[ Vampire ] เรื่องสั้น 2 ตอนจบ ** I don't love you ..ตอนที่ 2[จบ] 21/04/19
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: [ Vampire ] เรื่องสั้น 2 ตอนจบ ** I don't love you ..ตอนที่ 2[จบ] 21/04/19  (อ่าน 6883 ครั้ง)

ออฟไลน์ รินดาwดาริน

  • OnTop&N'Song
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 172
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +243/-2
*********

ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ


ติดตามกฎเพิ่มเติมที่กระทู้นี้บ่อยๆ เมื่อมีการแก้ไขกฎจะแก้ไขที่กระทู้นี้นะครับ
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0

ประกาศทั่วไปติดตามอัพเดทกันที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.0

ประกาศ กฎที่อื่นมีไว้แหก แต่ห้ามมาแหกที่นี่

1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิ์ส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด
การสนใจและชื่นชอบนิยายและเรื่องเล่าของคนในเรื่องควรมีขอบเขตที่จะไม่สร้างความเดือดร้อนให้เจ้าของเรื่อง เช่นเดียวกับเป็ดที่ตอนนี้ถูกรังควานตามหาตัวจากคนด้านต่างๆ จนตัดสินใจไม่เล่าเรื่องต่อ.........เนื่องจากบางเรื่องเป็นเรื่องเล่า.....................บางคนไม่ได้เปิดเผยตัวตน  เขาพอใจจะมีความสุขในที่เล็กๆแห่งนี้โดยไม่ได้ตั้งใจให้คนภายนอกได้รับรู้เรื่องราวแล้วนำไปพูดต่อ   เพราะปฎิเสธไม่ได้ว่าสังคมไม่ได้ยอมรับพวกเราสักเท่าไหร่

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรูปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ
หมิ่นประมาท,
หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง
หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสต์กระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์
และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด
การกระทำเช่นนั้นอาจทำให้คุณแบนทันที และถาวร . หมายเลข IP ของทุกโพสต์จะถูกบันทึกเพื่อใช้เป็นหลักฐาน
ในความเป็นจริงเป็นไปได้ยากมากที่จะให้แต่ละคนมีความคิดเห็นตรงกันทั้งหมด   คนเรามากมายต่างความคิดต่างความเห็น เติบโตมาภายใต้ภาวะแวดล้อมต่างกันการแสดงความคิดเห็นที่แตกต่าง   จึงควรทำเพื่อให้เกิดความเข้าใจกัน แบ่งปันประสบการณ์และมิตรภาพเพื่ออาจเป็นประโยชน์ในการใช้ชีวิต  และไม่ว่าจะอย่างไรก็ควรเคารพในความคิดเห็นที่แตกต่างของบุคคลอื่นช่วยกันสร้างให้บอร์ดนี้มีแต่ความรักนะครับ   

เรื่องบางเรื่องอาจจะเป็นทั้งเรื่องแต่งหรือเรื่องเล่าใดๆก็ขอให้ระลึกเสมอว่า  อ่านเพื่อความบันเทิงและเก็บประสบการณ์ชีวิตที่คุณไม่ต้องไปเจอความเจ็บปวดเล่านั้นเองเพื่อเป็นข้อเตือนใจ สอนใจในการตัดสินใจใช้ชีวิต   จึงไม่ต้องพยายามสืบหาว่าเรื่องจริงหรือเรื่องแต่งส่วนการพูดคุยนั้น   ก็ประมาณอย่าทำให้กระทู้กลายพันธุ์ห้ามเอาเรื่องส่วนตัวมาปรึกษาพูดคุยกันโดยที่ไม่เกี่ยวพันกับเรื่องในกระทู้นิยาย  ถ้าจะวิจารณ์หรือแสดงความคิดเห็นทุกคนมีสิทธิแต่ขอให้ไปตั้งกระทู้ที่บอร์ดอื่นที่ไม่ใช่ที่นี่นะครับ

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพสต์ หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อเจ้าของเรื่องเท่าที่จะทำได้หรือแจ้งมายังบอร์ดนี้ก่อนนะครับ  เนื่องจากเจ้าของเรื่องบางครั้งไม่ต้องการให้คนที่ไม่ได้ชื่นชอบนิยายชายรักชายเข้ามารับรู้  ลิขสิทธิ์ทั้งหมดเป็นของเจ้าของคนที่ทำขึ้นและเว็บแห่งนี้นะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล์ บอกเมล์ แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอมให้ส่งหรือติดต่อกันทางพีเอ็มจะปลอดภัยกว่าแล้วเมื่อมีการติดต่อสื่อสารกันให้พึงระวังถึงความปลอดภัย ความไม่น่าไว้ใจของผุ้คนทุกคนแม้จะมีชื่อเสียงในบอร์ดเป็นเรื่องส่วนตัวของแต่ละคนไป เพื่อลดความขัดแย้งภายในเล้า จึงไม่สนับสนุนให้มีการจีบกันในบอร์ดนะครับ

5.ห้ามจั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียวให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตาม
เพราะแม้จะเป็นเรื่องที่เขียนจากเรื่องจริง เมื่อนำมาพิมพ์เป็นเรื่องผ่านตัวอักษร ย่อมเลี่ยงไม่ได้ที่จะมีการเพิ่มเติมเพื่อให้เกิดสีสันในเนื้อเรื่อง ทางเล้าถือว่านั่นคือการเพิ่มเติมเนื้อเรื่อง จึงไม่อนุญาตให้จั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” แต่สามารถแจ้งว่าเป็น “นิยายที่อ้างอิงมาจากชีวิตจริง” ได้  มีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

6.การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสต์นิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insert quote ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ

8.Administrator และ moderator ของ forum นี้ มีสิทธิ์อ่าน, ลบ หรือแก้ไขทุกข้อความ. และ administrator, moderator หรือ webmaster ไม่สามารถรับผิดชอบต่อข้อความที่คุณได้แสดงความคิดเห็น (ยกเว้นว่าพวกเขาจะเป็นผู้โพสต์เอง).

9.คุณยินยอมให้ข้อมูลทุกอย่างของคุณถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูล. ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกเปิดเผยต่อผู้อื่นโดยไม่ได้รับการยินยอมจากคุณ .Webmaster, administrator และ moderator ไม่สามารถรับผิดชอบต่อการถูกเจาะข้อมูล แล้วนำไปสร้างความเดือดร้อนต่างๆ

10.ห้ามลงประกาศลิงค์โปรโมทเวป  โฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ลงได้เฉพาะในห้องซื้อขาย ในเมื่อแนะนำเวปอื่นที่บอร์ดเรา ก็ช่วยแนะนำบอร์ดเราโดยลงลิงค์บอร์ดเรา เว็บ http://www.thaiboyslove.com  ในบอร์ดที่ท่านแนะนำมาให้เราด้วย  เมื่อจำเป็นต้องแนะนำลิงค์ให้ส่งลิงค์กันทาง personal message หรือพีเอ็มแทนนะครับจะสะดวกกว่า ส่วนในกรณีอยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนๆได้อ่านจริงๆนั้นพยายามลงให้ห้องซื้อขายซะ หรือถ้าม้อดเดอเรเตอร์จะพิจารณาเป็นกรณีๆไป ถ้ารู้สึกว่าไม่ได้โปรโมทเว็บ แต่อยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนด้วยใจจริงจะให้กระทู้นั้นคงอยู่ต่อไป

11.บอร์ดนิยายที่โพสต์จนจบแล้วมีไว้สำหรับนิยายที่โพสต์ในบอร์ด boy's love จนจบแล้วเท่านั้น จึงจะถูกย้ายมาเก็บไว้ที่นี่ หาอ่านนิยายที่จบแล้ว หรือคนเขียนไม่ได้เขียนต่อ แต่โดยนัยแล้วถือว่าพล็อตเรื่องโดยรวมสมควรแก่การจบแล้ว หากนักเขียนท่านใดได้พิมพ์เล่มกับสำนักพิมพ์ ต้องการลบเรื่องบางส่วนออก โดยเฉพาะไคลแม๊ก หรือตอนจบที่สำคัญ ให้แจ้ง moderator ย้ายนิยายของท่านสู่ห้องนิยายไม่จบ เพื่อที่หากระยะเวลาเกินหกเดือนแล้ว เราจะได้ทำการลบทิ้ง หรือท่านจะลบนิยายดังกล่าวทิ้งเสียก็ได้ เนื่องจากบอร์ดนี้เก็บเฉพาะนิยายที่จบแล้ว

บอร์ดนิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบไว้สำหรับ
นิยายที่คนเขียนไม่ได้มาต่อนาน หายไปโดยไม่มีเหตุผลสมควร ไม่ได้แจ้งไว้หรือแจ้งแล้วก็ไม่มาต่อ 3 เดือน จะย้ายมาเก็บในนี้เมื่อครบหกเดือนจะทำการลบทิ้ง ส่วนเรื่องไหนที่จะต่อก็ต่อในนี้จนกว่าจะจบ แล้วถึงจะทำการย้ายไปสู่บอร์ดนิยายจบแล้วต่อไป

12.ห้ามนำเรื่องพิพาทต่างๆมาเคลียร์กันในบอร์ด

13.ผู้โพสต์นิยาย และเขียนนิยายกรุณาโพสต์ให้จบ ตรวจสอบคำผิดก่อนนำมาลงด้วยครับ

14.ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน  ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ

15. การนำรูปภาพ บทความ ฯลฯ มาลงในเว็บบอร์ด  ควรจะให้เครดิตกับ... 
(1) ผู้ที่เป็นต้นตอเจ้าของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ
(2) เว็บไซต์ต้นตอที่อ้างอิงถึง
....ในกรณีที่เป็นบทความที่ถูกอ้างอิงต่อมาจากเวปไซต์อื่นๆ
- ถ้ามีแหล่งต้นตอของเจ้าของบทความ  ให้โพสต์ชื่อเจ้าของต้นตอของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ  พร้อมทั้งเว็บไซต์ที่อ้างอิง 
  (กรณีนี้จะโพสต์อ้างอิงชื่อผู้โพสต์หรือเว็บไซต์ที่เรานำมาหรือไม่ก็ได้ แต่ควรมั่นใจว่าชื่อต้นตอของที่มาถูกต้อง)
- ถ้าไม่สามารถหาชื่อต้นตอของรูปภาพหรือเว็บไซต์ที่นำมาได้ ควรอ้างอิงชื่อผู้โพสต์และเว็บไซต์จากแหล่งที่เรานำมาเสมอ
- ควรขออนุญาติเจ้าของภาพหรือเจ้าของบทความก่อนนำมาโพสต์ค่ะ(ถ้าเป็นไปได้) ยกเว้นพวกเว็บไซต์สาธารณะ เช่น  หนังสือพิมพ์ออนไลน์ ฯลฯ ที่เปิดให้คนทั่วไปได้อ่านเป็นสาธารณะ ก็นำมาโพสต์ได้ แต่ให้อ้างอิงเจ้าของชื่อและแหล่งที่มาค่ะ
- ไม่ควรดัดแปลงหรือแก้ไขเครดิตที่ติดมากับรูปหรือบทความก่อนนำมาโพสต์
- ถ้าเป็น FW mail  ก็บอกไปเลยว่าเอามาจาก FW mail

16.นิยายเรื่องไหนที่คิดว่าเมื่อมีการรวมเล่มขายแล้วจะลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออก กรุณาอย่าเอามาลงที่นี่ หรือสำหรับผู้ที่ขอนิยายจากนักเขียนอื่นมาลง ต้องมั่นใจว่าเรื่องนั้นจะไม่มีการลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออกเมื่อมีการรวมเล่มขาย อนึ่ง เล้าไม่ได้ห้ามให้มีการรวมเล่มแต่อย่างใด สามารถรวมเล่มขายกันได้ แต่อยากให้เคารพกฎของเล้าด้วย เล้าเปิดโอกาสให้ทุกคน จะทำมาหากิน หรืออะไรก็ตามแต่ขอความร่วมมือด้วย เผื่อที่ทุกคนจะได้อยู่อย่างมีความสุข

17.ห้ามแจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน  ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง  นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฎการซื้อขายของเล้าก่อน ด้วยนะคะ)
ว่าด้วยเรื่องการจะรวมเล่มนิยายขายในเล้า จะต้องมี ID ซื้อขายก่อน ถึงจะสามารถประกาศ ..แจ้งข่าว.. ที่บนหัวกระทู้ของนิยายได้ ในกรณีที่ รวมเล่มกับ สนพ. ที่มี  ID ซื้อขายของเล้าแล้ว นักเขียนก็สามารถใช้ หมายเลข  ID ของ สนพ. ลงแจ้งในหน้าที่มีเนื้อหารายละเอียดการสั่งจองนิยายได้

18.ใครจะโพสต์เรื่องสั้นให้มาโพสต์ที่บอร์ดเรื่องสั้น ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที  ส่วนเรื่องสั้นที่จบแล้วให้แก้ไขโพสต์แรก และต่อท้ายว่าจบแล้วจะได้ไม่ถูกลบทิ้งและจะเก็บไว้ที่บอร์ดเรื่องสั้นไม่ย้ายไปไหน   เช่นเดียวกับนิยายทุกเรื่องเมื่อจบให้แก้ไขโพสต์แรก และต่อท้ายว่าจบแล้ว จะได้ย้ายเข้าสู่บอร์ดนิยายจบแล้ว ไม่เช่นนั้นม๊อดอาจเข้าใจว่าไม่มาต่อนิยายนานเกินจะโดนลบทิ้งครับ

เอาข้อสำคัญก่อนนะครับเด่วอื่นๆจะทำมาเพิ่มครับเอิ้กๆหุหุ
admin
thaiboyslove.com.......................................                                                           

วันที่ 3 ธ.ค. 2551วันที่ 16 ก.ย. 2554 ได้เพิ่มกฎ ข้อที่ 7
วันที่ 21 ต.ค.2556 ได้ปรับปรุงกฎทั้งหมดเพื่อให้แก้ไข และติดตามได้ง่าย
วันที่ 11 พ.ย. 2557 เพิ่มเติมการลงเรื่องสั้นและการแจ้งว่านิยายจบแล้ว
วันที่ 4 ธ.ค. 2557 เพิ่มบอร์ดเรื่องสั้นจึงปรับปรุงกฎข้อ 18 เกี่ยวกับเรื่องสั้น และ เพิ่มเติมส่วนขยายของกฎข้อ 17



เว็บไซต์แห่งนี้เป็นเว็บไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฎหมายภายในและระหว่างประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเว็บไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเว็บไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเว็บไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม
*********
Share This Topic To FaceBook
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 21-04-2019 01:28:23 โดย รินดาwดาริน »

ออฟไลน์ รินดาwดาริน

  • OnTop&N'Song
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 172
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +243/-2
  เรื่องสั้น [ Vampire ]   "I don't Love You  "

ตอนที่ 1


“ข้าจะมอบรักอันเป็นนิรันดร์แก่เจ้า ...เจ้าต้องการหรือไม่”

ชายหนุ่มหล่อเหลาผิวขาวซีด ริมฝีปากแดงก่ำคล้ายเลือด มือผอมเอื้อมไปสัมผัสดวงหน้าของหญิงสาวอันเป็นที่รักเธอยิ้มอย่างมีความสุข หยาดน้ำตาใสไหลรินลงอาบแก้ม

“ค่ะ...ฉันยินดี”

สิ้นคำพูดของหญิงสาว ชายหนุ่มจูบเธอแนบแน่น จากนั้นเลื่อนหน้าฝังลงกับซอกคอ พอดีกับเส้นเลือดใหญ่...ในใจเต้นระรัวก่อนจะกัดลงไปเพื่อดื่มเลือดของเธอ...เปลี่ยนเธอให้อมตะเคียงคู่เขาชั่วนิรันดร์กาล...

.

.

คัท!!!

สิ้นเสียงผู้กำกับ ชายหนุ่มผมบลอนด์ ผิวขาวซีดราวกับไร้เลือด รีบผละออกจากตัวนักแสดงหญิงทันที ราวกับว่าเธอมีเชื้อโรคก็ไม่ปาน

เคลวินนักแสดงหนุ่มผู้เคยดับแสงมาแล้วครั้งหนึ่ง ในอดีตเคยแจ้งเกิดในฐานะนักแสดงเด็ก จนกระทั่งเข้าสู่วัยบรรลุนิติภาวะ อาชีพนัดแสดงของเขาก็แหลกเหลว เรียกได้ว่าในช่วงสองปีมานี้ ถือเป็นการกลับมาของเคลวินเลยก็ว่าได้

จากนักแสดงเด็กผู้มีชื่อเสียงสู่นักแสดงวัยรุ่นพันล้าน และร่วงหล่นเพราะความหลงระเริงในชื่อเสียง เงินทอง...มันเป็นดาบสองคมของการเป็นดาวจรัสแสงมาแต่เด็ก ชื่อของเคลวินแทบจะไม่มีคนจดจำ

กระทั่งข่าวอุบัติเหตุของเขาเมื่อ3ปีก่อนที่ทำให้คนหันมาสนใจอีกครั้ง...และชื่อของเคลวินก็โลดแล่นปรากฏอยู่ในหน้าทีวี เขาหวนสู่วงการบันเทิงอีกครั้ง รับเล่นเฉพาะภาพยนตร์แค่ปีละเรื่อง และงานถ่ายแบบ เดินแบบเท่านั้น ด้วยภาพลักษณ์ที่เปลี่ยนไป 

เคลวินสุขุมและเย็นชาขึ้น ชอบเก็บตัวเงียบ จนแฟนๆให้ฉายาว่าแวมไพร์หนุ่มแห่งฮอลลีวู้ด

ในปีนี้ ชายหนุ่มวัยย่างสามสิบได้รับบทเกี่ยวกับแวมไพร์ เขาตัดสินใจอยู่นานหลายเดือนจนกระทั่งตอบรับผู้กำกับไป  ในตอนนี้เคลวินไม่มีสังกัด ไม่มีผู้จัดการส่วนตัว เขาบริหารงานเองทั้งหมด แต่ทว่ามีข่าวลือหนาหูว่ามีคนใหญ่คนโตคอยหนุนหลัง หลายคนวิพากษ์วิจารย์ว่าเพราะเหตุนี้เขาจึงมีโอกาสกลับมาโลดแล่นบนวงการบันเทิงอีกครั้งได้สำเร็จ

พอเลิกกองเคลวินกลับมายังบ้านพักในย่านอันเงียบสงบห่างไกลจากตัวเมือง เป็นย่านของคนที่เกษียณแล้วทั้งนั้น เพื่อนบ้านส่วนมากก็เป็นคนอายุเกิน 60-70 ปี

ภายในบ้านเงียบสงัดราวกับไร้คนอาศัย เคลวินเดินไปยังชั้นบน เข้าไปในห้องนอนก่อนจะถอดเสื้อนอกออกพาดไว้กับพนักโซฟา รูดเนคไทคลายออกช้าๆ สายตาจับจ้องไปที่ความมืดเบื้องหน้า มีเตียงใหญ่ตั้งไว้อยู่กลางห้องเด่นหรา เป็นเตียงสี่เสาด้านบนมีผ้าลายยิปซีสีแดงเข้ม มองผิวเผินมีกลิ่นอายความเก่าแก่อยู่

“ข้ากำลังคิดถึงอยู่พอดี”

“อืม นึกว่าคุณจะหลับไปซะอีก”เคลวินถอนหายใจก่อนจะปลดกระดุมที่คอเสื้อลงสองเม็ดให้สบายตัวคลายความอึดอัด

“ไม่หรอก ข้ารอเจ้า”

“หึ”เคลวินแค่นเสียงในลำคอ

“ว่าแต่เจ้าไม่คิดจะมาปรนนิบัติข้าหรือ”เสียงกระซิบจากเงามืดยังคงดังอยู่ๆ เคลวินแค่ถอดเข็มขัดออกแล้วโยนมันลงบนเตียงอย่างไม่ใส่ใจ ขณะที่เดินไปยังโต๊ะเครื่องแป้ง กระจากบานใหญ่สะท้อนเงาร่างของเขา ชายหนุ่มผิวขาว ผมสีบลอนด์ ดวงตาสีซีด ใบหน้าเรียว ที่โดดเด่นคงเป็นริมฝีปากสีแดง ราวกับถูกแต่งแต้วด้วยลิป

“ผมต่างหากที่ควรถาม ผมเพิ่งกลับมาจากทำงานแท้ๆ”

“นั่นไม่เหลือบ่ากว่าแรงหรอก”

ไม่ทันขาดคำในความมืดสลัวปรากฏเงาร่างของชายหนุ่ม พริบตาเดียวราวกับว่าโผล่มาจากความมืดมิด

“เคลวิน”เสียงเรียกกดดันทุ้มต่ำบ่งบอกว่าเคลวินไม่ควรขัดใจ น้ำเสียงวางอำนาจที่เขาไม่เคยนึกชอบ

เคลวินปรายตามองร่างคนด้านหลังผ่านกระจกเงา ร่างนั้นไม่ต่างกันนัก...ผิวขาวซีด กำยำสมส่วน ชายหนุ่มรูปงาม เส้นผมหยักศกสีดำ ล้อมใบหน้าคมขับให้ผิวผ่องขึ้นไปอีก แววตาสีดำลึกล้ำ ยืนอยู่ในชุดคลุมสีดำแดงตัดกับสีผิว เสื้อคลุมลวดลายโกธิค สายรัดแบบลวกๆไว้ที่เอวแบบหมิ่นเหม่ เผยให้เห็นร่องอกกำยำ

เคลวินยิ้มไร้อารมณ์ หมุนกายเผชิญหน้ากับร่างแข็งทื่อเป็นหุ่น เขายื่นมือไปสัมผัสหน้าอกอุ่นๆ แหวกสาบเสื้อคลุมออกจนพ้นไหล่ ก่อนผลักร่างของฝ่ายตรงข้ามไปติดกับเสาเตียงทางด้านหลัง มันแรงพอให้ผ้ากระโจมที่มัดไว้ร่วงหล่นลงมา

“ชู่ว อารมณ์ร้อนซะจริง แต่ข้าชอบนะ ยามเจ้าฉุนเฉียว”ดักลาสยิ้มกริ่ม โอบกอดเอวของเคลวินเข้าหา เลื่อนสายตาไปมองไปทั่วใบหน้าของอีกฝ่าย พยายามจับอารมณ์ ความรู้สึกของคนที่หนุ่มกว่าอย่างสนใจ

“ผมเกลียดคุณต่างหาก ทำไมถึงไม่เข้าใจซะที”เคลวินกระซิบเสียงไร้อารมณ์ เอ่ยเนิบนาบราวกับจงใจให้ดักลาสเจ็บจำถ้อยคำนี้

“ข้ารู้ๆ ข้าไม่ปฏิเสธแรงแค้นของเจ้า ข้ารับมันมาแปรเปลี่ยนเป็นสิ่งอื่นได้”ดักลาสไม่แยแสกับถ้อยคำเหล่านั้น ที่เขาสนใจคือตัวตนของเคลวิน ชายที่เขาหมายตามาตั้งแต่เด็กน้อย เขาถนอมอีกฝ่ายราวกับเป็นลูก ทั้งที่ใจอยากจะกัดฝังเขี้ยวลงกับคอเล็กของเคลวินแทบตาย เฝ้าตามติดเคลวินในฐานะผู้ดูแล

แต่แล้วเคลวินเลือกบินออกจากกรง เลือกออกไปอยู่ในที่สว่าง ในขณะที่เขาอยู่ในเงามืด เคลวินเข้าสู่วงการบันเทิงตั้งแต่ยังเล็ก อายุแค่สิบขวบจนโด่งดังเป็นที่สนใจ ดักลาสไม่สามารถอยู่ข้างกายเด็กชายตัวน้อยได้

นั่นเป็นข้อจำกัดของแวมไพร์เช่นเขา

“ไร้สาระ”เคลวินเอ่ยเสียงห้วน ก่อนตวัดสายตามองลงกายท่อนล่างของอีกฝ่าย เอื้อมมือกระชากเสื้อคลุมออกจนหลุดหมดทั้งตัว ร่างของคนตรงหน้าเปลือยเปล่าสู่สายตาซึ่งไม่ใช่ครั้งแรก

“ปรนนิบัติข้า”ดักลาสออกคำสั่ง ไม่ชอบที่เคลวินจะทำตัวเหมือนว่าอยู่เหนือกว่าทั้งที่จริงแล้วเคลวินก็แค่ผู้รับใช้ของเขา...เป็นของเขา

เคลวินเหลือบมองแววตาวาววับคู่นี้อยู่ชั่วอึดใจก่อนจะยื่นหน้าไปจูบอีกฝ่าย เขาประคองศีรษะของอีกฝ่ายไว้เพื่อประคองจูบให้ถนัดก่อนจะขยับปากสอดลิ้นเข้าไปหาอีกฝ่าย สัมผัสฟันเรียงตัวสวยเสี้ยววินาทีเขี้ยวแหลมก็ทำให้เขาสะดุ้งเพราะอีกฝ่ายขบกัดมาที่ลิ้นของเขาอย่างจัง เลือดคาวคลุ้งอยู่ในปาก เลือดของเขายังคงฝาดเฝื่อนเหมือนมนุษย์

เคลวินขยับหน้าหนีแต่ดักลาสกลับดึงรั้งใบหน้าเขาไว้ไม่ปล่อย เรียวลิ้นกระหวัดเกี่ยวพัวพันตามมา เหมือนจะดูดดึงเอารสเลือดจากเขาไปด้วย ริมฝีปากชุ่มฉ่ำขบเม้มคลอเคลียไม่ห่าง ร่างกายแนบแน่นสัมผัสถึงทุกส่วนบนร่างกาย มือของดักลาสลากไล้ไปทั่วแผ่นหลังของเคลวิน 

“อย่าดื้อน่า ทำตัวดีๆ”ดักลาสกระซิบบอกเมื่อผละออกจากจูบจนพอใจ เคลวินถอนหายใจแรงก่อนจะขยับร่างคุกเข่าลงหน้าดักลาส ยื่นมือไปสัมผัสส่วนอ่อนไหวที่เร่าร้อนและแข็งขื่นของอีกฝ่าย เหลือบตามองดักลาสที่คอยจับจ้องเหมือนกำลังมองเหยื่อ

 เคลวินเข้าหาความดุดันตรงหน้า ครอบครองด้วยริมฝีปาก ขยับปลายลิ้นเข้าสัมผัสกับส่วนบนของส่วนร้อนนั้นไปมา คล้ายหยอกเย้าให้อดรนทนไม่ไหว ก่อนจะดูดกลืนมันเข้าปากอย่างช้าๆ แล้วขยับโยกไปตามความยาวนั้น

ดักลาสยิ่งหรรษา ส่งเสียงครางต่ำ มือข้างหนึ่งเลื่อนมาขยุ้มเส้นผมของเคลวินจนแสบตึงศีรษะ

“เคลวิน”ดักลาสเอ่ยเรียกขยับเอวหาความอุ่นชื้นอย่างมัวเมา สัมผัสได้ถึงความดิ้นรนของเคลวินจากนั้นก็ถอยห่างออกจากโพรงปากอุ่นชื้น ดึงรั้งแขนของเคลวินให้ลุกขึ้นยืนแล้วผลักอีกฝ่ายให้นอนลงบนเตียงอย่างแรง ดักลาสโถมเข้าหาพร้อมจับท่อนขาขาวซีดของเคลวินแยกออกกว้างอย่างไม่รีรอ

“เฮ้ เห็นใจกันหน่อย”เคลวินร้องลั่นอย่างตกใจ ต่อให้มีชีวิตอมตะก็ไม่ได้หมายความว่าเขาจะไม่เจ็บปวด โดยเฉพาะกับการถูกกระทำเช่นนี้

“โอ๊ะ ลืม”ดักลาสหัวเราะสนุกสนาน เหมือนฟังโจ๊กขำขัน เขาโน้มตัวลงจูบเคลวินอย่างทะนุถนอม แผ่วเบาก่อนจะแปรเปลี่ยนเป็นรุนแรงจนแสบร้อนไปทั้งปาก เคลวินโอบแขนรอบลำคอแกร่งของอีกฝ่าย เอียงคอรับกับใบหน้าที่เลื่อนลงซุกไซร้ผิวคอจนวาบหวาม

ดักลาสดูดเลียผ่านเส้นเลือดใหญ่บริเวณลำคอที่ขาวเนียน ลิ้นร้อนลากผ่านผิวซีด ก่อนจะฝังเขี้ยวและจมูกลงลำคอ เขี้ยวคมขบกัดลงบริเวณผิวหนังส่วนไหปลาร้าจนขนลุกเกรียว ท่อนล่างเหมือนจะแผดเผาเขาไปด้วย ร่างกายสัมผัสกันทุกสัดส่วนได้ชัดเจน ยิ่งทำให้หัวใจสูบฉีดเต้นตุบๆ

เคลวินได้ยินชัดเจน แน่นอนว่าอีกฝ่ายก็ต้องได้ยินเสียงหัวใจรัวเร็วของเขาเช่นกัน

ดักลาสคลอเคลียอยู่กับลำคอของเขา ก่อนจะเพิ่มแรงกัดลงไปจนลึกอีกอย่างอดใจไม่ไหว เลือดสีแดงสดไหลทะลักจากบาดแผลตามรอยฟันไหลเอ่อเปรอะเปื้อนไปทั้งลำคอและหน้าอก ทว่าดักลาสกลับไม่สนใจ ดื่มด่ำกับการดูดซับเลือดของเคลวิน

“คุณไม่ดื่มเลือดพวกเดียวกันไม่ใช่เหรอ”เคลวินเอ่ยถาม ครั้งก่อนดักลาสแค่ขบกัดเบาๆเหมือนแกล้งหยอกซะมากกว่า แต่คราวนี้อีกฝ่ายกัดลงมาจนเจ็บปวด คงเป็นแผลเหวอะ ร่างกายเกร็งไปตามปลายลิ้นที่ลากผ่านรอยแผลก่อนจะเข้ามาจูบเขาต่อ

“ยกเว้นเจ้า...เจ้าอร่อยนะสำหรับข้า”ดักลาสกระซิบข้างหู ในใจที่เต็มไปด้วยความขุ่นเคืองคลายลงกับถ้อยคำกระซิบนี้ เคลวินสับสน

“อ้อเหรอ เลือดของผมก็ไม่ต่างจากคนตายนี่นะ”

ดักลาสมองหน้าเคลวินนิ่งๆ มือข้างหนึ่งลูบสัมผัสไปตามใบหน้าอย่างแผ่วเบา

“หึ ใช่ ถึงอย่างนั้นข้าก็ชอบ ข้าไม่รังเกียจหรอกนะ เพราะข้าเป็นคนมอบชีวิตอมตะ มอบรักนิรันดร์ให้แก่เจ้าไม่ใช่หรือเคล”ดักลาสเอ่ยน้ำเสียงอ่อนลง แววตาสีดำเย็นเยียบนั้นสะท้อนใบหน้าของเคลวินชัดเจน เขาอยากสัมผัสหัวใจของเคลวินอีกครั้ง เหมือนที่เคยได้สัมผัสในวัยเด็ก เคลวินที่น่ารัก มีชีวิตชีวา ทว่าเขาไม่อาจสูญเสียเคลวินไปจากอุบัติเหตุในครั้งนั้น ปล่อยให้เคลวินตายไปง่ายๆไม่ได้   

“พอเถอะ คุณเคยพูดจนผมเริ่มเอียนแล้วล่ะ”เคลวินเบนหน้าหนีสายตาอบอุ่นนั่น ตอนที่เขาเกลียดชัง ดักลาสกลับมอบความห่วงใยให้  ทำไมกัน?

“เจ้าก็ยังคงเกลียดข้าอยู่อย่างนั้นสิ”ดักลาสเอ่ยถาม แม้ร่างกายกำลังกอดก่ายทาบทับกันอยู่ กายหยาบนี้ไม่ได้รักใคร่กันนัก อาจมีแค่ดักลาสแวมไพร์ที่ผานชีวิตมายาวนาน หัวใจไร้เลือดนี้กลับมีสิ่งอื่นมาหล่อเลี้ยงต่อไปได้

“....ใช่”เคลวินยืนยันคำเดิม แม้ใจจะสั่นไหวไปในบางครั้ง แต่เขาก็ทำใจรักดักลาสไม่ลงจริงๆ

“พูดใหม่สิ”

“ผม เกลียด คุณ”เคลวินย้ำชัดเจน สายตาจ้องลึกไปที่แววตาของดักลาส ส่งผ่านความรู้สึกอยู่นาน เกิดความเงียบอยู่ครู่หนึ่ง

“อืม...”ดักลาสไม่สะทกสะท้านแค่มีรอยยิ้มผุดบนใบหน้าราวกับยินดีที่ได้รับคำเกลียดเช่นนี้

“ข้าเกลียดเจ้า”เคลวินย้ำอีกครั้ง 

“เจ้าชอบยั่วข้าอยู่เรื่อย โกหกข้าได้ที่ไหน เสียงหัวใจของเจ้าบอกความจริงข้าอยู่”ดักลาสไม่เพียงแค่พูด อีกฝ่ายเลื่อนมือตามผิวเนื้อที่อกด้านซ้าย วางมือลงไว้เหนือหัวใจที่กำลังเต้นตุบๆ ใบหน้าผุดรอยยิ้มของผู้เหนือกว่า

“เหอะ”เคลวินไม่คิดว่าดักลาสจะฟังเสียงหัวใจของเขาออกจริงๆหรอก ที่มันเต้นอยู่ได้ก็เพราะเลือดของดักลาสไม่ใช่หรือไง เพราะอย่างนี้  เขาถึงไม่ไปไหนแม้ว่าใจจะขัดแย้งกับการกระทำเสมอ เคลวินจะไปที่ไหนได้อีก นอกจากรังเก่าแก่ของดักลาส 

“แต่ข้ารักเจ้านะ ไม่นึกรังเกียจ”ดักลาสยิ้มก่อนจะเลื่อนมาไปสัมผัสกายท่อนล่างของเขา ขยับลงมาสัมผัสบริเวณช่องทางคับแคบ พื้นที่ส่วนตัวที่ถูกล่วงล้ำมาหลายครั้งหลายหน แวมไพร์ร้อยปีจับท่อนขาของเคลวินอ้ากว้าง สอดนิ้วมือรุกรานเข้าไปไม่รีรอ


“โอ้ย...คุณช่างไร้ฝีมือเหมือนเดิม” ร่างของเคลวินกระตุกเกร็ง ความปวดร้าวเข้าแทรกซึม เขาได้แต่กัดฟัน


“ข้ารู้วิธี แต่ข้าไม่ทำ เจ้าชอบแบบไหน ทำไมจะไม่รู้”ดักลาสกระซิบ นิ้วมือเพิ่มเป็นสองรุกรานหมุนคว้างอย่างไม่ปราณี

เคลวินไม่ตอบโต้ ขณะที่ดักลาสโน้มตัวลงไปจูบประกบริมฝีปากของเคลวินอย่างกระหาย ขบเม้มอย่างเอาแต่ใจ มืออีกข้างเลื่อนไปสัมผัสรอยกัดที่ลำขอของเคลวิน แผลนั้นยังคงมีเลือดไหลซึมออกมาอย่างช้าๆ ดักลาสก้มลงไปดูดเลียของเหลวนั้นต่อ ตวัดลิ้นเก็บรสเลือดเอาไว้   

“จริงใช่ใหมล่ะ”

นิ้วสอดเข้ามาลึกก่อนจะสร้างความเจ็บปวดปะปนกับความหรรษาแปลกเข้ามาทีละน้อย จากนั้นดักลาสผละออกจากลำคอ ขยับมานั่งคุกเข่า ถอดนิ้วมือออกจากส่วนคับแคบที่อ่อนนุ่มลง แวมไพร์หนุ่มกดจ่อความดุดันเข้าใส่พื้นที่ลับอย่างช้าๆแต่ไม่ลดละ สอดดันส่วนร้อนนั้นเข้ามาช้าๆจนกระทั่งสุดทาง ความคับแคบบีบรัดจนวาบหวามไปทั้งร่าง คิดอยากจะทรมาณเคลวินให้หนักกว่านี้   

“อะ...อื้อ”เคลวินกัดปาก หลับตาลงเมื่อแรงกระแทกจากดักลาสเริ่มเร็วขึ้น แก่นกายของเขายังคงไม่ลดความพยศ มือของอีกข้างของดักลาสเข้ามากุมกอบ ก่อนจะชักเข้าออกตามแรงกระทั้น แก่นกายร้อนเข้าออกถี่ สอดใส่ลำลึกจนปั่นป่วนไปทั่วท้องน้อยแล่นมาถึงหน้าอก

ร่างของเคลวินเกร็งแน่นก่อนจะเปิดรับอีกฝ่ายอย่างเต็มใจเหมือนทุกที แม้ว่าร่างกายจะตึงเปรี๊ยะอย่างเจ็บปวดอยู่บ้างแต่ก็ไม่นานนัก ดักลาสโถมกายเข้าใส่อย่างไม่ปราณี เหมือนโหดร้าย ทว่าความจริงแล้วเคลวินกลับตอบสนองต่อความป่าเถื่อนนั้นได้ดี 


ดักลาสสอดมือมาใต้ข้อพับดันขาไปจนชิดกับร่างของเคลวิน ยัดเยียดความดุดันเข้าใส่ ถอดถอนจนสุดความยาวอย่างหรรษา เสียงครางกระเส่าดังอยู่เรื่อยๆกับเสียงเคลื่อนไหวหนักหน่วงของแวมไพร์สองตนดึงไม่หยุดหย่อน

ท่ามกลางบ้านหลังใหญ่อันเงียบงันและมืดมิด ความหรรษาสิ้นสุดลง ทำให้แวมไพร์สองตนเหงื่อแตกพลั่ก ตะกองกอดกันแน่นเมื่อร่างกายยังคงอัดแน่นไปด้วยกลิ่นและรอยราคะไม่จาง ราวกับลืมเลือนความรู้สึกไปชั่วครู่

ผ่านไปไม่นาน ดักลาสผละออกจากเคลวิน เปลือยเปล่าลงจากเตียงไปหยิบขวดไวน์ที่วางอยู่ในกล่องไม้คล้ายหีบสมบัติที่ท้ายห้องนอน  หยิบแก้วไวน์ออกมาสองใบ ก่อนจะเปิดจุกไวน์สีเข้ม แล้วรินลงแก้วช้าๆ จมูกไวต่อกลิ่นคาวเลือด เคลวินที่อ่อนเพลียขยับกายหันมามอง แววตาดูกระหายขึ้นมาเพราะถูกกระตุ้น

ดักลาสหยิบแก้วไวน์เลือดชั้นดีมาเสิร์ฟเคลวินบนเตียง แวมไพร์รุ่นเด็กขยับตัวลุกมารับไวท์สีแดงสดแก้วนั้นมาดื่มคลายความหิวที่เริ่มก่อตัว พอของเหลวสีสดผ่านลิ้น สัมผัสรสเลือดหวานและสดใหม่ซึมซาบอยู่ในปากก่อนจะกลืนลงคอไปช้าๆ ทำให้เคลวินรู้ว่าเลือดที่ดื่มนั้นเป็นเลือดสดมาจากมนุษย์ที่ยังไม่ตาย แต่ก็ไม่ได้ถามว่าดักลาสไปหาเลือดสดแบบนี้มาจากไหน

เคลวินวางแก้วไวน์ที่ว่างเปล่าลงกับโต๊ะข้างเตียง ก่อนจะขยับตัวลงสัมผัสพื้นห้อง แต่ทว่าท่อนแขนของคนข้างกายขยับเข้ามาโอบรัดที่เอวไว้ไม่ปล่อย ใบหน้าของดักลาสซบอยู่กับท้ายทอยของเขา ลมหายใจอุ่นร้อนเป่ารดแผ่วเบา 

“เจ้าชอบทำให้ข้าหงุดหงิดใจอยู่เรื่อย”

“หึ ผมแค่อยากทรมาณคุณบ้าง กับความผิดที่ทำให้ผมติดอยู่ในวังวนของปีศาจ”เขาพูดเสียงเยือกเย็น แม้ใจจะอยากจะรักแต่ก็ให้ไม่ได้ ไม่ว่าด้วยเหตุผลกลใด เขาไม่นึกอยากครองคู่กับอีกฝ่ายไปจนตราบนานเท่านาน มันคงโหดร้าย ที่ต้องทนอยู่กับซาตานที่เปลี่ยนเขาให้กลายเป็นผีดิบกระหายเลือด  ตายไปยังดีเสียกว่า...

“เจ้ายินดีที่จะตายไปจริงๆน่ะเหรอ...”ดักลาสเลื่อนหน้าวางเกยบ่าของเคลวิน สายตาจับจ้องไปที่เสี้ยวหน้าซีกซ้ายของคนในอ้อมกอด สัมผัสแนบชิดแต่ใจกลับไม่ชิดใกล้ บางครั้งดักลาสแปลกใจ ว่าเคลวินเดี๋ยวดีเดี๋ยวร้าย เดี๋ยวรักเดี๋ยวไร้หัวใจ

แต่หูของดักลาสยังคงได้ยินเสียงเต้นเป็นจังหวะตุบๆจากเคลวิน ต่างจากตอนที่กอดรัดกันก่อนหน้านั้น ถ้าเป็นเรื่องเซ็กส์ เคลวินแค่อยากครอบครองเขา เรียกว่าเป็นการหลั่งความสุขทางร่างกายล่ะมั้ง 

“ตอนนั้นผมใกล้ความตายแล้ว อีกแค่อึดใจเดียว...”เคลวินขมวดคิ้ว ความโกรธครุกกรุ่นปราฏในดวงตาสีซีด

 “เคล เจ้าก็รู้ว่าข้ารอคอยเจ้ามานาน หากข้าไร้หัวใจ ข้าคงเปลี่ยนใจจากเจ้าไปนานแล้ว ไม่รอจนกระทั่งเจ้าใกล้ความตาย”ดักลาสเอ่ย สุ้มเสียงเกรี้ยวกราดไม่แพ้กัน เป็นอีกครั้งที่ฟันเขี้ยวแหลมคมของดักลาสฝังลงกับช่วงบ่าของเคลวิน กัดลึกจนเลือดไหลย้อยลงผ่านอก ดักลาสยังจำรสเลือดของเคลวินได้ดี มันหวานยิ่งกว่าใคร จนเขาไม่ต้องการให้อีกฝ่ายจากไปเร็วเช่นนั้น

“ช่างเถอะ คุณก็พูดแบบนี้ตลอด ตอนนี้เปลี่ยนอะไรไม่ได้อีกแล้ว สุดท้ายผมต้องมาอยู่กินกับตาแก่พันปี”แม้ว่าร่างกายของดักลาสจะเป็นหนุ่มวัยสามสิบสี่ปีไปชั่วนิจนิรันดร์ก็เถอะ แต่หัวใจของดักลาสช่างแก่เฒ่าเหลือเกิน เคลวินเม้มปากแน่นความแสบชาที่บ่ายังคงกัดกิน คมเขี้ยวของดักลาสถอนออกไปแล้วทว่ารอยแผลยังคงสดใหม่

“เคลวิน...”ดักลาสเอ่ยห้วนๆ

“บางที ผมอาจหาวิธีฆ่าคุณก็ได้ ไม่กลัวเหรอไง ตอนที่คุณนอนอดอู้อยู่ในโลงนั่น คุณอาจไม่ได้ลืมตาตื่นขึ้นมาอีกเลย”เคลวินเอ่ยเสียงราบเรียบ ปล่อยให้ดักลาสใช้ปลายลิ้นเล่นเลียกับรอยฟันที่บ่า

เขาไม่เคยชิมเลือดของพวกเดียวกัน แต่รสชาติมันต้องบัดซบแน่ๆ เคลวินยอมกินเลือดหนูยังดีกว่า

“ไม่หรอก...ข้าว่าเจ้าไม่ทำแน่ๆ เจ้าเกลียดข้าก็จริง แต่ก็ทิ้งข้าไม่ลง...เจ้าไม่อยากอยู่บนโลกใบนี้โดยไร้ข้าแน่ๆ”

“ได้ยินว่ามีแวมไพร์ตัวอื่นอยู่ในเมืองนี้ด้วยไม่ใช่หรือ”

“เจ้าจะไม่ทำแบบนั้น”ดักลาสย้ำเสียงเข้ม คว้าตัวของแวมไพร์เด็กให้หันมาประจันหน้ากันตรงๆ ก่อนรวบลำคอไว้แน่น ใช้นิ้มโองบีบคางจนเกิดรอยที่ผิวขาวซีด เคลวินหัวเราะออกมาราวกับจะเยาะเย้ย 

“วิธีนี้คุณคงทรมานน่าดู ทำไมผมถึงคิดได้ช้าไปได้ โง่จริงๆ”เคลวินพยายามเอ่ยให้ตบประโยค จ้องเข้าไปในดวงตาสีดำสนิทของอีกฝ่ายที่มีความขุ่นเคือง ปะปนกับความหวาดกลัว แวมไพร์เด็กรู้จุดอ่อนของอีกฝ่ายเข้าแล้ว แม้ใจรู้ดีว่าหากทำเช่นนั้นจริง เขาต้องได้รับโทษทัณฑ์อันแสนสาหัส

“เจ้าโกหก...”ดักลาสกระซิบ ใบหน้ามีรอยยิ้มมุมปาก เสียงหัวใจของเคลวินเต้นรัว เป็นอาการของคนที่กำลังตื่นเต้น เวลาที่เคลวินโกหก ภาษากายของอีกฝ่ายบ่งบอกชัดเจน

“...”

“ถ้าเจ้าทำเช่นนั้น เท่ากับทำลายข้าทั้งเป็น”

“...แวมไพร์นับว่าเป็นคนเป็นด้วยหรือ”เคลวินเย้าหยอก หัวเราะแผ่วเบา

“ใช่ ข้าหมายความตามนั้นจริงๆ...เจ้าเป็นของข้าตั้งแต่เกิด”

“คุณจับจองทารกไว้เพื่อดื่มเลือดจริงๆน่ะหรือ เหลือเชื่อจริงๆ คุณรอมาหลายปีนะ”

“ข้าไม่ได้อยากดื่มเลือดเจ้า...แต่ข้ารักใคร่เจ้าต่างหาก วัยเด็กของเจ้าก็มีแต่ข้าไม่ใช่หรือที่เป็นเพื่อนเล่น”ดักลาสเอ่ยเตือน ปล่อยมือออกจากลำคอของเคลวินช้าๆ แต่เลื่อนมือจับแขนทั้งสองข้างเอาไว้ไม่ปล่อย

“ใช่ มานึกดูแล้ว ผมชอบคุณในตอนนั้นมากกว่านะ”เคลวินยิ้มมุมปาก เมื่อนึกถึงดักลาสในอดีต แวมไพร์ตนนี้เป็นคนดูแลเขาในบ้าน อีกฝ่ายเป็นคนเงียบๆแต่มีรอยยิ้มใจดีเสมอ ผิดกลับเวลานี้ บางครั้งก็เงียบและปราศจากรอยยิ้ม ใบหน้านิ่งเฉยเช่นนี้บอกไม่ถูกว่ากำลังรู้สึกอะไร ใบหน้าของคนตายล่ะมั้ง น่าขนลุกนะ

“ข้าก็เป็นเช่นเดิม แต่เจ้ามองข้าม”

“ผมผิดงั้นสิ?”

“ก็มีส่วน”

“หึ ช่างเถอะ ปล่อยได้แล้ว”เคลวินบิดข้อมือให้หลุด 

“เจ้าไม่เข้าใจข้าเอาซะเลย”ดักลาสเอ่ยอย่างขุ่นข้องหมองใจ รั้งร่างขาวซีดของเคลวินให้ล้มลงมาบนเตียงอีกครั้ง ขึ้นคร่อมเคลวินไว้ กดแขนไม่ให้หลีกหนีไปได้

“ดักลาส...”เคลวินปราม

“ทำไมล่ะ”

“...ปล่อย”

“ไม่ มองตาข้าสิ ข้ามีเพียงเจ้า...มันจะเป็นเช่นนี้ตราบไปชั่วชีวิตของข้า”

“ไม่นึกเสียดายช่วงชีวิตหลายร้อยปีของคุณก่อนหน้านี้เหรอ...”

“ไม่...ข้าไม่เคยมอบรักให้ผู้ใด ก่อนหน้านั้นข้าแค่เอาแต่รับความรักอยู่ฝ่ายเดียว...”ดักลาสเอ่ย จ้องมองคนตรงหน้าอย่างแฝงความหมาย เขารักเคลวินมาหลายปี หลงรักความบริสุทธิ์ของทารกแรกเกิด เป็นสายสัมพันธ์ที่แปลก แต่ยากจะหลบเลี่ยง ยับยั้งใจไม่ให้ดื่มเลือดของเด็กน้อยได้ แต่สุดท้ายเคลวินก็ไม่อาจเลี่ยงชะตาอันสั้นกุดของตนเอง

“ผมไม่นึกชอบความอมตะเลยสักนิด มันน่าเศร้าและโดดเดี่ยว”เคลวินพึมพำ เบนหน้าหนีไปจ้องมองหยากไย่บนเพดานห้อง

“เจ้ามีข้า”ดักลาสเอ่ย เคลวินตวัดสายตามองอย่างตั้งใจ

การทนอยู่กับดักลาสไปอีกนานเท่านาน “แล้วถ้าหากผมเบื่อไปซะก่อนล่ะ”เคลวินเอ่ยถาม ดักลาสอึ้งในใจ ไม่คิดว่าจะถูกถามอะไรเช่นนี้

เบื่อหรือ? ดักลาสไม่เคยหยุดคิดถึงเรื่องนี้เลยด้วยซ้ำ

“ถ้าเจ้าอยู่กับข้าจนเบื่อไปจริงๆล่ะก็ งั้นเราไปตามหาวิธีหลับไปชั่วนิรันดร์กันดีไหม บางทีเจ้าอาจจะเจอกริชเงิน”ดักลาสเอ่ยช้าๆ ถ้าหากท้ายที่สุดแล้ว เขาไม่สามารถเปลี่ยนใจของเคลวินได้ เขาก็ยอมหลับใหลไปกับอีกฝ่ายได้ชั่วนิรันดร์

เคลวินใจแกว่งไป มองแววตานิ่งสนิทของคนตรงหน้าแล้วก็หวั่นในใจ ...หลับใหลไปตลอดน่ะหรือ...และดักลาสก็จะยอมหยุดชีวิตไว้ที่เขาอย่างนั้นสินะ เคลวินเงียบ หันไปมองแก้วไวน์บนโต๊ะข้างเตียง ก้นแก้วมีเลือดสีแดงหย่อมเล็กๆไว้

“...พรุ่งนี้ผมต้องเข้ากอง ผมต้องอาบน้ำ แล้วเข้านอน”เคลวินบอก เขาปรับตัวให้ชินกับการเป็นมนุษย์ มันประหลาด เขาเคยเป็นมนุษย์มาก่อน แต่ในเวลานี้กลับไม่ชินกับการทำตัวเป็นมนุษย์

“อืม...”ดักลาสลุกออกจากตัวของเคลวิน เจ้าตัวลุกขึ้นนั่งเอื้อมมือจับไปที่บาดแผลที่บ่าของตนเองไว้

“เลือดของผมน่ะรสชาติเป็นยังไงเหรอ”เคลวินถาม ดักลาสมองอีกฝ่ายด้วยสายตาประหลาดใจ พยายามมองตัวตนของเคลวินว่าเป็นคนเช่นไร

“...จริงๆแล้วมันไม่หวานเท่าไหร่...แต่ดีกว่าเลือดหนูแน่ๆล่ะ”

“อืม ผมเกลียดคุณนะ”ถ้อยคำที่แฝงความขบขัน แต่ไม่ทำให้เคลวินยิ้ม เขาแค่ถอนหายใจออกมา

 “อืม”

“เกลียดที่คุณทำให้ผมเป็นแบบนี้”เคลวินย้ำ

“งั้นเหรอ”

“...แต่ก็...เกลียดตัวเอง ที่ทิ้งคุณไม่ลง”เคลวินพึมพำ โลกใบนี้หากไร้คนข้างกายคงโดดเดี่ยว ยิ่งอมนุษย์เช่นพวกเขาสองคน จะหาใครมาอยู่เคียงข้างกายได้อีก 

“...อย่างที่บอกไปไง เกลียดข้าได้ ให้ข้านำมันมาแปรเปลี่ยนเป็นสิ่งอื่นเอง”ดักลาสบอก ความเกลียดของเคลวิน มันคือแรงกระตุ้นอย่างหนึ่ง แผดเผาหัวใจของตนเอง บางครั้งมันร้อน บางครั้งมันก็ชโลมใจ ไฟเกลียดของเคลวินไม่คงทน เปลวเพลิงนี้อาจมอดดับได้ในสักวัน

 ดักลาสเชื่อแบบนั้น

“พรุ่งนี้ผมต้องถ่ายฉากแวมไพร์ออกล่าเหยื่อ...”เคลวินไม่เคยออกล่าเหยื่อมาก่อน เขาปนิธานตนว่าจะไม่เข่นฆ่า ดักลาสเหลือบมองเขาด้วยสายตากระหายขึ้นมา

“ออกไปข้างนอกกับข้าไหม...คืนนี้ยังเหลือเวลาอีกเยอะ”ดักลาสเอ่ยเสียงทุ้มต่ำ แววตาต่างจากเดิม ความแข็งกร้าวไร้ชีวิตชีวา และเริ่มใช้สัญชาติญาณดิบของผู้กระหายเลือด

“...ไปกับคุณ?”

“อืม”

“ผมไม่เคยออกล่า”

“ข้าจะสอนเจ้าเองเคล”

ดักลาสยิ้ม เคลวินมองหยดเลือดในแก้วไวน์เงียบๆ ปฏิเสธไม่ได้ว่าเลือดสดๆของมนุษย์นั้นอร่อยกว่าเลือดคนตายเป็นหลายสิบเท่า การยอมรับเช่นนี้หมายถึงการยอมรับคู่หรือไม่ล่ะ? แต่เคลวินยังไม่เคยเห็นแวมไพร์ออกล่าเหยื่อแบบเป็นคู่มาก่อน

นี่ถือเป็นสิ่งแรกหรือเปล่า...ที่ทำร่วมกับดักลาสในฐานะแวมไพร์จริงๆน่ะ บางทีถึงเวลาที่เคลวินต้องยอมรับความจริง แม้เขาจะโกรธเคืองดักลาสไม่เปลี่ยน แต่มันไม่อาจลบความจริงที่ว่าเขาไม่ใช่มนุษย์ เขาเป็นเหมือนดักลาส

แต่เคลวินไม่ได้รักดักลาส ไม่ได้รักสักนิดเดียว...





- - - - - - - - - - - - - - - -

อยากลองแต่งความสัมพันธ์ที่ทั้งรักทั้งเกลียด

อีกตอนจะเป็นบทสรุป มีเรื่องวัยเด็กของเคลวินที่คุณแวมไพร์คอยเลี้ยงดูแลมาตั้งแต่เล็กแต่น้อย

ขอบคุณค่ะ  :L2:

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 21-04-2019 09:44:36 โดย รินดาwดาริน »

ออฟไลน์ ืniyataan

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3333
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +64/-1
ชอบ....บบบบบบบบบบบบ  :L1:

ออฟไลน์ yunnutjae

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 650
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-2
*ผมบลอนด์  มีคำผิดช่วงต้นๆเรื่องเยอะเลย
เป็นความสัมพันที่ซับซ้อนอะ ทั้งรักทั้งเกลียด ถ้าตอนจบน้องจะเจอกริชแล้วมาแทงดักลาสก็จะไม่แปลกใจเลย

ออฟไลน์ มนุษย์บิน

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 408
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-1
ขออีกตอนได้ไหมมมมมมม ฮืออออออออดีงามมม

ออฟไลน์ nofsnof

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 364
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-1
ว้าวว เนื้อเรื่องแปลกดีค่ะ
เหมือนตัวดักลาสแอบรักเคลข้างเดียวมาตลอด
จะปล่อยให้ตายก็ไม่ได้
ส่วนเคลไม่พอใจที่ดักลาสทำแบบนั้น
อาจจะเพราะไม่มั่นใจในตัวดักลาสหรือป่าวว /มโน
 :n1:

ออฟไลน์ Foggy Time

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 900
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +232/-1
สำนวนอ่านเพลินมากค่ะ :sad4:

ออฟไลน์ รินดาwดาริน

  • OnTop&N'Song
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 172
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +243/-2
ตอนจบ I don’t love you


“ปาปา”

“ปาปา”

เสียงร้องของทารกที่ลืมตาดูโลกได้หนึ่งปีดังก้องอยู่ภายในเปลนอนสี่เหลี่ยม

 คฤหาสน์หลังใหญ่ตั้งตระหง่านโดดเดี่ยวออกห่างจากผู้คน แม่ของเด็กน้อยคนนี้จากไปตั้งแต่ทารกน้อยลืมตาดูโลกเหลือแต่ผู้ชายตัวโตที่ติดเหล้าร่ำร้องหาแต่ภรรยาที่จากไป มันไม่ดูดำดูดีทารกน้อย ปล่อยให้หิวและร้องไห้จมน้ำตาจนเงียบไปเอง

แวมไพร์หนุ่มที่ครอบครองที่ดินติดกันได้แต่สอดส่องผ่านหน้าต่างยามค่ำคืน  ดักลาสจ้องมองชีวิตน้อยๆที่เริ่มจะปลิวหายไป

ตอนที่เขาก้มหน้าลงจะอุ้ม หมายตาเป็นอาหารมื้อดึกแต่เพียงแค่จับตัวของเจ้าเด็กจ้ำม่ำผิวขาวชมพู ดวงตาสีฟ้ากระจ่างใสจับจ้องมาไม่ห่าง

งดงามมาก

เสียดายหากว่าเด็กคนนี้จะต้องหายไปจากโลก

“ปาปา”

“หืม…”

“ฮึ..ฮึกกก มัมมัม”

เด็กน้อยร้องไห้จ้า คราวนี้เจ้าตัวโตไม่ได้เข้ามาดูแลเด็กน้อยอีก เขาจึงเฝ้ารอจนแน่ใจแล้วว่าผู้ให้กำเนิดคนนั้นไม่มีวันมาเลี้ยงดูอุ้มชูสิ่งมีขีวิตน้อยๆได้อีกต่อไป

  มันตายไปแล้ว  ฆ่าตัวตายไปแล้ว…ดี  นั่นทำให้ดักลาสมีมื้อดึกหนักท้องไปโดยปริยายจึงอารมณ์ดีมาก 

อาจเป็นเพราะความเหงา…ความเดียวดายมากว่าร้อยปีรอนแรมเปลี่ยนแผ่นดินอาศัยมากว่าครึ่งชีวิต ดักลาสเหนื่อยซะแล้ว

พอที!

“ไง เจ้าหนู ฉันชื่อดักลาส”

“อืม…ปาปา”

“เคลวิน…ต่อไปนี้เธอเป็นเคลวินของฉัน”

ชื่อนี้ไม่มีที่มา ดักลาสแค่นึกอยากตั้งชื่ิอพอจ้องมองใบหน้าน้อยๆขาวอมชมพูในเปลเด็กแล้วก็คิดว่าเคลวิน เหมาะสมดี

เสียงใสหัวเราะออกมา มือป้อมปัดป่ายขึ้นสูงเล่นกับกระดิ่งกลมๆที่ห้อยอยู่เหนือเปล

“มา มาหาดักลาส”

แวมไพร์รูปหล่อเอื้อมไปอุ้มเด็กน้อยขึ้นในอ้อมกอดสัมผัสอบอุ่นพร้อมเสียงหัวใจเต้นตุบๆบอกถึงการมีชีวิต…ชีวิตตัวน้อยๆ

ดวงตากลมสีฟ้ากระจ่างจ้องมองไม่กะพริบ ยื่นแขนมาหามือจิ๋วๆแตะสัมผัสที่ปลายคางไล่มาที่ริมฝีปากส่งเสียงเอาะแอะอย่างน่ารัก

“ปาปา”เด็ดน้อยพูดงึมงำ

“ข้าไม่ใช่ปาปาแต่เป็นดัก-ลาส”

“ปาปา”เด็กน้อยยิ้มเห็นเหงือกสีแดง

“ดัก…ลาส”แวมไพร์หนุ่มเน้นยด้วยสีหน้าเรียบเฉยอย่างที่เคยแม้เขาจะส่งสายตาอ่อนโยนเท่าไรก็ไม่เป็นผล

“ปาปา อือ..ปาปา”เด็กน้อยชูมือ หัวเราะคิกคักกับตัวเองบ่นเสียงงึมงำฟังไม่ได้ศัพท์  ดักลาสถอนหายใจ

“อา…ปาปาก็ปาปา ข้าเป็นปาปาให้เจ้าก็ได้ เจ้าเป็นของข้าแล้ว”

ดักลาสยื่นมืออีกข้างกุมมือน้อยไว้แผ่วเบากลัวว่าจะทำให้เจ็บ ใบหน้าขาวซีดปรากฎร่องรอยของความสุขขึ้นบ้าง

หวังว่าเคลวิลจะทำให้ข้ามีความสุข


ดักลาสเฝ้าประคองวัยกระเต๊าะกระแตะของเคลวินมาโดยตลอด ทั้งคอยประคบประหงมดูแล ตอนที่เคลวินน้อยพยายามเดินด้วยสองขา ปีนป่ายโซฟาตัวเตี้ยพยายามเดินหน้าก้าวเท้ามาหาเขา สองเท้าเปล่าเปลือยอ่อนนุ่ม สองขาโอนเอนพยายามอย่างหนักที่จะมาหา ‘ดัดดี๊’

เคลวินน้อยพยายามออกเสียงว่าแด๊ดแต่ก็ได้ขัดเท่านี้ ดักลาสรู้สึกว่าฤดูใบไม้ผลิมาเร็วกว่าปกติ ทั้งที่แวมไพร์กระหายเลือดอย่างเขาไม่มัวมาสนใจวันเวลาและความสวยงามของฤดูกาล


ทว่าเป็นเพราะเคลวิน…เคลของเขา


เคลวินในวันเจิดจรัสนั้นเริ่มต้นที่ตอนเก้าขวบ เมื่อจู่ๆก็มีคนแปลกหน้าติดต่อผ่านคุณครูว่าสนใจเคลวินให้เป็นแคสติ้งนักแสดงเด็กในซีรีส์เรื่องหนึ่ง

เคลวินอยากไป

เคลวินมีโลกของตัวเองมานานแล้ว เพื่อนๆ ชีวิตสนุกสนานในโรงเรียนต่างจากชีวิตที่บ้าน

 ดักลาสไม่ออกมาให้เคลวินเห็นหน้าตอนสว่าง เขาออกล่าตอนกลางคืนเวลานั้นเคลวินเข้านอนไปแล้ว

เคลวินชื่นชอบเป็นที่สนใจ การถูกจับจ้องผ่านฝูงชนและหน้ากล้องเป็นเรื่องสนุก…นั่นทำให้เด็กน้อยของดักลาสเริ่มโผบิน…และโตพอที่จะเรียนรู้


“คุณจับมือผมทำไม?”
“พ่อที่ไหนมานอนกอดลูกทั้งคืนแบบนี้?”


คำถามร้อยแปดพุ่งเข้าหาแวมไพร์หนุ่มไม่รู้จักจบสิ้น เขาจ้องมองเด็กหนุ่มตรงหน้า เคลวินอายุสิบห้าปีแล้ว โตพอที่จะเรียนรู้ว่าพฤติกรรมแบบไหนคือพ่อลูกทั่วไปปฏิบัติต่อกัน

ดักลาสหลุดยิ้มไม่สะทกสะท้านกับคำถามวุ่นวายเหล่านี้

“ทำไมจะกอดไม่ได้ล่ะ เมื่อก่อนข้ากับเจ้าต่างนอนกอดกันทั้งคืน”

“นั่นมันตอนเด็กๆ”เคลวินหน้าแดงเพราะถูกพูดถึงอย่างกับเด็กน้อยๆ

ทั้งๆที่เขาโตแล้ว และรู้จักเรื่องอย่างว่ามากขึ้น จนรู้พฤติกรรมแปลกๆกับดักลาส คนที่เขาเรียกว่าพ่อมาตั้งแต่จำความได้

“อืม แล้วยังไงล่ะ ต้องการอะไร”

“ผมอยากย้ายไปอยู่กับเพื่อน อย่างน้อยผู้จัดการจะได้สะดวกที่จะเข้ามาพูดเรื่องงาน”เคลวินตอบ เหลือบมองดักลาสที่นิ่งราวกับรูปสลัก

ช่วงที่เข้าวงการใหม่ๆ เคลวินแทบจัดการตารางงานไม่ได้เพราะดักลาสไม่ยอมให้จ้างผู้จัดการ พยายามให้เขาออกจากบริษัทให้ได้  แต่เขาไม่ยอม

“…อยู่ที่นี่ก็ได้ ข้าไม่มาวุ่นวายด้านนอกหรอก”

“บ้าเหรอ อย่างกับบ้านผีสิง ถ้าถูกพวกปาปาถ่ายได้จะทำยังไง แค่นี้ก็แทบจะไม่ได้เปิดหน้าต่าง เดินออกนอกบ้านแล้ว”เคลวินขมวดคิ้ว เหลียวมองไปรอบๆห้องใต้หลังคา ภายในห้องไม่มีเครื่องใช้ทันสมัย มีแค่โลงศพไม้อันใหญ่สลักลายโกธิคพิถีพิถัน

เชิงเทียนเก่าตั้งอยู่เหนือโลง ที่พื้นมีน้ำตาเทียนหยดเป็นชั้นหนา ห้องหลังนี้เก่าซ่อมซ่อไม่ได้ทำความสะอาดมาเนิ่นนานแล้ว เคลวินแทบไม่อยากขึ้นมาแตะต้องของของดักลาส…


พวกที่ไม่ใช่มนุษย์…ไม่ใช่ว่าเคลวินรับได้ แต่เพราะเคยชิน ดักลาสไม่เคยปกปิดหน้าตาซีดๆ ดวงตาสีดำสนิทไร้แวว ร่างกายกำยำในชุดสูทแบบเก่า ดูขัดตาไปหมด


“ไม่ได้! อย่าลองดีกับข้าเคล”


เพราะคำขู่ขวัญ ครั้งสุดท้ายที่เคลวินถูกดักลาสทำโทษเพราะความดื้อรั้น คือถูกมัดมือและเท้าแน่นก่อนถูกโยนใส่เข้าโลงศพ ปล่อยให้นอนหายใจรวยรินอยู่อย่างนั้นจนกว่าเคลวินจะยอมร้องไห้บอกว่า ‘สำนึกผิดไปแล้วยกโทษให้เคลวินด้วย'

นั่นมันบ้าขัดๆ เคลวินเม้มปาก เหลือบมองไปยังโลงศพอีกหลังที่วางอยู่ชิดมุมห้องหยากไย่ขึ้นเต็มไปหมด

มันคือครั้งสุดท้ายที่เคลวินเดินเข้ามาขอย้ายออก





หลังจากนั้น ดักลาสก็ทำพฤติกรรมคลุมเครือต่อไป เคลวินหวาดกลัวอยู่ลึกๆ แม้รู้ดีว่าดักลาสไม่มีทางทำร้ายเขาได้ลง

“คุณทำแบบนี้ทำไม”กลางดึกคืนหนึ่งหลังจากที่เคลวินกลับจากการถ่ายภาพยนต์ที่ต่างเมือง พอล้มตัวนอนลงเตียง เขาสะลึมสะลือตื่นมาพบว่าดักสากำลังกอดเขาแน่น เท่านั้นไม่พอ มือเย็นๆลากไล้ไปทั่วลำตัวจนน่าขนลุก เคลวินตกใจแต่ไม่ได้ดิ้นรน

“หืม…แค่คิดถึง เจ้าหายไปเป็นเดือน ข้าตามติดเจ้าไปได้ที่ไหนกัน”ดักลาสพึมพำอยู่กับต้นคอของเคลวิน เด็กหนุ่มวัยสิบเจ็ดปีขมวดคิ้วแน่น เกร็งไปทั่งร่างเมื่อถูกเขี้ยวคมขบกัดที่ท้ายทอย

“ผมทำงานนี่…”เคลวินพึมพำ ขณะที่ท่อนแขนเย็นเยียบเจ้ามาโอบรัดรอบเอว เคลวินไม่เข้าใจการกระทำของอีกฝ่ายแม้แต่น้อย 


เคลวินเบื่อกับพฤติกรรมของดักลาสเต็มทนเขาไม่ใช่เด็กๆที่ไม่รู้ว่าความต้องการของดักลาสคืออะไร


ช่วงที่เคลวินถูกดันให้เป็นดาราดาวรุ่ง หากดักลาสออกล่าเหยื่อมนุษย์  เคลวินก็ออกล่าความสำราญจากสิ่งเสพติด

 เขาคิดว่าช่วงรุ่งโรจน์นั้นผ่านไปอย่าวรวดเร็วเหมือนการอาหารหมดอายุ  พอหมดระยะเวลาก็ถูกเขี่ยทิ้ง

 ภาพลักษณ์ของเขาขายได้น้อยลง งานแสดงหดหาย เขาจึงหันไปรับงานถ่ายหนังนอกกระแสหวังคำวิจารย์แต่กลับไม่เป็นผล

เคลวินโทษดักลาสที่ทำให้เขาเป็นแบบนี้ ทำตัวห่วยแตก เป็นดาราตกกระป๋องอย่างรวดเร็ว

ดักลาสเข้ามามีบทบาทในชีวิตของเขามากขึ้น ทำตัวเหมือนนักบุญ ทั้งที่ดักลาสเข้าไปเหยียบโบสถ์ของคริสต์ได้หรือเปล่าก็ไม่ทราบ

เดาว่าพระคริสต์คงไม่ต้อนรับอมนุษย์อย่างดักลาสแน่ๆ เคลวินเคยคิดตลกๆว่ากริชเงินที่ตู้โชว์ของวิหารคริสต์มีอิทธิฤทธิ์พอจะปักลงหัวใจของดักลาสให้หลับใหลไปชั่วนิรันดร





แวมไพร์หนุ่ม ปรากฏร่างในความมืดความเคลื่อนไหวภายในบ้านชั้นล่างทำให้เขาออกจากการนอนหลับ เมื่อเดินผ่านบันไดยาวเขาเห็นเคลวินกลับมาบ้านนั่งดื่มไวน์เกือบหมดขวด

“เป็นอะไร”คำถามง่ายๆที่ไม่มีคำตอบกลับมา

“สุดท้ายเจ้าก็กลับมาหาข้า”ดักลาสผุดยิ้ม ต่อให้เด็กหนุ่มคนนี้เตลิดหายไป ไม่นานก็ซมซานกลับมาเอง

“หึ….”เคลวินตวัดตามองอย่างไม่พอใจ

“ทำไมหายไปนานนักล่ะ ได้ข่าวว่าเจ้ากำลังแย่”

เคลวินไม่ตอบ เพียงแค่เอนตัวลงนอนกับโซฟานิ่งๆราวกับหมดแรง

“มีตรงไหนที่ข้าดูแลเจ้าไม่ดีหรือเคล ออกไปคราวนี้นานกว่าครั้งก่อนๆ ทำไมกัน”

“ดูแล?  อย่าพูดแบบนี้มันน่าขนลุก”

“ไม่ว่าจะแบบไหนมันก็เหมือนกันนั่นล่ะข้าเคียงข้างเจ้ามาตั้งแต่ยังตัวน้อยๆ”ดักลาสเอ่ยถวิลหาช่วงเวลาเยาว์วัยของเคลวิน ตอนเด็กๆอีกฝ่ายว่าง่ายเลี้ยงไม่ยาก ซ้ำยังติดเขาแจ แต่พอโตเข้าหน่อยก็ผลักไสไล่ส่ง

“แล้วแบบนี้คุณยังทำได้ลง คอยกอดจูบลูกตัวเองอีกหน่อยก็คงเอาผมแล้ว วิปริต”

“เคลวิน!”ดักลาสขึ้นเสียง

“ทำไมก็มันเรื่องจริงนี่…”เคลวินยิ้มเยาะ รู้ดีว่าดักลาสเป็นคนแบบไหน ไม่สิ…เป็นแวมไพร์เป็นอมนุษย์ ทั้งๆที่เขาควรจะรังเกียจแต่กลับอดทนยอมอยู่กับดักลาสมาจนอายุสิบเก้าปีเพราะไม่อยากทิ้งคนที่เลี้ยงดูมา

เคลวินเกิดความสงสัยว่าดักลาสคิดเลี้ยงเขาเอาไว้เพื่อสนองความใคร่หรือว่าต้องการเก็บไว้แล้วรอเชือด

“ข้าไม่ใช่แบบที่เจ้าคิด”

“หึ แล้วเป็นแบบไหนล่ะ”

เคลวินในวัยรุ่นคิดท้าทายดักลาสอยู่ประจำแต่ครั้งนี้ความอดทนของเขาลดลง ร่างสูงกำยำของดักลาสขยับรวดเร็วเพียงเสี้ยววินาทีก็สามารถมายืนอยู่ต่อหน้าเคลวิน

ฝ่ายนั้นอ้าปากตกใจดวงตาสีฟ้าสวยเบิกกว้างไม่ทันจะส่งเสียงก็ถูกฉุดให้ลุกขึ้น

“ดัก—"

ดักบาสคว้าลำคอของอีกฝ่ายไว้ดึงให้เข้าหาพร้อมกับก้มลงบดเบียดริมฝีปากอย่างหนักหน่วงขบกัดให้ช้ำเลือด ลิ้นร้อนลากไล้ไปทั่วเรียวปากก่อนจะบีบปลายคางของเคลวินไว้แน่น

“อึก…”

มอบจูบล้ำลึกให้ เคลวินแทบหายใจไม่ออกเพราะความตกใจ เมื่อร่างกายหายใจติดขัดจึงสงบลง ไม่ได้ตอบโต้

ทว่าดักลาสจูบหนักหน่วงพยายามรุกเร้าให้กระหายไปด้วยกัน

 รสเลือดคลุ้งไปทั่วเคลวินหายใจแรงเปิดรับจูบของผู้ชายที่เลี้ยงดูจนเติบโตหรือเคยเรียกว่าพ่อมากว่าสิบห้าปี

“อืม” ดัดลาสไม่ปล่อยเวลาให้ผ่านไปง่ายๆ สองมือลูบลงข้างตัวจับแขนสองข้างของเคลวินไว้แน่น ขณะที่ตะโบมจูบไม่หยุด

เสียงลมหายใจผะแผ่วผสานเสียงจูบหนักแน่น

“เคล…”

“เห็นไหมล่ะว่าคุณมันก็แค่เก็บผมไว้สนองเซ็กส์”

ดักลาสจ้องมองนัยน์ตาสีฟ้านิ่งๆ ดวงตาที่เคยงดงาม…

ความเงียบปกคลุมทั่วห้องก่อนที่ดักลาสจะเดนกลับไปยังห้องใต้หลังคาของตนเองเงียบๆ ทิ้งให้เคลวินยืนเช็ดเลือดที่มุมปากอย่างเงียบงัน

นับแต่นั้นมาดักลาสไม่ปรากฏตัวให้เห็นอีกแต่เคลวินรู้ดีว่าอีกฝ่ายยังวนเวียนอยู่ในบ้าน เพราะตกดึกทีไรก็มีเสียงกุกกักจากห้องใต้หลังคาทุกที

เมื่อไม่มีคนคอยคุม เคลวินเหลวไหลมากกว่าที่เคย สิ้นสุดอาชีพการแสดงเมื่อเขาถูกถ่ายภาพได้ เป็นภาพของเขากับดักลาส คงเป็นปาปาฯที่ตามติดบ้านละแวกนี้


เคลวินเบื่อหน่าย ไม่กลับไปที่คฤหาสน์หลังนั้นอีก ตราบใดที่ดักลาสยังอยู่ เขาจะไม่ซมซานกลับไปซุกใต้ปีกแวมไพร์แก่ๆนั่นอีก

ใครจะรู้ว่าเคลวินจะมีจุดจบเช่นนี้ อุบัติเหตุนั่นร้ายแรงพอจะทำให้เขาตาย

ท่ามกลางความรวดร้าวไปทั้งร่าง กลิ่นคาวเลือด และร่างไร้สติของเคลวินถูกปลุกด้วยสัมผัสบางอย่าง

ความเจ็บปวดจากบาดแผลฉกรรจ์ที่ศีรษะและท่อนขา สติที่พร่าเลือนเห็นเงาร่างดำทะมึนของใครสักคน ทีแรกเคลวินคิดว่าเป็นยมทูต จนกระทั่งแรงกัดที่ลำคอทำให้ได้สติ

กลิ่นเก่าๆของดักลาส…

ดวงตาเบิกกว้างจ้องมองใบหน้าไร้สีเลือด  ดวงตาสีดำสนิทนั่นเต้นระริกด้วยความกระหาย 

“ข้าจะช่วยเจ้าเอง”

“ไม่… ผม…”เคลวินพูดไม่ออกเมื่อแรงกัดรุนแรง พร้อมกับลิ้นของดักลาสที่เลียไปทั่วบาดแผลและดื่มกินเลือดของเขาอย่างกระหาย ตอนนั้นเขาคิดว่าดักลาสจะฆ่าเขาด้วยการดื่มเลือดจนหมด

“ฆ่าผมเลย”

“ไม่…ข้าจะมอบชีวิตและรักนิรันดรให้”สิ้นเสียงดักลาสกัดข้อมือตนเองจนเลือดไหลทะลักก่อนจะยื่นมาตรงหน้าให้เลือดไหลรินลงริมฝีปากของเคลวิน แต่เขาขัดขืน

“เคล!”

ดักลาสบีบปากให้อ้าออกก่อนจะปล่อยให้เลือดไหลลงโพรงปากไปชั่วครู่ จากนั้นก็ประกบปากลงมาดูดกลืนน้ำลายและเลือดไปด้วยส่วนหนึ่งไหลลงคอของเคลวินไปอย่างห้ามไม่ได้

ความทรงจำดำมืด เขาสิ้นสติทว่าในความฝันเขาเห็นภาพทารกตัวน้อยในอ้อมแขนของดักลาส



…เขากำลังถูกจองจำด้วยแวมไพร์แก่ๆ ที่ไม่อยากให้เขาตาย…เพราะอะไรกัน?





สัมผัสหนักหน่วงจากท่อนล่างขยับเข้าออกที่ความคับแคบจนร้อนผ่าว เคลวินสะดุ้งตื่นมาพบกับความหรรษาจากคนด้านบนที่ตะโบมเข้าใส่ราวกับอดยาก

“อือ….เบาๆ”เคลวินย่นหน้าเมื่อถูกทาบตัวลงมาแนบสนิท ลิ้นและฟันของดักลาสวนเวียนที่หน้าอกขบกัดที่จุดสีอ่อนจนช้ำ

“เคล…ข้ารักเจ้า”ถ้อยคำวนเวียนจากแวมไพร์หนุ่มร้อยปี เคลวินได้ยินมาหลายปีจนเอียนไปหมด

แรงกระทั้นถี่เข้าใส่แรงๆจนเสียงครางที่กักกลั้นไว้หลุดรอดตามมาด้วยจูบเจ็บแสบที่บดเบียดเข้าหาอย่างกระหาย

ท่อนล่างรัดแน่น เคลวินหลับตาเมื่อร่างกายปล่อยความสุขออกมา พร้อมๆกับดักลาสที่กระแทกตัวลงมาไม่หยุดก่อนจะคำรามข้างหูพร้อมรอยกัดเพิ่มอีกหนึ่ง

เคลวินหายใจหอบ ผละออกจากดักลาสแต่ถูกรวบมากอดแน่น

“นอนกอดสักเดี๋ยว ข้าอยากกอดเจ้า”ดักลาสเอ่ยรั้งเอวของเคลวินเข้าหา ซุกหน้าลงที่ไหล่ของอีกฝ่าย

เคลวินแค่ถอนหายใจ ชีวิตอมตะหรือ? หลังจากได้ทบทวนตัวเองอยู่นานเขาพบว่าชั่วชีวิตคงเป็นที่ระบายอารมณ์ให้ดักลาสไปตลอด

การออกล่าเมื่อคืนก่อน ทำให้เลือดในกายเดือดพล่าน ทั้งที่จริงเขาเป็นแค่ผู้ชม ส่วนดักลาสเป็นคนลงมือ เป็นภาพที่ไม่น่าดูนักไม่ต่างอะไรกับพวกฆาตกรนักหรอก ดักลาสมีวิธีกำจัดร่างของเหยื่อ คือการเอาไปฝังที่สุสาน ความเคลื่อนไหวในเงามืดของพวกแวมไพร์คือข้อได้เปรียบ

เคลวินนอนหายใจเป็นจังหวะ อยู่ๆก็นึกถึงเรื่องในวัยเด็ก ขณะที่นึกอยากกลับห้องของตัวเองขึ้นมา

“ไปไหน”เมื่อเคลวินขยับร่างลุกก็มีเสียงร้องถามทันที

“กลับห้อง…”เคลวินตอบเรียบๆเรียกความสงสัยแก่ดักลาส

“แค่จะไปเอาของ…”เคลวินว่า ก่อนจะผละออกจากดักลาสทันที ควานหาเสื้อขึ้นมาสวมแล้วเดินออกจากห้องไปทั้งอย่างนั้น เคลวินเดินหายไปยังห้องใต้หลังคา ที่อาศัยเดิมของดักลาส

นานแล้วที่ไม่ได้เข้ามาเหยียบห้องหลังนี้ แค่ผลักประตูเข้าไปก็เจอกับความอับและฝุ่นละออง เขาจำได้ว่าเคยเอาของมาซ่อนที่นี่


เดินไปที่โลงศพไม้ที่ชำรุด จำได้ว่าเขาเป็นคนทำลายมันเอง ตอนนั้นยังโกรธดักลาสมากและรับไม่ได้ที่ตื่นมาพร้อมกับความรู้สึกแปลกใหม่ราวกับว่าไม่ใช่ร่างกายของตัวเอง ความไวต่อแสงและเสียงรอบๆตัว 


เคลวินไม่คาดหวังการมีชีวิตยืนยาวด้วยวิธีเช่นนี้  เขายอมรับไม่ได้…

เขาเดินมาหยุดหน้าโลงไม้ก่อนจะเลื่อนฝาโลงออก  ภายในโลงมีร่องรอยผุกร่อนและยังมีกล่องไม้เล็กๆหนึ่งกล่อง


ดักลาสไม่ได้เข้ามาวุ่นวายที่ห้องใต้หลังคานานแล้ว ยิ่งโลงศพเก่าๆ แบบนี้แทบไม่แตะต้อง เขาจำได้ว่าตอนเด็กๆคะนองมากไป  นึกสนใจเรื่องตำนานการฆ่าแวมไพร์ เขาไม่ได้คิดจะฆ่าดักลาส

แต่ว่า….คำพูดของอีกฝ่ายที่ว่าจะหลับใหลไปด้วยกันนั้นจริงหรือเท็จ

เคลวินเอื้อมไปหยิบสิ่งของด้านในออกมาเปิด  เจอกริชเงินเก่าๆมีรอยสนิมขึ้นจนเขาไม่แน่ใจว่า กริชเล่มนี้จะใช้งานได้จริง

เสียงเคลื่อนไหวจากทางด้านหลังดังขึ้น  เคลวินสะดุ้งตกใจ  กำด้ามกริชไว้แน่น

 “ทำอะไร”

ฉึก!

กริชเงินปักลงกลางอกของดักลาส ใบหน้านั้นว่างเปล่าไปชั่วขณะ ก่อนที่ดวงตาสีดำจะฉายความรู้สึกออกมาความเสียใจผิดหวัง

 ภาพตรงหน้าคือเคลวิน  เคลของเขา…อีกฝ่ายแทงกริชใส่หน้าอกของเขาแรงพอจนมันมิดด้าม  ฝ่ายนั้นเซถอยหลังไปด้วยท่าทีตระหนก 

“เจ้าคิดจะฆ่าข้าหรือ..แล้ว.. เจ้าลงมือทำจริงๆ”ดักลาสเอ่ยเสียงแผ่ว ไม่มีความโกรธเกรี้ยว เหลือแค่ความโรยแรงทว่าดักลาสยังรู้สติดี


“…ทำไม”

เคลวินจ้องมองอย่างเสียใจ ความรู้สึกแปลกๆก่อเกิดโดยทันที เขาตกใจที่กล้าลงมือโดยไม่ยั้งคิด กริชเงินเก่าแก่ดูท่าจะเป็นของอุปโลกน์ของคริสตจักร

 เคลวินแค่ลองเสี่ยงเท่านั้น…เท่านั้นจริงๆ  เขาส่ายหน้า  ดวงตาฉายความหม่นเศร้าวูบเดียวก่อนเป็นประกายด้วยบางสิ่ง 

“เพราะเหตุใด”

“….ไม่อยากอยู่กับคุณ”เคลวินเอ่ยออกไป  ความรู้สึกส่วนหนึ่งของตัวเขา  แม้ไม่ใช่ทั้งหมด  เขามองดักลาสอย่างเต็มตา  อีกฝ่ายใบหน้าบิดเบี้ยว  กัดฟันแน่นไม่ได้ดึงกริชออกปล่อยมันปักคาไว้อย่างนั้นตอกย้ำว่าเคลวินเป็นคนลงมือแทง 

“ข้ารักเจ้า!”ถ้อยคำนั้นสะท้อนก้อง  แต่มาถึงใจเคลวินได้เพียงเล็กน้อย  เขารู้…แต่…

“ไม่จริง  คุณแค่รักร่างกายของผม  คุณต้องการแค่เซ็กส์  ตลอดหลายปีที่ผ่านมาเราเหมือนตัวอะไรสักอย่าง  เหมือนพวกกระหายไม่รู้จบ  ..ผมไม่อยากอยู่แบบนี้ไปตลอดกาลหรอกนะ…สู้ดี..”เคลวินเม้มปาก  กำมือแน่นอย่างอดทน  ส่ายศีรษะไปมาอีกครั้ง  ไม่ได้หรอก…ให้เขาอยู่แบบนี้ ตายเสียดีกว่า

“อะไร  เจ้าพูดอะไร”ดักลาสขยับเข้าหาแต่เคลวินถอยห่าง  เน้นย้ำว่าที่ผ่านมาความสัมพันธ์ของพวกเขาเป็นเช่นไร 

“คุณน่าจะรู้  …วิธีที่สามารถปลดปล่อยเราได้…หลับใหลไปตลอดกาลไงดักลาส ไม่ดีหรือไง”เคลวินว่า ไม่รู้สึกถึงความมีชีวิตอยู่…

แม้ว่าดักลาสจะดีต่อเขามาก  แต่ทุกครั้งเขามองไม่เห็นสิ่งอื่นใดนอกจากความใคร่  และความยึดติด  ข้ออ้างสารพัด

“..ข้าอยากอยู่กับเจ้านะเคล  จะตายไปด้วยกันก็ได้…เจ้ายอมให้ข้าตายข้างเจ้าได้หรือไม่  นอนโลงเดียวกับเจ้าไปตลอดกาล”ดักลาสเอ่ยยืดยาว  หากว่ามีวันนั้นเขาพร้อมจะตายและหลับใหลไปพร้อมกับเคลวิน  ทว่าเขากลัวว่าจะไม่ตื่นขึ้นมาอีกในขณะที่เคลวินหนีเขาไป…

ดักลาสยอมไม่ได้  ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่ที่ความรักใคร่ในตัวเคลวินมีมากขึ้น  หรือเพราะเขาแก่แล้วอยากได้ใครสักคนไว้ร่วมทุกข์ร่วมสุข  …อยากให้เป็นเคลวิน  คนที่เขามอบชีวิตให้ถึงสองครั้งสองครา

แต่เคลวินกลับทำลายอีกรอบ!

“…มีวิธีหรือไง”เคลวินส่ายหน้าเป็นเรื่องประโลมโลกสินะ  เขาจ้องมองคนตรงหน้าอีกครั้ง  ดักลาสดูผิดหวัง

“ข้าไม่เกลียดหรือโกรธเจ้าหรอก…ต่อให้เจ้าฆ่าข้าได้จริง…”ดักลาสเอ่ยพึมพำ  ค่อยๆขยับเดินไปหาเคลวิน  จ้องเข้าไปในแววตาคู่นั้นอย่างค้นหา  รักหรือไม่รัก? ดักลาสไม่แน่ใจ

“…ทำไมล่ะ รักผมมากหรือไง”เขานึกตลกขึ้นมา  ตลอดเวลาที่อยู่กับดักลาส ไม่เคยมีช่วงเวลาที่รักหวานซึ้งก่อนหน้าที่เป็นมนุษย์  เขาแทบไม่ได้พูดจาดีๆด้วย แต่ดักลาสกลับดึงรั้งไม่ปล่อย

“คงเพราะดวงตาสวยๆของเจ้า  เสียงเรียกหาข้า…ปาปาของเจ้าน่ะ…พูดไปเจ้าก็จำไม่ได้”ดักลาสยิ้ม  เขายอมรับว่าคิดไม่ดีกับทารกน้อย  ทีแรกอยากได้อาหารต่อมาเขาต้องการเด็กน้อยเคียงข้าง  มันผิดด้วยหรือ  เคลวินไม่เหลือใครแล้ว

“…”เคลวินเงียบ  แววตาดูสับสน

“ไปอยู่ที่อื่นเถอะ  ไปยังที่ที่เราสามารถอยู่ร่วมกันได้อย่างเป็นสุข เริ่มต้นใหม่กับข้า”ดักลาสเข้าถึงตัวเคลวินก่อนจะโถมค่อยๆเอียงตัวกอดไว้แน่นๆ กริชด้ามเก่ายังปักร่างไว้

 แวมไพร์ร้อยปีราวกับหมดแรงทิ้งน้ำหนักตัว กอดเคลวินไว้แน่น  ภาพเด็กน้อยที่เขาประคองให้เติบโตด้วยวิถีมนุษย์นั้นประดังประเดเข้ามา  น้ำตาจากแวมไพร์เช่นเขาคงไม่มี ทว่าดวงใจที่ตายไปแล้วกลับรู้สึกเจ็บปวดขึ้นมา 

เคลวินนิ่งงัน  คิดอะไรไม่ออกนอกจากสัมผัสอบอุ่น…น่าแปลกที่มันอุ่น   เขายิ้มเยาะ  เริ่มต้นใหม่?

“พูดบ้าๆ”

“ข้าขอโทษ…”ดักลาสเอ่ย  จำได้ว่าตั้งแต่เกิดเรื่องมา  เขาไม่เคยได้เอ่ยคำขอโทษ  ขอโทษที่ทำให้เคลวินเป็นเหมือนกับเขา…เพื่อความสุขของเขาเอง 

เคลวินนิ่งเงียบ  แรงกอดรัดมากขึ้นทำให้รู้สึกถึงด้ามกริชทิ่มมาที่หน้าอกของเขาได้  ‘ขอโทษหรือ…'

“ข้าเห็นแก่ตัวเอง  แต่ข้าไม่อยากเสียเจ้าไป…ข้าที่เฝ้าดูเจ้ามานาน  ยอมไม่ได้ที่จะปล่อยให้เคลของข้าจากไป…ทั้งๆที่ข้าควรจะได้ดูแลเจ้าให้มากกว่านี้ ทำให้มีความสุขมากกว่านี้  ข้าขอโทษ…ได้โปรดอยู่กับข้าเถิด  อยู่เพื่อข้า”ถ้อยคำของดักลาส ยังไงก็ไม่อาจทิ้งความปรารถนาลงได้

 แวมไพร์เลือดบริสุทธิ์เช่นเขายินยอมจะอยู่เคียงข้างมนุษย์ตัวน้อย  จนกระทั่งก้าวผ่านความตายมาได้ไม่เท่าไหร่…แต่เคลวินคิดหลับใหล…

“ข้าไม่ได้รักเจ้าขนาดนั้น  ข้าอาจรู้สึกเกลียดเจ้าขึ้นมาอีก เจ้าทนได้หรือ”เคลวินตอบช้าๆ สื่อสารกับดักลาสให้เข้าใจ

“…ทนได้…เจ้าก็เป็นเช่นนี้มานานแล้วไม่ใช่หรือไง”ดักลาสหัวเราะไร้อารมณ์  ยังคงกักกอดเคลวินไว้  ราวกับกลัวหลุดหาย 

เคลวินขมวดคิ้ว  ลังเลใจอยู่ท่วมท้น  วันนี้เขาฝันถึงเรื่องเก่าๆ.. เขาคิดว่าตัวเอง 'เกลียด'ดักลาสในตอนนั้นมาก  เพราะการกระทำของอีกฝ่าย  ในตอนนั้นสถานะระหว่างกันยังมีความเป็นผู้ปกครองและลูก 

ถ้าหากว่าในตอนนั้น  เคลวินไม่เลือกเส้นทางการแสดง…เขาอาจจะยังเป็นเคลของดักลาสไปตลอดกาล 

เสียงทุ้มต่ำดังข้างหู  ฉุดดึงให้ตื่นจากห้วงความคิด 

“…รัสเซีย  ไปรัสเซียกับข้าเถิด”

“…รัสเซีย?”เคลวินถามลอยๆ

“..บ้านเกิดข้าเอง…เจ้าไปกับข้าเถิดเคล  ที่ไซบีเรียจะทำให้เจ้ารู้สึกดีขึ้น…”
ดักลาสพึมพำ  ที่นั่นมีหมู่บ้านในป่า  อากาศหนาวและหิมะจะทำให้แวมไพร์อย่างพวกเขาตื่นทั้งสว่างและดึกดื่น  ใช้ชีวิตอย่างที่อยากเป็น  ก่อกองไฟ ออกล่าสัตว์  วิ่งเล่นบนหิมะ  โดยที่ไม่ต้องหวาดระแวงสายตาจากผู้คน

นานเท่าใดที่ไม่ได้สัมผัสความรู้สึกเหล่านั้น 


ดักลาสถอยจากร่างของเคลวินกวาดสายตามองไปทั่วใบหน้าของชายหนุ่ม  ยื่นมือไปลูบข้างแก้ม  ความเย็นชื้นสัมผัสติดปลายนิ้ว ดวงตาสีเทาซีดไม่ปรากฏอารมณ์ใด

“เคล…”ดักลาสเอ่ยเรียกแกมขอร้อง

“…ตลอดไปเลยหรือ”เคลวินถามเสียงแหบพร่า  เขาจะมีวันเบื่อหน่ายชีวิตในไซบีเรียไหม  ถ้าเป็นแบบนั้นจะทำยังไง  ย้ายเมืองไปเรื่อยๆน่ะหรือ…

“…ถ้าเจ้ายังเบื่อ…เราไปตามหากริชเงินดีไหม…หากว่าถึงวันนั้น…สัญญากับข้าว่าจะหลับใหลไปพร้อมข้าจริง”

ดักลาสเอ่ยเรียบๆทว่าในใจสั่นไหว  เขาอยากอยู่กับเคลวิน

...ร่างของแวมไพร์หนุ่มแข็งทื่อ  เคลวินหลุบตาต่ำลง  ยังคงมองด้ามกริชที่ปักอยู่กลางอกไม่ละสายตา  เขาคิดใคร่ครวญตามข้อเสนอของอีกฝ่าย

เคลวินผงกศีรษะ  อยู่ไปก็เหนื่อยเปล่าชีวิตในแอลเอก็วนเวียนไปมาเขาเบื่อจะแสดงละครอีกต่อไปแล้ว 

“เอาสิ…ไปไซบีเรีย…ถ้าหากว่าข้าเบื่อจนอยากตายขึ้นมาอีก  ก็ไปตามหากริชด้วยกัน”เคลวินตัดสินใจ  อยู่ต่อไปอีกหน่อยคงไม่แย่นัก  ไม่แย่เท่าที่เป็นอยู่  รับมือกับความรู้สึกปั่นป่วนของตนเองไปเรื่อยๆ

“…ขอบคุณเคล…ข้าจะดูแลเจ้าให้ดี”…ไม่ให้เจ้ารู้สึกเบื่ออีก…เพราะข้ายังอยากอยู่ต่ออีกยาวนาน..กับคนที่รัก แต่คำว่ารักของดักลาส เคลวินกลับไม่เชื่อถือ…นั่นมันน่าเจ็บปวดกว่า  เขาจึงจะทำให้ดี  ทำให้เคลวินรัก 

ขณะที่เคลวินอยากจะละทิ้งดักลาสซะที  อยากจะเกลียดดักลาสให้เท่าที่ควรเกลียด

และเคลวินก็อยากจะรักดักลาสให้มากเท่าที่จะยอมรับได้ 

มันจะเป็นไปได้ไหมที่เขาจะสามารถรู้สึกได้หนึ่งอย่าง  เลือกมาแค่รักหรือเกลียด

หากตอบได้เขาคงตอบว่าเกลียด  มันคงง่ายกว่ามากจริงๆ
.
.


[END]


-   - - - - - - - - - - - - - - -
มาต่อแล้วจ้า  ตอนนี้จบเท่านี้แหละ
การเกลียดใครสักคนง่ายกว่ารักจริงๆนั่นแหละ  เคลวินคงคิดอย่างนั้น 

ขอบคุณค่า   :mew1:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 21-04-2019 09:28:51 โดย รินดาwดาริน »

ออฟไลน์ 13love32108

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 55
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
อ่านแล้วไม่รู้จะสงสารใครก่อนดี คุณดักลาสผู้น่าสงสารที่สุด เอาใจช่วยให้รัสเซียทำให้คุณหนูเคลวินมีความสุขสักทีนะ :hao5:

ออฟไลน์ aoihimeko

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3133
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +155/-9

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ nofsnof

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 364
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-1
ความรู้สึกทั้งรักทั้งเกลียดเนี่ยมัน  :undecided:
นี่เข้าข้างเคลมากกว่านะ เพราะดักลาสทำไปเพราะรักของตัวเองล้วนๆง่ะ
เคลไม่มีโอกาสเลือกเลยที่ผ่านมา
หวังว่าชีวิตอันยาวนานของเคลจะได้พบความสุขซักทีนะ  :o11:

ออฟไลน์ ืniyataan

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3333
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +64/-1

ออฟไลน์ Foggy Time

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 900
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +232/-1
 :pig4:    ชอบมากค่ะ

ออฟไลน์ BAKA

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3025
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +66/-10
ความรู้สึกทั้งรักทั้งเกลียดนี่มันยากจริงๆ ด้วย เฮ้อออออ

ออฟไลน์ Snowermyhae

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4015
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +97/-7
เป็นความรูืสึกที่ซับซ้อนและย้อนแย้งมาก ไม่รู้จะสงสารใครก่อนดี ชอบมากเลยค่ะ ขอบคุณนะคะ  :L2:

ออฟไลน์ Honeyhoney

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 403
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-2
หนูเคลช่างดื้อจริง ๆ รอเรื่องใหม่ ๆ นะคะ

ออฟไลน์ didididia

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 371
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-1
เป็นความรู้สึกที่เลือกไม่ได้เลยค่ะ ขอบคุณสำหรับเนื้อเรื่องดีดีนะคะ :pig4: :L1:

ออฟไลน์ Petit.K

  • Petit parapluie
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 840
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-0
ชอบสำนวนชอบเนื้อเรื่องค่าา ความสัมพันแบบนี้น่าสนใจจรงๆ :katai2-1:

ออฟไลน์ Quatree

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 279
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-1

ออฟไลน์ iNklaNd

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 663
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +24/-1
เข้าใจทั้งคู่นะ มองกันคนละมุม
แล้วเริ่มรักไม่เท่ากันด้วย ดักลาสรักมานาน
เคลเริ่มจากรักบริสุทธิ์ มองว่าอีกฝ่ายคือพ่อ
โตมาแล้วจึงเข้าใจว่ามันเป็นรักแบบอยากครอบครอง
ต่อไปนี้ก็เป็นหน้าที่ดักลาสแล้วที่จะทำให้เคลรัก ดูแล้วอีกนานกว่ารักของเคลจะเพิ่มขึ้น สู้ๆ นะดักลาส

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ mickeyz.min

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 767
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-0
ทั้งรักทั้งเกลียด

ออฟไลน์ สิงหา

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 122
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +18/-0
สงสารทั่งสองคนเลย
ขอให้น้องยอมเปิดใจ หันมองแต่สิ่งดีๆที่ดัดดี๊ทำให้มาตลอดทีเถอะ ถือไว้มันก็มีแต่เจ็บปวด
ปล่อยวางอคติแล้วมาใช้เวลาดีๆรวมกันเถอะนะ
เป็นกำลังใจให้ทั้งคู่เลย

ขอบคุณสำหรับนิยายนะคะ

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด