยนะครับ" จุนเจือว่าด้วยเสียงสดใส

 

“พี่ว่าเนื้อจุนก็หอมและอร่อยเหมือนกัน"

 

กึก

 

      จุนเจือชะงักมองคนตอบออกมาหน้านิ่ง จุนเจือไปต่อไม่ถูก แอบใจเต้นแรงจนรีบหลุบตาพลิกดูเมนู พลางบ่นงึมงำพูดชื่อเมนูนู้นที เมนูนี้ที แก้เขิน

     

       จากนั้นจุนเจือก็สั่งอาหารตามที่อยากกิน ส่วนเนื้อที่โหยหานั้น ก็คงต้องละเว้นไว้ก่อน จุนเจือสั่งเมนูมาตรฐานทั่วไป อย่างพวก ซุปเปอร์ตีนไก่ แขนงปลาเค็ม ผัดหนำเลี๊ยบ พริกแกงไก่ ยำไข่เค็ม

 

        ในระหว่างที่รออาหาร จุนเจือเหลือบมองมือถือตอนที่มีเสียงข้อความเข้ามา เขาเอื้อมมือไปหยิบมาดูก็พบว่ามียอดเงินเข้ามา พอเห็นตัวเลขรวมกันเป็นก้อนใหญ่ จุนเจือเบิกตาโพลงไม่อยากเชื่อสายตาตัวเองว่าเขาจะได้เงินก้อนหนึ่งมากพอกับรายได้ที่เขาทำงานที่โรงแรมมาทั้งเดือนเสียอีก

 

"หืมม พี่เมฆโอนไวมากเลยนะครับ"

 

"ก็จุนบอกว่าแม่ไม่สบายไม่ใช่เหรอครับ เผื่อจะรีบเอาไปใช้”

 

        จุนเจือสะอึก ชะงักกึก รู้สึกผิดจับใจ และเป็นจังหวะเดียวกับที่จุนเจือเห็นอีกฝ่ายทำหน้าเหยเกจึงเปลี่ยนเรื่อง

 

"พี่เมฆ ทำไมทำหน้าอย่างนั้นครับ"

 

"จู่ ๆ ก็เจ็บแผล" จุนเจือเพิ่งนึกขึ้นได้ว่าก่อนหน้านี้พี่เมฆมีแผลที่ฝ่าเท้าเพราะไปเหยียบปะการังมา พี่เมฆยังเสริมว่าไปตัดไหมมาแล้ว จุนเจือก้มมองลอดใต้โต๊ะเห็นอีกฝ่ายยกเท้าขึ้นมาเหนือพื้น

 

“จะเป็นอะไรมากไหมครับพี่เมฆ”

 

“ไม่หรอก น่าจะเผลอทิ้งน้ำหนักมั้งเลยเจ็บ ช่างเถอะ”

 

        จุนเจือมองอย่างเป็นห่วง แต่เขาก็เก็บอาการไว้ในใจเงียบ ๆ จนกระทั่ง เบียร์และน้ำเปล่ามา จุนเจือจึงหันไปให้ความสนใจในส่วนนี้แทน

 

       จุนเจือยกแก้วเบียร์เพื่อดื่มแก้กระหายและผ่อนคลายในคราวเดียวกัน

 

       นับว่าเป็นร้านอาหารที่ทำกับข้าวได้รวดเร็วทันใจ เพราะรอไม่นาน อาหารที่สั่งไปก็ถูกนำมาเสิร์ฟวางเรียงรายจนครบ  จากนั้นทั้งคู่ก็เตรียมลงมือจัดการอาหาร ฟากหนุ่มน้อยก็ซัดราวกับคนอดอยากปากแห้งมานาน ส่วนหนึ่งที่โหยคงเพราะใช้พลังงานเคลื่อนไหวร่างกายไปมาก

 

 

       แหละกิริยาเหล่านั้นตกอยู่ในสายตาของคนตรงข้าม เมฆินทร์นั่งมองจุนเจือที่กินไม่พูดไม่จา

 

"ดูจุนจะถูกใจ ถ้าไม่อิ่มก็สั่งเพิ่มได้" เมฆินทร์ถามเพราะเห็นจุนเจือมีความสุขกับการกินมากพอสมควร

 

"ใช่ครับพี่เมฆ ผมถูกใจมากเลยน่ะ มันอร่อย อีกอย่างตอนอยู่ที่เกาะ ผมไม่ค่อยได้กินอร่อย ๆ แบบนี้ด้วย ไม่ใช่แค่ราคาอาหารที่แพงเท่านั้นนะครับ จากตัวโรงแรมที่ผมทำงานจะให้ลงมาในเมืองก็ลำบาก เพราะผมขี่มอเตอร์ไซค์ไม่เป็นด้วย พอได้มากินเมนูที่อยากกิน ผมก็ดีใจมากเลยครับพี่เมฆ" เมฆินทร์ไล่สายตามองอีกฝ่ายก็ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมจุนเจือถึงผอม

 

"ถ้างั้นอยากกินอะไรก็สั่งเลย กินเยอะ ๆ จะได้อ้วน"

 

"ครับพี่เมฆ" ว่าจบ จุนเจือก็ก้มหน้าก้มตากินต่อ และส่วนใหญ่จะเป็นจุนเจือที่ฟาดไม่เหลือ

 

    ใช้เวลาสักพักใหญ่ ๆ ถึงจัดการอาหารเซ็ตแรกจนหมด จุนเจือถึงสั่งของหวานเพิ่มเป็นบัวลอยมะพร้าวอ่อน

 

      ใบหน้าเด็กหนุ่มยิ้มแย้มเพราะอิ่มเอมใจ มีความสุขที่ได้กินอาหารอร่อยถูกปาก แถมยังฟรีอีกต่างหาก หลังจากเมฆินทร์เป็นคนจ่ายค่าอาหารทั้งหมด ชายสองคนต่างวัยลุกออกจากโต๊ะ เดินทะลุหลังร้านเพื่อจะไปลานจอดรถ แต่จุนเจือแตะแขนพี่เมฆแล้วร้องทัก

 

“พี่เมฆนั่งรอผมในรถแปปนึงก่อนนะครับ”

 

"จะไปไหน?"

 

"ไปซื้อของนิดหน่อยครับ" จุนเจือบอกด้วยรอยยิ้ม

 

"ให้ไปด้วยไหม?"

 

"ไม่ต้องครับ ผมไปได้"

 

"ซื้ออะไร ถ้าจะซื้อถุงยางไม่ต้องนะ ของพี่ยังเหลืออยู่"

 

      จุนเจือหน้าแดงก่ำเพราะตอนที่พี่เมฆพูด เป็นจังหวะที่ลูกค้าคู่รักคู่หนึ่งเดินผ่านหน้าไปยังลานจอดรถเหมือนกัน

 

"พี่เมฆ พูดอะไรครับเนี่ย ผมรีบไปซื้อของก่อนแล้ว" จุนเจือหน้ามุ่ยและรีบแยกไปอีกทาง หลังจากก่อนหน้า ได้สอบถามกับลูกจ้างแล้วว่าแถวนี้มีร้านขายยาไหม พอรู้ว่ามี จุนเจือถึงใช้โอกาสนี้รีบวิ่งไปซื้อ

 

........ ต่อด้านล่างจ้า.........

ออฟไลน์ rinyriny

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 295
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +106/-1

         ใช้เวลาไม่นาน จุนเจือวิ่งกลับมาก็เห็นพี่เมฆยืนพิงรถคุยโทรศัพท์มือถือ พอเห็นว่าจุนเจือเดินใกล้เขามา เมฆินทร์ตัดสายแล้วมองมาที่จุนเจืออย่างมีคำถาม

 

"ซื้ออะไรครับ?"

 

      จุนเจือยิ้มแล้วชูถุงให้เห็นเป็นหลักฐาน เขาหยุดหอบเหนื่อยสักครู่แล้วตอบ

 

"อุปกรณ์ทำแผลครับ กลับห้องไป ผมทำแผลให้นะ"




"ยังไงพี่ก็ต้องไปทำแผลที่โรง'บาลอยู่แล้ว" เมฆินทร์ตอบ




"แต่ผมอยากทำให้นี่ครับ ผมไม่สบายใจตอนที่เห็นพี่เมฆทำหน้าแบบนั้น" เมฆินทร์ชะงักตอนได้ยินเด็กหนุ่มบอกพร้อมยิ้มกว้าง  เขาพยักหน้าและรีบเดินอ้อมไปอีกฝั่งสอดตัวเข้าไปในรถเพื่อรีบแล่นไปยังที่หมาย

.

.

.

.

     หลังจากถึงโรงแรมได้สักพัก จุนเจือนั่งจัดเตรียมอุปกรณ์ทำแผล ส่วนพี่เมฆก็เข้าไปอาบน้ำก่อน สักพักใหญ่ ๆ คนอายุมากกว่าก็เดินเผยหุ่นงดงามให้จุนเจือหน้าแดงก่ำ จนเจ้าตัวรีบละสายตาที่มองต่ำ ไปมองหน้าพี่เมฆพลางกวักมือเรียก

 

"พี่เมฆมานั่งตรงนี้เร็ว ผมจะทำแผลให้ครับ"

 

    จุนเจือต้องหลบตาทุกครั้ง ยามที่ได้เห็นช่วงบนเปล่าเปลือยของพี่เมฆ เห็นทีไรก็กระตุ้นอารมณ์จุนเจือได้ทุกครั้ง

 

    เด็กหนุ่มที่นั่งตรงพื้นสวมถุงมือแล้วหยิบสำลีจุ่มแอลกอฮอลล์บรรจงทำเช็ดข้างแผลวนสองถึงสามรอบ จากนั้นก็ใช้สำลีจุ่มน้ำเกลือทำความสะอาดที่แผลประมาณสองถึงสามรอบก็เป็นอันเสร็จสิ้น

 

“เสร็จแล้วครับ”

 

      เด็กหนุ่มเงยหน้ามองเป็นจังหวะที่ทั้งสองสบตากัน แล้วเป็นเมฆินทร์ที่โน้มตัวลงต่ำ จับปลายคางเด็กหนุ่มแล้วมอบจูบให้กันก่อนผละ

 

“ขอบคุณนะจุน” เมฆินทร์ลูบหัวแล้วลุกไปใส่เสื้อผ้า ฟากจุนเจือยิ้มมุมปาก ขณะที่เก็บอุปกรณ์ไปด้วย

 

      หลังจากที่จุนเจือจัดการชำระร่างกายเสร็จ เขาออกมาด้วยสบู่เหลวหอม ๆ ของกลิ่นเปปเปอร์มินต์ ด้วยสภาพที่สวมใส่ผ้าเรียบร้อย




“ผมนึกว่าพี่หลับแล้ว”

 

"รอจุน”

 

     ขณะที่จุนเจือปีนขึ้นเตียง เขาเอียงคอมองคนตรงหน้า อย่างมีคำถาม

 

“รอผมทำไมครับ”

 

“พี่มีเรื่องจะถาม”

 

“ถามอะไรครับ?” จุนเจือว่าพลางไถลตัวลงนอน สอดตัวเข้าใต้ผ้านวมผืนหนา ตะแคงข้างไปหาคนอายุมากกว่า แต่ยังไม่ทันจะได้ทำอะไรแขนแข็งแกร่งก็รั้งเอวให้เข้าไปใกล้จนร่างเล็กชิดแผงอกกว้าง เมฆินทร์ขบเม้มซอกคอดูดดึงผิวหนังจนจุนเจือเริ่มมีอารมณ์     

 

"พี่เมฆ ผมบอกแล้วนะครับว่าขอพัก”

 

"แค่เล่นนิดหน่อย"

 

       จุนเจือข่มใจ การเล่นแบบนี้ไม่ต่างกับการเล้าโลมจุดเชื้อไฟราคะให้โหมกระพือ

 

"พี่เมฆครับ ไม่เอานะ พี่ทำแบบนี้ ผมรู้เดี๋ยวพี่เมฆก็เตลิด”

 

       เมฆินทร์หลุดหัวเราะก่อนปล่อยจุนเจือเป็นอิสระ แล้วหันไปมองหน้าจุนเจือ

 

"เล่าเรื่องประวัติจุนให้ฟังหน่อยครับ"

 

"ประวัติผม?"




"ครับ รับเข้ามาทำงาน ยังไม่ได้สัมภาษณ์ให้ละเอียดเลย"




      จากนั้น จุนเจือก็เริ่มเล่าเรื่องประวัติส่วนตัว ประวัติการศึกษา ตลอดจนประวัติการทำงานต่าง ๆ เมื่อเล่าเสร็จ เมฆินทร์พยักหน้ารับเออออก่อนถามต่อ

 

"คุ้น ๆ ว่าจุนบอกว่าไม่มีแฟน แล้วเลิกกับแฟนนานหรือยังครับ"

 

"ก็ไม่นานมากครับ ช่วงที่ผมมาทำงานที่เกาะก็เพราะผมเลิกกับแฟนนั่นแหละครับ ตอนนั้นเสียใจหนักมาก จากนั้นก็เลยอยากลองใช้ชีวิตแบบที่ไม่เคยได้ใช้เลยตัดสินใจไปทำงานที่เกาะนั่น"

 

"หลังจากที่ได้ทำรู้สึกยังไง?"

 

"ก็ทั้งรู้สึกดีและไม่ดีนะครับพี่เมฆ ผมต้องใช้เวลาปรับตัวกับสถานที่ เพื่อนร่วมงาน อาหารการกิน รวมถึงเวลาการทำงานด้วย ช่วงหนึ่งที่ผมทำกะกลางคืนก็มีบ้างที่ปวดท้อง เพราะกินข้าวไม่ตรงเวลา ส่วนเรื่องปัญหาจากการทำงานก็มีกับเพื่อนร่วมงานเป็นเรื่องปกติ แต่สำหรับผมถือว่าหนักเหมือนกัน ไม่เคยเจออะไรแบบนี้มาก่อน ผมยอมรับแบบไม่อายเลยนะครับพี่เมฆว่า แรก ๆ ผมร้องไห้เกือบทุกคืนเลย ผมอยู่ตัวคนเดียวด้วยมั้ง อีกส่วนก็คงเป็นเพราะเลิกกับแฟนด้วย พี่รู้ไหมตอนนั้นผมเครียดจนตั้งคำถามกับตัวเองว่า ทำไมผมต้องมาเจอเรื่องแบบนี้ด้วย จนเวลาผ่านไป ผมคิดได้และเข้าใจว่า ยิ่งเราผ่านเรื่องแย่ ๆ มามากเท่าไหร่ สภาพจิตใจเราก็จะแข็งแกร่งมากขึ้นเท่านั้น หลังจากนั้น ชีวิตผมก็เปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้น ผมถือว่ามันเป็นประสบการณในชีวิตด้วยครับ”

 

    เมฆระบายรอยยิ้มและนึกไม่ถึงว่าจุนเจือจะกล้าเปิดเผยเรื่องราวตัวเองอย่างจริงใจใสซื่อ เขาชื่นชมกับความคิดความอ่านที่ผ่านการตกผลึกมาระดับหนึ่งจากการพบเจอเรื่องราวแย่ ๆ เมฆินทร์ดึงจุนเจือมากดจูบหนัก ๆ ก่อนผละ

 

"จุนครับ พี่อยากมีอะไรกับจุนอีก” เมฆินทร์ว่าพลางกดใบหน้าลงซุกไซ้ซอกคออีกฝ่าย จนจุนเจือรู้สึกเสียวซ่าน ต้องดันอกพี่เมฆให้ห่าง

 

"พี่เมฆ ผมเพิ่งบอกไปเองนี่ครับว่า วันนี้ผมขอพัก ไม่ได้หรอครับ” จุนเจือไม่พูดเปล่า

 

"ไม่ไหวเลยเหรอ?" เมฆินทร์ถามย้ำจนจุนเจือต้องรีบตอบกลับ

 

"ไม่ไหวจริง ๆ ครับ ต้องขอโทษด้วยนะครับที่วันนี้ผมไม่สามารถทำให้ได้ ขอพรุ่งนี้นะครับ"

 

     จุนเจือรั้งไหล่พี่เมฆให้ออกห่างจากการคลอเคลียซอกคอของเขา และประคองใบหน้าอีกฝ่ายเพื่อมอบจูบแสนหวานให้เป็นการขอโทษ ก่อนจะไถลตัวไปซุกซบหน้าลงบนอกแกร่ง แล้วสวมกอด

 

“ขอร้องนะ ไม่โกรธกันนะครับ ผมนอนแล้วนะ"

 

"เฮ้อ...ร้ายจริง ๆ"

 

   จุนเจือหัวเราะในลำคอของจุนเจือแล้วกอดพี่เมฆไว้แน่น

 

     จากตอนแรกประหม่าไม่กล้า พอมาตอนนี้ ทุกอย่างลื่นไหลไปตามจังหวะที่มันควรจะเป็น และหนึ่งสิ่งที่จุนเจือสัมผัสได้ว่าตัวเขาเปลี่ยนไป การได้บอกเล่าเรื่องราวในที่ผ่านมรสุมในชีวิตให้ใครสักคนได้รับฟังมันทำให้จุนเจือรู้สึกโล่งและสบายใจ อีกอย่าง ยามที่ได้อยู่กับพี่เมฆ มันทำให้จุนเจือความอุ่นใจ และโดยเฉพาะภายใต้อ้อมกอดนี้ มันอบอุ่นจนจุนเจืออยากเก็บเอาไว้ให้นานที่สุด

.

.

.

.

"อยากทำอะไรอีกไหม ก่อนจะกลับไปทำงาน” เมฆินทร์ถามจุนเจือยามสาย หลังจากที่เสร็จกิจกามไปหมาด ๆ




     นับว่าเป็นเรื่องที่น่าแปลกใจ ในวันนี้ พี่เมฆคนเมื่อวานที่มีเซ็กซ์ราวกับคนบ้าตัณหาได้หายไป เหลือเพียงชายหนุ่มละมุน นุ่มนวลที่มีเซ็กซ์กับจุนเจือเพียงแค่ครั้งเดียวเท่านั้น และยังเป็นครั้งที่จุนเจือรู้สึกว่าพี่เมฆตั้งใจทำมันออกมาราวกับเป็นผลงานศิลปะชิ้นหนึ่ง เขาบรรจงเล้าโลม ใส่ใจความรู้สึกของจุนเจือเป็นอย่างมาก เขาทะนุถนอมจุนเจืออย่างกลัวว่าร่างนี้จะแตกสลาย




    ไม่รู้ว่า จุนเจือคิดไปเองหรือเปล่า ว่า การมีเซ็กซ์กันวันนี้ มันไม่ใช่แค่ความต้องการทางเพศ แต่มันมีความรู้สึกดี ความรักและความห่วงใยซ่อนอยู่ในนั้น

 

"ผมอยากดูหนังได้ไหมครับ" จุนเจือบอก เพราะตั้งแต่ไปทำงานที่เกาะ จุนเจือก็ไม่ได้ดูหนังเลย ทั้ง ๆ ที่การดูหนัง คือ กิจกรรมหนึ่งที่จุนเจือชอบทำเสียด้วย

 

“เอาสิ เพราะพรุ่งนี้พี่จะไม่ว่างแล้ว"




    วันนี้ เขาอยากพาจุนเจือไปเที่ยว ได้ทำในสิ่งที่อยากทำก่อนกลับไปทำงานที่เกาะ

 

"อ้าวหรอครับ พรุ่งนี้ เราจะไม่ได้อยู่ด้วยกันเหรอครับ" จุนเจือถามด้วยใบหน้าเศร้า







    เมฆินทร์ชะงักตอนที่จุนเจือตอบออกมาแบบนั้น เขาเงียบไปนิด ก่อนหอมแก้มจุนเจือทั้งสองข้าง




"ครับ แต่พี่จองโรงแรมใหม่ไว้ให้ พรุ่งนี้เช็คเอาท์จากที่นี่แล้วจะไปส่ง"

 

"ถ้าผมต้องอยู่คนเดียว พี่จะจองโรงแรมทำไมครับ เปลืองเงินผมกลับบ้านได้ครับ"




"ช่างเถอะ จองไปแล้ว"




"ครับ"

 

 

“เป็นอะไร?”

 

“เปล่าครับ ผมไปอาบน้ำก่อนนะครับ" จุนเจือฝืนยิ้ม แล้วลุกไปอาบน้ำ เพื่อเตรียมไปดูหนังที่อยากดู







..........................................................


 :กอด1: :กอด1: :กอด1: :กอด1: :กอด1:
มาเสิร์ฟให้แล้วค่ะ ขออภัยที่มาช้านะคะ มีเรื่องมากมายที่ต้องสะสางนิดหน่อยจ้า ขอบคุณทุกคนอ่านที่รอกันน้าาาาาา
:mew1: :mew1: :mew1: :mew1: :mew1:

 

ออฟไลน์ Moonoii

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 29
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
เกร้ดดดดดดดดดด ไรท์กลับมาแต่งต่อแล้ว คิดถึงมากมาย รอมานานมากค่าาาา อย่าหายไปนานอีกน้าา // เกลียดแฟนเก่าจุนเจือ อย่าโง่ให้มันอีกเลยนะะ

ออฟไลน์ klaew

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1258
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +36/-2

ออฟไลน์ sirin_chadada

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4110
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +114/-8

ออฟไลน์ DrSlump

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3382
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +104/-2

ออฟไลน์ rinyriny

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 295
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +106/-1
 บทที่ 8 มีใจให้








   เมื่อเดินทางมาถึงห้างสรรพสินค้า เพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลา ทั้งคู่มุ่งหน้าไปชั้นโรงภาพยนตร์ที่อยู่ชั้นบนสุดของห้าง



 
“ผมเพิ่งนึกได้ครับ ว่าตามข้อตกลง เราแค่มีเซ็กซ์กันเท่านั้น ผมเลยไม่แน่ใจว่า การที่พี่พาผมมาแบบนี้ มันนอกเหนือจากข้อตกลงไหม?”
 
     เมฆินทร์ยิ้ม


 
“มาถึงนี่แล้วจะคิดมากทำไม?”


 
       จุนเจือมองหน้าพี่เมฆที่ยิ้มกว้างกว่าทุกครั้ง จุนเจือแอบยิ้มตามอย่างใจสั่น ๆ  ก่อนเบนสายตาหนีแล้วคิดกับตัวเองว่า


    จะเป็นไปได้ไหม? ที่จุดเริ่มต้นของการทำหน้าที่ให้บริการทางเพศสัมพันธ์จะเปลี่ยนเป็นสร้างความสัมพันธ์ฉันท์คู่รัก



 
      มันจะมีโอกาสไหม? ที่ระหว่างเขาสองคนจะทำได้มากกว่า 'กายแลกกาย'  แต่เป็น 'ใจแลกใจ
'


 
      ในระหว่างที่ทั้งคู่กำลังสาวเท้าใกล้ส่วนโรงภาพยนตร์ จุนเจือก็โพล่งขึ้น


"อ้อ เมื่อคืนพี่ถามผมไปเยอะแล้ว ผมถามพี่บ้างสิครับ แล้วตอนนี้ พี่มีแฟนหรือครอบครัวรึยังครับ?" จุนเจือเปลี่ยนเรื่อง
 
“ตามข้อตกลง จุนไม่มีสิทธิ์รู้"


 
“นิดนึงก็ไม่ได้เหรอครับ? โถ อย่างนี้ไม่แฟร์เลย ผมจะรู้ได้ไงว่า ผมไม่ได้มีอะไรกับโจร หรือเงินที่ผมได้มาไม่ใช่เงินที่มาจากการทุจริต”


 จุนเจือบ่นทั้งทำหน้ามุ่ย ฟากเมฆินทร์หลุดขำ คิดได้กับการว่าเขาเป็นโจร เมฆินทร์รั้งไหล่จุนเจือมาใกล้แล้วโน้มหน้าไปพูดใกล้ ๆ



“หืม หน้าพี่ดูโจรมากเลยเหรอครับ รับรองเงินที่จุนได้ไปสุจริตแน่นอนครับ เอ้! เหมือนพี่เคยบอกจุนนะว่า พี่ทำงานอะไร?”
 


“อ้าวจริงหรอครับ สงสัยผมคงลืมน่ะ แหะ ๆ" จุนเจือยิ้มแหยพลางเกาศรีษะแก้เก้อก่อนโพล่งต่อ
 


“แต่เรื่องอื่นพี่จะบอกหน่อยก็ไม่ได้หรอครับ?” จุนเจือคันปากอยากถาม
 


"ไม่ได้ครับ ถ้าพี่อยากบอกพี่จะบอกเอง แต่จุนไม่มีสิทธิ์ถามนะครับ" เมฆินทร์บอกย้ำ แต่พอเห็นจุนเจือหน้าจ๋อย เขาวางมือลงบนไหล่บีบกระชับเบา ๆ
 
 
"อยู่กับพี่สบายใจเถอะครับ ไม่มีอะไรให้ต้องกังวล เลือกหนังเถอะครับ"
 
 
       ยามที่ใบหน้าหล่ออยู่ใกล้แล้วเผยรอยยิ้มอบอุ่น จุนเจือใจเต้นตึกตัก รัวเร็ว จนเม้มปากกักเก็บความรู้สึก ลึก ๆ นึกหงุดหงิดตัวเองที่รู้ตัวว่ากำลังเดินล้ำเส้นไปไกลกว่าคำว่าหน้าที่ จุนเจือมีใจให้พี่เมฆจริง ๆ และจากการที่พี่เมฆไม่ยอมบอกเรื่องราวส่วนตัวเช่นนี้ ดีไม่ดี เขาอาจวางสถานะให้จุนเจืออย่างชัดเจนแล้วว่า จุนเจือก็คือนายบำเรอมีไว้ปรนเปรอแค่เรือนกายก็เท่านั้น
 


"พี่อยากดูเรื่องไหนเป็นพิเศษไหมครับ?” จุนเจือถามกลับ
 
“ไม่มีครับ เอาจุนเป็นหลัก”
 


      พอเมฆินทร์ยกหน้าที่ให้จุนเจือเป็นผู้รับผิดชอบ เด็กหนุ่มก็ยืนตาลาย เลือกไม่ถูกเลยว่าจะดูเรื่องไหนก่อนดี เพราะตอนนี้มีแต่หนังน่าสนใจ น่าดูเต็มไปหมด



       ในระหว่างที่กำลังตัดสินใจว่าจะชมภาพยนตร์เรื่องใด และรอบไหน ทันใดนั้นเอง..


 
“อ้าวพี่เมฆ มากับใครอะ”


 
       เมฆินทร์ชะงักไปเล็กน้อยตอนที่ได้ยินเสียง เขาหันไปทางด้านข้าง เยื้องไปไม่ใกล้พบน้องชายยืนยิ้มอยู่กับผู้ชายที่ดูเด็กกว่าและเมฆินทร์ไม่คุ้นหน้า ในมือถือกล่องป๊อปคอร์นเปล่า และกระป๋องน้ำอัดลม อาจเป็นไปได้ว่าน้องชายเขาเพิ่งดูหนังเสร็จ แต่ก็ไม่คิดว่าจะเป็นเรื่องบังเอิญขนาดนี้



“เอ้ะ! หน้าคุ้น ๆ นะ” ยังไม่ทันได้รอคำตอบพี่ชาย ดินชะโงกตัวข้ามไหล่คนตัวโต และหรี่ตามองคนที่พยายามจะให้พี่เมฆบังตัวให้


 
      ฟากจุนเจือยืนหลบหลังพี่เมฆพลันช้อนตามองเมฆินทร์เป็นจังหวะที่อีกฝ่ายก็หันไปประสานสายตากัน
 


“เฮ้ย! เด็กที่โรงแรมนั้นนี่  ว่าไงครับ มาทำอะไรที่กรุงเทพ แล้วทำไมถึงมาด้วยกัน น้องชื่ออะไรนะ?” ดินทักทายด้วยเสียงร่าเริง ผิดกับสองคนที่ทำตัวมีพิรุธดั่งคนมีชนักปักหลัง


 
“ค่อยว่ากันนะ ดิน นายไปกับเพื่อนเถอะ” เมฆินทร์คิดว่าเวลานี้ ไม่สมควรที่จะมาตอบคำถาม และเขารู้จักน้องชายดี หากตอบไปคำถามหนึ่ง จะต้องมีคำถามอื่น ๆ มาอีกเป็นพรวน



    เมฆินทร์แตะศอกจุนเจือให้เดินหนีไปที่อื่น จุนเจือเดินตามไปอย่างว่าง่าย ลึก ๆ ก็กลัวว่าพี่เมฆจะโกรธที่เป็นต้นเหตุของการเกิดเรื่องซวยมาเจอน้องชายพี่เมฆครั้งนี้ เพราะแน่ล่ะว่า การทำข้อตกลงเรื่องการมีเซ็กซ์กัน น้องชายพี่เมฆไม่รู้
 


“ทำไมพี่หนีผมล่ะ ยังคุยกันไม่รู้เรื่องเลย"


 
"บอกแล้วว่าเดี๋ยวค่อยคุย"
 


"แล้วมาอยู่นี่ พี่ไม่ไปงานวันเกิดพี่เฟย์หรอ เห็นเขาโทรมาหาผม”
 


“ดิน ฟังไม่รู้เรื่องรึไง บอกว่ากลับไปค่อยคุย” เมฆเผลอเสียงดังใส่น้องชาย
 

"หงุดหงิดอะไรวะพี่ นี่ผมถามเรื่องอื่นแล้วนะ เออก็ได้วะ" ดินบ่น พลางสบถหัวเสียเดินจากไปพร้อมเพื่อน แต่ยังคอยหันหลังมามองพี่ชายและเด็กพนักงานโรงแรมนั่นเป็นระยะ ๆ
 


       พอพ้นสายตาการสงสัยจากน้องชายพี่เมฆ จุนเจือพรูลมหายใจออกมาทางปาก และตบอกตัวเองเบา ๆ ก่อนจะหันไปหาคนข้าง ๆ ด้วยใบหน้ารู้สึกผิด
 


“ขอโทษครับพี่เมฆ"
 
"ขอโทษทำไม ไม่ได้เกี่ยวกับจุน" เมฆินทร์เอ่ยเสียงเรียบ ขณะที่ทั้งสองกำลังเดินลงบันไดเลื่อน


 
"เกี่ยวสิ ถ้าผมไม่อยากดูหนัง เราก็คงไม่มาเจอน้องชายพี่"


 
“ช่างเถอะ ตอนนี้เราไปที่อื่นก่อนแล้วกัน ค่อยกลับมาจองตั๋ว อาจเลือกรอบค่ำ ๆ หน่อยโอเคไหม?” เมื่อเห็นพี่เมฆมีสีหน้าผ่อนคลายลง จุนเจือก็นึกสบายใจ รีบพยักหน้ารับ และแอบตัดพ้อ
 


“ผมไม่อยากดูแล้วครับพี่เมฆ ผมกลัวพี่จะเจอแฟน เจอกิ๊กพี่มาอาละวาดผมอีก ผมจะทำยังไงครับ"
 

   
      เมฆินทร์จ้องหน้าเด็กหนุ่ม พลางถอนใจยาว
 
“เราดูรอบดึกหน่อย คงไม่เจอใครไม่ต้องกังวลนะจุน"


 
     จุนเจือยังยืนหน้าซีดและแสดงออกว่าเครียด ในระหว่างที่ทั้งสองยืนนิ่งปล่อยให้บันไดเลื่อนไหลลงไปสู่ชั้นล่าง คนอายุมากกว่าก็รั้งต้นแขนเด็กหนุ่มไปใกล้และบอกกระซิบข้างหู



"ทำหน้าดี ๆ หน่อย รู้ไหมว่าพี่สบายใจเวลาได้อยู่กับจุนนะ"
.
.
.
.
       เป็นอันว่า หนังรักไทยเรื่องนี้ ตีความหมายออกมาได้ซึ้งกินใจจนจุนเจือน้ำตาซึม  จบลงแล้วกับภาพยนตร์บนความยาวสองชั่วโมงหนึ่งนาที ทั้งสองเดินออกมาจากโรงหนัง ฟากจุนเจือเดินไปยิ้มไป ทั้ง ๆ ที่พยายามกลั้นยิ้มจนปวดแก้ม ไม่อยากกระโตกกระตากให้เสียอาการ แต่จุนเจือดีใจและมีความสุขที่ตอนดูหนัง พี่เมฆกุมมือจุนเจือไว้บนตักเขาเกือบทั้งเรื่อง จุนเจือรู้สึกดีและมีหวังว่าความสัมพันธ์ของทั้งสองอาจพัฒนาไปได้ไกลกว่านั้น
 
"สามทุ่มครึ่ง ยังหิวอยู่ไหมจุน"



"ไม่เลยครับ พี่เมฆล่ะครับ อยากกินอะไรไหม ผมยังไงก็ได้นะครับ"



"ไม่แล้วล่ะ ถ้าจุนไม่หิว เรากลับโรงแรมกันเลยนะ"

"ครับ"



        จากนั้นทั้งสองก็เดินเคียงข้างกันเงียบ ๆ มาตลอดทาง จนกระทั่ง ถึงลานจอดรถในเวลาสี่ทุ่มกว่า ทั้งคู่ต่างสอดตัวเข้าไปในห้องโดยสาร ยังไม่ทันที่จุนเจือจะดึงเข็มขัดนิรภัยมาคาด ร่างของเขาก็ถูกใครอีกคนดึงไปกอดแล้วจูบไล้ตามลำคอ



"อื้ออ พี่เมฆ"



     เมฆินทร์ซุกไซ้ซอกคอจุนเจือเพิ่มความรู้สึกวาบหวามใจ



"อยากกอดจุนตั้งแต่อยู่ในโรงหนัง"

"....." จุนเจือเงียบกริบและรู้ว่าตัวเองหน้าแดงก่ำแล้วแน่ ๆ



"พี่ชอบกลิ่นตัวจุน ยิ่งอยู่ในโรงหนัง กลิ่นมันชัดจนพี่อยากจะฟัดแทบแย่"



     จุนเจือทั้งหน้าแดงทั้งเขิน ตัวจุนเจือเองก็ยังไม่รู้เลยว่ากลิ่นแบบไหนที่ทำให้พี่เมฆพิสวาทเขาแบบนี้



"พี่ครับ พอก่อน เดี๋ยวมีคนมาเห็นเรากลับไปทำที่ห้องนะครับ" จุนเจือเสนอ เพราะลานจอดรถโล่งแบบนี้ พวกเขาย่อมมีโอกาสสูงที่จะตกเป็นเป้าสายตา หากคิดจะทำอะไร



"ครับ"

    เมฆินทร์ยอมปล่อยเด็กหนุ่มให้เป็นอิสระ มิวาย ตอดเล็กตอดน้อย ด้วยการงับติ่งหู และประทับจูบใต้ใบหูอีกนิดหน่อย



    เมื่อต่างฝ่ายต่างกลับมานั่งในที่ของตัวเอง จุนเจือมองออกไปนอกหน้าต่างด้วยอาการใจสั่นไม่หาย  แต่ก่อนอาจมีสับสน ลังเลพยายามยั้งความรู้สึกตัวเองเอาไว้ แต่นาทีนี้ จุนเจือตอบได้เลยว่าเขาตกหลุมรักพี่เมฆจริง ๆ และเป็นการตกหลุมรักที่รู้ว่าเสี่ยงเหลือเกิน



"พี่เมฆขอบคุณนะครับที่พาผมมาดูหนัง" จุนเจือตอบด้วยใบหน้ามีความสุข
 
"ครับผม" 
 


"พรุ่งนี้ที่พี่บอกไม่ว่าง แล้วเราจะได้อยู่ด้วยกันอีกวันไหนหรือครับ?"
 


"พี่บอกอีกทีได้ไหม? ช่วงนี้ มีงานแทรก มีอะไรหรือเปล่าจุน?" จุนเจือเงียบ แล้วจู่ ๆ ก็โพล่ง
 
 จุนเจือไม่รู้ว่าน้อยใจหรือเปล่า แต่อยู่ ดี ๆ คำพูดเหล่านั้นก็โพล่งออกไปจนหมด



"ผมไม่อยากอยู่คนเดียว ถ้าพี่เมฆไม่ว่าง ผมจะได้กลับบ้าน"



"เดี๋ยวพี่บอกพรุ่งนี้ได้ไหมครับ อีกอย่างที่โรงแรมใหม่ พี่บุ้คห้องไว้สามวันสองคืน จุนกลับบ้านไปตอนกลางวัน แล้วกลางคืนก็ไปนอนที่โรงแรมได้ไหม? เผื่อพี่พอมีเวลาจะได้ไปหา"



"ก็ได้ครับ"




        เมฆินทร์เห็นจุนเจือยิ้มเศร้า ใบหน้าก็ทิ้งร่องรอยของความกังวลไว้อย่างบอกไม่ถูก เขาจึงเอ่ยถามเพิ่ม



"ถ้าจุนมีอะไรไม่สบายใจ จุนบอกพี่ตรง ๆ ได้นะครับ" เมฆินทร์ว่า ยามเหลือบมองใบหน้าจุนเจือที่ครุ่นคิดตลอดเวลา

     จุนเจือหันไปมองครู่เดียวแล้วรีบก้มมองมือตัวเอง



"พี่เมฆครับ พี่โอเคไหมที่เอ่อ มีเซ็กซ์กับผม?" จู่ ๆ จุนเจือก็นึกกลัวขึ้นมาว่าถ้าพี่เมฆไม่ชอบการมีเซ็กซ์กับเขา ทั้งสองอาจไม่มีโอกาสได้อยู่ด้วยกันแบบนี้อีก

"พี่โอเคครับ จุนกังวลอะไรเหรอครับ?"

 

     ฟากจุนเจือเงียบอีกครั้ง จู่ ๆ เขาก็ตัดสินใจโพล่ง


"คือ ผม ผมอยากรู้ว่าต้องทำแบบไหนให้พี่พอใจ ผมคิดว่าเงินที่พี่ให้ผมมามันก็เยอะเหมือนกัน ผมเลยอยากทำให้พี่เมฆคุ้มค่ากับเงินที่ต้องจ่ายน่ะครับ"



     จุนเจือหน้างอง้ำยามที่อีกฝ่ายหัวเราะ

"พี่ขำอะไรครับ?"



"ห้ะ? อ้อไม่มีอะไรครับ" เมฆินทร์กลั้นขำกับคำตอบอีกฝ่าย



"ไม่มีอะไรได้ไงครับ เห็นอยู่ว่าพี่ขำ เรื่องที่ผมพูดก็ไม่ได้น่าขำด้วยผมซีเรียสนะ ผมไม่อยากให้พี่เบื่อมีเซ็กซ์กับผม มันน่าขำมากเลยเหรอครับ"



     เมฆินทร์ชะงักกับคำพูดจุนเจือ ที่แสนจริงใจ ใบหน้าหล่อเริ่มแต้มยิ้ม เมฆินทร์ยกมือมาลูบแก้มเย็น ๆ ของเด็กหนุ่ม



"ทำไมทำตัวน่ารักจังครับ"

"ก็...ไม่ได้น่ารักสักหน่อย" จุนเจือพูดงึมงำลำพังออกอาการใจสั่น



    พอเติมความรู้สึกชอบลงไป ทำไมทุกอย่างถึงให้อารมณ์ต่างจากเดิม

 

   ตั้งแต่จุนเจือรู้ใจตัวเอง จะทำอะไรก็ดูขัดเขินไปหมดเวลาที่ได้อยู่ใกล้พี่เมฆ



"ไม่ต้องคิดมากครับ พี่ชอบ ชอบที่จุนเป็นแบบนี้"



     ครู่หนึ่ง สองคนเผลอประสานสายตากันแล้วเป็นจุนเจือที่ยอมแพ้ หลบสายตาหนีไปก่อน



      น่าเสียดายที่มันมืดไปหน่อย เมฆินทร์เลยไม่เห็นอีกฝ่ายว่ามีสีหน้าเป็นแบบไหน แต่การเบี่ยงตัวหนีและหันหลังให้ เอาแต่นั่งมองออกไปนอกหน้าต่าง กดสายตาลงไปมองที่ตักจุนเจือก็เห็นสองมือบิดถูกันไปมาก็หลุดยิ้ม เมฆินทร์ก็พอจะตีความหมายได้อยู่ เขาอมยิ้ม ก่อนดึงมือจุนเจือมาวางที่ตัก จนเจ้าตัวต้องหันกลับมามอง



"จับไม่ได้หรอครับ?"



"ได้สิครับ" จุนเจือกัดปาก พลางเหล่มอง ก่อนจะพลิกตัวขยับกลับมานั่งดี ๆ แล้วทอดสายตามองไปยังท้องถนนตรงหน้า



"แล้วจุนเอาเงินไปให้แม่หรือยังครับ ไม่เห็นจุนพูดถึงแม่เลยครับว่าเป็นไงบ้าง"



    จุนเจือชะงักกึกรู้สึกผิดจับใจ พอมีใจให้ ก็นึกโกหกพี่เมฆไม่ลง



"เอ่อะ!...พี่เมฆครับ ผมมีความจริงจะบอก ที่ผมยอมทำแบบนี้ ไม่ใช่เพราะแม่สบายหรอกครับ แต่ผมจะเอาเงินไปใช้หนี้ที่แฟนเก่าผมก่อไว้ ผมขอโทษนะครับ ที่ตอนแรกโกหกพี่"


       จุนเจือใจหาย เพียงพูดจบ พี่เมฆปล่อยมือที่กุมไว้ แล้วใช้ทั้งสองมือจับพวงมาลัย จุนเจือเห็นอย่างนั้นจึงดึงมือกลับมาวางไว้ที่ตักตัวเองแล้วนึกก่นด่าในใจตัวเองว่าไม่น่าพูดออกไปเลย



"ก่อนหน้านี้ จุนโกหกพี่ทำไมครับ?" เมฆินทร์ยอมรับว่าใจแกว่งหลังจากได้ยินความจริงที่เกิดขึ้น ถามว่าโกรธไหมคงไม่ แต่ก็รู้สึกไม่ดีที่ได้รู้ความจริงเช่นนั้น



"ผมขอโทษครับ ตอนนั้นผม ผมกลัวว่าถ้าผมบอกความจริงว่าผมรีบใช้เงินเพราะอะไร? พี่อาจไม่ตกลงมีเซ็กซ์กับผม"


 
"งั้นเหรอครับ"
 


"พี่เมฆ ผมขอโทษครับ"
 


"แล้วทำไมต้องใช้หนี้แฟนเก่าที่เขาสร้างปัญหาไว้ด้วย ทำไมเขาไม่ใช้เอง"
 


"เพราะเขาเอาบัตรเครดิต และบัตรเงินสดในชื่อผมไปรูดซื้อของและกดเงินมาใช้ด้วยครับ ตอนแรกเขาบอกจะใช้คืน สุดท้ายก็ไม่ใช้ จนเจ้าหน้าที่ธนาคารโทรมาทวงกับผม ผมถึงรู้ครับ"
 


      คำตอบของจุนเจือทำให้เมฆินทร์หันไปมอง


"มีหนี้เท่าไหร่ครับ"
 
 
"ประมาณแสนครับ" สิ้นคำตอบจุนเจือก้มหน้าหลบสายตาดุดัน เขาเม้มปากแน่น สะกดอารมณ์ข้างในไว้
 
       เมฆินทร์มองจุนเจือที่ก้มหน้าจนคอชิดอก



"จุน"

"คะ...ครับ"



"มองหน้าพี่" เมฆินทร์บอกเสียงดุ เพราะเขาจับได้ว่าจุนเจือเสียงสั่นเครือ

     จุนเจือเงยหน้ามองพี่เมฆด้วยน้ำตาคลอเบ้า



"ร้องไห้ทำไม?"
 


"ผะ...ผมไม่อยากให้พี่เมฆโกรธผม ผมขอโทษนะครับ" เมฆินทร์มองจุนเจือน้ำตาไหลลงมาถึงแก้มขาว ฟากเมฆินทร์ทอดถอนใจยาว ก่อนถามต่อ


 
"ถ้าเป็นหนี้บัตรเครดิต แสดงว่าจุนก็ต้องการเงินเร็วที่สุด เพื่อไปเคลียร์หนี้เพราะยิ่งทิ้งไว้นาน ดอกเบี้ยก็จะเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ"



"ครับ"


 
"จุนต้องมีเซ็กซ์กับพี่ให้บ่อยที่สุดจะได้มีเงินเยอะ.ๆ.."

"......" จุนเจือพูดไม่ออก



"ถ้างั้นแสดงว่า ที่เรามีเซ็กซ์กันทุกวันนี้ ไม่ได้มาจากความพึงพอใจ แต่มันคือ ความอยากได้เงิน ที่บีบบังคับให้จุนต้องทำ ใช่ไหม?"



   จุนเจือไม่คิดว่าพี่เมฆจะถามตรง ๆ ในตอนแรกที่ตกลง จุนเจือยอมรับว่าคิดเช่นนั้น เพราะยังไม่ได้ลองมีเซ็กซ์กับพี่เมฆ แต่พอได้ร่วมสร้างสัมพันธ์สวาทร่วมกัน จุนเจือยอมรับว่าเขามีความคิดที่เปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิง



"ไม่ใช่นะครับพี่เมฆ ผมมีความสุขทุกครั้งที่ได้มีอะไรกับพี่เมฆ ผมไม่เคยรู้สึกว่ามันเป็นหน้าที่เลยจริงๆนะครับ เพราะความจริง ตอนนี้ผม...คือ ผม...ช..อ."



    จุนเจือกำลังบอกความในใจ ทว่า จังหวะเดียวกันนั้น มีคนโทรเข้ามาพอดิบพอดี จุนเจือควักเครื่องมือสื่อสารออกมาจากกระเป๋ากางเกง ดูหน้าจอมือถือ เห็นตัวเลขสิบหลักปรากฏบนหน้าจอ พอรู้ว่าเป็นเบอร์โทรของใคร จุนเจือก็ไม่รับสาย และปล่อยให้มันสั่นแบบนั้น แต่ไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะโทรย้ำเข้ามาอีกเรื่อย ๆ จนทำให้บทสนทนาที่ลื่นไหลก่อนหน้า กลับติดขัดชวนอารมณ์เสีย

"รับเถอะครับ มันสั่นจนพี่รำคาญ"



     จุนเจือมองหน้าคุณเมฆินทร์ที่ดูไม่สบอารมณ์

"ฮัลโหล"
 


[นึกว่าจะไม่รับสายกันแล้วเสียอีก จุนเป็นไงสบายดีไหมครับ?]
 


"ไม่สบายครับ เพราะพี่ไม่เอาเงินมาใช้หนี้ให้ผม"


 
[เนี่ยครับ เร็ว ๆ นี้ พี่กำลังจะได้เงินก้อนใหญ่จากการขายที่ที่บ้าน พี่สามารถนำมันมาให้จุนได้หมดเลย พี่ขอโทษนะครับ เรื่องนั้นเอาไว้ก่อนได้ไหม? เรื่องที่พี่จะคุยวันนี้ คือ พี่อยากเจอจุน พรุ่งนี้เราออกมาเจอกันหน่อยไหม?]
 


"ไม่ครับ" จุนเจือตอบปฏิเสธได้โดยไม่คิด
 


[พรุ่งนี้วันเกิดจุนไม่ใช่เหรอครับ?]
 
กึก


     จุนเจือชะงัก ไม่คิดว่าพี่บอมบ์จะจำได้ด้วย จุนเจือกำเครื่องมือสื่อสารด้วยอาการมือสั่น

 
[เงียบทำไมครับ คิดว่าพี่จะลืมวันเกิดจุนล่ะสิ คนสำคัญอย่างจุนพี่ลืมได้ไงละครับ ฮึ?]

"พี่บอมบ์"


 
[ครับ พี่จำได้หมดแหละ จำได้ แม้กระทั่งวันเกิดพี่ที่จุนทำการ์ดให้พี่เป็นของขวัญวันเกิดแถมทำเค้กให้พี่เองด้วย เค้กอร่อยมากเลยนะ"


   จุนเจือน้ำตาไหลกว่าเก่า ครั้งแรกที่ร้องไห้เพราะพี่เมฆดุ พอครั้งที่สองกลับเป็นเรื่องของแฟนเก่าขุดคุ้ยความสัมพันธ์ในอดีต


    จุนเจือสูดน้ำมูกเสียงดังฟืดฟาด



[ร้องไห้หรอ? จุนครับ พี่อาจนอกกาย แต่พี่ไม่เคยนอกใจนะ พี่คิดถึงจุนตลอดที่พี่ทำลงไปพี่มีเหตุผล พี่คบคนนั้นพี่ยอมรับว่าพี่คบเขาเพราะเงิน พี่ไม่ได้อยากทำสักนิด พี่ฝืนสุด ๆ แต่แม่พี่ไม่สบายมาก พี่เลยต้องใช้วิธีนี้]
 

 "พี่บอมบ์มาบอกทำไมครับ พี่ต้องการอะไร?"


[ต้องการให้เรากลับมาคบกัน พรุ่งนี้เราออกมาเจอกันนะ มาเริ่มต้นกันใหม่ ? ที่ผ่านมาที่เราห่างกันมันทำให้พี่คิดได้ว่าพี่เสียคนดี ๆ ไป จุนน่ารักกับพี่มาก วันเกิดจุนทั้งที เรามาฉลองด้วยกันนะครับ]
 


"มีอะไรหรือเปล่าครับ? จุน" เมฆินทร์ถามยามเห็นจุนเจือปล่อยโฮ  จุนเจือหันไปมองพี่เมฆก็นึกได้ว่าเขายังมีใครอีกคนอยู่ตรงนี้

[เสียงใครน่ะ จุน]
 
 
"ไม่มีอะไร? ผมวางก่อนนะ"
 
 
[แล้วพรุ่งนี้ พี่จะส่งโลเคชั่นร้านไปให้นะ ถ้าจุนมาได้พี่อยากให้มานะ พี่ยังรักจุนเสมอนะครับ คนดีของพี่] จุนเจือไม่ตอบรับคำ แค่กดวางสายไป


 
 
"ใครหรือครับ?"
 


"เพื่อนครับพี่เมฆ" จุนเจือตอบเสียงแผ่ว
 
 
"เพื่อนที่จุนกำลังใช้หนี้แทนเขาน่ะเหรอ?"
 
กึก
 
     จุนเจือชะงักพลางเม้มปากแน่น พี่เมฆรู้แล้วว่าเขาโกหก และเป็นครั้งที่สองที่จุนเจือไม่ยอมพูดความจริงจนพี่เมฆจับได้

"เขาโทรมาทำไมครับ?"
 


"ไม่มีอะไรครับ"


 
"จุนรู้ใช่ไหมที่พี่บอกว่าระหว่างเรามีเซ็กซ์กัน จุนจะต้องไม่มีใคร?"


 
"ครับ ผมไม่มีใคร"
 

"แต่หลังจากนี้ พี่ยังเชื่อใจได้ใช่ไหม?"
 
"ครับ" จุนเจือตอบกลับอย่างเครียด ๆ ทั้ง ๆ ที่วันนี้ กำลังจะจบลงอย่างสวยงามกลับมีเรื่องทำให้ทั้งสองไม่สบายใจจนได้
 

"จุนจะไม่โกหกพี่?"
 
"ครับ"
.
.
.
.
"จุนไปอาบน้ำก่อนเลยครับ"



    ตอนนี้ ทั้งสองถึงโรงแรมแล้ว แต่ไม่ถึงสิบนาที เมฆินทร์บอกกึ่งไล่จุนเจือให้ไปอาบน้ำ
 
"วันนี้เราอาบน้ำด้วยกันไหมครับ"


 
"ไม่ครับ พี่จะคุยงานก่อน"


 
"ก็ได้ครับ" จุนเจือตอบรับเสียงอ่อย จับได้ถึงความเปลี่ยนไป ตั้งแต่ลงรถมา พี่เมฆทำตัวเย็นชาใส่ จนจุนเจือสัมผัสได้ถึงบรรยากาศอึมครึม ไม่สดใสเหมือนครั้งที่หยอกล้อกันตอนดูหนังเสร็จ



     จุนเจือทำตามคำสั่งของพี่เมฆด้วยการเดินไปอาบน้ำอย่างว่าง่าย แหละวันนี้จุนเจืออาบน้ำเร็วกว่าทุกที เขาแต่งตัวเรียบร้อยก็เดินไปหาคนที่นั่งริมเตียงทำท่าครุ่นคิด จุนเจืออยากให้พี่เมฆหายโกรธจึงเดินไปตรงหน้าและทิ้งตัวลงนั่งบนตักโอบรอบคอพี่เมฆและประทับจูบลงบนริมฝีปากที่จุนเจือชอบ ก่อนซบไหล่กว้าง



"เราจะมีเซ็กซ์ตอนนี้เลย หรือหลังพี่เมฆอาบน้ำเสร็จดีครับ?"จุนเจือบอกด้วยรอยยิ้ม ขณะที่สองมือยังโอบรอบคอร่างสูงเอาไว้ แต่อีกฝ่ายยังคงนั่งเฉย


 
"ขอโทษนะครับ วันนี้พี่ไม่มีอารมณ์" จุนเจือนิ่งงัน พี่เมฆคงไม่พอใจเรื่องแฟนเก่าจุนเจือแน่ ๆ


 
"ทำไมครับ พี่เมฆ ก็ตอนแรกพี่บอกว่า..."



"อยากได้เงินมากขนาดนั้นเลยเหรอครับ?" เมฆินทร์ตอบด้วยแววตาขึงขัง



   จุนเจือเงียบกริบ การถามเชิงประชดชัน ก็ทำให้จุนเจือไปต่อไม่ถูก ส่วนหนึ่งมันก็เป็นความจริงนั่นแหละที่เขาต้องนำเงินไปใช้หนี้บัตรเครดิตจริง ๆ แต่ตอนนี้ มันมีความรู้สึกใหม่ร่วมด้วยแล้ว


     ...ความรู้สึกรักพี่เมฆ...



"ลงเถอะครับ พี่จะไปอาบน้ำ" เมฆินทร์บอกและดึงแขนจุนเจือออกจากลำคอ

    แย่ แย่ แย่...



    จุนเจือซึมและยอมลงจากตักพี่เมฆโดยดี เด็กหนุ่มยืนมองพี่เมฆที่ผลุบหายเข้าห้องน้ำอย่างใจโหวง ๆ


     จุนเจือปีนขึ้นเตียงไปนั่งกอดเข่าด้วยความคิดมาก เขาไม่คิดว่าการบอกความจริงจะทำให้เรื่องบานปลายขนาดนี้ เขาอยากให้พี่เมฆหายโกรธ เพราะตอนนี้ จุนเจืแคร์ความรู้สึกอีกฝ่ายมากขึ้น
 
"เฮ้อ ไอ้จุนทำไงดีเนี่ย"




    จุนเจือขยี้ผมพลางลูบหน้าแรง ๆ จนกระทั่งเวลาผ่านไปได้สักพัก จุนเจือยังไม่เห็นพี่เมฆเดินออกมาจากห้องน้ำเลย



    วันนี้ พี่เมฆอาบน้ำนานเป็นพิเศษจนจุนเจือร้อนใจอยากพูด อยากอธิบายและในวินาทีนั้นเอง จุนเจือได้ยินเสียงครืด ๆ อยู่ตรงโต๊ะหัวเตียง


 
    ตอนแรกที่หันไปมองตรงโต๊ะหัวเตียง นึกว่ามือถือของตัวเองดัง เนื่องจากมีมือถือวางใกล้กันสองเครื่อง พอรู้ว่าไม่ใช่ จุนเจือก็ไม่ได้สนใจอีก จนกระทั่ง เครื่องมือสื่อสารสั่นครืด ๆไม่หยุด พอเหลือบมองนาฬิกาประดับตรงผนังก็เห็นว่านี่มันสี่ทุ่มกว่า หากไม่มีเรื่องเดือดร้อนหรือธุระด่วนคงไม่โทรมาดึกดื่นและหลายรอบขนาดนี้ จุนเจือขยับตัวเอื้อมไปคว้าโทรศัพท์มือถือพี่เมฆมาดู



   มีคนไลน์คอลมาหาพี่เมฆ จุนเจือเห็นภาพโพร์ไฟล์ปรากฎภาพครึ่งตัวเป็นใบหน้าหญิงสาวสวยสดงดงามใส่ชุดเดรสเกาะอกหรูหราอ่านชื่อเจ้าของไลน์ คอล แล้วมันคุ้น ๆ เหมือนชื่อที่น้องชายพี่เมฆเรียก
 

'Fay_lada'
 
    จุนเจือรีบกดรับก่อนอย่างกลัวที่ปลายสายจะวาง แต่เด็กหนุ่มยังไม่ได้พูดอะไรเพราะตั้งใจจะเอาไปให้พี่เมฆที่หน้าห้องน้ำ
 


[พี่เมฆรับแล้วทำไมไมพูดคะ?]


 
   จังหวะที่จุนเจือลุกไป เป็นจังหวะเดียวกับเมฆินทร์เดินออกมาจากห้องน้ำพอดี


 
"โทรศัพท์ครับพี่เมฆ" จุนเจือว่าเสียงแผ่วแล้วยื่นมันไปให้คนตรงหน้า

 
   พอเห็นว่าใครโทรมาและจุนเจือก็กดรับไปแล้ว เมฆินทร์ชักสีหน้าด้วยความไม่พอใจ จำต้องรับมือถือไปคุยอย่างเสียไม่ได้
 
"ว่าไงครับ เฟย์?"

 
    จุนเจือปลีกตัวห่างให้พี่เมฆคุยธุระ แต่เพราะอยู่ห้องเดียวกัน อย่างไรเสียก็พอได้ยินบทสนทนาอยู่บ้าง


[พี่เมฆ เฟย์ได้ยินเสียงคนอื่น พี่เมฆอยู่ไหนคะ.?]
 
 

"เฟย์มีอะไร? พี่ออกมากินข้าวกับลูกค้า"
 


[ดึกขนาดนี้ ก็ยังกินอีกเหรอคะ? เฟย์ไม่เชื่อ ไม่อยากมาวันเกิดเฟย์ใช่ไหม พี่จะหลบหน้าเฟย์ไปถึงไหน?]
 


"แล้วทำไมพี่ต้องไป ไม่มีความจำเป็นเลย เฟย์อย่าเอาแต่ใจ เฟย์ยอมรับความจริงได้แล้วครับ ถ้าไม่มีอะไร? พี่จะวางแล้วนะครับ"
 
[พี่มีคนใหม่แล้วเหรอคะ?]


 
"มันไม่ใช่เรื่องที่เฟย์ต้องรู้เลย แค่นี้ก่อนครับ"
 
 [พี่เมฆ ทำแบบนี้ แล้วภูเขา..&*%#+%%&8*63?%==-]



     ร่างสูงตัดสายแล้วโยนมือถือไปบนเตียง ปรี่ไปหาจุนเจือที่นั่งปลายเตียงด้วยแววตาเศร้า
 
"พี่เคยบอกว่าอะไร? ห้ามยุ่งเรื่องส่วนตัวใช่ไหม?"


 
    จุนเจือกัดปากพลางเหลือบตามอง
 


"ผมขอโทษครับ คือ ผมเห็นว่ามันดึกแล้ว คนที่โทรมาอาจมีเรื่องด่วนน่ะครับ ผม ...ผมก็เลยรับสายให้ครับ" จุนเจือพยายามแก้ตัวแต่เหมือนยิ่งแก้ยิ่งทำให้พี่เมฆโมโห
 


"ด่วนหรือไม่ด่วนคนที่ตัดสินใจคือพี่ครับ ไม่ใช่จุน เพราะนี่เป็นมือถือของพี่"
 

    จุนเจือหน้าชาหลังโดนด่า เขาก้มหน้ากลืนก้อนน้ำตา


"ผมขอโทษครับ"

 
    ไม่มีปากเสียงใส่กันอีก เมื่อเมฆินทร์หมุนตัวไปอีกทาง ห้องทั้งห้องจึงถูกปกคลุมด้วยความอึมครึมอีกครั้ง



    จุนเจือเงยหน้ามองแผ่นหลังขยับเคลื่อนไหว เขานั่งมองพี่เมฆฉีดน้ำหอมตรงหน้ากระจกเงา ก่อนจะเดินไปหาเสื้อผ้าตรงตู้
 
"พี่เมฆจะออกไปข้างนอกหรือครับ?"
 

"ครับ พี่จะไปดื่ม"


 
"ที่ไหนครับ?"


 
"เธคใต้โรงแรม"


 
"ผมไปด้วยนะครับพี่เมฆ" จุนเจือรีบปรี่ไปหาว่าอย่างกระตือรือร้น
 

"พี่อยากดื่มคนเดียวครับ"
 


    จุนเจือหน้าจ๋อยถามเสียงแผ่วอย่างคนไม่มั่นใจ

 
"พี่เมฆจะไปกี่ชั่วโมงหรอครับ ผมจะได้รอเปิดประตู"


 
"ไม่นานหรอกครับ สักสองสามชั่วโมง" เมฆต้องการไปหาที่ระบายความเครียด และคิดอะไรสักหน่อย



"ครับ ผมรออยู่ที่ห้องก็ได้"


 
      ทั้งสองสบตากันครู่หนึ่ง เมฆินทร์ไม่พูดอะไร เขาได้แต่คว้าของสำคัญ สวมรองเท้าหนังแล้วเดินออกจากห้องไป ทิ้งให้จุนเจือนั่งซึมเศร้าลำพัง

.
......................................




มาเป็นกำลังใจให้ทั้งคู่และคอยติดตามตอนต่อไปกันนะคะ    :กอด1: :กอด1:

ออฟไลน์ sirin_chadada

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4110
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +114/-8
จุนเจือนี่ไม่ได้ดั่งใจเราเล้ย กับแฟนเก่าที่มันทำเลวไว้ขนาดนั้นยังใจอ่อน กับพี่เมฆที่ดูจากดาวอังคารก็รู้ว่าสนแค่เซ็กส์ยังหวั่นไหว เฮ้อออ

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด