บทที่ 8 มีใจให้ เมื่อเดินทางมาถึงห้างสรรพสินค้า เพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลา ทั้งคู่มุ่งหน้าไปชั้นโรงภาพยนตร์ที่อยู่ชั้นบนสุดของห้าง
“ผมเพิ่งนึกได้ครับ ว่าตามข้อตกลง เราแค่มีเซ็กซ์กันเท่านั้น ผมเลยไม่แน่ใจว่า การที่พี่พาผมมาแบบนี้ มันนอกเหนือจากข้อตกลงไหม?”
เมฆินทร์ยิ้ม
“มาถึงนี่แล้วจะคิดมากทำไม?”
จุนเจือมองหน้าพี่เมฆที่ยิ้มกว้างกว่าทุกครั้ง จุนเจือแอบยิ้มตามอย่างใจสั่น ๆ ก่อนเบนสายตาหนีแล้วคิดกับตัวเองว่า
จะเป็นไปได้ไหม? ที่จุดเริ่มต้นของการทำหน้าที่ให้บริการทางเพศสัมพันธ์จะเปลี่ยนเป็นสร้างความสัมพันธ์ฉันท์คู่รัก
มันจะมีโอกาสไหม? ที่ระหว่างเขาสองคนจะทำได้มากกว่า 'กายแลกกาย' แต่เป็น 'ใจแลกใจ'
ในระหว่างที่ทั้งคู่กำลังสาวเท้าใกล้ส่วนโรงภาพยนตร์ จุนเจือก็โพล่งขึ้น
"อ้อ เมื่อคืนพี่ถามผมไปเยอะแล้ว ผมถามพี่บ้างสิครับ แล้วตอนนี้ พี่มีแฟนหรือครอบครัวรึยังครับ?" จุนเจือเปลี่ยนเรื่อง
“ตามข้อตกลง จุนไม่มีสิทธิ์รู้"
“นิดนึงก็ไม่ได้เหรอครับ? โถ อย่างนี้ไม่แฟร์เลย ผมจะรู้ได้ไงว่า ผมไม่ได้มีอะไรกับโจร หรือเงินที่ผมได้มาไม่ใช่เงินที่มาจากการทุจริต”
จุนเจือบ่นทั้งทำหน้ามุ่ย ฟากเมฆินทร์หลุดขำ คิดได้กับการว่าเขาเป็นโจร เมฆินทร์รั้งไหล่จุนเจือมาใกล้แล้วโน้มหน้าไปพูดใกล้ ๆ
“หืม หน้าพี่ดูโจรมากเลยเหรอครับ รับรองเงินที่จุนได้ไปสุจริตแน่นอนครับ เอ้! เหมือนพี่เคยบอกจุนนะว่า พี่ทำงานอะไร?”
“อ้าวจริงหรอครับ สงสัยผมคงลืมน่ะ แหะ ๆ" จุนเจือยิ้มแหยพลางเกาศรีษะแก้เก้อก่อนโพล่งต่อ
“แต่เรื่องอื่นพี่จะบอกหน่อยก็ไม่ได้หรอครับ?” จุนเจือคันปากอยากถาม
"ไม่ได้ครับ ถ้าพี่อยากบอกพี่จะบอกเอง แต่จุนไม่มีสิทธิ์ถามนะครับ" เมฆินทร์บอกย้ำ แต่พอเห็นจุนเจือหน้าจ๋อย เขาวางมือลงบนไหล่บีบกระชับเบา ๆ
"อยู่กับพี่สบายใจเถอะครับ ไม่มีอะไรให้ต้องกังวล เลือกหนังเถอะครับ"
ยามที่ใบหน้าหล่ออยู่ใกล้แล้วเผยรอยยิ้มอบอุ่น จุนเจือใจเต้นตึกตัก รัวเร็ว จนเม้มปากกักเก็บความรู้สึก ลึก ๆ นึกหงุดหงิดตัวเองที่รู้ตัวว่ากำลังเดินล้ำเส้นไปไกลกว่าคำว่าหน้าที่ จุนเจือมีใจให้พี่เมฆจริง ๆ และจากการที่พี่เมฆไม่ยอมบอกเรื่องราวส่วนตัวเช่นนี้ ดีไม่ดี เขาอาจวางสถานะให้จุนเจืออย่างชัดเจนแล้วว่า จุนเจือก็คือนายบำเรอมีไว้ปรนเปรอแค่เรือนกายก็เท่านั้น
"พี่อยากดูเรื่องไหนเป็นพิเศษไหมครับ?” จุนเจือถามกลับ
“ไม่มีครับ เอาจุนเป็นหลัก”
พอเมฆินทร์ยกหน้าที่ให้จุนเจือเป็นผู้รับผิดชอบ เด็กหนุ่มก็ยืนตาลาย เลือกไม่ถูกเลยว่าจะดูเรื่องไหนก่อนดี เพราะตอนนี้มีแต่หนังน่าสนใจ น่าดูเต็มไปหมด
ในระหว่างที่กำลังตัดสินใจว่าจะชมภาพยนตร์เรื่องใด และรอบไหน ทันใดนั้นเอง..
“อ้าวพี่เมฆ มากับใครอะ”
เมฆินทร์ชะงักไปเล็กน้อยตอนที่ได้ยินเสียง เขาหันไปทางด้านข้าง เยื้องไปไม่ใกล้พบน้องชายยืนยิ้มอยู่กับผู้ชายที่ดูเด็กกว่าและเมฆินทร์ไม่คุ้นหน้า ในมือถือกล่องป๊อปคอร์นเปล่า และกระป๋องน้ำอัดลม อาจเป็นไปได้ว่าน้องชายเขาเพิ่งดูหนังเสร็จ แต่ก็ไม่คิดว่าจะเป็นเรื่องบังเอิญขนาดนี้
“เอ้ะ! หน้าคุ้น ๆ นะ” ยังไม่ทันได้รอคำตอบพี่ชาย ดินชะโงกตัวข้ามไหล่คนตัวโต และหรี่ตามองคนที่พยายามจะให้พี่เมฆบังตัวให้
ฟากจุนเจือยืนหลบหลังพี่เมฆพลันช้อนตามองเมฆินทร์เป็นจังหวะที่อีกฝ่ายก็หันไปประสานสายตากัน
“เฮ้ย! เด็กที่โรงแรมนั้นนี่ ว่าไงครับ มาทำอะไรที่กรุงเทพ แล้วทำไมถึงมาด้วยกัน น้องชื่ออะไรนะ?” ดินทักทายด้วยเสียงร่าเริง ผิดกับสองคนที่ทำตัวมีพิรุธดั่งคนมีชนักปักหลัง
“ค่อยว่ากันนะ ดิน นายไปกับเพื่อนเถอะ” เมฆินทร์คิดว่าเวลานี้ ไม่สมควรที่จะมาตอบคำถาม และเขารู้จักน้องชายดี หากตอบไปคำถามหนึ่ง จะต้องมีคำถามอื่น ๆ มาอีกเป็นพรวน
เมฆินทร์แตะศอกจุนเจือให้เดินหนีไปที่อื่น จุนเจือเดินตามไปอย่างว่าง่าย ลึก ๆ ก็กลัวว่าพี่เมฆจะโกรธที่เป็นต้นเหตุของการเกิดเรื่องซวยมาเจอน้องชายพี่เมฆครั้งนี้ เพราะแน่ล่ะว่า การทำข้อตกลงเรื่องการมีเซ็กซ์กัน น้องชายพี่เมฆไม่รู้
“ทำไมพี่หนีผมล่ะ ยังคุยกันไม่รู้เรื่องเลย"
"บอกแล้วว่าเดี๋ยวค่อยคุย"
"แล้วมาอยู่นี่ พี่ไม่ไปงานวันเกิดพี่เฟย์หรอ เห็นเขาโทรมาหาผม”
“ดิน ฟังไม่รู้เรื่องรึไง บอกว่ากลับไปค่อยคุย” เมฆเผลอเสียงดังใส่น้องชาย
"หงุดหงิดอะไรวะพี่ นี่ผมถามเรื่องอื่นแล้วนะ เออก็ได้วะ" ดินบ่น พลางสบถหัวเสียเดินจากไปพร้อมเพื่อน แต่ยังคอยหันหลังมามองพี่ชายและเด็กพนักงานโรงแรมนั่นเป็นระยะ ๆ
พอพ้นสายตาการสงสัยจากน้องชายพี่เมฆ จุนเจือพรูลมหายใจออกมาทางปาก และตบอกตัวเองเบา ๆ ก่อนจะหันไปหาคนข้าง ๆ ด้วยใบหน้ารู้สึกผิด
“ขอโทษครับพี่เมฆ"
"ขอโทษทำไม ไม่ได้เกี่ยวกับจุน" เมฆินทร์เอ่ยเสียงเรียบ ขณะที่ทั้งสองกำลังเดินลงบันไดเลื่อน
"เกี่ยวสิ ถ้าผมไม่อยากดูหนัง เราก็คงไม่มาเจอน้องชายพี่"
“ช่างเถอะ ตอนนี้เราไปที่อื่นก่อนแล้วกัน ค่อยกลับมาจองตั๋ว อาจเลือกรอบค่ำ ๆ หน่อยโอเคไหม?” เมื่อเห็นพี่เมฆมีสีหน้าผ่อนคลายลง จุนเจือก็นึกสบายใจ รีบพยักหน้ารับ และแอบตัดพ้อ
“ผมไม่อยากดูแล้วครับพี่เมฆ ผมกลัวพี่จะเจอแฟน เจอกิ๊กพี่มาอาละวาดผมอีก ผมจะทำยังไงครับ"
เมฆินทร์จ้องหน้าเด็กหนุ่ม พลางถอนใจยาว
“เราดูรอบดึกหน่อย คงไม่เจอใครไม่ต้องกังวลนะจุน"
จุนเจือยังยืนหน้าซีดและแสดงออกว่าเครียด ในระหว่างที่ทั้งสองยืนนิ่งปล่อยให้บันไดเลื่อนไหลลงไปสู่ชั้นล่าง คนอายุมากกว่าก็รั้งต้นแขนเด็กหนุ่มไปใกล้และบอกกระซิบข้างหู
"
ทำหน้าดี ๆ หน่อย รู้ไหมว่าพี่สบายใจเวลาได้อยู่กับจุนนะ".
.
.
.
เป็นอันว่า หนังรักไทยเรื่องนี้ ตีความหมายออกมาได้ซึ้งกินใจจนจุนเจือน้ำตาซึม จบลงแล้วกับภาพยนตร์บนความยาวสองชั่วโมงหนึ่งนาที ทั้งสองเดินออกมาจากโรงหนัง ฟากจุนเจือเดินไปยิ้มไป ทั้ง ๆ ที่พยายามกลั้นยิ้มจนปวดแก้ม ไม่อยากกระโตกกระตากให้เสียอาการ แต่จุนเจือดีใจและมีความสุขที่ตอนดูหนัง พี่เมฆกุมมือจุนเจือไว้บนตักเขาเกือบทั้งเรื่อง จุนเจือรู้สึกดีและมีหวังว่าความสัมพันธ์ของทั้งสองอาจพัฒนาไปได้ไกลกว่านั้น
"สามทุ่มครึ่ง ยังหิวอยู่ไหมจุน"
"ไม่เลยครับ พี่เมฆล่ะครับ อยากกินอะไรไหม ผมยังไงก็ได้นะครับ"
"ไม่แล้วล่ะ ถ้าจุนไม่หิว เรากลับโรงแรมกันเลยนะ"
"ครับ"
จากนั้นทั้งสองก็เดินเคียงข้างกันเงียบ ๆ มาตลอดทาง จนกระทั่ง ถึงลานจอดรถในเวลาสี่ทุ่มกว่า ทั้งคู่ต่างสอดตัวเข้าไปในห้องโดยสาร ยังไม่ทันที่จุนเจือจะดึงเข็มขัดนิรภัยมาคาด ร่างของเขาก็ถูกใครอีกคนดึงไปกอดแล้วจูบไล้ตามลำคอ
"อื้ออ พี่เมฆ"
เมฆินทร์ซุกไซ้ซอกคอจุนเจือเพิ่มความรู้สึกวาบหวามใจ
"อยากกอดจุนตั้งแต่อยู่ในโรงหนัง"
"....." จุนเจือเงียบกริบและรู้ว่าตัวเองหน้าแดงก่ำแล้วแน่ ๆ
"พี่ชอบกลิ่นตัวจุน ยิ่งอยู่ในโรงหนัง กลิ่นมันชัดจนพี่อยากจะฟัดแทบแย่"
จุนเจือทั้งหน้าแดงทั้งเขิน ตัวจุนเจือเองก็ยังไม่รู้เลยว่ากลิ่นแบบไหนที่ทำให้พี่เมฆพิสวาทเขาแบบนี้
"พี่ครับ พอก่อน เดี๋ยวมีคนมาเห็นเรากลับไปทำที่ห้องนะครับ" จุนเจือเสนอ เพราะลานจอดรถโล่งแบบนี้ พวกเขาย่อมมีโอกาสสูงที่จะตกเป็นเป้าสายตา หากคิดจะทำอะไร
"ครับ"
เมฆินทร์ยอมปล่อยเด็กหนุ่มให้เป็นอิสระ มิวาย ตอดเล็กตอดน้อย ด้วยการงับติ่งหู และประทับจูบใต้ใบหูอีกนิดหน่อย
เมื่อต่างฝ่ายต่างกลับมานั่งในที่ของตัวเอง จุนเจือมองออกไปนอกหน้าต่างด้วยอาการใจสั่นไม่หาย แต่ก่อนอาจมีสับสน ลังเลพยายามยั้งความรู้สึกตัวเองเอาไว้ แต่นาทีนี้ จุนเจือตอบได้เลยว่าเขาตกหลุมรักพี่เมฆจริง ๆ และเป็นการตกหลุมรักที่รู้ว่าเสี่ยงเหลือเกิน
"พี่เมฆขอบคุณนะครับที่พาผมมาดูหนัง" จุนเจือตอบด้วยใบหน้ามีความสุข
"ครับผม"
"พรุ่งนี้ที่พี่บอกไม่ว่าง แล้วเราจะได้อยู่ด้วยกันอีกวันไหนหรือครับ?"
"พี่บอกอีกทีได้ไหม? ช่วงนี้ มีงานแทรก มีอะไรหรือเปล่าจุน?" จุนเจือเงียบ แล้วจู่ ๆ ก็โพล่ง
จุนเจือไม่รู้ว่าน้อยใจหรือเปล่า แต่อยู่ ดี ๆ คำพูดเหล่านั้นก็โพล่งออกไปจนหมด
"ผมไม่อยากอยู่คนเดียว ถ้าพี่เมฆไม่ว่าง ผมจะได้กลับบ้าน"
"เดี๋ยวพี่บอกพรุ่งนี้ได้ไหมครับ อีกอย่างที่โรงแรมใหม่ พี่บุ้คห้องไว้สามวันสองคืน จุนกลับบ้านไปตอนกลางวัน แล้วกลางคืนก็ไปนอนที่โรงแรมได้ไหม? เผื่อพี่พอมีเวลาจะได้ไปหา"
"ก็ได้ครับ"
เมฆินทร์เห็นจุนเจือยิ้มเศร้า ใบหน้าก็ทิ้งร่องรอยของความกังวลไว้อย่างบอกไม่ถูก เขาจึงเอ่ยถามเพิ่ม
"ถ้าจุนมีอะไรไม่สบายใจ จุนบอกพี่ตรง ๆ ได้นะครับ" เมฆินทร์ว่า ยามเหลือบมองใบหน้าจุนเจือที่ครุ่นคิดตลอดเวลา
จุนเจือหันไปมองครู่เดียวแล้วรีบก้มมองมือตัวเอง
"พี่เมฆครับ พี่โอเคไหมที่เอ่อ มีเซ็กซ์กับผม?" จู่ ๆ จุนเจือก็นึกกลัวขึ้นมาว่าถ้าพี่เมฆไม่ชอบการมีเซ็กซ์กับเขา ทั้งสองอาจไม่มีโอกาสได้อยู่ด้วยกันแบบนี้อีก
"พี่โอเคครับ จุนกังวลอะไรเหรอครับ?"
ฟากจุนเจือเงียบอีกครั้ง จู่ ๆ เขาก็ตัดสินใจโพล่ง
"คือ ผม ผมอยากรู้ว่าต้องทำแบบไหนให้พี่พอใจ ผมคิดว่าเงินที่พี่ให้ผมมามันก็เยอะเหมือนกัน ผมเลยอยากทำให้พี่เมฆคุ้มค่ากับเงินที่ต้องจ่ายน่ะครับ"
จุนเจือหน้างอง้ำยามที่อีกฝ่ายหัวเราะ
"พี่ขำอะไรครับ?"
"ห้ะ? อ้อไม่มีอะไรครับ" เมฆินทร์กลั้นขำกับคำตอบอีกฝ่าย
"ไม่มีอะไรได้ไงครับ เห็นอยู่ว่าพี่ขำ เรื่องที่ผมพูดก็ไม่ได้น่าขำด้วยผมซีเรียสนะ ผมไม่อยากให้พี่เบื่อมีเซ็กซ์กับผม มันน่าขำมากเลยเหรอครับ"
เมฆินทร์ชะงักกับคำพูดจุนเจือ ที่แสนจริงใจ ใบหน้าหล่อเริ่มแต้มยิ้ม เมฆินทร์ยกมือมาลูบแก้มเย็น ๆ ของเด็กหนุ่ม
"ทำไมทำตัวน่ารักจังครับ"
"ก็...ไม่ได้น่ารักสักหน่อย" จุนเจือพูดงึมงำลำพังออกอาการใจสั่น
พอเติมความรู้สึกชอบลงไป ทำไมทุกอย่างถึงให้อารมณ์ต่างจากเดิม
ตั้งแต่จุนเจือรู้ใจตัวเอง จะทำอะไรก็ดูขัดเขินไปหมดเวลาที่ได้อยู่ใกล้พี่เมฆ
"ไม่ต้องคิดมากครับ พี่ชอบ ชอบที่จุนเป็นแบบนี้"
ครู่หนึ่ง สองคนเผลอประสานสายตากันแล้วเป็นจุนเจือที่ยอมแพ้ หลบสายตาหนีไปก่อน
น่าเสียดายที่มันมืดไปหน่อย เมฆินทร์เลยไม่เห็นอีกฝ่ายว่ามีสีหน้าเป็นแบบไหน แต่การเบี่ยงตัวหนีและหันหลังให้ เอาแต่นั่งมองออกไปนอกหน้าต่าง กดสายตาลงไปมองที่ตักจุนเจือก็เห็นสองมือบิดถูกันไปมาก็หลุดยิ้ม เมฆินทร์ก็พอจะตีความหมายได้อยู่ เขาอมยิ้ม ก่อนดึงมือจุนเจือมาวางที่ตัก จนเจ้าตัวต้องหันกลับมามอง
"จับไม่ได้หรอครับ?"
"ได้สิครับ" จุนเจือกัดปาก พลางเหล่มอง ก่อนจะพลิกตัวขยับกลับมานั่งดี ๆ แล้วทอดสายตามองไปยังท้องถนนตรงหน้า
"แล้วจุนเอาเงินไปให้แม่หรือยังครับ ไม่เห็นจุนพูดถึงแม่เลยครับว่าเป็นไงบ้าง"
จุนเจือชะงักกึกรู้สึกผิดจับใจ พอมีใจให้ ก็นึกโกหกพี่เมฆไม่ลง
"เอ่อะ!...พี่เมฆครับ ผมมีความจริงจะบอก ที่ผมยอมทำแบบนี้ ไม่ใช่เพราะแม่สบายหรอกครับ แต่ผมจะเอาเงินไปใช้หนี้ที่แฟนเก่าผมก่อไว้ ผมขอโทษนะครับ ที่ตอนแรกโกหกพี่"
จุนเจือใจหาย เพียงพูดจบ พี่เมฆปล่อยมือที่กุมไว้ แล้วใช้ทั้งสองมือจับพวงมาลัย จุนเจือเห็นอย่างนั้นจึงดึงมือกลับมาวางไว้ที่ตักตัวเองแล้วนึกก่นด่าในใจตัวเองว่าไม่น่าพูดออกไปเลย
"ก่อนหน้านี้ จุนโกหกพี่ทำไมครับ?" เมฆินทร์ยอมรับว่าใจแกว่งหลังจากได้ยินความจริงที่เกิดขึ้น ถามว่าโกรธไหมคงไม่ แต่ก็รู้สึกไม่ดีที่ได้รู้ความจริงเช่นนั้น
"ผมขอโทษครับ ตอนนั้นผม ผมกลัวว่าถ้าผมบอกความจริงว่าผมรีบใช้เงินเพราะอะไร? พี่อาจไม่ตกลงมีเซ็กซ์กับผม"
"งั้นเหรอครับ"
"พี่เมฆ ผมขอโทษครับ"
"แล้วทำไมต้องใช้หนี้แฟนเก่าที่เขาสร้างปัญหาไว้ด้วย ทำไมเขาไม่ใช้เอง"
"เพราะเขาเอาบัตรเครดิต และบัตรเงินสดในชื่อผมไปรูดซื้อของและกดเงินมาใช้ด้วยครับ ตอนแรกเขาบอกจะใช้คืน สุดท้ายก็ไม่ใช้ จนเจ้าหน้าที่ธนาคารโทรมาทวงกับผม ผมถึงรู้ครับ"
คำตอบของจุนเจือทำให้เมฆินทร์หันไปมอง
"มีหนี้เท่าไหร่ครับ"
"ประมาณแสนครับ" สิ้นคำตอบจุนเจือก้มหน้าหลบสายตาดุดัน เขาเม้มปากแน่น สะกดอารมณ์ข้างในไว้
เมฆินทร์มองจุนเจือที่ก้มหน้าจนคอชิดอก
"จุน"
"คะ...ครับ"
"มองหน้าพี่" เมฆินทร์บอกเสียงดุ เพราะเขาจับได้ว่าจุนเจือเสียงสั่นเครือ
จุนเจือเงยหน้ามองพี่เมฆด้วยน้ำตาคลอเบ้า
"ร้องไห้ทำไม?"
"ผะ...ผมไม่อยากให้พี่เมฆโกรธผม ผมขอโทษนะครับ" เมฆินทร์มองจุนเจือน้ำตาไหลลงมาถึงแก้มขาว ฟากเมฆินทร์ทอดถอนใจยาว ก่อนถามต่อ
"ถ้าเป็นหนี้บัตรเครดิต แสดงว่าจุนก็ต้องการเงินเร็วที่สุด เพื่อไปเคลียร์หนี้เพราะยิ่งทิ้งไว้นาน ดอกเบี้ยก็จะเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ"
"ครับ"
"จุนต้องมีเซ็กซ์กับพี่ให้บ่อยที่สุดจะได้มีเงินเยอะ.ๆ.."
"......" จุนเจือพูดไม่ออก
"ถ้างั้นแสดงว่า ที่เรามีเซ็กซ์กันทุกวันนี้ ไม่ได้มาจากความพึงพอใจ แต่มันคือ ความอยากได้เงิน ที่บีบบังคับให้จุนต้องทำ ใช่ไหม?"
จุนเจือไม่คิดว่าพี่เมฆจะถามตรง ๆ ในตอนแรกที่ตกลง จุนเจือยอมรับว่าคิดเช่นนั้น เพราะยังไม่ได้ลองมีเซ็กซ์กับพี่เมฆ แต่พอได้ร่วมสร้างสัมพันธ์สวาทร่วมกัน จุนเจือยอมรับว่าเขามีความคิดที่เปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิง
"ไม่ใช่นะครับพี่เมฆ ผมมีความสุขทุกครั้งที่ได้มีอะไรกับพี่เมฆ ผมไม่เคยรู้สึกว่ามันเป็นหน้าที่เลยจริงๆนะครับ เพราะความจริง ตอนนี้ผม...คือ ผม...ช..อ."
จุนเจือกำลังบอกความในใจ ทว่า จังหวะเดียวกันนั้น มีคนโทรเข้ามาพอดิบพอดี จุนเจือควักเครื่องมือสื่อสารออกมาจากกระเป๋ากางเกง ดูหน้าจอมือถือ เห็นตัวเลขสิบหลักปรากฏบนหน้าจอ พอรู้ว่าเป็นเบอร์โทรของใคร จุนเจือก็ไม่รับสาย และปล่อยให้มันสั่นแบบนั้น แต่ไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะโทรย้ำเข้ามาอีกเรื่อย ๆ จนทำให้บทสนทนาที่ลื่นไหลก่อนหน้า กลับติดขัดชวนอารมณ์เสีย
"รับเถอะครับ มันสั่นจนพี่รำคาญ"
จุนเจือมองหน้าคุณเมฆินทร์ที่ดูไม่สบอารมณ์
"ฮัลโหล"
[นึกว่าจะไม่รับสายกันแล้วเสียอีก จุนเป็นไงสบายดีไหมครับ?]
"ไม่สบายครับ เพราะพี่ไม่เอาเงินมาใช้หนี้ให้ผม"
[เนี่ยครับ เร็ว ๆ นี้ พี่กำลังจะได้เงินก้อนใหญ่จากการขายที่ที่บ้าน พี่สามารถนำมันมาให้จุนได้หมดเลย พี่ขอโทษนะครับ เรื่องนั้นเอาไว้ก่อนได้ไหม? เรื่องที่พี่จะคุยวันนี้ คือ พี่อยากเจอจุน พรุ่งนี้เราออกมาเจอกันหน่อยไหม?]
"ไม่ครับ" จุนเจือตอบปฏิเสธได้โดยไม่คิด
[พรุ่งนี้วันเกิดจุนไม่ใช่เหรอครับ?]
กึก
จุนเจือชะงัก ไม่คิดว่าพี่บอมบ์จะจำได้ด้วย จุนเจือกำเครื่องมือสื่อสารด้วยอาการมือสั่น
[เงียบทำไมครับ คิดว่าพี่จะลืมวันเกิดจุนล่ะสิ คนสำคัญอย่างจุนพี่ลืมได้ไงละครับ ฮึ?]
"พี่บอมบ์"
[ครับ พี่จำได้หมดแหละ จำได้ แม้กระทั่งวันเกิดพี่ที่จุนทำการ์ดให้พี่เป็นของขวัญวันเกิดแถมทำเค้กให้พี่เองด้วย เค้กอร่อยมากเลยนะ"
จุนเจือน้ำตาไหลกว่าเก่า ครั้งแรกที่ร้องไห้เพราะพี่เมฆดุ พอครั้งที่สองกลับเป็นเรื่องของแฟนเก่าขุดคุ้ยความสัมพันธ์ในอดีต
จุนเจือสูดน้ำมูกเสียงดังฟืดฟาด
[ร้องไห้หรอ? จุนครับ พี่อาจนอกกาย แต่พี่ไม่เคยนอกใจนะ พี่คิดถึงจุนตลอดที่พี่ทำลงไปพี่มีเหตุผล พี่คบคนนั้นพี่ยอมรับว่าพี่คบเขาเพราะเงิน พี่ไม่ได้อยากทำสักนิด พี่ฝืนสุด ๆ แต่แม่พี่ไม่สบายมาก พี่เลยต้องใช้วิธีนี้]
"พี่บอมบ์มาบอกทำไมครับ พี่ต้องการอะไร?"
[ต้องการให้เรากลับมาคบกัน พรุ่งนี้เราออกมาเจอกันนะ มาเริ่มต้นกันใหม่ ? ที่ผ่านมาที่เราห่างกันมันทำให้พี่คิดได้ว่าพี่เสียคนดี ๆ ไป จุนน่ารักกับพี่มาก วันเกิดจุนทั้งที เรามาฉลองด้วยกันนะครับ]
"มีอะไรหรือเปล่าครับ? จุน" เมฆินทร์ถามยามเห็นจุนเจือปล่อยโฮ จุนเจือหันไปมองพี่เมฆก็นึกได้ว่าเขายังมีใครอีกคนอยู่ตรงนี้
[เสียงใครน่ะ จุน]
"ไม่มีอะไร? ผมวางก่อนนะ"
[แล้วพรุ่งนี้ พี่จะส่งโลเคชั่นร้านไปให้นะ ถ้าจุนมาได้พี่อยากให้มานะ พี่ยังรักจุนเสมอนะครับ คนดีของพี่] จุนเจือไม่ตอบรับคำ แค่กดวางสายไป
"ใครหรือครับ?"
"เพื่อนครับพี่เมฆ" จุนเจือตอบเสียงแผ่ว
"เพื่อนที่จุนกำลังใช้หนี้แทนเขาน่ะเหรอ?"
กึก
จุนเจือชะงักพลางเม้มปากแน่น พี่เมฆรู้แล้วว่าเขาโกหก และเป็นครั้งที่สองที่จุนเจือไม่ยอมพูดความจริงจนพี่เมฆจับได้
"เขาโทรมาทำไมครับ?"
"ไม่มีอะไรครับ"
"จุนรู้ใช่ไหมที่พี่บอกว่าระหว่างเรามีเซ็กซ์กัน จุนจะต้องไม่มีใคร?"
"ครับ ผมไม่มีใคร"
"แต่หลังจากนี้ พี่ยังเชื่อใจได้ใช่ไหม?"
"ครับ" จุนเจือตอบกลับอย่างเครียด ๆ ทั้ง ๆ ที่วันนี้ กำลังจะจบลงอย่างสวยงามกลับมีเรื่องทำให้ทั้งสองไม่สบายใจจนได้
"จุนจะไม่โกหกพี่?"
"ครับ"
.
.
.
.
"จุนไปอาบน้ำก่อนเลยครับ"
ตอนนี้ ทั้งสองถึงโรงแรมแล้ว แต่ไม่ถึงสิบนาที เมฆินทร์บอกกึ่งไล่จุนเจือให้ไปอาบน้ำ
"วันนี้เราอาบน้ำด้วยกันไหมครับ"
"ไม่ครับ พี่จะคุยงานก่อน"
"ก็ได้ครับ" จุนเจือตอบรับเสียงอ่อย จับได้ถึงความเปลี่ยนไป ตั้งแต่ลงรถมา พี่เมฆทำตัวเย็นชาใส่ จนจุนเจือสัมผัสได้ถึงบรรยากาศอึมครึม ไม่สดใสเหมือนครั้งที่หยอกล้อกันตอนดูหนังเสร็จ
จุนเจือทำตามคำสั่งของพี่เมฆด้วยการเดินไปอาบน้ำอย่างว่าง่าย แหละวันนี้จุนเจืออาบน้ำเร็วกว่าทุกที เขาแต่งตัวเรียบร้อยก็เดินไปหาคนที่นั่งริมเตียงทำท่าครุ่นคิด จุนเจืออยากให้พี่เมฆหายโกรธจึงเดินไปตรงหน้าและทิ้งตัวลงนั่งบนตักโอบรอบคอพี่เมฆและประทับจูบลงบนริมฝีปากที่จุนเจือชอบ ก่อนซบไหล่กว้าง
"เราจะมีเซ็กซ์ตอนนี้เลย หรือหลังพี่เมฆอาบน้ำเสร็จดีครับ?"จุนเจือบอกด้วยรอยยิ้ม ขณะที่สองมือยังโอบรอบคอร่างสูงเอาไว้ แต่อีกฝ่ายยังคงนั่งเฉย
"ขอโทษนะครับ วันนี้พี่ไม่มีอารมณ์" จุนเจือนิ่งงัน พี่เมฆคงไม่พอใจเรื่องแฟนเก่าจุนเจือแน่ ๆ
"ทำไมครับ พี่เมฆ ก็ตอนแรกพี่บอกว่า..."
"อยากได้เงินมากขนาดนั้นเลยเหรอครับ?" เมฆินทร์ตอบด้วยแววตาขึงขัง
จุนเจือเงียบกริบ การถามเชิงประชดชัน ก็ทำให้จุนเจือไปต่อไม่ถูก ส่วนหนึ่งมันก็เป็นความจริงนั่นแหละที่เขาต้องนำเงินไปใช้หนี้บัตรเครดิตจริง ๆ แต่ตอนนี้ มันมีความรู้สึกใหม่ร่วมด้วยแล้ว
...ความรู้สึกรักพี่เมฆ...
"ลงเถอะครับ พี่จะไปอาบน้ำ" เมฆินทร์บอกและดึงแขนจุนเจือออกจากลำคอ
แย่ แย่ แย่...
จุนเจือซึมและยอมลงจากตักพี่เมฆโดยดี เด็กหนุ่มยืนมองพี่เมฆที่ผลุบหายเข้าห้องน้ำอย่างใจโหวง ๆ
จุนเจือปีนขึ้นเตียงไปนั่งกอดเข่าด้วยความคิดมาก เขาไม่คิดว่าการบอกความจริงจะทำให้เรื่องบานปลายขนาดนี้ เขาอยากให้พี่เมฆหายโกรธ เพราะตอนนี้ จุนเจืแคร์ความรู้สึกอีกฝ่ายมากขึ้น
"เฮ้อ ไอ้จุนทำไงดีเนี่ย"
จุนเจือขยี้ผมพลางลูบหน้าแรง ๆ จนกระทั่งเวลาผ่านไปได้สักพัก จุนเจือยังไม่เห็นพี่เมฆเดินออกมาจากห้องน้ำเลย
วันนี้ พี่เมฆอาบน้ำนานเป็นพิเศษจนจุนเจือร้อนใจอยากพูด อยากอธิบายและในวินาทีนั้นเอง จุนเจือได้ยินเสียงครืด ๆ อยู่ตรงโต๊ะหัวเตียง
ตอนแรกที่หันไปมองตรงโต๊ะหัวเตียง นึกว่ามือถือของตัวเองดัง เนื่องจากมีมือถือวางใกล้กันสองเครื่อง พอรู้ว่าไม่ใช่ จุนเจือก็ไม่ได้สนใจอีก จนกระทั่ง เครื่องมือสื่อสารสั่นครืด ๆไม่หยุด พอเหลือบมองนาฬิกาประดับตรงผนังก็เห็นว่านี่มันสี่ทุ่มกว่า หากไม่มีเรื่องเดือดร้อนหรือธุระด่วนคงไม่โทรมาดึกดื่นและหลายรอบขนาดนี้ จุนเจือขยับตัวเอื้อมไปคว้าโทรศัพท์มือถือพี่เมฆมาดู
มีคนไลน์คอลมาหาพี่เมฆ จุนเจือเห็นภาพโพร์ไฟล์ปรากฎภาพครึ่งตัวเป็นใบหน้าหญิงสาวสวยสดงดงามใส่ชุดเดรสเกาะอกหรูหราอ่านชื่อเจ้าของไลน์ คอล แล้วมันคุ้น ๆ เหมือนชื่อที่น้องชายพี่เมฆเรียก
'Fay_lada'
จุนเจือรีบกดรับก่อนอย่างกลัวที่ปลายสายจะวาง แต่เด็กหนุ่มยังไม่ได้พูดอะไรเพราะตั้งใจจะเอาไปให้พี่เมฆที่หน้าห้องน้ำ
[พี่เมฆรับแล้วทำไมไมพูดคะ?]
จังหวะที่จุนเจือลุกไป เป็นจังหวะเดียวกับเมฆินทร์เดินออกมาจากห้องน้ำพอดี
"โทรศัพท์ครับพี่เมฆ" จุนเจือว่าเสียงแผ่วแล้วยื่นมันไปให้คนตรงหน้า
พอเห็นว่าใครโทรมาและจุนเจือก็กดรับไปแล้ว เมฆินทร์ชักสีหน้าด้วยความไม่พอใจ จำต้องรับมือถือไปคุยอย่างเสียไม่ได้
"ว่าไงครับ เฟย์?"
จุนเจือปลีกตัวห่างให้พี่เมฆคุยธุระ แต่เพราะอยู่ห้องเดียวกัน อย่างไรเสียก็พอได้ยินบทสนทนาอยู่บ้าง
[พี่เมฆ เฟย์ได้ยินเสียงคนอื่น พี่เมฆอยู่ไหนคะ.?]
"เฟย์มีอะไร? พี่ออกมากินข้าวกับลูกค้า"
[ดึกขนาดนี้ ก็ยังกินอีกเหรอคะ? เฟย์ไม่เชื่อ ไม่อยากมาวันเกิดเฟย์ใช่ไหม พี่จะหลบหน้าเฟย์ไปถึงไหน?]
"แล้วทำไมพี่ต้องไป ไม่มีความจำเป็นเลย เฟย์อย่าเอาแต่ใจ เฟย์ยอมรับความจริงได้แล้วครับ ถ้าไม่มีอะไร? พี่จะวางแล้วนะครับ"
[พี่มีคนใหม่แล้วเหรอคะ?]
"มันไม่ใช่เรื่องที่เฟย์ต้องรู้เลย แค่นี้ก่อนครับ"
[พี่เมฆ ทำแบบนี้ แล้วภูเขา..&*%#+%%&8*63?%==-]
ร่างสูงตัดสายแล้วโยนมือถือไปบนเตียง ปรี่ไปหาจุนเจือที่นั่งปลายเตียงด้วยแววตาเศร้า
"พี่เคยบอกว่าอะไร? ห้ามยุ่งเรื่องส่วนตัวใช่ไหม?"
จุนเจือกัดปากพลางเหลือบตามอง
"ผมขอโทษครับ คือ ผมเห็นว่ามันดึกแล้ว คนที่โทรมาอาจมีเรื่องด่วนน่ะครับ ผม ...ผมก็เลยรับสายให้ครับ" จุนเจือพยายามแก้ตัวแต่เหมือนยิ่งแก้ยิ่งทำให้พี่เมฆโมโห
"ด่วนหรือไม่ด่วนคนที่ตัดสินใจคือพี่ครับ ไม่ใช่จุน เพราะนี่เป็นมือถือของพี่"
จุนเจือหน้าชาหลังโดนด่า เขาก้มหน้ากลืนก้อนน้ำตา
"ผมขอโทษครับ"
ไม่มีปากเสียงใส่กันอีก เมื่อเมฆินทร์หมุนตัวไปอีกทาง ห้องทั้งห้องจึงถูกปกคลุมด้วยความอึมครึมอีกครั้ง
จุนเจือเงยหน้ามองแผ่นหลังขยับเคลื่อนไหว เขานั่งมองพี่เมฆฉีดน้ำหอมตรงหน้ากระจกเงา ก่อนจะเดินไปหาเสื้อผ้าตรงตู้
"พี่เมฆจะออกไปข้างนอกหรือครับ?"
"ครับ พี่จะไปดื่ม"
"ที่ไหนครับ?"
"เธคใต้โรงแรม"
"ผมไปด้วยนะครับพี่เมฆ" จุนเจือรีบปรี่ไปหาว่าอย่างกระตือรือร้น
"พี่อยากดื่มคนเดียวครับ"
จุนเจือหน้าจ๋อยถามเสียงแผ่วอย่างคนไม่มั่นใจ
"พี่เมฆจะไปกี่ชั่วโมงหรอครับ ผมจะได้รอเปิดประตู"
"ไม่นานหรอกครับ สักสองสามชั่วโมง" เมฆต้องการไปหาที่ระบายความเครียด และคิดอะไรสักหน่อย
"ครับ ผมรออยู่ที่ห้องก็ได้"
ทั้งสองสบตากันครู่หนึ่ง เมฆินทร์ไม่พูดอะไร เขาได้แต่คว้าของสำคัญ สวมรองเท้าหนังแล้วเดินออกจากห้องไป ทิ้งให้จุนเจือนั่งซึมเศร้าลำพัง
.
......................................
มาเป็นกำลังใจให้ทั้งคู่และคอยติดตามตอนต่อไปกันนะคะ