จดจำไม่รู้ลืม : มิอาจหวนคืน (END)
กับบางสิ่งบางอย่าง...
ต่อให้อยากจะครอบครองอะไรกันนักหนา
ผมก็พร้อมที่จะมีมัน…
ไม่ว่าจะเงินทอง…
ความมั่นคงในชีวิต…
ความเจริญก้าวหน้าในอาชีพการงาน…
ไม่แม้กระทั่งความรัก…
ผมได้มันทุกสิ่ง
ต่อให้จะเป็นคนที่เห็นแก่ตัวจากคนที่รัก…
ฉุกคิดนอกใจภรรยาที่คบมาห้าปี…
เพียงเพราะไปเห็นสิ่งสวยงามที่ล่อตา…
สิ่งเหล่านั้นมันก็แค่ผิวเผิน
มันก็แค่ผิวเผินจริงๆ
จนคุณเอ่ยปากบอกเลิก…
กลับเป็นผมเองที่ไม่ยินยอม
อยากกักเก็บคุณเอาไว้
ไม่อยากให้คุณห่างหายไปไหนเลย…
อยากจะให้อยู่ข้างกายผมไปนานๆ…
แต่คุณย้ำชัดทุกถ้อยคำ
ว่าอยากจะเลิกกับผม…
บอกกับผมว่าให้ไปดูแลผู้หญิงคนนั้นเถอะ…
สาเหตุเพียงเพราะคุณรับรู้เข้าแล้ว…
เข้าใจถึงความชั่วของผู้ชายคนนึงเข้าให้แล้ว
แอบคบกับสตรีคนนึง…
ที่ทำให้เธอต้องตั้งท้อง…
ทุกวันนี้คุณถึงได้เป็นเช่นนี้
ได้แต่นอนอิดออดอยู่บนผืนเตียง
สีหน้าเหมือนตุ๊กตาไขลานที่สิ้นสุดการเคลื่อนไหว…
แววตาของคุณหม่นแสง
ท่าทางนั้นดูหม่นหมอง
ไร้การแต่งแต้มบนใบหน้า
ไม่มีสิ่งประดับประดาของคราบน้ำตา…
ไม่มีความสุข
ไม่มีรอยยิ้ม
ไม่มีเสียงหัวเราะ
ไม่มีคำพูด
ไม่มี…
ไม่มีอีกต่อไป
ไม่มีอีกแล้วจริงๆ…
เรียวขาของคุณมีโซ่ตรวนที่กักเอาไว้
สาเหตุเพียงเพราะผมไม่อยากให้คุณหลีกหนีไปไหน…
ทุกครั้งที่ต้องเสพสมกับคุณ
เรือนกายที่ผมพร่ำเพ้อนักหนา
บ่งบอกให้คุณได้รับทราบ
ว่ามันสวย
ว่ามันเนียน
ว่ามันขาวนวลลออ
ว่ามันเซ็กซี่
พร่ำเพ้อเหมือนผู้ชายที่ลุ่มหลงในเรือนร่างอรชร
แต่สิ่งที่พูดออกไปในการรำพัน
ล้วนไม่บิดเบือนแต่อย่างใด…
คุณสวยจริงๆ นะ
ต่อให้จะทำสีหน้าแบบนี้
คุณก็ดูสวยจริงๆ…
แต่ผมไม่ชอบเลย…
ไม่อยากให้เป็นแบบนี้เลยสักนิด
ทั้งที่การกระทำ
และคำพูดของผมคนนี้
ขัดแย้งสิ้นดี…
เพราะไม่รู้ซึ้งถึงผลลัพธ์ที่ตามมา…
“กลับมาเป็นเหมือนเดิมได้ไหม”
กลับมาเป็นคุณคนเดิม…
ผมพร่ำวิงวอน
กล่าวให้คนบนเตียงได้รับรู้
ทว่าไม่มีการตอบสนองใดๆ ตอบกลับมา…
ทำให้ผมรู้สึกโกรธจัด
แอบคิดว่าคุณกำลังทำท่าทางตายด้าน
ยั่วโมโหให้ผมคนนี้มีนิสัยดิบเถื่อน
ผมจึงปู้ยี้ปู้ยำคุณอีกหน
อัดกระแทกไปที่ร่องหลืบเน้นๆ
“ครางออกมา !”
สั่งอย่างเหนือสิทธิ์
ราวกับมีอิทธิพลที่เหนือชั้น
มีสิทธิ์ครอบครองทุกอณูในกายา
ไม่แม้กระทั่งจิตวิญญาณที่ควรได้รับ
ผมอยากได้แฟนคนเดิมกลับมา
ต่อให้ผมจะเหี้ยบัดซบขนาดไหนก็ตามที…
ต่อให้จะดูชั่วช้า
เลวทรามต่อหน้าผู้คน…
ผมก็ไม่สนใจ
แต่ขอแค่เพียงอย่างเดียว…
อย่าทำตัวแบบนี้…
อย่าทำหน้าเหมือนคนไร้ชีวิตแบบนี้…
ทุกครั้งที่ร่างกายคุณถูกกระแทกกระทั้น
ท่วงท่าหยาบโลนจี้จุดกระสันภายใน
คุณก็ไม่ยอมร่ำร้องเลยสักนิด
ไม่มีเสียงสักแอะ
มีแต่ร่างกายร้อนชื้นที่ผุดเหงื่อ
มือไม้ปล่อยทิ้งปานไร้วิญญาณ
ชักชวนให้หมดอารมณ์
จึงได้แต่พลิกกายคุณเข้ามาขึ้นคร่อม
สอบสะโพกรัวแรงใส่คนเบื้องบน…
คาดหวังให้คุณร่ำไห้…
เพราะถ้าหากเป็นคราก่อน…
คงกรีดร้องครวญครางดังลั่น
ใบหน้าของคุณคงยั่วเย้าในตัณหา
ริมฝีปากสีแดงฉ่ำจะร่ำร้องพรรณนา
แต่บัดนี้เรียบนิ่ง…
ราวกับจิตวิญญาณได้ถูกปลิดปลิว
ลอยละลิ่วไปที่ไหนสักแห่ง…
เสมือนคุณหลุดพ้นจากวงโคจร
ทิ้งไว้แค่เรือนร่างให้ผมครอบครอง
ทุกครั้งที่เสร็จสิ้นกามารมณ์
ผมจะออกไปยืนข้างนอก
จุดบุหรี่ขึ้นสูบ
แค่อึกเดียวก็พลอยสำลัก
หน่วยน้ำตาก็คลอเบ้า
ความเป็นลูกผู้ชายจึงเจือจาง
มีเสียงร้องเจ็บใจขึ้นมาทันที
“ฮึก”
ไม่ชอบเลย…
คุณกำลังทำให้ผมอ่อนแอ
ย้อนไปจะไม่ทำเช่นนี้…
จะไม่มีวันหักหลังคุณเลย
.
.
.
กระทั่งวันนี้เป็นวันเกิดคุณ…
ผมที่ทำอาหารไม่เป็น…
จึงสั่งอาหารในโรงแรมสุดหรู
พวกสเต๊กที่คุณชอบรับประทานนักหนา
ผมตั้งใจมากนะ…
คาดหวังให้คุณรับรู้
ว่าผมก็ไม่ได้หลงลืมวันเกิดของคุณ…
ต่อให้ผมจะต้องไปมาหาสู่กับใครอีกคน
แม้ใจนึงจะชอบเธอ
แต่อีกใจนึงก็รักคุณมากกว่า
มันเป็นความเห็นแก่ตัวของผู้ชายคนนี้
ผมได้แต่สะบัดความคิด
พินิจมองความเรียบร้อยบนโต๊ะสีขาว
มีดที่แล่เนื้อ
เทียนหอมที่ถูกจุด
ไวน์ชั้นเลิศที่เตรียมเอาไว้
เพอร์เฟคเป็นที่พอใจ
ผมจึงประคองคุณเข้ามา
นั่งลงบนเก้าอี้
เราจะได้ใช้เวลาด้วยกัน
เพราะนี่มันก็เกือบเดือนแล้ว…
ที่ผมกักขังคุณเอาไว้
ไร้อิสระเสรี
ไร้การพบเจอต่อหน้าผู้คน
อยู่แต่บ้าน
ทำได้แค่นอน
ดูหนังไปพลาง
ผมให้คุณได้แค่นั้น…
ไม่สามารถติดต่อกับโลกภายนอกได้เลย
เรียกว่าเป็นนรกบนดินสำหรับใครบางคน…
เพราะรู้เป็นที่แน่แท้…
ว่าขืนปล่อยคุณออกไป
คนอย่างคุณต้องห่างหายไป
จากตัวผมตลอดกาล…
ฉะนั้นผมจึงแบกรับความเจ็บปวดนี้ไว้
แม้จะได้แค่กาย…
แต่ก็ขอครอบครอง…
มองคุณที่เริ่มแล่เนื้อเข้าปาก
แต่อิริยาบถเชื่องช้าอืดอาดยิ่งนัก
สีหน้าซีดขาวปานกระดาษ
แสดงการเคลื่อนไหวที่แสนเบื่อหน่าย
ทำตัวเหมือนตุ๊กตาที่ถูกชักใย
ผมจ้องหน้าคุณ…
ใจหายซ้ำแล้วซ้ำเล่า
ไม่เคยคุ้นชินเลยสักนิด…
พอเห็นคุณทานได้
ผมก็ก้มลงไปใช้มีดแล่เนื้อ
เคี้ยวหมุบหมับข้างในโพรงปาก
ใช้ฟันบดขยี้ความนุ่มหยุ่นที่หลอมละลาย
จู่ๆ คุณก็หยุดนิ่ง
ช้อนตามองผม
แหงนหน้าขึ้นดุลพินิจ…
ผมขมวดคิ้วแปลกใจ
กับแววตาที่คุณใช้
คล้ายคุณกำลังไตร่ตรองความคิด
ทบทวนบางสิ่ง…
อยู่ภายในใจ
หัวใจของผมก็พลันถูกกระชาก
ดวงตาเบิกกว้างกับสิ่งที่เห็น
เหมือนโดนฟ้าผ่าแสกเข้าที่กลางกบาล
ขนลุกซู่กับสิ่งที่เจอ
ผมจดจำได้อย่างละเอียดถี่ถ้วน
ท่วงท่าที่คุณทำ
อิริยาบถที่คุณเคลื่อนไหว
สีหน้าของคุณไร้อารมณ์
ไม่มีรอยยิ้มยี่หระใดๆ ทั้งสิ้น
คมมีดที่เคยใช้ในการหั่นสเต๊ก
บัดนี้มีดสแตนเลสจึงฉวัดเฉวียน
ปัดผ่านที่ผิวเนื้อ
เชือดเฉือนที่ลำคอ
วาดผ่านที่เรียวคอระหง
ฝังลึกจนผิวเนื้อฉีดขาด
รอยกรีดกรายจึงเด่นชัด
หยาดโลหิตจึงพุ่งกระฉูด
เสมือนน้ำก๊อกที่รั่วไหล
แต่ไร้เสียงขาดอากาศหายใจจากใครบางคน…
นอกจากสีหน้าที่เบิกตามอง…
ไม่มีเสียงสักอึกเดียว
คุณเหมือนคนไม่แยแส
ไม่มีแม้กระทั่งความเจ็บปวดที่ฉายชัด
พลอยให้ผมขนลุกเกลียว
หน้าถอดสี
หัวใจบีบหดแน่น
ราวกับว่า…
มีมือของคุณเข้ามากอบกุม
จับตรึงมันให้หยุดเต้นเร่า
และปล่อยในบางจังหวะให้หายใจหายคอ
ทว่าผมก็หายใจไม่ออกนัก
เสมือนว่า…
เป็นผมเองที่ถูกคุณเชือด
ที่รัก…
มือของคุณนั้นไร้เรี่ยวแรง
ใบหน้าตกกระแทกกับจานชามดังลั่น
มีเลือดไหลเจิ่งนองเต็มไปหมด…
“ไม่…”
ไม่จริง
“ไม่นะ ไม่ !!”
ไม่เอาแบบนี้
คุณไม่ควรทำแบบนี้…
ผมเหมือนเด็กที่งอแง
เด็กที่อยากจะได้อะไรก็ต้องได้…
คุณกำลังทำให้ผมรู้สึกเช่นนั้น…
ความรู้สึกที่ไม่มีคนที่รัก
สิ่งล้ำค่าหายไปเหมือนถูกแย่งชิง
พระเจ้า…
ไม่เอา
อย่าพาคุณไป
ได้โปรด…
ผมรีบลุกพรวดวิ่งไปหา
จับร่างที่นอนฟุบหน้าอยู่บนโต๊ะ
โอบประคองร่างของคุณลงมาที่พื้น
ช้อนตัวคุณให้นั่งอยู่ที่ตัก
จ้องมองสิ่งที่ดันแปรผัน…
ไร้ลมหายใจที่ดันผ่อนผัน
ไร้การเคลื่อนไหวจากใจจริง
หัวใจของคุณไม่เต้นแล้ว…
ลำตัวก็ซีดขาว…
มีเลือดที่ไหลจากคอไม่หยุดหย่อน
ผมพยายามเอามืออุดมันเอาไว้
มันก็ดันหลามไหลลอดผ่านนิ้วมือ
กายของคุณก็เย็นยะเยือก…
เสื้อผ้าเปรอะเปื้อนคราบเลือดสีแดงก่ำ
เหนียวหนืดเลอะตามตัวคุณ
“อ๊ากกกกกก !!”
ผมกรีดร้องด้วยความเจ็บปวด
นึกโกรธตัวเอง
นึกอยากทำร้ายตัวเอง
สิ่งสำคัญมันหายไปแล้ว
มันฉุดรั้งไม่ได้อีกต่อไปแล้ว…
คุณไม่หลงเหลืออะไรให้ผมเลย…
นอกจากความรู้สึกพรรค์นี้
ความเดียวดาย
ความสิ้นหวัง
ความต้องการ
ความรัก
ผมแค่อยากมีคุณอยู่เคียงข้างแท้ๆ…
อยากจะใช้ชีวิตด้วยกันไปจนแก่เฒ่า
“ตื่น ฮึก ตื่น ! คุณอย่าไป อย่าไปจากผม”
กลับมาหาผมเถอะ
ได้โปรด…
อย่าทำแบบนี้เลยที่รัก
“ได้โปรดอย่าตาย !!”
ผมรักคุณมากนะ
รักคุณมากจริงๆ
“ผมรักคุณ ผมรักคุณ ฮือออ ผมขอโทษ อึก ผมขอโทษ !!”
ได้แต่กอดร่างนี้เอาไว้
กอดรัดแน่นให้แนบชิดกับลำตัวของผม
ประคองใบหน้าของคุณให้ซุกอยู่ที่แผงอก
ขณะที่ใบหน้าของผมนั้นก็แนบอิง…
น้ำตาไหลพรากเหมือนสายธาร
ก้มลงจูบซับที่ข้างขมับของคุณแน่น
คำบอกรักสักครึ่งคำที่ผ่านมา…
ผมก็ไม่ได้ทำ
ความอบอุ่นที่อยากมอบให้…
ก็ดันไม่ได้ใช้
มีแต่ฐิทิที่เห็นแก่ตัว…
คุณกำลังย้ำเตือนให้ผมรับรู้
ว่ามันสายเกินแก้
ตอกย้ำให้คนที่ไร้จิตสำนึก
เริ่มรู้สึกผิดชอบชั่วดี
เสมือนทุกๆ วันที่ผ่านมา…
คุณอยากให้ผมรู้ซึ้งถึงความสิ้นหวัง
สิ่งที่คุณใช้อากัปกิริยา…
นับจากนี้ล้วนเข้าใจแจ่มแจ้ง
ผมถึงหายใจไม่ค่อยออกนี่ไง…
มือไม้พลอยสั่นระริก
เอนตัวไปมาขณะโอบกอดเรือนร่าง
ทำท่าเหมือนแม่ที่คอยกล่อมลูก
ร้องเพลงให้คุณฟัง…
แต่ดันผันแปรเป็นร้องไห้
พร่ำเพ้อเป็นคนบ้า…
คล้ายคนไร้สติ
“อย่าไป อย่าไปจากผม”
กลัวไปหมดเลย
กลัวเหลือเกินที่รัก
เกลียดเหลือเกิน
เกลียดในสิ่งที่ตนเองได้พึงกระทำ
ได้แต่ด่าทอตนเองเอาไว้
ว่าพอใจหรือยัง…
สาแก่ใจมึงหรือยัง
นอกใจเขาแท้ๆ
ถึงทำให้เขาเป็นแบบนี้
คงต้องจดจำไปจนตาย
จดจำไม่รู้ลืมกับสิ่งที่เห็น
ให้มันตรากตรำในห้วงความคิด
ระลึกได้ในยามใช้ชีวิต
ทุกลมหายใจที่ต้องสูดอากาศเข้าปอด
มันจะมีแค่คุณ…
คุณที่ทิ่มแทงในใจผมผู้นี้
เสี้ยววินาทีคงเห็นภาพคุณทุกเวลา
แจ่มชัด…
หลอกหลอนปั่นประสาท
ตราตรึงราวกับฝันร้ายที่ไม่สามารถหลุดพ้น
กลิ่นหอมของคุณที่เคยลอบดม
นับจากนี้คงเจือจางไม่ทันเชยชมอีกยาวนาน
ไม่สามารถย้อนไปแก้ไขได้อีกถาวรตลอดกาล…
ผมไม่ต้องการแบบนั้นเลย…
สาเหตุเพียงเพราะผม…
เพราะผมไม่ยอมเลิก
เพราะผมไม่ยอมปล่อย
ยื้อคุณเอาไว้เหมือนพวกกักขฬะ
กักขังคุณเหมือนกับนกที่อยู่ในกรง…
คุณจึงตอบแทนด้วยจุดจบเช่นนี้
.
.
.
นับตั้งแต่นั้นมา…
อาการของผมแย่ลงทุกที
ทุกครั้งได้แต่สาละวน…
ดูคลิปแต่งงานของพวกเรา
ผมทรมานเหลือเกินนัก
หัวใจเหมือนจะแหลกสลาย
ร่างกายผอมซูบจนคนรอบข้างนึกเป็นห่วง
ใต้ตาก็ดำคล้ำ…
ความหล่อเหลาก็หม่นหมอง
มีแต่หนวดเคราที่ผุดขึ้น
เขียวครึ้มเด่นชัด
ผมเหมือนคนอดหลับอดนอนเหลือเกินคุณ
คิดถึงคุณทุกเวลาเหลือเกินนัก
ร้องไห้ตลอดเวลาเลย
ขนาดหลับก็หลับไม่เต็มอิ่ม
หลับไม่สนิทเลยสักนิด
สะดุ้งตื่นขึ้นมาทุกครั้ง
ร่างกายก็มีหยาดเหงื่อผุดไหล
ทั้งที่ภายในห้องเย็นฉ่ำ
แต่ภายในนั้นร้อนรุ่ม…
หัวใจตีบร้าวเหมือนหายใจไม่ค่อยออก
หมอบอกกับผมว่ามันคือโรคแพนิค
มันช่างแสนจะทรมาณ
ผมเหมือนคนไร้ชีวิตไม่ต่างจากคุณ
สีหน้าของคุณที่ผมเคยเห็น
ท่าทีของคุณที่ผมเคยเจอ
ราวกับวันนี้…
เป็นคุณในวันนั้น
มือถือก็มีข้อความส่งเข้ามา
ทุกคนล้วนให้กำลังใจผมทั้งสิ้น
ไม่รู้ถึงต้นสายปลายเหตุที่แท้จริง
ว่ามันเป็นเพราะผมเอง…
เพราะผมเองแท้ๆ ที่ทำกับคุณ…
เป็นผมเองที่กักขังหน่วงเหนี่ยว…
เจ็บปวดเหลือเกินนัก
แบกรับความรู้สึกที่ต้องตื่นมาร้องไห้…
ไม่ไหวอีกต่อไป…
อาการแพนิคแย่ลงทุกที
ไม่กล้าจะกลับไปเยือนถิ่นฐานเลยสักนิด
สถานที่ที่คุณตาย…
บ้านของพวกเรา…
ผมไม่กล้าลอบมองมันเลย…
ผมจึงหยัดกายขึ้น…
ซวนเซเหมือนจะล้ม
พลางเดินมาที่โต๊ะ
ยื่นมือจับปากกา…
ขีดเขียนจรดใส่กระดาษ
ตราประทับเป็นการปิดท้าย
ส่งข้อความถึงครอบครัว
ส่งทอดตำแหน่งให้แก่ใครบางคน
รวมไปถึงมรดกที่มอบให้ผู้หญิง
เพื่อส่งทอดให้แก่ลูก
ผมไม่คิดจะเหลืออะไรไว้…
ขนาดผู้หญิงคนนั้นก็ทิ้งผม
นับตั้งแต่รู้ว่าคุณตายไป
เธอก็แช่งผมใหญ่
ตบตีผมจนแสบพล่าน…
ผมจึงประจักษ์…
ว่าสมควรแล้ว
ไม่มีใครดีเท่าคุณอีกแล้ว…
และผมก็ไม่ควรได้รับอะไรเลย
ไม่แม้กระทั่ง…
ความรัก
การให้อภัยจากตัวคุณ
แต่คุณรู้ไหม…
วันนี้ท้องฟ้าช่างมืดครึ้ม
ไอเย็นนั้นพลิ้วไหว
สายลมโบกสะบัดไปมากับเส้นผม
ผมได้แต่แหงนหน้ามองท้องฟ้า
รอบด้านมีทิวทัศน์ที่สวยงาม
พื้นดินมีรถที่วิ่งพล่าน
สำหรับผมแล้ว…
มันเลือนรางยิ่งนัก
ทัศนียภาพก็พร่าเลือน
จ้องดูดวงดาราที่สุกสกาว
เอื้อนเอ่ยตั้งคำถาม
“คุณจะอยู่ตรงนั้นไหม ?”
จะมองผมอยู่บ้างไหม…
ผมไม่จำเป็นต้องได้รับคำตอบ
ทันทีทันใด…
ปล่อยให้ร่างกายนั้นร่วงดิ่ง
ทิ้งกายลงจากคอนโดที่สูงละลิ่ว
ตกกระแทกพื้นปลิดชีพตนเองเสีย
เหมือนเป็นนกที่โบยบิน
แต่ไร้ปีกที่ถูกเด็ด
คาดหวังเพียงแค่ว่า…
ตกตายไปตามกัน…
เผื่อผมจะได้พบเจอ…
แล้วนรกจะพาผมไปลงทัณฑ์
อย่างมิอาจหวนคืน…END.