รักเมื่อวานนี้ -A kiss from yesterday- |160619| เป๊กxแยม 1. ปรัชญาของความรัก
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: รักเมื่อวานนี้ -A kiss from yesterday- |160619| เป๊กxแยม 1. ปรัชญาของความรัก  (อ่าน 4370 ครั้ง)

ออฟไลน์ kyliewonderland

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 224
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +565/-4
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ


ติดตามกฏเพิ่มเติมที่กระทู้นี้บ่อยๆ เมื่อมีการแก้ไขกฏจะแก้ไขที่กระทู้นี้นะครับ
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0

ประกาศทั่วไปติดตามอัพเดทกันที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.0

ประกาศ กฎที่อื่นมีไว้แหก แต่ห้ามมาแหกที่นี่

1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด
การสนใจและชื่นชอบนิยายและเรื่องเล่าของคนในเรื่องควรมีขอบเขตที่จะไม่สร้างความเดือดร้อนให้เจ้าของเรื่อง เช่นเดียวกับเป็ดที่ตอนนี้ถูกรังควานตามหาตัวจากคนด้านต่างๆ จนตัดสินใจไม่เล่าเรื่องต่อ.........เนื่องจากบางเรื่องเป็นเรื่องเล่า.....................บางคนไม่ได้เปิดเผยตัวตน  เขาพอใจจะมีความสุขในที่เล็กๆแห่งนี้โดยไม่ได้ตั้งใจให้คนภายนอกได้รับรู้เรื่องราวแล้วนำไปพูดต่อ   เพราะปฎิเสธไม่ได้ว่าสังคมไม่ได้ยอมรับพวกเราสักเท่าไหร่

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท,
หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง
หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์
และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด
การกระทำเช่นนั้นอาจทำให้คุณแบนทันที และถาวร . หมายเลข IP ของทุกโพสต์จะถูกบันทึกเพื่อใช้เป็นหลักฐาน
ในความเป็นจริงเป็นไปได้ยากมากที่จะให้แต่ละคนมีความคิดเห็นตรงกันทั้งหมด   คนเรามากมายต่างความคิดต่างความเห็น เติบโตมาภายใต้ภาวะแวดล้อมต่างกันการแสดงความคิดเห็นที่แตกต่าง   จึงควรทำเพื่อให้เกิดความเข้าใจกัน แบ่งปันประสบการณ์และมิตรภาพเพื่ออาจเป็นประโยชน์ในการใช้ชีวิต  และไม่ว่าจะอย่างไรก็ควรเคารพในความคิดเห็นที่แตกต่างของบุคคลอื่นช่วยกันสร้างให้บอร์ดนี้มีแต่ความรักนะครับ   

เรื่องบางเรื่องอาจจะเป็นทั้งเรื่องแต่งหรือเรื่องเล่าใดๆก็ขอให้ระลึกเสมอว่า  อ่านเพื่อความบันเทิงและเก็บประสบการณ์ชีวิตที่คุณไม่ต้องไปเจอความเจ็บปวดเล่านั้นเองเพื่อเป็นข้อเตือนใจ สอนใจในการตัดสินใจใช้ชีวิต   จึงไม่ต้องพยายามสืบหาว่าเรื่องจริงหรือเรื่องแต่งส่วนการพูดคุยนั้น   ก็ประมาณอย่าทำให้กระทุ้กลายพันธุ์ห้ามเอาเรื่องส่วนตัวมาปรึกษาพูดคุยกันโดยที่ไม่เกี่ยวพันกับเรื่องในกระทู้นิยาย  ถ้าจะวิจารณ์หรือแสดงความคิดเห็นทุกคนมีสิทธิแต่ขอให้ไปตั้งกระทู้ที่บอร์ดอื่นที่ไม่ใช่ที่นี่นะครับ

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อเจ้าของเรื่องเท่าที่จะทำได้หรือแจ้งมายังบอร์ดนี้ก่อนนะครับ  เนื่องจากเจ้าของเรื่องบางครั้งไม่ต้องการให้คนที่ไม่ได้ชื่นชอบนิยายชายรักชายเข้ามารับรู้  ลิขสิทธิ์ทั้งหมดเป็นของเจ้าของคนที่ทำขึ้นและเวปแห่งนี้นะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอมให้ส่งหรือติดต่อกันทางพีเอ็มจะปลอดภัยกว่าแล้วเมื่อมีการติดต่อสื่อสารกันให้พึงระวังถึงความปลอดภัย ความไม่น่าไว้ใจของผุ้คนทุกคนแม้จะมีชื่อเสียงในบอร์ดเป็นเรื่องส่วนตัวของแต่ละคนไป เพื่อลดความขัดแย้งภายในเล้า จึงไม่สนับสนุนให้มีการจีบกันในบอร์ดนะครับ

5.ห้ามจั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียวให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตาม
เพราะแม้จะเป็นเรื่องที่เขียนจากเรื่องจริง เมื่อนำมาพิมพ์เป็นเรื่องผ่านตัวอักษร ย่อมเลี่ยงไม่ได้ที่จะมีการเพิ่มเติมเพื่อให้เกิดสีสันในเนื้อเรื่อง ทางเล้าถือว่านั่นคือการเพิ่มเติมเนื้อเรื่อง จึงไม่อนุญาตให้จั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” แต่สามารถแจ้งว่าเป็น “นิยายที่อ้างอิงมาจากชีวิตจริง” ได้  มีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

6.การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insearch qoute  ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ

8.Administrator และ moderator ของ forum นี้ มีสิทธิ์อ่าน, ลบ หรือแก้ไขทุกข้อความ. และ administrator, moderator หรือ webmaster ไม่สามารถรับผิดชอบต่อข้อความที่คุณได้แสดงความคิดเห็น (ยกเว้นว่าพวกเขาจะเป็นผู้โพสต์เอง).

9.คุณยินยอมให้ข้อมูลทุกอย่างของคุณถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูล. ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกเปิดเผยต่อผู้อื่นโดยไม่ได้รับการยินยอมจากคุณ .Webmaster, administrator และ moderator ไม่สามารถรับผิดชอบต่อการถูกเจาะข้อมูล แล้วนำไปสร้างความเดือดร้อนต่างๆ

10.ห้ามลงประกาศลิงค์โปรโมทเวป  โฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ลงได้เฉพาะในห้องซื้อขาย ในเมื่อแนะนำเวปอื่นที่บอร์ดเรา ก็ช่วยแนะนำบอร์ดเราโดยลงลิงค์บอร์ดเรา เวป http://www.thaiboyslove.com  ในบอร์ดที่ท่านแนะนำมาให้เราด้วย  เมื่อจำเป็นต้องแนะนำลิงค์ให้ส่งลิงค์กันทาง personal message หรือพีเอ็มแทนนะครับจะสะดวกกว่า ส่วนในกรณีอยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนๆได้อ่านจริงๆนั้นพยายามลงให้ห้องซื้อขายซะ หรือถ้าม๊อดเดอเรเตอร์จะพิจารณาเป็นกรณีๆไป ถ้ารู้สึกว่าไม่ได้โปรโมทเวป แต่อยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนด้วยใจจริงจะให้กระทู้นั้นคงอยู่ต่อไป

11.บอร์ดนิยายที่โพสจนจบแล้วมีไว้สำหรับนิยายที่โพสในบอร์ด boy's love จนจบแล้วเท่านั้น จึงจะถูกย้ายมาเก็บไว้ที่นี่ หาอ่านนิยายที่จบแล้ว หรือคนเขียนไม่ได้เขียนต่อ แต่โดยนัยแล้วถือว่าพล็อตเรื่องโดยรวมสมควรแก่การจบแล้ว หากนักเขียนท่านใดได้พิมพ์เล่มกับสำนักพิมพ์ ต้องการลบเรือ่งบางส่วนออก โดยเฉพาะไคลแม๊ก หรือตอนจบที่สำคัญ ให้แจ้ง moderator ย้ายนิยายของท่านสู่ห้องนิยายไม่จบ เพื่อที่หากระยะเวลาเกินหกเดือนแล้ว เราจะได้ทำการลบทิ้ง หรือท่านจะลบนิยายดังกล่าวทิ้งเสียก็ได้ เนื่องจากบอร์ดนี้เก็บเฉพาะนิยายที่จบแล้ว

บอร์ดนิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบไว้สำหรับ
นิยายที่คนเขียนไม่ได้มาต่อนาน หายไปโดยไม่มีเหตุผลสมควร ไม่ได้แจ้งไว้หรือแจ้งแล้วก็ไม่มาต่อ 3 เดือน จะย้ายมาเก็บในนี้เมื่อครบหกเดือนจะทำการลบทิ้ง ส่วนเรื่องไหนที่จะต่อก็ต่อในนี้จนกว่าจะจบ แล้วถึงจะทำการย้ายไปสู่บอร์ดนิยายจบแล้วต่อไป

12.ห้ามนำเรื่องพิพาทต่างๆมาเคลียร์กันในบอร์ด

13.ผู้โพสนิยาย และเขียนนิยายกรุณาโพสให้จบ ตรวจสอบคำผิดก่อนนำมาลงด้วยครับ

14.ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน  ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ

15. การนำรูปภาพ บทความ ฯลฯ มาลงในเวปบอร์ด  ควรจะให้เครดิตกับ...
(1) ผู้ที่เป็นต้นตอเจ้าของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ
(2) เวปไซต์ต้นตอที่อ้างอิงถึง
....ในกรณีที่เป็นบทความที่ถูกอ้างอิงต่อมาจากเวปไซต์อื่นๆ
- ถ้ามีแหล่งต้นตอของเจ้าของบทความ  ให้โพสชื่อเจ้าของต้นตอของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ  พร้อมทั้งเวปไซต์ที่อ้างอิง
  (กรณีนี้จะโพสอ้างอิงชื่อผู้โพสหรือเวปไซต์ที่เรานำมาหรือไม่ก็ได้ แต่ควรมั่นใจว่าชื่อต้นตอของที่มาถูกต้อง)
- ถ้าไม่สามารถหาชื่อต้นตอของรูปภาพหรือเวปไซต์ที่นำมาได้ ควรอ้างอิงชื่อผู้โพสและเวปไซต์จากแหล่งที่เรานำมาเสมอ
- ควรขออนุญาติเจ้าของภาพหรือเจ้าของบทความก่อนนำมาโพสค่ะ(ถ้าเป็นไปได้) ยกเว้นพวกเวปไซต์สาธารณะ เช่น  หนังสือพิมพ์ออนไลน์ ฯลฯ ที่เปิดให้คนทั่วไปได้อ่านเป็นสาธารณะ ก็นำมาโพสได้ แต่ให้อ้างอิงเจ้าของชื่อและแหล่งที่มาค่ะ
- ไม่ควรดัดแปลงหรือแก้ไขเครดิตที่ติดมากับรูปหรือบทความก่อนนำมาโพส
- ถ้าเป็น FW mail  ก็บอกไปเลยว่าเอามาจาก FW mail

16.นิยายเรื่องไหนที่คิดว่าเมื่อมีการรวมเล่มขายแล้วจะลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออก กรุณาอย่าเอามาลงที่นี่ หรือสำหรับผู้ที่ขอนิยายจากนักเขียนอื่นมาลง ต้องมั่นใจว่าเรื่องนั้นจะไม่มีการลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออกเมื่อมีการรวมเล่มขาย อนึ่ง เล้าไม่ได้ห้ามให้มีการรวมเล่มแต่อย่างใด สามารถรวมเล่มขายกันได้ แต่อยากให้เคารพกฎของเล้าด้วย เล้าเปิดโอกาสให้ทุกคน จะทำมาหากิน หรืออะไรก็ตามแต่ขอความร่วมมือด้วย เผื่อที่ทุกคนจะได้อยู่อย่างมีความสุข

17.ห้ามแจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน  ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง  นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฏการซื้อขายของเล้่าก่อน ด้วยนะคะ)

เอาข้อสำคัญก่อนนะครับเด่วอื่นๆจะทำมาเพิ่มครับเอิ้กๆหุหุ
admin
thaiboyslove.com.......................................                                                           

วันที่ 3 ธ.ค. 2551วันที่ 16 ก.ย. 2554 ได้เพิ่มกฏ ข้อที่ 7
วันที่ 21 ต.ค.2556 ได้ปรับปรุงกฏทั้งหมดเพื่อให้แก้ไข และติดตามได้ง่าย

เวปไซต์แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่างประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม


Share This Topic To FaceBook
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 16-06-2019 23:31:43 โดย kyliewonderland »

ออฟไลน์ kyliewonderland

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 224
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +565/-4
อ่านเรื่องราวก่อนหน้านี้ - รักชาชา - A kiss from milk tea

-----

INTRO เปิดศักราชน้ำชาและผองเพื่อน


ปกติเพื่อนเก่า เพื่อนกัน มันควรจะพบปะแบบ ‘ครบกลุ่ม’ กันอย่างน้อยก็ปีละครั้ง สองครั้งใช่ไหมละครับ อันนี้พูดในฐานะคนทั่วไป ตามแต่วาระ ตามแต่เวรตามกรรม ว่าใครจะปลีกตัวมาได้ไม่ได้

สมัยมหาวิทยาลัย ผมมีเพื่อนสนิทอยู่สองกลุ่ม รวมๆ แล้วก็นับหัวได้ราวสิบคน ถ้าถามว่าสนิทขนาดไหน ก็อาจจะเรียกได้ว่า เพื่อนตายเลยก็ได้ม้ังครับ เพราะเอาจริงๆ ในช่วงจบปีสุดท้าย จนถึงช่วงสามขวบปีของวัยแรกแย้มการทำงาน ไม่ว่าจะเกิดเหตุการณ์บ้านเมือง ผีป่าช้าแตกอะไรขึ้น เราก็กลมเกลียวมาก กริ๊งเดียวเท่านั้น เราพร้อมหน้า

นัดกันดูเกมส์ ออฟ โทรน ทุกซีซันด้วยกันทุกคืนวันจันทร์ (เพราะมันฉายเช้าวันจันทร์ไทย ดูทันทีไม่ได้)

นัดดูบอลบิ๊ก แมตช์ ด้วยกันแม้ว่าจะเชียร์คนละทีมกันสะเปะสะปะสิ้นดี

ใครทะเลาะกับผัว กับเมีย จะมีหน่วยเก็บกู้ ตามไปรับถึงบ้าน บางคนเป็นสายเคลียร์ เคลียร์ให้ บางคนสายบวก สายแท้งก์พร้อมชน ก็ชนยับ

จัดทริปเที่ยวต่างประเทศกันยกแก๊งค์ เมาป่วนจนโดนค่าปรับ เราก็ทำมาแล้ว

จบมหาวิทยาลัยมาได้สิบเอ็ดปี พวกเรา แม้จะไม่ได้อยู่ด้วยกันมากมายเหมือนแต่ก่อนนัก แต่ละคนก็มีชีวิตที่ต้องเลือกเดิน แต่คนที่ยังมีเวลาว่างอยู่ ไม่มีภาระ พันธะใดๆ ก็ยังได้เจอกันทุกสัปดาห์ ทุกเดือน

ทั้งนี้ โดยปกติแล้ว พวกผมสิบคน ก็จะรวมตัวกันทุกไตรมาส เพราะมันจะมีเทศกาลให้ได้เจอกันตลอด อาทิ

หนึ่ง ปีใหม่
สอง สงกรานต์
สาม พรีเมียลีก
สี่ ลอยกระทง

คือเอาเป็นว่า ทุกๆ สองสามเดือน เราจะพบกันพร้อมหน้าครับ อาจจะไม่ใช่ร้านเหล้าเหมือนเดิม เป็นร้านอาหารกึ่งผับกึ่งเรสเตอรองเสียมากกว่า หรือไม่ก็ไปทำกับข้าวกินบ้านใครสักคนหนึ่ง ซึ่งส่วนใหญ่ก็หนีไม่พ้นบ้านผม หรือบ้านเพื่อนรักอีกคนที่ชื่อย่อว่าแยม (ย่อทำไมวะ) ประมาณนี้

แต่ในการรวมตัวครั้งนี้ มันไม่เหมือนเดิมครับ มันต่างออกไปด้วยสถานที่ ด้วยบรรยากาศ ด้วยชุดที่พวกเราสวมใส่

เรารวมตัวกันในงานศพ

สิบสองปีที่แล้ว วันที่ผมพบรักแท้ของชีวิต ชื่อย่อว่าโฟล์ค เป็นช่วงเวลาประมาณนี้เหมือนกัน… มันเป็นช่วงที่ลมหนาวมาเยือน แรง เร็ว และ เหน็บหนาวกว่าทุกปี

เรื่องราวเกิดขึ้นมากมายในระยะเวลาสั้นๆ สิบสี่วันนั่น และดำเนินมาเรื่อยๆ จวบจนกระทั่งทุกวันนี้ ที่พวกเรายังอยู่ด้วยกันแบบนี้
“อะ กะเพาะปลา” เสียงแหบห้าวของเพื่อนสนิทของแฟน ที่ปัจจุบันผมสนิทกับมันมากกว่าก็ว่าได้ เอ่ยขึ้น ก่อนหยิบกะเพาะปลาร้อนๆ ในถ้วยพลาสติกใบเล็กสีชมพูส่งมาให้ นินแม่งเหมือนแวมไพร์เลยครับ นี่พวกเราอายุปาไปสามสิบสามแล้วนะ แหม๋นนน นินยังหน้าตา รูปร่างเท่าเดิม เปลี่ยนไปแค่ทรงผม หรือรอยสักและรอยเจาะที่เพิ่มขึ้นเท่านั้น

นินสวมเชิ้ตดำปิดกระดุมถึงคอ กับยีนขาเดฟสีดำ คิ้วซ้ายเจาะจิวสีเงินไว้ หน้าตามันดูสะอาดเกลี้ยงเกลาเวลาใส่เสื้อผ้าปกปิดมิดชิด เหลือแค่ดวงหน้าแบบนี้ แต่ที่พูดนี่ ไม่ใช่ผมไม่ชอบมันเลอะเทอะรอยสักหรอกนะครับ นินเป็นแบบไหน มันก็เพื่อนผมอยู่ดี เพื่อนที่มาอาศัยแอร์ ไฟ น้ำ บ้านกูอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน เหยดแหม่

มันทำดีเพื่อสังคมด้วยการยกถาดอาหารสำหรับเลี้ยงแขกมาเสิร์ฟครับ ใกล้ๆ กัน ผัวมัน ชื่อย่อภัทร ก็เดินเสิร์ฟอีกถาด แต่ดูท่าจะได้รับความนิยมดีกว่านิน เพราะสาวๆ หน้าตาดีที่อายุราวคราวเดียวกันแต่ยังโสด พากันรับกะเพาะปลาจากภัทรไปถ้วยแล้วถ้วยเล่า

ปกตินินขี้หึงมากนะครับ นี่ผมก็แอบงงหน่อยๆ เหมือนกันว่าทำไมวันนี้มันถึงอยู่เงียบๆ ได้ หรือเพราะมันก็แก่แล้วครับ ฮอร์โมนเลยไม่เหวี่ยงกระจุยกระจายเหมือนในอดีต มันก็ทำหน้าที่ของมันไปเรื่อยๆ

ส่วนผมที่นั่งอยู่เฉยๆ ไม่ทำอะไรน่ะเหรอครับ ไม่ใช่ว่าทำตัวเป็นคนกินแรงเพื่อนหรืออะไรหรอกนะ แต่ว่า...

“อะ อีกถ้วย ของเพ่ยเพ่ย กินไหมครับ” นินถามเด็กหญิงตัวเล็กที่นั่งอยู่บนตักผม ดวงตากลมโตที่ได้มาจากมารดา และจมูก ปาก ที่ได้มาจากบิดา ทำให้สาวน้อยเกือบหมวยคนนี้ น่ารักน่าชังในสายตาของทุกๆ คน

“กินค่าอานิน”

“มึงเอามาถ้วยเดียวพอ เดี๋ยวหก” ผมบอกนินเพื่อนรัก มันพยักหน้ารับรู้ก่อนว่า

“เออ เดี๋ยวกูห่อใส่ถุงกลับบ้านให้ กลางคืนพวกมึงก็หิว หาแดกอีก”

“แดกแปลว่าอะไรคร้า”

“เฮ้ย เพ่ย อาขอโทษ คำไม่ดีอะอย่าจำเลย” นินตบหน้าผากตัวเองดังปั่ก เมื่อรู้สึกตัวว่าหลุดคำหยาบต่อหน้าเด็กวัยกำลังจำ
“ไม่เป็นไรค่า มันเป็นคำม่ายดี”

ผมมองหนูน้อยบนตัก ลูบหัวกลมๆ อย่างเอ็นดู นึกสงสารหนูน้อยที่ต้องมาเสียแม่ไปตั้งแต่ยังเล็ก ขณะที่ตัวพ่อเองแม้จะยังทำใจไม่ได้เท่าไหร่นัก แต่ก็พยายามจะเข้มแข็ง

ตัดภาพไปที่หน้าโลงศพ ชายหนุ่มสามสี่คนในชุดสูทช่วยกันอำนวยความสะดวกให้แขกไหว้ลาหญิงสาวที่นอนอย่างสงบเงียบในโลงศพ เจ้าภาพงานมีสีหน้าอิดโรย แต่ก็ยิ้มและยกมือไหว้ขอบคุณที่มา เสียงจ้อกแจ้กจอแจค่อยๆ เงียบหายลงไปเรื่อยๆ เมื่อแขกทั้งหลายพากันเดินทางกลับบ้าน เมื่อความวุ่นวายเลือนหาย รอยยิ้มที่ต้องปั้นแต่งมาทั้งวันก็ค่อยๆ เลือนหายไปด้วย
 
“ป๊ะป๋า” เพ่ยเพ่ยตะโกนเรียกพ่อของตัวเองที่เดินเข้ามาหาลูกสาว หลังจากที่ส่งแขกคนสุดท้ายกลับไป และเหลือเพียงคนในครอบครัวและเพื่อนสนิทเท่านั้นที่อยู่ในศาลา

เด็กน้อยถดตัวลงจากตักผม วิ่งไปหาพ่อของตัวเอง ซึ่งก็คือเพื่อนรักของผมนั่นแหละ ปอม ไอ้หนุ่มตี๋ ลุคเท่ สุดคูล สุดหล่อ พูดน้อยสมัยเรียน ที่ปัจจุบันเป็นสถาปนิกอนาคตไกล และกำลังจะเปิดบริษัทร่วมกับเพื่อนในคณะอีกไม่ไกลนี้ ในวัยสามสิบสาม ปอมมันอ้วนขึ้นนิดหน่อย แต่ก็ภูมิฐาน ดูดีในแบบฉบับคุณชายของมัน

ปอมปลดสูทออก พาดมันไว้บนเก้าอี้ ก่อนก้มลงอุ้มลูกสาววัยช่างจ้อขึ้นมากอดเอาไว้ ส่วนสามหนุ่มที่ไปยืนช่วยเพื่อนรับแขก อันได้แก่กาย เป๊ก และไอ้โฟล์ค ก็เดินปาดเหงื่อกลับมาพร้อมกับเรียกหาของกินไปด้วย

“หิวอะ มีไรเหลือแดกบ้างเนี่ย” กายทิ้งตัวนั่งลงข้างๆ น้ำชา พร้อมหลุดคำไม่ดีออกมา จนหนูเพ่ยหันขวับ

“ทำไมอากายพูดไม่เพราะ”

“อุ๊บ” กายยกมือปิดปาก ขณะที่คนอื่นๆ ซึ่งยืนล้อมวงกันต่างหัวเราะในความฉลาดพูดของสาวน้อย “อาขอโทษนะคะเพ่ยเพ่ย จะไม่ทำอีกแล้วน้า” ไอ้กาย เป็นผู้ชายในกลุ่มคนเดียวที่เหลือรอด ยังไม่ลงหลักปักฐานกับใครเท่าไหร่นัก ตามสไตล์หนุ่มนักออกแบบอารมณ์ดี (คือมึงก็ไหลลื่นมาตั้งแต่สมัยเรียน โตมาอายุเพิ่มแต่สมองไม่เพิ่มตามอะ) ทั้งๆ ที่แฟนเก่ามันแต่ละคนก็เจ๋งๆ ทั้งนั้น แต่ก็นั่นแหละ เวลาคงเป็นคำตอบให้กับคนกะล่อนอย่างมันเอง ปัจจุบันกายมันก็เลยยังไม่มีคนรักเป็นตัวเป็นตน ขณะที่เพื่อนมีเมียและลูกไปแล้ว ทำให้มันก็เป็นอีกคนที่วนเวียนมาขอส่วนบุญที่บ้านผมอยู่เป็นประจำ

“มีกะเพาะปลาเหลือ เอาไหม เดี๋ยวเราไปหยิบให้” ไอที่เก็บแก้วพลาสติกใช้แล้วลงถุงขยะอย่างขะมักเขม้นหันมาบอก

“เฮ้ย ไม่ต้องไอ เดี๋ยวเราไปเอาเอง” กายรีบโบกมือใหญ่ “แต่ถ้ามึงกำลังจะเดินไปครัว หยิบให้กูด้วยนะ” ปฏิเสธไอ แต่หันไปบอกนินทีกำลังจะเดินไปที่ครัวหลังศาลากับแยม ไอ้นินเลยหันกลับมาโชว์นิ้วกลางหราให้ทันที

“เหนื่อยไหมมึง” ผมถามไอ้ปอม ที่อุ้มลูกที่เริ่มคอพับคออ่อนมานั่งข้างผม ส่วนโฟล์คเดินออกไปออกไปสูบบุหรี่กับภัทร ไอ้โฟล์คนี่ก็ดูดๆ เลิกๆ บุหรี่เป็นรายไตรมาส หรือรายอารมณ์มัน อะไรก็ไม่รู้ บางทีบ่นก็ไม่มีผล เพราะผมก็ยืมมันดูดด้วย

“เพลียๆ ว่ะ” ปอมว่า “วันนี้คงต้องขอไปค้างบ้านมึงอีก ขี้เกียจกลับบ้านว่ะ ไม่มีคนดูเพ่ยด้วย”

“เออได้ดิวะ สบายมาก” ลินดา ภรรยาไอ้ปอม สาวสวยที่ร่วมทุกข์ สุข ด้วยกันมาสี่ปีเต็ม พบเนื้อร้ายในตับเมื่อครึ่งปีก่อน โชคร้ายที่มันแพร่กระจายเร็วมาก และพวกเขารู้ตัวช้าไป ลินดาจากไปในช่วงเวลาที่เธอจะไม่ได้เห็นลูกเติบโตอีกแล้ว และนั่นน่าจะเป็นเรื่องที่ใจสลายที่สุด ทั้งสำหรับลินดา และสำหรับปอมเองด้วย

งานศพของลินดา คนที่ผมเองก็ชื่นชมว่าเข้มแข็งมาก เพราะเธอยิ้มเสมอไม่ว่าใครต่อใครไปเยี่ยม และยิ้มให้กระทั่งโชคชะตาที่เล่นตลกกับชีวิตของเธอ จัดขึ้นที่วัดฝั่งเดียวกับโซนบ้านผม เพราะลินดาบ้านอยู่ถัดจากบ้านที่ปัจจุบันผมอยู่กับโฟล์คออกไปสักราวสองเขตเท่านั้น ช่วงอาทิตย์นี้ปอมเลยขอมาอาศัยอยู่ด้วย

“มึงไม่เอาไปฝากบ้านแม่มึงเลี้ยงเหรอ มึงดูจะไม่ไหวนะเนี่ย บางทีกูก็กลัวมึงน็อก” เข้าวันที่ห้าของการสวดอภิธรรมศพ ปอมแม่งดูอิดโรยจริงครับ ผมซื้อสปอนเซอร์กับเอ็มร้อยให้มันแดกทุกวัน ลูกก็ต้องเลี้ยง งานศพเมียก็ต้องดูแล

“กูอยากดูแลเพ่ยเองว่ะ แม่กูแกก็ขี้แพนิกด้วย เอาจริงกูกลัวแกสปอยเพ่ยเกินไป กูไม่ได้อยากให้ลูกต้องถูกประคบประหงมขนาดนั้น ยิ่งช่วงนี้ด้วย กูอยากอยู่กับเพ่ย แล้วก็อยากให้เพ่ยอยู่กับความจริงแล้วใช้ชีวิตอยู่ต่อไปให้ได้”

ผมฟังปอมมันพูด ก่อนตบบ่ามันเบาๆ “เลี้ยงลูกโหดนะมึง แต่ก็นะ ชีวิตคนเราแม่งโหดร้ายจริงๆ ว่ะ”

อัพเดทกันหน่อยนะครับ คราวที่แล้ว ผมอัพเดทให้ฟังจนถึงช่วงอายุยี่สิบแปด ที่ผมกับโฟล์คมีบ้าน มีหมาเป็นของตัวเอง แถบชานเมือง เพราะเราไม่ชอบความพลุกพล่าน และเพื่อนหลายๆ คนก็เริ่มเติบโตตามเส้นทางชีวิตการงานของตัวเอง

ปอมเป็นเพื่อนหนึ่งคนของผม ที่กราฟชีวิตมันก็ค่อนข้างนิ่ง ถ้าเทียบความโลดโผน ผมบอกเลยไม่เทียบกายหรือไอ้นินแน่นอน ปอมเป็นคนที่...ไม่ได้รักสนุก แต่ก็ยังคงไม่ได้จะผูกมัดกับใครละมั้งในช่วงนั้น มันก็มีสาวเข้ามาเรื่อยๆ อ้อ มันทำงานในแวดวงสถาปนิกนี่แหละครับ ส่วนลินดา เธอเป็นอดีตนางแบบลูกครึ่งสุดฮ็อต ที่มีใจรักในเรื่องของกาแฟ เธอเลยออกมาเปิดร้านกาแฟแบบสเปเชียลลิสต์กับเพื่อนร่วมอุดมการณ์ของเธอ ไม่ใกล้ไม่ไกลจากออฟฟิศไอ้ปอม ก็นั่นแหละครับ โป๊ะเช๊ะ

ช่วงแรกๆ ปอมมันก็ไม่พูดอะไรมากตามประสาผู้ชาย แต่พอมันจะเล่า มันก็เล่ายาวเลย แล้วมาถามพวกผมกับโฟล์คว่า คนนี้จะโอเคไหม จะรอดไหม มันดูตื่นเต้นแหละครับ น่าจะตกหลุมรักจริงๆ เพราะงั้นพอลินดาท้อง ซึ่งเป็นการท้องก่อนแต่ง ทุกอย่างเลยลงล็อก ปอมตกลงปลงใจกับลินดาในวัยสามสิบ และมีลูกสาวสุดแสนจะวิเศษในวัยย่างขวบสามสิบเอ็ด จากนั้นช่วงเวลาสามปีก็ผ่านไปอย่างรวดเร็ว เพ่ยเพ่ยเป็นเด็กน่ารัก เรียนรู้ไว แล้วที่สำคัญคือติดบรรดาอาๆ มาก โดยเฉพาะอานินกับอาน้ำชา ก็คือกูนี่แหละ อาจจะเพราะปอมมันชอบพามาเจอบ่อย หรือบางทีก็พามาฝากเลี้ยง อย่างกับบ้านกูเป็นเนอสเซอรี ทั้งๆ ปกติบ้านกูก็เป็นแหล่งซ่องสุมของพวกไม่ทำงานประจำอยู่แล้ว

ในช่วงชีวิตที่เรากำลังเติบโตจากวัยรุ่นเข้าสู่ผู้ใหญ่เลขสาม มีหลายอย่างที่ผมได้เรียนรู้ บางคนชีวิตเรื่อยๆ เรียงๆ แต่พอโชคชะตามันจะอัดซ้อมเราเท่านั้นแหละ มันก็เล่นงานเราไม่ยั้ง แต่กับบางคน ที่มาแรงมาเร็วพร้อมกับความ แต่สุดท้ายมันก็ต้องเตรียมใจรอรับความผิดหวังด้วย ผมกำลังพูดถึงเพื่อนที่แต่งงานไปแล้วอีกคนครับ ไอ้เต ซี้ไอ้โฟล์ค ที่แต่งงานคนแรกของกลุ่มเลยในอายุยังไม่เลยหลักเลขสอง แต่นั่นแหละ คนเราตั้งใจอะไรมากมันไม่ค่อยจะเกิด หลังจากปลุกปล้ำ (แบบปล้ำจริงๆ) กับน้องพริม ภรรยาดีกรีนางฟ้าสายการบินแห่งชาติมาร่วมสี่ปี หวังจะมีทายาท แต่ก็ต้องผิดหวังซ้ำแล้วซ้ำเล่า ปีนี้จะเป็นปีสุดท้ายที่มันจะลองวิธีธรรมชาติ เพราะป๊าม๊ายื่นคำขาดแล้วว่าถ้าไม่มีก็ต้องพึ่งแพทย์ลูกเดียว

ถามว่าผมรู้ได้ไง ไอ้สัส ก็มันมานั่งคอตกกันบ้านผมทั้งผัวทั้งเมีย มาตรวจครรภ์อะครับ บอกว่าอยากมีคนลุ้นด้วย ไม่อยากผิดหวังกันสองคน แต่ปริศนาธรรมคือ กูต้องรู้ไหมเนี่ย แต่เอาเถอะครับ ก็สงสารมันนั่นแหละ ผมกับโฟล์คมันคนมีลูกไม่ได้นี่ คงจะไปรู้สึกร่วมอะไรมากก็ไม่ได้ แต่ก็ต้องอิ๊บ ทำเป็นเซ็งไปด้วย จริงๆ ก็เซ็งแหละครับ อยากได้หลานอีกสักคน มันสนุกดี

“นี่ใครจะค้างบ้านกูบ้างวันนี้” โฟล์คที่เดินกลับมาเอ่ยปากถามรอบวง “นอกจากเพ่ย และพ่อของเพ่ย”

“หึ” เต ภัทร นิน ส่ายหัว พวกนี้บ้านอยู่ใกล้ๆ แถบนี้แหละครับ ชาวฝั่งธนรักแม่น้ำ รักคลอง เตยังอยู่บ้านพ่อแม่ เพราะบ้านมันก็ใหญ่มากจริงๆ จะไปซื้อใหม่ให้เสียเงินเปล่าปี้ทำไม เดินรอบบ้านยังไม่มีทีท่าว่าจะเจอหน้ากันเลยเพราะห้องแม่งเยอะจัด ส่วนภัทรกับนิน ด้วยความที่ไอ้นินมันติดผมมากครับหลังเรียนจบ แล้วมันก็ทำงานฟรีแลนซ์ตัดต่อด้วยจนถึงปัจจุบัน มันเลยชอบมาป้วนเปี้ยนบ้านผม เอาง่ายๆ มาใช้ชีวิต กินอยู่หลับนอน ราวกับเป็นผัวกูอีกคนซะงั้น ซึ่งผมก็ทำงานอิสระเหมือนกัน ทำให้มันมาชนิดแบบ เอิ่ม มาทุกวัน ไม่ก็มาวันเว้นวัน แดกข้าวบ้านกูจนมันไม่ซื้อของสดเข้าห้องตัวเองแต่ซื้อของสดเข้าบ้านกูอะ คิดดูเอา หลังจากไปๆ มาๆ จากคอนโดที่ไกลโพ้นอีกฝั่งของเมืองอยู่นาน กอปรกับภัทรอยากได้คอนโดที่พื้นที่มากขึ้น นินมันเลยถือ
โอกาสใช้หลากหลายข้ออ้าง บีบคอไอ้ภัทรซื้อคอนโดติดแม่น้ำเจ้าพระยา จากที่ตอนแรกคุยซะดิบดีว่าเอาแถวเอกมัย เพราะแม้จะบ้านนอกกว่าแต่สะดวกขับรถมาบ้านผมมากกว่า

ด้วยประการละฉะนี้ สองหน่อก็เลยลงเอยมาอยู่แถวบ้านผมตั้งแต่ห้าหกปีที่แล้ว ส่วนภัทรก็ทำงานกับโฟล์คครับ ทำหนัง กำกับซีรีย์ แล้วก็เปิดเฮ้าส์ของตัวเองกันมาได้หลายๆ ปีแล้ว ปั้นเด็กใหม่ๆ ขึ้นมาในวงการภาพยนตร์เรื่อยๆ ซึ่งแน่นอนว่า ไอ้นินก็เป็นฟรีแลนซ์ให้บริษัทผัวมันนั่นแหละ ซับซ้อนไหมครับ ครับ งงไหมครับ ผมก็งง

“เรากับเป๊กก็กลับ ทิ้งแม่นอนคนเดียวมาหลายคืนแล้ว” แยมพึมพำขึ้นมาบ้าง คนนี้น่ารักไม่เปลี่ยน แล้วก็เป็นอีกหนึ่งแขกประจำบ้านผม เพราะทำงานฟรีแลนซ์เหมือนกัน บ้านแยมกับบ้านผมก็ไปมาหาสู่กันได้เช่นกันครับ หลักๆ ที่มาบ้านผมบ่อยๆ ก็ไอ้นินกับไอ้ภัทร รองมาก็เป๊กกับแยมนี่แหละ

“ไออาจจะนอนด้วยนะ มันดึกแล้ว เดี๋ยวให้พี่สิงห์มารับพรุ่งนี้ทีเดียว” ส่วนคนที่น่ารักที่สู้ดดด อย่างน้องไอ ปัจจุบันก็มีเจ้าของหัวใจแล้วครับ แต่ยังไม่บอกว่าใคร และยังไง เดี๋ยวไม่ลุ้น อิอิ

“แต่ไปรวมตัวบ้านมึงก่อนดีกว่าว่ะ ขี้เกียจขับรถกลับ เหนื่อย” เตพูดขึ้น วันนี้ภรรยามันมีบิน เลยไม่ได้มาด้วย ไอ้เตก็ทำงานกับพวกโฟล์คนี่แหละครับ เปิดเฮ้าส์โปรดักชันด้วยกัน

คือจริงๆ ผมกับโฟล์คก็เคยบอกเตกับน้องพริมหลายครั้งแล้ว ว่าให้น้องพริมลาออกมาอยู่เฉยๆ คือสิ่งแวดล้อมการงานของน้องพริมแม่งไม่เอื้อจะให้มีลูกเลยอะครับ แต่น้องพริมก็สองจิตสองใจ ไอ้เตก็กลัวเมียอยู่บ้านจะเบื่อ ตอนนี้น้องพริมเลยต้องดูแลตัวเองเป็นพิเศษ แต่ถ้ามีลูกแล้ว น้องพริมคงต้องลาออกจริงๆ นั่นแหละ

“กูไปด้วย” ไอ้นินยกมือคนแรก เรื่องแบบนี้มันเก่งนัก

“ไปอะไปได้ แต่กูบอกเลยนะว่า พวกมึงเชิญไปแดกกันที่ครัวนะ อย่าเสียงดังในบ้านให้เพ่ยนอน” ผมคาดโทษไว้แต่แรกเลย
“กูไปด้วยเดะ มีแบล็กอยู่หลังรถครึ่งขวด เฮ้ย พรุ่งนี้วันเสาร์ ถ้ากูแดกเหล้าเมาแล้วนอนค้างบ้านมึงได้ไหม”

“แล้วแต่มึงไอ้สัส” ผมส่ายหัว คือเหมือนกูห้ามบอกให้พวกมึงไม่แดกเหล้า แล้วกลับบ้านไปซะไป แล้วพวกมึงจะฟังอะ

“งั้นไปเลยแล้วกัน ปอมมึงมารถกูไหม” โฟล์คหันไปถามพ่อลูกหนึ่ง ที่ตอนนี้สาวน้อยคอพับคออ่อนไปแล้ว ไอ้ปอมทิ้งรถไว้บ้านผมหลายวันแล้ว ผม (กับไอ้นิน ให้เครดิตมันนิดหนึ่ง) เป็นเบบี้ซิสเตอร์กันมาหลายวันเช่นกัน คอยรับส่ง สรรหาอาหารให้กับพ่อลูกกิน สงสารมันอะครับ แล้วพวกผมก็สไตล์คนว่างงานบ้าง ไม่ว่างบ้าง ช่วงนี้งานก็ไม่เดือดอะไร เกาะแฟนกินไปวันๆ 

-----


ไฟบ้านเราสว่างโร่เลยครับ คือไอ้กาย เปิดทุกดวงที่มีให้เปิดได้ ตั้งแต่หน้าบ้านยันไฟหิ้งพระ โห เปิดจนไอ้โฟล์คจะเบิ๊ดกะโหลกแตก สรุปไม่มีใครกลับบ้านครับ ก่อนหน้านี้หลายวัน ทุกคนก็ไม่ได้สามารถมาร่วมงานศพกันได้ทุกวันเหมือนผม แยม และไอ้นิน ที่สไตล์ฟรีแลนซ์มีเวลาอะนะ วันนี้เป็นวันศุกร์ ทุกคนจึงเต็มใจมา และเต็มใจยิ่งขึ้นไปอีก เมื่อรู้ว่าจะได้เจอกันพร้อมหน้า แม้จะเป็นในช่วงเวลาที่เศร้าโศกก็ตามทีเถอะ

เอาจริงๆ บ้านผมก็เป็นแหล่งรวมคนเสมอนะครับ อาจจะเพราะว่ามันเป็นศูนย์กลางของหลายๆ คนที่อยู่ละแวกเดียวกัน และมันพร้อมที่สุดในการสังสรรค์ อย่างบ้านแยมที่อยู่ริมน้ำบรรยากาศดี ก็ติดที่ว่าอยู่กับแม่ บ้านเตก็อยู่หลายคน ของนินกับภัทรก็เป็นคอนโดที่พื้นที่ไม่ใหญ่โตนัก ส่วนคนอื่นก็กระจัดกระจาย

หรือไม่ก็เพราะจริงๆ ผมกับนิน และแยม ก็สนิทกันจริงๆ นั่นแหละตั้งแต่จบมา มีเรื่องให้แชร์กันได้ไม่รู้จบ และผมกับโฟล์ค แม้เราจะรักพื้นที่ส่วนตัว แต่พื้นที่ส่วนตัวนั้นคือพื้นที่ที่รวมเพื่อนเข้าไปด้วยเรียบร้อย ทำให้เราไม่เคยรังเกียจรังงอนอะไรเลยครับ หากใครอยากจะมาบ้านเรา มานั่งบ่น นั่งคุย นั่งปรับทุกข์ จะมาเมาเรื้อนอะไรก็ตามแต่ เรายินดีต้อนรับหมด

“น้ำแข็งๆ” นี่คือตัวอย่างครับ คนที่พร้อมจะทิ้งตัวตลอดเว ไอ้กาย ผู้ชายที่มี*มอยกับรอยยิ้มให้ทุกคนเสมอ มันมาถึงไม่พูดพร่ำ เดินหยิบแก้ว โซดา น้ำเปล่า มาตั้งเรียง นี่ขนาดไม่ได้มาบ้านกูบ่อยยังจำได้ว่าอะไรอยู่ไหน จากนั้นมันร้องหาน้ำแข็งต่อทันที

“ตู้เย็นอีกตู้อะ ตรงประตูหลังบ้าน” ที่บ้านกูต้องมีตู้เย็นสองหลังเพราะอะไรรู้ไหมครับ เพราะว่าพวกมึงที่ไม่ค่อยใช้ชีวิตที่บ้านตัวเองกันไง

“เดี๋ยวนี้ไม่ค่อยได้กินเหล้าเลยว่ะ” เตบ่นขึ้น หลังจากโฟล์คยืนชงเหล้าส่งให้ และปอมลงมาสบทบพอดีหลังจับลูกสาวเข้านอนเรียบร้อย

“เออ แดกเหล้าเยอะมีลูกยาก มันแบบ ทำลายเชื้อ” กายเสริม แหม ผู้รู้มากมั้งไอ้สัส

“แต่ใช้กับไอ้ปอมไม่ได้นะ ปาร์ตี้ยับ ได้มาหนึ่งหัวดำ” ภัทรแซว ทำเอาคนโดนแซวหัวเราะออกมาจนได้ ไม่ค่อยเห็นมันยิ้มเลยครับหลายวันมานี้ เอาจริงผมว่ามันไม่มีเวลากระทั่งจะใส่ใจตัวเองเลย มันต้องจัดการเอกสารมากมาย จัดการงานศพ จัดการเรื่องลูก จัดการต่างๆ นาๆ ที่กลืนกินชีวิตส่วนตัวไปสิ้น “มึงแดกเหล้าปะ”

“เออสักแก้วก็ดี เพ่ยคงไม่ตื่นแล้วละมั้ง” ปอมพยักหน้า

“อะ ของไอ ได้ข่าวกินเหล้าเก่งขึ้น” โฟล์คหันไปเย้าคนตัวเล็กที่สุดของวงที่นั่งเท้าคางฟังบทสนทนาบ้าง ไอยู่หน้า

“โห โฟล์ค เดือนก่อนไปปักกิ่งกับบ้านพี่สิงห์ ไอยังอ้วกโชว์ป๊าพี่สิงห์อยู่เลย”

“ฮ่าๆๆ เออ พี่สิงห์ส่งมาเป็นคลิปเลยไอ” โฟล์คเฉลย ทำเอาคนน่ารักหน้าเหวอ แล้วกำหมัดหน้าดำหน้าแดง

“พี่สิงห์นะพี่สิงห์ เดี๋ยวกลับไปไอต้องคิดบัญชีหน่อยแล้ว หลายเรื่องละนะ”

“แยม อย่าทำทาโร่ไหม้นะ เป๊ก มึงดูเมียมึงด้วย แยมแม่งเป็นโรคไม่ถูกกับเครื่องใช้ไฟฟ้าเท่าไหร่” ไอ้กายเอาอีกละ ปากดีเสมอเมื่อเจอกัน มันระรานคนไปทั่วอะครับ ไม่ว่าผัวเขาหรือเมียเขาจะอยู่หรือไม่ มันก็ทั่วถึงจริงๆ ล่าสุดพอเสียงจ้อกแจ้กเบาลง มันก็หันไปแซวแยมที่กำลังเอาทาโร่เข้าเตาอบ

“มึงนี่ก็พูดเก่งงง” ผมส่ายหัว ยกเหล้ากระดกเข้าปาก

“โหย กูมีความสุขนี่หว่า ได้เจอกันพร้อมหน้าแบบนี้ จริงๆ ถ้าน้องพริมกับพี่สิงห์มาด้วยก็ดีนะ สายรั่วเลยน้องพริมอะ” กายยิ้มแป้น อืม นั่นแหละ กลับมารวมกันทีไร ผมก็รู้สึกสุขใจแบบไอ้กายนั่นแหละ

“น้องพริมสายรั่ว แล้วพี่สิงห์อะมึง” เตที่ยืนโยนเฟรนฟรายส์ที่แวะซื้อก่อนเข้ามาเข้าปาก ถามแหย่ไอ้คนพูดมาก ไอ้กายชะงักก่อนยกมือโบก

“โอ้ย คนนั้น กูขอละไว้ในฐานที่ไม่พูด เอ๊ย ฐานที่เข้าใจจ้า”

จบประโยค ทุกคนก็ฮาครืน โดยเฉพาะไอ ก็นั่นแหละ พี่สิงห์หวงไออย่างกับอะไรดี ตอนแรกๆ ที่สองคนนี้เขาเกี้ยวๆ จีบๆ กันแต่ไม่เปิดตัว ไอ้กายก็ตามประสากายรักทุกคนอย่างทั่วถึง มันก็ชอบไปคอมเมนต์แซวเชิงจีบไอในเฟซบุ๊ก พอวันที่ไอพาตัวจริงมาเจอเท่านั้นแหละ พี่สิงห์ถามเลยใครชื่อกาย ประเด็นคือ พี่สิงห์แม่งเสือกหน้าตาน่ากลัวจริงด้วยไง ไอ้สาส คือหล่อนะ แต่ก็สไตล์ผู้ชายแมนๆ คุยกัน รับจบ อะไรแบบนี้เลยอะ

หลังจากนั้น ไอ้กายก็ละไว้ในฐานที่เข้าใจทันที 

นี่แหละครับ วัยสามสิบสามปีของพวกเรา พวกเราที่ยังเป็นพวกเรา

พวกเราที่สิบเอ็ดปีที่ผ่านมา เราผ่านอะไรมามากมาย

แน่นอนว่า มีหลายเรื่องที่พวกคุณยังไม่รู้

และแน่นอน คุณอยากรู้อย่างสุดหัวใจ

คิดถึงพวกผมไหมครับ

ผมคิดถึงพวกคุณเหลือเกิน



TBC.

เซอร์ไพรส์ค่า อย่างที่เคยบอก ลี่เขียนเรื่องสั้นของสองคู่จากรักชาชาไว้แล้ว แต่คิดว่า เขียนถึงทุกคนเลยดีกว่า ตะกี้เกิดอารมณ์พล่าน เลยมานั่งเคาะๆ เขียนๆ อินโทรทีี่จะนำไปสู่เรื่องราวของพวกเขา ให้ได้อ่านกัน แล้วลี่จะทยอยลงเรื่องราวของน้ำชา โฟล์ค และผองเพื่อน ให้อ่านคู่กับเรื่องสั้นไปด้วย ดีไหมคะ? ช่วงแรกๆ อาจจะลงอาทิตย์ละสองตอน หลังจากนั้นเหลืออาทิตย์ละตอน ตามกำลัง

มานั่งเขียนถึงแก๊งค์น้ำชา เพราะคิดถึงจริงๆ แหละ กลับมาเขียนแค่อินโทร ก็ไหลลื่นราวกับติดสเก็ต ราวกับว่าพวกเขายังอยู่รอบตัวไคลี่ แบบมีชีวิตจริงๆ เสมอเลย

ลี่จะเริ่มลงจากนินภัทร/ เป๊กแยม/ พี่สิงห์น้องไอ/ พี่โฟล์คหลิว แล้วก็อีกคู่ ซึ่งจะยังเป็นความลับ ให้รอดูว่าจะเป็นคู่ใครกับใคร  ซึ่งเกือบทุกคู่ จะเป็นเรื่องราวย้อนโทรวแบล็ก กลับไปสมัยที่เรียนกันค่ะ (คือได้กันตั้งแต่เรียนนั่นเอง)

ถ้าคิดถึงกัน คอมเมนต์ให้อ่านกันหน่อยน้า

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 02-05-2019 12:28:06 โดย kyliewonderland »

ออฟไลน์ puiiz

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3378
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +135/-4

ออฟไลน์ mjpnta

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 86
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-0
คิดถึงมากกกกกกเลยค่ะ

ออฟไลน์ TheSpaceOfM

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 84
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0
คุณไคลี่คะ ขอบคุณมากจริงๆค่ะที่กลับมาเขียนเส้นเรื่องรักชาชาอีกครั้ง เรารักทุกอย่างในเรื่องรักชาชาเลย ทั้งตัวละคร mood and tone และไม่ใช่แค่ตัวละครหลักอย่างน้ำชากับโฟล์คที่เรารู้สึกผูกพัน แต่ผูกพันไปถึงกลุ่มเพื่อนและอยากที่จะรู้ความเป็นไปของทุกคนเสมอเลยค่ะ มันเป็นปกติที่นิยายทุกเรื่องมีตอนจบ แต่กับรักชาชาเราไม่อยากให้จบเลยค่ะ อยากที่จะอ่านตอนสั้น ตอนยาว ตอนพิเศษ ตอนอะไรก็ได้ของทุกคนไปเรื่อยๆเลยค่ะ รู้สึกว่าการรออ่านผลงานของคุณไคลี่ตลอดหลายปีที่ผ่านมามันคุ้มค่ามาก ขอบคุณจริงๆค่ะ  รักชาชารีเทิร์นเป็นอะไรที่เรารอคอยมากๆค่ะ คิดถึงน้ำชา คิดถึงโฟล์ค คิดถึงนิน ภัทร เป๊ก แยม คิดถึงทุกตัวละครเลย รอติดตามผลงานของคุณไคลี่เสมอนะคะ เป็นกำลังใจให้ค่ะ ขอบคุณที่สร้างสรรค์ผลงานดีๆอีกครั้งนะคะ
ป.ล.ถ้ามีรักชาลา original re-print แจ้งได้เลยนะคะ เราอยากจะสะสมเล่มไว้เพิ่มอีกเล่มค่ะ

ออฟไลน์ miikii

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1719
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-1

ออฟไลน์ ♥ believeinme

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 88
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-0
เห็นชื่อนักเขียนแล้วรีบเข้ามาอ่านเลยค่ะ

ออฟไลน์ ffern

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 40
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
้เเวะมาเจิมมมมมคิดถึงเรื่องนี้เหมือนกันนนนนนน

ออฟไลน์ Jibbubu

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3385
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +77/-6
ดีใจค่ะ จะได้อ่านน้ำชากับเพื่อน ๆ ต่อแล้ว

ออฟไลน์ Sillyfoolstupid

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 488
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +59/-0
อีกคู่นี่ กายกับ...ใครน้อ

คิดถึงทุกคนในเรื่องนี้จริงๆค่ะ

อยากให้มีภาคสอง ภาคแยกของแต่ละคู่ก็อยากให้ยาวๆ

รอติดตามค่ะ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ kyliewonderland

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 224
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +565/-4
รักของเมื่อวานนี้ | เป๊กแยม

1. ปรัชญาความรัก



ผมไม่ใช่เมียไอ้โฟล์ค

แม้ว่าหลายๆ คนจะมองว่าอย่างนั้นก็เถอะ แต่ผมไม่ใช่ ผมเป็นเพื่อนสนิทต่างหาก จะว่าอย่างงั้นก็ไม่ถูก ผมคือสากกะเบือยันเรือรบของมันน่าจะใช่กว่า

กลุ่มเพื่อนสนิทเรามีด้วยกันหกคน ถามว่าผมสนิทกับใครที่สุด ก็พูดยากอยู่นะ แน่นอนว่าภัทรกับนินสนิทกันที่สุดแบบไม่ต้องสงสัย มันเป็นคนขาดๆ เกินๆ โตมาแบบมีปมในใจเรื่องครอบครัวด้วยกันทั้งคู่ มันเลยเข้าใจกันแบบไม่ต้องพูดอะไรมาก แม้มันจะชอบคุยกันสองคนเหมือนจะร่ำๆ มีเรื่องกันตลอดก็เหอะ แต่เชื่อเหอะภัทรยอมนินเสมอ ดังนั้นในกลุ่มจึงเหลืออีกสี่คนที่ผมก็จิ้มบอกไม่ได้หรอกว่าใครสนิทกับใครที่สุด จะเป็นเตผู้ทั่วถึง ไอสุดเฟรนลี่ ไอ้โฟล์คมนุษย์เจิดจ้า ผมก็ไปด้วยได้ทั้งหมด แต่ถ้าถามอีกครั้งว่าใคร ผมก็คงต้องเค้นคำตอบออกมาให้ว่า คงเป็นโฟล์คละมั้ง  ผมไม่ค่อยพูด ส่วนมันเป็นมนุษย์ผู้นำ เคมีเราเลยตรงกัน แล้วผมก็ชอบตามใจด้วย อะไรก็ได้ ทำให้มันมักจะชอบชวนผมไปไหนมาไหนด้วยเสมอๆ

“เฮ้ย น้ำชา” ในคาบเรียนรวมภาคฟิล์มของปีสามและปีสี่ ที่เปิดต้อนรับเด็กนอกคณะด้วยอาจารย์เปิดหนังให้เราได้ดูแล้วค่อยพูดคุยกันหลังจบ ไอ้โฟล์คก็ทำตัวมารผจญอีกครั้ง ด้วยการขยำกระดาษแล้วปาใส่หัวผมดังปั่ก

ผมที่นั่งอยู่ข้างไอ้นินที่ไปเฝ้าพระอินทร์ตั้งแต่ต้นคาบ หันไปมองหน้ามันฉับ แต่คนอย่างไอ้เมืองไทยไม่รู้ร้อนรู้หนาวหรอก มันขยับปากขมุบขมิบท่ามกลางแสงสลัวจากสองสามแถวถัดไปด้านหลัง ที่มันไม่ได้นั่งกับพวกผมเพราะว่า มันแอบดอดไปกินข้าวกับน้ำชาที่คณะสถาปัตย์ฯมา หลังสอบคาบเมื่อเช้า คาบบ่ายที่มีเรียนเลยเข้าสาย  ต้องไปนั่งคนเดียวอยู่ด้านหลังโน่น

“อะไร” ผมขมุบขมิบปากถามมันกลับไป เดี๋ยวก็ได้โดนด่ายกแถวหรอก

โฟล์คยีหัวด้วยความหงุดหงิดใจ มันชูโทรศัพท์มือถือขึ้นแล้วเคาะหน้าจอป๊อกๆ

ผมส่ายหัว ยอมลดแสงหน้าจอจนมืดที่สุด แล้วจึงเปิดโปรแกรมไลน์ขึ้นมา

FOLK : มึงทำไมไม่จองที่ให้กูววววว

Yam : แล้วทำไมต้องจอง มึงเลิกวุ่นวายได้แล้ว ตั้งใจดู เดี๋ยวครูต๋องแม่งก็เซอร์ไพรส์ด้วยควิซท้ายคาบหรอก

FOLK : เย็นนี้ขออนุญาต เทนะครับ นัดกับน้ำชาไว้แล้ว

Yam : เชิญ กูมีเรียนชดเชยวิชาปรัชญาฟิล์มไง ลืมไปแล้วเหรอ

FOLK : โอ้ ลืม

Yam : โอ้ทำเหี้ยไรมึงอะ


ผมส่ายหัวอีกรอบ ปิดหน้าจอโทรศัพท์ลงฉับ ก่อนตั้งสมาธิจดจ่อไปยังหน้าจอโปรเจ็กเตอร์หน้าห้องอีกครั้ง นินที่นอนฟุบอยู่ข้างๆ เริ่มครางอือเหมือนจะตื่น แต่สักพักมันก็เงียบไป ก็คือหลับต่ออย่างไม่สะทกสะท้านใดๆ งงเหมือนกันว่าทั้งกลุ่มเหมือนจะมีผมคนเดียวหรือไม่ ที่ตั้งใจเรียนแล้วคอยเอาเล็คเชอร์ให้พวกมันจดต่ออะ

ผมไม่ได้เรียนฟิล์มเหมือนคนอื่น เช่นเดียวกับไอที่เรียนภาควิชาการโฆษณา ผมเรียนภาควารสารสนเทศ เรียนสื่อสิ่งพิมพ์ตามความชอบที่สั่งสมมาเรื่อยตั้งแต่เด็ก ผมชอบอ่านหนังสือด้วยเพราะแม่เป็นนักเขียน แต่เวลาเดียวกันนั้น ผมก็เลือกวิชาโทเป็นสิ่งที่ชอบรองลงมาอย่างภาควิชาภาพยนตร์ จริงๆ ตอนแรกไม่ได้ชอบดูหนังอะไรมากหรอกครับ แต่ตั้งแต่ปีหนึ่งที่คลุกคลีกับไอ้พวกนี้ที่ตั้งใจว่าจะเป็นคนเบื้องหลังกองถ่ายมาแต่ไหนแต่ไร เลยได้มีโอกาสออกกองบ่อย จนมันกลายเป็นหนึ่งในชีวิตประจำวันที่ต้องทำเมื่อเพื่อนต้องทำหนังสั้น หรือหนังประกวดใดๆ แล้วก็เลยรู้ตัวว่า ผมน่าจะไม่ได้สนใจว่าภาพยนตร์มันมีเทคนิกอะไรบ้างในการจัดสร้างขึ้นมา เหมือนที่ไอ้เต ไอ้ภัทรชอบถ่าย หรือไอ้นินชอบตัดต่อ แต่ผมชอบในเรื่องของบทมากกว่า หลายครั้งผมได้ช่วยเพื่อน โดยเฉพาะไอ้โฟล์คที่เป็นมนุษย์เหนือคำบรรยายในทุกด้านทำบท หรือดูตัดต่อกับมันแล้วช่วยออกไอเดีย ซึ่งทุกครั้งที่ได้มีส่วนร่วมในบท ผมก็มักจะอยากเห็นมันมีชีวิตจากเลนส์กล้องและฝีมือของทุกคนที่มีส่วนร่วมเสมอ

พูดถึงความเหนือบรรยายของไอ้โฟล์ค นอกจากมุมมองการกำกับหนังที่ต้องยอมรับว่า มันมีของแล้วน่าจะไปได้อีกไกลแล้ว
ความบ้าของมันคือการไปขอคนที่ไม่เคยรู้จักหรือพูดคุยมาก่อนเป็นแฟนเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ตอนที่มันพากิ๊กไปกินเหล้ากับเพื่อนในคณะ ได้ข่าวว่าคืนนั้นมันหายตัวไป แล้วมันก็ไม่กลับมาอีกเลย เด็กกิ๊กมันหัวฟัดหัวเหวี่ยงเชียวล่ะ

วันรุ่งขึ้นมันยิ้มแฉ่งมาเล่าให้ผมฟังที่โรงอาหารนิเทศฯว่า มันขอ ‘น้ำชา’ เป็นแฟนเรียบร้อยแล้ว และน้ำชาก็ตอบตกลง  น้ำชาเพื่อนกาย กายที่เป็นเพื่อนมัธยมของมัน ผมนั่งฟังมันไประคนช็อกไปในใจ ก่อนหน้านี้ หลายครั้งที่ไปเตะบอลกันแล้วน้ำชาคนนั้นมานั่งรอเพื่อนด้วย แม้จะคนละฟากสนาม แต่ไอ้โฟล์คมันก็ชอบพูดถึงว่าน่ารักอย่างโน้น น่ารักอย่างนี้ อยากรู้จัก แล้วก็ชอบไปส่องเฟซเขา

ผมไม่รู้ว่ารอบนี้ ไอ้มนุษย์เหนือโลกมันจะมาไม้ไหน มันจะสรรหาเรื่องปวดหัวเกี่ยวกับความรักอะไรมาให้ต้องตามแก้อีก แต่ครั้งนี้ผมฟังด้วยความรู้สึกที่แปลกใจจริงๆ ที่ว่าอึ้งไป ไม่ใช่อะไรหรอก ผมมีความรู้สึกบางอย่างในใจ ว่าครั้งนี้ไม่เหมือนเดิม
หลังจากที่ได้เจอน้ำชาหลายครั้ง หลายคราพอควร ผมเลยได้รู้ว่า น้ำชาไม่เหมือนใคร และน้ำชาจะเปลี่ยนอะไรบางอย่างในตัวเพื่อนของผมคนนี้ไปตลอดกาล



หลายคนบอกว่าโฟล์คชอบผม

ให้ม้าออกลูกเป็นแมวยังเชื่อได้มากกว่า ได้ยินแบบนี้มาตั้งแต่ปีหนึ่งแล้ว เอียนหูไปหมด มีแต่คนพยายามตั้งทฤษฎีสมคบคิดบ้าบอคอแตกอะไรก็ไม่รู้ ซึ่งถ้าโฟล์คชอบผม ตลอดเวลาสามปีเต็มที่เป็นเพื่อนกันมา มันคงไม่คบคนโน้น ควงคนนี้ เสี่ยงเป็นเอดส์มาตลอดหรอก

และหลายคนบอกว่าผมชอบโฟล์ค

ไม่ใช่อีก ผมชอบไปนอนค้างห้องโฟล์ค เดินอวดโฉมไปไหนมาไหนกับมัน นั่งป้นจิ้มปั้นเจ๋อบนรถมัน อันนั้นน่ะใช่ ก็ไอ้เมืองไทยมันคนขี้เหงาใช่ย่อยที่ไหน คนเอ็กซ์โทรเวิร์ดแบบมันต้องการคนห้อมล้อมตลอดนั่นแหละ ดังนั้นจะบอกว่าผมชอบมัน มันไม่ใช่ ย้ำอีกที ไม่ใช่ แต่ผมไม่ใช่คนขี้เถียง เพราะงั้น ใครจะพูด หรือแม้กระทั่งไอ้เตมาปากเปราะพูดประเด็นนี้ ผมก็ทำแค่ตวัดสายตามองมันแรงๆ จนมันเลิกพูดบ้าบอไปเอง

การที่หลายคนจะคิดเช่นนั้น มันไม่แปลกเลย ผมเคยคิดเหมือนกันว่าทำไมผมต้องมานั่งรู้เรื่องของไอ้โฟล์คมากขนาดนี้ เพราะเราสนิทกัน หรือเพราะไอ้โฟล์คมันบ้าชอบเล่า ผมรู้กระทั่งมันตื่นนอนหรือยัง หรือวันนี้มันต้องทำอะไร อาจจะเพราะพวกเราคือคนที่อยู่ด้วยกันแทบจะตลอดเวลาในฐานะเพื่อนจริงๆ แล้วผมเองก็ไม่ได้รำคาญหรือติดใจอะไร ผมเคยคิดด้วยว่า เมื่อไหร่กันที่คนจะเลิกคิดว่าเราเป็นแฟนกันสักที ต้องรอให้ผมกับมันไม่ตัวติดกันและไปมีชีวิตของใครของมันมากกว่านี้ใช่หรือไม่ ต้องรอให้ไอ้โฟล์คมันหยุดที่ใครสักคนจริงๆ หรือต้องรอให้ผมมีความรักก่อน


 
ความรักสำหรับผมคืออะไร ก็ไม่รู้เหมือนกัน


มันคืออะไรสักอย่างที่ผุดขึ้นมาในใจแบบหาความหมายไม่ได้หรือ? หรือมันคือความรู้สึกที่ทำให้มีชีวิตชีวาตลอดทั้งวัน มันคือความน่าตื่นตาตื่นใจที่จะได้ทำความรู้จักใช่ไหม? หรือมันเป็นความอบอุ่นราวกับแสงแดดยามสาย เมื่อคุณทอดตัวลงนอนบนสนามหญ้ากว้างหน้าหอไอเฟล

ผมเอ่ยขอบคุณภัทรที่วนรถมาส่งหน้าคณะอักษรศาสตร์ หลังจากเราจบคลาสวิจารณ์ภาพยนตร์กันเรียบร้อยแล้ว โดยที่ไม่มีควิซแต่มีการบ้านสองหน้าเอสี่ ไอ้โฟล์คคือคนแรกที่แจ้นตูดไปเอารถทันที เหลือผม เต ภัทร และนิน ในตอนบ่ายสี่โมงนิดๆ พวกเราจึงปลงใจจะไปหาข้าวสักจานกินกันที่โรงอาหาร ก่อนแยกย้ายกันไปทำโน่นนี่ เพราะเมื่อคืนเราก็ไปออกกองกันมาเสียดึกแล้ว เตนัดสาวบัญชีไว้ไปดูหนังใหม่ด้วยกัน ส่วนภัทรกับนินช่วงนี้มันติดเกมเพลย์กันอยู่ ไอ้นินที่ทะเลาะกับแม่โครมครามเป็นประจำก็ย้ายสำมะโนครัวมาคอนโดไอ้ภัทรชั่วคราว มันเลยว่าจะกลับไปเล่นเกมกัน

ผมมีเรียนชดเชยอย่างที่บอกไป แม้จะชื่อวิชาว่าปรัชญาในภาพยนตร์ แต่มันเป็นวิชาของคณะอักษรศาสตร์ และสอนโดยอาจารย์ภาควิชาปรัชญา ผมลงวิชานี้เป็นวิชาเลือกด้านมนุษยวิทยา ซึ่งมหาวิทยาลัยบังคับเรียนคนละหนึ่งตัวนอกเหนือจากวิชาบังคับ คนอื่นเลือกรวมกลุ่มกันไปเรียนวิชาง่ายๆ ท่องจำอย่างประวัติศาสตร์ญี่ปุ่นสมัยใหม่ แต่ผมที่ไม่มายด์กับการเรียนคนเดียว จึงเลือกวิชาที่สนใจและอยากเรียนจริงๆ และในคลาสเรียนก็มีนักศึกษาไม่ถึงยี่สิบคนด้วยซ้ำ

ผมมาถึงก่อนเวลาสักสิบห้านาทีได้ ขณะยืนรอลิฟต์เพื่อขึ้นไปชั้นห้า นักศึกษาเพิ่งทยอยลงจากตึกพร้อมเสียงพูดคุยกันขวั่กไขว่ รอลิฟต์พักใหญ่เนื่องจากมันเป็นลิฟต์ของตึกที่เก่าคร่ำครึตามสไตล์คณะอักษรศาสตร์ ผมจึงได้ขึ้นไปชั้นห้าตามใจหวังสักที
ห้องห้าศูนย์ศูนย์ห้า เป็นห้องเรียนประจำของวิชาปรัชญาในภาพยนตร์ จากคาบเรียนที่แล้ว อาจารย์ให้เราดูภาพยนตร์เรื่องนครดารามาล่วงหน้า เพื่อมาเรียนควบคู่กับทฤษฎีใหม่ในคาบนี้ สัปดาห์นี้เราจะเรียนปรัชญาความรักของเพลโต

นินเคยเปรยถามผมว่า ผมเลือกเรียนปรัชญาเพื่ออะไร ไม่ง่วง ไม่ปวดหัวเหรอ เราเคยโดนบังคับเรียนวิชาปรัชญาพื้นฐานกันตอนปีสอง ซึ่งเป็นวิชาที่คนอื่นโอดครวญแต่ผมกลับชอบและแฮปปี้ที่จะได้เรียนในทุกคาบ และไม่เคยบ่นเลยด้วยซ้ำ ในขณะที่ไอ้โฟล์คเอาแต่นอน หรือไม่ก็โดดเรียนไปเดตสาว เดตหนุ่มของมันตลอด

บางครั้งเราหาสาเหตุไม่ไม่ได้หรอกครับว่าเราเลือกเรียนไปเพื่ออะไร แต่ตราบใดที่เรามีความสุขกับมัน เราก็ยังอยากที่จะเลือกมัน
ผมมาถึงคลาสเรียนก่อนเวลาตั้งเกือบครึ่งชั่วโมง ระหว่างนั้นไม่มีอะไรทำ เลยเปิดแล็ปท็อปที่พกมาเพื่อพิมพ์ควิซมิดเทอมส่งอาจารย์ อีกสัปดาห์เดียวก็จะปีใหม่แล้ว เราจะสอบมิดเทอมวิชาเกือบทั้งหมดจบช่วงนั้นพอดี และมีรายงานสองสามตัวที่ต้องส่งในรายวิชาที่ไม่มีการสอบ

เสียงพิมพ์ต๊อกแต๊กดังขึ้น เดี๋ยวอาจารย์เข้าห้องมา ผมก็จะใจจดจ่อกับสิ่งที่เรียนเหมือนเดิม กระนั้นเสียงเลื่อนเก้าอี้ครืดคราดข้างตัวออกไปสองสามที่นั่ง ก็ดึงสมาธิผมออกไป ผมเหลือบสายตาไปมองคนข้างตัว ก่อนชะงักเมื่อเห็นว่าเป็นคนคุ้นหน้า คลับคล้ายคลับคลาว่าน่าจะชื่อเป๊ก อีกฝ่ายก็มองกลับมาพอดีด้วยสายตาที่ไม่ได้มองเพียงแค่ทักทาย แต่เหมือนจะมีอะไรที่อยากจะพูดเหมือนกัน

ผมมองเป๊กวางหมวกกันน็อกไว้โต๊ะข้างตัว พร้อมกับเลื่อนเป้ไว้ที่ใต้เก้าอี้ ใบหน้าหล่อเหลา ที่ดูเผินๆ เหมือนเฉยชาพยักเพยิดหน้าให้ผม ผมเลยพยักหน้าตอบไป เหมือนเราทั้งคู่จะไม่ใช่คนพูดเยอะกันทั้งคู่ ผ่านไปเกือบสิบวินาที ต่างคนแม้จะเหมือนมีเรื่องจะพูด แต่เราก็ยังไม่ยอมเอ่ยปากกันอยู่ดี

“เรียนวิชานี้ด้วยเหรอ” เป็นผมที่ถามออกไป และเป๊กก็พยักหน้ากลับมา

“อืม” ผมสาบานได้เลยว่า แม้เป๊กยืนยันตอบแบบนั้น แต่ผ่านการเรียนการสอนมาแล้วครึ่งเทอม นี่เป็นครั้งแรกเลยที่ผมเห็นเขาในห้องเรียน

“ไม่เคยเห็น”

“ปกติเข้าสาย นั่งหลังห้องมุมโน้น” นิ้วโป้งซ้ายชี้กลับไปยังมุมอับด้านในของห้องหลังสุด “ไม่แปลกที่จะไม่เห็น”

“อ๋อ”

“แต่ก็ไม่ค่อยได้เข้าเรียนนั่นแหละ โดดบ่อยเลย วิชามันไม่เช็กชื่อนี่”

“อ่า” ไม่รู้จะพูดอะไรดี วิชาไม่เช็กชื่อก็จริง แต่ว่าก็ไม่ได้เป็นวิชาที่ง่าย เพราะปรัชญาอาศัยความเข้าใจและการใช้เวลาอยู่กับมันล้วนๆ อ่านเองใช่จะรู้เรื่อง “ต้องทำโมเดลเหรอ”

“อื้อ ปกติก็แบบนั้น ส่งงานไม่ค่อยจะทัน” หลายวันมานี้โฟล์คก็บ่นว่า ไม่เห็นเข้าใจเลยว่าเด็ก’ถาปัตย์เป็นอะไรกัน ถึงชอบเข้าไปขลุกตัวในคณะ และทุ่มชีวิตให้โมเดลกันสุดเดช แทบจะห้าวันต่อสัปดาห์ จริงอยู่ที่เด็กฟิล์มก็ต้องออกกอง แต่เราก็มีช่วงชิลและช่วงเดือดสลับกันไป แต่เด็ก’ถาปัตย์ใช้ชีวิตเหมือนโดนยมบาลไล่เอาไฟจี้ก้นตลอดเวลา

“อ๋อ”

เราเงียบกันไปอีกหลายวินาที ก่อนที่คนข้างกายผมถัดไปอีกสองเก้าอี้จะเอ่ยปากถามขึ้น

“ดูหนังมาแล้วใช่เปล่า”

“อื้อ ดูแล้ว”

“หนังดีนะ”

“ใช่”

“เอ้อ...ชื่อแยมใช่ไหม เพื่อนโฟล์ค” อีกฝ่ายถามด้วยน้ำเสียงเหมือนจะมั่นใจแต่ก็ไม่มั่นใจ  ผมพยักหน้ายิ้มตอบ

“ใช่”

“เราเป๊กนะ เพื่อนน้ำชา” เป๊กบอกสั้นๆ

“อื้ม” กลุ่มเราไปเตะบอลกับพวกกลุ่มโฟล์คบ่อยๆ หากมีเวลาว่าง มันเป็นบอลที่เพื่อนสมัยมัธยมมารวมตัวเตะกัน ซึ่งโฟล์คเป็นเพื่อนกับกาย ทำให้เราสองกลุ่ม เพื่อนต่างคณะ รู้จักกันโดยผิวเผิน ผมเตะบอลบ้าง แต่ไม่ได้ชอบขนาดต้องดวลแข้งทุกนัด นานๆ ทีมากกว่า ส่วนโฟล์ค เต ภัทร นิน เป็นขาประจำ ผมไม่เคยเจอเป๊กในสนามมาก่อน แต่คุ้นหน้าเพราะเคยมานั่งเฝ้าเพื่อนบ้าง

“รู้ไอ้เรื่องสิบสี่วันของไอ้น้ำชากับโฟล์คปะ” จู่ๆ เป๊กก็ถามขึ้นมาเรื่องที่เราสองคนน่าจะคาใจในช่วงนี้มากที่สุด ผมเหลือบสายตามองใบหน้าที่ดูดีราวกับพระเอกเกาหลี ก่อนพยักหน้าเบาๆ

“อืม แต่ก็...มันก็คือโฟล์คอะ” ผมหัวเราะแหะ

“ใช่ น้ำชามันบ้า”

“โฟล์คก็บ้า” ผมด่าเพื่อน แล้วก็หลุดหัวเราะออกมา เป๊กมองหน้าผม ก่อนหัวเราะออกมาเหมือนกัน เรามองหน้ากันแล้วส่ายหัว กลั้นยิ้ม

“มีเพื่อนเป็นคนสติไม่เต็ม” เป๊กส่ายหัว

“นั่นสิ”

เราเงียบกันไปอีกหนึ่งอึดใจ แม้เวลาอยู่กับเพื่อนผมจะเป็นตัวของตัวเองและพูดจาได้อย่างเปิดเผยเหมือนคนอื่น แต่ผมไม่ใช่พวกชอบชวนใครคุยก่อน บางครั้งก็ไม่รู้จะเริ่มบทสนทนาอย่างไร และไม่แน่ใจเลยว่าบทสนทนานั้นๆ จะเข้าท่าหรือไม่ ผมหันหน้ากลับมาโฟกัสหน้ากระดาษเอสี่ในโปรแกรมไมโครซอฟต์เวิร์ดต่อ งานที่จำเป็นต้องมีสิบหน้าเพื่อส่งตรวจ ตอนนี้มันไปได้แค่ครึ่งหน้าเอสี่ และมันควรจะได้มากกว่านี้หากพูดถึง แต่ผมก็ไม่รู้ว่าควรจะพิมพ์อะไรเพิ่มไป

เหลือบสายตามองคนทางด้านสามนาฬิกา อีกฝ่ายก้มลงกดมือถือไม่พูดไม่จา แม้เสี้ยวหน้าด้านข้างก็ยังดูดีเหลือเกิน ดูดีแบบที่ไม่แปลกว่าทำไมถึงเคยได้ไปเดินแบบงานใหญ่ของวงการแฟชั่น และเด็กคณะผมถึงชอบพูดถึง และร่ำๆ ว่าอยากจะชวนเป๊กมาถ่ายแบบ เล่นละครเวที หรือหนังสั้น แต่ก็ไม่กล้าเพราะมีคนเคยชวนและอีกฝ่ายก็ปฏิเสธ ถ้าเป็นคนหน้าตาดีคนอื่น คงไม่ปฏิเสธโอกาสที่จะได้ยืนหน้ากล้อง แต่สำหรับเป๊ก คนที่เหมือนจะเก็บตัวจากสังคมสาธารณะ ผมไม่แปลกใจและเข้าใจด้วย สำหรับตัวผมเอง ถ้าไม่ใช่งานของเพื่อน ผมก็คงไม่เริ่มเข้ามาทำงานเบื้องหน้าหรอก 

“แยม” เสียงทุ้มเรียกชื่อผม ทำเอาใจที่พยายามโฟกัสกับงานตรงหน้า ปลิวไปแปะกับคนข้างกายอีกแล้ว

“หืม”

“เรายืมชีทคราวก่อนๆ หน่อยได้ปะ เดี๋ยวอาทิตย์หน้าเราเอามาคืน”

“ได้สิ” ผมตอบไป แม้ในใจจะตั้งคำถามว่าจะเข้าใจเหรอ? แต่ก็ไม่ได้ถามไปเพราะคิดว่ามันอาจจะเสียมารยาท “วันนี้ไม่ได้เอามา ไว้เดี๋ยวเอามาให้ได้ไหม”

“ได้” เขาพยักหน้า “เอ้อ วิชานี้ตามที่เข้าใจไม่มีสอบกลางภาคใช่ไหม” เด็ก’ถาปัตย์ถามขึ้น ผมชะงัก ก่อนพยักหน้ารับ แม้ในใจจะคิดไปแล้วว่า มาถามเอาอาทิตย์สุดท้ายก่อนสอบเนี่ยนะ แต่ก็นึกขึ้นได้ว่า เป๊กอาจจะอ่านคอร์สซิลิบัสมาแล้ว แต่ถามเพื่อความมั่นใจอีกครั้ง

แต่ก็งงจริงๆ นั่นแหละ เด็กนิเทศศาสตร์ว่าเหลวไหลแล้ว เด็ก’ถาปัตย์ผมต้องใช้คำว่าเหลวแหลกเลยไหมเนี่ย แต่ช่างเถอะ
“คิดว่าอาทิตย์นี้น่าจะแจกข้อสอบเทคโฮมให้เอากลับไปทำนะ”

“อ่าฮะ”

เราไม่ได้คุยอะไรกันเพิ่มหลังจากเป๊กเดาะลิ้นแล้วหันกลับไปจดจ่อกับมือถืออีกรอบ จากนั้นอาจารย์ก็เข้ามาในห้องพอดี เป็นอาจารย์ผู้ชายวัยกลางคน ประจำภาควิชาปรัชญา คณะอักษรศาสตร์ เขาต่อแล็ปท็อปเข้ากับโปรเจ็กเตอร์ก่อนหรี่ไฟในห้องให้สลัวลง ก่อนที่คลาสเรียนของวันนี้จะเริ่มต้นขึ้น

“ปรัชญาความรัก”

โปสเตอร์ภาพยนตร์เรื่องนครดาราถูกนำขึ้นบนจอโปรเจ็กเตอร์ใหญ่หน้าห้อง  พร้อมกับเสียงบรรยายของอาจารย์ ผมเปิดสมุดจดขึ้นพร้อมกับเตรียมปากกาไว้ในมือ

“ปรัชญาความรักหนึ่งที่ผมจะเริ่มต้นสอนในคลาสวันนี้ มันคือพื้นฐาน เป็นปรัชญาความรักที่อมตะที่สุด ปรัชญาความรักของเพลโต หรือที่เรารู้จักกันในชื่อเพลโตนิกเลิฟ”

เสียงเคาะนิ้วที่โต๊ะข้างตัวทำให้ผมต้องละสายตาจากอาจารย์หน้าห้อง หันไปยังเบื้องขวา เป๊กมองผมผ่านแสงสลัวของจอโปรเจ็กเตอร์ เขาพึมพำเบาๆ “ขอยืมปากกาหน่อย”

ผมพยักหน้า ในใจอดตำหนิไม่ได้ว่านี่มาเรียนหรือมาทำอะไรกันแน่นะเด็ก’ถาปัตย์ ไม่มีความพร้อมใดๆ ในชีวิตเลย แต่ช่างเถอะ เรื่องเล็ก ผมล้วงมือเข้าไปในกระเป๋าผ้าข้างตัว ล้วงกุกกักอยู่สองสามครั้งก่อนดึงปากกาแดงขึ้นมา เหลืออยู่แท่งเดียวแล้วแหละที่สามารถให้ยืมใช้งานได้ในตอนนี้

เป๊กรับไป ก่อนพึมพำขอบคุณไม่ได้ศัพท์ ผมหันไปจดจ่อสไลด์หน้าห้องอีกครั้ง

“คราวก่อนเราเรียนเกี่ยวกับเรื่องทุนนิยมและการตัดสินใจ ว่ามันเกี่ยวข้องกับการนึกคิดและพฤติกรรมของมนุษย์อย่างไร อันนั้นก็เป็นแนวคิดหนึ่งที่สะท้อนให้เห็นถึงกรอบต่างๆ ที่ครอบความเป็นไปของมนุษย์ และความพยายามที่อยากจะหลุดพ้นของตัวมนุษย์เอง”

“ไม่ต่างกันครับ เพลโตนิกเลิฟ ก็เป็นแนวคิดที่มองความรักบนพื้นฐานของความเป็นจริง เพลโตนิกเลิฟเป็นแนวคิดมาจากหนังสือซิมโพเซียมของเพลโต เขาเล่าเรื่องปรัชญาความรักผ่านบทสนทนาของโสกราตีสและไดโอติมา นักปราชญ์หญิงในยุคนั้น”
ผมขยับมือเขียนขยุกขยิกตามที่อาจารย์พูด

“โสกราตีส เรียนรู้ว่าความรักคืออะไรจากไดโอติมา เธอบอกเขาว่า ความรักไม่ได้เป็นเทพเจ้าผู้แข็งแกร่งหรืองดงามแต่อย่างใด ไม่ได้ทรงภูมิ แต่ก็ไม่ได้โง่เง่า และอย่าคิดว่าอะไรที่ไม่งามแล้วจะต้องเลวร้าย เพราะมันมีสิ่งกลางๆ ระหว่างทรงภูมิและความโง่เขลา...” 

จังหวะที่ผมกำลังเร่งมือจด ดันเกิดมืออ่อนปัดปากกาในมือลงพื้นไปอย่างไม่รู้ตัว เสียงปากกาหล่นกระทบลงพื้นด้านขวามือไม่ดังนัก แต่ผมก็รีบก้มตัวลงเพื่อเก็บมันขึ้นมา เป็นจังหวะเดียวกันกับที่คนข้างๆ ก้มตัวลงไปเหมือนกัน มือเราแตะกันราวกับฉากดาษดื่นในหนังรักทั่วไป แต่จังหวะนั้นเหมือนกับว่าผมสูญเสียการควบคุมตัวเองไปอย่างไม่ทันตั้งตัว

“พวกคุณเข้าใจไหมว่าความรักคืออะไร?”



tbc.

เย้ มาเปิดด้วยคู่ที่ทุกคนรอคอยที่สุด เป๊กและแยมนั่นเองงงง
ไคลี่ค่อยๆ เขียนเพราะต้องไปรื้อดูไทม์ไลน์จากเรื่องรักชาชา ไม่ให้เขียนไปแล้วเนื้อเรื่องมันตีกันเอง

ดีใจจัง ผ่านมาสามสี่ปี ได้กลับมาเขียนถึงเด็กนิเทศฯ เด็กสถาปัตย์รูปหล่ออีกแล้ว มีความสุขขขข
นิยาย "รักของเมื่อวานนี้" จะเขียนถึงความรักของ 5 คู่นะคะ เป๊กแยม/ ภัทรนิน/ สิงห์ไอ/ โฟล์คหลิว และปอมกับxxx (ความลับ)
อิอิ

ซึ่งตอนนี้ ลี่ร่างพล็อตเป๊กแยมเสร็จแล้ว คิดว่าเขียนมาลงให้อ่านได้สัปดาห์ละตอนค่า

ตอนนี้ยังไม่แน่ใจอนาคตว่า แต่ละคู่จะใช้เวลากี่ตอนในการดำเนินเรื่อง แต่จะพยายามให้มีรายละเอียดให้มากที่สุด เพื่อให้มันสมกับการรอคอยของทุกคน ดังนั้นลี่ขอไม่รีบกับแต่ละคู่นะคะ ค่อยๆ เขียน ให้อ่านกันเนอะ

ติดแฮชแท็ก #รักเมื่อวานนี้ แล้วไปคุยกันได้ในทวิตเตอร์ค่า

 





« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 17-06-2019 00:24:49 โดย kyliewonderland »

ออฟไลน์ fullfinale

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 666
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +21/-0
โฮฮฮฮ คิดถึงมากๆเลยค่ะคุณไคลี่ ชอบมากๆรักชาๆน้ำชา โฟล์ค อ่านแล้วอบอุ่นผูกพันธ์

อยากกอดคุณไคลี่แน่นๆ คิดถึงงงงงงงงง

ออฟไลน์ Jibbubu

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3385
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +77/-6
คิดถึงทุกคนและที่ไม่คิดถึงไม่ได้ คือ คุณไคลี่ที่รังสรรค์แต่งออกมาให้อ่านค่ะ

ออฟไลน์ rainiefonnie

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 623
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +48/-2
รอติดตามนะคะคิดถึงมากๆเลยค่ะคุณไคลี่ :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:

ออฟไลน์ aha_aha

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 101
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-5
ต้องกลับไปอ่านรักชาๆอีกรอบซะแล้วววววว

ออฟไลน์ TheSpaceOfM

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 84
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0
ความสัมพันธ์ของเป๊กแยมนี่ก็เริ่มต้นใกล้ๆกันกับโฟล์คและน้ำชาเลยสินะคะ แค่ตอนแรกก็เห็นความแตกต่างด้านนิสัย บุคลิกภาพของเป๊กกับแยมชัดเลย รอติดตามความสัมพันธ์ของเป๊กแยมและคู่อื่นๆนะคะ คิดถึงโฟล์ค น้ำชา และผองเพื่อนมากๆ ขอบคุณสำหรับการสร้างสรรค์ผลงานที่ดีต่อไปนะคะคุณไคลี่

ออฟไลน์ miikii

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1719
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-1

ออฟไลน์ finwhale

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 5
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
ดีใจมากตอนเห็นว่ามีรักชาชาภาคสอง คิดถึงน้ำชากับโฟร์คและรักเรื่องนี้มาาาาก เป็นเรื่องที่วนกลับไปอ่านได้เรื่อยๆ ไม่เคยเบื่อเลย
เห็นคู่แยกแต่ละคู่แล้วแทบรออ่านไม่ไหว ขึ้นเป็กแยมมาตอนแรกก็ชอบแล้วอ่ะ เป็นกำลังใจให้นะคะ

ออฟไลน์ wikawee

  • มีชีวิตอยู่เพื่อทำฝันให้เป็นจริง
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1185
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-7
โฟล์คหลิว????  เปลี่ยนคน น้ำชาไปไหน  :katai1: :katai1: พิมพ์ผิด หรือว่า เปลี่ยนคู่จากโฟล์คน้ำชา เป็นโฟล์คหลิว เลิกกันแล้ว??????????????

ออฟไลน์ Sillyfoolstupid

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 488
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +59/-0
อยากรู้เรื่องของไอที่สุดเลยค่ะ รออ่านนะคะ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ AkuaPink

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2033
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +59/-1

ออฟไลน์ warin

  • รถไฟขบวนนั้น ได้แล่นผ่านไปแล้ว
  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1937
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +60/-1
    • -

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด