◾▪Hotel Room #ห้องนี้มีแต่เรา▪◾บทที่ 22(เมฆินทร์-จุนเจือ) |22.1.20| P.4 -ตอนจบ-
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ◾▪Hotel Room #ห้องนี้มีแต่เรา▪◾บทที่ 22(เมฆินทร์-จุนเจือ) |22.1.20| P.4 -ตอนจบ-  (อ่าน 21464 ครั้ง)

ออฟไลน์ DrSlump

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3382
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +104/-2
 :pig4: :pig4: :pig4:

ถ้าเราเป็นเมฆ  เราก็ไม่พอใจเหมือนกัน  ที่จุนมาวุ่นวายกับโทรศัพท์ของเมฆ

จุนไม่มีสิทธิที่จะไปรับโทรศัพท์ให้ใครสุ่มสี่สุ่มห้า 
ตราบใดก็ตามที่โทรศัพท์นั้นไม่ได้เป็นโทรศัพท์ของส่วนรวม
ส่วนเรื่องอื่น ๆ เราเฉย ๆ

ออฟไลน์ songte

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1425
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-1
เอ้าอึมครึมซะงั้น แต่นะจุนตกหลุมรักง่ายไปป่าว ยังงี้ก้เจ็บปวดใจซ้ำๆกันไปอีก

ออฟไลน์ rinyriny

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 295
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +106/-1
บทที่ 9 แค่คู่นอนไม่ใช่แฟน




     แม้ตั้งนาฬิกาปลุกไว้บอกตัวเองว่าจะหลับแค่สามชั่วโมง จากนั้นจะนั่งรอเปิดประตูให้พี่เมฆ แต่จนบัดนี้ จุนเจือยังนอนไม่หลับเพราะมีเรื่องราวกวนสมองให้ปวดหัว
 


       เขาไม่รู้จะทำอย่างไร จะหาเพื่อนคุยสักคนก็ไม่ใช่เวลา เพราะบัดนี้ก็ตีสองกว่า เขาจึงทำได้แค่นอนกระสับกระส่าย ดิ้นไป ดิ้นมาบนเตียงกว้าง



       เพราะตึงใส่กันก่อนหน้า ไม่ยอมเคลียร์กันให้เข้าใจเลยทำให้จุนเจือยังอารมณ์ค้างคา พะวักพะวง
 
"ผับน่าจะเลิกแล้ว ทำไมพี่เมฆไม่ขึ้นมานะ" จุนเจือบ่นงึมงำ และสุดท้ายก็ทนไม่ไหว ตัดสินใจหยัดกายลุกจากเตียง หาเสื้อเชิ้ตมาคลุมทับเสื้อกล้ามด้านใน ลงไปตามพี่เมฆข้างล่าง
 
    จุนเจือเดินออกมาจากลิฟต์ ทะลุไปยังส่วนล็อบบี้ ถามพนักงานรักษาความปลอดภัยว่าเธคใต้โรงแรมไปทางไหน พอพนักงานบอกทางมาโดยละเอียด จุนเจือเอ่ยขอบคุณ ก่อนจะหมุนตัวมุ่งหน้าไปทางที่เขาแจ้งมา เดินไปเรื่อย ๆ ก็เห็นตัวร้านสีดำ ติดป้ายไฟร้านนีออนสีชมพูสลับขาว เด็กหนุ่มสาวเท้าไว ๆ ไปทางเข้าเธค ยิ่งใกล้ ยิ่งได้ยินเสียงเพลงอึกทึกครึกโครมลอดมาจากด้านใน สองเท้าก้าวยาว ๆ จวนถึงประตู กำลังอ้าปากจะถามการ์ดเพื่อขอความช่วยเหลือ แต่ตอนนี้ไม่จำเป็น เพราะสองตาจุนเจือเห็นพี่เมฆเดินโอบเอวสาวสวยพะเน้าพะนอคลอเคลียข้างกันเดินออกมาจากร้าน
 



       จุนเจือหยุดชะงัก ใจสั่น หน้าชา ตัวชาไปหมด เมื่อเห็นภาพตรงหน้า จุนเจือรู้สึกหนักอึ้งเหมือนคนหายใจไม่ออก เขายืนมองพี่เมฆยิ้มหวาน ก่อนจะหอมแก้มหญิงสาวหุ่นเพรียวบางที่ไม่มีอิดออด ขัดขืน กลับตอบรับเอียงคอซบไหล่  ต่อมา สองคนนั้นเดินไปหาที่หลบมุมเงียบ ๆ พิงกำแพงแล้วจูบกัน โดยไม่ได้สนใจว่าตรงนี้จะเป็นพื้นที่เปิดหรือมีใครมาเห็น



    สถานที่แห่งนี้คงเป็นแหล่งนัดพบคนที่มีความต้องการเดียวกันเป็นส่วนใหญ่ นั่นคือ วันไนท์สแตนด์สินะ
 
 
      จุนเจือเสียใจ คนที่จุนเจือปลาบปลื้มกำลังสนุกกับของเล่นชิ้นใหม่  เด็กหนุ่มหมุนตัวหวังเดินกลับไปขึ้นห้อง แต่จู่ ๆ กลับมีอีกความคิดค้านในหัว
 
 
        ภาพการหยอกเย้าเชิญชวนกับสาวร่างบางมันตอกย้ำ ชัดแจ้งจนทำให้จุนเจือเปลี่ยนใจ เดินปรี่ไปหาพี่เมฆทันที
 
 
"พี่เมฆอยู่นี่เองหรือครับ เมามากหรือเปล่า? ผมมาตามพี่เมฆกลับห้องพอดีเลย" จุนเจือพยายามฝืนยิ้ม ทั้งที่ใจก็ไม่ได้รู้สึกดีเลยที่ต้องมายืนมองสองคนนั้นจูบกันไปแล้วก่อนหน้านี้ไม่กี่นาที



 
"ใครคะ? เมฆ? น้องชายเหรออ?" หญิงสาวถามเสียงดังตามประสาคนเมา มิวายซบไหล่เกาะเอวยายหนุ่มรูปงาม



     ฟากจุนเจือ พอเจอคำถามนั้น ทำให้เขาตระหนักว่า นั้นสิแล้วเขาเป็นอะไร? อยู่ในสถานะไหน? จุนเจือมองหน้าพี่เมฆที่ดูไม่ตระหนกตกใจที่พบจุนเจือยืนอยู่ตรงนี้


    จุนเจือมองพี่เมฆที่แม้ไม่เมามายถึงขั้นยืนโงนเงน แต่ก็พอจับอาการได้จากกลิ่นแอลกอฮอล์และใบหน้าแดงจัด
 
 
"มาทำไม?"



 
"พี่เมฆบอกว่าสองสามชั่วโมงจะกลับ แต่ผมไม่เห็นพี่เมฆไปเคาะเรียก ผมเลยลงมาตามครับ"
 


"แล้วพี่บอกเหรอครับว่าให้มา"
 
     จากคำพูดแล้งน้ำใจเช่นนั้นทำให้จุนเจือสะอึก พลางส่ายหน้าน้อย ๆ
 


"เปล่าครับ พี่ไม่ได้บอก ผมมาเองเพราะผมเป็นห่วงพี่" จุนเจือบอกเสียงสั่นเครือ
 


'อย่าร้องนะจุน อย่าร้อง'



 
     คนที่ก้มหน้างุด ตกใจเมื่อมืออุ่น ๆ มาบีบไหล่และดึงให้เข้าไปใกล้ ก่อนคนตัวใหญ่จะก้มลงมากระซิบบอกข้างหูสัมผัสถึงลมหายใจร้อนผ่าว



 
"เป็นแค่คู่นอนไม่ใช่แฟน อย่าได้คิดก้าวก่ายเรื่องส่วนตัวพี่อีก"

กึก



     จุนเจือนิ่งงันปล่อยให้พี่เมฆและคู่ควงคนใหม่ของเขาเดินผ่านหน้าไปด้วยกันก็รู้สึกจุกอก
 

      พี่เมฆไม่ผิด จุนเจือนี่แหละที่ผิด ดันใช้ใจลงไปเล่นในสนามแห่งนี้


 
     สนามที่บอกกติกาไว้ตั้งแต่แรกแล้วว่า มีแค่เซ็กซ์และเงินเท่านั้น...



     จะว่าไป ความรักนั้นเป็นสิ่งที่น่าดึงดูดใจพอ ๆ กับความทรมาน     จุนเจือเลือกไม่ได้หรอกว่าจะเสียใจหรือเปล่า? แต่ในบางครั้ง ความรักก็มักนำพาความเจ็บที่เราเลือกเองมาอยู่เสมอ
 
      หากเลือกได้ก็คงไม่มีใครอยากเจ็บปวด
.
.
.
.
.
        จุนเจือขึ้นห้องมาล้างหน้า ล้างตา ในระหว่างที่เดินขึ้นมา เขายังต้องพบภาพบาดตาที่ทั้งสองพลอดรักกันตรงล็อบบี้
 
 
        เด็กหนุ่มไม่รอแล้วว่าพี่เมฆจะมาหรือไม่ จากภาพที่เห็น เขาคงไปต่อกันที่อื่น  จุนเจือถึงเดินขึ้นมาที่ห้องได้ประมาสิบนาที ออกมาจากห้องน้ำ ปิดไฟ และทิ้งตัวลงนอนด้วยน้ำตาคลอเบ้า เขายกมือปาดน้ำตา ข่มตาให้นอน แต่เวลาผ่านไปไม่นาน ก็ได้ยินเสียงคนเคาะประตู
 

ก๊อก ก๊อก ก๊อก

 
       จุนเจือลุกขึ้นนั่ง ถอนหายใจ เขารู้ดีว่าเป็นพี่เมฆ แต่สิ่งที่เขากลัวที่สุด คือการพาสาวคนนั้นขึ้นมาในห้องด้วย สองเท้าหยุดชะงักตรงหน้าประตูห้องลอบถอนหายใจยาวอีกครั้ง ก่อนเปิดประตู เพียงประตูอ้าออกกว้าง กลิ่นแอลกอฮอล์ก็พัดผ่านเข้ามาจนคละคลุ้งทั่วห้อง

 
     เด็กหนุ่มเบี่ยงตัวหลบพี่เมฆให้เดินเข้ามา พอจุนเจือปิดประตู หมุนตัวกลับมาก็ตกใจเมื่อร่างเขาโดนเหวี่ยงจนหลังกระแทกผนัง และพี่เมฆจู่โจมประกบจูบจุนเจืออย่างไม่ทันตั้งตัว


    ช่างเป็นบทจูบที่เร่าร้อนพอควร แต่ความเร่าร้อนยั่วยวนนี้กลับมีใครอีกคนไม่สนุกด้วย
 
"อื้อออออ"

 
     จุนเจือทั้งตกใจ ทั้งเจ็บ เพราะรอบนี้ พี่เมฆไม่ถนอมกัน แถมยังจูบอย่างรุนแรง จุนเจือทุบอกรัว ๆ เพื่อต้องการเป็นอิสระจากการถูกขังในวงแขน

 
"พี่เมฆเป็นอะไร? ถ้าเมาก็ไปนอนครับ"

 
"จุนเป็นคนบอกพี่เองไม่ใช่เหรอว่าอยากมีอะไรด้วย"
 
 
"ผมไม่อยากแล้วครับ ผมจะนอน ปล่อยผม"

 
      จุนเจือดิ้นขลุกขลักภายใต้อ้อมแขนแข็งแกร่ง กลัวพี่เมฆในลุคส์โหดร้าย ป่าเถื่อนเช่นนี้ และดูเหมือนว่า คำพูดจุนเจือจะไม่มีความหมาย ในเมื่อเมฆินทร์ไม่ฟัง กลับฉุดข้อมือจุนเจือพาไปที่ห้องน้ำ
 
 
"พี่เมฆ"
 
 
        จุนเจือพยายามห้ามปรามเมื่ออีกฝ่ายกระชากเสื้อผ้าเขาให้พ้นตัว เด็กหนุ่มดิ้นสะบัดไปมา แต่ขืนแรงอีกฝ่ายไม่ไหว มือร้อนเมฆินทร์จับเอวและพลิกตัวจุนเจือหันหลัง ในขณะที่เมฆินทร์รูดซิบกางเกงลง ควักแท่งร้อนของเขาออกมาจ่อ ถูไถตรงช่องทางคับแคบของเด็กหนุ่มเพื่อกระตุ้นอารมณ์ให้แก่นกายแข็งตัว
 

"พี่เมฆครับ ผมไม่พร้อม"
 
 
      การมีเซ็กซ์กันหนนี้ จุนเจือไม่มีความสุข เขาร้องขออ้อนวอนพี่เมฆก็ยังคงดื้อดึง ดุนดันส่วนปลายสีสดพยายามสอดใส่ให้ได้

 
"เลียครับ จุน"
 

      น้ำตาปริ่มดวงตายามที่พี่เมฆบังคับให้จุนเจืออ้าปากงับและเลียนิ้วพี่เมฆ เด็กหนุ่มทำตามอย่างเลี่ยงไม่ได้ พี่เมฆส่งเสียงครางยามที่เขาขยับนิ้วเข้า-ออกเป็นจังหวะอยู่ในปากจุนเจือ เมื่อนิ้วชุ่มน้ำใส ร่างสูงถอนนิ้วออกแล้วแหย่เข้าไปในช่องทางรักเด็กหนุ่มที่ตอนนี้ตอดรัดแน่น
 
 
"อืมม แน่นนนดี"
 
 
     จุนเจือกัดปากจนเจ็บ พอเขาเอี้ยวตัวสะบัดหนี พี่เมฆก็ใช้มือบีบลำคอจากด้านหลังไม่ให้ขยับ
 

"แอ่นอีกครับ"
 
 
    มือหนาจับสะโพกจุนเจือให้ยกขึ้นสูงกว่าเก่า ใบหน้าเด็กหนุ่มแนบกับพื้นที่ว่างข้างอ่างล้างหน้า และยามนี้ แท่งร้อนสอดใส่เข้าไปด้านใน ไร้การหล่อลื่นเพื่อเพิ่มความชุ่มชื่นใด ๆ และช่องรักของเด็กหนุ่มก็ตอดรัดถี่ยิบเพราะความเจ็บมากกว่าเสียวกระสัน
 

อึ้ก
 
"อืมมม ของจุนตอดพี่จังนะครับ"

 
"พี่เมฆพอเถอะครับ ผมไม่ไหวแล้ว ผมเจ็บ"

 
    จุนเจืออ้อนว้อนขออีกครั้ง แต่คงห้ามคนที่อยู่ในห้วงแห่งกามารมณ์ไม่ได้ พี่เมฆร้องเสียงครางกระเส่าพลางกระแทกกระทั้นไม่มีหยุด

 
พั่บ พั่บ พั่บ

 
"อึ้ก พี่เมฆ ผมเจ็บ"

 
    จุนเจือร้องเสียงดังแต่เขายังกระทุ้งเข้ามาจนสุด เด็กหนุ่มปวดร้าวช่วงล่างไปหมดแล้ว จุนเจือร้องไห้ กัดปากสุดแรงจนได้กลิ่นคาวเลือดและทันใดนั้น
 
 
"พี่เมฆ จุนบอกว่าเจ็บไง หยุดได้ไหม จุนไม่ไหวแล้วนะ ฮืออออ" จุนเจือเค้นเสียงตะโกนดังลั่งห้องน้ำ ทำให้คนที่กำลังยึดสะโพกขยับรัวเร็ว ด้วยจังหวะจาบจ้วงรุนแรงก็หยุดชะงักงัน ร่างสูงถอนแก่นกายออก กดสายตามองเด็กหนุ่มที่ทรุดตัวลงกับพื้นทันทีแล้วนั่งร้องไห้
 
 
"จุน"
 

"พี่เมฆออกไปก่อนนะ"
 
     เมฆินทร์ตาสว่าง โน้มตัวลงไปแตะไหล่จุนเจือแต่อีกฝ่ายสะบัดหนี

 
"พี่ครับ ผมบอกให้ออกไป"

 
"พี่จะทำความสะอาดให้ ลุกขึ้นมาสิครับ" เมฆินทร์ยื่นมือให้อีกฝ่ายจับแต่จุนเจือปัดมันออก

 
"ไม่ต้อง ต้องให้ผมบอกอีกกี่รอบ ว่าให้ออกไปไง ผมอยากอยู่คนเดียวครับ ฟังผมบ้าง"



 
     เมฆินทร์ยืนมองเด็กหนุ่มตวาดสักครู่หนึ่ง ถึงเดินพ้นห้องน้ำไป ปล่อยให้จุนเจือนั่งร้องไห้ใต้อ่างล่างหน้า เด็กหนุ่มขาสั่น ตัวสั่น ก่อนจะรู้สึกแสบ ปวดหน่วงหนึบ และเหมือนมีของเหลวไหลออกมาจากช่องทางคับแคบ ก้มไปดูแล้วใช้มือแตะด้านหลังถึงพบว่า เลือดไหลซึมออกมา....
.
.
.
.
      ไม่น่าเชื่อว่าช่วงเวลาแค่ข้ามคืน ความสุขสนุกก่อนหน้าเหือดหายกลายเป็นความทุกข์เศร้าเข้ามาแทนที่ ในวันนี้ เป็นวันที่ทั้งสองต้องเช็คเอาท์ เพื่อย้ายไปอยู่โรงแรมใหม่
 
 
       ไม่มีใครพูดอะไรกัน นอกจากแค่เผลอสบตากันด้วยความบังเอิญเท่านั้น
 
       นึกการกระทำเมื่อคืนก็รู้สึกเสียใจ เป็นการกระทำเลวร้ายรับวันเกิดของจุนเจือเสียด้วย
 

"ลืมของอะไรหรือเปล่าครับ?" เมฆินทร์ถามเสียงนุ่ม
 
"ไม่ลืมครับ"

 
      จุนเจือเก็บของใส่กระเป๋าเสื้อผ้าจนครบ เขาเดินตามพี่เมฆไป จัดการธุระเสร็จเรียบร้อย คืนของทุกอย่างแก่โรงแรม ก็มุ่งหน้าไปยังลานจอดรถ โดยตลอดทางนั้น ไม่มีใครพูดอะไร จนกระทั่งทั้งสองสอดตัวเข้าไปในห้องโดยสารของรถยุโรปสีดำคันงาม เคลื่อนตัวออกสู่ท้องถนนกว้าง เผชิญการจราจรติดขัดมาได้สักระยะ เมฆถึงเอ่ยขึ้น
 

"เรื่องเมื่อคืน พี่ขอโทษ"

 
"พี่จำได้ด้วยหรอครับ พอดีผมลืมมันไปแล้วล่ะครับ" จุนเจือตอบ ฟากเมฆินทร์มองหน้าจุนเจือที่ดูผิดหวังในตัวเขา  เมฆินทร์จึงเงียบ ไม่อยากให้สถานการณ์ดูเลวร้ายลงไปมากกว่านี้
 

     รถยนต์คันงามแล่นมาถึงโรงแรมแห่งใหม่ ในเวลาสิบเอ็ดโมง ทั้งสองจอดรถเรียบร้อย เดินเข้าสู่ตัวโรงแรมเพื่อไปยังจุดรีเซ็ปชั่นทำการเช็คอิน และขึ้นห้อง

 
    เมฆินทร์ไม่ได้ถือกระเป๋าเสื้อผ้าลงมา เพราะเขาแค่มาดูห้องใหม่และตั้งใจมาส่งจุนเจือเท่านั้น

 
"ถ้าพี่มีอะไรจะโทรหา"
 
"ครับ"
 

      ตอนนี้ ทั้งสองเดินเข้ามาด้านในห้อง และไม่มีใครสนใจความสวยงามของการตกแต่งห้องพักเลย ยามนี้เมฆินทร์สนใจแต่จุนเจือ ยืนจดจ้องมองใบหน้าเด็กหนุ่มที่ติดจะตาบวม ไหนจะสังเกตอาการมาตลอดว่าจุนเจือเดินช้าผิดปกติ เหมือนคนไม่มีแรง


     ทันใดนั้น ร่างสูงเดินไปกอดเด็กหนุ่มโดยไม่พูดอะไร ในตอนแรกจุนเจือก็ดิ้นขลุกขลัก เมฆินทร์กลับกระชับกอดแน่น แล้วซุกหน้าลงซอกคอเด็กหนุ่มปล่อยให้ลมหายใจอุ่นเป่ารดซอกคอขาว จนจุนเจือหยุดต่อต้านและสงบลง


    เนิ่นนานพอควรที่ทั้งสองยืนกอดกันอย่างเงียบ ๆ และเมฆินทร์ก็ปล่อยร่างเด็กหนุ่มให้เป็นอิสระ เขาลูบผมจุนเจือแล้วเอ่ยอีกครั้ง
 
"พี่ไปทำงานก่อนนะครับ ถ้าหิว โทรสั่งรูมเซอร์วิส ส่วนค่าใช้จ่ายให้พนักงานลงบิลค่าห้องไว้ พี่จะมาเคลียร์เอง"

 
"ครับ"

 
    เมฆินทร์ลูบเปลือกตาบวมตุ่ย ก่อนจะดึงจุนเจือมาจูบข้างขมับ ไล่มาหอมแก้มขาวใส ผละออกแล้วเดินออกไปจากห้อง


       เพียงเสียงประตูปิดลง สักพัก จุนเจือก็ได้ยินเสียงข้อความเข้าในโทรศัพท์มือถือ หยิบมันมาดูพบข้อความที่มียอดเงินเข้ามาจากธนาคารแห่งหนึ่ง

 
11:27
บชX264764X เงินเข้า 20000.00 คงเหลือ 62088.60 บ.
 
 
         จุนเจือเปิดประตูออกไปดูไม่พบพี่เมฆแล้ว เขาจึงโทรกลับไป

 
"พี่เมฆโอนให้ผมใช่ไหมครับ?"
 

[ครับ]

 
"ยอดมันเยอะจัง นี่มันไม่ใช่ราคาที่พี่ต้องจ่ายผมโดยปกติ มันคือค่าอะไรครับ"
 
 
[ไม่ต้องกังวล พี่เต็มใจให้ แค่นี้ก่อนนะครับพี่ติดสายเรื่องงานอยู่]
 

"เอ่อครับ ขอบคุณครับ"
 

    จุนเจือเม้มปากแน่นก่อนตัดสินใจ คว้าของสำคัญออกจากห้องเพื่อกลับบ้านไปหาแม่

 
"อ้าวจุน มาได้ไง"

 
     จุนเจือเดินไปหาแม่แล้ววางกล่องเค้ก ไว้บนโต๊ะกลางตรงโซฟา เขารู้อยู่แล้วว่าวันนี้จะมีแม่อยู่บ้านเพียงคนเดียว ส่วนพ่อและพี่สาวก็ออกไปทำงานยังไม่กลับ การที่มาเจอแค่แม่มีโอกาสจะไม่โดนซักไซร้ไล่เรียงมากนัก
 

"จุนมากินเค้กวันเกิดกับแม่"

 
"แล้วทำไมแวะมาหาได้ ไหนว่าจุนบอกมากรุงเทพเพราะมาทำธุระให้โรงแรมกับหัวหน้าไม่ใช่เหรอ?"

 
      จุนเจือเงียบไปนิด การโกหกนี้ไม่ใช่เรื่องดีเลย เพราะเขารู้สึกว่า บางทีมันเหนื่อยที่จะต้องสร้างเรื่องราวต่อไปเรื่อย ๆ

 
"ก็ใช่แหละแม่ นี่จุนถึงอยู่กับแม่ได้แป๊ปเดียว เดี๋ยวก็ต้องไปแล้ว"
 
"แม่ว่าจะโทรไปอวยพรพอดี จุนมาเลยก็ดี แต่แม่ยังไม่ได้ทำกับข้าวนะ"
 
"ไม่เป็นไรครับ จุนไม่ค่อยหิว จุนแค่อยากมาหาแม่มากินเค้กกันเฉย ๆ"

 
       แม่จุนเจือยิ้มเอ็นดู ลูกชายก่อนเดินมาลูบผมเด็กหนุ่มที่ในสายตาของผู้เป็นแม่ ยังดูเด็กน้อยเสมอ


"สุขสันต์วันเกิดนะจุน แม่ขอให้ลูกพบเจอแต่ความสุข หากเจอทุกข์ก็ขอให้มีสติตั้งมั่น ได้พบเจอกัลยาณมิตรดี ๆ นะลูก"


"ขอบคุณนะแม่ เรามากินเค้กกัน มาตัดแบ่งให้พ่อกับพี่แจนด้วย"
 
"อืม แม่ไปหยิบจานก่อนนะ"

 
     จากนั้น ทั้งสองก็นั่งกินเค้กและคุยเรื่องจิปาถะปะปนกันไป จนมาถึงเรื่องงานที่แม่เป็นห่วง

 
"จุนจะทำงานที่เกาะถึงเมื่อไหร่?"
 
"ก็ลองดูก่อนน่ะแม่ ถ้าโอเคอาจทำสักปีสองปี"
 
"จุน ถ้าเหนื่อยก็กลับมาอยู่บ้านเรานะลูก"

 
    เพียงเท่านั้น จุนเจือก็น้ำตาไหล ลุกจากเก้าอี้ไปโผกอดแม่
 

"จุนรักแม่นะ"


"แม่ก็รักจุนจ้ะ"


     ทั้งสองกอดกันกลม จนได้เวลาที่จุนต้องกลับ เขายื่นเงินจำนวนหนึ่งให้แม่ เป็นส่วนที่เขาคำนวณไว้แล้วว่าหากปิดบัตรเครดิตไปส่วนหนึ่ง แล้วเหลือบางบัตรไว้จ่ายขั้นต่ำไป อย่างน้อยหนี้ก็ลดลงและไม่กระทบกับกำลังทรัพย์จุนเจือ หากเทียบกับแต่ก่อนที่จุนเจือยังไม่ได้ทำงานกับพี่เมฆ



"จุนเอามาให้แม่ทำไม ไม่เอา"
 

"เอาไปเถอะแม่"
 

"แล้วจุนเอาเงินมาจากไหน จะพอใช้ไหม?"

 
"พอสิแม่ ไม่ต้องห่วงจุนนะ"

 
"จ้ะ ถ้างั้นจุนไปทำงานต่อเถอะ ไว้มากรุงเทพอีกก็ค่อยมาใหม่ ไว้เดี๋ยวแม่จะส่งน้ำพริกไปให้"

 
"ขอบคุณครับแม่" จุนเจือส่งยิ้มให้แม่ แม้ลึก ๆ จะรู้สึกผิดที่โกหกแม่กับการมากรุงเทพฯ หนนี้

 
      จุนเจือเดินออกไปหน้าบ้าน โดยมีแม่เดินมาส่งตรงประตูรั้ว

 
"จุนไม่สบายหรือเปล่า?"
 

