ใจเย็น 2.2 จบ
พาร์ม PART
ผมอยากเป็นคนธรรมดาๆ ที่มีความรักเหมือนคนทั่วไป ถึงแม้ความรักของผมจะมีให้ผู้ชายด้วยกันก็ตาม ผมไม่อยากโดดเด่น...แต่ยิ่งหลีกหนีกลับเหมือนวิ่งชน อยากเป็นคนที่เดินไปไหนมาไหนโดยไม่มีคนเหลียวมองหรือเป็นจุดสนใจ กว่าจะชินกับเรื่องแบบนี้ได้ก็เล่นผมเกือบเขวเพราะหลงตัวเองอยู่เหมือนกัน
ผมไม่เคยคิดเลยว่าผมจะตกหลุมรัก รอยยิ้มของผู้ชายด้วยกันมาก่อน
ก่อนวันงานนฟุตบอลหนึ่งวัน ผมที่โดนจับให้ไปถือป้ายอะไรสักอย่างตอนผมอยู่ม.4 ผมพึ่งย้ายมาเรียนตอนม.ปลายครับ เคยได้ยินมาบ้างเรื่องงานฟุตบอลระหว่างสี่โรงเรียน แต่ไม่เคยคิดว่าทุกคนจะจริงจังกันถึงขนาดนี้ ผมที่เดินเล่นรอเวลานัดประชุมนัดแนะการแต่งตัวถือป้ายอยู่ที่โรงเรียน ได้ยินเสียงเพลงเชียร์ดังแว่วมาจากหอประชุมซึ่งเป็นสถานที่ซ้อมเชียร์ลีดเดอร์โรงเรียนและสแตนเชียร์
มันเป็นการซ้อมใหญ่อีกรอบหลังจากที่ไปซ้อมกับสถานที่จริงมาแล้ว
ตอนนั้นเอง....สายตาผมไปหยุดอยู่ที่รอยยิ้มของเชียร์ลีดเดอร์โรงเรียนคนนั้น ไม่รู้จักชื่อ ไม่รู้ว่าเป็นรุ่นพี่หรือรุ่นน้อง รู้แต่ว่าหัวใจเต้นแรงขึ้นมาดื้อๆ
เป็นรอยยิ้มที่ใครเห็นก็รู้สึกคลายทุกข์ เป็นรอยยิ้มที่สว่าง เป็นรอยยิ้มที่สวยมาก สวยกว่าทุกรอยยิ้มที่เคยเห็นมา
มันเป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้คนอย่างผมมองหาใครคนหนึ่งเสมอ....คอยสืบเอาจนรู้
ว่าเจ้าของรอยยิ้มนั้น...ชื่อไอซ์ หิมาลัย วงษ์ดิรที เรียนศิลป์-คำนวน รุ่นเดียวกันกับผม เป็นลูกชายคนกลางของเจ้าโครงการคอนโดหรูย่านใจกลางเมือง
ไม่ว่าที่โรงเรียนจะมีกิจกรรมไหนๆ มักจะเห็นไอซ์มีบทบาทหน้าที่อยู่เสมอ ผมหัวเราะจนแทบบ้าที่เห็นไอซ์แสดงเป็นพระอภัยมณีเวอร์ชั่นคอมมาดี้
ผมมองไอซ์ทุกวัน จนความรู้สึกบางอย่างในใจมันชัดขึ้นมา ผมชอบไอซ์…
และต้องยอมรับตรงๆเลยว่า ผมชอบเขามากๆด้วยครับ แต่ทำได้แค่มอง ไม่สิ แอบมองต่างหาก
ผมเป็นคนตรงครับแต่เรื่องนี้แสดงออกมาให้ใครรู้ไม่ได้...เพราะที่โรงเรียนเคยมีคนเปิดตัวว่าคบกัน ทั้งๆที่เป็นโรงเรียนชายล้วน มันแย่มากครับ...ผมเห็นสองคนนั้นโดนล้อสารพัด ผมไม่อยากให้ไอซ์ต้องมาเจอเรื่องแบบนั้น ผมคงทนไม่ได้ที่อาจจะทำให้ไอซ์ไม่มีความสุข โลกทุกวันนี้ให้การยอมรับความรักระหว่างผู้ชายกับผู้ชายก็จริง แต่อย่าลืมว่าบริบททางสังคมเรายังไม่เคารพความแตกต่างของกันละกันมากพอ มากพอที่จะไม่เห็นเรื่องนี้เป็นเรื่องตลก เห็นได้จากการล้อเลียนที่เอาแค่สนุกและคงบวกกับความคึกคะนองของเด็กผู้ชายด้วยล่ะครับ ไม่อย่างนั้นสองคนนั้นคงไม่โดนล้อจนต้องย้ายโรงเรียน
ได้แต่เก็บความรู้สึกเอาไว้....รอเวลาที่เหมาะสม
ผมไม่เคยอายที่จะบอกกับใครต่อใครว่าผมชอบไอซ์ซึ่งเป็นผู้ชาย ผมไม่สนด้วยว่าใครจะมองผมยังไง ผมสนแค่ว่าไอซ์จะคิดแบบเดียวกันเหมือนกับผมหรือเปล่าต่างหาก
วันสุดท้ายของชีวิตมอปลาย ผมปรึกษาเพื่อนสนิทอย่างกำธร ว่าผมจะต้องพูดออกไปให้ได้ ไม่สนว่าคำตอบจะออกมาเป็นยังไง แต่การที่บอกออกไปอย่างน้อยก็ได้แสดงจุดยืนต่อคนที่ผมรัก อย่างน้อยมันก็มีความเป็นได้มากกว่าที่จะไม่พูดอะไรออกไปเลย
แต่เซ็งชิบหาย…
วันที่ตั้งใจจะบอก เป็นวันที่ผมต้องสอบสัมภาษณ์รอบโควต้า ใจหนึ่งก็อยากสละสิทธิ์ ใจหนึ่งก็ทำตามความฝัน ตอนนั้นไอ้ธรเตือนสติผมด้วยคำพูดที่ผมน้ำตาแทบจะไหล
“ถ้ามึงสละสิทธิ์ด้วยเหตุผลโง่ๆแบบนั้น เป็นใครก็ไม่มองว่ามันเป็นเรื่องที่ดีหรอก มึงลองคิดว่าถ้ามึงทิ้งความฝันของตัวเองเพื่อนเขา...คนอย่างไอ้ไอซ์ไม่มีทางมองมึงเป็นฮีโร่แน่กูรับรองได้”
และจากวั้นก็ไม่ได้ข่าวไอซ์อีกเลย เฟสบุ๊คไม่มีความเคลื่อนไหว มีแต่ไอจีที่ลงแต่รูปของกินซึ่งนั่นก็นานๆที
เวลาล่วงเลยผ่านไป...
“พาร์ม กูมีเรื่องปรึกษา”
“เรื่อง?”
“มันเป็นเรื่องของเพื่อนกูนะ”
“เออ”
“เพื่อนกูมันเป็นผู้ชายนะ มันชอบคนๆหนึ่งอยู่ แต่ไม่เคยได้บอกอะไรกับคนๆนั้นเลย แล้วมันก็ไม่รู้ว่าคนๆนั้นไปเรียนต่อไหน แต่อยู่ๆมันรู้มาว่าคนๆนั้นเรียนอยู่ที่เดียวกัน มันมาปรึกษากูว่ามันควรจะบอกความรู้สึกกับคนๆนั้นดีไหม? ถ้าเป็นมึงมึงจะบอกไหม?”
“กูว่าควรบอก” ผมตอบออกไปอย่างไม่ต้องคิด เพราะผมเองก็อยากจะบอกกับคนที่ผมชอบเหมือนกัน แต่ไม่รู้ว่าคนๆนั้นเขาไปเรียนต่อที่ไหนนี่สิ
“แล้วถ้าคนๆนั้นเป็นผู้ชายเหมือนกันล่ะวะ?”
“คำตอบเดิม” ใช่ครับ ต่อให้เป็นผู้ชายเหมือนกัน อย่างน้อยก็ต้องแสดงจุดยืนให้กับตัวเองต่อหน้าคนๆนั้น ผลจะเป็นอย่างไรก็ค่อยกลับมาคิดกันอีกที
“ผู้ชายด้วยกันนะเว้ยพาร์ม”
“แล้วไงวะ...แต่ถ้าไม่บอก เปอร์เซนต์ความเป็นไปได้ก็เท่ากับศูนย์ บอกออกไปไม่ดีกว่าหรอวะ?”
“เออ แล้วมึงไม่รู้เลยหรอว่าไอซ์มันเรียนต่อไหน” ไอ้ธรวกเข้าเรื่องของผมหน้าตาเฉย ผมมองหน้าเพื่อนก่อนจะถอนหายใจออกมายาวยืดแทนคำตอบ
“คุยอะไรกันอยู่วะ สุดหล่อของคณะหน้าหมองเชียว” ไอ้หนุ่ยกับเพื่อนคนอื่นๆ เอ่ยถามขึ้นเมื่อเดินมาถึงม้านั่งหน้าตึกคณะตัวที่ผมกมับธรนั่งอยู่ก่อน
“ไม่มีไรหรอก เออกุขอถามพวกมึงหน่อยดิ ถ้าเกิดว่ากูชอบผู้ชายด้วยกัน หมายความว่ากูเป็นเกย์ พวกมึงจะคิดไงกับกูวะ” คำถามของธรเล่นเอาผมที่นั่งทำหน้าเบื่อถึงกับสะดุ้ง มันเป็นปมที่อยู่ในใจผม...เรื่องนี้ไอ้ธรก็รู้ แต่ทำไมมันถึงได้ถามแบบนี้ออกมา…แต่มันทำให้ผมอยากรู้คำตอบ อาจจะมากกว่าคนถามเสีมยด้วยซ้ำ
“ถามอะไรของมึงวะ...ถามงี้แสดงว่ามึงยังไม่รู้ว่ากรุงศรีเสียกรุงครั้งที่สองไปนานแล้ว” เรียวตอบขำๆ เรียกเสียงหัวเราะขึ้นมาทั้งกลุ่มรวมถึงผมด้วย ก่อนคำตอบของจริงจะออกจากปากของเรียว “ความรักเป็นเรื่องของหัวใจป่ะวะ...ไม่เห็นจะเกี่ยวกับเพศตรงไหน คนอื่นกูไม่รู้....สำหรับกูเฉยๆ”
“กูก็คิดงั้น”
“กูเห็นด้วย”
“สำหรับกูมันก็แปลกๆอยู่ดี แต่คำว่าเพื่อนนะเว้ย ต่อให้มึงไปฆ่าคนตาย...มึงก็คือเพื่อนกูอยู่ดี”
ผมไม่คิดเลยว่าเด็กวิศวะตัวเท่าควายอย่างพวกผมจะมองโลกนี้ได้สวยงามขนาดนี้ น้ำตาผมนี่จะไหลเลยครับ ซึ้งใจก็ด้วย เสียดายที่ตอนนี้ไอซ์น่าอยู่ให้ผมได้บอกความรู้สึกในวันเวลาที่เหมาะสมก็ด้วย
“ที่มึงถามแบบนี้....แสดงว่ามึงชอบผู้ชาย?” ไอ้หนุ่ยวกถามไอ้ธร ไอ้ธรยักไหล่แล้วบุ้ยหน้ามาทางผม
ไอ้ชิบหาย
“อะไรยังไงวะพาร์ม?” สายตาของเพื่อนมองมาที่ผมเป็นตาเดียว โยนขี้ให้กูแล้วไหมล่ะไอ้ห่าธร แล้วเรื่องอะไรที่ผมจะยอมรับ...ถึงพวกมันรู้ไปก็ไม่ผลอะไรกับผมอยู่แล้ว ให้ไอซ์มายืนต่อหน้าก็ว่าไปอย่าง ถ้าเป็นอย่างนั้นใครจะมองผมยังไงก็เชิญ
ผมเล่นเงียบใส่พวกมันเลยครับ
พวกเพื่อนๆ ก็งัดสารพัดวิธีจะเอาตอบจากผมให้ได้ ไอ้ผมก็เป็นพวกบ้าดีเดือดอยู่แล้ว ผมเลยแกล้งทำเงียบใส่พวกมัน ลอยหน้าลอยตาไม่สนใจเสียงพวกมันอีกเลย คว้ามือถือขึ้นมาได้ผมก็ตัดขาดจากโลกภายนอกแล้วครับ จนได้ยินเสียงคนร้องเพลงดังมาจากมือถือของเพื่อนคนใดคนหนึ่ง
“ใจเย็นจนเริ่มจะชา ดา ดา ดี๊ ดา ดา
ใจเย็นก็กลัวว่าหมา อา อา จะคาบไป
ใจเย็นจนเริ่มจะชา ดา ดา ก้หวั่นไหว
ไม่รู้จะพูดยังไงเมื่อคนๆนี้มันแอบรักเธอ.....”
“เสียงใครวะ เพราะดีแต่เพลงเก่าชิบหาย”
“เสียงเพื่อนของเพื่อนกูเอง...เป็นลีดนิเทศมอเรานี่แหล่ะ อยู่ปีหนึ่ง” เสียงธรตอบ
“กูเจอที่โรงอาหารบ่อยๆ ตัวจริงหุ่นดีด้วยนะเว้ย สาวแม่งคงเพรียบ”
“ชื่อ อะไรไม่รู้ อ.อ่างๆ อะไรสักอย่าง เห็นพวกผู้หญิงคณะเราพูดถึงอยู่นะ”
“เป็นเพื่อนรุ่นเดียวกับกูที่โรงเรียนเก่า และที่สำคัญไปกว่านั้น เป็นถึงลีดโรงเรียนเชียวนะเว้ย เจ๋งป่ะล่ะ” หมั่นใส้ไอ้ธรมัน ได้ทีอวดใหญ่เลยนะมึง แค่ลีดโรงเรียน...ผมถือป้ายโรงเรียนยังไม่เคยคุย
หืม?
โรงเรียนเก่าไอ้ธร....ก็โรงเรียนเก่าผมอะดิ
ลีดโรงเรียนหรอ….
หัวใจผมพลันเต้นผิดจังหว่ะขึ้นมาดื้อๆ แต่ขอคิดก่อนนะว่ารุ่นผมมีใครเป็นลีดบ้าง
จะหมายถึงไอซ์หรือเปล่า?
“เอามาดูดิ” เร็วกว่าความคิดก็มือผมนี่แหล่ะครับ ผมแย่งมือถือจากมือไอ้ธรมามาดูให้แน่ใจ.....ไม่ผิดแน่!!
เห็นแค่แว็บเดียวผมก็จะจำได้ แม้ทรงผมจะเปลี่ยนไปจากภาพจำแต่ผมก็จำใบหน้าไอซ์ได้ขึ้นใจ
ผมรีบกดเล่นวีดีโอนั้นอีกครั้ง เป็นคลิปที่ถ่ายไว้โดยไอซ์ไม่รู้ตัว น่าจะเป็นเพื่อนถ่ายเล่นๆกัน แต่มันไม่เล่นกับใจผมนี่สิ ในเมื่อหัวใจผมเต้นแรงมาก ความรู้สึกหลากหลายผสมปนเปกันไปหมด ทั้งยินดี ดีใจ คิดถึง ทั้งอยากเจอ ผมจดจ้องมองหน้าด้านข้างของคนในจออย่างไม่วางตา ไม่สิผมไม่อยากจะละสายตาไปเลยแม้แต่วินาทีเดียวเลยต่างหาก ดีใจเป็นบ้าเลยเว้ย
“พาร์ม มึงจะทำหน้าดีใจอะไรขนาดนั้นวะ”
“ปล่อยมันดูไป พวกมึงก็ทนฟังเพลงท่อนนี้หน่อยแล้วกัน มันไม่ดูรอบเดียวแน่”จริงอย่างไอ้ธรพูด เมื่อคลิปจบผมก็กดเล่นซ้ำอีกรอบ ซ้ำไปซ้ำมาอยู่อย่างนั้น
ทำไมผมถึงไม่รู้....ว่าไอซ์อยู่ใกล้ผมแค่นี้
ทำไมรู้สึกคิดถึงได้ขนาดนี้.......บุกนิเทศตอนได้เลยไหมครับ อยากเจอตัวเป็นๆ
“มึงจะไปไหนพาร์ม” ผมที่กำลังจะลุกไปคณะนิเทศก็โดนไอ้ธรถามขึ้นมาเสียก่อน
“ไปนิเทศ” ผมตอบ หมุนตัวกำลังจะก้าวขาเดินต่อ
“ถ้ามึงไปตอนนี้ มึงจะพลาดข่าวเด็ด ที่กูคิดว่าเด็ดที่สุดสำหรับมึง”
“ข่าวไรวะ รีบพูดมา กูรีบ” ผมถาม
“นั่งลงก่อนดิเพื่อน ใจเย็นๆ เข้าไว้แล้วก็เอามือถือมาคืนกูด้วย” ผมส่งมือถือคืนให้ธรไป
“รอแปป”เมื่อได้รับมือถือคืนไปจากผม ไอ้ธรก็จิ้มมือถืออยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะยืนมือถือกลับมาให้ผมอีกครั้ง “อย่าดีใจจนออกนอกหน้าละกัน”
ผมก้มมองหน้าจอมือถือของไอ้ธรอีกครั้ง คราวนี้หัวใจเจ้ากรรมก็ระส่ำรัวขึ้นมาทันที มันเป็นรูปที่ไอซ์นั่งพิงหลังอยู่บนเตียงนอน ข้างกันมีกรอบรูปขนาดใหญ่พิงพนังอยู่ข้างๆหัวเตียง
มันคือรูปผมครับ.....
“ธร” ผมเงยหน้าเรียกชื่อเพื่อนเพื่อให้ช่วยยืนยันในสิ่งที่ผมกำลังคิด
“ข่าววงในบอกว่ามันก็ชอบมึง แล้วก็ชอบมานานแล้วด้วย”
“เหี้ย เรื่องจริงหรอวะเนี่ย” ผมถามย้ำกับตัวเองอยู่อย่างนั้น เพื่อนคนอื่นที่นั่งอยู่ด้วยต่างก็งงว่าผมเป็นอะไร ก่อนพวกมันจะหันไปถามเอาคำตอบจากธร
แต่เสียใจครับ คราวนี้ผมจะเป็นคนพูดเอง
“เออ กูชอบผู้ชาย ผู้ชายคนนั้นก็คือไอซ์ พวกมึงต้องช่วยกู กูจะไปนิเทศตอนนี้”
“ใจเย็นก่อนมึง กูมีแผน” ไอ้ธรเอ่ยขึ้น แผนอะไรของมัน.....
พอมานึกๆดูที่ไอ้ธรมันถามผมเรื่องนั้น....ก็คงเกี่ยวกับเรื่องนี้สินะ
แยบยลจนจับไม่ได้ จอมวางแผนอย่างมัน...ผมลืมนิสัยนี้ของมันไปได้ยังไง
“มึงจำที่มึงไปถ่ายโปรโมท ‘เพลงเกียร์’ ได้ไหม” ผมพยักหน้า เพราะรุ่นพี่ให้ผมไปถ่ายรูปลงโปสเตอร์ประชาสัมพันธ์งาน เพลงเกียร์ ที่ทางคณะจัดขึ้นเพื่อหารายได้ไปออกค่ายอาสา “มึงต้องเป็นตัวแทนรุ่นไปเล่นดนตรีในงานนั้น แล้วมึงค่อยสร้างซีนเด็ดๆในวันนั้น”
“แล้วมึงรู้ได้ไงว่าไอซ์จะมา?” ผมตั้งข้อสงสัย
“เรื่องนั้นไม่ต้องเป็นห่วงหรอก มันชอบมึงอยู่มีหรอที่ไอซ์จะไม่มา ถึงมันไม่มากุก็มีวิธี ห่วงแค่จะทำยังไงให้มึงได้ไปเล่นดนตรีในงานเถอะ ไอ้เรียวมึงเล่นเบสได้ ไอ้สตางค์เล่นก็เล่นกีต้าร์ มึงก็ตีกลองอย่างที่มึงถนัด ส่วนคนร้องไอ้เทพบอสนี่ไง แค่นี้ก็ลงประกวดได้แล้ว ส่วนเรื่องอื่นๆกูจะจัดการให้”
ไอ้ธรพูดได้คล่องปรือเหมือนกับคิดมาอย่างดิบดี แต่ช่างมันเถอะครับเรื่องนั้น มันทำเพื่อผมขนาดนี้ผมก็คงจะต้องสู้เพื่อตัวเองบ้าง....อยากให้ถึงวันนั้นเร็วๆ
ไม่รู้ว่าภารกิจครั้งนี้กลายเป็นภารกิจของกลุ่มได้ยังไง ก็เมื่อเพื่อนผมทุกคนดันเห็นดีเห็นงามด้วยแถมรับปากว่าจะช่วยอย่างเป็นมั่นเป็นเหมาะ
เดือนวิศวะตกบันใดขาแพลง!!!
มันเป็นข่าวดังทั้งคณะเลยครับ เป็นเรื่องขายขี้หน้าที่ไม่เคยเกิดขึ้นกับผมมาก่อน พลาดตำแหน่งเดือนมหาวิทยาลัยต่อหน้าต่อตา แต่ก็ดีครับ ผมจะได้เป็นคนปกติเหมือนคนอื่นเขาบ้าง แต่ก็น่าเสียดายที่ไม่ได้ลงแข่งกีฬาระหว่างคณะกับเพื่อนๆ เพราะขาผมหายไม่ทันแข่ง แม้ผมจะบอกว่าผมดีขึ้นแล้วแต่ไม่ใครยอม...แถมไอ้ธรเพื่อนยากยังบอกให้ผมเก็บข้อเท้าเอาไว้กระทืบกลองกระเดือง เลยต้องเชื่อคำของไอ้ธรจอมวางแผนมัน
ความบังอัญไม่มีอยู่จริง..
โรงอาหารในตอนเที่ยงคนเยอะมาก หากผิดพลาดแม้แต่วินาทีเดียวแผนของไอ้ธรจะไม่ส่งผลใดๆเลย ไม่รู้ว่าธรมันไปทำอิท่าไหนถึงได้รู้เวลาที่ไอซ์จะมากินข้าวที่โรงอาหารอย่างพอเหมาะพอเจาะ
ผมยืนถือจานข้าวรอจนข้าวฉืดไปหมด รอให้โอกาสที่ไอ้ธรเป็นคนสร้างมาถึง
ได้กินข้าวร่วมโต๊ะกับไอซ์ครั้งแรก
ผมติ๊ต่างอาการของไอซ์ว่าอาการเขิน....แต่น่ารักชิบหายเลยครับ อยากจับฟัดเสียตรงกลางโรงอาหารนั่นให้รู้แล้วรู้รอดไปเลย ยิ่งได้อยู่ใกล้ใจผมก็ยิ่งมั่นใจ....ว่าแฟนของผมต้องเป็นคนนี้
ผมได้แต่เดินวนเดินเวียนอยู่แถวตึกคณะนิเทศ อยากรุกเข้าจีบให้รู้ดำรู้แดงแต่ไอ้ธรกลับห้ามผมเอาไว้ ได้แต่ส่งยิ้มให้เวลาเดินสวนกัน พยายามส่งความรู้สึกที่มีออกไปให้...แต่ไอซ์ก็เอาแต่หลบตา
หลังๆมา ไอซ์ยิ่งเป็นที่รู้จักของคนหมู่มากขึ้นเรื่อยๆ ทำเอาใจผมร้อนรนกลัวหมาจะคาบไปแดกซะก่อนวันงานเพลงเกียร์ แถมยังมีไอ้คนชื่อภูมินั่นอีก ตัวติดกับไอซ์อย่างกับอะไรดี แม้ไอ้ธรจะยืนยันกับผมแล้วว่าไอ้ภูมินั่นว่าไม่มีอะไรในกอกอไผ่แน่นนอน ผมก็ไม่สบายใจอยู่ดี
และแล้ววันงานก็มาถึง บรรยากาศในงานคักคักผิดจากที่คิดเอาไว้ เห็นคนเยอะยั้วเยี้ยะอย่างกับมดแตกรัง ผมที่หัวใจพองโตก็ฟ่อฟอดขึ้นมาดื้อๆ
“ตื่นเต้นชิบหาย”
“ใจเย็นๆดิวะ”
“ยังไม่มีใครเห็นไอซ์เลยนะเว้ย”
“เออน่า เดี๋ยวมันก็มา ตอนนี้มึงตั้งสติดีๆ อย่าสติแตกจนทุกอย่างที่ทำมาพังก็แล้วกัน”
“ขอบใจว่ะธร”
“เอาน่า มองมันมาตั้งนานถึงเวลาที่เหมาะสมแล้วนี่หว่า อีกอย่างนะถ้ากูรู้ว่ามันก็ชอบมึงเหมือนกัน กูลงมือตั้งแต่ที่โรงเรียนแล้ว มึงแม่งกลัวอะไรไม่เข้าเรื่อง”
“แต่ไอ้ภูมินั่น...”
“กูบอกว่ามันเป็นแค่เพื่อนกันก็คือเพื่อนกันดิวะ เรื่องนี้มึงสบายใจเถอะน่า”
“เออๆ แต่ขอบใจนะเว้ยธร” ผมเอ่ยคำขอบคุณเพื่อนสนิทอีกครั้ง มันเป็นคนเดียวที่รู้เรื่องนี้มาโดยตลอด มันไม่เคยแพร่งพรายให้ใครรู้ มันเป็นเพื่อนที่ดีครับ ถ้ามีโอกาสที่ผมจะได้ช่วยมันในเรื่องความรักของมันบ้าง ผมสัญญาจะไม่อิดออด...ช่วยอย่างเต็มที่ตอบแทนความหวังดีที่มันมีให้ผม
“มันก็เหมือนผู้ชายปกตินี่หว่า ไม่เหมือนเกย์ที่กูรู้จักเลยว่ะ” ผมกับกลุ่มเพื่อนร่วมภารกิจที่ได้ข่าวว่าไอซ์มาที่งานแล้ว แต่กว่าจะเจอตัวได้ก็เล่นผมขวัญหนีดีฟ่อหมด
“เด็กนิเทศแม่งสุดจริงว่ะ เต้นไม่เกรงใจเจ้าของงานเลย เด่นแม่งอยู่กลุ่มเดียว” ผมมองออกไปยังกลุ่มเด็กนิเทศน์ที่เต้นกันมันส์หยด คนของผมก็เต้นเสียไม่คีปความเป็นลีดเอาไว้เลย แต่น่ารักดีครับ รอยยิ้มที่ผมคิดถึงปรากฎอยู่บนใบหน้าของไอซ์แล้วตอนนี้ มีกำลังใจขึ้นเยอะเลยครับ
“พร้อมไหมวะ ใกล้ได้เวลาแล้วนะเว้ย”
“พร้อม”
วงต่อไปจะคิวของพวกผมแล้วครับ ใจตุ้มๆต่อมๆอย่างบอกไม่ถูก ได้แต่ให้กำลังใจตัวเองว่าหลังจากนี้ชีวิตผมจะมีไอซ์อยู่ข้างๆ หัวใจก็ฮึดสู้ขึ้นมาอย่างง่ายดาย
รอก่อนนะไอซ์ กูเสียเวลาที่จะบอกความรู้สึกกับมึงมามากแล้ว
วงของผมก็เล่นตามที่ซ้อมกันไว้ผ่านไปด้วยดี แต่ช่วงสิบนาทีสุดท้ายที่ผมจะได้ทำตามแผนที่ไอ้ธรวางไว้....ถึงเวลาแล้วครับ
“ก่อนที่วงเราจะทิ้งท้าย เพลงต่อไปผมต้องขอมอบเวทีให้กับเพื่อนของผมครับ”
บอสพูดส่งให้...ผมก็ลุกแล้วเดินออกไปแปะมือพลัดหน้าที่กับเพื่อน ตอนนี้ผมยืนอยู่หน้าเวทีแล้วครับ มองไปยังจุดที่ไอซ์กับเพื่อนยืนอยู่ชึ่งอยู่ช่วงกลางๆพอดี
“ผมอยากจะร้องเพลงนี้ให้กับคนๆ หนึ่งฟังครับ อยากให้รู้ว่าผมกับคนๆนั้น เรารู้สึกเหมือนกัน” เสียงกรี๊ดจากด้านหน้าเวที เสียงโห่แซวจากกลุ่มเพื่อนที่อยู่ด้านหลังทำเอาผมประหม่าเล็กน้อย แต่ผมจะทำมันพังไม่ได้....ผมรอให้ถึงตอนนี้มานานมากแล้วในความรู้สึกของผม
“คนไหนครับเพื่อน” แต่อยู่ๆเสียงไอ้ธรก็ดังผ่านลำโพงขึ้น หันไปดูข้างเวทีถึงได้เห็นว่ามันก็เดินขึ้นมาบนเวทีทำหน้าที่สัมภาษณ์ผมเสียอย่างนั้น ไม่ได้เตรียมกันไว้แบบนี้นี่หว่า เอาวะ...เล่นตามน้ำไปเลยก็แล้วกัน
“คนของคณะนิเทศ”
คำตอบของผมสร้างเสียงฮือฮาปะปนกับเสียงกรี๊ด แสงไฟก็สาดไปตรงจุดที่เด็กนิเทศยืนกันอยู่อย่างรู้งาน ฝีมือไอ้ธรสินะ ผมหันไปมองหน้าไอ้ธรที่กำลังส่งยิ้มร้ายกาจมาให้ ผมชักจะกลัวใจมันขึ้นมาแล้วล่ะสิ
“พอจะบอกได้ไหมครับว่าอยู่ปีไหน”
“ปีหนึ่งครับ”
ผมเห็นว่าทุกสายตากำลังมองไปยังกลุ่มนิเทศที่ตอนนี้กำลังมองหน้ากันไปมา แม้แต่ไอซ์เองก็ด้วย น่ารักชะมัดกระโดดลงไปฟัดเลยได้ไหม...น่ารักเกินไปแล้ว
“บอกชื่อไปเลยครับเพื่อน” ไอ้ธรพูดส่งมาให้อีกครั้ง แต่ผมรู้ว่ามันยังไม่ใชตอนนี้
“จะดีเหรอ” แต่มีแวบหนึ่งที่คิดว่าหรือจะเป็นตอนนี้ก็เลยต้องถามออกไป
“บอกเลยๆ บอกเลยๆ” เสียงคนดูตะโกนเชียร์เป็นเสียงเดียวกัน ผมกำลังใจหนึ่งใจสองว่าจะพูดออกไปเลยไหม แต่เสียงอินโทรเพลงที่ผมจะต้องร้องก็ดังขึ้นมาเสียก่อน ในระหว่างนั้นไอ้ธรเข้ามากระซิบบอกว่าจะร้องแทรกตอนผมรอบช่วงสุดท้ายให้
ผมร้องเพลงนี้ออกไปตามที่ซ้อมกันมา สายตาก็มองแต่ไอซ์ที่ตอนนี้กำลังแทรกตัวผ่านเพื่อนที่กำลังเต้นกันอยู่ออกมายืนนิ่งๆมองผมอยู่อย่างนั้น น่ารักชิบหายเลยครับ
เอาล่ะ...ผ่านมาครึ่งเพลงแล้ว ผมจะต้องแร็พแล้ว มันกำลังจะถึงช่วงสำคัญ...
แต่ไหงไอซกลับเอามือถือขึ้นมาบังหน้าซะอย่างนั้น ที่คิดเอาไว้ว่าจะสบตาตอนแร็พก็พังน่ะสิ แถมมองแต่หน้าจอไม่เงยหน้าขึ้นมามองผมอีก ผมหันหน้าขอความคิดเห็นจากธรที่ยืนอยู่ข้างๆ ไอ้ธรพยักหน้ามาให้...แต่ผมไม่เข้าใจความหมายนี่ดิ ไอ้ธรบุ้ยหน้าบอกให้ผมหันกลับไป ตอนนั้นถึงได้เห็นว่าไอ้เพื่อนคนอื่นๆกำลังแหวกคนดูเปิดทางให้จนเหลือแต่ไอซ์ที่ยืนอยู่ตรงกลาง
โอเค เข้าใจแล้ว.....
“หน้าชา ปากชา ขาชา ไอนั่นก็ชา
แม้แต่ปรอทก็วัดไม่ได้ ตั้งแต่มีเธอนั้นเดินเข้ามา
อยู่ ๆ หัวใจหยุดเต้น มัน Thinaken จนเกินเยียวยา
ก็เธอนั้นน่ารักที่สุด น่ารักเป็นหนึ่งในพสุธา
แค่เธอขวาซ้ายขวา แค่เธอเดินมาแทบลืมหายใจ
แค่อยากจะทักแต่ก็ต้องทุกข์ ก็เพราะไม่รู้ต้องเริ่มไง
น้ำแข็งเกาะทีละนิด ความเย็นออกฤทธิ์ภายในหัวใจ
ชามันไปทุกส่วน ทุกอวัยวะในร่างกาย”
“ใจเย็นจนเริ่มจะชา ดา ดา ดี้ ดา ดา
ใจเย็นก็กลัวว่าหมา อา อา จะคาบไป
ใจเย็นจนเริ่มชา ดา ดา จนหวั่นไหว
ไม่รู้จะพูดยังไงเมื่อคนๆนี้มมันแอบรักเธอ....”
ผมกระโดดลงเวทีเดินไปหาไอซ์...ตื่นเต้นอะไรอย่างนี้
“หน้าชา ปากชา ขาชา ไอนั่นก็ชา
แม้แต่ปรอทก็วัดไม่ได้ ตั้งแต่มีเธอนั้นเดินเข้ามา
อยู่ ๆ หัวใจหยุดเต้น มัน Thinaken จนเกินเยียวยา
ก็เธอนั้นน่ารักที่สุด น่ารักเป็นหนึ่งในพสุธา
แค่เธอขวาซ้ายขวา แค่เธอเดินมาแทบลืมหายใจ
แค่อยากจะทักแต่ก็ต้องทุกข์ ก็เพราะไม่รู้ต้องเริ่มไง
น้ำแข็งเกาะทีละนิด ความเย็นออกฤทธิ์ภายในหัวใจ
ชามันไปทุกส่วน ทุกอวัยวะในร่างกาย”
หัวใจผมแฟบลงทันที เมื่ออยู่ๆไอซ์หลบตัวไปยืนรวมกับคนอื่นๆ อะไรของเขาวะเนี่ย...หลบได้ก็ต้องตามดิวะพาร์ม ไวเท่าความคิดผมก็ก้าวขาไปยืนอยู่ตรงหน้าไอซ์
“ไอซ์” ผมเรียกชื่อคนที่มีทือถือมาบังหน้า เมื่อได้ยินเสียงผมเรียกไอซ์ก็แสดงสีหน้าตื่นตกใจ เสียงทุกอย่างเงียบลงเหมือนรอลุ้นไปกับผมด้วย
“ฟังท่อนนี้ให้หน่อยดิ” ผมพูดผ่านไมค์ เจ้าตัวถึงได้เงยหน้าขึ้นมามองผม สีหน้าแสดงออกถึงความตกใจ ผมแอบเห็นว่าไอซ์ตัวสั่น มือสั่น หายใจหอบแรง อาการเหมือนที่เห็นที่โรงอาหารวันนั้นเลย ชักเป็นห่วงขึ้นมาแล้วสิ
“กริ๊ดดดดดดดดดดดดด”
“หื้ออออออออออ”
“แกกกกกกกกกกก”
“งื้อออออออออออ”
“ชะนีไทยเจ็บใจ ผู้ชายไทยเจ็บตูด...ฟินนนนนนน”
“หมายถึงไอซ์หรอ”
“ไอซ์ลีดนิเทศน่ะหรอ”
“เขาจะชิปกันให้เราดูหรือเปล่า?”
เสียงรอบข้างเซงแซ่จนฟังไม่ได้ความ ก่อนจะค่อยเงียบเสียงลงเมื่อผมเริ่มร้องเพลงใจเย็นท่อนฮุกโดยไม่มีเสียงดนตรี
“ใจเย็นจนเริ่มจะช้า ดา ดา ดิ๊ ด่า ดา”
ใจเย็นจนกลัวว่าหมา อา อา จะคาบไป
ใจเย็นจนเริ่มจะชา ดา ดา จนหวั่นไหว
ไม่รู้จะพูดยังไง.....ว่าคนๆนี้
....มัน
...แอบ
...รัก
.....เธอ”
ไอซ์เบิกตากว้าง....ตัวโยกโงนเงนเหมือนคนจะเป็นลม แล้วก็เป็นลมไปจริงๆ ดีที่ผมอยู่ใกล้พอที่จะช้อนตัวเอาไว้ทัน ผมอุ้มไอซ์ขึ้นมาเดินฝ่าผู้คนออกไปท่ามกลางเสียงฮือฮาดังอื้ออึงไปหมด
แวบหนึ่งผมหันไปมองหน้าธร…ซึ่งก็กำลังมองผมอยู่เหมือน
แล้วธรก็พยักหน้าส่งคืนมาให้
ที่เหลือฝากด้วยนะเพื่อน....กูต้องดูแลคนของกู
....................................จบ.................................................
LeinSter Talk :
รู้สึกทึ่งคนเป็นนักเขียนมากขึ้นไปอีก ก็ตอนได้เขียนเรื่องนี้นี่แหล่ะครับ แม้จะเป็นเรื่องสั้นที่ไม่ได้วางเส้นเรื่องอะไรเยอะ ไม่ได้สร้างปมไว้ให้คลี่คลาย เริ่มเขียนว่ายากแล้ว...เขียนให้จบนี่ยากกว่า
หวังว่าเรื่องสั้นเรื่องนี้จะช่วยสร้างความสุขเล็กๆให้กับคนอ่านได้บ้าง
ด้วยรัก
-LeinSter-