พิมพ์หน้านี้ - The taste of Loves รสชาติแห่งความรัก

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Boy's love => Boy's love story => ข้อความที่เริ่มโดย: ความเงียบ สีขาวดำ ที่ 16-02-2019 23:27:09

หัวข้อ: The taste of Loves รสชาติแห่งความรัก
เริ่มหัวข้อโดย: ความเงียบ สีขาวดำ ที่ 16-02-2019 23:27:09
ส่วนที่เอาไปแปะไว้ที่กระทู้ก่อนลงนิยาย อยู่ในระหว่างเส้น *** นะคะ (ข้อ 1-18 ก๊อปเฉพาะหัวข้อที่ทำตัวทึบไว้ก็ได้
***************************************************************************************
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ


ติดตามกฎเพิ่มเติมที่กระทู้นี้บ่อยๆ เมื่อมีการแก้ไขกฎจะแก้ไขที่กระทู้นี้นะครับ
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0

ประกาศทั่วไปติดตามอัพเดทกันที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.0

ประกาศ กฎที่อื่นมีไว้แหก แต่ห้ามมาแหกที่นี่

1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิ์ส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด
การสนใจและชื่นชอบนิยายและเรื่องเล่าของคนในเรื่องควรมีขอบเขตที่จะไม่สร้างความเดือดร้อนให้เจ้าของเรื่อง เช่นเดียวกับเป็ดที่ตอนนี้ถูกรังควานตามหาตัวจากคนด้านต่างๆ จนตัดสินใจไม่เล่าเรื่องต่อ.........เนื่องจากบางเรื่องเป็นเรื่องเล่า.....................บางคนไม่ได้เปิดเผยตัวตน  เขาพอใจจะมีความสุขในที่เล็กๆแห่งนี้โดยไม่ได้ตั้งใจให้คนภายนอกได้รับรู้เรื่องราวแล้วนำไปพูดต่อ   เพราะปฎิเสธไม่ได้ว่าสังคมไม่ได้ยอมรับพวกเราสักเท่าไหร่

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรูปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ
หมิ่นประมาท,
หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง
หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสต์กระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์
และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด
การกระทำเช่นนั้นอาจทำให้คุณแบนทันที และถาวร . หมายเลข IP ของทุกโพสต์จะถูกบันทึกเพื่อใช้เป็นหลักฐาน
ในความเป็นจริงเป็นไปได้ยากมากที่จะให้แต่ละคนมีความคิดเห็นตรงกันทั้งหมด   คนเรามากมายต่างความคิดต่างความเห็น เติบโตมาภายใต้ภาวะแวดล้อมต่างกันการแสดงความคิดเห็นที่แตกต่าง   จึงควรทำเพื่อให้เกิดความเข้าใจกัน แบ่งปันประสบการณ์และมิตรภาพเพื่ออาจเป็นประโยชน์ในการใช้ชีวิต  และไม่ว่าจะอย่างไรก็ควรเคารพในความคิดเห็นที่แตกต่างของบุคคลอื่นช่วยกันสร้างให้บอร์ดนี้มีแต่ความรักนะครับ   

เรื่องบางเรื่องอาจจะเป็นทั้งเรื่องแต่งหรือเรื่องเล่าใดๆก็ขอให้ระลึกเสมอว่า  อ่านเพื่อความบันเทิงและเก็บประสบการณ์ชีวิตที่คุณไม่ต้องไปเจอความเจ็บปวดเล่านั้นเองเพื่อเป็นข้อเตือนใจ สอนใจในการตัดสินใจใช้ชีวิต   จึงไม่ต้องพยายามสืบหาว่าเรื่องจริงหรือเรื่องแต่งส่วนการพูดคุยนั้น   ก็ประมาณอย่าทำให้กระทู้กลายพันธุ์ห้ามเอาเรื่องส่วนตัวมาปรึกษาพูดคุยกันโดยที่ไม่เกี่ยวพันกับเรื่องในกระทู้นิยาย  ถ้าจะวิจารณ์หรือแสดงความคิดเห็นทุกคนมีสิทธิแต่ขอให้ไปตั้งกระทู้ที่บอร์ดอื่นที่ไม่ใช่ที่นี่นะครับ

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพสต์ หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อเจ้าของเรื่องเท่าที่จะทำได้หรือแจ้งมายังบอร์ดนี้ก่อนนะครับ  เนื่องจากเจ้าของเรื่องบางครั้งไม่ต้องการให้คนที่ไม่ได้ชื่นชอบนิยายชายรักชายเข้ามารับรู้  ลิขสิทธิ์ทั้งหมดเป็นของเจ้าของคนที่ทำขึ้นและเว็บแห่งนี้นะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล์ บอกเมล์ แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอมให้ส่งหรือติดต่อกันทางพีเอ็มจะปลอดภัยกว่าแล้วเมื่อมีการติดต่อสื่อสารกันให้พึงระวังถึงความปลอดภัย ความไม่น่าไว้ใจของผุ้คนทุกคนแม้จะมีชื่อเสียงในบอร์ดเป็นเรื่องส่วนตัวของแต่ละคนไป เพื่อลดความขัดแย้งภายในเล้า จึงไม่สนับสนุนให้มีการจีบกันในบอร์ดนะครับ

5.ห้ามจั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียวให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตาม
เพราะแม้จะเป็นเรื่องที่เขียนจากเรื่องจริง เมื่อนำมาพิมพ์เป็นเรื่องผ่านตัวอักษร ย่อมเลี่ยงไม่ได้ที่จะมีการเพิ่มเติมเพื่อให้เกิดสีสันในเนื้อเรื่อง ทางเล้าถือว่านั่นคือการเพิ่มเติมเนื้อเรื่อง จึงไม่อนุญาตให้จั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” แต่สามารถแจ้งว่าเป็น “นิยายที่อ้างอิงมาจากชีวิตจริง” ได้  มีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

6.การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสต์นิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insert quote ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ

8.Administrator และ moderator ของ forum นี้ มีสิทธิ์อ่าน, ลบ หรือแก้ไขทุกข้อความ. และ administrator, moderator หรือ webmaster ไม่สามารถรับผิดชอบต่อข้อความที่คุณได้แสดงความคิดเห็น (ยกเว้นว่าพวกเขาจะเป็นผู้โพสต์เอง).

9.คุณยินยอมให้ข้อมูลทุกอย่างของคุณถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูล. ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกเปิดเผยต่อผู้อื่นโดยไม่ได้รับการยินยอมจากคุณ .Webmaster, administrator และ moderator ไม่สามารถรับผิดชอบต่อการถูกเจาะข้อมูล แล้วนำไปสร้างความเดือดร้อนต่างๆ

10.ห้ามลงประกาศลิงค์โปรโมทเวป  โฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ลงได้เฉพาะในห้องซื้อขาย ในเมื่อแนะนำเวปอื่นที่บอร์ดเรา ก็ช่วยแนะนำบอร์ดเราโดยลงลิงค์บอร์ดเรา เว็บ http://www.thaiboyslove.com  ในบอร์ดที่ท่านแนะนำมาให้เราด้วย  เมื่อจำเป็นต้องแนะนำลิงค์ให้ส่งลิงค์กันทาง personal message หรือพีเอ็มแทนนะครับจะสะดวกกว่า ส่วนในกรณีอยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนๆได้อ่านจริงๆนั้นพยายามลงให้ห้องซื้อขายซะ หรือถ้าม้อดเดอเรเตอร์จะพิจารณาเป็นกรณีๆไป ถ้ารู้สึกว่าไม่ได้โปรโมทเว็บ แต่อยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนด้วยใจจริงจะให้กระทู้นั้นคงอยู่ต่อไป

11.บอร์ดนิยายที่โพสต์จนจบแล้วมีไว้สำหรับนิยายที่โพสต์ในบอร์ด boy's love จนจบแล้วเท่านั้น จึงจะถูกย้ายมาเก็บไว้ที่นี่ หาอ่านนิยายที่จบแล้ว หรือคนเขียนไม่ได้เขียนต่อ แต่โดยนัยแล้วถือว่าพล็อตเรื่องโดยรวมสมควรแก่การจบแล้ว หากนักเขียนท่านใดได้พิมพ์เล่มกับสำนักพิมพ์ ต้องการลบเรื่องบางส่วนออก โดยเฉพาะไคลแม๊ก หรือตอนจบที่สำคัญ ให้แจ้ง moderator ย้ายนิยายของท่านสู่ห้องนิยายไม่จบ เพื่อที่หากระยะเวลาเกินหกเดือนแล้ว เราจะได้ทำการลบทิ้ง หรือท่านจะลบนิยายดังกล่าวทิ้งเสียก็ได้ เนื่องจากบอร์ดนี้เก็บเฉพาะนิยายที่จบแล้ว

บอร์ดนิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบไว้สำหรับ
นิยายที่คนเขียนไม่ได้มาต่อนาน หายไปโดยไม่มีเหตุผลสมควร ไม่ได้แจ้งไว้หรือแจ้งแล้วก็ไม่มาต่อ 3 เดือน จะย้ายมาเก็บในนี้เมื่อครบหกเดือนจะทำการลบทิ้ง ส่วนเรื่องไหนที่จะต่อก็ต่อในนี้จนกว่าจะจบ แล้วถึงจะทำการย้ายไปสู่บอร์ดนิยายจบแล้วต่อไป

12.ห้ามนำเรื่องพิพาทต่างๆมาเคลียร์กันในบอร์ด

13.ผู้โพสต์นิยาย และเขียนนิยายกรุณาโพสต์ให้จบ ตรวจสอบคำผิดก่อนนำมาลงด้วยครับ

14.ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน  ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ

15. การนำรูปภาพ บทความ ฯลฯ มาลงในเว็บบอร์ด  ควรจะให้เครดิตกับ... 
(1) ผู้ที่เป็นต้นตอเจ้าของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ
(2) เว็บไซต์ต้นตอที่อ้างอิงถึง
....ในกรณีที่เป็นบทความที่ถูกอ้างอิงต่อมาจากเวปไซต์อื่นๆ
- ถ้ามีแหล่งต้นตอของเจ้าของบทความ  ให้โพสต์ชื่อเจ้าของต้นตอของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ  พร้อมทั้งเว็บไซต์ที่อ้างอิง 
  (กรณีนี้จะโพสต์อ้างอิงชื่อผู้โพสต์หรือเว็บไซต์ที่เรานำมาหรือไม่ก็ได้ แต่ควรมั่นใจว่าชื่อต้นตอของที่มาถูกต้อง)
- ถ้าไม่สามารถหาชื่อต้นตอของรูปภาพหรือเว็บไซต์ที่นำมาได้ ควรอ้างอิงชื่อผู้โพสต์และเว็บไซต์จากแหล่งที่เรานำมาเสมอ
- ควรขออนุญาติเจ้าของภาพหรือเจ้าของบทความก่อนนำมาโพสต์ค่ะ(ถ้าเป็นไปได้) ยกเว้นพวกเว็บไซต์สาธารณะ เช่น  หนังสือพิมพ์ออนไลน์ ฯลฯ ที่เปิดให้คนทั่วไปได้อ่านเป็นสาธารณะ ก็นำมาโพสต์ได้ แต่ให้อ้างอิงเจ้าของชื่อและแหล่งที่มาค่ะ
- ไม่ควรดัดแปลงหรือแก้ไขเครดิตที่ติดมากับรูปหรือบทความก่อนนำมาโพสต์
- ถ้าเป็น FW mail  ก็บอกไปเลยว่าเอามาจาก FW mail

16.นิยายเรื่องไหนที่คิดว่าเมื่อมีการรวมเล่มขายแล้วจะลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออก กรุณาอย่าเอามาลงที่นี่ หรือสำหรับผู้ที่ขอนิยายจากนักเขียนอื่นมาลง ต้องมั่นใจว่าเรื่องนั้นจะไม่มีการลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออกเมื่อมีการรวมเล่มขาย อนึ่ง เล้าไม่ได้ห้ามให้มีการรวมเล่มแต่อย่างใด สามารถรวมเล่มขายกันได้ แต่อยากให้เคารพกฎของเล้าด้วย เล้าเปิดโอกาสให้ทุกคน จะทำมาหากิน หรืออะไรก็ตามแต่ขอความร่วมมือด้วย เผื่อที่ทุกคนจะได้อยู่อย่างมีความสุข

17.ห้ามแจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน  ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง  นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฎการซื้อขายของเล้าก่อน ด้วยนะคะ)
ว่าด้วยเรื่องการจะรวมเล่มนิยายขายในเล้า จะต้องมี ID ซื้อขายก่อน ถึงจะสามารถประกาศ ..แจ้งข่าว.. ที่บนหัวกระทู้ของนิยายได้ ในกรณีที่ รวมเล่มกับ สนพ. ที่มี  ID ซื้อขายของเล้าแล้ว นักเขียนก็สามารถใช้ หมายเลข  ID ของ สนพ. ลงแจ้งในหน้าที่มีเนื้อหารายละเอียดการสั่งจองนิยายได้

18.ใครจะโพสต์เรื่องสั้นให้มาโพสต์ที่บอร์ดเรื่องสั้น ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที  ส่วนเรื่องสั้นที่จบแล้วให้แก้ไขโพสต์แรก และต่อท้ายว่าจบแล้วจะได้ไม่ถูกลบทิ้งและจะเก็บไว้ที่บอร์ดเรื่องสั้นไม่ย้ายไปไหน   เช่นเดียวกับนิยายทุกเรื่องเมื่อจบให้แก้ไขโพสต์แรก และต่อท้ายว่าจบแล้ว จะได้ย้ายเข้าสู่บอร์ดนิยายจบแล้ว ไม่เช่นนั้นม๊อดอาจเข้าใจว่าไม่มาต่อนิยายนานเกินจะโดนลบทิ้งครับ

เอาข้อสำคัญก่อนนะครับเด่วอื่นๆจะทำมาเพิ่มครับเอิ้กๆหุหุ
admin
thaiboyslove.com.......................................                                                           

วันที่ 3 ธ.ค. 2551วันที่ 16 ก.ย. 2554 ได้เพิ่มกฎ ข้อที่ 7
วันที่ 21 ต.ค.2556 ได้ปรับปรุงกฎทั้งหมดเพื่อให้แก้ไข และติดตามได้ง่าย
วันที่ 11 พ.ย. 2557 เพิ่มเติมการลงเรื่องสั้นและการแจ้งว่านิยายจบแล้ว
วันที่ 4 ธ.ค. 2557 เพิ่มบอร์ดเรื่องสั้นจึงปรับปรุงกฎข้อ 18 เกี่ยวกับเรื่องสั้น และ เพิ่มเติมส่วนขยายของกฎข้อ 17



เว็บไซต์แห่งนี้เป็นเว็บไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฎหมายภายในและระหว่างประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเว็บไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเว็บไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเว็บไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม

*****************************************************************************************





The taste of Loves รสชาติแห่งความรัก
บทนำ
Sweet
“…1.2.3.ปลาฉลามขึ้นบก 4.5.6.จิ้งจกยัดไส้…..”เสียงของนักศึกษาชั้นปีที่1กำลังร้องออกมาอย่างสนุกสนาน

“น้องค่ะได้เวลาพักแล้วคะ”ถูกขัดจังหวะโดยเสียงของรุ่นพี่ปี2คนหนึ่ง

“เย้ๆ…..”

“น้องค่ะรับของว่างได้ตรงนี้…”เสียงของรุ่นพี่ปี2ที่เป็นพี่สตาฟได้พูดขึ้นมายังไม่ทันเสร็จเด็กนักศึกษาปี1นับห้าสิบห้าคนก็ได้วิ่งไปรุมรอมตัวรุ่นพี่คนนั้น

ผมเองได้แต่มองดูการจลาจลของผู้คนมากมายกับกล่องขนมเค้กหลายสิบอชิ้นที่ถูกแจกจ่าย

“น้องค่ะ ไม่ไปเอาขนมกับเพื่อนหรอคะ”

“ไม่ดีกว่าครับพี่”

“น้า~น้องลองไปเอาซักชิ้นก็ยังดีน่ะน้อง”

“ก็ได้ครับ”ผมเลยเดินไปหยิบมาหนึ่งกล่อง

“กรี๊ดดดดดดดด”

“น้องค่ะ มาเอาขนมหรอคะ”

“ครับ”

“เอานี่ เห็นว่าหล่อน่ะเลยแถมให้อีกกล่องอ่ะ”ว็อด

“ไม่ดีกว่าครับพี่ เดี๋ยวไม่ได้เท่าคนอื่น”

“ไม่เป็นไร มีอีกเพียบ”

“.........”

“น้องเดี๋ยวก่อน! น้องชื่ออะไรอ่ะ”

“คะ...แคนครับ”


หัวข้อ: Re: The taste of Loves รสชาติแห่งความรัก
เริ่มหัวข้อโดย: ความเงียบ สีขาวดำ ที่ 16-02-2019 23:29:26
สารบัญ

บทนำ (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=69632.msg3945770#msg3945770)

 chapter 1 (http://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=69632.msg3945772#msg3945772)

 chapter 2 (http://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=69632.msg3945988#msg3945988)

 chapter 3 (http://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=69632.msg3946348#msg3946348)

 chapter 4 (http://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=69632.msg3948025#msg3948025)

 chapter 5 (http://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=69632.msg3948600#msg3948600)

 chapter 6 (http://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=69632.msg3949635#msg3949635)

 chapter 7 (http://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=69632.msg3951032#msg3951032)

 chapter 8 (http://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=69632.msg3956939#msg3956939)

 chapter 9 (http://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=69632.msg3959348#msg3959348)

 chapter 10 (http://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=69632.msg3975115#msg3975115)

 chapter 11 (http://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=69632.msg3977325#msg3977325)

 chapter 12 (http://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=69632.msg3981358#msg3981358)

 chapter 13 (http://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=69632.msg3991242#msg3991242)

 chapter 14 (http://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=69632.msg3997784#msg3997784)

 chapter 15 (http://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=69632.msg4007311#msg4007311)

 chapter 16 (http://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=69632.msg4009902#msg4009902)

 chapter 17 (http://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=69632.msg4041183#msg4041183)

 chapter 18 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=69632.msg4042126#msg4042126)

 chapter 19 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=69632.msg4043729#msg4043729)

 chapter 20 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=69632.msg4046247#msg4046247)



[/size]
หัวข้อ: Re: The taste of Loves รสชาติแห่งความรัก chapter 1
เริ่มหัวข้อโดย: ความเงียบ สีขาวดำ ที่ 17-02-2019 15:01:06
Chapter 1


ความหวานนี้อะไรกันนนน

ผมลืมแนะนำตัวเลย ผมชื่อ นายมฤษา(มะ-ฤ-สา) มัจฉาปรางค์ ชื่อเล่นว่า แคน ผมสูง 174 เซนก่อนน่ะ สูงตามมาตรฐานชายไทย ผมเป็นคนขี้เล่น และ กวนตีนกวนบาทามาก ผมมีหน้าตาถือว่าใช้ได้เลยน่ะจะบอกให้

ผมยังมีนิสัยอีกอย่างหนึ่งคือผมไม่ชอบกินของที่มีรสหวานเลย ก็ไม่เชิงว่าเกรียดอะไร แค่ไม่ชอบความหวานของมันเลย แต่โชคชะตาก็ดันได้เล่นตลกกับผม เพราะว่าผมเกิดขึ้นมาในครอบครัวที่มีชื่อเสียงทางด้านขนมหวานระดับประเทศเลยล่ะ

จะบอกให้ ผมยังมีพี่สาวกับพี่ชายอีก 2 คนพวกเขานั้นมีหน้าตาอย่างกับดาราซะอีก อายุพวกเรานั้นห่างกัน 3 ปีพวกเราเลยสนิทกันมากเลยละ  พวกเขาทำขนมหวานได้เก่งมากเลยล่ะ แต่ดันซวยที่ผมนั้นทำได้ห่วยแตกเลยนี้สิ

ผมเรียนวิศวะ ปี 1 ด้วยแหละตอนประกาศผลโคตรลุ้นเลยว่าจะติดไหมแต่ถ้าถามว่าใครที่ลุ้นกว่าผม บอกเลยเขาคนนั้นคือพี่สาวกับพี่ชายผมเพราะว่าพี่ผมทั้งสองนั้นพวกเขาทั้งติวทั้งสอนผมมากับมือเลย

Rrrrrrrrrr
 [ไอ้แคนนนนนนน!] [ตื่นรึยังเนี่ย]

“ตื่นแล้วววว”

“มีไร”

[มึงจะมามหาลัยได้รึยังเนี้ย! เลยมาเป็นสิบกว่านาทีล่ะน่ะ]

“เอ่อ เดี๋ยวออกไปแล้ว ขอล็อกห้องแป็ปนึง”

[เออออ เร็วววเลยมึงถ้าช้ากว่านี้มึงคงโดนลงโทษแน่ๆ] คุณคงสงสัยใช่ไหมไอ้คนพูดประโยคทั้งหมดนี้เป็นใครกัน เดี๋ยวผมอธิบายให้ฟัง แต่ตอนนี้คงไม่ทันแล้ว เดี๋ยวผมจะไปสาย


=ม’หลัยL.O=

“ยังดีนะที่มาทัน แต่ถ้ามาไม่ทันนะมรึง”มาเริ่มแนะนำตัวไอ้นี่ดีกว่านะคับ มันชื่อว่านายอรุณ เฉิจฉายันต์ เรียกมันว่า ไอ้ต้าร์ เฉยๆก็ได้คับ มันสูงกว่าผมไปแค่สิบเซนเอ๊ง (ผมยอมรับก่ได้ว่าผมเตี้ย ฮือออ)

หน้าตาของมันค่อนข้างเรียกว่าหล่อลากไส้เลย หญิงเห็นหญิงกรี๊ด แต่แปลกตรงที่มันไม่เคยมีแฟนเลยตั้งแต่เข้าม.5 (ผมเคยถามมันว่าทำไม่มีแฟน มันบอกผมว่า “มีแฟนแล้ว มันน่าเบื่อทำอะไรก็ต้องขอแล้วมันมีอิสระน้อยลงอีกด้วย”แล้วแต่คุณมึงเลย) มันเป็นเพื่อนคนเดียวของผมมันเป็นทั้งเพื่อน เพื่อนสนิท พี่ชาย และ พ่อคนที่สองของผมเลย

“ทำไม มึงจะทำอะไรกู”

“กูจะบอกให้พวกพี่ๆปี2ว่ามึงจะเป็นเดือนคณะแทนกู”

“สัด”ผมกับมันถูกพวกพี่ๆจองตัวไปเป็นเดือนทั้งคู่ แต่ผมบอกปฏิเสธไป ความซวยเลยตกไปอยู่ที่มัน ถ้าถามว่าเดือนดีไหม สำหรับบางคนจะบอกว่าดี แต่สำหรับผมแล้วบอกเลยว่าไม่ เพราะผมไม่ชอบให้ใครมาบังคับให้ทำนู้ทำนี้และก็ไม่ชอบทำตัวให้เป็นจุดสนใจของคนอื่นอีกด้วย

“เอ่อมึง ได้ข่าวว่าเดือนแพทย์ปีนี้หล่ออย่างกับเทพบุตรเลยว่ะ”ดูมันพูดเข้าเดี่ยวเป็นลางเลย

“หรอถ้ามันเป็นเทพบุตรมึงก็เป็นซาตานอ่ะดิ”

“สัด”

“เอ้า ก็หล่อแบบเถื่อนๆแบบแบดบอยไง ไม่ดีหรอ”

“ดีเหี้ยไรล่ะหล่อแบบซาตานของมึงเนี๊ยะ”เอ้า เพื่อนชมก็ด่า5555



=ร้านกาแฟหลังมอ=

“พี่คับผมเอามอลค่าหวานน้อยคับ แล้วมึงเอาไร”ไม่ทันไอ้ต้าร์ได้พูดก็ถูกพี่พนักงานขัดก่อน

“เอ่อออน้องคับรอสักครู่น่ะคับน้อง พอดีมีคนยืนก่อนหน้าน้องอ่ะคับ”แฟร้ง แตกเลยคับแตกเลย ถามว่าอะไรแตกก็หน้าผมเนี่ยแหละคับแตกอยากเอาหน้าไปเก็บใส่หีบ บอกเลยได้คำเดี่ยวว่า อายยันลูกบวชแน่

“เก็บดิรอไร”ไม่ต้องตอกย้ำกุก็ได้คร้าบบบเพื้อนนน

“ห้ะ  เก็บเหี้ยไร”ไม่เราต้องเนียนหน้าด้านไว้

“หน้า มึง อ่ะ 555”แม่งคงสะใจมึงหน้าดูอ่ะเน้นทุกคำออกเสียงดังชัดขนาดนี้ ถ้าไม่ถือว่ามันจะเป็นเดือนคณะน่ะคงจะนอนกลิ้งไปกลิ้งมาล่ะ

“สัด ขอโทษคับพี่”ประโยคหน้าด่าไอ้คนที่กำลังหัวเราะอย่างสะใจ ประโยคหลังบอกพี่พนักงานกับคนที่ผมสั่งกาแฟตัดหน้า I’m sorry


“ได้แล้วครับน้อง มอลค่าหวานน้อยกับกาแฟดำอย่างเข้มข้นที่สุดของทางร้านเรา เรานำเข้ามาจากเทือกเข…..”พี่คับอยากถามว่าเขาจ้างพี่กี่บาทคับพี่เลยเล่นซะใหญ่โอเวอร์ซะขนาดนี้ส่วนเพื่อนผมก็เสือกนั่งฟังอย่างใจจดใจจอขนาดนี้ เอ้ยยยยผมเลยต้องย้อมใจด้วยมอลค่าแก้วนี้ซะล่ะ

พอผมดื่มกาแฟมอลค่าของตัวเองเท่านั้น

อื้อหื้อ

สัดหวาน!

ผมว่าผมสั่งหวานน้อยแล้วน่ะทำไมมันหวานอย่างนี้ งานนี้ต้องเคลียร์

“พี่คับ”
 
“น้ำเรานำเข้ามาจา.....ว่าไงน้อง”
 
“พอดีว่ากาแฟที่ผมสั่งพี่ไป ผมสั่งหวานน้อยแต่อันนี้มันหวานอ่ะคับพี่”

“เอ่ออ ต้องขอโทษด้วยน่ะคับน้อง พอดีพี่ไม่ได้เป็นคนชงแก้วนี้ครับ”หื้อ แล้วแก้วนี้ใครเป็นคนชงว่ะ ถ้าไม่ใช้พี่ แล้วจะเป็นใครผมเลยตัดสิ้นใจถามบุคคลที่ชงกาแฟแก้วนี้ให้กับผม

“แล้วใครเป็นคนชงคับ”

“น้องคับไอ้คนที่ชงคือไอ้นั้นน่ะคับที่เป็นคนชงแก้วนี้ให้กับน้อง”

“เดี๋ยวพี่เรียกให้น่ะคับ”

“โอเคคับ”

“เห้ย ไอ้บิตมานี่ดิ”คนที่โดนเรียกชื่อก็หันหน้ามามองคนเรียกแล้วทำท่าครุ่นคิดสักพักแล้วมองมาทางโต๊ะของพวกผมแล้วจึงตัดสินใจเดินมาหาพวกผม

ในตอนนั้นเองเจ้าตัวเดินมายังโต๊ะของพวกผมก็ได้ถูกจองมองด้วยสายตาของผู้หญิงทั้งหมดในร้านที่กำลังดื่มกาแฟอยู่ในตอนนี้
‘หื้อแก คนอะไรหล่อมากเลยแก’
‘รอไรล่ะมึง รีบขอเบอร์ดิ’
‘ไม่เอา กูเขิน’

ก็ต้องยอมรับว่าหน้าตาของคนที่เดินมาแม่งหล่อสัดไม่ใช่สิต้องบอกว่าโคตรของโคตร หล่อเลยดีกว่าทั้ง สูง ขาว แถมดูสะอาด มาดคุณชายอีก ตามสูตรของคำว่า ผัว เลยน่ะเนี่ย

“…..”

“ไอ้บิต เขาสั่งหวานน้อย แต่มึงยังเสือกเอาหวานให้เขาเนี่ย!”

“…..”

“พี่ต้องขอโทษแทนพนักงานของร้านเราด้วยนะครับ”

“…..”

“พอดีว่าเป็นพนักงานชั่วคราวนะครับ”

“…..”

“…..”

“…..”

ยัง

ยัง

ยัง! ไม่พูดอีก






หัวข้อ: Re: The taste of Loves รสชาติแห่งความรัก chapter 2
เริ่มหัวข้อโดย: ความเงียบ สีขาวดำ ที่ 17-02-2019 18:34:16
Chapter 2


เทพบุตรหรือลูซิเฟอร์

 

ตอนนี้คนที่ชงกาแฟให้ผมมันยังไม่ปริปากพูดอะไรซักอย่างเลยเอาแต่จ้องมองถ้วยกาแฟผมอย่างเดียว เอ้ยยยเหนื่อยใจจัง

 

 “ไม่ดื่มหรอออ” ยังมีหน้ามาถามว่า ‘ไม่ดื่มหรอ’

 

“ไอ้บิตพูดยังงี้ได้ไง ไปชงมาให้เขาใหม่เลย” ช่ายยยย พี่พนักงานพูดถูกที่สุดเลยครับไป้ชงมาใหม่เลย

 

“ไม่อ่ะ ขี้เกียจ”เอ้าไอ้นี่กวนตีนนะมึงถ้าหน้ามึงไม่หล่อนะกูต๋อยคว่ำเลย

 

“ไอ้บิต เขาเป็นลูกค้าน่ะ มึงจะเอาแต่ใจไม่ได้ มึงต้องทำตามที่เขาสั่งเข้าใจไหม”

 

“ไม่ เข้า ใจ”

 

“เพราะอย่างงี้ไงพี่มึงเลยฝากให้กูดูแลมึงเนี่ย”

 

“……”

 

“มึงไม่ทำงั้นกูทำเองก็ได้”

 

จบบทสนทนาเสร็จพี่เขาก่อเอาแก้วกาแฟผมไป แต่ถ้าพี่จะไปอย่างงี้พี่ช่วยเก็บไอ้นี้ไปด้วยเถอะคับ แม่งจ้องจะเเดกหัวผมอยู่แล้วเนี่ย

 

ต่อจากนั้นไม่นานพี่เขาก่อเอาแก้วกาแฟผมมาให้

“พี่ต้องขอโทษแทนมันด้วยน่ะ”

 

“ไม่เป็นไรพี่ พี่ขอโทษผมเยอะแล้วเนี่ย555” ผมพูดติดตลก

 

“เดี่ยวพี่ลดราคาให้”

 

“โอเคคับพี่”

 

 

 

=กองประกวดดาวเดือนม’หลัยL.O=

 

“น้องต้าร์ใช้ไหมฮะ”พี่กระเทยตัวโตเดิมมาคุยกับไอ้ต้าร์

 

“ใช่แล้วคับ”

 

“หู้ ตัวจริงหล่อน่ะเนี่ย”ตอนนี้มือไม้พี่กระเทยที่เดินเข้ามาหาไอ้ต้าร์ ก็เริ่มเลื่อยไปมาบนร่างของไอ้ต้าร์มัน

 

“ขอบคุณที่ชมครับ”มันเอามือของพี่กระเทยออก

 

“เอ้ะ แล้วข้างๆนี่ใครหรอฮะ น้องต้าร์ หล่อเชียวว”

 

“สวัดดีครับผมแคนครับ”

 

“ชื่อน้องแคนนี่เองนะฮะ อ่ะอ่ะ อย่าให้เสียเวลา พี่ขอแนะนำตัวพี่ก่อนเลยนะฮะพี่ชื่อว่าพี่แซนดี้หรือเรียกว่าเจ้แซนดี้ก่อได้นะฮะ”ผมอยากจะถามเจ้แซนดี้ทำไมพี่ต้องพูดลงท้ายว่า ‘นะฮะ’ด้วย แต่ไม่เอาดีกว่าเดียวโดนตบ555“พี่นั่นเป็นพี่ดูแ….”

 

“ไอ้แซนวิดมานี่ดิ”พี่ผู้ชายหน้าตาดี ตระโกนเรียกเสียงดังมาก ใครว่ะชื่อแซนวิด555 โคตรตลกเลยยย

 

“อี่กันนน กูบอกมึงกี่ครั้งแล้วให้มึงเรียกกูว่าแซนดี้ห้ะ”ออเจ้แซนดี้นี่เอง เชี่ย!ชื่อเล่นพี่แซนดี้จริงจริงแล้วชื่อแซนวิดนี่เอง 

 

“จะแซนวิดหรือแซนดี้ยังไงก่อหมายถึงมึงทั้งนั้นแล่ะ”

 

“เอ่อ มีไรว่ามา”

 

“ไอ้น้องเดือนแพทย์กูมาถึงยังเนี่ย”ไอ้เดือนแพทย์ที่พี่เขาหมายถึงนี่คือไอ้เดือนเทพบุตรที่ไอ้ต้าร์พูดตอนเช้าแน่นอน ชักอยากเห็นหน้าแล้วซิว่าจะหล่อแค่ไหน

 

“กูจะไปรู้ไหม ขนาดพี่มันยังไม่รู้เลยเนี่ย”

 

“กูนึกว่ามึงจะรู้”

 

“กูเป็นใคร กูเป็นพี่ดูแลมันหรอถึงรู้ว่าน้องมันมาหรือไม่มา”

 

“ถ้ามึงไม่รู้ในโลกนี้ก่อไม่มีใครรู้หรอก555”

 

“เอ้า อี่ดอกมึงว่ากูขี้เสือกหรอว่ะ”

 

พี่ดูแลคือพี่ที่ช่วยดาวเดือนในการคิดการแสดงและค่อยหาสถานที่ให้ดาวเดือนฝึกซ้อมการแสดง(ไอ้ต้าร์ได้พี่แซนดี้เป็นพี่ดูแล)

 

“มึงก็ไปถามไอ้บูลดิ”

 

“ทำไมกูต้องไปถามไอ้บูลด้วย”พี่ผู้ชายตอบพี่แซนดี้ งงๆ?

 

“ก็ไอ้บูลเป็นพี่ชายของน้องเดือนแพทย์มึงอ่ะ”โห่ พี่แซนดี้มีความรู้รอบตัวเยอะมากเลยนะคับ555

 

“เชี่ย มึงรู้ได้ไงเนี่ยว่าไอ้บูลกับน้องเดือนแพทย์เป็นพี่น้องกัน”

 

“ใครหล่อกูก่อเช็คประวัติหมดแล่ะเพราะว่าอนาคตต้องเป็นพ่อของลูกกู”

 

“อี่สมชาย ชัยชาตรีมึงไม่มีมดลูก เลิกมโน” 555นึกว่าชื่อเล่นชื่อของพี่แซนดี้ผลิกแล้วน่ะ ชื่อจริงพี่แซนดี้ชื่อว่า สมชาย ชัยชาตรีผลิกกว่าอีก555

 

“กรี๊ดๆๆๆ มึงอย่ามาเรียกชื่อจริงของกูน่ะอี่กันนน”พี่แซนดี้กรี้ดดังมากมีแต่คนหันมามองกันเพียบเลย

 

“เฮ้ย อี่แซนดี้”

 

“ไร”พี่แซนดี้ตอบกับพี่กันอย่างไม่สบอารมณ์เท่าไหร่

 

“กูขอถามหน่อยดิว่ามึงรู้หมดทุกอย่างกับบรรดาสามีมโนของมึงเลยใช่ไหม”

 

“ช่ายยยไม่ว่าจะเป็น วันเกิด เลขที่บ้าน หรือชื่อคนในครอบครัวของเขากูรู้หมดแล้วนะฮะจะบอกให้ ถึงมันจะอยากลำบากแค่ไหนกูจะต้องหาให้ได้นะฮะ”พี่แซนดี้พูดอย่างผมใจในตัวเอง ผมนี่กลัวพี่แซนดี้เลย

 

“แต่มึงก็เสือกไปรู้จนได้ สมแล้วแหล่ะที่เขาตั้งฉายามึงว่า อับดุลเฮ้ยถามได้ตอบได้555”


“ได้ ห้ะกูมีฉายาแบบนั้นด้วยหรอว่ะ ใครตั้งให้กู”

 

“กูนี่แหล่ะ ไปละ”พี่กันพูดเสร็จก็วิ่งอออกไปจากตรงนี้ ถ้าขืนอยู่ต่อมีหวังดดนตบเเน่ๆ

 

“อี่กันอี่เวร”

 

‘กูว่ามึงควรระวังตัวไว้น่ะไอ้ต้าร์ เดี่ยวมึงน่าจะได้เป็นสามีมโนในคอเลกชั่นของเจ้แซนดี้เอา 555’พวกผมพูดกับมันเบามาก (กลัวว่าเจ้แซนดี้ได้ยินแล้วจะโดนตบ)

 

‘ถ้ากูได้เป็นกูจะลากมึงมาเป็นด้วย’เอ้าไอ้นี่ เอากูไปหาที่ตายชัดๆ

 

‘ไม่เอา กูอยู่ของกูดีๆมึงยังเสือกเอากูไปชิบหายได้อีก’

 

‘แต่ปากมึงนี่อยู่ดีเน้อะ’

 

‘แน่นอน’

 

‘อยู่ดีไม่ว่าดี ร่นหาตีนกูเนี้ย’มันจ้องขเหม็นมาที่ผม กูขอโทษเพื่อน

 

 



‘กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด’

 

‘แกใครอ่ะ หล่อมากกก’

 

‘ใช่แก หล่ออ่ะ’

 

‘อยากได้เป็นพ่อองลูกเลย’

 

‘หยุดมโนคะมึง นั้นพ่อของลูกกูค่ะ’

 

‘อ้าวอี่ดอก ตบกันไหม’

 

‘มาดิ้’

 

เสียงดาวคณะและพี่ดูแลที่เป็นผู้หญิงกรี๊ดกร๊าดกันดังมาก เพราะทางเข้ามีผู้มาเยือนเดินเข้ามาในกองประกวดครั้งนี้ ผู้มาเยือนนั้นหน้าตาหล่อวัวตายควายล้ม เอ้ะแต่ทำไมผมรู้สึกคุ้นๆหน้ามันน่ะ เหมือนเคยเห็นที่ไหนมาก่อน ยิ่งดู ยิ่งชัดเลย เฮ้ยนั้นมัน

เหี้ยไอ้นั่นมันไอ้ที่ชงกาแฟหวานให้ผมกินนี่น้า




“ว้ายตายแล้ว นี่ใครเอ้ย…”พี่แซนดี้มีท่าทีกระดี้กระด้ามากๆ

 

“……”เงียบ

 

“…พ่อเทพบุตรของเจ้นี่เอง”

 

“……”เลขหมายที่ท่านเรียกไม่สมารถติดต่อได้ กรุณาติอต่อ…

 

“น้องบิตทำไมมาสายละฮะ”

 

“……”



สรุปมึงไม่คิดจะตอบเจ้เเกเลยหรอว่ะ อย่างนี้ต้องตัดมันออกจากเดือน เพื่อที่ให้ไอ้ต้าร์ได้มีโอกาศมากขึ้น (มันเกี่ยวกันหรอว่ะ)



“ไม่ตอบไม่เป็นไรฮะ”พี่แซนดี้ดูเสียหน้านิดๆแต่ไม่เป็นไรต่อหน้าพี่เขามากหรอก เพราะว่าเจ้แกเล่นโบกแป้งเต็มหน้าขนาดนั้นอีกนิดนี้เล่นงิ้วโชว์ได้เลยนะนั้น “เอาอย่างนี้แล้วกัน น้องบิต คือพี่ดูแลของน้องฝากบอกว่ารอน้องอยู่ที่ห้องA3801นะฮะ”

 

“ครับ”พูดจบก็เดินจากไปเลยคนไรว่ะไม่มีมนุษย์สัมพันธ์เลย

 

“น้องต้าร์ฮะ”

 

“ครับ”ไอ้ต้าร์ตอบพี่แซนดี้อย่างตกใจ

 

“น้องเห็นคนเมื่อกี้ไมฮะ”

 

“ครับ”

 

“นั้นเเล่ะคู่แข่งของน้อง แต่น้องไม่ต้องกลัวแพ้นะฮะ”พี่แซนดี้พูดให้กำลังใจไอ้ต้าร์

 

“ครับพี่แซนดี้ ผมรู้อยู่แล้ว แต่ว่าพี่แซนดี้ระหว่างผมกับไอ้นั้นใครหล่อกว่ากันครับ”คำถามไรมึงเนี่ยไอ้ต้าร์

 

“แหม ต้องเป็นน้องบิตอย่แล้ว”พี่แซนดี้ตอบอย่างไม่รังเรเลย555

 

“พี่แซนดี้อ่ะ ผมหล่อน้อยกว่ามันหรอครับ”ไอ้ต้าร์พูดกับพี่แซนดี้อย่างน้อยใจ

 

“เปล่า แต่น้องบิตอ่ะเขาหล่อแบบเทพบุตรแถมมีโปรไฟร์ดีเรียนแพทต์อีกด้วยแค่นี้สาวก่อกรี๊ดกันแล้ว ว่าอย่างนั้นไหมค่ะน้องแคน”อยู่พี่แซนดี้ก่อถามผม

 

“คะ...ครับ”

 

“เห็นไหมน้องแคนยังบอกเลยเนี่ย”

 

“ไอ้แคน ไอ้เพื่อนทรยศ”

 

“อะไรมึง”ผมกำลังคิดว่าไอ้นั้น หล่อแบบเทพบุตรหรอ หึ ไม่น่าใช่ผมว่ามันไม่ใช้เทพบุตรหรอกแต่มันเป็นลูซิเฟอร์มากกว่า
หัวข้อ: Re: The taste of Loves รสชาติแห่งความรัก chapter 3
เริ่มหัวข้อโดย: ความเงียบ สีขาวดำ ที่ 18-02-2019 19:53:36
Chapter 3


มนต์ของเดือนแพทย์

 

ตอนนี้ผมได้เข้ามานั่งในกิจกรรมรับน้องของคณะคนเดียว เพราะไอ้ต้าร์ได้ไปเข้าร่วมกิจกรรมดาวเดือนของมัน เห้ย เหงาจัง

 

 “นี่ นาย” ผมหันกลับไปทางตามเสียงพูด

 

ทางต้นเสียงนั้นมีคนสองคนกำลังยืนอยู่ คนแรกนั้นเป็นผู้หญิงที่หน้าตาดี ไม่ใช่สิไม่ใช่แค่หน้าตาดีแต่โคตรสวยเลย อีกคนนั้นเป็นผู้ชายหน้าตาน่ารักเลย 

 

“ไง มีไรกับเราหรอหรอ”

 

“คือว่าตรงที่นั่งข้างนายวางเปล่า หรือมีใครจองไว้หรือเปล่า ถ้าไม่มีเราขอนั่งข้างนายได้ไหม” โฮ้ พูดหรือว่าแร็ปว่ะเร็วมาก

 

“เอ่อ ขออีกรอบได้เปล่า พอดีว่าเราฟังไม่ทันน่ะ”

 

“ได้ เราถามว่าตรงนั้นน่ะว่างรึเปล่าหรือมีใครจองไว้หรือเปล่า”ผู้หญิงคนนั้นพูดอีกครั้งแล้วยิ้ม โอ้เวลายิ้มโคตรสวยเลย

 

“ว่าง”

 

“งั้นถ้าไม่ใครเราขอนั่งนายได้ไหม”

 

“ได้สิ”พูดเสร็จแล้วทั้งสองคนก็ได้เดินเข้ามานั่งข้างผม

 

 “ว่าแต่นายชื่อไร”

 

“เราชื่อแคนน่ะ” ผมพูดแล้วยิ้มอย่างเป็นมิตร

 

“อื้อ แคน เราชื่อว่ามิ้นน่ะ ส่วนคนข้างๆเรา...”เธอเเนะนำตัวเป็นมิตรกับผมแล้วหันกลับไปหาคนข้างเพื่อที่จะแนะนำตัวให้ผมได้รู้จัก

 

“......”

 

“หยุดแอ็บหน้าโหดได้แล้วไอ้ต้นกล้า”มิ้นตวาดใส่คนข้างที่ชื่อว่าต้นกล้า

 

“มิ้นนี่กูอุส่าร์ทำหน้าเข้มแล้วน่ะ”

 

“......”

 

“แล้วมึงจะทำหน้าเข้มทำไม”

 

“นี่ที่ไหน”

 

“......”

 

“นี่คือตึกคณะวิศวะน่ะมึง ถ้าไม่ให้กูทำหน้าเข้มแล้วจะให้กูทำหน้าไร”จริงๆคนที่ชื่อต้นกล้าหน้าตาน่ารักมาก ดูไปๆเหมือนผู้หญิงมากกว่าผู้ชายอีกด้วย

 

“แล้วแต่มึงเลย เอาที่มึงสบายใจ”

 

“อืม”

 

“นี่มึงกูขอบอกอะไรให้มึงนะ ถึงมึงจะทำหน้าเข้มมาดแมนขนาดไหนหน้าตามึงก่อยังน่ารักไม่เปลี่ยน”ใช่เลย 555 ผมอดขำในใจไม่ได้ ถ้าขำออกมาให้เห็นมีหวังต้นกล้าร้องไห้เเน่ๆ

 

“(T-T)”

 

“ลืมนายเลย”พึงนึกถึงผมหรอ ผมเศร้าใจแป้ป

 

“ไอ้นี่อย่างที่ว่า มันชื่อว่าต้นกล้า”อ้าห้ะ

 

“อ้อ หวัดดีต้นกล้า”

 

“อืม หวัดดีแคน”

 

“เห้ย ไอ้พวกตรงนั้นหยุดคุยได้แล้ว!”รุ่นพี่หน้าโหดตะโกนออกมา ทำให้ทุกสายตาจับจ้องมาที่พวกผมสามคน พี่ที่อยู่ใกล้พวกผมเอานิ้วมาเเตะที่ริมฝีปากเเล้วก็ลากจนสุดเพื่อบอกให้พวกผมเงียบ ท่ามันน่ารักตะมุตะมิเเต่มันไม่เข้ากับหน้าพี่เขาเเละมีหนวดเลย

 

“คร้า/คร้าบ”ผมตอบเสร็จเเล้วก้มหัวเพื่อฟังรุ่นพี่ต่อ

 

เลิกกิจกรรมเสร็จแล้วพวกผมสามคนเลยเดินออกมาหาข้าวกินในโรงอาหารคณะเพราะมันเลยเที่ยงมาแล้ว(เลยเวลามานี้ไม่ใช่อะไรน่ะครับพี่แม่งปล่อยช้า)

 

พวกผมสามคนคุยกันไปคุยกันมาสนิทกันเฉยเลย มิ้นเลยถามผมว่าผมอยู่คนเดียวหรอ เพราะว่ามิ้นเห็นผมอยู่คนเดียวตั้งแต่ผมเดินเข้ามา ผมเลยบอกมิ้นไปว่าที่จริงผมยังมีเพื่อนอีกคนหนึ่งแต่มันไปเป็นเดือนคณะน่ะ

 

 

=โรงอาหารคณะวิศวะ=

 

พวกเรามาถึงโรงอาหารคณะเลยแยกย้ายกันไปซื้อข้าวมากินถ้าซื้อเสร็จแล้วจึงค่อยมารวมตัวนั่งกินกันที่โต๊ะ

 

“พวกมึงว่าอาหารที่คณะมันอร่อยไหม”มิ้นถามผมกับต้นกล้าที่กำลังกินอย่างเอร็ดอร่อย

 

“ก็อร่อยน่ะ”ผมตอบมิ้น

 

“งั้นๆแหละมึง”ต้นกล้าเช็ดปากแล้วตอบมิ้นแต่อาหารในจานต้นกล้าหมดก่อนทุกคนในโต็ะผมคิดว่าผมกินเร็วเเล้วนะ

 

“มึงว่างั้นๆหรอ แต่มึงฟาดหมดไปก่อนเพื่อนเลยน้า”

 

“แห้ะ แห้ะ”ต้นกล้าเลยได้แต่หัวเราะแห้งๆ

 

“พวกมึงว่าปีนี้ใครจะได้เป็นเดือนมหาลัยว่ะ”มิ้นเลยหยิบเอาประเด็นใหม่ขึ้นมาพูด

 

“กูไม่สน”ต้นกล้าตอบมิ้น

 

“ไอ้ต้นกล้าในชีวิตมึงนี้สนอะไรบ้างว่ะ”

 

“ไม่ รู้ ซี่” ต้นกล้าตอบอย่างกวนๆเลยทำให้มิ้นไม่พอใจต้นกล้านัก

 

“แล้วนายล่ะแคนว่าใครจะได้เป็นเดือนมหาลัย”ถ้าถามผมว่าใครจะได้เป็นเดือนมหาลัยผมคงจะตอบออกไปว่าเป็นไอ้ต้าร์แน่นอนอยู่แล้ว

 

“เราว่าไอ้ต้าร์เดือนคณะเราเนี้ยแหละจะได้เป็นเดือนมหาลัย”

 

“หรอ เราว่าเดือนแพทย์เนี่ยแหล่ะได้เป็นเดือนมหาลัยชัวร์”ไอ้เดือนแพทย์อีกแล้วหรอทำไมมีเเต่คนสนอกสนใจมันนักนะ

 

“มิ้นมึงมั่นใจมากเลยน่ะว่าไอ้เดือนแพทย์ของมึงเนี่ยจะได้เป็นเดือนมหาลัย กูอยากเห็นหน้าว่ามันหล่อขนาดไหนกัน”

 

“ไอ้ต้นกล้า ถ้ามึงเห็นน่ะมึงจะตลึงความหล่อของเดือนแพทย์ของกู”

 

“หรอ เดี่ยวน่ะไอ้เดือนแพทย์นี่ไปเป็นของมึงตอนไหน”

 

“ตอนกูเห็นเขาครั้งแรกไง ตอนนั้นกูเลยจองไว้แล้วล่ะ”มิ้นพูดออกมาทั้งยังทำหน้าฟินไปด้วย

 

“มิ้นตื่นเถอะมึงอ่ะ”ต้นกล้าได้แต่ปลุกให้มิ้นตื่นจากความฝัน

 

พวกผมกินข้าวเสร็จตอนบ่ายสามแล้วผมก็ไม่มีเรียนอีกผมเลยขอตัวลากลับก่อน

 

เดือนแพทย์หรอถ้าถามว่ามันหน้าหล่อไหม ตอบเลยว่า ‘ใช่’ คือมันหล่อมาก หล่อกว่าไอ้ต้าร์มากเลย(กูขอโทษน่ะไอ้ต้าร์)มีโปรไฟร์เรียนแพทย์อีกอนาคตไม่ต้องห่วงเลยว่าจะไม่มีงานทำ พูดแล้วก่ออิจฉามันแห่ะ

 

หน้าของมันราวกับถูกสร้างมาจากแม่พิมท์ยังไงยังงั้นเลย ผิวของมันนั้นมีสีเดียวกับน้ำผึ้ง ดวงตาคมกริบยิ่งมองยิ่งทำให้ไม่สามรถละสายตาได้แม่แต่วินาทีเดียวผมดำสนิดของมันนั้นทำให้อยากลูบ ปากสี แดงชมพูทำให้อยากรู้รสชาติของมันรูปร่างสูงโปร่ง ทำให้อยากรู้ว่าข้างในมีอะไรและสัมผัสด้วมือคู่นี้ ส่วนสูงของมันน่าจะซัก187-192 ซม.น่าจะได้ เชี่ย!นี่ผมกำลังคิดอะไรอยู่เนี่ย ม่ายยยผมนี้นะกำลังเคลิ้มกับหน้าตาและรูปร่างของมันหรอเนี้ย

 

 

ตอนนี้ผมกำลังขับรถมาถึงคอนโดที่พ่อของผมซื้อให้ผมอยู่คนเดียวเพราะพ่อผมรู้ว่าผมนั้นโลกส่วนตัวสูง พอผมกำลังเดินเข้าไปในลิฟท์เสียงโทรศัพท์ผมดังขึ้น ผมคิดว่าน่าจะเป็นไอ้ต้าร์เลยหยิบขึ้นมาดูแต่เบอร์ที่โทรเข้ามานั้นไม่ใช่เบอร์ของไอ้ต้าร์แล้วยังเป็นเบอร์ที่ผมไม่คุ้นอีกด้วย

 

[…ไง!] ปลายเสียงได้พูดขึ้นเสียงดัง น้ำเสียงที่ดังออกมานั้นช่างคุ้นหูของผมเล็ก แต่ผมนึกไม่ออก ผมเลยถามออกไปว่า

 

[คือว่า คนที่พูดนี้ใครหรอครับ]

 

[…]

 

ปลายเสียงนั้นเงียบไปและไม่มีเสียงตอบรับกลับมาหาผมอีกเลย แล้วอีกฝ่ายก่อกดตัดสายทิ้งไปเลยผมคงคิดว่าเป็นพวกกวนประสาทแน่เลย

 

แต่ผมรู้สึกกังวลแบบแปลกๆ ผมเลยตัดสินใจโทรไปหาไอ้ต้าร์ ผมรอไอ้ต้าร์รับสายไม่นานนักมันก็กดรับ

 

[…ไงมึง]

 

[มึงเมื่อกี้มีคนโทรมาหากูด้วย]

 

[อืม ก่อปกติดีนิ]

 

[ไม่ใช่คือเป็นเบอร์ที่ไม่คุ้นเลยเว้ย]

 

[อาจเป็นพ่อแม่มึงหรือเปล่าเปลี่ยนเบอร์ไรงี้เนี่ย]

 

[ไม่มึง คือมันโทรมาพูดคำเดี่ยว แล้วกดวางไปเลยเว้ย]

 

[ไม่มีไรหรอกหนา มึงก็อย่าคิดมากเลย]

 

[มันแบบแปลกๆ อ่ะมึง]

 

[แล้วแต่มึงเลย กูจะว่างแล้ว]

 

[เฮ้ย ไอ้ต้าร์]

 

ตู้ดๆๆๆๆๆ

มันวางสายไปแล้ว แล้วที่งี้ผมควรทำยังไงต่อดีเนี้ย กลุ้มใจแป้ป

 

เอาเป็นอย่างนี้แล้วกัน ผมคงต้องเอาอย่างที่ไอ้ต้าร์บอกแล้วแหล่ะ ‘อย่าคิดมาก’พอผมมาถึงห้องของผมเลยทิ้งตัวลงนอนบนเตียงของผม แล้วหยิบมือถือจากในกระเป้ากางเกงของตัวเองมาเล่นเกมจนผมเฟ่อหลับไป…

 

17.00 pm

ก๊อก ก๊อกๆ

หื้ม อะไรอีกว่ะเนี่ยคนจะหลับจะนอน ก๊อก ก๊อก ก๊อก ตุบ ตุบ ตุบ เสียงเคาะประตูดังขึ้นเรื่อยๆ จากเสียงเบาตอนนี้ได้กลายเป็นเสียงดัง ดัง แล้วก็ดังอีกกว่าเดิม

 

“กำลังมา แล้วคร้าบ”พอผมเปิดประตูออกมาก็พบกับไอ้ต้าร์ยืนอยู่ตรงหน้าผม “ไอ้ต้าร์มึงมาได้ไงว่ะ”เพราะมันต้องอยู่ที่กองประกวดดิ

 

“เหาะมามั้ง ไอ้ควาย นอนเพลินเลยสินะมึงไม่รู้ว่าโลกไปถึงไหนกันแล้วเนี้ย”มันรู้ได้ไงหว่ะว่าผมกำลังนอนอยู่หัวผมยุ้งขนาดนั้นเลยหรอ หรือผมมีขี้ตาติดอยู่ผมเลยเอามือเช็ดออกทันที มีจริงด้วย

 

“นิดหน่อยน้า”

 

“เห้ย กูสิเหนื่อยใจกับมึงซะจริงๆเลย นี่มีงรู้ไหมว่ารุ่นพี่เขานัดกันไปที่ใต้ตึกคณะนะ”

 

“เฮ้ย จริงหรอว่ะ”เชี่ย เอาแล้วไงถ้าผมไปช้ามีหวังโดนรุ่นพี่เล่นแน่เลยผมเลยรีบหามือถือแล้วก็ข้ออ้างว่าทำไมมาสายให้กับรุ่นพี่ ว่าเสร็จผมล่วงกระเป้ากางเกงยีนผมเลย“มือถือมีไหนว่ะ”แต่ไม่มี ผมน่าจะชาร์จแบตละไว้มั้ง

 

“เดี๋ยวก่อนมึง”เดี๋ยวอะไรอีกว้าเนี้ย คนกำลังรีบ

 

“อะไรอีก ไม่เห็นหรือไงว่ากูกำลังรีบอยู่เนี้ย”

 

“มึงไม่ต้องไป”ห้ะผมหันกลับมาเพื่อฟังคำตอบจากมัน

 

“ทำไมกูไม่ต้องไป”

 

“เพราะมึงต้องไปกับกู”

 

“เอ้าทำไมมึงไม่บอกตั้งแต่แรกเลยปล่อยกูลนลานอยู่ได้แล้วจะไปไหน”

 

“กองประกวด”โถ่ถถถไปกองประกวดกูไปหารุ่นพี่ยังดีกว่าอีก“เร็วๆเลยมึง”

 

“ไม่ กูไม่อยากไป”

 

“อย่ามาเรื่องมาก”

 

“ไม่”



“หนึ่ง”



มึงคิดว่าเป็นใครถึงมาสั่งกูได้

 

“สอง”



เป็นพ่อกูก็ไม่ใช่ แต่ว่ามันเป็นพ่อคนที่สองของผมนี่น่าช ่างมันเหอะ แต่ท่าผมไม่ไปกับมันมีหวังมันตัดผมออกจากวงศ์ตระกลูแน่ๆ ไม่ผมต้องการเงิน ที่ดิน บ้าน สมบัติของมันนี่ผมเล่นใหญ่ไปไหมเนี่ย เอ่อกูยอมไปกับมึง

 

“สา…”

 

“เอ่ออ กูไปก็ได้”

 

“เอ่อดี เร็วๆ”
หัวข้อ: Re: The taste of Loves รสชาติแห่งความรัก
เริ่มหัวข้อโดย: กาแฟมั้ยฮะจ้าว ที่ 20-02-2019 09:08:54
ขอบคุณครับ +1 ให้นะครับ o13
หัวข้อ: Re: The taste of Loves รสชาติแห่งความรัก chapter 4
เริ่มหัวข้อโดย: ความเงียบ สีขาวดำ ที่ 23-02-2019 13:08:33
Chapter 4


Hello stranger

 

=กองประกวดดาวเดือนม’หลัยL.O=

 

 “เอาใหม่ น่ะค่ะน้องๆ  หนึ่ง  สอง  สา…”เสียงรุ่นคนหนึ่งกำลังตะโกนให้ คนกลุ่มหนึ่งเต้นตามจังหวะเสียงตบมือของรุ่นพี่คนนั้น

 

ถ้าคุณถามว่าที่นี้ที่ไหน ผมพร้อมแถลงไข เพื่อปกป้องไม่ให้โลกถูกทำลาย เพื่อปกป้องความสงบสุขของโลก จึงต้องเผยความชั่วแห่ง…เอ่ออตอนนี้ลอยไปไกลละครับเข้าเรื่องเลยดีกว่าครับ ผมถูกไอ้ต้าร์ลากตัวมายังกองประกวดตั้งแต่ตอนเย็น

คุณคงสงสัยว่าผมมาทำอะไรที่นี่ คำตอบคือ มาเป็นเบ๊ของมัน มันบอกว่าไม่มีเพื่อนคุย ไม่มีเพื่อนกลับบ้านด้วย ผมอยากบอกมันดังๆว่า ตอแหล ครับ มึงเป็นเด็กประถมหรือไงเวลากลับบ้านต้องกับเพื่อนงี้ แล้วตอนพูดทำหน้าเศร้าอีก มึงควรได้รับรางวันตอแหลยอดเยี่ยมแห่งปีเลย

 

ตอนนี้ผมกำลังนั่งรอคนที่ลากผมมาซ้อมเต้นประกวดดาวเดือนของมันอยู่ ในการประกวดดาวเดือนผมไม่ค่อยสนใจเท่าไหร่หรอก ว่าใครจะได้เป็นดาวเดือนของมหาลัย แต่ถ้าไอ้ต้าร์ได้เป็น ผมว่ามันก็ดีเหมือนกัน จะได้มีสาวๆสวยเข้ามาทำให้พวกผมมีชีวิตชีวามากขึ้น



ตอนนี้ผมเริ่มเบื่อกับการดูดาวเดือนแต่ละคณะเต้นแล้วไม่ใช่ว่าไม่ดูดีน่ะครับเเต่ผมอยู่ดูมาตั้งแต่พวกเขาเริ่มยืดเส้นยืดสายเเล้ว เลยหันมาเล่นโทรศัพท์ดีกว่าดูไอ้พวกนั้นเต้นไหนมีอะไรให้ผมได้เล่นได้ดูบ้าง



 ตึ้ง

มีคนส่งคำขอเป็นเพื่อนกับคุณ ใครกันว่ะที่มาส่งเป็นเพื่อนกับผมเนี่ย ขอเป็นผู้หญิงละกันสวยด้วยน่ะ ผมเลยกดเข้าไปดูว่าใครส่งคำขอมาเป็นเพื่อนกับผม



 รูปโปรไฟล์เป็นรูปผู้ชายปิดตาข้างหนึ่งเลยทำให้เห็นหน้าไม่ชัดเท่าไหร่แถวยังถ่ายไม่ชัดอีกดีน่ะที่ยังเห็นเป็นรูปผู้ชายอยู่ มีชื่อเฟสว่า ARUM WONGSARKARM ชื่อมันเหมือนกับไอ้ต้าร์รูปร่างก็คล้ายไอ้ต้าร์อีกเลยแห้ะ แต่คนในรูปดูผิวขาวกว่าไอ้ต้าร์นิดหน่อย



อ๋อผมรู้เเล้วมันคงใช่แอปแน่เลย แต่อะไรว่ะเปลี่ยนเฟสก็ไม่บอกเพื่อนกันสักหน่อยหรอ นี่เพื่อนมึงน่ะไอ้ต้าร์ ยังดีที่มันส่งคำขอมาเป็นเพื่อนผม ผมเลยกดรับเป็นเพื่อนซะเลยแล้วกัน ผมไม่ได้เข้าไปดูอะไรเพิ่มเติมเพราะคิดว่าไอ้ต้าร์น่าจะสมัครใหม่ ไม่หน้ามีอะไรเพิ่มเติมเพราะพวกผมเป็นเพื่อนกันมาไม่ค่อยมีความลับกันและกันซะเท่าไหร่

 

“ไง มึง” ไอ้คนที่ผมพึ่งนินทาในใจ เดิมเข้ามาทิ้งตัวนั่งข้างผม แล้วยังมาพร้อมกับเหงื่อท่วมตัวของมันมันอีก นี้ขนาดเหงื่อท่วมตัวมันยังทำให้มันไม่หมดหล่อเลยแม้แต่น้อยแต่กับเพิ่มความเซ็กซี่ให้มันมากเลย ผิดกับผมเลย TT ไหนละความยุติธรรม

 

เอ่อว่าเเต่ไอ้ต้าร์มันสมัครเฟสใหม่มาแอดผมนิ ขอเเเซวมันนิดหนึ่งแล้วกัน

 

“ไอ้ต้าร์มึงสมัครเฟสใหม่หรอ ไม่เห็นบอกกูเลยน่ะมึง”ผมกระทุ้งไหล่มันไปหนึ่งที

 

“อะไร”

 

“เฟสใหม่มึงไง”แค่นี้ เสือกทำเป็นลืมน่ะมึง

 

“เฟสใหม่กูหรอ”ยังจะทำหน้าสงสัยอีก เป็นคนสมัครเองแท้ๆ แต่กับทำเป็นลืมน่ะมึงสงสัยมันคงทำเฟสสำรองไว้แอดสาวเเน่ๆเลย

 

“เอ่อ กูพึ่งรับมึงเป็นเพื่อนเมื่อกี้เนี้ย”

 

“ไอ้เเคน มึง ฟังกูนะ”มันจับผมหันหน้าเข้าหามัน

 

 “เอ่อ ว่ามา”

 

“กู ไม่ ได้ สมัคร เฟส ใหม่”มันพูดเน้นทีละคำให้กัผม แล้วคนที่ผมพึ่งรับแอดไป เป็นใคร

 

“ห้ะ แล้วเฟสที่มาขอกูเป็นเพื่อนเฟสของใครว่ะ”

 

“กูจะไปตรัสรู้หรอ ไหนเอามาดูดิ”ว่าเสร็จมันดึงมือถือของผมไปดูเเล้วปลดล็อกรหัส เข้าไปดูเฟสเจ้าปัญหาที่ผมเข้าค้างไว้



ไอ้ต้าร์เลื่อนดูไปเลื่อยๆอย่างหน้านิ้งๆ แล้วจู่ๆไอ้เหี้ยต้าร์มัน มัน มัน ก็ยิ้มมุมปากขึ้นมาพร้อมบ่นอะไรของมันก็ไม่รู้เบาๆ ‘ร้ายไม่เบา ฮึฮึ’ ขนาดผมอยู่ใกล้มันยังไม่ได้ยิ้นมันพูดเมื่อกี้เลย  ผมต้องไปเช็คหูเเล้วล่ะ

 

“เหี้ยต้าร์เมื่อกี้มึงพูดอะไรของมึงเบาชิบหาย”

 

“เปล่า”อยู่ดีๆตอนนี้มันก็ยิ้มคับ งง? คือว่าคุณต้าร์ครับ ตอนนี้เพื่อนคุณกำลังกังวลอยู่น่ะครับ แต่ว่าไปผมมีลางสังหรณ์ ว่าไอ้ต้าร์มันน่าจะรู้ว่านี้มันเฟสใคร

 

“มึงรู้ใช่ไหม ว่านี้เฟสใคร”

 

“กูจะไปรู้ได้ไง” มันว่าแล้วมันยิ้ม ผมรู้สึกว่ามันดูมีอารมณ์ดีผิดปกติ



“แต่มึงยิ้ม”ผมต้องรู้ให้ได้



ผมพูดเสร็จมันก็หุบยิ้มเเล้วหลบสายตาจากผม ไปเเล้วลุกขึ้นยืน

 

“กูก็ยิ้มปกติของกู อยู่แล้วปะว่ะ”นั่นไง มันมีพิรุธ


 

“……”

 

“ป่ะ ไปกินข้าวกัน”มันเปลี่ยนเรื่อง ผมคงต้องยอมเเล้วล่ะ ว่ามันคงไม่บอกหรอกว่าใครเป็นเจ้าของเฟสนั้น

 

“……”

 

“จะไปหรือไม่ไปเลือกเอา”

 

“ไปก็ได้ครับ”ช่างเห้อะไม่ง้อมันก็ได้ สักวันผมจะต้องรู้ให้ได้ว่าใครคือเจ้าของเฟสนี้เพราะคิ้วขวาผมเริ่มกระตุกแรงมากๆ แต่จะว่าไปตอนผมมาที่นี้ผมลืมเอากระเป๋าตางค์มาด้วยนี้ ต้องถามมันก่อนว่ามันเป็นคนเลี้ยงไหม ถ้าเลี้ยงผมไป

 

“มึงเลี้ยงใช่ไหม”

 

“ไม่ แต่จะมีคนเลี้ยงให้ ฮึ ฮึ”เชี่ย ไอ้ต้าร์หัวเหราะแบบนี้ดูหน้ากลัวชิบหายเลย ผมสังหรณ์ใจไม่ดีเลย

 

 

=ร้าน ห้าร้อยห้าสิบห้า @ 5 5 5=

 ไอ้ต้าร์พาผมมากินร้านอาหารเเนวจีนมีชื่อร้านว่าห้าร้อยห้าสิบห้า @ 555 อยากรู้จริงใครเป็นคนคิดชื่อร้านว่ะ เห็นมันบอกว่ามีคนเลี้ยง เป็นใครก็ไม่รู้ไม่น่าไว้วางใจอาจมาหลอกเพื่อนผมไปขายหรือลักพาตัวมันไปก็ได้ เพราะงี้ผมเป็นห่วงมันเลยมาด้วยนะเนี่ย(เห็นแก่ของฟรีต่างหาก >.< )

 

ไอ้ต้าร์เดินเข้าไปหาคนหนึ่งที่ทางหน้าเคาน์เตอร์ของทางร้าน คนๆนั้นคือพี่แซนดี้นี่เองจะใครแหล่ะ อ้อ ผมเข้าใจแล้วว่าทำไมมันถึงชวนผมมาด้วย พี่แซนดี้แกมาในเสื้อสีชมพูหวานแหวว กางเกงสั้นสีฟ้าร้องเท้าแต๊ะ เจ้เเกเล่นเเต่งอย่างนี้ถ้าเจ้กันข้างนอกผมจะไม่ทักแกเลย แต่วันนี้ยกเว้นเพราะเจ้แกจะเลี้ยงข้าวผม

 

“หวัดดีครับ พี่แซนดี้”ไอ้ต้าร์หวัดดีพี่แซนดี้ก่อนเลยเป็นอันดับเเรก เเล้วกวักมือเรียกผมให้เดินเข้าไปหา

 

“หวัดดีจ้ะน้องต้าร์ ไม่ต้องเรียกว่าพี่แซนดี้ก่อได้ เรียกพี่ว่าเจ้แซนดี้นะฮะ”พี่แซนดี้แกอยากให้พวกผมเรียกแกว่าเจ้แซนดี้ ถึงตาผมหวัดดีพี่แซนวิทแล้ว

 

“หวัดดีครับ พี่แซนวิท เฮ้ย เจ้แซนดี้”ผมรีบแก้ตัวเลย ติดชื่อนี้มาจากพี่กัน

 

“แม้ แม้ แหม้ น้องงแคน หวัดดีจ้ะ”เจ้แกเหล่มองผมแรงมาก

 

 “แห้ะ แห้ะ”ผมเลยได้แต่หัวเราะแห้งๆให้กับเจ้แซนดี้เพราะผมไปพูดชื่อเล่นอีกอันของเจ้แก



หวัดดีกันเสร็จเจ้แกก็เดินนำพวกผมไปที่โต๊ะที่พวกผมนั่งกินอาหารกัน มีพนักงานเดินเอาเมนูอาหารมาให้พวกผม หน้าตาหน้าทานมาก แต่ราคาถือว่าพอดีกับนักศึกษาในละเเว้กนี้เลย

 

“วันนี้สองหนุ่มอยากกินอะไรสั่งเลยน่ะฮะ”

 

“หู้ วันนี้เจ้แซนดี้เลี้ยงพวกผมหรอคับ”ผมถามเจ้ ทดสอบว่าเจ้แกหายเคืองผมยัง

 

“ม่ายช่ายจ้า แต่มีคนเลี้ยงแน่นอน”ใครที่จะมาเปร์มื้ออาหารนี้ให้กับผมเนี้ย

 

“ไง”เสียงพูดดังมาจากข้างหลังพวกผม มีผู้ชายสองคนกำลังเดินมา นั้นมันพี่ของไอ้เดือนแพทย์นี่น้า แล้วคนเดิมตามมาข้างหลังนั้นคือไอ้เดือนแพทย์

 

มันเดินมาพร้อมกับเหล่มองผมจนมายืนอยู่หลังพี่กัน หน้าตามันดูดีขึ้นมากจากคราวที่แล้วที่เจอกัน

 

“มาช้า”เจ้แซนดี้พูดกับพี่กัน

 

“โทดๆ พอดีไปส่งน้องมันเอาของน่ะ”

 

“ขอโทดครับ”เอ้ะ เสียงนั้นมันคุ้นๆน่ะเหมือนผมเคยได้ยินจากที่ไหนมาว้า นึกแล้วนึกอีกก็นึกไม่ออก เสียงมันคุ้นโคตรคุ้นหูผมเลย

 

“แม้น้องบิตตต ไมเป็นไรเลยค่าถ้าผิดผิดที่ไอ้กัน”เจ้แกเล่นไปดึงแขนเดือนแพทย์มาแล้วซบไหล  ไม่ใช่ซิ 555 เจ้แกยืนยังไม่ถึงไหลของมัน เจ้แกเลยได้แต่ซบตรงแขนของมันแทน หน้าของมันเหว่อไปนิดหนึ่งตอนที่ถูกดึงมาซบ

 

“เอ้า กูผิดอะไร”

 

“ก็มึงขับรถช้า ปล่อยให้น้องบิตหิวไง เน้อะน้องบิต”

 

“โถ่ถ เห็นผู้ชายดีกว่ากู ที่เป็นเพื่อนมึง”พี่กันพูด แล้วทำหน้าน้อยใจใส่พี่แซนดี้ แต่พี่แซนดี้กับ NOสนNOแคร์ ซะขนาดนั้น ใส่พี่กันแทน

 

“แล้วไง มาๆๆๆน้องบิตมานั่งกันก่อนฮะ”พี่แซนดี้ดึงแขนมันให้ไปนั่งกับตัวเอง

 

 “ชิ ที่กับกูด่าเอาด่าเอาอยู่นั้นแหละ”

 

“ทำไมมีปัญหาหรอฮะ”พี่แซนดี้ได้ยิ้น พี่กันพูดเลยหันไปตวาดหาพี่กันเลยที่เดียว น่าสงสารพี่กันเขาน่ะครับ

 

“ใครจะไปมีกับมึง”

 

“เอ่อดี พวกเรามาแนะนำตัวกันก่อนนะฮะ”พี่แซนดี้เปลี่ยนประเด็นมาเป็นการแนะนำตัวกัน ที่จริงพวกผมรู้ชื่อกันหมดแล้วแต่แค่ยังไม่สนิทกันเฉยๆ แต่ไหนพี่แซนดี้เปิดมาแล้วก็อย่าให้พี่เขาเสียหน้าแล้วกัน



“เริ่มคนนี้ก่อนเลยเพราะหล่อที่สุด เดือนแพทย์ชื่อว่าน้องบิต”

 

มันลุกยืดขึ้น พร้อมกับยกมือไหว้พร้อมพี่แซนดี้กับพี่กัน โคตรมีเสนห์มากผิดจากตอนที่มันชงกาแฟมาให้ผมเลย

 

“สวัดดีครับ บิตครับ”

 

“ต่อมาเดือนวิศวะน้องต้าร์”ไอ้ต้าร์ลุกยืนขึ้นพร้อมกับยกมือไหว้เหมือนกับไอ้เดือนแพทย์ ดูแล้วก็รู้เลยว่าใครควรได้เป็นเดือนมหาลัยในปีนี้ แน่นอนแล้วต้องเป็น ไอ้เดือนแพทย์ ไอ้ต้าร์กูขอโทษ

 

“สวัดดีครับ”

 

“คนนั่งข้างน้องต้าร์ชื่อว่าน้องแคนนะฮะ”มาถึงคิวผมเเล้ว ผมเลยลุกยืนขึ้นเเล้วหันไปไหว้พี่แซนดี้ ต่อมาก็พี่กัน แล้วเอ๋ยแนะนำตัว

 

“สวัดดีครับ แคนครับ”

 

“เฮ้ย น้องต้าร์กับน้องกันนี้เป็นอะไรกัน”จู่ๆพี่กันก็พูดออกมาหลังจากที่ผมนั่งลงไปยังเก้าอี้

 

 “เป็นอะไรยังไงครับพี่”ผมสงสัยเรื่องที่พี่กันพูด เป็นอะไร?

 

 “ก็แบบ คบกันไรงี้”ไอ้ต้าร์เอาแต่นั่งคุยกับเจ้เเซนดี้ ส่วนไอ้เดือนแพทย์กำลังหยิบน้ำขึ้นมากินต้องหยุดชะงักเพราะเมื่อกี้ที่พี่กันถามพวกผมสองคน

 

“ไม่ใช่ครับพี่ เป็นเพื่อนกันครับ”ไอ้ต้าร์หัวเราะแบบไม่ส่งเสียง หน่อยไม่แก้ตัวเลยปล่อยให้กูแก้ตัวคนเดียวนะมึง ค่อยดูทีของกูบ้าง จะจัดให้ยับเลย

 

“แล้วไป”อยู่สถานการณ์ตอนนี้เงียบกริบ

 

“……”

“……”

“……”

 

“เอ่อเรามาสั่งอาหารกันก่อนเลยน่ะฮะ”พี่แซนดี้พูดขึ้นมาเมื่อพนักงานถือเมนูอาหารมาถึงพร้อมกับใบที่จดอาหารของโต๊ะพวกผม

 

“แล้วมึงไม่คิดแนะนำตัวมึงกับกูเลยหรอ”พี่กันพูดขึ้นมา ผมอยากบอกพี่กันว่าทำไมต้องพูดเอาตอนนี้ที่พนักงานมา เวลาตั้งเยอะทำไมไม่พูด สงสารพนักงานเค้า

 

“ไม่ต้องหรอกน้องรู้จักกันแล้วโน้ะ”พี่แซนดี้หันมาหาพวกผม

“ครับเจ้แซนดี้”ผมตอบเจ้แกพร้อมกับพยักหน้า

“น่ารักที่สุดเลยน้องแคน อีกอย่างนะอี่กันวันนี้มึงเลี้ยง”เจ้แกเอามือมาดึงแก้มผมแล้วหันไปหาพี่กัน

 

“กูอีกแล้วหรอ”พี่กันบ่นกับพี่แซนดี้

 

“เอ่อ”

 

เมื่อเวลาผ่านไป อาหารที่พวกผมสั่งก็ถูกทยอยนำมายังโต๊ะที่พวกเรานั่งกินกัน พวกผมนั่งกินอาหารไปเรื่อยๆพร้อมกับพูดคุยกันบาง แต่มีผมก้มหน้าก้มตากิน ก็คนผมหิวข้าวนี้ก็ตั้งเเต่ที่กินข้าวกับมิ้นต้นกล้าแล้ว จนผมได้เงยหน้าขึ้นมาก็ได้พบหน้าไอ้เดือนแพทย์ มันมองมาที่ผม เมื่อมันรู้ตัวว่าผมมองมันๆก็เลยหลบหน้าผมทันที จนไอ้ต้าร์มันขอตัวไปสูบ


“กูไปสูบแป้ปนึงน่ะ”



เมื่อมันลุกขึ้นมีสาวๆโต้ะรอบข้างมองมันกันเต็มเลย ผมเลยรู้สึกหมั่นไส้มันน้อยๆ ผมเลยกวนตีนมันไปประโยคหนึ่ง


“เอ่อไปเลย ไม่มีใครห้ามมึงหรอก”

 

“สัส”


“กูไปด้วย”จู่ๆ ไอ้เดือนแพทย์ก็ขอตัวไปกับไอ้ต้าร์ ทั้งสองมองหน้ากันสักพัก ไอ้ต้าร์ก็เอ่ยขึ้นมา

“มาดิ” แล้วทั้งสองคนก็เดินจากไป

 

“พี่ครับผมขอไปเข้าห้องน้ำนะครับพี่”ผมรู้สึกปวดฉี่เลยขอตัวไปเข้าห้องน้ำคงเพราะกินน้ำมากไปมั้ง

 

“เอ่อ”


“ไปดีมาดีน่ะน้องแคน”เจ้แซนดี้บอกกับผม











‘มึงคงไม่คิดมาแค่สูบกับกูหรอกน่ะมีไรว่ามา’

 

‘ก่อมาสูบกับมึงนั่นแหล่ะไม่มีอะไรหรอกน้า’

 

‘หรอ แน่ใจน่ะ ว่ามึงไม่มีอะไรจะถามกู’

 

‘เอ่อ’

 

‘……’

 

‘……’

 

‘……’

 

‘มึงกับเพื่อนมึงอีกคนเป็นเพื่อนกันใช่ไหม ไม่ใช่คบกันแน่น่ะ’

 

‘เอ่อ พวกกูเป็นแค่เพื่อนกัน’

 

‘แน่ใจน่ะ ว่ามึงสองคนเป็นเพื่อนกัน’

 

‘เอ่อ แต่มึงถามมาเเบบนี้กูเริ่มไม่เเน่ใจล่ะว่ากูอางเป็นมากว่าเพื่อนมันก่ได้มั้ง’

 

‘กู จะ จีบ มัน ถ้ามันเป็นแฟนมึง กูจะแย่งมันมาเป็น ของกูคนเดียว’

 

‘โอ้ โหดว่ะ’
หัวข้อ: Re: The taste of Loves รสชาติแห่งความรัก chapter 5
เริ่มหัวข้อโดย: ความเงียบ สีขาวดำ ที่ 24-02-2019 21:53:15
Chapter 5


ตัวปัญหามาแล้ว

 

 ‘มึงคงไม่คิดมาแค่สูบกับกูหรอกน่ะมีไรว่ามา’

 

‘ก็มาสูบกับมึงนั่นแหล่ะไม่มีอะไรหรอกน้า’

 

‘หรอ แน่ใจน่ะ ว่ามึงไม่มีอะไรจะถามกู’

 

‘เอ่อ’

 

‘……’

 

‘……’

 

‘……’

 

‘มึงกับเพื่อนมึงอีกคนเป็นเพื่อนกันใช่ไหม ไม่ใช่คบกันแน่น่ะ’

 

‘เอ่อ พวกกูเป็นแค่เพื่อนกัน’

 

‘แน่ใจน่ะ’

 

‘เอ่อ แต่ตอนนี้เริ่มไม่แน่ใจละ’

 

‘กู จะ จีบ มัน ถ้ามันเป็นแฟนมึง กูจะแย่งมันมาเป็นของกู’

 

‘โอ้ โหดว่ะ’

 

____________ARUN CHOEDCHAYAN____________

 

ประโยคยาวเยียดข้างบนนั้นคือ บนสนทนาของผมกับไอ้บิตนั้นเอง ผมนี้คือใครหรอ ผมนี้คือ พี่ต้าร์สุดหล่อเดือนวิศวะนี่เองจะใครหล่ะ ผมคงไม่ต้องบอกใช่ไหมว่าประโยคไหนเป็นของใคร สำหรับคนไม่รู้เดียวผมอธิบายให้ฟังง่ายๆ ประโยคไหนกวนตีนแบบเท่ๆคูลๆคือ ผมเอง ประโยคไหนคือ คนป้อด 2019 คือไอ้บิตนั่นเอง

 

คุณคงสงสัยว่าทำไมผมรู้ว่าไอ้บิตชอบไอ้แคน นั้นก็เพราะผมเก่งเท่ และ คูลนั่นเอง 555 จริงๆแล้วมันเริ่มมาจากตอนที่ผมมาอยู่ที่กองประกวดในวันเเรก ที่ผมมากับไอ้แคน แต่ไอ้แคนกับทิ้งผมไว้ที่นี้อย่างเดียวดาย แล้วไอ้บิตเข้ามาหาผม ตอนเเรกผมคิดว่ามันอยากเข้ามารู้จักกับว่าที่เดือนมหาลัยซะอีก แต่ที่ไหนได้ มันกับเข้ามาถามว่าผมเป็นอะไรกับไอ้แคน แต่ผมเริ่มรู้สึกมีอะไรแปลกๆ

 

ตอนแรกผมไม่ได้คิดอะไรหรอก เลยกะตอบแกล้งมันเล่นๆ ผมเลยบอกมันว่าผมกับไอ้แคนเป็น ‘แฟน’ กัน มันทำหน้าตกใจแล้วพูดตอกกับผมอย่างเร็วว่า มันชอบไอ้แคนตอนนั้นคนที่ตกใจที่สุดก็คงเป็นผมล่ะมั้ง(มีอยู่กันสองคนอ่ะนะ) มันคงเอาจริง ผมรู้ได้ไงหรอ ผมดูจากสายตาของไอ้บิตนั้นเอาจริงเอาจังมาก

 

แต่ถึงอย่างนั้นก็เถอะ คิดหรอว่าผมจะให้มันเดินหน้าทางจีบของมันง่ายๆหรอ เห้อะ ฝันไปเถอะ เพื่อนผมทั้งคนใครจะยอมให้คนที่ไม่รู้จักกันมาก่อนได้ไป ผมอุสาร์ร่วมมือกับพี่ของไอ้แคนในการกรีดกันให้คนที่คิดจะจีบไอ้แคนมาตลอด คุณคิดว่าหน้าตาอย่างไอ้แคน จะไม่มีคนมาจีบหน่ะ เป็นไปไม่ได้หรอกถ้าไม่มีผมกับพี่ของมันช่วยกัน อุ๊บ เผลอพูดออกมาแล้ว ไหนๆก็ไหนๆผมเล่าเลยดีกว่าว่ามันเริ่มมาจากตอนไหน

 

เรื่องมันเริ่มมาจากตอนที่ ผมเริ่มสนิทกับไอ้แคนมากขึ้นเรื่อยๆ มีวันหนึ่งที่ไอ้แคนบอกผมว่าม้ามันให้ชวนผมไปกินข้าวบ้านมัน ผมเลยตอบตกลง ที่ไม่รู้ว่าการไปบ้านมันครั้งนั้นทำให้ผมต้องเข้ามาพัวพันกับสิ่งๆหนึ่ง



เมื่อถึงเวลาเลิกเรียนผมก็กลับบ้านพร้อมกับไอ้แคนเพื่อที่จะไปบ้านมันเมื่อผมมาถึงบ้านมันมันแนะนำให้รู้จักพี่สาวพี่ชายมัน พวกพี่ๆของไอ้แคนต้อนรับผมดีมาก แต่เหตุการณ์มันเริ่มหลังจากนี้



เมื่อไอ้แคนมันไปซื้อของให้ม้ามันแล้วผมถูกทิ้งไว้คนเดี่ยวกลางบ้านมัน แล้วถูกพี่ชายพี่สาวของมันลากตัวมาที่หลังบ้าน ตอนเเรกผมก็งงว่าพวกพี่ๆพาผมมาทำไม แต่สีหน้าของพี่มันทำให้ผมลืมใบหน้าอันยิ้มแย้มตอนรับผมก่อนหน้านี้หมดเลย เพราะสีหน้าดูจริงจังมาก



แล้วพี่สาวไอ้แคนก็เริ่มประเด็นสอบสวนผม ว่าผมเป็นอะไรกับไอ้แคน ผมงงหนักมากว่าทำไมพี่เขาถึงถามผมแบบนี้ ผมก็เลยตอบว่าเป็นเพื่อนกันแต่พี่เขาไม่เชื่อว่าผมเป็นเพื่อนกัน แต่พอผมเริ่มจับใจความได้ก็เริ่มรู้จุดประสงค์ที่พี่ไอ้แคนถาม ผมเลยตอบไปว่าไม่ได้เป็นแฟนกับไอ้แคน เมื่อพี่ๆไอ้แคนเชื่อว่าพวกผมไม่ได้เป็นแฟนกัน ก็เลยปล่อยตัวผมและชวนให้ผมมาร่วมแผนการ ไม่ใช่สิพวกพี่ของไอ้แคนมันบังคับผมทำเลยนี่น้า ช่วงก่อนก็ไม่ค่อยสนใจทำเท่าไรแต่พักหลังนี้ผมชักเริ่มสนุกแล้วสิ อิอิ

 

แผนการห้ามให้แคนมีแฟนก่อนเรียนจบ(จบชั้นไรแล้วแต่เจ้ยิ้ม)

แผนการนี้ได้เริ่มต้นขึ้นจากการ ห่วงใยของพี่ทั้งสองของมัน กฎมีอยู่ว่า

1 ห้ามให้แคนอยู่กับใครที่ไม่รู้จักทั้งสิ้นเด็ดขาด

2 ห้ามให้แคนไปนอนบ้านคนอื่นเด็ดขาด (ยกเว้นบ้านผม)

3 ห้ามให้มีสถานการณ์ที่ทำให้แคนมีแฟนหรือบรรยากาศพาไปเด็ดขาดให้พวกมันคบกันเด็ดขาด

4 ห้ามเผ่ยแพร่เรื่องนี้ให้แคนรู้เด็ดขาด ถ้าเผ่ยแพร่เจ้ยิ้มเอาตาย

 

กฎต่างๆนานาเกิดจากที่พี่สาวกับพี่ชายมันเป็นคนคิดขึ้นมา เอาตรงๆไหม ผมรู้สึกว่ามันโคตรไรสาระ แต่พอมาฟังเหตุผลของพี่สาวของมันแล้วผมกับเปลี่ยนความรู้สึกเลย พี่มันบอกว่า กลัวไอ้แคนเจ็บกับความรักเหมือนกับพี่

 

เพราะพี่ของมันเคยมีความรักเมื่อตอน มัธยมปลาย ตอนแรกๆพี่บอกว่ามันดี มันสนุกและโคตรมีความสุขที่มีเขา เข้ามาในชีวิต แต่มีในช่วงระยะเวลาหนึ่งกับถูกคนรักมองข้ามและไม่สนใจ



แล้วสุดท้ายเรื่องก็จบด้วยที่พี่สาวไอ้แคนจับได้ว่าคนรักของตัวเองนั้น มีกิ้กและไม่ใช่แค่คนเดียว และเรื่องที่พีคที่สุดคือ พี่ของแคน กลายเป็นเมียน้อยเพราะ คนรักของพี่สาวของไอ้แคนนั้นแต่งงานแล้วพร้อมกับท้องอีก ก่อนที่จะมาคบกับพี่สาวของแคนหลายเดือน



พี่เล่าว่าช่วงนั้นพี่เครียดและไม่ยอมเรียนไม่กินข้าวและไม่เอาไรเลยซักอย่างเลย จนวันหนึ่งแคนเข้ามาหา(ตอนนั้นแคนยังเด็กมาก)และถามว่า ‘เจ้เป็นอะไร’ ‘ใครทำร้ายเจ้ จนทำให้เจ้ร้องไห้’ ‘เดี่ยวแคน จะปกป้องเจ้เอง’ ‘เจ้ไม่ต้องร้องไห้น่ะ’ ‘แคนจะดูแลเจ้เอง’ตอนนั้นพี่ร้องไห้หนักมาก แต่พี่ไม่ได้ร้องไห้กับความเสียใจที่เกิดกับเรื่องนั้น แต่เพราะพี่นั้นมีความสุขมากต่างหากที่แคนเข้ามาหาพี่และพูดกับพี่ แล้วพี่เขายังบอกผมว่า พี่เขานั้นไม่ใช่ว่าไม่ให้แคนมีคนความรัก แต่ขอให้เป็นคนที่จริงจังกับแคนและรักแคนมากที่สุดต่างหาก

 

ผมนี่โคตรซึ้งเลย ไม่คิดว่าไอ้แคนมันจะมีโมเมนต์แบบนี้ด้วย และผมประทับใจในตัวพี่ของมันมาก เพราะฉะนั้นเริ่มแผนการขัดขว้าง ไอ้บิต ได้นะบั้ดน้าว

 

“งั้นพวกผมขอลาแล้วน่ะครับ”ผมบอกกับพวกพี่กันเเละเจ้แซนดี้ที่เลี้ยงข้าวผมกับไอ้แคน งานเลี้ยงยอมมีวันเลิกรา แต่วันที่ไอ้บิตจะจีบไอ้แคน ไม่มีวันนั้นหรอก555(หัวเราะอย่างชั่วร้าย)

 

“จ้า ขับรถดีๆน่ะเรา”เจ้แซนดี้บอกผม

 

“ครับ”

 

“เดี่ยวก่อน!”เจ้แซนดี้ตะโกนตามหลังพวกผมมา ผมกับไอ้แคนเลยหันกลับมามองเจ้แซนดี้ที่วิ่งตามพวกผมมา

 

“มีไรหรอครับ”ไอ้แคนถามเจ้แซนดี้

 

“คือว่า   น้องต้าร์ พอดีว่าคอนโดน้องบิตนะ เป็นทางผ่านพอดีเลยอยาก ฝากน้องบิตกลับด้วยได้หรือเปล่า”เอาแล้วไง คิ้วขวาผมเริ่มกระตุกแบบแปลกๆ เหมือนว่าวันนี้จะได้มีใครตาย คนๆนั้นคงเป็นผม ที่ถูกเจ้ยิ้มฆ่าแน่ๆ

คืออยากทราบว่า มากับใครกลับกับคนนั้นไม่ได้หรือไง แต่ถึงอยากพูดออกไปแค่ไหน แต่ก็คงต้องยอมเพราะเจ้แซนดี้แกเลี้ยงข้าวผมกับไอ้แคน



 “ได้ครับ”

 

“ไม่มีปัญหาแน่นะ”เจ้แซนดี้ถาม

 

“ครับ”ผมน่ะไม่มีปัญหาแน่นอนแต่ มันน่ะน่าจะมีปัญหากับไอ้แคนมากกว่าผมอีก

 

“ฝาก ตัวด้วย”ผมคิดมันน่าจะพูดกับผมแต่สายตาที่มันมองกับไปมองที่ไอ้แคน

 

“อื้ม ฝาก ตัว ด้วย เหมือน กัน”ผมพูดกับมัน เลยทำให้มันหันหน้ากับมาคุยกับผม ผมรู้สึกเหมือนมีกระแสไฟฟ้าแลนผ่ามมา

 

“งั้นก็ครบแล้ว ไป กลับพักผ่อนกันได้แล้ว”เจ้เเซนดี้ตบมือ เพื่อให้พวกผมแยกย้ายกันไป



พวกเราขึ้นรถมาเเละออกรถกันมาครึ่งทาง ก็ไม่ได้คุยอะไรกันเลย เอาแต่เงียบกันหมด มีแต่ไอ้แคนที่เอาแต่ก้มหน้าคุยแชทกับพี่ของมัน ผมก็ขับรถตามประสาของผม แต่ผมอยากถามว่าไอ้คนข้างหลังเป็นโรคจิตหรือเปล่า เอาจ้องเพื่อนกูจังเลย เอากลับไปจ้องที่คอนโดมึงเลยไหม แต่คงไม่ได้สิเดี่ยวผมจะเจอเจ้ยิ้มฆ่าเอา

 

อยู่ๆ มันก็มีบทสนทนาเกิดขึ้มมา คนที่เริ่มไม่ใช่ใคร เเต่เป็นคนข้างหลังต่างหากที่คงอยากเรียกร้องความสนใจจากไอ้แคนมัน

 

“เอ่อ นี่นายชื่อว่าไร เราลืมอ่ะ”

 

“กู ชื่อต้าร์จำไวให้ดี”ผมตอบแบบกวนๆ เพราะรู้อยู่แล้วว่ามันถามใคร

 

“ไม่ได้ถามมึง”นั้นไงกูว่าเเล้ว คงอยากรู้ชื่อไอ้เเคนมากเลยสิท่า แต่ว่าไปคนอย่างมันไม่รู้ชื่อไอ้แคน คนที่มันจะจีบเลย เป็นไปได้หรอ เดี่ยวน่ะไอ้นี่มันร้าย คงอยากได้ฟังจากปากเพื่อนกูสิท่า เเต่ว่ามึงคงฝันสลายเเล้วล่ะ ทำไมนะหรอ เพราะมี คนอย่างผมนี่ไงที่จะขัดขวางมันความสุขของมัน 555 (หัวเราะอย่างคนชั่ว)

 

“เรา ชื่อ..”

 

“ไม่ต้องบอกมัน”ขอขัดละกัน เดี่ยวเฮียวอร์หาว่าไม่ทำงานที่ได้รับหมายมาอีก

 

“ทำไม บอกเขาไม่ได้”

 

ขอตัวค้นหาเรื่องแป้ป(เรื่องแถล่ะสิไม่ว่า)

 

“มึงจำไม่ได้หรอมันทำกับมึงตอนร้านกาแฟน่ะ”ใส่อินเนอร์เข้าไปให้ไอ้เเคนได้เเค้นฝังหุ่นมัน สมแล้วที่ผมควรเป็นนักแสดงดีเด่นอย่างที่ไอ้แคนบอกจริงๆ

 

“เอ่อ ตอนนั้นเราขอโทษ ด้วยน่ะ เราช็อกน่ะ”

 

“หือ ช็อกไร”

 

 “พอ ดีเจอคนน่ารักน่ะ”

เอี๊ยด!

เชี่ยกล้าพูดได้ไงว่ะ ดูเหมือนว่าเจอตัวใหญ่กว่าที่เคยเจอล่ะสิ ทั้งหล่อ ทั้งโปรไฟล์ดีเเถมยังหน้าด้านหน้าทนมากเลยน่ะเนี่ย

 

“เชี่ย ต้าร์มึงขับรถภาษาไรเนี่ย แล้วนายเป็นไรเปล่า”

 

“ไม่เป็นไร”

 

“ที่จริงนายไม่ต้องพูดสุภาพกับเราก็ได้น่ะ” โดน หนึ่งดอก

 

“อุ๊บ ฮึฮึ”

 

“ก็ ได้ มึงจะบอกชื่อกับกูได้ยัง”เอ้า ไม่สทบสทานเลยหรอ หนาไปเปล่ามึง

 

“เค กูชื่อแคน”ไอ้แคนตอบมัน ทำไมหน้าไอ้บิตยิ้มเเบบนั้นว่ะ ผมไม่เคยเห็นมาก่อนเลยตั้งเเต่ที่อยู่กองประกวดพร้อมมัน

 

“อื้ม ยินดีที่รู้จัก”

 

 “อื้ม เหมือนกัน”

 

ดูเหมือนมันจะกวนประสาทมากกว่าทำความจีบน่ะเนี่ย แต่ผมว่ามันแปลกๆยังไงไม่รู้เหมือนกัน

 

“เมีย”

 

“ห้ะ เมื่อกี้พูดไรว่ะไม่ได้ยิ้น”ผมหันกลับไปหาไอ้บิตเเต่มันก็ถอยกลับเข้าไปข้างหลังแล้วหยิบมือถือเล่น ผมหันหน้าไปหาไอ้แคนเพื่อมันได้ยิ้น แต่มันแสดงสีหน้าว่าไม่ได้ยิ้น ก็น่ะมันพูดเร็วมากเลยนิ ผมเลยหันมาจับพวงมาลัยเเล้วขับรถต่อไป



เชี่ยมีผมได้ยิ้นคนเดียวหรอว่ามัน พูดคำว่า  เมีย
หัวข้อ: Re: The taste of Loves รสชาติแห่งความรัก chapter 6
เริ่มหัวข้อโดย: ความเงียบ สีขาวดำ ที่ 27-02-2019 21:59:05
Chapter 6


 กินข้าวกัน

 

_______ ARUN CHOEDCHAYAN _______

 

[……]

 

[ไง ไอ้ต้าร์มีไร]

 

[พี่วอร์ เกิดเรื่องใหญ่แล้ว] พี่วอร์ เป็นพี่ชายไอ้แคนแต่ชื่อเล่นจริงๆคือ พี่วอร์นัสอายุห่างจากแคน 3 ปี พี่เขาปากหมา ปากร้ายเต่ใจดีมาก (ไม่ใช่สิ ใจดีกับน้องตัวเองคนเดียวนี่น้า)

 

เวลาใครมาจีบไอ้แคนผมจะบอกพี่วอร์เป็นแรก

 

[เกิดเรื่องใหญ่อะไร ไอ้ต้าร์]

 

[พอดี ไอ้แคน...]

 

[เกิดเรื่องอะไรกับน้องกู!] [ไอ้แคนมันเป็นอะไร] พี่วอร์ตะโกนออกมาทันทีที่เป็นเรื่องของไอ้แคน ผมคิดว่าพี่แกอาจเข้าใจผิดซักอย่างแน่เลยผมเลยรีบบอกว่าไอ้แคนไม่ได้เป็นอะร

 

 [เปล่าพี่ ไอ้แคนไม่ได้เป็นไร]

 

[เฮ้ยย แล้วมันเกิดเรื่องอะไร]

 

[ตอนเนี้ย พอดีว่าผมเจอตัวปัญหาใหญ่พี่]

 

[อ้อ เรื่องของมึง แค่นี้น่ะ วางละ]พอเป็นเรื่องของผมพี่กลับจะวางเนี่ยน่ะ ความสองมาตราฐานนี้คืออาร่าย

 

[เดี่ยวก่อน พี่เข้าใจผิดไหมเนี้ย]

 

[ก็มึงบอกว่ามึงเจอตัวปัญหาของมึงนี่ไม่ใช่ของน้องกูนี้น้า]

 

[ไม่ใช่ เป็นตัวปัญหาของไอ้แคนด้วย]

 

[ว่ามา เร็วๆ]

 

[อื้มเข้าใจล่ะ มึงหาวิธีทางทุกอย่างในการหยุดไอ้นั่นให้เลิกตามจีบไอ้แคน เร็วๆเลย อย่าให้กูได้ลงมือเองเข้าใจไหม]

 

[ครับพี่]

 

[เอ่อ แล้วอีกอย่างอย่าได้ไปบอก เจ้ยิ้มน่ะมึง คนที่จะซวยคือมึงน่ะ]

 

เจ้ยิ้ม หรือ พี่ยิ้ม เป็นพี่สาวอีกคนของไอ้แคน เป็นผู้หญิงที่ สวย เซ็กซี่ และมากความสมารถ แล้วยังเป็นคนที่ ผมจะบอกเป็นคนสุดท้ายถ้ามีใครมาจีบไอ้แคน เพราะว่าถ้าบอกไป เจ้เขาจะจัดการทุกอย่างเองหมด และจบไม่สวยทุกราย

 

[ครับเข้าใจแล้ว]

 

[อื้ม แค่นี้น่ะ]

 

[เค ผมวางล่ะ]

___________________________________________________________

 

CAN

 

“เห้ย มึงเอาไร”

 

 “กูอยู่แค่นี้ไม่ต้องพูดดังก่อได้ป่ะ”

 

คุณคงอยากรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น ผมมาร้านอาหารที่หนึ่ง ทำไมผมถึงมาอยู่กับไอ้นี่ได้ มันเริ่มจากมันมาหาผม  เอาเป็นว่าผมเล่าให้ฟังดีกว่า

___________________________________________________________

 

1 ชั่วโมงก่อนหน้านี้

 

ก๊อกๆ

“ไง”

 

คนที่มาอยู่ตรงหน้าประตูนี้คือ บิต ที่ผมพึ่งรู้จักมันเมื่อวานนี่เองตอนแรกที่เจอมีคนบอกว่ามันจะเป็นคนเงียบๆ สุภาพเรียบร้อย และหล่อ แต่ที่ไหนได้เจอแล้วแม่งโคตรกวนตีน เมื่อวานกวนตีนผมหลายครั้งพูดจาปากหมาโคตรๆแต่อย่างเดียวที่เหมือจะถูกแป้ะตามที่เขาบอกผมมาคือความหล่อของมันนี้เอง

 

แล้วมันมาได้ไงว่ะ


“เอออ...มึงมาได้ไงเนี่ย”

 

“กูบินมามั้ง ถามได้ กูก็เดินมาหามึงอะดิ”


“มึงมาหากูทำไม แล้วมึงรู้ได้ไงว่านี้ห้องกู”

 

มันมาหาผมทำไม มันรู้ได้ไงว่าห้องนี่มันเป้นห้องผม ไม่มีใครรู้นอกจากครอบครัวผม และไอ้ต้าร์หรือไอ้ต้าร์บอกมัน แต่ไม่น่าจะใช่นี่น้า


“เอ่อน้า มึงกินข้าวยัง”


“ทำไม”


“คนถาม ขอให้ตอบ และกรุณาตอบตรงคำถามด้วย”

 

เห็นไหมครับว่ามันกวนตีนแค่ไหน ไหนใครบอกว่ามันเป็นคนดี สุภาพเรียบร้อย ปากหมาชัดๆไม่ใช่สิ พูดหาตีนเข้าปากชัดๆ


“กินแล้ว”



“แต่กูหิวข้าวอ่ะ”


“แล้วไง”

“แล้วไงอะไร ที่กูบอกหิวเพราะว่ากูยังไม่ได้กินข้าวไง”

“อือออึ้”

“ไปเป็นเพื่อนกูหน่อย”



“ไม่”พูดมาซะยาว แค่ชวนไปกินข้าวเป็นเพื่อนแค่นี้เนี่ยน่ะแล้วทำไมผมต้องไปด้วย งานการผมก่อมี แล้วอีกอย่างผมกับมันเรายังไม่สนิทกันเลยด้วย


“น้ำใจไงอ่ะ มีเปล่าคนเรา”

“ไม่มี”น้ำใจมันเกี่ยวอะไรด้วยว่ะ แล้วหน้าที่แสดงว่าเศร้านั่นมันอารายยย

“คนแล้งน้ำใจ”



สรุนี้ผมเป็นคนผิดหรอ เช้ามาก็มีคนที่ไม่สนิทมาชวนไปกินข้าวเนี่ยนะ ถ้าเกินมันวางยาผมแล้วเอาไปขายแหล่ะหรือเอาไปเป็นทาส หน้าผมถือว่าไม่หล่อเเต่ก็หน้าดีอยู่เหมือนกัน

 

“......”

“ไปเป็นเพื่อนกันก็ไม่ได้”

“กูหิวข้าวจะตายอยู่แล้ว”

“กูคงต้องเขียนพินัยกรรมแล้วสิน่ะ”เอาเข้าไปอีก

“นั่นมันยมทูตใช่ไหม ยังข้ายังไม่อยากไป”ตอนนี้มันลงไปนอนกับพื้น คือตอนนี้ผมสงสารชุดมันสุดๆ ไม่รู้ว่ามีคนเดินไปเดินมามากเเค่ กี่ตีนก็ไม่รู้



“หื้มอะไรยมทูตจะพากูไปแล้ววว”

“รอกูแปป ไปเปลี่ยนเสื้อก่อน”เห็นเเก่โดยที่มันเล่นใหญ่มาก ถ้ามีคนจ้างมันไปแสดงละครน่าจะรุ่ง แล้วรวดชิงรางวันพร้อมกับไอ้ต้าร์อีกคน พอดีกับหน้าตาของพวกมันสองคนด้วย




“อื้ม”

ปัง!
ผมเลยกลับเข้าห้องเพื่อเปลี่ยนเสื้อผ้าและเอาข้าวของที่จะไปด้วยมาเตรียมไว้ และผมไม่ให้มันเข้ามาในห้องผมหรอก เดี่ยวมันขโมยอะไรไปจากห้องของผมอีก


“ yeah! ”

___________________________________________________________

มันพาผมมาร้านอาหารที่ไม่แพงมากแต่ดูดีมาก เป็นร้านอาหารครึ่งคาว หวาน ตอนนี้ผมกำลังดูเมนูอาหารเพื่อที่จะสั่ง

 

“เอ่อ เอาไร”


“ขอดูก่อนดิว่ะ”


“เร็วเลย ชักช้า อืดอาดยืดยาดอยู่ได้ ทำตัวเป็นเต่า”

 

“หรือที่บ้านให้กินน้ำมันหอยเยอะรึไง น่าจะใช่ ถึงได้ช้าขนาดนี้ 555”

 

“ไม่กง ไม่กิน มันแม่งล่ะ”ผมหมดอารมณ์เพราะความกวนประสาทของมัน คนอุสาห์มากินเป็นเพื่อนแท้ๆ กับมากวนประสาทอยู่ได้


“......”


“ลากกูมาแถมยังไม่ถามความสมัครใจกูด้วย กวนประสาท และยังปากหมาขนาดนี้อีก กูกลับล่ะ”ผมเลยระเบิดอารมณ์ใส่มัน


“ใจเย็นก่อน อย่าพึงกลับ กู กูขอโทษ”มันดึงเเขนรั้งผมไว้ไม่ให้ลุกไปจากโต๊ะ


“ห้า เมื่อกี้พูดไร”กวนมากวนกลับไม่โกงกันครับ


“กู ขอโทษ”

 

 “ไม่ได้ยินเลย”



มันทำท่าเหมือนฝืนตัวเองอย่างขีดสุด ดูเเล้วโคตรตลกเลย แล้วมันก็พูดอออกมา

“กู ขอโทษที่ปากหมา”


“อื้ม เค”


“ที่งี้มานั่งกิน กับกูได้ยัง”เค ยอมก็ได้ รู้สึกเหมือนผู้ชนะ อิอิ



“โอเค”ผมลงไปนั่งที่เก้าอี้ตามเดิมเเล้วหยิบเมนูขึ้นมาดูเพื่อที่จะสั่งอาหาร ผมไล่ดูเเต่ละรายการไปเรื่อยๆ ก็มีเสียงของมารพจรเกิดขึ้น


“เร็ว...”


“หื้ม”


“อะฮื้ม รีบๆสั่งกูหิว”


“อืม เอ้าอันนี้ แล้วก่ออันนี้ครับ”ผมชี้ไปที่รูปอาหาร เเล้วพนักงานก็จดไปให้ผม


“รอ สักครู่นะครับ”พนักงานรับออเดอร์เสร็จแล้วเดินจากไป


“มึงสั่งเยอะขนาดนี้รับผิดชอบเองนะมึง กูไม่ช่วยน่ะ”


“แล้วใครบอกให้มึงช่วยกันล่ะ”


“อื้ม กูจะดูตอนจบ”


“ชิ”



รู้สึกไม่ค่อยถูกชะตากับมันยังไงไม่รู้ครับ

 

 

 Rrrrr

เสียงโทรศัพท์ของผมดังขึ้น เป็นเบอร์ของไอ้ต้าร์

[มีไรถึงโทรมาหากูเนี่ย]

 

[ไอ้แคน มึงอยู่กับไอ้บิตใช่ไหม]

 

[อื้ม มึงรู้ได้ไงเนี่ย]

 

[เห้ย นี่มึงไม่รู้อะไรเลยหรอเข้าแชร์ในเพจมหาลัยกันว่อน]

 

[จริงหรอ]

 

[เอ่อ]

 

[กูขอเข้าไปดูแปป แค่นี้ก่อนน่ะ]

 

[เฮ้ย เดียวก่อน อย่าพึงวาง...]

 

[...]

 

เพจมหาลัย L.O.

 วันนี้เจ้แซนดี้คนเดิมเพิ่มเติม มาอวดสามีใหม่ของเจ้กันค่ะ คนที่หนึ่งนั้นคือ [เสียงดนตรีมา] 

คนแรก นาย มฤษา มัจฉาปรางค์ ชื่อเล่นว่า น้องแคน ปี 1 เรียน คณะวิศวะ แล้วอีกคนก่อเรียนปี 1 เหมือนกันว่าที่เดือนมหาลัย หรือที่เรียกกันว่า เทพบุตร นาย อรุฌ  วงศ์ษาคราม ชื่อเล่นว่า น้องบิต สุดหล่อของเจ้ และทั้งหมดนี้คือบรรดาสามีของเจ้เองค่ะ

 

รูป

(นั่งกินข้าวด้วยกัน)

 

เปิดวาร์ปค่ะ

# C A N DOGFLY 

# ARUM WONGSARKARM

 

Like 3,579     Comment 1,501      Share 501

 

ชื่อเฟศน้องแคนแปลกน่ะฮะ ขอแซ่วนิดหนึ้งน่ะค่ะ อิอิ

-         555

-         อย่าแซ่วน๋อง 555

-         หมาบิน 555

 

หล่อทั้งคู่อ่ะแก

-         ใช่แก

 

อยากได้จังเลยคร้า

 

เราคงเข้ากันไม่ได้ พ่อเทพบุตร เพราะว่าฉัน เป็นคนบาป TT

-         เราก่เป็นคนบาปเหมือนกัน ฮือTT

 

เราไม่อยากได้เขาแล้วเราอยากจิ้นอ่ะ

-         เราเอาด้วยคน

-         +++

-         +1

-         #บิตแคน

 

ผมรีบหันซ้ายหันขวาอย่างเร็วเพื่อหาเจ้แซนดี้ ว่าเจ้แกถ่ายผมตอนไหนไม่รู้เเต่น่าจะไม่นานได้ไม่นานนักเพราะพวกผมพึงมาถึงที่นี้ แต่ตอนนี้คงไม่ทันแล้วล่ะเพราะไม่มีเจ้แกอยู่ที่นี้เลย
หัวข้อ: Re: The taste of Loves รสชาติแห่งความรัก
เริ่มหัวข้อโดย: กาแฟมั้ยฮะจ้าว ที่ 28-02-2019 06:57:33
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: The taste of Loves รสชาติแห่งความรัก chapter 7
เริ่มหัวข้อโดย: ความเงียบ สีขาวดำ ที่ 03-03-2019 23:16:12
Chapter 7

FAMILY 1

 

เมื่อผมทานข้าวกับมันเสร็จ พวกผมได้เดินเที่ยวเล่นจนเลยเวลามานานมาก จนผมลืมเรื่องสำคัญไป ผมเลยขอตัวกลับทันทีเพราะตอนนี้

 

ครอบครัวของผมมาหาผมมีทั้ง พ่อแม่และพี่สาวพี่ชายของผมผมเลยต้องกลับมาที่ห้องทันที

 

“ขอบคุณ นะเว้ยที่มาส่งกูน่ะ”

 

“ไม่เป็นไร กูเอามึงไปกูก็ต้องเอามึงมาส่งสิว่ะ” ทำไมผมรู้สึกมันทะแม่งทะแม่งว่ะ หรือผมรู้สึกไปเองว้า

 

“เอ่อ กูไปล่ะ”

 

ผมรีบวิ่งติดสปีตขึ้นไปยังห้องของผม

 

“เห่อ เห่อ เห่อ...”ผมเหนื่อยมาก ที่ต้องวิ่งจากล็อปปี้มาถึงห้องของผม พอดีว่าลิฟท์เสีย


แก็ก

“กลับมาแล้วหรอลูก ทำไมไม่อยู่ที่ห้องเนี่ย”คนที่พูดคือ ม๊า หรือแม่ของผมเองที่กำลังกวาดห้องของผมอยู่

 

“ครับ พอดีไปข้างนอกมา”


“ม๊าคิดถึงจังเลย ขอกอดหน่อยสิเรา”ม๊าของผมเข้ามากอดผม

 

“อื้อ ม๊าอ่ะ แคนก่อคิดถึงเหมือนกัน”ผมโคตรคิดถึงม๊าผมเลยครับตั้งแต่ย้ายมาอยู่คนเดียว

 

“เป็นไงบ้างสบายดีไหมเรา เรียนเป็นไงบ้าง มีเพื่อนเปล่าอ่ะเราหรือมีแค่ลูกต้าร์ของแม่คนเดียว”

 

“มีบ้างครับ”ม๊าเค้ารุ้จักผมดี ผมเป็นคนที่เข้าหาคนยากมาตั้งแต่เด็ก เพราะผมติดพี่สาวผมมาก

 

“กินข้าวหรือยังอ่ะเรา หิวเปล่าเดียวแม่เตรียมให้ กินไรดีอ่ะ หรือทานมาแล้ว หรือกินของหวานม๊าเอาของโปรดแคมมาด้วย”ผมฟังม๊าพูดไม่ทันได้แต่ มองม๊านิ่งๆ

 

“เอ่อออ”

 

“นี่คุณ ให้ลูกได้ตอบบ้าง”ป๊าของผมบอกม๊าให้ผมได้พูดบ้าง

 

ข้างป๊าเป็นพี่สาวผมเอง กำลังนั่งอ่านหนังสืออยู่ คุยกับม๊าเสร็จแล้วผมค่อยไปนั่งคุยด้วยดีกว่า

 

“แห้ะ โทดลูกพอดีม๊าเป็นห่วงน่ะ”

 

“พึ่งกินข้าวมาแล้วครับ”ผมม๊าว่าพึงไปกินข้าวมา น่าจะซัก 2 ชั่วโมงได้แล้ว

 

“ไปกินกับต้าร์หรอลูก”ม๊ารู้จักกับไอ้ต้าร์เพียงคนเดียวตั้งแต่ผมเข้าเรียนในโรงเรียน เพราะมันชอบมาเล่นบ้านผมบ่อยๆ

 

“เปล่าครับ”

 

“ห้ะ ไปกับใคร เพื่อนใหม่หรอ หรือว่าแฟน!”

 

“ห้ะไอ้เตี้ยมีแฟนแล้วหรอม๊า”เจ้ยิ้มตกใจที่ม๊าพุดว่าผมมีแฟน

 

“ป่าว แคนยังไม่มีแฟนเลย”ผมปฎิเสธไปอย่างรวดเร็ว

 

“โถ่ ลูกม๊า” อยู่ๆแม่ก็เข้ามากอดผมอีกที่พร้อมทั้งลูบหัวผม

 

“สักวันลูกก็จะมีเองแหล่ะน้า”มีไร? ผมงงสิ่งที่ม๊าพูดกับผม

 

“อย่างที่ป๊าเจอกับม๊าแกไง”ป๊าผมพูดเสริม

 

สักวันลูกก่อจะมีเองแหล่ะน้า อย่างที่ป๊าเจอกับม๊า อ้อ หมายถึงแฟนหรอ อื้ม สักวันผมก่อต้องมีแฟนกับเขาบ้างสินะ

 

“ใช่ค่ะคุณ วันนั้นที่ฉัน...”ม๊าเริ่มเล่าอดีตอีกแล้ว

 

“หยุดค่ะ”เจ้ยิ้มตะโกนบอกให้ม๊าหยุดที่จะเล่า


“อย่าเลยน่ะค่ะ อย่าเล่านะหนูขอแล่ะ”

 

“ทำไมแหล่ะ เรื่องออกจะ โรแมนติกออก”ม๊าทำหน้าเศร้า

 

“พอ เรื่องที่ป๊ากับม๊าเจอกันที่งานแข่งทำขนมหรอค่ะ พอค่ะพอ พวกหนูฟังตั้งแต่เด็กแล้ว”

 

“อื้มก็ได้”ม๊าตัดใจที่จะเล่า

 

“ว่าแต่วอร์มันไปไหนเนี่ยคุณ”ป๊าผมถามถึงพี่ชายอีกคนของผม

 

“อ้อไปหาน้องต้าร์ค่ะคุณ”ไปหาไอ้ต้าร์ไปทำไม?

 

“ไปหาไอ้ต้าร์หรอครับ แล้วเฮียวอร์ไปหาไอ้ต้าร์ทำไมหรอครับ”

 

“ไม่รู้สิ ตั้งแต่มาถึงมันก็ขอไปหาน้องต้าร์เจ้ถามมันว่าไม่ไปหาน้องหรอมันบอก เจ้ว่า แคนไม่อยู่”เจ้ยิ้มเล่า


“หรอครับ”คงโดนว่าแน่ ถ้าบอกว่าลืมเรื่องที่ป๊ากับม๊ามาเนี่ย ยิ่งขี้น้อยใจอีก

 

“ทำไมมันถึงรู้ว่าแคนไม่อยู่ เราสองคนโทรคุยกันหรอ”เจ้ยิ้มทำหน้าน่าสงสัย

 

“ป่าวครับ”

 

“แล้วที่ม๊าถามว่าไปกินข้าวกับใคร เป็นเพื่อนใช่ไหม”ม๊าถามผมกลับเข้ามาอีกเรื่องหนึ่ง

 

“คับ เพื่อนแคนเอง”

 

“เพื่อนแคนหรอ”เจ้ยิ้มสงสัยอีกแล้ว

 

“ห่วงน้องหรอเราอ่ะ”ม๊าถามเจ้ยิ้ม

 

“ค้า หวงว่ามันจะเจอคนไม่ดีน่ะสิค่ะ ยิ่งมันอ่อนอ่อนแบบนี้อีก เห้ยเนื่อยใจ”ควรดีใจ หรือเสียใจดีเนี้ย

 

“แคนไม่ได้อ่อนน่ะ แล้วมันไม่ใช่คนไม่ดีน่ะครับ”

 

“อื้ม ปกป้องกันด้วยยย”ไม่ได้ปกป้องมันสะหน่อยเจ้ยิ้ม

 

“ดีแล้วล่ะเราที่เจอเพื่อนดี ถ้าเจอเพื่อนไม่ดีนี่ม๊ากลุ้มใจแน่”

 

ก๊อก ก๊อก ก๊อก

มีคนเคาะประตู

 

“แอ้ะใครมากันอ่ะ”ม๊าถาม

 

“เป็นวอร์มั้งค่ะม๊า”เจ้ยิ้มตอบม๊า คงเป็นเฮียวอร์มั้ง

 

“ม๊าไปเปิดให้ก่อน”ม๊าผมอาสาไปเปิดประตู

 

“เดี่ยวม๊า หนูไปเปิดให้มันเอง”

 

“ก่อได้ เดี่ยวแม่ไปเตรียมกับข้าวเย็นก่อนน่ะลูก”ม๊ายอมให้เจ้ยิ้มไปเปิดแทนตัวเองแล้ว เดินเข้าไปในครัว

 

“ครับ/ค่ะ”ผมกับเจ้ยิ้มตอบพร้อมกัน

 

“แคน แคน ไอ้แคน”เจ้ยิ้มเรียกผม

 

“ครับ”ผมขานรับ

 

“มานี่ดิ”เจ้ยิ้มบอกให้ผมไปหน้าประตู อะไรอีกเนี่ยเฮียวอร์มาแล้วก่อให้เข้ามาสิ หรอมันล็อกกันน่ะ

 

“ได้เจ้ เดี่ยวแคนไปหา”

 

แต่เมื่อผมมาถึงประตูก่อเปิดออกอยู่แล้ว แต่คนที่อยู่หน้าประตู ไม่ใช่เฮียวอร์แต่เป็นไอ้บิตแทน ในมือมันถือเสื้อผมไว้อยู่

 

“ไอ้แคนนี่ใคร”เจ้ยิ้มถามผม

 

“เพื่อนผมเจ้”

 

“เพื่อนหรอ”เจ้ทำหน้าครุ่นคิด พร้อมสำรวจไอ้บิต

 

“ใช่ครับ ผมเป็นเพื่อนกลับไอ้แคน เห้ย แคนครับ”ไอ้บิตมันบอกเจ้ยิ้ม

 

“หรอ”

 

“ว่าแต่มาทำไม”เจ้ยิ้มถามมัน

 

“แคนมันลืมเสื้อครับ ผมเลยเอามาให้”


“หรอ แค่โทรบอกหรือทักแชทกันก็ได้นิ ไม่เห็นต้องเอาขึ้นมาให้เลย”เจ้ยิ้มตอบกลับไอ้บิต เอ่อน่าจะง่ายกว่าขึ้นมาห้องผมอีก ไม่งั้นก่อฝากไอ้ต้าร์มาให้ผมก่อได้

“พอดีว่า แคนลงจากรถผมเสร็จแล้วผมยังไม่ได้ขับรถออกไปเลย ผมเลยขึ้นมาให้ดีกว่าครับ”

“หรอ”

“แคนรับสิ รอไร เดี่ยวเพื่อนจะได้กลับ”เจ้ยิ้มบอกผมให้เอาเสื้อ

“อื้ม”

“ทำไรกันอยู่จ้ะเด็กๆ เอ้านี่ใครหรอ”อยู่ม๊าก่อเข้ามา แล้วถามว่าไอ้บิตเป็นใคร

“เพื่อนแคนครับม๊า”

“เพื่อนแคนหรอ หล่อน่ะเนี่ย”มาชมไอ้บิต

“ขอบคุณครับ”มันยิ้มที่ม๊าผมชมมัน

 

“ว่าแต่เราอ่ะ ชื่ออะไรจ๊ะ”


“บิตครับ”

“ม๊าน้องเขาจะรีบกลับบ้านแล้วน่ะ”เจ้ยิ้มบอกกับม๊า

“ผมไม่รีบครับ”

“งั้นทานข้าวเย็นด้วยกันไหมจ๊ะ”อยู่ๆม๊าก่อชวนไอ้บิตทานข้าวด้วยกัน

“ได้หรอครับ”ทำไมมันทำท่าดีใจขนาดนั้น ชอบของฟรีสิน้า

“ได้สิจ๊ะ แต่ต้องรอม๊าทำแปปหนึ่งน่ะลูก”

“ไม่มีปัญหาครับ ผมรอได้”

“นานๆที ที่แคนจะมีเพื่อน”เอาอีกแล้ว

“ม๊าอ่ะ ม๊าหาว่าแคน เป็นคนไม่มีเพื่อนหรอ”งานนี้ต้องงอน

“ไม่ รู้ ซี่น้า ม๊าไปจริงล่ะ”เอ้าม๊าทำไม ไม่ง้อเลยอ่ะ

“เอ่อ ยายยิ้มมาช่วยม๊ามามะอย่ากวนน้องเลย”ก่อนมาไปม๊าเรียกเจ้ยิ้ม

“ม๊า”เจ้ยิ้มไม่สบอารมณ์ เพราะเจ้แกชอบทำขนมแต่ไม่ชอบทำอาหาร

 

“อะ อ่ะ มานี่เลย”

“หัดทำข้าวบ้างไม่ใช่ทำแต่ขนม เดี่ยวแม่สอน”

“ฮือ TT”เจ้ยิ้มทำท่าจะร้องไห้

เหลือไว้เพียงผมกับไอ้บิต และป๊าของผมผู้ไม่สนเหตุการณ์อะไรทั้งสิ้นที่เอาแต่อ่านข่าวอยู่
หัวข้อ: Re: The taste of Loves รสชาติแห่งความรัก chapter 8
เริ่มหัวข้อโดย: ความเงียบ สีขาวดำ ที่ 19-03-2019 23:26:06
Chapter 8
FAMILY 2

CAN
ตอนนี้เหลือผมกับบิตสองคนนั่งดูทีวีตรง และป๊าของผมนั่งอ่านหนังสือพิมท์อยู่

“บิต”ผมเรียกมันแต่มันก็ไม่ได้สนใจ

“...”

“ไอ้บิต”ผมเรียกมันเสียงดังกว่าเดิม

“ห้ะ มีไร”มันตกใจเล็กน้อย

“ทำไมมึงถึงคิดจะกินข้าวบ้านกูว่ะ”

“เอ่อ...”มันทำท่าคิด

“ทำไม”ผมถามย้ำมันอีกรอบ

“ก็ม๊ามึงชวนกู กูกลัวว่าถ้าปฏิเสธไปม๊ามึงจะเสียใจแย่ ที่ไม่มีคนหล่อๆอย่างกูมาร่วมโต๊ะด้วย”โห คงดิดว่าตัวเองหล่อมากเลยสิ ถึงมีคนต้องการมากสิท่า อยากทำลายความมั่นของมันจังเลย

“มั่น”

“อะไร”

“หล่อตายแหล่ะ”ผมประชดประชันมันแล้วอีกอย่างผมหล่อกว่ามันอีกเยอะ

“555 มันแน่นอน อยู่แล้ว”ทำมาเป็นตลก

“ชิ”


ตอนนี้อาหารได้มาจัดที่โต๊ะกินข้าวของห้องผมแล้ว มีมากและน่ากินมาก สมเป็นม๊าผมทำ อย่างนี้ต้องชมแล้วล่ะ

“ม๊า”ผมเรียกม๊า

“ไรลูก”ม๊าตอบ

“ม๊าทำอาหารโคตรน่ากินเลย”ผมชมม๊าเลยทำให้ม๊ายิ้มแป้นหน้าบานเลย

“แหมปากหวานน้าเราอ่ะ”

“เจ้ ก็ช่วยม๊าทำน่ะ”เจ้ยิ้มพูดขัด

“โห่ ช่วยหันผักกับหยิบของให้อ่ะดิ”เจ้ยิ้มทำได้แค่นั้นจริงๆครับ มันคือเรื่องจริงที่สุด

“โห่รู้ได้ไงเนี่ยแคนลูก555”ม๊าหัวเราะออกมา

“ไอ้แคน ไม่ต้องกินเลย”เลยทำให้เจ้ยิ้มโกรธผม

“ม๊าเจ้ยิ้ม ไม่ให้แคนกินข้าวอ่ะ”ผมฟ้องม๊าเลยทำให้ม๊าดุเจ้ยิ้ม

“ยิ้ม อย่าแกล้งน้องสิ”

“ขี้ฟ้อง”เจ้ยิ้มว่าผม

“ม๊าเจ้ยิ้มว่าแคนอีกแล้ว”

“น้องบิต กินได้เลย”ม๊าไม่สนใจผมเลย

“ไม่ต้องกลัวว่ากินไม่ได้หรอกเพราะม๊าเป็นคนทำ555”

“ครับ”มันรับคำของม๊า

“ม๊าอ่ะ”เจ้ยิ้มบอกม๊า(ทำหน้าง้อ)

“ยิ้มทำแล้วมันกินไม่ได้หรอ”เจ้ยิ้มถามม๊า

“กินไม่ได้”ผมตอบแทน

“ไอ้แคน”

“เจ้ เจ้ต้องยอมรับเพราะมันเป็นเรื่องจริง”ผมทำหน้าจริงจังพร้อมเอามือทาบบ่าเจ้ยิ้มแล้วพยักหน้า

“ไอ้แคน”เจ้ยิ้มตะโกนเสีงดังมาก

“555” ทุกคนในนี้หัวเราะพร้อมกับไอ้บิตด้วยคน

“มา มากินข้าวกันเถอะป๊าหิวแล้ว”ป๊าคือผู้หยุดทุกอย่างลงเพื่อที่จะกินข้าว

ก็อกๆ
เสียงเคาะประตูดังขึ้น

“เอ๊ะใครมา”เจ้ยิ้มพูด

“เดี่ยวม๊าไปดูให้เอง กินกันก่อนเลย”ม๊าอาสาออกไปดู

‘แคน’เจ้ยิ้มเรียกผม ที่กำลังตักข้าวเข้าปาก

‘ไรเจ้’

‘มึงว่าพวกเราลืมใครไปไหม’

‘อื่ม?’ลืมใครหรอ ? ? ? ไม่นี่ ก็อยู่คร...บนิ

‘ก็ไอ้วอร์ไง!’เอ้? จริงด้วยเฮียวอร์ไม่อยู่นี่

‘เอ่อ ใช่ลืมเฮียวอร์ อุ๊ป’ผมกำลังพูดเจ้ยิ้มเอามือมาปิดปากผม

‘555’เจ้ยิ้มหัวเราะ ถ้าผมเป็นเฮียวอร์คงร้องไห้หลักแน่เพราะทุกคนลืมแต่คนที่โดนมากสุด น่าจะเป็นม๊าเพราะม๊าไปเปิดประตู

‘ทำไมเจ้ไม่โทรตามเอียวอร์ล่ะ’เป็นพี่ที่ดีต้องดูแลน้องสิๆ

‘น้า เดี่ยวมันก็มาเอง’พูดแล้วเจ้ยิ้มก็ตักนั้นตักนี้มากินอย่างสะบายใจ

‘เจ้ใจร้ายกับเฮียวอร์’

‘ช่วยไม่ได้นี่ ก็มันไปของมันเองนี่’เอ่อใช่ ไม่ใช่!ห้ามหลงกลกับคำพูดของเจ้ยิ้ม

‘ใจร้าย’

‘ตอนนี้มันคงมาแล้วล่ะ’‘นั้นมาแล้วไง555’

“ป๊าม๊าลืมวอร์ได้ไงเนี่ย!”เฮียวอร์มาถึงก่อพูดกับป๊าม๊า

“ม๊าขอโทดลูก”

“วอร์เสียใจ”เฮียวอร์ทำงอลป๊าม๊า

“ว่าแต่ไอ้นั้นใครอ่ะ”เฮียวอร์ถามถึงไอ้บิต

“สวัสดีครับผมชื่อบิตครับ”มันตอบเฮียวอร์

“บิต บิต?”อยู่เฮียก็พูดชื่อมันหลายครั้งแล้วทำท่างง?

มีคนกำลังเดินเข้ามาจากทางหลังเฮียวอร์

“ไง ไอ้แคน”คนที่ค่อยเดินเข้ามาคือไอ้ต้าร์

“ไงไอ้ต้าร์มานั่งดิ”ผมบอกมัน

“อืม ว่าแต่นั่นมันไอ้บิตไม่ใช่หรอ”มันทัก

“เอ่อ”ผมตอบมัน

“ไง ไอ้ต้าร์”

“เอ่อไอ้บิต”

“ตอนนี้เราไม่ลืมใครแล้วสิน่ะ มากินข้าวกันเถอะยิ้มหิวแล้ว”เจ้ยิ้มเป็นคนพูด

ทุกคนนั่งที่แล้วกินกันอย่างอร่อยและพูดคุยกันอย่างสนุกและไม่ลำบากกับผู้มาใหม่เลยเพราะม๊าผมดูถูกใจมันเป็นพิเศษจนลืมเวลา

“เฮ้ยไอ้แคน”ผมกำลังเดินมาส่งมันแล้วจู่ๆไอ้บิตก่อเรียกผม

“ว่าไร”ผมถาม

“ม๊ามึงนี้ทำอาหารอร่อยดีน่ะ”

“แน่อยู่แล้ว”ผมยอมรับเพราะม๊าผมทำอร่อยที่สุดในโลกอยู่แล้ว
“กูอยากมากินอีกจังเลย”มันบอก

“อืมท่ามีโอกาสเดี่ยวกูชวนมาอีก”ผมบอกมันว่าท่ามีโอกาสชวนมาอีกแต่น้าจะอีกนานเพราะม๊าจะมาอีกเมื่อไรอีกก็ไม่รู้

“เค สัญญาแล้วน่ะห้ามลืมด้วย”

“อืม”ผมรับคำ

หัวข้อ: Re: The taste of Loves รสชาติแห่งความรัก
เริ่มหัวข้อโดย: Januarysky ที่ 20-03-2019 10:30:54
ใส่ความรักของคุณแม่เข้าไป
ก็อร่อยเหาะแบบนี้ล่ะ
+1 ขอบคุณ
 :mew1:

ปล. ขออนุญาตนิดนุง ไม่ทราบว่าเป็นคนต่างชาติรึเปล่า
ภาษาไทยบางคำที่เขียนมันผิดจากพจนานุกรมไทยมากไปหน่อย
ถ้าไม่ใช่ ผู้เขียนอยากแต่งด้วยถ้อยคำแบบนี้เองก็ขอโทษด้วย
พอดีอ่านๆ ไปแล้วสะดุด
เช่น ก่อ จริงๆ น่าจะใช้คำว่า ก็ ไรงี้
หัวข้อ: Re: The taste of Loves รสชาติแห่งความรัก
เริ่มหัวข้อโดย: ความเงียบ สีขาวดำ ที่ 20-03-2019 22:11:36
ขอบคุณที่ติชมครับ เเล้วจะเเก้ไขครับ :mew1:
ปล.อันเป็นเรื่องเเรกครับ  :hao5:
หัวข้อ: Re: The taste of Loves รสชาติแห่งความรัก
เริ่มหัวข้อโดย: AkuaPink ที่ 20-03-2019 22:19:25
 :pig2:
 :3123:
รออ่านต่อคร่าา
 o13
หัวข้อ: Re: The taste of Loves รสชาติแห่งความรัก chapter 9
เริ่มหัวข้อโดย: ความเงียบ สีขาวดำ ที่ 27-03-2019 20:46:59
Chapter 9
Travel to the zoo 1
ป๊ากับม๊าของผมได้กลับไปโรงแรมที่พวกท่านทั้งสองจองไว้พัก แล้วพร้อมเตรียมตัวกลับไปที่บ้านในวันพรุ่งนี้ แต่ผมคงอดไปอำลาพวกท่านเพราะพวกท่านออกรถเช้ามาก

ติ้ง
เสียงแอปฟิเคชั่นในมือถือของผมดังขี้นมา มีคนส่งข้อความมาให้ผม ผมเลยกดเข้าไปดู
ข้อความนี้มาจากเฟสที่ผมไม่รู้จัก แต่ชื่อดูคุ้นๆ
_____________________________CHAT______________________________
ARUM WONGSARKARM
พรุ่งนี้มึงว่างป่าว
ไม่ทราบว่าคุณคือใครครับ?
กูบิตไง
คนที่หล่อที่สุดในโลก
เอ่อ จำได้ล่ะ
มึงนี้หลงตัวเองจัง
นี้เฟสมึงหรอ
ใช่
พรุ่งนี้ว่างป่าว
มึงถามกูทำไม
จะชวนไปเที่ยว
ไปเที่ยวที่ไหน
ถ้าร้านขนมหวานกูไม่ไปนะ
กูไม่ชอบกินของหวาน
ไม่ใช่ชวนไปร้านขนมสักหน่อย
พอดีพี่สาวกูฝากหลานไว้กับกู กูเลยจะพาไปเที่ยว
มึงจะให้กูไปเป็นพี่เลี้ยงเด็กให้มึงใช่ไหม

ผมไม่เห็นรู้ว่ามีพี่สาวตอนนั้น พี่แซนดี้เคยเล่าว่ามันมีแค่พี่ชายคนเดียวแต่ช่างมันเถอะ แต่มันคงจะใช้ให้ผมไปชวยดูแลหลานของมันแน่เลย

มึงรู้ได้ไง
มีใครบอกมึง
ไม่มีใครบอก
555
ป่าวกูไม่อยากไปคนเดียว
ถ้าพามึงไปด้วยกูจะหล่อคูณสองเลย555
ตลกไหม
ว่าแต่จะไปที่ไหน

ชัดเลย เป็นอย่างที่ผมพูดไม่มีผิดแล้วยังหลงตัวเองอีกด้วย แต่ว่าวันพรุ่งนี้ผมว่างนี่น้า ถ้าไปกับไอ้บิตน่าจะดีว่านั่งอยู่หน้าทีวีในห้อง

สวนสัตว์
เอ่อ
กี่โมง
มึงจะไปด้วยใช่ไหม
ไม่ไปมั้ง
กี่โมงเดี่ยวกูจะได้เตรียมตัว
9 โมงมึงรอกูที่ใต้คอนโดเลยเดี่ยวกูไปรับ
โอเคมีไรอีกไหม
มึงจะนอนหลับเลยไหม
อืม
กูว่ากูจะนอนเลย
งั้น
นอนหลับฝันดีนะ
________________________________________________________________
ตอนนี้ผมอยู่ใต้คอนโดของผม เพื่อรอให้ไอ้บิตมารับผมไปเที่ยวกับมัน เป็นครั้งแรกในรอบหลายปีที่ผมจะได้ไปกับคนอื่นที่ไม่ใช่ไอ้ต้าร์มัน

มันเลยเวลามา 30 นาทีแล้ว แต่ว่าเจ้าตัวที่ชวนผมไปเที่ยวสวนสัตว์ ยังไม่มารับผมเลย สงสัยคงไม่ได้ไปเที่ยวสวนสัตว์ล่ะ น่าเสียดาย
 
จริงๆผมก็อยากไปเที่ยวสวนสัตว์ตั้งนานแล้วแต่ไม่มีคนพาไปและไม่มีคนที่จะไปกับผมเลย ตั้งแต่ตอนผมอยู่ม.5 ที่ได้ไปทัศนศึกษากับโรงเรียน

“ไอ้แคน”เสียงของคนที่ผมพึ่งนินทาอยู่ในใจเมื่อกี้ก็มายืนอยู่ตรงหน้าของผมเล้ว สภาพมันเหมือนคนที่วิ่งมาอย่างไรอย่างนั้น พร้อมกับเหงื่อที่ไหลอยู่ตรงหน้ามัน

ถ้าผมไม่สังเกตดีๆ คือตรงใต้หางตาของมันมีจุดสีดำจางๆติดอยู่ พร้อมกับผิวหน้าที่มันขาวเนียนทำให้มันดูมีเสน่ห์อยู่ไม่น้อย

“เห่ ไอ้แคน”มันเรียกผม

“ว่าไง”ผมเลยตอบกลับ

“ว่าไงอะไรล่ะ ไปได้แล้ว”มันยืนมือมาให้ผมจับ เพื่อที่จะให้ผมยืนขึ้น

“อืม”ผมจับมือมันและมันดึงผมขึ้น

“กูขอโทษที่มารับช้าน่ะ พอดีกูติดธุระน่ะ”มันขอโทษผมที่มารับผมช้า

“ไม่เป็นไร”

เราเดินออกมาจากคอนโดของผมเพื่อที่จะไปยังรถของไอ้บิตกัน

“รถกูจอดอยู่ใต้ต้นไม้น่ะ”มันบอกผมและชี้นิ้วไปยังต้นไม้ตรงที่นั้นที่รถของมันจอดอยู่

ผมเดินมาถึงรถและจะเปิดประตูเพื่อที่จะเข้าไปนั่ง

“แคน เดี่ยวก่อน”มันเรียกผมที่มือผมกำลังเปิดประตู

“มีไร”ผมถามมัน

“มึงมานั่งข้างหน้ากับกู”

“แล้วหลานมึงแหละ”ตั้งแต่มันมาผมยังไม่เห็นหลานมันเลย

“นอนอยู่เบาะหลังน่ะ ถ้าตื่นเดี่ยวค่อยให้มันนั่งตักมึงละกัน”

“จะดีหรอว่ะ ที่ให้หลานมึงนั่งตักกู”คือผมไม่รู้จักกับหลานมันแล้วจะให้มานั่งตักกัน ผมรู้สึกแปลกๆ

“ไม่เป็นไรหรอกน่า”มันบอก

“อื้มเอางั้นก็ได้”ผมยอม เพราะผมมองเห็นหลานของมันหลับอยู่บนเบาะหลัง นอนเคลิ้มเลย มีอยู่ สองคน เป็นชาย-หญิงน่าจะเป็นแฝดคนละฝา
 
ผมได้เดินมายังอีกฝั่งของคนขับ และได้เปิดประตูเข้าไปนั่งในรถเรียบร้อย

“คาดเข็มขัดด้วย”มันมองมาหาผม

“ไม่เอา มันอึดอัด”ผมบ่น
 
“ไม่ มึงต้องใส่ เพื่อเกิดอัตรายจะทำยังไง ถ้ามึงเป็นไรไปอีก”สีหน้ามันดูเคร่งเครียดและเสียงที่มันพูดอออกมาเสียงดังมาก ทำให้มันดูน่ากลัวมาก แล้วไหนล่ะพ่อเทพบุตรที่พวกผู้หญิงบอกกัน นี้มันลูซีเฟอร์ชัดๆ
 
สุดท้ายผมก็ต้องยอมทำสิ่งที่มันบอก ทำไงได้มันทำหน้าซะขนาดนั้น
 
“เอ่อก่ได้”ผมคาดเข็มขัดของตัวเอง

“ดี เชื่อฟังกันอย่างนี้ค่อยน่ารักหน่อย”ชิ


นขับรถมาได้ซักพักก็มีเสียงดังมาจากเบาะหลัง สงสัยเป็นเด็กสองคนนั้นแน่ๆ

“อาบิต”เสียงหวาน ของเด็กน้อยดังขึ้นเพื่อเรียกไอ้บิต

“ว่า ไงเด็กดี ตื่นแล้วหรอ”มันตอบกลับเด้กน้อยที่กำลังขยี้ตา

“ค่ะ”

“แล้วน้องเราตื่นยัง”มันคงถามถึงเด็กผู้ชายอีกคนที่อยู่ข้างหลัง

“ยังเลยอาบิต”เด็กส่ายหัวไปมา

“อืม”

“อาบิตแล้วพี่ผู้ชายคนนี้เป็นใครหรอ”เด็กน้อยถามถึงผม

“หรือว่าเป็นแฟนอาบิต”เด็กน้อยทำท่าเอามือปิดปาก

อยู่ๆไอ้บิตมันก็เงียบและไม่แก้ตัวกับเด็กน้อยเลย ผมคงต้องตอบเด็กน้อยซะแล้ว

“ไม่ใช่ พี่เป็นเพื่อนกับอาบิต”

“อ๋อ เพื่อน ว่าแต่พี่รู้ไหมว่าอาบิตมีแฟนยัง”แฟน? เท่าที่ผมเห็นมันไม่เคยเดินกับผู้หญิงคนไหนเลย เป็นคำถามที่ไม่มีคำตอบที่ชัดเจน

“อื้ม? ไม่รู้เหมือนกันน่ะ ว่าแต่ทำไมไม่ถามอาของน้องล่ะ”

“ไม่เอาหนู๋เขิล”เด็กน้อยดึงเสื้อมาปิดหน้าตัวเอง

“เขิลทำไม นี่อาของน้องน่ะ”

“ก็อาบิตเขาหล่ออ่ะ หนู๋เขิล”มันคงหล่อเอาชนะใจสาวๆทุกวัยจริงๆ

“แล้วพี่หล่อป่ะ”ผมถามกลับ

“ไม่”เด็กน้อยตอบ ไม่ลังเลใจเลย เขาบอกว่าเด็กจะไม่โกหกTT ทำเอาความมันใจผมหายไปเลย

“อุ๊ป”ไอ้บิตหุบปากที่มันกำลังจะหัวเราะ แล้วปรับสภาพเป็นปกติ

“ขำไร”

“เปล่านี้”มันทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้
หัวข้อ: Re: The taste of Loves รสชาติแห่งความรัก chapter 10
เริ่มหัวข้อโดย: ความเงียบ สีขาวดำ ที่ 19-05-2019 01:54:07
Chapter 10

Travel to the zoo 2

 

ตอนนี้ผม อยู่ตรงหน้าทางเข้าสวนสัตว์ รอให้ไอ้บิตมันคุยโทรศัพท์เสร็จแล้วค่อยเดินเข้าไป

หลานทั้งสองของไอ้บิตได้จับมือผมเอาไว้ หลานสาวของไอ้บิตได้จับมือขวาผมไว้ เธอมีชื่อว่า น้องน้ำ ส่วนหลานชายอีกคนของมันได้จับมือซ้ายของผมไว้ มีชื่อว่า น้องวิน

ผมได้รู้ว่าน้องทั้งสองคนเป็นแฝดคนละฝาและน้องน้ำเกิดมาก่อนเลยเป็นพี่ของน้องวิน

น้องน้ำมีนิสัย ร่าเริงเข้ากับคนอื่นง่ายและคุยเก่ง ผิดกับน้องวินที่เงียบมาตลอดทาง หน้าเด็กน้อยทั้งสองคนน่ารักมากโตมาน่าจะมีคนจีบเยอะแน่นอน

“อาแคนค่ะ”


“น้องน้ำอาแคนบอกแล้วไงค่ะ ว่าให้เรียกอาว่าพี่ไง”


“ค่ะ”

 

“ว่าแต่น้องน้ำมีอะไรหรอค่ะ”


“คือ ทำไมอาบิตคุยโทรศัพท์นานจังเลยค่ะ”

 

“มันคงมีธุระที่สำคัญละมั้ง”ผมตอบน้องน้ำไป เพราะมันคงมีธุระสำคัญจริงๆ


“อ๋อ”

 

“เราเข้าไปกันเลยดีไหม”เสียงของไอ้บิตดังขึ้นมา มันเดินมาพอกับมือที่ถือโทรศัพท์อยู่ มันคงคุยธุระเสร็จแล้วถึงได้เดินมาหาพวกผม


“มึงคุยนานจัง มีธุระอะไรรึเปล่า”ผมถามมัน มันอาจมีธุระสำคัญที่ต้องไปทำก็ได้


“ไม่มีไร”มันยิ้มให้กับผมแล้วก้มลงไปจับแก้มของน้องวิน

 

“วินยิ้นหน่อยน่ะ วันนี้อาพามาเที่ยวทั้งที”มันเปลี่ยนจากจับแก้มมาเป็นลูบหัวของน้องวิน ดูๆไปมันก็น่ารักดีเหมือนกัน


“คับ”เด็กน้อยตอบแล้วปล่อยมือของผมไปหามัน


“ป่ะเข้าไปกันเลย”



“นี่ๆพี่แคน”

 

“มีอะไรหรอครับน้องน้ำ”

 

“พี่แคนตัวนั้นน่ารักจังเลย มันมีชื่อว่าอะไรหรอค่ะ”

 

“ตัวไหนน่ะ”



ผมถามน้องน้ำ แล้วน้องน้ำก็ชี้ไปที่นกฟลามิงโก้ สีชมพูที่ยืนขาเดียวอยู่ในน้ำเพียงลำพังที่ออกมาจากฟูง

 

“ตัวนั้นอะค่ะ ที่สีชมพูๆ ขาเหมือนกิ่งไม้”จินตนาการของเด็กนี้สุดยอดจริงๆ ตอนเด็กผมเคยคิดว่าถ้าผมดำน้ำสัก 6-7 ชั่วโมงได้ผมอาจะมีครีบงอกออกมาเหมือนปลาด้วยล่ะ555 ผมเลยตอบน้องไป

 

“อ่อ มันมีชื่อว่า นกฟลามิงโก้”

 

“นกฟลามิงโก้นี่เอง พี่แคนนี่เก่งจังเลยน่ะค่ะรู้จักสัตว์เยอะเลย”น้องน้ำหันมาชมผม ผมนี้ยิ้มจนปากจะชีกถึงหูละ

 

“น้องน้ำชมพี่ขนาดนี้ พี่เขินแย่เลย”ผมพูดเสร็จก็น้องน้ำก็ทำท่าเขินๆแล้วหันกลับไปดูนกฟลามิงโก้ต่อ

 

“พี่แคนครับ พี่แคนว่าแต่ตัวนี้มีชื่อว่าอะไรหรอครับ”ไอ้บิตมันพูดขึ้นมาพร้อมกับดัดเสียงของตัวเองให้เป็นเด็กแล้วมันชี้นิ้วไปหา ช้าง

 

 

ทำให้ผมนึกถึงเรื่องในอดีตที่โคตรน่าอายของตัวเอง

 

ตอนเด็กๆผมเคยมาเที่ยวสวนสัตว์กับครอบครัว ตอนนั้นผมอายุประมาณ 4-5 ขวบ แล้วบังเอิญผมเห็นช้างเป็นครั้งแรก

 

แล้วผมไม่รู้จักมันเลยไม่รู้ว่าจะเรียกมันว่าอะไร เลยถามเจ้ยิ้ม แล้วเจ้ยิ้มแกก็ตอบผมว่า ‘ไอ้ฟาย มึงโตขนาดนี้ยังไม่รู้จัก ช้าง อีกหรือไงฟร้ะ’ ผมจับคำพูดคำเเรกของเจ้ยิ้มที่บอกกับผมได้ว่า ไอ้ฟาย เพราะที่เหลือผมฟังไม่ทันเจ้เเกเลย ผมเลยเชื่อว่ามันมีชื่อว่าไอ้ฟายเพราะมันมีอะไรแหลมๆสีขาวออกมาสองอัน เหมือนกับควาย ผมเลยคิดว่าชื่อของมันอาจคล้ายๆกัน ฟาย กับ ควาย เวลาผมเรียกว่าช้างเป็นฟายที่ไรเจ้ยิ้มขำตลอด

 

ผมมารู้ว่าชื่อที่ผมเรียกมันผิดก็ตอนเข้าประถมศึกษาปีที่ 3 ตอนครูให้พวกผมร้องเพลงตามรูปสัตว์ ผมก็ร้องตามที่ผมเรียก ‘ ไอ้ฟาย ไอ้ฟาย ไอ้ฟาย น้องเคยเห็นไอ้ฟายหรือเปล่า... ’ แล้วจู่ๆครูก็เรียกให้ผมหยุดร้อง ครูก็ถามผมว่าเมื่อกี้ผมร้องว่าอะไร ผมเลยตอบว่า ไอ้ฟาย ครูก็เลยตกใจแล้วบอกว่าผมเรียกชื่อมันผิด ผมเลยบอกว่าเจ้ยิ้มบอกชื่อเรียกมันว่าไอ้ฟาย ผมพูดเสร็จครูก็หัวเราะออกมาแล้วบอกผมว่าผมโดนเจ้ยิ้มหลอกแล้ว ตอนนั้นหน้าผมแดงมาก ผมไม่กล้าร้องเพลงนั้นอีกเลย และก็ไกธรเจ้ยิ้มอีกด้วยโดยการไม่คุยกับเจ้ยิ้ม 3 วัน นึกๆดูแล้วตลกกับตัวเองตอนเด็กมากๆเลย ไอ้ฟาย 555

 

“รู้รึเปล่าเนี้ยพี่แคนคนเก่ง”มันย้ำถามผม เพื่อต้องการรู้คำตอบ หึ ผมไม่เล่นเกมส์ประสาทแดกกับมันหรอก

 

“ไม่รู้”ผมตอบเหวี่ยงๆไป หันกลับไปเล่นกับน้องน้ำยังดีกว่าอีก


“ทำไม รำคราญหรอ”


“รู้ตัวก็ดีแล้วนี่”

 

“ทำไงได้ ก็มันเป็นนิสัยกูนี่น่า”


“ทำไมมันต่างจากที่กูได้ยิ้นมาเลยว่ะ เป็นคนนิสัยดี เป็นสุภาพบุรุษ เป็นพ่อเทพบุตรของคนทั้งมหาลัย”

 

ผมได้ยิ้นเขาบอกว่ามันดีอย่างโน้นมันดีอย่างนี้ มันพูดเพราะ เป็นเทพบุตร จากเจ้แซนดี้บ้างจากมิ้นบ้าง โถ่ถ อยากให้สองคนนั้นมาเป็นผมจังเลย


“แล้วทำไม”มันถามผม ด้วยเสียงที่ค่อนข้างจริงจัง


“ไม่ทำไม”


“หรือว่ามึงอยากให้กูทำนิสัยแบบนั้น เหมือนๆที่กูทำกับคนอื่นอ่ะ”อะไร ของมันว่ะ อยู่ดีๆก็พูดแบบนี้

 

คนเราควรที่เป็นตัวของตัวเองมากที่สุดใช่ไหมครับ แล้วผมไปบอกให้มันเปลี่ยนเป็นแบบที่พวกนั้นต้องการให้มันเป็นรึเปล่าล่ะ ก็ไม่ใช่นิ แล้วมาโกธรผมทำไม


“เปล่าสักหน่อย”


“กูอยากให้มึงได้รู้ถึงนิสัยของกูจริงๆไม่ใช่ฟังจากปากคนอื่นที่เขาพูดกันเอง”อยู่ๆก็ดราม่าเฉย จริงๆผมก็รู้สึกผิดเหมือนกัน ที่ผมอาจะไม่สนใจความรู้สึกมัน ก็อาจเป็นไปได้ที่มันจะจริงจังกับเรื่องบางเรื่อง เช่น เรื่องนิสัยของมันเอง

 

“เอ่อๆ ทำไมต้องอธิบายแบบนี้ว่ะ”ผมทำหน้าให้มันดูดีขึ้นไม่พูดจาแบบประชดประชันมันหรือกวนตีน

 

“ทำไม” ผลทีได้ก็คือหน้ามันดีขึ้น

 

“มันแปลกๆยังไงไม่รู้ว่ะ”



 “555”ผมบอกความรู้สึกของผม แล้วอยู่ดีๆมันก็หัวเราะออกมาผมพูดผิดตรงไหนหรอก็มันเเปลกจริงๆอ่ะ



“แคน”อยู่ก็มีเสียงผู้หญิงเรียกผม ผมเลยหันไปเห็น แล้วตลกใจกับคนข้างหน้า มิ้นที่ใส่ชุดพนักงานสวนสัตว์อยู่ ก็ดีเหมือนกันที่ได้เจอเพื่อนในวันหยุด แต่ซวยที่ผมคิดมากับไอ้คนข้างๆ

 

“เฮ้ย! มิ้นมาอยู่ที่นี้ได้ไงเนี่ย”

 

“เราว่าเราควรถามแคนมากกว่านะ”

 

“แห๊ะ แห๊ะ”ผมหัวเราะ ตอนนี้น้องน้ำกับน้องวินกำลังนั่งดูสัตว์กันอยู่ เลยมีเวลาที่ผมจะคุยกับมิ้น


“เราอ่ะมาทำงานพาร์ทไทน์ที่นี้กับไอ้ต้นกล้าแล้วพอดีเห็นแคนเราเลยเขามาทักนะ”มิ้นอธิบายให้ผมฟัง


“อ้อ”


“ว่าแต่ ทำไมแคนถึงมาอยู่กับ เดือนแพทย์ได้ล่ะ”มิ้นพูดไปแล้วมองหน้าไอ้บิตที่กำลังเล่นมือถืออยู่

 

“พอดี...”


“พอดีเราชวนแคนมาเที่ยวเอง”ผมกำลังจะตอบมิ้นไปกลับถูกไอ้บิตพูดตัดหน้าก่อน มันเลิกเล่นมือถือเเล้วหรอเร็วจัง


“หรอ ว่าแต่แคนไปสนิทกับเดือนแพทย์ตอนไหน”มิ้นหันกลับมาถามผม แต่ยังทำท่าเขินไอ้บิตอยู่ ทุกสายตาของคนทั้งสองกลับหันมาดูผม เพื่อต้องการคำตอบจากผม


“ตอนไหนหรอ”เอ่อจะว่าไป ผมไปสนิทกับไอ้บิตตอนไหน อื้ม? ตอนไหนว้า?


“ช่างมันเห้อะ คือเดือนแพทย์”มิ้นเลิกสนใจ คำตอบจากผมแล้วมิ้นก็เปลี่ยนคนที่จะคุย มาที่ไ้อ้บิตแทนผม


“ครับ”มันตอบ


“อุ้ย ว่าแต่เดือนแพทย์จะแสดงโชว์อะไรหรอ”มิ้นอุทานขึ้นมา แล้วก็เปลี่ยนเป็นเสียงสองทันที ที่คุยกับมัน



โชว์อะไรว่ะ

ที่พูดถึง นี่คือโชว์ที่แสดงงานประกวด เดียวนี้ที่ผมไม่ได้อยู่กับไอ้ต้าร์บ่อยๆ เพราะการแสดงโชว์งานประกวด



ไอ้ต้าร์มันบอกผมว่า ไอ้การแสดงโชว์มันมีผลที่จะทำให้มันเป็นเดือนได้เลยทีเดียว เพราะงั้นมันเลยฝึกหนักเป็นพิเศษเลย



ไม่มีเวลามาหาผม ไม่มีเวลาไปเที่ยวไหนเลย เอาแต่ ซ้อมกับซ้อม



แต่กับ ไอ้บิตทำไมมันถึงยังมาเที่ยวเล่นอย่างสบายใจกับผมอยู่ได้ ทำไมมันไม่ไปซ้อมว่ะ


“อื้มตอนนี้ยังคิดไม่ออกเลยครับ”นี่มันคิดไม่ออกหรอ เเต่คือมันต้องแสดงภายในอีกไม่กี่อาทิตย์แล้วนิ

 

“อ้าวหรอ แต่งานประกวดเหลืออีกสองอาทิตย์เองน่ะ”นั้นไง

 

“ตอนนี้สมองมันตันอยู่ครับ แต่อีกสักพักก็น่าจะคิดอออกเองมั้งครับ”มันพูดอย่างสบายใจแล้วฉีกยิ้มบางๆให้กับมิ้น ทำให้มิ้นเอามือมาปิดปากตัวเอง

 

“มิ้นเองจะค่อยให้กำลังใจและค่อยเชียร์น่ะค้า”

 

“ขอบคุณครับ”

 

“อี่มิ้นมึงมั่วทำไรอยู่รีบมาช่วยกูเดี่ยวนี้เลยมึง”มีเสียงดังออกมาจากในชุดมาสคอต พร้อมกับที่ตัวมาสคอตกำลังถอดหัวออกมา แล้วคนในนั้นก็คือ ต้นกล้า

 

“เอ่อ เดี่ยวกูเข้าไปช่วย”มิ้นบอกบัดๆให้ต้นกล้า

 

“อ้าวแคน หวัดดี แล้วนั้นใครอยู่ข้างแคนน่ะ”ต้นกล้าหันมาเห็นผม แล้วหวัดดีผม


“ต้นกล้า หล่อไหมแก”มิ้นหันไปเขย่าเเขนต้นกล้า


“อื้ม ก็หล่ออยู่น่ะ”ต้นกล้าตอบเเบบหน้านิ่งไม่ได้รับรู้ความหล่อของไอ้บิตเลย ก็นะต้นกล้าเป็น แมนๆเตะบอลกันนี่น้า


“จิ๊ อี่ต้นกล้า หล่ออยู่น่ะไรกัน อันนี้เรียกว่าโคตรพ่อโคตรแม่หล่อเลยต่างหาก สายตามึงนี้น่าจะผิดปกติมาก มากๆๆๆๆเลยๆๆๆ”มิ้นคัดค้านคำตอบจากต้นกล้า ต้นกล้ากับผมพร้อมกันมองบน ไอ้บิตเห็นพวกผมทำ ทำให้มันยิ้ม แต่คนที่กำลังน่าเป็นห่วงคือ มิ้นมากกว่า ตอนนี้คงลอยไปไกลแล้วแหล่ะ

 

“เอ่อ แล้วแต่มึง แคนอี่นี่กวนนายอยู่ใช่ไหม งานการไม่เคนทำเอาแต่อู้”



ต้นกล้าหันมาถามผมแล้วหันไปหามิ้นแล้วทำตามองเเรงใส่ ผมเลยเตอบต้นกล้าด้วยเสียงสูงไปด้วย“กวนไร ไม่กวนเลยยยย”



“แคนนน”มิ้นโวยวายใส่ผมตอนนี้มิ้นเข้าสู้โหมดสงบเรียบร้อยเเล้ว


“อี่มิ้นปล่อยให้พวกเขาไปเที่ยวตามประสาครอบครัวเถอะมึง”


“ห้ะ”มิ้นอุทานขึ้นมาแต่คนที่ต้องอุทานคือผมไม่ใช่หรอ ผมไปเป็นญาติมันตอนไหน



“มึงเห็นไหมเนี่ย เนี่ยพ่อ เนี่ยแม่ แล้วสองคนนั้นอ่ะลูกเข้าใจไหม” จากนั้นต้นกล้าก็ชี้มาที่ ไอ้บิต เเล้วต่อมาก็ผม ถัดไปคือน้องน้ำน้องวิน



“อะไรของมึงอี่ต้นกล้ากูงงหมดแล้วเนี่ย”ใช่ อะไรของต้นกล้า คือผมงง

 

“มึงไม่ต้องงงอะไรมาช่วยกูทำงานเลย ถ้ายังอู้งานอยู่อย่างเนี้ยใครเขาจะจ่ายเงินให้มึง”

 

“ม่ายยยยปล่อยยกู”



 “555”ไอ้บิตหัวเราะ




จากนั้นทั้งสองคนก็เดินจากไป ทิ้งให้ผมงงอยู่คนเดียว อะไร แคนงงมากกกก



 “แคน เพื่อนมึงนี่ตลกจังเลยว่ะ555”

 

“กูไม่รู้ว่าพวกมันจะตลกขนาดนี้ เพราะปกติกูอยู่กับไอ้ต้าร์ สองคน”ผมพูดประโยคสุดท้ายอย่างแผ่วๆมันทำให้ผมรู้สึกเหงาๆเศร้าๆ เมื่อพูดถึงเพื่อน ผมก็คิดถึงเรื่องที่เลวร้ายที่สุดในอดีต ก็ผุดขึ้นมา

 

ตั้งแต่เด็กๆ ผมไม่มีใครเป็นเพื่อนเลยผมเลยนอกจากไอ้ต้าร์

 

แต่ก่อนที่จะได้เจอกับไอ้ต้าร์ผมก็เคยมีเพื่อนอยู่คนหนึ่งนะประมาณสิบกว่าปีที่แล้ว มันเป็นเพื่อนสนิทผมเลยแหล่ะ มีอะไรก็คุยกันปรึกษากัน มันรู้เรื่องผมหมดทุกอย่างเลย แต่อยู่ดีๆมันก็เปลี่ยนไป มันทำตัวเหมือนเป็นเพื่อนสนิทแต่ไม่สนิท ตีตัวออกห่างจากผม คบเพื่อนใหม่อยู่กลุ่มใหม่ ผมคิดว่ามันคงอยากมีเพื่อนใหม่ละมั้ง

 

เวลาผ่านไปสักพักสายตาทุกคนในห้องก็มองผมแบบแปลกๆ ผมก็ไม่เอ๊ะใจอะไรเพราะผมก็รู้นิสัยของตัวเองอยู่แล้วว่าผมอ่ะมันมีนิสัยแปลกๆอยู่แล้ว แล้วสุดท้าย ผมพึ่งมารู้ว่ามันเอาข่าวที่เจ้ยิ้มไปเป็น  เมียน้อย มาเล่าให้คนในห้องฟัง ตอนนั้นผมโกธรมากจนผมเก็บมันไม่ไหวจริงๆ ผมไม่คิดว่ามันจะเป็นคนเอาเรื่องนี้ไปบอก คนในห้องฟัง เพื่อนที่ผมไว้ใจ และเชื่อใจที่สุดกลับมาทำร้ายผม ผมเลยเดินเข้าไปต่อยหน้ามัน มันก็สวนหมัดต่อยมาที่ผม สลับกันไปมา จนครูเข้ามาห้ามแล้วเรียกผู้ปกครองมาเคลียร์กันเสร็จแล้วแยกย้าย

 

ส่วนผมนั้นพอม๊าทราบว่าทำไมผมต่อยมัน ม๊าผมเลยให้ผมย้ายที่เรียนไปเรียนที่เดียวกับเจ้ยิ้ม จนได้เจอกับไอ้ต้าร์ ม๊าผมรู้ว่ามันเป็นเพื่อนสนิทผมด้วยเพราะผมพามันไปเล่นบ้านบ่อยๆ

 

“มึงไม่ต้องห่วงตอนนี้มึงไม่ได้อยู่สองคนแล้ว”เสียงที่มันพูดด้วย มันโคตรละมุนแล้วทำไมผมรู้สึกว่ามันอุ่นๆอยู่ข้างในใจผม และผมสมารถเชื่อถือคำพูดของมันได้ เหมือนผมคุ้นเคยกับมันมาก่อน

 

มันจับมือผมขึ้นมาจับแล้วจ้องมายังในตาของผม ผมมองในตาของมัน ผมไม่รู้ว่าทำไมผมถึงไม่สมารถออกจากสายตามันได้

 

“มึงมีกูไง”ไอ้เชี่ย พอมันพูดเสร็จ ทำไมผมรู้สึกร้อนๆหน้า อ้อผมรู้แล้ว ผมคงรู้สึกร้อนหน้าเพราะแดดประเทศไทยแน่ๆเลย ร้อนชิบหาย



ส่วนไอ้บิต มันยังคงมองหน้าผมอยู่ ไอ้เชี่ยหรือว่าหน้าผม จะมีไฟลุกอยู่หรอก็ว่าทำไมมันร้อนๆ ต้องรีบหาน้ำมาดับแล้ว แต่ว่าเเถวนี้ไม่มีน้ำเลยนี่น้า แต่มีบ่อจระเข้นิ ผมคงต้องโดดลงไปในบ่อจระเข้ใช่ไหมเนี่ย เจ้ยิ้มช่วยเเคนด้วย
หัวข้อ: Re: The taste of Loves รสชาติแห่งความรัก
เริ่มหัวข้อโดย: กาแฟมั้ยฮะจ้าว ที่ 20-05-2019 17:35:22
:กอด1: :pig4: :กอด1:
หัวข้อ: Re: The taste of Loves รสชาติแห่งความรัก
เริ่มหัวข้อโดย: ความเงียบ สีขาวดำ ที่ 20-05-2019 21:25:21
 :mew1:
หัวข้อ: Re: The taste of Loves รสชาติแห่งความรัก
เริ่มหัวข้อโดย: ความเงียบ สีขาวดำ ที่ 26-05-2019 23:48:46
Chapter 11

หัวขโมย

หลังจากที่ผมกลับมาจากไปเที่ยวกับสวนสัตว์ ไอ้บิตมันก็มาส่งผมที่คอนโดเสร็จแล้วมันก็กลับไป
ตอนนี้ผมกำลังจะเข้านอน เลยหยิบมือถือมาเล่นก่อน ผมเห็นการแจ้งเตือน คุณมี 24 ข้อความ ผมเลยกดเข้าไปดู
_____________________________CHAT______________________________
Ψไอ้ ต้าร์★
ไอ้แคน
ไอ้แคนมึงไปเที่ยวใช่ไหม
มึงไปกับไอ้บิตใช่ไหม
ไอ้แคนนนนน
ไอ้แคนนนนนนนน
ตอบกูด้วยยยยยยย
ข้อความของไอ้ต้าร์และอีกมากมายนี้ ที่ผมไม่ได้ตอบหรือเปิดอ่าน ไม่น่าห่วงเท่ากับอีกคนที่ส่งมาหาผม
_____________________________CHAT______________________________
 ♡เจ้ยิ้มคนสวย♡
แคนวันพรุ่งนี้เจ้จะเข้าไปหาน่ะ
แคนน้องรักถ้าว่างก็มารับเจ้ด้วย
แคนน้องรักช่วยอ่านที
ไอ้แคนนนนนนนนนน
ซวยแล้ว ตายแน่ๆไอ้แคน ผมเลยรีบพิมท์ตอบเจ้ยิ้มไปอย่างรวดเร็ว และคุยกันนานมาก ผมนี้เกือบตายเลย แล้วมีอีกหนึ่งข้อความทีเด็งขึ้นมา เมื่อไหร่ผมจะได้นอนเนี่ย
_____________________________CHAT______________________________
ARUM WONGSARKARM
แคนมึงถึงห้องยัง
เอ่อกูถึงแล้วกำลังจะนอนเลย
มีไรว่ามา
วันนี้โคตรสนุกเลย
มึงว่ามะ
มึงสนุกคนเดียวสิไม่ว่า
มึงไม่สนุกหรอ
ใครบอก
กูสนุกจะตาย
555
มีไรอีกไหม กูจะนอน
งั้นฝันดี
แค่เนี้ย
เอ่อ กุไม่รุ้ว่าจะพูดไรอีกแล้ว
ผมคุยกับมันไม่กี่โยค ผมก็ง่วงเลยขอตัวไปนอนก่อน มันเป็นทริปที่สนุกมากเลย และเป็นความทรงจำที่ดีสำหรับผมเลย


วันนี้เป็นอีกวันที่น่าเบื่อที่ผมต้องไปมหาลัย TTไม่อยากไปเลยผมนี่อยากนอนเล่นเกมส์อยู่ในห้องมากกว่า ผมนี่ขอโทษป๊ากับม๊าที่ส่งผมมาเรียนเลย
ตอนนี้ผมกำลังนั่งที่ใต้คอนโดอยู่ ผมกำลังรอให้ไอ้ต้าร์มารับผมไปส่งที่มหาลัย ตอนนี้รถของมันกำลังเข้ามาจอดที่เดิมประจำของมัน ผมเลยต้องรีบวิ่งไปหามันเพราะว่ามันมารับผมช้ามาก อีกไม่กี่ชั่วโมงรุ่นพี่เข้าก็จะเรียกรวมแล้ว

“ไงมึง ทำไมมาช้า”ผมถามมันแต่มันทำไม่สนใจผม

“...”มันไม่ตอบผม แต่ผมพอเดาๆได้ว่าผมคงทำอะไรให้มันไม่พอใจหรือสบายใจแน่ๆถึงได้ทำอย่างนี้กับผม

“เป็นไร”

“เมื่อวานมึงไปเที่ยว”ว่าแล้วมันคงห่วงผมที่ผมไปเที่ยวหรือไม่ก็น้อยใจที่ผมไปเที่ยวกับคนอื่นที่ไม่ใช่มัน

อย่างที่รู้กันพวกผมเป็นเพื่อนที่สนิทกันมากเพราะมีกันอยู่สองคนตลอด ถ้าเกิดว่ามันไปเที่ยวกับเพื่อนคนอื่น ผมก็อาจน้อยใจมันก็ได้

“อืม”ผมยอมรับไปตรงๆ

“กับไอ้บิต”มันหันมาหาผมทำหน้าจริงจังแล้วหันกลับไปขับรถต่อ

 แต่จะว่าทำไมมันถึงรู้ว่าผมไปกับไอ้บิตผมไม่ได้ถ่ายรูปหรือโพสต์อะไรเลยแล้วก้ไม่ได้บอกใครด้วย

“อื้ม ทำไมมึงถึงรู้”ข้างหน้ามีไฟแดงมันเลยจอดรอให้ไฟเปลี่ยนแล้วหันมาถามผมต่อ

“แล้วทำไมมึงถึงไม่บอกกู”มันเปลี่ยนประเด็น แต่ก็ช่างเถอะผมไม่อยากรู้หรอกว่ามันไปรู้ได้อย่างไรเดี่ยวยาวแน่ๆ

“ก็มึงไม่ว่างนิ เอาแต่ซ้อมประกวดดาวเดือน”ผมไม่รู้ว่าจะบอกมันไปอย่างไรดี แต่ที่ผมบอกมันอย่างนี้มันก็มีส่วนเกี่ยวข้องพอสมารถแถไปได้อยู่

“ก็ใช่ กูซ้อมอยู่ แต่มึงควรบอกกู”มันยังคงถามผมจาก ผมไม่รูว่าจะต้องตอบยังไงมันถึงเข้าใจผมว่า ผมรู้สึกผิดแล้วจริงๆ

“โอเคร รอบหน้ากูจะบอกมึง”


“เดี่ยวๆ ยังมีรอบหน้าอีกหรอ”มันทำหน้าตกใจ

“ไม่รู้กูพูดส่งๆไปงั้นแหล่ะ”

“เอ่อแล้วแต่มึงละกัน”เมื่อไฟเขียวแล้วมันหันกลับไปขับรถออกไป แต่มันยังไม่หยุดที่จะถามกับผม

 “ว่าแต่เจ้ยิ้มจะมาหรอ”พุดถึงเจ้ยิ้ม บอกว่าวันนี้จะมาหาผม แต่ผมบอกเจ้แกว่าผมไม่ว่าง เจ้แกเล่นเปลี่ยนวันที่จะมาเฉย ผมนี่งงมาก อยู่ๆก็จะมาพอบอกว่าไม่ว่างก็เลื่อน สมกับเป็นเจ้ผมจริงๆ

“อื้ม”

“แล้วแกจะเจียดเวลาไปรับเจ้แกตอนไหน”

“กุบอกแล้วว่ากูไม่ว่าง เจ้ยิ้มเลยเลื่อนที่จะมาหากูเป็นอาทิตย์หน้าแต่วันไหนไม่รู้”ไอ้ต้าร์มันทำหน้าสงสัยกับการกระทำของเจ้ยิ้มแล้วพูดออกมา

“อย่างงี้ก็ได้หรอ”

“แล้วแต่เจ้แกอ่ะ”ผมบอกมันไปอย่างนั้น ว่าแต่ผมยังคงสงสัยเจ้แกจะมาทำอะไรที่นี้มากกว่าเดิมที่ก็เอาแต่ทำงานๆจนไม่มีเวลาไปหาแฟน จะขึ้นคลานก็ยังไม่รู้ตัวอีก555




“ถึงแล้ว”

มันขับมาจอดที่หน้าคณะ ผมเปิดประตูลงไปเพื่อที่จะเข้าไปเรียนแต่ไอ้ต้าร์ลงมาพร้อมกับผม ที่จริงมันต้องไปซ้อมประกวดดาวเดือนของมันไม่ใช่หรอ ผมเลยถามมันไป

“มึงลงมาทำไม ไม่ไปซ้อมหรอ”

“กูอ่ะเตรียมการทุกอย่างหมดแล้วเหลือแต่เข้ามาทำความรู้จักกับเพื่อนในคณะเท่านั้นเอง”มันพูดปด้วยพร้อมกับเฉิดอกภูมิใจในตัวเอง พูอออกมาอย่างเท่แต่ถึงอย่างนั้น ผมก็รู้ว่าทำไมมันถึงไม่ไปซ้อม

“ขี้เกียจก็บอกมาเถอะ”

“เอ่อ อีกอย่างกูจะเรียกคะแนนโหวตจากคนในคณะด้วยไง ไม่รู้เสียคะแนะคนในคณะไปให้กับไอ้เดือนแพทย์เท่าไหร่แล้ว”เอ่อ เรื่องนี้เป็นเรื่องจริง ไม่ใช่เป็นการแสดงหรือตัดต่อทั้งสิ้น ถุ้ย คนละเรื่อง เรื่องที่คนทั้งคณะเถใจให้เดือนแพทย์นี้เป็นเรื่องจริง
ผมไม่รู้จะส่งสารมันยังไงขนาดเพื่อนหรือพี่ในคณะที่เลือกมันเป็นเดือนคณะ ต่างก็เถใจโหวตให้เดือนแพทย์กันหมด


ตอนนี้พวกผมนั่งรอให้พี่ๆปล่อยให้ผมไปกินข้าวเพราะมันถึงเวลาที่สมควรแล้ว ผมนี้โคตรหิวเลยสมารถกินตึกคณะได้เลย แต่ว่าไอ้ต้าร์มันไม่ได้นั่งข้างผมแต่ถูกรุ่นพี่เอาตัวไปยืนอยู่ข้างหน้าเพื่อแนะนำตัวและเรียกคะแนนจากคนในคณะคืนมาตามแผนที่มันวางไว้

“ก่อนพี่จะปล่อยน้องๆไปกินอาหาร พี่มีคนที่อยากให้น้องๆรู้จักน่ะค่ะ”

“ไม่ใช่ใครอื่นไกลหรอกน่ะค่ะ ขอเชิญน้องต้าร์ เดือนคณะของเราค่ะ”สิ้นเสียงของรุ่นพี่ก็มีเสียงตบมือดังขึ้นมา รุ่นพี่ยืนไมค์ให้ไอ้ต้าร์อีกอัน

“สวัสดีครับ ผมต้าร์เองครับ”สิ้นเสียงของมันก็มีเสียงกรี๊ดดังขึ้น

“กรี๊ดดดดด”ผู้หญิงในคณะรวมทั้งรวมทั้งรุ่นพี่ต่างพากันกรี๊ด

“ไม่ต้องกรี๊ดกัน เดี่ยวค่อยไปกรี๊ดกันวันประกวดเอา”รุ่นพี่อีกคนที่ยืนอยู่ข้างไอ้ต้าร์พูดขึ้นมา คงดีใจที่มีคนกรี๊ดให้เดือนคณะของตัวเอง

มีรุ่นพี่คนหนึ่งเดินเข้าไปสะกิดรุ่นพี่ที่ยืนอยู่ข้างไอ้ต้าร์แล้วคุยกัน

“มึงๆ ไม่ใช่”
“ไม่ใช่อะไร”
“น้องๆเขาไม่ได้กรี๊ดให้กับเดือนคณะของเราหรอก”
“ห๊า แล้วกรี๊ดให้ใครกัน”ที่ผมได้ยิ้นไม่ใช่หูผมดีหรอกน่ะแต่พี่เขาลืมว่ามีไมค์อยู่ในมือ แล้วเขากรี๊ดให้ใคร

“มึงดูโน้น”เมื่อรุ่นพี่พูดเสร็จผมหันไปตามที่ นิ้วที่รุ่นพี่อีกคนชี้ไป

“ไหน กรี๊ดดดดด”

คนที่อยู่ตรงนั้น คนที่ใส่แว่นตาสีดำ เสื้อนักศึกษาพร้อมกับกางเกงยีนแบรนด์ดัง พร้อมยังยืนพิงBMWสีดำของตัวเองอยู่อย่างเท่ระเบิด คนๆนั้นก็คือไอ้บิต เดือนคณะแพทย์ที่คนในคณะต่างเถใจให้มันหมด

เฮ้ยผมไม่รู้จะสงสารไอ้ต้าร์อย่างไรแล้ว วันนี้หนีซ้อมเพื่อมาเรียกคะแนนจากคนในคณะแต่กลับถูก แย่งคะแนนต่อหน้าต่อตาแบบนี้
ดูสิครับหน้ามันตอนนี้ แตกยับไม่เหลืดชิ้นดี
หัวข้อ: Re: The taste of Loves รสชาติแห่งความรัก
เริ่มหัวข้อโดย: AkuaPink ที่ 27-05-2019 22:11:44
 :pig2:
อ้าวๆ โดนแย่งซีนกันหรา 555
 :katai2-1:
 :3123:
หัวข้อ: Re: The taste of Loves รสชาติแห่งความรัก
เริ่มหัวข้อโดย: ความเงียบ สีขาวดำ ที่ 10-06-2019 00:34:46
Chapter 12
อิทธิพล

“ว้าย เดือนแพทย์หล่ออะไรป่านนี้คร้า”ผู้หญิงในคณะของผม ต่างกรี๊ดกร๊าดมันกันใหญ่ แต่มันก็ไม่สนใจกับเสียงนั้น เอาแต่หันซ้ายหันขวาอยู่ อย่างกับว่ามาหาใครไม่ก็คงนัดใครไว้มั้ง

ตอนนี้ทุกคนที่นั่งรวมกันอยู่ตรงนี้ เอาแต่สนใจไอ้บิต และไม่สนใจสิ่งที่พวกพี่ๆในคณะพูดเลย

“น้องๆค่ะ”พี่ๆที่เป็นสตาฟต่างพูดให้ทุกคนหันมาสนใจในกิจกรรมต่อ

“เดือนแพทย์ร้าหันมาทางนี้ทีคร้า”

“เฮ้ย น้องฟังพวกพี่บ้างสิค่ะ จะอะไรนักน้ากับผู้ชายเนี้ย”พี่ผู้หญิงตัวใหญ่ดึงไมล์จากพี่ผู้หญิงอีกคน เพื่อเอามาพูด ให้พวกผมสงบลง

“...”

“ฟังกันสิค่ะ เดี่ยวพวกพี่ๆก็จะปล่อยไปแล้ว ค่อยไปกรี๊ดกร๊าดกันที่หลัง”

พอพี่ผู้หญิงตัวใหญ่พูดเสร็จ ก็คืนไมล์ ให้กับพี่ผู้หญิงคนก่อนหน้านี้มาพูดกับพวกผม

พี่ผู้หญิงหันไปหาไอ้ต้าร์พร้อมกับพูดกับมัน“ขอบใจน้องต้าร์นะค่ะที่มาโชว์ตัว ไปรวมกับเพื่อนได้เลยค่ะ”

“ครับ”เมื่อมันรับคำเสร็จก็เดินลงมายังที่ผมนั่งอยู่

“ไงมึง”ผมหันไปคุยกับมันที่มานั่งหลังผม

“เชี้ย มันจะมาทำไมว่ะ แย่งซีนกูหมด”มันบ่นแล้วทำสีหน้าเหมือนโกธรไอ้บิต แล้วทำให้ผมหัวเราะกับสีหน้ามันตอนนี้

“ตลกเชี้ยไร”คนเขาตลก ก็ผิดอีก

“เอ้า ตลกมึงไง”ผมพูดออกไปอย่างกวนๆมัน ผมคิดว่ามันจะด่าผมกลับแต่สีหน้ามันก็เปลี่ยนไปเป็นจริงจัง แล้วหันมาพูดกับผม

“ไอ้แคนกูมีอะไรจะถามมึงว่ะ”

“ว่า”

“กูอ่ะ จะมีสิทธิที่จะได้เป็นเดือนมหาลัยมั้ย”

ดูแล้วน่าจะเป็นไปได้ยากที่จะให้มันได้เป็นเดือนมหาลัย ถ้าเอามันมาเปรียบเทียบแต่ละอย่างกับไอ้บิต หน้าตามันคงสู่ไม่ได้ คะแนนความนิยมมันก็คงยังสู่ไม่ได้อยู่ดี แต่เกมส์มันอาจะพลิกก็ได้ถ้าการแสดงโชว์ของมันดีกว่าของไอ้บิต มันอาจะได้คะแนนตรงนั้น แต่ถ้าไอ้บิตแสดงดีกว่า มันก็จบเห่

“ดูแล้วน่าจะไม่”

“ไอ้แคน หรือมึงไม่อยากมีเพื่อนเป็นเดือนมหาลัยห้ะ”พูดแค่นี้ ทำไมต้องโกธรด้วยว่ะ

“กูยังไงก็ได้”

“กูคงต้องหาวิธีเอาชนะมันซะแล้ว”

จากที่ดูและฟังมันพูด มันคงคิดวิธีการเอาชนะอยู่ในหัวของมันแล้ว ไอ้ต้าร์เห็นมันเป็นคนแบบนี้น่ะแต่มันโคตรฉลาดเลยล่ะ มันเคยบอกผมว่า ถ้าไม่ติดที่ว่ามันอยู่กับผม มันอ่ะจะเลือกเข้าคณะแพทย์แล้ว ไอ้ขี้โม้

เสียงโทรศัพท์ผมดังขึ้น ผมเลยกดเข้าไปดู

_____________________________CHAT______________________________
ARUM WONGSARKARM
แคน
มึงมีไร
ว่ามา
มึงอยู่ไหน
กูอยู่ลานเกียร์
ตรงไหน
ตรงที่มีคนเยอะๆอ่ะ

มันหยุดพิมท์แล้วหันมามองรอบๆ แล้วมันหยุดชะงั่กกับที่พวกผมนั่งรวมกันอยู่ แล้วก้มมาพิมท์ต่อ

อ๋อ เห็นแล้ว
ทำไม
กูหิวข้าว
กูไม่มีเพื่อนไปกินด้วย
กูเลยจะชวนมึงไปกินข้าวด้วยกัน

มันชวนผมไปอีกแล้ว ถามจริงมันไม่มีเพื่อนเลยหรอถึงได้มาชวนผมบ่อยจัง แต่ยังไงผมก็ไม่รู้ว่าเสร้จนี้แล้วจะไปกินข้าวกับใคร ไอ้ต้าร์มันบอกว่าถ้าเสร็จจากนี้มันจะขอตัวไปซ้อมเลย คงต้องไปกับมันล่ะ

อืมก็ได้
รอกูแปป
ไม่กูหิวโคตรๆเลย
รอแปปน้า
กูหิว
กูหิว
กูหิว
กูหิว
กูหิว
รอพี่กูปล่อยก่อนดิว่ะ

พอผมตอบกลับไป แต่มันกลับไม่เปิดอ่านข้อความที่ผมส่งให้มัน แต่มันเดินมาทางที่พวกผมอยู่ แต่มันไม่ได้เดินเข้ามาหาผม กลับไปคุยกับรุ่นพี่คนหนึ่ง แล้วรุ่นพี่คนที่มันคุยด้วยกลับเดินไปหาพี่ผู้หญิงคนที่ถือไมล์ยู่หน้าแถว

“อ้าว น้องแคนนน อยู่ตรงไหนกรุณายกมือขึ้นด้วย”มันทำอารายปายเนี้ย ดูแล้วมันคงไปบอกพี่ผู้หญิงให้มาเรียกผมแน่ๆเลย ทำอย่างกับว่าผมเป็นเด็กอนุบาล แต่ผมต้องยอมใจยกมือขึ้น

“ครับ ผมอยู่ตรงนี้”

“พอดีว่าผู้ปกครองมารับ งั้นพี่จะปล่อยน้องไปก่อนน่ะค่ะ”

“ห้ะ ค..รับ”สายตาคนรอบๆค่อยเอาแต่มองผมกับมันสลับกันไป

ผมสงสัยว่าทำไมพวกพี่ๆถึงยอมให้ผมออกไปจากตรงนี้ก่อนคนอื่น ถ้าให้ผมเดาคงเป็นไอ้คนท่ยืนยิ้มอยู่ที่หน้าแถวแน่ๆ มันมีอิทธิพลถึงขนาดนี้เลยหรอ

“เชิญค่ะ”พี่เขาผายมือออกไปตรงข้าง ชี้ไปที่ไอ้บิต เหมือนกับว่าบอกให้ผมออกไปหามัน

“พี่ครับพอดีว่าผมมากับมันครับ”อยู่ๆไอ้ต้าร์ลุกยืนขึ้นพร้อมกับพุดออกมา

“น้องต้าร์มากับน้องแคนหรอค่ะ”พี่ผู้หญิงถาม

“ครับ”มันตอบ

“ผู้ปกครองว่าไงค่ะ”พี่ผู้หญิงหันไปหาไอ้บิต แต่มันส่ายหัวไปมา แปลว่า ไม่

“เอ้ย มึงทำงี้ได้ไง”ไอ้ต้าร์ตโกนออกมา พี่ผู้หญิงเลยบอกมันให้นั่งลง

“งั้นน้องต้าร์นั่งลงค่ะ”

“ไม่ครับ ถ้างั้นไอ้แคนต้องอยู่กับผม”ไอ้ต้าร์มันไม่ยอม เลยเอามือมาจับแขนผมให้อยู่กับมัน

ตัวของผมเลยถูกดึงให้ไปอยู่ข้างไอ้ต้าร์ ต่อจากนั้นเพียงเสี้ยววิ ผมก็ถูกไอ้คนตรงหน้าผม ดึงแขนออกไปจากมือต้าร์

“เฮ้ย มึงทำไร”และนั้นเป็นเสียงสุดท้ายที่ผมไดยิน

หัวข้อ: Re: The taste of Loves รสชาติแห่งความรัก
เริ่มหัวข้อโดย: AkuaPink ที่ 10-06-2019 07:23:10
 :pig4:
 :3123:
หัวข้อ: Re: The taste of Loves รสชาติแห่งความรัก
เริ่มหัวข้อโดย: ความเงียบ สีขาวดำ ที่ 20-07-2019 22:44:05
Chapter 13
ไดต่อจี

บิต

“ปล่อย”มันพูดเสียงดังมาก ผมเลยปล่อยมือออกจากแขนมัน

“ขึ้นรถ”ผมบอกมันพร้อมปลดล็อครถเพื่อให้มันสามารถ

“แล้วไอ้ต้าร์ล่ะ”

ยังจะมาห่วงเพื่อนอีก ไม่ได้ดูสาระรูปตัวเองเลยตอนนี้เนี้ย ผมยังคงบอกให้มันขึ้นรถไป“ขึ้นไปเถอะน้า”

“...”มันเงียบไม่ทำตามที่ผมพูดด้วย

“จิ๊ เดี่ยวมันก็หากินของมันได้เองน้า แต่มึงกับกูเนี้ยจะไปกินกันแล้ว”เชี่ย!!!ประโยคสุดท้ายที่ผมพูดไปทำไมมันทะแม่งๆว่ะ ดูหน้าไอ้แคนสิครับตกใจไม่น้อยเลย

“ห้ะ”

“เร็วขึ้นรถ กูหิว”ผมเดินอ้อมไปเปิดประตูรถอีกข้างแล้วขึ้นไปรอมันในรถ มันทำท่าคิดแล้วหันไปหาเพื่อมมันเสร็จแล้วก็หันกลับมา

“เอ่อ เอางันก็ได้”สุดท้ายมันก็ยอมขึ้นรถโดยดี

ผมไม่รู้ว่ามันจะห่วงเพื่อนอะไรของมันหนักน้า เพื่อนของมันน่ะเป็นถึงเดือนคณะของมัน พวกพี่ๆในคณะของมันคงไม่ปล่อยให้เดือนของตัวเองหิวหรอก หาให้เพื่อนของมันกันเองอยู่แล้ว แต่มันนั้นยังไม่ได้กินข้าวตั้งแต่เลยไม่ใช่หรอ แล้วผมยังรู้มาอีกว่ามันทำกิจกรรมตั้งแต่เช้าแล้ว(พอดีว่าผมได้ยินที่เจ้แซนดี้คุยกับพี่กัน)

พอผมมาถึงเลยทักไปหามัน ผมมาดูเวลาแล้วมันไม่ใช่เวลาที่จะต้องทำกิจกรรมต่อหรือแนะแนวรุ่นน้องแต่มันควรปล่อยให้ไปหาไรกินได้แล้ว ผมอยากที่จะเข้าไปดึงแขนมันออกมาแต่ผมก็ยังกลัวว่า ถ้าผมทำยังงั้นมันอยากจะเป็นผลเสียกับมัน

ผมเลยรอ กะว่าจะพามันออกไปหาไรกินหลังจากตอนที่มันเลิกกิจกรรมเสร็จ แต่พอผมมองเห็นหน้ามันทำเหมือนว่าจะกินตึกกินกำแพง ผมเลยทนไม่ไหวที่จะต้องปล่อยให้มันอยู่ในสภาพแบบนั้น

ผมเลยไปบอกให้รุ่นพี่ที่ผมรู้จัก ว่าผมมีธุระกับมัน เลยอยากขอพาตัวมันไปก่อน ตอนแรกก็กลัวว่ารุ่นพี่จะไม่ให้ แต่สุดท้ายหน้าตาของผมก็ช่วยผมไว้ ผมเลยพาตัวมันมาด้วย

ทำไมผมต้องเป็นห่วงมันด้วยก็ไม่รู้ แต่ผมก็รู้นะว่าผมอ่ะชอบมัน ตั้งแต่ที่ผมเจอมันครั้งแรกเลย หน้าตา แววตา สีผม ริมฝีปากของมันทุกส่วน ทำให้ผมต้องสายตาจับจ้องมองดูส่วนต่างๆนั้นของมัน เห้ยผมไม่ได้โรคจิตนะแค่มองมันอย่างไม่ละสายตาเท่านั้นเอง

ผมไม่เคยรู้สึกอย่างนี้กับใครเลย ผมไม่เคยมองใครแล้วอยากจะครอบครอง อยากที่จะกลืนกินเข้าไปให้เหมือนกับลูกอมเลย นี่ผมพูดอะไรออกไปเนี่ย ผมไม่เคยคิดที่อยากจะจีบใครเพราะในแต่ละครั้งเป็นผมเองที่ถูกตามจีบเอง(ก็คนมันหล่ออ่ะน่ะครับ)เลยไม่ต้องทำไรแต่ผมก็ปฏิเสธไป หึ ผมไม่ได้ใจง่ายกับใครที่พึงเจอกันหรอก

ผมเป็นคนที่กวนตีน หน้าด้านหน้าทน แต่ยังงั้นผมก็หล่ออะนะ และไม่เคยเกร็งใจใครด้วย ผมก็พอรู้นิสัยของตัวเองว่ามันมีแต่แย่ๆแต่ก็ไม่เคยเปลี่ยนแปลงนิสัยเหล่านั้นเลย แต่มันเป็นคนเดียวที่ทำให้ผม เกร็งใจ แต่อย่างอื่นก็ไม่เปลี่ยนนะ เพราะข้อดีของคนหน้าด้านหน้าทน เลยทำให้ผมได้จีบมันทั้งๆที่ไม่รู้ว่ามันคิดอะไรกับผมอยู่ อีกทั้งยังทำให้ผมมีความกล้าไปวอแวมันถึงที่ห้องหรือไปร่วมโต๊ะอาหารกับมัน ได้เจอครอบครัวมันด้วย

ผมไม่รู้ว่ามันรู้ไหมว่าผมชอบมัน ถ้ามันไม่รู้ผมก็ไม่คิดที่จะบอกชอบมันหรอก ผมกลัวว่าพอมันรู้ว่าผมชอบมัน มันจะเปลี่ยนไปหรือรังเกียจผม ผมเลยไม่อยากบอกความรู้สึกที่ผมมีให้มันรู้ ขอให้ผมได้ทำแบบนี้กับมันไปนานๆก็แล้วกัน ถึงมันอาจดูเหมือนว่าผมฉวยโอกาสจากความไว้ใจของมันมาเป็นความสุขของผมก็เถอะ

ถึงอย่างนั้นผมก็ยอมถูกคนด่าว่าหรือประณามผมดีกว่าถูกมันเกียจและไม่สนใจผมด้วย

ตอนแรกที่ๆผมมาเป็นเดือนเพราะถูกพี่ชายของผมกับเพื่อนของมันบังคับจับมาเป็น โคตรรู้สึกแย่เลยและผมอยากที่จะหนีหรือยอมแพ้เลย แต่พอมาเจอมันผมกับรู้สึกว่ามันคือโชคดีที่สุดของผมเลยที่ได้มาเป็นเดือน แต่ยังงั้นก็เถอะเสื อกมีไอ้ตัวเงินตัวทองตามมาด้วยนี้สิ แล้วกลับเป็นว่าผมได้อยู่ในกองประกวดกับมันแทนที่จะเป็นไอ้แคนมากกว่าทำไม ทำไมต้องเป็นอย่างงี้ด้วย ตั้งแต่ตอนนั้นผมเลยเกียจขี้หน้ามัน(ไอ้ต้าร์เดือนวิศวะ)

ตอนนี้ผมแถบจะบ้าตายอยู่แล้ว เพราะว่าการแสดงโชว์ของผมในฐานะเดือนแพทย์ยังไม่มีอะไรเป็นชิ้นเป็นอัน มีหวังคงได้โชว์แสดงผ่าตัดไส้กบละมั้งครับ555 พี่เลี้ยงของผมเองก็คอยมาถามผมว่าจะทำโชว์อะไรจะแสองอะไรจะต้องใช้อะไรแต่ไม่เคยมาหาผมนานๆก็เถอะ มาแปปเดี่ยวแล้วก็ไป ผมรู้ว่าพี่เขายุ่งอยู่กับการเรียนแพทย์อยู่ปี3แล้วด้วยคงเครียดกับการเรียนอีกทั้งยังเครียดกับเรื่องต่างๆ แต่ยังดีกว่าพี่เขาไม่มาหาผมเลย

แถมยังต้องมาห่วงไอ้คนข้างๆผมอีกและอยากเจอมันด้วย อยากกินข้าวกับมันอยากอยู่กับมัน อยากไปเที่ยวกับมัน อยากใช่เวลากับมัน และอยากให้มันมาชอบผมสักครั้งก็ยังดี กฎของคนแอบชอบฝ่ายเดียวก็ต้องเจออย่างนี้แหละ

ผมขับรถมาจอดที่ร้านอาหารที่ใกล้ที่สุดของที่สุดในเวลานี้แล้วเพื่อให้คนบางคนได้กินข้าวกินปลา ทุกคนดูครับมันเหมือนกับซอมบี้ในหนังเลย ถ้าผมไม่ลากมันมากินข้าวก่อนน่ะมีหวังคงเป็นลมในแถวแน่ๆ ผมมองมันแล้วเหมือนว่ามันพร้อมที่จะกระโดดกัดคอคนได้เลยน่ะเนี่ย555 สิ่งเดียวที่ทำให้ผมหายเครียดกับเรื่องบ้าๆนั้นได้ก็คือผมได้มาอยู่กับมัน


 “ค่อยๆกิน เด่วติดคอน่ะเว้ย”ผมเตือนมันที่กำลังกินอาหารของมันอย่างเร่งรีบ ผมไม่รู้ว่ามันได้เคี้ยวไหมเนี้ย มันตักเอาอาหารเข้าปากอย่างต่อเนื่อง

“...”

