◾▪Hotel Room #ห้องนี้มีแต่เรา▪◾บทที่ 22(เมฆินทร์-จุนเจือ) |22.1.20| P.4 -ตอนจบ-
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ◾▪Hotel Room #ห้องนี้มีแต่เรา▪◾บทที่ 22(เมฆินทร์-จุนเจือ) |22.1.20| P.4 -ตอนจบ-  (อ่าน 21476 ครั้ง)

ออฟไลน์ DrSlump

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3382
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +104/-2
 :pig4: :pig4: :pig4:

หรือพี่เอิร์ทจะเป็นพระเอก  แต่คงไม่ใช่มั้ง?

ออฟไลน์ ommanymontra

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3437
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +96/-0

ออฟไลน์ songte

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1425
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-1
หวังว่าคนนี้จะดีนะ ช่างหัวพี่เมฆไปเถอะ คนอะไรใจร้ายเกิ้นนน

ออฟไลน์ rinyriny

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 295
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +106/-1
บทที่ 15  สำนึก





 

 

       ระยะเวลาหนึ่งเดือนนี้ เป็นระยะของการบ่มเพาะความอดทนที่จุนเจือถูกเพื่อนร่วมงานว่าลอย ๆ ให้ได้ยินบ้าง ประชดประชัน กระแทกแดกดันบ้าง แต่จุนเจือก็นิ่งเงียบตลอด ถือคติ ว่าไม่ใส่ใจ หลังจากจุนเจือรู้นิสัยจึงไม่อยากคบค้าสมาคม มีเพียงพนักงานคนเดียวที่ดูเป็นกลาง ไม่เข้าข้างใคร พอจะเป็นมิตรกับจุนเจือได้บ้าง

 

 

        บ่ายสองของวันนี้ จุนเจือนั่งทำงานตามขอบเขตการรับผิดชอบของตนเองเช่นเดิม หากไม่มีลูกค้ามาเช็คอิน เขาก็เข้าอีเมลเช็คบุ้คกิ้งของลูกค้าทั้งชาวไทยและต่างชาติที่ผ่านการจองที่พักมาจากหลากหลายเอเจนซี่ทั่วโลก ทำการล็อคห้องพักให้ลูกค้าตามแต่ละวันที่ถูกจองเข้ามาล่วงหน้า

 

 

       ยามนี้ ส้มโอไปรับลูกค้าที่ท่าเรือ ส่วนเชอร์รี่นั่งอยู่โต๊ะตรงข้ามเยื้องไปทางด้านหลัง ส่วนปลา คนที่พอเป็นมิตรกับจุนเจือนั่งอยู่ด้านหลังเขา

 

       

"นี่จุน" เชอร์รี่เรียก

 

 

"ว่าไง?"

 

"มีเรื่องจะถามน่ะ ได้ข่าวเป็นเกย์เหรอ?"

 

       จุนเจือชะงัก หันไปมองคนทำหน้าแสร้งใสซื่อได้หน้าหมั่นไส้ จุนเจือพยายามข่มอารมณ์ไม่พอใจ เขาจับสังเกตได้ว่าตั้งจุนเจือกลับมาจากกรุงเทพฯ เพื่อนร่วมงานก็ไม่เหมือนเดิม ทั้งมีการพูดแขวะ กระแนะกระแหนรุนแรง ซึ่งจุนเจือก็ไม่รู้ว่าเขาทำผิดอะไร?

 

 

"เป็นไม่เป็นแล้วจะทำไมเหรอ? มีอะไรหรือเปล่า?"

 

"ถามดู ถ้าชอบเราจะได้แนะนำไง เรามีเพื่อนที่เป็นเกย์เยอะ ชอบแบบไหน? จะได้ติดต่อให้" เชอร์รี่พูดด้วยรอยยิ้ม ซึ่งไม่รู้เลยว่าใต้รอยยิ้มนั้น มีความจริงใจเหลืออยู่เท่าไหร่

 

       จุนเจือจึงเลยตอบรับไปเฉย ๆ

 

"ไม่เป็นไร ขอบใจในความหวังดีแต่เรายังไม่คิดจะมีใครน่ะ"

 

"ไม่เหงาเหรอ? ก็ได้ข่าวว่าโสดอยู่นี่ หรืออยากหาเองถึงมาทำงานที่นี่ ชัวร์ป๊าป ใช่ไหมจุน"

 

      จุนเจือนิ่งและคิดอย่างเซ็ง ๆ เขา ไม่น่าเล่าเรื่องส่วนตัว สมัยตอนมาทำงานใหม่ ๆ เลย ในตอนแรกนั้นก็คิดว่าทุกคนเป็นมิตรจึงไว้ใจเผยประวัติของตนเองออกไปอยู่พอสมควร

 

 

"ความเห็นเรานะ ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหน คนมันจะได้แฟนมันก็ได้แหละ" จุนเจือตอกกลับแบบไม่มองหน้าคนถาม เพราะสายตายังคงจ้องมองจอคอมพิวเตอร์ เพื่อทำงานไปด้วย

 

"อ้อ มันก็เหมือนกับว่า คนมันจะขายตัวที่ไหน มันก็ขายตัวได้แหละ ประมาณนี้ใช่ไหมจุน"

 

กึก

 

      ถ้าคนไม่มีชนักติดหลังจะไม่รู้สึกจุกอก แต่เพราะอีกฝ่ายดันพูดเรื่องที่จุนเจือเองก็เคยทำ เขาลอบกลืนน้ำลาย พลางเหงื่อซึมทั่วกรอบหน้าและแผ่นหลัง

 

"เงียบเลยแฮะ!"

 

 

      จุนเจือนั่งใจเต้นแรง พยายามรวบรวมสติ ข่มอารมณ์ไม่ให้ทำอะไรวู่วาม

 

"อ้อ ขอโทษที พอดีเราใช้สมาธิในการทำงานมากไปหน่อย เลยไม่ได้ยิน งั้น เราขอทำงานก่อนนะถ้าว่างแล้วจะมาคุยเล่นด้วย" จุนเจือหันไปยิ้มมุมปาก ก่อนจะหันกลับมาด้วยใบหน้าเครียดขึง

 

 

    อาจเป็นความบังเอิญที่พูดมาได้ตรงกับเรื่องจริงของจุนเจือ?

 

     อาจเคยดักฟังหรือได้ยินเขาคุยโทรศัพท์กับแพรที่ห้องพักของตนเอง?

 

     ไม่ว่าจะเหตุผลใดก็ช่าง จุนเจือต้องทำใจ ไม่คิดมาก พยายามคิดว่าเชอร์รี่อาจแค่พูดสนุกปากเท่านั้น

 

 

'เฮ้อ...จบปัญหาเรื่องนี้ ก็ต้องมีอีกเรื่องเข้ามาให้เราจัดการแก้ปัญหาให้มันได้ทุกทีสิน่า อดทนนะจุน ทำไงได้ ก็นี่แหละชีวิต'

 

 

      แม้วันนี้จะมีเรื่องให้ใช้สมองมาก แต่จุนเจือก็สามารถทำงานให้เสร็จได้อย่างลุล่วง เลิกงานแล้ว เด็กหนุ่มเดินกลับถึงห้องพักพนักงานที่อยู่ไม่ไกลจากตัวโรงแรม ระหว่างทาง มีบ้างที่จุนเจือลอบถอนหายใจ แต่จังหวะที่สายลมเย็น ๆ ผ่านพัดมาปะทะผิวกาย จุนเจือหยุดเท้า ยืนนิ่งหลับตาและสูดลมหายใจเข้าลึก ๆ เต็มปอด พรูลมหายใจออกมา ก่อนจะลืมตาขึ้นมาอีกครั้ง จุนเจือหันไปมองรอบ ๆ ตัวตอนนี้ แล้วเผลอยิ้มออกมาจาง ๆ มันดีแค่ไหน? ที่เขาโชคดี ได้มีโอกาสทำงานในพื้นที่ที่รายล้อมด้วยธรรมชาติ ได้เห็นวิวทะเลกว้างใหญ่ไพศาล มีทิวมะพร้าว และต้นไม้มากมาย ไหนจะ ผีเสื้อนับไม่ถ้วนต่างบินโฉบไปโฉบมาเหนือยอดหญ้า จุนเจือเงยหน้ามองท้องฟ้าสีหม่นที่แม้ไม่สดใสแดดจ้า แต่ในเวลานี้ มันช่างเป็นองค์ประกอบที่สวยงามได้เหมือนกัน

 

      จุนเจือหยิบโทรศัพท์มือถือมาถ่ายภาพวิวทิวทัศน์หวังแบ่งปันความสวยจากธรรมชาตินี้ให้ใครสักคนได้รับรู้เช่นเดียวกันกับเขา

 

       ด้วยตัวโรงแรมที่ตั้งอยู่บนที่สูงจึงเห็นแผ่นท้องทะเลกว้างใหญ่ เห็นขอบฟ้าไกลสุดลูกหูลูกตา จุนเจือบรรจงเลือกมุมที่งดงาม กดถ่าย และเตรียมส่งภาพนี้

 

    เข้าโปรแกรมแอพพลิเคชั่นไลน์ เผลอเลื่อนไถลยาวจนเลยชื่อพี่เอิร์ท เขากำลังไถขึ้นไป แต่สายตาพาหยุดชะงักเมื่อเห็นรายชื่อของพี่เมฆ




     ในไลน์ทั้งสองไม่ค่อยได้คุยกัน ข้อความเก่า ๆ ที่เคยคุยค้างไว้จึงมีไม่มาก อย่างมากก็ถามถึงเรื่องเวลา อยู่ไหน จะมาเจอกันเมื่อไหร่ก็เท่านั้น




    จุนเจือพรูลมหายใจออกมาทางปาก และใช้ปลายนิ้วไถหาชื่อพี่เอิร์ทอีกครั้ง

 


Read

17.09

เอาภาพมาฝากครับ ตอนนี้บรรยากาศกำลังดีเลย ลมเย็น มีฟ้าครึ้มนิดหน่อย ไม่แน่ คืนนี้อาจมีฝนตกด้วยนะครับพี่เอิร์ท

 

 

      กดส่งข้อความไปหา เสร็จแล้ว จุนเจือก็เดินทางกลับห้องพักเพื่อไปอาบน้ำอาบท่า ใช้เวลานานพอควร เบ็ดเสร็จ จุนเจือแต่งตัวก็ออกมานั่งเล่นบนเตียง มีเสียงโทรศัพท์ดังขึ้นมา

 

"เห็นรูปหรือยังครับพี่เอิร์ท"

 

[เห็นแล้ว นี่พี่กำลังคิดว่าพี่กำลังจีบเจ้าหน้าที่กรมอุตุฯ อยู่รึเปล่า? มีรายงานพยากรณ์อากาศให้ด้วย]

 

"โหพี่เอิร์ท พูดแบบนี้ ผมน้อยใจนะเนี่ย อุตส่าห์ตั้งใจถ่ายให้"

 

[น้อยใจทำไมครับ พี่แค่แซว เอาจริง ๆ ก็ชอบนะ โดยเฉพาะภาพทะเลสวยมาก ส่งมายั่วให้อิจฉากันใช่ไหม ทำไมเราเป็นคนแบบนี้]

 

"ฮ่า ๆ ของจริงสวยกว่าในรูปอีกนะ"

 

"หมายถึงเราน่ะเหรอ?"

 

"พี่เอิร์ทจะใช่ผมได้ไงเล่า ผมต้องหล่อสิครับ"

 

"ฮ่า ๆ ก็จุนปากสวยน่ะ รู้ไหม? มองทีไรก็อยาก..."

 

"พี่พูดอะไรน่ะ เปลี่ยนเรื่องไหม?"

 

"เขินหรอเรา?"

 

"ก็...อื้มม"

 

"จุนชอบทำตัวน่ารักว่ะ จะไม่ให้พี่หลงได้ไงครับ"

 

"พี่เอิร์ทอะ"

 

"ฮ่า ๆ ไม่แซวแล้วครับ ว่าแต่วิวสวยจริง สงสัยต้องขอพี่เมฆลาพักร้อนซะแล้ว "

 

      จุนเจือใจสั่นยามได้ยินอีกฝ่ายเอ่ยชื่อพี่เมฆ อันที่จริง ตั้งแต่คุยจีบกันมา พี่เอิร์ทไม่ค่อยพูดถึงพี่เมฆให้ได้ยินเท่าไหร่ แม้ว่าเขาจะทำงานด้วยกัน แต่พอเอ่ยถึงคนที่สาม จุนเจือรู้สึกหวนนึกถึง

 

"มาเลยครับพี่เอิร์ท ทำงานเหนื่อยๆเห็นธรรมชาติมันดีนะ"

 

[เห็นเราจะดีกว่า]

 

     จุนเจือนิ่งไปนิด

 

"เสี่ยว"

 

[ฮ่า ๆ แล้วทำงานเป็นไงบ้าง โอเคนะ] เอิร์ทถามเพราะเคยเห็นจุนเจือบ่นครั้งหนึ่ง

 

"ก็เรื่องเดิม ๆ เพื่อนร่วมงานแหละครับ"

 

[คนแบบนี้ มีอยู่ทุกที ไปไหนก็เจอ อยู่ที่ว่า เราจะเจอเลเวลไหน ถ้าไม่ไหวยังไงก็เล่าให้พี่ฟังได้นะ มาช่วยหาทางแก้ปัญหากัน]




     คำพูดธรรมดาแต่ทำไมฟังแล้วอุ่นหัวใจจัง จุนเจือแอบอมยิ้ม

 

"ขอบคุณนะพี่เอิร์ท แล้วพี่เอิร์ทกินข้าวรึยังครับ?"

 

[ยังเลย คุยกับเราก่อน]




"ถ้างั้นไปเลยครับพี่เอิร์ท ค่อยคุยวันพรุ่งนี้ก็ได้ วันนี้ ผมว่าจะขอดูหนังสักเรื่องด้วยแหละ แหะ ๆ"

 

[อ่า ๆ ได้ครับจุน ไว้คุยกัน เดี๋ยวพี่ส่งรูปซองบุหรี่ไปให้นะ ไม่ลืม]

 

"พี่เอิร์ทน่ารักจัง พี่จำได้ด้วย?"

 

[จำได้สิ ก็พี่ใส่ใจคำพูดของเราไง พี่ดีไหม?]

 

"ดีอะ"

 

[มาเป็นแฟนกับพี่มา]

 

"ขายเก่ง วกเข้าเรื่องนี้ได้ตลอดเลย"

 

|ฮ่า ๆ ของเขาดี ชักช้าระวังพี่โดนคนขโมยไปไม่รู้ด้วยนะ]

 

"อย่างนี้ก็ได้เหรอ?"

 

[ได้แหละ ฮ่า ๆ ไป พักผ่อนไป ถ้าตื่นมากลางดึกก็ไลน์มาได้นะครับ วันนี้พี่นอนดึก]

 

"ครับผม"

 

     จุนเจือกดวางสาย แล้วกดเข้าแอพพลิเคชั่นจะหาหนังดู ระหว่างนั่งเลือกซีรีส์อยู่นั้น จุนเจือพบข้อความไลน์เด้งมาให้สายตาตวัดมอง กดเข้าไปเป็นภาพซองบุหรี่ที่พี่เอิร์ทส่งมาพร้อมเขียนข้อความว่า

 

Read

19.24

'วันนี้ พี่สูบไปสองตัวครับ'

 

Read

19.26

'พี่ทำได้จริงด้วย เก่งมากเลย ถ้าพี่ทำได้แบบนี้ทุกวัน วันที่พี่มาหาผม ผมจะมีรางวัลให้นะ :-)'

 

'Read

19.25

'ขอรางวัลตอนนี้เลยได้ไหม จะตายอยู่แล้ว ส่งจูบมาให้พี่หน่อย'




 Read

19.26

'ไม่ ๆ ๆ ๆ เบื่อคนทะลึ่ง'

 




Read

19.27

'T_T'

 

     จุนเจือยิ้มกว้างและขำ ยามที่เห็นอีกฝ่ายส่งสติกเกอร์รูปเป็ดสีเหลืองนอนร้องไห้ เขาไม่ได้ตอบ แต่ก็ยังยิ้มอย่างมีความสุข และกลับมาหาหนังดูต่อไป

.

.

.

.

    วันเวลายังคงผ่านไปเรื่อย ๆ นี่ก็หนึ่งสัปดาห์มาแล้ว ที่เอิร์ทและจุนเจือยังคงติดต่อกันเรื่อยมา แม้เจนภพจะหยอดถามเรื่องการขอคบกัน แต่จุนเจือยังยืนกรานในคำตอบเดิมว่า รออีกหน่อย ตอนนี้ยังไม่พร้อม




     แม้เอิร์ทจะโดนบอกให้รออยู่ทุกวี่วัน แต่เขาก็ไม่เคยเสียกำลังใจ เดินหน้าจีบจุนเจือไม่หนีหายไปไหน เอิร์ทยังคุยกับจุนเจือสม่ำเสมอ จนทำให้จุนเจือกำลังใจอ่อน




 

      ยามหกโมงเย็นที่จุนเจืออาบน้ำเสร็จ เขาเดินออกมาหยิบเครื่องมือสื่อสาร ก็พบว่าพี่เอิร์ทโทรมาตอนเขาอาบน้ำอยู่จึงโทรกลับไป

 

"ว่าไงครับพี่เอิร์ท"

 

 

[จุนพี่ขอโทษนะ ตอนแรกที่บอกว่าจะลาอาทิตย์นี้ คงต้องเลื่อนไปก่อน]

 

"ทำไมหรอครับ งานเข้าเหรอ?"

 

[ก็ทำนองนั้น เพราะพี่เมฆเข้าโรงพยาบาล]

 

 

"พี่เมฆเป็นอะไรครับ?"

 

 

 

[โหมงานหนักจนวูบเป็นลมหมดสติ ต้องแอดมิดเข้าโรง'บาลเมื่อวาน พี่กับพี่แม็คต้องทำงานแทน คิดอยู่แล้วเชียว เตือนแกบ่อย ๆ ก็ไม่ค่อยจะฟัง]

 

      จุนเจือใจหาย ตอนที่เคยอยู่ด้วยกันกับเขา พี่เมฆไม่เคยมีมุมอ่อนแอ หรือเจ็บไข้ให้เห็น เขาดูเป็นคนแข็งแรงมากด้วยซ้ำ

 

"เขาเป็นอะไรมากไหมครับ?"

 

[ก็นอนให้น้ำเกลือที่โรง'บาล 2 คืน พี่ว่าวันนี้จะไปเยี่ยมอยู่]

 

"ครับพี่เอิร์ท พี่ก็ดูแลตัวเองด้วยนะ อย่าทำงานหักโหมล่ะ พอได้ยินเรื่องพี่เมฆ ผมก็กลัวพี่จะเข้าโรงพยาบาล เหมือนกัน"

 

[ได้ครับ แฟนพี่น่ารักจังเลย]

 

"ใครแฟนพี่? ขี้ตู่อีกแล้ว"

 

[อ้าวอุตส่าห์เนียน ทำไมเราไม่เออออไปหน่อยล่ะ]

 

"ฮ่า ๆ อ่ะ สงสารให้เป็นแฟนวันนี้วันหนึ่งก็ได้"

 

[โธ่ อนาถชีวิตตัวเอง พี่จะไปโดดตึกตาย จุนไม่รักพี่เลย]

 

"พี่เอิร์ทนี้ชอบโอเวอร์ แอ็คติ้งตลอดเลย"

 

[ฮ่า ๆ พี่ชอบหยอกเรา สนุกดี โอเคพี่ไม่กวนแล้ว ต้องไปทำงานก่อน วันนี้ไม่แน่ใจว่าจะได้คุยไหมนะ เสร็จจากงานจะไปเยี่ยมพี่เมฆอีก]

 

"ไม่มีปัญหาครับพี่เอิร์ท ดูแลตัวเองนะครับ ผมเป็นห่วงนะ"




[ครับผม]

 

 

'พี่เมฆป่วย อยู่ ๆ  ก็เป็นห่วงเขาขึ้นมา"




     ในสายตาของเด็กหนุ่ม ยามอยู่ด้วยกัน พี่เมฆอย่างกับซูเปอร์ฮีโร่ เขาดูเหมือนคนมีพลังตลอดเวลา จนไม่รู้เอาเรี่ยวแรงมาจากไหนนักหนา เขานอนดึกตื่นเช้าอยู่บ่อย ๆ แถมวันไหนมีเซ็กซ์กันหลายรอบ คนที่อิดออด อ่อนแอก็เป็นจุนเจือเสียส่วนมาก

 

     จุนเจือมองหน้าจอมือถือตัวเองอยู่นาน ก่อนจะเข้ารายชื่อเลื่อนไปที่เบอร์พี่เมฆ

 

'เดือนกว่าแล้วนะที่แกอดทนผ่านมาได้แล้ว จะไปสน ไปนึกถึงทำไม เขาใจร้ายแค่ไหนแกก็รู้'

 

081-999-89xx

 

       มองเบอร์นั้นอยู่นาน จนตัดสินใจจะหักห้ามใจไม่ให้โทรไปหา ขณะที่ปลายนิ้วแตะออกจากบัญชีรายชื่อ แต่มือดันเผลอไปโดนปุ่มโทรออก

 

'เชี่ย ฉิบหายแล้ว'



 

     จุนเจือใจสั่นไหว รีบกดวางเร็วไวพลางลูบหน้าตัวเองแรง ๆ

 

 

      ติดแค่ตื้ดเดียว สัญญาณคงไปไม่ถึงมั้ง จุนเจือลอบถอนหายใจ ก่อนจะหากิจกรรมทำแก้ฟุ้งซ่าน

 

 

     เวลาผ่านไปหลายชั่วโมง จุนเจือโล่งอกที่อีกฝ่ายไม่โทรมา จนกระทั่ง สามทุ่มครึ่ง ได้เวลาล้มตัวลงนอน โทรศัพท์มือถือก็แผดเสียงดัง

 

     พอเห็นแสงสว่างวาบจากหน้าจอมือถือพร้อมกันกับปรากฎเบอร์พี่เมฆโทรกลับมา จุนเจือชะงักงัน

 

     'เชี่ยเอ่ย พี่เมฆโทรมา ฮืออออ ทำไงดีอะ รับไม่รับ รับไม่รับ รับไม่รับ'

 

     จุนเจือลอบกลืนน้ำลาย เพราะความเลินเล่อของตัวเองแท้ ๆ

 

[สวัสดีครับจุน]

 

"เอ่อขอโทษครับ เมื่อกี้กดผิด"

 

 

[คะแค่กะ ๆ อ้อ แค่ก ๆ จริงหรือครับ?]

 

 

     เพียงเสียงกระแอมไอและน้ำเสียงที่ดูแหบแห้งเหมือนผู้ป่วยจริง ๆ จุนเจือใจตกไปที่ตาตุ่ม

 

"พี่เมฆเป็นอะไรหรือเปล่าครับ? / จุนสบายดีไหม?"

 

     ทั้งสองต่างพูดพร้อมกันจนน่าตกใจ

 

 "พี่พูดก่อนเลยครับ"

 

[จุนสบายดีไหมครับ?]

 

   จุนเจือฟังเสียงแหบพร่าแล้วสงสาร เขาจะเป็นอะไรมากหรือเปล่านะ?

 

"ผมก็สบายดีครับ"

 

 

[นี่เราไม่ได้คุยกันนานเท่าไหร่แล้วนะพี่จำไม่ได้]

 

 

   'จำไม่ได้หรือไม่อยากจำกันแน่'

 

 

    จุนเจือคิดในใจ แต่พอคำตอบที่ตอบไปกลับเป็นอีกอย่าง

 

"ก็นานพอที่ผมทำใจได้แล้วพี่เมฆละครับสบายดีไหม?"

 

[แค่ก ๆ พี่สบายดีครับ แค่ก ๆ ขอโทษที]

 

"พี่เมฆไม่สบายใช่ไหม?"

 

 

[แค่ไอนิดหน่อยครับ ไม่ได้เป็นอะไรมาก]

 

 

      ทำไมจุนเจือต้องรู้สึกเป็นห่วงเขาด้วย เด็กหนุ่มใจเต้นไม่เป็นจังหวะรีบเถียง

 

 

"พี่โกหก ไม่ได้เป็นอะไรมากได้ไง พี่นอนป่วยอยู่โรง'บาลไม่ใช่เหรอครับ?"

 

 

[จุนรู้ได้ไงครับ?]

 

 

"ผมรู้ก็แล้วกันครับ"

 

 

[จุนยังติดต่อกับเอิร์ทเหรอ?] เมฆินทร์ถาม แต่จุนเจือกลับเปลี่ยนเรื่อง

 

"ทำไมพี่ต้องโกหกกับแค่อาการป่วยด้วยครับ"

 

       เมฆินทร์เงียบไปนาน ถึงโพล่งขึ้น

 

[พี่แค่ไม่อยากเป็นคนอ่อนแอ]




      จุนเจือหงุดหงิด ที่ได้ยินคนแก่กว่าพูดเช่นนั้น จนเขาเผลอเผยความรู้สึกลึก ๆ ในใจ




"อ่อนแอก็อ่อนแอไม่เห็นจะเป็นอะไรเลย  ทำไมครับ? พี่ต้องสร้างภาพให้คนมองว่าพี่เข้มแข็งตลอดเวลาเลยเหรอไง? มันไม่ได้ดูแย่เลยนะที่พี่ป่วยน่ะ พี่เป็นถึงขนาดนี้ ก็เพราะว่าร่างกายมันบอกพี่อยู่นะครับ ว่าพี่ต้องพักบ้าง ฟังเสียงร่างกายตัวเองหน่อยสิครับ"

 

[แล้วถ้าพี่จะอ่อนแอให้จุนเห็นคนเดียวได้ไหม?]

 

กึก

 

     จุนเจือใจกระตุก เม้มปากแน่น การที่พี่เมฆพูดแบบนี้ มันเหมือนกับเขาพยายามสื่อว่า สิ่งที่เขาคอยปกปิดคนอื่น แต่ยอมที่จะเผยความกลัว ความอายแก่จุนเจือให้รู้คนเดียวน่ะมันมีความพิเศษแค่ไหน


    พี่เมฆทำอย่างนั้นเพื่ออะไร?

 

"พี่เมฆ พอเถอะครับ อย่าพูดให้ผมคิดไปไกลเลยครับ"

 

[พี่ขอโทษนะครับสำหรับเรื่องวันนั้น] เมฆินทร์รู้ดีว่าอีกไม่กี่นาที จุนเจือคงตัดบท เขาจึงรีบเข้าเรื่องก่อนจะสายไปอีก

 

 

"ความรู้สึกช้าไปรึเปล่าครับพี่เมฆ ผ่านมาจะเดือนกว่าพี่เพิ่งมาขอโทษ ช่างมันเถอะครับ ผมไม่ได้สนใจแล้ว พี่อย่าเอาเรื่องอดีตมาพูดเลยครับ ถ้างั้นแค่นี้นะครับ"




     จุนเจือกำลังสู้รบกับความรู้สึกตัวเอง ข้างหนึ่งมันอยากคุยต่ออีกเรื่อย ๆ อยากยืดเวลาออกไปหน่อย ส่วนอีกข้างหนึ่งก็บอกว่าพอเถอะ จะปล่อยให้หัวใจมันเจ็บซ้ำ ๆ อีกอย่างนั้นเหรอ?

 

   

    สำหรับสิ่งที่จุนเจือพูด ชายหนุ่มไม่เถียง เมฆินทร์สำนึกผิดช้าไป เพราะเพิ่งตระหนักรู้และเห็นคุณค่ายามมีใครคนหนึ่งเดินออกจากชีวิตไป


    คิดถึง คนที่มีเคมีเข้ากัน มีเซ็กซ์ได้สอดรับกับรสนิยมชมชอบของเขา

 

    คนที่ยอมเป็นฝ่ายโอนอ่อนก่อนเป็นส่วนมาก


     คนที่กล้าเผยความรู้สึกตรง ๆ ออกมาว่าชอบเขาได้แบบใสซื่อ

 

     คน ๆ นั้น ก็ดันเป็นคนเดียวกับ คนก่อนหน้า ที่เมฆรู้สึกรำคาญ ความจุ้นจ้านของเด็กหนุ่ม แต่พอไม่มีความจุ้นจ้านนั้น ถึงรู้แล้วว่าชีวิตขาดอะไรไป ยามที่ใจวูบโหวง ยามที่รู้สึกโหยหาอยากมีเซ็กซ์กับเขา ยามอยากกอด โอบอุ้ม สัมผัสเรือนร่าง อยากเข้าไปสำรวจช่องทางรัก อยากจูบปากอย่างที่เคยจูบกัน ยามที่เขาคนนั้นพยายามเอาอกเอาใจกับเรื่องบนเตียงให้ถึงพริกถึงขิง โดยที่แม้กฎเกณฑ์ก็รู้ดีมาตั้งแต่แรก ว่า 'เงินแลกเซ็กซ์' เท่านั้น




     ยอมรับว่า ในช่วงแรก เมฆรู้สึกว่าการมีเซ็กซ์ของเขาเกิดจาก 'ความอยากเอา' เพียงอย่างเดียว


      แต่พอได้มีเซ็กซ์กับจุนเจือ เขาถึงเพิ่งรู้ว่า มันมีความหมายได้มากกว่านั้น เด็กหนุ่มทำให้เมฆินทร์มองมุมที่ต่างออกไป

 

     ทุกขณะของการมีเซ็กซ์กันระหว่างจุนเจือและเมฆินทร์ มันไม่ใช่แค่การ 'เอากัน' อย่างเดียว แต่ลึก ๆ มันคือ การ 'เอาอกเอาใจกัน'





     เด็กหนุ่มไม่เคยเริ่มบทรักแบบขอไปที ทุกท่วงท่าบนเตียง จุนเจือแสดงออกชัดเจนว่าไม่ได้ทำเพราะหวังเงิน แต่เขาทำเพราะอยากเอาอกเอาใจให้มันเป็นบทรักร่วมกัน เพื่อสร้างความทรงจำที่ดีที่สุดไว้เสมอ




      จุนเจือพยายามสร้างความเชื่อให้เมฆมาโดยตลอดว่า เซ็กซ์ของทั้งสองจะไม่ใช่แค่การสอดใส่ หวังระบายความใคร่แล้วจบไป แต่มันคือ เซ็กซ์ที่คอยหมั่นถามไถ่บอกกันตลอดว่าชอบ หรือไม่ชอบตรงไหน?

 



       แรงไป ผ่อนบ้าง เบาลงหน่อย ก็คอยบอกกันเสมอ....




     แหละเพราะการห่างเหิน ทำให้เมฆได้มีเวลาอยู่กับตัวเอง วิเคราะห์ตัวเองจนตกผลึกทางความคิดว่า ที่เขาใจโหวง ๆ หงุดหงิดตัวเองบ่อย ๆ นั่นเป็นเพราะอะไร เพราะน่าจะเป็นการไม่มีความสดใสใกล้ตัว ไม่มีคนมาพูดเจื้อยแจ้วน่ารักสมวัยใกล้หู ก็เกิดจิตใจห่อเหี่ยว พอหลัง ๆ มาทำงานหนักเกินไปจนไม่สนเวลานอน จิตใจก็ยิ่งอ่อนแอ หวั่นไหวไปกันใหญ่

 

          คนที่เก่งทุกอย่าง เว้นเรื่องรัก ถึงกับกุมขมับ เพราะเมฆินทร์มีแต่ความไม่รู้เต็มหัวสมอง

 

          ไม่รู้ต้องเริ่มจากตรงไหน ไม่รู้ว่าจุนเจือจะเข้าใจความรู้สึกที่เขาเป็นอยู่หรือเปล่า? เพราะตอนนี้ ตัวเมฆินทร์เองยังไม่รู้เลยว่าเขาเป็นอะไร? เขารู้เพียงว่า เขาโหยหาจุนเจืออยากมีจุนเจืออยู่ใกล้ ๆ แต่ที่ไม่กล้าติดต่อจุนเจือ เพียงเพราะข้อความที่จุนเจือเคยเขียนบนโพสต์อิททิ้งไว้ในวันสุดท้ายที่เด็กหนุ่มไปไม่ลา นั่นจึงทำให้เมฆินทร์จำได้ขึ้นใจ

 

โกรธตัวเองเหมือนกันนะ ที่พี่เมฆย่ำยีหัวใจผมแค่ไหน ผมก็ยังหลงรักคนใจร้ายอย่างพี่อยู่ได้ แต่ตอนนี้ ผมพอแล้วครับ ถึงเวลาที่ผมต้องตัดใจเพื่อไปตามทางของผมสักที โชคดีครับพี่เมฆ'

 

        ทวนข้อความจุนเจือทีไร ก็สร้างความสับสนให้ตัวเขาว่าควรเดินหน้าหรือปล่อยจุนเจือไป

 

       แต่ทั้งหมดทั้งมวลที่คนแก่กว่ากล้าพูด กล้าชวนคุยกับจุนเจือในวันนี้ เพียงเพราะมันเกิดจากจุดเริ่มเล็ก ๆ แค่มีเบอร์จุนเจือโทรเข้ามาหาก่อน เขาจึงสามารถนำมาใช้เป็นข้ออ้างในการโทรกลับได้ หากวันนี้ จุนเจือไม่เผลอโทรยิงเข้ามา เมฆินทร์ก็ยังคงปอดแหก ไม่กล้า



       และการคุยกันในวันนี้จะไม่มีทางเกิดขึ้น....

 

   

 [พี่เชื่อว่า ทำผิดก็ต้องขอโทษ แม้ว่าจะช้าไปหน่อย แต่พี่ไม่เคยรู้สึกผิดหรือมีสำนึกแบบนี้มาก่อน พี่ขอโทษที่ไม่เคยใส่ใจความรู้สึกจุน จนพอห่างและมีโอกาสได้นึกถึงเรื่องราวที่ผ่านมา พี่ถึงรู้ว่ามันแย่มากที่พี่ทำกับจุนแบบนั้น...มันแรงเกินไป]

 

"ขอบคุณที่พี่คิดได้นะครับ แต่พี่ไม่ต้องมาบอกผมแล้วครับ มันไม่ความหมายอะไรกับชีวิตผมแล้ว ผมว่ามันคงดีกว่าที่พี่จะไม่ทำให้ผมรู้สึกแย่อีก"

 

"แค่ก ๆ พี่อยากเจอจุน พี่ขอโอก..า..ส"

 

 

     จุนเจือไม่หือ ไม่อือรีบกดวางสายก่อนที่หัวใจจะกลับไปถวิลหาผู้ชายคนนี้อีกครั้ง

 

    จุนเจืออย่าใจอ่อนนะ อดทนไว้นะ

 

    'เจ็บแล้วต้องจำ' ไม่ใช่ 'เจ็บแล้วไม่จำ' สิวะ จุนเจือ...

 

 


....................................................



อ่านจบตอนนี้แล้ว มีความเห็นกันอย่างไรบ้างคะ? ^^ ขอเสียงโหน่ยยยย เทคะแนนให้ใครกันบ้าง :mew2: :mew2: :mew2:

แงง ๆๆ แปะภาพตรงข้อความไม่ได้อะค่ะ เสียใจ อะ มีภาพปลากรอบบ น้องจุนถ่ายภาพให้พี่เอิร์ทดูวิวค่า

 



 
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 21-10-2019 22:39:22 โดย rinyriny »

ออฟไลน์ DrSlump

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3382
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +104/-2
 :pig4: :pig4: :pig4:

ระหว่าง เมฆกับเอิร์ธ ใครจะเข้าวิน?

ออฟไลน์ ommanymontra

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3437
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +96/-0

ออฟไลน์ ลูกกุญแจ

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 337
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +28/-2
โถ่จุน ใจแข็งๆไว้นะ

ออฟไลน์ songte

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1425
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-1
ห้ามใจอ่อนนะจุน ห้ามๆๆๆๆเด็ดขาด ปล่อยพี่เมฆขาดใจไปเลยสมน้ำหน้า

ออฟไลน์ Stiiiii

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 41
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0
ใจเเข็งไว้เลยจุน รอให้เขามาหาเราเอง ไม่ต้องทำอะไรทั้งนั้นนะ
สู้ๆจ้ะ

ออฟไลน์ rinyriny

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 295
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +106/-1
บทที่ 16 เหตุการณ์สะเทือนขวัญ







 
     ในวันเดียวกัน



     ย้อนกลับไปไม่กี่ชั่วโมงก่อนหน้า




     ณ ห้องพักพิเศษ ที่โรงพยาบาลเอกชนแห่งหนึ่งมีผู้ป่วยนอนซมบนเตียง ทั้งยัง มีสายน้ำเกลือห้อยระโยงระยาง ส่วนน้องชายผู้ป่วยคนนั้นก็เฝ้าดูแลไม่ห่างหลังจากรับปากมารดาว่าจะดูแลพี่ชายเป็นอย่างดี ปฐพีจึงนอนค้างที่นี้เพื่อดูอาการพี่เมฆไปด้วย




"พี่พงศ์มาพอดีเลย สวัสดีครับ" น้องชายเอ่ยทักทายเพื่อนรักพี่ชาย ตอนที่เห็นอีกฝ่ายโผล่หน้าเข้ามา



 
     สำหรับ พงศ์นั้น เพิ่งบินกลับมากรุงเทพฯ ได้ประมาณสองวัน โดยร้านอาหารที่ตั้งอยู่ที่เกาะนั้นก็ให้แฟนช่วยดูความเรียบร้อยไปก่อน และการเดินทางมาเยี่ยมผู้ป่วยได้นั้น ทราบเรื่อง เพราะดินโทรมาบอก



"มันหลับ?"



"เพิ่งหลับเองครับพี่ พี่พงศ์ล่ะ สบายดีไหม? เป็นไงบ้างครับ ค้าขายที่เกาะ รวยใหญ่แล้วสิ"



"ก็เรื่อย ๆ ว่ะ ที่นี่แข่งขันกันสูงมาก อีกอย่าง บางเจ้ามีพวกผู้มีอิทธิพลหนุนหลังด้วยน่ะ แต่ยังไง พี่ว่าจะลองสู้ดูก่อน"



"เป็นกำลังใจให้พี่ เดี๋ยวผมไปอุดหนุน เพราะตั้งใจจะกลับไปเกาะ อยากลองลงเรียนคอร์สดำน้ำด้วย"



"เอาสิ ที่นั่นฝรั่งเรียนดำน้ำเยอะด้วย เออ แล้วทำไม ไอ้เมฆป่วยได้วะ ดิน? ไม่ค่อยเห็นมันหนักจนต้องแอดมิท"
 

"ไม่รู้ครับพี่ แต่ถ้าให้ผมเดา คงมีปัญหาเรื่องงานและหัวใจพร้อมกันมั้งเลยเครียด"
 

"ไอ้เมฆมีแฟนแล้ว?"
 

"ก็..."
 


"แค่ก ๆ ๆ ยังจะนินทาคนป่วยกันอีกหรือ?" เมฆินทร์ลืมตาขึ้นมามองน้องชาย และพยายามหยัดกายขึ้นนั่ง จ้องมองสองคนสลับกันไปมา

 
"อ้าว พี่เมฆไม่ได้หลับ?"

 
"แล้วใครบอกว่าหลับ ฉันแค่พักสายตา ไอ้พงศ์มาได้ไง ดินบอก?"

 
"เออ มึงก็ไม่คิดจะบอกกูเลยเหรอ? เกิดตายขึ้นมานี่ กูจะไม่ได้เห็นหน้ามึงเป็นครั้งสุดท้ายเลยนะ"
 
 
"มึงเป็นเพื่อนรักกูจริง ๆ นะพงศ์" เมฆแขวะจนพงศ์หัวเราะร่วน

 
"ฮ่า ๆ ไม่กัดก็ได้ ไงมึง มีอะไรอยากบอกกูไหม?" พงศ์ถาม


 
     เมฆินทร์มองเพื่อน ยามที่พงศ์หย่อนกายลงนั่งริมเตียง แตะแขน คนถูกคาดคั้นผ่านทางสายตาพลันหลบหน้าหนี ชำเลืองมองน้องชาย

 
"ดิน อยากกินชาเขียว ไปซื้อให้หน่อยได้ไหม?"

 
"อ่ะก็ได้ พี่พงศ์เอาอะไรไหมครับ?"

 
"ลาเต้ก็ดี"

 
"หา กินตอนนี้เนี่ยนะครับ" ปฐพีสงสัย เพราะเวลานี้มันก็เย็นแล้ว

 
"เอาเถอะ ไม่ได้ส่งผลอะไรกับพี่มากหรอก"

 
"ครับผม"


 
   ยามน้องชายเดินพ้นสายตาไปแล้ว พงศ์ไม่รีรอถามต่อ

 
"หน้ามึงดูไม่ดีเลย ป่วยอะไรขนาดนั้นวะ"

 
"เปลี่ยนเรื่องได้ไหม เบื่อตอบเรื่องป่วย ถามหลายคนแล้ว"

 
"อ่าได้ มึงมีคนใหม่แล้วเหรอ? มีอะไรคืบหน้าไม่บอกเพื่อน" พงศ์ยิ้มกรุ้มกริ่มไม่ขัดใจเพื่อน ถ้าอยากให้เปลี่ยนเรื่อง เขาก็เปลี่ยน พุ่งประเด็นไปที่ความรักทันที


 
    เมฆนิ่งเงียบ ครู่หนึ่งเขาเสมองไปทางอื่น มือหนาที่วางอยู่บนแผ่นท้องเผลอกำมันแน่นขึ้น

 
"ไอ้เมฆ กูกับมึงก็รู้ไส้ รู้พุงกันมาขนาดนี้ ทำไมจะไม่รู้ว่าที่เป็นอยู่ตอนนี้น่ะเครียดเรื่องรัก เล่ามาเหอะ เลิกวางฟอร์มได้แล้ว"

 
"มึงจำตอนที่อยู่เกาะได้ไหม ที่กูพาเด็กไปร้านมึงน่ะ ที่บอกว่าจะจ้างน้องมีเซ็กซ์ด้วย" เมฆินทร์บอกย้ำให้พงศ์นึกถึงเรื่องในอดีตที่คุยกัน ซึ่งเรื่องนี้เป็นพงศ์คนเดียวที่รู้เรื่องข้อตกลงนั้น

 
"อ๋อเออ จำได้ ทำไมวะ?"

 
"กูไม่ได้คุยกับเขาแล้ว"

 
"ก็ไม่แปลก ถ้ามีเซ็กซ์ไม่โดนใจมึง ก็จบง่าย ๆ"

 
"แต่น้องเขามาบอกว่าชอบกู"

 
"แล้วไงวะก็ปกติปะ มึงมันหล่อไงเมฆ ใครเห็น ใครก็ชอบ มันแปลกตรงไหนวะที่น้องเขาจะหลงเสน่ห์มึง ชอบในเซ็กซ์ของมึงก็ได้ กูว่าที่แปลกคือมึงน่ะจะเอามาตั้งคำถามแบบอาลัยอาวรณ์ทำไมวะ ถ้าไม่....อย่าบอกนะว่า...." พงศ์หรี่ตามองเพื่อนอย่างจับผิด และเผลอยิ้มยามที่ใบหน้าเพื่อนแดงก่ำไม่รู้ว่าแดงเพราะเขินที่จับได้หรือแดงเพราะพิษไข้
 

"กูแค่รู้สึกแปลก ๆ พอไม่ได้คุย ก่อนที่เราจะไม่ได้คุยกัน มันเกิดเรื่องขึ้น กูมีเหตุผลให้กูไม่พอใจน้องเขา จนโมโหเลยทำน้องเขาซะยับ..." เมฆินทร์เงียบไม่กล้าพูดต่อจากนี้

 
"หืมมม? ยับ? กูขอเดานะ มึงเอาน้องเขาแบบซาดิสม์แล้วน้องเขาต้องจำใจยอมแน่เลย ใช่ไหม?"

 
      เมฆหลุบตาลงต่ำแล้วเงียบไปครู่หนึ่ง

 
"ทำหน้าแบบนี้ กูว่าชัวร์ ไอ้เมฆ มึงมันน่าด่าจริง ๆ เฮ้อ!"

 
"....."

 
"เอาเป็นว่าตอนนี้ ที่มึงเล่าให้กูฟัง มึงต้องการขอคำแนะนำอะไรจากกู"

 
"นานแล้วที่กูกับน้องเขาไม่ได้คุยกัน และกูเอ่อ...อยากกลับไปคุย"

 
"ก็คุยสิวะ มึงปล่อยให้เวลามันผ่านมานานแบบนี้ โดยไม่เคลียร์เนี่ยนะ ทั้ง ๆ ที่มึงก็เป็นฝ่ายผิดแท้ ๆ ป่านนี้ น้องเขาสาปแช่งมึง หนีไปหาคนอื่นแล้วมั้ง?"

 
"คงไม่หรอก"
 
 
"ยังมั่นใจไปอีกนะไอ้เมฆ มึงไปทำเลวใส่เขา ใครเขาจะเอามาทำแฟนวะ? ถามจริง"


 
       เมฆินทร์สะอึก และเงียบกริบ นั่นสิ คนเลวอย่างเขา ใครจะเอา แม้ว่า เมฆไม่เคยทำร้ายร่างกาย แต่ก็ทำร้ายจิตใจจุนเจืออยู่บ่อยครั้ง


 
"เมฆ มึงถามใจมึงก่อนเถอะ ว่าความรู้สึกลึก ๆ ของมึง มันรู้สึกผิดหรือรู้สึกชอบ"



 
       นิ่งเนิ่นนานกว่าเมฆจะตอบ

 
"กูไม่รู้"

 
"ความคิดกูนะ ถ้ามึงรู้สึกผิด มันผ่านมานานเกินไป มันไม่มีความหมายอะไรสำหรับน้องเขาแล้วล่ะ กูว่าปล่อยไปเหอะ ไม่ต้องโทร แต่ถ้ามึงรู้สึกชอบน้องเขาจริง ๆ ความรู้สึกมึงเกิดขึ้นแล้ว ก็ลุยเลย โทรไปขอโทษทุกอย่างที่มึงทำ ขอนัดเจอ มึงต้องทำให้คนที่เคยชอบมึงกลับมาชอบมึงและมากกว่าเดิมให้ได้"

 

     เมฆมองหน้าเพื่อนยามที่มันพูดแล้วพักด้วยการกระดกน้ำเปล่าจากขวด

 
"กูต้องทำยังไง?"

 
"ทำยังไงก็ได้ให้น้องเขาใจอ่อน อภัยให้มึงน่ะ แต่นั่นแหละ มึงต้องถามใจมึงด้วยนะว่า มึงรู้สึกกับน้องแบบไหน"

 
"ขอบใจ"

 
"ตาย ๆ เพื่อนกูติดเด็กซะแล้ว เด็กคนนั้นทำอีท่าไหนวะ สงสัยคงเร้าใจน่าดูถึงทำให้พี่เมฆหลงขนาดนี้"

 
"แค่ก ๆ เงียบเลยไอ้พงศ์" เมฆินทร์ด่าเพื่อนก่อนจะได้ยินเสียงหัวเราะดังลั่นห้อง



"ฮ่า ๆ ตรงนี้ มีคนเขินว่ะ"
.
.
.
.
     อีกฟากฝั่งหนึ่ง มีคนเพิ่งเดินออกจากร้านกาแฟ หลังได้เครื่องดื่มสองแก้วที่สั่งไปก่อนหน้า เขาเดินหิ้วถุงบรรจุเครื่องดื่มมาถึงหน้าลิฟต์ เหล่มองคนข้าง ๆ ที่ยืนอยู่ก่อน ก่อนจะหันไปเบิกตาโพลง เมื่อพบว่า เป็นคนเดียวกับที่ปฐพีเคยเจอตอนไปรับจุนเจือที่ห้อง พอเดินเข้าลิฟต์พร้อมกัน อีกฝ่ายที่เพิ่งเห็นดินทำหน้าเหวอและตกใจ จนปฐพีกลั้นขำ
 


     ปฐพีที่ยืนอยู่ใกล้แผงตัวเลขมากกว่ายื่นนิ้วไปกดชั้น แต่ดันเป็นจังหวะที่กดพร้อมกัน ทำให้เอิร์ทชักมือกลับ


 
"มาเยี่ยมพี่เมฆเหรอครับ?" ปฐพีถาม


 
"ใช่ครับ" เอิร์ทตอบแต่กลับไม่มองหน้า เขายังคงทอดสายตามองไปยังประตูทึบตรงหน้า


 
      ปฐพีกดสายตาลงมองในมือของผู้มาเยี่ยมไข้พี่ชาย เห็นเขาที่ถือถุงบรรจุของกินมากมายและเอ่ย
 


"พี่เมฆไม่กินส้มหรอกครับ"
 

    เอิร์ทหันขวับ
 

"แต่ผมมีน้ำใจซื้อมา คุณก็ไม่ควรพูดทำลายน้ำใจคนอื่นไหมครับ?"
 

    ปฐพีแค่นยิ้ม ก็น่าแปลกดี ภายนอกลุคดูแบด ดิบ เถื่อนอย่างนี้ แต่ทำไม เขาไม่ยักกลัวก็ไม่รู้
 

"โอเค ผมขอโทษ แค่จะบอกว่าถึงยังไง ของที่คุณซื้อมาก็คงตกมาถึงผม ไหนจะส้มเอย นมเปรี้ยวเอย น้ำผลไม้นั่นอีก เฮ้อ" ปฐพีว่าพลางกดสายตาไปมองในถุงพลาสติกนั้น
 

"ต้องการอะไรจากผมวะ?" เอิร์ทเริ่มไม่พอใจ จากมีคำสุภาพให้ชักจะเริ่มแปรเปลี่ยนไป

 
     พออีกฝ่ายเริ่มโมโห ปฐพีที่มีนิสัยชอบแหย่ก็ยิ้มกว้าง
 


"โอ๊ะ! ผมขอโทษ คุณนี้จะหัวร้อนไปไหน? ใจเย็น ๆ หน่อยสิครับ ก็แค่อยากหาเรื่องคุยด้วย อ้อ จะบอกให้นะว่าของที่คุณซื้อมา ถึงพี่เมฆไม่ชอบ แต่ผมชอบนะครับ"

 
       จังหวะที่ทั้งสองมองตากัน กล่องสี่เหลี่ยมทึบนั้นก็หยุดเพราะถึงชั้นที่หมายพอดี จบการสนทนาไปโดยมิได้นัดหมายทั้งสองคนจึงเดินออกมา แล้วเป็นเจนภพที่เดินตามน้องชายพี่เมฆไป เอิร์ทกำมือแน่น ถ้าไม่ติดว่าเป็นน้องชายพี่เมฆได้มีวางมวยกันแน่

 
        พอสองหนุ่มเดินเข้ามาในห้อง ก็ได้ยินเสียงสองคนคุยกัน
 


"สวัสดีครับพี่เมฆ อ้าวพี่พงศ์ สวัสดีครับพี่"

 
"อ้าวไอ้เอิร์ท ไม่เจอนานเลยว่ะ มาด้วยเหรอ?"

 
"โถ่มาสิพี่พงศ์ หัวหน้าผมป่วยทั้งที ไม่มาได้ไงครับ นี่ผมเอาผลไม้และนมมาฝากด้วยนะครับพี่เอิร์ท" เจนภพยิ้ม

 
"ขอบคุณมาก ดินช่วยเอิร์ทถือไปวางให้ที" เมฆินทร์ยิ้มจาง ๆ และส่งสายตาไปทางน้องชายให้มารับของ

 
     ดินยิ้มรับถุงพลางมองหน้าเอิร์ทที่ส่งสายตาไม่สบอารมณ์

 
"พี่ดีขึ้นหรือยังครับ?" เอิร์ทถามคนป่วยต่อ
 

"ดีขึ้นแล้ว ขอบใจมากที่ถามไถ่"
 

"พี่ไม่ต้องห่วงเรื่องงานนะ ผมกับพี่แม็คเคลียร์ได้"
 

"อืม"

 
    หลังจากนั้น ก็เกิดบทสนทนากันทั้งสี่คนสลับสับเปลี่ยนกันไปมา คุยกันมาได้สักพัก พอจะร่ำลากลับ โทรศัพท์มือถือเมฆินทร์ก็ดังครั้งหนึ่งแล้วเงียบไป เมฆินทร์วานน้องชายช่วยหยิบมือถือที่ชาร์จแบตไว้ตรงชั้นวางทีวี พอเมฆินทร์เห็นเบอร์ที่โทรเข้ามาบนหน้าจอมือถือ เขาหันไปหาเพื่อนรัก
 


"มึงมองกูทำไมวะ ไอ้เมฆ อย่าบอกนะว่าน้องคนนั้นโทรหามึง?"

 
      เมฆเม้มปากและกำมือถือแน่น

 
"ใครอะ? น้องจุนคนที่พี่ให้ผมไปรับคราวนั้นน่ะหรอพี่" ปฐพีก็พูดไปเรื่อย ๆ เอาจริง เขาก็ไม่รู้หรอกว่าใคร แต่แค่ตั้งใจขยายความ พลางเหล่มองคนที่ยืนข้างพี่พงศ์

 
"จุนโทรหาพี่เมฆเหรอครับ?"

 
       เมฆินทร์มองหน้าเอิร์ทแล้มยกยิ้มบางเบา
 

"ไม่ใช่หรอก เอิร์ท" เมฆินทร์เงียบพลางครุ่นคิดไปด้วย
 

"พี่เมฆได้เวลาพักแล้วครับ ผมขอบคุณแทนพี่เมฆด้วยนะที่มาเยี่ยม เดี๋ยวผมเดินไปส่ง"
 

"ไม่ต้อง ๆ เฝ้าเมฆเหอะ ไปเอิร์ทกลับกัน"  พงศ์ว่าพลางแตะไหล่เจนภพ
 


"ครับ"

     ผู้มาเยี่ยมไข้ ได้หายลับตาไปทั้งสองคนทิ้งให้เมฆินทร์นั่งนิ่ง มีสตินึกคิดเกี่ยวกับเรื่องของจุนเจือ
.
.
.
.
    ภายในเวลาสิบกว่าวันที่ผ่านมา มีบางสิ่งเปลี่ยนไปอย่างน่าใจหาย



     หลังจากที่จุนเจือเคยพลาดกดโทรหาพี่เมฆไปครั้งหนึ่งคราวนั้น ถัดมา ไม่กี่วัน พี่เมฆทั้งโทรหาและคุยผ่านทางข้อความแชทกับจุนเจือบ่อยขึ้น มีบ้างที่จุนเจือไม่รับ หรือบางทีก็รับแล้วตัดบทคุย เพราะทำตัวไม่ถูก


     การกลับมาคุยกันหนนี้ พี่เมฆบอกว่าอยากติดต่อไว้ไม่ให้ห่างเหินกัน แต่จะด้วยเหตุผลอะไรนั้น จุนเจือเคยถามไปแต่พี่เมฆก็ไม่ยอมให้คำตอบที่ชัดเจน



     ยามนี้ ความสัมพันธ์ของทั้งสอง จึงไม่เหมือนคนจีบเพื่อทำความรู้จักกันให้มากขึ้น  เพราะพี่เมฆไม่เคยเอ่ย แต่มันเหมือนความสัมพันธ์ที่ตั้งอยู่บนความครึ่ง ๆ กลาง ๆ จำกัดสถานะไม่ได้มากกว่า


     เด็กหนุ่มนั่งเหม่อในเวลาทุ่มกว่าหลังจากได้เปลี่ยนตารางเวลาทำงานมาทำงานรอบบ่ายได้สองวันแล้ว โดยรวมก็ยังไม่เจอลูกค้ามีปัญหาใด ๆ แต่วันนี้เพิ่งมีลูกค้าเช็คอินใหม่อีกหกห้องก็ลองลุ้นดูว่า วันนี้ เขาจะเจอกับอะไร?



     มือถือแผดเสียงดังเรียกสติให้คนที่กำลังนั่งคิดเรื่องพี่เมฆอยู่ หันไปมองมือถือที่วางอยู่ใกล้กันกับคีย์บอร์ด



[สวัสดีครับ แฟน]



"ขี้ตู่อีกแล้วนะครับ พี่เอิร์ท"



[ฮ่า ๆ ไม่เคยเห็นใจพี่เลยนะครับ เรารู้ไหม จีบคนทางไกลมันทรมานนะ]



     จุนเจือกลั้นยิ้มเพราะสัมผัสได้ว่าสุ้มเสียงนั้นดูตัดพ้อเหลือเกิน


"โอ๋ ๆ พี่เอิร์ทก็มาหาผมเร็ว ๆ สิครับ เดี๋ยวพาไปเที่ยว ไปเล่นน้ำด้วยกัน"


[น่ารักว่ะ เออ พี่จะโทรมาบอกเราว่า พี่มาดูหนังกับเพื่อนนะ]



"เอ้ ? เพื่อนจริงไหมน้า" จุนเจือแซวกลับให้มีบทขำกันบ้าง แต่พี่เอิร์ทไม่ตอบได้ยินเพียงเสียงกุกกัก


[ฮัลโหล น้องจุนที่ไอ้เอิร์ทมันจีบใช่ไหมคะ? พี่เพื่อนเอิร์ทเองค่ะ ไม่ต้องกลัวนะ พี่เอิร์ทไม่ได้แอบพาใครมาดูหนังค่ะ และพี่เองก็พาแฟนมาด้วย โจ้ขอเสียงหน่อยเร็ว]


"แก้ม ไปยุ่งเรื่องคนอื่นทำไม มานี่ / ไอ้โจ้ว่าฉันหรอ?

 
      จุนเจือหน้าแดงก่ำไม่คิดว่าพี่เอิร์ทจะเล่นกันแบบนี้



[เชื่อพี่ยัง?]



"พี่เอิร์ทอะ ยื่นมือถือให้เขาทำไม?"



[พี่กลัวเราไม่เชื่อ โกรธเหรอครับ?]


"ไม่ได้โกรธ แต่ผมอายนี่ พี่บอกเพื่อนด้วยเหรอ?"



[อ้าวทำไมอะ บอกไม่ได้เหรอครับ?]


"เปล่าครับ"


[เออจุน พี่จะไปหาเราแล้วนะ พี่หาวัน ลาได้แล้ว]



"วันไหนครับ"



[ไม่บอก พี่อยากเซอร์ไพร์ส]



"เฮ้อ!...พี่เอิร์ทชอบแกล้งผมจังเลยอะ แล้วอย่างนี้ผมจะลากับผู้จัดการได้ไงล่ะครับ"



[เซ็งเลยอะ อยากไปเซอร์ไพร์สนี้ ก็วันสองวันนี้แหละครับ เออ พี่มีอะไรจะบอก เฮ้ย ๆ พวกมึงเข้าไปก่อนเลย เดี๋ยวกูเดินตามไป]
 

     จุนเจือได้ยินเสียงพี่เอิร์ทคุยกับเขาแต่ปลายประโยคก็หันไปคุยกับเพื่อน ครั้นเสียงเงียบลงแล้วนั้น
 

"อะไรเหรอครับ พี่เอิร์ท?"



[วันนี้ ดูหนังเสร็จ พี่คงไปดื่มกับเพื่อนต่อน่ะ อาจไม่ได้คุยกัน เราโอเคไหม?]


"โอเคครับ พี่เอิร์ท"



[ไม่โกรธนะ]



"ไม่โกรธครับ วันนี้เลิกงานสี่ทุ่มด้วย เสร็จแล้วก็คงอาบน้ำ นอนเลยแหละ"



[ครับผม ไว้เจอกันที่เกาะ พี่ขอจูบเราก่อนไปหานะ]


 
จุ๊บ



     คนนั่งฟังขนอ่อนลุกชูชัน หน้าร้อนผ่าวยามที่พี่เอิร์ทส่งเสียงจูจุ๊บสั้น ๆ แต่ชัดเจน

 
     แม้ว่าอีกฝ่ายตัดสายไปแล้ว แต่จุนเจือยังคงใจเต้นแรงไม่หาย



"พี่เอิร์ทแม่งขี้แกล้งอะ" จุนเจือลูบแก้มร้อน ๆ ก่อนจะเม้มปากกลั้นยิ้ม
.
.
.
.
    และแล้ว ก็เกิดเรื่องให้เด็กหนุ่มต้องมานั่งลนลานอีกครั้ง ยามที่เพิ่งวางสายโทรศัพท์จากลูกค้าที่วีนเหวี่ยงขอผ้าเช็ดตัวเพิ่ม ไหนจะยังขอผ้าห่มอีก จุนเจือโทรหาหัวหน้าแม่บ้าน แต่ไม่ยอมรับสาย จึงโทรหาแม่บ้านอีกคน เธอก็บอกให้จุนเจือไปหยิบที่ห้องเก็บของเลย จุนเจือก็บอกไปแล้วว่าไม่ใช่หน้าที่ของจุนเจือ กลับโดนอีกฝ่ายตอกกลับมาว่า ไม่ว่าง อยู่ตลาด เด็กหนุ่มก็ไปไม่ถูกเหมือนกัน จุนเจือ ไม่อยากทำ เพราะคราวที่เคยอาสาทำให้ตอนพี่เมฆมาพักที่นี่ก็โดนดุจนเข็ดหลาบ แต่พอคราวนี้ ต้องมานั่งทำให้อีกก็เกิดอาการเซ็ง



    จุนเจือจำใจต้องทำ เพื่อตัดรำคาญ เพราะให้ลูกค้ารอนานมากไม่ดี เพราะน้ำเสียงคุณลูกค้าดูหงุดหงิด โวยวายและน่าจะเมาด้วย



      หอบทุกอย่างไปอย่างทุลักทุเล ร่างผอมยืนเคาะประตู ไม่นาน ประตูห้องเปิดออกกว้าง จุนเจือได้กลิ่นเหล้าหึ่ง โชยฉุนแตะจมูก



"ผมเอาของมาให้แล้วครับ"


 
   จุนเจือเอ่ยมองหน้าลูกค้าคนไทยยืนหน้าแดงก่ำ พอเขาเดินแบกผ้าห่มและผ้าเช็ดตัวเข้าไปวางตรงปลายเตียง พบลูกค้าอีกคนเป็นชาวต่างชาติที่ไม่เมาเท่าลูกค้าคนไทยยืนพิงประตูกระจกใสตรงระเบียง


      จังหวะที่ก้มวางของ จุนเจือใจหายวาบ ยามที่ลูกค้ายืนซ้อนหลังแนบชิดจนสัมผัสได้ถึงแท่งร้อนถูไถตรงแก้มก้นเขา จุนเจือกลับมายืนตัวตรง หมุนตัวรีบเดินออก



"เสร็จแล้วครับ ลูกค้า ขอตัวครับ" จุนเจือเดินมาถึงตรงประตู มือยังไม่ทันคว้าที่จับ เขาโดนกระชากจนร่างเล็กล้มลงก้นจ้ำเบ้า



"โอ้ย คุณลูกค้าครับ ผมต้องไปทำงานแล้วครับ"



    จุนเจือรู้สึกถึงสถานการณ์แปลก ๆ เขาลอบกลืนน้ำลาย เงยหน้ามองอีกฝ่ายยืนยิ้มร้ายอยู่ตรงหน้า
 

     จุนเจือโดนผลักจนร่างกระแทกพื้น

 
"ลูกค้าครับ คุณเมามากแล้ว ปล่อยผมนะครับ"

 
     ลูกค้าคนนั้นไม่สนใจคำร้อง กลับขึ้นคร่อมกลางลำตัว โน้มตัวลงมาไซ้ซอกคอ โดยที่ฝรั่งคนนั้นรีบปรี่มานั่งเหนือหัวจุนเจือและพยายามล็อกแขน


"ปล่อยนะ ปล่อย ๆ" จุนเจือพยายามเบือนหน้าหนี ทำไมลูกค้าคนนี้ทำให้จุนเจืออยู่ใกล้แล้วอยากจะอ้วก ทั้งกลิ่นเหล้ารุนแรง และการกระทำที่ต่ำช้า จุนเจือเข้าใจแล้วว่า เราไม่สามารถประเมินนิสัยใครจากหน้าตาได้จริง ๆ ทั้งที่เขาก็ออกจะดูดีแต่กิริยาป่าเถื่อนยิ่งนัก


"อย่าสะดีดสะดิ้งให้มากได้ไหมวะ"
 


"ช่วยด้วยครับ ช่วยด้วยอื้ออออ" ท่าไม่ดีแล้ว จุนเจือแหกปากตะโกน แต่เขากลับโดนชายไทยคนนั้นบีบคางเพื่อจูบปากพยายามจะสอดลิ้น จุนเจือเม้มปากแน่น ให้ตายก็ไม่มีทางยอมให้ใครก็ไม่รู้มาสอดลึกเข้าสู่ภายในเขาได้ จุนเจือน้ำตาไหล ยามที่อีกฝ่ายพยายามใช้มือปลดกระดุมและดึงกางเกงแสล็กของจุนเจือลง



"ทำอะไร ปล่อยนะเว้ย" จุนเจือดิ้นสุดชีวิต และแล้วใบหน้ามีสีกลับซีดเผือกดั่งคนตายยามได้ยินสองคนคุยกัน ด้วยหนึ่งประโยคที่ได้ยินชัดเจน
 


"I want to have a threesome."


     จุนเจือตะโกนร้องสุดเสียง ดิ้นสุดชีวิต แต่เขากลับโดนมันชกเข้าที่หน้า
 
ผัวะ



"ไอ้สัด เงียบเว้ย"



 
       จุนเจือกัดปากกลั้นความเจ็บและความชาแล่นปราดทั่วใบหน้า เขาปวดร้าวขณะที่น้ำตาไหลเป็นทาง เขาไม่มีวันจะยอมให้พวกมันข่มขืนได้ และมันเป็นครั้งสุดท้ายที่จุนเจือตะโกนสุดเสียงดิ้นเร่า ๆ จนปลายเท้าอยู่ใกล้ตู้เสื้อผ้าพอดี ใช้แรงถีบรัว ๆ จนเกิดเสียงดังปึงปังเป็นอีกแรงช่วยเผื่อให้ใครได้ยิน
 

ก๊อก ก๊อก ก๊อก


 
    เสียงประตูจากด้านนอกช่วยชีวิตจุนเจือ เมื่อคนที่กำลังดึงแท่งร้อนของมันออกมาถูไถผ่านกางเกงในเด็กหนุ่ม



     ชายหนุ่มตาน้ำข้าว ลุกไปเปิดประตูเมื่อคนด้านนอกเคาะประตูไม่หยุด จุนเจือเหลือบมองลอดช่องว่างประตูที่เปิดแง้มเห็นเป็นลูกค้าต่างชาติยืนอยู่ข้างนอก จุนเจือใช้ทีเผลอที่อีกฝ่ายหยุดกระทำ เพื่อหันไปมองว่าใครมา จุนเจือใช้เข่ากระทุ้งไข่มันจนจุก ลุกขึ้นมานั่งปาดน้ำตา ก่อนหยัดยืนขึ้นเต็มความสูงวิ่งไปกระชากประตูให้เปิดกว้าง พุ่งตัวออกไปจนชนไหล่ลูกค้าตรงหน้าประตูที่ยืนเถียงกันอย่างไม่สนใจ เพราะในเวลานี้ เขาต้องเอาชีวิตรอด




"ฮืออออ"



     ถึงจุดรีเซ็ปชั่น จุนเจือสะอึกสะอื้น ตัวสั่นงันงก ยังอยู่ในภาวะตื่นตระหนก เขาเอาแต่มองซ้ายมองขวาเหมือนคนระแวด ระวัง สองมือก็ลูบแขนตัวเองตลอด หลังจากผ่านเหตุการณ์รุนแรงที่ถูกคุมคามชีวิต จุนเจือหยิบมือถือโทรหาพี่เอิร์ททั้งที่มือสั่นไม่หาย เด็กหนุ่มติดต่อพี่เอิร์ทไม่ได้ โทรย้ำหลายสายก็ได้ยินแต่ประโยคเดิม ซ้ำ ๆ



'บริการฝากหมายเลขโทรกลับ'



"พี่เอิร์ทอะ พี่อยู่ไหน? ผมอยากคุยกับพี่ ฮืออออ"



     เด็กหนุ่มงึมงำและร้องไห้หนักหน่วงจุนเจือตัดสินใจกดโทรหาแพร ก็ไม่ติดเช่นกัน จุนเจือขยี้ผม ทุบโต๊ะรัว ๆ



     คนที่เพิ่งผ่านเหตุการณ์ขวัญเสียมาหมาด ๆ ยังรู้สึกหวาดกลัว เขาเหงื่อแตกพลั่ก ก่อนโทรหาเพื่อนร่วมงานที่พอเป็นมิตร รบกวนให้มาอยู่เป็นเพื่อน ตอนแรกเธอไม่ยอมมา พอได้ยินเสียงจุนเจือสะอื้นถึงยอมขี่มอเตอร์ไซค์มากับแฟน



      เพียงเห็นจุนเจือมีใบหน้าช้ำและบวมเธอสอบถามได้ความก็รีบไล่จุนให้กลับไปพักทำแผล เธอกับแฟนซึ่งเป็นเชฟของที่นี่จะช่วยดูให้เพราะเห็นว่าเหลือแค่ชั่วโมงเดียวก็ได้เวลาเลิกงาน เธอยอมอาสาปิดระบบของวันนี้ให้แทน ฟากจุนเจือเอ่ยขอบคุณซ้ำ ๆ ไม่สนแล้ว เรื่องการสแกนนิ้วออกงาน ตอนนี้ ความรู้สึกเขาสำคัญกว่าสิ่งไหน


   จุนเจือถึงห้องด้วยความหวาดกลัวไม่จางหาย เขายังตื่นตัว ปากสั่น ตัวสั่น หายใจหอบถี่และยังคงสะอื้นมาตลอดทางกลับบ้าน ในเวลานี้ จุนเจืออยากมีใครสักคนรับฟังถึงเหตุการณ์สะเทือนขวัญ กดโทรหาพี่เอิร์ทอีกครั้งก็ยังไม่ติด จุนเจืออยู่ในสภาวะอ่อนแอ เขาอยากหาใครสักคนคุยด้วยจึงตัดสินใจโทรหาพี่เมฆก็ไม่ติดเช่นกัน



    ก็แค่ต้องการบอกให้ใครได้รับฟัง แต่มันเรื่องบ้าอะไร ทำไมในเวลาที่จุนเจือต้องการใคร ถึงติดต่อใครไม่ได้ คนที่กลัวจนลืมความเจ็บชาจากการโดนต่อย นั่งฟุบหน้าลงกับเข้าร้องไห้ตรงริมเตียง


    ไม่นาน เสียงมือถือของจุนเจือได้แผดเสียงดังขึ้นจนเด็กหนุ่มหันขวับไปมองและรับกดรับ




[สวัสดีครับ จุน เมื่อกี้ พี่โทรหาไม่ติดมันแปลก ๆ  ก็เลยกลัวว่าจะเป็นอะไร เลยลองโทรดูอีกที ถึงห้องรึยังครับ?]


    หรือ อาจเป็นการที่ต่างฝ่ายต่างโทรเข้ามาชนกัน....



"ฮืออออ พี่เมฆ ผะ..ผมไม่อยากอยู่ที่นี่แล้ว ผมกลัวครับพี่ ผมกลัว" จุนเจือบอกอย่างสะอื้น




[จุน!!! นั่นจุนร้องไห้? เกิดอะไรขึ้นที่นั่น บอกพี่มาครับ] เสียงตื่นตระหนก ที่แลดูเป็นห่วงจริงจังทำให้คนที่ร้องไห้อยู่แล้วร้องไห้หนักกว่าเดิม


...............................

จะไปอยู่ตรงหน้า จะไปหาแน่ๆ เธอจะอยู่ที่ไหน จะเปิดไซเรนไปหาเธอแน่ ขอยืมเพลงมาหน่อยนะคะ หุหุ :mew6: :mew6: :mew6: :mew6:

จุลลลลลลลลล



ปากำลังใจรัว ๆ มาให้น้องหน่อยนะคะ ขอบคุณค่า



« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 27-10-2019 14:16:16 โดย rinyriny »

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ songte

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1425
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-1
พี่เมฆมาได้ถูกเวลามากนะ เอิร์ทไม่น่าเลย เสียโอกาสแท้ๆ

ออฟไลน์ ommanymontra

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3437
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +96/-0

ออฟไลน์ DrSlump

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3382
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +104/-2

ออฟไลน์ Stiiiii

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 41
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0
พี่เมฆมาหาน้องเร็วๆ ช้าอดนะ เพราะช่วงนี้เอิร์ทจีบอยู่

ออฟไลน์ ลูกกุญแจ

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 337
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +28/-2
โดนพาตัวกลับกรุงเทพแน่เลย

ออฟไลน์ rinyriny

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 295
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +106/-1
 

บทที่ 17 คนที่ทำให้ยิ้มได้


















       จุนเจือกลัวและอ่อนแอเกินกว่าจะอยู่ได้เพียงลำพัง เขากำลังต้องการที่พึ่งทางใจ

 

 

 

"พะ...พี่เมฆ ผมเกือบโดนข่มขืน"

 

 

 

[ห้ะ อะไรนะครับ? จุนปลอดภัยแล้วใช่ไหม?]

 

 

 

"คะ...ครับพี่ ผมกลัวทำไงดี ผมอยากกลับบ้าน"

 

 

 

[จุนรอสิบนาที เดี๋ยวพี่โทรกลับครับ]

 

 

 

 

 

 

    เมฆินทร์บอกแล้ววางสาย ปล่อยให้จุนนั่งร้องไห้สักพักหนึ่ง ถึงโทรกลับมาแบบวีดีโอคอล คนแก่กว่าเผลอเบิกตากว้างอย่างตกใจ เมื่อตอนเด็กหนุ่มเปิดกล้อง เขาเห็นรอยบวมช้ำปรากฏบนใบหน้าอย่างเห็นได้ชัด เมฆส่งสายตาเห็นใจ ที่เห็นเด็กหนุ่มร้องไห้ จนเผลอย้อนนึกถึง ภาพสะท้อนไม่ต่างกับตอนที่เขามีเซ็กซ์กับจุนเจือจนเด็กหนุ่มร้องไห้

 

[จุนครับ ทำไมหน้ามีรอยช้ำด้วยล่ะครับ พอจะเล่าให้พี่ฟังได้ไหม?]

 

 

     จุนเจือพยักหน้าหงึกหงัก จากนั้น เด็กหนุ่มก็เล่าไป ร้องไห้สะอึกสะอื้นไปจนน้ำหู น้ำตาไหล ขี้มูกยืดย้อยลงมาอย่างน่าอาย เขาใช้หลังมือปาดหยาดน้ำใสไปลวก ๆ

 

 

 

[จุน พี่จะไปหา] เมฆินทร์ว่าอย่างเป็นห่วง

 

 

 

"ไม่ต้องครับพี่เมฆ ผมแค่อยากเล่าให้ใครสักคนได้ฟัง ได้อยู่คุยกับผมเท่านั้นเองครับ ฮืออออ"

 

 

     จุนเจือร้องไห้ ดวงตาพร่าเลือนนั้นเผลอใจกระตุกยามพี่เมฆผุดรอยยิ้มอบอุ่นแล้วใช้นิ้วของเขาลูบหน้าจอมือถือ คล้ายกับว่า เขากำลังช่วยเช็ดน้ำตาให้และปลอบประโลมจิตใจ

 

 

[ไม่ร้องนะ พี่เช็ดน้ำตาให้แล้ว]

 



 

"พี่เมฆฮืออออ"

 

 

[จุน อาบน้ำรึยังครับ]

 

"ยังครับ"

 

 

[พี่จะอยู่เป็นเพื่อน พี่จะเปิดวีดีโอคอลไว้แบบนี้ จุนไปอาบน้ำเถอะครับ]

 

 

    จุนเจือเงียบไม่ยอมไปไหนเขาเอาแต่มองหน้าพี่เมฆผ่านมือถือที่มีเทคโนโลยีช่วยทำให้คนไกล ใกล้กันมากขึ้น

 

 

[ไม่ต้องกังวลอะไรนะครับ พี่รอได้ ไปอาบน้ำนะ]

 

 

     จุนเจือพยักหน้าหงึกหงัก วางมือถือไว้บนเตียง ถอดเสื้อผ้าอาบน้ำ เขาใช้เวลาค่อนข้างนานเพราะรู้สึกขยะแขยงตัวเอง ส่วนใดที่พวกมันสัมผัส จุนเจือใช้ใยบวบขัดจนผิวแดงและแสบ เขายังร้องไห้ในห้องน้ำทำไมเรื่องนี้จึงเกิดขึ้นกับเขาด้วยก็ไม่รู้

 

 

    จัดการชำระตัวเองจนสะอาดสะอ้าน จุนเจือเดินออกมามองมือถือของตนเองก็พบว่าพี่เมฆยังไม่วางสายหนีกันไปจริง ๆ

 

 

 

"พี่เมฆยังรออยู่จริงเหรอครับ?"




[ใช่ครับ จุนหายกลัวรึยัง? ดีขึ้นไหม?]

 

 

 

    จุนเจือมองภาพหน้าจอที่เห็นพี่เมฆนั่งอยู่บนเตียง เขาละสายตาจากโน๊ตบุ้คที่วางบนตัก หันมามองหน้าจอมือถือ 

 

 

"ดีขึ้นนิดหน่อยครับ"

 

 

[จุน พี่รู้นะครับ ว่าจุนเครียด แต่ไม่ว่าจะยังไง จุนต้องหลับนะครับ การพักผ่อนมันช่วยได้ แล้ววันพรุ่งนี้ ค่อยว่ากันใหม่]

 

 

 

"ผมจะพยายามนะครับ แต่ตอนนี้ ผมนอนไม่หลับ"

 

 

 

[ไม่เป็นไรนะพี่จะอยู่เป็นเพื่อน แล้วนี่พี่ยังไม่เห็นจุนทำแผลเลย] เมฆินทร์บอกพร้อมส่งสายตาพยักเพยิดไปที่แผลช้ำบนใบหน้า เมฆินทร์สงสารเด็กหนุ่ม ที่ต้องมาเจอเรื่องโหดร้ายนี้เพียงลำพัง หากเขาได้มีโอกาสอยู่ใกล้กันมันคงดีกว่านี้




"ไม่เป็นไรหรอก ผมอาบน้ำแล้ว มันคงสะอาดแล้วล่ะครับ อีกอย่างมันก็แค่ช้ำเอง"

 

 [แล้วยังเจ็บไหม?]




"เจ็บครับ"




[ทนนะครับและไม่ต้องกังวลอะไร พี่จะอยู่คุยกับจุน จนจุนหลับ]

 

 



     เมฆินทร์ส่งยิ้มละมุนพร้อมสบตากันแต่จังหวะที่ไม่มีใครหลบตาใคร เมฆินทร์ก็สงสัยเพราะแววตาคู่นั้นซ่อนความรู้สึกบางอย่าง




[มองพี่ทำไมครับ?]




"พี่ทำแบบนี้ทำไมครับ?" จุนเจือถามและมองหน้าคนที่ยังมองด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้มตลอดบทสนทนา




[พี่อยากทำให้เราสบายใจ เวลานี้ เลิกคิดมากก่อนนะครับ ถ้าจุนง่วงเมื่อไหร่ก็นอนได้เลย พี่จะไม่ไปไหน]




"ก็ได้ครับพี่เมฆ"




     จุนเจือผุดรอยยิ้ม และไม่นาน เขาปิดเปลือกตาหวังหลบสายตาอาทร แต่ไม่คิดว่ามันจะกลายเป็นการหลับไหลไปเสียจริง ๆ

.

.

.

.

       ในวันรุ่งขึ้น จุนเจือชาร์จแบตเตอรี่มือถือกลับมาเต็มร้อยเปอร์เซ็นต์ หลังจาก เมื่อคืน แบตโทรศัพท์มือถือหมดเกลี้ยง เพราะจุนเจือไม่รู้ว่าผล็อยหลับตอนไหน และพี่เมฆอยู่เป็นเพื่อนถึงเมื่อไหร่ เพราะรู้ตัวอีกทีก็เช้าแล้ว

 




     ยามนี้ จุนเจืออยู่ในระหว่างการเดินทางไปทำงาน และวันนี้เขายังไม่รู้เลยว่าเขาจะพบกับชะตากรรมอะไรบ้าง?

 

 

        เพียงเห็นเครื่องมือสื่อสารปรากฏเบอร์โทรคนคุ้นเคย จุนเจือมองด้วยแววตาเศร้า ก่อนกดรับเบอร์นั้น




[จุน เป็นไงบ้าง? เมื่อวานเราไม่ได้คุยกันเลย] เอิร์ทโทรถามอย่างคนอารมณ์ดี ผิดกับจุนเจือที่ถามด้วยเสียงหม่น

 

 

 

"พี่ลืมเปิดเครื่องเหรอครับ?"

 

 

[เอ้ย ไม่นะพี่เปิดมือถือนะ หรือมันอับสัญญาณก็ไม่รู้ ทำไมเหรอ เรามีอะไรหรือเปล่า?]

 

 

"เมื่อวานเกิดเรื่องครับ และผมอยากคุยกับพี่"




    'แต่กลายเป็นพี่เมฆที่ยอมอยู่คุยกับผม'





[จุนโกรธพี่เหรอ? ขอโทษจริง ๆ พี่ไม่คิดว่า จะเกิดเหตุด่วนน่ะ มีอะไรหรือเปล่า?]




"ผมเกือบโดนข่มขืน"

 



[เฮ้ยย!!! เราพูดอะไรออกมา พี่ไม่ขำนะ]

 



"ผมพูดจริงครับพี่เอิร์ท ลูกค้าเมาแล้วมาลวนลามผมและพยายามมีเซ็กซ์กับผมครับ"

 

 

       เอิร์ทรู้สึกจุกอก เขาเม้มปากแน่นสนิทด้วยความรู้สึกผิดตีตื้น นี่เขาพลาดอะไรไปหรือเปล่า?




[จุนบอกหัวหน้ารึยัง?]




"กำลังจะบอกวันนี้ครับ"




[โอเค พี่จะรีบไปหาเราให้เร็วที่สุด พี่ไม่สบายใจเลยว่ะที่ไม่ได้ดูแล]

 

"ไม่เป็นไรครับพี่เอิร์ท ช่างมันเถอะครับ ผมคงต้องวางแล้ว ไว้ว่ากันนะครับ"

 

      จุนเจือวางสายโดยที่ไม่รู้เลยว่ากำลังจะเจอกับอะไร?

.

.

.

.

"คุณรู้ไหมว่า เมื่อคืนเกิดเรื่องอะไรบ้าง?"

 

 

    จุนมองหน้าผู้จัดการโรงแรมที่มีใบหน้าถมึงทึง แต่คำพูดคำจายังคงรักษาน้ำเสียงไม่ให้ดูวีนเหวี่ยงหรือโวยวายเกินไป

 

 

"ผมโดนลูกค้าลวนลามครับ" จุนเจือใช้คำพูดให้ดูซอฟท์ขึ้น ทั้งที่จริง เขาเกือบโดนมากกว่านั้น

 

 

"แน่ใจหรอครับ ที่ได้รับฟังมามันอีกอย่าง"

 

 

"อะไรครับ?"

 

 

       จากนั้น ผู้จัดการโรงแรมก็เล่าว่า ลูกค้าออกมาโวยวายตอนสี่ทุ่ม ร้องหาผู้จัดการ จนปลาต้องโทรตามให้ไปเคลียร์เบื้องต้นเพื่อให้ใจเย็นลงก่อน และการที่ลูกค้าด่าปาว ๆ ผู้จัดการถึงรู้ว่า สาเหตุที่ลูกค้าโมโหเพราะจุนเจือ แสดงอาการเหวี่ยงวีนอย่างไม่พอใจที่ลูกค้าให้เอาของไปให้ในยามวิกาล ทั้งยังพูดจาไม่ดีใส่ลูกค้า จนต้องมีเรื่องทะเลาะวิวาทกัน และที่สำคัญ จุนเจือยังหนีงานไปโดยไร้ความรับผิดชอบ

 

"มันไม่ใช่แบบนั้นเลยครับ ผมโดนต่อยเพราะพวกมันจะข่มขืนผม แต่ผมขัดขืนมันเลยทำร้ายร่างกาย ไม่ใช่เพราะผมไม่พอใจที่เขาสั่งให้เอาของไปให้นะครับ"

 

"ถ้าเป็นแบบนั้นจริง ทำไมคุณไม่รีบมาฟ้องผมทำไมคุณกลับห้องไป? จุน ผมก็อยากจะเชื่อนะ แต่ลูกค้าคนนั้นก็มีรอยช้ำที่หน้าเหมือนกัน"

 

 

        จุนเจือเงียบเสียง เขาสาบานได้ว่ายังไม่ได้ทำร้ายร่างกายลูกค้าเลย นอกเสียจากลูกค้าที่มาพักชกต่อยกันเอง

 

 

"ถ้างั้นผมต้องทำยังไงครับ?"

 

 

"ผมอยากให้คุณขอโทษเขาต่อหน้ากับเรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้น"

 

       จุนเจือเงียบ ทั้ง ๆ ที่ส่วนลึกก็ยังไม่พอใจ ในสิ่งที่ผู้จัดการตัดสินผลออกมาอย่างไม่เป็นธรรมหลังจากที่ผู้จัดการบอกต่อจากนั้นว่า เขานัดเวลาลูกค้ามาที่ส่วนออฟฟิศเพื่อเจรจากันและให้จุนเจือขอโทษ



 

      จนได้เวลาลูกค้ามาหาผู้จัดการตามนัดหมาย จุนเจือแค่เห็นหน้าก็รู้สึกเกลียดชังขึ้นมาทันใด และผู้จัดการก็บังคับให้จุนเจือยกมือไหว้ลูกค้าเพื่อขอโทษต่อหน้าเพื่อนร่วมงานทุกคน แต่จุนเจือไม่ยอมทำและยังพูดความในใจออกไปทั้งหมด

 

"คุณไม่รู้สึกผิดบ้างเหรอครับ? ที่ทำอะไรลงไปคุณก็รู้อยู่แก่ใจ ทั้ง ๆ ที่ผมเสียหาย"



    ลูกค้าที่ถูกเรียกมาพบหน้าก็ฉุนเฉียวจัด เมื่อโดนสวนกลับ เขามองหน้าผู้จัดการโรงแรมและชี้หน้าด่ากราด

 



"เฮ้ คุณดูพนักงานคุณ มันยังมีหน้ามาเถียงผม เป็นถึงผู้จัดการโรงแรม เลือกพนักงานยังไงให้มีมารยาทแย่แบบนี้วะ ผมจะคอมเพลนโรงแรมคุณแน่ และจะรีวิวลงเว็บด้วยว่ามีพนักงานห่วยแค่ไหน? และจะบอกให้คนอื่นไม่ต้องมาที่นี่"

 

       ผู้จัดการพยายามไกล่เกลี่ย และย้ำกับจุนเจือให้ขอโทษ แต่เด็กหนุ่มไม่ยอมเด็ดขาด เขาเกือบโดนล่วงละเมิดทางเพศและจะต้องกลายเป็นฝ่ายไปขอโทษอย่างนั้นเหรอ?




"ยังไงผมก็ไม่ขอโทษครับ ผมไม่ได้ทำอะไรผิด มันต่างหากที่จะข่มขืนผม  มึงพูดความจริงออกมาสิวะ" จุนเจือโมโหจนขึ้นเสียงและเปลี่ยนสรรพนาม ใช้ถ้อยคำหยาบคาย เพียงเพราะอีกฝ่ายไม่ยอมรับความจริง จนผู้จัดการต้องยกมือไหว้ขอโทษอีกครั้งและหันไปกระซิบกับจุนเจือว่าถ้าจุนเจือไม่ทำ เขาขู่จะไล่ออก เพราะทำผิดกฏข้อบังคับและสร้างความเสียหายให้กับโรงแรม

 

"ถ้าคิดจะมาขู่ไล่ผมออก ผมก็ลาออกเลยแล้วกันครับ นับจากวันนี้ ผมไม่ทำงานแล้ว" จุนเจือไม่คิดว่าผู้จัดการจะกลัวลูกค้าติติงขนาดนั้น จนไม่สามารถจัดการเรื่องนี้ให้เป็นไปตามความต้องการของทั้งสองฝ่ายได้ ถ้าจะต้องมาขอโทษทั้ง ๆ ที่เขาไม่ผิด เพื่อยกยอปอปั้นลูกค้าเลว ๆ ให้มันได้ใจ ก็พอกันที แค่นี้ จุนเจือก็โดนเอาเปรียบมามากพอแล้ว



 

    จุนเจือยกมือไหว้ผู้จัดการโรงแรมและเดินออกมาจากพื้นที่รีเซ็ปชั่นโดยไม่สนใจ

 

    เห็นที การกลับไปเริ่มต้นใหม่ที่กรุงเทพ อาจจะมีการเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้นมากกว่านี้ก็ได้

.

.

.

.

"ได้ข่าวว่าจะไม่อยู่ที่นี่แล้ว?"

 

 

            คนขับรถถามจุนเจือ หลังจากที่เด็กหนุ่มขอติดรถโรงแรมที่จะต้องมารับ-ส่งลูกค้าที่ตัวเมืองอยู่แล้วด้วย ข่าวคราวของจุนเจือถูกแพร่สะพัดไปทั่วโรงแรม  บ้างก็เห็นใจ บ้างก็นินทากันอย่างสนุกปาก แต่จุนเจือไม่สนใจอะไรแล้ว ขนาดผู้จัดการระดับสูงยังไม่เชื่อ ครั้นจะให้ไปอธิบายทีละคนก็คงเปล่าประโยชน์

 

     

"ครับ ผมว่ามันไม่ยุติธรรมที่ผู้จัดการกลับเชื่อลูกค้ามากกว่าในสิ่งที่ผมพูด"

 

    คนขับรถไม่ได้เออออ เขาเพียงแค่ส่งยิ้มจาง ๆ แต่จุนเจือดูออกว่า เขาคงรู้อะไรมามากกว่านั้น แต่ไม่พูด

 



"งั้นก็ขอให้เจองานใหม่ดี ๆ แล้วนี่จะหางานที่นี่ หรือกลับกรุงเทพ"

 

"คงหางานที่กรุงเทพครับ ช่วงนี้ ขอเก็บเสื้อผ้าสักสองสามวันครับ"

 



 

"แล้วนี่จะไปเที่ยวไหน?"

 

 

 

"แค่อยากหาร้านนั่งชิลริมหาดครับ เครียด เบื่อ ไม่อยากอยู่แถวโรงแรม"

 

 

     พนักงานขับรถพยักหน้า คุยกันไม่กี่คำ จุนเจือก็ถึงที่หมาย เดินไปเรื่อย ๆ เพื่อหาร้านที่ถูกใจจนได้ร้านก๋วยเตี๋ยวต้มยำ





     คนที่ได้กินก๋วยเตี๋ยวสมปรารถนา ก็อยากหาร้านนั่งปลดปล่อยอารมณ์และสมองให้ผ่อนคลาย จุนเจือเดินเงยหน้ามองชื่อร้านต่าง ๆ พร้อมกับการดูโทนการตกแต่งร้านไปด้วย ในขณะที่สายตาเอาแต่มองหาร้านที่ถูกใจจนไม่สนใจผู้คนที่เดินสวนกันขวักไขว่

 

หมับ

 

เฮือก




      จุนเจือสะบัดสุดแรงตอนมีคนมาแตะด้วยความตกใจและยังหลอนกับเรื่องเมื่อคืน เขาหันไปชะงัก

 

 

"พะพี่เมฆ? พี่มาได้ไงครับ?" จุนเจือเบิกตาโพลงและเผลอพูดเสียงดัง ทั้งยังก้าวถอยหลังอัตโนมัติ ยังคิดว่าตัวเองฝันไป เพิ่งคุยกันเมื่อวาน แต่จู่ ๆ วันนี้ พี่เมฆก็โผล่มา

 

 

"พี่นั่งเรือข้ามฟากมาครับ" เมฆินทร์ยิ้ม

 



"พี่เมฆอย่ากวนผมสิครับ ผมหมายถึงเมื่อวาน ผมเพิ่งคุยกับพี่ แล้ววันนี้พี่ก็มา.." จุนเจือเม้มปากแน่นสนิทด้วยอาการใจสั่น หวั่นไหว หลุบตาลงต่ำ

 

         พี่เมฆมาทำไม ถ้าไม่ใช่เพราะ...




       คนที่ยืนก้มหน้างุดไม่มองคนตรงข้าม เพราะกำลังเผลอคิดเข้าข้างตนเอง

 

"พี่เป็นห่วง"เมฆินทร์ยิ้ม

 

"แต่พี่เพิ่งหายป่วยมา แล้วถ้าเป็นอีกละครับ จะทำยังไง?" จุนเจือบ่นคนแก่กว่า




"ห่วงพี่หรอครับ?"

 

 

    จุน อย่าลืมว่าคนนี้ เคยทำร้ายจิตใจแกนะ อย่าลืมสิวะ




"ไม่ได้เป็นห่วงครับ ถ้างั้น ผมขอตัวก่อนนะครับพี่เมฆ อ้อ ส่วนเรื่องเมื่อวาน ผมขอบคุณนะครับ ที่พี่คุยเป็นเพื่อนผม"

 

"ขอบคุณพี่ แต่กำลังเดินหนีพี่? อย่างนั้นเหรอครับ?"

 

"ไม่ได้หนีครับ ผมแค่จะไปตามทางของผม พี่ก็ไปหาเพื่อนพี่สิครับ"  จุนเจือไม่อยากคิดเข้าข้างให้ตัวเองได้ใจ ถึงอย่างไร พี่เมฆคงไม่มาหาเขาหรอก อย่าลืมว่าเขาก็มีเพื่อนเปิดร้านอาหารที่นี่




"พี่บอกตอนไหนครับว่ามาหาเพื่อน? พี่มาหาจุนครับ"




"....." จุนเจือชะงัก เขากัดปากแน่นจนเจ็บพลางช้อนตามอง ก่อนเบนหน้าหนีไปทางอื่น

 

"แล้วทำไมมาอยู่ที่นี่ได้ วันนี้ จุนไม่ทำงานเหรอครับ?"

 

"ไม่ครับ ผมออกจากงานแล้วครับ และผมกำลังจะเดินหาร้านนั่งชิลสักหน่อย"

 

"กำลังจะไปร้านไหนครับ พาพี่ไปดูได้ไหม" เมฆินทร์พูดด้วยเสียงนุ่มนวล ยิ่งทำให้เด็กหนุ่มไม่กล้ามองหน้า เด็กหนุ่มไม่ชอบที่พี่เมฆมาอ่อนโยนใส่ ในขณะที่เขาอยู่ในช่วงเวลาทำใจแบบนี้

 

 

"ยังไม่รู้เลยครับ"

 

 

"ถ้างั้น พี่ไปด้วยนะครับ ไปช่วยเลือกร้านกัน"

 

        จุนเจือใจกระตุกและมองอีกฝ่ายฝายมือให้จุนเจือเดินนำไป เด็กหนุ่มทำหน้าปั้นยากและพรูลมหายใจออกมา

 



     ใช้เวลาเลือกพอสมควร ทั้งยังวนเวียนไปมาอยู่สองสามร้านใกล้กัน จนได้ร้านที่ถูกใจ จุนเจือเดินฝ่าตัวร้านเพื่อทะลุออกไปยังส่วนที่นั่งแบบเบาะนั่งพื้นริมชายหาด มีการจุดเทียนตะเกียงประดับโต๊ะ ทั้งสวยและสร้างบรรยากาศให้โรแมนติก จุนเจือเดินไปโต๊ะริมสุด ทิ้งตัวลงนั่งขัดสมาธิลงตรงเบาะนั่งพื้น ในขณะที่เมฆินทร์ก็หย่อนกายลงนั่งข้าง ๆ จุนเจือเลิกคิ้วขึ้นสูง

 

 

"ขอนั่งฝั่งนี้ด้วยคนสิครับ พี่อยากนั่งมองทะเล" เมฆินทร์ตอบและยิ้ม ทำให้จุนเจือรู้สึกเก้อเขินและวาบหวามใจยามที่หัวเข่าทั้งสองชิดกัน เขากวาดตามองรอบกาย ไม่พบลูกค้าคนไทย มีแต่นักท่องเที่ยวต่างชาติที่มาเป็นคู่เลยทำให้จุนเจือไม่รู้สึกอึดอัด เพราะไม่มีใครสนใจ จุนเจือจึงพยักหน้าตอบรับ

 

    หลังจากได้เมนูที่อยากลอง ทั้งสองจึงสั่งเครื่องดื่มกับพนักงาน ในระหว่างนั้น เป็นจุนเจือที่เอ่ยชวนคุยก่อน

 

"พี่เมฆจองที่พักที่ไหนครับ?"

 

 

"แถวนี้แหละครับ เดินไปไม่ไกลเลย"

 

 

"แล้วพี่มาได้ไงครับ ไม่ทำงานหรือไง?"

 

"พี่ฝากงานให้กับคนที่ไว้ใจได้แล้วครับ เลยมาได้"

 

       ครู่หนึ่ง จุนเจือแอบเห็นพี่เมฆพูดจบก็พยายามกลั้นหาว

 

"พี่นอนน้อยหรือพี่ไม่ได้นอนครับ" จุนเจือถามอย่างสงสัย เพราะถ้าพี่เมฆเดินทางมาได้ไวขนาดนี้ เขาต้องอดนอนเพื่อเตรียมเก็บเสื้อผ้าตั้งแต่วางสายกับจุนเจือเมื่อคืน ไหนจะต้องมานั่งเลือกเที่ยวบินให้สอดคล้องกับรอบเรือข้ามฟากที่จะข้ามมายังเกาะนี้ ซึ่งแน่ล่ะว่า รอบเรือที่เดินทางมามีไม่กี่เที่ยวเสียด้วย



         เมฆินทร์ยิ้ม ไม่ยอมตอบคำถามจุนเจือ แต่กลับเลือกที่จะถามกลับ

 


"เมื้อกี้ที่จุนพูดว่า ออกจากงาน หมายความว่าไงครับ เรื่องลูกค้านั้นจัดการไม่ได้หรือครับ?"

 

 

             จุนเจือส่ายหน้า

 

"ไม่ครับ ผู้จัดการไม่เชื่อผมและเขาขู่ผมจะไล่ออก ผมเลยออกเองเลย"

 

"ทำไมอย่างนั้นล่ะครับ"

 

 

"ผู้จัดการไม่แม้แต่จะฟังผมเรื่องที่ผมโดนพวกมันจะข่มขืน เขาไม่สนใจความรู้สึกของพนักงาน แต่กลับเลือกให้ความสำคัญกับลูกค้าเลว ๆ พรรค์นั้น แบบนี้ มันยุติธรรมหรอครับพี่เมฆ"

 

 

    เมฆมองใบหน้าเด็กหนุ่มที่เครียดขึงและตัดพ้ออย่างเหลืออด


 

"ไม่เป็นไรนะ ไม่ต้องเครียดเรื่องงาน จุนกลับกรุงเทพซะ พี่จะให้จุนไปทำงานกับพี่"




"ทำงาน? งานที่ขายตัวน่ะเหรอครับ"




    จุนเจือตั้งใจพูดประชด เขาดันมือพี่เมฆออกห่าง ตอนที่พี่เมฆเพิ่งยื่นมือมาแตะรอยช้ำที่ปรากฎบนใบหน้าของเขา

 

"งานที่เป็นงานประจำจริง ๆ ครับ"




     หากจุนเจือตอบตกลงและทำที่เดียวกับพี่เมฆ มันย่อมมีโอกาสได้เจอกันทุกวัน แล้วเมื่อไหร่บาดแผลทางหัวใจของจุนเจือจะหายสนิทกัน


 

"ไม่เป็นไรครับพี่เมฆ ผมหางานทำเองดีกว่า




"จุนกำลังกลัวพี่"




"ใช่ครับ พี่เมฆรู้อะไรไหมครับ? เวลาผมไม่สนใจพี่ พี่จะพยายามเข้าใกล้ผมตลอดเลย แต่เมื่อไหร่ก็ตามที่พอผมสนใจกลับบ้าง พี่จะหนีห่างทุกที"

 

 

    จุนเจืออธิบาย  ก่อนจะมองขวดเบียร์และแก้วน้ำที่ถูกจัดวางลงบนโต๊ะจากลูกจ้าง ฟากเมฆินทร์เงียบเสียง ก่อนจะวางมือลงบนหลังมือจุนเจือ จนเด็กหนุ่มหันมาหาและสบตากัน



"มันจะไม่มีแบบนั้นอีกแล้วครับ"  เมฆินทร์ตอบด้วยสีหน้าจริงจัง แต่จุนเจือยังไม่อยากเชื่อ เพราะกลัวเจ็บอีกครั้ง เขาเหนื่อยกับการคุยเรื่องนี้จึงพยายามทำเป็นไม่สนใจ และพูดเรื่องอื่น

 

 

"พี่เมฆรู้ไหมครับ ตั้งแต่ผมมาทำงานที่นี่ ยังไม่เคยได้เหยียบน้ำทะเลเลย"

 

"ถ้างั้น พรุ่งนี้เช้าเราไปเล่นน้ำทะเลกันไหมครับ?"

 

    จุนเจือกดสายตาลงมองมือตัวเองที่อีกฝ่ายดึงไปวางบนหน้าขาของเขา ก่อนจะเงยหน้ามาสบตากันอีกครั้ง สองคนจ้องกันเนิ่นนาน และเป็นเวลาที่เมฆเอื้อมมือมาลูบไล้แก้มเนียนแผ่วเบา ขณะเดียวกัน ใบหน้าเมฆินทร์เคลื่อนเข้าไปใกล้ เหมือนมีมนตร์สะกดที่จุนเจือก็ไม่อาจขยับตัวหนี แหละเพียงลมหายใจเป่ารดกัน โทรศัพท์มือถือจุนเจือก็แผดเสียงดัง จนทั้งสองรีบผละออกห่างและลอบกลืนน้ำลาย





"ขอตัวก่อนนะครับพี่เมฆ"  จุนเจือรีบลุกไปรับโทรศัพท์ ยังที่ไกลออกไป





       เมฆินทร์ได้แต่นั่งลำพัง มองแผ่นหลังเด็กหนุ่มที่ยืนคุยมือถือกับใครก็ไม่รู้ เขาก้มมองหน้าปัดนาฬิกาก็พบว่ามันผ่านไปแล้วสิบห้านาทีที่ปล่อยให้เขาดื่มเบียร์คนเดียว จนกระทั่ง เด็กหนุ่มเดินกลับมานั่งข้าง ๆ เมฆินทร์ไม่รีรอถาม

 



"ใครหรอครับ?"

 

"พี่เอิร์ทครับ" จุนเจือจะโกหกก็ได้ แต่พอเห็นสายตาคู่นั้น จุนเจือกลับคายความจริงออกไปโดยอัตโนมัติ




"เอิร์ทจีบจุนหรอครับ?"




    จุนเจือเงียบ ไปนาน

 

"ครับ"

 

"แล้วจุนชอบเอิร์ทไหม?"





"ไม่รู้ครับ ผมรู้แค่ว่าพี่เอิร์ทนิสัยดี ตลก พี่เอิร์ททำให้ผมมีเสียงหัวเราะ มีความสุข เขาเป็นคนทำให้ผมยิ้มได้ครับ"

 

"แล้วพี่ล่ะครับ พี่เคยทำให้จุนยิ้มได้ไหม?"




"พี่มีแต่ทำให้ผมร้องไห้" จุนเจือพูดความจริงพร้อมส่งสายตาน้อยใจ



       คนถูกตำหนิส่งยิ้มเจื่อน ก่อนจะดึงมือจุนเจือหวังไปจับอีกครั้ง แต่คราวนี้ จุนเจือไม่ให้ เด็กหนุ่มเก็บมือสองข้างวางมือไว้บนตักของตนเอง เขาต้องไม่ใจอ่อนง่าย ๆ ให้กับผู้ชายคนนี้





"แต่จุนคือคนที่ทำให้พี่ยิ้มได้นะครับ"




"...."



"และจากนี้ พี่จะทำให้จุนยิ้มได้เหมือนกัน พี่จะรับผิดชอบชีวิตจุนเอง"



"พี่เคยพูดกับผมครั้งหนึ่ง แต่พี่ก็ไม่เห็นทำได้เลยครับ"




"พี่ขอโทษ ลองให้โอกาสคนเลวแบบพี่อีกครั้งได้ไหม?"

 

"ผมไม่อยากเสียใจและร้องไห้กับเรื่องอะไรแบบนี้อีกแล้วครับ พี่เมฆ" จุนเจือว่า ก่อนจะทอดสายตามองท้องทะเลที่มืดสนิท ฟังเสียงคลื่นที่ซัดกระทบหาดทราย และสายลมที่พัดผ่านกาย




"นะครับ จุน เชื่อมั่นในตัวพี่นะครับ พี่สัญญา"




'ผมจะเชื่อได้จริง ๆ หรอครับพี่เมฆ'




       มันยากลำบากทุกครั้งในการประคับประคองความรู้สึกของตัวเองยามได้อยู่กับพี่เมฆ จุนเจือไม่เข้าใจตัวเองเลย ทุกครั้งที่จุนเจือได้ใช้เวลากับพี่เมฆทีไร ตัวเขาเองมักโอนเอน อ่อนไหว เหมือนไผ่ต้องลม แค่เมื่อกี้ ก็เกือบจะยอมให้เขาจูบอย่างง่ายดาย เด็กหนุ่มหงุดหงิดตัวเอง และสบถในลำคอ ที่ตอนนี้ มีสองความรู้สึกกำลังตีกันจนเด็กหนุ่มสับสน



      จุนเจือยังไม่ให้คำตอบแก่พี่เมฆ เขาแค่หันไปมองดวงตาคู่นั้นเสี้ยววินาที ก่อนจะยกแก้วที่บรรจุเบียร์ขึ้นดื่มและทอดสายตาเศร้ามองท้องทะเลกว้างใหญ่ โดยไม่รู้เลยว่า เมฆินทร์กำลังนั่งมองเด็กหนุ่มโดยแววตาที่สะท้อนถึงความไม่มั่นใจและหวาดกลัวว่าสิ่งที่ทำอยู่ตอนนี้ มันสายไปแล้วหรือยัง?






..............................................................

 :mew6: :mew6: :mew6: :mew6: :mew6: :mew6:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 05-11-2019 22:57:14 โดย rinyriny »

ออฟไลน์ ลูกกุญแจ

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 337
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +28/-2
เอาแล้ว จะสงสารเอิร์ทดีมั้ยเนี่ย

ออฟไลน์ DrSlump

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3382
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +104/-2

ออฟไลน์ songte

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1425
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-1
เจ็บมาเยอะก็ต้องระแวง้ป็นธรรมดาอ่ะนะ หวังว่าพี่เมฆจะไม่รวบรัดฝืนใจกันอีกนะ

ออฟไลน์ ommanymontra

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3437
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +96/-0

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ rinyriny

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 295
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +106/-1


บทที่ 18 สับสน









 
     แปดโมงเช้า ของวันต่อมา
 
 
     จุนเจือตื่นมาอาบน้ำอาบท่าเรียบร้อย พลันเหลือบมองพี่เมฆที่นอนหลับอยู่บนเตียงก็แอบทำหน้าเศร้า เมื่อคืน จุนเจือไม่ได้กลับห้องพักพนักงาน เพราะพี่เมฆชวนให้นอนค้างคืน และจุนเจือก็ยังอยู่รอดปลอดภัยโดยพี่เมฆไม่ได้ทำอะไรตามใจชอบเช่นทุกที



     จุนเจือแอบย่องออกมาตอนที่พี่เมฆยังไม่ตื่น เพื่อออกไปรับพี่เอิร์ทที่ท่าเรือตามที่นัดแนะกันไว้

 
     เด็กหนุ่มเดินออกมาโดยสมองยังคงครุ่นคิดมาตลอดทาง เขาไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรดี ไม่รู้ว่าการที่พี่เมฆกลับมาทำดีแบบนี้ เขาแค่อยากมีจุนเจือไว้ระบายความใคร่หรือมีอะไรมากกว่านั้น?
 
 
    เดินจวนใกล้ถึงท่าเรือ จุนเจือได้ยินเสียงเครื่องมือสื่อสารตัวเองทั้งดังและสั่น เขาคว้ามันออกมาจากกระเป๋ากางเกง มองหน้าจอพลันเม้มปากแน่นสนิท ยามพบว่าเบอร์ที่โทรเข้ามาเป็นเบอร์พี่เมฆ  จุนเจือลอบถอนหายใจ ก่อนกดรับสาย
 

"ครับพี่เมฆ"
 
 
[จุนอยู่ไหน? ทำไมไม่บอกพี่เลยครับ  แล้วที่วันนี้เราจะไปเล่นน้ำทะเลด้วยกัน จุนลืมแล้วหรือ?]
 
 
"ผมขอโทษด้วยครับพี่เมฆ ตอนนี้ผมมาทำธุระ?"
 
 
 
[ทำธุระ? แล้ววันนี้ เราจะได้เจอกันอีกไหมครับ? ]
 
 
"ไม่เจอครับ ผมไม่ว่าง ขอโทษนะครับพี่เมฆ" จุนเจือรีบตัดบทอย่างไว เพราะยังไม่พร้อมพาตัวเองกลับไปใกล้ชิดพี่เมฆในเวลานี้ เด็กหนุ่มยังคงสับสนและมีความกลัวในหัวใจไม่จางหาย
 
 
[ได้ครับ]
 
 
 
     จุนเจือถอนหายใจอีกครั้ง เพราะคิดไม่ตกกับเรื่องรักอันซับซ้อนของพี่เมฆ เขายังไม่ไว้เนื้อเชื่อใจ ส่วนหนึ่งคงเป็นเพราะประสบการณ์ที่ผ่านมาด้วย

       ไม่นานนัก เด็กหนุ่มเดินถึงท่าเรือ แวะทักทายคุยกันกับพนักงานโรงแรมอื่น ที่มารอรับนักท่องเที่ยวเช่นกัน



      และแล้วก็ได้เวลาที่เรือเฟอร์รี่ลำใหญ่โตแล่นเข้ามาจอดเทียบท่า พนักงานจากโรงแรมต่าง ๆ กุลีกุจอไปยืนรอรับลูกค้านักท่องเที่ยวชาวต่างชาติชิดริมทางเดินศาลา ท่ามกลางนักท่องเที่ยวทั้งไทยและต่างชาติที่แบกกระเป๋าใบโต น้ำหนักคงเกือบสิบกิโล เห็นจะได้เดินลงจากเรือด้วยแววตากระหายความสุขเต็มที่ เด็กหนุ่มชะเง้อมองหาคนที่รอ ไม่นานก็เห็นคนที่แม้จะแต่งตัวเหมือนนักท่องเที่ยวทั่วไป แต่สำหรับจุนเจือยังมองว่าเป็นเอกลักษณ์ได้

 
    พี่เอิร์ทยังดูเท่เช่นเดิม ชายหนุ่มร่างสูงเดินกระชับกระเป๋าสะพายขนาดใหญ่ สวมแว่นตากันแดดสีชา สวมเสื้อยืดคอกว้างสีดำกางเกงขาสั้นสีดำพอดีเข่า รองเท้าผ้าใบสีเหลืองมัสตาร์ด จุนเจือตะโกนและโบกไม้โบกมือให้เห็นเป็นสัญญาณ จนเอิร์ทประสานสายตากัน



"พี่เอิร์ททางนี้ครับ"
 
"จุน" เพียงเห็นจุนเจือ ใบหน้าเหนื่อยล้า ของเอิร์ทก็เต็มไปด้วยรอยยิ้มกว้าง
 
"พี่เอิร์ททำไมหน้าซีดจังครับ" จุนเจือถามตอนพี่เอิร์ทถอดแว่นกันแดด ส่วนเอิร์ททำได้แค่ยิ้มเจื่อน

 
"พี่เมาเรือ ไม่คิดว่าจะใช้เวลานานขนาดนี้"

 
"ฮ่า ๆ พี่เอิร์ทไม่ได้พกยาแก้เมามาเหรอครับ?"

 
     เอิร์ทส่ายหน้า ก่อนจะถามกลับ
 

"จุนหน้าไปโดนอะไรมา" เอิร์ทปล่อยมือข้างหนึ่งจากการกระชับกระเป๋าแตะตรงรอยช้ำ จุนเจือเบือนหน้าหนีด้วยความอายที่ใบหน้าเนียนใส กลับมีรอยตำหนิที่เป็นสัญลักษณ์แห่งความเจ็บช้ำ ยิ่งมีคนทักก็ยิ่งนึกถึงเหตุการณ์ที่โดนลูกค้าพยายามกระทำชำเราหนก่อน
 

"ก็เรื่องลูกค้าที่มันทำไม่ดีกับผมนั่นแหละครับ มันดูแย่มากเลยเหรอ? อายอะ"

 
       เอิร์ทยิ้มขำ ก่อนจะยีผมเด็กหนุ่ม
 

"ใครบอก ขนาดมีรอยช้ำ เราก็ยังน่ารักในสายตาพี่อยู่ดี"

 
      จุนเจือหน้าร้อนผ่าว ยิ้มเขินก่อนจะดึงมือพี่เอิร์ทออกไปจากการเล่นผมของเขา

 
"พี่เอิร์ท ผมจะพาพี่ไปนั่งพักร้านกาแฟก่อนนะ หน้าพี่อย่างกับคนป่วย"
 

"ก็ดี พี่ยังรู้สึกมึน ๆ อยู่เลย"

 
   จุนเจือยิ้มและนำพาพี่เอิร์ทไปร้านกาแฟที่ใกล้ท่าเรือ ด้วยตัวร้านโปร่ง โล่ง สบาย จึงทำให้รู้สึกไม่อึดอัด จุนเจือให้พี่เอิร์ทไปหาที่นั่งพักก่อน โดยเขาสั่งเครื่องดื่มให้ พอพนักงานรับออเดอร์เครื่องดื่มแล้ว จุนเจือถึงเดินกลับมานั่ง
 
 
 "เล่าให้พี่ฟังหน่อยว่าเรื่องราวมันเป็นยังไง? ทำไม? ถึงเกิดเรื่องแบบนี้ได้"
 


"มันเกือบข่มขืนผมแหละ แต่ผมขอไม่ลงรายละเอียดแล้วนะครับ พอนึกถึงก็เครียดอะพี่เอิร์ท เอาเป็นว่าผมอโหสิกรรมให้พวกนั้นแล้วล่ะครับ และผมก็ลาออกจากงานแล้วด้วย"
 

"จริงดิ ลาออกเลยเหรอ? งั้นเรากลับกรุงเทพหรือเปล่า? ถ้ากลับ กลับพร้อมพี่เลยไหม?"
 

"พี่เอิร์ทกลับเมื่อไหร่ครับ?"
 

"ก็ประมาณสามสี่วันน่ะ" จุนเจือเงียบพลางครุ่นคิด
 

"น่าสนใจนะครับ ไม่แน่ ผมอาจกลับด้วย แต่หลังจากนี้ ถ้าผมจะขอนอนกับพี่ได้ไหม? ผมไม่อยากกลับไปนอนที่ห้องแล้ว"



"ยินดีมาก เข้าทางพี่เลย"



"พี่เอิร์ท เดี๋ยวเหอะ พูดแบบนี้ คิดทะลึ่งอยู่หรือเปล่าเนี่ย?" จุนเจือถลึงตาถาม จนคนตรงหน้า



"ไม่ใช่ ๆ พี่ดีใจที่จุนมานอนกับพี่ เพราะยังไงพี่ก็นอนคนเดียวอยู่แล้ว พี่จะได้มีเพื่อนนอนด้วย"
 

"อย่าบอกนะว่าพี่เอิร์ทกลัวผี"
 

     เอิร์ทไม่ยอมตอบ กลับก้มหน้าดูดกาแฟในแก้วที่พนักงานเดินมาเสิร์ฟเมื่อสักครู่


"ฮ่า ๆ พี่เอิร์ทกลัวผีแน่ ๆ"

 
"ล้อพี่เหรอ?"

 
"ฮ่า ๆ อะ ๆ ไม่ล้อแล้วก็ได้ แต่ที่นี่ผีดุมากนะ"



"จุนจะเล่าทำไม? หยุดเลยว่ะ"

 
"ฮ่า ๆ ครับ ๆ ว่าแต่พี่เอิร์ทไม่เคยมาที่นี่เลยใช่ไหมครับ?"
 

"ไม่เคย แต่ดีกว่าที่คิด"

 
"ผมดีใจนะที่พี่มา"



    ตอนที่จุนว่าจบ ทั้งคู่ต่างสบตากันโดยบังเอิญ และเป็นเอิร์ทที่กระตุกยิ้มบางเบาและเอ่ย

 
"จุน ขอกอดหน่อยได้ไหม? คิดถึงว่ะ"

 
     จุนเจือกัดปากชั่งใจ แต่สุดท้ายก็ลุกไปหาอีกฝ่าย ยอมให้เขากอดอย่างไม่อิดออด ทั้งสองกอดทักทายคล้ายธรรมเนียมฝรั่ง ไม่นานก็ผละจากกัน

 
"อาการดีขึ้นเลย"
 

"ถ้าดีขึ้น ไปเช็คอินเลยไหมครับ"

 
     ตอนที่เอิร์ทพยักหน้า เป็นจังหวะเดียวกับที่มีข้อความเข้าในโทรศัพท์มือถือจุนเจือ หยิบมาดูถึงรู้ว่าข้อความที่เข้ามานั้น เป็นข้อความแจ้งยอดเงินเข้าในบัญชี
 
 
"พี่เอิร์ท เดี๋ยวผมมารอแปปนึงนะครับ"
 

"อืม"
 



     จุนเจือเดินห่างจากร้านกาแฟพอสมควร เพื่อกดโทรหาพี่เมฆ



[สวัสดีครับ]



"พี่เมฆเป็นคนโอนเงินมาใช่ไหมครับ?"
 
 
[ใช่ครับ]
 
 
"เราไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกันแล้วนี่ครับ พี่จะโอนมาทำไม มันค่าอะไรครับ?"
 
 
[คือ พี่ลืมไปว่าครั้งสุดท้ายพี่ยังไม่ได้ให้เงินจุน]
 
 
"แต่ผมไม่ได้สนใจมันแล้ว พี่ตั้งใจจะเอาเงินฟาดหัวผม เพื่อให้ผมกลับไปหาพี่ใช่ไหม? ถ้าเป็นอย่างงั้น ผมจะกดเงินไปคืนพี่นะครับ"



[มันไม่ใช่แบบที่จุนคิดนะครับ พี่แค่ทำทุกอย่างช้าไปก็เท่านั้นเอง เชื่อพี่นะ จุนรับไว้เถอะ จุนจะได้มีเงินใช้ตอนออกจากงานด้วย]
 
 
"ถ้างั้นก็ขอบคุณมากนะครับ ผมไปทำธุระก่อนครับ" จุนเจือวางสาย ก่อนจะเดินไปหาพี่เอิร์ทเพื่อพาอีกฝ่ายไปเช็คอินยังที่พักที่เขาได้ทำการจองไว้
.
.
.
.
"ทำไมพี่เอิร์ทเลือกพักที่นี่ครับ?" จุนเจือถามด้วยน้ำเสียงลนลานและใจเต้นแรง เพราะมันเป็นสถานที่เดียวกันกับที่จุนเจือเพิ่งเดินทางออกมาเมื่อเช้า



    เพียงแต่พี่เอิร์ทและพี่เมฆพักกันคนละชั้น
 

"พี่ไม่เคยมา เลยลองถามพี่เมฆว่าพอมีแนะนำไหม? แกเลยแนะนำที่นี่ให้"
 

"อ้อครับ"


     จุนเจือเออออในขณะที่ใบหน้าไร้สี เขาเข้ามาในห้องพักของพี่เอิร์ทที่ความกว้างก็ไม่ต่างจากห้องพี่เมฆที่จุนเจือนอนเมื่อคืน มันต่างแค่องค์ประกอบการจัดวางเตียง โต๊ะเครื่องแป้งเท่านั้น


"คืนนี้ ผมไม่ได้อยู่กับพี่นะครับ จะกลับไปเก็บเสื้อผ้า"
 

"เราก็เก็บเย็นนี้เลยไม่ได้เหรอ เสร็จแล้วจะได้มานอนกับพี่เลย เนี่ยะเดี๋ยวไปด้วย"
 

"พี่เอิร์ท ขี่มอเตอร์ไซค์คล่องไหม เพราะทางขึ้นโรงแรมผมมันชันมาก ถ้าขับไม่แข็ง มีสิทธิ์รถล้มได้นะ"
 

"เก่งอยู่"



"ถ้างั้น ผมจะพาพี่ไปเช่ามอเตอร์ไซค์"

 
  จุนเจือมองคนที่ยิ้ม ก่อนย่อตัวลงไปเปิดกระเป๋า เพื่อดึงเสื้อผ้าออกมา

 
"โอเค แต่พี่โคตรร้อนเลยว่ะ เหนียวตัวด้วย ขออาบน้ำก่อนนะ"

 
"ได้ครับ"

 
   จุนเจือที่นั่งอยู่ปลายเตียงเห็นอีกฝ่าย ลุกขึ้นยืนเต็มความสูงดึงเสื้อยืดออกจากลำคอก็ปรากฎรอยสักขนาดใหญ่เต็มแผ่นหลังเป็นภาพชายหนุ่มเปลือยกายนั่งฟุบหน้าลงกับเข่าในขณะที่กำลังสยายปีกดั่งเทวดาตกสวรรค์

 
    ตอนที่จุนเจือเคยนอนค้างห้องพี่เอิร์ทคราวก่อน ก็ยังไม่เคยเห็น จึงเพ่งพินิจพิจารณามองทุกรายละเอียดของรอยสักที่มีการไล่เฉดเงา สวยงามสมจริง

 
"มองอะไร?" เอิร์ทหมุนตัวหันมาเห็นสายตาจริงจังจึงเอ่ยถาม

 
"เอ่ออ ผมเพิ่งเห็นรอยสักพี่ เท่ดีนะครับ"
 



     เอิร์ทหัวเราะก่อนจะเดินมาหา ก้มหน้ามามองใกล้ ๆ

 
"พี่บอกแล้ว คนที่นอนกับพี่ได้เห็นทุกคน"

 
"พี่เอิร์ทอย่าพูดสองแง่สองง่ามสิ"

 
"ฮ่า ๆ"

 
"ทำไมพี่ถึงสักรูปนี้ล่ะครับ"

 
"ไม่บอก พี่ไปอาบน้ำก่อนนะ"



 
"ครับ"

 
    ใช้เวลาสักพัก ถึงเห็นพี่เอิร์ทเดินออกมาจากห้องน้ำด้วยใบหน้าที่สดชื่นกว่าตอนแรก เด็กหนุ่มหน้าแดงตอนที่อีกฝ่ายใส่แค่กางเกงผ้าขาห้าส่วน ในขณะที่มือหนึ่งกำลังใช้ผ้าขนหนูผืนเล็กเช็ดผมที่เปียกชื้น ทั้งสองสบตากัน และเป็นเอิร์ทที่เอ่ยถาม
 
 
"เราเขินพี่เหรอ?"
 
 
"ฮะ? เอ่อ ก็ไม่ชินนี่ครับ"

 
    เอิร์ทเดินมาทิ้งตัวลงนั่งข้างจุนเจือและยิ้มกว้าง
 

"รอหน่อยนะ ผมยังไม่แห้ง"
 
 
"มันมีไดร์เป่าผมในห้องน้ำไม่ใช่เหรอครับ?"
 
 
 
"แล้วทำยังไง คือทำไม่เป็น"



"ถามจริง? เฮ้อ!..เดี๋ยวผมไดร์ให้ก็ได้ พี่เอิร์ทนี่น้าาา" จุนเจือหน้ามุ่ยพลางบ่นงึมงำ ก่อนจะดึงแขนพี่เอิร์ทให้ลุกไปที่ห้องน้ำ
 
 
     จุนเจือดึงไดร์ออกมาจากที่ติดผนัง เขามองหน้าคนที่ตัวโตกว่าพลางลอบถอนหายใจ



"พี่เอิร์ทย่อตัวลงหน่อยสิ พี่สูงกว่าผม ผมไดร์ลำบาก"






     เอิร์ทพยักหน้าหงึกหงัก ก่อนจะย่อตัวลง ก้มศรีษะให้จุนเจือได้เป่าผมของเขา



     เสียงไดร์เป่าผมที่ดังก้องทั่วห้องน้ำกำลังทำงานอย่างต่อเนื่อง ขณะที่จุนเจือตั้งใจเป่าผมให้อีกฝ่าย แต่จู่ ๆ เอิร์ทจับข้อมือของจุนเจือและเงยหน้ามอง



"เมื่อยคออะ จุนขึ้นไปนั่งบนอ่างได้ไหม?"



     จุนเจือพยักหน้าก่อนจะยกก้นขึ้นไปนั่งบนอ่างล้างหน้า ในขณะที่เอิร์ทก็ขยับตัวเข้าไปแทรกกายกลางหว่างขาเด็กหนุ่ม ท่วงท่าช่างดูล่อแหลมจนจุนเจือหน้าร้อนผ่าว



     ยามที่มือของเอิร์ทวางลงบนต้นขาของจุนเจือทั้งสองข้าง ยิ่งทำให้เด็กหนุ่มรู้สึกใจเต้นแปลกประหลาด มือหนึ่งของจุนเจือที่กำลังสอดเข้ากลุ่มผมชะงัก เมื่อเห็นสายตาของพี่เอิร์ทยามสบตากัน จ้องตากันอยู่ครู่หนึ่ง จู่ ๆ เอิร์ทเคลื่อนใบหน้าเข้าไปใกล้เรื่อย ๆ


     ยังไม่ทันได้ประทับริมฝีปากเด็กหนุ่ม เสียงมอเตอร์จากไดร์เป่าผมดังขึ้นอีกครั้งตอนจุนเจือสะดุ้งมือเผลอไปกดปุ่ม ทำให้ทั้งสองผละจากกัน จุนเจือหน้าแดง และเอิร์ทผงะทำตัวไม่ถูก
 
 
"เอ่อะ จุน พี่ไดร์เองดีกว่า ไม่น่ายากแล้วล่ะ เราไปนั่งรอพี่ข้างนอกนะ"



"ครับพี่เอิร์ท"
 
 
    ทั้งสองทำเหมือนก่อนหน้าไม่มีอะไรเกิดขึ้น ต่างฝ่าย ต่างผละออกจากกัน ในขณะที่จุนเขือขยี้ผมจนยุ่งเหยิง
 

"นี่เราเป็นบ้าอะไรวะ เลิกสับสนสักทีได้ไหม จุนเอ้ย"
.
.
.
.
"เอาไปเก็บที่ห้องพี่ก่อนนะ แล้วค่อยออกมาหาอะไรกิน"
 

"ครับ พี่เอิร์ท"
 

      ยามนี้ จุนเจือกลับมาเก็บเสื้อผ้าเรียบร้อย และรีบกระโดดขึ้นคร่อมมอเตอร์ไซค์ที่พี่เอิร์ทจอดรออยู่ไม่ไกลกันใครเห็น เด็กหนุ่มรีบตบไหล่คนขับให้ออกตัว เพื่อรีบกลับไปยังที่พักของพี่เอิร์ท เมื่อถึงที่หมาย วางสัมภาระเรียบร้อย ทั้งสอง ล้างหน้าล้างตานิดหน่อย ก็ออกมาหาของกินอร่อย ๆ รวมถึงตั้งใจหาที่รับลมชมวิวด้วย


      แต่แล้ว อยู่ดี ๆ พี่เอิร์ทก็โพล่งเสียจนจุนเจือตกใจ
 

"เออ พี่จำได้แล้วเพื่อนพี่เมฆเปิดร้านอยู่ที่นี่นี่หว่า แปปนึงนะ ขอโทรหาพี่แกหน่อย"
 

"อย่าเพิ่งเลยครับ" จุนเจือรีบฉวยมือพี่เอิร์ทให้หยุด เขากลัวว่าถ้าพี่เอิร์ทไปที่ร้านนั้น จะได้เจอกับพี่เมฆแน่ ๆ
 

"ทำไมล่ะ"
 

"เอ่อ วันนี้ ผมอยากพาพี่ไปที่อื่น ไว้พรุ่งนี้ดีกว่านะพี่เอิร์ท"



"อะ ๆ ตามใจเจ้าบ้านครับ" เอิร์ทบอกมาจุนเจือยิ้มก่อนจะพรูลมหายใจยาว เด็กหนุ่มทำหน้าที่พาทัวร์ร้านอาหารให้พี่เอิร์ทเป็นฝ่ายเลือก จนกระทั่ง กินเสร็จ จุนเจือจึงพาไปนั่งชิลกันต่อกับร้านที่จุนมานั่งกับพี่เมฆเมื่อวานนี้



      ทิ้งตัวลงนั่งไม่ทันไร จุนเจือก็เอ่ยถาม
 

"พี่เอิร์ท พรุ่งนี้ไปดำน้ำกันไหม?"
 

"ไป ๆ อยากไป"




"ถ้าไปกับพวกทริปดำน้ำ เขาพาพี่ไปชาร์คเบย์ด้วยนะ ดีไม่ดี อาจได้เห็นลูกฉลาม"
 

"เฮ้ย! เจ๋งว่ะ ไป ๆ ต้องจองเลยไหม?"
 

"ผมจองให้ ผมมีพี่ที่รู้จัก ถ้างั้นผมจะบุ้คไว้สองคนนะครับ"
 

"ได้"
 

     คุยกันสักพัก ขวดเบียร์เย็น ๆ ก็ถูกนำมาเสิร์ฟลงตรงโต๊ะ ทั้งสองดื่มไปไม่เท่าไหร่ มือถือจุนเจือก็ดังขัดขึ้น จึงรีบขอตัวไปรับโทรศัพท์มือถือ
 

"สวัสดีครับพี่เมฆ"
 

[จุนอยู่ไหนครับ?]
 

"ทำไมหรอครับ?"
 

[จุนเสร็จธุระแล้วมานอนกับพี่ไหม? พี่ว่าจุนต้องมีเพื่อนนอนนะ]
 

"ผมไม่เข้าใจครับพี่เมฆ ทำไมผมต้องมีเพื่อนนอน พี่พูดจาดูแปลก ๆ นะครับ" จุนเจืองงกับคำพูดที่พี่เมฆต้องการจะสื่อความหมาย
 

[เมื่อคืนจุนนอนผวาตลอด พี่ไม่รู้จุนเป็นอะไร? แต่พอพี่นอนจับมือจุน จุนก็เงียบลงและอาการดีขึ้น]



     เด็กหนุ่มหน้าร้อนผ่าว เมื่อนึกถึงเมื่อคืน กับสิ่งที่พี่เมฆบอกมา เขาไม่รู้เลยว่าเกิดอะไรขึ้นบ้าง
 

"ถ้างั้นไม่ต้องห่วงนะครับ คืนนี้ ผมมีคนนอนเป็นเพื่อนแล้ว"
 
 
[ใครครับ?]

 
"พี่ไม่ต้องรู้หรอกครับ แค่นี้นะพี่เมฆ"
 

[เอิร์ทมาถึงแล้วหรือ?]
 

"เอ่อ ใช่ครับ"
 

[จุนตั้งใจจะทำให้พี่เจ็บใช่ไหม?]
 

"ไม่ใช่อะไรทั้งนั้นครับ แค่นี้นะครับพี่เมฆ"
 

[เดี๋ยว....]



"อะไรอีกครับพี่เมฆ"



[ไม่ว่าจะยังไง พี่จะรอจุนนะครับ]




     จุนเจือชะงักไม่ตอบ ก่อนจะกดวางสาย



    ไม่รู้ว่าพี่เมฆต้องการสื่อความหมายของคำว่า 'รอ' ในรูปแบบไหน



     จุนเจือเดินกลับไปหาพี่เอิร์ทที่นั่งมองเขาด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม
.
.
.
.
ซู่ ซู่!!


 
"อ้าวฝนตก"



       ผ่านไปไม่ถึงสองชั่วโมง คนที่หวังจะนั่งรับลมชิล ๆ เพลิน ๆ อยู่ริมชายหาด ต้องรีบหลบฝนกันจ้าละหวั่น เมื่อจู่ ๆ ฝนก็ตกลงมาห่าใหญ่ จุนเจือและเอิร์ทถือแก้วและขวดเบียร์เข้าไปข้างในร้าน ยืนคุยกันว่าจะเอายังไงต่อ

 
"พี่เอิร์ทจะเอาไงครับ จะฝ่าฝนไปหรือจะนั่งรอให้ฝนหยุดดี"

 
"เบียร์หมดพอดีเลย ถ้างั้น เราไปทำอะไรสนุก ๆ กัน" เอิร์ทเสนอความเห็น แม้เขาจะดื่มไปไม่ทันได้เมามาย

 
"ยังไงครับ?"

 
"มาทำให้ดู"
.
.
.
.

     หลังจากเอิร์ทจ่ายเงินให้เสร็จสรรพ เขาจูงมือเด็กหนุ่มออกมาจากร้านบาร์ริมหาด ฝ่าสายฝนที่เทลงมากระหน่ำกลับที่พักที่อยู่ไม่ไกล โดยไม่สนสายตาใคร ไม่แม้แต่จะกลัวเสียงฟ้าร้อง ฟ้าผ่า

 
      จนทั้งสองพาตัวเองมาถึงที่หมายได้อย่างปลอดภัย ในสภาพเนื้อตัวเปียกมะล่อกมะแล่กเหมือนลูกหมาตกน้ำ

 
"พี่เอิร์ท พาผมเล่นอะไรก็ไม่รู้" จุนเจือบ่นอุบตอนเดินมาหยุดพักตรงประตูห้องด้านใน แล้วใช้มือบิดชายเสื้อไปด้วย

 
"สนุกออก" เอิร์ทยิ้มกว้าง พลางใช้มือสะบัดผมไล่หยดน้ำที่เกาะพราวทั่วเส้นผม ลอบมองเด็กหนุ่มที่ยืนตัวสั่นก่อนว่าต่อ

 
"เราไปอาบน้ำก่อนไป" เอิร์ทบอกพลางเดินไปถอดเสื้อตัวเองที่เปียกชุ่มในห้องน้ำ พอเดินออกมาก็ยังเห็นจุนเจือยืนตัวแข็ง

 
"ยืนมองพี่ทำไมครับ? ไปเร็วสิ พี่ก็หนาวนะเนี่ย"
 

"พี่อาบก่อนไหม?"



"ไม่ ๆ จุนนั่นแหละ อาบก่อน"

 
     จุนเจือยิ้มก่อนพยักหน้าเออออแล้วรีบไปอาบน้ำ




     จัดการธุระตัวเองเสร็จ ออกมาจากห้องน้ำก็ไม่พบพี่เอิร์ทอยู่ในห้อง จึงสาวเท้ายาว ๆ ไปส่องตรงประตูกระจกใส ถึงเห็นร่างสูงยืนหันหลังสูบบุหรี่อยู่ตรงระเบียง จุนเจือเปิดประตูบานเลื่อนเดินออกไปหา
 

"ผมอาบน้ำเสร็จแล้วนะพี่เอิร์ท"
 

"ครับ เข้าไปก่อน เดี๋ยวพี่ตามไป เราอย่าอยู่ตรงนี้ เหม็นควัน"

 
"ไม่ ผมจะรอตรงนี้แหละ พี่จะได้เลิกสูบ" จุนเจือยืนกรานเสียงแข็ง

 
       เอิร์ทยิ้มมุมปาก ก่อนจะบี้บุหรี่ที่สูบใกล้หมดมวน ทิ้งลงตรงที่เขี่ยบุหรี่วางอยู่ตรงโต๊ะกระจกเล็ก



"ชอบทำตัวน่ารักนะเรา ห่วงพี่เหรอ?"

 
"ใช่ ผมไม่ชอบเลยเวลาที่พี่เอิร์ทสูบบุหรี่เลย มันไม่ดีต่อสุขภาพพี่นะครับ"

 
"แต่วันนี้ พี่เพิ่งสูบตัวแรกของวันนะ ถ้าเราจะสังเกตสักหน่อย"



     จุนเจือเงียบ เขาจำได้ว่าพี่เอิร์ทสูบบุหรี่จัด อย่างน้อยก็วันละสิบตัวเห็นจะได้ ถ้าวันนี้ เขาจะสูบบุหรี่ตัวเดียวจริงอย่างว่ามันก็ดีหรอก แต่ไม่สูบเลยจะดีกว่า


 
"ดีแล้วครับ"



"ไหนล่ะรางวัล"
 

"ไม่ให้หรอก เพราะพี่เอิร์ทก็สูบตั้งตัวนึงแหนะ"
 

"ใจร้าย แค่นี้ก็ให้ไม่ได้"

 
       จุนเจือมองคนหน้าบูดก็แอบขำ เขาเดินไปสะกิดไหล่และบอก

 
"โอ๋ ๆ อยากได้อะไรครับ พรุ่งนี้จะได้ซื้อให้"

 
     ฟากเอิร์ทหมุนตัวไปหา จ้องตาจุนเจือไม่กระพริบ ก่อนจะผุดรอยยิ้มบางเบา ฝ่ามือหนาค่อย ๆ ลูบแก้มเย็นเฉียบของจุนเจือและเอ่ย

 
"จุนรู้ตัวหรือเปล่า ว่าพี่ชอบเรามาก"


กึก

      จุนเจือชะงักและใจเต้นแรง ยามที่จู่ ๆ อีกฝ่ายไม่ได้ทวงถามถึงรางวัล  แต่กลับพูดความในใจออกมา จุนเจือไม่กล้าสบตาต่อ เขาก้มหน้างุด แต่พี่เอิร์ทกลับเชยคางเขาขึ้น เพื่อให้สบตากันอีกครั้ง

 
"เอ่อะ พี่เอิร์ทเมาเหรอครับ?"
 

       เอิร์ทส่ายหน้าและยิ้มมุมปาก
 

"จุน พี่จูบเราได้ไหม?"



       สองมือชื้นเหงื่อที่แนบอยู่ข้างลำตัว กำลังกำมันแน่น หัวใจก็สั่นรุนแรง แล้วไม่รู้อะไรดลใจให้เด็กหนุ่มไม่ยอมตอบ แต่กลับหลับตาและไม่นานที่ริมฝีปากอุ่น ๆ เจือนิโคตินจะเคลื่อนประทับลงบนกลีบปากบางอย่างเนิบช้า
 
 
 
......................................................
[/b]
เพลงนี้ลอยมาเลยค่ะ

ไม่รู้จะเลือกใคร
จะหันไปทางไหน
ก็มีแต่ความรักดีดีให้ฉัน
ถ้าเสียคนหนึ่งไป
ฉันคงใจหายเหมือนกัน


เป็นกำลังใจให้ทั้งสามคนด้วยนะคะ


« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 13-11-2019 20:30:05 โดย rinyriny »

ออฟไลน์ ommanymontra

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3437
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +96/-0

ออฟไลน์ songte

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1425
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-1
อยากเชียร์เอิร์ทแต่ไม่รุ้พี่มันจะเป็นคนดีมั้ยเนี่ยะแหล่ะ ติดตรงนี้

ออฟไลน์ DrSlump

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3382
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +104/-2
 :pig4: :pig4: :pig4:

จุน...ถ้ารู้สึกดีกับทั้งสองคนและตัดสินใจเลือกใครคนใดคนหนึ่งไม่ได้  ก็ควบสองเลยสิ  หรือ 3P ก็ได้  อิอิ

ออฟไลน์ Stiiiii

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 41
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0
เราชอบเอิร์ธมากกว่าเมฆแล้วอ่าาาา
เชียร์เอิร์ธๆๆๆๆ

ออฟไลน์ klaew

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1258
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +36/-2
3P ม่ะตัดสินใจลำบากกกก
เอิร์ทก็ดี(แม้จะแอบเชียร์ให้พี่ดินก็เถอะนะ)
พี่เมฆก็อย่างที่รู้ว่าน้องก็ยังมีเยื่อใย
3p ไปเลย

ออฟไลน์ OoniceoO

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 975
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +35/-2
ยากจัง เลือกยากอะแต่จุนรู้ว่าจะต้องเลือกใคร

ออฟไลน์ ลูกกุญแจ

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 337
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +28/-2
เครียดแทนจุน รวบสองเลยมั้ย

ออฟไลน์ rinyriny

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 295
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +106/-1
บทที่ 19 จูบ










"พี่เอิร์ท พี่เอิร์ท" จุนเจือปลุกคนที่หลับใหลในเวลาเจ็ดโมงเช้าให้ตื่น เพราะต้องรีบอาบน้ำแต่งตัวเพื่อไปรอทัวร์ทริปดำน้ำที่คนขับรถจะมารับที่ล็อบบี้ของโรงแรมในเวลาเก้าโมงเช้า

 

 

"ห้ะ อื้มมมม?"

 

 

"ตื่นครับพี่ แล้วทำไมผมมานอนอยู่บนตักพี่เอิร์ทได้ล่ะครับ" จุนเจือถามตอนยกศรีษะออกจากตักด้วยสติที่ไม่เต็มร้อย เขาสงสัยว่าทำไมพี่เอิร์ทมานั่งที่เตียงของเขา ทั้ง ๆ เตียงพี่เอิร์ทอยู่อีกฝั่ง

 

 

"ก็เราอะ ทำพี่ตกใจ เมื่อคืนนึกว่าโดนดีเข้าให้แล้ว เรานอนผวาฮึมฮัมอะไรก็ไม่รู้ จนพี่ต้องลุกไปดู เราก็คว้าแขนพี่ไปกอดไว้ตลอด แล้วเนี่ยสภาพก็อย่างที่เห็น"

 

      จุนเจือนั่งครุ่นคิดเกี่ยวกับตัวเอง เมื่อคืน พี่เมฆก็พูดแบบนี้เหมือนกัน หรือช่วงนี้ เขากำลังยึดติดกับเรื่องร้ายที่เพิ่งเจอมาไม่นานถึงมีอาการแบบนี้  คนที่เอาแต่คิดวิตกสลัดความคิดทิ้งไป มองหน้าอีกฝ่าย เห็นบางอย่างผิดสังเกต จึงยกมือไปอังหน้าผากแล้วตาโต

 

"พี่เอิร์ทป่วยนี่ครับ" จุนเจือตกใจ ตอนที่แตะตัวอีกฝ่าย พี่เอิร์ทตัวร้อนจี๋

 

    เอิร์ทไม่ตอบ เขาแค่มองหน้าจุนเจือแล้วโน้มตัวไปซบไหล่จุนเจือที่นั่งอยู่ข้าง ๆ กัน พร้อมกับกุมมือไว้หลวม ๆ

 

"ก็เมื่อคืน จูบเรานานไปหน่อย"เอิร์ทบอกเสียงแหบพร่า

 

     จุนเจือเงียบและหน้าแดงจัดเมื่อพี่เอิร์ทพูดมาเช่นนั้น เพราะมันเป็นเรื่องจริงที่เด็กหนุ่มเถียงไม่ได้

 

    ย้อนไป เมื่อคืน หลังจากประเดิมจูบแรกตรงระเบียงอยู่เนิ่นนาน ก็หยุดพักเพียงเพราะเอิร์ทไปอาบน้ำ  ครั้นเอิร์ทชำระร่างกายจนสะอาดสะอ้าน เอิร์ทก็กลับมานั่งข้างจุนเจือและเป็นฝ่ายจู่โจมจูบเด็กหนุ่มอีกหน โดยคนโดนกระทำก็ไม่หือไม่อือ ตอบรับจูบนั้นโดยง่าย และไม่มีอะไรเกินเลยมากกว่านั้น

 

     จุนเจือยังคงนั่งเขินจัด ก่อนจะกลบเกลื่อนด้วยการดุเสียงเข้ม

 

"ถ้าพี่ไม่ป่วยนะ ผมจะผลักพี่ลงเตียงไปเลย"

 

"เรานี่ซาดิสม์นะ เอะอะจะทำร้ายพี่ตลอดเลย เมื่อคืนก็กัดปากพี่ โคตรเจ็บ" เอิร์ทพูดด้วยเสียงแหบพร่าขณะที่ยังซบหน้าบนลาดไหล่อีกฝ่าย

 

"พี่เอิร์ท!!!! หยุดพูดนะครับ" จุนเจือไม่ไหวแล้ว เขาถึงกับเสียงดังขึ้นเพราะอายที่พี่เอิร์ทเอาแต่พูดเรื่องนั้นไม่หยุด ถ้าไม่ติดว่า พี่เอิร์ทป่วย จุนเจือก็ยังจะทุบอกอีกฝ่ายให้ช้ำกันไปข้าง ในขณะที่ดุคนป่วยอยู่ จุนเจือสัมผัสได้ถึงลมหายใจที่เป่ารดซอกคอมันส่งไอร้อนจนน่ากลัว

 

"ดุเก่ง"

 

"พี่เอิร์ท ผมจะโทรไปยกเลิกทริปนะครับ พี่ตัวร้อนมากเลยอะ"

 

"แค่ตัวร้อน เดี๋ยวก็ดี พี่อยากไปดูฉลาม" เอิร์ทพยายามฝืนพูดทั้ง ๆ ที่เสียงแทบไม่มี เขาผละจากจุนเจือ ส่งยิ้มจาง ๆ ทำท่าจะลุกขึ้นยืน แต่สักพักเขากลับมานั่งตั้งหลัก หลับตา แล้วยกมือกุมขมับ

 

"เห็นไหม ดูสิ แค่นี้ก็ยังยืนไม่ไหวเลย ตอนนี้ พี่เอิร์ทอาจคิดว่าไหว แต่ถ้าเป็นหนักกว่านี้พี่จะทำยังไงล่ะครับ เพราะเมื่อวานที่พี่เอิร์ทเล่นพิเรนทร์ วิ่งตากฝนแน่เลย เป็นไงล่ะ?"

 

"แต่เราก็ตากฝนกับพี่ ไม่เห็นจะป่วยเลย" เอิร์ทเถียงเสียงแผ่ว

 

"เพราะเมื่อวาน พี่เดินทางมาไกลด้วย คงเหนื่อยและล้า ไม่รู้ล่ะ ผมจะโทรไปเลื่อนทริปแทนก็ได้ วันมะรืนค่อยไปกันนะ" จุนเจือเห็นพี่เอิร์ทยิ้มและพยักหน้ารับ จึงลุกจากเตียงพร้อมคว้าโทรศัพท์มือถือไปบอกกับทัวร์ดำน้ำเพื่อขอเลื่อนทริป

 

      หลังเสร็จธุระ จุนเจือไปล้างหน้า ล้างตา แปรงฟันให้รู้สึกสดชื่น ก่อนจะกลับมาหาพี่เอิร์ทด้วยผ้าขนหนูที่เปียกหมาด ๆ

 

 

"พี่เอิร์ท อย่าเพิ่งอาบน้ำนะครับ เช็ดตัวก่อน" จุนเจือบอกตอนที่ตัวเองทิ้งตัวลงนั่งริมเตียง บรรจงใช้ผ้าลูบแขนอีกฝ่ายอย่างตั้งใจปฏิบัติ จากแขนซ้ายไล้ไปแขนขวา เลื่อนมายังลำคอ ใบหน้า ก่อนจะไปซักผ้าให้สะอาด เพื่อกลับมาเช็ดส่วนล่างของร่างกายพี่เอิร์ท

 

"เราจะเช็ดตรงนั้นให้พี่ด้วยเหรอ?" เอิร์ทกดสายตาลงต่ำ ตอนที่เห็นจุนเจือกำลังเช็ดที่ปลีน่อง




    จุนเจือส่ายหน้าระอา ป่วยแค่ไหนก็ยังมิวายเย้าแหย่ให้เขาอารมณ์เสีย

 

"ใครบอก พี่ก็เช็ดเองสิครับ ถ้าผมเช็ดให้ พี่อาจไม่มีโอกาสได้ใช้มันอีกแน่"

 

     เอิร์ทหลุดหัวเราะผสมไอค่อกแค่ก่อนจะเงียบเสียงและนอนมองคนตรงหน้าที่ปรนนิบัติดูแลเอิร์ทเป็นอย่างดี

 

     หลังจากที่ จุนเจือบรรจงทำความสะอาดร่างกายคนไม่สบายเสร็จแล้วก็เอ่ยขึ้น

 

 

"ผมไปซื้อข้าว ซื้อยาให้พี่เอิร์ทก่อนนะครับ พี่นอนรอผมแปปนึงนะ ห้ามดื้อ ห้ามลุกไปไหนด้วย"

 

 

"พี่ต้องอยู่คนเดียวเหรอ?"

 

 

"แป๊ปเดียวเองครับ นี่เช้าแล้วพี่ยังกลัวผีอีกเหรอ?" จุนเจือเอียงคอถาม

 

    ฟากเอิร์ทส่ายหน้าก่อนตอบ

 

"พี่กลัวไม่มีเราอยู่ข้าง ๆ มากกว่า"

 

กึก

 

     จุนเจือชะงักกึกเพราะอายที่อีกฝ่ายพูดขึ้นมาแบบนั้น ก่อนจะเอ่ยประโยคต่อมาแก้เขิน

 

"ผมไปแป๊ปเดียวจริง ๆ นะครับ ไม่งอแงนะ"

 

"กลับมาเร็ว ๆ นะ" เอิร์ทบอกพร้อมบีบกระชับมือจุนเจือไว้ พอเด็กหนุ่มกำลังชักมือกลับเตรียมลุกขึ้นยืนนั้น เอิร์ทกระตุกมืออีกฝ่าบ

 

 

"จุน กอดทีดิ"

 

       จุนเจือนั่งมองพี่เอิร์ทส่งสายตาออดอ้อนจนใจอ่อน โน้มตัวลงไปหาคนที่พยายามฝืนอ้าแขนกลางอากาศ เด็กหนุ่มเข้าไปซุกตัวในอ้อมกอดคนป่วยที่แผ่กระจายความร้อนจนน่าเป็นห่วง

 

"พี่ไม่อยากให้เราไปไหนเลย" เอิร์ทว่าพลางกอดกระชับจนสัมผัสได้ว่าอีกฝ่ายก็กอดกลับ

 

 

"แต่ผมต้องไปซื้อยาให้พี่ เดี๋ยวพี่เอิร์ทป่วยหนักกว่านี้ ผมจะรีบไป รีบกลับนะครับ" จุนเจือพูดอู้อี้ในอ้อมกอดคนป่วยที่ดูเหมือนพอป่วยพี่เอิร์ทก็จะดูขี้เหงา ขี้อ้อนเป็นพิเศษ

 

"ก็ได้"

 

     เอิร์ทค่อย ๆ คลายวงแขนแล้วมองจุนเจือที่ยิ้มกว้างสดใส ก่อนจะเดินพ้นลานสายตาแล้วเอิร์ทถึงค่อย ๆ ปิดเปลือกตาลง

 

 

       ในขณะนี้ จุนเจือเดินออกไปหาซื้อของให้พี่เอิร์ทโดยยังไม่ได้อาบน้ำ ด้วยความเป็นห่วงก็รีบเดินดุ่ม ๆ จนถึงบันไดขั้นสุดท้าย เด็กหนุ่มเดินสะดุดเท้าตัวเอง ล้มหน้าคะมำด้วยความอายพนักงานต้อนรับเห็นรีบวิ่งมาดู และถามไถ่ จุนเจือเห็นแค่แผลถลอก รีบเอ่ยขอบคุณ และบอกว่าไม่เป็นอะไรมาก

 

    เด็กหนุ่มรีบลุกขึ้นมาปัดฝุ่น ก่อนจะพบแผลตรงข้างหัวเข่า และบริเวณตาตุ่มมีแผลถลอกและเลือดซิบ  ทว่า มันยังไกลหัวใจ แผลแค่นี้ ไม่ตายง่าย ๆ แต่ยอมรับว่า แผลแค่นี้ นี่แหละก็ทำเขารู้สึกแสบและคันยุบยิบใช่เล่น



"โอ้ย ยิ่งรีบยิ่งช้า จุนเอ้ย"




      จุนเจือเดินกระเผลก ๆ ไป เพราะพอทิ้งน้ำหนักก็รู้สึกเจ็บจี๊ด เดินพ้นตัวโรงแรม ออกมาตรงถนน เด็กหนุ่มหน้าซีดพลางเบิกตาโพลงเมื่อเห็นพี่เมฆกำลังเดินมาทางนี้

 

 "พี่เมฆ" จุนเจืองึมงำ




"อ้าว จุนจะไปไหนครับ?"

 

     จุนเจือสบถในลำคอ ไม่คิดว่าจะมาบังเอิญเจอพี่เมฆในเวลานี้ เขามองซ้าย มองขวาหาทางหนี ทีไล่ แต่ไม่รู้จะไปทางไหนดี ในเมื่อทางออกที่จะไปถนนใหญ่มันมีอยู่ทางเดียว คือ ทางที่พี่เมฆยืนขวาง  จุนเจือไม่หือ ไม่อือ ก้มหน้า หวังจะเดินผ่าน แต่พี่เมฆกลับฉวยข้อมือเด็กหนุ่ม

 

"จะไม่ทักทายพี่หน่อยเหรอครับจุน"

 

 

"สวัสดีครับพี่เมฆ" จุนเจือสะบัดมือออกจากการเกาะกุม ยกมือไหว้ แต่กลับโดนอีกฝ่ายยึดทั้งสองมือไปจับไว้อีกครั้ง

 

"ประชดพี่เหรอ? แล้วนี่จุนจะหลบหน้าพี่ทำไมครับ?"

 

"...."

 

"จุน"

 

"ผมยังไม่พร้อมเจอหน้าพี่เมฆครับ" จุนเจือบอกพร้อมก้มหน้า

 

"ทำไมครับ?"

 

 

    จุนเจือเงียบ ไม่อธิบายต่อ

 

 

"แล้วจุนจะไปไหนแต่เช้าครับ? เฮ้! จุนล้มหรือครับ?" จุนเจือตกใจตอนที่คนตรงหน้าว่าจบ รีบทรุดตัวลงนั่งพร้อมยกข้อเท้าจุนเจือขึ้นมาดูอย่างไม่นึกรังเกียจ

 

 

"พี่เมฆจะทำอะไรครับ ปล่อยเท้าผมนะมันสกปรก"

 

"ไปคลีนิคกับพี่" เมฆินทร์เงยหน้ามาบอกเด็กหนุ่มตอนที่วางเท้าลงกับพื้น

 

"ไม่ไปครับ ผมต้องรีบไปซื้อยาให้พี่เอิร์ทครับ พี่เอิร์ทไม่สบาย"

 

    จุนเจือแทรก จนเมฆินทร์ชะงักไปครู่สั้น ๆ เขาลุกขึ้นยืนเต็มความสูง ผุดรอยยิ้มแสนเศร้า

 

"พี่อิจฉาเอิร์ทจังเลยครับ มีจุนดูแลดีแบบนี้ แล้วทำไมไม่พาเอิร์ทไปโรงพยาบาลครับ เขาไม่สบายมากหรือเปล่า?"

 

"ก็ตัวร้อนครับ ผมเลยจะให้พี่เอิร์ทกินยาดักไว้ก่อน ผมไปแล้วครับพี่เมฆ"

 

"พี่ไปด้วยครับ จุนเจ็บขาอยู่"

 

      จุนเจือจิ๊ปากในลำคออย่างไม่สบอารมณ์ เมื่อพี่เมฆดึงดันจะไปด้วย




     ยิ่งทำตัวออกห่างเท่าไหร่ ดูเหมือนพี่เมฆก็จะยิ่งเข้ามาใกล้จนจุนเจือกลัวหัวใจตัวเองมากเท่านั้น

 

      ตลอดทางการเดินไปนั้น จุนเจือใจเต้นแรง ยามพี่เมฆจูงมือเขา แม้จะบอกจนปากจะฉีกถึงรูหู ว่าไม่ได้เป็นอะไรมาก แต่อีกฝ่ายก็ตีมึน จับมือไม่ปล่อย




      ความรู้สึกของจุนเจือตอนนี้ ไม่ต่างกับรถติดหล่ม อยากจะหนี จะเร่งเครื่องให้หลุดพ้น แต่ทำไม่ได้



        ความใกล้ชิดกันระหว่างเขากับพี่เมฆ กำลังทำให้กำแพงที่จุนเจือสร้างไว้ใกล้พังทลาย



      ยามนี้ พี่เมฆพาจุนเจือมาถึงคลินิค เขาปรี่ไปคุยกับเจ้าหน้าที่ตรงเคาน์เตอร์ จากนั้นก็เดินมาบอกจุนเจือว่าจะไปซื้อของให้เอิร์ท จนกระทั่ง เจ้าหน้าที่ขานเรียกชื่อจุนเจือ เด็กหนุ่มก็เข้าไปทำความสะอาดล้างแผล พร้อมปิดผ้าพันแผลสีขาวอย่างดี ซึ่งเอาเข้าจริงแผลถลอกแบบนี้ จุนเจือทำเองก็ได้ ไม่จำเป็นต้องมาคลีนิคให้เปลืองเงินและเสียเวลาโดยใช่เหตุเลย

 

 

    จุนเจือนั่งรอพนักงานเรียกเก็บเงิน ในระหว่างนั้น พี่เมฆก็กลับมาพร้อมถุงอาหารและยา แถมเจ้าตัวยังเดินไปจ่ายค่าทำแผลตรงเคาน์เตอร์ ปล่อยให้จุนเจือยืนนิ่งงัน

 

     จุนเจือสอบถามถึงค่าอาหารและยา แต่พี่เมฆยืนกรานจะเป็นคนออกเงินให้ทั้งหมด




       จุนเจือเริ่มระแวงว่า การที่พี่เมฆมาทำดีเพียงเพราะหลอกล่อให้เขากลับไปรัก ไปอยู่ในอ้อมแขนของคนใจร้ายอย่างเขาอีกหรือเปล่า? พอถึงเวลากลับไปจริง ๆ พี่เมฆจะร้ายกาจเหมือนเดิมไหม?




      ขากลับที่พัก เมฆินทร์เลือกใช้บริการแท็กซี่ทั้งที่อยู่ไม่ไกล เพียงเมฆบอกว่าห่วงจุนเจือ เด็กหนุ่มก็เกิดใจพองโต




     ตลอดทางการกลับไปที่พัก จุนเจือไม่พูดอะไรเลยสักคำ เขานั่งคิดไม่ตกกับเรื่องของพี่เมฆที่ดันกลับมาในเวลาที่มีใครอีกคนก็ดีแสนดีกับจุนเจือเช่นกัน




    ทำไมพี่เมฆต้องกลับมาทำให้ใจไขว้เขว




     ทำไมจุนเจือต้องตกอยู่ในสถานการณ์อันน่าลำบากใจ สถานการณ์ที่ต้องเลือกใครสักคนที่เหมาะสมและตัวเลือกนั้นก็ดีทั้งคู่จนตัดสินใจได้ยาก




    สถานการณ์ที่มีหัวใจเดิมพัน และหัวใจนั้นมันมอบให้ได้แค่คนเดียว




    ใช้เวลาเพียงแค่สิบนาที รถแท็กซี่ก็แล่นมาถึงหน้าโรงแรม เมฆินทร์เดินมาส่งจุนเจือถึงหน้าห้องเอิร์ท

 

"พี่เข้าไปได้ไหม?"

 

"ไม่ได้ครับ"

 

"แต่พี่เป็นเจ้านายเอิร์ท พี่จะเข้าไปเยี่ยมลูกน้องไม่ได้เลยหรือครับ?"

 

"แต่ตอนนี้เป็นเวลาที่พี่เอิร์ทลางานนี่ครับ ผมอยากให้พี่เอิร์ทมีเวลาพักผ่อนโดยที่ไม่มีเจ้านายของเขาไปยุ่งย่ามครับ เห็นเจ้านายก็เหมือนเห็นงานนั่นแหละครับ"

     

      จุนเจือตั้งใจว่าแรง ๆ ให้พี่เมฆได้เจ็บ แต่เด็กหนุ่มโมโหตอนที่พี่เมฆไม่สะทกสะท้าน กลับยิ้มมุมปากพร้อมยื่นถุงอาหารและยามาให้ พอจุนเจือรับไว้ อีกฝ่ายไม่ยอมปล่อยมือกลับกระตุกแขน แล้วรั้งเอวจุนเจือเข้าไปใกล้จนร่างเด็กหนุ่มชิดแผงอกอีกฝ่าย เมฆินทร์ยิ้มเจ้าเล่ห์ก้มหน้าลงมาจนจมูกชนกัน ก่อนจะเอียงใบหน้าตั้งใจประทับริมฝีปาก ค่อย ๆ ขบเม้มริมฝีปากล่างอย่างหยอกเย้าและคุ้นเคย

 

"เดี๋ยวนี้ ปากที่พี่ชอบจูบ ด่าเก่งขึ้นเยอะเลยนะครับ" เมฆินทร์ผละมาอมยิ้ม ยืนมองคนที่ยืนหน้าแดง หูแดง

 

"พี่กลับห้องก่อนนะครับ จุนก็อย่าลืมดูแลตัวเองด้วยล่ะ เราเองก็เจ็บ"

 

 

     จุนเจือมองรอยยิ้มอบอุ่นนั้นครู่หนึ่ง ก่อนหมุนตัวแล้วรีบแตะคีย์การ์ดเข้าห้อง เข้ามาก็ยืนพิงบานประตูหนาหนักแล้วลูบปากตัวเองที่เพิ่งโดนคนเอาแต่ใจขโมยจูบไปก่อนหน้า







"พี่เมฆแม่ง! เป็นแบบนี้ทุกทีเลยอะ"




     จุนเจือเลียริมฝีปากตัวเองที่ยังสัมผัสถึงไออุ่นที่พี่เมฆฝากทิ้งไว้ก็หน้าแดงจัด จุนเจือรีบเดินไปหาพี่เอิร์ทที่นอนซมอย่างน่างสงสาร พอได้ยินเสียงดังขึ้นมานิดหน่อย เจ้าตัวก็ลืมตาและพยายามหยัดกายขึ้นมาพิงพนักเตียง

 

 "ไปนานจัง"

 

"ขอโทษครับ ผมไปเทข้าวต้มก่อนนะ" จุนเจือจัดแจงทุกอย่างเสร็จสรรพก็มานั่งข้าง ๆ และป้อนข้าว ป้อนน้ำ

 

   เอิร์ทมองจุนเจือที่ดูแลดีจนเอื้อมมือไปแตะริมฝีปากที่เขาเพิ่งแลกจูบแสนหวานกันเมื่อคืน

 

"ขอบคุณนะครับที่ดูแลพี่"

 

"ครับ" จุนเจือยิ้มกว้าง ขณะนั้น มือถือเอิร์ทแผดเสียงดัง จุนเจือจึงอาสาไปหยิบให้ ครู่หนึ่ง ที่ปราดสายตาไปมอง เผลอเห็นรายชื่อที่โทรเข้ามาเป็นชื่อที่จุนเจือคุ้นเคยดี

 

"สวัสดีครับพี่เมฆ"

 

[อยู่ไหนล่ะ เอิร์ท]

 

"ผมอยู่เกาะแล้วพี่"

 

 

[งั้นหรือ? ดีเลย คืนนี้ไปไหนหรือเปล่า? ว่าจะชวนมาร้านพงศ์หน่อย]

 

 

"อ้าวพี่ก็ถึงเกาะแล้วหรอครับ? ได้ ๆ ผมไม่ได้ไปไหนครับ ผมว่าจะแวะไปหาพี่พงศ์อยู่เหมือนกันครับ"

 

[ดีเจอกันคืนนี้นะเอิร์ท แล้วนั้นไม่สบายหรือเปล่า? ทำไมเสียงดูไม่ค่อยดี]

 

"แค่ตัวร้อนเองครับพี่เมฆ ไม่มีอะไรหรอก"

 

[ดูแลตัวเองด้วยนะ พักผ่อนเยอะ ๆ หายไว ๆ คืนนี้จะได้เจอกัน]

 

"ครับพี่เมฆ"

 

    จุนเจือมองหน้าพี่เอิร์ท ก่อนทำทีแกล้งถาม

 

"มีอะไรหรอครับ?"

 

"พี่เมฆชวนไปร้านพี่พงศ์คืนนี้"

 

     จุนเจือก้มหน้าพลางกัดปากแน่น

 

"เราไปกับพี่นะ"

 

"เอ่อะ...แต่พี่เอิร์ทยังป่วยอยู่นะครับ...มันจะ..."

 

"พี่เขาชวนไปกลางคืน นี่ยังไม่เที่ยงเลย ถึงเวลานั้นพี่คงหายแล้วล่ะ โอเคไหม? เราไปกับพี่นะ"

 

"ได้ครับ" จุนเจือยิ้มกว้างอีกครั้ง

 

     เมื่อเอิร์ทกินอาหารและยาเรียบร้อย จุนเจือก็ดุไปอีกรอบให้อีกฝ่ายล้มตัวลงนอน  แต่ถึงแม้ ปากจะดุด่าแค่ไหน จุนเจือก็ยังนั่งอยู่ข้าง ๆ เอิร์ท พร้อมดูแลอย่างใกล้ชิด

.

.

.

.

"โกรธพี่เหรอเรา?"

 

"พี่ไม่ฟังผมเลย ผมบอกแล้วไงครับว่าให้พัก ให้พักน่ะ"

 

     จุนเจือบ่นไม่หยุด ก็พอพี่เอิร์ทหลับไปตื่นหนึ่ง พอลืมตาขึ้นมาแล้วบอกว่าอาการดีขึ้น ก็ออดอ้อนขอร้องจุนเจือให้พาไปเล่นน้ำ ทำหน้าทำตาน่าสงสารแล้วมีหรือ? ที่จุนเจือจะไม่ใจอ่อน 



      จนตอนนี้ ในเวลาสี่โมงเย็นที่เอิร์ทขี่มอเตอร์ไซค์ออกมาไม่ไกลจากตัวที่พัก ทั้งสองเดินอยู่บนชายหาด มองหาจุดที่พอหลีกเลี่ยงผู้คนหน่อย จนมาถึงจุดที่ไม่มีนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติมากมาย เอิร์ทก็ตั้งใจปักหลักลงที่นี่

 

"ก็มาถึงนี่ทั้งที พี่ก็อยากเล่นน้ำทะเลบ้าง"

 

"แต่ถ้าพี่ป่วยอีก ผมจะไม่ดูแลพี่แล้วนะ" จุนเจือขู่

 

 

    เอิร์ทหน้าหงอยตอนคลี่ผ้าลายพริ้นต์มาปูรองนั่ง วางถุงผ้าที่มีเสื้อผ้าตัวใหม่ไว้เปลี่ยนหลังเล่นน้ำเสร็จ

 

"โอเคครับ ถ้าพี่ป่วย ไม่ต้องดูแลพี่ แต่ตอนนี้ เรายิ้มได้ไหม? พี่อยากเห็นเรายิ้ม"

 

    จุนเจือถอนหายใจและพยายามปรับอารมณ์ให้คงที่ ถามว่าโกรธไหม? ก็โกรธ? แต่อีกใจก็สงสารอยู่เหมือนกัน

 

     จุนเจือใช้มือดึงมุมปากตัวเองให้ยกขึ้น

 

"ยิ้มแล้วครับ"

 

"ประชดอีกน่ะ"

 

    เอิร์ทบอกก่อนจะถอดเสื้อกล้ามเหลือเพียงกางเกงขาสั้น

 

"ไปเล่นน้ำกัน"

 

    จุนเจือมองคนที่ยิ้มกว้าง ก่อนจะมุ่งหน้านำไป เห็นแต่รอยสักเต็มแผ่นหลังขยับเคลื่อนไหวไปตามจังหวะการวิ่งก็เผลอกัดปาก




     พี่เอิร์ทโคตรเท่




     เด็กหนุ่มตัดสินใจเดินตามพี่เอิร์ทไปให้ทัน ทั้งสองลอยตัวอยู่กลางทะเล และจังหวะนั้น จุนเจือยิ้มกรุ้มกริ่ม ก่อนจะกดไหล่พี่เอิร์ทให้จมน้ำ คนที่อยู่ใต้น้ำได้จังหวะสะบัดตัวหนี ม้วนตัวว่ายไปอีกทาง ก่อนจะวกกลับมาจับขาจุนเจือใต้น้ำ

 

"อ้ะ พี่เอิร์ท ผมยอมแล้วครับ เจ็บครับเจ็บโอ้ย!"

 

    เอิร์ทรีบผุดขึ้นมาจากน้ำทะเล สะบัดผมและลูบน้ำออกจากใบหน้า




"พอพี่แกล้งกลับ เราโวยวายเลยนะอะไร? จับเบา ๆ บอกว่าเจ็บ?"




"ผมเจ็บจริง ผมล้มตอนออกไปซื้อยาให้พี่"




"เฮ้ย จริงดิ"




    เอิร์ททำหน้าตกใจสุดฤทธิ์ เขารีบยกขาจุนเจือขึ้นมาดู ก็เห็นผ้าพันแผลที่เปื่อยและยุ่ย




"ทำไมเราไม่บอกพี่วะ?" เอิร์ทดุจุนด้วยความเป็นห่วง ถ้าเอิร์ทรู้สักหน่อย จะไม่ชวนจุนเจือออกมาเล่นน้ำ




    ฟากจุนเจือพอโดนดุกลับบ้าง เขาหน้าจ๋อย ขณะกำลังลอยตัวอยู่ในน้ำ

 

 

"ผมขอโทษ ผมก็เพิ่งนึกได้ตอนมาถึงทะเลแล้ว อีกอย่างพี่บอกว่าอยากเล่นน้ำ ผมก็เลย...."




 

 "โถ่ จุน"




     เอิร์ทเห็นสีหน้าเด็กหนุ่มที่รู้สึกผิดและเหมือนจะร้องไห้ จึงดึงตัวจุนเจือเข้ามากอด




"พี่ขอโทษ พี่แม่งแย่เองว่ะ ลืมดูว่าเรามีแผล"

 

"ไม่ใช่ความผิดพี่เลย ความผิดผมเองครับ พี่เอิร์ท"




"ถ้างั้น เรากลับกันเลยเถอะ" เอิร์ทว่าตอนผละ




"ไหน ๆ  ก็เปียกแล้ว เล่นน้ำต่อเถอะครับ" จุนเจือบอกและรั้งแขนพี่เอิร์ทไว้




  ความใกล้กันทำให้เอิร์ทมองหน้าจุนเจือได้ชัดขึ้น จุนเจือน่ารักในสายตาเขาเสมอ ชายหนุ่มยิ้มก่อนถาม




"จุนว่า คนตรงหาดจะเห็นไหม ว่าเราทำอะไรกัน?" เอิร์ทถามพลางชี้นิ้วไปที่หาดทรายสีขาวที่มีแต่นักท่องเที่ยวต่างชาติชายและหญิงต่างนอนอาบแดด ซึ่งพวกเขาก็อยู่ห่างจากชายหาดมาไกลพอสมควร




"ไม่เห็นหรอกครับ ไกลขนาดนี้"




     จุนเจือยิ้มกว้าง แต่พอเห็นสายตาพี่เอิร์ทที่มองมาแฝงความนัย จุนเจือหลุบตาลงต่ำ ในขณะที่มือหนาเริ่มสอดมือเข้ากลุ่มผมตรงท้ายทอย




"งั้น เราจูบกันไหม?"

 

    ความท้าทายในการจูบกันบนพื้นที่เปิดก็ทำให้เด็กหนุ่มอยากลอง เขาแค่ขยับตัวเข้าไปใกล้ขึ้นนิดหน่อย ฟากเอิร์ทเคลื่อนใบหน้ามาประทับริมฝีปากและจูบกัน

 

 

      รสจูบที่ปร่าเค็มจากน้ำทะเลผสมผสานกับรสหวานจากความรัก




      ยามนี้ องค์ประกอบดั่งภาพศิลปะที่มีจุดเด่นอยู่ตรงที่บทจูบ คลื่นทะเล แสงแดด ท่ามกลางพื้นที่อบอวลด้วยความสุขของคนสองคน




        ทั้งสองยังแลกรสจูบกันอย่างต่อเนื่อง ส่วนมือหนาของเอิร์ทเริ่มลามไล้ไปลูบแก่นกายเด็กหนุ่ม โดยที่มือจุนเจือก็กำลังแตะเข้าส่วนกลางลำตัวของพี่เอิร์ทเช่นเดียวกัน หลักฐานมันฟ้องอย่างเห็นได้ชัด ว่าเอิร์ทกำลังรู้สึกดีกับรสจูบเด็กหนุ่มมากแค่ไหนเมื่อแก่นกายที่อ่อนนุ่มดั่งเยลลี่กำลังแข็งขืนดั่งเหล็กกล้า จุนเจือลากมือผ่านแล้วเอิร์ทก็จับข้อมือจุนเจือค้างไว้ แล้วดันมือจุนเจือออก




    ทั้งสองผละจากกัน ก่อนที่เอิร์ทจะยิ้มแล้วจุมพิตมุมปากเด็กหนุ่มผะแผ่ว

 

"จุน เป็นแฟนกันไหมครับ?"




------------ต่อด้านล่าง------------
[/b]

ออฟไลน์ rinyriny

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 295
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +106/-1
.

.

.

.

"สวัสดีครับพี่เมฆ พี่พงศ์" เอิร์ทยกมือไหว้และเอ่ยทักทาย ตอนที่มาถึงร้านตามกำหนดเวลาที่นัดหมาย 



     

    หลังจากที่เอิร์ทและจุนเจือกลับมาจากทะเล ทั้งสองก็รีบอาบน้ำแต่งตัวเพื่อให้มาร้านอาหารของพี่พงศ์ทัน โดยทั้งสองก็ไม่ได้มีการแลกรสจูบอะไรกันอีก เพราะแค่กลางทะเลก็มากเกินพอแล้ว



    ในระหว่างการทักทายของพี่เอิร์ทและพี่พงศ์ ครู่หนึ่ง จุนเจือหันไปมองพี่เมฆ แต่ไม่คิดว่าเขามองอยู่จึงสบประสานสายตากัน จุนเจือรีบเบือนหน้าหนีไปทางอื่น แล้วทิ้งตัวลงนั่งข้างพี่เอิร์ท

 

      ฟากพงศ์หรี่ตามองหน้าเด็กหนุ่ม เพื่อนรัก และ พนักงานในบริษัทของเมฆสลับกันไปมา ทำไมสถานการณ์ตรงหน้ามันดูพิลึกอย่างไรชอบกล? พงศ์กระซิบกระซาบกับเมฆที่จุนเจือก็ดูออกว่าอาการนี้มันเหมือนคนนินทา



        ครู่หนึ่งพงศ์ก็เอ่ยบอกให้ทุกคนทำตัวตามสบาย ก่อนจะปลีกตัวไปเตรียมอาหารให้  ในระหว่างนี้ บนโต๊ะอาหารจึงเหลือเพียงแค่เมฆ เอิร์ท และจุนเจือเท่านั้น







      เมฆได้แต่นั่งมองหน้าจุนเจือที่กำลังหัวเราะและส่งยิ้มให้เอิร์ทก็รู้สึกอึดอัด เจ็บในอกแปลก ๆ เขากำหมัดแน่นพลางเบือนหน้าหนีไปมองทะเล และฟังเสียงคลื่น เป็นจังหวะเดียวกับที่จุนเจือละสายตาจากพี่เอิร์ทหันไปเห็นคนตรงข้ามนั่งหลับตาหันหน้าไปทางท้องทะเลกว้างใหญ่ ก็เผลอกระตุกยิ้ม ก่อนจะหุบยิ้มเร็วไว เมื่อพี่เอิร์ทกระตุกมือเขาให้มองรูปในมือถือที่ทั้งคู่ถ่ายเล่นกันตอนอยู่ในห้องพักก่อนลงเล่นน้ำ

 

"พี่เอิร์ท ถ่ายเซลฟียังไงครับเนี่ย ผมไม่หล่อเลยอะ หน้าบานมาก แล้วดูสิ มีแต่พี่เอิร์ทที่ดูหล่ออยู่คนเดียว"




"ฮ่า ๆ พี่ว่าน่ารักดีออก แก้มเราเหมือนลูกซาลาเปา น่าฟัดว่ะ" เอิร์ทพูดแกมหัวเราะ ก่อนจะยีผมจุนเจือไปด้วย จนเด็กหนุ่มตีมือ




"น่ารักจังเลยนะครับ"




     จุนเจือชะงักงันทันทีพลันเหลือบมองพี่เมฆที่พูดขึ้นมาลอย ๆ เด็กหนุ่มหน้าซีดตอนเห็นสายตาพี่เมฆ

 

"เอ่อ ขอโทษครับพี่เมฆที่เสียมารยาท ผมขอชนแก้วพี่เมฆหน่อยนะครับ" เอิร์ททำทีเปลี่ยนเรื่อง




"ไม่สบายอยู่ไม่ใช่เหรอเอิร์ท ดื่มเบียร์แบบนี้จะดีเหรอ?"




"ตั้งใจไว้ว่าจะไม่ดื่มเยอะครับ"




      เมฆินทร์พยักหน้าเออออพร้อมยกแก้วเบียร์ขึ้นเตรียมชน



"จุนจะไม่ชนแก้วกับพี่หน่อยเหรอครับ"




      จุนเจือชะงัก พลางเม้มปากแน่น ก่อนจะคว้าแก้วของตัวเอง เพื่อชนแก้วกัน จนกระทั่ง พี่พงศ์มานั่งก็ได้ชนแก้วกันอีกรอบ จากนั้น พี่พงศ์ก็เป็นฝ่ายเปิดบทสนทนา ที่เริ่มเรื่องราวตั้งแต่จิปาถะไปจนถึงจริงจัง แต่ในบทสนทนาเหล่านั้น กลับไม่มีใครพูดถึงเรื่องราวของเซ็กซ์และความรัก



       เมื่อเวลาผ่านไปเรื่อย ๆ  ความสนุกสนานก็เริ่มเพิ่มขึ้นตามลำดับ แต่น่าเสียดายที่ร้านอาหารของพงศ์มีลูกค้าเข้ามาจนแน่นร้าน ทำให้เมฆตัดบทแยกย้ายกันกลับบ้าน แต่เอิร์ทติดลม เอ่ยปากอยากไปนั่งร้านชิลที่จุนเจือพาไปเมื่อวาน เมฆจึงตอบรับ ทั้งสามก็เลยย้ายจากที่หนึ่งไปอีกทีหนึ่งโดยพงศ์ไม่ได้ตามไปด้วย




    เมื่อถึงร้านใหม่ จุนเจือยกมือขอเลือกที่นั่ง โดยเขาเลือกมุมเดิม มุมนั่งพื้นที่อยู่ด้านนอกของร้านอาหาร เพื่อนั่งเอกเขนก รับลมชิล ๆ ที่ชายหาดได้อย่างสบายอารมณ์





"ที่เดิมที่เราเคยนั่งด้วยกันเลยนะครับ จุน" เมฆินทร์ทักตอนที่เห็นจุนเจือทิ้งตัวลงนั่งที่ที่ทั้งสองเคยมานั่งด้วยกันไม่กี่วันก่อน




      ฟากจุนเจือตวัดสายตาไปมองพี่เมฆ



"พี่เมฆว่าอะไรนะครับ" เอิร์ทถาม




"พี่แค่บอกว่าที่ตรงนี้ส่วนตัวดีนะครับ" เมฆินทร์บอกเอิร์ท แต่ขณะเดียวกันนั้น จุนเจือชักเริ่มไม่สนุกเพราะบรรยากาศตอนนี้กำลังแผ่กระจายความขมุกขมัวอึมครึมทั่วบริเวณ

 



"เราเป็นอะไรหรือเปล่า ดูหน้าเหมือนไม่ไหว" เอิร์ทถามจุนเจือ เมื่อเห็นเด็กหนุ่มสีหน้าดูแปลก ๆ




"ห้ะ ผมเหรอ? เปล่านะครับ ผมโอเคดีครับ พี่เอิร์ทแค่นั่งชิลห้ามดื่มเบียร์แล้วนะ"




"ครับผม ดุเก่งนะเรา" เอิร์ทว่าพลางหยิกแก้มจุนเจือ



        ในระหว่างที่พนักงานเพิ่งคล้อยหลังไป หลังจากที่ทั้งสามได้สั่งเครื่องดื่มไป เอิร์ทก็โพล่งขึ้น



"เดี๋ยวพี่มานะ จุน ไปซื้อยาก่อน"




"พี่ลืมเอายามาเหรอครับ? ทำไม? พี่เอิร์ทรู้สึกจะไม่สบายอีกแล้วเหรอ? ถ้างั้น นั่งนี่แหละ ผมไปซื้อให้" จุนเจือบอกพลางใช้หลังมือแตะลำคอ ฟากเอิร์ทอมยิ้มแล้วดึงมือจุนเจือมากุมไว้หลวม ๆ บนตัก




"ไม่เอา เราอยู่คุยกับพี่เมฆเหอะ"




"ถ้างั้นกลับห้องเลยครับ"




"เราเป็นอะไร? หงุดหงิดจัง พี่ไปซื้อยาไม่นานหรอก พี่อยากนั่งเล่นที่นี่ ตามใจพี่หน่อยนะ"  เอิร์ทอ้อนจุนเจือ ก่อนจะวางมือลงบนกลางกระหม่อมเด็กหนุ่ม




"รีบมานะครับพี่เอิร์ท" จุนเจือยิ้มกว้าง จนเอิร์ทต้องขยับตัวไปใกล้เพื่อกระซิบบอก

 

"ถ้าทำหน้าแบบเมื่อกี้อีก พี่บอกเลย ว่าคืนนี้เราไม่รอดแน่"




"พี่เอิร์ท!!!"




"ฮ่า ๆ เดี๋ยวผมมานะครับพี่เมฆ ขอตัวไปซื้อยาก่อนครับ" เอิร์ทหัวเราะเสร็จ ก็หันไปส่งยิ้มกับพี่เมฆ พอเอิร์ทพ้นลานสายตา เมฆินทร์ลุกตามไปติด ๆ ทิ้งให้จุนเจือนั่งลำพัง ก่อนจะกลับมากระตุกแขนจุนเจือให้ลุกขึ้น




"พี่เมฆจะทำอะไร?"





"ไปนั่งชิงช้าตรงนู้นกันครับ พี่บอกลูกจ้างให้เขาเฝ้าโต๊ะให้แล้ว"




"ไม่เอาครับ"




"พี่ขอร้องนะครับ จุน พี่อยากคุยเรื่องของเรา"




 

 

 


................................................................


3P ดีไหมนะ? 555
:o8: :o8: :o8: :o8: :o8:

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด