The taste of Loves รสชาติแห่งความรัก
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: The taste of Loves รสชาติแห่งความรัก  (อ่าน 7910 ครั้ง)

ออฟไลน์ Kelvin Degree

  • ถ้าวันนั้นเลือกที่จะเดินออกไป คงไม่เจ็บมาจนถึงทุกวันนี้...
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1700
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +57/-2
Re: The taste of Loves รสชาติแห่งความรัก
«ตอบ #30 เมื่อ11-10-2019 23:17:08 »

มาแล้วๆ มาต่ออีกนะครับ,,,

ออฟไลน์ ความเงียบ สีขาวดำ

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 24
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-0
Re: The taste of Loves รสชาติแห่งความรัก
«ตอบ #31 เมื่อ24-10-2019 22:01:20 »

Chapter 16
ผู้ร่วมแผนการ 1

“เห้ย ไอ้บิต” เสียงเรียกจากพี่กัน พี่ดูแลของผมเรียก

ผมหันไปหาพี่กันแล้วตอบพี่เขา

“คับพี่กัน พี่มีอะไรรึเปล่า”

“กูว่ามึงพอก่อนเถอะ มึงซ้อมมาสามวันติดแล้วน่ะเว้ย ข้าวปลาก็แดกนิดเดียว กูว่ามึงควรพักก่อนแล้วค่อยไปซ้อมต่อหรือไม่วันนี้ก็พอแคนี้ก่อนแล้วค่อยมาต่อพรุ่งนี้เอา” พี่กันพูดกับผมอย่างจริงจัง

ตอนนี้ผมกำลังอยู่ในช่วงฝึกซ้อมการแสดงอยู่ เพราะผมคิดช้ากว่าคนอื่นๆ ผมเลยต้องทุ่มเทให้กับมันอย่างมาก

เพื่อที่จะแสดงโชว์นี้ให้ คนคนที่สำคัญสำหรับผมได้ดู

ผมได้เลือกการแสดงเป็ฯร้องเพลงพร้อมกับเล่นไวโอลิน ที่พ่อของผมส่งผมไปเรียนตอนเด็กๆ

“ไม่ ผมยังไหวอยู่พี่” ผมตอบพี่กัน พร้อมกับหยิบคันชักไวโอลินที่จะบรรเลงเพลง

“หรอ กูอ่ะเชื่อว่ามึงไหว แต่ร่างกายมึงอ่ะไหวไหม งั้น เด่วพวกผู้หญิงก็น่าจะกลับมาแล้ว มึงมานั่งพักรอดีกว่า” พี่กันเขามองดูหัวจรดเท้าของผม ทำหน้าเอื่อมระอากับผม

พี่ ถ้าขนาดนี้ด่าผมเถอะ 

“...คับ”

“ไหนๆก็ว่าง กูมีคำถามอยากถามมึงว่ะ”

ผมวางไวโอลินกับคันชักไวโอลิน เสร็จสับ แล้วไปนั่งลงข้างพี่กัน พร้อมเพื่อรอพี่กันถามผม

“...”

“มึงคิดได้ไงที่จะแสดงแบบนี้ ทำไมมึงถึงรู้ตัวว่าตัวเองอยากแสดงแบบนี้ว่ะ” ทำไมพี่เขาถามผมแปลกแบบนี้ ผมก็แสดงเหมือนคนทั่วไปน่ะ ไม่ได้คิดแสดงที่มันอันตรายหวาดเสียวซักหน่อย

“ทำไมพี่ถึงถามผมแบบนี้”

“ก็ตอนแรกที่มึงมาปรึกษากู มึงบอกกูว่ามึงไม่รู้ว่าจะแสองอะไร เล่นดนตรีก็ไม่ แสดงละครก็ไม่ แสดงความสามารถก็ไม่มีอะไรตอนแรกกูโคตรตกใจเลยที่มึงพูดแบบนี้ กูพูดในใจว่าชิบหายแล้ว555” ผมต้องทำให้พี่ที่สนับสนุนผมต้องเหนื่อยใจแค่ไหนเนี้ย

พอผมคิดออกว่าผมจทำยังไงแสดงโชว์อะไรผมรีบไปหาพี่กันที่คณะเลย พอพี่กันได้ยินที่ผมพูดพี่เขาเข่าแทบทรุดเลย พร้อมกับพี่ๆที่อยู่คณะเดียวกับผม บอกผมว่าโล่งใจ เพราะมันเหลือไม่กี่สัปดาห์

“งั้นเลยหรอพี่555”

“เอ่อดิว่ะ แล้วไงมึงถึงอยากร้องเพลง”

อื้มมม....ผมก็ไม่รู้เหมือนกัน

“ก็ไม่รู้ว่าจะแสดงอ่ะไร”

“หรอ ไม่ใช่ว่ามึงจะร้องให้ใครฟังเป็นพิเศษรึเปล่า”

โอ้โห้เซ้นส์พี่เขาโคตรแรง ผมควรตอบพี่เขาไปอย่าไรดี ถ้าตอบว่าเลือกร้องเพลงเพราะอยากร้องเด่วพี่เขาหาว่าผมโกหกอีก ตอบปฏิเสธไปดีกว่า

“ไม่ใช่พี่ พี่คิดได้ไงเนี้ย”

“ก็มีคนบางคนเคยบอกกูว่าเนื้อเพลงหรือเพลงที่ฟังอ่ะเป็นตัวบงบอกว่าคนร้อง หรือคนฟังมีความรู้สึกนึกคิดอะไร แล้วเพลงที่มึงจะร้องเป็นเพลงบอกรักไม่ใช่หรอ มึงจะบอกรักใครหรอ”

เพื่อนพี่เขาเป็นปรัชญาหรอ มันก็ไม่ผิดไปซะหมดหรอกครับผมก็อยากบอกว่าเพลงที่ผมจะร้องผมอยากร้องให้มันฟังคนเดียว

   ที่จริงผมอยากสารภาพออกไปด้วยสั้มว่าผมชอบมัน กลางเวทีเลยจะได้ไม่มีใครมาแย่งผม

“...”

“เขินหรอมึงอ่ะ หน้าแดงใหญ่เลย”

พี่กันพูด ผมใช้มือของผมลูบใบหน้าผม มันร้อนอุ่นๆ ผมต้องรีบตึงหน้าให้กลับมาเป็นเหมือนเดิม

“มั่วแล้วพี่ คนที่บอกเรื่องนี้กับพี่น่าจะมั่ว อะไรก็ไม่รู้” ผมบอกพี่กันไป

“หรอจ้ะ” พี่กันตอบผมกับมาพร้อมทำหน้าล้อเลียนผม ผมอยากเอาพี่กันไปทิ้งลงถังขยะจริงๆ

“เอ่อ ผมไปซ้อมต่อล่ะ” ว่าเสร็จผมลุกยืนขึ้น พร้อนจะเดินไปหยิบไวโอลิน เพื่อหนีออกห่างจากพี่กัน

“เห้ย เด่วดิว่ะไหนตกลงกับกูแล้วว่ามึงจะพัก”

ผมเดินมาไม่กี่ก้าวเสียงโทรศัพท์ของผมดังขึ้นมา จำเป็นท่ผมต้องเดินกลับหลังหันไปหาพี่กันเพราะ กระเป๋าผมข้างๆ พี่เขา

Rrrrrr

เป็นไอ้ต้าร์จากเดือนวิศวะที่โทรมาหาผม ร้อยวันพันปีมันไม่เคยโทรมาหาผมไหนวันนี้มันโทรมาหาผมได้

ผมกดรับสายมัน

“ไง มีไรถึงโทรมาหากู”

[กูมีเรื่องจะคุยกับมึงสักสองสามนาทีได้ไหม]

“อื้มขอคิดดูก่อน”

[เห้ย เรื่องนี้เป็นเรื่องสำคัญน่ะเว้ย]

“ก็ได้ๆ ว่ามา”

[คือมึงช่วยมาที่ผับได้เป่าเด่วกูส่งโลเคชั่นให้]

“ทำไมกูต้องไป”

[เรื่องนี้เกี่ยวกับไอ้แคน]

“ห้ะ เกิดอะไรขึ้นกับมัน”

[ไม่ต้องห่วงมันหรอกตอนนี้ยังไม่เป็นไรแต่อีกสักพักไม่แน่กูเลยอยากให้มึงมา]

“กูเริ่มชักงง กับคำพูดมึงล่ะ” คำพูดและประโยคที่ไอ้ต้าร์พูดทำให้ผมงงไปหมดว่ามันต้องการสื่ออะไรให้ผมฟังกันแน่

   แต่ที่แน่ๆถ้าผมไม่ไปหามันคงจะมีเรื่องใหญ่สำหรับผมเกิดขึ้นแน่

[คืองี้...... เด่วก่อน มึงต้องฟังสิ่งที่กูจะพูดให้จบก่อนแล้วค่อยตัดสินจะอะไรแต่มึงห้ามทำอะไรวู่วามเด็ดขาด สัญญากับกูก่อน]

ถ้าอยากให้ผมเข้าใจสิ่งที่มันสื่อ ผมคงต้องตกลงกับมันก่อน เพราะผมเป็นห่วงไอ้แคนมากเลยตอนนี้ไม่รุ้ว่ามันจะเป็นรไหม

“โอเคร” ผมตอบตกลงกับไอ้ต้าร์

[คือมีรุ่นพี่กูคนหนึ่งชอบไอ้แคนแล้วรุ่นที่กูสนิทด้วยแอบบอกกูว่าเขาจะสารภาพกับไอ้แคน...]

“เห้ยได้ไงว่ะ”

นั่นไงเป็นเรื่องใหญ่สำหรับผม ผมรีบคว้านหากุญแจรถของผมอย่างไว และเตรียมที่จะเดินไปบอกลาพวกพี่กัน

แต่ถูกห้ามไว้โดยเสียงจากปลายเสียงก่อน เลยต้องมานั่งคุยกับมันต่อ ในใจผมตอนนี้ร้อนยิ่งกว่าแดดประเทศไทย

 [หยุดเลยมึงหยุดคิดเด่วนี้ กูบอกว่าไง]

“เอ่อ”

[กูมีคำถามจะถามมึง]

อะไรของไอ้ต้าร์มันว่ะ ตอนแรกจะให้ผมไปหาแต่ตอนนี้มาห้ามผมซะงั้น ไอ้ต้าร์มันจะเอาอย่างไรกันแน่เนี้ย

ตอนนี้คงได้แต่ให้มันถามผมมาและผมตอบไปอย่างรวดเร็ว เพื่อที่จะได้ไปหาไอ้แคน

“ได้ว่ามา”

[มึงชอบไอ้แคนใช่ไหม]

คืออยากรู้แค่นี้หรอ คำถามง่ายๆ

“เอ่อ กูชอบไอ้แคน”

[แล้วไอ้แคนชอบมึงไหม]

คำถามที่ตอบยากกว่าสิ่งใดบน โผล่ออกมาแล้ว ผมไม่รู้จริงว่าไอ้แคนชอบผมไหม แต่ถ้าถามมันว่าไอ้แคนคิดว่าผมเป็นอะไรกับมัน ผมตอบเลยว่ามันคงคิดกับผมแค่เพื่อนแน่ๆ

“...ไม่รู้โว้ย”

[นั้นไง คือกูมีแผนนำเสนอให้มึง]

หูผมคงไม่ได้ฟลาด กับสมองที่คิดไปเองว่าไอ้ต้าร์เหมือนมันคิดจะช่วยผมให้ได้กับไอ้แคน แล้วมันเตรียมแผนมาด้วย

อย่างงี้ผมก็เอาด้วยดิ แต่ฟังแผนของไอ้ต้าร์มันก่อนแล้วค่อยคิดตัดสินใจว่าจะเอาด้วยกับมันไหม

“แผนไร”

[มึงเอาด้วยป่ะล้า]

“มึงพูดมาก่อน แล้วกูให้คำตอบ”

[งั้นมึงฟังนี้ก่อน แล้วมึงค่อยตัดสินใจว่าจะเอายังไง คือเพื่อนกูคนนี้มันไม่เคยมีความรักเลยมันอาจจะไม่รู้ด้วยซ้ำว่าความรักเป็นอย่างไรสำหรับคนรัก มันรู้แต่ความรักที่ครอบครัวกับเพื่อนเท่านั้น ถ้ามึงจะบอกว่ามึงน่าตาดีแล้วไอ้แคนชอบกูขอบอกไว้เลย ร้อยเปอร์เซ็นว่ามึง นกแน่ๆ]

โอ้โฮ้ นี่มันพูดทั้งหมดนี้ ถ้าไม่สนิทกันจริงจังๆหรืออยู่ด้วยกันตลอดเวลาน่ะ คงไม่สามารถวิเคราะห์หรือเดาได้เลย ผมนี่ยกย่องมันเลย ดูจากน้ำเสียงที่มันพูดมันโคตรจริงจังมาก

“อื้ม”

[แล้วถ้าจะให้มึงไปต่อสู้ในครั้งนี้เลยต้องมีแผนไง]พูดอย่างกับว่ามันเป็นสงครามซะงั้น

แต่จะให้ผมเชื่อใจมันก็คงยาก เพราะผมไม่รู้ว่ามันคิดอะไรอยู่กันแน่ๆ เรื่องทั้งหมอที่มันพูดอาจจะพูดมาเพื่อแกล้งผมก็เป็นไปได้

“กูขอถามมึงบ้างว่าทำไมมึงถึงคิดจะช่วยกู”

[เฮ้ยย...สำหรับกูคงมี อยู่สามข้อที่ต้องให้กูทอย่างงี้ หนึ่งกูทำเพื่อไอ้แคน มันเป็นเพื่อนคนสำคัญสำหรับกู สองมึงมันเป็นคนดีกูเชื่อว่ามึงจะไม่ทำให้เพื่อนกูคนนี้เจ็บ เสียใจ เพราะถ้ามึงทำ มึงตาย สามเรื่องส่วนตัว]

ทั้งหมดนี้มันทำเพื่อแคนหรอ สุดยอดเลย

มันคือเพื่อนที่ดีที่สุดที่สุดในโลกไม่ใช่สิในจักรวาลเลย ถ้ามีถ้วยรางวันสำหรับเพื่อนที่ดีที่สุดผมว่ามันต้องได้แน่ๆ คงไม่มีสิ่งที่ผมจะปฏิเสธสิ่งที่ไอ้ต้าร์มันพูดแม้แต่น้อย

ถือว่าครั้งนี้ ผมคงต้องร่วมมือกับไอ้ต้าร์แหละ และผมคงติดหนี้บุญคุณกับมัน ผมจะทำแผนที่มันพูดมาอย่างสุดฝีมือเลย

“อื้มโอเคร กูตกลงแผนมีไรว่ามา”

ออฟไลน์ Kelvin Degree

  • ถ้าวันนั้นเลือกที่จะเดินออกไป คงไม่เจ็บมาจนถึงทุกวันนี้...
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1700
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +57/-2
Re: The taste of Loves รสชาติแห่งความรัก
«ตอบ #32 เมื่อ24-10-2019 22:45:00 »

มาแล้ววววว,,,

ออฟไลน์ AkuaPink

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2033
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +59/-1
Re: The taste of Loves รสชาติแห่งความรัก
«ตอบ #33 เมื่อ21-05-2020 14:14:04 »

 :pig4:
 o13

ออฟไลน์ ความเงียบ สีขาวดำ

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 24
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-0
Chapter 17
ดาเมจตรง

แผนการของไอ้ต้าร์มีอยู่ว่าให้ผมขอความช่วยเหลือใครก็ได้ที่สามารถไว้ใจได้พามาที่พวกต้าร์นั่งกินเหล้าอยู่ แล้วให้เขาเข้ามาเกาะแกะผม เพราะมันอาจะช่วยทำให้แคนรู้ความรู้สึกของตัวเองได้ไวขึ้น

และหลังจากนี้ให้ผมเลิกติดต่อกับแคนเป็นเวลาซัก และทำเป็นเมินแคนไม่สนใจแคน เมื่อผมได้ยินอันนี้ผมก็รับไม่ได้ทันที่แต่ต้าร์บอกมันดีทั้งสองฝ่าย เพื่อแคนผมเลยต้องทให้ได้ถึงผมจะรู้สึกเจ็บปวดใจก็ตาม ผมก็จำเป็นต้องทำ เพื่ออะไรมันจะดีกว่านี้

ผมเลยได้ไปขอความช่วยเหลือจากน้ำใส ผู้หญิงที่เป็นดาวของคณะผม ผมค่อนข้างสนิทกับเธอมากกว่าผู้หญิงคนอื่น เพราะเราใช้เวลาด้วยกันในกองประกวดนี้มาก ผมเลยสนิทกับเธอ

เธอเป็นผู้หญิงที่สวย น่ารักและร่าเริง วันแรกในกองประกวดผมไม่ได้รู้จักกับใครเป็นพิเศษ นอกจากไอ้พี่ชายบ้าของผมนอกนั้นไม่รู้จักเลย แถบจะไม่ได้คุยกับใคร เพราะผมไม่เก่งเข้าหาคน อย่างตอนที่ได้เอากาแฟไปให้แคน ตอนนั้นผมแถบเหมือนกับว่าได้ถูกสาปเป็นหินเลย น้ำใสเธอได้เข้ามาชวนผมคุยและพาไปแนะนำให้คนอื่น ๆ ถือว่าเธอเป็นเพื่อนที่ดีมาก ๆ เลยสำหรับผม

หลังจากมาถึงผมรีบวิ่งเข้ามาตามที่ไอ้ต้าร์ได้บอกทุกอย่างทำตาม ทันทีที่ผมเห็นแคนผม เลยหยุดวิ่งแล้วเดินเข้าไปพ้อมกับถือของบางอย่างที่จะให้แคน  แต่กลับเข้ามาในจังหวะที่ไม่ดีเลย

ผมได้ยินทุกคำพูดของพี่คนที่สารภาพรักกับแคน มันทำให้ผมชา และ เจ็บอก พี่เขาดูเท่ ดูดี ดูดีกว่าผมทุกอย่างเลย และ ยังมีความกล้าที่จะไปบอกรักแคน ไม่เหมือนกับคนอย่างที่ได้เจอแคนก่อนและมีเวลาใช่ร่วมกับแคนเป็นเดือน แต่ได้แอบเก็บความรู้สึกไว้ในก้นบึ้งของหัวใจมาตลอด ผมมันเป็นไอ้คนขี้ขาดไม่กล้าแม้แต่บอกชอบแคน มือไม้ผมอ่อนลง เหมือนกับว่าผมเป็นแก้วที่ว่างเปล่าอยู่เลย ผมอยากรู้ว่าแคนคิดยังไง จะปฏิเสธ หรือ ตอบตกลงพี่เขา

ทันใดนั้นน้ำใสก็เข้ามาอยู่ข้างผมพร้อมกับสายตาของแคนที่มองมาที่ผมและได้เรียกชื่อของผม

“ไอ้...บิต!”

เป็นน้ำเสียงคุ้นเคย และ น่าฟัง เป็นเวลานานมากที่ไม่ได้ยินเสียงนี้ของแคน แค่คำ ๆ เดี่ยว แค่เรียกชื่อของผม ทำไมเหมือนกับว่า ความท้อความเหนื่อยที่สะสมมากำลังละลายออกไปจากตัวผมเลยเหมือนกับน้ำแข็งที่กำลังละลายอยู่ในแก้วแฮลกอฮอล์เหล่านั้นที่ว่างอยู่บนโต้ะ และผสมกับแฮลกอฮอล์ที่เป็นเหมือนกับความรู้สึกอีกอย่างของผม

“บิ้ตบี้จ้า มาทำไรตรงนี้เนี้ย พี่ๆเขาเลือกโต๊ะได้แล้วน่ะ”

“เอ้ หวัดดีตาต้า”

“หวัดดีน้ำใส”

“มาเที่ยวที่หรอ มานานรึยังเนี้ยพวกเราพึ่งมาเลย”

“มาได้สักพักล่ะ มาด้วยกันหรอ”

“อื้ม แต่ตอนมาถึงบิ้ตบี้เขาก็รีบวิ่งเขามาเลย ไม่รู้เป็นไร”

“หรอ”

“งั้นพวกเราไปก่อนน่ะ บิ้ตบี้ไม่ได้กินอะไรแต่เที่ยงเลย”

“อื้ม”

ประโยคเหล่านั้น เหมือน ลอยเข้าในหูของผม และ ลอยออกไปจากอีกทาง จากหูว้ายไปหูขวา จากหูขวาไปหูซ้าย ซ้ำไปซ้ำมา แต่กับเป็นว่าผมแถบจะไม่รู้เรื่องไรเลย

น้ำใสเธอได้ลากผมมาที่โต้ะของพวกเรา ที่มีพี่กัน พี่ๆอีกจำนวนหนึ่ง พร้อมกับอาหารต่าง และ แฮลกอฮอล์

“เป็นไรเนี่ย”

เมื่อมาถึงโต้ะพี่กันก็ถามผมเลย ต่อมาก้เป็นพี่ผู้หญิงที่มาด้วยกันกับเรา พวกพี่เค้าดูเป็นห่วงผม ผมเริ่มรู้สึกผิดที่ทำให้พวกพี่เป็นห่วง แต่ตอนนี้ผมสามารถบังคับอะไรได้ตามใจนึกเลย

“น้องบิตเป็นไรค่ะเนี่ย ดูซึม ๆ ”

อยู่ ๆ พี่อีกคนก็ได้หันไปหาพี่กันที่นั่งอยู่พร้อมกับจิบแฮลกอฮอล์ไปพลาง ๆ พี่กันมีสะดุ้งเล็กน้อยก่อนทำหน้าไม่รู้เรื่อง

“อี่กันมึงไปทำไรน้อง”

“กูเปล่า”

“ไม่ใช่มึงแล้วใคร”

“มาถึงรถไม่ทันจอดเลย ไอ้บิตมันก็โดดอออกจากรถลงมาก่อนเลย แล้วก็วิ่งไปไหนไม่รู้ กลับมาก็เป้นอย่างที่เห็นเนี้ย” พี่กันเล่าเหตุการณ์ทั้งหมดตอนที่เรามาถึงที่นี้ ผมกระโดดออกจากรถจริงอย่างที่พี่กันบอก เลยทำให้พี่กันเป็นห่วงและผมเลยรู้สึกผิดไปด้วย

ทำไงได้ผมเป็นห่วงแคน และ อยากเจอแคนอยากเห็นหน้าอยากกวน แต่กลับกลายเป็นว่าไปเจอแบบนั้น

มันทำให้ผมจุกอก

“อื้ม น้องบิตค่ะ ยิ้มหน่อยน่ะค่ะคนดี”

“ใช่ค่ะทำหน้าอย่างนั้นไม่หล่อน่ะค่ะ เด่ววันประกวดจะไม่ได้เป็นเดือนน่ะ”

“ครับ”

พวกพี่ต่างพากันมาปลอบผมถามผมแต่ผมไม่ได้บอกไรไปเลย ถ้าผมบอกไปมันจะเป็นเรื่องที่ไม่ดีต่อแคนและผมแน่ แล้วอีกอย่างผมไม่มีความกล้าพอที่จะบอกพวกพี่เค้า

“นี่มึงมีไรก็ปรึกษาพวกกูได้เลย ทุกเรื่อง เว้นแต่เรื่องเงินน่ะ555” พี่กันพูดติดตลกพร้อมกับส่งยิ้มมาให้ผม

เพื่อที่จะให้ผมอารมณ์ดีขึ้น ผมเลยส่งยิ้มไปให้พี่กันแทน

“อี่กัน เงียบ”

“ไม่ต้องไปสนมัน มันบ้า มาปรึกษาพวกพี่ดีกว่าอี่กันมนพึ่งไม่ได้หรอก”

“ขอบคุณคร้าบ” ตอนนี้ผมได้แต่ยิ้มและพยักหน้าเพื่อที่จะได้ให้ทุกคนในที่นี้หายเป็นห่วงผมซักที

“นี่บิตบี้นายยังมีเราอยู่น่ะ ไม่ต้องกังวลไป”

“ขอบใจน่ะน้ำใส”
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 06-06-2020 22:49:38 โดย ความเงียบ สีขาวดำ »

ออฟไลน์ ความเงียบ สีขาวดำ

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 24
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-0
Re: The taste of Loves รสชาติแห่งความรัก
«ตอบ #35 เมื่อ15-06-2020 22:44:03 »

Chapter 18
ทำไม....

หวีดดี่คร้าบบบ มาพบกับผมอีกครั้ง กับ ต้าร์ คนหล่อคนเท่คนดูดีคนสมาร์ทที่สุดในจักรกวาลกันเลย พวกคุณคงได้ฟังได้ยินเรื่องแผนการทั้งหมดของผมจากไอ้บิตกันแล้วน่ะครับ คุณคงคิดว่าผมอ่ะน่ะจะยอมช่วยและเข้าร่วมมือกับไอ้บิตมัน หึ บอกเลย ผมเปล่าร่วมมือกับมัน แต่ใช่ตัวมันทำลายตัวมันเองต่างหาก 555

ผมบอกมันให้ห่างจากไอ้แคน เพื่อที่จะให้มันได้ไปไกลจากไอ้แคนไงครับ 555 ทั้งหมดนั่นเป็นสิ่งที่ผมจะทำและคิดเป็นครั้งสุดท้ายเป็นสิ่งที่ผมถูกเจ้ยิ้มกับเฮียวอล์ฝากฝั่งมา เรียกว่าถูกบังคับละกัน(เอ้ะ หรือว่าผมคิดไปเองว่าต้องทำตามที่เจ้ยิ้มบอก แต่ช่างมันเห้อะ)ผมนี่เป็นเพื่อนที่ดีแล้วยังเป็นน้องที่ดีด้วย เจ๊งไหมล่ะทุกคน

แต่ว่าตอนนี้ผมกำลังคิดจะทำไร ที่ทำให้ตัวผมเองอาจจะรู้สึกผิดไปทั้งตลอดชีวิตอยู่รึเปล่ากันน่ะ

ต่อจากนี้ผมจะทำตามใจตัวเอง คือ ผมจะช่วยให้ไอ้แคนกับไอ้บิตได้รักกัน แต่คงไม่ต้องทำไรมากหรอก เพราะพวกมันสองคนรักกันอยู่แล้วนี้ แต่ แค่หนึ่งคนมันป๊อด เป็นไก่อ่อน กระจอกงอกงอย อีกคน โง่ไม่รู้ใจตัวเองและไม่รู้จักความรักเท่านั้น เฮ้ย ทำไมผมต้องมารู้จักคนเหล่านี้ด้วย เบื่อจริง ๆ เลย ทำคนหล่อเซ็งเป็ด

เอาง่าย ๆ ผมแค่อยากรู้ถ้าพวกมันห่างกันจะเป็นอย่างไร

ไอ้แคนมันจะกระวนกระวายหาไอ้บิตรึเปล่า แล้ว มันจะคิดได้ไหมว่ามันรู้สึกอย่างไงกับไอ้บิต ส่วนไอ้บิตเอง ตัวผมเองก็ไม่รู้ว่ามันจะได้อะไรกับสิ่งที่มันกำลังทำเลย แต่ถ้ามันลองอ่านและคิดดูว่าแผนการของผม มันไม่มีตรงไหนเลย ที่จะเป็นประโยชน์ต่อตัวมันเอง 555

ตอนนี้ไอ้แคนมันกำลังถือแก้วแฮลกอฮอล์ไปมา และโยกตัวไปตามเพลงอย่างเมามัน ตอนนี่มันกำลังเมาได้ที่อยู่เลย 555

ถ้าคุณถามถึงพี่แฟนล่ะก็ผมบอกเลยว่าผมเองก็ไม่รู้เหมือนกัน พอไอ้บิตไปพี่แฟนก็หายตัวไปไหนก็ไม่รู้ ผมเองก็ยังงงอยู่กับเหตุการณ์ที่กำลังเกิดขึ้นอยู่ในตอนนั้น แต่ผมตกใจอยู่ที่ไอ้บิตดันมาได้ยินคำสารภาพของพี่บิตที่มอบให้กับไอ้แคนผมคิดว่ามันจะพุ่งตัวไปต่อยพี่แฟนแล้วแต่มันกลับยืนนิ่ง

“เฮ้ย ไอ้แคน มึงไหวเปล่าไม่เนี่ย เฮ้ มึง ไอ้แคน” ตอนนี้ผมได้ลุกยืนขึ้นไปหาไอ้คนที่โยกไปโยกมา กำลังจะหน้าขมำพื้นอยู่แล้ว

ผมรีบเข้าไปพยุงตัวไอ้แคนก่อนมันจะล้มหาพื้น แล้วไอ้คนที่ผมพยุงก็หันหน้ามาหาผมแล้วพุดกับผมว่า

“เอ่อ กู่ สบ๋าย ดี” มันพูกด้วยน้ำเสียงที่ เมาและผมฟังไม่ค่อยเข้าใจ

“มึงดื่มหนักเกินไปเปล่าว่ะ กูว่ามึงพอดีกว่าแล้วเรากลับหอไปนอนกันดีกว่าว่ะ เด่ว...”

“จ่ะกลับกันไป่ทามมายยย กู่กามลางสานุกอยู่เลย”

“น้องแคนพอก่อนไหม”

“เอ่อพี่ก็ว่าอย่างนั้นแหละ น้องกลับไปก่อนดีกว่าน่ะ”

“ไว้ค่อยมาใหม่คราวหน้า”

“ใช่ๆ”

“อื้มไม่”

“พี่ผมพาเพื่อนผมกลับก่อนน่ะดูแล้วมันน่าจะไม่ไหวแล้วล่ะ”

ผมเลยพาไอ้แคนออกมาจากโต้ะด้วยการพยุงมันคนเดียว ค่อย ๆ เดินจนมาถึงที่รถของผมจดอยู่ ระหว่างทางกว่าจะกลับมาถึงได้ มันเดินเซไปเซมาอยู่นั่น แล้วเกิบล้มไปที่โต้ะของคนอื่น ๆ ตรงที่พวกเราผ่านมาด้วย

ผมนี่อยากด่ามันเลย แต่ถึงด่าไปมันคงไม่รู้สึกอะไรหรอก ไอ้แคนมึงน่าจะรู้ตัวเองน่ะว่าเป็นคนคออ่อนแต่กลับยกไปหลายแก้วเลย ลำบากผมไหมล่ะ เฮ้ย

เอ้ะ แล้วตาผมก้ไปสะดุดเห็นบางสิ่งบางอย่าง นั่นมันมันพวกกลุ่มคณะแพทย์นี้ เอ้ ใครกันกำลังโอบกันอยู่นั้น หืม นั่นมันไอ้บิตนี่น้า สภาพมันเหมือนกับคนเมาเลย ไม่ใช่สิ มันเมาอยู่แล้วต่างหาก แต่ว่ามันอยู่กับใครน่ะ

ผมค่อย ๆ หรี่ตาไปดูให้ชัด ๆ ว่าไอ้บิตมันกำลังโอบไหล่ใครอยู่กัน อื่มมมมม หน้าคุ้น ๆ เหมือนเป็นผู้หญิง อื้มมม ห้ะ น้ำใสไม่ใช่หรอ ผมลืมไปเลยว่าเธอนั่นมาไอ้บิตมัน พวกเขาคงกลับด้วยกัน คงไม่มีไรหรอก

“อึ้ก”เสียง

หื้ม มีอะไร

มีเสียงมันดังมาจากคนข้าง ๆ ผม คนนั่นมันก็คือคนที่ผมพยุงอยู่ ผมหันไปดูว่ามันมีอะไรเกิดขึ้น แต่พอผมกลับหันหน้าไปดูกับพบ ใบหน้าอันแดงกลำ ของไอ้แคนอยู่ แต่สายตาผมกับไปมองที่ดวงตาอันกลมโตสีดำของมัน ดวงตาที่ชอบแสดงถึงความรู้สึกของมันออกมา ผมได้พบว่า ดวงตานั่นกำลัง เศร้า อยู่

ดวางตาคู่นั่นกำลังจดจ้องไปหาคนสองคนที่กำลังโอบไหล่กัน อยู่ในระยะทางที่ห่างออกไปอันแสนไกล จดจ้องมองอยู่ด้วยสายตาอันเศร้าและความผิดหวังอยู่ ไอ้แคนนนอย่าบอกน่ะว่า...

“ไอ้แคนมึงหายเมาแล้วหรอ” ชิบหายแล้วมันตื่นมาเห็นตอนไหนกัน หรือว่าตอนที่มาถึง ไม่น่ะผมอยู่ตรงนี้เป็นเวลานานมากเลย มันคงเห็นหมดเลย

“อื้ม”    แคนมันตอบผมเพียงสั้น ๆ ขอบตามันเริ่มแสดงสีบางอย่างออกมาเลย ๆ ชัดขึ้น แล้วก็ชัดขึ้น ไปเป็นสีแดง

แต่ เพียงคำพูดเพียงคำเดียวที่มันตอบผมมา ผมก็รู้ได้เลยว่ามันกำลังรู้สึกอย่างไร มันคิดอะไร เพราะแววตาน้ำเสียงและใบหน้าของมันแสดงออกมาอย่างชัดเจนกว่าทุกทีเลย ว่าในตอนนี้มันรู้สึกอย่างไร

ถึงแม้ว่าผมจะรู้ ว่ามันรู้สึกอย่างไร แต่ก็ไม่ได้แปลว่าผมจะสามารถจัดการยังไงกับเหตุการณ์นี้ต่อไปได้ เพราะ ทุกทีคนที่เป็นแบบนี้ มันไม่ใช่ มันไม่ใช่ ไอ้แคน แต่เป็นคนอย่างผมเองต่างหากล่ะ จู่ ๆ ก็มีของเหลวสีใส ๆ เริ่มปริออกมาจากที่ตรงนั่นของแคน

ไอ้แคนมันกำลังทุกข์อยู่ ผมควรจะทำอย่างไรดี ผมควรจะพูดอะไรออกไปให้กับไอ้แคนมันได้ฟังและได้ยิน ผมควรจะ...ทำอย่างไร ช่วยบอกผมหน่อย ผมไม่อยาก เห็นเพื่อนที่ดีที่สุดของผมมันต้อง ร้องไห้ บอกผมที ช่วยผมด้วยเถอะ แล้วอย่างงี้ผมจะเป็นเพื่อนที่ดีได้อย่างไร


แคน

ตอนนี้สายตาของผมกำลังจดจ่ออยู่กับคนสองคนที่กำลังโอบไหล่กันอยู่ตรงข้างกับรถยนต์ และ คนที่ถูกโอบไหล่คือผู้หญิงที่มีชื่อว่าน้ำใสคนที่ผมเคยเจอก่อนหน้านี้ และ คนที่โอบอยู่นั่นคือ ไอ้บิต ทำไมไอ้บิตมันถึงต้องไปโอบไหล่ของน้ำใสด้วยล่ะ มันจะล้มหรอ หรือแค่โพส์ตท่าจะถ่ายรูป แล้วไหนล่ะกล้องไหนล่ะคนถ่าย หรือ มัน...ทำไม ทำไม ทำไม กันน่ะมันถึงต้องไปโอบไหล่ผู้หญิงคนนั่นด้วย

ทำไม

ทำไม

ทำไมกันน่ะ

.......ทำไมผมถึงไม่อยากให้ไอ้บิตโอบไหล่ผู้หญิงคนนั้น ทำไมผมถึงโมโห โกธร อิจฉาผู้หญิงคนนั้นที่ได้อยู่กับมันที่ได้อยู่กับมันตลอดเวลา ทำไมมันถึงไม่มาหาผมอย่างที่เคย ทำไมมันถึงมาอยู่ที่นี้ ทำไมมันถึงเข้ามาหาผมกันน่ะ ทำไมกันน่ะ...

ที่ผมถึงคิดเรื่องอะไรจำพวกนี้ออกมาอยู่เต็มไปหมดในหัวของผม เพราะอะไรกันล่ะที่ทำให้ผมคิด และ ทำให้ผมรู้สึกอย่างนี้

แล้วทำไม ถึงมีน้ำใส ๆ ไหลออกมาอาบแก้มผมล่ะ ฝนตกหรอ หรือ เพราะผมมีเหงื่อไหล แต่นี้มันกลางคืนน่ะ อากาศมันเย็นจะตายไปไม่เห็นร้อนเลย แต่ทำไมตาผมมันร้อนล่ะ ทำไมมือผมถึงเย็น ทำไมร่างกายของผมเหมือนกลับไม่มีแรง อ่อนไปหมด แล้ว ทำไมอกของผม มันเจ็บ นี่หรือว่าผมป่วย
.
.
.
.
.
.
หรือเป็นเพราะ.......ไอ้บิต

หลังจากนั้นไอ้ต้าร์ก็พาผมมาขึ้นรถของมัน พามาส่งยังที่คอนโดของผม มันไม่พูดอะไรกับผมซักคำ มันเอาแต่เงียบไม่พูดจากวนประสาทผมยังเคยและทำหน้าตาเศร้า ผมไม่รู้ว่ามันเป็นอะไร แต่ก็ดีแล้วละครับเพราะตอนนี้ผมอยากอยู่คนเดียว คุยกับตัวเอง

พอผมขึ้นมาถึงห้องผมได้เอาหัวอันหนักอึ่งของผมทิ้งลงไปในหนอม อ่าสบายจัง เหตุผลที่หัวผมปวดและหนักนี้ผลมันมาจาก แฮลกอฮอล์หรือเพราะเรื่องที่ได้เจอในวันนี้กันแน่  พรุ่งนี้คงไม่มีอะไรเลวร้ายไปกว่านี้แล้วละ

ผมตื่นมาพร้อมกับความเจ็บปวดหัว ไม่น่าดื่มเยอะเลย ความทรงจำเกี่ยวกับเรื่องเมื่อคืนแถบไม่มีในหัวผมเลย ผมจำได้ว่าเดินเข้านั่งโต๊ะเดียวกับพวกรุ่นพี่ของไอ้ต้าร์ แล้ว พวกรุ่นพี่ก็ชงแฮลกอฮอล์มาให้ผมกิน แล้ว ผมก็วาปร์มาที่ห้องผมเฉยผมจำอะไรไม่ได้เลย

ก๊อก ก๊อก (เสียงเคาะประตู)

“ไอ้แคนนนนน” เสียงไอ้ต้าร์ดังออกมาอยู่ด้านหลังของประตู ผมเลยเปิดประตูออกทำให้เห็นใบหน้าของมัน

“มีไรไอ้ต้าร์” ผมถามมัน

“มึงยังมึนหัวอยู่ไหมเนี่ย” ไอ้ต้าร์มันถามถึงอาการของผม ตอนนี้ผมรู้สึกโอเครกว่าตอนตื่นนอน

“อื้มนิดหน่อย เอ่อว่าแต่เมื่อวานตอนกูเมา กลับมาพร้อมกับใครว่ะ ใช่มึงเปล่าไอ้ต้าร์”

ผมถามไอ้ต้าร์เกี่ยวกับเรื่องของเมื่อวานว่าผมกลับมาถึงห้องกับใคร มันทำท่าทางตกใจที่ผมถามแบบนี้ออกไป

“เด่ว มึงจำไรไม่ได้เลยหรอ”

“อื้ม จำไม่ได้ว่ะ ว่าแต่กูทำไรไปบ้างว่ะตอนเมา” หวังว่าผมจะไม่ทำอะไรแย่ ๆ ออกไป มีหวังอายทั้งมหาลัยแน่ เดินไปไหนก็จะถุกล้อ

“หมายถึง...” มันยังคงงกับคำถามของผม

“หมายถึงว่ากูทำตัวอะไรแปลก ๆ ไปหรือเปล่าหรือพูดอะไรออกไป ทำนองเนี่ย”

“ไม่มีน่ะ”

“หรอ”

“เชื่อกูดิแคน”

ออฟไลน์ psychological

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 253
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +41/-0
Re: The taste of Loves รสชาติแห่งความรัก
«ตอบ #36 เมื่อ15-06-2020 23:18:08 »

 :pig4:

ออฟไลน์ ความเงียบ สีขาวดำ

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 24
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-0
Re: The taste of Loves รสชาติแห่งความรัก
«ตอบ #37 เมื่อ29-06-2020 21:15:48 »

Chapter 19
หมายความว่าอะไร


ไอ้ต้าร์ได้พาผมไปยังมหาลัยเพื่อเรียนและมันก็ไปทำธุระของมันต่อ วันนี้มันช่างน่าเบื่อ ผมเหมือนคนที่ไร้ชีวิตชีวามากเลยวันนี้ ผมเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมตัวเองถึงได้กลายเป็นสถาพแบบนี้

วันนี้ก็ผ่านมาได้ครึ่งวันแล้ว ผมเข้าเรียนภาคเช้า อาจารย์สอนและบรรยายเรื่องที่เรียน ผมก็นั่งจดบันทึกและฟังอาจารย์บรรยายพร้อมกันเหมือนปรกติ แต่ทำไมผมกับกังวลและไม่เข้าใจในเรื่องที่อาจารย์สอนเลย

โอ้ย ทำไมเนี้ย ผมสะบัดหัวไปมาหลาย ๆ ครั้ง ทำให้มิ้นกับต้นกล้า สะดุ้งและแปลกใจกับท่าทางของผม

“แคนนายเป็นไร ไม่สบายรึเปล่า” มิ้นถามผม เมื่อเห็นท่าทางแปลก ๆ ของผม

“เราโอเครทุกอย่างเลย” ผมบอกมิ้นไปอย่างนั้น

“อื้ม ถ้านายไม่โอเครหรือไม่สบายอะไรบอกเราได้ทุกเมื่อเลยน่ะ” มิ้นพูดจบแล้วก็ส่งยิ้นหวานมาให้ผม เธอยิ้มสวยมากจริง ๆ

“อืม”

“แต่ตอนนี้ไปหาไรกินดีกว่า ไปลุกได้แล้วไอ้ต้นกล้า” เมื่อมิ้นพูดจบ ทุกคนในโต้ะพากันลุกขึ้นยืนแล้วเก็บของใส่ในกระเป๋า

แล้วเดินทางไปยังโรงอาหารรวม เพราะมิ้นอยากไปที่นั้น พวกผม 2 คนได้แต่ทำตามที่มิ้นบอก

พวกผมเดินทางกันมาจนถึง ผมรีบกวาดสายตามองหาร้านอาหารอย่างไว ผมนี่แทบหอวจนไส้จะขาดแล้ว มิ้นกับต้นกล้าก็ทำเหมือนกับผม แต่มิ้นกับมองหาบางสิ่งบางอย่างพร้อมกับอาหารไปด้วย

ใช่ครับ มิ้นสำรวจผู้ชายไปด้วย 555 เป็นปรกติของคนเราแหล่ะที่จะชอบมองหาแต่สิ่งที่คนเราสนใจ เหมือนกับผมที่มองหาไอ้บิตด้วย ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมช่วงหลัง ๆ นี้ถึงชอบไปมองหามันตลอดเลย

พวกผมได้อาหารที่จะกินในวันนี้ได้แล้วก็กลับมาที่โต้ะ ผมได้ข้าวหมูกรอบกับน้ำจิ้มมากิน มันอร่อยมากเลยครับ ส่วนสองคนนั้นพวกเขาก็ได้ของ ๆ ตนเองมากิน

“มรึงงง มึง อีต้นกล้า” พวกผกำลังกินข้าวกัอยู่ มิ้นก็ส่งเสียงเรียกต้นกล้า พวกเลยหยุดกินแล้วหันหน้าไปหามิ้น

มิ้นทำหน้าแดงก้ำอ่อน ๆ เหมือนลูกพีช แล้วทำท่าลุกลี้ลุกลน บิดไปบิดมา เหมือนเด็กน้อยได้ของเล่นไม่มีผิดเลย

“โอ้ยเป็นเชี้ยไรเนี้ย” ต้นกล้าถาม

“นั่นสามีกรู” มิ้นพูดเสร็จแล้วแล้วชี้นิ้วไปทางอื่นเพื่อให้พวกผมมองตาม

ผมหันไปตามนิ้วอันนเรียวของมิ้นพบ สิ่งที่นิ้วชี้ไปคือ หนุ่มหน้าตาดีที่ใคร ๆ ต่างก็มองมัน คือ ไอ้บิต มันมาที่นี้ กับพวกพี่ ๆ ของมัน

มันเดินมา โดยที่มีสายตามองมาทางพวกผม หรือเปล่าหรือผมคิดไปเองแต่มันกับไม่ยิ้มเหมือนช่วงหลังที่เราเจอกันแต่กับทำหน้าเย็นชาเหมือนตอนเจอกันช่วงก่อน ๆ มันเป็นอะไรของมัน

“พวกมะโน” ต้นกล้าพูด แล้วมิ้นก็หันไปตอบต้นกล้า

“มึงพูดไร”

“นั่นไงตัวจริงของเขาอ่ะ ควงแขนกันซะขนาดนั้นอ่ะ ถ้าไม่เรียกว่า ฟอ แอ นอ แฟน แล้วจะเรียกว่าอะไรละ”

ไอ้บิตมันยังคงเดินมา ตรงที่พวกผมอยู่แล้วมีผู้หญิงคนหนึ่งเดินเข้ามาขว้าแขนไอ้บิตมาควงไว้ ทำให้มีเสียงซุบซิบกันเกิดขึ้น

ผู้หญิงคนนั้นหน้าคุ้น ๆ เหมือนเคยเจอกันมาก่อน ช่างเป็นผู้หญิงที่สวยอะไรขนาดนั้นเพราะพวกผู้ชายแถวนี้กับมองตามกันเป็นแถบ ๆ น่ารักและก็ขาวอมชมพูและสวยในคน ๆ เดียว

“หึ้มมมม”

“อิจฉาเขาละซิ” ต้นกล้าพูดกับมิ้น

“มึง นี้น่ะเด่วก่อนเถ....”

ก่อนที่มิ้นพูดจบทั้งสองก็มายืนอยู่ตรงข้างโต้ะ พวกผมแล้ว มิ้นทำท่าทางกังวลและเขินอายเมื่อมองไอ้บิต แต่ไอ้บิตกลับหันหน้าไปมองทางอื่นแทน ไม่แม้มองผมหรือคนในโต้ะเลย

“อ้าว หวัดดีเราเจอกันอีกแล้วน่ะ” ผู้หญิงคนนั้นทักทายผม

“หา...คือว่าพวกเราเจอกันมาก่อนหรอ” ผมสงสัยทำไมผุ้หญิงคนนี้ถึงมาทักผมได้ล่ะ

“หื้ม ก็เมื่อวานไง จำไม่ได้หรอ”

“...”

เมื่อวานตอนที่ไปกับไอ้ต้าร์หรอแต่ผมจำไม่ได้ว่าได้เจอกับเธอซักหน่อ.... แต่ก็คุ้น ๆ หน้าของเธอเหมือนกัน

“ตอนที่เราเข้ามาหาบิตบี้ไง นายจำเราไม่ได้หรอเด่วเราทำท่าตอนที่เราเจอกันให้ดูน่ะ นายอาจจำได้” พูดจบเธอได้ปล่อยแขนไอ้บิตออกแล้วเดินไปเรียบเรียงสถานการณ์ที่เธอกำลังจัดขึ้นเหมือนกับเข้าฉากละคร

“บิตบี้มานี้หน่อย...”

“...”

“เร็ว ๆ” เธอได้ใช้มือกวักเรีอกไอ้บิตให้มายืนตรงนั้น

“...”

“ยืนตรงนี้น่ะ...แล้วก็...ยกแขนขึ้น” ไอ้บิตมันก็ทำตามที่ผู้หญิงคนนั้นบอกทุกอย่างโดยทำหน้าหมดอารมณ์ตายอยาก

ภาพตรงหน้ามันคุ้นเหมือนเคยเห็นมาก่อนหน้านี้เลยเหมือนกับว่ามันพึ่งเกิดขึ้นเมื่อวานนี้ตอนผมไปกับไอ้ต้าร์ ผมคงเมาแล้วจำไรไม่ได้แน่เลย

“...”

“นี้ไงเป็นไงจำได้มะ”

“เอ่อ”

“แต่เรายังไม่ได้แนะนำตัวกันอย่างเป็นทางการเลย เราชื่อ น้ำใสน่ะหวัดดี แล้วเรายังเป็นดาวคู่กับบิตบี้ด้วยน่ะ” น้ำใส...เหมือนผมเคยได้ยินมาก่อนน่ะ เพราะมันคุ้น ๆ มากผมเลยแนะนำตัวเองกับไปหาเธอ

“...เอ่อ เราชื่อแคนน่ะ ยินดีที่ได้รู้จัก”

ผมพูดจบไอ้บิตมันก็เดินออกไปไหนของมันก็ไม่รู้ ทำให้น้ำใสอยู่คนเดียว “เอ้ บิตบี้ไปไหนอ้า รอเราด้วยสิ จะทิ้งเราหรอออ ^_^ งั้นเราไปก่อนน่ะแคน”

“อื้ม”

“หูยเกาะหนึบขนาดนั้น ทำไมไม่สิงร่างกันเลยล่ะ หึ้ย!” มิ้นพูดออกหลังจากที่น้ำใสวิ่งไปหาไอ้บิต

“มึงก็ไปว่าเขา ตอนเขาอยู่เงียบไม่พูดไรเลย พอไปได้นิดหน่อยก็เริ่มละ”

“ก็มันน่าไหมล่ะ เหมือนทำให้ทุกคนคิดว่ามันไม่ได้เป็นแค่เพื่อนแน่ๆ เหมือนบอกว่านี้ของกรูอย่างเงี้ย” คนนี้ของเขาหรอ.....

“พอ ๆ ไม่อยากยุ้งล่ะ”

“หึ้ย แคนเราทำไงดี” มิ้นหันมาปรึกษากับผม

“หื้มทำไรล่ะมิ้น” ผมตอบมิ้นไป

“เราว่าเราไปตักตบอีน้ำใสกันมะ ให้หน้ามันได้ไปเกลาหลีอย่างเงี้ย” มิ้นพูดออกมาติดตลก แต่ใจจริงคงอยากทำอย่างนั้นแน่เลย ทำให้ต้นกล้ามองบนและทำหน้าระเอือมระอากับมิ้น

“โห เราไม่คิดเลยว่ามิ้นจะชั่วขนาดนี้” ผมเลยหันไปพูดแกล้งมิ้น ทำให้มันพูดออกมา

“โหแคนอ่ะ”

“555”

พวกเราสองคน ผมต้นกล้าหัวเราะออกมาหลังจากที่มิ้นทำหน้าเสร็จ และหันมากินอาหารกันต่อ

แต่กลับมีรุ่นพี่เดินเข้ามายืนอยู่ข้างโต้ะ ของพวกเรา รุ่นพี่เขาจองมองมายังที่ผม อันนี้ผมไม่ได้เข้าข้างตัวเองเลยน่ะ พี่เขายื่นหน้ามาตรงหน้าผมเลย แถมยิ้มมาให้ด้วย ยิ้มโชว์ฟันขาวมาให้ผมและต่อมาก็มีพวกรุ่นพี่มาเดินเข้ามาที่โต้ะผมอีกเยอะเลยยืนเรียงเป็นแถว พออะไรจัดแจงเรียบร้อยพี่เขาก็พูดออกมา

“สวัสดีครับน้องแคน”

“…” ผมไม่รู้ว่าจะตอบอะไรกับรุ่นพี่ที่ทักผมเลย รุ่นพี่คนนี้หน้าคุ้น ๆ เหมือนเคยเจอกันมาก่อนเลย

“เราจำพี่ไม่ได้หรอ”

ผมส่ายหน้าเบา ๆ แทนการพูดกับพี่เขา พี่เขาหันหน้าไปหาเพื่อน เหมือนกับขอคำปรึกษา

แต่จ่าไปก็คุ้นเหมือนกัน ว่ารุ่นพี่คนนี้เคยมาพูดอะไรกับผมซักอย่างหนึ่งแต่นึกไม่ออกเลยว่าเรื่องนั้นเป็นเรื่องอะไรแล้วพี่เขาชื่ออะไร

“นี่พี่แฟนไง ที่เจอกันเมื่อวานอ่ะ พอจำได้ไหม”

“ม่ายได้ครับ”

“ไอ้ที่ขอน้องครบเป็นแฟนไง” ภาพในความทรงจำอันน้อยนิดของผมก็กำลังประติดประต่อกันใกล้เข้าที่

แต่ว่ามันอย่างขาดบางช่วงบางตอนอยู่เลย ว่าทำไมน้ำใสถึงมาหา ทำไมผมถึงกลับมาถึงห้อง แล้วหลังจากที่พี่แฟนสารภาพกับผม มันเกิดอะไรขึ้นต่อจากนั้น ไหนไอ้ต้าร์บอกผมว่าไม่มีเรื่องอะไรเลยไง แสดงว่ามันโกหกผม

ถ้าเกิดเจอมันผมจะจับมันมาถามว่าเรื่องทั้งหมดมันเกิดขึ้นได้อย่างไร และมีเหตุการณ์อะไรเกิดขึ้นบ้างเพราะผมจำไม่ได้หมด

“เห้ยไม่ใช่ล่ะ พวกมึงจะไปไหนก็ไปเลย ไปปป”

ผมจำได้แล้วตรงช่วงที่ได้พูดคุยกับพี่เขา จำได้ทุกประโยคแล้วเหตุการณ์ต่อจากนั้นก็คือ ไอ้บิตมายืนอยู่ตรงหน้าผม

ส่วนน้ำใส ผมจำได้ว่าไอ้ต้าร์มันเป็นคนเรียกชื่อของเธอ และเธอมาพร้อมกับไอ้บิตแต่ว่ามันมาทำไมที่นั้น

“อ้อครับ”

“จำได้แล้วใช่ไหม”

“ครับ”

“แล้วคำตอบของน้องแคนล่ะ” พี่เขาแสดงสีหน้าที่ขาดหวังกับคำพูดของผมท่ต้องตอบพี่เขาไป ผมเริ่มรู้สึกเสียใจ ที่ต้องทำให้พี่เขา ต้องถูกผมปฏิเสธไป ผมไม่ได้ชอบพี่เขา

“…”

“เรื่องที่พี่ขอจีบไง”

ตู้มม

มีคนเอาน้ำมาหกใสตรงที่พี่แฟนอยู่ คนคนนั้นก็คือไอ้บิต ทุกคนต่างหันมามองแค่แวบเดียวแล้วหันไปทำเรื่องของตัวเองต่อ โดยไม่สนใจ

น้ำสีแดงหกใส่เสื้อสีขาวจนเป็นสีแดงฉ่ำ พร้อมกับใบหน้าอันเฉยชาของคนกระทำผิด

“เห้ย ทำไรของแกฟระ”

“ขอโทษครับพอดีผมสะดุดครับ” มันหันไปตอบพี่แฟน แต่กลับแอบช่ำเรืองแล่มองผมเล็กน้อย

ว็อด มันเกิดอะไรขึ้นกับไอ้บิต ทำไมมันต้องมองผมด้วยแววตาแบบนั้น แล้วท่าทีที่แสดงออกแบบนั้นอีกเป็นไรไปว่ะ ทำไมถึงทำอย่างนี้

“หึ้ย...”

“เป็นไรมากเปล่า กูขอโทษแทนน้องมันด้วยน่ะ” พี่กันรีบพุ่งตัวมายังที่ตรงนี้พร้อมกับแก้ตัวแทนไอ้บิต

“อื้มที่หลังระวังหน่อยแล้วกัน”

“ครับ”

“ว่าแต่ หน้าคุ้น ๆ น่ะเหมือนเคยเจอที่ไหนมาก่อน....” พี่แฟนสำรวจใบหน้าไอ้บิตไปทีละนิดก่อนพูดออกมา

“อ้อไอ้เด็กนั่นนี้หว่า”

“งั้นผมขอตัวก่อนน่ะครับ” มัตัดจบแบบกวนโอ้ยมาก และไม่หันไปหาพี่แฟนเลยพร้อมไปทุกเมื่อทำให้พี่แฟนรู้สึกโมโห

“เห้ยมึง...”

“พี่แฟนครับ ผมคงไม่สามารถตอบตกลงกับพี่ได้หรอกน่ะครับ” ผมเรียกชื่อพี่เขาไว้ก่อนที่พี่เขาจะหันไปมีเรื่องกับไอ้บิต ทุกคนหันมาที่ผมรวมถึงคนที่กำลังจะเดินจากไป

ผมพูดอ้อมค้อมบอกกับพี่แฟน เพื่อให้เจ็บน้อยที่สุด

“ทำไมล่ะน้องแคน”

“คือผมไม่ได้ชอบพี่”


“ไม่เป็นไรเด่ว สักวันพี่จะทำให้น้องแคนชอบพี่เอง” พี่แฟนยังพยามโน้มน้าวใจผม หรือกำลังพูดให้ตัวเองรู้สึกดีอยู่ แต่ถึงอย่างนั้น เรื่องที่ว่าผมไม่ได้ชอบพี่แฟนก็ยังคงเป็นจริงอยู่ดี

“…”

“มึงพอเหอะ” เพื่อนพี่แฟนเขาเข้ามาวางมือบนไหล่พร้อมกับพูด

“...อื้มเอาแบบนั้นก็ได้ครับ”

พี่แฟนหยุดแล้วทำหน้าเศร้าแล้วเดินออกไปพร้อมกับเพื่อน ๆ ของพี่เขาที่ปลอบต่อจากนั้นไอ้บิตก็เดินจากไปโดยที่ไม่มองผมเลย ตอนนี้ผมมีความรู้สึกหลากหลายอารมณ์มาก ไอ้บิตไม่สนใจผม ผมพึ่งทำให้พี่แฟนเสียใจ แล้วยังถูกเพื่อนที่ไว้ใจโกหก แล้วคนที่ผมชอบยังมาทำท่าที่แบบนี้กับผมอีกผมควรทำยังไง

ออฟไลน์ ความเงียบ สีขาวดำ

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 24
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-0
Re: The taste of Loves รสชาติแห่งความรัก
«ตอบ #38 เมื่อ02-08-2020 23:55:42 »

Chapter 20
PANDORA’S BOX

หลังจากนั้นผมก็ได้โทรไปหาไอ้ต้าร์แล้วถามมันกับสิ่งต่าง ๆ ตั้งแต่ตอนที่ผมไปถึงเลยแล้วหลังจากนั้นมันเกิดไรขึ้น ถึงบางช่วงบางตอนผมจะรู้ก็เถอะว่าเกิดอะไรขึ้น แต่เพื่อความแน่ใจและข้อมูลที่ถูกต้อง ร้อยเปอร์เซน

ผมคุยกับมันไม่นานมากหรอกครับ แค่ให้มันเล่า เรื่องทั้งหมดเท่านั้นเอง

ตอนแรกมันก็ไม่ยอมเล่า แล้วแถ่ไปเรื่องอื่น เปลี่ยนเรื่องบาง ทำเหมือนว่าพวกเราไม่ได้คุยกันเรื่องเกี่ยวกับเหตุการณ์ในวันนั้นเลย

แต่ สักพักมันก็ยอมเล่า แต่มันเล่าไม่หมด และไม่ยอมบอกทุกเรื่องกับผมก็เถอะ แถมยังมาเปลี่ยนเรื่องอีก จนผมขอร้อง มันเลยถึงยอมบอกผม มันเล่าว่า

มันไม่รู้ว่าเหตุการณ์ต่างที่เริ่มตั้งแต่ไหน ไอ้ต้าร์มันบอกว่ามันเห็นผมมาถึงก็โดนรุ่นพี่คะยันคะยอให้ดื่มไปที่ละแก้วจนหมดก็ต่อด้วยอีกแก้ว ตอนนี้ผมจำไม่ได้ แล้วหลังจากนั้นก็ไปเข้าห้องโดยมีมันพาไปล้างหน้าล้างตาให้สร่าง

หลังจากผมค่อย ๆ มีสติก็กลับมานั่งที่โต้ะ สักพัก จนโดนพี่แฟนมาสารภาพรักใส่ ตอนนั่นจู่ ๆ ก็ ไอ้บิตมันโผล่ออกมาจากไหนก็ไม่รู้ เลยทำให้ทุกคนต่างสนใจไอ้บิตมัน แล้วพี่แฟนก็ออกไปไหนไม่รู้กับพี่ปอย(ใครก็ไม่รู้ ผมไม่ยักจำได้ว่าเคยรู้จัก)จนฟ้าใส่เข้ามาลากไอ้บิตกับไป

แล้วผมก็เหมือนล้มลงไปนั่งกับพื้นจนพวกพี่เขามาดูว่าผมเป็นอะไร แล้วพยุงไปยังที่โต้ะ ตอนนั้นมันบอกว่าผมเอาแต่ยกแก้วดื่มต่อเนื่องโดยไม่พักเหมือนคนไม่มีสติเลย เหมือนคนที่กำลังคิดอะไรอยู่ หลังจากนั้น ผมเมามันเลยลากมาที่คอนโดผมปล่อยผมนอนในห้องนั้น

ผมได้รับรู้ถึงความรู้สึกของไอ้ต้าร์เลยว่าตอนนั้นมันเป็นห่วงผมแค่ไหน มันดูแลผมเป็นอย่างดีผมไม่รู้ว่าจะหาเพื่อนแบบมันได้ที่ไหนอีก

ไอ้ต้าร์เล่าเสร็จแล้วผมก็ไม่รบกวนมัน และ วางสายมัน ไอ้ต้าร์มันเล่าให้ผมฟังอย่างกับว่ามันเหมือนกับว่า มันเป็นหนังเรื่องหนึ่งเลย ผมได้นึกถึงบางตอนที่มันเล่า ผมได้สะดุด แล้วคิดนึกถึงตอนที่ไอ้ต้าร์เล่าถึงตอนที่ไอ้บิตมาเห็นพี่แฟนกำลังสารภาพรักบอกกับผม ตอนนั้นผมอยากรู้ว่าไอ้บิตมันจะแสดงสีหน้าอย่างไรในตอนนั้นที่เกิดขึ้น

มันจะยิ้มหรือทำหน้าท่าทางรังเกียจผมที่ผมชอบผู้ชาย เพราะผมไม่เคยถามมันเกี่ยวกับเรื่องนี้ว่ามันรังเกียจไหนที่เห็นคนชอบเพศเดียวกัน

เพราะถึงปัจจุบันจะมีคนที่เปิดใจกับเรื่องนี้มากก็เถอะแต่ก็มีคนส่วนน้อยที่ยังไม่ยอมรับ ผมกลัวว่ามันจะเป็นคนส่วนน้อย กลัวว่ามันจะจากผมไปเพราะเรื่องที่ผมชอบผู้ชายด้วย แล้วคนนั้นยังเป็นมันอีกมันจะรู้สึกอย่างไร

มันจะรังเกียจมันจะเมินผมหรือเลิกเป็นเพื่อนกับผม หรือ เลวร้ายที่สุดคือมันหนีผมไป โดยที่ผมไม่สามารถเห็นใบ หน้า ของ มันใบหน้าของไอ้บิต ที่ค่อยแสดงท่าทางเย็นชาและยิ้มให้ผมนั้นอีกเลยตลอดกาล

แล้วตอนนี้ ไอ้บิตมันก็ยังทำตัวแปลก ๆ กับผมด้วย เหมือนมันไม่สนใจผมเลย เหมือนราวกับว่าเราสองคนไม่เคยเจอกันมาก่อนเลย มันทำให้ผม ผมไม่กล้าแม้แต่ที่จะไปทักมัน หรือ มองหน้าไอ้บิตมันตรง ๆ ด้วยซ้ำ แต่ ผมจะมาเก็บความรู้สึกไว้แบบนี้ไม่ได้ ผมควรจะบอกมัน แต่คงจะไม่ใช่ในเร็ว ๆ นี้ แน่เพราะผมยังไม่พร้อม ที่จะบอกมัน



เช้านี้ผมตื่นขึ้นมาในวันที่อากาศไม่ดี แถบจะแย่ เพราะฝนตกตั้งแต่เมื่อคืนเลย ผมนอนไม่ค่อยหลับเท่าไหร่เพราะเมื่อคนเมาแต่คิดถึงเรื่องวันสองวันที่ผ่านมา ทำให้ผม ปวดหัว กังวล และ นอนไม่หลับ ต้องคอยข่มตานอน ให้หลับ

วันนี้ฝนตกค่อนข้างหนักและยังมีพายุพัดมาแรงมาก ผมนี้ยังไม่ได้จัดการกับเรื่องชีวิตของตนเองเลย ผ้าก็ยังไม่ได้ซักเพราะคงเอาไปตากไม่ได้ ฝนมันตก ข้าวเช้ายังไม่ได้กินเลย เพราะ ของในตู้เย็นหมด พึ่งบ่นให้ไอ้ต้าร์ฟังไปเมื่อเย็นเอง มันบอกว่าจะเอาของมาให้เช้านี้

จะว่าไปสภาพอากาศนี้ก็มีหลากหลายรูปแบบเหมือนกัน มีสว่างจ้า แดดแรง มีฝน มีเมฆบาง ถ้าเปรียบว่าความรู้สึกของผมตอนนี้เหมือนกับสภาพคงเหมือนกับ เมฆที่อึมครึม หมนหมอง เหมือนใบหน้า และน้ำที่ไหลลงมาจากเมฆเหมือนกับความรู้สึกของผมที่อยากจมดิ่งไปจากโลกนี้

ผมทนกับความหิวไม่ไหวเลยลุกไป ชงกาแฟและหยิบคุกกี้มา แล้วผมเปลี่ยนที่นั่งไปยัง ผมมานั่งอยู่ตรงแถบใกล้กับระเบียงแต่กั้นด้วยพนังมันมีช่องโหว่เป็นวงกลมเข้าไปเป็นพื้นที่ ผมชอบมานั่งคิดอะไรหรือทำงานผมเอาเบาะรองนั่งมาวางพร้อมกับโต้ะมาวางไว้

ผมนั่งมองหน้าต่างแล้วจ้องมองออกไปข้างนอกเหมือนกับคนอกหัก เสียใจ ที่โดนประฎิเสษมาแปป พร้อมนั่งบนเบาะจิบกาแฟรสขนจากของนอกที่น้าของผมส่งมาให้ไปพลาง ๆ  น้าผมเธอรู้ดีว่าผมนั้นชอบอะไรที่มันขม ๆ เธอเลยส่งมาให้เมื่ออาทิตย์ก่อนกินกับ คุกกี้รสช็อกโกแลต อันเข้มข้นจากบ้านผมทำขึ้นมาเอง(ขายของตัวเอง อิอิ)

แล้วตรงที่ไอ้บิต มันอยู่ฝนมันจะตกเหมือนกับตรงที่ผมอยู่ไหมนะ พายุจะพัดแรงเหมือนกับที่ผมอยู่รึเปล่า มันจะมองเห็นภาพ ๆ เดียวกันกับผมไหน หรือว่ามันกำลังอยู่กับใครหรือกำลังคุยกับใคร คนอื่น คำถามเหล่านี้ได้ผุดขึ้นมาอยู่เต็มในหัวของผม อย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน

มันเป็นครั้งแรกที่ผมเป็นแบบนี้ นี้มันเรียกว่า ความคิดถึงไหมน่ะ เพราะผมไม่รู้และไม่เคยคิดแบบนี้กับใครมาก่อน มันจะเหมือนที่ผมคิดถึง ป๊า ม๊า เจ้ และ เฮีย ผม และเพื่อนคนสำคัญของผมอย่างไอ้ต้าร์ไหม

ก๊อก ก๊อก ก๊อก

เสียงเคาะประตูดังขึ้นมา คงเป็นไอ้ต้าร์แหละที่มาเคาะประตูห้องของผม ไอ้ต้าร์มันคงจะมาส่งของให้กับผมแล้วละ

ผมดันตัวลุกยืนขึ้นแล้วจัดวางแก้วกาแฟที่ผมพี่งดื่มไปครึ่งแก้วเอง แล้ววางไว้บนโต้ะเหมือนบาร์ไม้ ตัวสีขาวมีสีดำตัดเล็กน้อย ที่ซื้อมาวางตกแต่งห้องและเป็นที่วางกระถ่างต้นกระบองเพชรของผม โต้ะบาร์ แต่ไม่มีเก้าอี้ไว้นั่ง

แอร็ด
คนที่ยืนอยู่ตรงหน้า ผมไม่ใช่คนที่โทรหาผม ไม่ใช่คนที่ผมคุยด้วยเมื่อวันก่อน ไม่ใช่คนที่รู้เรื่องเกี่ยวกับผมทุกเรื่อง และไม่ใช่คนที่ผมไหว้วานให้ไปซื้อของและอาหารมาให้ผม

แต่กับ เป็นคนที่ผมอยากเจอ คนที่ผมอยากจะเห็น อยากจะคุยและทักทาย ทุกครั้งที่เห็น คนที่สูงกว่าผม หน้าตาดีกว่า คนที่ตัวใหญ่กว่าผม คนที่มีความน่าดึงดูดกว่า คนคนนั้น คือ ไอ้บิต

มือของผมเริ่มสั่น ร่างกายของผมเริ่มร้อนขึ้นอย่างกะทันหันโดยไม่แคร์สถาพอากาศที่เย็นในตอนนี้เลย และ หัวใจของผมเริ่มสั่นโดยไม่เป็นจังหวะ ปากผมเริ่มสั่นทันทีที่ผมจะเอ่ยปากเรียกชื่อคนตรงหน้าผม

“ไอ้...บิต.”

ไอ้บิต มันยืนอยู่ตรงหน้าผม มือข้างหนึ่งมันถือของที่เหนือน กับที่ผมบอกให้ไอ้ต้าร์ซื้อมาให้ผมเลย ไอ้บิตมันคงซื้อมาให้ผม ไม่ผมจะไม่คิดอย่างนั้น มันสวมเสื้อยืดลายตัวการ์ตูนสวมกางเกงสั้นแล้วยังมัดผมเป็น จุกอยู่กลางหัวของมัน และสะพายกระเป๋าคาดเอว ทำไมมันแต่งตัวอย่างนี้ยังดูดีอีก ผมคงไม่อวยมันเกินไปหรอกใช่ไหม เพราะ ตอนนี้ไม่ว่าไอ้บิตมันจะทำอะไรจะแต่งตัวะไรมันคงดูดีทุกอย่างในสายตาผมแล้วล่ะ

มันยังคงทำหน้าตายอยู่เหมือนเดิม ไม่เคยเปลี่ยนเลย มันทำให้ผมได้เผอยิ้มออกมา ก่อนที่จะหยุดยิ้มเพราะไอ้บิตมันมองมาที่ผม และได้ยกมือของมันอีกข้างหนึ่งมาวางที่ท้ายทอยของมันเอง และ มันยิ้มเล็กน้อยให้ผม

ผมนี้แถมจะหลุดยิ้มออกมาอ ดีอกดีใจที่ได้เห็นมันในตอนนี้ ราวกับว่าความกังวลความเครียดที่ผ่านมาสองสามวันนั้นได้ถูกเก็บไว้ในกล่องอะไรสักอย่างแล้วเอาไปทิ้งลงไปในแม่น้ำที่ไหนสักแห่งแต่ผมหวังว่ากล่องใบนั้นมันคงไม่ไหลย้อนกับมาหาผมอีกน่ะ

“ไง ไม่ได้เจอกันนานเลยน่ะ” เป็นประโยคแรกที่ ผมกับไอ้บิตเราสองคนได้คุยกันหลังจากที่ไม่ได้พูดคุยกันมานานมากถึงสัปดาห์ หรือหลายวัน ถึงมันแค่จะเป็นคำถาม ทั่วไปก็เถอะ แต่มันคงเป็นคำถามที่ดีที่สุดสำหรับผม

“..อะ...อื้ม ไม่ได้เจอกันนานเลย ว่าแต่สบายดีไหม” ผมตอบไอ้บิตกลับไป แล้ว ถามถึงมันอีกด้วย มันสบายดีไหม

“อื้ม เราสบายดีแล้วนายละ” สัพพนามที่มันไม่คุ้นเคยและไม่เคยได้ถูกใช้อีก ทำไมมันถึงเอามาใช้เรียกผมกับตัวมันเองแทนกันและกันอะไรแบบนี้ ทำไม มันถึงรู้สึกว่าเราสองคน ห่างไกลกว่าเดิมละ แปลกไม่เหมือนเดิน

ถ้ามันอยากให้เราสองคน ใช้สัพพนามแทนกันแบบนี้ ละก็ผมก็จะใช้มันเหมือนกัน ผมยิ้มแล้วตอบมันกลับไป ถึงเป็นรอยยิ้มจาง ๆ ก็เถอะแต่ว่ามันคงไม่ได้สังเกตเห็นหรอกมั้ง

ว่า ผมไม่โอเครกับสถานการณ์ในตอนนี้เลย ผมควรคุยกันให้จบไว้ที่สุดดีกว่า

ถึง อยากจะเจออยากจะคุยแค่ไหน ไม่ได้แปลว่าเราต้องทนกับสถานการณ์แบบนี้สักหน่อยนี่น้า ไอ้บิตมันก็คงอยากทำแบบเดียวกับผมนั่นแหละ

“อื้มเราก็สบายดีเหมือนกัน”

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด