แสนคำนึง (Period) ตอนที่ ๒๐ ((๑๐๐%)) ๑๔ ส.ค พ.ศ.๒๕๖๓
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: แสนคำนึง (Period) ตอนที่ ๒๐ ((๑๐๐%)) ๑๔ ส.ค พ.ศ.๒๕๖๓  (อ่าน 26652 ครั้ง)

ออฟไลน์ question09

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1502
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +46/-10

ออฟไลน์ thanatcha

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 317
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +151/-2


ตอนที่ ๑๙

๕๐%




วันนี้เรือนของเจ้าสัวเช็งดูคึกคักเป็นพิเศษ ท่านเจ้าสัวที่ปกติจะใส่เพียงกางเกงแพรตัวเก่าๆ และเสื้อกล้ามง่ายๆ แต่วันนี้กลับแต่งตัวเหมือนเวลาไปทำงาน คุณเสนและคุณอุ่นเรือนก็นั่งแทบจะไม่ติดด้วยความตื่นเต้น ที่ดูปกติที่สุดเห็นจะเป็นคุณพะยอมที่นั่งจัดดอกมะลิเสียบก้านมะพร้าวใส่แจกัน โดยมีหนูแสนนั่งพับเพียบช่วยอยู่ใกล้ๆ ถัดไปไม่ไกลกันมีคุณสนนั่งเล่นกับหนูหยกอยู่อีกมุมห้อง

“ยายแช่ม ของรับรองแขกเตรียมพร้อมแล้วหรือยัง?”

“เสร็จเรียบร้อยแล้วเจ้าค่ะ” ยายแช่มตอบผู้เป็นนายแล้วจึงคลานเข้ามานั่งใกล้หยิบจับข้าวของให้คุณพะยอม

“ไม่ต้องทำก็ได้ยายแช่ม แก่แล้วหูตาฝ้าฟางประเดี๋ยวก็ทิ่มนิ้วทิ่มมืออีก” คุณพะยอมเอ่ยห้ามเมื่อเห็นยายแช่มหยิบเอาเข็มร้อยมาลัยมาถือ ยายแช่มส่งค้อนให้ผู้เป็นนายทันควัน

“ให้อิฉันทำเถอะเจ้าค่ะคุณ ไม่อย่างนั้นอิฉันคนเดินเป็นกระแตวนเหมือนท่านเจ้าสัว ตื่นเต้นที่คนเรือนนู้นจะมาขอคุณแสน”

“ขวางจริงเชียวยายแช่ม สู่เขิงสู่ขออะไรกันจ๊ะ ก็แค่มาพูดคุยกันให้รับทราบทั้งสองฝ่าย” หนูแสนเอ็ดยายแช่มหากแต่สองแก้มแดงเรื่อด้วยความเขินอาย

ใช่ว่าจะไม่ตื่นเต้น เมื่อวันก่อนที่คุณเล็กมาบอกว่าทางคุณหญิงผกายินยอมที่จะให้ทั้งคู่ได้รักกัน หนูแสนดีใจเสียจนแทบจะเป็นลม

“ไม่ต้องมาเหนียมอายหรอกเจ้าค่ะคุณแสน โตแล้ว เรื่องการมีเรือนมันก็ธรรมดา แต่ของคุณแสนพิเศษตรงที่คู่ตุนาหงันเป็นผู้ชายเหมือนกัน”

“แล้วยายแช่มไม่เห็นว่ามันแปลกเหรอจ๊ะ?” ในเมื่อนั่งทำดอกไม้กันเงียบ ๆ ก็เหงา หนูแสนจึงชวนยายแช่มคุณให้คลายกังวล ยายแช่มทำลอยหน้า ปากก็เคี้ยวหมากหยับ ๆ อย่างยักท่า ก่อนจะบ้วนน้ำหมากสีแดงลงกระโถน

“ไม่แปลกหรอกเจ้าค่ะ ยายแช่มชินแล้ว เห็นออกจะบ่อย”

“ไปเห็นที่ไหนมาจ๊ะ?” หนูแสนถามอย่างสงสัย ยายแช่มยืดกายขึ้นราวกับผู้ทรงภูมิ

“ก็ละครนอกที่ตลาดไงเจ้าคะ คนเล่นเป็นผู้ชายทั้งหมด แม่นางเอกนี่อรชรอ่อนช้อยราวกับผู้หญิงก็มิปาน ตานี่หวานเหมือนน้ำผึ้ง”

“อ๋อ...อย่างนี้นี่เอง ที่หายไปตลาดเสียนานสองนานก็เพราะมัวแต่ไปดูละครนี่เองใช่ไหมยายแช่ม?” คุณพะยอมแกล้งทำเสียงเขียว ยายแช่มพอรู้ตัวว่าหลุดสารภาพความผิดไปโดยไม่รู้ตัวท่ายืดเมื่อครู่ก็กลายเป็นหลังค่อมหัวหดไปทันไป

“บ่าวก็แค่เดินผ่านๆ ก็เลยหยุดดูเดี๋ยวเดียวเองเจ้าค่ะคู้ณ” พอโดนจับได้ว่าแอบอู้งานไปดูละครนอก ยายแช่มก็แก้ตัวเสียงสูง ทำค้อนปะหลักปะเหลือกแล้วยกชายผ้าแถบขึ้นมาเช็ดน้ำหมากที่มุมปาก หลังจากกินข้าวเช้ากันเรียบร้อยแล้วไม่นานท่านเจ้าคุณสรอรรถ คุณหญิงผการวมทั้งคุณเล็กก็เดินทางมาถึงเรือนของเจ้าสัวเช็ง ทั้งสามคนแต่งกายมาในเครื่องแต่งตัวที่เต็มยศไม่แพ้ท่านเจ้าสัวเลยสักนิด มีเพียงคุณพะยอมที่นุ่งโจงกระเบนสีน้ำเงินเข้ม ส่วนท่อนบนเป็นเสื้อคอสี่เหลี่ยมตรงปกคอเป็นลูกไม้ดูสุภาพแต่ไม่ทางการที่แต่งตัวเบาพอ ๆ กับหนูแสนที่เคยแต่งอย่างไรก็แต่งอย่างนั้นไม่มากพิธี

“มากันแล้วเจ้าค่ะ” ยายแช่มที่ตั้งตารอขบวนของบ้านสรอรรถโยธารีบกระซิบบอกผู้เป็นนาย เจ้าสัวเช็งต้อนรับขับสู้เจ้าคุณสรอรรถและคุณหญิงผกาด้วยท่าทางสุขุมแต่มีรอยยิ้มอยู่ในหน้า ทั้งคู่รับไหว้คนเรือนเจ้าสัวเช็งรวมทั้งคุณสนที่ในยามนี้รู้จักเจ้าคุณสรอรรถในฐานะมิตรอันดีของเจ้าสัวเช็ง ส่วนคุณหญิงผกานั้นกลายเป็นคนแปลกหน้าที่หล่อนยกมือไหว้ตามมารยาทตามที่นังเฟื้องบอกให้ไหว้

ไร้ความทรงจำโดยสิ้นเชิง ไม่มีความรัก ความเคารพ หรือความผูกพันด้วยตั้งแต่กลับมาอยู่เรือนเดิมก็ไม่เคยได้พบเจอคุณหญิงผกาอีก

กลับกัน ในดวงตาของคุณหญิงผกาที่มองเห็นคุณสนในตอนนี้ความเกลียดชังเจือจางลงไปแล้วบัดนี้ความรู้สึกเวทนาเข้ามาแทนที่ ยิ่งเห็นคุณสนเล่นกับหนูหยกกับหลาน ๆ ซึ่งเป็นลูก ๆ ของคุณเสนนั้น ราวกับคนละคนกับคุณสนผู้หยิ่งทะนงตนที่เคยเห็น

“คุณล่ะไม่ยอมแต่งองค์ทรงเครื่องให้เหมือนคุณหญิงเรือนนู้น ดูสิเจ้าคะเขามางามพร้อมราวกับจะไปออกงานฉลองกรุง” ยายแช่มแสร้งว่าเจ้านายที่ขยับจะไปนั่งใกล้เจ้าสัวเช็ง คุณพะยอมที่นุ่งโจงสีเข้มและเสื้อคอสี่เหลี่ยมสีขาวตรงปกมีลูกไม้ประดับเล็กน้อยทำตาดุใส่ยายแช่ม

“ฉันอยู่แต่กับเรือนจะให้งามไปให้ใครดู แบบนี้ก็สุภาพแล้วถ้าจะต้องงัดผ้าไหมแพรพรรณเพชรนิลจินดามาใส่แข่งเห็นทีจะไม่เอา เขามาพูดธุระเดี๋ยวเดียวก็คงกลับ ไปไป๊ ไปเตรียมน้ำเตรียมท่ามารับแขก หนูแสนมากับแม่” คุณพะยอมไล่ยายแช่มให้ไปทำหน้าที่ของตนเองก่อนจะฉวยมือลูกชายคนเล็กให้เดินมาเข้าร่วมวง คุณเล็กยกมือไหว้คุณพะยอมก่อนจะรับไหว้หนูแสนที่ไหว้ท่านเจ้าคุณและคุณหญิงผกาเรียบร้อยแล้ว แสร้งจ้องหน้าน้องน้อยด้วยสายตาหวานเชื่อมจนคนน้องแทบจะมุดหน้ากับตักแม่ เจ้าคุณสรอรรถเห็นท่าทางของเด็ก ๆ แล้วได้แต่แสร้งกระแอมเบา ๆ จนคุณเล็กต้องสำรวมขึ้น หลังจากแสร้งถามสารทุกขฺสุกดิบกันได้เล็กน้อยท่านเจ้าคุณสรอรรถก็สูดลมหายใจเข้าปอดลึก ๆ เพื่อรวบรวมความกล้าที่จะพูดในเรื่องที่มาเป็นธุระในวันนี้

“เอาล่ะท่านเจ้าสัว ฉันคิดว่าเจ้าสัวก็คงจะรู้แล้วว่าวันนี้ที่ฉันกับแม่ผการวมทั้งตาเล็กมาด้วยธุระอะไร ฉันก็จะไม่พูดจาอ้อมค้อมให้ยืดยาวเพราะอย่างไรเสียเราก็เป็นมิตรที่ดีกันมานาน ฉันกับแม่ผกามาในวันนี้ก็เพื่อจะมาสู่ขอหนูแสนให้ไปเป็นคู่กับตาเล็กลูกชายของฉัน ท่านเจ้าสัวจะเห็นด้วยหรือไม่?”

“กระผมไม่ขัดข้องอะไร เพราะคุณเล็กได้มาบอกกับกระผมไว้แล้ว แม้ว่ามันจะดูประดักประเดิดไปบ้าง แต่ในเมื่อเด็กสองคนเขารักกันกระผมก็ไม่ขัดข้องเพราะทางนี้ในอิสระลูกในการออกเรือนไม่เคยบังคับกัน ว่าแต่ทางท่านเจ้าคุณเถอะขอรับ รังเกียจหรือเปล่าที่จะรับหนูแสนไปเป็นลูกอีกคน” ท่านเจ้าสัวเช็งตอบด้วยสีหน้ายิ้มแย้มแต่สายตานั้นมองไปทางคุณหญิงผกาอย่างเปิดเผย คุณหญิงผกาเมื่อถูกถามโดยตรงก็เหมือนจะทำสีหน้าไม่ถูกนัก ลำคอเกิดแห้งผากจนแทบจะไม่มีเสียงพูด

เจ้าสัวเช็งในท่าทางเป็นมิตรนั้นคล้ายจะเล่นสงครามประสาท

“กระผมรักลูก ไม่ว่าลูกคนไหนก็รัก จะให้ออกเรือนไปกับใครก็อยากให้พ่อผัวแม่ผัวเขาเอ็นดูหากไม่แล้วก็ไม่อยากจะให้ใครไปทั้งนั้น แม้จะรักกันแค่ไหนแต่ถ้าไม่เอ็นดูลูกของกระผม กระผมก็จะไม่ยกให้ ไม่อยากให้ต้องเป็นบ้าเป็นบอเหมือนแม่สนไปเสียอีกคน”

“ฉันจะรักและเอ็นดูหนูแสนให้เหมือนลูกของฉันอีกคน ฉันรับรอง ยกหนูแสนให้ตาเล็กเถอะนะเจ้าสัว อะไรที่แล้วมาฉันจะไม่ถือโกรธอีกแล้วนับจากนี้” คุณหญิงผกาเอ่ยปากพูดราวคนจนตรอก คำตอบนั้นเรียกรอยยิ้มให้กับเจ้าสัวเช็งได้ไม่น้อย เจ้าคุณสรอรรถแสร้งหัวเราะเพื่อทำลายบรรยากาศที่ชักจะไม่น่ารื่นรมย์ระหว่างเจ้าสัวเช็งและภรรยาของตน

“ดีเลย ๆ จะได้เป็นทองแผ่นเดียวกันอีกรอบ ส่วนเรื่องสินสอดทองหมั้นเจ้าสัวอยากจะเรียกเท่าไหร่ฉันไม่ขัดข้องทั้งสิ้น หนูแสนเป็นเด็กดีฉันก็พร้อมจะให้เท่าที่เจ้าสัวต้องการ”

“เรื่องสินสอดกระผมไม่ขอเรียกอะไรทั้งนั้น งานแต่งก็คุยกันแล้วว่าทำบุญตักบาตรกันเฉพาะภายในก็พอ แต่กระผมขออย่างเดียว”

“ขออะไรรึ?”

“ขอให้คุณเล็กแต่งเข้าบ้านของกระผม แล้วกระผมจะปลูกเรือนแยกให้ ท่านเจ้าคุณจะว่าอะไรไหม?” เจ้าคุณสรอรรถมองหน้ากับคุณหญิงผกาทันทีที่ได้ยินข้อเสนอนั้น แม้ในใจจะไม่เห็นด้วยสักเพียงใด แต่เมื่อไปที่ลูกชายใจของท่านเจ้าคุณก็อ่อนยวบ

แววตาของคุณเล็กนั้นบอกจนหมดสิ้นแล้วว่ายอม ยอมทุกข้อเสนอ แล้วเขาผู้เป็นพ่อจะทำลายความสุขของลูกชายที่เหลืออยู่เพียงคนเดียวได้อย่างไร

“ได้ เอาตามที่เจ้าสัวต้องการ ส่วนฤกษ์ยามฉันจะให้พระครูท่านหาให้นะ” ท่านเจ้าคุณสรอรรถมองตรงมาที่หนูแสนด้วยสายตาของผู้ใหญ่ที่อารีต่อคนเด็กกว่า

“หนูแสน”

“ขอรับเจ้าคุณลุง” หนูแสนตอบรับคำเรียกนั้นด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา

“มาเป็นลูกอีกคนของลุงนะ ต่อไปนี้ก็เรียกลุงกับป้าว่าพ่อกับแม่นะ เอาล่ะ ฉันมารบกวนท่านเจ้าสัวกับแม่พะยอมมานานแล้วต้องขอตัวกลับก่อนนะ ได้ฤกษ์เมื่อไหร่ฉันจะมาบอกนะ” ท่านเจ้าคุณสรอรรถลุกขึ้นยืนทำให้คนอื่น ๆ พลอยลุกตามกันไปด้วย เจ้าสัวและคุณพะยอมเดินออกไปส่งแขก คุณหญิงผกาหยุดยืนมองคุณสนที่เล่นขายข้าวแกงกับหนูหยกอยู่ที่มุมห้อง

“หนูหยก” เอ่ยปากเรียกหลานสาวที่เมื่อก่อนไม่เคยคิดจะสนใจ เด็กหญิงตัวน้อยที่กำลังหยอดขนมครกชะงักมือแล้วหันมามองผู้เป็นย่า

“เจ้าคะคุณย่า”

“มาหาย่าหน่อย สักประเดี๋ยว ย่ามีของจะให้” หล่อนกวักมือเรียกหลานสาววัยเกือบสี่ขวบให้เข้าไปหา หนูหยกหันหน้าไปมองคุณสน คุณสนจึงพยักหน้าให้

“ไปสิหนูหยก คุณย่าเรียกก็รีบไปอย่าให้ผู้ใหญ่รอนาน เดี๋ยวแม่รอเล่นด้วยต่อ” คุณสนที่แม้จะไม่มีความทรงจำและไม่มีความผูกพันกับคุณหญิงผกาหลงเหลืออยู่ แต่เมื่อเห็นว่าทางผู้ใหญ่ฝ่ายนั้นแทนตนเองว่าย่ากับผู้เป็นลูกสาวก็ไม่ได้รั้งรอที่จะให้บุตรสาวคนเล็กได้เข้าไปหาผู้เป็นย่า หนูหยกก็ช่างว่าง่าย เด็กหญิงตัวน้อยเดินเข้าไปหาคุณหญิงผกาอย่างไม่อิดออด เช่นเดียวกับผู้เป็นแม่ ความทรงจำและความผูกพันกับผู้เป็นย่านั้นจางมากเหมือนหมอกควัน รู้ว่าเป็นคนในครอบครัวแต่ให้รักเท่าคุณก๋งและคุณยายนั้นเป็นอันเทียบกันไม่ได้ เด็กหญิงเพิ่งมาจำหน้าย่าได้ก็ตอนที่สถานการณ์ของสองบ้านดีขึ้นไม่ถึงปี ได้ติดสอยห้อยตามอาเล็กและพี่ชายทั้งสองไปที่เรือนนู้นอยู่หลายครั้ง
“ละม้ายคล้ายพ่อใหญ่อยู่นะ แต่ขาวผุดผาดได้แม่มามากโข” เอ่ยปากชมเมื่อได้เห็นหลานใกล้ ๆ สร้อยพระเส้นนี่ย่าให้หนูหยกใส่ไว้ให้บารมีหลวงพ่อท่านคุ้มครองนะลูกนะ จงเก็บรักษาไว้ให้ดี ๆ เอาไว้โตเป็นสาว เครื่องเพชรเครื่องทองที่ย่ามี ย่าจะยกให้หนูหยกนะลูกนะ”คุณหญิงผกาเอาสร้อยทองออกจากถุงผ้าสีแดงที่ห้อยพระเครื่ององค์เล็กๆเลี่ยมทองสวมให้หนูหยกก่อนจะผกาเหลือบตามองอดีตลูกสะใภ้ที่มองมาทางตน รอยยิ้มอ่อน ๆ ในดวงหน้านั้นเผยให้เห็นอย่างเป็นมิตร “แม่สน สบายดีนะ”

“สบายดีค่ะคุณป้า” คุณสนตอบกลับตามมารยาท ออกจะประดักประเดิดเคอะเขินบ้างด้วยไม่คุ้นหน้า

“สบายก็ดีแล้ว อายุมั่นขวัญยืนนะ ที่แล้วมาแม่ยกให้ไม่ถือโทษโกรธเคืองกันแล้ว” คุณหญิงผกาส่งยิ้มให้กับคุณสน แม้จะไม่เข้าใจในสิ่งที่ผู้เป็นผู้ใหญ่พูดแต่คุณสนก็ยกมือไหว้เป็นการแสดงความขอบคุณ ในขณะที่คุณหญิงผกาเองก็ปล่อยให้หยาดน้ำตาไหลออกมาอย่างไม่อาจกลั้นได้

หล่อนรู้สึกวูบโหวงในใจแต่พอพูดประโยคนั้นออกไปในใจกลับเบาและรู้สึกว่าความหนักอึ้งที่แบกไว้มานานปีคลายลงจนหมดสิ้น คุณหญิงผกาเดินตามสามีและลูกชายออกจากเรือนของเจ้าสัวไปในขณะที่ทุกคนในเรือนเจ้าสัวเช็งนั้นมองหน้ากันอย่างคาดไม่ถึงว่าอยู่ ๆ คนหัวแข็งอย่างคุณหญิงผกาจะยอมให้อภัยคุณสน

“หมดทุกข์หมดโศกกันเสียที” เจ้าสัวเช็งกระชับไหล่บางของผู้เป็นภรรยาที่สั่นน้อยๆ ด้วยความปลื้มใจ ยายแช่มที่นั่งดูเหตุการณ์อยู่ตลอดถึงกับยกมือพนมท่วมหัวกราบไหว้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ตามลมตามแล้ง หนูแสนส่งยิ้มให้คุณเล็กที่หันกลับมายิ้มให้ด้วยหัวใจที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความตื้นตันความกังวลที่มีมาตลอดถูกปลดเปลื้องไปจนหมดสิ้น ตัวหนูแสนเองก็หวังว่าต่อไปนี้ทั้งสองครอบครัวจะพบพานแต่ความสุขอย่าได้มีเหตุอันใดมาทำให้ทุกข์ใจอีกเลย


....................................

จริง ๆ พิมพ์เสร็จหลายวันแล้ว แต่คอมเรามันเกเร วันนั้นฝนตกไปตกและคอมดับทุกอย่างหายเกลี้ยงต้องพิมพ์ใหม่หมดเลย
ครึ่งหลังเราจะลงให้อ่านเป็นครึ่งสุดท้ายแล้ว หลังจากเล่มวางขายจะกลับมาต่อตอนจบให้นะคะ
นานมาแล้วเราเคยสงสัยว่านิยายวายที่ไม่ต้องมีฉากคัท ไม่ต้องมาฉากจูบแลกลิ้นแลกสารอาหารเหลวจะมีคนอ่านมั้ย ตอนนี้เรารู้แล้วค่ะว่ามี ขอบคุณทุกคนที่ติดตามความรักแบบค่อยเป็นค่อยไปของหนูแสนและคุณเล็กนะคะ นิยายเรื่องนี้เราอิ่มในใจมาก เราไม่ต้องเหนื่อยที่จะคิดฉากคัท เราสบายใจกับกำลังใจที่ทุกคนให้มา เรามีความสุขทุกครั้งที่มีคนถามว่าเมื่อไหร่หนังสือจะออกเล่ม
จริงๆเราควรส่งต้นฉบับไปให้ สนพ.ตั้งนานแล้วแต่เราก็ขอส่งช้าเพราะเราต้องทำขนมขาย
ขอบคุณ สนพ.ที่เข้าใจและไม่เคยเร่งรัดเราเลยว่าต้องส่งต้นฉบับแล้วนะ เราจะรีบพิมพ์ให้เสร็จเร็ว ๆ นะคะ อยากจับเล่มแล้วเหมือนกัน
เรารักพวกคุณนะคะ รู้บ้างหรือเปล่า


ออฟไลน์ weedear

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1139
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-4
อบอุ่นจังเลย

ออฟไลน์ wutwit

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 259
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +13/-2
ทำไมถึงคิดว่าวายแล้วต้องมีฉาก NC ละคับ วายแบบนี้ก็ละมุนจะตาย เนื้อหามันละเมียดละไม น่าสนใจน่าอ่าน มันก็ชวนให้ติดตามละคับ

ออฟไลน์ piakunaa

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 106
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +38/-0
ชั้นหัวยายแช่มเด้อ​ ท็อปฟอร์มตลอด​ 555

ออฟไลน์ question09

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1502
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +46/-10
จะแต่งกันแล้ววววว :hao7: :hao7: :hao7:

ออฟไลน์ •♀NoM!_KunG♀•

  • *,*โสดสนิทศิษย์พยักหน้า*,*
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7579
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +181/-8
ขอเป็นเรื่องราวดีๆเนาะ

ออฟไลน์ thanatcha

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 317
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +151/-2

ตอนที่ ๑๙

๑๐๐%


            หลังจากวันที่เจ้าคุณสรอรรถและคุณหญิงผกาไปทาบทามสู่ขอหนูแสน ทุกคนก็กลับมาใช้ชีวิตตามปกติที่ตนเองเคยใช้ คุณพะยอมที่ง่วนอยู่กับโรงงานน้ำอบน้ำปรุงขนาดย่อมและแป้งกระแจะจันทน์รวมทั้งดินสอพองยังไงก็ยังคงยุ่งอยู่อย่างนั้น ตอนนี้เรื่องงานบ้านงานครัวคุณพะยอมปล่อยให้หนูแสนคุมเองได้โดยไม่ต้องห่วง ทางด้านหนูแสนเองก็ดูแลอาหารการกินของคนในบ้านอีกทั้งงานบ้านงานเรือนไม่ให้ขาดตกบกพร่อง แล้วยังแวะไปช่วยดูแลคุณหญิงผกาทุกวัน บ่าวในเรือนที่ทำงานบ้านงานเรือนไม่เป็นระบบตั้งแต่คุณหญิงผกาป่วยก็กลับมาทำหน้าที่ของตนอย่างขยันขันแข็งตามเดิม ใครที่ทำงานดีรับผิดชอบงานของตัวเองและดูแลคุณหญิงผกา ท่านเจ้าคุณสรอรรถ คุณเล็กรวมทั้งหลานชายทั้งสองดีหนูแสนก็จะมีรางวัลให้เป็นครั้งคราว ส่วนใครที่เกียจคร้านหลบเลี่ยงงานอีกทั้งไม่มีระเบียบเรียบร้อยก็จะถูกตักเตือน หนูแสนเริ่มเรียนรู้การใช้ทั้งพระเดชและพรคุณเหมือนผู้เป็นมารดา หากบ่าวคนไหนเหลือทนหนูแสนก็บอกไปตามตรงว่าก็คงจะไม่เลี้ยงไว้ ดังนั้นบ่าวในเรือนคุณหญิงผกาที่ไม่มีที่ไปก็จะทั้งเคารพและเกรงหนูแสนอยู่ในที ด้วยรู้ว่าคนนี้จะมาเป็นนายอีกคนบนเรือนใหญ่ เรื่องของคุณเล็กและหนูแสนที่จะตกแต่งเป็นคู่กันนั้นถูกสั่งให้ปิดเงียบห้ามแพร่งพรายให้ใครรู้ ไม่ว่าจะเป็นลูกเมียเรือนเล็กหรือบ่าวไพร่ก็ห้ามโพนทะนา หากเรื่องคู่รักชายทั้งสองหลุดออกไปสู่หูคนนอกท่านเจ้าคุณสรอรรถประกาศเอาไว้แล้วว่าจะไม่เลี้ยงไว้ และด้วยอำนาจบารมีเขาเองจะลบชีวิตใครก็ได้ ถึงแม้จะเป็นคำขู่แต่เพราะเดิมทีท่านเจ้าคุณเป็นคนเอาจริงเอาจังพูดคำไหนคำนั้น ทั้งเมียรองและบ่าวไพร่ต่างก็กลัวกันหัวหดจึงไม่มีใครกล้าเอาไปโพนทะนาข้างนอกเรือน อย่างมากก็ทำเพียงซุบซิบกันเอง จนเวลาผ่านไปแรมเดือนเสียงซุบซิบก็เบาลงจนกลายเป็นเรื่องปกติไปเสียแล้ว



            “พักบ้างเถอะค่ะ”คุณเล็กที่เห็นหนูแสนช่วยบ่าวจัดสำรับกับข้าวเอ่ยขัดก่อนจะฉวยโถข้าววางลงบนโต๊ะแล้วดึงมือหนูแสนยึดไว้ไม่ให้ทำงานต่อ



            “เป็นนายไม่ต้องทำทุกอย่างก็ได้ค่ะ”กดไหล่คนน้องให้นั่งลงบนเก้าอี้ หนูแสนส่งยิ้มให้คนรัก



            “ยิ่งเป็นนายเขา ยิ่งต้องทำให้เป็นทุกอย่างสิคะ ไม่อย่างนั้นถ้าบ่าวทำอะไรผิดพลาดจะเอาความรู้ที่ไหนไปตักเตือนเขาล่ะคะ”หนูแสนแย้งด้วยเหตุผล



            “แต่คุณเล็กอยากให้หนูแสนพักบ้าง หลังๆมานี่คุณเล็กเห็นหนูแสนทำงานไม่ได้หยุดเลย”



            ไม่ได้เหนื่อยอะไรนี่คะ หนูแสนสนุก”เจ้าตัวตอบด้วยรอยยิ้ม



            “เมื่อวานเจ้าคุณพ่อไปหาหลวงพ่อมาแล้วนะคะ ได้ฤกษ์มาแล้ว”คุณเล็กบอกด้วยสีหน้าของคนมีความสุข หนูแสนพลอยตาโตตื่นเต้นไปด้วย



            “เหรอคะ เมื่อไหร่คะ?”



            “สิบสองค่ำเดือนอ้ายค่ะ”



            เร็วจริง อีกแค่สามเดือนเอง”หนูแสนทำสีหน้าวิตกขึ้นมาทันที



            “เร็วเสียที่ไหนคะ คุณเล็กอยากให้แต่งกันเสียวันนี้พรุ่งนี้เลยด้วยซ้ำ”



            “เรือนหอก็ยังไม่เสร็จ กว่าคุณกล้าจะเอาไม้ล่องมาจากปากน้ำโพธิ์ก็เดือนสิบสองนู่นเลยนะคะ”



            “คุณเล็กอยากใช้เรือนแพเป็นเรือนส่งตัวมากกว่าค่ะ พอเรือนหอเสร็จตกแต่งเสร็จเราค่อยย้ายเข้าไปอยู่หนูแสนว่าดีไหมคะ?”คุณเล็กบอกความต้องการของตนแต่ก็ไม่ลืมถามความสมัครใจของหนูแสนด้วย



            “หนูแสนแล้วแต่คุณเล็กค่ะ”และก็เช่นทุกครั้ง ถ้าหากคุณเล็กพอใจอะไรหนูแสนก็ยินดีที่จะโอนอ่อนตาม



            “หนูแสนคะ”คุณเล็กกระชับมือของหนูแสนไว้ เขาคิดว่าการที่มีคนรักโอนอ่อนผ่อนตามมันก็ดี แต่เขาชอบหนูแสนที่คอยเป็นเพื่อนคู่คิดกันมากกว่า



            “หากมีอะไรที่หนูแสนไม่ชอบใจ หรือว่าหนูแสนมีความคิดเห็นอะไรที่ต่างกับคุณเล็กหนูแสนบอกคุณเล็กได้นะคะ อีกหน่อยเราต้องใช้ชีวิตอยู่ด้วยกัน คุณเล็กอยากให้หนูแสนมีความสุข อยากให้ชีวิตคู่ของเราสองคนดีเหมือนที่ท่านเจ้าสัวกับคุณแม่ของหนูแสนอยู่ด้วยกันนะคะ”



            “โธ่ คุณเล็กคะ เรื่องเรือนแพ หนูแสนเห็นด้วยจริง ๆ นะคะ หนูแสนชอบเรือนแพ ตั้งแต่เล็กจนโตจนถึงตอนนี้หนูแสนรักและผูกพันกับเรือนแพไม่แพ้คุณเล็กเลยค่ะ เราเล่นด้วยกัน กินขนมกินข้าวด้วยกันที่เรือนแพเสียส่วนใหญ่ หนูแสนก็เลยชอบค่ะ จริง ๆ ถ้าคุณเตี่ยไม่ขอให้คุณเล็กแต่งเข้าเรือนหนูแสน หนูแสนก็อยากอยู่เสียที่เรือนแพ เวลาลมพัดเข้ามามันทั้งเย็นกายเย็นใจ”คุณเล็กยิ้มให้กับคำตอบนั้น ความกังวลใจที่มีอยู่คลายลงไป หนูแสนบีบมือของคุณเล็กกลับอย่างขอให้เชื่อใจ เชื่อในคำพูดที่ตนเองกล่าวออกไปนั้นล้วนจริงใจทั้งสิ้น



            “เราอยู่ด้วยกันมาชั่วชีวิตของหนูแสนแล้ว หากมีเรื่องอะไรที่หนูแสนชอบหรือไม่ชอบหนูแสนจะไม่ปดไม่ปิดอะไรทั้งนั้นคุณเล็กสบายใจได้นะคะ”เจ้าตัวน้อยส่งยิ้มให้คนเป็นพี่จนคุณเล็กเองก็อดยิ้มตามออกมาไม่ได้

 

 

            หลังจากได้ฤกษ์ยามวันแต่งของคุณเล็กและหนูแสน เจ้าสัวเช็งจึงได้เรียกลูก ๆ มาประชุม รวมทั้งคุณพะยอม เว้นแต่คุณสนที่ถึงแม้มานั่งก็คงไม่รับทราบอะไรกับสิ่งที่กำลังจะพูด แต่คุณพะยอมก็ค้านผู้เป็นสามี



            “อย่างไรเสียก็ลูกเราคนหนึ่ง จะบ้าใบ้สติไม่สมประกอบก็ต้องให้รับรู้ด้วย เรากันแม่สนออกไปชั่วชีวิตแล้ว อย่าทำแบบนั้นอีกเลยนะคะท่านเจ้าสัว” เพราะคำขอร้องของภรรยา ตอนนี้คุณสนจึงได้มานั่งเรียงกันกับคุณเสนและหนูแสน



            “คุณเตี่ยเรียกพวกเรามามีอะไรหรือขอรับ”คุณเสนผู้เป็นพี่ใหญ่เอ่ยถาม เจ้าสัวยกแก้วชาขึ้นจิบ มองหน้าบ่าวด้วยการปรายตา บ่าวที่ทำงานรับใช้มานานจึงเก็บถาดแล้วถอยออกไปจากห้อง ไม่ลืมที่จะหับประตูปิดจนมิดชิด



            “เตี่ยอยากเรียกลูก ๆ มาพูดเรื่องมรดกที่เตี่ยจะยกให้แต่ละคน”



            “ทำไมต้องรีบล่ะขอรับ คุณเตี่ยก็ยังแข็งแรง”คุณเลยร้องท้วงด้วยความเชื่อที่ฝังรากลึกมานานว่าหากบุพการีหรือญาติผู้ใหญ่คิดแบ่งสมบัติให้ลูกหลานแล้วก็จะตายในที่สุด ใจของผู้เป็นลูกหายวาบราวกับน้ำที่เทซัดลงบนผืนทรายร้อน ๆ



            “เตี่ยไม่ได้จะตายวันตายพรุ่งเสียหน่อย แต่ในเมื่อหนูแสนจะออกเรือนก็ต้องมาทำความเข้าใจตกลงกันใหม่ เตี่ยไม่อยากให้ลูก ๆ ผิดใจกันในภายภาคหน้า”เจ้าสัวเช็งไล่สายตาไปที่ลูก ๆ ทีละคน เหมือนเห็นหนูแสนแรกเกิดตัวแดงๆเมื่อไม่นานมานี้ มีคุณเสนคอยหยอกเย้าน้องคนเล็ก ส่วนคนสนก็แยกออกไปเล่นเพียงคนเดียวไม่เอาน้อง เวลาผ่านไปคล้ายลมพัดเพียงชั่วครู่ ลูก ๆ ก็เติบใหญ่จนมีชีวิตมีครอบครัวเป็นของตัวเอง คุณเสนเองเป็นเด็กมีความคิดรอบคอบมาตั้งแต่ยังเล็ก ยามเติบใหญ่ถึงวัยออกเรือนก็เลือกผู้หญิงที่ดี ใจเย็นและเคารพพ่อผัวแม่ผัว เป็นแม่ศรีเรือนเพียบพร้อม มีลูกชายไว้สืบสกุลเป็นรุ่นต่อไป เห็นชีวิตลูกคนโตแล้วเจ้าสัวเช็งก็มีความสุข



เมื่อมองมาที่คุณสน



ลูกสาวคนนี้ในช่วงปีที่ผ่านมาทำให้ท่านเจ้าสัวต้องกลับมาคิดทบทวนใหม่ ทั้งๆที่ลูกสาวควรเป็นลูกคนที่ได้รับการฟูมฟักทะนุถนอมมากที่สุด แต่เพราะคุณสนเกิดในช่วงที่ครอบครัวตกต่ำเจ้าสัวไม่เคยโทษความผิดพลาดของช่วงเวลา ไม่เคยโทษตัวเองว่าในตอนนั้นตัวเองอาจจะยังไม่มีหัวการค้ามากพอจะประคับประคองธุรกิจให้ก้าวต่อไปได้อย่างไม่ลำบาก เจ้าสัวเอาความคิดว่าคุณสนคือตัวซวยมาโยนใส่ลูกสาว นั่นคือสาเหตุที่ทำให้คุณสนกลายเป็นเด็กก้าวร้าว และไม่ฟังใคร ชอบทำตัวให้เด่นกว่าน้อง



ยามเติบใหญ่เป็นสาวสะพรั่ง งามลออซ้ำยังมีความสามารถด้านตัดเย็บ แทนที่เจ้าสัวจะเห็นดีเห็นงามสนับสนุน แต่ไม่เลยท่านเจ้าสัวกลับไม่คิดเอาใจใส่หรือภาคภูมิใจในตัวลูกสาวเลยสักนิด แม้แต่จะสนับสนุนก็ไม่คิดจะยื่นมือเข้าช่วยมีเพียงผู้เป็นพ่อตาที่มาคุยว่าอยากให้คุณสนได้มาอาชีพเลี้ยงตัวจึงต้องจำใจยกตึกแถวให้เพื่อเปิดร้านตัดเสื้อ



ทั้งที่รู้ทั้งรู้ เห็นกับสองตาว่ากิจการของลูกสาวเฟื่องฟูขนาดไหน แต่กลับคิดว่าเรื่องสวย ๆ งาม ๆ ของผู้หญิงนั้นเป็นกระแสไม่นานเดี๋ยวคนก็ไปเห่อกับสิ่งใหม่ ๆสิ่งที่เจ้าสัวภูมิใจมีเพียงหนึ่งเดียวคือการที่คุณสนได้ออกเรือนไปกับลูกของเจ้าคุณสรอรรถที่เป็นถึงนายทหารอนาคตไกลและหัวก้าวหน้า ช่วงนั้นเป็นช่วงที่ใครไปใครมาก็ออกปากชมลูกเขยไม่ได้ขาดพลอยทำให้เจ้าสัวเช็งที่กำพืดเดิมเป็นแค่เจ๊กที่มาแบบเสื่อผืนหมอนใบได้ยิ้มจนหน้าชื่นขึ้นมาบ้าง



แต่นั่นแหละ ความสุขอยู่กับเจ้าสัวไม่นานเมื่อคุณสนกลายเป็นหญิงวิปลาสไปเสียแล้ว ภาพในวารวันค่อยๆฉายชัดมาว่าตนเองรักลูกสาวน้อยเพียงใด ทุกวันนี้หากคุณสนเอ่ยปากอยากได้หรืออยากทำอะไรเจ้าสัวไม่เคยอิดออดที่จะหามาให้ คุณสนคนใหม่เองก็ปรับตัวเข้ากับคนที่เรือนได้ทีละน้อย จากลูกสาวที่เย่อหยิ่งจองหองกลายเป็นลูกสาวที่พูดน้อยและสงบเสงี่ยม แม้จะชอบคุณสนคนปัจจุบันมากกว่าแต่ก็โหยหาลูกสาวผู้หญิงทะนงในศักดิ์และศรีของตัวเองคนนั้นอยู่ทุกวัน



ส่วนหนูแสน เพราะเกิดมาในช่วงที่การค้าจับอะไรก็เป็นเงินเป็นทอง กลายเป็นตัวนำโชคของผู้เป็นพ่อ ความลำเอียงจึงเกิดขึ้น แถมเป็นลูกหลงมาตอนเจ้าสัวอายุมากแล้วยิ่งหลงลูกชายคนเล็กมากกว่าพี่ ๆ เจ้าลูกน้อยนั้นช่างเจรจาพูดจาไพเราะ ใจเย็นเหมือนน้ำ มีเพียงสิ่งเดียวที่ไม่ใคร่จะชอบใจนักคือการที่ลูกชายติดคำพูดจากคุณเรือนนู้นมาพูดคะขาจนติดปาก อีกทั้งท่าทางยังนุ่มนิ่มอ่อนโยนกว่าผู้ชายทั่วไป แต่เพราะคุณพะยอมหลงลูกคนเล็กเป็นนักหนาอีกทั้งกิจการที่ดีวันดีคืนจึงทำให้ไม่ได้เข้มงวดและอบรมสั่งสอนมากนัก



เจ้าสัวเช็งอยากสร้างธุรกิจให้เจริญมากขึ้น ทั้งหมดนั้นล้วนทำเพื่อลูก ๆ โดยหัวเรี่ยวหัวแรงที่สำคัญนั้นก็ไม่ใช่ใคร คุณเสนเริ่มตั้งแต่ช่วยยกของ ตรวจนับจำนวน ทำทุกอย่างเหมือนที่ลูกจ้างทั่วไปทำ เรียนรู้งานทุกอย่างด้วยความตั้งใจ ในขณะที่ลูก ๆ คนอื่นได้ใช้ชีวิตแบบที่ตัวเองอยากจะใช้ แต่คุณเสนไม่เคยได้รับสิทธิ์นั้นเลย เมื่อต้องตัดสินใจในเรื่องสำคัญที่จะมีผลต่อไปในอนาคตเจ้าสัวเช็งจึงอยากให้ลูก ๆ มารับรู้ในสิ่งที่ตนเองจะพูด



            “อีกไม่กี่วันหนูแสนก็จะออกเรือนแล้ว ลูกทุกคนก็รู้ดีอยู่แล้วว่าเราอยู่กับแบบระบบกงสี ถ้าใครแต่งออกก็จะถูกถอดจากกงสีเหมือนครั้งแม่สนออกเรือนไปกับคุณใหญ่ ตั้งแต่เตี่ยค้าขายมา ลูกสามคนมีเพียงพ่อเสนที่คอยแบ่งเบามา เตี่ยจึงอยากจะถามความเห็นของลูก ๆ ว่าถ้าหนูแสนออกเรือนไปเรื่องกงสีจะว่าอย่างไร เพราะแม่สนออกจากกงสีไปแล้ว ถ้าหนูแสนออกเรือนก็จะไม่ได้ตรงนี้อีกหนูแสนจะขัดข้องไหม?”เจ้าสัวจ้องหน้าลูกชายคนเล็ก หนูแสนส่งยิ้มให้ผู้เป็นพ่อ ดวงตากลมนั้นยังคงใสซื่อและจริงใจเช่นเดิม



            “หนูแสนไม่ขัดข้องเลยขอรับคุณเตี่ย คุณพี่เสนทำงานหนักมาตลอดหากคุณเตี่ยจะยกให้ทั้งหมดลูกก็ไม่ขัดข้องอะไรเลย กลับยินดีเสียด้วยซ้ำ เพราะกิจการของเราถ้าไม่ได้คุณพี่เสน หนูแสนก็ไม่รู้ว่ามันจะรุ่งเรืองขนาดนี้มั้ย”



            “อย่างนั้นเตี่ยก็สบายใจ”



            “แต่ลูกไม่สบายใจขอรับคุณเตี่ย”คุณเสนท้วงขึ้นในทันที สีหน้าของเขานั้นดูจริงจังมากกว่าเดิม   



            “ลูกคิดว่า น้อง ๆ ควรจะได้ใช้เงินในกงสีเช่นเดิม รวมทั้งแม่สนด้วย”



            “ทำไมคิดอย่างนั้นเล่าพ่อเสน?”



            “เพราะเราทุกคนเป็นลูกคุณเตี่ย แม่สนกับหนูแสนเองก็เป็นน้องของลูก ถึงทั้งคู่จะไม่ได้ไปช่วยงานที่ห้างแต่แม่สนก็ช่วยคุณแม่ทำงานอยู่ที่บ้าน จริงๆเป็นเราเองไม่ใช่เหรอขอรับที่ผลักน้องออกไปจากงานที่ห้างทั้ง ๆ ที่เราก็รู้กันดีว่าแม่สนเดิมนั้นมีหัวการค้าแต่เพราะเป็นผู้หญิงเราถึงไม่มอบงานให้น้องเลย ตอนนี้ก็กลับมาอยู่ที่เรือนด้วยกันแล้วถึงจะไม่-ได้ใช้เบี้ยอัฐอะไรมากแต่น้องก็ควรได้มีส่วนร่วมในกงสี ส่วนหนูแสนเองถึงไม่ได้ไปช่วยที่ห้างแต่เรื่องบัญชีหนูแสนก็ทำให้อยู่ตลอดแล้วหนูแสนยังเป็นหัวเรี่ยวหัวแรงสำคัญในโรงงานน้ำอบน้ำปรุงของแม่ถึงจะออกเรือนน้องก็ยังจะช่วยแม่อยู่ดังนั้นลูกจึงเห็นสมควรว่าให้ทุกคนได้มีส่วนใช้เงินกงสีกองนี้ หากคุณเตี่ยไม่สบายใจจะแบ่งเป็นส่วนๆให้น้องก็ได้ คุณเตี่ยจะขยายกิจการตามที่คุยกับนายเล็กไว้ถ้าจะหาผู้ร่วมลงทุนอย่างนั้นส่วนแบ่งในห้างคุณเตี่ยก็แบ่งเป็นเปอร์เซ็นต์ให้น้อง ๆ เป็นผู้ถือหุ้นเป็นเปอร์เซ็นต์แล้วรับรายได้จากทางนั้นก็ได้ขอรับ ในตอนนี้คุณเตี่ยยังแข็งแรงอยู่เราก็ใช้ระบบกงสี แต่หากไม่สบายใจก็เรียกคุณพระพินิจมาทำพินัยกรรม แบ่งยกให้แต่ละคนเหมือนที่เจ้าคุณตาทำก็ได้ขอรับ”คุณเสนเสนอวิธีให้กับผู้เป็นพ่อ ถึงแม้ตนเองจะทำงานหนักกว่าน้อง แต่นั่นเป็นเพราะเขาเต็มใจทำ สำหรับน้องสองคนนั้น คุณสนเพราะเป็นน้องสาวแม้จะมีที่หลายร้อยไร่กับเครื่องเพชรนิลจินดาแต่นั่นไม่ทำให้เงินพอกพูนได้ถ้าไม่ตัดขาย ด้วยความทรงจำที่หายไปพลอยทำให้ความสามารถที่มีอยู่เลือนหายไปด้วยคุณสนจึงมีหน้าที่แค่ช่วยงานคุณพะยอมบ้างเล็ก ๆ น้อย ๆ อยากได้อะไรตนและผู้เป็นแม่ก็จะเป็นคนหามาให้ ค่าใช้จ่ายไม่ได้มากเท่าตอนที่ยังดี ๆ อยู่ ส่วนหนูแสนนั้น สำหรับคุณเสนแล้ว แม้อายุจะเลยยี่สิบปีมาแล้วแต่หนูแสนก็ยังคงเป็นเจ้าน้องน้อยที่คอยดูแลบ้านช่องให้เป็นระเบียบสะอาดสะอ้านกลับจากทำงานเหนื่อย ๆ ก็มีอาหารอร่อยถูกปากรออยู่ไม่ได้ขาด แถมยังช่วยเลี้ยงลูก ๆ ให้กับเขาและคุณอุ่นเรือน   เรื่องบัญชีก็ทำอย่างละเอียดรอบคอบเงินไม่เคยตกกระเด็นสักสลึง หากไม่มีหนูแสนแล้วคุณพะยอมผู้เป็นแม่ที่อายุมากขึ้นทุกวันก็คงจะเหนื่อยมากเพราะน้ำอบน้ำปรุงที่ทำนั้นมีลูกค้ามากขึ้นทุกวัน



บ้านหลังนี้ขาดลูกคนใดคนหนึ่งไปไม่ได้เลย เพราะฉะนั้นทุกคนควรมีส่วนร่วมในทรัพย์สินที่หามาได้ เพราะแต่ละคนนั้นต่างก็มีหน้าที่ต้องทำ



เจ้าสังเช็งเมื่อฟังคำตอบจากบุตรชายคนโตแล้วก็เผยรอยยิ้มที่นาน ๆ ครั้ง จะได้เห็นสักหน



ในใจของผู้เป็นพ่อนั้นชุ่มชื่นราวกับมีน้ำทิพย์สักล้านหยดร่วงลงมารดหัวใจ



ในความเป็นพ่อเป็นแม่นั้นเห็นลูกเติบโตได้ดิบได้ดีนั้นคือความสุขอย่างหนึ่ง



แต่การที่พี่น้องรักใคร่กลมเกลียวกันไม่เอาแต่ประโยชน์เข้าตนนั้นคือสิ่งที่พ่อแม่ปารถนามากที่สุด หากวันนี้คุณเสนรับข้อเสนอว่าตนเองควรได้รับมรดกไปคนเดียวเต็ม ๆ เจ้าสัวเช็งคงต้องคิดใหม่ 



            “ถ้าพ่อเสนคิดเห็นเช่นนั้นเตี่ยก็จะทำตามที่บอก ระหว่างนี้ก็ใช้เงินกงสีกันไป ใครจะใช้จะทำอะไรถ้าเรื่องไม่ใหญ่มากก็ไปขอกับพ่อเสน แต่ถ้าจะลงทุนทำอะไรในภายภาคหน้าก็มาบอกกับเตี่ย ส่วนเรื่องทรัพย์สินต่าง ๆ เตี่ยจะให้คุณพระท่านมาทำพินัยกรรมเอาไว้ ลูก ๆ ทุกคนไม่ต้องห่วงเตี่ยจะให้ตามสมควร ตามความสามารถของแต่ละคน สำหรับแม่สนหากสติยังไม่กลับคืนหากเตี่ยกับแม่ตายไปอย่าทิ้งน้อง อย่าทิ้งพี่นะลูกนะ  อีกอย่างเตี่ยขออย่างเดียว เมื่อเตี่ยตายไปจงเลี้ยงดูแม่ให้สุขสบายในบั้นปลายพวกเจ้าทำให้เตี่ยได้หรือไม่?”



            “ได้ขอรับ”ทั้งคุณเสนและหนูแสนต่างตกปากรับคำ คุณเสนลุกจากเก้าอี้ลงไปนั่งคุกเข่าแล้วกราบลงบนตักผู้เป็นพ่อด้วยความนอบน้อมเคารพ ก่อนจะถอยออกให้หนูแสนได้เข้าไปกราบผู้เป็นพ่อบ้าง



            “สน ไปกราบคุณเตี่ยสิลูก”คุณพะยอมแตะแขนคุณสนเบาๆพยักหน้าให้กับลูกสาวคนเดียวที่นั่งฟังอย่างไม่เข้าใจอะไรนัก รู้เพียงแต่ว่าผู้เป็นพ่อฝากฝังตนเองให้พี่น้องดูแลในบั้นปลาย หญิงสาวรับรู้ได้ถึงความรักที่ผู้เป็นพ่อมีให้ ดังนั้นจึงคลานเข่าเข้าไปหาแล้วกราบลงบนตักผู้เป็นพ่อ มือหนาเหี่ยวย่นตามวัยลูบศีรษะลูกสาวเพียงคนเดียวอย่างอ่อนโยน ความอุ่นวาบแล่นเข้ามาในหัวใจอย่างประหลาด เป็นความปิติและสัมผัสที่คล้ายจะโหยหา คุณสนเงยหน้าช้อนตามองผู้เป็นพ่อก่อนจะคลี่ยิ้มอ่อนหวาน



            “สนรักคุณเตี่ยนะเจ้าคะ”เจ้าสัวเช็งยิ้มรับกับคำหวานของลูกสาว



            “เตี่ยก็รักสนเหมือนกัน”         

     

 

            ทางด้านเรือนของเจ้าคุณสรอรรถนั้นก่อนวันแต่งของคุณเล็กกับหนูแสนบรรดาลูก ๆ ของเจ้าคุณสรอรรถก็กลับมาบ้านกันอย่างพร้อมเพรียง คุณกลางเองก็ยอมทิ้งลูกๆมาช่วยเตรียมงาน เป็นแม่งานใหญ่หัวเรี่ยวหัวแรงแทนผู้เป็นแม่ได้มากโข คุณหญิงผกาได้ปรึกษากับคุณพะยอมว่าให้ทำพิธีเสียที่เรือนนี้ ถือว่าทำบุญบ้านไปในตัวเพราะตั้งแต่ผ่านเรื่องร้าย ๆ มา ก็ยังไม่เคยทำบุญอีกเลย เพื่อความสบายใจของคุณหญิงผกาคุณพะยอมก็ยินยอมแต่โดยดี   



ด้านเมียรองของเจ้าคุณสรอรรถก็พลอยได้อานิสงส์ชื่นมื่นไปด้วยเมื่อคุณรองที่รับราชการทางหัวเมืองลาราชการกลับมาบ้านด้วย คุณชื่นจัดเรือนเตรียมห้องรอลูกชายเป็นครึ่งค่อนเดือนเพราะคราวนี้จะกลับมาหลายวันพอให้ผู้เป็นแม่ได้แช่มชื่นบ้าง



            “พ่อรอง พ่อรองของแม่”คุณชื่นกางอ้อมแขนออกสวมกอดลูกชายเพียงคนเดียวที่ก้าวขึ้นมาบนเรือนด้วยความดีใจ ใบหน้าของหญิงวัยกลางคนเปื้อนยิ้มแบบคนมีความสุข



            “มาเหนื่อย ๆ กินข้าวกินปลามาหรือยังลูก แม่ให้อีผินมันเตรียมของว่างให้กินรองท้องก่อน พ่อรองหิวมั้ยลูก?”



            “ยังไม่หิวขอรับคุณแม่ เมื่อครู่รองแวะไปกราบคุณแม่ใหญ่ที่เรือนมาท่านเลี้ยงขนมมาบ้างแล้วขอรับ”คุณรองที่กราบแม่เสร็จเอ่ยตอบแล้วพากันไปนั่ง



            “กลับมาถึงบ้านแทนที่จะแวะมาหาแม่ก่อน ไม่มีเลย กลับแวะไปหาคนอื่นก่อน”คุณชื่นทำเสียงน้อยอกน้อยใจ



            “โธ่แม่ ก็รถมันต้องจอดหน้าเรือนใหญ่กระผมก็ต้องแวะกราบคุณแม่ใหญ่ก่อนสิขอรับ เธอเห็นแล้วไม่ขึ้นไปก็เดี๋ยวจะเคืองใจกันเปล่า ๆ “คนลูกกล่าวตอบอย่างง้องอน



            ก็แล้วไป นึกว่าคิดถึงคนอื่นก่อนคิดถึงแม่ รองซูบไปหรือเปล่าลูก มาคราวก่อนดูตัวใหญ่กว่านี้นี่”คุณชื่นจับเนื้อจับตัวลูกชายที่ดูซูบลงและคล้ำขึ้น แม้ดวงหน้าจะละม้ายคล้ายคุณเล็กแต่กลับไม่ดูมีสง่าเท่าลูกเรือนนู้นเลยสักนิด



            “กลับมาอยู่บ้านนานก็ดี แม่จะขุนเสียให้อ้วน ช่วงนี้ก็เข้าไปหาเจ้าคุณพ่อท่านบ่อย ๆ นะลูก คุณเล็กดันอุตริแต่งงานกับผู้ชายด้วยกัน คุณใหญ่ก็มาตาย ตอนนี้ก็เหลือแค่รองแล้วนะลูกที่จะเป็นลูกชายคนเดียวเป็นผู้สืบสกุลเพียงคนเดียวแล้ว ทำตัวให้เจ้าคุณพ่อท่านรักท่านเมตตา อีกหน่อยเรือนใหญ่ท่านก็จะยกให้รองได้ครอบครอง”



            “คิดอะไรอย่างนั้นกันเล่าแม่ รองไม่เคยคิดจะประจบสอพลอใครไม่ว่าจะพ่อหรือเจ้านาย อีกอย่างตาเล็กก็ยังอยู่ไม่ได้ไปไหน พี่ใหญ่เองถึงจะเสียไปแล้วแต่เธอก็มีลูกชายตั้งสองคน แม่อย่าให้รองทำอะไรแบบนั้นเลยนะอย่างไรเสียตาเล็กก็เป็นน้องของรอง คุณพี่กลางกับแม่น้อยก็ด้วย แม่อย่าพูดอะไรที่ทำให้รองต้องบาดหมางกับพี่ ๆ น้อง ๆ เลยนะขอรับ รองขอตัวไปพักก่อนนะแม่ เดินทางมาไกลเหนียวตัวเหลือเกิน”คุณรองผละจากแม่เข้าห้องไปทันที ไม่ฟังเสียงร้องเรียกตามหลังของผู้เป็นแม่เลยสักนิด คุณชื่นได้แต่ถอนหายใจหนักใจขัดใจไปหมดที่ลูกชายไม่ได้ดั่งใจ   



....................................

 

ออฟไลน์ AkuaPink

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2033
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +59/-1

ออฟไลน์ weedear

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1139
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-4
เหมือนจะมีมารมากั้นนนน

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ piakunaa

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 106
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +38/-0
อย่านะ​ อย่าดราม่าก่อนแต่งนะคะ​

ออฟไลน์ •♀NoM!_KunG♀•

  • *,*โสดสนิทศิษย์พยักหน้า*,*
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7579
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +181/-8
อะๆ เรือนเล็กไม่เลวสิ

ออฟไลน์ Ginny Jinny

  • ความเป็นจริงมันวุ่นวาย ก็ขอให้ใจมันสบายๆในความฝัน
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2115
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-4
ต้องต้มน้ำร้อนรอเปล่าค่ะ

ออฟไลน์ thanatcha

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 317
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +151/-2
 
“อ้าวเร็วๆ หน่อยสิพวกหล่อน อย่ามัวพิรี้พิไร ไอ้มั่น อาสนะพระจัดเรียงให้เรียบร้อยอย่าทำมักง่าย นังโฉมดอกไม้จัดให้งามให้สมกับเป็นเรือนพระน้ำพระยาอย่ามาทำลวกๆ ข้าไม่ชอบ ตายแล้วอโณ หนูยิ่งจะไปปีนบันไดเล่นแบบนั้นไม่ได้นะ ตกไปหัวหูแตกจะทำยังไง นังพัดถูให้ขึ้นเงานะกระดานน่ะ” คุณหญิงผกาที่ดูจะไม่เห็นด้วยกับการออกเรือนของคุณเล็กและหนูแสนนั้น ในวันนี้กลับวิ่งให้วุ่นตั้งแต่ไก่ยังไม่โห่คอยสั่งบ่าวไพร่ให้จัดเรือนให้สวยงาม เพราะในวันนี้จะเป็นงานแต่งของคุณเล็ก แม้จะจัดเป็นการภายในหากแต่ก็ไม่อยากน้อยหน้าใคร นางโฉมกับนางพัดส่งค้อนให้ควักเมื่อโดนสั่งงานจนหัวไม่วางหางไม่เว้น เมื่อคุณหญิงผกาลงจากเรือนเพื่อไปโรงครัวบ่าวสองคนก็ขยับมานินทาผู้เป็นนายทันที

“ตอนแรกล่ะรังคัดรังแคคุณเรือนนู้นพอตอนนี้ล่ะเห่อเสียไม่มี”

“จริง เนี่ย ข้าถูจนกระดานจะสึกเป็นเบ้าขนมครกอยู่แล้วยังไม่ถูกใจท่าน ประเดี๋ยวกลับมาคงให้ข้าขึ้นไปถูหลังคาแน่ ๆ คุณพะยอมเธอจะจัดงานเลี้ยงพระที่เรือนเธอคุณหญิงก็ไม่ยอม ขอให้มาจัดที่เรือนนี้ ถ้าจัดเรือนนู้นป่านนี้เราก็ไม่ต้องมาเหนื่อยอย่างนี้หรอก”

“นั่งนินทาเจ้านายกันอยู่นั่นแหละ เดี๋ยวคุณหญิงท่านขึ้นมาฟ้าก็ผ่าอีกหรอก” นายมั่นที่จัดอาสนะพระเสร็จแล้วออกปากปรามบ่าวผู้หญิงสองคนด้วยสีหน้าเอือมระอา นางโฉมส่งค้อยให้นายมั่นแล้วจึงหุบปากเสียเมื่อเห็นท่านเจ้าคุณเดินขึ้นเรือนมาพร้อมกับคุณรองที่กลับพระนครมาร่วมงานแต่งของน้องชาย

“อันที่จริงพ่อก็อยากให้รองย้ายกลับมาประจำที่พระนครนะ ไปอยู่ทางนั้นคนเดียวแม่เขาก็ห่วง บ่นให้พ่อฟังอยู่เรื่อยว่าห่วงลูกคิดถึงลูก”

“ลูกชอบบรรยากาศทางนั้นมากกว่าขอรับเจ้าคุณพ่อ ชาวบ้านก็นิสัยดี กับข้าวกับปลาลูกก็ไม่เคยขาด คนแถวนั้นทำแกงอะไรก็เอามาปันให้เรื่อย แม่เขาห่วงไปเอง”

“ชาวบ้านดีหรือไปถูกใจลูกสาวใครทางนู้นหรือเปล่าพ่อรอง” คนเป็นพ่อเอ่ยถามด้วยสีหน้ายิ้ม ๆ คุณรองอมยิ้มน้อย ๆ สีหน้าคร้ามแดดดูมีลับลมคมใน

“ลูกสาวใครล่ะ?”

“หลวงแพทย์ขอรับ”

“คนโตหรือคนเล็ก?” เอ่ยถามออกไปเพราะหลวงแพทย์ที่คุณรองพูดถึงนั้นก็เคยรู้จักกันมาบ้างทราบว่ามีบุตรี 2 คน

“คนโตขอรับ สวย ใจดี พูดจาอ่อนหวานกิริยามารยาทเรียบร้อย” คุณรองพูดถึงอุษาบุตรสาวคนโตของหลวงแพทย์ด้วยน้ำเสียงชวนฟัง ดวงตาเป็นประกายระยิบยามนึกถึงหญิงคนรัก

“ก็น่าจะพามาเสียด้วยกัน”

“ไม่ได้หรอกขอรับ อุษาเขาค่อนข้างระวังตัว เรื่องจะไปค้างอ้างแรมที่ไหนเป็นไม่ไป”

“อย่างนั้นก็ดี ถ้าอยากให้พ่อไปสู่ขอให้เมื่อไหร่ก็ส่งข่าวมานะ พ่อพร้อมจะไปขอมาให้”

“ขอเวลาอีกสักหน่อยเถอะขอรับเจ้าคุณพ่อ แม่อุษาอายุเพิ่งจะย่างสิบแปด พ่อแม่เขายังอยากให้อยู่กับเรือนอีกสักพัก”

“อย่างนั้นก็คงอีกสักสองสามปีสินะ รอได้รึเราน่ะ” คุณรองยิ้มให้กับคำถามของผู้เป็นพ่อ ดวงตาเป็นประกายด้วยความสุขล้นในหัวใจ

“รอได้ขอรับ ว่าแต่เจ้าเล็กอยู่ไหนขอรับ?”

“อยู่ในห้องเดิมเขาน่ะ ไอ้มั่นไปนิมนต์พระมาแล้วสักพักก็คงจะถึง”

“เจ้าคุณพ่อไม่เป็นอะไรใช่ไหมขอรับกับเรื่องนี้?” คุณรองถามอย่างเป็นห่วง เจ้าคุณสรอรรถยิ้มน้อยๆ ที่มุมปาก

“เขาเลือกของเขาแล้ว รักกันมาเป็นสิบปี หากพ่อขัดขวางก็ดูจะใจดำเกินไป เรื่องคู่ครองมันต้องแล้วแต่ใจใครใจมัน หนูแสนเองก็เป็นเด็กดีมีชาติมีตระกูลไม่ได้ด้อยไปกว่าใคร ถ้าพ่อเล็กเขามีความสุข พ่อก็ไม่ขัดอะไร”

“อย่างนั้นกระผมก็สบายใจขอรับ หากเจ้าคุณพ่อมีเรื่องอะไรไม่สบายใจ เจ้าคุณพ่อคุยกับลูกได้นะขอรับ” คุณรองบอกกับผู้เป็นพ่อด้วยใจที่เป็นห่วง เพราะแม้ภายนอกเจ้าคุณสรอรรถจะดูปล่อยวางและยอมรับได้ แต่ภายในนั้นคุณรองไม่อาจทราบได้เลยสักนิดว่าผู้เป็นพ่อนั้นจะยินดีชมชื่นกับลูกสะใภ้ที่เป็นผู้ชายหรือไม่

สำหรับเขา หนูแสนเองก็เห็นมาแต่น้อย เขาไม่ติดขัดหรือกระอักกระอ่วนอะไรกับการที่จะได้มาเป็นน้องสะใภ้ กลับยินดีด้วยที่สองคนได้ครองคู่กันสมกับที่รอคอยกันมาเนิ่นนาน

ไม่นานพระภิกษุเก้ารูปก็มาถึงเรือน เจ้าคุณสรอรรถกราบนมัสการเจ้าอาวาส พูดคุยกันนิดหน่อยหนูแสนและคุณเล็กก็ออกมาจากในห้อง ทั้งคู่ใส่เสื้อที่ตัดด้วยผ้าไหมสีงาช้างเหมือนกัน นุ่งโจงไม่ได้แต่งแบบสากล หลวงพ่อเองก็ทราบอยู่ก่อนแล้วว่าอันที่จริงไม่ได้ทำบุญขึ้นบ้านใหม่ เมื่อคุณเล็กและหนูแสนประเคนเครื่องรับรองถวายอันได้แก่น้ำมะตูมกับน้ำชาจีน คุณเล็กและหนูแสนจึงขยับไปจุดธูปเทียนพุทธบูชาโดยคุณเล็กนั่งทางขวาหนูแสนอยู่ทางด้านซ้าย เมื่อจุดเทียนและธูปปักลงกระถางแล้วทั้งคู่ก็ก้มลงกราบพระพร้อมกันแล้วจึงประเคนสายสิญจน์ให้กับหลวงพ่อที่เป็นประธานสงฆ์ หนูแสนและคุณเล็กนั่งฟังพระสวดให้พรด้วยหัวใจที่เปี่ยมสุข เมื่อเสร็จพีธีสงฆ์แล้วหลวงพ่อก็ทำการซัดน้ำให้กับคู่แต่งงาน ถวายภัตราหารเช้าเรียบร้อยคุณรองกับนายมั่นก็รับหน้าที่ขับรถส่งพระกลับวัด ก่อนจะลงจากเรือนหลวงพ่อได้หยุดให้พรกับคุณเล็กและหนูแสนด้วยเพราะคุ้นกันมาตั้งแต่เด็กสองคนนี้เกิด

“หลวงพ่อขอให้โยมทั้งสองรักกันจนแก่เฒ่า มีแต่ความร่มเย็นเป็นสุขนะ” ทั้งคุณเล็กและหนูแสนก้มลงกราบหลวงพ่อด้วยหัวใจที่แช่มชื่น เมื่อคุณรองกลับมาถึงเรือนแล้ว ทั้งหมดก็เริ่มทยอยกันมารดน้ำสังข์ให้กับคุณเล็กและหนูแสน ท่านเจ้าสัวเช็งให้เกียรติเจ้าคุณสรอรรถและคุณหญิงผกาก่อน เจ้าคุณสรอรรถรับสังข์รดน้ำมาจากคุณน้อยที่ส่งให้ก่อนจะรดลงไปบนมือของลูกทั้งสอง

“พ่อขอให้ลูกทั้งสองครองรักกันอย่างมีความสุขนะ หนักนิดเบาหน่อยให้อภัยกัน รักและให้เกียรติซึ่งกันและกันนะลูก” คุณเล็กและหนูแสนกราบเจ้าคุณสรอรรถด้วยสีหน้าเปี่ยมสุข คุณหญิงผกาเป็นคนรดน้ำสังข์เป็นรายต่อไป หล่อนหยุดมองหนูแสนครู่หนึ่งก่อนจะรดน้ำสังข์ลงไป

“เป็นลูกสะใภ้แม่แล้วนะหนูแสน แม่ขอฝากตาเล็กให้หนูแสนดูแลด้วยนะ” หนูแสนที่เดิมยังนึกหวั่นใจว่าคุณหญิงผกานั้นลึก ๆ ในใจจะไม่ยอมรับตนในฐานะลูกสะใภ้ แต่พอได้ยินคำพูดจากปากของคุณหญิง ความหนักอึ้งที่อยู่ภายในใจคล้ายจะถูกปลดจนเบาลง ยิ่งคุณหญิงผกายื่นมือมาลูบศีรษะหนูแสนก็แทบจะร้องไห้ออกมาด้วยความปลื้มปีติ

“เตี่ยฝากหนูแสนให้คุณเล็กดูแลด้วยนะ ถึงหนูแสนจะเป็นลูกชาย แต่เตี่ยก็เลี้ยงมาอย่างดีรักและทะนุถนอมมาก หากหนูแสนทำอะไรผิดให้มาบอกเตี่ยกับแม่ หากวันไหนหมดรักหรืออยู่กันไม่ได้เตี่ยจะขอลูกคืน”

“กระผมสัญญากับคุณเตี่ยว่ากระผมจะรักและดูแลหนูแสนให้เหมือนแก้วมณีล้ำค่า หากวันใดหนูแสนต้องร้องไห้ หนูแสนจะร้องไห้เพราะมีความสุขมากเท่านั้นขอรับ กระผมจะไม่ทำให้หนูแสนต้องเสียใจหรือคิดว่าตัวเองคิดผิดที่เลือกแต่งงานกับกระผมเลยแม้แต่วินาทีเดียว” คุณเล็กให้คำมั่นด้วยดวงตาที่แน่วแน่ ทุกคำที่กล่าวออกไปล้วนกลั่นออกมาจากใจไม่มีความเท็จเลยสักเพียงนิด หนูแสนยิ้มออกมาเบาๆ อย่างตื้นตันใจ ไม่ต่างกับเจ้าสัวเช็งที่พยักหน้ารับอย่างพอใจ

“ดี ฉันเชื่อใจคุณเล็ก” เจ้าสัวเช็งยื่นสังข์คืนให้กับคุณน้อย คุณพะยอมยิ้มให้กับลูกเมื่อเห็นหนูแสนมีหยาดน้ำตาไหลรินสองข้างแก้ม

“แม่ขอให้หนูแสนมีความสุขความเจริญนะลูกนะ ฝากน้องด้วยนะคะคุณเล็กหนักนิดเบาหน่อยให้อภัยกัน หากมีอะไรไม่พอใจกันอย่าหันหลังให้กันนะคะ ตอนนี้คุณเล็กและหนูแสนมีชีวิตในอีกแบบหนึ่งแล้วช่วยกันประคับประคอง พ่อกับแม่ก็จะคอยมองห่าง ๆ นะคะ” คุณเล็กและหนูแสนไหว้รับพรของคุณพะยอม หลังจากนั้นบรรดาญาติคนอื่นๆ ก็ทยอยกันมารดน้ำสังข์ให้กับทั้งคู่ หลังจากเสร็จพิธีรดน้ำสังข์และผูกข้อไม้ข้อมือท่านเจ้าคุณสรอรรถก็เรียกทุกคนมานั่งล้องวงเพื่อมอบสินสอดให้กับเจ้าสัวและคุณพะยอม

“ฉันรู้ว่าเจ้าสัวไม่ได้อยากได้ไม่เคยเรียกร้องสินสอดทองหมั้น แต่เพื่อเป็นค่าข้าวป้อนน้ำนมที่เจ้าสัวและคุณพะยอมเลี้ยงหนูแสนจนเติบใหญ่มาเป็นคู่เรียงเคียงหมอนกับลูกชายของฉัน เพื่อให้เห็นว่าฉันและครอบครัวเห็นค่าของหนูแสนจริง ๆ ฉันและแม่ผกาเลยปรึกษากันว่าจะให้ค่าสินสอดให้สมฐานะ ฉันขอมอบเงินร้อยชั่ง ทองยี่สิบบาท ให้เป็นค่าสินสอดหนูแสนไม่ทราบว่าท่านเจ้าสัวจะขัดข้องหรือไม่” ท่านเจ้าคุณรับถุงเงินจากบ่าวเอาวางลงตรงเบื้องหน้าเจ้าสัวเช็ง

“ส่วนแหวนแต่งงานแม่ผกาเขาจะยกวงที่ฉันใช้หมั้นเขาให้หนูแสน เล็กเอาแหวนสวมให้น้องสิ น่าจะใส่กันได้อยู่ ใส่ไปก่อนถ้าหลวมหรือคับไปเดี๋ยวพ่อจะให้ช่างเขาแก้ให้” คุณเล็กขยับเข้าไปรับแหวนที่ผู้เป็นแม่ยื่นให้แล้วจึงจับมือน้อยของน้องมาสวมแหวนเพชรล้อมด้วยนพเก้าน้ำงามยามเมื่อเข้าไปอยู่บนนิ้วเรียวขาวของหนูแสนยิ่งดูเปล่งประกายงามจับตา หนูแสนยกมือไหว้พ่อแม่ของคุณเล็ก เมื่อเจ้าคุณสรอรรถมอบสินสอดให้เสร็จ เจ้าสัวเช็งก็พยักหน้าให้กับคุณพะยอม ยายแช่มรีบประเคนพานทองใบใหญ่ที่จัดมาอย่างดีให้ผู้เป็นนายทันทีอย่างรู้งาน

“ฉันเองก็เตรียมทุนรอนเล็ก ๆ น้อย ๆ มาให้ลูกเขยและลูกชายของฉันเหมือนกัน ลูกของฉันมีค่าน้ำนม ลูกของท่านเองก็เลี้ยงมาด้วยความรักความยากลำบากเหมือนกัน ฉันไม่อยากให้ใครมามองว่าหนูแสนเป็นลูกจีนลูกเจ๊กจะต้องมาเกาะผัวกิน ฉันก็ขอมอบเงินร้อยชั่ง ทองยี่สิบบาท เครื่องมรกตล้อมเพชร โฉนดตึกแถวตรงเจริญนครให้กับคุณเล็กและหนูแสนไว้ลงทุนทำการค้าให้งอกเงยในภายหน้า เงินตรงส่วนนี้ไม่ได้เกี่ยวกับกงสีที่หนูแสนจะได้นะลูก เตี่ยให้เอาไว้ใช้จ่ายในยามจำเป็นหรือคิดจะทำการค้าอยากจะทำอะไรที่ต้องใช้เงินมากลูกก็เอาตรงส่วนนี้ไปใช้นะลูกนะ” เจ้าสัวเช็งบอกกับลูกชายคนเล็กด้วยสีหน้าที่แสดงออกถึงความรักใคร่ ก่อนจะถอดแหวนทองวงใหญ่ที่สวมติดนิ้วมาตลอดยื่นให้หนูแสน

“สวมให้พี่เขาสิลูก ถือเป็นแหวนแต่งงานที่เตี่ยให้” หนูแสนก้มลงกราบผู้เป็นพ่อด้วยหัวใจที่เต็มตื้น รู้ทั้งรู้ว่าคุณเตี่ยรักแหวนวงนี้มากเพียงใดแต่ก็ยอมถอดให้หนูแสนใช้เป็นแหวนแต่งงาน นั่นหมายความว่าคุณเตี่ยนั้นรับคุณเล็กเข้ามาเป็นลูกชายอีกคนหนึ่งของบ้านอย่างเต็มใจ หนูแสนมองหน้าคุณเล็ก พลันใบหน้าก็ขึ้นริ้วแดงเมื่อเห็นสายตาที่จ้องมานั้นพราวระยิบคล้ายผิวน้ำในยามสายที่ต้องแสงตะวัน มีทั้งความอบอุ่นและรักใคร่ แหวนทองวงใหญ่ถูกสวมลงบนนิ้วของคุณเล็กด้วยความตั้งใจ ความรู้สึกทั้งรัก ผูกพัน หวงแหน และภักดีถูกสวมลงไปจนสุดโคนนิ้วตีตราความเป็นเจ้าของซึ่งกันและกันอย่างสมบูรณ์ สลักรักลงไปเป็นพันธะสัญญาว่าต่อจากนี้คนทั้งคู่จะแบ่งปันทุกสิ่งทุกอย่างในชีวิตร่วมกันจนกว่าจะตายจาก หนูแสนยกมือไหว้คุณเล็กตามธรรมเนียมซึ่งคุณเล็กก็รับไหว้ตอบ ทั้งคู่ขยับกายหันหน้าไปหาบุพการีทั้งสองฝั่งก่อนจะก้มลงกราบแทบเท้าของพ่อแม่ทั้งสองบ้าน คุณพะยอมนั้นตื้นตันถึงกับกลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่ เจ้าสัวเช็งและเจ้าคุณสรอรรถมองลูกๆ ด้วยสายตาของความรักใคร่ ส่วนคุณหญิงผกาแอบยกผ้าเช็ดหน้าขึ้นมาซับหางตาเบา ๆ พอเห็นคนเป็นลูกมีความสุขแล้วใจคนเป็นแม่ก็พลอยอิ่มเอมตามไปด้วยเมื่อคุณเล็กและหนูแสนขยับมากราบตนคุณหญิงผกาก็ดึงตัวหนูแสนเข้ามากอด

ถึงแม้เคยรู้สึกไม่ดีที่ต้องได้ลูกสะใภ้เป็นผู้ชาย แต่พอเป็นหนูแสนแล้ว ความดี ความอ่อนโยน ความเสมอต้นเสมอปลายที่หนูแสนมีให้กับครอบครัวของตนนั้นเป็นสิ่งที่เห็นมาตลอด แม้จะทำใจแข็งปานหินเพียงใดแต่หนูแสนกลับเหมือนน้ำที่ค่อยๆ หยดลงบนหินทีละน้อยแต่สม่ำเสมอ มันไม่เหมือนคราวที่คุณใหญ่กับคุณสนออกเรือน

เมื่อได้ลูกสะใภ้ที่พิเศษกว่าใครหล่อนก็ยิ่งควรถนอมไว้

“อยู่กับแม่กับพี่เขาไปนานๆ นะลูก”
 

ออฟไลน์ thanatcha

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 317
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +151/-2
     หลังเสร็จพิธีในช่วงเช้าซึ่งกินเวลาไปจนถึงกลางวัน มีการนิมนต์พระมาถวายเพลอีกรอบแล้วร่วมกินข้าวด้วยกันในบรรดาญาติ ๆ ก็เป็นอันเสร็จพิธี หนูแสนต้องกลับไปพักที่เรือนของตัวเองก่อนเพราะยังไม่ถึงฤกษ์ส่งตัวเข้าหอ บ่าวไพร่เริ่มเก็บข้าวของทำความสะอาด ญาติที่มาร่วมงานก็ทยอยกลับโดยมีท่านเจ้าคุณเดินไปส่งด้วยตัวเอง บรรดาญาติ ๆ ต่างชมหนูแสนถึงกิริยามารยาทที่ผิดกับคุณสนในตอนที่แต่งกับคุณใหญ่

“แม่สนก็ส่วนแม่สนหนูแสนก็ส่วนหนูแสนเขาคนละคนกันจะเอามาเปรียบกันไม่ได้ พวกหล่อนก็เห็นแล้วนี่ว่าตอนนี้แม่สนเขาเปลี่ยนไปแล้ว”

“ก็จริงเจ้าค่ะคุณพี่”

“ยังไงฉันก็ขอร้องพวกหล่อน ในฐานะอาของตาเล็ก เห็นแก่หลาน เห็นแกพี่ อย่าเอาเรื่องนี้ไปบอกใครไม่อย่างนั้นชื่อเสียงของทั้งตาเล็กทั้งพี่คงป่นปี้ไม่มีชิ้นดี”

“คุณพี่ไม่ต้องห่วงนะเจ้าคะ ชื่อเสียงของคุณพี่ก็เป็นชื่อเสียงของพวกเราเหมือนกัน” บรรดาคุณอาของคุณเล็กรับปากเป็นมั่นเหมาะทำให้เจ้าคุณสรอรรถค่อยคลายความกังวลใจไปได้บ้าง

 
เวลาผ่านไปจนกระทั่งค่ำ เมื่อได้เวลาส่งตัวเข้าหอ หนูแสนและคุณเล็กก็มาที่เรือนแพโดยมีคุณพะยอมและเจ้าสัวรับหน้าที่นอนบนเตียงเพื่อเอาเคล็ดให้คู่แต่งงานใหม่ครองคู่กันไปจนแก่เฒ่าและไม่มีเรื่องระหองระแหงใจกันเช่นคุณพะยอมและเจ้าสัว พ่อแม่ของทั้งสองฝ่ายต่างนั่งเพื่อให้พรแก่ลูก ๆ เป็นอันเสร็จพิธี ทั้งหมดจึงแยกย้ายกลับ บัดนี้เรือนแพจึงเหลือเพียงคุณเล็กและหนูแสนในห้องหอเพียงลำพัง

ความเงียบเข้าปกคลุมอย่างน่าประหลาด แม้แต่เสียงหริ่งเรไรหรือจักจั่นสักตัวก็ไม่มีให้ได้ยิน มีเพียงเสียงปลากระโดดเป็นครั้งคราวอยู่ด้านนอก เสียงกอไผ่ที่เสียดสีกันยามลมพัดหอบเอาความหนาวเย็นของฤดูมาเท่านั้น
ต่างคนต่างประหม่า ยิ่งหนูแสนด้วยแล้วยิ่งไม่กล้าสบสายตาของคุณเล็กเลยสักนิด ภายในห้องหอเงียบจนได้ยินเสียงหัวใจที่เต้นโครมครามราวกับจะหลุดกระเด็นออกมานอกอก คุณเล็กเอื้อมมือไปจับมือหนูแสนมากุมไว้ มือน้องนั้นเย็นเฉียบจนน่าตกใจ
“กลัวคุณเล็กหรือคะ?” เอ่ยปากถามท่ามกลางความเงียบ เจ้าตัวน้อยส่ายหน้า

“เปล่าคะ ไม่ได้กลัว”

“แล้วทำไมมือเย็นอย่างนี้ล่ะคะ สั่นด้วย” คลึงหัวแม่มือลงบนหลังมือน้องอย่างแผ่วเบา ยิ้มอย่างเอ็นดูเมื่อเห็นแก้มขาวของน้องแดงเรื่อ ยิ่งดวงตากลมนั้นช้อนขึ้นสบหนูแสนในยามนี้ยิ่งน่ารักน่าชังไปเสียหมด

“หนูแสนรู้ไหมคะว่าคุณเล็กดีใจที่เราสองคนมีวันนี้ วันที่ได้ใช้ชีวิตร่วมกัน”

“หนูแสนก็ดีใจค่ะ” หนูแสนตอบกลับด้วยความสัตย์จริง ทั้งคู่รักและรอกันมายาวนานนับสิบปี ผ่านอุปสรรคระหว่างคนในครอบครัวมาจนคิดว่าชาตินี้คงไม่มีวาสนาได้มาใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันแล้ว แต่ในตอนนี้ วินาทีนี้ การได้แต่งงานกันโดยความยินยอมของพ่อแม่ทั้งสองฝ่ายนั้นเป็นเรื่องที่อยู่เหนือความฝันเสียเหลือเกิน

“แล้วรู้ไหมคะ ว่าคุณเล็กรักหนูแสน รักจนไม่รู้ว่าจะรักน้อยกว่านี้ได้หรือเปล่า เพราะนับวันคุณเล็กก็มีแต่จะรักหนูแสนมากยิ่งขึ้น” คุณเล็กเชยคางหนูแสนให้เงยขึ้นสบตากับตนตรง ๆ

“ขอบคุณหนูแสนนะคะที่มาเป็นยอดดวงใจของคุณเล็ก คุณเล็กสัญญาว่าจะรักและซื่อสัตย์ต่อหนูแสนคนเดียว จะไม่ชายตาและใครไม่ว่าจะหญิงหรือชาย คุณเล็กจะเป็นของหนูแสนเพียงคนเดียว แค่คนเดียว หากแม้นผิดคำสัญญาขอให้คุณเล็กมีอัน...” น้ำเสียงของคุณเล็กขาดหายเมื่อริมฝีปากอุ่นของหนูแสนทาบทับลงมาอย่างอ่อนโยน ในคราแรกคุณเล็กตกใจแต่พอตั้งสติได้มือหนาก็ประคองท้ายทอยของน้องไว้แล้วจูบตอบอย่างอ่อนโยน

เป็นจูบครั้งแรกของคนสองคน คนที่แค่จะจับมือก็ยังต้องขออนุญาตเพราะกลัวน้องจะเป็นราคี กลัวจะเป็นการลดเกียรติของน้อง แต่ในตอนนี้เขามีสิทธิ์ทุกอย่างในตัวหนูแสน เหมือนที่หนูแสนเองก็มีสิทธิ์ทุกอย่างในตัวของเขา

แม้จะเป็นจุมพิตที่แสนเงอะเงิ่นเพราะต่างคนต่างก็ไม่เคยทำแบบนี้กับใครหากแต่ธรรมชาติจะเป็นฝ่ายชักนำไปเอง เสื้อสีขาวถูกปลดกระดุมจนหมดเผยผิวขาวลออ เนื้อตัวของหนูแสนนั้นนวลเนียนสะอาดตา กลิ่นหอมติดกายทำอารมณ์ของคุณเล็กค่อยๆ ทะยานสูงขึ้นเรื่อยๆ ริมฝีปากคลอเคลียดูดดึงไม่ผละออก ปลายลิ้นเกี่ยวกระหวัดกวาดต้อนดึงอารมณ์รักของหนูแสนให้ค่อย ๆ คล้อยตามมาทีละน้อย ร่างกายอ่อนปวกเปียกจนต้องประคองให้นอนลงบนเตียงอย่างช้า ๆ ยามเมื่อน้องขยุ้มอกเสื้อคุณเล็กจึงจำต้องผละออกอย่างอ้อยอิ่งเสียดาย ใบหน้าของหนูแสนในตอนนี้น่ารักน่าชังอีกทั้งน่ารังแกเสียเหลือเกิน

“รัก รักเหลือเกินรู้ไหมคะ” เอ่ยคำหวานรื่นหูให้น้องฟัง ดวงตาที่เคยคมดุต่อหน้าคนอื่นบัดนี้หวานเชื่อมราวกับน้ำตาลเชื่อมที่เคลือบบนผิวขนมด้วยเกิดจากอารมณ์รักและความปรารถนาที่จะได้ครอบครองเจ้าน้องน้อยทั้งกายและใจ หนูแสนลูบแก้มของคุณเล็กแผ่วเบาราวกับอยากจะทะนุถนอมคนตรงหน้าไม่ให้สึกกร่อนก่อนกาลเวลา

“หนูแสนก็รักคุณเล็กค่ะ รักมากเหลือเกิน”

“เป็นของคุณเล็กนะคะ คุณเล็กสัญญาว่าจะรักและถนอมหนูแสนให้เหมือนมณีอันล้ำค่า จะดูแลยามป่วยไข้ จะเอาเงินทุกบาททุกสตางค์ที่หาได้ให้หนูแสนเก็บ หากอยากได้อะไรขอให้บอกคุณเล็ก หากไม่เกินความสามารถคุณเล็กจะเอามาวางกองแทบเท้าหนูแสนเอง ขอแค่เอ่ยปากบอก...”

“อยากได้แค่คุณเล็กค่ะ แค่คุณเล็กเพียงคนเดียว” หนูแสนเอ่ยพูดก่อนที่คุณเล็กจะพูดจบ ดวงตากลมส่องประกายระยิบระยับด้วยแรงปรารถนาที่วิ่งพล่านอยู่ในอก

คุณเล็กส่งยิ้มพึงใจก่อนจะค่อยๆ โน้มกายเข้าหา แม้จะเงอะเงิ่นเพราะเขาเองก็ไม่เคยทำแบบนี้กับใคร สู้อุตส่าห์เก็บกายเก็บใจไว้เพื่อหนูแสน แต่ร่างกายและหัวใจจะทำตามความปรารถนาเอง เสื้อผ้าบนร่างที่เหลือถูกปลดเปลื้องทิ้งลงพื้นทีละชิ้นก่อนพายุอารมณ์จะเริ่มต้นอีกครั้งท่ามกลางความเงียบสงัดของค่ำคืน
 
รื่นรื่นลมแผ่วพัด
แพสงัดไร้สุ้มเสียง
ไหวไหวชายตาเพียง
เชิญร่วมเรียงเคียงข้างไป
ร่ำร่ำใจรอนรอน
อาวรณ์รักปักกลางใจ
วาบวาบหวามหรือไม่
ต่างเข้าใจสื่อนัยย์ตา
ร้อนร้อนเล่ห์รัญจวน
ลมพัดหวนเสน่หา
หึ่งหึ่งใช่เสียงฟ้า
ดำฤษณาพาคร่ำครวญ
ริกริกระยับพราย
เส้นเงาสายชิดเชิญชวน
อุ่นอุ่นอ้อมกอดล้วน
ถนอมนวลมณีริน
เอื่อยเอื่อยธารน้ำไหล
แพสั่นไหวไม่จบสิ้น
ซ่านซ่านรักหวานลิ้น
จักดื่มกินตราบชีพวาย
 
 
กลิ่นหอมกรุ่นของอาหารปลุกให้คุณเล็กที่นอนหลับสนิทเมื่อช่วงก่อนจะรุ่งได้ไม่นานรู้สึกตัวตื่น ชายหนุ่มขยับผ้าห่มที่คลุมกายออกเผยให้เห็นแผงอกครัดแน่นสมชาย เหลือบมองไปยังที่ว่างด้านข้างที่เคยมีร่างของเจ้าน้องน้อยอยู่ในอ้อมกอดตลอดคืนแล้วก็เผยยิ้มแห่งความสุขออกมา คุณเล็กก้าวออกจากห้องนอน เดินออกมาเพียงนิดก็เป็นครัวเล็กๆ ที่บัดนี้มีผู้ที่ได้ชื่อว่าเป็นภรรยาโดยครบถ้วนกำลังสาละวนทำอาหารอย่างคล่องแคล่ว หนูแสนคนข้าวต้มกุ้งที่ใกล้จะยกลงอีกครั้งโดยไม่ได้สังเกตว่าคุณเล็กมายืนข้างหลัง กว่าจะรู้ตัวเอวบางก็ถูกสวมกอดแล้วดึงเข้าไปหาจนหลังชิดแผ่นอกเปลือยของผู้เป็นสามี แก้มขาวถูกหอมจนดังฟอดใหญ่อย่างแสนรักแสนใคร่

“อย่าค่ะ ประเดี๋ยวบ่าวมาเห็นจะไม่งาม”

“ไม่งามตรงไหนคะ คุณเล็กหอมแก้มเมียตัวเอง พันรู้มีรู้ ใครต่อใครก็รู้” คุณเล็กเถียงตาใส หนูแสนหันไปส่งค้อนแล้วตีแขนคุณเล็กเบา ๆ

“คุณเล็กนี่ก็ชอบแกล้งหนูแสนเสียจริง ปล่อยก่อนค่ะ หนูแสนจะยกหม้อลง”

“หอมแก้มคุณเล็กก่อนสิคะแล้วจะปล่อย” นอกจากไม่ปล่อยแล้วคุณเล็กยังฟัดแก้มหนูแสนจนแทบจะช้ำ หนูแสนอ่อนอกอ่อนใจกับความเจ้าเล่ห์ของคุณเล็กเสียเหลือเกิน หากใครมาเห็นคงไม่เชื่อตาตัวเองเป็นแน่ว่านี่คือคุณเล็กผู้แสนเงียบขรึม มีเพียงหนูแสนเท่านั้นที่ได้เห็นคุณเล็กแสนขี้เล่นคนนี้เท่านั้น เมื่อเห็นว่าดื้อดึงไปรังแต่จะชักช้าเสียเวลา หรือแสนจึงยอมหันไปกดปลายจมูกลงบนแก้มของคุณเล็ก นั่นแหละเจ้าตัวถึงยอมคลายอ้อมกอด แต่ก็ไม่ยอมไปไหนไกล คอยวนเวียนอยู่ใกล้ๆ คล้ายแมวที่เดินพันแข้งพันขาไม่ได้ห่าง

“หนูแสนไม่เจ็บแล้วหรือคะ?” เอ่ยถามเมื่อไม่เห็นหนูแสนมีท่าทางเจ็บบั้นเอวยังคงเดินเหินได้คล่อง แต่คนถูกถามนั้นบัดนี้หน้าขึ้นสีร้อนเห่อราวกับโดนไอจากกาน้ำร้อนพัดมาประทะ

ดูเถิด ใครเขาให้มาถามอะไรประเจิดประเจ้ออย่างนี้กันเล่า ช่างหน้าด้านหน้าทนเสียจริง

นึกค่อนคุณเล็กในใจ

“เจ็บนิดหน่อยค่ะ” แต่ก็ยังตอบ ถือเสียว่าตอบให้คลายสงสัยจะได้ไม่ถามอะไรน่าอายอย่างนี้อีก

“เจ็บแล้วทำไมไม่นอนต่อละคะ ลุกมาทำกับข้าวทำไม?”

“ก็ลุกมาเตรียมอาหารเช้าให้คุณเล็กไงคะ วันนี้หนูแสนทำข้าวต้มกุ้ง แต่ถ้าคุณเล็กอยากทานเบรกฟาสแบบฝรั่งเมื่อวานกุ๊กเฮงทำขนมปังเดี๋ยวหนูแสนไปเอามาให้ ทอดไข่ดาวกับแฮมก็ทานได้แล้วค่ะ”

“แล้วแกงจืดนี่ทำไปทำไมคะ?” คุณเล็กมองไปที่หม้อแกงจืดที่ส่งกลิ่นหอมจากต้นหอมขึ้นฉ่ายอีกทั้งยังมีข้าวที่หนูแสนดงไว้บนเตาด้วยความสงสัย

“อ๋อ แกงจืดกับข้าวสวยหนูแสนทำไว้ตักบาตรค่ะ คุณเล็กรอเดี๋ยวนะคะ เดี๋ยวหนูแสนไปเตรียมน้ำล้างหน้าให้จะได้ออกไปใส่บาตรด้วยกัน ตะวันจะขึ้นแล้วประเดี๋ยวหลวงตาคงมาบิณฑบาต” หนูแสนหันไปบอกคุณเล็กให้เข้าไปรอในห้อง เมื่อจัดการงานครัวทุกอย่างเรียบร้อยแล้วจึงเตรียมเหยือกน้ำกับอ่างสำหรับล้างหน้า หยดโคโลญจน์ลงไปในน้ำเล็กน้อย กิ่งข่อยกับเกลือสะตุสำหรับสีฟันจัดใส่ถาดใบเล็กพร้อมด้วยผ้าใช้สำหรับซับหน้าอบร่ำจนหอมกรุ่น

คุณเล็กนั้นกล้าพูดได้เลยว่าตั้งแต่เกิดมาในชีวิต การได้รักหนูแสนนั้นถือเป็นความสุขแล้ว แต่การได้หนูแสนมาเป็นภรรยานั้นกลับทำให้เขากลายเป็นคนที่มีความสุขที่สุดในโลก

การได้เห็นหน้าหนูแสนเป็นคนสุดท้ายยามหลับ และเป็นคนแรกที่ได้เห็นยามตื่นมันทำให้หัวใจของชายหนุ่มเปี่ยมไปด้วยความสุข

ทุกการกระทำของหนูแสนนั้นงดงามตรึงใจ ไม่มีอะไรขัดตาเลยสักนิด หากจะให้บอกรักหนูแสนทั้งวันเขาก็ทำได้เพราะหนูแสนนั้นควรค่าแก่การได้รัก เขาไม่แปลกใจเลยว่าทำไมเจ้าสัวเช็งและคุณพะยอมพ่อตาแม่ยายหวงแหนรักและทะนุถนอมหนูแสนดุจเป็นลูกสาว เพราะหนูแสนนั้นดีด้วยเนื้อแท้ของนิสัยใจคอ อีกทั้งการดำเนินชีวิตนั้นเรียบร้อยหมดจรด หลังจากล้างหน้าล้างตาจนสดชื่นแล้วคุณเล็กก็เอาเสื้อมาใส่เพื่อออกไปตักบาตรกับหนูแสน หากเป็นเมื่อก่อนเขาต้องเดินไปหาหนูแสนที่บ้าน แต่ในวันนี้วันที่ได้มาใช้ชีวิตแบบคู่ผัวตัวเมียด้วยกันสถานที่ก็เปลี่ยนไป บัดนี้ทั้งคู่ช่วยกันตักบาตรที่เรือนแพของตนเอง เมื่อตักบาตรเสร็จหนูแสนก็จัดเตรียมอาหารให้กับคุณเล็ก กาแฟชั้นดีถูกต้ม ขนมปังจัดใส่ตะกร้าหวายใบเล็กดูน่าทาน มีถ้วยใส่แยมผลไม้ที่ทำเองรวมทั้งเนยวางเคียงกัน เบค่อนทอดกรอบพอดีกับไข่ดาววางจัดจานน่ากิน

“ขอข้าวต้มด้วยค่ะ” เอ่ยบอกกับภรรยาด้วยคำหวาน หนูแสนตักข้าวต้มกุ้งใส่ถ้วยโรยต้นหอมกับขึ้นฉ่ายซอยกับขิงที่ขยำเกลือลดความเผ็ดใส่ลงไป ทั้งสองนั่งกินข้าวด้วยกัน คุยกันเบาๆ เป็นชีวิตคู่ที่เรียบง่ายแต่มีความสุข
คุณเล็กคิดว่าชั่วชีวิตนี้ของตนนั้นหาได้ต้องการยศถาบรรดาศักดิ์หรือแก้วแหวนเงินทองอะไรอีกต่อไปแล้ว เพราะสิ่งที่มีค่าที่สุดนั่งอยู่ข้างๆ เขา
ทั้งคู่ยังคงใช้ชีวิตเหมือนเช่นเดิม คุณเล็กยังคงต้องไปทำงานในวันปรกติ หนูแสนยังคงไปช่วยคุณพะยอมที่โรงงานน้ำอบ แต่ก็ยังแบ่งเวลามาดูแลคุณหญิงผกาไม่ได้ขาดตกบกพร่อง บ่าวไพร่ที่เมื่อแรกนึกรังคัดรังแคที่คุณเล็กเป็นพวกลักเพศพอเวลาผ่านไปด้วยความดีที่หนูแสนมีความเมตตาที่หยิบยื่นให้ ในที่สุดทุกคนก็ยอมรับหนูแสนในฐานะภรรยาของคุณเล็ก ยอมรับให้เป็นนายของตนอีกคนหนึ่ง การมีครอบครัวและการได้เติบโตขึ้นเป็นผู้ใหญ่ทำให้หนูแสนต้องรอบคอบในทุก ๆ ด้าน อะไรที่ทำแล้วไม่เป็นผลดีกับคุณเล็กหนูแสนก็จะไม่ทำ หรือหากจะทำอะไรก็จะปรึกษาคุณเล็กรวมทั้งเจ้าสัวเช็งผู้เป็นพ่อและเจ้าคุณสรอรรถพ่อสามี

“วันนี้คุณเล็กอาจจะต้องกลับค่ำหน่อยนะคะ ต้องแวะไปงานเลี้ยงของท่านชายอาทิตย์” คุณเล็กบอกหนูแสนที่ช่วยติดกระดุมเสื้อให้

“ได้ค่ะ จะกลับมืดมากไหมคะ?”

“ยังไม่ทราบเลยค่ะ หนูแสนทานข้าวไปก่อนเลยนะคะไม่ต้องรอ ถ้าเหงาก็ขึ้นไปทานข้าวกับเจ้าคุณพ่อกับแม่ที่เรือนใหญ่ก็ได้นะคะ”

“ถ้าอย่างนั้นเดี๋ยวหนูแสนเก็บกับข้าวไว้รอนะคะ เผื่อกินจากงานไม่อิ่มกลับมาจะได้มีกิน”

“กลับมาก็ไม่อยากกินข้าวค่ะ อยากกินอย่างอื่นมากกว่า”

“อยากทานอะไรคะ หนูแสนจะได้เตรียมไว้ให้”

“อยากกินเมียค่ะ เตรียมไว้ให้ได้หรือเปล่า” คุณเล็กตอบด้วยสายตากรุ้มกริ่มแถมยังฉวยโอกาสหอมแก้มของหนูแสนเสียฟอดใหญ่ หนูแสนทุบอกคุณเล็กเบา ๆ หน้าแดงลามไปถึงหูและคอ

“เซี้ยวแท้เชียวค่ะ ไปทำงานได้แล้ว ประเดี๋ยวสายมาโทษหนูแสนไม่ได้นะคะ”

“ไม่อยากไปเลย อยากลาออกมาอยู่กับเมีย” ยังไม่วายแกล้งหยอกหนูแสนให้เขินเล่น

“ก็ออกมาช่วยคุณเตี่ยไงคะ ที่ดินที่สาทรหนูแสนว่าจะปลูกตึกแถวให้คนเช่าทำสำนักงาน หรือคุณเล็กจะไปเปิดสำนักงานกฎหมายเองด้วยก็ได้ คุณเล็กว่าดีไหมคะ”

“การลงทุนมันเยอะอยู่นะคะ ต้องมาคุยรายละเอียดกันอีกที แต่ให้คนเช่ามันก็ดี ดีกว่าปล่อยที่ไว้เปล่า ๆ ยังไงเดี๋ยววันหยุดเรามาคุยกันเรื่องนี้นะคะ ตอนนี้คุณเล็กไปทำงานก่อน ขอกำลังใจหน่อยได้ไหมคะ?” แกล้งยื่นแก้มไปหาน้องซึ่งหนูแสนก็ยอมหอมแก้มแต่โดยดี

เพียงแค่นี้คุณเล็กก็ใจฟูหน้าบานเป็นกระด้งทาชันออกไปทำงานได้ทุกวัน หลังจากคุณเล็กออกไปทำงานแล้วหนูแสนก็กลับเข้ามาในห้องนอนเพื่อเก็บเตียงและกะว่าจะทำความสะอาดห้องใหม่ ใช้เวลานานนับชั่วโมงในการเก็บกวาดจนมาหยุดที่โต๊ะทำงานของคุณเล็ก เอกสารราชการและคดีความต่างๆ ถูกวางซ้อน ๆ กันไว้ไม่เป็นระเบียบนัก ด้วยช่วงนี้งานของคุณเล็กค่อนข้างมาก หนูแสนไม่ได้ขยับย้ายที่เอกสารเหล่านั้น ทำเพียงแค่จัดให้เข้าที่เข้าทาง ปากกาและจดหมายต่างๆ ถูกเรียงใส่กล่องอย่างเป็นระเบียบ เมื่อเปิดลิ้นชักก็เจอกล่องเหล็กลวดลายสวยงามวางอยู่ เมื่อเปิดออกดูก็พบจดหมายที่มีลายมือจ่าหน้าซองแสนคุ้นตา จดหมายที่หนูแสนเขียนหาคุณเล็กตลอดหลายปีที่คุณเล็กไปเรียนที่ฝรั่งเศส คุณเล็กเขียนเลขกำกับไว้ทั้งหมดว่าเป็นฉบับที่เท่าไหร่ ในกล่องปรากฏกระดาษแผ่นหนึ่งพับรวมกันอยู่ในนั้น เมื่อเปิดออกอ่านก็พบว่าเป็นกลอนบทสั้น ๆ แต่จับใจหนูแสนเสียเหลือเกิน เนื้อหาที่บ่งบอกถึงความรักความคิดถึงที่มีให้กันตลอดเก้าปีที่ต้องร้างห่างไกล

วาดความรักร้อยเรียงเคียงอักษร
ด้วยอาวรณ์คิดถึงจึงเขียนหา
ทุกทุกครั้งจรดหมายปลายปากกา
ให้รู้ว่าในอุรา “แสนคำนึง”

หนูแสนพับกระดาษกลอนใบนั้นเก็บกลับที่เดิมด้วยหัวใจที่ชุ่มชื่น

ไม่มีอีกแล้ว

ต่อไปนี้ไม่จำเป็นต้องเขียนจดหมายหากันอีกต่อไปแล้ว

ไม่มีอีกแล้ว ต่อไปนี้จะไม่มีการร้างห่างไกลให้ต้องคิดถึงอีกแล้ว

ตอนนี้ เวลานี้ ได้ฟันฝ่าอุปสรรคต่าง ๆ จนได้มาใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันแล้วก็จะไม่พรากจากกันไปไหนอีกแล้ว

ยกกล่องจดหมายขึ้นมากอดแนบอกด้วยความสุขที่ปริ่มล้นในใจ

จากนี้ไปจะอยู่ครองคู่กันชั่วนิรันดร์ตราบจนวาระสุดท้ายของลมหายใจ จนกว่าลมหายใจจะสิ้น
 
จบบริบูรณ์
 
................................


คงต้องลากันแล้ว....ตอนสุดท้ายแล้ว
หวังว่าทุกคนจะยังติดตามเรื่องต่อ ๆ ไปของเรานะคะ
ขอบคุณทุกคอมเม้นท์ ทุกกำลังใจ ทุกหัวใจ ทุกโดเนทที่มอบให้นะคะ
ขอบคุณทุกคนที่เดินทางด้วยกันมาจนเกือบจะสุดปลายทางแล้ว
 
เจอกันในเล่มนะคะ


ออฟไลน์ silverspoon

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2426
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +275/-12
อย่าลืมอัพหัวข้อนะคะ
เดี๋ยวอ่านแล้วจะมาคอมเม้นท์นะ

..............
งดงามและซึ้งมากค่ะ ชอบวายพีเรียดที่ละเมียดละไมแบบนี้ มันดูไม่ลูกกวาดดี
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 14-08-2020 23:08:49 โดย silverspoon »

ออฟไลน์ piakunaa

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 106
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +38/-0
ซับน้ำตา​ อิ่มเอมใจเป็นที่สุด​ต่อไปก็เรื่องของแสนดีนะคะ​ (รอน้องแสนดีอยู่ 555) เห็นหนูแสนได้สามีดีอย่างคุณเล็ก​ เราก็อยากมีแบบนี้บ้าง​ 555​ อยากได้แฟนเป็นหมอต้องทำไง​ ฮืออออออออออ​ คุมหมออออออออ
ขอบคุณ​สําหรับ​นิยาย​ดี​ๆนะคะ​ รอแสนดีนะคะ​ ^^

ออฟไลน์ Ritawongishere

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 24
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
เย้~~~ จบแล้วววว รอมาต่ออีกเรื่องอยู่นะคะ ชอบมาก

ออฟไลน์ •♀NoM!_KunG♀•

  • *,*โสดสนิทศิษย์พยักหน้า*,*
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7579
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +181/-8
ขอบคุณมากๆเลยครับบ

ออฟไลน์ Ginny Jinny

  • ความเป็นจริงมันวุ่นวาย ก็ขอให้ใจมันสบายๆในความฝัน
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2115
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-4
ดีงามแท้

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ labelle

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2685
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +81/-0
ขอบคุณมากนะคะ เรื่องนี้ให้ข้อคิดได้หลายเรื่องเลยค่ะ
ตัวละครแต่ละคนคือเรียนรู้จากสิ่งที่พลาดได้เยอะ

คุณเล็กคือรักมั่นคง และหนูแสนก็น่าเอ็นดู เชื่อมั่นและรอคอยไม่ต่างกัน
ทั้งคุณเล็กและหนูแสน อยู่ในมุมที่กดดันไม่ต่างกัน แต่เลือกใช้ชีวิต
ถึงบางทีจะเลี่ยงที่จะรับรู้ไปบ้าง แต่ก็ดีกว่าต้องเผชิญและเจ็บปวด

สนเติบโตได้ดีนะ เลือกใช้ชีวิตได้ดี ถึงจะเป็นคนอารมณ์ร้าย
เพราะต้องการความสนใจและกดดันจากครอบครัว
แต่ถ้าไม่พลาดเรื่องคุณใหม่ สนมีชีวิตที่ดีเลยแหละ

สำหรับเรื่องคุณใหญ่ ถ้าจะเจอแบบนี้ ก็ไม่แปลกใจ
เล่นกับความรู้สึกคนอื่น เรื่องความรุนแรง ไม่ได้สนับสนุนนะ
แต่ความไม่สำนึกของคนเรา มันนำพาให้เกิด

บทส่งท้ายช่วยฮีลใจได้เยอะเลยค่ะ หนูแสนละมุนมากจ้า
และคุณเล็กก็อบอุ่นมาก คุ้มกับสิบปีที่รอคอย

เป็นกำลังใจให้ต่อไปนะคะ เป็นนิยายที่ดีมากค่ะ

ออฟไลน์ weedear

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1139
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-4
อบอุ่นในหัวใจจริงๆค่ะ

ออฟไลน์ sailom_orn

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1054
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +16/-1

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด