ตอนที่ 9
โรคหัวใจกำเริบเลิฟ ละละเลิฟเลิฟเลิฟ
“ขอเชิญคุณธาวิน วณิชสกุลที่ห้องตรวจหมายเลขสี่ค่ะ”
เสียงหวานปานน้ำผึ้งเดือนห้าของคุณพยาบาลแผนกอายุรกรรมเรียกผมให้หลุดออกจากอาการเหม่อลอย ผมปิดปากหาวหวอดสลัดความง่วงงุนก่อนจะเดินไปหยุดยืนหน้าบานประตูสีขาวที่มีป้ายหมายเลขสี่และชื่อนายแพทย์ ‘กวินทร์ วณิชสกุล’ แปะกำกับไว้ก่อนจะผลักเข้าไป หลังประตูบานนั้นคือชายหนุ่มที่ผมคุ้นเคยดีในชุดกาวน์สีขาวสะอาดตาบวกกับกรอบแว่นสีดำยิ่งเพิ่มความภูมิฐานเข้าไปอีก ถ้าไม่รู้จักมาก่อนคงคิดว่านายแพทย์กวินทร์คนนี้แม่งคงเป็นหมอที่เก่งกาจบุคลิคสะอาดสะอ้านน่าชื่นชม แต่เพราะรู้จักมาตั้งแต่เด็กพอเห็นมันนั่งหน้าเข้มตีหน้าขรึมหลังโต๊ะตรงหน้าแล้วอยากจะขากน้ำลายลงพื้น ถุยๆๆ
“สวัสดีครับพี่หมอ”
“ไงมึง ไม่เจอนาน...นมโตขึ้นเยอะเลย”
“ไม่เจอนาน จังไรขึ้นเยอะเลย เชี่ยพี่วิน เป็นหมอทักคนไข้แบบนี้ได้หรอ”
“ไอสัดน้องเท็นอย่าพูดมาก นั่งสิครับคนไข้มึงจะยืนอีกนานมั้ย”
นั่นล่ะครับ พี่หมอหน้าเข้มตรงหน้าผมคือ
พี่วิน ลูกพี่ลูกน้องผมเอง พี่วินกับผมห่างกันหกปีแต่กินขี้ปี้นอนมาด้วยกันตั้งแต่ตอนผมกับพี่ชายอีกคนยังเป็นเด็กกะโปกอยู่เชียงใหม่ ตอนเด็กๆพวกผมสามคนนี่อย่างซี้ เล่นเป่ากบ เล่นไพ่ยูกิ หนึบการ์ดโปเกม่อนมาด้วยกัน ถามว่ากูเคยชนะพวกพี่มันบ้างมั้ย ไอสัดแม่งรวมหัวกันโกงผมทุกวี่ทุกวันน้ำหน้าอย่างผมจะเอาไรมาชนะอะ นอกจากโดนหลอกแดกไพ่แล้วยังต้องเป็นลิ่วล้อวิ่งซื้อน้ำซื้อขนมให้มันสองคนอีก แค้นฝังหุ่นถึงทุกวันนี้แต่ยังไม่มีโอกาสเอาคืน
แม้ตอนเด็กจะเล่นด้วยกันทุกวันแต่พอโตมาก็ไม่ค่อยได้เจอกันแล้วครับเพราะต่างคนต่างแยกย้ายกันไปเรียนหนังสือหนังหา พี่วินมันโตสุดพอจบมอหกป้าผมก็ส่งมาเรียนหมอที่กรุงเทพจนมันเรียนจบ ทุนก็ไม่ต้องใช้เลยได้มานั่งกระดิกตีนรักษาคนไข้อยู่โรงบาลเอกชนสบายใจเฉิบแบบนี้ ส่วน
พี่แทนพี่ชายผมไม่รู้อินดี้อะไรพอจบมัธยมก็โบกมือลาเชียงใหม่ไปเรียนหมอฟันที่ขอนแก่น ส่วนผมดูแล้วน่าจะแปลกประหลาดกว่าใครเพื่อนเพราะนอกจากจะไม่เรียนไปทางหมอแล้วยังขอแม่มาเรียนที่กรุงเทพตั้งแต่เข้ามัธยมปลายเพราะสอบติดโรงเรียนชื่อดัง ตอนแรกพ่อผมคัดค้านบ้านแทบแตกแต่สุดท้ายก็ใจอ่อนแล้วยังซื้อคอนโดไว้ให้ซุกหัวนอนจนถึงตอนนี้
“สรุปมึงเป็นไรมาครับคนไข้ อาการมันเป็นยังไงไหนบอกหมอซิ” พอผมนั่งลงพี่วินก็เริ่มทำการวินิจฉัย คำพูดคำจามึงนี่เหมือนลืมไปแล้วอะครับว่าการเป็นหมอต้องท่องจำคำว่าจรรยาบรรณแพทย์ให้ขึ้นใจ
“คือผมมีอาการแปลกๆว่ะพี่ เหมือนจะเป็นโรคหัวใจ”
“หรอ อาการที่ว่านี่ยังไงบ้างวะ”
“อาการหรอ ก็มี...”
ผมกำลังนึกว่า ‘อาการแปลกๆ’ ที่ทำให้ผมต้องหอบหิ้วตัวเองมาตรวจถึงโรง’บาลแต่เช้ามีอะไรบ้าง
“...ใจสั่น”
“อืม”
“...หน้าแดง”
“อาฮะ”
“...ใจเต้นแรง”
“ชัดเลยครับ”
“...พูดจาตะกุกตะกัก แถมแขนขาแม่งยังเก้งๆกางๆ”
“ไอสัด ชัดมากครับคนไข้”
“เชี่ยยยย ชัดเลยหรอวะพี่ ตกลงผมเป็นไรอะ ใช่โรคหัวใจป่าว”
“เออ ชัดมาก ว่าแต่อาการที่มึงบอกนี่เกิดขึ้นตลอดเวลาไหม หรือว่ามาๆหายๆ กำเริบเฉพาะเวลาอยู่ต่อหน้าใครบางคน?”
“ก็ไม่ตลอดนะ อาการมาๆหายๆอะ”
อาการที่พูดมา… แม่งชอบเป็นเวลาผมอยู่ต่อหน้าพี่ปราบดา
อาการแบบนี้… เสิร์ชกูเกิ้ลมามันบอกว่ากูเป็นโรคหัวใจ!
“ไอ้เท็น”
“ว่าไงพี่” ใจหล่นไปอยู่ที่ตีนแล้วผม กลัวมันบอกว่าผมกำลังจะตาย
“ไม่เจอกันนานนม มึงโตขึ้นเยอะจริงๆว่ะ”
“ห้ะ?”
“ยินดีด้วยน้องรัก มึงกำลังมีความรัก ไม่ได้ป่วยเป็นอะไรทั้งนั้น ไอ้ควาย”
หลังฟังคำวินิจฉัยจากนายแพทย์กวินทร์เสร็จผมก็เดินหน้ามึนออกมาจากห้องตรวจแล้วมานั่งรอรับยาพร้อมกับจ่ายค่าเสียเวลาที่แผนกการเงิน สรุปว่าผมแหกตาตื่นมาแต่เช้าไปเพื่ออะไรวะในเมื่อสิ่งที่กูพึ่งได้ยินจากพี่หมอวินแม่งไร้สาระสัดๆ มันบอกว่าผมไม่ได้ป่วยแต่กำลังมีความรัก น้ำหน้าอย่างผมเนี่ยนะกำลังมีความรัก ขากกกกกกกก วิเคราะห์โรคมั่วซั่วแบบนี้มึงจบหมอมาได้ไงวะ เสียเวลาชิบหาย คิวรอจ่ายตังก็ยาวจังกูชิ่งเดินออกไปไม่จ่ายได้ปะเนี่ย
ระหว่างนั่งรอเรียกชื่อโทรศัพท์ผมก็ดัง ไม่ไลน์ก็เฟสบุคแชทอะครับเสียงแบบนี้
Prabda Asavayothinหิวน้ำ
ข้อความที่เด้งขึ้นมาบนล็อกสกรีนทำคิ้วผมขมวดเป็นปม หิวน้ำก็เดินไปซื้อสิวะ เห็นกูเป็นไลน์แมนหรอ แน่นอนว่าผมทำได้แค่คิดสุดท้ายก็ต้องเอาไปให้พี่มันอยู่ดี จิกหัวใช้ผมเป็นเด็กส่งน้ำแบบนี้ก็ดีแล้วครับรู้สึกเหมือนจะเห็นเงินแสนอยู่รำไร
Ten Tavinพี่อยู่ไหนอะ
Ten Tavinอยากกินน้ำไร
Ten Tavinเดี๋ยวเอาไปให้ครับ
ชำระเงินรับยาเสร็จผมก็รีบขับรถออกจากโรงพยาบาล แวะซื้อลาเต้เย็นหวานน้อยจากร้านแถวคณะตามที่พี่ปราบสั่งแล้วจอดรถทิ้งไว้ที่มอ จากนั้นก็โบกวินมอไซค์นั่งมาส่งน้ำที่ผมร่ายคาถาพ่อปู่แล้วให้พี่มันที่สยาม ที่ไม่ขับรถมาจอดที่สยามเลยเพราะกลัวค่าจอดบรมโหดแถมเที่ยงๆช่วงเวลาคนกำลังหิวแบบนี้หาที่จอดยากแน่นอนครับไม่ต้องสืบ
กระโดดลงจากมอไซค์จ่ายตังเสร็จผมก็จ้ำเท้าเดินไปตามทางที่พี่มันบอก พอเงยหน้ามาอีกทีก็เห็นพี่ปราบยืนเด่นเป็นสง่าอยู่ตรงตีนบันไดทางเชื่อมรถไฟฟ้า วันนี้พี่ปราบดูแปลกตาไปกว่าทุกที คงเป็นเพราะปกติผมเห็นมันใส่แต่เสื้อบอลไม่ก็เสื้อนิสิต ทว่าวันนี้พี่ปราบปรากฏตัวในชุดธรรมดา เสื้อยืดดำกับกางเกงยีนส์ขาดเข่าแต่ความหล่อแม่งไม่ธรรมดาจริงๆ สีดำของเสื้อตัดกับผิวขาวๆของพี่มันดังฉับ คนเดินผ่านนี่หันมองกันตาหวานฉ่ำ
“อะพี่ มันละลายไปแล้วหน่อยนึงนะแต่ยังกินได้อยู่” ผมยื่นแก้วในมือให้พี่ปราบ มันมองปร๊าดนึงแล้วก็บอกกับผมอย่างคนสันดานไม่ดี
“ละลายแล้วกูไม่แดก”
“เอ้าอะไรวะ พึ่งละลายไปนิดเดียวเอง”
“นั่นแหละ ทิ้งไปเลยกูไม่เอา”
“งั้นเดี๋ยวผมไปซื้อให้ใหม่ พี่รอตรงนี้นะเดี๋ยวผมมา”
“ไม่ต้อง รวยนักหรือไงซื้อน้ำให้กูอยู่นั่น” ไอสัดถ้ารวยไม่มานั่งง้อพี่มึงแบบนี้หรอก กูเป็นหนี้เขาอยู่สามแสนเนี่ยไอชิบหาย
“ไม่ได้รวยครับแต่อยากซื้อให้ พี่ก็กินๆไปเหอะอย่าถามมากได้ปะ”
“เท็น”
“ครับ”
“มึงจีบกูหรอ”
อึ้ง
“ตอบดิ มึงจีบกูหรอ”
“ม..ไม่ได้จีบ” ใจสั่น หน้าแดง ใจเต้นแรง พูดจาตะกุกตะกักอีกแล้วกู ไหนพี่วินมันบอกว่าไม่ได้ป่วยไงวะ
“ไม่ได้จีบแต่ซื้อน้ำมาให้กูทุกวัน แบบนี้แถวบ้านกูเรียกว่าชอบ
มึงชอบกูไอ้เท็น”
ไม่ได้ป่วยเชี่ยไรล่ะ
ใครก็ได้ส่งรถพยาบาลมารับกูตอนนี้เลย หัวใจจะวายแล้วแม่ย้อย
ยืนเถียงกันหน้าดำหน้าแดงอยู่ซักพักกว่าจะได้ข้อสรุปว่าผม ‘ไม่-ได้-ชอบ’ พี่ปราบดา ไม่รู้มันเข้าใจอย่างที่ผมบอกหรือขี้เกียจเถียงกับผมแล้วกันแน่แต่สุดท้ายมันก็เดินยิ้มๆตามผมมาที่หน้าร้านกาแฟสตาร์บัง พอหันไปมองแม่งก็ยักคิ้วกวนส้นตีนผมอีก ไม่ต้องกินแล้วมั้งสตาร์บังอะเอาสตีนกูไปแทน
“ลาเต้เย็นหวานน้อยเหมือนเดิมใช่ป่าวพี่ ไซส์เล็กสุดได้ปะกลัวตังไม่พอ”
“ก็บอกว่าไม่เอาแล้วไง ดื้อจังวะ”
“เปล่าดื้อ ก็พี่ทักมาหาผมว่าหิวน้ำอะ อ้าวเฮ้ยไปไหนอะ” ผมยังพูดไม่จบแต่พี่ปราบแม่งเดินสะบัดตูดไปแล้ว
“อย่าพึ่งไปดิ ผมขอซื้อกาแฟให้พี่แก้วเดียวเอง เดี๋ยวผมก็กลับแล้วไม่อยู่กวนพี่หรอก”
“ไม่ต้องซื้อแล้ว อยากกินเดี๋ยวกูซื้อเอง”
“พี่แม่งโคตรใจร้าย”
“อยากเลี้ยงน้ำกูขนาดนั้นเลย”
“อือ”
“ก็ได้”
“จริงอะ”
“จริง.. แต่กูมีข้อแม้”
“สวัสดีคร้าบทุกคน ยินดีต้อนรับเข้าสู่ช่อง เท็นเทอร์ตี้เอ้ก อี้ เอ้ก เอ้ก กับผมเท็นคนดีคนเดิมเพิ่มเติมคือความหล่อกับความถี่ในการมาไลฟ์สด ซึ่งวันนี้ไม่ได้จะพาทุกท่านไปเปรี้ยวตีนที่ร้านอาหารรสชาติหมาไม่แดกที่ไหน แต่เป็นไลฟ์พิเศษที่ห้างใหญ่ไม่ใกล้ไม่ไกลกับมอของเราพร้อมกับแขกรับเชิญที่พิเศษสุดเซอร์ไพรซ์ ไอ๊ ไอ๊”
เซอร์ไพรซ์จริงๆครับขนาดกูยังพึ่งรู้ตะกี้เหมือนกัน อยู่ดีๆไอ้พี่ปราบแม่งก็บอกให้ผมมาไลฟ์สดแถมบอกภารกิจอันน่าปวดหัวที่ผมต้องทำผ่านไลฟ์ในยูทูบอันเนื่องมาจาก ‘ข้อแม้’ ของพี่มัน ซึ่งก็คือ
‘ทำให้กูอารมณ์ดีก่อนดิ’สุดท้ายกูก็ต้องมาตามใจพี่มันแบบงงๆ กล้องห่าอะไรก็ไม่ได้เตรียมมาเลยต้องใช้โทรศัพท์แทน แถมยิ่งพอฟังสิ่งที่มันบอกให้ทำกูก็ขายขี้หน้ารอแล้วไอเหี้ย
“เนื่องจากแขกรับเชิญของผมเป็นคนขี้อายจึงไม่ประสงค์จะออกนามและไม่ขอออกหน้ากล้อง ฟังแต่เสียงแล้วไปเดากันเอาเองนะครับว่าเป็นใคร ถามว่าผมมาทำไรในวันนี้ ผมมาทำภารกิจเล่นเกมแต่งตัวครับโดยที่แขกรับเชิญจะเลือกไอเทมมาให้แล้วให้พวกคุณร่วมโหวตเข้ามาว่าอยากให้ผมใส่ชุดไหน ยังไงก็ปราณีกูบ้างแล้วกัน และเพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลาเราไปเริ่มกันเลยดีกว่า”
ผมเดินตามพี่ปราบที่ถือโทรศัพท์ถ่ายผมเอาไว้เข้ามาด้านในของร้านเสื้อผ้าร้านหนึ่ง พี่มันเดินสำรวจวนไปวนมาอยู่แปปนึงก่อนจะหยิบเสื้อส่งมาให้ผมสามสี่ตัว แค่เริ่มต้นกูก็เห็นความบัดซบแล้วครับ
“ในส่วนของเสื้อนะครับ แขกรับเชิญของเราได้เลือกมาแล้วด้วยกันสี่ตัว ตัวแรกคือเสื้อกั๊กสีเขียวสะท้อนแสงอินสไปเรชั่นจากพนักงานจราจร ตัวที่สองเสื้อยืดลายสักยันต์เก้ายอดนายทองเหม็น ตัวที่สามเกาะอกลายเสือดาวหางเครื่องดาวมยุรี ไอเหี้ยหยิบมาทำไมวะเนี่ย ตัวสุดท้ายบอดี้สูทลายม้าลายสีขาวสลับดำ ใส่แล้วเหยียบกูข้ามถนนไปได้เลยครับรับประกันความปลอดภัยรถไม่ชนแน่นอน แต่ละตัวเรียกว่าความเหี้ยค่อนข้างสูสี ชอบตัวไหนโหวตกันเข้ามาได้เลยครับ”
noo_straw_berry: 3
รักนี้คิตตี้พูห์: 4
lnwgorn: เท็นมึง 555555555 สู้ๆนะเพื่อน กูโหวตเบอร์ 4
Joy Enjoy: 444444
Joy Enjoy: ว่าแต่แขกรับเชิญนี่ใครหรอค้าาาาา อยากเห็นหน้าๆๆๆ
ต้นรถเป็นไรอะ: น้องเท็นจะใส่จริงๆหรอครับ
ต้นรถเป็นไรอะ: 3
ต้นรถเป็นไรอะ: 3
ต้นรถเป็นไรอะ: 3
ต้นรถเป็นไรอะ: ใส่เกาะอกแล้วครางชื่อพี่ต้นหน่อย
onechaloem: 4แล้วกัน กูอยากไปซาฟารีเวิร์ล
น้ำตาจ่าโท: เคาะยากมากระหว่างสามกับสี่
น้ำตาจ่าโท: แต่ขอเลือกเบอร์ 4 เป็นคำตอบสุดท้ายคร้าบๆๆๆ
ไอสัดแค่ตัวแรกก็เล่นกูแล้ว แม้แต่แก๊งสามหนุ่มเนื้อทองเพื่อนรักผมก็ยังมาร่วมโหวตกับเขาด้วย เหมือนกูรักพวกมันอยู่ฝ่ายเดียวอะ ผมอ่านคอมเม้นสลับกับหันไปมองหน้าคนที่ยืนยิ้มชั่วอยู่หลังกล้อง ดูจากรอยยิ้มบนใบหน้าแล้วมันคงสะใจมากอะครับที่แกล้งผมได้
“สรุปว่าเบอร์ 4 บอดี้สูทลายม้าลายเข้ารอบนะครับ งั้นเราไปที่ไอเทมถัดไปกันเลย แขกรับเชิญเลือกหยิบได้เลยครับ”
พี่ปราบหายไปสักครู่ก่อนจะเดินกลับมาพร้อมกับกางเกงในมืออีกสี่ตัว ผมมองสภาพแต่ละตัวที่มันหยิบมาแล้วถึงกับเหงื่อแตก มึงไม่คิดจะไว้หน้ากูเลยใช่ปะเนี่ย
“แขกรับเชิญได้ทำการหยิบมาแล้วนะครับ ตัวแรกเป็นกางเกงอาละดินเป้ายานถึงพื้นสวมใส่แล้วสบายไข่ ตัวถัดไปกางเกงยีนส์ขาสั้นเสมอหมียั่วๆจร้า ตัวที่สามกางเกงหนังรัดเป้าสีดำขลับสวมวันนี้เป็นหมันวันหน้า และตัวสุดท้ายกางเกงขาม้าแต่ลายเสือโคร่งโฮกปี๊บ ชอบตัวไหนโหวตเลยครับ”
ฟ้า สาลิกาลิ้นทอง: 555555555 สงสารพี่เท็น
ฟ้า สาลิกาลิ้นทอง: แต่หนูโหวตเบอร์ 2 ยั่วๆๆๆไปเลยคร้า
noo_straw_berry: เบอร์ 4 ค่า แมตช์กับไอเทมแรก 555555555
ต้นรถเป็นไรอะ: เบอร์ 22222222 เท่านั้น
ต้นรถเป็นไรอะ: แค่คิดก็วูบ พยุงกุทีกุจะเป็นลม
รักนี้คิตตี้พูห์: 4
Joy Enjoy: 4
“เสียงโหวตออกมาเป็นเอกฉันท์แล้วนะครับว่าไอเทมที่กูต้องใส่ได้แก่กางเกงขาม้าลายเสือโคร่งโฮกปี๊บ สวมคู่กับตัวแรกเสร็จบ้านช่องไม่ต้องกลับแล้วครับทางการส่งคนมาจับกูส่งโรงบาลบ้าแน่นอน อะไปที่ไอเทมถัดไปกันเลยดีกว่าให้มันจบๆไปซักที เชิญพี่ปรา..เอ้ยแขกรับเชิญเลือกรองเท้าได้เลยครับ”
ชิบหายแล้วครับเกือบเผลอเรียกชื่อพี่ปราบดาออกสื่อไปแล้ว พี่มันถลึงตามองผมใหญ่ดีนะหุบปากเอาไว้ทัน
Joy Enjoy: กรี๊ดๆๆๆๆเมื่อกี้น้องเท็นหลุดเรียกชื่อปราบดาออกมาปะคะ
Joy Enjoy: ปราบดาครางชื่อจอยหน่อยคร้าาาา จอยคอมอาร์ทรหัส48
ต้นรถเป็นไรอะ: ไม่จริงใช่มั้ยน้องเท็น บอกพี่ต้นมาคำเดียวว่ามันไม่จริงแล้วพี่จะเอารองเท้าไปอุดปากอีจอย
Joy Enjoy: @ต้นรถเป็นไรอะ เอ๊ะมึงใครเนี่ย คนในคณะหรอพรุ่งนี้ตบกับกุใต้โถงคณะเลยดีกว่า
พวกเจ๊จะมาทะเลาะกันในไลฟ์ผมไม่ได้ปะวะ ผมรีบดำเนินรายการต่อทันทีก่อนที่รายการแต่งตัวของผมจะกลายเป็นสนามมวยไทยไฟท์
“ในส่วนของรองเท้านะครับ คู่แรกรองเท้าแตะหนังงูหลามอิมพอร์ตจากป่าดงดิบ คู่ที่สองเป็นถุงก๊อบแก๊บไอสัดให้กูเอามาผูกตีนเดินเหมือนตอนน้ำท่วมหรอ คู่ที่สามรองเท้าบู้ทสีเขียวสะท้อนแสงสูงถึงขาอ่อน แหม่ไม่เลือกมาให้สูงถึงคอกูไปเลยล่ะครับแขกรับเชิญ และคู่สุดท้ายรองเท้าหัวขนมปังดูจากทรงแล้วน่าจะหนักข้างละครึ่งโล โหวตเลยคร้าบ”
รักนี้คิตตี้พูห์: 4 แล้วกันค่ะดูธรรมดาที่สุดแล้ว
ฟ้า สาลิกาลิ้นทอง: แค่ชุดก็เยอะชิบหายแล้วงั้นฟ้าเลือกเบอร์ 4 ค่ะ ซอฟท์ๆ
noo_straw_berry: เบอร์ 4 ค่า
Joy Enjoy: จะเลือกเบอร์ 2 ถ้าน้องเท็นไม่เฉลยว่าแขกรับเชิญคือใคร
ต้นรถเป็นไรอะ: 444444
ต้นรถเป็นไรอะ: ปล. ไม่ต้องเฉลยครับ #ทีมผัวน้องเท็น ไม่อยากรู้
Joy Enjoy: เอ๊ะอีต้นมึงไม่จบใช่มั้ย?????
เลือดนักสู้ในกายอิพี่จอยมันจะพลุ่งพล่านอะไรขนาดนั้น ซิ่วเหอะไม่ต้องเรียนหรอกนิเทศอะย้ายไปฝากตัวเป็นลูกศิษย์บัวขาวน่าจะรุ่ง
“ขอบคุณทุกคนนะครับที่อุตส่าห์ไว้หน้าผมในนาทีสุดท้าย ผมขอตัวไปเปลี่ยนชุดสักครู่แล้วเดี๋ยวมาดูกันว่าสภาพกูจะอนาถขนาดไหน ระหว่างนี้ทักทายแขกรับเชิญไปพลางๆก่อนนะครับแต่ไม่รู้เขาจะยอมตอบรึเปล่าหยิ่งเหลือเกินเหมือนค่าตัวแพงอะแต่จริงๆผมจ่ายด้วยกาแฟแก้วเดียวอิอิ เดี๋ยวมาคร้าบ”
ผมทิ้งท้ายไว้ให้พี่ปราบมันเฝ้าคนดูไปก่อนจะหอบหิ้วชุดที่เข้าตากรรมการแต่ไม่ถูกใจกูซักนิดเข้าไปเปลี่ยนในห้องลอง เหยดแหม่อีบอดี้สูทลายม้าลายนี่ก็ไม่รู้จะรัดติ้วไปไหน กว่าจะยัดตัวเองลงไปได้เล่นเอากูหอบจนลิ้นห้อย พอผมประกอบทุกอย่างลงมาบนร่างแล้วก็คนบ้าดีๆนี่เอง คนปกติเขาไม่ทำอะไรแบบนี้กันหรอกครับเวรกรรมกูแท้ๆ ไม่ออกไปได้ปะเนี่ยกูอายอะ
ผมค่อยๆย่องออกมาจากห้องลองเสื้อ ไอ้พี่ปราบมันยังยืนถือกล้องอยู่ที่เดิมแถมยังจ้องมาทางผมเหมือนกำลังรอดูอย่างใจจดใจจ่อ พอมันเห็นสารรูปผมเท่านั้นแหละมันก็หัวเราะออกมาดังลั่นอย่างไม่อายฟ้าดิน ไอเหี้ยยยยย ไอ้คนเลววววววววววววว ฮืออออ กูอายยยยยย ไอกรไอเหลิมมึงอยู่ไหนวะช่วยกูด้วยยยย T____T
Joy Enjoy: ปราบดาจริงๆด้วย เสียงหล่อๆแบบนี้จอยจำได้!!
Vicky Socute: ไม่จริงใช่มั้ยคะ ทำไมพี่ปราบถึงไปอยู่กับพี่เท็นได้????
Vicky Socute: แถมยังหัวเราะด้วย พี่ปราบเป็นคนอารมณ์ดีตั้งแต่เมื่อไหร่??????
ต้นรถเป็นไรอะ: อีจอยมึงฆ่ากูเลยเหอะ กูไม่อยากอยู่แล้ว
Joy Enjoy: @ต้นรถเป็นไรอะ คุ้นมาก กูคุ้นมึงมากอีต้น ใช่ใช่มั้ย…
ใครจะคุ้นใครไม่รู้แต่กูเลิกสนใจคอมเม้นในไลฟ์แล้วครับ ในหัวตอนนี้คืออยากรีบทำทุกอย่างให้มันจบๆแล้วกลับไปกอดหมอนนอนร้องไห้กับความอับอายที่ตัวเองเผชิญในวันนี้ ผมทำใจกล้าหน้าด้านโผล่ไปหน้ากล้องโบกมือทักทายทุกคนก่อนจะกล่าวปิดไลฟ์เหมือนอย่างทุกที
“สำหรับวันนี้ต้องขอลาไปเปลี่ยนชุดก่อนเพราะกูอับอายจนแทบจะแทรกแผ่นดินหนีอยู่แล้ว ใครชื่นชอบหรือสะใจก็กดไลค์ กดซับตะไคร้เป็นกำลังใจให้เท็น อ่อ แล้วอย่าลืมกดกระดิ่งด้วยนะคร้าบ”
พ้นเคราะห์พ้นโศกสักทีกู ผมเหลือบมองหน้าพี่ปราบก็ถือว่าภารกิจผมสำเร็จลุล่วงแล้วครับเพราะสีหน้าพี่มันบ่งบอกชัดเจนว่าสิ่งที่ผมทำนั้นได้ทำให้พี่ปราบเลยคำว่า ‘อารมณ์ดี’ ไปไกลมากแล้ว
ผมเห็นดังนั้นก็เลยขอตัวไปเปลี่ยนชุดให้กลับมามีสภาพเป็นผู้เป็นคนตามเดิม
“เดี๋ยว จะไปไหน” พี่มันคว้าแขนผมไว้ดังหมับ
“จะไปเปลี่ยนเสื้อไงพี่ อายคนชิบหายแล้วเนี่ย”
“ใครบอกให้มึงเปลี่ยน”
“ต้องมีใครบอกด้วยหรอ ดูสารรูปผมดิพี่ เหมือนพนักงานสวนสัตว์เชียงใหม่ไนท์ซาฟารีอะ” เหมือนจริงๆครับตอนยังอยู่เชียงใหม่ผมไปบ่อย พนักงานใส่ชุดแบบนี้แล้วต้อนลูกค้าขึ้นรถ ชิดในเลยจ้ารถจะออกแล้ว ซ้ายมือมียีราฟ ขวามือมีหมีควาย แต่ตอนนี้กูใส่อยู่ในห้างไง ไหวหรอกูอะ
“สารรูปมึงทำไม น่ารักดีออก ตอนมึงไปห้องลองกูจ่ายค่าชุดให้แล้วด้วย ปะมึงกูหิวกาแฟละ ใส่ชุดนี้ไปซื้อกาแฟให้กูหน่อยไม่งั้นกูไม่กิน”
พูดจบพี่มันก็ก้าวขายาวๆเดินออกนอกร้านไปเลย ไอสัด มึงโตมายังไงเนี่ย T__T
แล้วกูเลือกอะไรได้มั้ยเลือกไม่ใส่ชุดนี้ได้รึเปล่า ดูจากสีหน้าพี่ปราบแล้วแน่นอนครับว่าไม่ได้เพราะพี่มันเสือกเป็นคนจริง พูดจริง ทำจริง สรุปก็คือผมต้องหน้าด้านหน้าทนใส่ชุดม้าลายกับกางเกงลายเสือโคร่งโฮกปี๊บไปกินกาแฟกับพี่มันแถมมันยังทำตัวป๋าออกค่ากาแฟให้กูอีก คงอารมณ์ดีมากจริงๆอะต่างจากผมที่อารมณ์เสียและอับอายจนอยากแอบถุยน้ำลายใส่แก้วพี่มันแต่ทำได้แค่แอบท่องคาถาพ่อปู่ตอนพี่ปราบเดินไปขอทิชชู่กับพนักงาน
หลังจากที่ดื่มด่ำกับรสชาติกาแฟกันเรียบร้อยก็ค่ำพอดีเราสองคนจึงตัดสินใจว่าจะหาอะไรกินกันก่อนกลับ ผมที่ไม่มีอะไรจะเสียแล้วหันไปถามพี่ปราบดาว่าอยากกินอะไร พี่ปราบที่หน้าตาเปี่ยมสุขก็บอกว่าแล้วแต่ผมแถมยังบอกอีกว่าเดี๋ยวมันเลี้ยงเอง ผมที่หน้าตาอมทุกข์สัดๆเลยเลือกร้านอาหารญี่ปุ่นที่ดูแล้วราคาแพงหูฉี่กะว่าจะแดกให้พี่มันหมดตัวถือซะว่าขอเอาคืนล้างอายหน่อยแล้วกัน
แต่กูคิดผิดเปล่าไม่รู้เพราะนอกจากพี่ปราบจะไม่สะทกสะท้านตอนผมบอกชื่อร้านแล้วห้างนี้แม่งก็กว้างซะเหลือเกิน ร้านที่ผมบอกว่าอยากกินแม่งก็อยู่อีกฟากโน่นเลยต้องเดินไกลหน่อย ระหว่างทางคนที่เดินผ่านก็หันมองมาทางผมบางคนก็สะกิดให้คนข้างๆหันมาดูแล้วทำหน้ากลั้นขำกันใหญ่ แต่ไม่ขำก็แปลกแล้วครับก็กูมาในสภาพชุดเดิมกับที่อยู่ในไลฟ์อะ งอแงจะไปเปลี่ยนพี่มันก็ไม่ให้เปลี่ยน แม่งบอกว่าถ้าผมเปลี่ยนมันจะไม่ยุ่งกับผมอีก แล้วผมเลือกไรได้อะครับก็ต้องทนอยู่ในสภาพพนักงานสวนสัตว์แบบนี้ต่อไปไง
“เป็นไรทำหน้าเหมือนคนอมทุกข์” พี่มันหยุดเดินแล้วหันมาคุยกับผม
“ไม่อมทุกข์ได้ไงอะพี่ดูสภาพผมซะก่อน ก็อายคนเหมือนกันปะวะ พี่เดินอยู่ข้างผมกล้าพูดปะว่าไม่อาย”
“กูไม่อาย บอกแล้วไงว่าน่ารักดี” กำลังจะอ้าปากเถียงก็มีผู้หญิงน่ารักสองคนเดินเข้ามาทางผมพอดี ด้วยความเฟรนด์ลี่ก็หันไปยิ้มรอเลยครับ เดี๋ยวก็คงจะเข้ามาทักแล้วขอเบอร์กูแน่ๆ ชินแล้วครับก็คนมันดัง
“พี่คะ คือ..”
“ขอไลน์หน่อยได้ไหมคะ” เธอพูดพร้อมยื่นโทรศัพท์มาตรงหน้า
“ได้สิครั..” ผมยื่นมือไปจะรับโทรศัพท์แต่กลายเป็นว่าเธอส่งให้ไอ้พี่ปราบดาที่ยืนอยู่ข้างหลังผมแทน วืดเลยครับ เสียงลมยังวิ้งอยู่ในหู แหมก็ใช่สิครับผมลืมตัวไปเองว่ามากับคนที่หล่อเกินมนุษย์ แถมกูในสภาพตอนนี้ยิ่งดูไม่จืดจะเอาไรไปสู้บารมีพี่เขาได้ล่ะ
ผมหันไปกอดอกยืนมองไอ้พี่ปราบที่กำลังตีหน้ามึนไม่รู้สึกรู้สา
“ขอไลน์พี่หน่อยได้ไหมคะ” เธอถามอีกครั้ง
“ไม่ได้ครับ”
“เอ่อ งั้นขอถ่ายรูปคู่หน่อยได้ไหมคะ” คราวนี้น้องนางอีกคนที่มาด้วยกันเป็นฝ่ายเอ่ยถาม
“ไม่สะดวกครับ”
“มีแฟนแล้วหรอคะ”
“ยังครับ แต่มีคนที่ชอบแล้ว” พูดจบพี่มันก็เดินจูงมือผมออกมาเลย ใจร้ายชิบหาย นอกจากจะไม่ให้ไลน์เขาไม่ให้เขาถ่ายรูปแล้วแม่งยังไปตัดความหวังเขาอีก สรุปพี่มันมีคนที่ชอบแล้วจริงๆหรอวะ ที่เล่นเกมในร้านเหล้าวันนั้นแม่งก็พูดจริงอะดิ
“มองอะไร” สงสัยผมจะจ้องพี่มันนานไปหน่อยจนมันรู้สึกตัว ก็กูสงสัยอะ ถามแม่งเลยดีกว่า
“พี่มีคนที่ชอบแล้วหรอ”
“อืม..มีแล้ว มึงถามทำไม”
“เปล่า แค่อยากรู้เฉยๆอะ แล้วคนที่พี่ชอบเขารู้มั้ยว่าพี่ชอบ”
“ไม่รู้ แม่งโง่ กูทำขนาดนี้แม่งยังไม่เอะใจเลย โง่เหมือนมึงอะเท็น” ยัง ยังอุตส่าห์วกมาด่ากูได้อีก
“แล้วพี่บอกเขายังว่าชอบ”
“ยังไม่ได้บอก กูรอจังหวะอยู่” จังหวะไรวะ จังหวะสามช่ารึเปล่า
เห็นว่าพี่ปราบยังไม่ได้บอกผมก็แอบโล่งใจ เพราะถ้ามันไปบอกชอบเขาอีกฝ่ายคงตอบตกลงแบบไม่ต้องคิดอะครับพี่ปราบแกหล่อขั้นเทพขนาดนี้ แล้วถ้าเป็นแบบนั้นการทำมิชชั่นผมแม่งต้องยิ่งยากขึ้นไปอีกเพราะผมต้องทำให้พี่มันมาบอกชอบผมนี่ดิ แค่วันนี้ก็เล่นเอากูหอบแล้วอะ จะทำให้มันหันเหมาทางผมได้ไงวะ เครียดเลยกู
“อ่อ ดีแล้ว”
“ดีไรของมึง”
“ก็ดีแล้วไงที่ยังไม่ได้บอก”
“อีกรอบนะเท็น มึงชอบกู”
“เฮ้อถึงซะที หิวว่ะพี่ ไส้จะขาดแล้วเนี่ย” ผมรีบเปลี่ยนเรื่องเพราะกลัวอาการโรคหัวใจมันจะกำเริบขึ้นมาอีกรอบ โชคดีที่เดินมาถึงหน้าร้านอาหารพอดี
พอมาถึงหน้าร้านก็พบว่ามีคนที่ยืนรอคิวอยู่ก่อนแล้วสามกลุ่มใหญ่ๆผมจึงรีบไปรับบัตรคิวแล้วลากพี่มันมายืนรออีกมุมเพราะสายตาทั้งหนุ่มและสาวที่ยืนรอคิวอยู่หน้าร้านไม่เว้นแม้แต่พนักงานกำลังมองมาทางผมกับพี่ปราบดาเป็นตาเดียว แน่นอนว่าคงขำสภาพกูและงงว่าทำไมมาอยู่กับคนหล่อปานเทพบุตรอย่างพี่ปราบดาได้
“อีกประมาณสี่คิวอะ พี่รอไหวปะ”
“ก่อนจะถามกูมึงห่วงตัวเองก่อนเหอะ บ่นหิวไส้จะขาดไม่ใช่หรอ ไปร้านอื่นไหม”
“รอไม่นานหรอกมั้ง ขี้เกียจย้ายแล้วอะ ผมอยากกินซุปมิโสะ”
“แค่ซุปมิโสะร้านอาหารญี่ปุ่นร้านอื่นก็มี”
“แต่มันไม่อร่อยเหมือนร้านนี้”
“ตามใจ ขี้เกียจเถียงกับมึงแล้ว” ผมยังไม่ทันได้ตอบอะไรต่อก็มีผู้หญิงคนนึงใส่ชุดนิสิตติดเข็มของมหา’ลัยผมเดินตรงเข้ามาทางที่พวกเรายืนอยู่ อื้อหือขาว สวย หมวยน่ารักมาเลยครับ จัดว่าอยู่ในระดับหน้าตาดีมาก
“พี่ปราบจริงๆด้วย มาทำอะไรแถวนี้คะ” ไม่พูดเปล่าแต่เธอเดินมาควงแขนไอ้พี่ปราบดาด้วยครับ ส่วนทางนั้นที่ผมคิดว่าจะรีบผลักออกเหมือนปกติแต่กลับยืนนิ่งๆแถมส่งยิ้มหวานกลับไปให้อีกต่างหาก
“พาน้องมาเดินเล่นแถวนี้ครับ นี่ก็มืดแล้วเลยแวะกินข้าวก่อนกลับ เราล่ะมาทำอะไร” โอ้โห การใช้สรรพนามต่างๆถ้าเทียบกับตอนมันคุยกับผมเรียกว่าจากหน้ามือเป็นหลังตีนเลยครับ แล้วเดินเล่นเชี่ยไรล่ะมึงบังคับพากูมาทรมานชัดๆ
“เพลงมาซื้อของกับเพื่อนค่ะแต่กำลังจะกลับแล้ว แล้วนี่..”
“เท็นครับ อยู่ปีหนึ่ง” ผมส่งยิ้มให้แม้ในใจกำลังกรีดร้องด้วยความอับอาย ไม่รู้เขาโตกว่าหรือเท่ากันเลยชิงบอกก่อน
“อ๋อเราชื่อเพลงขวัญนะ ปีหนึ่งเหมือนกัน ยินดีที่ได้รู้จักนะเท็น” เธอส่งยิ้มหวานให้ผมแล้วหันไปคุยกับพี่ปราบดาต่อ ดูสนิทสนมกันดีนะครับสองคนนี้ เป็นจังหวะเดียวกับที่พนักงานเรียกคิวพอดี ผมหันมามองพี่ปราบก็ส่งสัญญาณโบกมือมากลายๆว่าให้ผมเข้าไปก่อน
อ่านต่อด้านล่างค่ะ