-1-
เมียหาย!ผมตะโกนก้องในใจ
หลังตื่นขึ้นมาแล้วข้างกายมีแต่ผ้าปูที่นอนเย็นชืดกับหมีหน้าโง่ตัวใหญ่นอนหนุนหมอนอยู่แทนเมียตัวเองที่เคยตื่นขึ้นมาเจอทุกเช้า เสียงครางหงึ่งๆ ของเครื่องปรับอากาศที่ดังลอดมายิ่งทำให้รู้สึกว่าทั้งห้องแม่งโคตรจะเงียบ
ไปไหนวะ ...มันไม่เคยตื่นก่อนผมสักทีทีแรกผมคิดว่ามันอยู่ในห้องน้ำ ยืนฮัมเพลงอยู่ใต้ฝักบัว
...ไม่มีเอ๊ะ หรือในห้องนั่งเล่น นอนกระดิกเท้าดูหนังสักเรื่องแบบที่มันชอบ
...ไม่มีเดินเลยไปดูในห้องครัวสักหน่อย หวังจะเห็นภาพมันเปิดตู้เย็นค้นหาของกิน พอเห็นผมเดินเข้าไปมันก็จะหันมาขมวดคิ้ว พร้อมโยนวัตถุดิบสักอย่างให้ทำกับข้าวให้มันกิน แต่ก็
...ไม่มี แม้กระทั่งใต้โซฟา ใต้พรม ใต้โต๊ะกินข้าว ริมระเบียง จนผมเดินกลับมาดูใต้เตียงอีกรอบ
...ไม่มีแปลกๆ แล้วแหละกูว่า
ผมคิดว่ามันจะลงไปซื้อข้าวเช้าข้างล่าง แต่ไม่น่าใช่เพราะนั่นหน้าที่สามีที่ดีของผมครับ เมียตื่นมาไม่ต้องทำอะไร มีหน้าที่รอกินอย่างเดียว
โทรหาดีกว่า
เดินกลับเข้ามาในห้องนอนอีกครั้ง หยิบโทรศัพท์ที่วางอยู่บนหัวเตียงจะกดปลดล็อคแต่พอเห็นเวลาบนหน้าจอก็ต้องเบิกตาโต
“เฮ้ย บ่ายโมง”
บ้าน่า ทำไมผมมาตื่นเอาป่านนี้วะ เหลียวไปมองรอบห้องอีกทีเหมือนกำลังพยายามหาคำตอบให้ตัวเอง แล้วนี่ยังไงสรุปเมียกูหายไปไหน นี่หาจนทั่วแล้วเนี่ย
เลขหมายที่ท่านเรียกไม่สามารถติดต่อได้ในขณะนี้...ฉิบหาย โทรหาก็ไม่ติด กลัวจะไปเป็นอะไรที่ไหนแล้วไม่มีใครรู้ แม่งยิ่งหน้ามึนอยู่ด้วย ยอมรับว่าเริ่มจะหงุดหงิดปวดหัวขึ้นมานิดนึง ไม่ใช่ว่ารำคาญกูจนหนีตามผู้ชายไปแล้วหรอกนะ เอ๊ะ หรือใช่วะ ถัดจากโต๊ะหัวเตียงไปคือตู้เสื้อผ้าสีขาวหลังใหญ่ที่สั่งทำพิเศษเพราะเสื้อผ้าของเราสองคนมีเยอะมากจนตู้ใบเดิมอัดแน่นเกือบล้น ยืนจ้องมันอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะสาวเท้าเข้าไปใกล้ เพิ่งสังเกตว่าบานประตูมันปิดไม่สนิทดี ความคิดหนึ่งแวบเข้ามาในหัว ผมเอื้อมมือไปเปิดบานประตูตู้เสื้อผ้านั้นออก
และความสงสัยนั้นก็ถูกปัดเป่าด้วยความจริงที่ปรากฎตรงหน้า
...ไม่มีไม่มีทั้งคนที่ผมหาอยู่ และเสื้อผ้าในฝั่งของมันก็แทบจะโล่ง
เข่านี่แทบทรุด ปวดหัวจี๊ดเลยกู
นี่เมียกูนี่ตามผู้ชายจริงเหรอเนี่ย!
ผมยกมือขึ้นกุมขมับแต่สัมผัสได้ถึงก้อนอะไรบางอย่างที่แปะอยู่เหนือหางคิ้ว “โอ๊ย… เชี่ย”
สบถหยาบคาย แล้วก็ต้องร้องเพราะรู้สึกเจ็บตึงที่มุมปาก
สองขาก้าวยาวๆ จากตู้เสื้อผ้าไปยังหน้ากระจกบานใหญ่ พอเห็นสารรูปตัวเองแล้วต้องตกใจผงะถอยหลังไปสองก้าว
เชี่ย อย่างหล่อ
ไม่ใช่!
เอาใหม่!
5
4
3
2
1!
พอเห็นสารรูปตัวเองแล้วต้องตกใจก้าวถอยหลังไปสองก้าว สภาพผมโคตรน่าอเนจอนาถ หน้าตาแตกช้ำ เหนือคิ้วข้างซ้ายมีผ้าก๊อซปิดไว้อย่างดี แต่จุดสีแดงจางที่ปรากฎก็พอบ่งบอกได้ว่ามีเลือดไหลซึมออกมา ไล่มาถึงรอยช้ำตรงมุมปากข้างเดียวกันที่ทำเอาร้องซี้ดออกมาเมื่อครู่ และผมเพิ่งรู้สึกตัวว่ามือขวาของตัวเองว่ามีผ้าพันแผลสีขาวสะอาดพันไว้เรียบร้อย ดวงตาที่เงยขึ้นมองภาพในกระจกก็แดงก่ำ นี่ผมไปฟัดกับหมาที่ไหนมาเนี่ย พยายามนึกไล่เรียงความทรงจำอยู่หลายนาที แต่แม่งก็โคตรจะเลือนราง
‘อยู่นิ่งๆ’
‘อื้อ! กอดหน่อย’
‘ทำไมเป็นแบบนี้’
‘จิ๊ อยากจูบ’
‘อย่าดิ้น เดี๋ยวเลือดออกอีก’
‘...น่ารัก’
‘เงียบ!’
‘เจ็บอ้ะ กอดพี่เจหน่อยนะครับ’
‘อื้อ แล้วพรุ่งนี้จะไป... เฮ้อ ช่างแม่ง’
คล้ายจิ๊กซอว์ที่ต่อไม่สมบูรณ์ แต่ผมรู้ว่าเจ้าของสัมผัสเย็นๆ ตามใบหน้าลำคอก่อนจะไล่เรื่อยลงไปตามลำตัวนั้นคือคนที่ผมรักและมันทำให้ผมรู้สึกดีจนต้องระบายรอยยิ้มและอยากดึงเจ้าของสัมผัสอ่อนโยนนั้นเข้ามาไว้ในอ้อมกอด อยากจะยกมือขึ้นคว้าแต่ก็เหมือนร่างนั้นอยู่ไกลเหลือเกิน คว้าเท่าไหร่ก็ไม่ถึงเสียที ทั้งมือยังรู้สึกเจ็บแปลบ จนเมื่อร่างนั้นเข้ามาใกล้ผมกำลังจะสัมผัสเขาได้อยู่แล้ว แต่จู่ๆ ภาพนั้นก็ตัดไป กลายเป็นเสียงหวานใสที่ดังขึ้นมาในหัว รู้สึกว่ามันอยู่ใกล้มากเหมือนกระซิบที่ริมหูนี่เอง
‘พี่เจ กอดมินหน่อย’
ไม่ใช่เสียงแหบพร่าที่คุ้นเคยอยู่ทุกค่ำคืน ไม่ใช่สัมผัสจากมือสากที่กอดก่ายกันเป็นประจำ และที่สำคัญแฟนผมชื่อไม่ได้ชื่อมิน!
‘อย่าดึกนะ พรุ่งนี้เครื่องออกเก้าโมง’
‘ทราบครับท่าน ก็บอกให้ไปด้วยกัน’
‘สลับกัน กูออก แล้วมึงมาเก็บกระเป๋ามั้ยล่ะ’
‘แหะๆ รอกูด้วยนะตี๋ อย่าเพิ่งหลับ’
‘เรื่องเหอะเจ’
ครับ แฟนผมชื่อตี๋ ไม่ได้ชื่อมินห่าเหวอะไรนั่น
ไอ้บทสนทนาเมื่อครู่ มันบอกว่าอะไรเก้าโมงนะ
ติ๊กต๊อก
ติ๊กต๊อก
ติ๊กต๊อก
เก้าโมง... ‘ไฟล์ทสายหน่อย มึงจะได้ตื่นสายได้ เครื่องออกเก้าโมงนะ’
เวรเอ๊ย ผมรู้แล้วว่าตัวเองพลาดอะไรไป กระโจนกลับไปคว้าโทรศัพท์ขึ้นมากดโทรออกหมายเลขเดิม
เลขหมายที่ท่านเรียกไม่สามารถติดต่อได้ในขณะนี้ “ติดสิวะ” ไม่ว่าจะกดโทรออกอีกกี่รอบ มันก็ยังเหมือนเดิม “โอ๊ย กูอยากเอาหัวโขกกำแพงตาย โลกนี้มีคนโง่กว่ากูอีกมั้ยเนี่ย!”
วันนี้คือวันเดินทางไปเที่ยวฉลองหลังสอบไฟนอลเสร็จของผมกับไอ้ตี๋ และเก้าโมงที่ว่านั่นคือเวลาเครื่องออก!
“ฮือ ตี๋ กูขอโทษ”
ทริปนี้แฟนผมมันตั้งใจอยากจะไปสุดๆ จองที่พักล่วงหน้า 6 เดือน แต่ผมเสือกทำมันพังด้วยการทำตัวเหี้ยสุดๆ เมื่อคืนนี้ ได้แต่รำพึงรำพันกับตัวเอง และทิ้งตัวลงนั่งบนเตียงอย่างหมดแรง กดโทรออกอีกทีถึงรู้ว่ามันจะไม่ติดก็เถอะ
พอมีสติขึ้นมาผมถึงระลึกชาติได้ว่าไฟล์ทบินตอนเก้าโมง ประมาณหนึ่งชั่วโมงก็เดินทางถึงสนามบินจะมีรถของรีสอร์ตมารับ และเดินทางต่อไปท่าเรือเพื่อข้ามไปที่เกาะ ใช้เวลาประมาณ 45 นาที ข้อมูลพวกนี้ไอ้ตี๋พูดกรอกหูเกือบทุกวัน รวมเวลาเดินทางจากสนามบินไปถึงเกาะเต็มที่ไม่เกินสามชั่วโมง นี่เกือบจะบ่ายสองแล้ว มันต้องถึงตั้งนานแล้วดิ ทำไมไม่เปิดเครื่องอีกวะ
หรือจะมีข่าวอะไรไม่ดี พอโทรหาไม่ติดผมรีบกดเข้าเฟซบุ๊คทันทีกะว่าจะดูข่าวสารในรอบชั่วโมงที่ผ่านมาอย่างน้อยถ้ามีเหตุอะไรไม่ดีมันต้องมีข่าวด่วนสิวะ แต่ทว่าบนหน้านิวฟีดก็โชว์โพสต์แรกของเฟซบุ๊คที่ผมกดติดดาวไว้เด่นหรา
ใช่ครับ ผมกดติดดาวเฟซบุ๊คแฟนตัวเอง มันทำอะไร ฟังเพลงไหนอยู่เราต้องรู้และไลค์คนแรกนะเฮ้ย
Tee Teeratorn is travelling to Somewhere7 hours ago
‘ไปแล้วนะ’
มันเขียนแคปชั่นแบบนี้พร้อมรูปถ่ายเท้าตัวเองแถมติดกระเป๋าเดินทางมาด้วยเล็กน้อย
แต่เดี๋ยวก่อน 7 ชั่วโมงที่แล้ว! นี่มันไปสนามบินตั้งแต่หกโมงเช้า บ้าไปแล้วตี๋ เพื่อนมันก็เข้ามาคอมเม็นต์แซวกันยกใหญ่ที่ได้ไปเที่ยวหลังสอบเสร็จ บางคนก็อวยพรให้โชคดี อย่าลืมซื้อของฝากกลับมาด้วย แต่มันก็ไม่ได้ตอบคอมเม้นต์ใครสักคน จนผมเลื่อนมาถึงคอมเม้นต์สุดท้าย
Pam Pavich‘อ้าว ไอ้เจไปไหวเหรอวะ’
ไอ้ภาม มันอยู่กับผมด้วยเมื่อคืนนี้ เดาว่าคงเพิ่งฟื้นเหมือนกัน ไปไหวเหี้ยไรเชี่ยภาม กูโดนทิ้งอยู่นี่
ผมเดินวนไปวนมาอยู่ในห้อง ทำไงดีวะ ความรู้สึกผิดท่วมท้นอยู่ในอก อยากขอโทษ อยากกอด อยากง้อให้มันหายโกรธ
ไปง้อ เป๊าะ ผมดีดนิ้ว เมื่อความคิดนี้พุ่งขึ้นมาในหัว รู้ตัวว่าทำไมผิดก็ไปง้อดิวะ ไม่เห็นจะยาก
“อะไรวะเนี่ย เต็มทุกไฟล์ท!” พอเช็คตั๋วเครื่องบินแล้วก็ต้องโวยออกมาเบาๆ จะว่างอีกทีก็ไฟล์ทของวันพรุ่งนี้ตอนบ่าย ไม่งั้นก็ต้องนั่งรถทัวร์ หรือขับรถไปเอง แต่สภาพกูนี่จะรอดใช่ไหม เอาก็ได้วะ นี่ก็เร็วที่สุดแล้ว ทีนี้ก็ต้องจองเรือข้ามไปเกาะ ว่าแต่มันชื่อเกาะอะไรวะ สารภาพว่าทริปนี้ตี๋จัดการทุกอย่างผมมีหน้าที่ไปอย่างเดียว อ่า นี่ไงเจอแล้ว
‘เกาะส่วนตัว และมีเรือข้ามไปรีสอร์ตเฉพาะวันที่มีแขกเข้าพักเท่านั้น’ไอ้... ไม่รู้จะสบถออกมาเป็นคำว่าอะไรดี ผมตัดสินใจโทรเข้ารีสอร์ตแม่งเลย ภาวนาให้มันไม่ใช่อย่างที่คิด
“สวัสดีค่ะ ที่นี่... ค่ะ” เสียงพนักงานดังลอดมาตามสาย
“สวัสดีครับ เอ่อ คือผมมีเรื่องอยากจะรบกวนสอบถาม”
“ยินดีค่ะ สนใจสอบถามข้อมูลด้านไหนคะ”
“เอ่อ คือ พอดีผมจองที่พักไว้ตั้งแต่วันนี้ถึงวันที่ 3 ครับ แต่พอดีผมตกเรือ เดินทางไปไม่ทัน พรุ่งนี้พอจะมีเรือข้ามไปที่เกาะอีกไหมครับ”
“สักครู่นะคะ... เอ๊ะ แต่วันนี้แขกทุกท่านเข้าเช็คอินเต็มทุกห้องแล้วนะคะ รบกวนขอชื่อผู้จองได้ไหมคะ”
“ธีราธรครับ”
“คุณธีราธร... เข้าเช็คอินเรียบร้อยแล้วนี่คะ”
ไอ้ตี๋ถึงเกาะแล้วจริงๆ ด้วย เอ่อ เอาไงดีวะ
“คือผมสารภาพก็ได้ครับ คุณธีราธรนั่นแฟนผมเอง ความจริงเราซื้อแพ็คเกจไปด้วยกัน แต่พอดีทะเลาะกันนิดหน่อย ผมก็เลยไม่ได้เดินทางไปกับเขา แล้วผมก็อยากจะไปง้อเขาวันพรุ่งนี้น่ะครับ”
“ต้องขออภัยด้วยจริงๆ ค่ะ แต่จะมีเรือกลับฝั่งอีกรอบวันที่ 3 เลยค่ะ เนื่องจากทุกห้องจองแพ็คเกจ 4 วัน 3 คืนเหมือนกันหมดเลยค่ะ”
เปรี้ยง
ผมรู้สึกเหมือนมีฟ้าผ่าลงมากลางหัว แต่ยังกลั้นใจถามต่อด้วยความหวังอันริบหรี่
“แล้วถ้าเป็นเรือลำอื่น...”
“ต้องขออภัยอีกครั้งค่ะ แต่เราใช้เรือรับส่งเฉพาะของรีสอร์ตเท่านั้นนะคะ”
น้ำตาแทบร่วง
“สนใจสอบถามข้อมูลอื่นๆ เพิ่มเติมไหมคะ”
“ครับ... รบกวนโอนสายผมไปห้องคุณธีราธรทีได้ไหมครับ”
“เอ่อ...โดยปกติจะไม่ได้นะคะ เพื่อความเป็นส่วนตัวของแขกค่ะ”
“โธ่ พี่ครับ ผมเป็นแฟนเขาจริงๆ ครับ ถ้าไม่เชื่อพี่เช็คในแพ็คเกจที่ซื้อไปก็ได้ว่ามันระบุสองคน นี่เขาหนีผมไปตั้งแต่เช้า ตื่นมาก็ไม่เจอใครแล้ว ผมติดต่อเขาไม่ได้เลย อย่างน้อยแค่อยากได้ยินเสียงว่าเขาสบายดีเท่านั้นเอง ช่วยผมหน่อยเถอะครับ”
พอผมเพิ่มสกิลลูกอ้อนเข้าไป คุณพนักงานก็อึกอักและใจดียอมโอนสายไปให้ผม
ติ๊ดดดด ติ๊ดดดด ผมฟังเสียงสัญญาณอย่างใจจดใจจ่อ ถ้ามันไม่รับนี่ผมแย่เลยนะ
“ฮัลโหลครับ” เยส! ไอ้ตี๋รับ “ฮัลโหล ได้ยินมั้ยครับ...”
“ตี๋” ผมเรียกเสียงอ่อย
“ไอ้เจ! นี่มึง”
“เดี๋ยวตี๋ อย่าเพิ่งด่า อย่าเพิ่งวางนะ”
ไม่ทันครับ พ่อคุณกระแทกหูใส่ วางไปเรียบร้อย พอผมโทรกลับไปที่รีสอร์ตอีกที สายก็ไม่ว่างแล้ว
ชีวิตกูทำไมมันเป็นแบบนี้โว้ย!
หลังจากทุกอย่างกระจ่างชัดว่าผมโดนเมียดัดหลัง ทิ้งไปแน่ๆ ก็นอนตาลอยมองเพดานอยู่เป็นชั่วโมงหยิบโทรศัพท์มาโทรหาตี๋ครั้งแล้วครั้งเล่า ไม่ติดเหมือนเดิม แต่ผมก็ไม่บ้าโทรเข้ารีสอร์ตให้เขาโอนสายไปห้องมันอีกทีหรอก พอดีพอร้ายเขาได้ด่าผมกันพอดี ส่วนไอ้ตัวดีป่านนี้แม่งคงเดินร่อนอยู่บนชายหาดสีขาวตัดกับท้องทะเลสีฟ้าครามแบบเดียวกับในรูปที่มันเคยเปิดให้ผมดู
‘อยากไป?’ ผมกึ่งนั่งกึ่งพิงหัวเตียงมีไอ้ตัวแสบนั่งซ้อนพิงอกผมอีกที
‘อืม’
‘ก็ไปดิ’ ผมเห็นมันเปิดดูรีวิวที่นี่มาสองสามครั้ง และดวงตาก็เป็นประกาย แต่ผมก็ไม่เคยกดเข้าไปอ่านรีวิวสักที
‘จริงดิเจ!’ มันหันมามองผมทันทีและมีสีหน้าตื่นเต้นอย่างเห็นได้ชัด
‘เออ อยากไปก็ไป เสาร์นี้ก็ได้’ ผมโยกหัวมันอย่างเอ็นดู ไม่บ่อยนักที่ไอ้ตี๋จะอยากไปเที่ยวไหนส่วนใหญ่เป็นผมที่อยากไปแล้วลากให้มันไปด้วยมากกว่า
‘แพงนะ’
‘รวย’ ตอบสั้นแถมยักคิ้ว มันเลยเบะปาก ใครก็บอกว่ามันชอบทำหน้านิ่ง ตีมึนใส่คนอื่น แต่กับผมไม่เห็นมันเป็นแบบนั้นสักที
‘เลี้ยงกูหมดเลยเปล่าล่ะ’
‘ทุกวันนี้กูก็เลี้ยงมึงตลอดมั้ย หืม’ อดไม่ได้หอมหัวมันไปทีนึง อ่า แชมพูขวดเดียวกันทำไมผมใช้แล้วมันไม่หอมแบบนี้วะ
‘แต่ยังไงก็ไปเสาร์นี้ไม่ได้’ มันพึมพำเบาๆ แต่ผมได้ยินอยู่ดี
‘หืม ทำไม มึงไม่ว่าง?’
ตี๋ส่ายหัว บอกว่าที่นี่คล้ายๆ เป็นเกาะส่วนตัว ทั้งเกาะมีรีสอร์ตแห่งเดียวและมีห้องพักแค่ 4 ห้อง ที่สำคัญเรือที่ข้ามไปเกาะไม่ได้มีทุกวันและรับเฉพาะแขกของรีสอร์ต รุ่นพี่มันเคยไปกับแฟนแล้วรอบนึงต้องจองล่วงหน้าถึง 4 เดือน
‘งั้นมึงจองเลย ไปหลังไฟนอล’ ก็อีกประมาณ 6 เดือนหวังว่ามันจะมีห้องว่างให้ตี๋น้อยของผมแล้วกัน
‘มึงพูดแล้วนะ’ ตี๋ถามย้ำอีกที ขยับมือมาโอบรอบคอผม และเบียดตัวเองเข้ามาใกล้กว่าเดิม จนผมเริ่มรู้สึกแปลกๆ ...แปลกที่มันถามย้ำสองรอบแล้วเนี่ย
‘เออ ทำไมวะ’
‘ก็มันแพง’
‘ขนาดนั้น?’
‘ก็นิดนึง แต่ขนหน้าแข้งมึงไม่ร่วงหรอก’
‘เท่าไหร่’
‘หมื่นห้า’
‘สองคนหมื่นห้า?’
‘คืนละหมื่นห้า’
จึ้ก แทบทรุด แต่เพื่อเมียก็ต้องกอบโกยร่างตัวเองขึ้นมา
‘เจ...’ ตี๋ขยับมาจูบเบาๆ ที่ริมฝีปาก
‘ครับ’
‘สี่คืนเลยนะ’ รวยมาจากไหนวะกู
แล้วผมจะตอบอะไรได้วะนอกจาก... ‘ครับ’
นั่นเป็นบทสนทนาระหว่างเราเมื่อ 6 เดือนที่แล้ว มันจัดการทุกอย่างทั้งจองห้องพัก ตั๋วเครื่องบิน หารีวิวมุมถ่ายรูปสวยๆ เป็นครั้งแรกที่ผมเห็นแฟนตัวเองตื่นเต้นขนาดนี้ เมื่อสองอาทิตย์ก่อนมันรื้อตู้เสื้อผ้าครั้งใหญ่เตรียมจัดกระเป๋า ส่วนผมก็มีความสุขกับการนั่งมองมันทำตัววุ่นวาย และดับฝันเมียตัวเองในคืนก่อนการเดินทาง
เหี้ยจริงกู
ตอนนี้เกือบจะหกโมงเย็น นี่ผมวุ่นตั้งแต่บ่ายและนอนทิ้งตัวมานานขนาดนี้เลยเหรอวะ แผลตามร่างกายเริ่มปวดหนึบก็เลยตัดสินใจลุกขึ้นพาร่างกายอันอ่อนแรงและจิตใจอันห่อเหี่ยวเดินเข้าห้องน้ำไปจัดการตัวเองพยายามไม่ให้แผลโดนน้ำเพราะกูทำแผลเองไม่เป็น เสร็จเรียบร้อยท้องก็เริ่มประท้วงเลยเดินลากแตะช้างดาวลงจากคอนโดมาหาอะไรกินหน้าปากซอย
“แปะ ราดหน้าพิเศษจานนึง”
“อ้าวอาเจ ทำไมลื้อมาคนเดียว อาตี๋อีไปไหน วันนี้มีบัวลอยที่อีชอบด้วยนา”
โฮ แปะ อย่าถามแบบนี้มันสะเทือนใจกันเกินไป พอแปะเอาราดหน้ามาเสิร์ฟผมก็ฝืนกินไปได้ไม่เท่าไหร่ เจ็บแผลมันส่วนน้อยแต่ส่วนมากคือช้ำใจ พอรวบช้อนอิ่มก็ส่งยาแก้อักเสบกับแก้ปวดตามเข้าปากทันที ยานี่ไอ้ตี๋ก็เป็นคนวางเตรียมไว้ให้ข้างเตียง รู้ว่าโกรธแต่มันก็ห่วง จะไปหาดี แบบนี้ได้จากที่ไหนอีก
ผมเดินตาลอยกลับคอนโดและทิ้งตัวแหมะลงบนเตียงเหมือนเดิม จะตัดพ้อต่อว่า โวยวายกับใครก็ไม่ได้ ป่านนี้ทุกคนแม่งเข้าใจว่าผมเริงร่าอยู่ชายทะเลกันหมดแล้ว คว้าโทรศัพท์มาโทรหาตี๋อีกที ก็ไม่ติดเหมือนเดิม กดเข้าไปดูเฟซบุ๊ค อินสตาแกรมก็ไม่มีอะไรอัพเดต
‘ขอโทษนะ’
‘ขอโทษที่ทำมันพัง’
‘แต่กลับมาฟังคำขอโทษจากปากกูเร็วๆนะ’
‘รัก’
ผมพิมพ์ไลน์ทิ้งไว้ให้มันถึงรู้ว่ามันไม่กดอ่านหรือตอบแน่ๆ แล้วไม่นานผมก็ผล็อยหลับไป
------------------------------------------------------
แวะมาแปะไว้ดึกเลย แหะๆ
เอาใจช่วยพี่เจกันด้วยนะคะ เมียเค้าหาย ใครเล่นทวิตเตอร์ก็ฝาก #คนดีของพี่ไปไหน ด้วยค่าา
ฟีดแบ็กกันได้เลย