#รักพอแล้ว ตอนที่12 ฮ่องกง ฮ่องกง 100% new! (10/6/2562)
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: #รักพอแล้ว ตอนที่12 ฮ่องกง ฮ่องกง 100% new! (10/6/2562)  (อ่าน 4200 ครั้ง)

ออฟไลน์ anikarn

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 35
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-0
***************************************************************************************
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ


ติดตามกฎเพิ่มเติมที่กระทู้นี้บ่อยๆ เมื่อมีการแก้ไขกฎจะแก้ไขที่กระทู้นี้นะครับ
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0

ประกาศทั่วไปติดตามอัพเดทกันที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.0

ประกาศ กฎที่อื่นมีไว้แหก แต่ห้ามมาแหกที่นี่

1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิ์ส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด
การสนใจและชื่นชอบนิยายและเรื่องเล่าของคนในเรื่องควรมีขอบเขตที่จะไม่สร้างความเดือดร้อนให้เจ้าของเรื่อง เช่นเดียวกับเป็ดที่ตอนนี้ถูกรังควานตามหาตัวจากคนด้านต่างๆ จนตัดสินใจไม่เล่าเรื่องต่อ.........เนื่องจากบางเรื่องเป็นเรื่องเล่า.....................บางคนไม่ได้เปิดเผยตัวตน  เขาพอใจจะมีความสุขในที่เล็กๆแห่งนี้โดยไม่ได้ตั้งใจให้คนภายนอกได้รับรู้เรื่องราวแล้วนำไปพูดต่อ   เพราะปฎิเสธไม่ได้ว่าสังคมไม่ได้ยอมรับพวกเราสักเท่าไหร่

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรูปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ
หมิ่นประมาท,
หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง
หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสต์กระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์
และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด
การกระทำเช่นนั้นอาจทำให้คุณแบนทันที และถาวร . หมายเลข IP ของทุกโพสต์จะถูกบันทึกเพื่อใช้เป็นหลักฐาน
ในความเป็นจริงเป็นไปได้ยากมากที่จะให้แต่ละคนมีความคิดเห็นตรงกันทั้งหมด   คนเรามากมายต่างความคิดต่างความเห็น เติบโตมาภายใต้ภาวะแวดล้อมต่างกันการแสดงความคิดเห็นที่แตกต่าง   จึงควรทำเพื่อให้เกิดความเข้าใจกัน แบ่งปันประสบการณ์และมิตรภาพเพื่ออาจเป็นประโยชน์ในการใช้ชีวิต  และไม่ว่าจะอย่างไรก็ควรเคารพในความคิดเห็นที่แตกต่างของบุคคลอื่นช่วยกันสร้างให้บอร์ดนี้มีแต่ความรักนะครับ   

เรื่องบางเรื่องอาจจะเป็นทั้งเรื่องแต่งหรือเรื่องเล่าใดๆก็ขอให้ระลึกเสมอว่า  อ่านเพื่อความบันเทิงและเก็บประสบการณ์ชีวิตที่คุณไม่ต้องไปเจอความเจ็บปวดเล่านั้นเองเพื่อเป็นข้อเตือนใจ สอนใจในการตัดสินใจใช้ชีวิต   จึงไม่ต้องพยายามสืบหาว่าเรื่องจริงหรือเรื่องแต่งส่วนการพูดคุยนั้น   ก็ประมาณอย่าทำให้กระทู้กลายพันธุ์ห้ามเอาเรื่องส่วนตัวมาปรึกษาพูดคุยกันโดยที่ไม่เกี่ยวพันกับเรื่องในกระทู้นิยาย  ถ้าจะวิจารณ์หรือแสดงความคิดเห็นทุกคนมีสิทธิแต่ขอให้ไปตั้งกระทู้ที่บอร์ดอื่นที่ไม่ใช่ที่นี่นะครับ

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพสต์ หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อเจ้าของเรื่องเท่าที่จะทำได้หรือแจ้งมายังบอร์ดนี้ก่อนนะครับ  เนื่องจากเจ้าของเรื่องบางครั้งไม่ต้องการให้คนที่ไม่ได้ชื่นชอบนิยายชายรักชายเข้ามารับรู้  ลิขสิทธิ์ทั้งหมดเป็นของเจ้าของคนที่ทำขึ้นและเว็บแห่งนี้นะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล์ บอกเมล์ แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอมให้ส่งหรือติดต่อกันทางพีเอ็มจะปลอดภัยกว่าแล้วเมื่อมีการติดต่อสื่อสารกันให้พึงระวังถึงความปลอดภัย ความไม่น่าไว้ใจของผุ้คนทุกคนแม้จะมีชื่อเสียงในบอร์ดเป็นเรื่องส่วนตัวของแต่ละคนไป เพื่อลดความขัดแย้งภายในเล้า จึงไม่สนับสนุนให้มีการจีบกันในบอร์ดนะครับ

5.ห้ามจั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียวให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตาม
เพราะแม้จะเป็นเรื่องที่เขียนจากเรื่องจริง เมื่อนำมาพิมพ์เป็นเรื่องผ่านตัวอักษร ย่อมเลี่ยงไม่ได้ที่จะมีการเพิ่มเติมเพื่อให้เกิดสีสันในเนื้อเรื่อง ทางเล้าถือว่านั่นคือการเพิ่มเติมเนื้อเรื่อง จึงไม่อนุญาตให้จั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” แต่สามารถแจ้งว่าเป็น “นิยายที่อ้างอิงมาจากชีวิตจริง” ได้  มีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

6.การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสต์นิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insert quote ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ

8.Administrator และ moderator ของ forum นี้ มีสิทธิ์อ่าน, ลบ หรือแก้ไขทุกข้อความ. และ administrator, moderator หรือ webmaster ไม่สามารถรับผิดชอบต่อข้อความที่คุณได้แสดงความคิดเห็น (ยกเว้นว่าพวกเขาจะเป็นผู้โพสต์เอง).

9.คุณยินยอมให้ข้อมูลทุกอย่างของคุณถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูล. ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกเปิดเผยต่อผู้อื่นโดยไม่ได้รับการยินยอมจากคุณ .Webmaster, administrator และ moderator ไม่สามารถรับผิดชอบต่อการถูกเจาะข้อมูล แล้วนำไปสร้างความเดือดร้อนต่างๆ

10.ห้ามลงประกาศลิงค์โปรโมทเวป  โฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ลงได้เฉพาะในห้องซื้อขาย ในเมื่อแนะนำเวปอื่นที่บอร์ดเรา ก็ช่วยแนะนำบอร์ดเราโดยลงลิงค์บอร์ดเรา เว็บ http://www.thaiboyslove.com  ในบอร์ดที่ท่านแนะนำมาให้เราด้วย  เมื่อจำเป็นต้องแนะนำลิงค์ให้ส่งลิงค์กันทาง personal message หรือพีเอ็มแทนนะครับจะสะดวกกว่า ส่วนในกรณีอยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนๆได้อ่านจริงๆนั้นพยายามลงให้ห้องซื้อขายซะ หรือถ้าม้อดเดอเรเตอร์จะพิจารณาเป็นกรณีๆไป ถ้ารู้สึกว่าไม่ได้โปรโมทเว็บ แต่อยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนด้วยใจจริงจะให้กระทู้นั้นคงอยู่ต่อไป

11.บอร์ดนิยายที่โพสต์จนจบแล้วมีไว้สำหรับนิยายที่โพสต์ในบอร์ด boy's love จนจบแล้วเท่านั้น จึงจะถูกย้ายมาเก็บไว้ที่นี่ หาอ่านนิยายที่จบแล้ว หรือคนเขียนไม่ได้เขียนต่อ แต่โดยนัยแล้วถือว่าพล็อตเรื่องโดยรวมสมควรแก่การจบแล้ว หากนักเขียนท่านใดได้พิมพ์เล่มกับสำนักพิมพ์ ต้องการลบเรื่องบางส่วนออก โดยเฉพาะไคลแม๊ก หรือตอนจบที่สำคัญ ให้แจ้ง moderator ย้ายนิยายของท่านสู่ห้องนิยายไม่จบ เพื่อที่หากระยะเวลาเกินหกเดือนแล้ว เราจะได้ทำการลบทิ้ง หรือท่านจะลบนิยายดังกล่าวทิ้งเสียก็ได้ เนื่องจากบอร์ดนี้เก็บเฉพาะนิยายที่จบแล้ว

บอร์ดนิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบไว้สำหรับ
นิยายที่คนเขียนไม่ได้มาต่อนาน หายไปโดยไม่มีเหตุผลสมควร ไม่ได้แจ้งไว้หรือแจ้งแล้วก็ไม่มาต่อ 3 เดือน จะย้ายมาเก็บในนี้เมื่อครบหกเดือนจะทำการลบทิ้ง ส่วนเรื่องไหนที่จะต่อก็ต่อในนี้จนกว่าจะจบ แล้วถึงจะทำการย้ายไปสู่บอร์ดนิยายจบแล้วต่อไป

12.ห้ามนำเรื่องพิพาทต่างๆมาเคลียร์กันในบอร์ด

13.ผู้โพสต์นิยาย และเขียนนิยายกรุณาโพสต์ให้จบ ตรวจสอบคำผิดก่อนนำมาลงด้วยครับ

14.ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน  ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ

15. การนำรูปภาพ บทความ ฯลฯ มาลงในเว็บบอร์ด  ควรจะให้เครดิตกับ... 
(1) ผู้ที่เป็นต้นตอเจ้าของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ
(2) เว็บไซต์ต้นตอที่อ้างอิงถึง
....ในกรณีที่เป็นบทความที่ถูกอ้างอิงต่อมาจากเวปไซต์อื่นๆ
- ถ้ามีแหล่งต้นตอของเจ้าของบทความ  ให้โพสต์ชื่อเจ้าของต้นตอของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ  พร้อมทั้งเว็บไซต์ที่อ้างอิง 
  (กรณีนี้จะโพสต์อ้างอิงชื่อผู้โพสต์หรือเว็บไซต์ที่เรานำมาหรือไม่ก็ได้ แต่ควรมั่นใจว่าชื่อต้นตอของที่มาถูกต้อง)
- ถ้าไม่สามารถหาชื่อต้นตอของรูปภาพหรือเว็บไซต์ที่นำมาได้ ควรอ้างอิงชื่อผู้โพสต์และเว็บไซต์จากแหล่งที่เรานำมาเสมอ
- ควรขออนุญาติเจ้าของภาพหรือเจ้าของบทความก่อนนำมาโพสต์ค่ะ(ถ้าเป็นไปได้) ยกเว้นพวกเว็บไซต์สาธารณะ เช่น  หนังสือพิมพ์ออนไลน์ ฯลฯ ที่เปิดให้คนทั่วไปได้อ่านเป็นสาธารณะ ก็นำมาโพสต์ได้ แต่ให้อ้างอิงเจ้าของชื่อและแหล่งที่มาค่ะ
- ไม่ควรดัดแปลงหรือแก้ไขเครดิตที่ติดมากับรูปหรือบทความก่อนนำมาโพสต์
- ถ้าเป็น FW mail  ก็บอกไปเลยว่าเอามาจาก FW mail

16.นิยายเรื่องไหนที่คิดว่าเมื่อมีการรวมเล่มขายแล้วจะลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออก กรุณาอย่าเอามาลงที่นี่ หรือสำหรับผู้ที่ขอนิยายจากนักเขียนอื่นมาลง ต้องมั่นใจว่าเรื่องนั้นจะไม่มีการลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออกเมื่อมีการรวมเล่มขาย อนึ่ง เล้าไม่ได้ห้ามให้มีการรวมเล่มแต่อย่างใด สามารถรวมเล่มขายกันได้ แต่อยากให้เคารพกฎของเล้าด้วย เล้าเปิดโอกาสให้ทุกคน จะทำมาหากิน หรืออะไรก็ตามแต่ขอความร่วมมือด้วย เผื่อที่ทุกคนจะได้อยู่อย่างมีความสุข

17.ห้ามแจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน  ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง  นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฎการซื้อขายของเล้าก่อน ด้วยนะคะ)
ว่าด้วยเรื่องการจะรวมเล่มนิยายขายในเล้า จะต้องมี ID ซื้อขายก่อน ถึงจะสามารถประกาศ ..แจ้งข่าว.. ที่บนหัวกระทู้ของนิยายได้ ในกรณีที่ รวมเล่มกับ สนพ. ที่มี  ID ซื้อขายของเล้าแล้ว นักเขียนก็สามารถใช้ หมายเลข  ID ของ สนพ. ลงแจ้งในหน้าที่มีเนื้อหารายละเอียดการสั่งจองนิยายได้

18.ใครจะโพสต์เรื่องสั้นให้มาโพสต์ที่บอร์ดเรื่องสั้น ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที  ส่วนเรื่องสั้นที่จบแล้วให้แก้ไขโพสต์แรก และต่อท้ายว่าจบแล้วจะได้ไม่ถูกลบทิ้งและจะเก็บไว้ที่บอร์ดเรื่องสั้นไม่ย้ายไปไหน   เช่นเดียวกับนิยายทุกเรื่องเมื่อจบให้แก้ไขโพสต์แรก และต่อท้ายว่าจบแล้ว จะได้ย้ายเข้าสู่บอร์ดนิยายจบแล้ว ไม่เช่นนั้นม๊อดอาจเข้าใจว่าไม่มาต่อนิยายนานเกินจะโดนลบทิ้งครับ

เอาข้อสำคัญก่อนนะครับเด่วอื่นๆจะทำมาเพิ่มครับเอิ้กๆหุหุ
admin
thaiboyslove.com.......................................                                                           

วันที่ 3 ธ.ค. 2551วันที่ 16 ก.ย. 2554 ได้เพิ่มกฎ ข้อที่ 7
วันที่ 21 ต.ค.2556 ได้ปรับปรุงกฎทั้งหมดเพื่อให้แก้ไข และติดตามได้ง่าย
วันที่ 11 พ.ย. 2557 เพิ่มเติมการลงเรื่องสั้นและการแจ้งว่านิยายจบแล้ว
วันที่ 4 ธ.ค. 2557 เพิ่มบอร์ดเรื่องสั้นจึงปรับปรุงกฎข้อ 18 เกี่ยวกับเรื่องสั้น และ เพิ่มเติมส่วนขยายของกฎข้อ 17



เว็บไซต์แห่งนี้เป็นเว็บไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฎหมายภายในและระหว่างประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเว็บไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเว็บไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเว็บไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม
Share This Topic To FaceBook
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 10-06-2019 11:12:59 โดย anikarn »

ออฟไลน์ anikarn

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 35
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-0
Re: #รักพอแล้ว
«ตอบ #1 เมื่อ04-05-2019 22:01:41 »

ยินดีต้อนรับเข้าสู่ด้อม #รักพอแล้ว นะครับทุกท่าน

ท่านจะได้พบกับสิ่งมีชีวิตที่ดื้อที่สุดในชีวิตของพี่คุณ

ไม่แน่ใจว่าพี่คุณคนนี้จะโชคดีหรือโชคร้ายที่ต้องมารักเด็กดื้อคนนี้

ฝากติดตาม เด็กดื้อคนนี้ด้วย จาก น้องพอแล้ว



#รักพอแล้ว
#พี่คุณน้องพอแล้ว
#คุณลุงกับเด็กดื้อ

:hao7: :katai1: :hao3:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 04-05-2019 22:18:02 โดย anikarn »

ออฟไลน์ anikarn

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 35
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-0
Re: #รักพอแล้ว
«ตอบ #2 เมื่อ04-05-2019 22:07:33 »

Intro...

@loveporleawfanclub
ขอเชิญแฟนคลับทุกท่านเข้าสู่ด้อม # รักพอแล้ว
ในอีกไม่ถึงเดือนจะมีการจัดงานมีตติ้งขึ้นระหว่างคุณกีรติกานต์ อนันตชัย หรือ น้องพอแล้ว กับแฟนคลับด้อม #รักพอแล้ว โดยทางทีมงานจัดงานได้ติดต่อผู้จัดการของน้องและได้มีการขอคิวงานของน้องเพื่อมาจัดงานมีตติ้งและอยากให้มีการทำการกุศลขึ้น โดยอยากทราบว่าแฟนคลับ #รักพอแล้ว อยากจะให้เพิ่มกิจกรรมอะไรในงานบ้าง เพื่อเป็นประโยชน์ในการจัดงานจึงอยากทราบความคิดเห็นของทุกท่าน
 by admin #รักพอแล้ว

       ข้อความข้างต้นถูกโพสในทวิตเตอร์โดยแอดเคาท์ @loveporleawfanclub ซึ่งเนื้อหาของข้อความก็เป็นเรื่องการจัดงานมีตติ้งระหว่างผม เอ่อ ชื่อพอแล้ว  ชื่ออาจจะฟังดูแปลกๆ แต่รับรองว่าไม่แปลกแน่นอนครับ เพราะวันนี้ผมนอนมาเยอะพอสมควร แต่ถ้าวันไหนที่นอนน้อยเพราะทำงานหนัก ไม่ว่าจะถ่ายแฟชั่นเซท หรือแม้แต่เดินแบบบ้าง ประปราย ผมเข้ามาในวงการนี้ได้เพราะเพจๆนึงที่ลงรูปผมบ่อยจนเข้าตาแมวมอง นั่นก็คือ เจ๊ตั้ม ผู้จัดการส่วนตัวของผม ณ ตอนนี้นั่นแหละครับ
      ตอนนั้นผมจำได้ว่า ช่วงที่เพจลงรูปผมเพื่อเรียกยอดไลค์ตามปกติของเพจคนหน้าตาดีของมอ ผมน่าจะอยู่สักปี2 ได้ ผมเรียนนิเทศน์ ผมชอบทำกิจกรรม เข้าร่วมกิจกรรมทุกอย่าง จนมีเพื่อน มีพี่ ที่รู้จักมากมาย บวกกับหน้าตาที่เป็นเครื่องหมายการค้าว่ามนุษย์ยิ้มมาแล้ว ฉายานี้ได้มาก็เพราะ ผมชอบยิ้ม ไม่ว่าจะกับใครทั้งรู้จักหรือไม่รู้จัก ก็ตามผมจะยิ้มให้ ยิ้มจนตาปิด อีกทั้งทรงผมที่ช่วงนั้นไว้ผมทรงหัวเห็ด ตามประสาคนไม่รู้จักแฟชั่นเท่าไหร่ แต่ตอนนี้สิ ผมไว้ผมยาว ดำขลับ ถามว่าไว้ทำไม อืม ไม่รู้สิ อยากเซอร์ แต่องค์รวมไม่ให้ ก็เลยกลายเป็นอีสวยของใครหลายๆคน เวลาจะไปไหนมาไหน เพื่อนก็จะเรียกอีสวยกันทั้งนั้น ผมว่าผมก็ไม่ได้สวยนะ แค่ผมยาวเฉยๆ ผิวขาวหน่อยๆตามสไตล์จีนปนไทย ส่วนสูงก็180 เถอะครับ ไม่ได้ตัวเล็กอะไรทั้งนั้น แต่…ก็นั่นแหละครับ ช่างเถอะ
     ส่วนตอนนี้ผมที่นั่งส่องทวิตเตอร์แทก #รักพอแล้ว ของตัวเองอยู่ เอาจริงผมไม่คิดว่าผมจะแท็กอะไรกับเขานะ แค่เพจลงรูปผมตอนนั้นก็มากพอแล้วสำหรับคนมาติดตามผม ทั้งในไอจี ก็เกือบแสน ส่วนทวีตเตอร์ก็ประมาณหนึ่ง ไม่ถึงครึ่งแสนด้วยซ้ำ แต่คนชอบมารีทวีตผม เพราะผมชอบทวีตข้อความบ้าๆ ที่ไม่เน้นสาระแต่เน้นฮา ส่วนที่ผมบอกว่ามาส่องแท็กตัวเองนั้น เพราะในอีกไม่ถึงเดือนจะมีการจัดมิตตี้งครั้งที่สองของผม เนื่องเพราะมันใกล้วันเกิดผม มีแฟนคลับหลายคนที่ยังติดตามเราอยู่ อยากให้จัดงานมิตตี้งอีกเพราะว่างานมีตติ้งคราวก่อนจัดได้ค่อนข้างดี และได้รับกระแสนิยมมามาก งานครั้งก่อนไม่ได้จัดเพราะว่าวันเกิดผมหรอกนะ แต่จัดขึ้นเพราะผมเริ่มมีคนติดตามอีกทั้งงานกำลังรุม ผู้จัดการเจ๊ตั้มของผมก็ถือโอกาสเปิดตัวผมกับกลุ่มแฟนคลับกลุ่มนี้ซะเลย อีกอย่างกิจกรรมครั้งก่อนค่อนข้างประทับใจ เพราะมีใครก็ไม่รู้มางานเขาและพอถึงช่วงประมูลภาพถ่ายของเขาที่จะนำไปให้บ้านเด็กกำพร้า เขาคนนั้นกลับประมูลได้ในราคา100,000บาท ตอนผมอยู่ในงานกำลังถือรูปเพื่อเรียกยอดอยู่ ถึงกับอึ่ง เกือบเป็นลมแหน่ะ แต่ทุกอย่างก็ผ่านมาได้ด้วยดี และดีมากๆด้วยซ้ำ เพราะนั่นคือเหตุการณ์ที่ทำให้เขาได้รู้จักกับ #คุณความลับ ของเขา




ออฟไลน์ anikarn

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 35
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-0
ตอนที่ 1


‘ซ้ายหน่อยน้องพอ’

‘ขวาหน่อยน้องพอ’

‘เออ นั่นแหละๆ ยิ้มอีกนิดๆ’
‘เสยผมๆ’
‘เอ้อออ ที่สุดเลยเว้ยแก!!!’

       นั่นคือเสียงบิ้วจากทีมงานถ่ายภาพแฟชั่นเซท ที่จะใช้โปรโมทงานมีตติ้งของผม ขณะนี้ผมอยู่ท่ามกลางตากล้องทั้งภาพนิ่งและภาพวีดีโอ และเหล่าบรรดาช่างหน้าช่างผม ที่คอยบิ้วอารมณ์ของผมให้ได้งานออกมาดีที่สุด ภาพบางภาพก็จะใช้เป็นของประมูลเพื่อนำไปบริจาคให้บ้านเด็กกำพร้าด้วย ทั้งตัวผมและผู้ที่เกี่ยวข้องทั้งหลายก็ต่างทำหน้าที่ของตัวเองให้ดีที่สุด

       วันนี้ทั้งวันเป็นวันถ่ายภาพแฟชั่นเซททั้งหมด ผมก็ถูกปลุกขึ้นมาแต่เช้า ดีที่มีคนมาส่งที่กองถ่าย ไม่ได้มาเอง ขืนมาเอง น่าจะเบลอๆ เผลอไปเฉี่ยวชนใครต่อใครเข้า ก็ถือเป็นความโชคดีของผมแหละน่า เราทำงานอย่างสนุกสนาม ทั้งเปิดเพลง บางช่วงที่ช่างหน้าช่างผมว่างๆ เขาก็ลุกขึ้นมาเต้นกัน เพื่อลดความผ่อนคลายในการทำงาน พี่ๆช่างภาพก็ได้เก็บภาพเบื้องหลังของพวกเราไปด้วย

       และเวลาก็ล่วงเลยมาจนถึง18นาฬิกานิดๆ พี่ช่างภาพก็บอกว่าได้ภาพดีๆมาพอสมควรแล้ว ก็ควรจะเลิกกองได้ ก็แหงสิ ตั้งใจขนาดนี้ ถ้าไม่ได้งานดีๆออกมา ผมก็เซงน่าดู จะว่าไปก็คาดหวังให้งานที่จะถึงลุล่วงไปด้วยดีนะ อยากให้แฟนคลับมาร่วมสนุกกัน ร่วมทำบุญกัน คงจะแฮปปี้กันน่าดูเลยหล่ะ คุณว่าไหม

‘เอาละ ทุกคนครับ ผมว่าได้ภาพดีๆไว้ใช้ในงานพอสมควรเลยแหละ เลิกกองได้ครับ!’
เสียงสวรรค์จากพี่หัวหน้าช่างภาพได้เอ่ยให้ทุกคนได้ทราบ และทุกคนก็ต่างเฮลั่นเพราะจะได้กลับบ้านกันแล้ว ทุกคนก็ต่างพากันเก็บของในส่วนที่ตนดูแลรับผิดชอบ ส่วนเขาก็เข้าไปเปลี่ยนชุดที่ใส่มาตั้งแต่ออกมาจากคอนโด

‘น้องพอคะ วันนี้กลับยังไง ให้เจ๊ไปส่งไหม’ เสียงเจ๊ตั้มผู้จัดการผมว่าขึ้น

‘วันนี้กลับเองครับ ไม่ต้องห่วง อยากให้พี่ไปพักผ่อน ไม่ต้องมาขับรถไปมา’ ที่ผมว่าไปแบบนั้นเพราะคอนโดผมกับเจ๊ตั้มนั้นอยู่คนละฝั่งกัน แต่ก่อนก็ไปรับไปส่งได้แหละ แต่เดี๋ยวนี้ หึ ไม่ต้องแล้วครับ

‘ไม่ต้องมาพูดเหมือนเป็นห่วงเจ๊หรอกนะน้องพอ เจ๊รู้นะว่าใครมารับวันนี้ เจ๊เห็นรถแว๊ปที่หน้าสตูแล้วหล่ะ’ เจ๊ตั้มบอกเขา เขาเลยต้องรีบกำชับของให้อยู่ในมือเขาให้เร็วที่สุด

‘อ่า จริงหรอครับ งั้นผมลานะครับ ไว้นัดเจอกันนะครับ ขอบคุณครับเจ๊’ เขาเอ่ยลาเจ๊ตั้ม แล้วหันไปลาทุกคนในบริเวณนั้น

‘ทุกคนครับ วันนี้ขอบคุณทุกคนมากนะครับ เจอกันใหม่นะครับ บ๊ายบายครับผม’ ผมเอ่ยอย่างอารมณ์ดีเพราะจะได้กลับบ้านแล้ว และทุกคนก็บ๊ายบายเขาเช่นกัน บางคนก็ส่งยิ้มให้เฉยๆ

       ผมรีบเดินออกมาหน้าสตูที่ถ่ายทำวันนี้ มองหารถBMW คันใหม่ของใครคนนั้นสักพัก ตอนแรกเขาว่าจะกดโทรศัพท์เรียกคนในรถ แต่เห็นทีไม่ต้องแล้วแหละ เพราะคนในรถเห็นเขาแล้ว และกำลังขับรถมารับเขาในบริเวณที่เขายืนอยู่นั้น

      เมื่อรถคนดังกล่าวแล่นมาจอดตรงหน้าเขา เขาเลยใช้มือเคาะกระจก โป๊กๆ คนในรถเห็นแล้วได้แต่งง ก็เลยลดกระจกลง แต่ผมก็พูดขึ้นก่อนว่า ‘มาหาใครครับผม’

คนในรถนั้นยิ้มและตอบผมว่า ‘มาหาแฟนครับ เห็นแฟนผมไหม’

ผมก็เลยชี้เข้าหาตัวเอง ‘แฟนคุณอยู่นี่ครับ’

เขาตอบมาว่า ‘จะขึ้นรถดีๆหรือจะให้อุ้มขึ้นครับ’
ผมไม่ได้ตอบอะไรได้แต่ยิ้มแฮะๆให้ และรีบเปิดประตูรถ และรีบนั่ง พร้อมคาดเข็มขัดนิรภัยทันที ก่อนที่รถจะแล่นออกไป

‘วันนี้เป็นไงบ้างครับน้องพอ ’ เสียงทุ้มเอ่ยถามขึ้นขณะที่เขานั่งลงเรียบร้อย

‘วันนี้ถ่ายงานสนุกดีครับ ทุกคนค่อยข้างแฮปปี้กับงานนะครับ หวังว่าทุกอย่างจะออกมาดี’ ผมตอบเขาไป

‘มีถอดเสื้ออะไรไหมละ’ เสียงนั้นยังคงถามต่อ แต่เสียงเริ่มแข็งขึ้นพร้อมกับนิ้วที่เคาะพวงมาลัยรถ

‘ไม่มีครับ เจ๊ตั้มแสกนให้แล้ว หายห่วง ไม่ต้องหวงนะครับ’ ผมเอ่ยและเอื้อมมือไปจับมืออีกฝ่ายไว้ แล้วลูบอย่างเบามือ

‘อย่าให้เห็นว่ามีรูปหลุดออกมาโชว์เนื้อหนังมังสานะเจ้าเด็กแสบ’ เขาบอกผม แถมยังเอามือที่ผมจับอยู่มายีผมของผม

‘ไม่มีหรอกน่าลุง ลุงไม่ต้องห่วงเลยจริงๆนะครับ’ ผมเผลอเรียกเขาว่าลุงทุกครั้งที่เขาเรียกผมว่าเด็กแสบ เด็กดื้ออะไรประมานนั้น

‘ไม่ห่วงก็ไม่ห่วง ว่าแต่หิวไหม ทานอะไรดีเย็นนี้’ เขาถามขึ้นอีกครั้ง

‘อืม กินอะไรดีละ วันนี้วันเสาร์ซะด้วย ถ้าเข้าห้าง กว่าจะได้กินก็สองทุ่มแน่เลย’ ผมว่าขึ้นพลางคิด

‘เอาไงดี หรือจะสั่งให้เขามาส่งที่ห้อง’ เขาออกความเห็นขึ้น

‘เอางั้นก็ได้ พี่จะได้ทำงานต่อด้วย เป็นห่วงนะเนี่ย’ ผมว่าขึ้นแล้วหัวไปยิ้มให้อีกคนที่กำลังขับรถอยู่

‘ห่วงพี่หรือห่วงตัวครับ เริ่มง่วงแล้วละสิ กลับไปพักที่ห้องดีกว่า เดี๋ยวพี่สั่งอาหารมากินที่ห้องเลย’ ที่ผมบอกว่าห่วง นั่นคือห่วงเขาจริงๆนะ เพราะช่วงนี้เขางานค่อนๆข้างหนัก เป็นนักธุรกิจก็แบบนี้แหละนะ เวลาพักไม่ค่อยจะมีหรอก นี่ขนาดวันเสาร์ยังต้องตื่นเช้ามาส่งผมที่สตูเพื่อทำงานแล้วตัวเองก็หอบงานไปทำที่บริษัทอีก

        เมื่อรถของพวกเราทั้งคู่ขับมาถึงคอนโด พี่ก็จัดการหาที่จอดรถ และผมก็จัดการขนของทั้งของตัวเองและของพี่ขึ้นไปเก็บที่ห้อง ผมพยายามจะช่วยถือของๆพี่ด้วย แต่พี่ก็บอกว่า ถือของตัวเองไป ของพี่มันหนัก ผมก็…อะไรอ่า ว่าจะแสดงความเป็นเจนเทิลแมนซะหน่อย พี่อะ ไม่เข้าใจจริงๆเลย

        ผมใช้คีการ์ดแตะหน้าประตู แล้วผลักเข้ามา ผมแยกเอาของไปไว้ในห้องนอน ส่วนพี่แยกเอางานและเอกสารทั้งหลายไปไว้ในห้องทำงาน ซึ่งในห้องเดิมทีจะเป็นห้องนอน2ห้อง ห้องน้ำ2 ห้องนั่งเล่น ห้องครัวที่แยกออกไป แต่ตอนนี้ พี่ได้ใช้ห้องนอนเล็กที่เดิมทีไม่มีคนอยู่ ทำเป็นห้องทำงาน เพราะเวลาที่เขากลับมาจากถ่ายเสร็จหรือเรียนเลิกค่ำก็มักจะมาหลับในห้องนอนพี่มากกว่า พี่ก็สงสารถ้าจะเปิดไฟทำงานในห้องนอนไปด้วยก็สงสารผม เลยตัดใจทำห้องนอนเล็กนั่นเป็นห้องทำงานเสีย

       ในห้องๆนี้ ตอนแรกพี่จะใช้บริการแม่บ้านทุกๆสัปดาห์ แต่พอมีผมเข้ามา ผมบอกว่าสิ้นเปลืองเดี๋ยวผมทำเอง ทั้งครัว ทั้งกวาดพื้นถูบ้าน เพราะปกติเวลาอยู่บ้านแม่ก็สอนงานง่ายๆพวกนี้ไว้เพราะอยากให้เราอยู่ได้ทุกที ทำเป็นทุกอย่างไม่ต้องพึ่งพาใครให้มากความ แต่เรื่องเสื้อผ้านี่ค่อนข้างหนักสำหรับผม พี่เลยให้ส่งซัก ให้เขารีดมาให้เลย ไม่ต้องเหนื่อยให้มาก
 
      ตั้งแต่ผมคบกับพี่มา เขาพยายามสปอยผมในหลายๆเรื่องนะ แต่ผมนี่สิ ไม่ค่อยชอบการถูกสปอยหรือถูกตามใจ แต่กลับอยากลงมือทำเองในทุกๆเรื่อง ไม่ว่าจะเรื่องยากแค่ไหน หรือง่ายเพียงใด ผมก็อยากทำ เพราะนั่นหมายถึงเรามีประสบการณ์ทั้งสิ้น

        ผมคบกับพี่มาเกือบๆ5เดือน คนที่รู้ก็มีแต่คนในครอบครัว และเจ๊ตั้มผู้จัดการผม ส่วนแฟนคลับทั้งหลาย ไม่ค่อยรู้หรอก เพราะพี่หน่ะ คือคุณความลับ ไม่รู้ทำไมเวลาผมอยู่กับพี่ในขณะที่มีกล้องจากแฟนคลับด้วย พี่ถึงใช้วิชาหายตัวได้ก็ไม่รู้ หันมาอีกที พี่ไปยืนหลบที่อื่นแล้ว ผมเคยถามพี่นะ ทำไมไปยืนตรงนั้น พี่ตอบแค่ว่า ‘ไม่อยากอยู่ ไม่ชอบกล้องหรือถ่ายรูปเท่าไหร่’ ตอนแรกผมก็ไม่เชื่อนะ แต่ตอนนี้เชื่อแล้ว เพราะในมือถือของพี่ไม่รูปถ่ายตัวเองเลย มีแต่รูปวิวหรือรูปผมเท่านั้น ผมเคยสมัครไอจีให้พี่เล่น พี่ลงรูปไม่กี่รูปเท่านั้น ส่วนใหญ่ก็รูปวิวแหละ นานๆจะลงที ผมก็อุตส่ากดแจ้งเตือนพิเศษไว้ แต่ก็ไม่เคยเห็นว่าพี่จะลงรูปอะไรอีกเลย ผมเคยถามพี่ ทำไมไม่ลงรูปบ้าง พี่ตอบแค่ว่า ‘แค่เอาไว้ติดตามเรานั่นแหละ ไม่อยากวุ่นวายมากนัก’ ผมก็ได้แต่อืมๆ แล้วแต่พี่จะสะดวกละกันเนาะ เรื่องแบบนี้บังคับกันไม่ได้ แต่สำหรับผม ถ้ามีรูปสวยๆที่เป็นรูปเราด้วยแล้ว ก็จะชอบลงอวดทุกคน แต่พอมีคนมาคอมเมนท์ ผมก็ไม่เคยไปคอมเมนท์กลับใครทั้งสิ้น ได้แค่กดหัวใจให้เท่านั้น
     
‘น้องพอครับ พี่สั่งอาหารให้แล้วนะครับ น้องก็ไปอาบน้ำเปลี่ยนได้เลย เดี๋ยวพี่ลงไปรับของให้เอง’ พี่เขาบอกผมขณะที่ผมกำลังนอนตายบนโซฟา

‘ได้ครับ แต่เดี๋ยวผมลงไปรับเองดีกว่า พี่จะได้ไปอาบน้ำด้วยไง’ ผมว่าแล้วก็รีบวิ่งเข้าห้องน้ำทันที ส่วนอีกคนได้แต่ส่ายหัวให้

‘ดื้อรั้นจริงๆ ทั้งที่ตัวก็ไม่เล็กนะนั่น ไอ้ตัวแสบเอ้ย’ เขาเอ่ยขึ้น แต่ผมก็ยังได้ยินอยู่นะ

‘ลุ๊งงงงงงงงง ผมไม่ใช่ตัวแสบนะ’ ผมตะโกนออกมาจากห้องน้ำทันทีที่ได้ยินลุงว่าแบบนั้น

       ผมรีบอาบน้ำแล้วรีบออกมาเปลี่ยนชุด โดยไม่ได้ใส่เสื้อออกมาจากห้องน้ำเพราะลืมหยิบเข้าไปด้วย ตอนนี้ผมจึงเปลือยท่อนบนไว้  พอเห็นพี่นั่งอ่านเอกสารที่โซฟาอยู่ เลยแกล้งเดินไปตรงหน้า

‘มายืนพุงยื่นอะไรตรงนี้ครับ ไปเปลี่ยนชุดได้แล้ว’ เขาว่าแล้วก็ก้มลงไปอ่านเอกสารต่อโดยไม่สนใจผมเลยสักนิด

‘พุงอะไรเล่า นี่อุตส่าลีนมาเยอะแล้วนะ ไม่มีพุงนะ’ ผมแกล้งยื่นกล้ามท้องลีนๆของผมให้พี่ดู

‘ถ้าไม่รีบไปเปลี่ยนชุดตอนนี้ จะไม่มีโอกาสได้กินข้าวหรืออะไรอีกทั้งนั้น’ เขาบอกผมเสียงเข้มทั้งๆที่ยังก้มหน้าอ่านเอกสารอยู่

‘อุยย ไปแล้วครับ ขอผมได้กินอะไรก่อนเนาะ ค่อยมาต่อเรื่องนั้น’ ว่าเสร็จผมก็ก้มลงจับหน้าพี่เงยขึ้นมาแล้วจุบลงที่ริมฝีปากพี่เบาๆ แล้วเดินไปเปลี่ยนชุดทันที คนพี่ได้แต่ส่ายหน้าให้ เพราะที่ทำแบบนั้นต่อหน้าเขา เขาต้องใช้สมาธิแค่ไหน ในการห้ามใจ เห็นว่าน้องเหนื่อยหรอกนะ ถึงไม่ทำอะไรหน่ะ แต่ถ้าหลังสี่ทุ่มเมื่อไหร่ จะจับลงโทษซะให้เข็ด

       สักพักพี่ก็ขอตัวไปอาบน้ำ ส่วนเขาที่ได้รับสายโทรศัพท์จากพนักงานส่งอาหารว่าให้ไปรับอาหารข้างหน้าเคาเตอร์ลอบบี้ของคอนโด ผมเพิ่มรู้ว่าพี่สั่งหมูกรอบมาชุดใหญ่ พร้อมข้าวสวย แถมยังมีต้มกระดูกหมูอ่อนมาด้วย นี่พี่กะจะไม่ให้เขาลีนเลยหรือไง ช่วงนี้เขายิ่งมีงานเข้ามาอยู่ด้วย ใช่สิ ใครจะว่างออกกำลังกายบ่อยๆแบบพี่ละ ไหนว่างานเยอะ ทำไมมีเวลาลงยิมอะ ผมไม่เข้าใจเลย ให้ตายสิพับผ่า

      ผมจัดอาหารทุกอย่างลงจาน พร้อมเรียกพี่ให้มาทานข้าว เพราะพี่เพิ่งเป่าผมเสร็จเพราะอาบรอบนี้พี่แกสระผมด้วย ส่วนผมหนะหรอ ผมยาวไง ขี้เกียจสระ เอาไว้พรุ่งนี้เช้าละกัน

‘พี่ครับ มาทานข้าวได้แล้วครับ อาหารคลีนๆทั้งนั้นเลย’ เขาเรียกพี่ให้มาทานข้าวได้แล้ว กลัวจะเย็นเสียก่อน

‘หึ อาหารคลีน ทานให้คลีนเลยนะครับ จะได้ไม่ต้องล้างให้มาก’ พี่เดินมาบอกเขาพร้อมนั่งลง

‘พี่อะ สั่งไรมาไม่รู้ ไม่คิดจะให้ผอมเลยหรือไง คิดจะขุนกันไปถึงไหน’ เอายู่ปาก แต่มือก็เอื้อมไปหยิบหมุกรอบนั่นเข้าปาก

‘ไม่ต้องผอมลีนมากหรอก กอดไม่แน่น มันไม่อุ่น’พี่ว่าแบบนั้น ผมจะว่าไงละ

‘อ่า กินเถอะๆ แล้วแต่พี่เลย’

       ทั้งผมและพี่ต่างก็พากันจัดการอาหารมื้อเย็นด้วยอาการที่ต่างคนต่างหิวโหย พอทุกอย่างหมด ผมก็อาสาล้างจานมื้อนี้เอง เพราะเห็นว่าพี่น่าจะต้องกลับเข้าไปทำงานต่อ เพราะใกล้จะถึงวันที่จะเปิดตัวสินค้าแล้ว ยิ่งพี่เป็นผู้บริหารที่ได้รับหน้าที่ต่อจากพ่อแล้วนั้น พี่ยิ่งต้องเหนื่อยมากขึ้น ผมก็คงต้องช่วยดูแลพี่ในหลายๆเรื่อง พยายามทำตัวดีๆ ไม่ให้พี่ต้องปวดหัวเพิ่มก็พอ

       ผมที่ว่างๆอยู่คนเดียวตอนนี้ ก็กำลังนอนกลิ้งบนเตียง พร้อมใช้นิ้วไถทวิตเตอร์พร้อมเข้า  #รักพอแล้ว ไปด้วย ที่เข้าไปดูก็เพราะเข้าไปเช็คดูว่ามีใครเอ่ยถึงเราไหม ส่วนมาก ก็รูปจากงานเก่าๆเมื่ออาทิตย์ที่แล้วที่เขาไปถ่ายงานให้มหาวิทยาลัยในชุดเครื่องแบบนักศึกษานั่นแหละ เห็นว่ามีคนถ่ายคลิปทำ vlogตอนที่ผมร่วมงานกับทีมงานที่เรียกผมมาถ่ายด้วย ผมเคยกดเข้าไปดุ ก็สนุกดี ตัดต่อถือว่าเยี่ยมเลยแหละ ขนาดว่าผมเรียนนิเทศแท้ๆ ยังไม่เก่งเท่า ผมคงถนัดงานหน้ากล้องมากกว่า ถ้าผมเจอกล้องเมื่อไหร่ผมจะยิ้มให้ทันที ถ้ามีคนถาม ผมก็พูดไปเรื่อยจนบางคนถือกล้องก็เริ่มจะเบรกผมไม่ทัน ผมก็ได้แต่ขอโทษไปเพราะผมพูดมากนั่นเอง

       ผมเลื่อนไปเรื่อยๆ จนพบกับข้อความจากแอดเคาท์ @loveporleawfanclub ที่เชิญชวนทุกคนมางานมีตติ้งที่จะเกิดขึ้น และเชิญเสนอแนะกิจกรรมที่จะเกิดขึ้นในงานนี้ด้วย

‘อยากให้น้องพอร้องเพลง’
อืม ร้องเพลงหรอ ได้นะ เสียงไม่ได้แย่ถึงขนาดว่าเป็นนักร้องเสียงเพี้ยนหรอก

‘อยากให้น้องเต้น กับแฟนคลับ’
 เต้นหรอ เต้นอะไรดีละ

‘จับสลากเล่นเกมจ้องตา’
 อืม จ้องตาเลยหรอ พี่จะว่ามั้ยเนี่ย

‘เล่าเรื่องตลกๆ ที่ไม่ตลกแบบในทวิตได้ไหม’
 อืม จะว่าผมมุขแป่กสินะ

‘อยากให้พี่คนที่ประมูลครั้งที่แล้วมาอีก’
 หืม มีคนอยากเจอพี่ด้วยแฮะ

‘เออใช่ คนที่ประมูลไปแสนนึงอะ ถ้าจำไม่ผิดหล่อด้วย’
 อืม หล่อจริงๆนั่นแหละ ตัวใหญ่ด้วย เบื่อพี่วะ

‘อะนี่ แปะรูป แต่ไม่มีว๊าปจ้า’
นั่นปะไร มีรูปซะด้วย

       ผมนั่งไล่ดูข้อความก็จะประมาณนี้เสียส่วนใหญ่ เหมือนงานทั่วๆไป แต่ที่แปลกหน่อย คือมีคนจำพี่ได้ด้วย ขนาดว่าพี่ปรากฏตัวแค่งานเดียวนะเนี่ย ถ้าโผล่มาร่วมเฟรมกับเขาบ่อยๆจะขนาดไหน แต่ถ้ามาร่วมเฟรมกัน แฟนคลับคงจะแปลกๆ ว่าทำไมพี่ได้มาร่วมเฟรมด้วย คงจะงงอยู่ไม่น้อยเลย

       จนเวลาเกือบสี่ทุ่มกว่าๆ พี่เดินเข้ามาในห้องนอนที่มีผมนอนกลิ้งอยู่บนเตียง พี่ได้แต่ยิ้มให้ แล้วนั่งลงบริเวณหัวเตียง พร้อมถอดแว่นที่ใส่ออก

‘พี่เมื่อยไหม มาๆ เดี๋ยวผมนวดให้รับรองหลับสบายทั้งคืน’ ผมเอ่ยพร้อมกำลังจะจับพี่ให้เข้ามาใกล้ๆ

‘พี่ว่าพี่มีวิธีคลายเมื่อยและจะทำให้หลับทั้งคืน ไม่ใช่แค่พี่นะ เราก็ด้วย’ ว่าแล้วพี่ก็คว้าแขนผมแล้วพลิกผมให้ผมนอนข้างล่าง ส่วนพี่อยู่ข้างบน

‘วันนี้พี่จะทำหรอครับ’ ผมถามออกไป

‘ได้ไหมครับ ถ้าไม่ พี่จะได้ไม่ทำอะไร’พี่เอ่ยบอกผมอย่างนุ่มนวล

‘วันนี้…พี่นอนเฉยๆเถอะ เดี๋ยวผมจัดการเอง’

‘หืม เอางั้นหรอ ปกติไม่เคยเริ่มก่อน’

       ว่าจบผมก็จัดการให้พี่นอนราบลงข้างล่าง แล้วรีบจัดการถอดเสื้อผ้าอีกฝ่ายและของตนเองโยนทิ้งไปไว้ข้างๆเตียง ผมเริ่มไล้ตั้งแต่ปากของพี่ ขบเบาๆ ผมไม่ค่อยชอบให้ร่างกายทั้งของผมและของพี่มีรอยแดง ผมว่ามันน่ากลัวไงไม่รู้ ผมเลยทำเบาๆพอ จากนั้นมือผมก็เริ่มกอบกุมส่วนกลางของพี่แล้วจับคลึงเบาๆ เพื่อสร้างความผ่อนคลายให้พี่ เพราะรู้แหละว่าพี่เมื่อย เมื่อยมากๆ

      พอทุกอย่างกำลังได้ที่ ผมก็เริ่มหยิบถุงยางมาสวมใส่ให้พี่ แล้วผมก็เริ่มปฏิบัติการออนท็อป

‘อื้อออ’ เสียงจากผมเอง เอาจริงผมไม่ชินหรอกกับการออนทอป

‘น้องพอ ไหวไหมครับ ถ้าไม่ไหวให้พี่ทำก็ได้นะ’ พี่บอกแบบนั้น แต่สีหน้าก็แสดงความพอใจอยู่มาก

‘ผมไหว แค่…มันไม่ชินแค่นั้นเอง’

‘งั้นเรามาช่วยทำพร้อมกันนะ’ สิ้นเสียงของพี่ ใจผมก็เต้นไม่เป็นจังหวะอีกเลย ผมเพิ่งรู้ว่าการอยู่ข้างบนแบบนี้ มันโคตรเหนื่อยเลย สู้นอนเฉยๆข้างล่างให้พี่มันทำก็ไม่ได้ เห็นทีครั้งต่อไปคงต้องเป็นพี่แล้วแหละ

       เมื่อทุกอย่างเสร็จสิ้น พี่ก็จัดการอุ้มเขาเข้าไปห้องน้ำทั้งๆที่ผมก็ตัวไม่เล็กนะ แล้วจัดการทำความสะอาดให้จนหมดจด ถ้าถามว่าเกิดอะไรขึ้นในห้องน้ำอีกไหม ผมก็คงได้แค่พยักหน้าให้เบาๆ ผมรู้แหละ ความต้องการของผู้ชายมันไม่เคยพอหรอก แต่พี่ก็ดี ไม่ละโมบโลภมาก ออกจะทะนุถนอมผมด้วยซ้ำตั้งแต่เริ่มคบกันมา  พี่ให้เกียรติผมเสมอ ในเรื่องนี้ ถ้าช่วงไหนผมไม่ไหวจริงๆ พี่ก็จะไปใช้บริการห้องน้ำคนเดียว ส่วนชื่อที่ครางออกมาก็ชื่อผมนั่นแหละ
 
      เราจัดการใส่เสื้อผ้าอีกครั้งเพื่อจะนอนจริงๆ โดยไม่มีอะไรแอบแฝงเหมือนเมื่อสักครู่ พี่ก็โอบเข้ามากอดผมไว้ แล้วลูบหัวเบาในขณะที่ผมตาเริ่มปรือแล้ว

‘นอนเถอะนะคนดี ฝันดีครับ’ เสียงทุ่มเอ่ยบอกเขา

‘ฝันดีครับ รักนะครับคุณความลับ’ ผมพยายามตอบเขา

‘รักพอแล้วนะครับ’ สิ้นเสียงของพี่ผมเริ่มสิ้นสติ การหลับใหลของผมนั้นมีมือพี่คอยโอยกอดผมอยู่ ผมรู้สึกว่ากอดนี้มันอบอุ่นเกินกว่าจะปล่อยออกไป

       เช้ารุ่งขึ้น ผมตื่นมาในช่วงสายๆ บนเตียงไม่มีร่องรอยของพี่แล้ว น่าจะทำอะไรสักอย่างอยู่นอกห้อง ผมเลยตัดสินใจไปล้างหน้าแปรงฟัน แล้วเดินออกมาหาพี่ข้างนอก ผมเห็นพี่กำลังนั่งอ่านเอกสารพร้อมกาแฟดำที่วางตั้งอยู่ข้างๆโซฟา

‘อรุณสวัสครับคุณความลับ’ ผมเอ่ยขึ้นพร้อมกับยิ้มที่คิดว่าสดใสที่สุด

‘อรุณสวัสครับเด็กดื้อ’ พี่เอ่ยพร้อมวางเอกสารในมื้อพร้อมตบเบาะเบาๆเพื่อเรียกให้เขาเข้ามานั่งข้างๆ

‘ครับ’ ผมเอ่ยถามอย่างสงสัย

‘มอร์นิ่ง คีส ครับ’ จู่ๆพี่ก็จุบปากเขาแต่เช้า ดีนะเขาแปรงฟันแล้ว ไม่งั้นอายแย่เลย

‘มอร์นิ่งคีสครับ’ ผมเอ่ยกลับ พร้อมทำท่าลุกขึ้นมาจะเดินไปครัว

       ผมเริ่มสำรวจของในตู้เย็นทันทีว่ามีของสดอะไรที่เหลือพอจะทำเป็นอาหารมื้อเช้าให้เราสองคนทานได้บ้าง ซึ่งในตู้เย็นก็มีแค่ไข่กับหมู ส่วนข้าวเดี๋ยวจัดการหุงตอนนี้เลย

‘ลุงงง มื้อเช้าเป็นไข่เจียวหมูสับดีไหม’ผมตะโกนถามพี่ทันที

‘ได้ครับ’ พี่เอ่ยกลับมาด้วยเสียงเรียบๆแต่ผมก็ยังพอได้ยิน

       จากนั้นผมก็เริ่มทำไข่เจียวหมูสับ โดยตอกไข่ใส่ถ้วย พร้อมหมูสับ ตีขนให้เข้ากัน ปรุงรสนิดหน่อย อืม รอน้ำมันร้อน แล้วเทเลย จบ

‘อะลุง มื้อเช้าที่แสนพิเศษ’ ผมยื่นจานข้าวไข้เขียวที่ราดลงบนข้าวให้พี่ที่นั่งอ่านเอกสารอยู่

‘ขอบคุณครับ นั่งกินด้วยกันสิ’ พี่เขยิบให้ผมนั่งข้างๆกัน

‘วันนี้มีแพลนไปไหนไหม’ พี่เอ่ยถามเขา

‘วันนี้พักผ่อนครับ พรุ่งนี้ก็ไปเรียนปกติ’ ผมเอ่ยบอกพี่ ทั้งยังเคี้ยวอยู่

‘เคี้ยวให้หมดก่อนน้องพอ เดี๋ยวหกหมด’ พี่เอ่ยเตือนผมพร้อมทำท่าจะเช็ดปากให้

‘ขอบคุณครับ’ ผมขอบคุณพี่เมื่อพี่เช็ดปากให้ผม

‘ทำไมดื้อแบบนี้น้า เมื่อก่อนยังนิ่งๆอยู่เลย’ พี่แกล้งเอ่ยว่าให้ผม

‘เมื่อก่อนก็ดื้อนะ มีแต่คนบอกแบบนั้น นี่ว่าก็ไม่ดื้อน้อยลงละนะ ตั้งแต่มีใครก็ไม่รู้อยู่ๆก็เข้ามาประมูลภาพราคาเป็นแสน คนบ้าอะไร’

‘หึ ก็นั่นแหละ เขาเรียกว่าจีบ จีบแบบการกุศลไงฮ่าๆ’ พี่ทำให้เขานึกถึงเหตุการณ์ครั้งก่อนขึ้นมา พอนึกไปดีๆ มันก็เป็นการจีบที่แปลกเหลือเกินนะ คุณอยากรู้ไหมละ ว่าวันนั้นเกิดอะไรขึ้นบ้าง มาครับ เดี๋ยวผมแฉวีรกรรมพี่ให้ฟัง

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 09-05-2019 22:14:23 โดย anikarn »

ออฟไลน์ anikarn

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 35
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-0
ตอนที่ 2 คนจะดัง


       สวัสดีครับ เจอกับผมอีกแล้วนะครับ พอแล้วเองครับ วันนี้ผมจะมาเล่าในสิ่งที่ทุกคนอยากรู้ว่าทำไมผมถึงมีงานมีตติ้งเป็นของตัว คงจะเริ่มจากการที่ผมนั้นค่อนข้างเป็นเด็กกิจกรรม พอในมอมีงานกิจกรรมอะไรผมก็ขอเข้าไปร่วมกับเขาด้วย ไม่ว่าจะเป็นกิจกรรมพี่เลี้ยงรับน้องใหม่ หรือประกวดเดือนมหา’ลัย ตอนประกวดเดือนตอนปี1 ผมได้แค่ป๊อปปูล่าโหวตมาเพียงเท่านั้น เพราะพี่ๆในคณะที่เขาเอ็นดูเราช่วยพากันซื้อดอกไม้มาให้ผมจนเต็มอุ้มแขน ท้ายที่สุดผมก็ได้ตำแหน่งป๊อปปูล่าโหวตมา
       จากนั้นรูปผมก็เริ่มไปโผล่ในเพจคนหล่อต่างๆในโซเชียล ตอนแรกผมตกมากเลยนะที่อยู่ดีๆมีคนรูปตัวเองไปโพสในเพจ แล้วก็มีใครต่อใครมาคอมเมนท์ ผมกลัวนะ ถ้ามีใครสักคนที่เขาไม่ชอบเรา แล้วเขาเอ่ยถึงเราในทางที่ไม่ดี ทั้งๆที่มันไม่เป็นความจริงหรืออาศัยอคติส่วนตัว คนที่เสียใจคงไม่ใช่ผมคนเดียวแน่ๆ อาจจะถึงครอบครัวด้วย แต่ถ้าถามถึงตอนนี้หรอ เฉยๆแล้วครับ เพราะผมเลือกรับแต่สิ่งดีๆไว้เท่านั้นเอง
       วันนึงที่ผมเริ่มได้รับโอกาสจากพี่ในคณะและต่างคณะ บ้างก็ให้ไปถ่ายงานให้ บ้างก็ให้ไปแคสละครเวทีแล้วงานนี้ผมก็ได้บทค่อนข้างเด่น หลังจากนั้นชื่อเสียงเล็กๆของผมก็เริ่มเป็นที่สนใจจากผู้คนทั่วไป จนไปเข้าตาของเจ๊ตั้ม ผู้จัดการส่วนตัวของผมในปัจจุบันนี่แหละครับ 

‘สวัสดีจ้ะ น้องพอแล้ว’ อยู่มาวันหนึ่งเจ๊ตั้ม ผู้จัดการดาราชื่อดัง เดินทางมาตามหาผมถึงคณะเองเลย
‘ครับ สวัสดีครับ มาหาผมหรอครับ’ ถ้าถามผมว่าตอนนั้นรู้จักเขาไหม ก็รู้ครับ แต่ก็ไม่ได้ติดตามเขา เพราะชีวิตวันๆของเด็กกิจกรรมปี2 คนนี้แทบจะไม่ได้สนใจคำว่าวงการบันเทิงเลย นอกเสียจากเพื่อน เรียน และกิจกรรมในมหา’ลัย

       เจ๊ตั้มเริ่มเข้ามาเสนอเรื่องการร่วมงานกับพี่เขา ผมก็บอกว่า ผมตัดสินใจเองไม่ได้หรอก ให้ไปคุยกับคุณแม่เอาเอง จากนั้นเจ๊ก็ขอพบคุณแม่ที่บ้าน ผมก็พาไปคุยเรื่องดังว่ามา แม่ผมก็บอกได้แค่ว่า ถ้างานมันไม่กระทบกับเรื่องเรียนแม่ก็ไม่ว่า ให้ตัวเองตัดสินใจเองเลย
       จากวันนั้นเจ๊ตั้มเริ่มพาผมไปแคสงานงานนึง เป็นงานเดินแบบแฟชั่นโชว์งานใหญ่ของดีไซด์เนอร์ชื่อดังท่านนึง และผมก็ได้รับความเอ็นดูให้ได้ร่วมงานนี้ครั้งแรก งานต่อๆมาผมก็ยังได้รับการติดต่อให้มาร่วมงาน ผมเคยบอกเจ๊ตั้มว่า ไม่อยากรับงานเยอะ เพราะยังเรียนอยู่ มีกิจกรรมในมหา’ลัยที่ยังอยากร่วมกับเพื่อนๆอยู่ เจ๊ก็ไม่ว่าอะไร ก็เลยเลือกได้งานเดินแบบ และถ่ายแฟชั่นบ้าง ส่วนงานละครเคยติดต่อมา ผมก็บอกว่ายังไม่พร้อมครับ เจ๊ก็ได้แต่ถอนหายใจ เห้อ….
       5 เดือนหลังจากที่ผมรู้จักเจ๊ตั้มมา ผมเริ่มมีแฟนคลับเข้ามาติดตาม จากยอดติดตามในไอจีได้ถึงหมื่น มันกลายเป็นหมื่น และมันก็เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ จนผมเริ่มมีแท็กในทวิตเตอร์ วันนั้นผมนั่งกินข้าวที่โรงอาหารกับเพื่อนอยู่ มีเพื่อนคนนึงยื่นมือถือมาให้ดูอะไรสักอย่าง ตอนแรกก็งง ให้ดูทำไม แต่พอดูดีๆ มีแท็กขึ้นว่า #รักพอแล้ว แล้วมีรูปเราประกอบอยู่ด้วย ผมเลื่อนลงมาเรื่อยๆ ก็มีรูปเราในนั้นเต็มเลย ผมก็เลยตัดสินใจสมัครทวิตเตอร์

‘เมิ้ง อีพอ เมิงดูนี่ๆ’ อยู่ๆฟ้าใสเพื่อนที่นั่งทานข้าวอยู่ด้วยกันก็ยื่นโทรศัพท์มาให้
‘อะไร ไม่ดูเว้ย หิว คนจะกินข้าว’ ผมบอกปัดๆไป เพราะหิวมากกว่าจะสนใจอะไร
‘อีพอ เมิงดุก่อนค่ะ เอาไป แล้วเลื่อนดู’ ผมรับมือถือมา แล้วเลื่อนดู ตอนแรกก็งงนะว่าอะไรคือ #รักพอแล้ว แต่พอดูไปสักพักก็เริ่มเข้าใจ
‘เมิง กูมีแท็กเป็นของตัวเองด้วย นี่ๆ รูปนี้ไม่เคยเห็นมาก่อนเลย ขอก๊อปไปลงได้ปะวะ’ ผมเอ่ยขึ้นอย่างดีใจ
‘ถ้าจะเอารูปเมิงก็ต้องไปหาเอาเอง สมัครทวิตเตอร์ของตัวเองซะ’ ฟ้าใสบอกเขา
‘ทำไงอ่า ทำให้หน่อยดิ’ ผมยื่นมือถือให้ฟ้าใสให้จัดการสมัครให้ เพราะตอนนี้ความหิวเริ่มวกกลับมาหาเขาแล้ว

       หลังจากที่สมัครทวิตเตอร์เสร็จ ผมก็เริ่มส่อง และเริ่มหารูปตัวเอง ที่กดเฟบไว้แล้วรีทวีตรูปตัวเองจากแฟนคลับ จนผมเริ่มมีตัวตนในทวีตเตอร์ เพราะผมเป็นคนค่อนข้างเฮฮากับทุกคนไม่ว่าจะรู้จักหรือไม่รู้จักกันก็ตาม ตราบใดที่ประสงค์ดีกับเรา เราก็ไม่ว่าอะไร

‘โฟกัสแต่ความสุข อันไหนดิบเราไม่แดก’ อันนี้ก็ได้อินสปายมาตอนที่กินชาบูกับเพื่อนๆ
‘พร้อมจะหยุดเสมอ ถ้าเจอไฟแดง’ นี่ก็ได้มาตอนที่รถติดแถวแยกลาดพร้าว

      อย่างที่ผมเคยบอกว่าผมค่อนข้างเฮฮา ไม่สนใจอะไรทั้งนั้นว่าจะมีสาระหรือเปล่า ข้อความของผมเริ่มถูกรีทวีตมากขึ้นเรื่อยๆ พอมันมากขึ้นเรื่อยๆ แท็กผมก็เริ่มติดเทรน จนบางครั้งผมก็ต้องปิดแจ้งเตือนเพราะบางครั้งมันก็ทำให้เราไม่มีสมาธิที่จะอ่านหนังสือหรือทำอะไรก็แล้วแต่
       ผมก็ใช้ชีวิตต่อไป บ้างก็ได้งานบ้าง บ้างก็เรียน หรือทำกิจกรรมกับเพื่อนๆพี่ๆในคณะไป จนมีวันนึงที่เจ๊ตั้ม ผู้จัดการของผมเขาเริ่มเข้ามาคุยว่า ‘ถ้ามีคนอยากจัดมีตติ้งให้น้องพอ น้องพอจะทำไหม’ พอเจ๊ตั้มพูดจบ ผมก็ตกใจถามว่า
‘จริงหรอพี่ งานมีตติ้งแบบที่ดาราเขาทำกันนะหรอ ’
‘เออ งานแบบนั้นนะแหละ สนใจไหม’ เจ๊ตั้มถามอีกครั้ง
‘ก็สนใจนะครับ แล้วใครจะมาช่วยงานเราละครับ แล้ว…แล้วจะมีคนมาไหม ’ ผมเอ่ยอย่างวิตก เพราะถ้าเกิดจัดงานขึ้นมา แล้วไม่มีคนมาหล่ะ เห้อ มันคงกร่อยน่าดู
‘งานนี้จะเป็นพี่และทางแฟนคลับตัวใหญ่ๆที่คอยสนับสนุนเรามาร่วมจัดงานให้ ส่วนเรื่องคนจะมางาน เราคงต้องถามความเห็นในทวีตก่อนว่าถ้ามันเกิดขึ้นจริงๆ จะมีใครสนใจมาไหม’
‘งั้น เราเริ่มจากงานเล็กๆก่อนดีไหมครับ ผมไม่อยากหน้าแตกอะ’ ผมยังคงเอ่ยอย่างวิตกต่อไป
‘ฮ่าๆ เจ้าเด็กแสบของเจ๊มีมุมนี้ด้วยหรอ หูลู่ หางตกขนาดนี้เชียว’ เจ๊เอ่ยพร้อมทำหน้าไม่เชื่อว่าผมจะมีมุมนี้ให้เห็น
‘งื้อ เจ๊อ่า ยังไงก็แล้วแต่เจ๊เลยแล้วกันนะ’

       จากที่ได้คุยกับเจ๊ตั้มในวันนั้น เจ๊เริ่มดีลงานกับผู้สนับสนุนรายใหญ่ งานแรกผู้สนับสนุนก็ไม่ได้มากมาย แค่พอให้ไม่ต้องควักทุนออกมาเองก่อน เจ๊เริ่มทำความเห็นผ่านทวีตเตอร์ทาง @loveporleawfanclub  ว่าถ้าหากมีการจัดงานมีตติ้งจะมีแฟนคลับท่านใดมาร่วมงานครั้งนี้ไหม และยังบอกจุดประสงคือีกอย่างคือจะนำรายได้ไปบริจาคให้แก่บ้านเด็กกำพร้า
       หลังจากที่ทาง @loveporleawfanclub ได้โพสไป ก็เริ่มมีคนมาแสดงความคิดเห็น ทั้งมาได้บ้าง ทั้งมาไม่ได้บ้าง ประสมปนเปกันไป แต่ส่วนใหญ่ก็อยากให้มีการจัดงานขึ้น ทั้งเขา เจ๊ตั้ม ผู้สนับสนุน ก็ตกลงกันแล้วว่า จะจัดงานนี้ขึ้นให้ได้
‘น้องพอ วันนี้เราจะไปฟิตติ้งชุดที่จะใช้ถ่ายแฟชั่นในการจัดงานมีตติ้งนะคะ’ เจ๊ตั้มโทรหาผม ขณะที่ผมเลิกเรียนแล้วกำลังจะแยกกลับคอนโดกับเพื่อน
‘ได้ครับ ให้ผมไปเจอที่ไหนดีครับ’ ผมบอกเจ๊ไป
‘เจ๊กำลังเข้าไปรับที่มหา’ลัย รอเจ๊อยู่แถวนั้นสักพักนะ’ จากนั้นเขาก็ตัดสินใจหาที่รอเจ๊ตั้ม ก็คงเป็นร้านกาแฟแถวนั้นนั่นแหละ
‘ขอชาเขียวปั่นเพิ่มวิปครีมแก้วนึงครับ’ ผมบอกพนักงานร้าน แล้วไปหาที่นั่งรอ
‘ชาเขียวปั่นได้แล้วนะคะพี่พอ’ หืม เขารู้จักผมด้วยแฮะ
‘ขอบคุณครับ’ ผมยิ้มให้และรับของมา
‘พี่พอ ขอถ่ายรูปด้วยได้ไหมคะ’ น้องพนักงานเอ่ยขอถ่ายรูปกับเขา เขาก็ยินดีให้ถ่ายรูปด้วย เขายิ้มแย้มใส่กล้อง

       สักพักเจ๊ตั้มก็มารับเขาไปฟิตติ้งชุดอย่างที่บอกไป สถานที่ฟิตติ้งก็ไม่ใกล้ไม่ไกลนักหรอก เจ๊ตั้มพาเขาไปพบกับดีไซเนอร์เจ้าของแบรนด์ที่สนับสนุนเขาในงานครั้งนี้ด้วย เพราะผลประโยชน์คงจะวินๆทั้งสองฝ่าย ผมได้ใส่ เขาได้โปรโมตงานของเขา

‘อ้าว เจ๊ตั้ม สวัสดีค่ะ สวัสดีจ๊ะน้องพอ’ คุณแพรวดีไซเนอร์คนดัง เดินเข้ามาสวัสดีเขาและเจ๊ตั้ม
‘สวัสดีจ้าคุณแพรว วันนี้ฝากด้วยนะคะ’
‘สวัสดีครับพี่แพรว’ ผมเอ่ยสวัสดีเขาด้วย
‘ก่อนอื่น ก็ยินดีด้วยนะคะกับงานมีตติ้งครั้งแรก เอาให้ดังๆเลยนะน้องพอ พี่ติดตามอยู่ อิอิ’
‘ขอบคุณมากครับ ผมจะทำให้ดีที่สุดครับ’
‘ปะๆ มาเริ่มกันเลย ’ จากนั้นคุณแพรวก็พาเข้าเข้าไปข้างในร้านและพาไปดูชุดต่างๆที่แขวนอยู่ราว

       จากที่พบคุณแพรวในวันนั้น เจ๊ตั้มก็นัดผมอีก1วันเต็มๆเพื่อมาถ่ายรูปแฟชั่นเซท เจ๊ตั้มได้นัดช่างภาพ ช่างหน้าช่างผมมาทำงานในวันนี้ด้วย  ผมตื่นแต่เช้าเดินทางมาสตูเอง โดยไม่ต้องให้เจ๊ตั้มมารับที่คอนโด เพราะคอนโดของผมและเจ๊ตั้มอยู่คนละฝั่งกัน ผมเลยไม่อยากให้เจ๊ตั้มต้องเหนื่อยตั้งแต่เริ่มงาน
       ตอนนี้ผมกำลังถูกช่างหน้าช่างผมรุมจัดการอยู่ ผมตาปรือมาก อยากจะนอนลงแล้วให้พี่ช่างแต่งหน้าจัดการแต่งหน้าแต่ก็กลัวจะเหมือนแต่งหน้าศพ อืม ไม่เอาดีกว่า นั่งแต่งก็ได้

‘น้องพอ เลิกตาปรือได้แล้วลูก’ พี่ช่างแต่งหน้าบอกผม
‘พี่ครับ น้องง่วงอะ อยากจะนอนให้แต่งเลยอะ’ ผมเริ่มงอแงใส่พี่ช่าง
‘นอนแต่งเหมือนแต่งหน้านะหรอน้องพอ ไม่ดีมั้งคะ’ พี่เขาเอ่ยติดตลก
‘ง่า งั้นนั่งแต่งก้ได้ครับ งื้อ ง่วงจัง เมื่อคืนไม่น่าเล่นเกมส์กับเพื่อนจนดึกเลย’ ผมเอ่ยเซงๆ
‘เด็กติดเกมส์หรอเราอะ เจ้าเด็กดื้อของเจ๊ตั้ม’
‘นานๆจะเล่นครับ แต่เมื่อคืนเพลินไปหน่อย พี่อย่าว่าผมดิ้’
‘ฮ่าๆ งอแงแบบนี้ พี่อยากอัดคลิปส่งให้แฟนคลับดูเลย’
‘พี่อย่าแกล้งผมน้า’ ผมเอ่ยขอร้องเขา แต่…
‘เจ๊ ชั้นถ่ายทันตอนที่น้องพองอแง ขอลงนะ อิอิ’ พี่ช่างผมอกีคนเอ่ยบอก นั่นไงละ ความซวยมาถึงแล้ว โดนเจ๊ตั้มบ่นแน่เลย
 
       เมื่อแต่งหน้าทำผมเสร็จ ผมก็ถูกจับมาเปลี่ยนและเริ่มงานถ่ายแบบทันที การถ่ายแบบครั้งนี้ ผมตั้งใจมากเพราะอยากให้งานออกมาดี แต่ที่จะขอบคุณก็ พี่ๆช่างกล้อง ช่างแต่งหน้าช่างทำผมนี่แหละที่คอยช่วยกันบิ้ว แนะนำให้ผมลองโพสท่านั้นท่านี่ ทั้งนิ่งบ้าง ทั้งยิ้มบ้าง วันทั้งวันเราสนุกกับงานกันมาก งานออกมาได้ค่อนข้างดี
       ตอนนี้ผมกำลังเปลี่ยนชุดเพราะตอนนี้งานเสร็จเรียบร้อยแล้ว ผมเอ่ยขอบคุณทุกคนที่มาช่วยงานในวันนี้ เจ๊ตั้มได้พาผมมาทานข้าวที่ร้านอาหาร และพาผมมาส่งกลับที่คอนโด ผมก็จัดการอาบน้ำแล้วเข้าพักผ่อนทันที


      และแล้ววันนี้ก็มาถึง วันจัดงานมีตติ้งของผมครับ เมื่อคืนผมตื่นเต้นจนนอนไม่หลับ แม้ว่าจะเคยผ่านงานมาบ้าง แต่ครั้งนี้มันเอกคลูซีฟกับชีวิตตัวเองจริงๆ เพราะนี่มันงานมีตติ้งแฟนคลับของผมเลยนะ ก่อนหน้านี้ที่จะมาถึงวันจริง ทางเราได้มีการซ้อมคิวงานต่างๆ เพื่อให้เกิดความแม่นยำ ลดการผิดพลาดให้ได้มากที่สุด
       อยากรู้ไหมตอนนี้ผมกำลังทำอะไรอยู่ ครับ ผมกำลังนั่งสั่นอยู่ครับ ไม่รู้จะสั่นทำไม รู้แหละว่าตื่นเต้น แต่ไม่คิดว่าสั่นขนาดนี้ ฮ่าๆ จนเจ๊ตั้มเดินเข้ามาหาผม

‘โอ๋ๆ เจ้าเด็กแสบ ตื่นเต้นหรอคะ สั่นใหญ่เลย’เจ๊ตั้มเดินมาโอบผมไว้
‘เจ๊อ่า ทำไงดี ผมตื่นเต้นมาก กลัวงานมันแป๊ก’ ผมเริ่มงอแงแล้ว ทำไงดี
‘ไม่มีแป็กแน่นอน เมื่อกี้เจ๊ไปดูหน้างานมา คนเริ่มมากันแล้ว แม้จะยังไม่เยอะเท่าไหร่ก็ตาม’
‘จริงหรอครับ ถึง20คนไหม ผมกลัวจริงๆนะ’ ผมจับแขนเขาสั่นๆไปมา
‘นี่ เจ้าเด็กแสบ ฟังเจ๊นะ ถึงแฟนคลับเราจะมาแค่20คน นั่นก็คือแฟนคลับเรา คนที่ซัพพอร์ตเรา กำลังใจของเรา วันนี้เราอาจจะเกิดขึ้นไม่ได้เลย ถ้าหากไม่ได้พวกเขามาคอยซัพพอร์ทเรา เพราะฉะนั้นไม่ต้องกดดัน แค่เราทำหน้าที่ของเราให้ดีที่สุดก็พอแล้วแหละ’ เจ๊ตั้มบอกผมด้วยความหวังดี

       แต่หารู้ไม่ เจ๊ตั้มหลอกเขาว่าคนไม่เยอะ แต่แท้จริงแล้ว ลานข้างหน้างานแทบแตก เพราะกระแสที่กำลังขึ้นเทรนอันดับ1 ในทวีตเตอร์ ทำให้เหล่าแฟนคลับที่ตั้งใจจะมา และตอนแรกบอกไม่ว่างต่างก็ตัดสินใจเดินทางมา เพราะงานวันนี้เป็นงานช่วงเย็น ทำให้คนมีเวลาตัดสินใจเยอะขึ้น
       บรรยากาศหน้างานก็มีทั้งบูทกิจกรรมเล็กๆ ให้เหล่าแฟนคลับได้เล่นเกมส์ ถัดมาก็เป็นบูทขายของที่ระลึกทั้งพวงกุญแจ โพสเตอร์ สมุดที่หน้าปกเป็นรูปผมเอง อืม ตอนแรกผมคัดค้านนะ เพราะผมก็เขินหน่อยๆละ ที่เด็กมัธยมหรือมหา’ลัยจะถือสมุดรูปผมไปเรียนกัน
       เสียงMC ที่เชิญชวนให้ทุกคนมาจับจองที่นั่งกันก็เริ่มทำงานกัน งานนี้เป็นงานเปิด ไม่มีขายบัตรทั้งสิ้นเรพาะเป็นงานแรก และหวังเป็นงานการกุศลจริงๆ และเจ๊ตั้มบอกว่าถือโอกาสนี้เปิดตัวผมไปด้วย เพื่อให้ฐานแฟนคลับเพิ่มมากขึ้น และจะเป็นการง่ายสำหรับที่ผู้ใหญ่ในวงการจะเรียกใช้ให้มาร่วมงานด้วย ถ้าถามว่าผมอยากได้งานใหญ่ๆไหม ก็อยากครับ แต่ในใจยังติดกับงานในมหา’ลัยอยู่ คงเป็นเพราะผมเริ่มผูกพันกันเพื่อนๆพี่ๆในคณะและมหา’ลัยมั้งครับ แต่เรื่องงานเรื่องเงินก็สำคัญอยู่ เพราะผมไม่อยากใช้เงินที่พ่อแม่หามาแล้ว อยากโตขึ้นกว่านี้ได้แล้ว
       
‘สวัสดีค่า แฟนคับทุกท่าน ไหนขอเสียงแฟนคลับของ ด้อมรักพอแล้วหน่อยค่า’ สิ้นเสียงพิธีกรก็ได้รับเสียงกริ้ดเกรียวกราวจากเหล่าแฟนคลับ
‘รักพอแล้ว’
‘น้องพอ พวกเรามาแล้ว’
‘เด็กดื้อ ออกมาหน่อย ฮื้ออ’

      เสียงเรียกผมจากเหล่าแฟนคลับทำเอาผมเกือบน้ำตาซึมออกมา ไม่คิดว่าทุกคนจะมางานกันเยอะขนาดนี้ ตอนแรกที่ผมมาแสตนบายรอที่ข้างเวทีแล้วมองเห็นคนในงานที่นั่งหน้าเวทีกันเกือบ200คน ผมมองควับไปที่เจ๊ตั้มทันที

‘เจ๊ ไหนว่าคนน้อยไง อุตส่าทำใจละนะ’
‘เจ๊ไม่รู้ ไปหาดูผู้ชายช่างกล้องดีกว่า’ เจ๊ยิ้มและยกไหล่ขึ้นแล้วเดินหนีผมไป

      จากที่เตรียมใจแล้วว่าคนไม่เยอะหรอก ทำใจให้สบายๆ แค่ไหนแค่นั้น ทำให้ดีที่สุดก็พอ แต่พอมาเห็นหน้างานจริงๆ อื้ม พลิกล็อคอะบอกเลย ตื่นเต้นกว่าเดิมอีก

‘เอาละค่า ขอเชิญเจ้าของงานขึ้นบนเวทีเลยค่า น้องพอแล้วววววว’ เสียงของพิธีกรเรียกผมแล้ว ทำไงดีละ อื้ม สู้ดิวะ อย่าป๊อด นี่งานของเรานะ
‘กริ้ดดดดดดดดด น้องพอ’
‘งื้อ พี่พอ น่ารักมาก ’
‘ใจบางมากลูกเอ้ย!!’

เสียงเหล่าแฟนคลับดังระงมจนพิธีกรต้องได้บอกให้จุ๊ๆ เงียบๆหน่อยเด็ก

‘สวัสดีครับพี่ สวัสดีครับทุกคน ผม พอแล้ว มาแล้วนะคร้าบบบ’ ผมเริ่มทักทายแฟนคลับ
‘สวัสดีค่ะน้องพอ ไหนๆขอกอดหน่อย งื้อ’ พี่พิธีกรขอกอด อืม กอดก็ได้ ผมจึงยกแขนขึ้นกอดตอบทันที
‘กริ้ดดด ขอกอดด้วยได้ไหม’
‘อิจฉา อยากกอดน้องบ้าง’เสียงแฟนคลับเริ่มดังขึ้นจนผมต้องคลายกอดนั้น แล้วหันกลับมายิ้มแย้มให้เหล่าแฟนคลับ
‘เอาละ งานนี้ไม่ใช่แค่พี่นะที่จะได้กอด ยังมีแฟนคลับที่แต้มบุญสูงด้วยจ้าที่จะได้กอด’
‘วันนี้บอกเลยว่า กิจกรรมร่วมกันระหว่างน้องพอและแฟนคลับมีแน่น และช่วงท้ายก็จะมาการประมูลรูปถ่ายพร้อมลายเซ็น ที่เราจะนำเงินที่ได้มาจากการประมูลไปบริจาคให้บ้านเด็กกำพร้า ’

         กิจกรรมแรกที่ผมต้องร่วมกับเหล่าแฟนคลับนั่นคือเล่นเกมส์กับเหล่าแฟนคลับ นั่นคือเกมส์ที่เรียกว่า 1นาที 10คำถาม ให้เหล่าแฟนคลับผู้โชคดีขึ้นมาตอบคำถามกวนๆจากพิธีกรแข่งกับผม คำถามก็คงประมาณจากรายการปริศนาฟ้าแล๊บละมั้งครับ ถ้าผมแพ้ผมต้องโดนป้อนขนม แต่ถ้าผมชนะ ผมต้องป้อนขนมแฟนคลับแทน อืม ไม่มีใครขาดทุนเลย แต่ก็ดีเหมือนกัน เซอร์วิสแฟนคลับแค่นี้ ทำได้ ชิลครับชิล

‘เอาละค่ะ ก่อนอื่นเลยเราต้องมาตามหาผู้โชคดีคนนั้นก่อน เอาไงดีคะน้องพอ’
‘ยังไงดีละครับ ทุกคนคงจะสังเกตว่า ป้ายที่ติดมากับที่คล้องคอ ที่เป็นสัญลักษณเข้างานจะมีหมายเลขกันอยู่ทุกคน ผมได้รับแจ้งมาว่ายอดผู้เข้าร่วมงานอยู่ที่ 198คน แหม๋ นึกว่าจะ200คนพอ แต่ไม่เป็นไรครับ198 ก็เลขดี แฮปปี้ทุกคน’
‘น้องพอลุก อย่าออกอ่าวค่ะ กลับมาก่อนลูก’ พี่พิธีกรเรียกสติผมอีกครั้ง ทุกคนในงานก็ขำกันขึ้น อืม เขินเลยครับ
‘ครับๆ เอ่อ มันจะมีหมายเลขใช่ไหมครับ งั้นสุ่มเลยละกัน’
‘สุ่มหรอ สุ่มการีการีสุ่มปะค่ะ’
‘หืม พี่ออกอ่าวกว่าผมอีกนะ ฮ่าๆ’ ผมกับพี่เขาผลัดกันปล่อยมุขฮา
‘งั้นผมเลือกหมายเลข 99 ละกันนะครับ’ สิ้นเสียงผมเอ่ย แฟนคลับคนนึงก็กริ้ดขึ้น คงเป็นเพราะเขาดีใจที่จะขึ้นมาเล่นเกมส์กับผมสินะ

       เมื่อน้องแฟนคลับขึ้นมาบนเวทีกับผม น้องไม่ค่อยกล่ามองหน้าผม ไม่รู้จะด้วยเพราะอะไร แต่ผมก็ยังคงยิ้มให้น้อง พยายามให้น้องคุ้นเคยกับเรามากที่สุด ลดความเขินลงไปเยอะ

‘พี่จะแจ้งกฎกติกาเล็กน้อยเนาะ เกมส์นี้มีชื่อว่า  1นาที 10คำถาม ให้น้องแฟนคลับผู้โชคดีขึ้นมาตอบคำถามกวนๆจากพิธีกรแข่งกับน้องพอ เคยดูรายการปริศนาฟ้าแล๊บกันไหมคะ นั่นละค่ะ แบบนั้นเลย ถ้าผลออกมาว่าน้องพอแพ้เพราะตอบคำถามติดต่อกันได้น้อยกว่าต้องโดนน้องแฟนคลับป้อนขนม แต่ถ้าน้องพอชนะ น้องพอต้องป้อนขนมแฟนคลับแทน เห็นไหมคะ ไม่ยากเลย แถมแฟนคลับยังได้กำไรด้วย ฮ่าๆ’
‘ก่อนอื่นเลย อยากให้น้องแฟนคลับผู้โชคดี แนะนำตัวสักหน่อย’ พี่พิธีกรส่งไมค์ให้น้อง แต่ผมยกมือบอกว่าไม่เป็นไร ผมเลยมายืนข้างน้องแล้วยกไมค์ขึ้นเพื่อให้น้อง
‘เอ่อ สวัสดีค่ะ หนูชื่อ เอ่อ ฟ้าค่ะ’ น้องค่อยข้างจะเขินกับการที่ผมยื่นไมค์มาให้เอง
‘มาจากไหนครับน้องฟ้า’ คำถามนี้ผมถามเอง
‘มาจากบ้านค่ะ เอ๊ย…’ คำตอบนี้ของน้องฟ้าได้รับเสียงฮาจากทุกคนในงาน
‘เอาใหม่ครับ ใจเย็นๆนะครับ’ ผมบอกน้องให้ใจเย็นๆ ค่อยๆตอบ
‘มาจากกรุงเทพค่ะ’
‘รู้จักพี่พอมานานหรือยังคะ’ คำถามนี้มาจากพิธีกรครับ
‘รู้จักพี่ในเพจคนหล่อคะ แล้วก้ติดตามงานมาเรื่อยๆ ทวีตหนูก็เปิดแจ้งเตือนไว้เลยนะคะ’ คำตอบนี้ของน้องฟ้าได้รับเสียงกริ้ดจากผู้คนในงานอีกครั้ง
‘เอ่อ ฟังแล้วเขินเลย ฮ่าๆ ’ ผมเขินจริงๆนะ เลยได้แต่เกาจมูกตัวเองไปมา

      จากนั้นพิธีกรก็ให้ผมไปยืนอีกมุมหนึ่งของเวที แล้วสวมหูฟังที่เปิดเพลงเสียงดังเพื่อผมจะไม่ได้ยินเสียงคำตอบของน้องฟ้า ผมต้องอยู่กับเสียงนี่1นาที ที่น้องฟ้าเล่นเกมส์

‘เอาละค่ะ เรามาเริ่มเกมส์กันก่อนเลยนะคะ น้องฟ้า พร้อมไหมค่ะ’
‘พร้อม เอ่อ พร้อมก็ได้ค่ะ’ น้องยังคงตอบด้วยตื่นเต้น เพราะคงไม่คิดว่าตัวเองจะได้ขึ้นมาเล่นเกมส์
‘แม้เราจะไม่มีสไลด์เดอร์แบบคุณปัญญา แต่เราก็มีคำถามแบบคุณปัญญาค่ะ ’ ยังคงได้รับเสียงฮาจากแฟนคลับในงานเสมอกับมุขแบบนี้
‘จับเวลา เริ่ม!!’ และฝ่ายจับเวลาก็เริ่มกันจับเวลาครับ
‘คำถามแรก เชียงใหม่ / เชียงราย/แม่ฮ่องสอน ถ้าคุณต้องการจะโชว์เหนือ คุณต้องไปจังหวัดอะไร?’
น้องฟ้ายืนคิดสักพัก ‘เอ่อ หนูว่าไม่ต้องไปนะคะ เพราะโชว์เหนือเป็นเอ่อ กริยา ไม่ใช่จังหวัด’ สิ้นเสียงตอบของน้องฟ้า ก็ได้รับเสียงกริ้ดอีกครั้ง
‘อะ ถูกต้องงงงง’ น้องเริ่มดีใจ เกือบวิ่งมากอดเขาที่อยู่อีกฝั่งเวที แต่เธอก็ดึงสติกลับมาได้ จนเริ่มคำถามที่2
‘ถ้าเราจะโชว์พาว… เราจะโชว์อะไรระหว่าง พาวเวอร์แบงค์ กับพาวเวอร์พัพเกิร์ล?’
‘ห้ะ ต้องโชว์ด้วยหรอ ไม่ค่ะ ไม่โชว์อะไรทั้งนั้น ทั้งพาวเวอร์แบงค์หรือพาวเวอร์พัพเกิร์ล’
‘ถูกต้องค่า’ กริ้ดดดดดด
‘นางเก่งๆ นางมีสติอยู่’ เสียงพิธีกรเอ่ยชมน้องฟ้า
‘คำถามต่อไปเลยคะ ข้าวหน้าเป็ดมีหน้าเป็ดไหม?’
‘ห๋า มี มีหรอ… มีค่ะๆ’
‘ฟังอีกครั้งนะคะน้องฟ้า ข้าวหน้าเป็ดมีหน้าเป็ดไหม มีแต่ข้าวกับเนื้อเป็ดหนังเป็ดไม่ใช่หรอ’
‘อ๋อ ข้าวหน้าเป็ดๆ ไม่มีหน้าเป็ดฮ่าๆ’ คำถามนี้ก็ได้รับเสียงเฮจากทุกคนในงานอีกเช่นเคย
‘ถ้าเราไปเดินวังหลัง แสดงว่าเราไปเดินอยู่ "หน้าวัง" หรือ "หลังวัง" ?’
‘โหย ยากอะ หนู… ขอตอบว่า หน้าวังคะ’ น้องฟ้าตอบอย่างไม่แน่ใจ
‘ผิดค่ะ เรากำลังเดินอยู่ที่ตลาด ผ่าง!!’
‘หมดเวลา!!!’ เมื่อคนจับเวลาข้างล่างตะโกนขึ้นมาทำให้พิธีกรต้องเอ่ยหมดเวลา
‘ก็สรุปนะคะ ได้2ข้อติดต่อกัน น้องฟ้าได้ 2คะแนนค่า’

        เมื่อพิธีกรสรุปว่าน้องฟ้า แฟนคลับคู่แข่งของผมว่าน้องทำได้2ข้อติด นั่นก็คือ 2 คะแนน เขาก็เรียกให้ผมมายืนตรงกลางเวที ผมรู้สึกว่าโล่งหูมากขึ้นเพราะไม่ต้องฟังเพลงเสียงดังๆเพื่อไม่ให้ได้ยินเสียงที่พิธีกรกับน้องฟ้าเล่นเกมส์กัน แต่เอาจริงๆ ก็ได้ยินหน่อยๆละนะ แต่ก็ไม่เข้าใจอยู่ดี

‘มาเลยคะ น้องพอ ตรงกลางเลยค่ะ’
‘มาแล้วครับ น้องได้เท่าไหร่นะครับ ’ ผมถามอีกครั้ง
‘2ข้อติดค่ะ แสดงว่าน้องพอต้องทำให้ได้เกิน2ข้อนะคะ’
‘ครับ เริ่มเลยพี่ๆ ตื่นเต้นมาก’ ความตื่นเต้นยังคงกลับมาเมื่อได้เริ่มเล่นเกมส์เอง แฟนคลับในงานก็ตั้งหน้าตั้งตาลุ้นกันใหญ่ ว่าคนบ้าๆแบบผมจะตอบได้ไหม ฮ่าๆ
‘จับเวลาเริ่มค่ะ’ พิธีกรส่งเสียงบอกคนจับเวลาข้างเวที
‘คำถามแรก เชียงใหม่ / เชียงราย/แม่ฮ่องสอน ถ้าคุณต้องการจะโชว์เหนือ คุณต้องไปจังหวัดอะไร?’
‘ห๊ะ อีกรอบได้ไหมครับ ลืมฟังมัวแต่ตื่นเต้น’ ผมยืนสั่นจนลืมฟังคำถาม แต่ก็ได้ยินเสียงหัวเราะจากผู้คนด้านล่างเวที
‘เอาใหม่นะคะ เชียงใหม่ / เชียงราย/แม่ฮ่องสอน ถ้าคุณต้องการจะโชว์เหนือ คุณต้องไปจังหวัดอะไร?’
‘อืม ไม่ต้องไปจังหวัดไหนทั้งนั้นอะครับ’ ผมเริ่มได้สติผมก็รีบตอบกลัวว่าเวลาจะหมดก่อน
‘ถูกค่า ’ กริ้ดดดดดดดดด เสียงแฟนคลับกริ้ดให้ผมด้วย
‘คำถามต่อไปเลยค่ะ ถ้าเราจะโชว์พาว… เราจะโชว์อะไรระหว่าง พาวเวอร์แบงค์ กับพาวเวอร์พัพเกิร์ล?’
‘เกี่ยวไรอ่า ไม่เกี่ยวมั้งครับ ’
‘น้องพอจะตอบว่า….’ พิธีกรถามผมซ้ำ
‘ไม่ใช่ทั้ง2อย่างครับ ’ ทุกคนเงียบ ผมก็เงียบ
‘ถูกค่า’ กริ้ดดดดดดดดดดดด
‘คำถามต่อไปเลยคะ ข้าวหน้าเป็ดมีหน้าเป็ดไหม?’
‘หืม ข้าวหน้าเป็ดมีหน้าเป็ดไหม มีแต่ข้าวกับเนื้อเป็ดบางๆไม่ใช่หรอ’ ผมงึมงำกับไมค์ตัวเอง
‘ตอบคะ น้องพอ’
‘ไม่มีครับ ไม่มีหน้าเป็ดอะ’ ทุกคนเงียบเมื่อผมตอบอีกครั้ง
‘ถูกจ้า งื้อ น้องพอของแม่ ชนะแล้วววว’ แฟนคลับก็พากับกริ้ดอีกครั้ง
‘คำถามต่อไปเลยนะ ถ้าเราไปเดินวังหลัง แสดงว่าเราไปเดินอยู่ "หน้าวัง" หรือ "หลังวัง" ?’
‘อะไรเนี่ย ใครจะไปรู้ครับ เอ่อ..’ ผมไม่รู้จริงๆเว้ย
‘ตอบว่าๆ ’
‘ต้องตอบหรอครับ ไม่ต้องไปหรอกครับ แค่ไปตลาดก็พอ’ ผมตอบไปอย่างซื่อๆ เพราะผมก้ไม่รู้ว่าอะไรหน้าวัง อะไรหลังวัง แต่ก้แค่เคยไปเดินเล่นตลาดวังหลังกับเพื่อนบ้างก็เท่านั้นเอง
‘ถูกอีกค่า อร๊ายยย ลูกแม่ตอบถูกอีกแล้ว’ เมื่อผมได้ยินว่าตอบถูก ผมช็อคไป2วิ ฮ่าๆ ผมเกือบกระโดดดีใจ ฮ่าๆ
‘หมดเวลาแล้วจ้า’ เสียงตะโกนจากข้างเวที ทำให้พิธีกรต้องบอกว่าหมดเวลา
‘สรุปเลยนะคะ ว่าเกมส์นี้ น้องพอชนะจ้า!!’
‘ดังนั้นเกมส์นี้ น้องพอต้องป้อนขนมให้น้องฟ้านะคะ เตรียมขนมมาเลยคะ ’

       และทางทีมงานก็ได้เตรียมขนมเค้กและน้ำมาเพื่อป้อนให้กับผู้แพ้นั่นก็คือน้องฟ้า ซึ่งตอนนี้ผมและน้องฟ้ายืนอยู่ตรงกลางเวที กล้องหลายตัวกำลังเล็งมาที่ผมกับน้อง ผมตักขนมเค้กขึ้น กำลังจะยื่นใส่ปากน้อง แต่ผมเลือกที่จะยื่นหน้าเข้ามานิดหน่อย

‘กริ้ดดด น้องพอ ทำไมขี้แกล้ง’
‘พี่พอ ใจบางแทนเลยอ่า’
‘โอ้ยย เจ้าเด้กดื้อของเจ๊’

      จากที่ผมแกล้งน้องฟ้าไป ก็ค่อนข้างได้รับเสียงกริ้ดจากแฟนคลับที่มาร่วมงาน รู้แหละว่าอิจฉา ถ้าอยากจ้องตากัน ก็ใช้แต้มบุญที่เหลืออยู่นะครับเพราะเกมส์ต่อไปเป็นเกมส์ จ้องตา

‘เอาละคะ เกมส์ต่อไป เป็นเกมส์ที่บอกเลยว่า ใครเป็นผู้โชคดี คนนั้นเตรียมใจละลายได้เลย’
‘เกมส์อะไรหรอครับพี่’ ผมถามไปตามสคริป เพื่อไม่ให้บทสนทนาห้วนเกินไป อีกอย่างเป็นการช่วยกันทำงานระหว่างผมกับพี่พิธีกรด้วย
‘คะ เกมส์นี้มีชื่อว่า เกมส์จ้องตา’
‘จ้องตาหรอครับ เอาสิ ผมชอบจ้องตานะ ฮ่าๆ’ ผมเอ่ยขำไป แต่ยังคงได้รับเสียงกริ้ดจากคนในงานอยู่

      เกมส์จ้องตาที่ว่าก็ไม่มีอะไรมากหรอกครับ แค่ให้แฟนคลับผู้โชคดีมาเล่นเกมส์จ้องตากับผม ใครชนะได้กอด คนแพ้ก็ได้กอดคืนด้วย อะๆได้ทั้งขึ้นทั้งล่อง แถมให้อีกอย่าง ถ่ายรูปโพลารอยคู่กันเลย

‘ปะน้องพอ สุ่มเลือกผู้โชคดีเลยดีกว่า’
‘ผมขอสุ่มหมายเลข 1 เลยละกัน ตอบแทนที่มาต่อคิวคนแรกเลย’



...............................................................

วันนี้พาน้องพอมาให้หาทุกคนแล้วนะครับ

ฝากติชมด้วยนะครับ จะได้นำไปพัฒนาต่อ

#รักพอแล้ว

ออฟไลน์ anikarn

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 35
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-0
ตอนที่ 3 สบสายตา


        การที่คนเราจะจ้องตาใครได้โดยไม่โดนด่ากลับมานี่ ผมว่าต้องคุ้นเคยกันพอดูแหละ แต่สำหรับกรณีนี้ ผมต้องมาแข่งกันจ้องตากับแฟนคลับ ที่ผมไม่รู้จักเขา แต่เขารู้จักผม ในฐานะเด็กบ้าคนนึงละนะ หวังว่าเขาจะไม่ว่าอะไร เพราะมันเป็นเพียงแค่เกมส์เซอร์วิสแฟน

‘เอาละค่ะ เชิญหมายเลข1 ขึ้นมาบนเวทีเลย’ แล้วน้องผู้โชคดีก็เดินแหวนผู้คนมายังบนเวที
‘อย่างที่บอกนะคะ เกมส์นี้ไม่ว่าใครจะแพ้จะชนะ ผู้โชคดีก็จะได้กอดสักหนึ่งกอดและยังได้ถ่ายรูปโพราลอยแบบแก้มแนบแก้มยังได้เลย ถ้าน้องไม่เขินอะนะ ฮ่าๆ’
‘ก่อนอื่นอยากให้น้องแนะนำตัวก่อนนะคะ’
‘ชื่ออะไรครับ’ ผมเอ่ยโดยทำเสียงให้นุ่มที่สุด
‘เอ่อ ชื่อมดคะ มด’น้องคนนี้ก็ยังเขินเหมือนคนก่อนเลย น่าแกล้งจัง
‘ถ้าผมจะจ้องตาคุณ คุณจะว่าอะไรไหมครับ’ ผมเอ่ยพร้อมส่งสายตาปิ๊งๆ
‘พี่พอคะ อย่าท้าหนูนะ มาพร้อมมาก’ สิ้นเสียงน้องมดพูด เสียงกริ้ดดังขึ้นระงงมอีกครั้ง
‘ได้ครับ มาวัดกันเลย ชนะ2ใน3 ได้ พี่ให้พิเศษกว่านั้นเลย อยากขออะไร1อย่าง พี่ทำให้หมด ถ้าพี่ทำได้อะนะ ฮ่าๆๆ’

       เกมส์กำลังจะเริ่ม ผมจะทำไงดีไม่ให้มันเป็นแค่เกมส์จ้องตาธรรมดาที่ใครๆก็เล่นกัน อืม ไม่คิดดีกว่า เล่นเถอะ

‘เริ่ม!!’ เสียงพิธีกรส่งสัญญาณ ผมและน้องมดก็เริ่มจ้องตากัน
‘ตามองตาสายตาก็จ้องมองกัน รู้สึกเสียวซ่าน อุ๊ยยยย’ แหน่ะ มีการแกล้งด้วยนะพี่พิธีกร
‘จ้องมองกันอยู่ได้…’ ผมเริ่มขำและทำให้หลบสายตาก่อน ทำให้เกมส์แรกผมแพ้ไปก่อน
‘เย้ รอบแรกน้องมดชนะ ฮ่าๆ’
‘พี่พอ หนูต้องชนะให้ได้ เพื่อด้อม เพื่อด้อม#รักพอแล้ว’ น้องมดขอยืมไมค์พิธีกรมาแล้วพูดขึ้นกับคนข้างล่าง ได้รับเสียงกริ้ดขึ้นมาอีกครั้ง
‘พี่ไม่ยอมหรอกครับ พี่จะขัดขืน ฮ่าๆ’ ผมว่าขึ้นอย่างขำ
‘เอาละค่ะ เกมส์สอง เริ่ม !!’ และผมกับน้องมดก็เริ่มจ้องตากันอีกครั้ง
‘เอาแล้วๆ น้องพอเริ่มร้ายกาจละโว้ย ไอ้ต้าวบ้าเอ้ย’ เสียงพิธีกรว่าขึ้นเพราะว่าผมเอาแขนสองข้างไปข้างไข้ระหว่างไหล่น้องมด แล้วจ้องหน้าจ้องตาเข้าไปอีก
‘ว๊ายย รอบนี้น้องพอชนะ เสมอ1ต่อ 1’ รอบนี้เป็นน้องมดที่เสหน้าหนีก่อน แล้วเอามือปิดหน้าไว้ ผมก็ได้แต่ยิ้มขำให้น้องเบา
‘เป็นไงครับน้องมด เหลืออีก1รอบนะครับ สู้ไหม’ ผมถามอีกครั้ง
‘พี่พออะ แกล้งหนู ไม่ๆ ขอดึงสติแปป’

       ผมให้เวลาน้องมดปรับจูนสติสักพัก แล้วน้องก็หันกลับมาหาผมอีกครั้ง

‘เอาละ รอบสุดท้าย ใครจะเป็นฝ่ายชนะไป เกมส์เริ่มได้ค่ะ!!’
‘เอาแล้วๆ น้องพอใช้มุขเก่าอีกแล้ว น้องมดอย่ายอมๆเพื่อด้อมๆ’ ผมเริ่มเอาแขนไปวางไว้ตรงไหล่น้องเหมือนเดิมแล้วเริ่มขยับเข้าไปอีก
‘อ๊ะ เอ้ย อย่าจี้ดิ เอ้ยๆ’ อยู่ๆน้องมดก็เอานิ้วมาจี้เอวผม ใครบอกน้องวะ ว่าผมบ้าจี้ โถ่เอ้ย
‘อร๊าย น้องพอบ้าจี้หรอ สรุปว่ารอบสุดท้ายนี้ น้องมดเป็นฝ่ายชนะ’ แฟนคลับก็ส่งเสียงกริ้ดกันใหญ่เลย แต่ผมนี่สิ ยังเสียวตรงเอวอยู่เลย
‘เอาละค่ะ ของรางวัลสำหรับผู้ชนะ นั่นก็คือ ให้กอดแล้วก็ถ่ายรูปคู่เนาะ เชิญนำกล้องขึ้นมาค่ะ’

       หลังจากนั้นก็มีคนเอากล้องโพราลอยขึ้นมาให้ผม แล้วผมเลยกอดคอน้อง และยิ้มให้กล้อง พอรูปออกมาผมจึงเซนลายเซนในรูปให้

‘แต่ของรางวัลยังไม่หมดเพียงเท่านั้น ในเมื่อมีคนสัญญาว่าถ้าใครชนะ จะขอให้อีกฝ่ายทำอะไรก็ได้1ข้อ’
‘อ่า จริงด้วย น้องมดอยากขออะไรพี่ครับ อย่าขอยากนะ ขอร้องละครับ’ ผมเอามือมากุมแล้วกระพริบตาปริบๆ
‘เอ่อ หนูยังไม่ได้คิดเลย ไม่ต้องทำก็ได้หรอกมั้งคะ’ น้องมดว่าอย่างคนคิดหนัก
‘ไม่ได้ ขอเลยๆ พี่พอทำได้’ เสียงพิธีกรยุส่ง
‘งั้นหนูขอเรียกหมายเลข สุดท้ายขึ้นมาจ้องตากับพี่ได้ไหมคะ’ หืม เลขสุดท้ายงั้นหรอ มีกี่คนนะ 198 คน น่าจะใช่นะ
‘เดี๋ยวขอถามผู้จัดก่อนว่ายอดเท่าไหร่’ ว่าแล้วพิธีกรก็เดินไปถามผู้จัดงานด้านข้างเวที แล้วเดินกลับมา
‘ได้จำนวนแล้วคะ นั่นคือ หมายเลข 198 เชิญหมายเลข198 ขึ้นมาบนเวทีด้วยคะ’

       สิ้นเสียงพิธีกร ผมก็เห็นเหล่าแฟนคลับที่นั่งอยู่ด้านหน้าเวทีกำลังหันซ้ายหันขวา เพื่อดูว่าใครก็แน่หมายเลข 198 แต่ผ่านไปสักพักก็ยังไม่มีผู้โชคดีเดินออกมา แต่แล้วก็มีใครสักคนกรีดร้องขึ้นมาแล้วทำท่าชี้ๆไปทางคนๆนึง

‘เจอแล้วค่าๆ 198 งื้อหล่อมาก หล่อลากเวอร์’ หืมมม ยังไงนะ ผู้ชายหรอ
‘อุ๊ยยย เจอแล้วคะ ผู้โชคดี โอ้ยหล่อเหลือเกินพ่อ เชิญขึ้นมาข้างบนเวทีเลยคะ’

       ผมเห็นเขาพยายามบ่ายเบี่ยง แต่น้องผู้หญิงคนข้างๆที่ดูเหมือนจะมาด้วยกัน ได้ผลักชายคนนั้นให้ขึ้นมาบนเวที

‘มาเถอะค่าคุณขา เอาทุกคนขอเสียงปรบมือให้ผู้โชคดีท่านนี้หน่อยคะ’

      สักพักชายคนนั้นทำท่าจะเดินมา แต่ไม่มีทางมาเพราะตรงหน้าเขามีคนนั่งเต็มไปหมด แต่ทุกคนก็พร้อมใจแหวกทางให้เขาเดินมา ลักษณะท่าทางดูเหมือนว่าคนๆนี้ต้องออกกำลังกายอยู่เป็นประจำจนทำอกผายไหล่ผึ่งขนาดนั้น และยังมีใบหน้าที่หล่อ อืมหล่อนั่นแหละถูกแล้ว ยิ่งใส่แว่นด้วย อืม หล่อจริง ยอมเลย

‘เย้ ดีใจจัง งานนี้มีผู้ชายหล่อยืนอยู่ข้างฉันถึงสองคน คนแรกก็น้องพอ อีกคนก็ เอ่อ ชื่ออะไรหรอคะ แนะนำตัวได้ไหมคะ’
‘อ่า ครับ ชื่อคุณครับ’ชายคนนั้นเอ่ย
‘อืม พี่คุณ โอ้ยยยย พ่อคุณของพี่’ พิธีกรยังแซวต่อเมื่อได้ยินชื่อ
‘งั้นเวลาเรียกก็ต้องเรียก คุณคุณงี้หรอครับ’ ผมถามอย่างสงสัย แต่ไม่ได้จะกวนทีนเขานะ
‘ครับ เรียกคุณคุณไม่ถนัด เรียกพี่คุณก็ได้ครับ’ พี่เขาตอบแล้วยักคิ้วให้ผมด้วย
‘เอาละคะ อย่าเพิ่งทะเลาะกันทั้งพี่คุณน้องพอ ’ ดีนะพิธีกรห้ามไว้ หึ ไม่งั้นนะ !
‘ก็อย่างที่บอกไปนะคะ เมื่อน้องมดอยากให้หมายเลข 198 มาเล่นจ้องตาก็น้องพอ งั้นเรามาเริ่มกันเลยดีกว่าเนาะ แข่ง 2ใน3 ใครชนะ อืม ยังไงดี ขอให้อีกฝ่ายทำตามคำสั่งแล้วกันเนาะ’
‘ได้พี่ มาเลย ผมพร้อมแล้ว’ ผมทำท่าสูดหายใจ แล้วหันหน้ามาที่อีกคน
‘ผมไม่เล่นได้ไหม ผมไม่ชอบ’ หืม ทำไมว่างี้อะไม่ชอบแล้วมางานมีตติ้งผมทำไมอะ
‘เล่นเถอะคะ เล่นเนาะพ่อคุณ อย่าเพิ่งเกรี้ยวกราดสิ แหม๋’ พี่พิธีกรค่อยๆประโลมคนที่ทำหน้ายุ่ง
‘หรือว่าพี่ไม่กล้า’ ผมท้าทายไป เพราะเริ่มหมั่นไส้คนหน้ายุ่ง
‘หึ พี่ไม่อยากแกล้งเด้กครับ’
‘ใครกันแน่ จะต้องโดนแกล้ง เล่นแค่นี้เอง อย่าป๊อดดิ’
‘หืม ท้าทายหรอ ได้ครับ เล่นก็ได้’

       จากนั้นพิธีกรก็ส่งสัณญาณว่าเริ่มจ้องตากันได้ ผมเริ่มจ้องตาพี่เขา พี่เขาก็จ้องตาผมกลับ

‘เอาละคะแฟนคลับทุกท่าน ใครจะเชียร์ใครส่งเสียงมาเลย’
‘น้องพอ สู้ๆลูก อย่ายอมๆ’
‘พี่คุณ อย่ายอมเด็กดื้อนะ สู้เค้าพี่คุณ’

      หลายเสียงแตกเป็นส่องฝั่งบ้างก็เชียร์ผม บ้างก็เชียร์พี่คุณ แค่เล่นเกมส์จ้องตาทุกคนต้องจริงจังขนาดนี้เลยหรอ อืม ไม่ได้สิ ผมต้องจริงจังด้วย ผมไม่มีทางแพ้พี่เขาหรอก จากนั้นผมก้เริ่มเพ่งอีกครั้ง แต่สายตาพี่เขาเริ่มแข็งขึ้น และส่งยิ้มมุมปากมาให้ผมหน่อยๆ อ๊ะ ผมทนไม่ไหวอะ

‘อร๊าย รอบแรก พี่คุณชนะ หี กร้าวใจมากค่ะคุณขา’ หืม แพ้ได้ไงเนี่ย ไม่ได้ๆ
‘ผมบอกแล้ว ว่าผมไม่อยากแกล้งเด็ก’ พี่เขาว่าขึ้นจนผมมองหันขวับ
‘เหอะ อย่ามัวพูดเลย มารอบสองได้เลย รอบนี้ไม่แพ้แน่’ ผมเร่งพิธีกรทันที
‘เอาละคะ รอบที่สอง เริ่มได้!!’

        ผมว่าผมต้องใช้ไม้ตายแบบที่เคยเล่นกับน้องมดเสียแล้วแหละ ผมเลยยกมือขึ้นมาวางไว้ตรงบ่าของพี่เขา แล้วยิ้มให้โดยคิดว่าเป็นยิ้มที่สดใสที่สุดในโลกแล้ว
 ‘เย้ ผมชนะ’ ผมร้องออกมาเมื่อเห็นว่าอีกคนเสหน้าหนี แล้วหันกลับมาตีหน้านิ่งอีก
‘ต่อเลยครับๆ จะได้ตัดสินสักที ว่าใครจะชนะ’ ผมเร่งพิธีกรอีก เพระคิดว่าสมาธิอีกฝ่ายน่าจะยังไม่กลับมา
‘โอเค รอบสุดท้ายตัดสินแล้วนะว่าใครจะชนะ เชิญทั้งคู่หันหน้าเข้าหากัน ถ้าพร้อมแล้ว เริ่มได้ !!’

       อืม รอบสุดท้ายเอาไงดีนะ มุขเดิมละกัน เพราะพี่เขาน่าจะตั้งตัวไม่ทันอีก หึ แต่…พอผมยกแขนขึ้นบ่าของเขา เขากลับเอามือมาวางไว้ที่สะโพกของผม แล้วขยับตัวเข้ามา ให้ใบหน้าของเขาและผมใกล้ชิดกันกว่ารอบไหนๆ เชี้ย เอาแล้วไง พี่แม่งไม่ได้มาเล่นๆวะ แต่ทำไมยิ่งนานพี่มันยิ่งขยับเข้ามาจนจมูกแทบจะชิดเขาแล้วนะ

‘อร๊ายย พ่อมาแรงมาก ตายไปเลยจ้า’
‘ใจบางมากพ่อ’
‘พี่คุณคนจริง งื้ออ ไม่รู้จะอิจฉาใครเลย’
‘น้องพอๆ อร้ายๆ อย่าเพิ่งหลบตาสิลูก อร้ายย’

       พอนานๆไป เป็นผมเองที่คุมสติไม่ได้ แหม๋ก็เล่นจ้องหน้าคนหล่อขนาดนี้ เหอะ ยังไม่รวมอาการใจสั่นเล็กๆที่เกิดขึ้นอีกนะ อ่า ให้ตายเถอะ ยอมแพ้ก็ได้วะ

‘สรุปนะคะว่า รอบตัดสิน พี่คุณชนะ เย้’ ผมหันไปมองใบหน้าเขาที่กำลังยกยิ้มขึ้นเล็กๆ ภูมิใจมากหรอ แค่เล่นเกมส์แค่นี้
‘เอาเป็นว่า พี่คุณอยากขออะไรน้องดีคะ เชิญค่ะ’
‘อืม ยังไงดีละครับ’ เขาหันไปถามเหล่าแฟนคลับของผม แล้วหันมามองหน้าผม
‘เอาเป็นว่า ดื้อให้มันน้อยๆลงหน่อยนะครับ ขอบคุณครับ’ หือ นี่คือคำขอหรอ แปลกดีแฮะ
‘ขอตัวนะครับ ขอบคุณครับ’ เขาว่าเสร็จก็ส่งไมค์กลับมาให้พิธีกร แล้วเดินลงไปทันที

       พอเขาเดินลงไปเสร็จพิธีกรตั้งสติอีกครั้งหนึ่งแล้วยังดำเนินการต่อไป แม้จะยังงงๆกับเหตุการณ์ข้างต้นอยู่

‘อ่า ต่อไปเนาะ ต่อไปจะเป็นช่วงที่น้องพอต้องมาแสดงความสามารถ ซึ่งพี่ก็ไม่รู้ว่าน้องพอจะทำอะไร เชิญฝ่ายจัดงานขึ้นมาเตรียมของ ส่วนน้องพอไปแสตนบายรอเลยคะ’
‘อืม เห็นขาไมค์แล้ว รู้เลยนะคะว่าน้องจะมาทำอะไร น่าจะร้องเพลงเนาะ คงไม่ได้เอามาฟ้าดใครหรอกใช่ม่ะ ฮ่าๆ’

       เมื่อทุกฝ่ายเตรียมของบนเวทีเสร็จแล้ว นั่นก็คือ เก้าอี้ ขาตั้งไมค์ และผมก็ถือกีตาร์โปร่งขึ้นมาด้วย
‘เริ่มอยากรู้แล้วสิ ว่าเด็กดื้อคนนี้จะร้องเพลงได้เพราะขนาดไหน’ สิ้นเสียงพิธีกรเอ่ย ก็ได้รับเสียงปรบมือขึ้นอีกครั้ง ผมก็ก้มหัวให้เล็กน้อย แล้วไปนั่งบนเก้าอี้ ปรับจูนกีตาร์สักเล็กน้อย
‘อ่า งานครั้งนี้จะเกิดขึ้นไม่ได้เลย ถ้าผมไม่มีเบื้องหลังที่ดี และแฟนคลับที่คอยสนับสนุนผมมาตลอด ติดตามกันมาตั้งแต่ผมยังเป็นแค่เด็กคนหนึ่งในมหา’ลัยที่ชอบทำกิจกรรมนั่นนี่ บางทีก็ดื้อบ้าง บ้าบ้าง แต่ผมก็บริสุทธิ์ใจที่จะแสดงออกจริงๆ ผมเลยคิดว่า ถ้าจะตอบแทนคำขอบคุณให้ทุกคนได้นั่นคงจะร้องเพลงให้ฟัง เพลงนี้ผมซ้อมมาค่อนข้างนาน เพราะผมตั้งใจจริงๆ เชิญรับฟังครับ’

‘ฉันเคยเกือบพลาดสิ่งที่ดีที่สุดในชีวิต
หากในวันที่ฉันล้มอยู่ ไม่มีหนึ่งใจของเธอ
ฝันคงจบ หลายสิ่งที่ดีคงหมดทางได้เจอ
หนึ่งกำลังใจที่ยิ่งใหญ่ ไม่ลืมได้เลย...’

‘ขอบคุณที่รักกัน...
ขอบคุณทุกครั้งที่คอยกอดฉัน
ในวันที่ปัญหา ถาโถมเข้ามาใส่
จะตอบแทนความรัก ที่ฉันได้จากเธออย่างไร
ก็รู้ดีว่าไม่พอ แต่ขอทำให้ดีที่สุด’

‘สักวันหนึ่งฉันอาจต้องล้มลงอีก ใครจะรู้
แต่ถ้าเธอไปด้วยกันอยู่ ก็ไม่หวั่นกลัวเท่าไร
เรื่องบางอย่าง ฉันอาจได้เคยพูดบอกเธอออกไป
แต่อีกมุมนึงของหัวใจ ไม่เคยพูดเลย’

‘ขอบคุณที่รักกัน...
ขอบคุณทุกครั้งที่คอยกอดฉัน
ในวันที่ปัญหา ถาโถมเข้ามาใส่
จะตอบแทนความรัก ที่ฉันได้จากเธออย่างไร
ก็รู้ดีว่าไม่พอ แต่ขอทำให้ดีที่สุด’

       ถ้าวันนั้นผมเลือกที่จะปฏิเสธทุกอย่าง ไม่ว่าจะเป็นการเข้าร่วมกิจกรรมกับเพื่อนๆไม่ว่าจะในคณะหรือทางมหาวิทยาลัย รวมถึงการปฏิเสธเจ๊ตั้มที่เข้ามาปลุกปั้นให้ผมเข้ามาเดินถนนสายบันเทิงนี้ แม้ว่าตอนนี้จะยังเป็นเด็กตัวเล็กๆคนหนึ่งอยู่ก็ตาม การที่ผมได้มีแฟนคลับที่มางานมีตติ้งของผมในวันนี้ แม้มันจะไม่ได้มากมาย แต่เค้าก็คือคนที่คอยซัพพอร์ตเรา คนที่ให้กำลังใจ ผมสัญญาว่าจะรักษาคนเหล่านี้ไว้ จะตัดสินใจทำแต่สิ่งที่ดี ที่เป็นความสุขเพื่อเขา แต่ก็ต้องเป็นความสุขแกตัวผมด้วย เพราะผมก็ยังยืนยันว่าผมก็แค่เด็กดื้อคนหนึ่งที่เข้ามาทำหน้าที่มอบความสุขให้กับทุกคนเท่านั้น

‘ครับ ก็จบไปแล้วนะครับ เอาจริงเกือบร้องไห้แหละ แต่ฮึ้บไว้ก่อน ฮ่าๆ’ ผมแอบเห็นบางคนเช็ดน้ำตาเบาแล้วส่งยิ้มมาให้ผมด้วย
‘ก่อนอื่นต้องขอขอบคุณทุกคนเกือบ200คนในที่นี้ด้วยนะครับ ที่มาสนุกร่วมกัน สร้างความสุขร่วมกัน’
‘ผมไม่มีทางรู้เลยว่าชื่อเสียงอะไรแบบนี้มันจะอยู่กับผมได้นานเท่าไหร่’
‘และผมคงไม่สัญญากับใครนะ ว่าจะสร้างความสุขแบบนี้ไปถึงเมื่อไหร่’
‘ตราบที่มันยังเป็นความสุขให้ใครอยู่ แม้จะคนเดียว ผมก็จะทำ…’
‘ขอบคุณที่รักกันนะครับ’

       ช่วงที่ผมพูดจบ น้ำตาผมรื้นออกมาเฉยเลย อดจะเช็ดน้ำตาเบาๆไม่ได้ และผมจะสะอื้นหนักไปกว่านี้ไม่ได้ เพราะกิจกรรมของเรายังไม่หมด ยังเหลือช่วงประมูลภาพเพื่อหารายได้ไปมอบเป็นทุนให้บ้านเด็กกำพร้า

‘เอาละทุกคนคะ อย่าร้องไห้กันสิ เดี๋ยวพี่จะร้องตามด้วย อะน้องพอ ทิชชู่สักนิดนะลูก’ พี่พิธีกรพูดขึ้นระหว่างที่ทุกคนกำลังซึ้ง และส่งทิชชู่ให้ผม
‘กิจกรรมของเรา ใกล้จะถึงที่สุดแล้วนะคะ เพราะช่วงต่อไปเป็นช่วงทำบุญจ้า’
‘ใครอยากประมูลรูปบ้าง ขอเสียงหน่อยจ้า’
‘กริ้ดๆๆ แม่เองลูก งานนี้แม่สู้’
‘พร้อมมาก งานนี้พี่สู้ด้วย’
‘งื้อ เงินจะพอไหมเนี่ย อย่าสูงกันนักนะพวกเธอ’

       ถึงช่วงเวลาของนักประมูลกันแล้วแหละครับ ผมมีรูปอยู่ 3 รูป พร้อมลายเซนต์ซึ่งจะแตกต่างกันกันทั้ง3รูป อย่างที่บอกไปนะครับว่ารายได้ตรงนี้จะนำไปบริจาคบ้านเด็กกำพร้า

‘การประมูลครั้งนี้ ผมไม่ได้บังคับให้ทุกคนประมูลนะครับบอกไว้ก่อน แต่ผมแค่อยากได้เงินไปให้น้องๆบ้านกำพร้าเท่านั้นเอง’ ผมทำหน้าทำตาอ้อนๆส่งไปให้เหล่าแฟนคลับ
‘รูปแรกนะครับ รูปนี้ผมตั้งใจมาก เก๊กท่าตั้งนานแหนะ ช่วยประมูลด้วยนะครับผม บิทไม่ต่ำกว่าละ300 นะครับ เริ่มที่ 1,000บาท’ ภาพแรกเป็นภาพผมยืนถืออมยิ้มอยู่และกำลังยิ้มให้กล้อง ในโทนสีสดใส
‘โอเค เริ่มได้ครับ’ ผมชูรูปขึ้น พร้อมถือไมค์ไปด้วย
‘1,300 ค่ะ’ นั่นไงรายแรก
‘1,600ค่ะ’ นี่ไงรายสอง
‘2,000ไปเลยค่ะ’ หืมมมมม เอาละเหว๋ย
‘3,000 สุดๆเลยเว้ยแก’ โอ้ววว
‘3,500ค่า’ พี่สาวคนนั้นครับ 3500แล้ว
‘4,000จ้า’ 4000แล้ว ฮืออ
‘4,000บาทครั้งที่ 1’ ผมเริ่มนับเมื่อเห็นว่าทุกคนนิ่งกันแล้ว
‘4,000บาทครั้งที่ 2’ ผมเห็นหลายคนกำลังเลิ่กลั่กกัน หันซ้ายหันขวา
‘4,000บาทครั้งที่ 3’ อ๊า ภาพแรกได้ 4000ครับ พอได้แหละน่า
‘ดิฉันขอเชิญผู้ประมูลภาพน้องพอภาพแรกขึ้นบอเวทีนะคะ มาถ่ายรูปที่ระลึกกันสะหน่อย’ พี่พิธีกรช่วยเรียกคนที่ประมูลได้ขึ้นเวที ก็พบว่าเป็นพี่ผู้หญิงท่านหนึ่ง
‘สวัสดีครับ ขอบคุณนะครับ ’ ผมเอ่ยขอบคุณเขาที่เขาอุตส่าประมูลภาพผม
‘ขอสัมภาษณ์หน่อยได้ไหมคะ ชื่ออะไรเอ่ย’ พี่พิธีกรถามผู้หญิงท่านนั้น
‘อ่า ชื่อฝ้ายคะ จากโคราชค่ะ’
‘มาจากโคราชเลยหรอครับพี่’ อ่า ยิ่งต้องขอบคุณใหญ่เลย ที่เดินทางมางานวันนี้
‘ใช่ค่ะ มาหาน้องพอโดยเฉพาะเลย ขอถ่ายรูปด้วยได้ไหมคะ’ พี่เขาเอ่ยขอ
‘ได้ครับ ยินดีครับ’ ผมยื่นมือไปรับมือถือของพี่เขา และกดถ่ายทันที กดไปหลายรูปเลย เผื่อกันพลาด

        จากภาพแรกไปแล้ว ต่อไปก็เป็นภาพที่สอง เป็นภาพที่ผมกำลังนอนทับตุ๊กตาตัวใหญ่ในโทนสีชมพู
‘รูปที่สองนะครับ เริ่มที่1000บาทเช่นเคย และบิทไม่ต่ำกว่า 300เช่นเคยครับ’
‘ถ้าทุกคนพร้อมแล้ว เริ่มประมูลได้ครับ’
‘1500เลย น่ารักเกินไปแล้ว’ เริ่มได้ดีครับ
‘2000 สู้สุด’ อ่า เยี่ยมครับ
‘2500สู้กว่า’ เอาแล้วเหว๋ยๆ
‘5000 ไปค่ะ จบๆ’ OMG!!
‘6000ค่ะ บอกเลยว่าพี่ต้องได้ภาพนี้’ โอ้ยจะเป็นลมครับ 6พันแล้ว
‘…………….’ เริ่มนิ่งแล้ว ทำไงดีนะ
‘6000บาทนี่ได้ข้าวไม่กี่มื้อเองนะครับ’
‘6500ก็ได้ค่ะน้องพอ’ เอาละมันขึ้นวะ
‘7000 จบเถอะค่ะ ’ อย่าเพิ่งจบสิครับ
‘……………’นิ่งอีกแล้ว
‘7000 บาทครั้งที่ 1’ เงียบ….
‘7000บาทครั้งที่2’ นิ่งเลยอ่า
‘7000บาทครั้งที่ 3 ปิดจ๊อบครับผม’ ผมยิ้มให้ แล้วกล่าวเชิญผู้ประมูลภาพได้ขึ้นมาบนเวที ครั้งนี้ผมลงไปรับเองเลย
‘สวัสดีครับ ขอบคุณมากนะครับที่ร่วมทำบุญครั้งนี้ ’
‘ยินดีค่ะ น้องพอ พี่ขอถ่ายรุปร่วมด้วยได้ไหม พี่มาไกลอ่า’
‘มาจากไหนครับ’ ผมเอ่ยถาม
‘อ่อ คอนโดอยู่ตรงข้ามงานนี่เอง อิอิ’ โหยยยยยย ไกลมากพี่ครับ
‘หืม ตึกนั้นหรอครับ อืม ใกล้จริงๆด้วย แต่ยังไงก็ขอบคุณที่มางานนะครับ’ ผมหยิบมือถือของพี่ขึ้นมาแล้วกดถ่ายรูปคู่ร่วมกับผู้ประมูลภาพได้ไป

       และถึงคิวสุดท้ายของงาน เป็นภาพเอ็กคลูซิพ ที่ค่อยข้างเผ็ด เพราะรูปนี้เป็นภาพผมที่ยืนถอดเสื้ออยู่ และปากคาบดอกกุหลายอยู่ สายตากำลังมองทะลุเลนส์กล้อง เป็นภาพที่เปลืองเนื้อเปลืองตัวมาก ผมอุตส่าฟิตออกกำลังกายแต่ก็ได้ดีสุดแค่หุ่นลีน แต่มันก็สมส่วนอยู่ ผมค่อนข้างพอใจเลยแหละ

‘กริ้ดดดดดดดดดด เผ็ดมากแม่เอ้ย รอบนี้ฉันสู้’
‘หูย แซ่บมากเด็กดื้อ ฮื้ออออ’
‘ลีนดีจัง หลัวมากน้องพอ’

       เสียงตอบรับจากปากแฟนคลับค่อนข้างดีกว่า2ภาพแรก คงเพราะ อืม อย่างที่เห็นนั่นแหละครับ
‘เอาละครับ จะเริ่มเปิดประมูลแล้วนะครับ กติกาเดิมเลย เริ่มต้นที่ 1000บาท บิทไม่ต่ำกว่า 300’
‘ถ้าพร้อมแล้ว เริ่มได้ครับ’ สิ้นเสียงผม ก็เกิดความวุ่นวายขึ้นพากันแย่งประมูลกันเต็มที่
‘2000บาทค่า’ เอาละ มันเริ่มได้ดีครับ
‘2500ไปเลยจ้า’ มาหว่ะๆ
‘3500’ งือ ขึ้นเร็วมาก
‘4000’ อ๊าก ไม่ไหว
‘4500’โอ้ยยยยยยย พี่ครับ ขึ้นอีกๆ
‘6000’ เอาแหล่วๆ
‘6500’โอ้ววววก๊อต
‘8000’ อื้มมมม จะเป็นลมครับ
‘15000’ แม่เจ้าโว้ย!! ใครกัน เสียงผู้หญิง
‘20000’ พี่ครับ สูงแล้ว เสียงใครกัน เสียงผู้หญิงอีกแล้ว
‘20000บาทครั้งที่ 1’ราคานี้จริงๆสินะ
‘20000 บาทครั้งที่ 2’ เท่านี้ก็เพียงพอแล้วแหละ

‘100,000บาทครับ!!’ ห๊า !! อะไรนะ หูฝาดปะเนี่ย

กริ้ดดดดดดด 100,000 OMG บ้าไปแล้ว รูปผมเนี่ยนะประมูลได้ 1แสนบาท ล้อเล่นปะเนี่ย ขอกริ้ดได้มั้ยครับ

เสียงกริ้ดพากันดังขึ้น เพราะเสียงทุ้มที่เอ่ยขึ้นว่า 100,000บาท
‘พี่คุณ หรอ ใช่มั้ยๆแก ’
 ‘เออ พ่อมาเอง 100,000ไปเลย กูแพ้แล้ว’ เสียงคนพูดกันเซ็งแส่…



.......................................................................

วันนี้พาน้องพอมาพบกับสายเปย์ครั้งแรก
เป็นอย่างไรบ้าง หวังว่าจะชอบกันนะครับ

#รักพอแล้ว

ออฟไลน์ Billie

  • "Let come what comes, let go what goes and see what remains. That is what is real"
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3327
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +78/-6

ออฟไลน์ anikarn

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 35
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-0
ตอนที่ 4 พี่คุณสายเปย์


‘เฮีย อย่าลืมพาน้องไปนะ ใกล้ถึงวันแล้ว เคลียร์คิวไว้ด้วยละ’

      นี่คือเสียงร้องขอจากน้องสาวแท้ๆของผมที่พยายามเตือนผมให้พาเธอไปงานมีตติ้งของ อืม ดาราหรอ ก็ไม่เชิงนะ เพราะยังไม่เห็นจะแสดงอะไรกับเขาเลย หรืออาจจะเรียกว่าเนตไอดอล  แต่ก็ไม่ใช่อีกละ ไม่รู้จะจำกัดความยังไงดี เอาเป็นว่า เป็นคนที่กำลังจะดังและมีแฟนคลับคอยติดตาม และอยากจะจัดงานมีตติ้งเพื่อขอบคุณแฟนคลับกลุ่มนี้
       ภายใน1เดือนน้องสาวผมพยายามบอกพยายามเตือนว่า อย่าลืมพาเธอไปงานดังกล่าวนะ เพราะผมเคยพูดไว้ว่า เป็นผู้หญิงไปไหนมาไหนคนเดียวกันไม่ดีหรอก เดี๋ยวพี่ไปด้วย หลังจากที่ผมพูดคำนั้นออกมา ตลอดชีวิตผมหลังจากนั้นมาก็ต้องคอยเทียวรับเทียวส่งเธอ ไม่ว่าจะเป็นไปโรงเรียนหรือแม้แต่มหาวิทยาลัย ที่บ้านผมก็บอกว่าดีแล้ว เป็นพี่ต้องดูแลน้อง แต่อืม ดูแลเกินไปไหมครับคุณพ่อคุณแม่
   
‘รู้แล้วน่า ขอทำงานก่อนครับน้องเมย์’
‘หนุก็แค่เตือนพี่เฉยๆ กลัวลืมไง’ เธอเดินเข้ามาทำท่าออเซาะผม
‘พี่ถามจริงนะเมย์ พี่ไปส่งเฉยๆได้ไหม ไม่อยากเข้างานอะ’ ผมเสตาจากเอกสารตรงหน้าแล้วหันไปถามเธอ
‘พี่คุณ เข้าไปกับหนูแหละ นะๆ’
‘แล้วไม่ชวนเพื่อนไปละ’ ผมถามกลับ
‘เพื่อนไม่ว่าง นางไปเที่ยวกับที่บ้าน’
‘สรุปพี่ต้องไปจริงๆหรอครับ พี่ไม่รู้จักเขานะ’
‘นี่หนูพยายามพูดเรื่องของเขาให้พี่ฟังตั้งเยอะแยะ มันไม่ซึมเข้าไปในสมองพี่เลยหร๊อ’
‘ใจเย็น อย่ารุนแรงดิ ฮ่าๆ’ผมขำให้เธอเพราะเขาทำท่าทางจริงจังจนตลก
‘เฮ้อ พี่อะ ขอตีหน่อยเถอะ’

       เราสองคนโตมาในครอบครัวซึ่งพ่อแม่เป็นนักธุรกิจทั้งคู่ครับ พ่อแม่ผมเริ่มทำธุรกิจอัญมณีส่งออกครับ ผมเลือกเรียนคณะบริหาร เพื่อที่หวังว่าจะได้มาสานต่อสิ่งที่พวกท่านทำไว้ ผมกับน้องอายุห่างกันประมาณ7 ปี ตอนนี้ผม28แล้ว ส่วนน้อง21ครับ น่าจะใกล้จบแล้วเช่นกัน แต่เธอก็ยังเป็นเด็กในสายตาผมอยู่นั่นแหละ ก็ดูสิ ชวนพี่ที่เป็นผู้ชายไปดูเด็กผู้ชายที่ตัวเองบอกว่าชอบนักชอบหนา
       ถ้าถามว่าผมรู้อะไรบ้างเกี่ยวกับคนที่น้องผมจะพาไปดู อืม รู้ชื่อว่าชื่อ ‘พอแล้ว’ เป็นรุ่นน้องของน้องผม เรียนมหา’ลัยเดียวกัน แต่คนละคณะ เพราะเธอเรียนบริหารเช่นเดียวกับผม ส่วนเด็กคนนั้นน่าจะนิเทศ ชอบทำกิจกรรมนั่นนี่ ตามที่เธอมาเล่าให้ผมฟัง เธอเคยเอารูปให้ผมดูบ้าง ผมได้เห็นหน้ามาบ้าง อืม ก็น่ารักดี แต่น่าจะดื้อ เอาจริงผมไม่ค่อยชอบเด็กดื้อเท่าไหร่นะ
       ตอนที่เธอวิ่งมาบอกว่าเด็กคนนี้กำลังจะมีงานมีตติ้งเป็นของตัวเอง หืม ผมแอบคิดว่า ดังขนาดนั้นเลยหรอ แต่ก็ไม่ได้ถามอะไรไป กลัวน้องสาวน้อยใจ ฮ่าๆ น้องสาวผมใช้ความพยายามทุกวันในมื้ออาหารพูดให้ฟังทุกวันว่าเด็กคนนั้นน่ารักอย่างนุ้น น่ารักอย่างนี้ จนพ่อกับแม่ต้องช่วยห้ามปรามบ้าง แต่ผมก็ได้แต่ ‘อืมๆ’ไป
       ผมเคยถามน้องสาวผมนะว่า ทำไมผมต้องไปด้วย เธอบอกว่า เป็นพี่ก็ต้องพาน้องไปสิ หืม ใช่หรอครับน้องเมย์  ตัวเองชอบเขาก้ไปคนเดียวสิ มาลากพี่ไปทำไม งานก็เยอะยังจะต้องแบ่งเวลาไปงานมีตติ้งดังว่าด้วย
       เธอเล่าให้ฟังว่าในงานมีตติ้งส่วนใหญ่ จะมีให้เหล่าแฟนคลับผู้โชคดีขึ้นไปร่วมเล่นเกมส์กับคนดังคนนั้น บางครั้งจะมีประมูลของเพื่อนำรายได้ไปบริจาคด้วย ซึ่งผมคิดว่าจุดประสงค์นี้น่าสนใจนะ ผมเคยคิดนะว่าอยากทำการกุศลขึ้นสักงานโดยนำดาราที่ค่อนข้างมีชื่อเสียงมาใส่เครื่องเพชรที่บริษัทเราออกแบบ แล้วจัดทำการกุศลซะ

‘เมย์ พี่อยากกินกาแฟ ไปชงให้พี่หน่อย’ ผมสะกิตน้องที่กำลังเล่นมือถืออยู่ข้างๆผมที่กำลังนั่งอ่านเอกสารอยู่บนโซฟา
‘พี่จะกินทำไม วันนี้ดื่มไป2แก้วแล้วนะ อีกหน่อยก็เย็นแล้วเนี่ย’ เธอบ่นออกมา แต่ตัวก็ยังนอนอยู่
‘อีกแก้วนึงนะครับนะ ไม่งั้นพี่ไม่พาไปงานนะ’ พอเธอได้ยินคำว่าไม่พาไปงาน เธอลุกตึงตังไปครัวเพื่อหากาแฟมาให้ผมทันที
‘พี่อะ ชักจะติดกาแฟหนักแล้วนะ’ ขอบคุณที่เตือนนะครับน้องสาว แต่ตอนนี้พี่ไม่ไหวจริงๆ
‘เออนี่ งานที่เราจะไป ต้องเตรียมป้ายไฟไหม เหมือนให้ละครอะ’ ผมแกล้งถามเธอ
‘เออวะ ทำดีไหมพี่ แต่เราไปสองคน ถ้าทำใหญ่จะถือไหวไหม’ เธอทำท่าทางเหมือนคนเพ้อเจ้อเลยครับ
‘พี่ถามเล่นหน่า แค่ไปให้ทัน ให้ได้เข้างานก่อนเถอะ’ ผมว่าขึ้นเพราะงานนี้เท่าที่เธอเล่ามาไม่มีขายบัตรใดๆ เข้างานฟรี ใครมาก่อนได้นั่งก่อนเท่านั้นเอง

       จากวันนั้นที่ผมกับน้องได้นั่งคุยกับที่บ้านก็เกือบอาทิตย์นึงพอดี เพราะผมกลับมานอนที่คอนโดแล้วไปทำงานซึ่งก็คือที่ๆพ่อแม่ทำงานนั่นแหละครับ ส่วนเธอก็เฝ้าบ้านไปเพราะบ้านเราใกล้มหาวิทยาลัยที่เธอเรียนพอดี เวลาเกือบอาทิตย์ที่ผ่านมาชีวิตผมค่อนข้างยุ่ง ธุระติดต่อกับลูกค้าเยอะแยะไปหมด ถ้าไม่ได้ผู้ช่วยคนสนิทที่พ่อหามาให้ ตารางชีวิตผมคงพัง ต้องขอบคุณเขาจริงๆ
       เคยมีคนบอกว่าผมบ้างาน แต่ผมว่าก็ไม่ได้บ้างานนะ แค่อยากสะสางงานให้เสร็จไวๆ ยิ่งงานเสร็จเร็ว ผมยิ่งมีเวลาไปฟิตเนตบ่อยขึ้น วันหยุดหรือหลังเลิกงานผมมักหาเวลาไปออกกำลังกาย เพราะอายุอานามก็ย่างเข้า 30 แล้ว ยิ่งต้องดูแลตัวเอง เผื่อวันไหนมีสาวมาตกหลุมรักขึ้น เขาคนนั้นคงจะโชคดีเพราะนอกจากที่จะได้แฟนหล่อแล้ว ยังได้แฟนหุ่นดีด้วย หึ
       
‘พี่คุณ อย่าลืมมารับหนูที่บ้านนะ อย่าสายหล่ะ’ เธอส่งข้อความมาเตือนผมอีกครั้งหลังจากที่เราไม่ได้คุยกันเรื่องนี้เลย เอาจริงผมคิดว่าน้องสาวผมเธอจะลืมเสียแล้วอีก แต่ที่ไหนได้ จำเก่งชะมัด

       พอถึงวันงานจริง ผมตื่นแต่เช้ากะว่าจะมาทานข้าวเช้ากับพ่อแม่ที่บ้านก่อน สายๆค่อยออกเดินทาง งานเริ่มตั้งช่วงเย็น ไปแวะหาไรกินกับน้องตอนบ่ายที่ห้างก่อนก็ได้

‘พ่อแม่ สวัสดีครับ ’ผมเดินเข้ามาในบ้านที่ทุกคนกำลังตั้งโต๊ะอาหารกันอยู่ เราอยู่กัน4คนครับ ไม่มีแม่บ้านใดเพราะแม่คิดว่าถึงจะทำธุรกิจส่วนตัวก็ต้องหาเวลามาทำงานบ้านด้วย
‘นั่งก่อนๆพี่คุณ อะน้องเมย์ตักข้าวให้พ่อให้พี่คุณเลยค่ะ’ แม่บอกน้อง และผมก็เอากระเป๋าไปวางใกล้บริเวณนั้น
‘เป็นไงบ้างละคุณ พักบ้างนะลูก ไม่ต้องบ้างานก็ได้หรอก ยังไงลูกค้าก็ไม่ไปไหนหรอก’ พ่อเอ่ยขำๆขึ้น
‘พยายามไม่บ้างานแล้วครับ กลัวไม่มีแฟน’ ผมเอ่ยติดตลกบ้าง
‘นั่นสิ ตั้งแต่เลิกกับคนนั้นไป ก้ไม่เห็นพาใครมาบ้านอีกเลย’ พ่อว่า
‘ยังไม่อยากมีจริงๆครับ อยากทำงานไปก่อน ถ้ามันจะมีมันก็คงมีนั่นแหละครับ’
‘เออ ถ้ามีก็พามาบ้านบ้างละกัน เอาๆ กินข้าวกันเถอะ เดี๋ยวข้าวจะเย็นหมดก่อน’ พ่อเอ่ยขึ้น

       จากนั้นพวกเรา4คนพ่อแม่ลูกก็พากันนั่งทานข้าวมื้อเช้าที่แม่และน้องสาวตื่นมาทำร่วมกัน ส่วนพ่อก็ไปรถน้ำกล้วยไม้ใต้ต้นไม้หน้าบ้านเพื่อรอผมกลับมาจากคอนโด เราพยายามหากิจกรรมที่ทำร่วมกันทั้งครอบครัว ซึ่งไม่จำเป็นว่าต้องเป็นสิ่งที่ทุกคนชอบในแบบเดียว แต่แค่อยู่ใกล้กัน ได้มองเห็นว่าใครอีกคนกำลังทำอะไรอยู่ใกล้ๆกัน พ่อเคยบอกว่า ครอบครัวจะไม่เป็นครอบครัวเลยถ้าทุกคนไม่เข้าใจกัน เพราะฉะนั้นเราจึงต้องพยายามเข้าใจกันและกันว่าชอบอะไร อยากทำอะไร นั่นคือความใส่ใจนั่นแหละครับ

‘น้องเมย์ พี่ขึ้นไปนอนพักก่อนนะ ถ้าใกล้ถึงเวลาก็มาปลุกพี่ก็แล้วกัน’ ผมเดินไปบอกน้องสาวที่วุ่นๆในครัวกับคุณแม่
‘ได้คะ พี่คุณไปพักเลย’ เธอตอบตกลงกับผม เพราะถ้าไม่มาปลุกผมนั่นหมายถึงเธออดไปงานมีตติ้งกันแน่ๆ
‘จะไปไหนกันพี่น้องคู่นี้’ แม่ถามขึ้น
‘อ่อ พาน้องไปดูผู้ชายครับ ฮ่าๆ’
‘ไม่ใช่แบบนั้นนะคุณแม่ พี่คุณอะ แม่หน้างอแล้วเนี่ย’ เธอพยายามเดินเข้าไปง้อแม่ เพราะเห็นว่าแม่กำลังไม่เข้าใจแน่ๆว่าทำไมต้องไปดูผู้ชายอะไรนั่นด้วย
‘คืองี้ค่ะ วันนี้มีงานมีตติ้งดารากับแฟนคลับ เขาเป็นรุ่นน้องผู้ชายซึ่งหนูแค่ชื่นชอบเขาเฉยๆ ไม่มีอะไรหรอกค่ะ นี่ก็เลยให้พี่คุณไปด้วยไงคะ’ เธออธิบายเหตุผลไปเพราะอยากให้แม่เข้าใจได้ง่ายที่สุด
‘อ่อ ถ้าอย่างนั้น พี่คุณต้องดูแลน้องดีๆนะคะ’แม่หันมาบอกผม
‘ได้ครับผม จะดูแลเป็นอย่างดี ถ้าน้องกริ้ด ผมจะมาฟ้องคุณแม่’ ผมว่าเสร็จก็ชิ่งเดินหนีขึ้นมานอนข้างบนบ้านทันที

       ช่วงเวลาเกือบจะบ่ายโมงที่ผมตื่นขึ้นมา ถ้าจำไม่ผิดผมบอกน้องสาวผมให้มาปลุกนะ แต่นี่ยังไง ไม่ยอมมาปลุกปล่อยให้นอนเสียนานเลย แล้วอย่างี้จะไปงานทันไหมเนี่ย
       ผมตัดสินใจเดินลงจากเตียงแล้วตามหาเธอ พบว่าเธอนอนหลับกอดหนังสือนิยายอยู่บนโซฟาหน้าทีวีด้านล่าง ผมเลยไปสะกิตเธอ เธองัวเงียขึ้น

‘ทำไมมานอนตรงนี้ครับ แล้วไม่ไปงานแล้วหรอ’ น้องผมตาเหลือกขึ้นทันทีและเด้งตัวขึ้นมา
‘โอ้ยยย เผลอหลับไปได้ไงเนี่ย โอ้ยๆ หนูขอเวลา10นาที’เธอพูดเสร็จแล้ววิ่งขึ้นห้องทันที ส่วนผมก็ขึ้นไปเปลี่ยนชุดบ้าง

       ตอนนี้เรากำลังนั่งอยู่ในรถที่ติดอยู่กลางถนนสายที่ตรงไปยังงานดังกล่าว เวลาบ่าย2กว่า ที่เรายังติดแหงกอยู่บนถนน ไม่รู้ว่าจะไปทันหรือเปล่า คนที่นั่งข้างๆผม ก้เริ่มหน้าเสียแล้ว เพราะเธอมัวแต่พูดว่า ‘ไม่น่าเผลอหลับไปเลย ถ้าไม่ได้เข้างานจะทำยังไงดี อุตส่ารอมานาน’
        เมื่อผมหาที่จอดรถได้ เธอรีบคว้าแขนผมให้รีบวิ่งตามเธอไป พอไปถึงก็พบว่ามีผู้คนมากมายกำลังตอแถวเข้างานกันอยู่ ผมมองไปรอบๆงานก็พบว่า มีมุมขายของที่ระลึกเกี่ยวกับเด็กคนนั้นด้วยแฮะ

‘น้องเมย์เข้างานก่อนก็ได้ครับ พี่ขอไปทำธุระแถวนี้สักครู่นะครับ’
‘อ่อ ได้ค่ะ พี่อย่าช้านะ เดี๋ยวหนูรอที่ทางเข้า’

       ผมเดินมาดูของที่ระลึก พบว่ามีทั้งรูปโปสเตอร์ มีทั้งพวงกุญแจ อืม ของสะสมสำหรับเด็กหญิงทั้งนั้นเลย ผมว่าถ้าผมซื้อไปคงไม่เหมาะ

‘สวัสดีคะ สนใจซื้อสักพวงไหมคะ รายได้ส่วนหนึ่งนำไปบริจาคบ้านเด็กกำพร้านะคะ’ จู่มีเสียงคนขายดังขึ้น ผมก็ยิ้มให้
‘อ่า ไม่เป็นไรครับ เดี๋ยวผมให้น้องสาวมาอุตหนุนละกันนะครับ’ ผมบอกไป
‘ได้ค่ะ แล้วจะเข้าไปในงานด้วยไหมคะ ตอนนี้ประตูใกล้ปิดแล้วนะคะ’
‘จริงหรอครับ ผมรีบไปดีกว่า เดี๋ยวน้องสาวผมจะรอ ขอบคุณนะครับ’

     เป็นดังคาดจริงๆ น้องสาวผมยืนหน้าเป็นยักษ์อยู่หน้าประตู แล้วทำท่าเอานิ้วชี้ตรงข้อมือที่แสดงว่าเป็นนาฬิกา

‘โอเคๆ มาแล้วครับคนสวย’ ผมบอกเธอเพื่อให้เธอสบายใจ แล้วผมก็เดินเข้าประตูผ่านงาน ทุกคนก็มองผม บ้างก็ยิ้มให้
‘นี่เป็นสายคล้องคอนะคะ มีหมายเลขบนป้ายด้วย เอาไว้เป็นหมายเลขที่จะสุ่มผู้โชคดีขึ้นไปเล่นเกมส์กับน้องพอค่ะ’ เขาพยายามอธิบายให้ผมฟัง
‘ได้ครับๆ’
‘คุณน่าจะคนสุดท้ายของงานแล้วจริงๆ ยังไงก็ขอบคุณนะคะที่มางาน เพราะนี่ก็เป็นงานแรกของน้อง’
‘ผมได้ลำดับที่เท่าไหร่ครับ’ ผมถามเขา
‘หมายเลข 198 ค่ะ ขอให้โชคดีค่ะพี่’

ออฟไลน์ anikarn

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 35
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-0
ต่อ.......................


       จากนั้นผมก็เดินเข้างาน บริเวณด้านหน้าเวทีเต็มไปด้วยเหล่าแฟนคลับเด็กผู้หญิง มีผู้ชายหลงเข้ามาบ้าง อย่างน้อยก็ผมนี่แหละครับ อย่างที่บอกว่าวันนี้เรามาสาย จึงทำให้ไม่มีที่จะนั่งกันได้ เก้าไม่เพียงพอ แต่ไม่เป็นไร ผมยืนก็ได้ เพราะยังไงก็ไม่ได้อะไรกับงานนี้มากนัก

        เท่าที่ผมยืนสังเกตอยู่ในงานด้านหลัง ทำให้ผมเห็นภาพในหลายๆมุมของงานข้างใน กิจกรรมในงานเริ่มต้นด้วยการแนะนำ
บุคคลที่ทำให้เกิดงานครั้งนี้ขึ้นนั่นคือเด้กที่ชื่อว่า ‘พอแล้ว’ ขึ้นมาบนเวที แล้วพุดคุยกันเล็กน้อย ต่อจากนั้นก็สุ่มเรียกผู้โชคดีขึ้นมาบนเวทีแล้วเล่นเกมส์ตอบคำถาม คล้ายๆรายการชื่อดังทางช่องเวิร์คพอยท์

       เกมส์แรกทำให้ผมเห็นว่าเด็กคนนี้ไหวพริบค่อนข้างดีเลยทีเดียว ไม่แน่ใจเหมือนกันว่ามีการเตรียมคำถามมาก่อนหรอเปล่า น้องเป็นฝ่ายชนะไป แต่ผลรางวัลก็ให้แก่ผู้แพ้เสียมากกว่า อืม มีป้อนขนมกันด้วย มิหนำซ้ำยังจ้องตาเขาอีก

       ส่วนเกมส์ที่สองเป็นเกมส์จ้องตาครับ จ้องเฉยๆนี่แหละครับ แต่ที่ทำให้รู้ว่าเด็กคนนี้ร้ายนั่นคือการเอามือไปวางบนไหล่คู่แข่งจึงทำให้คู่แข่งเสียสมาธิ แต่สุดท้ายน้องก็แพ้เพราะว่าความบ้าจี้ของตัวเองแท้ๆ

      แต่ที่ยิ่งไปกว่านั้น นั่นคือการที่น้องผู้โชคดีเรียกผู้โชคดีหมายเลข198 ขึ้นไปเล่นเกมส์จ้องตากับน้องพอบนเวที อยากรู้ไหมครับว่าเลข 198นั่นคือใคร มองมาที่ผมสิแล้วจะรู้คำตอบ…

‘งั้นหนูขอเรียกหมายเลข สุดท้ายขึ้นมาจ้องตากับพี่ได้ไหมคะ’ เอาแล้วไง ตาขวาเริ่มกระตุก

‘เดี๋ยวขอถามผู้จัดก่อนว่ายอดเท่าไหร่’ ว่าแล้วพิธีกรก็เดินไปถามผู้จัดงานด้านข้างเวที แล้วเดินกลับมา

‘ได้จำนวนแล้วคะ นั่นคือ หมายเลข 198 เชิญหมายเลข198 ขึ้นมาบนเวทีด้วยคะ’ อืม ตาขวากระตุกแรงจริงๆนั่นแหละ

‘ใครกันหมายเลข198’ เสียงน้องสาวขอผมพูดขึ้น

‘ไม่รู้ครับ’ ผมตอบไปทั้งๆที่เมื่อกี้เหลืองมองดูป้ายที่คล้องอยู่ว่าเป็นเลข 198

‘เอ๋ ก็หนูเลข197 แล้วใครต่อหนูละ’ เธอยังคงสงสัยต่อ

‘……………..’ ผมยังยื่นนิ่ง รอดูสถานการณ์ต่อไป

‘คนสุดท้ายที่เข้างาน ก็…พี่ไง พี่คุณๆ’ เธอเขย่าแขนผมอย่างตื่นเต้น

‘ไปแทนพี่ไหมเมย์ พี่ให้ป้ายเลย’ ผมคิดแบบนั้นจริงๆจึงพูดไป

‘ไม่ๆ พี่คุณไปเลยๆ ไปเลยๆทำเพื่อหนุ’ เธอพยายามพลักไสให้ผมออกมา จนผมได้ยินเสียงกริ้ด

       ผมพยายามแสดงท่าทางว่าไปข้างหน้าไม่ได้ แต่ไม่รู้อะไรดลใจคนในงาน เขาช่วยแหวกทางให้ผมเดินไปยังเวทีได้สำเร็จ

‘เย้ ดีใจจัง งานนี้มีผู้ชายหล่อยืนอยู่ข้างฉันถึงสองคน คนแรกก็น้องพอ อีกคนก็ เอ่อ ชื่ออะไรหรอคะ แนะนำตัวได้ไหมคะ’ พิธีกรยื่นไมค์มาถามผมครับ ผมไม่อยากพูดออกไมค์เลยสิ ให้ตายเถอะครับ

‘อ่า ครับ ชื่อคุณครับ’ผมเอ่ยออกไป

‘อืม พี่คุณ โอ้ยยยย พ่อคุณของพี่’ พิธีกรยังแซวผมต่อเมื่อได้ยินชื่อผม

‘งั้นเวลาเรียกก็ต้องเรียก คุณคุณงี้หรอครับ’ จู่ๆ เสียงของเด็กนั่นก็เอ่ยถามผม ผมกำลังคิดว่านี่เขากำลังกวนตีนอยู่หรอ

‘ครับ เรียกคุณคุณไม่ถนัด เรียกพี่คุณก็ได้ครับ’ ผมตอบเขาแล้วยักคิ้วให้เขาไป แล้วก็ตีหน้านิ่งๆไว้

‘เอาละคะ อย่าเพิ่งทะเลาะกันทั้งพี่คุณน้องพอ ’ ต้องขอบคุณพิธีกรนะครับที่ช่วยเบรกไว้ ไม่งั้นคงได้วางมวยกันสักยก

‘ก็อย่างที่บอกไปนะคะ เมื่อน้องมดอยากให้หมายเลข 198 มาเล่นจ้องตาก็น้องพอ งั้นเรามาเริ่มกันเลยดีกว่าเนาะ แข่ง 2ใน3 ใครชนะ
อืม ยังไงดี ขอให้อีกฝ่ายทำตามคำสั่งแล้วกันเนาะ’ พิธีกรกำลังบอกกติกาซึ่งผมทราบดีอยู่แล้วเพราะในเกมส์ที่แล้วก็ยืนดูอยู่

‘ได้พี่ มาเลย ผมพร้อมแล้ว’ ผมเห็นใครอีกคนทำท่าสูดหายใจแล้วหันมามองผม

‘ผมไม่เล่นได้ไหม ผมไม่ชอบ’ ผมตอบไปอย่างไม่สนใจเด็กคนนั้น

‘เล่นเถอะคะ เล่นเนาะพ่อคุณ อย่าเพิ่งเกรี้ยวกราดสิ แหม๋’ พิธีกรค่อยๆพูด เพื่อไม่ให้ทุกอย่างพังลง

‘หรือว่าพี่ไม่กล้า’ หืม เด็กคนนี้ทำไมชอบท้าทายผมนักนะ

‘หึ พี่ไม่อยากแกล้งเด้กครับ’ผมตอบไป

‘ใครกันแน่ จะต้องโดนแกล้ง เล่นแค่นี้เอง อย่าป๊อดดิ’ หืม ดื้อจริงๆด้วย

‘หืม ท้าทายหรอ ได้ครับ เล่นก็ได้’ ผมตอบตกลงในทันทีที่เห็นว่าใครอีกคนกำลังท้าทายผมอยู่

       จากนั้นพิธีกรก็ส่งสัณญาณว่าเริ่มจ้องตากันได้ ผมเริ่มจ้องตาเด้กนั่นและเขาก้กำลังจ้องตาผมอยู่ด้วย ในขณะเดียวกันผมก็ได้ยินเสียงเชียร์ในงานด้วย ทั้งมีเสียงเชียร์ผมด้วย และเสียงเชียร์เด็กนั่นด้วย แต่ทะว่ารอบแรกผมชนะครับ เพราะผมเริ่มเพ่งไปที่ดวงใสใสๆนั่นแล้วยกยิ้มขึ้น จนทำให้อีกฝ่ายเสหน้าหันหนีไป

      แต่พอรอบสองเขาเริ่มมีเลห์เหลี่ยมมากขึ้นโดยเขาเอาแขนมาวางไว้บนไหล่ผมอย่างที่เคยทำกับแฟนคลับอีกคน และคนที่ตกหลุมนี้ก็คือผมเอง ต้องโทษดวงตาใสๆนั่นนะครับที่ทำให้ผมไม่กล้าสบตาอีก รอบสองผมจึงแพ้ไป แต่อย่างไรก็แล้วแต่ รอบสามผมไม่อยากจะแพ้ให้เด็กมันว่าว่าเอาได้ เห็นทีต้องสั่งสอน

‘โอเค รอบสุดท้ายตัดสินแล้วนะว่าใครจะชนะ เชิญทั้งคู่หันหน้าเข้าหากัน ถ้าพร้อมแล้ว เริ่มได้ !!’ เสียงพิธีกรเอ่ยขึ้นทั้งผมและเขาก็เริ่มจ้องตากันอีกครั้ง และครั้งนี้เด็กนั่นก็ยังใช้มุกเดิมๆนั่นคือการยกแขนขึ้นมาไว้บนไหล่ผม แต่ผมไม่ยอมหรอก ไหนๆก็ไหนแล้ว ถ้าอยากชนะก็อย่ายอมครับ ผมเลยตัดสินใจเอามือไปวางตรงสะโพกของเขา แล้วเลื่อนเขาเข้ามาแล้วจ้องตาเข้าไปในแววตาใสนั่น จมูกผมเกือบจบชนกับจมุกเขา ผมเพิ่งได้สังเกตใบหน้าจริงๆของเด็กนั่น เป็นคนที่รูขุมขนเล็ก เล็กมากจริงๆ ไม่รู้ว่าบำรุงอะไรเยอะแยะไหม ผิวเนียนใส ไร้สิวไร้ฝ้า ปากนิด จมุกหน่อย อืม …น่ารำคาญใจดีนะครับ

       แต่แล้วผมเห็นเขาเริ่มมีท่าทีส่งสายตาเลิ่กลั่ก แล้วเขาก็ผละตัวผมออก เอาเป็นว่ารอบนี้ผมชนะครับ หึ! แล้วพิธีกรก็ถามว่าผมชนะอยากให้น้องพอทำอะไร อืม ผมตอบไปแค่ว่า ‘เอาเป็นว่า ดื้อให้มันน้อยๆลงหน่อยนะครับ ขอบคุณครับ’ แล้วผมก็ขอตัวเดินลงมาทันทีครับ เพราะขืนอยู่บนเวทีนั่นต่อ ผมกลัวว่าผมจะเผลอทำอะไรประหลาดๆออกไปหลังจากที่จ้องตากันรอบสุดท้ายเพียงเพราะว่าผมแอบใส่สั่นเล็กๆ

       กิจกรรมก็ยังคงดำเนินการต่อไป ซึ่งกิจกรรมต่อไปคือโชว์ร้องเพลงจากเด็กนั่น น้องเลือกที่จะร้องเพลงขอบคุณที่รักกัน พร้อมเกากีตาร์เบาไปด้วย อืม การแสดงก็น่าสนใจดี และเอาจริงๆผมก็ไม่คิดว่าเด็กนั่นจะทำได้ และทำได้ดีด้วย

‘ครับ ก็จบไปแล้วนะครับ เอาจริงเกือบร้องไห้แหละ แต่ฮึ้บไว้ก่อน ฮ่าๆ’ ผมกลับคิดว่าคนที่จะบ่อน้ำตาแตกก่อนนั่นน้องเขานะครับ ก็ดูสิ เริ่มปริ่มแล้ว อ่า ไม่ชอบเห็นใครร้องไห้เลย

‘ก่อนอื่นต้องขอขอบคุณทุกคนเกือบ200คนในที่นี้ด้วยนะครับ ที่มาสนุกร่วมกัน สร้างความสุขร่วมกัน’

‘ผมไม่มีทางรู้เลยว่าชื่อเสียงอะไรแบบนี้มันจะอยู่กับผมได้นานเท่าไหร่’

‘และผมคงไม่สัญญากับใครนะ ว่าจะสร้างความสุขแบบนี้ไปถึงเมื่อไหร่’

‘ตราบที่มันยังเป็นความสุขให้ใครอยู่ แม้จะคนเดียว ผมก็จะทำ…’

‘ขอบคุณที่รักกันนะครับ’ นั่นไงละ พอพูดจบเจ้าตัวก็น้ำตารื้นออกมาจริงๆ จนพิธีกรได้ยื่นกระดาษทิชชู่ให้เจ้าตัวไปซับ

     กิจกรรมในวันนี้เดินทางมาจนสุดทางแล้วครับ กิจกรรมที่ว่านั่นคือการประมูลภาพ ที่เจ้าตัวถ่ายมา3ภาพ เห็นว่าจะนำเอารายได้จากการประมูลภาพทั้งหมดพร้อมของที่ขายหน้างานไปบริจาคให้บ้านเด็กกำพร้า ผมคิดว่าเป็นเรื่องที่ดีของสังคมเลยทีเดียว ไม่ว่าจะเป็นความคิดของใครก็ตาม ผมขอยกย่องนะครับ

     เริ่มด้วยภาพแรกครับ เป็นภาพที่เด็กนั่นยืนถืออมยิ้มอยู่และกำลังยิ้มให้กล้อง ในโทนสีสดใส อืม น่ารักดี… แต่สุดท้ายการประมูลก็ปิดที่ราคา4,000บาท

     รูปที่สองเป็นภาพที่เด็กนั่นกำลังนอนทับตุ๊กตาตัวใหญ่ในโทนสีชมพู อืมน่ารักอีกแล้ว… ภาพนี้ค่อนข้างได้รับความสนใจครับเลยปิดประมูลที่ราคา 7,000บาทครับ

       และต่อไปก็เป็นภาพสุดท้ายครับเป็นภาพผมที่ยืนถอดเสื้ออยู่ และปากคาบดอกกุหลายอยู่ อืม สงสัยครับ ทำไมต้องถอดเสื้อโชว์พุงย้อยๆนั่นด้วย หืม ไม่ดีเลย แต่ผมก็ได้ยินเสียงกริ้ดของเหล่าแฟนคลับขึ้นมา สงสัยว่าจะกริ้ดเพราะภาพนั่นแหละ เจ้าตัวก็ยังยิ้มๆแบบอายหน่อยๆละ
 
‘2000บาทค่า’ เปิดตัวมาก็สูงเลยนะครับ

‘2500ไปเลยจ้า’

‘3500’ นั่นไง ขึ้นเรื่อยๆเลย

‘4000’ อ่า ได้ๆ

‘4500’ ……..!!

‘6000’ หืม สูงอีก

‘6500’ แหน่ะ ๆไม่หยุดครับ

'8000’ เห้อ……

‘15000’ เอาละ เริ่มสนุกแล้ว

‘20000’ อะ สนุกกว่าเดิมอีก

       ผมตัดสินใจถามน้องสาวผมที่ยืนอยู่ข้างๆ

‘เมย์ อยากได้ภาพนั่นไหม’

‘มันแพงอ่าพี่คุณ ไม่สู้หรอก’

‘พี่ถามอีกครั้ง ว่าอยากได้ไหม’ ผมถามย้ำอีกครั้ง

‘พี่คุณจะสู้หรอ’

‘อืม เพื่อน้องพี่สู้ได้เสมอ’

‘โอเค เอาเลยพี่คุณ ’
 
      ในระหว่างที่พิธีกรรเริ่มนับ 20000ครั้งที่ 2 ผมจึงตัดสินใจยกมือขึ้น แล้วส่งเสียงออกไป

‘100,000บาทครับ!!’ โอเค หวังว่าจบนะครับ ไม่ต้องมาแย่งภาพนี้กันอีกนะ พอกันที!!

ออฟไลน์ kokoro

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1089
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +138/-2
พี่คุณอยากเปย์แต่เอาน้องมาอ้างป่ะเนี่ย 555
น้องพอน่ารักค่ะ รอติดตามนะคะ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ Billie

  • "Let come what comes, let go what goes and see what remains. That is what is real"
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3327
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +78/-6

ออฟไลน์ anikarn

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 35
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-0
ตอนที่ 5 เดทแรก?



       เมื่อผมได้ยินคำว่า ‘100,000บาทครับ’ ผมอ้าปากค้าง ตาแถบถลนออกมา คนในงานก็เช่นกัน ทุกคนต่างพากันอึ้ง และสักพักก็เริ่มส่งเสียงกันเกรียวกราวอีกครั้งเมื่อรู้ว่าใครเป็นผู้เอ่ยนาม ชายคนนั้น ที่เคยมาจ้องตาผมเมื่อชั่วโมงที่แล้วนี่เอง เห้อ ทำไมต้องเป็นเขานะ ‘พี่คุณ’

‘ขอเชิญคนหล่อใจบุญขึ้นมาบนเวทีด้วยค่ะ พี่คุณขา ขอเชิญอีกครั้งนะคะ’ พี่พิธีกรเรียกเขาย้ำอีกครั้ง เพราะดูท่าเขาจะยังคงยืนนิ่งอยู่

‘ถ้ายังไม่ขึ้นมา ดิฉันจะไปควงพี่ขึ้นมานะคะ’ พี่พิธีกรก็พูดติดตลกไป จนเขาก้าวเดินออกมาบนเวที

‘สวัสดีอีกครั้งนะคะพี่คุณ นอกจากจะหล่อแล้ว ยังใจบุญสายเปย์อีก’ พิธีกรเริ่มพูดคุยอีกครั้งเมื่อเขามายืนข้างๆผม

‘อยากทราบว่าทำไมพี่คุณเลือกที่จะประมูลที่1แสนบาทคะ ไม่ได้ล้อเล่นใช่ไหมคะ’

‘อยากทำบุญครับ และไม่คิดจะล้อเล่นครับ’ เขาพูดจาหนักแน่นให้ทุกคนได้ยินอีกครั้ง

‘ขอบคุณมากนะคะ ก่อนอื่นเรามาถ่ายรูปกันหน่อยนะคะ’ พิธีกรเอ่ยแล้วเรียกช่างภาพมาถ่ายรุปร่วมโดยที่ผมกับเขาหันหน้าเข้าเวทีแล้วหันหลังให้แฟนคลับทั้งหลายเพื่อจะได้ถ่ายรูปรวมร่วมกับทุกคนได้เต็มเฟรม

‘ยังไงพี่คุณเชิญรอข้างเวทีสักครู่นะคะ เดี๋ยวใกล้จะปิดงานแล้วค่ะ’

‘ได้ครับ’ ผมเห็นเขาเดินลงเวที แต่ตัวผมต้องมากล่าวปิดงานเสียก่อน

‘สำหรับวันนี้ขอบคุณทุกๆคนมากเลยนะครับที่มางานมีตติ้งของเด็กดื้อคนนี้ อย่างที่เคยบอกไป อย่าคาดหวังกับผมมาก เพราะผมก็แค่เด็กคนหนึ่งเท่านั้น ตราบใดที่ผมยังเป็นความสุขให้ใครอยู่ ถ้ามีคนรอผมอยู่ ผมก็ยินดีจะเป็นความสุขให้เสมอๆ และสำหรับผู้ร่วมประมูลทุกท่านก็ต้องขอบคุณอีกครั้งนะครับ สัญญาว่าเงินทุกบาททุกสตางค์จะถูกนำไปให้บ้านเด็กกำพร้าแน่นอนครับ อ้อ ส่วนเงินที่ได้จากการซื้อของที่ระลึกหน้างานก็จะนำไปบริจาคด้วยเช่นกันนะครับ’

‘สุดท้ายก็ต้องเอ่ยคำว่า ขอบคุณและเจอกันใหม่โอกาสหน้านะครับ’

‘ผมจะพยายามสร้างโอกาสเพื่อให้มาเจอทุกคนนะครับ ขอบคุณ#รักพอแล้ว ในทวีตเตอร์ด้วยนะครับ รักแหละ’

‘เจอกันหน้าแบคดรอปนะครับ มาถ่ายรุปกันนะ’

        เมื่อผมเอ่ยลาและนัดหมายครั้งสุดท้ายแก่ทุกคนเสร็จ ผมก็เดินลงมาข้างล่าง ผมเห็นเจ๊ตั้มผู้จัดการผมกำลังยืนคุยกับพี่คุณอยู่ เห็นเขายื่นนามบัตรอะไรสักอย่างให้ เขาเห็นผมเดินมาแล้วรีบเดินหนีผมทันที อะไรกัน ผมยังไม่ได้ขอบคุณเขาเลย

‘อ้าว ทำไมเขารีบละเจ๊ ว่าจะมาขอบคุณสักหน่อย’

‘เห็นว่ามีธุระต่อนะสิ เอ้านี่ นามบัตรเขา’ เจ๊ตั้มยื่นนามบัตรเขาให้ผม

‘ให้นามบัตรผมทำไมครับ’ ผมหยิบมาพลิกหน้าพลิกหลัง

‘เขาบอกว่า ถ้าอยากได้เงินทำบุญ ให้น้องพอติดต่อหาเขาเอง ถ้าให้คนอื่นติดต่อไปเขาอาจจะช้าหน่อย’ หืม มีงี้ด้วยหรอ

‘อ่า ได้ๆ งั้นผมฝากนามบัตรเขาไว้หน่อยได้ไหมครับ เดี๋ยวผมต้องไปถ่ายรูปตรงแบคดรอปกับแฟนคลับสักครึ่งชั่วโมง’ ผมยื่นนามบัตรคืนให้เจ๊ตั้มไป แล้วรีบไปแบคดรอป กลัวว่าทุกคนจะรอนาน

       ผมใช้เวลาอยู่กับแฟนคลับเกือบชั่วโมงจากที่ตั้งใจไว้ว่าจะใช้เวลาแค่30นาที แต่ทั้งหมดนี้ก็เพื่อแฟนคลับทั้งหลาย ผมนี่ทั้งถ่ายรุปคู่ ทั้งรับของ รับขนมมา แล้วยื่นให้พี่ๆที่คอยมารับของช่วยผมไป ต้องขอบคุณทุกคนมากจริงๆนะครับที่มาเจอกัน

      ผมที่เกือบจะตัดสินใจขอตัวกลับ เพราะนี่ก็เกือบ2ทุ่มแล้ว ทุกคนน่าจะกลับบ้านไปพักผ่อนกันได้แล้ว แต่จู่ๆก็มีเสียงกริ้ดดังขึ้นมาอีกครั้ง ผมเงยหน้ามองอีกครั้งพบว่ามีคนพยายามลากพี่คุณให้เข้ามาในวงที่ผมยืนอยู่ด้วย

‘ขอโทษนะคะทุกท่าน ขอทางให้พี่ชายดิฉันด้วยคะ’ หืม พี่ชายงั้นหรอ แสดงว่าคนที่ลากเขามาเป็นน้องสาวสินะ

‘เมย์ ใจเย็นๆ ปล่อยพี่ก่อน พี่เดินเองได้น่า’ เขาพยายามบอกน้องสาวเขาแต่ดูท่าแล้วน้องสาวเขาจะไม่ยอม

‘เอ่อ สวัสดีค่ะน้องพอ พี่ชื่อเมย์นะคะ เป็นน้องพี่คุณ พี่อยากถ่ายภาพพี่คุณกับน้องพอไปให้ที่บ้านดูนะคะ จะได้ไหมคะ’ พี่เมย์พยายามบอกผม ซึ่งเขาทำแบบนี้ก็น่าจะเกรงใจแฟนคลับคนอื่นอยู่มาก

‘อ๋อ ได้ครับ ไม่มีปัญหาครับ’ ผมขยับที่ให้เขาได้ยืนด้วย

        เขาเดินมาหยุดที่ผมแล้วหันหน้าเข้ากล้องเพื่อให้น้องสาวเขาถ่ายรูปให้ แต่กระนั้นก็ไม่ใช่เพียงแค่น้องสาวเขาที่ถ่าย ก็ยังมีแฟนคลับคนอื่นๆถ่ายรูปผมกับเขาไปด้วย

‘พี่คุณยิ้มหน่อยๆ ยิ้มหน่อยน้า’ เสียงใครสักคนพูด

‘เขยิบเข้ามาใกล้ๆกันหน่อยได้ไหมคะ’ นั่นไง เอาแล้ว

‘กอดคอน้องพอได้ไหมคะ พี่คุณขา’ ok เขารู้แล้วว่าจะเกิดอะไรขึ้นต่อไป

       เขายอมทำตามที่ทุกคนบอกโดยที่สีหน้ายังนิ่งอยู่ไม่ได้ยิ้มอะไรให้กล้องมากมายเท่าผมนักหรอก น่าแปลกนะครับที่เขายกแขนขึ้นมากอดผม ไม่น่าเชื่อว่าคนแบบนี้จะยอมทำตามคำสั่งใครง่ายๆ

‘ถ้าเมื่อยบอกพี่นะครับ’ เขากระซิบข้างหูผมเบาๆ

‘ก็เมื่อยแหละครับ กำลังจะหลับเลย แต่ต้องยิ้มไว้ก่อนเดี๋ยวรูปไม่สวย’ ผมกระซิบกลับบ้าง

‘เอ่อ ทุกคนครับ นี่ก็ค่อนข้างเย็นมากแล้ว ปล่อยให้เด็กนี่ไปพักผ่อนกันเถอะเนาะ ส่วนเด็กๆทั้งหลายก็ต้องกลับบ้านกันได้แล้ว ค่ำๆมืดๆมันอันตราย’ จู่ๆเขาก็พูดขึ้นกับแฟนคลับของผม แต่ที่งงกว่า คือแฟนคลับทุกคนที่ยืนอยู่ตรงหน้าก็ยอมกลับไปแต่โดยดี

‘ขอบคุณมากนะครับที่ช่วยบอกน้องๆให้ ไม่งั้นผมมีหลับต่อหน้าพวกเขาอะ’

‘แล้วก็ขอบคุณที่ประมูลในราคาที่สูงขนาดนั้นนะครับ’

‘อืม ไม่เป็นไร อยากทำบุญอยู่แล้วครับ’ เขาเอ่ยมาพร้อมมาหน้าผม

‘ยังไงก็ต้องขอบคุณอยู่ดีนั่นแหละครับ แล้วเรื่องที่ให้ติดต่อไปละครับ’

‘ถ้าอยากได้เงินทำบุญ ก็ต้องโทรมาเองนะครับ’ เขาทำหน้าจริงจังอีกแล้ว

‘ครับ จะโทรหานะครับ งั้นผมลาก่อนนะครับ พี่ๆน่าจะรอผมที่หลังเวทีนานแล้ว’

‘ครับ พักผ่อนนะเด็กดื้อ’

‘งั้น ลุงก็เดินทางกลับดีๆนะครับ บายครับ’
         
       ผมกับเขาเอ่ยลากันอีกครั้ง ผมเดินมาที่ด้านหลังเวที แต่ในใจก็นึกอยากหันหลังไปดูเขาคนนั้นว่าเดินออกไปหรือยัง เมื่อหันหลังกลับไป ก็พบว่าเขายังยืนอยู่ตรงนั้นไม่ไปไหน ผมเลยก้มหน้าให้เขาแล้วหันหลังกลับไปด้านหลังเวทีทันที

      เมื่อผมเดินมายังหลังเวทีก็เห็นว่าทุกคนกำลังขนของกลับ แล้วเจ๊ตั้มก็เรียกผมไปหาใกล้ๆ

‘ยังไงกันละ ไปยืนคุยอะไรกับพี่เขา’

‘อ่อ ก็ขอบคุณเรื่องประมูลนี่แหละครับ’ ผมตอบไปแล้วก้มหานามบัตรในกระเป๋าอยู่

‘แล้วเรื่องนามบัตรละ’

‘เขาบอกให้โทรไป ผมก็ไม่ว่าอะไร เดี๋ยวพรุ่งนี้ตื่นมาค่อยโทรละกัน เอ้อ นามบัตรเขาผมฝากเจ๊ไว้ใช่ไหมครับ ’ ผมที่กำลังหานามบัตรอยู่แต่ไม่แน่ใจว่าอยู่ที่ไหนถามเจ๊ตั้มเขาดูว่าผมได้ฝากเขาไว้ไหม

‘เอ้า เจ้าเด็กนี่ ลืมเสียอย่างนั้นว่าตัวเองฝากเจ๊ไว้’ เจ๊ตั้มก็ได้หาในกระเป๋าแล้วยื่นให้ผม ผมก็รับไว้แล้วเก็บไว้ในกระเป๋าอย่างดี

      หลังจากนั้นเราทั้งสองได้เอ่ยขอบคุณพี่ๆทุกคนที่เกี่ยวข้องแล้วแยกย้ายกลับไปพักผ่อนกัน รอบนี้เจ๊ตั้มตัดสินใจไปส่งผมครับ แล้วเจ๊น่าจะไปดื่มอะไรนิดหน่อยกับเพื่อนเจ๊แล้วค่อยกลับมั้ง ส่วนผมก็จัดการอาบน้ำเตรียมเข้านอนทันทีเลย จะให้ไปดื่มอะไรกับเพื่อนคงไม่ไหว แม้ว่าพรุ่งนี้จะเป็นวันอาทิตย์ให้นอนพักผ่อนก็ตามเถอะ

       พอเหนื่อยมากๆ ก็อยากจะนอน แต่พอนอนก็ดันนอนไม่หลับ ถ้าอย่างนั้นก็ลองเช็คเรตติ้งในทวิตเตอร์ดีกว่า ว่าแล้วผมก็หยิบมือถือมาเปิดแอฟสีฟ้า ก็พบว่า # รักพอแล้วติดเทรนกับเขาด้วย ฮือ ขอบคุณครับ น้ำตาแทบไหล บ้าเอ้ย

       ผมเลื่อนๆดู ก็มีแฟนคลับที่ไปร่วมงานก็กลับมาโหลดรุปลงทวีตเพื่อให้แฟนคลับที่ไม่ได้ไปงานได้เห็นภาพด้วย ผมดีใจนะที่ทุกคนแบ่งปันโมเมนต์กัน บ้างก็มาเป็นรูป บ้างก็มาเป็นคลิป แต่ที่มีคลิปมากที่สุดก็ตอนช่วงที่ผมกับพี่คุณเล่นเกมส์จ้องตากันนั่นแหละ และคลิปช่วงท้ายที่ประมูลกัน หลายๆคนก็โพสถึงพี่คุณหล่ออย่างนุ้นหล่ออย่างนี้ เหอะ งานนี้งานผมเถอะ ผมต้องหล่อที่สุดสิครับ ไหงไปหวีดพี่คุณกัน

       ผมดูไปได้สักพักก็กดเฟบไว้บ้าง แต่ล่าสุดมีคนลงรูปผมกับพี่คุณที่ยืนอยู่หน้าแบคดรอปคู่กัน แล้วเข้ามาหวีดกันพร้อม #พี่คุณน้องพอ เอิ่ม ชื่อผมอยุ่หลังมันทะแม่งๆแปลกๆนะครับ แต่ก็แล้วแต่นานาจิตตังเลยครับ ตอนนี้ผมแฮปปี้ดี

       สุดท้ายผมก็ผล็อยหลับไปในที่สุด สติสุดท้ายที่จำได้คือดุรูปพี่คุณที่ยืมโอบไหล่กอดคอผมอยู่นั่นเอง…

       ผมตื่นมาอีกทีบ่ายสองกว่าๆเพราะได้ยินเสียงแจ้งเตือนจากโทรศัพท์ ผมหยิบขึ้นมาดูก็พบว่ามีทั้งจากเพื่อน ทั้งจากเจ๊ตั้มด้วย แต่เดี๋ยวคอยตอบดีกว่า ขอไปอาบน้ำสักหน่อยดีกว่า พอผมอาบน้ำเสร็จมันก็เริ่มหิว เอ๋ เอายังไงดี

ติ้ดๆๆๆๆๆ

‘ดีครับเจ๊’ นั่นไงว่าแล้วต้องโทรมา

‘เพิ่งตื่นหรอตัวแสบ เกือบจะบ่าย3แหน่ะ’ เจ๊แกโทรมาด้วยน้ำเสียงปกติไม่ได้เคร่งเครียดอะไร

‘เพิ่งตื่นแล้วก็เพิ่งน้ำเพิ่งเสร็จครับ เจ๊มีอะไรหรือเปล่า’

‘จะโทรมาเตือนว่า อย่าลืมติดต่อหาพี่คุณนะคะ’

‘อื้ม ลืมไปเลย เดี๋ยวผมโทรเลยดีกว่า เจ๊ว่าตอนนี้เขาจะว่างไหมครับ’

‘โทรเลยๆ เขาว่างตลอดแหละ’ เจ๊บอกปัดไป

‘อ่าๆ โทรเลยก็ได้ครับ’

       ผมวางสายเสร็จก็หยิบกระเป๋ามาควานหานามบัตรของเขา ถ้าผมโทรไป ผมจะเริ่มคุยว่าไงดีหว่า ถ้าจะโทรมาบอกว่า จ่ายเงินค่าประมูลด้วยครับ อืม คงเสียมารยาทน่าดูอะ ช่างเถอะ โทรเลยละกัน

ติ้ดๆๆๆ ผมรอสายอยู่สักพัก ดังไป3ติ้ด

‘ครับ’ เขารับแล้วครับ

‘………..’ ผมต้องพูดว่าไง

‘สวัสดีครับ’

‘………..’ เอาไงดีอะ

‘สวัสดีครับ ถ้าไม่พูด ขอวางสายนะครับ’

‘เอ่อ สวัสดีครับพี่’

‘ครับ ใครครับ’ เสียงนิ่งโคตร

‘ก็พี่บอกให้โทรมา’

‘อ๋อ สวัสดีครับน้องพอ’

‘ครับ สวัสดีครับพี่คุณ’

‘กว่าจะโทรมานะ’ เขาพูดอะไรสักอย่างที่ผมไม่ค่อยจะได้ยินนัก

‘ว่าไงนะครับ’ ผมถามย้ำอีกครั้ง

‘เปล่าครับ ไม่มีอะไรครับ’

‘อ่าครับ ผมไม่รู้จะเริ่มยังไงดี’ ผมบอกไปตามตรง

‘เรื่องประมูลของเมื่อวานใช่ไหมครับ’

‘ครับ นั่นแหละครับ แฮะๆ’

‘ตอนนี้ทำอะไรอยู่ครับ’ จู่ๆพี่แกก็ถาม

‘เอ่อ เพิ่งตื่นครับ กำลังจะไปหาอะไรทานด้วย’

‘อืม เอาไงดี พี่มีเวลาว่าอยู่นิดหน่อย ไปหาร้านทานข้าวกันไหมครับ จะได้คุยเรื่องประมูลนั่นด้วย’ แบบนี้คือชวนทานข้าวใช่ไหมครับ

‘พี่สะดวกที่ไหนครับ’ ผมถามไป

‘น้องละสะดวกที่ไหน’ เขาถามผมกลับ

‘งั้นสยามดีไหมครับ ผมนั่งบีทีเอสไปแปปเดียวก็ถึง’

‘ได้ครับ เจอกันครับ’ เขาว่าจบก็วางสายทันที ไม่ทันได้นัดหมายอะไรอีกเลย สงสัยรีบ

       ตอนนี้ผมยืนอยู่สยามแล้วครับ ผมจะไปตรงไหนต่อยังไม่รู้แน่ชัดเลยครับ เพราะเราไม่ได้นัดหมายกันถึงเรื่องอย่างอื่น นอกจากว่ามาสยาม ผมต้องโทรหาเขาใช่ไหมเนี่ย

ติ้ดๆๆๆ ผมกดโทรหาเขาครับ

‘ครับ น้องพอถึงแล้วหรอครับ’ คำแรกที่เขาทักผมครับ

‘ถึงสยามแล้วครับ แต่ยังไม่รู้จะไปตรงไหนต่อ’

‘ตอนนี้พี่กำลังหาที่จอดรถตรงโรงแรมสยามเคมพินสกีครับ’

‘ครับ ให้ผมรอที่ไหนดีครับ’

‘พี่ให้น้องเลือกร้านเลยครับ มื้อนี้ตามใจน้องครับ’

‘ตามใจผมหรอ ผมขอบุพเฟ่ได้ไหม ตอนนี้ผมหิวมากๆ’

‘งั้นขึ้นไปโออิชิแกรนข้างบนพารากอนได้เลยครับ’

‘มันแพงนะครับพี่’ ผมแย้งขึ้นทั้งๆที่ในใจนี่ลิงโล้ดแล้ว

‘พี่บอกแล้วไง มื้อนี้ตามใจ’ เขาไม่น่ามาตามใจผมเลย

ออฟไลน์ Billie

  • "Let come what comes, let go what goes and see what remains. That is what is real"
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3327
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +78/-6
 :L2: :pig4:

น่ารัก

ออฟไลน์ anikarn

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 35
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-0
       สวัสดีครับผม คุณนะครับ ตอนนี้ผมกำลังหาที่จอดรถ เพราะว่าวันนี้ผมมีนัดกับเด็กคนหนึ่งครับ ที่เรามีโอกาสเจอกันเมื่อวานในงานมีตติ้งของเขา เอาจริงๆตอนแรกคิดว่าจะไม่ได้เจอกันวันนี้ เพราะคิดว่าเด็กนั่นคงไม่กล้าโทรมาหาผมหรอก  คงจะให้ผู้จัดการเขาโทรมา แต่เปล่าเลยเขาโทรมาหาผมครับ

       เมื่อวานที่กลับมาถึงบ้าน น้องสาวผมก็กระดี้กระด๊าใหญ่ว่าน้องพอน่ารักอย่างนั้นน่ารักอย่างนี้ ผมก็ได้แค่ ‘อืม ครับๆ’ แต่หารู้ไม่ในใจผมอยากตอบว่า ‘อืมใช่ โคตรน่ารักเลย’ ผมอาบน้ำเสร็จกำลังจะเข้านอน เธอมาเคาะประตูห้องผม แล้วเอารูปคู่ของผมกับเด็กนั่นให้ผมดู ผมก็ ‘ว่างๆ ก็ส่งมาให้ด้วยละกัน’ แต่กว่าเธอจะส่งมาให้ก็ตอนเช้า ไม่รู้ว่าจะถ่วงเวลาทำไม หรือว่าอาจจะลืมหรือเปล่า แต่ก็ช่างมันเถอะ ตอนนี้ก็ได้มาแล้ว

       ตั้งแต่เช้าผมแทบจะไม่มีกระจิตกระใจทำอะไรเลย เพราะผมค่อนข้าวคาดหวังว่าเด็กนั่นจะโทรมา ผมพยายามเอาเอกสารงานมาอ่านดูก็ไม่ได้ทำให้รู้เรื่องขึ้น ก็เลยต้องวางไว้เสียอย่างนั้น น้องสาวมาเรียกให้ไปทานข้าว ก็ไม่อยากจะกิน ไม่รู้เป็นอะไรกับตัวเองนักหนา ทั้งๆที่ก็ผ่านประสบการณ์อะไรแบบนี้มาพอสมควร

        เกือบจะบ่าย3 มีสายแปลกโทรเข้ามา ผมก็จ้องมองสักพักว่าจะใช่ปะวะ ถ้าไม่ใช่หละ
 
ติ้ดๆๆๆๆ

‘ครับ’ ผมกดรับสายทันทีที่คิดว่าต้องรับก่อนที่สายจะตัดไป

‘………..’ ทำไมเงียบละครับ

‘สวัสดีครับ’ผมเลยย้ำไปอีกครั้ง

‘………..’ ยังเงียบอยู่ พูดอะไรบ้างสิครับ

‘สวัสดีครับ ถ้าไม่พูด ขอวางสายนะครับ’ผมย้ำไปอีกรอบ

‘เอ่อ สวัสดีครับพี่’ นั่นไง ใช่จริงด้วย น้องโทรมาแล้ว เยส! แต่ยังไงเราก็ต้องนิ่งไว้ก่อน

‘ครับ ใครครับ’ นิ่งพอไหมนะ

‘ก็พี่บอกให้โทรมา’ เด็กดีมาก บอกให้โทรก็โทรมา เยี่ยมครับ

‘อ๋อ สวัสดีครับน้องพอ’ อ่า ได้คุยกันสักที

‘ครับ สวัสดีครับพี่คุณ’ อืมน้ำเสียงน่าฟัง

‘กว่าจะโทรมานะ’ ผมเผลอพูดเบาๆออกไป หวังว่าจะไม่ได้ยินนะ ให้ตายสิ

‘ว่าไงนะครับ’ น้องถามย้ำอีกครั้ง

‘เปล่าครับ ไม่มีอะไรครับ’

‘อ่าครับ ผมไม่รู้จะเริ่มยังไงดี’

‘เรื่องประมูลของเมื่อวานใช่ไหมครับ’

‘ครับ นั่นแหละครับ แฮะๆ’

‘ตอนนี้ทำอะไรอยู่ครับ’ ผมตัดสินใจถามไป

‘เอ่อ เพิ่งตื่นครับ กำลังจะไปหาอะไรทานด้วย’ ยังไม่ได้ทานอะไรสินะ

‘อืม เอาไงดี พี่มีเวลาว่าอยู่นิดหน่อย ไปหาร้านทานข้าวกันไหมครับ จะได้คุยเรื่องประมูลนั่นด้วย’ เอาจริงวันนี้ว่างทั้งวันครับ รอมาทั้งวัน ชวนกินข้าวเลยละกัน

‘พี่สะดวกที่ไหนครับ’ น้องถามมาแบบนี้ จะไม่ปฏิเสธพี่ใช่ไหมครับ

‘น้องละสะดวกที่ไหน’ ผมจึงถามเขากลับ

‘งั้นสยามดีไหมครับ ผมนั่งบีทีเอสไปแปปเดียวก็ถึง’ อืมดีครับ แม้จะไกลจากพี่สักหน่อย แต่ไปได้ครับ

‘ได้ครับ เจอกันครับ’ ผมรีบวางสายแล้วไปเปลี่ยนแล้ววิ่งตึงตังไปที่รถตัวเองทันที น้องสาวผมก็ถามนะว่า ‘รีบไปไหนกันพี่ ใจเย็นๆนะพี่’  เออๆ ใจเย็นสุดแล้วเนี่ย

       ตอนนี้ผมเอารถไปจอดที่โรงแรมด้านหลังพารากอนครับ เพราะผมค่อนข้างมาบ่อยเพราะต้องติดต่อคุยงานกับลูกค้าที่นี่บ่อย สักพักน้องก็โทรมาบอกว่าอยู่สยามแล้ว ผมจึงบอกให้เลือกร้านเลย น้องบอกไม่รู้จะกินอะไร แต่หิวมาก อืม ถ้าหิวมาก ผมเลยเสนอให้ไปรอที่โออิชิแกรนชั้นบนละกัน มื้อนี้พี่ตามใจน้องครับ

ติ้ดๆๆๆ

‘ครับ พี่คุณถึงแล้วหรอครับ’ ผมกดโทรหาเขาอีกครั้งเมื่อมาถึงหน้าร้านแล้วแต่ไม่รู้นั่งตรงไหน

‘ถึงแล้วครับ ออกมารับพี่ที’

‘ได้ครับ’ แล้วเขาก็วางสายไป เมื่อผมเจอหน้าเขาผมก็ทักเขาทันที

‘ไง เด็กดื้อ’

‘ไม่ๆ ผมไม่ดื้อนะ ’ น้องโบกมือให้ โดยพยายามบ่งบอกว่าตัวเองไม่ได้เป็นอย่างที่ผมพูด

‘หึหึ’ แล้วเราก็ไปนั่งโต๊ะฝั่งใครฝังมัน เราสลับกับออกไปตักอาหารโดยผมให้เขาไปก่อน แล้วผมก็นั่งรอสักพัก

‘มาแล้วครับ ผมหยิบแซลมอนมาเผื่อด้วย พี่อาจจะชอบ’ เอาจริงผมก็ทานได้ทุกอย่างนั่นแหละ แต่ในปริมาณที่ไม่ได้มาก ช่วงนี้ผมควบคุมอาหารอยู่ แต่วันนี้น่าจะผ่อนได้แหละ

‘ขอบคุณครับ งั้นพี่ไปดูอาหารบ้างนะ’ แล้วผมก็ลุกขึ้นไปดุอาหารบ้าง ผมหยิบมาอย่างละนิดละหน่อย เพราะไม่อยากทานเยอะ วันนี้แค่อยากมาดูอีกคนกินมากกว่า

       เราสองคนนั่งทานกันไปสักพัก เริ่มมีสายตาแปลกๆจากโต๊ะข้างๆ คาดว่าน่าจะมาจากน้องเสียมากกว่าเพราะเขาค่อนข้างมีชื่อเสียง ส่วนผมก็แค่คนในมุมลับๆเท่านั้น เพราะไม่เล่นโซเชียลครับ แต่จะรับรู้ได้เพราะน้องสาวเอามาให้ดูเสียมากกว่า
 
‘น้องพอ เขามองน้องใช่ไหมครับ’ ผมตัดสินใจถาม

‘คิดว่างั้นนะครับ พี่อึดอัดไหม’

‘เปล่าๆ แค่ไม่ชินครับ’ ผมตอบไป ก็มันไม่ชินจริงๆ ตั้งแต่เมื่อวานแล้วที่ความไม่ชินเริ่มย่างกรายเข้ามา

‘สวัสดีค่ะ น้องพอใช่ไหมคะ’ นั่นไง เขามองน้องจริงๆด้วย

‘ครับผม’ น้องยิ้มให้ คนอะไรยิ้มสดใสจังวะ

‘เอ่อ ขอถ่ายรูปด้วยได้ไหมคะ เมื่อวานไม่ได้มางาน เสียใจมากๆ’

‘ได้ครับๆ มาๆ ผมถือกล้องให้’ ว่าแล้วเจ้าตัวก็หยิบมือถือคนนั้นมากดถ่ายรูปให้

‘ขอบคุณนะคะ ทานต่อเลยนะคะ ไม่รบกวนแล้วค่ะ’

‘ยินดีครับ งานหน้าอย่าพลาดนะครับ ฮ่าๆ’ แหน่ะ อารมณ์ดีแรกแขกมาติดตามตัวเองอีก

‘ไม่ลืมแน่นอนค่ะ บ๊ายบายนะคะ อ่า สวัสดีพี่คนนี้ด้วยนะคะ ขอโทษที่มารบกวนค่ะ’ อ่า มารยาทดีจัง

‘ยินดีครับ’ ผมตอบไปพร้อมยกยิ้มเล็กน้อยเพื่อไม่ให้บรรยากาศเครียดเกินไป

       เมื่อแฟนคลับน้องเดินออกไป ผมก็นั่งทานไปสักพัก แต่แล้วคนที่นั่งอยู่ฝังตรงข้ามก็พูดขึ้นถึงเรื่องงานประมูลเมื่อวาน

‘พี่คุณ เรื่องเงินประมูลนั่น พี่ไม่ได้ล้อเล่นใช่ไหมครับ’ น้องวางตะเกียบในมือวางไว้บนจาน

‘ทำไมถึงคิดว่าพี่ล้อเล่นละครับ’ ผมจึงวางของผมบ้าง แล้วเอามืดมากอดอกแทน

‘ก็ เงินตั้งเยอะนะครับ ถ้าหมื่นนึงจะไม่ว่าอะไรเลย’

‘อย่าคิดมาก พี่ตั้งใจจะทำบุญอยู่แล้ว แต่หาโอกาสไม่ได้สักที งานนี้พอโอกาสมาถึงก็ตัดสินใจซะเลย’ ผมบอกอย่างใจจริง แต่ไม่ได้บอกอีกเหตุผลนึงนั่นคือ ไม่อยากให้ใครได้ภาพนั่นไปต่างหากเล่า

‘ตามแพลนที่เราวางไว้ พอจัดงานเสร็จแล้ว เราจะนำเงินไปบริจาคให้พี่ที่บ้านเด็กกำพร้า ถ้าผมชวนพี่ไปด้วย พี่จะไปด้วยไหมครับ’ เจ้าของเสียงนั่นช้อนตามาพูดกับผม

‘ถ้าวันธรรมดาพี่ไม่ว่างแน่ๆ แต่ถ้าเสาร์อาทิตย์ อาจจะว่าง’ ผมแจ้งไป

‘ตอนแรกผมว่าจะไปวันธรรมดา แต่ถ้าพี่ไม่ว่าง ผมให้เจ๊ตั้มเปลี่ยนเป็นวันเสาร์ดีไหมครับ ตามจริงผมไม่อยากจะทำแค่มอบเงินเสร็จแล้วก็กลับ ตั้งใจอยากจะเลี้ยงอาหารน้องๆด้วยสักมื้อ’

‘เอาจริงใช่ไหม ถ้าต้องการแบบนั้น เรื่องเลี้ยงอาหารน้องๆนั่น พี่จัดการเอง’

‘มันจะรบกวนพี่มากเกินไปไหม’

‘ขอเพียงแค่บอกว่า อยากให้พี่ไป พี่ก็จะไปครับ’

‘อ่า ครับ ผมอยากให้พี่ไปด้วยครับ’

‘หึ ตกลงตามนี้นะครับ แล้วเราก็ไปคุยกับคุณตั้มให้เรียบร้อย แล้วโทรมาบอกพี่ ’

‘แจ้งในไลน์ได้ไหมครับ ขี้เกียจโทร’ หึ

‘พี่ไม่ค่อยเล่นไลน์ครับ ส่วนมากจะโทรมากกว่า ’ หึหึ โทรเถอะครับ อยากฟังเสียง

‘ได้ครับ โทรก็โทร’ น้องพูดจบก็ทานต่อนิดหน่อย แล้วลุกไปตักของหวานมาทาน

‘นี่ครับ ตักมาเผื่อ’ น้องตักของหวานมาเผื่อด้วย ใจดีจัง แต่ผมไม่ค่อยถูกกับของหวานนี่สิ

‘ขอบคุณครับ’ ผมก็ตักไปนิดหน่อยแล้ววางช้อนไว้ จนน้องสังเกต

‘ไม่ทานของหวานทีหลังก็บอกสิครับ มานี่เดี๋ยวผมทานเอง’

‘ทีหลังงั้นหรอ แสดงว่าเราจะได้เจอกันอีกใช่ไหมครับ’ ผมถามไปตามที่ใจอยากถามจริงๆ

‘ก็จะเจอกันที่บ้านเด็กกำพร้าไงครับ คิดอะไรอยู่เนี่ยพี่’ น้องทำเฉยใส่ผมครับ หึ
 
       เมื่อเราจัดการกับทุกอย่างเสร็จสิ้นแล้ว ผมก็ถามเขาว่า ‘กลับยังไงครับ ให้ไปส่งไหม’ ที่ถามเพราะอยากไปส่งนะครับ แต่ดูที่น้องบอกผมมาสิ ‘ไม่เป็นไรครับ กลับบีทีเอสง่ายกว่า’

‘ไปส่งได้จริงๆนะ’ ผมถามอีกครั้ง

‘ไม่เป็นไรจริงๆครับ’ แล้วน้องก็หยิบบัตรบีทีเอขึ้นมาโชว์

‘อ่า โอเค งั้นถึงแล้วโทรบอกด้วยนะ’

‘พี่ก็เหมือนกัน ถ้าถึงแล้วบอกด้วยนะครับ’ อ่า ดีจัง วันนี้แค่นี้ก่อนก็ได้ ปล่อยน้องไปก่อน วันหลังค่อยว่ากันใหม่ เดี๋ยวน้องจะรำคาญชิ่งหนีไปก่อน



.........................................

ตอนต่อไป วันจันทร์สัก3ทุ่มนะครับผม

ฝากเอ็นดูน้องพอด้วย #รักแหละ #รักพอแล้ว

ออฟไลน์ Billie

  • "Let come what comes, let go what goes and see what remains. That is what is real"
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3327
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +78/-6
 :L2: :pig4:

ติดตาม

ออฟไลน์ anikarn

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 35
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-0
ตอนที่ 6 ไอ้แมงมุมขี้นอย


‘ครับ ขอบคุณมากนะครับคุณตั้ม’

       เมื่อสักครู่ผมได้คุยกับคุณตั้ม ผู้จัดการของน้อง ผมแจ้งความประสงค์ไปวะ อยากไปร่วมทำบุญด้วยกับทีมงานของคุณ แต่ผมมีเวลาเพียงเสาร์อาทิตย์ ซึ่งหากจัดเวลาตรงกันได้ ผมอยากจะเลี้ยงมื้อเที่ยงแก่เด็กๆที่บ้านเด็กกำพร้า
       ถ้าถามว่าผมมีเบอร์เขาได้ไง ผมได้ให้นามบัตรของผมไป2ใบตั้งแต่วันที่ประมูลเสร็จแล้วแหละครับ ใบหนึ่งให้คุณตั้ม อีกใบก็ให้น้อง
       ช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา ผมค่อนข้างงานรัดตัว กระดิกตัวไปไหนที ก็มีแต่ลูกน้องจะตามงาน แต่กระนั้นก็ยังพยายามหาเวลาติดต่อไปหาน้องด้วย

‘เป็นไงบ้างครับ พุดคุยกับผู้จัดการเรียบร้อยดีหรือยัง’ ผมถามน้องอีกครั้ง ทั้งๆที่ผมก็ได้คำตอบจากคุณตั้มแล้ว
‘เจ๊แกบอกว่า ยังไงก็ได้ แล้วแต่ผมเลย’
‘อืม ถ้าอย่างนั้น ให้พี่จัดเตรียมเรื่องอาหารเลยนะครับ’
‘ผมถามอีกครั้งนะครับ รบกวนพี่หรือเปล่า’
‘พี่เต็มใจครับ’
‘อ่า…ครับ’
‘พี่ถามได้ไหมครับ ว่าตอนนี้น้องทำอะไรอยู่’
‘ผมกำลังรอเข้าเรียนกับเพื่อนนะครับ’
‘ครับ’
‘แล้วพี่ละครับทำอะไรอยู่’ เจอคำถามนี้ ผมปิดแฟ้มเอกสารทันทีเลยครับ
‘พี่กำลังอ่านเอกสารครับ แต่ตอนนี้ว่างแล้ว’
‘ครับ เที่ยงแล้ว พี่อย่าลืมทานข้าวนะครับ’
‘เป็นห่วงพี่หรอครับ’ ให้ตายสิ ผมโคตรหวังกับคำตอบเลย
‘เปล่าครับ แค่กลัวว่าจะไม่ได้ไปบ้านเด็กกำพร้าด้วยกันต่างหาก’ จบเลย
‘ได้เจอกันแน่ครับ’ หึ
‘อีพอ แกคุยกับใคร แฟนหร๊อ?’ เสียงแว่วมาในสาย สงสัยเพื่อนเขาครับ
‘ไม่ใช่แฟนเว้ย …แค่นี้ก่อนนะครับ บายครับ’ เขาปฏิเสธเพื่อนแล้วไหงมาเอ่ยลาผมละ

       ตั้งแต่ที่ผมวางสายน้องไป ผมก็นั่งทำงานจนเกือบจะ6โมงเย็น ถามว่าได้ทานข้าวไหม ก็ไม่ครับ เพราะวันนี้ผมอัดกาแฟไป3แก้ว แม่เคยเตือนผมแล้วว่าควรทานข้าวด้วย แต่สำหรับวันนี้ผมลืมจริงๆครับ

ติ้ดๆๆๆ

‘สวัสดีครับ’ผมกดรับสายโดยที่ไม่ได้มองดูว่าใครโทรมา
‘สวัสดีค่ะพี่คุณ’ หืม เสียงคุณตั้มผู้จัดการน้องโทรมา
‘สวัสดีครับคุณตั้ม มีอะไรหรือเปล่าครับ’
‘พี่คุณว่างหรือเปล่าคะ อยากจะรบกวนสักหน่อย’
‘ว่ามาเลยครับ’
‘คือว่า ตอนนี้น้องพอมีงานถ่ายแบบที่สตู แต่บังเอิญว่าพี่ไม่ว่างรับกลับ และอีกอย่างเจ้าเด็กดื้อมันยังไม่ได้ทานข้าวเลย’ หืม จะให้ผมไปรับงั้นหรอ
‘ครับ อยากให้ผมไปรับน้องหรอครับ’
‘ได้ไหมคะ ถ้าพี่คุณไม่สะดวก ไม่เป็นไรก็ได้ค่ะ’
‘ผมถามได้ไหมครับ ว่าทำไม’ หึ
‘อยากให้พี่ตอบจริงๆหรอคะพี่คุณ ฮ่าๆ’
‘ฮ่าๆ ได้ครับ เดี๋ยวผมจะไปรับน้องเอง ส่งทำอยู่มาได้เลยครับ’

       ผมค่อนข้างแน่ใจแล้วว่าคุณตั้มเป็นอีก1สายลับที่ยืนอยู่ฝั่งผม ตั้งแต่ที่เราคุยกันตั้งแต่วันที่ประมูลงานเสร็จ เขาคงสังเกตออกว่าผมต้องการอะไร และวันนี้ก็เป็นเครื่องยืนยังว่าเขาให้โอกาสผม
       ผมเดินทางออกจากออฟฟิตแล้วมุ่งหน้าไปยังสตูที่น้องทำงานอยู่ คุณตั้มแจ้งว่าน้องจะเสร็จงานตอนทุ่มครึ่ง ตอนนี้ก็6โมงครึ่ง กว่าจะฝ่ารถติดไป คงทันเวลาที่น้องออกมาพอดี
       ผมตัดสินใจจอดรถที่ด้านหน้าของสตูดังกล่าว เพื่อรอให้คนๆนั้นเลิกงาน ผมนั่งรอสักพักก็เห็นน้องเดินออกมา ทำท่าจะโทรหาใครสักคน เดาได้ว่าน่าจะโทรหาคุณตั้ม แต่ผมเลือกที่จะเปิดประตูมรถออกไปทักน้องดีกว่า

‘น้องพอ’
‘…………ครับ?’ น้องทำหน้างง
‘งงอะไรครับ’ เดินมาที่น้องแล้วถาม
‘ก็พี่มาได้ไง เอ่อ…’ น้องยังคงงงต่อไป
‘มีคนให้พี่มารับเด็กดื้อไปทานข้าวครับแล้วให้ไปส่งที่ห้องด้วย’
‘เจ๊ตั้มหรอครับ’
‘…………’ ผมยิ้มให้เป็นคำตอบ
‘เบลอซะแล้วเด็กดื้อ’ ผมเอื้อมมือไปลูบหัวน้องเบาๆ
‘พี่อย่าทำงี้ดิ ผมเบลอกว่าเดิมอีก’ น้องจับมือผมออกมา แล้วดูหน้าสิ ยุ่งหมดแล้ว
‘วันนี้งานหนักหรอครับ หิวอะไรไหม’ ผมถามอย่างเป็นห่วง
‘พี่ วันนี้ผมทำงานแบบไม่มีสมาธิเลยอ่า แล้วเจ๊ตั้มดันไม่ว่างอยู่กับผมอีก ผมเบลอแม้กระทั่งตอนอยู่หน้าเซทอะ ผมขอโทษเป็นสิบๆรอบ สงสารช่างกล้องเลย’ นี่คือสิ่งที่อยู่ในใจสินะ
‘ไม่เป็นไรๆ พี่ปลอบไม่เก่งด้วยสิ งั้นเดี๋ยวพาไปทานอะไรอร่อยแล้วกันนะ’ ว่าเสร็จผมก็จับมือน้องจูงมาขึ้นรถทันที

       ระหว่างที่เราอยู่บนรถด้วยกัน มีเพียงเสียงเพลงจากเครื่องเสียงในรถเท่านั้น เราไม่ได้คุยกัน ผมเหลือบหันไปมองน้องที่หันหน้ามองกระจกข้างอย่างเดียว รู้เลยว่าคงเครียดกับงานตัวเองในวันนี้

‘น้องพอครับ’ ผมเอื้อมมือไปวางบนหัวน้อง
‘ครับ ผมขอโทษนะครับที่เงียบแบบนี้ ทั้งๆที่ผมควรจะพูดคุยกับพี่บ้าง’ น้องหันมาพูดกับผมด้วยหน้าตาที่เศร้าสร้อย
‘พี่ไม่ได้ว่าอะไร แค่แปลกใจว่าเด็กดื้อของใครหลายๆคนมีมุมนี้ด้วยหรอครับ’
‘พี่คุณ ผมก็แค่เด็กคนนึงเท่านั้นแหละ ไม่ใช่ไอรอนแมนสักหน่อย’
‘ฮ่าๆ พี่ว่าดื้อขนาดนี้ไม่ใช่ไอรอนแมนนะ’
‘งั้นผมควรเป็นอะไรดี กัปตันงี้ปะ’ นั่นไงเริ่มมีรอยยิ้มแล้ว
‘กัปตันเมกาอะพี่ ส่วนเราเป็นได้แค่ไอ้แมงมุม ปล่อยใย ปิ้วๆ’ ผมทำท่าปล่อยใยด้วย
‘หมดกัน มาดนักธุรกิจหนุ่มหล่อในฝันของเจ๊ตั้ม’ อ้าว หมดกัน
‘ฮ่าๆ ไอ้แมงมุมหายนอยหรือยังครับ’ ผมถามอีกครั้ง
‘………..ขอบคุณนะครับ’ ผมดีใจนะที่เขายิ้มออกมา เพราะคนอย่างเขาไม่เหมาะกับอมทุกข์หรอก เขาเหมาะกับรอยยิ้มกว่าเป็นไหนๆ

       มื้อเย็นวันนี้ผมเลือกเป็นร้านสุกี้เอมเคครับ ผมเลือกผัก น้องเลือกหมูและเป็ดย่างพร้อมด้วยบะหมี่หยก
‘เนี่ย เจอพี่ทีไร ได้กินแต่ของดีๆ’
‘ถ้าอยากกินดีๆอีก ก็มาเจอกันบ่อยๆ’ ผมยักคิ้วให้2ที
‘แหง่ะ ผมให้เจ๊ตั้มเลี้ยงก็ได้ครับ ไม่รบกวนพี่หรอก’ น้องว่าแล้วก็ยกน้ำขึ้นมาจิบ

       ผมไม่ตอบอะไรได้แต่ยกยิ้มขึ้นในใจ จากที่ผมสังเกตน้องมา2วัน ดุแล้วน้องน่าจะสายมู มูย่าง มูชาบู อะไรแบบนี้มากกว่าที่จะมาฟิตหุ่นถ่ายแบบ

‘กินเก่งแบบนี้ เดี๋ยวก็หุ่นพังหรอก อะกินนี่ซะบ้าง’ ผมแกล้งหยิบผักให้น้อง
‘ปล่อยวันนึงนะพี่คุณ วันนี้ผมเหนื่อยมาก ต้องการพลังงาน’
‘ปกติออกกำลังกายหนักไหม’
‘อ๋อ เฉพาะมีงานเท่านั้นแหละครับ ทีเหลืออาศัยควบคุมอาหารเอา มันจะได้ลีนๆ’
‘อ๋อ ลีนแบบในรูปนะหรอ’
‘เอ้อ รูปผมที่ได้ไปอะ พี่เอาไปไว้ตรงไหนครับ’
‘หน้าห้องน้ำครับ’ ผมแกล้งตอบไป
‘โหยพี่คุณ ใจร้ายจัง’
‘ล้อเล่นครับ ถ้าอยากรู้ต้องไปดูเอง หึ’
‘……………’  อ่า เงียบเลยครับ ทำไงดี
‘อย่าเงียบสิครับ พี่ขอโทษ’
‘เปล่าครับ ผมกำลังคิดว่า คืนนี้ขอไปนอนห้องพี่ดีไหม’ หื้มมมมมมม

       จากนั้นผมก็มีอีก1ชีวิตติดสอยห้อยท้ายมาที่คอนโดด้วย ผมเปิดประตูให้น้องเข้าไป ผมบอกให้น้องเข้าไปอาบน้ำอาบท่าให้เรียบร้อยซะ ผมหยิบผ้าขนหนู พร้อมเสื้อผ้าไปให้เปลี่ยนเสร็จสรรพ
‘พี่คุณ ผมอาบน้ำเสร็จแล้วครับ’ ผมเงยหน้าออกจากเอกสารที่หยิบมาอ่านเพื่อดับไฟที่เกิดในจิตใจ แต่พอเห็นน้องที่ผมลู่น้ำเปียก ทำยังไงไฟในใจผมก็ไม่ดับไป
‘ทำไมไม่เช็ดผมให้แห้งครับ มานี่มา’ ผมเรียกให้เขานั่งข้างล่างโซฟาที่ผมนั่ง แล้วหยิบผ้าเช็ดให้น้อง
‘พี่คุณใจดีจัง ทำแบบนี้กับใครบ่อยไหมครับ’
‘นี่คนแรกในรอบหลายๆปีครับ’ ผมตอบไปตามความจริง เพราะไม่ใช่เหตุผลอะไรที่น่าปิดบัง

       จากนั้นผมก็ขอตัวไปอาบน้ำบ้าง ผมปล่อยให้น้องนั่งดูทีวีไปพลางๆ  ใช้เวลาไม่นานผมก็ออกมาจากห้องน้ำทั้งๆที่ผมยังเปียกอยู่ ผมหยิบผ้ามากำลังจะเช็ดผม

‘พี่คุณ มานั่งนี่ครับ ผมอยากทำบ้าง’ ผมมองเด็กตาใสที่กำลังคิดจะทำอะไรสักอย่าง
‘ครับ ทำอะไรครับ’ ผมถามอย่างสงสัย
‘เช็ดผมให้พี่บ้างไง มาๆ’   อ๋อ นึกว่าอะไร
‘พี่คิดว่าผมเรียกพี่มาทำอะไรครับ ฮ่าๆ’

       น้องจัดการเช็ดผมจนแห้งพอหมาดๆ ผมก็ถามน้องในคำถามเดิมที่น้องเคยถามบ้าง

‘ใจดีจัง ทำแบบนี้กับใครหรือเปล่าครับ’ หึหึ
‘ผมไม่ตอบให้พี่ดีใจเล่นหรอกครับ’
‘คำตอบคือ พี่ไม่ใช่คนแรกหรอก เพราะผมเป็นคนใจดีฮ่าๆ’
‘ไม่เป็นไรครับ ไม่ใช่คนแรก ขอเป็นคนสุดท้ายก็พอ’
‘เฮ้อ นี่คือลุคแบดบอยที่ซ่อนไว้ภายใต้ลุคนักธุรกิจใช่ไหมครับ’
‘ฮ่าๆ เข้าใจคิดนะ เอาจริงๆพี่ไม่ค่อยได้พูดอะไรแบบนี้หรอก วันๆเอาแต่ทำงาน คุยแต่เรื่องงาน’
‘แล้วทำไมคราวนี้ถึงพูดละครับ’
‘เพราะเด็กดื้อที่นั่งอยู่ตรงนี้ไงครับ จึงต้องพูด’
‘อืมๆ แบดบอยจริงๆด้วย ฮ่าๆ’ ว่าแล้วก็หันไปสนใจทีวีต่อ ผมละอยากจะเอาทีวีไปเก็บในห้องเก็บของเสียจริงๆ
‘ไม่ง่วงหรอครับ ดึกแล้วนะ พรุ่งนี้มีเรียนหรือเปล่า’ ผมถามเขาอย่างเป็นห่วงว่าถ้าเกิดมีเรียนแล้วจะตื่นสาย
‘พรุ่งนี้เรียน10 โมงครับ แต่คงออกพร้อมพี่คุณ ว่าจะเข้าไปเปลี่ยนชุดที่ห้องก่อน’
‘งั้นเข้าไปนอนในห้องนะครับ พี่ขอดูเอกสารอีกสักพักแล้วจะไปนอนเหมือนกัน’
‘พี่จะนอนในห้องด้วยกันใช่ไหมครับ’
‘ครับ นอนด้วยกันนะครับ พี่หวังว่าจะไม่มีใครมานอนโซฟาหรือใต้เตียงนะครับ หึ’
‘เปล่าสักหน่อย ผมแค่เกรงใจ แค่นี้ก็รบกวนจะแย่อยู่แล้ว’


        จากนั้นผมก็เข้านอนก่อนพี่คุณ เพราะพี่คุณบอกว่าจะดูเอกสารอีกสักหน่อย ดูแล้วรุ้เลยว่าผู้ชายคนนี้บ้างาน ขนาดเลิกงานแล้วยังต้องมาดูเอกสารอีก ถ้าเป็นคนอื่นนะ ป่านนี้คงนั่งดื่มเบียร์เย็นที่ไหนสักทีแล้ว แล้วที่ผมเห็นว่าเป็นนักธุรกิจมาดเนียบ ในใจจริงพี่คุณก็แบดบอยเหมือนกันนั่นแหละ เมื่อกี้นะ ทำเป็นหยอดผมอะ ผมไม่หลงกลง่ายๆหรอกนะครับ
       ก่อนจะนอนผมตัดสินใจเปิดทวีตเตอร์ดุอีกสักรอบเพราะวันนี้ไม่ค่อยได้จับมือถือเลย ผมเปิดดูแท็กของตัวเอง แล้วก็มีอีกหลายรูปเลยที่ทยอยมาลงตั้งแต่วันงานมีตติ้งครั้งแรกของผม ส่วนมากก็เป็นรูปผม แต่จะมีรูปพี่คุณแทรกขึ้นมาบ้างเพราะส่วนนึงคือเขาเป็นคนประมูลภาพของผมได้ครับ

‘ขอบคุณแฟนคลับที่มาประมูลกันนะครับ ขอบคุณที่มาเจอกันนะครับ #รักพอแล้ว’

        ผมตัดสินใจรีทวีตที่เป็นรูปผมกับรูปพี่คุณ เพราะใจจริงๆ ก็อยากขอบคุณเขาในหลายๆเรื่อง เรื่องที่ทำให้ผมหายเครียด ทั้งยังพาไปทานข้าวเย็น และยังให้ผมมาพักที่ห้องเขาด้วย
       ที่ผมตัดสินใจขอมานอนที่คอนโดของพี่คุณ เพราะว่าไม่อยากกลับไปอยู่คนเดียวในห้องทั้งๆที่กำจัดความรู้สึกแย่ๆนั่นออกไปได้แล้ว กลัวมันจะกลับมาคิดฟุ้งซ่านอีก และเหตุผลอีกประการที่ตัดสินใจมาที่นี่ เพราะอยากมาพิสูจน์ว่าเขาคิดอะไรกับผมหรือเปล่า และตอนนี้ผมรู้แล้ว ว่าเขาคิดอะไรกับผม หึ ลุงคนนี้ร้ายนักแหละ
       ผมได้ยินเสียงแกร็กที่เขาเปิดประตูเข้ามา ผมแกล้งนอนหลับตา ทั้งๆที่ผ้าห่มก็ยังกองอยู่ข้างๆ จู่ๆพี่คุณก็หยิบผ้าห่มมาห่มให้ผมครับ ตัวผมนี่แข็งทื่อเลย และที่มากไปกว่านั้น พี่เอามือมาลูบผมของผม และหอมลงไปบนผมของผม อ่า ใจสั่นเลยอะ ลุงโคตรร้ายเลย

‘ห๊าววววว’ ผมตื่นขึ้นมาในช่วงเช้าตรู่ พยายามปรับสายตาให้เป็นปกติ ผมมองไปข้างๆ ไม่เห็นใครอีกคนนอนอยู่
‘ตื่นแล้วหรอครับ เด็กขี้เซา ปลุกตั้งหลายรอบ จนพี่อาบน้ำเสร็จแล้ว’พี่คุณออกมาจากห้องน้ำในสภาพที่นุ่งแต่ผ้าขนหนู เปลือยท่อนบน ผมหันไปมองปุ๊ป ได้แต่หันหน้าหนีทันที
‘หันหน้าหนีทำไมครับ มีอะไรหรือเปล่า’ เขายังมีหน้ามาถามผมอีก เห้อ ลุง
‘พี่ไปแต่งตัวให้เรียบร้อยก่อนดีกว่าไหม’ ผมบอกเขาไป แล้วรีบลงจากเตียงคว้าเอาผ้าขนหนูไปด้วย

       ตอนแรกผมว่าจะให้พี่ไปส่งผมที่บีทีเอสสักที่หนึ่งแล้วค่อยไปเข้าห้องตัวเองไปเปลี่ยนชุดแล้วออกไปมหา’ลัย
‘พี่คุณครับ ผมยังยืนยันอีกครั้งนะครับว่าให้ไปส่งผมที่บีทีเอส’ ผมหันไปบอกเขาที่ดูว่าจะมีความสุขเหลือเกินที่ได้ขับรถไปทำงานแบบนี้
‘น้องพอครับ พี่ก็ยังยืนยันคำเดิมนะครับว่าจะไปส่งที่ห้อง’ นั่นไง โดนลุงย้อนแล้วไหมละ
‘อีกลุคของพี่นี่คือเด็กดื้ออะเอาจริงๆ’
‘พี่ไม่ดื้อครับ พี่ดุ’ โว้ะ มาดงมาดุ
‘เห้อ แล้วแต่พี่ละกัน ไปทำงานสายไม่รู้ด้วยนะ’
‘ครอบครัวพี่เป็นเจ้าของบริษัทนะครับ เผื่อน้องยังไม่รู้’ เห้ออ เหนื่อยจะพูดด้วยแล้วครับ

       ตอนนี้ผมกำลังนั่งรอเวลาเข้าเรียนกับเพื่อนที่โต๊ะม้าหินอ่อนหน้าคณะ วันนี้ผมมาเร็วเป็นคนแรกของกลุ่มเพราะวันนี้ตื่นเช้า ส่วนคนอื่นๆก็ทยอยกันมา ผมนั่งเลเนมือถือไถทวีตอยู่สักพัก

‘นั่งยิ้มอะไรคนเดียววะอีพอ’ จีจี้ เพื่อนสาวของรุ่นทักผม
‘เปล่านี่ ก็ดูทวีตไปเรื่อยอะ’ ผมก็โชว์หน้าทวีตให้เธอดู
‘เออ แล้วเมื่อวานทำไมไม่อ่านไลน์กลุ่มห๊ะ คนอื่นเขาอ่านกันหมด แต่มีอยู่คนนึงไม่อ่าน และทุกก็ตอบ เหลือเมิงคนเดียวเนี่ย หายหัว’
‘อ่อ เมื่อวานเครียดๆนิดหน่อยวะ’ ผมว่าไปพรางเลื่อนทวีตดู
‘อีพอ เมิงวางมือถือก่อน แล้วตอบคำถามกู’ อะ วางก็วาง
‘ว่าไงครับคุณจีจี้’
‘เมื่อวานเกิดอะไรขึ้น’ แหน่ะ จริงจังไปได้คนเรา
‘ใจเย็นๆ อย่าเพิ่งโหดดิ’ ผมบอกไปเกร็งๆ
‘เล่ามาเลย อีพอ อย่าอุ้บอิ้บ’
‘ก็เมื่อวานไปถ่ายงานมา แล้วไม่มีสมาธิ ก็ขอโทษพี่ๆไปสิบกว่ารอบ กว่างานจะเสร็จก็แทบแย่ ’
‘ปกติ ถ้ามีงานแบบนี้ เมิงจะทำได้ดีไม่ใช่หรอ แล้วทำไมงานนี้ดุไม่มีสมาธิวะ’
‘ไม่รู้เหมือนกันวะ แต่งานต่อไปคงจะจัดการความรู้สึกตัวเองให้ดีกว่านี้อะ’ ผมคิดแบบนั้นๆจริงๆนะ
‘แล้วอะไรที่ทำให้เมิงมานั่งยิ้มได้ตอนนี้ยะ’ น่ากลัวๆจริงๆเพื่อนคนนี้
‘กัปตันเมกามั้ง’ ฮ่าๆ
‘เกี่ยวอะไรวะ แล้วเมื่อคืนหล่อนไปนอนที่ไหนมา’
‘ไปนอนห้องกัปตันเมกามามั้ง โอ้ยย ถามเยอะจริง ไปๆ ขึ้นเรียนได้แล้ว’ แล้วผมก็รีบโกยกระเป๋าเพื่อเลี่ยงคำถามแปลกๆพวกนี้ของเพื่อนตัวเอง

       เวลาเที่ยงเศษๆ ผมพวกเรามานั่งทานข้าวในโรงอาหารพร้อมกัน ผมเลือกกินข้าวมันไก่ไม่เอาหนังพร้อมน้ำเก็กฮวย ส่วนคนอื่นๆก็แยกย้ายกันไปหาเมนูที่ตัวเองชอบมาทานร่วมกัน เราทุกคนพากันกินข้าวไป ด่ากันไป ผมก็แปลกใจนะทำไมเพื่อนที่สนิทกันถึงไม่คุยกันดีๆ ทำไมต้องด่ากันด้วย
      สักพักก็มีเสียงเจี๊ยวจ๊าวดังขึ้น ผมหันไปมองก็พบว่านั่นมันแอดมินเพจคิ้วบอยที่กำลังถือกล้องไลฟ์อยู่ เมื่อเขาเดินเข้ามาใกล้ผม ก็เลือกที่จะทักทายผมและเหล่าเพื่อนๆ

‘สวัสดีคะเด็กๆ อะๆสวัสดีชาวเพจหน่อยจ้า’ แอดมินเริ่มทำงานแล้วครับ
‘สวัสดีครับ สวัสดีค่า’
‘น้องพอ แฟนคลับฝากสวัสดีคะ’
‘อ่า สวัสดีครับทุกคน’ ผมยิ้มให้ไป1ที
‘เป็นไงบ้างงานมีตติ้งที่ผ่านเมื่อวันหยุดที่ผ่านมา’
‘ก็สนุกดีครับ ตื่นเต้นด้วย นานๆได้เจอคนเยอะขนาดนี้ ฮ่าๆ’
‘ได้ข่าวมีคนหล่อใจบุญมาประมูลภาพเราไปด้วยใช่ไหม’
‘ใช่ครับ ใจบุญจริงๆ ต้องขอบคุณเขานะครับ รวมถึงคนอื่นๆด้วย’
‘ต่อไปมีงานอะไรอีกไหมคะ แฟนๆถามมา’
‘ล่าสุดมีถ่ายงานครับ ฝากติดตามด้วยนะครับ’
‘เอาละจ๊ะ วันนี้แอดมินพามาทักทายคนหล่อเฉยๆ บอกลาแฟนๆหน่อยเร็วน้องพอ’
‘ตั้งใจเรียนนะครับทุกคน ผมก็จะไปเรียนด้วย บ๊ายบายครับ’
     
       แล้วพวกผมเราทุกคนก็พากันมาเข้าเรียนต่อในช่วงบ่าย ผมเคยถามเพื่อนว่าเบื่อไหมที่มีกล้องมาตามพวกเราบ่อยๆ เพื่อนๆก็ตอบว่า ไม่เป็นไร ชิลๆเมิง อยากดังด้วยพอดี เออคิดได้นะพวกเมิง
 
ติ้ดๆๆๆ

สายจากพี่คุณครับ ไม่รู้ว่ามีธุระอะไรหรือเปล่า

‘พวกเมิงเข้าห้องไปก่อนเลย เดี๋ยวขอคุยโทรศัพท์จากลุงก่อน’ บอกไปแบบนั้นแหละดีแล้ว จะได้ไม่มีคำถามตามมาอีก
‘สวัสดีครับคุณลุง’
‘หึ ลุงเลยหรอ เจ้าเด็กแสบ’
‘มีอะไรหรือเปล่าครับ’
‘อยากลองโทรแบบไม่มีธุระ จะได้ไหม’
‘ฮ่าๆ ได้ครับ ไม่มีธุระก็โทรมาได้ แล้วนี่ลุงกินข้าวหรือยังครับ’
‘กำลังออกไปกินกับเพื่อนครับ แล้วจะคุยงานกันต่อ’
‘ครับ กินข้าวบ้างนะครับ อย่ามัวแต่ทำงาน’
‘ขอบคุณครับ แล้วนี่มีเรียนหรือเปล่า’
‘มีครับ กำลังจะเข้าเรียน แต่มีลุงโทรมาก่อนเลยต้องออกมารับสายก่อน’
‘ดีมาก เด็กน้อย งั้นไม่กวนแล้ว เจอกันครับ’
 
        จู่ๆเขาก็วางไปเลย เจออะไรกัน จะมาหาหรอ เอ้อ ไม่ทันได้ถามอะไรเลย

‘เมิง แยกย้ายเลยนะ วันนี้กุง่วงมาก ต้องการเตียงสุดๆเลย’ ผมเอ่ยลาเพื่อนๆเมื่อผมรู้สึกว่าพลังงานกำลังจะหมด ขอกลับห้องไปชาร์ตแบตชีวิตก่อนดีกว่า ค่อยออกมาหาอะไรกิน

        ผมตื่นมาอีกทีเกือบจะ3ทุ่มเพราะได้ยินเสียงจากโทรศัพท์ ใครกันนะ โทรมาตอนนี้

‘ลุง – ไม่ได้รับ 2สาย’ หืม พี่โทรมาหรอเนี่ย ผมจึงตัดสินใจโทรกลับทันที

ติ้ดๆๆๆ รอสายไม่นานลุงก็รับสาย
 
‘หวัดดีลุง โทรมาป่านนี้มีอะไรครับ’
‘จะโทรมาชวนกินข้าวเย็น แต่เห็นว่าไม่รับสายสักที เลยว่าจะกลับแล้ว’
‘เดี๋ยวๆ ตอนนี้อยู่ที่ไหนครับ’
‘ลองออกมาดูที่ระเบียงสิครับ’
‘ลุงครับ ห้องผมไม่ได้ติดกับด้านหน้าคอนโดครับ’
‘อ้าวหรอ ฮ่าๆ ตอนนี้พี่อยู่ใต้คอนโดน้องครับ จะมารับไปทานข้าว’
‘แล้วพี่รู้ได้ไงว่าผมยังไม่ทานข้าว’
‘มาเถอะครับ พี่ไม่มีเหตุผลอะไรแล้ว’
‘ได้ครับ ใจร้อนจริงวัยรุ่น’

       แล้วผมก็หยิบของนิดหน่อยติดตัวมาด้วย ลงลิฟท์มาก็เห็นพี่คุณยืนอยู่หน้าเคาเตอร์คอนโด พอลิฟท์เปิดแกก็หันมามองทันที พอรู้ว่าเป็นผมเดินออกมา ผมเห็นเขายิ้มด้วย แม้จะนิดเดียวก็ตาม

‘เจอกันบ่อยนะครับช่วงนี้’
‘ให้มาเถอะครับ คิดถึง’ หืม บทจะตรงก็ตรงเกิน คนอะไร
‘ตรงๆเลยหรอครับ ไม่อ้อมหน่อยหรอ’
‘ไม่ครับ คิดมาทั้งวันแล้ว ว่าเจอหน้าจะพูดคำนี้ให้ได้ยิน’ อ่า หน้าร้อนสึส! ลุงแม่ง

      ตอนที่นั่งอยู่ในรถพี่ถามว่าผมอยากทานอะไร เขาให้ผมเลือกอีกแล้ว ใจจริงผมอยากให้เขาเลือกบ้างนะ จะได้รู้ไงว่าชอบอะไร ไม่ชอบอะไร แต่ผมเห็นว่านี่ก็เริ่มจะดึกแล้ว ร่างกายทานของหนักไปคงไม่ดี สุดท้ายผมเลยเลือกทานร้านข้าวต้มข้างทาง

‘พี่คุณ พี่ทานได้ไหมแบบนี้’ ผมลืมไปเลยว่าไม่ได้มากับเพื่อนที่รู้จักกันมานาน ไม่รู้ว่าพี่เขาจะทานแบบนี้ได้ไหม
‘อ่า ได้ๆ เคยมานั่งประชุมแบบนี้ครั้งหนึ่งกับเพื่อนสนิท แต่ขอพี่ถอดสูทก่อนนะครับ’ โล่งใจไปเปราะ นึกว่าพี่จะไม่โอเคซะแล้ว
‘งั้นผมเดินไปสั่งให้นะครับ พี่อยากทานอะไรเป็นพิเศษไหมครับ’
‘น้อง…’ ว็อททท ?
‘น้องอะพิเศษสุดแล้วตอนนี้’ อ่า เอาอีกแล้วนะพี่

       ผมเลือกสั่งข้าวต้ม2ถ้วยกับอาแปะที่เป็นเจ้าของร้านนี้ แล้วสั่งผัดผักบุ้งไฟแดง กุนเชียง และผัดคะน้าหมูกรอบ คาดว่าพี่จะทานได้นะ

‘เป็นไงบ้างวันนี้ เรียนหนักหรอ’
‘ทำไมหรอครับ’ ผมทำหน้าสงสัย
‘ก็เห็นท่าทางเพิ่งตื่น หัวฟูมาเชียว’ เขาเอื้อมมือมายีหัวผม
‘งื้อ พี่คุณอย่าเล่นดิ ผมยุ่งหมดแล้ว’
‘ฮ่าๆ ไอ้ดื้อเอ้ย’ คงจะสะใจพี่มากใช่ไหม ฮึ่ย
‘พี่จะไปต่างประเทศสัก3วันนะครับ คงจะได้เจอกันวันไปบ้านเด็กกำพร้าเลยนะครับ’
‘ครับ’ ผมก้มมองอาหารทั้งที่ในใจเริ่มรู้สึกว่า ทำไมมันดาวน์ลงวะ ทั้งๆที่เมื่อก่อนใครจะไปจะมาก้ไม่เห็นจะสนใจ
‘น้องพอทำไมเงียบไปละครับ’ พี่คุณช้อนหน้าผมขึ้นให้สายตาเราอยู่ในระดับเดียวกัน
‘ผม..ผมคิดว่า คืนนี้ ผม..เอ่อ ไปนอนกับพี่ดีกว่าครับ’ ผมตัดสินใจพูดไปแล้ว ไม่รู้เหมือนว่าทำไมต้องพูดแบบนั้นออกไป แค่…รู้สึกว่าต้องหัดตามใจตัวเองซะบ้าง



.............................................

ตอนหน้า NC !

จุกๆ

ออฟไลน์ Billie

  • "Let come what comes, let go what goes and see what remains. That is what is real"
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3327
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +78/-6
 :L2: :pig4:

อู้ววววววว น้องแมงมุม ใจร้อน

ออฟไลน์ AkuaPink

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2033
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +59/-1

ออฟไลน์ anikarn

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 35
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-0
ตอนที่ 7  ถ้าหนูอ้อนเก่ง พี่ก็โอนเก่ง


       และนี้ก็เป็นครั้งที่2ที่ผมได้พาเด็กดื้อขึ้นมาบนคอนโดผมอีกครั้ง ตอนที่เรานั่งกินข้าวต้มกัน ผมไม่มีความคิดเลยว่าน้องจะตัดสินใจขอมานอนที่ห้องอีก เมื่อน้องอยากมา ผมก็ต้องตามใจครับ ไม่อยากขัด หึ

      ผมให้น้องเข้าไปอาบน้ำส่วนผมก็ไปเตรียมเสื้อผ้าให้น้องเหมือนเดิม แล้วผมก็หยิบไอแพทขึ้นมาเปิดเช็คข่าวอะไรนิดหน่อยเกี่ยวกับประเทศที่กำลังจะไปในวันพรุ่งนี้ครับ ผมได้รับการติดต่อมาจากลูกค้าในช่วงบ่ายของวันนี้ว่าให้ไปพบเขาที่ฮ่องกง เขาต้องการที่จะพูดคุยในเรื่องธุรกิจค้าเพชรจากบริษัทเรา ซึ่งทางเราก็ส่งผมไปคุยก่อนในขั้นแรก

        เรื่องที่ผมจะไปต่างประเทศตอนแรกจะไม่บอกน้อง แต่พอคิดไปแล้ว ก็ควรจะบอก เลยไปดักเจอที่คอนโด แต่พอไปถึงคอนโดน้อง โทรไปก็ไม่รับ ไม่รู้ว่าหายไปไหน หรือว่าออกไปกับเพื่อนๆหรือเปล่า ผมเกือบจะตัดสินใจขับรถกลับคอนโดผมแล้วถ้าน้องไม่โทรมาก่อน เราจึงได้ไปคุยกันที่ร้านข้าวต้ม

       สิ่งที่ผมกังวลที่สุดในการเดินทางครั้งนี้ ไม่ใช่เรื่องอะไรเลย แต่เป็นเรื่องของน้อง ผมแค่คิดถึงน้อง ไม่รู้ทำไมช่วงนี้ถึงอยากพบอยากเจอน้องเหลือเกิน ด้วยแววตาที่ใส และนำเสียงติดจะกวนๆบ้าง แต่บางครั้งก็ติดจะอ้อน ผมกลัวเหลือเกิน กลัวว่าจะหนีกลับมาก่อนงานเสร็จ

‘พี่คุณ ผมเรียบร้อยแล้วครับ เชิญพี่เลยครับ’ น้องออกมาแล้วครับ อืม ถ้าได้กอดจะดมสักฟอดเลยจริงๆ

‘น้องพอ มานี่สิ’ ผมกวักมือเรียกน้อง

‘ครับ ?’ น้องทำหน้างงๆแต่ก็เดินมา
‘ขอกอดหน่อยได้ไหม’ ขอเลยดีกว่า ขี้เกียจรอตอนน้องหลับ เพราะครั้งนั้นที่น้องหลับก่อน ผมก็สวมกอดเขาจนถึงเช้า

‘พี่คุณครับ ถ้าจะกอดผม พี่ต้องจ่ายเงินนะ ฮ่าๆ’ น้องทำท่าแบมือ

‘ถ้าพี่กอดน้องแล้ว น้องจะทำยังไงต่อครับ’

‘ก็…อ้อนมั้งครับ ฮ่าๆ’ อ้อนงั้นหรอ

‘งั้น…ถ้าหนูอ้อนเก่ง พี่ก็โอนเก่ง เอาดิ’ หึหึ

‘ไม่อ้อนแล้วครับ ไปเลยๆ ไปอาบน้ำเลย พรุ่งนี้จะเดินทางไม่ใช่หรอ เก็บกระเป๋าหรือยังครับ’

‘เก็บให้พี่ได้ไหม เดี๋ยวโอนให้เลย แสนนึง’

‘พี่คุณ !!’ โอเคๆ ไปอาบน้ำก็ได้ครับ

      ผมใช้เวลาอยู่สักพักในการอาบน้ำ แล้วก็ใช้เวลาสักพักใหญ่ในการเตรียมกระเป๋าเดินทาง ไป3วัน ต้องเอาอะไรไปบ้างนะ สูท เสื้อผ้า ของใช้ส่วนตัว อืม อะไรอีกละ

‘มาๆ เดี๋ยวผมช่วยก็ได้ พี่ไปหยิบสิ่งที่ต้องเอาไปมาให้ผมนะ จะพับให้’ เมื่อน้องเสนอมาแบบนี้พี่จะรอช้าอะไรละครับ เด็กอะไรน่ารักแล้วยังใจดี

‘อะนี่ครับ ฝากยัดด้วยนะครับ พี่ขอไปดูเอกสารที่จะต้องนำไปด้วยก่อน’

ครับ ตามสบายเลยครับ’ ผมมองภาพนั้นแล้วรู้สึกว่า มันเป็นภาพที่มันไม่ได้เกิดกับผมมานานแล้ว ตั้งแต่เลิกกับแฟนเก่าไป มีน้องมาช่วยมันก็ดี เหมือนที่แม่เคยพูดว่า แฟนที่ดีต้องช่วยกันพาให้ชีวิตเจริญขึ้น ไม่ใช่ดิ่งลงเหว ผมก็ได้แต่หวังว่า ตำแหน่งที่ว่านั้น คงจะเป็นเด็กแถวนี้นะครับ

       ผมนั่งเตรียมเอกสารอยู่สักพัก น้องก็เดินมาบอกว่า เตรียมให้ครบหมดแล้ว แถมจดเป็นรายการออกมาให้ด้วย อืม รอบคอบดี

‘พี่ครับ งั้นผมไปนอนในห้องแล้วนะครับ’ ผมพยักหน้าให้แล้วน้องก็เดินเข้าห้องนอนไป

      พอทุกอย่างเสร็จสรรพโดยที่ผมตรวจลีดรายการที่อยู่ในกระเป๋านั้นว่าครบทุกรายการแล้ว ผมจึงลากกระเป๋าออกมาหน้าโซฟา แล้วจึงปิดไฟข้างนอกให้หมดแล้วเข้ามาข้างในห้องนอน

     ผมเห็นอีกคนกำลังนอนตาใสแจ๋วอยู่บนเตียงกำลังนอนไถทวีตเตอร์อยู่ เห็นแว็ปๆว่ามีแต่รูปตัวเองทั้งนั้น

‘ทำไมยังไม่นอนอีกครับ’ ผมเลิกผ้าห่มขึ้นแล้วเอาตัวสอดเขาใต้ผ้าห่ม

‘ก็พี่ยังไม่นอน ผมก็ไม่นอนก่อนสิ’ ปากขยับตอบผม แต่สายตายังมองมือถืออยู่

‘คุยกับพี่ ทำไมไม่มองหน้าพี่ครับคนดี’ ผมชะโงกหน้าเข้ามาใกล้ๆน้อง

‘เอ้ย เอาหน้ามาใกล้ทำไมเนี่ย ลุงอ่า ตกใจหมด’ น้องเอามือดันอกผมออก

‘ฮ่าๆ มันน่าแกล้งนักแหละ แหน่ะ ยังจะทำปากยู่ใส่อีก เดี๋ยวก็จับจูบซะหรอก’

‘ลุง !! จูบอะไรเล่า ถอยไปเลย’ อยู่ดีๆน้องก็เอาผ้าห่มปิดหน้าตัวเองไว้

‘น้องพอ’ ผมเอ่ยเบาๆ

‘ลุง หยุดก่อน’ เวรกรรม แค่พูดยังไม่ได้เลยครับ

‘……………’

น้องค่อยๆเปิดหน้าออกจากผ้าห่ม

‘ลุง ผมกำลังคิดว่า ถ้าเรา…จูบกัน มันจะเป็นยังไง ผม…ผมว่ามัน ต้อ…ง อื้อออ อืม’ ผมไม่รอให้น้องพูดจนจบ ผมจึงชิงเข้าจูบเสียก่อน

‘อื้ออออ ลุง ผมหายใจไม่ออกนะ’ น้องผลักผมออกมา แล้วรีบโกยอากาศเข้าปอดทันที

‘รู้หรือยัง ว่าเป็นยังไง’ ผมถามน้องอีกครั้ง

‘ลุง ผมเขินอะ แต่ขออีกได้ปะ’ ได้ครับน้อง พี่จัดให้

‘อื้อ อืมม’ ผมเริ่มเอามือเลื้อยตามตัวน้อง แล้วถกเสื้อน้องออก แล้วก้มลงขบกับเม็ดลูกเกดเล็กๆ2ลุกนั่น

‘ลุง ทำอะไรอ่า’ น้องมองผมด้วยตาที่กำลังโตเท่าไข่ห่าน

‘สั่งสอนเด็กดื้ออย่างลองดีครับ’

‘ถึงหน้าตาผมจะดื้อ แต่ที่จริงผมซื่อนะครับ’

‘นั่นไง ลองดีอีกแล้วนะครับ’

‘ลองดีอะไร ผมแค่สงสัย ลุ๊งงงง มันเสียวนะ’ ผมปล่อยให้น้องพูดไปครับ แต่ผมไม่สนใจอะไรทั้งสิ้นในเมื่อมีสิ่งตรงหน้าที่น่าสนใจมากกว่า

‘ลุง เดี๋ยวสิ ใจเย็นๆก่อน’ ผมเอ่ยห้ามผมเพื่อเรียกสติผมไว้

‘ครับเด็กดื้อ’

‘นี่เราจะมีอะไรกันหรอ?’

‘ถ้าน้องไม่พอใจกับสิ่งที่พี่ทำ พี่หยุดก็ได้นะ’ เห้อ เกือบแล้วไหมละ

‘คือ เราเพิ่งรู้จักกันเองนะ ถึงแม้ผมจะรู้แล้วก็ตามเถอะว่าพี่คิดอะไรกับผม แต่…เรายังไม่ใช่แฟนกันอ่า ลุง ลุงแบบ เข้าใจปะ’

‘น้องกลัวว่าพี่จะไม่จริงใจกับน้องใช่ไหมครับ’ น้องพยักหน้า

‘พี่จะบอกอะไรให้นะ ตั้งแต่ความรักครั้งก่อนของพี่จบลง พี่ก็ไม่เคยจริงจังกับใครมาก่อน ไม่ว่าจะทางกายหรือทางใจพี่ก็ไม่เคยกับใคร จนพี่มาเจอเด็กดื้อที่ชอบท้าทาย และพี่ก็คิดว่าการท้าทายครั้งนี้มันน่าจะเกิดอะไรดีๆขึ้น และพี่ก็คิดว่ามันดีจริงๆ ดีใจนะครับที่เราได้เจอกัน’

‘……………’ ผมก้มลงจูบขมับน้องแล้วสบเข้าที่ตาน้อง

‘น้องพอ จะไม่พูดอะไรเลยหรอครับ’ ผมถามอีกครั้งเพราะกลัวว่าน้องจะโกรธ

‘พี่คุณ ผมขอมัดจำก่อน’ หืม มัดจำยังไงครับคนดี พี่ให้ได้หมด

‘มัดจำยังไงดีครับ’

‘มัดจำแบบที่นักธุรกิจเขาทำกันนะครับ’

‘อ๋อ เข้าใจแล้วครับ แปปนะครับ’ ผมเอื้อมไปหยิบมือถือมาแล้วเปิดแอฟธนาคารแล้วกดจำนวนเงินลงไป

‘พร้อมเพย์เป็นเบอร์โทรนะครับ’ น้องพยักหน้าให้

‘นี่ครับ 1แสนบาท มัดจำเรียบร้อย’ ผมยื่นหนาจอที่แสดงสลิปการโอนให้น้องดู

‘พี่โอนให้น้องแล้ว ตาน้องแล้วครับ อ้อนพี่หนักๆด้วยนะครับ’

‘พี่คุณ มีอุปกรณ์หรือเปล่าครับ’ หืม อุปกรณ์งั้นหรอ อ๋อ เข้าใจแล้ว

       ผมเอื้อมมือไปเปิดลิ้นชักที่ตั้งอยู่ข้างเตียง แล้วหยิบถุงยางพร้อมเจลหล่อลื่นออกมา

‘พี่คุณ บอกเลยนะครับ ผมทำแบบนี้ไม่เป็น’ น้องเอามือปิดหน้าไว้ ผมจึงคว้ามือนั้นขึ้นมาจูบเบาๆ แล้วเอามือวางไว้บนออกอก

‘จับดูสิครับ ใจพี่เต้นแรงขนาดไหน’

‘พี่ก็ต้องลองจับดูของผมบ้างนะครับ ว่าเต้นแรงแค่ไหน’ น้องคว้ามือผมมาทาบกับหน้าอกน้องเช่นกัน เรายิ้มให้กัน แล้วเริ่มจูบกันใหม่ โดยผมเริ่มก่อนอีกครั้ง ครั้งนี้ไม่เหมือนครั้งที่รุนแรง เพราะผมใช้ความละมุมค่อยๆเข้าไป ใช้ลิ้นตวัดไปมาในปาก

‘อื้อ พี่คุณ อย่ากัดปากผมสิ’

‘เด็กดื้อต้องถูกทำโทษครับ’

‘น้องพอไม่ดื้อแล้วครับ’ นั่นไงเริ่มอ้อนเป็นแล้ว ต่อจากนี้ต้องสอนบ่อยๆซะแล้ว

        ผมค่อยๆเลื้อนจากปากไปยอดหัวนมของอีกฝ่าย แล้วใช้มือถอดกางเกงน้องออกมาด้วย เจ้าแกนกลางของน้องชูชันขึ้น ผมใช้มือรูดขึ้นลงเบาๆ ขบลงเบาๆ หลังจากนั้นผมก็จัดการถอดเสื้อผ้าตัวเองให้เรียบร้อย โยนลงข้างๆเตียงซะ

‘น้องพอ พี่จะเริ่มแล้วนะครับ’ ผมบอกน้องที่กำลังกัดนิ้วหลับตาอยู่ถึงสิ่งที่กำลังจะเกิด

       ผมยกขาสองข้างน้องจนชิดอก แล้วใช้นิ้วตัวเองที่ทาเจลค่อยๆกดเข้าช่องทางสวรรค์ น้องเริ่มดิ้น สงสัยเริ่มเจ็บ

‘พี่คุณ น้องเจ็บ พอก่อนได้ไหม งื้อออ’

‘น้องต้องผ่อนคลายนะครับ น้องต้องเชื่อพี่ พี่จะทำให้ดีที่สุด’ ผมเข้าไปกอดน้อง จูบที่ขมับทั้งสองข้าง แล้วเริ่มเอานิ้วเข้ามาสอดใส่อีกครั้ง ผมเห็นน้องเริ่มกัดผ้า

‘น้องพอครับ ของจริงแล้วนะครับ’ น้องพยักหน้าให้ ผมจึงสวมถุงยางเพื่อความปลอดภัยของการทำรักครั้งนี้

       ผมค่อยๆดันเจ้าแกนกลางของผมเข้าไป ผมได้ยินน้องส่งเสียง ‘อื้อ พี่คุณ น้องเจ็บ’ ผมจึงก้มจูบที่ปากน้องอีกครั้ง แล้วถอนปากอก แล้วค่อยๆขยับเข้า ออกเป็นจังหวะ เพื่อให้อีกคนค่อยๆผ่อนคลาย ผ่านไปสักพักทุกอย่างเริ่มเร่งขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการจิกเล็บมาที่หลังของผม ผมไม่เจ็บหรอก ถ้าอีกฝ่ายยังเจ็บเพราะผมขนาดนี้

‘อ๊า อ๊า พี่คุณ น้องจะสุดแล้วนะครับ’

‘พี่ก็ใกล้แล้วครับ เรามาพร้อมกันนะครับ’ ผมส่งสัญญาณแล้วถอนสิ่งนั้นออกแล้วปล่อยมันกลางร่างกายของน้อง

‘อื้อ พี่คุณ ผมตายแน่เลย’ หึ เจ้าเด็กดื้อ

‘ยังไม่ตายครับ แบบนี้เขาเรียกว่าขึ้นสวรรค์’

‘งื้อ ไม่อยากขึ้นสวรรค์แบบนี้อีกแล้ว งื้อ พรุ่งนี้ผมได้ลาแน่ๆ’

‘พรุ่งนี้ลาเลย แล้วนอนพักที่ห้องพี่’ น้องพยักหน้าตกลง

‘พี่คุณ ผมอยากล้างตัว แต่..แต่ลุกไม่ได้ครับ’ พอได้ยินแบบนั้น ผมก็จัดการอุ้มน้องขึ้นมา แล้วพาไปล้างตัวในห้องน้ำ ผมไม่ได้หาเศษหาเลยอะไรน้องต่อในห้องน้ำ กลัวจะตายเสียก่อน เลยจัดการล้างตัวให้ แล้วเช็ดตัวพาออกมานอนที่เตียง ส่วนผมก็ไปจัดการตัวเองให้เรียบร้อย

       ผมเดินไปหยิบยาพารามาให้น้องทานก่อนนอน เพราะคิดว่าพรุ่งนี้คงจะมีไข้ขึ้นแน่ๆ ถ้าอย่างนั้นคงรบกวนเลขาผมให้มาส่งข้าวส่งยาให้เสียแล้วแหละมั้ง

      จากนั้นผมก็ไปนอนลงข้างน้อง แล้วกอดน้องไว้จนเช้า ผมตื่นก่อนน้องเพราะวันนี้ผมมีบินไปฮ่องกงเพื่อคุยงาน เห้อ งานก็จะทำ เมียก็อยากดูแล โอ้ยยย ไม่อยากฝากใครเลย เป็นห่วง!




……………………………………………………………………………………………………………….

        ผมตื่นมาในช่วงสายๆของอีกวัน มองไปรอบๆเตียงไม่พบว่ามีใครอยู่ สงสัยพี่จะเดินทางแล้ว อ๊ะ มีโน็ตแปะอยู่ข้างโคมไฟ
‘พี่ไม่อยู่ 3วัน พี่จะให้เลขาพี่ไปส่งข้าวส่งยาให้นะครับ เขาจะขึ้นเคาะห้องเราเอง น้องแค่รอเปิดประตูให้เขานะครับ รอพี่นะคนดี พี่คุณรักพอแล้วนะครับ’ ฮือๆ ทำไมอยู่ดีๆน้ำตาไหลละ เห้อ อ่อนไหวจังโว้ย

       ผมก้าวลงเตียงอย่างยากเย็นเพราะว่าเจ็บ เจ็บเหลือเกินครับ ไม่คิดว่าจะเจ็บขนาดนี้ แต่ก็ อืม …ฟินดี ไม่คิดว่าตัวเองจะเป็นฝ่ายรับ เหมือนในนิยายที่แฟนๆเอาชื่อเราไปเป็นตัวละครเลยอ่า งื้อ พูดแล้วก็เขินครับ ผมจัดการอาบน้ำอีกครั้ง แล้วนั่งรอว่าใครสักคนจะมาส่งข้าวส่งยาให้ผม ผมนั่งรอเกือบเที่ยง ได้ยินเสียงออดจากประตู ผมจึงค่อยๆลุกขึ้นไปเปิดประตูให้ ผมพบว่าเขาคนนั้นเป็นผู้ชายที่ค่อนข้างตัวใหญ่เหมือนพี่คุณ

‘สวัสดีครับ คุณพอแล้ว ผมเป็นเลขาคุณคุณนะครับ ผมเอาอาหารมาให้ครับ และนี่ยาที่คุณคุณสั่งมาให้ครับ’

‘ขอบคุณครับ’ ผมยกมือขอบคุณเขา เพราะยังไงก็เป็นผู้ใหญ่กว่า

‘ผมขอเอาของไปวางไว้ที่เคาเตอร์ในห้องครัวนะครับ’ ดูๆไปคุณเลขาท่านี้ก็เหมือนไอรอนแมนเนาะ มีหนวดนิดๆ

‘คุณเลขาครับ ผมถามได้ไหม ทำไมไม่ไปกับพี่ครับ’

‘บอสสั่งว่าให้ดูแลคุณพอครับ’

‘อ๋อ ขอบคุณมากนะครับ คุณ…เอ่อ ’

‘ผมชื่อคิมหันต์ครับ’ อืม เลขาคิม ฮ่าๆ เหมือนในซีรี่เกาหลีเลย

‘ครับ เลขาคิม’

‘คุณพอครับ อย่าล้อผมเลย แค่นี้แฟนผมก็ล้อทุกวันอยู่แล้ว’

‘ฮ่าๆ ได้ครับ ไม่ล้อแล้วครับ วันนี้ขอบคุณมากนะครับ’

พอเขาเอาของวางเสร็จ เขาก็ขอตัวกลับไป แล้วปล่อยให้ผมอยู่ในห้องคนเดียวพร้อมอาหารมื้อใหญ่จากเขา
 
       ผมนั่งทานเข้าแล้วหยิบถุงยามาดูว่ามียาอะไรบ้าง ยาแก้ปวด ยาทาแผลทางด้านหลัง อืม ถ้าเป็นแบบนี้เลขาพี่คุณคงรู้แล้วสินะว่าเกิดอะไรขึ้นกับผม เห้อ อยากตาย

       ผมหลับไปนานเท่าไหร่ไม่รู้เลย รู้แค่ว่าทานยาเสร็จแล้วนั่งไถๆมือถืออยู่สักพักก็พล่อยหลับไป ตื่นมาอีกทีฟ้าก็มือแล้ว ผมหยิบมือถือมาดู ก็ยังไม่มีข้อความหรือเบอร์โทรติดต่อจากพี่คุณ สงสัยคงจะทำงานอยู่หละมั้ง แต่เอ๊ะ เวลาก็ไม่ได้ต่างกันนะ เห้อ จะมาน้อยใจเขาทำไมเนี่ย อารมณ์สาวน้อยมากครับ งงตัวเอง

       ผมลุกมาอุ่นอาหารที่ได้รับมาจากคุณเลขาเมื่อกลางวัน แล้วจัดการกินข้าวกินยาให้เรียบร้อย ผมใช้ชีวิตอย่างยากลำบาก เพราะเมื่อคืนเหมือนผ่านศึกมาอย่างหนักหน่วง สงสัยเพราะครั้งแรกแน่ๆ แต่ถ้าเกิดครั้งที่สองหล่ะ จะยังเจ็บปะวะ เห้อ ทำไมเผลอไปคิดเรื่องนี้ได้เนี่ย

       เวลาเกือบสี่ทุ่มที่ผมยังตาค้างอยู่บนเตียง นอนไม่หลับ ใจนี่คิดไปต่างๆนาๆ ว่าทำไมเขาไม่โทรมา หรือว่าจะเกิดเรื่องอะไรขึ้น พี่ไม่คิดจะติดต่อมาจริงๆหรอ อย่าให้ผมรออย่างนี้สิ ลุงแม่งใจร้ายวะ
   
ติ้ดๆๆๆๆ

อ๊ะ นั่นไง โทรมาแล้ว หึ จะให้ง้อจนเข็ดเลย แต่พอหยิบมือถือมาดูแล้ว ไม่ใช่พี่คุณอะ

‘ฮัลโหล อีพอออออ’ จีจี้เพื่อนผมเอง

‘อะไรวะ’ ผมถามไปด้วยน้ำเสียงหงุดหงิด

‘เอ้า อีนี่ เพื่อนอุตส่าเป็นห่วง เห็นว่าหายตัวไม่มาเรียนช่วงบ่าย’

‘เอ่อ กูขอโทษ กูแค่หงุดหงิดนิดหน่อยวะ’

‘ไหนเล่าสิ บอกเดี๊ยนมาสิ’

‘ขี้เสือกวะ’

‘ลองใบ้มาก็ได้อะ’

‘กัปตันเมกาไปทำสงครามอยู่มั้ง เลยติดต่อไม่ได้’

‘เอ้า แล้วทำไมไม่ให้ไอรอนแมนตามหาให้’

‘ก็ไอรอนแมนไม่ได้ตามไปด้วย’

‘โอ้ยย นี่กูกำลังคุยอะไรกับเมิงอยู่วะ’

‘ฮ่าๆ ตลกดีวะ ไม่คิดว่าเมิงจะไปต่อได้’

‘เออ แล้วสรุปคือเมิงรอกัปตันเมกาติดต่อกลับมาหรอ’

‘ประมานนั้นแหละ เนี่ย นั่งเซงอยู่’

‘แล้วพรุ่งนี้จะไปเรียนไหม เช้าถึงเย็นเลยเมิงเอ้ย ’

‘ไปๆ พรุ่งนี้ไปแน่นอน ไม่หายตัวเป็นไอ้แมงมุมแน่นอนวะ’

       จากนั้นผมก็วางสายจากเพื่อน แล้วผมก็เลยเดินเข้าห้องน้ำไปฉี่รอบสุดท้ายก่อนจะนอน ระหว่างที่กำลังจะออกจากห้องน้ำเสียงโทรศัพท์ดังขึ้น สงสัยเพื่อนอีกนั้นแหละ
ติ้ดๆๆๆๆ

     เออ ปล่อยให้รอนั่นแหละ โปรดเข้าใจกูลำบาก ก้าวแต่ละก้าวนี่ หืม ทรมาน พอเดินมาถึงมือถือที่วางอยู่ ก็เห็นเบอร์ที่โชว์ คือโทรมาจากไลน์ ไลน์หรอ ไลน์ใครกัน อ๊ะ ไลน์ลุงหรอ ไหนว่าลุงไม่ค่อยเล่นไง แล้วๆ แล้วยังไงกันละ
       
‘ลุ๊งงงงงงงงงง หายไปไหน ทำไมไม่ติดต่อมา นึกว่าตกเครื่องไปแล้ว’

‘ฮ่าๆ คิดถึงละสิ เจ้าเด็กดื้อ’

‘เออดิ โคตรคิดถึงเลย’

'รู้ตัวไหม พูดอะไรออกมา’

‘ลุงครับ ผมก็แค่คนๆหนึ่ง แค่คำว่าคิดถึงเฉยๆ มันพูดไม่ยากหรอก’

‘ฮ่า ๆ แบบนี้ค่อยชื่นใจหน่อย’

‘ลุง…งานเป็นไง เหนื่อยไหมครับ’

‘เพิ่งคุยงานกันเสร็จเมื่อกี้นี่เอง’

‘แล้วเข้าที่พักหรือยังครับ’

‘ตอนนี้อยู่ห้องพักแล้วครับ’

‘จะออกไปดื่มไหมครับ’

‘ถ้าไปจะหึงไหมครับคนดี’

‘บ้า หึงอะไร ไม่หึงๆ’

‘พี่ให้พูดอีกครั้งครับน้องพอ’

‘ลุง…ลุงอย่าไปเลย พักผ่อนดีกว่าเนาะ’

‘พี่จะคิดซะว่าคำพูดเมื่อกี้แทนคำว่าหึงนะครับ’

       เราคุยกันอีกสักพักครับ ผมไม่อยากให้พี่เหนื่อยไปมากกว่านี้ เลยบอกให้ไปนอนซะ กลัวว่าพรุ่งนี้จะลุยงานต่อไม่ได้ ก่อนวางสายพี่บอกว่า ‘พรุ่งนี้เย็น เรียนเสร็จก็กลับมาคอนโดพี่นะ’ ผมไม่ทันได้ถามอะไรต่อ พี่ก็วางไปแล้ว
       ผมเปิดทวิสเตอร์ขึ้น ตัดสินใจอยู่สักพักว่าจะโพสดีไหม แต่สุดท้ายผมก็กดโพสไป

@nongporleaw  ‘อยากมีแฟนแล้ว..สักคน’

       ผมตื่นเช้ามาไปเรียนตามปกติแม้จะติดขัดไปบ้างก็ตามเถอะ ผมพยายามเคลื่อนไหวให้น้อยที่สุด เพื่อนคงจะงงว่าทำไมวันนี้ผมไม่ดุ้กดิ้กไปไหนเลย นั่งนิ่งๆให้เพื่อนเล่น แต่ก็ไม่มีใครถามอะไรนะว่าเกิดอะไรขึ้นหรือเปล่า หรือว่าเมื่อวานหายไปไหนมา สงสัยจีจี้คงบอกเพื่อนให้แล้วแหละมั้ง

       พวกเราทั้งกลุ่ม เข้ามานั่งทานข้าวที่โรงอาหารกัน ผมฝากให้จีจี้ซื้อข้าวมาเผื่อด้วย เอาอะไรก็ได้ที่ไม่เผ็ด แล้วก็น้ำเปล่า เดี๋ยวผมเฝ้าให้เพราะขี้เกียจลุกให้มากมาย

‘อีพอ กูเพิ่งเห็นทวีตเมิง ยังไงๆ’ จีจี้เจ้าเดิมถามผมจนทุกคนสงสัย

‘อ่อ ฟังเพลงไง เพลงเพราะดี’ จีจี้หันมาทำปากแล้วพูดคำว่า ตอแหลม ออกมา

‘ทำมาเป็นมีความลงความลับ หึ ถ้ากูรู้นะ กูจะแฉให้แฟนคลับเมิงได้รู้ด้วย ’

‘ฮ่าๆ แดกข้าวต่อเถอะ มัวแต่พูดมากวะ’

       ตั้งแต่บ่ายจนถึงเย็นที่เรานั่งเรียนในห้องมาตั้งแต่ช่วงบ่ายที่ผ่านมา วิชานี้ค่อนข้างโหด เพราะต้องรู้ทั้งทฤษฎี แล้วก็ต้องทำปฏิบัติให้ออกมาดีด้วย ถ้าใครไม่เข้าใจตั้งแต่ทฤษฎี ก็จะยากที่จะเข้าใจปฏิบัติ พวกเราก็ต่างตั้งใจบ้าง ไม่ต้องใจบ้าง สลับกัน แล้วแต่ละช่วงก็ช่วยกันจดบ้าง เล่นกันบ้าง

       พอถึงเวลาเลิกเรียน พวกเราก็แยกย้ายเพราะต่างคนต่างเพลียกับการเรียนช่วงบ่ายที่ผ่านมามาก อยากนอนพักบนเตียงให้เร็วที่สุด ตอนแรกผมกะจะเข้าไปห้องตัวเอง แต่ดันนึกได้ว่าถ้าเรียนเสร็จพี่บอกให้ไปคอนโดพี่ทันที

       ผมเปิดประตูเข้าห้องพี่ทันทีที่มาถึง พบว่ามีแอร์เย็นๆกระทบผิวเข้า เอ๊ะ ผมลืมปิดแอร์ก่อนออกมาหรอ ก้ว่าตรวจดีแล้วนะก่อนออกจากห้องมา พอเปิดประตูห้องนอนเท่านั้นแหละ เห็นพี่นอนอยู่บนเตียง กำลังหลับลึกเชียว แอบได้ยินเสียงกรนเล็กๆ สงสัยจะเร่งงานจนไม่ได้พักแน่ๆ

       ผมเลิกผ้าห่มขึ้นแล้วรีบเข้าไปสวมกอดพี่เบาๆ เพราะกลัวพี่ตื่น ที่ที่ไหนได้แขนของพี่ได้วาดมาที่ตัวผมแล้วกอดเข้าจนแน่น

‘พี่…’

‘ชู่ๆๆ…’

‘อย่าเพิ่งพูด ขอเติมพลังก่อน’

แล้วผมจะว่าอะไรได้หล่ะครับ กอดมาก็กอดกลับเลยละกัน อืม เขินวะ


.............................................

โอ้ยยย จุก :katai1:

ออฟไลน์ คุณซี

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 205
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0
มีความแปลกในสไตล์การเล่าเรื่อง ซึ่งก็อาจจะเป็นเอกลักษณ์ของคูมนักเขียนแต่แอบขัดใจมากๆตรงที่ประโยคที่เขาพูดกันมันควรอยู่ใน "  " อ่ะแต่แบบพอคุณเขียนใน '  ' เลยชอบคิดว่ามันอยู่ในความคิด แง้ จะพยายามตั้งใจอ่านต่อไป ขอบคุณที่แต่งให้อ่านนะคะ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ AkuaPink

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2033
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +59/-1

ออฟไลน์ Quatree

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 279
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-1

ออฟไลน์ Leenboy

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3095
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +105/-2
กรีดร้อง คู่นี้น่ารักมาก :hao7:

ออฟไลน์ anikarn

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 35
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-0
      ตอนที่ 8 ทำร้าย


       ผมตื่นมาอีกทีเกือบห้าทุ่ม หลังจากที่หลับมาตั้งแต่ช่วงเย็นๆ เพราะผมบินกลับมาตั้งแต่บ่าย และกว่าจะกลับมาถึงคอนโดก็ใช้เวลาไปเยอะพอดู ดีที่ว่าผมให้เลขาคิมหันต์ไปรับผมที่สนามบินเลยไม่ต้องขับรถเอง ถ้าขืนขับรถเองคิดว่าคงไม่รอดจากถนนเป็นแน่

‘พี่คุณ พี่จะตื่นได้หรือยังครับ ผมหิวแล้วนะ’ เสียงแง้วๆที่ดังมาจากรอบแขนของผม

‘หิวแล้วหรอครับ พี่ก็หิวเหมือนกัน’

‘ผมว่าคำว่าหิวของเราไม่เหมือนกันแน่ๆอะ’

‘ฮ่าๆ ก็หิวจริงๆ ไม่เจอกันตั้งนาน คิดถึงมาก’ ว่าแล้วผมก็กอดให้แน่นอีกครั้ง

‘พี่คุณอ่า ปล่อยก่อนนะ หิวจริงๆ’ น้องพยายามดิ้นให้หลุด หึ เห็นว่าสงสารหรอกนะ ปล่อยก็ได้

‘อยากทานอะไรครับ นี่กี่โมงแล้วเนี่ย’

‘5ทุ่มกว่าแล้ว มัวแต่นอน’

‘อยากทานอะไรโทรสั่งได้เลยนะ หยิบเงินในกระเป๋าพี่ได้เลยนะครับ พี่ขออาบน้ำก่อนนะครับ’

‘ได้ครับ ผมจัดการให้’

       ผมลุกขึ้นไปอาบน้ำเปลี่ยนชุด เดินออกมาหน้าโซฟาเห็นมีกล่องไก่ทอดเคเอฟซีอยู่กล่องใหญ่ มองหาตัวแสบที่บ่นว่ากลัวอ้วนนัก กลัวอ้วนหนา อยู่ที่ไหน

‘อะพี่ เป็ปซี่ครับ’ นี่แหละครับ วิถีคนจะผอม น้องยื่นเป็ปซี่มาผม

‘ไก่ทอดกับน้ำอัดลมตอน5ทุ่มครึ่ง?’

‘นิดหน่อยน่าลุง มาๆ กินกันเถอะ รู้แหละว่าหิวเหมือนกัน’ น้องเดาถูกว่าผมหิวมาก ไม่ได้กินอะไรตั้งแต่ลงเครื่อง กลับมาก็นอนตายเลยครับ

‘อย่าบ่นว่าอ้วนให้ได้ยินนะเด็กอ้วน’ ผมหยิบไก่ทอดขึ้นมาชี้หน้าคนตรงข้าม

       ผมทานไปได้สองชิ้นก็เริ่มอิ่ม เลยปล่อยให้น้องทานต่อ ส่วนตัวเองก็หยิบทิชชู่ขึ้นมาเช็ดปากให้น้องเพราะมันเริ่มเลอะขอบปากขึ้นเรื่อยๆ

‘เห้อ เจ้าเด็กดื้อ เลอะปากหมดแล้วครับ’

‘ขอบคุณครับ แฮะๆ’

‘พรุ่งนี้ตื่นมาออกกำลังกายด้วยกันเลยนะ’

‘งื้อ เหนื่อยอ่า พี่ออกกำลังกายคนเดียวได้ไหม เดี๋ยวผมเฝ้าห้องให้’

‘เฮ้อ งั้นออกกำลังกายคืนนี้ดีไหมเนี่ย’ หึหึ

‘ลุง ยังไม่หายเจ็บเลย วันอื่นได้ไหม’

‘หึหึ’

       ตอนนี้น้องก็เข้าไปอาบน้ำ ส่วนผมว่างๆก็หยิบไอแพทมาเช็คอีเมล ดูว่ามีใครส่งมาให้ตรวจหรือเปล่า สำหรับงานที่ผมไปคุยกับลูกค้าที่ฮ่องกง ทางนั้นก็ดูท่าจะสนใจ แต่เขาก็ต้องการให้เราบินไปอีกในช่วงเสาร์อาทิตย์หน้า ผมคิดว่าจะลองถามน้องดูว่า เสาร์อาทิตย์หน้ามีงานอะไรหรือเปล่า อยากให้บินไปด้วย เผื่อเขาอยากไปพักผ่อน

‘น้องพอ มานี่หน่อยครับ’ ผมเรียกน้องมานั่งข้างๆ ขณะที่ตัวน้องเองกำลังเช็ดผมเดินออกจากห้องน้ำ

‘ครับ มีอะไรหรือเปล่าพี่’ ผมหยิบผ้ามาแล้วเช็ดให้น้อง

‘พี่จะถามว่า เสาร์อาทิตย์หน้าหลังจากไปบ้านเด็กกำพร้ามีคิวงานไหมครับ’

‘อืม ให้ผมโทรหาเจ๊ตั้มก่อนได้ไหมครับ’ น้องควานหามือถือที่วางอยู่ใกล้ๆ

‘พี่ว่าป่านนี้เจ๊ตั้มจะนอนหรือยัง’ น้องถามผมแต่ก็ยังกดโทรออกอยู่ดี

ติ้ดๆๆๆๆ

‘น้องพอ โทรมาทำไมป่านนี้ลูก!’ นั่นไงเสียงแว่วออกมา บ่งบอกเลยว่านอนแล้ว

‘เจ๊ อย่าเพิ่งนอนสิครับ’

‘เออๆ เดี๋ยวเจ๊เปิดไฟแปป’

‘ครับผม’

‘ว่าไง ถ้าโทรมาคุยไร้สาระ เจ๊ขอด่านะลูก’

‘จะถามว่า เสาร์อาทิตย์หน้าคิวงานผมว่างไหมครับ’

‘อ่อ ถ้าจำไม่ผิดมีแค่วันศุกร์ค่ะ ส่วนเสาร์อาทิตย์ว่าง ทำไมหรอค่ะ ใครติดต่อมาเอ่ย’

‘เปล่าครับ ยังไม่แน่ใจเหมือนกันครับ’

‘ยังไงละลูก สรุปยังไง’

‘เอาเป็นว่า ผมขอว่างสัก2วันนะครับเจ๊’

‘เอางั้นก็ได้ค่ะ ถ้ามีคนติดต่อมา เจ๊จะขอเลื่อนให้นะคะ’

‘ขอบคุณมากนะครับ ผมไม่รบกวนเจ๊แล้ว ฝันดีครับ’

       น้องวางสายแล้วหันมามองหน้าผม ยักคิ้วให้จึกๆ

‘สรุปว่าอยากชวนผมไปไหนครับ’

‘ไปฮ่องกงครับ’

‘ห๊ะ ฮ่องกง ว้อทท ไปทำไมครับ’ น้องลุกขึ้นทันที

‘ฮ่าๆ ใจเย็นๆ ฟังก่อน’

‘โอเคๆ ตั้งสติแปป’

‘พี่จะไปคุยงานกับลูกค้านี่แหละ วันเสาร์ทั้งวัน ส่วนวันอาทิตย์ว่างครับ กลับดึกๆก็ได้ สนใจไหม’

‘สนใจๆ สนใจมากๆ พี่รู้ไหม ผมขอแม่ไปหลายรอบมาก แม่ก็ไม่เคยให้ไป บอกว่าผมไปคนเดียวไม่ได้ เดี๋ยวหลง’

‘ฮ่าๆ แล้วพี่จะต้องไปคุยกับแม่ใช่ไหมครับ ถึงจะได้ไป’

‘เอ่อ ยังไงดีหล่ะ ถ้าพี่ไปคุย แม่ต้องถามแน่เลยว่าทำไมต้องมาขอกับแม่’

‘น้องพอ อย่าเพิ่งรน ใจเย็นๆ เดี๋ยวปัญหานี้พี่ช่วยเอง ไม่ต้องกังวลนะน้องจัดกระเป๋ารอได้เลยครับ’ ผมนั่งปลอบเด็กดื้อที่ตอนนี้
กำลังคิดหนัก ไม่ว่าจะเป็นเรื่องผม เรื่องไปเที่ยวฮ่องกง ผมเข้าใจนะ ถ้าน้องจะคิดมาก เพราะผมยังแอบคิดเลยว่าถ้าความสัมพันธ์ของเราถึงหูคนเป็นพ่อเป็นแม่ พวกท่านจะว่ายังไง

       ตอนนี้น้องได้เข้าไปนอนรอในห้องแล้ว ส่วนผมยังนั่งอยู่โซฟา กำลังนั่งคิดถึงเรื่องต่างๆที่จะเกิดขึ้นในอนาคต ไม่ว่าเรื่องจะเป็นยังไงต่อไป ผมต้องคิดดีๆ ตัดสินใจดีๆ เพราะนี่ไม่ใช่แค่เรื่องของผม แต่เป็นเรื่องของเราสองคน เห้อ คิดไปก็ปวดหัวเปล่า ขอกอดเมียเด็กก่อนดีกว่า

       ผมสอดตัวเข้ามานอนข้างๆน้องแล้วกอดน้องไว้ หอมหน้าผากเบาๆ อืม แค่มีน้องนี่มันดีจริงๆ

‘อื้อ พี่…. มาแล้วหรอครับ’

‘นอนนะ เด็กดื้อ ฝันดีครับ’ ผมจูบน้องเบาๆ แล้วปล่อยให้น้องหลับไป

       เช้านี้เป็นเช้าที่สดใสเพราะผมตื่นมาพร้อมเด็กดื้อที่นอนอยู่ในอ้อมกอด ผมเริ่มขยับตัวนิดหน่อยเพื่อยึดเส้นยึดสาย สักพักคนที่นอนหลับอยู่ก็เริ่มรู้สึกตัว

‘พี่คุณ มอนิ่งครับ’ จู่ๆน้องก็หันมาจุบปากผม

‘มอนิ่งเช่นกันครับ’ ผมเลยกดจูบลงไปที่ปากน้องอีกครั้ง

‘อื้อออ พี่คุณ’

‘ว่าไงครับ’

‘พี่จะฆ่าผมแต่เช้าเลยหรอ’

‘ใครกันแน่ที่จะตายก่อนกันครับ’

‘แล้วอะไรที่มันทิ่มขาผมอยู่ ช่วยเอาออกได้ไหมครับ’

‘พี่ว่ามันตื่นแล้วแหละครับ’

‘ก็เอาลงสิครับ’

‘ช่วยพี่หน่อยนะครับ ขอร้องละ จะระเบิดแล้วครับ’

‘งื้อ พี่อะ’

       แต่สุดท้ายน้องก็ตัดสินใจเลิกผ้าห่มขึ้น แล้วจัดการถกกางเกงผมออก แล้วก็เริ่มใช้มือมาจับที่แก่นกายของผม

‘พี่…เอาไงต่อดีอะ’

‘อยากทำอะไรก็ทำเลยครับ พี่จะไม่ไหวแล้วครับ’

‘อื้อออ’

      ผมไม่คิดว่าน้องจะใช้ปากทำให้ผมครับ เป็นเรื่องที่น่ายินดีกันแต่เช้าเลยครับ

‘พี่…เมื่อย คับปากอะ ’หึหึ

       น้องก็ทำเรื่อยๆ รูดขึ้นรูดลงตามประสาคนที่ไม่เคยทำให้ใคร ถ้าถามว่าผมให้กี่ดาว อืม มีร้อยให้ร้อยครับแบบนี้

‘อ๊ะ ทำไมไม่บอกเนี่ยว่าจะเสร็จแล้ว’

‘ขอโทษครับ มาๆ พี่เช็ดให้’

       ผมเลือกที่จะใช้ปากผมจัดการกับสิ่งที่เกิดขึ้นบนหน้าน้อง พอเห็นว่าสะอาดเรียบร้อยดี ผมจัดการพลิกน้องแล้วเริ่มรุกอีกครั้ง

‘พี่จะทำอะไรครับ’

‘ทำให้น้องสบายตัวไงครับ’

‘ผม…ผมไม่เป็นไร’

       ผมรีบถกกางเกงน้องลงเพื่อไม่ให้ปฏิเสธไปมากกว่านี้ แล้วจัดการใช้มือรูดขึ้นรูดลง แล้วใช้ลิ้นดุนจุดสองจุดบนกายน้องเพื่อความฟิน สุดท้ายน้องก็ถึงจุดสิ้นสุด

‘น้องพอครับ พี่ว่าต่อไปนี้ เราไปซื้อสัปปะรดมาทานทุกมื้อเลยดีไหมครับ’

‘อ่า ทำไมหรอครับ’

‘หึหึ จะได้หวานๆไงครับ’

       จากที่จะพาน้องไปออกกำลังกายที่ฟิตเนตของคอนโด ก็ดันพาน้องออกกำลังกายที่ห้องซะงั้น วันนี้ผมเลยขับรถมาส่งน้องที่มหา’ลัย ส่วนตัวเองก็ไปทำงานสายจนเลขาคิมหันต์โทรมาตาม

‘ตอนเย็นเจอกันนะครับ’

‘ได้ครับ เรียนเสร็จจะรีบกลับนะครับ’

‘ครับ เด็กดี’ น้องโบกมือลาผม แล้วรีบวิ่งไปหาเพื่อนที่นั่งรอที่ม้หินอ่อนตรงหน้าคณะนิเทศศาสตร์

        ผมเข้างานในช่วงเกือบ10โมง พอเข้าไปในห้องก็พบว่ามีเอกสารมากมายที่รอผมจัดการอยู่ อืม เห็นทีว่าเที่ยงนี้ต้องโทรไปขอกำลังใจซะแล้วแหละ


..................................................
.............................................................


       หลังจากที่ผมได้ก้าวขาลงจากรถพี่เรียบร้อยแล้ว สายตานับสิบจากเพื่อนตัวเองก็จ้องมาที่ผม คงสงสัยว่าวันนี้ใครมาส่งผม รถไม่ใช่คันเดิมที่เจ๊ตั้มเคยมาส่งอย่างวันก่อนๆ

‘อีพอ วันนี้ยังไงคะ’ นั่นไง จีจี้เจ้าเดิมจอมขี้เผือก

‘ก็ไม่มีอะไรนะ เอ้อ วันนี้มีวิชาถ่ายภาพเมคอัพช่วงบ่ายใช่ปะ’

‘นั่นไง เปลี่ยนเรื่องเก่ง อีผี’

‘เออน่า เดี๋ยวก็รู้เองแหละ ขอเวลาหนูหน่อยน้า จีจี้คนสวย’

‘อีพอ เมิงไม่จริงใจอะ กูสัมผัสได้’

‘ฮ่าๆ สรุปว่าวันนี้มีถ่ายภาพเมคอัพเนาะ’

‘ค่า ช่ายค่าคุณหนูพอแล้ว พออีกแล้ว พอก่อนโน๊ะ’

‘ฮ่าๆ ปะ พวกเมิงขึ้นเรียนกัน’

       เช้านี้เราเรียนทฤษฎีครับ ต่างคนต่างหลับเป็นเรื่องปกติ บ้างก็เรียน บ้างก็เล่น แต่กว่าจะถึงช่วงพักเที่ยงก็หิวกันแทบแย่

‘เมิง กินไรกันอะ’

‘กินข้าวไง’

‘รู้แล้วครับคุณจีจี้ งั้นกูไปร้านข้าวมันไก่นะ’

‘อีพอ กูฝากด้วย เดี๋ยวกูไปหาจองโต๊ะก่อน’

‘ได้ๆ’
 
       ระหว่างที่ผมยืนต่อแถวซื้อข้าวมันไก่อยู่ ก็มีเสียงเรียกเข้าจากมือถือผม

ติ้ดๆๆๆ

‘ครับผม’ ลุงโทรมาครับ

‘ทานอะไรหรือยังครับ’

‘กำลังต่อแถวซื้อข้าวมันไก่ครับ’

‘เด็กอ้วน’

‘ไม่อ้วนครับ ผมจะสั่งไม่เอาหนัง’

‘หึหึ งั้นต้องพาออกกำลังกายบ่อยๆ’

‘อ่า…พี่ทานข้าวหรือยังครับ’

‘กำลังนั่งทานพร้อมกันงานกองโตครับ’

‘น่าสงสารจังครับ’

‘ถ้าสงสารต้องให้กำลังใจครับ’

‘งั้น เอาเป็นว่า สู้ๆครับ’

‘หึหึ น้องพอครับ คิดถึงนะครับ’

‘ห๊ะ มาพูดอะไรตอนนี้ โอ้ยย ’

‘ใจเต้นแรงละสิ’

‘ลุง งั้นผมวางสายละนะ บายครับ’

‘เดี๋ยวครับๆ’

‘อะไรครับ’

‘เย็นนี้พี่อาจจะกลับช้านะครับ ต้องเคลียร์เอกสารให้เสร็จ’

‘ได้ครับ เดี๋ยวผมนั่งแท็กซี่ไปเองครับ พี่ไม่ต้องห่วงนะ’

       ก่อนที่ผมจะวางสายก็มีหลายสายตาจากผู้คนรอบข้างจ้องมาที่ผม หวังว่าเขาจะไม่เห็นตอนที่ผมเขินหรอกนะ อ่า น่าอายชะมัดเลยครับ

‘ลุง วางแล้วนะครับ อายคนอะ’

‘หึหึ ครับ’

      บอกตรงๆว่า ตอนแรกไม่เขินนะที่มีคนมาบอกรักบอกชอบบอกคิดถึงอะไรแบบนี้ ค่อนข้างชินเสียด้วยซ้ำ แต่พอกับคนนี้ทีไร อืม เขินขึ้นมาทันที ใจเต้นแรงแปลกๆ เหมือนใจจะหลุดออกมาเต้นจังหวะรุมบ้า

‘อะ แล้วยังไงคะคุณพอ ถือข้าวมันไก่มา หน้าแดงมา ว้อทแฮปเพ่นคะ?’

‘อ่อ ป่าวๆ ร้อนวะ’

‘อันนี้เมิงหลอกกูไม่ได้นะ ที่นี่โรงอาหารติดแอร์’

‘ว๊าย โป๊ะๆๆๆ’ เสียงเพื่อนๆ ล้อผม

‘ที่พวกมันไม่ล้อเมิง เพราะกูสั่งไว้นะบอกเลย กูบอกว่าถ้ามันอยากเล่าก็ให้มันเล่าเอง เราไม่ต้องไปจี้ เดี๋ยวกูจี้เอง เพราะกูชื่อจีจี้’

‘อ่า ขอบใจวะ’

‘กูรู้นะ ช่วงนี้เมิงกำลังอินเลิฟกับใครสักคน กุเห็นรถที่มาส่งเมื่อเช้าแล้วรู้เลยว่า ไม่ธรรมดา’ นี่คือเสียงของเพื่อนอีกคนชื่อน้ำตาล

‘โอเค เมิง กูเล่าก็ได้ แต่นิดเดียวนะ’

‘อะ เริ่ด เปิดประชุมค่ะเมิง’ จีจี้ทำการเปิดประชุม

‘เมิงเห็นคนที่มาประมูลรูปกูเป็นแสนนั่นปะ’

‘อีพอ จริงหรอเมิ้งงงงง’ ผมทำได้แค่พยักหน้าและยิ้มเขินๆ

‘แก คนนี้ของจริงปะ’

‘กำลังพิสูจน์อยู่ว่าจริงไหม เพราะเพิ่งรู้จักกันเอง’

‘โชคดีสัสๆ เลยลูกแม่จี้’

‘ฮ่าๆ ก็ไม่คิดเหมือนกันว่ามันจะกูกับเขาจะพัฒนาต่อได้ เพราะเห็นช่วงแรกที่ขึ้นมาบนเวทีเล่นเกมส์ด้วยอะ ดูท่าเขาจะหมั่นไส้กูเว้ย’

‘แล้วทำไมได้ติดต่อกันอีกวะ’

‘เขาบอกว่า ถ้าอยากได้เงิน ก้ให้โทรติดต่อมาเอง’

‘หู๊ยยยย คนนี้แหละ พ่อตัวจริง ไม่อิงอร อีพอ กูเชียร์คนนี้ !’

‘เออ ว่างๆพามาเปิดตัวบ้างนะ’

‘พี่แม่มบ้างานวะ เนี่ยวันนี้ก็เห็นว่าเลิกเย็นๆ’

‘พี่เขาทำงานอะไรวะ ถามได้ปะวะ’

‘จิวเวอรี่ อะไรประมาณนี้นะ เห็นดูเอกสาร ดูแบบทุกวัน’

‘งานดีนี่หว่า อยากกราบหว่างขาพ่อ ฟ้ารักพ่อ’ สรุปจีจี้เปลี่ยนเป็นชื่อฟ้าแล้วครับ

‘ฮ่าๆ ปิดการประชุมครับ รีบกินข้ากันก่อนดีกว่า เดี๋ยวบ่ายนี้มีเมคอัพอีก’

       หลังจากนั้นพวกเราทั้งหลายก็พากันยกโขยงขึ้นไปเรียนคลาสเมคอัพและถ่ายภาพครับ อาจารย์ให้แบ่งเป็นกลุ่มกลุ่มละ10 คน แล้วให้แต่งหน้าเพื่อน2คน และทำการถ่ายภาพพรอทเทสส่งท้ายคาบ เพราะฉะนั้นเราก็เลยรีบจับกลุ่มกัน กลุ่มเรามีหลายคนที่แต่งหน้าเก่ง และถ่ายภาพได้สวย

       เพื่อนๆได้ลงความเห็นแล้วว่าคนที่จะถูกเป็นแบบได้แก่ผมแล้วน้ำตาลสาวสวยอีกคน กลุ่มเราจับได้ธีม ‘ทำร้าย’ ซึ่งคำว่าทำร้านมันตีความได้หลากหลายมากครับ เพื่อนๆก็นั่งตีความกันสักพักจนได้ข้อสรุป

‘อีพอ ทำไมหนังหน้าเมิงดีจังวะ แล้วทำไมกุไม่ได้เป็นแบบ’

‘ให้กูพูดจริงหรอจี้’

‘ไม่ต้องค่ะ เดี๋ยวเมิงได้ด่ากุอีก’ สะงั้น ฮ่าๆ

       ผมนั่งแต่งหน้าโดยใช้เวลาเกือบสองชั่วโมง รวมทำผม

‘อีพอ เมิงถอดเสื้อดิ’

‘ถอดทำไมวะ เราไม่ได้ธีมโป๊นะ’

‘เมิง คนจะถูกทำร้ายอะ มันต้องโดนทั้งตัวเว้ย’

       ผมเห็นด้วยกับคำพูดจีจี้เลยตัดสินใจถอดเสื้อออก จนลืมดูว่ามีอะไรอยู่บนร่างกายบ้าง

‘อีพอ หน้าอกเมิงเป็นรอยอะไรเนี่ย’

‘ไหนวะ ขอยืมกระจกสิ’

‘อะๆ ดูเลยๆ’

‘เอ้ยย อะไรวะเนี่ย’

‘เมิงๆ กูรู้แล้ว’ จีจี้ขยับเข้ามากระซิบผมเบาๆ

‘อะไรวะ’

‘รอยดูดวะ แบบนี้กูจำได้’ ผมนี่หน้าซีดเลย แล้วรีบเอาเสื้อมาใส่

‘กูมีวิธีแก้วะ งานนี้เราถ่ายแค่พรอทเทต เราแค่ใส่เสื้อขาว แล้วเปิดกระดุมให้ไหล่ตกมานิดหน่อยแล้วเราค่อยเมคอัพเอาก็ได้’

‘เออๆ เมิงก็ไปบอกพวกนั้นด้วยก็แล้ว อีบ้าเอย’

‘ร้อนแรงใช่ย่อยนะแฟนเมิงเนี่ย’

‘แฟนอะไรเล่า ยังไม่ได้เป็นเลยเถอะ’

‘เอ้า ขนาดนี้แล้ว จะรออะไรละ’

‘ก็เขายังไม่ขอ ให้กูทำไงละ’

‘กูว่าสำหรับคนนี้นะ เขาน่าจะเฉยๆกับการขอเป็นแฟนวะ’

‘ทำไมวะ’

‘ดูท่าแล้ว นักธุรกิจคงไม่มาง้อแง้งขอจีบขอเป็นแฟนอะไรแบบนี้แล้วแหละวะ’

‘งี้กุก็ต้องเฉยๆงี้หรอวะ’

‘เปล่าเว้ย เมิงอะขอเขาเป็นแฟนเลย เชื่อกู จบ’

      หลังจากพูดคุยไร้สาระกับจีจี้เสร็จ ก็ถูกเรียกจากเพื่อนให้มาถ่ายรูปในสตูที่ใช้ร่วมกันทั้งคลาส เพื่อนๆในกลุ่มก็จัดเซทฉากอย่างดี ไฟก็ตรงตามที่อาจารย์สอนมา หวังว่าจะได้ภาพที่ดีที่สุดนะ

‘พอๆ เมิงคิดว่าการถูกทำร้ายทำได้ที่ไหนบ้างวะ’

‘อืม ที่ร่างกาย อืม…ที่จิตใจมั้ง’

‘ไหนลองใช้สายตาสื่อสารกับการถูกทำร้ายจิตใจนะเมิง’

       ผมพยายามสื่อสารออกมาให้เจ็บปวดมากที่สุดโดยผ่านทางสายตาและท่าทาง

‘เยี่ยมวะ กูกราบเมิงเลยพอ’

‘อ่า ขอดูหน่อยดิวะ’

     และเพื่อนก็หันจอมาให้ผมดูงานที่ถ่ายไป อืม ก็เหมือนจะดี แต่อยากลองใหม่อะ

‘เมิงๆ กูขอถ่ายใหม่ได้ปะ อีกรอบๆ’

     ผมเดินเข้ามาในฉากอีกครั้ง แล้วทำสมาธิอีกครั้ง พอทุกอย่างมา ผมก็มาหันหน้าเข้ากล้องทันที จังหวะที่กล้องกดชัตเตอร์ น้ำตาผมค่อยๆไหลออกมา แต่ไม่ได้ฟูมฟาย แค่เพียงไหลออกมาผสมกับความรู้สึกว่าเจ็บปวดที่ถูกทำร้าย

‘โอ้ มาย ก็อต ช็อตนี้ กุกราบยิ่งกว่า’

‘สุดตรีนเลยเมิ้งงง’

       ผมเดินออกมาจากฉากแล้วมาดูงานที่หน้าจอ งานที่ได้มาค่อนข้างพอใจ งานนี้น่าจะได้คะแนนดีกันทั้งกลุ่ม ส่วนน้ำตาลที่ได้ธีมเดียวกัน ก็ทำออกมาได้ดี เพอร์เฟคเช่นกัน

‘เมิง ส่งรูปกูเข้าไลน์ให้หน่อยนะ อยากได้วะ’

‘เออ ได้ๆ รอแปปนะ ให้กูแต่งภาพก่อน’

         ระหว่างที่ผมเปลี่ยนเสื้อผ้าอยู่ พี่คุณโทรมา คราวนี้เป็นวิดีโอเลยครับ ผมจะรับดีไหมเนี่ย หน้าก็ยังไม่ได้ล้างเลย

‘ครับพี่’

‘น้องพอทำอะไรอยู่ครับ’ ผมยังไม่ได้เอาหันกล้องเข้าหน้า

‘กำลังเปลี่ยนเสื้อผ้าครับ’

‘ทำไมไม่เห็นหน้าละเด็กดื้อ ขอพี่ดูหน่อย’

‘เอ่อ พี่ต้องใจเย็นๆนะ’ ผมหันกล้องให้พี่ดู ผมเห็นคนในกล้องจ้องมาที่ผมด้วยสายตาที่ค่อนข้างสงสัย

‘น้องพอ เกิดอะไรขึ้นครับ บอกพี่มา เราไปดื้อกับใครที่ไหนมาเนี่ย’

‘เอ่อพี่ ผม..’

‘รอพี่อยู่นั่น เดี๋ยวไปรับ พี่ขอเก็บเอกสารก่อน โธ่เว้ย’

‘พี่ๆๆ เดี๋ยวๆ ฟังก่อนๆ’

‘เราได้อธิบายแน่ครับ รอพี่อยู่นั่นก่อน อย่าเพิ่งไปไหนนะครับ’

       พูดเสร็จพี่ก็วางสายไปเลยครับ โอเค ผมอาจจะผิดเองแหละที่ไม่รีบบอกพี่ไปให้เร็วกว่านี้และดูท่าผมจะเจอศึกหนักแล้วละสิ ให้ตายเถอะ เวลาพี่โหโมนี่น่ากลัวชะมัด…




......................................................

อย่าลืมทานสัปปะรดนะครับ  :z1:

ออฟไลน์ AkuaPink

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2033
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +59/-1
 :pig4:
 :3123:
 o13

ออฟไลน์ Leenboy

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3095
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +105/-2
เตรียมตอบคำถามแบบแข้งขาอ่อนเลยน้องพอ 555

ออฟไลน์ Billie

  • "Let come what comes, let go what goes and see what remains. That is what is real"
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3327
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +78/-6
โก๊ะไปอีก

 :L2: :pig4:

ออฟไลน์ anikarn

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 35
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-0
ตอนที่ 9 ความจริงที่อยากบอก


       หลังจากที่ผมวางสายจากน้อง ผมก็รีบเก็บเอกสารทั้งหมดที่ยังไม่เสร็จ แล้วหอบมาที่รถ แล้วตัดสินใจบึ่งรถไปมหา’ลัยทันที ก่อนจะถึงที่หมาย ผมเหลือบไปเห็นร้ายขายยา ผมจอดแวะ

‘ขออุปกรณ์ทำแผลบาดเจ็บมา1ชุดครับ’

       เภสัชประจำร้านก็จัดการให้ผมจนเสร็จสรรพ แล้วผมก็มาจอดรถรอน้องที่หน้าคณะ

‘น้องพอครับ พี่ถึงแล้วครับ รอด้านหน้านะครับ’

‘ครับๆ เดี๋ยวผมออกไปนะครับ เก็บของกับเพื่อนใกล้เสร็จแล้ว’

       หลังจากรอน้องอยู่บนรถสักพักน้องก็เดินมาท่าทางชีลๆเหมือนไม่มีมีอะไรเกิดขึ้น ทั้งที่หน้าตาก็ยับเยินขนาดนั้น

‘มาแล้วครับ’ แหน่ะ ยังมีอารมณ์มายิ้มอีก

‘ไหน เอาหน้ามาดูสิ’ ผมเอื้อมมือไปจับคางน้องให้หันมาเบาๆ

‘เป็นไงครับ สวยไหม’

‘สวยอะไรละครับ เจ็บมากไหม’

‘ไม่เจ็บครับ’ ยังจะมาทำหน้าแป้นแล้น

‘พี่ซื้อยาทำแผลมาให้ครับ ’ ผมเอื้อมมือไปหยิบถุงยาด้านหลังมาให้น้องถือ

‘อ่า ขอบคุณครับ จริงๆแล้ว’

‘พอๆ ไม่ต้องพูดมากเลยเรา รู้น่าว่าเจ็บ หรือจะไปโรงพยาบาลครับ’

‘ไม่ๆ ไม่ไปโรงบาลครับ’

‘งั้นก็เปิดกระจกด้านบน แล้วหยิบยามาทาได้แล้วครับ’

‘พี่ไม่ทำให้หรอครับ’ น้องหันหน้ามาถามผม

‘พี่มือหนัก กลัวน้องเจ็บ’

‘น่ารักวะคนเรา’ น้องเอื้อมมือมาบิดแก้มผม

‘เด็กดื้อเอ้ย ทำอะไรไม่ระมัดระวังตัว หน้าเยินแบบนี้จะรับงานได้ไหมเนี่ย’

‘รับได้ตามปกติครับ แค่ล้างหน้าออกก็หายแล้ว’ ว้อทท ครับน้อง

‘ยังไงนะ ?’

‘แค่ล้างหน้าก็ออกแล้วครับ’ ok ผมพอจะรู้อะไรแล้ว เห้อ เจ้าเด็กบ้า

‘พี่คุณ…’

‘อย่าเพิ่งครับ ให้พี่ปรับอารมย์ตัวเองสักพัก’

‘ครับ’ เสียงนี่หงอยเลย เด็กดื้อเอ้ย

       ที่ขอเวลาปรับอารมณ์ก็เพราะว่ากังวล กลัวจะเป็นอะไรไป เมื่อกี้เกือบพาไปโรงบาลต่อด้วยโงพักแล้วนะ ว่าจะไปแจ้งความด้วยซ้ำ ถ้าน้องไม่บอกว่า แค่ล้างหน้าก็ออกแล้ว

‘น้องพอครับ พี่ขอความจริงครับ’ หลังจากอารมณ์ทุกอย่างกลับมาผมก็เริ่มเปิดปากก่อน กลัวเด้กเครียด

‘ความจริงมีเพียงหนึ่งเดียว คือ แต่งหน้าถ่ายงานกลุ่มครับ นี่ๆ รูปที่ถ่ายงาน ส่งอาจารย์ไปแล้ว’

       น้องยื่นรูปในมือถือมาให้ผมดู อืม ทำไมมันดูเศร้าๆ แล้วน้ำตาหยดนั้นอีก

‘คนแต่งนี่เก่งเนาะ หลอกพี่ได้ หึ’

‘จีจี้ เพื่อนในกลุ่มผมเอง เขาเก่งมาก ตอนแรกจะให้ถอดเสื้อด้วย แต่…’

‘แต่อะไรครับ’

‘มันมีรอยที่พี่ทำไว้เต็มตัวผมเลย ผมอายวะ’

‘พี่ขอโทษครับ’ ผมหันหน้ามายิ้มให้น้อง หึ

‘หน้าพี่ไม่ได้บ่งบอกว่ารู้สึกผิดเลยอะ’

‘ฮ่าๆ หายกันนะ เรื่องที่ทำพี่ตกใจวันนี้’

‘ต่อไปพี่ห้ามทำรอยอีกนะ ขอร้องนะครับ’

‘ครับสัญญา ถ้าไม่เชื่อ คืนนี้พี่จะพิสูจน์ให้ดูเลย’
     
       ตอนนี้ผมมาถึงคอนโดแล้วครับ ผมจัดการวางของทั้งหมดแล้วรีบพาน้องเข้าห้องน้ำ ผมจับน้องไปนั่งบนขอบซิ้งค์ล้างหน้าแล้วหยิบทิชชู่กับคลีนซิ่งที่น้องลงไปซื้อมาจากร้านขายยาข้างคอนโด


‘พี่ต้องเช็ดกี่รอบครับ’

‘ให้ผมทำเองก็ได้นะครับ’

‘ไม่เป็นไรครับ ให้แฟนคนนี้ทำให้นะครับ’

       ผมจัดการเช็ดหน้าน้องจนสะอาดหมดจด ไร้รอยเครื่องสำอางบนใบหน้า

‘ขอบคุณนะครับ’ จู่ๆเด็กดื้อก็โน้บลงมาจุ๊บปากผม

‘แค่นี้เองหรอครับ’ โคร่ก.ก

‘พี่คุณ…ผมหิว’ โอเค ต้องพาเด็กไปหาอะไรกินเสียแล้วสิ

       ตอนนี้ผมนั่งอยู่ในร้านติ่มซำเจ้าดัง ซึ่งคนตรงข้ามบอกว่าอยากกินเป็นมื้อเย็น พอผมพามาที่ร้าน เจ้าตัวก็เลือกเมนูต่ำซำมาหลากหลายรายการ ทั้งขนมจีบ กุ้ง ปู

‘ถ้ากินไม่หมด ต้องไปล้างจานหลังร้านนะครับ’

‘พี่จะให้ผมไปล้างจานคนเดียวจริงๆหรอครับ’

‘ถ้าอยากให้พี่จ่ายให้ ต้องป้อนครับ’

‘อะ มา อ้าปากครับ อ้าปาก’ น้องคีบขนมจีบปูมาที่ปากผม ผมอ้าปากรับทันที

‘เป็นไง ผมคนจริงครับ คำไหนคำนั้นนะครับ’

‘แค่นี้พี่เลี้ยงได้ครับ ทั้งชีวิตยังได้เลย’ จู่ๆน้องกับคีบขนมจีบปูอีกชิ้นมายัดปากผม

         ผมนั่งอ่านเอกสารที่ค้างคามาจากออฟฟิต เพราะมีเรื่องตกใจให้หอบงานออกมาทำต่อที่ห้อง ผมต้องรีบเคลียร์งานจากลูกค้าในไทย เพื่อจะใช้เวลากับลูกค้าต่างประเทศรายใหม่ล่าสุดจากฮ่องกง

‘พี่คุณครับ วันนี้ทำงานถึงดึกใช่ไหมครับ’ น้องถามขณะเดินเช็ดผมออกมาจากห้องน้ำ

‘ครับ คงดึกเลย ถ้าน้องง่วง ก็เข้านอนก่อนเลยก็ได้ครับ’

‘วันนี้ผมจะนั่งทำงานกับพี่ครับ มีรายงานนิดหน่อย ผมขอยืมโน้ตบุ๊คพี่ได้ไหมครับ ของผมอยู่ที่คอนโดอะ’

‘ได้ครับ วันนี้พี่ไม่ได้ใช้พอดี มีแต่เอกสาร’

‘ขอบคุณครับ’

       น้องกางโน็ตบุ๊คออกมาวางข้างๆที่ผมนั่งอยู่ แล้วหยิบหนังสือขึ้นมาวางประกอบกันด้านข้าง น้องในมุมนี้ผมไม่เคยเห็น ตั้งหน้าตั้งตาพิมพ์งาน บางครั้งก็ต้องคุยกับเพื่อนถึงงานที่ทำอยู่ บ้างก็โวยวายกัน ผมก็ได้แต่ขำเงียบๆอยู่ข้างๆ ถ้าให้ผมเดา แก๊งนี้คงวุ่นวายน่าดู เพราะเสียงแต่ละคนเจี๊ยวจ๊าวเชียวแหละ

‘น้องพอครับ’ ผมเรียกน้องเพราะทนเห็นเส้นผมมันเริ่มบังตาน้อง สงสารว่าจะรำคาญ จึงหยิบหนังยางที่วางอยู่แถวๆนั้นมามัดเป็นจุกน้ำพุให้

‘อ่า ขอบคุณครับ’ แหน่ะ หน้าแดงซะด้วย

‘หน้าแดงเลยนะครับ’ ผมจุ๊บเหม่งน้องเข้า

       จากนั้นเราก็นั่งทำงานของใครของมันข้างๆกันจนเกือบจะเที่ยงคืน ผมหันไปมองน้องที่นั่งอยู่ข้างๆ ตาเริ่มปรือแล้ว แต่มือยังพิมพ์ต่อได้อยู่ อืม ฝืนเกินไปหรือเปล่าครับเด็กน้อย

‘น้องพอครับ ง่วงแล้วก็ไปนอนครับ’ ผมสะกิตบอกน้องไป

‘พี่ยังไม่ง่วง ผมก็ยังไม่ง่วงครับ’

‘ไม่เห็นเกี่ยวอะไรเลยครับ น้องง่วงก็ต้องไปนอนครับ’

‘ไปนอนครับ อย่าดื้อครับ พรุ่งนี้ต้องตื่นไปเรียนอีก’

‘พี่อย่าดุ…’ เสียงผมดุไปหรอ งงเลย

‘พี่ขอโทษครับ ปะๆ ไปนอน เดี๋ยวพี่นอนด้วยเลย’

‘แต่งานพี่ยังไม่เสร็จนะครับ’

‘งานก็ส่วนงาน พี่แค่อยากเร่งให้มีเวลาว่างเท่านั้นแหละ’

‘พี่….’ เจ้าตัวเริ่มงอแง

‘พี่เป็นเจ้าของบริษัท จะทำตอนไหนก็ได้ครับ เผื่อน้องลืมอะไรไป’

       ผมจัดการเซฟงานแล้วปิดโน็ตบุ๊คเสียให้เรียบร้อยแล้วพาน้องไปนอน จัดการปิดไฟให้เรียบร้อยเหลือแต่โคมไฟไว้

‘พี่คุณ ผมขอโทษนะครับ ที่งอแงเป็นเด็กเลย’

‘เป็นเด็กก็ต้องงอแงนั่นแหละ ถูกแล้ว’ ผมจับปากน้องให้มันยู่เข้ามา แล้วจูบลงไป

‘อื้อ พี่…’

‘แค่นี้ก่อนดีกว่า เดี๋ยวจะดึกกว่านี้ หึ’

       หลังจากที่น้องหลับไปแล้ว ผมก็ค่อยๆหยิบเอกสารออกมา แล้วจัดการมันตรงโซฟาด้านนอกหน้าทีวี นั่งทำไปทำมาก็เกือบตี2กว่า ผมคิดว่าถ้าทำห้องทำงานแยกออกมาจากห้องนอนคงจะดี ห้องผมมีห้องนอน2ห้อง 1ห้องใหญ่ 1ห้องเล็ก ตอนนี้ที่ใช้งานจริงๆก็มีแต่ห้องใหญ่ ส่วนห้องเล็กปล่อยไว้ว่างเปล่า หลังจากกลับจากฮ่องกงค่อยให้ช่างมาย้ายของดีกว่า

       ผมตื่น6โมงเช้า ซึ่งต้องตื่นไปทำงานเป็นปกติ ในอ้อมกอดผมตอนนี้มีเด็กคนนึงที่หัวฟูได้ที่ กำลังนอนหลับอยู่ หึ เด็กอะไร เข้านอนก่อน ตื่นทีหลัง น่าจับตีเสียจริงๆ

‘อื้ออ พี่..’

‘อรุณสวัสดิ์ครับ’

‘เช่นกันครับ’

‘พี่ไปอาบน้ำก่อนนะครับ’

      หลังจากนั้นผมก็ขับรถมาส่งน้องที่มหา’ลัยอีก1วัน เพราะงานที่ค้างเสร็จตั้งแต่เมื่อคืนแล้วครับ

‘พี่คุณครับ ผมนั่งมาสักพักแล้วว่า’ ผมไม่พูดอะไร รอให้น้องพูดต่อ

‘วันพรุ่งนี้ พี่ชวนที่บ้านมาร่วมงานด้วยก็ได้นะครับ’

‘หึหึ อยากเจอพ่อกับแม่พี่หรอครับ’

‘………..’ น้องไม่ตอบอะไร สงสัยคิดคำตอบไม่ทัน

‘หึ พี่จะลองชวนนะครับ ไม่รู้ว่าพ่อกับแม่รวมถึงน้องเมย์จะว่างหรือเปล่า’

‘ผมก็ว่า…จะชวนแม่มาเหมือนกันครับ’ หืม

‘ดีเลยครับ พี่จะได้ขอพาน้องไปเที่ยวได้สะดวก’

‘ถ้าแม่ถามว่าเป็นใคร ทำไมถึงมาชวน แฟนก็ไม่ใช่’

‘น้องพอครับ ฟังพี่นะครับ น้องเป็นแฟนพี่ตั้งแต่เป็นเมียพี่แล้วครับ’ พูดจบน้องก็หน้าแดง หูแดงไปหมด


       ตั้งแต่เช้าที่ผมลงจากรถพี่เข้ามาเรียน ผมนั่งยิ้มเหมือนคนบ้าเลยครับ ไม่คิดว่าพี่จะพูดว่าแฟนออกมา แถมยังพูดคำว่า… ยึ่ย แค่คิดก็ขนลุกแล้วอะ

‘อีพอ เมิงเป็นไรเนี่ย ยิ้มทั้งวัน อิห่า กุกลัว’ จีจี้สกิตไหล่ผมและกระซิบถามระหว่างเรียน

‘เมิง กูมีแฟนแล้วนะ’

‘ห๊ะ ยังไงวะ อีกรอบสิ’

‘มีแฟนแล้ว พี่เขาบอกกูว่ากูเป็นแฟนเขา’

'ทำไมวะ’

‘เอ้า ก็เมื่อวานเมิงบอกว่าคนอย่างเขาจะไม่มีทางบอกว่าเราเป็นแฟนเขา นอกจากเราเองที่จะขอเอง’

‘อ่า ยังไงต่อ’

‘เมื่อเช้ากูเลยถามว่า เป็นอะไรกัน’

‘เขาบอกว่าเป็นแฟนกัน เชี้ยเอ้ย นึกถึงทีไร เขินชิบหายเลย’

‘เออ ชิบหายด้วยเหมือนกัน หล่อๆกินกันเองหมด ไม่เหลือตกมาถึงกูเลยจ้า’

‘ฮ่าๆ เมิงอย่าเพิ่งบอกใครนะ กูเขินอยู่วะ’

       ผมนั่งยิ้มระหว่างเรียนจนถึงช่วงเย็นๆ ผมบอกพี่ว่าจะเข้าคอนโดตัวเองก่อน ไปเอาของใช้นิดหน่อย เพราะที่ห้องพี่ไม่มีใช้ รวมถึงหอบคอมพ์ของตัวเองมาด้วย แล้วค่อยกลับมาที่ห้องพี่ ผมมาถึงก่อนพี่เล็กน้อย รอเขาจอดรถ แล้วค่อยเดินขึ้นมาพร้อมกัน

‘พรุ่งนี้พร้อมหรือยังครับ’

‘เจ๊ตั้มบอกว่าพร้อมแล้วครับ แล้วเรื่องอาหารของพี่หล่ะครับ เรียบร้อยดีไหม’

‘ทุกอย่างเรียบร้อยครับ เขาจะไปพร้อมๆเราเลย’

‘ตื่นเต้นจังพี่ จะได้เจอเด็กๆ ผมอยากให้เขามีความสุข ผมอยากสร้างฝันให้น้องๆ อยากเป็นแรงบรรดาลใจให้เขาได้ลองทำตามฝันเขา’

‘เขาเลือกเกิดไม่ได้ แต่เขาสามารถเลือกที่จะเดินต่อได้เมื่อเขาเติบโตขึ้น’

‘ถ้าพรุ่งนี้มันผ่านไปด้วยดี ในอนาคตถ้าผมยังอยู่ในวงการนี้อยู่ ก็อยากสร้างฐานแฟนคลับแล้วชวนมาทำบุญกันบ่อยๆ พี่ว่าดีไหม’

‘โตเป็นผู้ใหญ่แล้วนี่หว่า เด็กคนนั้นที่งอแงก่อนนอนหายไปไหนแล้วครับ’

‘ก็ยังอยู่นี่แหละครับ ไม่ไปไหนหรอก ฮ่าๆ’

       ผมตื่นเช้ามาอาบน้ำแต่งตัว พร้อมกับพี่คุณเขาครับ แล้วก็บึ่งรถมาที่บ้านเด็กกำพร้า ซึ่งผมนัดแม่ให้มาเจอที่นี่พร้อมกับเจ๊ตั้มและเพื่อนๆของเขา ส่วนพี่คุณก็นัดพ่อแม่และพี่เมย์น้องสาวเขามาที่นี่ด้วยเช่นกัน

‘น้องพอ เป็นไงบ้างลูก เรียนหนักไหมคะ ขอแม่กอดหน่อยสิ เจ้าแสบ’ แม่เดินลงมาจากรถแล้วเข้ามากอดผมเข้า

‘แม่ครับ ไม่แสบแล้วครับ ช่วงนี้เป็นเด็กดีแล้ว ฮ่าๆ’

‘แล้วนี่มากับใครกันคะ หล่อเชียวพ่อหนุ่ม’ แม่หันไปมองอีกคนที่เดินมายืนข้างผม

‘นี่ พี่คุณครับแม่ คนที่ประมูลภาพผมไปหนึ่งแสนครับ’ ผมแนะนำพี่คุณให้แม่รู้

‘อุ้ย หล่อแล้วยังใจดีนะคะลุก มีแฟนหรือยังคะ ถ้าว่างอยู่ก้เอาลูกแม่ไปเลี้ยงได้นะคะ แต่ก็จะดื้อหน่อยๆ’

‘ฮ่าๆ ขอบคุณนะครับคุณแม่’ พี่คุณก้มไหว้แม่ที่ไม่รู้เลยว่า คนที่ไหว้แม่อยู่ตอนนี้เค้าเป็นแฟนผม

       ใช้เวลาพูดกันอยู่ไม่นาน ครอบครัวพี่คุณก็เดินลงจากรถมา พ่อแม่พี่คุณหล่อสวยในวัยขนาดเลยหรอเนี่ย ส่วนพี่เมย์ก็ยังสวยเหมือนเดิมจากที่เคยเจอกันตอนงานมีตติ้ง เธอถือกล้องมาด้วยครับ คงจะเก็บวันนี้นี่แหละมั้ง

‘น้องพอออออออ งื้อ ไม่เจอกันนาน ยังหล่อเหมือนเดิมเลย’ พี่เมย์กึ่งวิ่งกึ่งเดินมาทางผม

‘สวัสดีครับพี่เมย์ ดีใจที่ได้เจอกันวันนี้นะครับ’

‘ยัยเมย์ เก็บอาการหน่อยลูก อายคนเขาบ้าง’ แม่พี่คุณเอ็ดพี่เมย์เบาๆ

‘เอ่อ สวัสดีครับ คุณลุงคุณป้า’ ผมยกมือขึ้นไหว้ผู้ใหญ่ทันทีที่ท่านเดินมาถึง

‘เรียกพ่อกับแม่เถอะน้องพอ ’ ท่านใจดีจังครับ แต่ก็แอบตื่นเต้นเหมือนกัน

‘คุณพ่อคุณแม่ครับ นี่แม่ผมครับ’ ผมแนะนำแม่ผมให้รู้จักพ่อแม่ของพี่คุณ

        หลังจากนั้นผู้ใหญ่ทั้งหลายก็พูดคุยกันในหลายๆเรื่อง จนไม่รู้ว่าไปแอบสนิทกันมาก่อนหรือเปล่าก็ไม่รู้ แม่ผมชอบสะสมเครื่องเพชรเครื่องพลอย ดันมาเจอกันคนขายเพชรขายพลอย งานนี้ต้องมีใครสักคนล้มละลายแน่นอนละครับ
 
‘คุณพี่คะ ร้านคุณพี่อยู่ตรงไหนคะ น้องอยากไปอุดหนุน’ แม่ผมถามแม่พี่คุณ

‘เดี๋ยวเราแลกเบอร์กันแล้วนัดกันไปดีกว่า คุณพี่มีหลายอย่างที่แนะนำเหมือนกัน’

        ก็อย่างที่เห็นแหละครับ สนิทกันจนถึงแลกเบอร์โทรกันแล้วครับ อีกหน่อยคงเป็นสมาคมแม่บ้านกันแล้วสินะครับ
       
‘น้องพอคะ มาคะ เรามาถ่ายรูปกันเถอะ’

        พี่เมย์เรียกให้ผมมาถ่ายรูปรวมกับน้องๆ ที่มานั่งเล่นกับเรารอมื้ออาหารที่เราเตรียมมาอยู่ มีเด็กหลายคนที่น่ารัก พูดเพราะ แต่ก็มีบางคนที่ค่อนข้างดื้อ ผมก็ไม่ซีเรียสอะไร เพราะผมเองก็ดื้อเหมือนกัน มาลองวัดกันสักตั้งว่าใครจะดื้อกว่ากัน ฮ่าๆ

        พี่เมย์จัดการถ่ายรูปไปหลายมุม จนผมเก็กไม่ถูกแล้ว ส่วนพี่คุณก็ไปนั่งหลบอยู่มุมกับน้องผู้หญิงหน้าตาน่ารักคนนึง ที่กำลังนั่งตักพี่คุณอยู่ ผมชี้มือให้พี่เมย์ดูภาพตรงหน้า เธอจึงจัดการถ่ายรูปนั้นไป

‘อบอุ่นจังเลย พี่ชายใครเนี่ย’ พี่เมย์ส่งรูปในกล้องให้ผมดู

‘อบอุ่นจริงด้วยครับ’ อืม ในอนาคตพี่คุณอยากจะมีลุกไหมนะ ถ้าเราคบกันต่อไป…ผมไม่สามารถมีให้เขาได้ด้วยสิ

‘น้องพอคะ น้องพอ’

‘ครับๆ ว่าไงนะครับ’ ผมเหม่อไปหรอนี่

‘พี่จะบอกว่า อาหารพร้อมแล้ว เรียกเด็กไปต่อแถวดีกว่าคะ’

       ผมลุกขึ้นแล้วเรียกเด็กๆที่นั่งรออยู่ตรงนั้นให้มาต่อแถวที่ลานด้านหน้าบ้านที่เรานั่งอยู่ ผมทำหน้าที่ตักข้าวให้ ส่วนพี่เมย์และแม่ช่วยกันตักกับให้เด็กๆ เด็กๆที่นี่ถูกสอนมาอย่างดี เมื่อได้รับของจากผู้ใหญ่ต้องไหว้ทุกครั้งที่จะทำได้ เรื่องนี้ต้องยกเครดิตให้แม่ครูที่นี่นะครับ ที่สั่งสอนเด็กให้น่ารักแบบนี้

        ที่นี่มีเด็กโตอยู่สองสามคน เป็นพี่คอยดูแลน้องๆ ที่กำลังเติบโตขึ้นมา น้องเล่าให้ฟังว่า เมื่อทุกคนที่นี่โตขึ้นก็ต่างกราบลาแม่ครุออกไปตามฝันกันเอง นานๆจะกลับมาเยี่ยมบ้าง บางคนก็ได้ดีไป แต่บางคนโชคร้ายหน่อยก็…นั่นแหละครับ

‘ทานให้อร่อยนะคะเด็กๆ ทานเสร็จก็มารับเค้กได้เลยคนละชิ้น’

        วันนี้เจ๊ตั้มและเพื่อนๆเขาพากันเอาเค้กมากันหลายปอนด์ มาตัดแบ่งตามจำนวนเด็กๆที่นี่ ใส่จานไว้พร้อมเสิรฟให้เด้กๆ หวังว่าเด็กๆจะมีความสุขนะครับ

       ถึงเวลามอบเงินที่ประมูลมาได้ จากที่ได้รวม111,000บาท แม่ผมกับแม่พี่คุณก็บริจาคอีกคนละครึ่ง จนครบ2แสนบาท เงินจำนวนนี้มอบให้แม่ครู ได้นำเอาไปใช้ทำประโยชน์ในบ้านนี้ต่อไป

       พวกเราทุกคนรวมถึงเด็กๆในบ้านพร้อมด้วยแม่ครู ออกมายืนอยู่หน้าบ้านแล้วแล้วถ่ายรูปรวมกัน ทุกคนในภาพต่างยิ้มมีความสุขกันทุกคน

       ในระหว่างที่ทุกคนกำลังคุยกัน ผมเดินแยกออกมาเพื่อถ่ายภาพเบื้องหลังที่ผมอยากจะลงในไอจีสตอรี่ ผมกดอัพเดตแล้วยืนเช็คมือถือสักหน่อย ก็มีมือใครสะคนเอื้อมมาเช็ดเหงื่อให้ผม ผมเงยหน้าก็พบว่าเป็นพี่คุณ

‘เหงื่อออกแล้วครับ’

‘ขอบคุณครับ แล้วพี่ละ เหนื่อยไหมครับ’

‘ไม่เหนื่อยครับ เด็กที่นี่น่ารักนะพี่ว่า’

‘พี่อยากเลี้ยงเด็กไหมครับ’

‘ทำไมถามแบบนั้นละครับ’

‘ผมเห็นพี่มีความสุขที่ได้อยู่ใกล้เด็กๆ เผื่อว่าในอนาคต…’

‘น้องพอครับ ฟังพี่ก่อน อย่าเพิ่งกังวลไปว่าอนาคตจะเกิดอะไรขึ้น ตอนนี้พี่มีเรา เรามีพี่ ส่วนวันต่อไปถ้าอยากมีลูก ก็มีอีกหลายวิธีที่จะ
ทำให้เราได้เลี้ยงเด็กนะครับ เข้าใจพี่ไหมครับ’

‘อ่าครับ เข้าใจก็ได้ครับ’ ผมยิ้มให้เขาไป ระหว่างนั้นพี่คุณก็เอามือมายีหัวผม

‘ถ้าเข้าใจแล้ว ก็ไปกันเถอะครับ’ พี่คุณเอื้อมมือมายีผมแล้วพาเดินมาจนถึงที่ทุกคนรวมกลุ่มกันพี่คุณค่อยๆปล่อยมือผมลง

‘น้องพอ วันนี้กลับกับแม่นะคะ ไปทานข้าวกับคุณพ่อแล้วก็พี่เพียงด้วยตอนเย็นด้วย’

       หลังจากที่แม่ชวนผมกลับบ้านไปกินข้าวกับคุณพ่อ พวกเราต่างพากันล่ำลา ก็อย่างว่าแหละครับ งานเลี้ยงย่อมมีวันเลิกรา วันนี้คุณแม่ขับส่วนผมนั่งข้างๆครับ

‘น้องพอคะ มีอะไรอยากบอกคุณแม่ไหมคะ’ เสียงคุณแม่นิ่งมาก

‘ครับ บอกอะไรครับ’ อยู่ดีๆขนก็ลุกขึ้นอย่างแปลกๆ

‘ก่อนจากกัน แม่เห็นพี่คุณเดินเข้าไปจับมือน้องพอ…’

‘เอ่อ แม่ครับ คือ….เรา’

‘เราเป็นแฟนกัน? ใช่ไหมคะ’ คุณแม่ค่อยๆพูดขึ้น

‘อ่า ครับ ตามนั้นเลยครับ’ ผมนั่งก้มหน้าขณะที่มือก็กุมกันอย่างกลัวๆ

‘น้องพอ เงยหน้าก่อนครับ’ คุณแม่จับคางผมให้เงยหน้าขึ้นขณะรถหยุดไฟแดง

‘ครับผม’

‘คุณแม่ไม่ได้หัวโบราณขนาดนั้นนะคนดี แม่เลี้ยงได้แต่ตัวลูกเท่านั้นแหละ ส่วนใจของลูกจะไปรักรักใคร ถ้าเขาคนนั้นดีกับลุก แม่ก็ไม่ได้ว่าอะไร แม่ยินดีเสมอ’

‘ครับ คุณแม่ …ไม่โกรธผมใช่ไหมครับ’

‘หนูเป็นลูกแม่ แม่ไม่คิดจะโกรธหนูหรอก จำเอาไว้นะลูก’ ผมเริ่มน้ำตาไหลออกมา เพราะไม่คิดว่าแม่จะเข้าใจเรื่องนี้

‘ขอบคุณครับคุณแม่’

‘ยังไงก็พาพี่เขามาทานข้าวที่บ้านด้วยนะคะ ส่วนคุณพ่อเรา กับพี่เพียง เดี๋ยวแม่ช่วยคุยให้ น่าจะไม่ยากหรอก รายนั้นตามใจเราจะตายไป แต่อาจจะมีหวงบ้างแหละ ฮ่าๆ’

‘ขอบคุณอีกครั้งนะครับ งื้อ น้ำตาไหลไม่หยุดเลยอ่า’

       ทางฝั่งผมก็ประมาณนี้แหละครับ ผมนี่โชคดีชะมัดที่แม่เข้าใจ ผมเคยคิดนะว่าถ้าคุณแม่รู้ คุณแม่จะว่าอย่างไงกับเรื่องนี้ เพราะเห็นคุณแม่เฮฮาขนาดนี้ ท่านก็มีมุมที่ซีเรียสเหมือนกัน แต่ไม่ว่าอย่างไรก็แล้วแต่ก็ต้องกราบขอบคุณคุณแม่อีกครั้งที่เข้าใจผมอีกครั้งนะครับ




.......................................................


วันนี้พาน้องมาเจอทุกคนแล้วครับ หวังว่าจะมีความสุขกันนะครับ

เจอกันใหม่ ตอนต่อไป...วันไหนก็ไม่รู้ 

 :katai3:

ออฟไลน์ Leenboy

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3095
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +105/-2
คุณแม่น่ารัก   :o8:

ออฟไลน์ anikarn

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 35
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-0
ตอนที่ 10 จับโป๊ะ…



      ระหว่างทางที่ผมขับรถกลับเข้าบ้านพร้อมกับครอบครัวที่พ่อขับอีกคันมา  ผมก็คิดเรื่องน้องอยู่เสมอว่า เจ้าเด็กดื้อ ป่านนี้จะทำอะไรอยู่ จะโดนคุณแม่น้องถามอะไรหรือเปล่าเกี่ยวกับผม เพราะวันนี้ผมค่อนข้างมั่นใจว่าแม่น้องอาจจะสงสัยในความสัมพันธ์ของเราทั้งคู่ ยิ่งช่วงที่ล่ำลากันในขณะที่ทุกคนยืนคุยกันอยู่ ผมเห็นสายตาของคุณแม่หันมาทางผมขณะที่ผมเอามือยีผมของน้อง

       ผมไม่คิดที่จะปิดบังในเรื่องความสัมพันธ์ของผมเลย ไม่ว่าจะกับทางพ่อแม่ผม หรือทางครอบครัวน้อง เพราะผมคิดว่าผมจริงใจพอที่จะแสดงความรู้สึกตรงนี้ออกมา แต่สิ่งหนึ่งที่ผมยังห่วงนั่นคือเรื่องการทำงานของน้อง เพราะน้องเพิ่งเริ่มเข้าวงการ ถ้ามีข่าวว่าน้องมีแฟนเป็นเพศเดียวกัน อาจจะเกิดการแอนตี้จากแฟนคลับที่ไม่เห็นด้วย ส่วนเรื่องงานของผม ผมไม่ซีเรียส เพราะผมเป็นนักธุรกิจ เป็นพ่อค้า ขายงาน ไม่ได้ขายชื่อเสียงแบบน้อง
       
‘พี่คุณๆ มาดูรูปกับหนูเร็ว’ ตอนนี้เรานั่งพักผ่อนที่หน้าทีวีมุมโปรดประจำบ้าน น้องเมย์ที่เพิ่งโหลดรูปจากกล้องลงไอแพตตัวเอง

‘มีอะไรครับ’ ผมขยับเข้ามาหาเธอ

‘นี่ไงๆ รูปน้องพอ มาดูๆ คนอะไรทั้งหล่อทั้งน่ารัก’ หึ ถ้าเธอรู้ว่าคนในรูปเป็นแฟนกับผมจริงๆเธอจะทำหน้ายังไงนะ

‘สรุปว่า หล่อหรือน่ารักครับ’

‘อืม น่ารักดีกว่า ดูรูปๆนี้ ยิ่งยิ้มยิ่งน่ารัก’

‘…………..’

'เอ๊ะ แต่นี่สิ ยืนนิ่งๆ อืม หล่อโฮกเลยค่ะ’

       ผมนั่งฟังเธอบรรยายภาพที่เธอถ่ายได้อยู่สักพัก แม่ก็ลุกเข้าในครัวหยิบผลไม้ในตู้เย็นมาวางหน้าโซฟาที่เรานั่งอยู่

‘พี่คุณ แม่ว่า …น้องพอน่ารักดีนะคะ พี่คุณว่าไหม’ ยังไงละครับคุณแม่ ทำไมถามแบบนั้นนะ

‘อ่า ครับ…’ ผมยังเลือกที่จะนิ่งเพื่อดูเชิงบทสนทนาของแม่อยู่

‘ตอนแรกที่ยัยเมย์เอารูปมาโม้ให้แม่ฟัง แม่ก็ว่าเฉยๆนะ สู้พี่คุณก็ไม่ได้’

‘ครับแม่’

‘แต่พอมาวันนี้ ทุกอย่างได้ลบออกไปจากใจแม่แล้ว แม่คิดว่าน้องน่ารักมาก เวลาอยู่กับผู้ใหญ่ก็เรียบร้อย แต่พออยู่กับเด็กๆ เขาก็มีความสุข เหมือนคนที่พร้อมจะเป็นความสุขให้กับทุกๆคน’ เห้อ แต่ทำไมอยู่กับผมถึงดื้อจังวะ ผมอยากพูดคำนี้ออกไปใจแทบขาด

‘จริงค่ะแม่ น้องมีออร่าเนาะ คนอะไร ยิ่งยิ้มยิ่งสว่าง’ นี่ก็ชมเกิน ถ้าน้องมาได้ยิน คงลอยถึงดาวอังคารแล้วครับ

‘แม่อยากได้น้องมาเป็นลูกอีกคนจัง ดีไหมพี่คุณ’ แม่หันมาถามผม

‘หึ ครับ แล้วแต่แม่เลยครับ’ ผมได้แต่ยิ้มกริ่มในใจ

‘พ่อว่า ให้ยัยเมย์ไปจีบน้องดีกว่า นี่ไงได้ลูกเขยเลยไงแม่’ เห้ย ไม่ได้นะพ่อ

‘บ้าหรอพ่อ พูดอะไร หนูเขินนะ ฮ่าๆ’ แล้วทั้งสามคนก็หัวเราะชอบอกชอบใจกันใหญ่ ต่างจากผมที่นั่งนิ่งๆไม่ได้แสดงความรู้สึกอะไรออกมา

‘พี่คุณ เป็นอะไรไปคะ ทำไมเงียบไป’

‘ผมว่า ผมขึ้นไปทำงานข้างบนก่อนดีกว่าครับ ตอนเย็นๆผมจะลงมาทานข้าวด้วยครับ’

       จากนั้นผมก็ลุกขึ้นแล้วรีบเดินขึ้นข้างบน แล้วเปิดเอกสารอ่านไปด้วยพร้อมเปิดโน๊ตบุ๊คไปด้วย แต่พอทำงานไปสักพัก ก็มีคนวิดิโอคอลมาหาผม

ติ้ดๆๆๆ

‘ว่าไงครับ’ น้องพอคอลมา เห็นฉากหลังแว้ป น่าจะอยู่ในห้องนอน

‘คิดถึงครับ’ หึ

‘เพิ่งห่างกันเมื่อกี้นี่เอง คิดถึงแล้วหรอครับ’

‘ฮ่าๆ นั่นสิ เออนี่พี่คุณ แม่ชวนมาทานข้าวที่บ้านครับ’

‘ทำไมถึงชวนพี่ละครับ’

‘คุณแม่อยากคุยกับแฟนผมครับ’

‘หืม คุณแม่รู้แล้วหรอครับ’ ผมถามกลับไป

‘คุณแม่เห็นตอนที่เราเดินจับมือกันมา พอขึ้นรถมา คุณแม่เลยถามครับ’

‘พี่คิดแล้วแหละว่าท่านต้องมีคำถาม ท่านว่าอะไรหรือเปล่าครับ’

‘ไม่ว่าอะไรครับ แต่คุณพ่อไม่แน่ ฮ่าๆ’ นั่นไงครับ ผมว่าในทุกๆบ้าน ถ้ามีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้น สิ่งที่ผ่านไปยากที่สุดไม่ใช่คนที่เป็นแม่หรอกครับ แต่เป็นพ่อต่างหาก ยิ่งพ่อที่ดูท่าจะหวงลูกชายหัวแก้วหัวแหวนอีกต่างหาก

‘แล้วมีใครในบ้านที่พี่จะต้องฝ่าด่านไปอีกไหมครับ’

‘ฮ่าๆ ผมมีพี่ชายอยู่1คนครับ เป็นหมอฟัน ทำงานแล้ว ไม่ค่อยหวงผมหรอก เพราะเราอายุห่วงกันพอสมควร แต่เวลามีอะไร เขาก็หามาให้ผมก่อนตลอดเลยนะ’

‘โอเค พี่จะทำการบ้านไว้’

‘แล้วพ่อแม่พี่คุณ สงสัยอะไรบ้างไหมครับ’

‘พี่ไม่แน่ใจครับ แต่ตอนที่กลับมาถึงบ้านก็พูดน้องพอด้วยนะครับ บอกว่าน่ารักอย่างงั้น หล่ออย่างงี้ อยากให้มาเป็นลูกชายอีกคน แถมยังยุให้ยัยเมย์ไปจีบเราด้วยนะ หึ’

‘พี่เมย์น่ารักมาก คุยด้วยสนุกดีครับ’

‘อย่าไปหลงยัยเมย์มากครับ หลงพี่คนเดียวก็พอแล้ว’

       จากนั้นเราก็คุยกันอีกสักพัก แล้วน้องก็ขอลงไปหาคุณพ่อ สงสัยจะกลับบ้านมาแล้ว ส่วนผมก็นั่งทำงานต่อจนึงเวลาที่ต้องลงมาทานข้าวร่วมกัน

       วันนี้แม่กับยัยเมย์ทำอาหารไทยหลายอย่างให้พวกเราทาน มีทั้งพะแนงหมู น้ำพริก ผักต้ม ไข่ต้ม แถมยังมีอกไก่เพื่อผมโดยเฉพาะด้วย

‘มาเลยค่ะคุณพ่อ พี่คุณด้วย เดี๋ยวหนูตักข่าวให้ค่ะ’ น้องสาวเธอเริ่มตักข้าวให้กับทุกคน แล้วทุกคนก็เริ่มลงมือทาน

‘พี่คุณคะ เมื่อไหร่พี่คุณจะพาแฟนมาบ้านอีกคะ แม่อยากชวนมาร่วมโต๊ะอาหารบ้าง’ หืม วันนี้มันยังไงกันครับ

‘ครับ’ ผมตอบได้แค่นี้จริงๆครับ

‘ถ้าพี่คุณมีแฟนนะ หนูเดาได้เลยว่า คนนี้ต้องน่ารัก’

‘แม่ว่าคนนี้เด็กกว่าเยอะ แม่อยากให้ชีวิตพี่คุณมีสีสัน โฮ๊ะๆ’

‘พ่อว่า ถ้าพามาได้ แสดงว่าคนนี้ของจริง ไม่ใช่เล่นๆแน่นอน ใช่ไหมคุณ’ เอาเลยครับ แต่ละคน ไม่รู้ไปรู้อะไรมาหรือเปล่า ถึงได้พูดออกมากันในแนวทางเดียวกันหมดว่าคนที่พูดถึงคือเด็กคนที่เพิ่งเจอเมื่อเช้านี้

‘ทุกคนครับ ใจเย็นๆนะครับ อย่าเพิ่งคิดไปไกลขนาดนั้นสิครับ’ ผมปราบไว้ก่อนที่ทุกคนจะไปไกลกว่านี้

‘จริงๆนะพี่คุณ พี่คุณต้องมีแฟนเด็กนะ กระชุ่มกระชวยใจดี’

‘เอาน่ารักๆด้วยนะพี่คุณ อิอิ’

‘ถ้าพามาได้ พ่อพาไปขอพ่อแม่เขาถึงที่บ้านเลยเอ้า’ นั่นไง คนเล่นใหญ่สุดก็พ่อผมนี่แหละครับ

‘โอเคๆ สักวันจะพามาครับ’ ผมบอกปัดๆไป แล้วเอื้อมมือ ไปตักพะแนงหมู

‘พี่คุณ พี่พูดแบบนี้แสดงว่ามีแล้วหรอคะ’ ยัยเมย์เธอเอาช้วนมาขวางผมไม่ให้ตักแล้วชะโงกหน้ามาดักผมไว้

‘น้องเมย์ครับ พี่ขอตักกินก่อน พี่หิว’ ผมจ้องหน้าเธอคืน

‘พี่คุณ ตอบหนูมาก่อน ยังไงๆ มีแฟนแล้วหรอ’

‘ทำไมวันนี้ทุกคนพยายามพูดถึงเรื่องนี้กันจังเลยครับ’

‘ป๊าวน้า หนูเปล่า หนูไปเติมน้ำดีกว่า’ อืม ลุกหนีไปหนึ่ง

‘แม่ก็เปล่านะ’ เลิกลั่กเชียวครับคุณแม่

‘พ่อว่าน้ำพริกนี่อะไรดีนะ ชิมหรือยังพี่คุณ’ ครับพ่อ น้ำพริกนี่ผมตักชิมคำแรกเลยครับ เฮ้อ…

       หลังจากมื้อเย็นที่แสนชวนปวดหัวจากพ่อแม่ รวมทั้งน้องสาวตัวแสบ ผมก็ขึ้นมาอาบน้ำ แล้วกำลังจะพักผ่อน จู่ๆ ก็คิดถึงเด็กขึ้นมา ผมนึกขึ้นได้ว่า น้องเล่นอินสตราแกรมกับทวิตเตอร์เพื่ออัพเดทเรื่องราวของตนเอง ทำยังไงถึงจะได้ส่องนะ อืม …ขโมยไอแพทน้องมาส่องดีกว่า

ก๊อกๆ

‘น้องเมย์ครับ นอนหรือยังครับ’ ผมเดินมาเคาะห้องที่อยู่ฝั่งตรงข้ามห้องผม

‘ยังค่ะ พี่คุณ’ เธอเปิดห้องออกมาให้ผมเข้าไป

‘ขอยืมไอแพทหน่อยสิ’ เธอทำหน้างงแต่ก็ยื่นไอแพทที่วางอยู่บนเตียงให้ผม

‘รหัสเดิมใช่ไหม’

‘ค่ะ จะเอาไปทำไมคะ ในนั้นไม่มีอะไรนะ นอกจากรูป’ อืม รูปงั้นหรอ ขอดูหน่อยละกัน

‘งั้นพี่ขอยืมหน่อยนะครับ ของพี่มันค้าง ต้องใช้งานพอดี’ เนียนไหมละตรู

‘ค่ะ ถ้าใช้เสร็จ พรุ่งนี้ค่อยเอามาคืนก็ได้ค่ะ’ แล้วผมก็เดินกลับเข้าห้องตัวเองอีกครั้ง

       ผมจัดการเปิดอินสตราแกรมที่ใช้แอดเคาต์ของน้องสาวผม ผมเลื่อนดูรูปอย่างช้าๆ สักพักผมก็เห็นรูปของคนที่ผมต้องการจะดุ ผมเลือกเข้าไปดุรูป อืม น่ารัก น่ารักเต็มไปหมดเลย ไอ้เด็กดื้อเอ้ย จากรูปแรกจนถึงรูปสุดท้ายเกือบ300รูป ผมเลื่อนดุจนหมด ทั้งแคปชั่นฮาๆ พร้อมคอมเมนท์จากแฟน น่าแปลกว่าทำไมน้องไม่เคยตอบคอมเมนท์ใครเลยสักคน

       สักพักผมก็สลับมาเข้าทวิสเตอร์ แอฟนี้บอกตามตรงว่าผมค่อนข้างงง ใช้ยากพอสมควรเลยครับ ผมเลยเลือกที่จะเข้าไปตรงที่ให้เสิร์ตหาคำ ผมจำได้ว่า แท็กของน้องคือ #รักพอแล้ว ผมเลยกดเข้าไป อืม ใช้ได้เลย เหล่าแฟนๆของน้องต่างพากันกล่าวถึงน้องทั้งเรื่องรูป แล้วก็ข้อความฮาๆของน้อง ดุไปดูมาสักพัก ผมก็มีคำถามเกิดขึ้นในหัวว่า น้องมีโลกกี่ใบกันแน่ ในอินสตราแกรม กับทวิสนี่คนละเรื่องกันเลย แล้วยิ่งชีวิตจริงอีก เด็กคนนี้มีหลายมุมจริงๆ

ติ้ดๆๆๆ

ใครกันโทรมาในเวลา 5ทุ่มกว่าๆได้ ผมหยิบมือถือขึ้นมาก็พบว่า คนที่กำลังส่องโลกโซเชียลของเขานั่นเองที่โทรมา

‘ครับผม’

‘พี่คุณ ทำอะไรอยู่ครับ’

‘กำลังส่องทวิสครับ’

‘ทวิสใครครับ ของผมหรือเปล่า’ น้องยังคงเอ่ยด้วยเสียงสดใส

‘ครับ #รักพอแล้ว’

‘เป็นไงครับ เช็คข่าวของแฟนตัวเองเป็นไงครับ’

‘ก็วุ่นวายดีนะ ฮ่าๆ’

‘ไม่เห็นวุ่นวายเลยพี่คุณ สนุกดีนะ แล้วพี่มีทวิสกับเขาแล้วหรอครับ ปกติไม่เห็นเล่นเลย’

‘พี่ใช้ของน้องเมย์เล่นครับ’

‘ฮ่าๆ จริงหรอครับ ไหนพี่ลองบอกแอคเคาท์ของพี่เมย์มาให้ผมหน่อย ผมอยากฟอลพี่เมย์ไว้’

‘ได้ครับๆ’ แล้วผมก็บอกชื่อแอดเคาท์ทวิสของเมย์ไป พร้อมกับอินสตราแกรมของเธอ

       ผมคุยกับน้องอีกสักหน่อย น้องก็ขอไปนอน ส่วนผมก็ต้องเข้านอนด้วยเช่นกัน เพราะพรุ่งนี้คิดว่าจะตื่นมาวิ่งรอบหมู่บ้าน


……………………………………………..
…………………………………………………………

       สวัสดีค่ะ ดิฉัน เมย์ น้องสาวคนสวยของพี่คุณเองนะคะ วันนี้เราจะพามาจับโป๊ะพี่ชายของหนูกันค่ะ บอกก่อนเลยนะคะว่า พี่ชายหนูคนนี้ ปกติจะเป็นคนเปิดเผยในทุกๆเรื่อง ยกเว้นเรื่องความรัก เพราะอะไรนะหรอ พี่คุณเคยบอกว่า ถ้าไม่จริงจังพอ จะไม่บอกให้รู้ ยังไม่อยากพามาที่บ้าน เพราะไม่อยากให้คาดหวังอะไรต่อจากที่พามาเปิดตัวที่บ้าน

        พี่ชายของหนูคนนี้ ตั้งแต่เรียนจบ ก็เข้ามาทำงานกับพ่อ จนตอนนี้พ่อปล่อยให้บริหารงานเกือบจะแทนพ่อได้แล้ว ตั้งแต่พี่คุณเข้าทำงาน พี่คุณขอย้ายไปอยู่คอนโด จะกลับมาก็เฉพาะเสาร์อาทิตย์เท่านั้น เพราะเหมือนพี่คุณแกจะใช้เวลาส่วนมากอยู่กับงานเป็นซะส่วนมาก เพราะเหตุนี้แหละค่ะ ที่ทำให้สาวเจ้าคนที่แล้วที่เคยพามาเปิดตัวที่บ้านถึงกับบอกเลิกไป

      หนูเคยถามพี่คุณนะว่าเสียใจไหม ที่ถูกบอกเลิกไป พี่แกบอกว่าไม่เสียใจเลย เพราะทำเต็มที่แล้ว และสิ่งที่ทำก็นึกถึงอนาคตเสมอ ถ้าใครไม่เห็นค่าในสิ่งที่พี่กำลังพยายามอยู่ ก็เชิญไปเลย …อึ้งไปเลยละสิ เอาจริงหนูตั้งใจจะปลอบพี่คุณนะ แต่ไหงพี่คุณดูไม่สนใจอะไรเลย

       จนล่าสุดค่ะท่านผู้ชมขา นับตั้งแต่ที่หนูได้ตัดสินใจเข้าไปเป็นติ่ง #รักพอแล้ว หนูก็ออกจากด้อมนั้นไม่ได้เลย ว่างๆก็เข้าแท็กทวิส หรือส่องอินสตราแกรมของน้องพอตลอดเลย ทั้งๆที่ก็เรียนอยู่ที่เดียวกัน คนละคณะ คนละชั้นปีเฉยๆ  พอรู้ว่าจะมีมีตติ้งแรกของน้อง หนูพยายามพูดรบเร้าพี่คุณตลอดเวลา ว่าให้ช่วยพาไปหน่อย เพราะเพื่อนสนิทไม่ว่าง พูดทุกวัน จนพี่แกเบื่อ แต่แล้วพอถึงวันงาน พวกเราก็พากันหลับเพลิน จนเกือบเข้างานสาย

       เรื่องที่เกิดขึ้นในงาน ตอนแรกก็แค่คิดว่า คนคงไม่เยอะหรอก ที่ที่ไหนได้ เกือบ200คนแหน่ะ แล้วที่สำคัญพี่คุณก็เป็นผู้โชคดีได้ขึ้นไปเล่นเสียด้วยสิ หึ ทำไมไม่เป็นชั้นนะ เพราะอะไรนะหรอ พี่คุณได้จ้องตากับน้องด้วยไง และที่พี้คสุดคือ ตอนที่ประมูลภาพกัน พี่แกหันมาถามว่า อยากได้ภาพไหม แล้วจู่ๆก็ยกมือบอกว่า ‘100,000บาท’ โอ้โหวว ตอนนั้นเกือบช็อคไปพร้อมๆกับคนในงาน สายเปย์วะพี่กู แต่สุดท้ายรูปนั่นไม่ได้มาอยู่ที่ห้องหนูนะ ไปอยู่ที่ห้องพี่คุณแทนซะงั้น เหอะ อยากได้เองก็ไม่บอกละวะ

       หลังจากนั้น หนูก็เริ่มสงสัยมากขึ้น เพราะพี่คุณไม่เคยคุยโทรศัพท์กับใครงุ้งงิ้งๆ และออกไปทานอาหารข้างนอกในวันหยุด และที่สงสัยที่สุดคืองานที่ส่งมอบเงินประมูลให้กับทางบ้านเด็กกำพร้า ทั้งสองคนชอบมองหน้ากัน เวลาที่อีกคนกำลังทำอะไรอยู่ สายตาแปลกๆนั่นมันมีความห่วงใย หรือเอ็นดูซึ่งกันและกันอยู่ มีช็อตนึงที่หนูชี้ให้น้องพอดูพี่คุณที่กำลังนั่งอยู่กับเด็กคนนึง น้องพอก็มองพี่คุณด้วยสายตาที่มีความสุข แต่อีกแว็ปก็เหมือนจะเศร้าๆนิดหน่อย

       และที่เด็ดที่สุดคือตอนที่กำลังจะล่ำลากัน หนูเห็นน้องพอเดินแยกออกมา ยกมือถือขึ้นมาถ่ายรูปมุมด้านนอก พี่คุณจ้า พี่คุณก็เดินเข้าไปหาน้อง แล้วไปพูดอะไรสักอย่าง แล้วเอามือขึ้นมายีผมน้อง หนูนี่สกิตแม่ยิกๆ แต่แม่ไม่สนใจ มัวแต่คุยกับกับเจ๊ตั้ม ผู้จัดการน้องพออยู่ โอ้ยย

‘คุณแม่คะ ถ้าคุณแม่ได้เห็นตอนที่พี่คุณยีผมน้องนะ คุณแม่ได้กริ้ดแน่นอนค่ะ’ หนูบอกคุณแม่ใขณะที่คุณพ่อกำลังขับรถกลับบ้าน ส่วนพี่คุรก็ไปอีกคัน

‘ทำไมหนูไม่บอกแม่ละค่ะ’ คุณแม่หันมาถามหนู

‘หนูสะกิตจนถลอกแล้วค่ะ แต่คุณแม่ก็ยังมัวคุยกับเจ๊ตั้มอยู่อ่า’

‘เห้อ ทีหลังนะ ต้องสะกิตแรงๆ แมจะได้ไม่พลาดอีก’

‘เดี๋ยวนะแม่ลุกคู่นี้ คือกำลังพูดเรื่องอะไรอยู่ครับ พ่อตามไม่ทัน’ คุณพ่อที่ขับรถอยุ่เอ่ยถาม

‘ก็เรื่องพี่คุณกับน้องพอไงค่ะ ดูท่าจะซัมติงอะไรบางอย่าง’

‘ซัมติงที่ว่านี่คือ ?’

‘ก็สองคนนั้นเหมือนว่าจะเป็นห่วงเป็นใยเกินคนที่ได้ร่วมงานกันนะสิคะ’

‘เอ๋ งั้นลูกสะใภ้พ่อก็หนูพอคนนี้งั้นหรอ’

‘ลูกสะใภ้เลยหรอคะคุณพ่อ ถ้าเป็นจริงขึ้นมา คุณพ่อจะว่ายังไงคะ คุณพ่อจะขัดขวางไหม’

‘โอ้ย โตๆกันแล้ว ให้พี่แกตัดสินใจเองเถอะ แต่ว่าคนนี้ก็ดี ดูท่าจะทำให้คนบ้างานอย่างพี่คุณกระชุ่มกระชวยขึ้นมาบ้าง’

‘นั่นสิค่ะคุณ ดิฉันว่า อีกหน่อยคงพามาบ้าน’ แม่ว่า

‘จะพามาง่ายไหมละรายนั้น ความลับซะเหลือเกินโดยเฉพาะเรื่องความรักเนี่ย’ พ่อเอ่ยตอบ

‘แล้วคุณแม่ละคะ คิดยังไงกับเรื่องนี้’ หนูถามแม่เพื่อความมั่นใจว่าแม่จะต้องเปิดทางให้พี่คุณ

‘อืม น้องเป็นคนน่ารัก ตอนแรกที่เห็นในรูปเฉยๆนะ แต่พอเจอตัวจริง อยากอุ้มกลับบ้านเลย ฮ่าๆ’

       เราสามคนพ่อแม่ลุกก็นั่งคุยเรื่องพี่คุณไปอีกสักพักจนพ่อขับรถมาถึงบ้าน ตอนนี้เรานั่งเล่นอยู่หน้าทีวีกันครบสี่คน รวมพี่คุณด้วย

‘พี่คุณๆ มาดูรูปกับหนูเร็ว’ หนูยื่นภาพน้องพอให้พี่คุณดู

‘มีอะไรครับ’ พี่คุณก็ขยับเข้ามาดู

‘นี่ไงๆ รูปน้องพอ มาดูๆ คนอะไรทั้งหล่อทั้งน่ารัก’ หนูพูดจริงๆนะ น้องงานดีมากจริงๆ

‘สรุปว่า หล่อหรือน่ารักครับ’

‘อืม น่ารักดีกว่า ดูรูปๆนี้ ยิ่งยิ้มยิ่งน่ารัก’

‘…………..’  แหน่ะ เงียบเลย ไม่รู้ว่านั่งหึงในใจอยู่หรือเปล่า

‘เอ๊ะ แต่นี่สิ ยืนนิ่งๆ อืม หล่อโฮกเลยค่ะ’

‘พี่คุณ แม่ว่า …น้องพอน่ารักดีนะคะ พี่คุณว่าไหม’ แม่พูดขณะที่ถือจานผมไม้มาวางที่โต๊ะ

‘อ่า ครับ…’  ยังนิ่งอยู่ค่ะ

‘ตอนแรกที่ยัยเมย์เอารูปมาโม้ให้แม่ฟัง แม่ก็ว่าเฉยๆนะ สู้พี่คุณก็ไม่ได้’ แม่ใส่ต่ออีกรอบ

‘ครับแม่’ ยังนิ่งๆ

‘แต่พอมาวันนี้ ทุกอย่างได้ลบออกไปจากใจแม่แล้ว แม่คิดว่าน้องน่ารักมาก เวลาอยู่กับผู้ใหญ่ก็เรียบร้อย แต่พออยู่กับเด็กๆ เขาก็มีความสุข เหมือนคนที่พร้อมจะเป็นความสุขให้กับทุกๆคน’

‘จริงค่ะแม่ น้องมีออร่าเนาะ คนอะไร ยิ่งยิ้มยิ่งสว่าง’ หนูเข้าไปร่วมด้วย

‘แม่อยากได้น้องมาเป็นลูกอีกคนจัง ดีไหมพี่คุณ’ แม่พูดเสร็จก็หันไปหาพี่คุณ

‘หึ ครับ แล้วแต่แม่เลยครับ’ อะ มุมปากกระตุกนะค่ะพี่ชาย

‘พ่อว่า ให้ยัยเมย์ไปจีบน้องดีกว่า นี่ไงได้ลูกเขยเลยไงแม่’ เริ่ดมากค่ะพ่อ หนูเอาจริงนะ

‘บ้าหรอพ่อ พูดอะไร หนูเขินนะ ฮ่าๆ’ พอพูดจบ พ่อแม่และหนูก็หัวเราะกันลั่น แต่พี่ชายหนูนี่สิ นั่งตาเขียวปั๊ด

‘พี่คุณ เป็นอะไรไปคะ ทำไมเงียบไป’ แม่เอ่ยถามเมื่อเห็นว่าพี่คุณไม่จอยด้วย

‘ผมว่า ผมขึ้นไปทำงานข้างบนก่อนดีกว่าครับ ตอนเย็นๆผมจะลงมาทานข้าวด้วยครับ’ พี่คุณรีบบอกแล้วรีบขึ้นไปบนห้องทันที ส่วนเราสามคนได้แต่นั่งยิ้มกริ่มให้กัน หึหึ พี่คุณต้องเจอแบบนี้แหละ ปากแข็งดีนัก

       วันนี้หนูกับคุณแม่ตั้งใจจะทำอาหารไทยให้คุณพ่อกับพี่ชายทาน เมนูวันนี้ก็พะแนงหมู น้ำพริก ผักต้ม ไข่ต้ม และอกไก่ที่ช่วงนี้พี่คุณชอบทานดีนัก

      ในขณะที่หนูกำลังเตรียมมื้ออาหารมาวางบนโต๊ะ หนูเห็นพี่ชายหนู กำลังเดินลงมาจากบันไดพอดี

‘มาเลยค่ะคุณพ่อ พี่คุณด้วย เดี๋ยวหนูตักข่าวให้ค่ะ’ มื้อนี้หนูบริการเองค่ะ หึหึ

‘พี่คุณคะ เมื่อไหร่พี่คุณจะพาแฟนมาบ้านอีกคะ แม่อยากชวนมาร่วมโต๊ะอาหารบ้าง’ แม่เริ่มเปิดอีกแล้วเจ้าค่ะ ฮ่าๆ

‘ครับ’ ตอบสั้นเสียด้วย โถ่เอ้ยพี่คุณ

‘ถ้าพี่คุณมีแฟนนะ หนูเดาได้เลยว่า คนนี้ต้องน่ารัก’ หนูใส่ไปบ้าง

‘แม่ว่าคนนี้เด็กกว่าเยอะ แม่อยากให้ชีวิตพี่คุณมีสีสัน โฮ๊ะๆ’ คุณแม่พูดพร้อมทำท่าปิดปากเหมือนนางร้ายในละครหลังข่าว

‘พ่อว่า ถ้าพามาได้ แสดงว่าคนนี้ของจริง ไม่ใช่เล่นๆแน่นอน ใช่ไหมคุณ’ นั่นไง พ่อมาแล้วค่ะ

‘ทุกคนครับ ใจเย็นๆนะครับ อย่าเพิ่งคิดไปไกลขนาดนั้นสิครับ’ พี่คุณเริ่มปราบพวกเราแล้วค่ะ ฮ่าๆ

‘จริงๆนะพี่คุณ พี่คุณต้องมีแฟนเด็กนะ กระชุ่มกระชวยใจดี’ แม่เน้นอีกรอบ

‘เอาน่ารักๆด้วยนะพี่คุณ อิอิ’ หนูก็เชียร์อัพด้วย

‘ถ้าพามาได้ พ่อพาไปขอพ่อแม่เขาถึงที่บ้านเลยเอ้า’ โอเค พ่อเล่นใหญ่สุด ยอมเลย

‘โอเคๆ สักวันจะพามาครับ’ ว้อททท พูดแบบนี้…

‘พี่คุณ พี่พูดแบบนี้แสดงว่ามีแล้วหรอคะ’ หนูถึงกับเอาช้วนมาขวางพี่คุณไม่ให้ตักแล้วชะโงกหน้ามาดักพี่คุณไว้

‘น้องเมย์ครับ พี่ขอตักกินก่อน พี่หิว’ แหน่ะ ทำมาเป็นจ้องหนูคือ เชอะ


‘พี่คุณ ตอบหนูมาก่อน ยังไงๆ มีแฟนแล้วหรอ’

‘ทำไมวันนี้ทุกคนพยายามพูดถึงเรื่องนี้กันจังเลยครับ’ สงสัยเริ่มเบื่อแล้ว ฮ่าๆ

‘ป๊าวน้า หนูเปล่า หนูไปเติมน้ำดีกว่า’ อุ้ย หนีไปหาน้ำดื่มดีกว่า

‘แม่ก็เปล่านะ’ คุณแม่เลิกลั่กไปด้วยอีกคน

‘พ่อว่าน้ำพริกนี่อะไรดีนะ ชิมหรือยังพี่คุณ’ คนนี้สิ ไม่เนียนสุดเลยค่ะ ถ้าจำไม่ผิดน้ำพริกนั่น พี่คุณชิมก่อนเมนูอื่นเลยค่ะ

      ตกดึกจู่ๆก็มีเสียงเคาะประตูดังขึ้น พบว่าเป็นพี่ชายสุดหล่อของหนู ขอเข้ามาแล้วขอยืมไอแพทหน่อย แกบอกว่า ไอแพทแกค้าง จะเอาไปทำงานอะไรสักอย่าง อะๆ หนูก็ยื่นให้ไป บอกว่าเอามาคืนตอนเช้าก็ได้ แต่…แต่เวลาผ่านไปสักพัก ก็มีคนมาขอติดตามฟอลโลวทั้งไอจีทั้งทวีตเตอร์ พอเข้าไปดุก็พบว่า น้องพอ น้องพอตัวจริงเสียงจริง แอคเคาท์จริง ไม่ต้มแน่นอนค่ะ กริ้ดๆ อยากจะออกไปกริ้ดหน้าบ้าน ในที่สุดคนที่ตัวเองติ่งอยู่ก็มาฟอลโล่วเรา  มิตชั่นคอมพลีสสุดๆ เอาละ พรุ่งนี้จะตื่นไปใส่บาตรแต่เช้า อร๊ายฟินจังเจ้าค่ะ



...................................................
............................................................


วันนี้พาพี่คุณและครอบครัวมาพบปะกับทุกคนนะครับ

ขอโทษที่หายไปนาน มีเรื่องวุ่นๆชวนขึ้นศาลเข้ามาในชีวิตนิดหน่อย ฮ่าๆ

เจอกันตอนหน้านะครับผม บายยยย

 :impress2:

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด