เราแอบชอบนาย Extra E2 (ตอนพิเศษ) P.2 [10.03.2019] - END
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: เราแอบชอบนาย Extra E2 (ตอนพิเศษ) P.2 [10.03.2019] - END  (อ่าน 21695 ครั้ง)

ออฟไลน์ เอ็ม

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 67
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +35/-0
อ้างถึง
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ

ติดตามกฏเพิ่มเติมที่กระทู้นี้บ่อยๆ เมื่อมีการแก้ไขกฏจะแก้ไขที่กระทู้นี้นะครับ
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0

ประกาศทั่วไปติดตามอัพเดทกันที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.0

ประกาศ กฎที่อื่นมีไว้แหก แต่ห้ามมาแหกที่นี่

1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท,
หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง
หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์
และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อเจ้าของเรื่องเท่าที่จะทำได้หรือแจ้งมายังบอร์ดนี้ก่อนนะ ครับ  เนื่องจากเจ้าของเรื่องบางครั้งไม่ต้องการให้คนที่ไม่ได้ชื่นชอบนิยายชายรัก ชายเข้ามารับรู้  ลิขสิทธิ์ทั้งหมดเป็นของเจ้าของคนที่ทำขึ้นและเวปแห่งนี้นะครับ

4.ห้าม แจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอมให้ส่งหรือติดต่อกันทางพีเอ็มจะ ปลอดภัยกว่าแล้วเมื่อมีการติดต่อสื่อสารกันให้พึงระวังถึงความปลอดภัย ความไม่น่าไว้ใจของผุ้คนทุกคนแม้จะมีชื่อเสียงในบอร์ดเป็นเรื่องส่วนตัวของ แต่ละคนไป เพื่อลดความขัดแย้งภายในเล้า จึงไม่สนับสนุนให้มีการจีบกันในบอร์ดนะครับ

5.ห้าม จั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิด เดียวให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตาม

6.การ พูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insearch qoute  ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ

8.Administrator และ moderator ของ forum นี้ มีสิทธิ์อ่าน, ลบ หรือแก้ไขทุกข้อความ. และ administrator, moderator หรือ webmaster ไม่สามารถรับผิดชอบต่อข้อความที่คุณได้แสดงความคิดเห็น (ยกเว้นว่าพวกเขาจะเป็นผู้โพสต์เอง).

9.คุณยินยอม ให้ข้อมูลทุกอย่างของคุณถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูล. ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกเปิดเผยต่อผู้อื่นโดยไม่ได้รับการยินยอมจากคุณ .Webmaster, administrator และ moderator ไม่สามารถรับผิดชอบต่อการถูกเจาะข้อมูล แล้วนำไปสร้างความเดือดร้อนต่างๆ

10.ห้าม ลงประกาศลิงค์โปรโมทเวป  โฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ลงได้เฉพาะในห้องซื้อขาย ในเมื่อแนะนำเวปอื่นที่บอร์ดเรา ก็ช่วยแนะนำบอร์ดเราโดยลงลิงค์บอร์ดเรา เวป http://www.thaiboyslove.com  ในบอร์ดที่ท่านแนะนำมาให้เราด้วย  เมื่อจำเป็นต้องแนะนำลิงค์ให้ส่งลิงค์กันทาง personal message หรือพีเอ็มแทนนะครับจะสะดวกกว่า ส่วนในกรณีอยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนๆได้อ่านจริงๆนั้นพยายามลงให้ห้องซื้อ ขายซะ หรือถ้าม๊อดเดอเรเตอร์จะพิจารณาเป็นกรณีๆไป ถ้ารู้สึกว่าไม่ได้โปรโมทเวป แต่อยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนด้วยใจจริงจะให้กระทู้นั้นคงอยู่ต่อไป

11.บอร์ด นิยายที่โพสจนจบแล้วมีไว้สำหรับนิยายที่โพสในบอร์ด boy's love จนจบแล้วเท่านั้น จึงจะถูกย้ายมาเก็บไว้ที่นี่ หาอ่านนิยายที่จบแล้ว หรือคนเขียนไม่ได้เขียนต่อ แต่โดยนัยแล้วถือว่าพล็อตเรื่องโดยรวมสมควรแก่การจบแล้ว หากนักเขียนท่านใดได้พิมพ์เล่มกับสำนักพิมพ์ ต้องการลบเรือ่งบางส่วนออก โดยเฉพาะไคลแม๊ก หรือตอนจบที่สำคัญ ให้แจ้ง moderator ย้ายนิยายของท่านสู่ห้องนิยายไม่จบ เพื่อที่หากระยะเวลาเกินหกเดือนแล้ว เราจะได้ทำการลบทิ้ง หรือท่านจะลบนิยายดังกล่าวทิ้งเสียก็ได้ เนื่องจากบอร์ดนี้เก็บเฉพาะนิยายที่จบแล้ว

บอร์ดนิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบไว้สำหรับ
นิยาย ที่คนเขียนไม่ได้มาต่อนาน หายไปโดยไม่มีเหตุผลสมควร ไม่ได้แจ้งไว้หรือแจ้งแล้วก็ไม่มาต่อ 3 เดือน จะย้ายมาเก็บในนี้เมื่อครบหกเดือนจะทำการลบทิ้ง ส่วนเรื่องไหนที่จะต่อก็ต่อในนี้จนกว่าจะจบ แล้วถึงจะทำการย้ายไปสู่บอร์ดนิยายจบแล้วต่อไป

12.ห้ามนำเรื่องพิพาทต่างๆมาเคลียร์กันในบอร์ด

13.ผู้โพสนิยาย และเขียนนิยายกรุณาโพสให้จบ ตรวจสอบคำผิดก่อนนำมาลงด้วยครับ

14.ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน  ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ

15. การนำรูปภาพ บทความ ฯลฯ มาลงในเวปบอร์ด  ควรจะให้เครดิตกับ... 
(1) ผู้ที่เป็นต้นตอเจ้าของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ
(2) เวปไซต์ต้นตอที่อ้างอิงถึง

16.นิยาย เรื่องไหนที่คิดว่าเมื่อมีการรวมเล่มขายแล้วจะลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วน หรือทั้งหมดออก กรุณาอย่าเอามาลงที่นี่ หรือสำหรับผู้ที่ขอนิยายจากนักเขียนอื่นมาลง ต้องมั่นใจว่าเรื่องนั้นจะไม่มีการลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมด ออกเมื่อมีการรวมเล่มขาย อนึ่ง เล้าไม่ได้ห้ามให้มีการรวมเล่มแต่อย่างใด สามารถรวมเล่มขายกันได้ แต่อยากให้เคารพกฎของเล้าด้วย เล้าเปิดโอกาสให้ทุกคน จะทำมาหากิน หรืออะไรก็ตามแต่ขอความร่วมมือด้วย เผื่อที่ทุกคนจะได้อยู่อย่างมีความสุข

17.ห้าม แจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน  ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง  นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฏการซื้อขายของเล้่าก่อน ด้วยนะคะ)

18.ใคร จะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดเรื่องสั้น ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที  ส่วนเรื่องสั้นที่จบแล้วให้แก้ไขโพสแรก และต่อท้ายว่าจบแล้วจะได้ไม่ถูกลบทิ้งและจะเก็บไว้ที่บอร์ดเรื่องสั้นไม่ ย้ายไปไหน   เช่นเดียวกับนิยายทุกเรื่องเมื่อจบให้แก้ไขโพสแรก และต่อท้ายว่าจบแล้ว จะได้ย้ายเข้าสู่บอร์ดนิยายจบแล้ว ไม่เช่นนั้นม๊อดอาจเข้าใจว่าไม่มาต่อนิยายนานเกินจะโดนลบทิ้งครับ

เอาข้อสำคัญก่อนนะครับเด่วอื่นๆจะทำมาเพิ่มครับเอิ้กๆหุหุ
admin
thaiboyslove.com.......................................                                                           

วันที่ 3 ธ.ค. 2551วันที่ 16 ก.ย. 2554 ได้เพิ่มกฏ ข้อที่ 7
วันที่ 21 ต.ค.2556 ได้ปรับปรุงกฏทั้งหมดเพื่อให้แก้ไข และติดตามได้ง่าย
วันที่ 11 พ.ย. 2557 เพิ่มเติมการลงเรื่องสั้นและการแจ้งว่านิยายจบแล้ว
วันที่ 4 ธ.ค. 2557 เพิ่มบอร์ดเรื่องสั้นจึงปรับปรุงกฏข้อ 18 เกี่ยวกับเรื่องสั้น และ เพิ่มเติมส่วนขยายของกฏข้อ 17

เวปไซต์ แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่าง ประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม

เราแอบชอบนาย
หวีดน้อง #เราแอบชอบนาย

คุณเคยแอบชอบใครสักคนในโรงเรียนแล้วมีอาการแปลก ๆ
ที่เราทำแต่คนอื่นไม่ทำเวลาเห็นคนที่แอบชอบเดินผ่านไหม?
ถ้าใช่... แสดงว่าคุณกำลังรู้สึกเหมือนตัวละครหลักของเรานามว่า ‘ดัซ’
การที่เขาแอบชอบชายหนุ่มนักกีฬาสุดฮอทของโรงเรียนอย่าง ‘ดอน’
เลยอาจทำให้ต้องเผื่อใจไว้เยอะหน่อย เพราะรู้ว่ายังไงก็คงเป็นไปได้ยาก
แต่... ชายผู้นั้นที่เป็นหนุ่มสุดฮอทของโรงเรียนกลับไม่เป็นเช่นนั้น...
เขาจะทำยังไงเมื่อเห็นคนตัวเล็กแสดงอาการแปลก ๆ และแอบมองอยู่บ่อย ๆ กันนะ...
ขอเชิญนักอ่านทุกท่านพบกับเรื่องราวการแอบชอบระหว่างนักเรียนมัธยมปลาย
‘ดัซ’ และ ‘ดอน’ ที่จะทำให้คนอ่านยิ้มและสดชื้นหัวใจ...

Dusk ที่แปลว่า พลบค่ำ และ Dawn ที่แปลว่า รุ่งอรุณ

สารบัญ
E0 “Prologue”
E1 “เดินชน”
E2 “หลบหน้า”
E3 “วอลเลย์ปาท่องโก๋”
E4 “ใจสั่นเพราะตังค์ทอน”
E5 “ทักครับ”
E6 “ดวงความรักในช่วงนี้”
E7 “ใกล้ชิด”
E8 “เกาะแน่น ๆ นะน้อง”
E9 “จับได้เหม่งไม่รอด”
E10 “ครูไม่เข้าใจ!”
E11 “ง้อหน้าห้องต้องได้ใจ”
E12 “จูงมือถือกระเป๋า”
E13 “เหตุผลที่แอบชอบ”
E14 “ดอนผู้บุกรุก”
E15 “ดัซจะเป็นลม”
E16 “ตื่นมาเขิน”
E17 “ไม่เคลียร์?”
E18 “ดื้อ”
E19 “ฝนตกไฟดับ” (R)
E20 “ดอนจะเล่าให้ฟัง”
E21 “รักต้องเสี่ยง”
E22 “Love must go on” (END)
Extra E1 “Teenagers” (R)
Extra E2 “Dawn’s birthday”

๐๐

นิยายเรื่องอื่นของเอ็ม
หมกมุ่น (จบ)

๐๐

Talk with M: นิยายเรื่องนี้อยู่ในภายใต้การดูแลของสนพ.peachypie ครับ
ยังไงฝากติดตามด้วยน๊า เรื่องนี้จะเป็นนิยายเรื่องที่ 2 ของเอ็มที่ลงในเล้าให้ได้อ่าน
จะลงจนจบครับผม ตอนพิเศษที่ลงในเล้วก็มีและเฉพาะในเล่มก็มีครับ
โปรดติดตามตอนพิเศษในเล่ม 8 ตอน
ในว็บ 2 ตอน

๐๐

Contact Me
Share This Topic To FaceBook
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 23-08-2019 00:07:01 โดย เอ็ม »

ออฟไลน์ เอ็ม

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 67
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +35/-0
Re: เราแอบชอบนาย E0 [03.03.2019]
«ตอบ #1 เมื่อ03-03-2019 22:46:17 »

E0 “Prologue”

หลาย ๆ คนเคยบอกกับผมไว้ว่าอุปสรรคของความรักมีแค่เพียงสิ่งเดียวเท่านั้น นั่นก็คือคนที่เรารักไม่รักเรา แต่สำหรับตัวเองแล้ว ผมคิดว่ามันไม่ได้มีแค่เพียงอุปสรรคเดียวหรอกนะครับ… มันอาจต้องมีอีกหลาย ๆ อุปสรรคที่พัดผ่านเข้ามาในชีวิตของเรา บางครั้งอาจเป็นพ่อแม่ของคนที่เรารัก นิสัย คำพูดคำจา รวมถึงความชัดเจนระหว่างความสัมพันธ์ของคู่รัก ทั้งหมดมันก็เป็นเพียงแค่ส่วนหนึ่งในอุปสรรคหลาย ๆ อย่างที่คนสองคนต้องเผชิญ

แต่สำหรับผมแล้ว... อุปสรรคของผมคืออะไรน่ะเหรอ? มันจะเรียกว่าเป็นอุปสรรคซะทีเดียวก็ไม่ได้ เพราะมันก็ยังมีเรื่องราวที่ทำให้ผมมีความสุขอยู่ด้วย งั้นเดี๋ยวผมจะเล่าให้เพื่อน ๆ ฟังนะครับ… นี่คือจุดเริ่มต้นของเรื่องราวความรักที่สุดแสนจะหวานปานน้ำตาลย้อยของผม

ตอนนี้ผมกำลังแอบชอบผู้ชายคนหนึ่งในโรงเรียนอยู่ ซึ่งผมก็รู้ตัวดีอยู่แล้วแหละ ว่ามันคงจะเป็นไปไม่ได้ที่เขาคนนั้นจะหันมาชอบตัวเองกลับ… ยิ่งเราสองคนเป็นผู้ชายด้วยกันแล้วมันยิ่งรู้สึกว่ายากมาก ๆ ที่จะเป็นไปได้ ผมก็ไม่เข้าใจหรอกนะครับ ว่าทำไมต้องมาแอบชอบผู้ชายด้วยกัน ทั้ง ๆ ที่ไม่เคยแอบชอบใครมาก่อนเลยด้วยซ้ำ… แต่ที่รู้ ๆ คือผมดันรู้สึกใจสั่นทุกครั้งเวลาที่เข้าใกล้หรือแอบมองเขา

ดัซ ผมชื่อ Dusk หรือจะเรียกว่าพลบค่ำก็ได้ ยามที่แสงอัซดงกำลังเริ่มจางหายไปจากขอบฟ้าและเข้าสู่ยามเย็น แสงสีครามที่ใครหลาย ๆ คนมองว่ามันดูสวย ลองนึกภาพของคุณกับเพื่อน ๆ กำลังนั่งมองพระอาทิตย์ตกดินสิครับมช่วงเวลานั้นแหละคือชื่อของผม

ดัซ นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5/13 สายศิลป์ภาษาจีน อายุ 18 ปี ชื่อจริง อัสดง นามวรากุล นี่คือประวัติคร่าวๆ ของผม

“ดัซ ๆ เดี๋ยวกูกลับก่อนนะ ต้องรีบไปช่วยป้าขายของต่อว่ะ เฮ้อออ…” เสียงเลย์มันดังขึ้นจนผมต้องละสายตาจากคนที่อยู่กลางสนามฟุตบอลหันไปมอง

“ทิ้งกูอีกละ…” คนกำลังนั่งดูผู้ชายเล่นบอลอยู่ฟิน ๆ เลย

“ก็กูมีเหตุจำเป็นไหมล่ะวะ”

“เออ ๆ ขับรถดี ๆ ด้วย…”

“ได้ค้าบบบ…” เลย์มันตอบพลางยกมือขึ้นมาจับหัวผมพร้อมขยี้เบา ๆ

“ไอ้นี่…” มันก็เป็นแบบนี้อะ กลับเร็วจริง ๆ ในแต่ละวัน เออแต่ก็เห็นใจมัน อยู่กับป้าสองคนเลยอาจจะยุ่ง ๆ ก็เป็นเรื่องธรรมดาของมันไปแล้ว ป้าของมันท่านอาจจะดูเข้มงวดกวดขันไปนิด ๆ แต่ท่านก็ใจดีกับผมมาก ๆ เลยล่ะครับ

เวลา 16:50 น.

ตอนนี้เป็นเวลาหลังเลิกเรียนแล้ว นักเรียนชายส่วนใหญ่ที่เป็นนักบอลหรือพวกที่ชอบเล่นบอลมักจะพากันมาเตะบอลอยู่ทุกวัน สำหรับผมเหรอ? ก่อนจะกลับบ้านงานอดิเรกที่ชอบทำเป็นประจำนั่นก็คือการแอบมานั่งส่องเพื่อนคนหนึ่งที่อยู่ในระดับชั้นเดียวกัน เขาคนนั้นเป็นคนเดียวกันกับที่ผมแอบชอบ…

“เดี๋ยวเลย์!” ผมตะโกนเรียกไอ้คนที่มันกำลังจะเดินออกจากสนามเสียงไม่ดังมาก แต่มันก็หยุดพร้อมกับหันมาเลิกคิ้ว สองเท้าจึงรีบสาววิ่งลงไปจากอัฒจันทร์เชียร์ทันที

“อะไรวะ?”

“จะบอกว่าอย่าลืมทำการบ้านจีนด้วยนะ กลัวมึงลืมเหมือนตอนนั้นอะ…” ครูประจำชั้นไม่ได้โหดมากหรอก แต่ทุกครั้งที่ใครคนหนึ่งลืมทำมา พอแกไม่ด่าผมก็รู้สึกเสียใจนิด ๆ เข้าใจอารมณ์แบบเราผิดแต่คนอื่นยังให้อภัยอยู่บ่อย ๆ ไหม มันก็คือความรู้สึกเกรงใจนั่นแหละ แต่ครูแกไม่ได้ปล่อยนักเรียนจนเคยตัวหรอก ก็มีหักคะแนนบ้าง แต่เด็กบางคนกลับไม่สนใจ เพื่อนบางคนเลือกมาเรียนจีนแต่ทำไมถึงเทกันก็ไม่รู้

“ระดับกูไม่เคยลืมอยู่แล้ว มึงก็รู้ว่ากูชอบจีนมากแค่ไหน แม่งเศร้า…” เลย์มันตอบด้วยใบหน้าเลือดอด ซึ่งผมก็รู้ดีว่ามันประชดชีวิตอยู่ คนบ้าอะไรชอบเลขแต่เลือกเรียนจีน เออ… คิดได้รอบคอบมากมึง

“เออทนอีกนิด เกรงใจครูเขาหน่อย”

“กูรู้แล้ว มึงก็อย่าลืมเอามาส่งด้วยละกัน ยิ่งขี้ลืมอยู่ด้วยมึงอะ…”

“รู้แล้วพ่อ…”

“จ้าแม่…”

“ไอ้นี่…”

“เออ ๆ กูไปละ…” ผลักหัวผมอีกละ เอะอะไรก็ผลัก เห็นว่าเตี้ยกว่าแล้วจะทำอะไรก็ได้รึไงห๊ะ!?

“เฮ้อออ…” ผมได้แต่ถอนหายใจมองหลังไอ้เพื่อนตัวสูงด้วยสายตาเหนื่อย ๆ ก่อนจะทำเป็นขึ้นไปนั่งบนอัฒจันทร์เชียร์ส่องคนที่แอบชอบเล่นบอลต่อ ดูใบหน้าหล่อ ๆ น่าดึงดูด กับรูปร่างของนักกีฬาที่สมส่วนนั่นสิ มันดันทำให้ผมรู้สึกหลงรักผู้ชายคนนี้มากขึ้นเรื่อย ๆ (เปิดเพลง shape of you)

‘ใครๆ เขาก็ชอบนายอะ...’

‘เราเองก็แอบชอบนายนะ…’ ผมได้แต่บ่นขึ้นในใจ ตามจริงก็รู้สึกหนักใจไม่น้อยเลยนะที่ต้องมาแอบชอบคนที่ค่อนข้างมีชื่อเสียงหรือมีหน้ามีตาในโรงเรียน ถึงในโรงเรียนจะมีคนดังมากว่ายี่สิบคนก็ตามเถอะ แต่เขาคนนั้นก็เป็นหนึ่งในนั้น

‘เศร้าใจ…’ บางทีการที่เราแอบชอบใครสักคน มันก็เหมือนกับการเขียนเรื่องราวความรักของคนที่เราแอบชอบและตัวเราให้ออกมามีบทยังไงก็ได้ตามที่เราต้องการ บางทีเราอาจจะรู้สึกเหมือนหวงเขาไม่อยากให้ใครมองเขา แต่ความเป็นจริงแล้วคนอื่นที่แอบชอบเขาอยู่ก็รู้สึกเหมือนกันแทบจะไม่ต่างกับเราเลย...

‘บางทีอยู่ ณ จุดจุดนี้เราก็มีความสุขแล้วแหละเนอะ…’

‘คงต้องทำใจ… คนที่แอบชอบใครสักคนอยู่ก็รู้ดีแหละว่าบางทีแค่ได้มองเขาก็รู้สึกโอเคแล้ว…’

บรรยากาศที่ท้องฟ้ากำลังเริ่มเปลี่ยนเป็นสีแสด นักเรียนส่วนใหญ่ตอนนี้เริ่มจะพากันกลับบ้านกันหมดแล้ว ส่วนพวกนักเรียนชายที่เตะบอลกำลังทยอยกันออกจากสนาม คนที่ผมแอบชอบเขากำลังเดินตรงมาที่อัฒจันทร์เชียร์ใกล้ ๆ กับที่ผมนั่งอยู่ ใจผมนี่สั่นแทบเป็นบ้าเลย ได้แต่ทำเป็นหยิบโทรศัพท์มากดเล่น แต่แวบแรกที่ผมหันไปมองหน้าของเขาที่กำลังเดินเข้ามาใกล้ ๆ ดันหันมาสบตากับผมพอดีนี่สิ

ขวับ!

ถึงกับต้องรีบหันหน้าหลบอย่างรวดเร็ว สายตาของเขา มันทำให้หัวใจของผมตอนนี้เต้นจนแทบไม่เป็นจังหวะ

‘ฉิบหายแน่ ๆ” ได้แต่บ่นในใจอย่างนึกกังวล คนบ้าอะไรแค่มองก็ทำให้เราเกือบหัวใจวาย

“ดอน ๆ พรุ่งนี้มึงจะเล่นอีกป่ะ?” เสียงเพื่อนคนหนึ่งเรียกชื่อคนตัวสูง ส่วนผมตอนนี้กำลังตั้งสติและทำเป็นแอบฟังเสียง

“แล้วแต่…” ทำไมตอบแต่ตายังหันมาจ้องผมด้วยล่ะเนี่ย หรือผมทำตัวแปลกเกินไป มีอะไรติดหน้าอยู่รึเปล่าวะ พอรู้สึกเหมือนตัวเองเป็นเป้าสายตาผมจึงรีบทำเป็นเก็บของเพราะตอนนี้ท้องฟ้าเริ่มเปลี่ยนสีแล้วด้วย เดี๋ยวเสด็จแม่ที่บ้านจะเป็นห่วง เก็บของใส่กระเป๋าเสร็จเรียบร้อยแล้วผมถึงได้รีบยกขึ้นสะพายสาวเท้าลงไปจากอัฒจันทร์ เดินออกจากบริเวณสนามทันที

ประสบการณ์แบบนี้ผมเชื่อว่าทุกคนอาจจะเคยพบเจอมากับตัวเอง ประสบการณ์การที่ไปแอบส่องคนที่เราแอบชอบกำลังทำอะไรอยู่ มันเป็นความสุขเล็ก ๆ ของคนคนหนึ่ง ถึงเขาจะไม่รักเรา แต่อย่างน้อยเราก็มีความสุขที่ได้แอบมองเขา

ใช่ไหมล่ะครับ?

Contact Me

ออฟไลน์ เอ็ม

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 67
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +35/-0
Re: เราแอบชอบนาย E1 [03.03.2019]
«ตอบ #2 เมื่อ03-03-2019 22:48:50 »

E1 “เดินชน”

“เฮ้ออออ…” ตอนนี้ผมกำลังเดินก้มหน้าก้มตากลับบ้านไปอย่างช้า ๆ เสียงรถที่แล่นอยู่บนถนนดังขึ้นไม่ขาดสาย ไหนจะเสียงคนเดินผ่านไปผ่านมาอีก ชีวิตดูไม่มีอะไรเลย ทุก ๆ วันก็มีแค่กิน นอน ตื่นไปเรียน ส่องคนที่แอบชอบ กลับบ้าน ทำการบ้าน มันดูไม่มีสีสันเลยครับ… ในหัวสมองตอนนี้อยากลองเอาหน้าไปซบที่หลังของใครสักคน มันจะอุ่นไหมนะ แผ่นหลังที่ผมหมายถึงก็คงจะไม่พ้นของเขาคนนั้นนั่นแหละ

งื้ออออ…

คนที่ได้แต่แอบชอบก็มโนเก่งแบบนี้แหละ อย่าได้อะไรกับผมเลย อื้ม… แล้วถ้าหากใครคิดว่าผมชอบผู้ชายแล้วจะออกอาการลูกสาว

คุณคิดผิด…

ผมก็เหมือนผู้ชายธรรมดาทั่วไป ถึงตัวจะไม่สูง ไม่ชอบเล่นกีฬาเพราะมันเหนื่อย ตัวเล็ก ๆ ผิวซีด ๆ หน้าตาหวานจนเพื่อนล้อ แต่ผมไม่สนใจคำพูดของใครหรอกนะ บอกแล้วไงว่าเหมือนผู้ชายทั่วไป!!! พูดแล้วอยากร้องไห้…

คนอื่นเขามองไม่ออกหรอกว่าผมชอบผู้ชาย แต่ถ้าหากเขารู้เขาคงเรียกผมว่า ‘เกย์’ ถึงอย่างนั้นก็ไม่สนใจหรอก… เลย์มันรู้ว่าผมเป็นแบบนี้ แต่มันกลับไม่ได้รังเกียจผมเลย ซ้ำยังมองผมเหมือนเด็ก บ่อยครั้งที่มักจะถูกกลุ่มผู้ชายแซวจนรู้สึกไม่โอเค ไม่รู้ทำไม หน้าผมเหมือนคนน่าแกล้งเหรอ?

‘ทำไงจะเพิกเฉยใส่เขาได้อะ…’ รู้สึกเหนื่อยใจไม่น้อยเลยนะที่ต้องมาแอบชอบคนแบบนี้ ผมขอมอบประโยคภาษาอังกฤษหนึ่งประโยคให้ตัวเอง




‘I wish I could ignore you like you ignore me’




ก็ตามนั้นเลย… ผมอยากเพิกเฉยใส่เขาได้เหมือนที่เขาเพิกเฉยใส่ผมบ้าง คนแอบชอบนี่เสียเปรียบจังเลยนะครับ

กึก...

เดินดุ่ม ๆ ก้มหน้าก้มตามาอยู่ดี ๆ หน้าผากผมดันไปชนเข้ากับใครคนหนึ่ง เงยขึ้นไปมองกะว่าจะเอ่ยคำขอโทษ เพราะเดินโดยไม่ระมัดระวังเอง แต่กลับต้องชะงักเมื่อเห็นเป็นใบหน้าของเขาคนนั้น แถมตาคมกำลังมองมาที่ผมอยู่ด้วย

“อ๊ะ! ดะ ดอน” เผลอตกใจเรียกชื่อคนตรงหน้าออกมาอย่างลืมตัว ก่อนจะรีบยกมือขึ้นปิดปากเบิกตากว้าง ยอมรับว่าทำตัวแทบจะไม่ถูกเลย รู้สึกประหม่าไปหมด ไม่รู้จะทำตัวยังไงดี ผมเพิ่งเดินชนคนที่ผมแอบชอบนะ!!! แถมผมยังเรียกชื่อเขาไปแล้วด้วย

อ๊ากกกกก...

“อะ เอ่อ… คือ… ขะ ขอโทษ…” เลยได้รีบเอ่ยคำขอโทษด้วยน้ำเสียงตะกุกตะกัก แล้วรีบสาวเท้าเดินหลบหน้าคนตัวสูงไปทันที

ตายแน่ ๆ

ปั่ก…

“โอ๊ยยยย…” มัวแต่รีบเดินหนีไม่ได้สนใจมองถนนจนเดินชนต้นเสาที่ตั้งอยู่ข้างหน้าอีก ผมรีบยกมือขึ้นมาลูบ ๆ ที่หน้าผากเบา ๆ ก่อนจะตั้งสติแล้วเดินต่อ ดีนะหัวไม่แตก เขินก็เขิน อายก็อาย…




________________________________________




เวลา 20:20 น.

ความรู้สึกที่ผมชอบมโนขึ้นมาเองตลอดเวลาที่แอบชอบใครสักคนคือการที่เราคิดว่าเขาก็คงจะมีใจให้กับเราอยู่เหมือนกัน แต่มันคงเป็นเพียงแค่ความคิดเพ้อฝันที่ผมสร้างขึ้นมาเอง... หลายคนอาจเคยเป็นเวลาที่ถูกคนที่แอบชอบมองเรากลับ เรามักจะคิดหรือมโนไปเองว่าเขาก็ชอบเรา… ในห้องนอนขนาดกลางของผมที่ถูกจัดหรือตกแต่งอย่างเป็นระเบียบ มีห้องน้ำในตัวแถมยังมีระเบียงที่สามารถเปิดออกไปชมวิวข้างนอกได้อีกด้วย ถึงจะไม่มีวิวอะไรสวย ๆ เลยก็เถอะ เปิดออกไปก็เป็นหน้าบ้านและถนนหน้าบ้าน แทบจะติดกำแพงอยู่ละ ฝั่งตรงข้ามถนนจะเป็นบ้านอีกหลัง ถ้าคนอยู่ห้องตรงกันออกมายืนตรงระเบียงก็คงยืนคุยกันได้ ดูโรแมนติกป่ะ? แต่ไม่มีคนอยู่น่ะสิครับ สงสัยขายยังไม่ออก

ก๊อก ๆ ๆ

ในขณะที่กำลังนั่งทำการบ้านวิชาภาษาจีนอยู่นั้น เสียงเคาะประตูห้องก็ดังขึ้น ตามด้วยเสียงที่ไม่บอกก็รู้ว่าเป็นใคร

“ดัซเปิดประตูให้แม่หน่อย…” เสียงแม่เรียกให้ไปเปิดประตู หรือแม่จะมีงานเข้ารอบดึกรึเปล่านะ หรือจะเป็น…

“แป๊บหนึ่งครับ…” ผมตะโกนบอกก่อนจะรีบวางปากกาแล้วรีบลุกออกจากโต๊ะทำงานตรงไปเปิดประตูให้แม่

แกร็ก...

“แม่มีอะไรรึเปล่าครับ”

“แม่เอานมมาให้…” นั่นไง… แม่บอกพลางยื่นแก้วนมมาให้ ผมเคยบอกไปหลายครั้งแล้วว่าผมคงโตได้เท่านี้ แต่แม่ก็ยังไม่หมดหวังว่าผมจะสูงขึ้นเลย ผมไม่อยากตัดความหวังแม่ด้วยอะ ฮ่า ๆ ๆ ดื่มก็ดื่มวะ… ถือว่ามันทำให้สุขภาพดีก็แล้วกัน…

“ขอบคุณครับ...” เกือบจะทุก ๆ วันก่อนนอนแม่มักจะชอบเอานมขึ้นมาให้ดื่มตลอดเลย หมายถึงก่อนแม่ผมนอน เหตุผลก็อย่างที่บอก เพื่อที่จะให้ผมสูงขึ้นเหมือนเพื่อนผู้ชายคนอื่น ๆ แต่ก็ดูเหมือนว่ามันจะไม่ได้ช่วยให้ผมสูงขึ้นเลยสักนิด เอาจริงทำไมผมไม่ชินกับการที่แม่เอานมขึ้นมาให้ดื่มเลย มันเหมือนเด็กอะ

“อย่านอนดึกมากนะดัซ”

“ครับผม~” ตอบก่อนจะใช้มือที่ไม่ได้ถือแก้วเลื่อนไปปิดประตู แล้วเดินไปนั่งทำการบ้านต่อ คงต้องรีบทำให้เสร็จเร็ว ๆ จะได้รีบนอน เดี๋ยวถ้านอนดึกพรุ่งนี้ต้องตื่นไปโรงเรียนทั้ง ๆ ที่ตาเป็นหมีแพนด้าแน่ ๆ

คนมันจะเตี้ยยังไงมันก็ไม่มีวันสูงขึ้นหรอกครับ รึเปล่า? แต่ผมยังจำตอนถ่ายรูปรวมกับเพื่อน ๆ ในห้องได้เลย ผู้หญิงบางคนนี่ดูสูงเกินหน้าเกินตาผมมาก ๆ เลยอะ ยิ่งพอได้ภาพถ่ายออกมาผมยิ่งดูดับไปเลย

เศร้า...




________________________________________




ผ่านไปเกือบ 30 นาที

ตอนนี้กำลังนั่งทำการบ้านวิชาภาษาจีนอย่างตั้งอกตั้งใจอยู่ ผมชอบมันนะ ถึงคนอื่นจะมองว่ามันยาก แต่เอาเข้าจริง ๆ สำหรับคนที่ไม่มีปัญหาเรื่องการผันวรรณยุกต์จะดูง่ายมาก ๆ มันจะเรียงประโยคคล้าย ๆ ภาษาไทยเลย แต่นี่ผม ม.5 แล้ว ไวยากรณ์มันก็จะยากขึ้นมาหน่อย ต้องขยันท่องและจำ ๆ เอา ส่วนสิ่งที่ผมเกลียดมากที่สุดคือการจำศัพท์ นอกจากจะคัดยากแล้วยังจำยากอีกด้วย ถึงจะจำตามลำดับขีดเอาแล้วก็เถอะ เฮ้อ… ยิ่งคิดยิ่งปวดหัว... ได้แต่คิดว่าทำไมเขาถึงไม่เขียนเป็นพินอินเอาให้หมด




ความรู้นอกเรื่องเกี่ยวกับพินอินจากดัซ

“Pinyin พินอิน 拼音” คือระบบในการถอดเสียงภาษาจีนมาตรฐานด้วยตัวอักษรละติน ความหมายของพินอินคือ “การรวมเสียงเข้าด้วยกัน” (โดยนัยก็คือ การเขียนแบบสัทศาสตร์ การสะกด การถอดเสียง หรือเรียกง่ายๆ ว่าการทับศัพท์)

เช่น 我爱你 ตัวพินอินคือ Wǒ ài nǐ (หว่อ อ้าย หนี่) เข้าใจแล้วใช่ไหมครับ เพราะถ้าอยู่ดี ๆ มาอ่านตัวจีนเอาเลยคงตาย เพราะฉะนั้นเลยต้องมีตัวพินอินช่วยในการออกเสียง ส่วนประโยคเมื่อกี้แปลว่า ‘ผมรักคุณ~’




ตื๊ด...

สักพักสั่นแจ้งเตือนจากโทรศัพท์ดังขึ้น มีเหรอที่ผมจะไม่รีบหยิบขึ้นมาดู นี่เป็นข้อเสียของการเอาโทรศัพท์มาวางไว้ใกล้ ๆ ตัวตอนทำการบ้านครับ




(Until Dawn ได้อัปเดตสถานะของเขา...)




ตึกตัก...

เมื่อเห็นว่าใครที่เพิ่งอัปเดตสถานะในเฟซบุ๊กผมนี่ถึงกับรีบกดเข้าไปดูอย่างรวดเร็ว หัวใจมันก็เต้นตุ๊ม ๆ ต่อม ๆ




(คนตัวเล็ก...)

ไม่กี่วินาทีที่แล้ว

ไลก์ 18 แสดงความคิดเห็น 2




เพียงไม่กี่วินาทีก็มีคนกดไลก์เยอะมากเลย คนหน้าตาดีก็แบบนี้แหละ เฮ้ออออ... ผมตัดสินใจจะไม่กดไลก์ให้เขาเลยเด็ดขาด เพราะกลัวเขาจะรู้ว่าผมแอบติดตามอยู่ ถึงในความเป็นจริงเขาจะรู้ไหมว่าผมกดถูกใจให้ ยิ่งคิดก็ยิ่งเศร้า เขาจะแคร์เราทำไม




ความคิดเห็น

กู สวย: ใครอ่ะพี่ดอนนนน

Captain Suvichi: เดี๋ยวนี้มึงมีความลับไม่บอกเพื่อนหรอ?




นั่นสิเขาหมายถึงใคร...

ตามจริงผมก็แอบตลกตัวเองอยู่เหมือนกันนะที่กลัวไปซะทุกอย่าง กลัวว่าเขาจะรู้ว่าผมแอบชอบบ้าง กลัวว่าเขาจะรำคาญผมบ้าง แต่ในความเป็นจริง เราสองคนยังไม่ได้รู้จักอะไรกันเลยด้วยซ้ำ...

“เฮ้อออ...”

“เอาเขาเข้ามาในสมองมากเกินไปจนแทบจะไม่สามารถเอาออกไปได้แล้วอะ...”




________________________________________




ตอนเช้า~

เสียงนกร้องรับแสงแดดในตอนเช้าดังขึ้นเบา ๆ ทำให้ผมค่อย ๆ ลืมตาตื่นขึ้น ปรับสายตาได้แล้วสิ่งแรกที่ผมจะทำคือการคลำหาโทรศัพท์ที่วางอยู่ข้าง ๆ ตัวมาเช็กความเคลื่อนไหวบนหน้าโปรไฟล์เฟซบุ๊กของคนที่โพสต์ข้อความไว้เมื่อวาน




(คนตัวเล็ก...)

เมื่อ 8 ชั่วโมงที่แล้ว

ไลก์ 465 แสดงความคิดเห็น 22




พอเห็นว่ามีความคิดเห็นใหม่จึงได้รีบเปิดอ่านทันที




ความคิดเห็น

กู สวย: ใครอ่ะพี่ดอนนนน

Captain Suvichi: เดี๋ยวนี้มึงมีความลับไม่บอกเพื่อนหรอ?

Until Dawn: @Captain Suvichi ทำไมต้องบอก

Captain Suvichi: @Until Dawn เลววว

Beamer Euei: พี่ดอนเมื่อวานพี่หล่อมากเลยค่ะ

Kan Kanjana: กรี๊ดดดด

Until Dawn: @Beamer Euei ขอบคุณครับ

Van Wisky: พี่ดอนคะ แอดหนูกลับด้วยค่ะ

Beamer Euei: @Until Dawn กรี๊ดดดดดดพี่ดอนตอบ

‘ถ้าเราเผลอกดเมนต์ไปจะต้องบรรลัยแน่ ๆ ...’ ส่วนมากก็จะมีแต่เพื่อน ๆ แล้วก็แฟนคลับของเจ้าตัวที่มาเมนต์ ผมเลยไม่ค่อยสนใจสักเท่าไร รู้ครับว่าดอนคงไม่สนใจใครเหมือนกัน ถึงจะมีตอบ ๆ บ้างตามมารยาท แต่ก็เหมือนตอบแบบไร้อารมณ์... เขี่ย ๆ หน้าจอไปมาผมจึงกลับไปที่หน้าโปรไฟล์เฟซของตัวเองก่อนจะกดอัปเดตสถานะ




Dusk Aussadong

(ใคร ๆ เขาก็ชอบนาย...)


Contact Me

ออฟไลน์ เอ็ม

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 67
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +35/-0
Re: เราแอบชอบนาย E2 [03.03.2019]
«ตอบ #3 เมื่อ03-03-2019 22:50:25 »

E2 “หลบหน้า”

กริ๊งงงงง

เสียงออดหมดคาบเรียนภาคเช้าของนักเรียนชั้นมัธยมปลายดังขึ้น วันนี้ผมรีบมาโรงเรียนตั้งแต่เช้า เพราะชอบแอบเอาขนมไปไว้ที่ล็อกเกอร์ของเขาคนนั้นเกือบจะทุก ๆ วันเป็นประจำ และยิ่งเวลาเห็นเขานั่งกินขนมของเรามันจะทำให้ผมรู้สึกดีใจมาก ๆ เลยนะครับ ต้องเผลอไปแอบยิ้มอยู่คนเดียวทุกทีเลย

‘คนบ้าอะไรนั่งกินขนมยังหล่อเลย... งื้ออออ...’ ประสบการณ์แบบนี้ก็หาได้ไม่ยากหรอกนะ แค่เราเดินไปซื้อขนมสักสองสามห่อ จากนั้นก็หาถุงใส่ ไม่ต้องทำอะไรให้มันสวยมาก อาจจะเขียนข้อความบางอย่างใส่โพสอิทเล็ก ๆ ติดไว้นอกถุงด้วยก็ได้ แล้วก็เดินไปแขวนไว้ที่หน้าล็อกเกอร์ ไม่ก็ใส่ไว้ใต้โต๊ะของเขา

‘ทำไมเราต้องหน้าแดงขึ้นมาด้วยเนี่ย...’ ผมบ่นในใจไปด้วยเก็บหนังสือยัดไว้ใต้โต๊ะไปด้วย

“เลย์... มึงไปรอที่โรงอาหารเลยนะ เดี๋ยวกูขอไปเข้าห้องน้ำก่อน”

“ได้ ๆ อย่าช้านะมึง...”

“รู้แล้วเหอะ...” เดินออกมาจากห้องอย่างรวดเร็ว ตอนนี้เริ่มมีคนทยอยออกไปกินข้าวกันเยอะพอสมควร เสียงคุยกันของนักเรียนชายหญิงดังขึ้นไม่ขาด โรงเรียนผมมีนักเรียนทั้งหมดประมาณสี่พันกว่าคน ห้องเรียนแต่ละห้องจะเป็นห้องเรียนประจำ ตึกก็มีอยู่หลายตึก อาจจะมีบางวิชาที่ต้องเดินไปเรียน... ผมค่อย ๆ เดินก้มหน้าผ่านนักเรียนชายกลุ่มหนึ่งเพื่อที่จะผ่านเข้าไปในห้องน้ำ ตัวเกร็งไปหมดแล้วนะ ไม่รู้จะพากันมานั่งรวมกันทำไม

“ฮิ้วววว...” เสียงแซวดังขึ้นจนต้องเผลอเงยหน้าขึ้นไปมองไอ้พวกผู้ชายที่มันพากันแซว

กึก...

แต่ทว่าสายตาดันไปสบเข้ากับใครคนหนึ่ง ใครคนนั้นกำลังนั่งนิ่ง ๆ มองมาที่ผมอยู่พอดี

ขวับ!

รีบหันหน้ากลับมาแล้วสาวเท้าตรงเข้าไปในห้องน้ำทันที...

‘ทำไมต้องอยู่ในกลุ่มนั้นด้วย...’

‘ใจสั่นไปหมดแล้ว...’ ตอนนี้ผมยืนอยู่หน้ากระจกห้องน้ำ ใจมันก็สั่นไม่เป็นจังหวะ ไม่เข้าใจว่าทำไมแค่ชอบคนคนหนึ่งมันถึงทำให้ผมเป็นได้ขนาดนี้... สักพักหลังตั้งสติได้จึงได้รีบเข้าไปทำธุระแล้วออกมาเปิดน้ำซับหน้าเบา ๆ

“…” เป็นแบบนี้ทุกครั้งเลยที่เผลอสบตาเข้ากับเขา คนอื่นอาจมองว่ามันดูเยอะก็ได้นะ แต่ถ้าได้รู้สึกแบบผมทุกคนก็คงจะเข้าใจเอง... หัวใจมันสั่นจนแทบจะระเบิด อีกอย่างถึงจะแอบชอบเขายังไง ผมก็ไม่คิดหรือกล้าที่จะเข้าหาเขาอยู่แล้ว

“เฮ้อออ...” ได้แต่ถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ จ้องไปที่ใบหน้าของตัวเองผ่านกระจก ใบหน้าที่ตอนนี้มีหยดน้ำเกาะอยู่นิด ๆ

‘จะชอบใครก็ไม่ดูเลยนะดัซ...’

‘ไม่ระมัดระวังอะไรเลย...’ ผมได้แต่บ่นตัวเองในใจแต่สักพักกลับมีเสียงใครสักคนกำลังเดินเข้ามาในห้องน้ำ ผมเลยรีบเดินเข้าไปในห้องส้วมพร้อมกับล็อกประตูไว้

‘แล้วทำไมถึงไม่เดินออกไปวะดัซ? ป่านนี้เลย์มันคงบ่นผมละมั้ง...’ ทำเป็นยืนอยู่ในนั้นสักพักก่อนจะทำเป็นกดชักโครกแล้วเปิดประตูออกไป

“อ๊ะ! ดะ ด- อุ๊บ...” แต่ถึงกับต้องร้องออกมาด้วยความตกใจเมื่อเปิดประตูออกมาดันเห็นเป็นคนตัวสูงที่ผมไม่อยากจะเจอตอนนี้กำลังยืนอยู่หน้าห้องที่ตัวเองเข้า แถมผมยังจะเผลอเรียกชื่อเจ้าตัวออกไปอีกแล้ว ยังดีนะที่ยกมือขึ้นมาปิดปากไว้ทัน

“…” คนตรงหน้าเอาแต่จ้องหน้าผมด้วยใบหน้าคิ้วขมวด แต่พอตั้งสติได้ผมจึงรีบก้มหน้าลงแล้วทำเป็นเดินแทรกตัวออกไป

หมับ…

“อ๊ะ!” แต่กลับถูกมือหนาจับข้อมือไว้จนต้องชะงักหันกลับไปมองอีกครั้ง

“หลบหน้าผมทำไม?” เสียงทุ้มดังขึ้นพร้อมกับคิ้วที่ขมวดมากกว่าเดิม ก่อนสายตาผมจะลดลงไปมองที่ข้อมือของตัวเองที่ถูกจับไว้ ใบหน้าร้อนผ่าวขึ้นอย่างหักห้ามไม่ได้

ไม่ไหวแล้ว… ผมจะตายแล้ว…

“ระ เราขอโทษ...” รีบเอ่ยคำขอโทษออกมาแล้วดึงมือของตัวเองมาจับไว้ที่อก ก่อนจะรีบสาวเท้าออกไปจากห้องน้ำทันที ไม่สนใจอะไรแล้วตอนนี้ ต้องไปจากตรงนี้ ได้แต่สาวเท้าเดินลงไปหาเลย์มันที่โรงอาหารทันที

ตึกตัก...

‘เราแสดงอาการออกขนาดนั้นเลยเหรอ...’ ผมได้แต่ถามตัวเองในใจ ไม่รู้เลยว่าเขาจะรู้เรื่องที่ผมชอบแอบมองไหม แต่เขารู้ว่าเราชอบหลบหน้า ไม่คิดว่าจะแสดงอาการออกมามากถึงขั้นที่จะทำให้เขารู้ตัวเลยนะ เดินไปด้วยผมก็จับข้อมือของตัวเองที่ถูกเขาสัมผัสไปด้วย

“ดัซนะดัซ...”




________________________________________




สักพักก็เดินมาถึงโรงอาหาร กวาดสายตามองไปรอบ ๆ ก่อนจะเห็นเลย์มันนั่งรออยู่ด้วยใบหน้านิ่ง ๆ

“กูขอโทษ...” รีบเดินไปขอโทษมันทันทีเพราะรู้ว่ามันต้องโกรธแล้วแน่ ๆ ก็เล่นให้รอนานซะขนาดนั้น

“ไม่มาพรุ่งนี้เลยล่ะ...”

“แงงง... มึงอะ”

“ไปแงใส่คนที่มึงชอบเลยไป!”

“ตอนไหนจะเลิกล้อกูไอ้บ้า” ตั้งแต่เช้าละ มันเอาโพสต์ที่ผมโพสต์เมื่อคืนมาล้อจนผมเขินไปหมดละ เพื่อน ๆ คนอื่นยังจะเล่นกับมันด้วยนะ

“รีบไปซื้อข้าวดิวะ...”

“เออ ๆ ทำไมต้องดุด้วย...” ผมย่นจมูกตอบมันก่อนจะรีบเดินไปซื้อข้าวมานั่งกินกับมัน

บรรยากาศในโรงอาหารตอนนี้กำลังหนาแน่นไปด้วยนักเรียน เสียงคุยกันดังขึ้นไม่ขาด กินข้าวเสร็จแล้วก็ลุกเอาจานไปเก็บพร้อมกับไอ้เลย์แล้วพากันเดินขึ้นไปบนห้องรอเรียนคาบบ่าย

“เป็นอะไรของมึงวะดอน? แม่งขมวดคิ้วมาตั้งแต่ออกจากห้องน้ำละ” ในระหว่างที่กำลังเดินก้มหน้าขึ้นบันไดกลับได้ยินเสียงใครคนหนึ่งเอ่ยชื่อของคนที่ผมเพิ่งหนีออกมาจากห้องน้ำก่อนไปกินข้าว นั่นทำให้รีบเงยหน้าขึ้นไปมอง

กึก...

และมันดันสบเข้ากับตาของคนตัวสูงอีกแล้ว!!!

ขวับ!

ผมรีบหันหน้ากลับมามองตรงแล้วรีบก้าวขาเดินตามไปจนติดหลังเลย์มันทันที

“มึงจะอ้อนกูเหรอวะ บอกว่าไม่ได้โกรธ...”

“…” ไม่สนใจไอ้เพื่อนตัวสูงมันพูดเลยสักนิด เอาแต่เดินเอาหัวชนหลังมันอยู่อย่างงั้น ในสมองนึกถึงแต่สายตาของคนเมื่อกี้

‘เจอบ่อยเกินไปแล้วนะ...’

‘จะหัวใจวายแล้วนะเนี่ย...’

ตึกตัก…

Contact Me

ออฟไลน์ เอ็ม

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 67
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +35/-0
Re: เราแอบชอบนาย E3 [03.03.2019]
«ตอบ #4 เมื่อ03-03-2019 22:53:38 »

E3 “วอลเลย์ปาท่องโก๋”

สองวันถัดไป~

“ดัซ! กูบอกให้เสิร์ฟแรง ๆ เสิร์ฟแบบนั้นแล้วมันจะข้ามตาข่ายไหมวะ!?”

“อะไรนะ!?”

“กู! บอก! ให้! เสิร์ฟ! แรง ๆ!”

“…” ทำไมเสียงในสนามมันดังขนาดนี้วะ แล้วผมจะได้ยินไอ้คนที่มันตะโกนอยู่อีกฝั่งไหม เลยได้แต่ทำหน้างง ๆ ในมือผมตอนนี้มีลูกสีเหลือง ๆ กับสีน้ำเงินพาดผ่านเป็นเส้น ๆ ใช่แล้วครับ! นี่คือลูกวอลเลย์บอล ในสนามที่ว่าคือสนามวอลเลย์บอล จะเรียกว่าสนามวอลเลย์บอลไปซะทีเดียวก็ไม่ได้เพราะมันก็ใช้เรียนตะกร้อ ซึ่งตำแหน่งมันจะอยู่ในโดมกว้าง ข้าง ๆ จะเป็นสนามฟุตซอลซึ่งมีอีกห้องเรียนอยู่ โดมจะมีอีกหลังหนึ่งด้วย แล้วจะมีสนามทุกอย่างเหมือนกัน พวกผมเรียนวอลเลย์บอลอยู่ครับ ครูให้ฝึกเสิร์ฟลูกอยู่

“ก็กูไม่ได้ยินอะ ทำไมมึงต้องทำหน้าเหมือนอยากฆ่ากูด้วยวะ…” ไอ้เพื่อนตัวสูงของผมในชุดผละของโรงเรียนเดินมายืนเท้าสะเอวมองหน้าเหมือนหาเรื่อง

“กูบอกว่าให้เสิร์ฟแรง ๆ ถ้ามึงยังเสิร์ฟด้วยแรงเท่าขี้แมวอยู่แบบนี้มันจะข้ามตาข่ายไหมวะ”

“มันก็ข้ามแล้วไง… ลูกหนึ่ง” ผมย่นจมูกเถียง ข้ามแล้วลูกหนึ่งคือชนส่วนบนของตาข่ายแล้วกลิ้งลงไปอีกฝั่ง ส่วนอีกสิบกว่ารอบที่เสิร์ฟคือไม่ข้าม

“เฮ้อออ… อาทิตย์หน้าสอบเสิร์ฟลูกนะดัซ กูไม่ได้อะไรเลยเพราะมันไม่ใช่สอบคู่ แต่จะไม่ใส่ใจมึงก็ไม่ได้ เอามาจะเสิร์ฟให้ดู…” มันแย่งลูกวอลเลย์ในมือผมไปก่อนจะเดินไปตรงเส้นขอบสนาม ตั้งท่ามองตรงแล้วโยนลูกวอลเลย์ขึ้นไม่สูงมากแล้วตบเหมือนใช้แรงไม่เยอะแต่มันดันลอยข้ามตาข่ายไปอีกฝั่งจนผมยิ่งรู้สึกเจ็บที่อกข้างซ้าย

มันเจ็บตรงนี้!

“เห็นไหม…”

“…”

“เป็นผู้ชายแรงก็ต้องเยอะไหมวะ มึงเห็นพวกชมพู่กับออกัสไหม มันเป็นแบบนั้นยังเสิร์ฟแรงกว่ามึงเลย แล้วไหนจะพวกผู้หญิงอีก…” มันบอกจนผมหันไปมอง ชมพู่กับออกัสคือเพื่อนผู้ชายที่ออกสาวเต็มตัวแล้วครับ ก็พวกมันชอบเล่นวอลเลย์ไหมวะ ตัวก็ดูจะแข็งแรงกว่าผมด้วย

“กูอาจจะไม่ผ่านก็ได้ว่ะอาทิตย์หน้า ต้องได้เกรดพละน้อยเหมือนเดิมแน่ ๆ”

“…”

“กูท้อกับวิชาพละ ทุกกีฬาเลยอะเลย์”

“เฮ้อออ… ยืนอยู่ตรงนี้เดี๋ยวกูไปเสิร์ฟกลับมาให้ ไม่ซ้อมก็ทำไม่ได้ อย่าดูถูกฝีมือตัวเองดิวะ…” มันเดินมาผลักหัวผมเบา ๆ ก่อนจะกลับไปยืนอยู่ฝั่งเดิม เลย์มันวิ่งไปเก็บลูกวอลเลย์ใต้อัฒจันทร์มาตั้งท่าเตรียมเสิร์ฟแต่ครั้งนี้กลับโยนแล้วกระโดดตบอย่างแรงจนลอยข้ามหัวผมออกไปนอกสนาม

“ทำไมต้องใช้แรงเยอะขนาดนั้นด้วยวะ…” ผมบ่นพลางหันหลังวิ่งไปเก็บอย่างรวดเร็วไม่งั้นต้องกลิ้งไปไกลแน่ ๆ ยิ่งฝั่งที่ผมยืนเป็นฝั่งทางเข้า ลูกวอลเลย์มันกลิ้งออกไปจากโดมข้ามถนนและทางเดินจนไปชนเท้าของใครคนหนึ่งที่นั่งบนเก้าอี้หินอ่อนใต้ต้นไม้อยู่ มอง ๆ ดูถึงได้รู้ว่าเป็นกลุ่มพวกผู้ชายที่มันกำลังนั่งทำงาน

กึก…

‘เชี่ย…’ ทำไมต้องนั่งอยู่ตรงนี้ด้วย

“เสิร์ฟแรงจังวะครับ” เพื่อนในกลุ่มของคนที่ผมไม่อยากมองคนหนึ่งพูดขึ้นพร้อมกับหยิบลูกวอลเลย์ขึ้นมาถือ ดูหน้ามันแล้วต้องให้ผมเข้าไปเอาเองแน่ ๆ

“อะ เอ่อเราขอโทษ…”

“เข้ามาเอาดิ…” คนที่ถือลูกวอลเลย์บอกด้วยใบหน้ากวน ๆ แต่ตาผมกลับหันไปมองยังอีกคนที่มองมาด้วยสายตานิ่ง ๆ ส่วนเพื่อนคนอื่น ๆ อีกสามคนกลับเอาแต่นั่งปั่นงาน ผมว่าต้องลอกเพื่อนอยู่แน่ ๆ ใจเย็น ๆ ดัซ เขาก็เป็นแค่เพื่อนร่วมสายชั้นไม่ใช่รึไง เพื่อนร่วมสายชั้นที่เราแอบชอบ ไหนจะเรื่องในห้องน้ำเมื่อสองวันก่อนอีก…

หมับ…

“…” อยู่ดี ๆ เจ้าของร่างสูงที่ทำให้ผมใจสั่นกลับลุกขึ้นมาคว้าลูกวอลเลย์บอลที่ไอ้คนคนนั้นมันนั่งถือไว้แล้วเดินตรงมาที่ผมจนผมแทบอยากจะวิ่งหนี

ตึกตัก…

‘ตายแน่ ๆ ดัซ ตายแน่ ๆ ทำไมถึงดูดีขนาดนี้…’ หน้าผมร้อนผ่าวจนแทบจะตัวลอย อยากหายไปจากตรงนี้ หายไปเลยจะดีมาก ๆ

“ตัวก็เล็ก ไม่น่าจะมีแรงเสิร์ฟขนาดนี้เลยนะครับ…”

กึก…

โอเคกูตายไปอย่างสงบ… เขาพูดอะไรเมื่อกี้ไม่รับรู้แล้ว หัวใจสั่นจนต้องก้มหน้าลงนิด ๆ สบตาไม่ได้เลยจริง ๆ อาการทำไมถึงออกขนาดนี้วะดัซ พอเขายืนตรงหน้ายิ่งเหมือนตัวหดลงไปอีก น่าจะสูงกว่าเลย์มันเลยด้วยซ้ำ ทำไมตัวสูงจังอะ ดอนไม่ได้เก่งแค่ฟุตบอล แต่เจ้าตัวเก่งทุกด้านเลยต่างหาก ผมเก็บรายละเอียดมานานมากแล้วครับ เล่นบาสรึเปล่านะถึงสูง…

“คะ คือเพื่อนเราเสิร์ฟ”

“…” ดอนยังคงมองผมด้วยสายตานิ่ง ๆ เจ้าของร่างสูงในชุดนักเรียนธรรมดาแต่กลับเหมือนไม่ธรรมดา พอแอบชอบใครเขาคนนั้นก็เหมือนจะเปลี่ยนไปจากสายตาของเราเลยจริง ๆ ผมพยายามไม่ประหม่าสุด ๆ แล้ว พยายามแล้วจริง ๆ

“ครูเรียกรวมแล้วดัซ มึงทำอะไรอยู่วะ?”

“…” เสียงเลย์มันดึงขึ้นผมจึงหันไปมอง เลย์มันก็เดินมายืนอยู่ข้าง ๆ จะว่าไปเลย์มันหุ่นคล้าย ๆ ดอนเลยนะครับ หน้ามันก็ดีในระดับหนึ่ง อาจสูงน้อยกว่านิดหน่อย ผมไม่เคยถามมันเลยว่ารู้จักกับคนคนนี้ไหมเพราะกลัวมันจะสงสัย

“ขอลูกวอลเลย์คืนด้วย ครูเรียกรวมละ…”

“…” คนตัวสูงไม่ตอบนอกเสียจากจะยื่นลูกวอลเลย์ไปให้อีกคน

“รีบ ๆ ดิ” ผมมองคนตรงหน้าที่ยังคงมองผมด้วยสายตานิ่ง ๆ ก่อนจะรีบหมุนตัววิ่งตามไอ้เลย์มันเข้าไปในโดม ต่อไปคงต้องสลับข้างเสิร์ฟกับไอ้เลย์มันแล้วแหละ




________________________________________




เวลา 17:20 น.

“เลย์… พอก่อนได้ไหม” ผมเดินไปเกาะเสาโดมแล้วหายใจหอบ เหงื่อท่วมตัวจนเหม็นไปหมดแล้ว ผมพับแขนเสื้อขึ้นเล็กน้อยเพราะรู้สึกร้อน วันนี้เลย์มันถึงขั้นโทรไปขอป้า บอกว่ากลับช้าเพราะต้องซ้อมเสิร์ฟวอลเลย์บอลให้ผม ตั้งแต่เลิกเรียนสี่โมงจนตอนนี้จะห้าโมงครึ่งแล้ว คนเขาออกจากโรงเรียนจนจะหมดแล้วมั้ง เหลือแต่พวกเล่นฟุตซอลข้าง ๆ นี้ อื้ม… และคงจะมีพวกเล่นบอลที่สนามหญ้าหน้าตึกอำนวยการด้วยมั้ง แต่คงจะเริ่มทยอยกันกลับแล้วแหละ

“เห็นไหม กูบอกแค่ซ้อมก็ทำได้แล้ว”

“มันดีขึ้นใช่ไหม?” เลย์มันเดินเอาลูกวอลเลย์ไปเก็บแล้วสะพายกระเป๋าที่ไหล่ข้างหนึ่งพร้อมกับถือของผมมาให้

“ยังเก้ ๆ กัง ๆ แต่มันโอเคขึ้นเยอะมาก มึงต้องซ้อมบ่อย ๆ เข้าใจไหม?”

“อื้อ…” ผมตอบมันพลางยื่นมือไปรับกระเป๋ามาถือแล้วพับแขนเสื้อลง ไม่อยากสะพายตอนนี้เลยเพราะหลังมันเปียกเหงื่ออยู่

“ขอบใจมึงมาก ๆ นะเลย์ พรุ่งนี้เจอกัน”

“กูไปส่งไหม?”

“ไม่ ๆ มันคนละฝั่ง อีกอย่างบ้านกูแค่นี้” เดินไปไม่ไกลมาก เข้าหมู่บ้านจัดสรรก็บ้านผมแล้ว

“เออ ๆ กลับดี ๆ”

“อ่า ๆ” เลย์มันแยกกันกับผมไปฝั่งโรงจอดรถ ส่วนผมออกมาจากโรงเรียนตอนนี้บางคนยังมีนั่ง ๆ อยู่แถวข้างหน้า รถบนถนนวิ่งผ่านไปผ่านมาไม่ขาด

‘หิวจัง~’ ได้แต่บ่นในใจพลางเดินถือกระเป๋าที่ควรจะสะพายตรงไปยังร้านขายน้ำเต้าหู้ ป้าแกเปิดขายช่วงตอนเช้ากับหลังเลิกเรียน ผมชอบปาท่องโก๋ยัดไส้มาก ๆ บางทีถ้าหิวก็ซื้อ น่าจะเกือบหมดแล้วมั้งเนี่ย

“ป้าครับเอา- / เอาเหมือน-”

ขวับ!

กึก…

ทำไมต้องเป็นตอนนี้ ร่างสูงในสภาพเอาเสื้อนักเรียนออกนอกกางเกงหันมามองผมพร้อมขมวดคิ้ว ครั้นจะสั่งก็ดันสั่งพร้อมกัน แถมเจ้าตัวยังเดินมายืนอยู่ข้าง ๆ

งื้อออ… ดัซเอ๊ย…

“พะ… พรุ่งนี้เช้าผมจะมาซื้อนะครับ” ผมรีบบอกป้าที่ยืนทำหน้างงเสียงตะกุกตะกักแล้วรีบสาวเท้าเดินหนีทันที หายใจเข้าลึก ๆ ดัซ จำไว้ว่าเวลานี้ใครทุกคนก็ต้องหิวปาท่องโก๋…

“ตัวเล็ก!”

กึก…

“…” เสียงเรียกดังขึ้นจนต้องหยุดชะงัก

‘ห๊ะ? ตัวเล็ก?’ ค่อย ๆ หันกลับไปมองผมยิ่งอยากจะเป็นลม สิ่งที่อยู่ในอกข้างซ้ายสั่นเป็นจังหวะเพลงร็อกมัน ๆ ซะจนเหมือนจะหลุดออกจากอก

“ระ เราไม่กินปาท่องโก๋ เราไม่หิว คือเอ่อ… ระ เราจะไม่ซื้อแล้ว”

“…”

“งื้ออออ…” รีบหันหนีทันที เราพูดอะไรออกไป เราพูดอะไรออกไปเมื่อกี้

“กระเป๋า…”

“หือ?” ได้ยินจึงหันมามองคนตัวสูงก่อนใบหน้าจะยิ่งร้อนผ่าวขึ้นมาอีกเมื่อเห็นของในมือหนา เมื่อกี้ผมวางกระเป๋าไว้บนพื้นแล้วยืนเลือกว่าจะสั่งอะไร

“ขะ ขอบคุณนะ” รีบคว้าเอากระเป๋าจากคนตรงหน้าเข้ามากอดแล้ววิ่งหนีทันที

ดัซ!!!!!!!!

Contact Me

ออฟไลน์ เอ็ม

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 67
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +35/-0
Re: เราแอบชอบนาย E4 [03.03.2019]
«ตอบ #5 เมื่อ03-03-2019 22:55:01 »

E4 “ใจสั่นเพราะตังค์ทอน”

เมื่อวานเป็นวันที่ผมเหนื่อยมากที่สุดเลยอะ ทำไมถึงได้เจอแต่หน้าของคนคนนั้น ฝึกซ้อมเสิร์ฟวอลเลย์บอลก็เหนื่อยมากพอละ ยังต้องมาใจสั่นจนรู้สึกเพลียอีก เฮ้ออออ…

“ดัซ ๆ บอกเราได้ไหมว่าดัซแอบชอบใครอยู่?”

“…”

“เราสัญญาจะไม่เอาไปบอกใครเลยอิอิ”

“หยุดเลยนะกิ้ฟ เราไม่ได้แอบชอบใครสักหน่อย” ตอนนี้ผมนั่งอยู่ในห้องเรียนอยู่ ครูไม่เข้ามาสักทีไม่รู้ว่าไปไหน ส่วนเลย์มันไปนั่งตีป้อมกับเพื่อนหลังห้องละ เสียงดังซะจนผมยังรำคาญ ส่วนคนตรงหน้าผมชื่อกิ้ฟ เพื่อนในห้องผมเองครับ

“ขี้งกอะ เราไม่เชื่อหรอก ไม่บอกก็ไม่เป็นไร แต่เราขอฟินได้ไหมอะ คนตัวเล็กน่ารักแบบดัซ แอบชอบผู้ชายคนหนึ่ง เขาคนนั้นต้องตัวสูงหล่อแน่ ๆ กรี๊ดดด… สาววายอย่างฉันตายอย่างสงบศพสีชมพู…”

“…” ผมได้แต่ยิ้มแห้ง ๆ มองคนตรงหน้าที่เหมือนกำลังหน้าแดงแบบสุด ๆ ไม่รู้จะฟินทำไม เพราะไอ้เลย์เลย!!! หลังจากมันเอาเรื่องที่ผมโพสต์มาล้อที่ห้อง เพื่อนหลาย ๆ คนก็เริ่มพากันแซวจนผมเขินตัวแทบลอยละ แต่เหมือนจะเริ่มเงียบไปได้เมื่อวานแล้วนะ ที่ยังมีเอามาถามก็คนตรงหน้าผมนี่แหละ

ฮืออออ… กิ้ฟได้โปรดหยุด

“ดัซ…” เสียงเรียกจากเพื่อนคนหนึ่งดังขึ้นผมจึงหันไปมอง

“อ้าวจิน มีอะไรรึเปล่า?” จินคือเพื่อนผู้ชายใส่แว่น และแน่นอนว่าเนิร์ดตัวพ่อ เก่งขั้นสุด เก่งทุกวิชา เหมือนเป็นคนที่ช่วยยกระดับห้องไว้เลยก็ว่าได้ เพราะจินมักจะไปแข่งขันอะไรอยู่บ่อย ๆ ในห้องผมส่วนมากกราฟคะแนนเฉลี่ยมักจะอยู่กลาง ๆ เพราะมีคนที่คอยดึงคะแนนเฉลี่ยให้สูงขึ้นพอ ๆ กับคนที่ดึงคะแนนให้ต่ำลงพอดี

“พาเราไปตามครูหน่อยสิ”

“เดี๋ยว ๆ ไม่ได้นะ…” กิ้ฟเอ่ยขึ้นจนผมหันมามอง

“แต่นี่มันจะหมดคาบแล้วนะ อย่าลืมว่าดาราศาสตร์เราเรียนแค่หนึ่งคาบต่อสัปดาห์ ถ้าไม่ได้เรียนก็คือเราต้องรอเรียนอีกทีอาทิตย์หน้าเลยนะ” ใช่ครับ… สายศิลป์ก็แบบนี้แหละ ดาราศาสตร์ผมเรียนแค่หนึ่งคาบต่อสัปดาห์ ส่วนวิทย์หลักเรียนสองคาบต่อสัปดาห์ สรุปคือวิทย์สองรหัสเรียนสามคาบต่อสัปดาห์ ดูเหมือนน้อยนะ แต่คนไม่ชอบก็คือไม่ชอบอะ

“เราว่าควรไปตามอะกิ้ฟ…” ผมหันไปเสริมให้กิ้ฟเข้าใจ เพื่อนในห้องหลายคนเลยที่ไม่ชอบให้ไปตามครูเพราะไม่อยากเรียน ผมเองไม่ใช่คนแบบนั้น แต่ก็ไม่ใช่คนที่จะไปตาม เหมือนถ้าครูไม่มาก็จะนั่งเฉย ๆ ในห้อง หรือถ้าเพื่อนให้ไปตามผมก็จะไปตาม

“เอองั้นก็ได้ อีกอย่างบางทีถ้าไม่ได้เรียนก็ไม่รู้จะเอาอะไรไปสอบ” กิ้ฟบอกเหมือนเริ่มเข้าใจ ก่อนเราสามคนจะเดินออกไปจากห้อง ผมหันไปมองเพื่อน ๆ คนอื่นที่ไม่สนใจอะไร พอดีกับไอ้เลย์คนที่มันเอาเสื้อลอยชายถือโทรศัพท์อยู่หันมามองผมแล้วขมวดคิ้ว เหมือนมันจะถามว่าผมจะไปไหน มัวแต่นั่งกองกันกับพวกผู้ชายด้านหลังอยู่นั่นแหละ บ้างก็นอนกันเลย สบายจริง ๆ พวกนี้ ผมไม่ได้บอกเพราะมันอยู่ไกลเลยได้เดินมาแล้ว

“เฮ้ยดัซ! ไปไหนวะ?”

“จะไปตามครู… มึงเอาเสื้อเข้าในกางเกงเลยเลย์” และก็เหมือนที่ผมคิดคือมันวิ่งออกมาตาม

“ไม่เอา… มึงจะไปตามทำไมวะ?” มันทำสีหน้าอ้อนเหมือนจะบังคับผมทั้ง ๆ ที่คนอื่นอยู่ด้วย

“นายไม่อยากเรียนทำไมต้องมาเรียน” เสียงจินดังขึ้นจนผมหันไปมอง เลย์มันถึงกับเปลี่ยนสีหน้าเป็นเหมือนไม่พอใจขึ้นทันที

“เลย์กูว่ามึงเข้าไปในห้องเถอะ เอาเสื้อออกนอกกางเกงครูปกครองมาเห็นเดี๋ยวก็บ่นอีกหรอก” หลังเลิกเรียนครูเขาไม่บ่นหรอก แต่ตอนนี้มันเวลาเรียน อาจจะไม่เหมาะที่จะแต่งตัวไม่เรียบร้อยแบบนี้

“เออ ๆ … เดี๋ยวเหอะจิน” มันชี้หน้าเหมือนคาดโทษใส่คนที่ยืนข้าง ๆ ผม

“เลย์กับจินนี่เหมือนจะไม่ถูกกันมานานแล้วนะ ตั้งแต่วันคัดเลือกหาคนไปแข่งเลขแล้วป่ะ” กิ้ฟถามในขณะที่พวกผมเดินตามทางเดินไปเรื่อย ๆ อ๋อ… ใช่ครับ เพราะเลย์มันเก่งเลขแบบเว่อร์ ๆ เหมือนที่ผมเคยบอกว่ามันชอบเลข จินเองก็เก่งมาก ๆ เหมือนกัน ครูเลยหาตัวแทนของสายศิลป์ให้ลองไปแข่งดู เหมือนจินจะได้แต่เลย์มันไม่ได้เลยพาลใส่ เรื่องมันนานมาแล้วแหละ แต่ก็อย่างที่เห็นว่าสองคนนี้ไม่ชอบกัน เอาจริงเลย์มันควรหาเรื่องคนที่ตัวเท่า ๆ กันหน่อยอะ

“ช่างเถอะ…” จินบอกเหมือนไม่อยากย้อนอดีต ผมเลยหันไปมองกิ้ฟก่อนเราสามคนจะเดินเข้าไปในห้องพักครู สรุปคือครูไปทำธุระ แต่แกน่าจะบอกไว้สักหน่อยอะ สุดท้ายเลยต้องกลับห้องแล้วบอกเพื่อน ๆ ให้ทำงานที่ค้าง ผมไม่รู้ว่าตัวเองรู้สึกแบบนี้อยู่คนเดียวรึเปล่า เหมือนพอเห็นว่าเป็นห้องสายศิลป์ครูสายวิทย์แกเลยมักจะหยวน ๆ ในการสอน ปัญหาคือพอออกข้อสอบก็ออกเหมือนกันทุกห้องที่เรียนอีก ผมไม่ได้หมายถึงออกเหมือนของพวกสายวิทย์นะครับเพราะนั้นคงยากไป หมายถึงออกข้อสอบเหมือนกันกับห้องที่เรียนกับครูคนนี้ แล้วทีนี้คนลำบากก็คือห้องที่ไม่ค่อยจะได้เรียนอะ

“มึงเห็นเจเมื่อเช้าป่ะ”

“เออมึงกูแบบ คือ… อีดอกผัวกูเลยม้ะ…”

“กูขอดอนค่า… อิห่ากูถามจริงห้องนั้นมีคนหล่อกี่คนวะ”

“โอ๊ยกูขอเหมาหมดเลยเด้อ”

“ใช่ม้ะ งั้นแบ่งกันมโนมึง”

“พูดแล้วเศร้า… กูอยากรู้ว่าพวกนั้นชอบคนแบบไหนวะ”

“โอ๊ยจะไปยากอะไร ก็คงสวย ๆ น่ารัก ๆ มีออร่าป่ะ”

“เออว่ะ…” ผมได้ยินประโยคคุยกันจากเพื่อนโต๊ะข้างหลังได้หมดเลย มือก็ทำงานค้างไปแต่หูฟัง จะว่าไปก็คงใช่แหละเนอะ คนหน้าตาดีเขาก็คงต้องชอบคนหน้าตาดีไหมอะ เอาอีกแล้ว… คนที่ได้แค่แอบชอบมันจะมีความรู้สึกหนึ่งเหมือนแบบหน่วงในอกเพราะเราไปอยู่จุดนั้นไม่ได้อะ ที่ผมหน่วงเพราะผมหวังเหรอ?

“ดัซ…” หรือเพราะผมหลงเขามากเกินไป ทั้ง ๆ ที่แค่เห็นหน้าก็หลงแบบนี้เหรอ คุยกันแบบจริง ๆ จัง ๆ ก็ไม่เคย ประโยคแรกที่ได้คุยก็ตอนในห้องน้ำและเมื่อวาน

“ดัซ!”

เฮือก!

“อะ… เอ่อมีอะไรรึเปล่า?” มัวแต่พะวงแต่เรื่องของเขาคนนั้นจนไม่ได้ฟังเพื่อนผู้หญิงสองคนด้านหลังเรียก พอถูกเขย่าเลยสะดุ้งและหันไปมองทันที

“เราจะถามว่าคนน่ารักแบบดัซนี่ดูแลตัวเองยังไงเหรอ เราเป็นผู้หญิงผิวยังไม่ดีเท่าดัซเลย”

“เอ่อเราว่าเราก็ไม่ได้น่ารักขนาดนั้นมั้ง”

“ใครบอก นี่เรายังชอบดัซเลยนะ เราจีบได้ป่ะ?”

“…”

“ล้อเล่น! ฮ่า ๆ ๆ ๆ”

“ตกใจหมดเลย…”

“ก็ดัซแอบชอบผู้ชายคนหนึ่งอยู่หนิ เราเป็นผู้หญิงเราจะมีสิทธิ์จีบดัซได้ไง…” ดูพูดเข้า เอาเรื่องนั้นมาพูดอีกแล้ว

“เฮ้อออ… ทำงานได้แล้ว เราไม่ได้แอบชอบใครหรอก”

“งือออ… แต่ดัซน่ารักจริง ๆ นะ มึงว่าป่ะดิว”

“เออนั่นดิ เอาจริงเรายังแอบคิดเลยว่าดัซกับเลย์เป็นแฟนกัน เดินคู่กันยิ่งเหมือนอะ”

“โห่ไม่เอาอะ แค่คิดเราก็กลัวละ มันเป็นแค่เพื่อนเหอะ…” ใครจะชอบมันวะ ยิ่งเป็นเพื่อนสนิทกันอีก นินทาเลยก็มาเลย เลย์มันเดินมานั่งลงข้าง ๆ แล้วหันไปขมวดคิ้วมองเพื่อนสองคนที่กำลังคุยกับผม

“มองไรวะ?”

“หล่อมากมั้งเลย์ แค่นี้มองไม่ได้รึไง?”

“ใช่ หล่อไหมล่ะ…”

“ไอ้บ้า!” จากนั้นเพื่อนผู้หญิงสองคนก็ไม่ชวนผมคุยเลย เลย์มันหันมามองผมแล้วขมวดคิ้วจนผมเลิกคิ้วใส่

“มึงน่ารักจังวะดัซ…”

“พอเลยมึง…” มันต้องล้อผมอยู่แน่ ๆ ทำไมถึงได้ล้อกันเป็นขบวนการแบบนี้วะ แล้วยังมีน่ามาหัวเราะอีก ผมมองมันด้วยสายตาพร้อมทุบจนมันยอมหันไปหยิบงานขึ้นมาวาง

“กูไม่อยากให้มึงเข้าใกล้ไอ้จินเลย” ได้ยินผมถึงกับหันไปขมวดคิ้ว

“เลย์มึงอย่าสั่งให้กูออกห่างจากเพื่อนที่มึงไม่ชอบได้ไหม?”

“…” ดูหน้า แล้วยังจะมาทำหน้าไม่พอใจใส่อีก

“ทำไมมึงต้องไม่ชอบจินว่ะ กูว่าจินก็ไม่ใช่คนไม่ดีนะเว้ย”

“ก็กูหมั่นไส้มัน…”

“เฮ้อออ… ทำไมต้องไม่ให้กูเข้าใกล้ด้วย” ผมถอนหายใจพลางหันไปจดงานต่อ

“เพราะกูไม่ชอบมัน และมึงเป็นเพื่อนสนิทกู…”

“…เออ ๆ กูจะพยายามแล้วกัน แต่ถ้าจินเข้ามาหากูเองก็ช่วยไม่ได้นะ เพราะกูก็ไม่ได้มีปัญหาอะไรกับจินอะ”

“อื้อ…” มันครางตอบในลำคอก่อนจะยอมหันไปทำงาน ผมมองเลย์มันเหมือนพยายามคิดอะไรอยู่แล้วก้มลงไปมองเสื้อที่ตอนนี้มันเอายัดใส่กางเกงแล้ว เอออย่างน้อยมันก็เชื่อที่ผมบอก

“เลย์…”

“…”

“มึงบอกกูน่ารัก มึงพูดจริงป่ะ…” ทำไมผมต้องเม้มปากถามด้วยวะ แค่อยากรู้ว่าถ้าหากผู้ชายคนอื่นมอง เอ่อ… ก็ผู้ชายคนนั้นแหละ ถ้าเขามองเขาจะมองผมน่ารักไหม ได้ยินเลย์มันจึงขมวดคิ้วแล้วยกมือขึ้นมาแบให้ผมดูจนผมขมวดคิ้ว

พลั่ก…

“โอ๊ย! ไอ้เลว!”

“ถามบ้าอะไรของมึง…” มันดันหน้าผมจนแทบตกเก้าอี้ รีบยกมือขึ้นไปตีแขนมันทันทีเลยครับ คิดไว้แล้ว! คนอย่างมันจะชมผมจริง ๆ ได้ไง ไอ้คนทรยศ

“ก็น่ารัก… กูมองแล้วก็คิดว่ามึงน่ารักแต่กูคงไม่ได้รู้สึกอะไรด้วยว่ะ เพราะมึงเป็นเพื่อนสนิทกู…”

“…” เอ่อ… กูไม่ได้หมายความแบบนั้นเลย์

“ทำไม? มึงถามเพราะมึงกำลังคิดว่าไอ้คนที่มึงชอบมันจะมองมึงน่ารักไหมเหรอวะ?”

“ปะ เปล่านะเลย์ มึงพูดเบา ๆ หน่อย”

“กูหวงเพื่อน กูจะไม่ให้มันเข้ามาหามึง…”

“ไอ้บ้า เพื่อนมึงไม่ได้ดูดีขนาดนั้น”

“ใช่!”

“เอ้า… ทำไมมึงแทงใจดำจังวะ”

“รีบปั่นงานดัซ…”

“เออ ๆ” สรุปคือมันมองผมน่ารักใช่ป่ะ แต่ทำไมผมรู้สึกไม่ค่อยมั่นใจในตัวเองเลยอะ เฮ้อออ…




________________________________________




พักเที่ยงหลังทานข้าวเสร็จ โรงเรียนผมจะมีโซนขายของ พวกน้ำปั่น ผลไม้ หรือขนมต่าง ๆ และจะมีโต๊ะให้นักเรียนนั่งเล่นหรือทำงานอยู่ด้านหน้าโซนขายของ ที่พูดถึงคือมันไม่ได้อยู่ในโรงอาหารนะครับ มันจะแยกออกจากโรงอาหารเลย ประเด็นคือเลย์มันใช้ให้ผมไปซื้อน้ำให้ เห็นมันมีเหตุผลผมเลยต้องยอม บอกว่าต้องรีบทำงานที่ค้างเพราะลืมทำ เอาจริงคือลอกผมเหอะ น้ำที่ว่าก็ไม่ใช่น้ำเปล่าด้วย บอกเอานมสดปั่น

“เอานมสดปั่นหนึ่งแก้วครับ”

“น้ำมะพร้าวหมดยังครับ” เสียงทุ้มอยู่ข้าง ๆ ดังขึ้นผมจึงหันไปมอง พอดีกับร่างสูงหันมามองผมเช่นกัน

กึก…

‘วะ เวร…’ โอเค… คือมันจะเป็นโชคชะตาหรือพรมเช็ดเท้า เฮ้ย… พรหมลิขิตอะไรก็ช่าง แต่ผมไม่อยากซื้อให้ไอ้เลย์มันแล้วอะ ใบหน้าหล่อขมวดคิ้วจนผมต้องรีบหันมาก้มหน้าตัวเกร็งแทบจะเป็นท่อนไม้อยู่ละ

“เหลือพอปั่นให้หนึ่งแก้วพอดีลูก”

“งั้นเอาครับ…” ไม่ดีแน่ ๆ ดัซ ทำไงดี เสียงเครื่องปั่นน้ำดังขึ้นชวนให้ผมประหม่าไปด้วย สมองมันดูตื้อ ๆ มือก็สั่นเหมือนผมไม่ได้ยินเสียงใครพูดแล้วอะตอนนี้ อาการแบบนี้มันคืออะไร ผมไม่ชอบ เหมือนหัวใจจะวายอยู่แล้ว เลย์ช่วยกูด้วย!!! สักพักถึงได้ยินป้าที่ปั่นน้ำให้เรียกผมจึงเงยหน้าขึ้นไปมองพร้อมขมวดคิ้ว แกยื่นแก้วน้ำปั่นมาให้ผมจึงรับแล้วรีบยื่นเงินให้พร้อมกับรีบสาวเท้าหนีทันที

‘ใจมึงช่วยหยุดเต้นได้แล้ว!!!’

ปึ่ก…

“โอ๊ย…”

“เราขอโทษ…” ผมขอโทษเพื่อนผู้หญิงที่เดินมาชนกับตัวเองพอดี ทำไมต้องทำตัวเหมือนกำลังหนีอะไรสักอย่างด้วยอะดัซ

“ไม่เป็นไร…” เธอบอกก่อนจะเดินออกไปผมจึงหันไปมองตามหลังก่อนจะชะงักเมื่อคนที่ยืนอยู่ข้าง ๆ ตอนซื้อน้ำปั่นเมื่อกี้กำลังเดินตรงมาหาพร้อมใบหน้าเหมือนไม่พอใจอะไรสักอย่างจนผมชะงักรีบหันไปมองตรงหน้าแล้วสาวเท้ารัว ๆ ตายแน่ ๆ ตายแน่ ๆ บอกแล้วว่าเขาไม่ชอบเรา เป็นใครใครก็รำคาญป่ะดัซที่ถูกแอบมอง งื้ออออ…

หมับ!

“อ๊ะ! เอาไปเลย… เราไม่ดื่มแล้ว” มือข้างที่ไม่ได้ถือน้ำปั่นถูกจับไว้จนชะงักหันไปมอง ผมจึงรีบยื่นแก้วนมสดปั่นให้ร่างสูง ครั้งที่สองแล้วนะที่ถูกคนคนนี้จับมือ หลบตาปี๋เพราะกลัวอีกคนจะด่าคำเจ็บ ๆ ออกมา พอไม่เห็นว่าอีกฝ่ายจะรับน้ำปั่นผมจึงค่อย ๆ ลืมตา คนตัวสูงยังคงขมวดคิ้วมองผมแต่มือยังจับจนผมพยายามดึงออก โชคดีที่เจ้าตัวยอมปล่อย

“คะ คือเราขอโทษ… ถ้าเราทำอะไรให้นายไม่พอใจเราจะ-”

“ตัวเล็กลืมตังค์ทอน…”

“…”

“จ่ายแบงก์ร้อยไปให้ป้าแล้วทำไมไม่รอเอาตังค์ทอนด้วย”

“อะ… เอ่อคือเราขอโทษ” ผมเม้มปากแล้วยื่นมือจะไปรับตังค์จากคนตรงหน้าแต่เจ้าตัวกลับดึงหนีจนผมขมวดคิ้วเงยหน้าขึ้นไปมอง ดอนสูงจริง ๆ อะ ดูดีจนใครเห็นระยะไกล ๆ ยังอยากจะละลาย แล้วผมที่อยู่ในระยะประชิดแบบนี้ล่ะครับ แค่มองหน้าเจ้าตัวใจผมมันยังสั่นไม่เป็นจังหวะ หน้าค่อย ๆ ก้มลงและเม้มปากอีกครั้งเพราะสู้สายตาของเจ้าตัวไม่ได้ เหมือนใจจะสั่นเกินไปจนเริ่มหน่วงแล้วอะ

“ระ เราไม่เอาก็ได้” ผมบอกจนได้ยินเสียงขำพร้อมกับเจ้าตัวยื่นตังค์มาให้ เงยหน้าขึ้นไปมองใบหน้าคมอีกครั้งก่อนจะรับตังค์มาถือไว้

“ไอ้ดอนรีบ ๆ หน่อยดิวะ!” เสียงตะโกนดังขึ้นผมจึงหันไปมองพร้อมกับคนตรงหน้า ก่อนดอนจะหันกลับมาหา เหมือนเจ้าตัวยังไม่ได้น้ำมะพร้าวปั่นเลยอะ ผมทำให้คนตรงหน้าเสียเวลา ดูแย่จัง…

“ผมไปก่อนนะครับ…”

“…” แล้วทำไมต้องใช้คำว่าผมด้วย งื้อออ… สุภาพ…

“อีกอย่างตัวเล็กไม่ได้ทำให้ผมไม่พอใจอะไรสักหน่อย”

กึก…

“…” ประโยคหลังจากคนที่วิ่งกลับไปทำให้ผมชะงักถึงขั้นอยากปาน้ำปั่นในมือทิ้ง

“ดัซ! ครูจะมาแล้ว” เสียงตะโกนดังขึ้นผมจึงเงยหน้าขึ้นไปมองถึงได้เห็นเป็นเลย์มันมองลงมาจากตึกด้วยสีหน้าเหมือนโมโหจัด

“จะได้กินไหมวะแม่ง!”

“ขะ ขอโทษ!” ผมตะโกนขึ้นไปบอกมันก่อนจะรีบเดินเข้าตึก

Contact Me

ออฟไลน์ เอ็ม

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 67
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +35/-0
Re: เราแอบชอบนาย E5 [03.03.2019]
«ตอบ #6 เมื่อ03-03-2019 22:58:51 »

E5 “ทักครับ”

วันถัดไป~

เฮ้ออออ...

ตอนนี้กำลังนั่งฟุบหน้าลงบนโต๊ะรอครูเข้ามาสอนคาบบ่ายอยู่ ในสมองมันได้แต่พยายามคิดว่าทำไมดอนถึงได้เริ่มรู้สึกตัว แล้วทำไมถึงรู้ว่าผมหลบหน้า ถึงจะผ่านมาหลายวันแล้วเรื่องที่ทำให้ผมรู้สึกคาใจคือเรื่องในห้องน้ำอะ แล้วไหนจะเมื่อวานที่ดอนบอกว่าผมไม่ได้ทำให้รู้สึกไม่พอใจอีก แสดงว่าผมไม่ได้ดูแปลกในสายตาดอนใช่ไหม?

งื้อออออ...

‘สับสนอะไรของเราเนี่ย...’ ที่จริงคือกลัวว่าจะทำให้ดอนเกลียด มันมีทั้งข้อดีและขอเสีย ถ้าเขาเกลียดเขาจะไม่สนใจอะไรผมอีกแล้วใช่ไหมล่ะ เหมือนถ้าผมลืมกระเป๋าหรือลืมตังค์ถอนเขาก็จะไม่แคร์ อื้ม… อีกอย่างคือผมจะได้ไม่ต้องใจสั่นเวลาอยู่ใกล้เขา

แต่ข้อเสียคือ... คนที่เราแอบชอบเขาดันเกลียดเรานี่สิ ก็แอบเจ็บ ๆ ป่ะ ทั้ง ๆ ที่ตอนแรกเขาไม่รู้ก็ดีอยู่แล้วเชียว แต่ช่างเถอะ… ยังไงแล้วเมื่อวานคำพูดของคนตัวสูงมันก็ทำให้ผมรู้สึกแอบโล่งอก ที่เหลือคือเราเองต้องมีสติ ไม่ลุกลี้ลุกลนจนเกินไป ไม่ทำให้ตัวเองดูแปลก อื้ม!

ตื๊ดดด...

เสียงสั่นจากโทรศัพท์ที่วางคว่ำหน้าอยู่ข้าง ๆ ดังขึ้น แสดงว่ามีการแจ้งเตือนเข้ามาใหม่ ผมจึงรีบเงยหน้าแล้วเลื่อนมือไปหยิบขึ้นมาดู




(Layer A ได้แสดงความคิดเห็นต่อโพสต์ของคุณ)




อ่านจบผมถึงกับรีบหันไปมองไอ้คนที่มันแสดงความคิดเห็นต่อโพสต์ผมทันที

“ใคร ๆ เขาก็แอบชอบนาย...” มันหันมาพูดล้อ ยัง… ยังไม่คิดที่จะจบจริง ๆ ใช่ไหมหา!!!

“เดี๋ยวเหอะ...” ผมทำหน้าขู่มัน

“ฮา ๆ ๆ ก็มันยังคาใจกูว่ะ แม่งใครวะกูอยากรู้ฉิบหาย…”

“พอเลยเลย์ กูบอกแล้วไม่มีอะไร…”

“สักวันดัซ… สักวันกูจะรู้ให้ได้ หึๆ”

“มึงน่ากลัวว่ะ…”

“เหรอวะ?”

“เออ… หันไปเล่นเกมต่อเลยมึงอะ” ก่อนหันไปยังมีทำหน้าเจ้าเล่ห์ ๆ ใส่ผมอีก น่าทุบจริง ๆ ไอ้นี่ จะว่าไปวันนี้วันศุกร์แล้ว ในที่สุดก็จะได้พักสักที…

‘พักบ้าอะไรล่ะ การบ้านเยอะกว่าเสื้อผ้าที่ใส่ในแต่ละวันอีก’

ตื๊ดดด...

สักพักโทรศัพท์มันก็สั่นขึ้นอีกครั้ง แต่พอเห็นว่าเป็นการแจ้งเตือนจากใครผมยิ่งชะงักขึ้นไปอีก




(Until Dawn ได้อัปเดตสถานะของเขา)




มีเหรอที่ผมจะรอช้ารีบกดเข้าไปดูทันที หัวใจมันเต้นแรงแปลก ๆ จะโพสต์ด่าเรารึเปล่านะ แต่เอ๊ะ... เราสำคัญตัวเองเกินไปอีกล่ะ




(รักเดียว...)

ไม่กี่วินาทีที่แล้ว

ไลก์ 8 แสดงความคิดเห็น 1




อ่านจบถึงกับรีบวางโทรศัพท์ลงทันที

“เฮ้ออออ...”

‘ยังไงเขาก็ต้องมีคนที่ชอบอยู่แล้วไหมดัซ...’ มันต้องแน่นอนอยู่แล้วที่ยังไงผมก็คงเป็นได้แค่คนที่แอบชอบอยู่ฝ่ายเดียว เหมือนอีกหลาย ๆ คนที่แอบชอบเขาก็คงเป็นแบบผม ที่ดอนโพสต์คงเป็นเพราะรู้ว่ามีคนแอบชอบดอนเยอะละมั้ง ถึงได้โพสต์ดักทางให้คนอื่นรู้ เอาง่าย ๆ ก็เหมือนโพสต์บอกให้ตระหนักว่าจุดที่คุณยืนคือจุดไหนแบบนี้ล่ะมั้ง

‘ใครจะไปรู้ว่าอยู่ดี ๆ จะแอบชอบนายล่ะไอ้บ้า!!!’ ฮือออ… คิดว่าเราแอบชอบใครคนหนึ่งง่ายขนาดนั้นเลยรึไงห๊ะ!? ทำไมอยู่ดี ๆ ต้องหงุดหงิดคนที่เขาไม่รู้จักเราด้วยวะ

“มึงจะทุบกูป่ะเนี่ยทำหน้าแบบนั้น…” ได้ยินผมจึงหันไปทำหน้าเหมือนอยากกระโดดกัดคอมัน

“กูจะฆ่ามึงไอ้เลย์!”

ตุบ!

“โอ๊ย! ดัซ… มึง…”




________________________________________




เลิกเรียน~

“วันนี้คุณดัซจะไม่ไปดูผู้ชายเล่นบอลเลยรึไงครับ...” เลย์มันเหมือนพูดล้อผมที่ตอนนี้กำลังเดินก้มหน้าอยู่ ที่จริงคือไม่ได้ดูมาหลายวันแล้วป่ะวะ

“ดูผู้ชายบ้านมึงสิ...” ผมด่ามันโดยไม่หันไปมอง ตอนนี้พวกผมกำลังเดินลงมาจากตึกเรียน ก็ว่าจะกลับบ้านเลยแหละ คงไม่กล้าไปสู้หน้าคนคนนั้นหรอก เขาโพสต์บอกขนาดนั้นแล้วก็คงต้องถอยไหมอะ

เฮ้อออ…

“เป็นอะไรของมึงวะ? ไหนบอกเพื่อนเลย์สุดหล่อมาสิ...” เลย์มันเดินมากอดคอจนผมต้องดันร่างมันออก แค่คบกันเป็นเพื่อน อยู่ด้วยกันสองคนเพื่อนในห้องก็ยุให้มันมาเป็นผัวผมอยู่ละ ยังจะมากอดคออีกนะ ไม่มีลงมีเรือระหว่างเราทั้งสอง จำ!

“แหม่... พอแอบชอบใครสักคนก็รังเกียจผัวหลวงคนนี้ของมึงเลยนะดัซ...”

“หุบปากเลยเลย์! หน้ากูดูเล่นด้วยรึไง?” ผมหันไปทำตาขวางใส่จนมันทำหน้าเบื่อโลก คนยิ่งเครียด ๆ เรื่องของใครสักคนอยู่ด้วยตอนนี้ เนี่ย… พอเอาเรื่องไม่เป็นเรื่องมาใส่ใจก็มันจะชอบเป็นแบบนี้อะ ต้องฟังธรรมไหมถึงจะโอเคขึ้น

แต่จะว่าไปแล้วผมไม่รู้ว่าตัวเองเป็นคนเดียวรึเปล่าที่พอเห็นเขายิ้มตัวเองก็พลางที่จะยิ้มไปด้วย มันเหมือนประโยคนี้เลย




‘Your smile is literally the cutest thing I have ever seen in my life.’




รอยยิ้มของคุณเป็นสิ่งที่น่ารักที่สุดเท่าที่ผมเคยเห็นมา ยิ่งคิดยิ่งอนาถใจกับตัวเองอะ ชอบใครเขาก็จะดูดีไปหมด เครียดว่ะ… เครียดดดดด…

“มีอะไรก็บอกกูมาดิวะแม่ง ไหนบอกกูมาดิว่ามึงแอบชอบใคร? กูจะช่วยไปติดต่อให้ มันอยู่ในทีมฟุตบอลใช่ไหม? มอห้าถูกป่ะ?”

“มะ ไม่ได้นะเลย์!” ผมรีบเงยหน้าไปเบรกมันทันที ถ้าขืนทำแบบนั้นต้องฉิบหายกันหมดแน่ ๆ ตอนนี้ก็ยิ่งไม่ค่อยกล้าจะไปสู้หน้าเขาอยู่แล้ว ถ้าทำแบบนั้นเขาจะไม่เกลียดผมจนไม่แม้แต่จะเหลือบตามองเลยรึไง

“เฮ้อ… กูเข้าใจความรู้สึกของมึงเว้ย”

“…” เลย์มันถอนหายใจพร้อมกับหันไปมองข้างหน้า ยัดมือใส่ถุงกางเกงเดินเหมือนมันหล่อมาก ผมเองก็รอฟังอยู่ว่ามันจะพูดอะไร

“ตอนนี้กูก็แอบชอบใครคนหนึ่งอยู่ มันเป็นความลับว่ะ...”

“ใครวะ?”

“ถ้าบอกมันก็ไม่ใช่ความลับดิวะ...” มันหันมาบอกจนผมต้องทำหน้างง

“หล่อเอ๋อ ๆ แบบมึงเขาอาจจะชอบก็ได้นะเลย์ เดินหน้ารุกเลย...”

“เหมือนด่ากูเลย แต่มีคำว่าหล่อกูให้อภัย...”

“วันนี้ไม่ต้องซ้อมวอลเลย์ใช่ป่ะ?”

“กูว่ามึงดีขึ้นมากแล้ว… เอาแค่ให้เสิร์ฟข้ามก็พอ”

“อื้ม ๆ งั้นกลับบ้าน...” ผมเปลี่ยนเรื่อง เลย์มันก็ไม่ได้พูดอะไรต่อ พวกผมพากันเดินออกมาจากรั้วโรงเรียน ในระหว่างทางเดินกลับผมก็เอาแต่คิดถึงเรื่องของดอน ทำไมวะดัซ!? มึงไม่ต้องไปคิดถึงเรื่องของเขาดิวะ… ไหนบอกจะทำใจทำไมไม่ทำวะ หน่วงทำไมเนี่ย…

“เฮ้ออออ...”

“เอาอีกละ” เลย์มันหันมาพูดใส่จนผมต้องเม้มปาก

“…” ก็คนมันเครียดอะ

“กินอะไรหวาน ๆ ไหมเผื่อมึงจะดูมีชีวิตชีวาขึ้น...” เอาของกินมาล่อผมอีกละ

“ไม่เอาอะ พอเถอะเลิกพูดเรื่องนี้ดีกว่า ต่อไปถ้ากูถอนหายใจให้คิดว่ากูเบื่อมึงก็แล้วกัน...”

พลั่ก...

“โอ๊ย... จะผลักทำไมเนี่ย?” ชอบจังเลยจับ ๆ ผลัก ๆ หัวกูเนี่ย

“ไป ๆ กูไปเอารถที่ซ่อมละบาย...” และแล้วผมก็เดินแยกทางกับมัน บ้านผมอยู่ในหมู่บ้านจัดสรร ใกล้ ๆ นี้แหละเคยบอกไปแล้ว ตามจริงเป็นคนต่างจังหวัด แต่พ่อกับแม่หย่าร้างกันผมเลยต้องย้ายมาอยู่กับแม่สองคน เรื่องมันผ่านมาหลายปีแล้ว ตอนนี้ผมก็มีความสุขกับแม่ดีครับ

“กลับมาแล้วครับ~” ผมบอกพร้อมกับยกมือไหว้แม่ที่กำลังนั่งดูทีวีอยู่ในห้องรับแขก ทำไมวันนี้แม่ถึงกลับเร็วจังนะ สงสัยคงไม่มีงานสินะ

“เป็นไงบ้างวันนี้?”

“อื้อ… ก็เฉย ๆ อะครับ”

“แล้วตั้งใจเรียนไหม?”

“ดัซเก่งอยู่แล้วเหอะครับ...”

ฟอดดด…

ผมพูดพร้อมเดินไปหอมแก้มแม่ที่นั่งอยู่บนโซฟาก่อนจะรีบเดินหนีขึ้นห้อง

“ลูกคนนี้... อาบน้ำแล้วรีบลงมาทานข้าวด้วย”

“ค้าบ~”




________________________________________




กลางคืน~

หลังอาบน้ำและลงไปกินข้าวเสร็จเรียบร้อยก็ได้เวลาที่ผมต้องขึ้นมานั่งทำการบ้านจนเสร็จ เคลียร์ไว้เสาร์อาทิตย์จะได้ว่าง และตอนนี้เวลาก็ล่วงเลยมาจนถึงสามทุ่มแล้ว ไม่รู้ว่าจะทำอะไรต่อเลยได้แต่นอนเขี่ยโทรศัพท์เล่นอยู่บนเตียง กดเข้าเฟซบุ๊กแล้วเลื่อนดูคอมเมนต์ในโพสต์ของตัวเอง




Layer A: เขิน

Layer A: รู้ได้ไงอะ?




“ไอ้บ้า...” ถึงจะด่ามันแต่ผมก็เผลอแอบยิ้มนะ พอนึกถึงหน้ากับท่าทางของมันเวลาเอ่ยประโยคแบบนี้ออกมาในชีวิตจริง อย่างน้อยมันก็ทำให้ผมยิ้มได้… นอนเขี่ยหน้าจอโทรศัพท์ไปสักพัก ก็มีแจ้งเตือนขึ้นมารัว ๆ และยิ่งกดเข้าไปดูผมยิ่งต้องชะงัก ชะงักไม่ชะงักธรรมดา ถึงขึ้นตาสว่างเลื่อนโทรศัพท์เข้ามาแหกตาดูใกล้ ๆ




(Until Dawn ถูกใจรูปภาพของคุณ)

(Until Dawn ถูกใจรูปภาพของคุณ)

(Until Dawn ถูกใจรูปภาพของคุณ)

(Until Dawn ถูกใจรูปภาพของคุณ)

(Until Dawn ถูกใจรูปภาพของคุณ)

(Until Dawn ถูกใจรูปภาพของคุณ)

(Until Dawn ถูกใจรูปภาพของคุณ)

(Until Dawn ถูกใจรูปภาพของคุณ)




“ชะ เชี่ย...” เผลอสบถคำหยาบออกมาด้วยความแปลกใจ เพราะว่าดอนไม่เคยมาไลก์รูปให้ผมก่อนเลยหน้านี้ ยิ่งเลื่อนดูก็เหมือนเจ้าตัวจะไลก์ให้ผมเกือบทุกรูปเลย เวลาลงรูปผมมักจะลงเป็นสาธารณะตลอดเลยด้วย

ตึกตัก...

พยายามเลื่อนเช็กดี ๆ ว่าใช่ดอนจริง ๆ ใช่ไหมและมันก็ใช่จริง ๆ ด้วย มือผมสั่นไปหมดละครับตอนนี้

ตื้ด...

เสียงสั่นเนื่องจากมีข้อความเข้าดังขึ้น แต่มันกลับทำให้ผมถึงกับตาค้าง มะ ไม่จริงใช่ไหมดัซ!?




Messenger

Until Dawn: ทักครับ




ตึกตัก...

“ตะ ตายแน่ดัซ…” ตอนนี้หัวใจมันเหมือนจะหยุดเต้นไปแล้ว แทบอยากจะปล่อยโทรศัพท์ทิ้งไว้แล้วหลับตานอน ตัวก็สั่นไปหมด แต่มือมันดันเผลอไปกดอ่านเสียแล้วนี่สิ ไม่รู้ว่าตอนนี้ดอนจะมาอีท่าไหน แต่ผมจะตั้งสติไว้ก่อนนะครับ!

ฮึบ!!!

“เอาวะ!”




Dusk Aussadong: ทักครับ




ตอนกดส่งไปหัวใจมันก็ดันเต้นระรัว ๆ เหมือนส่งไปพร้อมกับวิญญาณที่อยู่ในร่างของผม ถ้าเป็นลมได้ตอนนี้ผมคงเป็นลมไปแล้ว




Until Dawn: ตัวเล็กชื่ออะไรครับ?

ตัวเล็ก… เรียกเราว่าตัวเล็กอีกแล้วววว…

Dusk Aussadong: เราชื่อดัซ

Until Dawn: อ๋อครับ




หลังดอนตอบกลับผมก็ไม่รู้ว่าจะส่งอะไรต่อดี แค่ตั้งสติพิมพ์ข้อความส่งกลับแค่นี้มันก็แทบจะหายใจไม่ทั่วท้องอยู่แล้ว โทรศัพท์ตอนนี้ผมก็คว่ำหน้าไว้ หัวใจมันก็สั่นไม่หยุด ใครจะไปคิดว่าคนที่เราแอบชอบจะทักมาอะ เสียงโทรศัพท์สั่นขึ้นอีกครั้งผมจึงรีบหยิบขึ้นมาเปิดดูอย่างรวดเร็ว




Until Dawn: พักนี้ทำไมถึงไม่ค่อยมาดูบอลเลยครับ




กึก… ถึงกับชะงักไปกับข้อความที่ดอนส่งมาทันที ดอนรู้มาตลอดเลยเหรอ!!! งื้อออ... ผมไม่ไหวแล้วตอนนี้ จะเป็นแล้วววว…




Until Dawn: ตัวเล็กหลับแล้วเหรอครับ

Dusk Aussadong: เอ่อพอ_อยดีเรากววติดธุรพน่พ เลยไม่ค่อยได้

Untill Dawn: ใจเย็นๆก็ได้ครับ




งื้อออออ… เด๋ออีกแล้วทำไมต้องพิมพ์ข้อความผิด ๆ ไปให้ดอนด้วย เจ้าตัวจะหาว่าผมเด๋อเหมือนกับทุกครั้งแน่ ๆ เลย ไหนจะลืมกระเป๋า ลืมตังค์ถอน แถมยังพูดจาแปลก ๆ ต่อหน้าเจ้าตัวอีก




Dusk Aussadong: เราขอโทษ TT




หลังส่งข้อความไปผมก็รีบปิดเน็ตปิดหน้าจอโทรศัพท์หลับตาลงทันที ได้แต่นอนกอดหมอนกลิ้งไปกลิ้งมาด้วยความเขินที่ดอนถามแบบนั้น ถึงผมจะยังไม่รู้จุดประสงค์ของคนตัวสูงที่ทักผมมาก็ตามทีเถอะ แต่ว่าสำหรับความรู้สึกของคนที่เป็นฝ่ายแอบชอบอย่างผมมันก็รู้สึกดีมาก ๆ เลยนะ

Talk with M: เดี๋ยวมาต่อน๊า ฝากติดตามดอนกับดัซด้วยนะครับ ฝากคอมเมนต์ด้วยเด้อ รัก <3
หากผิดพลาดประการใดเอ็มต้องขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยนะครับ

Contact Me
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 05-03-2019 16:44:44 โดย เอ็ม »

ออฟไลน์ Pe_no

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 375
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0
Re: เราแอบชอบนาย E5 [03.03.2019]
«ตอบ #7 เมื่อ03-03-2019 23:22:33 »

ติดตามจ้า   :mew2:

ออฟไลน์ เอ็ม

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 67
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +35/-0
Re: เราแอบชอบนาย E6 [04.03.2019]
«ตอบ #8 เมื่อ04-03-2019 10:06:32 »

E6 “ดวงความรักในช่วงนี้”

วันเสาร์~

แสงอาทิตย์เริ่มสาดส่องเข้ามาในห้องนอนจนทำให้ผมค่อย ๆ เริ่มรู้สึกตัวลืมตาตื่นขึ้นมาในยามเช้า สิ่งแรกที่เห็นคือเพดานสีขาวสุดแสนจะคุ้นเคย ก็ใช่สิ… ผมอยู่ที่นี่มาหลายปีแล้วนะ แต่ทุกอย่างมันยังเหมือนใหม่ นั่นเป็นเพราะคุณแม่ของผมเอง แต่เดี๋ยว…

พรึบ!!!

ก่อนจะได้นอนแช่อยู่ในผ้าห่มนานกว่านั้น ผมจึงรีบดีดตัวลุกขึ้นมานั่งทันทีเพราะนึกบางอย่างขึ้นมาได้

“ตายแน่ๆ” บ่นออกมาก่อนจะรีบขยับตัวลงจากเตียง วิ่งลงไปยันชั้นล่างเสียงดังตุบ ๆ ตับ ๆ มีคนวางระเบิดไว้ครับเมื่อคืน!!! เขาคนนั้นชื่อดอน คนที่ผมแอบชอบ

“เดี๋ยวได้สะดุดล้มตกบันไดหรอกดัซ เราจะรีบวิ่งลงทำไมเนี่ย...” แม่ผมที่เดินถือถุงอะไรสักอย่างเข้ามาในบ้านพอดีถึงกับเอ็ดเอา

“แม่ครับ ฮะ ฮ๊าา ฮาา นะ ไหน” ตื่นเต้นจนต้องรีบพูดแต่มันก็ติดหอบ จนแม่ต้องยกมือขึ้นมาเบรก จึงได้หยุดตั้งสติหายใจเข้าไปในปอดลึก ๆ มันงั้นคงเป็นลมแต่เช้า

“หายใจก่อนดัซ เราเนี่ยทำอะไรแปลก ๆ ตั้งแต่เมื่อคืนแล้วนะ...”

“...”

“ไหนมีอะไร?” แม่ถามพร้อมกับเดินผ่านเข้าไปในห้องครัว ผมจึงรีบเดินเข้าไปตาม

“ไหนโทรศัพท์ดัซอะครับ?” เมื่อคืนผมนอนไม่หลับ เพราะมีโทรศัพท์อยู่ใกล้ตัว จนต้องรีบวิ่งเอาไปฝากไว้กับแม่ ถึงอย่างนั้นก็ไม่ได้ช่วยให้นอนหลับได้เร็วขึ้นเลย กว่าจะหลับก็เลยเที่ยงคืนไปอีกต่างหาก… ก็ผมตื่นเต้นอะ คนที่แอบชอบทักมาเลยนะเว้ย…

“แม่เอาไปวางไว้ในห้องให้แล้ว...”

“เอ้า! แม่อะ… บอกว่าอย่าใช้กุญแจเปิดห้องดัซ...” ผมบ่นแต่ก็รีบหันหลังรีบเดินกลับขึ้นไปบนห้อง

“เรานั่นแหละลืมล็อก… อย่าวิ่ง!” เสียงแม่ดังตามขึ้นมาแต่ตอนนี้ผมไม่สนใจอะไรทั้งนั้น รีบสาวเท้าขึ้นไปบนห้องรัว ๆ แล้วตรงไปหยิบโทรศัพท์ที่วางอยู่บนลิ้นชักข้างเตียงขึ้นมาดู ทำไมต้องตื่นเต้นขนาดนี้ด้วยวะดัซ…

ตืด...

พอเปิดเน็ต การแจ้งเตือนต่าง ๆ รวมถึงข้อความจากดอนมันก็เด้งขึ้นมาจนผมใจสั่นไปหมด




เมื่อเวลา 21:50 น.

Until Dawn: อ๋อครับ ถึงว่าผมไม่ค่อยเห็น

Until Dawn: ว่าแต่ครั้งต่อไปจะมาดูไหมครับ




เมื่อเวลา 22:05 น.

Until Dawn: ตัวเล็กนอนแล้วเหรอครับ?




เมื่อเวลา 22:15 น.

Until Dawn: คงหลับแล้วสินะ

Until Dawn: ฝันดีนะครับตัวเล็ก




ตึกตัก...

ผมเป็นลมทันไหมตอนนี้ มือนี่สั่นไปหมดแล้ว อมยิ้มจนแก้มจะแตกแล้วเนี่ย ทำไมดอนต้องทักมาหาด้วยอะ มันทำให้ผมยิ่งตัดใจไม่ได้นะ รู้ว่าเจ้าตัวจะทักไปหาใครก็ได้เพราะยังไงทักไปใครก็ต้องคุยด้วย แต่ทำไมต้องทักมาหาเราด้วยอะ งื้ออออ…




Dusk Aussadong: ขอโทษนะ เมื่อคืนเราเผลอหลับอะ

Dusk Aussadong: แต่ดอนก็ฝันดีนะ




“เชี่ย…”

เผลอพิมพ์ชื่อเขาไปอีก

“โอ๊ย...” แล้วทีอย่างงี้กลับพิมพ์ถูกซะเกือบหมด ก็เล่นเคยตื่นเต้นจนพิมพ์ผิด กลัวจะเด๋ออีกรอบนะสิ

“ดัซเป็นอะไรลูก!” เสียงดังขึ้นมาจากข้างล่าง

“เปล่าครับแม่ ดัซแค่บ่น!”




________________________________________




เวลา 09:30 น.

“หนึ่ง… สอง…”

“ดัซ!!!”

เฮือก…

เสียงเรียกดังขึ้นจากหน้าบ้านทำให้ผมสะดุ้งเล็กน้อย หันไปมองผ่านกระจกจึงเห็นเป็นไอ้เลย์ โอ๊ย… ทำไมต้องตะโกนดังขนาดนั้นด้วยวะ ขนาดผมอยู่ในบ้านยังตกใจเลยอะ คนกำลังใช้สมาธินับไม้จิ้มฟันที่อยู่ในกระปุก ออดก็มีไม่กดวะ

“จะมาทำไมไม่บอกก่อนอะ แล้วจะตะโกนเสียงดังทำไม?” เดินออกไปเปิดประตูรั้วให้มันด้วยผมก็บ่นไปด้วย วันนี้วันเสาร์ หลังกินข้าวเสร็จแม่ก็ไม่อยู่แล้ว เห็นบอกจะออกไปซื้อของเข้าบ้านสักหน่อย ชวนผมแล้วแต่ผมไม่อยากไป

“ไปดูหนังกัน…”

“ห๊ะ?”

“ดูหนังไง กูอยากดูอะ…” ผมเท้าสะเอวไล่สายตามองมันที่ใส่ยีนขาดเข่ากับเสื้อเชิ้ตสุดเท่ ก็พอจะเข้าใจว่ามันคงไม่ได้แต่งตัวมานั่งเล่นบ้านผมเป็นแน่แท้

“ขี้เกียจอะ…” ผมบอกพลางเดินกลับเข้าไปในบ้าน ก็วันนี้วันเสาร์ก็ต้องขี้เกียจเป็นธรรมดา

“อะไรวะ แล้วกูจะมีเพื่อนไว้ทำไม?”

“มึงไม่ชวนล่วงหน้าวะ สักสองสามเดือนไรงี้…” มันเข้ามาในบ้านแล้วนั่งลงบนโซฟา ส่วนผมเดินไปนับไม้จิ้มฟันต่อ

“สองสามเดือนเชี่ยไร… ที่มาก็เพราะกูรู้ว่ายังไงมึงต้องไปเป็นเพื่อน”

“…” เนี่ย… ก็มันเป็นแบบนี้ไง ผมหันไปทำสายตาเหมือนอยากทุบจนมันต้องยิ้มแห้งเหมือนจะอ้อนให้ผมไปด้วยให้ได้

“แล้วมึงทำอะไรวะ?”

“นับไม้จิ้มฟันอยู่…”

“เดี๋ยว ๆ นับทำไม?” มันลุกขึ้นเดินตรงมายืนมองผมอยู่ข้าง ๆ ถามว่าทำไมผมถึงต้องมานับไม้จิ้มฟันอยู่แบบนี้ ผมต้องการจำนวนที่เหลืออยู่ในกระปุก แล้วเอาตัวเลขของจำนวนที่เหลือไปทำนายความรักครับ

“ความลับ…”

“ความลับบ้าอะไรวะเนี่ย มึงจะนับให้มันเสียเวลาทำไม เอาเวลาไปดูหนังกับกูเหอะ”

“มึงเงียบ ๆ ดิ กูใช้สมาธิอยู่นะ” ผมบอกโดยไม่หันไปมอง แต่รู้แหละว่ามันคงทำหน้าเหมือนไม่เข้าใจ เลย์มันเดินกลับไปนั่งโซฟาพอดีกับที่ผมนับเสร็จแล้วรีบหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดอ่านคำทำนายของตัวเอง




คุณจะได้พบเจอกับคนที่คุณแอบรักอยู่บ่อยครั้ง…




เดี๋ยว ๆ แค่นี้เหรอ?

“ดัซ… ไปเปลี่ยนชุดได้แล้ว กูรู้นะว่ามึงอาบน้ำแล้วอะ” ได้ยินแต่ผมยังคงยืนงงกับตัวเอง

“จะไปดูหนังอะไร?”

“มึงไม่ชอบหนังผีงั้นดูอควาแมนไหม?”

“เฮ้ออ… ก็แล้วแต่มึงอะ งั้นรออยู่นี่แหละ ทำไมชอบชวนออกไปข้างนอกด้วย วุ้ย!” ผมบ่นด้วยเดินขึ้นห้องไปด้วย คำทำนายอะไรทำไมสั้นจังวะ จะได้เจอบ่อย ๆ เหรอ จะว่าไปก็เจอบ่อย… แต่เพราะอยู่โรงเรียนเดียวกัน แถมยังระดับชั้นเดียวกันรึเปล่าถึงเจอบ่อย ช่างเถอะ… ตั้งแต่เช้าก็มีแต่เรื่องของเขาเข้ามาในหัวเลย บ้าเอ๊ย…

“เมื่อวานป้ากูบ่นเรื่องเอารถไปซ้อมด้วย”

“เอ้าทำไมอะ?” ตอนนี้พวกผมเดินมานั่งรอรถอยู่นอกหมู่บ้านแล้ว รอที่ป้ายรถเมล์นี่แหละ เมื่อกี้ผมได้โทรบอกเสด็จแม่แล้วเรียบร้อย เลย์มันก็เอารถมอเตอร์ไซค์เข้าไปจอดไว้ในบ้าน

“ไม่รู้ว่ะ แต่กูเบื่อ…”

“…”

“โดนบ่นทุกวันจนบางทีกูก็อยากหนีไปไกล ๆ” เลย์มันทำหน้าเครียดแถมยังเอาแต่ก้มหน้ามองรองเท้าตัวเอง เอาจริงผมก็ไม่รู้จะให้กำลังใจมันยังไงนอกเสียจากบอกไปว่ามันคงไม่มีแต่เรื่องแบบนี้เข้ามาในชีวิตหรอก ที่ป้าเขาบ่นมันก็เพราะเขาแคร์มันคนเดียวไง ส่วนตอนนี้ผมอยู่ในชุดกางเกงขาสามส่วนกับเสื้อยืดใส่สบาย มันก็ไม่ได้ดูแย่พอที่จะไปเดินห้างไม่ได้

“เลิกทำหน้าเครียดได้แล้วมึงอะ”

“เออ… ว่าแต่มึงทำไมแต่งตัวน่ารักจังวะ” มันหันมาถามจนผมถึงกับขมวดคิ้วก้มดูสภาพตัวเอง

“เดี๋ยว ๆ กูก็ใส่แบบนี้ตลอดนะเลย์”

“กางเกงก็สั้นจัง… หึ ๆ บอกกูมาว่ามึงใส่ไปอ่อยใครครับคุณดัซเพื่อนรัก”

“อะ ไอ้บ้า! ใส่ไปอ่อยบ้าอะไรล่ะ” ผมเขินจนต้องหันหนี ได้ยินแค่เสียงมันหัวเราะ ก่อนเลย์มันจะลุกขึ้นไปโบกแท็กซี่แล้วพวกเราจึงได้ขึ้นไปนั่ง สั้นเหรอ? ผมก้มมองดูขาตัวเองแล้วคิดในใจ ลองจับเสื้อตัวเองดู เช็กนั้นเช็กนี้จนเลย์มันหันมามอง

“มันดูไม่ดีเหรอ?”

“ก็น่ารักดีไง กูไม่ได้บอกว่ามันดูไม่ดี แล้วคนอื่นเขาจะคิดว่ามึงเป็นเมียกูรึเปล่า?”

ตุบ!

“โอ๊ย…”

“เมียบ้านมึงสิ…”

“ฮ่า ๆ ๆ” พอมันหัวเราะพร้อมกับหันหน้าออกนอกกระจกผมจึงก้มลงมองดูสภาพตัวเองอีกครั้งก่อนจะยอมหยุดคิดเรื่องนี้แล้วหันออกไปมองนอกกระจก ไม่นานก็ถึงจุดหมายปลายทาง ลงจากรถแล้วตรงเข้าไปในห้าง คนเยอะเหมือนเคยเลย

“มึงลองเช็กรอบดูในเน็ตยัง?”

“เช็กแล้ว ๆ มันจะออกโรงแล้วคนคงไม่เยอะหรอกมั้ง ไปกดตู้เอา”

“ได้ ๆ” พวกผมเดินตรงไปยังหน้าโรงหนังก่อนเลย์มันจะให้การ์ดผมไปกดตั๋ว เห็นบอกว่าปวดฉี่ผมเลยไม่ได้ว่าอะไร แต่ก็ต้องยืนต่อแถวรอกดเพราะข้างหน้ามีคนกดอยู่ ผมยังไม่ดูตัวอย่างหนังเรื่องนี้เลย แต่เห็นมีแต่คนบอกว่าสนุก ด้วยความที่ตัวเองไม่ได้มีสไตล์หนังที่ชอบที่เจาะจง รู้แค่ไม่ชอบหนังที่แบบน่ากลัว ๆ หลอน ๆ หรือเลือดสาดแบบฆาตกรรมอะไรทำนองนี้ จะด่าว่าขวัญอ่อนหรือยังไงก็ช่าง ก็คนไม่ชอบ… ส่วนไอ้เลย์มันก็ชอบหนังบู๊ ๆ มันๆ อะไรประมาณนี้ สักพักคนด้านหน้าก็กดเสร็จผมจึงขยับไปกดต่อ เลือกหนังเป็นอควาแมนแล้วก็เลือกรอบ ที่นั่งผมเลือกเป็นแบบที่เลย์มันบอกคือราคาระดับกลาง ดูจากที่นั่งแล้วก็มีคนมาดูเยอะอยู่นะครับ แต่ก็ไม่ได้เยอะแบบเว่อร์ ๆ

“ตัวเล็ก…”

“…” ได้ยินเสียงคุ้น ๆ จากด้านหลังผมจึงหันไปมองก่อนตัวจะชาวาบขึ้นทันทีเมื่อเห็นเป็นคนที่ผมไม่ควรจะมาเจอในตอนนี้ ดอน… ร่างสูงในชุดลำลองแล้วดูหล่อมากเลยอะ ใจผมสั่นจนแทบจะหลุดออกจากอกข้างซ้าย

“มึงได้ตั๋วยัง?” หันไปมองอีกคน เลย์มันเดินเข้ามาถามก่อนจะหันไปหาคนตัวสูงที่อยู่ตรงหน้าผม

“จะดูหนังเรื่องนี้เหมือนกันเลย งั้นฝากกดตั๋วเป็นแบบสามที่นั่งเลยได้ไหมครับ?”

“เอ่อ…”

“ได้ ๆ ดูด้วยกันเยอะ ๆ ยิ่งสนุก” ผมถึงกับรีบหันไปมองไอ้เลย์มันทันที จะอะไรก็ช่าง… แต่ผู้ชายมันก็เป็นแบบนี้กันอะ ไปเจอกันที่ไหนจะทำอะไรกันก็ชวนกันง่าย ๆ เออเข้าใจว่าผมก็ผู้ชาย แต่ผมก็แอบชอบผู้ชายไหมวะ แล้วอีกอย่างคนที่แอบชอบมาขอดูหนังด้วยแบบนี้น่ะเหรอ บังเอิญไปไหม? คำทำนายในเน็ตมันจะเป็นจริงได้ยังไง!

ตัดภาพมาหลังกดตั๋วเสร็จ~

ผมเอาแต่นั่งก้มหน้าอยู่เงียบ ๆ ตัดภาพไปที่ไอ้เลย์ มันคุยกับดอนเหมือนสนิทกันแล้วอะ ได้ยินมันพูดกับดอนเรื่องกีฬา สงสัยเลย์มันคงรู้จักแน่ ๆ แต่คงไม่ได้สนิทอะไร เอาจริง ๆ ผู้ชายมันรู้จักกันเกือบทั้งสายชั้นเลยมั้งเนี่ย ยิ่งประเภทเล่นกีฬาด้วยกันยิ่งสนิทกันง่าย

“ดัซมึงเป็นอะไรรึเปล่า?” ได้ยินผมจึงเงยหน้าขึ้นไปมอง ดอนก็มองมาที่ผม

“ปะ เปล่า คือจะซื้อป๊อปคอร์นไหม?”

“เดี๋ยวผมเลี้ยงเอาไหม?” เป็นดอนที่เอ่ยขึ้น

“เฮ้ยหารกันก็ได้…” เลย์มันบอกก่อนจะลุกขึ้นไปซื้อโดยไม่หันมาหาผมก่อนเลย มึง… คือกูถามเพราะไม่อยากให้โฟกัสเรื่องที่ตัวเองกำลังนั่งเงียบ แล้วยังปล่อยให้ผมอยู่กับคนคนนี้อีก

“ตัวเล็กไม่โอเคที่ผมขอดูหนังด้วยเหรอครับ?”

“มะ ไม่ใช่นะ…” รีบหันไปปฏิเสธเหมือนกับตกใจ ก่อนจะก้มหน้าลงอีกครั้ง

งื้ออออ… ช่วยผมด้วย ช่วยด้วย…

“คือ เอ่อ… ดอนมาคนเดียวเหรอ?”

“จริง ๆ มาซื้อของกับเพื่อน ซื้อเสร็จว่าจะกลับแต่อยากดูหนังเลยให้เพื่อนกลับก่อนน่ะครับ” ใบหน้าคมยิ้มให้จนผมยิ่งอยากจะมองนาน ๆ แต่ก็ต้องรีบทำเป็นตอบรับพลางหันหน้าหนีเหมือนเคย ดอนพูดเพราะมากเลยอะ ร่างสูงเหมือนโตมาในครอบครัวที่สั่งสอนมาดีพอสมควร ถึงภายนอกจะเหมือนเด็กวัยรุ่นทั่วไปก็ตาม… หลังจากนั้นเราสองคนก็ไม่มีใครพูดอะไรกันต่อ ต่างคนต่างเงียบ ผมหันไปมองไอ้คนที่มันลุกไปซื้อป๊อปคอร์นก็เห็นเลย์มันยังต่อแถวอยู่ ใจผมยิ่งอยู่ไม่สุขอยู่ด้วย มันแปลก… แปลกที่ผมเจอดอนบ่อยเกินไป กะว่าจะดูทำนายดวงเล่น ๆ แต่ทำไมมันเหมือนจะแม่นขนาดนี้ แอบชอบมาตั้งนานเพิ่งจะมาเจอกันบ่อย ๆ ก็ช่วงนี้

“เอ่อคือ… ดอนรู้จักเลย์ด้วยเหรอ?”

“รู้จักแต่ไม่ได้สนิทมาก เคยเล่นบาสด้วยกันครับ”

“อะ อื้ม…”

“แล้ว… ตัวเล็กกับเลย์เป็นอะไรกันเหรอ?”

กึก…

คำถามจากดอนทำให้ผมชะงักเล็กน้อย อย่าบอกนะว่าดอนคิดว่าผมกับเลย์เป็น…

“สนิทกันมาก ๆ แสดงว่าคงเป็นเพื่อนสนิทใช่ไหม?”

อ้าว…

“ชะ ใช่ ๆ” ผมยิ้มตอบก่อนดอนจะลุกขึ้นจนผมขมวดคิ้ว ร่างสูงเดินตรงไปหาไอ้เพื่อนของผมแล้วช่วยถือของจนผมต้องรีบลุกขึ้นไปตาม

อือหือ…

‘นิสัยดีอะ…’ ผมอยากยิ้มนะ แต่ก็ทำได้แค่รับส่วนของตัวเองมาถือแล้วพากันเดินเข้าไปในโรงเพราะถึงเวลาหนังเข้าพอดี แน่นอนว่าผมต้องนั่งอยู่ขอบแล้วให้เลย์มันนั่งตรงกลาง อย่างน้อยมันก็ทำให้ผมไม่เกร็งเวลานั่งดูหนัง คิดซะว่าเป็นช่วงเวลาที่หาได้ยากก็แล้วกัน…

‘เริ่มไม่แน่ใจแล้วว่าตัวตนของดอนจริง ๆ เจ้าตัวนิสัยยังไง…’ แต่ใครจะไปรู้ว่ามันยิ่งทำให้คนอย่างผมเริ่มชอบผู้ชายคนนี้มากขึ้นเรื่อย ๆ แล้ว…

Contact Me

ออฟไลน์ เอ็ม

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 67
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +35/-0
Re: เราแอบชอบนาย E7 [04.03.2019]
«ตอบ #9 เมื่อ04-03-2019 10:08:10 »

E7 “ใกล้ชิด”

เวลาผ่านไปจนหนังจบพวกเราจึงพากันเดินออกมาจากโรง ซึ่งรอบ ๆ มีคนเยอะพอสมควร แปลกที่หนังทำให้ผมไม่พะวงเรื่องของคนตัวสูงเลย หนังสนุกเพลงก็เพราะ มันทำให้รู้สึกอยากดูอีก แต่แล้วก็รู้สึกอินกับหนังได้แป๊บเดียวเท่านั่นแหละ เพราะความกดดันมันเริ่มกลับเข้ามาอีกครั้งเมื่อเดินออกมาแล้วไอ้คนที่เอะอะก็อยากเข้าห้องน้ำอย่างคุณชายเลย์มันขอตัวไปฉี่ ปล่อยให้ผมยืนอยู่กับดอนสองคน จะทำเป็นปวดแล้วไปด้วยก็ไม่ทันละ พออยู่กับคนตัวสูงแล้วทำตัวไม่ถูกเลยจริง ๆ

“…” ผมต้องหันหน้าหนีไปทางอื่นตลอดเลย คนยืนอยู่ด้านหลังไม่รู้ว่ามองมาที่ตัวเองรึเปล่า แต่รู้สึกกดดันแบบสุด ๆ กังวลไปต่าง ๆ นานา ไหนจะท่าทางของตัวเอง แล้วเรื่องการแต่งตัวที่เลย์มันบอกอีก มันจะดูดีไหมในสายตาคนตัวสูง

งื้ออออ…

‘หายใจเข้าลึก ๆ ดัซ…’ พยายามหายใจเข้าไปในปอดลึก ๆ แล้วพ่นออกมาอย่างช้า ๆ หวังว่ามันจะช่วยให้ผมหายใจสั่นได้บ้าง

หมับ…

“อ๊ะ! ดะ ดอน…”

“…” อยู่ดี ๆ แรงจับที่มือก็ทำให้ผมสะดุ้งจนเผลออุทานเรียกชื่อคนตัวสูงออกมาเสียงดัง นั่นทำให้ใครหลาย ๆ คนที่กำลังเดินผ่านไปมาหันมามอง คนที่จับมือผมเองก็แอบชะงักก่อนจะระบายยิ้มออกมาให้เห็นเสียจนหน้าผมเห่อร้อน

ดอนอะ!

“ตัวเล็กเป็นอะไรรึเปล่าครับ ทำไมทำตัวแปลก ๆ”

“ปะ เปล่านะ…”

“ไม่สบายรึเปล่าทำไมหน้าแดงแบบนี้…” มือหนายกขึ้นอังหน้าผากจนผมยิ่งแทบช็อก พยายามหดคอหนีพร้อมหลับตาปี๋ก่อนจะค่อย ๆ ผละตัวเองออกมาให้ห่างจากเจ้าตัว ดอนสัมผัสหน้าผากผมด้วยอะ แล้วไหนจะจับแขนผมด้วย ใบหน้าคมเลิกคิ้วเหมือนไม่รู้ประสา เจ้าตัวจะรู้ไหมว่าคนที่แอบชอบอย่างผมจะช็อกตาย

“ระ เราสบายดี” พยายามบอกพร้อมหลุบตาต่ำ สบายดีซะที่ไหนล่ะเวลาอยู่กับดอน ไม่ใช่เพราะดอนดูดีเสียจนคนยืนใกล้ใจสั่นหรอกนะ แต่เพราะผมแอบชอบดอนต่างหาก ทุกอย่างเกี่ยวกับร่างสูงมันเลยดูดีไปหมด ไม่งั้นถ้ายืนใกล้คนหล่อแล้วใจสั่น กับไอ้เลย์ผมก็ต้องใจสั่นสิเพราะมันก็หล่อเหมือนกันหนิ… ตอนนี้ดอนเหมือนกำลังมองหาอะไรสักอย่างอยู่ ส่วนผมได้แต่คิดว่าจะเอายังไงต่อกับชีวิต

“ดัซ ๆ ป้ากูบอกจะพาไปทำธุระว่ะ” เสียงเลย์มันดังขึ้นแต่ไกลผมจึงหันไปมองพร้อมขมวดคิ้ว หน้ามันดูเหมือนตื่นตระหนกกับอะไรสักอย่างมาเลย

“ห๊ะ?”

“ป้ากูขับรถมารับไปทำธุระ กูต้องไปก่อน ด่วน ๆ เลยเว้ย บ่นจนกูหูชาแล้วเนี่ย…”

“เอ้าแล้วกูล่ะ?” มันจะทิ้งผมเหรอ อุตส่าห์มาด้วยกัน คนยิ่งไม่ชอบนั่งแท็กซี่คนเดียวด้วย เฮ้อออ… แต่ถ้าเป็นเรื่องเกี่ยวกับป้ามันผมก็ไม่อยากขัดขืนหรืองอนใส่หรอกนะ ก็เข้าใจว่ามันอาจโดนบ่น แต่จะทิ้งกันแบบนี้ไม่ได้…

“ดอน ๆ นายจะไปไหนต่อรึเปล่า? พอดีเราต้องไปทำธุระด่วนเลยว่าจะฝากให้ดัซมันอยู่ด้วย”

“ละ เลย์…” ผมหันไปเรียกมันด้วยใบหน้าตกใจจนมันขมวดคิ้ว เลย์มันไม่เข้าใจผมเลยแม่ง!

“ได้ครับ…”

ขวับ!

เสียงตอบรับจากคนตัวสูงทำให้ผมรีบหันไปมอง เดี๋ยว ๆ จะให้ผมอยู่กับดอนไม่ได้นะ! ตอนนี้รู้สึกกังวลมาก ๆ เลยนะ พยายามหันไปทำสีหน้าไม่โอเคใส่ไอ้เพื่อนตัวดีจนเลย์มันยกมือขึ้นมาลูบหัวผมเบา ๆ

“กูขอโทษจริง ๆ ว่ะ มึงก็รู้ว่าป้ากูเป็นคนยังไง…” พูดเสร็จมันก็ปล่อยมือออก ทำไมทำเหมือนจะทิ้งผมไว้อยู่กับความยากลำบากเลยวะ

“ยังไงถ้าไปส่งมันด้วยจะดีมาก ปกติแม่มันมักจะเป็นห่วงเพราะมันไม่ยอมโตสักที…”

“ไอ้เลย์!”

“เอาน่า ดอนเป็นคนดีมึงเชื่อกู… ไปก่อนนะ” พูดจบมันก็รีบวิ่งไปทันที ปล่อยให้ผมยืนมองตามด้วยใบหน้าเหมือนหมดคำจะพูด มึงให้กูกลับเองก็ได้ป่ะ แล้วทำไมต้องให้อยู่กับดอน จะปฏิเสธตอนนั้นก็กลัวร่างสูงที่อยู่ด้านหลังจะเข้าใจผิดว่าผมรังเกียจ จะปฏิเสธตอนนี้ก็ไม่ทันเสียแล้ว

ไอ้ชั่วเลย์!!!

“เอ่อคือ…” ผมค่อย ๆ หันกลับไปมองก็เห็นใบหน้าคมเลิกคิ้วมองมาเหมือนพร้อมจะรับฟังสิ่งที่ผมจะพูด แต่ยังไงก็ไม่กล้าพูดอยู่ดี…

“ตัวเล็กรีบกลับบ้านไหม ถ้าไม่รีบเราไปเดินเล่นรอบ ๆ นี้กันไหมครับ?”

“เอ่อ… อื้ม เอางั้นก็ได้” จะปฏิเสธไม่ได้แน่ ๆ อะ ดอนชวนด้วยน้ำเสียงเหมือนเป็นใครก็คงไม่กล้าปฏิเสธ ยิ่งใบหน้าหล่อ ๆ นั้นเอ่ยขออะไรออกมาผมยิ่งใจสั่นจนอยากจะกระอักเลือดล้มทั้งยืน… สรุปแล้วเลยต้องเดินก้มหน้าข้าง ๆ คนตัวสูงไปตามทางเดินเรื่อย ๆ ไม่คิดไม่ฝันเลยจะได้มาเดินเคียงข้างกับคนที่ตัวเองแอบชอบสองต่อสอง

ผมน่ะคิดตลอดนะว่าอยากลองทำอะไรแบบนี้กับคนที่ตัวเองแอบชอบ อยากลองอยู่ใกล้ชิดกับคนคนนี้ แต่ไม่รู้ทำไมถึงรู้สึกกดดันจนมันไม่สบายใจเอาซะเลย ผมชอบดอนมาก ๆ และชอบเกินไปจนรู้สึกเขินมากไปเช่นกัน มันทำให้รู้สึกไม่โอเค ถามว่าอยากกอบโกยช่วงเวลาเหล่านี้ไว้ไหม? ก็อยากครับ

“ผมทำให้ตัวเล็กไม่พอใจอะไรบอกได้นะ…”

กึก…

“…” ดอนหยุดจนผมต้องหยุดตามแล้วหันไปทำหน้าเหมือนกังวลมองเจ้าตัว ร่างสูงเองเหมือนจะรู้ว่าผมทำตัวแปลก ๆ นั่นยิ่งทำให้รู้สึกแย่เข้าไปอีก มันแย่จนต้องก้มหน้าลงเม้มปาก

“…หรือเพราะผมเป็นผมตัวเล็กเลยกดดันเวลาอยู่ด้วย?”

“…” เพราะเราชอบดอนต่างหากล่ะ!

“…” มือหนาทั้งสองเลื่อนมาสัมผัสที่ต้นแขนผมเบา ๆ ใบหน้าคมก้มลงมามองหน้าใกล้ ๆ เหมือนเจ้าตัวกำลังกังวลที่ผมเป็นแบบนี้ ใจผมสั่นระรัวเพราะเขินที่ใบหน้าคมอยู่ใกล้เกินไป แต่สิ่งหนึ่งที่ทำให้รู้สึกเหมือนต้องผ่อนคลายคือสายตาที่จริงจังบนใบหน้าหล่อ ดอนเหมือนพยายามส่งสัญญานผ่านสายตาให้ผมหายกดดัน สักพักจึงได้ผละตัวออกเล็กน้อย คนตัวสูงจึงกลับไปยืนตรงเหมือนเดิมพร้อมมือหนาที่ผละออก

“เราขอโทษ... แค่แอบเป็นห่วงเลย์มันนิดหน่อย” สมองเริ่มประมวลผลจนผมสามารถคิดหาคำแก้ตัวมาบอกเจ้าตัวได้ อย่างน้อยดอนจะได้ไม่คิดว่าตัวเองทำให้ผมเป็นแบบนี้

“อ๋อครับ...”

“เอ่อคือ… ดอนไม่โกรธเราใช่ไหม?” ถามออกไปเพราะกลัวว่าเจ้าตัวจะรู้สึกไม่โอเคที่ผมเอาแต่ทำตัวแบบนี้ เป็นใครก็คงนึกรำคาญหากคนอยู่ด้วยเอาแต่ก้มหน้าหลบสายตา หรือหันหน้าหนีบ้าง... ผมพยายามสุด ๆ แล้วจริง ๆ เพราะความเขินมันทำให้ต้องทำแบบนี้ แต่ไหน ๆ ก็หลีกเลี่ยงสถานการณ์ไม่ได้อยู่แล้ว ยิ่งทำตัวแปลก ๆ คนตัวสูงก็พลอยไม่โอเคไปด้วย งั้นผมจะฮึดสู้ทำตัวให้เป็นปกติมากที่สุดนะครับ!

ฮึบ!

“ผมไม่เคยโกรธตัวเล็กเลย”

“…” ประโยคที่เอ่ยจากปากดอนเหมือนจะตอบคำถามเมื่อกี้ของผม แต่ทำไมถึงรู้สึกเหมือนร่างสูงตอบรวม ๆ ว่าทุกอย่างที่ผ่านมาไม่เคยโกรธ ผมคิดไปเองอีกแล้วใช่ไหม ใบหน้าเห่อร้อนพร้อมใจสั่น แต่ต้องทำตัวให้ปกติสุขแล้วยิ้มให้เจ้าตัว มือหนายกขึ้นมาสัมผัสที่หัวผมเบา ๆ เหมือนไม่ได้คิดอะไร แต่ผมกลับคิดไปไกลเสียเหลือเกิน สัมผัสที่นุ่มนวลแต่ก็จำต้องหลับตาหดคอหนี สักพักก่อนดอนจะผละออก

“เหมือนเด็กเหมือนที่เลย์บอกจริง ๆ ด้วย”

“มะ ไม่ใช่สักหน่อย” ผมไม่ใช่เด็กนะ ย่นจมูกเถียงร่างสูงไปจนดอนเผลอขำ ก่อนเราสองคนจะพากันเดินเล่นรอบ ๆ แปลกที่ผมกลับรู้สึกเหมือนคุ้นชินกับการอยู่ข้าง ๆ ชายหนุ่มคนนี้ได้ง่ายขึ้นแล้ว ดอนมีพลังวิเศษอะไรถึงทำให้คนขี้เขินแบบผมสามารถอยู่เป็นสุขได้ขนาดนี้ ไม่ใช่หายเขินไปเลย แต่แค่ไม่ทำตัวแปลก ๆ เหมือนตอนแรกแล้ว

“เลยเที่ยงมานานแล้วตัวเล็กหิวข้าวรึเปล่า”

“นิดหน่อยอะ แต่ถ้าดอนไม่หิวไม่ต้องกินก็ได้”

“ได้ไง ตัวเล็กต้องกินข้าวเยอะ ๆ นะครับ”

“ระ เราโตแล้วนะ” ทำไมดอนต้องมองผมเป็นเด็กเหมือนไอ้เลย์กับแม่ผมอีกคนด้วยอะ ผมโตแล้ว... โตได้เท่านี้นี่แหละ เศร้าใจเสียเหลือเกิน อยากเล่นกีฬาให้ได้กล้ามเนื้อเหมือนคนอื่นบ้าง แต่ก็ไม่ถนัดเล่นอะไรสักอย่าง สอบเสิร์ฟวอลเลย์อาทิตย์หน้าจะรอดไหมก็ไม่รู้ ฮืออออ...

“โตยังไง ตัวก็เล็กแถมยังบางมากเลยนะ ผมเป็นห่วง...”

กึก...

“…” เป็นห่วงเหรอ? ประโยคนั้นทำให้ผมคิดไปไกลเสียเหลือเกิน แต่คนพูดกลับไม่ได้สนใจอะไร เอาแต่หันไปมองรอบ ๆ เหมือนมองหาอะไรสักอย่าง ใจผมสั่นขึ้นอีกแล้ว มันสั่นระรัวจนต้องหันหน้าหนีไปทางอื่น ทำไมดอนต้องพูดคำนั้นออกมาด้วย คนแอบชอบมันก็คิดไปไกลไหมอะ

“ตัวเล็ก…”

“อะ อื้ม” พยายามหันกลับไปทำตัวให้เหมือนปกติ แต่ทำไมดอนถึงขมวดคิ้วก็ไม่รู้ ร่างสูงมองหน้าผมเหมือนคิดอะไรสักอย่างจนผมเลิกคิ้ว

“ผมว่าตัวเล็กน่าจะเป็นไข้แล้วแหละ หน้าแดงตั้งแต่ออกมาจากโรงหนังยังไม่หายเลย…”

ดอน!!!!!!!!!

“ระ เราโอเค” ก็คนเขินอะ บอกไปยังจะทำหน้าเป็นห่วงใส่อีก มือหนาเลื่อนมาจับที่มือผมให้ออกเดินตามนั่นยิ่งทำให้ผมแทบเป็นลม ในใจพยายามท่องนะโมสามจบ ไม่ใช่ไล่ผีแต่ไล่ความเขิน ตายกูตายคนที่ ตัวเองแอบชอบกำลังจับมือ ผมก้มมองมือหนาที่สัมผัสมือผมพร้อมหัวใจดวงน้อยที่มันเหมือนกำลังสั่นรัวเกินไปจนผมเหนื่อย

“ดะ ดอน…”

“ผมจะพาตัวเล็กไปล้างหน้า”

“เราโอจริง ๆ ดอนปล่อยก่อนได้ไหม…” บอกไปแบบนั้นเจ้าตัวจึงหยุดเดินกะทันหันจนผมเกือบชนหลัง ดีที่ยังเบรกตัวเองไว้ทัน ใบหน้าคมหันมามองก่อนจะก้มลงไปมองที่มือของตัวเองที่จับมือผมอยู่ ผมจึงทำเป็นดึงออกไม่แรงมากแต่ก็หลุด ไม่รู้คิดไปเองไหมแต่ดอนกลับทำสีหน้าเหมือนไม่พอใจ

“พวกเรากลับกันดีกว่า… ดอนจะได้ไม่ลำบาก” อยู่ด้วยร่างสูงก็พลอยเป็นห่วงกับเรื่องไร้สาระจากผมไปเสียเปล่า

“ผมไม่ได้ลำบากอะไรเลย ตัวเล็กไม่โอก็แค่บอกผมว่าเป็นอะไร”

“…”

“ทำไมอยู่กับเลย์ถึงอยู่ได้ล่ะครับ…” ใบหน้าคมหันหนีพร้อมพูดประโยคอะไรสักอย่างเบา ๆ จนผมฟังไม่ถนัดเลยเลิกคิ้ว แต่ดอนเหมือนงอนจนหันหนีไปแล้ว สรุปคือผมทำให้ร่างสูงไม่โอเคจริง ๆ ใช่ไหม แบบนี้ไงเลยไม่อยากอยู่ด้วย เพราะเขินจนทำตัวไม่ถูกเลยทำให้คนที่เราแอบชอบไม่โอเค

‘รู้สึกผิด…’

“เราขอโทษ…” ผมเดินเข้าไปใกล้ ๆ พร้อมจะยกมือขึ้นไปสัมผัสที่ไหล่กว้างแต่ก็มีชะงักนิดหน่อยเพราะไม่กล้าสัมผัสคนตัวสูง แต่ในที่สุดก็จับไปจนได้ ดอนยังคงยืนทำหน้าไม่โอเค พอเป็นแบบนี้แล้วก็แอบน่ากลัวเหมือนกันนะ ใบหน้าคมบึ้งตึงเสียจนรู้สึกถึงพลังงานบางอย่าง

“ดอน… เราแค่ไม่อยากให้ดอนเหนื่อยกับเราอะ” ผมบอกด้วยน้ำเสียงรู้สึกผิดจนร่างสูงยอมหันมามอง มือที่สัมผัสไหล่แกร่งจึงผละออก

“ถ้าบอกไปดอนก็จะทนเหมือนเดิม”

“เฮ้อออ… แล้วตัวเล็กเป็นอะไรทำไมถึงคิดว่าจะทำให้ผมเหนื่อย?” มือหนายกขึ้นสัมผัสที่ต้นแขนผมสองข้างเหมือนตอนนั้น เหมือนมันเป็นการกระทำของดอนเวลาต้องการเคลียร์อะไรกับผมสักอย่าง

“บอกผมได้ไหม?” น้ำเสียงนุ่ม ๆ จากคนตรงหน้ายิ่งทำให้ผมเริ่มเก็บความลับไว้ไม่อยู่

“ดอนดูดีเกินไป…”

“…”

“เรารู้สึกเหมือนไม่ควรมาเดินคู่กับดอนเลย…” บอกไปด้วยพลางก้มหน้าไปด้วย อย่างน้อยก็ไม่ได้สารภาพไปว่าเพราะแอบชอบและเขินจนทำตัวแปลก ๆ

“แล้วทำไมผมถึงกล้าเดินกับคนน่ารัก ๆ แบบนี้ได้ล่ะครับ… คิดว่าผมคู่ควรเดินกับตัวเล็กขนาดนั้นเลยรึไง?”

“…”

“แค่คิดว่าอยากลองทำตัวให้คู่ควรกับคนน่ารักแบบตัวเล็กได้บ้าง แค่นี้เอง…”

“ดอนพูดเอาใจให้เราหายกังวลใช่ไหมล่ะ?”

“เฮ้อออ… จะงอนแล้วนะครับ”

“…”

“ผมไม่ได้ดูดีอะไรขนาดนั้นเลย… ในโรงเรียนก็ไม่ได้เด่นเกินหน้าเกินตาใครเลยด้วยซ้ำ แล้วคิดว่าผมชอบรึไงเป็นเป้าสายตาของใครหลาย ๆ คน” ใบหน้าคมเหมือนไม่โอเคเมื่อพูดถึงเรื่องหน้าตา ก็เพราะดอนดูดีจริง ๆ ไม่แปลกที่เป็นเป้าสายตา

“เพราะผมมีคนมองเยอะใช่ไหมตัวเล็กเลยไม่โอเค ลองมองไปรอบ ๆ ไม่มีใครสนใจพวกเราเลยด้วยซ้ำ ในโรงเรียนอาจมีคนมอง ไม่ได้แปลว่าตอนอยู่ข้างนอกจะมีใครสนใจ…”

“…”

“อีกอย่างที่ผมบอกว่าตัวเล็กน่ารัก… ผมพูดจริง ๆ นะครับ”

“พะ พอเลย… เราไม่ได้น่ารักอะไรขนาดนั้นสักหน่อย”

“จริง ๆ นะ อีกอย่างพอเห็นตัวเล็กแต่งตัวแบบนี้มันดันทำให้ผมไม่ชอบเลย…”

“มะ มันดูไม่ดีจริง ๆ ใช่ไหม เรากะแล้วเชียว… เลย์มันไม่ยอมบอกตรง ๆ ว่าเราแต่งตัวไม่โอเค ไม่งั้นจะได้กลับไปเปลี่ยนตอนยังไม่ขึ้นรถ ฮืออ… ทำไมมันต้องหลอกชมให้เรารู้สึกดีก็ไม่รู้…” ผมเริ่มไม่มั่นใจตัวเองจนต้องก้มลงเช็กนู่นเช็กนี่อีกแล้ว อุตส่าห์ลืมเรื่องการแต่งตัวไปแล้วเชียว

“งั้นต่อไปก็พยายามใส่กางเกงขายาว ๆ นะครับ เสื้อก็ไม่ต้องแขนสั้นมาก ไม่ต้องใส่คอกว้างจะดีขึ้นไปอีก…”

“อะ อื้ม…”

“เด็กดี…”

“มะ ไม่ใช่เด็กสักหน่อย!”

“ฮะ ฮ่า ๆ”

Contact Me

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: เราแอบชอบนาย E7 [04.03.2019]
« ตอบ #9 เมื่อ: 04-03-2019 10:08:10 »
ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ Billie

  • "Let come what comes, let go what goes and see what remains. That is what is real"
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3327
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +78/-6
Re: เราแอบชอบนาย E7 [04.03.2019]
«ตอบ #10 เมื่อ04-03-2019 13:13:40 »

 :L2: :pig4:

น่ารัก

ออฟไลน์ เอ็ม

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 67
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +35/-0
Re: เราแอบชอบนาย E8 [04.03.2019]
«ตอบ #11 เมื่อ04-03-2019 19:25:50 »

E8 “เกาะแน่น ๆ นะน้อง”

สุดท้ายแล้วผมเลยต้องอยู่กับดอนต่ออีกสักพักใหญ่ ๆ เราสองคนพากันเดินไปกินข้าวและหาอะไรทำต่ออีกนิดหน่อยก่อนจะตัดสินใจกลับ ซึ่งตอนนี้พากันเดินมาหยุดอยู่หน้ารถของคนตัวสูงแล้ว รถที่ว่าคือมอเตอร์ไซค์สุดเท่คันใหญ่ที่กำลังเป็นที่นิยมสำหรับวัยรุ่นผู้ชายหลาย ๆ คน

“ขอกระเป๋าด้วยครับ เดี๋ยวจะเอาใส่ไว้ในเบาะให้” ได้ยินผมจึงถอดกระเป๋าสะพายข้างยื่นไปให้คนตัวสูงที่ยืนอยู่อีกฝั่งของรถ แต่บ้าจริง… ในใจตอนนี้กำลังคิดว่าตัวเองจะได้นั่งซ้อนท้ายดอนเหรอ ฝันอยู่รึเปล่าดัซ… ร่างสูงหยิบหมวกกันน็อกสีดำอีกอันและเสื้อแจ็กเกตหนังสีเทาจากในเบาะมาให้ผมรับ หลังปิดเบาะเรียบร้อยดอนจึงอ้อมมาหา มือหนาคว้าหมวกกันน็อกที่ผมถืออยู่ไปถือไว้

“ใส่เสื้อครับ”

“สะ ใส่ทำไมอะ ดอนต้องใส่ไม่ใช่เหรอ? ดอนเป็นคนขับนะ หรือดอนจะให้เราขับ เราขับไม่เป็น…”

“ฮ่า ๆ ๆ ผมต้องขับสิครับ ใส่ไปก่อนเถอะน่า ผมไม่ใส่ไม่เป็นไรแต่ตัวเล็กต้องใส่…” เจ้าของใบหน้าคมยังคงยืนกรานจนผมต้องยอมรับมาใส่ เสื้อก็ตัวใหญ่เสียเหลือเกิน มันไม่ต่างไปจากตอนใส่เสื้อไอ้เลย์เลย แล้วยิ่งเป็นของดอนยิ่งตัวโตไปอีก ใส่เสร็จผมจึงยืนเลิกคิ้วมองคนที่เอาแต่มองผมแล้วอมยิ้ม คงดูตลกอีกแน่ ๆ สักพักร่างสูงก็ยกหมวกกันน็อกขึ้นมาสวมให้จนผมแอบชะงักเขิน แต่ก็ยอมยืนให้ดอนใส่ให้ ใบหน้าคมดูจริงจังเสียจนผมใจสั่น หลังจากล็อกให้ดอนก็เลื่อนกระจกหมวกกันน็อกขึ้นเพื่อจะได้เห็นหน้าผมแล้วจัดให้มันเหมาะสม เหมือนจับหัวผมอยู่เลย ไม่เพียงแค่นั้นเจ้าตัวยังรูดซิปเสื้อแจ็กเกตให้ผมอีกด้วย ทำไมต้องหนาแน่นขนาดนี้ มันอึดอัด…

“มันร้อนอะ…”

“เพื่อความปลอดภัยครับ” คนใส่ยีนกับเสื้อยืดธรรมดาเอ่ยปากบอกพลางอมยิ้ม จะขำหรือตลกอะไรอีกล่ะ!?

“อยู่เฉย ๆ นะครับ” ได้ยินผมจึงขมวดคิ้วก่อนคนตัวสูงจะหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเหมือนจะถ่ายรูป ไม่ได้ยินเสียงแต่คิดว่าต้องใช่แน่ ๆ เลยขยับจะเข้าไปห้าม และแน่นอนว่าดอนต้องแอบอมยิ้มแล้วเก็บใส่ไว้ในช่องเก็บของหน้ารถ

“ดอนอะ… แอบถ่ายรูปเราใช่ไหม ลบเลยนะ มันต้องตลกแน่ ๆ เลย”

“ฮ่า ๆ ๆ ตลกอะไรล่ะครับ…”

“ขี้โกง…” ย่นจมูกใส่จนใบหน้าคมต้องอมยิ้มและโน้มใบหน้าลงมาใกล้ ๆ

“น่ารักต่างหาก…”

กึก…

“…” ประโยคกระตุ้นความเขินทำให้ผมหันหน้าหนีทันที ขี้โกงไปทุกเรื่องเลย! ผมเสียเปรียบดอนอยู่นะครับตอนนี้ หน้าแดงขึ้นจนจะระเบิดหลายรอบแล้วนะ

“ตัวเล็กยื่นบัตรนี้ให้ยามด้วยนะ”

“อื้ม…” ผมรับบัตรจอดรถมาถือไว้ ก่อนคนตัวสูงจะขยับไปนั่งคร่อมรถแล้วใส่หมวกกันน็อก แต่ผมกลับยังยืนงงทำตัวไม่ถูกจนเจ้าตัวจัดการกับตัวเองเสร็จเรียบร้อยแล้วหันมามอง หมวกกันน็อกเหมือนกันเลย มันใหญ่และดูเหมือนจะหนาดี ผมเองยังรู้สึกหนัก ๆ ดอนเอากระจกหมวกกันน็อกของตัวเองขึ้นแล้วมองผมเหมือนยังอยากจะยิ้มขำ

ฮือออ…

“ขยับมาหาผมหน่อย…”

“…” ได้ยินจึงได้เลิกคิ้วแต่ก็ยอมขยับไปใกล้ ๆ มือหนายกขึ้นมาดึงกระจกหมวกกันน็อกปิดให้และจัดอะไรให้อีกนิดหน่อยจนผมเขิน มองทะลุกระจกสีดำเห็นใบหน้าหล่อจริงจังยิ่งทำให้ความเขินทวีคูณขึ้นไปอีก

“เดี๋ยวผมเอารถออกก็ขึ้นเลยนะครับ” เจ้าตัวบอกก่อนจะหันไปขยับเอารถจักรยานยนต์ออก เห็นแบบนั้นจึงถอยห่างเล็กน้อยเพื่อที่จะได้ไม่เกะกะ พอเห็นดอนหยุดเหมือนรอแล้วเลยได้รีบเดินไปขึ้นคร่อม รถก็สูงจัง ขาก็สั้น ๆ อยู่ด้วย แต่ก็ขึ้นไปนั่งได้เรียบร้อยแล้วครับ

“ดะ ดอน!”

“ไม่กอดมันจะอันตรายนะครับ ถ้าตัวเล็กตกขึ้นมาผมจะทำไง…” เสียงจากคนด้านหน้าบอก ก็เล่นเอี้ยวตัวมาดึงร่างผมไปนั่งจนชิดแล้วจับมือทั้งสองข้างให้ไปกอดเอวไว้อีก ผมก็ตกใจน่ะสิ

“มะ ไม่ต้องก็ได้มั้งยังไม่ออกไปเลยนะ…” บอกพลางเปลี่ยนเป็นจับเสื้อยืดเจ้าตัวไว้ จริง ๆ แล้วไม่บ่อยเลยนะที่ผมจะได้นั่งรถจักรยานยนต์ กับไอ้เลย์ก็ไม่ค่อยเลย บ้านอยู่ไม่ไกลโรงเรียนจึงเดินไปกลับได้ ถ้าจะไปไหนไกล ๆ กับไอ้เลย์มันก็จะพาผมนั่งแท็กซี่

“ก็ได้ครับ… แต่ออกไปจากที่จอดรถแล้วต้องกอดนะ”

“…”

“ตัวเล็ก…”

“อะ อื้ม…” ผมตอบเสียงตะกุกตะกักก่อนคนตัวสูงจะสตาร์ทรถแล้วค่อย ๆ ขับออกไป ใจสั่นไม่เป็นจังหวะมาได้สักพักแล้ว ไม่คิดเลยว่าจะได้มานั่งซ้อนท้ายและแนบชิดกับคนตัวสูงแบบนี้ ดอนไม่ยอมใส่เสื้อแจ็กเกตเลยทั้ง ๆ ที่แดดมันร้อนแค่ไหน ตัวบังลมให้แล้วยังรับแดดเต็ม ๆ อีก

‘เราทำให้ดอนลำบาก…’ ทำได้เพียงแค่คิดในใจก่อนจะถึงจุดยื่นบัตรจอดรถ เห็นดอนหยุดจึงได้ยื่นบัตรไปให้ลุงยามพร้อมยิ้มให้ก่อนร่างสูงจะขับออกไป ในใจคิดอยู่สักพักว่าจะกอดคนตัวสูงดีไหม แต่พอนึกถึงน้ำเสียงเชิงดุของดอนเมื่อกี้ก็แอบทำให้กังวล ไม่ทันจะลงมือกอดด้วยตัวเองมือหนาข้างหนึ่งก็เลื่อนมาจับให้ผมไปกอดเอวเจ้าตัวไว้ สุดท้ายเลยจำต้องใช้มือทั้งสองข้างกอดเอวหนา ยิ่งสัมผัสได้ถึงความแข็งแกร่งของกล้ามเนื้อผมยิ่งเขิน

‘เราต้องฝันอยู่แน่ ๆ ตอนนี้’ หนทางยังอีกไกลและเราสองคนไม่มีใครพูดอะไรกัน เวลาขับรถลมมันจะแรงเลยทำให้ไม่สามารถคุยกันได้ ถึงคุยก็คุยไม่รู้เรื่องเพราะใส่หมวกกันน็อกอยู่ ผมไม่ได้ผละวงแขนออกจากเอวหนาเลย ตามองหมวกกันน็อกของคนตัวสูงไปด้วยพลางเผลอยิ้มไปด้วย ผู้ชายคนนี้นิสัยดีจริง ๆ ยิ่งคิดยิ่งทำให้ความคิดที่จะเลิกชอบเริ่มน้อยลงไปทุกที แอบคิดแหละว่าดอนน่าจะทำแบบนี้กับทุกคน มันเลยทำให้ผมรู้สึกเฟลนิด ๆ แต่ก็ต้องทำใจไว้ก่อนว่าอย่ายึดติดกับอะไรบางสิ่งมากเกินไป สงสัยกลับไปถึงบ้านควรนั่งฟังธรรมแล้วแหละมั้ง…

รอบ ๆ ตัวรายล้อมไปด้วยรถยนต์คันใหญ่คันเล็ก ทั้ง ๆ ที่ควรกังวลเรื่องความปลอดภัยแต่พอได้กอดคนตัวสูงไว้กลับทำให้รู้สึกอุ่นใจขึ้นอย่างแปลกใจ พวกเราไม่ได้อยู่ในตัวเมืองหลวงเพราะฉะนั้นทุกอย่างเลยไม่ได้วุ่นวายขนาดนั้น ถึงจะบอกว่าไม่ค่อยวุ่นวายแต่เอาเข้าจริง ๆ สำหรับผมแล้วอะไรรอบ ๆ ตัวมันก็ไม่เคยจะสงบหรอกนอกเสียจากจะอยู่ในบ้าน… เวลาผ่านไปเรื่อย ๆ รถของดอนก็มาจอดอยู่หน้าร้านอะไรสักแห่งหนึ่งที่ผมเคยผ่านแต่ไม่เคยเข้า เห็นเช่นนั้นจึงไม่รอให้เจ้าตัวบอกและพยายามจะขยับตัวลง แต่เข้าใจว่ารถมันใหญ่แถมยังสูงไหมครับ แล้วดูตัวผมด้วย… ตอนขึ้นก็สบายกว่านี้ทำไมตอนลงถึงลำบากจัง

“อ๊ะ!”

หมับ!

“ระวังหน่อยสิครับ ถ้าตกมาทำไง…” เกือบหงายหลังตกจากรถแล้วไหมล่ะ ดีนะที่ดอนเอี้ยวตัวมาจับร่างผมไว้

“ขะ ขอโทษ… ก็มันสูงอะ”

“ค่อย ๆ ลงครับ” ได้ยินจึงค่อย ๆ ระมัดระวังให้มากขึ้นเล็กน้อยและในที่สุดก็ลงมายืนจนได้ ดอนถอดหมวกกันน็อกครอบไว้กับกระจกรถฝั่งขวา ผมเองก็รู้สึกร้อนเลยอยากถอดบ้าง ในสมองคิดว่าต้องถอดให้ได้ก่อนคนตัวสูงจะเห็นแล้วเดินมาถอดให้แต่ก็ดันปลดที่ล็อกไม่ได้สักทีจนดอนเดินมาปลดและถอดให้เหมือนเดิม น่าอายจริง ๆ

‘เฮ้อออ… จะด่าว่าไร้ประโยชน์ยังน้อยไปเลย’ ร่างสูงเอาหมวกกันน็อกไปใส่ไว้ในเบาะแล้วหยิบกระเป๋ามาให้ผมสะพาย หันไปมองหน้าร้านตรงหน้าชัด ๆ ถึงได้รู้ว่าเป็นร้านซ่อมรถ ผมก้มลงมองเสื้อแจ็กเกตที่ตัวเองใส่พลางคิดในใจว่าจะถอดดีไหม แต่เห็นดอนเดินไปส่องดูหน้าร้านพร้อมกับถือโทรศัพท์เหมือนจะกดโทรหาใครสักคนจึงได้สาวเท้าตรงไปหา

“ตอนนี้เกือบสี่โมงแล้วตัวเล็กรีบกลับบ้านไหม? ผมคุยธุระกับเพื่อนแป๊บหนึ่ง”

“ไม่เป็นไร ๆ ดอนไม่ต้องรีบก็ได้ เดี๋ยวเราขอคุยโทรศัพท์กับแม่แป๊บ…” ผมยิ้มให้ก่อนจะเดินออกมาหยิบโทรศัพท์โทรหาแม่ เห็นว่ามีสายไม่ได้รับจากเลย์หมันนึ่งสายกับของแม่อีกสองสาย สงสัยคงเป็นตอนที่เอาไว้ในเบาะ

(อยู่ไหนดัซ… แม่โทรหาไม่ยอมรับโทรศัพท์เลย) กดโทรศัพท์ขึ้นแนบหูได้ไม่ถึงสองวิแม่ก็รับสายทันที

“ดัซอยู่บ้านเพื่อน ดูหนังเสร็จแล้วก็มาเล่นบ้านเพื่อนต่อ… แม่อยู่ไหนอะตอนนี้”

(แม่อยู่บ้านนี่แหละ เป็นห่วงเลยโทรตาม…)

“ดัซโตแล้วนะแม่…”

(แม่ไม่ได้ว่าอะไรสักหน่อย จะโตหรือไม่โตแม่ก็เป็นห่วงเราอยู่ดี… แต่อย่ากลับดึกมากนะ ดูรถดูถนนด้วย…)

“เดี๋ยว ๆ ทำไมดัซต้องกลับดึกด้วยล่ะครับ เดี๋ยวก็กลับแล้วเนี่ย…”

(เนี่ย… พอพูดให้ดูเหมือนเป็นเด็กวัยรุ่นแบบคนอื่นหน่อยก็ไม่อยากเป็น…)

“วันรุ่นคนอื่นเขากลับบ้านดึกรึไง”

(ก็คงงั้นมั้ง…)

“แม่อะ… แค่นี้นะครับ”

(เลย์อยู่ด้วยไหมแม่จะคุยด้วย…) เอาอีกแล้ว… ทำไมแม่ต้องอยากคุยกับใครก็ตามที่ผมอยู่ใกล้ ๆ ด้วย ไม่คิดจะปล่อยผมบ้างเลย

“ไม่เอา… แม่ชอบเป็นแบบนี้”

(อ่า ๆ ไม่ก็ได้ แค่นี้นะงั้น…)

“ครับผม รักแม่น๊า…” ผมรีบชิ่งตัดสายทันที เพราะรู้ว่าแม่ต้องต่ออีกยาวแน่ ๆ หันไปหาดอนก็ไม่เห็นร่างสูงแล้วสงสัยอยู่ในร้าน ไม่กล้าเดินไปส่องดูด้วย กลัวดอนคิดว่าผมอยากรู้อยากเห็น จึงได้เดินไปนั่งตรงม้าหินอ่อนหน้าร้านแล้วกดโทรหาเลย์มันต่อ…

ฝั่งของดอน~

“สรุปแล้วกูต้องทำหน้าไหนวะ”

“มึงทำหน้าร้อยยี่สิบแปดถึงร้อยสามหก เพราะกูแบ่งให้เพื่อนคนอื่น ๆ แล้ว ได้เท่า ๆ กันนั่นแหละ”

“เออได้ ๆ” ร่างสูงคุยกับเพื่อนอยู่ในร้าน ในมือถือหนังสือเล่มหนึ่งที่ต้องใช้ในการทำรายงาน จริง ๆ จะคุยกับเพื่อนในแชตก็ได้ แต่ขับผ่านเลยแวะถามมันน่าจะรู้เรื่องกว่า

“หึ ๆ ที่แท้ก็คนนั้นเองเหรอวะ…”

“…”

“ได้ใส่เสื้อสุดที่รักของมึงขนาดนี้มีอะไรจะบอกเพื่อนไหมคุณดอน…”

“ไม่ยุ่งดิวะคุณเพื่อนเจ๋ง…” ร่างสูงหลังจดโน้ตลงในโทรศัพท์แล้วจึงยื่นหนังสือไปให้ไอ้เพื่อนที่กำลังทำหน้าล่อเลียน เขาหันกลับไปมองนอกร้านจึงหันร่างบางกำลังนั่งคุยโทรศัพท์อยู่ ใครจะไปรู้ว่าพอคนตัวเล็กอยู่ในสภาพเสื้อแจ็กเกตตัวโตพร้อมด้วยหมวกกันน็อกมันจะน่ารักแค่ไหน ที่ถ่ายรูปไว้เพราะหาได้ยากจริง ๆ แขนเสื้อเขายังยาวกว่าแขนของเจ้าตัวเสียอีก

“แล้วที่ไอ้กั้งบอกว่ามึงไล่มันกลับเพราะอยากดูหนังกับคนน่ารักคือจริง ๆ สินะ แหม่… เพื่อนกูมันร้ายจริง ๆ

“อ๊ะ!”

ขวับ!

“ตัวเล็ก…” เสียงร้องตกใจดังขึ้นร่างสูงจึงได้รีบสาวเท้าออกไปหารัว ๆ หันคนตัวบางขึ้นไปยืนบนโต๊ะหินอ่อนมือถือไม้อะไรสักอย่างไล่หมาตัวโตที่กำลังแลบลิ้นสายหาง

“ดะ ดอน… ระวังหมานะ!”

“ข้าวผัดมานี่” เป็นเจ๋งที่เรียกให้เจ้าสุนัขสุดที่เลิฟของเจ้าตัวไปหา สองขายาวเลยรีบเดินไปหาเจ้าของเสียงตกใจ ร่างบางเม้มปากเมื่อรู้ว่าสุนัขที่กระโดดใส่นั้นมีเจ้าของ ก็เขานั่งอยู่ดี ๆ มันดันวิ่งมากระโดดเกาะจนตกใจคว้าอะไรที่คว้าได้ขึ้นมาถือพร้อมขึ้นที่สูง

“ระ เราขอโทษ แต่มันกระโดดใส่ เราคิดว่ามันจะกัด…” ดอนมองคนตัวเล็กที่ทำหน้ารู้สึกผิดก่อนเสียงเพื่อนจะดังขึ้น

“หมากูเองว่ะ”

“มึงเลี้ยงหมาตัวโต ๆ แบบนี้ด้วยเหรอ?” ดอนถามด้วยความสงสัย

“เออ… พ่อเพิ่งเอามันกลับมาจากต่างจังหวัด แต่มันไม่กัดหรอก ขอโทษที่ทำให้ตกใจด้วยคนน่ารัก”

‘คนน่ารัก?’

“มะ ไม่เป็นไร…” ดัซชะงักกับคำเรียกของเพื่อนของดอนก่อนจะยิ้มให้

“เอองั้นกูกลับก่อนนะ…”

“เออ ๆ กูขอซ่อมรถต่อล่ะ บาย ๆ” ร่างสูงอีกคนเดินกลับเข้าไปในร้านก่อนดอนจะหันมามองคนตัวเล็ก

“เป็นไรไหมครับ?”

“ปะ เปล่า… แต่รู้สึกอาย”

“ฮ่า ๆ กลับกันเถอะ”

“อื้ม…”

Contact Me

ออฟไลน์ เอ็ม

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 67
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +35/-0
Re: เราแอบชอบนาย E9 [04.03.2019]
«ตอบ #12 เมื่อ04-03-2019 19:27:33 »

E9 “จับได้เหม่งไม่รอด”

ผ่านไปเกือบครึ่งชั่วโมง~

“ขอบใจดอนมาก ๆ เลยนะ…” ผมยืนขอบคุณคนตัวสูงอยู่หน้าบ้าน หลังจากดอนเก็บหมวกกันน็อกแล้วเจ้าตัวจึงขยับมาหาผมใกล้ ๆ

“นี่บ้านตัวเล็กเหรอครับ?”

“ใช่แล้ว… บ้านเราไม่ได้ใหญ่โตอะไรหรอก”

“ไม่ ๆ ผมชอบ มันดูน่าอยู่ดี”

“…” น่าอยู่อะไรล่ะ! เขินเป็นเหมือนกันนะ จะว่าไปตั้งแต่เจอกันตรงตู้กดตั๋วหนังจนตอนนี้ดอนทำให้ผมเขินหน้าแดงไปกี่รอบแล้วก็ไม่รู้ ร่างสูงเหมือนยังมองสังเกตบ้านผมอยู่อย่างนั้น ไม่รู้ว่าเพราะมีอะไรแปลกไปรึเปล่า แต่มันทำให้ผมไม่มั่นใจเลย…

“เดี๋ยวเสื้อเราจะเอาไปซักให้นะ วันจันทร์เดี๋ยวเอาไปให้ดอนคืนที่โรงเรียน หรือพรุ่งนี้จะให้เราเอาไปส่งให้ที่บ้าน…” นึกได้ว่าตัวเองใส่เสื้อของดอนอยู่จึงได้บอกไปแบบนั้น ยังไงแล้วคงต้องซักให้ก่อน กลัวดอนเหม็นกลิ่นเหงื่อ พรุ่งนี้วันอาทิตย์ร่างสูงจำเป็นต้องใช้ไหมก็ไม่รู้

“ยังไม่ต้องเอาให้คืนหรอกครับ เดี๋ยวผมมาเอาที่บ้านตัวเล็กเอง แค่เก็บไว้ดี ๆ ก็พอ…”

“โอเค… เอางั้นก็ได้” เราจะได้เก็บเสื้อดอนไว้นาน ๆ เหรอเนี่ย เขิน…

“…”

“เอ่อ… แล้วดอนจะเข้าไปข้างในไหม? เผื่อเหนื่อยอยากนั่งพัก” ยังไงแล้วก็ต้องชวนไปตามมารยาท ถึงจะเขินมากแค่ไหนก็ตาม อีกอย่างจะบอกแม่ว่าไงดี ดอนเป็นเพื่อนแบบนี้เหรอ แต่แม่มักจะรู้ว่าใครที่ผมสนิทบ้าง แล้วใครที่คุ้นหน้าอยู่ห้องเดียวกันบ้าง ถ้าเป็นดอนต้องโดนถามอะไรต่าง ๆ นานาชัวร์เลย

“ไม่รบกวนดีกว่าครับ ว่าแต่… ผมขอเบอร์ตัวเล็กได้ไหม?”

“…” ขอเบอร์เหรอ!!!? ดอนขอเบอร์เราเหรอ! ผมชะงักเขินสักพักจนต้องรีบตั้งสติ

อ๊าก…

‘ดอนอาจจะขอเอาไปติดต่อในกรณีอื่นก็ได้ดัซ’

“หรือไม่ได้ครับ?” ใบหน้าหล่อขมวดคิ้วเหมือนกลัวผมปฏิเสธ ทำไมขี้อ้อนแบบนี้ ดอนบ้า!

“มะ ไม่ใช่นะ… เอาโทรศัพท์ดอนมาก็ได้เดี๋ยวเราพิมพ์ให้…” ได้ยินเจ้าตัวก็เหมือนจะยิ้มดีใจให้จนผมยิ่งเขินเข้าไปใหญ่ มือเลื่อนไปหยิบโทรศัพท์จากคนตัวโตมากดเบอร์โทรศัพท์แล้วยื่นให้กลับ

“ขอบคุณครับ…” มือหนารับไปกดโทรหาจนโทรศัพท์ผมสั่น จึงได้หยิบขึ้นมาดู หลังคนตรงหน้ากดตัดสายผมเลยกดบันทึกเบอร์ของดอนไว้บ้าง ลองคิดดูสิครับว่าตอนนี้หัวใจผมมันสั่นแค่ไหน ใครจะไปรู้ว่าอยู่ดี ๆ คนที่เราแอบชอบเขาจะขอเบอร์ แถมตอนนี้เรายังมีเบอร์เขาอยู่ในเครื่องแล้วด้วย… ดวงที่ได้ดูไปบอกว่าจะได้เจอกับคนที่เราแอบชอบบ่อย ๆ มันจะเป็นจริงได้ยังไงกัน…

“งั้นผมกลับก่อนนะ”

“อื้ม… ดอนขับรถดี ๆ นะ” ร่างสูงยิ้มให้ก่อนจะเดินไปคร่อมรถจักรยานยนต์คันโต ผมยืนโบกมือให้ก่อนที่ดอนจะขับออกไป พอมองตามหลังแล้วเจ้าตัวจะรู้รึเปล่าว่าดูเท่มากแค่ไหน แค่มองก็ใจสั่นแล้ว นึกถึงเรื่องราวตั้งแต่ตอนเจอดอนเมื่อเช้าจนถึงตอนนี้ก็อดยิ้มไม่ได้เลย กินข้าวยังจะเช็ดปากให้อีก เขินเหมือนกันนะ ทุกการกระทำของคนตัวสูงมันทำให้ผมอดเข้าข้างตัวเองไม่ได้เลย

“ยิ้มหวานเชียวนะเราอะ…”

ขวับ!

“มะ แม่!”

“ก็ว่าทำไมถึงไม่มีสาวจีบหรือจีบสาว ไหนบอกอะไรแม่หน่อยไม่ได้เหรอ?”

“บะ บอกอะไรล่ะ!?”

“มานั่งคุยกับแม่ด่วนเลยดัซ…”

“…” อะไรกันเนี่ย… ผมจำต้องเดินตามหลังแม่เข้าไปนั่งในบ้านเฉยเลย ใจดันรู้สึกหวั่น ๆ ขึ้นมาด้วย กลัวว่าแม่จะรู้ว่าเราเป็นคนยังไง แต่ที่ผ่าน ๆ มาแม่ไม่เคยแอนตี้เรื่องพวกนี้เลยนะ แต่ก็อดกลัวไม่ได้ และยิ่งสายตาที่มองมานั้นทำให้ผมต้องก้มหน้าเม้มปาก

“ดัซ… ทำไมแม่จะไม่รู้ว่าลูกแม่เป็นคนยังไง”

“…” เงยหน้าขึ้นไปทำสีหน้าเหมือนกังวลมองหน้าแม่ แต่แม่กลับขยับมาดึงหัวผมไปกอด

“ชอบผู้ชาย?”

“…”

“แล้วคิดว่าแม่จะไม่ชอบเหรอที่ลูกตัวเองเป็นแบบนี้…”

“ดัซไม่ใช่ว่าชอบผู้ชายก็ชอบได้ทุกคนนะครับแม่ มันเหมือนเป็นความรักมากกว่า ถ้าเกิดวันหนึ่งตื่นมาแล้วดัซรักผู้หญิงมันก็คือรัก ตื่นมาอีกวันดันรักผู้ชายมันก็คือรักเหมือนกัน ไม่แบ่งได้ไหมว่าดัซเป็นอะไรหรือยังไง คือดัซมีความรักแค่นั้นเอง…”

“…” แม่แอบทำสีหน้าอึ้งไปนิด ๆ ก่อนจะยิ้มให้

“ก็นั่นแหละ… แม่ไม่ได้ว่าอะไรสักหน่อย แล้วเขาชื่ออะไร?”

“…”

“หล่อมากเลยนะ ตัวก็สูง เขาได้เล่นกีฬารึเปล่า แม่ขอให้เขาช่วยพาดัซไปเล่นด้วยได้ไหมจะได้แข็งแรง…”

“แม่อะ… ดอนยังไม่รู้ว่าดัซแอบชอบนะ อีกอย่างดัซก็ไม่ได้คิดไปถึงขั้นที่ต้องเป็นอะไรกัน แม่ก็รู้ใช่ไหมว่าผู้ชายส่วนมากเขาก็ชอบผู้หญิง กับดัซที่แค่แอบชอบ… รู้อยู่แล้วแหละว่าควรอยู่จุดไหน ทำตัวยังไง…” ก็แค่แอบชอบ จะหวังอะไรมากไปอะ ผู้ชายขอเบอร์กันก็มีตั้งเยอะ จับหัวกัน ให้กอดเอว พูดจาไพเราะใส่ ชมว่าน่ารัก เป็นห่วงก็มีเยอะแยะไป… ใช่ไหม?

“จริง ๆ แม่รู้สึกนานแล้วนะว่าดัซไม่ได้ชอบผู้หญิง แต่แม่แค่ไม่เคยถามเพราะกลัวเราไม่สบายใจ แม่เป็นแม่นะทำไมจะมองลูกตัวเองไม่ออก ถึงเราจะไม่ได้แต่งหน้าทาปากหรือทำตัวเหมือนผู้หญิง แต่ยังไงลูกแม่ก็ยังน่ารักเกินไปที่จะเป็นผู้ชายอยู่ดี สงสัยคงได้จากแม่ไปเยอะหน่อย…”

“เอ่อ… แม่ครับ”

“แม่ก็เคยแอบชอบใครเหมือนกันทำไมจะไม่เข้าใจความรู้สึกของเรา…”

“จริงเหรอครับ?” ผมถึงกับเลิกคิ้วสงสัย

“อื้ม… แต่แม่แค่แอบชอบ ไม่ได้เก็บเอาเขามาใส่ใจอะไรขนาดนั้น แล้วเราล่ะ?”

“…”

“ชอบเขาแล้วยึดติดกับเขาเกินไปรึเปล่า? ระวังมันจะทำให้รู้สึกเหนื่อยใจตัวเองไปเสียเปล่า…”

‘เหนื่อยใจตัวเองเหรอ?’

นั่นสิครับ… ผมยึดติดกับดอนมากไปรึเปล่า?




________________________________________




ผ่านไป 30 นาที~

ขึ้นมานอนเล่นโทรศัพท์อยู่บนห้องได้สักพักแล้ว พยายามคิดตามสิ่งที่แม่บอกและแนะนำมา แต่ก็เหมือนจะคิดไม่ออกว่าจริง ๆ แล้วผมรู้สึกยังไงกันแน่ พอดูเปอร์เซ็นต์แล้ว ก็คงใช่แหละมั้ง… ผมคงเอาดอนเข้ามายึดติดในใจมากไป มากไปจนทำให้สามารถหน่วงในอกได้…

Rrrrrrrrr

“อะ อ๊ะ! ดะ ดอน!” โทรศัพท์ในมือสั่นพร้อมกับรายชื่อของดอนที่โทรเข้ามาทำให้ผมชะงักเผลอปล่อยโทรศัพท์ตกใส่หน้าจนเจ็บ รีบยกขึ้นดูถึงได้รู้ว่ามันกดรับให้ไปแล้ว

ฮือออ…

“ดอนมีอะไรรึเปล่า?” พยายามทำให้เสียงดูเป็นปกติที่สุด

(ผมถึงบ้านแล้วนะครับ…) ถึงบ้านแล้ว… ถึงบ้านแล้วโทรมาบอกเราทำไม?

ตึกตัก…

‘ถึงบ้านแล้ว… ต้องโทรมาบอกเราด้วยเหรอ?’ ไม่ไหวแล้วดัซ เรากำลังจะกระอักเลือดตายแล้วนะ

(เมื่อกี้ขับรถเกือบชนหมาที่วิ่งตัดข้ามถนนด้วย…)

“เฮ้ย… แล้วดอนเป็นอะไรไหมอะ ไม่ได้เกิดอุบัติเหตุอะไรใช่ไหม? เราบอกให้ขับระวัง ๆ แล้วนะ เจ็บมากไหมอะ…”

(…)

“…” เชี่ย… แล้วทำไมเราต้องเผลอแสดงโทนเสียงเป็นห่วงผู้ชายไปซะขนาดนั้นวะ เสียงหัวเราะจากปลายสายดังลอดออกมาเบา ๆ ยิ่งทำให้ต้องเม้มปาก

(ตัวเล็กเป็นห่วงผมเหรอ?)

“ปะ เปล่านะ!”

(อ้าวไม่เป็นห่วงเหรอครับ?)

กึก…

“มะ ไม่ใช่นะ… ฮือออ ดอนอะ!”

(ฮ่า ๆ ๆ อยู่ใกล้ ๆ จะขยี้หัวแรง ๆ เลยน่ารักขนาดนี้…)

กึก…

“…” ขอบคุณทุกคนที่ผ่านเข้ามารู้จักเราด้วยในชีวิตนี้ ขอบคุณพ่อแม่ บ้านหลังนี้ โรงเรียน ขอบใจเลย์มันด้วยที่เป็นเพื่อนที่ดีเสมอมา ผมลาก่อน~

(ตัวเล็ก…)

“คะ คือ…”

(…)

“ดอนมีอะไรอีกไหม ระ เราจะทำธุระอะไรนิดหน่อย…”

(ผมโทรมารบกวนใช่ไหมครับ?)

“กะ ก็เปล่า… แต่คือ เอ่ออ… เรา ฮือออ…” ทำไมถึงเป็นแบบนี้วะดัซ ผมเขินจนตื่นเต้นทำตัวไม่ถูกอีกแล้ว ดอนต้องหาว่าผมเด๋อแน่นอนเลย ต่างคนต่างไม่คุยอะไรกันแล้วเอาแต่เงียบ ผมเองก็ตื่นเต้นไม่หายเลย…

(ตัวเล็ก~” เสียงลอดออกมาจากโทรศัพท์หวาน ๆ

“หือ~”

(ผมนึกภาพตัวเล็กตอนนี้ออกเลยน๊า~)

“อื้อออ~”

(ฮ่า ๆ ๆ งั้นไม่กวนแล้วนะครับ”

“อะ อื้ม…”

(ไว้ว่างจะโทรหาอีกนะครับ)

“อะ โอเค…” พูดจบดอนก็กดตัดสายไปปล่อยให้ผมนั่งหน้าร้อนอยู่คนเดียวบนเตียงนอน อะไรคือมีเรียกตอบกันไปมาด้วยน้ำเสียงแผ่ว ๆ นุ่ม ๆ ใส่ด้วย ดอน!!!

ฮืออออ…




________________________________________




วันจันทร์~

เชื่อไหมครับว่าตั้งวันเสาร์หลังกลับมาจากไปดูหนังกับดอน ตลอดคืนวันเสาร์ดอนก็โทรมาคุยกับผมจนผมหลับเลยอะ ทำให้ผมเขินได้ตลอด นอนคุยกันผ่านโทรศัพท์ทั้ง ๆ ที่ไม่รู้เลยด้วยซ้ำว่าจริง ๆ แล้วดอนแค่เหงารึเปล่า? เมื่อวานวันอาทิตย์ช่วงเช้าผมก็อยู่บ้านทั้งวัน ดอนเองไม่ได้โทรหรือส่งข้อความอะไรมาจนตอนกลางคืนถึงได้โทรมาบอกว่าตอนเช้าเจ้าตัวยุ่งมากจึงไม่ได้โทรหา ซ้ำยังเอ่ยปากขอโทษ… ดอนมักจะทำให้ผมคิดเข้าข้างตัวเองเสมอ ทำให้ผมคิดว่าตัวเองสำคัญกับเจ้าตัวทั้ง ๆ ที่ยังไม่ได้เป็นอะไรกัน แค่เพิ่งเริ่มคุยกันจริง ๆ หลังดูหนังเสร็จในวันเสาร์แค่นี้ก็ทำให้เราสนิทกันถึงขั้นโทรหาและคุยกันได้ตลอดทั้งคืนมาสองวันติด ๆ แล้วได้ด้วยเหรอครับ? ไม่ใช่ว่าเพื่อนกันไม่มีทำแบบนี้ แต่… ผมดันคิดไปเองอีกแล้วน่ะสิ ผมกลัวใจตัวเองมาก ๆ เลยตอนนี้… แล้วถ้าหากวันหนึ่งดอนรู้ว่าผมแอบชอบ ดอนจะทักมาด่าผมว่าให้เลิกยุ่งไหม? ผมกลัวสุด ๆ เลยนะ คนที่เป็นฝ่ายแอบชอบอย่างผมมีอีกหลายสิ่งที่โคตรกลัว เช่นการโดนอันเฟรนด์ โดนบล็อกช่องทางการติดต่ออะไรแบบนี้ ผมคงช็อกไปอีกหลายวันเลยแหละ

“แม่ครับ… ดัซไปก่อนนะ” ผมรีบยกมือไหว้แม่ก่อนจะเดินออกจากบ้านทันที ในระหว่างทางเดินก็แวะซื้อขนมเหมือนเดิม เพราะจะได้เอาไปไว้ให้คนตัวสูง ถึงโรงเรียนก็รีบสาวเท้าอ้อมไปแถว ๆ โรงยิม ตรงไปยังห้องล็อกเกอร์ของนักกีฬา ตอนนี้เป็นเวลาค่อนข้างเช้า นักเรียนส่วนใหญ่คงกำลังพากันเดินทางมา คนที่มาถึงก่อนแน่นอนว่าต้องเป็นภารโรง หรือครูและนักเรียนบางคน

แกร็ก…

ค่อย ๆ เปิดประตูออกแล้วเดินไปหยุดอยู่หน้าล็อกเกอร์ของดอน ซึ่งเป็นตู้เดียวและตู้ที่ผมเอาของมาให้บ่อยที่สุดแล้ว

‘ดอนอย่าแอบเอาไปทิ้งนะ...’ บ่นในใจเบา ๆ ถ้าเห็นถุงขนมของตัวเองอยู่ในถังขยะผมคงร้องไห้ คงรู้สึกแย่ไปอีกหลายวันเลยแหละ คำพูดหวาน ๆ จากดอนก็จะถูกลบเลือนไปจากสมองผมทันทีเลยมั้ง ‘ราเชน’ ยืนอ่านชื่อจริงของดอนสักพักผมจึงเลื่อนถุงพลาสติกที่เต็มไปด้วยขนมไปมัดไว้กับที่เปิด

หมับ...

“อ๊ะ!” แต่อยู่ดี ๆ กลับมีคนโอบเอวเข้าไปกอดไว้จากด้านหลัง ตกใจพยายามดิ้นออก แต่ว่าแขนแข็งกลับยิ่งโอบกอดไว้แน่นขึ้น ในใจตอนแรกกลัวว่าจะมีใครเข้ามาเห็น และมันก็เป็นแบบนั้นจนได้ จะหันไปมองก็ไม่ได้เพราะถูกกอดไว้

“ตัวเล็ก...”

กึก...

“กว่าจะจับได้...” ทุกอย่างในหัวมันเหมือนมืดไปหมดเมื่อได้ยินเสียงนั้น หัวใจสั่นจนแทบจะระเบิด

“ดะ ดอน...” ผมเอ่ยเสียงสั่นก่อนจะโดนคนตัวสูงจับให้หันหน้ามามอง แค่เห็นใบหน้าหล่อ ๆ ของคนที่แอบชอบอยู่ใกล้ ๆ หน้ามันก็แดงขึ้นทันที ผมพยายามหันหน้าหนีดอนให้ได้มากที่สุด พยายามจะเดินหนี แต่มือข้างหนึ่งของคนตรงหน้ากลับยกขึ้นดันล็อกเกอร์ปิดทางไว้

“เมื่อเช้าผมโทรหาแต่ไม่รับเลย”

“ระ เราขอโทษ เราไม่ได้ยินอะ...”

“ผมจะไปรับมาโรงเรียนด้วยกัน”

“…” ประโยคนั้นทำให้ผมเม้มปากก้มหน้าลงทันที ดอนพูดเหมือนให้ท่าผมอยู่นั่นแหละ แล้วไหนจะกอดเมื่อกี้ มันทำให้ผมใจสั่นมากแค่ไหน

“ส่วนขนมตัวเล็กไม่ต้องลำบากเอามาให้ก็ได้ครับ ต้องซื้อมาให้เกือบทุกวันเลย...”

“…” ได้ยินผมจึงเงยหน้าขึ้นไปมอง ดอนอยู่ใกล้เกินไป… ตอนนี้หัวใจมันสั่นจนแทบจะระเบิดออกมาอยู่แล้ว ร่างกายเพลียจริง ๆ มันเหมือนผมกำลังฝันอยู่ กำลังนอนบนปุยเมฆนุ่ม ๆ ต้องฝันอยู่แน่ ๆ

“แต่จับได้แล้ว… ค่อนข้างสบายใจขึ้นมาหน่อย ตัวเล็กไม่เห็นกล้องวงจรปิดเหรอครับ?” ได้ยินผมถึงกับชะงักหันไปมองรอบ ๆ ก่อนจะเห็นกล้องวงจรที่ติดไว้ นี่แสดงว่า…

ฮือออ…

จุ๊บ…

กึก!

“…” หันไปมองกล้องวงจรปิดแล้วจะหันกลับมาหาคนตัวสูงแต่ใบหน้าหล่อกลับฉกลงมาจุ๊บที่หน้าผากผมเบา ๆ แล้วผละออกจนผมชะงักตัวแข็งทื่อ อะไรกัน… ทำแบบนี้เพราะเอ็นดูที่ผมไม่รู้ประสาเรื่องกล้องวงจรปิดเฉย ๆ ใช่ไหม ไม่ดิ… เราไม่ได้น่ารักขนาดนั้น แล้วทำไมกัน… มือหนาค่อย ๆ ยกขึ้นมาสัมผัสหัวจนผมหดคอหลับตาปี๋ สัมผัสที่นุ่มนวลทำให้ผมอยากร้องไห้ มันแบบ… ทั้งตื่นเต้น ทั้งใจสั่น ทั้งไม่รู้ว่าดอนคิดอะไรอยู่จนอยากร้องไห้ออกมาอยู่แล้ว…

“ขอบคุณสำหรับขนมครับ…”

Contact Me

ออฟไลน์ เอ็ม

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 67
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +35/-0
Re: เราแอบชอบนาย E10 [05.03.2019]
«ตอบ #13 เมื่อ05-03-2019 16:43:35 »

E10 “ครูไม่เข้าใจ!”

3 วันผ่านไป~

ผมตอนนี้กำลังนั่งอยู่บนห้องเรียนรอลงไปเข้าแถว ไม่รู้เลยว่าทำไมผ่านมาจนวันนี้แล้วดอนถึงไม่ได้เข้ามายุ่งกับผมอีก แถมยังไม่ค่อยเห็นร่างสูงอีกเลยด้วย ไม่สิ… อังคารกับพุธที่ผ่านมาผมไม่เจอร่างสูงเลยต่างหาก จนวันนี้วันพฤหัสบดีแล้วก็ไม่รู้ว่าจะเจอดอนอีกไหม อังคารพุธที่ผ่านมาโทรศัพท์จากเจ้าตัวก็ไม่มีโทรมาหา แชตข้อความก็ไม่ได้ส่งมา ผมเองก็ไม่ได้ซื้อขนมไปให้ที่ล็อกเกอร์แล้วด้วย รู้สึกพะวงกับโทรศัพท์มาก ๆ ในแต่ละวัน แต่ไม่มีอะไรเกิดขึ้นเลยจริง ๆ หรือดอน… จะไม่ชอบผมแล้วจริง ๆ

แค่ลองจุ๊บเหม่งผมเหรอ?

ทำไมต้องลองจุ๊บด้วย? ถึงตอนนี้จะยังงง ๆ แต่ตอนนั้นมันรู้สึกดีมาก ๆ เลยนะ เหมือนดอนมีใจให้เรา ร่างสูงไม่รู้รึไงว่าความหมายของการจุ๊บเหม่งคือต้องดูแลเราเป็นอย่างดี มโนไปเองอีกแล้วนะดัซ เฮ้อออ… ไม่อยากจะคิดเข้าข้างตัวเองสักหน่อยว่าดอนเองก็คงจะชอบผมกลับ เพราะกลัวว่าบางทีดอนอาจจะแค่คิดว่ามันเป็นเรื่องปกติก็ได้ นี่เราหวังมากไปจริง ๆ สินะดัซ…

‘ดอนคิดอะไรอยู่กันแน่ ถ้าคิดจะแค่เล่นกับความรู้สึกของเรา เราคงเสียใจมากเลย ๆ อะ…’

สักพักก็ถึงเวลาเข้าแถวผมจึงเดินลงมาจากตึกตรงไปเข้าแถวที่โดมหน้าตึกอำนวยการ ดีนะที่บางทีได้เข้าแถวในโดมยักษ์ จะได้ไม่ต้องทนแดดร้อน ๆ ของประเทศไทยด้วย… และหลังจากเข้าแถวเสร็จเรียบร้อยคุณครูหัวหน้าสายชั้นก็มีนัดรวมนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 อีกครั้ง และตอนนี้กำลังนั่งอยู่ในแถวของห้องตัวเองอยู่ครับ พยายามมองหาห้องของดอน แต่คนก็เยอะเกินไปจนมองไม่เห็น

“ครูนัดรวมทำไมวะ?” เสียงจากไอ้เพื่อนสนิทที่นั่งข้างหลังผมมันถาม

“มึงก็อยู่กับกูไหม… รอเขาประกาศดิ อาจจะเรื่องเข้าค่ายรึเปล่า…” ตอบมันก่อนจะหันไปมองคุณครูที่กำลังหยิบไมค์ขึ้นพูด ค่ายที่ว่าผมอ่านเจอที่ป้ายประกาศ เหมือนเป็นค่ายวิชาการผสมกับสันทนาการน่ะครับ ก็น่าจะติว ๆ ด้วย ทุกปี ม.5 จะต้องเข้าร่วม

“สัสเอ๊ย… กูบอกให้ออกมาช่วยตีป้อม…”

“ไอ้เลย์เงียบ ๆ ครูปกครองเดินมาแล้วเห็นไหม…” ผมเอี้ยวหน้าหันมาบอกจนมันต้องรีบเก็บโทรศัพท์สุดที่รัก นี่ก็เล่นจังเลย ในแถวก็ยังจะเล่น โอ๊ยยยยย… เชิญเข้าร่วมอีสปอร์ตเลยดีไหมเพื่อน

“เออ ๆ”

“สวัสดีนักเรียนทุก ๆ คนนะคะ… วันนี้ที่ครูเรียกรวมก็เพราะจะแจ้งเรื่องการเข้าค่ายที่โรงเรียนในวันเสาร์อาทิตย์ที่จะถึงนี้…” หลังครูพูดถึงเรื่องเข้าค่ายนักเรียนก็หันไปซุบซิบกันใหญ่เลยครับ ผมเองมีเหรอที่จะไม่หันไปคุยกับไอ้เลย์ แต่ไม่ได้ตื่นเต้นอะไรหรอกเพราะก็รู้ ๆ อยู่แล้วว่าต้องเป็นเรื่องเข้าค่าย

“นักเรียนเงียบเสียงลงด้วยค่ะ...”

“…”

“รายละเอียดค่ายที่ชัดเจนครูจะแจ้งในวันพรุ่งนี้บนหอประชุมในคาบพลเมืองดีอีกที คงเป็นเรื่องการเตรียมเสื้อผ้าหรืออุปกรณ์ต่าง ๆ ที่จำเป็นในการเข้าค่ายเพราะว่าเราจะต้องนอนพักที่นี่หนึ่งคืน นั่นคือคืนวันเสาร์ ส่วนตารางกิจกรรมก็จะแจ้งอีกทีวันพรุ่งนี้เหมือนกันค่ะ...”




________________________________________




ผ่านไปเกือบชั่วโมง~

“ไม่อยากมาเข้าค่ายเลยว่ะ กูไม่ชอบเลยแม่ง…” เลย์มันบ่นเสียงเบื่อ ๆ ตอนนี้พวกผมกำลังเดินขึ้นตึกเพื่อที่จะไปเรียนคาบแรก

“เอาเถอะน่า…”

“ถือซะว่าเป็นช่วงเวลาดี ๆ ก็แล้วกัน…”

“ดีมากมั้ง…”

“เออทำไงได้…” ได้แต่ให้กำลังใจตัวเองกับไอ้เลย์ จริง ๆ ก็ไม่ได้อยากจะมาเข้าค่ายสักเท่าไรหรอก แต่ในเมื่อคุณครูเขาบอกว่ามันเป็นกิจกรรมบังคับ ใครไม่มาจะติดศูนย์คุณลักษณะ แล้วใครจะกล้าขาด เห็นบอกถ้ามีธุระจริง ๆ ให้นำหลักฐานเป็นลายลักษณ์อักษรพร้อมผู้ปกครองเซ็นรับทราบ

เฮ้ออออ…

ในระหว่างเดินตรงไปยังห้องเรียน ผมก็แอบมองผ่านเข้าไปในห้องของดอนนิด ๆ ไม่ทันได้สังเกตหรอกว่ามีร่างสูงไหมก็รีบหันกลับมาเพราะเห็นครูสอนอยู่ นั่นคือห้องสี่ ดอนเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5/4 สายวิทย์คณิต แต่เหมือนเจ้าตัวจะเก่งค่อนข้างหลายด้าน ผมเองนี่ก็สืบประวัติจนดูโรคจิตไปเลยใช่ไหมล่ะ ถามว่าทำไมห้อง 4 ถึงได้มาเรียนใกล้ห้อง 13 ทั้ง ๆ ที่ห้องประจำควรอยู่ไกลกัน นั่นเพราะบางคาบเรียนอาจมีย้ายไปเรียนห้องอื่น ๆ ขึ้นอยู่กับครูผู้สอน อุปกรณ์ที่ใช้ในการเรียนการสอน หรือเหตุการณ์ต่าง ๆ

เดินเข้าไปนั่งโต๊ะประจำของตัวเองผมก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดเล่นตามสเต็บ ไม่อยากหวังเรื่องแชตจากดอนแล้วอะ หน่วงมากพอแล้วช่วงสองวันที่ผ่านมา ตอนนี้ในห้องเริ่มมีเพื่อน ๆ เข้ามากันแล้ว เล่นโทรศัพท์ไปด้วยก็นั่งคุยกับเพื่อน ๆ ไปด้วย ไอ้เลย์ก็ตีป้อมของมันไป จะว่าไปมันไม่ได้ถามผมถึงเรื่องเมื่อวันเสาร์เลย คุยกันผ่านโทรศัพท์แค่ตอนอยู่ที่ร้านซ่อมรถของเพื่อนของดอน

“ครูมา!” สักพักก็มีเพื่อนผู้หญิงคนหนึ่งวิ่งเข้ามาในห้องพร้อมเสียงตะโกนบอก ทำให้นักเรียนในห้องทุกคนรีบเข้าสู้โหมดเรียบร้อยทันที เสียงรองเท้าส้นสูงดังเข้ามาเรื่อย ๆ พร้อมกับคุณครูสาวสวยคนหนึ่งใส่กระโปรงสั้นจนเห็นขาอ่อนขาว ๆ เสื้อรัดรูปเห็นทรวดทรงของหน้าอกหน้าใจ เดินเข้ามาในห้อง เธอดูสวยแต่ก็ดูดุมาก ๆ เช่นกัน ไม่รู้ทำไมถึงไม่มีคนแจ้งว่ามันไม่เหมาะสม ครูไม่ควรแต่งตัวแบบนี้ไม่ใช่รึไง… และฝันร้ายนั่นคือเธอเป็นครูที่ปรึกษาของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5/13 และเป็นคุณครูสอนภาษาอังกฤษ ซึ่งเป็นห้องของผม!!! แต่ละห้องจะมีครูที่ปรึกษาอย่างมากสองคนและห้องของผมจะมีคุณครูหนุ่มหล่ออีกท่านหนึ่งเป็นครูประจำชั้นและครูสอนภาษาจีน ส่วนครูสาวสวยคนนี้ นักเรียนทุกคนรู้ซึ้งถึงความโหดและความเจ้าระเบียบของเธอดี เพราะฉะนั้นในสายชั้นไม่ใช่แค่ห้องผมจึงรู้สึกกลัวเธอ เว้นเสียแต่พวกผู้ชายที่มันไม่กลัวอะไรเลย เสี่ยงแล้วชอบมั้งก็ผู้หญิงสวย ๆ ดุ ๆ แบบนี้ เธอเองก็ยังสาวไม่ได้มีอายุอะไรขนาดนั้นด้วย

“All stand up, please!” เสียงหัวหน้าห้องสั่งให้ทุกคนลุกขึ้นยืน ทั้งหมดจึงรีบลุกขึ้นอย่างรวดเร็ว

“Pay respect to the teacher” สั่งต่อ (ทำความเคารพคุณครู)

“Good morning teacher…”

“Good morning, students. Please have a seat.”

“Thank you, teacher!” นักเรียนทุกคนนั่งลงเงียบ ๆ อย่างเป็นระเบียบ ผมเองตอนนี้เริ่มรู้สึกอึดอัดแล้วครับ เชื่อว่าหลาย ๆ คนก็คงรู้สึกแบบนั้น ครูค่อย ๆ เดินสำรวจทั่ว ๆ ห้องว่าสะอาดดีรึเปล่า ทุกคนได้แต่นั่งนิ่ง ๆ เงียบ ๆ ไม่มีใครพูดอะไรออกมาสักคำ นี่ห้องเรียนหรือห้องสืบสวนวะ

“เมื่อวานกลุ่มไหนทำเวร?” เธอถามเสียงเรียบ ทุก ๆ วันตอนเย็นจะต้องมีนักเรียนเป็นกลุ่มมาทำความสะอาดห้องประจำสลับกันไป จริง ๆ มีพนักงานทำความสะอาด ก็เหล่าแม่บ้านภารโรงนั่นแหละ แต่คุณครูต้องการให้นักเรียนมีความรับผิดชอบ เธอเลยจัดเวรประจำวันขึ้นมาให้ สักพักเพื่อน ๆ กลุ่มที่ทำเวรเมื่อวานจึงค่อย ๆ ยกมือขึ้น

“ทำไมไม่สะอาด!”

เฮือก!

เธอตะคอกเสียงดังลั่นห้องจนทำให้นักเรียนบางคนสะดุ้งตกใจและแน่นอนว่าหนึ่งในนั้นต้องมีผม หันไปมองไอ้เลย์มันก็เอาแต่นั่งทำเป็นมองไปทางอื่น

“พวกเธอได้ทำกันไหมห๊ะ!?”

“…”

“แล้วถังขยะ...”

“ครูบอกว่ายังไง?” ถามด้วยน้ำเสียงนิ่ง ๆ

“ลุกขึ้น… ใครที่ทำเวรเมื่อวานลุกขึ้นยืน…” นักเรียนที่ทำเวรเมื่อวานจึงค่อย ๆ พากันลุกขึ้นยืน

“เขกโต๊ะไปสามสิบครั้ง…” สั่งต่อ นักเรียนชายหญิงที่ยืนอยู่จึงรีบเคาะลงไปที่โต๊ะ จนทำให้เกิดเสียงดัง พร้อม ๆ กับเสียงนับ

“นั่งลง...” นี่มันปีไหนแล้ววะ ทำไมครูต้องให้ทำแบบนี้ด้วย ถ้าไม่สะอาดแค่ทำใหม่ก็ได้ไหมอะ หลังเคาะจนครบแล้วเธอจึงสั่งให้นั่งลง

“ต่อไปถ้าใครไม่ทำเวรครูจะทำโทษหนักกว่าเดิมและจะหักคะแนนจิตพิสัย…”

“เอาการบ้านที่ครูสั่งเมื่อวานออกมาวางไว้บนโต๊ะ…” พูดจบนักเรียนทุกคนจึงพากันนั่งตัวสั่น รวมถึงผมด้วย ค่อย ๆ หยิบกระเป๋าเป้ของตัวเองขึ้นมาเปิดแล้วหาสมุดการบ้านวิชาภาษาอังกฤษ แต่พอหยิบขึ้นมาดูทีละเล่ม ๆ ผมกลับไม่เห็น ในใจเริ่มหวั่น ๆ แล้ว เมื่อคืนก็มัวแต่เครียดเรื่องของคนที่ไม่ได้เข้ามายุ่งกับเราอีกด้วย

‘ฉิบหาย…’ สบถในใจ

“ดัซไหนของมึง?” เลย์มันหันมากระซิบถามผมที่ตอนนี้กำลังค้นหาของในกระเป๋าด้วยใบหน้าเครียด ๆ

“กูลืมเอามาว่ะ”

“เชี่ย…” เมื่อตอนกลางคืนก็มัวแต่คิดเรื่องของคนตัวสูงจนลืมเอาสมุดการบ้านที่ทำใส่กระเป๋ามาด้วย

เฮ้อออ…

“ใครไม่ได้ทำการบ้านมา…”

“ยืนขึ้น…” ผมค่อย ๆ กวาดสายตาดูรอบ ๆ ห้องแต่ดันไม่มีเพื่อนคนไหนลุกขึ้นยืนเลย ทำไมพอแบบนี้ถึงเตรียมกันมาดีจังห๊ะ!?

“สู้ ๆ มึง…” เลย์มันบอกจนผมต้องยอมกัดฟันและค่อย ๆ ยืนขึ้นก้มหน้า เพื่อนคนอื่น ๆ จึงหันมามอง รวมถึงคุณครูด้วย

“ครูขอเหตุผล” เธอค่อย ๆ เดินมาหา ซึ่งผมกำลังยืนตัวสั่นอยู่ครับเพราะกลัวสายตานิ่ง ๆ จากคุณครู ไหนจะแรงกดดันจากรอบ ๆ ห้อง จริง ๆ ผมเป็นคนที่เรียนดีมาโดยตลอดนะ ไม่เคยลืมทำการบ้าน แต่ยอมรับว่าชอบลืมของไว้ที่บ้าน ฮือ…

“ครูถาม…”

“ละ ลืมเอามาครับ” ตอบเสียงสั่น

“ออกไปยืนกอดอกนอกห้อง…” เธอสั่ง ผมเลยจำต้องเดินก้มหน้าออกไปด้วยสีหน้าเศร้า ๆ

‘ฮือ… แม่ง!’ โกรธตัวเองที่ลืมเอาสมุดมา ดันรู้สึกโกรธคนที่ทำให้ผมคิดมากจนลืมสมุดการบ้านมาเฉยเลย! ฮึก! ถ้าจะทำให้รู้สึกแล้วทำไมต้องจากไปโดยไม่บอกด้วยคนบ้า! ฮืออออ…

Contact Me

ออฟไลน์ เอ็ม

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 67
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +35/-0
Re: เราแอบชอบนาย E11 [05.03.2019]
«ตอบ #14 เมื่อ05-03-2019 16:44:42 »

E11 “ง้อหน้าห้องต้องได้ใจ”

‘ดัซนะดัซ….’ ถ้าต้องยืนทั้งคาบ ก็แสดงว่าผมต้องยืนจนกว่าจะได้ยินเสียงออดดังขึ้น แต่กว่าออดจะดังขึ้นก็ครึ่งชั่วโมงกว่า ๆ เลยนะ ผมจะไม่เมื่อยจนเป็นลมก่อนเหรอเนี่ย ดีนะที่ครูมัวแต่นัดคุยเรื่องค่ายและกิจกรรมอื่น ๆ มันเลยทำให้กินวิชาของคาบแรกมาบ้างแล้ว ครูคนนี้เธอยิ่งไม่ปรานีกับนักเรียนด้วย ทำโทษก็คือทำโทษ แล้วยืนหน้าห้องมันเป็นเรื่องที่โคตรน่าอาย ที่สำคัญคือเหนื่อยมาก ๆ เลยนะ

เฮ้ออออ…

เวลายังคงวิ่งผ่านไปเรื่อย ๆ ครูก็ยังไม่ออกมาอนุญาตให้ผมเข้าไปในห้องสักที แค่ไม่ได้เอาการบ้านมาส่งเองนะ! ได้แต่ยืนกอดอกก้มหน้ามองถุงเท้าตัวเองอยู่นี่แหละ อยากจะนั่งเพราะรู้สึกปวดขาแต่ก็ทำได้แค่อดทน ผมคงอ่อนแอจริง ๆ นั่นแหละ สอบเสิร์ฟวอลเลย์เมื่อวานก็เกือบจะไม่ผ่าน ดีนะที่เลย์มันซ้อมให้ ฝีมือเลยพัฒนาขึ้นมาบ้างแล้ว ตัวเล็กเหรอ? มันเหมือนจะดูน่ารักมาก ๆ เลยนะ ทำให้ใจสั่นได้ทุกครั้งเมื่อใครคนนั้นเอ่ยปากเรียกเรา แต่บางครั้งมันกลับทำให้ผมรู้สึกแย่ได้เหมือนกัน ตัวเล็กมันอาจจะแปลว่าผมอ่อนแอก็ได้… ไม่รู้ทำไมถึงได้รู้สึกน้อยใจคนตัวสูงขึ้นมาเฉยเลย ทุกอย่างที่ดอนทำเพื่ออะไร? ถ้าไม่อยากคุยต่อ ก่อนจะทำให้เจ็บช่วยบอกไม่ได้เหรอว่าไม่ชอบที่ผมแอบชอบ อีกอย่างวันนี้ผมก็ซวยแต่เช้าเลย

‘ถ้าแม่รู้แม่ต้องดุแน่ ๆ’

หือ?

“เพราะมึงถึงเข้าช้าเลยแม่ง…”

“เพื่อนป่ะวะสัส…” สักพักก็มีเสียงคุยกันของนักเรียนชายกลุ่มหนึ่งกำลังเดินตรงมา ผมจึงเงยหน้าขึ้นไปมอง

กึก…

แต่ดันสบเข้ากับตาคมที่ผมยังไม่พร้อมที่จะเจอหน้าตอนนี้เฉยเลย

ขวับ!

รีบหันหน้ากลับมาแล้วก้มหน้าลงทันที ดอนมองผมพร้อมขมวดคิ้ว และเราสบตากันเมื่อกี้ ไปไหนมาทำไมถึงเพิ่งเห็น

‘แล้วทำไมต้องมาเจอวันนี้ด้วย’ ได้แต่บ่นในใจก่อนจะขยับถอยไปข้างหลังจนชิดบอร์ดติดรูปโชว์ ก็หลีกทางให้กลุ่มของดอนเดินนั่นแหละ

“ว้าวววว… ทำไมคนน่ารักถึงได้มายืนกอดอกอยู่ตรงนี้ล่ะครับ...” เสียงเพื่อนดอนคนที่เลี้ยงหมาดังขึ้นพร้อมกับเดินเข้ามาใกล้ ๆ รวมถึงดอนด้วย ร่างสูงไม่คิดจะพูดอะไรเลยเหรอ หรือกำลังจะช่วยเพื่อนแกล้งผมกันแน่

“…” เงยหน้าขึ้นไปมองแต่สายตามันกลับเลยผ่านไปทางด้านหลังของคนถามอยู่ดี เห็นคนตัวสูงขมวดคิ้วจ้องมาที่ผมอยู่เหมือนเดิม นั่นทำให้หัวใจดวงน้อยสั่นไปหมด ความรู้สึกที่ทำให้กระอักกระอ่วนในอก

“โดนทำโทษเหรอครับ? น่าสงสารจัง… ให้เราเป็นเก้าอี้ให้ไหม…”

“พวกมึงเงียบ ๆ ได้ละ…” เสียงแข็งจากดอนดังขึ้นพร้อม ๆ กับคุณครูที่เดินออกมา ทำให้กลุ่มของร่างสูงถอยห่างออกจากผมทันที น้ำเสียงแข็ง ๆ นั้นทำให้ผมแอบชะงักเหมือนกัน คนอย่างดอนน่ะเหรอจะพูดแบบนั้น?

“พวกเธอทำอะไรกัน?” เธอถามเสียงนิ่ง ตอนนี้ผมเองได้แต่ก้มหน้า

“ผมเห็นเพื่อนยืนอยู่เลยเข้ามาทักครับ…” เพื่อนคนหนึ่งตอบผมเลยต้องเงยหน้าขึ้นไปมอง แต่ก็ไม่รู้ทำไมสายตามันต้องมองไปที่ดอนก่อนทุกที ส่วนเจ้าตัวตอนนี้ยังเอาแต่จ้องมาที่ผมอยู่เหมือนตอนแรก ไม่รู้สิ… แต่ผมไม่พอใจดอนเลยจริง ๆ ไม่พอใจที่ไม่ยอมติดต่อหรือบอกเหตุผลอะไรสักอย่างเลย ถึงแม้จะรู้ว่าไม่ควรโกรธ… เพราะไม่มีสิทธิ์อะไรเลยก็ตาม ตั้งสติหน่อยสิดัซ มึงบ้าป่ะ? หงุดหงิดเรื่องการบ้านก็พาลคนอื่นไปทั่ว

“ไม่มีธุระก็ไปได้แล้ว…” เธอบอกก่อนจะหันมาหาผม กลุ่มของดอนจึงรีบยกมือไหว้แล้วค่อย ๆ เดินไป แต่สายตาของคนที่ผมสนใจยังคงหันมามองตลอด

“ส่วนเธออัศดง เหตุผลที่ว่าลืมเอาสมุดมามันฟังไม่ขึ้นเลยนะ ทั้ง ๆ ที่ครูเน้นย้ำแล้วหลายครั้งว่าอย่าลืมเด็ดขาด เธอเป็นคนเรียนดีแล้วทำตัวดีมาโดยตลอดเลย เพราะฉะนั้นครูจะไม่หักคะแนนและอนุญาตให้เอามาส่งย้อนหลังในวันพรุ่งนี้… แต่ยังไงครูจะให้เธอยืนจนกว่าจะหมดคาบ เหลืออีกประมาณยี่สิบนาทีกว่า ๆ ถ้าไม่ลงโทษก็ไม่เห็นถึงความสำคัญ…” เธอเอ่ยเน้นเสียง ผมเองได้แต่ก้มหน้ารับฟัง หมดคาบเลยเหรอ? ตายแน่ ๆ งานนี้ แต่ถามว่าผมทำอะไรได้ไหมนอกเสียจากตอบว่าครับและก้มหน้าลง แต่อย่างน้อยครูก็ไม่หักคะแนนและอนุญาตให้ผมเอามาส่งย้อนหลังได้

“คุณครูครับ…” เสียงคุ้น ๆ ของใครคนหนึ่งดังขึ้น ผมจึงเงยหน้าขึ้นไปมอง

ดอน…

“ผมเป็นคนเอาสมุดเพื่อนไปเองครับ…” ได้ยินผมจึงขมวดคิ้วเข้าหากันทันที

“แล้วเธอจะเอาของเพื่อนไปทำไม?”

“คือ… ผมตั้งใจจะแกล้งเพื่อนเองครับ แต่ไม่คิดว่าเพื่อนจะโดนทำโทษ…” ยิ่งดอนพูดผมยิ่งงง

“เอ่อ…”

“ขอโทษด้วยนะ…” กำลังจะบอกครูว่ามันไม่ใช่เรื่องจริง แต่คนตัวสูงกลับหันมาทำเป็นเอ่ยขอโทษผมเสียก่อน

“เธอเรียนห้องถัดไปใช่ไหม?”

“ใช่ครับ…”

“เดี๋ยวครูมา...” เธอบอกก่อนจะเดินตรงไปยังห้องถัดไป

“ทำไมดอนต้องโกหกครูด้วย...” ผมรีบถามคนที่กำลังยืนมองมาด้วยสายตานิ่ง ๆ ร่างสูงไม่ตอบแต่หันไปมองตามหลังคุณครู ซึ่งสักพักเธอก็เดินออกมาพร้อมครูผู้ชายอีกท่านที่สอนห้องดอน

“ในเมื่อผิดกันทั้งคู่ พวกเธอก็ไปยืนด้วยกัน และต่อไปอย่าทำอะไรแบบนั้นอีกเด็ดขาด…” เธอสั่ง ดอนจึงค่อย ๆ เดินมายืนอยู่ข้าง ๆ ผมเหมือนกลับไม่ได้เดือดร้อนอะไรเลย ซึ่งครูหนุ่มคนนั้นก็มองตรงมาที่พวกเราพลางส่ายหน้าไปมาเหมือนช่วยอะไรไม่ได้ สักพักครูทั้งสองก็กลับเข้าไปในห้อง ปล่อยให้เราสองคนยืนอยู่ด้วยกัน…

“…” รู้สึกไม่โอเคเลยที่ดอนต้องมารับบทลงโทษแบบเดียวกันกับผมทั้ง ๆ ที่ไม่ได้ทำอะไรผิด

“ตัวเล็กเหนื่อยไหม?”

“ดอนนั่นแหละเหนื่อยไหม”

“แค่นี้จิ๊บ ๆ ผมเล่นบอลเหนื่อยกว่านี้อีก” พูดเหมือนไม่ได้เดือดร้อนอะไรจริง ๆ พวกเราคุยกันเงียบที่สุด คุยเหมือนให้ได้ยินกันแค่สองคน

“ต้องมาเรียนไม่ทันเพื่อนก็เพราะเราเลยอะ…” ถึงดอนจะไม่เหนื่อยแต่ยังไงก็ต้องเรียนไม่ทันเพื่อนอยู่ดี

“ทำไงได้... ก็มีคนให้เป็นห่วงหนิครับ…” คำพูดที่ออกจากปากคนที่ยืนอยู่ข้าง ๆ แอบทำให้ผมชะงักก่อนจะหน้าแดงขึ้นทันที เป็นห่วงเหรอ? ทำไมดอนต้องทำให้ผมเขินด้วย เผลอสบตากันสักพักก่อนผมจะรู้ตัวเลยรีบหันหน้ากลับมาก้มหน้าลงเม้มปาก แล้วที่โกรธเจ้าตัวไปเมื่อกี้คือหายหมดเลยเหรอ?

“ขอโทษด้วยนะที่ไม่ค่อยได้มาหาหรือทักไป พอดีมีเรื่องให้ยุ่งนิดหน่อย ผมเลยไม่ได้มาเรียนตั้งสองวัน…”

“…”

“ตัวเล็กไม่โกรธผมใช่ไหมครับ? กลัวตัวเล็กจะไม่สนใจผมอีก…” ผมหันไปมองร่างสูงที่ถามด้วยใบหน้าเหมือนกังวลก่อนจะหันกลับมาก้มหน้าลง ในใจได้แต่คิดว่าผู้ชายคนนี้จะรู้ตัวไหมว่าใบหน้าหล่อ ๆ นั้นสามารถอ้อนใครก็ตามได้ง่าย ๆ แต่ถึงอย่างนั้นผมกลับยังมีความรู้สึกไม่พอใจอยู่นิด ๆ ถ้าลองเอ่ยออกไปว่าไม่พอใจเจ้าตัวจะทำยังไง?

“ดอนไม่ติดต่อมาบอกเราเลยว่าเป็นอะไร…”

“…”

“เหมือนเราทำอะไรบางอย่างให้ดอนไม่พอใจรึเปล่า หรือดอนไม่ชอบ สองวันที่ผ่านมาเราเลยไม่มีสมาธิทำอะไรเลย การบ้านก็ลืมเอามาส่งจนโดนทำโทษ จริง ๆ เราไม่ควรเป็นแบบนี้เลย…” ผมบอกเสียงแผ่วเพราะรู้สึกเสียใจเหมือนกัน สองวันที่ผ่านมาพะวงแต่กับเรื่องของคนตัวสูงมากแค่ไหนใครจะไปรู้ มันทำให้นอนหลับยาก ทำอะไรก็ไม่ค่อยจะมีสมาธิ… สักพักดอนกลับเข้ามาชิดจนแขนเราสัมผัสกัน พร้อมกับมือหนาที่ค่อย ๆ เลื่อนมาจับมือผมไว้จนชะงักหันไปมอง ใบหน้าคมกำลังหันมามองผมอยู่เหมือนไม่โอเค

“ผมขอโทษ…”

“…”

“ผมทำให้ตัวเล็กงอนเหรอครับ?”

“…” อย่ามองด้วยสายตาแบบนั้นนะ! ใจสั่นไปหมดแล้ว งอนเหรอ? จะว่าไปทำไมถึงกล้าพูดประโยคก่อนหน้าไปว่าเก็บเอาดอนมาพะวงจนไม่มีสมาธิ นี่เรากำลังจะสารภาพไปเหรอ ดัซมึงมันบ้า!

“เราจะงอนดอนทำไม…”

“ตัวเล็กทำหน้างอนอยู่นะ…”

“ไม่ใช่สักหน่อย…”

“หึ ๆ งอนได้ไหมครับ งอนแล้วน่ารักดี…” ประโยคนั้นทำให้ผมแอบชะงักอีกครั้งจนต้องหลบสายตาคม ชอบชมว่าน่ารักตลอดเลย จริง ๆ แล้วชมจริงไหมก็ไม่รู้ แต่ที่รู้ ๆ ผมก็เขินเป็นเหมือนกันนะ หน้าแดงกี่ครั้งแล้วไม่รู้

“แต่ดอนไม่เป็นไรก็ดี-”

จุ๊บ…

“…” เอ่ยปากบอกยังไม่สุดประโยคก็รู้สึกเหมือนมีบางอย่างลงมาทาบที่หัวจนชะงัก หันไปมองกลับเห็นใบหน้าคมหันไปทางอื่นเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น จึงได้แต่ขมวดคิ้วมองคนตัวสูงที่ยังจับมือตัวเองไว้แต่หันหน้าหนี เมื่อกี้ดอนทำอะไรรึเปล่าหรือผมคิดไปเอง

“อดทนอีกนิดเดียวเดี๋ยวก็หมดคาบแล้ว…”

“ดะ ดอนทำอะไรรึเปล่าเมื่อกี้?”

“เปล่าหนิครับ…”

“…”

“อย่ามองผมแบบนั้นได้ไหม เห็นแล้วอดไม่ได้จริง ๆ” มองแบบไหนอะ แล้วอดอะไรไม่ได้! ผมยังคงเลิกคิ้วมองชายตัวสูงด้วยความสงสัยเพราะไม่เข้าใจในสิ่งที่ดอนจะสื่อ สักพักจึงค่อย ๆ ก้มลงไปมองมือหนาที่จับมืออยู่

“ดอนไม่จับมือเราได้ไหม”

“ไม่จับเดี๋ยวงอน…”

“เราไม่ได้งอนนะ”

“นี่ไง… ทำหน้างอนผมอยู่” มืออีกข้างยกขึ้นมาดึงแก้มจนผมยิ่งชะงัก

“ดะ ดอน…”

“หึ ๆ”

“…” ไม่คุยกับดอนแล้ว! ผมรีบหันหน้าหนีเพราะเขินทันที




________________________________________




ผ่านไป 15 นาที~

เราสองคนยังไม่คุยอะไรกันต่อเลยหลังจากที่ผมหันหนีเพราะความเขิน ตลอดเวลาที่สัมผัสได้ถึงมืออุ่น ๆ ที่จับอยู่มักจะทำให้ผมรู้สึกใจสั่นได้ตลอดเวลา ไม่คิดไม่ฝันเลยว่าดอนจะมายืนเป็นเพื่อนซ้ำยังยืนจับมือตัวเองไว้ไม่ยอมปล่อย… บางทีก็ตื้นตันใจจนอยากร้องไห้ ไม่รู้ว่าคนตัวสูงทำเพราะอะไรแต่มันโคตรทำให้คนที่แอบชอบเจ้าตัวอยู่รู้สึกเหมือนคุ้มค่ากับการมีชีวิตอยู่เพื่อแอบรัก

“อยากโทรไปคุยด้วยตลอดเลยแต่แม่ไม่ให้เล่นโทรศัพท์” สักพักเสียงจากดอนก็ดังขึ้นผมจึงหันไปเลิกคิ้วมอง

“…”

“แต่พอได้มาจับมือและยืนคุยอยู่หน้าห้องแบบนี้ก็คุ้มแล้วครับ”

“ดอน… ชอบพูดเหมือนคิดอะไรสักอย่างอยู่อะ” ผมเม้มปากบอกพร้อมกับก้มหน้าลงด้วยความเขินบวกกับรู้สึกแปลก ๆ ดอนมักพูดให้ผมคิดเข้าข้างตัวเองตลอดเลย จะกระอักเลือดตายอยู่แล้วนะ

“ก็ผม-”

กริ๊งงงงง

เสียงออดหมดคาบเรียนดังขึ้น พวกเราสองคนจึงชะงัก ผมหันไปมองรอบ ๆ ก่อนจะผละมือออกจากคนตัวสูง ดอนมองมาที่ผมด้วยสายตานิ่ง ๆ พร้อมกับคุณครูที่เดินมาบอกให้เราเข้าไปรอเรียนคาบต่อไปได้แล้ว เพื่อนบางคนก็มีเดินออกมาจากห้องคงจะไปเข้าห้องน้ำหรือซื้อน้ำดื่ม เห็นมีเพื่อนผู้หญิงบางคนมองดอนแปลก ๆ แถมยังยิ้มด้วย ก็ไม่แปลกใจเลยจริง ๆ แต่ดอนกลับเอาแต่ยืนมองผมด้วยสายตานิ่ง ๆ จนผมเลิกคิ้ว ทำอะไรให้ดอนไม่สบายใจอีกรึเปล่า เห็นเช่นนั้นเลยต้องยิ้มให้…

“ขอบใจที่มายืนเป็นเพื่อนเรานะ ต่อไปไม่โกหกครูอีกแล้วนะ…”

“อื้ม… แต่ไม่ตกลงนะครับถ้าเห็นตัวเล็กโดนทำโทษ…” มือหนายกขึ้นลูบหัวผมเบา ๆ ดอนไม่ได้แคร์สายตาคนอื่นเลยจริง ๆ นั่นทำให้ผมชะงัก แต่ไม่รอให้เอ่ยปากบอกเจ้าตัวก็เดินออกไปทันที คำพูดและการกระทำของดอนมันทำให้ผมใจสั่นขึ้นอีกแล้ว พอนึกถึงวันที่โดนดอนจุ๊บหน้าผากมันยิ่งทำให้ผมอยากจะเป็นลม ไม่อยากจะคิดเข้าข้างตัวเองหรอกว่าดอนก็มีใจให้ หรือดอนคิดจะทำอะไรอยู่ แต่ตอนนี้หัวใจของผมมันกำลังพองโต เหมือนว่ามีอะไรบางสิ่งกำลังเข้ามาเติมเต็ม…

Contact Me

ออฟไลน์ เอ็ม

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 67
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +35/-0
Re: เราแอบชอบนาย E12 [06.03.2019]
«ตอบ #15 เมื่อ06-03-2019 00:34:53 »

E12 “จูงมือถือกระเป๋า”

“เฮ้อออ…” ตอนนี้เลิกเรียนมาได้สักพักแล้ว แต่ผมยังต้องทำความสะอาดห้องเรียนประจำต่อ เพราะวันนี้เป็นเวรทำความสะอาด จะไม่ทำก็กลัวโดนครูดุ อย่าลืมว่าวันนี้เพิ่งโดนทำโทษมาตั้งแต่คาบแรกเลย แถมเพื่อนยังพากันกลับหมดแล้วด้วย บอกว่ามันยังไม่สะอาดก็ไม่มีใครฟัง กลุ่มเวรไม่มีผู้หญิงก็เป็นแบบนี้แหละครับ เลย์มันก็รีบกลับไปช่วยป้ามันขายของ ทำให้ผมต้องกลับบ้านช้าคนเดียวเลย… สีของท้องฟ้าเริ่มเปลี่ยนเป็นสีครามแล้ว คนในโรงเรียนก็เริ่มจะหาย ๆ กันไปหมด เหลือแต่พวกเล่นกีฬาอีกเหมือนเคย แต่นี่ผมจะกลับแล้วครับ กำลังเดินอ้อมไปด้านหลังตึกเพื่อจะเข้าห้องน้ำ

เเกร็ก...

กึก…

“เชี่ย...” ผมไม่ควรหลบเลย แต่ที่ต้องหลบเพราะคนที่เดินออกมาจากห้องน้ำดันเป็นผู้หญิงกับผู้ชาย นั่นทำให้เผลอสบถคำหยาบออกมาเบา ๆ แล้วหลบหลังพุ่มไม้ พี่มะม่วง!!! พี่มะม่วงคนดัง จะว่าไปผู้ชายคนเมื่อกี้ก็แฟนเธอ ตอนนี้ผมกำลังอึ้ง ทำไมต้องมาทำอะไรแบบนี้ในโรงเรียน มันไม่ควรเลยนะ แบบนี้ก็ได้เหรอห๊ะ!? หรือไม่ได้เป็นเหมือนที่ผมคิด เขาอาจจะทำอย่างอื่นกันก็ได้ถูกป่ะ ผู้หญิงกับผู้ชายเดินออกมาจากห้องน้ำด้วยกันในเวลาหลังเลิกเรียนแบบนี้ หยุดคิดไปไกลเลยนะดัซ!

หมับ…

“อ๊ะ!” อยู่ดี ๆ ดันมีคนเอามือมาปิดปากไว้จากทางด้านหลังจนผมร้องออกมาด้วยความตกใจ

“อื้อออ…” พยายามดิ้นจะหันไปมองคนด้านหลังจึงยอมปล่อย

“ตัวเล็กไม่ยอมมาดูผมเล่นบอล…” ก่อนจะรู้ว่าเป็นใครใบหน้าผมมันถึงกับแดงขึ้นทันที ดอนในสภาพเหงื่อท่วมตัว เสื้อก็ลอยชาย ไม่บอกก็รู้ว่าไปทำไรมา

“…”

“รู้ไหมว่ากลับบ้านช้าแบบนี้มันอันตรายนะ ให้ผมไปส่งดีกว่า…”

“เอ่อดอน… คือ”

“…” คนตัวสูงไม่ยอมฟังอะไรเลย มือหนาถอดกระเป๋าสะพายผมออกไปถือไว้ มืออีกข้างก็ลากมือผมไป ตอนแรกที่ปวดฉี่ตอนนี้ผมไม่ได้รู้สึกอะไรแล้ว ยอมรับว่าเขินที่ดอนเอามือมาสัมผัสที่ปากแถมยังถือกระเป๋าให้ กำลังตกใจเรื่องคนในห้องน้ำอยู่แท้ ๆ แผ่นหลังกว้างมองผ่านเสื้อนักเรียนสีขาวมีเหงื่อไหลซึมจนเห็นผิวหนัง มันทำให้ดอนดูเซ็กซี่มาก ๆ แต่เหนือสิ่งอื่นใดคืออยากจะถามว่าดอนจะลากผมไปไหนเนี่ย หัวใจเต้นตึกตัก ๆ จนจะระเบิดออกมาอยู่แล้ว

“เรากลับเองได้นะ…” เอ่ยขึ้นจนคนตัวสูงต้องหยุดพร้อมหันมาขมวดคิ้ว

“สองคนเมื่อกี้เป็นคนไม่ดีนะครับ ตัวเล็กอย่าไปสนใจเลย…”

“…” สองคนเมื่อกี้เหรอ? ทำไมดอนถึงพูดแบบนี้ ใบหน้าคมขมวดคิ้วเหมือนกับตัวเองกำลังจริงจังเหมือนทุกครั้ง

“คะ คิ้วขมวดไปหมดแล้ว…” บอกพร้อมหันหน้าหลบสายตาคม

“แต่ผมจริงจังนะ ผู้หญิงเมื่อกี้เคยหลอกให้ดอนชอบด้วย” ดอนยังคงจับมือผมไว้แน่น หันมามองคนตัวสูงก็ทำหน้าเครียด ๆ คิ้วก็ขมวด แล้วทำไมต้องใช้ชื่อแทนคำเรียกตัวเองด้วย

คนบ้า!!!

“…”

“ผู้ชายคนเมื่อกี้ก็นิสัยไม่ดี”

“…อืม เราไม่ได้สนใจสักหน่อย” ผมยอมตอบออกไปให้ดอนสบายใจ ถึงจะไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นก็เถอะ แต่มันเป็นเรื่องของคนหน้าตาดีมีชื่อเสียงในโรงเรียนหนิ ผมไม่รู้เรื่องอะไรหรอก…

“งั้นกลับบ้านดีกว่าครับ”

“…” ผมไม่ได้พูดอะไรต่อนอกเสียจากลดสายตาลงไปมองมือของตัวเองที่ถูกมือของดอนจับไว้ เหมือนฝันอยู่เลย เรื่องในวันนี้ก็เป็นอีกวันที่มันทำให้ผมคิดว่าตัวเองฝันอยู่ มันเกิดขึ้นมาในชีวิตผมได้ยังไงก็ไม่รู้ ดอนจับมือเราหลายครั้งแล้วนะพักนี้ ชอบทำให้หัวใจเราจะระเบิดอยู่ได้

ตึกตัก…

“ดอน...”

“ครับ?” ตอบครับแต่ไม่ยอมหันมามอง ทำไมต้องตอบเสียงนุ่มด้วย... จิตใจคนที่แอบชอบอะ ถูกคนที่เราแอบชอบมาจับมือ มาพูดเพราะ ๆ ด้วย มันแปลกแต่ก็รู้สึกตื้นตันใจจนไม่รู้จะอธิบายออกมาเป็นคำพูดยังไง มันมากเกินไปจนผมจะกลายเป็นหินแล้ว...

“นั่งก่อนไหม เหงื่อยังออกอยู่เลย ดอนเพิ่งเล่นบอลมานะ...” ได้ยินเจ้าตัวจึงได้หยุดแล้วหันมาเลิกคิ้ว ก่อนรอยยิ้มหล่อ ๆ ที่ทำให้แทบใจละลายก็ปรากฏขึ้นจนผมต้องหันหนีเพราะเขิน ร่างสูงเพียงตอบว่า “โอเคครับ...” ก่อนจะจูงมือผมเดินไปนั่งที่ม้าหินอ่อนใต้ร่มไม้ใกล้ ๆ โรงจอดรถ ซึ่งอยู่หลังตึกอำนวยการ เรานั่งคนละฝั่งกัน และเหมือนจะหันหน้าไปทางอื่นด้วยกันทั้งคู่ เขินจนจะเป็นบ้าอยู่แล้ว มานั่งกับผู้ชายสองต่อสองหลังเลิกเรียน นี่ถ้าเป็นผู้หญิงคงโดนด่าไปแล้วมั้ง

“นี่น้ำ... เราซื้อมายังไม่แกะ ว่าจะดื่มแต่ก็ลืม...” ผมดึงกระเป๋าตัวเองที่ดอนวางไว้บนโต๊ะมาหยิบเอาขวดน้ำดื่มสิบบาทที่ซื้อมาแกะพลาสติกออกแล้วยื่นให้คนที่นั่งเก้าอี้ข้าง ๆ

“ขอบคุณครับ...” ใบหน้าคมยิ้มให้ก่อนจะยื่นมือมารับ แต่ที่ทำให้ผมชะงักคือดอนรับแต่จับถูกมือผมด้วยน่ะสิ ไม่ชินกับการถูกสัมผัสเลยจริง ๆ เห็นร่างสูงกระตุกยิ้มเหมือนจะขำจึงจำต้องหันหน้าหนี นี่จะเผลอทำตัวเด๋อตลอดเลยนะดัซ! ได้ยินเสียงดื่มน้ำลงคอดังอึก ๆ ก่อนจะเงียบไปตามด้วยเสียงวางขวดไว้บนโต๊ะ

“เหมือนฝันอยู่เลยครับ...”

“…” ได้ยินผมจึงหันไปเลิกคิ้ว เหมือนฝันเหรอ? เราไม่ใช่เหรอที่ควรพูดคำนี้ หรือดอนหมายถึงบรรยากาศใกล้ค่ำแบบนี้มันเหมือนกำลังฝันอยู่?

“วันนี้ผมเห็นเพื่อนผู้ชายในห้องแกล้งตัวเล็กด้วยนะ เขาทำแบบนั้นทำไม?” ประโยคต่อมาพร้อมน้ำเสียงเหมือนไม่พอใจทำให้ผมเลิกคิ้ว วันนี้เหรอ... จะว่าไปไอ้พวกผู้ชายมันแย่งปากกาผมที่ตกไปถือไว้แถมยังยืดตัวขึ้นสูง ๆ ให้ผมแย่งไม่ได้ จริง ๆ มันไม่ได้จริงจังหรอก แต่ถ้าดอนมองมาไกล ๆ คงคิดว่าผมโกรธพวกนั้นสินะ

“อ๋อ... ไม่มีอะไรหรอก”

“ถ้าเห็นแกล้งอีกผมจะเข้าไปห้ามเองเลยนะ”

“ดอน...”

“ทำไมอะครับ... ผมไม่ชอบคนที่ชอบแกล้งคนไม่มีทางสู้ ไม่ว่าจะผู้หญิงหรือผู้ชาย...” บอกแต่หันหน้าหนีเหมือนหลบสายตาจนผมได้แต่มองเสี้ยวหน้าคมด้วยความรู้สึกไม่โอเค ผมไม่ชอบให้ดอนเข้าโหมดไม่พอใจกับอะไรบางอย่างเลย บางทีก็ดูจริงจังจนน่ากลัว...

“ยิ่งกับตัวเล็กผมยิ่งไม่ชอบ...” ดอนหันมามองผมเหมือนไม่ชอบจริง ๆ ที่มีคนแกล้ง สายตาจริงจังคู่นั้นทำให้ผมชะงักเม้มปากและหันหนี ดอนมักทำให้ผมมโนขึ้นมาว่าตัวเองสำคัญตลอดเลย ใจสั่นกี่ล้านรอบแล้วเนี่ย...

“อะ อื้ม... เราเข้าใจแล้ว”

“…” หลังจากนั้นเราทั้งสองก็ไม่ได้พูดอะไรกันและเอาแต่หันไปมองรอบ ๆ ไม่รู้ดิครับ... มันไม่ได้รู้สึกอึดอัด แต่เป็นเพราะเขินเสียมากกว่าเลยไม่อยากถามอะไรออกไป แต่ก็ไม่อยากให้เงียบเลย คิดสิดัซว่าจะถามอะไรดี คิดสิคิด...

“ดอน/ตัวเล็ก...” เราสองคนดันหันมาเรียกพร้อมกันพอดีจนต่างคนต่างชะงัก ผมเผลอสบตากับดอนนานสองนานก่อนจะรีบหันหนี

ขวับ!

“หึ ๆ น่ารักจัง...”

“นะ น่ารักอะไรล่ะ!? ดะ ดอนจะถามอะไรเรารึเปล่า” ผมพยายามเปลี่ยนเรื่องแก้เขิน ไม่ยอมหันไปมองคนตัวสูงเลย ไม่งั้นคงเป็นลมแน่ ๆ

“เปล่า... เขาบอกว่าถ้าเรียกชื่อพร้อมกันแสดงว่าใจตรงกันใช่ไหม”

กึก...

“ดะ ดอนพอเลยนะ”

“ฮ่า ๆ ๆ ทำไมครับ? หืม...”

“ฮือออ... เลิกแกล้งเราได้แล้ว!” ยิ่งเด๋อ ๆ ทำตัวไม่ถูกด้วย

“ยิ่งแกล้งยิ่งน่ารักใครจะไม่อยากแกล้ง...”

“ดะ ดอนนน...”




________________________________________




ผ่านไปเกือบ 30 นาที~

“ตัวเล็กไม่กอดผมไว้เลย…” คนตัวสูงที่เดินมาถอดหมวกกันน็อกให้บ่นขึ้นเหมือนงอน

“หลังดอนเปียกเหงื่ออยู่นะ ตะ แต่เราไม่ได้รังเกียจนะ!” หันหน้าหนีด้วยความเขิน แค่นึกภาพตัวเองกอดดอนหน้ามันก็แทบจะระเบิดอยู่แล้ว นี่อุตส่าห์ให้นั่งพักแถมยังขับรถตากลมแต่หลังก็เปียกไม่แห้งสักที มันทำให้เห็นผิวด้านในแค่นี้ผมก็จะบ้าตายอยู่แล้ว ถึงจะเคยกอดมาแล้วก็เถอะ ส่วนตอนนี้พวกเรากำลังยืนอยู่หน้าบ้าน คนตัวสูงก็เอาแต่บ่นที่ผมไม่ยอมกอดเจ้าตัวตอนนั่งซ้อนมอเตอร์ไซค์ ใครมันจะกล้ากอดล่ะ!!! ก่อนหน้าก็ทำให้หัวใจจะระเบิดอยู่แล้ว ขี้แกล้งจริง ๆ เลย! บรรยากาศรอบ ๆ เริ่มมืดแล้วด้วย

“อ่า… ผมลืมไปเลยฮ่า ๆ แต่ตัวเล็กรู้ไหม…”

“…”

“ผมไม่เคยรู้สึกแบบนี้กับผู้ชายเลย…”

“…” รู้สึก รู้สึกอะไรอะ? พูดต่อสิดอน คนตัวสูงไม่บอกอะไรต่อเลยนอกเสียจากยิ้มให้ก่อนจะเดินไปขึ้นรถ แค่นี้เหรอ มาส่งแค่นี้ก็จะกลับเลย คนบ้า! มีเสน่ห์จัง…

“อย่าลืมเอาการบ้านไปส่งนะครับ ผมไม่ชอบให้ตัวเล็กโดนทำโทษ” ไม่ชอบ? ทำไมต้องไม่ชอบด้วย คงไม่อยากมายืนด้วยสินะ

“อื้ม... แต่ขอบใจดอนนะที่มาส่ง”

“ได้เสมอครับ… ตอนแรกเป็นห่วงที่ตัวเล็กกลับบ้านช้า แต่ต่อไปกลับบ้านช้าบ่อย ๆ ก็ดี”

“ทำไมอะ?” ผมทำหน้าสงสัย กลับบ้านช้าแม่ก็ต้องดุผมน่ะสิ

เฮ้อออ…

“ดอนจะได้กลับพร้อมตัวเล็กไงครับ…”

“…” ดะ ดอน!

Contact Me
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 07-03-2019 21:33:04 โดย เอ็ม »

ออฟไลน์ Billie

  • "Let come what comes, let go what goes and see what remains. That is what is real"
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3327
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +78/-6
Re: เราแอบชอบนาย E12 [05.03.2019]
«ตอบ #16 เมื่อ06-03-2019 04:44:22 »

ดอน ไม่ได้มาเล่นๆนะ

 :L2: :pig4:

ออฟไลน์ เอ็ม

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 67
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +35/-0
Re: เราแอบชอบนาย E13 [06.03.2019]
«ตอบ #17 เมื่อ06-03-2019 11:31:59 »

E13 “เหตุผลที่แอบชอบ”

“กลับมาเเล้วครับ~” ถอดรองเท้าแล้วผมจึงรีบเดินเข้าไปในบ้าน พร้อมกับแม่ที่เดินออกมาจากห้องครัวพอดี ใบหน้าแบบนี้ต้องสวดแน่ ๆ

“วันนี้กลับบ้านช้ากว่าเดิมอีกนะเราเนี่ย สักพักก็จะมืดละ แอบไปทำอะไรมาอีกห๊ะ?” ว่าแล้วเชียว

“เอ่อ… วันนี้มีเวรต้องทำด้วยอะ แถมดัซยังไปดูเพื่อนเตะบอลด้วยเลยกลับช้า…”

“เฮ้อออ… เราเนี่ย ดูแต่คนอื่นเตะบอลเกือบทุกเย็น ทำไมไม่คิดจะออกกำลังกายบ้าง ตัวเล็กมากเลยนะดัซ… แม่คิดละว่าถ้าดัซกลับช้าจนมืด ๆ ค่ำ ๆ แบบนี้ แถมยังตัวเล็ก ๆ แบบนี้ เกิดมีคนมาทำร้ายจะทำไงห๊ะ?”

“แม่คิดมากอีกแล้วนะ ใครจะมาทำอะไรดัซอะ ทำงานหนักมาใช่ไหมวันนี้?”

“เดี๋ยวเหอะ… แม่คิดละว่าคงต้องหาใครสักคนชวนเราไปออกกำลังกายบ้าง ตัวเล็กแบบนี้จะมีเรี่ยวแรงได้ไง แล้วคนที่เราแอบชอบที่ชื่อดอน ไม่ขอเขาให้พาไปเล่นบอลด้วยกัน เอ๊ะ… หรือที่กลับช้าเพราะอยู่กับเขา?”

“ปะ เปล่านะแม่! อีกอย่างดัซก็ไม่ได้อ่อนแอไหมอะ…”

“ยังจะเถียงอีก ดูมีพิรุธนะดัซ… ขึ้นไปอาบน้ำเปลี่ยนชุดแล้วลงมาทานข้าวด่วน แม่ซื้อของอร่อย ๆ มาด้วย เริ่มจะโมโหหิวแล้วนะรอคนกลับบ้านช้ามาทานข้าวด้วยกันเนี่ย…”

“แงงง… รู้แล้วค้าบบบ…” ผมตอบก่อนจะรีบขึ้นไปบนห้อง แต่ก็นะ คนที่เห็นผมวิ่งขึ้นบันไดก็บ่นตามมาอีกเหมือนเคย แม่ก็เป็นแบบนี้แหละ ผมรักแม่มาก ๆ นะ แม่เองก็รักผมมาก ๆ อยู่สองคนก็มีความสุขดีแล้ว ที่บ่น ๆ ก็เพราะว่าเป็นห่วงเท่านั้นเอง… วางกระเป๋าไว้ที่โต๊ะทำการบ้านก่อนจะหยิบผ้าเช็ดตัวแล้วเดินเข้าห้องน้ำทันที พอได้อาบน้ำแล้วชีวิตก็เหมือนจะสดชื่นขึ้นทันทีเลย แต่ไหน ๆ ก็ไหน ๆ ละ ผมจะเล่าเรื่องราวของจุดเริ่มต้นในการแอบชอบของผมให้ฟังนะครับในระหว่างนี้ จะบอกว่ามันเริ่มขึ้นตั้งแต่ตอนไหน เพราะทุกอย่างบนโลกนี้ล้วนแล้วแต่มีจุดเริ่มต้น…

“…” ตอนนั้นจำได้ว่าผมไปเห็นดอนที่ห้างแห่งหนึ่ง รู้แหละว่าเพื่อนร่วมสายชั้นคนนี้ค่อนข้างหน้าตาดีและมีชื่อเสียงพอสมควร แต่ดอนไม่ได้มีดีแค่หน้าตาน่ะสิ สิ่งหนึ่งที่ทำให้ผมตกหลุมรักเลยคือจิตใจของเขา จำได้ว่าตอนนั้นอยู่ ม.4 เทอม 2 เห็นไหมว่าผมแอบชอบคนคนนี้มานานแค่ไหนแล้ว ได้ปีกว่า ๆ แล้วมั้ง

“ให้ผมช่วยนะครับ…” ใบหน้าหล่อดูยิ้มแย้มแจ่มใส ช่วยถือของคนแก่ข้ามถนน มันเป็นภาพที่ผมรู้สึกอบอุ่นใจมาก ๆ เลย หล่อแล้วยังนิสัยดีอีก หลังจากนั้นรู้สึกตัวอีกทีผมก็แอบชอบเจ้าตัวมาจนถึงปัจจุบันนี้แล้ว แต่ใครจะไปรู้ว่าอยู่ดี ๆ ดอนจะเข้าหาผมเฉยเลย ถึงจะยังไม่รู้จุดประสงค์ของดอนเองก็เถอะ แต่ที่เล่ามามันคืดจุดที่ทำให้ผมมองร่างสูงเปลี่ยนไป จากแค่เพื่อนร่วมสายชั้นหน้าตาดี กลายมาเป็นคนดีที่ผมตกหลุมรัก…

‘หวังว่าดอนจะไม่เข้ามาทำให้เราเสียใจนะ…’ พออาบน้ำเปลี่ยนชุดอะไรเสร็จเรียบร้อยแล้วจึงได้รีบเดินลงมายังชั้นล่างเพื่อกินข้าวเย็นกับแม่

“แม่ครับ… ดัซต้องไปเข้าค่ายที่โรงเรียน ต้องนอนค้างคืนด้วย รายละเอียดค่ายครูเขาบอกว่าจะแจ้งพรุ่งนี้” ตอนนี้กำลังนั่งกินข้าวกันอยู่ในห้องครัว

“เข้าวันไหนกลับวันไหน แม่เป็นห่วง...”

“เสาร์อาทิตย์นี้ครับ” คงไม่ได้มีอะไรน่าตื่นเต้นมากมายหรอกมั้ง ก็แค่ค่ายสันบวกติว

“แม่ไม่ต้องเป็นห่วงนะ นักเรียนมอห้าไปกันทุกคนเลย เลิกมองว่าดัซเด็กได้แล้ววว…” กลัวแม่จะไม่ให้ผมไปเหมือนค่ายที่ผ่านมา แต่ครั้งนั้นผมเองก็ไม่สบายด้วยแหละ ดันทุรังจะไปให้ได้แต่สุดท้ายแม่ก็ห้ามขั้นเด็ดขาดทั้ง ๆ ที่โรงเรียนมันก็ใกล้แค่นี้เองอะ

“รู้แล้ว… ยังไงแม่ก็เป็นห่วงเราตลอดเวลานั่นแหละ จะเก่งมากแค่ไหนแม่ก็เป็นห่วงจำไว้ ทานข้าวได้แล้ว…”

“ค้าบ~” จากนั้นก็นั่งกินข้าวกันต่อ ผมเองไม่รู้จะถามอะไรต่อแล้วครับ เพราะแม่เหมือนเหนื่อยมาจากที่ทำงานจริง ๆ ด้วย เห็นทำหน้าแบบนี้มาตั้งแต่เข้ามาในบ้านแล้วนะ




________________________________________




เกือบ 30 นาทีผ่านไป~

“…” ตาผมมองขึ้นไปยังเพดานห้อง พยายามคิดว่าทำไมดอนถึงได้เป็นคนที่ใจดีแบบนี้ พูดจาก็เพราะ เป็นผู้ชายในอุดมคติของใครหลาย ๆ คนเลย ทุกครั้งที่ผมไปดูดอนเล่นบอลก็จะชอบหยิบสมุดโน้ตขึ้นมาจดด้วยว่าวันนั้นดอนทำอะไรบ้าง (จริงจังมาก) แต่ละอย่างมันแสดงให้เห็นว่าเจ้าตัวเป็นคนที่มีจิตใจดีมากแค่ไหน แบ่งน้ำให้เพื่อน ช่วยเหลือคนบาดเจ็บ ถึงทุกคนจะทำก็เถอะ… แต่สำหรับคนที่ผมแอบชอบมันทำให้รู้สึกดีมาก ๆ เลยนะครับ ใครจะรู้สึกดีที่เห็นคนที่แอบชอบทำเรื่องเลว ๆ ล่ะ? เห็นผมเล่าแต่เรื่องดี ๆ ของดอนแล้วก็ไม่ใช่ว่าคนตัวสูงจะดีแบบเว่อร์ ๆ หรอกนะ ยังไงดอนก็วัยรุ่นผู้ชายคนหนึ่ง เจ้าตัวจะอายุ 18 แล้วอีกไม่กี่สัปดาห์เอง ส่วนผมอีกสองสามเดือนเลย ต้องมีทำเรื่องไม่ดีบ้างเป็นธรรมดา แต่คิดถึงช่วงเวลาที่ผ่านมาจังเลย ประสบการณ์แอบชอบใครสักคนก่อนจะมาถึงวันนี้

“หน้ามึงจะตึงไปไหน?” เสียงเลย์มันดังขึ้นในขณะที่ผมตอนนี้ตัวเกร็งต้องแอบทำเป็นหน้านิ่ง ๆ โอ๊ยยยยยย… ก็เดินผ่านคนที่แอบชอบก็ต้องเปลี่ยนใบหน้าเป็นนิ่ง ๆ ป่ะ

“…” ตอนนั้นยังแอบขำตัวเองเลยทำไมต้องแอบทำหน้าเหมือนกับไม่ได้รู้สึกอะไรทั้ง ๆ ที่หัวใจมันเต้นตึก ๆ ตัก ๆ แทบจะระเบิดออกมาเหมือนภูเขาไฟอยู่ละ แต่พอคนตัวสูงเดินผ่านไป ถึงได้รีบวิ่งเข้าห้องแล้วฟุบหน้าลงกับโต๊ะทันที ส่วนเลย์มันได้แต่ทำหน้างงแต่ไม่ได้ถามอะไรต่อ

อีกเรื่องคือดอนชอบช่วยงานโรงเรียนมาก ๆ เลยครับ ผมนี่ก็ตัวดีเลยแหละ ไปแอบดูอยู่ทุกจุดทุกมุม พยายามแอบส่องเขาอยู่นั่นแหละ จนบางทีมันก็เหมือนคนโรคจิตดี ๆ นี่เอง แต่ก็นะ… แค่เราเห็นเขายิ้ม แค่นี้เราก็มีความสุขแล้วใช่ไหมล่ะ คนที่แอบชอบอย่างเรา ๆ จะทำอะไรได้มากไปกว่าการมีความสุขที่เห็นเขายิ้ม ร่างกายสูงสมส่วนของนักกีฬายกโต๊ะเก้าอี้เข้า ๆ ออก ๆ จากหอประชุมเหมือนกับว่าตัวเองไม่ได้รู้สึกเหนื่อยอะไรเลย เพื่อนของดอนก็เหมือนกันนะ ผมเห็นมีอีกสองคนที่สนิทกับดอนมาก ๆ ไปไหนด้วยกันตลอด คงเป็นคนที่ชื่อเจ๋งและกั้งมั้ง อยากจะวิ่งไปซื้อน้ำแล้วขว้างไปให้ก่อนจะวิ่งหนีสักครั้ง แต่จะทำตัวกระดี๊กระด๊าแบบนั้นก็คงจะไม่ได้ เห็นผมแบบนี้พอเจอสถานการณ์จริงนี่ยืนเอ๋อแดกเลยนะ ทำอะไรไม่ได้นอกจากจะก้มหน้าไม่ก็เดินไปซุกหลังไอ้เลย์ ไม่มีที่ไว้จริง ๆ หน้ามันคงร้อนจนแทบจะระเบิดแน่ ๆ

ณ ห้องสมุด ตอนนั้นก่อนสอบปลายภาคเทอมสุดท้ายของ ม.4 ผมเองไม่ค่อยได้เห็นดอนเลย ตามจริงก็แอบสงสัยนะว่าบ้านดอนอยู่ตรงไหน แล้วกลับบ้านไปคนตัวสูงเขาจะทำอะไรบ้าง ดอนเหมือนยุ่งอยู่บ่อย ๆ อะ หนังสือทุกเล่มที่ดอนยืม ผมนี่ยืมต่อแทบจะทุกเล่มเลย อ่านมันจนหมด ฮ่า ๆ ๆ มีช่วงหนึ่งนั่งอ่านหนังสืออยู่ ยกหนังสือขึ้นมาปิดหน้าไว้เพราะตั้งหลักเตรียมที่จะเลื่อนมันลงมาแอบมองคนที่นั่งติวหนังสือให้เพื่อนอยู่ แต่พอเอาลงกลับเป็นดอนที่เดินมาหยิบหนังสือที่วางอยู่ใกล้ ๆ ผมตกใจถึงขั้นหงายหลังเก้าอี้ล้มเลยครับ เสียงดังลั่นห้องสมุดที่มันเงียบ ๆ จนคนพากันหันมามอง รีบดันตัวลุกยกเก้าอี้ขึ้นหันหน้าหนีแล้ววิ่งออกจากห้องสมุดทันที ต้องใช่แน่ ๆ ผมต้องเป็นโรคจิตไปแล้วแน่ ๆ ถึงเรื่องในปัจจุบันมันจะไม่เหมือนเดิมอีกแล้วก็ตาม…

“อย่างน้อยเราก็เคยผ่านโมเมนต์แบบนั้นมาแล้วสินะ…”

Contact Me
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 07-03-2019 21:32:45 โดย เอ็ม »

ออฟไลน์ เอ็ม

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 67
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +35/-0
Re: เราแอบชอบนาย E14 [06.03.2019]
«ตอบ #18 เมื่อ06-03-2019 11:33:00 »

E14 “ดอนผู้บุกรุก”

วันศุกร์~

เวลา 20:25 น.

ในที่สุดวันนี้ก็วันศุกร์แล้ว… เมื่อวานหลังจากที่ดอนบอกผมว่าให้กลับช้า ๆ เพื่อจะได้กลับพร้อมกัน แต่ทั้งวันผมก็ไม่ได้เข้าใกล้คนตัวสูงอีกเลย อาจจะมีสบตากันบ้างนิดหน่อย อีกอย่างดอนก็เหมือนจะยุ่ง ๆ ด้วย ผมเลยคิดว่าบางทีเราก็น่าจะลองเดินออกมาบ้าง อย่าพยายามเข้าใกล้เขาให้มากกว่านี้จะดีกว่า เพราะเมื่อวานก่อนกลับดอนก็ทำให้หัวใจผมแทบจะแตกสลายอยู่แล้ว ไม่ใช่เพราะอกหัก แต่เพราะมันสั่นระรัวจนตัวจะแตก วันนี้เลยได้รีบกลับตั้งแต่ออดหมดเรียนคาบบ่าย เลย์มันยังงง ๆ แต่ไม่ได้ว่าอะไรเพราะเวลาหลังเลิกเรียนอันมีค่าของมันก็ต้องไปเล่นบาสกับเพื่อน ๆ เพราะเดี๋ยวก็ต้องรีบกลับบ้านเหมือนทุกครั้ง

“หยุดคิดถึงเขาได้แล้วดัซ…” ได้แต่บ่นตัวเองออกมาเบา ๆ ตอนนี้กำลังยัดของใส่กระเป๋าอยู่เพราะพรุ่งนี้จะต้องไปเข้าค่ายที่โรงเรียน จัดเสร็จก็เอากระเป๋าไปวางไว้ก่อนจะขึ้นไปบนที่นอน พรุ่งนี้ต้องใส่ชุดพละไปโรงเรียน เพราะตอนประชุมเพิ่มเติมวันนี้ครูหัวหน้าสายชั้นเธอได้แจ้งแล้ว วันนี้ผมไม่มีการบ้านด้วย ไม่รู้จะทำอะไรต่อเลยจริง ๆ หยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดเล่นฆ่าเวลารอให้ตัวเองง่วงดีกว่า แต่กลับต้องชะงักตาสว่างเพราะเห็นข้อความในแชตเฟซบุ๊กที่ยังไม่กดเข้าไปอ่านส่งมาจากดอน ผมจึงรีบกดเข้าไปอ่านทันที




เมื่อเวลา 18:10 น.

Until Dawn: ไม่รอผม

Until Dawn: วันนี้เลยไม่ได้คุยกับตัวเล็กเลย




“…” หลังอ่านข้อความที่ส่งมาได้ตั้งนานแล้วแต่ผมเพิ่งเห็นถึงกับทำให้รู้สึกผิดขึ้นทันที จะว่าไปผมยังไม่บอกดอนไว้เลยว่าจะกลับก่อน ดอนจะงอนผมรึเปล่า คิดคำตอบไว้ในใจก่อนจะรีบตอบกลับอย่างรวดเร็ว




Dusk Aussadong: เราขอโทษวันนี้รีบนิดหน่อยอะ

Until Dawn: จะร้องไห้แล้วนะครับ




“ดอนนน…” จะร้องไห้อะไรล่ะ! อ่านแล้วตอบกลับเร็วอีกซะด้วย อย่าทำให้รู้สึกผิดไปมากกว่านี้ได้ไหม ฮืออออ… แค่คิดว่าอยากจะลองถอยออกมาบ้าง แต่กลับต้องรู้สึกแย่กว่าเดิมอีก ฮือออ…




Dusk Aussadong: เราขอโทษจริง ๆ แงงง

Until Dawn: วันนี้มีเรื่องให้เหนื่อยมาก ๆ เลยนะครับ กะว่าจะคุยกับตัวเล็กให้หายเหนื่อยสักหน่อย

Dusk Aussadong: ฮืออออ… ดอนโกรธเราใช่ไหมอะ งั้นโทรมาคุยได้ไหม

Until Dawn: พิมพ์มาขนาดนี้แล้วคงโกรธไม่ลงแล้ว แต่ไม่คุยแบบไม่เห็นหน้าหรอก เดี๋ยวรอผมแป๊บนะครับ




“ห๊ะ?” หลังอ่านข้อความตอบกลับจากดอนผมถึงกับต้องขมวดคิ้ว ไม่เข้าใจในสิ่งที่ดอนส่งมาเลยอะ หมายถึงรอคุยในแชตเหรอ?

ก๊อก ๆ

กึก…

“ตัวเล็ก…” เสียงเคาะพร้อมเสียงเรียกชื่อผมดังขึ้นจากประตูกระจกตรงระเบียงห้องนั่นทำให้ชะงักแบบสุด ๆ เดี๋ยวนะครับ! ตั้งสติได้จึงรีบลุกลงไปจากเตียงนอนตรงไปเปิดผ้าม่านออก ยิ่งตกใจเข้าไปใหญ่เมื่อเห็นเป็นคนตัวสูงยืนยิ้มให้ผมอยู่ในชุดนักกีฬา แถมในมือยังถือกระเป๋าเป้อีกซะด้วย

“ดะ ดอนมาได้ไง?” ผมเปิดประตูให้พร้อมกับถามด้วยใบหน้าที่แสดงออกถึงความตกใจแบบสุด ๆ

“ขับรถมาครับ” คนตัวสูงตอบพร้อมระบายยิ้มให้เหมือนทุกครั้ง แถมเจ้าตัวยังทำเหมือนกับไม่มีอะไรเกิดขึ้นเลย แต่เดี๋ยวนะ… รอยแผลที่มุมปาก

“ขอโทษที่บุกรุกนะครับ ตัวเล็กโกรธผมรึเปล่า?”

“เราตกใจอะ… แต่ปากไปโดนอะไรมาทำไมถึงมีแผล?” ผมถามด้วยสีหน้าแอบจริงจังเล็กน้อย ถึงจะตกใจที่ดอนปีนขึ้นมา แต่ก็แอบตกใจที่มุมปากของเจ้าตัวมีรอยแผลเหมือนมีเรื่องชกต่อยกับใครหรือเพราะอุบัติเหตุจากการปีนขึ้นมา!?

“ขอโทษจริง ๆ นะครับ แต่ผมอยากคุยกับตัวเล็กหนิ… ส่วนนี่มีเรื่องนิดหน่อย…” ดอนพูดพลางเดินเข้ามาในห้องก่อนผมจะปิดประตู… เอาแต่ยืนมองคนที่มองมาที่ผมแถมยังยิ้มให้ไม่หยุด หน้าเริ่มแดงเพราะเขินอีกละ แต่ดีนะที่ห้องไม่รก ไม่งั้นผมคงอายมากแน่ ๆ

“รู้ว่ามันเข้าข่ายบุกรุก แต่ผมไม่มีที่ไปจริง ๆ จะไปบ้านเพื่อนก็รู้สึกไปบ่อยแล้วจนคิดว่ามาหาตัวเล็กเสียยังดีกว่า อย่าแจ้งข้อหาบุกรุกเลยนะครับ…”

“ระ เราจะแจ้งทำไมล่ะ แต่ดอนอย่าไปทำแบบนี้ที่อื่นก็แล้วกัน… ถึงห้องเราก็ไม่ควร ไม่ใช่แค่เพราะอาจโดนแจ้งข้อหาบุกรุก แต่ถ้าเกิดอุบัติเหตุขึ้นมาจะทำไงอะ…” บอกด้วยสีหน้าจริงจังจนใบหน้าคมฉีกยิ้มกว้าง ฮืออออ… หล่อแล้วยังขี้อ่อยอีก ถ้าไปยิ้มให้คนอื่นเห็นผมคงต้องอิจฉาแน่ ๆ เลย เราสองจ้องตากันก่อนผมจะรีบหันหนีคนตัวสูงเพราะความเขิน

“หนีผม…”

“…” ดอนเปลี่ยนสีหน้าเป็นงอนขึ้นเล็กน้อยจนผมต้องหันไปเลิกคิ้วมอง

“อุตส่าห์เตรียมหมวกกันน็อคอันใหม่ไปด้วยเมื่อเช้า…”

“ฮืออ… เราขอโทษ…” ผมเอ่ยเสียงแผ่วพร้อมก้มหน้างุด ก็คิดว่าดอนคงจะไม่สนใจอะไรผมแล้วหนิ คิดว่าคงเป็นแค่บางครั้งเท่านั้นแหละที่ดอนจะเข้ามาหา ไม่คิดว่าจะจู่โจมขนาดนี้

“ผมไม่โกรธตัวเล็กหรอก แค่เห็นหน้าก็มีความสุขแล้ว… ผมวางตรงนี้ได้ไหมครับ?”

“อะ อื้ม…” ตอบก่อนที่คนตัวสูงจะเดินเอากระเป๋าไปวางไว้ข้าง ๆ โต๊ะทำการบ้าน แต่ทำไมประโยคแต่ละประโยคถึงได้ทำให้หน้าผมขึ้นสีแบบนี้ ถ้าลอยได้คงลอยไปนานแล้ว ดอนอะ!

“จะเป็นไรไหมถ้าดอนจะขอนอนกับตัวเล็กคืนนี้” คนตัวสูงหันมายิ้มให้เหมือนเขิน ๆ พลางยกมือขึ้นเกาหัว

“…” ส่วนผมตอนนี้เหรอ ตายไปแล้วครับ ลาก่อน…

“ตัวเล็ก…”

“…” ตายไปกับความเขินแล้ว

หมับ…

“อ๊ะ…” อยู่ดี ๆ ดอนกลับเดินมาดึงเอวผมเข้าไปใกล้ ๆ จนต้องยกมือขึ้นดันร่างสูงไว้ ดอนจะทำอะไรเนี่ย หัวใจผมสั่นไปหมดแล้วนะ

“ดอนไม่ได้เป็นคนไม่ดีนะ มันทำให้ตัวเล็กกลัวเหรอครับ?” คนที่กอดเอวผมไว้ขมวดคิ้วถาม

“ระ เราอื้ม… รู้สึกไม่ค่อยดีนิดหน่อย อึดอัด… ดอนปล่อยก่อนได้ไหม…” ผมพยายามหลบสายตาคมเพราะรู้สึกเหมือนหัวใจมันจะระเบิดอยู่แล้ว ดอนเองจึงได้ยอมปล่อย ตัวก็สูง แรงก็เยอะ ถ้าดอนทำอะไรผมขึ้นมาผมต้องแย่แน่ ๆ แต่ผมเชื่อใจครับว่าดอนเป็นคนดี

“ตัวเล็กไม่ชอบผมเหรอ?” เอาอีกแล้ว ดอนทำหน้าเหมือนเครียด ๆ อีกแล้ว คิ้วดกขมวดเข้าหากันยังดูหล่อ แต่ทำไมผมรู้สึกไม่ค่อยชอบที่ดอนทำหน้าแบบนี้

“มะ ไม่ใช่แบบนั้นนะ…”

“…” บอกไปแล้วแต่ใบหน้าคมกลับยังตีสีหน้าเครียด รอยแผลที่มุมปากยังไม่ทำมาเลยมั้ง

“ดอนอย่าทำหน้าเหมือนกำลังเครียด ๆ ได้ไหม คือเรา เอ่อ… รู้สึกไม่สบายใจเลยที่ดอนทำหน้าแบบนั้น” ได้ยินผมบอกดอนจึงเปลี่ยนสีหน้าเป็นปกติ เราสองคนสบตากันไม่กะพริบ ในห้องดูเงียบขึ้นจนแทบได้ยินเสียงหัวใจผมเต้นตุบ ๆ แน่นอนว่ามันต้องทำให้ผมหันหน้าหนีคนตรงหน้าอีกเหมือนเคย… จินตนาการคนที่แอบชอบแอบมาเคาะกระจกระเบียงแล้วเข้ามาในห้องสิครับ ตอนนี้เขายืนอยู่ในห้องนอนของเราแล้วนะ จะไม่ให้รู้สึกเขินแบบแปลก ๆ ได้ยังไงกัน…

“บอกผมได้ไหม… ว่าตัวเล็กคิดอะไรกับผมอยู่?”

“…”

ตึกตัก ๆ

“ถ้ามันไม่เหมือนกับที่ผมคิด ผมจะไม่เข้ามายุ่งอีกเลย” ใบหน้าหล่อดูจริงจังขึ้นอย่างเห็นได้ชัด หัวใจผมตอนนี้เต้นตุบ ๆ ตับ ๆ จนอยากจะเป็นลม ถ้าหากสิ่งที่ดอนคิดไม่เหมือนกับสิ่งที่ผมกำลังคิดอยู่ล่ะ ดอนจะไม่เข้ามายุ่งกับผมอีกแล้วจริง ๆ ใช่ไหม

“ตอบดอนได้ไหม?” ดอนถามย้ำ ผมตอนนี้รู้สึกกลัวไปหมดเลย ได้แต่ยืนอยู่นิ่ง ๆ เพราะกำลังรวบรวมความกล้าและสติของตัวเอง จำไว้ดัซ… เคยมีคนบอกว่าถ้าหากชอบใครสักคนถึงแม้เรื่องของสองเราจะไม่มีทางเป็นไปได้แต่การได้บอกชอบไปมันก็คุ้มแล้วไม่ใช่เหรอ? อย่างน้อยชีวิตหนึ่งคนคนนั้นเขาก็ได้รู้ความจริงจากใจของเราไปเลย เราส่งไปถึงเขาแล้วเขาไม่รับมันก็ไม่เป็นไรไม่ใช่รึไง?

“เราขอโทษ…” ขอเอ่ยคำขอโทษไว้ก่อน

“…”

“แต่เราแอบชอบดอน...” ผมตอบเสียงแผ่วพร้อมก้มหน้าลง มือทั้งสองข้างกำมัดไว้แน่น เราเพิ่งเอ่ยความในใจออกไปใช่ไหมดัซ?

“เราขอโทษ… แต่ถ้าดอนจะไม่มายุ่งกับเราอีกก็ไม่-”

หมับ…

“…” มือหนาคว้าร่างผมไปสวมกอดจนใบหน้าผมซบเข้าที่อกอุ่น ๆ ซ้ำดอนยังกอดไว้แน่นจนทำให้ผมหน้าร้อนผ่าว เรือนร่างแนบชิดติดกันแบบนี้จนรู้สึกเหมือนตัวเองกำลังอยู่ในความฝัน มันรู้สึกดีจริง ๆ อบอุ่น… นุ่มนวล… ชวนให้ผมเผลอยกมือขึ้นไปสวมกอดร่างสูงกลับ

ตึกตัก…

“งั้นผมขอเข้าไปยุ่งกับตัวเล็กต่อนะครับ…”

Contact Me
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 07-03-2019 21:32:25 โดย เอ็ม »

ออฟไลน์ เอ็ม

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 67
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +35/-0
Re: เราแอบชอบนาย E15 [06.03.2019]
«ตอบ #19 เมื่อ06-03-2019 20:52:04 »

E15 “ดัซจะเป็นลม”

ผ่านไปเกือบ 30 นาที~

ผมไม่ได้ฝันไปใช่ไหมตอนนี้ บนเตียงนุ่ม ๆ กำลังมีอีกคนนอนอยู่ข้าง ๆ เว้นระยะห่างอยู่พอสมควร ใช่แล้ว… ตอนนี้ดอนกำลังนอนอยู่ข้าง ๆ ผม แสงไฟในห้องยังคงถูกเปิดสว่างจ้าทำให้เห็นเราทั้งสองได้อย่างชัดเจน กลัวอย่างเดียวก็แต่แม่จะมาเคาะห้องนี่แหละ จะอธิบายยังไงให้ฟังดี ปกติจะทำอะไรต้องบอกแม่ก่อนตลอด แล้วนี่แม่รู้แล้วด้วยว่าผมแอบชอบผู้ชายคนนี้ จะดูแย่ไปไหม… เหมือนพาผู้ชายแอบขึ้นบ้านงี้เหรอ? แต่เราเป็นผู้ชายนะดัซ!

“ทำไมตัวเล็กถึงแอบชอบผมอะครับ?” เสียงทุ้มดังขึ้น ซึ่งตอนนี้ผมกำลังนอนกุมมือไว้ที่หน้าอกพร้อมตัวที่เกร็งเล็กน้อย ตามองขึ้นไปบนเพดาน ส่วนร่างสูงนอนใช้มือก่ายหน้าผาก จะว่าไปยังไม่ทำแผลให้เจ้าตัวเลย

“เอ่อ… คือเราก็ไม่รู้อะ คงเหมือนกับคนอื่น ๆ ที่แอบชอบดอนมั้ง” จะให้บอกไปว่าแอบชอบเพราะดอนเป็นคนดีแบบนี้เหรอ มันก็ดูเหมือนโกหก พอได้รับคำตอบคนตัวสูงกลับรีบลุกขึ้นนั่งหันมามองหน้าทันที เห็นอย่างนั้นผมจึงเลิกคิ้วขึ้นเชิงถามว่ามีอะไร แต่ด้วยความที่เหมือนตัวเองจะถูกคร่อมหน้ามันเลยเผลอแดงก่อนจะรีบลุกขึ้นนั่ง ถึงจะรู้ว่าดอนจะไม่มีทางทำนิสัยแบบนั้นก็ตาม…

“ผมไม่อยากให้ตัวเล็กคิดเหมือนคนอื่นที่แอบชอบผมเลยนะ”

“…” ดอนแสดงสีหน้าเหมือนไม่โอเคเพราะเหตุผลที่ผมชอบเจ้าตัวมันเหมือนกับคนอื่น ได้ยินจึงขมวดคิ้ว ทำไมอะ… จริง ๆ ก็ไม่ได้เหมือนสักหน่อย

“เฮ้อ… ทำไมถึงน่ารักแบบนี้...” อยู่ดี ๆ ดอนกลับชมออกมาเฉยเลย ตาคมคู่นั้นเอาแต่มองหน้าผมอยู่นิ่ง ๆ ซ้ำผ่านไปสักพักยังจะยกมือขึ้นมาเหมือนจะสัมผัสที่ใบหน้าจนผมชะงักหลับตาปี๋พร้อมหันหนี ใครจะไม่ตกใจอะ หน้าที่แดงมาตั้งแต่ตอนแรกอยู่แล้วมันยิ่งแดงขึ้นไปอีก ดอนจะสัมผัสใบหน้าเราเหรอ!? สุดท้ายเลยได้แต่หลับตาปี๋หันหน้าหนีอยู่นานสองนาน ไม่เห็นร่างสูงจับสักทีจึงค่อย ๆ เปิดเปลือกตาขึ้น เห็นใบหน้าคมกระตุกยิ้มเหมือนจะหัวเราะผมจึงเม้มปาก

“ดอนอะ…”

“ฮ่า ๆ ๆ กลัวผมเหรอครับ?”

“ปะ เปล่านะ… เราว่าเราทำแผลให้ดอนก่อนดีกว่า” ผมบอกก่อนจะรีบลุกหนีความเขินลงไปจากเตียงนอน กล่องพยาบาลอยู่ในห้องครัว ผมต้องลงไปเอา ปกติเวลานี้ถ้าแม่ไม่ทำงานที่ห้องก็น่าจะนอนแล้ว ส่วนนมน่ะเหรอ บอกท่านแม่ไปแล้วว่าไม่ต้องเอาขึ้นมาให้ดื่ม แต่จะพยายามดื่มเอง

“ดอนรออยู่ที่นี่นะ… เดี๋ยวเราลงไปเอากล่องพยาบาลแป๊บ…”

“จริง ๆ ไม่ต้อง-”

“อย่าดื้อได้ไหม ถ้าไม่ทำรอยช้ำมันก็จะหายช้านะ อีกอย่างมันแตกเลยนะน่ะ ถ้าอักเสบมาจะทำไง…”

“…” ผมเผลอเดินเข้าไปใกล้ ๆ คนที่นั่งอยู่บนขอบเตียง ตาก็จ้องมุมปากของเจ้าตัว ปากก็อธิบายด้วยน้ำเสียงจริงจัง ร่างสูงทำหน้าเหมือนอึ้งไปนิด ๆ ก่อนจะกระตุกยิ้มชอบใจจนผมต้องรีบหันหน้าหนี อีกแล้วนะดัซ… เผลอเป็นห่วงออกหน้าออกตาอีกแล้ว!

“หึ ๆ ก็ได้ครับ… ไม่ดื้อก็ได้”

“ดะ เดี๋ยวเรามานะ…” รีบบอกปัดเพราะเขินก่อนจะค่อย ๆ ตรงไปเปิดประตูแล้วปิดเบา ๆ ดอนชอบทำให้ใจสั่นตลอดเลย กระตุกยิ้มทีหัวใจผมแทบจะแตกสลายกลายเป็นผง เดินลงไปเอากล่องพยาบาลขึ้นมาเบา ๆ จนในที่สุดก็เข้ามาในห้องแล้วล็อกประตู คนตัวสูงที่กำลังยืนดูอะไรสักอย่างใกล้ ๆ โต๊ะทำการบ้านจึงหันมามอง

“มีรูปผมติดอยู่ตรงนี่ด้วย…”

“ดะ ดอน!” ได้ยินผมถึงกับรีบวางกล่องพยาบาลตรงไปหาคนที่ยืนชี้รูปของตัวเองด้วยใบหน้าเหมือนสงสัย ต่างกับผมที่ชะงักจนต้องรีบเดินไปขวางเจ้าตัวไม่ให้เห็นอะไรไปมากกว่านั้น รีบเลื่อนหนังสือไปบังรูปต่าง ๆ ของดอนที่ผมแอบปริ้นท์มาติดไว้ทันที

“…” หัวใจเต้นตุบ ๆ หยุดยืนหันหลังให้คนตัวสูง ตาก็เอาแต่มองสำรวจบริเวณโต๊ะของตัวเองว่าไม่มีอะไรน่าอายให้ดอนเห็นอีกแล้วใช่ไหม ก่อนจะชะงักเมื่อรู้สึกว่าคนตัวโตกำลังขยับมายืนซ้อนหลังอยู่ในระยะประชิด ผมค่อย ๆ เอี้ยวหน้าไปมองยิ่งต้องชะงักเมื่อตัวเองอยู่ใกล้ดอนมากเกินไป แต่ตาของเจ้าตัวกลับไม่สนใจผมแถมเอาแต่มองสำรวจโต๊ะ

“ดะ ดอนหยุดเลยนะ!” จึงได้รีบหันมาดันร่างสูงออกห่างทันที ใบหน้าคมเลิกคิ้วเหมือนสงสัย ส่วนผมได้แต่เม้มปากมองเจ้าตัวด้วยใบหน้าขัดเขิน

“นั่งลงเลย… เราจะทำแผลให้แล้ว” พยายามเปลี่ยนเรื่องให้เจ้าตัวนั่งลงบนขอบเตียงนอนก่อนจะเดินไปเอากล่องพยาบาลมาจัดการทำแผล ในระหว่างที่ทำก็อุตส่าห์ตั้งใจ แต่พอเห็นสายตาดอนที่มองมาไม่หยุดมันก็ทำให้เกร็งเหมือนกันนะ ดอนจะมองอะไรไม่กะพริบตาซะขนาดนั้น จะทำให้ผมเป็นโรคหัวใจอยู่แล้วเนี่ย…

“ตัวเล็ก…” เสียงเรียกนิ่ง ๆ พร้อมมือหนาเลื่อนมาจับมือผมออกจากการทำแผล ตาคมมองมาไม่กะพริบ และสิ่งที่ทำให้ผมชะงักไปมากกว่าการที่เจ้าตัวจับมือคืออยู่ดี ๆ ใบหน้าคมกลับขยับเข้าหาแล้วเลื่อนลงมาใกล้ ๆ จนในที่สุดริมฝีปากของเราสัมผัสกัน

ตึกตัก…

‘ระ เราตายไปแล้วรึยัง…’

ตึกตัก…

‘อยู่ในฝันอยู่เหรอ?’ ได้แต่ถามตัวเองในใจเบา ๆ ก่อนใบหน้าหล่อจะผละออกมายิ้มให้จาง ๆ ส่วนผมเหรอ เหมือนชะงักจนหัวใจมันหยุดเต้นไปแล้ว ดะ ดอนจูบเรา? สัมผัสเมื่อกี้มัน…

“ทำต่อสิครับ…” เสียงทุ้มเอ่ยบอกทำให้ผมต้องออกจากภวังค์ รู้แค่ว่าตัวเองเขินจนไม่กล้าพูดอะไรกับคนตรงหน้า ได้แต่พยายามทำแผลให้พร้อมกับมือที่สั่นไปหมดแล้ว กว่าจะปิดปลาสเตอร์เสร็จก็แทบจะเป็นลม ผมลุกขึ้นเอาของที่ใช้แล้วไปทิ้งก่อนจะวางกล่องพยาบาลไว้ ยืนหันหลังทำใจอยู่อย่างงั้นไม่กล้าหันไปมองเจ้าตัว…

“ผมว่านอนดีกว่า นอนดึกไม่ดีนะครับ” เสียงทุ้มดังขึ้นจึงได้หันไปมอง ดอนทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นเลย

“ดะ ดอนจะนอนที่นี่จริง ๆ เหรอ?”

“ตัวเล็กไม่อยากให้ผมนอนเหรอครับ?”

“เปล่านะ… แต่เราแค่ไม่ชิน”

“…” อย่ามาทำเป็นขมวดคิ้วใส่นะ! ดอนอะ… ทำไมชอบทำให้ผมใจสั่น คนบ้าทำอะไรก็ดูดีไปหมด แล้วอย่าลืมว่าผมสารภาพว่าชอบเจ้าตัวไปแล้วด้วย อีกอย่างคือจูบอะ… จูบเมื่อกี้อะดอน!!!

“งั้นดอนนอนบนเตียงเดี๋ยวเรานอนข้างล่างเอง…” จะไม่ให้ดอนนอนก็ดูแย่เกินไป ผมจึงบอกก่อนจะเดินไปหยิบผ้ามาปูข้าง ๆ เตียงนอนโดยมีดอนมองตามอยู่ตลอด ผมจัดการสลับผ้าห่มของตัวเองกับอันใหม่ให้คนบนเตียง

“นอนด้วยกันไม่ได้เหรอครับ?” คนตัวสูงเลิกคิ้วถาม

“มะ ไม่ได้...” รีบหันไปตอบอย่างรวดเร็ว ถึงจะเป็นผู้ชายด้วยกัน แต่ถ้าให้นอนกับดอนผมต้องนอนไม่หลับแน่ ๆ แค่ความเขินเมื่อกี้ก็มากพอแล้ว

“งั้นเดี๋ยวผมนอนข้างล่างเอง…” ร่างสูงพูดพร้อมทำท่าจะลุกขึ้น

“มะ ไม่ต้อง! ดอนเป็นแขกดอนต้องนอนบนเตียง” ถ้าจะให้คนที่เข้ามาในบ้านนอนในที่ที่ไม่สบาย มันก็ยังไง ๆ อยู่ ถึงในกรณีของดอนจะเป็นฝ่ายบุกรุกก็เถอะ

“สรุปผมเป็นแขกหรือเป็นคนที่ตัวเล็กแอบชอบ?”

กึก…

“…” หายใจเข้าลึก ๆ ดัซ… คนคนนี้รู้แล้วว่าเราแอบชอบ เราบอกไปแล้ว… พอรู้แล้วเอาใหญ่เลยนะ ตอนนี้ตัวแทบระเบิดอยู่แล้ว มันร้อนไปหมดแล้ว คนบ้า!!!

“ดอนนอนข้างบนนั่นแหละ…” เปลี่ยนเรื่องก่อนจะเดินไปปิดไฟแล้วมานอน แสงจากผ้าม่านอ่อน ๆ สาดส่องเข้ามา คืนนี้เหมือนเป็นความฝันจริง ๆ ครับ ไม่คิดเลย ว่าเรื่องแบบนี้จะเกิดขึ้นกับชีวิตของเรา มันเพราะอะไรกัน? เพราะดวงที่ดูจากการนับไม้จิ้มฟันเหรอ?

“…” สักพักก็เห็นใบหน้าหล่อ ๆ นั่งชะโงกหน้าลงมามอง ยิ่งเห็นผมยิ่งใจสั่น ถึงจะไม่ชัดแต่ก็รู้ว่าสายตาคมมองมาที่ผมตาไม่กะพริบ ก่อนจะเป็นผมที่หันหน้าหนี

“ดอนนอนได้แล้ว… พรุ่งนี้เราต้องไปเข้าค่ายนะ” พรุ่งนี้ต้องตื่นไปให้ทันก่อนเก้าโมงเช้า

“ไม่โอเคเลยที่ตัวเองนอนบนเตียง ผมไม่ได้อยาก-”

“เราโอเคจริง ๆ ดอนเลิกกังวลได้แล้ว…” ผมรีบบอกตัดจนคนตัวสูงเงียบ สักพักจึงได้ยินเสียงคนข้างบนล้มตัวลงนอนเหมือนยอมฟังที่ผมบอก

“ผมเบื่อพวกที่แอบชอบเพราะหน้าตามาก ๆ เลย” สักพักเสียงดอนก็ดังขึ้นอีกครั้ง คนที่หลับตาอย่างผมจึงลืมขึ้นมามอง

“ผมน่ะ… ต้องการแค่คนที่จริงใจแค่คนเดียว” อื้ม… เข้าใจความรู้สึกของดอนดี ถ้าเราต้องการใครสักคนมาเป็นแฟน มันก็ไม่ใช่แค่ว่าคนคนนั้นต้องการครอบครองเราเพียงเพราะหน้าตาหรือรูปร่าง ของสวย ๆ งาม ๆ ถ้าได้ครอบครองไปนาน ๆ ยังไงมันก็ต้องเบื่ออยู่ดี แต่ถ้ามันอยู่ที่หัวใจ ยังไงมันก็จะคงอยู่ตลอดไปใช่ไหมล่ะครับ

“ตัวเล็กจะเป็นคนแบบพวกนั้นไหม…” ได้ยินผมจึงแอบชะงักไปนิด ๆ ทำไมคำพูดของดอนมันทำให้ผมรู้สึกเจ็บแปลก ๆ ผมเองก็ไม่ได้อยากให้ดอนมองผมให้เหมือนคนอื่นสักหน่อย นึกแล้วจึงเม้มปากเข้าหากันอยู่คนเดียว

“เราไม่รู้นะว่าทำไมเราถึงชอบดอน ทั้ง ๆ ที่ดอนก็เป็นผู้ชายเหมือนกันกับเรา เราไม่เคยมีแฟนเลย เราไม่เคยแอบชอบผู้ชายเลยด้วย แต่ดอนเป็นคนแรกเลยนะ”

“…”

“ถ้าถามว่าเราชอบดอนเพราะหน้าตาเหรอ? แล้วถ้าเราจะชอบดอนเพียงเพราะหน้าตา ทำไมเราไม่ไปชอบคนอื่นที่หน้าตาดีกว่าดอนล่ะ ทั้ง ๆ ที่โรงเรียนเราก็มีคนหน้าตาดีเยอะแยะ” จะบอกว่าผมชอบดอนเพราะนิสัยต่างหาก เรื่องหน้าตาก็ให้เป็นรองลงมา เคยตกหลุมรักใครเพราะเราชอบนิสัยเขาไหมล่ะครับ? สำหรับผมก็ดอนนี่แหละ

“ผมหน้าตาไม่ดีเหรอ?” อยู่ดี ๆ คนตัวสูงก็ชะโงกหัวลงมาถามจนผมแอบชะงัก

“ดะ ดอนเข้าใจที่เราพูดไหมเนี่ย…” ผมถามพร้อมยกผ้าขึ้นมาปิดหน้าเหลือแค่ตาเพราะเขิน เจ้าตัวยังมองอยู่สักพักก่อนจะล้มตัวลงไปนอนต่อ

“เฮ้ออ…” เสียงถอนหายใจจากคนบนเตียงดังขึ้นอีกแล้ว โกรธผมอีกรึเปล่าเนี่ย บรรยากาศในห้องก็เริ่มเย็นลงเพราะผมเปิดเครื่องปรับอากาศและปรับอุณหภูมิค่อนข้างต่ำ

ติ๊ก… ติ๊ก…

เสียงเข็มนาฬิกายังคงดังขึ้นเรื่อย ๆ

“ชอบผมแล้วไม่คิดจะจีบผมเลยเหรอ?” อยู่ดี ๆ เสียงทุ้มก็ดังขึ้นอีกครั้ง ถึงจะเป็นคำถามที่น่าตกใจ แต่ผมกลับไม่ได้ชะงักเลยแม้แต่น้อย

“เราไม่รู้เหมือนกัน…” ตลกไหมล่ะ คนอย่างผมไปจีบคนที่เหมือนจะดูดีไปซะทุกอย่างแบบดอน

“อีกอย่างคู่แข่งก็เยอะด้วย” ในโรงเรียนนับไม่ไหวหรอกคนที่แอบชอบดอนมีหลายรุ่นจริง ๆ

“จีบไปก็ไม่รู้จะติดไหม เราเป็นผู้ชายนะ…” ผมน่ะไม่เคยคิดเลยด้วยซ้ำว่าจะลงมือจีบดอน นอกจากจะเป็นผู้ชายด้วยกันแล้ว คู่แข่งก็ยังเยอะอีกต่างหาก จะไม่โดนรุมเหรอ?

“งั้น… แล้วถ้าผมจะจีบตัวเล็กล่ะ คู่แข่งจะเยอะรึเปล่า?” ประโยคจากคนข้างบนทำให้ผมชะงักครั้งที่เกือบร้อย ดอนล้อผมเล่นอยู่เหรอ!? ไม่ตลกนะเว้ย! หัวใจแทบจะระเบิดออกมาอยู่แล้วเนี่ย

“…” ผมไม่ตอบแต่รีบนอนตะแคงข้างทันที

“หึ ๆ คงชะงักอยู่แน่ ๆ น่านอนกอดจริง ๆ”

“พะ พอเลย… ฝันดี เราจะนอนแล้ว…”

“น่ารัก~”

“ดอนอะ!”

“ฮะ ฮ่า ๆ ฝันดีครับ…”

Contact Me
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 07-03-2019 21:32:09 โดย เอ็ม »

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: เราแอบชอบนาย E15 [06.03.2019]
« ตอบ #19 เมื่อ: 06-03-2019 20:52:04 »





ออฟไลน์ เอ็ม

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 67
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +35/-0
Re: เราแอบชอบนาย E16 [07.03.2019]
«ตอบ #20 เมื่อ07-03-2019 11:58:13 »

E16 “ตื่นมาเขิน”

แสงอาทิตย์สาดส่องเข้ามาในห้องผ่านผ้าม่านสลัว ๆ ทำให้ร่างของคนตัวเล็กเริ่มรู้สึกตัวตื่นขึ้นด้วยความงัวเงีย เปลือกตาขาวค่อย ๆ เปิดขึ้นทีละนิดก่อนจะเห็นหน้าต่างและผ้าม่านมีแสงสว่างจากพระอาทิตย์ดวงโตบนท้องฟ้าสาดส่องเข้ามาอ่อน ๆ ดัซอยู่ในท่านอนตะแคงข้าง หัวหนุนหมอนนุ่ม ๆ จนอยากที่จะหลับลงไปอีก ความสบายนี้มันช่างดีเสียเหลือเกิน อีกทั้งยังอบอุ่นด้วย~

“อื้อออ...” แต่ถึงอยากจะนอนต่อมากเพียงใดก็ไม่อาจที่จะทำได้ ลืมไปแล้วรึไงว่าวันนี้ไม่ใช่วันเสาร์ที่สามารถพักผ่อนได้

กึก...

“หือ… อ๊ะ! ดะ ดอน!” ครั้นจะขยับพลิกตัวกลับดันขยับไม่ได้ นั่นทำให้เปลือกตาขาวเปิดเต็มที่ ก้มลงมองที่เอวของตัวเองกลับเห็นเป็นแขนหนาของใครคนหนึ่งกอดอยู่ นึกได้ว่าเมื่อคืนห้องนี้มีใครอีกคนอยู่ด้วย เขาถึงกับอุทานออกมาด้วยความตกใจ แถมตอนนี้ตัวเองยังนอนอยู่บนเตียงอีกด้วย!

“อื้อ…” เสียงทุ้มครางเบา ๆ เมื่อรับรู้ได้ถึงแรงขยับตัวพร้อมเสียงโวยวาย ค่อย ๆ ลืมตาขึ้นมาจึงเห็นท้ายทอยขาวของคนตัวเล็ก แถมเจ้าตัวยังขยับกระดุกกระดิกไปมาเหมือนแมวในอ้อมแขนกำลังออดอ้อนงอแง เขากอดแรงไปเหรอถึงได้แกะไม่ออก

“ปะ ปล่อยเลยนะ…” ร่างบางพยายามบอกคนที่เอาแต่นอนกอดเขาไว้แน่นแต่คนตัวสูงกลับทำเป็นหลับตาลงอีกครั้งไม่ยอมฟังที่เขาขอเลยสักนิด ไม่รู้เลยด้วยซ้ำว่าตัวเองขึ้นมานอนบนเตียงตั้งแต่ตอนไหนแล้วขึ้นมาได้ยังไง แรงกอดของดอนมันแน่นเกินกว่าเขาจะขยับออกได้ ใบหน้าหวานขึ้นสีอย่างเห็นได้ชัด นี่เขาต้องเขินรับแสงยามเช้าเลยรึไงกัน!

“อื้อ… ดอน...” เสียงอ้อนพร้อมมือนุ่มทุบแขนคนกอดเบา ๆ

“อื้อ… ตัวเล็กตื่นเร็ว…” เสียงงัวเงียดังขึ้นพร้อมกับท่อนแขนหนักค่อย ๆ คลายออก ทำให้ดัซรีบขยับลุกออกห่างจากอีกคนทันที ไม่คิดเลยว่าตัวเองจะตื่นขึ้นมาในอ้อมกอดของคนที่แอบชอบ

ก๊อก ๆ ๆ

เสียงเคาะประตูห้องดังขึ้น ดัซที่ตอนนี้ลงมายืนมองคนตัวสูงผู้ที่ซึ่งกำลังนั่งยืดเส้นยืดสายอยู่บนเตียงจึงรีบหันไปมองทางประตูห้องทันที

“ดัซ ๆ ตื่นแล้วยังลูก…” เสียงเรียกจากหญิงผู้เป็นแม่ดังขึ้นยิ่งทำให้เจ้าของห้องชะงักเข้าไปใหญ่ สมองประมวลผลแทบจะไม่ทัน อีกคนก็เอาแต่ทำเป็นเหมือนไม่รู้เรื่องรู้ราว

“ตะ ตื่นแล้วครับ แป๊บหนึ่งนะครับแม่...” ร่างเล็กตะโกนบอกคนหลังประตูก่อนจะรีบอ้อมไปดึงแขนคนที่กำลังนั่งทำหน้าไม่รู้เรื่องรู้ราวให้ลงมาจากเตียงนอน ซึ่งร่างสูงก็ให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี ชายตัวสูงหัวฟูได้แต่ขมวดคิ้วมองร่างเล็ก

“ดอนเข้าไปแอบในห้องน้ำก่อน...” มือบางรีบดันคนตัวสูงเข้าไปหลบในห้องน้ำแล้วปิดประตูไว้ ก่อนเขาจะรีบเดินกลับมาเปิดประตูห้องให้ผู้เป็นแม่

“มีอะไรเหรอครับ?”

“วันนี้แม่มีงานเข้า เดี๋ยวจะออกไปทำงานแล้วนะ ไปเข้าค่ายก็ดูแลตัวเองดี ๆ ด้วยล่ะ สรุปจะไม่ให้แม่ไปส่งจริง ๆ ใช่ไหม?”

“ขะ ของนิดเดียวเองนะครับ ก็เหมือนไปเรียนอะ ดัซไปเองได้…” ตอบด้วยพลางหันไปมองที่ประตูห้องน้ำด้วย

“ดัซ...”

กึก…

“…” เอาแล้ว…

“แม่บอกว่ายังไง?” คำถามที่ออกจากปากผู้เป็นแม่ทำให้ร่างเล็กรู้สึกหวั่นใจขึ้นทันที ถ้าแม่รู้ว่าเขาพาดอนมานอนที่บ้านโดยไม่ได้บอกก่อน อาจจะต้องโดนดุแน่ ๆ เลย ยิ่งอีกคนเป็นคนแอบปีนขึ้นมาด้วย ซ้ำยังอยู่ในสถานะที่เขาแอบชอบอยู่ ฮือออ…

“ดะ ดัซขอโทษครับ” เสียงแผ่วเบาดังลอดออกมาพร้อมใบหน้าใสก้มลง แม่เคยคุยกับเขาเรื่องนี้แล้วว่าบางทีอย่าเอาคนตัวสูงเข้ามาในชีวิตมากเกินไป เพราะการที่เราแอบชอบเขาเราก็มักจะมองเขาดีไปหมด ยิ่งเขาเข้ามาทำให้เรารู้สึกดีด้วยมันยิ่งจะอันตราย ทั้งต่อร่างกายและจิตใจ… แต่เขามองดอนเป็นคนเลวไม่ได้เลยจริง ๆ อีกอย่างก็ไม่กล้าถามไปด้วยว่าจริง ๆ แล้วเจ้าตัวคิดที่จะทำแบบนี้เพื่อให้รู้สึกแค่พอใจตัวเองรึเปล่า…

“ขอโทษอะไรล่ะ…”

‘อ้าว…’

“แม่บอกกี่ครั้งแล้วให้ตั้งเวลาเปิดปิดแอร์ นอนเปิดทั้งคืนแถมยังเย็นเฉียบแบบนี้เดี๋ยวก็ป่วยหรอกเราเนี่ย ไม่เคยฟังเลยลูกคนนี้...” คนเป็นแม่บ่นพลางเดินเข้ามาในห้องตรงไปหยิบรีโมทแอร์มาปิด แต่สายตาของดัซกลับมองไปเห็นกระเป๋าของอีกคนวางอยู่เขาจึงรีบใช้โอกาสที่แม่หันหลังเดินไปดึงมันเข้าไปแอบไว้หลังโต๊ะทำการบ้านทันที… หัวใจดวงน้อยเต้นตุบ ๆ ตับ ๆ อย่างนึกกลัว

“เฮ้ออ…” ก่อนจะถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก หวังว่าแม่จะไม่รู้นะ

“ดัซ...” เสียงเรียกนิ่ง ๆ ดังขึ้นอีกครั้ง ใบหน้าใสจึงรีบหันไปมองทันที หน้าจะซีดเผือดก็เพราะแม่อยู่แล้ว…

“ทำไมลูกต้องเอาผ้ามากองไว้ข้าง ๆ เตียงนอนด้วย?” ได้ยินร่างบางถึงกับชะงัก

“ดะ… ดัซทำตกน่ะครับ”

“จริง ๆ เลยเราเนี่ย อย่าลืมเก็บด้วยล่ะ เปิดแอร์เย็น ๆ มันก็ต้องเปลืองผ้าแบบนี้นี่แหละ...” คนเป็นแม่บอกพร้อมจะเดินออกไปนอกห้อง

“อย่าลืมล็อกประตูบ้านด้วยนะ”

“คะ ครับ” ดัซตอบก่อนจะรีบปิดประตู

“เฮ้อออ…” เขาถอนหายใจออกมาอีกรอบก่อนจะเดินไปเปิดประตูห้องน้ำ ก็เห็นคนตัวสูงยืนทำหน้างง ๆ อยู่ ตอนนี้ดอนเหมือนคนไม่รู้เรื่องรู้ราวอะไรเลยจริง ๆ แถมยังเลิกคิ้วขึ้นเชิงถามด้วยว่าเกิดอะไรขึ้น

ก๊อก ๆ ๆ

เสียงเคาะประตูดังขึ้นอีกครั้ง ทำให้ดัซถึงกับสะดุ้งตกใจรีบปิดประตูห้องน้ำ

แกร็ก...

เสียงประตูห้องเปิดออกเพราะเขาดันลืมล็อกแอบทำให้รู้สึกผวาในใจอยู่ไม่น้อย ซ้ำผู้เป็นแม่ยังถือวิสาสะเปิดเข้ามาอีกด้วย…

“แม่ทำกับข้าวไว้ให้อย่าลืมทานด้วยล่ะ”

“ครับ ๆ”

“ต้องทานนะดัซ…”

“ค้าบบ…” ร่างบางตอบก่อนจะเดินไปปิดพร้อมกับล็อกไว้ คนตัวสูงจึงค่อย ๆ เปิดประตูเดินออกมาจากห้องน้ำ เขาได้แต่ยืนจ้องหน้าคนที่กำลังยืนพิงประตูห้องอยู่ด้วยสายตางง ๆ

“ดอนจะกลับบ้านแล้วใช่ไหม?”

“ยังครับ...” คนตัวสูงตอบพร้อมกับได้ยินเสียงรถยนต์ของแม่วิ่งออกไปจากบ้าน

“แต่ดอนต้องไปเปลี่ยนชุดเพื่อจะไปเข้าค่ายนะ...”

“ผมเตรียมมาแล้ว” ร่างสูงพูดพร้อมเดินไปหากระเป๋าของเขา ก่อนจะเห็นว่ามันอยู่หลังโต๊ะ จึงยกขึ้นมาโชว์ เขาเตรียมทุกอย่างมาหมดแล้ว ทั้งอุปกรณ์เข้าค่ายต่าง ๆ มันไม่ได้มีอะไรเยอะแยะมากมายเลยสบายหน่อย

“อาบน้ำกันครับ…” ใบหน้าหล่อบอกด้วยน้ำเสียงปกติ เหมือนกับเขาพูดกับเพื่อน ๆ นักกีฬาด้วยกัน

“ดะ เดี๋ยว!” และมันดันทำให้ร่างเล็กใบหน้าร้อนผ่าวขึ้นทันที คนเห็นจึงขมวดคิ้ว ก่อนเขาจะนึกได้ว่าคนตัวเล็กคิดอะไรอยู่จึงได้กระตุกยิ้ม

“ดอนไปอาบก่อนเลย เดี๋ยวเรามา...” ดัซบอกก่อนจะเปิดประตูห้อง ตาคมเลิกคิ้วมองตามหลังเจ้าของห้องสักพักก่อนเสียงปิดประตูจะดังขึ้น ในใจนั้นรู้สึกดีมากแค่ไหนที่ได้มาอยู่กับคนตัวเล็ก เพราะอยู่กับคนคนนี้แล้วรู้สึกสบายใจที่สุด เมื่อวานก็ถูกพี่ชายตบจนมุมปากแตกอย่างกับถูกต่อย ที่บ้านมีเพียงเขา แม่และพี่ชาย ด้วยความที่คนหาเงินให้ครอบครัวหรือเสาหลักของบ้านตอนนี้คือแม่และพี่ชาย เขาจึงเป็นเหมือนคนที่ต้องเชื่อฟังทุกอย่าง แต่เมื่อวานมีปัญหากันค่อนข้างหนัก ทั้ง ๆ ที่ปกติไม่เคยทะเลาะกันเพราะเขาเป็นฝ่ายยอมมาตลอด ช่วงที่ไม่ได้เล่นมือถือจนร่างเล็กงอนก็คือถูกยึดโทรศัพท์ ไม่ใช่แม่เหมือนที่ปากบอกแต่ก็พี่ชายอีกเหมือนเคย ให้ไปทำธุระด้วยที่ต่างจังหวัดแค่เขาหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเล่นก็แย่งไปเก็บไว้ บ่นทุกวันว่าให้ตั้งใจอ่านหนังสือเตรียมสอบแกตแพต ซึ่งบอกไม่ดูสถานการณ์เลยจริง ๆ เขารู้ว่ามันไม่มีคำว่าเหลือเวลาอีกเยอะในการอ่านหนังสือสำหรับเด็ก ๆ ยุคปัจจุบัน แต่ขอให้ได้ใช้ชีวิตตามที่ตัวเองเลือกไม่ได้เลยรึไง… สุดท้ายเมื่อวานประโยคซ้ำ ๆ ของคนที่เฝ้าชี้บอกกลับจุดให้เขาระงับอารมณ์ไม่อยู่จนเผลอตะคอกใส่ สุดท้ายก็ได้รับแผลมาอย่างที่เห็น ยอมรับว่าคิดจะมาหาตัวเล็กตั้งแต่แรก อุตส่าห์ตัดตัวเลือกที่ขึ้นชื่อว่าเพื่อนออก จริง ๆ แล้วไม่ได้อยากปีนเลยด้วยซ้ำ แต่รู้ว่านี่คือห้องของเจ้าตัวแน่ ๆ เพราะเคยสังเกต สุดท้ายเลยจำใจปีนขึ้นมา เสี่ยงแค่ไหนก็ยอม… แต่ใครจะไปรู้ว่าเจ้าของห้องจะใจดีขนาดนี้ กลัวแต่เขาจะมีอาการบาดเจ็บหนักทั้ง ๆ ที่ไม่ได้เป็นอะไรมากเลยด้วยซ้ำ

“หึ ๆ” ดอนกระตุกยิ้มส่ายหน้าไปมาพร้อมกับหยิบแปรงสีฟันจากกระเป๋าแล้วเดินเข้าไปในห้องน้ำ ปลาสเตอร์ที่ร่างเล็กติดให้ไม่อยากแกะออกเลยแต่ก็ต้องแกะเพราะต้องอาบน้ำ จะว่าไปแจ็กเกตเขาก็อยู่ที่นี่จะครบอาทิตย์แล้ว ไม่รู้ว่าคนเก็บลืมไปแล้วรึยัง แต่ให้เก็บไว้ก็น่าจะดีอยู่แล้ว…

ในขณะเดียวกันคนตัวเล็กกำลังเดินลงมาดูอาหารที่แม่ของเขาทำไว้ จะดูว่าถ้าหากทานสองคนมันจะพอไหม สรุปเขาก็ต้องเจียวไข่เพิ่ม เพราะแม่ทำอาหารไว้แค่นิดเดียว ปกติเขาทานน้อยอยู่แล้วแม่จะรู้ แต่ดูจากคนบนห้องตัวโตร่างสูงน่าจะทานเยอะหน่อย

‘ทำไมคนที่เราแอบชอบถึงได้มาอยู่ในบ้านเราวะดัซ’ ทำไปด้วยก็บ่นกับตัวเองในใจไปด้วย มันเหมือนกับเป็นความฝัน โอกาสหรือเหตุการณ์แบบนี้มันเป็นไปได้ยากมาก ๆ ซึ่งเขาไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่ามันจะเกิดขึ้นกับตัวเอง แอบกังวลอยู่ทุกครั้งที่ดอนอยู่ใกล้ตัว รู้สึกกลัวว่าตัวเองจะถลำลึกเกินไปจนเอาออกไม่ได้ แล้วสุดท้ายจะเป็นฝ่ายที่ต้องเจ็บ…

‘หรือดอนจะมีแผนร้าย?’ คิดอะไรบ้า ๆ บอ ๆ อีกแล้ว ร่างเล็กเตรียมอะไรจนเสร็จสรรพก่อนจะรีบเดินกลับขึ้นไปบนห้อง

แกร็ก...

เขาเปิดประตูเข้าไปแต่ก็ต้องชะงักทันทีเมื่อเห็นร่างสูงที่ใส่เพียงกางเกงตัวเดิมปิดท่อนล่างกำลังค้นหาของในกระเป๋าอยู่ แผ่นหลังของเจ้าตัวมีน้ำเกาะเล็กน้อย ผมก็เปียก ได้ยินเสียงใบหน้าคมจึงหันมามองที่ร่างบาง

ขวับ!

ดัซถึงกับรีบหันหน้าหนีทันที ตอนนี้หัวใจเขามันเริ่มสั่นไม่เป็นจังหวะขึ้นมาอีกแล้ว ใบหน้าเริ่มร้อนขึ้นเรื่อย ๆ จนเปลี่ยนเป็นสีแดงระเรื่อ

“หึ ๆ ๆ อย่ามองสิครับผมเขินนะ”

“ละ แล้วดอนจะหันมาทำไมล่ะ!?”

“อะไรเหรอครับ?” ใบหน้าหล่อยิ่งเห็นท่าทางคนตัวเล็กเขายิ่งอยากแกล้ง อาบน้ำเสร็จแล้วว่าจะออกมาเอาชุดแต่เจ้าของห้องดันเข้ามาพอดี

“ดอนบ้า!” ด่าก่อนจะวิ่งเข้าห้องน้ำ

“ตัวเล็ก~ ฮ่า ๆ ๆ”

Contact Me
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 07-03-2019 21:31:45 โดย เอ็ม »

ออฟไลน์ เอ็ม

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 67
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +35/-0
Re: เราแอบชอบนาย E17 [07.03.2019]
«ตอบ #21 เมื่อ07-03-2019 21:28:31 »

E17 “ไม่เคลียร์?”

ณ โรงเรียน~

ในที่สุดก็มาถึงโรงเรียนจนได้ แน่นอนว่าผมต้องซ้อนท้ายคนตัวสูงมาที่นี่ ลองทายว่ากว่าจะออกมาจากบ้านได้เจ้าตัวทำให้ผมแทบช็อกไปกี่ครั้ง นิด ๆ หน่อยก็ทำให้ใจสั่นได้ตลอดเลย! แต่สุดท้ายก็ต้องแยกกันไปหาเพื่อนอยู่ดี ในโรงเรียนตอนนี้เต็มไปด้วยนักเรียนชั้นมัธยมศึกปีที่ 5 ซะส่วนใหญ่ พากันเดินไป ๆ มา ๆเหมือนต่างคนต่างไม่มีที่ไปเพราะยังไม่มีประกาศรวมตัว ส่วนผมจะนั่งอยู่กับใครไปไม่ได้หากไม่ใช่คุณชายเลย์ที่หน้าบูดตั้งแต่ผมมาถึง

“เลิกทำหน้าแบบนั้นได้แล้วเลย์…”

“กูหงุดหงิดมันว่ะ เมื่อกี้ก็เจอ…”

“อย่างน้อยก็เพื่อนห้องเดียวกันป่ะ ตัวมึงกับตัวจินก็ต่างกัน แล้วที่ไปผลักจินเมื่อวานมึงคิดว่าทำถูกเหรอ?”

“…” ไม่รู้ว่าสองคนนี้เริ่มมาทะเลาะกันหนัก ๆ ตั้งแต่ตอนไหนเพราะปกติก็เหมือนไม่ชอบกันแต่ไม่ได้เข้ามายุ่งอะไรกันขนาดนี้ รู้แค่ว่าเมื่อวานนั่งอยู่กับเลย์มันดี ๆ จินก็เดินมาปัดสมุดดินสอปากกาของเลย์มันลงจากโต๊ะแถมยังตะคอกใส่หน้า แน่นอนว่าไอ้เพื่อนตัวสูงผมมันไม่ปล่อยไว้แน่ ๆ ลุกขึ้นไปผลักอย่างแรงจนจินเสียหลักล้มทั้งยืน แว่นก็หลุด โชคดีนะที่ไม่แตก แต่เห็นตอนเลย์มันผลักแล้วรู้สึกกลัวจริง ๆ แรงก็ไม่ใช่น้อย ๆ ผลักเพื่อนจนล้มกระแทกพื้น สรุปเลยต้องเข้าไปห้าม เพื่อนคนอื่นก็ช่วยพยุงจินที่น้ำตาซึมขึ้น ไม่มีครูเห็นหรือไปฟ้องครูเลยสักคน

“กูผิดเองแหละ…”

“ห๊ะ?”

“ตอนเช้ากูขโมยกระเป๋าดินสอมันไปซ่อน จนมันต้องหายืมเพื่อนมึงก็เห็น… พอมันรู้มันก็มาปัดของกูลงจากโต๊ะ”

“ไอ้เลย์…” ทำไมทำแบบนี้วะ ผมได้แต่มองหน้าเพื่อนด้วยใบหน้าเหมือนไม่เข้าใจ ตอนแรกยังเข้าข้างมันอย่างน้อยสักสิบเปอร์เซ็นต์ แต่ตอนนี้ไม่ละ อารมณ์อะอารมณ์!

“แม่ง… มึงก็รู้ว่ามันชอบแซะกู จะให้กูทนเหรอวะ?”

“เฮ้อ… หยุดทำเลยนะมึงนิสัยรุนแรงแบบนั้นอะ”

“…” มันหันหน้าหนีเหมือนขี้เกียจพูด ทะเลาะกันไปมาไม่จบไม่สิ้นแบบนี้จะได้อะไร เฮ้อออ… ผมเลือกที่จะไม่บ่นหรือถามอะไรมันต่อ สักพักคุณครูก็ประกาศเรียกรวมให้ไปนั่งตามแถวเช็กชื่อ มีรุ่นพี่มอหกบางคนเป็นฝ่ายควบคุม พอกล่าวเปิดงานอะไรต่าง ๆ อย่างเป็นพิธีเสร็จเรียบร้อยครูหัวหน้าสายชั้นก็บ่นอะไรไปต่าง ๆ นานาซึ่งผมก็ฟังบ้างไม่ฟังบ้าง ใจมันก็ยังคิดถึงแต่อีกคนอยู่ดี

‘แอบชอบ’

มันคือสิ่งที่คนอย่างผมต้องรู้สึกอยู่ฝ่ายเดียวไม่ใช่เหรอ? ถึงตอนนี้จะเริ่มมั่นใจแล้วว่าอีกคนก็มีใจให้เหมือนกัน แต่มันเพราะผมชอบแอบมอง ชอบทำให้คนตัวสูงสงสัยเหรอเจ้าตัวถึงได้เข้าหา เข้าหาเพราะรู้สึกยังไงก็ไม่รู้ จุ๊บเหม่ง กอด จุ๊บปาก ล่าสุดนอนกอด ดอนคงไม่ได้ทำแบบนี้กับผมเพียงเพราะผมแอบชอบหรอกใช่ไหม? ดอนคงไม่ได้ให้ความหวังผมใช่รึเปล่า? เมื่อเช้าเพิ่งเห็นเจ้าตัวถอดเสื้อ งื้อออ… หุ่นดีเกินไปแล้ว… หน้าผมแดงไปถึงไหนต่อไหน ขี้อ้อนขี้อ่อยอีกต่างหาก ผู้ชายคนนี้มันน่าจับทุบจริง ๆ นั่งซ้อนรถเมื่อเช้าก็ต้องแต่งกายรัดกุม หมวกกันน็อกพร้อมกอดเอวไว้เรียบร้อย มันดูเหมือนเป็นพี่กับน้องกันเสียมากกว่าอะ ไม่มีคนรู้หรอกว่าเป็นผมเพราะใส่หมวกกันน็อกอยู่ เรื่องระหว่างดอนกับผมก็ยังไม่บอกเลย์มันเลยด้วยซ้ำ

“ดัซเร็ว ๆ” เลย์มันเรียกผมที่กำลังคล้องป้ายชื่ออยู่ พวกเราเอากระเป๋ามาเก็บในห้องที่จะนอนกันแล้วเรียบร้อบ ซึ่งแยกตึกระหว่างชายและหญิง ยังไงผมก็ไม่ได้อยู่ใกล้คนตัวสูงอยู่ดีเพราะเลขห้องเราห่างกัน แต่ก็ไม่ใช่ปัญหาอยู่แล้ว เราจะอยากอยู่ใกล้ทำไม ผมเดินตามหลังเลย์มันลงไปจากตึกเพื่อที่จะเข้าติวในช่วงเช้า ทางโรงเรียนจ้างติวเตอร์ชื่อดังมาสอนให้แบบนี้ตั้งแต่มอสี่ ไม่รู้ว่าเพราะอยากให้นักเรียนสอบติดที่ดี ๆ หรือต้องการคะแนนโอเน็ตสูง ๆ เพื่อยกระดับโรงเรียนกันแน่ แต่มันก็เป็นข้อดีของนักเรียนด้วยส่วนหนึ่ง… ผมไม่รู้หรอกว่ามันสำคัญมากแค่ไหน แต่รุ่นพี่ทุกคนที่มาเยี่ยมหรือแนะแนวในโรงเรียนมักจะบอกเสมอว่าสามปีไม่พอจริง ๆ ในการอ่านหนังสือ ถ้าจะแข่งกับคนอื่น ๆ เพื่อที่จะเข้ามหา’ลัยดัง ๆ มันไม่ใช่แค่ต้องฉลาดแต่ต้องขยันหาความรู้ ฝึกโจทย์เก่า ๆ ถามว่าผมฟังไว้ไหมก็ฟัง แต่มอห้าส่วนใหญ่ก็ยังไม่ค่อยมีใครสนใจสักเท่าไร เว้นเสียแต่บางคนที่ตั้งใจจริง ๆ บางคนขยันมาตั้งแต่มอต้น ทางบ้านเคร่งครัด จะให้ลูกสอบหมอไรงี้ ผมก็อาศัยความรู้เก่าเอาเพราะเรียนเข้าใจในห้องมันก็มีชัยไปกว่าครึ่งแล้ว… แต่ทำไมตอนนี้ถึงรู้สึกแปลก ๆ ผมรู้สึกไม่สบายตัวเลย

“หน้ามึงดูไม่โอเคเลยนะดัซเป็นอะไรรึเปล่าวะ? ตอนบ่ายจับกลุ่มเข้าฐานนะเว้ย…”

“อื้อ…” แค่รู้สึกเหมือนเวียนหัวนิดหน่อย ไม่รู้ว่าเพราะอะไร เมื่อกี้เดินผ่านตรงที่เขากำลังทาสีใหม่ กลิ่นมันแรงขึ้นจมูก ผมไม่ชอบกลิ่นแบบนั้นอยู่แล้ว ชวนให้อยากอ้วกตลอด… การติวจะแยกเป็นสองกลุ่มใหญ่ ๆ คือสายวิทย์และสายศิลป์ ซึ่งแน่นอนว่าผมอยู่กลุ่มศิลป์ ตอนนี้กำลังติวอังกฤษอยู่ ส่วนอีกคนที่อยู่ทับสี่คงกำลังติวเลข… แต่ตอนนี้ทำไมผมถึงรู้สึกล้า ๆ ก็ไม่รู้ รู้ตัวอีกทีก็เผลอเอนหัวลงไปพิงที่ไหลคนนั่งข้าง ๆ แล้ว

“ดัซ… ครูเขาติวอยู่”

“กูเพลีย ๆ ไม่รู้เป็นไร…” ผมผละออกมาบอกมันซึ่งเพื่อนข้างหน้าที่อยู่ห้องเดียวกันจึงหันมาถามเหมือนเป็นห่วง สรุปผมเลยถูกพยุงออกมานั่งข้างนอกหอประชุม หน้ามืดมาก ๆ ครับตอนนี้ มันรู้สึกร่างกายล้า ๆ ทำไมเป็นแบบนี้… อยากจะหลับลงเต็มที ลืมตาแล้วจะล้ม… ผมจะมาเป็นแบบนี้เหมือนทุกครั้งที่จะเข้าร่วมกิจกรรมสำคัญ ๆ ไม่ได้นะ ไอ้อาการเหนื่อยอ่อนขึ้นมาได้ง่าย ๆ แบบนี้ แม่ต้องบ่นอีกแน่นอนเลย…

“…” สุดท้ายแล้วจึงถูกพามานอนที่ห้องพยาบาล ใจผมสั่นเกินไปจนร่างกายมันอ่อนล้า เวียนหัวก็เวียน หน้ามืดตาเบลอไปหมดแล้ว รู้แค่ว่าเลย์และคุณครูพามานอนที่นี่ แล้วก็ไม่มีใครอยู่ในห้องอีกแล้ว สุดท้ายก็เผลอหลับไป นานแค่ไหนไม่รู้แต่รู้ตัวอีกทีคือได้ยินเสียงพัดลม แต่อาการมันไม่ได้หายไปเลยจริง ๆ รู้สึกล้าไปหมด ไม่โอเคเลย…

“ตัวเล็ก…”

“ดะ ดอน…” พยายามดันตัวเองให้ลุกขึ้นนั่ง แต่เสียงคุ้นหูของใครคนหนึ่งเรียกทำให้แอบชะงักหันไปมอง ดอนมาทำอะไรในนี้?

“ยังเวียนหัวไหมครับ? ผมบอกให้กินข้าวเยอะ ๆ เมื่อเช้าก็ไม่กิน”

“ดอนทำไมไม่ไปติว มาหาเราทำไม?”

“ดอนเป็นห่วง…”

“…” ผมได้แต่มองใบหน้าคมด้วยใบหน้าเป็นกังวล ทำไมผู้ชายคนนี้เอาแต่ทำเป็นเหมือนให้ความหวังผมเลย แล้วใครบอกเจ้าตัวว่าผมเป็นแบบนี้ จะจีบผมจริง ๆ น่ะเหรอ? ดอนจริงจังรึเปล่าก็ไม่รู้ อีกอย่างหรือที่เพราะผมเป็นแบบนี้อาจเกิดจากอาการใจสั่นเพราะการกระทำของดอนบ่อยเกินไป? เรื่องบ้า ๆ แบบนี้มันเกิดขึ้นได้ด้วยเหรอ ผมพยายามเม้มปากหันหน้าหนีแล้วดึงมือคนที่จับแขนออก

“ดอนไปติวเถอะ…”

“ไม่เอา… ถ้าตัวเล็กไม่สบายผมจะอยู่ดูแลเอง”

“ดอนเลิกให้ความหวังเราได้ไหมขอร้อง…”

“…” ทำไมต้องคอยมาทำดีด้วย ทำอะไรต่าง ๆ ให้เหมือนใส่ใจ มันแปลกไปไหมที่คนที่ผมแอบชอบมาทำอะไรให้แบบนี้ มันแปลกเกินไปจริง ๆ อีกอย่างคือดอนเป็นผู้ชายนะ แมน ๆ เตะบอลด้วยแบบนี้น่ะเหรอจะชอบผม ลึก ๆ แล้วคิดว่าผมไม่นึกเหรอว่าเรื่องที่เป็นอยู่ตอนนี้มันแปลกเกินไป พยายามเสพความสุขจากความมโนของตัวเองว่าผู้ชายคนนี้ต้องชอบเราแน่ ๆ ต้องใช่แน่ ๆ แต่มันเป็นเพราะเราแอบชอบเขา นั่นทำให้มโนภาพที่เราสร้างขึ้นมันถึงได้มีแต่ความสุข แถมยังคิดเข้าข้างตัวเอง ทำไมถึงไม่คิดถึงผลที่จะตามมาเลยถ้าหากวันหนึ่งคนที่เข้าหาเขาตัดสินใจออกห่างเพียงเพราะพอใจแล้ว… ผมจะไม่มองดอนเป็นคนแบบนั้นก็ได้… แต่ทั้ง ๆ ที่รู้ว่ายังไงผมก็มีใจให้เจ้าตัวอยู่แล้ว ทำไมถึงไม่เอ่ยคำว่าชอบออกมาสักที ไม่เอ่ยคำว่าขอเป็นแฟนออกมาสักครั้ง ดอนก็รู้ว่าผมเด๋อ ๆ อยู่นะ! ต้องรวบรวมความกล้ามากแค่ไหน คำว่าแอบชอบเมื่อวานถ้าเจ้าตัวไม่ถามผมก็คงไม่บอกไปหรอก!

“ผมทำอะไรให้ตัวเล็กไม่พอใจ…”

“…”

“ผมมักจะถามเสมอว่าเพราะอะไร ทำไมตัวเล็กไม่เคยบอกออกมาตรง ๆ” เสียงนิ่งดังขึ้นจนผมต้องเม้มปากมอง ใบหน้าคมที่เหมือนจะเสียใจเหมือนกันที่ผมพูดไปแบบนั้น แต่ดอนไม่เข้าใจความรู้สึกของคนที่แอบชอบเหรอ ผมทนทุกทรมานมาตั้งแต่ก่อนที่ดอนจะเข้าหาอีกด้วยซ้ำ ก็ใช่สิเจ้าตัวไม่ผิดเพราะผมเป็นฝ่ายแอบชอบเอง ผิดเองที่แอบชอบ ถ้าวันนี้ผมไม่ตัดสินใจยกประเด็นนี้ขึ้นมาพูด ทุกอย่างมันจะเคลียร์ไหม? ผมต้องจมอยู่ไปกับความเขินบนความสุขแบบเหมือนเกือบจะจริงแบบนี้น่ะเหรอ?

“ดอนไม่เคลียร์กับเราเลย…”

“…”

“มันเหมือนว่าตอนนี้เราฝันอยู่ เรากำลังเสพความสุขปลอม ๆ จากคนที่เราแอบชอบ เราเหนื่อย…” ผมบอกเสียงแผ่วแล้วก้มหน้าลง ในห้องตกอยู่ในความเงียบ คนที่ยืนอยู่ข้าง ๆ เตียงที่ผมนั่งในสภาพชุดพละเหมือนกันก็เอาแต่ยืนอยู่นิ่ง ๆ ไม่ยอมไปไหน จนในที่สุดเสียงคนที่เดินเข้ามาแต่ไกลก็ดังขึ้น และจะเป็นใครไปไม่ได้หากไม่ใช่แม่ของผม…

“เราเป็นยังไงบ้าง รู้ไหมแม่ตกใจมากเลยนะ…” วันนี้วันเสาร์แต่เพราะแม่มีงานจึงต้องไปทำ แต่ผมดันทำให้ท่านต้องเสียเวลาอีกแล้ว… ในขณะที่คุยกับแม่ก็มีอีกคนยืนอยู่ตลอด ผมอยากจะร้องไห้ออกมาเพื่อปลดปล่อยอะไรบางอย่างที่มันค้างคาอยู่ในใจ แต่ก็ทำได้แค่เก็บไว้ เคยได้ยินประโยคนี้รึเปล่าครับ?




‘Fake happiness is the worst sadness.’




ความสุขปลอม ๆ มันก็คือความโศกเศร้าอันสุดแสนจะเลวร้ายดี ๆ นี่เอง ผมต้องการความสุขจริง ๆ จากคนที่ผมแอบชอบ… สรุปแล้วแม่ก็ต้องให้ผมกลับอยู่ดี บอกว่าจะพาไปโรงพยาบาลแต่ผมไม่อยากไป ต่อรองขอแค่นอนพักอยู่บ้านก็ได้ถ้าแม่จะไม่ให้ผมอยู่ค่ายต่อจริง ๆ

“แม่ครับ… ผมจะไปด้วย”

“…”

“ผมเป็นแฟนดัซครับ”

กึก…

“…” ประโยคนั้นจากคนตัวสูงถึงกับทำให้ผมชะงักหันไปมอง แม่เองก็ตกใจไม่น้อย ใบหน้าคมดูจริงจังขึ้นเสียจนผมอึ้ง

‘ฟะ แฟนเหรอ?’

“ผมไม่มีอารมณ์อยู่ที่นี่เหมือนกันถ้าตัวเล็กเป็นแบบนี้ ถ้าจะกลับบ้านผมขอไปดูแลดัซเอง แม่จะได้ไปทำงานต่อครับ…”

“ดะ ดอน…”

“ผมจริงจังนะครับตัวเล็ก…” ดอนยังคงยืนกราน แม่หันไปมองคนตัวสูงเหมือนพยายามคิดพิจารณา ถามไปว่าทางค่ายจะไม่ว่าอะไรใช่ไหม คนตัวสูงก็ยังคงยืนยันว่าไม่เป็นไร ทำไมถึงดื้อแบบนี้…

Contact Me

ออฟไลน์ เอ็ม

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 67
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +35/-0
Re: เราแอบชอบนาย E18 [07.03.2019]
«ตอบ #22 เมื่อ07-03-2019 22:58:59 »

E18 “ดื้อ”

เวลา 10:55 น.

“…” หัวใจมันไม่สงบมาได้สักพักแล้วตั้งแต่คนตัวสูงที่นั่งข้าง ๆ เอ่ยประโยคนั้นออกมาให้ได้ยินต่อหน้าแม่ เราสองคนนั่งอยู่บนเก้าอี้ยาวซึ่งมีรถของแม่จอดอยู่ใกล้ ๆ นี้ ส่วนแม่ตอนนี้กำลังไปคุยเรื่องอะไรต่าง ๆ กับคุณครู คงจะบอกว่าน่าจะให้ผมอยู่เข้าค่ายต่อไม่ได้อีกเหมือนเคย ส่วนสัมภาระของผมกับคนนั่งข้าง ๆ ก็เอามาแล้ว… ดอนจริงจังเหรอ? ประโยคนั้นทำให้ผมชะงักมาจนถึงตอนนี้ นั่งด้วยกันแต่ไม่ได้คุยกันเลย ผมเองรู้สึกเพลีย ๆ ร่างกายมันล้า ๆ อยากจะนอนพัก

“ตัวเล็กไม่ชอบผมแล้วเหรอครับ?” ในที่สุดเสียงทุ้มก็ดังขึ้นจนต้องหันไปเลิกคิ้วมอง ใบหน้าหล่อดูเครียดจนคนเห็นยังอยากเครียดตาม ส่วนผมทำได้เพียงส่ายหน้าไปมาแล้วหันไปมองข้างหน้า ผมชอบดอนนั่นคือสิ่งที่หัวใจมันยึดมั่นมาตลอด แล้วผมจะเลิกชอบดอนทำไม…

“ดอนชอบเราเหรอ?” คำถามนี้น่าจะทำให้ทุกอย่างเคลียร์ขึ้น หากคนตัวสูงบอกว่าเราเป็นแฟนกันแล้วละก็…

“รักเลย…” คำตอบจากปากของเจ้าตัวทำให้จำต้องหันหน้าหนีหลบความเขิน ใจสั่นพอ ๆ กับร่างกายที่สั่นเพราะเหนื่อยอ่อน

“ไว้ค่อยคุยกัน ตอนนี้ตัวเล็กต้องไปพักก่อนนะครับ…”

“อะ อื้ม…”

“แต่ผมไม่ยอมนะ ไม่ยอมให้ตัวเล็กเลิกชอบ… ที่พูดไปก่อนหน้าอาจจะดูข้ามขั้นไปแต่เพราะผมคิดแบบนั้นจริง ๆ”

“…” หันมามองใบหน้าคมก็ดูจริงจังจนผมเขินขึ้นอีกครั้ง แต่ยังอยากแอบขำกับท่าทางของคนตัวสูง จึงทำได้แค่ยิ้มให้จาง ๆ ใบหน้าหล่อส่งยิ้มให้กลับ เราโชคดีขนาดนั้นเลยเหรอดัซ? คนที่เราแอบชอบรู้สึกแบบเดียวกันกับเรา… คิดว่าจะต้องทนทุกข์ทรมานกับการแอบชอบไปจนจบมอหก แต่ไหงโชคชะตากลับพลิกแบบนี้ อยากฟังเหตุผลจากเจ้าตัวมากกว่านี้ แต่ตอนนี้ร่างกายคงต้องพักก่อนจริง ๆ

สักพักแม่ก็ตรงเข้ามาหา ยังไม่ได้ถามอะไรผมกับดอนแม่ก็สั่งให้รีบกลับ ดอนจึงได้ไปเอารถ จนในที่สุดมาถึงบ้าน… ทุกอย่างในหัวมันดูเบลอไปหมด ตอนนั่งรถรู้สึกอยากจะอ้วกอยู่หลายครั้งแต่อ้วกไม่ออก อาการแบบนี้มันทำให้กระอักกระอ่วนจนรู้สึกเหนื่อย ผมหย่อนร่างนั่งลงบนโซฟาด้วยสภาพไม่ต่างไปจากคนเป็นโรค แม่ช่วยพยุงเข้ามาและไปรินน้ำมาให้ดื่ม มองตัวเองในกระจกเห็นหน้าซีดเผือดเหมือนไม่มีเลือด ริมฝีปากแห้งผากไม่ต่างกัน อาการเดิมไม่มีผิด… หันไปมองหน้าบ้านกำลังมีใครคนหนึ่งเดินเข้ามา แต่ตาผมจะปิดอยู่แล้วจึงได้ล้มตัวลงไปนอนบนโซฟา

“ดัซ ๆ ดื่มน้ำก่อน…” ได้ยินแต่ผมไม่อยากเปิดเปลือกตาเลยจริง ๆ เอาไว้ก่อนได้ไหม…

“ทานยาก่อน ไม่งั้นนอนไม่ได้นะ…”

“คุณครูที่ห้องพยาบาลบอกว่าดัซทานแล้ว ให้ไปนอนข้างบนดีไหมครับ?”

“เฮ้อ… ทำไมต้องทำให้แม่เป็นห่วงแบบนี้ บอกให้ไปหาหมอก็ไม่ยอม…” ได้ยินแต่ไม่อยากรับรู้อะไรอีกแล้ว เสียงคนสองคนคุยกันก่อนผมจะรู้สึกเหมือนร่างตัวเองถูกช้อนขึ้นอุ้ม ใบหน้าซุกอยู่กับอะไรอุ่น ๆ กลิ่นคุ้น ๆ รู้สึกตัวอีกทีก็ถูกวางลงบนเตียงเบา ๆ แน่นอนว่าต้องเป็นของผมเพราะสัมผัสได้ถึงความรู้สึกนี่ ความหลับใหลเริ่มครอบงำ ก่อนจะไม่สามารถรับรู้อะไรได้อีกแล้ว ทุกอย่างดับมืดไปหมด…

ผ่านไปนานแค่ไหนไม่รู้แต่ที่รู้ ๆ คือตอนนี้เริ่มรู้สึกตัวแล้ว อาการเหมือนดีขึ้นแต่ไม่ได้หายเป็นปลิดทิ้ง ค่อย ๆ ลืมตาขึ้นมองผมเพดาน ในห้องเงียบสนิทได้ยินเพียงเสียงเครื่องปรับอากาศเบา ๆ อุณหภูมิไม่ร้อนไม่หนาวในห้องสี่เหลี่ยมของตัวเอง… ทำไมพออาการดีขึ้นและตั้งสติได้แล้วจึงได้รู้สึกผิดที่ทิ้งค่ายมา เลย์มันจะรู้สึกยังไงที่ผมเป็นแบบนี้ ทุกครั้งที่ถามเพราะรู้สึกผิดแต่มันมักจะไม่ได้คิดมากเพราะเพื่อนผู้ชายในห้องคนอื่นก็มี อาจไม่ได้สนิทสนมเท่าผมแต่มันก็เข้ากับคนอื่นได้ง่าย ๆ แล้วไหนจะแม่ที่ต้องลางานชั่วคราวมาดู ทำไมผมถึงทำตัวมีปัญหาแบบนี้ ยิ่งคิดได้ความรู้สึกเสียใจยิ่งถาโถมเข้ามาทำให้อยากจะร้องไห้ แล้วที่สำคัญเลยคือใครอีกคนที่ไม่ยอมเข้าค่ายเพื่อที่จะมาดูแลเรา…

“ตัวเล็ก…” เสียงเรียกคุ้นหูดังขึ้นผมจึงค่อย ๆ ดันตัวลุกขึ้นนั่ง คนที่นั่งบนเก้าอี้ในโต๊ะทำงานจึงลุกขึ้นเดินมาหา ดอนไปทำอะไรตรงนั้นเนี่ย อย่าบอกนะว่าแอบดูอะไรต่าง ๆ อีก

“ดะ ดอนแอบดูของเราใช่ไหม?”

“เปล่านะครับ…” มองคนตัวสูงด้วยใบหน้าที่เริ่มเห้อร้อน พอรู้สึกดีขึ้นอาการเขินหนัก ๆ มันก็จะกลับมาเลย ดอนเพิ่งบอกว่าชอบเรานะ! ไม่สิ… รักต่างหาก! ดูเวลาบนผนังห้องตอนนี้เลยบ่ายสองมาได้สักพักแล้ว นี่ผมหลับไปนานแค่ไหนก็ไม่รู้

“รู้สึกดีขึ้นยัง?” มือหนาเลื่อนมาสัมผัสที่หน้าผากผมเบา ๆ จนต้องหลับตาหดคอหนี จริง ๆ อาการแบบนี้ตัวผมไม่ร้อนหรอกเพราะไม่ได้เป็นไข้ แต่คนตัวโตมักจะเป็นแบบนี้ทุกครั้ง ซึ่งแน่นอนว่าตัวผมแทบจะแตกอยู่แล้วเพราะเขิน อาการจะทรุดคงไม่ใช่เพราะป่วยเหมือนเมื่อเช้า แต่น่าจะเพราะเขินเจ้าตัวนี่แหละ

“ระ เราโอเคขึ้นแล้ว…”

“แล้วหน้าแดงเพราะเขินผมเหรอ?”

“ดอนอะ!”

“ฮะ ฮ่า ๆ ๆ ตื่นมาก็น่ารักเลย…” คนชมทำเหมือนไม่ได้คิดอะไรเดินไปยกเก้าอี้มานั่งข้าง ๆ เตียงที่ผมนั่งก่อนจะรินน้ำมาให้ดื่ม นี่มันเกินกว่าสิ่งที่เราจินตนาการไว้เสียอีกนะดัซ ดอนมาดูแลเราแบบนี้แทนแม่น่ะเหรอ? ทำบุญก็ไม่ค่อยได้ทำแต่ทำไมถึงได้โชคดีแบบนี้ ผู้ชายที่เราแอบชอบเลยนะ… นับไม้จิ้มฟันดูดวงมันแม่นขนาดนั้นเลยเหรอ? เราสองคนนั่งจ้องตากันก่อนผมจะหันหนีเพราะเขิน อะไรคือการมานั่งจ้องหน้าผมแบบนี้ ฮืออออ… เอาแม่กลับมาได้ไหม

“ระ เราว่าเราน่าจะอาการทรุดลงเพราะเขินดอนนี่แหละ…” บอกแต่ไม่หันไปหาเจ้าตัว ร่างสูงจะรู้ไหมว่าหล่อหุ่นดี พูดจาก็เพราะ มาทำอะไรแบบนี้ใส่คนที่แอบชอบตัวเองอีก ความเขินมันยิ่งทวีคูณเป็นพัน ๆ เท่าเลยนะ

“ขอโทษ… ผมทำให้เขินไปเหรอครับ นี่ยังไม่ได้โรแมนติกอะไรเลยนะ” ยังเหรอ!?

“…”

“ผมต้องโหด ๆ ดุ ๆ ใส่เหรอครับ?” ได้ยินจึงหันไปเลิกคิ้ว โหด ๆ ใส่เหรอ? ประโยคจากเจ้าตัวทำให้ผมคิดตาม ถ้าดอนโหดใส่เราจะเป็นยังไงนะ…




“ผมบอกแล้วไงว่ารัก!?”

เฮือก…

“ระ เรารู้แล้ว…”

“ทำไมชอบหันหน้าหนีวะห๊ะ!?”

หมับ!

“อ๊ะ! ดะ ดอนเราเจ็บ…”

“หึ… เจ็บเหรอ?”

“…”

“ผมชอบจังเวลาตัวเล็กทำหน้าทรมาน…”




อึก…

“มะ ไม่ดีกว่า…”

“ผมทำไม่ลงหรอก ฮ่า ๆ ๆ ทำไมต้องทำหน้ากังวลด้วย” มือหนาเลื่อนมาลูบหัวอีกแล้วววววว ทำไมดอนเป็นคนแบบนี้ จะทุบแล้วนะ

“หิวข้าวไหม? ตัวเล็กยังไม่กินข้าวเที่ยงเลย เมื่อเช้าก็กินนิดเดียว แม่ย้ำให้กินนะครับ แอบบ่น ๆ ตอนตัวเล็กหลับให้ดอนฟังด้วย…”

“อื้ออ… เราไม่หิวเลย”

“อย่าดื้อสิครับ… ไม่กินผมจุ๊บ”

“ดะ ดอนจะบ้าเหรอ!?”

“จะกินไม่กิน…”

“…” เห็นผมเงียบคนตัวโตจึงลุกขึ้นทำเป็นจะขยับเข้ามาใกล้ ๆ สิ่งที่เต้นอยู่ในอกข้างซ้ายจะกระเด็นออกมาแล้วนะ

“ระ เรากินก็ได้…”

“หึ ๆ โอเคครับ…”

“…” ทำไมต้องบังคับด้วยเรื่องแบบนั้นด้วย ใครจะกล้าปฏิเสธอะ สรุปเลยต้องลงไปกินข้าวกินยาพร้อมเจ้าตัว ถึงจะไม่ถูกเวลาแต่เพราะจำเป็นเลยต้องกิน ทำอะไรเสร็จสรรพพวกเราสองคนก็ขึ้นมานั่งบนห้อง ผมเปลี่ยนเป็นชุดลำลองปกติแต่ดอนยังใส่ชุดพละของโรงเรียนเหมือนเดิม เจ้าตัวนั่งบนเก้าอี้เล่นโทรศัพท์ส่วนผมนั่งบนเตียงคุยกับเลย์

“กูขอโทษจริง ๆ”

(เฮ้ออ… กูเป็นห่วงมึงนะดัซ เลิกคิดมากได้แล้ว ไม่มีมึงกูก็อยู่ได้…)

“ควรดีใจไหมที่มึงพูดแบบนี้…”

(ถึงจะอยากให้มึงอยู่ด้วย แม่งไม่มีคนคอยเตือน…)

“…”

(พักเถอะ ค่ายไม่ได้สนุกอย่างที่คิด… กูได้อยู่กลุ่มกับจินมันด้วย กูไม่ได้อะไรหรอก แต่แม่งไม่ให้ความร่วมมืออะไรกูเลย กูพยายามทำตามที่มึงบอกแล้วนะดัซ…)

“เฮ้อ… เย็นไว้ก่อน ถึงจินจะเป็นคนแบบนั้นแต่จินก็ไม่เริ่มทำร้ายใครก่อนป่ะวะ?”

(ไม่ทำร้ายทางร่างกายอะใช่ แต่มึงคิดว่ากูจะเล่นสงครามประสาทกับมันชนะเหรอ?) ฟังจากเสียงแล้วเลย์มันไม่ได้มีความสุขแน่ ๆ อะ ทำไมถึงรู้สึกผิดอยากไปสลับที่กับจิน

“กูไม่รู้จะบอกไงเลยจริง ๆ”

(เออ ๆ บอกแล้วว่ากูไม่ได้อะไร มึงพักผ่อนเถอะ…)

“อื้อ ๆ เจอกันวันจันทร์นะงั้น…”

(อื้อ…) พูดจบเลย์มันก็ตัดสายไป แอบเป็นห่วงมันเหมือนกันนะครับ ทุกครั้งผมจะเตือนมันตลอดว่าอะไรควรไม่ควรทำ ไม่ใช่แค่ตอนเข้าค่ายหรอก ก็ทุกเรื่องอะในโรงเรียน ถึงมันจะมึน ๆ บ้างก็ตาม เพื่อนที่ดีต้องคอยบอกคอยเตือนกัน มันเองก็ช่วยเหลือผมหลายอย่าง…

“ขอหนุนตักหน่อยนะครับ…”

กึก…

“ดะ ดอน!” ใบหน้าคมขยับลงมาซุกลงบนตักผมเหมือนจะนอน ไม่น่าเลยดัซ! ไม่น่านั่งใกล้ ๆ ขอบเตียงเลย คนนั่งบนเก้าอี้เลยโน้มหัวลงมาหนุนได้ง่าย ๆ เรียกไปก็ไม่ขยับเลยจริง ๆ ได้แต่มองผมหนาด้วยความเขิน ก่อนจะถอนหายใจออกมาเบา ๆ เพราะทำอะไรไม่ได้ กี่ครั้งแล้วที่เราโดนผู้ชายคนนี้ทำให้ตกหลุมรัก... ทำให้ตกหลุมรักซ้ำแล้วซ้ำเล่าจนถอยออกมาได้แล้วจริง ๆ มือค่อย ๆ เลื่อนไปสัมผัมที่ผมหนาแล้วลูบเบา ๆ โดยอัตโนมัติ เจ้าตัวไม่ได้ว่าอะไรเลยสักนิด

‘ดอนแหละที่ดื้อ...’

Contact Me

ออฟไลน์ เอ็ม

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 67
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +35/-0
Re: เราแอบชอบนาย E19 [08.03.2019]
«ตอบ #23 เมื่อ08-03-2019 00:44:39 »

E19 “ฝนตกไฟดับ” (R)

“ข้างนอกเหมือนฝนจะตกเลยครับ…”

“อื้ม… อากาศเริ่มเย็น ๆ ชื้น ๆ แล้วด้วย” ผมกับคนตัวสูงยืนด้วยกันอยู่นอกระเบียง มองขึ้นไปบนท้องฟ้าตอนนี้เมฆเริ่มก่อตัวเป็นสีดำ สายลมอ่อน ๆ ในตอนแรกเริ่มพัดเข้ามาหนัก ๆ จนสัมผัสได้อย่างง่ายดาย มันรู้สึกดีมาก ๆ เลยนะที่ได้มายืนอยู่ข้าง ๆ คนที่เราแอบชอบ ซ้ำเขายังชอบเราด้วย หันไปมองเสี้ยวหน้าคมที่กำลังมองขึ้นไปบนท้องฟ้าจนเผลอยิ้มออกมาจาง ๆ แต่ต้องหันหนีเพราะเจ้าตัวดันหันมามองผมเช่นกัน ได้ยินเสียงเหมือนหัวเราะจนรู้สึกเขิน ทำเป็นหันไปมองทางอื่น สักพักเสียงโทรศัพท์ในห้องก็ดังขึ้นจึงได้โอกาสหลบเขินเข้าไปหยิบขึ้นมารับ ปล่อยให้ดอนยืนอยู่ข้างนอกแต่ใบหน้าคมก็มีหันมามองตามเล็กน้อย

“ครับแม่…”

(เราโอเคขึ้นยัง?)

“ดีขึ้นมากแล้วครับ คือ… ดัซรู้สึกแย่ที่ทำให้แม่เสียเวลา”

(ก็เมื่อเช้าเราไม่ทานข้าวให้เยอะ ๆ แม่อยากดุมากเลยนะ แต่ก็เป็นห่วงเรามากกว่า รู้ว่าตัวเองไม่แข็งแรงก็ต้องหัดป้องกันไว้หน่อย… แล้วตอนนี้อยู่กับดอนรึเปล่า?”

“อยู่ครับ…” ตอบพร้อมหันหลังไปมองคนตัวสูง เจ้าตัวยังคงมองออกไปข้างนอก รับสายลมชื้น ๆ เย็น ๆ

(อย่าเพิ่งให้ดอนกลับนะ ต้องอยู่ดูแลเราก่อน แม่น่าจะกลับดึกหน่อยวันนี้… อีกอย่างฝนจะตกแล้ว อย่าออกไปไหนเด็ดขาด ทานข้าวเย็นและพักผ่อนเข้าใจไหม?)

“อย่างอื่นดัซเข้าใจ แต่ทำไมต้องบังคับดอนให้อยู่ด้วยอะ…” พยายามกระซิบคุย

(ที่จริงก็เปล่า… แต่แม่ถามก่อนออกมาแล้ว ดอนบอกจะอยู่ด้วยคืนหนึ่ง

“หะ ห๊ะ!?”

กึก…

(จะเสียงดังทำไมห๊ะเราเนี่ย…) ที่ชะงักกว่าคือถอยหลังจะหันไปมองคนที่บอกจะอยู่ด้วยแล้วดันชนกับร่างของเจ้าตัวนี่สิ หันไปมองดอนก็เลิกคิ้ว แต่ทำไมต้องเข้ามาใกล้ขนาดนี้ด้วย แถมหน้ายังทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นอีก ดอนชอบเป็นแบบนี้อะ ชอบเข้ามายืนซ้อนหลัง ชอบเข้ามาอยู่ใกล้ ๆ เหมือนเป็นเรื่องปกติ แต่สำหรับผมมันไม่เลยนะ ฮือออ… จะช็อกตายแล้วเนี่ย

“งะ งั้นแค่นี้นะครับแม่ ดัซจะทำตามที่บอกให้ครบทุกอย่างเลย…”

(ดีมาก… ถ้ากลับไปแล้วยังเห็นไม่พักผ่อนแม่จะดุเราทั้งสองคนหนัก ๆ เลย”

“แม่อะ… อะ อื้มดัซเข้าใจแล้ว…”

(จ้าแค่นี่แหละ…) เอ่ยจบแม่ก็ตัดสายไป ผมมองคนตัวสูงตรงหน้าแล้วเลิกคิ้วเพราะเหมือนเจ้าตัวจะถามอะไรบางอย่าง

“ผมขอเปลี่ยนชุดได้ไหม…”

“ดะ ดอนเปลี่ยนในห้องน้ำสิ”

“ตรงนี้ไม่ได้เหรอครับ แป๊บเดียวเอง…” ร่างสูงบอกก่อนจะเดินตรงไปยังกระเป๋าซ้ำยังเลิกเสื้อขึ้นจนผมต้องหันหนี ฮืออออ… ดอน! เข้าใจว่าผู้ชายด้วยกัน แต่ผม… ผมไม่โอเคนะ! เอาแต่หันไปมองทางอื่นพร้อมตัวที่เกร็งก่อนจะได้ยินเสียงเรียกถึงได้ค่อย ๆ หันไปมอง ดอนเปลี่ยนเป็นชุดกีฬาแล้ว เหมือนร่างสูงจะชอบชุดแบบนี้ คงเพราะใส่แล้วสบาย เราทั้งสองจ้องหน้ากันกระทั่งคิ้วดกเลิกขึ้นผมจึงหันหนี

‘ทะ ทำไมต้องดูดีขนาดนี้ด้วย…’ มองแล้วหลงจริง ๆ ผู้ชายคนนี้ เราต้องเก็บอาการไม่ใช่เหรอดัซ เราเป็นผู้ชายนะ! สักพักเสียงฝนตกก็เริ่มดังขึ้นจนผมต้องรีบเดินไปปิดประตูระเบียง อากาศเย็นลงอย่างไม่น่าแปลกใจ ยิ่งในห้องที่เปิดแอร์ทิ้งไว้ในตอนแรกยิ่งหนาวขึ้นไปอีก

“หือ…” อยู่ดี ๆ ไฟในห้องดันดับลงเฉยเลย

“ไฟดับเหรอครับ?”

“ปะ แปลกมากเลยนะ ถ้าดับก็ต้องดับทั้งหมู่บ้านอะ…” แต่ทำไมข้างนอกไฟยังติดอยู่เลย แล้วผมจะทำอะไรเป็นเนี่ย ลองเดินไปกดเปิดปิดสวิตช์ไฟดูมันก็ไม่ติด

“เดี๋ยวเราลงไปดูข้างล่างก่อนนะ…”

“ตัวเล็กจะซ่อมเองเหรอครับ? มันอันตรายนะเดี๋ยวผมทำเอง”

“ดะ ดอน… เราซ่อมเป็นที่ไหนล่ะ จะลองไปกดเปิดดูว่าติดไหม ดอนก็ไม่ต้องซ่อมหรอก อีกอย่างไม่รู้ด้วยซ้ำว่าต้องซ่อมตรงไหน…” ผมมองคนตัวสูงก่อนจะเดินลงไปยังชั้นล่าง มันมืดจริง ๆ อีกอย่างทำให้แอบกลัว ๆ ด้วย ปกติถ้าอยู่บ้านคนเดียวก็มักจะอยู่แต่ในห้อง ลองกดเปิดดูทุกจุดแล้วก็ไม่ติด ข้างนอกบนถนนยังมีไฟอยู่เลย ดับแต่บ้านผมหลังเดียวแน่ ๆ ดอนเหมือนกำลังจะลงมาจากข้างบนแต่ผมกำลังจะขึ้นไปพอดี

“มันไม่ติดเลยอะ…”

“มันมืดนะครับ ขึ้นมาอยู่บนห้องดีกว่า”

“อื้ม…” สุดท้ายเลยต้องขึ้นมาอยู่บนห้อง เสียงฟ้าร้องดังขึ้นจนผมรู้สึกกลัวอยู่หลายครั้ง ตอนแรกที่นั่งพิงขอบเตียงอยู่คนเดียวมองออกไปนอกระเบียง แต่ตอนนี้มีดอนมานั่งลงข้าง ๆ แล้ว ซ้ำยังนั่งจนติดร่างผมอีกต่างหาก เจ้าตัวนั่งชันเข่าข้างหนึ่งส่วนผมนั่งกอดเข่าทั้งสองข้าง ในห้องมืด ๆ แบบพอมีแสงเข้ามาบ้าง ข้างนอกยังมีเสียงฝนเสียงลมกระโชกแรงจนน่ากลัว

“เอาผ้าห่มไหมครับ?” เสียงทุ้มถามผมจึงส่ายหน้าไปมา ยิ้มให้ดอนเล็กน้อยก่อนจะมองออกไปนอกกระจกดูการเคลื่อนไหวของสายฝนที่แสนจะหนักหน่วง ปกติต้องใจสั่นไม่ใช่รึไงเวลามีคนตัวสูงอยู่ใกล้ ๆ จนร่างชิดกันแบบนี้ คงเพราะเริ่มชินแล้วรึเปล่า… ตอนนี้ที่โรงเรียนจะเป็นยังไงบ้างก็ไม่รู้ เลย์มันจะสบายดีรึเปล่า…

“ดะ ดอน…”

“ผมหนาว…” วงแขนฝั่งขวาตวัดขึ้นโอบไหล่ผมแล้วดึงให้เข้าไปใกล้ ๆ เจ้าตัว จากที่บอกว่าเริ่มชินตอนนี้คงไม่แล้วจริง ๆ ใจเราสั่นขึ้นมาแล้วนะ! ศีรษะผมค่อย ๆ ถูกดึงให้ไปอิงที่ไหล่แกร่ง

“ดอน…”

“ซบไหล่ผมครับ…”

“ระ เราอึดอัด”

“อึดอัดหรือเขินกันแน่?” คำถามนั้นทำให้ผมหันไปมองใบหน้าคมที่อยู่ห่างกันเกือบจะไม่ถึงคืบ สายตาที่มองมาของเจ้าตัวเหมือนจะไม่ได้คิดอะไรแต่มันทำให้คนมองต้องเม้มปากหน้าขึ้นสี ดอนขี้โกง!

“ตัวเล็ก…”

“หือ…” ครางตอบแล้วยอมนั่งพิงไหล่ของดอนตามที่เจ้าตัวเขาต้องการ ถึงใจจะสั่นไม่หยุดก็เถอะ พยายามทำตัวให้ชินดัซ เราก็รู้อยู่แล้วหนิว่าผู้ชายคนนี้มักจะทำอะไรให้เราใจสั่นได้เสมอ แค่จ้องตาก็เขินแล้ว

“หอม…”

“อ๊ะ!” สัมผัสที่หัวทำให้ผมชะงักจนต้องผละออกมามอง ดอนหอมหัวผมอะ! แต่เจ้าตัวกลับเอาแต่มองมาด้วยสายตานิ่ง ๆ ไม่รู้ทำไมถึงได้เขินขึ้นมามากกว่าเดิมขนาดนี้ เราสองคนจ้องตากันเหมือนต่างฝ่ายต่างคิดอะไรอยู่ หอมเหรอ… เราไม่ได้ตัวหอมสักหน่อย

“…” มือหนาค่อย ๆ เลื่อนจากไหล่ผมลงไปโอบที่เอวพร้อมใบหน้าคมขยับลงมาใกล้ ๆ จนตัวต้องเกร็ง แต่สิ่งที่ไม่คาดคิดมันดันเกิดขึ้นจนผมตั้งตัวไม่ทัน ริมฝีปากของคนตัวสูงเลื่อนลงมาทาบที่ริมฝีปากผมจนหัวใจสั่นระรัวจนตัวแข็ง มืออีกข้างของเจ้าตัวเลื่อนมาประคองใบหน้าผมให้หันมารับบทจูบดี ๆ ก่อนสติจะขาดหายไปเมื่อสิ่งเปียกชื้นนั้นพยายามสอดเข้ามา…

#WriterPart

ลิ้นอุ่น ๆ สอดเข้ามาในโพรงปากของร่างเล็กเสียจนดัซต้องหลับตาอ้าปากให้เจ้าของใบหน้าหล่อสอดตวัดลิ้นอุ่นเข้าหาอย่างไม่เร่งรีบ สมองของคนทั้งสองขาวโพลนคิดอะไรไม่ได้อีกแล้วเพราะเคลิบเคลิ้ม ไม่คิดไม่ฝันเลยด้วยซ้ำว่าสิ่งนี้จะเกิดขึ้นกับชีวิตของเขาทั้งสอง จูบแบบสอดลิ้นกับผู้ชายด้วยกัน ซ้ำคนตัวเล็กยังแทบตัวจะแตกเพราะแรงสั่นของหัวใจมันมากเกินไป เสียงฝนและเสียงลมที่อยู่ภายนอกบ้านเหมือนจะเงียบไปหมด ได้ยินเพียงเสียงสิ่งอุ่นชื้นเคลื่อนตัวกระทบกันในโพรงปาก

“อื้อ…” ร่างเล็กครางออกเบา ๆ เขาทำอะไรอยู่ ณ ตอนนี้ มันถูกต้องใช่ไหมที่ปล่อยตัวให้คนตัวสูงเอาแต่ใจอยู่แบบนี้ แต่ที่รู้ ๆ คือมันรู้สึกดีเสียเหลือเกิน... มันนุ่มนวลจนอยากจะล้มตัวลงนอน มือนุ่มข้างหนึ่งค่อย ๆ เลื่อนมากำเสื้อกีฬาของชายตัวสูงบริเวณอกแกร่ง เพราะความใสซื่อและไม่รู้ว่าตัวเองควรทำยังไงจึงอยู่เฉย ๆ ให้อีกคนเป็นฝ่ายจัดการ

‘ดัซ... มันไม่ถูกต้อง...’

พลั่ก!

“ระ เราขอโทษ...” หลังจิตสำนึกพุ่งเข้ามาในหัวมือนุ่มจึงดันอกแกร่งพร้อมกับผละใบหน้าออกแล้วหันหนี ร่างขาวสั่นเทาไปด้วยความกังวลและขัดเขิน ดัซไม่เคยทำอะไรแบบนี้มาก่อนเลย ดอนเองเมื่อเห็นใบหน้าใสขึ้นสีซ้ำยังหันหนีเหมือนว่ากลัวเขาจึงจับประคองให้หันมามองแล้วส่งสายตาแสนอ่อนโยนไปให้... รู้แล้วว่ามันไม่เหมาะ รู้แล้วว่ามันไม่ควร แต่เขาอดไม่ได้ที่ต้องมาอยู่กับคนตัวเล็กแล้วไม่ได้ทำอะไรแบบนี้ ไม่ใช่ว่าจำเป็นต้องทำแต่ขอแค่ครั้งนี้ได้ไหม เราเป็นมากกว่าคนที่แอบรักกันแล้วไม่ใช่รึไง?

“กลัวดอนเหรอครับ?” เสียงนุ่มถามเบา ๆ ดัซไม่ตอบนอกเสียจากเม้มปากส่ายหน้าไปมาเหมือนลูกแมวตัวน้อยเปียกน้ำกำลังสั่นกลัวอะไรบางอย่างในโอมแขน ยิ่งเห็นใบหน้าใสดอนยิ่งอดไม่ได้เลยจริง ๆ ร่างสูงหันไปหาคนตัวเล็กดี ๆ ก่อนจะดึงเรียวขาขาวขึ้นมาอ้าแล้วพาดกับขาของเขาที่สอดใต้ขาทั้งสองข้างของเจ้ากรรม

“ดะ ดอน…”

“อย่ากลัวผมได้ไหม…” ใบหน้าใสเม้มปากมองหน้าหล่อด้วยความกังวล หัวใจดวงน้อย ณ อกข้างซ้ายสั่นเสียจนรู้สึกเหนื่อยเพลีย มือหนาเลื่อนมาดึงมือเขาให้ไปสัมผัสอะไร ๆ ผ่านเนื้อผ้ากางเกงกีฬา นั่นยิ่งทำให้ร่างบางชะงักจนต้องหันหน้าหนี สิ่งนั้นกำลังขยายตัว ซ้ำมันยัง… ไม่เล็ก ไม่คิดเลยว่าจะได้สัมผัสสิ่งที่ไม่ควรสัมผัส

“ผ่อนคลายครับ… ดอนไม่ทำอะไรตัวเล็กหรอก…”

“ตะ แต่-”

“เชื่อใจดอนไหม?”

“…”

“แล้วมันจะดีขึ้นเอง…” เอ่ยจบร่างสูงก็ดึงให้คนตัวเล็กขึ้นมานั่งบนตัก ใบหน้าใสยังคงกลัวจนเขาต้องจับให้เงยขึ้นมามอง ตากลมคู่นั้นสั่นคลอนจนอยากนึกเอ็นดู น่ารัก… น่ารักเกินไปแล้ว มือบางข้างหนึ่งยังคงสัมผัสส่วนนั้นของดอนไว้

“สัมผัสมันไว้…”

“มะ มันน่าอาย”

“ตัวเล็ก…” เสียงเรียกนุ่ม ๆ เหมือนออดอ้อนทำให้ดัซยิ่งเม้มปากก่อนร่างบางจะยอมทำตามที่คนตัวสูงบอก ดอนจัดการสอดมือเข้าไปใต้กางเกงของคนตัวเล็กจนเจ้ากรรมสะดุ้ง ก่อนจะได้เอ่ยห้ามทุกอย่างมันก็สายไปแล้วเมื่ออะไร ๆ ของคนทั้งสองถูกงัดออกมาสัมผัสกัน ใบหน้าใสซุกลงที่ไหล่แกร่งอย่างรู้สึกเขินอายและตื่นเต้น ไม่กล้าเลย… ไม่กล้ามองส่วนที่น่าอายของตัวเองที่กำลังสัมผัสกับของคนตัวสูงเลย แต่มือหนาบังคับให้เขาเลื่อนมือไปสัมผัสและกำมือเขาไว้

“อะ อื้อ…”

จุ๊บ…

“ใจเย็น ๆ ครับ… ผ่อนคลาย” ใบหน้าคมจุ๊บลงที่พวงแก้มเนียนก่อนจะเลื่อนมือที่กำมือของร่างเล็กให้ขยับรูดรั้งอะไร ๆ ที่สัมผัสกัน จมูกคมหอมหัวหอม ๆ ตรงหน้าอย่างนึกเอ็นดู มือยังคงเลื่อนส่วนนั้นจนเขาเองก็มีอารมณ์หนักขึ้นเรื่อย ๆ เสียงครางของคนตัวบางดังขึ้นเบา ๆ ทำให้ยิ่งอดใจไม่ไหวเพิ่มแรงขยับมากขึ้นเรื่อย ๆ เพราะเริ่มที่จะถึงจุดนั้น

“ดะ ดอน… อะ อื้อ”

“อืม…”

“ระ เราจะ-”

“ผมก็-”

“อ่า~” ทั้งสองคนตัวเกร็งพร้อมกับสำเร็จความใคร่ออกมาพร้อม ๆ กัน น้ำอะไรบางอย่างกระเด็นออกมาไม่มากแต่เลาะเสื้อและมือของทั้งสอง ครั้งแรกของดัซกับการปลดปล่อย ทำให้ร่างบางตื่นเต้น ตัวสั่นบวกกับความเหนื่อยอ่อนจนหมดสติไปทั้ง ๆ ที่ทับตักแกร่งและซบไหล่ของดอนอยู่

“ตัวเล็ก…”

“…” ใบหน้าคมเลิกคิ้วก่อนจะขยับคนตัวบางออกมามองถึงได้เห็นว่าเปลือกตาขาวปิดลงพร้อมเสียงหายใจเบา ๆ ตอนแรกตกใจ แต่นึกได้ว่าคนตรงหน้าอาจตื่นเต้นและเหนื่อยเกินไปจนหลับทั้งอย่างงี้…

จุ๊บ…

Contact Me

ออฟไลน์ Billie

  • "Let come what comes, let go what goes and see what remains. That is what is real"
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3327
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +78/-6
Re: เราแอบชอบนาย E19 [08.03.2019]
«ตอบ #24 เมื่อ08-03-2019 12:33:21 »

 :L2: :pig4:
+1


ออฟไลน์ เอ็ม

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 67
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +35/-0
Re: เราแอบชอบนาย E20 [08.03.2019]
«ตอบ #25 เมื่อ08-03-2019 15:44:30 »

E20 “ดอนจะเล่าให้ฟัง”

“ขอบใจนะจ๊ะ มีปัญหาครั้งล่าสุดเมื่อหลายเดือนก่อน เลยได้ให้ช่างมาซ่อมให้แล้วมันก็ไม่ได้เสียอีกเลย…”

“ยินดีครับ ถ้าแม่อยากให้ผมช่วยอะไรบอกได้เสมอเลยนะครับ…”

“จ้า… เรานี่หล่อแล้วยังนิสัยดีอีกนะ ดูคนที่นอนหลับอยู่บนบ้านสิ อ่อนแอแล้วยังเถียงเก่งอีก”

“ฮ่า ๆ ๆ ตัวเล็กเถียงเก่งด้วยเหรอครับ?”

“เขาก็ชอบบ่นพึมพำเวลาจะเถียงแม่น่ะ... ตัวเล็ก? เรียกได้น่ารักจัง แม่ว่าดัซน่าจะเตี้ยมากกว่านะ...”

“อ๋อครับ... แต่คงเรียกแบบนั้นไม่ได้ฮ่า ๆ ๆ” ดอนเดินตามหญิงผู้เป็นแม่ของคนตัวเล็กที่หลับอยู่บนห้องเข้าไปในบ้าน เนื่องจากท่านกลับมาก็เหลือเพียงแค่เขาที่ยังไม่ได้นอน ตอนนี้จะสี่ทุ่มครึ่งอยู่แล้ว เลยถือวิสาสะอาบน้ำตอนที่ร่างบางหลับ ผ่านมาหลายชั่วโมงแล้วแต่เจ้าตัวก็ยังไม่ตื่น จนแม่กลับมาแล้วพบว่าไฟในบ้านมีปัญหาเขาจึงช่วยซ่อมให้ สรุปคือฟิวส์มันขาดอย่างไม่ทราบสาเหตุ แต่เขาเปลี่ยนเป็นและที่บ้านของตัวเล็กมีอุปกรณ์ครบครันด้วยจึงค่อนข้างง่ายในการซ่อมแซม ในที่สุดไฟในบ้านก็กลับมาใช้งานได้ตามปกติ

“แฟนเหรอ? ดัซบอกว่าแอบชอบดอนแต่ไม่เคยคิดว่าจะเป็นแฟนกันเลยหนิ เขาบอกแม่ว่าไม่ได้หวังเพราะเห็นดอนเป็นผู้ชายแถมยังดังในโรงเรียน…” ร่างสูงช่วยถือของมาวางไว้ในครัวก่อนจะถูกถามด้วยประโยคที่ทำให้เลิกคิ้ว

“จริง ๆ แล้ว… ตอนนั้นตัวเล็กไม่พอใจที่ผมทำอะไรไม่เคลียร์ บอกจะดูแลในห้องพยาบาลแต่ก็เอาแต่บอกให้ผมไปติว คงคิดว่าผมแค่ให้ความหวัง ตอนนั้นเลยพูดไปแบบนั้นครับ…”

“…” หญิงเจ้าของบ้านเลิกคิ้วก่อนจะเดินไปจัดของที่ซื้อมาในระหว่างทางซึ่งมีอาหารด้วย จริง ๆ จะซื้อมาไว้ให้เด็กสองคนที่บ้านทานตอนเช้านั่นแหละ

“แม่ไม่รังเกียจผมใช่ไหม... ถึงจะเป็นผู้ชายแต่ผมไม่ได้คิดจะหลอกให้ดัซแอบชอบแล้วถอยหนีนะครับ”

“จะรังเกียจทำไม… จริง ๆ แล้วบ้านหลังนี้ก็มีแค่ดัซอยู่กับแม่สองคน ส่วนพ่อเขาหย่ากับแม่ไปนานแล้ว อยู่ต่างจังหวัดนั่นแหละ ยอมรับว่าแม่หวงลูกชายนะ… เพราะมีแค่เขาคนเดียวจริง ๆ” เธอเอ่ยบอกพลางเดินเอานั่นเอานี่ไปไว้ในที่ที่เหมาะสม ส่วนดอนได้แต่ยืนจับพนักเก้าอี้มองตาม เขาเพิ่งรู้เรื่องแบบนี้เกี่ยวกับตัวเล็กเลย… แต่มันก็คล้าย ๆ ครอบครัวเขา ต่างตรงที่ผู้เป็นพ่อจากไปตั้งแต่เขาเพิ่งเกิดได้ไม่กี่ขวบ

“แม่หวง… แต่แม่ก็อยากให้เขามีคนที่คอยปกป้องดูแลได้ มันอาจจะดูมากไปสำหรับเด็กมัธยมปลายแบบเราทั้งสอง แต่สมัยนี้แล้วอะลูกเอ๊ย… แม่ก็ไม่ค่อยมีเวลาให้ลูกชายตัวเองเลยจริง ๆ ในแต่ละวัน…”

“ผมปกป้องดูแลตัวเล็กได้นะครับ…” ได้ยินน้ำเสียงที่หนักแน่นบนใบหน้าของเด็กตัวสูงจึงทำให้เธอแอบอึ้งเล็กน้อยก่อนจะเผลอยิ้มออกมาจาง ๆ

“เรานี่อายุเท่าไรเนี่ย…”

“เอ่อ… อีกไม่กี่อาทิตย์จะสิบแปดแล้วครับ”

“ถึงว่าทำไมดูโต ๆ จะจบมอห้ากันแล้วนะ เตรียมตัวเรื่องจะสอบเข้ามหา’ ลัยยัง…”

“ก็เตรียมบ้างแล้วครับ…” ถึงแม้จะเตรียมมาเยอะแล้วก็เถอะ พอพูดถึงเรื่องนี้เขาก็มักจะรู้สึกเครียดขึ้นทันที อีกไม่กี่อาทิตย์ก็ใกล้สอบปลายภาคแล้วด้วย เขาไม่ได้เครียดเรื่องสอบในโรงเรียนหรอก จะเครียดก็แต่โอเน็ต แกตแพตนี่แหละ คนพี่จะด่าจะว่าหนักแค่ไหนหากเขาทำไม่ได้ตามที่เจ้าตัวหวัง

“นั่งสิ… เราง่วงยัง แม่จะคุยด้วยนิดหน่อย…”

“ยังไม่ง่วงครับ…” ทั้งสองค่อย ๆ นั่งลงบนเก้าอี้โต๊ะอาหาร

“ดัซเขาเป็นคนขี้อายนะ แม่พอมองออกว่าอยู่โรงเรียนเขาก็คงไม่ได้เป็นคนที่โดดเด่นอะไร…”

“สำหรับผม… ตัวเล็กโดดเด่นมากเลยนะครับ” ได้ยินเช่นนั้นหญิงผู้เป็นแม่ของคนที่ถูกชมถึงกับเผลอยิ้ม

“นี่ถ้าไปพูดจาหวาน ๆ แบบนี้ใส่เจ้าตัวเขาเองคงเขินแย่เลย… ว่าแต่ดอนเป็นคนยังไง เราเป็นเด็กเกเรรึเปล่า ดื่มสุรา สูบบุหรี่ไหม แม่ไม่อนุญาตให้ดัซเสพของพวกนั้นนะ ค่อนข้างเป็นห่วงเลยแหละ…” เธอพูดด้วยใบหน้าแอบจริงจัง

“ปกติผมไม่เสพของพวกนั้นครับไว้ใจได้ เคยมีแค่ดื่มเบียร์กับเพื่อน ๆ ผู้ชายด้วยกันตอนงานสังสรรค์นิดหน่อย… แต่ถึงในอนาคตผมจะดื่มมากกว่านี้ไหม ยังไงก็คงไม่ยอมให้ตัวเล็กดื่มเหมือนกันครับ” ถึงจะดื่มเหล้าหรือสูบบุหรี่ยังไง เขาก็ไม่มีทางยอมให้ตัวเล็กทำแบบนั้นแน่ ๆ ตอนนี้อาจจะแค่ดื่มเบียร์นิดหน่อย แต่ในอนาคตจะเป็นไงก็ไม่สามารถรับรู้ได้

“เราพูดดูมีความน่าเชื่อถือดีนะ ไม่พยายามปฏิเสธแม่ทุกอย่าง อย่างน้อยก็ยังมีบอกว่าดื่มเบียร์และไม่มั่นใจอนาคต… ถูกต้องแล้วที่เราคิดแบบนี้ ไม่มีใครแน่นอนหรอกว่าต่อไปเราจะเป็นยังไง แต่แม่ไม่ได้ห้ามให้เราเสพของแบบนั้นหรอก แค่ไม่อยากให้ดัซไปเสพของพวกนั้นสักเท่าไร…”

“ครับผม… ยังไงผมก็ไม่ได้ดื่มบ่อย ๆ อยู่แล้ว นาน ๆ ทีเลยแหละ จะพยายามกันตัวเล็กออกจากของแบบนั้นด้วย” แต่ละประโยคที่เด็กตัวสูงเอ่ยออกมามันช่างเหมือนเต็มไปด้วยความมุ่งมั่นเสียเหลือเกิน เธอไม่ได้หวังกับความคิดของเด็กที่กำลังจะจบมอห้าเลย แต่ต้องยอมรับว่าสมัยนี้เด็ก ๆ โตเร็วกันจริง ๆ ทั้งวุฒิภาวะและความคิด จะทำตัวเป็นไดโนเสาร์เต่าล้านปีไม่ยอมฟังความคิดเด็กที่เขาเกิดมาเพื่อยุคนี้จริง ๆ ก็คงจะไม่ได้

“เราชอบดัซใช่ไหม?”

“ชอบมากครับ…”

“ทำไมต้องรีบตอบมากขนาดนั้น ฮ่าๆ ๆ”

“…” ใบหน้าหล่อแอบเขินเล็กน้อย ก็เขาชอบตัวเล็กจริง ๆ ให้ทำไงได้… คิดแล้วว่าหากเป็นผู้ชายถ้าไม่ใช่ตัวเล็กก็คงไม่มีใครที่จะทำให้เขาหลงรักได้อีก มันไม่มีจริง ๆ คนที่ทำตัวแบบนี้กับเขา ไม่ใช่แค่การกระทำน่ารัก ๆ ตอนนี้ แต่เป็นการกระทำของดัซตั้งแต่ก่อนเขาจะเข้าหาอีกต่างหาก…

“ดีแล้ว… แล้วนี่ทานข้าวกันแล้วใช่ไหม?” เธอถามพลางปอกผลแอปเปิลลูกสีเขียว

“เอ่อ… คือยังไม่มีใครทานข้าวเลยครับ”

“ห๊ะ? จริง ๆ เลยทำไม่พากันทานเนี่ย แล้วดัซทำไมถึงหลับได้ทั้ง ๆ ที่ยังไม่ทานข้าวทานยาเลย…”

“…” คงไม่ต้องสงสัยทำไมเจ้าตัวถึงหลับ เขาอุตส่าห์เปลี่ยนกางเกงกับเสื้อให้ร่างเล็กแล้วด้วย ทำไมอยู่ดี ๆ ดันใจสั่นขึ้นแปลก ๆ คนตัวเล็กน่ารักเกินไปจริง ๆ

“เราช่วยแกะถุงอาหารก่อน เดี๋ยวแม่-”

“แม่…” เสียงเรียกใส ๆ ดังขึ้นจนคนในครัวต้องหันไปมอง ดัซที่ตื่นขึ้นมาด้วยความเขินไม่เห็นมีคนตัวสูงจึงได้เดินลงมาข้างล่าง พอเห็นใบหน้าของชายหนุ่มที่ทำเรื่องแบบนั้นกับเขาใบหน้าใสถึงกับเห่อร้อนขึ้นทันที

“มาทานข้าวเดี๋ยวนี้เลยนะเราอะ…”

“คะ ครับ…” ร่างเล็กเดินเข้ามาใกล้ ๆ มองคนที่กำลังลุกขึ้นเล็กน้อย ก่อนจะรีบหันหนีเพราะเขิน

“โอเคขึ้นไหมครับ?”

“อะ อื้ม…”

“…” ใบหน้าคมทำได้เพียงยิ้มให้ เขาอยากจะขำจริง ๆ แต่ต้องเดินไปช่วยแม่ของตัวเล็กจัดอาหาร ดัซจึงเดินไปตักข้าวที่หุงไว้ตั้งแต่บ่ายมาเสิร์ฟ เหมือนแม่จะกดอุ่นไว้แล้ว ดีนะที่เหลือมากพอ รู้ว่ามื้อดึกมันไม่เหมาะ แต่เพราะยังไม่มีใครทานเลยจำเป็นต้องทาน จนในที่สุดก็นั่งทานข้าวพร้อมหน้าพร้อมตา ฝั่งหนึ่งเป็นแม่ของร่างบาง อีกฝั่งเป็นเจ้าตัวและคนตัวสูง

“เราคบกันแล้วจริง ๆ ใช่ไหม?”

“มะ แม่…” ร่างเล็กถึงกับชะงักช้อนที่กำลังจะตักอาหาร คนตัวสูงที่นั่งข้าง ๆ เลยแอบยิ้มขำ

“เนี่ยดอนบอกไม่ได้คิดจะเล่น ๆ กับเรานะ…”

“…” ใบหน้าใสแดงขึ้นอย่างเห็นได้ชัด หันมามองคนนั่งข้าง ๆ ก็ไม่เห็นคนตัวสูงจะมีอาการปฏิเสธอะไรเลย แต่เขานี่สิ… เขินแล้วเขินอีกจนจะช็อกตายแล้วเนี่ย อีกอย่างคือเรื่องก่อนหน้า ดอนเล่นงานซะจนเขาเป็นอะไรไม่รู้ แต่ที่รู้ ๆ คือหลับไปทั้งอย่างนั้น ตื่นขึ้นมาก็ไม่ง่วงเลย มีแต่ความเขินนี่แหละ ใครจะไปคิดว่าดอนจะทำอะไรน่าอาย ๆ แบบนั้นกับเขา

“เรื่องเข้าค่ายแม่คุยให้ทั้งดอนและดัซแล้วนะ ไม่ต้องกังวลครูไม่ได้ว่าอะไร…”

“อีกแล้วนะแม่…”

“หยุดห้ามแม่เลยดัซ ไปเดี๋ยวก็ไม่สบายอีก…” ใบหน้าใสทำได้เพียงย่นจมูกก่อนจะตักข้าวใส่ปากเพราะปฏิเสธไม่ได้เหมือนกันว่าหิวสุด ๆ อาหารที่แม่ซื้อมาแต่ละอย่างก็ใช่ว่าจะไม่อร่อย

“แล้วทางบ้านของดอนจะไม่ว่าอะไรเราใช่ไหม?”

“อ๋อ… ไม่มีใครสนใจหรอกครับ” ถึงแม้พอกลับบ้านทุกคนจะจ้ำจี้จ้ำไช แต่พอเขาไม่อยู่ก็ไม่มีใครตามกวนใจหรอก เพราะฉะนั้นเลยมักออกจากบ้านบ่อย ๆ ไปนอนกับเพื่อนบ้าง เล่นบอลที่โรงเรียนจนกลับช้า ๆ แล้วเก็บตัวอยู่ในห้องตอนอยู่บ้าน แต่ชีวิตเขาเหมือนจะเปลี่ยนไปตั้งแต่มีคนตัวเล็ก ๆ เข้ามาในสายตา

“แปลกนะที่แม่เพิ่งเคยเห็นหน้าเรา ดัซเขาบอกว่าแอบ-”

“แม่… กินข้าวไม่คุยนะ…” ทำไมแม่ชอบแฉความลับของเขาที่เคยคุยด้วยกันด้วย

“ลูกคนนี้ อ่า ๆ แม่ก็แค่อยากคุยด้วย งั้นรีบพากันทานข้าวเลย... และดัซต้องทานยาด้วย” หลังจากนั้นทั้งสามก็นั่งทานข้าวกันไปก่อนจะทานเสร็จ แม่ก็ไล่ให้ขึ้นไปนั่งบนห้องเพราะดึกแล้ว แต่ยังคงนอนไม่ได้เพราะเพิ่งทานข้าวมา ดัซเองยังไม่อาบน้ำ แต่ต้องรออีกสักพักถึงจะอาบ

“ผมตกใจที่ทำให้ตัวเล็กหลับ…”

“ยะ อย่าพูดถึงนะ!”

“ฮ่า ๆ ๆ ทำไม่ชอบทำหน้าแบบนั้น ผมมองว่าน่ารักนะครับ”

“ฮืออออ… ดอนใจร้าย!”

“ชินได้แล้ว เดี๋ยวก็จะแต่งงานกันแล้ว”

“ดะ ดอน!” ร่างสูงขำก่อนจะเดินมานั่งลงบนขอบเตียงที่คนตัวเล็กนั่งอยู่ มือหน้าเลื่อนไปลูบผมนุ่มอย่างนึกเอ็นดูจนดัซต้องย่นจมูกหดคอ

“ผมจะเล่าอะไรให้ฟัง ฟังไหม?”

“หือ… อะไรอะ?” เหมือนเจ้าตัวจะดูสงสัยขึ้นทันที ยิ่งมองตากลม ๆ หน้าใส ๆ เหมือนเด็กนั้นเขายิ่งนึกเอ็นดู รอยยิ้มจุดขึ้นบนใบหน้าคมก่อนจะค่อย ๆ ผละมือออกแล้วยิ้มให้

“ไม่ต้องเขินนะครับ… คือจริง ๆ ผมไม่เคยทำอะไรแบบนั้นกับผู้ชายเลยนะ กับผู้หญิงก็ไม่เคย ตัวเล็กคิดว่าผมเคยมีแฟนรึเปล่า?” ได้ยินใบหน้าใสจึงขมวดคิ้วเหมือนพยายามคิด จะว่าไปเคยเห็นดอนอยู่กับผู้หญิงคนอื่นแต่ก็เห็นแค่วันสองวันแล้วก็ไม่เห็นเจ้าตัวอยู่กับใครอีกเลย

“ผมไม่เคยคบกับใครหรอก เคยมีคุย ๆ และไปไหนด้วยกันอยู่บ้าง แต่ไม่เคยมีแฟนจริง ๆ จัง ๆ เลย กับพี่มะม่วงก็เคยถูกหลอกให้ชอบ จนไม่ได้เชื่อใจใครอีกเลยครับ…”

“อื้ม… แต่เราก็ไม่เคยเห็นดอนคบกับใครเลยนั่นแหละ” ทั้งสองไม่ได้มองหน้ากันแต่อย่างใด ต่างคนต่างมองไปทางอื่น ดัซก้มลงมองผ้าห่มส่วนดอนมองไปยังหัวเตียง

“ใช่ครับ… แต่กลับมาแอบชอบผู้ชายตัวเล็กนี่สิ”

“…” จังหวะนี้ทั้งสองกลับสบตากันพอดี...

“เขินจนน่ารักอีกแล้ว ขอหอมหน่อยครับ…”

หมับ…

“อะ อ๊ะ!” มือหนาดึงท้ายทอยขาวเข้ามาใกล้ ๆ เพื่อที่จะหอมหัวของคนตัวเล็กก่อนจะผละออกจนดัซหน้าแดงเป็นพริกหยวก

“ชื่นใจ…”

“ดอนขี้โกง!”

“ฮ่า ๆ ๆ เลิกเขินได้แล้ว… ผมจะเล่าให้ฟังว่าจริง ๆ แล้วผมแอบชอบตัวเล็กตั้งแต่ตอนไหน จะฟังไหมครับ?”

“ระ เราต้องเขินแน่นอนเลย… แต่แปลกอะดอนน่ะเหรอแอบชอบเรา?”

“ก็แปลก… ผมยังงงตัวเอง แต่กลับมาคิดแล้วอยากจะขอบคุณหัวใจที่มันรู้สึกแบบนี้กับตัวเล็ก”

“…”

“ฮ่า ๆ ๆ เลิกทำให้เขินแล้วก็ได้…”

“ละ เล่าได้แล้ว…”

“ฟังนะครับ…”

“…”

“…” เงียบ...

“…” ตั้งใจ...

“ผมรักดัซ... เป็นแฟนกันไหมครับ?”

Contact Me

ออฟไลน์ เอ็ม

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 67
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +35/-0
Re: เราแอบชอบนาย E21 [09.03.2019]
«ตอบ #26 เมื่อ09-03-2019 10:08:46 »

E21 “รักต้องเสี่ยง”

หลายครั้งที่ตาเผลอมองไปเห็นร่างเล็ก ๆ นั่งอยู่บนอัฒจันทร์เชียร์ ตากลมคู่นั้นมองมายังตัวเองที่เล่นบอลอยู่กลางสนาม หลายครั้งที่ได้รับขนมหน้าตู้ล็อกเกอร์ทั้ง ๆ ที่ไม่เคยมีใครเอามาให้ โน้ตในกระดาษที่ติดมาด้วยเขียนไว้




“ทานให้หมดน๊า เล่นบอลเย็นนี้สู้ ๆ ด้วย ฮึบ!”




กำลังใจที่ไม่เคยได้รับจากใครเป็นลายลักษณ์อักษรหรือของกิน เพราะมีแต่คนชมว่าหล่อและดูดีผ่านทางโซเชียล ไม่มีใครมานั่งดูเล่นบอลทุกวันหลังเลิกเรียน ไม่มีใครมาหลบสายตาและทำตัวเลิ่กลั่กให้เห็นเลยจริง ๆ นอกเสียจากผู้ชายตัวเล็กรุ่นเดียวกันคนนั้น

“ดอน ๆ พรุ่งนี้มึงจะเล่นอีกป่ะ?” เจ๋งมันถามผมในขณะที่พวกเรากำลังออกมาจากสนามหลังเล่นเสร็จ ด้วยความที่ในใจมันเริ่มสนใจใครสักคนที่เอาแต่ทำเป็นนั่งอยู่บนอัฒจันทร์ผมจึงได้ตัดสินใจมองขึ้นไปยังคนตัวเล็กเพื่อสังเกตอาการของเจ้าตัว

“แล้วแต่…” ตอบแต่ตายังคงมองใครคนนั้น และก็เหมือนเคย… ทุกครั้งที่ผมเล่นบอลเสร็จร่างเล็กก็มักจะกลับบ้านพอดี คิดว่าผมจะไม่สงสัยรึไงว่าเจ้าตัวคิดอะไรกับเราอยู่กันแน่ มันทำให้เผลอนำภาพใบหน้าใส ๆ นั้นเข้ามาเก็บไว้ในหัวตั้งแต่ตอนไหนก็ไม่รู้ แต่ที่รู้ ๆ คือผมเริ่มรู้สึกอะไรบางอย่างกับผู้ชายด้วยกันแล้ว

“เฮ้ยมึงกูกลับก่อนนะ…” ตัดสินใจรีบดึงกระเป๋าแล้วสาวเท้าตามคนตัวบางออกไปจากโรงเรียนรัว ๆ ที่จริงคือเอารถจักรยานยนต์มาครับ แต่สมองคิดอะไรอยู่ไม่รู้ถึงได้อยากจะเดินตามเพื่อนคนนั้นไป รู้ตัวอีกทีก็อ้อมร่างเล็กไปหยุดยืนขว้างทางที่เจ้าตัวกำลังเดินก้มหน้าตรงมาช้า ๆ เหมือนเด็ก ชนแน่ ๆ ต้องชนเราแน่ ๆ

กึก...

กะแล้วเชียว… เจ้าตัวแอบชะงักก่อนจะเงยหน้าขึ้นมามองผมที่ทำหน้านิ่ง ๆ ใส่ ใบหน้าใสดูตกใจจนน่าแปลก ทำไมต้องตกใจขนาดนั้นด้วย ผิดสังเกตเกินไปแล้วนะ

“อ๊ะ! ดะ ดอน” รู้จักชื่อเราด้วย… ซ้ำยังทำตัวแปลก ๆ เหมือนกับเห็นเราเป็นผี แต่ทำไมถึงได้มองคนตรงหน้าเหมือนเด็กน่ารัก ๆ คนหนึ่ง ถึงเจ้าตัวใกล้จะจบมอห้าพร้อมผมแล้วก็เถอะ หน้าใส ๆ ตากลม ๆ ผิวขาว ๆ ตัวเล็ก ๆ ทุกอย่างหลอมรวมกันเป็นคำว่า ‘น่ารัก’ ผมไม่รู้ชื่อคนตรงหน้า พยายามนึกแต่ก็นึกไม่ออกเพราะว่าไม่ค่อยได้เห็นเลยไม่รู้จัก แต่ดู ๆ สภาพหน้าตาและรูปร่างแล้วเลยคิดว่าคำคำนี้น่าจะเหมาะกับการเรียกมากที่สุดแล้ว

‘ตัวเล็ก…’

“อะ เอ่อ… คือ… ขะ ขอโทษ…” เหมือนตัวเล็กจะตกใจทำตัวไม่ถูก ใบหน้าเลิ่กลั่กนั้นเอ่ยคำขอโทษออกมาก่อนจะหลบผมแล้วรีบเดินหนี แต่เดี๋ยว ๆ เสาป้าย ๆ

ปั่ก…

“โอ๊ยยยย…” กะแล้วเชียว มองตามหลังตัวเล็ก ๆ นั้นไปเรื่อย ๆ มันเลยทำให้ผมเผลอยิ้ม ในใจคิดแล้วว่าต้องหาโอกาสเข้าหาเจ้าตัว จนเรื่องราวทุกอย่างผ่านมาเรื่อย ๆ ผมถึงได้รู้ว่าตัวเองแอบชอบเพื่อนผู้ชายคนนี้ไปแล้ว พยายามเข้าไปจีบจริง ๆ จัง ๆ ตั้งแต่ตอนดูหนังด้วยกัน เป็นห่วงไปซะทุกอย่าง ไอ้อาการแบบนี้มันไม่ควรมารู้สึกกับผู้ชายเลย แต่พอเป็นตัวเล็ก ผมคิดว่ามันคุ้มสุด ๆ แล้ว… อย่างน้อยผมแอบชอบเขาผมก็จีบเขาได้ง่าย ๆ ไม่ใช่เพราะเขาใจง่าย แต่เพราะเขาก็แอบชอบผมอยู่เหมือนกันต่างหาก

‘เราทั้งสองต่างก็แอบชอบกันและกัน…’

ปัจจุบัน~

“ผมโชคดีที่แอบชอบใครคนนั้นเขาก็ดันแอบชอบผมกลับด้วย…” ดอนนอนหนุนตักผมเป็นครั้งที่สองแล้วอะ เมื่อกี้เจ้าตัวก็นอนเล่าให้ฟังว่าตัวเองเริ่มแอบชอบผมตั้งแต่ตอนไหน บอกอย่านอนเพราะเพิ่งกินข้าวมาก็ไม่ฟัง แต่ใครจะไปรู้ว่ามันทำให้ผมเขินและตื้นตันใจมากแค่ไหน ตั้งแต่ที่ถูกเอ่ยขอเป็นแฟนแล้ว แทบอยากจะวิ่งลงไปตะโกนหน้าบ้านดัง ๆ แต่ทำไม่ได้ ยังไม่ตอบตกลงเพราะเขินอยู่ เรื่องเล่าจากปากของดอนจึงเริ่มเปล่งออกมาจนผมต้องตั้งใจฟัง… น่ารักอะผู้ชายคนนี้ รูปร่างหน้าตาดูหล่อแบบเท่ ๆ แต่การกระทำดูน่ารักและอบอุ่นจนผมอยากร้องไห้ เขินจนอยากร้องไห้เข้าใจไหม ฮือออออ... นี่ยังนอนให้ผมลูบผมให้อีกด้วย…

“ผู้ชายตัวเล็ก ๆ ชอบมานั่งดูบอลหลังเลิกเรียน ตอนแรกผมก็ไม่ได้คิดอะไรแต่ไป ๆ มา ๆ ดันรู้สึกชอบเขาเฉยเลยครับ เขาน่ารักดูไม่น่าจะมีพิษมีภัยหลอกอะไรใครได้…”

ตึกตัก…

“คิดว่าคงรู้สึกไปเอง เลยพยายามไม่สนใจ แต่กลับรู้สึกว่าผู้ชายตัวเล็กคนนั้นชอบทำตัวแปลก ๆ ตอนสบตากับผมหรือตอนผมเข้าใกล้…”

“…” สั่นจนเหนื่อยแล้วหัวใจ เจ้าตัวไม่ได้ผละหน้าออกมาเลย เอาแต่หนุนตักผมไว้แบบนั้น แต่เขินมาก ๆ อะตอนนี้ เขินจนจะเป็นบ้าแล้ว…

“ในเมื่อผมชอบผมก็ต้องจีบเขา… เริ่มจีบตั้งแต่ไลก์รูปและทักไปหาแล้ว…” แล้วตอนเล่าบอกว่าเริ่มจีบตอนอยู่โรงหนัง ดอนร้ายกาจ!!! คนบ้า ฮืออออ…

“…”

“เขาน่ารักเกินไป แถมยังไม่รู้อีกว่าผมจีบ…”

“ดอน…” ฮืออออ… ใบหน้าหล่อผละออกมามองหน้าแล้วยิ้มให้ ผมตอนนี้ทำหน้าเหมือนจะร้องไห้อยู่แล้ว ตายกูตาย… ไม่ไหวแล้วดัซ…

“เป็นแฟนผมนะครับ…”

กึก…

“…” รอบที่สองเหรอ ลาก่อน~

“เราสองคนแอบชอบกัน ก็ต้องเป็นแฟนกัน…”

“ระ เราจะตายแล้ว…”

“…”

“แต่ปฏิเสธไม่ได้เลย ฮือออ…”

“ฮ่า ๆ ๆ ก็น่ารักแบบนี้ไง…” มือหนาดึงผมเข้าไปซุกไหล่แล้วลูบหัวเบา ๆ ดอนขี้โกงงง…

“เป็นแฟนกันแล้วนะครับตัวเล็ก…”

“อะ อื้ม…”

ฮืออออออ…




________________________________________




หลายวันผ่านไป~

“เหนื่อยไหมครับ?” เสียงทุ้มคุ้นหูดังขึ้นในขณะที่ผมกำลังนั่งอ่านหนังสือเตรียมสอบปลายภาคอยู่ในห้องสมุด เงยหน้าขึ้นไปมองจึงเห็นเป็นดอน ร่างสูงวางหนังสือลงก่อนจะนั่งลงแล้วส่งยิ้มมาให้เหมือนทุกครั้ง ไม่รู้ทำไมทุกทีที่เห็นใบหน้าหล่อ ๆ นี้มันถึงทำให้ผมมีความสุขมากขนาดนี้ มันเหมือนมีพลังงานบางอย่างฉายออกมาจากดอนทำให้ผมมีความสุข คบกันมาได้เกือบจะครบอาทิตย์อยู่แล้ว ดอนพยายามหาโอกาสเข้าหาผมตลอด ก่อนจะนอนก็คุยโทรศัพท์กันจนผมหลับ ตอนเช้าก็โทรมาปลุก อยู่โรงเรียนไม่ค่อยได้เจอ แต่เราสองคนมักจะมาเจอกันที่ห้องสมุดหลังกินข้าวเที่ยงเสร็จทุกครั้ง แต่กลับไม่ค่อยเห็นจะมีใครสงสัยหรือถามอะไรผมเลย จะมีถามก็แต่เพื่อนในห้อง ยอมรับว่าโดนแซวแต่บอกไปว่าเป็นแค่เพื่อนจนทุกคนไม่ได้ถามอะไรแล้ว ก็คงคิดว่าผมกับคนตรงหน้าเป็นเพื่อนกันจริง ๆ นั่นแหละมั้ง หลายคนก็เครียด ๆ เรื่องสอบปลายภาคเลยไม่ได้เอาเวลามาคิดเรื่องแบบนี้ ส่วนคนที่รู้เรื่องนี้จะเป็นใครไปไม่ได้หากไม่ใช่ไอ้เลย์ มันเคยมาคุยกับดอนเรื่องของผมแล้ว ผมจะปกปิดได้ยังไงก็คนตัวสูงดันหาโอกาสเข้าหาไม่แคร์อะไรแบบนี้

“ดอนกินข้าวแล้วใช่ไหม?”

“เรียบร้อยแล้วครับ เมื่อกี้เดินผ่านเลย์ด้วย เหมือนจะไปเล่นบาสกับเพื่อน…”

“ใช่ ๆ มันมาส่งเราที่นี่แล้วเอาของขึ้นไปเก็บบนห้อง ก็น่าจะลงไปเล่นบาสนั่นแหละ…”

ส่วนระดับความเขินจากเจ้าตัว ผมเริ่มชินจนไม่ค่อยได้เขินจนทำตัวไม่ถูกแล้ว แต่ก็ใช่ว่าจะไม่รู้สึกใจสั่นอ่อน ๆ เวลาอยู่กับดอน… อีกอย่างช่วงที่ผ่านมาดอนก็ไม่ได้สัมผัสตัวจนผมรู้สึกช็อกด้วย ซึ่งมันทำให้ผมโล่งอกและสบายใจไม่น้อย…

“ไม่รู้ว่าตัวเล็กจะรู้สึกเหมือนกันกับผมรึเปล่า…”

“…” สักพักคนตัวสูงก็เอ่ยขึ้นผมจึงเงยหน้าขึ้นมาเลิกคิ้ว เราทั้งสองนั่งอยู่ในมุมที่ไม่มีใครมองเห็น เนื่องจากตู้หนังสือบังอยู่ แอร์ก็เย็นเสียจนทำให้รู้สบาย แถมยังเงียบอีกต่างหาก เวลาคุยกันก็ต้องคุยเบา ๆ มันเหมาะกับการนอนมากกว่าอ่านหนังสือเสียอีก

“พอมีแฟนแล้วผมรู้สึกติดแฟนอะครับ…”

“หืม… ติดตรงไหนอะ?”

“ไม่รู้ดิ… อยากอยู่ด้วยตลอดเลย”

“ดะ ดอน… ก็อยู่ด้วยบ่อย ๆ แล้วไม่ใช่รึไง…” หน้าผมเริ่มแดงขึ้นอีกละ แต่ทำไมดอนต้องพูดเหมือนไม่พอใจอะไรบางอย่าง ไม่พอใจที่ไม่ค่อยได้อยู่ด้วยงี้เหรอ นี่เราคุยกันบ่อยสุดแล้วนะ… ถึงผมเองอยากจะมีเวลาอยู่กับดอนแบบไม่ใช่คุยผ่านโทรศัพท์มากกว่านี้ก็เถอะ

“ไม่พอ…”

“…”

“กอดก็ทำไม่ได้ หนุนตักก็ทำไม่ได้ หอมยังทำไมได้เลย เวลาจะคุยอะไรนาน ๆ แบบเห็นหน้าได้ก็น้อย…”

“ดอน…” พูดแบบนั้นมันก็ทำให้ผมรู้สึกเขินน่ะสิ แต่ทำไมใบหน้าคมต้องก้มหน้าลงมองหนังสือเหมือนกำลังเครียดกับอะไรบางอย่างด้วย มองแล้วมันทำให้รู้สึกไม่โอเคเหมือนกันนะ เห็นเช่นนั้นจึงต้องลุกขึ้นไปนั่งใกล้ ๆ เจ้าตัว โต๊ะมันเป็นสี่เหลี่ยมมีเก้าอี้อย่างละตัวทั้งสี่ด้าน

“ดอนงอแง…” ผมมองซ้ายมองขวาก่อนจะเลื่อนมือไปสัมผัสมืออุ่น ๆ ของเจ้าตัวจนใบหน้าคมยอมเงยหน้าขึ้นมาเลิกคิ้วพร้อมกับเปลี่ยนเป็นจับมือผมไว้

“จริง ๆ ผมแค่กังวล… กลัวว่าเราสองคนจะคบกันได้ไม่นาน…”

“…” ได้ยินผมถึงกับขมวดคิ้ว มือหนาจากที่จับไว้เบา ๆ เปลี่ยนเป็นจับไว้แน่นขึ้น กลัวว่าจะคบกันได้ไม่นานเหรอ?

“ผมมักจะได้ยินคำพูดจากพี่กับแม่ตลอดเลยครับว่ารักในวัยเรียนจะไปเอาอะไรมากมายกับมัน ผมแค่กลัว… เคยได้ยินไหมครับว่าโอกาสที่คนที่เราแอบชอบจะชอบเรากลับมันมีน้อยมากเลยนะ… แล้วโอกาสนี้มันดันเกิดขึ้นกับชีวิตของเราสองคน”

“…”

“มันไม่ง่ายเลยที่ผมจะทำใจได้หากวันหนึ่งไม่ได้คุยกับตัวเล็กแบบนี้อีก”

“ดอนคิดมาก…” ผมเอ่ยบอกเสียงแผ่ว แต่กลับต้องก้มหน้าลง เอาจริง ๆ กลับคิดตามในสิ่งที่คนตัวสูงบอกเฉยเลย ถ้าเป็นผมก็คงทำใจไม่ได้ ลองย้อนกลับไปนึกถึงเรื่องราว ๆ เก่า ๆ แล้วอดคิดถึงไม่ได้เลยจริง ๆ

“แต่ผมไม่ยอมนะ… ตัวเล็กจะเข้าที่เดียวกันกับผมไม่ใช่รึไง?” ได้ยินจึงเงยหน้าขึ้นไปมอง ใบหน้าคมดูมุ่งมั่นเสียเหลือเกิน จริง ๆ ก่อนหน้านี้ดอนได้ถามผมแล้วว่าอยากเข้าที่ไหน พอบอกไปร่างสูงก็ดีใจใหญ่เลยเพราะมันคือที่เดียวกันกับเจ้าตัว ตอนแรกที่บ้านของดอนเหมือนจะบังคับให้เลือกแพทย์แต่ดอนปฏิเสธเสมอมาว่าไม่โอเคเพราะอยากเขาวิศวะฯ สุดท้ายเลยถูกพี่ชายท้าว่าถ้าจะเอวิศวะต้องเขาของมหา’ ลัยนี้เท่านั้น ซึ่งเป็นที่เดียวกับที่ผมอยากเขาเลย แต่คะแนนค่อนข้างสูงเป็นพิเศษเพราะฉะนั้นจึงต้องขยันเป็นพิเศษเช่นกัน…

“ถ้าดอนเครียดเรื่องนี้มันจะทำให้ยิ่งไม่มีสมาธิแล้วทุกอย่างยิ่งแย่ลงนะ เราคบกันเราไม่ต้องหวังอะไรไปมากกว่าการที่รักกันไว้ได้ไหม?”

“ผมรู้…”

“งั้นสัญญากับเราได้ไหม…”

“…” ไม่อยากให้ดอนเครียดเลย ผมเองก็เพิ่งเคยมีแฟน ดอนก็ไม่เคยคบใครจริง ๆ จัง ๆ ยิ่งคู่แบบเรา ๆ มันยังไม่ค่อยเป็นที่ยอมรักในคนบางกลุ่ม ถึงจะเปิดเผยและยอมรับมากขึ้นแล้วก็ตาม

“ถ้าดอนไม่มั่นใจแล้วเราล่ะ…” จำต้องเม้มปากก้มหน้าลงเลยเห็นไหมดอนอะ! ทำให้เครียดจนไม่มีสมาธิเลยนะตอนนี้…

“ครับ… ผมสัญญา ต่อไปอาจจะเครียดเรื่องสอบงั้นเราต้องช่วย ๆ กันนะ ดอนโง่อิ้งส่วนดัซไม่ถนัดวิทย์กับเลข ก็สลับช่วยกันติว…”

“…” ได้ยินผมจึงเงยหน้าขึ้นมามองดอนที่เปลี่ยนใบหน้าเป็นจริงจังได้ง่าย ๆ ผู้ชายคนนี้เป็นแบบนี้ตลอดเลย… พอพูดอะไรจะยอมเชื่อฟังได้ง่าย ๆ รักษาสัญญาอีกต่างหาก เราสองคนไม่เคยโกหกกันเลยจริง ๆ

“เย็นนี้ผมจะพาดัซไปหาแม่กับพี่ที่บ้าน…”

“ห๊ะ?”

“…”

“ตะ แต่ดอนบอกว่าพี่ชายดอนน่ากลัวนะ แล้วไหนจะแม่อีก ถ้า-”

“ไม่งั้นผมคงไม่มั่นใจ… ดอนจริงจังกับตัวเล็กแล้วนะ ดอนต้องบอกคนในครอบครัว ถ้าเขาไม่ยอมรับดอนก็จะทำทุกอย่าง เรารักใครเราก็ต้องทำทุกอย่างเพื่อที่จะทำให้เราได้รักกับเขาต่อไปไม่ใช่เหรอครับ?” น้ำเสียงจริงจังจากคนตัวสูงทำให้ผมอึ้งจนเผลอจ้องหน้ากับเจ้าตัวอยู่อย่างนั้น ดอนเคยบอกผมเรื่องครอบครัว อีกทั้งยังเคยถูกพี่ชายตบหน้า… แล้วถ้าหากพาผมกลับบ้านแล้วไปบอกว่าคบกันอยู่ เราต้องเผชิญหน้ากับอะไรบ้างอะดัซ แต่… ผมรักดอนหนิ แอบชอบมาตั้งนานจนเราทั้งสองได้คบกัน แค่นี้จะยอมแพ้เหรอดัซ… คิดได้ผมจึงออกแรงบีบมือหนาหนักขึ้นพร้อมกับยิ้มให้

“อื้ม… ก็เราเป็นแฟนกันหนิ เสี่ยงยังไงก็ยังมีดอนอยู่ด้วยตลอด…” ได้ยินใบหน้าหล่อถึงกับยิ้มให้ซ้ำยังจะขยับเข้ามากอดจนผมต้องดันไว้

“ตะ ตรงนี้ไม่ได้นะ…”

“ขอโทษ… แต่ผมดีใจ ขอบคุณนะครับตัวเล็ก…”

“อื้ม…”

“ว่าแต่ตรงไหนที่จะกอดได้ จุ๊บได้อะ ดอนไม่ยอมนะ…”

“…”

“หรือทำไม่ได้จริง ๆ?”

“ปะ เปล่า… ตรงไหนก็ได้ที่ไม่มีคนเห็น…”

Contact Me

ออฟไลน์ เอ็ม

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 67
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +35/-0
Re: เราแอบชอบนาย E22 [09.03.2019] - END
«ตอบ #27 เมื่อ09-03-2019 10:12:22 »

E22 “Love must go on” (END)

จำได้ไหมตอนที่ผมโพสต์ประโยคหนึ่งลงเฟซบุ๊กส่วนตัวจนเพื่อนหลาย ๆ คนเอ่ยถามถึงว่าผู้ชายคนนั้นคือใคร ผู้ชายที่ผมเอ่ยถึงว่า




(ใคร ๆ เขาก็ชอบนาย...)




จริง ๆ ตอนนั้นที่โพสต์ไปก็เพราะรู้สึกน้อยใจที่ใคร ๆ เขาก็ต่างแอบชอบดอน มันเป็นความรู้สึกที่ถูกสร้างขึ้นมาเองตอนที่เราแอบชอบใครสักคนแล้วเขาคนนั้นไม่ได้มีเพียงแค่เราที่แอบชอบเจ้าตัว แต่ใครจะไปรู้ว่าที่ดอนโพสต์ว่า ‘ตัวเล็ก’ และ ‘รักเดียว’ มันจะหมายถึงผมที่แอบชอบเจ้าตัว ผมถึงได้บอกว่าทุกอย่างมันเหมือนฝัน สิ่งที่อยู่ในโลกของความเป็นจริงแต่เรากลับรู้สึกเหมือนฝันอยู่แสดงว่ามันต้องพิเศษมาก ๆ ใช่รึเปล่า? ดอนบอกกับผมว่าโอกาสของคนที่เราแอบชอบจะแอบชอบเรากลับมันมีน้อย เพราะฉะนั้นในเมื่อโอกาสมันมีน้อยแสดงว่ามันก็ต้องพิเศษมาก ๆ เหมือนกันใช่ไหมครับ? ถ้าใช่… ผมที่อายุเพียง 17 ปี เด็กนักเรียนที่กำลังจะจบชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 จะพยายามรักษาสิ่งนี้ไว้ให้ได้นานที่สุด จะเก็บไว้ให้ได้นานพอ ๆ กับอายุของตัวเองเลย… เพื่อนคนหนึ่งเคยถามผมว่าตอนแอบชอบใครสักคนมันเป็นยังไงเพราะเธอไม่เคยแอบชอบใครเลย อยากรู้ความรู้สึกของใครสักคนเวลาที่กำลังแอบชอบใครอยู่ ยอมรับว่าตอนนั้นผมกลับตอบคำถามเธอไม่ได้ จะบอกว่าตอบไม่ได้ก็คงไม่ใช่ คงเพราะยังเขิน ๆ จากการถูกเพื่อนล้อเลยไม่ได้ตอบเธอไป แต่ตอนนี้รู้แล้วว่าถ้าหากเธอถามจะบอกยังไงดี…




‘In a room full of art but I’ d look at you.’




การแอบชอบใครสักคนมันก็เหมือนตอนที่เรากำลังยืนอยู่ในห้องห้องหนึ่งที่เต็มไปด้วยศิลปะมากมาย ศิลปะที่ล่อตาล่อใจทำให้อยากมอง แต่เรากลับเลือกมองใครคนหนึ่งที่กำลังยืนอยู่ในห้องนั้นด้วย ถึงเขาจะมีรูปลักษณ์ไม่โดดเด่นเหมือนศิลปะรอบ ๆ ห้องยังไง แต่เขาคนนั้นก็จะโดดเด่นขึ้นมาในสายตาของเราทันทีหากเป็นคนที่เราแอบชอบ…

“ระ รอนานไหมครับ…” เสียงพูดติดหอบดังขึ้นพร้อมกับเสียงวิ่งมาหยุดจนต้องหันไปมอง ร่างสูงที่ไม่ได้เอาเสื้อออกนอกกางเกงเหมือนทุกครั้งหายใจหอบจนคนมองต้องเผลอยิ้ม ดอนบอกให้ผมนั่งเล่นรอกับเลย์ที่ไหนก็ได้เพราะเจ้าตัวมีธุระเรื่องงานกลุ่มกับเพื่อน ๆ นิดหน่อย แต่เลย์มันก็ดันมีธุระอะไรของมันก็ไม่รู้ ผมจึงได้นั่งอยู่คนเดียวหลังตึกอำนวยการใกล้ ๆ กับโรงจอดรถ

“ทำไมต้องวิ่งด้วย ค่อย ๆ เดินมาก็ได้…”

“ได้ไง… ผมทำให้ตัวเล็กรอกี่ครั้งแล้ว ทำตัวเป็นแฟนที่ไม่ได้เรื่องอยู่เรื่อยเลย…”

“ดะ ดอน…” ผมหันไปมองรอบ ๆ เห็นคนกำลังเดินมาเอารถ โชคดีนะที่ไม่มีคนหันมามอง เหมือนจะไม่มีคนสนใจเลยด้วยซ้ำ แต่จะมีใครได้ยินไหมก็ไม่รู้ เกือบแย่แล้วดัซเอ๊ยดัซ ทำไมดอนต้องพูดดังด้วยอะ หันไปมองเจ้าตัวกลับเลิกคิ้วเหมือนไม่ได้สนใจอะไรเลย

“ตัวเล็กกลัวเหรอ?”

“…”

“ดอนไม่แคร์ว่าใครจะพูดอะไรยังไงนะครับ แต่ก็ไม่ได้อยากทำให้ตัวเล็กไม่สบายใจ เอาเป็นว่าถ้าไม่มีใครถามดอนก็จะไม่บอก แต่จะไม่ปฏิเสธว่าเราเป็นอะไรกัน…” ใบหน้าคมดูจริงจังขึ้นอีกแล้ว เห็นแล้วทำให้อดยิ้มก่อนจะพยักหน้าหงึก ๆ ไม่ได้เลย ร่างสูงจึงคลี่ยิ้มแล้วเดินมาแย่งกระเป๋าผมไปกอดไว้ ดอนจะตามใจผมเกินไปแล้วนะเนี่ย บริการทุกอย่างเลย

“จริง ๆ เราไม่ได้กลัวสักหน่อย…” ร่างสูงชะงักหยุดหันมามอง

“เราโอเคที่ได้เป็นแฟนกับดอนนะ โอเคมาก ๆ เลยด้วย… แต่แค่คิดว่าการที่เราเป็นแฟนกันก็ไม่ได้จำเป็นต้องมีคนรู้เยอะ ๆ สักหน่อย อีกอย่าง… เอฟซีดอนจะฆ่าเรารึเปล่าก็ไม่รู้” คงมากันเป็นกองทัพอะเอาจริง ไม่พ้นเรื่องเหยียดเพศชัวร์เลยดัซ ฮือออออ…

“ไม่มี๊~”

“ไม่มีอะไรล่ะ!”

“เอฟซีไง…” ทำเป็นไม่สนใจในสิ่งที่บอกอีกแล้วนะ! อยากจะตีแขนดอนจริง ๆ แล้วดูกอดกระเป๋าผมไว้แน่นอะไรซะขนาดนั้น คนที่ดื้อคือผู้ชายคนนี้นี่แหละ

“มีแต่แฟนเนี่ย อยู่ข้าง ๆ”

“ดะ ดอน!”

“ฮะ ฮ่า ๆ ๆ” ชอบทำให้เขินตลอดเลย ที่จินตนาการไว้ว่าอยากเดินเคียงข้างกัน หัวเราะหยอกล้อกันกับคนที่เรารักในที่สุดมันก็เป็นจริงแล้วสินะ ผมมีความสุขมากแค่ไหนใครจะไปรู้ คนที่ไม่เคยมีแฟนพอได้มีโอกาสเข้ามารู้จักความสัมพันธ์นี้มันกลับรู้สึกมีความสุขเป็นพิเศษ ถึงจะรู้ว่ามันไม่ได้มีแค่เรื่องราวดี ๆ ก็ตาม อาจจะมีอีกหลาย ๆ ปัญหาตามมาเป็นเรื่องปกติ เหมือนที่ผมบอกถึงอุปสรรคของความรักในตอนต้นว่ามันสามารถพัดผ่านเข้ามาในชีวิตได้ตลอด…

ผ่านไปเกือบ 30 นาที~

“…” นี่เป็นครั้งแรกเลยที่ได้มีโอกาสมาบ้านของดอน ผมหยุดยืนมองเข้าไปในรั้วบ้านในขณะคนตัวสูงจอดมอไซค์เดินไปเปิดประตูรั้ว บ้านดอนไม่ใช่บ้านที่อยู่ในหมู่บ้านจัดสรรเหมือนบ้านผม แต่เป็นบ้านที่อยู่แถวนี้มาตั้งแต่แรก ขับรถห่างมาจากโรงเรียนไกลนิดหน่อยเลี้ยวเข้ามาประมาณกลาง ๆ ซอยก็ถึงแล้ว คล้าย ๆ บ้านปูนสองชั้นทั่วไปแต่บริเวณรอบบ้านมันกว้างกว่า เหมือนจะมีกำแพงรอบบ้านทุกหลังเหมือนหมู่บ้านผมนั่นแหละ แต่ทุกอย่างดูเก่ากว่าหน่อย ๆ ซอยนี้ก็ดูเงียบ ๆ แต่ไม่ได้น่ากลัวอย่างที่คิด

“ตัวเล็กเดินเข้าไปเลยครับ…” ดอนดันรั้วเลื่อนออกให้ผมเดินเข้าไปก่อนเจ้าตัวจะกลับไปขับรถเข้ามาจอดไว้ก่อนเดินไปเลื่อนรั้วไปปิด ทำไมเหมือนไม่มีคนอยู่เลย ผมค่อย ๆ มองสำรวจบริเวณโดยรอบอย่างนึกสนใจ สักพักเจ้าของบ้านก็เดินมาเปิดประตู ไม่มีคนอยู่จริง ๆ ด้วยเพราะดอนต้องไขกุญแจ

“เข้ามาเลยครับ ตอนนี้พี่กับแม่ผมยังไม่กลับมาจากทำงาน แต่เดี๋ยวอีกไม่นานก็กลับแล้ว…” ได้ยินแบบนั้นจึงค่อย ๆ เดินตามคนตัวสูงเข้าไป ถอดรองเท้าเข้ามาห้องแรกจะเป็นห้องรับแขก มองผ่านเข้าไปน่าจะเป็นห้องครัวเห็นคนตัวสูงเดินเข้าไป มีบันไดขึ้นไปบนบ้านอยู่ฝั่งซ้ายมือ และมีห้องอะไรอีกก็ไม่รู้

“ขึ้นไปบนห้องผมดีกว่า…” ดอนที่หายเข้าไปหยิบขวดน้ำออกมาจากห้องครัวบอกแล้วเดินนำผมที่ยังทำหน้างง ๆ ขึ้นไปบนห้อง ชั้นสองจะมีทางเดินและมีประตูอยู่ห่างกันสามบานน่าจะเป็นห้องส่วนตัวของแต่ละคนในบ้านรึเปล่า รอบ ๆ ดูสะอาดสะอ้านตั้งแต่ชั้นล่างขึ้นมายังชั้นบน ไล่สายตามองไปรอบ ๆ ก่อนจะค่อย ๆ เดินเข้าไปในห้องของคนตัวสูง ดูกว้างกว่าห้องผมอีก ในห้องถูกตกแต่งเป็นโทนสีมืด ซึ่งน่าจะเป็นสไตล์ของเจ้าของห้อง

“ดอนชอบ-”

หมับ…

“อ๊ะ! ดะ ดอน…” อยู่ดี ๆ กลับถูกดึงเข้าไปสวมกอดจากด้านหลังซ้ำยังโดนหอมแก้มจนผมชะงัก รู้สึกขนลุกที่จมูกคมถูไปมาที่พวงแก้ม ใจสั่นระรัวขึ้นอย่างรวดเร็ว

“ดอนไม่ได้กอดมาหลายวันแล้วนะ…”

“ปะ ปล่อยก่อน…” บอกไปแบบนั้นเจ้าตัวจึงได้ยอมปล่อยจนผมต้องหันไปทำสีหน้าไม่พอใจใส่ ทำไมต้องจู่โจมแบบไม่ทันให้ตั้งตัวด้วย เกือบช็อกไปแล้วไหมล่ะ!!!

“ขอโทษ… ใครจะไม่อยากกอดแฟนตัวเองอะครับ อย่างน้อยดอนก็ไม่ได้ไปกอดตัวเล็กให้คนอื่นเห็นสักหน่อย อุตส่าห์เอาประโยคที่ตัวเล็กบอกในห้องสมุดมาใช้”

“มะ ไม่ต้องทำหน้างอนเลยนะ…” ผมบอกคนที่เปลี่ยนสีหน้าเป็นงอนแล้วหันหน้าไปมองสำรวจรอบ ๆ ห้องต่อ

“ไม่ง้อเลยเหรอครับ~”

“พะ พอเลย…” ดอนชอบเป็นแบบนี้ตลอดเลย ชอบทำตัวขี้อ้อนให้ผมใจสั่นได้ตลอด จะว่าไปดอนเอากระเป๋าผมไปวางไว้ไหน หันไปมองอีกทีเสื้อนักเรียนเจ้าตัวก็ลอยชายแล้ว กระเป๋าผมถูกวางไว้บนเตียงนอน เห็นผมมองใบหน้าคมจึงเลิกคิ้ว จริง ๆ แล้วรู้สึกไม่โอเคเลยนะที่ต้องมาทำความรู้จักกับคนในครอบครัวของดอนวันนี้ ถึงจะได้ยินเรื่องราวคร่าว ๆ จากปากของเจ้าตัวแล้วก็ตาม แม่ของดอนเป็นพนักงานในบริษัทแห่งหนึ่ง ส่วนพี่ชายจบหมอ เรื่องของพ่อของดอนเจ้าตัวก็ได้เล่าให้ผมฟังแล้วซึ่งผมเองก็รู้สึกเสียใจแทนอยู่เหมือนกัน แต่สิ่งที่กังวลตอนนี้คือคนพี่ของดอนที่เจ้าตัวบอกเป็นคนเจ้ากี้เจ้าการแบบสุด ๆ วันนี้เห็นบอกว่ากลับเร็วด้วยเพราะไม่มีเวร ผมกลัว…

“เรากังวลอะ…”

“มีดอนอยู่ด้วยทั้งคนนะครับ”

“เรารู้… แต่ก็อดกังวลไม่ได้ ถ้าหาก-”

“ผมยอมพี่ทุกเรื่อง แต่จะไม่ยอมเลิกกับตัวเล็กเด็ดขาด ไม่ว่าจะเหตุผลอะไรก็ตาม…” ร่างสูงเดินมาดึงผมเข้าไปกอดซบอก แทนที่ใจจะสั่นแต่กลับรู้สึกยิ่งกังวล รู้ว่าดอนกำลังพยายามปลอบใจแต่มันก็อดคิดไม่ได้เลยจริง ๆ สองแขนค่อย ๆ ยกขึ้นกอดร่างสูงกลับและซุกหน้าอยู่กับเสื้อของดอนไว้แบบนั้น ไม่รู้เลยจริง ๆ ว่ารักของเราสองคนมันจะอยู่ได้อีกนานแค่ไหน

แกร็ก…

พลั่ก!

“…” เสียงเปิดประตูห้องดังขึ้นจนผมต้องรีบผละออกจากคนตัวสูง ยอมรับว่าตกใจจนนึกกลัว หัวใจสั่นเสียจนแทบจะกระเด็นหลุดออกจากอกข้างซ้าย เห็นเป็นชายคนหนึ่งกำลังทำหน้าตกใจ สักพักจึงได้ยินเสียงอีกคนตามมา

“ไม่ใช่ห้องนั้นไอซ์ ห้องกูห้อง-” ใครอีกคนที่ดูตัวโตกว่าเดินเข้ามาหาพร้อมขมวดคิ้ว หน้าตาละม้ายคล้ายคลึงดอนซะขนาดนั้นคงไม่ต้องบอกว่าใคร แล้วทั้งสองเหมือนอยู่ในชุดทางการ หากถ้าใส่กาวน์ไปก็น่าจะดูเป็นหมอแน่ ๆ

“พี่กับพี่ไอซ์มีอะไรรึเปล่าครับ?”

“โทษที พี่คิดว่านี่ห้องของแดนน่ะ...”

“แล้ววันนี้กลับเร็ว ข้าง ๆ นั่นใคร?”

“สะ สวัสดีครับ…” เสียงทุ้มพร้อมใบหน้าที่ดูจะไม่ค่อยโอเคกับโลกนี้สักเท่าไรทำให้ผมรู้สึกกลัวขยับออกห่างจากดอนนิด ๆ พร้อมกับยกมือขึ้นสวัสดีคนทั้งสองอย่างหวั่น ๆ จนคนตัวสูงหันมามองแล้วคว้ามือผมเข้าไปใกล้ ๆ นั่นยิ่งทำให้รู้สึกชะงักเข้าไปใหญ่ ทั้ง ๆ ที่รู้อยู่แล้วว่าดอนเป็นคนยังไง พอจริงจังกับอะไรก็มักจะบอกออกไปตรง ๆ ถ้าหากครั้งนี้...

“ดะ ดอน-”

“เราคบกันอยู่ครับ”

กึก…

“ห๊ะ!?” พี่ของดอนถึงกับอุทานขึ้นเสียงดัง ส่วนผมสะดุ้งหลับตาหันหน้าหนีเนื่องจากกลัว ตายแน่ ๆ ตายแน่ ๆ ดัซ จบแล้วชีวิต เราต้องไม่ได้กลับไปบ้านแน่ ๆ ถูกฆ่าหมกไว้หลังบ้านชัวร์ ทำไมทุกอย่างมันดูรวดเร็วกว่าที่คิด ร่างผมสั่นจนสัมผัสได้ถึงแรงบีบที่มือหนักขึ้นเรื่อย ๆ ทำไมดอนต้องตรงขนาดนี้ด้วย เรื่องนี้มันเป็นเรื่องสำคัญมาก ๆ เลยนะ ไม่ใช่แค่สำคัญแต่ทั้งยังเปราะบางอีกต่างหาก มันสามารถแตกหักได้ง่าย ๆ คล้าย ๆ กับหัวใจของผมตอนนี้ ความกลัวและกังวลวิ่งเข้าครอบงำจิตใจเสียจนรู้สึกอยากร้องไห้

ฮืออออ…

“แกคิดอะไรอยู่ดอน?”

“แดนกูว่าปล่อยให้น้อง-”

“ลงไปคุยกับพี่ข้างล่างเดี๋ยวนี้... พาแฟนแกลงมาด้วย” ได้ยินผมจึงลืมตาขึ้นไปมอง เห็นพี่ชายของคนที่จับมือผมไว้กำลังลากผู้ชายอีกคนที่ชื่อไอซ์ลงไปข้างล่าง ส่วนผมจะร้องไห้อยู่แล้ว น้ำเสียงและคำพูดของคนที่ตัวโตกว่าดอนเป็นไหน ๆ ทำให้รู้สึกกลัว ส่วนผู้ชายอีกคนที่ชื่อไอซ์ตัวเล็กกว่าดอนนิดหน่อย ไม่รู้ว่าเป็นเพื่อนกันกับพี่แดนหรือยังไง แต่ตอนนี้ผมอยากกลับบ้าน รู้สึกกลัวไปหมดแล้ว...

“ระ เรากลัว” แรงที่จะดึงออกไปนอกห้องทำให้ต้องรั้งมือหนาไว้จนใบหน้าคมหันมาเลิกคิ้ว

“จับมือผมไว้... ไม่ต้องปล่อยจนกว่าทุกอย่างจะจบ ตัวเล็กเชื่อใจผมใช่ไหมว่าทุกอย่างจะดีขึ้น...” ดอนนน… ทำไมต้องทำหน้าเหมือนโกรธอะไรใครมาด้วย แต่น้ำเสียงนั้นกลับทำให้ผมเม้มปากพร้อมกับพยักหน้าหงึก ๆ จนในที่สุดก็ลงมานั่งที่โซฟาในห้องรับแขก เป็นโมเมนต์ที่กดดันที่สุดในชีวิตผมแล้วมั้ง ได้แต่ก้มหน้าจับมือคนนั่งข้าง ๆ ไว้แน่น ๆ น้ำตามันพร้อมไหลออกมาได้ทุกเมื่อ

“สรรหาแต่ปัญหามาให้ด่าทุกวันเลยนะแกน่ะ”

“ปัญหา? ปัญหาอะไรของพี่?”

“แกอย่ามาเถียงพี่นะดอน บอกไงว่าอย่าเพิ่งมี พอมีแกก็เอาแต่ไปสนใจแฟน แล้วเรื่องเรียนแกล่ะวะ?” ฮืออออ… นี่เราเป็นปัญหาของดอนเหรอ ทำไมพี่แดนไม่อ่อนโยนเหมือนคนน้องเลย อยากจะลุกขึ้นวิ่งออกไปร้องไห้ข้างนอก ทำไมดอนต้องมาถูกด่าแบบนี้ด้วย อีกอย่างนี่เป็นครั้งแรกเลยที่ได้ยินเสียงของคนตัวสูงดูเหมือนขึ้นเสียงหนัก ๆ ซ้ำยังใช้กับพี่ชายตัวเอง

“แดนกูว่ามึงก็เกินไป…”

“เงียบไอซ์”

“กูแค่อยากบอกให้มึงปล่อยน้องบ้าง…”

“…” เสียงของชายที่นั่งข้าง ๆ พี่แดนดังขึ้นจนผมต้องยอมเงยหน้าขึ้นไปมอง แปลกที่พอคนนั้นพูดพี่ของดอนกลับยอมเงียบ แต่ดูสายตาที่มองมาที่ผมสิ ทำไมเหมือนจะฆ่าจะแกงกันด้วย เราควรพูดอะไรดีดัซ… เราควรออกตัวบ้างไม่ใช่เอาแต่ให้ดอนปกป้องไม่ใช่เหรอ?

“ตะ แต่ผมรักดอนนะครับ”

“หึ รัก? แล้วน้องชื่อไรทำไมไม่เห็นแนะนำตัวให้พี่ของแฟนตัวเองรู้จักเลยล่ะ?”

“เพราะมาพี่ก็เอาแต่ทำให้-”

“เงียบดอน นับวันเริ่มจะบอกจะสอนอะไรไม่ได้แล้วนะ” ดอนเหมือนจะออกตัวปกป้องอีกแล้ว ซ้ำยังโดนปรามไว้ด้วยคำพูดเชิงดุอีกต่างหาก

“ผะ ผมชื่อดัซ…”

“อื้ม…”

“พี่มีอะไรจะพูดอีกรึเปล่า…”

“พี่ไม่ให้คบ…”

กึก...

“แดน…” เสียงพี่ไอซ์ดังขึ้น ส่วนผมเมื่อได้ยินประโยคนั้นน้ำตามันแทบจะเล็ดออกมาอยู่แล้ว ทุกอย่างในหัวดูเหมือนจะมืดไปหมด แค่คิดว่าตัวเองจะไม่ได้อยู่กับดอนหรือคุยกับดอนแบบนี้อีกก็แทบจะขาดใจอยู่แล้ว ช่วงเวลาที่เราสองคนผ่านมาด้วยกันมันไม่ได้มีค่าพอให้เราคบกันเลยเหรอ? โอกาสที่คนที่เราแอบชอบจะชอบเรากลับมันมีน้อยแต่ทำไมพอได้รับโอกาสนั้นมาแล้วมันถึงจะหายไปง่าย ๆ แบบนี้... มือที่ถูกจับไว้ในตอนแรกกลับถูกบีบหนักขึ้นเรื่อย ๆ จนรับรู้ได้ว่าดอนตอนนี้กำลังโกรธ เราควรทำไงดีดัซ…

“ถ้าแกสอบเข้าวิศวะฯ มอที่พี่บอกไม่ได้… ก็อย่าหวังว่าจะได้คบกันต่อหลังจากจบมอหก…”

“มึงก็เกินไปนะแดน นิสัยแบบนี้อะ…” พี่ไอซ์บอกก่อนจะลุกขึ้นเดินออกไปข้างนอก ไม่รู้ว่าทั้งสองคนเป็นอะไรกันแต่ผมรู้สึกเหมือนพี่ของดอนจะแคร์อีกคนมากเป็นพิเศษไม่งั้นคงไม่หันไปมองตามและเหมือนจะเรียกไว้หรอก ส่วนผมตอนนี้น่ะเหรอ…

“รับปากพี่สิ…”

“ครับ… ยังไงผมก็จะติดที่นั่นแน่ ๆ อยู่แล้ว ผมกับดัซจะคบกันไปจนถึงวันที่สอบติดด้วยกันและคบกันไปอีกนาน…”

“…” ดอน… ทำไมน้ำตาผมต้องไหลออกมาให้กับประโยคของคนนั่งข้าง ๆ ด้วย ใบหน้าซุกลงที่ไหล่แกร่งพร้อมสะอื้นไห้เหมือนตื้นตันใจที่ผู้ชายคนนี้จริงจังกับเรามากแค่ไหน มันรู้สึกเหมือนยกภูเขาออกจากอกแต่ก็ยังมีภาระหน้าที่ที่ต้องทำอีกมากมาย แต่แค่นี้… ผมก็ดีใจมาก ๆ แล้ว

“ขะ ขอบคุณ ฮึก…” เอ่ยบอกคนตัวสูงเสียงสั่น สักพักพี่แดนก็ลุกขึ้นเดินออกไปปล่อยให้ผมอยู่กับดอนสองต่อสอง ร่างผมสั่นเทาเพราะร้องไห้ ก่อนจะถูกดึงให้ลุกขึ้นตามไปบนห้องนอน นั่นยิ่งทำให้สามารถร้องไห้ออกมาได้อย่างเต็มเสียง ร่างสูงดึงเข้าไปกอดแล้วลูบหลังผมอย่างเบามือ ใบหน้าคมซุกลงที่หัวผม เราสองคนกอดกันไว้แน่น

“รู้อยู่แล้วว่าพี่ผมก็รู้สึกเหมือนที่ผมรู้สึก ถึงปากจะห้ามแต่ตัวเองก็กลับชอบใครอยู่เหมือนกัน”

“ฮึก… ระ เราไม่เข้าใจที่ดอนพูด แต่-”

“ไม่รู้ว่าต่อไปจะเป็นยังไง… แต่ผมรักตัวเล็กจริง ๆ นะครับ”

“ฮือออ… ละ แล้วไหนจะแม่ดอนอีก”

“แม่ไม่เคยห้ามอะไรดอน เพราะดอนไม่เคยทำอะไรแย่ ๆ การที่ดอนรักใครสักคนอย่างตัวเล็กมันแย่เหรอ…”

“ฮืออ… ยะ หยุดพูดให้เราร้องไห้ได้แล้ว อึก…”

“ตัวเล็กงอแง…” ดอนผละผมออกมาเช็ดน้ำตาให้แต่ผมกลับยิ่งร้องออกมาไม่หยุด มันตื้นตันใจไปหมด เหมือนมีอะไรบางอย่างขึ้นมาจุดที่คอ

หมับ…

“ฮือออ…”

“ตัวเล็ก… หยุดร้องไห้ได้แล้ว”

“ระ เราดีใจ…”

“บอกรักผมก่อน”

“ระ รักดอน… ฮือออ…”

“หึ ๆ หลังจากนี้ก็ฝากดูแลหัวใจผมด้วยนะครับ” ได้ยินผมจึงยอมผละออกมามองใบหน้าหล่อ พยายามเม้มปากกลั้นร้องไห้ รู้ว่ามันคงดูตลกแน่ ๆ เลย มือหนายกขึ้นมาช่วยเกลี่ยเช็ดน้ำตาให้ ก่อนผมจะพยักหน้าหงึก ๆ เป็นการตอบรับ ความดีใจหลอมรวมออกมาผ่านน้ำตาที่รินไหล ทุกอย่างมันจะดีขึ้นแล้วใช่ไหม? เราสองคนจะได้คบกันแบบไม่มีเรื่องให้กังวลใจแล้วใช่ไหม? ต่อจากนี้จะมีอะไรผ่านเข้ามาอีกไหมไม่มีใครรู้ แต่ในเมื่อคนที่ผมแอบชอบเขาก็ชอบผม เราสองคนชอบกันและตกลงเป็นแฟนกัน โอกาสแบบนี้มันหาได้ง่าย ๆ ซะที่ไหนในชีวิต เพราะฉะนั้นผมจะไม่ยอมปล่อยให้มันหลุดลอยไปจากมือเด็ดขาด ไม่ใช่แค่ผมที่ไม่ยอม แต่คนตัวสูงตรงหน้าเองก็เช่นกัน...

“อะ อื้ม… เราจะไม่ให้ใครเอาไปเลย”

“หึ ๆ ขอบคุณครับ…”

...END…


________________________________________

- Talk -
ฝากตามหนังสือและตอนพิเศษด้วยน๊า
ขอบคุณที่อ่านมาจนจบครับ
#เราแอบชอบนาย

Contact Me

ออฟไลน์ Billie

  • "Let come what comes, let go what goes and see what remains. That is what is real"
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3327
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +78/-6
Re: เราแอบชอบนาย E22 [09.03.2019] - END
«ตอบ #28 เมื่อ09-03-2019 14:09:48 »

 :L2: :pig4:

ออฟไลน์ mab

  • ชื่อ mab ไม่ได้ชื่อ map
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 693
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +80/-0
Re: เราแอบชอบนาย E22 [09.03.2019] - END
«ตอบ #29 เมื่อ09-03-2019 14:35:29 »

 :mew1:  :mew1:
ขอบคุณนะคะ

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด