E4 “ใจสั่นเพราะตังค์ทอน”
เมื่อวานเป็นวันที่ผมเหนื่อยมากที่สุดเลยอะ ทำไมถึงได้เจอแต่หน้าของคนคนนั้น ฝึกซ้อมเสิร์ฟวอลเลย์บอลก็เหนื่อยมากพอละ ยังต้องมาใจสั่นจนรู้สึกเพลียอีก เฮ้ออออ…
“ดัซ ๆ บอกเราได้ไหมว่าดัซแอบชอบใครอยู่?”
“…”
“เราสัญญาจะไม่เอาไปบอกใครเลยอิอิ”
“หยุดเลยนะกิ้ฟ เราไม่ได้แอบชอบใครสักหน่อย” ตอนนี้ผมนั่งอยู่ในห้องเรียนอยู่ ครูไม่เข้ามาสักทีไม่รู้ว่าไปไหน ส่วนเลย์มันไปนั่งตีป้อมกับเพื่อนหลังห้องละ เสียงดังซะจนผมยังรำคาญ ส่วนคนตรงหน้าผมชื่อกิ้ฟ เพื่อนในห้องผมเองครับ
“ขี้งกอะ เราไม่เชื่อหรอก ไม่บอกก็ไม่เป็นไร แต่เราขอฟินได้ไหมอะ คนตัวเล็กน่ารักแบบดัซ แอบชอบผู้ชายคนหนึ่ง เขาคนนั้นต้องตัวสูงหล่อแน่ ๆ กรี๊ดดด… สาววายอย่างฉันตายอย่างสงบศพสีชมพู…”
“…” ผมได้แต่ยิ้มแห้ง ๆ มองคนตรงหน้าที่เหมือนกำลังหน้าแดงแบบสุด ๆ ไม่รู้จะฟินทำไม เพราะไอ้เลย์เลย!!! หลังจากมันเอาเรื่องที่ผมโพสต์มาล้อที่ห้อง เพื่อนหลาย ๆ คนก็เริ่มพากันแซวจนผมเขินตัวแทบลอยละ แต่เหมือนจะเริ่มเงียบไปได้เมื่อวานแล้วนะ ที่ยังมีเอามาถามก็คนตรงหน้าผมนี่แหละ
ฮืออออ… กิ้ฟได้โปรดหยุด
“ดัซ…” เสียงเรียกจากเพื่อนคนหนึ่งดังขึ้นผมจึงหันไปมอง
“อ้าวจิน มีอะไรรึเปล่า?” จินคือเพื่อนผู้ชายใส่แว่น และแน่นอนว่าเนิร์ดตัวพ่อ เก่งขั้นสุด เก่งทุกวิชา เหมือนเป็นคนที่ช่วยยกระดับห้องไว้เลยก็ว่าได้ เพราะจินมักจะไปแข่งขันอะไรอยู่บ่อย ๆ ในห้องผมส่วนมากกราฟคะแนนเฉลี่ยมักจะอยู่กลาง ๆ เพราะมีคนที่คอยดึงคะแนนเฉลี่ยให้สูงขึ้นพอ ๆ กับคนที่ดึงคะแนนให้ต่ำลงพอดี
“พาเราไปตามครูหน่อยสิ”
“เดี๋ยว ๆ ไม่ได้นะ…” กิ้ฟเอ่ยขึ้นจนผมหันมามอง
“แต่นี่มันจะหมดคาบแล้วนะ อย่าลืมว่าดาราศาสตร์เราเรียนแค่หนึ่งคาบต่อสัปดาห์ ถ้าไม่ได้เรียนก็คือเราต้องรอเรียนอีกทีอาทิตย์หน้าเลยนะ” ใช่ครับ… สายศิลป์ก็แบบนี้แหละ ดาราศาสตร์ผมเรียนแค่หนึ่งคาบต่อสัปดาห์ ส่วนวิทย์หลักเรียนสองคาบต่อสัปดาห์ สรุปคือวิทย์สองรหัสเรียนสามคาบต่อสัปดาห์ ดูเหมือนน้อยนะ แต่คนไม่ชอบก็คือไม่ชอบอะ
“เราว่าควรไปตามอะกิ้ฟ…” ผมหันไปเสริมให้กิ้ฟเข้าใจ เพื่อนในห้องหลายคนเลยที่ไม่ชอบให้ไปตามครูเพราะไม่อยากเรียน ผมเองไม่ใช่คนแบบนั้น แต่ก็ไม่ใช่คนที่จะไปตาม เหมือนถ้าครูไม่มาก็จะนั่งเฉย ๆ ในห้อง หรือถ้าเพื่อนให้ไปตามผมก็จะไปตาม
“เอองั้นก็ได้ อีกอย่างบางทีถ้าไม่ได้เรียนก็ไม่รู้จะเอาอะไรไปสอบ” กิ้ฟบอกเหมือนเริ่มเข้าใจ ก่อนเราสามคนจะเดินออกไปจากห้อง ผมหันไปมองเพื่อน ๆ คนอื่นที่ไม่สนใจอะไร พอดีกับไอ้เลย์คนที่มันเอาเสื้อลอยชายถือโทรศัพท์อยู่หันมามองผมแล้วขมวดคิ้ว เหมือนมันจะถามว่าผมจะไปไหน มัวแต่นั่งกองกันกับพวกผู้ชายด้านหลังอยู่นั่นแหละ บ้างก็นอนกันเลย สบายจริง ๆ พวกนี้ ผมไม่ได้บอกเพราะมันอยู่ไกลเลยได้เดินมาแล้ว
“เฮ้ยดัซ! ไปไหนวะ?”
“จะไปตามครู… มึงเอาเสื้อเข้าในกางเกงเลยเลย์” และก็เหมือนที่ผมคิดคือมันวิ่งออกมาตาม
“ไม่เอา… มึงจะไปตามทำไมวะ?” มันทำสีหน้าอ้อนเหมือนจะบังคับผมทั้ง ๆ ที่คนอื่นอยู่ด้วย
“นายไม่อยากเรียนทำไมต้องมาเรียน” เสียงจินดังขึ้นจนผมหันไปมอง เลย์มันถึงกับเปลี่ยนสีหน้าเป็นเหมือนไม่พอใจขึ้นทันที
“เลย์กูว่ามึงเข้าไปในห้องเถอะ เอาเสื้อออกนอกกางเกงครูปกครองมาเห็นเดี๋ยวก็บ่นอีกหรอก” หลังเลิกเรียนครูเขาไม่บ่นหรอก แต่ตอนนี้มันเวลาเรียน อาจจะไม่เหมาะที่จะแต่งตัวไม่เรียบร้อยแบบนี้
“เออ ๆ … เดี๋ยวเหอะจิน” มันชี้หน้าเหมือนคาดโทษใส่คนที่ยืนข้าง ๆ ผม
“เลย์กับจินนี่เหมือนจะไม่ถูกกันมานานแล้วนะ ตั้งแต่วันคัดเลือกหาคนไปแข่งเลขแล้วป่ะ” กิ้ฟถามในขณะที่พวกผมเดินตามทางเดินไปเรื่อย ๆ อ๋อ… ใช่ครับ เพราะเลย์มันเก่งเลขแบบเว่อร์ ๆ เหมือนที่ผมเคยบอกว่ามันชอบเลข จินเองก็เก่งมาก ๆ เหมือนกัน ครูเลยหาตัวแทนของสายศิลป์ให้ลองไปแข่งดู เหมือนจินจะได้แต่เลย์มันไม่ได้เลยพาลใส่ เรื่องมันนานมาแล้วแหละ แต่ก็อย่างที่เห็นว่าสองคนนี้ไม่ชอบกัน เอาจริงเลย์มันควรหาเรื่องคนที่ตัวเท่า ๆ กันหน่อยอะ
“ช่างเถอะ…” จินบอกเหมือนไม่อยากย้อนอดีต ผมเลยหันไปมองกิ้ฟก่อนเราสามคนจะเดินเข้าไปในห้องพักครู สรุปคือครูไปทำธุระ แต่แกน่าจะบอกไว้สักหน่อยอะ สุดท้ายเลยต้องกลับห้องแล้วบอกเพื่อน ๆ ให้ทำงานที่ค้าง ผมไม่รู้ว่าตัวเองรู้สึกแบบนี้อยู่คนเดียวรึเปล่า เหมือนพอเห็นว่าเป็นห้องสายศิลป์ครูสายวิทย์แกเลยมักจะหยวน ๆ ในการสอน ปัญหาคือพอออกข้อสอบก็ออกเหมือนกันทุกห้องที่เรียนอีก ผมไม่ได้หมายถึงออกเหมือนของพวกสายวิทย์นะครับเพราะนั้นคงยากไป หมายถึงออกข้อสอบเหมือนกันกับห้องที่เรียนกับครูคนนี้ แล้วทีนี้คนลำบากก็คือห้องที่ไม่ค่อยจะได้เรียนอะ
“มึงเห็นเจเมื่อเช้าป่ะ”
“เออมึงกูแบบ คือ… อีดอกผัวกูเลยม้ะ…”
“กูขอดอนค่า… อิห่ากูถามจริงห้องนั้นมีคนหล่อกี่คนวะ”
“โอ๊ยกูขอเหมาหมดเลยเด้อ”
“ใช่ม้ะ งั้นแบ่งกันมโนมึง”
“พูดแล้วเศร้า… กูอยากรู้ว่าพวกนั้นชอบคนแบบไหนวะ”
“โอ๊ยจะไปยากอะไร ก็คงสวย ๆ น่ารัก ๆ มีออร่าป่ะ”
“เออว่ะ…” ผมได้ยินประโยคคุยกันจากเพื่อนโต๊ะข้างหลังได้หมดเลย มือก็ทำงานค้างไปแต่หูฟัง จะว่าไปก็คงใช่แหละเนอะ คนหน้าตาดีเขาก็คงต้องชอบคนหน้าตาดีไหมอะ เอาอีกแล้ว… คนที่ได้แค่แอบชอบมันจะมีความรู้สึกหนึ่งเหมือนแบบหน่วงในอกเพราะเราไปอยู่จุดนั้นไม่ได้อะ ที่ผมหน่วงเพราะผมหวังเหรอ?
“ดัซ…” หรือเพราะผมหลงเขามากเกินไป ทั้ง ๆ ที่แค่เห็นหน้าก็หลงแบบนี้เหรอ คุยกันแบบจริง ๆ จัง ๆ ก็ไม่เคย ประโยคแรกที่ได้คุยก็ตอนในห้องน้ำและเมื่อวาน
“ดัซ!”
เฮือก!
“อะ… เอ่อมีอะไรรึเปล่า?” มัวแต่พะวงแต่เรื่องของเขาคนนั้นจนไม่ได้ฟังเพื่อนผู้หญิงสองคนด้านหลังเรียก พอถูกเขย่าเลยสะดุ้งและหันไปมองทันที
“เราจะถามว่าคนน่ารักแบบดัซนี่ดูแลตัวเองยังไงเหรอ เราเป็นผู้หญิงผิวยังไม่ดีเท่าดัซเลย”
“เอ่อเราว่าเราก็ไม่ได้น่ารักขนาดนั้นมั้ง”
“ใครบอก นี่เรายังชอบดัซเลยนะ เราจีบได้ป่ะ?”
“…”
“ล้อเล่น! ฮ่า ๆ ๆ ๆ”
“ตกใจหมดเลย…”
“ก็ดัซแอบชอบผู้ชายคนหนึ่งอยู่หนิ เราเป็นผู้หญิงเราจะมีสิทธิ์จีบดัซได้ไง…” ดูพูดเข้า เอาเรื่องนั้นมาพูดอีกแล้ว
“เฮ้อออ… ทำงานได้แล้ว เราไม่ได้แอบชอบใครหรอก”
“งือออ… แต่ดัซน่ารักจริง ๆ นะ มึงว่าป่ะดิว”
“เออนั่นดิ เอาจริงเรายังแอบคิดเลยว่าดัซกับเลย์เป็นแฟนกัน เดินคู่กันยิ่งเหมือนอะ”
“โห่ไม่เอาอะ แค่คิดเราก็กลัวละ มันเป็นแค่เพื่อนเหอะ…” ใครจะชอบมันวะ ยิ่งเป็นเพื่อนสนิทกันอีก นินทาเลยก็มาเลย เลย์มันเดินมานั่งลงข้าง ๆ แล้วหันไปขมวดคิ้วมองเพื่อนสองคนที่กำลังคุยกับผม
“มองไรวะ?”
“หล่อมากมั้งเลย์ แค่นี้มองไม่ได้รึไง?”
“ใช่ หล่อไหมล่ะ…”
“ไอ้บ้า!” จากนั้นเพื่อนผู้หญิงสองคนก็ไม่ชวนผมคุยเลย เลย์มันหันมามองผมแล้วขมวดคิ้วจนผมเลิกคิ้วใส่
“มึงน่ารักจังวะดัซ…”
“พอเลยมึง…” มันต้องล้อผมอยู่แน่ ๆ ทำไมถึงได้ล้อกันเป็นขบวนการแบบนี้วะ แล้วยังมีน่ามาหัวเราะอีก ผมมองมันด้วยสายตาพร้อมทุบจนมันยอมหันไปหยิบงานขึ้นมาวาง
“กูไม่อยากให้มึงเข้าใกล้ไอ้จินเลย” ได้ยินผมถึงกับหันไปขมวดคิ้ว
“เลย์มึงอย่าสั่งให้กูออกห่างจากเพื่อนที่มึงไม่ชอบได้ไหม?”
“…” ดูหน้า แล้วยังจะมาทำหน้าไม่พอใจใส่อีก
“ทำไมมึงต้องไม่ชอบจินว่ะ กูว่าจินก็ไม่ใช่คนไม่ดีนะเว้ย”
“ก็กูหมั่นไส้มัน…”
“เฮ้อออ… ทำไมต้องไม่ให้กูเข้าใกล้ด้วย” ผมถอนหายใจพลางหันไปจดงานต่อ
“เพราะกูไม่ชอบมัน และมึงเป็นเพื่อนสนิทกู…”
“…เออ ๆ กูจะพยายามแล้วกัน แต่ถ้าจินเข้ามาหากูเองก็ช่วยไม่ได้นะ เพราะกูก็ไม่ได้มีปัญหาอะไรกับจินอะ”
“อื้อ…” มันครางตอบในลำคอก่อนจะยอมหันไปทำงาน ผมมองเลย์มันเหมือนพยายามคิดอะไรอยู่แล้วก้มลงไปมองเสื้อที่ตอนนี้มันเอายัดใส่กางเกงแล้ว เอออย่างน้อยมันก็เชื่อที่ผมบอก
“เลย์…”
“…”
“มึงบอกกูน่ารัก มึงพูดจริงป่ะ…” ทำไมผมต้องเม้มปากถามด้วยวะ แค่อยากรู้ว่าถ้าหากผู้ชายคนอื่นมอง เอ่อ… ก็ผู้ชายคนนั้นแหละ ถ้าเขามองเขาจะมองผมน่ารักไหม ได้ยินเลย์มันจึงขมวดคิ้วแล้วยกมือขึ้นมาแบให้ผมดูจนผมขมวดคิ้ว
พลั่ก…
“โอ๊ย! ไอ้เลว!”
“ถามบ้าอะไรของมึง…” มันดันหน้าผมจนแทบตกเก้าอี้ รีบยกมือขึ้นไปตีแขนมันทันทีเลยครับ คิดไว้แล้ว! คนอย่างมันจะชมผมจริง ๆ ได้ไง ไอ้คนทรยศ
“ก็น่ารัก… กูมองแล้วก็คิดว่ามึงน่ารักแต่กูคงไม่ได้รู้สึกอะไรด้วยว่ะ เพราะมึงเป็นเพื่อนสนิทกู…”
“…” เอ่อ… กูไม่ได้หมายความแบบนั้นเลย์
“ทำไม? มึงถามเพราะมึงกำลังคิดว่าไอ้คนที่มึงชอบมันจะมองมึงน่ารักไหมเหรอวะ?”
“ปะ เปล่านะเลย์ มึงพูดเบา ๆ หน่อย”
“กูหวงเพื่อน กูจะไม่ให้มันเข้ามาหามึง…”
“ไอ้บ้า เพื่อนมึงไม่ได้ดูดีขนาดนั้น”
“ใช่!”
“เอ้า… ทำไมมึงแทงใจดำจังวะ”
“รีบปั่นงานดัซ…”
“เออ ๆ” สรุปคือมันมองผมน่ารักใช่ป่ะ แต่ทำไมผมรู้สึกไม่ค่อยมั่นใจในตัวเองเลยอะ เฮ้อออ…
________________________________________
พักเที่ยงหลังทานข้าวเสร็จ โรงเรียนผมจะมีโซนขายของ พวกน้ำปั่น ผลไม้ หรือขนมต่าง ๆ และจะมีโต๊ะให้นักเรียนนั่งเล่นหรือทำงานอยู่ด้านหน้าโซนขายของ ที่พูดถึงคือมันไม่ได้อยู่ในโรงอาหารนะครับ มันจะแยกออกจากโรงอาหารเลย ประเด็นคือเลย์มันใช้ให้ผมไปซื้อน้ำให้ เห็นมันมีเหตุผลผมเลยต้องยอม บอกว่าต้องรีบทำงานที่ค้างเพราะลืมทำ เอาจริงคือลอกผมเหอะ น้ำที่ว่าก็ไม่ใช่น้ำเปล่าด้วย บอกเอานมสดปั่น
“เอานมสดปั่นหนึ่งแก้วครับ”
“น้ำมะพร้าวหมดยังครับ” เสียงทุ้มอยู่ข้าง ๆ ดังขึ้นผมจึงหันไปมอง พอดีกับร่างสูงหันมามองผมเช่นกัน
กึก…
‘วะ เวร…’ โอเค… คือมันจะเป็นโชคชะตาหรือพรมเช็ดเท้า เฮ้ย… พรหมลิขิตอะไรก็ช่าง แต่ผมไม่อยากซื้อให้ไอ้เลย์มันแล้วอะ ใบหน้าหล่อขมวดคิ้วจนผมต้องรีบหันมาก้มหน้าตัวเกร็งแทบจะเป็นท่อนไม้อยู่ละ
“เหลือพอปั่นให้หนึ่งแก้วพอดีลูก”
“งั้นเอาครับ…” ไม่ดีแน่ ๆ ดัซ ทำไงดี เสียงเครื่องปั่นน้ำดังขึ้นชวนให้ผมประหม่าไปด้วย สมองมันดูตื้อ ๆ มือก็สั่นเหมือนผมไม่ได้ยินเสียงใครพูดแล้วอะตอนนี้ อาการแบบนี้มันคืออะไร ผมไม่ชอบ เหมือนหัวใจจะวายอยู่แล้ว เลย์ช่วยกูด้วย!!! สักพักถึงได้ยินป้าที่ปั่นน้ำให้เรียกผมจึงเงยหน้าขึ้นไปมองพร้อมขมวดคิ้ว แกยื่นแก้วน้ำปั่นมาให้ผมจึงรับแล้วรีบยื่นเงินให้พร้อมกับรีบสาวเท้าหนีทันที
‘ใจมึงช่วยหยุดเต้นได้แล้ว!!!’
ปึ่ก…
“โอ๊ย…”
“เราขอโทษ…” ผมขอโทษเพื่อนผู้หญิงที่เดินมาชนกับตัวเองพอดี ทำไมต้องทำตัวเหมือนกำลังหนีอะไรสักอย่างด้วยอะดัซ
“ไม่เป็นไร…” เธอบอกก่อนจะเดินออกไปผมจึงหันไปมองตามหลังก่อนจะชะงักเมื่อคนที่ยืนอยู่ข้าง ๆ ตอนซื้อน้ำปั่นเมื่อกี้กำลังเดินตรงมาหาพร้อมใบหน้าเหมือนไม่พอใจอะไรสักอย่างจนผมชะงักรีบหันไปมองตรงหน้าแล้วสาวเท้ารัว ๆ ตายแน่ ๆ ตายแน่ ๆ บอกแล้วว่าเขาไม่ชอบเรา เป็นใครใครก็รำคาญป่ะดัซที่ถูกแอบมอง งื้ออออ…
หมับ!
“อ๊ะ! เอาไปเลย… เราไม่ดื่มแล้ว” มือข้างที่ไม่ได้ถือน้ำปั่นถูกจับไว้จนชะงักหันไปมอง ผมจึงรีบยื่นแก้วนมสดปั่นให้ร่างสูง ครั้งที่สองแล้วนะที่ถูกคนคนนี้จับมือ หลบตาปี๋เพราะกลัวอีกคนจะด่าคำเจ็บ ๆ ออกมา พอไม่เห็นว่าอีกฝ่ายจะรับน้ำปั่นผมจึงค่อย ๆ ลืมตา คนตัวสูงยังคงขมวดคิ้วมองผมแต่มือยังจับจนผมพยายามดึงออก โชคดีที่เจ้าตัวยอมปล่อย
“คะ คือเราขอโทษ… ถ้าเราทำอะไรให้นายไม่พอใจเราจะ-”
“ตัวเล็กลืมตังค์ทอน…”
“…”
“จ่ายแบงก์ร้อยไปให้ป้าแล้วทำไมไม่รอเอาตังค์ทอนด้วย”
“อะ… เอ่อคือเราขอโทษ” ผมเม้มปากแล้วยื่นมือจะไปรับตังค์จากคนตรงหน้าแต่เจ้าตัวกลับดึงหนีจนผมขมวดคิ้วเงยหน้าขึ้นไปมอง ดอนสูงจริง ๆ อะ ดูดีจนใครเห็นระยะไกล ๆ ยังอยากจะละลาย แล้วผมที่อยู่ในระยะประชิดแบบนี้ล่ะครับ แค่มองหน้าเจ้าตัวใจผมมันยังสั่นไม่เป็นจังหวะ หน้าค่อย ๆ ก้มลงและเม้มปากอีกครั้งเพราะสู้สายตาของเจ้าตัวไม่ได้ เหมือนใจจะสั่นเกินไปจนเริ่มหน่วงแล้วอะ
“ระ เราไม่เอาก็ได้” ผมบอกจนได้ยินเสียงขำพร้อมกับเจ้าตัวยื่นตังค์มาให้ เงยหน้าขึ้นไปมองใบหน้าคมอีกครั้งก่อนจะรับตังค์มาถือไว้
“ไอ้ดอนรีบ ๆ หน่อยดิวะ!” เสียงตะโกนดังขึ้นผมจึงหันไปมองพร้อมกับคนตรงหน้า ก่อนดอนจะหันกลับมาหา เหมือนเจ้าตัวยังไม่ได้น้ำมะพร้าวปั่นเลยอะ ผมทำให้คนตรงหน้าเสียเวลา ดูแย่จัง…
“ผมไปก่อนนะครับ…”
“…” แล้วทำไมต้องใช้คำว่าผมด้วย งื้อออ… สุภาพ…
“อีกอย่างตัวเล็กไม่ได้ทำให้ผมไม่พอใจอะไรสักหน่อย”
กึก…
“…” ประโยคหลังจากคนที่วิ่งกลับไปทำให้ผมชะงักถึงขั้นอยากปาน้ำปั่นในมือทิ้ง
“ดัซ! ครูจะมาแล้ว” เสียงตะโกนดังขึ้นผมจึงเงยหน้าขึ้นไปมองถึงได้เห็นเป็นเลย์มันมองลงมาจากตึกด้วยสีหน้าเหมือนโมโหจัด
“จะได้กินไหมวะแม่ง!”
“ขะ ขอโทษ!” ผมตะโกนขึ้นไปบอกมันก่อนจะรีบเดินเข้าตึก
Contact Me