“ไม่มีใครแย่งมึงกินหรอกน้า”

“...”


“เด่วไม่อิ่มสั่งใหม่ได้” ไม่ทันไร ไอ้แคนเกิดอาหารติดคอผมนี่ลุกขึ้นไปลูบหลังมันพร้อมกับยื่นมือไปหยิบแก้วน้ำของมัน

“(เสียงอาหารติดคอ)”

“อ่ะน้ำ”ผมยื่นน้ำให้มันดื่ม

“อึก..อึก..”มันยื่นมือมารับไปดื่มอย่างเร็ว

“เตือนแล้วน่ะเว้ย ว่าค่อยๆกิน”

“แล้วมึงไม่กินไรหน่อยหรอ”ยังมาถามผมอีก เอาตัวเองให้รอดก่อนเถอะมึง

“ยังมาห่วงกูอีก ได้ข่าวว่ามึงไม่ได้กินไรตั้งแต่เช้าไม่ใช่หรอ”

“อืม”มันตอบผม

“มึงนี้น้า คนอื่นเข้าพกขนมกับน้ำไปกินในช่วงกิจกรรมแต่มึงแม่ง ไม่พกอะไรไปเลย”

“มึงรู้ได้ไง”มันยังคงตักอาหารเข้าปากมันไปเลยๆ มันน่าจะหิวจัดเลยก็ตั้งแต่เช้าอ่ะนะ ถ้าเป็นคนฉลาดเค้าก็ทำกันหละ

“ก็พวกพี่เข้าถ่ายสตอรี่ไง (ของเจ้แซนดี้)” มันนั่งมองเพื่อนๆมันเอาขนมนมเนยเข้าปากแล้วมันทำน้ำลายส่อเลยละ โคตรตลก555 ผมนี่เซฟรูปนั้นไว้เลย

“อ้อ”

“ไม่ต้องมาอ้อเลย”

“ขอบใจน่ะเว้ย”

“ห้ะ เมื่อกี้มึงพูดอะไร”ขอเอาคืนเมื่อตอนที่แล้วแล้วกัน อิอิ

“มึงเอาคืนกูหรอ”ชิบหายเสื อกรู้ทันกูงั้น เอาไงดีละที่งี้

สกิวตอแหลต้องมาแล้วละครับ“เปล่าซักหน่อย กูไม่ได้ยินที่มึงพูดจริงๆ”

“ขอบคุณ”มันบอกปรัดๆ แม้ๆอาการนี้อยากจับฟัดจังเลยยย

“คร้าบบบ ด้วยความยินดี”

“ไงไอ้น้องบิต มึงคิดได้ยังว่าจะแสดงอะไร”มีเสียงคนเรียกชื่อผมยู่ข้างหลังผม ผมเลยหันไป เจอกับพี่กันพี่เลี้ยงของผมพี่เขามาคนเดียวน่าจะมาทำธุระส่วนตัวละมั่ง ผมเลยยกมือหวัดดีกับไอ้แคน พี่เขาถามถึงเรื่องเกี่ยวกับการแสดงของผม

“ยังเลยพี่”ก็คนมันสมองทึบนี่น้า

“เฮ้ย มันเหลืออีกไม่กี่วันแล้วน่ะเว้ย”

“555ก็มันคิดไม่ออกนิพี่”ผมได้แต่ขำแห้งๆให้กับพี่กัน

พี่กันคิดไปสักพักแล้วพูดขึ้นมา“งั้นเย็นนี้มึงไปกับกูเลย”

“ไปไหนพี่”ผมสงสัยว่าพี่กันจะพาผมไปไหน

“เอ่อน่ะ กูไปก่อนน่ะ”พี่กันบอกลาเสร็จแล้วเดินจากไป ผมยังไม่ได้ตอบอะไรพี่กันเลย

“นี่มึง”เสียงของไอ้แคนดังขึ้นมาเรียกผมให้หันไปหามัน

“ยังคิดการแสดงไม่ออกอีกหรอ”มันถามผม

“อ...อืม”ผมตกใจไม่น้อยที่คนในคณะอื่นมาถามเกี่ยวการแสดงโชว์ที่ไม่ใช่คณะของตัวเอง

“ได้ไง อีกไม่กี่วันแล้วน่ะเว้ย”มันทำสีหน้าจริงจัง
“แล้วมึงจะเอาอะไรไปสู้”
“กูรู้ว่ามึงมีดี มีความสมารถเยอะแยะ”
“มึงจะไปยืนทำหน้าเอ๋อไม่ได้นะเว้ย”
“มึงไดฟังกูไหมเนี้ย”

ประโยคทุกประโยคที่มันบอกผม ผมได้ยินทุกประโยคอย่างชัดเจนแล้วผมได้รับรู้ว่ามันเป็นห่วงผมแค่ไหน ถึงผมจะรู้ว่ามันเป็นความรู้สึกที่ห่วงเพื่อนคนหนึ่ง
 
ตอนนี้ในตัวผมโคตรมีหลากหลายอารมณ์เลย ทั้งรู้สึกประหลาดใจที่มันพูดแบบนี้กับผม ทั้งดีใจที่มันเป็นห่วงผม ทั้งมันยังทำให้ผมชอบมันมากขึ้นอีก แคนมึงชอบทำให้กูหยุดชอบไม่ได้เลยว่ะ สักวันหนึ่งผมอาจจะมีความกล้าที่จะสารภาพความในใจของผมให้มันรู้ก็เป็นได้

“เอ่อ กูได้ยินหมดนั้นแหละ”ตอนนี้ผมหุบยิ้มไม่ได้เลยครับ

“มึงค่อยๆคิดโชว์ละกัน อย่าหักโหมให้มันมากนักละ”

“อื้ม”ตอนนี้ผมยังมีความรู้สึกว่าผมอยากคิดโชว์ที่ทำเพื่อมันโดยเฉพาะ

“คิดโชว์เจ๋งๆให้กูได้ดูนะเว้ย”

เจอกันวันประกวดเดือน
จาก บิต.
หัวข้อ: Re: The taste of Loves รสชาติแห่งความรัก
เริ่มหัวข้อโดย: กาแฟมั้ยฮะจ้าว ที่ 26-07-2019 07:43:20
+1 o13 ขอบคุณมากครับ :pig4:
หัวข้อ: Re: The taste of Loves รสชาติแห่งความรัก
เริ่มหัวข้อโดย: Kelvin Degree ที่ 29-07-2019 01:12:16
มาต่ออีกยะครับ,,,
หัวข้อ: Re: The taste of Loves รสชาติแห่งความรัก
เริ่มหัวข้อโดย: AkuaPink ที่ 29-07-2019 15:45:05
 :pig4:
 :3123:
 :katai2-1:
หัวข้อ: Re: The taste of Loves รสชาติแห่งความรัก
เริ่มหัวข้อโดย: ความเงียบ สีขาวดำ ที่ 18-08-2019 14:20:33
Chapter 14
เพื่อโจ๊ก ต้าร์ทำได้

ในเช้าวันนี้ที่นักศึกษาทุกคนสามารถนอนให้นานเท่าไหร่ก็ได้พร้อมกับสามรถตื่นตอนไหนก็ได้เพราะว่าวันนี้คือวันหยุดของมหาลัยผม แต่ฉไนผมถึงได้ต้องตื่นตั้งแต่ตี5เพื่อที่จะมากินโจ็กเนี่ย

ผมขอย้อนความไปสักนิดน่ะครับ
_____________________________CHAT______________________________
FanTa
ไอ้แคน
ไอ้แคน
คุณไม่ได้รับสายของ FanTa
คุณไม่ได้รับสายของ FanTa

ตู้ดๆ
เสียงโทรศัพท์ของผม ปลุกให้ผมตื่น สายที่โทรเข้ามาหาผมไม่ใช้ใครเลยมันคือเจ้ากับนายเวรตั้งแต่ชาติปรางก่อนของผม ก็คือ ไอ้ต้าร์ มันโทรมาหาผมทำไมเนี้ย

“..เหี้ยไรเนี้ย”

[มึง ลงมาจากห้องดิ]

“ห๊า”

[มึงลงมาเจอกูใต้คอนโดดิ แต่งตัวให้เรียบร้อยด้วย] ทำไมมันต้องให้ผมลงไปหามันแล้วก็แต่งตัวด้วย

“...”

[เร็วๆ แค่นี้น่ะ]

มันตัดจบด้วยการวางสาย ผมเปิดหน้าจอโทรศัพท์เพื่อดูเวลา ตอนนี้กำลังจะถึงตี 5 มันจะทำไรของมันว่ะตอนตี5เนี้ย

ผมก็เลยจำเป็นต้องทำตามที่มันบอก ใช้เวลาประมาณ20นาทีกว่าที่ผมจัดการทุกอย่างเสร็จสินต่างๆรวมทั้งอาบน้ำแปรงฟันแล้วเดินลงไปหามันที่ใต้คอนโด

ผมพบมันนั่งเล่นมือถือที่เก้าอี้ตรงล็อบบี้ ผมเลยเดินเข้าไปหามัน เพื่อถามมัน

ไม่ทันที่ผมจะถามมัน มันจับแขนผมลากไปที่รถมัน นี้มึงเป็นญาติกับไอ้บิตหรอชอบลากไปมากันจังเลย

“มีอะไร ทำไมให้กูมาตรงนี้”ผมถามมันด้วยความงงงวย

“ขึ้นรถ”มันบอกพร้อมกับเปิดล็อกประตูรถให้ผมได้เปิดเข้าไปนั่ง

“ห้ะ ขึ้นไปทำไม”

“อ้าว ก็ออกไปหาไรกินไง ข้าวเช้าไง”มันบ้าเปล่าว่ะ มันให้ผมตื่นตี5เพื่อที่จะไปกินอาหารเช้าเนี้ยน่ะ

“เหี้ยไรนี้ตี5น่ะเว้ย รอซัก7โมงแล้วค่อยออกไปหาไรกิน หาว...”ผมหาวโชว์มันเลยหนึ่งที ก็มันยังเป็นเวลานอนผมอยู่เลย ผมรู้สึกมันทำตัวแปลกๆเหมือนไอ้บิตเลย

“ไม่ต้องพูดมาก”

มันจับแขนผมพร้อมดึงประตูรถให้เปิดออก ทำหน้าให้ผมขึ้นไปนั่งรถมัน ผมก็เลยจับมือมันออกพร้อมขึ้นไปนั่งเอง

“ไปตอนนี้แหละเด่วไม่ทัน”

“เห้ย...”

ตัดเข้าปัจจุบัน
จ้อกๆ
ตอนนี้ผมกำลังนั่งทำให้เสียงท้องร้องของตัวเองสงบลง ไอ้เชี้ยต้าร์มันขับรถจากจังหวัดที่พวกผมอยู่มาไกลจนข้ามสามสี่จังหวัดเพื่อมาซื้อโจ๊กกิน โถ่ๆ ผมนึกว่ามีเรื่องอะไร เฮ้ย...เหนื่อยใจ

ตอนนี้ไอ้ต้าร์มันกำลังเดินกลับจากการเดินไปหยิบแก้วน้ำมาให้คนในโต๊ะกิน มีกันสองคนพร้อมกับของเรียกน้ำย่อย แต่ตอนนี้คงไม่ใช่ของเรียกน้ำย่อยแล้วล่ะเรียกว่าของช่วยให้อยู่รอดดีกว่า

“ไงมึงลากกูมาตี5 ป่านนี้จะ7โมงแล้วยังไม่ได้แดกเลย”

“โถ่ๆใจเย็นหน่อยมึง อีกเด่วก็ได้”ผมไม่น่ามากับมันเลยจริงๆ

“หาซื้อใกล้ๆก็ไม่ เสือกขับรถมาซื้อไกลถึง10กิโลเพื่อมากินโจ๊กร้านนี้เนี้ยน่ะ ถ้าเป็นอย่างอื่นกูจะไม่ว่าแต่นี้มันโจ๊ก โจ๊กน่ะมันก็เหมือนกันหมด”

“ก็ที่นี้ มันอร่อยจริงๆนี้หว้าไม่เหมือนที่อื่น”ยังจะมาบอกว่าที่นี้อร่อยอีก เลยขับรถมาตั้ง10กิโลเพื่อมากินหรอ โจ๊กที่ไหนมันก็เหมือนกันหมดนั้นแหละ

“หรอ ไอ้ต้าร์กูขอยืนยันคำเดิมว่าโจ๊กที่ไหนก็เหมือนกันนั้นแหละ”

“แล้วแต่มึง จะกลับเลยไหมล่ะ”นั้น ไรกูกลับอีก กูมากลับมึงนะเฮ้ยกูจะกลับยังไงแล้วอีกอย่างผมยังไม่ได้กินไรเลยมีหวังเป็นลมข้างทางแน่ๆ แต่ตอนนี้ต้องทำเป็นฟร์อมก่อน มึงต้องยื้อกูดิไอ้ต้าร์

“โถ่ ให้กูกลับกูจะได้กินข้าวเช้าปาไปเป็น9โมงกว่ามั้ง”

“มึงค่อยหาอะไรกินตามทางดิง่ายจะตาย”มึงนี้ก็ฉลาดเหมือนกันน่ะแต่มันใช่เวลาโชว์ฉลาดที่ไหน

“ไม่เอาขี้เกียจ”

“ถ้าขี้เกียจมึงก็รอให้เขามาเสิร์ฟกับกูนี้ละไอ้แคน”

“ก็ด้ายยย”ผมหยิบของกินที่ไอ้ต้าร์มันไปหยิบมาเข้าปากอย่างรัวๆ ก็คนมันหิวนิครับ

“เอ่อ คราวแล้วมึงกับไอ้บิตไปไหนกันว่ะ”มันเปิดเรื่องใหม่คุย เพื่อรออาหาร

“ไปกินข้าวกัน”ผมตอบมันไป

“หรอ เดี๋ยวนี้พวกมึงสองคนสนิทกันจังเลยเนอะไปไหนมาไหนด้วยกันตลอดเลย”น้ำเสียงที่มันพูดอ่อนๆเหมือนผมรู้สึกว่ามันน้อยใจผมยังไงไม่รู้

“อาร่ายย งอลกูหรอ”

“ป่าวว แค่อยากรู้ อีกอย่างกูก็ดีใจกับมึงด้วยที่มึงได้มีเพื่อนใหม่ ไม่ใช่ไปไหนกับกูคนเดียว”ดราม่าเฉย

“ทำไม มึงไปกับกูแล้วมันน่าเบื่อหรอ”ผมถามมันไปมันตกใจนิดหน่อย

“ป่าว ไอ้แคนกูอยู่กับมึงมาตั้งแต่มัธยมแล้ว กูไม่เคยเห็นมึงไปไหนกับใครเลยนอกจากกูและพวกพี่ๆมึง”มันพูดก็เป็นเรื่องจริงทั้งหมดผมไปเที่ยวที่ไหนๆก็ไปกับพวกพี่กับไอ้ต้าร์เท่านั้นแต่ผมก็ไม่เคยเห็นมันไปไหนมาไหนกับใครนอกจากผมกับพี่ๆ

“เอ่อ แล้วมึงล่ะไปไหนมาไหนกับกูไม่ใช่หรอ”

“มึงไม่รู้อะไร บางที่กูก็ไปเที่ยวกับเพื่อนเก่ากูอยู่เว้ย”มันตอบผม

“...”

“ขออนุญาตเสิร์ฟน่ะค่ะ”พี่พนักงานผู้หญิงพูดพร้อมกับถืออาหารมาด้วย

 “คับ”ไอ้ต้าร์ตอบพี่พนักงาน

พนักงานได้นำเอาถ้วยโจ๊กสองถ้วยมาวางไว้ตรงหน้าผมกับมันคนละหนึ่งถ้วยพร้อมกับอาหารต่างๆที่สั่งเพิ่มเติม

“มึงเอาน้ำเพิ่มไหม”มันถามพร้อมชี้นิ้วไปที่แก้วผม

“เอ่อเอา”มันยกขวดน้ำมาเทใส่แก้วของผม

“ไอ้แคนตอนเย็นมึงว่างเปล่า”มันถามผมพร้อมตักโจ๊กเข้าปากมัน มันถามแบบนี้คงมีอะไรแน่ๆเลย

“ทำไม”

“พวกพี่ที่กูรู้จักชวนไปดื่มอ่ะไปด้วยกันไหม”

“ไม่ไป มึงก็รู้นิว่ากูกินไม่เป็นมึงลืมหรอ”มันจำไม่ได้หรอที่ผมไม่ดื่มพวกแอลกอฮอล์กับไม่เที่ยวกลางคืนอ่ะ (พวกพี่ๆพวกห้ามผมน่ะครับ)

“ไม่ได้ลืม แค่อยากให้มึงได้เปิดโลกบางเฉยๆ”โอ้โอ๋ มึงนี่สมเป็นพ่อคนที่สองของกูจริงๆ ผมก็อยากลงไปเหมือนกันนะ

“...อื้ม เอางั้นก็ได้ กูไป”

“ป่ะรีบกินกันเถอะ”พวกเราตกลงกันเสร็จก็รีบกินรีบกับไปนอนเพื่อเตรียมตัวสำหรับคืนนี้


มันพาผมมาร้าน BAR HIGHER เป็นร้านที่พวกนักศึกษากับพวกวัยรุ่นชอบมาเที่ยวกันเพระมันเปิดตรงหลังมอของพวกผมเลย ร้านดูมีความคลาสสิคมากเลยตอนนี้พวกผมกำลังเดินเข้าไปเพื่อหาพวกรุ่นพี่ที่มาจองโต๊ะให้พวกผมได้นั่ง

เดินไปสักพักก็มีคนเรียกไอ้ต้าร์“เห้ย ไอ้น้องต้าร์พวกกูอยู่ทางนี้”

พวกผมก็เลยเดินไปที่โต๊ะนั้น ผลกระทบจากเสียงที่รุ่นพี่ตะโกนมาทำให้มีคนมองมาที่พวกผมกันหมดส่วนมากจะหันไปมองที่ไอ้ต้าร์

“หวัดดีครับ”มาถึงโต๊ะพวกผมก็หวัดดีพวกพี่ๆก่อนเลย จากนั้นก็นั่งลงไปที่ว่างอยู่ไอ้ต้าร์หันไปคุยกับพวกพี่อย่างเป็นกันเอง

ถึงมันไม่ค่อยมารับน้องเพราะไปประกวดแต่มันยังคงเที่ยวเลยทำให้สนิทกับพวกพี่ๆ ต่างจากผมที่ไม่ค่อยออกมาเที่ยวเลยทำให้ไม่ค่อยสนิทกับพวกพี่เท่าไหร่

“ไงพวกมึงเอาไร”พี่ผู้ชายที่อยู่ใกล้กับที่วางเครื่องดื่มพูดขึ้นมา ทำให้ไอ้ต้าร์หันไปหาพี่เขา

“ไม่พี่ อีกไม่กี่สัปดาห์ผมก็ประกวดแล้ว”มันบอกพวกพี่แล้วอยู่ก็มีคำถามเลยขึ้นมาในหัวผมว่า แล้วมึงจะมาทำไม

“โถ่ ไรว่ะนิดๆหน่อยๆเอง”พี่คนหนึ่งยื่นแก้วที่มีแอลกอฮอล์อยู่ให้มัน

“ไม่เอาว่ะพี่ เด่วเกิดไรขึ้นมามันจะสายไปเกินแก้”มันยังคงปฎิเสธพวกพี่ที่ยื่นแก้วให้มัน

“แล้วแต่ อ้าวน้องแคนนี้น้ามากับไอ้ต้าร์หรอ เอาซักแก้วไหมครับ”พี่คนที่คุยกับไอ้ต้าร์หันมาหาผม พี่เขายื่นแก้วกับถามผมว่าเอาไหมแต่ผมปัดมือปฏิเสธไปเพราะผมมานั่งเล่นที่นี้เลยไม่คิดที่จะดื่ม

“ไม่ครับ”



“เฮ้ย ไอ้ต้าร์มึงพาน้องแคนมา มันจะไม่เกิดปัญหาหรอว่ะ”พี่คนหนึ่งในวงพูดกับไอ้ต้าร์พูดกันอย่างลับๆและเบามาก แต่ผมได้ยินสิ่งที่พี่คนนั้นคุยกับไอ้ต้าร์อย่างชัดแจ๋วแว่วเพราะผมอยู่ข้างมัน

เอ๊ะ ผมมาแล้วจะเกิดปัญหาอะไร ผมก็ไม่ได้ไปสร้างปัญหาให้ใครเลยนิ

“ไม่มั้งพี่ ผมได้ข่าวว่าไอ้นั่นมันฝึกการแสดงจนดึกคงไม่มีเวลามาดูหรอกแล้วมันก็ไม่มาหาเพื่อนผมตั้งแต่ตอนที่ผมไปคณะแล้ว”เกี่ยวกับการแสดงหรอ คงจะเป็นคณะนิเทศแต่ผมไม่รู้จักใครในคณะนั้นเลย แต่จากประโยคต่อมามันบอกว่าตั้งแต่ที่มันปคณะ

เลยทำให้ผมรู้ได้ทันทีว่าน่าจะเป็น ไอ้บิตแน่เพราะผมรู้จักกับมันและมันกำลังเตรียมการแสดงอยู่ด้วยแล้วมันก็เคยมาหาผมตอนที่ไอ้ต้าร์มาคณะด้วยแล้วช่วงนี้มันก็หายไปด้วยมันเข้าเค้าหมดเลย แต่ว่าทำไมมันต้องเป็นปัญหาด้วย งง? หรือว่าพวกมันมีเรื่องอะไรกันหรือเกิดเรื่องไม่ดีกับไอ้บิตว่ะทำไมต้องทำเป็นลับๆล่อๆด้วย เฮ้ย ผมงงไปหมดแล้วเนี่ย

ไม่คิดว่าการมาเที่ยวตอนกลางคืนของผมจะทำให้ผมปวดหมองขนาดนี้

“เอ่อแล้วไป แต่มันยังเหลืออีกคนเว้ย”

“หืม ใครพี่”
หัวข้อ: Re: The taste of Loves รสชาติแห่งความรัก
เริ่มหัวข้อโดย: Kelvin Degree ที่ 19-08-2019 00:12:59
เอาละสิ,,,
หัวข้อ: Re: The taste of Loves รสชาติแห่งความรัก
เริ่มหัวข้อโดย: ความเงียบ สีขาวดำ ที่ 10-10-2019 12:26:57
Chapter 15
ความสับสนวุ่นวาย

ตอนนี้เหมือนว่าผมหลุดโลกมาอยู่อีกโลกหนึ่ง แสงสีเสียงต่าง ๆ ผมรู้สึกไม่ค่อยเคยชินอะไรแบบนี้เลย ผมนั่งคุยกับพวกพี่ ๆ ของไอ้ต้าร์เรื่องเกมส์มั้งหรือเรื่องสเปคสาวที่ชอบบ้างหรือคนที่ผมชอบ แต่ผมไม่บอกพวกพี่เขาน่ะว่าผมชอบใคร เพราะตอนนี้ผมยังไม่มีคนที่ชอบเลย

จริ้งงงงง ผมไม่ได้โกหกน่ะ

“ไงไอ้แฟน ทางนี้โว้ย”

“มาช้าจังว่ะมึง”

มีพี่ผู้ชายคนหนึ่งเดินตรงมายังโต๊ะที่พวกผมนั่งอยู่ ตามด้วยคำพูดแก้ตัวของพี่เขา

“โทดที พอดีว่าอาบน้ำนานไปหน่อย” พี่เขายกมือขอโทษพวกเพื่อน ๆของพี่เขาไปรอบๆโต๊ะ

พี่เขาดูหล่อมากกกก แต่ก็คงน้อยกว่าไอ้บิตแหละ เอ่อออทำไมผมถึงได้คิดถึงมันเนี้ยแถวยังชมมันอีกเนี้ย

“หรอ ร้อยวันพันปีกูไม่เคยเห็นมึงอาบน้ำช้ายั้งนี้เลย แต่ละครั้งยังไม่ถึง 5 นาทีมึงก็ออกมาล่ะแต่ทำไมวันนี้มึงถึงอาบน้ำนานจังว่ะ ไม่ใช่ว่า” พี่ไกร์ดพูดขึ้นมาแซวไปยังรุ่นพี่ที่มาใหม่ และประโยคหลังพี่เขาพูดแบบกวน ๆไปยังพี่เขา

“ไม่ใช่ว่าไรมึงเนี้ย กูอาบน้ำจิงๆ” พี่เขาเกาหัวแก้เขินพี่เขานั่งลงตรงอีกด้านของโต๊ะใกล้กับที่ชงตรงข้ามกับผมพอดีเลย 

“จ้ะ กูก็ไม่ได้บอกว่าอันนั้นซักหน่อยร้อนตัวไปได้”

“หรอ กูรู้สันดานพวกมึงดี คิดดีๆพวกมึงไม่คิดหรอก”

“555”

ทั้งโต๊ะหัวเหราะกันอย่างสนุกสนาน แต่ทำไมมีไอ้ต้าร์คนเดียวที่ทำหน้าเครียดอย่างนั้นน่ะ คนอื่นหัวเหราะกันอย่างสนุกสนานมีมันคนเดียวที่ทำหน้าเครียดมันแปลกๆน่ะผมว่า มันเครียดเรื่องอะไรผมก็คิดไม่ออกเลย แต่น่าจะเรื่องการประกวดมั้งครับเพราะมันใกล็แล้วนิ

ไอ้บิตคิดการแสดงออกรึยังน่ะ หรือมันเครียดเปล่าว่ะ

เห้ย ผมมาคิดอะไรเนี้ย เรื่องของเรื่องมันก็ไม่เกี่ยวไรกับผมอยู่แล้วนิ ตอนนี้ดื่มดีกว่า

เอ่อออลืมตัวไปว่าตัวเองไม่เคยดื่มเลยนี่ว้า ค่อยจีบดีกว่าเคยมีคนบอกผมว่ามันขม แต่ผมว่ามันไม่ค่อยขมน่ะซ่าๆอร่อยดี

แต่ถ้าเจ้ยิ้มรู้มีหวังซวยแน่ๆเลย ชีวิตผมคงจบ แต่ไม่เป็นไรหรอก เจ้ยิ้มไม่มีทางรู้หรอกว่าผมดื่มอยู่ตอนนี้ขอแค่ไม่มีใครไปบอกก็พอ

“เอ่อไอ้ต้าร์ น้องแคนนี้เพื่อนพี่ชื่อว่า แฟนน่ะไม่ต้องเคารพมันก็ได้เพราะมันไม่น่าเคารพหรอก555” พี่ไกร์ดแนะนำพี่ที่มาใหม่ พี่เขาชื่อแฟนหรอ

“ไอ้สัต” พี่แฟนด่าพี่ไกร์ดแบบไม่ได้จริงจัง

“หวัดดีครับพี่” พวกผมสองคนยกมือหวัดดีพี่แฟนพร้อมกัน

“อืม” พี่เขารับหันไปสั่งเพื่อนให้ชงมาให้ตัวเอง

ไอ้ต้าร์กับพี่ไกร์ดคุยกันอะไร ก็ไม่รู้ มันขยับไปไกลผมไปนั่งข้างพี่ไกร์ด ผมไม่เข้าใจทำไมต้องคุยกันลับด้วย แล้วอีกอย่างน่ะ มึงลืมอะไรไหมไอ้ต้าร์

มึงลืมกู ปล่อยให้ผมนั่งอยูในวงกับรุ่นพี่คนอื่นๆ แต่ผมก็ได้รู้จักชื่อกับรุ่นพี่หลายคนในนี้เลย พี่เก้าที่นั่งข้างและชวนผมคุยเรื่องเกมส์ พี่ดีมคนที่ชวนผมคุยเรื่องสาวๆ ที่ชอบ และพี่แฟนกับพี่ไกร์ด

อยู่ๆไอ้ต้าร์ก็ลุกยืนขึ้น

“พี่ผมขอตัวไปห้องน้ำสักแปปน่ะ แล้วก็ฝากดูไอ้แคนด้วย” เอ้าทำไมต้องฝากกูไว้กับพวกพี่เขาด้วยกูดูแลตัวเองได้

“เอ่อได้” ไหนพี่เข้ารับปากว่ะ พี่ไกร์ดผมดูแลตัวเองได้ไม่ต้องพี่ แต่ผมว่าผมไปเข้าห้องน้ำกับมันน่าจะดีกว่าน่ะ

“ไอ้ต้าร์กูไปด้วยคนดิ”

“ไม่ต้องเด่วกูก็มา” ไอ้เพื่อนเชี่ย ผมอยากไปเข้าห้องน้ำเป็นเพื่อนก็ไม่ให้ไป

มันพูดเสร็จก็เดินไปเข้าห้องน้ำเลย ไม่หันมาเหลียวแลดูผมเลยไอ้เพื่อนเลวทีหลังน่ะ ถ้ามันขอไปไหนกับผมน่ะผมไม่ให้มันไปด้วยแน่ 

“น้องแคนนั่งอยู่นี้แหละ มาคุยกับพวกพี่ดีกว่า ปล่อยมันไปไหนก็ไปเถอะ” พวกพี่เก้าหันมาคุยกับผม ผมได้แต่พยักหน้าแล้วยอมนั่งลงไป

แล้วไอ้ต้าร์ก็กลับมา ทำไมไปนานจังว่ะตั้ง หลายนาที ผมนี่นั่งพูดกับพวกพี่ได้ตั้งหลายเรื่อง ทำไมมันยิ้มแบบนั้นอีกว่ะ มันยิ้มแบบชั่วร้าย ผมว่ามันต้องมีอะไรแน่เลย เซ้นส์ผมบอกอย่างนั้น

“น้องแคนครับ พี่มีเรื่องถามน้องแคนหน่อยได้ไหม” อยู่ดีๆพี่แฟนที่นั่งคุยกับพี่ดีมก็หัน มาพูดกับผม พอดูดีๆแล้วพี่เขาก็ดูหล่อมากเลยหน้าคมผิวขาวจมูกด้ง ตาสีดำดูดึงดูดให้ไปจ้องมองเหมือนโดนมนต์สะกดเลย คล้ายกับไอ้บิตเลยเห้ยผมคิดอะไรเพ้อเจ้อเนี้ย รีบตอบพี่เขาดีกว่า

“ได้ครับ ว่าแต่พี่จะถามอะไรผม” พี่เขาจะถามอะไรผม ถ้าให้ผมเดาก็น่าจะเรื่องผมกับไอ้ต้าร์เป็นอะไรกัน คำถามนี่โดนบ่อยมากพอๆกับถามชื่อเลย

“น้องแคนกับน้องต้าร์เป็นแฟนกันหรอ” เห็นไหมผมเดาถูกถ้ามีเดิมพันน่ะผมได้หลายตังค์ล่ะ

“เปล่าครับ พวกผมเป็นเพื่อนกัน” ผมปฏิเสธเหมือนเดิมอย่างที่ผ่านมา
 
“อื้มมม แล้วพี่ขอถามน้องแคนอีกข้อหนึ่งน่ะ ว่าน้องแคนมีแฟนไหม” พี่เขาอะไรเนี้ย คำถามเนี้ยผมไม่ค่อยโดนถามน่ะ ผมก็ต้องตอบไป

“เอ่อผมยังโสดครับ”

“เยรดเข้ร” พี่ๆที่นั่งฟังร้องลั่นออกมา ไม่มีใครสนใจเท่าไหร่เพราะเป็นเรื่องปรกติสำหรับที่นี่ล่ะมั้ง ถ้าจะมีโต๊ะไหนเสียงดังขึ้นมา

“พี่ข้อถามขอสุดท้ายได้ไหม” หื้มยังมีอีกข้อว่าแต่ พี่เขาจะถามอะไรผมอีก

“ได้ครับ”

“พี่จีบน้องได้ป่ะ” ห้ะเมื่อกี่พี่เขาถามว่า จะจีบผมหรอ

“เยรดเข้ร”
“หิ้ววววว มาว่ะๆๆๆ”
“สวยพี่สวย”

“เอ่อออ” ตอนนี้ผมช็อกมากผมไม่รู้ว่าพี่ๆเขาเล่นอะไรหรือว่าแกล้ง คงเป็นแผนแกล้งผมจากไอ้ต้าร์แน่ๆ จากที่ผมเห็นมันยิ้มชั่วร้ายแบบนั้น ผมเลยหันไปหามัน แต่กลับเป็นว่ามัน ทำสีหน้าช็อกเหมือนผมมันไม่แกล้งผมหรอ

อยู่พี่แฟนก็ยื่นแขนมาจับมือผม ทำให้ผมหันกับไปมองหน้าพี่เขา ทำไมพี่เขาถึงมาชอบผม ผมหน้าก็ไม่ดี เรียนก็หวย ผมไม่มีอะไรดีเลยน่ะ อีกอย่างผมเป็นผู้ชายน่ะ
“พี่อาจดูไม่ดี พี่อาจหน้าตาไม่ได้ดีมาก พี่อาจไม่มีเงินในกระเป้ามากพอที่จะซื้ออะไรให้น้องแคน พี่อาจไม่ได้ใช้เวลาเรียนรู้รู้จักกับน้องแคนมากกว่านี้ แต่พี่พร้อมดูแลเทคแคร์น้องแคนน่ะ ได้โปรดให้พี่จีบน้องแคนน่ะ” ผมรู้สึกได้ว่าพี่เขาพูดจากใจจริง ผมเห็นจากตาของพี่เขาผมเชื่อว่าแววตาไม่มีทางโกหกผมแน่แต่ถึงอย่างนั้นผมไม่สามารถตอบรับความรู้สึกที่พี่เขามีให้ผมได้เพราะผมนั้นชอบ...

“หล่อเลยเพื่อนกู”
“เหี้ยนี้คำขอจีบ หรือคบเป็นแฟนว่ะ”
“กูว่าไม่ใช้ทั้งสองกูวาคำขอแต่งงานมากกว่า”
“อย่าแซวมันดิว่ะ มาให้กำลังใจมันดีกว่า”

ตึก
เสียงเหมือนมีของบ้างอย่างตกกระทบพื้น จากทางด้านหลังของผม

ผมเลยหันหลังไปในต้นทางที่เกิดเสียง ทำให้ผมได้เห็นคนที่ผมคิดว่าผมนั้นได้รู้สึกว่าผมนั้นได้หลงรักแล้วเข้าแล้ว

“ไอ้...บิต!”

ทำไมมันถึงมาอยู่ที่นี่ล่ะ ผมเริ่มรู้สึกชอบไอ้บิตตั้งแต่หลังกลับจากเที่ยวกับมันกับหลานของมัน ผมไม่รู้ว่าผมไปตกหลุมรักมันตอนไหนแต่มันค่อยๆเริ่มทำให้ชอบผม ผมรู้สึกดีเวลาที่อยู่กับมัน มันทำให้ผมรู้สึกใจเต้นได้

แต่หลังๆมานี้ไอ้บิตมันทำให้ผมรู้สึกได้เลยว่าผมชอบมัน เพราะช่วงหลังๆไอ้บิตมันไม่มาหาผมเลยตั้งแต่ตอนนั้น มันไปไหนไม่รู้ แต่มันก็ทำให้ผมรู้สึกว่าแน่ชัดว่า ผมไม่สามารถขาดมันได้และผมหลงรักมันเข้าเต็มๆ

“บิ้ตบี้จ้า มาทำไรตรงนี้เนี้ย พี่ๆเขาเลือกโต๊ะได้แล้วน่ะ” มีผมหญิงคนหนึ่งวิ่งมากอดแขนของมัน แล้วไอ้ชื่อที่เรียกอีกทำไมผมไม่เคยได้ยินเลย มันเป็นชื่อที่ใช้กันเฉพาะ

ผู้หญิงคนนั้นสวยมากหน้าสวยเข้ารูปผิวขาวหุ่นนางแบบ ดูเหมาะสมกับไอ้บิตเลย เธอเป็นแฟนไอ้บิตหรอ

“เอ้ หวัดดีตาต้า” ผมมองไปยังใบหน้ามัน ทุกครั้งที่ผมเจอมัน มันจะยิ้มให้ผมแต่ว่าทำไม ใบหน้าที่เคยยิ้มให้ผมกับเปลี่ยนเป็นเย็นชาเรียบนิ่งให้ผมล่ะ

“หวัดดีน้ำใส” ไอ้ต้าร์ตอบคนที่มากับไอ้บิต เธอชื่อว่าน้ำใส

“มาเที่ยวที่หรอ มานานรึยังเนี้ยพวกเราพึ่งมาเลย” เธอพูดด้วยเสียงที่นุ่มมาก เป็นเสียงที่น่าหลงใหล ควรฟัง

นี้ผมอกหักหรอที่ยังไม่ได้เริ่มบอกหรือเริ่มทำอะไรเลย แต่ถึงอย่างนั้นผมก็คงโดนปฏิเสธอยู่ดี ก็ผมเป็นผู้ชายนี่น้า ไอ้บิตมันเป็นผู้ชายคงไม่มีมีทางมาชอบผมที่เป็นผู้ชายเหมือนกัน ผมอาจถูกมันรังเกียจหรือตัดออกจากชีวิตมันเลย มันไม่ควรเป็นไปได้ตั้งแต่แรกอยู่แล้ว

“มาได้สักพักล่ะ มาด้วยกันหรอ” ไอ้ต้าร์ยังคงพูดคุยกับน้ำใส

มันก้มตัวลงไปเก็บของที่มันทำตก ขนาดตอนที่มันก้มตัวลงไปเก็บของมันยังไม่ยอมปล่อยมือออกจากผู้หญิงคนนั้นเลย

ผมคงไม่ควรคิดกับมันมากกว่าเพื่อนใช่ไหม ถ้าผมบอกมันว่าผมชอบมันผมคงจะไม่เหลืออะไรแต่ถ้าผมเลิกชอบมันผมคงจะยังเป็นเพื่อนกับมันอยู่

“อื้ม แต่ตอนมาถึงบิ้ตบี้เขาก็รีบวิ่งเขามาเลย ไม่รู้เป็นไร”

“หรอ”

“งั้นพวกเราไปก่อนน่ะ บิ้ตบี้ไม่ได้กินอะไรแต่เที่ยงเลย” แสดงว่าพวกเขาทั้งสองคนอยู่ด้วยกันตั้งแต่เช้าเลยหรอ

“อื้ม”

น้ำใสดึงแขนไอ้บิตให้เดินกลับไปที่โต๊ะ มันก็ก้าวเท้าเดินไปพร้อมกับน้ำใสและได้เดินจากไป ผมยังไม่ได้พูดกับมันซักคำเลย

“ไอ้...” ทำไม่ผมไม่สามารถพูดอีกคำได้ล่ะ แล้วมันก็ได้เดินหายไป มันไม่ได้ทำไรผิดเลย

“...บิต” มันผิดที่ผมดันไปชอบมัน

“ไอ้แคน เห้ยเป็นไรเนี้ย” ไอ้ต้าร์มันลุกขึ้นยืนยื่นนมือมาจับไหล่ผม มันคงรู้สึกได้ว่าผมไม่โอเคร ว่าแต่ผมยังไม่ได้ตอบพี่แฟนเลยนิ ว่าผมไม่ได้ชอบพี่เขา

เอ้ะ พี่เขาหายไปไหน เมื่อกี่พี่เขายังอยู่ตรงนี้น่าน้า

“เห้ยกูไม่ได้เป็นไรนิ”

“มึงโอเครไหมว่ะ” ผมไม่อยากให้ไอ้ต้าร์มาเป็นห่วงผม อยากให้มันสนุกไม่เครียดกับเรื่องไม่เรื่องของผม อย่างเรื่องที่ผมดันไปชอบไอ้บิต

“กูโอเคร ทำไมกูไม่โอเครอ่ะ”

“อืม”
หัวข้อ: Re: The taste of Loves รสชาติแห่งความรัก
เริ่มหัวข้อโดย: Kelvin Degree ที่ 11-10-2019 23:17:08
มาแล้วๆ มาต่ออีกนะครับ,,,
หัวข้อ: Re: The taste of Loves รสชาติแห่งความรัก
เริ่มหัวข้อโดย: ความเงียบ สีขาวดำ ที่ 24-10-2019 22:01:20
Chapter 16
ผู้ร่วมแผนการ 1

“เห้ย ไอ้บิต” เสียงเรียกจากพี่กัน พี่ดูแลของผมเรียก

ผมหันไปหาพี่กันแล้วตอบพี่เขา

“คับพี่กัน พี่มีอะไรรึเปล่า”

“กูว่ามึงพอก่อนเถอะ มึงซ้อมมาสามวันติดแล้วน่ะเว้ย ข้าวปลาก็แดกนิดเดียว กูว่ามึงควรพักก่อนแล้วค่อยไปซ้อมต่อหรือไม่วันนี้ก็พอแคนี้ก่อนแล้วค่อยมาต่อพรุ่งนี้เอา” พี่กันพูดกับผมอย่างจริงจัง

ตอนนี้ผมกำลังอยู่ในช่วงฝึกซ้อมการแสดงอยู่ เพราะผมคิดช้ากว่าคนอื่นๆ ผมเลยต้องทุ่มเทให้กับมันอย่างมาก

เพื่อที่จะแสดงโชว์นี้ให้ คนคนที่สำคัญสำหรับผมได้ดู

ผมได้เลือกการแสดงเป็ฯร้องเพลงพร้อมกับเล่นไวโอลิน ที่พ่อของผมส่งผมไปเรียนตอนเด็กๆ

“ไม่ ผมยังไหวอยู่พี่” ผมตอบพี่กัน พร้อมกับหยิบคันชักไวโอลินที่จะบรรเลงเพลง

“หรอ กูอ่ะเชื่อว่ามึงไหว แต่ร่างกายมึงอ่ะไหวไหม งั้น เด่วพวกผู้หญิงก็น่าจะกลับมาแล้ว มึงมานั่งพักรอดีกว่า” พี่กันเขามองดูหัวจรดเท้าของผม ทำหน้าเอื่อมระอากับผม

พี่ ถ้าขนาดนี้ด่าผมเถอะ 

“...คับ”

“ไหนๆก็ว่าง กูมีคำถามอยากถามมึงว่ะ”

ผมวางไวโอลินกับคันชักไวโอลิน เสร็จสับ แล้วไปนั่งลงข้างพี่กัน พร้อมเพื่อรอพี่กันถามผม

“...”

“มึงคิดได้ไงที่จะแสดงแบบนี้ ทำไมมึงถึงรู้ตัวว่าตัวเองอยากแสดงแบบนี้ว่ะ” ทำไมพี่เขาถามผมแปลกแบบนี้ ผมก็แสดงเหมือนคนทั่วไปน่ะ ไม่ได้คิดแสดงที่มันอันตรายหวาดเสียวซักหน่อย

“ทำไมพี่ถึงถามผมแบบนี้”

“ก็ตอนแรกที่มึงมาปรึกษากู มึงบอกกูว่ามึงไม่รู้ว่าจะแสองอะไร เล่นดนตรีก็ไม่ แสดงละครก็ไม่ แสดงความสามารถก็ไม่มีอะไรตอนแรกกูโคตรตกใจเลยที่มึงพูดแบบนี้ กูพูดในใจว่าชิบหายแล้ว555” ผมต้องทำให้พี่ที่สนับสนุนผมต้องเหนื่อยใจแค่ไหนเนี้ย

พอผมคิดออกว่าผมจทำยังไงแสดงโชว์อะไรผมรีบไปหาพี่กันที่คณะเลย พอพี่กันได้ยินที่ผมพูดพี่เขาเข่าแทบทรุดเลย พร้อมกับพี่ๆที่อยู่คณะเดียวกับผม บอกผมว่าโล่งใจ เพราะมันเหลือไม่กี่สัปดาห์

“งั้นเลยหรอพี่555”

“เอ่อดิว่ะ แล้วไงมึงถึงอยากร้องเพลง”

อื้มมม....ผมก็ไม่รู้เหมือนกัน

“ก็ไม่รู้ว่าจะแสดงอ่ะไร”

“หรอ ไม่ใช่ว่ามึงจะร้องให้ใครฟังเป็นพิเศษรึเปล่า”

โอ้โห้เซ้นส์พี่เขาโคตรแรง ผมควรตอบพี่เขาไปอย่าไรดี ถ้าตอบว่าเลือกร้องเพลงเพราะอยากร้องเด่วพี่เขาหาว่าผมโกหกอีก ตอบปฏิเสธไปดีกว่า

“ไม่ใช่พี่ พี่คิดได้ไงเนี้ย”

“ก็มีคนบางคนเคยบอกกูว่าเนื้อเพลงหรือเพลงที่ฟังอ่ะเป็นตัวบงบอกว่าคนร้อง หรือคนฟังมีความรู้สึกนึกคิดอะไร แล้วเพลงที่มึงจะร้องเป็นเพลงบอกรักไม่ใช่หรอ มึงจะบอกรักใครหรอ”

เพื่อนพี่เขาเป็นปรัชญาหรอ มันก็ไม่ผิดไปซะหมดหรอกครับผมก็อยากบอกว่าเพลงที่ผมจะร้องผมอยากร้องให้มันฟังคนเดียว

   ที่จริงผมอยากสารภาพออกไปด้วยสั้มว่าผมชอบมัน กลางเวทีเลยจะได้ไม่มีใครมาแย่งผม

“...”

“เขินหรอมึงอ่ะ หน้าแดงใหญ่เลย”

พี่กันพูด ผมใช้มือของผมลูบใบหน้าผม มันร้อนอุ่นๆ ผมต้องรีบตึงหน้าให้กลับมาเป็นเหมือนเดิม

“มั่วแล้วพี่ คนที่บอกเรื่องนี้กับพี่น่าจะมั่ว อะไรก็ไม่รู้” ผมบอกพี่กันไป

“หรอจ้ะ” พี่กันตอบผมกับมาพร้อมทำหน้าล้อเลียนผม ผมอยากเอาพี่กันไปทิ้งลงถังขยะจริงๆ

“เอ่อ ผมไปซ้อมต่อล่ะ” ว่าเสร็จผมลุกยืนขึ้น พร้อนจะเดินไปหยิบไวโอลิน เพื่อหนีออกห่างจากพี่กัน

“เห้ย เด่วดิว่ะไหนตกลงกับกูแล้วว่ามึงจะพัก”

ผมเดินมาไม่กี่ก้าวเสียงโทรศัพท์ของผมดังขึ้นมา จำเป็นท่ผมต้องเดินกลับหลังหันไปหาพี่กันเพราะ กระเป๋าผมข้างๆ พี่เขา

Rrrrrr

เป็นไอ้ต้าร์จากเดือนวิศวะที่โทรมาหาผม ร้อยวันพันปีมันไม่เคยโทรมาหาผมไหนวันนี้มันโทรมาหาผมได้

ผมกดรับสายมัน

“ไง มีไรถึงโทรมาหากู”

[กูมีเรื่องจะคุยกับมึงสักสองสามนาทีได้ไหม]

“อื้มขอคิดดูก่อน”

[เห้ย เรื่องนี้เป็นเรื่องสำคัญน่ะเว้ย]

“ก็ได้ๆ ว่ามา”

[คือมึงช่วยมาที่ผับได้เป่าเด่วกูส่งโลเคชั่นให้]

“ทำไมกูต้องไป”

[เรื่องนี้เกี่ยวกับไอ้แคน]

“ห้ะ เกิดอะไรขึ้นกับมัน”

[ไม่ต้องห่วงมันหรอกตอนนี้ยังไม่เป็นไรแต่อีกสักพักไม่แน่กูเลยอยากให้มึงมา]

“กูเริ่มชักงง กับคำพูดมึงล่ะ” คำพูดและประโยคที่ไอ้ต้าร์พูดทำให้ผมงงไปหมดว่ามันต้องการสื่ออะไรให้ผมฟังกันแน่

   แต่ที่แน่ๆถ้าผมไม่ไปหามันคงจะมีเรื่องใหญ่สำหรับผมเกิดขึ้นแน่

[คืองี้...... เด่วก่อน มึงต้องฟังสิ่งที่กูจะพูดให้จบก่อนแล้วค่อยตัดสินจะอะไรแต่มึงห้ามทำอะไรวู่วามเด็ดขาด สัญญากับกูก่อน]

ถ้าอยากให้ผมเข้าใจสิ่งที่มันสื่อ ผมคงต้องตกลงกับมันก่อน เพราะผมเป็นห่วงไอ้แคนมากเลยตอนนี้ไม่รุ้ว่ามันจะเป็นรไหม

“โอเคร” ผมตอบตกลงกับไอ้ต้าร์

[คือมีรุ่นพี่กูคนหนึ่งชอบไอ้แคนแล้วรุ่นที่กูสนิทด้วยแอบบอกกูว่าเขาจะสารภาพกับไอ้แคน...]

“เห้ยได้ไงว่ะ”

นั่นไงเป็นเรื่องใหญ่สำหรับผม ผมรีบคว้านหากุญแจรถของผมอย่างไว และเตรียมที่จะเดินไปบอกลาพวกพี่กัน

แต่ถูกห้ามไว้โดยเสียงจากปลายเสียงก่อน เลยต้องมานั่งคุยกับมันต่อ ในใจผมตอนนี้ร้อนยิ่งกว่าแดดประเทศไทย

 [หยุดเลยมึงหยุดคิดเด่วนี้ กูบอกว่าไง]

“เอ่อ”

[กูมีคำถามจะถามมึง]

อะไรของไอ้ต้าร์มันว่ะ ตอนแรกจะให้ผมไปหาแต่ตอนนี้มาห้ามผมซะงั้น ไอ้ต้าร์มันจะเอาอย่างไรกันแน่เนี้ย

ตอนนี้คงได้แต่ให้มันถามผมมาและผมตอบไปอย่างรวดเร็ว เพื่อที่จะได้ไปหาไอ้แคน

“ได้ว่ามา”

[มึงชอบไอ้แคนใช่ไหม]

คืออยากรู้แค่นี้หรอ คำถามง่ายๆ

“เอ่อ กูชอบไอ้แคน”

[แล้วไอ้แคนชอบมึงไหม]

คำถามที่ตอบยากกว่าสิ่งใดบน โผล่ออกมาแล้ว ผมไม่รู้จริงว่าไอ้แคนชอบผมไหม แต่ถ้าถามมันว่าไอ้แคนคิดว่าผมเป็นอะไรกับมัน ผมตอบเลยว่ามันคงคิดกับผมแค่เพื่อนแน่ๆ

“...ไม่รู้โว้ย”

[นั้นไง คือกูมีแผนนำเสนอให้มึง]

หูผมคงไม่ได้ฟลาด กับสมองที่คิดไปเองว่าไอ้ต้าร์เหมือนมันคิดจะช่วยผมให้ได้กับไอ้แคน แล้วมันเตรียมแผนมาด้วย

อย่างงี้ผมก็เอาด้วยดิ แต่ฟังแผนของไอ้ต้าร์มันก่อนแล้วค่อยคิดตัดสินใจว่าจะเอาด้วยกับมันไหม

“แผนไร”

[มึงเอาด้วยป่ะล้า]

“มึงพูดมาก่อน แล้วกูให้คำตอบ”

[งั้นมึงฟังนี้ก่อน แล้วมึงค่อยตัดสินใจว่าจะเอายังไง คือเพื่อนกูคนนี้มันไม่เคยมีความรักเลยมันอาจจะไม่รู้ด้วยซ้ำว่าความรักเป็นอย่างไรสำหรับคนรัก มันรู้แต่ความรักที่ครอบครัวกับเพื่อนเท่านั้น ถ้ามึงจะบอกว่ามึงน่าตาดีแล้วไอ้แคนชอบกูขอบอกไว้เลย ร้อยเปอร์เซ็นว่ามึง นกแน่ๆ]

โอ้โฮ้ นี่มันพูดทั้งหมดนี้ ถ้าไม่สนิทกันจริงจังๆหรืออยู่ด้วยกันตลอดเวลาน่ะ คงไม่สามารถวิเคราะห์หรือเดาได้เลย ผมนี่ยกย่องมันเลย ดูจากน้ำเสียงที่มันพูดมันโคตรจริงจังมาก

“อื้ม”

[แล้วถ้าจะให้มึงไปต่อสู้ในครั้งนี้เลยต้องมีแผนไง]พูดอย่างกับว่ามันเป็นสงครามซะงั้น

แต่จะให้ผมเชื่อใจมันก็คงยาก เพราะผมไม่รู้ว่ามันคิดอะไรอยู่กันแน่ๆ เรื่องทั้งหมอที่มันพูดอาจจะพูดมาเพื่อแกล้งผมก็เป็นไปได้

“กูขอถามมึงบ้างว่าทำไมมึงถึงคิดจะช่วยกู”

[เฮ้ยย...สำหรับกูคงมี อยู่สามข้อที่ต้องให้กูทอย่างงี้ หนึ่งกูทำเพื่อไอ้แคน มันเป็นเพื่อนคนสำคัญสำหรับกู สองมึงมันเป็นคนดีกูเชื่อว่ามึงจะไม่ทำให้เพื่อนกูคนนี้เจ็บ เสียใจ เพราะถ้ามึงทำ มึงตาย สามเรื่องส่วนตัว]

ทั้งหมดนี้มันทำเพื่อแคนหรอ สุดยอดเลย

มันคือเพื่อนที่ดีที่สุดที่สุดในโลกไม่ใช่สิในจักรวาลเลย ถ้ามีถ้วยรางวันสำหรับเพื่อนที่ดีที่สุดผมว่ามันต้องได้แน่ๆ คงไม่มีสิ่งที่ผมจะปฏิเสธสิ่งที่ไอ้ต้าร์มันพูดแม้แต่น้อย

ถือว่าครั้งนี้ ผมคงต้องร่วมมือกับไอ้ต้าร์แหละ และผมคงติดหนี้บุญคุณกับมัน ผมจะทำแผนที่มันพูดมาอย่างสุดฝีมือเลย

“อื้มโอเคร กูตกลงแผนมีไรว่ามา”
หัวข้อ: Re: The taste of Loves รสชาติแห่งความรัก
เริ่มหัวข้อโดย: Kelvin Degree ที่ 24-10-2019 22:45:00
มาแล้ววววว,,,
หัวข้อ: Re: The taste of Loves รสชาติแห่งความรัก
เริ่มหัวข้อโดย: AkuaPink ที่ 21-05-2020 14:14:04
 :pig4:
 o13
หัวข้อ: Re: The taste of Loves รสชาติแห่งความรัก chapter 17
เริ่มหัวข้อโดย: ความเงียบ สีขาวดำ ที่ 06-06-2020 22:45:41
Chapter 17
ดาเมจตรง

แผนการของไอ้ต้าร์มีอยู่ว่าให้ผมขอความช่วยเหลือใครก็ได้ที่สามารถไว้ใจได้พามาที่พวกต้าร์นั่งกินเหล้าอยู่ แล้วให้เขาเข้ามาเกาะแกะผม เพราะมันอาจะช่วยทำให้แคนรู้ความรู้สึกของตัวเองได้ไวขึ้น

และหลังจากนี้ให้ผมเลิกติดต่อกับแคนเป็นเวลาซัก และทำเป็นเมินแคนไม่สนใจแคน เมื่อผมได้ยินอันนี้ผมก็รับไม่ได้ทันที่แต่ต้าร์บอกมันดีทั้งสองฝ่าย เพื่อแคนผมเลยต้องทให้ได้ถึงผมจะรู้สึกเจ็บปวดใจก็ตาม ผมก็จำเป็นต้องทำ เพื่ออะไรมันจะดีกว่านี้

ผมเลยได้ไปขอความช่วยเหลือจากน้ำใส ผู้หญิงที่เป็นดาวของคณะผม ผมค่อนข้างสนิทกับเธอมากกว่าผู้หญิงคนอื่น เพราะเราใช้เวลาด้วยกันในกองประกวดนี้มาก ผมเลยสนิทกับเธอ

เธอเป็นผู้หญิงที่สวย น่ารักและร่าเริง วันแรกในกองประกวดผมไม่ได้รู้จักกับใครเป็นพิเศษ นอกจากไอ้พี่ชายบ้าของผมนอกนั้นไม่รู้จักเลย แถบจะไม่ได้คุยกับใคร เพราะผมไม่เก่งเข้าหาคน อย่างตอนที่ได้เอากาแฟไปให้แคน ตอนนั้นผมแถบเหมือนกับว่าได้ถูกสาปเป็นหินเลย น้ำใสเธอได้เข้ามาชวนผมคุยและพาไปแนะนำให้คนอื่น ๆ ถือว่าเธอเป็นเพื่อนที่ดีมาก ๆ เลยสำหรับผม

หลังจากมาถึงผมรีบวิ่งเข้ามาตามที่ไอ้ต้าร์ได้บอกทุกอย่างทำตาม ทันทีที่ผมเห็นแคนผม เลยหยุดวิ่งแล้วเดินเข้าไปพ้อมกับถือของบางอย่างที่จะให้แคน  แต่กลับเข้ามาในจังหวะที่ไม่ดีเลย

ผมได้ยินทุกคำพูดของพี่คนที่สารภาพรักกับแคน มันทำให้ผมชา และ เจ็บอก พี่เขาดูเท่ ดูดี ดูดีกว่าผมทุกอย่างเลย และ ยังมีความกล้าที่จะไปบอกรักแคน ไม่เหมือนกับคนอย่างที่ได้เจอแคนก่อนและมีเวลาใช่ร่วมกับแคนเป็นเดือน แต่ได้แอบเก็บความรู้สึกไว้ในก้นบึ้งของหัวใจมาตลอด ผมมันเป็นไอ้คนขี้ขาดไม่กล้าแม้แต่บอกชอบแคน มือไม้ผมอ่อนลง เหมือนกับว่าผมเป็นแก้วที่ว่างเปล่าอยู่เลย ผมอยากรู้ว่าแคนคิดยังไง จะปฏิเสธ หรือ ตอบตกลงพี่เขา

ทันใดนั้นน้ำใสก็เข้ามาอยู่ข้างผมพร้อมกับสายตาของแคนที่มองมาที่ผมและได้เรียกชื่อของผม

“ไอ้...บิต!”

เป็นน้ำเสียงคุ้นเคย และ น่าฟัง เป็นเวลานานมากที่ไม่ได้ยินเสียงนี้ของแคน แค่คำ ๆ เดี่ยว แค่เรียกชื่อของผม ทำไมเหมือนกับว่า ความท้อความเหนื่อยที่สะสมมากำลังละลายออกไปจากตัวผมเลยเหมือนกับน้ำแข็งที่กำลังละลายอยู่ในแก้วแฮลกอฮอล์เหล่านั้นที่ว่างอยู่บนโต้ะ และผสมกับแฮลกอฮอล์ที่เป็นเหมือนกับความรู้สึกอีกอย่างของผม

“บิ้ตบี้จ้า มาทำไรตรงนี้เนี้ย พี่ๆเขาเลือกโต๊ะได้แล้วน่ะ”

“เอ้ หวัดดีตาต้า”

“หวัดดีน้ำใส”

“มาเที่ยวที่หรอ มานานรึยังเนี้ยพวกเราพึ่งมาเลย”

“มาได้สักพักล่ะ มาด้วยกันหรอ”

“อื้ม แต่ตอนมาถึงบิ้ตบี้เขาก็รีบวิ่งเขามาเลย ไม่รู้เป็นไร”

“หรอ”

“งั้นพวกเราไปก่อนน่ะ บิ้ตบี้ไม่ได้กินอะไรแต่เที่ยงเลย”

“อื้ม”

ประโยคเหล่านั้น เหมือน ลอยเข้าในหูของผม และ ลอยออกไปจากอีกทาง จากหูว้ายไปหูขวา จากหูขวาไปหูซ้าย ซ้ำไปซ้ำมา แต่กับเป็นว่าผมแถบจะไม่รู้เรื่องไรเลย

น้ำใสเธอได้ลากผมมาที่โต้ะของพวกเรา ที่มีพี่กัน พี่ๆอีกจำนวนหนึ่ง พร้อมกับอาหารต่าง และ แฮลกอฮอล์

“เป็นไรเนี่ย”

เมื่อมาถึงโต้ะพี่กันก็ถามผมเลย ต่อมาก้เป็นพี่ผู้หญิงที่มาด้วยกันกับเรา พวกพี่เค้าดูเป็นห่วงผม ผมเริ่มรู้สึกผิดที่ทำให้พวกพี่เป็นห่วง แต่ตอนนี้ผมสามารถบังคับอะไรได้ตามใจนึกเลย

“น้องบิตเป็นไรค่ะเนี่ย ดูซึม ๆ ”

อยู่ ๆ พี่อีกคนก็ได้หันไปหาพี่กันที่นั่งอยู่พร้อมกับจิบแฮลกอฮอล์ไปพลาง ๆ พี่กันมีสะดุ้งเล็กน้อยก่อนทำหน้าไม่รู้เรื่อง

“อี่กันมึงไปทำไรน้อง”

“กูเปล่า”

“ไม่ใช่มึงแล้วใคร”

“มาถึงรถไม่ทันจอดเลย ไอ้บิตมันก็โดดอออกจากรถลงมาก่อนเลย แล้วก็วิ่งไปไหนไม่รู้ กลับมาก็เป้นอย่างที่เห็นเนี้ย” พี่กันเล่าเหตุการณ์ทั้งหมดตอนที่เรามาถึงที่นี้ ผมกระโดดออกจากรถจริงอย่างที่พี่กันบอก เลยทำให้พี่กันเป็นห่วงและผมเลยรู้สึกผิดไปด้วย

ทำไงได้ผมเป็นห่วงแคน และ อยากเจอแคนอยากเห็นหน้าอยากกวน แต่กลับกลายเป็นว่าไปเจอแบบนั้น

มันทำให้ผมจุกอก

“อื้ม น้องบิตค่ะ ยิ้มหน่อยน่ะค่ะคนดี”

“ใช่ค่ะทำหน้าอย่างนั้นไม่หล่อน่ะค่ะ เด่ววันประกวดจะไม่ได้เป็นเดือนน่ะ”

“ครับ”

พวกพี่ต่างพากันมาปลอบผมถามผมแต่ผมไม่ได้บอกไรไปเลย ถ้าผมบอกไปมันจะเป็นเรื่องที่ไม่ดีต่อแคนและผมแน่ แล้วอีกอย่างผมไม่มีความกล้าพอที่จะบอกพวกพี่เค้า

“นี่มึงมีไรก็ปรึกษาพวกกูได้เลย ทุกเรื่อง เว้นแต่เรื่องเงินน่ะ555” พี่กันพูดติดตลกพร้อมกับส่งยิ้มมาให้ผม

เพื่อที่จะให้ผมอารมณ์ดีขึ้น ผมเลยส่งยิ้มไปให้พี่กันแทน

“อี่กัน เงียบ”

“ไม่ต้องไปสนมัน มันบ้า มาปรึกษาพวกพี่ดีกว่าอี่กันมนพึ่งไม่ได้หรอก”

“ขอบคุณคร้าบ” ตอนนี้ผมได้แต่ยิ้มและพยักหน้าเพื่อที่จะได้ให้ทุกคนในที่นี้หายเป็นห่วงผมซักที

“นี่บิตบี้นายยังมีเราอยู่น่ะ ไม่ต้องกังวลไป”

“ขอบใจน่ะน้ำใส”
หัวข้อ: Re: The taste of Loves รสชาติแห่งความรัก
เริ่มหัวข้อโดย: ความเงียบ สีขาวดำ ที่ 15-06-2020 22:44:03
Chapter 18
ทำไม....

หวีดดี่คร้าบบบ มาพบกับผมอีกครั้ง กับ ต้าร์ คนหล่อคนเท่คนดูดีคนสมาร์ทที่สุดในจักรกวาลกันเลย พวกคุณคงได้ฟังได้ยินเรื่องแผนการทั้งหมดของผมจากไอ้บิตกันแล้วน่ะครับ คุณคงคิดว่าผมอ่ะน่ะจะยอมช่วยและเข้าร่วมมือกับไอ้บิตมัน หึ บอกเลย ผมเปล่าร่วมมือกับมัน แต่ใช่ตัวมันทำลายตัวมันเองต่างหาก 555

ผมบอกมันให้ห่างจากไอ้แคน เพื่อที่จะให้มันได้ไปไกลจากไอ้แคนไงครับ 555 ทั้งหมดนั่นเป็นสิ่งที่ผมจะทำและคิดเป็นครั้งสุดท้ายเป็นสิ่งที่ผมถูกเจ้ยิ้มกับเฮียวอล์ฝากฝั่งมา เรียกว่าถูกบังคับละกัน(เอ้ะ หรือว่าผมคิดไปเองว่าต้องทำตามที่เจ้ยิ้มบอก แต่ช่างมันเห้อะ)ผมนี่เป็นเพื่อนที่ดีแล้วยังเป็นน้องที่ดีด้วย เจ๊งไหมล่ะทุกคน

แต่ว่าตอนนี้ผมกำลังคิดจะทำไร ที่ทำให้ตัวผมเองอาจจะรู้สึกผิดไปทั้งตลอดชีวิตอยู่รึเปล่ากันน่ะ

ต่อจากนี้ผมจะทำตามใจตัวเอง คือ ผมจะช่วยให้ไอ้แคนกับไอ้บิตได้รักกัน แต่คงไม่ต้องทำไรมากหรอก เพราะพวกมันสองคนรักกันอยู่แล้วนี้ แต่ แค่หนึ่งคนมันป๊อด เป็นไก่อ่อน กระจอกงอกงอย อีกคน โง่ไม่รู้ใจตัวเองและไม่รู้จักความรักเท่านั้น เฮ้ย ทำไมผมต้องมารู้จักคนเหล่านี้ด้วย เบื่อจริง ๆ เลย ทำคนหล่อเซ็งเป็ด

เอาง่าย ๆ ผมแค่อยากรู้ถ้าพวกมันห่างกันจะเป็นอย่างไร

ไอ้แคนมันจะกระวนกระวายหาไอ้บิตรึเปล่า แล้ว มันจะคิดได้ไหมว่ามันรู้สึกอย่างไงกับไอ้บิต ส่วนไอ้บิตเอง ตัวผมเองก็ไม่รู้ว่ามันจะได้อะไรกับสิ่งที่มันกำลังทำเลย แต่ถ้ามันลองอ่านและคิดดูว่าแผนการของผม มันไม่มีตรงไหนเลย ที่จะเป็นประโยชน์ต่อตัวมันเอง 555

ตอนนี้ไอ้แคนมันกำลังถือแก้วแฮลกอฮอล์ไปมา และโยกตัวไปตามเพลงอย่างเมามัน ตอนนี่มันกำลังเมาได้ที่อยู่เลย 555

ถ้าคุณถามถึงพี่แฟนล่ะก็ผมบอกเลยว่าผมเองก็ไม่รู้เหมือนกัน พอไอ้บิตไปพี่แฟนก็หายตัวไปไหนก็ไม่รู้ ผมเองก็ยังงงอยู่กับเหตุการณ์ที่กำลังเกิดขึ้นอยู่ในตอนนั้น แต่ผมตกใจอยู่ที่ไอ้บิตดันมาได้ยินคำสารภาพของพี่บิตที่มอบให้กับไอ้แคนผมคิดว่ามันจะพุ่งตัวไปต่อยพี่แฟนแล้วแต่มันกลับยืนนิ่ง

“เฮ้ย ไอ้แคน มึงไหวเปล่าไม่เนี่ย เฮ้ มึง ไอ้แคน” ตอนนี้ผมได้ลุกยืนขึ้นไปหาไอ้คนที่โยกไปโยกมา กำลังจะหน้าขมำพื้นอยู่แล้ว

ผมรีบเข้าไปพยุงตัวไอ้แคนก่อนมันจะล้มหาพื้น แล้วไอ้คนที่ผมพยุงก็หันหน้ามาหาผมแล้วพุดกับผมว่า

“เอ่อ กู่ สบ๋าย ดี” มันพูกด้วยน้ำเสียงที่ เมาและผมฟังไม่ค่อยเข้าใจ

“มึงดื่มหนักเกินไปเปล่าว่ะ กูว่ามึงพอดีกว่าแล้วเรากลับหอไปนอนกันดีกว่าว่ะ เด่ว...”

“จ่ะกลับกันไป่ทามมายยย กู่กามลางสานุกอยู่เลย”

“น้องแคนพอก่อนไหม”

“เอ่อพี่ก็ว่าอย่างนั้นแหละ น้องกลับไปก่อนดีกว่าน่ะ”

“ไว้ค่อยมาใหม่คราวหน้า”

“ใช่ๆ”

“อื้มไม่”

“พี่ผมพาเพื่อนผมกลับก่อนน่ะดูแล้วมันน่าจะไม่ไหวแล้วล่ะ”

ผมเลยพาไอ้แคนออกมาจากโต้ะด้วยการพยุงมันคนเดียว ค่อย ๆ เดินจนมาถึงที่รถของผมจดอยู่ ระหว่างทางกว่าจะกลับมาถึงได้ มันเดินเซไปเซมาอยู่นั่น แล้วเกิบล้มไปที่โต้ะของคนอื่น ๆ ตรงที่พวกเราผ่านมาด้วย

ผมนี่อยากด่ามันเลย แต่ถึงด่าไปมันคงไม่รู้สึกอะไรหรอก ไอ้แคนมึงน่าจะรู้ตัวเองน่ะว่าเป็นคนคออ่อนแต่กลับยกไปหลายแก้วเลย ลำบากผมไหมล่ะ เฮ้ย

เอ้ะ แล้วตาผมก้ไปสะดุดเห็นบางสิ่งบางอย่าง นั่นมันมันพวกกลุ่มคณะแพทย์นี้ เอ้ ใครกันกำลังโอบกันอยู่นั้น หืม นั่นมันไอ้บิตนี่น้า สภาพมันเหมือนกับคนเมาเลย ไม่ใช่สิ มันเมาอยู่แล้วต่างหาก แต่ว่ามันอยู่กับใครน่ะ

ผมค่อย ๆ หรี่ตาไปดูให้ชัด ๆ ว่าไอ้บิตมันกำลังโอบไหล่ใครอยู่กัน อื่มมมมม หน้าคุ้น ๆ เหมือนเป็นผู้หญิง อื้มมม ห้ะ น้ำใสไม่ใช่หรอ ผมลืมไปเลยว่าเธอนั่นมาไอ้บิตมัน พวกเขาคงกลับด้วยกัน คงไม่มีไรหรอก

“อึ้ก”เสียง

หื้ม มีอะไร

มีเสียงมันดังมาจากคนข้าง ๆ ผม คนนั่นมันก็คือคนที่ผมพยุงอยู่ ผมหันไปดูว่ามันมีอะไรเกิดขึ้น แต่พอผมกลับหันหน้าไปดูกับพบ ใบหน้าอันแดงกลำ ของไอ้แคนอยู่ แต่สายตาผมกับไปมองที่ดวงตาอันกลมโตสีดำของมัน ดวงตาที่ชอบแสดงถึงความรู้สึกของมันออกมา ผมได้พบว่า ดวงตานั่นกำลัง เศร้า อยู่

ดวางตาคู่นั่นกำลังจดจ้องไปหาคนสองคนที่กำลังโอบไหล่กัน อยู่ในระยะทางที่ห่างออกไปอันแสนไกล จดจ้องมองอยู่ด้วยสายตาอันเศร้าและความผิดหวังอยู่ ไอ้แคนนนอย่าบอกน่ะว่า...

“ไอ้แคนมึงหายเมาแล้วหรอ” ชิบหายแล้วมันตื่นมาเห็นตอนไหนกัน หรือว่าตอนที่มาถึง ไม่น่ะผมอยู่ตรงนี้เป็นเวลานานมากเลย มันคงเห็นหมดเลย

“อื้ม”    แคนมันตอบผมเพียงสั้น ๆ ขอบตามันเริ่มแสดงสีบางอย่างออกมาเลย ๆ ชัดขึ้น แล้วก็ชัดขึ้น ไปเป็นสีแดง

แต่ เพียงคำพูดเพียงคำเดียวที่มันตอบผมมา ผมก็รู้ได้เลยว่ามันกำลังรู้สึกอย่างไร มันคิดอะไร เพราะแววตาน้ำเสียงและใบหน้าของมันแสดงออกมาอย่างชัดเจนกว่าทุกทีเลย ว่าในตอนนี้มันรู้สึกอย่างไร

ถึงแม้ว่าผมจะรู้ ว่ามันรู้สึกอย่างไร แต่ก็ไม่ได้แปลว่าผมจะสามารถจัดการยังไงกับเหตุการณ์นี้ต่อไปได้ เพราะ ทุกทีคนที่เป็นแบบนี้ มันไม่ใช่ มันไม่ใช่ ไอ้แคน แต่เป็นคนอย่างผมเองต่างหากล่ะ จู่ ๆ ก็มีของเหลวสีใส ๆ เริ่มปริออกมาจากที่ตรงนั่นของแคน

ไอ้แคนมันกำลังทุกข์อยู่ ผมควรจะทำอย่างไรดี ผมควรจะพูดอะไรออกไปให้กับไอ้แคนมันได้ฟังและได้ยิน ผมควรจะ...ทำอย่างไร ช่วยบอกผมหน่อย ผมไม่อยาก เห็นเพื่อนที่ดีที่สุดของผมมันต้อง ร้องไห้ บอกผมที ช่วยผมด้วยเถอะ แล้วอย่างงี้ผมจะเป็นเพื่อนที่ดีได้อย่างไร


แคน

ตอนนี้สายตาของผมกำลังจดจ่ออยู่กับคนสองคนที่กำลังโอบไหล่กันอยู่ตรงข้างกับรถยนต์ และ คนที่ถูกโอบไหล่คือผู้หญิงที่มีชื่อว่าน้ำใสคนที่ผมเคยเจอก่อนหน้านี้ และ คนที่โอบอยู่นั่นคือ ไอ้บิต ทำไมไอ้บิตมันถึงต้องไปโอบไหล่ของน้ำใสด้วยล่ะ มันจะล้มหรอ หรือแค่โพส์ตท่าจะถ่ายรูป แล้วไหนล่ะกล้องไหนล่ะคนถ่าย หรือ มัน...ทำไม ทำไม ทำไม กันน่ะมันถึงต้องไปโอบไหล่ผู้หญิงคนนั่นด้วย

ทำไม

ทำไม

ทำไมกันน่ะ

.......ทำไมผมถึงไม่อยากให้ไอ้บิตโอบไหล่ผู้หญิงคนนั้น ทำไมผมถึงโมโห โกธร อิจฉาผู้หญิงคนนั้นที่ได้อยู่กับมันที่ได้อยู่กับมันตลอดเวลา ทำไมมันถึงไม่มาหาผมอย่างที่เคย ทำไมมันถึงมาอยู่ที่นี้ ทำไมมันถึงเข้ามาหาผมกันน่ะ ทำไมกันน่ะ...

ที่ผมถึงคิดเรื่องอะไรจำพวกนี้ออกมาอยู่เต็มไปหมดในหัวของผม เพราะอะไรกันล่ะที่ทำให้ผมคิด และ ทำให้ผมรู้สึกอย่างนี้

แล้วทำไม ถึงมีน้ำใส ๆ ไหลออกมาอาบแก้มผมล่ะ ฝนตกหรอ หรือ เพราะผมมีเหงื่อไหล แต่นี้มันกลางคืนน่ะ อากาศมันเย็นจะตายไปไม่เห็นร้อนเลย แต่ทำไมตาผมมันร้อนล่ะ ทำไมมือผมถึงเย็น ทำไมร่างกายของผมเหมือนกลับไม่มีแรง อ่อนไปหมด แล้ว ทำไมอกของผม มันเจ็บ นี่หรือว่าผมป่วย
.
.
.
.
.
.
หรือเป็นเพราะ.......ไอ้บิต

หลังจากนั้นไอ้ต้าร์ก็พาผมมาขึ้นรถของมัน พามาส่งยังที่คอนโดของผม มันไม่พูดอะไรกับผมซักคำ มันเอาแต่เงียบไม่พูดจากวนประสาทผมยังเคยและทำหน้าตาเศร้า ผมไม่รู้ว่ามันเป็นอะไร แต่ก็ดีแล้วละครับเพราะตอนนี้ผมอยากอยู่คนเดียว คุยกับตัวเอง

พอผมขึ้นมาถึงห้องผมได้เอาหัวอันหนักอึ่งของผมทิ้งลงไปในหนอม อ่าสบายจัง เหตุผลที่หัวผมปวดและหนักนี้ผลมันมาจาก แฮลกอฮอล์หรือเพราะเรื่องที่ได้เจอในวันนี้กันแน่  พรุ่งนี้คงไม่มีอะไรเลวร้ายไปกว่านี้แล้วละ

ผมตื่นมาพร้อมกับความเจ็บปวดหัว ไม่น่าดื่มเยอะเลย ความทรงจำเกี่ยวกับเรื่องเมื่อคืนแถบไม่มีในหัวผมเลย ผมจำได้ว่าเดินเข้านั่งโต๊ะเดียวกับพวกรุ่นพี่ของไอ้ต้าร์ แล้ว พวกรุ่นพี่ก็ชงแฮลกอฮอล์มาให้ผมกิน แล้ว ผมก็วาปร์มาที่ห้องผมเฉยผมจำอะไรไม่ได้เลย

ก๊อก ก๊อก (เสียงเคาะประตู)

“ไอ้แคนนนนน” เสียงไอ้ต้าร์ดังออกมาอยู่ด้านหลังของประตู ผมเลยเปิดประตูออกทำให้เห็นใบหน้าของมัน

“มีไรไอ้ต้าร์” ผมถามมัน

“มึงยังมึนหัวอยู่ไหมเนี่ย” ไอ้ต้าร์มันถามถึงอาการของผม ตอนนี้ผมรู้สึกโอเครกว่าตอนตื่นนอน

“อื้มนิดหน่อย เอ่อว่าแต่เมื่อวานตอนกูเมา กลับมาพร้อมกับใครว่ะ ใช่มึงเปล่าไอ้ต้าร์”

ผมถามไอ้ต้าร์เกี่ยวกับเรื่องของเมื่อวานว่าผมกลับมาถึงห้องกับใคร มันทำท่าทางตกใจที่ผมถามแบบนี้ออกไป

“เด่ว มึงจำไรไม่ได้เลยหรอ”

“อื้ม จำไม่ได้ว่ะ ว่าแต่กูทำไรไปบ้างว่ะตอนเมา” หวังว่าผมจะไม่ทำอะไรแย่ ๆ ออกไป มีหวังอายทั้งมหาลัยแน่ เดินไปไหนก็จะถุกล้อ

“หมายถึง...” มันยังคงงกับคำถามของผม

“หมายถึงว่ากูทำตัวอะไรแปลก ๆ ไปหรือเปล่าหรือพูดอะไรออกไป ทำนองเนี่ย”

“ไม่มีน่ะ”

“หรอ”

“เชื่อกูดิแคน”
หัวข้อ: Re: The taste of Loves รสชาติแห่งความรัก
เริ่มหัวข้อโดย: psychological ที่ 15-06-2020 23:18:08
 :pig4:
หัวข้อ: Re: The taste of Loves รสชาติแห่งความรัก
เริ่มหัวข้อโดย: ความเงียบ สีขาวดำ ที่ 29-06-2020 21:15:48
Chapter 19
หมายความว่าอะไร


ไอ้ต้าร์ได้พาผมไปยังมหาลัยเพื่อเรียนและมันก็ไปทำธุระของมันต่อ วันนี้มันช่างน่าเบื่อ ผมเหมือนคนที่ไร้ชีวิตชีวามากเลยวันนี้ ผมเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมตัวเองถึงได้กลายเป็นสถาพแบบนี้

วันนี้ก็ผ่านมาได้ครึ่งวันแล้ว ผมเข้าเรียนภาคเช้า อาจารย์สอนและบรรยายเรื่องที่เรียน ผมก็นั่งจดบันทึกและฟังอาจารย์บรรยายพร้อมกันเหมือนปรกติ แต่ทำไมผมกับกังวลและไม่เข้าใจในเรื่องที่อาจารย์สอนเลย

โอ้ย ทำไมเนี้ย ผมสะบัดหัวไปมาหลาย ๆ ครั้ง ทำให้มิ้นกับต้นกล้า สะดุ้งและแปลกใจกับท่าทางของผม

“แคนนายเป็นไร ไม่สบายรึเปล่า” มิ้นถามผม เมื่อเห็นท่าทางแปลก ๆ ของผม

“เราโอเครทุกอย่างเลย” ผมบอกมิ้นไปอย่างนั้น

“อื้ม ถ้านายไม่โอเครหรือไม่สบายอะไรบอกเราได้ทุกเมื่อเลยน่ะ” มิ้นพูดจบแล้วก็ส่งยิ้นหวานมาให้ผม เธอยิ้มสวยมากจริง ๆ

“อืม”

“แต่ตอนนี้ไปหาไรกินดีกว่า ไปลุกได้แล้วไอ้ต้นกล้า” เมื่อมิ้นพูดจบ ทุกคนในโต้ะพากันลุกขึ้นยืนแล้วเก็บของใส่ในกระเป๋า

แล้วเดินทางไปยังโรงอาหารรวม เพราะมิ้นอยากไปที่นั้น พวกผม 2 คนได้แต่ทำตามที่มิ้นบอก

พวกผมเดินทางกันมาจนถึง ผมรีบกวาดสายตามองหาร้านอาหารอย่างไว ผมนี่แทบหอวจนไส้จะขาดแล้ว มิ้นกับต้นกล้าก็ทำเหมือนกับผม แต่มิ้นกับมองหาบางสิ่งบางอย่างพร้อมกับอาหารไปด้วย

ใช่ครับ มิ้นสำรวจผู้ชายไปด้วย 555 เป็นปรกติของคนเราแหล่ะที่จะชอบมองหาแต่สิ่งที่คนเราสนใจ เหมือนกับผมที่มองหาไอ้บิตด้วย ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมช่วงหลัง ๆ นี้ถึงชอบไปมองหามันตลอดเลย

พวกผมได้อาหารที่จะกินในวันนี้ได้แล้วก็กลับมาที่โต้ะ ผมได้ข้าวหมูกรอบกับน้ำจิ้มมากิน มันอร่อยมากเลยครับ ส่วนสองคนนั้นพวกเขาก็ได้ของ ๆ ตนเองมากิน

“มรึงงง มึง อีต้นกล้า” พวกผกำลังกินข้าวกัอยู่ มิ้นก็ส่งเสียงเรียกต้นกล้า พวกเลยหยุดกินแล้วหันหน้าไปหามิ้น

มิ้นทำหน้าแดงก้ำอ่อน ๆ เหมือนลูกพีช แล้วทำท่าลุกลี้ลุกลน บิดไปบิดมา เหมือนเด็กน้อยได้ของเล่นไม่มีผิดเลย

“โอ้ยเป็นเชี้ยไรเนี้ย” ต้นกล้าถาม

“นั่นสามีกรู” มิ้นพูดเสร็จแล้วแล้วชี้นิ้วไปทางอื่นเพื่อให้พวกผมมองตาม

ผมหันไปตามนิ้วอันนเรียวของมิ้นพบ สิ่งที่นิ้วชี้ไปคือ หนุ่มหน้าตาดีที่ใคร ๆ ต่างก็มองมัน คือ ไอ้บิต มันมาที่นี้ กับพวกพี่ ๆ ของมัน

มันเดินมา โดยที่มีสายตามองมาทางพวกผม หรือเปล่าหรือผมคิดไปเองแต่มันกับไม่ยิ้มเหมือนช่วงหลังที่เราเจอกันแต่กับทำหน้าเย็นชาเหมือนตอนเจอกันช่วงก่อน ๆ มันเป็นอะไรของมัน

“พวกมะโน” ต้นกล้าพูด แล้วมิ้นก็หันไปตอบต้นกล้า

“มึงพูดไร”

“นั่นไงตัวจริงของเขาอ่ะ ควงแขนกันซะขนาดนั้นอ่ะ ถ้าไม่เรียกว่า ฟอ แอ นอ แฟน แล้วจะเรียกว่าอะไรละ”

ไอ้บิตมันยังคงเดินมา ตรงที่พวกผมอยู่แล้วมีผู้หญิงคนหนึ่งเดินเข้ามาขว้าแขนไอ้บิตมาควงไว้ ทำให้มีเสียงซุบซิบกันเกิดขึ้น

ผู้หญิงคนนั้นหน้าคุ้น ๆ เหมือนเคยเจอกันมาก่อน ช่างเป็นผู้หญิงที่สวยอะไรขนาดนั้นเพราะพวกผู้ชายแถวนี้กับมองตามกันเป็นแถบ ๆ น่ารักและก็ขาวอมชมพูและสวยในคน ๆ เดียว

“หึ้มมมม”

“อิจฉาเขาละซิ” ต้นกล้าพูดกับมิ้น

“มึง นี้น่ะเด่วก่อนเถ....”

ก่อนที่มิ้นพูดจบทั้งสองก็มายืนอยู่ตรงข้างโต้ะ พวกผมแล้ว มิ้นทำท่าทางกังวลและเขินอายเมื่อมองไอ้บิต แต่ไอ้บิตกลับหันหน้าไปมองทางอื่นแทน ไม่แม้มองผมหรือคนในโต้ะเลย

“อ้าว หวัดดีเราเจอกันอีกแล้วน่ะ” ผู้หญิงคนนั้นทักทายผม

“หา...คือว่าพวกเราเจอกันมาก่อนหรอ” ผมสงสัยทำไมผุ้หญิงคนนี้ถึงมาทักผมได้ล่ะ

“หื้ม ก็เมื่อวานไง จำไม่ได้หรอ”

“...”

เมื่อวานตอนที่ไปกับไอ้ต้าร์หรอแต่ผมจำไม่ได้ว่าได้เจอกับเธอซักหน่อ.... แต่ก็คุ้น ๆ หน้าของเธอเหมือนกัน

“ตอนที่เราเข้ามาหาบิตบี้ไง นายจำเราไม่ได้หรอเด่วเราทำท่าตอนที่เราเจอกันให้ดูน่ะ นายอาจจำได้” พูดจบเธอได้ปล่อยแขนไอ้บิตออกแล้วเดินไปเรียบเรียงสถานการณ์ที่เธอกำลังจัดขึ้นเหมือนกับเข้าฉากละคร

“บิตบี้มานี้หน่อย...”

“...”

“เร็ว ๆ” เธอได้ใช้มือกวักเรีอกไอ้บิตให้มายืนตรงนั้น

“...”

“ยืนตรงนี้น่ะ...แล้วก็...ยกแขนขึ้น” ไอ้บิตมันก็ทำตามที่ผู้หญิงคนนั้นบอกทุกอย่างโดยทำหน้าหมดอารมณ์ตายอยาก

ภาพตรงหน้ามันคุ้นเหมือนเคยเห็นมาก่อนหน้านี้เลยเหมือนกับว่ามันพึ่งเกิดขึ้นเมื่อวานนี้ตอนผมไปกับไอ้ต้าร์ ผมคงเมาแล้วจำไรไม่ได้แน่เลย

“...”

“นี้ไงเป็นไงจำได้มะ”

“เอ่อ”

“แต่เรายังไม่ได้แนะนำตัวกันอย่างเป็นทางการเลย เราชื่อ น้ำใสน่ะหวัดดี แล้วเรายังเป็นดาวคู่กับบิตบี้ด้วยน่ะ” น้ำใส...เหมือนผมเคยได้ยินมาก่อนน่ะ เพราะมันคุ้น ๆ มากผมเลยแนะนำตัวเองกับไปหาเธอ

“...เอ่อ เราชื่อแคนน่ะ ยินดีที่ได้รู้จัก”

ผมพูดจบไอ้บิตมันก็เดินออกไปไหนของมันก็ไม่รู้ ทำให้น้ำใสอยู่คนเดียว “เอ้ บิตบี้ไปไหนอ้า รอเราด้วยสิ จะทิ้งเราหรอออ ^_^ งั้นเราไปก่อนน่ะแคน”

“อื้ม”

“หูยเกาะหนึบขนาดนั้น ทำไมไม่สิงร่างกันเลยล่ะ หึ้ย!” มิ้นพูดออกหลังจากที่น้ำใสวิ่งไปหาไอ้บิต

“มึงก็ไปว่าเขา ตอนเขาอยู่เงียบไม่พูดไรเลย พอไปได้นิดหน่อยก็เริ่มละ”

“ก็มันน่าไหมล่ะ เหมือนทำให้ทุกคนคิดว่ามันไม่ได้เป็นแค่เพื่อนแน่ๆ เหมือนบอกว่านี้ของกรูอย่างเงี้ย” คนนี้ของเขาหรอ.....

“พอ ๆ ไม่อยากยุ้งล่ะ”

“หึ้ย แคนเราทำไงดี” มิ้นหันมาปรึกษากับผม

“หื้มทำไรล่ะมิ้น” ผมตอบมิ้นไป

“เราว่าเราไปตักตบอีน้ำใสกันมะ ให้หน้ามันได้ไปเกลาหลีอย่างเงี้ย” มิ้นพูดออกมาติดตลก แต่ใจจริงคงอยากทำอย่างนั้นแน่เลย ทำให้ต้นกล้ามองบนและทำหน้าระเอือมระอากับมิ้น

“โห เราไม่คิดเลยว่ามิ้นจะชั่วขนาดนี้” ผมเลยหันไปพูดแกล้งมิ้น ทำให้มันพูดออกมา

“โหแคนอ่ะ”

“555”

พวกเราสองคน ผมต้นกล้าหัวเราะออกมาหลังจากที่มิ้นทำหน้าเสร็จ และหันมากินอาหารกันต่อ

แต่กลับมีรุ่นพี่เดินเข้ามายืนอยู่ข้างโต้ะ ของพวกเรา รุ่นพี่เขาจองมองมายังที่ผม อันนี้ผมไม่ได้เข้าข้างตัวเองเลยน่ะ พี่เขายื่นหน้ามาตรงหน้าผมเลย แถมยิ้มมาให้ด้วย ยิ้มโชว์ฟันขาวมาให้ผมและต่อมาก็มีพวกรุ่นพี่มาเดินเข้ามาที่โต้ะผมอีกเยอะเลยยืนเรียงเป็นแถว พออะไรจัดแจงเรียบร้อยพี่เขาก็พูดออกมา

“สวัสดีครับน้องแคน”

“…” ผมไม่รู้ว่าจะตอบอะไรกับรุ่นพี่ที่ทักผมเลย รุ่นพี่คนนี้หน้าคุ้น ๆ เหมือนเคยเจอกันมาก่อนเลย

“เราจำพี่ไม่ได้หรอ”

ผมส่ายหน้าเบา ๆ แทนการพูดกับพี่เขา พี่เขาหันหน้าไปหาเพื่อน เหมือนกับขอคำปรึกษา

แต่จ่าไปก็คุ้นเหมือนกัน ว่ารุ่นพี่คนนี้เคยมาพูดอะไรกับผมซักอย่างหนึ่งแต่นึกไม่ออกเลยว่าเรื่องนั้นเป็นเรื่องอะไรแล้วพี่เขาชื่ออะไร

“นี่พี่แฟนไง ที่เจอกันเมื่อวานอ่ะ พอจำได้ไหม”

“ม่ายได้ครับ”

“ไอ้ที่ขอน้องครบเป็นแฟนไง” ภาพในความทรงจำอันน้อยนิดของผมก็กำลังประติดประต่อกันใกล้เข้าที่

แต่ว่ามันอย่างขาดบางช่วงบางตอนอยู่เลย ว่าทำไมน้ำใสถึงมาหา ทำไมผมถึงกลับมาถึงห้อง แล้วหลังจากที่พี่แฟนสารภาพกับผม มันเกิดอะไรขึ้นต่อจากนั้น ไหนไอ้ต้าร์บอกผมว่าไม่มีเรื่องอะไรเลยไง แสดงว่ามันโกหกผม

ถ้าเกิดเจอมันผมจะจับมันมาถามว่าเรื่องทั้งหมดมันเกิดขึ้นได้อย่างไร และมีเหตุการณ์อะไรเกิดขึ้นบ้างเพราะผมจำไม่ได้หมด

“เห้ยไม่ใช่ล่ะ พวกมึงจะไปไหนก็ไปเลย ไปปป”

ผมจำได้แล้วตรงช่วงที่ได้พูดคุยกับพี่เขา จำได้ทุกประโยคแล้วเหตุการณ์ต่อจากนั้นก็คือ ไอ้บิตมายืนอยู่ตรงหน้าผม

ส่วนน้ำใส ผมจำได้ว่าไอ้ต้าร์มันเป็นคนเรียกชื่อของเธอ และเธอมาพร้อมกับไอ้บิตแต่ว่ามันมาทำไมที่นั้น

“อ้อครับ”

“จำได้แล้วใช่ไหม”

“ครับ”

“แล้วคำตอบของน้องแคนล่ะ” พี่เขาแสดงสีหน้าที่ขาดหวังกับคำพูดของผมท่ต้องตอบพี่เขาไป ผมเริ่มรู้สึกเสียใจ ที่ต้องทำให้พี่เขา ต้องถูกผมปฏิเสธไป ผมไม่ได้ชอบพี่เขา

“…”

“เรื่องที่พี่ขอจีบไง”

ตู้มม

มีคนเอาน้ำมาหกใสตรงที่พี่แฟนอยู่ คนคนนั้นก็คือไอ้บิต ทุกคนต่างหันมามองแค่แวบเดียวแล้วหันไปทำเรื่องของตัวเองต่อ โดยไม่สนใจ

น้ำสีแดงหกใส่เสื้อสีขาวจนเป็นสีแดงฉ่ำ พร้อมกับใบหน้าอันเฉยชาของคนกระทำผิด

“เห้ย ทำไรของแกฟระ”

“ขอโทษครับพอดีผมสะดุดครับ” มันหันไปตอบพี่แฟน แต่กลับแอบช่ำเรืองแล่มองผมเล็กน้อย

ว็อด มันเกิดอะไรขึ้นกับไอ้บิต ทำไมมันต้องมองผมด้วยแววตาแบบนั้น แล้วท่าทีที่แสดงออกแบบนั้นอีกเป็นไรไปว่ะ ทำไมถึงทำอย่างนี้

“หึ้ย...”

“เป็นไรมากเปล่า กูขอโทษแทนน้องมันด้วยน่ะ” พี่กันรีบพุ่งตัวมายังที่ตรงนี้พร้อมกับแก้ตัวแทนไอ้บิต

“อื้มที่หลังระวังหน่อยแล้วกัน”

“ครับ”

“ว่าแต่ หน้าคุ้น ๆ น่ะเหมือนเคยเจอที่ไหนมาก่อน....” พี่แฟนสำรวจใบหน้าไอ้บิตไปทีละนิดก่อนพูดออกมา

“อ้อไอ้เด็กนั่นนี้หว่า”

“งั้นผมขอตัวก่อนน่ะครับ” มัตัดจบแบบกวนโอ้ยมาก และไม่หันไปหาพี่แฟนเลยพร้อมไปทุกเมื่อทำให้พี่แฟนรู้สึกโมโห

“เห้ยมึง...”

“พี่แฟนครับ ผมคงไม่สามารถตอบตกลงกับพี่ได้หรอกน่ะครับ” ผมเรียกชื่อพี่เขาไว้ก่อนที่พี่เขาจะหันไปมีเรื่องกับไอ้บิต ทุกคนหันมาที่ผมรวมถึงคนที่กำลังจะเดินจากไป

ผมพูดอ้อมค้อมบอกกับพี่แฟน เพื่อให้เจ็บน้อยที่สุด

“ทำไมล่ะน้องแคน”

“คือผมไม่ได้ชอบพี่”


“ไม่เป็นไรเด่ว สักวันพี่จะทำให้น้องแคนชอบพี่เอง” พี่แฟนยังพยามโน้มน้าวใจผม หรือกำลังพูดให้ตัวเองรู้สึกดีอยู่ แต่ถึงอย่างนั้น เรื่องที่ว่าผมไม่ได้ชอบพี่แฟนก็ยังคงเป็นจริงอยู่ดี

“…”

“มึงพอเหอะ” เพื่อนพี่แฟนเขาเข้ามาวางมือบนไหล่พร้อมกับพูด

“...อื้มเอาแบบนั้นก็ได้ครับ”

พี่แฟนหยุดแล้วทำหน้าเศร้าแล้วเดินออกไปพร้อมกับเพื่อน ๆ ของพี่เขาที่ปลอบต่อจากนั้นไอ้บิตก็เดินจากไปโดยที่ไม่มองผมเลย ตอนนี้ผมมีความรู้สึกหลากหลายอารมณ์มาก ไอ้บิตไม่สนใจผม ผมพึ่งทำให้พี่แฟนเสียใจ แล้วยังถูกเพื่อนที่ไว้ใจโกหก แล้วคนที่ผมชอบยังมาทำท่าที่แบบนี้กับผมอีกผมควรทำยังไง
หัวข้อ: Re: The taste of Loves รสชาติแห่งความรัก
เริ่มหัวข้อโดย: ความเงียบ สีขาวดำ ที่ 02-08-2020 23:55:42
Chapter 20
PANDORA’S BOX

หลังจากนั้นผมก็ได้โทรไปหาไอ้ต้าร์แล้วถามมันกับสิ่งต่าง ๆ ตั้งแต่ตอนที่ผมไปถึงเลยแล้วหลังจากนั้นมันเกิดไรขึ้น ถึงบางช่วงบางตอนผมจะรู้ก็เถอะว่าเกิดอะไรขึ้น แต่เพื่อความแน่ใจและข้อมูลที่ถูกต้อง ร้อยเปอร์เซน

ผมคุยกับมันไม่นานมากหรอกครับ แค่ให้มันเล่า เรื่องทั้งหมดเท่านั้นเอง

ตอนแรกมันก็ไม่ยอมเล่า แล้วแถ่ไปเรื่องอื่น เปลี่ยนเรื่องบาง ทำเหมือนว่าพวกเราไม่ได้คุยกันเรื่องเกี่ยวกับเหตุการณ์ในวันนั้นเลย

แต่ สักพักมันก็ยอมเล่า แต่มันเล่าไม่หมด และไม่ยอมบอกทุกเรื่องกับผมก็เถอะ แถมยังมาเปลี่ยนเรื่องอีก จนผมขอร้อง มันเลยถึงยอมบอกผม มันเล่าว่า

มันไม่รู้ว่าเหตุการณ์ต่างที่เริ่มตั้งแต่ไหน ไอ้ต้าร์มันบอกว่ามันเห็นผมมาถึงก็โดนรุ่นพี่คะยันคะยอให้ดื่มไปที่ละแก้วจนหมดก็ต่อด้วยอีกแก้ว ตอนนี้ผมจำไม่ได้ แล้วหลังจากนั้นก็ไปเข้าห้องโดยมีมันพาไปล้างหน้าล้างตาให้สร่าง

หลังจากผมค่อย ๆ มีสติก็กลับมานั่งที่โต้ะ สักพัก จนโดนพี่แฟนมาสารภาพรักใส่ ตอนนั่นจู่ ๆ ก็ ไอ้บิตมันโผล่ออกมาจากไหนก็ไม่รู้ เลยทำให้ทุกคนต่างสนใจไอ้บิตมัน แล้วพี่แฟนก็ออกไปไหนไม่รู้กับพี่ปอย(ใครก็ไม่รู้ ผมไม่ยักจำได้ว่าเคยรู้จัก)จนฟ้าใส่เข้ามาลากไอ้บิตกับไป

แล้วผมก็เหมือนล้มลงไปนั่งกับพื้นจนพวกพี่เขามาดูว่าผมเป็นอะไร แล้วพยุงไปยังที่โต้ะ ตอนนั้นมันบอกว่าผมเอาแต่ยกแก้วดื่มต่อเนื่องโดยไม่พักเหมือนคนไม่มีสติเลย เหมือนคนที่กำลังคิดอะไรอยู่ หลังจากนั้น ผมเมามันเลยลากมาที่คอนโดผมปล่อยผมนอนในห้องนั้น

ผมได้รับรู้ถึงความรู้สึกของไอ้ต้าร์เลยว่าตอนนั้นมันเป็นห่วงผมแค่ไหน มันดูแลผมเป็นอย่างดีผมไม่รู้ว่าจะหาเพื่อนแบบมันได้ที่ไหนอีก

ไอ้ต้าร์เล่าเสร็จแล้วผมก็ไม่รบกวนมัน และ วางสายมัน ไอ้ต้าร์มันเล่าให้ผมฟังอย่างกับว่ามันเหมือนกับว่า มันเป็นหนังเรื่องหนึ่งเลย ผมได้นึกถึงบางตอนที่มันเล่า ผมได้สะดุด แล้วคิดนึกถึงตอนที่ไอ้ต้าร์เล่าถึงตอนที่ไอ้บิตมาเห็นพี่แฟนกำลังสารภาพรักบอกกับผม ตอนนั้นผมอยากรู้ว่าไอ้บิตมันจะแสดงสีหน้าอย่างไรในตอนนั้นที่เกิดขึ้น

มันจะยิ้มหรือทำหน้าท่าทางรังเกียจผมที่ผมชอบผู้ชาย เพราะผมไม่เคยถามมันเกี่ยวกับเรื่องนี้ว่ามันรังเกียจไหนที่เห็นคนชอบเพศเดียวกัน

เพราะถึงปัจจุบันจะมีคนที่เปิดใจกับเรื่องนี้มากก็เถอะแต่ก็มีคนส่วนน้อยที่ยังไม่ยอมรับ ผมกลัวว่ามันจะเป็นคนส่วนน้อย กลัวว่ามันจะจากผมไปเพราะเรื่องที่ผมชอบผู้ชายด้วย แล้วคนนั้นยังเป็นมันอีกมันจะรู้สึกอย่างไร

มันจะรังเกียจมันจะเมินผมหรือเลิกเป็นเพื่อนกับผม หรือ เลวร้ายที่สุดคือมันหนีผมไป โดยที่ผมไม่สามารถเห็นใบ หน้า ของ มันใบหน้าของไอ้บิต ที่ค่อยแสดงท่าทางเย็นชาและยิ้มให้ผมนั้นอีกเลยตลอดกาล

แล้วตอนนี้ ไอ้บิตมันก็ยังทำตัวแปลก ๆ กับผมด้วย เหมือนมันไม่สนใจผมเลย เหมือนราวกับว่าเราสองคนไม่เคยเจอกันมาก่อนเลย มันทำให้ผม ผมไม่กล้าแม้แต่ที่จะไปทักมัน หรือ มองหน้าไอ้บิตมันตรง ๆ ด้วยซ้ำ แต่ ผมจะมาเก็บความรู้สึกไว้แบบนี้ไม่ได้ ผมควรจะบอกมัน แต่คงจะไม่ใช่ในเร็ว ๆ นี้ แน่เพราะผมยังไม่พร้อม ที่จะบอกมัน



เช้านี้ผมตื่นขึ้นมาในวันที่อากาศไม่ดี แถบจะแย่ เพราะฝนตกตั้งแต่เมื่อคืนเลย ผมนอนไม่ค่อยหลับเท่าไหร่เพราะเมื่อคนเมาแต่คิดถึงเรื่องวันสองวันที่ผ่านมา ทำให้ผม ปวดหัว กังวล และ นอนไม่หลับ ต้องคอยข่มตานอน ให้หลับ

วันนี้ฝนตกค่อนข้างหนักและยังมีพายุพัดมาแรงมาก ผมนี้ยังไม่ได้จัดการกับเรื่องชีวิตของตนเองเลย ผ้าก็ยังไม่ได้ซักเพราะคงเอาไปตากไม่ได้ ฝนมันตก ข้าวเช้ายังไม่ได้กินเลย เพราะ ของในตู้เย็นหมด พึ่งบ่นให้ไอ้ต้าร์ฟังไปเมื่อเย็นเอง มันบอกว่าจะเอาของมาให้เช้านี้

จะว่าไปสภาพอากาศนี้ก็มีหลากหลายรูปแบบเหมือนกัน มีสว่างจ้า แดดแรง มีฝน มีเมฆบาง ถ้าเปรียบว่าความรู้สึกของผมตอนนี้เหมือนกับสภาพคงเหมือนกับ เมฆที่อึมครึม หมนหมอง เหมือนใบหน้า และน้ำที่ไหลลงมาจากเมฆเหมือนกับความรู้สึกของผมที่อยากจมดิ่งไปจากโลกนี้

ผมทนกับความหิวไม่ไหวเลยลุกไป ชงกาแฟและหยิบคุกกี้มา แล้วผมเปลี่ยนที่นั่งไปยัง ผมมานั่งอยู่ตรงแถบใกล้กับระเบียงแต่กั้นด้วยพนังมันมีช่องโหว่เป็นวงกลมเข้าไปเป็นพื้นที่ ผมชอบมานั่งคิดอะไรหรือทำงานผมเอาเบาะรองนั่งมาวางพร้อมกับโต้ะมาวางไว้

ผมนั่งมองหน้าต่างแล้วจ้องมองออกไปข้างนอกเหมือนกับคนอกหัก เสียใจ ที่โดนประฎิเสษมาแปป พร้อมนั่งบนเบาะจิบกาแฟรสขนจากของนอกที่น้าของผมส่งมาให้ไปพลาง ๆ  น้าผมเธอรู้ดีว่าผมนั้นชอบอะไรที่มันขม ๆ เธอเลยส่งมาให้เมื่ออาทิตย์ก่อนกินกับ คุกกี้รสช็อกโกแลต อันเข้มข้นจากบ้านผมทำขึ้นมาเอง(ขายของตัวเอง อิอิ)

แล้วตรงที่ไอ้บิต มันอยู่ฝนมันจะตกเหมือนกับตรงที่ผมอยู่ไหมนะ พายุจะพัดแรงเหมือนกับที่ผมอยู่รึเปล่า มันจะมองเห็นภาพ ๆ เดียวกันกับผมไหน หรือว่ามันกำลังอยู่กับใครหรือกำลังคุยกับใคร คนอื่น คำถามเหล่านี้ได้ผุดขึ้นมาอยู่เต็มในหัวของผม อย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน

มันเป็นครั้งแรกที่ผมเป็นแบบนี้ นี้มันเรียกว่า ความคิดถึงไหมน่ะ เพราะผมไม่รู้และไม่เคยคิดแบบนี้กับใครมาก่อน มันจะเหมือนที่ผมคิดถึง ป๊า ม๊า เจ้ และ เฮีย ผม และเพื่อนคนสำคัญของผมอย่างไอ้ต้าร์ไหม

ก๊อก ก๊อก ก๊อก

เสียงเคาะประตูดังขึ้นมา คงเป็นไอ้ต้าร์แหละที่มาเคาะประตูห้องของผม ไอ้ต้าร์มันคงจะมาส่งของให้กับผมแล้วละ

ผมดันตัวลุกยืนขึ้นแล้วจัดวางแก้วกาแฟที่ผมพี่งดื่มไปครึ่งแก้วเอง แล้ววางไว้บนโต้ะเหมือนบาร์ไม้ ตัวสีขาวมีสีดำตัดเล็กน้อย ที่ซื้อมาวางตกแต่งห้องและเป็นที่วางกระถ่างต้นกระบองเพชรของผม โต้ะบาร์ แต่ไม่มีเก้าอี้ไว้นั่ง

แอร็ด
คนที่ยืนอยู่ตรงหน้า ผมไม่ใช่คนที่โทรหาผม ไม่ใช่คนที่ผมคุยด้วยเมื่อวันก่อน ไม่ใช่คนที่รู้เรื่องเกี่ยวกับผมทุกเรื่อง และไม่ใช่คนที่ผมไหว้วานให้ไปซื้อของและอาหารมาให้ผม

แต่กับ เป็นคนที่ผมอยากเจอ คนที่ผมอยากจะเห็น อยากจะคุยและทักทาย ทุกครั้งที่เห็น คนที่สูงกว่าผม หน้าตาดีกว่า คนที่ตัวใหญ่กว่าผม คนที่มีความน่าดึงดูดกว่า คนคนนั้น คือ ไอ้บิต

มือของผมเริ่มสั่น ร่างกายของผมเริ่มร้อนขึ้นอย่างกะทันหันโดยไม่แคร์สถาพอากาศที่เย็นในตอนนี้เลย และ หัวใจของผมเริ่มสั่นโดยไม่เป็นจังหวะ ปากผมเริ่มสั่นทันทีที่ผมจะเอ่ยปากเรียกชื่อคนตรงหน้าผม

“ไอ้...บิต.”

ไอ้บิต มันยืนอยู่ตรงหน้าผม มือข้างหนึ่งมันถือของที่เหนือน กับที่ผมบอกให้ไอ้ต้าร์ซื้อมาให้ผมเลย ไอ้บิตมันคงซื้อมาให้ผม ไม่ผมจะไม่คิดอย่างนั้น มันสวมเสื้อยืดลายตัวการ์ตูนสวมกางเกงสั้นแล้วยังมัดผมเป็น จุกอยู่กลางหัวของมัน และสะพายกระเป๋าคาดเอว ทำไมมันแต่งตัวอย่างนี้ยังดูดีอีก ผมคงไม่อวยมันเกินไปหรอกใช่ไหม เพราะ ตอนนี้ไม่ว่าไอ้บิตมันจะทำอะไรจะแต่งตัวะไรมันคงดูดีทุกอย่างในสายตาผมแล้วล่ะ

มันยังคงทำหน้าตายอยู่เหมือนเดิม ไม่เคยเปลี่ยนเลย มันทำให้ผมได้เผอยิ้มออกมา ก่อนที่จะหยุดยิ้มเพราะไอ้บิตมันมองมาที่ผม และได้ยกมือของมันอีกข้างหนึ่งมาวางที่ท้ายทอยของมันเอง และ มันยิ้มเล็กน้อยให้ผม

ผมนี้แถมจะหลุดยิ้มออกมาอ ดีอกดีใจที่ได้เห็นมันในตอนนี้ ราวกับว่าความกังวลความเครียดที่ผ่านมาสองสามวันนั้นได้ถูกเก็บไว้ในกล่องอะไรสักอย่างแล้วเอาไปทิ้งลงไปในแม่น้ำที่ไหนสักแห่งแต่ผมหวังว่ากล่องใบนั้นมันคงไม่ไหลย้อนกับมาหาผมอีกน่ะ

“ไง ไม่ได้เจอกันนานเลยน่ะ” เป็นประโยคแรกที่ ผมกับไอ้บิตเราสองคนได้คุยกันหลังจากที่ไม่ได้พูดคุยกันมานานมากถึงสัปดาห์ หรือหลายวัน ถึงมันแค่จะเป็นคำถาม ทั่วไปก็เถอะ แต่มันคงเป็นคำถามที่ดีที่สุดสำหรับผม

“..อะ...อื้ม ไม่ได้เจอกันนานเลย ว่าแต่สบายดีไหม” ผมตอบไอ้บิตกลับไป แล้ว ถามถึงมันอีกด้วย มันสบายดีไหม

“อื้ม เราสบายดีแล้วนายละ” สัพพนามที่มันไม่คุ้นเคยและไม่เคยได้ถูกใช้อีก ทำไมมันถึงเอามาใช้เรียกผมกับตัวมันเองแทนกันและกันอะไรแบบนี้ ทำไม มันถึงรู้สึกว่าเราสองคน ห่างไกลกว่าเดิมละ แปลกไม่เหมือนเดิน

ถ้ามันอยากให้เราสองคน ใช้สัพพนามแทนกันแบบนี้ ละก็ผมก็จะใช้มันเหมือนกัน ผมยิ้มแล้วตอบมันกลับไป ถึงเป็นรอยยิ้มจาง ๆ ก็เถอะแต่ว่ามันคงไม่ได้สังเกตเห็นหรอกมั้ง

ว่า ผมไม่โอเครกับสถานการณ์ในตอนนี้เลย ผมควรคุยกันให้จบไว้ที่สุดดีกว่า

ถึง อยากจะเจออยากจะคุยแค่ไหน ไม่ได้แปลว่าเราต้องทนกับสถานการณ์แบบนี้สักหน่อยนี่น้า ไอ้บิตมันก็คงอยากทำแบบเดียวกับผมนั่นแหละ

“อื้มเราก็สบายดีเหมือนกัน”