04
หลังจากที่เมื่อวานชื่นตาได้กักตัวพอใจเพื่อดูหนังเป็นเพื่อนแล้ว พวกเขาก็ไปกินข้าวเย็นด้วยกัน แล้วถึงแยกย้ายกันกลับห้อง แต่จนถึง ณ เวลานี้ ชื่นตาก็คิดอยู่ว่า ที่พอใจบอกว่าเขาเหมือนพระอาทิตย์น่ะมันคืออะไร
เขาดูหน้ากลมเหมือนพระอาทิตย์เหรอ หรือหน้าแดง อันนี้ไม่น่าใช่ ทฤษฎีที่ว่าคุณชื่นเหมือนพระอาทิตย์นี่ต้องได้รับการอธิบาย เขาจึงตัดสินใจถามเข้าไปในกรุ้ป
Chuenta: มึง กูหน้ากลมเหรอ อ้วนมั้ย
Plan: ห๊ะ! อ้วนไรของมึง
Kylie: อ้วนบ้าอ้วนบออีน้อง
Chuenta: ก็พอใจบอกกูเหมือนพระอาทิตย์
เพื่อนบอกว่าผมไม่อ้วน แต่พอใจบอกว่าผมเหมือนพระอาทิตย์ มันจะมีความหมายแฝงอะไรอีก ผมว่าผมก็ไม่ได้ซื่อบื้อนะ แต่ผมแปลความหมายมันไม่ออกจริงๆ นี่ผมเรียนวรรณกรรมจริงไหมเนี่ย
Kylie: อีโง่! น้องบอกว่ามึงสดใสหรือเปล่า
Plan: หรือไม่ก็ร้อนแรงไรงี้
Plan: แต่ร้อนแรงไม่น่าได้ เด๋อขนาดนี้
Chuenta: เด๋อบ้านมึงสิ
Kylie: น้องพอใจเขาชมมึง ไม่ได้ด่ามึงว่าอ้วน
Kylie: แต่น้องพอใจนี่กูพอใจจริงๆนะ
Chuenta: พอๆ กูมาถามแค่นี้แหละ
Plan: อ่ะ หนี
พวกมันสองคนพยายามคาดคั้นผมมาตั้งแต่วันที่ผมลงรูปพอใจแล้ว จนรู้ว่าพอใจเป็นน้องคณะ พวกมันก็เอาแต่พูดจาแปลกๆ รู้หรอกว่าจะชง แต่ผมกลัวพอใจอึดอัดนี่
ถึงจะบอกไอ้แพลนว่าตัวเองสนิทกับพอใจ แต่ก็ไม่ได้สนิทขนาดนั้นนี่นา เพิ่งรู้จักกันไม่กี่วัน นี่เพิ่งจะครบสัปดาห์มาไม่นานเอง เดี๋ยวพอใจอึดอัดแล้วไม่อยากเล่นกับผมทำไง
ผมเช็คแจ้งเตือนจากแอพพลิเคชั่นต่างๆสักพัก อินสตาแกรมเป็นสิ่งสุดท้าย ตอบไดเร็คและคอมเมนท์เรียบร้อย ก็จัดการโพสต์รูปภาพใหม่
เป็นรูปที่พอใจส่งให้ผมเมื่อวาน รูปที่ผมนั่งยิ้มอยู่ที่ม้านั่งในสวนสาธารณะแถวบ้าน พอใจส่งมาให้ผมสามรูป นอกจากรูปนี้ก็มีรูปตอนเดินไปคาเฟ่ กับรูปที่นั่งอยู่ในคาเฟ่ ที่ผมไม่รู้ตัวเลยแม้แต่น้อยว่าเขาถ่ายตอนไหน
พอใจถ่ายรูปสวย ถึงแม้ว่าเขาจะบอกว่ามันทั่วไป แต่ชื่นตาก็ยังมองว่ามันสวย ในฐานะของคนที่ถ่ายรูปไม่ค่อยเป็นอย่างเขา ก็บอกไม่ได้หรอกว่ามันสวยยังไง แต่ทุกครั้งที่ดูรูปที่พอใจถ่าย มันมักจะรู้สึกถึงบางอย่างเสมอ
ผมไปแอบส่องอินสตาแกรมของพอใจมา เขาถ่ายรูปท้องฟ้าไว้เยอะมาก แต่ผมก็ยังรู้สึกว่ามันไม่เหมือนกัน นี่หรือเปล่าที่เขาบอกกันมาว่า รูปภาพก็สื่อความรู้สึกได้
เพราะวันก่อนนั้น พอใจทำอาหารเช้าให้เขากิน เมื่อวานเขาเลยเอาน้ำเต้าหู้ไปแขวนไว้หน้าห้อง คิดว่าพอใจคงกินไปแล้ว น้ำเต้าหู้เจ้านี้อร่อยมาก หมดเร็วตลอด เขาถึงกับต้องตั้งนาฬิกาปลุกเพื่อไปซื้อเลยนะ คิดว่าพอใจก็คงจะชอบเหมือนกัน
เห็นขนมปังที่พอใจทำให้วันนั้นแล้ว เขาคิดว่ามันทำไม่ยากสักเท่าไหร่ อยากจะลองทำดูบ้าง ถึงแม้จะไม่เคยทำมาก่อน แต่ก็ขอลองสักหน่อยแล้วกัน
Rrrrrr ‘คุณป้า’
“สวัสดีครับป้าชม”
[เป็นไงบ้างลูก เปิดเทอมแล้วใช่ไหม]
“ใช่ครับ ก็มีงานนิดหน่อย ยังไหวอยู่ครับ”
[จ้า มีอะไรก็เข้ามาที่บ้านนะ มาพร้อมพอใจก็ได้ รู้จักกันแล้วนี่]
“ครับป้า เป็นรุ่นน้องคณะด้วย”
[ดีๆ ดูแลกันลูก สนิทกันไว้ ขนมบ้านนั้นอร่อยนะ]
“โถ่ป้าชม ชื่นไม่ได้เห็นแก่กินขนาดนั้นนะครับ”
[ฮะๆ ไว้เจอกันลูก]
“ครับ สวัสดีครับ”
ป้าชมเป็นป้าแท้ๆของเขา ก็เจ้าของบ้านรัตนพิบูลย์นั่นแหละ ด้วยความที่ป้าไม่มีลูก เขาที่เป็นหลานชายคนเดียว ก็เลยได้รับความรักและความเอ็นดูจากคุณลุง คุณป้ามากๆ ตัวเขาเองก็รักและเคารพท่านทั้งสองมากๆเช่นกัน
หลังจากวางสายจากป้าชม เขาก็ลงมาที่ซุปเปอร์มาเก็ตข้างล่างคอนโด นี่เป็นอีกหนึ่งข้อดีของคอนโด ที่นี่มีฟิตเนสด้วยนะ สระว่ายน้ำก็มี ดีมากๆเลย
เขาหยิบวัตถุดิบที่จำได้ว่าเห็นพอใจใช้อย่างอะโวคาโด น้ำผึ้ง ขนมปัง เครื่องปิ้งที่ห้องเขาก็มี แต่ไม่เคยใช้ ส่วนชาที่พอใจชงให้ตอนนั้นน่ะ หอมมาก แต่ผมไม่รู้ว่ามันคือชาอะไร เลยลองเสิร์ชกูเกิ้ลหารสชาติของชาต่างๆดู สุดท้ายก็เลือกหยิบชาพีชมา
วันนี้ผมไม่มีเรียน แต่ดันมีงานต้องส่งในอีกหนึ่งอาทิตย์ เป็นงานกลุ่ม ซึ่งกลุ่มผมก็มีสามคน คือผม แพลน แล้วก็คิง ที่มันชอบบังคับให้ผมเรียกว่าไคลี่
ผมเรียนวรรณกรรม การวิเคราะห์วรรณกรรมเป็นสิ่งหนึ่งที่พวกเราต้องเรียน แต่วรรณกรรมตัวอย่างที่อาจารย์เอามาให้ครั้งนี้มันยากมาก ตอนแรกพวกผมเลือกจะยืมเล่มภาษาไทยมาอ่าน ปรากฏว่าอ่านทั้งสามคน ไม่เข้าใจทั้งสามคน คิดว่าเขาใช้คำยากเกินไป สุดท้ายพวกผมก็ต้องไปซื้อเล่มต้นฉบับภาษาอังกฤษมา
ซึ่งตัวเล่มต้นฉบับภาษาอังกฤษนั้น ยากมาก! ยากจนขนาดเด็กจบมัธยมอินเตอร์อย่างไอ้แพลนยังอยากจะร้องไห้ ไอ้คิงที่มาดมั่นจะมีผัวฝรั่งก็ความคิดสั่นคลอน ถึงผมจะคิดก็เถอะ ว่าคนปกติคงไม่พูดภาษายากๆแบบนี้
แต่ทำไงได้ล่ะ อาจารย์สั่งก็ต้องทำสิครับ ไม่ทำก็ไม่ได้คะแนนสิ ผมเลยต้องมานั่งจดๆจ้องๆ เปิดดิกชันนารีแปลคำศัพท์ยากๆพวกนี้อยู่ เมื่อไหร่จะอ่านจบก็ไม่รู้
ทำงานไปได้สักพัก ท้องก็ร้องว่าถึงเวลาอาหารกลางวัน ผมเลยตัดสินใจพักงานไว้ก่อน ลุกไปหาอะไรกินดีกว่า กองทัพต้องเดินด้วยท้อง หิวมากๆจะทำงานไม่ได้เอา ชวนพอใจไปด้วยดีไหมนะ
Chuenta: พอใจว่างหรือเปล่า
คุณพอใจ: ตอนนี้ผมอยู่มอ พี่ชื่นมีอะไรหรือเปล่า
Chuenta: อ้าว อยู่มอเหรอ ว่าจะชวนกินข้าว
Chuenta: ไม่เป็นไร
คุณพอใจ: ขอโทษนะครับ
Chuenta: ขอโทษทำไมเล่า วันหลังก็ได้
Chuenta: ตั้งใจเรียนนะ
คุณพอใจ: ครับผม
ในเมื่อพอใจไม่อยู่ ก็ต้องไปกินข้าวคนเดียว ชื่นตาไปกินข้าวคนเดียวได้สบายมาก ปกติก็ชอบอยู่คอนโด พออยู่คอนโดก็ต้องไปไหนคนเดียวเป็นปกติอยู่แล้ว เพราะถ้าจะนัดเพื่อนน่ะ ก็ต้องเรียกวิน นั่งแท็กซี่ไป วุ่นวาย
“ว่าไงคุณชื่น กินอะไรวันนี้”
“เอาอันนี้3เข่งครับ” สุดท้ายมื้อนี้ก็ฝากท้องไว้กับร้านติ่มซำ
หลังจากดื่มด่ำกับอาหารกลางวันแล้ว เขาก็ต้องกลับมาทำงานอีกครั้ง คราวนี้น่ะไปชงชามาด้วย เผื่อมันจะช่วยผ่อนคลายได้บ้าง หยิบคุ้กกี้มานิดๆหน่อยๆ กินเยอะไม่ดี
ถึงจะพูดว่าทำอาหารไม่เป็น แต่คุ้กกี้เป็นหนึ่งอย่างที่ชื่นตาภูมิใจกับมันมากๆ เพราะทำออกมาได้ดี แถมยังมีคนชมเยอะแยะมากมาย อย่างน้อยก็ทำเป็นตั้งหนึ่งอย่าง ส่วนอาหารก็ทำได้แค่พวกไข่เจียว ไข่ดาว
ชื่นตาดูอาหารไม่ค่อยเป็น เขาแยกไม่ออกว่าแบบนี้คือสุกหรือยังไม่สุก มาแยกออกก็ตอนที่มันใกล้จะไหม้ ก็เลยล้มเลิกความคิดที่จะหัดทำอาหารในตอนโด เขากลัวไฟไหม้ห้อง
“ชานี้อร่อยดีแฮะ กินแล้วสดชื่นดี”
ชื่นตานั่งทำงานไปกินไป จนสุดท้ายงานในส่วนที่ตนเองก็เสร็จสมบูรณ์ เขาตรวจทานความเรียบร้อยถึงสองครั้งเพื่อให้มั่นใจว่าสิ่งที่พิมพ์ไปเป็นภาษาที่คนอื่นจะเข้าใจได้ ไม่มีตรงไหนวกวนหรือซ้ำไปซ้ำมา
Chuenta: ส่งไฟล์
Chuenta: นี่ส่วนของกู
Kylie: กรี๊ดดด มึงเสร็จแล้วเหรอ
Kylie: อีน้องง กูเหลืออีกเยอะเลย
Chuenta: ค่อยๆทำ กูไม่ได้มาเร่ง
Plan: ตื่นตูมน่ะคิง งานมันส่งอาทิตย์หน้า
Plan: ก็รู้หนิว่าเพื่อนมึงไม่ชอบค้างงาน
Kylie: เออ รู้!
Kylie: แต่พอเห็นเพื่อนเสร็จละมันลนๆนี่หว่า
Chuenta: ค่อยๆทำน่ะ มึงทำงานละเอียด เสร็จช้าก็ไม่แปลกหรอก
Plan: จนกูติดมาด้วย
Plan: พอทำงานกับคนอื่น เขาว่ากูขี้บ่น
Kylie: เออๆ เดี๋ยวทำเสร็จมาบอก เสร็จละมึงส่งมานะแพลน
Plan: เคจ้า
คิงทำงานละเอียดมาก ชนิดที่ว่าแทบจะไม่ผิดเลยสักตัวอักษร ถ้าเป็นงานเดี่ยวๆจะเห็นได้ชัดเลยว่างานมันได้คะแนนเต็มตลอด รวมถึงพรีเซนเทชันของมันก็ดีมาก อาจารย์ถามก็ตอบได้หมดทุกคำถามไม่มีลังเล เพราะแบบนี้ผมเลยตั้งใจทำงานให้ดี ไม่อยากให้เพื่อนต้องมาเหนื่อยแก้งานให้
ตื่อดึ้ง!
คุณพอใจ: พี่ชื่นอยู่คอนโดไหมครับ
Chuenta: อยู่ๆ มีอะไรหรือเปล่า
คุณพอใจ: ผมจะชวนไปกินข้าว
คุณพอใจ: มีเพื่อนผมอีก3คน
คุณพอใจ: ไปไหมครับ
ชื่นตาเหลือบมองนาฬิกาบนผนังก็พบว่ามันเย็นแล้ว อาจจะไม่ถึงกับมืด แต่ถ้าขับรถออกไปกินข้างนอกก็คงถึงเวลาหิวพอดี
Chuenta: โอเคๆ เดี๋ยวเปลี่ยนชุดแปปนึง
Chuenta: เจอกันล็อบบี้
คุณพอใจ: (สติกเกอร์หมาทำมือโอเค)
เมื่อตัดสินใจได้แล้ว ชื่นตาก็ลุกขึ้นมาเปลี่ยนชุดที่ดูดีดว่าเมื่อกี้หน่อย เช็คสภาพหน้าผมของตัวเองแล้วก็ออกจากห้องไป พอลงมาถึงล็อบบี้ก็เห็นว่าพอใจรออยู่แล้ว
“พอใจ”
“อ่ะ มาแล้ว ไปกันครับ”
“อื้อ แล้วไปยังไงเหรอ”
“ผมมีรถนะ แม่เอามาส่งเมื่อวาน”
“งั้นไปรถพอใจใช่มั้ย”
“ครับ”
“เพื่อนคนอื่นล่ะ”
“เดี๋ยวไปเจอกันที่ร้านครับ”
ตอนแรกชื่นตาคิดว่ารถของพอใจจะเป็นรถเก๋งทั่วๆไป แต่มันกลับเป็นรถเจ็ดที่นั่งที่คล้ายกับรถตู้ ซึ่งเขาเคยเห็นรถคันนี้อยู่ที่บ้านป้าแวว แต่มันเอาไว้ส่งขนมนี่นา ถ้าพอใจเอามาใช้ ป้าแววจะส่งขนมยังไง
“ไม่ใช่รถส่งขนมเหรอ”
“หือ เคยเห็นเหรอครับ”
“อื้อ พี่เคยเห็นป้าแววเอาไปส่งของ”
“จริงๆก็เป็นรถส่งขนมแหละ แต่แม่จะออกรถใหม่ เลยเอาคันนี้มาให้”
“อ๋อ แล้วรถใหม่เป็นยังไงเหรอ”
“เหมือนรถขนฟางในฟาร์มอ่ะ พี่ชื่นนึกออกไหม”
“แล้วขนมจะไม่เสียเหรอ”
“กล่องเก็บความเย็นไงครับ”
ชื่นตานึกภาพตามที่พอใจบอก รถขนฟางในความคิดเขาก็คือรถที่ข้างหน้านั่งได้สองคน แล้วกระบะหลังจะยาวกว่าปกติหน่อย อืม คิดๆแล้วก็น่ารักดี คงคล้ายๆกับรถส่งนมจากฟาร์ม
“แล้วนี่เราจะไปกินอะไรกันเหรอ”
“ผมหลอกพี่ไปขาย ไม่รู้เหรอ”
“เอ๊ะ”
“ฮ่าๆๆ ล้อเล่นครับ”
“รู้หน่า พอใจไม่ขายพี่หรอก พี่น่ารักน้าา”
“คร้าบบ น่ารักครับ”
“ฮะๆ สรุปว่าเราไปกินอะไรกันเหรอ”
“อาหารญี่ปุ่นครับ มีร้านใหม่มาเปิดหลังมอ”
“อ๋อ ร้านนั้น เคยเห็นอยู่เหมือนกัน”
การคุยกันในรถทำให้บรรยากาศผ่อนคลายลงมาก ตอนแรกก็ไม่ได้ถึงกับอึดอัดหรอก แค่มันยังอึนๆ ไม่รู้ว่าทำอะไรได้บ้าง ถ้าชวนคุยแล้วพอใจจะดุไหม แต่พอได้เริ่มคุยบรรยากาศมันก็ดีขึ้นเยอะ เราสนิทกันมากขึ้นอีกแล้ว ถ้าเป็นไปได้ เขาอยากสนิทกับพอใจให้มากๆเลย เขาชอบอยู่กับพอใจ
“ถึงแล้วครับ”
“อื้อ ร้านสวยเนอะ”
“อืม ทำบรรยากาศเหมือนพวกโรงแรมญี่ปุ่นเลย”
“ใช่ ดีมากเลย”
“ไปหาโต๊ะกันครับ”
“คนอื่นล่ะ”
“ยังมาไม่ถึงน่ะ”
เราสองคนเลือกโต๊ะริมหน้าต่างที่อยู่มุมๆหน่อย เพราะกลัวว่าถ้าคนมาครบแล้วจะเสียงดัง ผมนั่งลงข้างๆพอใจแล้วเว้นที่อื่นๆไว้ ผมยังไม่สนิทกับน้องคนอื่นๆเท่าไหร่
“พี่ชื่นชอบกินอะไร”
“กินได้หมดเลย”
“ไม่สิ เอาที่ชอบ”
“แล้วพอใจล่ะ”
“ผมกินหมด ไม่เรื่องมาก”
“อ้าว ไม่ได้สิ พอใจก็ต้องสั่งที่ชอบสิ”
“ฮ่าๆ โอเคครับ ไม่สู้แล้ว”
“ฮึ”
ผมย่นจมูกอย่างที่ชอบทำเวลาเถียงกับเพื่อนๆ แต่ที่ทำเอาผมตกใจน่ะ คือพอใจที่เอานิ้วชี้มาจิ้มจมูกผมต่างหาก ชื่นตาสะดุ้งเล็กน้อยก่อนทำหน้าเหวอๆออกมา ผมคงจะหน้าตาตลกน่าดู
“อ๊ะ ขอโทษครับ” พอใจรีบขอโทษออกมา
“ไม่เป็นไรๆ เราแค่ตกใจเฉยๆ” ชื่นตาโบกมือเป็นเชิงว่าไม่เป็นไร แล้วยังยิ้มให้พอใจอีกด้วย
พวกเขาหันกลับมาดูเมนูกันต่อเหมือนปกติ แต่สิ่งที่ไม่ปกติมันคือใจเขานี่แหละ ทำไมมันรู้สึกแปลกๆก็ไม่รู้ ใจเต้นแรงจนรู้สึกได้ แต่สุดท้ายชื่นตาก็ทำเป็นไม่รับรู้อยู่ดี