ความเดิมจากตอนที่แล้วอาหารทุกอย่างหมดไปอย่างรวดเร็วเมื่อไม่มีโทรทัศน์มาดึงความสนใจ ทุกคนช่วยกันจัดเก็บไปไว้ในครัวรอแม่บ้านมาเก็บกวาดเช่นเดิม กระติกน้ำแข็ง เครื่องดื่มถูกย้ายเข้าไปในห้องนอนเพื่อดื่มต่อ ความเร็วในการดื่มเร็วขึ้นเท่าตัว ไม่มีใครลืมว่าต้องพยายามเมาให้หลับเพื่อผ่านคืนนี้ไปให้ได้ ยกเว้นสิงหาที่ยังดื่มตามจังหวะปกติ มีเตือนน่านนทีด้วยความเป็นห่วงบ้างนิดหน่อย ฝ่ามือเท้าไปด้านหลังอีกฝ่าย บางครั้งก็ยกขึ้นลูบเอวเบาๆ เจ้าของเอวนิ่มเพียงแค่หันมามองบางครั้งแต่เลิกที่จะห้ามปรามไปแล้ว แขม่วตอนนั่งมันยากแถมยังอิ่มมาก ทำได้เพียงปล่อยวาง เดี๋ยวค่อยลดน้ำหนักวันหลัง
ปัง!!
วงสนทนาหยุดลงอย่างพร้อมเพรียงเมื่อได้ยินเสียงแปลกปลอมแต่คุ้นเคย...เสียงนั้นอยู่ห่างออกไปแต่ไม่มีใครไว้ใจว่ามันจะไม่เข้ามาใกล้เลยสักคน เต้ลุกขึ้นวิ่งมาล็อคประตูห้องนอน แม้จะไม่รู้ว่าเกิดอะไร ใช่ไม่ใช่ จะมาไหม แต่เพื่อความอุ่นใจเขาได้แต่ทำอย่างนี้ ล็อคไว้แล้วรีบถอยกลับไปนั่งรวมกลุ่มกับเพื่อนๆ
สายตาห้าคู่มองจ้องไปที่ประตูอย่างจดจ่อ...ด้านนอกไม่ได้มีเสียงอะไร ภายในห้องมีเพียงเสียงจากภาพยนตร์จากโทรทัศน์ สิงหาเหลือบมองนาฬิกา เที่ยงคืนกว่าแล้ว...นั่งคุยกันจนลืมเวลา เมาแต่ยังไม่ง่วง ยังไม่มีใครนอน แต่...มันเริ่มแล้ว
.
.
..แกร๊ก...
.
..........แกร๊ก........
.
.
.
ก๊อก...
.....ก๊อก...
.........ก๊อก........*-.-*-.-*-.-*-.-*-.-*-.-*-.-*-.-*-.-*-.-*-.-*-.-*
16. ใครเอ่ย2
ท่ามกลางความเงียบที่เกิดขึ้นชั่วขณะหลังเกิดเสียงดังจากนอกห้องนอน ไม่มีใครคาดคิดว่าจะมีเสียงอะไรดังขึ้นมาอีกเหมือนเช่นเมื่อคืน มันควรเป็นแค่เสียงที่ดังหนึ่งครั้งแล้วเงียบหายไป พวกเขาคิดผิด...ไม่มันเงียบ...และมันไม่หยุด
.
ก๊อก
.
ก๊อก
.
ก๊อก
.กลุ่มคนในห้องที่เคยนั่งรวมกันลุกขึ้นไปยืนชิดกำแพงข้างหัวเตียง ตำแหน่งที่ไกลจากประตูห้องนอนมากที่สุด เสียงเคาะไม่ดังแต่พลังคุกคามมีมากเกินพอ
“เหี้ยแล้วๆๆ มันต้องการอะไรวะ” เต้เป็นคนแรกที่ส่งเสียงออกมาก่อนเพราะทนความเขย่าขวัญนี้ไม่ไหว
“เอาไงดีวะ” สิงหาเองก็ทำตัวไม่ถูก เขาไม่เคยเจออะไรแบบนี้
“สวดมนต์กันดีไหม” โบ้ฝ่ายธรรมะคิดออกเพียงอย่างเดียว และเริ่มสวดมนต์ในใจไปเรียบร้อย
“ทั้งพระทั้งสายสิญจน์ยังเอาไม่อยู่ มึงแน่ใจนะว่าอยากสวด ถ้าหนักกว่าเดิมล่ะ” ชวินอดบ่นไม่ได้ ยิ่งเจอพระยิ่งดุยังจะสวดอีก โบ้เองก็เริ่มคล้อยตามนิดหน่อยเลยค่อยๆ หยุดสวดในใจไปก่อน
“ฮืออ คุณสิง น่ากลัวจัง เคาะทำไมอะ” น่านนทีเกาะอยู่ข้างหลังสิงหา และยืนแทรกระหว่างโบ้กับชวิน ตำแหน่งนี้ปลอดภัยรอบด้าน สิงหาคว้ามือคนข้างหลังมาลูบปลอบเบาๆ แต่มืออีกฝ่ายกระตุกออกเมื่อได้ยินข้อเสนอเสี่ยงตายของแฟนตัวเอง
“ลองไปเปิดดูดีไหม”
“โหไอ้เหี้ย มึงก็ใจกล้าเกินไปละ เห็นใจพวกกูด้วย เอาไว้มึงอยู่คนเดียวก่อนนะค่อยไปเปิด” เต้บ่นเจ้าของห้องที่โชว์กล้าไม่เห็นใจคนอื่น เกิดเปิดไปแล้วไอ้ที่อยู่ข้างนอกมันเข้ามาจะทำยังไง
“แต่ที่นัดรวมตัวกันก็เพราะจะทำอย่างนี้ไม่ใช่เหรอ ไม่งั้นจะเอาคนเยอะๆ มาทำไม ถ้าแค่ตั้งกล้องกูอยู่ห้องคนเดียวก็ได้นะ” สิงหาทวนจุดมุ่งหมายเดิมของภารกิจให้เพื่อนฟัง ทุกคนได้ยินแล้วก็ยอมรับว่าจริง ตอนนั้นเคยคิดว่ามันจะง่ายเพราะเห็นเจ้าของห้องอยู่คนเดียวได้ไม่น่าจะน่ากลัวมาก แต่ที่ของจริงมันไม่ใช่เลย
“เอาไง เสียงเงียบไปละ ออกไปตอนนี้จะได้รู้ๆ ไปเลย” สิงหาถามย้ำอีกครั้งเมื่อทุกคนไม่ตอบอะไรกลับมา สำหรับเขาอยากให้มันจบๆ ไปเสียที จะเกิดอะไรก็ให้รู้ๆ กันไปเลย
“เออดิ มึงนำไปเลย” เต้ทำใจกล้าตอบรับคำชวน โบ้ก็พยักหน้าเห็นด้วย ไหนๆ ก็ทำใจมาเจอตั้งแต่แรกแล้ว มันอาจจะมากกว่าที่คิดแต่อย่างที่เต้บอก คนเยอะขนาดนี้จะทำอะไรได้
“ปิงรอในห้องนะ พี่ชวินรอด้วยกันเนอะ” น่านนทีผละจากหลังสิงหามากอดแขนชวิน เขาไม่กล้า เขาไม่ได้เตรียมใจมาก่อน ขออยู่ห่างๆ ในที่ปลอดภัยดีกว่า
“แน่ใจนะปิงว่าอยากอยู่กับมันสองคน” สิงหาหันมาถามแฟนตัวเองที่ยืนเกาะติดชวินอยู่ ไม่รู้จะเรียกว่าใครเกาะใครดี ไอ้คนโตกว่าก็ไม่ได้ดูพึ่งพาได้เลยนะ แถมยังเรื่องเมื่อคืนอีก น่านนทีสบตาสิงหาแล้วเหลียวมองข้างตัวอีกครั้ง ภาพเมื่อคืนย้อนกลับมาพร้อมเสียงที่ยังจำติดหู มือเล็กค่อยๆ ปล่อยแขนชวินแล้วย้ายไปกอดแขนสิงหาแทน
“ไปเหอะ เสียงเงียบแล้ว ใจๆ หน่อยเว้ย ห้าต่อหนึ่งเลยนะเว้ย” โบ้ปลุกใจเพื่อน ปลอบใจตัวเองเดินตามสิงหาไปถึงหน้าประตู
แกร๊ก แกร๊ก“เหี้ย!!” โบ้คนกล้าของเพื่อนกระโดดถอยหลังครั้งเดียวเกือบถอยไปทับน่านนที ความกล้าที่เพิ่งปลุกขึ้นมาหลุดหายไปเมื่อเห็นลูกบิดประตูถูกหมุนจากด้านนอก สิงหาที่กำลังเอื้อมมือจะเปิดประตูถึงกับชะงัก ก้าวถอยหลัง เหลียวมองเพื่อนที่เมื่อครู่ยังเดินตามกันติดๆ ตอนนี้ไปยืนชิดประตูระเบียงกันหมด มันใช่ทางออกไหม เกิดผีเข้าห้องมาได้ทางรอดเดียวคือโดดระเบียงหนีตายนะนั่น แถมคนที่ยืนชิดระเบียงที่สุดคือแฟนเขาเอง เมื่อครู่ยังกอดแขนกันอยู่เลย
ในฐานะเจ้าของห้องสิงหารวบรวมความกล้าอีกครั้ง ส่งสายตาทั้งข่มขู่ทั้งอ้อนวอนให้อีกสี่คนเดินกลับมา ต่างคนต่างผลักแต่ก็ค่อยๆ ขยับเข้ามาใกล้ คนที่อยู่ห่างจากสิงหาที่สุดไม่ใช่ชวินคนจิตอ่อน แต่เป็นแฟนเจ้าของห้องที่ขยำเสื้อชวินแน่น ใบหน้าซบอยู่ข้างหลังแต่ยังเหลือบตามองข้ามไหล่ส่งกำลังใจให้
“จะเปิดละนะ” สิงหาส่งสัญญาณก่อนเปิดให้ทุกคนเตรียมพร้อม
“.......”
แกร๊ก....แอดดดดดดเหี้ย!!!! เสียงอุทานในใจทุกคนดังขึ้นพร้อมกันเมื่อสิงหาค่อยๆ บิดลูกบิดแล้วเปิดประตูช้าๆ แล้ว...ก้าวถอยหลังทีละก้าวจับลูกบิดไว้แน่นจนประตูเปิดออกมากขึ้นเรื่อยๆ คนทั้งสี่ที่ยืนกลางห้องเบิกตาโตไม่กล้าขยับเผชิญหน้ากับสิ่งที่อยู่นอกห้อง ส่วนคนใจกล้ากลับหลบอยู่หลังบานประตู
สิงหาได้แต่ขอโทษเพื่อนและแฟนอยู่ในใจ เดิมทีก็ใจกล้าอยู่หรอก แต่พอสัมผัสความเย็นจากลูกบิดประตูแล้วเขาดันนึกไปถึงความเย็นรอบข้อเท้าตัวเองคืนที่โดนลากขา จากที่จะเปิดประตูออกไปเผชิญหน้าอย่างกล้าหาญเลยทำได้แค่ถอยมาหลบข้างหลังแบบนี้
“มีอะไรไหมวะ” สิงหามองหน้าเพื่อนแต่ตีความไม่ออก ทุกคนเหมือนช็อกไปแล้ว
“โหไอ้เหี้ย! มึงยังกล้าถามอีกนะ” โบ้ด่าเพื่อนกึ่งโมโห ไม่ทันได้เตรียมใจก่อนเลยยืนอยู่ใกล้สิงหาที่สุด เป็นทัพหน้าที่เผชิญข้าศึก ส่งมาตายชัดๆ
“โทษๆ ตกลงไม่มีอะไรนะ”
“เออ!!!” สามเพื่อนซี้ตอบกึ่งตะคอก
“คนเราจะเห็นธาตุแท้กันจริงๆ ก็ช่วงเวลาวิกฤตินี่ล่ะเนอะ” น่านนทีส่งสายตาตัดพ้อต่อว่า
“ขอโทษนะครับ นะๆ ไม่ตั้งใจจริงๆ อยู่ดีๆ ก็สังหรณ์ไม่ดีขึ้นมาน่ะ ไม่โกรธนะครับ” สิงหาได้ยินคำตัดพ้อก็รีบเดินมาปลอบ จับมือน่านนทีที่กำเสื้อด้านหลังชวินจนยับมากุมไว้ กอดเอวลูบหลังลูบหัว เมื่อครู่เขาไม่ได้ตั้งใจจริงๆ
“เอาไงต่อ ออกไปดูข้างนอกกันไหม ไฟข้างนอกทำไมสว่างวะ” โบ้สายตาจดจ่ออยู่นอกประตู ห้องนอนอยู่ติดกับครัวและโต๊ะอาหาร ถัดไปถึงเป็นห้องนั่งเล่น แสงไฟจากข้างนอกที่ส่องมาจนถึงทางเดินหน้าห้องค่อนข้างสว่าง น่าจะเป็นแสงจากในครัว
“ตอนเข้ามาไม่ได้ปิดไฟสักดวงจะไม่สว่างได้ไง ถ้ามันมืดค่อยหลอน” เต้ผลักหัวเพื่อนที่ปลุกความหลอนขึ้นมาอีก ไฟไม่ได้ปิดกันเองดันลืมแล้วหลอนตัวเอง หลอนแค่ของจริงก็เกินพอแล้ว
“เออๆ ไปเหอะ สว่างก็ไม่ค่อยน่ากลัว” โบ้หัวเราะกลบเกลื่อน ตอนนี้มองอะไรก็ผิดปกติไปเสียหมด ความกล้าหดเหลือครึ่งเดียวแล้ว
“มึงเดินนำ” ชวินบอกโบ้เพราะตอนนี้น่าไว้ใจกว่าสิงหา ถ้าไม่เกรงใจแฟนเด็กมันเขาจะเข้าไปถีบจริงๆ ดีนะไม่มีอะไรอยู่หลังประตู
“ไอ้เหี้ยสิงเลย มาไถ่โทษเลยมึง” โบ้หันมาสั่งเพื่อนที่ปลอบแฟนตัวเองไม่หยุด อย่าว่าแต่น่านนทีที่ตกใจเลย พวกเขาทุกคนก็ตกใจ ช็อกกว่าเจอผีคือไม่คิดว่าคนแบบมันจะแอบหลังประตูเนี่ยแหละ คนดีนี่พอจะเลวสักทีเล่นเอาเกือบช็อก
“เออๆ ปิงเกาะกลุ่มอยู่กับพวกนี้ก่อนนะ พวกมึงเดินตามมาติดๆ นะเว้ย ห้ามทิ้งกูเดินนำคนเดียว”
“ไม่มีใครทำร้ายเพื่อนแบบนั้นนอกจากมึง ไปเร็วๆ จากกลัวผีกูเริ่มโมโหมึงแล้วเนี่ย ดีนะไม่มีอะไร ไอ้เหี้ยผีนี่ก็แม่งเลือกคนหลอกนะ พอไอ้ห่าสิงออกไปเสือกไม่โผล่ กูมานอนคืนเดียวเสือกเข้าฝัน เหี้ยทั้งผีเหี้ยทั้งเจ้าของห้อง” ชวินที่กลัวจนโมโหบ่นเพื่อนด้วยน้ำเสียงจริงจัง แต่พาให้คนอื่นหัวเราะแทน คนบ้าอะไร กลัวจนโกรธ ด่าทั้งคนด่าทั้งผี
แม้ห้องนอนจะอยู่ติดกับห้องครัวและโต๊ะอาหาร แต่การออกแบบห้องทำให้มีทางเดินลึกเข้ามาสองสามก้าวก่อนจะพบประตูห้องนอนอยู่ขวามือ สิงหาชะโงกหน้าออกจากห้อง เหลียวมองออกไปทางซ้าย ไม่มีอะไรผิดปกติ เขาค่อยๆ ก้าวออกมาจนพ้นทางเดิน หันกลับไปมองกลุ่มคนข้างหลังที่ยังแย่งกันเกาะขอบประตู เรื่องที่เพิ่งก่อทำให้ภาพลักษณ์เสียหาย ถึงเวลาต้องแก้ตัว เขาก้าวออกไปหน้าเคาน์เตอร์บาร์ที่คั่นระหว่างครัวและโต๊ะอาหาร มองซ้ายขวาให้แน่ใจว่าไม่มีอะไร ไฟกลางห้องนั่งเล่นไม่ได้เปิดไว้ มีเพียงไฟดวงเล็กตรงทางเดินหน้าประตูหน้าที่ให้แสงสว่าง
“มีอะไรไหมวะ”
“ไม่มี พวกมึงเดินออกมาดิ ไม่งั้นกูไม่เดินต่อนะ” ห้องที่น่ากลัวลำดับสองคือห้องนั่งเล่น กำแพงที่กั้นระหว่างโต๊ะอาหารกับโซฟาทำให้มองไม่เห็นตำแหน่งที่เคยเกิดเรื่อง สิงหาพยายามไม่มองไปที่จอโทรทัศน์เพราะกลัวมันจะสะท้อนภาพอะไรในนั้น ไม่รู้ทำไมวันนี้เขาปอดแหกเป็นพิเศษ ปกติอยู่คนเดียวก็ไม่เคยกลัวขนาดนี้
“มึงถอยมาเดินกับพวกกูก็ได้ เจออะไรก็เจอพร้อมๆ กันดีกว่า กูไม่อยากตกใจสองต่อ” เต้เรียกเพื่อนให้ถอยกลับมาดีกว่าเดินนำหน้าคนเดียว ไม่ว่าอย่างไรเขาก็รู้สึกว่าคนยิ่งเยอะยิ่งดี เกาะกลุ่มกันไว้อุ่นใจกว่า
“ใช่ๆ คุณสิงเดินมานี่นะ มาๆๆ” น่านนทีกวักมือเรียกคนที่ยืนห่างออกไปไม่กี่ก้าว แต่เขาไม่กล้าก้าวเท้าออกจากกลุ่ม แถมพี่ๆ กลุ่มนี้ก็ดูใจกล้าน่าเชื่อถือกันทั้งนั้น น่านนทีกำชายเสื้อโบ้แน่น แต่ก็มีคนกำชายเสื้อเขาต่ออีกที แถมคอยดึงไม่ให้เดินเร็วด้วย ไม่ต้องสงสัยนาน คนนั้นคือชวินคนขี้ป๊อด แขนข้างหนึ่งล็อกแขนเต้ อีกข้างขยำเสื้อน่านนที ถ้ามีอะไรเกิดขึ้นก็คงตายหมู่แน่นอน
“ไม่น่าจะมีอะไรแล้วนะ เราออกมากันตั้งนานยังไม่ได้ยินเสียงอะไรเลย” สิงหาเดินกลับมาหาทุกคนแต่ยังทำหน้าที่ผู้นำกลุ่มอยู่ ทุกคนเกาะติดไม่ห่าง น่านนทีเดินตามติดข้างหลังมือหนึ่งรั้งแขนเขาไปกอดไว้แน่น เดินไม่ค่อยสะดวกแต่อุ่นใจขึ้น
ทุกคนค่อยๆ ก้าวสลับฟังเสียงรอบข้าง เหลียวมองรอบตัว ก้าวแล้วมอง หยุดแล้วมอง แล้วก้าวต่อ ระยะทางไม่ไกลแต่ความตึงเครียดทำให้เสียงหายใจหนักหน่วงมากขึ้น ถึงจะคืบคลานกันอย่างเชื่องช้าแต่สุดท้ายทุกคนก็พ้นเขตห้องครัวมาที่ห้องนั่งเล่น ความมืดสลัวทางซ้ายมือที่แสงไฟทางเดินส่องไม่ถึงทำให้ไม่มีใครกล้าหันไปสอดส่องเหมือนเมื่อครู่ จังหวะก้าวเดินหยุดลงชั่วขณะ ก่อนสิงหาจะเริ่มพยักหน้าขอแรงสนับสนุนแล้วเดินต่อไปจนถึงสวิทช์ไฟ สวิทช์ปุ่มแรกที่คลำเจอถูกกดลงไป
พรึ่บ
แสงไฟดาวน์ไลท์สี่จุดตามมุมห้องสว่าง ไฟดวงเล็กและให้แสงสว่างน้อยกว่าโคมไฟกลางห้องแต่ทั้งสี่จุดก็สว่างพอให้เห็นทั่วทุกมุมห้อง น่านนทีก้มหน้าซุกหลังสิงหาแน่น ไม่กล้าเงยหน้ามอง เงี่ยหูคอยฟังเสียงคนอื่นก่อนหากมีอะไรไม่ชอบมาพากล
“โอเค....โอเคๆ...ไม่มีอะไร” โบ้พูดเบาๆ แสงแม้จะน้อยแต่ก็มองเห็นจุดอับทั่วห้อง ดีกว่าเปิดดวงใหญ่ที่สว่างจ้าทีเดียวให้ตาพร่า ทุกคนช่วยกันมองสำรวจรอบห้อง แม้แต่โถงทางเดินประตูหน้าก็ยังชะโงกหน้าไปมอง สิงหามองไปที่โซฟาตำแหน่งเดิมก็ไม่พบอะไรผิดปกติ ใจที่แขวนไว้ค่อยๆ ลอยลงมาอย่างโล่งอก
“ไอ้เหี้ย......เหี้ยแล้ว.....” ชวินพูดเสียงเบาจนแทบกระซิบแต่คนข้างๆ อย่างเต้ได้ยินชัด เขาหันกลับมาถามเพื่อนที่ก้มหน้าลงแต่สีหน้าเคร่งเครียดกว่าเดิม
“อะไรไอ้วิน” เต้ถามย้ำอีกครั้งเมื่อรู้สึกว่ามือเพื่อนเริ่มสั่น
“...หะ..เหี้ย.....ถอยทัพเถอะ” ชวินเร่งเร้าเพื่อนไม่หยุด เสียงเริ่มสั่นไม่ต่างจากมือทั้งสองข้าง เขากระตุกแขนตัวเองดึงเต้และน่านนทีให้ถอยมาใกล้ๆ แต่น่านนทีขืนตัวไว้เพราะเริ่มกลัวอาการแปลกๆ ของอีกฝ่าย
“ฮือออ พี่ชวินอย่าแกล้งนะ”
“ถอยๆ ไอ้เหี้ย ถอย!” ชวินสั่งเพื่อนเสียงแข็ง เนื้อตัวสั่นสะท้านพยายามก้มหน้ามองเพียงปลายเท้าตัวเอง เพื่อนๆ ยังคงสับสนไม่เข้าใจ แต่เห็นอาการกลัวจนตัวเกร็งก็เริ่มใจไม่ดี ทุกคนค่อยๆ ก้าวถอยหลังตามแรงดึงต่อๆ กัน แต่ถอยแค่ไม่กี่ก้าวชวินที่เป็นคนถอยนำก็หยุดชะงักทำให้ทุกคนหยุดตาม เสียงหอบหายใจด้วยความกลัวของชวินถี่จนแทบเป็นเสียงคราง น่านนทีกอดแขนสิงหาแน่นครางฮือในลำคอด้วยความกลัว น้ำตาเริ่มปริ่มขอบตา
“ถอยต่อสิวะ” เต้กระตุกแขนเพื่อนเบาๆ ให้เดินต่อ มันเป็นคนอยู่ท้ายสุดถ้าไม่ถอยต่อคนอื่นก็เดินไม่ได้
“....นะ...ใน...กระจก...ไอ้เหี้ย กระจก!” ชวินจิกปลายเท้าลงบนพื้น เงยหน้ามองตรงไปด้านหน้าไม่กล้าก้มลงแม้แต่นิดเดียว สิงหามองหน้าเพื่อนก่อนมองไปทางประตูระเบียงที่เป็นกระจกทั้งบาน ภาพสะท้อนในกระจกคือกลุ่มชายหนุ่มยืนเกือบชิดกันจนไม่มีช่องว่าง สิงหาอยู่ด้านหน้าสุดมีโบ้ยืนอยู่ข้างๆ ด้านหลังมีน่านนทีกอดแขนไว้แน่น เต้อยู่เยื้องไปด้านหลังโบ้ ส่วนชวินอยู่เดินคู่กับเต้ ประกบหลังน่านนทีอีกที
.
.
และหลังชวิน...
มีใครบางคนกำลังยืนอยู่.
.
“เหี้ย! วิ่ง!!!” สิงหาตะโกนเมื่อเห็นภาพสะท้อนจากกระจก เขารวบเอวน่านนที กระชากแขนชวินวิ่งกลับไปทางห้องนอน เต้และโบ้วิ่งตามมาติดๆ เข้าห้องนอนครบทุกคนโบ้ก็รีบกดล็อกประตูห้องแล้วถอยไปรวมกลุ่มกับเพื่อนบนเตียง
“ฮืออออ คุณสิง ปิงกลัว”
“ไม่เป็นไรๆ เราอยู่ในห้องแล้ว เข้ามากันครบใช่ไหมวะ ไอ้เต้ล่ะ” สิงหารวบตัวน่านนทีมากอดปลอบ เนื้อตัวอีกฝ่ายสั่นไม่หยุด ขนาดเขาเองยังรู้สึกสั่นในอกกับสิ่งที่เห็น
“กูอยู่นี่ๆ ไอ้ชวินโอเคไหมวะ อย่าช็อกนะมึง แม่งมันตัวสั่นไม่หยุดเลยว่ะ” เต้ตะโกนบอกเพื่อนระหว่างลูบหลังเพื่อนที่สั่นไปทั้งตัว พยายามจับหน้าให้อีกฝ่ายมองตัวเองเพื่อเรียกสติ
“..กะ..กู...”
“ใจเย็นๆ เหี้ยเอ้ย มึงเห็นใช่ไหม” สิงหาเห็นอาการเพื่อนไม่ค่อย ส่วนคนรักตัวเองดีขึ้นแล้ว เขาหันไปกอดไหล่เขย่าแรงๆ ให้เพื่อนสงบใจและมีสติ กระตุ้นให้เพื่อนพูดออกมาดีกว่าเงียบไว้เพราะกลัวเพื่อนจะช็อก
“เห็น!!” ชวินพยักหน้าตอบอย่างหนักแน่น เขาเห็น เขาเห็นจริงๆ เห็นเต็มๆ เลย
“ปิงไม่เห็นๆ ไม่ต้องเล่านะ ปิงกลัว”
“โอเคๆ อย่าเพิ่งพูดกัน ดูไอ้ชวินก่อน” สิงหาบอกให้เพื่อนช่วยกันดูอาการชวินก่อน ถ้าไม่ไหวจริงๆ ต้องโรงพยาบาลเขาก็ไม่รู้ว่ามันจะยังกล้าฝ่าออกไปนอกห้องอีกไหม
“ใจเย็นมึง พระอยู่ที่คอๆ จับไว้ สวมมนต์เข้า ท่องนะโมอะไรก็ได้” โบ้ล้วงสร้อยพระในคอเสื้อชวินออกมาให้อีกฝ่ายเอามือกำไว้ โชคดีที่เขาไม่ได้ทวงพระคืน
“เหี้ยๆ....มะ...แม่ง....” ชวินทรุดนั่งเข่าอ่อนอยู่บนเตียง เอนหลังพิงหัวเตียง มือหนึ่งจับแขนสิงหา อีกมือลากเต้มานั่งข้างๆ ด้านหน้ามีโบ้และน่านนทีที่ยังอยู่ในอ้อมแขนสิงหา เขาพยายามระงับอาการสั่นยะเยือกในอกแต่ทำได้ยาก โดยเฉพาะแผ่นหลังที่สั่นจนแทบกระตุก
“พี่ชวินใจเย็นๆ นะ ไม่มีอะไรๆ ปลอดภัยแล้ว” น่านนทีเห็นอาการชวินแล้วความเป็นห่วงมีมากกว่าความกลัวของตัวเองเลยเอ่ยปลอบ ไม่รู้ว่าเมื่อครู่เกิดอะไรขึ้นบ้าง แต่ละคนถึงกลัวจนหน้าซีดตัวสั่นกันไปหมด แม้แต่สิงหาที่กอดเอวเขาไว้ก็ยังมือสั่นในตอนแรก โชคดีที่หลับตาสนิท มองไม่เห็นอะไรทั้งนั้น
บรรยากาศภายในห้องตึงเครียดกว่าทุกครั้ง ไม่มีใครกล้าพูดอะไรนอกจากเอ่ยปลอบชวินเป็นพักๆ จนอีกฝ่ายสงบสติอารมณ์ลง สายตาทุกคนจับจ้องที่ประตูห้อง บางครั้งก็กวาดสายตาไปรอบๆ ห้องอย่างหวาดระแวง จากหลายๆ ครั้งไม่เคยมีอะไรเกิดขึ้นในห้องนี้ พวกเขาเลยค่อนข้างเบาใจ ยกเว้นสิงหาที่รู้ว่ามีหลายครั้งที่รูปถ่ายปริศนาในโทรศัพท์ถูกถ่ายจากภายในห้องนี้...ที่นี่ก็ไม่ปลอดภัยเช่นกัน