"ทำไมครับแม่"
 

"ก็ดูเดินสิ เหมือนคนไม่มีแรงเลย" จุนเจือชะงักกึก เขามองหน้าแม่
 

"เปล่า แม่ คงเหนื่อยที่วิ่งวุ่นทำธุระกับหัวหน้าน่ะ เลยหมดแรง"
 

"ดูแลสุขภาพด้วยนะลูก"
 

"ครับแม่"

 
    หลังจากได้รับคำอวยพรให้โชคดี จุนเจือก็เดินไปขึ้นรถแท็กซี่ที่พี่พนักงานรักษาความปลอดภัยหน้าหมู่บ้านเรียกเข้ามาให้


    ปลายทาง คือ ห้างสรรพสินค้าที่จุนเจือจะไปตั้งอยู่ไม่ไกลจากตัวโรงแรม เขาตั้งใจจะไปซื้อเบียร์หวังดื่มที่ห้อง ระหว่างนั้น เครื่องมือสื่อสารก็ดังขึ้น
 

[แฮปปี้เบิร์ทเดย์ ทู ยู...แฮปปี้เบิร์ทเดย์ ทู ยู....แฮปปี้เบิร์ทเดย์ แฮปปี้เบิร์ทเดยยยยยยย์ แฮปปปปปี้เบิร์ททททเดย์ ทู ยู สุขสันต์วันเกิดนะจ้ะ ร่ำรวย ๆ มีความสุขมาก ๆ มีผัวหล่อ รวย xวย ใหญ่ นะจ้ะ วันนี้จะพากูไปเลี้้ยงที่ไหนดี เห็นมึงไลน์มาบอกว่าอยู่กรุงเทพแล้วนี่!]
 

"มึงโทรมาก็ดี"
 

[อะไรวะ จุน น้ำเสียงไม่ดีใจกับคำอวยพรของกูเลย] จากเสียงร่าเริงแปรเปลี่ยนเป็นเสียงสงสัย เมื่อจุนเจือทำน้ำเสียงเคร่งเครียด
 

"กูอยากร้องไห้ว่ะแพร"
 

[ไอ้จุน เป็นอะไรวะ มึงอยู่ไหน?]
 

     จากนั้นจุนเจือก็บอกสถานที่นัดพบกับเพื่อน แล้วในเวลาที่นัดเจอ แพรก็มาปรากฎตัวพร้อมของขวัญเล็กน้อย ๆ เป็นเสื้อยืดสีขาวเนื้อบางที่จุนเจือชอบใส่
 

"มากรุงเทพ ทำไมไม่พักที่บ้าน มาอยู่โรงแรมซะหรูเชียวนะ" แพรว่าพลางกวาดตามองรอบห้องด้วยแววตาตื่นเต้น
 

"มีคนเปิดห้องให้"
 
"ว้าววววว ใคร ไม่เล่าให้ฟังเลยนะ จุน"


 
    จุนเจือเดินไปหยิบเบียร์มาสองกระป๋องในตู้เย็นให้ตัวเขาและเพื่อน ส่วนกลางมีกับแกล้มอย่างพวกหมูแดดเดียว กุ้งแช่น้ำปลา แกล้มเบียร์เล็กน้ยย ฟากแพรเห็นจุนเจือทำหน้าไม่สู้ดี เธอเลยถามเพิ่ม

 
"เกิดอะไรขึ้นวะจุน วันนี้วันเกิดมึงนะยิ้มหน่อยสิวะ"

 
"มึงจำลูกค้าที่กูเคยเล่าให้ฟังที่เจอที่โรงแรมได้ไหม?" จุนเจือเข้าเรื่อง ในขณะที่ทั้งสองนั่งที่พื้นตรงปลายเตียง

 
"อ้อจำได้ ที่มึงเล่าให้ฟังว่าเขาเมาแล้วจูบมึง"

 
      จุนเจือพยักหน้ากับสิ่งที่เพื่อนบอก

 
"กูมีอะไรกับเขาแล้ว"
 
"ห้ะ มึงว่าอะไรนะ?"

 
      จากนั้นจุนเจือก็เริ่มเล่าเรื่องราวให้แพรฟังตั้งแต่ต้นจนจบ

 
"อ้ออย่างนี้ งานที่มึงเคยคุยค้างกับกูล่าสุด ก็คือ การที่มึงต้องมีเซ็กซ์กับเขาแลกเงิน เท่าที่ฟังมันก็ดีนี่หว่า ได้ทั้งเงิน ได้ทั้งมีอะไรกับคนที่มึงรู้สึกดีด้วยแล้วจะเครียดทำไม?"

 
"เพราะกูชอบเขาแล้วไง กูแม่งไม่ควรเอาใจลงไปเล่นเลยว่ะ"

 
"ทำไมวะ มึงกลัวอะไร? เขาอาจชอบมึงด้วยก็ได้"

 
    จุนเจือส่ายหน้ารัว

 
"ไม่ เขาไม่ได้ชอบกู"
 

"อะไรทำให้มึงคิดแบบนั้น?"
 

"เพราะเมื่อวาน เรื่องของเรื่อง คือเขาไปเที่ยวผับในโรงแรมคนเดียว กูเห็นว่ามันนานเกินเลยไปตามเขา พอเจอเขาตอกหน้ากูมาว่ากูแค่คู่นอนไม่ใช่แฟนอย่ายุ่งเรื่องส่วนตัวของเขาอีก คนชอบกันเขาจะพูดอย่างนี้หรอแพร?"
 

"เออ ก็จริงว่ะ" พอได้ฟังที่จุนเจือเล่า แพรก็เห็นด้วย
 

"ไม่ใช่แค่นั้นนะมึง เขายังได้ผู้หญิงกลับมาด้วย"
 
    แพรมองเพื่อนตอบด้วยใบหน้าเศร้าสร้อย

 
 "จริงดิ"

 
"อืม"
 

"ถ้างั้น แสดงว่าเมื่อคืน พี่เขาไม่กลับห้อง เขาไปมีอะไรกับผู้หญิงคนนั้นแล้ว?"

 
    จุนเจือส่ายหน้า ยิ่งทำให้เพื่อนที่นั่งฟังเลิกคิ้วขึ้นสูงอย่างมีคำถาม

 
"เปล่า เขาก็ขึ้นมานอนกับกูที่ห้องน่ะแหละ" จุนเจือบอกแพรเท่านั้น เขาไม่กล้าเล่าเรื่องที่โดนพี่เมฆขืนใจด้วย มันเป็นเรื่องน่าอายที่ขนาดพี่เมฆทำรุนแรงกับเขาอย่างนั้น ความชื่นชอบในตัวพี่เมฆก็ไม่ได้ลดลงเลย แถม จุนเจือก็ไม่คิดตัดใจเสียด้วย
 

"ป้าดดดดนั่งไง" แพรว่าพลางตบเข่าฉาด
 

"อะไรวะแพร?"
 

"ถ้างั้น กูว่าเขาก็มีใจให้มึง" แพรเสนอความเห็น
 

"ไม่จริง ถ้าเขามีใจให้กู เขาคงไม่ใช่คำพูดแรง ๆ ว่ากูเป็นแค่คู่นอนหรอกมึง"
 

    คำว่า คู่นอนมันฝังใจจุนเจือไปแล้วบางทีพี่เมฆอาจต้องการใครสักคนที่เขาคบได้แบบไม่ผูกมัด เพื่อไม่ให้รู้สึกอึดอัดยามใดที่เบื่อหรือระอาใจก็สามารถเดินออกจากความสัมพันธ์นี้ไปได้โดยง่าย อย่างไร้พันธะหรือข้อผูกมัดใด ๆ
 



"แต่มันก็แปลกไงมึง อุตส่าห์ได้สาวติดไม้ติดมือมาด้วย ทำไมถึงไม่ยอมมีเซ็กซ์กับผู้หญิงคนนั้น กูมั่นใจว่าผู้หญิงก็ยินยอมวันไนท์สแตนด์ด้วย แบบ วิน- วิน ทั้งสองฝ่าย แต่เขากลับขึ้นมาหามึง มานอนกับมึงเนี่ยนะ"
 

"กูก็ไม่รู้ แพร"  จุนเจือตอบด้วยคิ้วขมวดกันเป็นปม หากเขารู้ เขาก็คงไม่มานั่งเครียดแบบนี้
 

"กูว่ามันน่าสงสัยอยู่" แพรยกมือลูบปลายคางทำท่าครุ่นคิด


"แพร?"
 

"อืม!"
 
"มึงคิดว่าความสัมพันธ์ของคู่นอนอย่างกูมันจะเปลี่ยนมาเป็นความรักจริงๆได้ไหมวะ?" จุนเจือถามความเห็นเพื่อน เขาอยากรู้ว่า ความเป็นไปได้ในความสัมพันธ์ระหว่างเขากับพี่เมฆมันจะไปไกลกว่าคำว่าคู่นอนได้ไหม ? พี่เมฆคิดจะสนใจจุนเจือบ้างหรือเปล่า?

 
      ฟากแพรมองหน้าเพื่อนพลางลอบถอนหายใจยาว

 
"จุน กูไม่รู้จริง ๆ ว่ะ มันไม่มีอะไรแน่นอนหรอกมึง แต่ก็ไม่แน่นะ ถ้ามึงพยายามทำให้พี่เขาเห็นว่ามึงไม่ได้หวังมีเซ็กซ์เพื่อเงิน แต่มึงหวังจะจริงจังกับเขาเพื่อพัฒนาความสัมพันธ์ไปแบบแฟน ไม่แน่ พี่เขาอาจจะเห็นในสิ่งที่มึงทำแล้วตกลงปลงใจคบกับมึงก็ได้นะ" แพรไม่รู้ว่าจะหาคำตอบไหนให้เพื่อนใจชื้น แต่เธอก็เชื่อว่าทุกความสัมพันธ์ย่อมมีความหวัง
 

"กูจะผิดหวังไหมวะแพร?"
 

"เรื่องนี้ไม่มีใครให้คำตอบมึงได้ ถ้ามึงไม่ลองดู"
 

"สรุปคือกูต้องลองใช่ไหม แม้จะผิดหวังก็ยังดีกว่าไม่ได้ลงมือทำใช่ไหม?" จุนเจือย้ำเพื่อต้องการหาแนวร่วม
 
 

"ใช่"
 

     แพรพยักหน้า ก่อนจะครุ่นคิดอีกนิดหน่อยเพื่อหาทางช่วยเพื่อน

 
"กูมานั่งคิดดูนะจุน พี่เมฆของมึงเขาก็ไม่ใช่อายุน้อย ๆ  คนอย่างพี่เขาที่มีพร้อมทุกอย่าง ทั้งหน้าที่การงาน เงินทอง บางทีเขาออาจจะอยากใช้ช่วงเวลานี้รักสนุกไปก่อน แต่ไม่ใช่แบบคนเจ้าชู้น่ะ"


"มึงหมายความว่าไงแพรกูไม่เข้าใจ"
 

"พี่เขาอาจรักสนุกแต่ในขณะเดียวกัน พี่เขาก็กำลังมองหาใครสักคนที่อยากจริงใจด้วย"



........................................


หากถามว่าจุนตกหลุมรักง่ายไหมก็ง่ายนะ (5555) แต่เอาจริง ๆ ความรู้สึกดี ของน้องมันสะสมก่อตัวมาเรื่อย ๆ ตั้งแต่เจอกันที่เกาะแล้วค่ะ จากการช่วยเหลือกันหลายอย่างด้วยความบังเอิญ ทั้ง ตอนขาแพลง ตอนล้ม และยังมีเมามาจูบอีกผนวกกับหล่อหน่อยก็ทิ้งตัว ทิ้งใจไวเลยทีนี้ (555) นี้ยังมาเพิ่มความใกล้ชิดอยู่ด้วยกัน พอมี sex กันมันก็เหนียว แน่น หนึบ หลงไว หลงไปไกลด้วยค่ะ นี่แหละหนาความรักอะนะ (ความรู้สึกจากใจน้องก็ตามที่น้องระบายกับเพื่อนนั่นแหละค่ะ)  :m15: :m15: :กอด1: :กอด1: :กอด1:


ดีใจมี่มีคนติและชมค่ะ ชอบมุมมองคนอ่านบางที ทำให้เราคาดไม่ถึงกับจุดบกพร่องของตนเอง มีอะไร ก็มาแชร์มาแนะนำเราได้นะคะ เผื่อได้ไอเดียใหม่ ๆ
ขอบคุณทุกคนอ่านและทุกคอมเมนท์ค่ะ



.
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 03-10-2019 21:54:23 โดย rinyriny »

ออฟไลน์ songte

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1425
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-1
ไม่อยากให้จุนยอมแบบนี้เลย ฝืนใจห่างออกไปตอนนี้ดีมั้ย ทนไปจะต้องเจ็บอีกเท่าไหร่

ออฟไลน์ DrSlump

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3382
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +104/-2
 :pig4: :pig4: :pig4:

เหมือนว่าจุนยังไม่เข้าใจสถานะของตนเองนะ

ทั้ง ๆ ที่เมฆทำข้อตกลงกับจุนไว้ตั้งแต่ต้นแล้ว

จุนจะรักจะชอบเมฆนั้นไม่ผิด  แต่จะล้ำเส้นแสดงความเป็นเจ้าเข้าเจ้าของนั้น มันไม่ใช่อ่ะ

ออฟไลน์ Grey Twilight

  • Moderator
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 392
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +171/-17
ผมว่านี่เป็นปัญหาหนึ่งของ Age Gap นะครับ (ความแตกต่างทางอายุ) เมฆินทร์ที่อายุสามสิบกลางจะมีความเชี่ยวชาญด้านเพศสัมพันธ์มาระดับหนึ่ง ดังนั้นเค้าจะก็จะค่อนข้างมุ่งเน้นแต่ละเรื่องไปเลย พูดแล้วก็คือจบ ไม่มาทำอะไรที่นอกเหนือ พออายุขนาดนี้เมฆินทร์จะไม่ชอบคนพูดไม่รู้เรื่อง แล้วนิสัยของเมฆินทร์ก็ค่อนข้างไว้ตัวระดับหนึ่งเลยนะครับ ฉากที่เขาก้มลงพูดด่าจุนเจืออย่างสุภาพนี่ทำให้ผมขนลุกซู่เลยนะครับ คนแบบนี้อันตราย เพราะเหมือนไฟใต้น้ำแข็ง สังเกตว่าพอจุนเจือเสียใจกลับมาที่ห้อง เมฆินทร์กลับมาก็อยากจะทำตามข้อตกลงท่าเดียว ไม่มีการแคร์อย่างอื่น เพราะว่าเราคุยกันแต่แรกแล้วว่าจะมีแค่นี้ นี่คือนิสัยของเมฆินทร์ที่มองว่าถ้าตกลงแล้วแต่แรกก็คือจบ อยู่เฉพาะขอบเขตของตัวเองที่กำหนดมาให้

แต่ในที่นี้ก็ต้องเข้าใจจุนเจือด้วย น้องเพิ่ง 24 แถมยังเลิกกับแฟนคนเก่ามาอีกเพราะว่าโดนสวมเขา ก็ไม่แปลกที่จุนเจือจะรู้สึกว่าไม่มั่นคงในความสัมพันธ์ จุนเจือชอบคนด้วยหน้าตาแต่แรก แล้วพออีกฝ่ายทำดีหน่อย น้องก็เลยทิ้งตัว จากพี่บอมบ์ก็เห็นได้ชัดว่ามันเป็นอย่างนี้ ซึ่งมันเป็นเรื่องปกติของเด็กที่ไม่มีภูมิต้านทานความรักหนุ่มสาวนะครับ อีกอย่างคือน้องเป็นคนมองโลกในแง่ดีนะครับ อันนี้ผมชื่นชม เพราะปกติแล้วหลังจากที่จบความสัมพันธ์ที่เราถูกสวมเขา มันจะพัฒนานิสัยของคนพบเจอประสบการณ์ได้สองแบบ

แบบแรก คือจะมองว่าอีกฝ่ายน่ะเลวทรามต่ำชั่ว ส่วนตัวเองน่ะเด็กเกินไปที่ดันไปหลงคารมคนพรรค์นี้ มองแบบ External-push คือโทษตัวเองแบบลงโทษให้เจ็บ และโทษคนอื่น ดังนั้นคนที่พัฒนาการรับรู้แบบนี้จากประสบการณ์ จะปรับตัวเองให้เป็นคนมองโลกแง่ร้าย ไม่เชื่อใจใครอีกง่ายๆเพราะกลัวจะโดนหลอก แล้วก็จะตัดนิสัยเก่าๆของตัวเองออกให้หมด เปลี่ยนเป็นพฤติกรรมแทบจะตรงกันข้ามกับอดีต เนื่องจากจิตใต้สำนึกมองว่าเพราะการมีนิสัยแบบอดีต จะทำให้มีคนมาเอาเปรียบกับตัวเองได้

แบบที่สอง คือมองว่าตัวเองดีไม่พอ เป็นการมองแบบโทษตัวเองเหมือนกัน แต่เป็นแบบ Internal-pull การรับรู้แบบนี้คือมองว่าตัวเองบกพร่องตรงไหนไปรึเปล่า เลยทำให้อีกฝ่ายไม่ยอมบอกเขาตรงๆ ตัวเองยังดีไม่พอที่จะทำให้อีกฝ่ายมารักอย่างจริงใจเลยรึเปล่า คนที่พัฒนาการรับรู้แบบนี้ก็จะไปแก้ในจุดที่จิตใต้สำนึกบอก นั่นคือก็จะมีพฤติกรรมไม่มั่นใจในตัวเองเวลาเริ่มต้นความสัมพันธ์ใหม่ กลัวจะทำให้อีกฝ่ายน้อยไป คิดแต่ว่าจะต้องเอาใจอีกฝ่ายยังไงให้ดีที่สุด แล้วก็หวาดกลัวการถูกทิ้งมากจนทำให้รู้สึกเหมือนอยากอยู่กับอีกฝ่ายตลอดเวลา มันเลยทำให้พอดูจากภายนอก ก็จะรู้สึกเหมือนอยากจะช่วยเหลือหลายอย่างมากเกินไปจนเป็นจุ้นจ้าน

สังเกตว่าจุนเจือเป็นแบบที่สองนะครับ น้องไม่มั่นใจในตัวเองตลอดเวลาอยู่กับเมฆินทร์ ทุกอย่างจะพยายามเอาตามที่เมฆินทร์ชอบหมดเลย ซึ่งสำหรับเมฆินทร์อาจจะไม่ชอบจุดนี้ เพราะอายุอย่างเมฆินทร์มันเลยความรู้สึกที่ชอบเอาใจ มันคือการพูดกันชัดๆแล้วให้จบ

สาเหตุก็เพราะเมฆหน้าตาดีจนจุนเจือแอบชอบ และหวังว่าจะหายจากประสบการณ์การถูกสวมเขา (ซึ่งนี่เป็นแค่ความรู้สึกหวนหาที่พึ่งของคนที่มีประสบการณ์เลิกรามาใหม่ๆ) จุนเจือเลยคิดว่าการเอาใจ ทำสิ่งที่เขาบกพร่องในความสัมพันธ์อดีตไป มันจะทำให้เมฆินทร์รู้สึกดีกับเขาได้ (ซึ่งมันกลับกลายเป็นว่าเมฆินทร์ไม่ชอบ เพราะคิดว่าจุนเจือพูดไม่รู้เรื่อง ยุ่งเกินขอบเขตเกินไป) แต่เมฆินทร์กลับไม่ได้มองอะไรเลยนอกจากเซ็กซ์กับข้อตกลง ซึ่งมันแฟร์นะถ้าเป็นดีลธุรกิจ แต่ผมว่าแบบนี้มันก็ไม่แฟร์กับคนที่มีปมอย่างจุนเจือน่ะครับ สังเกตฉากที่เมฆินทร์ดึงดันจะมีเซ็กซ์อย่างเดียวในห้องน้ำหลังจากที่จุนเจือลงไปตามที่เลานจ์จนเมฆินทร์หงุดหงิด จะเห็นว่าจุนเจือผิดหวังมากจนเริ่มที่จะเข้าใจความจริงเกี่ยวกับเมฆินทร์ขึ้นมานิดๆแล้ว  เราจะรอวันที่จุนเจือเจอคนใหม่ ที่เข้าใจในสิ่งที่จุนเจือเป็น แล้วถ้าจุนเจือตัดสินใจเดินออกจากเมฆินทร์ (ซึ่งปัจจุบัน เมฆินทร์ที่ยังไม่เข้าใจจุนเจือ แล้วยังมีเรื่องความห่างของอายุที่ทำให้ไม่เข้าใจนิสัยของจุนเจือ ก็คงอีกไม่นาน) ผมอยากรู้จังว่าพี่จะง้อยังไง (หัวเราะ)

ออฟไลน์ ommanymontra

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3437
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +96/-0

ออฟไลน์ ลูกกุญแจ

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 337
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +28/-2
สนุกมาก แอบกลัวเมฆนะ

ออฟไลน์ rinyriny

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 295
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +106/-1
บทที่ 10 เพราะความเมา







 

"คือความเห็นส่วนตัวของกูนะ กูว่า พี่เขาพยายามสร้างตัวเลือกเยอะ ๆ เพื่อเอามาเปรียบเทียบว่าสุดท้ายแล้ว เขาจะเข้ากันกับใครได้มากกว่า ใครที่เหมาะสมในการใช้ชีวิตคู่ด้วยกันกับเขา ประมาณนี้อะมึง"

 

"มึงจะสื่อว่า กูอาจเป็นหนึ่งในตัวเลือกเขาอย่างนั้นเหรอ?"

 

"ก็ไม่แน่นะ กูมาลองนึกดูนะจุน ทุกอย่างย่อมเป็นไปได้สำหรับทุกความสัมพันธ์ว่ะ อย่างเช่น ความสัมพันธ์มึง ถึงแม้จะเริ่มจากเซ็กซ์ แต่คนเราพออยู่ด้วยกันมาก ๆ ก็อาจหวั่นไหว แบบรักแท้แพ้ใกล้ชิดอะไรประมาณนี้ คือ เอางี้นะไอ้จุน กูพอมีวิธี ที่จะพิสูจน์ว่าพี่เขาชอบมึงบ้างหรือเปล่า? เออ แต่เดี๋ยวก่อน ตอนนี้พี่เขารู้ไหมว่าวันนี้วันเกิดมึง"

 

      จุนเจือส่ายหน้า

 

"โอเค จากนี้ มึงรู้สึกยังไงแสดงความจริงใจออกไปเลย ชอบก็ทำให้รู้ว่าชอบ โดยเริ่มจากมึงต้องใช้ความรู้สึกที่แท้จริงผสมความตอแหลสักนิดหน่อย โทรไปอ้อนเขา แบบอยู่ไหน? ทำอะไรอยู่? สรุปไม่มาหากันจริงเหรอ? วันนี้วันเกิดมึงนะ มาหากันหน่อย เหงาจัง บลาบลาก็ว่ากันไป"

 

 

"แล้วถ้ากูพูดตามสคริปต์มึง แล้วเขาเฉย ไม่มีท่าทีตอบโต้ล่ะ"

 

 

"ก็ดี มึงจะได้รู้กันไปเลยว่าพี่เขาไม่มีใจให้มึง ช่วงนี้มึงก็อาจเจ็บหน่อย แต่จบเรื่องนี้ มึงจะได้ตั้งสติ มูฟออนได้เร็ว"

 

"แต่กูไม่กล้า"

 

"โอ้โห พูดตั้งนาน มาบอกว่าไม่กล้า  อยากมีผัว แต่เหนียมอาย น่าเบิ้ดกระโหลก ไอ้จุนจะสมหวัง ผิดหวังมันก็คือประสบการณ์อย่างหนึ่ง มึงลองเลย เร็ว ๆ กูนั่งให้กำลังใจอยู่ตรงนี้"

 

      จุนเจือลอบมองหน้าเพื่อนพลางถอนหายใจแต่สุดท้ายมือก็กรอกตัวเลขสิบหลักเพื่อโทรหาคนอายุมากกว่า

 

 

"ฮะฮัลโหลพี่เมฆครับ"

 

 

[มีอะไรจุน]

 

"เอ่อะ คุยไม่ได้หรอครับ" จุนเจือถาม หลังจากปลายสายเสียงเข้ม

 

[ใช่ครับ พี่ไม่สะดวก กำลังประชุม มีอะไรพิมพ์ข้อความทิ้งไว้ในไลน์ แค่นี้นะครับ]

 

 

"อ้าวทำไมวางเร็วจัง" แพรที่นั่งลุ้นอยู่ข้าง ๆ ก็งงเป็นไก่ตาแตก

 

"พี่เขากำลังประชุม"

 

"อ้าว เหรอ? เฮ้ย กล้ารับโทรศัพท์ในที่ประชุม แสดงว่าเขาก็เห็นมึงสำคัญรึเปล่าวะ?"

 

"ไม่รู้ แต่เขาบอกว่าถ้ามีอะไรให้กูพิมพ์ไลน์ไปก่อน”

 

"เอ้าก็พิมพ์ไปดิ รออะไรเล่า?"

 

"แล้วกูต้องพิมพ์อะไรวะ?"

 

"โอ้ยไอ้จุน มึงก็ผ่านการมีผัวมานับร้อย ทำมาเป็นไม่ประสีประสา"



"ไอ้แพร ชีวิตกูคนที่จริงจังมีแค่พี่บอมบ์ไหม? ไอ้บ้า นับร้อยอะไรเล่า" จุนเจือตอบหน้ามุ่ย



"เออ ๆ นั่นแหละ เอามือถือมานี่จะพิมพ์ให้"

 

"ไม่เอา กูรู้ มึงจะแกล้งกู"

 

"เรื่องรักกูจริงจัง กูไม่มีแกล้งมึงแน่นอน"

 

     และแล้วสาวสวยก็คว้ามือถือเพื่อนรักเลื่อนหาโพร์ไฟล์ผู้ชายรูปหล่อใส่เสื้อเชิ้ตสีขาวพอดีตัวยืนยิ้มมุมปากพิงโครงเหล็กสีดำตามที่จุนเจือบอก กดเข้าช่องหน้าต่าง บรรจงพิมพ์ทีละตัวอักษร  เธอพิมพ์ไปยิ้มไป ราวกับว่ามันคือเรื่องราวของเธอเอง เสร็จสิ้นเธอก็ส่งคืนเครื่องมือสื่อสารนั้นให้กับเพื่อน

 

      เพียงแค่จุนเจือกวาดสายตาผ่าน ๆ ก็ว่าทันที

 

"ไอ้แพร มึงพิมพ์อะไรไปวะ กูบอกแล้วไงว่าอย่าแกล้ง"

 

"กูไม่ได้แกล้งเลยจุน มึงอ่านดี ๆ กูเขียนออกมาจากใจมึงทั้งนั้น"

 

    จุนเจือกลับมาอ่านข้อความที่เพื่อนพิมพ์แล้วยกมือกุมขมับ



 

16.55

'พี่เมฆครับ ตอนที่เราแยกกัน ผมลืมบอกพี่ไปว่าวันนี้วันเกิดผม ผมไม่อยากได้คำอวยพร แต่ผมอยากให้พี่มาหา มันเป็นวันพิเศษของผม ผมอยากมีพี่อยู่ด้วยคืนนี้นะครับ ตอนแรกก็ว่าจะบอกตอนพี่มาหา แต่อีกใจ ก็กลัวพี่ไม่มา ผมเลยบอกก่อนแล้วกันว่า ผมชอบพี่เมฆแล้วครับ'


 

 

      เด็กหนุ่มอายกับข้อความที่แม้มันจะเป็นความรู้สึกเขาจริง ๆ ก็เถอะ แต่ดูจะตรงไปตรงมาเกินไปเสียหน่อย  จุนเจือรับไม่ได้ ในจังหวะที่มือเรียวกดค้างข้อความ กำลังจะกดยกเลิกข้อความ สิ่งที่ตกใจยิ่งกว่า

 

"ไอ้เชี่ยเอ้ย พี่เมฆอ่านแล้ว"

 

"น่านนนน อ่านเร็วซะด้วย จากนี้มึงก็นั่งรอ นอนรอ เชื่อกู พี่เขาต้องมา"

 

"กูว่าเขาไม่มา" จุนเจือบอกโดยที่สายตายังจดจ้องคำว่า 'Read' เขาใจเต้นตึกตัก ไม่รู้ว่าพี่เมฆอ่านแล้วจะตอบมาแบบไหน

 

"ยังมีเวลาอีกถมเถ นี่เพิ่งห้าโมง ถ้าเกินสามทุ่มเขาไม่มาหามึง ค่อยว่ากันอีกที"

.

.

.

.

      ยามนี้ จุนเจือนั่งลำพัง เพราะแพรเดินทางกลับบ้านไปตั้งแต่หนึ่งทุ่ม แม้จะดื่มเบียร์กับเพื่อนมาก่อนหน้า  แต่จุนเจือยังคงนั่งดื่มต่อคนเดียว เขาเริ่มมีอาการมึนเมา เด็กหนุ่มเหลือบมองนาฬิกาเป็นเวลาสามทุ่มเศษก็แอบเศร้าเพราะพี่เมฆไม่มาหากันจริง ๆ แถมข้อความในไลน์อ่านก็ไม่ตอบกลับ บางที จุนเจือเชื่อคำเพื่อน หรืองมงายเรื่องนี้มากเกินไป 

   

      ความเมา และความเหงาไม่ควรอยู่คู่กัน บัดนี้ การนั่งดื่มคนเดียวลำพังในวันเกิดของตัวเอง ยิ่งทำให้จุนเจือเกิดรู้สึกโดดเดี่ยว เคว้งคว้าง ราวกับว่ามีอะไรบางสิ่งขาดหายไป



     ความน้อยใจเกิดขึ้น ในวันเกิดของจุนเจือที่อะไร ๆ มันก็ไม่ได้ดั่งใจ





     ไหนล่ะ คำอวยพรที่คนมักชอบพูดกัน ว่าขอให้พบเจอสิ่งดี ๆ พบเจอความสุข ตอนนี้ จุนเจือไม่รู้สึกเช่นนั้น



      บางที สิ่งที่อันตรายกว่าความคิดคน อาจเป็นความคิดของคนที่มาพร้อมกับฤทธิ์ของแอลกอฮอล์นี่แหละ



      ในความคิดของเด็กหนุ่มคนหนึ่งที่นั่งเหงาลำพังเกิดอาการหวนคิดถึงเรื่องเก่า ๆ คนเก่า ๆ มือเรียวกำมือถือแน่น แล้วจู่ ๆ เสียงเครื่องมือสื่อสารก็ดังขึ้น

 

"ฮัลโหล?"

 

[จุนครับ อยู่ไหน? ไม่เห็นมาหาพี่เลย]

 

"นั่นใครอะ" จุนเจือเมาโดยไม่ดูเบอร์โทรเลยว่าคนที่คุยอยู่นั่นเป็นใคร เด็กหนุ่มกึ่งนั่งกึ่งนอนบนพื้นหลับตาพิงศรีษะที่ปลายตีนเตียง



 

[พี่บอมบ์เองครับ พี่ไม่เห็นจุนมาหาพี่เลยลองโทรมาดู]

 

 

"พี่บอมบ์เหรอ ผมคิดถึงพี่พอดีเลย มาหาผมไหม?"

 

[จุนเมาเหรอ? พี่คิดถึงจุนมากเหมือนกัน ให้ไปหาที่ไหน? พี่จะไปฉลองวันเกิดกับจุนสองคนไงครับ พี่มีของขวัญให้จุนด้วยนะ]

 

"เอาครับ เอา มาหาจุนนะ จุนอยู่ที่โรงแรม...." จากนั้น จุนเจือเผลอบอก ที่อยู่และเลขห้องไปเสร็จสิ้นเพียงเพราะความเมาผลักดันอาการน้อยใจ เสียใจ จนกลายเป็นต้นเหตุ



[เจอกันนะครับ เรามารื้อฟื้นความหลังกันนะครับ]

 

     จุนเจือเออออรับคำ ก่อนมือที่กำโทรศัพท์มือถือเมื่อสักครู่จะร่วงหล่นลงข้างลำตัวอย่างคนไร้เรี่ยวแรงและค่อย ๆ หลับตา

.

.

.

.

"ขอโทษทุกคนอีกครั้งด้วยนะครับ ที่ทำให้วันนี้ทุกคนกลับดึก กว่าจะได้ข้อสรุปก็ช้ากว่าที่คิด" เมฆินทร์เอ่ยขอโทษย้ำอีกครั้งขณะที่คงรอยยิ้มไว้มุมปาก หลังจากพาทุกคนมารับประทานอาหารต่อที่ร้านอาหารแสตนด์อโลนสุดหรู ถือเป็นการพามาผ่อนคลายหลังการประชุม ที่มื้ออาหารนี้คลอเคล้าไปด้วยวิสกี้เป็นของเสริม



      ในเวลาสามทุ่มกว่า เป็นเวลาที่ทุกคนจัดการอาหารกันเสร็จสิ้นและเมฆินทร์เอ่ยร่ำลาเพื่อเป็นการแยกย้าย

 

"ไม่เป็นไรหรอกครับ คุณเมฆ เข้าใจว่าเพื่องานที่ดี ก็ต้องใช้เวลาระดมความคิดกันนานหน่อย"

 

"ครับ ถ้างั้นขอบคุณทุกคนครับ ไว้มีอะไรคืบหน้า ผมจะให้ทีมงานแจ้งไปอีกทีนะครับ"

 

"ครับ ขอบคุณครับ"



     เมฆินทร์ยิ้มสุภาพ ก่อนถามไถ่ทีมงาน ว่าแต่ละคนกลับบ้านยังไง เมื่อเสร็จสิ้น ชายหนุ่มรูปงามลอบถอนหายใจ พลันเหลือบมองนาฬิกาข้อมือก็พบว่าเหลือเวลาอีกไม่กี่ชั่วโมงก็จะเข้าสู่วันใหม่ เมฆินทร์ลังเลว่าควรเดินทางไปหาจุนเจือ หรือหาซื้อของขวัญให้จุนเจือในวันพรุ่งนี้แล้วค่อยเอาไปให้เด็กหนุ่ม ในขณะที่คิดหาคำตอบ สองขาก็พาตัวเองมาถึงรถยนต์ยุโรปที่จอดไว้ ก้มมองนาฬิกาเรือนงามที่ประดับอยู่ที่ข้อมืออีกครั้ง ก่อนตัดสินใจมุ่งหน้าไปทางโรงแรมที่เด็กหนุ่มนอนพัก

.

.

.

.

     ช่วงเวลาดึกดื่นแบบนี้ มีข้อดีตรงที่ท้องถนนโล่ง การจราจรก็ไม่มีติดขัด ทำให้การเดินทางมาถึงโรงแรมที่ตั้งอยู่ใจกลางเมืองใช้เวลาไม่ถึงสามสิบนาทีจากตัวร้านอาหารที่อยู่ไม่ใกล้ ไม่ไกล



 

    เมฆินทร์สาวเท้าไว ๆ เดินไปยังส่วนโถงลิฟต์  สายตามองจากทางไกลเห็นชายคนหนึงยืนรออยู่กำลังเดินผลุบหายเข้าไปในกล่องทึบ เขาเร่งฝีเท้าจนไม่กี่ก้าวที่กำลังจะถึง



"รอด้วยครับ" เมฆินทร์กึ่งตะโกน เมื่อตัวเขาอยู่ในส่วนลิฟต์ก็รีบเอ่ยขอบคุณ ก่อนจะเหลือบมองแผงตัวเลขของชั้นโรงแรม เมฆินทร์ที่ผู้ชายคนนั้นกดไปปลายทางยังชั้นเดียวกันกับเขา

 

     ลิฟต์โรงแรมนี้เคลื่อนที่ไวดั่งจรวด ทั้ง ๆ ที่ห้องพักของเขาอยู่ชั้นสิบเอ็ด แต่ไม่ถึงสามนาที ตัวลิฟต์ก็ทะยานขึ้นสูงได้ไวจนน่าตกใจ เมื่อประตูลิฟต์อ้าออกกว้าง



"เชิญครับ" เมฆินทร์บอกให้ผู้ชายคนนั้นเดินออกไปก่อน ส่วนเมฆินทร์เดินตาม แต่สิ่งที่ร่างสูงรู้สึกแปลกใจ คือ เส้นทางเดินการไปห้องพักของเมฆกับผู้ชายข้างหน้าเป็นเส้นทางเดียวกัน



     เมฆที่เดินตามหลัง ก็สังเกตพฤติกรรมว่า ชายคนนั้นเอาแต่มองตัวเลขห้องสองฝั่งตลอด นั่นแสดงว่า เขาเพิ่งมาครั้งนี้เป็นครั้งแรก ทว่า ช่างเป็นความบังเอิญที่น่าขำว่า เมื่อผู้ชายคนนั้นหยุดตรงหน้าประตูห้องที่เมฆจองไว้ เขาบ่นงึมงัมเหมือนไม่แน่ใจว่าใช้ห้องที่ยืนอยู่หรือเปล่า ก่อนผู้ชายร่างสูงพอกับเมฆินทร์จะคว้ามือถือพร้อมกล่องสีแดงกำมะหยี่ออกมาจากกระเป๋ากางเกง เมฆร้องทักยามที่สังเกตเห็นของสิ่งนั้น



"เอ่อ ขอโทษนะครับ"

 

"ครับ?" ผู้ชายร่างกำยำหันไปตามเสียง



"คุณยืนบังทางเข้าห้องผมครับ"

 

     ผู้ชายคนนั้นเอียงคอมองแล้วบ่นพึมพำเบา ๆ แต่ดีที่เมฆินทร์หูดี

 

"จุนบอกเลขห้องเบอร์นี้ไม่ใช่หรอวะ?" บอมบ์บ่น ก่อนจะหันไปถามผู้ชายคนที่อ้างตนว่าเป็นเจ้าของอีกครั้งหนึ่ง



"ห้องคุณ ? แต่คนที่ผมจะมาเจอเขาบอกอยู่ห้องนี้"

 

     เมฆินทร์มองหน้าผู้ชายตรงหน้านิ่ง ๆ ก่อนจะผุดรอยยิ้มมุมปาก ชูคีย์การ์ดที่ถืออยู่ในมือเพื่อแสดงความเป็นเจ้าของห้องให้ประจักษ์แก่สายตาฝั่งตรงข้าม



กริ้ก

 

     เมฆเดินไปรูดคีย์การ์ด ก่อนบิดที่จับประตูจนอีกคนหน้าเหวอ



"เชื่อรึยังครับว่าห้องผม? คนที่คุณนัดเจอคงบอกห้องผิด"

 

"แม่งหลอกเหรอวะ? คุณขอผมเข้าไปดูได้ไหม ? คุณรู้จักจุนหรือเปล่า?  แล้ว..."

 

"ขอโทษด้วยนะครับ ผมไม่รู้จัก ชื่อที่คุณพูดมา อีกอย่าง ผมว่าคุณกำลังก้าวก่ายสิทธิส่วนบุคคลของผมนะครับ ห้องนี้เป็นห้องของผม ผมเช็คอินมาในราคาต่อคืนค่อนข้างแพง ผมคิดว่า ผมควรพักให้คุ้มค่าห้องสักหน่อย นี่ก็ดึกมากแล้ว ผมขอตัวไปพักก่อนนะครับ" เมฆเอื้อนเอ่ยด้วยรอยยิ้มสุภาพ ผิดกับอีกคนที่ยืนหน้าเหวอรู้สึกเหมือนโดนด่าทางอ้อม



      บอมบ์ยืนสะอึก พูดไม่ออก ครั้นจะด่าก็รู้สึกจะเสียภาพจน์กับการยืนอยู่ในสถานที่โอ่อ่าเช่นนี้ แต่จะว่าไป ผู้ชายตรงหน้าก็ดูดี มีภูมิฐานทีเดียว สังเกตจากเสื้อผ้าหน้าผมและนาฬิกาเรือนงามที่สวมใส่ หากให้บอมบ์ประเมินราคาเอาไปขายต่อ อย่างน้อยก็แตะหลักล้านเห็นจะได้ ดังนั้น คนอย่างจุนเจือน่ะเหรอ จะมีโอกาสคบคนระดับนี้ คงไม่มีทาง เด็กนั้นทั้งโง่ ทั้งซื่อบื้อจะตาย



    เมฆินทร์ยังยืนอยู่ตรงประตูมองคนออกอาการฮึดฮัดและบ่นเสียงดัง ก่อนหมุนตัวกลับไปทางเดิมที่มา

 

"ผิดแผนหมดเลยว่ะแม่ง ...กล้าโกหกกูหรอวะ ไอ้จุน"

 

    ประโยคนั้นทำให้เมฆินทร์ชะงักพลางลอบถอนหายใจ เขาส่ายหน้าน้อย ๆ ก่อนปิดประตู ถอดรองเท้าหนังสีดำ เดินไปดึงชายเสื้อออกจากกางเกง ปลดรังดุมปลายแขนเสื้อทั้งสองข้าง ก่อนจะปลดกระดุมตรงสาบเสื้อแยกออกจากกันเผยให้เห็นมัดกล้ามหน้าท้องที่แน่นและเฟิร์ม



    ร่างสูงเผลอหยุดกึก ยามเห็นปลายเตียงมีคนนั่งคอพับ คออ่อน คอเสื้อที่สวมใส่ก็ตกลงจากไหล่เผยให้เห็นลาดไหล่ขาวน ครู่หนึ่ง เมฆชำเลืองเห็นป้ายราคายังห้อยอยู่ที่เสื้อ เมฆินทร์ย่อตัวลงนั่งเคลื่อนใบหน้าเข้าใกล้ซอกคอขาว กลิ่นแอลกอฮออล์ก็ชัดขึ้น



    เมฆินทร์ลูบใบหน้าเด็กหนุ่ม ก่อนใช้ปลายนิ้วลูบวนริมฝีปากร้อนช้า ๆ  วันนี้ เมฆินทร์ค่อนข้างเหนื่อยเพราะประชุมทั้งวัน ตั้งแต่บ่ายสามโมงล่อมาจนถึงทุ่มกว่า เกี่ยวกับโปรเจกท์การจัดโรดโชว์งานแสดงสินค้าที่จะเริ่มในเดือนหน้า เท่านั้นยังไม่พอ จบการประชุมก็ต้องพาลูกค้าและทีมงานไปเลี้ยงข้าวต่อ ร่างสูงก็แทบหมดพลัง ยังดีที่พรุ่งนี้ ไม่ต้องเข้าบริษัท เพราะฝากฝังทีมให้สรุปการประชุมของวันนี้ การทำงานโดยพูดคุยผ่านโทรศัพท์จึงไม่ใช่ปัญหาเพราะไม่มีงานด่วนที่เร่งรัดให้เข้าไปสะสาง



    คนที่อยากพักถึงหงุดหงิดใจเมื่อรู้ว่าเด็กที่ชอบสร้างเรื่องไม่รู้จักจบจักสิ้น กำลังก่อปัญหาใหม่ให้ปวดหัว



     'การนัดแฟนเก่าให้มาที่นี่'


 

    เมฆินทร์ก้มมองเรือนร่างที่ผอมกว่า สีผิวก็ขาวกว่า มองเด็กหนุ่มที่สวมเสื้อยืดสีขาวเนื้อบางคอกว้างตัวใหญ่ตัวเดียวที่ชายเสื้อเลิกขึ้นจนเห็นขาอ่อน เมฆลูบไล้ต้นขาเนียนละเอียดไปจนถึงหว่างขาก็ชะงัก เมื่อจุนเจือไม่สวมกางเกงใน





"จุนเมามากเลยเหรอครับ?" เหมือนพูดคนเดียว เพราะพอเมฆินทร์ถามก็ไม่มีใครตอบ เขาหันไปมองตรงถังขยะใต้โต๊ะเครื่องแป้ง พบกระป๋องเบียร์เป็นจำนวนมากพูนจนเกือบล้นปากถัง

 

"จุน ได้ยินพี่ไหม?" เมฆินทร์เริ่มสอดมือเข้าใต้เสื้อยืดลูบผิวเนียนและไปสะกิดตุ่มไตจนจุนเจือร้องคราง

 

"อื้ออออ"

 

"จุนครับ"



     มือเมฆินทร์ข้างที่ว่าง รั้งเอวเด็กหนุ่มให้เขามาใกล้ จนสัมผัสถึงลมหายใจอุ่น ๆ ฟากจุนเจือแอ่นกายบิดเร่าหนีคนที่มือเป็นปลาหมึก



"จุน ทำไมต้องดื่มเยอะขนาดนี้"

 

"อื้ออออ ครายย พี่เมฆเหรอ?" คนที่หลับตาแต่ปากพึมพำถาม นั่งโงนเงนจนไปซบอกแกร่ง



"ใช่ครับ พี่เอง เมามากขนาดนี้จะคุยกันรู้เรื่องไหม? ทำไมชอบให้พี่ดุครับ?"

 

     เมฆว่าเสียงเข้ม ก่อนตัดบท ลุกขึ้นยืนเต็มความสูง หมุนตัวจะไปเอาผ้าเช็ดตัวตรงชั้นวางด้านบนของตู้เสื้อผ้าก็ชะงักตอนเด็กหนุ่มกอดขาเขาแน่น

 

"พี่เมฆเหรอ? พี่เมฆใช่ไหม? พี่เมฆมาหาจุนจริง ๆ ด้วย จุนไม่อยู่คนเดียวแล้ว จุนมีพี่เมฆ"

 

    เมฆินทร์กดสายตาลงต่ำมองร่างที่นอนเมามาเกาะขาเขาทั้งยังพูดจาน่าสงสาร ร่างสูงรีบย่อตัวลงจับไหล่จุนเจือให้ลุกมานั่งดี ๆ เด็กหนุ่มปัดป่ายมือจนหาที่ยึดได้ก็มากอดเอวเมฆแล้วซุกหน้าลงตรงแผ่นท้องแข็งแกร่ง



"พี่เมฆจริงด้วย" จุนเจือบอกพยายามปรือตาขึ้นมองด้วยรอยยิ้มยั่ว

 

"จุนรู้ตัวหรือเปล่า? ว่าจุนบอกให้แฟนเก่ามาหา"



"แฟนเก่าใครหรอ แฟนเก่าพี่เมฆเหรอ? พี่เมฆไม่ทิ้งจุนนะ อย่านะ จุนเจ็บนะพี่เมฆ"

 

"จุน ปล่อยพี่เถอะครับ"

 

"ไม่ปล่อย จุนไม่ปล่อย พี่บอมบ์จะไปไหน? ไม่เอานะ"

 

"บอมบ์? งั้นเหรอ?" เมฆินทร์ได้ยินดังนั้นรีบแกะมือเด็กหนุ่มออก และไม่สนใจเสียงครวญคราง เขาเดินเข้าไปในห้องน้ำ เปิดน้ำให้เต็มอ่าง พาร่างอันเหนื่อยล้าลงไปแช่ในอ่างอาบน้ำหวังผ่อนคลาย



    ยังไม่นานดั่งใจต้องการก็มีเสียงเคาะประตูขัด ดีหน่อยที่รู้สึกสดชื่นขึ้นมาบ้างแล้ว เมฆินทร์ลุกจากอ่างอาบน้ำ โดยไร้ผ้าขนหนูบังกาย เห็นกันมาเท่าไหร่ เมฆินทร์ก็ไม่จำเป็นต้องอาย เขาเดินไปเปิดประตูเห็นเด็กหนุ่มนั่งศรีษะพิงกรอบประตูหลับตาแต่ยังยิ้มหวานพลางกัดปากอย่างยั่วยวน



     พอเห็นใบหน้าแดง ๆ ทั้งสภาพเรือนร่างขาวของเด็กหนุ่มที่กึ่งนั่งพับเพียบพิงประตู ไหนจะไม่ใส่อันเดอร์แวร์ ไม่ให้เรียกว่ายั่ว จะให้เรียกว่าอะไรดี



"เคาะเรียกพี่ทำไมครับ อยากมีอะไรกับพี่เหรอ?"



     จุนเจือยังยิ้มไม่ลืมตา มือเรียวก็ปัดป่ายจนคว้าลำคอร่างสูงแล้วดันเข้ามาใกล้กดจูบหนัก ๆ ที่ปาก



"ก็จุนเหงา จุนอยากอยู่กับพี่"



 "พี่ไหนครับ ? เมฆ หรือบอมบ์"





    เมฆินทร์ไม่คิดหรอกว่าริมฝีปากร้อน ๆ และกายหยาบที่กำลังบดเบียดมาชิดใกล้ให้เนื้อถูไถกันจะสร้างอารมณ์ให้เขาเตลิดเปิดเปิงได้ขนาดนี้ แก่นกายของเมฆินทร์เริ่มร้องเรียกสิ่งที่ถวิลหา เจ้าแกนกายได้ขยายขนาดเตรียมประกาศศักดาว่าต้องการบุกรุกอาณาเขตฝั่งตรงข้ามในไม่ช้า



"พี่เมฆครับ ฮือออ จุนคิดถึงพี่เมฆ จุนชอบพี่เมฆ พี่เมฆน่ารัก พี่เมฆดี ฮือออออ"

 

    สิ้นคำนั้น เมฆินทร์หันไปเห็นหางตาเด็กหนุ่มมีหยาดน้ำตา เขาเกลี่ยมันช้า ๆ แล้วว่าอย่างสงสัย



"บอกชอบพี่ แล้วจุนร้องไห้ทำไมครับ?"

 

"พี่เมฆไม่ชอบจุน พี่เมฆไม่เคยชอบจุนเลย จุนฮือออ พี่เมฆ พี่เมฆว่าจุน"

 

   เมฆินทร์ชักเริ่มไม่เข้าใจคนเมาอย่างจุนเจือ เป็นเด็กที่เมาแล้วทำให้เขาปวดหัวสับสนพอสมควร

 

"พี่ว่าอะไร?"

 

"พะพี่เมฆว่าจุนเป็นแค่คู่นอน ฮือออ"

 

"จุนเมามากเลยนะครับ พูดอะไรไม่รู้เรื่องแล้ว ไปนอนได้แล้วครับจุน" เมฆินทร์ก้มตัวลงไปสอดแขนใต้ข้อพับขา อุ้มไปส่งที่เตียงในสภาพตัวเขาร่างกายเปียกชื้นเปลือยเปล่า



     เมฆกัดฟัน ข่มอุ้มให้ถึงเตียง พอเด็กหนุ่มเมาก็ทิ้งน้ำหนัก ทิ้งตัวจนเมฆเกือบแบกไม่ไหว ขนาดระยะทางไม่ได้ไกลกันก็จริง แต่เล่นเอาคนที่ออกกำลังกายเป็นประจำอย่างเมฆินทร์ยังปวดแขนได้ ชายหนุ่มวางร่างบางลง กำลังดึงแขนออก ในระหว่างนั้น เด็กหนุ่มพาดแขน เพื่อโอบรอบลำคอหาที่ยึดหยัดกายขึ้นมาจูบปากเมฆินทร์

 

"พี่เมฆชอบจุนไหม?"



"พี่ตอบตอนนี้ แล้วจุนจะรู้เรื่องเหรอครับ"



"ไม่เห็นมีใครรักจุนเลย ไม่มีใครรักจุนฮืออออ ขนาดพี่เมฆก็ไม่รักจุน ฮือออ"

 

    เมฆินทร์ก็พยายามจะฝืนอดทน แต่เด็กหนุ่มก็ไม่ให้ความร่วมมือเลย



"จุนครับ คืนนี้ พี่ขอมีอะไรกับจุนนะ" แม้เด็กหนุ่มจะเมา แต่เมฆินทร์ก็ยังขออนุญาตก่อน

 

"อื้ออออครับ จุนชอบพี่เมฆ จุนชอบมีอะไรกับพี่เมฆ  จุนชอบออื้ออออ"



    พอกันที สำหรับความข่มใจที่มีมานาน เจอเด็กมันยั่วบ่อย ๆ ก็คงไม่ปล่อยให้นิ่งนอนใจ ถือว่า เป็นอีกมิติใหม่ที่เมฆยังไม่เคยมีเซ็กซ์กับเด็กหนุ่มยามเมา นับว่า ยั่วเย้าใช้ได้

 

     เมฆินทร์ขึ้นคร่อมร่างเด็กหนุ่มที่มีกาย และลมหายใจร้อนผ่าว ดูเหมือนว่าเครื่องปรับอากาศด้วยอุณหภูมิยี่สิบสามองศาจะไม่ช่วยอะไร สำหรับ ไฟราคะที่ร้อนระอุพร้อมประทุได้ทุกเมื่อ

 

     ทุกสัมผัสที่เมฆินทร์แตะต้องอยู่นี้ เขาพยายามไล้มันยังเบามือที่สุด แม้ความเป็นจริง ในใจ อยากฟัด ขยี้ ขยำให้แหลกคามือ



"อื้อออออ"



"ดีไหมครับ ตอบพี่ซิ" เมฆโลมเลียซอกคอขาว ก่อนจะลากปลายลิ้นมาแตะที่ไหปลาร้า



"ดีอ่า พี่เมฆเอาจุนนะ"



    ปลายลิ้นชิ้นที่ลากไล้เลียวนฐานยอดสีสดของเด็กหนุ่มชะงัก หากเป็นยามที่จุนเจือปกติดี เขาจะไม่พูดคำนี้



"มั่นใจนะจุน"



"อ้ะ อื้อออ พี่เมฆ จุนไม่ไหวแล้วอ่า เอาจุนที"



      แล้วจะรออะไรได้อีก ทุกองค์ประกอบของร่างกายคนตรงหน้า มันชวนให้เมฆสติขาดผึงได้ตลอดเวลาอยู่แล้ว ทั้งลมหายใจที่เป่ารดกัน ผิวกายเนียนละเอียด กลิ่นกายของจุนเจืออันเป็นเอกลักษณ์ ทุกอย่างมันเป็นยากระตุ้นอารมณ์ขั้นดีให้ชายวัยสามสิบกว่า พร้อมตบะแตกได้ทุกเมื่อ



    เด็กหนุ่มร้องเสียวซ่าน แอ่นอกรับยามลิ้นชิ้นดึงดูดขบเม้มตุ่มไตสีสุดแรง ๆ



"จุนชอบ อ้ะ อาา อืมมมม"

 

"ขึ้นมาอยู่บนตัวพี่สิ"



    เพียงเท่านั้น เมฆินทร์ที่ทาบทับบนลำตัวเด็กหนุ่มก็จับพลิกสลับตำแหน่งจนเด็กหนุ่มมานอนอยู่บนลำตัวแข็งแกร่ง เขาค่อย ๆ หยัดกายให้กลายเป็นกึ่งนั่ง กึ่งนอน แล้วย้ำ



"ทำให้พี่หน่อยสิครับ"

 

    เด็กหนุ่มที่นั่งคร่อมเมฆไม่ได้คัดค้านใด ๆ เขาไปตามแรงไหวอีกฝ่ายที่เคลื่อนกายขยับ เด้ง สะโพก จนแกนกายของจุนเจือถูไถกับแกนกายของอีกฝ่าย ยามนี้ เมฆินทร์นั่งพิงพนักเตียง แยกข้าออกกว้างมองเด็กหนุ่มที่กัดปากยั่วยวน บดสะโพกยั่ว ๆ โดยยังไม่ได้สอดใส่

 

"จะเอาเข้าเมื่อไหร่ครับ?"

 

"อื้อออ พี่เมฆเอาเข้าให้จุนหน่อยนะ อ้ะ อ้า"

 

     เมฆินทร์ยิ้มร้าย บีบเค้นก้นกลมหนัก ๆ ก่อนจะกระซิบบอกเด็กหนุ่มให้ลุกขึ้นก่อนจะทำการแหวกแก้มก้นกลม ทั้งยังขยายช่องทางรักเพื่อสื่อให้รู้ว่าคราวนี้ของจริง



      ใช้เวลานานกว่าปกติ แต่ก็ไม่ใช่อุปสรรคอะไรในเมื่อแก่นกายร้อนผ่าวเดินทางเข้าสู่ช่องทางรักอีกฝ่าย เด็กหนุ่มเสมือนร่างไร้กระดูกยามที่อยู่บนตัวเมฆินทร์แล้วกายพลิ้วไหว ไปตามคลื่นแห่งกามารมณ์ เด็กหนุ่มร่อนสะโพก โยกได้อย่างเร้าร่อนจนคนอายุมากกว่าหลับตาพริ้ม ผุดรอยยิ้มพอใจกับบทรักนี้ เมฆินทร์ลืมตาขึ้นมาเพื่อจูบปากเด็กช่างยั่วเนิ่นนานจนปากบวมเจ่อ เขาเลียวนริมฝีปากนั้นจนน้ำใสไหลเยิ้ม



"คืนนี้ให้พี่เท่าไหร่ดีครับ?"

 

"จุนตามใจพี่เมฆ อ้ะ อ้า จุนเสียว อื้อออออ เสียวอะอูยยยยย อ้า"




 


..................................................



มีใครเคยเมาแล้วคิดถึงแฟนเก่ากันมั้ยยยยยคะ หุหุ


น้องจุนเอ้ยยยย แกทำอะไรลงไป
:mew2: :mew2: :mew2:


ขอบคุณทุกคอมเมนท์จริง ๆ ค่ะ เราดีใจมาก ทำไมทุกคนน่ารักกันอย่างนี้ พนมมือกราบไหว้
:mew1: :mew1:

ขอบคุณคุณ Grey Twilight มาก ๆ นะคะ ต้องสละเวลาแค่ไหนมาพิมพ์ข้อความได้ยาวมากขนาดนี้ อิอิ...ปลื้มปริ่ม จิงกะเบลมากค่ะ


ขอบคุณทุกคนอ่านที่ยอมเข้ามารับความหม่นสีเทาของนิยายเรานะคะ บอกความจริงเลยว่า อยากลองเขียนฟิน ๆ ฟีลกู๊ดได้ทั้งเรื่อง ตั้งใจจะให้ได้แบบนั้นนะ แต่สุดท้าย มิวาย ได้มีความขมมาปนทุกทีสิน่า บ้าบอ! สรุปแล้ว ความดราม่าเบา ๆ คือ งานถนัดของเราไปแล้วค่ะ อุอิอุอิ.. ขออภัยจริง ๆ 



« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 06-10-2019 21:45:47 โดย rinyriny »

ออฟไลน์ ommanymontra

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3437
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +96/-0

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ songte

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1425
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-1
ตื่นมาต้องมานั่งเคลียร์กันอีกรอบแน่ๆ แต่จุนจะมีแรงตื่นมั้ย :hao6:

ออฟไลน์ DrSlump

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3382
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +104/-2

ออฟไลน์ ซีเนียร์

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 778
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-0

ออฟไลน์ ลูกกุญแจ

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 337
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +28/-2

ออฟไลน์ rinyriny

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 295
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +106/-1
บทที่ 11 ยกเลิกสัญญา






เฮืออก

 
     เด็กหนุ่มไม่รู้หรอกว่าเวลาที่เขาสะดุ้งตื่นนี้คือกี่โมง แต่ที่เขารีบหยัดกายลุกจากเตียง วิ่งไปที่ห้องน้ำ เพราะรู้สึกคลื่นไส้ วิงเวียนจนอาเจียนออกมา

 
 
   จุนเจือใช้เวลาอยู่ในห้องน้ำสักพักใหญ่ ๆ นั่งกอดชักโครกราวกับเพื่อนคู่ใจ เพื่อรอความหวังให้อาการดีขึ้นมา หลังจากเจ้าตัว อาเจียนเป็นรอบที่สามในเวลาใกล้เคียงกัน

 
 
     เป็นเวลาพอสมควรที่รู้สึกว่าอาการดีจึงลุกไปล้างหน้า ล้างตาที่อ่างล้างหน้าสะอาดสะอ้าน จุนเจือเดินออกจากห้องน้ำด้วยมือหนึ่งกุมขมับ มือหนึ่งนวดไหล่ จุนเจือปวดเนื้อ ปวดตัวไปหมด แถมสมองตื้อและหนักศรีษะอย่างบอกไม่ถูก ดวงตาฉ่ำปรือเบิกตาขึ้นเล็กน้อย เมื่อเห็นคนที่นอนอยู่บนเตียงกำลังจ้องมองมาทางนี้
 

"พะ...พี่เมฆ พี่มาตอนไหนครับ?"

 
"เมื่อคืนครับ"

 
 
     จุนเจือชะงัก แวบแรกที่ผุดเข้ามาในหัวสมอง คือ คำบอกกล่าวของเพื่อน

 
"พี่เมฆมาเมื่อคืน ทำไมผมไม่รู้เรื่องเลยครับ แล้วพี่เข้ามาได้ไง คีย์การ์ดมันอยู่ในห้องนี่ครับ" จุนเจือรัวคำถาม เพราะเขาจำไม่ได้ว่าเมื่อคืนเกิดอะไรขึ้นบ้าง ทุกอย่าง มันเหมือนว่าเป็นความฝันมากกว่า

 
"ที่นี่ สามารถจ่ายเพิ่ม และรับคีย์การ์ดได้เพิ่มอีกใบครับ"

 
   เมฆินทร์ตอบแล้วขมวดคิ้วยามที่เด็กหนุ่มไม่ยอมเดินขึ้นมานอนบนเตียงดี ๆ กลับทรุดตัวลงข้างเตียงแล้วฟุบหน้าลง

 
"เป็นอะไรครับ จุน"

 
"ผมแฮงค์แน่เลยครับพี่เมฆ รู้สึกอยากอ้วกตลอดเวลาเลย" จุนเจือเอ่ยเสียงแหบพร่า เขาจับได้ว่าน้ำเสียงเขาเปลี่ยนไป

 
   เมฆินทร์ก้าวเท้าลงจากเตียง เดินไปหาเด็กหนุ่มอีกฝั่ง ย่อตัวลงนั่งแล้วเอามือแตะหน้าผาก

 
"หรือจะไม่สบาย?" เมฆินทร์ถาม


      ฟากจุนเจือพอโดนสัมผัสเข้าหน่อยก็ใจเต้นแรง อยู่ใกล้ผู้ชายคนนี้ทีไร จุนเจืออบอุ่นทุกครั้ง อยู่ ๆ ก็นึกอยากให้เขาเอาใจ เอื้อมมือไปจับมือพี่เมฆที่แตะหน้าผากเขาอยู่ แต้มยิ้ม สบตากันครู่หนึ่ง เด็กหนุ่มละสายตาจากใบหน้าหล่อเหลา เหลือบเห็นร่องรอยสีกุหลาบหลายตำแหน่งประทับตามลาดไหล่ และแผงอกคนอายุมากกว่า จู่ ๆ จุนเจือหน้าแดงเรื่อ

 
"พี่เมฆครับ เมื่อคืนผมมีอะไรกับพี่เหรอครับ?"
 
 
"ใช่ครับ จุนจำไม่ได้เลยเหรอ?" เมฆินทร์เอียงคอถาม
 
"ครับ"
 

"แต่พี่จำได้ว่าทำกี่รอบ ฉะนั้นไม่ต้องห่วงเรื่องเงินนะครับ"
 
 
"พี่เมฆครับ ผมไม่ใช่คนเห็นแก่เงินอย่างนั้นนะครับ ที่ผมถาม ผมแค่นึกไม่ออกว่าเมื่อคืนเกิดอะไรขึ้นบ้าง" จุนเจือพยายามรื้อฟื้นความจำ แต่ยิ่งนึกให้ตาย ก็ยิ่งเอาความทรงจำเมื่อคืนกลับมาไม่ได้จริง ๆ
 
 
“ครับ”
 
 
"ส่วนเรื่องรอย ผมขอโทษนะครับ ผมไม่ได้ตั้งใจ คือ ผม..." จุนเจือก้มหน้างุด โดยปกติ ถ้าเขาไม่เมา จุนเจือไม่เคยคิดทิ้งร่องรอยพวกนี้อยู่แล้ว เพราะจุนเจือไม่ชอบ
 
 
"ช่างมันเถอะครับ เมื่อคืนจุนเมามาก พี่ก็ไม่ได้ห้ามด้วย ส่วนตัวแล้วพี่ชอบเซ็กซ์เมื่อคืนมาก"
 
 
     จุนเจือหน้าแดงก่ำ เพราะมันมีแต่พี่เมฆเท่านั้นที่จำได้ แล้วอย่างนี้ จุนเจือจะรู้ได้ไงว่าเขาทำอะไรน่าอายลงไปบ้าง
 
 
"แล้วพี่เมฆจะไปทำงานกี่โมงเหรอครับ?"
 
 

"วันนี้พี่หยุดครับ" เมฆินทร์ชะงัก ตอนที่เห็นแววตาอ่อนแรงดูสดใสขึ้นมาอีกครั้ง
 
 
"วันนี้พี่เมฆจะอยู่กับผมหรอครับ?" จุนเจือยิ้มกว้างขึ้นมาในบัดดล
 
 
"ใช่ พี่มีเวลาให้จุนทั้งวันเลยครับ"
 
 
"ฮือออ ผมดีใจครับพี่เมฆ" จุนเจือว่าดังนั้นและพยายามฝืนตัวไปกอดพี่เมฆ
 
 
 
"พี่ขอตัวไปอาบน้ำก่อนนะครับ พี่ไม่ได้พกเสื้อผ้ามาเลยว่าจะไปหาซื้อเสื้อผ้าใหม่"
 
 
"ผมไปด้วยนะครับ"
 
 

"ไม่ได้ครับ จุนเหมือนจะป่วย นอนอยู่นี่แหละครับ"
 
 
"แต่พี่จะกลับมาใช่ไหม?" เอ่ยถ้อยคำแสนเศร้าเคล้าน้อยใจ จุนเจือกลัวว่าตัวเองจะอยู่คนเดียวอีกครั้ง

 
 
     คนที่ยังโดนสวมกอดจากเด็กหนุ่ม กระตุกยิ้มเล็กน้อย เขาก้มลมไปจูบเนินหน้าผากจุนเจือและเอ่ยเสียงหนักแน่น
 
 
"พี่กลับมาแน่นอนครับ ไม่ต้องกังวลนะ"
.
.
.
.
      สามโมงยี่สิบสองนาที คือ เวลาที่เมฆินทร์กลับมาถึงห้อง พร้อมอาหารและเสื้อผ้าที่ซื้อใหม่ โดยเมฆินทร์จัดการใช้บริการซักรีดกับทางโรงแรมพร้อมเสร็จสรรพ


     แม้ว่า เมฆจะจับอาการได้ว่าจุนเจือเหมือนป่วย แต่เมฆินทร์แลดูไม่เดือดร้อนเท่าไหร่กับการใช้เวลาเกินความจำเป็นไปอย่างไม่รีบร้อน เมฆไปออกกำลังกายที่ฟิตเนสตั้งอยู่บนห้างสรรพสินค้า เดินหาซื้อเสื้อผ้าตัวใหม่ยังไม่เร่งรีบ จบท้ายด้วยการเลือกซื้ออาหารให้จุนเจือที่จุดนี้ พิถีพิถันนานหน่อย เพราะคนใกล้ป่วยควรเลือกอาหารที่กลืนง่าย คล่องคอ


         รูปงามเดินเข้ามาด้านในห้องพลางเลิกคิ้วขึ้นสูง เมื่อพบเด็กหนุ่มสวมเสื้อผ้าชุดใหม่นั่งอยู่บนเตียง เมฆเดินไปนั่งริมเตียง จูบแก้มจึงได้กลิ่นหอมอ่อน ๆ จากสบู่เหลว


"อาบน้ำเหรอจุน?"


"ครับ"


"ทำไมไม่เช็ดตัว"


"ผมรู้สึกตัวเหนอะหนะน่ะครับ อาบน้ำน่าจะสบายตัวกว่า นี่ ผมนึกว่าพี่จะไม่กลับมาแล้ว" จุนเจือหลุบตาลงอย่างน้อยใจ เพราะพี่เมฆไปนานจนนึกว่าจะไม่กลับมา โดยจุนเจือก็ไม่รอ สั่งอาหารของทางโรงแรมด้วยบริการรูมเซอร์วิสเรียบร้อย


"ป่วยแล้วอ้อนหรือครับ?"


     จุนเจือไม่ตอบแต่กลับเบนหน้าหนีไปทางอื่น เมฆินทร์กระตุกแขนเด็กหนุ่มให้หันหน้ามา ชายหนุ่มประทับรอยจูบตรงมุมปากของจุนเจือ แล้วเอ่ย


"ลุกมากินข้าว กินยาก่อน"


"ผมกินข้าวแล้วครับ" จุนเจือบอกทำให้เมฆินทร์เงียบไปนิด


"พี่ขอโทษครับ เรากินไปตั้งแต่เมื่อไหร่?"


"เที่ยงครับ"


"นานไป ถ้างั้นฝืนกินอีกนิดได้ไหมจะได้กินยาด้วย"


"ผมไม่ได้ป่วยหรอกครับพี่เมฆ"


     เมฆินทร์จ้องมองคนดื้อ ก่อนใช้หลังมืออังหน้าผาก ผละมาแตะลำคอ


"กินดักไว้ก่อน แล้วพี่จะลดอุณหภูมิแอร์ลงด้วย" พอเห็นเด็กหนุ่มขยับตัวเมฆินทร์ก็โน้มตัวไปจูบปากเบา ๆ


"ไม่ดื้อสิครับ เชื่อฟังพี่หน่อย อย่าให้พี่ต้องดุบ่อย ๆ นะครับ"



        จุนเจือก้มหน้าพลางเม้มปากแน่น ยามเห็นแววตาที่แสดงออกถึงความไม่พอใจ จุนเจือจึงทำตามอย่างว่าง่าย โดยพี่เมฆเป็นคนปรนนิบัติให้ทุกอย่าง ตั้งแต่ แกะถุงโจ๊กหมูใส่ไข่ใส่ถ้วยโฟม ป้อนข้าวทีละคำช้า ๆ โดยไม่อิดออดหรือรำคาญ จุนเจือกินไปไม่มากก็อิ่มเพราะรู้สึกไม่อยากอาหาร


      เมื่อได้ยาลงท้องแล้ว จุนเจือก็มองพี่เมฆที่จัดการเก็บขยะ เศษอาหาร เขายังกำชับอีกว่ามีขนมและน้ำผลไม้ให้จุนเจือกินด้วย


        จุนเจือแอบมองพี่เมฆด้วยความรู้สึกหลากหลาย เขาเริ่มได้ใจกับการกระทำที่พี่เมฆดูแลเป็นอย่างดี มันยิ่งทำให้เขาถลำลึกลงเรื่อย ๆ


"พี่เมฆ เรื่องเมื่อคืน ที่ผมเมา พี่พอจะเล่าให้ผมฟังได้ไหมครับ?" จุนเจือถามขณะที่พี่เมฆกลับมาหย่อนกายลงนั่งข้าง ๆ กันอีกครั้ง


"อยากรู้จริงเหรอ?"


"อยากรู้สิครับ"


"อย่าให้เล่าเลยครับ ถ้าพี่เล่าจุนจะไม่สบายใจเปล่า ๆ"


"ทำไมพูดแบบนั้น มันต้องมีอะไรไม่ดีแน่ ๆ เลย เล่าเถอะนะครับ ผมไม่เคยกินหนักขนาดนี้ เลยไม่รู้ว่าตัวเองทำเปิ่นอะไรไว้บ้าง เพราะเมื่อคืน...." จุนเจือเงียบพลางเม้มปากแน่น


"เมื่อคืนทำไมครับ? พี่อยากรู้เหตุผลทำไมจุนต้องดื่มมากขนาดนั้น"

"....."

     จุนเจือไม่กล้าบอกว่าสาเหตุของการเมาเพราะน้อยใจ



"เพราะวันเกิดจุนใช่หรือเปล่า? เอ่อ ขอโทษที พี่ลืมอวยพรไปเลย สุขสันต์วันเกิดย้อนหลังนะครับ จุน" จุนเจือชะงัก ไม่คิดว่าพี่เมฆจะจำได้ เพราะเห็นตั้งแต่ตื่นมาพี่เมฆไม่พูดถึงเรื่องนี้เลย




"ขอบคุณครับ"


"พี่ไม่ได้ซื้ออะไรมาเป็นของขวัญ กลัวว่าจะไม่ถูกใจ เลยมาถามจุนก่อน จุนอยากได้อะไรในวันเกิดครับ พี่จะซื้อให้"


"ผมไม่อยากได้สิ่งของเป็นของขวัญครับพี่เมฆ ผมอยากได้....."


      'พี่มาอยู่ข้างผม' คำพูดที่จุนเจือไม่กล้าเอ่ย เขาได้แต่เก็บคำนั้นกลืนลงคอ



"แล้วของขวัญที่ว่านั้นคืออะไรครับ?" เมฆินทร์ดึงมือเด็กหนุ่มไปลูบไล้ช้า ๆ


"ผม ผม คือ...."


"ถ้านึกออกเมื่อไหร่ บอกพี่นะครับ ถ้าทำได้พี่จะทำให้" เมฆินทร์ยิ้ม จุนเจือพยักหน้า


"ครับ แล้วเรื่องเมื่อคืน พี่เมฆยังไม่เล่าให้ผมฟังเลยครับ"


"ถ้างั้น ขอพี่ถามจุนก่อนได้ไหม?" เมฆินทร์ผุดรอยยิ้มพราวเสน่ห์ เมื่อเห็นเด็กหนุ่มยังทำหน้าหงอย เขาจึงค่อยเคลื่อนริมฝีปากไปพรมจูบทั่วไปหน้า คลอเคล้า คลอเคลียเด็กหนุ่มอย่างรู้สึกชื่นชอบ


"ครับ"



"เรื่องข้อความในไลน์ที่ส่งมา มันเป็นความจริงเหรอครับ?"


กึก



    จุนเจือหน้าแดงก่ำ เบนหน้าหนีไปทางอื่น แล้วเอ่ย



"อะอ่าครับ พี่เมฆ" จุนเจือพยักหน้าไปพร้อมกับให้คำตอบ



"รู้สึกดีจังครับที่มีคนชอบพี่" เมฆินทร์ยิ้มละมุน เกลี่ยไรผมเด็กหนุ่มเล่น


"ส่วนเรื่องเมา จุนก็มีอะไรกับพี่ จุนบอกชอบพี่เหมือนกันครับ"


"อื้อ จริงหรอครับ คือ ผมบอกด้วยเหรอ อื้ออายย...." จุนเจือยกมือปิดหน้าแล้วฟุบลงกับเข่า จนเมฆินทร์หลุดหัวเราะเบา ๆ ก่อนดึงมือออก



"อย่าซีเรียสเลย พี่ดีใจนะที่จุนชอบพี่ มาให้พี่กอดหน่อยได้ไหมครับจุน" จุนเจือแหวกนิ้วมองลอดช่องว่างระหว่างนิ้วมือ ก่อนลดมือลงและกระเถิบตัวไปซบอก ส่วนเมฆินทร์ก็โอบกอดกลับ



    เมฆินทร์จูบซับไรผม ข้างขมับก่อนไล้มาถึงแก้มขาวใส


"จุนครับ พี่ขอบคุณนะที่จุนชอบพี่ แต่พี่ขอโทษ ที่ตอนนี้ พี่ไม่ได้รู้สึกแบบนั้นกับจุน"



กึก


      เป็นความจริงที่เจ็บปวด จุนเจือนั่งอึ้ง และช็อคจนพูดไม่ออก แล้ววันนี้ที่พี่เมฆินทร์ดูแลเขาทุกอย่าง พูดดีทุกอย่างกับเขานั้นเพราะอะไร?


     จุนเจือตาร้อนผ่าวจะร้องไห้ เขายังคงนิ่งงันความรู้สึกราวกับโดนใครผลักลงเหวไม่ทันตั้งตัว



"และพี่ต้องการยกเลิกสัญญานี้ด้วยครับ"



"ทำไมล่ะครับ? ผมห่วยเรื่องเซ็กซ์หรอ พี่เมฆบอกผมได้นะครับ ผมแก้ไขได้นะ" จุนเจือผละออกมามองหน้าพี่เมฆทันที


"ไม่เลย พี่ชอบนะ เวลาพี่มีเซ็กซ์กับจุน พี่ได้เป็นตัวของตัวเองเต็มที่ พี่อยากได้แบบไหน จุนก็ทำให้ไม่เคยบ่น ไม่เคยอิดออด มีแต่ทำให้พี่ประทับใจ" เมฆินทร์ว่าแล้วจูบปากอีกครั้ง


"แล้วพี่จะยกเลิกสัญญาทำไมครับ ไม่เอา ไม่ยกเลิกได้ไหมครับ?" จุนเจือเสียงสั่นเครือ


"จุนขาดเงินที่ต้องใช้หนี้อีกเท่าไหร่ครับ พี่จะจ่ายให้ทั้งหมด"



"ไม่นะพี่เมฆ ผมไม่สนเรื่องเงินแล้วครับ"จุนเจือปากสั่น เสียงสั่น ใจสั่นไปหมด เขาทำตัวไม่ถูกที่ได้ยินแบบนี้ จุนเจือขออย่างเดียว ขอได้เจอพี่เมฆอีกเรื่อย ๆ เพราะการยกเลิกสัญญาก็เท่ากับว่า จุนเจือมีโอกาสจะไม่ได้เจอพี่เมฆด้วย


"จุนครับ ถ้างั้นก็เชื่อฟังพี่ ทำตามที่พี่บอกนะ"


"เพราะอะไร? เพราะผมชอบพี่เหรอ? ผมขอโทษนะครับที่ผมใจง่าย  ถ้าพี่ไม่สบายใจที่ผมใช้ใจลงไปเล่นในความสัมพันธ์นี้ โอเค ผมจะเลิกชอบพี่ แต่ผมอยากให้มีสัญญานี้ต่อได้ไหมครับ" จุนเจือหลั่งน้ำตาในขณะที่เมฆินทร์หลบตาหนีไปครู่หนึ่ง ก่อนตอบด้วยรอยยิ้มอบอุ่น



"มันไม่เกี่ยวกับเรื่องที่จุนชอบพี่ครับ แต่จุนชอบละเมิดกฏอยู่บ่อย ๆ โดยเฉพาะข้อที่พี่บอกว่าตอนมีเซ็กซ์กับพี่ จุนต้องไม่มีใคร?"


"ก็ผมไม่มีใคร ผมโสด"



"แต่จุนเมาแล้วจุนติดต่อกับแฟนเก่า"


กึก
   
     เมฆินทร์ค่อนข้างเลือกคนที่จะสานสัมพันธ์ด้วยกัน ในตอนนั้น เขามั่นใจว่าดูคนไม่ผิด ตอนที่เจอจุนเจือที่เกาะ จุนเจือมีความจริงใจ เป็นกันเอง และมีความร่าเริง สดใสในแบบวัยของเขา โดยเฉพาะยามที่ระเริงรัก แม้จุนเจือจะไม่เชี่ยวชาญเรื่องเพศสัมพันธ์แต่ทุกอย่างที่จุนเจือทำ มันดูเป็นธรรมชาติ และยังพยายามเอาอกเอาใจแบบใส่ใจจริง ๆ ไม่ใช่เสแสร้งแสดงฉากรักแบบโอเว่อร์แอคติ้งเกินเหตุ


    ทุกอย่างที่เป็นจุนเจือทำให้เมฆินทร์อยู่ด้วยแล้วสบายใจ แต่สิ่งที่เมฆไม่ชอบ คือ การไม่อยู่ในกฏเกณฑ์ที่เขาตั้งไว้



     ดังนั้น คนที่อยู่ใต้อาณัติของเขา หากทำผิดกฏ เมฆินทร์ก็ไม่ปล่อยไว้เหมือนกัน
 

     การจบสัญญา คือ ความปลอดภัยทางความรู้สึกที่ดีที่สุด



         ส่วนจุนเจือเอง ได้ยินดังนั้น ก็เถียงไม่ออก เพราะเขาเมาเลยจำไม่ได้ว่าโทรจริงหรือไม่?


"ผมคุยกับแฟนเก่าตอนเมาหรือครับ?"จุนเจือถามขณะที่น้ำตายังไหลไปด้วย


"ครับ จุนลองดูมือถือตัวเองสิครับ"


    จุนเจือยังไม่หยิบมือถือมาดู เขาหมดแรงจนไม่อยากดูอะไรแล้วทั้งนั้น


"ถึงเป็นอย่างนั้นจริง ผมก็ไม่ได้รู้สึกอะไรกับพี่บอมบ์แล้วนะครับ ผมสาบานได้" จุนเจือพูดพลางปาดน้ำตาลวก ๆ


"ไม่ต้องสาบานกับพี่หรอกครับ ไม่ทันแล้ว มันเกิดขึ้นแล้วครับ จุน"


"พี่เมฆ ผมขอโทษครับ" จุนเจือกัดปากสั่น ๆ



"รู้ไหม พี่สบายใจที่ได้อยู่กับจุน แต่ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ตาม จุนสัญญาได้ไหมว่าจะยังเป็นเด็กดีที่เชื่อฟังพี่อยู่" เมฆินทร์ว่าพลางแตะนิ้วโป้งไล้แก้มเนียน จุนเจือพยักหน้าหงึกหงัก



"ถ้างั้นก็ยกเลิกสัญญา ส่วนเรื่องเงินที่ขาดไป พี่จะช่วย พี่เห็นใจจุนนะ"



"ถ้างั้นผมไม่เอาเงินเหมือนกันครับ  ไม่เป็นไร ฮึกกกอืออ...พี่เมฆ ผมโอเค"


     เมฆินทร์ซับน้ำตาเด็กหนุ่มก่อนดึงเด็กหนุ่มมากอด


"เวลาจุนอยู่กับพี่ จุนร้องไห้ตลอดเลย พี่ดูเหมือนคนใจร้ายขนาดนั้นเลยเหรอครับ?


"ฮือออ ครับ พี่ใจร้ายขนาดนั้นเลยแหละ"


      จุนเจือว่าอย่างไม่เข้าใจ พี่เมฆทำแบบนี้กับเขาทำไมในขณะที่ปากพร่ำบอกตัดความสัมพันธ์แต่เราสองคนยังอยู่ในอ้อมกอดเดียวกัน


"พี่ขอโทษนะครับ จุน อย่าโกรธพี่เลยนะ"


    ดูสิ เขาทำแบบนี้กับจุนเจือทำไม พูดจบก็ยังผละมาจูบปากจุนเจือซ้ำ


"พี่เมฆครับ ถ้ายกเลิกสัญญา ผมยังติดต่อพี่ได้ไหม"


"ไว้ถ้ามีอะไร? พี่จะเป็นฝ่ายติดต่อไปเองคงดีกว่า ตกลงตามนี้นะครับจุน"


    จุนเจือใจสลาย การที่พี่เมฆพูดแบบนี้ มันเหมือนเป็นสัญญาณว่าเขาจะตัดขาดอย่างถาวร


"ฮือออ เราไม่มีสิทธิ์สานสัมพันธ์ไปมากกว่านี้ได้เลยเหรอครับ?" จุนเจือยังคงตื้อและดื้อดึง


"พี่ไม่ใช่คนดีหรอกนะจุน อยู่กับพี่ไปนาน ๆ จุนอาจร้องไห้หนักกว่านี้ก็ได้" เมฆินทร์ว่า



"แต่ผมยอมร้องไห้ ถ้ามันเป็นพี่" จุนเจือตอบโดยไม่คิดจนเมฆินทร์ชะงัก



"ไม่เอาสิครับ อย่าทำให้พี่ลำบากใจเลย คนดี ๆ อย่างจุนต้องเจอคนที่คู่ควรกับจุน พี่มันคนไม่ดีอย่ามาอยู่กับพี่เลยครับ"


    คนอายุมากกว่า ไม่อยากเห็นน้ำตาเด็กหนุ่ม เมฆจึงดึงตัวจุนเจือมาสวมกอดแน่น ซบหน้าลงกับลาดไหล่ จูบซับข้างลำคอ ทั้งสองกอดกันเนิ่นนาน จนกระทั่ง


"พี่เมฆ วันเกิดผม ผมรู้แล้วครับว่าอยากได้อะไร?" จุนพูดเสียงอู้อี้เหมือนคนเป็นหวัด


"อะไรครับ?"



"อีกไม่กี่วัน ก่อนผมกลับไปทำงานที่ใต้ ผมขอใช้เวลาอยู่ด้วยกันกับพี่เมฆได้ไหมครับ ผมอยากอยู่ใกล้ ๆ พี่เมฆแบบนี้ ฮือออออ"



"พี่ให้ได้ครับ" เมฆินทร์ผละมามองหน้าจุนเจือ ก่อนจะใช้นิ้วโป้งเช็ดน้ำตาและน้ำมูกที่ไหลย้อยราวกับเด็กน้อยโดนทิ้ง


 
..................................................

           
ง่าง่า จบตอนนี้ คิดว่าควรเข้าข้างใครดีน้า

หลังจากหายไปนาน ช่วงนี้เลยมาต่อให้ถี่ยิบเลยค่ะ ^^
   :sad4: :sad4: :sad4: :sad4: :sad4: :mew6: :mew6: :mew6:



« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 10-10-2019 18:08:41 โดย rinyriny »

ออฟไลน์ ommanymontra

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3437
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +96/-0

ออฟไลน์ DrSlump

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3382
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +104/-2

ออฟไลน์ songte

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1425
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-1
พี่ใจร้ายกับจุนจับเลย แต่ก็นะไม่ให้ความหวังเลยอาจจะดีก็ได้เสียใจวันนี้ต่อไปจุนน่าจะเข้มแข็งขึ้นละนะ

ออฟไลน์ ลูกกุญแจ

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 337
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +28/-2
เฮ้อออออ หนักใจ เศร้าแทนจุน

ออฟไลน์ rinyriny

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 295
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +106/-1
บทที่ 12 เรียกพี่ว่า 'เอิร์ท'








  หลังจากบอกข้อตกลงของการยกเลิกสัญญา เมฆินทร์ปลอบเด็กหนุ่มไม่นาน ก็ทำท่าจะลงไปข้างล่าง พอจุนเจือรั้ง เมฆินทร์จึงบอกว่าไปไม่นาน เด็กหนุ่มจึงจำใจปล่อย

 

      จุนเจือโมโหตัวเองที่คิดไม่ออกว่าคุยกับพี่บอมบ์ว่าอะไรบ้าง นั่งเค้นเหตุการณ์เมื่อคืน ทว่า ยิ่งนึกเท่าไหร่ก็นึกไม่ออก ตัดสินใจใช้โอกาสนี้ รีบโทรหาอดีตคนรักทันที





"พี่บอมบ์"



 

[หืมมม จุนครับ พี่กำลังจะโทรไปพอดีเลยครับ นี่กว่าพี่จะใช้เวลาหายโกรธจุนได้นานมาก เมื่อคืนเราทำพี่แสบนะครับ กล้าหลอกพี่เหรอ? พี่ไปถึงโรงแรมแล้วแต่จุนไม่รับสาย]



 

"เมื่อคืนผมคุยกับพี่บอมบ์เรื่องอะไรบ้าง?"



 

[จุนจำไม่ได้?]



 

"จำได้-ไม่ได้ไม่สำคัญ ผมอยากรู้ พี่บอมบ์บอกผมมาเดี๋ยวนี้"



 

[ก็พี่โทรหาจุนว่าจะมาหาไหม แต่จุนบอกให้พี่ไปหาที่โรงแรม พี่ก็ไป แต่ดันไปเจอผู้ชายอยู่หน้าห้องที่อ้างว่าเป็นเจ้าของ เขาบอกอยู่คนเดียว และเขาไม่รู้จักจุน พี่ถึงถามจุนไงว่าจุนโกหกพี่หรอครับ]



 

    จุนเจืออึ้งกับสิ่งที่ได้ยิน มันเป็นเรื่องจริงเหรอนี่ เด็กหนุ่มสบถในลำคอ ก่อนจะกุมขมับเพราะกลับมาปวดหัวอีกครั้ง



 

"พี่บอมบ์ครับ ผมว่าเราอย่าติดต่อกันอีกเลย เราไม่มีทางกลับไปเป็นเหมือนเดิมได้หรอก จุนอโหสิกรรมให้พี่แล้ว จุนจะใช้หนี้เองทั้งหมด จุนไม่ได้อยากกลับไปคบพี่ อนาคตของจุนมันไม่มีพี่อยู่เลย แค่นี้นะครับ"



 

    จุนเจือไม่รอฟังให้อีกฝ่ายพูดแล้ว เรื่องนี้ถือว่าเป็นบทเรียนที่เขาพลาดเองเผลอปลดล็อคเบอร์อีกฝ่าย แล้วปล่อยให้ความสัมพันธ์เก่าวนกลับมาย้ำความทรงจำ ยามนี้ จุนเจือรู้ซึ้งถึงความผิดพลาดทั้งหมดว่าเขาควรจบอดีตให้สิ้นซาก จุนเจือจะไม่เปิดช่องทางการติดต่อให้เกิดอาการใจอ่อนอีก วางสายทำการบล็อคเบอร์โทรศัพท์อีกครั้ง และเด็กหนุ่มเลือกที่จะกรอกเบอร์เพื่อนสนิทเพื่อคุยเป็นสายต่อไป 

 

"ฮัลโหล แพร"



[อร้ายยย ไอ้จุน เป็นไงบ้าง กูไม่กล้าโทรหา กลัวขัดความสุขตอนมึงอยู่กับพี่เขา นี่กูลุ้นมากเลย สรุปเมื่อคืนพี่เขากลับมาหามึงใช่ไหม?]



 

"ใช่ กลับมา"



 

     จากนั้นจุนเจือได้ยินเสียงแพรกรี้ดดังลั่นจนต้องเอามือถือออกห่างจากหู



 

[เห็นไหม? เขาชอบมึงแน่เลย เขากลับมาหามึงด้วย ที่เหลือ มึงก็อ่อยต่อเลยนะ]



    ยิ่งได้ยินคำดีใจของเพื่อนที่ไม่รู้เรื่องราวที่แท้จริง ยิ่งทำให้จุนเจือน้ำตาคลอกับความจริงที่จะบอกออกไป



 

"แพร พี่เมฆกลับมาจริง ๆ แต่เขากลับมาบอกว่า เขาไม่ได้ชอบกู"



กึก



 

[อะ...อะไรนะจุน]



 

 

"มึง เขาไม่ชอบกูจริง ๆ แพร เขายกเลิกสัญญาด้วย กูทำไงดีวะ แพร กูเจ็บว่ะ เจ็บไปหมดเลย ที่ผ่านมา พี่เขาทำดีกับกูเพื่ออะไรวะ"



 

[จุนใจเย็น ๆ นะมึง กูขอโทษที่กูพูดเชียร์และมั่นใจในตัวพี่เขาเกินไป เฮ้อ! แต่อย่างน้อยมึงก็ได้รู้แล้วนะว่ามึงควรมูฟออน อย่าเสียเวลากับพี่เขาเลย พยายามเข้มแข็งนะจุน กูรักมึงนะ ให้กูไปหาไหม]



"ขอบใจ แต่ไม่ต้องมาหรอกมึง สองสามวันนี้ กูจะใช้เวลาอยู่กับเขามาก ๆ ก่อนกูกลับใต้น่ะ"





     จุนเจือไม่ได้ร้องฟูมฟายเหมือนตอนพี่เมฆบอกข่าวร้าย เขาแค่น้ำตาคลอและเจ็บแปลบปลาบที่ใจยามระบายให้เพื่อนฟัง โดยไม่รู้เลยว่า เมฆินทร์หยุดชะงักตรงบานประตูหน้าห้อง เขากลับเข้ามาใหม่เพราะลืมของ

.

.

.

"จุนครับ หลับแล้วเหรอ?"





"พี่เมฆ" จุนปรือตาขึ้นมา เขาจำได้ว่า เขาคุยกับแพรไปสักพักก็นั่งกอดเข่าหลั่งน้ำตาจนผล็อยหลับไปเมื่อไหร่ก็ไม่รู้ รู้แค่ว่า  จุนเจือรอพี่เมฆขึ้นมาแต่พี่เมฆไม่ขึ้นมาสักที เขาเป็นแบบนี้อีกแล้ว บอกว่า จะหายไปไม่นาน แต่ทุกครั้งมันก็นานจนเกินจะรอ





"ครับ เป็นไงบ้าง อาการดีขึ้นแล้วใช่ไหม ไปกินข้าวเย็นกัน" เมฆินทร์ว่าพลางสอดมือใต้รักแร้ ยกตัวเด็กหนุ่มขึ้นนั่ง เขาลูบแขน ลำคอและแตะตามโครงหน้าเหมือนจุนเจือจะตัวไม่ร้อนแล้ว



    เมฆินทร์สบตามองจุนเจือที่พอรู้ตัวว่าโดนจ้องก็เบนหน้าหนี ปลายนิ้วแตะลงบนเปลือกตาบวมเป่ง



"กินที่ไหนครับ?"



"จุนอยากกินที่ไหน?"



"ผมอยากไปห้าง"



     เมฆินทร์ก้มมองนาฬิกาข้อมือก็ปรากฎเป็นเวลาหนึ่งทุ่ม



"จะไปกินอะไรครับ ไม่น่าทันนะ กว่าจะเดินทาง กว่าจะถึง"



"......"



"โอเค พี่ขอตัดสินใจเอง พี่จะพาจุนไปร้านส้มตำดีกว่า พี่เคยได้ยินพนักงานที่บริษัทพูดถึงร้านนี้บ่อย ๆ จุนไปนะ"



"แล้วมันจะไม่ปิดหรอครับ"





"ร้านนี้ ปิดห้าทุ่มครับ"



"ครับ"



"จะแต่งตัวใหม่หรือจะไปชุดนี้"



"ชุดนี้แหละครับ" จุนเจือว่าก่อนจะลุกขึ้น ยามนี้ เขาไม่ห่วงหล่อแล้ว



     เมฆินทร์มองเด็กหนุ่มที่ดูออกว่าอาการแย่ไม่ใช่กาย แต่แย่ที่ใจ



     เขาเดินไปแตะแขนจุนเจือ แล้วถาม



"จุน โอเคนะ"



     จุนเจือมองหน้าพี่เมฆก็ฝืนยิ้มก่อนน้ำตาจะหยด



"ในชีวิตพี่เมฆ พี่เคยมีความรักจริง ๆ บ้างไหมครับ?" จุนเจือพยายามทนแล้วน้ำ แต่น้ำตาไหลจนได้  เมฆินทร์สวมกอดจุนเจือทันที



"พี่ก็มีหัวใจเหมือนกันครับ จุน"





      ผละออกเพื่อปล่อยให้จุนเจือไปทำธุระส่วนตัว พอกำลังจะออกจากห้อง เมฆจับมือเด็กหนุ่ม





"จุนครับ พรุ่งนี้กับมะรืนพี่มีงาน พี่จะไม่ว่างช่วงบ่าย"



"ครับ" จุนเจือตอบรับอย่างซึม ๆ สุดท้ายเวลาที่ได้อยู่ด้วยกันก็ถูกลดทอนลงไปอีก เพราะพี่เมฆทำงาน ครั้นจะไปตื้อดื้อดึงก็คงถูกดุไปตามระเบียบ



"แต่เห็นจุนขอไว้ว่าจะอยู่ด้วยกันก่อนกลับ พี่เลยจะชวนไปงานด้วย"



   คนหน้าหงอยเบิกตาโพลงหันไปหาคนที่พูดประโยคนั้นออกมา



"พี่ให้ผมไปได้จริง ๆ เหรอครับ?"



"ครับ แต่ไม่ดื้อนะ ไปเฉย ๆ แล้วถ้าใครถามว่าจุนเป็นใครให้บอกว่าเป็นน้องชายเพื่อนพี่นะ"



"ครับ"



      จุนเจือจะพยายามไม่คิดมาก อย่างน้อยก็จะได้มีช่วงเวลาดี ๆ ที่ควรค่าแก่การจดจำระหว่างอยู่ด้วยกันกับเขา

.

.

.

.



"จุนถ้าถึงงานแล้วอย่าดื้อนะครับ"





       วันนี้ จุนเจือลอบมองพี่เมฆตลอด เขาแต่งตัวสุภาพด้วยเสื้อเชิ้ตสีขาวกับกางเกงแสล็คสีกรมท่า แม้ว่าจุนจะเคยเห็นลุคนี้บ้างบางวัน แต่อย่างไรก็ตาม พี่เมฆยังคงภาพลักษณ์ดูหล่อในสายตาจุนเจือเสมอ



"ผมดูเป็นเด็กเอาแต่ใจขนาดนั้นเลยหรอครับ พี่ถึงต้องกำชับบอกผมขนาดนั้น"



"จุนชอบดื้อกับพี่นี่ครับ อย่ายุ่งย่ามขณะที่คนอื่นเขาทำงานนะ"



"ถ้าพี่พูดอย่างนั้นพี่จะพาผมมาทำไมครับ ผมไปก็เกร็งเปล่า ๆ"



"จุนไม่ได้อยากอยู่กับพี่แล้วหรอครับ"





     จุนเจือชะงักพลางสบตามองพี่เมฆ และคราวนี้ เป็นพี่เมฆที่ละสายตาหนีไปก่อน



     จุนเจือคิดอีกทีมันก็ดีเหมือนกัน การไปเห็นว่าพี่เมฆทำงานอะไรนั้น มันก็ทำให้เขาเห็นอีกมุมที่ไม่เคยเห็น



     จุนเจือเงียบ พอแอบมองใบหน้าด้านข้างพี่เมฆ มันก็เกิดความสุขคละเศร้าในคราวเดียวกัน จุนเจือเบือนหน้าหนีออกไปมองนอกกระจกรถด้วยความรู้สึกเจ็บ



'เอาน่าจุน ถ้าเลือกแล้ว ก็ทำมันให้ดีที่สุดนะ'





      ตอนนี้ ในเวลาบ่ายโมงครึ่ง ทั้งคู่จอดรถที่ลานจอดรถของโรงแรมแห่งหนึ่งที่อยู่ติดสถานีรถไฟฟ้า เมฆินทร์บอกจุนเจือว่าที่แห่งนี้ จะเป็นสถานที่จัดงาน โดยวันนี้จะเป็นการตระเตรียมงาน ก่อนจัดงานแถลงข่าวมหกรรมการจัดงานทางด้านธุรกิจในวันพรุ่งนี้



    บอกรายละเอียดแก่จุนเจือคร่าว ๆ จู่ ๆ เด็กหนุ่มก็รู้สึกดีที่เขาได้เป็นส่วนหนึ่งในการรับรู้การทำงานของพี่เมฆ เพียงเปิดประตูกระจกใส ก็มีผู้หญิงวัยกลางคนเดินยิ้มมาหาเมฆินทร์



"สวัสดีค่ะ คุณเมฆินทร์ มาทันใจเลย แอนท์ว่าจะขอปรึกษาเรื่องงานพอดี"



"สวัสดีครับ คุณแอนท์ ได้ครับ รอผมสักครู่นะครับ เดี๋ยวผมมา"



"ไม่รีบ ๆ ค่ะ มาบอกไว้ก่อน แอนท์รอตรงนู้นนะคะ"



"ครับ"



    บทสนทนาที่ทั้งสองคุยกันทำให้จุนเจือยืนเด๋อเหมือนเป็นส่วนเกิน เมฆินทร์พาจุนเจือไปหาลูกน้องคนสนิทที่เป็นคนคุมโปรเจกท์นี้ 



"จุนครับ นี่เจน......." เมฆินทร์อมยิ้ม ก่อนละสายตาจากจุนเจือไปหาพนักงานคนสนิท



"...ภพ พี่ฝากน้องหน่อยครับ น้องชื่อจุนเจือ เรียกน้องเขาว่าจุนก็ได้ จุนถามพี่เขาเองนะว่าอยากให้เรียกชื่อว่าอะไร เดี๋ยวพี่จะไปคุยกับลูกค้าก่อน"





      เจนภพ คือ หนุ่มวัยยี่สิบแปด เป็นหนึ่งในพนักงานคนสนิทเพราะทำงานมาตั้งแต่บริษัทเพิ่งเปิดตัวใหม่ ๆ เขาเป็นคนเก่ง มีประสิทธิภาพทางด้านการทำงานดีเยี่ยม อีกทั้งยังไม่เกี่ยงงาน พร้อมลุยได้เต็มที่ แหละเพราะทำงานด้วยกันมานาน จึงทำให้เมฆินทร์รู้สึกไว้ใจและค่อนข้างสนิทสนมเป็นพิเศษ



"ขอบคุณนะครับพี่เมฆที่แนะนำชื่อเต็มผม แหม่! จะเรียกติดกันก็ไม่ได้นะครับ พี่เมฆนี่ชอบแกล้งผมจัง"



"หึ พี่ไปก่อนเอิร์ท ฝากน้องด้วย"



     จุนเจือแปลกใจ ไม่ค่อยเห็นมุมพี่เมฆหยอกล้อมาก่อน พอเขาหยอกล้อกับลูกน้องอย่างเป็นกันเอง ทำไมจุนเจือรู้สึกว่าเขาน่ารัก และเข้าถึงได้ง่าย ไม่ได้ดูโหดร้ายเหมือนตอนที่อยู่กับจุนเจือเลย



    เจนภพละสายตาจากเจ้าของบริษัทก่อนจะกลับมามองเด็กหนุ่มหน้ามนปากสวย



"สวัสดีครับ" จุนเจือยกมือไหว้และส่งยิ้มอย่างจริงใจ ฟากเจนภพก็ยิ้มกว้างพลางพยักหน้าหนึ่งทีให้รู้ว่าพร้อมเป็นมิตรเช่นกัน

 

"สวัสดี จุน นี่น้องเพื่อนพี่เมฆเหรอ?"

 

"เอ่อะ! ครับพี่"

 

"จุนอายุเท่าไหร่ล่ะ"

 

"ยี่สิบห้าสด ๆ ร้อน ๆ เลยครับ"



"แสดงว่าวันเกิดเพิ่งผ่านมา?"



"ครับ"

 

"เบิร์ทเดย์ย้อนหลังนะ"



"ขอบคุณนะครับพี่...เอ่อ ผมต้องเรียกพี่ว่า เจน.."



"น้องจุนอย่ากวนเหมือนพี่เมฆสิ ฟังคนเรียก เจน ตั้งแต่เด็กจนโต จนอยากจะเปลี่ยนชื่อจริงที่แม่ตั้งให้แล้วเนี่ย"



"ถ้างั้น...."



"เรียกพี่ว่า 'เอิร์ท' ครับ" เจนภพส่งยิ้มอย่างเป็นกันเอง



"อ้อครับพี่เอิร์ท" จุนเจือยิ้มกว้าง



"พี่เมฆฝากไว้ คงไม่ได้ให้ทำอะไร ถ้างั้นจุนไปนั่งรอเหอะ พี่ก็ไม่รู้จะใช้อะไรด้วย"



"ผมทำได้นะครับพวกงานง่าย ๆ หรืองานที่ไม่มีผลกระทบในทางเสียหายกับงานพี่มาก ผมชอบพวกงานบริการ เผื่อพี่เอิร์ทสามารถหางานให้ผมทำได้"



    เอิร์ทมองเด็กคนนี้ที่อาสาอย่างขยันขันแข็งก็นึกขำ



"เอ่อ ถ้างานที่จุนพอทำได้ก็มีนะ งานสั่งข้าวให้พวกสตาฟและพวกทีมเซ็ตอัพกินตอนเย็น เดี๋ยวพี่ไปถามพี่เมฆก่อนว่าได้ไหม?"



"ไม่ต้องหรอกครับ"



"ไม่ได้ ถ้าเป็นงานอะไรก็ตาม ควรแจ้งให้แกทราบก่อน เพราะเกิดผิดพลาดอะไรขึ้นมา พี่เมฆจะได้รับรู้เรื่องราวและเป็นคนแก้ปัญหาให้"



    จุนเจือตกใจตอนที่พี่เอิร์ทเสียงดังและตอบกลับมาทันควัน



"เอ่อครับ"



     ครู่หนึ่งจุนเจือเห็นพี่เอิร์ทเดินไปหาพี่เมฆ ซึ่งเป็นจังหวะที่ลูกค้าปลีกไปคุยโทรศัพท์มือถือ เขาใช้จังหวะนี้แทรกไปคุยไม่นานก็เดินกลับมา





"พี่เมฆโอเคนะ  ถ้างั้นพี่ยกหน้าที่นี้ให้จุนสั่งข้าวไปเลย แต่อย่างอื่นพี่เมฆไม่ให้ยุ่ง"



"ได้ครับ อันนี้พี่เอิร์ทมีเจ้าประจำอยู่แล้วหรือเปล่าครับ หรือผมสามารถหาเจ้าใหม่ได้เลย"



"มีทีมหาเบอร์ไว้แล้วล่ะ เราแค่โทรสั่ง เดี๋ยวเขาคงให้วินฯ มาส่งข้าวให้"



"อ้อครับ"





"ถ้าข้าวมา จุนไปนัดแนะกับพี่วินฯ เขาเอาว่าจะไปรับ-ส่งข้าวกันตรงไหน จุนทำได้แน่ใช่ไหม?"



"ครับ ผมทำได้ แต่ถ้าข้าวมาแล้ว ให้ผมไปวางตรงไหนครับ พี่เอิร์ท"



"ก็ถ้ามาถึง ให้มาวางใต้โต๊ะหน้าขาวก่อน แล้วเดี๋ยวพี่จะเรียกทีมมารับและแบ่งกันไปกิน"



"ครับ"





     ในระหว่างที่เมฆินทร์ฝากฝังเด็กหนุ่มไว้กับเจนภพ ครู่หนึ่งเขาละสายตาระหว่างสนทนากับลูกค้าที่ยืนอยู่ตรงประตูทางเข้าห้องบอลรูม ลอบมองเด็กหนุ่มด้วยสายตาแปลกใจที่จุนเจือเข้าขากันได้ดีกับเอิร์ท ทั้ง ๆ ที่ไม่ได้รู้จักมักจี่กันมาก่อน แต่สามารถหัวเราะต่อกระซิกกันอย่างสนิทสนม





"ตอนนี้ มันยังไม่ถึงเวลา จุนจะนั่งเล่นก่อนก็ได้นะ"



"ครับ" จุนเจือยิ้มกว้าง จนเอิร์ทเอียงคอมอง



"เรานี่ดูยิ้มแย้มดีนะ" เอิร์ททัก เขาเห็นเด็กหนุ่มคนนี้พูดไป ยิ้มไปตลอดเหมือนเป็นลักษณะนิสัยของเขา



"มันไม่ดีหรอครับพี่เอิร์ท"



"มันก็ดี แต่ถ้าคนไม่รู้จักเดินผ่านมองมาคงนึกว่าบ้า"



"อ้าว พี่เอิร์ทล่ะก็...ว่าผมนี่นา"





     เอิร์ทยิ้มขำ ฟากจุนเจือก็ทำหน้าจ๋อยก่อนสอดสายตามองรอบบริเวณ





"ผมนั่งตรงไหนได้บ้างนะครับ"



"ตรงที่เขาตั้งโต๊ะจุดลงทะเบียน น่ะ ไปนั่งรอก่อนได้"



"ครับ"



    ขณะที่จุนเจือเดินไป เจนภพก็เดินตามไปด้วย





"ปกติ เราดูดบุหรี่หรือเปล่า?"



"ครับ?"



"เราน่ะ ดูดบุหรี่ไหม?"



"ไม่ครับ ผมว่ามันไม่ดีต่อสุขภาพ"



กึก



    เอิร์ทชะงักก่อนระเบิดหัวเราะ



"นี่เหมือนโดนด่าอยู่เลยว่ะ"



"อ้าวทำไมครับ อย่าบอกนะว่าพี่เอิร์ทสูบ?"



" อืม เดี๋ยวมา พี่ไปฆ่าตัวตายก่อน"



"ฮ่า ๆ พี่เอิร์ทนี่ตลกจังครับ"



    ครู่หนึ่ง เจนภพเห็นรอยยิ้มของจุนเจือแต่แววตากลับไม่ยิ้มตาม



"ถ้าอยู่ตรงนี้คนเดียวแล้วจะกร่อย จะออกไปรับลมหน่อยไหม?"



"ไปครับพี่" จุนเจือตอบรับทันทีด้วยรอยยิ้มกว้าง





     ในระหว่างที่ออกมาตรงส่วนนอกอาคารแล้วนั้น พี่เอิร์ทเดินออกไปยืนสุบบุหรี่ ซึ่งห่างจากจุนเจือพอประมาณ ส่วนจุนเจือนั่งรอตรงเก้าอี้หวาย พิจารณามองพี่เอิร์ทโดยรวม รู้สึกว่าเขาดูหล่อและเท่ดี มีการแต่งกายและบุคลิกเป็นตัวของตัวเอง เขาสวมเสื้อยืดสีดำพอดีตัวสวมกางเกงบลูยีนส์กับรองเท้าบูธหนังสีน้ำตาลเข้ม พี่เอิร์ทไว้ทรงผมอันเดอร์คัท แสกกลาง เจาะหูทั้งสองข้างใส่ต่างหูห่วงเล็ก ใบหน้าเหมือนคนลูกผสมฉบับตี๋เข้ม ตอนที่พี่เอิร์ทหันหลัง จุนเจือเหลือบเห็นรอยสักที่โผล่พ้นคอเสื้อยืด แต่จุนเจือไม่รู้ว่ามันคือลายอะไร? คงสวยน่าดู

 

    เมื่อคิดถึงชื่อพี่เขา จุนเจือว่ามันก็แปลกดี หากเรียกพี่เอิร์ท จะดูเหมาะกับลุคการแต่งตัว และการสักกายของพี่เขา หาก เรียกชื่อ เจนก็เหมาะกับยามที่พี่เขาชอบพูด ชอบเล่นมุกเหมือนกัน เขาเป็นผู้ชายที่จุนเจือไม่เคยสัมผัสมาก่อน



    ครู่หนึ่ง ทั้งสองสบตากัน และเป็นจุนเจือที่ละสายตา ก่อนได้ยินพี่เอิร์ทพูดเสียงดังมาจากจุดที่ยืน





"แอบมองพี่เหรอ น้อง?"



"ห้ะ? เอ่อ พี่เอิร์ทสักด้วยหรอครับ?" จุนเจือก็เลยได้ทีถามกลับไปบ้างซะเลย





     คนที่ยืนสุบบุหรี่ชะงักมือ เขาดึงมวนบุหรี่ออกจากปาก หมุนตัวเดินมาหาจุนเจือ



"รู้ได้ไง?"



    จุนเจือยิ้มกว้าง แล้วชี้นิ้วไปที่หลังพี่เขา



"ผมแอบเห็น"



"ช่างสังเกตนะเรา"



"ถามได้ไหม? พี่สักลายอะไรหรอครับ?"



"อยากรู้เหรอ?"



"ก็อยากรู้นะครับ เพราะพี่เอิร์ทน่าจะสักลายใหญ่ คงเต็มหลังเลยใช่ไหมครับ?"



    เอิร์ทเงยหน้าพ่นควันบุหรี่สีหม่นล่องลอยวนบนอากาศ ก่อนจะเดินหน้ามาหลลาบก้าว  โน้มตัวลงไปใกล้จุนเจือ สองมือไพล่หลังแล้วยิ้มเจ้าเล่ห์



"มั้งครับ จุนรู้อะไรไหม คนที่อยากรู้ว่าพี่สักลายอะไร? สุดท้าย มักลงเอยเป็นคนที่พี่ได้นอนด้วยทุกทีเลย"



กึก



    จุนเจือลอบกลืนน้ำลายอึกใหญ่ หลบแววตาแพรวพราว เขาเม้มปากที่ผุดรอยยิ้มแห้ง



"เอ่อ ผมไม่อยากรู้แล้วก็ได้ครับ"



"ฮ่า ๆ อะไรกัน แค่นี้ก็ไม่อยากรู้แล้วเหรอ?"



"พี่เอิร์ทพูดน่ากลัวนี่ครับ"



"โธ่ พี่ล้อเล่น พี่จะบอกกับคนที่สนิทเท่านั้นน่ะ" ครู่หนึ่งจุนเจือเห็นพี่เขาอัดบุหรี่ไปอีกเต็มปอด ก่อนจะเดินไปบี้ก้นบุหรี่และทิ้งตรงที่จุดทิ้ง สบตามองจุนเจือแล้วยิ้ม



"เราอยากสนิทกับพี่ไหมล่ะ?"



"เอ่อ! ครับ?..." จุนเจือยิ้มแห้ง ส่วนเอิร์ทก็ไม่ได้รอคำตอบ เขากลับพูดเรื่องสำคัญแทน



"ไปเถอะครับ พี่ต้องไปทำงานต่อ เราก็นั่งรอพี่เมฆตรงที่พี่บอกแล้วกัน สักสองโมงกว่าก็โทรสั่งข้าวได้แล้วล่ะ กว่าจะใช้เวลาทำกับข้าว กว่าจะมาส่งอีกจะได้เป็นช่วงที่ทีมเซ็ตอัพพักกินข้าวเย็นพอดี"



"ครับผม เอาข้าวกี่กล่องนะครับพี่เอิร์ท"



"สามสิบกล่องครับ"



"ครับ"



    ทั้งสองยิ้มให้กัน โดยที่จุนเจือไม่รู้ตัวว่าเมฆินทร์กำลังยืนจ้องมองออกมาทะลุกระจกใส






.
.................................................


 :mew3: :mew3:

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 12-10-2019 15:36:06 โดย rinyriny »

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ DrSlump

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3382
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +104/-2

ออฟไลน์ ommanymontra

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3437
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +96/-0

ออฟไลน์ songte

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1425
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-1
จุนเปลี่ยนใจเถอะ เจนภพอาจจะดีกว่า

ออฟไลน์ ลูกกุญแจ

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 337
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +28/-2

ออฟไลน์ rinyriny

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 295
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +106/-1
บทที่ 13 ไม่รู้ใจตัวเองหรือเปล่า?




 

 

       จุนเจือนั่งคนเดียวอยู่สักพักใหญ่ ๆ เพราะไม่อยากกวนใคร ในเมื่อแต่ละคนต่างมีหน้าที่การทำงานเป็นของตัวเอง ตอนแรกจุนเจือก็แอบน้อยใจที่ ไม่ได้ใช้เวลาอยู่กับพี่เมฆสองต่อสองแบบเต็มที่ แต่ความรู้สึกก็ดีขึ้น ตอนที่พี่เอิร์ทแวะมาสร้างเสียงหัวเราะให้คลายเหงาไปบ้าง

 

         หลังจากจุนเจือโทรสั่งข้าวเรียบร้อย กระทั่งมีพี่วินฯ มอเตอร์ไซค์นำข้าวกล่องมาส่งจุนเจือรีบออกไปรับข้าวตามที่พี่วินฯ บอกพิกัดมา

 

        เด็กหนุ่มพยายามทำตัวให้เป็นประโยชน์ โดยไม่ขอความช่วยเหลือจากใคร คิดว่าตัวเองน่าจะยกไหวก็แค่ข้าวกล่องสามสิบกล่อง แต่พอมาถึงจริง ๆ จุนเจือมองถุงพลาสติกใบใหญ่โตบรรจุข้าวกล่องจำนวนสามถุงด้วยกัน ก็เริ่มคิดจัดการว่างจะต้องหอบหิ้วมาอย่างไร




     เสร็จธุระจากตรงนั้นร่างเพรียวถือของมาด้วยความทุลักทุเล เดินมาถึงประตูกระจกใส เอิร์ทที่ยืนคุยกับพี่เมฆ หันหน้ามาทางประตูพอดี ไม่รีรอปรี่มาช่วย

 

"ถือไม่ไหว ทำไมไม่โทรมาบอก"

 

      จุนเจือยิ้มแห้ง

 

"ผมไม่มีเบอร์พี่เอิร์ทนี่ครับ"

 

เอิร์ทชะงักก่อนหลุดหัวเราะ

 

"ฮ่า ๆ เออว่ะ พี่เบลอน่ะจุน"

 

        จุนเจือหัวเราะตามขณะที่พี่เอิร์ทช่วยแบกถุงข้าวกล่องไปวางใต้โต๊ะหน้าขาวซึ่งคลุมผ้าปูโต๊ะไว้

 

       เมื่อวางเสร็จแล้ว เจนภพก็ไปคุยเรื่องงานที่ยังติดพันอยู่กับเมฆินทร์ จังหวะนั้น เมฆินทร์หันไปสบตาจุนเจือที่นั่งพักปาดเหงื่อ จุนเจือส่งยิ้มให้พี่เมฆทำนองให้รู้ว่าผม เป็นเด็กดีให้แล้ว ไม่ดื้อแล้วนะ

 




      จุนเจือซับเหงื่อจนแห้ง พี่เอิร์ทเดินมาหาหลังจากพบว่าพี่เมฆินทร์หายไปคุยกับลูกค้าต่อ

 

"ดีใจล่ะสิ ได้มีส่วนช่วยแล้ว"

 

"ก็ผมไม่อยากนั่งเฉย ๆ นี่ครับ"

 

"เรานี่ตลกดีว่ะ"




      จุนเจือยิ้ม

 

"เดี๋ยวพี่ไปเรียกทีมมารับข้าว เรามีกับข้าวอะไรบ้าง"

 

"เอ่อ กะเพราไก่ไข่ดาว กะเพราหมูสับไข่ดาว แล้วก็หมูทอดกระเทียมราดข้าวครับ"




"เออเป็นงาน" เอิร์ทว่า

 

"เดี๋ยวผมวางแยกเป็นประเภทไว้ให้นะครับ"

 

"ดี ๆ พี่ไปตามทีมล่ะ"

 

"ครับ" จุนเจือยิ้ม

 

"เออจุน"

 

"ครับ?"

 

"พรุ่งนี้ เรามาอีกไหม?"

 

"ไม่แน่ใจ ผมต้องถามพี่เมฆก่อนน่ะครับ เพราะผมขึ้นอยู่กับเขาครับ" จุนเจือว่าอย่างเศร้า ๆ ก็แน่ล่ะ อยู่กับพี่เมฆ จุนเจือดื้อมากไม่ได้อยู่แล้ว

 

"ถ้ามาได้ก็มา อยากเจอ"

 

      ครู่หนึ่ง จุนเจือชะงักเมื่อเห็นพี่เอิร์ทส่งยิ้มจริงใจแต่แววตาคล้ายส่งความนัย เขาเป็นผู้ชายที่เท่แถมเสน่ห์เหลือร้ายจริง ๆ

 

"ครับ ขอบคุณที่ให้ผมได้ช่วยนะครับ พี่เอิร์ท"   จุนเจือส่งยิ้ม และเห็นพี่เอิร์ทพยักหน้าก่อนจะเดินไปตามทีมงานมากินข้าว สักพัก พี่เมฆก็มาเรียกจุนเจือให้กลับบ้าน

 

"กลับบ้านครับ"

 

"ครับ"

 

     เมฆินทร์หรี่ตามองจุนเจือที่ดูใบหน้าผิดหวัง

 

"จะรอลาใครก่อนไหม?"

 

"อ้อไม่ครับพี่เมฆ ไปกันเลยก็ได้ครับ"

 

       จากนั้น ทั้งสองไม่คุยกันเลยทำตัวเหมือนคนแปลกหน้า จนกระทั่งถึงรถ พี่เมฆผุดรอยยิ้มและยื่นมือไปลูบผมจุนเจือ

 

"พี่ดีใจนะครับ ที่เห็นจุนไม่เครียดวันนี้ จุนอารมณ์ดีตลอด"

 

     จุนเจือหันไปหาพี่เมฆ

 

"ครับ วันนี้ ผมเป็นเด็กดีตามที่พี่เมฆบอกเลยนะ"

 

"อื้ม ดีครับ น่ารัก"




"แล้วพรุ่งนี้พี่เมฆก็ให้ผมมาใช่ไหมครับ?"

 

      เมฆินทร์เลิกคิ้วมองเด็กหนุ่ม

 

"อยากมาหรือเปล่า?"

 

"อยากมาครับ" จุนเจือยิ้มกว้าง

 

"ครับ อยากมาก็ให้มา" เมฆินทร์ยิ้มและจุนเจือก็ยิ้มเช่นกัน แต่ทว่าช่างเป็นรอยยิ้มที่ดูสดใสและเริงร่ากว่าคนขับรถเป็นไหน ๆ

 

 

.

.

.

.

      ในวันต่อมานั้น ทั้งสองยังนั่งรถมาคันเดียวกัน โดยเมื่อคืนนั้น เมฆินทร์และจุนเจือแค่อาบน้ำด้วยกัน โดยปราศจากการมีเซ็กซ์ เพราะกว่าจะหามื้อเย็นกิน เดินทางกลับถึงโรงแรมก็มืดค่ำ และต่างคนต่างเหนื่อยจึงทำได้แค่อาบน้ำและทิ้งตัวลงนอนพัก

 

      กลับมายังปัจจุบัน ที่จุนเจือมองคนที่มุ่งมั่นและมีสมาธิกับการขับรถเกินเหตุ เขายังไม่พูดไม่จา ปล่อยให้จุนเจือได้มีเวลาใช้ความคิดอยู่กับตัวเอง พี่เมฆยามอยู่ข้างนอก เขาเป็นคนจริงจังกับงาน และดูเป็นผู้ชายที่วางตัวแบบเอื้อมไม่ถึง  แต่พออยู่ในห้อง Hotel room ด้วยกัน เขาเป็นผู้ชายธรรมดาที่อบอุ่น น่ารักและน่าอยู่ใกล้ จุนเจือรีบสลัดความคิดออกไป หากมัวแต่เอาแต่จิตใจจดจ่ออยู่กับพี่เมฆ แล้วเขาจะทำใจได้เมื่อไหร่กัน




     กระทั่ง ใกล้ถึงงาน เมฆินทร์กำชับจุนเจือว่าไม่ต้องทำอะไร เพราะวันนี้เป็นวันจัดงานแถลงข่าวจริง ๆ การเข้าไปยุ่งย่าม กลัวว่าจะเกิดเหตุผิดพลาดได้




     ซึ่งก่อนจะเดินทางมางาน เรื่องของตัวที่พัก เมฆินทร์ได้ทำการยืดระยะเวลาการพักในโรงแรมต่อไปอีกสองคืน เพราะความจริง เขาต้องเช็คเอาท์ในวันพรุ่งนี้

 

   เพียงแค่เท้าก้าวถึงตัวโรงแรมในเวลาสิบโมง พี่เมฆก็ทำตัวห่างเหินทันที

 

     งานแถลงข่าวจะเริ่มในเวลาบ่ายโมงตรง โดยที่ทั้งสองมาแต่เช้าเพื่อมาดูการตระเตรียมงานต่าง ๆ

 



    คราวนี้ ไม่ต้องรอบอกให้ฝากฝังกับพี่เอิร์ท เจ้าตัวก็เดินมาด้วยรอยยิ้มกว้าง ส่วนเด็กหนุ่มก็พนมมือไหว้อย่างมีสัมมาคารวะ




"มาด้วยเหรอ?"




"สวัสดีครับพี่เอิร์ท มาสิครับ พี่มีอะไรให้ช่วยบอกได้นะครับ"

 

 

 

"พี่เมฆบอกเหรอว่าให้ช่วยได้"




"ก็แบบยกของอะไรแบบนี้ครับ งานที่เกี่ยวกับหน้างาน ผมคงทำไม่ได้อยู่แล้ว"




"อ่า ๆ ถ้ามีจะบอกนะ ตอนนี้ไปนั่งก่อนเถอะ พี่แค่แวะมาทัก"




"ครับ"




       จุนเจืออยากมีส่วนร่วมเพราะยามนี้ ทุกคนมีหน้าที่เป็นของตัวเองซึ่งต่างก็วุ่นวาย มีเพียงจุนที่ทำได้แต่มอง ครั้นจะไปหาพี่เมฆก็ไม่เหมาะสม เพราะเขาคุยกับลูกค้าอยู่มากหน้าหลายตา จบแล้วก็เห็นไปคุยงานกับกลุ่มทีมงานชุดดำ

 

 

      สิบเอ็ดโมงกว่า ๆ ใกล้เวลาพักกินข้าวกลางวัน พี่เมฆไม่ได้เดินมาหา มีเพียงข้อความไลน์มาบอกว่า ถ้าจุนเจือหิวให้หาอะไรกินก่อน เพราะพี่เมฆยังไม่เสร็จงาน อาจเป็นเพราะเจ้าตัวกินอาหารเช้ามาแล้วเลยไม่หิวมาก




    ไม่นานนัก พี่เอิร์ทก็เดินเข้ามา




 

"จุน พี่วานหน่อย ช่วยไปหยิบของที่หลังเวที เดินทะลุม่านดำไปจะมีชั้นวางของเป็นโครงเหล็ก มีกล่องลังพลาสติกฝาสีน้ำเงิน หยิบเอาออกมาวางตรงจุดลงทะเบียนให้ที"




"ครับพี่เอิร์ท"




     จุนเจือเดินไปตามคำที่พี่เอิร์ทบอก เดินเข้าไปในห้องจัดงาน ปรี่ไปถึงหลังเวที ทะลุผ้าม่านบังตาสีดำ แหวกม่าน พบด้านในเป็นพื้นที่โล่งกว้าง มีวางโต๊ะและเก้าอี้เป็นจุด ๆ ยามนี้ มีแค่สตาฟสองสามคน นั่งคุยและกินข้าวกันไปด้วย

 




     จุนเจือเดินไปถึงชั้นวางของที่ทำจากโครงเหล็ก กล่องนั้นวางอยู่บนชั้นเหนือศรีษะจุนเจือไปอีก เด็กหนุ่มเขย่งเพื่อหยิบ มั่นใจว่าสองมือยึดไว้มั่นแล้ว แต่พอดึงมันออกมาพ้นชั้นวางจุนเจือไม่คิดว่ามันจะหนักจนรับน้ำหนักไม่ไหว มือสั่น พลาดท่าจนขอบลังพลาสติก เจาะเข้าตรงเหนือคิ้วข้างซ้าย

 

 

"โอ้ย!"

 




     สตาฟรีบวิ่งมาดู ถามชื่อ ถามอาการ พอรู้ว่าเป็นคนรู้จักของพี่เอิร์ท ก็รีบวิ่งไปบอก




 

     ขณะเดียวกัน ด้านนอก เมฆินทร์ที่คุยกับลูกค้าเสร็จ เหลือบเห็นเจนภพยืนคุยกับสตาฟมีอาการลนลานแล้ววิ่งไปด้านในห้องจัดงาน เมฆินทร์คิดว่าคงเกิดปัญหาอะไรสักอย่าง จึงเดินตามไปยังหลังม่านเวที

 

 

"เอ้ยจุน เป็นแผลเลยว่ะ น้องบอกว่าลังหล่นมากระแทกหน้าเหรอ? เป็นอะไรมากไหม?" เอิร์ทเห็นจุนกำลังยกลังพลาสติกขึ้นมาจากพื้นจะถือ เขาจับมันวางลงแล้วมองหน้าคนที่ยิ้มเจื่อน

 

 

"ไม่ถึงขนาดนั้นหรอกครับ ตอนนี้ผมโอเคแล้ว แค่เจ็บนิดหน่อย" จุนเจือยิ้มเจื่อน แต่พอเอิร์ทเห็นรอยจุดแดงรอบแผลเกิดรอยช้ำม่วงอมเขียวเป็นวงกว้าง แม้ไม่มีเลือดไหลทะลักน่ากลัว แต่ใจก็นึกสงสาร

 

 

 

"ไหวไหมเนี่ย พี่ขอโทษ ไม่น่าใช้จุนเลยว่ะ"




 

"ผมผิดเองครับพี่เอิร์ท แค่นี้ยังสร้างเรื่องจนได้"







 

"มีอะไรหรือ?" เมฆินทร์ถาม ยามเดินมาถึง สายตาพลันเหลือบมองเห็นแผลที่หน้าผากเด็กหนุ่ม

 

 

"ผมขอโทษนะครับพี่เมฆที่ไม่ได้แจ้งก่อน ผมใช้จุนมายกของ แต่ไม่คิดว่าจะมาเกิดเรื่อง"




"อืม"

 

 

 

     เมฆินทร์มองหน้าจุนเจือก่อนลอบถอนหายใจ และเดินไปโดยไม่คิดจะเหลียวแลยิ่งทำให้จุนเจือรู้สึกแย่กว่าตอนแรก




"พี่เมฆไม่พอใจแน่เลยว่ะ เฮ้อ! จุนไปนั่งพักก่อนพี่จะให้น้องผู้หญิงไปทำแผลให้ ส่วนของพี่จะให้สตาฟยกเอง"




"ครับ ผมขอโทษนะครับพี่เอิร์ท"




"ไม่ใช่ความผิดจุนเลย ไปรอทำแผล ไป"




 

       จุนเจือออกมานั่งรอตรงหน้าห้องจัดงานที่เริ่มเห็นผู้เกี่ยวข้องกับการจัดงานดูท่าน่าจะอยู่ในตำแหน่งระดับสูง รวมถึงสื่อมวลชนทะยอยมาบ้างแล้ว ไม่นานก็มีน้องผู้หญิงอ้างตัวว่ามาจากพี่เอิร์ท ถือกล่องปฐมพยาบาลขนาดเล็กมาทำแผลให้ เธอทำความสะอาดแผลด้วยสำลีจุ่มแอลกอฮอล์ จากนั้นต่อด้วย เบตาดีน และนำพลาสเตอร์มาปิดปากแผลให้ โดยตลอดเวลาการทำแผลนั้น จุนเจือสอดส่องมองหาพี่เมฆทั่วงานก็ไม่พบ ไม่รู้หายไปไหน เขาคงโกรธมากจริง ๆ




      จุนเจือรู้สึกแย่ที่เป็นตัวการสร้างปัญหา เมื่อทำแผลเสร็จเขาเดินไปห้องน้ำ หวังดูหน้าตัวเอง พอเดินไปถึง ก็สวนกับชายสองคนที่เพิ่งเดินออกมา ส่วนด้านในจึงไม่เหลือใคร นอกจาก....




"พะพี่เมฆ"




     เสียงแผ่วเบาเอื้อนเอ่ยปุ๊ป เมื่อเห็นพี่เมฆยืนวางมือตรงอ่างล้างหน้า จ้องมองตัวเองตรงหน้ากระจกเงา 




     เพียงได้ยินคนเรียกชื่อ หันไปเห็นจุนเจือ ร่างสูงปรี่มากระชากแขนจุนเจือให้เดินไปห้องน้ำด้านในสุด แล้วลงกลอน




 

 

"พะ...พี่เมฆจะทำอะไรครับ?"




 

"ทำไมจุนชอบสร้างเรื่อง พี่บอกให้ อยู่เฉย ๆ ใช่ไหม?"

 

"ก็...ผมอยากช่ว..."

 

ปัง




     จุนเจือสะดุ้ง ใจตกไปที่ตาตุ่ม เมื่อพี่เมฆทุบผนังข้างห้องน้ำเสียงดังลั่น

 

"ทำไมถึงฟังไม่รู้เรื่อง"




 

     จุนเจือน้ำตาคลอเมื่อโดนดุด้วยเสียงกร้าว เขาไม่เคยเห็นพี่เมฆโกรธจริงจังขนาดนี้ หากเป็นแต่ก่อนจะมีแค่น้ำเสียงที่แสดงออกอย่างเดียว ไม่เคยมีอารมณ์ร่วมหรือทีท่าโกรธเกรี้ยว โมโหเท่านี้มาก่อน




"ผะ ผมขอโทษครับพี่เมฆ โอเค เดี๋ยวผมกลับไปรอที่โรงแรมแล้วครับ ฮืก.." จุนเจือว่าเสียงสั่นเครือ เขาหมุนตัวจะไปเปิดกลอนประตู




ฟึ่บ!




 

      จุนเจือตกใจเมื่อจู่ ๆ พี่เมฆรวบเอวจุนเจือให้เข้าไปใกล้ เมฆปิดฝาชักโครกแล้วรั้งร่างเพรียวกว่าจับนั่งลงตัก




"จะไปไหน หันมาหาพี่"




     จุนเจือเอี้ยวตัวหันไปมองพี่เมฆที่แววตาเกรี้ยวกราดเมื่อครู่สงบลงเหลือแววตาที่เขาคิดเองว่าพี่เมฆห่วงใย

 

   เมฆยังคงไม่พูดอะไร ลูบแผลที่ถูกทำความสะอาดและปิดด้วยพลาสเตอร์อย่างดี




"ผมขอโทษนะครับพี่เมฆ คือ ผมแค่อยากช่วย ผมไม่อยากเป็นตัวปัญหาหรอกนะ ฮึก!"

 

 

"พี่ก็แค่...ช่างเถอะ จุนไปโรง'บาลไหม ไปเอ็กซเรย์เผื่อสมองกระทบกระเทือน หลังงานเสร็จพี่จะพาไป"

 

"ผมไม่เป็นอะไรจริง ๆ ครับ ผมแค่ซุ่มซ่าม พี่เมฆไปทำงานเถอะครับ ผมว่าผมกลับไปรอโรงแรมดีกว่า"




"เรามึนหัวหรือเจ็บไหม?" เมฆินทร์ถามในขณะที่มือก็ยังแตะเบา ๆ วนอยู่ตรงแผล




"ไม่มึนแล้วครับ แต่เจ็บอะ"




     เมฆินทร์เงียบแล้วกระชับเอวเด็กหนุ่มมาใกล้อีกนิด

 

 

 

"พี่เปิดห้องให้จุนพักที่นี่แล้วกัน"




"ไม่เอา ๆ ครับ เปลืองเงินถ้างั้นผมเดินรอแถวนี้ครับ ผมจะไม่ทำให้พี่ลำบากใจอีก"




   ตอนจุนเจือตอบ เขาเอี้ยวตัวมาประสานสายตากัน และเป็นเมฆินทร์ที่โน้มตัวไปใกล้หวังจะจูบ สัมผัสถึงลมหายใจอุ่นของทั้งคู่เป่ารดกันแล้ว แต่ทว่า คนแก่กว่าหยุดชะงักงัน




 

"ตามนั้นครับ ถ้างั้น จุนออกไปก่อน เดี๋ยวพี่ตามไป"




 

"คะ...ครับ"

 

 




    จุนเจือเดินออกมา ล้างหน้า ล้างตา เว้นตรงแผลที่ปิดพลาสเตอร์ และมองตัวเองตรงหน้ากระจกเงาด้วยความรู้สึกสงสัยว่าตอนนี้เขากำลังทำอะไรอยู่



     จุนเจือลอบถอนหายใจ ขณะที่เท้ากำลังก้าวออกจากห้องน้ำ พี่เอิร์ทก็เดินเข้ามา



 

"อ้าวจุนอยู่นี่เองเหรอ?"




 

"อ่าครับ"




"ดีขึ้นรึยัง? พี่ขอโทษนะ ยังรู้สึกผิดอยู่เลยว่ะ"

 

 

 

 

"ดีแล้วครับ ตอนนี้ พี่เมฆก็ไม่ได้ว่าอะไรผมแล้ว พี่อย่ารู้สึกผิดนะครับ" จุนเจือว่าเพราะเห็นพี่เอิร์ทมีสีหน้ารู้สึกผิดจริง ๆ




 

"ไหนขอดูแผลหน่อยสิ เป็นไงบ้างยังเจ็บอยู่ไหม?"

 

     จุนเจือชะงักยามที่จู่ ๆ พี่เอิร์ท ไม่พูดเปล่า เดินเข้ามาใกล้ โน้มตัวลงมองแผลจุนเจือใช้มือลูบและเป่าแผลเหมือนปลอบเด็ก







    ในจังหวะที่สองคนยืนชิดใกล้เป็นจังหวะเดียวกับที่เมฆินทร์เปิดประตูห้องน้ำมาเห็นเหตุการณ์ทุกอย่างพอดี




     เจนภพผละออกห่างจากตัวจุนเจือ




"มัวทำอะไรอยู่ ทำไมไม่ไปทำงานครับ เอิร์ท" เจนภพหน้าซีดยามเห็นเจ้านายว่าเสียงเข้ม

 

"เอ่อะ ผมขอโทษครับ พี่เมฆ ผมไปเดี๋ยวนี้เลยครับ"




 

    พอพี่เอิร์ทโค้มศรีษะขอโทษ เขาสบตามองจุนเจือครู่หนึ่ง ก่อนเดินพ้นห้องน้ำ ทิ้งให้จุนเจือและเมฆินทร์อยู่ด้วยกัน ยังไม่ทันที่จุนเจือจะอ้าปาก คนแก่กว่าเดินผ่านไปอย่างไม่มีเหลียวมองกลับมา

.

.

.

.

"อ้าว น้องนี่เอง"




  และแล้ว งานแถลงข่าวจบลงด้วยดี จุนเจือที่พยายามยืนหลบมุมเนื่องจากมีช่างภาพ สื่อทีวี และสื่อออนไลน์มาร่วมทำข่าวเป็นจำนวนมาก เด็กหนุ่มคิดว่าความวุ่นวายนี้ ไม่น่าทำให้เขาเป็นจุดเด่นได้ แต่ยังมิวายมีคนตาดีมาเห็น




"คุณเอ่อ..."




"พี่ชื่อดินไงครับ น้องชื่ออะไรนะ"




"จุนครับ คุณดิน"

 

"เรียกพี่เถอะครับ"




"ครับ" จุนเจือตอบพลันลอบมองใบหน้าน้องชายพี่เมฆที่ในวันนี้ดูเครียดขึง ไม่มีแววอารมณ์ขัน

 

"มาทำอะไร?"




"เอ่อะ..."




"ช่างมันเหอะ เห็นพี่เมฆไหม เขาอยู่ไหน?"




"ผมไม่ทราบเลยครับพี่ดิน พอดีเห็นพี่เมฆวุ่นตลอดเลยครับ"




"ขอบคุณนะ เดี๋ยวพี่ไปดูเอง"




    เวลาผ่านไปผู้คนบางตาลง นักข่าวจำนวนมากก็ทะยอยกันกลับ เหลือเพียงลูกค้าบางส่วนเท่านั้น




     ส่วนทีมงานเซ็ตอัพก็ทะยอยกันรื้อเวที เก็บของต่าง ๆ ในขณะเดียวกัน เอิร์ทก็เดินมาหาจุนเจือ




"จุน"




"ครับพี่เอิร์ท"




"ดีขึ้นรึยัง?"




     จุนเจือมองพี่เอิร์ทที่เขาถามไถ่หลายรอบ

   

"ดีครับพี่เอิร์ท นี่เสร็จแล้วเตรียมกลับบ้านได้แล้วใช่ไหมครับ?"




"ใช่ รอทีมเซ็ตอัพเสร็จก็กลับบ้านได้แล้ว คงเบื่อแย่สินะที่ต้องมางานแบบนี้ พี่ชายจุนก็แปลกนะ ทำไมไม่ให้ไปเที่ยว ให้มาอยู่ที่นี่กับพี่เมฆ ตลกว่ะ"

 




    นั่นสิ จุนเจือมาอยู่นี่ทำไม? เขายังงงตัวเองมาจนถึงจุดนี้ ครั้นจะบอกว่าเพื่อได้เห็นการทำงานพี่เมฆ แต่ไป ๆ มา ๆ การอยู่ตรงนี้ มันกลับทำให้เด็กหนุ่มเครียดกว่าเก่า




"ผมขอแค่ได้อยู่ใกล้ ๆ เขาสักนิดก็ยังดีมั้งครับ"




"ใกล้เขาน่ะใคร?"




"อ้อเปล่าครับ ไม่มีอะไรหรอก ผมเพ้อไปเรื่อยครับ" จุนเจือยิ้ม




"แล้วปกติเราเป็นคนสังสรรค์รึเปล่า แบบกินเหล้า กินเบียร์อะไรแบบนี้?"

 

"ก็มีบ้างนะครับ"

 

"เฮ้ย วันนี้พวกพี่จะไปดื่มพอดี ไปด้วยกันดิ"




     จุนเจือยืนครุ่นคิดพลางเม้มปากอย่างชั่งใจ




"กลัวพี่ชายว่าเหรอ? พี่เคยถามพี่เมฆ แกบอกว่าพี่ชายจุนดุ" เจนภพเห็นสีหน้ากระอักกระอ่วนก็เดาได้ไม่ยาก




"ประมาณนั้นแหละครับ" จุนเจือจำต้องเล่นละครเป็นน้องชายเพื่อนพี่เมฆให้สมบทบาท

 

"อ้าเสียดาย ไว้วันหลังพี่ค่อยชวนแล้วกัน โอเคไหม"




"จะชวนยังไงครับ? ผมไม่มีเบอร์ติดต่อพี่"




"ก็นี้ไง ขอไลน์เลยแล้วกัน" เจนภพว่ายื่นมือถือไปตรงหน้าให้จุนเจือพร้อมเพิ่มเพื่อน จุนเจือง่วนอยู่กับการเข้าแอพพลิเคชั่น เสร็จสรรพก็ส่งคืนให้พี่เอิร์ท

 

"ขอบใจนะจุน ไว้พี่ชวน ขอไปดูงานก่อน"

 

"ครับ" จุนเจือส่งยิ้มให้ กำลังจะเดินไปที่ห้องน้ำ ได้ยินเสียงข้อความจากแอพพลิเคชั่นหนึ่งก็นึกในใจก็นึกว่าพี่เอิร์ทส่งมาทักทาย คว้ามันมาดูถึงรู้ว่าไม่ใช่




     พี่เมฆนัดแนะให้จุนเจือไปหาที่ห้องน้ำ เด็กหนุ่มจึงเดินไปหาตามพิกัด

 

"พี่จะไปกินข้าวกับดินต่อ จุนกลับห้องไปก่อนได้ไหม?"




    จุนเจือมองพี่เมฆด้วยแววตาเหงาหงอยปนน้อยใจ สรุปแล้ว ทั้งจุนเจือและพี่เมฆต่างใช้เวลาอยู่ด้วยกันจริง ๆ น้อยมาก เด็กหนุ่มไม่อยากนอนคิดมากคนเดียว จึงเอ่ยขอ




"ถ้าผมจะขอไปดื่มกับพี่เอิร์ทได้ไหมครับ พอดีพี่เขาชวน"




"ได้สิ แต่สี่ทุ่มต้องถึงห้อง"




"ครับ แล้วเราจะไปเจอกันที่ห้องใช่ไหมครับ?"




"ครับ"



       จุนเจือรวบรวมความกล้า เห็นแล้วว่าไม่มีใครอยู่ที่ห้องน้ำ ตัดสินใจรีบจูบปากอีกฝ่ายไว ๆ แล้วยิ้มจาง ๆ อย่างคนมีความหวังเสมอ



"ถ้างั้นเจอกันที่ห้องของเรานะครับพี่เมฆ"




    เมฆินทร์ชะงักงัน ตกใจไม่คิดว่าจุนเจือจะทำอะไรแบบนี้ เขาสูดลมหายใจเข้าเต็มปอด ก่อนจะแยกย้ายไปยังจุดหมายที่ต่างกัน

.

.

.

.

"พี่เมฆ ทำไมพวกเราแม่งอาภัพรักกันอย่างนี้วะ"

 

    เมฆินทร์ไม่ตอบ หลังจากนั่งฟังน้องชายไปอย่างเงียบ ๆ นาทีนี้สองพี่น้องนั่งดื่มกันที่บาร์แอนด์เรสเตอรองค์ได้เกือบสองชั่วโมงแล้ว ส่วนสาเหตุที่ปฐพียอมหนีงาน ลงทุนมาหาเมฆินทร์ นั่นเป็นเพราะน้องชายมีปัญหาด้านความรัก




     ปฐพี โดนแฟนที่กำลังจะแต่งงานด้วยนอกใจ จนทำให้เขารีบหยุดการดำเนินงานเพื่อยกเลิกงานแต่งที่กำหนดไว้ในอีกสองเดือนข้างหน้า เมฆินทร์จึงต้องมานั่งเป็นเพื่อนคนที่กำลังดื่มเหล้าย้อมใจ

 

"แม่ง ถ้าจะมีคนอื่น ก็ไม่ควรตอบตกลงแต่งงานกันหรือเปล่าว่ะ ผมแม่งโคตรเฟล เจอปรางจูบปากกับผู้ชายคนอื่นในผับเลย พอผมต่อยไอ้เหี้ยนั้น ปรางกลับด่าผมทั้ง ๆ ที่คนผิด คือ ไอ้ผู้ชายคนนั้นไม่ใช่หรอวะ?"

 

 

"ก็ดีแล้วไม่ใช่เหรอ? ที่มีเหตุการณ์นี้ทำให้นายตาสว่าง ถ้านายไม่เจอเขาจูบกัน นายก็คงคบไปเรื่อย ๆ"




"แต่มันทั้งเจ็บทั้งโกรธไงพี่ พอจับได้ ผมเค้นถามปรางจนได้คำตอบ ว่าแอบคบมาได้แปดเดือน ซึ่งก็คบก่อนที่ผมจะขอเธอแต่งงานอยู่ดี แม่งโคตรเสียใจทำแบบนี้ได้ไงวะ"



 

 "แล้วจะทำไงต่อไปจากนี้?" เมฆินทร์ถามน้องชาย




"ก็เลิกติดต่อไปและพยายามคิดว่า ดีแล้วที่ไม่ต้องเสียค่าสินสอด ส่วนเงินที่เสียไปกับค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ก็ถือว่าเสียค่าโง่น่ะพี่"




"เงินนายหมดเลยเหรอ?" เมฆินทร์ถามอีก ฟากปฐพีพยักหน้า




"อืม ช่างมันเหอะพี่เมฆ ผมโง่เอง"

 

     เมฆินทร์มองน้องชายที่น้ำเสียงและใบหน้าดูเครียดจัด แต่ยังไม่เห็นน้องชายร้องไห้ หรือไม่ก็อาจจะผ่านการร้องไห้มาอยู่ก่อน เพียงแต่ตอนนี้ อาการที่เห็นได้ชัด คือ การที่น้องชายกระดกเหล้าราวกับน้ำเปล่า

 

"พ่อ-แม่รู้รึยัง?"

 

  ปฐพีส่ายหน้า

 

"ยังเลยพี่เมฆ ว่าจะหาจังหวะบอกอยู่"

 

"อืม ลองดูแล้วกัน"




"พี่คืนนี้ ผมไปนอนกับพี่ได้ไหม"

 

    เมฆินทร์นิ่งไปนิด ก่อนตอบ

 

"อืม ได้"




"เออ ผมนึกขึ้นได้ สรุปพี่กับเด็กคนนั้นคือยังไง? มาด้วยกันได้ไง? จะถามหลายรอบแล้วก็ลืม ตั้งแต่ที่ผมเห็นที่ห้าง ไหนจะยังมาเจอที่นี่อีก" ปฐพีพยายามเบี่ยงเบนความสนใจ จากเรื่องเครียดของตัวเอง ด้วยการถามเรื่องของพี่ชายบ้าง

 

"....."

 

"เท่าที่ผมเห็นคือพี่กับน้องคนนั้นสนิทกันมากกว่าตอนที่น้องเขาอยู่โรงแรมซะอีก ถามจริงเหอะ เป็นแฟนกันเหรอ?" ปฐพีย้ำพลางยกแก้วเหล้าขึ้นดื่มแต่สายตายังคงแสดงออกอย่างคาดคั้นในคำตอบ




"ไม่ได้เป็น เราแค่มีเซ็กซ์กันเฉย ๆ นายไม่ต้องถามอะไรมากไปกว่านี้ เพราะฉันจะไม่ตอบ"

 

"แค่มีเซ็กซ์? พี่ไม่ชอบน้องเขาเลยเหรอ?"

 

    พี่ชายปฐพีส่ายหน้า

 

"ผมไม่เชื่อ"

 

    เมฆินทร์มองหน้าน้องชาย

 

"มันเป็นเรื่องจริง"

 

"พี่ไม่รู้ใจตัวเองหรือเปล่า? พี่จะไม่หวั่นไหวเลยเหรอ น้องเขาก็น่ารักดีนะ อีกอย่างผมรู้สึกเหมือนน้องเขาน่าจะชอบพี่มาก เผลอ ๆ อาจจะสนใจพี่ตั้งแต่อยู่ที่เกาะ เหมือนตอนที่ผมเคยเดาไว้เล่น ๆ"




"ขอบใจนายมากนะดิน ที่นายสนใจเรื่องของฉัน แต่ไม่เป็นไร ฉันโอเคทุกอย่างที่เป็นแบบนี้ นายเถอะดูแลตัวเองให้ดี อย่าคิดวู่วาม ทำอะไรที่มันไม่ดีแล้วกัน"

 

    ปฐพีเงียบเมื่อพี่ชายว่าแบบนั้น เขาก็เริ่มเมาเสียด้วย รู้สึกจะพูดมากเป็นพิเศษ




"ขอบคุณนะพี่เมฆ ส่วนเรื่องพี่น่ะ ผมก็แค่อยากให้พี่เปิดใจ มันไม่ได้หมายความว่าชีวิตนี้พี่จะเจอรักแย่ ๆ คนแย่ ๆ อย่างพี่เฟย์เสมอไป ผมเชื่อนะว่าพี่จะได้เจอคนดี คนที่คอยดูแลพี่อย่างจริงใจ อย่างน้องจุนคนนั้นก็อาจดีก็ได้ ใครจะรู้"




"เมาแล้วพูดมากนะดิน ฉันขอตัวไปคุยโทรศัพท์ก่อน" เมฆินทร์บอกน้องก่อนจะขอตัวไปคุยมือถือ

 

[สวัสดีครับ]

 

"จุน"

 

[อ่าครับพี่เมฆ รอแปปนึงนะครับในนี้เสียงดัง ผมจะออกไปคุยข้างนอก]

 

    ครู่หนึ่งจากเสียงอึกทึกครึกโครมก็เริ่มเบาลง

 

[พี่เมฆกินข้าวเสร็จแล้วหรอครับ]




    เมฆินทร์ก้มมองนาฬิกาข้อมือเรือนงาม ปรากฎเวลาสามทุ่ม

 

"ยังครับ จุนเมารึยัง?"

 

[ก็นิด ๆ ครับ]

 

"จุนคืนนี้เราคงไม่ได้อยู่ด้วยกัน"

 

[ทำไมครับ]




"พี่จะกลับคอนโด แล้วดินจะไปนอนด้วย"




[อ้อครับ]

 

"พรุ่งนี้ ไม่มีงานด่วน พี่จะอยู่กับจุน ไปเจอกันที่โรงแรม"




[ครับพี่เมฆ]




    จบบทสนทนา จุนเจือกำมือถือแน่น เมื่อไหร่นะที่เขาจะทำใจจากพี่เมฆได้สักที ใจร้ายอย่างนี้ ก็ยังชอบเขาอยู่ได้ เห็นที จุนเจือคงต้องดื่มให้เมากันไปข้าง


      'อยากรู้เหมือนกันที่คนเขาว่ากันว่า ดื่มเพื่อลืมเธอนั้น มันจะใช้ได้ผลไหม?'




.............................................................

จุน อย่าลืมเป็นเด็กดีของเมฆซี่ซซซซซซ.....
:mew2: :mew2: :mew2:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 15-10-2019 19:43:28 โดย rinyriny »

ออฟไลน์ DrSlump

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3382
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +104/-2
 :pig4: :pig4: :pig4:

จุน...แกนี่มันอ่อนไหวเกินเบอร์ไปไหม?

ความเข้มแข็งของแกตอนออกจากงานมาที่เกาะหายไปไหนหมด?

ออฟไลน์ ommanymontra

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3437
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +96/-0

ออฟไลน์ songte

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1425
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-1
จุนกลับเกาะไปเถอะไป ทนอะไรยุ่ เจอไม่เจอก็เจ็บเท่ากัน กลับไปตั้งหลักเถอะเป๋ไปหมดละ

ออฟไลน์ ลูกกุญแจ

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 337
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +28/-2
อะ เข้าใจว่าความแข้มแข็ง ความอ่อนไหวไม่เท่ากัน
คืนนีขอให้อยู่รอดปลอดภัยนะจุน

ออฟไลน์ rinyriny

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 295
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +106/-1
บทที่ 14 ไปแล้วนะ





 

 



         ยามสายของวันรุ่งขึ้น เมฆินทร์ตื่นนอนก่อนน้องชาย เขายังรู้สึกเพลียและเมื่อยตัวอยู่บ้าง เพราะลากคนเมากลับคอนโดมาเมื่อคืนที่กว่าดินจะยอมกลับบ้านโดยดี ก็ล่อไปเที่ยงคืนกว่าเห็นจะได้



       ตอนนี้ ร่างสูงเดินออกมาจากห้องน้ำ พันผ้าขนหนูไว้หมิ่นเหม่หลังจากจัดการชำระร่างกายสะอาดสะอ้าน เมฆเห็นน้องชายยังหลับใหลจึงไม่อยากปลุก เดินไปคว้าโทรศัพท์มือถือ เพื่อโทรหาจุนเจือ เพราะเมื่อคืน ทั้งเมฆินทร์และจุนเจือ ต่างก็ไม่มีใครติดต่อหากัน



"ฮัลโหล"



      เมฆินทร์ชะงัก ก่อนเอามือถือออกห่างเพื่อเช็คเบอร์โทรอีกครั้งหนึ่ง เมื่อคนรับสาย น้ำเสียงดูแปลกไป



"จุนหรือเปล่าครับ?"



       ไม่มีเสียงตอบรับ เมฆได้ยินแค่เสียงตะกุก ตะกักก่อนจะมีปลายสายเปล่งเสียงให้ได้ยินอีกครั้ง



"สวัสดีครับ"



[จุนอยู่โรงแรมกับใคร?] เมฆินทร์เค้นถามเสียงเข้มอย่างนึกกลัวประวัติศาสตร์ซ้ำรอย ตอนที่จุนเจือเรียกแฟนเก่าให้มาหาที่ห้องตอนนั้น



      ครู่หนึ่ง เมฆได้ยินจุนเจือสบถแล้วจู่ ๆ เสียงก็เงียบไป ถึงรู้ว่าจุนเจือกดวางสาย เมฆินทร์จึงต้องโทรไปอีกครั้งหนึ่ง



"จุนตัดสายพี่ทำไม? ทำแบบนี้ ไม่น่ารักนะครับ"



[เอ่อะ ผมขอโทษครับ ผมตกใจเลยเผลอกดวางสาย ผมกำลังกลับโรงแรมครับ]



"กำลังกลับโรงแรม? เมื่อคืนนอนที่ไหน?"



[เอ่อะ ผม...ผมมานอนห้องพี่เอิร์ทครับ]



      เมฆินทร์ใจกระตุก กำมือแน่นพลางว่าเสียงดุดัน



[อยู่นั่น พี่จะไปรับ]



"ไม่เป็นไรครับพี่เมฆ"



[อย่าดื้อ เราต้องคุยกัน จุน]



"คะ...ครับ พี่เมฆ"





         พี่เมฆวางสายไปแล้ว ทิ้งให้จุนเจือนั่งครุ่นคิดพลางกัดปากจนเจ็บ เขาเมาแล้วภาพตัดอีกแล้วใช่ไหม? ถึงมาอยู่ห้องพี่เอิร์ทแบบนี้



              พอสติมาเต็มร้อย จุนเจือไม่รู้สึกแฮงค์เท่าคราวก่อน เขารีบลุกจากเตียงไปเข้าห้องน้ำ ลูบช่องทางคับแคบของตัวเองแรง ๆ ตรวจเช็ค ก่อนออกมารื้อถุงขยะดูทุกถังว่ามีถุงยางอนามัยหรือไม่?



     เจนภพจำต้องตื่นตามเด็กหนุ่ม เพราะเสียงกอกแกกทำให้เขาหลับต่อไม่ลง อีกทั้งยัง สงสัยเมื่อเห็นเด็กหนุ่มออกอาการลนลานแปลก ๆ





"จุนรื้ออะไร?"





"เปล่าครับ พี่เอิร์ท" จุนเจือตอบหน้าเครียด เขาไม่มีอาการเจ็บแสบช่องทางด้านหลังแต่ก็ยังไว้ใจไม่ได้





"อย่าบอกนะว่าเรากลัวจากคำพูดพี่ที่เคยแซวเรา" เจนภพถามเพราะเห็นอาการพิรุธ ทั้งใบหน้าเครียดปนกังวล คงใช่แน่



"......."





"เราเมา พี่ก็พามานอนห้องเพราะเมื่อคืนพี่ถามทางจะไปส่งที่บ้าน เราก็พูดจาไม่รู้เรื่อง"





"....."





"จุนเป็นน้องชายเพื่อนพี่เมฆ ใครจะกล้า ถ้าพี่เมฆรู้ มีหวังพี่ได้โดนไล่ออกแน่  เราสบายใจได้ พี่ไม่ได้ทำ"



"จริงนะครับ? คือ พี่พูดตรง ๆ กับผมได้นะครับพี่เอิร์ท คือ..."





"จุนเชื่อพี่ ไม่ต้องคิดมาก จะบอกให้รู้ จิตใจพี่งามกว่าใบหน้านะบอกเลย"





     คนที่วิตกกังวลถึงกับหลุดยิ้ม ในยามหน้าสิ่วหน้าขวาน พี่เอิร์ทก็สามารถทำให้เขาพอจะมีอารมณ์ขันได้บ้าง





"งั้นก็ขอโทษครับพี่เอิร์ท ผมแค่คิดมากไป ผมขออาบน้ำห้องพี่หน่อยนะครับ" จุนเจือยิ้ม ก่อนจะเข้าห้องน้ำ เจนภพก็ยื่นผ้าขนหนูผืนใหม่ให้

.

.

.

.

      สักพักใหญ่  ๆ  ที่เสียงเคาะประตูดังขึ้น หลังจาก เอิร์ทบอกเลขห้องและชั้นที่พักแก่จุนเจือ เนื่องจาก น้องบอกพี่เมฆจะมารับ ตอนนี้ จุนเจือยืมเสื้อพี่เอิร์ทใส่ส่วนกางเกงก็ใส่ของตัวเองซ้ำ



"จุน ทำไมทำหน้าแบบนั้น" เอิร์ทถามยามที่พอเสียงประตูดังขึ้น เด็กหนุ่มก็หน้าซีด ตัวสั่นเหมือนคนประหม่า



"ไม่มีอะไรครับพี่" จุนเจือบอกตอนเดินตามหลังเจ้าของห้องที่ลุกไปเปิดประตู





      เพียงประตูอ้าออก คนด้านในห้องต่างงุนงง เมื่อคนด้านนอกไม่ใช่พี่เมฆ





"กูก็นึกว่าผู้หญิง" ปฐพีบ่นงึมงัมเอียงคอมองอย่างฉงนใจ ในเมื่อพี่เมฆบอกว่า ห้องนี้ เป็นของคนชื่อเจน ดินก็เข้าใจผิดเองนึกว่าเป็นผู้หญิง พอเห็นว่าเป็นผู้ชายที่ลุคดิบ เถื่อน ติดสายแฟชั่นหน่อย ๆ ถึงกับเซ็ง



"คุณบ่นอะไร?"



"เปล่า น้องจุนครับ กลับบ้าน" ปฐพีทำตามเป้าประสงค์ของพี่ชายเท่านั้นว่าให้มารับจุนเจือ เขาจึงไม่สนเจ้าของห้องสักนิด เพราะเขาไม่คิดจะรู้จักอยู่แล้ว







"ไม่มีมารยาทเลยนะคุณ" เอิร์ทพูดตรง ๆ กับคนที่ทำท่าหยิ่งยโส มองข้ามหัวเจ้าของห้องไปเสียอย่างนั้น





"ขอโทษนะครับ คุณว่าใครไม่มีมารยาท เมื่อกี้ผมก็เคาะห้อง ใช่งัดห้อง บุกรุกซะเมื่อไหร่?"





"เฮ้ย แม่ง ก.. / เอ่อ ทำไมถึงเป็นพี่ดินครับ แล้ว..." จุนเจือรีบโพล่งขัดทั้งยังเอาตัวไปแทรกกลางทั้งคู่ อย่างกลัวทั้งสองจะวางมวยกัน เพราะจุนเจือก็ไม่รู้ว่าสองคนนี้ เคยเจอหน้ากันมาก่อนหรือเปล่า



      ดินละสายตาจากหนุ่มหน้ายียวน กวนประสาท หันมาส่งยิ้มเย็นให้จุนเจือ



"เขาไม่ขึ้นมาหรอกครับ กำลังโกรธจัดเลยล่ะ น้องจุนไม่รู้สินะว่ากำลังเล่นอยู่กับอะไร?"





    จุนเจือชะงัก อยู่ ๆ ก็เกิดกลัวจนหัวหดขึ้นมา



"โอเคพี่ดิน ผมกลับแล้วครับ ผมไปก่อนนะพี่เอิร์ท  ขอบคุณนะครับที่ให้นอนค้าง"



หมับ





     เอิร์ทฉวยข้อมือเด็กหนุ่ม





"ถ้าพี่เราดุขนาดนั้น ให้พี่ช่วยพูดให้ไหม?"



     เอิร์ทถามจุนเจืออย่างเป็นห่วง แต่มีอีกคน ดึงมือจุนเจือหนี แล้วสบตามองเจนภพ



"ขอบคุณสำหรับความหวังดี แต่ไม่ต้อง คนนี้ของพี่ผม พี่ผมจัดการได้"



     เจนภพเอียงคอมองคนที่พูดจาแปลก ๆ



"ของพี่คุณ?"



"เออก็พี่เมฆไง..."





"คุณเป็นน้องพี่เมฆ? แล้วทำไมพูดจาแปลก ๆ มั..น..." เอิร์ทมองหน้าอีกฝ่ายที่ยิ้มเย้ยหยันแล้วอยากดวลสักหมัด





"ไปเถอะครับ พี่ดิน" จุนเจือตัดบท และยกมือไหว้ลาพี่เอิร์ท รีบเดินให้พ้นประตูห้องและส่งเสียงย้ำเรียกพี่ดินอีกครั้ง







     ระหว่างขยับก้าวไปทีละก้าวตรงโถงทางเดิน ทั้งสองเงียบมาตลอดทาง เขาไม่รู้ว่าพี่เมฆจะว่าอะไรบ้าง จนกระทั่งทนความอยากรู้ไม่ไหว





"พี่ดินครับ ก่อนหน้านี้ ที่พี่พูดว่า กำลังเล่นอยู่กับอะไร? มันหมายความว่าไงครับ?"





"พี่เมฆไม่ชอบคนขัดคำสั่งน่ะ"





"แต่มันเหตุสุดวิสัยนี่ครับ  ผมเมาถ้าผมอธิบายพี่เมฆคงเข้าใจ"





"พี่ก็ไม่รู้ซี แต่เวลาพี่เมฆโกรธน่ากลัวนะ"





"แล้วจะให้ผมทำไงครับ? ผมก็ไม่ได้อยากให้เป็นแบบนี้นะครับ"





"อย่าเพิ่งกลัวเลยครับ น้องจุน พี่ก็แค่เดา ทำใจร่ม ๆ ไว้ แค่ยอมรับผิด อ้อน ๆ พี่เมฆหน่อย เขาก็หายโกรธแล้ว"





"ก็ได้ครับ"





     ถ้าอย่างนั้น จุนเจือจะเชื่อ เขาจะยอมเป็นเด็กดี ไม่เถียงพี่เมฆสักคำเดียว

.

.

.

.

      'อึดอัด'
คือความรู้สึกในเวลานี้ เพราะพอพี่ดินพามาส่งที่รถ เจ้าตัวก็หายวับเข้ากลีบเมฆ อ้างว่าเรียกแท็กซี่กลับบ้าน ภายในห้องโดยสารรถยนต์จึงเหลือแค่เขากับพี่เมฆ



      จุนเจือลอบมองพี่เมฆตลอด จนมาได้ครึ่งทางแล้ว ตัดสินใจชวนคุย



"พี่เมฆหิวข้าวไหมครับ?"



"ไม่หิวครับ"



     จุนเจือเงียบกริบ เพียงได้ยินเสียงแข็ง ๆ ก็รู้สึกหวาดกลัว



"พี่เมฆยังโกรธผมอยู่เหรอครับ?"



"จุน คิดว่าไงครับ?" เมฆินทร์ยังคงจ้องมองท้องถนนดั่งคนมีสมาธิตั้งมั่น ไม่สนคนนั่งข้าง ๆ



"ขอโทษนะครับ ผมเมาเลยกลับโรงแรมไม่ไหว พี่เอิร์ทเลยใจดีให้นอนค้างด้วย"



"ใจดี? ไว้ใจคนง่ายจังครับ เจอกันไม่กี่วัน สนิทกับเอิร์ทแล้วเหรอ? นี่ยังใส่เสื้อของเอิร์ทออกมาด้วย"



       จุนเจือเงียบไปนิด ไม่คิดว่าพี่เมฆจะเก็บรายละเอียดถี่ยิบ



"ก็ไม่สนิท แต่พี่เอิร์ทก็เป็นคนที่ผมไว้ใจได้ เขาพาผมกลับห้องอย่างปลอดภัย ไม่ได้ทำอะไรผมตอนเมา เหมือนพี่เมฆ หร...อ...ก"



กึก



'แค่ยอมรับผิด อ้อน ๆ พี่เมฆหน่อย เขาก็หายโกรธแล้ว'





     เพิ่งนึกได้ก็สายเสียแล้ว จุนเจือสบถในลำคอ ยกมือปิดหน้า เขาเถียงออกไปไม่พอ ยังจะเอาอีกฝ่ายไปเปรียบเทียบอีก พอจุนเจือหันไปหาพี่เมฆก็เห็นอีกฝ่ายหัวเราะหึหึในลำคอและยกยิ้มน่ากลัว





"ไม่เจอกันคืนเดียว เถียงพี่เก่งขึ้นนะครับ"





     เมฆินทร์ว่าจบก็ไม่พูดอะไรออกมาอีกเลย  ปล่อยให้จุนเจือได้แต่นั่งหน้าเสียและเม้มปากแน่น





'จุนเอ้ย หุบปากเป็นไหมวะ'

.

.

.

.

      เมื่อถึงที่หมาย จุนเจือเดินคอตกตัวลีบตามหลังพี่เมฆ เขาพยายามหาทางออกว่าจะทำอย่างไรให้พี่เมฆหายโกรธไว้ ก็ตัวเองดันไปเพิ่มเชื้อไฟโทสะให้พี่เมฆมากขึ้นตอนที่พูดเชิงเปรียบเทียบกันแบบนั้น





     เด็กหนุ่มกัดปาก ลูบหน้าแรง ๆ พอประตูห้องพักเปิดออก ทั้งสองพาตัวเองเข้ามาด้านใน จุนเจือหวังหลบหน้า เพราะกลัวความผิด หยิบผ้าขนหนูจะเข้าห้องน้ำ ทั้ง ๆ ที่ก็ชำระร่างกายมาตั้งแต่อยู่ห้องพี่เอิร์ทแล้ว





หมับ





"หนีปัญหาหรอครับ?"





"ปะ...เปล่านะครับ..ก็ผมขอโทษแล้วไงครับพี่เมฆ"





"มีอะไรจะอธิบายเพิ่มไหมครับ? ไหนบอกจะเชื่อฟังพี่ สี่ทุ่มให้ถึงห้อง ทำไมไม่ทำ"





"ก็ผม...ผมจะกลับมาทำไมในเมื่อพี่เมฆไม่อยู่ โอเค ผมอาจจะหวังลม ๆ แล้ง ๆ ที่หวังอยากให้พี่อยู่ด้วยกัน และผมยังหวังอีกด้วยนะครับ หวังว่าพี่จะมีใจให้ผมบ้าง แต่ผมคงหวังมากไป เพราะพี่เมฆไม่เคยสนผมอยู่แล้ว พี่มันก็แค่คนใจร้าย" จุนเจืออดรน ทนไม่ไหว ใช้อารมณ์เหนือเหตุผล ขอระบายความรู้สึกหวังให้อีกฝ่ายเข้าใจตนบ้าง





    จุนเจือเบ้หน้ายามที่อีกฝ่ายบีบข้อมือเขาแรงขึ้นเรื่อย ๆ จนปวดกระดูก





"ใช่ครับ พี่มันคนใจร้าย และใจร้ายมากกว่าที่จุนคิดด้วยครับ"





     เพียงร่างเพรียวทำท่าขยับเท้าหนีจะเข้าห้องน้ำ เด็กหนุ่มก็โดนกระตุกข้อมือสุดแรงและเหวี่ยงร่างลอยหวือลงบนเตียง



"พะ...พี่เมฆจะทำอะไร? ผมจะอาบน้ำครับ"



"อาบทีเดียวเลยครับ"





     เมฆินทร์ตามไปขึ้นคร่อมเด็กหนุ่ม ตรึงข้อมือไว้เหนือศรีษะด้วยมือเดียว ก้มหน้าลงประกบจูบปากจุนเจือก่อนจะใช้อีกมือหนึ่งบีบคางบังคับให้คนใต้ร่างเปิดปากรับลิ้นสากที่แทรกผ่านเข้าไปเพื่อดึงดูดลิ้นอีกฝ่ายหนัก ๆ แล้ววินาทีต่อมา ริมฝีปากล่างก็ถูกเขาขบเม้มและกัดรุนแรง พี่เมฆยังบดเบียดริมฝีปากเข้าหากัน กดจูบ ซ้ำ ๆ จนปากแดงช้ำ ฟากจุนเจือได้แต่ครางประท้วง พยายามสะบัดและเบี่ยงหน้าหนี



"พี่เมฆ พี่ปล่อยผมนะ"



"....."



      จุนเจือกัดปากสะกดอารมณ์ยามลมหายใจอุ่น ๆและริมฝีปากลากไล้ เคลื่อนไปยังใต้ใบหู



"พะพี่เมฆครับ ปล่อยจุนเถอะนะ" จุนเจือพยายามส่งสายตาอ้อนวอนพร้อมคำพูดแสนหวานหวังจะช่วยให้อีกฝ่ายโอนอ่อนได้ แต่คล้ายว่าจะไม่ทัน



"ไม่ปล่อยครับ"



      น้ำเสียงหนักแน่น ขึงขังทำให้จุนไม่กล้าขัด แต่แล้วจุนสะดุ้งสุดตัวและแอ่นอกทันทียามที่ริมฝีปากอุ่น ๆ ครอบครองยอดอกสีสวย ขบกัดเบา ๆ และเริ่มกัดแรงขึ้นเรื่อย ๆ



"อึ้ก เจ็บอะครับ พี่เมฆวันนี้ จุนไม่มีเซ็กซ์กับพี่นะ ไหนว่าเรายกเลิกสัญญากันแล้วไงครับ พี่ปล่อยจุนนะ ปล่อย ๆ ๆ อื้อออ"



     จุนเจือชะงักยามเห็นอีกฝ่ายช้อนตามองด้วยแววตาวาวโรจน์ เขาผละจากยอดอกเลียริมฝีปากตัวเอง ก่อนจะขยับตัวขึ้นมาโลมเลียลำคอขาวงับติ่งหูแล้วกระซิบบอก



"แต่..พี่..จะ..เอาครับ"



     เสียงเน้นหนักทีละคำ ผนวกกับสายตาที่บ่งบอกว่าอย่าขัดขืน พี่เมฆตาแดง หน้าแดงจัดดั่งคนโมโห ทำให้จุนเจือกลัวตัวสั่นจนเสียววาบไปถึงกระดูกสันหลัง เขาหวาดหวั่นและเกรงขามในพละกำลังของพี่เมฆที่มันมากกว่าทุกที จุนเจือน้ำตาไหล ดิ้นไม่หลุดและเริ่มเจ็บมากขึ้น ยามที่อีกฝ่ายจงใจขบกัดที่ลำคอ หัวไหล่ ลามไล้ไปยังส่วนยอดอก



"อึ้ก อ้ะ!" จุนเจือกัดปากทั้งเจ็บ ทั้งเสียวกระสัน แต่เจ็บคงมีมากกว่า เมื่อแรงขบกัดตามริมฝีปากที่ลากไล้ไปมันแรงใช่ย่อย





    การพบรักครั้งนี้ ทำให้คนที่เคยมั่นใจ กลายเป็นรู้สึกไม่มั่นใจ ความแข็งแกร่งที่เคยมีก็พังทลายลงไป ไม่คิดเลยว่า การมีความรักจะทำให้จุนเจือเปราะบางได้มากขนาดนี้



      รู้ล่ะ ว่าพี่เมฆจะทำอะไร? แต่จุนเจือจะไม่ขัดขืนอีกแล้ว



      เพื่อการเจ็บปวดครั้งสุดท้าย ก่อนนำไปสู่อิสรภาพทางร่างกายและหัวใจ จุนเจือยอม



      จุนเจือหลับทั้งน้ำตา ยามที่ช่องทางคับแคบของเขามีของแข็งดุนดันเข้ามากระแทก กระทั้น เป็นจังหวะรัวเร็วอย่างไร้ความปราณี...

.

.

.

.

      หกโมงเย็น



      จุนเจือปวดร้าวระบมทั่วร่าง เขาค่อย ๆ เปิดเปลือกตามาด้วยดวงตาบวมตุ่ย ไม่อยากจะนึกเหตุการณ์ที่ผ่านมาเลยว่าเราสองคนได้ระเริงรักกันไปเท่าไหร่ เด็กหนุ่มได้แต่พยายามสลัดภาพในหัวแต่มันทำไม่ได้  ตั้งแต่ผ่านการมีเซ็กซ์กันไปไม่กี่ชั่วโมงก่อนหน้า จบการร่วมรัก พี่เมฆก็พาไปอาบน้ำและบอกให้จุนเจือนอนที่นี่ด้วยกัน แต่ในเมื่อจุนเจือยึดมั่นแล้ว ว่าควรจบความสัมพันธ์ เขาจะไม่ทนต่อไปอีก



      จุนเจือกดสายตาลงมองแขนแข็งแกร่งที่พาดเอวเขาเอาไว้ ก่อนจะหันหน้าไปมองวงหน้าพี่เมฆที่ดูอ่อนล้าอย่างเห็นได้ชัด



       มองหน้าคมเข้มที่ชอบดุบ้างบางเวลา ใจดีบ้างบางเวลา น้ำตาก็รื้น จุนเจือยอมรับว่าเวลาพี่เมฆใจดีกับจุนเจือ เขาเป็นผู้ชายที่เอาใจเก่ง และอบอุ่นมากจนจุนเจือหลงใหลอยากอยู่ใกล้เขาไปตลอด แต่ข้อเสียก็คงเป็นเรื่องของความใจร้าย แถมยามขัดใจจนทำให้พี่เมฆโกรธ เขาจะเป็นคนขั้วตรงข้าม ไม่ต่างกับอสุรกายที่โหดร้าย



       จุนเจือตะแคงข้าง ยื่นมือไปลูบแก้มเย็น ๆ และเคลื่อนริมฝีปากไปประทับจูบปากคนที่อยู่ในห้วงนิทรา



"ผมไปแล้วนะ พี่เมฆ"



      จุนเจือยิ้มทั้งน้ำตายามเอื้อนเอ่ยด้วยเสียงเบาหวิว เขาลุกจากเตียง หยิบเสื้อผ้าที่อยู่ในตู้เสื้อผ้า ยัดใส่กระเป๋าเป้ จนครบทุกชุด กวาดของสำคัญอย่างเบามือเพื่อไม่ให้เกิดเสียงจนอีกฝ่ายตื่นขึ้นมากลางคัน เด็กหนุ่มยืนมองคนที่เขาหลงรักด้วยดวงตาพร่าเลือนจากม่านน้ำตา ก่อนจะเปิดประตูห้องออกไปตามทางของตัวเอง

.

.

.

Read

19.30

พี่ชายว่าไหม จุน







    ข้อความทางไลน์ที่ถูกส่งมาตั้งแต่ช่วงบ่าย แต่จุนเจือเพิ่งเปิดอ่านเมื่อช่วงหัวค่ำ



    ข้อความที่พี่เอิร์ทส่งมาโดยไม่รู้ข้อเท็จจริงเลย ว่าพี่ชายของจุน มันไม่มีตัวตน มันคือคำโกหกที่คนใจร้ายบังคับให้สร้างมันขึ้นมา

 

Read

19.35

ไม่เลยครับ เขาไม่ดุเลย พี่เอิร์ทไม่ต้องเป็นห่วงนะ



     จุนเจือตกใจที่ได้ยินเสียงข้อความมาจากอีกฝ่ายตอบกลับมาอย่างเร็วรี่



Read

19.36

เราอยู่ไหน?




Read

19.37

ผมไปหาพี่ชายมา ตอนนี้กำลังกลับบ้านครับ



Read

19.38

อ้อเหรอ? เอ่ออออ...ตอนนี้ เราว่างหรือเปล่า?"




     จุนเจือมองข้อความที่พี่เอิร์ทพิมพ์มาแล้วยิ้ม



Read

19.40

ก็ว่างนะครับ พี่เอิร์ท มีอะไรเหรอ???








Read

19.41

หิวข้าว ออกมากินปิ้งย่างเป็นเพื่อนพี่หน่อยสิ เดี๋ยวเลี้ยงเอง




     จุนเจือนิ่งเม้มปากครุ่นคิด ก่อนตัดสินใจตอบไป



Read

19.43

พี่เอิร์ทเลี้ยงจริงเหรอ? 0_0 เอาสิครับ ผมหิวหิ๊ววว พี่อยากกินที่ไหนบอกมานะครับ ถ้าไม่ไกลเกินไป ผมจะไปหานะ :-)



     จุนเจือละสายตาจากช่องหน้าต่างข้อความ แล้วเอนหัวพิงพนักเบาะ ทอดสายตาเหม่อลอยในขณะที่มือเรียวลูบริมฝีปากอันบวมช้ำ ไล้ปลายนิ้วสัมผัสรอยฟันที่บวมปูดขึ้นเล็กน้อยตามหัวไหล่ แผ่นอก และปล่อยโฮออกมา



ฮึกฮืออออออ



     เหนื่อยเหลือเกินที่ต้องทำทุกอย่างเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ทั้ง ๆ ที่ข้างในเจ็บจนบ้า แต่เอาเถอะ ทนอีกหน่อย ต่อจากนี้มันจะเจ็บน้อยลง ได้เวลาปล่อยเขาไปเสียที



'ลาก่อนครับพี่เมฆ'





      พอกันทีกับการรั้งความสัมพันธ์ที่ไร้ความหวัง จุนเจือผิดเองที่ดึงดันทั้งที่รู้ว่ามันถึงทางตันตั้งนานแล้ว





        จุนเจือเอาแต่วิ่งตามพี่เมฆไม่ลืมหูลืมตา ยอมทุกอย่าง แม้กระทั่ง ยอมปล่อยให้ความเจ็บปวดแล่นเข้ามากลืนกินจิตวิญญาจนทรมานกายและใจ ถึงเวลาแล้วที่จุนเจือควรตาสว่าง หยุดวิ่งตามพี่เมฆและหันกลับมารักตัวเอง

.

.

.

.

"ตื่นได้แล้วครับ พี่เอิร์ท"



      จุนเจือยืนคุยกับปลายสายในเวลาหกโมงเช้า หลังจากจุนเจือกลับมาทำงานได้หนึ่งเดือนแล้ว  เขาถูกจัดตารางใหม่ ทำให้จุนเจือทำงานรอบเช้าในเวลาเข้างาน หกโมงครึ่ง เลิกงานสี่โมงเย็น



     การได้กลับมาทำงานที่เกาะหนนี้ ก็เหมือนเป็นสัญญาณแห่งการตัดขาดกับพี่เมฆไปโดยปริยาย เพราะพี่เมฆเองก็ไม่ติดต่อมาหาจุนเจือเช่นกัน



     ส่วนที่จุนเจือยังคงติดต่อกับเอิร์ท ย้อนกลับไปหลังจากวันที่พี่เอิร์ทชวนไปกินปิ้งย่าง เป็นวันที่เขาเปิดเผยความรู้สึกตรง ๆ ว่าสนใจอยากพัฒนาความสัมพันธ์ จุนเจือก็ไม่ปิดโอกาส ลองเปิดใจคุยดู ในเวลานี้ ทั้งสองจึงอยู่ในช่วงระหว่างศึกษาดูใจกัน



      ในช่วงแรก เอิร์ทตกใจไม่คิดว่า คนที่ตนจีบจะต้องไปทำงานไกล เพราะเข้าใจว่าจุนเจออยู่ที่กรุงเทพฯ นั่นจึงเป็นเหตุผลที่จุนเจืออธิบายเพิ่มเติมรวมถึงโกหกเพิ่มเรื่องที่เขาเป็นน้องชายเพื่อนพี่เมฆนั้น จุนเจือเป็นแค่ลูกพี่ ลูกน้อง เพราะพี่เอิร์ทเริ่มสงสัยว่า เพื่อนพี่เมฆส่วนใหญ่รวย แต่ทำไมถึงปล่อยให้น้องไปทำงานลำบาก ลำบนไม่สงสารกันเลยหรือ?



[อื้มมมม เราแกล้งพี่เหรอ? วันนี้พี่หยุดนะ]



    ตั้งแต่กลับมาจุนเจือทำงานทุกวัน ไม่มีหยุด เพื่อจะสะสมวันหยุดไปใช้ได้ยาว ๆ ในภายหลัง พักนี้ เด็กหนุ่มเลยเบลอและหลง ๆ ลืม ๆ นึกว่าวันนี้ เป็นวันจันทร์ ทั้งที่มันคือวันอาทิตย์



"ฮ่า ๆ ผมลืมนี่นา"



[อ้างโทรมาปลุก จริง ๆ คิดถึงพี่เหรอเรา?] จุนเจือแอบขำยามที่เสียงแหบแห้งติดหยอกล้อเปล่งประโยคนั้นออกมา



"ฮ่า ๆ ผมไม่คิดถึงคนที่ไม่รักตัวเองหรอกครับ  เวลาผมถามพี่เอิร์ทเรื่องบุหรี่ ก็ไม่เห็นจะสูบบุหรี่ลดลงเลย เพลา ๆ ได้ไหมพี่เอิร์ท ผมเป็นห่วงนะ" จุนเจือพูดจริงจัง เพราะตอนที่คุยกันใหม่ ๆ แลกเปลี่ยนประวัติกันไปมา ถึงรู้เรื่องราวอันน่าตกใจว่าพี่เอิร์ทสูบบุหรี่วันละเกือบสิบตัว



[อยากให้พี่เลิกถาวร เราก็มาเป็นแฟนกับพี่สิครับ]



     จุนเจือหน้าแดงก่ำตอนได้ยิน



"พี่เอิร์ทหวังผลนี่นา ผมไม่คุยกับพี่แล้ว"



[มาว่าพี่ทำไม ก็พี่อยากได้แรงฮึดในการเลิกบุหรี่ไง เราทำให้พี่ไม่ได้เหรอ จุน]



"ก็ได้ ถ้าวันนี้พี่สูบบุหรี่ให้เหลือสองตัวค่อยมาว่ากัน และพี่เอิร์ทต้องถ่ายรูปในซองบุหรี่ให้ผมดูด้วยนะว่าเหลือกี่มวน ห้ามโกหกด้วย มันผิดศีลนะ พี่เอิร์ท"



[ฮ่า ๆ จุนแม่ง น่ารักว่ะ]



"เพิ่งรู้เหรอครับ ผมทั้งหล่อทั้งน่ารักเลยนะ แหะ ๆ  พี่เอิร์ทไปนอนต่อเถอะครับ ผมไม่กวนแล้ว ตอนแรกนึกว่าพี่ทำงานเลยโทรมาปลุก ผมจะกลับไปทำงานเหมือนกัน" จุนเจือพูดไป ยิ้มไปและมีใบหน้าที่ร้อนผ่าวเพราะขวยเขิน



[เดี๋ยว!]



"อะไรครับ พี่เอิร์ท"



[นานแล้วที่เราไม่ได้เจอกันตัวเป็น ๆ เลยจะถามว่าคิดถึงกันบ้างไหม?]



     จุนเจือกลั้นยิ้มอยู่นานก่อนตอบ



"คิดถึงก็ได้"



[โธ่ ตัดคำว่า 'ก็ได้' ออกไปได้ไหม พี่ดีใจไม่สุดเลยอะ]



"ฮ่า ๆ อะอะ...ผมคิดถึงพี่เอิร์ทนะ"



[อึ้ยย เขินว่ะจุน]



"ฮ่า ๆ คนอย่างพี่เอิร์ทเขินเป็นด้วยเหรอครับเนี่ย?"



[พูดเป็นเล่น พี่เป็นคนขี้อายมากนะ เราอย่าว่าพี่ดิ]



"ฮ่า ๆ คุยกับผมนานแบบนี้ ไม่หลับต่อแล้วรึไง? ผมจะไปทำงานจริง ๆ แล้วนะ"



[เดี๋ยว!]



"พี่เอิร์ทอย่าแกล้งผมสิ อะไรอีกล่ะครับ?"



[พี่คิดถึงจุน]



    จุนเจือชะงักใจเต้นตึกตัก รัวเร็วจนน่ากลัว เมื่อน้ำเสียงหยอกล้อแปรเปลี่ยนเป็นจริงจัง



"....."



[คือ เอ่อ...แบบ คิดถึงจริง ๆ นะ มันก็เป็นเดือนแล้วที่พี่ไม่ได้เจอหน้าเราเลย อย่างมากก็วีดีโอคอล แล้วมันให้ความรู้สึกไม่เหมือนกัน]



"....."



[จะเป็นไรไหม? ถ้าพี่จะไปหาเราที่นั่น]



"ได้ครับ แต่พี่เอิร์ทบอกผมก่อนนะ เพราะผมต้องวางแผนลางาน แต่ผมมีวันหยุดเหลือไม่มากนะครับ"



[ได้ โอเค ๆ ไม่แกล้งแล้ว ตั้งใจทำงานนะเราอะ ง่วงแล้ว ขอหลับก่อน ไว้พี่ตื่นจะโทรหานะ]



"คะ..ครับ พี่เอิร์ท"

   

      จุนเจือวางสายแล้วเดินอมยิ้ม ใจสั่นออกมาจากห้องน้ำที่ทำงาน แม้สภาพจิตใจจะดีขึ้น แต่เรื่องงานก็ยังมีเรื่องให้ปวดหัวไม่เว้นวัน



      ปัญหาลูกค้าน่ะไม่เท่าไหร่ แต่ปัญหาเพื่อนร่วมงานขี้นินทานี่สิ ที่น่าปวดหัว





…………........................


อ๊อออออยย ถ้าจุนมีแฟนคงมีมุมน่ารักหวาน ๆ แน่เลย

 :mew2: :mew2: :mew2: :mew2: :mew2:

ขอบคุณทุกคนที่ยังรับความหม่นมาอยู่ด้วยกันจนถึงตอนนี้น้า ^^


« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 18-10-2019 21:11:56 โดย rinyriny »

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด