#ใครเขาจะไปทนกับมึง (รวมเรื่องสั้น : ไม่ใช่นางเอก EP.5) 16/12/2019
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: #ใครเขาจะไปทนกับมึง (รวมเรื่องสั้น : ไม่ใช่นางเอก EP.5) 16/12/2019  (อ่าน 10472 ครั้ง)

ออฟไลน์ mutyamania

  • สามารถติดตามงานติดเรทที่ลงเล้าไม่ได้ที่ ReadAWrite ในชื่อมัสยากลับมาจากป่าช้า
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1898
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +794/-139
    • https://mutyawhocamebackfromthedead.readawrite.com
ขนลุกกับบทบรรยายในฉากกระโดดให้รถชน มันบอกถึงความคลั่งแค้น ความอาฆาตพยาบาทของเด็กคนหนึ่งที่อ่อนแอจนไม่สามารถแก้แค้นโดยการกระทำกลับกับไอ้ชาติชั่วนั่นได้โดยตรง ก็ให้มันดูภาพอันแสนสยดสยองที่จะติดตามันไปตลอดชีวิต เป็นตราบาปติดตัวมัน ให้มันถูกคนในสังคมตราหน้าว่าเป็นไอ้สารเลว....

ชอบมากค่ะ อินจริงๆ

ออฟไลน์ lookpatty15407

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 74
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +30/-1
อีกตัวตน (END)



ทุกๆ วันมีแต่เรื่องน่าปวดหัว…

ต้องตื่นมารับฟังคำด่าทอของพ่อกับแม่

เสียงทะเลาะแว้งของคนทั้งคู่

ข้าวของที่ถูกพังพินาศย่อยยับ

เสียงครางที่ดังลั่นอยู่ภายในห้อง…

ช่างน่ารำคาญ

ได้แต่เดินออกมาจากห้อง

พิศสายตาไปยังข้าวของที่กระจัดกระจาย

จานชามแตกร้าว

พื้นห้องมีลิ่มเลือดที่แห้งกรัง

ไม่เบื่อบ้างหรือไง

ความรุนแรงภายในบ้าน

การทำร้ายร่างกายกัน

เมื่อไหร่จะหลุดพ้นกันสักที

ครั้นมองไปที่ตนเอง

ก้าวเดินไปยังห้องน้ำ

ส่องกระจกที่ฉายชัดถึงใบหน้า

พวงแก้มมีรอยฟกช้ำ

ริมฝีปากมีเลือดปริแตก

กลางปากบ้าง

มุมปากบ้าง

ตาข้างซ้ายปูดโปน

สาเหตุจากพ่อคนเดียวทั้งสิ้น…

ได้แต่เป็นที่รองรับอารมณ์

ของพ่อกับแม่

พ่อชอบตบตียามเมามาย

แม่ที่ด่าทอ

ต่างก็จิกหัวใช้กันสารพัดนึก

ทำให้เขาคนนี้

เด็กคนนี้…

ต้องเป็นโรคซึมเศร้า

ถึงแม้…

ถึงแม้จะไม่ได้ตรวจอาการก็ตามที…

แต่ก็รับรู้ได้ถึงอาการที่กำเริบ

ยามใดที่ฝักบัวมีน้ำรินไหล

หยาดธาราจะไหลอาบไปตามเรือนกาย

เสียงซ่าของสายน้ำดังสนั่นหวั่นไหว

เจือปนไปด้วยเสียงร่ำไห้ของเด็กคนนึง…

น่าเบื่อ

ช่างน่าเบื่อเหลือเกิน

อยากพ้นจากวงโคจรพวกนี้

แต่ไม่สามารถไปไหนได้เลย…

เพราะตนเองยังเด็ก…

เด็กมากเกินไปนัก

งานก็ไม่มีให้ทำ

การศึกษาก็แทบไม่ได้เล่าเรียน

พ่อกับแม่ไม่เคยสนับสนุนใดๆ ทั้งสิ้น

กับสิ่งที่ชอบ…

ก็ไม่เคยได้ทำ

ความสามารถ…

ก็คล้ายจะไม่มี

เริ่มอยากเหมือนเด็กคนอื่นเขาบ้าง

เด็กที่ไม่จำเป็นต้องตื่นมาเจอเรื่องพรรค์นี้

เช้ามาก็ไปศึกษาเล่าเรียน

มีเพื่อนพ้องร่าเริงแจ่มใส

มีครอบครัวที่แสนอบอุ่น

ผิวพรรณตามเรือนกายไร้จุดด่างพร้อย

เขาอยากได้รับบ้าง…

ความอบอุ่นของพ่อกับแม่

คำบอกรักที่ควรพึงมี…

ให้ไม่ได้หรือไงกัน

ช่างน่าอิจฉา…

น่าอิจฉาคนอื่นนัก

“ฮึก ฮือออ”

เลยได้แต่ร้องออกมา

ฝ่ามือลูบไล้ไปตามใบหน้า

บดบังทัศนียภาพที่ต้องประสบพบเจอ

ฉุกคิดอยากฆ่าตัวตาย…

แต่ก็กลัวเหลือเกินกับความทรมาน

.
.
.

ครั้นออกมานอกบ้าน

ป่าดงพงไพรช่างกว้างขวาง

สถานที่สงบสุขและร่มเย็น

คงมีแต่เสียงนกร้องเสนาะหู

ใบไม้ร่วงหล่นในยามโบกพัด

ได้แต่ทิ้งตัวลงนั่ง

แผ่นหลังเอนกายพิงพนักกับต้นไม้โอฬาร

เริ่มอยากอยู่แบบนี้ไปนานๆ

หลับตาสู่ห้วงนิทรา


สดับรับฟังสิ่งรอบตัวจากธรรมชาติ

ทุกอย่างเพราะพริ้งราวกับท่วงทำนอง

หากทว่า…

“นาย…”

ต้องรีบลืมตาขึ้นมอง

ร่างกายพลันสะดุ้งโหยง

พินิจมองร่างสูงโปร่งที่เดินเข้ามา

ใบหน้าสะอาดสะอ้านของเขา

สัดส่วนกำยำล่ำสัน

แตกต่างจากตนเองที่ผอมแห้งสิ้นดี

ช่างดูดีไร้ที่ติ

“นายอยู่ที่นี่เหรอ ?”

เขาเอ่ยถาม

จับจ้องมาทางนี้

ขณะที่อีกคนได้แต่เงียบกริบ

ไม่คุ้นชินกับคนแปลกหน้า

เพราะไม่รู้ว่าเขาเข้ามาได้ยังไง

กับสถานที่แห่งนี้

บ้านของเขา…

กับละแวกหมู่บ้าน

ช่างห่างไกลกันนัก

เดินเป็นชั่วโมง…

ก็กว่าจะถึง

“ชื่ออะไรเหรอ”

อีกฝ่ายถามมาไม่หยุดหย่อน

ท่าทีเป็นมิตรยิ่งนัก

“ยุ่ง”

ชื่อยุ่ง

แต่กลับทำให้คนตรงหน้ากลับขมวดคิ้วมุ่น

“เอ่อ ไม่ยุ่งก็ได้ แค่ถามเฉยๆ”

เขารีบตอบทันควัน

พลอยให้คนที่พิงพนักอย่างเรา

ต้องส่ายหัวตอบกลับ

“ผมชื่อยุ่ง”

บ่งบอกให้เข้าใจได้อย่างถี่ถ้วน

คาดหวังให้คนตรงหน้าไม่เข้าใจผิด

“เราชื่อพงศ์นะ”

ชายหนุ่มแย้มยิ้ม

ก่อนจะเดินเข้ามาใกล้

ขออนุญาตนั่งลงข้างๆ ต้นไม้

ตอนแรกตัวเกร็งมากนัก

พลางก้มหน้างุด

ไม่อยากให้เห็นบาดแผลบนใบหน้า

แต่ก็ดีเหลือเกินนัก…

ที่อีกฝ่ายไม่ฉุกคิดตั้งคำถาม

นับตั้งแต่นั้นมา…

ทุกๆ วัน

ยามใดที่เช้าตรู่

จะรีบวิ่งมาที่ป่าช้า

ลอบเจอกับพงศ์คนนี้

พงศ์ที่ชวนเล่น

หาของที่เขาไม่เคยได้เห็น

พวกหุ่นยนต์

พวกรถแข่ง

รวมไปถึงตุ๊กตาหมี

“เราให้”

อีกฝ่ายยื่นมันมา

มอบให้กับเด็กที่ชื่อยุ่งคนนี้

หัวใจเลยพลอยเต้นระรัว

สั่นไหวสะเทือนลั่น

คร้ามเกรงว่าคนตรงหน้าอาจจะได้ยินเข้า

ใบหน้าก็เริ่มแดงระเรื่อ

เคอะเขินยิ่งนัก

.
.
.

ครั้นกลับมาที่บ้าน

ในอ้อมอกมีตุ๊กตาหมีสีน้ำตาล

ขนมันปุยช่างนุ่มนิ่ม

ใบหน้าก็น่ารักน่าชัง

ยุ่งชอบกับของที่ถูกมอบให้

เปรียบเสมือนเป็นตัวตายตัวแทน…

ของคนคนนั้น…

ยุ่งตกหลุมรักพงศ์เข้าให้แล้ว

วินาทีนี้…

เรียวขาจึงสะดุดดังกึก

สายตาพลันเห็นพ่อกำลังเอาถังน้ำมันเติมที่รถ

ความหวาดหวั่นจึงไล่ตามมา

รีบแอบซ่อนสิ่งของเอาไว้ที่หลัง

กระทั่งพ่อชายตามอง

สีหน้าทะมึนตึงก็ฉายชัด

ปราฏกใบหน้าแดงจัดเฉกเช่นเคย

ยุ่งเลยเข้าใจได้ดี…

ว่าพ่อเมาอีกแล้ว

“มึงว่างนักเหรอ ถึงได้ไปเที่ยวเล่นตามใจชอบ !”

พูดเกรี้ยวกราดไม่ว่าเปล่า

ฝ่าเท้ากลับเดินขึงขังเข้ามาทางนี้

ฝ่ามือหยาบกร้านตีลงที่ใบหน้า

รวดเร็ว

เฉียบขาด

เพี๊ยะ !!

สิ่งเจ็บริ้วจึงตามมา

ร่างที่เล็กกว่าจึงล้มลงไปด้านข้าง

ปวดแปลบที่พวงแก้ม

ปวดร้าวที่มุมปาก

ระบมไปหมดกับแผลที่ถูกซ้ำเติม

ของที่ถืออยู่ก็ตกกระแทกพื้น

ร่วงตกหล่นตรงหน้าพ่อ

“มึงไปเอามาจากไหน ?”

น้ำเสียงดุดันเค้นคำตอบ

“ฮึก มะ มีคนให้ผมมา”

ยุ่งพูดมันออกไป

แต่พ่อกลับไม่รับฟัง

“ตอแหล มึงไปขโมยมาล่ะสิท่า !”

กระโชกโฮกฮากยิ่งนัก

ทำให้คนที่นอนตัวสั่นอยู่บนพื้นสะดุ้งโหยง

พลางแหงนหน้ามองพ่อ

อิริยาบถของร่างสูงใหญ่

ยกขาขึ้น

เหยียบย่ำลงที่ตุ๊กตาหมี

ขยี้จนมีดินเปรอะเปื้อน

โสมม

ไม่สะอาดสะอ้านอีกต่อไป

หัวใจเหมือนถูกกระชาก

ร่วงตกร่น

ใจนึงอยากคลานเข้าไปหา

ดึงกระชากว่าอย่าทำมันนะ

ก็ได้แค่คิด

จ้องมองพ่อที่โน้มตัวลงต่ำ

หยิบตุ๊กตาที่พงศ์เคยมอบให้

ยุ่งเลยได้แต่มอง

เสียงสาดคล้ายคลึงกับสายน้ำ

ขณะที่ตนเองน้ำตาไหลพราก

ปวดร้าวกับสิ่งที่ไม่สามารถรักษาเอาไว้ได้

ประกายตามีแสงสี

ภาพไอร้อนนั้นพวยพุ่ง

กลิ่นเหม็นไหม้ก็อยู่เบื้องหน้า

เขาเลยตั้งคำถามซ้ำแล้วซ้ำเล่า

ว่าทำไมกัน

เหตุไฉนถึงเป็นเช่นนี้…

ทำไมพ่อต้องทำถึงเพียงนี้

กับไอ้แค่ของชิ้นเดียว

แต่กล่าวหาว่าลักลอบขโมยมา

ทำไมไม่คิดเสียบ้างนะ

ว่าเด็กคนนี้ก็ควรพึงมี

ไม่ใช่แตกต่างจากชาวบ้านแบบนี้

ของขวัญก็ไม่เคยได้รับ

นอกจากการทารุณของพวกท่านทั้งสอง

ยุ่งเริ่มเบื่อ

ยุ่งเกลียดพ่อเหลือเกินนัก

รวมไปถึงแม่ที่ทำร้ายไม่ต่างกัน

หัวใจคล้ายแตกสลาย

แน่นปวดหนึบไปหมด

ทิ้งตัวลงนอนไปกับพื้นดิน

เริ่มกรีดร้องเป็นบ้าเป็นหลัง

เศษดินเปรอะเปื้อนไปที่ใบหน้า

แผลที่มุมปากก็รินไหล

ทรมาณเหลือเกิน

เขาทนไม่ไหวแล้ว

กับความปวดร้าวพรรค์นี้

ต้องเก็บสะอื้นเอาไว้

และปลดปล่อยออกมาเมื่อไม่มีใคร

พอเข้ามาในบ้าน…

พ่อกับแม่

ก็ทารุณกรรมเหมือนเช่นเคย

พ่อด่าทอแม่

ว่าพลางทำลายทรัพย์สิน

ส่วนยุ่งต้องเก็บกวาด

ถูกแม่จิกหัวกระแทกพื้น

ลอบทำร้ายลับหลังคนเป็นพ่อ

เป็นคุณเอง…

จะหาทางออกกันยังไง ?

.
.
.

ดึกดื่นมีแต่คนหลับใหล

หากทว่าห้วงนิทราไม่ได้ดำดิ่งแก่ใครบอกคน

ใครบานคนที่ยืนอยู่ตรงหน้าบ้าน

ทิ้งไม้ขีดไฟลงบนพื้น

สิ่งที่ถูกราดรินจึงเริ่มลุกโชน

เสียงดังพรึ่บจึงตามมา…

ส่องสว่างสุกสกาวบนพื้นพิภพ

เรือนหลังคามอดไหม้เละเป็นจุณ

คล้ายคลึงได้ยินเสียงกรีดร้อง

“กรี๊ดดด”

เสียงโหยหวนของมนุษย์ที่ทุกข์ระทม

“อ๊ากกกกก !!”

เลยได้แต่ยิ้ม

น้ำตาพลันไหลหยด

ภูเขาที่หนักอึ้งปลิดปลิวอยู่ภายในอก

ราวกับนกที่บินสู่ท้องนภา

กระพือปีกบินเล่น

หลุดพ้นจากวงล้อชะตากรรม

เป็นภาพที่สวยงามยิ่งนัก

เห็นแต่สีแดงและส้มของเชื้อเพลิง

ฝุ่นควันโขมงลอยละลิ่ว

ยุ่งได้แต่ยืนพินิศ

มองในสิ่งที่ไม่วันดับมอด

ขณะที่ภาพในหัว…

คาดหวังให้เหลือแต่เถ้าถ่าน

ไม่หลงเหลือชิ้นส่วนของเศษกระดูก

อาห์

ทุกสิ่งล้วนแล้วตราตรึงใจ

เปรียบเสมือนแสงสรัวที่โลดแล่น

หยอกล้อกับท้องนภา

เปรียบเทียบชั้นเชิงแข่งขันในกันและกัน…

ว่าความมืดหม่นของช่วงเวลานี้…

ลึกลงไปมีความหวังที่รำไรถึงเพียงใด

ดั่งดวงดาราที่เปล่งประกาย

ประดับประดาตั้งมากมาย

ใครจะเลิศเลอยิ่งกว่ากัน


เช้าวันใหม่ได้เริ่มขึ้น

ยุ่งได้แต่นอนอยู่บนพื้น

ก่อนจะได้ยินเสียงเรียก

“ยุ่ง…”

คล้ายแหบพร่า

และแจ่มชัด

ชักชวนปลุกคนนอนให้ลืมขึ้น

ฝ่ามือขยี้ตาตัวเองเล็กน้อย

แย้มยิ้มให้กับชายตัวโตที่มีใบหน้าซีดขาว

เพราะรอยยิ้มของยุ่ง ณ เวลานี้

ช่างขัดแย้งกับภาพเบื้องหลัง

ไร้ความเป็นบ้าน

ไร้ความเป็นอยู่ที่น่าอาศัย

มันมอดไหม้เจือจาง

หลังคาโครมหล่นลงมา

ยับยู่ยี่ไร้รูปทรง

“เกิดอะไรขึ้น”

อีกฝ่ายอดไม่ได้ที่จะเอ่ยถาม

แต่บางคนเลือกที่จะเงียบ

พลางแย้มยิ้มมีความสุข

ชั่ววินาทีก็ยอมปริปากเอ่ยว่า

“บ้านไหม้”

ตอบออกไปด้วยใบหน้าไม่แยแส

ก่อนจะปิดตา

ท่าทางนิ่งสงบ

ครั้นลืมตาขึ้นมาอีกที

หันไปมองสิ่งรอบตัวที่รายล้อม

อารมณ์ปรวนแปรแตกต่างจากเมื่อครู่

คำถามประเดประดังขึ้นมา

“เกิดอะไรขึ้น ทะ ทำไม ฮือออ ทำไมบ้านเป็นแบบนี้”

เสียงเล็กเอ่ยถาม

สีหน้าใสซื่อและงงงวย

น้ำตาไหลหยดไม่ขาดสาย

ส่ายหัวระรัวกับสิ่งที่เห็น

ปลายนิ้วชี้ไปที่ตัวบ้าน

พลอยให้คนตรงหน้านึกเป็นห่วง

รีบถลาเข้ามาโอบกอด

พูดจาปลอบขวัญ

กอดรัดรึงคนตัวเล็กที่สั่นระริกแน่น

“ไม่เป็นไร เราอยู่ตรงนี้แล้ว”

“ฮึก ฮือออ”

“เราจะดูแลยุ่งเอง”

เพราะยุ่งคงไม่รู้เลย…

ว่าบุคลิกภาพเมื่อครู่นี้

มีอีกอุปนิสัย

บังเกิดขึ้น…

เพราะการทารุณ

ของคนในครอบครัว


เริ่มสร้างอีกตัวตน

ปกป้องคุ้มกันภัย



END
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 02-05-2019 20:19:44 โดย lookpatty15407 »

ออฟไลน์ ืniyataan

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3324
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +64/-1

ออฟไลน์ Snowermyhae

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4014
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +97/-7
เนี่ย ชอบแบบนี้ ชอบน้องอีกคนที่มาเพื่อปกป้อง  :mew1:

ออฟไลน์ AeAng11

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 528
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-0
สงสารน้องจังมันมีแบบนี้เยอะเหลือเกินในสังคมยุคนี้สุดท้ายน้องป่วยเป็นปัญหาที่ติดตัวน้องเพราะความไม่พร้อมทั้งสิ้นที่ทำให้เขาเกิดมาล่าสุดเจอ13ปีอีก2เดือนจะคลอดร้องคนท้องมาพร้อมโรคประจำตัวหัวใจรั่วและเลือดจางพ่อเด็กอายุ15เราอ่านตอนนี้แล้วเศร้ามากๆๆคุณนักเขียนถ่ายทอดได้ดีมากๆค่ะ

ออฟไลน์ Celestia

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 833
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +16/-0
ชอบแต่ละเรื่องมากค่ะ

ออฟไลน์ lookpatty15407

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 74
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +30/-1
ไม่ใช่นางเอก


หนึ่ง…

เธอกำลังเบื่อ ?

แม้แต่ตอนนี้ก็กำลังเบื่อ

เราพูดถูกใช่ไหมล่ะ ?

เธอกำลังเลื่อนอ่านข้อความเรา

ในขณะที่เราโต้ตอบ พูดคุยกับเธอ….

เธอจะรู้สึกว่าโลกนี้มันเงียบเหงา

ขาดสีสัน ขาดความสุขที่เธอวาดหวัง

อ่านนิยายยังน่าเบื่อหน่าย

ไม่มีอะไรถูกจริตเธอเลยสักนิด…

แม้แต่นิยายของเราก็อาจเป็นหนึ่งในนั้น

เธอเริ่มอยากจะได้อะไรที่มันดั่งใจนึก

ตัวเราเองก็อยากเป็นเช่นนั้น

เช่นเดียวกัน…

เราโคตรอยากมีความสุขกับชีวิต

อยากตื่นมาแล้วไม่รู้สึกเบื่อหน่าย

ทุกอย่างมันจะดูวนลูปสำหรับเรา…

ตื่นเช้ามาต้องอาบน้ำ

ตื่นเช้ามาต้องทานข้าว

ทำงาน หรือเรียนหนังสือ

ลุกขึ้นมาปลุกปั่นในงานเขียน

จินตนาการพล็อตประเดประดัง

ความสามารถมากมายแตกต่างกันไป

และคุณ

คุณบางคน

ก็อยากเป็นนักเขียนใช่ไหม ?

แต่ทำได้แค่อ่าน…

ดูถูกว่าตัวเองไม่มีความสามารถ

แต่คุณไม่ทันลงมือเลยด้วยซ้ำ

หรืออาจลองแล้ว…

แต่ก็ตัดทอนกำลังใจ

เคยลงเว็บ

แต่วิวมันน้อย

ไม่ต่างจากเม้น…

เราก็เคยนะ

มีแต่ศูนย์ล้วนๆ

มนุษย์เรามันเริ่มจากศูนย์

หมั่นฝึกฝนทีละนิด

เช่นเดียวกับตอนเด็ก

กว่าจะยืนได้ก็ล้มตั้งหลายครั้ง

ไม่มีใครประสบสำเร็จตั้งแต่แรกเริ่ม

เพราะงั้น…

เอาใหม่สิ…

ลองทำใหม่

ขนาดตัวเราเอง…

กว่าจะใช้คำวิจิตรขนาดนี้ได้

ล้วนถูกขัดเกลามาทั้งนั้น

คอยจดจำทุกถ้อยคำ

คำบางคำที่ไม่รู้ความหมาย

นำมาประดิษฐ์เป็นตัวอักษร

คอยขีดเขียนใส่หน้ากระดาษ

เราพลาดเป็นร้อยครั้ง

แต่ก็เพราะรักล้วนๆ เราถึงเป็นนักเขียนมาจนถึงทุกวันนี้

คนบางคนเกิดมามีความสามารถ

แต่สำหรับเราแล้ว…

เรามี ‘พรแสวง’ มากกว่า ‘พรสวรรค์’

ขนาด ‘คะ’ กับ ‘ค่ะ

แต่ก่อนเรายังแยกแยะไม่ออกเลย

สาเหตุจากโซเซี่ยลล้วนๆ

ทำให้มีคนใช้ผิดกันซ้ำซาก

จนเราเองก็หลงลืม…

ไม่เว้นแม้กระทั่งพวกผู้ใหญ่…

แต่เอาเถอะ

วกเข้าเรื่องกันดีกว่า…

มันจะซ้ำวนเวียนจนอยากฆ่าตัวตาย

อะไรคือจุดหมายของชีวิต

อะไรคือความสุขที่แท้จริงกันนะ

และอย่างพวกเราล่ะ ?

คนอย่างเราเกิดมาเพื่อสิ่งนี้เหรอ ?

อาจเพราะวาดหวังมากเกินไป

สถานะของความรัก

เกรดเฉลี่ย

หรืองานที่ตั้งใจจะทำ

พอผิดหวังเลยดำดิ่งกับห้วงอารมณ์…

หลายคนมักจะบอกกับพวกคุณ…

ตั้งใจเรียนนะ

หางานทำ เพื่อทดแทนบุญคุณของพ่อแม่

เริ่มต้นใหม่สิ

เฮ้อออ

แค่ได้ยินยังรำคาญเลยใช่ไหม ?

ต้องตั้งจุดหมายปลายทาง เป็นขั้นเป็นตอน

จนคุณเริ่มเบื่อหน่าย

ลึกๆ คุณรู้ดี

รู้ดีอยู่แก่ใจทีสุด

มีคำตอบตายตัวเอาไว้แล้ว

ปรึกษาเพื่อนทีไร

ในยามอกหัก

คุณจะตั้งคำถาม ‘กูต้องทำยังไงวะ’

‘ไม่เห็นมีใครเข้าใจกูเลย’

มองอะไรก็มืดแปดด้านไปหมด

แต่ลึกลงไปจากการปรึกษา

ต่อให้มีคนมาปลอบขวัญคุณ หรือพูดอ่อนโยน

ลองทำแบบนี้ไหม ?

แต่คุณก็ไม่เคยรับฟัง

คุณมีทางออกเอาไว้แล้ว

แต่แสร้งทำเป็นมองไม่เห็น

มีรูปแบบวิธีรับมือเป็นของตนเอง

แท้จริงนั้น…

ก็แค่ต้องการคนฟัง

ผู้รับฟังที่ดีก็แค่นั้น…

เช่นเดียวกับเราที่กำลังเป็นอยู่…

ราวกับนักเขียนขี้บ่น

แต่จำไว้นะ…

หนึ่งในนั้นเราเข้าใจคุณอย่างดิบดี

แต่ก็ไม่หรอก…

เรามีทัศนคติที่เรายึดมั่นเอาไว้

ว่าไม่มีใคร…

เข้าใจความทุกข์และสุขได้ดีเท่าตัวเราเอง


คนเราจะเข้าใจกันได้

มันต้องเริ่มจากการรับฟัง

มีเรื่องราวที่คล้ายคลึงกัน

จวบจนกระทั่งตอนนี้…

เราก็กำลังเป็นทุกข์…

และคุณเองก็คงทุกข์อยู่

เราเลยอยากจะปลอบโยนคนอ่าน…

งั้นเอางี้ไหม ?

ลองแบมือทั้งสองข้างขึ้นมาดู

ฮ่าๆ

แต่พวกคุณกำลังอ่านอยู่ใช่ไหมล่ะ

มือถือคงร่วงหล่น

ต้องวางทิ้งไว้บนตัว

หรือปล่อยจากเมาส์ที่กำลังจับ

ทำตามข้อเสนอแนะของเราคนนี้

เราก็แค่อยากให้คุณยิ้ม…

ยิ้มเหมือนที่เรากำลังฝืน…

เพียงแค่ลองกำมือแน่นๆ

บีบมันให้ลึกและแรงที่สุด

เหยียดแขนขึ้นสูง เพื่อขับไล่ความเกียจคร้าน

เพิ่มทัศนคติใหม่ให้ตนเอง

คุณจะรู้สึกเหนื่อยล้าเมื่อทำมันลงไป

สักพักจะเริ่มรู้สึกโล่งสบายตัว

ฝ่ามือจะมีความเจ็บเล็กๆ

ความปวดเมื่อยจากการกำแน่น

เราก็แค่อยากให้คุณฮึดสู้

แล้วลงมือทำในสิ่งที่คุณตั้งใจเอาไว้

เริ่มใหม่

เอาใหม่

ชีวิตคือการดิ้นรน

และฟ้าหลังฝนมันอาจมีจริง

เช่นเดียวกับนิยายเรา…

เราเป็นนักเขียนที่แสนเกียจคร้าน

ชอบทำตัวร่าเริงต่อหน้าผู้คน

และเราเองในตอนนี้…

ก็กำลังประสบพบเจอกับปัญหาใหญ่หลวง

ถูกคนรักหักหลัง

หลอกลวง

นอกใจ

ไปมีใคร…

คุณว่าเราควรทำยังไงดี ?

ทิ้งมันไป

หรือเอาคืนให้สาแก่ใจ ?

ปล่อยวางทิ้งไม่ต้องสนใจ

ไม่ต้องแคร์มันหรอก…

กับอีแค่พวกไม่เห็นค่า

อืมมมม

ความคิดของพวกคุณ…

มันก็ไม่เลวนะ

แต่นี่อาจเป็นแค่นิยายไง

นิยายสำหรับพวกคุณทุกคน…

พล็อตที่ไม่ได้มีจุดจบดั่งใจตน

เพราะตัวเราเอง

ก็มีคำตอบเอาไว้แล้ว

อีกทั้งตัวเราเอง

ก็ไม่สามารถปล่อยวางได้

ไม่เหมือนคำปราศรัย…

ที่ให้แก่พวกคุณทุกคน


.
.
.

วันนี้มันเป็นวันเสาร์

เป็นวันที่เราบอกเขาว่าจะกลับบ้านเก่า

คงไม่อยู่นะ

อาจไม่อยู่คอนโดนี้สักพัก

ทั้งที่ใจจริง…

รับรู้ว่าคุณมีใคร

แฟนหนุ่มที่แสนรักคนนี้

นอกใจเราไปเสพสมกับคนอื่น

นักเขียนอย่างเรามันช้ำใจยิ่งนัก

เสมือนนี่คือฝันร้าย

ยากเกินจะโกหกลบล้าง

เรื่องที่นายเอกในนิยายกำลังถูกหักหลัง

ถูกหลอกลวงจากคนที่ไว้วางใจ

อาห์

แปลกนะ

ตลกดีนะ

ขำฉิบหายเลย

ไม่คิดว่าต้องมาเจอกับตัว

นายเอกหลายเรื่องคงต้องร้องไห้

ฟูมฟักฟูมฟายต่อคนตรงหน้า

เข้ามาเจอบทบาทพิศวาส

เช่นเดียวกับวินาทีนี้

เรากำลังยืนมองคนทั้งสอง…

ร่างกำยำกับร่างเพรียวบาง

เป็นผู้หญิงหน้าตาสะสวย

ขึ้นคร่อมแฟนเรา

สิ่งสงวนสอดใส่กันและกัน

โยกตัวเหมือนควบขี่ม้าที่หาญกล้า

สนุกมัวเมากันน่าดู

แต่เราอะ

เราทำใจเอาไว้แล้ว

ตามันก็แดงนะ

น้ำตามันก็คลออยู่หน่อยๆ

เห็นคาตามันก็แอบทนไม่ไหว

จิตใจเปราะบางยากเกินจะควบคุม

เพราะอยากรู้คาหนังคาเขา

หวังจับผัวมักมากที่นอกใจตน

ว่าเออ

กูเนี่ย

กูคนนี้

ก็ไม่ได้โง่งมนะ

ไม่ได้ควายดักดานขนาดนั้น

ข้อความมันเด้งมาหลายวันแล้ว…

หลายเดือนแล้วที่ต้องทนเห็น

คำบอกรักของพวกมึง

นัดแนะชวนเที่ยว

คาดคะเนว่าเป็นผู้หญิงคนนี้

คนคนนี้ที่กำลังได้เสียกับคุณ

เอาล่ะ…

เราไม่ได้เป็นนายเอกใสซื่อ

ไม่ได้เป็นนายเอกที่นิ่งเฉย

หรือต้องปล่อยวางกับสิ่งที่เห็น

ริมฝีปากมันยิ้มแล้ว

รีบเดินแล่นเข้ามาภายใน

จิกหัวทึ้งผู้หญิงบนเตียง

กระชากหนังศีรษะให้ถอยหลัง

สิ่งสอดใส่หลุดพรึ่บ

ทรวงอกมันเด้งหยุ่น

เป็นผู้หญิงที่หน้าตาสะสวย

และก็เป็นหญิงที่แสนโสมม

“กรี๊ดดด !”

อีกฝ่ายกรีดร้อง

แต่เรารำคาญยิ่งนัก

กลับบ้านไปแต่งนิยาย…

เราคงได้บทบาทใหม่ของตัวละคร

“คุณ !”

แฟนเรากำลังตื่นตระหนก

แหกปากดังลั่น

ฮ่าๆ

เหมือนนิยายที่เราเคยอ่านเลย

เจอเมียจับได้

และผัวอย่างพวกมึง

ก็จะมาตื่นตะลึง

เราไม่สนใจอะไรทั้งนั้น

จิกหัวผู้หญิงและเหวี่ยงลงพื้น

ถีบร่างคนที่กำลังหยัดกายขึ้น

พลั่ก !

“กรี๊ดดด”

หวีดร้องราวกับภูติผี

เสมือนเปรตที่ร้องขอส่วนบุญ

หวีดสนั่นจนน่ารำคาญ

ผู้หญิงนี่ชอบร้องบ่อยนักเหรอ ?

ทำไมไม่เห็นเพราะพริ้งเหมือนตอนครวญคราง ?

เราถลึงตามองไปทางแฟน

แฟนเก่ามักมากนับจากนี้

เอื้อนเอ่ยบอกเขา

“มึงไม่ต้องเป็นห่วง”

กูไม่ได้ทำแค่ผู้หญิงหรอก

“เดี๋ยวมึงได้โดนคนต่อไป”

พูดจบก็ยกมือขึ้นสูง

หน้าแดงจัดด้วยความโกรธ

ไม่มาทนเป็นนางเอกที่ใสซื่อ

ชักชวนให้น่าสงสาร

โธ่

นายเอกบอบบางทั้งหลาย

โธ่เอ้ยไอ้ความคิดที่แสนดี…

เพี๊ยะ !

ตบหน้าผู้หญิงที่หันมามองทันที

เผยรอยช้ำแดงบนปรางขาว

เพราะอีดอกนี่แหละ

“รู้ว่ากูมีผัวแล้วแท้ๆ”

“ฮึก ฮืออ”

“ทำไมมึงร่านขนาดนี้”

อีกรุ่นน้องเวร

อีน้องเทคเหี้ย

“กูไม่น่าไว้ใจพวกมึงเลย !”

เริ่มแหกปากดังลั่น

วิ่งไปหยิบแจกันข้างห้อง

ยกขึ้นเหนือศีรษะ

หวังจะโถมฟาดใส่ใครบางคน

แต่ครั้งนี้ไม่พาลใส่ผู้หญิง

เพล้ง !

“โอ๊ย !!”

เสียงของคุณร้องลั่น

คุณที่เป็นผัวร่านรักไม่ต่างจากรุ่นน้องคนนี้

“มันเป็นรุ่นน้องกูแท้ๆ”

ทำไมมึงแยกแยะกันไม่ได้

ไอ้ชายโฉด หญิงชั่ว

“ฮือออ !!”

“กูเชื่อใจพวกมึงแท้ๆ อีพวกเหี้ย !”

เรารีบพุ่งพรวดพราดเข้าใส่

กำหมัดแน่นต่อยเข้าที่ใบหน้าหล่อเหลา

ไม่คิดจะทิ้งจังหวะ

ชิงไหวชิงพริบเอาเปรียบล้วนๆ

เสียงดังผัวะ ! จึงไล่ตามมา

เจ็บทั้งมือ

เจ็บทั้งใจ

ขึ้นคร่อมบุรุษที่เปลือยเปล่า

หน้าแดงตาแดงไปหมดแล้ว

ร้องไห้เพราะเสียใจ

เสียใจกับสิ่งที่พวกมึงก่อ

เสียใจที่ต้องทำร้ายพวกมึงด้วย

เสียใจที่ตัวเองนั้นโง่เง่า

โดนหักหลังจากคนอย่างพวกมึง !

ถูกแฟนนอกใจ

ถูกรุ่นน้องแย่งแฟน

“อีผัวเฮงซวย !”

ผัวะ !

เลือดไหลซิบไปหมดแล้ว

จากข้อนิ้วมือของเราคนนี้

ต่อยไม่ทันสะใจ

เพื่อนที่เราได้บอกเอาไว้

สั่งห้ามให้ยืนรออยู่หน้าห้อง

ไม่ช้านานก็เข้ามาภายใน

รีบรั้งกายเราเอาไว้

“พอ ! มึงพอก่อน !”

พอเหี้ยอะไรกัน

“พวกมึงจำไว้นะ !”

เริ่มเอ็ดตะโรอีกหน

ชี้นิ้วไปทางผัวเลว

และชี้สลับไปยังผู้หญิงอีกคน

ว่าจำเอาไว้ให้ดี

“จำในสิ่งที่พวกมึงทำกับกูเอาไว้”

เพราะกูไม่มานั่งทนหรอกนะ

ไม่อยากเป็นคนดีเหมือนในนิยายที่เคยแต่ง

“กูไม่มีวันให้อภัยพวกมึงแน่ !!”

โทสะมันสุมอกไปหมดแล้ว

หยาดน้ำลายกระเด็นผ่านคำพูด

น้ำตาไหลนองหน้า

ไม่ได้เศร้าหรอก

ไม่ได้เสียใจที่ต้องเลิกรากันไป

แต่เสียใจที่ตัวเองไม่ฉลาดพอ

เริ่มฉายชัดถึงความแค้น

ความกรุ่นโกรธที่ยากเกินระงับ

แค่เห็นหน้าพวกมันสองตัวก็แสลงตา

ขยะแขยงกับเรือนร่างที่ตัวเองเคยเสพสม

อีแก่นกาย

อีหรรมที่มีคำหยาบโลนมากกว่านั้น

“ไอ้Kเหี้ยนี่ !” พูดพลางเบิกตาโพลง หันไปมองผู้หญิงที่อยู่ตรงพื้น

จับจ้องรุ่นน้องที่ร่างกายเปลือยเปล่า

เอามือปกปิดสิ่งสงวน

อำพรางสิ่งเบื้องล่าง

บดบังอีกข้างจากสิ่งเบื้องบน

มานึกอายอะไรกัน

ทีตอนเอากับผัวกู…

ไม่เห็นจะรู้จักอาย

และก็เอาไปเถอะ…

อีผัวคนนี้

อีดุ้นมันมาก

“กูให้มึง เชิญแหกขาเอากันตามสบาย”

“ฮึก”

“อย่าให้กูเห็นพวกมึงอีก”

กูจะประจานไม่ไว้หน้า

“กูเล่นพวกมึงตายแน่”

“…”

“ไม่เชื่อพวกมึงคอยดู”

เพราะตัวกูเอง

ก็ไม่ใช่นางเอกที่แสนดี

และขอเถอะคำพูดพวกนี้

เพราะมันเป็นสิทธิ์ที่เราควรได้เอ่ยปาก

ไม่จำเป็นต้องบอกเลิกรา…

“ผัวแบบมึง กูคงไม่เกลือกกลั้วมาทำพันธุ์”

ก่อนจะถูกเพื่อนดึงออกจากห้อง

จูงแขนรั้งเราไว้

ท่าทีพร้อมจะกระโจนตบตีตลอดเวลา

ทิ้งท้ายด้วยคำว่า

“เชิญพวกมึงเอาต่อกันตามสบาย”

ถ้าพวกมึงหน้าด้านกันมากพอ


TBC.

ออฟไลน์ BabyGB

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 17
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
สะใจมากกกก ฮือออออ ชอบแบบนี้ ชอบทุกเรื่องเลย  :fire:

ออฟไลน์ ืniyataan

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3324
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +64/-1

ออฟไลน์ joborcusier

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 194
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ didididia

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 365
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-1
ชอบทุกเรื่องเลยค่ะ เรื่องล่าสุดคือ ร้ายๆสะใจมาก o13

ออฟไลน์ lookpatty15407

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 74
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +30/-1
ไม่ใช่นางเอก : 2



เดี๋ยวนี้คนบางคน…

ไม่ค่อยรักตัวเองหรอก

เหมือนกับเราที่กำลังดื่มเหล้า

ไหลผ่านไปที่ลำคอ

ความขมปะแล่มของมันมีรสหวานเจือจาง

ร้อนผะแผ่วชวนรู้สึกดี

ทีแรกเราเคยพูดนักหนา…

ว่าไม่ชื่นชอบสิ่งมัวเมา

แต่พอได้ลิ้มลองดู

ความรู้สึกเป็นตัวเองมันดียิ่งนัก

หัวสมองมันโล่งปลอดโปร่ง

หน้ามันออกจะแดงหน่อยๆ

บางคนคออ่อนก็เริ่มพูดจาไม่รู้เรื่อง

มือไม้ปวกเปียก

ส่วนเรานั้นกำลังยิ้ม

ไม่ได้พร่ำเพ้อใดๆ ทั้งสิ้น

ไม่ได้ระบายความทุกข์ภายใต้จิตใจ

ก็แบบนี้มันดีแล้วนี่นา…

จบแบบนี้มันดีแล้วจริงๆ…

ดีกว่ามานั่งวิงวอน

ถามไถ่หาสาเหตุของการนอกใจ

เพราะนายเอกหลายเรื่องโคตรโง่เง่า

หวังเอาความดีเข้าสู้พิชิตใจเขา

เหมือนกับนิยายที่เราเคยแต่งนี่ไง…

คาดหวังให้พระเอกกลับตัวกลับใจ

เห็นความดีในสิ่งที่ตนเองได้พึงกระทำ

ทว่าจุดจบ…

หนักสุดก็ถึงขั้นทำร้าย

มากสุดก็ฆ่าตัวตาย

ตัวละครทนไม่ไหวกับการหักหลัง

ถูกชี้ทางให้จบหดหู่

ล้วนเป็นความคิดชั่ววูบกันทั้งนั้น…

บ้างก็สมหวัง…

แต่เอาเข้าจริง…

ก็ยากเกินจะให้โอกาส

หลายคนมักบอกไร้เหตุผล

แต่สำหรับเรานั้น…

เราที่สร้างตัวละครขึ้นมา

ใช้อารมณ์เข้าแลกกับการบรรยาย

จมดิ่งกับตัวอักษร

ช่างรู้ซึ้งถึงความรู้สึกกับสิ่งที่สร้าง

เราว่ามันเป็นความเจ็บปวดที่แสนหอมหวาน

ความเจ็บปวดที่ชวนทุกข์ระทม

อาจเพราะเราซาดิสม์

ชื่นชอบกับความเจ็บปวด

แต่เอาเข้าจริง…

ก็ไม่หรอก

ไม่ว่าใคร…

ก็คงไม่อยากเจ็บปวดจากคนที่รัก

ไม่ว่าใครทั้งนั้น…

ต่างคนต่างความคิด

และเราก็เชื่ออยู่หรอก

เชื่อว่ามันต้องมี…

คนที่ทนไม่ไหว

สาเหตุก็เพียงเพราะ…

รักมากจนกู่ไม่กลับ

รักมากเกินไป

จนทนไม่ได้กับความผิดหวัง

หรือถูกทำร้ายจนเป็นบ้าไร้สติ

เราเข้าใจความรู้สึกนั้นหมดเลย…

และต่อให้แฟนคนนั้นมายื้อเราเอาไว้

พูดพร่ำเพ้อขออธิบาย…

เราก็คงได้แต่บอก

“หึ”

Kuyเถอะ

ใครจะทนโง่วะ

ขณะที่ชีวิตจริงในตอนนี้…

ต่อให้ผัวอย่างมันมาราวีเรา

มีอดีตร่วมกันมามากมายขนาดไหน

ท้ายที่สุดของคำว่านอกใจกัน…

มันก็เป็นเหตุผลที่มากเพียงพอ…

สิ่งเหล่านี้มันไม่ได้แค่เกิดเฉพาะผู้ชายหรอก

แม้แต่ผู้หญิงก็มีทั้งนั้น

แต่ตอนนี้มันเป็นเรานี่ไง

เราคนนี้ที่ต้องทนเจ็บ

เป็นนักเขียนอย่างเราที่ต้องแบกรับ…

ประจักษ์กับความหมายในรสชาติทุกข์ระทม

ว่าการถูกแทงข้างหลังมันเป็นเช่นไร

ขาดสะบั้นในความสัมพันธ์

ยากเกินจะเยียวยารักษา

หากฉุกคิดจะหาที่บรรเทา

หวังหาบุรุษมาเยียวยาฟื้นฟูจิตใจ…

มันช่างเป็นความคิดที่เห็นแก่ตัวยิ่งนัก

เราเคยเจอทัศนคติเช่นนี้มาก่อน

และเราเองก็คงไม่ทำตามเช่นนั้น

เมื่อไม่พร้อมมีใคร…

ก็อย่าไปทำร้ายใครอีกเลย

เพียงเพราะลืมใครไม่ได้

ฉะนั้น…

ก็ให้เวลากับตัวเองเสียเถอะ

หรือไม่…

ก็หาที่บรรเทา

หาความสุขใส่ตัว

หรือ…

วันไนท์แสตนของมนุษย์ทั่วไป

มันเป็นความสุขอีกรูปแบบหนึ่ง

หาที่กกกอดลบล้างร่องรอยสัมผัส

นักเขียนอย่างเราก็คงไม่ชอบ

แต่หากต้องทำ…

เพื่อลบล้างสิ่งโสมมที่เคยตีตรา

มันก็ดีนะ…

อาจดีกว่า

ก่อนจะยกมือถือขึ้นมา

เหยียดยิ้มท่ามกลางแสงสี

ดนตรีในผับสนั่นหวั่นไหว

ทัศนียภาพพร่าเลือน

มองใครก็ดูสวยหล่อไปหมด

นางเอกทุกคน

นิยายที่เคยแต่ง

ส่วนใหญ่ไม่เคยทำเช่นนี้

ทำแบบเรา…

ร้ายกาจเฉกเช่นเรา

ปลายนิ้วไล่พิมพ์ข้อความ

บรรยายตัดพ้อ…

‘กูไม่คิดเลยว่าตัวเองจะต้องเจอแบบนี้…

เจอแฟนตัวเองกับรุ่นน้องที่รัก

หักหลังแทงข้างหลังกูกัน

ทำไมวะ

พวกมึงแม่งชั่วฉิบหาย

แอบมีอะไรกัน

จนกูมาเห็นคาตา

กูว่าแล้วเชียว

มันผิดสังเกต’

แค่นั้นแหละ…

พิมพ์แค่นั้นเลย…

รอดูคนมาเม้นให้กำลังใจ

พลางตั้งค่าสาธารณะ

เผื่อมีคนแชร์

แชร์รูปคู่ที่ตัวเองเคยถ่ายเอาไว้

แชร์รูปผัวชั่วกับรุ่นน้องเลวทราม

ภาพเราสามคนที่ยิ้มให้แก่กัน

หวังให้พวกมึงสนุกกันล้วนๆ

เพราะในเฟสของเรา…

มีฐานแฟนคลับนิยาย

ที่มาติดตาม

เคยพูดคุยกันเป็นร้อย

เพราะนักเขียนอย่างเรา…

เฟลนลี่ล้วนๆ

แต่อย่าให้ร้ายกาจก็พอ

กูเหยียบให้จม…

ไม่ว่าวิธีใด

กูจะทำให้ล่มจม

ในเมื่อมีผัวชั่วเวรระยำ…

รุ่นน้องเหี้ยที่แสนบัดซบ

“ฟ้าหลังฝนจะมีจริงไหมวะ ?”

เราพูดขึ้น

ขัดแย้งบรรยากาศในวงเหล้า

ไม่ได้หมายความแค่เฉพาะกับความรัก

แต่หมายถึงชีวิตนี้ต่างหากเล่า

ที่ต้องดำเนินต่อไป…

ว่ามันจะมีจริงไหมวะ ?

“มีดิวะ มึงต้องเจอคนดีๆ แน่นอน”

เพื่อนเราปลอบโยน

เราจึงเค้นยิ้ม

ยังรู้สึกไม่สะใจมากพอ

แค่ในเฟซบุ๊กมันยังไม่พอหรอก

เข้าแอคเคาท์ทวิตเตอร์หลัก

ปริปากบอกเพื่อนๆ

“กูจะประจานมัน”

“มึงใจเย็นก่อน”

ให้เย็นไรกัน ?

เราเงยหน้ายิ้ม

สบตาเพื่อนสนิท

บัดนี้ทุกคนดูหน้าถอดสี

คล้ายหวาดกลัวถึงผลลัพธ์

ต่างรู้กันดี…

เราเป็นคนเช่นไร

ดีมาดีกลับ

ร้ายมาร้ายกลับ

เมื่อรักมากก็ย่อมเกลียดมาก

โทสะมันพรั่งพรู

คงฉุดรั้งกันไม่ได้

พลันก้มลงมามองอีกครั้ง…

แฉแฟนชั่วที่นอกใจตน

รวมไปถึงรุ่นน้องที่สนิทสนม

ฉุกคิดอยากแย่งผัวชาวบ้าน

รู้ทั้งรู้ว่าเขามีแฟน

ก็ร่านแม่งพอกัน

อีกคนแมงดา

เป็นชายแท้ที่เราจีบติด

คบมานานปี

มีความจำดีๆ ให้แก่กันทั้งนั้น

ขณะที่อีกคน…

ก็รุ่นน้องที่เรารัก

เสือกร่านรักยิ่งนัก

ฝากฝังเชื่อใจ

ถึงขนาดพาไปเที่ยวด้วยกันบ่อยๆ

โอ้โห

ดูสิ

ดูสิ่งที่พวกมึงทำกัน

โทษผู้ชายฝ่ายเดียวก็ไม่ได้

อีกคนก็ทำตัวราวกับกะหรี่

มีมูลค่าต่ำตมถึงขั้นเอาฟรี

เอาเถอะ

เอาที่พวกมึงสบายใจ

ดูท่ายังไง

ก็ใช้ชีวิตคู่ไม่รอดพอกัน…

คงไม่จำเป็นต้องอวยพรใดๆ ทั้งสิ้น

โพสต์ตัดท้อกำลังใจ

บอกคนอ่าน

‘ช่วงนี้ขอหายไปสักพักนะครับ’

‘ไม่มีกำลังใจแต่งนิยาย’

‘เจอเรื่องถาโถมเข้ามาในชีวิต’

‘เศร้ามาก’

‘ขอโทษด้วยที่ไม่สามารถแต่งนิยายต่อได้’

‘แต่จะรีบกลับมา’

และก็รอดูยอดรี

รวดเร็วทันใจ

เม้นมาให้กำลังใจเราทั้งนั้น

เราจึงเท้าคางยิ้ม

รอคอยให้มีคนมากระตุ้นถึงสาเหตุ

ข้ามวันข้ามคืนจึงมีข่าวสารอัพเดต

ดราม่า…

นักเขียนโดนนอกใจ

ทำไมเราจะไม่รู้…

เรามีฐานแฟนคลับที่น่ารัก

รู้จักกับกลุ่มลับที่พูดคุยกัน

อาจเพราะนิยายหลายเรื่องเราน่าสน

และเราก็ดูเป็นคนดีในสายตาชาวบ้าน

และเราก็ยอมรับ

ว่าเราเป็นคนดี

ดีมากด้วยซ้ำ

ดีจนต้องร้าย

สวมบทบาทเป็นตัวร้าย

ที่ไม่ใช่นางเอกนิยายที่คอยทน…

ยอดรีเป็นพัน

เราให้เพื่อนช่วยแฉด้วยซ้ำ

เพื่อนที่เอารูปแฟนเก่าเราไปลง

รูปรุ่นน้องแปะซ้อนกัน

โพสต์ด่าประหนึ่งเป็นเรา

กรุ่นโกรธแทนเรายิ่งนัก

เราตื่นมาเห็น

สะใจเล็กน้อย

แอบแฝงด้วยความเจ็บปวด

อยากจะร้อง

แต่ร้องไม่ออก

เหมือนหาสาเหตุไม่ได้

เหมือนไม่รู้จะร้องไปทำไม

ร้องไปแล้วได้อะไร

เลือกที่จะเรียนรู้ดีกว่าไหม ?

เจ็บแล้วจำคือคนไม่ใช่เหรอ ?

ล้มครั้งแรกยังพอให้อภัย…

แต่อย่าล้มบ่อยจนดูโง่เขลาก็เป็นพอ

พลันลุกขึ้นออกจากเตียง

เข้าไปอาบน้ำ

หยาดน้ำมันรินไหล

ปัดเป่าความโทมนัส

ขับไล่หยาดน้ำตา

คอยช่วยชำระล้างจิตใจให้เย็นสงบ

อย่างน้อยก็คงมากกว่าปกติ

อาจเพราะเราชอบ…

ชอบการอาบน้ำเป็นทุนเดิม

เลยเลือกที่จะหาอะไรที่บรรเทา

เยียวยาความโอดครวญในครั้งนี้

ออกมาก็แต่งตัว

ทำเรื่องเดิมๆ เป็นกิจวัตร

พยายามเขียนฉากนิยายที่ต้องแต่ง

ข้างกายก็มีนิยายเป็นสิบกว่าเล่ม

มีคลังคำในการหาความหมาย

ที่คั่นเสียบในหน้ากระดาษตั้งมากมาย

ล้วนมีหมวดหมู่ความหมายที่ต้องใช้

ก็เพราะบางครั้ง…

หลายครั้งหลายหน…

ตัวเราเองก็หลงลืมกับความหมาย

จึงจำเป็นต้องเปิดหน้าหมวดหมู่เพื่อศึกษา

คำเชื่อมต่าง ๆ นา ๆ

คำน่าประดิษฐ์นำมาใช้

หวังให้นวนิยายมีความหมายสวยหรู

ตัวอักษรดั่งต้องมนต์สะกดจิต

ชักชวนให้ดำดิ่งอยู่ในถ้อยคำบรรยาย

แต่ตอนนี้ไม่รู้เลย…

ว่ามันจะดีพอไหม

หาความหมายไม่เจอเลย

คำว่ารักคืออะไร ?

รักที่ดีต้องเป็นแบบไหน ?

พระเอกที่คู่ควรต้องเป็นเช่นไร ?

เพราะนักเขียนเพียงแค่จินตนาการ

หวังอยากได้พระเอกที่คู่ควรกับนายเอก

มีความเข้าใจในกันและกัน

จุดจบสวยหรู

สร้างบุคลิกตัวละครที่แตกต่าง

อีกทั้ง…

แนวรักหวานแหววซะส่วนใหญ่

ก็ล้วนเกิดจากความต้องการเราล้วนๆ

อุปนิสัยที่หลายคนถวิลหา

แต่แท้จริงนั้น…

ก็แค่สิ่งไร้ตัวตน

เราก็แค่หวัง

หวังให้มีคนเข้าใจ

ยอมรับในตัวเรา

อีกคนร้อน

อีกคนเย็น

แต่ตอนนี้ไม่รู้เลย…

คำว่าร้อนต้องมากแค่ไหน

เย็นในที่นี้ต้องเย็นยะเยือกเพียงใด

เพื่อให้ความสัมพันธ์มันเกื้อหนุนกันได้

จะมีใครเย็นอยู่ไหม ?

หากถูกนอกใจ…

อยากรู้นักเขาจะเย็นกันไหม

หรือยอมทนโง่

เพราะรักมากเหมือนนางเอกนวนิยาย

ครั้งนี้เลยได้แต่จดจ้อง

อยู่ในหน้า Word โง่ๆ เพียงลำพัง

เขียนไม่ออกแล้ว

แต่งต่อไม่ได้เลย

ฉากหลังต้องพิมพ์ยังไง

ความรู้สึกของตัวละครต้องเป็นแบบไหน

ทำไมมันมืดแปดด้าน

แต่งต่อไม่ออกสักนิด

แค่พิมพ์คำเดียวยังรู้สึกเหนื่อย

ทนฝืนต่อไม่ค่อยไหว

มันมีแต่ความรู้สึกของเราในตัวอักษร

ความกรุ่นโกรธจากภายใน

กระแทกแป้มพิมพ์ทุกครั้ง

โทสะมันพรั่งพรู

เว้นจังหวะทุกครา

เราไม่ชอบเลย…

กลับกลายเป็นว่า…

เราต้องแต่งเรื่องใหม่

แต่งเรื่องที่มันมีความเจ็บคล้ายตัวเอง

ยิ่งพรมนิ้ว

ยิ่งคิดคำ

สรรหาคำนำมาใช้ให้สวยหรู

ล้วนเสีอดแทงให้หายใจไม่ค่อยออก

เบื่อนัก

เกลียดนัก

รักเหี้ยๆ

รักจอมปลอม

น่ารำคาญ

น่าสมเพช

น่ารังเกียจฉิบหายเลย

จุดจบดีบ้าบออะไรกัน

ชีวิตคู่คือเหี้ยอะไรกัน

มีใครเข้าใจความรู้สึกของเราบ้างไหม

เพราะเรื่องอดีตของแต่ละคนนั้นแตกต่าง

ปมปัญหาชีวิตแตกต่างกันนัก

สุดท้ายจึงหยุดเขียน

นั่งลูบหน้าตัวเอง

เพิ่งรู้ตัวว่าน้ำตามันไหล

เผลอหลุดเสียงสะอื้นขึ้นมาทันใด

“ฮึก ฮือออ”

เกลียด

เกลียดไปหมดเลย

เกลียดแม่งด้วย

เกลียดน้ำตาในตอนนี้ด้วย

เกลียดที่ตัวเองต้องเป็นแบบนี้

เศร้าอีกแล้ว

อ่อนแอเหมือนตัวละคร

ไม่ชอบ

ไม่อยากให้เป็นแบบนั้น

ไม่อยากเป็นคนดูน่าสงสาร

โคตรอยากเข้มแข็ง

แต่ต้องเข้มแข็งแค่ไหนกันวะ

ถึงจะช่วยเราเอาไว้ได้

ตัดสินใจสูดอากาศเข้าปอด

พยายามระงับหยาดหยดธารา

เงียบไม่เกินห้าวิ

สักพักก็โอดครวญ

เสียงเศร้าจึงดังเครือ

อ่อนแอเหมือนจิตใจ

ทำตัวให้เข้มแข็งต่อหน้าผู้คน

ยิ้มแย้มมาหลายหน

วันนี้คงหมดสิ้น…

สิ้นสุดระยะเวลาของเกาะกำบัง

ทุกข์ระทมอยู่เพียงลำพัง

ไม่ให้ใครเห็น

ยิ่งคิดยิ่งโกรธ

หมายถึงโกรธที่โดนนอกใจ

จะปล่อยวางนิ่งเฉยก็ไม่ได้

จึงหยิบมือถือขึ้นมา

เปิดแอพไลน์แชท

ทักไปหาพี่ชายของตนเอง

‘พี่ช่วยผมด้วย’

ผมรู้สึกแย่ชะมัดเลย…

อย่างน้อยก็อยากหายไปจากจุดนี้

จุดที่ไม่ใช่ความตาย

แต่เป็นจุดที่จะสามารถเยียวยาเราเอาไว้ได้

จุดของแสงสว่างไสว

แม้มันจะแอบแฝงท่ามกลางความมืดมิด

เปรียบเสมือนเทียนไขที่ถูกจุด

ต่อให้สิ่งรอบตัวมืดครึ้มเพียงใด

แสงประกายก็ยังมีรำไร

เปล่งแสงสีเป็นความหวังของผู้คน

 

กระดิกนิ้วฟังเพลง

เปิดหนังคอมเมดี้ขัดแย้งกับห้วงอารมณ์

มีแต่สีหน้าที่เบื่อหน่าย

แต่ไม่รู้ทำไมชอบนัก

ชอบจ้องมือถือที่เริ่มมีข้อความส่งๆ

จากพ่อแม่ของแฟนเก่า

ญาติพี่น้องของพวกเขา

‘หนูเลิกกับพี่เขาแล้วเหรอลูก’

‘ลูกแม่นอกใจเราจริงใช่ไหม ?’

‘ขอโทษด้วย’

‘ไม่เป็นอะไรใช่ไหม’

เป็นห่วงเรากันหมดเลย

เราจึงเค้นยิ้ม

ยิ้มที่ปะปนไปกับความทุกข์

ผสมปนเปกับความชอบใจ

หายนะของพวกมึงเริ่มขึ้นแล้ว

ไม่ได้เป็นข่าวดัง

แต่ก็เป็นข่าวโซเซี่ยลที่โดนประณามยกใหญ่

ผัวชั่วนอกใจ

หญิงงามหน้าที่มาหักหลัง

ผีเน่ากับโลงผุ

เหมาะสมฉิบหาย

สมควรกับคำเปรียบเปรย

ฉะนั้น…

ขอให้เล่นสนุกกับสื่อออนไลน์

 

เมื่อไม่สามารถอยู่เพียงลำพังได้

กริ่งเกรงว่าจะทำให้เศร้าสร้อย

ยังต้องไปเอาของที่คอนโดอีกต่างหาก

เลยให้พี่ชายมาเป็นเพื่อน

แต่แท้จริงนั้นก็โกหก…

ล้วนมีจุดประสงค์ที่แอบแฝง

แถมยังต้องปลอบพี่ชายที่โทสะ

โมโหร้ายกับแฟนเก่าที่ทำชั่ว

ทำให้น้องอย่างเราต้องเป็นทุกข์

“พี่จะฆ่ามัน”

เป็นคำเปรียบเปรยของความโมโห

บ่งบอกให้ได้รับรู้

ว่าน้องของเขาไม่ควรเจอะเจอกับเหตุการณ์เช่นนี้

ก็แหม…

ก็นั่นสินะ

น้องอย่างเรามันดีนักหนา

เป็นแฟนที่ดีของผัวมาตั้งนาน

มีอาชีพที่มั่นคง

มีสำนักพิมพ์ติดต่อในงานเขียน

พอจะมีเงินประทังชีวิตตัวเองได้

วางตัวเองดีมาโดยตลอด

ไม่ว่าจะต่อหน้าผู้ใหญ่

หรือฝ่ายพ่อแม่ของแฟนเก่า

แต่บัดนี้ผ้าขาวคงบิดพลิ้ว

ไม่ได้ใสสะอาดผ่านหน้าตา

ใบหน้าดูยิ้มแย้ม

แต่ภายในนั้นเจ็บช้ำ

หรือภายนอกนั้นเศร้าโศก…

แต่ภายในอาจปรีดาเหลือหลาย

ล้วนไม่มีใครรับรู้…

และบางคนอาจจะไม่เข้าใจกับความหมาย

แต่ถ้าหากเป็นอย่างเหตุการณ์ตอนนี้ล่ะ ?

เราที่เดินเข้ามาในห้อง

ยืนซ้อนอยู่ด้านหลังของคนเป็นพี่

เจอะเจอกับรุ่นน้องที่มีสีหน้า คล้ายอดหลับอดนอน

ผัวเก่าที่นั่งซึมกะทืออยู่ตรงโต๊ะอาหาร

วินาทีนี้มีแต่เราที่สีหน้าเรียบเฉย

ต่างจากพวกมันสองตัวที่เบิกตาโพลง

ชายหนุ่มคล้ายเหงื่อตก

หญิงสาวหน้าขาวซีดเผือด

หวาดหวั่น

ขวัญผวา

ไม่ทันจะทำอันใด

เป็นพี่ของเรามากกว่าที่หุนหัน

พุ่งเข้าไปต่อยหน้าแฟนเก่าของเราอย่างรวดเร็ว

สะใจยิ่งนัก

โดยเฉพาะตอนที่พี่เหวี่ยงหมัด

อัดกระแทกข้างสันกรามของใครคนนึง

ผัวะ ! โครม !

หากแต่งเป็นนิยาย

คงต้องพิมพ์เป็นเสียงประกอบเช่นนี้

ตลกดีอะ…

ร่างของบางคนไถลไปกับพื้น

เก้าอี้ล้มคว่ำกระจัดกระจาย

ส่วนรุ่นน้องยืนตัวสั่น

มองดูเหตุการณ์ที่ฉุกละหุก

ไม่เหมือนกับเราที่ยืนนิ่งในทีแรก

ก่อนจะรีบเข้าไปดึงพี่ชายของตนเอง

หวังให้เขาถอยออกห่าง

“พี่อย่า !”

อย่าทำมัน

แต่ก็สะใจฉิบหาย

ตอนที่พี่ใช้ฝ่าเท้าเตะเข้าที่กลางลำตัว

ทำให้บุรุษโสมมร่างกายหดงอ

เลือดไหลซิบข้างมุมปาก

มีแผลช้ำที่เราทำก่อนหน้า

“มึงกล้านอกใจน้องกู ไอ้เด็กเหี้ย !”

เราชอบที่พี่ชายด่ามากๆ เลย

แต่ก็เศร้านะที่ต้องทำให้พี่ต้องมาเจ็บ

แม้หนึ่งในนั้นจะเป็นแผนของเรา

ทดแทนกับสิ่งที่เราไม่สามารถทำได้ดั่งใจนึก

ปากของเรามันสั่น

“ฮึก ฮือออ พี่อย่า”

แต่ภายในนึกสนุก

ถึงแม้จะเป็นคนไม่ชอบความรุนแรง

เจอเรื่องแบบนี้คงอกสั่นขวัญแขวน

แต่ทำไมนะ

ส่วนนึงลึกๆ

อยากบอกกับพี่ชายนัก

เอาอีกสิ

ทำมันอีก

กระแทกหน้ามันแรงๆ ให้สาสม

แถมยังอยากร่วมด้วยซ้ำ

อยากเตะแม่งให้ช้ำไปทั้งกาย

กล้าดียังไงมานอกใจกู…

มันควรเป็นกูมากกว่าที่นอกใจมึง

แต่ก็ดีแล้วล่ะ…

กูจะได้รู้เอาไว้

ว่าความรักกับคนบางคน

ใช้ไม่ได้กับคนบางประเภท

ให้ร้อยเกินไปก็คงไม่ดี

คิดว่ากูเป็นนางเอกมากดิ ?

คิดว่ากูจะต้องมาทนเหรอ ?

คิดว่าสิ่งที่กูทำในวันนั้นจะเพียงพอแล้วสินะ ?

ไม่หรอก

หึ ไม่เลย

หากคนอ่านรู้นิสัยธาตุแท้ของเรา

มันจะเป็นเช่นไรกันนะ

แต่ก็ช่างเถอะ…

แคร์ทุกคนนะ

แต่เราจะไม่แคร์…

กับคนที่ทำร้ายความรู้สึกเราก่อน

เพราะมันควรเป็นเรา

ที่ได้เอาคืน

ประณามหยามเหยียด

ให้พ่อแม่มันรับรู้ถึงสันดานชั่วๆ ของคนเป็นลูก

ให้ญาติพี่น้องมันได้พบเห็น

ว่าอีผัวเก่าเราคนนี้เป็นคนยังไง

โคตรร้าย

ใช่ เรานี่แหละที่โคตรร้าย

ร้ายจนน่าหวาดกลัว

ขอแค่อย่ามาทำร้ายกันก่อนก็พอ…

เราว่าเรา

ดีมามากเกินไป…

แฟนของเราคนนี้…

จึงนอกใจกัน

ถึงแม้…

ถึงแม้ในสายตามึงในตอนนี้…

จะดูอาลัยอาวรณ์

รักกูมากเหลือเกิน

 

‘ผมขอโทษ ผมรู้ว่าคุณคงไม่ให้อภัยผมได้ แต่เรามาคุยกันก่อนได้ไหม ผมเสียใจกับสิ่งที่ทำจริงๆ’

 

เพราะขนาดข้อความที่มึงส่งมา

จากเมื่อคืนนี้

กูก็ไม่คิดจะตอบ

เหตุผลข้อแก้ตัว

จากพวกเสนียดจัญไร




TBC.
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 28-05-2019 20:17:16 โดย lookpatty15407 »

ออฟไลน์ ืniyataan

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3324
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +64/-1

ออฟไลน์ BabyGB

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 17
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
หู่ยยยย ตอน2สนุกมากเหมือนกันค่ะ เราชอบตรงที่ว่า แคร์ทุกคนนะแต่ไม่แคร์คนที่ร้ายกับเรา สะใจดีค่ะ พวกคนทรยศ​มันต้องตกนรกทั้งเป็นแบบที่เราเจ็บ 5555555555​ เราอินอ่ะ รอติดตามตอนต่อไปนะคะ :katai2-1:

ออฟไลน์ Snowermyhae

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4014
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +97/-7
เอาอีกกกก สมน้ำหน้ามัน ถ้าไม่โดนจับได้ก็ไม่สำนึกหรอก เริงรักกันหน้าระรื่นไม่เห็นมีความสำนึกอยู่ในหัว พอถูกประนามหน่อยหน้าบางขึ้นมาทันที หึ

ออฟไลน์ SoSweetCB

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 131
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0
เป็นนิยายที่มีการบรรยายที่แตกต่างจากปกติแต่อ่านเข้าใจง่าย ภาษาสวยเหมือนบนกลอนเลยค่ะ
เรื่องแรกสะใจมาก มูฟออนออกมาสวยๆ
เรื่องที่สองทำน้ำตาคลอเลย ตอนแรกเรานึกว่าคนพี่จะหมดรักน้อง แต่จริงๆ แล้วไม่ใช่พี่แค่ยุ่งเรียนจริงๆ แล้วรักกันมากจนยอมตามไปอีกโลกเลยอ่ะ
เรื่องที่สามคือแบบ ;-; ผู้ชายเห็นแก่ตัวมาก แต่งงานมาตั้งห้าปียังจะนอกใจอีก ยังกล้าพูดว่ารักได้ไง ถ้าบอกว่าพลั้งเผลอไปหาผู้หญิงคนนั้นจริง แต่ก็น่าจะเอาใจใส่เมียเหมือนเดิมนะ อันนี้เปลี่ยนไปเลยใครจะทนไหว แต่คนภรรยาตัดสินใจฆ่าตัวตายปุบปับมาก ผชจะได้รับบทเรียนและภาพฝังใจก็ไม่แปลก

ออฟไลน์ SoSweetCB

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 131
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0
อ่านถึงตอนดูนี่นะแล้วค่อนข้างแน่ใจว่าไรต์จะชอบให้ตัวนายเอกมีจุดฝากความตายเป็นตราบาปให้ตัวพระเอก  :katai1:
สงสารรรรรรรร

ออฟไลน์ poshbear

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 28
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0
อ่านตอนล่าสุดแล้วแบบ รู้สึกหายใจไม่ออกอ่ะ ไรท์แต่งเก่งมากจริงๆ 5555555

ออฟไลน์ joborcusier

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 194
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
ชอบค่ะ คนร้ายก็ต้องเจออะไรร้ายๆที่ทำไว้กับคนอื่น  :katai4:

ออฟไลน์ lookpatty15407

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 74
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +30/-1
ไม่ใช่นางเอก : 3



 

มันน่าเบื่อนะ

โดยเฉพาะ…

ผัวะ !

“อั่ก !”

กับเสียงหลุดร้อง

คนแบบคุณ…

ปวดระทมเป็นด้วยเหรอ ?

“อึก !”

จุกเสียดมากสินะ ?

ผัวะ !

แต่ไม่ตายหรอก…

แฟนคนนี้ยังคงมองคุณจากเบื้องบน

ใช้แววตาพินิจราวกับคนตรงพื้นคือเศษขยะ

น่าป่นปี้และจุดไฟเผาราวกับสิ่งไร้ค่า

เห็นฝ่าเท้าของพี่ชายที่เหวี่ยงไปด้านหลัง

และอัดกระแทกเข้าที่กล้ามหน้าท้องของสิ่งโสมม

บางทีก็คิดนะ…

ก็เผลอคิดอยู่เสมอ…

ว่าอีพวกตอแหล

อีคนที่แสนน่ารังเกียจเช่นนี้

ชอบนอกใจแฟนตนเอง

ไปมั่วเอากับคนอื่นไปทั่ว

อดนึกเปรียบเปรยกันแทบไม่ได้

ว่านี่มนุษย์หรือสัตว์เดรัจฉาน

เป็นหมาที่ชอบเสพสมกันไม่เลือกหน้าใช่หรือไม่ ?

หรือเป็นสัตว์ที่แยกแยะผิดชอบชั่วดีกันไม่ค่อยได้

กูอดนึกไม่ได้จริงๆ

ว่าบางทีมันก็น่าลองนะ

น่าแอบทำเหมือนในหนังสยองขวัญ

จับหรรมที่ชอบพ่นเชื้อ

ทำยังไงก็ได้ให้แม่งเป็นหนองใน

ใช้กรรไกรตัดให้ขาดคงจะดีไม่ใช่น้อย

แต่ก็ได้แค่คิดเท่านั้นแหละ…

ไม่ได้ฉุกคิดจะลงไม้ลงมืออย่างจริงจัง

จินตนาการเพื่อเอาความสะใจกันล้วนๆ

เพื่อจับผัวชั่วแบบมึง

และรุ่นน้องร่านแบบมึงด้วย…

พลางปรายตามองไปทางหญิงสาวด้วยความหงุดหงิด

รกหูรกตาจนอยากจะวิ่งไปจิกกระชากหัว

ถ้าคนเขียนแบบกูวิปลาสมากพอ

คงจะจับพวกมึงสองตัวมัดกับเชือก

ผูกมัดพันธการตรงข้อเท้าไว้กับหินก้อนใหญ่

จับถ่วงโยนลงทะเลสาบในป่าช้า

และยืนมองดูพวกมึงสองตัวดีดดิ้นทุรนทุราย

หวนคิดแค่นี้ก็น่าสะใจพอแล้ว

หรือจะจับพวกมึงผูกไว้กับท้ายรถดี

เวลาขับรถพุ่งทะยานไปกับถนน

หนั่นเนื้อของพวกมึงจะได้ฉีกขาด

เลือดไหลอาบไปตามถนนซีเมนต์

“พอเถอะครับ” เอ่ยปากบอกพี่ชาย

รีบดึงแขนเสื้ออย่างแรง

หวังให้พี่ไม่มีข้อมือที่ช้ำเลือดไปมากกว่านี้

เพียงแค่นี้ไอ้เหี้ยนี่ก็หน้าไม่เหลือเค้าเดิม

ริมฝีปากก็แตก

เลือดไหลรินข้างมุมปาก

ซีกแก้มก็เขียวช้ำ

เหนือข้างขมับมีผ้าก็อตที่ปิดปากแผล

คาดคะเนว่าก่อนหน้านี้คงไปหาหมอเพื่อรักษาบรรเทา

ก็เพราะเราคนนี้เอาแจกันฟาดหัวมัน

“คุณ”

“อย่ามาจับ !” รีบตวาดเสียงดังลั่น

สะบัดขาใส่มือเชื้อโรคที่หวังจะยื่นมาจับกุม

“ผมขอโทษ…”

“เก็บไว้ให้พ่อให้แม่มึงเถอะ”

เอาไปใช้กับบุพการีทั้งสองของมึงเหอะ

ถึงมึงจะพูดเป็นร้อยเป็นพันคำ

ยังไงกูก็ไม่ให้อภัย

ห้องนี้กูก็หารจ่ายด้วยแท้ๆ

“มึงก็ยังหน้าด้านอยู่อีกเนอะ”

“ฮึก”

“รุ่นน้องแบบมึงนี่หน้าด้านมากจริงๆ”

เป็นผู้หญิงงามไส้ซะจริงๆ

แต่ประทานโทษเถอะนะ

กูไม่สนเรื่องเพศสภาพอะไรของมึงทั้งนั้น

ในเมื่อหักหลังกูกันก่อน

กูไม่มีความสุข

พวกมึงก็ต้องไม่มีความสุข

อย่างน้อยก็ต้องแบ่งเบาความเจ็บปวดให้เท่าเทียมกัน

เอาไปบ้างนะ…

“โดนโซเซี่ยลประณามหยามเหยียดสนุกบ้างไหมล่ะ ?”

พวกเขาจะได้รู้ไง…

ว่าเด็กใสซื่อแบบมึง

แท้จริงก็ชอบเสแสร้งจอมปลอม

แอ็บเป็นเด็กร่าเริงสดใสอ่อนต่อโลก

ยิ้มง่าย

หึ นัดยิ้มเก่งแทนซะงั้น

“มึงนี่เหี้ยจริงๆ เลย”

คอยแย่งสามีชาวบ้าน

“กะหรี่ยังมีค่ามากกว่ามึงอีกรู้บ้างไหม ?”

พวกเขายังได้เงินมาประทังชีวิต

“แต่มึงเสือกได้แบบฟรีๆ”

รูร่านๆ ของมึงคงกรวงโบ๋แล้วสิท่า

“มึงคิดจริงเหรอว่าไอ้เหี้ยนี่จะรักมึงจริง” เค้นหัวเราะอย่างขบขัน

ก่อนจะชี้นิ้วไปทางบุคคลที่นอนกองกับพื้นอย่างหมดสภาพ

รุ่นน้องแบบมึงนี่ก็น่าสงสารนะ

ตามเล่ห์กลอุบายผู้ชายไม่ค่อยทัน

ส่วนผัวแบบมึงก็หลงมารยาสตรีได้อย่างง่ายดาย

เหี้ยกับเหี้ยมาเจอกัน

เชิญโอบกอดประคองกันให้เต็มที่

“อีพวกควาย”

ผ่านพ้นมรสุมปัญหาชีวิตไปให้ได้นะ

อยู่ให้ได้กับโลกสังคมออนไลน์

แม้เวลาผ่านพ้นไป…

ก็อาจจะทำให้มนุษย์นั้นหลงลืมการกระทำ

แต่ญาติพี่น้องและคนใกล้ชิดของพวกมึงทั้งคู่

กูเชื่อนะ…

ไม่ว่ายังไง…

ก็เป็นที่น่าจดจำ

ฝังใจไม่มีวันลืม

คนอื่นอาจจะให้อภัยมึงเข้าสักวันนึง

แต่สิ่งที่มึงทำกับกูจะไม่มีวันให้อภัยอย่างแน่นอน

“บอกเหตุผลที่มึงแย่งผัวกูได้ไหม ?”

ตอนนี้กูเริ่มอยากจะรู้ซะแล้วสิ

เผื่อเอาเรื่องราวของตัวเองไปขีดเขียนเป็นนวนิยาย

ความเรียลของมันคงทำให้คนเขียนอย่างกูต้องอินมากแน่ๆ

“บอกด้วยนะว่าตอนได้กับผัวกูมันเป็นแบบไหน ?”

แบบว่ามันสนุกมากไหม ?

แบบว่ามันรู้สึกดียังไงตอนได้เสียกัน ?

แบบว่ามันจะพอมีจิตใต้สำนึกที่ฉุกคิดได้หรือไม่ ?

แล้วระงับความคันระริกระรี้ของมึงได้หรือเปล่า ?

“พูดสิ”

อย่าเอาแต่ร้องไห้…

“มึงพูดสิอีเหี้ย !”

กูเคยบอกแล้วไง

ว่าอย่าให้กูเห็นหน้ามึงเป็นรอบที่สอง

แต่วันนี้กูก็ยังเห็นมึงยืนค้างเติ่งอยู่ตรงนี้

บ้านซ่องไม่กลับ…

มึงจะแหกหลีให้มันมาเอาทุกวันเลยใช่ไหม !

พ่อแม่มึงคงภูมิใจมากเนอะ

แต่คงผิดหวังที่ลูกอย่างมึงเสือกแย่งผัวรุ่นพี่คนนี้

กูก็เคยเจอพวกท่านนะ

เอ็นดูมึงแบบน้องสาวด้วย…

แต่ที่ไหนได้เสือกเป็นน้องรักมารผจญ

“กรี๊ดดดด !” หลุดร้องอีกเช่นเคย

คร่ำครวญหวนไห้ไปกี่พันหน

วันนี้กูจะทำให้มึงรู้ซึ้งเหมือนวันวาน

วิ่งไปจิกกระชากเส้นผมสีดำขลับ

เหวี่ยงร่างสตรีมักง่ายให้ลมอนาถกองกับพื้น

ก่อนจะจิกทึ้งอีกสักหน

“พี่ไม่ต้องยุ่ง !” รีบเอ่ยปากดักทางไว้

แล้วเดินเข้ามาในห้อง

กระชากหนังศีรษะของอีกคนที่ดีดดิ้นทุรนทุราย

ครูดไถลไปกับพื้น

ลากเข้ามาในห้องนอน

พอเรียวขาผ่านพ้นบานประตู

เราก็รีบจับปิดใช้นิ้วล็อกกลอน

จากนั้น…

หันมามองสตรีที่ดวงตาแดงก่ำ

น้ำตารินไหลอาบแก้มขาว

ท่าทางดูน่าสงสารสิ้นดี

แต่ทำไมกูจะไม่รู้ว่ากมลสันดานแท้จริงเป็นเช่นไร

“มึงจะพูดไม่พูด ?”

“พี่จะให้หนูพูดอะไร”

“ว่าทำไมมึงถึงแย่งผัวชาวบ้านไงอีควาย !”

สมองกลวงนักเหรออีเวรตะไร

ทีอย่างงี้กลับจำพูดกูไม่ได้

แล้วทำไมตอนเอากับผัวกู

รู้แท้ๆ ว่าแฟนรุ่นพี่

หรือเพราะว่าตอนแหกแข้งแหกขาเลยหลงๆ ลืม

“ถามจริงเถอะอีมุก”

ใช้หลีแทนสมองเหรอ ?

“มึงไม่อายเหรอที่แย่งผัวชาวบ้าน”

“แต่หนูรักเขาจริงๆ”

“เหตุผลหน้าด้านๆ แบบนี้น่ะเหรอ !?”

เพราะคำว่ารักจริงๆ งั้นเหรอ ?

“เพราะรักที่ทำให้มึงหน้ามืดตามัวแบบนี้น่ะเหรอ ?”

จนถึงขั้นต้องแย่งผัวของกู

“คำว่ารักของมึงแม่งไม่มีศีลธรรมเลยใช่ไหมห๊ะ !”

กระโชกโฮกฮากดังลั่น

ตะเบ็งเสียงจนเส้นเลือดตึงขนัดที่ข้างลำคอ

ถลึงตามองไปทางยัยผู้หญิงชั่วที่นอนอยู่ตรงพื้น

“มึงเป็นบ้าอ๋ออีมุก”

“ฮึก พี่”

“มึงใช้คำว่ารักโดยไม่สนหัวบุคคลอื่น”

ทำร้ายแม้แต่คนที่รักมึง

ไว้เนื้อเชื่อใจมึง

คอยเอ็นดูมึงมาโดยตลอด

แต่เนื้อแท้ภายใน…

“มึงนี่แม่งเน่าเฟะจริงๆ”

กักขฬะแม้แต่ความคิด

ความรักของมึงนี่แม่งโคตรไม่มีมูลค่า

“หึ อีเหี้ยนั่นมันเคยบอกว่ารักมึงบ้างไหมห๊ะ ?”

เคยบ้างไหมล่ะ ?

“ไม่เคยสินะ” ถามย้ำเพื่อความแน่ใจ

แค่เห็นดวงตาที่เศร้าสลดของมึงก็นึกสมเพช

“รักของมึง แม่งไม่ได้มีความหมายกับใครอีกคน”

มึงชอบจริงๆ เหรอ ?

“มึงยอมแหกขาให้เขาเอา”

และมึงรู้ตัวบ้างไหมล่ะ ?

“มึงทำแบบนี้ก็เป็นแค่ทางผ่านให้ผู้ชาย”

ได้แค่กายแต่ไม่มีวันได้ใจ

“ต่อให้แม่งจะวนเวียนเอามึงตลอดเวลา”

มันก็ไม่ได้หมายความว่าเขาจะรักมึงอย่างแท้จริง…

“ติดใจอยากได้มึงแทบทุกวัน”

มันก็แค่ความลุ่มหลงเพียงชั่ววูบเท่านั้น

“ตัวมึงคงบอกรักแม่งทุกครั้ง”

แต่แม่งก็ไม่เคยโต้ตอบบอกรักกับมึงเลยสักหน

จริงเหรอ ?

เป็นความรักที่แท้จริงอย่างงั้นเหรอ ?

มึงเหมือนเหมือนเด็กไม่ประสีประสาด้านความรักยิ่งนัก

ก็แค่เก่งกาจชำนาญด้านราคะ

สิ่งที่เรียกว่าเพศสัมพันธ์

เหมาะสมยิ่งกว่าในการเลือกใช้คำพูดนี้…

“สมสู่เอากันลับหลังกู”

วินาทีนั้นกูอยากรู้นัก…

“มึงกำลังคิดอะไรอยู่”

แค่อยากเป็นตัวคั่นเวลาเท่านั้นน่ะเหรอ ?

“สมองเล็กๆ ของมึงไม่เคยไตร่ตรองเลยใช่ไหม ?”

จะหัดสาระแนจำกันบ้างไหม ?

“ว่าแย่งผัวชาวบ้านแม่งไม่ดี !”

เสียงสนั่นลั่นภายในห้อง

บ่งบอกถึงห้วงอารมณ์ที่เต็มไปด้วยโทสะ

“ก็กูชอบเขา !”

นิ่งเงียบ…

ก่อนจะยิ้มขำภายในเสี้ยววินาที

“นี่ไงธาตุแท้ของมึง”

ตาแดงจัดขุ่นเคืองเชียว

“กูเพิ่งเห็นคาตาก็วันนี้นี่แหละ”

“ฮ่าๆ !” ถึงกับตบมือให้เลยทีเดียว

มึงสวมบทบาทเป็นเด็กใสๆ มาเนิ่นนาน

ท่าทางสงบเสงี่ยมเรียบร้อยต่อโลกภายนอก

แต่อยู่บนเตียงคงสถาปนาบทบาทเป็นหญิงร่านรัก

“กะหรี่จริงๆ”

ไม่เคยพูดคำหยาบนี้มาตั้งนาน

ณ ตอนนี้สารพัดนึกนำมาใช้อย่างละเอียดหมด

ไม่ว่าจะอีเหี้ย

“อีสัตว์”

อีพวกหน้าด้าน

“แม่งเหมาะสมกับมึงจริงๆ”

“มึงก็พอกันนั่นแหละ” อีกฝ่ายถกเถียง

รู้สึกใจเต้นตุบตับ

ทั้งร้อนรุ่ม

ชอบใจกับนิสัยธาตุแท้ของคนเรา

อาจเพราะว่าถูกทำร้ายจนทนไม่ไหว

ท้ายที่สุดจึงเปิดเผยตัวตนสิ่งภายใน

หรือไม่…

ก็ชอบใช้เวลาลับหลังคนอื่น

“ปากเก่งเหมือนกันเลยหนิ”

เริ่มคันไม้คันมือขึ้นมาละ

“มาดูซิว่าจะเก่งสมดั่งปากไหม”

“ฮึก”

“อีเด็กหน้าด้าน !”

มึงเลิกสะอึกสะอื้นไปได้เลย

“ครั้งนี้กูจะให้มึงกราบตีนกูให้ได้”

เตรียมแหกปากวิงวอนได้เลย

กูจะไม่มีวันหยุด !

“กรี๊ดดดด !”

ร่ำร้องไปเถอะ…

เพี๊ยะ !

กระโจนเข้าไปขึ้นคร่อม

ปัดข้อมือที่หวังจะใช้ปลายเล็บจิกเข้าที่เรียวแขน

ก่อนจะถูกตบไปที่ใบหน้าอย่างรุนแรง

เผยริมฝีปากที่มีเลือดกบปากในทันใด

“ขอดูหน่อยเถอะ”

จะได้เข้าใจอย่างถ่องแท้

“ความรักของมึงจะมากมายแค่ไหนกัน”

จะต่อสู้เพื่อความรักในครั้งนี้ได้ดีแค่ไหน

เสียเปรียบในด้านพละกำลัง

ทั้งที่กูก็ตัวเล็กกว่ามึงด้วยซ้ำ

พลางใช้หลังฝ่ามือสะบัดไปทางขวาสุดแรงเกิด

ทำให้ใบหน้าสวยหวานต้องหันไปตามทิศทาง

แถมยังกล้าถลึงตามองอย่างไม่ยอมแพ้

เก่งนะ…

น่าควักให้มืดบอดซะจริงๆ

คงอยากจะโต้ตอบกลับบ้างแล้วล่ะสิ

“เอาสิ”

กูก็อยากเห็นละ

“กรี๊ดดด ! อีเหี้ย กูทนไม่ไหวแล้วนะ !”

กูก็พอกัน

ทนไม่ไหวกับพวกมึงพอกัน !

พรึ่บ !

ถูกขึ้นคร่อมในบันดล

ครั้งนี้เป็นเราเองที่ชิงไหวชิงพริบไม่ค่อยทัน

ถูกรุ่นน้องอย่างมันโถมทับ

ใจจริงก็ไม่อยากจะตบหรอกนะ

เพราะเหตุผลโง่ๆ แย่งผัวหน้าหนังหลี

แต่ที่อยากจะตบก็เพราะความสะใจล้วนๆ

รับฟังความเห็นแก่ตัวของพวกมึงสองตัว…

มามากพอละ

เพี๊ยะ !

“อีสัตว์ !” คำด่ามาจากยัยมุก

ส่วนเรานอนชักสีหน้าเจ็บริ้ว

ในใจก็ร้อนรุ่มดั่งเชื้อเพลิง

ยื่นแขนขึ้นสูง

กระชากเส้นผมของคนเบื้องบนให้หงายหลัง

ก่อนจะถูกเราขึ้นคร่อมดังเดิม

ครั้งนี้ใช้ปลายนิ้วทั้งห้าเข้ามาสัมผัส

เริ่มแตะต้องที่กึ่งกลางใบหน้าเรียวเล็ก

จิกเล็บลงที่ผิวหนังของอีกฝ่าย

ยกหน้าขึ้น…

และกระแทกลงอย่างรวดเร็ว

ให้หลังศีรษะของมันกระทบกับพื้นห้อง

ปั่ก !

“โอ๊ย !”

กูก็เข้าใจมึงนะ

ว่าถูกทำร้ายมามากก็ย่อมต้องโต้ตอบกลับ

ไม่มีใครอยากทนอยู่ฝ่ายเดียวหรอก

แต่สำหรับกูมันมากเกินไปไง

มากเกินไปที่ต้องยอมทนความเลว

แบบนี้ดีแล้ว

โต้ตอบกลับน่ะดีแล้ว

ไม่มีใครเป็นนางเอกทั้งนั้น

แสนดีไปเพื่ออะไร

ชีวิตแม่งก็ร้ายพอกัน

ถาโถมให้ต้องฝ่าฟัน

ดิ้นรนและกอปรกับเรื่องเหลวแหลก

อุปสรรคครั้งแรกของกู…

น่าจะเป็นขวางหนามของพวกมึงสองตัว

พลันแหกปากลั่นห้อง

ตึงๆ

คล้ายได้ยินเสียงเคาะประตู

แต่ก็ไม่คิดจะใส่ใจ…

สารพัดคำหยาบพ่นใส่คนใต้ร่าง

เงื้อมือขึ้นสูงฟาดลงในฉับไว

“คิดจะสู้กูเหรอ !”

เพี๊ยะ !

มึงไม่หัดจำเลยใช่ไหมห๊ะ !

“ปากเก่งนักใช่ไหม !”

เพี๊ยะ !

“รักเหรออีควาย”

เพี๊ยะ !

โธ่…

“อีดอก”

ไม่เจียมตัวเลยสักนิด

กล้าใช้คำว่ารักโดยไม่มีศีลธรรมพอกัน

ขัดแย้งพอๆ กัน

หุนหันพลันแล่นลุกขึ้นยืน

จับเส้นผมที่แทบจะร่วงกระจุกคามือ

เหวี่ยงสะบัดร่างบางทิ้งไปด้านข้าง

“กราบตีนกู”

ไม่งั้นมึงก็ต้องโดนอีก

ไฟมันสุมอกทบทวี

อยากจะออกไปต่อยตีอีเหี้ยนั่นด้วย

“มึงจะกราบไม่กราบ !”

ถลึงตาใส่พลางเข่นเขี้ยว

ชี้นิ้วด่าเป็นเชิงคำสั่ง

มองคนเลิกลั่กที่รีบพยุงร่าง

คล้ายจะไม่ยินยอมจนต้องถีบหงายหลัง

“มึงจะลองดีอีกใช่ไหม !”

“ฮึก !”

ฝ่ามือดันลงที่พื้นห้อง

ก่อนจะยกมือขึ้นพนม

บรรจงกราบไหว้ในทันที

แต่เราก็ถอยหลัง

บิดพลิ้วกับสิ่งที่ต้องการผ่านคำพูด

ลึกๆ ไม่ได้ยินดีกับความรู้สึกนี้เลยแม้แต่น้อย

“มึงไปคิดทบทวนดูดีๆ นะอีมุก”

ไตร่ตรองอย่างละเอียดถี่ถ้วนด้วย

“ว่าสิ่งที่มึงทำกับกูมันชั่วช้าแค่ไหน”

เผลอหลุดเสียงสะอื้นเข้าซะงั้น

น้ำตาคลอใส่คนตรงหน้าที่ช้อนตามอง

ดวงตามีหยาดน้ำตารินไหลไม่ต่างกัน

หวังให้มึงเข้าใจหัวอกของกูบ้าง

“มึงมันเลว”

กูเริ่มเกลียดเข้าไส้

ความสัมพันธ์พี่น้องมันจบลงเพราะผู้ชายคนเดียวกัน

“มึงมันโง่ที่ไปหลงรักมัน”

โง่ที่เสือกอยากได้แฟนรุ่นพี่ของตัวเอง

ทำให้ชีวิตของมึงต้องเหลวแหลกแทนซะงั้น

หรือไม่…

ก็เป็นมึงนั่นแหละที่เหี้ยเป็นทุนเดิม

หลังจากนี้…

มึงจะถูกคนรอบข้างมองไม่ดี

“มึงเป็นคนทำให้กูต้องร้าย”

เสือกทำเอง…

“จำใส่กะโหลกโง่ๆ ของมึงเอาไว้ด้วย”

เป็นคนริเริ่มเอง

ทำให้กูคนนี้ต้องลงไม้ลงมือ

หวังทำลายความสงบสุขพวกมึงทั้งคู่

รีบยกมือขึ้นมาเช็ดน้ำตาลวกๆ ทิ้ง

สูดอากาศหายใจเข้าลึกๆ

หันหลังไปหยิบข้าวของที่ตัวเองต้องการมาเอาคืน

พลันเห็นโทรทัศน์จอแบนที่ตัวเองเคยใช้ตังค์หารครึ่ง

เอื้อมหยิบกระปุกครีมที่หนักพอสมควร

ปาใส่จนเกิดริ้วรอยแตกพัง

ทำให้คนที่นั่งสงบเสงี่ยมสะดุ้งโหยงไปด้วย

“ไปซื้อใหม่กันเอาเอง” ในเมื่อนี่ก็เงินกูเช่นกัน

จากนั้นจึงค่อยปลดล็อกกลอน

กระแทกครอบบานประตูตรงมุมผนังห้อง

เอ่ยปากบอกพี่ชายที่ยืนหน้าตึงเครียด

“ไปเถอะพี่”

ไปจากที่นี่เถอะ

“ผมได้ของแล้ว”

แย้มยิ้มฝืดๆ ให้พี่ชายคนโต

ก็เห็นอีกฝ่ายเดินเข้ามาหา

ลูบแก้มที่ปรากฏริ้วรอยเป็นนิ้วมือ

เราจึงยกมือตนเองขึ้นมากอบกุมเขาเอาไว้

จับจ้องพี่ชายที่กัดกรามแน่น

ข่มอารมณ์ที่เห็นน้องชายคนนี้ต้องมีบาดแผล

“เรื่องเล็กๆ ไม่เป็นไรหรอกครับ ผมไม่เจ็บ”

สภาพอีกคนหนักกว่านี้อีก

พลางมองบุรุษแพศยาผ่านหางตา

เห็นอีกฝ่ายยังคงนั่งอยู่ตรงพื้นห้อง

ดวงตาคมนั้นวูบไหวสั่นสะท้าน

ริมฝีปากทำท่าจะเรียกขานสรรพนาม

ดูก็รู้ว่าเรื่องพวกนี้จะไม่จบไม่สิ้น

เอาเถอะ…

ถ้าขืนมึงจะหาเรื่องใส่ตัวอีก

รับรองว่าความสงบสุขจะไม่มีอีกต่อไป

“มึงจะคบกับมันก็ตามสบาย” ปริปากบอกแม่ง

คาดหวังให้รับรู้กับความแน่วแน่ดังต่อไปนี้

และความรักของเราจะจบลง

“ต่อไปนี้กูกับมึงไม่รู้จักกัน”

อย่าได้มาวอแวกันอีก

ข้อความมือถือก็ไม่ต้องขยันส่ง

แววตาอาลัยอาวรณ์ของมึงแม่งก็น่าขยะแขยง

บอกตามตรง…

กูไม่สามารถสัมผัสความรักเหล่านั้นได้อีกต่อไป

อีสิ่งที่เคยสอดใส่บุคคลอื่น

ปลายนิ้วทั้งห้าที่เคยลูบไล้เรือนร่างใครๆ

ริมฝีปากที่เคยก้มลงมาประทับนอกเหนือจากแฟนคนนี้

ทุกตารางนิ้วที่มึงเคยสัมผัส

กูบอกเลย…

ไม่เอาแล้ว…

กูไม่อยากได้รับอีกต่อไปแล้ว

จะไม่เป็นมนุษย์ที่ให้โอกาสคนรอบที่สอง

ครั้งเดียวแม่งก็เกินพอ

เจ็บแล้วจำ

ต่อไปนี้จะใช้ชีวิตอย่างที่ไม่เคยกระทำ…

ไม่อยากเป็นคนดีอีกต่อไป

ไม่รักษาน้ำใจใครๆ ทั้งนั้น

หากมีความรักก็คงกล้าๆ กลัวๆ คอยหวาดระแวง

มึงเป็นคนทำให้กูรู้สึกเช่นนี้ล้วนๆ

ไม่อยากจะมีความรักอีกเลย

สอนให้เรียนรู้และประจักษ์

ว่าความดีไม่สามารถพิชิตใจคนได้

หันไปมองบนโต๊ะก็เห็นดอกไม้ที่เริ่มเหี่ยวเฉา

สภาพไม่แตกต่างจากนักเขียนอย่างกูเลยสักนิด

 

นับจากนี้เป็นต้นไป…

กูจะเป็นดอกไม้ที่สวยงามในรูปแบบของตนเอง

 

พวกมึงสองคนดูไว้นะ…

และก็รอลิ้มรสได้เลย

จากที่กูเห็นในตอนนี้…

แม่งไม่มีใครหลาบจำเลยสักนิด

ฉะนันรอรับผลกรรมไปด้วยกัน


“อีพวกเหี้ยมารผจญ”
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 16-06-2019 23:25:08 โดย lookpatty15407 »

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ ืniyataan

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3324
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +64/-1

ออฟไลน์ Pittabird

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 796
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +18/-1
จัดหนักจัดเต็ม นายเอกแสนดีไม่มีอีกแล้ว :pig4:

ออฟไลน์ BabyGB

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 17
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
สุดยอดดดด อ่านละหัวร้อนตามเลยอ่ะ บู้สนั่น​มาก อิเด็กรุ่นน้องนี่เลวจริงยังหน้าด้านมาบอกว่าที่แย่งของคนอื่นเพราะชอบนีคือเห็นแก่ตัวไร้จิตสํานึก​มาก รอติดตามต่อนะคะ ชอบมาก ขอบคุณ​สำหรับนิยายสนุกๆนะคะ

ออฟไลน์ HunHan9407

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 81
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
 o13 o13 o13สุดยอดทุกเรื่องเลย เป็นการเอาคืนที่สาสมมากกับการนอกใจ

ออฟไลน์ lookpatty15407

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 74
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +30/-1
ไม่ใช่นางเอก : 4



 

‘ดัดจริต’ คือคำที่อยากให้กับคนบางคน…

หัดสำออย

ตอแหล

ทองไม่รู้ร้อน

ทำตัวเหมือนตกเป็นเหยื่อ

คนแบบ ‘มึง’

บอกรักเขา…

จะจับมือข้ามผ่าน

ติดแท็กผัวชั่วช้าที่กูเคยรัก

ถึงกระนั้น ฝ่ายชายก็ใช่ว่าจะตอบกลับ

ดูก็รู้…

ว่าไม่นานก็คงไปไม่รอด

พวกมึงสองตัว…

น่าจะชะตาขาดกันอีกไม่นาน

สิ่งที่กูคิดไว้

มันก็คงจะตรงตามคาดคะเน

แย่งได้

เอาไปได้

ทำบาปได้

แต่ผลกรรมจะตามทัน

ต่อให้กฎหมายไม่เอาผิดพวกมึง

บาปกรรมมันไม่ตามสนอง

มันก็คงเป็นกู…

ที่เป็นผลลัพธ์ของบาป

เป็นฝ่ายลงทัณฑ์พวกมึงเอง

จริงๆ ไม่ได้อยากจะเห็นสักนิด

ไม่อยากจะรับฟังข้อความของพวกมึงใดๆ ทั้งสิ้น

เกลียดใครก็ไม่อยากจะเห็น

รำคาญลูกตา ขยะแขยงเหมือนพวกเสนียดจัญไร

แต่เพื่อนของกูก็ยื่นให้ดู

อดจิกกัดพวกมึงสองคนแทนไม่ได้

“อีเหี้ยนี่แม่งหน้าด้านจริงๆ”

มันก็คงเป็นเช่นนั้น…

เราได้แต่เงียบ

หุบปากไม่เอื้อนเอ่ย

ไม่ตอบคำถาม

เลือกที่จะไม่สนใจ

นั่งตักข้าวเข้าปากตัวเองเงียบๆ

นี่ก็ผ่านมาสองวันแล้ว

สองวันแล้ว…ตั้งแต่ทำร้ายพวกมันสองตัว

มหาลัยไม่มาเรียน

ก็คงเดาได้

คงอาย…

แต่ไร้ยางอายตอนเอากัน

เป็นเหี้ยไรมากเหรอ ?

ทีงี้มาอายต่อหน้าสาธารณะ

ที่ลับหลังแย่งผัวชาวบ้าน

หรือนอกจากใจแฟน

ทำไมไม่อาย ?

ทำไมไม่หัดจำสักนิด ?

คิดได้เมื่อทำผิด ?

มีความกระดากอายขึ้นมาทันใด

พวกมึงช่างดูย้อนแย้งในการกระทำ

“เอ่อ…หวัดดีครับ”

เสียงทุ้มเอ่ยขึ้นอยู่เหนือหัว

เราเงยหน้ามองเพื่อนในทันที

เห็นพวกมันสองคนเบิกตาโพลง

อ้าปากเหวอในทีแรก

เราจึงหันไปด้านข้าง

มองชายฉกรรจ์ที่ยืนค้ำหัวอยู่ข้างกาย

“?” เอียงคอมองเขาอย่างสงสัย

ใครกัน ?

รู้จักกันด้วยเหรอ ?

บุรุษตรงหน้ามีผิวแทนคร้ามแดด สูงโปร่งหล่อเหลา นัยน์ตาเฉียบคม

ดูเหมือนแบดบอย

บวกกับลุคที่ใส่เสื้อชอปวิศวะ

เหมาะสมกับนิยายเรื่องหนึ่งที่เราเคยแต่ง

‘เขา’ ไม่ได้ตรงสเปคเราเลย

และเราเองในยามนี้…

ก็เริ่มไม่ค่อยจะชมชอบบุรุษเท่าไหร่นัก

หัวใจมันปิดกั้น

เหมือนความหวานของความรัก และความสนใจต่อเพศตรงข้าม หรือเพศเดียวกัน

คือยาขมขื่นที่ชักชวนให้พะอืดพะอม

“ผมขอคุยด้วยหน่อยได้ไหม”

“…” เราเงียบ

“เรื่องผู้หญิงที่ชื่อมุกกับแฟนของคุณ”

เลิกคิ้วอย่างแปลกใจกับนามที่ได้ยิน

อะไรกัน ? ตัวละครที่สี่เข้ามาสวมบทบาทเพิ่มเติมอีกแล้วเหรอ ?

ขำชะมัด

เหมือนในนิยายเลย

มักจะผุดมามากขึ้นเรื่อยๆ ไม่จบไม่สิ้น

“ไม่ได้จะมาดักตีใช่ไหม ?” เราถาม อย่างน้อยก็เพื่อความปลอดภัยของตัวเอง

จู่ๆ คนแปลกหน้าก็เข้ามาหา

แถมยังใส่เสื้อชอปวิศวะอีก

เป็นใครก็คร้ามเกรงกันทั้งนั้น

“เปล่าครับ ผมแค่อยากมาถามไรนิดหน่อย”

หึ ไม่นิดแล้วมั้ง

น่าเครียดทะมึนเชียว

“งั้นก็คุยตรงนี้เลย” เราตอบกลับ มองเขาด้วยแววตาเย็นชา

แท้จริงก็ไม่ได้กลัวหรอก

นับตั้งแต่เกิดเรื่องพรรค์นั้น

ความรู้สึกกริ่งเกรงก็ไม่เคยมีเลยสักนิด

“เอ่อ กูว่ามึงออกไปคุยกับน้องเขาสองคนเถอะ” เพื่อนเราหันมาบอก ไม่วายสะกิดแขน

เราพรูลมหายใจออกจากปาก

คือเบื่อ

เบื่อทีจะต้องเสวนากับเรื่องพรรค์นั้น

บางสิ่งบางอย่าง…

ก็อยากให้ลบหายไปจากความทรงจำ

ทีละเล็กทีละน้อยก็ยังดี

“เฮ้อออ” ถอนหายใจด้วยความเซ็งจิต

ลุกขึ้นจากเก้าอี้โดยพลัน

เดินสวนผ่านชายฉกรรจ์

เราเดินนำหน้าเขาโดยไม่หวาดระแวง

ตอนนี้ก็อยู่ในมหาลัย

คาดเดาว่าคงไม่โดนดักตีง่ายๆ หรอก

ครั้นเดินถึงจุดที่มีต้นไม้สูงชะลูด

กิ่งไม้และใบไม้สีเขียวขจี ต่างแผ่คลุมเป็นวงกว้าง

มอบเงาทะมึนที่บดบังแสงแดดต่อเรือนกาย

บรรยากาศจุดนี้ทำให้เราผุดคิด

ล้มตัวนั่งตรงเก้าอี้ม้าหินอ่อน

แอบตั้งคำถามภายในใจ

ลมเย็นพัดผ่านช่างร่มรื่น

อืม ก็น่ามาแต่งนิยายตรงนี้ดี

คนก็ไม่ค่อยจะมีด้วย

จิตใจน่าจะเย็นสงบขึ้นมาบ้าง

ใช้ปลายนิ้วเกลี่ยเส้นผมตัวเองขึ้นทัดหูเล็กน้อย

มันระข้างพวงแก้มจนน่ารำคาญ

สงสัยต้องตัดทิ้ง

ตัดความรำคาญเหมือนความสัมพันธ์

“ว่ามา” เราที่ก้มหน้างุดช้อนตาขึ้น

จับจ้องบุรุษที่พินิจเราอย่างผิดปกติ

“นาย” เราเอ่ยเรียกเตือนสติคนตรงหน้า

เขาทำท่าเหมือนลืมจุดประสงค์

“เอ่อ โทษที” คนตรงหน้ากระแอ่มกระไอ ยกมือขึ้นมาลูบท้ายทอยแก้เขิน

“ผมชื่อตี้นะ เป็นแฟนเก่าของมุก ผู้หญิงที่แย่งแฟนคุณนั่นแหละ”

“…” เราขมวดคิ้วมุ่น ยกแขนขึ้นมากอดอก พลางนั่งไขว่ห้างในบันดล

ก็เคยได้ยินมาบ้าง

เคยรับรู้มาบ้างว่ามุกกำลังคบกับผู้ชายคนนึง

แต่ไม่เคยคิดจะไปเสร่ออยากเห็นหน้าคร่าตาของแฟนชาวบ้านเลยสักนิด

“อืม” ขานรับ ก็บ่งบอกว่ารับรู้

ยินดีที่ได้รู้จัก…

ในนามของคนรักเก่าที่ถูกหลอกลวง

“โดนนอกใจเหมือนกันสินะ” อดไม่ได้ที่จะตั้งคำถาม หลุดเสียงหึเล็ดลอดภายในลำคอ

มองคนตรงหน้าที่มีสีหน้าซึมเซาลง

อีกฝ่ายดูท่าจะเด็กกว่าเราเยอะ

เพียงแค่ตัวสูงโปร่งกว่าก็เท่านั้น

สีหน้าแบบนี้ดูท่าจะรักมาก

รักจนหน้ามืดตามัวพอๆ กัน

“ดวงเราสองคนคงสมพงษ์”

เราหยัดกายขึ้นยืน

มองคนตรงหน้าที่เงยขึ้นมาสบตา

เราจึงย่างกรายเข้าไปใกล้

อีกแค่ก้าวเดียวเราสองคนก็ประชั้นชิด

ยกมือข้างขวาขึ้นมา

ยื่นปลายนิ้วชี้จรดลงที่อกข้างซ้ายของคนตัวโต

ทิ่มลงตรงกลางใจ

สัมผัสเนื้อหนั่นหนา

ผุดรอยยิ้มเจื่อนๆ

ปริปากถึงถ้อยคำเสียดแทงความรู้สึก

คล้ายกับหนาม…

ที่รัดรอบอยู่ภายในใจ

คอยบีบรัดเมื่อหวนระลึกถึง

ว่าดวงเราคงสมพงษ์…

“ถึงได้โดนนอกใจเหมือนกันเลย”

“…”

“แฟนเก่ากับแฟนเก่าที่โดนนอกใจมาเจอกัน”

เราปริปากเลือกที่จะใช้คำพูดตลกร้าย

“ไม่ทราบว่าน้องตี้ที่เป็นแฟนเก่าของรุ่นน้องผู้ร่านรักของเรา…”

“…”

“จะมาถามเรื่องอะไรกับรุ่นพี่คนนี้เหรอ ?”

แย้มยิ้มกว้าง หัวเราะตลกร้ายในดวงชะตา

ไม่ได้นึกสงสารบุรุษตรงหน้าแม้แต่น้อย

“จริงหรือเปล่าที่พวกเขาคบกัน ?”

ประดุจคำถามของเด็กน้อยไม่ประสีประสา…

ผู้ที่ยังไม่สามารถยอมรับกับความเป็นจริงในบางประการ

“ดูท่าจะรักมาก ถึงได้แต่ตั้งคำถามปัญญาอ่อน”

“…”

“ก็เห็นถึงขนาดเจอพวกแม่งสองตัวเอากันในห้องตัวเอง”

“…”

“น้องตี้คิดว่ายังไงล่ะ ?”

พอใจกับคำตอบแล้วหรือยัง ?

ถามคำถามที่ทำให้นึกถึงภาพโสมม

ฉุกคิดก็อยากจะร้องไห้

โทสะมันเริ่มผุดขึ้นมาอีกระลอก

หน้าในตอนนี้ก็คงแดงจัด

แย้มยิ้มยังคล้ายกลบเกลื่อนความรู้สึกภายในใจ

ฝืนทนความเจ็บปวด

“ขอโทษครับ”

ชายหนุ่มตรงหน้าดูรู้สึกผิด

ส่วนเราหันหลังกลับ

โน้มตัวลงนั่งตรงเก้าอี้ดังเดิม

ยกมือขึ้นมาลูบหน้าไปพลาง

และเงยหัวขึ้นสูดอากาศบริสุทธิ์

ขับไล่ความทรมาน

อาจเพราะว่าตอนนี้ยังทำใจไม่ได้

อาจเพราะว่าตอนนี้ไฟมันยังสุมอก

อาจเพราะว่าตอนนี้ยังไม่รู้สึกดี

หรืออาจเพราะว่าตอนนี้บาดแผลลึกยังติดค้าง

ทุกคนเลยพูดปลอบให้เราปล่อยวาง

นิ่งเฉยนะ

ไม่ต้องสนใจหรอก

ลืมมันไปได้แล้ว

ดีแล้วที่ถอยออกมาจากบุรุษแพศยา

เตือนสติเราครั้งแล้วครั้งเล่า

เบื่อ

รู้หรอก…

หากเราทำกันได้คงทำไปนาน

ทุกสิ่งมันย่อมใช้กาลเวลาไม่ใช่เหรอ ?

และเวลาในตอนนี้อาจไม่มากพอในการบรรเทา

“คุณร้องไห้”

“เปล่า” เราปฏิเสธ แต่รู้สึกได้ว่ากระบอกตามันอุ่นร้อน

เราโคตรเบื่ออาการนี้

“ผมขอโทษ”

“เลิกพูดขอโทษสักที มันไม่ใช่ความผิดนาย”

ชักจะรำคาญ ปรายตามองคนตัวโต

ไม่ได้ใช้น้ำเสียงกระโชกโฮกฮากหรอก

ออกจากนิ่งเรียบดูเย็นชา

คล้ายคนหมดอารมณ์จะคุย

“อืม ผมแค่ไม่อยากจะเชื่อว่ามุก… หึ ไม่สิ ‘เธอ’ ไม่อยากจะเชื่อว่าเธอจะนอกใจผม”

คนตรงหน้าเค้นเสียงอย่างยากลำบาก

อากัปกิริยาคล้ายคนไม่อยากจะเอื้อนเอ่ยสรรนาม

อาการเดียวกัน…

เหลือเชื่อ ปะปนด้วยความโกรธ

แอบแฝงด้วยความรังเกียจ

ขยะแขยงเหลือหลายกับบุรุษและสตรีมารผจญ

ส่วนลึกก็เพราะกมลสันดานของคนเรา…

เราเข้าใจความรู้สึกของตี้ดี

“ทุกสิ่งย่อมไม่แน่นอน มันก็ดีที่ทำให้เรารู้สันดานชั่วช้าของคนเรา ฉะนั้นช่างมันเถอะ” เราพูดปลอบ

“อนาคตข้างหน้าอาจเจอคนที่ดีกว่า”

“…”

“แต่ไม่เจอเลยก็ดี มีแต่พวกไม่น่าไว้วางใจ ผู้ชายเลว”

เอ่ยเสียงแผ่วเบาในประโยคท้าย

ก้มหน้าไม่สบตาอีกฝ่ายแม้แต่น้อย

หยิบใบไม้บนโต๊ะหินอ่อนที่ร่วงหล่น

นำมาฉีกกระชากเล่น

ทำลายสิ่งธรรมชาติที่อีกไม่นานก็คงแห้งกรัง

ปลิดปลิวไปกับสายลมที่พลิ้วไหว

บัดนี้ใบไม้มันละเอียดเหมือนเศษกระดาษที่ป่นปี้

ความรู้สึกเป็นผุยผง แหลกสลายเหมือนใจคน

“ผู้ชายบางคนก็ไม่ได้เลวร้ายเสมอไป” เสียงทุ้มต่ำของอีกฝ่ายกล่าว

เราที่ก้มมองพื้นเห็นรองเท้าสีดำสนิท

อีกฝ่ายเขยื้อนเข้ามาใกล้

สักพักสัมผัสที่นุ่มนวลก็วางลงตรงศีรษะ

เราเงยหน้าขึ้นมองคนที่ยืนค้ำหัว

เจ้าตัวแย้มยิ้มอบอุ่นระคนเศร้า

ฝ่ามือหนาไล่ปลอบประโลมบนกลางกระหม่อม

มอบความรู้สึกดีให้แล่นพล่านภายในใจ

มอบให้แก่นักเขียนคนนี้ที่มัวหมอง

สายตาของเราดันวูบไหว

ก่อนจะรีบหยุดยั้งความรู้สึกภายในใจ

ยกมือขึ้นปัด “ทำบ้าอะไรกัน”

“ปลอบเด็ก” คนตรงหน้าตอบ

“บอกตัวเองเถอะ” เราสวนกลับ เขม่นตาใส่ไม่พอใจ

“ก็คุณดูขี้แง”

“หึ เด็กที่ทำหน้าเศร้าในทีแรก กล้ามาบอกว่าคนอื่นขี้แงได้ด้วยเหรอ”

เรายิ้มขำ

ลมหายใจเริ่มผิดปกติ

ทันทีที่คนตรงหน้าโน้มตัวลงต่ำ

ใบหน้าเขยื้อนเข้ามาใกล้

ทำให้เราต้องหดคอถอยหนีไปด้านหลัง

มองสีหน้าที่กำลังยั่วเย้าของเด็กวิศวะ

สายตาประกายคมพินิจมองทุกสีหน้า

เขาหยอกเย้าคล้ายมีความสุข

ผิดแปลกจากก่อนหน้านี้ที่เคยเป็น

พลันอมยิ้มข้างมุมปาก

ลมหายใจอุ่นร้อนรวยรินอยู่ใกล้กลีบปาก

อีกนิดเดียวก็สัมผัสกันได้

เราหยุดชะงัก

นึกไม่ชมชอบกับสิ่งเหล่านี้

ขมวดคิ้วมุ่นด้วยความไม่พอใจ

ทำท่าจะด่าว่า

แต่ก็ต้องหุบลง

กลับกลายเป็นหัวใจที่สั่นรัวแรง

โคตรเกลียดความรู้สึกนี้เลย

เกลียดความวูบไหวที่สั่นอยู่ภายในอก

อาการของมันคล้ายคนที่กำลังตกหลุมรัก

ดูท่าจะใจง่าย…

แต่แท้จริงก็แค่รู้สึกดีเท่านั้น

รู้สึกดีเวลามีใครทำเช่นนี้

มันคงเป็นความรู้สึกเพียงแค่ผิวเผิน

เพราะใจของคนเรามันเปลี่ยนกันง่าย

เพียงเพราะประโยคถัดมา

“ดวงเราคงสมพงษ์กันจริงๆ อย่างที่คุณบอก”

“งั้นขอถอนคำพูดเลยละกัน” เอ่ยคัดค้าน

รีบผลักอกกว้างให้ถอยออกห่าง

ลุกขึ้นยืน ทำท่าจะเดินหนี

บอกตามตรงว่าสะอิดสะเอียน

นึกถึงภาพตอนตัวเองได้เสียกับแฟนเก่า

นึกถึงเด็กที่ชื่อตี้คนนี้ได้เสียกับผู้หญิงคนนั้น

คำพูดนัยแฝงที่มาใช้กับเรา

อารมณ์อิริยาบถเหมือนพวกคนเจ้าชู้

แค่หวนนึกถึงวาจาที่เคยใช้กับคนอื่น

นึกถึงภาพว่าอีกฝ่ายเคยได้เสียกับผู้หญิงคนนั้น…

หรือคบกันมาแล้ว…

ทั้งเนื้อทั้งตัวมันก็ขนลุกไปหมด

ฉะนั้น ไม่มีทาง

หมับ !

แต่เรียวแขนก็กลับถูกกัก

ฝ่ามือใหญ่กำชับเรียวแขนเล็ก

หยุดชะงักเรียวขาของเราที่กำลังหลีกหนี

เราหันไปชักสีหน้าใส่คนข้างหลัง

หมอนั่นรีบโผล่หน้ามายืนด้านข้าง

ทำให้เราต้องหมุนกายมาประจันหน้า

อยากจะถามว่ามีอะไรไม่ทราบ

แค่ทุกวันนี้ก็ปวดหัวมากพอแล้ว

อย่าหาเรื่องใส่กระบาลของเราเพิ่มเลย

“มีอะไรอีก” ถามไปจะได้จบๆ

“ผมจะไปพาคุณไปเลี้ยงขนม หาอะไรอร่อยๆ กินกันคลายเครียด”

“ไม่กิน” เรารีบปฏิเสธ และพูดคาดการณ์ล่วงหน้า

“ถ้าคิดจะจีบ บอกเลยว่าไม่กินเด็ก และไม่เคยคิดจะกินของเหลือจากผู้หญิงแพศยานั่นด้วย”

“งั้นคุณคงต้องผิดหวัง” อีกฝ่ายยิ้มกว้างมีความสุข

น่าแปลกใจที่ความเศร้าสร้อยนั้นแปรผัน…

กลับกลายเป็นรอยยิ้มปรีดา

เมากาวหรือไงกัน

“อะไร ?” เราถามอย่างข้องใจ

กล้าดียังไงมาแทนตัวว่าผมกับคุณ

นี่สังเกตหลายครั้งละ

ทั้งที่เราอายุมากกว่าแท้ๆ

ช่างเป็นเด็กไม่มีสัมมาคารวะ

“ก็เพราะผมยังไม่เคยมีอะไรกับเธอไง”

“…”

“แม้แต่ครั้งเดียว”

“…”

“แบบนี้จีบได้ยัง”

“ขอบคุณ แต่ไม่จำเป็นต้องบอก เพราะยังไงก็ไม่เอาอยู่ดี”

เอามืออีกข้างแกะมือหนาในทันใด

หันหลังเดินจาก ไม่คิดจะเหลียวหน้าหันไปมอง

หรือสนอกสนใจกับเสียงที่ดังให้หลัง

“กินเด็กวิศวะเป็นอมตะนะคุณ !!”

เรารีบยกมือข้างขวาขึ้น

ชูปลายนิ้วทั้งห้าในบันดล

หุบปลายนิ้วลงทีละนิ้ว

หลงเหลือเพียงปลายนิ้วเดียวที่เด่นหรา

ชูขึ้นแค่ตรงกลาง

 “ฮ่าๆๆ” จึงได้ยินเสียงหัวเราะตอบกลับมา

แต่เดินมาตรงจุดที่ใกล้จะถึงตึกไม่ทันไร

ขาก็ต้องหยุดชะงัก

เสือกดันมาเจอบุคคลที่ไม่คิดว่าจะได้เจอ

“คุณ” เสียงอีกฝ่ายดูแผ่วเบา มีผู้หญิงอีกคนที่เดินตามท้าย

ยัยมุก…

น้ำตาของหล่อนนองหน้า

ต่างจากผู้ชายที่ยืนเครียดต่อหน้าเรา

เราแสร้งทำเป็นมองไม่เห็น

เปรียบเสมือนเห็นภูติผีสองตนที่ไร้ตัวตน

อยู่คนละโลกกับสิ่งที่เรากำลังอาศัย

และดูเหมือนพักนี้จะโดนแตะเนื้อต้องตัวบ่อย

อีกสักหน่อยคงต้องเปิดไพ่ดูดวงชะตา

รีบสะบัดแขนทิ้งคล้ายโดนของร้อน

ถลึงตามองอย่างวาวโรจน์

“ไปไกลๆ ตีน”

มึงรีบไสหัวไปไกลๆ ตีน…

ทั้งมึงและมัน…

กูไม่คิดจะยุ่งหรืออยากรู้สาเหตุด้วยซ้ำ

ว่าเหตุใดยัยมุกถึงได้ร้องไห้

น้ำมูกน้ำตาไหล

ไม่หลงเหลือแม้แต่ความน่ารักอย่างที่เคยเป็น

เราจึงจิกกัด

“วันนี้ดูสวยเป็นพิเศษนะ”

“ฮึก”

“หน้าตาดูธรรมชาติดี” แย้มยิ้มกว้างใส่รุ่นน้อง

“เหมือนสัตว์เลย”

คล้ายลิงบาบูน

แก้มก็แดง ปากก็อมชมพู

มาสคาร่าก็เปรอะเปื้อน

แปลกใจที่วันนี้มึงสองตัวมาเรียนกันด้วย

เก่งจัง

เลยตบมือให้

และไม่ต้องเดาก็รู้ว่าคงทะเลาะกัน

“จะเลิกกันแล้วสินะ” อดไม่ได้ที่จะฉีกยิ้มแย้มปั่นประสาท

ตบมือให้ดังลั่น

แต่มีบางคนทนไม่ไหว

รีบพุ่งพรวดมาหาเรา

เราจึงเบี่ยงตัวไปด้านข้าง

หลบหลีกการประทุษร้าย

แต่ดูท่าจะฉุนเฉียวมาก

ขณะที่เราไม่คิดจะตอบโต้

เห็นนักศึกษามองกันเต็ม

เราจึงได้แต่หลบฝ่ามือที่ทำท่าจะตบ

ดันไปเห็นชายหนุ่มที่ชื่อตี้

ฝ่ายนั้นกำลังเบิกตาโพลง

วิ่งตื่นตะลึงมาทางเรา

คงเป็นเพราะเราเอง…

ที่ดันไปสนใจสิ่งรอบตัว

ปลายนิ้วมือของใครบางคน…

จึงฟาดไม่ยั้งแรงใส่แก้มเรา

พลันโซซัดโซเซ ก่อนจะถูกผลัก

ร่างคว่ำคะมำอยู่ที่พื้น

เราใช้ปลายนิ้วเกลี่ยข้างมุมปาก

สำรวจดูดีๆ จึงรู้ว่าเลือดรินไหล

ถือว่ามือหนักดี

แต่โชคดีด้วยนะ…ที่ตอนนี้บทบาทนางเอกของมึง…

มันจบลง

มือถือผู้คนนั้นยกขึ้นมาถ่าย

ส่วนเรานิ่งเฉยไม่ตอบโตเ

ยอมนอนหมอบให้คนที่เข้ามาขึ้นคร่อม

ตบที่หน้า

ตบที่แก้ม

ซ้ายบ้าง ขวาบ้าง

เรายกแขนขึ้นมาปกป้องบางจังหวะ

ขณะที่อีกคนทั้งข่วนทั้งจิก

ฟาดหน้าเราซ้ำแล้วซ้ำเล่า

เราได้ยินเสียงของแฟนเก่าเราที่ห้ามปราม

จากนั้นก็กระชากตัวเธอให้ถอยออกห่าง

เราขดตัวเองอยู่ตรงพื้น

เนื้อตัวสั่นระริก

หยาดน้ำตารินไหลเพราะความเจ็บปวด

ก่อนจะถูกใครบางคนที่เข้ามานั่งคุกเข่าอยู่ตรงพื้น

โอบประคองร่างกายเราจากด้านข้าง

เปรียบเสมือนบุรุษที่ให้เกาะกำบัง

เรารีบซุกหน้าเข้าหาแผงอกกำยำ

ไม่ได้มีเจตนาล่วงเกินชายหนุ่มวิศวะ

“ค…คุณ” อีกฝ่ายเสียงสั่นด้วยความตกใจ

เราสะอื้นไห้จนตัวโยน

มือไม้ก็สั่นระริกเหมือนคนหวาดผวา

ดูขวัญเสียและเกรงกลัวไม่สู้คน

ยกแขนที่รู้สึกแสบพล่านพาดอยู่บนลำแขนแกร่ง

โชว์ร่องรอยบาดแผลที่คิดว่าน่าจะมี

รอยเลือด

รอยจิก

รอยข่วน

ครั้งนี้ขอบ้าง

ขอสักหน่อย…

บทบาทนางเอกของกู

เราช้อนตามองยัยผู้หญิงที่เกี้ยวกราด

ทำท่าจะกระโจนพร้อมทำร้ายทุกวินาที

ตลกดี คล้ายคนบ้าไม่เต็มบาท

แววตาของเรามันสั่นระริก

ซุกหน้าเข้าหาแฟนเก่าของหล่อนมากยิ่งขึ้น

บดเบียดเข้าหา

ต้องการสิ่งคุ้มครอง

หวังหาที่ปกปักรักษา

พลันถูกประคองให้ลุกขึ้นยืน

“นี่เธอเป็นบ้าอะไรฮะ !”เสียงของตี้เอ็ดตะโรดังลั่น

ตวาดไม่ไว้หน้าสตรีเพศแม่

“เจ็บ” เราเอ่ยเสียงแผ่ว

ดังพอที่คนที่โอบไหล่เราอยู่จะได้ยิน

ชายหนุ่มจึงเบี่ยงเบนความสนใจ

“เดี๋ยวผมจะพาคุณไปโรงพยาบาล”

“ไม่ต้องไปช่วยมัน !” ยัยมุกชี้สั่ง

“หุบปาก !” ชายหนุ่มรีบหันขวับไปสวนกลับ

“อยู่กับแฟนใหม่ที่คุณแย่งมาเถอะ”

ว้าว

เรานึกอยากคารวะกับฝีปากของเด็กคนนี้

แอบพอใจกับสิ่งที่ได้ยิน

ลอบสำรวจดูผู้คนที่ถือโทรศัพท์ถ่ายคลิปไปพลาง

เราถูกจับเหลียวหลังเพื่อจะพาออกจากมหาลัย

หวังไปโรงพยาบาลเพื่อรักษารอยขีดข่วน

คนอื่นยังคงถ่ายคลิป

ส่วนเราร่ำไห้

แต่ภายในใจเหมือนออกมาโบกมือขบขัน

กรีดรอยยิ้มบอกสตรีกับบุรุษชั่วช้าอีกสักครั้ง

นึกอยากกวนส้นตีน

ว่าเนี่ย…

ดูสิ

ดูผลลัพธ์

ครั้งนี้มันจะมาอีกแล้วนะ

น่าสงสารจังเลย

การเล่นสนุกกับสื่อออนไลน์

ฉะนั้น วันนี้เรามาลองสลับบทบาท

เพื่อส่งทอดตำแหน่ง…

ให้แก่มึง และมึงทั้งสอง

เป็นตัวร้ายที่แสนอาภัพ


รวมกลุ่มกันเข้าไว้

ไม่คิดว่าในนิยายที่เคยเขียน

ชอบทำตัวโง่เง่าเต่าตุน

ชีวิตจริงจะมีคนที่ทำเรื่องงี่เง่าเช่นเดียวกัน

ฉีกยิ้มต่อหน้ากล้องสักหน่อยสิ…

อีพวกตัวร้ายทั้งหลายแหล่ : )
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 16-07-2019 01:05:37 โดย lookpatty15407 »

ออฟไลน์ ืniyataan

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3324
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +64/-1
ตี้..พระเอกป่าวเอ่ย  :katai1:

ออฟไลน์ Fasai25448

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 49
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
สนุกทุกเรื่องเลยค่ะ ขอบคุณนะคะ

ออฟไลน์ Pittabird

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 796
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +18/-1
ชอบมาก สะใจทุกเรื่อง :L1:

ออฟไลน์ BabyGB

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 17
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
ได้พระเอกที่แท้จริงละ อิมุกมันยังเป็นผีบ้าไม่เลิกเหรอ แต่ว่านะจบแล้วค่ะ โดนเอาคืนแบบสวยๆ อิอิอิอิ สนุกมากเลยยยย รอติดตามเรื่อยๆนะคะ

ออฟไลน์ lookpatty15407

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 74
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +30/-1
ตอนที่ห้า

 

การหัดสำออย

หรือคำสั้นๆ ที่เรียกว่า ‘ตอแหล’

น่าจะใช้ได้กับคนหลายประเภท

เฉกเช่นเรา

ที่นิ้วหน้าโอดครวญอยู่นี้

หาได้มีความละอายใจไม่

ถูกบุรุษพยาบาลพันผ้าพันแผล

รักษาร่องรอยขีดข่วนที่มีเลือดไหลซิบ

แต่ถ้าถามว่ามันเจ็บมากไหม ?

ก็ไม่เชิงซะทีเดียว

มันก็แค่ความรู้สึกแสบพล่าน

ที่มากล้นไปด้วยความโทสะมากกว่า

อยากจะเอาคืน

อยากจะตบกลับ

นึกแล้วก็คับแค้นใจยิ่งนัก

แต่ต่อหน้าผู้คนก็ต้องเสแสร้งเข้าไว้

ลองบ้างสิ

ลองให้กูทำบ้าง

ลองให้ไม่มีครรลองสายตาผู้คนบ้าง

หวังเหรอว่ามึงจะไร้บาดแผล

อีรุ่นน้องดัดจริต

“เจ็บมากไหม”

คำถามอบอุ่นคล้ายเป็นห่วงเป็นใย

ดังมาจากคนด้านข้าง

ทำเราหันไปมองผู้ตั้งคำถาม

ส่ายหน้าตอบกลับ

“ไม่”

ก็ไม่เท่าไรหรอก

เทียบไม่ได้กับความคับแค้นในจิตใจ

มากล้นเสียจนอยากหยิบมีดมาแทงคน

แค่นึกก็โทสะละ

แต่ก็ต้องปั้นหน้านิ่งให้เรียบเฉย

บ่งบอกให้รู้แจ้ง

ว่าไม่เจ็บนะ

ว่ายังสบายดี

ถึงจะมีซี๊ดบ้างตอนหมอทายา

บาดแผลนี้ที่ต้องใช้ระยะเวลาในการห่างหาย

เทียบไม่ได้กับแผลในจิตใจเลยสักนิด

ที่ยากเกินจะไร้ร่องรอย

“นายกลับไปเถอะ” หันไปบอกคนข้างกาย

“ขอบคุณมากที่มาส่งโรงพยาบาล”

“เดี๋ยวผมพากลับ”

เราขมวดคิ้วยุ่ง

“ไม่ต้อง”

“ดื้อ”

“เฮ้อ” ถอนหายใจอย่างปวดหัว

ไม่รู้จะตามวอแวไปทำไม

ผลพลอยได้ก็ไม่มี

“จะตื้อจีบให้ติดหรือไงกัน”

เลยถามตรงๆ

พูดไปเลยถึงจุดประสงค์

“เปล่าซะหน่อย”

อีกคนกลับปฎิเสธ

ไม่รู้ทำไมเราถึงคันยุบยิบในอกแปลกๆ

ชักรำคาญ

“งั้นเชิญตามสบาย”

 

บรรยากาศในรถที่เงียบสงบ

ไร้เสียงเพลงที่เปิดคลอให้เพราะพริ้ง

ท้องฟ้าในยามบ่ายก็กลายเป็นมืดครึ้ม

เม็ดฝนโปรยปรายร่วงตกหล่น

ตกกระทบกับกระจกรถดังแปะๆ

ตกกระทบกับพื้นดินบ้าง

ตกกระทบมาถึงน้ำตาในจิตใจของคนเราด้วย

ว่าทำไมนะ

ว่ามันจะมีเหี้ยอะไรกันนักกันหนา

ขนาดไม่ยุ่งวอแวแล้วนะ

ก็มีพวกตัวเหี้ยสองตัวมาโคจรอีก

ต้องทำยังไงกับพวกแม่งดี…

แต่เหมือนคำถามจะได้รับคำตอบ

รถที่มาจอดถึงบ้านไม่ทันไร

เราเห็นผู้หญิงคนหนึ่งที่ซุ่มอยู่ตรงต้นไม้

กางร่มสีแดงฉาน

“ยัยมุก” เราเอ่ยลอยๆ

แต่ดังมากพอที่คนข้างกายจะได้ยิน

อีกฝ่ายมองตามสายตาของเรา

ไปยังทิศทางที่มีหญิงสาว

เราอดไม่ได้ที่จะเอ่ยจิกกัด

“สงสัยมาดักตบ”

แหม ก็ดูสิ

ย่างกรายมาถึงถิ่น

วุ่นวายไม่เลิกรา

อีดอกนี่ชักจะเอาใหญ่ละ

เราปลดเข็มขัดนิรภัยออกจากตัว

เดินลงมาจากรถยนต์

ฝนสาดกระหน่ำใส่เส้นผม

เปียกปอนไปถึงเสื้อผ้า

เปียกโชกไปทั้งกายา

แต่หายี่หระใดๆ ไม่

เราเอ็ดตะโรดังลั่น

ดังให้ยิ่งกว่าสายฝน

“มึงมาอีกทำไมอีก !?”

“…” ไร้การตอบกลับ

เห็นมันยืนนิ่ง

เราเองก็ยืนกอดอก

ปัดเศษน้ำที่บดบังทัศนียภาพ

หยาดธาราเกาะอยู่บนขนตา

ก่อนที่ตี้จะลงจากรถ

ยัยมุกถึงได้หันเหความสนใจไปทางอีกคน

“ด่าคนอื่นว่าแย่งผัว หึ ตัวมึงเองก็แย่งแฟนเก่าชาวบ้านเช่นกัน อีควาย !” มันด่ากลับ

เรายักไหล่ไม่สะทกสะท้าน

ในใจตั้งคำถาม

มึงด่าได้แค่นี้เหรอ ?

“แล้วไง ?”

เราเดินไปหาอีกคน

ถือวิสาสะเข้ามาควงแขน

ร่างกายเบียดชิด

เสื้อผ้าเปียกปอน

แนบแก้มลงกับไหล่หนา

ถูไถอย่างออดอ้อน

ปั่นประสาทพวกบ้าบอ

เป็นดังคาด

อีมุกโทสะ

ในใจรุ่มร้อน

มันทิ้งร่มลง

เดินย่างกรายมาทางเรา

เราปล่อยแขนจากอีกคนในทันใด

เดินฟาดฟันประจันหน้า

อยากตบก็มา

คิดว่ากูจะกลัวมึงเหรอ ?

แต่แปลกนักที่มันรีบวิ่ง

เราไม่ทันสังเกตว่ามันล้วงหยิบอะไรจากด้านหลัง

มารู้ตัวก็ตอนที่มันใกล้ประชั้นชิด

พลันได้ยินเสียงแม่ของตัวเองเรียกในจังหวะนั้น

แถมเป็นจังหวะที่สายตาค่อยมาเหลือบเห็นคมมีดในครัวเรือน

สิ่งมีดคมสะท้อนแสงไฟจากหน้าบ้านเรา

เราแอบสะดุดลมหายใจกลางคัน

เตรียมจะถอยหลังกรูดหนี

ไม่ก็เสหลบไปอีกทิศทาง

ถึงกระนั้นก็ใช่ว่าจะหลบหลีกได้ทันท่วงที

ดันมีคนชิงไหวชิงพริบได้ดีกว่า

จับไหล่เรากระซากผลักหงายหลัง

กลายเป็นอีกคนที่เข้ามาบดบังสิ่งตรงหน้า

เสียงดัง ซัวะ ! จึงตามมา

ทิ่มแทงลงที่หน้าท้องของอีกฝ่าย

เราเห็นหยดเลือด

จากนั้นพื้นที่เคยเปียกไปด้วยสายฝนที่เย็นเฉียบ

ก็แทนที่ด้วยหยาดโลหิตที่มากล้น

สายฝนผสมปนเปไปกับเลือด

ไหลลู่อยู่บนพื้นถนนซีเมนต์

ดูแทบไม่ออกเลย

รอบด้านก็หนาวเหน็บ

เสียงคนก็กรีดร้อง

อีกคนก็โอดครวญ

ยัยมุกมือไม้สั่นระริก

ปล่อยมือจากสิ่งที่กุมเอาไว้มั่น

เราถึงเพิ่งได้สติ

“ตี้ !” เรียกสรรพนามคนตรงหน้าที่ค่อยๆ ซวนเซ

ล้มลงกระแทกกับพื้นดิน

ยัยมุกดูท่าทางสับสน

ตาของมันยังจ้องวาวโรจน์มาทางเรา

“เพราะมึง เพราะมึงคนเดียว” มันชี้หน้าด่าเราเหมือนคนบ้า

จากนั้นก็กระโจนเข้ามาหมายจะตบ

เรารีบลุกขึ้น

ใจหนึ่งก็นึกเป็นห่วงอีกคนที่บาดเจ็บ

ทว่าอีคนประสาทแดกเหมือนเป็นไบโพล่าร์

ดันไม่คิดจะจบง่ายๆ เสียนี่

มันหมายจะฆ่าเราชัดๆ

และมันก็ไม่ล้มเลิกความพยายาม

“มึงเป็นเหี้ยอะไรของมึง ! ” เราตวาดต่อหน้ามัน

ปัดแขนที่หมายจะมาจิกข่วน

“ลูก !” เสียงแม่เราตกกะใจกับสถานการณ์

เรารวบแขนยัยมุกแน่น

พยายามอย่างมากกับการต่อต้านพละกำลัง

พลันเอ่ยปากเป็นการสั่งแม่

“แม่รีบโทรหารถพยาบาลเร็ว !”

ใจเรามันระส่ำไปหมดแล้ว

หวาดกลัวกับการสูญเสีย

แม้จะเป็นคนแปลกหน้าก็ตามที

แต่ก็เป็นคนแปลกหน้าที่เพิ่งเจอหน้าค่าตา

อีกทั้งยังช่วยชีวิตของเราเอาไว้อีกด้วย

“กูเหลือทนกับมึงละอีสัตว์ !” เราด่าดังลั่น

คราวนี้ให้มันจบๆ กันไป

เอาให้ตายกันไปข้าง

“เพราะมึงคนเดียว กรี๊ดดดด !” มันหวีดเสียงร้องเหมือนผีพราย

ดังจนคนแห่กันออกมาดูนอกบ้าน

กางร่มชะโงกหน้ามา

บ้างก็เปิดกระจกภายในบ้านยื่นหน้าออกมาดู

ทุกอย่างมันรวดเร็วไปหมด

เราไม่มีเวลาจะสนใจ

แต่อีดอกนี่ต้องเอาคืนให้สะใจ

เราเหวี่ยงแขนมันทิ้ง

ตวัดมือขึ้นตบใส่หน้ามันไม่ยั้งแรง

มือที่เปียกเลยกระทบกับแก้มนิ่มอย่างจัง

เพียะ ! ดังลั่น

ไม่สาแก่ใจกับสิ่งที่มันก่อ

เราได้ยินเสียงตี้ร้องโอดครวญอย่างเจ็บปวด

ตาปรือมองมาทางเรา

เราผลักยัยมุกล้มลงหงายหลัง

รีบรุดวิ่งไปดูอาการของอีกฝ่าย

“ทนก่อนนะ เดี๋ยวหมอก็จะมาแล้ว”

รู้สึกผิดชะมัดยาด

คนที่ไม่รู้อีโหน่อีเหน่ไม่สมควรมาเจอะเจออะไรเช่นนี้เลย

น้ำตาเราคลอเบ้า

ใต้ตาแดงอยู่หน่อยๆ

ไม่รู้ว่าอีกคนจะสังเกตเห็นไหม

ว่าเรากำลังรู้สึกเศร้ามากแค่ไหน

มือไม้เราสั่นไปหมด

ก่อนจะถูกล็อกคอเอาไว้

ถูกดึงให้ยืนขึ้นสะเปะสะปะ

“มึงตาย” อีมุกพูดกรอกหู

เรารีบจับแขนที่มันล็อก

ใช้พลังกายทั้งหมดดึงออก

ก่อนจะหมุนตัวมาทางมัน

ไม่ไหวแล้วจริงๆ

ยกกำปั้นต่อยเข้าที่หน้ามันอย่างจัง

เราไม่สนว่าจมูกแม่งจะหักไหม

อีดอกนี่จะเป็นยังไง

ไม่เป็นห่วงทั้งนั้น

ช่างปะไร

มันบ้าไปแล้ว

ก็บ้าแม่งไปด้วยเลย

“ตายงั้นเหรอ ?” เราถาม

พลันถีบเข้าที่หน้าท้องมันจนไถลกรูดล้มลงไปกับพื้น

เราอาศัยจังหวะขึ้นคร่อม

หวดหมัดเข้าที่หน้าเต็มๆ แรง

เอาเข้าที่ซีกแก้มให้ฟกช้ำ

มือมันก็พาลข่วนจิกเรากันยกใหญ่

เราหมายกายจะลุกขึ้นยืน

ก็ถูกมันถีบกลับเสียงดังผัวะ !

จนเผลอนิ่วหน้าด้วยความเจ็บปวด

เกือบจะล้มลงไปเป็นฝ่ายเสียเปรียบ

อีสัตว์นี่แม่งฤทธิ์เยอะนักนะ

ต้องเอาให้หลาบจำซะบ้าง

กูที่เป็นนักเขียนไม่สนหลีสนแตดไรทั้งนั้น

จะเสียชื่อเสียงหรือออกข่าวก็ช่างหัวแม่ง

มันทำร้ายก่อน

ก็ทำร้ายกลับสิ

รีบเดินถมึงทึง

จิกเข้าที่กลุ่มเส้นผม

ลากตัวมันครูดไถลไปกับถนนซีเมนต์

สร้างรอยบาดแผลที่ผิวเนื้อ

ทั้งเหวี่ยงทั้งถีบ

เตะเข้าที่หน้าท้องจนมันสิ้นสภาพ

เรายกมือขึ้นมาลูบหน้า

ตัวเองก็สะบักสะบอมใช่ย่อย

จากนั้นจึงรีบวิ่งรุดไปหาตี้

ตบเข้าที่ซีกแก้มเบาๆ ไม่ให้อีกคนหลับ

“อย่าหลับนะ อดทนก่อน”

เราได้แต่ให้กำลังใจ

แม้ไม่รู้ว่าอดทนในสภาพนี้ต้องอดทนมากเพียงไร

เราไม่ได้เป็นฝ่ายถูกแทงนี่ไง

เลยได้แต่พูดปลอบประโลมจิตใจก็แค่นั้น

ดีที่แม่โทรหาตำรวจมาด้วย

“เราต้องทำยัง ต้องทำยังไง ฮึก ฮือ”

ร้องไห้ออกมาจนได้

ไม่รู้ว่าต้องกดแผลไหม

ต้องห้ามเลือดยังไงดี

วางไม้วางมือไม่ถูกเลย

จะให้กระชากออกก็คงเสียเลือดมากกว่าเก่า

ได้แต่พยายามกดเบาๆ เอาไว้

เลือดมันไหล่ผ่านง้ามฝ่ามือ

น้ำตาเราก็หยดไปพร้อมกับสายฝน

เสียงไซเรนดังมาแต่ไกล

คงเป็นโชคดีของเราที่บ้านก็ใกล้โรงพยาบาลอยู่

พอพยาบาลมาถึง

เราได้แต่บอกให้รีบช่วยเขาเอาไว้

ที่เหลือเป็นหน้าที่การควบคุมของโรงพยาบาล

ยัยมุกก็เช่นกัน

แต่เราไม่สนใจ

ปล่อยแม่งตายอยู่อย่างงั้น

มีพยาบาลคนหนึ่งไปดูแลแม่ง

หลังจากนั้นก็ตามมาด้วยตำรวจมาถึงในที่เกิดเหตุ

วุ่นวายชุลมุนจนเราปวดหัว

เรารำคาญเรื่องวุ่นวาย

และความวุ่นวายก็ก่อเกิดมาจากเราทั้งสิ้น

ทั้งเราและมันต่างเป็นต้นเหตุในครั้งนี้

เราให้ปากคำกับคุณตำรวจ

ถึงสาเหตุต่างๆ นานา

โดนลอบทำร้าย

หมายจะฆ่า

เราเอาเรื่องให้ถึงที่สุด

ไม่รู้ว่าเรื่องจะไปไกลถึงขั้นออกข่าวเป็นบ้าเป็นบอ

ผ่านมาหลายวันเรารอให้ตี้พักฟื้นและให้หมอดูอาการ

กว่าจะตื่นก็ผ่านพ้นข้ามไปวันที่สาม

ตี้เสียเลือดจำนวนมาก

ผิวกายขาวซีด

เราได้พบปะเจอหน้าครอบครัวอีกฝ่าย

ทั้งขอโทษที่เป็นต้นเหตุของการเกิดการบาดเจ็บในครั้งนี้

พ่อแม่ตี้ไม่ถือโทษโกรธเรา

เราอธิบายให้ท่านฟังทุกอย่าง

ว่าเหตุการณ์ในตอนนั้นเป็นยังไงบ้าง

สามวันนั้นเป็นวันที่เรานอนเฝ้าอาการตี้

ยิ่งตอนที่อีกฝ่ายปรือตาขึ้น

มือไม้กระดิก

ใจเราที่ร่วงไปถึงตาตุ่มก็กลับมาเต้นผิดจังหวะ

ทั้งดีใจและวาดหวัง

“น้ำไหม” เป็นคำถามแรกที่เราเอ่ยปาก

ก่อนจะรินน้ำให้อีกคนดื่ม

ค่อยๆ พยุงกายให้อีกคนนั่งพิงพนักหัวเหล็กเตียงโดยมีหมอนหนุนหลัง

“คุณเป็นไงบ้าง” เสียงแหบแห้งของอีกคนถามไถ่

“ไม่บาดเจ็บใช่ไหม” ซ้ำยังเป็นห่วงเป็นใยเราซะงั้น

“ไม่” เราส่ายหน้า

น้ำตาเอ่อคลอเบ้า

เผลอบีบมืออีกคนโดยไม่รู้ตัว

เพราะความดีใจล้วนๆ

ไม่คิดว่าจะมีเด็กบ้ามาช่วยเหลือเราเอาไว้ได้ทันเวลา

หากไม่เป็นเช่นนั้น…

ไม่แน่ก็อาจเป็นเรา…

ที่บาดเจ็บล้มตาย

“และเธอล่ะ ?” ตี้ถามถึงอีกคน

“น่วมเลยล่ะ” เราพูดด้วยน้ำเสียงกลั้วหัวเราะ

เป็นมุกตลกร้ายที่เกิดขึ้นจริง

“คุณนี่ร้ายกาจ” อีกคนเค้นยิ้ม

ไม่ได้นึกสนใจหรือห่วงว่าฝ่ายนั้นจะเจ็บปวดมากแค่ไหน

“มันแน่นอน” เราผายอกอย่างภาคภูมิ

เรื่องทำร้ายผู้หญิงเป็นอีหน้าตัวเมียนี่ตัดทิ้งไปได้เลย

เราไม่แยแส

ข่าวที่ออกมาก็เขียนจนดังสนั่น

สาเหตุก็เกิดจากการนอกใจ

ซ้ำยังถูกลอบทำร้าย

ทุกคนให้กำลังใจเรา

และใช่…ยัยมุกได้รับการรักษา

ถึงขั้นเป็นบ้าเพียงเพราะถูกบอกเลิก

จิตนางป่วยจนต้องบำบัดที่โรงพยาบาล

เราออกมาจากห้องพยาบาลเมื่อครอบครัวฝ่ายตี้มาเข้าพบ

ทว่าดันมาเจอะเจอกับอีกหนึ่งหายนะของความน่าปวดหัว

โชคดีที่มีพี่เรายืนอยู่ด้วย

ยืนรอด้านนอกตั้งนานแล้ว

เพื่อพาเรากลับบ้านไปอาบน้ำก่อนจะมาใหม่

“คุณ”

“พอกันที” เราเอ่ยขัด

“ให้มันจบสักที” เราย้ำอีกหน

“กูไม่ทนอะไรอีกแล้ว มึงจะมาขอโทษหรือมาขอคืนดีให้กลับมาคบกัน กูบอกเลยว่าไม่เอาทั้งนั้น”

ไม่ว่าเหี้ยอะไรก็ตามที

ทุกสิ่งที่เกิดขึ้นมันเป็นเพราะคนชั่วแบบมึงคนเดียว

“ไม่มีใครมาทนกับมึงหรอกนะ” เราเอ่ยด้วยวาจาเสียดสี

กระทบแดกดันด้วยความกรุ่นโกรธ

“อย่ามาให้เห็นหน้าอีกเลยกูขอล่ะ ขออยู่อย่างสงบสักที” เราจ้องตามัน

จ้องด้วยความโกรธเกลียดและขยะแขยงเหลือเกินจะกล่าว

มันเพียงพยักหน้ารับช้าๆ

ไร้คำเอื้อนเอ่ย

เหมือนรู้ซึ้งถึงคำตอบเสียที

หน้าด้านกว่าจะรู้เท่าทัน

ก่อนจะค่อยๆ หมุนกายเดินจากไป

หลังจากนั้นเราถึงได้พรูลมหายใจทิ้งออกมาเฮือกใหญ่

เงยหน้าขึ้นมากักเก็บน้ำตาเอาไว้

ปวดหัวกับเรื่องคาราคาซัง

“ไหวไหม กลับบ้านไปพักผ่อนก่อนเถิด” พี่เราปลอบ

ฝ่ามือสัมผัสเข้าที่แผ่นหลังของเรา

เราได้แต่พยักหน้ารับ

รู้สึกร่างกายอิดโรยเกินไป

คงต้องพักผ่อนเสียบ้าง

 

ครั้นกลับมาถึงบ้าน

เราก็อาบน้ำพลัดเปลี่ยนอาภรณ์

ทิ้งตัวลงนอนกับฟูกเตียงนุ่มๆ

ผ่อนคลายความเมื่อยล้าที่เคยมีมา

ในหัวมีแต่ความดำมืด

ตื่นมาอีกทีก็เกือบเย็นซะแล้ว

ปานนี้ฝ่ายนู้นคงอยู่คุยกับครอบครัว

เราเลยถือโอกาสลุกขึ้นมาเปิดโน้ตบุ๊ก

เปิดทวิตอ่านข้อความที่มีเพื่อนนักเขียนมาให้กำลังใจ

เรากลายเป็นที่โด่งดัง

ไม่ได้เป็นสิ่งที่น่ายินดีเท่าไรนัก

เราเปิด word ขึ้นมา

พิมพ์กระแทกแป้นพิมพ์ตามตัวอักษร

ใส่ทุกข้อความบรรจงที่ตั้งใจจะสื่อ

การอธิบายถึงห้วงความคิดและในจิตใจ

ช่างเป็นการพรรณนาที่สละสลวยสำหรับเรายิ่งนัก

เป็นการพรรณนาที่แปลกใหม่จนรับรู้สึกได้

พลอยดำดิ่งกับตัวอักษร

นิยายเรื่องนี้ขึ้นชื่อว่าไม่ใช่นางเอก

เป็นสื่อแทนใจเราทั้งหมดทั้งสิ้น

ทั้งด้านความรัก

ทั้งด้านความรู้สึก

ทั้งในด้านของความสิ้นหวัง

และทั้งในด้านของความโกรธเกลียดใครสักคน

เป็นทั้งในด้านที่หม่นหมองและน่าติดตามในคราเดียวกัน

เราเริ่มเสพติดการบรรยายเช่นนี้

จมดิ่งกับเนื้อหาลายลักษณ์อักษร

แม้พื้นที่หน้ากระดาษจะเปลืองนักหนา

แต่ใจความของมันก็กระแทกกินใจเราเหลือเกินจะกล่าว

 

ปัจจุบันเราอายุ28ปี

เป็นนักเขียนที่มีผลงานเป็นสิบๆ เรื่อง

บ้างก็มีเรื่องที่ได้ทำเป็นซีรีย์

เป็นอีกหนึ่งเรื่องราวที่น่าภาคภูมิเป็นอย่างยิ่ง

“โกโก้ร้อนๆ ครับ” เสียงพนักงานเดินมาเสิรฟ์

ในจังหวะที่เรากำลังพิมพ์ตัวอักษรในนิยายที่ใกล้จะจบ

เราแหงนหน้าและยิ้มให้อีกฝ่าย

จิบโกโก้ขึ้นดื่ม

แตะขอบแก้วชิดกับริมฝีปากอมชมพูระเรื่อ

ความร้อนและหอมหวานของมันทำให้เราอิ่มเอมใจ

มีความสุข

เราระบายยิ้มกว้าง

ก่อนจะพิมพ์เนื้อหาต่อที่ใกล้จะจบลง

“รับอะไรเพิ่มไหมครับ” เสียงพนักงานที่เป็นถึงเจ้าของร้านยังคะยั้นคะยอถาม

เราส่ายหน้าพลางอมยิ้มไม่ตอบกลับ

ก่อนจะจบคำว่า ‘Ending’ ในนวนิยายที่ใกล้จะตีพิมพ์เป็นรูปเล่ม

หลังจากนั้นจึงหันเหความสนใจมาที่คนข้างกาย

เราสบตากัน

พลันเท้าคางและยักคิ้วปั่นประสาทใส่ชายหนุ่มที่เยาว์วัย

“อยากจะกินเด็กอะ มีไหมล่ะ ?”

“โอ๊ะ ร้านเรามีพอดี” อีกคนตอบกลับอย่างร่าเริง

พลันชี้นิ้วมาที่ตัวเอง “ตี้ไง”



End

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด