เรื่องสั้น [ Vampire ] "I don't Love You "
ตอนที่ 1
“ข้าจะมอบรักอันเป็นนิรันดร์แก่เจ้า ...เจ้าต้องการหรือไม่”
ชายหนุ่มหล่อเหลาผิวขาวซีด ริมฝีปากแดงก่ำคล้ายเลือด มือผอมเอื้อมไปสัมผัสดวงหน้าของหญิงสาวอันเป็นที่รักเธอยิ้มอย่างมีความสุข หยาดน้ำตาใสไหลรินลงอาบแก้ม
“ค่ะ...ฉันยินดี”
สิ้นคำพูดของหญิงสาว ชายหนุ่มจูบเธอแนบแน่น จากนั้นเลื่อนหน้าฝังลงกับซอกคอ พอดีกับเส้นเลือดใหญ่...ในใจเต้นระรัวก่อนจะกัดลงไปเพื่อดื่มเลือดของเธอ...เปลี่ยนเธอให้อมตะเคียงคู่เขาชั่วนิรันดร์กาล...
.
.
คัท!!!
สิ้นเสียงผู้กำกับ ชายหนุ่มผมบลอนด์ ผิวขาวซีดราวกับไร้เลือด รีบผละออกจากตัวนักแสดงหญิงทันที ราวกับว่าเธอมีเชื้อโรคก็ไม่ปาน
เคลวินนักแสดงหนุ่มผู้เคยดับแสงมาแล้วครั้งหนึ่ง ในอดีตเคยแจ้งเกิดในฐานะนักแสดงเด็ก จนกระทั่งเข้าสู่วัยบรรลุนิติภาวะ อาชีพนัดแสดงของเขาก็แหลกเหลว เรียกได้ว่าในช่วงสองปีมานี้ ถือเป็นการกลับมาของเคลวินเลยก็ว่าได้
จากนักแสดงเด็กผู้มีชื่อเสียงสู่นักแสดงวัยรุ่นพันล้าน และร่วงหล่นเพราะความหลงระเริงในชื่อเสียง เงินทอง...มันเป็นดาบสองคมของการเป็นดาวจรัสแสงมาแต่เด็ก ชื่อของเคลวินแทบจะไม่มีคนจดจำ
กระทั่งข่าวอุบัติเหตุของเขาเมื่อ3ปีก่อนที่ทำให้คนหันมาสนใจอีกครั้ง...และชื่อของเคลวินก็โลดแล่นปรากฏอยู่ในหน้าทีวี เขาหวนสู่วงการบันเทิงอีกครั้ง รับเล่นเฉพาะภาพยนตร์แค่ปีละเรื่อง และงานถ่ายแบบ เดินแบบเท่านั้น ด้วยภาพลักษณ์ที่เปลี่ยนไป
เคลวินสุขุมและเย็นชาขึ้น ชอบเก็บตัวเงียบ จนแฟนๆให้ฉายาว่าแวมไพร์หนุ่มแห่งฮอลลีวู้ด
ในปีนี้ ชายหนุ่มวัยย่างสามสิบได้รับบทเกี่ยวกับแวมไพร์ เขาตัดสินใจอยู่นานหลายเดือนจนกระทั่งตอบรับผู้กำกับไป ในตอนนี้เคลวินไม่มีสังกัด ไม่มีผู้จัดการส่วนตัว เขาบริหารงานเองทั้งหมด แต่ทว่ามีข่าวลือหนาหูว่ามีคนใหญ่คนโตคอยหนุนหลัง หลายคนวิพากษ์วิจารย์ว่าเพราะเหตุนี้เขาจึงมีโอกาสกลับมาโลดแล่นบนวงการบันเทิงอีกครั้งได้สำเร็จ
พอเลิกกองเคลวินกลับมายังบ้านพักในย่านอันเงียบสงบห่างไกลจากตัวเมือง เป็นย่านของคนที่เกษียณแล้วทั้งนั้น เพื่อนบ้านส่วนมากก็เป็นคนอายุเกิน 60-70 ปี
ภายในบ้านเงียบสงัดราวกับไร้คนอาศัย เคลวินเดินไปยังชั้นบน เข้าไปในห้องนอนก่อนจะถอดเสื้อนอกออกพาดไว้กับพนักโซฟา รูดเนคไทคลายออกช้าๆ สายตาจับจ้องไปที่ความมืดเบื้องหน้า มีเตียงใหญ่ตั้งไว้อยู่กลางห้องเด่นหรา เป็นเตียงสี่เสาด้านบนมีผ้าลายยิปซีสีแดงเข้ม มองผิวเผินมีกลิ่นอายความเก่าแก่อยู่
“ข้ากำลังคิดถึงอยู่พอดี”
“อืม นึกว่าคุณจะหลับไปซะอีก”เคลวินถอนหายใจก่อนจะปลดกระดุมที่คอเสื้อลงสองเม็ดให้สบายตัวคลายความอึดอัด
“ไม่หรอก ข้ารอเจ้า”
“หึ”เคลวินแค่นเสียงในลำคอ
“ว่าแต่เจ้าไม่คิดจะมาปรนนิบัติข้าหรือ”เสียงกระซิบจากเงามืดยังคงดังอยู่ๆ เคลวินแค่ถอดเข็มขัดออกแล้วโยนมันลงบนเตียงอย่างไม่ใส่ใจ ขณะที่เดินไปยังโต๊ะเครื่องแป้ง กระจากบานใหญ่สะท้อนเงาร่างของเขา ชายหนุ่มผิวขาว ผมสีบลอนด์ ดวงตาสีซีด ใบหน้าเรียว ที่โดดเด่นคงเป็นริมฝีปากสีแดง ราวกับถูกแต่งแต้วด้วยลิป
“ผมต่างหากที่ควรถาม ผมเพิ่งกลับมาจากทำงานแท้ๆ”
“นั่นไม่เหลือบ่ากว่าแรงหรอก”
ไม่ทันขาดคำในความมืดสลัวปรากฏเงาร่างของชายหนุ่ม พริบตาเดียวราวกับว่าโผล่มาจากความมืดมิด
“เคลวิน”เสียงเรียกกดดันทุ้มต่ำบ่งบอกว่าเคลวินไม่ควรขัดใจ น้ำเสียงวางอำนาจที่เขาไม่เคยนึกชอบ
เคลวินปรายตามองร่างคนด้านหลังผ่านกระจกเงา ร่างนั้นไม่ต่างกันนัก...ผิวขาวซีด กำยำสมส่วน ชายหนุ่มรูปงาม เส้นผมหยักศกสีดำ ล้อมใบหน้าคมขับให้ผิวผ่องขึ้นไปอีก แววตาสีดำลึกล้ำ ยืนอยู่ในชุดคลุมสีดำแดงตัดกับสีผิว เสื้อคลุมลวดลายโกธิค สายรัดแบบลวกๆไว้ที่เอวแบบหมิ่นเหม่ เผยให้เห็นร่องอกกำยำ
เคลวินยิ้มไร้อารมณ์ หมุนกายเผชิญหน้ากับร่างแข็งทื่อเป็นหุ่น เขายื่นมือไปสัมผัสหน้าอกอุ่นๆ แหวกสาบเสื้อคลุมออกจนพ้นไหล่ ก่อนผลักร่างของฝ่ายตรงข้ามไปติดกับเสาเตียงทางด้านหลัง มันแรงพอให้ผ้ากระโจมที่มัดไว้ร่วงหล่นลงมา
“ชู่ว อารมณ์ร้อนซะจริง แต่ข้าชอบนะ ยามเจ้าฉุนเฉียว”ดักลาสยิ้มกริ่ม โอบกอดเอวของเคลวินเข้าหา เลื่อนสายตาไปมองไปทั่วใบหน้าของอีกฝ่าย พยายามจับอารมณ์ ความรู้สึกของคนที่หนุ่มกว่าอย่างสนใจ
“ผมเกลียดคุณต่างหาก ทำไมถึงไม่เข้าใจซะที”เคลวินกระซิบเสียงไร้อารมณ์ เอ่ยเนิบนาบราวกับจงใจให้ดักลาสเจ็บจำถ้อยคำนี้
“ข้ารู้ๆ ข้าไม่ปฏิเสธแรงแค้นของเจ้า ข้ารับมันมาแปรเปลี่ยนเป็นสิ่งอื่นได้”ดักลาสไม่แยแสกับถ้อยคำเหล่านั้น ที่เขาสนใจคือตัวตนของเคลวิน ชายที่เขาหมายตามาตั้งแต่เด็กน้อย เขาถนอมอีกฝ่ายราวกับเป็นลูก ทั้งที่ใจอยากจะกัดฝังเขี้ยวลงกับคอเล็กของเคลวินแทบตาย เฝ้าตามติดเคลวินในฐานะผู้ดูแล
แต่แล้วเคลวินเลือกบินออกจากกรง เลือกออกไปอยู่ในที่สว่าง ในขณะที่เขาอยู่ในเงามืด เคลวินเข้าสู่วงการบันเทิงตั้งแต่ยังเล็ก อายุแค่สิบขวบจนโด่งดังเป็นที่สนใจ ดักลาสไม่สามารถอยู่ข้างกายเด็กชายตัวน้อยได้
นั่นเป็นข้อจำกัดของแวมไพร์เช่นเขา
“ไร้สาระ”เคลวินเอ่ยเสียงห้วน ก่อนตวัดสายตามองลงกายท่อนล่างของอีกฝ่าย เอื้อมมือกระชากเสื้อคลุมออกจนหลุดหมดทั้งตัว ร่างของคนตรงหน้าเปลือยเปล่าสู่สายตาซึ่งไม่ใช่ครั้งแรก
“ปรนนิบัติข้า”ดักลาสออกคำสั่ง ไม่ชอบที่เคลวินจะทำตัวเหมือนว่าอยู่เหนือกว่าทั้งที่จริงแล้วเคลวินก็แค่ผู้รับใช้ของเขา...เป็นของเขา
เคลวินเหลือบมองแววตาวาววับคู่นี้อยู่ชั่วอึดใจก่อนจะยื่นหน้าไปจูบอีกฝ่าย เขาประคองศีรษะของอีกฝ่ายไว้เพื่อประคองจูบให้ถนัดก่อนจะขยับปากสอดลิ้นเข้าไปหาอีกฝ่าย สัมผัสฟันเรียงตัวสวยเสี้ยววินาทีเขี้ยวแหลมก็ทำให้เขาสะดุ้งเพราะอีกฝ่ายขบกัดมาที่ลิ้นของเขาอย่างจัง เลือดคาวคลุ้งอยู่ในปาก เลือดของเขายังคงฝาดเฝื่อนเหมือนมนุษย์
เคลวินขยับหน้าหนีแต่ดักลาสกลับดึงรั้งใบหน้าเขาไว้ไม่ปล่อย เรียวลิ้นกระหวัดเกี่ยวพัวพันตามมา เหมือนจะดูดดึงเอารสเลือดจากเขาไปด้วย ริมฝีปากชุ่มฉ่ำขบเม้มคลอเคลียไม่ห่าง ร่างกายแนบแน่นสัมผัสถึงทุกส่วนบนร่างกาย มือของดักลาสลากไล้ไปทั่วแผ่นหลังของเคลวิน
“อย่าดื้อน่า ทำตัวดีๆ”ดักลาสกระซิบบอกเมื่อผละออกจากจูบจนพอใจ เคลวินถอนหายใจแรงก่อนจะขยับร่างคุกเข่าลงหน้าดักลาส ยื่นมือไปสัมผัสส่วนอ่อนไหวที่เร่าร้อนและแข็งขื่นของอีกฝ่าย เหลือบตามองดักลาสที่คอยจับจ้องเหมือนกำลังมองเหยื่อ
เคลวินเข้าหาความดุดันตรงหน้า ครอบครองด้วยริมฝีปาก ขยับปลายลิ้นเข้าสัมผัสกับส่วนบนของส่วนร้อนนั้นไปมา คล้ายหยอกเย้าให้อดรนทนไม่ไหว ก่อนจะดูดกลืนมันเข้าปากอย่างช้าๆ แล้วขยับโยกไปตามความยาวนั้น
ดักลาสยิ่งหรรษา ส่งเสียงครางต่ำ มือข้างหนึ่งเลื่อนมาขยุ้มเส้นผมของเคลวินจนแสบตึงศีรษะ
“เคลวิน”ดักลาสเอ่ยเรียกขยับเอวหาความอุ่นชื้นอย่างมัวเมา สัมผัสได้ถึงความดิ้นรนของเคลวินจากนั้นก็ถอยห่างออกจากโพรงปากอุ่นชื้น ดึงรั้งแขนของเคลวินให้ลุกขึ้นยืนแล้วผลักอีกฝ่ายให้นอนลงบนเตียงอย่างแรง ดักลาสโถมเข้าหาพร้อมจับท่อนขาขาวซีดของเคลวินแยกออกกว้างอย่างไม่รีรอ
“เฮ้ เห็นใจกันหน่อย”เคลวินร้องลั่นอย่างตกใจ ต่อให้มีชีวิตอมตะก็ไม่ได้หมายความว่าเขาจะไม่เจ็บปวด โดยเฉพาะกับการถูกกระทำเช่นนี้
“โอ๊ะ ลืม”ดักลาสหัวเราะสนุกสนาน เหมือนฟังโจ๊กขำขัน เขาโน้มตัวลงจูบเคลวินอย่างทะนุถนอม แผ่วเบาก่อนจะแปรเปลี่ยนเป็นรุนแรงจนแสบร้อนไปทั้งปาก เคลวินโอบแขนรอบลำคอแกร่งของอีกฝ่าย เอียงคอรับกับใบหน้าที่เลื่อนลงซุกไซร้ผิวคอจนวาบหวาม
ดักลาสดูดเลียผ่านเส้นเลือดใหญ่บริเวณลำคอที่ขาวเนียน ลิ้นร้อนลากผ่านผิวซีด ก่อนจะฝังเขี้ยวและจมูกลงลำคอ เขี้ยวคมขบกัดลงบริเวณผิวหนังส่วนไหปลาร้าจนขนลุกเกรียว ท่อนล่างเหมือนจะแผดเผาเขาไปด้วย ร่างกายสัมผัสกันทุกสัดส่วนได้ชัดเจน ยิ่งทำให้หัวใจสูบฉีดเต้นตุบๆ
เคลวินได้ยินชัดเจน แน่นอนว่าอีกฝ่ายก็ต้องได้ยินเสียงหัวใจรัวเร็วของเขาเช่นกัน
ดักลาสคลอเคลียอยู่กับลำคอของเขา ก่อนจะเพิ่มแรงกัดลงไปจนลึกอีกอย่างอดใจไม่ไหว เลือดสีแดงสดไหลทะลักจากบาดแผลตามรอยฟันไหลเอ่อเปรอะเปื้อนไปทั้งลำคอและหน้าอก ทว่าดักลาสกลับไม่สนใจ ดื่มด่ำกับการดูดซับเลือดของเคลวิน
“คุณไม่ดื่มเลือดพวกเดียวกันไม่ใช่เหรอ”เคลวินเอ่ยถาม ครั้งก่อนดักลาสแค่ขบกัดเบาๆเหมือนแกล้งหยอกซะมากกว่า แต่คราวนี้อีกฝ่ายกัดลงมาจนเจ็บปวด คงเป็นแผลเหวอะ ร่างกายเกร็งไปตามปลายลิ้นที่ลากผ่านรอยแผลก่อนจะเข้ามาจูบเขาต่อ
“ยกเว้นเจ้า...เจ้าอร่อยนะสำหรับข้า”ดักลาสกระซิบข้างหู ในใจที่เต็มไปด้วยความขุ่นเคืองคลายลงกับถ้อยคำกระซิบนี้ เคลวินสับสน
“อ้อเหรอ เลือดของผมก็ไม่ต่างจากคนตายนี่นะ”
ดักลาสมองหน้าเคลวินนิ่งๆ มือข้างหนึ่งลูบสัมผัสไปตามใบหน้าอย่างแผ่วเบา
“หึ ใช่ ถึงอย่างนั้นข้าก็ชอบ ข้าไม่รังเกียจหรอกนะ เพราะข้าเป็นคนมอบชีวิตอมตะ มอบรักนิรันดร์ให้แก่เจ้าไม่ใช่หรือเคล”ดักลาสเอ่ยน้ำเสียงอ่อนลง แววตาสีดำเย็นเยียบนั้นสะท้อนใบหน้าของเคลวินชัดเจน เขาอยากสัมผัสหัวใจของเคลวินอีกครั้ง เหมือนที่เคยได้สัมผัสในวัยเด็ก เคลวินที่น่ารัก มีชีวิตชีวา ทว่าเขาไม่อาจสูญเสียเคลวินไปจากอุบัติเหตุในครั้งนั้น ปล่อยให้เคลวินตายไปง่ายๆไม่ได้
“พอเถอะ คุณเคยพูดจนผมเริ่มเอียนแล้วล่ะ”เคลวินเบนหน้าหนีสายตาอบอุ่นนั่น ตอนที่เขาเกลียดชัง ดักลาสกลับมอบความห่วงใยให้ ทำไมกัน?
“เจ้าก็ยังคงเกลียดข้าอยู่อย่างนั้นสิ”ดักลาสเอ่ยถาม แม้ร่างกายกำลังกอดก่ายทาบทับกันอยู่ กายหยาบนี้ไม่ได้รักใคร่กันนัก อาจมีแค่ดักลาสแวมไพร์ที่ผานชีวิตมายาวนาน หัวใจไร้เลือดนี้กลับมีสิ่งอื่นมาหล่อเลี้ยงต่อไปได้
“....ใช่”เคลวินยืนยันคำเดิม แม้ใจจะสั่นไหวไปในบางครั้ง แต่เขาก็ทำใจรักดักลาสไม่ลงจริงๆ
“พูดใหม่สิ”
“ผม เกลียด คุณ”เคลวินย้ำชัดเจน สายตาจ้องลึกไปที่แววตาของดักลาส ส่งผ่านความรู้สึกอยู่นาน เกิดความเงียบอยู่ครู่หนึ่ง
“อืม...”ดักลาสไม่สะทกสะท้านแค่มีรอยยิ้มผุดบนใบหน้าราวกับยินดีที่ได้รับคำเกลียดเช่นนี้
“ข้าเกลียดเจ้า”เคลวินย้ำอีกครั้ง
“เจ้าชอบยั่วข้าอยู่เรื่อย โกหกข้าได้ที่ไหน เสียงหัวใจของเจ้าบอกความจริงข้าอยู่”ดักลาสไม่เพียงแค่พูด อีกฝ่ายเลื่อนมือตามผิวเนื้อที่อกด้านซ้าย วางมือลงไว้เหนือหัวใจที่กำลังเต้นตุบๆ ใบหน้าผุดรอยยิ้มของผู้เหนือกว่า
“เหอะ”เคลวินไม่คิดว่าดักลาสจะฟังเสียงหัวใจของเขาออกจริงๆหรอก ที่มันเต้นอยู่ได้ก็เพราะเลือดของดักลาสไม่ใช่หรือไง เพราะอย่างนี้ เขาถึงไม่ไปไหนแม้ว่าใจจะขัดแย้งกับการกระทำเสมอ เคลวินจะไปที่ไหนได้อีก นอกจากรังเก่าแก่ของดักลาส
“แต่ข้ารักเจ้านะ ไม่นึกรังเกียจ”ดักลาสยิ้มก่อนจะเลื่อนมาไปสัมผัสกายท่อนล่างของเขา ขยับลงมาสัมผัสบริเวณช่องทางคับแคบ พื้นที่ส่วนตัวที่ถูกล่วงล้ำมาหลายครั้งหลายหน แวมไพร์ร้อยปีจับท่อนขาของเคลวินอ้ากว้าง สอดนิ้วมือรุกรานเข้าไปไม่รีรอ
“โอ้ย...คุณช่างไร้ฝีมือเหมือนเดิม” ร่างของเคลวินกระตุกเกร็ง ความปวดร้าวเข้าแทรกซึม เขาได้แต่กัดฟัน
“ข้ารู้วิธี แต่ข้าไม่ทำ เจ้าชอบแบบไหน ทำไมจะไม่รู้”ดักลาสกระซิบ นิ้วมือเพิ่มเป็นสองรุกรานหมุนคว้างอย่างไม่ปราณี
เคลวินไม่ตอบโต้ ขณะที่ดักลาสโน้มตัวลงไปจูบประกบริมฝีปากของเคลวินอย่างกระหาย ขบเม้มอย่างเอาแต่ใจ มืออีกข้างเลื่อนไปสัมผัสรอยกัดที่ลำขอของเคลวิน แผลนั้นยังคงมีเลือดไหลซึมออกมาอย่างช้าๆ ดักลาสก้มลงไปดูดเลียของเหลวนั้นต่อ ตวัดลิ้นเก็บรสเลือดเอาไว้
“จริงใช่ใหมล่ะ”
นิ้วสอดเข้ามาลึกก่อนจะสร้างความเจ็บปวดปะปนกับความหรรษาแปลกเข้ามาทีละน้อย จากนั้นดักลาสผละออกจากลำคอ ขยับมานั่งคุกเข่า ถอดนิ้วมือออกจากส่วนคับแคบที่อ่อนนุ่มลง แวมไพร์หนุ่มกดจ่อความดุดันเข้าใส่พื้นที่ลับอย่างช้าๆแต่ไม่ลดละ สอดดันส่วนร้อนนั้นเข้ามาช้าๆจนกระทั่งสุดทาง ความคับแคบบีบรัดจนวาบหวามไปทั้งร่าง คิดอยากจะทรมาณเคลวินให้หนักกว่านี้
“อะ...อื้อ”เคลวินกัดปาก หลับตาลงเมื่อแรงกระแทกจากดักลาสเริ่มเร็วขึ้น แก่นกายของเขายังคงไม่ลดความพยศ มือของอีกข้างของดักลาสเข้ามากุมกอบ ก่อนจะชักเข้าออกตามแรงกระทั้น แก่นกายร้อนเข้าออกถี่ สอดใส่ลำลึกจนปั่นป่วนไปทั่วท้องน้อยแล่นมาถึงหน้าอก
ร่างของเคลวินเกร็งแน่นก่อนจะเปิดรับอีกฝ่ายอย่างเต็มใจเหมือนทุกที แม้ว่าร่างกายจะตึงเปรี๊ยะอย่างเจ็บปวดอยู่บ้างแต่ก็ไม่นานนัก ดักลาสโถมกายเข้าใส่อย่างไม่ปราณี เหมือนโหดร้าย ทว่าความจริงแล้วเคลวินกลับตอบสนองต่อความป่าเถื่อนนั้นได้ดี
ดักลาสสอดมือมาใต้ข้อพับดันขาไปจนชิดกับร่างของเคลวิน ยัดเยียดความดุดันเข้าใส่ ถอดถอนจนสุดความยาวอย่างหรรษา เสียงครางกระเส่าดังอยู่เรื่อยๆกับเสียงเคลื่อนไหวหนักหน่วงของแวมไพร์สองตนดึงไม่หยุดหย่อน
ท่ามกลางบ้านหลังใหญ่อันเงียบงันและมืดมิด ความหรรษาสิ้นสุดลง ทำให้แวมไพร์สองตนเหงื่อแตกพลั่ก ตะกองกอดกันแน่นเมื่อร่างกายยังคงอัดแน่นไปด้วยกลิ่นและรอยราคะไม่จาง ราวกับลืมเลือนความรู้สึกไปชั่วครู่
ผ่านไปไม่นาน ดักลาสผละออกจากเคลวิน เปลือยเปล่าลงจากเตียงไปหยิบขวดไวน์ที่วางอยู่ในกล่องไม้คล้ายหีบสมบัติที่ท้ายห้องนอน หยิบแก้วไวน์ออกมาสองใบ ก่อนจะเปิดจุกไวน์สีเข้ม แล้วรินลงแก้วช้าๆ จมูกไวต่อกลิ่นคาวเลือด เคลวินที่อ่อนเพลียขยับกายหันมามอง แววตาดูกระหายขึ้นมาเพราะถูกกระตุ้น
ดักลาสหยิบแก้วไวน์เลือดชั้นดีมาเสิร์ฟเคลวินบนเตียง แวมไพร์รุ่นเด็กขยับตัวลุกมารับไวท์สีแดงสดแก้วนั้นมาดื่มคลายความหิวที่เริ่มก่อตัว พอของเหลวสีสดผ่านลิ้น สัมผัสรสเลือดหวานและสดใหม่ซึมซาบอยู่ในปากก่อนจะกลืนลงคอไปช้าๆ ทำให้เคลวินรู้ว่าเลือดที่ดื่มนั้นเป็นเลือดสดมาจากมนุษย์ที่ยังไม่ตาย แต่ก็ไม่ได้ถามว่าดักลาสไปหาเลือดสดแบบนี้มาจากไหน
เคลวินวางแก้วไวน์ที่ว่างเปล่าลงกับโต๊ะข้างเตียง ก่อนจะขยับตัวลงสัมผัสพื้นห้อง แต่ทว่าท่อนแขนของคนข้างกายขยับเข้ามาโอบรัดที่เอวไว้ไม่ปล่อย ใบหน้าของดักลาสซบอยู่กับท้ายทอยของเขา ลมหายใจอุ่นร้อนเป่ารดแผ่วเบา
“เจ้าชอบทำให้ข้าหงุดหงิดใจอยู่เรื่อย”
“หึ ผมแค่อยากทรมาณคุณบ้าง กับความผิดที่ทำให้ผมติดอยู่ในวังวนของปีศาจ”เขาพูดเสียงเยือกเย็น แม้ใจจะอยากจะรักแต่ก็ให้ไม่ได้ ไม่ว่าด้วยเหตุผลกลใด เขาไม่นึกอยากครองคู่กับอีกฝ่ายไปจนตราบนานเท่านาน มันคงโหดร้าย ที่ต้องทนอยู่กับซาตานที่เปลี่ยนเขาให้กลายเป็นผีดิบกระหายเลือด ตายไปยังดีเสียกว่า...
“เจ้ายินดีที่จะตายไปจริงๆน่ะเหรอ...”ดักลาสเลื่อนหน้าวางเกยบ่าของเคลวิน สายตาจับจ้องไปที่เสี้ยวหน้าซีกซ้ายของคนในอ้อมกอด สัมผัสแนบชิดแต่ใจกลับไม่ชิดใกล้ บางครั้งดักลาสแปลกใจ ว่าเคลวินเดี๋ยวดีเดี๋ยวร้าย เดี๋ยวรักเดี๋ยวไร้หัวใจ
แต่หูของดักลาสยังคงได้ยินเสียงเต้นเป็นจังหวะตุบๆจากเคลวิน ต่างจากตอนที่กอดรัดกันก่อนหน้านั้น ถ้าเป็นเรื่องเซ็กส์ เคลวินแค่อยากครอบครองเขา เรียกว่าเป็นการหลั่งความสุขทางร่างกายล่ะมั้ง
“ตอนนั้นผมใกล้ความตายแล้ว อีกแค่อึดใจเดียว...”เคลวินขมวดคิ้ว ความโกรธครุกกรุ่นปราฏในดวงตาสีซีด
“เคล เจ้าก็รู้ว่าข้ารอคอยเจ้ามานาน หากข้าไร้หัวใจ ข้าคงเปลี่ยนใจจากเจ้าไปนานแล้ว ไม่รอจนกระทั่งเจ้าใกล้ความตาย”ดักลาสเอ่ย สุ้มเสียงเกรี้ยวกราดไม่แพ้กัน เป็นอีกครั้งที่ฟันเขี้ยวแหลมคมของดักลาสฝังลงกับช่วงบ่าของเคลวิน กัดลึกจนเลือดไหลย้อยลงผ่านอก ดักลาสยังจำรสเลือดของเคลวินได้ดี มันหวานยิ่งกว่าใคร จนเขาไม่ต้องการให้อีกฝ่ายจากไปเร็วเช่นนั้น
“ช่างเถอะ คุณก็พูดแบบนี้ตลอด ตอนนี้เปลี่ยนอะไรไม่ได้อีกแล้ว สุดท้ายผมต้องมาอยู่กินกับตาแก่พันปี”แม้ว่าร่างกายของดักลาสจะเป็นหนุ่มวัยสามสิบสี่ปีไปชั่วนิจนิรันดร์ก็เถอะ แต่หัวใจของดักลาสช่างแก่เฒ่าเหลือเกิน เคลวินเม้มปากแน่นความแสบชาที่บ่ายังคงกัดกิน คมเขี้ยวของดักลาสถอนออกไปแล้วทว่ารอยแผลยังคงสดใหม่
“เคลวิน...”ดักลาสเอ่ยห้วนๆ
“บางที ผมอาจหาวิธีฆ่าคุณก็ได้ ไม่กลัวเหรอไง ตอนที่คุณนอนอดอู้อยู่ในโลงนั่น คุณอาจไม่ได้ลืมตาตื่นขึ้นมาอีกเลย”เคลวินเอ่ยเสียงราบเรียบ ปล่อยให้ดักลาสใช้ปลายลิ้นเล่นเลียกับรอยฟันที่บ่า
เขาไม่เคยชิมเลือดของพวกเดียวกัน แต่รสชาติมันต้องบัดซบแน่ๆ เคลวินยอมกินเลือดหนูยังดีกว่า
“ไม่หรอก...ข้าว่าเจ้าไม่ทำแน่ๆ เจ้าเกลียดข้าก็จริง แต่ก็ทิ้งข้าไม่ลง...เจ้าไม่อยากอยู่บนโลกใบนี้โดยไร้ข้าแน่ๆ”
“ได้ยินว่ามีแวมไพร์ตัวอื่นอยู่ในเมืองนี้ด้วยไม่ใช่หรือ”
“เจ้าจะไม่ทำแบบนั้น”ดักลาสย้ำเสียงเข้ม คว้าตัวของแวมไพร์เด็กให้หันมาประจันหน้ากันตรงๆ ก่อนรวบลำคอไว้แน่น ใช้นิ้มโองบีบคางจนเกิดรอยที่ผิวขาวซีด เคลวินหัวเราะออกมาราวกับจะเยาะเย้ย
“วิธีนี้คุณคงทรมานน่าดู ทำไมผมถึงคิดได้ช้าไปได้ โง่จริงๆ”เคลวินพยายามเอ่ยให้ตบประโยค จ้องเข้าไปในดวงตาสีดำสนิทของอีกฝ่ายที่มีความขุ่นเคือง ปะปนกับความหวาดกลัว แวมไพร์เด็กรู้จุดอ่อนของอีกฝ่ายเข้าแล้ว แม้ใจรู้ดีว่าหากทำเช่นนั้นจริง เขาต้องได้รับโทษทัณฑ์อันแสนสาหัส
“เจ้าโกหก...”ดักลาสกระซิบ ใบหน้ามีรอยยิ้มมุมปาก เสียงหัวใจของเคลวินเต้นรัว เป็นอาการของคนที่กำลังตื่นเต้น เวลาที่เคลวินโกหก ภาษากายของอีกฝ่ายบ่งบอกชัดเจน
“...”
“ถ้าเจ้าทำเช่นนั้น เท่ากับทำลายข้าทั้งเป็น”
“...แวมไพร์นับว่าเป็นคนเป็นด้วยหรือ”เคลวินเย้าหยอก หัวเราะแผ่วเบา
“ใช่ ข้าหมายความตามนั้นจริงๆ...เจ้าเป็นของข้าตั้งแต่เกิด”
“คุณจับจองทารกไว้เพื่อดื่มเลือดจริงๆน่ะหรือ เหลือเชื่อจริงๆ คุณรอมาหลายปีนะ”
“ข้าไม่ได้อยากดื่มเลือดเจ้า...แต่ข้ารักใคร่เจ้าต่างหาก วัยเด็กของเจ้าก็มีแต่ข้าไม่ใช่หรือที่เป็นเพื่อนเล่น”ดักลาสเอ่ยเตือน ปล่อยมือออกจากลำคอของเคลวินช้าๆ แต่เลื่อนมือจับแขนทั้งสองข้างเอาไว้ไม่ปล่อย
“ใช่ มานึกดูแล้ว ผมชอบคุณในตอนนั้นมากกว่านะ”เคลวินยิ้มมุมปาก เมื่อนึกถึงดักลาสในอดีต แวมไพร์ตนนี้เป็นคนดูแลเขาในบ้าน อีกฝ่ายเป็นคนเงียบๆแต่มีรอยยิ้มใจดีเสมอ ผิดกลับเวลานี้ บางครั้งก็เงียบและปราศจากรอยยิ้ม ใบหน้านิ่งเฉยเช่นนี้บอกไม่ถูกว่ากำลังรู้สึกอะไร ใบหน้าของคนตายล่ะมั้ง น่าขนลุกนะ
“ข้าก็เป็นเช่นเดิม แต่เจ้ามองข้าม”
“ผมผิดงั้นสิ?”
“ก็มีส่วน”
“หึ ช่างเถอะ ปล่อยได้แล้ว”เคลวินบิดข้อมือให้หลุด
“เจ้าไม่เข้าใจข้าเอาซะเลย”ดักลาสเอ่ยอย่างขุ่นข้องหมองใจ รั้งร่างขาวซีดของเคลวินให้ล้มลงมาบนเตียงอีกครั้ง ขึ้นคร่อมเคลวินไว้ กดแขนไม่ให้หลีกหนีไปได้
“ดักลาส...”เคลวินปราม
“ทำไมล่ะ”
“...ปล่อย”
“ไม่ มองตาข้าสิ ข้ามีเพียงเจ้า...มันจะเป็นเช่นนี้ตราบไปชั่วชีวิตของข้า”
“ไม่นึกเสียดายช่วงชีวิตหลายร้อยปีของคุณก่อนหน้านี้เหรอ...”
“ไม่...ข้าไม่เคยมอบรักให้ผู้ใด ก่อนหน้านั้นข้าแค่เอาแต่รับความรักอยู่ฝ่ายเดียว...”ดักลาสเอ่ย จ้องมองคนตรงหน้าอย่างแฝงความหมาย เขารักเคลวินมาหลายปี หลงรักความบริสุทธิ์ของทารกแรกเกิด เป็นสายสัมพันธ์ที่แปลก แต่ยากจะหลบเลี่ยง ยับยั้งใจไม่ให้ดื่มเลือดของเด็กน้อยได้ แต่สุดท้ายเคลวินก็ไม่อาจเลี่ยงชะตาอันสั้นกุดของตนเอง
“ผมไม่นึกชอบความอมตะเลยสักนิด มันน่าเศร้าและโดดเดี่ยว”เคลวินพึมพำ เบนหน้าหนีไปจ้องมองหยากไย่บนเพดานห้อง
“เจ้ามีข้า”ดักลาสเอ่ย เคลวินตวัดสายตามองอย่างตั้งใจ
การทนอยู่กับดักลาสไปอีกนานเท่านาน “แล้วถ้าหากผมเบื่อไปซะก่อนล่ะ”เคลวินเอ่ยถาม ดักลาสอึ้งในใจ ไม่คิดว่าจะถูกถามอะไรเช่นนี้
เบื่อหรือ? ดักลาสไม่เคยหยุดคิดถึงเรื่องนี้เลยด้วยซ้ำ
“ถ้าเจ้าอยู่กับข้าจนเบื่อไปจริงๆล่ะก็ งั้นเราไปตามหาวิธีหลับไปชั่วนิรันดร์กันดีไหม บางทีเจ้าอาจจะเจอกริชเงิน”ดักลาสเอ่ยช้าๆ ถ้าหากท้ายที่สุดแล้ว เขาไม่สามารถเปลี่ยนใจของเคลวินได้ เขาก็ยอมหลับใหลไปกับอีกฝ่ายได้ชั่วนิรันดร์
เคลวินใจแกว่งไป มองแววตานิ่งสนิทของคนตรงหน้าแล้วก็หวั่นในใจ ...หลับใหลไปตลอดน่ะหรือ...และดักลาสก็จะยอมหยุดชีวิตไว้ที่เขาอย่างนั้นสินะ เคลวินเงียบ หันไปมองแก้วไวน์บนโต๊ะข้างเตียง ก้นแก้วมีเลือดสีแดงหย่อมเล็กๆไว้
“...พรุ่งนี้ผมต้องเข้ากอง ผมต้องอาบน้ำ แล้วเข้านอน”เคลวินบอก เขาปรับตัวให้ชินกับการเป็นมนุษย์ มันประหลาด เขาเคยเป็นมนุษย์มาก่อน แต่ในเวลานี้กลับไม่ชินกับการทำตัวเป็นมนุษย์
“อืม...”ดักลาสลุกออกจากตัวของเคลวิน เจ้าตัวลุกขึ้นนั่งเอื้อมมือจับไปที่บาดแผลที่บ่าของตนเองไว้
“เลือดของผมน่ะรสชาติเป็นยังไงเหรอ”เคลวินถาม ดักลาสมองอีกฝ่ายด้วยสายตาประหลาดใจ พยายามมองตัวตนของเคลวินว่าเป็นคนเช่นไร
“...จริงๆแล้วมันไม่หวานเท่าไหร่...แต่ดีกว่าเลือดหนูแน่ๆล่ะ”
“อืม ผมเกลียดคุณนะ”ถ้อยคำที่แฝงความขบขัน แต่ไม่ทำให้เคลวินยิ้ม เขาแค่ถอนหายใจออกมา
“อืม”
“เกลียดที่คุณทำให้ผมเป็นแบบนี้”เคลวินย้ำ
“งั้นเหรอ”
“...แต่ก็...เกลียดตัวเอง ที่ทิ้งคุณไม่ลง”เคลวินพึมพำ โลกใบนี้หากไร้คนข้างกายคงโดดเดี่ยว ยิ่งอมนุษย์เช่นพวกเขาสองคน จะหาใครมาอยู่เคียงข้างกายได้อีก
“...อย่างที่บอกไปไง เกลียดข้าได้ ให้ข้านำมันมาแปรเปลี่ยนเป็นสิ่งอื่นเอง”ดักลาสบอก ความเกลียดของเคลวิน มันคือแรงกระตุ้นอย่างหนึ่ง แผดเผาหัวใจของตนเอง บางครั้งมันร้อน บางครั้งมันก็ชโลมใจ ไฟเกลียดของเคลวินไม่คงทน เปลวเพลิงนี้อาจมอดดับได้ในสักวัน
ดักลาสเชื่อแบบนั้น
“พรุ่งนี้ผมต้องถ่ายฉากแวมไพร์ออกล่าเหยื่อ...”เคลวินไม่เคยออกล่าเหยื่อมาก่อน เขาปนิธานตนว่าจะไม่เข่นฆ่า ดักลาสเหลือบมองเขาด้วยสายตากระหายขึ้นมา
“ออกไปข้างนอกกับข้าไหม...คืนนี้ยังเหลือเวลาอีกเยอะ”ดักลาสเอ่ยเสียงทุ้มต่ำ แววตาต่างจากเดิม ความแข็งกร้าวไร้ชีวิตชีวา และเริ่มใช้สัญชาติญาณดิบของผู้กระหายเลือด
“...ไปกับคุณ?”
“อืม”
“ผมไม่เคยออกล่า”
“ข้าจะสอนเจ้าเองเคล”
ดักลาสยิ้ม เคลวินมองหยดเลือดในแก้วไวน์เงียบๆ ปฏิเสธไม่ได้ว่าเลือดสดๆของมนุษย์นั้นอร่อยกว่าเลือดคนตายเป็นหลายสิบเท่า การยอมรับเช่นนี้หมายถึงการยอมรับคู่หรือไม่ล่ะ? แต่เคลวินยังไม่เคยเห็นแวมไพร์ออกล่าเหยื่อแบบเป็นคู่มาก่อน
นี่ถือเป็นสิ่งแรกหรือเปล่า...ที่ทำร่วมกับดักลาสในฐานะแวมไพร์จริงๆน่ะ บางทีถึงเวลาที่เคลวินต้องยอมรับความจริง แม้เขาจะโกรธเคืองดักลาสไม่เปลี่ยน แต่มันไม่อาจลบความจริงที่ว่าเขาไม่ใช่มนุษย์ เขาเป็นเหมือนดักลาส
แต่เคลวินไม่ได้รักดักลาส ไม่ได้รักสักนิดเดียว...
- - - - - - - - - - - - - - - -
อยากลองแต่งความสัมพันธ์ที่ทั้งรักทั้งเกลียด
อีกตอนจะเป็นบทสรุป มีเรื่องวัยเด็กของเคลวินที่คุณแวมไพร์คอยเลี้ยงดูแลมาตั้งแต่เล็กแต่น้อย
ขอบคุณค่ะ :L2: